smartfinance by peter sirimakul

สมาร์ทไฟแนนซ์ : ให้เงินทำ�งาน

Digital Magazine

E E R F OPY C

Vol. 1 No.1 February 2011

เคล็ดลับธุรกิจ

ตันที่ ไม่ตัน

ทองคำ�

ดาวรุ่ง

แฟรนไชส์ N@TTY CAKE เค้กออนไลน์

อีทีเอฟ

พระเอกปี’54

ยังคงเย้ายวน

ปั้นธุรกิจ

เพชร

ด้วยเงิน100 เหรียญ

มหัศจรรย์แห่งรัก และการลงทุน

BRG

Ads

สารบัญ

10 n COVER

n โอกาสธุรกิจ

STORY

18 Inside Smartfinance

10 18 22 28 32 4

COVER STORY

เพชร มหัศจรรย์แห่งรักและการลงทุน

แฟรนไชส์

โอกาสธุรกิจ

ดาวรุ่งแฟรนไชส์ รับปีเถาะ

โทเมโทซาวด์

โพสต์โปรดักชันยุคไซเบอร์ n

ลงทุนอสังหาริมทรัพย์

ธุรกิจขายตรง

คอนโดแนวรถไฟฟ้า โฟกัสทำ�เล/ราคาต้องไม่โอเวอร์ ขายตรง... มนุษย์ทองคำ�

35 36 39 40 42

E-Business

ซื้อไว้กำ�ไรงาม

บ้าน+คอนโดมิเนียม

เคล็ดลับธุรกิจ

หุ้น

N@TTY CAKE ด้วยใจรักสู่เค้กออนไลน์

ทองคำ� อมตะแห่งการลงทุน นาวิโอ หัวหิน ลงทุนยาว รอต่างชาติฟื้น โอกาส-คิดล้ำ�หน้า เคล็ดลับตัน...ผู้ไม่ตัน หุ้นน่าลงทุนปีเถาะ ลงทุนอะไรดีที่ ใช่เลย

Clinic

n ลงทุนอสังหาริมทรัพย์

n แฟรนไชส์

45 48 50 53 54

กองทุนรวม

ประกัน

กองทุนตราสารหนี้ รอบนี้คิดสั้นอย่าคิดยาว n อนุพันธ์ อีทีเอฟ ตอบโจทย์การลงทุนปี’54

เติมรัก ไร้กังวล ผ่านประกันภัย

รถยนต์

กระบะหน้าตัด ทางเลือกเอสเอ็มอีหน้าใหม่

ธุรกิจคนดัง

ความสุข ความทรงจำ� ในทุกคำ�ของ เบบี้ พัฟฟ์

Smartfinance

FEBRUARY 2011

Smartfinance

JANUARY 2010

บรรณาธิการ

32 36

mart Finance ด้วยฝีมือของ ทีมงาน โพสต์ทูเดย์ ฉบับ ปฐมฤกษ์ อยู่ในมือคุณผู้อ่าน แล้วครับ ต้องบอกว่า เราตั้งใจทำ� และแจกฟรี ทำ�ไมถึงกล้าแจกฟรี เพราะเราต้องการให้คุณผู้อ่านได้สัมผัส เนื้อหาสาระที่หลากหลาย และมีคุณภาพ เราต้องการผลิตสิ่งพิมพ์ที่มีการผลิตชั้น เยี่ยม พิมพ์สี่สี ด้วยกระดาษอาร์ตมันทั้งฉบับ เนื้อหาของ Smart Finance กล่าวสรุป รวบยอดก็คือ ทำ�อย่างไรถึงจะเริ่มและสะสม ความมั่งคั่งขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะมีเงินเพียงเล็ก น้อย หรือเป็นมหาเศรษฐี เรานำ�เสนอการลงทุนทุกรูปแบบ ตั้งแต่การฝากเงิน การลงทุนสินทรัพย์ที่มีค่า การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ และการลงทุนที่ สลับซับซ้อนอย่างตราสารอนุพันธ์ แฟรนไชส์ รวมไปถึงการทำ�ธุรกิจที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุน เช่น การขายตรง อิสรภาพทางการเงิน คือเป้าหมาย สำ�คัญ Smart Finance จะแจกฟรีในหนังสือ พิมพ์ โพสต์ทูเดย์ ทุกวันจันทร์แรกของเดือน ซื้อโพสต์ทูเดย์ แถม Smart Finance ฟรีๆ ในราคา 15 บาทเท่าเดิม สมาชิก และผู้ซื้อตามแผงหนังสือ โปรด อย่าลืมตรวจสอบหรือถามจากผู้ขาย Smart Finance ยังแจกจ่ายให้อ่านได้ ในร้านอาหาร ร้านค้าชั้นนำ� ห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงในย่านธุรกิจต่างๆ นี่คือของขวัญที่เรามอบให้ท่านผู้อ่าน ในโอกาสครบรอบ 8 ปี ก้าวสู่ปีที่ 9 ของ โพสต์ทูเดย์ และหวังว่าของขวัญชิ้นนี้จะสร้างแรง บันดาลใจในการลงทุนสำ�หรับทุกๆ คน แม้เงินไม่ใช่สิ่งสำ�คัญที่สุดของชีวิต แต่อิสรภาพทางการเงินทำ�ให้เราเลือก ชีวิตของตัวเองได้เช่นกัน ณ กาฬ เลาหะวิไลย บรรณาธิการ โพสต์ทูเดย์

Smartfinance Vol.1 No.1 February 2011

n ธุรกิจขายตรง

n ซื้อไว้กำ�ไรงาม

K-BANK

58 n ไอเดียเเด็ดต่างแดน

40 35 n เคล็ดลับธุรกิจ

n E-Business

www.posttoday.com

หนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์ เลขที่ 136 ถนน ณ ระนอง แยกสุนทรโกษา คลองเตย กรุงเทพฯ 10110 โทร. 02-240-3700 โทรสาร 02-671-3147, 02-671-3132

Smartfinance

FEBRUARY 2011

Smartfinance

JANUARY 2010

สารบัญ

mart Sfinance Vol.1 No.1 February 2011

n กองทุนรวม

n ธุรกิจคนดัง

60 n

ไอเดียเศรษฐกิจ

Inside Smartfinance 57 58

เช็กดวง

คำ�ทำ�นายประจำ�เดือน ก.r. 2554

ไอเดียเด็ดต่างแดน

ปั้นธุรกิจ ด้วยเงิน 100 เหรียญ

60 62

ไอเดียเศรษฐกิจ

เขาว่าเงินเฟ้อมาแล้ว ทำ�ยังไงดี?

สังคม

เซ็นทรัล เครดิตคาร์ด ติวเข้ม เคล็ดลับการเลือกไวน์

Smartfinance

FEBRUARY 2011

HTC

COVER STORY

Report By : สวลี ตันกุลรัตน์

KGI มหัศจรรย์แห่งรักและการลงทุน พอย่างเข้าเดือน ก.พ. ดูเหมือนว่ารอบๆ ตัวจะเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความรัก “คนมีรัก” พยายามมองหาของแทนใจเพื่อมอบให้คนที่รัก ไม่ว่าจะเป็นดอกกุหลาบ ช่อโตที่บินตรงมาจากต่างประเทศ หรือจะเป็นตุ๊กตาตัวนุ่มน่ากอดขนาดยักษ์

แ

ต่ในบรรดาของขวัญแทนคำ�รักจะมีสักกี่อย่างที่นอกจากจะมีคุณค่าทางจิตใจแล้ว ยังไม่ เหี่ยวเฉา ไม่เน่าเปื่อยผุพังไปตามกาลเวลา แถมยิ่งนานวัน “มูลค่า” ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นตามไป ด้วย และหนึ่งในนั้นคือ เพชร เพราะเพชรเป็นได้ทั้งตัวแทนแห่งรัก และการลงทุนที่น่าทึ่ง

เพชรในแต่ละยุคสมัย แต่ละ วัฒนธรรม ถูกจัดชั้นให้เป็น เครื่องหมายของสิ่งที่ล้ำ�ค่า ทั้งแสดงถึงพลังอำ�นาจ ชีวิต อมตะ เครื่องรางป้องกัน ภัย รวมถึงการทำ�หน้าที่เป็น ตัวแทนความรัก

Smartfinance

FEBRUARY 2011

Smartfinance

JANUARY 2010

COVER STORY

ทำ�ไมต้องเป็น ‘เพชร’

เ สี (Color)

คนไทยอาจจะคุ้นเคยกับคำ�ว่า “น้ำ�” มากกว่า แต่ในมาตรฐานของสถาบันอัญมณี ศาสตร์แห่งอเมริกา (GIA) ที่ได้รับความนิยม เป็นสากลจะใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษ เริ่มจาก D ถึง Z โดยที่สีระดับ D ถือเป็นเพชรสีขาว หรือเพชรไร้สีที่ไม่มีสีอื่นมาเจอปนเลย หรือ เท่ากับน้ำ� 100 แต่สำ�หรับการลงทุนควรซื้อเพชรที่มีระดับ สีตั้งแต่ D, E และ F เพราะเป็นระดับสีที่หา ยากและอยู่ในกลุ่มน่าสะสม แต่ผู้เชี่ยวชาญบาง คนบอกว่า ถ้าจะลงไปถึงระดับสี G และ H ก็ ยังพอได้

พชรได้ชื่อว่าเป็น “ที่สุดแห่งอัญมณี” และยากที่จะมีใครปฏิเสธเสน่ห์เย้า ยวนจากประกายวิบวับของมันได้ โดยเฉพาะสาวๆ และถ้าพวกเธอได้รับ เพชรเป็นของขวัญแล้วละก็ เชื่อได้ว่าประกายความสุขในแววตาพวกเธอจะ ไม่ต่างจากประกายของเพชรเลยทีเดียว นับตั้งแต่อดีตกาล (เมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน) จนถึงทุกวันนี้ เพชร ในแต่ละ ยุคสมัย แต่ละวัฒนธรรม ถูกจัดชั้นให้เป็นเครื่องหมายของสิ่งที่ล้ำ�ค่า ทั้งแสดง ถึงพลังอำ�นาจ ชีวิตอมตะ เครื่องรางป้องกันภัย รวมถึงการทำ�หน้าที่เป็นตัวแทน ความรัก ส่วนจะเป็นรักบริสุทธิ์ รักอมตะ หรือรักแท้ ก็สุดแต่ใครจะตีความ แต่ที่แน่ๆ ในสายตานักลงทุน เพชร เป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนอีกประเภท หนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ เพราะสองสาวสวยที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงเพชรมาไม่ต่ำ�กว่า 10 ปี ทั้ง อัญรัตน์ พรประกฤต กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ และอิษยา พรหมมาลี นักวิเคราะห์และประเมินคุณภาพ อัญมณีแห่ง ไอยราเจมส์ ในฐานะนักลงทุนเพชยืนยันตรงกันว่า กว่า 10 ปี ที่ติดตามราคาเพชร พบว่า “ราคาเพิ่มขึ้นทุกปี” “เพชรสีขาวๆ คุณภาพดีๆ ราคาเพิ่มขึ้นทุกปี เฉลี่ยปีละ 5-10% เมื่อสัก 10–15 ปีก่อน เพชรน้ำ�หนัก 1 กะรัต ราคาอยู่ที่ 8-9 หมื่นบาท แต่ในตอนนี้ราคา ประมาณ 2-3 แสนบาท” อัญรัตน์ กล่าว เช่นเดียวกับ อิษยา ที่บอกว่า “เพชรขนาด 3-5 กะรัต ราคาเพิ่มขึ้นเกือบ 100% จากเมื่อ 10 ปีก่อน ขนาด 2 กะรัต ก็ ไม่ต่างกัน” แม้ว่าจะเนิบช้า ไม่หวือหวาเท่ากับการลงทุนในหลักทรัพย์อื่นๆ แต่ก็มั่นคง ไม่สร้างความหวาดเสียวจนทำ�ให้นอนหลับไม่เป็นสุข

เพชรดีที่น่าลงทุน

NC Hosing

ถ้าเป็นคนที่ชอบเพชร ต้องเคยได้ยินว่า จะซื้อเพชรต้องดูที่ 4Cs แต่ อิษยา บอกว่า แค่นั้นไม่เพียงพอถ้าคิดจะเป็นนักลงทุน เพราะถ้าจะเป็นนักลงทุนเพชร หรือจะซื้อเพชรเพื่อคาดหวัง มูลค่าเพิ่มในอนาคต ต้องพิจารณาให้ครบทั้ง 6Cs

ความสะอาด (Clarity) เป็นธรรมดาที่เพชรซึ่งเกิดขึ้นตาม ธรรมชาติจะมี “ตำ�หนิ” ในเนื้อเพชรอยู่บ้าง เพราะเพชรที่ดีที่สุด คือ เพชรที่ไม่มีตำ�หนิอยู่ เลย โดย GIA แบ่งระดับความสะอาดของ เพชรออกเป็น 11 ระดับ จากการมองด้วย กล้องขยายกำ�ลัง 10 เท่า เริ่มจากไม่มีตำ�หนิ เลย (FL) ไปจนถึงมีตำ�หนิขนาดใหญ่และมอง เห็นได้ง่าย (I3)

ความสะอาดที่เหมาะสำ�หรับการ ลงทุน คือ FL, IF, VVS1, VVS2, VS1 และ VS2 “ระดับสีที่กำ�ลังมาแรงในตอนนี้คือ VS1 และ VS2 เพราะราคาไม่สูงนัก ทำ�ให้มีสภาพ คล่องสูงกว่า และราคาเคลื่อนไหวมากกว่า เพชรที่มีระดับความสะอาดสูงกว่า นอกจาก นี้นักลงทุนต่างชาติยังยอมรับเพชรที่มีตำ�หนิ ได้ เพราะถือว่า เพชร เป็นของธรรมชาติที่เป็น ธรรมดาที่จะต้องมีตำ�หนิอยู่บ้าง” อิษยา กล่าว

Smartfinance

FEBRUARY 2011

Smartfinance

JANUARY 2010

COVER STORY

ใบรับประกัน (Certificate)

ในปัจจุบันมีสถาบันวิเคราะห์อัญมณีและออกใบรับประกันอยู่หลาย แห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในใบรับประกันจะบอกรายละเอียด ของเพชรเม็ดนั้น ทั้งยังมีการยิงเลเซอร์เลขรหัสใบรับรองไว้ที่ขอบเพชร ทำ�ให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการสับเปลี่ยนตัวเพชรกับใบรับรอง แต่ต้องเป็น สถาบันที่มีมาตรฐานและได้รับการยอมรับทั่วโลก เช่น GIA และ HRD เพราะใบรับรองมีผลต่อการลงทุนเพชร อิษยา บอกว่า “ถ้าซื้อเพชรที่ ไม่มีใบรับประกัน ก็ ไม่ใช่การลงทุน เพราะนอกจากมูลค่าของมันจะไม่เพิ่ม ขึ้นแล้ว ราคาขายอาจจะลดลงมากกว่าครึ่งด้วย หากคุณภาพของเพชรต่ำ� กว่าสิ่งที่ผู้ขายบอกมา”

การเจียระไน (Cut)

เพชรที่ได้รับการเจียระไนโดยช่างฝีมือดี ได้เหลี่ยมมุม ที่ถูกต้อง จะทำ�ให้เพชรเม็ดนั้น “เล่นแสง” ส่องประกาย สว่างเจิดจ้าได้มากขึ้น โดยการเจียระไนสามารถทำ�เป็นรูป ทรงต่างๆ ได้หลากหลาย ตั้งแต่ รูปสี่เหลี่ยม รูปหัวใจ รูป หยดน้ำ� แต่รูปทรงที่ส่งให้เพชรส่องประกายได้สวยงาม ที่สุด ต้องยกให้ รูปกลมเหลี่ยมเกสร และยังเป็นรูปทรงที่ เหมาะแก่การลงทุนอีกด้วย “รูปทรงกลมได้รับความนิยมมากที่สุด ทำ�ให้มีสภาพ คล่องสูง ซื้อง่ายขายคล่อง ขณะที่รูปทรงแปลกๆ อาจจะ ได้รับความนิยมเป็นบางช่วงเวลา จึงทำ�ให้ราคาค่อนข้าง ผันผวน” รัตน์ พรประกฤต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซุยฮั้ว ซินดิเคท และที่ปรึกษาการลงทุนเพชร กล่าว

การลงทุนที่ ใช่?

