Simply living • 3
advertising page
editor's letter
เป็น อยู่ อย่างง่าย
วันนี้คุณประหยัดน้ำแล้วหรือยัง?
รู้หรือไม่ว่า... ประชากรโลก
1 ใน 7 คน ขาดแคลนน้ำสะอาดเพื่อการบริโภค
What’s your water footprint?
ในแต่ละวันเราใช้น้ำกันคนละเท่าไหร่ หาคำตอบได้ที่ http://apps.facebook.com/avedaquiz/
26
การล้างมือจากก๊อกน้ำจะใช้น้ำมากถึง 26 แกลลอน ควรล้างมือในอ่างล้างมือ ซึ่งจะช่วยประหยัดน้ำได้มากกว่า
150
10
ใช้กระดาษอย่างคุม้ ค่าด้วยการนำกลับมา ใช้ซำ้ จะช่วยประหยัดน้ำได้ 3.5 แกลลอน ต่อวัน รีไชเคิลพลาสติกจะช่วยประหยัด น้ำได้ 10 แกลลอนต่อวัน
ล้างรถเท่าทีจ่ ำเป็น เพราะการล้างรถ 1 คันใช้นำ้ ถึง 150 แกลลอน
2 • Simply
living
คุณวาดฝันชีวิตของตนเองไว้อย่างไร จำได้ว่าตอนเป็นเด็ก แม่ส่งฉันไปอยู่บ้านยายที่ชัยนาทเป็นประจำทุกปี ฉันไม่ค่อยอยากไปสักเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะ ติดกรุงเทพฯ แต่เป็นเพราะไม่อยากห่างแม่ แต่พอได้ไปอยู่จริงๆ ฉันกลับมีความรู้สึกว่ารักบ้านยายมากกว่ากรุงเทพฯ เพราะว่าที่นั่นฉันได้ใช้ชีวิตอิสระ เป็นทโมนบ้านนอกชอบยิงนกตกปลา เก็บผลไม้ในไร่ในสวนกินไปวันๆ ชีวิตใน
วัยเยาว์นั้นช่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสาและมีความสุขเหลือเกิน ฉันไม่เคยมีคำถามใดๆ กับชีวิต มีความรู้สึกว่านั่นคือ
สิ่งที่ดีที่สุดแล้ว แต่ยุคสมัยก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ฉันไม่ได้กลับไปบ้านยายอีกเลยหลังเข้ามัธยม จนกระทั่งยายตายตอน ฉันเรียนจบมหาวิทยาลัย ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป ทั้งสภาพแวดล้อม วิถีชีวิตผู้คน รวมทั้งตัวฉันเอง บ้านนอก ไม่ได้น่าสนุกเหมือนตอนที่ฉันยังเด็กอีกต่อไปแล้ว แต่ความทรงจำในวัยเยาว์ยังคงกระจ่างชัดแม้เวลาจะผ่านมานานกว่า 30 ปี ฉันยังจำความสุขของการได้อาบน้ำ แม่น้ำและการโยกบ่อบาดาลได้เป็นอย่างดี ฉันไม่เคยลืมความสุขตอนที่ไปแอบขุดหัวมันหัวใหญ่ของยายแล้วดีใจว่า เจอขุมทรัพย์ล้ำค่า เพราะตั้งใจจะเอาไปทำแกงบวด แต่กลับโดนยายด่าเปิดเปิงเพราะมันเป็นหัวมันที่ยายปล่อยไว้ทำ พันธุ์ นึกขึ้นได้ทีไรก็อดขำไม่ได้ทุกที จะว่าไปแล้ว ความทรงจำเหล่านี้เปรียบเสมือนหลักชัยที่ปักหมุดลงไปในชีวิต ของฉัน และนำทางฉันมาที่นี่ ณ จุดนี้ จุดที่ฉันกำลังพูดคุยกับนักอ่านทุกคน Simply Living คือหนังสือที่ฉันรัก คือคุณค่าและความหมายในชีวิตที่ฉันเทิดทูนและอยากจะแบ่งปันแก่เพื่อนๆ ทุกคน ฉันอยากจะบอกว่าความสุขในชีวิตเป็นเรื่องเรียบง่าย ตอนที่ทีมงานของเราไปทำสกู๊ปเรื่องหอจดหมายเหตุท่านพุทธทาสที่สวนรถไฟ คุณหมอบัญชา พงษ์พานิช ผู้อำนวยการหอจดหมายเหตุฯ ได้กรุณาให้ความกระจ่างแก่พวกเราว่า แท้จริงแล้ว ท่านพุทธทาสก็พูดถึงเรื่องนี้อยู่เป็นประจำ นั่นก็คือ เรื่องการ มีชีวิต "เป็น อยู่ อย่างง่าย" ซึ่งเป็นแนวคิดที่สอดคล้องต้องกันกับนิตยสาร Simply Living ของเราพอดิบพอดี นั่นจึงยิ่งทำให้ฉันมั่นใจว่า ญาณทัศนะที่ชี้นำ ฉันมาที่นี่เป็นสิ่งที่ไม่อาจละเลย ฉันยังเชื่อมั่นว่าชีวิตของเรานั้นออกแบบได้ เราทุกคนเป็นดีไซเนอร์โดยตัวของเราเอง Simply Living ทำหน้าที่เพียงหยิบยื่นทัศนะและนำเสนอแนวคิด เพื่อให้นักอ่านทุกท่านนำไปใช้ในการออกแบบชีวิตของตนเอง หลักการของเราคือการสร้างพื้นฐานแห่งความสุขที่เรียบง่ายจากการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง ตนเองให้เป็นผู้ที่มีสุขภาวะที่ดีทั้งกายและใจ อีกทั้งยังใช้ชีวิตให้สอดคล้อง กลมกลืน และเป็นมิตรกับธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โลกป่วยคนป่วย อย่างเช่นทุกวันนี้ เขียนมาบอกเล่ากันนะคะว่าชีวิตที่เรียบง่ายในแบบของคุณเป็นอย่างไร หรือจะเขียนมาติชมกันก็ได้ค่ะ จดหมายของผู้ที่ได้รับการตีพิมพ์ 3 ฉบับจะได้รับ สมุดบันทึกธรรมชาติลาย Modern Vintage คนละ 1 เล่ม เรามาช่วยกันออกแบบชีวิตของเรา สังคมของเราให้มีความสุขง่ายๆ กันนะคะ สุนีรัตน์ ไม้ทิม บรรณาธิการบริหาร
2.5
s Le ttteor r o t i d e
น้ำมัน 1 แกลลอนต้องใช้นำ้ ในการผลิต 1-2.5 แกลลอน ฉะนัน้ ควรใช้นำ้ มัน อย่างประหยัด
15
ใช้ฝกั บัวประหยัดน้ำจะช่วยประหยัดน้ำ
ได้ถงึ 15 แกลลอนต่อการใช้ฝกั บัว
10 นาที คิดเป็น 5,000 แกลลอนต่อปี
1.5
ปิดก๊อกน้ำขณะแปรงฟันจะช่วย ประหยัดน้ำได้ 1.5 แกลลอน
เท่ากับ 5 แกลลอน
Simply Living vol.01 no.01 september 2010 ภาพ : ชัยชนะ จารุวรรณากร
Recycle Notebook
สมุดบันทึกลาย Modern Vintage กระดาษรีไซเคิล 75 แกรม จำนวน 200 หน้า มูลค่า 65 บาท Simply living • 3
Contributors
นพ.วิโรจน์ ตระการวิจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ รพ.นครธน และ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวช ท่านนี้ให้ความสำคัญกับ
การรักษาแบบองค์รวม โดยเฉพาะการแพทย์์สาย "กาย-
จิต" หรือ Body-Mind Medicineที่เน้นการดูแล สมอง-
จิต-กาย ให้มีสุขภาวะที่ดี เพื่อเสริมสร้างความสมบูรณ์
แข็งแรงของร่างกายและจิตใจตลอดจนพัฒนาศักยภาพ
ด้านในของมนุษย์ ความสนใจในเรื่องการดูแลสุขภาพทำให้ พวงมณี บุญเลี้ยง เจ้าของ อิ่มอุ่น เคเทอริ่ง ตกลงปลงใจเป็น Food Editor ให้นิตยสาร
Simply Living ของเรา และสรรค์สร้างอาหาร
สุขภาพหลากหลายตำรับเพื่อแบ่งปันสุขภาพที่ดี สู่เพื่อนๆ ในสังคม "เราทำอาหารสุขภาพให้อร่อยและน่ากินได้ โดยที่เราเองก็มีความสุขกับการกินอาหาร และได้สุขภาพที่ดีด้วย"
นิตยสารที่สร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาวะ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเรียบง่ายตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ที่ปรึกษา
ดร.ปิยะ เฉลิมกลิ่น นพ.วิโรจน์ ตระการวิจิตร นพ.กฤษดา ศิรามพุช จิระนันท์ พิตรปรีชา กนกนภัส กันตภาพัทธ์ รัชดาภรณ์ เกิดภู่ Editor-in-chief สุนีรัตน์ ไม้ทิม Art director นุชรี รัตนอักษรศิลป์ Writer สิรินพร จึงพิทักษ์อุดม Photographer P.Patrick Stylist hobbitisme, buia Manager สิตานัน ศรีดอกบัว
Contributors
นพ.วิโรจน์ ตระการวิจิตร พิทยากร ลีลาภัทร์ ณ พงศ์ วรัญญานนท์ ศศิ ช่างทอง พวงมณี บุญเลี้ยง
พิทยากร ลีลาภัทร์ หรือ aston 27 blogger ที่ ถ่ า ยทอดการดำเนิ น ชี วิ ต ทางโลกผสมผสานกั บ ธรรมะร่ ว มสมั ย ได้ อ ย่ า งลงตั ว เจ้ า ของผลงาน ธนาคารความสุข 1 และ 2 เปิดเผยทัศนะของเขา เกี่ยวกับการแสวงหาความงามและความสุขที่แสน เรียบง่ายใน Well Balance ภาพโดยนิตยสารแมรี่ แคลร์
บรรณาธิการและนักเขียนอิสระ เจ้าของนามปากกา "บูญ่า" "การทำให้ชีวิตกลายเป็นเรื่องง่าย คือโจทย์ที่ยาก ซึ่งฉันคิดว่า เราส่วนใหญ่ยังไม่พร้อมที่สลัดสิ่งรุงรัง ในชีวิตและทำตัวให้เรียบง่ายขึ้น ว่ากันให้ถึงที่สุด แล้ ว ความสุ ข ง่ า ยๆ ที่ เ ราแสวงหาเกิ ด ขึ้ น จาก อารมณ์ความรู้สึกที่เพียบพร้อมจากโลกภายในของ เรามากกว่าอย่างอื่น" 4 • Simply
living
24
พิมพ์ด้วยกระดาษที่ได้รับการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม อย่างยั่งยืน และพิมพ์ด้วยหมึกที่ทำจากน้ำมันถั่วเหลือง จึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กระดาษที่นำมาใช้ในการผลิตนิตยสารเล่มนี้ จะได้รับการปลูกคืนเป็นต้นไม้ โปรดนำนิตยสารเล่มนี้ไปรีไซเคิล หรือแบ่งปันกันอ่านในชุมชน การขออนุญาตและพิมพ์ซ้ำบทความ บทความที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร Simply Living สงวนสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 กรณีที่ต้องการ นำส่วนหนึ่งส่วนใดของนิตยสารไปใช้ โปรดติดต่อ กองบรรณาธิการ Simply Living ตามที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ข้างล่าง
28
contents Vol. 01• Issue 01• September 2010
2
อ้อมกอดของธรรมชาติอนั เงียบสงบ และหมูไ่ ม้ หอมนานาพรรณ พร้ อมสั มผั สประสบการณ์ แห่งความผ่อนคลายที่ Thanyadhevi Health Resort&Spa
0 recipe เชฟแนน ปิยวรรณ สารสมบูรณ์ ปลีกตัวจาก งานประจำที่ LSK Sky Chefs มาแบ่งปันเคล็ด ลับความอร่อยที่จะพาคุณล่องลอยไปถึงสวรรค์ กับ Tiramisu
เจ้าของ
greenbliss co.,ltd 739/27 ม.พิบูลย์สุข ลาดพร้าว 48 สามเสนนอก ห้วยขวาง กทม. 10310 โทรศัพท์/โทรสาร 02-275-9282 บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา สุนีรัตน์ ไม้ทิม แยกสี สุนทรฟิล์ม พิมพ์ 21 เซ็นจูรี่ โทร. 02 883 0417
ปลีกวิเวกจากความวุ่นวายของสังคมเมืองสู่
08 rejuvenate
หนังสือคัดสรรจากหิ้งหนังสือของบรรณาธิการ books
ที่ว่าด้วยเรื่องราวธรรมะ ธรรมชาติ และการใช้ ชีวิตของผู้คนตัวเล็กๆ ที่ไหลทวนกระแสโลก
ผิวเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายซึ่งบ่งบอก healthy beauty
ถึงสุขภาพของเราได้เป็นอย่างดี การบำรุงผิวให้มี สุขภาพดีอยู่เสมอจากภายในสู่ภายนอก จึงมี ความจำเป็นไม่น้อยไปกว่าการปรนนิบัติผิวให้ เนียนนุ่มชุ่มชื้นด้วยเคล็ดลับจากธรรมชาติ
4
มนตราของพืชผักผลไม้ และการออกกำลังกาย stay healthy • health tips
ที่ช่วยชะลอความแก่ชราให้ร่างกาย อีกทั้งยัง ช่วยให้สมองอ่อนเยาว์
6
การบริหารร่างกายตามหลักการของเต๋า เน้นที่ stay healthy • health tips
การชำระล้ า งร่ า งกายให้ ส ะอาดจากสารพิ ษ
ด้วยการปลดปล่อยลมปราณให้เป็นอิสระ เริม่ ต้น จากการนวดคลึ ง ใบหู ซึ่ ง เป็ น ศู น ย์ ร วมของชี่
ทุกจุดในร่างกาย
34
8
วิธีการผ่อนคลายจิตแบบง่ายๆ ทั้ง 10 วิธีนี้
stay healthy • health tips
จะช่วยให้คุณสดชื่นทั้งร่างกายและจิตใจ
22 well balance
ประสบการณ์แห่งความสุขที่แสนเรียบง่ายของ พิทยากร ลีลาภัทร์ หรือ aston 27 ชายหนุ่ม
ที่สะสมความสุขไว้ในธนาคาร
หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ เปิด
24 place
พื้นที่ธรรมะให้คนกรุงเทพฯ ได้ลิ้มรสชาติแห่ง ความสงบเย็นผ่านคำสอนของพระอริยะผูย้ งิ่ ใหญ่ แห่งยุค พร้อมกิจกรรมธรรมะอืน่ ๆ ทีห่ มุนเวียน กันมาตลอดทั้งปี
Simply living • 5
simply action
wisdom
เปลี่ยนแปลงเป็นคุณคนใหม่ที่สดใสทั้งใจกาย ด้วย 5 ข้อปฏิบัติง่ายๆ ที่เริ่มต้นได้ทุกวัน
ดื่มน้ำทันทีหลังตื่นนอน
ทุกวันหลังตื่นนอนในตอนเช้า ดื่มน้ำ 1 แก้ว ผสมน้ำมะนาวครึง่ ผลและน้ำผึง้ 1 ช้อนชา จะช่วย ชำระล้างสารพิษในร่างกาย และเติมพลังงาน ให้สมองสดชืน่ น้ำและมะนาวเป็นสารชะล้างตามธรรมชาติ ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในตำรับ แพทย์แผนโบราณ ขณะที่น้ำผึ้งจะให้พลังงานในทันทีแก่ สมอง ช่วยให้สมองตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า และพร้อม ทำงานตามปกติ
เหยียดยืดกล้ามเนื้อและหายใจเป็นจังหวะ
การเหยียดยืดกล้ามเนื้อทุกเช้าก่อนรับประทานอาหารด้วยวิธีง่ายๆ อย่างโยคะ
เบื้องต้น ไทเก็ก ชี่กง พิลาเตส์ จะช่วยกระตุ้นเมตาบอลิซึมของร่างกาย ช่วยให้ ร่างกายเผาผลาญไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะกระตุ้นระบบน้ำเหลือง ในการล้างพิษ และเมื่อทำร่วมการกำหนดลมหายใจเข้าออกอย่างเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เข้า-ออก ครั้งละ 5 วินาที โดยไม่กลั้นลมหายใจ ก็จะทำให้สมองรับออกซิเจนอย่างเต็มที่ กระตุ้นการสร้าง สารเคมีในสมองที่ดีต่อสุขภาพ (ศึกษาเพิ่มเติมที่ www.simplylivingmag.com)
บริโภคอย่างมีจิตสำนึก
LOUISA SHAFIA เจ้ า ของหนั ง สื อ Lucid food ให้ ค ำแนะนำในการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร เล็กๆ น้อยๆ ที่ดีต่อสุขภาพ และเป็นมิตรกับโลก ใบนี้ไปด้วยพร้อมกัน “น้ำตาลทรายที่เราบริโภค อยู่ทุกวันนี้ ต้องใช้น้ำจำนวนมากในกระบวนการ ผลิต ในขณะทีน่ ำ้ ผึง้ ดีๆ ต้องการเพียงผึง้ สุขภาพดี ต้ น ไม้ แ ละดอกไม้ ที่ ส มบู ร ณ์ แ ข็ ง แรง ลองปรั บ เปลี่ยนเมนูที่คุณชื่นชอบด้วยการหันมาใช้น้ำผึ้ง แทนน้ำตาลทราย” หรือที่คนโบร่ำโบราณใช้ทำ อาหารกันมาตลอดก็คือน้ำตาลธรรมชาติอย่าง น้ำอ้อย น้ำตาลมะพร้าว และน้ำตาลโตนด
Bon Appetit
การปรุงอาหารอย่างพิถีพิถันจะช่วยกระตุ้นให้ระบบย่อยทำงาน ไม่ว่าจะด้วยการเพิ่มสมุนไพรกลิ่น
หอม หรือปรุงแต่งอาหารให้มีสีสันหลากหลายด้วยการใช้พืชผักผลไม้หลากสี เหล่านี้ล้วนช่วยกระตุ้นให้ น้ำลาย น้ำย่อย เอนไซม์ และฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการย่อยทั้งหลายทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเมื่อระบบย่อยแข็งแรง นั่นก็เท่ากับเรามีพลังงานสำรองอย่างเพียงพอสำหรับการทำกิจกรรมตลอดทั้งวัน
คุยกับ (สมอง) ตัวเอง
การแพทย์สายกาย-จิต หรือ Body-Mind Medicine ให้ความสำคัญกับการพูดคุยกับตนเอง หรือแท้ที่จริงพูดคุยกับสมองของเรา เนื่องจากสมองเป็นอวัยวะที่สามารถปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และพัฒนาได้ตลอดช่วงชีวิต (Brain Plasticity) ดังนั้นถ้าเราเรียนรู้ที่จะคุยกับสมอง ช่วยให้ สมองได้พัฒนา สมองก็จะเจริญขึ้น ทั้งซีกซ้ายและซีกขวา การคุยกับสมองคือการที่จิตเฝ้ามองการคิด
ของเรา เมื่อจิตเห็นว่าสมองเริ่มคิดนอกลู่นอกทาง ก่อให้เกิดปัญหา จิตก็จะต้องสะกิดเตือน เหมือนอย่างที่ ท่านพุทธทาสกล่าวว่า “อตัมยตา-กูไม่เอากับมึงแล้วโว้ย” สมองของเราก็เหมือนเด็กๆ ที่บางครั้งก็ทำอะไร เพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ถ้าเราทำเป็นไม่สนใจ เขาก็เลิกเรียกร้องไปเอง ทำบ่อยๆ ทำซ้ำๆ สมองก็จะ ดำริสิ่งที่ดี จิตก็จะแจ่มใส ร่างกายก็เป็นสุข 6 • Simply
living
46
42 40
contents 08
นพ.วิโรจน์ ตระการวิจิตร เปิดเผยเคล็ดลับ
28 living well
ความมี สุ ข ภาพดี ที่ เ ราทุ ก คนสามารถบรรลุ
ได้ไม่ยาก ทีส่ ำคัญคือต้นทุนแสนต่ำ
ขั้นตอนที่สำคัญของการมีสุขภาพดีคือการ
34 home made
ขจั ด สารพิษที่สะสมอยู่ในร่างกายให้หมดไป พวงมณี บุญเลี้ยง จึงชวนคุณมาปาร์ตี้ล้างพิษ ฉลองวันหยุด long weekend
หลักการสำคัญที่ช่วยลดปัญหาโลกร้อนอย่าง
40 green living
2
Samsan 5 Lodge งานออกแบบที่คำนึงถึง
42 green living
การประหยัดพลังงาน โดยสถาปนิกหนุ่มไฟแรง วรพันธุ์ คล้ามไพบูลย์ ที่มีความฝันจะออกแบบ ความอยู่เย็นเป็นสุขให้แก่ลูกค้า
46 living simply
ชีวิตเรียบง่ายของศิลปินสีน้ำ เป้ สีน้ำ ที่ฝาก ชีวิตไว้กับแม่น้ำนครชัยศรี ซึ่งเป็นทั้งที่อยู่และ แหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ที่ทำให้ครัวริมน้ำ ของเขาไม่เคยว่างเว้นผู้มาเยือน
52
inner peace
การค้ น พบตนเองและสั จ ธรรมแห่ ง ชี วิ ต ของ
ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความรักเป็นเครื่องภาวนา
วจนะของพุทธทาสว่าด้วยเรือ่ งเป็น อยู่ อย่างง่าย
54 wisedom
'ทางรอดของเรา'
ได้ผล Reduce&Reuse
Simply living • 7
rejuvenate
แซลมอนพริ ก ไทยดำ ส่ ว นผสม •ปลาแซลมอน•หอมใหญ่•เห็ดหอม•แครอทซอย •ต้นหอมหั่น•กระเทียมสับ•พริกหวานแดง เหลือง เขียว •ซีอิ๊วขาว•น้ำมันหอย น้ำตาล•พริกไทยป่นหยาบ•น้ำมันพืช วิ ธี ท ำ
ทอดปลาแซลมอนด้วยน้ำมันรำข้าวเพียงเล็กน้อย พอสุกแล้ว พักไว้ ผัดกระเทียมกับน้ำมันรำข้าว เติมซีอิ๊วขาว และผักทุกอย่าง รวมกัน เมื่อผักนุ่ม ตักราดบนชิ้นปลาที่ทอดไว้ก่อนหน้านี้
Thanyadhevi Health Resort&Spa เรื่อง : วิเวียน ภาพ : P.Patrick
เมื่อพูดถึงความเป็นธรรมชาติและบรรยากาศอันแสนสดชื่นแบบชนบท หลายคนนึกถึงความร่มรื่นของหมู่ไม้เขียวขจีและลำคลองทอดยาว ตลอดสายของถนนรังสิต-นครนายก ซึ่งในปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจแหล่งใหม่ของคนเมืองไปแล้ว 8 • Simply
living
นอกจากจะขึ้ น ชื่ อ ว่ า เป็ น แหล่ ง ตลาดต้ น ไม้ คุ ณ ภาพราคาย่ อ มเยา และก๋ ว ยเตี๋ ย วเรื อ เลิ ศ รส รั ง สิ ต -นครนายกยั ง เติ บ โตเป็ น ถนนแห่ ง การ
ท่ อ งเที่ ย วเชิ ง นิ เ วศที่ มี ทั้ ง วั ด วาอารามและตลาด สินค้าพื้นเมือง รวมไปถึงร้านอาหาร คาเฟ่ และ
สปาชั้ น นำที่ ซุ ก ซ่ อ นอยู่ ท่ า มกลางธรรมชาติ
อั น สวยสดงดงาม และหนึ่ ง ในแหล่ ง พั ก ผ่ อ นที่
คนรั ก สุ ข ภาพไม่ ค วรพลาดเมื่ อ มาเที่ ย วรั ง สิ ต นครนายกก็ คื อ ธั ญ ญเทวี รี ส อร์ ท เพื่ อ สุ ข ภาพ
และสปา ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสายเล็กๆ เลียบคลองหก ธั ญ ญเทวี เ ป็ น หนึ่ ง ในสปาเพื่ อ สุ ข ภาพระดั บ ต้ น ๆ ของประเทศ ด้ ว ยเอกลั ก ษณ์ อั น โดดเด่ น
ของสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติสไตล์รีสอร์ท ท่ามกลางหมู่ไม้หอมนานาพรรณ พร้อมด้วยการ บริการด้านสุขภาพอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น
ทรีตเมนต์ต่างๆ ทั้งนวดไทย นวดประคบ นวด
อโรมา นวดหน้ า วารี บ ำบั ด พอกตั ว ขั ด ตั ว
รวมไปถึงการดีท็อกซ์ผิว ที่ล้วนแล้วแต่เป็นตำรับ เฉพาะของธัญญเทวี นอกจากนี้ ยังมีสิ่งอำนวย ความสะดวกครบครันเพื่อสร้างสรรค์บรรยากาศ แห่งความรื่นรมย์และความมีสุขภาพดี นับตั้งแต่ ลานอเนกประสงค์ ส ำหรั บ ออกกำลั ง กายอย่ า ง
แอโรบิก โยคะ ไทเก็ก และภัตตาคารที่บริการ อาหารสุขภาพ รวมทั้งล็อบบี้เลาจน์ สำหรับช่วง เวลาที่ต้องการความสงบอย่างอ่านหนังสือ หรือ
ฟังเพลงสบายๆ สำหรั บ ผู้ สู ง อายุ ที่ ธั ญ ญเทวี ก็ มี โ ปรแกรม
พั ก ผ่ อ นที่ ใ ห้ บ ริ ก ารฟื้ น ฟู สุ ข ภาพ อาทิ อาหาร
สมุนไพร การออกกำลังกายที่เหมาะกับวัย และ การทัศนาจรชมแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ รวมทั้ง ทำบุญไหว้พระ ที่ช่วยสร้างความเพลิดเพลินให้แก่
ผู้สูงอายุได้เป็นอย่างดี
ธัญญเทวี เปิดให้บริการทุกวัน สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 02 577 6700 โทรสาร 02 577 3114 หรือ แวะชมเว็บไซต์ www.thanyadhevi.com
Simply living • 9
recipe
books เรื่อง : วิเวียน
Pick me up (to heaven)
หัวใจนิพพาน
เทศนาชุดสุดท้ายของพุทธทาส พุทธทาส อินทปัญโญ
