เจ็บร้อนปวดร้าว กร่อนลึก ความคิดนึก ทับถมหม่นไหม้
เจ็บร้อนปวดร้าวกร่อน ลึก ความคิดนึกทับถมหม่น ไหม้ มิมีทางออกอันใด เพียงหายใจหายใจอีก ครา
เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อย
เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อย
สิริวิทย์ สุขกันต์ พิมพ์ครั้งแรก มกราคม ๒๕๕๖ งานไหว้ครูหลักสูตรภาษาไทยเพื่อนวัตกรรมการสื่อสาร ราคา - บาท
เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อย สิริวิทย์ สุขกันต์
วิชาแนะแนวในห้องสัมภาษณ์ฯ ตั้งสี่ปีในมหา’ลัย แล้วออกไปใช้ชีวิต ทบทวนให้ถ้วนทิศ ตรองตรึกคิดดูให้ดี เลือกในสิ่งชอบ-ใช่! เพราะต่อไปนับจากนี้ จะหนักเบาหรือร้ายดี คือหนทางวิธีวิถีเรา อย่าด่วนสรุปดูถูกตนเอง อย่ากลัวเกรงความขลาดเขลา รู้-ไม่รู้, เคียงคู่ดุจแสงเงา ทุกหนทางบรรเทาเราเลือกเอง ใช้ชีวิตทวนคิดหนัก-เบา จะเลือกสุขเลือกเศร้า, เราเลือกเอง ฯ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๕ ชายแดนปทุม-อยุธยา วันสอบสัมภาษณ์นักเรียนรอบแรก
ช่วยเหลือกันปันแบ่งด้วยแรงมี ช่วยเหลือกันปันแบ่งด้วยแรงมี ปรารถนาดีไมตรีมีค่าเหลือ เราจะผ่านไปได้ด้วยจุนเจือ ด้วยความเชื่อวางใจในซึ่งกัน เลิกเกลียดชังขังกรอบชอบใช่ เราจะเปลี่ยนแปลงได้, เชื่อมั่น อย่าเพียงโทษโกรธขึ้งดึงดัน แล้วเย้ยหยันไปวันวันเหมือนเคย ประโยชน์ใดเกิดงอกเป็นดอกเกลียด เพียงยัดเยียดเดียดฉันท์ด้วยวะเหวย ผรุสวาทกวาดด่าแล้วเปรียบเปรย ดี - ไม่ดีเยาะเย้ยแบ่งแยกคน ช่วยเหลือกันปันแบ่งด้วยแรงมี อย่าตระหนี่วางใจ - ใส่ใจสน เผชิญหน้าพร้อมใจในทุกข์ทน มองที่คนเป็นคน, เสมอกัน
ช่วยเหลือกันปันแบ่งด้วยแรงมี คงเหลือเพียงวิธีนี้เท่านั้น เพื่อเชื่อใจวางใจในซึ่งกัน แล้วผ่านวันหวาดหวั่นด้วยกันไป ฯ ๑๒ ต.ค. ๒๕๕๔
ทุกคนต่างเปลี่ยนแปลง ก็มันเป็นไป, ปกติสามัญ ทุกๆ สิ่งเปลี่ยนผันตามวันผ่าน อะไรหรือใครยั่งยืนนาน ล้วนถูกกาลกัดกร่อนผ่อนเบา กลวงก็แต่ในอก, หวิวไหว ความรู้สึกในใจหม่นเศร้า แม้รับรู้สัจธรรม - ใช่, บรรเทา มีแต่ภาพเก่าเก่าเผาดวงใจ ก็มันเป็นอยู่, สามัญปกติ ดอกผลิบานแล้วรานร่วงไร้ ชั่วขณะหนึ่งเนิ่นนานเพียงใด ก็ไม่อาจรั้งไว้นานไปนิรันดร์ ฯ