Do u

แม้ว่าเพชรจะเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ เพราะถือเป็นการลงทุนใน สินทรัพย์ที่ไม่เสื่อมค่า พกพาง่าย ไม่มีต้นทุนการดูแล และเก็บรักษามากนัก แต่เพชรก็ ไม่ใช่การลงทุนที่เหมาะกับทุกคน เพราะเพชรเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำ� เข้าทำ�นอง “ซื้อง่าย ขายยาก” โดยหากจะขายคืนให้ทางร้านจะถูกหักค่าเสื่อมราคา ประมาณ 10-30% แถมยังไม่มีเงินปันผล ไม่เคยให้ดอกเบี้ย ดังนั้นคนที่ลงทุนเพชรจะต้อง... 1.ชื่นชอบเพชรและการสะสมเพชรเป็นพิเศษ 2.ต้องการกระจายการลงทุน 3.มีเงินเย็นพร้อมลงทุนระยะยาว 4.ต้องการซื้อเป็นทรัพย์สินเก็บไว้ ให้ลูกหลาน 5.ต้องการซื้อเป็นของขวัญให้คนที่รัก เพียงเท่านี้ความสุขและคุณค่าทางใจ ก็เกินกว่ากำ�ไรที่ได้รับเสียแล้ว

หน่วยการวัดน้ำ�หนักของเพชรเรียกเป็น กะรัต โดย 1 กะรัต เท่ากับ 100 สตางค์ (หรือที่คนไทยเรียกสั้นๆ ว่า ตังค์) โดยเพชรที่มีน้ำ�หนักมากจะ ยิ่งมีราคาต่อกะรัตเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และเพชรที่เหมาะสำ�หรับการลงทุน จะต้องเป็นเพชรที่มีน้ำ�หนัก 1 กะรัตขึ้นไป ซึ่งอิษยาบอกว่า เพชรที่ให้ผล ตอบแทนดีที่สุดจะเป็นเพชรที่มีขนาด 3-5 กะรัต “เพชร 5 กะรัตขึ้นไปจะซื้อขายไม่ยาก แต่เพชรราคาถูกกลับซื้อขาย ยาก เพราะคนซื้อเพชรเขาเป็นเศรษฐี” รัตน์ ยืนยัน

ble

น้ำ�หนัก (Carat Weight)

สายสัมพันธ์ (Connection)

นอกจาก 5Cs ที่เป็นส่วนประกอบของเพชร แล้ว หากคิดจะเป็นนักลงทุนต้องมี C ที่ 6 คือ “สายสัมพันธ์อันดี” กับทั้งร้านค้าและคนรอบตัว เพราะอิษยาบอกว่า นี่แทบจะเป็นสิ่งที่สำ�คัญที่สุด ซึ่งสายสัมพันธ์อันดีจะช่วยให้การซื้อขายเพชรทำ� ได้คล่องมือมากขึ้น เช่นเดียวกับ รัตน์ ที่เขาบอกว่า “เพชรดีหาซื้อ ได้ไม่ยาก แต่โบรกเกอร์ หรือนายหน้าค้าเพชรที่ดีที่ ซื่อสัตย์ต่อลูกค้าหายาก เพราะฉะนั้นถ้าคิดจะเป็น นักลงทุนจะต้องหาโบรกเกอร์ที่ดีให้เจอเสียก่อน”

Smartfinance

FABRUARY 2011

Smartfinance

JANUARY 2010

COVER STORY

เพชรเลอค่า... แต่อาจจะไม่อมตะ

เกาะกระแสการลงทุน

ก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเพชร รวมถึงรัตน์เองด้วย จะแนะนำ�ให้ลงทุนเป็น “เพชรร่วง” หรือไม่ได้เข้าตัวเรือน แถมยังห้าม แกะออกมาจากห่อพลาสติกอีกต่างหาก แต่ใน ปัจจุบันรัตน์บอกว่า แนวโน้มเริ่มเปลี่ยนไป เขา จึงแนะนำ�ว่าสามารถลงทุนเพชรที่เข้าตัวเรือน ได้ เพราะจะทำ�ให้ได้ทั้งประโยชน์ ใช้สอยและ การลงทุน อัญรัตน์ ยืนยันว่า การซื้อเพชรที่เข้าตัว เรือนแล้วไม่ได้ทำ�ให้มูลค่าของเพชรลดน้อย ถอยลงเลย ถ้าเป็นการซื้อเพชรที่มีใบรับประกัน เพราะที่ตัวเพชรจะมีรหัสการรับประกันอยู่ที่ ขอบเพชร เพียงแต่ต้องอยู่ในตัวเรือนที่ฝีมือ และมีการดูแลอย่างเหมาะสม สำ�หรับนักลงทุนที่ต้องการทำ�กำ�ไรในระยะ สั้น อัญรัตน์ แนะนำ�ว่า ควรจะซื้อช่วงต้นปี จนถึงกลางปี และขายในช่วงปลายปี เพราะ ราคาเพชรมักจะปรับเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี แต่ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเพชรเพื่อใช้เป็น เครื่องประดับ หรือซื้อเพื่อการลงทุน อิษยา

แนะนำ� ควรจะใช้หลักการเดียวกัน เพราะจะ ทำ�ให้มูลค่าเพชรเพิ่มมากขึ้น หากไปดูราคากลาง (Rapaport Diamond Report) จะเห็นว่าราคาเพชรที่ไม่ได้อยู่ในเกรด “น่าลงทุน” ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก โดย เฉพาะเพชรที่ความสะอาดต่ำ�ๆ สีไม่ใส ราคา แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย ไม่ว่าเวลาจะ ผ่านไปกว่า 10 ปี

เพชรสีแฟนซี หายาก ราคาสูง

ในขณะที่เพชรไร้สี ที่น้ำ�งามที่สุด (D) ไม่มี ริ้วรอย (IF) ขนาด 1 กะรัต ราคากลางอยู่ที่ 2.45 หมื่นเหรียญสหรัฐ แต่เพชรสีชมพู ขนาด ใกล้เคียงกัน ความสะอาดต่ำ�กว่า แต่ราคาวิ่ง ขึ้นไปได้ถึง 1.17 แสนเหรียญสหรัฐ และเพชรที่ทำ�ราคาประมูลสูงที่สุดใน ประวัติศาสตร์ต้องยกให้ “เดอะ กราฟฟ์ พิงก์” เพชรสีชมพู น้ำ�หนัก 24.78 กะรัต ที่ “ลอเรนซ์ กราฟฟ์” ชนะการประมูลไปด้วยราคา 46.15 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1,390 ล้านบาท สาเหตุที่ทำ�ให้เพชรสีมีราคาสูงกว่าเพชร ไร้สี คือ ในจำ�นวนเพชรที่ออกสู่ตลาดจะมีเพชร สีอยู่เพียง 0.01% เท่านั้น ในขณะที่เพชร สีกลับเป็นที่ต้องการของนักสะสม แต่ราคา เพชรสีจะค่อนข้างผันผวนตามแบบของเพชร แฟนซี ที่จะเคลื่อนไหวไปตามความนิยมของ ตลาด และสภาพคล่องน้อยกว่าเพชรไร้สี รูปทรงกลม แต่นักลงทุนมีโอกาสทำ�กำ�ไรได้ มากกว่า “ถ้ามาถูกทาง” “เพชรกลมรอบการหมุนจะเร็ว แต่ส่วนต่าง กำ�ไรจะน้อย เพราะคนจะรู้ตลาดเหมือนๆ กัน หมด แต่หากเป็นเพชรแฟนซี รูปร่างแปลกๆ สีแปลกๆ จะมีส่วนต่างกำ�ไรมากที่สุด แต่รอบ การหมุนจะช้า” รัตน์ กล่าว n

แม้ว่าในเวลานี้สถานการณ์ราคาเพชร ในตลาดโลกจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ สำ�หรับนักลงทุนเพชรในประเทศอาจจะยัง ไม่ได้เข้าสู่ภาวะปกติ เพราะเจอพิษค่าเงิน บาทแข็งค่า ทำ�ให้ราคาเพชรในรูปเงินบาท กลับปรับลดลง โดยเห็นได้จากเพชรกลม ขนาด 1 กะรัต สี D ความสะอาด IF ในช่วงปี 2552-2553 ราคากลางปรับเพิ่มขึ้น 6.06% แต่เมื่อคำ�นวณเป็นเงินบาททำ�ให้ราคาลด ลง 3.58% อัญรัตน์ มองในแง่ดีว่า ถือเป็นจังหวะ ดีของนักลงทุนไทย เพราะเหมือนได้ซื้อ “เพชรดีราคาถูก” กว่าต่างประเทศ แต่หาก ถามรัตน์ เธอบอกว่า เวลานี้เป็นเวลาที่ไม่ น่าลงทุนมากที่สุด “คนที่ซื้อไปเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ถ้าไป ขายตอนนี้ รับรองว่าขาดทุนแน่ๆ เพราะค่า เงินบาทแข็งค่าขึ้น และตอนนี้ยังมอง ไม่เห็นเพชรที่น่าลงทุน เพราะถ้าลงทุนแล้ว ได้กำ�ไรไม่ถึง 50% ก็ ไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน เก็บเงินไปทำ�อย่างอื่นดีกว่า” รัตน์ กล่าว ขณะที่อิษยาแนะนำ�ว่า หากนักลงทุน ต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงอัตราแลก เปลี่ยนก็สามารถทำ�ได้ โดยซื้อและขายคืน ในสกุลเงินเหรียญสหรัฐ ซึ่งทำ�ให้ทางร้าน ไม่ต้องรับความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน แต่จะมีค่าธรรมเนียมการซื้อขายประมาณ 1-3% ของมูลค่าการซื้อขาย “ตอนซื้อจะมีค่าธรรมเนียมสูงกว่าการ ขาย เพราะทางร้านจะต้องไปหาเพชรให้ได้ ตามความต้องการของลูกค้า ขณะที่เพชร ขนาดใหญ่จะมีค่าธรรมเนียมต่ำ�กว่าเพชร ขนาดเล็ก” อิษยา กล่าว

Chartis

Smart Finance Rating ความเสี่ยง ผลตอบแทน สัดส่วนการลงทุน ระยะเวลาการลงทุน อายุผู้ลงทุน ความน่าสนใจการลงทุน การจัดอันดับรวม

ปานกลาง ปานกลาง 5-10% 1-2 ปี ไม่จำ�กัด มาก LL

HH : เสี่ยงสูง ผลตอบแทนสูง HL : เสี่ยงสูง ผลตอบแทนต่ำ� LL : เสี่ยงต่ำ� ผลตอบแทนต่ำ� LH : เสี่ยงต่ำ� ผลตอบแทนสูง

Smartfinance

FEBRUARY 2011

Smartfinance

JANUARY 2010

แฟรนไชส์

Report By : จันทร์จิรา พึ่งวิริยะ

ดาวรุ่งแฟรนไชส์

รับปีเถาะ ปีทองแฟรนไชส์กลับมาแล้ว จากภาวะเศรษฐกิจขาขึ้น หลังจาก ซึมไปพักใหญ่ ใครที่จดๆ จ้องๆ อยากเป็นเถ้าแก่น้อย เถ้าแก่ ใหญ่ ขอแค่มีเงินเก็บติดกระเป๋าเป็นทุนประเดิม 3-4 แสนบาท คิดการได้เลย

แ

ฟรนไชส์ที่เหมาะสร้างเนื้อ สร้างตัวสำ�หรับปีนี้ พีระพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์ ผู้อำ�นวย การ ศูนย์วิจัยพัฒนาธุรกิจค้า ปลีกและแฟรนไชส์สากล มหาวิทยาลัย ศรีปทุม แนะนำ�ไว้ 3 ประเภท เรียงตาม ลำ�ดับดาวรุ่ง เด่นสุดต้องยกให้ ธุรกิจร้านอาหาร ออกแนวสารพัดเส้น มาแรง แต่ที่คนไทย นิยมหนีไม่พ้น เส้นราเม็ง เพราะกระแส นิยมอาหารญี่ปุ่นสะสมดีกรีความแรงมาก ขึ้นทุกวัน ทั้งขาโจ๋ วัยทำ�งาน ไปจนถึง ลูกค้ากลุ่มครอบครัว ขนาดช่วงเศรษฐกิจซบ ไฮโซ ไฮซ้อ บ้านเรายังขยันเปิดให้เห็นหลายแบรนด์ จนจำ�ไม่ไหว หรือถ้าถนัดเส้นก๋วยเตี๋ยว แบบไทยๆ โอกาสทางการตลาดก็ ไม่น้อย หน้า แต่ต้องเพิ่มดีไซน์ตกแต่งร้านให้ดู ทันสมัยถึงจะไปโลด ประเภทร้านรถเข็น แบบลงทุนน้อย เกินไป หนทางสู่ความสำ�เร็จอาจขลุกขลัก ไม่คุ้มเสียเงินซื้อแฟรนไชส์ โอกาสดับก่อน แจ้งเกิดมีสูง ต้องตรองให้รอบคอบ อันดับรองลงมา ร้านเบเกอรี และ ร้านโดนัต โดยเฉพาะเมนูโดนัตที่ใครคิด ว่าตกยุคไปแล้ว จับตาปีนี้จะหวนกลับมา คืนชีพ เฉิดฉายให้ได้ชมอีกครั้ง ใครเผลอ ไปมองข้ามอาจเสียใจ เพราะช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา ร้านโดนัตหลายแบรนด์ปรับปรุง กลยุทธ์การตลาดอย่างหนักหน่วง ที่เจ๊ง ก็เจ๊งไป ที่อยู่ได้ การันตีฝีมือจนยึดลูกค้า ได้อยู่หมัด ทำ�ให้ผู้บริโภคซึมซับกับขนม ประเภทนี้ ไปโดยปริยาย รวมถึงเบเกอรี ด้วยเช่นกัน แต่ต้องเน้นการตกแต่งร้าน ให้ดูทันสมัย เข้ากระแสคนยุคใหม่ถึงจะ ไปได้สวยอีกเช่นกัน

ร้านเบเกอรี และร้าน โดนัต โดยเฉพาะเมนู โดนัตที่ ใครคิดว่าตกยุคไปแล้ว จับตาปีนี้จะหวนกลับมาคืนชีพ เฉิดฉายให้ได้ชมอีกครั้ง

Ads Smartfinance

FEBRUARY 2011

Smartfinance

JANUARY 2010

แฟรนไซส์

ลำ�ดับสุดท้าย ธุรกิจบริการ ประเภทงานซ่อม งานสร้าง ที่อยู่อาศัย เมื่อเศรษฐกิจดีก็เป็น ธรรมดาที่ผู้อยู่อาศัยจะได้หาฤกษ์ ซ่อมแซม หรือขยับขยายที่อยู่ให้มี ความสุขมากขึ้น เพราะเงินเริ่มมี ไม่ฝืดเคืองเหมือนก่อน ทั้งสามกลุ่มที่ว่ามานี้ ใช้เงิน ลงทุนประมาณ 5 แสนบาท ถึง 1 ล้านบาท กำ�ลังพอเหมาะ ระยะ เวลาคืนทุนไม่มากไม่น้อยแค่ 1-2 ปี ลงทุนมากกว่านี้อาจเกินตัว เสี่ยงต่อการรอคอยทุนคืนนาน เกินไป สำ�หรับเถ้าแก่หน้าใหม่ที่กำ�ลัง รอแจ้งเกิด ประเภทไม่มีทุนก้อน ปีนี้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ หลายแห่งออกโปรโมชันชวนกู้ ให้ เลือกได้เพลิดเพลิน สมกับเป็นปี ทองของธุรกิจแฟรนไชส์ขนานแท้ บางธนาคารใจป้ำ�ให้กู้รองรับ คนที่จะลงทุนซื้อแฟรนไชส์ โดย เฉพาะ ไม่ต้องหาหลักทรัพย์ค้ำ� ประกันให้ยุ่งยาก แค่เพียงเลือก ลงทุนกับแฟรนไชส์ที่อยู่ในบัญชี รายชื่อของธนาคารว่าเชื่อถือได้ ไม่เข้าข่ายแฟรนไชส์ลูกโซ่ รับเงิน ไปเลย 1-2 ล้านบาทต่อราย กระซิบไว้หน่อยว่ากู้ต่ำ�ล้าน อาจผิดหวัง เพราะธนาคารก็เลือก ลูกค้าแบบต้องการกำ�ไรคุ้มค่า เหมือนกัน แต่ไม่ต้องห่วงเรื่อง อัตราดอกเบี้ย แต่ละธนาคารที่ ประกาศออกมา อัตราดอกเบี้ย ระดับมิตรภาพทั้งนั้น เลือกกันให้ เหมาะ ว่ากันตามความสะดวก