คงไม่มีใครปฏิเสธว่า หน้าตาที่แสนน่ากินของ Tiramisu นั้นยั่วน้ำลายเกินห้ามใจได้ สมกับชื่อที่แปลความหมายได้ว่า “ชิมฉันสิ แล้วจะได้ขึ้นสวรรค์”
ท่านพุทธทาสนับเป็นพระอริยะที่ชาวพุทธต่างให้การ นับถือ ไม่เพียงเพราะวัตรปฏิบตั ทิ งี่ ดงามตามหลักพุทธศาสนา หลักคำสอนและบันทึกธรรมอีกมากมายนับ หมื่นชิ้นที่ท่านทิ้งไว้หลังมรณภาพยังนับเป็นมรดกทางปัญญาที่สืบทอดต่อมาให้อนุชนรุ่นหลัง และสังคมไทย หนึ่งในนั้นคือเทศนาชุดสุดท้ายที่ถูกนำมารวบรวมไว้ในหนังสือ “หัวใจนิพพาน เทศนาชุดสุดท้ายของพุทธทาส” ที่กล่าวถึงนิพพาน ซึ่งเป็นหัวใจหลักในพระพุทธศาสนา ภายในเล่มเป็นการประมวลธรรมกถาและบันทึกการทบทวนค้นคว้าของท่านพุทธทาสในช่วง สุดท้ายของชีวิต หนั ง สื อ เล่ ม นี้ มี จ ำหน่ า ยที่ ห อจดหมายเหตุ พุ ท ธทาส อิ น ทปั ญ โญ หรื อ สวนโมกข์ กรุงเทพฯ ที่ปัจจุบันเปิดให้ประชาชนเข้าไปศึกษาค้นคว้าหลักธรรมคำสอนของท่านพุทธทาส พร้อมร่วมกิจกรรมด้านธรรมะอื่นๆ
เรื่อง : ชมตะวัน ภาพ : P.Patrick นานทีปีหน เชฟแนน ปิยวรรณ สารสมบูรณ์ Sous Chef แห่ง LSG SKY CHEFS ผู้มีหน้าที่ควบคุม คุณภาพอาหารให้แก่บริษัทการบินไทย ประจำกรุงโรม ประเทศอิตาลี จะกลับมาเยี่ยมเยือนเมืองไทยสักครั้ง บรรดาเพื่อนๆ จึงมักขอร้องให้เธอทำอาหารเพื่อกินกันให้หายคิดถึง และหนึ่งในเมนูที่เชฟแนนถูกขอร้องให้ ทำมากที่สุดเวลากลับมาเยี่ยมบ้านเกิดก็คือ Tiramisu ของหวานขึ้นชื่อของอิตาลีซึ่งร่ำลือกันว่าอร่อยนักหนา Tiramisu มีหลายที่มา บางตำราเชื่อกันว่า Tiramisu กำเนิดที่เมือง Siena แคว้นทัสคานี บางตำรา
บอกกันว่ากำเนิดที่เมือง Treviso ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเวนิซ แคว้น Veneto แต่ถ้าใคร อยากชิม Tiramisu รสเลิศก็ต้องไปชิมที่ Treviso โชคดีที่เราไม่ต้องบินไปไกลถึงอิตาลี เพราะเชฟแนนจะทำ Tiramisu สูตรเด็ดของเธอให้ได้ลิ้มลอง “Tiramisu ถือเป็นขนมทีท่ ำง่ายไม่ยงุ่ ยาก ไม่ตอ้ งใช้เตาอบ ไม่ใช้อปุ กรณ์อะไรมาก ใช้สว่ นผสมไม่กอี่ ย่าง ก็สามารถทำเลี้ยงเพื่อนได้สบาย แถมใช้เวลาไม่นานด้วย เมนูนี้เด็กๆ ชอบกันมาก เอาขนมปังมาชุบกาแฟ เอาครีมราด โรยผงโกโก้ สนุกสนาน นำมาเป็นกิจกรรมในวันหยุดของครอบครัวได้ด้วยค่ะ “...ทุกครั้งที่กลับมาเมืองไทย ก็ต้องทำ Tiramisu นี่ล่ะค่ะ เสาร์-อาทิตย์ หลานๆ ขอให้ทำ Tiramisu เพื่อนๆ ก็อยากทราบว่าทำยังไง คิดกันแต่ว่ายุ่งยาก เคยได้แต่กินตามร้าน พอมาทำเอง หลายคนบอก
ไม่ยากอย่างที่คิดเลย เตาอบก็ไม่ต้องใช้ แค่ใส่ตู้เย็น กลายเป็นของชอบของทุกครอบครัว”
ส่ ว นผสม ไข่ไก่ 5 ฟอง
น้ำตาลทรายขาว 5 ช้อนโต๊ะ ครีมชีส mascarpone 500 กรัม กาแฟ 20 กรัม น้ำร้อน 2 ถ้วยตวง ผงโกโก้ตามชอบ ขนมปังเลดี้ฟิงเกอร์ หรือ savoiardi
วิ ธี ท ำ • แยกไข่แดงออกจากไข่ขาว ตีไข่ขาว
10 • Simply
living
จนขึ้นฟู ตั้งยอด แล้วพักไว้ในตู้เย็น
• ใส่น้ำตาลทรายลงในไข่แดง
ตีจนน้ำตาลละลาย • ใส่ครีม mascarpone ตีจนเนื้อเนียน • นำไข่ขาวที่พักไว้มาตีรวมกันจนเข้ากันดี ละลายกาแฟในน้ำร้อน ทิ้งไว้ให้เย็น • นำขนมปังมาจุ่มกาแฟจนชุ่ม
แล้วเรียงเป็นแถวตามภาชนะ • ราดด้วยครีม แล้วโรยด้วยผงโกโก้ (ใช้ตะแกรงร่อนเพื่อให้ผงโกโก้เนียน) • เรียงเป็นชั้นไปเรื่อยๆ จนเต็มภาชนะ
แล้วนำไปแช่ในตู้เย็นประมาณ 10 นาที จนส่วนผสมจับตัวแล้วยกเสิร์ฟได้ทันที
วิถีสีเขียวในเมืองใหญ่ กาย ใจ จิตวิญญาณ 2 ภัทรพร อภิชิต เขียน/วีรวุฒ กังวานนวกุลภาพ
/270 บาท หนังสือเล่มนี้รวบรวมวิถีชีวิตของคนเมืองจำนวน หนึ่ง ซึ่งใช้ชีวิตเกื้อกูลและสอดคล้องกับธรรมชาติ และยั ง ผลั ก ดั น แนวคิ ด ของตั ว เองออกสู่ พื้นที่สาธารณะ เพื่อที่จะบอกว่า วิถีสีเขียวไม่ใช่ “เทรนด์” ทีเ่ ห่อตามๆ กันไป หากแต่เป็นวิถีชีวิต นับต่อจากนี้ไปของพวกเราทุกคน
Skin Deep Pat Thomas
www.panmacmillan.com/ uk £7.99 เคยถามตัวเองบ้างไหมค่ะว่า “ความงาม” ได้กลายเป็นภาระของชีวิตไปแล้วหรือเปล่า ผู้หญิงหลายคนยอมทุ่มเงินทองมากมาย เพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ที่กล่าวขานกันว่าช่วยคืน ความเยาว์วัยและมอบความงามที่พวกเธอ โหยหา ผิวพรรณที่เต่งตึง ริมฝีปากอวบอิ่ม พวงแก้มชมพูระเรื่อดั่งสาวรุ่น ราวกับว่านั่น คือภารกิจที่สำคัญยิ่งของชีวติ ยิง่ ไปกว่านัน้ ผูห้ ญิงบางคนถึงกับยอมเจ็บตัวทำศัลยกรรม เพือ่ แลกกับคำว่า “สาวสองพันปี” ประหนึ่ง ว่าชีวติ นีจ้ ะต่อสูก้ บั กาลเวลาจนถึงทีส่ ดุ ทัง้ ที่ ในความเป็นจริง ความงามเป็นสิ่งเรียบง่าย กว่านัน้ กลยุทธ์ทางการตลาดและคำโฆษณา ต่ า งหากที่ ทำให้ความงามกลายเป็นเรื่อง
ยุง่ ยากซับซ้อน แพท ทอมัส บรรณาธิการนิตยสาร ecologist ได้รวบรวมข้อเท็จจริงที่พวกเรา ควรรู้ เ กี่ ย วกั บ ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ต่ า งๆ ที่ ใ ช้ ใ น ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นสบู่ แชมพู-
สระผม โลชั่นทาผิว ครีมทาหน้า ลิปสติก ฯลฯ ว่ า แท้ จ ริ ง แล้ ว ผลิ ต ภั ณ ฑ์ เ หล่ า นี้ ประกอบด้ ว ยอะไรบ้ า ง สิ่ ง ใดจำเป็ น
เคล็ดลับในการสร้างความงามด้วยวิธี ธรรมชาติ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ที่สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตนเอง สิ่งใดไม่จำเป็น แพทตั้งคำถามที่น่าสนใจ เกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวัน ไว้อย่างน่าสนใจว่า “ฉันแทบนึกไม่ออกเลย
ว่า เหตุใดพวกเราจึงต้องซื้อกันมากมาย ขนาดนี้ เหตุใดเราจึงต้องใช้กันมากมาย ขนาดนี้ และเหตุใดเราจึงใส่อะไรต่อมิอะไร เข้าไปในร่างกายของเราโดยไม่เคยแม้แต่
จะตั้งคำถามว่า มีอะไรอยู่ในผลิตภัณฑ์ เหล่านั้นและจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผลิตภัณฑ์
เหล่านั้นไปอยู่ในท่อระบายน้ำ” Skin deep จึงเป็นหนังสือที่ให้ข้อมูล อย่างครบถ้วนถึงองค์ประกอบต่างๆ ที่อยู่ ในผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน โดย จำแนกแยกแยะให้เห็นถึงส่วนประกอบและ
คุณสมบัติทางเคมีของส่วนประกอบนั้นๆ อีกทั้งยังเพิ่มเติมเกร็ดความรู้ในการเลือก ซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อไม่ให้ไปติดกับคำโฆษณา
ชวนเชื่อที่เขียนไว้บนฉลากของผลิตภัณฑ์ พร้อมเคล็ดลับในการสร้างความงามด้วย วิธีธรรมชาติ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตนเอง แพทกล่ า วว่ า เธอไม่ ไ ด้ ป ฏิ เ สธ ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ป ระทิ น ผิ ว หากแต่ ต้ อ งการ
ให้ ผู้ บ ริ โ ภคอย่ า งเราๆ ลื ม ตาขึ้ น มา
สำรวจตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่พวกเราใช้ “แล้ ว คุ ณ จะรู้ สึ ก ถึ ง พลั ง ในการเลื อ ก
สิ่งที่แตกต่างไปจากเดิม ในการที่จะอ่าน ฉลากบนสินค้าด้วยความมั่นใจ รู้ว่าเมื่อไร ที่ เ ราต้ อ งการผลิ ต ภั ณ ฑ์ นั้ น จริ ง ๆ และ เมื่ อ ไรที่ เ ราจะเลื อ กผลิ ต ภั ณ ฑ์ ที่ เ ป็ น ธรรมชาติ ม ากกว่ า ปลอดจากสารพิ ษ
มากกว่า” หรือก็คือแพทสอนให้เราเป็น
ผู้บริโภคที่ฉลาดซื้อนั่นเอง Simply living • 11
healthy beauty
อาหารของผิ ว พรรณ
น้ำผึ้ง
ผิวพรรณของคนเราก็เหมือนกับอวัยวะอื่นๆ ของร่างกายที่ต้องการการบำรุง อาหารของผิวคือ พืชผักผลไม้ประเภทที่มีสีเข้มทั้งหลาย เนื่องจากสีสันต่างๆ เหล่านั้นคือสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ ผักผลไม้ยิ่งมีสีเข้มมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประโยชน์ต่อผิวสวยมากเท่านั้น เรื่อง : เอม ภาพ : P.Patrick
ดินสอพอง
• อะโวกาโด มีเส้นใยอาหารและไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง ช่วยปกป้องผิว เผยผิวสวยด้วยวิธีธรรมชาติ
จากภายใน อุดมด้วยสารต้านอนุมลู อิสระ ไขมันในอะโวกาโดช่วยในการดูดซึม คาโรทีนอยด์ที่ช่วยต่อต้านโรคภัยไข้เจ็บ ไม่ว่าจะเป็นไลโคพีนในมะเขือเทศ เบต้า-แคโรทีนในผักสีส้ม และลูทีนในผักใบเขียว
• แครอท เป็นแหล่งของเบต้า-แคโรทีน และวิตามิน
A, C และ E ซึ่งช่วยให้ ระบบย่อยแข็งแรง ป้องกันและต้านมะเร็งโดยทำให้ตับและเลือดสะอาด • มันเทศ มีเส้นใยอาหารสูง อุดมด้วยเบต้า-แคโรทีนและวิตามิน C
รวมทั้งยังมีลูทีนและไลโคพีนที่เป็นสุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระ • น้ำเต้า เป็นแหล่งของเบต้า-แคโรทีนและวิตามิน C • แอปเปิล้ อุดมด้วยเคอร์ซตี นิ ฟลาโวนอยด์ (เอสโตรเจนในพืช)
• บร็อกโคลี อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ รวมทั้งวิตามิน C และ A เป็น
แหล่งของเส้นใย สารซัลโฟราเฟนในบร็อกโคลีช่วยเพิ่มการสร้างเอนไซม์
ที่ช่วยชำระล้างสารพิษในร่างกาย
• มะเขือเทศ โลโคพีนหรือสีแดงของมะเขือเทศเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
ชั้นเยี่ยม รวมทั้งวิตามิน C, E และเบต้า-แคโรทีน • ผลไม้ตระกูลส้ม อาทิ ส้ม และมะนาว มีวิตามินซีสูง รวมทั้งแคโรทีนอยด์ และฟลาโวนอยด์ นอกจากนี้ยังรวมถึงธัญพืช (อุดมด้วยแร่ธาตุ) ไขมันปลา และเมล็ดพืช อย่างฟักทอง อัลมอนด์ ซึ่งมีไขมันดี ทำให้ผิวพรรณเนียนนุ่มและชุ่มชื้น
12 • Simply
living
การบำรุงผิวด้วยอาหารการกินที่มีประโยชน์ อาจไม่ใช่คำตอบเดียว สำหรับผิวสวย เพราะตราบใดที่เซลล์เก่าซึ่งหมดสภาพแล้วยังไม่หลุดลอก ออกไป ผิวใหม่ซึ่งเกิดขึ้นมาแทนที่ก็จะไม่มีวันได้เปล่งประกายความสดใส การขัดผิวจึงเป็นขั้นตอนหนึ่งที่มีความสำคัญยิ่งต่อสุขภาพผิวสวย ขั้นตอนนี้ ทำได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ด้วยส่วนผสมที่อาจมีอยู่แล้วในครัวของคุณเอง
สครั บ ผิ ว กาย
สูตรสครับขัดตัวที่ง่ายที่สุดคือการใช้เกลือแกง (ควรสตุให้บริสุทธิ์เสียก่อนจะดีมาก) ผสมกับน้ำมัน เช่น น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันงาหีบเย็น ถ้ามีน้ำมันหอมระเหยก็สามารถเติมเพื่อเพิ่มความหอมและ
ช่วยผ่อนคลาย เสร็จแล้วนำสครับมาขัดให้ทั่วตัว เน้นจุดที่หยาบกร้านมากๆ เช่น ข้อศอก หัวเข่า
และเท้า สำหรับเท้า ควรแช่เท้าอย่างน้อย 10 นาที แล้วใช้หินขัดตัวขัดถูบริเวณที่หยาบกระด้าง
เช่นส้นเท้า จะทำให้ผิวเนียนนุ่มและสดใสขึ้น
ข้าวโอ๊ต
สครั บ ผิ ว หน้ า
สครับสำหรับผิวหน้าไม่ควรเป็นสครับที่แข็งเกินไป เช่นเกลือ หรือน้ำตาลขัดผิว ควรใช้เมล็ดธัญพืชหรือเมล็ดพืช อาทิ ข้าวโอ๊ตหรือถั่วเขียวที่อ่อนโยนต่อผิวมากกว่า
ส่วนผสม
ข้าวโอ๊ตหรือถั่วเขียวบดละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ ดินสอพองบริสุทธิ์ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง นม โยเกิร์ต หรือน้ำมันมะกอก (หรือน้ำมันงาหีบเย็น) อย่างใดอย่างหนึ่ง น้ำเล็กน้อย
วิธีทำ
นำข้าวโอ๊ตหรือถั่วเขียวและดินสอพองมาผสมให้เข้ากัน เติมน้ำเล็กน้อยพอให้ส่วนผสมข้นคล้ายแป้ง เติมน้ำผึ้ง นม โยเกิร์ต หรือน้ำมันมะกอก คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี ทาส่วนผสมที่เตรียมไว้บนใบหน้าที่เปียกชื้นจนทั่วทั้งใบหน้า นวดเบาๆ เป็นวงกลม แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด และเช็ดหน้าให้แห้ง
Simply living • 13
stay healthy • health tips เรื่อง : เอม : ภาพ PP
VeggiesMagic ก่อนหน้าที่มนุษย์จะวิวัฒน์มาสู่การเป็นสัตว์กินเนื้อ บรรพบุรุษ ของพวกเราเคยเป็นสัตว์กินพืชมาก่อน นัยสำคัญนี้บ่งบอกว่า ธรรมชาติเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดต่อการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์เรา
ไว้แล้ว นั่นก็คือการเป็น “มังสวิรัติ” ไอน์สไตน์เห็นด้วยกับ
ความจริงข้อนี้ เขากล่าวว่า “ไม่มีสิ่งใดที่จะยังประโยชน์ให้แก่ สุขภาพของมนุษย์และเพิ่มพูนโอกาสให้แก่สิ่งมีชีวิตบนโลก
ได้เท่าการวิวัฒน์ไปสู่การเป็นมังสวิรัติ”
ย้อนวัยให้สมอง
ด้วยการออกกำลังกาย เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่า การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายและ จิตใจของเราแข็งแรง การออกกำลังกายไม่เพียงทำให้ระบบต่างๆ ทำงานอย่างเป็นปกติเท่านั้น หากยังช่วยป้องกันเราจากโรคภัยไข้เจ็บ
ที่สำคัญ การออกกำลังกายยังทำให้สมองของเราอ่อนเยาว์อีกด้วย งานวิจัยที่สถาบันซอลค์ ในแคลิฟอร์เนีย เปิดเผยว่าสมองของเรา ผลิตเซลล์ขึ้นใหม่ได้ ลบล้างความเชื่อเดิมๆ ที่ว่าสมองของคนเราจะไม่ สร้างเซลล์ใหม่เมื่ออายุมากขึ้น โดยการทดลองนี้ศึกษาจากหนูที่วิ่งถีบ จักรอยู่ในกรงพบว่า ขณะที่หนูวิ่งอยู่นั้นมีการสร้างเซลล์ประสาทเพิ่มขึ้น เป็นสองเท่า จึงเป็นไปได้ว่าการไหลเวียนเลือดที่เพิ่มขึ้นจากการออกกำลังกายไปกระตุ้นให้เกิดการเจริญเติบโตของเซลล์สมองใหม่ อีกหนึ่ง ความเป็นไปได้ก็คือ การวิ่งจะไปกระตุ้นคลื่นสมองที่เรียกว่า คลื่นเธต้า ซึ่งช่วยเพิ่มการหลั่งสารเซโรโทนิน อันเป็นที่รู้กันว่าจะช่วยกระตุ้นการ เจริญเติบโตของเซลล์สมองใหม่โดยเฉพาะตอนที่อยู่ในครรภ์และตอน เป็นทารกแรกเกิด การค้นพบนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์บางคนที่สถาบันซอลค์เริ่มวิ่งเป็น ประจำ ด้ ว ยเชื่ อ ว่ า การออกกำลั ง กายนั้ น ดี ต่ อ สมองโดยไปกระตุ้ น ฮอร์โมนการเจริญเติบโต ทำให้เซลล์สมองใหม่เกิดการเจริญเติบโต กระบวนการคิดและความจำจึงดีขึ้น
ถั่วพู แหล่งโปรตีนของมนุษย์กินผัก ดร.มิเรียม สตอปปาร์ด คุณหมอชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษระบุไว้ในหนังสือ Defying Age ว่า ผู้ที่กินมังสวิรัติจะมีสขุ ภาวะดีกว่าผูท้ กี่ นิ เนือ้ สัตว์ โดยทัว่ ๆ ไป ผูท้ กี่ นิ มังสวิรตั จิ ะมีน้ำหนักตัวน้อยกว่า โคเลสเตอรอลต่ำกว่า ความดัน โลหิตต่ำ มีโอกาสหัวใจล้มเหลวน้อยกว่า โอกาสเกิดมะเร็งน้อยกว่า และมี ระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงกว่า โดยเฉพาะผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะไม่เป็นมะเร็ง เต้านมและมะเร็งรังไข่ และยังมีโอกาสเป็นเบาหวานประเภท 2 นิว่ ในถุงน้ำดี นิว่ ในไต โรคกระดูกพรุน และโรคปวดข้อน้อยกว่าอีกด้วย ผักและผลไม้เป็นแหล่งของสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่าง มากมายมหาศาล จะว่าไปแล้วผลไม้ก็คือแคปซูลธรรมชาติที่บรรจุเกลือแร่ วิตามิน และสารอาหารจำเป็นอื่นๆ ไว้ภายใน เราจึงแทบไม่มีความจำเป็น ต้องกินอาหารเสริมอื่นใด เพราะมนต์วิเศษของผักและผลไม้นั้นไม่เพียงทำให้ ร่างกายของเราสมบูรณ์แข็งแรง หากยังทำให้อ่อนเยาว์ทั้งกายและใจอีกด้วย
14 • Simply
living
• กินแครอทวันละหนึ่งหัว อาจลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ • กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บร็อกโคลี และพืชตระกูลกะหล่ำ มีสารเคมี
ที่ช่วยป้องกันมะเร็งเต้านม • กินมะเขือเทศเป็นประจำ ลดความเสีย่ งทีจ่ ะเป็นมะเร็งตับอ่อนได้ถงึ 5 เท่า • ผู้หญิงที่กินผักและผลไม้ โดยเฉพาะผักสีเขียวและผักสีส้ม มีความ เสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูกลดลงครึ่งหนึ่ง • ผลไม้จำพวกส้มและมะนาว มีสารต้านอนุมลู อิสระหลายประเภท รวมทัง้ แคโรทีนอยด์ เทอร์พันส์ฟลาโวนอยด์ และวิตามินซี • หอมแดงอุดมด้วยเควอร์เซติน สารต้านอนุมูลอิสระที่ชว่ ยป้องกันไม่ให้ โคเลสเตอรอล LDL เข้าไปทำลายหลอดเลือดหั ว ใจและป้ อ งกั น การเกิ ด
ลิ่มเลือด
เวลาที่เราพูดถึงการทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ถั่วเหลืองคือแหล่งโปรตีนที่มังสวิรัติ
ทั้งหลายนึกถึงเป็นอันดับแรก ในความเป็นจริง นอกจากถั่วเหลืองแล้ว ถั่วพู ผักพื้นบ้านที่มัก ถูกมองข้ามก็เป็นแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยมอีกชนิดหนึ่งที่ทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้เป็นอย่างดี รายงานล่าสุดโดยดร.ณรงค์ โฉมเฉลา จากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่ง ประเทศไทย (วว.) ระบุว่า ถั่วพูเป็นพืชโปรตีนสูงที่มีคุณค่าทัดเทียมถั่วเหลือง สามารถใช้เป็น แหล่งทดแทนโปรตีนจากสัตว์ได้ดี โดยผลการวิจัยนี้กล่าวว่าถั่วพูเป็นพืชที่รับประทานได้
ทุกส่วน ตั้งแต่ยอดอ่อน ใบอ่อน ดอก ฝักอ่อน เมล็ดอ่อน เมล็ดแก่และหัว โดยแต่ละส่วน
จะมีโปรตีนมากกว่าพืชอื่นๆ เมล็ดแก่ของถั่วพูยังนำมาสกัดน้ำมันได้ถึง 17% เป็นน้ำมันคุณภาพดี เพราะมีกรดไขมัน ไม่อิ่มตัว และน้ำมันที่สกัดได้มีโปรตีนสูงถึง 34% ใช้ทำผลิตภัณฑ์อาหารได้ดีเช่นเดียวกับ
ถั่วเหลือง แต่ดีกว่าตรงที่ไม่มีกลิ่นเหมือนเต้าหู้ เมล็ดแก่ของถั่วพูยังมีสาร tocopherol ใน ปริมาณสูง ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระที่ไปทำลาย วิตามินเอ ดังนั้นการกินถั่วพูจะช่วยให้การใช้ประโยชน์ของวิตามินเอในร่างกายที่ได้จาก อาหารมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
Simply living • 15
stay healthy • health tips
3
6
7
8
9
สุ ข ภาพยอดเยี่ ย มแบบเต๋ า
ตอนที่ 1 นวดใบหู ตามความเชื่อของลัทธิเต๋า ใบหูของคนเรานับเป็นอวัยวะที่สำคัญอย่างยิ่ง หูไม่เพียงเป็นหนึ่งในอวัยวะรับสัมผัสที่สำคัญต่อการ ดำรงชีวิต หากยังเป็นศูนย์รวมของจุดฝังเข็มและเส้นลมปราณทั่วร่างกาย ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าใบหูมีลักษณะคล้ายตัวอ่อน ของมนุษย์ ใบหูจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งตัวเราเอง การนวดใบหูจึงเปรียบได้กับการนวดร่างกายทั้งร่างให้ผ่อนคลายด้วยพลังแห่งชี่
ที่ไหลเวียนไปยังอวัยวะต่างๆ ทั้งยังเป็นการเพิ่มสุขภาวะให้ชีวิตยืนยาวและเปิดโอกาสสู่สิ่งที่ดีงามในชีวิตอีกด้วย
4
เรื่อง : บูญ่า ภาพประกอบ : hobbitisme การนวดใบหูเป็นกิจกรรมแรกของการบริหาร
ลมปราณทั้ง 9 จุดของชี่กง (Qi Gong 9 places)
ซึ่ ง สำนั ก เมฆาขาวแห่ ง กรุ ง ปั ก กิ่ ง ปฏิ บั ติ สื บ ทอด
กันมายาวนานถึง 17 รุ่น เป็นกระบวนท่าเริ่มแรกที่
1 ปลุกให้ชี่หรือลมปราณในร่างกายไหลเวียนอย่าง
