1
BY : Apaporn Dunginchay
2
หนังสือ : What the pug ผู้เขียน : อาภาพร ดวงอินทร์ฉาย พิมครั้งที่ 1 ธันวาคม 2557 จำ�นวนพิมพ์ 1 เล่ม ราคา 199 บาท ข้อมูลบรรณานุกรม อาภาพร ดวงอินทร์ฉาย What the pug : แว่นกลม | 2557 100 หน้า | คู่มือ บรรณาธิการเล่ม : อาภาพร ดวงอินทร์ฉาย ออกแบบปกรูปเล่ม : อาภาพร ดวงอินทร์ฉาย พิสูจน์อักษร : อาภาพร ดวงอินทร์ฉาย ควบคุมการผลิต : อาภาพร ดวงอินทร์ฉาย จัดพิมพ์ : สำ�นักพิมพ์แว่นกลม จัดจำ�หน่าย : สำ�นักพิมพ์แว่นกลม
3
คำ�นำ� ในปัจจุบัน คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักสุนัขสายพันธุ์ปั๊กเป็นแน่ เนื่องด้วยกระแสความ นิยมในสุนัขสายพันธุ์นี้ที่เริ่มมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะด้วยอุปนิสัยน่ารักน่าเลี้ยงก็ดี หรือจะด้วยรูปร่างหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ มองอย่างไรก็ไม่เบื่อ ชวนให้หัวเราะแล้ว อารมณ์ดีทุกคราที่มองปั๊กน้อย สิ่งเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุผลที่ทำ�ให้คนไทยหัน มาเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้มากขึ้นตามลำ�ดับ ด้วยความร่าเริงที่ไม่เหมือนใคร หน้าตาแล ดูฉงนปนทะเล้น และอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา ทำ�ให้ปั๊กไม่เพียงแต่เป็นที่นิยมเลี้ยงใน ประเทศไทยเท่านั้น หากแต่ยังแพร่หลายมากขึ้นทั่วโลกอีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงทำ�หนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับสุนัขพันธ์ปั๊กขึ้นมา ให้คนที่สนใจที่จะเลี้ยงได้มีข้อมูลในการตัดสินใจมากยิ่งขึ้น แล้วเพื่อเป็นการไขปัญหา ต่างๆในทุกแง้มุมของสุนัขพันธ์ปั๊ก
4
สารบัญ ประวัติความเป็นมาของสุนัขพัน
6-7
ลักษณะที่ดีของสุนัขพันธุ์ปั๊ก
8-17
เกาะติดนิสัย หมาปั๊ก
18-23
ความต้องการและ ดูแลเอาใจใส่
24-33
โภชนาการและอาหารที่เหมาะสมกับปั๊ก
34-55
กลเม็ดเผด็จความขี้เกียจของ น้องหมาพันธุ์ปั๊ก
56-77
เทคนิคสยบปัญหา 5 จุดเหม็นในน้องหมาปั๊ก
78-97
5
ประวัติความเป็นมาของสุนัขพัน สุนัขพันธุ์ปั๊กเป็นสุนัขที่เก่าแก่สายพันธุ์หนึ่ง มีกำ�เนิดมาจากประเทศจีน มาตั้งแต่ 400 ปี ก่อนคริสตกาล ในสมัยโบราณนิยมเลี้ยงไว้ในวัดจีน ต่อมาเริ่ม มีการนำ�ออกไปยังสถานที่ต่าง ๆ ก่อนจะเริ่มแพร่หลายไปยังหลาย ๆ ประเทศในแถบ ทวีปยุโรป ในประเทศฮอลแลนด์ สุนัขสายพันธุ์ปั๊กได้รับการยอมรับ และให้เกียรติ เป็นอย่างมากเนื่องจากในอดีตมีสุนัขพันธุ์นี้ตัวหนึ่ง เคยช่วยชีวิตของเจ้าชายวิลเลียม โดยการเตือนให้พระองค์ทรงทราบว่าทหารของกองทัพของสเปนได้แอบลอบเข้ามาใกล้ แล้วนั่นเอง ส่วนในประเทศฝรั่งในปี ค.ศ.1790 พระมเหสีของนโปเลียน ผู้นำ�ประเทศ ฝรั่งเศสในยุคนั้นได้ซ่อนจดหมายไว้ที่ปลอกคอของปั๊ก แล้วให้มันนำ�ไปแจ้งข่าวสารต่อน โปเลียน เพื่อบอกกับนโปเลียนว่าพระนางถูกจับขังไวที่ Les Carmes 6
7
ลักษณะที่ดีของสุนัขพันธุ์ปั๊ก
ศีรษะ ที่ดีมีขนาดใหญ่ ลักษณะกลม หนังศีรษะบริเวณหน้ามีรอยย่นมาก หู มีขนาดเล็ก ใบหูค่อนข้างบาง หูพับไปด้านหน้าหรือด้านหลัง ตา สีเข้ม ลักษณธกลมโต ตาสุนัขพันธุ์ปั๊กจะโปนออดมาเล็กน้อย ปาก มีขนาดสั้น รูปร่างคล้ายทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ลำ�ตัว เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ดูกระชับได้สัดส่วน มีขนาดเล็กล่ำ�สัน มีกล้ามเนื้อ ขา ท่อนขาเหยียดตรงตั้งฉากกับพื้น ความยาวสมดุลกับลำ�ตัว เท้า ฝ่าเท้าหนา ดูเป็นรูปวงรี หาง มีลักษณะม้วนอยู่เหนือสะโพก หางม้วนสองรอบถือว่าดี 8
ปั๊ก
เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก มีขนาดร่างกายเล็กปานกลาง หน้าสั้นและย่นแล ดูทะเล้นน่ารัก ใบหูพับตก และมีขนสั้นเกรียน หางมีลักษณะบิดเป็นเกลียวชี้ขึ้นม้วนจน เป็นวงติดกับบั้นเอง ถ้าหางหางม้วนได้ถึงสองตลบจัดว่าเป็นลักษณะที่สวยสมบูรณ์ ที่สุด หายใจและกรนเสียงดัง สำ�หรับสัดส่วนของ หมาปั๊ก ถูกผสมพันธุ์ออกมาจนได้รูปร่างที่ กะทัดรัดเป็นสี่เหลี่ยมจัดตุรัส ตัน และมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง หัวมีลักษณะเป็น สี่เหลี่ยมจัตุรัส ชิดขึ้นเล็กน้อย ตากลมยื่นออกมาแลดูอ่อนโยน มีสีดำ�เป็น ประกาย หูสั้นตกลงข้างหัว มีความนุ่มคล้ายกำ�มะหยี่ คอสั้นโค้งเล็กน้อย ขา หน้าเหยียดตรง มีขนสั้นละเอียดเป็นประกาย มีสีเหลืองแอปริคอท มีมาร์ค กิ้งสีดำ�ที่หน้าและใบหู สุนัขพันธุ์นี้เป็นที่นิยมเลี้ยง กันมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีนิสัยน่า รัก ถึงหน้าตาของเขาจะดูเหมือน
9
ตากลมโต บ้องแบ๊ว
เสน่ห์แรกของน้องปั๊กที่ใครก็ปฏิเสธไม่ได้ก็คือดวงตากลมโต ดำ�เข้มลึก เป็นประกาย ที่สามารถสื่ออารมณ์ได้หลากหลายและสื่อความหมายความรู้สึกได้ชัดเจน หลาย ครั้งเราจะเห็นภาพน้องปั๊กทำ�ตาเศร้า สร้างอารมณ์เหงา ให้เราต้องสงสาร อีกทั้ง ลักษณะนิสัยที่ต้องการความรักสูง อ่อนโยน จนดูเหมือนเปราะบาง ทำ�ให้พวกเขา แสดงออกทางความรู้สึกเมื่อต้องการความรักออกมาอย่างเปิดเผยผ่านดวงตากลม โต ใครเห็นก็ต้องใจอ่อน อย่างไรก็ตาม ผู้เลี้ยงต้องระมัดระวังดวงตาพิฆาตของ น้องปั๊กที่จะบีบบังคับให้เราสละอาหารในมือให้พวกเขาโดยไม่รู้ตัว...มารู้อีกทีก็เมื่อน้องปั๊ 10
รูปร่างสั้นตัน น่ากอดน่าฟัด ตามมาตรฐานสายพันธุ์น้องหมาปั๊กเป็นน้องหมาพันธุ์เล็กลำ�ตัวสั้นเป็นทรง กลม น้องปั๊กตัวผู้จะมีส่วนสูง 30 – 36 เซนติเมตร น้ำ�หนัก 6-9 กิโลกรัม ส่วนน้องปั๊กตัวเมียจะมีตัวเตี้ยกว่านิดหน่อย มีส่วนสูงอยู่ที่ 2530 เซนติเมตร น้ำ�หนักประมาณ 6-8 กิโลกรัม มองเผินๆ จะรู้สึกว่าพวก เขาออกจะเป็นน้องหมาเจ้าเนื้อ เวลาพวกเขาเดินส่ายก้นไป ส่ายก้นมาเห็นแล้ว หมั่นเขี้ยวน่าฟัดเสียจริง แล้วถ้าน้องปั๊กตัวไหนกินเก่งจัด (ส่วนใหญ่ก็ปั๊กกินเก่งทุก ตัว) ก็จะยิ่งอ้วนตุ๊ต๊ะ ยั่วยวนให้เดินเข้าหาจับเนื้อจับหนังเล่นสนุกสนานมากขึ้นไป อีก ในทางกลับกัน การขุนน้องปั๊กให้อ้วนจ้ำ�ม่ำ�นั้น ถึงแม้จะทำ�ให้พวกเขาดูน่ารัก
11
12
ถึงมีหลายสีแต่ฮาตรงที่
หน้าเหมือนกันหมดเลย หลายคนอาจจะเข้าใจว่าน้องหมาปั๊กมีแค่สีน้ำ�ตาลอมเหลือง ( Fawn) และสีดำ� (Black) เพียง 2 สีเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว สี น้ำ�ตาลอมเหลือง หรือสีลูกกวางที่เราเห็นสามารถแบ่งได้เป็นอีก 2 เฉดสีค่ะ สีน้ำ�ตาลอมเหลืองแอปริคอท (Apricot fawn) และ สีน้ำ�ตาลอมเหลืองเงิน (Silver Fawn) ถึง แม้ว่าพวกเขาจะมีสีมาตรฐานแตกต่างกันบ้าง แต่หน้าตาของพวกเขาก็คล้ายกันมาก เรียกได้ว่าเคาะพิมพ์เดียวกันออก มาเลยทั้งเผ่าพันธุ์ และด้วย ลักษณะสีที่คล้ายๆ กัน ประกอบกับมีหน้า กากรอบ หน้า
13
หน้าย่น รอบปากดำ� น้องหมาปั๊กมีใบหน้าย่น สั้น โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก ที่เป็นรอบพับย่น คล้ายอักษรจีนหมายถึง ”เจ้าชาย” ซึ่งถือว่าเป็นลักษณะที่ดีมากของน้องหมา ปั๊ก ถือว่าเป็นน้องหมามงคล จนได้เป็นหนึ่งในสายพันธุ์น้องหมาที่จักรพรรดิ จีนทรงเลี้ยง นอกจากพวกเขาจะมีหน้าย่นแล้ว ยังมีรอบปากเป็นหน้ากากสีดำ�ถ่าน มืดสนิท ริมฝีปากดำ� มุมปากโค้งขึ้นเหมือนรอบปากรูปปั้นสิงโตของประตู พระราชวัง แม้บางคนอาจมองว่าดูมอมแมม ไม่สวย ริมฝีปากแปลก ประหลาดไม่น่ามอง หากนั่นคือเอกลักษณ์อันทรงเสน่ห์ของพวกเขาที่หาตัวจับ ยาก ... จะมีใครหน้าเขรอะดำ� แต่ยังน่ารัก น่าเอ็นดูได้ขนาดนี้อีกล่ะ
14
15
16
หางสั้นม้วนเกลียวดูตลกปนน่ารัก คงปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหมคะว่าน้องปั๊กมีความน่ารักแอบซ่อนอยู่ช่วงบั้นท้าย โดยเฉพาะหางสั้นม้วนเกลียว เป็นรูปตัว Q (Curly Q Tail) ดูไปดู มาคล้ายก้อนอุนจิแบบในการ์ตูน ยิ่งเวลากระดิกก็ดูมีชีวิตชีวาเชื้อเชิญให้ เข้าไปหาและทักทาย ซึ่งตามมาตรฐานสายพันธุ์แล้วหางของน้องหมาปั๊ก ควรจะม้วนเป็นเกลียวขึ้นไปพาดอยู่เหนือสะโพก หรือบนหลังช่วงท้ายของ ลำ�ตัว 1 เกลียวหรือ 2 เกลียวก็ได้ค่ะ แต่ถ้า 2 เกลียวจะถือว่าเป็น ลักษณะที่สมบูรณ์มากๆ ค่ะ
