ทั้งสองอย่างนี้มีคุณสมบัติไม่เหมือนกันเลย แต่ถ้ามาอยู่ด้วยกัน อย่างสมดุลเมื่อไร แจกันและดอกไม้ก็ก่อให้เกิดความงามได้อย่างลงตัว
ความรัก ของคนเราก็เช่นเดียวกัน
ถ้าหัวสมอง (แจกัน) และดอกไม้ (อารมณ์) สามัคคีกัน
ก้ า ว ไ ป ใ ห้ ถึ ง
กแท้
ว.วชิรเมธี
แ ท้
ประสมกลมกลืนกันอย่างพอเหมาะ พอเจาะ ไม่รักมากจนงมงาย ไม่มีเหตุผลมากมายจนขาดชีวิตชีวา ชีวิตรักของเราก็สดชื่น เบิกบาน
ว.วชิรเมธี
ราบรื่น ดำเนินไปอย่างสวยสดงดงาม
รักอย่างลืมตัว
100 <T9
ISBN 978-616-7539-13-3
`6;-S OO$`<<=$ D IEE5JV `6;-S EþC*'G D IEE5JVEþC*'G TARO Eÿ9S-BT@ TARO
ISBN 978-616-7539-13-3
MCI6:EECR=ERDZ MCI6:EECR=ERDZ $7 $7
O$`<<=$ 9S-BT@
ก้ า ว ไ ป ใ ห้ ถึ ง
หัวสมอง ก็เหมือนกับแจกันซึ่งแข็งกร้าว ส่วน หัวใจ ก็เหมือนกับดอกไม้ซึ่งอ่อนโยน
“ที่ ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” แต่ถ้ารักอย่างรู้ตัว
“ที่ ใดมีรัก ที่นั่นก็มีสุข”
ธรรมะบรรยาย ลำ�ดับที่ ๙ ก้าวไปให้ถึงรักแท้
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำ�นักหอสมุดแห่งชาติ National Library of Thailand Cataloging in Publication Data ว.วชิรเมธี. ก้าวไปให้ถึงรักแท้.-- กรุงเทพฯ : ปราณ, ๒๕๕๕. ๑๕๒ หน้า. ๑. ความรัก--แง่ศาสนา--พุทธศาสนา. ๒. ธรรมะกับชีวิตประจำ�วัน I. ชื่อเรื่อง. ๒๙๔.๓๑๔๔ ISBN 978-616-7539-13-3 จัดพิมพ์โดย สำ�นักพิมพ์ปราณ ๙๕/๘ ซอยแก้วอินทร์ ถนนกาญจนาภิเษก ตำ�บลเสาธงหิน อำ�เภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุร ี ๑๑๑๔๐ โทรศัพท์ ๐-๒๑๙๕-๐๕๘๑ โทรสาร ๐-๒๑๙๕-๐๕๘๒ www.pranbooks.com
เจ้าของ ผู้พิมพ์ผ้โู ฆษณา บริษัท ปราณ พับลิชชิ่ง จำ�กัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ชินวัฒน์ ชนะหมอก กรรมการผูจ้ ดั การ สำ�นักพิมพ์ เริงฤทธิ ์ ธิชาญ ทีป่ รึกษาด้านกฎหมาย พันตำ�รวจตรี อภิเษก ปิศโน บรรณาธิการบริหาร เทวัญกานต์ มุ่งปั่นกลาง บรรณาธิการฝ่ายใน ฐิติรัตน์ ศิริเมือง บรรณาธิการฝ่ายนอก รัฐวรรณ พัฒนรัชตอดุล ฝ่ายประสานงานสำ�นักพิมพ์ อาภรณ์ พัฒนรัชตอดุล เลขานุการกองบรรณาธิการ กนกภรณ์ พรหมดนตรี พิสจู น์อกั ษร รวีโรจน์ คำ�สุข, วัชริศ ศรีแสงแก้ว คอมพิวเตอร์ อโนชา พุธน้อย