พีระพงษ์ บอกด้วยว่า ปีนี้ จะมีแฟรนไชส์ทยอยเปิดใหม่อีก 26-27 แบรนด์ ทั้งแบรนด์ สัญชาติไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะแฟรนไชส์จากประเทศ มาเลเซีย จับตาให้ดี ปีนี้จะมาบุก บ้านเราเต็มตัว แน่นอนว่า ส่วนใหญ่ก็จะเป็น ธุรกิจด้านอาหารเป็นหลัก เพราะ คนไทยขึ้นชื่อว่าเป็นนักชิมตัวยง การมุ่งทำ�ตลาดด้านนี้ แนวโน้มจะ ประสบความสำ�เร็จจึงมีค่อนข้าง สูง และการเพิ่มขึ้นของจำ�นวน เจ้าของแฟรนไชส์ มองในแง่ดี ก็ทำ�ให้คนที่คิดจะซื้อแฟรนไชส์ มีตัวเลือกมากขึ้น แต่แฟรนไชส์

ต่ำ� ปานกลางถึงสูง ปานกลาง 1-2 ปี ไม่จำ�กัด สูง LH

CPF

สัญชาติไทยคงจะไม่ค่อยยินดี ต้อนรับคู่แข่งมากนัก สำ�หรับแนวโน้มตลาด แฟรนไชส์ปีนี้ พีระพงษ์ ฟันธงว่า จะโตได้ถึง 16% มูลค่าตลาดรวม 1.6 แสนล้านบาท จากปีนี้โตเพียง 10.7% มูลค่า 1.3 แสนล้านบาท ซึ่งก็เป็นไปตามทิศทางเศรษฐกิจที่ ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยผู้ประกอบการ แฟรนไชส์ทั้งระบบปัจจุบันมีอยู่ 563 ราย ดูจากทิศทางของตลาด แฟรนไชส์แล้ว ใครที่วางแผนทำ� ธุรกิจไว้คงตัดสินใจได้ไม่ยากแน่ และก็ขอให้ประสบความสำ�เร็จ ทุกๆ คน n HH : เสี่ยงสูง ผลตอบแทนสูง HL : เสี่ยงสูง ผลตอบแทนต่ำ� LL : เสี่ยงต่ำ� ผลตอบแทนต่ำ� LH : เสี่ยงต่ำ� ผลตอบแทนสูง

สำ�หรับเถ้าแก่หน้าใหม่ที่ กำ�ลังรอแจ้งเกิด ประเภท ไม่มีทุนก้อน ปีนี้ธนาคาร พาณิชย์ขนาดใหญ่หลาย แห่งออกโปรโมชันชวนกู้ ให้เลือกได้เพลิดเพลิน สม กับเป็นปีทองของธุรกิจ แฟรนไชส์ขนานแท้

Smartfinance

FEBRUARY 2011

Smartfinance

JANUARY 2010

โอกาสธุรกิจ

Report By : พรหมเมศร์ ศิริสุขวัฒนานนท์

KTAM

โทเมโทซาวด์

โพสต์โปรดักชันยุคไซเบอร์

เ

วลาเอ่ยถึงธุรกิจโพสต์ โปรดักชัน หลายๆ คนอาจจะนึกภาพไม่ออกว่าเป็นธุรกิจอะไร แต่ถ้าบอกว่าเป็นงานด้านบันทึกภาพและ เสียงก็จะคุ้นเคยขึ้นมาบ้าง และอาจคิดถึง รายการต่างๆ ทางโทรทัศน์ วิทยุ งานวิดีโอ พรีเซนต์ ที่หลายๆ องค์กรใช้งานกันอยู่เป็น ประจำ� ปกติแล้วสตูดิโอขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง มัก จะได้รับความไว้วางใจให้ได้รับงานใหญ่ๆ แต่ถ้า มองในมุมกลับ เป็นไปได้หรือไม่ที่สตูดิโอเล็กๆ สักแห่งจะสามารถฝ่าช่องทางแคบๆ ขึ้นมา ผงาดอยู่ในระดับเดียวกับรายใหญ่ได้ พงศ์พัฒน์ วัฒนศรี หรือ แทน เจ้าของ ธุรกิจโพสต์ โปรดักชันครบวงจรในนาม โทเมโท ซาวด์ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ไฟแรง ด้วยวัย เพียง 23 ปี แต่มีวิสัยทัศน์ไม่ธรรมดา พยายาม

ปลุกปั้นสตูดิโอเล็กๆ ของตัวเองขึ้นมายืนเทียบ ชั้นมืออาชีพ ประเดิมจุดเริ่มต้นของแทน อาศัยเปิดให้ เช่าสตูดิโอห้องซ้อมดนตรีตั้งแต่ยังเรียนอยู่ มัธยมปลาย อาศัยเก็บเกี่ยวประสบการณ์จริง ไปเรื่อยๆ ก็พบว่า การแข่งขันของธุรกิจนี้สูง มาก โดยเฉพาะการแข่งลดราคา คิดค่าเช่า เพียง 350 บาทต่อชั่วโมง เพื่อจับกลุ่มเด็ก นักเรียนที่ซ้อมดนตรี เมื่อราคาถูกมากจึงเป็นไปได้ยากที่จะคำ�นึง ถึงคุณภาพ แทนจึงเปลี่ยนแนวคิดในการทำ� ตลาด เลิกแข่งตัดราคาหันไปแข่งคุณภาพและ บริการแทน โดยยกระดับโทเมโทซาวด์ขึ้นไป จับลูกค้าตลาดบน คิดค่าบริการสูงขึ้น เลือก ใช้อุปกรณ์ระดับไฮเอนด์และมีบริการเสริม เล็กๆ น้อยๆ จูงใจ เช่น การมีคอมพิวเตอร์

ผู้ประกอบการหน้าใหม่ หรือแม้ กระทั่งรายเก่าที่ยังมุ่งเน้นบริการ ราคาถูกเพียงอย่างเดียว ต้อง ระมัดระวังความเสี่ยงจากการ ทำ�ธุรกิจด้วย เพราะตัวเขาก็เคย ประสบปัญหาล้มเหลวระหว่างทาง มาแล้ว แต่เรียนรู้ที่จะปรับตัว ใช้ เวลาหลายปีในการกำ�หนดทิศทาง ของตัวเอง ซึ่งผลงานในวันนี้คุ้ม ค่า และเชื่อว่าเป้าหมายสู่ความสำ�เร็จ อย่างที่หวังก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม

Smartfinance

FEBRUARY 2011

Smartfinance

JANUARY 2010

ธุโอกาสธุ รกิจขายตรง รกิจ

พงศ์พัฒน์ วัฒนศรี

สูง สูง สูง 1-2 ปี 23 ปี สูง LH

อินเทอร์เน็ต บริการพิมพ์งาน ให้ ใช้เพื่อจับกลุ่ม คนวัยทำ�งานได้เต็มที่ ส่งผลให้สามารถขยับ ราคาค่าบริการเพิ่มเป็น 500 บาท 800-1,000 บาท ตามลำ�ดับ อย่างไรก็ตาม การหาลูกค้ายังมีข้อจำ�กัด มาก แม้จะว่าจ้างพนักงานขายเข้าไปรุกตลาด ถึงตัวลูกค้า แต่เพราะอายุน้อยไร้เส้นสาย ไม่มี เครือข่ายรองรับ ซึ่งงานลักษณะนี้โดยมากจะ ผ่านนายหน้าหรือบริษัทใหญ่ ทำ�ให้แข่งขันยาก มาก แต่ข้อเสียเปรียบนี้ก็จุดประกายให้หันมา ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นทางออก ในฐานะคนรุ่นใหม่ ที่สามารถเรียนรู้และประยุกต์ ใช้อินเทอร์เน็ตได้ ค่อนข้างคล่อง ในช่วงแรก โทเมโทซาวด์ ทำ�เว็บไซต์ www.tomatosound.com ผ่านไป 6 เดือน จึง ทำ�โฆษณาออนไลน์บนกูเกิล ทำ�ให้ โทเมโทซาวด์ เป็นที่รู้จักมากขึ้น ที่สำ�คัญคือ ลูกค้าที่ต้องการ ใช้บริการเป็นฝ่ายค้นหาและมุ่งมาหาเขาเอง ขอเพียงมีเว็บไซต์ที่สามารถสื่อสารข้อมูลได้ ครบถ้วน ก็มีโอกาสได้งานและกลายเป็นฐาน ลูกค้าที่มาใช้บริการประจำ� “เพราะธุรกิจของเราคือธุรกิจบริการ ไม่ใช่ ว่าเข้าเว็บไซต์แล้วจะคลิกซื้อสินค้าได้เงินทันที แต่เว็บไซต์ต้องสื่อสารชัดเจน มีผลงานการันตี คุณภาพ ข้อมูลทุกอย่างต้องสั้นกระชับเข้าใจ ง่าย” แทน กล่าว ปัจจุบันโทเมโทซาวด์ ให้บริการห้องซ้อม ดนตรี ห้องบันทึกเสียง ทำ�สปอตวิทยุ ทำ�ดนตรี ประกอบ เพลงประจำ�องค์กร ผลิตสื่อต่างๆ และแปลภาษาในสื่อ สามารถทำ�ได้ทั้งภาษา ไทยและภาษาต่างประเทศ มีลูกค้าใช้บริการ มากมาย อาทิ โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี กรมการ

AD.

จัดหางาน ยามาฮ่า ธุรกิจขายตรง นีโอไลฟ์ เป็นต้น เฉลี่ยมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการต่อเดือน กว่า 20 ราย แทน เน้นว่า การทำ�ธุรกิจตอนนี้มุ่งรักษา มาตรฐานให้ดีที่สุด ไม่พยายามขยายกิจการให้ ใหญ่เกินตัว โดยทำ�ในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ทุกวันนี้ธุรกิจของแทนสร้างรายได้เฉลี่ย หลักแสนถึงล้านบาทต่อเดือน จากจุดเริ่มต้น การลงทุนหลักล้านบาท แม้จะทำ�รายได้สูง เมื่อ เปรียบเทียบกับวัยของเขา แต่แทนกลับบอกว่า นี่แค่เพียงจุดเริ่มต้นให้ก้าวต่อไป ก้าวต่อไปที่ แทน หมายถึงคือ การขยาย การตลาดไปต่างประเทศ โดยลูกค้าในต่าง ประเทศที่ค้นหาข้อมูลผ่านกูเกิล สามารถเห็น เว็บไซต์ของโทเมโทซาวด์ได้แล้ว แทน ทิ้งท้ายว่า ผู้ประกอบการหน้าใหม่ หรือแม้กระทั่งรายเก่าที่ยังมุ่งเน้นบริการราคา ถูกเพียงอย่างเดียว ต้องระมัดระวังความเสี่ยง จากการทำ�ธุรกิจด้วย เพราะตัวเขาก็เคยประสบ ปัญหาล้มเหลวระหว่างทางมาแล้ว แต่เรียนรู้ที่ จะปรับตัว ใช้เวลาหลายปีในการกำ�หนดทิศทาง ของตัวเอง ซึ่งผลงานในวันนี้คุ้มค่า และเชื่อว่า เป้าหมายสู่ความสำ�เร็จอย่างที่หวังก็คงไม่ไกล เกินเอื้อม n

ปัจจุบันโทเมโทซาวด์ ให้บริการห้อง ซ้อมดนตรี ห้องบันทึกเสียง ทำ� สปอตวิทยุ ทำ�ดนตรีประกอบ เพลง ประจำ�องค์กร ผลิตสื่อต่างๆ และแปล ภาษาในสื่อ สามารถทำ�ได้ทั้งภาษาไทย และภาษาต่างประเทศ มีลูกค้าใช้บริการ มากมาย

Smartfinance

FEBRUARY 2011

Smartfinance

JANUARY 2010

ธอส.

ลงทุนอสังหาริมทรัพย์

Report By : วราพงษ์ ป่านแก้ว

คอนโดฯแนวรถไฟฟ้า โฟกัสทำ�เล/ราคาต้องไม่โอเวอร์ ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คงไม่มีอะไรที่ฮอตเกินไปกว่าคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้า เพราะไม่ว่าจะ ซื้อเพื่ออยู่อาศัยหรือซื้อเพื่อลงทุน ก็ล้วนตอบโจทย์ความต้องการของคนซื้อได้อย่างเหมาะเจาะ ทั้งแง่ความสะดวกสบายหรือผลตอบแทนจากการลงทุน

ส

ภาพตลาดคอนโดมิเนียม โดยรวมปัจจุบัน อยู่ ในภาวะที่ไม่น่าไว้ ใจ นัก เนื่องจากบางทำ�เล สินค้าที่ถูกป้อนเข้าตลาดเริ่มมีมาก เกินความต้องการ และเป็นเหตุผล หนึ่งที่ทำ�ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องเข้ามาคุมสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ โดยให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อซื้อ คอนโดมิเนียมได้ไม่เกิน 90% ของ มูลค่าหลักประกัน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่ด้วยศักยภาพของทำ�เลแล้ว คอนโดมิเนียมในแนวรถไฟฟ้ายังมี ภาษีดีกว่าคอนโดมิเนียมในบริเวณ อื่นๆ เพราะแต่ละทำ�เลล้วนมีอัตรา การขายที่เกินกว่า 70% โดยเฉลี่ย โดยเฉพาะโครงการที่อยู่ในเส้นทาง ที่เปิดใช้แล้วล้วนมียอดขายเกินกว่า 80% ด้วยกันทั้งสิ้น จากตัวเลขของศูนย์ข้อมูล อสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร อาคารสงเคราะห์ ระบุว่า มีโครงการ คอนโดมิเนียมในแนวรถไฟฟ้าที่ เปิดตัวใหม่ในช่วงครึ่งปี 2553 อยู่

APEX

ไม่น้อยกว่า 6 หมื่นหน่วย โดยที่ สัมมา คีตสิน ผู้อำ�นวยการศูนย์ ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ประเมินว่า จนถึงสิ้นปีจะมีคอนโดมิเนียมในแนว รถไฟฟ้าเปิดขายรวม 8 หมื่นหน่วย และขายไปได้ราว 6 หมื่นหน่วย หรือ มีอัตราขายเฉลี่ย 75% ส่วนจำ�นวนโครงการเหลือขาย ในตลาดที่จะข้ามมาถึงปีนี้มีจำ�นวน 2 หมื่นหน่วย เมื่อรวมกับโครงการ ใหม่ที่เปิดตัวขึ้นในปีนี้จำ�นวนสินค้า ในตลาดจะยังมีปริมาณสูง ถือเป็น ตัวแปรสำ�คัญสำ�หรับการซื้อเพื่อ ลงทุนในปีนี้ เพราะโอกาสในการทำ� กำ�ไรจะน้อยลงทั้งการขายต่อและ ปล่อยเช่า อนุชา กุลวิสุทธิ์ ที่ปรึกษาด้าน การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ชี้แนะว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันควรต้องเลือก ลงทุนเฉพาะบางทำ�เลและโครงการ ควรอยู่ไม่เกินรัศมี 400 เมตร จาก สถานี เพราะขณะนี้หลายๆ ทำ�เล ราคาที่เปิดขายค่อนข้างจะเต็มมูลค่า แล้ว โอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่ดี ในอนาคตก็น้อยลง