แด่การเปลี่ยนแปลง ที่เราต่างรับรู้ แต่ก็ไม่เคยเท่าทันสักที... ดาลใจจากเพลง “Everybody’s Changing” (Keane)
ฉันไม่รู้เธอจะเห็นด้วยไหม? ๑. ฉันไม่รู้เธอจะเห็นด้วยไหม? โลกประกอบด้วยอะไรหลายสิ่ง ระหว่างเราเวิ่นเว้อเพ้อยุ่งขิง เราละเลยความจริง, ทิ้งหรือเปล่า? เพ้อแต่รักลุ่มหลงคงมั่น เจ็บก็กระแทกกระทั้นหม่นเศร้า โพนทะนาเพื่อระงับบรรเทา ความรู้สึกเงียบเหงาในใจ อาจละเลยหลงลืมเลอะเลือน ติดอยู่ในปมเงื่อนหม่นไหม้ ความรู้สึกหลากล้นดวงใจ มีชีวิตวนว่ายคลับคล้ายคลึง ลืมว่าโลกมีสิ่งอื่นหมื่นแสน มีดินแดนที่ยังไม่อาจไปถึง หลงอยู่ในบ่วงลวงติดตรึง ตื่นตกตะลึง! เกินบรรเทา
๒. ใช่ว่า - ไม่เคยเป็นเช่นเดียวกัน ในวัยเยาว์วันก่อนย้อนวันเก่า ก็เคยพรั่งพรูหดหู่มัวเมา ไปกับความเงียบเหงาเร้ารุม ไม่ใช่ความรักไม่เคยมีอยู่จริง อยู่ที่เราแอบอิงนิยามเททุ่ม ไปกับเรื่องราวแบบใด, ในแง่มุมเราจึงกลัดกลุ้มไปต่างกัน อาจมีหรือไม่ - ไม่มี ค่อยเข้าใจร้ายดี, ต่างฝัน บาดเจ็บพ่ายแพ้แก่คืนวัน ค่อยๆ มีภูมิคุ้มกันชีวิต ไม่กระโตกกระตากมากนัก แม้เผชิญหน่วงหนักเปี่ยมพิษ สิ่งใดใดล้วนมีเหตุผูกติด ค่อยรอนลิดปัจจัยใคร่ครวญ
ฉันเองก็คงเป็นอย่างเธอ, เช่นกัน เวลาเจ็บเศร้าหวาดหวั่นก็ไห้หวน เวลารักฟุ้งเพี้ยนเพ้อแปรปรวน เทอารมณ์ทั้งมวล - พลังงาน
๓. ต่างต้องเรียนรู้เป็นไป รู้จักลมหายใจได้พบผ่าน รู้จักเจ็บปวดและร้าวราน จึงแกร่งกร้านกล้าแข็งเติบโต ถอนอารมณ์ใจฉัน - หยุด - ออก สำ�ทับบอกหยุดใจไม่อวดโอ่ เธอและเธอจะเรียนรู้เติบโต ผ่านช่วงร้องไห้โฮ! แล้วเบิกบาน ยิ้ม - อยู่ในมุมหนึ่งไกลไกล เว้นที่ว่างพิษหัวใจ, แผ่ซ่าน เราก็กลืนต่างกินแล้วซมซาน เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตนเอง! เราก็กลืนต่างกินแล้วซมซาน ทั้งรสหวานฝาดขมโดยตนเอง! ๘ ตุลาคม ๒๕๕๕ สี่พระยา, บางรัก
คงเพราะมิใช่ความรัก คงเพราะมิใช่ความรัก หากเธอแบกหนักภาระหลังไหล่ คาดหวังเรื่องราว, ดวงใจ ตกอยู่ในไฟหม่นไหม้เพียงลำ�พัง ทรมานกับการสนทนา เงื่อนไขแน่นหนาเกาะกุมขัง ปวดร้าวแค้นโกรธเกลียดชัง คล้ายสิ้นไร้กำ�ลังรั้งดูแล เหน็ดเหนื่อยกับเรื่องราวทั้งผอง เต้นไหวตามทำ�นองพ่ายแพ้ จิตใจตกต่ำ�และอ่อนแอ เต็มไปด้วยข้อแม้ - ต่อเรื่องราว คงเพราะมิใช่ความรัก เธอจึงไร้แหล่งพิงพักปวดร้าว แม้อยู่ร่วมกันเนิ่นนานยาว แต่ละคำ�กล่าวรวดร้าวดวงใจ