17
เกาะติดนิสัย หมาปั๊ก ธรรมชาติ ของ หมาปั๊ก จะเป็นสุนัขที่ มีลักษณะเป็นมิตร ปราดเปรียว ว่องไว อารมณ์ดี อยากรู้อยากเห็น ชอบเข้าสังคม มีความ นุ่มนวล แต่บางครั้งอาจมีความตื่นตัวและมีพละกำ�ลังใน การเล่นมาก ไม่ชอบทะเลาะเบาะแว้งกับสุนัขตัวอื่น ๆ มีความ ซื่้อสัตย์ต่อเจ้าของ ชอบพบปะทักทายกับคน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของ หรือคนแปลกหน้า มีความฉลาดในระดับปานกลาง แม้จะเป็นสุนัขสายพันธุ์ที่ชอบเข้าสังคม แต่ปั๊กก็เป็น สุนัขที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ดื้อรั้น แต่เข้มแข็ง มัน มีนิสัยชอบเอาชนะ และเด็ดเดี่ยวมากพอตัวที เดียว
18
หน้าตาตลก มีอารมณ์ขัน
น้องปั๊กมีใบหน้าย่น ตาโตโปน หน้าดำ�มอมแมม เหมือนคุณลุงเคราดำ� หน้าตามึนๆ ดูเหมือนตัวตลก เวลาทำ�หน้าเอ๋อๆ งงๆ แสนจะน่าเอ็นดู หรือ เวลาเจ้าปั๊กทำ�หน้าตาตกใจ เราเห็นแล้วก็อดที่จะฮาจนหยุดไม่อยู่ พวกเขาชอบ ทำ�ท่าแปลกๆ เคียงหน้าเอียงคอทำ�ตาบ๊องแบ๊ว เวลาวิ่งเล่น กระโดดไปเหมือน ลูกบอลเด้งได้ กลิ้งได้ มีคาแรคเตอร์เหมือนตัวการ์ตูนมากๆค่ะ ไม่ว่าจะจับแต่ง ชุดอะไรก็เรียกเสียงฮา ได้เสมอ สำ�หรับ รอยยิ้ม และ สำ�คัญต่อ เป็นน้องหมาขี้ เรียนรู้ได้
น้องปั๊ก ความสุข ความเพลิดเพลิน เสียงหัวเราะของคนในครอบครัวเป็นสิ่ง พวกเขามากๆ เขา เล่น สามารถ ว่า
19
ใจดี อ่อนโยน ไม่ก้าวร้าว ใครเคยถูกน้องหมาปั๊กขู่หรือกัดถือว่าโชคร้ายมากๆ เลยล่ะค่ะ เพราะ โดย ธรรมชาติของนิสัยน้องปั๊กพวกเขาแล้วเป็นน้องหมาใจดี รักสงบ ไม่ค่อยเห่า พร่ำ�เพรื่อ หรือข่มขวัญศัตรู เป็นมิตรกับคนแปลกหน้า ไม่ขู่เวลาใครเข้ามา ทำ�ความรู้จัก และพร้อมจะสร้างความประทับใจด้วยความอ่อนโยน สร้างรอยยิ้ม ให้แก่ผู้พบเห็น อีกทั้งยังไม่ชอบสร้างศัตรูเกเรหาเรื่องทะเลาะกับน้องหมาตัวอื่น ดัง นั้นถ้าเพื่อนๆ คนไหนกำ�ลังมองหมารักสงบ ไม่ต่อต้านกฏระเบียบของบ้าน รักเด็ก
20
เพื่อนซี้ ตามติดไม่ห่างตัว ถ้าใครต้องการน้องหมาที่รักเจ้าของ เป็นเพื่อนผู้แสนซื่อสัตย์ พร้อมกับตามติดไป ทุกที่ ทำ�กิจกรรมร่วมกันเป็นดั่งเงาตามตัว น้องหมาปั๊กก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ใช่เลย เพราะไม่ว่าเราจะนั่งดูโทรทัศน์ หรือ กินอาหาร เดินเล่น หรือเข้าครัว พวกเขาก็อยู่ติด กับเราไปในทุกที่ไม่มีห่าง เหมาะสำ�หรับคนขี้เหงาต้องการเพื่อนร่วมทาง ร่วมชีวิต นั่ง อยู่เคียงข้าง ป้วนเปี้ยนไม่ห่างปลายเท้า น้องปั๊กไม่งอแง หงุดหงิด เอาแต่ใจ ขอเพียง เจ้านายยอมให้ติดสอยห้อยตามก็สุขใจพวกเขาแล้ว แต่ถ้ามีอาหารสุดโปรดพ่วงด้วย พวกเขาจะไม่มีวันหนีไปไหน จะสวามิภักดิ์แต่เราเพียงผู้เดียว!
21
ถึงหน้าจะมึนๆ งงๆ แต่ก็ฉลาดเฉลียว มีไหวพริบ หน้าตาที่ดูไม่มีพิษมีภัยของพวกเขาทำ�ให้เราชะล่าใจว่า พวกเขาแสนซื่อ ไม่รู้ ประสีประสาสามารถหลอกล่อได้ไม่มีทางทันเรา แต่เชื่อไหมคะว่า พวกเขา ฉลาดกว่าที่เราคิด แอบขี้โกงนิดๆ อีกต่างหาก อย่างเช่น เวลาเราจะเอา น้องปั๊กเข้ากรง ก็มีขนมล่อไว้หย่อนไว้ในกรงให้ตายใจ เวลาน้องปั๊กเดินเข้าไปก็ ปิดกรงขัง แต่เมื่อเราใช้วิธีนี้ไปสักพัก พวกเขาจะเริ่มรู้ทัน ทำ�เนียนไม่กิน จน กระทั่งเราเผลอเขาถึงจะค่อยๆ ย่องเข้าไปกินในกรง แล้วเดินออกมาเป็นอัน รอดตัว ... เห็นหน้าซื่อๆ อย่างนี้เผลอไม่ได้ค่ะ ซึ่งความฉลาดของน้องหมาที่ ขัดแย้งกับหน้าตานี้เอง ที่ทำ�ให้เสน่ห์ของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาทันตาเห็น ^^
22
อยู่ด้วยง่าย กับทุกไลฟ์สไตล์
เห็นน้องปั๊กตัวตันๆ ดูเอื่อยๆ ออกจะขี้เกียจ แต่พวกเขาเป็นน้องหมาที่ปรับตัวได้ ง่าย กับทุกไลฟ์สไตล์ จะให้นอนอืดอยู่กับบ้าน หรือจะให้ออกไปเล่นกระดานโต้คลื่นร่วม กับเจ้าของก็สามารถทำ�ได้ สรีระไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใดค่ะ พวกเขามีความร่าเริง ง่ายๆ เป็นกันเอง รักสนุก กระตือรือร้นที่จะทำ�กิจกรรมใหม่ๆ จะให้ไปไหนก็ไป ไม่เรื่อง มาก หรือเกี่ยงงอน ซึ่งรวมไปถึงเรื่องอาหารการกิน สำ�หรับพวกเขากินง่าย กินได้เกือบ ทุกสิ่ง มีความสุขที่ได้กิน จะให้ทำ�อะไรก็ยอม ^^ 23
ความต้องการcและ ดูแลเอาใจใส่
24
ปั๊กเสี่ยงกับปัญหาสุขภาพมากมาย เห็นน้องปั๊กตัวใหญ่ตัน ใช่ว่าจะแข็งแรงไร้โรคภัย เพราะพวกเขามีโรคประจำ�อยู่ไม่ น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ รูจมูกตีบ เพราะ พวกเขามีใบหน้าสั้น หายใจลำ�บาก ทนความร้อนได้น้อย จึงไม่ควรออกกำ�ลังกาย หนักจนเกินไปค่ะ มิเช่นนั้นอาจเกิดอาการฮีทสโตรกได้ค่ะ เรื่องของดวงตาก็เป็น เรื่องควรดูแลเป็นอย่างดี เสี่ยงต่อลูกตาหลุดออกจากเบ้าได้ รวมทั้งอาการตา ดำ�อักเสบ ต้อกระจก และอาการติดเชื้อที่ดวงตาค่ะ ผู้เลี้ยงควรสังเกตอาการ ผิดปกติของพวกเขา และพาไปตรวจร่างกาย ไม่ควรปล่อยทิ้งให้เกิดอาการต่างๆ ไว้นานนะคะ ส่วนใครที่สูบบุหรี่แล้วเลี้ยงน้องปั๊ก ไม่ควรสูบใกล้ๆ พวกเขานะคะ จะ เป็นอันตรายต่อระบบหายใจของพวกเขาค่ะ
25
โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โรคฮีทสโตก (Heatstroke) หรือภาวะช็อคจากความร้อน เกิดขึ้นเมื่อร่างกายของ สุนัขมีอุณหภูมิสูงตั้งแต่ 106-109 องศาฟาเรนไฮน์ จึงทำ�ให้ร่างกายสูญเสีย ความสามารถในการระบายความร้อน ส่งผลให้กระบวนการ oxidative phosphorylation ผิด ปกติไป เอนไซม์เสียรูปร่าง ผนังเซลล์ถูกทำ�ลาย ส่งผลให้การ แข็งตัวของเลือด ไต ตับ ระบบทางเดินอาหาร และระบบประสาทส่วนกลางล้ม เหลว เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อต่างๆ ตามมา มีรายงานว่าทำ�ให้น้องหมามี อัตราการเสียชีวิตสูงถึง 36-50% “เพราะการระบายความร้อนผ่านทางการแผ่รังสี การนำ�ความร้อน การพา ความร้อน และการระเหยไม่เพียงพอ สุนัขจึงต้องอาศัยการหอบเป็นการช่วย ระบายความร้อนอีกทางหนึ่ง โดยสาเหตุของโรคนี้มาจากสภาวะแวดล้อม เช่น อยู่ในสถานที่ที่มีน้ำ�ไม่พียงพอ การระบายอากาศไม่ดี มีความชื้นสูง หรือสุนัขไม่ สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศได้ หรือสาเหตุหนึ่งมาจากสภาพร่างกาย ของสุนัขเอง เช่น รูปร่างอ้วน เป็นสายพันธุ์หน้าสั้นอย่างพันธุ์ปั๊ก ที่มีปัญหาเกี่ยว กับระบบทางเดินหายใจส่วนต้นทำ�ให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคฮีทสโตกมาก แม้ว่า จะอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่มีอุณหภูมิและความชื้นปกติก็ตาม”
26
วิธีป้องกันที่ดีที่สุด คือ เจ้าของต้องคอยสังเกตอาการของสุนัขบ่อยๆ หากเมื่อใด ก็ตามที่สุนัขดูหอบมากกว่าปกติคือ เจ้าของต้องคอยสังเกตอาการของสุนัขบ่อยๆ หากเมื่อใดก็ตามที่สุนัขดูหอบมากกว่าปกติ นั่นเป็นสัญญาณเริ่มแรกของโรคฮีทสโตก เจ้าของต้องรีบให้สุนัขอยู่ในที่เย็น หลบแดด หาน้ำ�ให้ทาน และรีบเช็ดตัวด้วยน้ำ� เย็นเมื่อมีไข้ตรวจสอบสถานที่ๆสุนัขอยู่ ต้องมีอากาศถ่ายเทสะดวก มีสุนัขจำ�นวน ไม่น้อยที่เสียชีวิตจากโรคนี้ เนื่องจากถูกทิ้งไว้ในรถ ควรหลีกเลี่ยงกรงชนิดที่ทำ�ด้วย เหล็กและหลังคานำ�ความร้อน และไม่ควรใส่ตะกร้อครอบปากสุนัขในวันที่อากาศร้อน เพราะปิดกั้นการหอบซึ่งเป็นการระบายความร้อนอย่างหนึ่งของสุนัข “นอกจากนี้ การเช็ดตัวสุนัขที่เป็นโรคฮีทสโตก ด้วยน้ำ�เย็นนั้นต้องทำ�ทันที ไม่ควร รอจนกว่าจะพบสัตวแพทย์เพราะอาจสายเกินไป มีรายงานว่าสุนัขที่เจ้าของทำ�การ เช็ดตัวก่อนมาพบแพทย์นั้นมีอัตราการตายเพียง 38% เมื่อเทียบกับสุนัขที่ไม่ได้ ทำ�การเช็ดตัวลดไข้มาก่อนซึ่งมีอัตราการตายถึง 61%
27
28