Smartfinance

FEBRUARY 2011

Smartfinance

JANUARY 2010

ลงทุนอสังหาริมทรัพย์

แล้วจะรู้อย่างไรว่าราคาที่เหมาะสมควร เป็นเท่าไหร่? อนุชา ให้คำ�ตอบว่า ถ้าเป็น คอนโดมิเนียมในแนวรถไฟฟ้าที่ยังไม่ได้สร้าง มีแต่แผนในแผ่นกระดาษ ราคาซื้อขายก็ควร อยู่ที่ 4 หมื่นกว่าบาท/ตร.ม. แต่ถ้าเป็นโครงการที่อยู่ในเส้นทางที่ รถไฟฟ้าสร้างเสร็จแบบใหม่แกะกล่อง ราคา ซื้อขายควรอยู่ที่ 6 หมื่นบาท/ตร.ม. หากเป็นทำ�เลที่รถไฟฟ้าวิ่งมาระยะหนึ่ง แล้ว ความเจริญขยายตัวเข้ามาในพื้นที่แล้ว ราคาไม่ควรเกิน 8 หมื่นบาท/ตร.ม. แต่อย่างที่กล่าวไว้ว่า หลายๆ ทำ�เลในขณะ นี้รถไฟฟ้ายังไม่มาก็อัพราคาไปกันถึง 5-6 หมื่น บาทแล้ว โอกาสที่ราคาจะขยับขึ้นในระยะสั้น ก็น้อยลง ยิ่งถ้าเป็นโครงการที่มีจำ�นวนหน่วยเยอะๆ แล้ว เท่ากับว่าคู่แข่งก็ย่อมเยอะไปด้วย โครงการที่เหมาะสมจึงควรเป็นโครงการที่ จำ�นวนยูนิตไม่มากเกินไปนัก และถ้าในพื้นที่ เดียวกันไม่มีคู่แข่ง หรือคู่แข่งน้อยก็ยิ่งน่าสนใจ สำ�หรับการปล่อยขาย ก็ควรรอจังหวะที่ ราคาน่าจะเข้าถึงจุดสูงสุดหรือพีกในแต่ละช่วง ทำ�เลในแนวรถไฟฟ้าที่น่าสนใจในมุมมอง ของอนุชาก็คือ รถไฟฟ้าสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ ที่กำ�ลังก่อสร้าง และราคาขายยังรับได้ อีกทำ�เล คือ จุดตัดของสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่ และสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี บริเวณหลักสี่รามอินทรา ที่ราคายังไม่พีกเกินไป การลงทุนในคอนโดมิเนียมรถไฟฟ้าช่วง นี้ จึงต้องเฟ้นทำ�เลมากขึ้น จะมาเหวี่ยงแหเอา

แค่เกาะแนวรถไฟฟ้าเป็นพอเหมือนก่อนไม่ได้ อีก และเหมาะกับการซื้อมาแล้วหาจังหวะขาย ออกในระยะไม่เกิน 2-3 ปี มากกว่าการถือยาว ที่แม้จะได้มูลค่าเพิ่มจากตัวสินทรัพย์ แต่ก็ต้อง ชั่งน้ำ�หนักกับความเสื่อมโทรมของตัวอาคาร ด้วยเหมือนกัน กรณีจะซื้อไว้ปล่อยเช่า ช่วงนี้ ไม่คุ้มถ้าไม่ ได้ผลตอบแทนถึง 7% เห็นจะมีแค่ช่วงต้นถนน สุขุมวิมกับช่วงต้นพหลโยธินเท่านั้น ที่ยังพอ สร้างตอบแทนในระดับนั้นได้ ส่วนทำ�เลอื่นๆ อัตราผลตอบแทนจากค่าเช่าวิ่งอยู่ที่ 4-5% จึงเลิกคิดไปได้เลย n

Ads

ถ้าจะซื้อไว้เพื่อลงทุน คงต้องดูในเรื่องของ จำ�นวนและราคากันสักเล็กน้อย ถ้าสามารถเลือกได้ ควรเลือก โครงการที่มีความพิเศษ เช่น อยู่ ในพื้นที่ที่ ไม่น่าจะมีโครงการ ใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาเป็น คู่แข่ง

ผลตอบแทนการลงทุนในคอนโดมิเนียม ทำ�เล สีลม-สาทร ยานนาวา-สาธุประดิษฐ์ พระราม 3-แม่น้ำ� สุขุมวิทตอนต้น ซอย 1-69 สุขุมวิทตอนปลาย ซอย 71-103 พหลโยธิน-พญาไท รัชดาฯ-ลาดพร้าว ธนบุรี-ตากสิน ปิ่นเกล้า-พระราม 8 รามคำ�แหง แจ้งวัฒนะ-รามอินทรา รวม ข้อมูลโดย : บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียล เอสเตท แอฟแฟร์ส

% (ราคา) เพิ่ม/ปี 4.3% 3.3% 1.8% 3.8% 5.4% 5.1% 5.5% 4.4% 4.3% 4.9% 6.2% 5.0%

% ผลตอบแทนรวม ค่าเช่าเฉลี่ย เช่า/ปี % (บาท/ตร.ม.) 6.8% 11.1% 596 5.9% 9.1% 279 6.6% 8.4% 577 7.1% 11% 571 6.8% 12.2% 274 7.5% 12.6% 519 6.5% 11.9% 332 6.1% 10.5% 307 5.4% 9.7% 260 6.9% 11.7% 243 6.5% 12.7% 191 6.6% 11.5% 329 อัตราผลตอบแทนรวม 11.5%

Smartfinance

FEBRUARY 2011

Smartfinance

JANUARY 2010

ธุรกิจขายตรง

Report By : วันเพ็ญ พุทธานนท์

ขายตรง...มนุษย์ทองคำ� ขายตรง เป็นอาชีพหนึ่งที่ได้รับการมองหลากหลายมุม หลายคนอาจเบ้หน้า เมื่อมีสมาชิกตัวแทน จำ�หน่ายสินค้าขายตรงแนะนำ�สินค้า แต่อีกมุมหนึ่งก็มีหลายคนที่ได้รับโอกาสในชีวิตจากธุรกิจนี้เช่น กัน และสำ�หรับคนที่ประสบความสำ�เร็จในอาชีพนี้แล้ว ด้วยสมองและสองมือ อาชีพนี้ทำ�เงินได้ มหาศาลทีเดียว จนเรียกว่าเป็นอาชีพมนุษย์ทองคำ�ก็ว่าได้

ล

องมาฟังเคล็ดลับความสำ�เร็จของ อาชีพขายตรง ผ่านรางวัลนักขาย ตรงดีเด่น ของสมาคมการขายตรง ไทย ปี 2553 ซึ่งตกเป็นของ นักธุรกิจแอมเวย์ 3 รหัส ในเครือข่ายบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) โดยเป็นบุคคลที่มาจาก ต่างสาขาอาชีพ ได้แก่ ครู แพทย์-พยาบาลและ เจ้าของธุรกิจส่วนตัว แต่ต่างเห็นโอกาสที่มีอยู่ใน ธุรกิจแอมเวย์ เริ่มจากนายสำ�ราญ-นางเลิศอนงค์ จันศรีคง อดีตแม่พิมพ์ของชาติ ผู้ทุ่มเทอบรม สั่งสอนศิษย์ตัวน้อยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ มีความรู้ความสามารถในการช่วยเหลือตนเองมา โดยตลอด แต่ด้วยภาระทางครอบครัว ทั้งสอง จึงตัดสินใจหันมาเริ่มต้นธุรกิจแอมเวย์ด้วยหวัง จะสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว ทั้งคู่ตั้งใจทำ�ธุรกิจแอมเวย์มาตลอดกว่า 22 ปี โดยเคล็ดลับความสำ�เร็จของทั้งสองคือ จงปฏิบัติต่อผู้อื่นเช่นเดียวกับที่ต้องการให้ผู้อื่น ปฏิบัติต่อตนเอง ที่สำ�คัญ ทุกขั้นตอนของความ สำ�เร็จต้องไม่ไปทำ�ลายและเบียดเบียนบุคคลใด ต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้คนรอบข้างสำ�เร็จ ไปด้วยกัน โดยไม่เอาเปรียบความสำ�เร็จของเขา เหล่านั้น ขณะที่ นพ.ธนาเศรษฐ์-นางธัณย์จิรา พื้น ชมภูจิรโชติ นักธุรกิจแอมเวย์ระดับเพชรบริหาร เดิม นพ.ธนาเศรษฐ์ รับราชการเป็นกุมารแพทย์ และนางธัณย์จิราเป็นพยาบาล ทั้งสองตัดสินใจ ทำ�ธุรกิจแอมเวย์เพราะมีเป้าหมายที่ต้องการ สร้างธุรกิจเพื่อเป็นมรดกให้ครอบครัว โดยใช้ เวลาสร้างธุรกิจควบคู่ไปกับงานราชการกว่า 6 ปี จนประสบความสำ�เร็จในระดับเพชรบริหาร “ผมศรัทธาในแนวคิดของผู้ก่อตั้งแอมเวย์ ‘ริช เดอโวส’ และ ‘เจย์ แวน แอนเดล’ รักใน ความยุติธรรมของแผนธุรกิจแอมเวย์ ตลอดจน ประทับใจผู้บริหารและบริษัทที่เป็นหุ้นส่วน ที่ดีในการทำ�ธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง” นพ.ธนาเศรษฐ์ กล่าว แม้กระทั่งผู้ที่มีธุรกิจส่วนตัวและประสบ ความสำ�เร็จในระดับที่ดีอยู่แล้ว ก็ ไม่ละเลยที่จะ

ได้รับการยอมรับว่า นักขายตรงเป็นหนึ่งใน อาชีพที่สร้างความสำ�เร็จ สร้าง รายได้ และให้อิสรภาพอย่าง มั่นคงและยั่งยืน รวมทั้งเป็น กำ�ลังสำ�คัญในการส่งเสริม เศรษฐกิจของประเทศ ในภาวะวิกฤต

คว้าโอกาสดีๆ นายวันชัย-นางดารณี รุ่งภูวภัทร นักธุรกิจแอมเวย์ระดับเพชรบริหาร เจ้าของ บริษัท ศรีไทยฟู้ดเซอร์วิส โดยทั้งสองบอกเล่า ว่า เดิมทีทำ�ธุรกิจส่วนตัวและปัจจุบันก็ยังทำ�อยู่ และเติบโตมากกว่า 400 ล้านบาท “แต่วันหนึ่งได้มีโอกาสฟังแผนการตลาด ของแอมเวย์เพียง 5 นาที ก็มองเห็นโอกาส และส่งผลให้วันนี้ธุรกิจแอมเวย์ของเรามีมูลค่า กว่า 3,500 ล้านบาทต่อปี” นายวันชัย กล่าว ทั้งสองมุ่งมั่นที่จะพิชิตจุดสูงสุดของนัก ธุรกิจแอมเวย์ ให้ได้ โดยฝากข้อคิดให้กับทุก คนๆ ว่า “ไม่มีความสำ�เร็จใดได้มาง่ายๆ โดยไม่ ต้องใช้ความพยายาม แม้เราจะก้าวได้เพียงก้าว สั้นๆ แต่ถ้าเราไม่หยุดก้าวเดิน อย่างไรก็ต้องถึง เส้นชัยในสักวัน” นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสำ�เร็จที่ได้ รับรางวัล ยังมีอีกหลายคนที่แม้ไม่ได้รับรางวัล แต่ก็สามารถภาคภูมิใจในอาชีพเสริมที่สร้าง รายได้เป็นกอบเป็นกำ� ขอเพียงมีความมุ่งมั่น และตั้งใจจริง ที่สำ�คัญคือ ซื่อสัตย์ ในอาชีพต่อ ลูกค้าเท่านั้นเอง

Smartfinance

FEBRUARY 2011

Amway

ธุรกิจขายตรง

E-Business

4สูตรความสำ�เร็จแอมเวย์

ผลความสำ�เร็จ ของเว็บไซต์แอมเวย์ ไม่เพียงแต่การพัฒนาคิดค้นวิธีการ ขายให้นักธุรกิจแอมเวย์ประสบความสำ�เร็จ ในอาชีพนี้เท่านั้น หากแต่แอมเวย์ยังร่วม เกาะกระแสออนไลน์มาแรงในยุคนี้ ด้วย การพัฒนาเว็บไซต์ www.amwayshop ping.com ขึ้น และได้รับผลตอบรับดีอย่าง ล้นหลาม นายกิจธวัช ฤทธีราวี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) กล่าว ว่า ตลอดปีนี้บริษัทให้ความสำ�คัญกับการ ทำ�การตลาดและจัดกิจกรรมต่างๆ ในช่อง ทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ “เวิลด์ไวด์เว็บ ด็อท แอมเวย์ช็อปปิ้ง ด็อท คอม” (www. amwayshopping.com) มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ที่หันมาให้ความสนใจและใช้บริการผ่านสื่อ ออนไลน์มากขึ้น ล่าสุดบริษัทได้ทำ�การสำ�รวจออนไลน์ เกี่ยวกับทัศนคติความพึงพอใจของผู้ บริโภคต่อเว็บไซต์แอมเวย์ โดยมีผู้ตอบ แบบสอบถามทางออนไลน์จำ�นวน 1,007 คน แบ่งเป็นนักธุรกิจแอมเวย์ 94.65% ที่ เหลือเป็นสมาชิกแอมเวย์และผู้บริโภค ทั่วไป จากการสำ�รวจพบว่า คนส่วนใหญ่มี ความพึงพอใจต่อภาพรวมเว็บไซต์แอมเวย์ สูงถึง 97.91% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการสำ�รวจ ปีก่อน ขณะที่ความพึงพอใจในการสั่งซื้อ สินค้าออนไลน์มีถึง 70.08% และความพึง พอใจต่อการจัดกิจกรรมต่างๆ บนเว็บไซต์ สูง 94.77% จากตัวเลขและสถิติทั้งหมด สะท้อนให้เห็นว่า เว็บไซต์แอมเวย์ประสบ ความสำ�เร็จและได้รับกระแสตอบรับที่ดี จากผู้ ใช้บริการเป็นอย่างมาก

ต่ำ� สูง กลาง ขึ้นกับความขยัน 25 ปีขึ้นไป สูง LH

Report By : พรหมเมศร์ ศิริสุขวัฒนานนท์

1.อิสรภาพ (Freedom) 2.ครอบครัว (Family) 3.ความหวัง (Hope) 4.รางวัล (Reward)

N@TTY CAKE

ด้วยใจรัก สู่เค้กออนไลน์

จากจุดเริ่มต้นด้วยความรักในการทำ�ขนม ที่ ได้รับคำ�ชมจากคนรอบ ข้างถึงความอร่อยแบบมีดีไซน์ ได้กลายเป็นพลังใจก่อให้เกิดเป็น ธุรกิจเบเกอรีผ่านช่องทางขายอินเทอร์เน็ต หรืออีคอมเมิร์ซ

มุมมองบิ๊กบอส

กับ 22 ปีในแอมเวย์

ห

ากจะกล่าวถึงความสำ�เร็จของ แอมเวย์ (ประเทศไทย) ที่ดำ�เนิน ธุรกิจมาตลอด 25 ปี ผู้ที่น่าจะ ถ่ายทอดถึงเส้นทางที่ผ่านมาได้ดี ที่สุดย่อมหนีไม่พ้น นายปรีชา ประกอบกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศ ไทย) โดยสะท้อนจากชีวิตการทำ�งานตลอด 22 ปีที่ผ่านมากับแอมเวย์นั่นเอง นายปรีชา หรือที่พนักงานเรียกขานว่า “พีพี” เล่าให้ฟังว่า แอมเวย์ ในประเทศไทย เริ่มต้นจากการนำ�สินค้าเข้ามาทำ�ตลาดเพียง 7 ชนิด เริ่มด้วยผลิตภัณฑ์ทำ�ความสะอาด ปีแรกมีรายได้จากการขายสินค้าเพียง 60 ล้านบาท “ตอนนั้นผมคิดภาพไม่ออกเลยว่าการมี รายได้ 100 ล้านบาท หรือ 1,000 ล้านบาทเป็น อย่างไร จนกระทั่งปี 2535 แอมเวย์มีรายได้ถึง 1,000 ล้านบาทเป็นครั้งแรก ผมดีใจมาก ต่อมา ก็ ได้ 5,000 ล้านบาท และทะยานถึงกว่าหมื่น ล้านบาทในปีนี้” จนถึงวันนี้แอมเวย์มีทั้งของกิน ของใช้ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ความสวยความงาม เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค การเติบโตครั้ง นี้มาจากแนวทางการดำ�เนินธุรกิจที่แอมเวย์ ให้ ความสำ�คัญ แบ่งเป็น 2 ข้อหลักๆ คือ 1.การ คุ้มครองผู้บริโภค ถ้าไม่พอใจสินค้า ยินดีคืน เงิน และ 2.การคุ้มครองนักขาย ต้องเคารพ สิทธิของนักขายอิสระ ด้วยเหตุนี้จึงต้อง