ฝ่ายศิลปกรรม แดนชัย วรรณศิริมงคล, รุ่งนภา จิตจราด ช่างภาพ ณัฐวัตน์ หรรษาศิริพจน์ สำ�นักงาน บริษัท ปราณ พับลิชชิ่ง จำ�กัด ๙๕/๘ ซอยแก้วอินทร์ ถนนกาญจนาภิเษก ตำ�บลเสาธงหิน อำ�เภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ๑๑๑๔๐ โทรศัพท์ ๐-๒๑๙๕-๐๕๘๑ โทรสาร ๐-๒๑๙๕-๐๕๘๒ E-mail: pranbook@hotmail.com ราคา ๑๐๐ บาท
} คำ�นำ�สำ�นักพิมพ์ {
} คำ�ปรารภ {
} คำ�ปรารภ {
} สารบัญ { ๘ เผชิญหน้า กับความรัก
๑๘ ความรัก ๔ ระดับ
๔๐ พิษรักแรงทุกข์
๔๘ หลักธรรม ของความรัก
๕๘ ใครคือคู่แท้
๖๔ หลักการเลือกคนรัก
๘๒ ก้าวไปให้ถึงรักแท้
๗๐ ก่อร่าง สร้างครอบครัว
๗๖ สมดุลแห่งหัวใจ
๙๔ รักที่มากกว่ารัก
๑๒๖ ๑๐๖ คำ�ถามของความรัก คมธรรมนำ�รัก
๑๓๒ ประวัติ ว.วชิรเมธี
} บทนำ� {
“ศาสตร์ที่ว่าด้วยความรัก เป็นศาสตร์ที่จำ�เป็นสำ�หรับเราทุกคน ซึ่งในหัวใจยังคงมีเมล็ดพันธุ์แห่งความรัก และมีโอกาสที่จะมีทุกข์เพราะความรัก”
เมื่อถามว่า “ทำ�ไมมนุษย์ต้องมีความรัก” ตอบได้ว่า
ประการที่ ๑ เพราะมนุษย์นั้นยังเป็นปุถุชนผู้มีสัญชาตญาณ พื้นฐาน คือ ความรัก ความโลภ ความโกรธ และความหลง ประการที ่ ๒ เพราะมนุษย์นั้นยังคงต้องการที่พึ่งพิง ประการที่ ๓ เพราะมนุษย์นั้นต้องการความมั่นคงในชีวิตและ จิตใจ ประการที่ ๔ เพราะว่ามนุษย์นั้นมีรากทางวัฒนธรรมบางอย่าง ร่วมกัน เช่น สายเลือดเดียวกัน ชาติเดียวกัน ศาสนาเดียวกัน ภาษา เดียวกัน ประการที่ ๕ เพราะว่ามนุษย์นั้นยังคงรู้สึกพร่องอยู่เสมอ ๔
ก้าวไปให้ถึงรักแท้
โดยเหตุปจั จัยทัง้ ๕ ประการนี ้ เป็นเหตุให้มนุษย์ยงั คงเวียนอยู่ ในวัฏจักรของความรักอย่างไม่จบไม่สิ้น เราจะสามารถหลุดพ้นจาก วัฏจักรของความรักได้ก็ต่อเมื่อบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ รักแท้คือเมตตา เมตตาที่สากลจะทำ�ให้เรารักคนได้ทั้งโลก หลักธรรมในพระพุทธศาสนามีมากมาย กระจายครอบคลุม ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดับทุกข์และการอยู่อย่างมีความสุข เมื่อ เนื้อหาสาระของพุทธธรรมครอบคลุมกว้างขวางถึงเพียงนี้ จึงไม่ต้อง สงสัยเลยว่า เรื่อง “ความรัก” พระพุทธองค์ก็คงจะตรัสสอนเอาไว้ ด้วยอย่างแน่นอน ในคัมภีรพ์ ระธรรมบท ซึง่ เป็นประมวลพุทธวัจนะของพระพุทธเจ้า