โรคผิวหนัง สำ�หรับโรคผิวหนังที่พบบ่อยในสุนัขพันธุ์ปั๊กและมักจะมีปัญหาซ้ำ�ๆ จนกลายเป็น ปัญหาเรื้อรัง ได้แก่ โรคติดเชื้อแบคทีเรีย ยีสต์ เชื้อรา ซึ่งแบคทีเรียจะมีอยู่ที่ตัว สุนัขเอง เนื่องจากปั๊กเป็นพันธุ์ที่มีชั้นผิวหนังหนามีการผลิตไขมันที่ผิวเยอะซึ่งไขมันก็ เป็นอาหารของเชื้อโรค จึงทำ�ให้มีปัญหาโรคติดเชื้อได้ง่าย สาเหตุประมาณ 80% เกิดจากเชื้อแบคทีเรียตัวกลมที่เรียกว่า Staphylococcus pseudintermedius เมื่อเป็นโรคจะเกิดอาการตุ่มแดงตุ่มหนอง ขนร่วง ผิวแดง มีรังแค คัน ส่วนเชื้อ ยีสต์ เชื้อรา และไรในหูจะส่งผลให้เกิดการอักเสบของหลืบผิวหนัง และช่องหูอักเสบ เนื่องจากซอกหลืบผิวหนังนี้เป็นบริเวณที่อาหารถ่ายเทไม่สะดวกและอับชื้นง่าย สุนัข จะมีอาการคันมาก ขนร่วง ผิวแดง โดยปกติแล้วการเช็ดทำ�ความสะอาดทำ�ให้ ซอกหลืบแห้งอยู่เสมอและการคุมน้ำ�หนักจะลดการเกิดโรงนี้ได้ และหากน้องหมาเกิดโรค นี้แล้วไม่ได้รับการรักษาจะเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียตามมา ซึ่งจะทำ�ให้เกิดการรักษา ยุ่งยากขึ้น “นอกจากนี้ ยังมีโรคขี้เรื้อนแห้งที่จะทำ�ให้สุนัขจะมีอาการคันมาก ขนร่วงและสะเก็ด แห้งๆเกาะอยู่มักเป็นบริเวณใบหูก่อน แล้วลามไปบริเวณอื่น หากตรวจพบเร็วการ รักษาจะไม่ยุ่งยาก การใช้ยาฆ่าตัวไรเพียง 2 ครั้ง โดยมีระยะเวลาห่างกัน 2 สัปดาห์ก็สามารถตัดวงจรได้ ส่วนโรคขี้เรื้อนเปียกพบเชื้อได้ในผิวหนังปกติ แต่หาก ร่างกายอ่อนแอภูมิคุ้มกันต่ำ�หรือมีปัญหาโน้มนำ�จากโรคอื่น เช่น ภูมิแพ้ โรคฮอร์โมน ต่างๆก็จะทำ�ให้ขี้เรื้อนมีจำ�นวนมากขึ้นและก่อโรคได้ ทั้งนี้ การรักษาขี้เรื้อนเปียกนั้นค่อน ข้างยุ่งยากและใช้เวลาในการรักษานาน ต้องใช้การรักษาหลายอย่างร่วมกันทั้งยา ทานและยาใช้ภายนอก รวมถึงแชมพูยาด้วยและสุนัขอาจกลับมาเป็นใหม่ได้ ฉะนั้น การดูแลรักษาแต่เนิ่นๆ และการจัดสภาพสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วยจะลดโอกาสการ เกิดโรคของน้องหมา หรือหากพบความผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว ที่สุดเพราะหากมีอาการมากแล้วการรักษาจะยุ่งยาก ซับซ้อน ใช้เวลาในการรักษา นาน 29
ภาวะตาแห้ง โรคที่น้องหมาปั๊กมักเป็น ภาวะตาแห้ง (Dry Eye) หรือเยื่อตาขาวอักเสบจากภาวะตาแห้ง (Keratoconjunctivitis sicca หรือ KCS) เกิดจากความผิดปกติของการสร้างน้ำ�ตา ทำ�ให้สร้างน้ำ�ตาออกมาไม่เพียงพอสามารถพบได้ในสุนัขทั่วไป รวมถึงน้องหมา พันธุ์ปั๊กด้วย สาเหตุอาจเกิดจากการอักเสบ การติดเชื้อไวรัส ได้รับยาหรือสารเคมี ที่มีส่วนประกอบของซัลฟา (sulfa) เป็นผลจากการผ่าตัดเอาหนังตาที่สามออก เป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน (immune-mediated disease หรือ Autoimmune dacryoadenitis) หรืออาจเป็นผลมาจากพันธุกรรมก็ได้ ภาวะตาแห้งในน้องหมาปั๊กนั้น อาจพบได้ตั้งแต่กำ�เนิด (Congenital) ซึ่ง เกิดจากการที่น้องหมาไม่มีต่อมสร้างน้ำ�ตา หรือมีต่อมสร้างน้ำ�ตา แต่กลับมีขนาด เล็กมาก จึงทำ�ให้ผลิตน้ำ�ตาออกมาได้น้อยไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดภาวะตาแห้ง ได้ตั้งแต่เกิด ซึ่งอาจเป็นเพียง 1 ข้างหรือเป็นทั้ง 2 ข้างก็ได้ แต่ก็พบได้ไม่บ่อยนัก อย่างไรก็ดีน้องหมาปั๊กจัดเป็น Breed-Predisposition สำ�หรับโรคนี้อยู่แล้ว เช่น เดียวกับน้องหมาพันธุ์ Bloodhound, Boston terrier, Bull terrier, English bulldog, English and American cocker spaniel, Kerry blue terrier, Lhasa apso, miniature poodle, miniature schnauzer, Pekingese, Sealyham terrier, Yorkshire terrier, standard schnauzer, West Highland white terrier และ Shih tzu ซึ่งเป็นสุนัขมีหน้าสั้น มีดวงตาโปน หรือมีการเปิดของหนังตามากเกินไป จึงทำ�ให้เกิดภาวะตาแห้งได้ง่าย และส่วนใหญ่มัก เป็นทั้งสองข้างครับ
30
เมื่อเกิดภาวะตาแห้งจะทำ�ให้น้องหมาเกิดการระคายเคืองเรื้อรังที่กระจกตาและเยื่อบุ ตา อาจทำ�ให้เกิดแผลหลุมที่กระจกตา หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้รับการรักษา จะทำ�ให้ ตาบอดได้ในที่สุด ซึ่งอาการที่เจ้าของจะสังเกตพบก็คือ น้องหมาจะมีขี้ตาเกรอะ กรัง มีน้ำ�ตาข้นเขียว ตาแดงเนื่องจากเยื่อบุตาอักเสบ กระจกตา (ตาดำ�) จะดูแห้ง และมัวไม่สดใส กระจกตาที่ขาดน้ำ�ตาเปรียบได้กับเซลล์ใกล้ตาย เพราะขาดสาร อาหารและพลังงานมาหล่อเลี้ยง นอกจากนี้ยังพบว่า น้องหมาจะกระพริบตาบ่อย ๆ ชอบเอาหน้าถูไถกับวัตถุ และหรี่ตาเนื่องจากความเจ็บปวด
31
แนวทางการตรวจ คุณหมอจะทำ�การวัดระดับน้ำ�ตาของน้องหมาด้วยแผ่น กระดาษ Schirmer tear test (STT) โดยวางแผ่นกระดาษลงใน ตาประมาณ 1 นาที แล้ววัดระยะทางไหลซึมของน้ำ�ตาที่แผ่น กระดาษดูดซึมไว้ว่าได้เท่าใด หากพบว่าระดับน้ำ�ตา น้อยกว่า 10-15 มิลลิเมตร ใน 1 นาที อาจ เป็นภาวะตาแห้งได้
32
สำ�หรับแนวทางการรักษานั้น อาจต้องใช้ยาหยอดตาหลายตัวร่วมกัน ได้แก่ น้ำ�ตาเทียม ยาปฏิชีวนะ ยาลดการอักเสบ และยากระตุ้นการสร้างน้ำ�ตา โดย เจ้าของจะต้องหยอดน้ำ�ตาเทียมให้น้องหมาบ่อย ๆ แนะนำ�ให้หยอดวันละ 4-6 ครั้ง ซึ่งน้ำ�ตาเทียมที่ใช้ มีให้เลือกทั้งรูปแบบน้ำ�และเจล ส่วนใหญ่จะปลอดภัยและมี ผลข้างเคียงค่อนข้างต่ำ� แต่บางยี่ห้อก็อาจมีสารกันเชื้อแบคทีเรีย (preservative) ผสมอยู่ เพื่อให้สามารถเก็บไว้ใช้ได้นาน ๆ จึงอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ในบาง ราย ดังนั้นจึงควรได้รับคำ�แนะนำ�จากสัตวแพทย์ก่อน ไม่ควรซื้อมาใช้เอง นอกจากนี้ยังมียาหยอดตาสำ�คัญสำ�หรับภาวะตาแห้ง ได้แก่ cyclosporine และ tacrolimus ซึ่งเป็นยากลุ่ม immunomodulating drug ให้ผล การรักษาค่อนข้างดี แนะนำ�ให้หยอดวันละ 1-2 ครั้ง สามารถช่วยกระตุ้นการสร้าง น้ำ�ตาได้ แต่มีราคาค่อนข้างสูง ส่วนยาปฏิชีวนะและยาลดการอักเสบนั้น คุณหมอ จะจ่ายให้หยอด เฉพาะในรายที่มีอาการตาแดง หรือเกิดการอักเสบที่ตาขาวหรือ เยื่อบุตาจากการติดเชื่อ ซึ่งอาจจะต้องทำ�การย้อมสีกระจกตาดูก่อนว่า น้องหมา มีแผลหลุมที่กระจกตาหรือไม่ ก่อนที่จะได้รับยาลดการอักเสบที่มีส่วนผสมของสเตีย
33
โภชนาการและอาหารที่เหมาะสมกับปั๊ก น้อง หมาไม่ว่าจะพันธุ์ไหน ถ้า อ้วนเมื่อไหร่โรคต่างๆ ก็จะตามมา ซึ่ง น้องปั๊กเป็นสายพันธุ์ที่มีแนวโน้มเป็นโรคอ้วนมาก ที่สุดสายพันธุ์หนึ่ง เพราะนิสัยรักกิน (แม้อาหารต้องห้าม อย่างช็อกโกแลต หรือ องุ่น ไม่ควรวางทิ้งไว้นะคะ) ออกกำ�ลังกาย ได้ไม่มาก เพราะมีปัญหาระบบทางเดินหายใจ และเป็นฮีทสโตรกได้ ง่าย ชอบนอนนิ่งๆ ใช้ชีวิตชิวๆ สบายๆ ถ้าไม่ควบคุมอาหารน้องปั๊กก็ จะสามารถอ้วนได้ในชั่วพริบตา ส่งผลให้เกิดโรคเบาหวาน โรคข้อต่างๆ โรค หัวใจ และโรคตับ เป็นต้นค่ะ นอกจากเรื่องของพันธุกรรมแล้ว พฤติกรรมการเลี้ยงดูก็เป็นอีกหนึ่ง ปัจจัยที่ทำ�ให้น้องปั๊กเสี่ยงเป็นโรคอ้วน ทางที่ดีควรมีการจัดตารางเวลาการ ให้อาหารและขนมน้องปั๊ก ไม่ควรให้พวกเขากินพร่ำ�เพรื่อโดยเด็ดขาดค่ะ บางคนอาจใจอ่อนทนกับดวงตาเว้าวอนของพวกเขาไม่ได้ หรือเข้าใจ ว่าการให้อาหารหมายถึงการแสดงความรัก ซึ่งการแสดงออก ความรักที่ผิดๆ เช่นนี้เองที่นำ�โรคภัยมาสู่พวกเขามานัก ต่อนักแล้วค่ะ
34
ปัจจัยหลักที่ทำ�ให้น้องหมาปั๊กอ้วนนั้น ส่วนมากก็มักจะเกิดจาก 2 ปัจจัย คือ วิธีการเลี้ยงดูของเจ้าของที่ชอบให้อาหารตามใจปากน้องหมา ใจอ่อนทุกครั้งเมื่อ เห็นน้องหมาส่งสายตาวิงวอนขออาหารสุดโปรดไม่ว่าจะเป็น ไส้กรอกรมควัน ตับ ย่าง เนื้อไก่ เนื้อหมู ฯลฯ โดยไม่คำ�นึงถึงผลที่ตามมานั่นก็คือ การเกิดภาวะน้ำ�หนัก เกิน หรือโรคอ้วน ที่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพให้น้องหมาปั๊กต้องทุกข์ทรมานกับโรคต่าง ๆ ในอนาคต และอีกหนึ่งปัจจัยสำ�คัญที่เป็นสาเหตุที่ทำ�ให้น้องหมาอ้วนคือ การขาด การออกกำ�ลังกายอย่างสม่ำ�เสมอ จึงทำ�ให้เกิดการสะสมของไขมันส่งผลให้น้องหมาเป็น โรคอ้วนโดยพบข้อมูลว่า น้องหมาที่เลี้ยงอยู่ตามอาพาร์ตเม้นท์และคอนโดที่ไม่ค่อย ได้ออกกำ�ลังกายเป็นโรคอ้วนถึง 31% ในขณะที่น้องหมาที่เลี้ยงแบบปล่อยให้วิ่งเล่นใน สนามหญ้าเป็นโรคอ้วน 23% เท่านั้นค่ะ