คุ้มครองสิทธิให้นักธุรกิจของแอมเวย์ ถ้าไม่ได้ รับการคุ้มครอง ยินดีคืนเงินค่าสมัคร 900 บาท ให้ทันที หลักของความยั่งยืนคือ การคุ้มครองผู้ บริโภคเต็มร้อย ให้ความเป็นอิสระและทำ� ธุรกิจด้วยความยุติธรรม นอกจากนี้ยังให้ขาย สินค้าให้ดี ไม่โอเวอร์ โปรโมต และถ้าใครซื้อ สินค้าไปแล้วขายไม่ได้ก็สามารถคืนได้หรือ แลกสินค้าอื่นๆ ในวันนี้แอมเวย์ (ประเทศไทย) ฉลองครบ รอบ 25 ปี แต่แอมเวย์ทั่วโลกได้ฉลองครบ 50 ปีไปแล้วเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา “การที่เราก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ�ในธุรกิจขาย ตรงได้ ในขณะนี้ก็เพราะสามารถครองใจผู้ บริโภคได้ เราเป็นผู้ร่วมกันพัฒนาพฤติกรรม ตามจรรยาบรรณ และผมก็มองว่าธุรกิจขาย ตรงยังคงเติบโตได้อย่างมหาศาล ซึ่งแอมเวย์ เองก็ต้องเป็นเช่นนั้น” รูปแบบโครงสร้างขายตรง มุ่งออกแบบ สร้างให้เป็นองค์กรที่รองรับธุรกิจที่คนทำ�ธุรกิจ แอมเวย์มานานตั้งแต่เมื่อกว่า 20 ปีก่อน วันนี้ก็ ยังอยู่ได้ และขยายเครือข่ายไปถึงรุ่นที่ 2 หรือ รุ่นลูก จนถึงวันนี้ แอมเวย์ยังคงยืนหยัดที่จะทำ� หน้าที่เป็นผู้ ให้ โอกาสที่ดีต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคนให้มี ชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ดังแนวคิด “แอมเวย์... เพื่อคุณ เพื่อชีวิตที่มีคุณค่า” n

Smartfinance

FEBRUARY 2011

แ

ม้จะเริ่มก้าวเล็กๆ แต่ก็มีสัญญาณ ที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่าง เข้มแข็ง นี่คือที่มาของพี่น้องสอง สาว นภาวดี พยัคฆโส (แนตตี้) พี่สาวเชฟเบเกอรี และ ปุณยนุช พยัคฆโส (น้อตตี้) น้องสาวนักการตลาดไซเบอร์ ที่ปลุก ปั้นให้ N@TTY CAKE กลายเป็นหนึ่งในธุรกิจ อีคอมเมิร์ซที่มาแรงสุดธุรกิจหนึ่ง ด้วยจุดแข็งเบเกอรี ที่มีการันตีจากสถาบัน เลอ กอร์ดอง เบลอ โรงแรมดุสิตธานีของ แนตตี้ เมื่อมาผสมผสานกับน้อตตี้ที่กำ�ลังเรียน ด้านอีคอมเมิร์ซอยู่พอดี จึงเกิดเป็นไอเดียทำ� ธุรกิจเบเกอรีผ่านอินเทอร์เน็ต โดยเริ่มต้นจาก เฟซบุ๊ก เว็บโซเชียลเน็ตเวิร์กซึ่งเป็นที่นิยม ในขณะนี้ ด้วยจำ�นวนผู้ ใช้ ในไทย 6 ล้านราย สร้างเป็นแฟนเพจด้วยระยะเวลาประมาณ 6 เดือน มีคนเข้ามาติดตามหลายพันราย แนตตี้ เล่าให้ฟังว่า การทำ�ขนมของ N@TTY CAKE จะเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุด ถ้า จำ�เป็นจะสั่งจากต่างประเทศ เพื่อให้ได้เค้กที่ อร่อยจริงๆ เพราะแนวคิดคือ ลูกค้าทุกคนคือ เพื่อนคือครอบครัว เค้กที่มีอยู่ 8-9 เมนู ก็คัด เลือกและสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะ ซึ่ง จุดนี้ ได้สร้างการตลาดแบบปากต่อปาก ยิ่งบอก ต่อกันมากเท่าไร ร้านก็เป็นที่รู้จักมากขึ้น นั่น

หมายความว่ายิ่งต้องทำ�เค้กให้ดี เพื่อรักษา แบรนด์ไว้ สาวผู้น้อง น้อตตี้ ขยายความเสริมถึง ช่องทางจำ�หน่ายผ่านอินเทอร์เน็ตว่า ที่เลือก ใช้เฟซบุ๊ก เพราะสามารถโพสต์รูปภาพ คลิป วิดีโอ เพื่อสร้างการรับรู้ สามารถทำ�ได้ด้วยตัว เอง ไม่ต้องเสียเงิน สามารถดูการตอบรับได้ ว่าเป็นอย่างไร และทำ�การปรับปรุง และขณะ นี้อยู่ระหว่างการพัฒนาเว็บไซต์จริงของร้าน โดยมีแผนที่จะจัดทำ�เป็นระบบสมาชิก เพื่อให้ ได้ข้อมูลของลูกค้า เช่น ชื่อ วันเดือนปีเกิด ที่ อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ เพื่อสะดวกในการ บริหารความสัมพันธ์ ในระยะยาว และจะพัฒนา ระบบจ่ายเงิน ซึ่งสามารถทำ�ได้ง่ายๆ เพราะ มีเครื่องมือทั้งผ่านสถาบันการเงิน หรือระบบ ไมโครเพย์เมนต์ เช่น PayPal เป็นต้น คาดจะ เปิดตัวประมาณเดือน เม.ย. 2554 ซึ่งเป็นช่วง ที่ทั้งสองคนเรียนจบพอดี “ธุรกิจทั้งหมด เรา 2 คน เริ่มต้นกันเอง และอยากจะค่อยๆ ทำ� ค่อยๆ ขยายกิจการ ไปตามกำ�ลังที่มี ไม่อยากให้ ใหญ่เกินตัวแล้ว ควบคุมคุณภาพไม่ได้ ดังนั้นการรับสั่งทำ�จะ ต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน และถ้ารับสั่ง ไว้มากแล้ว ก็จะไม่รับเพิ่ม รวมถึงแผนการเปิด หน้าร้าน ซึ่งต้องรอให้พร้อมและมีเวลามากกว่า

นี้ก่อน จึงจะมีการวางแผนกันอีกครั้ง” แนตตี้ ขยายความพิมพ์เขียวของธุรกิจให้ฟัง ปัจจุบัน N@TTY CAKE มียอดสั่งเข้า มาเฉลี่ยเป็นรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มงานเลี้ยง ต่างๆ เช่น งานวันเกิด งานแต่งงาน งาน เลี้ยงรับรอง ซึ่งจะมีการทำ�บรรจุภัณฑ์ ให้ สวยงามเข้ากับงานนั้นๆ เพื่อแสดงให้เห็น ถึงความใส่ใจในลูกค้า ที่ถือเป็นอีกหัวใจ สำ�คัญ นอกเหนือจากรสอร่อยที่เป็นที่ รับประกันอยู่แล้ว หากใครต้องการลองลิ้มชิมรสดูก่อน สามารถไปที่โฮมโปร สาขาแจ้งวัฒนะ แต่ถ้า ติดใจก็ต้องสั่งซื้อเท่านั้น ที่เบอร์ติดต่อ 02573-7505 และ 08-1806-9928 หรือหาก ต้องการเยี่ยมชมแฟนเพจเข้าเฟซบุ๊ก แล้ว ค้นหา Natty-Cake รับรองว่าจะได้เห็นรูป เค้กน่ากินๆ ยั่วยวนใจสุดๆ แนตตี้และน้อตตี้ ฝากข้อคิดทิ้งท้ายว่า บางคนอาจจะจินตนาการไม่ออกว่า เค้กกับ อีคอมเมิร์ซมาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร แต่ จริงๆ แล้ว ถ้าคิดนอกกรอบ อะไรก็สามารถ นำ�มาเป็นธุรกิจผ่านอินเทอร์เน็ตได้ทั้งนั้น ไม่ ต้องใช้เงินทุนมากมาย และถ้าทำ�ได้ถูกทาง แล้วละก็ สามารถสร้างฐานลูกค้าได้ง่ายและ รวดเร็ว เพราะในโลกไซเบอร์สเปซนั้น กว้าง ไกลไม่มีพรมแดน ดังนั้นใครที่มีสินค้าดีๆ มี ไอเดียเลิศๆ อย่าเก็บเอาไว้เฉยๆ เพราะ ขนาดเค้กยังทำ�ได้เลย ได้เห็นสองสาวน่ารักๆ เริ่มต้นทำ�ธุรกิจ กันด้วยตัวเอง และประสบความสำ�เร็จใน ขั้นแรกได้แบบนี้แล้ว ก็หวังว่าจะเป็นแรง บันดาลใจให้ท่านผู้อ่านหันมาลองสร้างสรรค์ ธุรกิจของตัวเอง ด้วยการเริ่มต้นปฏิบัติจริง... ลงมือทำ�เลยครับ ถึงจะล้มเหลว ก็ล้มบน ความสุขที่เราได้ทำ�ไปแล้ว n

ชื่อเค้กที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้าน

Crepe Cake with strawberry sauce (เป็นชั้นๆ ราดซอสสตรอเบอร์รี) Chocolate Crepe Cake (หน้าตาคล้ายๆ กัน แต่เป็นช็อกโกแลต) Choc Ball (กลมๆ ช็อกโกแลต) Blueberry Cheese Cake

Smartfinance

JANUARY 2011

ซื้อไว้กำ�ไรงาม

Report By : เบญจมาศ เลิศไพบูลย์

ทองคำ� ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้

อมตะแห่งการลงทุน

“มีเงินนับว่าเป็นน้อง มีทองนับว่าเป็นพี่” สำ�นวนไทยที่ ไม่เคยล้าสมัย และยิ่งในยุค ที่ทองคำ�มีราคาบาทละ 2 หมื่นบาท เงินกลายเป็นน้องเล็กที่มีคนสนใจน้อยกว่าเดิม เพราะเงินจะเสื่อมค่าเมื่อเจอศัตรูตัวร้าย คือ เงินเฟ้อนั่นเอง

ท

องคำ�เป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุน เป็นของขวัญที่ไม่มีวันเสื่อมค่า นั่นเป็นเพราะว่าทุกครั้งที่มีปัญหา เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง หรือเศรษฐกิจ เช่น มีสงคราม หรือเกิดวิกฤต เศรษฐกิจ เงินกลายเป็นแค่กระดาษ แต่ทองคำ� กลายเป็นของมีค่าที่ทุกคนต้องการ ทองคำ�จึงแยกตลาดออกจากตลาดหุ้น นักลงทุนจึงสามารถกระจายความเสี่ยงในการ ลงทุนได้ ไม่ว่าจะรูปแบบทองคำ�แท่ง หรือ ลงทุนในตลาดซื้อขายทองคำ�ล่วงหน้า (โกลด์ฟิวเจอร์ส) ในปีที่ผ่านมา ราคาทองคำ�พุ่งขึ้นสูงสุดเป็น ประวัติการณ์เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2553 ราคา ทองคำ�ในตลาดโลกได้ขึ้นไปทดสอบระดับ 1,431 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ส่งผลให้ราคา ทองคำ�แท่งขายออกยืนเหนือระดับ 2 หมื่นบาท ไปอยู่ที่ 20,150 บาท หากนับทองคำ�รูปพรรณที่รวมค่ากำ�เหน็จ เข้าไปเฉลี่ยประมาณบาทละ 500 บาท ราคาก็

พุ่งฉิวเกิน 2 หมื่นบาทไปแล้ว และทองคำ�ยังมี ทิศทางขาขึ้นยาวต่อเนื่องตลอดปี 2554 นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ เอ็ม ที เอส โกลด์ แม่ทองสุก ให้ความเห็นว่า ราคาทองคำ�ปลายปี 2553 จนถึงต้นปี 2554 ยังเป็นทิศทางในช่วงขาขึ้น ซึ่งทองคำ�ได้ปรับ ฐานทำ�กำ�ไรในปีนี้ ไปแล้ว หากคำ�นวณการ ทำ�กำ�ไรในรูปเงินเหรียญสหรัฐคิดเป็น 27% แต่กำ�ไรในรูปเงินบาทจะอยู่ที่ 15% เนื่องจาก เงินบาทแข็งค่า จึงส่งผลต่ออัตราการทำ�กำ�ไร เล็กน้อย แต่ทิศทางตลอดปีหน้ายังมีโอกาสที่ทองคำ� จะยืนอยู่เหนือระดับ 2 หมื่นบาท และจะได้ เห็นตั้งแต่ไตรมาสแรก ราคาทองคำ�จะกระโดด ขึ้นทันที เหตุผลหลักจากทิศทางเงินเหรียญสหรัฐ ที่ยังคงอ่อนค่า ภาวะเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจ สหรัฐยังไม่ฟื้นตัว อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย ครึ่งปี ฉะนั้นปัญหาในสหรัฐจะกดดันนักลงทุน พิจารณาการถือครองทองคำ� กลายเป็นการ

ทิศทางตลอดปีหน้ายังมี โอกาสที่ทองคำ�จะยืนอยู่เหนือ ระดับ 2 หมื่นบาท และจะได้ เห็นตั้งแต่ไตรมาสแรก ราคา ทองคำ�จะกระโดดขึ้นทันที

Smartfinance

FEBRUARY 2011

ESSO

ซื้อไว้กำ�ไรงาม

บ้าน+คอนโดมิเนียม

สำ�หรับผู้ที่ ไม่เคยลงทุนในทองคำ�เลยนั้น เพื่อให้ง่ายต่อการ ตัดสินใจ ควรเริ่มต้นลงทุนทองคำ�แท่งและถือระยะยาว ถือ ครองมากกว่า 5-6 เดือนขึ้นไป หรืออาจถือนานถึง 1 ปีก็ ได้ เพราะ ผลตอบแทนของราคาทองคำ�ใน 1 ปี ให้ผลตอบแทนขั้นต่ำ� 8% ดีกว่าฝากเงินไว้กับธนาคารพาณิชย์ ในช่วงดอกเบี้ยต่ำ� ส่งเสริมนักลงทุนให้หันมาถือครองทองคำ�แทน เงินเหรียญสหรัฐ หากเป็นเช่นนั้นก็น่าจะเห็น ราคาทองคำ�วิ่งขึ้นไปทำ�สถิติสูงสุดใหม่ที่ 1,600 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ในปี 2554 ซึ่งเป็น ทิศทางที่สำ�นักวิเคราะห์เศรษฐกิจหลายแห่ง มองในมุมเดียวกัน “ถ้าทองคำ�โลกวิ่งขึ้นไปอยู่ที่ 1,600 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์เมื่อไร จะได้เห็นราคา ทองคำ�แท่งในไทยอยู่ที่ 2.2 หมื่นบาท ไตรมาส แรกปี 2554 น่าจะเห็นทันที เป็นช่วงฤดูกาล การจัดพอร์ตลงทุน รวมถึงภาวะเศรษฐกิจ โลก และเศรษฐกิจสหรัฐเป็นตัวกดดัน” นพ. กฤชรัตน์ กล่าว หากมองว่าราคาทองคำ�ยังเป็นขาขึ้นและ น่าลงทุนมาก หลักการลงทุนทองคำ�ก็คงเหมือน เดิม คือ นักลงทุนควรกระจายความเสี่ยงไป ลงทุนในทองคำ�แท่ง หรือลงทุนในตลาดซื้อขาย ทองคำ�ล่วงหน้า ปัจจุบนั ราคาทองคำ�แท่งและโกลด์ฟวิ เจอร์ส ขยับตัวรวดเร็ว สำ�หรับผู้ที่สนใจลงทุน แต่ไม่ เคยลงทุนในทองคำ�เลยนั้น ควรเลียบเคียง ศึกษาและลองลงทุนประมาณ 10-20% ของ พอร์ตการลงทุน แล้วค่อยๆ เพิ่มจนกว่าจะ ศึกษาทำ�ความเข้าใจตลาดทองอย่างถ่องแท้ สำ�หรับผู้ที่ไม่เคยลงทุนในทองคำ�เลยนั้น เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจ ควรเริ่มต้นลงทุน ทองคำ�แท่งและถือระยะยาว ถือครองมากกว่า 5-6 เดือนขึ้นไป หรืออาจถือนานถึง 1 ปีก็ ได้ เพราะผลตอบแทนของราคาทองคำ�ใน 1 ปี ให้ ผลตอบแทนขั้นต่ำ� 8% ดีกว่าฝากเงินไว้กับ