มีอยู่หมวดหนึ่งว่าด้วยเรื่อง “ความรัก” (ปิยวรรค) ล้วน ๆ แต่นั่นยัง ไม่สำ�คัญเท่ากับว่า ในบรรดาพระคุณของพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ ประการ หนึ่งในพระคุณนั้นก็คือ “ความรักแท้” หรือ “กรุณา” หากเราศึกษา พระพุทธศาสนาอย่างลึกซึง้ เราก็จะพบว่า แรงบันดาลใจในการทรงงาน หนักของพระพุทธองค์ และเหล่าอารยสาวกสงฆ์ก็คือ “ความรักแท้” ที่มีต่อมวลมนุษยชาติอย่างมากมายไร้พรมแดนนั่นเอง ในทรรศนะทางพระพุทธศาสนา “ความรัก” เป็นต้นธารของ ความทุกข์ ขณะเดียวกันเมื่อมองอีกมุมหนึ่งก็เป็นประตูของความสุข ด้วยเช่นเดียวกัน ว.วชิรเมธี
๕
“ความรัก” ก่อเกิดชีวติ พร้อม ๆ กันนัน้ ก็ทำ�ให้หลายคนจบชีวติ อย่างไม่น่าเชื่อ “ความรั ก ” เป็นเส้นทางสู่สงครามทำ�ลายล้าง แต่คล้อยหลัง สงครามมหากาฬ สันติภาพก็เรืองแสงทาบทอมนุษยชาติ “ความรัก” ทำ�ให้คนเวียนว่ายตายเกิด แต่เมือ่ ใจผลิบานด้วยแสง แห่งธรรมแล้ว วัฏจักรของการเวียนเกิดเวียนตายก็เป็นอันสลายลง “ความรัก” เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราทุกคนอยู่แล้วโดยรู้ตัวและ ไม่รตู้ วั สำ�หรับผูท้ รี่ กั อย่างรูต้ วั ทีใ่ ดมีรกั ทีน่ นั่ ก็มคี วามสุข แต่ส�ำ หรับ ผู้ที่รักอย่างลืมตัว ที่ใดมีรักที่นั่นก็มีทุกข์ ศาสตร์ทวี่ า่ ด้วยความรัก จึงเป็นศาสตร์ทจี่ �ำ เป็นสำ�หรับเราทุกคน ซึง่ ในหัวใจยังคงมีเมล็ดพันธุแ์ ห่งความรักและมีโอกาสทีจ่ ะมีทกุ ข์เพราะ ความรัก “ก้าวไปให้ถงึ รักแท้” จะทำ�ให้เราเห็นว่า ความรักมีกมี่ ติ ิ มีผลดี ผลเสีย และผลข้างเคียงอย่างไร หวังว่าเมือ่ อ่านจบลงแล้ว เราทุกคนจะมีมมุ มองต่อความรักด้วย ทรรศนะใหม่ และมีความสุขทุกครั้งเมื่อมีความรัก เนื่องเพราะรักแท้ มาเมือ่ ไหร่ ความเป็นผูร้ ู้ ผูต้ นื่ ผูเ้ บิกบาน และการเป็นผูใ้ ห้กเ็ กิดขึน้ เมื่อนั้น I
๖
ก้าวไปให้ถึงรักแท้
ว.วชิรเมธี
๗
} ๑ {
เผชิญหน้ากับความรัก
“ความรักมีความทุกข์เป็นของแถม”