35
36
ด้วยรูปร่างลักษณะที่ อ้วน สั้น ตัน กลม จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำ�ไมน้องหมา ปั๊กถึงมีรายชื่อติดอยู่ในโผ 1ใน 10 สายพันธุ์สุนัขที่เสี่ยงเป็นโรคอ้วน ได้ง่าย สายพันธุ์หนึ่ง ... นั่นก็เพราะปั๊กเป็นน้องหมาที่รักการกินเป็นชีวิตจิตใจ แล้วก็มัก จะกินอาหารมากเกินความต้องการของร่างกายตัวเอง หรือเรียกง่าย ๆ กินจุแบ บนอนสต็อปนั่นล่ะค่ะ ซึ่งถ้าหากเรามองย้อนกลับไปแล้ว ปัจจัยที่ทำ�ให้น้องหมาหมา เสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนได้นั้นมาจากหลาย ๆ ปัจจัย เช่น อุปนิสัยในการกินของน้อง หมา , พันธุกรรม , ช่วงอายุ , เพศ , การทำ�หมัน , การออกกำ�ลังกาย , โรค ภัยไข้เจ็บต่างๆ ฯลฯ
36
โภชนาการอาหารที่เหมาะสมกับปั๊ก สำ�หรับเรื่องโภชนาการที่เหมาะสมสำ�หรับ น้องหมาปั๊ก สายพันธุ์ที่เสี่ยงเป็นโรคอ้วนได้ ง่ายนั้น ผู้เลี้ยงควรดูแลเรื่องอาหารที่ถือเป็นปัจจัยสำ�คัญในการควบคุมสภาพร่างกาย ของน้องหมาไม่ให้อ้วนเกินไป โดยดูแลตั้งแต่เริ่มรับน้องหมาปั๊กตัวใหม่เข้ามาเลี้ยงคือ ควรหัดให้น้องหมากินอาหารเม็ดสำ�เร็จรูปสูตรที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัยจะดีที่สุด เพราะอาหารเม็ดสำ�เร็จรูปมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและสมดุลเหมาะสมกับช่วงวัยเพื่อ นำ�ไปใช้ในการเจริญเติบโต พัฒนาสมองและอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย อาจจะ เสริมด้วยวิตามิน น้ำ�มันปลา กล้วย ที่จะช่วยให้น้องหมามีผิวหนังชุ่มชื้น ขนสวย ไม่ หลุดร่วงง่ายเพราะน้องหมาปั๊กมักจะพบปัญหาผิวหนังและขนร่วงในจำ�นวนมาก รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการเลี้ยงน้องหมาด้วยอาหารของคน โดยเฉพาะอาหารที่มี แป้ง และน้ำ�ตาลที่มีพลังงานสูง เพราะหากน้องหมาได้รับอาหารของคน จำ�พวกแป้งและ น้ำ�ตาลเข้าไปแล้วไม่ได้ออกกำ�ลังกายเผาผลาญพลังงาน ก็จะทำ�ให้น้องหมาอ้วน ส่งผล ต่อข้อและกระดูก และยังทำ�ให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ รวมถึงจะส่ง ผลต่ออายุของน้องหมา รวมถึงอาหารประเภททอดด้วยน้ำ�มัน เช่น ลูกชิ้นทอด เนื้อ หมูหรือไก่ทอด เพราะจะทำ�ให้ผิวหนังมัน ขนร่วงมากค่ะ
37
ส่วนน้องหมาปั๊กที่เกิดภาวะน้ำ�หนักเกินหรือ เป็นโรคอ้วนแล้ว (อ่านเพิ่มเติม 7 จุด สังเกต เป็นน้องหมาอ้วน ระวัง เสี่ยงโรค ร้าย [Infographic]) ผู้เลี้ยงก็ควรจำ�กัด อาหารกับน้องหมาปั๊ก โดยเลือกให้อาหาร ที่ใช้สำ�หรับการลดน้ำ�หนัก ที่ปัจจุบันมี อาหารสำ�เร็จรูปที่ปรับแต่งสูตรสำ�หรับใช้ ลดน้ำ�หนักโดยเฉพาะ ซึ่งอาหารดังกล่าว จะจำ�กัดปริมาณพลังงาน (แคลอรี่) แต่ ก็ยังคงมีสารอาหารที่จำ�เป็นครบถ้วน ที่เหมาะสมกับน้องหมา โดยควรมี คุณสมบัติ ดังนี้ - เป็นอาหารที่พลังงานต่ำ� ไม่จำ�เป็นต้องลดปริมาณอาหารของน้อง หมา สามารถให้น้องหมากินอาหารได้ใน ปริมาณปกติ เพราะอาหารสูตรดังกล่าว จะลดปริมาณของไขมัน ลดปริมาณ คาร์โบไฮเดรต และเพิ่มปริมาณโปรตีน เพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานแทน พูดง่าย ๆ ว่า “อิ่มแต่ไม่อ้วน” นั่นเอง - เป็นอาหารที่มีการเพิ่มปริมาณกากใย (ไฟเบอร์) มากขึ้น เพื่อให้ น้องหมารู้สึกอิ่ม และช่วยชะลอการย่อยและดูดซึมกลูโคสในลำ�ไส้เล็ก เป็นการช่วย ควบคุมระดับน้ำ�ตาลไปในตัว แหล่งอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ข้าว ข้าวกล้อง ถั่วเขียว ถั่วแดง แครอท บร็อคโครี กระหล่ำ�ปี ผักกาดขาว กล้วยน้ำ�ว้า ผัก ต้ม ฯลฯ 38
สำ�หรับเมนูอาหารปรุงสุกง่าย ๆ ที่เหมาะกับน้องหมาปั๊กก็ควรเป็นอาหารที่มีไข มันน้อยจำ�พวก ปลา และผักที่มีกากใยสูง เช่น แครอท บร็อคโครี กระหล่ำ�ปี ผัก กาดขาว ฯลฯ เมนูตัวอย่าง 1 เมนูง่าย ๆ กับเมนู “ปลาทูนึ่งสารพัดผัก” ส่วนผสม ปลาทู 1 ตัว (55 กิโลแคลอรี่) แครอท 1/3 หัว ( 10 กิโลแคลอรี่) ข้าวโพด 30 กรัม ( 17 กิโลแคลอรี่) มันฝรั่ง ½ หัว (42 กิโลแคลอรี่) บร็อคโคลี่ 50 กรัม (16.5 กิโล แคลอรี่) วิธีทำ� ล้างปลาทูให้สะอาดจากนั้นนำ�ไปนึ่งในหม้อนึ่งปรมาณ 15 นาที หรือจนกว่า ปลาทูจะสุกจากนั้นนำ�ปลาทูออกมาพักไว้จนเย็น หั่นผักต่าง ๆ เป็นชิ้นเล็ก ๆ เท่า ลูกเต๋า นำ�ไปต้มในน้ำ�เดือดประมาณ 3 นาที จากนั้นแกะเนื้อปลาทูใส่ถ้วยพร้อม กับนำ�ผักทั้งหมดที่ต้มเสร็จแล้ว คลุกเคล้าให้เข้ากันเพื่อเพิ่มความน่ากิน เป็นอันเสร็จ พร้อมเสิร์ฟให้เจ้าปั๊กตัวแสบจ้า ... สำ�หรับการปรุงจะเห็นว่าเราจะไม่ใส่เครื่องปรุงต่าง ๆ ลงไป เพราะรสชาติสำ�หรับน้องหมาไม่สำ�คัญเท่ากลิ่น ซึ่งกลิ่นช่วยกระตุ้นความ อยากอาหารได้ดีกว่า การใส่สารปรุงรสจึงไม่มีความจำ�เป็นเลยล่ะค่ะ
39
โปรแกรมอาหารที่เหมาะสมของน้องหมาปั๊ก สำ�หรับโปรแกรมอาหารที่เหมาะสมของน้องหมาปั๊ก ผู้เลี้ยงจะต้องให้อาหารเป็นเวลา ที่แน่นอน เช่น ให้อาหาร 2 มื้อ ในเวลา 8.00 น. และ 18.00 น. เป็นประจำ�ทุก วัน โดยให้ผู้เลี้ยงวางอาหารทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที หากน้องหมาไม่กินก็ให้ หยิบออกทันทีเพื่อให้น้องหมาเรียนรู้การกินอาหารในเวลาที่แน่นอน การทำ�แบบนี้จะทำ�ให้ น้องหมารู้ตัวว่าถ้าไม่ทานอาหารในช่วงเวลาที่กำ�หนดก็จะไม่มีโอกาสได้ทานอาหารอีก ... และไม่ควรวางอาหารทิ้งไว้ทั้งวัน หรือเติมอาหารไว้เต็มชามตลอดเวลา เพราะ จะส่งผลให้น้องหมามีพฤติกรรมการกินอาหารไม่เป็นเวลา อยากกินเมื่อไหร่ก็กินได้ ซึ่ง จะทำ�ให้เกิดการทำ�งานผิดปกติของทางเดินอาหาร เช่น อาเจียนจากภาวะที่กรดใน กระเพาะหลั่งออกมามากจนระคายเคืองทางเดินอาหาร หรือกินตลอดเวลาจนเป็น โรคอ้วนที่ส่งผลต่อกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และกระดูก ที่ต้องรับน้ำ�หนักมากขึ้นจนอาจเกิด การบาดเจ็บหรือฉีกขาดได้ และยังส่งผลทำ�ให้เกิดการเจริญที่ผิดปกติของกระดูกและ กล้ามเนื้อได้อีกด้วยค่ะ หลักสำ�คัญในการดูแลควบคุมโปรแกรมอาหารเพื่อไม่ให้น้องหมาปั๊กเกิดภาวะน้ำ� หนักเกินคือ ผู้เลี้ยงต้องมีระเบียบวินัย ทำ�อย่างต่อเนื่องสม่ำ�เสมอ ใจแข็งไม่โอนอ่อน ต่อสายตาน้องหมาเวลาขออาหารเพราะน้องหมาปั๊กจะหิวอยู่ตลอดเวลา หากให้ อาหารแบบตามใจจากเลี้ยงน้องหมาก็จะกลายเป็นได้เลี้ยงน้องหมูไว้ในบ้านแน่นอนค่ะ ยังไงก็ห้ามใจอ่อนเด็ดขาดนะคะ รับรองว่าปัญหาโรคอ้วนและโรคอื่นๆ ที่อาจตามมา จะหมดไป และไม่ทำ�ให้ผู้เลี้ยงเป็นกังวลอย่างแน่นอนค่ะ และถึงแม้ว่าน้องหมาปั๊กจะเป็นน้องหมาที่เรียกได้ว่า กินเก่ง กินจุ แต่ในบางครั้งก็พบ ว่า น้องหมาปั๊กบางตัวก็มีปัญหาเลือกกิน กินยากไปเสียดื้อ ๆ ซึ่งสาเหตุอาจจะเกิด จากน้องหมาเบื่อในกลิ่นและรสชาติอาหารแบบเดิม ๆ ซึ่งผู้เลี้ยงก็สามารถแก้ไขปัญหา นี้ได้โดยการ ค่อย ๆ เปลี่ยนสูตรอาหารที่มีกลิ่นและรสชาติที่แตกต่างออกไป โดย ไม่ควรเปลี่ยนอาหารในทันที เพราะอาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารทำ�ให้น้องหมา ท้องเสียได้ 40
ซึ่งการเปลี่ยนอาหารจะใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน โดยเริ่มจากการผสมอาหาร ใหม่ 25% กับอาหารชนิดเดิม 75% หลังจาก 3-5 วัน จึงผสมอาหารเก่า และอาหารใหม่เป็นครึ่งต่อครึ่ง จากนั้นจึงค่อยเปลี่ยนมาผสมอาหารใหม่ 75% กับ อาหารเก่า 25%ในช่วงวันที่ 6-10 และวันต่อไปจึงเป็นอาหารใหม่ 100% ค่ะ ซึ่งการเปลี่ยนอาหารนี้จะใช้วิธีเดียวกับการเปลี่ยนอาหารให้ลูกสุนัข ซึ่งเพื่อนๆ ที่มี ลูกสุนัขก็สามารถเข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบทความ วางแผนการให้อาหาร ลูกสุนัขมาใหม่อย่างถูกวิธี นอกจากนี้ผู้เลี้ยงยังต้องคอยสังเกตดูอุจจาระของ น้องหมาว่า กินอาหารแล้วเป็นอย่างไร ทั้งลักษณะ กลิ่น สี แย่ลงมั้ย กินอาหาร ใหม่แล้วถ่ายยากขึ้นหรือถ่ายเหลวไหม กินอาหารแล้วน้องหมากินน้ำ�มากขึ้นหรือ เปล่า และสุดท้ายที่ต้องใช้เวลาในการสังเกตกันสักหน่อยคือ การเจริญเติบโตและ น้ำ�หนักตัวของน้องหมาเพิ่มขึ้นหรือลดลงเมื่อกินอาหารสูตรใหม่ในปริมาณเท่ากับ สูตรเก่า เพื่อ จะได้เปรียบเทียบว่าร่างกาย น้องหมา สามารถเอาไปใช้ได้ดีแค่ ไหนหรือเกิด การสะสมมากกว่าสูตร เก่าหรือ เปล่า ถ้าจะให้ดีเราก็ควร ปรึกษา สัตวแพทย์ในเรื่องของ โภชนาการ ที่เหมาะสมสำ�หรับน้อง หมาแต่ละ ตัวด้วยก็จะดีมาก ๆ เลยนะคะ