ธนาคารพาณิชย์ ในช่วงดอกเบี้ยต่ำ� จากการคำ�นวณผลตอบแทนการลงทุนใน ทองคำ�ย้อนหลัง 4-5 ปี จะพบว่าผลตอบแทน ในทองคำ�ดีกว่าฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ และยังเอาชนะเงินเฟ้อได้อีกด้วย ขณะที่การฝากเงินกับธนาคารขณะนี้ ผล ตอบแทนกลับหายวับไปปีละ 2-3% เมื่อหักจาก เงินเฟ้อที่เฉลี่ยปีละ 3.5-4% ตอนนี้หากฝาก เงิน 1 ปี กับธนาคารเฉลี่ยแล้วได้ผลตอบแทน ประมาณ 2% เท่านั้น ที่น่าชื่นใจไปกว่า นักลงทุนรายใดลงทุน ทองคำ�ในช่วงปี 2553 และถือครองยาว จะได้ ผลตอบแทนสูงสุดถึง 15.6% นี่จึงเป็นจุดดึงดูด นักลงทุนทั้งไทยและทั่วโลกหันมาให้ความสนใจ การลงทุนในทองคำ�มากขึ้น จึงเริ่มเห็นนักลงทุน บางส่วนนำ�เงินที่ลงทุนในตลาดหุ้นมาพักลงทุน ในทองคำ� แต่ก็มีคนมองว่าการลงทุนในทองคำ�ขณะ ที่ราคาก็พุ่งสูงขึ้นอยู่แล้ว จะดีหรือไม่นั้น ต่อให้ ราคาขณะนี้ว่าสูงแล้ว แต่ทองคำ�ก็ยังมีโอกาส พุ่งสูงขึ้นต่อ และจะเป็นจังหวะทองคำ�ขาขึ้น ต่อเนื่อง นักลงทุนจะได้เห็นราคาทองคำ�แท่ง 2 หมื่นบาท กลายเป็นระดับราคาที่ถูกสำ�หรับ ปี 2554 ซึ่งเดิมทองคำ�ในช่วง 4-5 ปีก่อน ยัง ถูกปรามาสว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นระดับราคา 1 หมื่นบาท ซึ่งช่วงนั้นทองคำ�เพิ่งบาทละ 8,000 บาท แต่ขณะนี้ทองคำ�กระโดดไปถึง 2 หมื่น บาท ก็ยังมีนักลงทุนสนใจซื้อหา เก็บออม จึง อยู่ที่ช่วงจังหวะ และการศึกษาก่อนลงทุน ราคา ทองคำ� 2 หมื่นบาท จึงไม่ได้หมายความว่าสูง

จนเกินไปที่จะลงทุนไม่ได้ แต่การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง ปัจจัย กดดันราคาทองคำ�ปี 2554 ไม่ให้ปรับตัวสูง ขึ้นอย่างพรวดพราด มีอยู่เพียงเรื่องเดียว คือ ดอกเบี้ยทางการของสหรัฐ ซึ่งขึ้นอยู่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขยับดอกเบี้ย หรือไม่ หากเฟดขึ้นดอกเบี้ย ก็จะเป็นตัวกดดัน ให้ราคาทองคำ�ลดลงทันที เพราะนักลงทุนอาจ หันไปลงทุนในค่าเงินเหรียญสหรัฐ แต่ในช่วง 2-3 เดือนจากนี้ มีการทำ�นายว่าเฟดจะไม่ขึ้น ดอกเบี้ย ขณะที่ปัจจัยดอกเบี้ยในไทย หรือประเทศ เพื่อนบ้านอย่างจีน ออสเตรเลีย ต่อให้ขึ้น ดอกเบี้ยก็ ไม่มีผลต่อราคาทองคำ� เพราะทองคำ� อ้างอิงจากเงินเหรียญสหรัฐเท่านั้น และต่อให้ ปี 2554 ดอกเบี้ยของไทยปรับขึ้น ผลตอบแทน ในทองคำ�ก็ยังชนะการออมเงินด้วยเงินฝาก อยู่ดี แม้แต่ความวุ่นวายจากปัญหาการเมืองใน ประเทศ ก็ ไม่ส่งผลกระทบกระเทือนต่อราคา ทอง เว้นเสียแต่สงครามระดับโลก เช่น ปัญหา ในคาบสมุทรเกาหลี สงครามอิรักอิหร่าน สำ�หรับนักลงทุนรายย่อย พนักงานที่มี รายได้ประจำ� ต้องการเก็บเล็กผสมน้อยหัน มาลงทุนทองคำ� ขณะนี้ร้านทองหลายแห่งก็มี ทองคำ�แท่งน้ำ�หนักตั้งแต่ 50 สตางค์ขึ้นไปขาย แต่ต้องเสียค่าทำ�บล็อกประมาณ 100 บาท ให้กับทางร้าน ถูกกว่าเสียค่ากำ�เหน็จ แต่ที่ต้อง จ่ายเพิ่มเล็กน้อย เพราะเป็นบล็อกทองคำ�ที่ทำ� ขึ้นมาโดยเฉพาะ ส่วนราคายังอ้างอิงจากราคา ทองคำ�แท่งน้ำ�หนัก 1 บาท ไม่แตกต่าง ส่วน ข้อเสีย คือ ขนาดที่เล็กมาก เสี่ยงต่อการ สูญหายได้ง่าย สำ�หรับผู้ที่จะแต่งงานในปีนี้ ก็ควรจะเล็ง ราคาทองคำ�ไว้บ้าง เลือกซื้อทองคำ�ช่วงที่ราคา อ่อนตัวลงมา จะช่วยลดต้นทุนสินสอดทองหมั้น ได้บ้าง เห็นไหมว่าทองคำ�นั้น มีค่าอมตะจริงๆ n

สำ�หรับนักลงทุนรายย่อย พนักงานที่มีรายได้ประจำ� ต้องการเก็บเล็กผสมน้อยหัน มาลงทุนทองคำ� ขณะนี้ร้านทอง หลายแห่งก็มีทองคำ�แท่งน้ำ�หนัก ตั้งแต่ 50 สตางค์ขึ้นไปขาย แต่ ต้องเสียค่าทำ�บล็อกประมาณ 100 บาท ให้กับทางร้าน

Smartfinance

FEBRUARY 2011

Report By : สุกัญญา สินถิรศักดิ์ วราพงษ์ ป่านแก้ว

เกร็ดข้อมูล อสังหาริมทรัพย์

หัวหิน หัวหิน

นาวิ โ อ หั ว หิ น ลงทุนยาว รอต่างชาติฟื้น อสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจลงทุนในหัวหิน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเก็บ เป็นทรัพย์สินก็มีแนวโน้มที่มูลค่าจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

ถ้

าพูดถึงเมืองท่องเที่ยวที่ให้ความรู้สึก โรแมนติก หลายคนคงเทคะแนนให้ กับ “หัวหิน” เมืองริมทะเลเงียบสงบ ที่ทั้งคนไทยและต่างประเทศนิยมเดิน ทางไปพักผ่อนตากอากาศ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ตลาดบ้านหลังที่สองในหัวหินจะมีอัตราการ เติบโตที่ดี รีสอร์ต โฮม หรือบ้านพัก หรือคอนโด มิเนียมสำ�หรับตากอากาศ จึงกลายเป็น อสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจลงทุนในหัวหิน ไม่ ว่าจะเป็นการซื้อเก็บเป็นทรัพย์สินก็มีแนวโน้ม ที่มูลค่าจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ หรือนำ�มาปล่อยให้ เช่าพักแบบรายวัน รายเดือน จึงมีหลายโครงการเกิดขึ้น เพื่อต่อยอดให้ กับกลุ่มโรงแรมที่มีอัตราการเข้าพักล้นทุกวัน เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดยาวๆ นาวิโอ เป็นคอนโดมิเนียมขนาดเล็ก ตรงทางเข้าเขาตะเกียบ ของบริษัท ออนเนส เอสเตท เนื้อที่ 2 ไร่ จำ�นวน 108 ยูนิต มีขนาด 45.75 ตร.ม.ขึ้นไป ราคาขาย 5.4-6.5 หมื่นบาท ต่อ ตร.ม. หรือเริ่มต้นที่ 2.5-7 ล้านบาท บริษัทกำ�หนดเงื่อนไขในการซื้อ โดยให้ วางเงินทำ�สัญญาและเงินดาวน์รวม 20% ของ ราคาขาย ในกรณีที่ซื้อห้องขนาด 45.75 ตร.ม.

Smartfinance

FEBRUARY 2011

ราคา 2.5 ล้านบาท ต้องวางเงินทำ�สัญญาและ ดาวน์รวม 5 แสนบาท ที่เหลือ 2 ล้านบาท ผ่อนกับธนาคารเดือนละ 1.6 หมื่นบาท ผู้ซื้อ ต้องมีรายได้ต่อเดือน 4.6 หมื่นบาท (อิงอัตรา ดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดีเฉลี่ยของธนาคาร ประมาณ 7.5% ระยะผ่อน 20 ปี หากมีเงื่อนไข ดอกเบี้ยที่ดีกว่า และระยะเวลาผ่อนมากกว่า 20 ปี อัตราการผ่อนต่อเดือนจะน้อยกว่า 1.6 หมื่นบาท และรายได้ต่อเดือนจะลดต่ำ�ลงได้) จุดเด่นของนาวิโอ หัวหิน คือ เป็นโครงการ ขนาดเล็กที่สร้างเสร็จแล้ว จึงไม่มีความเสี่ยง ต่อการซื้อแล้วได้แค่กระดาษ ราคาเปิดขาย น่าสนใจที่ยังอยู่ในระดับต่ำ�กว่าโครงการขนาด ใหญ่หลายๆ โครงการที่ขายกัน 7 หมื่นบาท ต่อ ตร.ม.ขึ้นไป โดยบริษัทประเมินว่าจะมีผล ตอบแทนจากค่าเช่าอยู่ที่ราว 7% จุดอ่อนของโครงการนี้คงต้องว่ากันที่ทำ�เล ที่ตั้ง เพราะโครงการอยู่ตรงเขาตะเกียบฝั่งไม่ ติดทะเล ทำ�ให้กลุ่มเป้าหมายลดน้อยลงมาก เพราะคนไปหัวหินยังไงก็อยากอยู่ใกล้ทะเลเอา ไว้ก่อน โครงการบริเวณหาดหัวหินจึงเป็นที่ ต้องการมากกว่า ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจ และการแข่งขันในเวลานี้ต้องบอกว่าการจะได้ ผลตอบแทนระดับ 7% คงเหนื่อย n

n ราคาที่ดินใกล้ตัวเมืองหัวหินปรับ ขึ้น 15-20% ทุกปี n ราคาที่ดินหน้าหาด 60-80 ล้าน บาทต่อไร่ มีข้อจำ�กัดเรื่องระยะถอยร่น n ราคาคอนโดมิเนียมมือสองใกล้ ตัวเมืองไม่ต่ำ�กว่า 1 แสนบาทต่อ ตร.ม.

เขาตะเกียบ

ราคาที่ดิน 40-60 ล้านบาทต่อไร่ ราคาคอนโดมิเนียมมือสอง 7-7.5 หมื่นบาทต่อ ตร.ม. n n

เขาเต่า

ราคาที่ดิน 20-25 ล้านบาทต่อไร่ n ราคาคอนโดมิเนียมมือสองอยู่ที่ 7.5-8 หมื่นบาทต่อ ตร.ม. n

กำ�ลังซื้อต่างชาติ

n กลุ่มหลัก คือ อังกฤษ สแกน ดิเนเวีย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเกษียณอายุ รายได้จำ�กัด และกำ�ลังเผชิญกับวิกฤต เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเหรียญ สหรัฐ ทำ�ให้รายได้เป็นเงินบาทแล้ว ลดลงถึง 40% n รัสเซีย กำ�ลังเป็นกลุ่มใหม่ สำ�หรับอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย นิยม ระดับราคาประมาณ 4 ล้านบาท n พฤติกรรมในการเข้าพัก มีทั้ง แบบระยะสั้นอย่างน้อย 1 สัปดาห์ และ ระยะกลางอย่างน้อย 3 เดือน ส่วนใหญ่ เลือกบ้านพักตากอากาศมากกว่าเข้าพัก โรงแรม n ลักษณะทำ�เล รับได้ทั้งแบบริม ทะเล และบ้านเชิงเขา n เป็นกลุ่มที่อ่อนไหวกับปัญหา การเมืองสูง

กำ�ลังซื้อคนไทย

n ทำ�เลต้องใกล้ตัวเมืองหัวหิน ใกล้ ริมทะเล ไม่นิยมบ้านเชิงเขา n ส่วนใหญ่พักระยะสั้น ตาก อากาศสุดสัปดาห์ นิยมพักโรงแรม หรือ มีบ้านพักตากอากาศเป็นของตัวเอง

เคล็ดลับธุรกิจ

Report By : วันเพ็ญ พุทธานนท์

โอกาส-คิดล้ำ�หน้า เคล็ดลับตัน...ผู้ไม่ตัน

“ความสำ�เร็จไม่ได้หล่นจากฟ้า อยากได้ต้องสร้างเอาเอง” นี่เป็นสโลแกน ประจำ�ตัวและเป็นโมเดลชีวิตของผู้ชายที่ชื่อ ตัน ภาสกรนที ที่ถ่ายทอดออก มาจากประสบการณ์ที่ผ่านมากว่าจะถึงจุดที่ประสบความสำ�เร็จในวันนี้

ชี

วิตคนหนึ่งคน อาจก้าว พลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ล้มเหลวมาหลายครั้ง เคยท้อถึงขั้นคิดฆ่าตัว ตาย แต่โชคดีที่รูปไม่หล่อ พ่อไม่ รวย แถมเรียนไม่เก่ง จึงทำ�ให้ ต้องมีมานะอดทน และต้องขยัน ให้มากกว่าคนอื่น “ความสำ�เร็จไม่ได้หล่นจาก ฟ้า อยากได้ต้องสร้างเอาเอง” นี่เป็นสโลแกนประจำ�ตัวและ เป็นโมเดลชีวิตของผู้ชายที่ชื่อ ตัน ภาสกรนที ที่ถ่ายทอดออก มาจากประสบการณ์ที่ผ่านมา กว่าจะถึงจุดที่ประสบความสำ�เร็จ ในวันนี้ เคล็ดลับธุรกิจของตัน จากวัน เริ่มต้นจนถึงวันนี้ มีมากมายจนไม่

อาจหยิบยกมาบอกเล่าได้ทั้งหมด เพราะเรียนรู้และเก็บเกี่ยวมา ตั้งแต่ก่อนเรียนจบมัธยมศึกษา ปีที่ 3 จนเข้าชีวิตทำ�งานตั้งแต่ เป็นพนักงานแบกของ เปิดแผง ขายหนังสือ เริ่มเข้าสู่ธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ด้วยการซื้อ ห้องแถว จนเป็นเจ้าของกิจการ อสังหาริมทรัพย์ที่นำ�ไปสู่หนี้นับ 100 ล้านบาท แต่เวลาเพียง 5 ปี เขากลับ มาผงาดได้ ในฐานะเจ้าของและ ประธานบริษัท โออิชิ กรุ๊ป นั่น เพราะความไม่ยอมแพ้ ใจสู้ ขยัน และมีเป้าหมายชัดเจนที่จะมุ่ง เดินไป อีกหนึ่งเคล็ดลับธุรกิจที่นำ�ไป สู่ความสำ�เร็จคือ คิดล้ำ�หน้า และ

ต้องลงมือทำ�ก่อนคนอื่นเสมอ อย่ามัวแต่คิดเพราะคิดแล้วจะไม่ ได้ทำ� ดังนั้นต้องลงมือทำ�ทันที ผิด แล้วแก้ไขใหม่ได้ หากจะมองย้อนไปในแต่ละ ธุรกิจของ ตัน ภาสกรนที จะเห็น ได้ถึงกลเม็ดเคล็ดลับที่เกิดขึ้นใน แต่ละสถานการณ์ เริ่มจากความ ล้มเหลวกับหนี้กว่า 100 ล้านบาท ที่สอนให้อดทน ใจสู้ ไม่ยอมแพ้ และมองหาสิ่งใหม่เพื่อพลิกกลับ มาลุกได้อีกครั้ง แต่ที่ฮือฮาและสร้างชื่อเสียง ให้ตัน เป็นการสร้างแบรนด์ ให้ ผูกติดกับเจ้าของสินค้า กับการ สร้างแบรนด์ “ตันโออิชิ” ผ่าน แคมเปญการตลาดที่สร้างความ มหัศจรรย์ ให้แวดวงชาเขียวพร้อม

เคล็ดลับธุรกิจที่นำ�ไปสู่ ความสำ�เร็จคือ คิดล้ำ�หน้า และต้องลงมือทำ�ก่อนคน อื่นเสมอ อย่ามัวแต่คิด เพราะคิดแล้วจะไม่ได้ทำ� ดังนั้นต้องลงมือทำ�ทันที ผิดแล้วแก้ไขใหม่ได้