มิอาจเรียกขาน, ความรัก จนกว่าซาบซึ้งแน่นหนัก, ยิ่งใหญ่ รับรู้คุณค่าความหมายเข้าใจ จะซาบซึ้งชิดใกล้ในชีวิต รับรู้คุณค่าความหมายห่วงใย อยู่ร่วมลมหายใจใช้ชีวิต ฯ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๕ สี่พระยา, บางรัก
(เรื่องเจ็บร้าวดวงใจ, ใหญ่เสมอ เมื่อพบเจอไม่ว่าเวลาไหน ยิ่งคืนวันหนุ่มสาว, ช่วงวัย แผลสดใหม่ยิ่งใหญ่เสมอ! แต่ก็ต้องผ่านมันให้ได้ ข้ามพ้นไปจากไฟพร่ำ�เพ้อ ลบทิ้งให้หมดสิ่งบดเบลอ เช็ดน้ำ�ตาของเธอ, แล้วก้าวไป!)
คงไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต มันไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต เพียงเรื่องราวหลงทิศความใฝ่ฝัน ผูกดวงใจในรัก - ว่าสำ�คัญ แล้วคาดคั้นหมายมั่นจนกลั้นใจ มีชีวิตเพื่อพบเจอผู้คน บางคราครั้งสับสน, เริ่มต้นใหม่ เวียนเปลี่ยนผ่านเรียนรู้เป็นไป ความชอกช้ำ�หมองไหม้ในตัวเรา มันไม่ใช่ทั้งหมด, สิ้นสูญ! วันพรุ่งนี้เกื้อกูล, ใช่เปลี่ยวเหงา ไม่มีใครบางคน ยังมีเรา ใจซบเซาก็เพียงเศร้า - เกิดมี แน่นอน! เป็นแผลใหญ่ใหม่และสด อานุภาพทอนลด, ให้ถอยหนี กัดกลืนกินลมหายใจทั้งร้ายดี ไม่ปรารถนามีพรุ่งนี้อีกต่อไป
ข้ามพ้นผ่านมัน! อดทน! หากเธอหยัดยืนจนกล้าเริ่มใหม่ วันที่พรั่งพร้อมแรงจะผลิใบ เรื่องเปล่าไร้ทั้งหลายย่อยผุพัง บาดแผลรวดร้าวค่อยเลือนราง เริ่มต้นใหม่เราสร้างขึ้นอีกครั้ง ยิ้มให้กับชีวิต, มีพลัง หัวเราะกับความหลังและชีวิต ไม่ใช่ทั้งหมดทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงเรื่องราวแรมร้างพร่างแผลพิษ ค่อยค่อยซับรับรู้ - ลด/ทอน/ริด มีชีวิต ใช้ชีวิต ต่อไป! ๖ ธันวาคม ๒๕๕๕ พฤกษา ๕๒, นวนคร
งาน งานไม่ง่ายแถมยาก, ลำ�บากวิถี ถือเป็นหนทางวิธีฝึกฝน เรียนรู้ผิดพลาดปัญหาอดทน เรียนรู้ผ่านพ้นสับสนหนทาง เรียนรู้จักรักกันปันแบ่ง เรียนรู้จักทุ่มแรงยืนเคียงข้าง เรียนรู้จักบรรเทาเบาบาง ทำ�ทุกอย่างเต็มเรี่ยวแรงและตั้งใจ จะเข้มแข็งกล้าแกร่งขึ้นมา เมื่อพ้นผ่านปัญหานั้นมาได้ พร้อมกับโลกทัศน์แห่งด้านใน จะเข้าใจใครใครและตนเอง ฯ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๕ เขียนคุยกับลูกศิษย์ สี่พระยา, บางรัก