สะดวก เริ่มด้วยการยืนตรง แยกขาให้กว้างเท่ากับช่วงไหล่ นิ้วเท้าเหยียดงุ้ม เข้าเล็กน้อยเพื่อเปิดเชิงกราน ปล่อยให้ไหล่และแขนผ่อนคลายข้างลำตัว กำหนดลมหายใจเข้าออกให้เข้ากับอัตรการเต้นของหัวใจ คือ หายใจเข้า และหายใจออกเท่ากับหัวใจเต้นสี่ครั้ง ปล่อยใจให้ว่างเพื่อเข้าสู่สภาวะสงบนิ่ง เริ่มนวดใบหูด้วยแรงพอประมาณ โดยกำมือหลวมๆ ใช้นิ้วชี้และนิ้ว
หัวแม่มอื นวดคลึงไปตามจุดต่างๆ บนใบหูทงั้ ด้านในและด้านนอก (รูปที่ 1) นวดจนกระทั่งใบหูแดง ร้อน และรู้สึกเจ็บ ไม่ต้องกังวลว่าหูจะเป็น อันตราย เพราะน้ำหนักที่กดลงบนใบหูไม่เพียงไปกระตุ้นกระดูกอ่อนและ
อันจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง นอกจากนี้ ไตที่มี สุ ข ภาพสมบู ร ณ์ แ ข็ ง แรงยั ง ช่ ว ยรั ก ษาสมดุ ล ของระบบสื บ พั น ธุ์ แ ละการ
เผาผลาญ เพิ่มพูนความสามารถในการเจริญพันธุ์ และทำให้อายุยืนยาว การนวดใบหูนอกจากจะทำให้ฮอร์โมนในสมองสมดุลแล้ว ยังช่วยให้ สมองทำงานเป็นปกติโดยไปเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ยิ่งเลือดไหลเวียนไป เลี้ยงสมองได้มาก ประสิทธิภาพในการจดจำก็จะดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ สมองคิดอย่างมีเหตุมีผล ช่วยป้องกันการหลงลืมและโรคสมองเสื่อมซึ่งจะ เกิดเมื่อเราอายุมากขึ้น ส่วนผลในระยะสั้น การนวดใบหูยังช่วยป้องกันหวัด และการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อและข้อต่อได้อีกด้วย เมื่อนวดใบหูจนร้อนและแดง ให้กำมือหลวมๆ นิ้วทั้งสี่เรียงชิดติดกัน
ถูนวดจากด้านหลังใบหูมาด้านหน้าจนร้อนและแดง (รูปที่ 2) และนวดทุกๆ จุดจนทั่วทั้งใบหู การนวดใบหูจากด้านหลังมาด้านหน้าช่วยรักษาโรคได้ หลายโรค ไม่เฉพาะโรคที่เกิดขึ้นจากช่วงเปลี่ยนอากาศอย่างหวัดเท่านั้น หากยังช่วยอาการที่เกิดจากการติดเชื้อและปอดอ่อนแออีกด้วย ช่วงที่รู้สึก เป็นหวัดไม่สบาย การนวดใบหูจะช่วยบรรเทาอาการได้มาก ในขณะที่นวด 2 ใบหูไปมาให้ใช้นิ้วดันใบหูจากด้านหลังมาด้านหน้า (รูปที่ 3) ซึ่งจะช่วยให้ ความดันโลหิตเป็นปกติ ไม่ว่าคุณจะความดันโลหิตสูงหรือต่ำ การนวดใบหู ในลักษณะนี้ (รูปที่ 4) จะช่วยให้ความดันโลหิตเป็นปกติได้ การนวดหลังหู ยั ง แฝงนั ย บางอย่ า งตามความเชื่ อ ของลั ท ธิ เ ต๋ า ที่ เ ชื่ อ ว่ า การนวดหลั ง หู เป็นการเพิ่มโอกาสให้แก่ชีวิต เพราะไม่ว่าจะเหตุการณ์หรือสิ่งต่างๆ ย่อมมี โอกาสและความเป็นไปได้ซ่อนอยู่ การนวดใบหูให้มีความไวต่อสัมผัสจะช่วย ให้เราเปิดรับความเป็นไปได้ต่างๆ ในชีวิต ซึ่งบางครั้งเราไม่เคยตระหนักรู ้ มาก่อน (รูปที่ 5) เพิ่มการไหลเวียนของชี่เท่านั้น แต่ความรู้สึกเจ็บยังกระตุ้นให้ร่างกายหลั่ง
ท่าต่อไปคือ ใช้นวิ้ หัวแม่มอื และนิว้ ชีบ้ บี เบาๆ ทีข่ อบใบหูจากด้านบนลงมา เอนโดรฟินส์และปลดปล่อยชี่ให้ไหลเวียนไปทั่วร่างกายอย่างอิสระ จนถึงติ่งหู (รูปที่ 6) และเมื่อบีบลงมาถึงติ่งหูแล้ว ให้ดึงติ่งหูเบาๆ (รูปที่ 7) การนวดใบหูเป็นการกระตุ้นจุดต่างๆ ในร่างกาย เป็นการอบอุ่นและนวด การทำเช่นนี้จะช่วยให้ความดันโลหิตเป็นปกติ โดยเฉพาะผู้หญิง การดึงติ่งหู อวัยวะต่างๆ ด้วยชี่ ช่วยให้ร่างกายได้บำบัดตนเองจากอาการเจ็บป่วย การ ให้ยืดยาว ตรงกับคำแนะนำในตำราประตูมังกร ที่บอกให้ผู้หญิงคล้องต่างหู แพทย์แบบเต๋าถือว่าใบหูสัมพันธ์กับไต (ให้สังเกตว่าใบหูมีลักษณะคล้ายไต) ขนาดใหญ่เพื่อรักษาสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง แม้แต่การแพทย์ทางเลือก ซึ่งการทำงานของไตนั้นสัมพันธ์กับสมดุลของฮอร์โมนในสมองอีกทอดหนึ่ง อย่างไคโรแพกติกก็กล่าวว่าการดึงติ่งหูลงช่วยคลายระบบประสาทสำคัญๆ การปลดปล่ อ ยให้ ชี่ ไ หลเวี ย นอย่ า งสะดวกในใบหู จ ะเป็ น การนำชี่ ไ ปสู่ ไ ต ปลดปล่อยสารพิษ และทำให้สมองทำงานอย่างอิสระ นวดในท่านี้ 9 ครั้ง 16 • Simply
living
5
10
การบริหารท่าต่อไปเรียกว่า หูที่สาม (third ear) ท่านี้ช่วยเพิ่มความ สามารถในการรับฟังข้อความจากสวรรค์ กำมือหลวมๆ ให้ฝ่ามือกุมใบหู ปลายนิว้ อยูด่ า้ นหลังศีรษะ ศอกกางออก (รูปที่ 8) กดฝ่ามือเบาๆ ลงบนใบหู แล้วดึงฝ่ามือออกห่างจากใบหูเล็กน้อย (รูปที่ 9) ท่านี้จะช่วยให้คลองในหู สมดุล เพิ่มประสิทธิภาพให้ประสาทรับฟัง โดยรักษาสมดุลของคลองในหู และกระตุ้นเยื่อแก้วหูให้ไวต่อคลื่นเสียงทั้งที่ต่ำและสูงกว่าที่หูมนุษย์ได้ยิน ตามความเชื่อของเต๋า การทำเช่นนี้จะทำให้หูเพิ่มความสามารถในการรับฟัง ข้อความจากจักรวาล ทำซ้ำ 9 ครั้ง ท่าบริหารสุดท้ายคือท่าที่เรียกว่า “ตีกลองสวรรค์” มือยังคงแนบใบหู
นิ้วอยู่ด้านหลังศีรษะเช่นเดียวกับท่าหูที่สาม นิ้วชี้ไขว้ทับนิ้วกลาง จากนั้น
กดลงบนตำแหน่งที่อ่อนนุ่มตรงฐานกะโหลก (รูปที่ 10) ทำซ้ำ 9 หรือ 13 ครั้ง เนื้อเยื่อตรงฐานกะโหลกนี้เป็นจุดที่มีความสำคัญ จำเป็นต้องเหยียดยืด ให้ผ่อนคลาย เนื่องจากเป็นจุดที่เชื่อมระหว่างกะโหลกศีรษะและกระดูก
สันหลังข้อแรก ภายในกระดูกข้อนี้เป็นปลายทางที่ระบบประสาทของกระดูก สันหลังจะเข้าสู่ฐานของสมอง ความตึงเครียดหรือความติดขัดใดๆ จะทำให้ เลือดและระบบประสาทไหลเวียนขัดข้อง การบิดเบี้ยวไม่ได้รูปของกระดูก
สันหลังข้อบน ส่งผลต่อการทำงานที่บกพร่องในตำแหน่งกราม กล้ามเนื้อใบหน้า และตลอดความยาวของกระดูกสันหลัง อันจะนำไปสู่ท่าทางที่ผิด ปกติ ความเจ็บปวด และความอ่อนล้า ตามตำราแพทย์แผนจีน ตำแหน่งนี้
ตรงกับจุดที่เรียกว่า “เฟงฝู” หรือ “ประตูลม” ตำแหน่งนี้สัมพันธ์กับ “สมอง น้อย” หรือจุดรวมระหว่างก้านสมองและซีรีเบลลัม ซึ่งเป็นจุดที่รับผิดชอบ การทำงานพื้นฐานของร่างกาย เช่น ควบคุมสมดุลการเคลื่อนไหวและการ ทำงานประสานกันของร่างกาย โดยเฉพาะที่ก้านสมองซึ่งเป็นตำแหน่งของ สมองส่วนที่เรียกว่าเมดูลาออปลองกาตา ทำหน้าที่รับผิดชอบหัวใจและ หลอดเลือด ความสามารถในการตื่นจากการนอนหลับ โรคนอนไม่หลับและ โรคหัวใจทุกชนิด รวมทั้งความดันโลหิตผิดปกติ สามารถรักษาให้หายได้ด้วย การกระตุ้นจุดเฟงฝูนี้ การนวดคลึงใบหูให้อ่อนนุ่มนับว่าสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหูที่แข็งกระด้าง นำไปสู่ความตาย บริหารใบหูด้วยการนวดคลึงให้กระดูกอ่อนคลายตัวและ อ่อนนุ่ม จะช่วยให้หูไวต่อเสียงแห่งการเปลี่ยนแปลงและการสั่นสะเทือนที่ไม่ อาจสัมผัสได้ หูทยี่ ดื หยุน่ จะช่วยให้เรารับมือและปรับเปลีย่ นต่อการเปลีย่ นแปลง ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในชีวิต
Simply living • 17
stay healthy • health tips เรื่อง : นพ.วิโรจน์ ตระการวิจิตร ภาพประกอบ : hobbitisme
10 วิธี
จิ ต ผ่ อ นคลาย กายเป็ น สุ ข
หลังจากที่สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลาย ผมได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับ คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย ซีอีโอ บริษัท ดีซี คอนเซาว์แตน และสำนักพิมพ์
ดี เอ็ม จี ปรมาจารย์แห่ง “กลยุทธ์น่านน้ำสีขาว” คุณดนัยได้ปรารภถึงเรื่อง “การเยียวยาจิตใจ” ที่จะต้องช่วยกันฟื้นฟู และได้ให้คำแนะนำผมหลาย เรื่อง หนึ่งในนั้นคือ ให้ผมรีบเขียนบทความที่จะช่วยเยียวยาจิตใจออกมาให้ เร็วที่สุด และจะได้ช่วยกันเผยแพร่ ผมรีบลงมือเขียนทันที เพราะสนใจและ มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง “การแพทย์สายจิต” (Mind Body Medicine) อยู่พอ สมควร คุณดนัยได้นำเสนอผ่านทั้งรายการวิทยุและบทความหนังสือพิมพ์ แต่ดว้ ยข้อจำกัดเรือ่ งเวลาและพืน้ ทีเ่ ขียน จึงได้ฉบับกระชับ ครัง้ นีเ้ ป็นโอกาสดี ด้วยเวลาและพื้นที่อำนวย จึงขอเพิ่มเติมขยายความสักหน่อยครับ การแพทย์สายจิตที่ผมกล่าวถึงนั้น หมายถึง การเยียวยารักษารวมทั้ง ฟื้นฟูสุขภาพ ทั้งผู้เจ็บป่วย กำลังจะป่วย หรือผู้ปกติดีอยู่แล้ว ให้มีสุขภาพ ร่ า งกายดี ยิ่ ง ขึ้ น โดยใช้ เ ครื่ อ งมื อ ที่ แ ตกต่ า งจากการแพทย์ ส ายหลั ก (Conventional Medicine) ที่เน้นไปที่การใช้ยา หรือการผ่าตัด แต่การ แพทย์สายจิตจะเน้นที่การฝึกจิตของคนๆ นั้น โดยคนๆ นั้น เพื่อคนๆ นั้น หลักการของการแพทย์สายจิตอย่างย่อมีอยู่ว่า จิตที่ดีจะส่งคลื่นกระแส จิตที่ดี ซึ่งจะมีผลต่อสมองให้หลั่งสารเคมีสมองที่ดีออกมาไปกระตุ้นให้ ร่างกายและอวัยวะสร้างภูมิต้านทานสูงขึ้น รวมทั้งปรับระดับฮอร์โมนให้อยู่ ในเกณฑ์ปกติและมีประสิทธิภาพ ทำให้สุขภาพร่างกายของคนๆ นั้นดีขึ้น ดังนั้นฉบับ นี้เราจะมาคุยกันถึงวิ ธีการฝึกจิ ตและการใช้ ชีวิตที่ถูก ต้อง
ผมรับรองครับว่าสุขภาพและคุณภาพชีวิตดีขึ้นแน่ถ้าฝึกปฏิบัติเป็นประจำ ทุกวิธีผ่านการพิสูจน์แล้วทั้งในระดับสากล รวมทั้งตัวผมเองด้วย สิบวิธีง่ายๆ มีดังนี้ครับ การใช้ชีวิตให้ช้าลง ความเร่งรีบของชีวิต เป็นสาเหตุใหญ่ ของความเครียดในปัจจุบัน ความเร่งรีบเกิดมาจากเราต้องการ ใส่ทุกๆ อย่างหรือหลายๆ อย่างเข้าไปในชีวิตของเราให้หมด เขามีอะไร เราก็ต้องมีบ้าง เราจะไม่ยอมตกเทรนด์เป็นอันขาด เมื่อตาราง เต็มเอียดเช่นนี้ แน่นอนว่าเราจะไม่สามารถใส่รายละเอียดของทุกเรื่องลงไป ได้ เราก็คงได้แค่เพียงสัมผัสประสบการณ์อย่างหยาบๆ ไม่สามารถละเมียด กับรายละเอียดได้เลย มิหนำซ้ำอาจเกิดข้อผิดพลาดที่เราจะต้องมาแก้ไขอีก ถ้าเพียงเรารู้จักเลือกใช้ชีวิตที่เป็นของเราเอง มองให้เห็นคุณค่าของชีวิต ที่แท้จริง คัดเลือกแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ มีคุณค่าและเหมาะสมกับตัวเรา สามารถวางแผนตารางชีวิตได้เหมาะสม ความเร่งรีบก็จะลดลง ความเครียด ก็จะลดลงตามไปด้วย ออกกำลังกายแอโรบิก เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ ทำเป็นประจำจะเพิ่มปริมาณเลือดไปเลี้ยงสมอง สมอง จะหลั่งฮอร์โมนความสุข จิตจะโปร่งเบาสบายมีสุข การออก กำลังกายแอโรบิกถือเป็นเครื่องมือคลายเครียดที่ได้ผลเร็วที่สุด แต่ต้อง ค่อยๆ ฝึก ค่อยๆ เพิ่มปริมาณ เพราะส่วนใหญ่จะเริ่มเยอะ พอปวดเมื่อย
ก็ท้อหมดกำลังใจ เคล็ดลับอยู่ที่ว่าทำให้ได้ทุกวัน อาจเริ่มจากน้อยมากๆ
1 สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน สำหรับฉบับแรกนี้ ผมใช้เวลาคิดอยู่นานเหมือนกันครับว่าจะเขียนเรื่องอะไร มันเหมือนกับการเดินทางพันลี้ ก้าวแรกที่เดินจะยากที่สุด มีเรื่องราวต่างๆ มากมาย
ที่อยู่ในหัว ในใจ ที่อยากจะคุยให้ผู้อ่านฟัง แต่พอคิดถึงคำว่า เรื่องแรก ฉบับแรก ก็อยากให้มัน
อินเทรนด์ และถูกใจให้มากที่สุด และแล้วผมก็คิดออกครับ จำได้ว่าเมื่อคราวเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในช่วงเมษา-พฤษภาที่ผ่านมา ผมกับกลุ่มเพื่อนคุย รายงาน สถานการณ์กันทางบีบีโดยตลอด เพื่อนคนหนึ่งบ้านอยู่แถวบ่อนไก่ สามีก็ไม่อยู่ไปต่างประเทศ ตัวเองต้องหอบลูก ทิ้งบ้าน ย้ายไปอยู่กับญาติ พวกเราก็ต้องช่วยกันลุ้นให้ครอบครัวและบ้านเขาปลอดภัย มีความรู้สึกว่าบรรยากาศ ในช่วงนั้นมันตึงเครียดจริงๆ พวกเราต้องติดตามข่าวคราว และภาวนาขอให้บ้านเมืองกลับสู่ความสงบสุขโดยเร็ว 18 • Simply
living
2
เช่นยืนแกว่งแขนแค่ 5 นาทีต่อวันให้ได้ทุกวัน ทำจนเรารู้สึกอยากจะเพิ่มเอง แล้วค่อยเพิ่ม ทำไปเรื่อยๆ ก็จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของกายและจิต อย่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ
3
การเข้ า นอนหั ว ค่ ำ ตื่ น แต่ เ ช้ า การนอนเป็ น กลไกและ กระบวนการตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด แสงธรรมชาติ จะเป็นตัวกำหนดให้สรรพสัตว์ทั้งหลายมีการนอนตามนาฬิกา ชี วิ ต ของธรรมชาติ แต่ ม นุ ษ ย์ ไ ด้ ส ร้ า งแสงวิ ท ยาศาสตร์ อ อกมาเสริ ม แสง ธรรมชาติ ทำให้การนอนของมนุษย์ผิดเพี้ยนไป ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ฮอร์ โ มนของร่ า งกายมนุ ษ ย์ ที่ ห ลั่ ง ตามจั ง หวะแห่ ง นาฬิ ก าชี วิ ต นี้ ก็ พ ลอย
ผิดเพี้ยนไปด้วย ดังนั้นถ้าเราสามารถทำตามธรรมชาติได้คือ เข้านอนแต่ หัวค่ำตื่นแต่เช้า การนอนจะมีคุณภาพ ระบบฮอร์โมนในร่างกายจะเป็นปกติ
ภูมิต้านทานดี สุขภาพดี จิตใจดี และสมองดีด้วย ฝึกหายใจลึกและช้า การหายใจที่ ถู ก ต้ อ งถื อ ว่ า เป็ น การ
ผ่อนคลายร่างกาย และจิตใจที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องลงทุนอุปกรณ์ หรื อ สถานที่ แ ต่ ป ระการใด แต่ ก็ ถู ก หลงลื ม ละเลยบ่ อ ยที่ สุ ด
ลมหายใจจะเป็นตัวเชื่อมพลังของธรรมชาติเข้ากับพลังชีวิตในร่างกายของเรา ความยิ่งใหญ่ของลมหายใจมีมากมาย มนุษย์เราสามารถหลุดพ้น หรือเข้าสู่ สภาวะสงบเย็นเป็นสุขได้ก็เพียงแค่หายใจที่ถูกต้อง โดยหายใจเข้าท้องจะ พองออก หายใจออกท้องจะยุบลง หายใจเบาๆ ช้าๆ จิตจดจ่ออยู่เพียง
แค่ลมหายใจ หายใจเข้าก็รู้ หายใจออกก็รู้ หายใจสั้นก็รู้ หายใจยาวก็รู้ อัตราการหายใจให้ได้ไม่เกิน 10 ครั้งต่อนาที จะช่วยให้จิตผ่อนคลายลง ลดความเครียดได้ทันที ความสุขก็เกิดขึ้นตามมา การฝึกชี่กง ไทเก็ก โยคะ คือการผสานกลไกสามอย่างเข้า ด้วยกันคือ หนึ่ง ท่าทางหรือการเคลื่อนไหว สอง ลมหายใจ สาม การกำหนดจิตสร้างจินตภาพ ในระดับเริ่มต้น จิตจับจ้อง จดจ่อไปที่ท่าทางการเคลื่อนไหว สอดคล้องกับช่วงจังหวะการหายใจ เพียง แค่นี้ก็สามารถทำให้จิตสงบนิ่ง และผ่อนคลายได้แล้ว แต่ถ้าพัฒนาไปขั้นสูง จิตจะเริ่มสร้างจินตภาพ สามารถสัมผัสเชื่อมต่อระหว่างพลังชีวิตในตัวเรา กับพลังของฟ้าดิน พลังของธรรมชาติ เมื่อนั้นความสุขสงบจะบังเกิดขึ้นใน จิตอย่างมาก และพลังธรรมชาติที่ได้รับนี้จะช่วยเติมพลังชีวิตให้กับเรา อย่างมากมายมหาศาลเลยทีเดียว การฝึกยิ้ม หัวเราะ มีอารมณ์ขัน จะช่วยให้เรามีอารมณ์ดี ในทันที เป็นเครื่องมือที่ดูเหมือนง่าย แต่ไม่ง่ายสำหรับทุกคน เพราะเป็ น บุ ค ลิ ก ภาพที่ ถู ก ปลู ก ฝั ง มาตั้ ง แต่ เ ด็ ก ๆ แต่ เ รา สามารถฝึกได้ครับ เริ่มจากยิ้มหัวเราะกับตัวเอง มองโลกในมุมที่เราไม่เคย มอง อยู่กับเพื่อนที่มีอารมณ์ขัน ดูหนังที่ผ่อนคลายสร้างอารมณ์ขัน ตั้งใจ หรือตั้งปณิธานไว้ว่า วันนี้เราจะยิ้มและสร้างอารมณ์ขันให้กับผู้อื่น และถ้า เราทำได้ดี สิ่งที่เราจะได้รับตอบกลับมาก็คือรอยยิ้มและเสียงหัวเราะด้วย
4 5 6
Simply living • 19
สมั ค รสมาชิ ก SUBSCRIPTION FORM
"งาม ง่าย สไตล์ simply"
ร ค ั ม ส ิเศษ 2 ปี
พสมาชิก ผ้ายีนส์
๋า ัรบกระ่าเป390 บาท มูลค
สมั คร
สมาชิก 1 ปี
7
การใช้ศิลปะบำบัด เช่น การร้องเพลง เล่นดนตรี การเต้นรำ การวาดรูป ทำงานศิลปะ เหมาะกับ คนที่มีจิตใจรักในสุนทรียศาสตร์ จิตจะจดจ่อกับกิจกรรมที่ผ่อนคลาย ลืมความทุกข์ความวิตกกังวล
ได้ดีทีเดียว ที่สำคัญคืออย่าจริงจังกับผลงานมากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดความเครียดซ้อนขึ้นมาได้ ขอให้รักในสิ่งที่ทำก็พอแล้ว นี่เรียกว่าทำด้วยฉันทะ แต่ถ้าไปมุ่งที่ผลงาน เรียกว่าทำด้วยตัณหา ก็จะไม่ผ่อนคลาย ไม่หายเครียด การรับพลังธรรมชาติ การได้เปลี่ยนบรรยากาศจากที่จำเจไปสู่ธรรมชาติ เช่น ภูเขา ต้นไม้ ทะเล สายลม แสงแดด จะช่วยให้จิตใจผ่อนคลายเป็นสุข รวมทั้งได้รับพลังจากธรรมชาติเข้าสู่ตัวเราด้วย ควรหาเวลาไปตากอากาศให้ได้อย่างน้อยสองเดือนครั้ง เราจะเห็นถึงความงดงามของธรรมชาติที่กำลัง รอให้เราไปสัมผัส เรานับว่าโชคดีมากที่เกิดมาอาศัยอยู่ในประเทศไทย ที่ๆ ซึ่งมีธรรมชาติสวยงามระดับโลกอยู่ มากมายทีเดียว อย่าให้โอกาสดีๆ ผ่านไปนะครับ การสวดมนต์ อธิษฐานจิต เป็นวิธีการที่ง่ายและคุ้นเคยมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กนักเรียน ตั้งใจและ ทำให้ได้ว่า จะสวดมนต์ให้ได้ทุกวัน เช้าและก่อนนอน เริ่มจากบทสวดที่เราชอบ หรือคุ้นเคยก่อน
ไม่ต้องยาว ไปเรื่อยๆ แล้วทำทุกวัน จิตน้อมไปในคุณพระรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคารพ รวมทั้ง คุณงามความดีที่เราได้กระทำมาในอดีต จะเป็นพลังจิตอย่างมหาศาลแก่เรา จิตจะสงบผ่อนคลาย ความเครียดลด ความสุขเพิ่มขึ้น การฝึกทำสมาธิ นับว่าเป็นเครื่องมือที่ได้ผลดีมาก แต่อาจยากสำหรับบางคน ดังนั้นจึงขอ ใช้คำว่าฝึก โดยต้องค่อยเป็นค่อยไป ปรึกษาครูอาจารย์ ลองฝึกปฏิบัติหาอารมณ์หรือวิธีที่ เหมาะกับตัวเรา ซึ่งมีหลายอารมณ์ หลายวิธี การฝึกสมาธิจะช่วยทำให้จิตสงบ คลื่นสมองจะ ช้าลง และมีระเบียบมากขึ้น มีหลักฐานและเป็นที่ยอมรับในวงการวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้วว่า การฝึกสมาธิ นอกจากพัฒนาจิตแล้วยังช่วยพัฒนาสมองด้วย สามารถลดภาวะการเสื่อมของสมองลงได้ เห็นไหมครับ กลวิธี 10 ข้อที่จะช่วยผ่อนคลายจิตและลดความเครียดนั้น ส่วนใหญ่เราก็พอจะทราบกันมาบ้าง แล้ว แต่ยังไม่ค่อยได้ลิ้มลองสรรพคุณกัน ขอเชิญทุกท่านมาลองให้เวลากันดูหน่อย ทำบ่อยๆ ให้ติดเป็นนิสัย จิตจะ สบาย กายจะแข็งแรง พึ่งพาตัวเองได้ไม่ต้องพึ่งใคร แถมต้นทุนต่ำด้วยครับ
รับกระเป๋าผ้า มูลค่า 100 บาท
กระเป๋าผ้ายีนส์
8 9 10
20 • Simply
living
Recycle Notebook
รายละเอียดกระเป๋า : - เนื้อผ้ายีนส์เกาหลี - ขนาด : ก.15 x ส.18
x ก้นข้าง 5 นิ้ว - ติดกระดุมเหล็ก 2 เม็ด - ด้านในมีซับดำ - ลายกระเป๋ากุ๊นเอ็น
สมุดบันทึกลาย Modern Vintage กระดาษรีไซเคิล 75 แกรม จำนวน 200 หน้า มูลค่า 65 บาท
สถานที่จัดส่งนิตยสาร
ข้อมูลส่วนตัว นาย นาง นางสาว ชื่อ ที่อยู่ อาคาร/หมู่บ้าน ตรอก/ซอย แขวง/ตำบล จังหวัด เบอร์โทรศัพท์
ที่อยู่ อาคาร/หมู่บ้าน ตรอก/ซอย แขวง/ตำบล จังหวัด เบอร์โทรศัพท์
นามสกุล เลขที่ ถนน เขต/อำเภอ รหัสไปรษณีย์ E-mail
ที่บ้าน
ที่ทำงาน เลขที่ ถนน เขต/อำเภอ รหัสไปรษณีย์ E-mail
เงื่อนไขการสมัครสมาชิก อัตราสมาชิก แบบที่ 1 รับของสมนาคุณ สมัคร 1 ปี (12 ฉบับ) ราคา 1,080 บาท จะได้รับกระเป๋าผ้า Simply Love Earth มูลค่า 100 บาท และสมุดบันทึก Recycle มูลค่า 65 บาท สมัคร 2 ปี (24 ฉบับ) ราคา 2,160 บาท จะได้รับกระเป๋าผ้ายีนส์ มูลค่า 390 บาท อัตราสมาชิก แบบที่ 2 ไม่รับของสมนาคุณ รับส่วนลด 10% สมัคร 1 ปี (12 ฉบับ) ราคา 972 บาท
สมัคร 2 ปี (24 ฉบับ) ราคา 1,944 บาท
มีความประสงค์สมัครนิตยสาร simply living ฉบับที่
เดือน
พ.ศ.