Smartfinance

FEBRUARY 2011

ดื่ม จนครองความเป็นผู้นำ�ตลาด และทำ�ให้ตลาดนี้มีมูลค่าทะลุถึง เกือบหมื่นล้านบาททีเดียวในยุค ชาเขียวเฟื่องฟู กรณีชาเขียว ตันบอกว่า เกิด จากคอนซูเมอร์อินไซด์ ที่นำ�มาสู่ แคมเปญ “รวยฟ้าผ่า 30 ฝา 30 ล้าน” ที่มาจากผู้บริโภคต้องการ ได้เงินโดยไม่ต้องรอลุ้นชิงโชค แค่เปิดฝาก็ ได้ลุ้นทันที เพราะคน เราไม่ชอบรอ ไปจนถึง “ไปแต่ ตัว ทัวร์ยกแก๊งกับโออิชิ” ที่ผนวก ความคิดนอกกรอบ ให้ไปทั้งแก๊ง ซึ่งแน่นอนว่าย่อมถูกใจกว่าไปทัวร์ คนเดียวแน่นอน ความสำ�เร็จของโออิชิ พิสูจน์ ได้จากการที่ เจริญ สิริวัฒนภักดี มองเห็นมูลค่าแบรนด์ และนำ�ไป สู่การซื้อกิจการมูลค่า 3,300 ล้าน บาทในที่สุด ตันกล่าวในวันอำ�ลาโออิชิ พร้อมก้าวสู่การเป็นเจ้าของ กิจการในหมวกใบใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท ไม่ตัน จำ�กัด ว่า นอกจาก การกลับมาดำ�เนินธุรกิจส่วนตัวอีก ครั้งในสไตล์ที่ตัวเองถนัดแล้ว ยัง มาพร้อมกับมูลนิธิตันปัน ซึ่งเกิด จากมุมมองความสุขของตัวเองที่ เปลี่ยนไปว่า ความสุขไม่ใช่เป็น “ตัวเลข” แต่เป็น “รอยยิ้ม” จาก การได้ช่วยเหลือสังคม การเริ่มต้นธุรกิจของบริษัท ไม่ตัน จึงตั้งเป้าแบ่งเงินปันผล 50% ให้กับมูลนิธิตันปันตั้งแต่ ปีแรกที่ดำ�เนินการ เป็นเวลา 9 ปี เมื่ออายุ 60 ปี หรือวันที่ 9 ก.ย. 2562 จะบริจาคกว่า 90% ให้กับมูลนิธิตันปันตลอดไป เพื่อใช้พัฒนาการศึกษาและ สิ่งแวดล้อม และที่ขาดไม่ได้คือ เคล็ดลับ ของการล้างภาพจาก “ตัน โออิชิ” สู่ “ตัน ไม่ตัน” “ในอดีตภาพของ ตัน โออิชิ เป็นผู้ชายใส่กางเกงยีนส์ เสื้อ สีขาวทุกวัน แต่วันนี้กับบริษัท ใหม่ ‘ไม่ตัน’ ถ้ายังใส่เสื้อผ้าแบบ

Smartfinance

เดิม ความรับรู้ของผู้บริโภคก็จะไม่ เปลี่ยน จึงต้องสร้างภาพใหม่ ใส่ หมวก ใส่รองเท้าสีแดง ใส่เสื้อสี ขาวหรือดำ� เพราะโลโก้ของบริษัท ไม่ตัน เป็นสีดำ�กับสีแดง” ตันยังเปิดใจว่า “ตั้งแต่ 31 ปีก่อน ตอนอายุ 17 ปี ผมได้ รับโอกาสเข้าทำ�งาน แม้จะเริ่ม ด้วยการแบกของ และกลายมา เป็นพนักงานส่งของ แต่ก็ ได้รับ โอกาสการฝึกงาน ทำ�งาน จนได้ เลื่อนตำ�แหน่งเป็น เซลส์ ซูเปอร์ ไวเซอร์ จนวันหนึ่งตัดสินใจไปทำ� ธุรกิจขายหนังสือพิมพ์ที่ชลบุรี ก็ ยังได้รับโอกาสและแรงเชียร์ จากผู้ ใหญ่และเพื่อนฝูงจนธุรกิจ เติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อต้อง ล้มลุกคุกคลาน มีหนี้สินมากกว่า 100 ล้านบาท ผมก็ยังได้รับน้ำ�ใจ จากคนรอบข้างจนสามารถฟื้น วิกฤตและมีวันนี้ เพราะผมเอง เคยได้รับจึงได้รู้คุณค่าของการให้ จึงอยากเปลี่ยนฐานะจากผู้รับมา เป็นผู้ ให้บ้าง ทั้งหมดเป็นที่มาของ บจก.ไม่ตัน” หลังวางมือจากโออิชิ ตันหัน กลับสู่วิถีเดิม นั่นคือ การกลับมา ปลุกปั้นธุรกิจอาหารญี่ปุ่นอีกครั้ง โดยนำ�ร้านอาหารแบรนด์เนมชั้น นำ�จากประเทศญี่ปุ่น มาตั้งอยู่ใน โครงการอารีน่า 10 ทองหล่อซอย 10 ในโซนเจแปนนิสบาร์ แอนด์ เรสเทอรองต์ 4 ร้าน และโซน ราเมนแชมเปียนอีก 6 ร้าน ผนวก กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ ผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ซึ่งเกิดจาก การมองเห็นโอกาสที่จะมาสร้าง เป็นเม็ดเงินนั่นเอง ถึงวันนี้ ตัน มีธุรกิจส่วนตัว ในมือหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สนามฟุตบอลอารีน่าเท็น, ฟังกี้ วิลล่า สถานบันเทิง ผับ บาร์, รีสอร์ทวิลล่า มาร็อก ที่ปราณบุรี, ร้านช็อกโกแลตสดสไตล์ญี่ปุ่น “Melt Me” ร้านอาหารกึ่งผับที่ชื่อ “EZILY” บนที่ดินในซอยทองหล่อ 10 และร้านอาหารญี่ปุ่นอันเป็น

FEBRUARY 2011

ความชำ�นาญดั้งเดิม และภารกิจของตันในอีก 5 ปี ข้างหน้า คือ นำ�บริษัท ไม่ตัน จำ�กัด เข้าจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่ก้าวที่น่าจับตานับจากนี้คือ การหวนสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อีกครั้ง ด้วยก้าวที่หนักแน่น มั่นคง และใช้อดีตมาสอนปัจจุบัน เพื่อก้าวสู่อนาคต ตัน ซื้อที่ดินทองหล่อซอย 10 จำ�นวน 12 ไร่ ราคาหลัก 1,000 ล้านบาท ซื้อที่ดินแพงสุด ย่าน เพลินจิต 9.5 ไร่ ที่ราคาซื้อขาย พุ่งสูงสุดไปที่ตารางวาละ 1.2 ล้านบาท โดยแบ่งขายไป 7.5 ไร่ ให้กับกลุ่มไรมอนแลนด์ และทุน จากประเทศดูไบจนเป็นกรณีศึกษา ในแวดวงอสังหาฯ ทีเดียว เพราะ หลังจากที่ดินนั้นเปลี่ยนมือจากตัน ก็เข้าสู่ยุคฟองสบู่อสังหาฯ ในปี ต่อมา นี่จึงเป็นโชคที่มาพร้อมโอกาส อีกครั้ง !!! นอกจากนี้ ตันยังมีแลนด์ แบงก์อีก 7-8 แห่งที่มีอนาคตที่ “ตัน” ไล่ซื้อเก็บไว้ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งเคล็ดลับธุรกิจ ในเรื่องนี้ก็คือ ลงทุนซื้อที่ดินผืน งามแทนการเก็บเงินสด ที่เน้นคือ ต้องเป็นที่ดินผืนงามจริงๆ วิธีคิดของตันในการทำ�ธุรกิจ ด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ การหาพันธมิตรร่วมทุน หรือแบ่ง ขายที่ดินบางส่วนให้กับกลุ่มทุนที่ มีศักยภาพในการพัฒนา ส่วนที่ เหลือจะเก็บไว้เพื่อพัฒนาต่อยอด ในธุรกิจที่มีความชำ�นาญ หลังจาก พื้นที่ที่ขายไปถูกสร้างมูลค่าเพิ่ม มาจากโครงการใหม่ของกลุ่มทุน ที่เข้ามาซื้อแล้ว และเงินที่ได้จาก การขายที่ดิน ยังพอสำ�หรับซื้อ ที่ดินแปลงงามเข้ามาเพิ่มเติม อีกด้วย ถึงวันนี้ หนึ่งบวกหนึ่งเป็น สามดูจะน้อยเกินไปสำ�หรับ ตัน โออิชิ n

เคล็ดลับ

ตันผู้ไม่ตัน 1. คิดล้ำ�หน้า แม่นยำ� แล้วลงมือทำ�ทันที 2. ประสบการณ์มีค่า น้อยกว่าจังหวะ และโอกาส 3. ต้องผูกธุรกิจ ให้เป็นเครือข่าย 4. ขายสินค้าพ่วงเจ้าของ 5. ช่องทางการจำ�หน่าย ที่ดี

คาถาประจำ�ใจ มุ่งมั่น ขยัน อดทน มีทัศนคติในเชิงบวก เชื่อมั่นในตนเอง แสวงหาโอกาสใหม่ๆ อยู่เสมอ ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ล้มเหลวแต่ไม่ล้มเลิก

หุ้น

Report By : โสภาวดี ธเนตปราโมทย์

หุ้นน่าลงทุนปีเถาะ

ก

ลงทุนอะไรดีที่ ใช่เลย ลงทุนแล้วไม่เสี่ยง มีกำ�ไร ขายเมื่อไรก็ ได้ใช้เงิน

จากสถิติตัวเลขต่างๆ พบ ว่า บริษัทจดทะเบียนกำ�ไร เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมาโต 29% และปี 2554 นี้น่าจะโตได้อีก 19.8% ขณะที่สภาพคล่องของ โลกมีมากอย่างที่ ไม่เคยเกิดขึ้นมา ก่อน จากการอัดฉีดเงินแก้ปัญหา เศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรป และ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังติดลบ ง่ายๆ ก็คือ ดอกเบี้ยยังอยู่ ระดับต่ำ� สถานการณ์วิกฤตการ เงินยุโรปยังไม่เลวร้าย ที่สำ�คัญ มูลค่าหุ้นปัจจุบันยังไม่ สูงจนเกินไป

ารลงทุนในตลาดหุ้นไทยปีเถาะ 2554 นี้ ถ้าจะให้เลือกลงทุนหุ้น ขนาดใหญ่ยอดฮิตอย่าง บริษัท ปูน ซิเมนต์ไทย (SCC) หรือ บริษัท ปตท. (PTT) หลายๆ คนคงสู้ไม่ไหวกับราคาหุ้น ที่ขึ้นมา เพราะถ้าดูตลอดทั้งปี 2553 ที่ผ่านมา จะเห็นว่าหุ้นใหญ่หลายตัวราคาขึ้นมาสูงแล้ว แต่ถ้าจะให้ลงทุนหุ้นเล็กเก็งกำ�ไรก็คงไม่ไหว ไหนจะราคาหวือหวาเข้า-ออกไม่ทัน มีหวังหัวใจ วาย หรือโชคร้ายไปเข้าตอนที่รายใหญ่กำ�ลัง ขายของก็ ไปรับของแพงอีก โอ๊ยๆๆๆ แล้วจะ ลงทุนอะไรดีที่ใช่เลย ลงทุนแล้วไม่เสี่ยง มีกำ�ไร ขายเมื่อไรก็ ได้ ใช้เงิน ถึงนาทีนี้คงต้องคิดหนัก เงินในกระเป๋าต้อง พร้อม ซึ่งได้กันส่วนหนึ่งมาลงทุน มีแล้วต้องหา หุ้นให้ถูกตัว และถูกจังหวะในการเข้า-ออก ซื้อ ต่ำ�-ขายกำ�ไร คงไม่ใช่เรื่องหมูๆ ที่จะทำ�ได้ทั้งหมดนี้ แต่ เชื่อมั้ยว่า หากคุณๆ ผู้อ่านได้ศึกษาข้อมูลก่อน ตัดสินใจลงทุนแล้ว เชื่อว่าความผิดพลาดย่อม ไม่มี หรือถ้ามีก็มีน้อย แต่อย่างน้อยถ้าตัดสิน

ใจพลาด ก็เป็นการตัดสินใจของตัวเองไม่ต้อง โทษใคร มาดูข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนกันสักหน่อย ปี 2553 ที่ผ่านมา จากสถิติตัวเลขต่างๆ พบ ว่า บริษัทจดทะเบียนกำ�ไรเติบโตต่อเนื่อง ซึ่ง ในปีที่ผ่านมาโต 29% และปี 2554 นี้น่าจะโต ได้อีก 19.8% ขณะที่สภาพคล่องของโลกมีมาก อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จากการอัดฉีด เงินแก้ปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรป และอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังติดลบ ง่ายๆ ก็ คือ ดอกเบี้ยยังอยู่ระดับต่ำ� สถานการณ์วิกฤต การเงินยุโรปยังไม่เลวร้าย ที่สำ�คัญ มูลค่าหุ้น ปัจจุบันยังไม่สูงจนเกินไป และถ้าดูสภาพคล่องทั่วโลกมีมากถึง 7.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเงินเหล่านี้ยังต้องหา ที่ลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนจากตลาดหุ้น และปี นี้คาดว่าจะมีเงินทุนไหลออกจากตลาดพันธบัตร เข้าตลาดหุ้น 2-5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนปัจจัยการลงทุนในประเทศ การเลือก ตั้งปีนี้มีส่วนชี้ชะตาตลาดหุ้น และเงินทุนที่จะ ไหลเข้ามาได้อีกทางนอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น

Smartfinance

FEBRUARY 2011

UNI

หุ้น

เห็นภาพอย่างนี้แล้ว พาให้ฝันหวานถึง ตลาดหุ้นต้องวิ่งเป็นกระทิงขวิดแน่!!! แต่จะซื้อ หุ้นตัวไหนดีล่ะ ที่คิดว่าไม่แพง ได้จังหวะเข้าซื้อ ซื้อแล้วมีกำ�ไรชัวร์ ถือสั้นหรือยาวไม่เสี่ยง ก็ ต้องมาเลือกดูอีกนั่นแหละ จากข้อมูลที่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ รวบรวมหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติถือ เพิ่มขึ้นมากสุดตั้งแต่ต้นปี 2553 ถึงวันที่ 7 ธ.ค. 2553 พบว่ามีจำ�นวนมากถึง 40 ตัว (ตาม ตารางประกอบ) จะเห็นว่าหุ้นบริษัท ศรีตรัง แอโกร อินดัสทรี (STA) มีการซื้อเพิ่มมาก อันดับ 1 ถึง 36.98% สะท้อนอะไรได้บ้าง ประการแรก การซื้อมากของต่างชาติ แสดงว่ามั่นใจเศรษฐกิจ การลงทุนจะเป็น ระยะยาว ซึ่งการซื้อ STA เป็นตัวชี้ว่าสินค้า โภคภัณฑ์ เช่น ยางพารา น้ำ�มัน หรือแม้กระทั่ง ทองคำ�เป็นขาขึ้นสมบูรณ์แบบ ผลตามมาคือ การเทิร์นอะราวด์ หรือการฟื้นตัวแรงๆ ของ ผลประกอบการนั่นเอง สำ�หรับหุ้นที่น่าลงทุน (ของต่างชาติ) ทั้ง

กองทุนรวม

40 ตัวนี้ นักลงทุนจะนำ�ไปเป็นแนวทางการ ลงทุน ก็ ไม่ขี้เหร่สักเท่าไหร่ จะถือสั้น ถือยาว ตามกำ�ไรและความพอใจ ไม่ต้องหนีตายยาม ต่างชาติทิ้งของ แต่ถ้าโดนใจจริง บล.ทรีนีตี้ หุ้น สวย รวยเก่ง เซ็กซี่ ให้เลือก วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการบริหาร บล.ทรีนีตี้ บอกว่า ปีนี้รายย่อยจะเป็นผู้คุม ตลาดหุ้น เป็นกลุ่มที่มีกำ�ลังซื้อมากขึ้น จาก ตัวเลขการลงทุนของนักลงทุนไทยพบว่าเฉลี่ย ต่อวันสูงถึง 66.9% ของมูลค่าซื้อขาย หุ้นที่เป็นดาวเด่นน่าลงทุนของรายย่อยต้อง เป็นหุ้นที่สร้างผลตอบแทนมากๆ หลักที่ใช้ง่ายๆ คือ เป็นหุ้นที่ฝรั่ง-ต่างชาติซื้อมาก และต้องมี การเติบโตของกำ�ไรต่อหุ้น (EPS) โดดเด่น จากการสำ�รวจนักวิเคราะห์ 20 ราย ที่ บลูมเบิร์กรวบรวมมา หุ้นที่มีอัตราการเติบโต ของ EPS ช่วง 3-5 ปี อันดับ 1 คือหุ้นธนาคาร ทหารไทย (TMB) ตามด้วยบริษัท อิตาเลียน ไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) และอันดับ 3 บริษัท ไทยออยล์ (TOP) ส่วนหุ้นตัวที่ฝรั่งซื้อมากและ มี EPS โดดเด่นมี บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์ และการกลั่น (PTTAR) และ TOP เมื่อได้หุ้นน่าลงทุนแล้ว คราวนี้ขึ้นอยู่กับ คุณๆ เองด้วยว่าจะเลือกจังหวะไหนเข้าลุย ต้องมองเงินในกระเป๋าและผลตอบแทน ตลอด จนความเสี่ยงของคุณด้วย แล้วอย่าลืมคติการ ลงทุนมีความเสี่ยง นอกจากมีสตางค์แล้ว ต้อง มีสติด้วย n