ความรั ก กับความทุกข์ คำ�สองคำ�นี้ เมื่อกล่าวขึ้นมา มักจะเป็นบริบทของความรักในเชิงชู้สาวเสียมาก สำ�หรับทรรศนะของ พุทธศาสนา พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “ทุก ๆ การยึดติดถือมั่น มีค่า เป็นความทุกข์เสมอ” ผู้เขียนแปลเสียใหม่ว่า “ที่ใดมีกอดที่นั่นมีกัด” ทุก ๆ การครอบครอง มีค่าเป็นการขาดอิสรภาพ ในทรรศนะของมนุษย์ ทุกครั้งที่เราครอบครองสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เรามักจะภูมิใจว่าฉันเป็นเจ้าของของสิ่งนั้นเรียบร้อยแล้ว เช่น ฉันมี รถเบนซ์สักคันหนึ่ง ฉันมีบ้านสักหลังหนึ่ง ฉันมีแฟนสักคนหนึ่ง เรา ก็คดิ ว่า เอาละ เราเป็นเจ้าของรถ เจ้าของบ้าน เจ้าของแฟนสาว หารู้ ไม่ว่าทันทีที่เรายอมรับเอาสิ่งเหล่านั้นว่าเป็นของของเรา เราก็ตกเป็น ว.วชิรเมธี
๙
ทาสของสิง่ เหล่านัน้ เรียบร้อยแล้ว จอดรถเบนซ์ไว้นอกบ้าน ฝนตกเรา ก็เป็นห่วงจนนอนไม่หลับ มีบ้าน ๑ หลัง นํ้าประปารั่ว ปลวกขึ้นบ้าน เราก็ใช้ชีวิตไม่มีความสุขแล้ว มีแฟนสักคนหนึ่ง ส่งเอสเอ็มเอสไปหา เขาแล้วเขาหายไปตั้ง ๓ วัน ชีวิตเราก็ไม่รื่นรมย์ เห็นหรือยังว่า เรา ครอบครองเขาหรือว่าเราตกเป็นทาสของเขา ดังนั้น “ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์” จึงเป็นสัจธรรมสากลที่ถูกต้อง ที่สุด พระพุทธเจ้าตรัสไว้ตั้ง ๒,๕๐๐ กว่าปี แต่ทำ�ไมมนุษย์โดยมาก จึงมักจะบอกว่า ที่ใดมีรักที่นั่นมีสุข นั่นก็เพราะเขายังไม่ได้เรียนรู้ ความรักตั้งแต่ต้นสายถึงปลายทาง คนที่บอกว่า ที่ใดมีรักที่นั่นมีสุข โดยมากมักจะเริ่มต้นแค่รู้จัก ความรักช่วงโปรโมชั่น จึงพูดประโยคอย่างนี้กันทั้งนั้น พอเริ่มเรียนรู้ ทีจ่ ะรักไปสักพักหนึง่ ถ้าสังเกตอย่างละเมียดละไมก็จะเห็นว่า มันเริม่ สุข ๆ ทุกข์ ๆ ปนกันมาโดยตลอด หลังจากนั้นเมื่อหลวมตัวแต่งงานไป วันเวลาส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของความทุกข์มากกว่าความสุข ฉะนัน้ ความสุขซึง่ เกิดจากการมีความรักเชิงชูส้ าวนัน้ แท้ทจี่ ริง ก็คือความทุกข์ที่รอเวลาอยู่นั่นเอง มันคือความสุขแต่แท้ที่จริงคือ เจ้าความทุกข์ทรี่ อเวลาแสดงตัว คนหนุม่ คนสาวจำ�นวนมากไม่ร ู้ ก็เลย คิดว่าความรักนั้นช่างหอมหวานเหลือเกิน จริงอยู่ความรักเป็นความ
๑๐
ก้าวไปให้ถึงรักแท้