ถึงฉบับที่
เดือน
พ.ศ.
ชำระเงินโดย โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ในนาม บริษัท กรีนบลิส จำกัด ธนาคารกสิกรไทย สาขาราชวัตร เลขที่บัญชี 722-2-30059-7 กรุณาแฟกซ์หลักฐานการโอนเงินพร้อมใบสมัครของคุณมาที่หมายเลข 0-2275-9282 *ใช้ใบสมัครนี้หรือถ่ายเอกสารได้
well balance
ความสุ ข แสนง่ า ย เรื่อง : พิทยากร ลีลาภัทร์ ภาพประกอบ : แก้วตา
ผมเพิ่งลงมาจากดอยอินทนนท์ครับ ไปพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในหมู่บ้านของชาวกะเหรี่ยงปะกากะญอ อากาศบนดอยช่วงนี้กำลังดี ไม่หนาวจนต้องหมกตัวในผ้าห่ม ไม่ร้อนจนเหงื่อไหลไคลย้อย แต่มีลมเย็นๆ พัดโบกมาให้เย็นกาย เย็นใจได้ทั้งวันทั้งคืน รีสอร์ททีผ่ มไปพัก ไม่ใช่รสี อร์ทประเภทสวยหรูดเู ก๋ไก๋สไตล์จดั สวนชวนมองหรือมีหอ้ งพักห้าสิบเก้าห้อง แต่เป็นหมูบ่ า้ นทีป่ ลูกกระท่อม ไว้รมิ ทีน่ าของหมูบ่ า้ น และริมลำเหมือง (ลำธารนีแ่ หละ) กระท่อมหน้าตาบ้านๆ นีแ่ หละครับ มองปราดเดียวก็รวู้ า่ สร้างด้วยฝีมอื ชาวบ้าน โดยชาวบ้าน แต่ไม่ใช่เพื่อชาวบ้าน แต่เพื่อนักท่องเที่ยว มันน่าสนใจตรงทีค่ นกรุงเทพฯ อย่างผม ฝรัง่ หรือญีป่ นุ่ ชอบกระต๊อบของเขามาก เพราะความทีม่ นั ธรรมดาๆ ไม่มกี ารปรุงแต่งเยอะแยะ ไม่มีเครื่องปรับอากาศหรือทีวี แต่ข้อดีคืออยู่ใกล้ลำธารและท้องนา ล้อมรอบด้วยหุบเขา อากาศก็ดีเหลือหลาย ที่ผมอมยิ้มก็คือ ในขณะที่ชาวบ้านในชนบทหลายๆ คนอยากมีเงินเพื่อสร้างบ้านก่ออิฐถือปูนแบบคนกรุงเทพฯ คนกรุงเทพฯ กลับต้องมาจ่ายเงินคืนละเป็นพันเพื่อจะมานอนในกระต๊อบธรรมดาๆ แต่ใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุดแบบนี้ เคยสังเกตไหมครับว่าอารมณ์พื้นฐานของมนุษย์เรา เกี่ยวข้องผูกพันกับธรรมชาติแวดล้อมอยู่ไม่น้อย แม้จะมีความต่างขั้วกัน อย่างฝรั่งก็ชอบจะหนีหนาวมาเมืองร้อน คนเมืองร้อนอย่างเราก็ชอบหนีร้อนไปเมืองหนาว ยิ่งได้เห็นหิมะขาวๆ ยิ่งชอบใจ ไม่แต่เฉพาะเรื่องอากาศหรอกครับ เราต่างแสวงหาความสุขด้วยวิธีต่างๆ กัน ด้วยความเชื่อที่แตกต่าง แต่ไม่ว่าเราจะเชื่อว่า ความสุขของเราคืออะไร เส้นทางชีวติ เราก็มกั จะหันเหไปเพือ่ ตอบสนองเป้าหมายนัน้ ทีน่ า่ สังเกตต่อไปอีกคือ ความสุขในโลกนีส้ ว่ นใหญ่ มักต้องพึ่งพาอาศัยบุคคล หรือสิ่งของนอกตัวเราเป็นตัวตั้ง พร้อมกับเงื่อนไขว่า ถ้ามีสิ่งนั้น ถ้าได้สิ่งนี้ แล้วถึงจะมีความสุข มีคนหนุม่ คนสาวจำนวนมากคิดว่าถ้าชีวติ นีม้ เี งินมากๆ จะมีความสุข จึงตัง้ หน้าตัง้ ตาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการหาเงิน กระทัง่ ตอนเรียน ก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนวิชาที่เชื่อว่าจะพาตนไปสู่ช่องทางการหาเงินได้มากๆ ครั้นพอเรียนจบก็ต้องดิ้นรนหางานที่เงินดีๆ ซึ่งงานจำพวกนี้ ก็มักจะมีความเครียดอยู่ในแพ็กเกจ บางคนทำงานจนล้มหมอนนอนเสื่อ ตายไปตั้งแต่ยังไม่ทันแก่ ก็มีให้เห็นกับตาผมมาแล้ว
22 • Simply
living
บางคนคิดว่ามีภรรยาสวยๆ มีแฟนมีสามีหล่อๆ แล้วจะมีความสุข เลยทุ่มทั้งตัวทั้งหัวใจกระทั่งเงินทองเพื่อใครคนหนึ่ง ผลสุดท้ายพอไม่ได้เป็นอย่างทีห่ วัง ชีวติ ก็ภนิ ท์พงั ไปดือ้ ๆ เสียอย่างนัน้ ก็มี ทัง้ ๆ ทีเ่ กิดในชาติตระกูลดี หน้าตาสะสวย ฐานะดี การงานดี หรือบางคนอยากมีบ้านสวยๆ มีงานดีๆ มีชื่อเสียงมีหน้ามีตา ก็ล้วนต้องอุทิศเวลา หยาดเหงื่อแรงกายไปเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งนั้น โดยที่ ไม่มีหลักประกันอะไรว่าสิ่งที่มุ่งหวังนั้นจะอยู่กับเราได้นานแค่ไหน มีคนส่วนน้อยมากครับที่สามารถพูดได้ว่า เขามีความสุขได้จากภายใน โดยไม่ต้องหวังจะพึ่งพาใครคนไหน หรือสิ่งอื่นภายนอก คนส่วนน้อยกลุ่มนี้มีลักษณะพิเศษตรงไหน อะไรทำให้เขามีความแตกต่างจากคนส่วนมาก ผมมีเคล็ดลับมาบอกกันสองสามข้อครับ อย่างแรกคือ คนที่มีความสุขอย่างยิ่งในโลกนี้ไม่ใช่คนที่มีหรือได้ทุกอย่างที่อยาก แต่เป็นคนที่เข้าใจ และยอมรับได้ในทุกอย่าง ที่ไม่สมอยาก พูดง่ายๆ คือ ยิ่งถ้าเราเป็นคนเข้าใจ และยอมรับความจริงของเงื่อนไขอุปสรรค ข้อจำกัดในชีวิตที่เรามีอยู่เป็นอยู่ได้มาก เท่าไหร่ เราก็เป็นคนที่มีความสุขได้มากเท่านั้น ข้อต่อมาครับ ความสุขจะคูณทวีขึ้นตามระดับของความพอใจของใจเราเอง ไม่ใช่ตามจำนวนของสิ่งที่เราได้ คนมีรถสิบคันอาจ จะมีความสุขไม่เท่าคนที่มีรถคันเดียว หรือนั่งเกวียน หรือเผลอๆ อาจจะทุกข์มากกว่าคนที่นั่งตุ๊กตุ๊กก็ได้ ยกตัวอย่าง เรามีเพื่อนขับเบนซ์ บีเอ็ม เฟอร์รารี พอร์ช กันทุกคน ในขณะที่เรานั่งรถเมล์ หรือขับโตโยต้า ถ้าเรายอมรับได้ว่า เราก็มีความสุขได้เท่าๆ กับเพื่อนๆ เรานั่นแหละ หรืออาจจะมีทุกข์น้อยกว่า เพราะไม่ต้องปวดหัวเวลารถเสีย รถหาย ถ่ายน้ำมันเครื่อง ฟันเฟืองสะดุด ชุดเกียร์ไม่ทำงาน จานเบรกหมด สุดท้ายทีอ่ ยากจะบอกคือ มนุษย์เราไม่จำเป็นต้องมีทกุ อย่าง เหมือนหรือทัดเทียมกับคนอืน่ เพือ่ จะมีความสุข ถ้าเงือ่ นไขของความสุข เราน้อย และเรียบง่ายเท่าไหร่ เราก็ทุกข์ได้น้อยลง และสุขได้มากขึ้นเท่านั้น จะมีบ้านใหญ่เท่าวัง หรือเล็กแบบกระต๊อบปลายนา มันก็มีโอกาสจะมีความสุขได้เท่าๆ กันแหละครับ ขึ้นกับว่าจะพอใจ หรือไม่พอใจเท่านั้นเอง สุขสันต์ในวันที่เรามี เท่าที่เรามีได้ก็แล้วกันนะครับ
Simply living • 23
place เรื่อง : เอม ภาพ : P.P.
1
2
3
หอจดหมายเหตุ
พุทธทาส อินทปัญโญ
สวนโมกข์ของคนกรุงเทพฯ
1. ลานหินโค้ง 2. บรรยากาศอันร่มรื่นของสวนรถไฟ 3. สระนาฬิเกร์
คุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ ไม่ได้อยู่ที่การมี “พื้นที่สีเขียว” อย่างสวนสาธารณะเพิ่มขึ้นแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่คนกรุง อย่างเราๆ ยังต้องการ “พื้นที่สีขาว” อย่างสถานปฏิบัติธรรมเพิ่ม ขึ้นอีกด้วย โชคดีที่ในวันนี้ ฝันนั้นของคนเมืองหลวงกลายเป็น ความจริง หลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของหอจดหมายเหตุ พุ ท ธทาส อิ น ทปั ญ โญ หรื อ ที่ รู้ จั ก กั น ในนามของสวนโมกข์ กรุงเทพฯ หอจดหมายเหตุฯ นับเป็นพื้นที่ธรรมแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร ที่เปิดให้บริการแก่ประชาชนได้เข้ามาทำกิจกรรมทาง ด้านธรรมะอย่างหลากหลาย นับตั้งแต่การเป็นหอจดหมายเหตุฯ ที่รวบรวมหลักธรรมคำสอนของท่านพุทธทาส อริยะสงฆ์แห่งยุค ที่ได้ทิ้งมรดกทางปัญญาไว้อย่างมากมาย อาทิ กระดาษโน้ต ประกอบการบรรยาย ต้นฉบับหนังสือ จดหมายและแถบบันทึก เสียงต่างๆ รวมแล้วมากกว่าหนึ่งหมื่นรายการ ซึ่งถูกเก็บรักษาไว้ เป็นอย่างดีหลังท่านพุทธทาสมรณภาพเมื่อปี 2537 นอกจากนี้ยัง มีโรงมหรสพทางวิญญาณ ห้องปฏิบัติธรรม สวนเซนปริศนาธรรม รวมทั้งร้านหนังสือที่จำหน่ายหนังสือธรรมะของท่านพุทธทาสและ หนังสือธรรมะของพระอาจารย์ท่านอื่นๆ อีกด้วย
คุณหมอบัญชา พงษ์พานิช ผู้อำนวยการหอจดหมายเหตุฯ หนึ่งในคณะกรรมการมูลนิธิหอจดหมายเหตุฯ และเป็นผู้ที่เคย บวชเรียนกับท่านพุทธทาส เล่าถึงมรดกทางปัญญาอันทรงคุณค่า ของท่านพุทธทาสว่า “เราพบโน้ตต่างๆ ของท่านพุทธทาสที่ทิ้งไว้ ตั้งแต่ปี 2470 ทั้งต้นฉบับหนังสือที่ท่านเคยพิมพ์หรือเขียนด้วย ลายมือท่านเก็บไว้หมด ใส่แฟ้มไว้อย่างเรียบร้อย ที่น่าสนใจก็คือ เราพบจดหมายที่ท่านอาจารย์พุทธทาสได้รับทุกฉบับ และสำเนา ตอบกลับทุกฉบับ ท่านพุทธทาสเก็บไว้หมด คือสมัยนั้นท่านใช้วิธี พิมพ์ดีดจึงสำเนาคาร์บอนเก็บแนบไว้ ผมเห็นแล้วขนลุกเลย เฉพาะท่านพุทธทาสกับสัญญา ธรรมศักดิ์ มีเป็นร้อยฉบับ กับ เลขาท่านอาจารย์ปรีดี กับศรีบูรพา กับใครต่อใคร กับคนที่ไม่ คาดคิดอย่างอาจารย์ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร ที่เป็นคอมมิวนิสต์ ใหญ่สมัยโน้นพยายามเขียนจดหมายมาหว่านล้อมให้ท่านพุทธทาสไปเป็นคอมมิวนิสต์ ท่านพุทธทาสก็ตอบว่าเราไม่เอาด้วย
ผมจึงปรึกษากับหลายฝ่ายว่าจะทำอย่างไร ภาษาชาววัดว่าทุกสิ่ง ไม่ ส ามารถหลี ก พ้ น หลั ก อนิ จ จลั ก ษณะ มี ขึ้ น ตั้ ง อยู่ ดั บ ไป กระดาษพวกนี้เดี๋ยวก็เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา แต่ความจริง คุณค่ามันมีอยู่ข้างใน เราไม่คิดจะต้านกฎอนิจจลักษณะ แต่เรา Simply living • 25
รู้สึกว่าถ้าสามารถให้มันอยู่ได้นานกว่านี้ แม้วันนี้เราจะเข้าไม่ถึง คนอื่นอาจเข้าถึงและอาจช่วยเขาได้ ผมอาจอ่านแล้วไม่เข้าใจ ปัญญาไม่พอ ใครจะไปรู้อาจมีพระหนุ่มเณรน้อย นาย ก นาย ข ที่ เ ข้ า ถึ ง ได้ ช่ ว ยเขาให้ พ้ น ทุ ก ข์ ไ ด้ ช่ ว ยเผยแผ่ ใ ห้ ยิ่ ง กว่ า นี้ ไ ด้
ด้ ว ยเหตุ นี้ จึ ง คิ ด ที่ จ ะรั ก ษาให้ ดี ที่ สุ ด เท่ า ที่ จ ะรั ก ษาไว้ ไ ด้ ด้ ว ย
หลั ก การมั น ต้ อ งทำที่ ส วนโมกข์ งานจดหมายเหตุ ห รื อ หอ จดหมายเหตุ ข องบุ ค คลใดควรอยู่ ใ นที่ ข องบุ ค คลนั้ น ก็ คื อ ที่
สวนโมกข์ เราพยายามทำกันที่สวนโมกข์ สวนโมกข์แม้จะดูมี พื้นที่กว้าง แต่ท่านอาจารย์โพธิ์ท่านยืนยันว่าจะไม่สร้างอะไรใหม่ เพราะว่ารุกรานธรรมชาติมากเกินไป อยากให้สวนโมกข์เป็นแบบ นั้น อย่างที่สองก็คือ ทางสวนโมกข์และคณะธรรมทานปรารภว่า จริงๆ แล้วฟังก์ชั่นของสวนโมกข์เป็นวัด เพราะฉะนั้นสิ่งที่สมควร ทำจริงๆ คือการสอน ส่งเสริมการปฏิบัติธรรม ค้นคว้าทางลึกให้ แก่พระและผู้ที่มาปฏิบัติธรรม งานหอจดหมายเหตุฯ เป็นงาน ทางเทคนิคที่ต้องการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ คนที่วัดทำไม่ไหว อยู่ กรุงเทพฯ น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า ตอนแรกผมก็จะทำหน้า สวนโมกข์ สำรวจเจรจาที่ จ ะหาซื้ อ ที่ สุ ด ท้ า ยตั ด สิ น ใจทำที่ กรุงเทพฯ เพราะเกิดประโยชน์ต่อสังคมต่อคนหมู่มาก ถ้าจะเข้า ถึงคนหกสิบเจ็ดสิบล้านคนก็ตอ้ งมากรุงเทพฯ แล้วถ้าจะให้มุ่งไปสู่ มนุษยชาติทั่วโลก ก็ต้องที่กรุงเทพฯ” หอจดหมายเหตุฯ มีลักษณะเป็นอาคาร 3 ชั้น ซึ่งเปรียบได้ กับหอไตรที่เป็นคลังเก็บพระธรรมคำสอนต่างๆ ตั้งอยู่ริมสระน้ำ ที่อุปมาอุปไมยว่าเป็นสระนาฬิเกร์ ตรงประตูด้านทิศเหนือของ สวนวชิรเบญจทัศน์ หรือสวนรถไฟ ตัวอาคารออกแบบอย่าง
เรียบง่ายแฝงไว้ด้วยหลักธรรมตามเจตนารมณ์ของท่านพุทธทาส ที่เน้น “ประโยชน์สูง ประหยัดสุด” ด้านล่างอาคารมีลักษณะเปิด โล่งเป็นพื้นที่อเนกประสงค์และมีลานหินโค้งประดิษฐานรูปปั้น พระโพธิสัตวอวโลกิเตศวรสมัยศรีวิชัย และภาพปูนปั้นพุทธ-
ประวัติชุดแรกของโลกที่ท่านพุทธทาสทำไว้เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ชั้น 2 เป็นหัวใจของอาคาร แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วน
ที่หนึ่งคือส่วนปริยัติ ได้แก่ สวนเซน ประกอบด้วยก้อนหินวาง เป็นวงกลม 12 ก้อน อันเป็นตัวแทนของห่วงโซ่ปฏิจสมุปบาท อยู่ ในร่มโมก 8 ต้น อันหมายถึงอริยะมรรคมีองค์แปด ส่วนที่สอง คือปฏิบัติ ได้แก่ห้องปฏิบัติธรรม และส่วนที่สามคือห้องปฏิเวธ ได้แก่ โรงมหรสพทางวิญญาณ ส่วนชั้นสามเป็นคลังเก็บข้อมูล ต่างๆ ส่วนสำนักงานและการบริหารจัดการทั้งหมดที่ไม่ได้เปิดสู่ สาธารณชน นอกจากนี้ บริเวณสวนด้านล่างยังมีเสา 5 ปริศนาธรรมอีก
ชิ้ น หนึ่ ง ของท่ า นพุ ท ธทาสที่ ช วนให้ คิ ด ถึ ง นิ ว รณ์ 5 พละ 5 อินทรีย์ 5 และหลักธรรมอื่นๆ ที่มี 5 ประการ ฐานด้านล่างมี
รู ป สลั ก นกฮู ก ที่ ห มายถึ ง ความเป็ น ปราชญ์ ที่ ส ดั บ ตรั บ ฟั ง และ พูดจาอย่างหลักแหลม ตั้งเด่นเป็นสง่าอันชวนให้นึกถึงสวนโมกพลารามทีอ่ ำเภอไชยา ซึง่ เต็มไปด้วยปริศนาธรรมเช่นนี้ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในหอจดหมายเหตุฯ ได้ทุกวัน ดังต่อไปนี้ • กิจกรรมสวดมนต์ สมาธิ ภาวนาอานาปานสติทุกวัน เวลา 17.30-18.30 น. • สวนโมกข์เสวนา บุ๊คคลับ สมาธิภาวนา ดุริยางคศิลป์เพื่อ พัฒนาจิต โยคะเพื่อการภาวนา และไทเก็ก ฯลฯ ทุกวันเสาร์ เวลา 14.00-16.00 น. • สอนสมาธิ ภ าวนาอานาปานสติ ทุ ก วั น อาทิ ต ย์ เวลา 14.00-17.00 น. • กิ จ กรรมพิ เ ศษ ธรรมะในสวน และใส่ บ าตรเลี้ ย งพระ
วันเกิด ฯลฯ ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน เวลา 09.00-15.00 น. • สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-3059589-90 และ 08-5960-9555 หรือ www.bia.or.th
บัญชา พงษ์พานิช เผยพินัยกรรมพุทธทาส
มีคนถามว่าพุทธทาสเขียนพินัยกรรมไว้หรือเปล่า มีเอกสารชิ้นเดียวที่เรียกว่าเป็นพินัยกรรมที่ท่านสั่งไว้ให้เผาศพ เป็น พินยั กรรมอย่างเป็นทางการ แต่พนิ ยั กรรมอย่างไม่เป็นทางการท่านเขียนไว้ในหลายที่ พินยั กรรมในความหมายของเราก็คอื กองกระดาษเหล่านี้ที่เราเอาไปศึกษาค้นคว้าปฏิบัติให้เกิดขึ้นกับตัวเอง มรดกของท่านก็คือธรรมะ ท่านไม่ได้ทำตัวให้เทียบ พระพุทธเจ้า แต่ท่านเป็นทาสพระพุทธเจ้า ฉะนั้นพระพุทธเจ้าทำอะไรไว้ ท่านก็เอาพระพุทธองค์เป็นต้นแบบ เป็นต้นว่า
พระอานนท์ไปถามพระพุทธเจ้าว่าดับขันธ์ปรินิพพานแล้วให้นับถือใคร ตั้งใครเป็นศาสดา พระพุทธเจ้าก็บอกว่าให้เคารพ พระธรรม เพราะพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ในอดีตก็เคารพพระธรรม อาจารย์พุทธทาสท่านก็บอกว่างานที่ท่านทำก็เป็นงาน ศึกษาพระธรรมเพื่อถ่ายทอดให้คนรุ่นใหม่ เพราะเดิมก็สอนด้วยภาษาบาลีกันมานานติดต่อกันมาเป็นพันปี สมัยนี้ไม่รู้เรื่อง แล้ว ท่านพุทธทาสก็มาปรุงเป็นภาษาใหม่ ซึ่งเราก็ต้องยอมรับความจริงว่าภาษาท่านบางทีคนสมัยนี้ก็เข้าใจได้ยาก ตอนนี้ หอจดหมายเหตุฯ ก็ไม่ได้มีเพียงหน้าที่เก็บรักษา หน้าที่ของเราคือเก็บรักษาต้นฉบับไว้เพื่อให้คนข้างหน้าได้มาสืบค้นและ เข้าถึงเพื่อวิจัยและเอาไปใช้ประโยชน์ แต่ในขณะเดียวกันหน้าที่ของเราก็คือเอามาปรุงประกอบใหม่ให้เหมาะสมกับสมัยปัจจุบันแล้วก็เผยแผ่ ได้แก่ ประการ
ทีห่ นึง่ เอกสารทุกอย่างเราสแกนเป็นดิจติ อลไฟล์เพือ่ ออนไลน์ ทัง้ ในระบบอินเตอร์เน็ตถ้ามูลไม่ใหญ่มาก ส่วนข้อมูลไหนใหญ่มากเกินทีจ่ ะใช้พนื้ ทีอ่ นิ เตอร์เน็ตเราก็ จะใช้เป็นอินทราเน็ตไว้ทงั้ ทีน่ แี่ ละทีส่ วนโมกข์ ซึง่ เราเข้าไปขอใช้อนิ ทราเน็ตในการสืบค้น เสร็จแล้วเราก็จดั ทำระบบฐานข้อมูล สาระสังเขปเพือ่ การสืบค้นออนไลน์ เช่น Simply Living อาจารย์พทุ ธทาสพูดมากเลยเรือ่ งการ “เป็น อยู่ อย่างง่าย เป็นอยูเ่ หมือนตายแล้ว” ในอนาคตก็สามารถใช้เสิรซ์ เอนจิน้ ค้นได้เลยว่า “เป็น อยู่ อย่างง่าย” พุทธทาสพูดไว้ทไี่ หน อย่างไรบ้าง ประการทีส่ องคือแปล ตอนนีก้ ห็ าอาสาสมัครแปลเป็นภาษาอังกฤษ พัฒนาเว็บไซต์ให้มสี สี นั เฟสบุก๊ ก็ทำ ทวิสเตอร์ ก็ทำ เพือ่ ให้คนสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวาง 26 • Simply
living
Simply living • 27
living well
อยู่ดี มีสุข
สไตล์ นพ.วิโรจน์ ตระการวิจิตร คำตอบของการมีสุขภาพดีไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัว สุขภาพที่ดีอาจไม่ได้มีแค่การกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว หรือออกกำลังกายวันละไม่ต่ำกว่า 30 นาที สุขภาวะที่ดีเป็นสิ่งที่เราแต่ละคนจะต้อง ค้นหาสิ่งที่เหมาะสมด้วยตนเอง ดังเช่นที่ นพ.วิโรจน์ ตระการวิจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์โรงพยาบาล นครธนได้กล่าวไว้ว่า “เรื่องอย่างนี้เราต้องชงเอง ชิมเอง และกินเอง” เรื่อง : บูญ่า ภาพ : PP แต่ ถึ ง แม้ จ ะต้ อ ง “ชง ชิ ม และกิ น ” ด้ ว ยตนเอง แต่ ก ารสร้ า งเสริ ม