ควานค้นหาสิ่งรักสักสิ่ง ควานค้นหาสิ่งรักสักสิ่ง ไว้พักพิงชุบใจให้หาญกล้า ยามเจ็บไข้ทุกข์ท้อช่วยเยียวยา ยามอ่อนล้าช่วยชักพาก้าวต่อไป เพื่อปลุกปลอบขวัญผ่านวันคืน ว่ายังหยัดยังยืนขึ้นมาไหว ว่ายังมีศรัทธาเต็มเปี่ยมใจ ว่ายังไม่หมดไฟ - จะต่อกร กับเรื่องร้าวใดใดไล่บีฑา ยังคงเปี่ยมปรารถนาอันรุ่มร้อน มีความฝันหาญกล้าจะด้นจร ไม่ย่อหย่อนรอนราน, การเติบโต ควานให้พบสิ่งนั้น, สักสิ่ง บนโลกจริง - ใช่เพื่ออวดโอ่ เพียงแรงหนุนข้ามเทศากาลิโก เป็นเกราะโล่ห์ป้องหนามยามทุกข์ทน
เพื่อตอบความโง่เขลาตัวเราได้ จะมีชีวิตต่อไปในสับสน เพื่อควานหาคำ�ตอบใด, ใจดล เพื่อควานค้นผลงดงาม คือนามใด? ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๕ พฤกษา ๕๒, นวนคร
มีแต่เธอตอบได้, ตอบใจเธอ ดี - ร้ายแล้วอย่างไร? เป้าหมายอื่นใดที่ปรารถนา ดีเพื่อให้เธอเข้าใจเห็นน้ำ�ตา่ ร้ายเพื่อคว้าเธอมาครอบครอง ดิ้นรนเปลี่ยนแปลงตัวเองทำ�ไม หากมิใช่ย่อมมิใช่ไร้เกี่ยวข้อง สิ่งต่างต่างมีวิถีครรลอง ไย? ต้องผลาญเศร้าหมองดวงใจ เพื่อตอบแทนความแค้นเคืองคุกรุ่น ต้องการแรงหนุนเพื่อเผาไหม้ สุดท้ายแล้วสิ่งคาดหวังคืออันใด เพียงวาบหนึ่งผ่านไป, ก็เท่านั้น! ตอบใจตนให้ได้, สิ่งปรารถนา คืออันใดในคุณค่าจึงบากบั่น แบกบรรทุกทุกข์ร้อน, สำ�คัญ? แค่เพียงวันผ่านวันอีกวันไป
จะร้ายจะดี - มีใครพร้อมนิยาม เพียงถกถามความหมายที่คว้าไขว่ เธอจะเป็นเธอเอง, หรือเปลี่ยนใจ มีแต่เธอตอบได้ - ตอบใจเธอ! ๘ มกราคม ๒๕๕๖ เขียนสนทนากับลูกศิษย์ในยามเช้า ห้องหลักสูตรฯ, ปทุมธานี
ยอมรับแล้วก้าวต่อไป มัวหลงใหลในมายาน่าผิดหวัง กระทำ�สิ่งพลาดพลั้งซ้ำ�ซ้ำ�ใหม่ เริ่มด้วยโกหกหลอกลวงใคร จบด้วยไร้แม้ใครสนใจเรา เมื่อทำ�ร้ายทำ�ลายความเชื่อใจ จะเหลือใครนอกไปจากความเศร้า ซึ่งงอกงามบนความมัวเมา ดื่มกินความขลาดเขลาจนผลิบาน หลงอยู่ในทางทิศลิขิตสร้าง ร่วงหล่นสู่หลุมพรางยากพ้นผ่าน จมปรักในโคลนตมหล่มจักรวาล ซึ่งตัวเธอเสกบันดาลสร้างมา! เพื่ออันใด? เพื่อใดกัน? ดิ้นรน บีบคั้นตนเสียจน - มิสู้หน้า ไยเลือกทางหลอมรวมมายา เลือกนำ�พาตัวเองไปตีบตัน