41
ออกกำ�ลังกายควบคู่การควบคุมอาหาร นอกจากเรื่องอาหารที่ผู้เลี้ยงต้องคอยควบคุมให้น้องหมาปั๊กอยู่เสมอแล้ว สิ่ง หนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ผู้เลี้ยงยังต้องหมั่นพาน้องหมาไปออกกำ�ลังกายอย่าง สม่ำ�เสมอเพื่อเผาผลาญพลังงาน แต่ทั้งนี้ ผู้เลี้ยงก็ควรระมัดระวังในเรื่อง โปรแกรมการออกกำ�ลังกายของน้องหมากันด้วยนะคะ เพราะว่า ปั๊ก เป็นจัดเป็น สุนัขพันธุ์หน้าสั้นที่มีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ ผู้เลี้ยงจึงไม่ควรให้น้องหมาปั๊ กออกกำ�ลังกายหนัก ๆ และใช้เวลานาน โดยผู้เลี้ยงควรจัดตารางการออกกำ�ลัง กายให้น้องหมาปั๊ก โดยอาจจะขอคำ�ปรึกษากับสัตวแพทย์เพื่อจัดตารางการออก กำ�ลังกายที่เหมาะสมสำ�หรับน้อหมาแต่ละตัวจะดีที่สุด สำ�หรับการออกกำ�ลังกายที่เหมาะสมสำ�หรับน้องหมาปั๊กควรเป็นการออก กำ�ลังกายแบบเบา ๆ เช่น พาไปเดินหรือวิ่งเล่นตามสวนสาธารณะ โดยใช้เพียง แค่ 10- 15 นาที แล้วพัก 5-10 นาที จากนั้นให้กลับมาออกกำ�ลังกายใหม่ หรืออาจจะสังเกตดูจากอาการหอบของน้องหมาที่จะแสดงออกมาตอนเหนื่อยก็ได้ ค่ะ อาจจะหากิจกรรมอื่น ๆ เช่น เล่นเกมส์ฝึกสมอง โยนลูกบอล ดึงเชือก เพื่อ กระตุ้นให้น้องหมาได้ออกกำ�ลังกายทั้งร่างกายและสมองที่จะช่วยป้องกันโรคอัลไซ เมอร์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตค่ะ ... เกร็ดเล็ก ๆ ที่ไม่ควรลืมคือ ผู้เลี้ยงควรให้น้ำ�น้องหมากินก่อนและหลังออก กำ�ลังกายเพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ� และป้องกันไม่ให้น้องหมาเป็นโรคลมแดด (Heat Stroke) ที่จะเกิดขึ้นได้เมื่อเขารู้สึกร้อนจัดกันด้วยนะคะ
42
43
ปั๊ก ขนร่วงทุกวัน
พวกเขาผลัดขนตลอดทั้งปี ร่วงทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าโซฟา เตียง เสื้อผ้า เบาะรถ ถ้าเพื่อนๆ คนไหนคิดจะเลี้ยงน้องปั๊ก แต่ไม่ชอบน้อง หมาขนร่วงมากๆ หรือแพ้ขนสัตว์ อาจต้องคิดทบทวนอย่างถี่ถ้วนก่อน เลี้ยง หรือซื้อเครื่องดูดฝุ่นเตรียมไว้นะคะ อย่างไรก็ตาม น้องปั๊กสีดำ�กลับมีขนร่วงน้อยกว่าขนสีน้ำ�ตาลเหลือง เนื่องจากขนสีดำ� เป็นขน 1 ชั้น ส่วนขนสีน้ำ�ตาลเหลืองทุกเฉดสีจะเป็นขน 2 ชั้นจึงผลัดขนบ่อยๆ
44
45
ควรแปรงขนให้น้องหมา ซึ่งการแปรงขนเป็นการช่วยนวดให้ต่อมไขมัน ที่โคนขนให้ขับน้ำ�มันออกมาเคลือบเส้นขน จะช่วยทำ�ให้น้องหมาปั๊กมี ขนสวยเงางาม ผิวหนังมีสุขภาพดี และยังเป็นการขจัดรังแคและสิ่ง สกปรกอื่น ๆ ออกมาจากผิวหนังอีกด้วยค่ะ
46
การแปรงขนให้พวกเขาเป็นประจำ�ทุกวัน จะช่วยผลัดขนที่ หมดอายุุให้ร่วงหลุดออกมา และกระตุ้นการผลิตน้ำ�มันที่ผิวหนังเพื่อให้ขนเงางาม สุขภาพดีนะคะ
47
ปั๊ก มีปัญหากับการผูกสายจูง ใส่ปลอกคอ
48
การใส่ปลอกคอ หรือสายจูงรัดจากปลอกคออีกทีสามารถบีบรัด หลอดลม หายใจไม่ออก รวมทั้งบีบรัดเส้นประสาทตา หรือกล้ามเนื้อของ ดวงตาทำ�ให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพพวกเขาได้ค่ะ
49
50
ปั๊ก ถึงตัวเล็กแต่ใจใหญ่ กลัวใครเป็นเสียที่ไหน พาเข้าสังคมก็จะเห็นว่าธรรมชาติของพวกเขานั้นชอบเข้าหาคนแปลกหน้า หรือไม่ก็น้องหมาตัวอื่นๆ ไม่เกรงกลัวใครหน้าไหน จึงจำ�เป็นต้องใส่สายจูง ไว้ด้วยตลอดเวลาไม่ให้เดิน หรือ กระโจนเข้าหาน้องหมาตัวใหญ่ค่ะ
51
ปั๊ก ต้องการความรัก ความเอาใจใส่สูง น้องปั๊กคือหนึ่งสายพันธุ์ที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ พวกเขาต้องการ อยู่ใกล้ชิดติดผู้คน เรียกร้องความสนใจ อ่อนไหวง่าย สามารถรับรู้ เรียน ได้ว่าเจ้าของต้องการอะไร เอาใจถูกจุด ในทางกลับกัน พวกเขาก็ต้องการ การดูแลเอาใจใส่ตอบกลับมาค่ะ เพราะสำ�หรับพวกเขาแล้วการได้เป็นส่วน หนึ่งในครอบครัวเป็นเรื่องสำ�คัญ ถ้าถูกปล่อยให้อยู่ลำ�พังพวกเขาจะรู้สึก กระวนกระวาย ไม่ปลอดภัย และเซื่องซึม
52
ดังนั้นผู้ที่คิดจะเลี้ยงน้องปั๊กจึงควร เข้าใจความรู้สึกอ่อนไหวในตัวเขา หาก พวกเขาต้องการเลียมือหรือขาของเรา ควรปล่อยให้พวกเขาเลียนะคะ เพราะ นั่นคืออีกหนึ่งวิธีที่พวกเขาใช้ในแสดงออก ถึงความรักของพวกเขาว่ารักเรามากมาย ขนาดไหน ซึ่งโดยธรรมชาติแล้ว พวก เขารักเรามากกว่าที่เราคิดค่ะ แต่ถ้าพวก เขาเลียไม่ยอมหยุดอาจจะต้องมีวิธี ปฏิเสธพวกเขาอย่างละมุนละม่อมจะได้ ไม่เป็นการทำ�ลายความรู้สึกค่ะ
53
54
ปั๊ก แอบขี้อิจฉาอย่างเงียบๆ ถ้าบ้านของเพื่อนๆ คนไหนเลี้ยงน้องปั๊กร่วมกับน้องหมาหรือน้องแมว ลอง สังเกตพฤติกรรมพวกเขาให้ดีจะเห็นว่าน้องปั๊กแสบใช่เล่น หวงเจ้าของแบบสุดๆ พวกเขามักจะแย่งขึ้นมานั่งตักหรือนั่งใกล้ๆ เราไม่ห่างไปไหน ยอมอุทิศตัวเกาะ ติดเราตลอดเวลา กีดกันสัตว์ตัวอื่นไม่ให้เข้าใกล้เรา แล้วเมื่อใดที่พวกเขาไม่ ได้รับความสนใจ ก็จะหาวิธีการเรียกร้องความสนใจต่างๆ นานา ซึ่งอาจนำ� ไปสู่พฤติกรรมก้าวร้าว ย้ำ�คิดย้ำ�ทำ�ต่างๆ ได้ค่ะ
55
กลเม็ดเผด็จความขี้เกียจของ น้องหมาพันธุ์ปั๊ก
56
บุคลิกทั่วไปของน้องปั๊กพวกเขาค่อนข้างร่าเริง แจ่มใส ขี้เล่น เคลื่อนไหว คล่องตัวไม่ว่าจะกระโดด หมุนตัว ตีลังกา แต่คึกอยู่ได้ไม่นานพลังงานก็ หมด ใช้พลังเฮือกสุดท้ายกระโดดขึ้นไปนอนบนโซฟา พักผ่อนหลับสบาย นอนอืดได้เกือบตลอดทั้งวัน จนผู้เลี้ยงหลายคนเอ่ยปากบอกเล่าประสบการณ์ ความขี้เกียจของน้องปั๊กไปต่างๆ นานา ว่า....... “น้องปั๊กของฉันเป็นน้องหมาที่ขี้เกียจที่สุดในโลก!” “ถึงแม้น้องปั๊กจะชอบเดินตามไปโน่นมานี่ ชวนเล่นอยู่เป็นพักๆ นิดๆ หน่อยๆ แต่หลังจากที่เขาเล่นเสร็จก็จะหลับตลอดทั้งวัน” “น้องปั๊กวิ่งเล่นอยู่ 10 นาที แต่หลังจากนั้น เขานอนหลับทั้งวันเลย ” “น้องปั๊กไม่ค่อยเห่า ไม่ค่อยเล่น ไม่ค่อยทำ�อะไรเลย นอกจากนอน ทำ�ตัว เหมือนน้องหมาแก่” อย่างไรก็ตาม ปัญหาความขี้เกียจของน้องปั๊กไม่ได้เกิดขึ้นจากนิสัยของ พวกเขาเท่านั้น หากยังเกี่ยวข้องกับการการฝึก การเลี้ยงดูอีกด้วยค่ะ เพราะ ฉะนั้นการจัดการให้น้องปั๊กกระตือรือร้น ขี้เกียจน้อยลง ควรเป็นการร่วมมือ กันทั้ง 2 ฝ่าย......แต่ก่อนจะเผด็จศึกความขี้เกียจ เราไปทำ�ความเข้าใจกับ พลังงานของพวกเขากันก่อนค่ะ
57
ปั๊ก พลังงานค่อนข้างต่ำ� ความหมายของคำ�ว่า “พลังงานต่ำ�” คือ ไม่ค่อยไฮเปอร์ ไม่ซุกซน ไม่พังบ้านเรือน อย่างไรก็ตาม น้องหมาที่มี พลังงานต่ำ�มักเหนื่อยง่าย จึงออกกำ�ลังกายหนักๆ ไม่ค่อยได้ ชอบที่จะนั่งๆ นอนๆ เดินเล่น วิ่งเล่นได้บ้างเป็นครั้งคราว แล้วค่อยพัก
58
ตามปกติแล้วน้องหมาพันธุ์เล็กไปจนถึงพันธุ์กลาง จะนอนเฉลี่ย 12-13 ชั่วโมงต่อวัน แต่สำ�หรับน้องปั๊ก พวกเขาเก็บสะสมชั่วโมงนอนมากกว่าอีกเล็กน้อย คือ ประมาณ 14 ชั่วโมงต่อวัน โซฟาไม่เคยว่างเปล่า เพราะพวกเขาจะกระโดดขึ้นไปนอนประจำ�ที่ นอนเงียบๆ
59
น้องปั๊กเป็นน้องหมาที่มีพลังงานในการทำ�กิจกรรมต่างๆ เกือบทุกชนิดอยู่ใน เกณณฑ์ต่ำ� แต่เป็นน้องหมาที่ต้องการความรักและการเอาใจใส่สูง ดังนั้นการจะ ดูแลเขา ผู้เลี้ยงควรหาจุดสมดุลในการใช้ชีวิตของพวกเขา ศึกษาธรรมชาติและ นิสัยเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาพฤติกรรมที่เกิดขึ้นค่ะ ความต้องการพื้นที่ – น้องปั๊กเป็นน้องหมาต้องการพื้นที่น้อย ไม่จำ�เป็น ต้องมีบ้านหลังใหญ่ สนามหญ้ากว้างๆ แค่เพียงอพาร์ตเม้นท์เล็กๆ ก็เพียงสำ�หรับ พวกเขาแล้วค่ะ เพราะพื้นที่สุดโปรดของน้องปั๊กคือโซฟาหน้าทีวี หรือไม่ก็เตียงนอน นุ่มๆ ยิ่งได้มีเจ้าของนอนหรือนั่งอยู่ใกล้ๆ ก็อุ่นใจ ใช่เลย