หอมหวาน แต่เป็นความหอมหวานของเนื้อทุเรียนซึ่งมีเปลือกที่แสน ขรุขระ พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีโศก ที่ใดมีโศก ที่นั่น ก็มีภัย ที่ใดไร้รักไร้โศก ที่นั่นก็พ้นโศกพ้นภัย” ฉะนั้นถ้าใครรัก แล้วจะปฏิเสธทุกข์ ไม่มีทาง ถ้าเรามีโศกก็หมายความว่า เรายึดติด แล้วจะปฏิเสธความเศร้าทีจ่ ะตามมา ก็ไม่มที าง ทุกคนทีเ่ ริม่ มีความรัก ขอให้เรียนรูก้ ติกาของความรักเอาไว้เลยว่า “ความรักมีความทุกข์เป็น ของแถม” เหมื อ นกั บ เราหยิ บ เหรี ย ญกษาปณ์ ขึ้ น มา ๑ เหรี ย ญ ด้ า นที่ ปรากฏต่อเราคือด้านหัว และด้านตรงกันข้ามก็คอื ด้านก้อย เช่นเดียว กัน เมื่อเรายกหน้ามือขึ้นมาพินิจ หลังมือก็ติดมาพร้อม ๆ กัน ความ รักกับความทุกข์จงึ เป็นของคูก่ นั มาตัง้ แต่ตน้ จนจบ แต่การทีค่ นส่วนใหญ่มองไม่เห็นก็เพราะเขายังถูกความรักบังตา เหมือนกับทีร่ ชั กาลที ่ ๖ ทรงพระราชนิพนธ์เอาไว้ในบทละครพูดคำ�ฉันท์ เรื่อง “มัทนะพาธา” ความตอนหนึ่งว่า
ว.วชิรเมธี
๑๑
“ความรักเหมือนโรคา ไม่ยินและไม่ยล ความรักเหมือนโคถึก ก็โลดจากคอกไป ถึงหากจะผูกไว้ ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง
บันดาลตาให้มืดมน อุปสรรคะใดใด กำ�ลังคึกผิขังไว้ บ่ ยอมอยู่ ณ ที่ขัง ก็โลดไปด้วยกำ�ลัง บ่ หวนคิด ถึงเจ็บกาย”
นี่เป็นสัจธรรมที่อยู่ในพระราชนิพนธ์ คนมีความรักนั้นมีกำ�ลัง นับร้อยเท่านับพันเท่าเพื่อจะโลดแล่นโจนทะยานออกไป บางครั้งโจน ทะยานออกไปจากอกพ่ออกแม่เพื่อที่จะได้ค้นพบในภายหลังว่า คน ที่รักเราแท้จริงที่สุดก็คือพ่อแม่นั่นเอง ฉะนั้นทุกครั้งที่เราเริ่มต้นมี ความรัก สิง่ หนึง่ ซึง่ ควรจะต้องมาคูก่ นั กับการมีความรักก็คอื เราจะต้อง มีความเข้าใจในธรรมชาติของความรัก เมื่อความรักเปลี่ยนแปลงไป ไม่เหมือนเดิม ขอให้ถือว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ถึงขนาดชีวิตจะไปต่อไม่ได้ ขอให้รู้ไว้เถิดว่า แท้ที่จริงชีวิตยังไปต่อได้สบาย ความรักเป็นเพียง “ส่วนหนึง่ ” ของชีวติ ไม่ใช่ทงั้ หมดของชีวติ เราอาจสูญเสียคนทีเ่ รารัก ไป แต่ไม่ได้หมายความว่า เราได้สูญเสียความสามารถที่จะรัก หากใครทีก่ �ำ ลังอกหักหรือผิดหวังในความรัก ขอแนะนำ�ให้ท�ำ ใจ อย่าทำ�ร้ายตัวเอง เพราะถ้าเผลอทำ�ร้ายตัวเอง เราจะเสียใจว่า ตัวเองนี่ ๑๒
ก้าวไปให้ถึงรักแท้