มิอาจรู้, มิอาจรู้ดวงใจเธอ ไยบอดใบ้บดเบลอเพ้อฝัน หลอกใคร หลอนใคร ยืนยัน ทั้งเธอนั้น, รู้ว่ามัน - ไม่จริง! ยอมรับ, เริ่มต้นที่ยอมรับ อาจได้กลับแก้ตัวเมื่อละทิ้ง ยินยอมเลิกพำ�นักพักพิง เลิกสิงสู่บนหิ้งความหลอกลวง มีแต่เธอเท่านั้น, เริ่มต้น ยอมรับความหมองหม่นหล่นร่วง ยอมรับการกระทำ�ทั้งปวง เพื่อพ้นห้วงเลวร้ายในเป็นมา ยอมรับการกระทำ�ทั้งปวง ก่อนมิเหลือแม้เปล่ากลวง, ดวงใจ! ๘ มกราคม ๒๕๕๖ สโมฯ, ปทุมธานี
ต่อเรื่องราวแห่งมวลมิตรและใจเรา วาบวูบหลุมพรางต่างๆ ในชีวิต อาจมากพิษน้อยพิษความเกี่ยวข้อง ทำ�ได้เพียงใช้ชีวิต - ทดลอง อาจแย้มยิ้ม น้ำ�ตานอง เป็นไป เรียนรู้จักแบ่งเบาเขาและเรา เรียนรู้จักผ่อนเพลาความสงสัย อาจหัวเราะ เบาะแว้ง แหว่งเว้าใจ ชั่วขณะชิดใกล้, สัมพันธ์ เป็นเช่นนี้, ตามวิถีครรลอง ความเกี่ยวข้อง โศกเศร้า ขบขัน เรียนรู้จักให้อภัยเข้าใจกัน ช่วงชีวิตแสนสั้น - มินานยาว สนทนา ให้เวลา ห่วงใย อาจมิได้ชิดใกล้ในรวดร้าว มิตรสหายของทางทิศบางเรื่องราว มีค่าเกินคำ�กล่าว, ร้อยเรียง
เรายังยิ้มยินดีเสมอกับเขา มีอดีตแบ่งเบาคอยหล่อเลี้ยง แม้วันใดอาจมิได้ร่วมเคียง เพียงให้รู้พร้อมจะอยู่และเข้าใจ แม้วันใดมองหาใครเดินเคียง ฉันยังคอยถกเถียง, เพื่อนเอ๋ย ฯ ๙ มกราคม ๒๕๕๖ พฤกษา ๕๒, นวนคร เขียนสนทนากับลูกศิษย์ยามเช้า และบางส่วนแหว่งเว้าในใจ
แผลของเรา, เรามองเห็นยิ่งใหญ่ เดือดร้อนอ่อนไหวไม่สิ้นสุด โอดครวญร้องครางว่าโทรมทรุด ลืมสนใจมนุษย์อื่นใด ฯ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๕
ช่วงเวลากรุ่นในอกน่ะ, สำ�คัญ เรามักมีเรื่องรวดร้าวใจ ทั้งสิ่งที่ทำ�ไปและได้รับ สะทกสะท้อนใจในตอบกลับ อกแคบคับย่อมอึดอัด, ธรรมดา ปวดใจกับเรื่องใดใดที่ใครอื่น หยิบยื่นขื่นขมรสขมปร่า ร้าวใจในสิ่งซึ่งอกในนำ�พา เสียน้ำ�ตาให้อัตตา - บางที ทรมานในอกกับสิ่งที่เราก่อ ไม่กล้าหาญเพียงพอจึงหลบหนี ยิ่งทิ้งห่างร้างไกล, ใจไม่ดี มีแต่เพียงวิธี - สนทนา! จะรวดร้าวใจจากสิ่งใดก็ตาม พบเผชิญพ้นข้ามหนามปัญหา เถอะ! เปิดดวงใจร้าวไหว, พูดจา มิตรภาพสูงค่าเกินกว่าจะละเลย