60
การออกกำ�ลังกาย – เทียบกับน้องหมาพันธุ์อื่นๆ แล้วน้องปั๊กไม่ต้องการการ ออกกำ�ลังกายที่มากหรือหนักจนเกินไป เนื่องจากเป็นน้องหมาหน้าสั้น มีปัญหาเรื่อง ระบบทางเดินหายใจ เหนื่อยง่าย และเสี่ยงต่ออาการฮีตสโตรก ไม่เหมาะกับการพา วิ่งกลางแจ้ง ขณะอากาศกำ�ลังร้อน ร่างกายรักษาสมดุลความร้อนได้ไม่ดีนัก ใน กรณีที่ร่างกายร้อนจัดพวกเขาจะแลบลิ้นหอบ หายใจเสียงดังเพื่อระบายความร้อน เพื่อนๆ ควรให้น้องปั๊กหยุด หาน้ำ�ที่มีภูณหภูมิปกติให้พวกเขาดื่มค่ะ
61
การฝึก - น้องปั๊กเป็นน้องหมาที่นิสัยดี ไม่ค่อยมีพฤติกรรมก้าวร้าว เมื่อเทียบ กับน้องหมาพันธุ์อื่นๆ อย่าง บีเกิล ปอมเมอเรเนียน หรือ ชิสุ ผู้เลี้ยงหลายคนจึง เพิกเฉยต่อการฝึก อย่างไรก็ตาม การฝึกยังคงมีความจำ�เป็นต่อน้องปั๊กอยู่ในน้อย เพราะ พวกเขาเป็นน้องหมาดื้อเงียบ เอาแต่ใจตัวเอง ตามใจปาก ไม่ค่อยเชื่อฟัง คำ�สั่ง และถูกหันเหความสนใจได้ง่ายด้วยกลิ่นหอมของอาหารนั่นเองค่ะ สำ�หรับการ ฝึกน้องปั๊ก ผู้เลี้ยงอาจจะต้องอาศัยความอดทนมากสักหน่อย เพราะเป็นน้องหมา เบื่อง่าย หมดอารมณ์ฝึกก็เดินกลับเข้าที่ไปนอนหน้าตาเฉย ไม่ค่อยมีแรงจูงใจในการ ฝึกเท่าที่ควร การใช้ขนมล่อถึงแม้จะช่วยได้ แต่ถ้าไม่ควบคุมปริมาณขนมอาจนำ�ไปสู่ ปัญหาน้ำ�หนักเกินมาตรฐานได้เช่นกันค่ะ
62
63
วิธีการจัดการกับความขี้เกียจของน้องปั๊ก ถึงแม้น้องปั๊กจะไม่ค่อยพฤติกรรมเสียหายอย่างก้าวร้าว ซุกซน ทำ�ลายบ้าน แต่ พฤติกรรมขี้เกียจ แถมยังรักการกินนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสุขภาพในเวลาต่อมา เราจึงควรจัดการเสียตั้งแต่ต้นทั้งตัวเราและเขาไปพร้อมกันดังต่อไปนี้ค่ะ 1. ปรับที่ทัศนคติของผู้เลี้ยงเสียก่อน - น้องปั๊กน่ารักจะต้องอ้วนกลม ปกติน้ำ�หนักมาตรฐานของน้องปั๊กอยู่ ที่ 6-8 กิโลกรัม แต่ผู้เลี้ยงบางคนมีทัศนคติว่าน้องปั๊กจะน่ารักต้องขุนให้อ้วนถ้วน สมบูรณ์ กินเยอะ นอนให้เต็มอิ่ม หยอกเล่นบ้างเป็นบางเวลา ปล่อยให้พวกเขา เป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ ซึ่งโดยธรรมชาติของน้องปั๊กแล้ว แทบจะเรียกได้ว่า หิวอยู่ตลอดเวลา ตราบใดที่พวกเขายังเห็นของกินอยู่ตรงหน้า ไม่ควบคุมไม่ได้นะ คะ นอกจากนี้ การเดินจากของกินเมื่อพวกเขาอิ่ม มักจบลงด้วยการเดินกลับไปนอน
64
65
66
- มีอาหารคนอร่อยๆ ก็อยากแบ่งให้น้องปั๊กกิน นิสัยขี้เกียจของพวกเขาย่อมสัมพันธ์ กับพฤติกรรมการกินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การเคลื่อนไหวน้อย แต่กินมากย่อมส่งผลเสีย ต่อสุขภาพค่ะ โดยเฉพาะการกินอาหารที่ไม่ควรกินอย่าง อาหารของคนซึ่งมีกลิ่นแรงและ เย้ายวนใจมากกว่าอาหารเม็ด จึงไม่แปลกที่จะเห็นน้องปั๊กนั่งทำ�ตาละห้อยเรียกคะแนน สงสารขอกินอาหารของเรา ผู้เลี้ยงบางคนคิดแทนน้องปั๊กว่าพวกเขาน่าเห็นใจกินแต่อาหาร เดิม กลัวพวกเขาเบื่อก็นำ�เอาอาหารของเราให้น้องหมากิน ซึ่งอาหารของคนมักมีการปรุง รสชาติที่จัดจ้าน มีไขมันมากเกินไป คุณค่าไม่ครบหมู่ และอาหารบางชนิดอาจมีพิษต่อ น้องหมา อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของพวกเขาได้ค่ะ
67
68
- น้องปั๊กพักผ่อน ไม่ควรรบกวน โดยเฉลี่ยแล้วน้องปั๊ก จะใช้เวลาในการนอนหลับประมาณ 14 ชั่วโมงต่อวัน แต่ สำ�หรับน้องปั๊กบางตัวที่อยู่ในอพาร์ตเม้นท์ หรืออยู่ใน กรงเวลาที่เจ้าของไม่อยู่ ก็จะไม่มีอะไรทำ� นอกจากกิน กับ นอน หากผู้เลี้ยงพบว่าพวกเขานอนมานานเกินไปแล้ว ควร ปลุก หากิจกรรมให้พวกเขาทำ� ไม่ควรปล่อยพวกเขานอน เพียงเพราะไม่ต้องการรบกวนการพักผ่อนของพวกเขานะคะ เพราะการนอนท่าเดิม หรือนอนนิ่งๆ เป็นเวลานาน เสี่ยง ต่อการกดทับหลอดลมอาจส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ หากน้องปั๊กมีน้ำ�หนักมากอาจเกิดแผลกดทับ หรือข้อสะโพก เสื่อมได้ค่ะ
69
- ผลัดวันประกันพรุ่ง เวลาในหนึ่งวันเราต้องออกไปเรียน ไป ทำ�งานกันตั้งแต่เช้ากว่าจะกลับมากก็เย็นค่ำ�ไม่มีเวลาดูแลน้องหมา พาไปออกกำ�ลังกาย ฝึกวินัยหรือเดินเล่น แม้ใจจะอยากทำ� แต่แรง ไม่มี เราจึงผลัดวันที่จะดูแลสุขภาพ และ ฝึกฝนนิสัยของน้องปั๊กไป เรื่อยๆ วันแล้ววันเล่า.....แต่ก็ต้องระวังนะคะว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้ให้แก่ พวกเขา ถ้าเราไม่ทันได้ดูแล
70
71
2. หากิจกรรมหลากหลายให้น้องปั๊กทำ� ลักษณะนิสัยทั่วไปของน้องปั๊กไม่ใช่น้องหมาที่จะไปวิ่งจ็อกกิ้งหรืออยากออกกำ�ลัง กายไปพร้อมๆ กันกับเจ้าของอีกทั้งพวกเขาเหนื่อยง่าย แล้วมีปัญหาเกี่ยวกับระบบ ทางเดินหายใจ เวลาวิ่งก็จะมีเสียงครืดๆ ตลอดเวลา เห็นแล้วน่าสงสาร หลาย คนไม่รู้จะทำ�อย่างไร จึงปล่อยให้พวกเขาผ่อนคลาย นอนตีพุงสบายๆ อยู่ในบ้าน เลยตามเลย แต่ถ้าเรายอมสละเวลาเพื่อเขาอีกนิด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของ น้องปั๊ก พริกแนะนำ�ว่ากิจกรรมสนุกๆ จะช่วยให้น้องปั๊กขยับแข้งขยับขา ตื่นตัวขึ้น มาได้แน่ๆ ค่ะ โดยมีกลเม็ดเคล็ด (ไม่) ลับอยู่ที่ ทำ�การออกกำ�ลังกายให้เป็นเรื่อง สนุกนั่นเองค่ะ
72
- ก่อนอื่นค้นหากิจกรรม หรือของเล่นที่น้องหมาปั๊กโปรดปราน เมื่อเราเห็นว่าเขาเริ่ม นอนหลับพริ้มนานหลายชั่วโมงติดต่อกัน เช่น เล่นดึงเชือก เล่นลูกเทนนิส หรือ เล่น ของเล่นมีเสียงปี๊บๆ เล่นวิ่งไล่จับ หรือ เล่นซ่อนหา เป็นต้นค่ะ - ในกรณีที่น้องปั๊กเฉยเมยกับของเล่น หรือกิจกรรมกรรมที่เราเชื้อชวน อาจจะ ต้องใช้วิธีการหยอด อาหารเปียกลงไปบนของเล่นให้มีกลิ่นเย้ายวน หรือ เอาขนมสุดโปรดเข้ามาวิ่งเล่นไล่ ซ่อนหา หรือเพื่อนๆ จะใช้วิธี เอาขนมไปซ่อนแล้วให้น้องหมาออกตามหาก็ได้ค่ะ แต่ อาหาร หรือขนมเหล่านี้จะใช้เป็นเพียงตัวล่อเท่านั้น ไม่ควรให้กินระหว่างเล่นนะคะ เมื่อ เล่นเสร็จค่อยบอกให้เขานั่งลง จึงให้เป็นรางวัลค่ะ แล้วเมื่อเราชวนเล่นครั้งต่อไปถึงแม้ ไม่มีอาหารล่อเขาก็จะพร้อมจะเล่นด้วย เพราะเคยรับความรู้สึกที่ดีมาก่อน แต่อย่า ลืมรางวัลตบท้ายนะคะ ^^ - ถ้าน้องปั๊กยังขี้เกียจนอนอืดอยู่ในกรง บนผ้าห่มหรือบนโซฟา อาจจะต้อง ใช้ไม้ตาย ปิดกรงเมื่อยังไม่ถึงเวลาพัก ย้ายเบาะนอนไปไว้ที่สูง ห้ามไม่ให้น้องปั๊กขึ้น โซฟา อะไรที่เขากลัวก็เอามาวางไว้บนโซฟาก่อนเลย ถ้าโซฟาตัวเล็กก็หันโซฟาเข้า ข้างฝา น้องปั๊กจะงง สับสน เดินไปเดินมา หาที่สิงสถิตย์ไม่ได้สุดท้ายก็ต้องเดินมา เล่นกันเรา
73
74
- ลองนำ�กิจกรรมมาผสมผสานระหว่างการพาออกไปเดินเล่นในแต่ละวัน เพื่อไม่ ให้น้องปั๊กรู้สึกเบื่อหน่าย เช่น เดินไปสักพัก แล้วชวนวิ่ง วิ่งสักพักแล้วเดิน สร้างจังหวะ ใหม่ๆ ให้แก่น้องปั๊กจะได้รู้สึกว่าเป็นการเล่น มากกว่าการวิ่งออกกำ�ลังกาย พวกเขาจะ ได้ตื่นตัว และวิ่งได้นานขึ้นค่ะ เพื่อนๆ จะหาของเล่นมาล่อ ตบมือ เป่านกหวีดร่วม ด้วยก็ได้นะคะ ซึ่งจังหวะของเสียงจะเชื่อมโยงกับจังหวะการวิ่งทำ�ให้น้องปั๊กตื่นตัว คึกคัก มีความสุขกับการออกกำ�ลังกายมากขึ้นค่ะ 75
3. จัดตารางเวลากิจกรรมและพักผ่อนให้น้องปั๊ก เป้าหมายต่างๆ ที่ตั้งไว้จะสำ�เร็จลุล่วงได้ก็ต่อเมื่อเรามีวินัย จัดสรรเวลา การเลี้ยง การดูแล การทำ�กิจกรรมและการพักผ่อนของน้องหมาอย่างเคร่งครัด มีตารางเวลาชัดเจน เพื่อเสริมสร้างสุขลักษณะนิสัย และพฤติกรรมที่ดีให้ แก่น้องปั๊ก ที่สำ�คัญการขจัดความขี้เกียจ สร้างความกระฉับกระเฉงยังเป็นการ สร้างความแข็งแกร่งให้แก่กล้ามเนื้อ เพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญพลังงาน ให้ดีขึ้น สุขภาพแข็งแข็งแรงค่ะ
76
77
เทคนิคสยบปัญหา 5 จุดเหม็นในน้องหมาปั๊ก
78
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า น้องหมาปั๊ก เป็นน้องหมาอีกสายพันธุ์หนึ่งที่เต็มไปด้วย เสน่ห์ ทั้งรูปร่างที่อ้วนกลม หน้าตาบ้องแบ๊วดูน่ารัก เห็นแล้วอดที่จะแกล้งไม่ ได้ และด้วยความน่าเอ็นดูของเจ้าปั๊กนี่เองทำ�ให้ใครเห็นใครก็อยากเข้าไปกอด เข้าไปฟัด … แต่พอเข้าไปใกล้เท่านั้นแหละ!! เราก็จะได้กลิ่นแปลก ๆ จาก เจ้าปั๊กทันที และพอได้กลิ่นอันไม่พึงประสงค์นี้ หลายคนถึงกับหมดอารมณ์ พิศวาสในตัวเจ้าปั๊กกันไปเลยทีเดียว “เทคนิคการเลี้ยงการดูแล” วันนี้ ปังปอนด์เลยจะชวนเพื่อน ๆ มาดู กันว่า น้องหมาปั๊กที่ขึ้นชื่อว่ามีกลิ่นตัวแรงนั้นส่วนมากมีสาเหตุมาจากอะไร และมีอวัยวะจุดไหนที่เป็นต้นตอของการเกิดกลิ่นเหม็น รวมถึงวิธีการดูแลเพื่อ ป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์อย่างถูกต้องกันค่ะ
79
ลำ�ตัวของหมาปั๊ก ถึงแม้ว่า ปั๊ก จะเป็นน้องหมาขนสั้น แต่ก็ขึ้นชื่อว่า เป็นสุนัขสายพันธุ์หนึ่งที่มีกลิ่น ตัวแรงแบบสุด ๆ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่มีความชื้นในอากาศสูงแบบนี้ ไม่ ต้องพูดถึงกลิ่นตัวน้องหมาปั๊กกันเลยล่ะค่ะ ... สาเหตุการเกิดกลิ่นตัวของน้อง หมาสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น ความซุกซนของน้องหมา ความชื้นใน อากาศ วิธีการเลี้ยงดูของผู้เลี้ยง ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นตัวแปรสำ�คัญที่มีผลต่อ การเกิดความอับชื้นที่ส่งผลให้เกิดกลิ่นตัว และโรคผิวหนังได้ ปั๊ก เป็นน้องหมาที่มีผิวบอบบางจึงเสี่ยงเป็นโรคผิวหนัง เช่น ผิวหนังอักเสบ ขี้เรื้อน ฯ ได้ง่ายกว่าสุนัขขนสั้นพันธุ์อื่น ๆ โดยเฉพาะจุดสำ�คัญอย่างช่วงต้นคอ ที่ผิวหนังมีความย่น มักจะพบว่ามีกลิ่นแรงและเสี่ยงเป็นโรคผิวหนังมากกว่าจุดอื่น ๆ บนลำ�ตัว นอกจากนี้ในน้องหมาเพศผู้ก็มักพบปัญหาคราบเหลืองบริเวณใต้ท้อง ซึ่งเกิดจากปัสสาวะของน้องหมาเปรอะเปื้อน เกาะตัวเป็นคราบเหลืองแข็ง ทำ�ให้อับชื้น ส่งกลิ่นเหม็น รวมถึงมีอาการผื่นแดงขึ้นตามผิวหนัง และอาจมีอาการขนร่วง
80
ในน้องหมาบางตัวอาจพบมีกลิ่นเหม็นที่เท้าด้วย ซึ่งผู้เลี้ยงก็ต้องคอยตรวจเช็ค ดูเพราะในแต่ละวันของน้องหมาก็อาจจะไปวิ่งเล่นซน เหยียบสิ่งสกปรกจนเกิดความ อับชิ้น ผู้เลี้ยงจึงต้องหมั่นทำ�ความสะอาดใต้เท้าอุ้งเท้าของน้องหมา โดยอาจจะใช้ วิธีล้างเฉพาะอุ้งเท้าหากอวัยวะส่วนอื่น ๆ ไม่ได้เปรอะเปื้อนค่ะ
81
การดูแล สำ�หรับน้องหมาขนสั้นอย่างปั๊ก ถึงแม้ว่าจะไม่ต้องดูแลเป็นพิเศษเหมือนน้องหมาพันธุ์ ขนยาวอื่น ๆ แต่ผู้เลี้ยงก็ควรหมั่นตรวจเช็คสภาพผิวหนังและขนของน้องหมา เป็นประจำ� โดยควรอาบน้ำ�อาทิตย์ละ 1 ครั้ง เลือกใช้แชมพูสูตรสำ�หรับสุนัขมีกลิ่น สาบ ที่มีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติที่อ่อนโยนต่อผิวหนังที่บอบบางและช่วย ลดกลิ่นตัวของน้องหมาปั๊ก เช่น สารสกัดจากเปลือกสน ที่ช่วยกระตุ้นต่อมไขมันให้ สร้างน้ำ�มันออกมาเคลือบเส้นขนและผิวหนังให้ชุ่มชื้น ว่านหางจระเข้ ช่วยต้านการ อักเสบและฆ่าเชื้อรา แบคทีเรีย และยีสต์ รวมไปถึงควรแปรงขนให้น้องหมา ซึ่งการ แปรงขนเป็นการช่วยนวดให้ต่อมไขมันที่โคนขนให้ขับน้ำ�มันออกมาเคลือบเส้นขน จะช่วย ทำ�ให้น้องหมาปั๊กมีขนสวยเงางาม ผิวหนังมีสุขภาพดี และยังเป็นการขจัดรังแคและ สิ่งสกปรกอื่น ๆ ออกมาจากผิวหนังอีกด้วยค่ะ
82
และในหน้าฝนแบบนี้ ผู้เลี้ยงก็ควรให้ความสำ�คัญกับการดูแลเรื่องความสะอาดให้น้อง หมา โดยอย่าปล่อยให้ขนของน้องหมาเปียกชื้นเป็นเวลานาน ๆ เมื่อพบว่า น้องหมา ไปวิ่งตากฝนจนตัวเปียก หรือรู้สึกว่าขนน้องหมาเริ่มชื้น ก็ให้รีบเช็ดให้หมาด แล้วเอา ไดร์เป่าขนจนแห้งสนิทเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดความอับชื้น นอกจากนี้ควรสังเกต ด้วยว่า ผิวหนังของน้องหมามีตุ่ม ผื่นคัน มีอาการคัน เกาผิดปกติหรือไม่ ถ้ามี แสดงว่าเริ่มมีอาการผิดปกติ ควรจะรีบพาไปพบสัตวแพทย์ เพื่อหาสาเหตุของ อาการดังกล่าวค่ะ 83
ใบหน้าของหมาปั๊ก ปัญหาใบหน้าน้องหมามีกลิ่นเหม็น ถือเป็นปัญหาที่ผู้เลี้ยงน้องหมาปั๊ก มัก พบเจอกันอยู่เป็นประจำ� นั่นก็เพราะว่า น้องหมาปั๊กมีใบหน้าสั้น และมีรอย พับรอยย่นบนใบหน้าค่อนข้างเยอะ ซึ่งรอยพับย่นนี้เองที่เป็นแหล่งหมักหมมสิ่ง สกปรกได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะคราบน้ำ�ตาที่จะไหลมาสะสมบริเวณร่องจมูก ใต้ตาจนกลายเป็นสีน้ำ�ตาลแดง ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ มักเกิดจากเชื้อยีสต์ชนิด Red Yeast ที่เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่เปียกชื้น เมื่อเกิดการสะสม (น้ำ�ตา ของน้องหมา) เชื้อยีสต์ก็จะทำ�ปฏิกิริยาที่ก่อให้เกิดคราบสีแดงเข้มอมน้ำ�ตาล เกาะที่ขนใต้ตา ซึ่งจะทำ�ให้ผิวหนังบริเวณนี้เกิดการอักเสบติดเชื้อแบคทีเรีย และเกิดเชื้อราได้ง่าย รวมถึงเรื่องของความชื้น ความร้อน และการเสียดสี กันของผิวหนัง ก็อาจเป็นสาเหตุของการอักเสบ เกิดกลิ่นเหม็น และเป็นโรค ผิวหนังได้หากไม่ได้รับการดูแลทำ�ความสะอาดอย่างสม่ำ�เสมอจากเจ้าของค่ะ
84
การดูแล ผู้เลี้ยงต้องหมั่นดูแลเช็ดทำ�ความสะอาดตามร่องของรอยย่นต่าง ๆ บน ใบหน้าเป็นประจำ�โดยใช้ผ้า/สำ�ลีชุบน้ำ�เปล่า หรืออาจจะเลือกซื้อน้ำ�ยาขจัดกลิ่นมา เช็ดร่องแก้ม หรือรอยย่นที่ถูกพับไว้ด้านในของน้องหมาทุกวัน และควรเช็ดให้แห้งเพื่อ ไม่ให้เกิดการสะสมของแบคทีเรีย หรือเชื้อยีสต์ค่ะ ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการ เช็ดทำ�ความสะอาดคือ ควรทำ�หลังจากน้องหมากินอาหาร หรือหลังอาบน้ำ�เสร็จทุก ครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดกลิ่นเหม็นที่ไม่พึงประสงค์ เพราะบริเวณข้างแก้มจะมีคราบ น้ำ�ตา หรือบริเวณรอยพับจะอับชื้นได้ง่าย ซึ่งเป็นที่มาของกลิ่นเหม็นบริเวณใบหน้าที่ จะส่งผลให้เป็นโรคผิวหนังในน้องหมาได้ค่ะ
85
หูของหมาปั๊ก น้องหมาปั๊กเป็นน้องหมาที่มีลักษณะใบหูพับตกลงมา จึงมีแนวโน้มที่จะมีการติด เชื้อในช่องหูได้หลากหลายชนิด ทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อยีสต์ และไรในหู ฯลฯ โรคในช่อง หูที่มักพบในน้องหมาปั๊กมักจะเป็นโรคช่องหูส่วนนอกอักเสบที่เกิดจากเจ้าของอย่างเรา ปล่อยปะละเลยไม่ค่อยดูแลสุขภาพช่องหูให้กับน้องหมา โดยน้องหมาที่มีการติดเชื้อ ในหูจะแสดงอาการในเบื้องต้นคือ สั่นศีรษะ สะบัดหัวบ่อย พยายามเกาหู มีขี้หูสี เข้ม หูมีกลิ่นเหม็น มีของเหลวสีเหลือง น้ำ�ตาล หรือของเหลวปนเลือดไหลซึมออกมา เดินวน หรือในบางรายก็อาจมีการทรงตัวผิดปกติก็มีค่ะ
86
ถ้าหากน้องหมา ที่แสดงอาการเหล่านี้บ่อย ๆ มากกว่า 5-10 ครั้งต่อวัน ผู้ เลี้ยงก็ควรพาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจดูอาการ เพราะหากน้องหมา เหล่านี้ไม่ได้รับการรักษาก็จะเกิดการอักเสบและกลายเป็นการ ติดเชื้อเรื้อรังที่รักษา ได้ยาก ซึ่งเจ้าของก็ควรหมั่นทำ�ความสะอาดหูของน้องหมาอย่างสม่ำ�เสมอเพื่อ เป็นการ ป้องกันดีกว่ามาแก้ไขในภายหลังที่อาจจะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ค่อนข้าง มากค่ะ
87
การดูแล สำ�หรับการดูแลช่องหูน้องหมาปั๊กเพื่อป้องกันการเกิดโรคต่าง ๆ ในช่องหู ก็คือ ผู้เลี้ยงต้องรักษาความสะอาดหูของน้องหมาเป็นประจำ� อย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่ง ครั้ง เพื่อตรวจดูความผิดปกติและป้องกันไม่ให้เกิดความอับชื้นซึ่งเป็นสาเหตุของโรค ในช่องหูต่าง ๆ โดยเริ่มแรกผู้เลี้ยงควรเปิดใบหูเพื่อดูความผิดปกติก่อน จากนั้น จึงทำ�ความสะอาดช่องหูน้องหมาด้วยการใส่น้ำ�ยาสำ�หรับทำ�ความสะอาดหูลงไปใน ช่องหู บีบนวดบริเวณโคนหูประมาณ 20-30 วินาที เพื่อทำ�ให้ขี้หูอ่อนนุ่มและหลุด ออกมา จากนั้นจึงเช็ดเอาขี้หูที่หลุดออกและใช้ก้านไม้พันด้วยสำ�ลีชุบน้ำ�ยาทำ�ความ สะอาดเช็ดช่องหูจนไม่พบว่ามีขี้หูหลงเหลืออยู่ในช่องหูอีก ห้ามแทงหรือปั่นหูน้องหมา นะคะ แต่ให้ใช้การเช็ดในลักษณะตักขึ้นมาแทนค่ะ *** ห้ามใช้แอลกอฮอล์ล้างหูน้องหมาโดยเด็ดขาดเพราะจะทำ�ให้เกิดการ ระคายเคืองในช่องหู ซึ่งอาจทำ�ให้หูน้องหมาเกิดการอักเสบได้ค่ะ ***