สุขภาวะก็มีหลักใหญ่ใจความให้ยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติ ในฐานะที่เป็น
ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ที่ต้องวางนโยบายด้านการรักษาพยาบาลและดูแล ผู้ป่วย นพ.วิโรจน์มองว่าการแพทย์แนวป้องกัน หรือ Preventive Medicine เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าการรักษา นั่นเพราะหากผู้ป่วยสามารถดูแลตนเอง
ไม่ให้เจ็บไข้ได้ป่วย หรือลดการพึ่งพายาและหมอ และสามารถเป็น “แพทย์” ด้ ว ยตนเองได้ แ ล้ ว สั ง คมไทยก็ จ ะเป็ น สั ง คมที่ มี แ ต่ ค วามสุ ข เนื่ อ งจาก ประชาชนมีสุขภาวะที่ดี จึงทุ่มเทกำลังความรู้ความสามารถช่วยกันพัฒนา ประเทศชาติให้เจริญยิ่งขึ้นไปได้ นับเป็นเกียรติอย่างสูงที่ Simply Living ฉบับปฐมฤกษ์ได้มีโอกาสพูดคุย แลกเปลี่ยนกับนพ.วิโรจน์ในประเด็นที่ว่าด้วยเรื่องของ “การอยู่ดี มีสุข” นอกจากจะสละเวลามาแบ่งปันความรู้ที่มีสารประโยชน์ต่อการสร้างเสริม
สุ ข ภาพแล้ ว คุ ณ หมอยั ง เปิ ด บ้ า นให้ เ ยี่ ย มชม และสั ม ผั ส กั บ ไลฟ์ ส ไตล์
ที่ทำให้ท่านทั้งแข็งแรงและอ่อนเยาว์ Simply: คุณหมอให้คำจำกัดความของคำว่า อยู่ดี มีสุข ว่าอย่างไร นพ.วิโรจน์: ก่อนที่จะเข้าไปที่ประเด็นนั้น ผมว่าเราต้องมาพิจารณากันที่ ชีวิตก่อน ผมมองว่าชีวิตของคนเราประกอบด้วยตัวเรากับสิ่งแวดล้อม ตัวเรา หรือชีวิตของเราก็ประกอบด้วยสองอย่างคือกายกับจิต ร่างกายก็แยกออกมา เป็นสองอย่างคือร่างกายที่เป็น physical กับสมอง ผมให้ความสำคัญกับ สมองมาก เพราะสมองเป็นตัวที่ควบคุมเรื่องของความคิด กายเป็นเรื่องของ ฟังก์ชั่น และอีกอันเป็นเรื่องของจิต ซึ่งจิตก็แบ่งอีกเป็นจิตอารมณ์กับจิต วิ ญ ญาณ สมองไม่ ใ ช่ จิ ต ทางพุ ท ธเราเชื่ อ ว่ า สมอง หรื อ Intellectual Function เป็นส่วนของความคิด ผมจะยกตัวอย่างง่ายๆ เลยก็คือ สมมติ
มีพระเอกขับยานขึ้นไปบนหัวหุ่นยนต์ หุ่นยนต์คือกาย แผงควบคุมที่อยู่ใน
ตัวหุ่นยนต์ก็คือสมอง จิตคือพระเอก สมมติว่าเราไม่เคยดูแลหุ่นยนต์เลย
ไม่หยอดน้ำมัน ไม่ซอ่ มเปลีย่ นอะไหล่ หุน่ ยนต์ตวั นีก้ ส็ นิมกิน เช่นเดียวกันกับ แผงควบคุม ถ้าเราไม่ดีไซน์ ไม่อัพเกรดเมมโมรี แผงควบคุมก็อาจจะมี 28 • Simply
living
ปัญหา โดนไวรัสเล่นงาน และที่สำคัญคือพระเอก คือตัวของจิต ถ้าจิตเป็น จิตทีไ่ ม่ดี ไม่มคี ณุ ธรรม พระเอกก็จะกลายเป็นจอมมาร แต่ถา้ จิตนีเ้ ป็นจิตทีด่ ี จิตก็จะขับหุ่นนี้ไปช่วยเหลือคนอื่น ไปช่วยโลก เป็นซูเปอร์ฮีโร่ แต่ถ้าตรงกัน ข้าม ก็จะแย่ไปเลย เพราะฉะนั้นทุกอย่างขึ้นอยู่กับจิต เมื่อจิตดีแล้ว จิตนี้
ก็จะไปทำให้แผงควบคุมนี้เป็นแผงควบคุมที่มีประสิทธิภาพเยี่ยม เป็นซูเปอร์ คอมพิวเตอร์ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องดูแลเรื่องสมอง สมองเป็นตัวอินทีเกรด ทุกอย่าง แต่สมองก็คอื สมอง คนทีไ่ ปสัง่ สมองอีกทีกค็ อื จิต หรือคนทีแ่ ปลข้อมูลต่างๆ ก็คือจิต เช่นมีแสงกระทบเข้าที่ตา ตาสั่งไปที่สมอง แต่ทำไมบางคนบอกว่า ภาพนี้สวย ภาพนี้ไม่สวย นี่คือจิตเป็นคนแปล จิตเป็นตัวรับความรู้สึกมา และจิตจะสั่งออกไป เวลาที่ผมบรรยาย ผมจะเริ่มที่จิตก่อนเสมอ เพราะจิต เป็นตัวที่สำคัญมาก เราจึงต้องฝึกจิตก่อน แล้วจิตจะไปสั่งที่สมอง เมื่อสมอง และจิตร่วมกันได้แล้ว เราก็มาฝึกกาย เพราะฉะนั้น Living Well ของผม
ก็คือทำยังไงก็ตามที่จะผนวกกายกับจิตมารวมกันให้ได้ โดยเริ่มจากจิต
จิตเป็นคนสั่งไปที่สมอง แล้วสั่งไปที่กาย ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ใจหรือจิต จะต้องเป็นนายในการควบคุมทุกอย่าง มนุษย์แต่ละคนที่ประสบความสำเร็จ หรือมนุษย์ทุกคนที่ประสบความล้มเหลว หรือมนุษย์ทุกคนที่ทุกข์หรือสุข
จิตตัวเดียวเท่านั้น พอเราฝึกจิตได้ดีแล้ว สิ่งที่เราจะทำต่อไปก็คือเรื่องของสิ่งแวดล้อม หรือที่ เราเรียกว่าสังคม ผมเชื่อว่าถ้าจิตเราดี ไม่ได้เป็นจอมมารเดี๋ยวเราจะแอกชั่น
กับสิ่งแวดล้อมได้เอง เราจะไม่ทำร้าย ทำลายธรรมชาติ เราจะกลับคืนสู่ สั ง คม แล้ ว ก็ ดี กั บ ผู้ อื่ น เพราะจิ ต เป็ น จิ ต ที่ มี คุ ณ ธรรม แล้ ว สิ่ ง แวดล้ อ ม
จะดีไปเองโดยอัตโนมัติ เราไม่ต้องไปเรียกร้องให้สังคมต้องให้อะไรแก่เรา แต่เราจะถามว่า เราจะให้อะไรกับสังคม สิ่งที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเรา สิ่งนั้นคือ กระจกสะท้อนตัวเราเอง ถ้าเราอยากได้สิ่งดีๆ เดี๋ยวกระจกจะสะท้อนออก
มาเองโดยอัตโนมัติ เพราะฉะนั้น Living Well ถ้าเริ่มจากตัวเอง สิ่งรอบข้าง ก็จะดีเอง อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงผู้อื่น ไม่มีทาง แต่ถ้าเราเปลี่ยนแปลง
ตัวเราเอง คนอื่นจะเปลี่ยนแปลงทันทีให้เราเห็นจะจะเลย แล้วชีวิตจะมี
ความสุข เราจะต้อง Proactive คือตัวเราเป็นผู้กระทำ ตรงข้ามกับคำว่า Simply living • 29
เมื่อประมาณสิบปีที่แล้วที่ผมเกิดคำถามกับ ตัวเองว่าชีวิตเกิดมาทำไม มันก็ได้คำตอบ มาเซตหนึง่ จนเมือ่ ประมาณ 4-5 ปีทผี่ า่ นมา ก็มีคำตอบอีกเซตหนึ่ง ว่าชีวิตเราเกิดมา
เพื่อพัฒนาตนเองแล้วไปช่วยคนอื่นให้เขาได้ พัฒนา ผมมีความรู้สึกว่าวิธีตอบแบบนี้
มันโดนผมแล้ว Reactive ที่คอยแต่ให้สิ่งนั้นสิ่งนี้เกิดขึ้นก่อนแล้วฉันถึงจะทำ ถ้า เราเป็น Proactive เราจะเป็นผู้กระทำ แล้วเราจะบอกได้เลยว่า ชีวิตนี้เราเลือกเกิดได้ Simply: แล้วคุณหมอทำอย่างไรบ้างถึงจะอยู่ดี มีสุข นพ.วิโรจน์: ส่วนแรกต้องยอมรับก่อนว่าทีเ่ ป็นผมมาได้ทกุ วันนี้ ผมมีพ่อมีแม่ พ่อแม่สอนผม สิ่งแวดล้อมผมดี มนุษย์เราจะเป็น แบบนี้ได้ประกอบด้วยสอง อย่างแรกก็คือ Genetic หรือพันธุกรรม สองคือ Lifestyle และ Environment ในตำราเขาเขียนไว้ อย่างชัดเจนเลยว่า Lifestyle + Environment = Phenotype คือลักษณะที่เราเป็น และถ้าถามว่าคุณหมอเป็นอย่างนี้ได้ยังไง ส่วนหนึ่งก็ต้องมาจาก Genetic จากพ่อแม่ผม เพราะฉะนั้นวิธี คิ ด ผมก็ ต้ อ งมาจากรหั ส พั น ธุ ก รรมส่ ว นหนึ่ ง สองแน่ น อนคื อ
การเลี้ยงดู อาหารการกิน สิ่งแวดล้อมต่างๆ ถึงได้กลายเป็น
ตัวเราเองอย่างนี้ ศาสนาพุทธก็บอกแบบนี้คือ หนึ่ง รหัสกรรม สองคือกรรมใหม่ที่เราได้กระทำ เพราะฉะนั้นในส่วนตัวผมที่เป็น แบบนี้ก็เพราะ หนึ่ง พ่อแม่เลี้ยงมาดี ผมอาจจะได้ยีนบางอย่าง มาจากพ่อแม่ และพอผมเริ่มรู้เดียงสาแล้ว ผมก็มีโอกาสได้อยู่ใน สิ่งแวดล้อมที่ดี ผมเรียนประถมที่อัสสัมชัญ มัธยมที่สวนกุหลาบ และก็ได้ไปเรียนแพทย์ ภาษิตที่ว่าคบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปผล ตรงนี้มีจริง 30 • Simply
living
อีกอย่างก็คือเรื่องของการเก็บเกี่ยว ผมจะเก็บเกี่ยวในสิ่ง
ที่ เ ห็ น ว่ า เป็ น ตั ว ตนของผม ผมหาคำตอบว่ า ชี วิ ต คื อ อะไร
ผมเป็ น คนที่ ช อบรู้ เ ยอะๆ เอ็ น เนี ย นแกรมบอกว่ า ผมเป็ น คน
ชอบรู้ชอบเห็น ในเอ็นเนียนแกรม ลักษณ์แต่ละลักษณ์ก็จะมี
ความโดดเด่ น แตกต่ า งกั น ไป แต่ ล ะลั ก ษณ์ จ ะมี ร ะดั บ ของ พัฒนาการ บางคนอยู่ในลักษณ์นี้ก็จริงแต่อยู่ในระดับต่ำสุด คือ primitive แล้วก็มีระดับกลางและสูง ผมรักตัวเองก็พยายาม พัฒนาจากระดับล่างให้สูงขึ้นมาเรื่อยๆ ผมเคยถามตัวเองว่าชีวิต เกิดมาทำไม เมื่อประมาณสิบปีที่แล้ว เซตคำตอบก็ออกมาแบบ หนึง่ ก่อนหน้านีผ้ มไม่เคยถามตัวเองแบบนีเ้ ลยนะ ไม่เคยมีเรือ่ งนี้ อยู่ในหัว จนเมื่อประมาณสิบปีที่แล้วที่ผมเกิดคำถามกับตัวเองว่า ชีวิตเกิดมาทำไม มันก็ได้คำตอบมาเซตหนึ่ง จนเมื่อประมาณ 4-5 ปีที่ผ่านมาก็มีคำตอบอีกเซตหนึ่ง ว่าชีวิตเราเกิดมาเพื่อ พัฒนาตนเองแล้วไปช่วยคนอื่นให้เขาได้พัฒนา ผมมีความรู้สึก ว่าวิธีตอบแบบนี้มันโดนผมแล้ว ใช่เลย แต่นี่เป็นคำตอบสำหรับ ตอนนี้นะ แก่แล้วผมอาจจะมีคำตอบใหม่ก็ได้ เพราะทุกอย่าง เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง ผมว่ามันจริงนะ ชีวิตเกิดมาเพื่อพัฒนา ตนเองแล้วไปช่วยผู้อื่นให้เขาได้พัฒนา การพั ฒ นาตั ว เองสำหรั บ ผมก็ คื อ การพั ฒ นากาย สมอง
จิตวิญญาณให้ดีที่สุด แล้วเราก็เอาสิ่งนี้ไปช่วยผู้อื่นในบริบทที่เรา ทำได้ ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น คือครอบครัว บางคนจะ
Simply living • 31
“
เมื่อก่อนผมฝึกสมาธิด้วยการนั่ง แต่ชี่กง คือการฝึกสมาธิด้วยการยืน ได้กล้ามเนื้อ ได้หายใจ ได้สมาธิ ได้จินตนาการ
ได้เคลื่อนไหว ตอนนี้ผมเลยไม่ได้ทำสมาธิ แล้วนะ มาฝึกชี่กงแทนถ้าผมมีเวลา เพราะว่ามันคือเรื่องเดียวกัน มันถูกจริตผม ผมถึงรู้แล้วว่า ของอย่างนี้มันต้องชงเอง ชิมเอง กินเอง ของดีสำหรับเขาอาจไม่ดี สำหรับเราก็ได้
”
ไปช่ ว ยคนอื่ น แต่ ตั ว เองแย่ เราจะไม่ เ บี ย ดเบี ย นตั ว เองและ ครอบครัว เราถึงไปช่วยคนอื่นได้ ที่ผมเป็นแบบนี้ทุกอย่างมาจาก ความคิด ผมคิดแบบนี้ ผมถึงเป็นแบบนี้ และที่คิดแบบนี้ก็เพราะ มีจิต เมื่อมีจิตจึงมีคิด เมื่อมีคิดจึงกระทำ นี่คือ Mind Set Mental Model ของผม ทีนี้ก็มาดูเรื่องการดูแลกาย กายมีความสำคัญแน่นอน กายก็ เหมือนกับคนใช้ ถ้าคนใช้ของเราเจ็บป่วย เราก็ไม่มีคนให้ใช้ คนใช้ของเราโง่ ทำอะไรผิดพลาดหมดเลย เราก็แย่ หรือคนใช้ เราสไตรก์หายไปเลย ไม่อยู่ เราก็แย่อีกเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ถ้าจะเริ่มต้น เราต้องเอากายก่อน A sound mind in a sound body จิตที่ดีต้องตั้งอยู่ในกายที่ดี ผมเริ่มทำแน่นอนก็คือเรื่อง ของอาหาร Food is Medicine อาหารคือยา แต่ยาไม่ใช่อาหาร ทำยังไงเราถึงจะหาอาหารที่ดี อาหารสำหรับผมเป็นตัวที่ยาก ที่สุด เพราะเจอกับกิเลสคือความอร่อย คือรู้ทุกอย่างนะว่าผักกิน ยังไง มื้อหนึ่งต้องกินผักอย่างน้อยสองกำมือ ผลไม้อย่างน้อย
หนึ่งขยุมมือ เรื่องอาหารนี่ผมรู้หมด แต่ทำยากหน่อย ส่วนเรื่องออกกำลังกายผมเอาตัวเองลองทุกอย่าง สมัยเรียน มัธยม ผมเป็นนักกีฬา สมัยเรียนมหาวิทยาลัยผมก็เป็นนักกีฬา 32 • Simply
living
แต่ก็เป็นกีฬาที่เล่นแล้วสนุกเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็วิ่งแข่งลู่ แต่พอ โตขึ้นผมก็ท้าทายตัวเองด้วยกีฬาที่สร้างความทนทาน ก็เลยลอง วิ่ ง มิ นิ ม าราธอน 10 กิ โ ล แล้ ว ก็ ฮ าฟมาราธอน 21 กิ โ ล
ซูเปอร์ฮาฟมาราธอน 32 กิโล แล้วก็ฟูลมาราธอน 42 กิโล สถิติ ผมวิ่งฟูลมาราธอน 3 ครั้ง ซูเปอร์ฮาฟกับฮาฟไม่ต่ำกว่า 50 ครั้ง และมีอยู่ครั้งหนึ่งผมเห็นเขาแข่งไตรกีฬาในโทรทัศน์ มันดูเท่ เหลือเกิน ยอดเยี่ยมมาก ต้องว่ายน้ำ 1,500 กิโล ขึ้นมาปั่น จักรยานอีก 10 กิโล วิ่งอีก 10 กิโล ผมสนใจมาก ก็เลยไปคุย กับเพื่อนที่วิ่งด้วยกัน เขาก็สนใจ ก็รวมกลุ่มกันไปหาหนังสือ
มาอ่าน ผมเริ่มด้วยการไปซื้อจักรยานก่อน แล้วก็สั่งซื้อหนังสือ จากต่างประเทศมาอ่านเพิ่มเติม แล้วก็ฝึกตามหนังสือ จากนั้นก็ ลงแข่ง พอแข่งได้ครั้งหนึ่ง ผมก็แข่งครั้งที่ สอง สาม สี่ ไปลง แข่งที่ภูเก็ต ที่ชะอำ แล้วผมก็พบว่า ไตรกีฬาสนุกกว่ามาราธอน มาก เพราะว่าใช้กล้ามเนื้อหลายมัด และต้องมีการใช้เทคนิค
ในการฝึกกล้ามเนื้อแต่ละมัดต่อเนื่องกันไป ต้องมีการปลดเกียร์ จักรยานยังไง ผ่อนคลายล้างเลกเตสของเสียที่อยู่ในขายังไง
เพื่อไม่ให้ปั่นจักรยานแล้วไม่ตะคริวกิน แล้วก่อนหน้านั้น 3-4 วัน ต้องกินอาหารแบบไหน ทุกอย่างเป็นวิทยาศาสตร์หมดเลย ผม
เรียนมาทางวิทยาศาสตร์การแพทย์อยูแ่ ล้ว มันใช่เลย หนังสือทีเ่ รา อ่านอธิบายหมดทุกอย่าง ผมก็ได้ทำการทดลองกับตัวเอง รู้สึก สนุก สนุกในการเตรียมตัว สนุกในการแข่ง เป็นความภาคภูมิใจ และรู้สึกว่านี่คือตัวตนของเรา และตอกย้ำว่าเราทำได้ อะไรเราก็ ทำได้ นี่คือสิ่งที่ผมมองในเรื่องของกาย ช่วงหลังพอผมได้ในเรื่องความทรหด หรือ Endurance แล้ว ผมจะต้องมองหาความยืดหยุ่น ก็เลยมาฝึกโยคะ โยคะในช่วง แรก ผมมองในแง่ของการเหยียดยืดกล้ามเนื้อ แต่หลังๆ พอมา ศึกษาเรื่องของพุทธ เรื่องกรรมฐาน ผมก็รู้ว่านี่เป็นเรื่องของ กายานุปัสสนาสติปัฏฐานกับอานาปานสติผสมกัน หัตถโยคะ
พอศึกษาไปมันเป็นเรื่องของ spiritual ผมก็เริ่มเข้าใจ และพอได้ ไปฝึกกรรมฐานมาสองครั้ง ก็เลยเข้าใจแล้วว่ากายกับจิตมัน ผนวกกันได้ด้วยโยคะ เริ่มจากกาย แต่มาจบที่จิต ในเรื่องกาย วิทยาศาสตร์จะบอกว่า หนึ่ง ต้อง aerobic capicity ปอด หัวใจ สอง ต้อง flexibility& balancing ผมก็ใช้โยคะ อันที่สาม คือ strength training ผมก็ไปเล่น weight เล่นกล้ามเนื้อ วิทยาศาสตร์การกีฬาผมทำครบหมด ส่วนเรื่องจิตผมก็มาที่พุทธศาสนาก่อน เริ่มจากศึกษาปริยัติ ผมมีหนังสือศาสนาและปรัชญาที่บ้านไม่ต่ำกว่า 1 พันเล่ม พอ ศึกษาทฤษฎีเสร็จ มันไม่ตอบโจทย์ ยิ่งทำให้เราฟุ้งมากยิ่งขึ้นไป อีก ชอบเที่ยวไปคุย ไปโม้ สุดท้ายมาโดนตอนที่ผมไปฝึกกรรมฐานที่ยุวพุทธ 8 วัน 7 คืน เข้าใจว่าวิปัสสนาฌาณคืออะไร จาก เดิ ม เข้ า ใจจากกระดาษ ตอนนี้ เ ข้ า ใจกั บ ตั ว เอง อี ก ครั้ ง ก็ ไ ป วิปัสสนาเข้ม 10 วัน ไม่มีการเรียน ปฏิบัติเลย ตอนนั้นเข้าใจ เลยว่า อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง แล้วก็มาปฏิบัติ โอเคเราก็ได้แล้ว ก็พยายามดึงสติปัฏฐาน 4 และอานาปานสติมาใช้ คือผมรู้แล้วว่าสไตล์อย่างพวกเราเป็น ต้องใช้จติ ตานุปสั สนา เพราะว่าเป็นพวกฟุง้ ต้องดูจติ คือเมือ่ ไหร่ ก็ตามที่รู้ตัวผมก็จะฝึก แต่ถ้าลืมมันก็จะเข้าป่าเข้าพงไปเป็น ธรรมดา มันดีตรงที่ก่อนหน้านี้เราไม่รู้ แต่ตอนนี้เรารู้แล้ว Simply: ทราบมาว่าคุณหมอฝึกชี่กงด้วย ไม่ทราบว่ามีที่มา อย่างไร นพ.วิโรจน์: มีอยู่ครั้งหนึ่งผมมีอาการปวดคอตอนที่ก้มผ่าตัด
ก็เลยไปตรวจดูพบว่ากระดูกเริ่มงอกออกมา อายุเยอะแล้วไงครับ และด้ ว ยความที่ ผ มเป็ น คนสู ง จึ ง ชอบยื ด คอ พอไป MRI
ก็พบว่าเส้นประสาทถูกกด เมื่อก่อนผมชอบตีเทนนิสทุกวันเสาร์ ตอนนี้ก็หยุดแล้ว นอกจากจะชอบวิ่งแล้ว ผมก็ชอบว่ายน้ำ ก็ต้อง หยุดว่ายน้ำ เผอิญว่าภรรยาผมไปสมัครชี่กง ผมก็เลยไปสมัคร ด้วย เพราะว่ายน้ำก็ไม่ได้แล้ว วิ่งก็ไม่ได้ ไม่อยากให้กระเทือน พอไปฝึก ผมศึกษาแล้วก็พบว่าชี่กงมันคือการฝึกสมาธิด้วยการ เดินพลัง เมื่อก่อนเราฝึกสมาธิด้วยการนั่ง แต่ชี่กงคือการฝึก สมาธิดว้ ยการยืน ได้กล้ามเนือ้ ได้หายใจ ได้สมาธิ ได้จนิ ตนาการ ได้เคลื่อนไหว ตอนนี้ผมเลยไม่ได้ทำสมาธิแล้วนะ มาฝึกชี่กง
แทนถ้ามีเวลา เพราะว่ามันคือเรื่องเดียวกัน มันถูกจริตผม ผมถึง รู้แล้วว่า ของอย่างนี้มันต้องชงเอง ชิมเอง กินเอง ของดีสำหรับ เขาอาจไม่ดีสำหรับเราก็ได้ ผมว่ามันเวิร์กกว่าการนั่งสมาธิ ผม อาจจะเหมาะกับท่ายืนก็ได้ ผมเลยมาทำท่ายืนอรหันต์ ย่อเข่า แทนที่จะอยู่ห้องพระ ผมอยู่ข้างนอกใต้ต้นไม้ รับพลังจักรวาล
มันใช่เลย ส่วนโยคะที่ผมฝึกตอนนี้มันก็ไม่เหมือนกับโยคะครั้งแรก เป็น โยคะที่ใช้สติปัฏฐาน 4 คือกายานุปัสสนา รู้การเคลื่อนไหวของ กาย และก็รู้กองลมเข้า กองลมออก แต่อานิสงส์คือมาผนวกกับ หัตถโยคะ ก็คอื การยืดเหยียดกล้ามเนือ้ กับโครงสร้างกระดูก อันนี้ ผมก็ รู้ แ ล้ ว ตอนนี้ ฝ รั่ ง มี ค ำหนึ่ ง Body & Mind Medicine
เวชศาสตร์ทใี่ ช้กายกับจิตเชือ่ มโยงกัน มันจะเกิดพลังอย่างมหาศาล ปัจจุบันการแพทย์ไม่ค่อยเน้นเรื่องจิตกับกายเลยนะ มาถึงผ่าตัด กินยา ฉายแสง ถ่างบอลลูน หรือบางคนก็เอาจิตอย่างเดียว