โง่มาก บนโลกนี ้ ๑๐๐ คนทีเ่ คยมีความรัก ๙๕ คนต่างก็เคยอกหัก ให้ ทำ�ใจว่า การอกหักเป็นส่วนหนึง่ ของการมีความรัก ทีเ่ ขาทุกข์เพราะเขา คิดว่ารักแล้วต้องสมหวัง ช่วงนีห้ าอะไรทำ�ไปพลาง ๆ กอ่ นเถิด อย่าปล่อย ให้ใจฟุง้ ซ่านมากนัก นํา้ ทีห่ กจากแก้วออกไปแล้วนัน้ อย่าพยายามกอบ มาใส่แก้วอีกเลย ถึงทำ�ได้ คุณภาพก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ควรมอง ไปข้างหน้า พร้อม ๆ กับเรียนรู้ว่า ศักยภาพที่จะรักยังคงอยู่กับเรา และโลกนีม้ คี นอีกมากมาย คนทีใ่ ช่ทสี่ ดุ อาจไม่ใช่คนของวันวาน แต่ อาจเป็นคนของวันนี ้ หรือวันพรุง่ นีก้ เ็ ป็นได้ อย่าผูกชีวติ ไว้กบั คนเพียง คนเดียว เพราะชีวิตมีคุณค่ายิ่งใหญ่กว่านั้นอย่างประมาณไม่ได้ ในความเป็นจริง เคยมีคนที่ต้องเดินหันหลังให้กับคนที่รักกัน ตัง้ มากมาย ทีไ่ ด้มาค้นพบในภายหลังว่า เขาสามารถมีชวี ติ ทีด่ กี ว่าเดิม ได้อย่างสุดวิเศษ การอกหักจึงเป็นสิ่งดี ๆ ที่ควรเรียนรู้เอาไว้ คนที่ ทำ�ให้เราอกหักก็ไม่ใช่คนเลวอะไร ควรขอบใจเขาด้วยซํา้ ทีไ่ ด้ชว่ ยมอบ บทเรียนอันทรงคุณค่าให้เราได้เรียนรู้ ชีวิตคนเรานั้นหากไม่ได้เรียนรู้ ก็จะเป็นชีวิตที่ขาดภูมิต้านทาน ความทุกข์ ไม่มีวุฒิภาวะในการดำ�เนินชีวิต ชีวิตที่ปราศจากบทเรียน จะเป็นชีวิตที่เปราะบาง ไม่ต่างอะไรกับแก้วที่ตกง่าย ก็แตกง่าย แต่ ชีวิตของใครก็ตามที่ได้ผ่านบทเรียนมามากมาย ชีวิตเช่นนั้นจะมีภูมิ ต้านทานชีวติ สูง มีความเข้าใจทักษะการดำ�รงชีวติ เป็นเลิศ มีศกั ยภาพ ว.วชิรเมธี
๑๓
ในการเผชิญความสุขความทุกข์ดว้ ยดวงใจอันสงบ ความรักเกิดขึน้ มา เพื่อมอบปรีชาญาณแห่งการเข้าใจโลก เข้าใจชีวิตให้แก่เรา ดังนั้น ขอให้มองความรักครัง้ ทีผ่ า่ นมาด้วยสายตาแห่งความขอบคุณ จากนัน้ ควรลุกขึ้นมาทำ�งาน ดำ�เนินชีวิตต่อไป ไม่ต้องฟูมฟายมากมายนัก รอให้ผา่ นวันเวลาไปช่วงหนึง่ แล้วเราจะพบว่า ชีวติ ได้เติบโตขึน้ มากมาย จากประสบการณ์คราวนี ้ และจากนีต้ อ่ ไปจะไม่มอี ะไรให้ตอ้ งกลัวอีกแล้ว คนเรานัน้ เมือ่ มีประสบการณ์มาครัง้ หนึง่ ก็จะเกิดการเรียนรูค้ รัง้ สำ�คัญ ขอให้มองว่า เรากำ�ลังเรียนรูบ้ ทเรียนสำ�คัญทีส่ ดุ ในชีวติ บทหนึง่ ไม่วา่ จะทุกข์ จะสุขอย่างไร ก็กม้ หน้าเรียนรูไ้ ป แล้ววันหนึง่ ข้างหน้า เราจะพบว่า อกหักนัน้ ไม่ทกุ ข์ถงึ ตาย แต่ท�ำ ให้เราเติบใหญ่ขน้ึ มาอย่าง สมบูรณ์แบบต่างหาก สำ�หรับคู่สามีภรรยา ถ้าเราไม่ประสบความสำ�เร็จในชีวิตคู่หรือ รักกันมาตั้งห้าหกปี แล้วสุดท้ายก็เลิกกัน หรือแต่งกันมาสิบปีแล้ว สุดท้ายก็เลิกกัน คนทีเ่ จ็บปวดจากความไม่สมหวังในความรัก จากการ ใช้ชวี ติ คู่ ควรจะมองออกไปให้กว้างว่า ขาดเขาแล้วเราไม่ตาย เพราะ ก่อนจะมีเขาเรายังอยู่มาได้ เมื่อกลับไปไม่มีเขาอีกครั้งหนึ่ง เราก็กลับ ไปยืนอยู ่ ณ จุดเดิม เราก็ตอ้ งอยูต่ อ่ ไปให้ได้ แล้วอย่าทำ�ร้ายชีวติ อย่า ทำ�ร้ายตัวเอง แต่ให้มองว่า การที่เราเกิดเป็นคนแล้วไม่ได้ทุกอย่างดัง ใจหวังนัน้ มันเป็นบทเรียนขัน้ หนึง่ ของชีวติ เป็นบันไดขัน้ หนึง่ ของชีวติ ๑๔
ก้าวไปให้ถึงรักแท้
ที่เราจะต้องก้าวขึ้นไปเรื่อย ๆ ในชี วิ ต ของมนุ ษ ย์ เ รานั้ น มี บ ทเรี ย นอยู่ ส องบทเรี ย น หนึ่ ง บทเรียนที่ยาก และสอง บทเรียนที่ง่าย บทเรียนที่ง่ายก็คือทำ�อะไรก็ สมหวังไปเสียทุกอย่าง พอสมหวังไปเสียทุกอย่าง มนุษย์มักจะหลง ตัวเอง พอหลงตัวเอง นั่นคือต้นทางของความผิดพลาด ส่วนบทเรียนที่ยากมักจะช่วยขัดเกลาฝึกปรือเราให้เข้มแข็ง เหมือนคนบางคนทีเ่ กิดมายากจนจึงเรียนรูท้ จี่ ะต่อสู้ และเมือ่ พยายาม ต่อสูใ้ นทีส่ ดุ ก็ประสบความสำ�เร็จเป็นคนมัง่ คัง่ พรัง่ พร้อมได้ คนจำ�นวน มากทีส่ ามารถสร้างเนือ้ สร้างตัวขึน้ มาได้แล้วกลายเป็นผูย้ งิ่ ใหญ่ของโลก นั้นเพราะคนเหล่านั้นไม่ปฏิเสธบทเรียนที่ยาก แต่ถือว่าบทเรียนที่ยาก ของชีวติ เปรียบเสมือนหินลองทอง หรือเปรียบเสมือนหินลับมีด หรือ บางทีเปรียบเสมือนกระดาษทรายที่ทำ�หน้าที่ขัดสีฉวีวรรณให้ชีวิตของ เรานั้นผุดผ่องแวววาวทอประกายเจิดจรัสงดงามยิ่งขึ้น ฉะนัน้ การทีเ่ ราล้มเหลวในเรือ่ งความรักในเรือ่ งชีวติ คู่ ก็ขอให้ ถือว่าความล้มเหลวนั่นแหละคือบทเรียนแสนยากที่เป็นบันไดขั้นหนึ่ง ซึ่งเราต้องก้าวข้ามไป พอเราก้าวข้ามไปได้ชีวิตของเราก็จะมีความ สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ผู้รู้ท่านหนึ่งบอกว่า ชีวิตที่ไม่ผ่านการต่อสู้เป็นชีวิตที่ ไม่ควรค่าแก่การยกย่อง เรามีหน้าที่สู้ชีวิต มีหน้าที่ก้าวข้ามความยาก ลำ�บาก ไม่ได้มีหน้าที่มาจมปลักอยู่กับความยากลำ�บากแล้วก็ทำ�ร้าย ว.วชิรเมธี
๑๕