88
สำ�หรับน้องหมาที่พบปัญหาช่องหู สัตวแพทย์จะรักษาตามอาการ สาเหตุ ของปัญหาและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น โดยจะเก็บขี้หูป้ายใส่สไลด์ แล้วนำ�ไปส่อง ด้วยกล้องจุลทรรศน์ เพื่อตรวจหาตัวไรหู หรือนำ�ขี้หูไปย้อมตรวจเพื่อตรวจหาเชื้อ แบคทีเรียและเชื้อยีสต์ อาจให้ยาปฏิชีวนะสำ�หรับการติดเชื้อแบคทีเรีย ส่วนยาต้าน เชื้อราจะใช้สำ�หรับการติดเชื้อยีสต์ ให้ยากลูโคคอร์ติคอร์ย เช่น เด็กซาเมธาโซน มัก จะใช้เพื่อลดการอักเสบในช่องหู (ยาหยอด หรือยากิน) กรณีปัญหาช่องหูที่เกิดมา จากโรคอื่น ๆ ในร่างกาย เช่น ความผิดปกติทางฮอร์โมน หรือการแพ้ จะต้อง ให้การรักษาน้องหมาทั้งตัว ไม่เฉพาะแต่ช่องหู เช่น การเสริมฮอร์โมน หรือตรวจ ทดสอบการแพ้ เป็นต้น นอกจากนี้ คุณหมออาจใช้วิธีการส่องด้วยกล้อง otoscope เพื่อตรวจดูลักษณะโครงสร้างของช่องหู ตรวจหาสิ่งแปลกปลอม หรือเนื้อ งอกต่าง ๆ ที่อาจอยู่ข้างในรูห
89
ปากของหมาปั๊ก ปั๊ก เป็นน้องหมาพันธุ์หน้าสั้นสายพันธุ์หนึ่งที่มักพบปัญหาสุขภาพช่องปากและ ฟัน เนื่องจากมีลักษณะของใบหน้าที่สั้น แบน และกรามบนสั้นกว่ากรามล่าง ทำ�ให้ เกิดเป็นฟันซ้อนและในบางตัวมีซี่ฟันห่างกัน ทำ�ให้อาหารมักเข้าไปติดอยู่ตามซอก ฟันของน้องหมา ทำ�ให้เกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและแคลเซียมที่บริเวณฟันจน เกิดเป็นหิน น้ำ�ลาย และหากไม่มีการดูแลสุขภาพช่องปากที่ดี หินน้ำ�ลายจะเกิดการ ก่อตัวเป็นหินปูนเกาะตามฟันซี่ต่าง ๆ จนเกิดกลิ่นปาก ส่งผลให้เนื้อเยื่อปริทันต์ อักเสบ เกิดการทำ�ลายเยื่อบุผิวฟันและเนื้อเยื่อรอบฟัน รวมทั้งทำ�ให้เกิดการสลาย ของกระดูกเบ้าฟัน ในรายที่มีการอักเสบของเนื้อเยื่อปริทันต์รุนแรงอาจทำ�ให้กราม หัก หรือเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อในระบบต่าง ๆ ของ ร่างกาย เช่น หัวใจ ตับ ไต ฯลฯ และเสียชีวิตได้ในที่สุด (อ่านเพิ่มเติม “ปริ ทันต์” โรคร้ายที่(อาจ)เกิดในช่องปากสุนัข) นอกจากนี้น้องหมาปั๊กบางตัวยังพบมีความผิดปกติที่เรียกว่า Hanging Tongue Syndrome ซึ่งเป็นความผิดปกติที่เป็นมาแต่กำ�เนิด โดยน้องหมาไม่ สามารถดึงลิ้นกลับเข้าปากได้จึงทำ�ให้ลิ้นห้อยออกมาอยู่ตลอดเวลา ทำ�ให้ปลาย ลิ้นแห้ง มีปัญหาในการกินน้ำ�และอาหาร (แต่น้องหมาสามารถปรับตัวได้) หลังกิน อาหารและน้ำ�อาจจะทำ�ให้บริเวณรอบปาก ใต้คางและลำ�คอเลอะเทอะ ทำ�ให้เกิด ความอับชื้น กลิ่นเหม็น ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังต่าง ๆ ตามมาได้
90
91
การดูแล สำ�หรับการดูแลให้น้องหมาไร้กลิ่นปาก ผู้เลี้ยงสามารถทำ�ได้ง่าย ๆ ซึ่งวิธี ที่ดีที่สุดในการป้องกันปัญหาเหล่านี้คือ การไม่ละเลยการดูแลสุขภาพช่องปากและ ฟัน ด้วยการแปรงฟันและลิ้นให้น้องหมาทุกวัน ซึ่งการแปรงฟันจะช่วยชะลอการ เกิดคราบหินปูน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นปาก รวมถึงโรคปริทันต์ในน้องหมา ค่ะ และสำ�หรับการเลือกยาสีฟัน ผู้เลี้ยงควรเลือกยาสีฟันที่ผลิตมาเพื่อน้องหมา โดยเฉพาะ และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะนำ�ยาสีฟันของคนมาใช้กับน้องหมา เนื่องจาก ยาสีฟันของคนมีส่วนผสมของฟลูออไรด์ที่เป็นอันตรายกับน้องหมา และถูกผลิต มาเพื่อให้บ้วนทิ้งและห้ามกลืนกิน ซึ่งน้องหมาไม่สามารถบ้วนยาสีฟันทิ้งและอาจจะ กลืนยาสีฟันเข้าไปจนเกิดการ สะสมก่อให้เป็นโรคต่าง ๆ เช่น โรคนิ่ว ได้ค่ะ (รู้ไหม? น้องหมาก็ต้องแปรงฟันเหมือนกันนะ )
92
นอกจากนี้ผู้เลี้ยงควรพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพช่องปากกับสัตวแพทย์ทุก ๆ 6 เดือนเป็นอย่างน้อย รวมถึงผู้เลี้ยงควรหาของเล่นที่ช่วยขัดฟันและบริหารฟันให้น้อง หมา เช่น ของเล่นที่ทำ�จากเชือกผ้าที่ออกแบบมาเพื่อช่วยขัดฟัน ขูดลอกเอาคราบ แบคทีเรียออก ซึ่งเป็นการป้องกันคราบหินปูนสะสม รวมถึงควรให้อาหารสุนัขแบบเม็ด กับน้องหมาเพื่อช่วยลดปัญหาการสะสมแบคทีเรีย หรืออาจจะหาขมขบเคี้ยว เช่น ขนมผลิตจากเนื้อปลาฉลามผสมกระดูกปลาป่น ที่มีคุณสมบัติช่วยขัดฟันมาให้ น้องหมากินเล่นอีกทางหนึ่งก็จะช่วยได้ดีเลยล่ะค่ะ
93
ก้นของหมาปั๊ก สำ�หรับปัญหาก้นเหม็นนี้ถือเป็นปัญหาใหญ่ของผู้เลี้ยงน้องหมาปั๊กเลยก็ว่าได้ค่ะ ซึ่ง สาเหตุของปัญหาน้องหมาก้นเหม็นของน้องหมาปั๊กก็มักเกิดจากการอุดตันของต่อม เหม็นข้างก้น ที่มีรูปร่างรีเป็นถุง 2 ข้าง ในตำ�แหน่ง 9 นาฬิกาและ 3 นาฬิกา บริเวณใต้ผิวหนังข้างรูทวารหนักที่ไม่สามารถมองเห็นจากภายนอกได้ ... ต่อม ก้นของน้องหมาจะมีหน้าที่เก็บของเหลวที่มีลักษณะเหนียวข้น สีเหลืออ่อนไปจนถึงสี น้ำ�ตาลเข้มออกดำ� และมีกลิ่นเหม็นคาวฉุนเอาไว้ หากน้องหมาเกิดความกลัว ตกใจ หรือในเวลาที่น้องหมาต้องเผชิญหน้ากับอันตรายต่าง ๆ ต่อมก้นก็จะทำ�งานโดย ขับของเหลวที่อยู่ภายในออกมา แต่ในน้องหมาหลาย ๆ ตัว ก็ไม่สามารถขับ ของเหลวที่อยู่ในต่อมเหม็นนี้ออกมาได้ เนื่องจากถูกเลี้ยงให้อาศัยอยู่ภายในบ้านที่ สงบ ปลอดภัย ไม่ค่อยอยู่ในภาวะกดดัน หรือเจอเหตุการณ์ตื่นเต้น ต่อมเหม็นจึง ไม่ปล่อยของเหลว ทำ�ให้เกิดการสะสมของของเหลวมากเกินไป (Anal Sac Impaction) จึงอาจทำ�ให้เกิดการอุดตัน ส่งกลิ่นเหม็น และอาจเกิดการอักเสบที่ต่อม ก้น (Anal Sacabscess) ซึ่งอาจทำ�ให้เกิดฝี และถ้าหากเป็นมาก ๆ ฝีก็อาจแตก ออกเป็นแผลข้างก้นได้ โดยอาการเริ่มแรกของความผิดปกติของต่อมก้นที่น้องหมาจะแสดงออก ผู้ เลี้ยงสามารถสังเกตได้ง่าย ๆ คือ เมื่อต่อมก้นน้องหมาเริ่มเกิดการอุดตัน น้อง หมามักจะไม่ถ่ายอุจจาระเพราะเกิดอาการท้องผูก ทำ�ให้อุจจาระแข็ง ซึ่งก้อน อุจจาระอาจจะไปบาดบริเวณรูเปิดของต่อมข้างก้นจนทำ�ให้เกิดการอักเสบติดเชื้อได้ น้องหมามีพฤติกรรมเอาก้นไถไปที่พื้นเหมือนพยายามเช็ดก้น พยายามเลียก้นตัว เองบ่อยผิดปกติ มีของเหลวหรือเมือกกลิ่นเหม็นไหลออกจากก้น
94
95
การดูแล หากน้องหมาของผู้เลี้ยงมีพฤติกรรมดังที่กล่าวไปในข้างต้น ผู้เลี้ยงสามารถช่วยเอา ของเหลวที่อุดตันอยู่ภายในออกมาได้โดยการสำ�รวจความผิดปกติ และบีบต่อม ก้นให้น้องหมาอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อลดโอกาสเสี่ยงของต่อมก้นไม่ให้เกิด การอักเสบ ส่วนสำ�หรับผู้เลี้ยงที่มักจะพาน้องหมาไปเข้ารับบริการอาบน้ำ�ตัดขนในร้าน กรูมมิ่งน้องหมา พนักงานก็มักจะบีบต่อมก้นให้กับน้องหมาทุกครั้งอยู่แล้ว ซึ่งถ้าบีบ
96
แต่ถ้าหากหมาของผู้เลี้ยงที่ต่อมก้นมีเมือกหรือของเหลวออกมามากผิดปกติ เกิดการ อักเสบ หรือเป็นฝีจนแตก แนะนำ�ให้พาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์ตรวจดูอาการ เพื่อ ทำ�การรักษา ซึ่งสัตวแพทย์อาจจะทำ�การบีบเอาของเหลว หนอง เลือดที่อยู่ภายใน ต่อมข้างก้นออกมา ในกรณีมีการติดเชื้อ อักเสบเป็นหนอง อาจควบคุมการติดเชื้อด้วย ยาปฏิชีวนะที่สามารถออกฤทธิ์เข้าไปในต่อมข้างก้น เช่น Vibravet , Marbocyl , Marbocyl , Marbocyl โดยสัตวแพทย์จะให้ยาตามน้ำ�หนักตัวของน้องหมา พร้อม กับให้กลุ่มยาบรรเทาตามอาการ เช่น ยาแก้ปวดลดอักเสบ ยาลดบวม แต่ในรายที่ไม่ สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการให้ยา สัตวแพทย์อาจจะพิจารณาการผ่าตัดเอาต่อม ข้างก้นออก ซึ่งจากการศึกษาพบว่า หากน้องหมาถูกผ่าตัดเอาต่อมก้นออกไป น้อง หมาก็สามารถดำ�รงชีวิตอยู่ได้ตามปกติ โดยไม่มีอุปสรรคค่ะ
97
ชื่อ : ไวโอเล็ท (Violet) สายพันธ์ : ปั๊ก อายุ : 6 เดือน เพศ : เมีย วัน/เดือน/ปี : เกิด 11 มิถุนายน 2557 สี : น้ำ�ตาลอ่อน นิสัย : ร่าเริง กินเก่ง ฉลาด อัธยาศัยดี ขี้อ้อน
98
99
100