ต่างก็เคยผิดข้องหมองใจ, รึใครไม่? เพียงแต่เราร่วมแก้ไขไม่ชาเฉย สนทนาเถอะสนทนา! เอื้อนเอ่ย สิ่งงดงามจะงอกเงย, เมื่อแบ่งปัน เปิดอกใจให้กว้างออก กว้างไว้ ลดทอนเงื่อนไขในใจปิดกั้น ช่วงเวลากรุ่นในอกน่ะ, สำ�คัญ เพื่อเท่าทันไหวหวั่น - ทบทวน แล้วเ่อ่ยออกบอกความหมายในใจคิด ถ่ายเทพิษฝังในอกให้ครบถ้วน บอกขอโทษ จากใจ หลังใคร่ครวญ ทุกอย่างล้วนเริ่มที่เราแบ่งเบาใจ บอกรักกัน อย่างที่ใจ ได้ใคร่ครวญ เราต่างล้วนปวดร้าว, เถอะ! เข้าใจ! ๑๒ มกราคม ๒๕๕๖ เช้าวันเด็กแห่งชาติปีนี้ พฤกษา ๕๒, นวนคร
อวยพรต่อเรื่องราวแห่งเรา ๑. อวยพรให้จิตใจแห่งเธอทั้งหลาย รอดพ้นเงางมงายคลายปมเงื่อน มีสติพอทวนคิด - รู้ - เตือน มิพร่าเลือนไปกับเงื่อน กับปม รู้เท่าทันสิ่งที่เธอคิด เธอทำ� มิหลงพลาดเผลอซ้ำ�กลืนขื่นขม สิ่งใดไหวอ่อนซ่อนแหลมคม ไม่ทับถมหมักหมมใจเธอ เรียนรู้จักรัก รู้จักให้อภัย ให้พานพบสว่างไสวสม่ำ�เสมอ ภาวนา, ฉันภาวนาให้ปวงเธอ มิบดเบลอบอดใบ้ในหนทาง ปรารถนา, เพียงปรารถนา ยังศรัทธาในความแตกต่าง เชื่อมั่นผ่านพ้นในหลุมพราง ซึ่งเธอสร้าง เราสร้าง เป็นไป!
๒. อวยพรต่อเรื่องราวแห่งเรา คลายโศกเศร้าหม่นเทาแบ่งเบาได้ ผ่านพ้นผ่านเรื่องร้าวดวงใจ ผ่านคืนวันร่ำ�ไห้, ยิ้มได้อีกครา ผ่านพ้นผ่านเรื่องร้าวดวงใจ เรียนรู้จัก ให้อภัย เชื่อในรัก! ๑๓ มกราคม ๒๕๕๖ ผ่านคืนแล้วยังไม่เข้านอน! ปทุมธานี
เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อย เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อยจริงๆ ไหนจะถูกทิ้ง ได้รัก ใฝ่ฝัน กระทบกระทั่งระหว่างคืนวัน ทั้งเท่าทันมิเท่าทัน, ดวงใจ ขาดแคลน โหยหา ความรัก เหนื่อยหนักกับเรื่องสนิทชิดใกล้ บาดเจ็บรวดร้าวเพราะห่วงใย บางคืนวันร่ำ�ไห้, นองน้ำ�ตา เพราะเป็นเช่นนั้น, เรารู้สึก เต้นไหวตามคิดนึกปรารถนา ผูกดวงใจเกี่ยวข้องนำ�พา บางครั้งจึงเลือนพร่าบดเบลอ เถอะ! ก็เพียงเท่านั้นความหมาย เรียนผูก เรียนคลาย ในข้อเสนอ รู้จัีกเจ็บปวดเพื่อพ้นพบเจอ เติบโตเป็นเธอ - อย่างเธอเป็น