ไม่เอากายเลยก็ไม่ได้ แต่ Body & Mind Medicine เดี๋ยวนี้เขา เชื่อแล้วว่ากายกับจิตต้องไปด้วยกัน ทิ้งกันไม่ได้เลย และที่สำคัญ Body & Mind Medicine ต้นทุนถูกด้วย แต่ว่าต้องพึ่งตนเอง เยอะมาก ตัวเองจะต้องเป็นหมอตัวเอง ผมว่าอันนี้มีความสำคัญ เรื่องกายก็อย่างที่ได้พูดมาแล้ว เรื่องสมองผมก็ไม่ค่อยมีปัญหา
อยู่แล้ว เพราะว่าบุคลิกภาพของผมเป็นพวกนักวิชาการ สมอง เรารับอยู่แล้ว แล้วก็เรื่องของจิตอารมณ์กับจิตวิญญาณ และก็มี เครื่องมืออีกสองตัวที่ผมใช้มาช่วยเรื่องจิตคือ เอ็นเนียนแกรม
หรือนพลักษณ์ การที่ผมรู้ว่าตัวเองเป็นแบบไหน จะพัฒนาแบบ ไหน มันมีบอกอยู่แล้ว มันมี solution ให้เรียบร้อย กับอีกเรื่อง
ก็คือ dialogue สุนทรียสนทนา เพราะว่าผมเป็นพวกที่พูดเยอะ ฟังน้อย ผมต้องฝึกที่จะฟังมากและพูดน้อยลง dialogue ก็เป็น อี ก เครื่ อ งมื อ หนึ่ ง คนที่ คิ ด ก็ คื อ เดวิ ด โบมห์ เป็ น นั ก ฟิ สิ ก ส์
หลั ง ๆ มาก็ เ ป็ น เครื่ อ งมื อ ที่ ใ ช้ พั ฒ นาองค์ ก รพวก Learning Organization ผมก็เลยนำตัวนี้มาใช้โรงพยาบาล นี่เป็นที่มาของ กาย สมอง จิตใจ จิตวิญญาณ ใช้เครื่องมือหลายๆ อย่างเข้า
มาช่วย เคล็ดลับดีๆ อย่างนี้ คุณหมอบอกว่าใครจะนำไปใช้ก็ได้
ไม่คิดค่าลิขสิทธิ์ ที่สำคัญคือต้องปฏิบัติให้เป็นนิสัย กายและใจ สมบูรณ์ แข็งแรงแน่นอนค่ะ
Simply living • 33
home made
Party Detox ถกกับคนอื่นๆ หลายคราว่าด้วยเรื่อง “การล้างพิษ” เก้าในสิบคนบอก อ๋อ... การดีท็อกซ์สวนกาแฟน่ะเหรอ…ต้องจับมานั่งอธิบายกันทุกคนไปว่ามันไม่ใช่สิ่งเดียวกัน เพียงแต่เกี่ยวพันกันอย่างแนบแน่น พูดให้เข้าใจง่ายคือ การดีท็อกซ์ เป็นกระบวนการหนึ่งของการล้างพิษ (ส่วนการสวนกาแฟเป็นกระบวนการหนึ่งของการดีท็อกซ์) เรื่อง : พวงมณี บุญเลี้ยง ภาพ : P.Patrick วิธีการล้างพิษ หลักใหญ่คือการหยุดกิน หรือการอดอาหาร โดยจะเลือก หยุดกินอาหารหมวดโปรตีน คาร์โบรไฮเดรต และไขมัน เหลือแค่กินพืชผัก ผลไม้ให้แค่พอใช้เป็นพลังงานย่อมๆ ให้ร่างกายเท่านั้น เพราะระบบกลไก
อันชาญฉลาดของร่างกาย ยากจะหากลไกของเครือ่ งยนต์ใดเลียนแบบได้ เมือ่ เรากินอาหารที่ไร้ประโยชน์หรือเป็นพิษต่อร่างกายเข้าไป ร่างกายจะไม่ดูดซึม ไปใช้ แต่จะพยายามขับทิ้งและผลักไปเก็บไว้ในชั้นไขมันตามส่วนต่างๆ ของ ร่างกาย นานๆ ไปอาจแสดงออกด้วยอาการกล้ามเนื้ออักเสบบ้าง อาการ ปวดเมื่อยตามส่วนต่างๆ ของร่างกายบ้าง ดังนั้นเมื่อเราได้หยุดกินเสียบ้าง ร่างกายก็จะมีวาระได้ดึงส่วนเกินที่เก็บไว้ตามส่วนต่างๆ นี่แหละมาใช้ ถึง เวลานั้นท็อกซิน หรือพิษร้ายต่างๆ ก็จะถูกดึงออกมาด้วย มาอยู่ในระบบ
ขับถ่ายปกติของเรา การดีท็อกซ์สวนกาแฟจะทำหน้าที่ถัดจากนี้ เพื่อช่วย ให้การขับล้างสารพิษมีประสิทธิภาพมากขึ้น เห็นภาพการเกี่ยวพันกันแล้ว
ใช่ไหม…ว่าทั้งสองอย่างนี้อยู่คู่กันอย่างไร ส่วนการอดอาหารล้างพิษก็มีหลายระดับความเข้มข้น ตั้งแต่วันทั้งวัน
กินผลไม้อย่างเดียว กินแต่น้ำผลไม้ กินแต่น้ำมะพร้าว หรือกินแต่น้ำเปล่า เลือกแบบไหน ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของจิตใจเป็นที่ตั้ง ระยะเวลาการอดอาหารก็ไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับใจและความพร้อมของ ร่างกายแต่ละคนเช่นกัน แต่ไม่ควรอดติดต่อกันเกิน 7 วัน โดยไม่อยู่ในการ ดู แ ลของผู้ เ ชี่ ย วชาญ เนื่ อ งจากช่ ว งอดอาหารล้ า งพิ ษ คื อ ภาวะการกิ น ที่
ไม่สมดุล อาจเกิดภาวะการขาดน้ำตาล ความดันต่ำ ปวดหัว หน้ามืดได้
ถ้าไม่มีวิธีดูแลอาการเฉพาะหน้าที่ดีพอ สำหรั บ ที่ จ ะแนะนำครั้ ง นี้ ข อเวลาสั ก สามวั น กำลั ง เหมาะ ทุ ก วั น เรา สามารถกินอาหารได้สามมื้อเหมือนปกติ เพียงแต่เปลี่ยนชนิดอาหารที่จะกิน เท่านั้นเอง วันแรกเป็นวันเตรียมอด วันที่สองเป็นวันอด และวันที่สามเป็นวัน เลิกอด อาจดูเหมือนยุ่งยาก แต่รับรองว่าใครๆ ก็ทำได้สบาย มีเมนูแนะนำ มาให้พอเป็นไอเดีย หรือใครจะใช้วิธีกินผลไม้อย่างเดียวทั้งสามวันเลยก็ไม่ ผิดกฎเกณฑ์ใดๆ แล้วคุณจะได้ต้อนรับความสดชื่นที่ห่างหายไปนานกลับคืน มา พร้อมแล้วเราไปเริ่มกันเลย...
กลางวัน : เที่ยง โจ๊กบร็อกโคลี (มื้อนี้เป็นมื้อเดียวที่ยังได้กินแป้ง) เย็น : ห้าโมง ซูชิผักสดกับดิปอโวคาโด (มื้อนี้ง่ายขึ้น เป็นอาหารที่
เรียกว่า Raw food ไม่ใช้ไฟในการปรุง ) ระหว่างมื้ออาหาร หากรู้สึกหิวให้ดื่มน้ำมากๆ หรือจะมีพวกชาสมุนไพร (ที่ไม่มีใบชาผสม) เตรียมไว้ชงดื่มหอมๆ ชื่นใจดี แนะนำมะตูมแห้ง 100% แบบที่เห็นเป็นแว่นๆ หาซื้อได้ตามร้านสินค้าสุขภาพทั่วไป แค่เอาใส่แก้ว
กดน้ำร้อนตาม ก็ได้อารมณ์ละเมียดแล้ว หรือจะใช้ใบสะระแหน่สด ก้าน ตะไคร้สดแทนก็รื่นรมย์ไม่แพ้กันจริงๆ
วันอด
วันนีด้ เู หมือนยากแต่ไม่ยงุ่ แค่หาผลไม้มาสักอย่าง แล้วก็กนิ ผลไม้ชนิดนัน้ นั่ น แหละแทนมื้ อ อาหาร เช้ า กลางวั น เย็ น ได้ เ ลยทั้ ง วั น ระหว่ า งมื้ อ
ก็ดื่มชาสมุนไพร หรือมะตูมแห้งเหมือนวันแรก แต่แนะนำว่าไม่ควรหั่นผลไม้
ทิง้ ไว้วติ ามินซีเสียหมด จะกินเมือ่ ไหร่คอ่ ยหัน่ หรือจะหัน่ ไปกินไปก็ได้
วันเลิกอด
วันนี้ยังคงกินผลไม้เป็นหลัก แต่อาจเพิ่มธัญพืชเข้าไปด้วยนิดหน่อย และ มีหนึ่งมื้อที่ใส่แป้ง และโปรตีนได้เล็กน้อย เช้า : แปดโมง ผลไม้หนึ่งอย่าง 1 จาน แถมเม็ดฟักทอง หรือมูสลี่
โรยไปด้วยสัก 1 ช้อนชา กับลูกพรุนแห้งสักลูกสองลูก เตรียมตัวกินแป้ง
ในมื้อกลางวัน กลางวัน : เที่ยง ราเมงไชเท้า เย็น : ห้าโมง ผลไม้หนึ่งจาน แถมธัญพืชตามชอบอีก 1 ช้อนโต๊ะ ในระหว่างทีอ่ ดอาหารล้างพิษ อาจมีอาการซ่านพิษในวันแรก หรือวันทีส่ อง ซึ่งเป็นวันอด บางคนอาจปวดหัว มีเม็ดขึ้นตามตัวบ้าง (ผู้เขียนเองมีอาการ รังแคเยอะมาก) ไม่ต้องตกใจ ให้ดื่มน้ำมากๆ นอนพัก ทำกิจกรรมเบาๆ เช่นอ่านหนังสือ หรือใช้การสวนกาแฟสักวันละครั้ง ช่วงบ่ายก่อนอาบน้ำ
ตอนเย็น จะช่วยบรรเทาอาการได้มาก มีวาระวันหยุดพักผ่อนในแต่ละช่วงปีที่เป็น long weekend จึงอยาก ชวนให้ลองใช้เป็นวาระตั้งต้นทำสิ่งดีๆ เช่นการล้างพิษนี้ เพือ่ ให้เกิดความสุข วันเตรียมอด ยกเลิกโปรตีน และไขมันไปเลยอย่างสิ้นเชิง เหลือข้าวไว้ได้หนึ่งมื้อเพื่อ กับตัวเองอย่างแท้จริง เปลี่ยนการเฉลิมฉลองที่คอยแต่เติมภาระการย่อย ค่อยๆ ปรับระดับน้ำตาลไม่ให้ลดฮวบฮาบเกินเหตุ แต่ขอให้เป็นข้าวกล้อง อาหารให้ร่างกายมาเป็นปาร์ตี้กินน้อยแต่ได้มากดูสักครั้ง หรือให้ดีกว่านั้น ชวนเพื่อนสนิทมาร่วมโปรแกรมด้วย ก็จะทำให้มีกำลังใจมากขึ้น เลือกบ้าน ร้อยเปอร์เซ็นต์เท่านั้น เช้า : แปดโมง ผลไม้หนึ่งอย่าง 1 จาน (แต่ต้องไม่ใช่ผลไม้แป้งมาก ใครสักคนเป็นที่รวมกลุ่ม ได้มีเวลาดีๆ พูดคุย ขัดผิว พอกหน้า ทำสวยใน พวกทุเรียน มะม่วง ขนุน แนะนำเป็นมะละกอ ส้มโอ ชมพู่ หรือผลไม้นอก วาระดีๆ ด้วยกัน นอกจากร่างกายสดชื่นแล้วมิตรภาพยังงอกงามมากขึ้น
อีกด้วย อย่างแอปเปิ้ลก็ได้) 34 • Simply
living
โจ๊กบร็อกโคลี
ส่วนผสม ข้าวกล้อง บร็อกโคลี หอมใหญ่ น้ำมันมะกอก รากผักชี กระเทียม พริกไทย ตำรวมกัน Simply living • 35
อัตราส่วน: ยึดข้าวกล้องเป็นเกณฑ์ บร็อกโคลีใช้ปริมาณเท่าข้าวกล้อง หอมใหญ่ ใช้สองในสามส่วนของบร็อกโคลี ส่วนกระเทียมตำ ใช้รากผักชี และเม็ดพริกไทย หนึ่งส่วนสี่ของกระเทียม ตำเผื่อไว้มากๆ เก็บใส่
ตู้เย็นเอาไว้ใช้วันหลังได้อีก
36 • Simply
living
โจ๊กบร็อกโคลี วิธีทำ • ผัดหอมใหญ่ด้วยน้ำมันมะกอก พอให้สุกและมีกลิ่นหอม • ใส่บร็อกโคลีตัดเป็นชิ้นพอคำ
ลงไปผัดต่อ อย่าผัดนาน เอาแค่พอ
บร็อกโคลีเปลี่ยนสีเริ่มเขียวเข้มขึ้น • ใส่ข้าวกล้องหุงสุกลงไปสักหนึ่ง ถ้วย ผัดแป๊บเดียว ใส่น้ำเติมให้ท่วม ส่วนผสม ตั้งไฟให้เดือด แล้วเอา ขึ้นพักให้เย็น • นำส่วนผสมที่ผัดไว้ทั้งหมดปั่น ด้วยเครื่องปั่น แต่อย่าละเอียดมาก ให้เหลือความหยาบของชิ้นอาหาร
ไว้บ้าง พอเป็นรสสัมผัสเวลากิน เพราะนี่คือโจ๊ก ไม่ใช่ซุป เสร็จแล้ว เทกลับหม้ออีกครั้ง หากข้นไป
เติมน้ำได้นิดหน่อยต้มต่อให้เดือด • หยิบกระเทียม รากผักชี และ เม็ดพริกไทยที่ตำรวมกันไว้ใส่หม้อ ไปนิดหน่อย คนให้เข้ากันก็ปิดไฟได้ ถ้าจะให้อร่อยยิ่งขึ้น ต้องบดงาดำ กับเกลือโรยหน้าไปด้วย เวลาตักกิน ปาดงาดำบดเกลือติดช้อนเข้าปาก ไปพร้อมโจ๊กด้วย
ส่วนผสม ผักสดตามชอบ เช่น แตงกวาญี่ปุ่น แครอท พริกหวาน เซอราลี่ ชูคีนี่ อะโวกาโดสุก 3 ช้อนโต๊ะ เนยงาขาว 1 ช้อนชา เกลือทะเล พริกไทยบด น้ำผึ้ง วาซาบิสดอย่างละนิดหน่อย
ซูชิผักสด วิธีทำ หั่นผักสดเป็นเส้นยาวๆ นำมาห่อสาหร่ายแบบห่อข้าวญี่ปุ่น (เติมผลไม้เนื้อแข็งพวกแอปเปิ้ล หรือมะม่วงลงไปด้วย ก็ช่วยเพิ่ม รสชาติได้ขึ้นอีก) ทาน้ำที่ แผ่นสาหร่ายตอนท้ายเสียหน่อย จะทำให้ห่อติดกันดีขึ้น เพราะไม่มี ข้าวเป็นตัวเกาะเหมือนปกติ
Simply living • 37
วิธีเตรียมดิปอะโวกาโด
คว้านเนื้ออะโวกาโดใส่ชามบดแล้วบดให้ละเอียด เติมเนยงาขาวแบบไม่มีน้ำตาลลงไปเพื่อเพิ่มความหวานมัน ใส่เกลือทะเลและพริกไทยนิดหน่อย ตามด้วยน้ำผึ้งอีกเล็กน้อย บดส่วนผสมให้เข้ากัน ใครที่ไม่กลัวความฉุนเผ็ดของ
วาซาบิ แนะนำให้ลองบีบวาซาบิสดลงไปบดรวมด้วย ได้อารมณ์อาหารญี่ปุ่นและเพิ่มรสชาติได้อีก
ราเมงไชเท้า
วิธีทำ
ราเมงไชเท้า
ส่วนผสม น้ำเปล่า 2-3 ถ้วยตวง สาหร่ายคอมบุ (ขนาด 1 ตารางนิ้ว) 3 แผ่น ผิวปลาโอแห้ง 1 ช้อนโต๊ะพูน แครอทครึ่งหัว กระเทียม พริกไทย รากผักชี ตำรวมกันนิดหน่อย
เตรียมน้ำซุป ตั้งน้ำให้เดือด ใส่สาหร่ายคอมบุ และผิวปลาโอแห้งลงไป ต้มให้เดือด เคี่ยวทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที กรองเอาแต่น้ำซุป ตั้งไฟต่อไป เลือกเอาแต่สาหร่ายคอมบุใส่ลงไป ด้วย ใส่แครอทลงไปต้มต่อจนสุก เพื่อเพิ่มความหวานให้น้ำซุป หยิบกระเทียมตำใส่ลงไปนิดหน่อย เพิ่มความหอมแบบถูกปากคนไทย อุ่นน้ำซุปรอไว้ด้วยไฟอ่อนๆ
วิธีเตรียมเส้นราเมง
ฝานไชเท้าให้เป็นเส้นเหมือนเส้น ส้มตำใส่ในถาดแบนๆ ที่โรยแป้ง ข้าวโพดแห้งๆ รอไว้ คลุกเส้นไชเท้าเบาๆ ให้พอแป้งเกาะ นำไปลวกเร็วๆ ในน้ำเดือดที่ตั้งรอ ไว้แล้ว ช้อนขึ้นด้วยกระชอน ใส่ลงในชาม น้ำซุปที่เตรียมไว้ โรยหน้าด้วย สาหร่ายอบเกลือ (แบบที่ห่อซูชิ) และผักชีนิดหน่อย เสิร์ฟได้ทันที
38 • Simply
living
Simply living • 39
green living เรื่อง : วิเวียน ภาพ : PP
Glass Facts
• แก้ ว มี ต้ น กำเนิ ด เมื่ อ 3,000 ปี ก่ อ นคริ ส ตกาล ในยุ ค
ทองแดง จากหลักฐานลูกปัดแก้วอียปิ ต์ ซึง่ มีอายุถงึ 2,500 ปี
ก่อนคริสตกาล แก้วสมัยใหม่กำเนิดขึ้นที่เมืองอเล็กซานเดรีย ในยุคพโตเลมี
เป็ น แก้ ว ที่ เ รี ย กว่ า โมเสก ซึ่ ง ตั ด เป็ น ชิ้ น เล็ ก ๆ ใช้ ใ นงาน
ตกแต่ง การเป่าแก้วถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1
โดยช่างทำแก้วในซีเรีย ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 ในเมืองเวนิช มีการผลิตแก้วใส
ชนิดแรกที่เรียกว่า คริสเตลโล และในปี 1675 ช่างทำแก้ว
จอร์จ ราเฟนสครอฟต์ ประดิษฐ์แก้วคริสตัลด้วยการผสม
ตะกั่วออกไซด์ในแก้วของเวนิช ปี 1902 มีการประดิษฐ์แผ่นกระจกขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อใช้ทำ
หน้าต่าง ปี 1904 กำเนิดอุตสาหกรรมขวดแก้วบรรจุภัณฑ์
Reduce
•
& Reuse
• •
ในชีวิตประจำวัน เราใช้ผลิตภัณฑ์หลายชนิดที่บรรจุอยู่ในขวดแก้ว ซึ่งออกแบบมาอย่างหลากหลายทั้งสีสันและรูปทรง ขวดแก้วเหล่านั้นแม้จะมีอายุการใช้งาน ในเวลาที่จำกัดตามแต่ปริมาณของผลิตภัณฑ์ที่บรรจุอยู่ภายใน หากทว่า ชีวิตของขวดแก้วใบหนึ่งนั้นยืนยาว สามารถนำกลับมาหมุนเวียนใช้ซ้ำ ได้อย่างน้อยถึง 30 ครั้ง
• •
รู้หรือไม่ว่า มีรายงานว่าคนไทยใช้ขวดแก้วกันปีละ 2,800 ล้านใบ ลองคิดดูสิว่า หากเราสามารถรีไซเคิลขวดแก้วเหล่านี้ได้ทั้งหมด ประเทศชาติจะประหยัด
พลังงานได้มากขนาดไหน น่าเสียดายที่ในปัจจุบันมีขวดแก้วเพียง 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ถูกส่งกลับมาเข้ากระบวนการรีไซเคิล ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากเรา ยังมีพฤติกรรม “ทิ้งทุกอย่างที่ไม่ใช้” ทำให้ขวดแก้วไม่สามารถกลับเข้าสู่ กระบวนการรีไซเคิลได้ แต่ปัญหาก็ไม่จบเพียงแค่เราส่งขวดแก้วไปรีไซเคิล เพราะหากเรายัง บริ โ ภคกั น อย่ า งขาดจิ ต สำนึ ก ปริ ม าณขวดแก้ ว ที่ เ พิ่ ม พู น มากขึ้ น เรื่ อ ยๆ เพราะเรารู้สึกว่า “ฉันรีไซเคิล” ปัญหาก็คือ อัตราเร็วของการบริโภคนั้น
สูงกว่าการรีไซเคิลอย่างเห็นได้ชัด จะเห็นได้ว่าการรีไซเคิลเพียงอย่างเดียว
จึงไม่ใช่คำตอบของปัญหาทั้งหมด หากแต่เรายังต้องลดการบริโภคลงด้วย วิธีการแก้ปัญหาจึงกลับมาที่กฎเหล็ก 3R คือ Reduce-Reuse-Recycle ที่ ต้องทำควบคู่กันไปเสมอ ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ สำหรับขวดแก้วซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้ 100 เปอร์เซ็นต์ หากมีการนำมาใช้ซ้ำอย่างสร้างสรรค์จะช่วยลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ได้อย่างดียิ่ง อาทิ นำมาใช้แทนแจกัน หรือกระถางปลูกไม้น้ำประดับโต๊ะ อาหารหรือโต๊ะทำงาน ขวดปากกว้าง หากทำความสะอาดให้ดีก็นำมใช้ บรรจุสำลีก้อนหรือสำลีพันก้านได้ นอกจากนี้ยังใช้บรรจุเครื่องปรุงอย่างกะปิ เต้าเจี้ยว มิโซะ น้ำสลัด น้ำธัญพืช ฯลฯ เก็บไว้ในตู้เย็นได้อีกด้วย หรือจะนำ ขวดมาตัดก้นออกแล้วร้อยกระดิ่งทำเป็นกระดิ่งลมก็เก๋ไก๋ไปอีกแบบ
ขวดแก้วหนึ่งใบหากนำกลับสู่กระบวนการผลิตจะช่วยลดปริมาณ ขยะให้น้อยลงได้ อีกทั้งยังประหยัดพลังงานได้เท่ากับ พลังงานที่ใช้เปิดทีวี 20 นาที พลังงานที่ใช้เปิดหลอดไฟ 100 วัตต์ 1 ชั่วโมง พลังงานที่ใช้เปิดเครื่องซักผ้า 10 นาที พลังงานที่ใช้เปิดคอมพิวเตอร์ 25 นาที พลังงานที่ใช้ต้มน้ำชงกาแฟได้ 5 แก้ว
• • • • • ไม่เพียงแต่ขวดแก้วเท่านั้นที่เราควรนำกลับมารีไซเคิล บรรจุภัณฑ์อื่นๆ อย่างกล่องกระดาษ พลาสติก หรือกล่องอะลูมิเนียมก็สามารถนำมารีไซเคิล หรือใช้ซ้ำได้เช่นกัน ในปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกมีมาตรการอันเข้มงวด
ที่จะลดปริมาณขยะให้เป็น "ศูนย์" หรือ "Zero Waste" ให้ได้ภายใน 15 ปี ข้างหน้า สิง่ ทีพ่ วกเราสามารถทำได้เพือ่ ช่วยกันลดปริมาณขยะ และลดการใช้ ทรัพยากรก็คือการบริโภคอย่างมีจิตสำนึกด้วยการซื้อให้น้อยลง และคิดถึง วงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ที่เราซื้อ รวมทั้งเลือกซื้อผลิตภัณฑ์รีไซเคิล กระบวนการใช้ซ้ำและรีไซเคิลนี้หากทำได้อย่างจริงจัง จะช่วยลดการ
ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศได้เป็นปริมาณมหาศาล จากข้อมูล ของ EPA (U.S Environmental Protection Agency) ประมาณการว่า หาก ชาวอเมริ กั น ร่ ว มมื อ กั น ใช้ ม าตราการ 3R จะช่ ว ยลดก๊ า ซเรื อ นกระจกได้
เทียบเท่ากับการเอารถยนต์ออกจากถนนถึง 75 ล้านคัน คนไทยเราก็เช่นกัน หากร่วมมือกันคนละเล็กละน้อย เราก็จะสามารถ เก็บรักษาโลกที่สงบร่มเย็นใบนี้ไว้ได้ตราบชั่วลูกชั่วหลาน
ลดปริมาณขยะ
แก้วใช้เวลา 1 ล้านปีในการย่อยสลาย
• อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ • แก้วรีไซเคิล 1 ตัน สามารถประหยัดทรายได้ 1,300 ปอนด์,
Soda ash 410 ปอนด์, limestone 380 ปอนด์ ประหยัดพลังงาน แก้ ว รี ไ ซเคิ ล จะใช้ ค วามร้ อ นในการหลอมเป็ น น้ ำ แก้ ว
น้อยกว่าแก้วใหม่ที่ผลิตจากวัตถุดิบตั้งต้น
•
ขวดแก้วมีราคา
• ขวดแก้วแตกขาว • ขวดแก้วแตกแดง • ขวดน้ำปลา • ขวดซีอิ๊ว
0.60 บาท/กก. 0.50 บาท/กก. 16 บาท/ลัง (ใบละ 1 บาท) 10 สตางค์/กก.