ทำ�ลายตัวเอง ทุกครัง้ ทีเ่ จอบทเรียนแสนยาก บอกตัวเองว่า เราต้องก้าวข้าม มันไป ไม่ใช่ไปฝังตัวเองอยู่แค่ตรงนั้น บทเรียนยาก ๆ ทั้งหลายก็ เปรียบเสมือนขั้นบันได บันไดทุกขั้นเรามีหน้าที่ต้องก้าวผ่านขึ้นไป ไม่ใช่เอาแต่นั่งจุ้มปุ๊กอยู่ตรงบันไดแล้วบอกว่าพอแล้วสำ�หรับชีวิตฉัน I
๑๖
ก้าวไปให้ถึงรักแท้
มองลึก นึกไกล ใจกว้าง
ความทุกข์มาโปรด ความสุขโปรยปราย
เรียนรู้ทุกข์ ได้สุขเป็นกำ�ไร
คิดถูก โปร่งใส ใจสูง
ลายแทงแห่งความสุข
เปลี่ยนเคราะห์ ให้เป็นโชค เปลี่ยนโรคให้เป็นครู
สิ่งที่สูงกว่าเงิน
ถามจากสมอง ตอบจากหัวใจ
รู้ก่อนตาย ไม่เสียดายชาติเกิด
เคล็ดลับหัวใจเศรษฐี
งานสัมฤทธิ์ ชีวิตรื่นรมย์
คนดลใจ
คมคำ�ธรรมออนไลน์
หนึ่งคนตาย ล้านคนตื่น
ติดตามผลงานของ
ว.วชิรเมธี
พร้อมทั้งประวัติและภารกิจอย่างละเอียดได้ที่ www.dhammatoday.com http://www.facebook.com/v.vajiramedhi http://twitter.com/vajiramedhi
บุคคลหรือองค์กรใดสนใจสั่งซื้อหนังสือเล่มนี้จำนวนมากในราคาพิเศษ เพื่อแจกจ่ายในงานสาธารณกุศลต่าง ๆ หรือบริจาคให้วัด ห้องสมุด โรงเรียน เด็กและเยาวชน โปรดติดต่อ บริษัท ปราณ พับลิชชิ่ง จำกัด ๙๕/๘ ซอยแก้วอินทร์ ถนนกาญจนาภิเษก ตำบลเสาธงหิน อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุร ี ๑๑๑๔๐ โทรศัพท์ ๐-๒๑๙๕-๐๕๘๑ โทรสาร ๐-๒๑๙๕-๐๕๘๒ E-mail: Pranbook@hotmail.com
ทั้งสองอย่างนี้มีคุณสมบัติไม่เหมือนกันเลย แต่ถ้ามาอยู่ด้วยกัน อย่างสมดุลเมื่อไร แจกันและดอกไม้ก็ก่อให้เกิดความงามได้อย่างลงตัว
ความรัก ของคนเราก็เช่นเดียวกัน
ถ้าหัวสมอง (แจกัน) และดอกไม้ (อารมณ์) สามัคคีกัน
ก้ า ว ไ ป ใ ห้ ถึ ง
กแท้
ว.วชิรเมธี
แ ท้
ประสมกลมกลืนกันอย่างพอเหมาะ พอเจาะ ไม่รักมากจนงมงาย ไม่มีเหตุผลมากมายจนขาดชีวิตชีวา ชีวิตรักของเราก็สดชื่น เบิกบาน
ว.วชิรเมธี
ราบรื่น ดำเนินไปอย่างสวยสดงดงาม
รักอย่างลืมตัว
100 <T9
ISBN 978-616-7539-13-3
`6;-S OO$`<<=$ D IEE5JV `6;-S EþC*'G D IEE5JVEþC*'G TARO Eÿ9S-BT@ TARO
ISBN 978-616-7539-13-3
MCI6:EECR=ERDZ MCI6:EECR=ERDZ $7 $7
O$`<<=$ 9S-BT@
ก้ า ว ไ ป ใ ห้ ถึ ง
หัวสมอง ก็เหมือนกับแจกันซึ่งแข็งกร้าว ส่วน หัวใจ ก็เหมือนกับดอกไม้ซึ่งอ่อนโยน
“ที่ ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” แต่ถ้ารักอย่างรู้ตัว
“ที่ ใดมีรัก ที่นั่นก็มีสุข”