หายใจเข้าไว้ - เข้าไว้ อย่าหวาดกลัวหวั่นไหวใครพบเห็น ร้องเถอะร้อง น้ำ�ตา ยะเยือกเย็น มิต้องหลบซ่อนเร้นเป็นตัวเรา เปิดอกใจให้กว้างออก กว้างไว้ ลดทอนเงื่อนไขใจผลาญเผา มีแต่ยอมยินดี, จะแบ่งเบา เรื่องหม่นเทาโศกเศร้าจึงจางไป เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อย, เรียนรู้! เพียงโมงยามชั่วครู่ - การเผาไหม้ เราเจ็บร้อนปวดร้าวกร่อนดวงใจ เพื่อก่อรูปสร้างใหม่, เติบโต! แม้เจ็บร้อนปวดร้าวกร่อนดวงใจ เถอะก้าวไป! ก้าวไป! เติบโต! แด่วัยรุ่นทั้งหลาย, ปวงเธอ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๖
เธอจะผ่านพ้นได้, ฉันเชื่อ ๑. เมื่อพลบค่ำ�ก็มีตะวันขึ้นใหม่ ขอบฟ้าอรุโณทัย - สว่างอีกหน อาจเจ็บร้าวดวงใจและทุกข์ทน เมื่อผ่านพ้นผลิผลจะเบิกบาน ช่วงเวลาเคี่ยวกรำ�ย่อมเจ็บปวด ชะตากรรมเฆี่ยน! หวด! กร้าวกร้่าน! เถอะ! เรียนรู้ อดทน มิยาวนาน โลกยังมีมุมด้านอีกมากมาย มีเรื่องราวนานานับประการ รอเราไปพบพานสร้างความหมาย เรียนรู้ผ่านพ้นเคยงมงาย มีเรื่องราวหลากหลาย, รอเราทำ�!
๒. เมื่อผ่านพ้นห้่วงยามการร่ำ�ไห้ เราจะยิ้มได้ใหม่ - ไร้กลืนกล้ำ� มีอดีตเป็นฐานการเคี่ยวกรำ� อนาคตเราทำ�, สร้างมันเอง! สู้ๆ เด้อ คุณลูกศิษย์ :) ๑๔ มกราคม ๒๕๕๖ พฤกษา ๕๒, นวนคร
หากเป็นเช่นนั้น, จงมีพลัง ไม่มีใครไร้ทุกข์สว่างเสมอ มีแต่ผู้พบเจอแล้วผ่านได้ จึงสามารถหยัดยืน, หายใจ ทุกข์เท่าใดใจเรียนรู้อยู่สู้ทน ขอให้มีเรี่ยวแรงดั่งใจหวัง ขอให้มีพลังผ่านผลิผล ขอให้ทุกข์รานร้าวในกมล จงผ่านพ้นลับไปจากใจ, จร สูดหายใจเข้าไว้, ทแกล้วกล้า มินานดอกปัญหาคงเพลาผ่อน บ่นบรรเทาเกลากล่อมด้วยบทกลอน ล้มตัวนอนตื่นขึ้นมา, ค่อยว่ากัน!
ให้โอกาส ๑. ให้โอกาสกับโลกนี้อีกครั้ง เปิดดวงใจหยุดกุมขังเพลาผ่อน ให้โอกาสกับชีวิตบางบทตอน ได้ถ่ายถอนกร่อนร้าว, ดวงใจ รับฟัง - ครวญคิด - ทบทวน อย่าสะบัดขาดห้วน, ด้วยหวั่นไหว เมื่อถ้อยคำ�บางคำ�กลั่นจากใจ เราจะรับรู้ได้, ด้วยใจเรา! รู้สึกรู้สาเป็นไปตามจริง ปลดวางกรอบละทิ้งสิ่งหม่นเศร้า ส่งสัญญาณบอกกัน, บรรเทา อย่าใช้ความขลาดเขลาเข้าตีความ ให้โอกาสกับดวงใจเธอด้วย มีแต่เธอจะช่วยพาก้าวข้าม ให้โอกาสบางสิ่งอันงดงาม ที่เราต่างนิยามว่า, ความรัก