40 • Simply
living
Simply living • 41
green living
Harmonize Nature อยู่เย็น เป็นธรรมชาติ เรื่อง : นาริน ภาพ : P.Patrick
จากการตื่นตัวของทั่วโลกเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน การหาวิถีทางต่างๆ เพื่อประหยัดพลังงานที่ไม่ใช่เพียงแค่การปิดน้ำ ปิดไฟ หรือปลูกต้นไม้เพิ่มมากขึ้น แต่กลายเป็นว่ามนุษย์เราทุกวันนี้ยินดีที่จะปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับธรรมชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า การดำรงอยู่ของวิถีชีวิตที่พึ่งพาธรรมชาติไม่ได้เป็นแค่คำว่า ‘กระแส’ อีกต่อไป หากแต่เป็นวิถีการดำเนินชีวิตที่สร้าง ‘ความยั่งยืน’ ทั้งต่อสุขภาพความเป็นอยู่ของมนุษย์ สิ่งแวดล้อม รวมไปถึงแหล่งพลังงานของโลกอีกด้วย บ่อยครั้งที่เราได้ยินได้เห็นเกี่ยวกับ ‘บ้านประหยัดพลังงาน’ ซึ่งหลายคน คงมีความเข้าใจไม่ต่างกันนักว่าต้องเป็นบ้านหรืออาคารที่ปลูกสร้างขึ้นมา ใหม่โดยเฉพาะเท่านั้น บ้านประหยัดพลังงานในความคิดของคนไทยส่วน ใหญ่จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงคำว่า ‘แพง’ ไปได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว บ้าน ประหยัดพลังงานสามารถทำได้ง่าย ใช้ได้จริง และประหยัดกว่านั้นมาก พิสูจน์ได้จาก Samsen 5 Lodge ที่ออกแบบโดย วรพันธุ์ คล้ามไพบูลย์
ผู้ดัดแปลงโรงเก็บรถชั้นเดียวที่เก่าทึบ ไร้ช่องทางระบายถ่ายเทลม ให้กลาย มาเป็นทั้งบ้าน โรงแรมขนาดเล็ก และบริษัทสถาปนิกในนาม Super Green Studio ที่อยู่เย็น เป็นธรรมชาติได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ "บ้านหลังนีส้ ร้างขึน้ มาใหม่จากส่วนทีเ่ ป็นโรงเก็บรถ พืน้ ทีเ่ ป็นรูปสีเ่ หลีย่ มผืนผ้า ผมออกแบบให้เป็นห้องนอน 3 ห้องมีห้องน้ำในตัว มีสวนอยู่ตรง กลางระหว่างห้องทั้ง 3 ห้อง แบ่งส่วนหนึ่งเป็นห้องทำงาน มีโต๊ะประชุม
ซึ่ ง ใช้ เ ป็ น โต๊ ะ รั บ ประทานอาหารเช้ า ของแขกได้ ด้ ว ย นอกจากนี้ ยั ง มี มุ ม
นั่ ง เล่ น เล็ ก ๆ สำหรั บ อ่ า นหนั ง สื อ และโต๊ ะ วางบุ ฟ เฟ่ ต์ อ าหารเช้ า ให้ แ ขก
ที่ ม าพั ก " วรพั น ธุ์ อ ธิ บ ายถึ ง การออกแบบและแนะนำพื้ น ที่ ใ ช้ ส อยทุ ก มุ ม
ภายในบ้าน ทั้งยังบอกถึงจุดประสงค์ในการออกแบบบ้านประหยัดพลังงาน จากโรงรถเก่าอีกว่า 42 • Simply
living
Simply living • 43
‘ความเย็ น สบาย’ จากลมธรรมชาติ ที่ พัดผ่านไหลเวียนในตัวบ้านตลอดทั้งวัน รวมไปถึงความร่มรื่นจากสวนกลางบ้าน ที่ แ ม้ จ ะเป็ น สวนขนาดมิ นิ แต่ ก็ ถื อ เป็ น อี ก หนึ่ ง คุ ณ สมบั ติ ที่ ท ำให้ บ้ า นนี้ ไ ม่ มี ความจำเป็ น ต้ อ งใช้ ไ ฟฟ้ า จากการเปิ ด เครื่องปรับอากาศ
แสงธรรมชาติที่เข้าถึงห้องต่างๆ ช่วยประหยัดพลังงาน และเพิ่มสุขอนามัย ของการอยู่อาศัย
“ผมต้องการให้บ้านนี้เป็นโชว์รูมเพื่อให้คนไทยเห็นว่า เราไม่จำเป็นเลย
ที่จะต้องไปหาซื้อที่ดินเพื่อปลูกบ้าน ทำบ้านประหยัดพลังงานในแบบที่ชาว ตะวันตกเขาทำกัน บ้านในแบบที่เรียกว่า Green House หรือ Sustainable Architecture ไม่ได้แพงเสมอไป ที่คนไทยคิดว่าแพงก็เพราะยังไม่เคยเห็น บ้านประหยัดพลังงานในแบบของไทยเราเอง ซึ่งผมก็ได้พิสูจน์แล้วว่า บ้าน แบบนี้ไม่ได้แพง สำหรับผมสิ่งที่ต้องคำนึงมากกว่าเงินก็คือ ในความเป็นไทย เราเคยมีวิถีชีวิตการเป็นอยู่อย่างไร แล้วก็นำสิ่งนั้นมาปรับใช้” ‘ช่องรับแสง’ คือหัวใจหลักอันดับแรกของบ้านที่ทำให้บ้านหลังนี้แทบจะ ไม่ต้องเปิดไฟในเวลากลางวัน โดยช่องรับแสงของสถาปนิกคนนี้มีที่มาในการ ออกแบบจากบ้านไทยรุ่นปู่ย่าของเรานี่เอง “ไอเดียของผมมาจากการอยู่อาศัยของคนไทย รวมถึงวิถีการอยู่อาศัย ของชาวเอเชียแทบทั้งสิ้น เพราะการออกแบบของฝรั่งไม่สามารถนำมา ประยุกต์ใช้กับวิถีชีวิตการอยู่อาศัยของเราได้ ดังนั้นการมองจากรากของ
ตั ว เองคื อ สิ่ ง ที่ ผ มให้ ค วามสำคั ญ อย่ า งช่ อ งรั บ แสงของบ้ า นนี้ ก็ ไ ม่ ใ ช่
สิ่งใหม่เลย เป็นภูมิปัญญาของคนรุ่นก่อนๆ ที่เราลืมไปแล้วต่างหาก ผม
ก็แค่เปลี่ยนจากกระเบื้องมุงหลังคาที่เป็นแบบทึบมาใช้แบบใสเพื่อรับแสง
ในตอนกลางวัน ใส่ระแนงไม้เข้าไปบนเพดานเพื่อเป็นการกรองแสงอีกหน่อย ซึ่งเพดานระแนงไม้ยังเป็นการเพิ่มดีไซน์ที่เป็นธรรมชาติให้ตัวบ้านด้วย” นอกจากจะไม่ ต้ อ งเปิ ด ไฟในเวลากลางวั น ซึ่ ง ถื อ เป็ น วิ ธี ห นึ่ ง ในการ ประหยัดพลังงานของบ้านนี้แล้ว ‘ความเย็นสบาย’ จากลมธรรมชาติที่พัด 44 • Simply
living
ผ่านไหลเวียนในตัวบ้านตลอดทั้งวัน รวมไปถึงความร่มรื่นจากสวนกลางบ้าน ที่แม้จะเป็นสวนขนาดมินิ แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ทำให้บ้านนี้ไม่มี ความจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าจากการเปิดเครื่องปรับอากาศเลย ซึ่งแนวทางการ ออกแบบบ้านให้อยู่แล้วเย็น วรพันธุ์บอกว่า "ปัญหาแรกที่บ้านร้อนก็คือแปลน บ้านผิดหลักภูมิประเทศ อย่างเช่น มีผนังอยู่ขวางทางลม ขวางทางที่แดด ส่องถึง การแก้ไขเบื้องต้นคือ การเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์บางชิ้นที่กีดขวาง ทางลมออกไป โดยบ้ า นนี้ ผ มจะใช้ วิ ธี ก ารดู ทิ ศ ทางลมตั้ ง แต่ แ รกในการ ออกแบบ จากนั้นก็ค่อยวางแปลนแต่ละห้องว่าจะตั้งอยู่อย่างไรเพื่อให้รับลม ได้ตลอด สุดท้ายคือ การวางตำแหน่งต้นไม้ที่ควรอยู่ในทิศที่ลมพัดผ่าน ปกติลมประจำในเมืองไทยจะมาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ และพัดเข้าบ้าน 7-8 เดือนในแต่ละปี นี่คือหลักการที่ผมใช้ในการออกแบบบ้านหลังนี้” เมื่อขึ้นชื่อว่า ‘บ้านประหยัดพลังงาน’ แน่นอนว่าสิ่งที่ผู้อยู่อาศัยจะได้รับ ก็คือ ค่าใช้จ่ายภายในบ้านที่ถูกลง ทว่าจากการได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนที่อยู่ บ้านในลักษณะนี้จริงๆ มาตลอด 2 ปีอย่างวรพันธ์ุแล้ว เขากลับบอกว่า บ้านประหยัดพลังงานในแบบของเขายังมีความพิเศษมากกว่าค่าไฟที่ถูกลง เนื่องจากสุขภาพดีขึ้น จากการได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างสายลม และ แสงแดด การที่ไม่ต้องเปิดแอร์ในเวลาทำงานหรือนอน ช่วยเพิ่มโอกาสใน การสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปให้ชุ่มปอด จากชีวิตที่พึ่งพาเทคโนโลยีน้อยลงนี้ มีส่วนทำให้เขาได้ใช้ชีวิตช้าลง สงบขึ้น ซึ่งชีวิตแบบนี้ใช่ไหมที่เขาเรียกว่า ‘อยู่เย็น เป็นสุข’
Simply living • 45
living simply เรื่อง : บูญ่า ภาพ : P.Patrick
River
Kitchen เป้ สีน้ำ
แสงแดดยามเช้าฉ่ำไอฝนชื้นเย็นของคืนก่อน ดอกโสนยังคงหลับใหลไม่ไยดีต่อแสงอรุณรุ่ง กลิ่นไอดินหอมรื่นอวลกลิ่นแม่น้ำ ภาพชีวิตในชนบทเงียบสงบเปี่ยมสีสัน เช่นเดียวกับชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเริ่มบทเพลงแรกแห่งวัน
46 • Simply
living
เป้ใช้ชีวิตของเขาอย่าง เรียบง่ายตามจังหวะเวลา ของธรรมชาติ โดยเฉพาะ อาหารการกินที่หมุนเวียน กันไปตามฤดูกาล
กิ จ วั ต รของเป้ สี น้ ำ หรื อ “ครู เ ป้ ” ที่ ลู ก ศิ ษ ย์ ลู ก หาของ โรงเรียนธรรมชาติบ้านริมน้ำเรียกกันจนติดปาก เริ่มด้วยการ
ยื ด เส้ น ยื ด สายเรี ย กเหงื่ อ กั บ งานสวน ถ้ า ไม่ ร ดน้ ำ พรวนดิ น
เขาก็จะลงต้นไม้สักต้นสองต้น จากนั้นจึงลงไปว่ายน้ำ หรือเก็บ
ผักบุ้งที่ลอยคออยู่เต็มหน้าบ้าน เพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการ
ปรุงอาหารประจำวัน เสร็จแล้วจึงจะอาบน้ำและกินอาหารเช้า เป้ บ อกว่ า นี่ คื อ ชี วิ ต ที่ เ ขาใฝ่ ฝั น นั่ น คื อ การได้ อ ยู่ อ ย่ า ง
เรี ย บง่ า ยและใช้ ชี วิ ต ไปตามจั ง หวะเวลาของธรรมชาติ โดย
เฉพาะอาหารการกิน “ผมกินสิ่งที่มี” ซึ่งหมายถึงการหมุนเวียน กันไปของพืชผักตามฤดูกาล ทั้งที่เกิดจากฝีมือธรรมชาติและ
จากน้ำพักน้ำแรงของตัวเขาเอง
ที่นี่ความฝัน บ้านริมน้ำ และครัวริมแม่น้ำ... ครั ว แห่ ง นี้ เ ป็ น ที่ ที่ อุ ด มสมบู ร ณ์ ไ ปด้ ว ยอาหารนานาชนิ ด
ไม่ ว่ า จะเป็ น ผั ก บุ้ ง สายบั ว รวมทั้ ง ปลาต่ า งๆ และบรรดา
พื ช ผั ก สวนครั ว ซึ่ ง มี ตั้ ง แต่ พ ริ ก กระเจี๊ ย บ กล้ ว ย มะละกอ
โสน แค โหระพา กะเพรา ผักกวางตุ้ง และอื่นๆ อีกมากมาย เป้เล่าว่า “ผมปลูกผักต่างๆ ที่ชอบกินและที่ทำเป็น อย่าง กระเจี๊ ย บ ผมชอบกระเจี๊ ย บเขี ย ว แล้ ว ก็ พ ริ ก ที่ นี่ ป ลู ก พริ ก
หลายชนิ ด มาก ผมชอบเอาพริ ก มาย่ า ง อั น นี้ เ ป็ น เมนู เ ด็ ด
ผมเอาพริ ก มาย่ า งกั บ หอมและกระเที ย ม หรื อ อะไรก็ ต ามแต่
ที่เป็นเครื่องเทศ ย่างแล้วก็เอามาตำรวมกัน ใส่กะปินิดหน่อย แล้วก็กินกับผัก Simply living • 47
ปลาย่างห่อใบยอ เทคนิคอยู่ที่ การใช้ใบยอดับคาวปลา และ เพิ่มคุณค่าสารอาหาร
“
ผมเริ่มจากเป็นเด็กหน้าเตาไฟ คอยใส่ไฟให้แม่ทำขนม ผมจะคอยอยู่ในครัวกับแม่ บางทีแม่ก็ใช้ไปเอาใบกะเพรา ไปเอาพริกมาหน่อยสิ เวลาที่แม่ทำกับข้าวผมต้อง อยู่แถวๆ นั้น คอยให้แม่เรียกใช้
”
48 • Simply
living
“...ผักที่ผมปลูกเป็นผักที่ดูแลง่าย เช่นผักบุ้ง กวางตุ้ง ผัก
บางอย่าง พวกผักยอดนิยมจะดูแลยาก เพราะมีปัญหาเรื่องแมลง ศัตรูพืชเยอะ เราไม่อยากดูแลมาก ไม่อยากใส่สารเคมี ปุ๋ยยังไม่ ใส่เลย บำรุงดินเอา บางทีเราดูดินเรารู้สึกว่าท่าทางมันคงอร่อย คือเราคิดแทนผักบุ้งว่ามันต้องอร่อยแน่ๆ เลย เราทำดินให้มัน อร่อย ไม่ต้องใส่อะไรมากมายเกินความจำเป็น เพราะไม่ได้ ต้องการความสวยงามอะไรมาก ต้นแค่นี้ก็พอแล้วไม่ต้องใหญ่ ให้มันงอก กินได้ก็เอา เมื่อก่อนกินผักสดอยู่เป็นเดือนแล้วรู้สึก แฮปปี้ ที่ นี่ ก็ มี ถั่ ว ฝั ก ยาว ถั่ ว พู แล้ ว ถั่ ว ฝั ก ยาวที่ เ ราปลู ก เอง
มันหวาน กรอบ มันอร่อยกว่าจริงๆ “...ที่นี่ยังมีดอกแค มะละกอ ผมกินมะละกอสุก กินก่อน อาหารเช้า มะละกอเป็นผลไม้ที่กินง่าย แล้วผมว่าลำไส้มันก็
ชอบมะละกอ อีกอย่างคือผมไม่ได้ติดในรสชาติ บางทีอะไรที่มี อยู่ ไ ม่ อ ร่ อ ยเราก็ กิ น ได้ ไม่ ใ ช่ ว่ า ไม่ ช อบความอร่ อ ยนะ อร่ อ ย
มั น ดี อ ยู่ แ ล้ ว แต่ ก ารไม่ ติ ด ในรสชาติ มั น ทำให้ เ รามี อ ะไรก็ กิ น
สิ่งนั้นได้ ไม่ได้เลือกกิน” ด้วยความที่ใส่ใจในเรื่องสุขภาพอย่างมาก เป้จึงให้ความ สำคั ญ กั บ อาหารการกิ น เป็ น พิ เ ศษ นอกจากจะกิ น พื ช ผั ก ที่ มี
ตามฤดู จ ากสวนครั ว ของตั ว เองแล้ ว เขายั ง พิ ถี พิ ถั น กั บ การ
ปรุงอาหาร และสนุกกับการคิดค้นเมนูใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
จนมีสูตรเด็ดเคล็ดลับประจำครัวที่บรรดาผองเพื่อนและลูกศิษย์ มักถามหากันอยู่เนืองๆ
“เมนูเด็ดของผมก็มีอย่างเช่น ปลาย่างห่อใบยอ ต้มโคล้ง ปลาย่าง แล้วก็ต้มยำ สำหรับปลาย่างห่อใบยอ ผมดัดแปลง
มาจากห่อหมก เคยอ่านเจอว่าใบยอทำให้ห่อหมกมีคุณค่าทาง อาหารสูง มันมีประโยชน์เยอะแยะมากมายในใบยอ วิตามินเอสูง มาก แล้ ว ใบยอก็ ดั บ กลิ่ น คาวในปลา เมนู ป ลาย่ า งห่ อ ใบยอ
มาจากห่อหมกส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งมาจากตอนนั้นเดินทางไป เจอคนเขาทำครั้งหนึ่ง ผมจำมาแล้วก็เอามาปรับเปลี่ยนไปตาม ความเข้าใจของเรา การย่างปลาแบบนี้จะเหมือนการนึ่ง เพียงแต่ เรานึ่ ง บนตะแกรงเท่ า นั้ น เอง เพราะฉะนั้ น เราต้ อ งห่ อ ใบตอง
ให้หนาพอที่จะอบให้ปลาสุก พอสุกแล้วเนื้อจะนุ่มมาก ในตัวปลา มั น มี น้ ำ พอโดนความร้ อ น น้ ำ ในปลาก็ จ ะเอากลิ่ น คาวของ
ปลาออกมาด้วย ฉะนั้นความคาวจึงไม่มี แล้วเราก็ยังมีตะไคร้ ช่วยดับกลิ่น ใส่เกลือนิดหน่อย แล้วก็มีความหอมของพริกบ้าง เวลากิ น ก็ กิ น กั บ น้ ำ จิ้ ม ซึ่ ง จะมี ก ระเที ย มเป็ น หลั ก ผมถื อ ว่ า กระเทียมเป็นยา ป้องกันการอักเสบได้ ผมจะใส่กระเทียมเยอะ จนโอเวอร์” อาการ “เวอร์กระเทียม” ของเป้นั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตอน
ทีเ่ ขาผัดผักบุง้ ไฟแดง กระเทียมไทยสองหัวใหญ่ถกู ทุบดังปังอย่าง ไม่ลังเล เป้บอกว่าเพราะกระเทียมนี่แหละผัดผักจึงมีรสชาติดี หากปราศจากกระเทียมเสียแล้ว ผัดผักคงไม่มีกลิ่นหอมชวน น้ำลายสอ “กระเทียมทำให้ผัดผักอร่อย มันเป็นเคล็ดลับที่ซ่อน
อยู่ในผัดผัก เพราะว่าผักสุกได้ด้วยความร้อน และอะไรล่ะเป็น
Simply living • 49
เป้มีเวลาให้กับอาหารของตนเองทุกมื้อ นอกจากนี้ยังเผื่อแผ่ไปถึงลูกศิษย์ ที่มาเรียนวาดรูปในวันเสาร์-อาทิตย์อีกด้วย
สื่อของความร้อน นั่นก็คือน้ำมัน ดังนั้นเมื่อน้ำมันร้อน พอเราใส่ ความเย็นเข้าไป ความเย็นก็จะดูดความร้อนดึงน้ำมันเข้ามา
ถ้าเราปรุงน้ำมันให้จรุงด้วยกลิ่นหอม ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตามแต่ กลิ่นหอมก็จะไปกับน้ำมันสู่ตัวผักบุ้ง ในช่วงเวลาเพียงเสี้ยวนาทีที่ ผักบุ้งดูดน้ำมันเข้ามาและเกิดภาวะช็อกความร้อน มันจะทำให้
ผัดผักบุง้ มีรสชาติอร่อย และถ้าจะให้ดกี ค็ อื เอาผักบุง้ ไปแช่นำ้ แข็ง พอเย็นแล้วเอาไปผัด ผักบุง้ จะสดกรอบและรสชาติดมี าก” เทคนิคการทำครัวของเป้นั้นเข้าขั้นเทพมาก แค่ดูจากวิธีปรุง อาหาร และครัวพร้อมเครื่องใช้ไม้สอยระดับมืออาชีพครบครัน
ก็พอจะเดาได้ว่า การทำอาหารเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเขา
ที่บ้านริมน้ำแห่งนี้ไม่ต่างไปจากหอศิลป์และเครื่องไม้เครื่องมือ
ในการวาดรูป สำหรับนักเรียนที่ไม่รู้ปูมหลังอาจสงสัยว่าครูเป้ของ พวกเขา “อิน” อะไรนักหนากับการทำครัว เป้เฉลยว่า “มันเริ่มจากตอนเด็กๆ ที่ต้องช่วยเหลือตัวเองในเรื่องอาหาร การกิน เริ่มจากการทำข้าวผัดตอน ป.2 ป.3 บางทีหิวขึ้นมาไม่มี อะไรจะกิ น และไม่ มี ใ ครที่ จ ะมาสนใจเรา เพราะทุ ก คนต้ อ ง ทำงานทั้งนั้น แล้วเวลาผมหิวก็ไม่รู้จะทำอะไรก็ทำข้าวผัด ซึ่งก็
ดีกว่าเอาข้าวคลุกซีอิ๊ว มีปลาก็เอามาย่าง มีปลาย่างเราก็ทำ น้ ำ ปลา มี กุ้ ง อยู่ ก็ เ อากุ้ ง มาย่ า งกิ น มั น เริ่ ม ต้ น จากเป็ น เด็ ก
หน้าเตาไฟ คอยใส่ๆ ไฟให้แม่ทำขนม เพราะฉะนั้นผมก็คุ้นกับ อะไรพวกนี้ จะคอยอยู่ ใ นครั ว กั บ แม่ บางที แ ม่ ใ ช้ ไ ปเอาใบ
กะเพรามาหน่อยสิ ไปเอาพริกมาหน่อยสิ เวลาที่แม่ทำกับข้าว
50 • Simply
living
ผมต้ อ งอยู่ แ ถวๆ นั้ น ต้ อ งคอยให้ แ ม่ เ รี ย กใช้ ที่ ส ำคั ญ ก็ คื อ
วิธีการหั่นผัก คนที่ไม่เคยทำอาหารจะงงมากจะหั่นไม่เป็น อย่าง
หอมใหญ่เราไม่รู้จะหั่นยังไง แตงกวาหั่นยังไง มะเขือเทศจะต้ม หั่นยังไง จะผัดหั่นยังไง มะนาวยังบีบกันไม่เป็นเลย มะนาวบีบ
ยั ง ไงไม่ ใ ห้ ข ม และที่ ส ำคั ญ ก็ คื อ ตอนที่ ม าอยู่ ก รุ ง เทพฯ เป็ น
นักดนตรีตามร้านอาหาร ผมก็ชอบขึ้นไปห้องครัว คือกุ๊กของร้าน อาหารที่ไปเล่นดนตรีทุกร้านกับเป้จะซี้กันมาก ผมก็เรียนรู้มา เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหั่นผัก เทคนิคการผัดผัก เช่นการ เผากระทะให้ร้อนก่อนที่จะใส่น้ำมัน เพราะน้ำมันเป็นสื่อของ ความร้อน เราต้องให้น้ำมันอยู่ในกระทะนานน้อยที่สุด เพราะ น้ำมันไหม้ก็ไม่ดี แล้วเวลาผัดอย่าคน เขาถึงโยนกันไง นั่นไม่ใช่ เพื่อโชว์นะ แต่เพื่อไม่ให้ผักซ้ำ ผมก็เรียนรู้เทคนิคอะไรพวกนี้
ซึ่งมีประโยชน์” ทุกวันนี้เป้มีเวลาให้กับอาหารของตนเองทุกมื้อ นอกจากนี้
ยังเผื่อแผ่ไปถึงลูกศิษย์ที่มาเรียนวาดรูปในวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่ง หากมีจำนวนไม่มากนักเขาก็จะเข้าครัวทำอาหารด้วยตนเอง รวมไปถึงช่วงเวลาสำคัญอย่างปาร์ตี้ปีใหม่ หรือยามที่เพื่อนฝูง
จากกรุงเทพฯ แวะมาสังสรรค์พักผ่อนหย่อนใจ ครัวริมน้ำของ เขาก็ทำหน้าที่เป็นแหล่งผลิตอาหารชั้นยอดให้ทุกคนได้ลิ้มลอง และลิ้มรสความเป็นธรรมชาติของอาหารพื้นบ้าน ที่นอกจากจะ ปรุงขึ้นอย่างเรียบง่าย ยังแฝงไว้ด้วยรัก และความคิดสร้างสรรค์ เปี่ยมล้น สมกับเป็นครัวของโรงเรียนธรรมชาติ...ครัวริมน้ำ Simply living • 51
inner peace เรื่อง : บูญ่า ภาพประกอบ : แก้วตา
เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต ประสบการณ์ครั้งนั้นถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ครั้งสำคัญในชีวิต เพราะนั่นเป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงคนหนึ่งกล้าที่จะเปิดเผยความในใจและตัวตนของเธอออกมา ฉันถามตัวเองว่า "เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งรักผู้ชายสักคน เธอจะทำอะไรได้บ้าง จะผิดไหมถ้าเธอจะแสดงความรู้สึกชื่นชม และบอกผู้ชายคนนั้นว่า เธอรู้สึกอย่างไรต่อเขา"
ของตนเอง ความรักเป็นเครื่องมือที่ฉันใช้ทบทวนชีวิต ความรักเปิดโอกาสให้ ฉันตั้งคำถามมากมายที่มีต่อโลก ความรักทำให้ฉันเข้าถึงดุลยภาพภายใน ระหว่างกายกับจิต ความรักทำให้ฉันเข้าใจความเป็นสตรีเพศ หากชีวิต ต้องการเครื่องมืออะไรสักอย่างเพื่อการฝึกฝน ฉันก็มีความรักนี่แหละเป็น เครือ่ งมือ เราไม่จำเป็นต้องแสวงหาเครือ่ งมือใดๆ จากโลกภายนอก เครือ่ งมือ นั้นมีอยู่แล้วในตัวเราเอง
Love Meditation “มีแต่รักเท่านั้นที่ฉีกทึ้งมนุษย์ออกเป็นชิ้นๆ และปลิ้นเปลือยด้านในออกมาด้านนอก” The Corrs ฉันมีความรักเป็นเครื่องภาวนา มีเพียงความรักเท่านั้นที่นำทางฉันสู่ประสบการณ์ด้านใน ความรักทำให้ ฉันมองเห็นตนเอง ค้นพบตนเอง และเข้าใจความหมายของชีวิต ใครกันที่ บอกว่าความรักทำให้คนเราบอดใบ้ ความรักนี่แหละที่ทำให้ฉันตาสว่าง มอง เห็นโลกแจ่มแจ้ง และเข้าใจความเป็นมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง เหมือนที่บทเพลง ของ The Corrs กล่าวไว้ว่า “มีเพียงความรักเท่านั้นที่ฉีกทึ้งมนุษย์ออกเป็น ชิ้นๆ ได้ และปลิ้นเปลือยด้านในออกมาด้านนอก” สำหรับฉัน ความรักคือเครื่องมือภาวนาที่ยอดเยี่ยมที่สุด ความรักฉีกฉัน ออกเป็ น ชิ้ น ๆ บดขยี้ อั ต ตา และปลิ้ น เปลื อ ยด้ า นในของฉั น ออกมาจน ล่อนจ้อน ฉันนึกไม่ออกเลยว่าจะมีประสบการณ์ใดในชีวิตที่เปิดเปลือยตัวตน ของเราได้มากเท่ากับความรัก ความรักเป็นประสบการณ์อันแปลกประหลาด พลังของมันผลักดันเราไป 52 • Simply
living
ในทิศทางใดก็ได้ แล้วแต่วา่ ใครจะเลือกเดินไปบนเส้นทางใด อานุภาพของรัก อาจทำให้เราบรรลุศักยภาพสูงสุดของตนเองได้อย่างที่เราก็คาดไม่ถึง หรือไม่ อีกที พิษสงของรักอาจผลักดันเราตกลงไปยังขุมนรกมืดมนที่เราก็ไม่อาจ จินตนาการได้เช่นกัน ก่อนหน้านี้ ความรักคือทัณฑ์ทรมานสำหรับฉัน ความ รักบดขยี้ฉัน ฉีกทึ้งจิตวิญญาณฉันจนป่นปี้ไม่มีชิ้นดี ความรักเปรียบเสมือน คลื่นทะเลคลั่งที่ทำลายล้าง ฉันมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่นอนเกยหาดไม่ได้สติ หมดสิน้ เรีย่ วแรง แทบเอาชีวติ ไม่รอด ความรักของฉันไม่ได้หอมหวาน เส้นทาง ของมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่กลับเต็มไปด้วยหนามแหลมคม ที่คุณ ต้องตัดสินใจเองว่าจะยอมเดินต่อไปหรือไม่ เหมือนเงือกน้อยที่ต้องตัดสินใจ ว่าจะยอมแลกเสียงอันไพเราะกับเท้าทั้งสองข้างที่เจ็บปวดแสนสาหัสทุกครา ยามที่ก้าวเดินไป คุณเลือกที่จะรักไหม นั่นคือคำถามอันยิ่งใหญ่ในชีวิตฉัน ความรักจึงเป็นเครื่องมือภาวนาที่ฉันใช้ฝึกสติเพื่อเพ่งพินิจโลกภายใน
อย่างช้าๆ เหมือนหนังสโลว์โมชั่น ยังงดงามอยู่ในความทรงจำ คืนนั้นหลัง จากลงรถไฟที่หัวลำโพงตอนสองทุ่ม ฉันนั่งรถเมล์ไปปากคลองตลาดเพื่อซื้อ กุหลาบสีขาวช่อใหญ่ แล้วให้เพื่อนรักสุดซี้ขี่จักรยานไปมอบให้เขาที่คณะ
ในวันรุ่งขึ้น เมือ่ มองย้อนกลับไปในอดีต ประสบการณ์ครัง้ นัน้ ถือได้วา่ เป็นประสบการณ์ ครั้งสำคัญในชีวิต เพราะนั่นเป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงคนหนึ่งกล้าที่จะเปิดเผย ความในใจและตัวตนของเธอออกมา ฉันถามตัวเองว่า “เมื่อผู้หญิงคนหนึ่ง รักคือทุกข์ รักผู้ชายสักคน เธอจะทำอะไรได้บ้าง ผิดไหมถ้าเธอจะแสดงความรู้สึก
แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” แต่มนุษย์ก็ยังเลือกที่จะรัก ชืน่ ชม และบอกผูช้ ายคนนัน้ ว่า เธอรูส้ กึ อย่างไรต่อเขา” ในวินาทีนนั้ ความรูส้ กึ มิใช่หรือ ที่ฉันมีต่อผู้ชายคนนี้อาจไม่ใช่ความรักเลยด้วยซ้ำ แต่ไม่ว่ามันจะเรียกว่า ความรั ก นั่ น เย้ า ยวนชวนให้ ลุ่ ม หลง จนเราเข้ า ไปติ ด กั บ ดั ก เหมื อ น อะไร มันก็ได้ดึงเอาความกล้าหาญที่ฉันไม่เคยรู้ว่ามีอยู่ในตนเองออกมาได้ บ่อทรายดูดที่เมื่อตกลงไปแล้วย่อมยากที่จะตะกายขึ้นมา ความรักปลุกเร้า อย่างน่าอัศจรรย์ บอกตามตรง ฉันไม่ได้คิดเลยว่าผู้ชายคนนี้อาจจะปฏิเสธ ทุกประสาทสัมผัสให้ตื่นตัว ปลุกเร้าทุกอารมณ์ความรู้สึกให้ลุกโชน ฉันมา ดอกไม้ของฉัน หรือหากเขาเป็นพวกผู้ชายหยิ่งยโส ก็อาจจะดูแคลนน้ำใจ ค้นพบทีหลังว่า หากไร้ซึ่งสติเสียแล้ว ความรักก็คือ “โคถึก” ดีๆ นี่เอง ใน จนฉันอาจเสีย self และเข็ดขยาดไปเลยก็เป็นได้ ฉันไม่รู้ว่านี่คือชะตากรรม ช่วงเวลาที่เราตกหลุมรัก เราจะสูญเสียการควบคุม จิตใจและอารมณ์ความ คือพรหมลิขิต หรือว่าอะไรกันแน่ เขารับดอกไม้ของฉันไปด้วยความเต็มใจ รู้สึกเตลิดเปิดเปิง เราแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ ฉันเคย ทั้งที่ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนที่ฝากดอกไม้ช่อนี้มาเป็นใคร นิสัยใจคอเป็นอย่างไร เขา ไร้สติแบบนั้นมาแล้ว ฝากเบอร์โทรศัพท์กลับมา แล้วบอกว่า “ให้เขาโทรมาคุยกันนะ” เอ็ม.สก็อตต์ เป็ก กล่าวไว้ในหนังสือ The Road Less Travelled ว่า ตอนที่ได้รับเบอร์โทรศัพท์จากเพื่อน ฉันแทบจะลอยจากพื้นขึ้นไปบน “ความรักนั้นกว้างใหญ่ ลึกล้ำเกินกว่าจะเข้าใจความหมายได้อย่างถ่องแท้ สรวงสวรรค์ พระเจ้า! ใครกันจะคิดว่าผู้ชายฮอตที่สุดในสถาบันขณะนั้น ทั้งยังไม่อาจหยั่งวัดหรือกำหนดขอบเขตได้ด้วยถ้อยคำ” คำกล่าวนี้ไม่ได้มี และเป็นที่หมายปองของเด็กสาวทั่วมหาลัยจะรับดอกไม้จากฉันและให้เบอร์ อะไรผิดไปแม้สักคำเดียว เมื่อคุณไม่รู้ว่าความรักคืออะไร คุณก็พยายามที่จะ โทรศัพท์มาด้วย นี่เป็นยิ่งกว่าความฝัน ฉันรู้สึกถึงชัยชนะเหนือชะตากรรม ค้นหามัน รักแรกของฉันนำฉันไปสู่ประสบการณ์ที่เปิดเผยตัวตนของฉันออก เวลานั้นฉันรู้สึกว่า ฉันเลือกได้ ฉันเลือกที่จะรักใครก็ได้ มาอย่างชัดเจน ในเวลานั้น ฉันรู้ว่าตนเองเป็นใคร มองโลกด้วยสายตา รักแรกของฉันไม่เลวเลย ผู้ชายคนนี้ต่อมาเป็นทั้งเพื่อนและพี่ชายที่ดีที่สุด อย่างไร ความรักทำให้ฉันรู้ว่าฉันเป็นผู้หญิงแบบไหน ความรักดึงเอาความ ที่ฉันสามารถพูดคุยกับเขาได้ทุกเรื่อง เวลานั้นฉันไม่เคยคิดว่าความสัมพันธ์ กล้าหาญที่ลึกที่สุดของจิตวิญญาณฉันออกมา ความรักหลอมละลายเปลือก ของเราจะลงเอยแบบนี้ เราไม่ได้เป็นแฟนกันอย่างที่ฉันคาดหมายไว้แต่แรก นอกที่เข้มแข็ง เปิดเปลือยให้เห็นธาตุแท้ที่อ่อนไหว ความรักไม่ได้ทำให้ฉัน แต่เราได้กลายเป็น “คนรัก” ที่รักและหวังดีต่อกันได้อย่างไม่มีวันแปรเปลี่ยน ตาบอด หากแต่เปิดดวงตาที่สามของฉัน ต้องขอบคุณผู้ชายคนนี้ที่ทำให้ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งชัดเจนขึ้นมา เหมือน ผู้ชายที่ฉันคลั่งใคล้ใหลหลงเป็นครั้งแรกเป็นรุ่นพี่ต่างคณะ หนุ่มสถาปัตย์ ภาพถ่ายในห้องมืดที่ค่อยๆ ปรากฏเป็นรูปเป็นร่างขึ้นอย่างช้าๆ และชัดเจน ขี่จักรยานเสือหมอบสีดำคนนั้น กระชากหัวใจเด็กสาวคณะวิทยาศาสตร์ไป ในที่สุด ฉันมองเห็นตนเองอย่างแจ่มชัดในความรักที่ฉันมีต่อเขา ซึ่งต่อมา แล้วทั้งดวง ฉันพบเขาครั้งแรกในงานประชุมรวมสโมสรนักศึกษาของสถาบัน มันได้ขยายรายละเอียดทุกซอกทุกมุมในจิตวิญญาณของฉัน กระทั่งทำให้ฉัน คำตอบที่ฉะฉานและวิสัยทัศน์ไม่เหมือนใครของเขานั้นช่างจับใจฉันเสียจริง ค้นพบความจริงของชีวิต และตอบคำถามมากมายหลายข้อที่ฉันปรารถนา เราพบกันบ้างในวาระที่มีการประชุมสโมสรฯ เขาไม่รู้จักฉันหรอก แต่ฉันน่ะ จะได้ล่วงรู้ก่อนที่วาระแห่งชีวิตนี้จะจบสิ้นไป แอบปลื้มเขาอยู่ในใจ จนกระทั่งวันหนึ่งฉันพบเขาโดยบังเอิญระหว่างทางไป หากปราศจากรักเสียแล้วคุณจะไม่มีวันรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ตึกเรียนรวม ภาพของชายหนุ่มผมยาวสยายบนจักรยานเสือหมอบขี่ผ่านไป Simply living • 53
backyard เรื่อง : nuu ภาพประกอบ : hobbitisme
เรื่ อ ง... หมาหมา
นโยบายที่เข้มแข็งและยั่งยืนข้อหนึ่งของครอบครัวเราคือ ไม่เลี้ยงหมา อันนี้เป็นประกาศิตของพ่อกะแม่ที่บอกเรามาตั้งแต่จำความได้ เวลาเราเก็บลูกหมามาเลี้ยงทีไร พ่อจะบอกว่า บ้านเราเป็นบ้านสวนเดี๋ยวมันก็ตกท้องร่องจมน้ำตายหรอก ที่สำคัญ ที่บ้านไม่มีรั้วรอบ ขอบชิด หมาจึงมีชีวิตอิสระเสรีเต็มที่ นึกอยากจะไปไหนก็ไป แล้วใครจะไปตามดูมัน เผื่อมันไปกัดใครเข้า จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม เอาเป็นว่าไม่ให้เลี้ยงละกัน ดังนั้น เวลามีคนถามว่าที่บ้านเลี้ยงหมาหรือเปล่า เราจะตอบว่าเปล่า แต่ไปๆ มาๆ รู้สึกตัวอีกที ตอนนี้บ้านเราเป็นที่สิงสถิตของหมา 3 ตัวเข้าให้แล้ว แต่ก็ยังยืนยันคำเดิมว่า ไม่ได้เลี้ยงหมาๆ (แค่ให้ที่อยู่ที่กินเฉยๆ แต่ไม่ อาบน้ำให้)
หมาสองตัวแรกที่มาเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ ตัวหนึ่งเป็นหมาจรจัด พลัดที่นาคาที่อยู่มาจากไหนไม่มีใครทราบ อย่างที่บอกนั่นแหละว่ารู้สึก ตัวอีกทีก็มีมันในชีวิตแล้ว นางหมาตัวนี้มีชื่อว่า ขาว (เมื่อเป็นตัวเมียเลยได้คำนำหน้าชื่อว่า อี) ไม่รู้อีกเหมือนกันว่าใครเรียกมันว่าขาว (แล้ว ก็เรียกตามๆ กันมา) เพราะเมื่อพิศดูรอบตัวแล้ว ไม่เห็นจะมีส่วนขาวตรงไหน อ้อ! อาจจะ ‘ตาขาว’ เพราะมันกลัวอะไรไม่เข้าเรื่องเสมอๆ ที่เขามีสำนวนว่า หมาเห่าใบตองแห้ง ชิดซ้ายไปเลย เพราะแค่จิ้งจกกระดิกหาง มันก็เห่าแล้ว แถมยังเป็นโรคสะดุ้งกับหวาดระแวง พอใคร เดินเข้าใกล้หน่อย มันจะออกอาการสะดุ้งเฮือกแบบ Over act จนคนนั้นยังสะดุ้งตามมัน พิเคราะห์แล้วเห็นตรงกันว่า นางขาวนี่ต้องมี อาการทางจิต ... หมาอีกตัวเป็นหมาเพศผู้ ไม่รใู้ ครอีกเหมือนกันตัง้ ชือ่ มันว่า กะทิ หรือไอ้ทิ สีตวั เดิมสันนิษฐานว่าน่าเป็นสีขาว แต่ขาวขะมุกขะมอมมากๆ ไม่ขาวจั๊ว ชื่อน้ำกะทิก็เหมาะดี ถ้าถามถึงความสมประกอบทางจิตของเจ้าหมาตัวนี้ก็เห็นจะตอบได้แบบอ้อมๆ แอ้มๆ เพราะหลายปีดีดัก แล้วที่เราไม่เคยเห็นมันมีความสัมพันธ์ทางเพศกับหมาตัวไหน แม้แต่อีขาวซึ่งเป็นเพื่อนสนิท ที่เรารู้ว่ามันซี้กันก็เพราะว่า มันไปไหนไปด้วย กันตลอด จนคิดว่ามันต้องเป็นแฟนกันแหงเลย แต่มาตงิดๆ สะกิดใจอยู่นิดหน่อยเมื่อถึงฤดูกาลผสมพันธุ์ ไม่อยากจะเซดว่าอีขาวเสน่ห์แรง สุดๆ น่าจะที่สุดในซอยเลยทีเดียว เพราะบรรดาหมาตัวผู้ทั้งซอยย่ำเข้าย่ำออกบ้านเรายังกะเดินสวนสนาม แล้วก็ฮึ่มแฮ่ใส่กันอย่างป่าเถื่อน เรียกว่าพร้อมจะทำศึกหน้านางฟาดฟันกันถึงตายซึ่งเดาได้ว่าน่าจะมาจากกลิ่นอันจรุงใจ (ก็ไม่เคยอาบน้ำนิ) ของอีขาว แต่เรื่องประหลาด
ก็คือ ไม่เคยเห็นกะทิจะก้อร่อก้อติกอีขาวซักติ๊ด ทั้งที่ถ้าลงสมัครเป็นแคนดิเดตแล้วน่าจะได้เปรียบตัวอื่น แต่ก็เปล่า แถมในยามที่มัน
จะสวีทกัน (อีขาวกะตัวผู้อื่นๆ น่ะนะ) กะทิจะไปยืนดมตัวผู้...ซะงั้น อู้ย...ได้แต่คิดว่า นี่แหละโลก...ของสัตว์ ... หมาตัวที่สามนี่มาอยู่ทีหลังสุด เป็นหมาที่เด็กชายออย หลานชายของเราประกาศตัวว่าเป็นเจ้าของ เราไม่ได้สอบถามที่มาที่ไปชัดเจน ส่วนเรื่องชื่อเสียงเรียงนามก็เหมือนไม่มีสิทธิ์เสียงใดๆ เพราะในเมื่อมีหมาตัวหนึ่งชื่อกะทิ เจ้าตัวนี้ก็จำต้องได้ชื่อ ลอดช่อง ไปตามระเบียบ เจ้าลอดช่องนี่เหมือนโดนยาบำรุงกุมารอ้วนพี เพราะจากตอนที่มาใหม่ๆ เป็นหมาเด็กตัวเล็กกะเปี๊ยก มาอยู่บ้านเราได้แค่อาทิตย์เดียว ตัวโต เบ้อเร่อเหมือนสูบลม จนเราตกใจว่าไม่เห็นมันแป๊บเดียว ไหงกลายร่างจากหมาเด็กเป็นหมารุ่นได้ในพริบตา แล้วที่ตลกก็คือ มันเป็นจอมสอดรู้ที่มีใบหูประหลาด สอบถามจากคนรักหมาหลายคนยังไม่มีใครเคยเห็น เพราะปกติหูของหมาจะตั้งขึ้น ทั้งสองข้าง หรือไม่ก็หลุบไปข้างหน้า หรือข้างหลังอย่างใดอย่างหนึ่งทั้งสองข้าง แต่เจ้าลอดช่องมันกลับทำหูตั้งข้างหลุบข้างได้ และทำ บ่อยๆ ด้วยเวลากำลังสอดรู้สอดเห็นเรื่องของมนุษย์ เวลาเห็นมันทำหูอย่างนี้ทีไร รู้เลยว่าไอ้นี่กำลังแอบฟังชาวบ้านคุยกันอยู่แหงๆ ... นั่งพิจารณาหมาที่บ้านแล้ว เราก็ได้แต่นึกน้อยใจในชะตากรรมของตัวเองว่า ไหนๆ จะมีหมาเหมือนกะบ้านอื่นเขาทั้งทีแล้ว ทำไมไม่มี ตัวไหนที่ธรรมดาสักตัวเลยนะ...
54 • Simply
living
Simply living • 55
4 • Simply
living