ให้โอกาสเรียนรู้เงื่อนไข หลงเหลือหนทางไว้, ยามหน่วงหนัก ให้โอกาสเรียนรู้พำ�นัก ในเพิงพักมิตรภาพแห่งกัน ๒. ให้โอกาสกับทุกสิ่งทุกอย่าง มีเพียงเราร่วมสร้างความฝัน มิตรภาพ, คงค่า สิ! สำ�คัญ บนหนทางแสนสั้นของชีวิต มิตรภาพ, ล้ำ�ค่าและสำ�คัญ เพียงเท่านั้น แค่นั้น, เพื่อนเอ๋ย! ๑๕ มกราคม ๒๕๕๖ ข้ามคืนมาได้สามสิบสี่นาทีแล้ว ใจยังครวญคิด, ชีวิตทั้งหลาย พฤกษา ๕๒, นวนคร
ผ
มรู้สึกยินดีที่เห็นผู้คนที่รักกัน (แน่นอนบางครั้งอาจอิจฉาตา ร้อนบ้าง) แต่ก็ยังยินดีที่ความงดงามเหล่านั้นงอกงามขึ้น ในใจของคนเรา สำ�หรับวัยหนุ่มสาวแล้ว ความรักอาจเป็นแรง เหวี่ยงสำ�คัญที่ทำ�ให้ชีวิตเดินหน้าต่อไปได้ แต่มิใช่แรงชนิดเดียวใน จักรวาลของเรานะ
ค
วามรักอันงดงามนั้น จะประคับประคองตัวเราให้เดินผ่านพ้น เรื่องราวกร่อนร้าวจิตใจไปได้ หากผิดพลาด บาดเจ็บ เสียใจ ขอให้จดจำ�ความรู้สึกนั้นไว้ แล้วก้าวผ่านไปให้ได้ อย่าเพิ่งท้อแท้ ถอดใจไปทั้งหมด เรื่องราวอื่นใดยังรอให้เราก้าวเดินต่อไปค้นหา แน่นอน, เฉพาะหน้าในห้วงเวลานั้นเสมือนว่าทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว พยายามเข้าไว้ หายใจต่อ เมื่อผ่านพ้นเราจะกล้าแกร่งขึ้น อาจยิ้มได้ อีกครั้ง แม้การเผชิญหน้ากับการจากลาเป็นเรื่องยากเย็นเสมอก็ตาม
เพื่
อเป็นการปลอบประโลมใจตนเอง ผมจึงมักบอกตนเองว่า ความรักนั้นมิได้กอปรขึ้นจากความรักแห่งหนุ่มสาวเท่านั้น ยังมีความรักงอกงามขึ้นในทุกที่ ทุกโมงยาม อย่างความรักในเพื่อน มนุษย์ ความรักในสรรพสิ่งธรรมชาติ ซึ่งเปิดกว้างให้เราเข้าไป ดื่มด่ำ�อยู่เสมอ... บางส่วนจากบันทึก บางเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก
๑. เทาคือเราทั้งผอง ความเกี่ยวข้องของโลกหลากด้าน ยินดีปรีดิ์เปรมเกษมสำ�ราญ และทุกข์ทนร้าวราน, เสมอกัน จากที่มาคนละแหล่ง ผุพังเว้าแหว่งคนละฝัน ค้นหาความหมายใดสำ�คัญ ช่วงเวลาสั้นสั้น, มหา’ลัย ก่อรวมเป็นมวลแห่งเรา อาจขลาดเขลาเคยเผาไหม้ บรรทุกโกรธเกลียดชังขังดวงใจ เรียนรู้จักให้อภัยจึงเติบโต เพราะเทาคือเราทั้งผอง อาจผุดผ่องหมองเขลาขลาดโง่ อาจพลั้งพลาดซัดเซเลโล เพื่อเรียนรู้แหว่งโหว่ในกัน ๒. เพราะเทาคือเราทั้งผอง คือทำ�นองคือคำ�ร้อง, เรากรองกลั่น คือหนทางร่วมเคียงแบ่งปัน คือทรงจำ�สำ�คัญแห่งเรา คือหนทางร่วมเคียงผูกพัน คือทรงจำ�สำ�คัญแห่งเรา ฯ