หุ้นที่เป็นดาวเด่นน่าลงทุนของราย ย่อยต้องเป็นหุ้นที่สร้างผลตอบ แทนมากๆ หลักที่ ใช้ง่ายๆ คือ เป็น หุ้นที่ฝรั่ง-ต่างชาติซื้อมาก และ ต้องมีการเติบโตของกำ�ไรต่อหุ้น (EPS) โดดเด่น

Report By : สวลี ตันกุลรัตน์

กองทุนตราสารหนี้

รอบนี้...คิดสั้นอย่าคิดยาว

สำ�หรับการลงทุนกองทุนตราสารหนี้ปีนี้ คงจะคิดอะไรยาวๆ มากไม่ ค่อยได้ เพราะกูรูหลายคนฟันธงว่า ปี 2554 “ดอกเบี้ยขึ้นแน่ๆ” Smart Finance Rating ความเสี่ยง ผลตอบแทน สัดส่วนการลงทุน ระยะเวลาการลงทุน อายุผู้ลงทุน ความน่าสนใจการลงทุน การจัดอันดับรวม

ต่ำ�*** ชนะตลาด 30-50% 1 ปี 30-50 ปี สูง LH

หมายเหตุ *** เป็นการวิเคราะห์เชิงปริมาณ โดยไม่ รวมธรรมาภิบาล และคุณภาพผู้บริหาร ซึ่งผู้ลงทุน ควรศึกษาให้ดี

Smartfinance

FEBRUARY 2011

ป

กติจะคิดอะไร จะทำ�อะไร เขาก็ให้ คิดยาวๆ มองกันไกลๆ แต่สำ�หรับ การลงทุนกองทุนตราสารหนี้ปีนี้ ทั้งที่เป็นพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ ของบริษัทเอกชน คงจะคิดอะไรยาวๆ มากไม่ ค่อยได้ เพราะกูรูหลายต่อหลายคนฟันธงอัน เดียวกันว่า ปี 2554 “ดอกเบี้ยขึ้นแน่ๆ” แต่ จะขึ้นมากหรือขึ้นน้อยก็ขึ้นอยู่กับธนาคารแห่ง ประเทศไทย (มิใช่นักวิเคราะห์) จากที่มีการประเมินหลายๆ ความเห็นก็จะ มีตั้งแต่คาดว่า กว่าจะพ้นปีนี้คงได้เห็นการปรับ ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไม่ต่ำ�กว่า 3-4 ครั้ง ถ้าคิด ง่ายๆ ว่า การปรับเพิ่มขึ้นจะเป็นแบบค่อยเป็น ค่อยไป ก็คงจะได้เห็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% รวมๆ แล้วก็น่าจะขึ้นไปได้ถึง 2.75-3% เมื่อเป็นแบบนี้คนที่ชอบลงทุนตราสารหนี้ที่ คิดยาว ลงทุนยาวๆ อาจจะเสียเปรียบคนที่คิด

Smartfinance

FEBRUARY 2011

สั้นๆ ลงทุนสั้นๆ เพราะเมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่ม ขึ้น ตราสารหนี้ที่ออกมาขายจะต้องเรียกแขก (นักลงทุน) ด้วยการให้ดอกเบี้ยที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นคนที่ลงทุนไปจนหมดหน้าตักแล้วก็จะเสีย โอกาสที่จะซื้อตราสารหนี้ที่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น วิน อุดมรัชตวนิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จึงแนะนำ�ให้ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ ระยะสั้น อายุประมาณ 3-6 เดือน หรือลงทุน ในกองทุนตลาดเงิน ซึ่งในกองทุนประเภทนี้จะ มีการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นๆ ไม่เกิน 1 ปีอยู่แล้ว เช่นเดียวกับ ประเสริฐ ขนบชัยธรรม ผู้ ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย ที่ช่วย ยืนยันว่า สถานการณ์ดอกเบี้ยแบบนี้ทำ�ให้การ ลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่อายุต่ำ�กว่า 1 ปี

คนที่ชอบลงทุนตรา สารหนี้ที่คิดยาว ลง ทุนยาวๆ อาจจะเสียเปรียบ คนที่คิดสั้นๆ ลงทุนสั้นๆ เพราะเมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่ม ขึ้น ตราสารหนี้ที่ออกมาขาย จะต้องเรียกแขก (นักลงทุน) ด้วยการให้ดอกเบี้ย ที่เพิ่มมากขึ้น

กองทุนรวม

3 แสนล้านบาท ในขณะเดียวกัน ก็เป็นโอกาสของนักลงทุน ที่จะเลือกช็อป “ของดีผลตอบแทนสูง” ด้วย เช่นกัน เพราะเมื่อดอกเบี้ยในตลาดปรับเพิ่ม ขึ้น บริษัทผู้ออกหุ้นกู้ก็ต้องยอมให้ดอกเบี้ยสูง ขึ้นตามไปด้วย “แต่การออกหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนมัก จะออกระยะเวลาประมาณ 3-5 ปี หรือยาว กว่านั้น ซึ่งนักลงทุนต้องพิจารณาให้รอบคอบ ว่า ศักยภาพในการดำ�เนินธุรกิจเป็นอย่างไร มี ความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยในระยะยาวได้ หรือไม่ โดยเฉพาะหุ้นกู้ที่อายุยาวมากๆ เพราะ ในยุคนี้วัฏจักรเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลง รวดเร็ว” วิน กล่าว พร้อมกับแนะนำ�ว่า อัตราดอกเบี้ยที่น่า สนใจสำ�หรับหุ้นกู้อายุ 3-5 ปี ไม่ควรจะต่ำ�กว่า 4.5% เพราะอาจจะไม่คุ้มกับอัตราเงินเฟ้อใน ระยะยาวที่อยู่ระหว่าง 4-5% ต่อปี ถึงจะคิดสั้นๆ ลงทุนสั้นๆ แต่อย่าลืม วางแผนลงทุนระยะยาว n

Smart Finance Rating

น่าสนใจมากขึ้น หากเป็นกองทุนตราสาร หนี้ระยะยาวที่ต้องบันทึกราคา ตลาด (Mark to market) อาจจะเกิด “ขาดทุน” ได้ เพราะเมื่ออัตราดอกเบี้ยใน ตลาดปรับเพิ่มขึ้น ตราสารหนี้ที่ออกมาก่อน หน้านี้ ที่ได้ดอกเบี้ยต่ำ�กว่าก็จะมีมูลค่าหรือ ราคาลดลง เพราะหากจะนำ�ออกมาขายใน ตลาด คงไม่มีใครอยากจะซื้อ จึงต้องยอมขาย แบบลดราคา แต่ถ้าเป็นการถือตราสารหนี้จนครบกำ�หนด ไถ่ถอน การขาดทุนที่ว่านี้จะเป็นเพียงการ ขาดทุนที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง เพราะนักลงทุนยังได้ ดอกเบี้ยและเงินต้นคืนตามที่กำ�หนดไว้ตามเดิม ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยขา ขึ้นมีให้เห็นแล้วตั้งแต่ปลายปี 2553 เพราะใน อัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้ปรับขึ้น ไปรอต้อนรับอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม หากพ้นช่วงครึ่งแรกของปี ไปแล้ว ประเสริฐ แนะนำ�ว่า อาจจะต้องเริ่ม เบนเข็มไปลงทุนตราสารหนี้ที่อายุยาวขึ้นได้

ความเสี่ยง ผลตอบแทน สัดส่วนการลงทุน ระยะเวลาการลงทุน อายุผู้ลงทุน ความน่าสนใจการลงทุน การจัดอันดับรวม

ต่ำ� ต่ำ� 0-100% 3-6 เดือน ไม่จำ�กัด ปานกลาง LL

หาก ดอกเบี้ย นโยบายเริ่ม ขยับขึ้นไปจนเข้า ใกล้เป้าหมาย เพราะใน ช่วงนั้นการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ย น่าจะชะลอลงบ้างแล้ว นอกจากนี้ ในปีนี้ยังเป็นจังหวะ เหมาะของบริษัทเอกชนที่ต้องการระดมเงิน ทุนโดยการออกหุ้นกู้ เพราะคงจะไม่มีบริษัท ไหนที่ต้องการแบกภาระดอกเบี้ยสูงๆ ที่จะเกิด ขึ้นในอนาคต ทำ�ให้ต้องเร่งออกหุ้นกู้เป็นการ ด่วน ซึ่งทางเครือกสิกรไทยประเมินว่า ในปี 2554 บริษัทเอกชนจะมีการออกหุ้นกู้มากถึง

Smartfinance

FEBRUARY 2011

Ads

อนุพันธ์

Report By : พณิตศรณ์ หวังจงชัยชนะ

ประชาชนผู้ฝากเงิน จากนี้ ไปจะต้อง เริ่มดูแลตัวเอง เพราะปี 2554 พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถาบัน คุ้มครองเงินฝากจะเริ่มทำ�งาน ต่อจากนี้ ไปคนรวยมีเงินกองอยู่ ในธนาคารต้องให้ความสำ�คัญ บริหารให้เงินงอกเงยมากขึ้น

ช่

อีทีเอฟ

ตอบโจทย์การลงทุนปี’54 “เกศรา มัญชุศรี” ผู้ช่วยผู้จัดการ กลุ่มงานพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขออาสาเป็นผู้ไขประตูสู่การลงทุนใหม่ๆ ให้กับผู้ลงทุนชาวไทย

Smartfinance

FEBRUARY 2011

วงรอยต่อของการเปลี่ยนแปลงนี้ เป็นจังหวะเดียวกันกับดัชนีตลาด หุ้นสวมหัวใจกระทิง พุ่งขึ้นแตะ ระดับ 1,000 จุด ในปี 2553 ทำ� สถิติสูงสุดในรอบ 14 ปี ด้วยมูลค่าการซื้อขาย รายวันเฉลี่ยเกือบ 3 หมื่นล้านบาท สูงสุดนับ ตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์ หากซื้อตั้งแต่ต้น ปี 2553 จะมาขายในสิ้นปี จะมีกำ�ไรถึง 42% ตัวเลขอันสวยหรูได้สร้างแรงจูงใจให้คนที่เคย มีบัญชีหุ้น แต่ร้างราการลงทุนไปนานแสนนาน เริ่มหันกลับมาลงทุน ส่วนผูท้ ่ีไม่เคยลงทุนก็อยากจะเข้ามาลงทุน แต่การจะก้าวขาเข้าไปเต็มตัวก็เกิดอาการกล้าๆ กลัวๆ เพราะมีหนุ้ ให้เลือกลงทุนมากกว่า 500 ตัว เกรงว่าหากเลือกผิดตัวอาจสร้างความเสียใจ ให้ได้ ครัน้ จะกอดเงินกินดอกฝากผลตอบแทนก็ ไม่งอกเงย ทางเลือกการลงทุนของประชาชน คนไทยดูชา่ งจำ�กัดมีให้เลือกไม่มากนัก “เกศรา มัญชุศรี” ผู้ช่วยผู้จัดการ กลุ่มงาน พัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ ตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย ขออาสาเป็นผู้ไขประตูสู่การ ลงทุนใหม่ๆ ให้กับผู้ลงทุนชาวไทยว่ายังมีทาง เลือกลงทุนสายกลาง ไม่ต้องหนักใจกับการ เลือกหุ้นรายตัว และให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เงินฝาก นั่นก็คือ อีทีเอฟ (Exchange-Traded Funds : ETF) สาเหตุที่ทำ�ให้ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์เห็นว่าอีทีเอฟจะเป็นคำ�ตอบ สำ�หรับผู้ต้องการแสวงหาการลงทุนรูปแบบใหม่ ที่ไม่ต้องการทุ่มเงินไปลงทุนในสินค้าที่ยังไม่มี ความรู้เพียงพอ และมีความเสี่ยงสูงเช่นหุ้น รายตัว ขณะเดียวกันไม่อยากให้ผลตอบแทน ต่ำ�เตี้ยเรี่ยดินเหมือนกับเงินฝาก นั่นเป็นเพราะ อีทีเอฟคือการซื้อตะกร้าการลงทุนของสินค้า นั้นๆ การเข้าถึงการลงทุนทำ�ได้ไม่ยาก เพียง มีบัญชีการซื้อขายหุ้นกับบริษัทหลักทรัพย์ก็ สามารถลงทุนได้ หากจะให้จัดแบ่งอีทีเอฟ พอจะจัดแบ่งออก

Smartfinance

FEBRUARY 2011

การโปรโมตอีทีเอฟเป็นงาน ท้าทาย และยอมรับว่าปี 2553 ไม่ได้ประสบความสำ�เร็จมากนัก ตลาดหลักทรัพย์มีความเข้าใจในมุมของ บลจ.ว่า การจะออกสินค้าอะไรต้องมีผล ตอบแทนคุ้มค่า ดังนั้นการออกขายพวก กิมจิบอนด์ ซึ่งเป็นกองทุนเอฟไอเอฟมี ค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการรวม ทั้งหมดประมาณ 0.7-0.8% สูงกว่าเมื่อ เทียบกับการออกอีทีเอฟ หาก ขนาดไม่ ใหญ่มากพอจะไม่คุ้ม ค่าเหนื่อย ได้ 4 ประเภท คือ อีทีเอฟอ้างอิงกับดัชนีหุ้น อีทีเอฟอ้างอิงสินค้าโภคภัณฑ์ อีทีเอฟอ้างอิง ตราสารหนี้ และอีทีเอฟอ้างอิงอัตราแลก เปลี่ยน แต่อีทีเอฟอ้างอิงดัชนีหุ้นเป็นที่นิยม ของผู้ลงทุนมากที่สุด เพราะจะครอบคลุมหุ้น รายกลุ่มต่างๆ ด้วย เช่น ธนาคารพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น รองลงมาจะเป็นอีทีเอฟ อ้างอิงทองคำ� จำ�นวนอีทีเอฟจะเกิดขึ้นมากน้อยเพียง ไหนขึ้นอยู่กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ในฐานะทำ�หน้าที่ผู้ออกสินค้าประเภทนี้ ทางตลาดหลักทรัพย์เองพยายามผลักดัน ให้ทาง บลจ. นำ�อีทีเอฟมาซื้อขายในตลาด หุ้นมากขึ้น ทั้งการออกใหม่สินค้าอ้างอิงพวก ทองคำ� ดัชนีหุ้นรายกลุ่ม รวมถึงการนำ�อีทีเอฟ ต่างประเทศมาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย เช่น อินเดีย จีน เพราะจะช่วยให้ผู้ลงทุนชาว ไทยสามารถใช้อีทีเอฟเป็นช่องทางการลงทุน ต่างประเทศ และไม่ต้องหนักใจว่าจะเลือกหุ้น รายตัว แต่เป็นการซื้อดัชนีตลาดหุ้นประเทศที่ ตนเองมีความสนใจ แม้แต่นักลงทุนสถาบันต่างประเทศต่าง ชื่นชอบอีทีเอฟ เพราะเป็นการซื้อทั้งตะกร้า และง่ายต่อการลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุน สถาบันหรือบริษัทประกันที่มีขนาดไม่ใหญ่

เมื่อมีการปรับเพิ่มน้ำ�หนักการลงทุนในหุ้น 5-10% ในเบื้องต้นจะเข้าซื้ออีทีเอฟเป็นลำ�ดับ แรก เพื่อให้ทันกับสภาพตลาด แล้วค่อยไป ผ่องถ่ายลงทุนเป็นหุ้นรายตัวในภายหลัง สำ�หรับแผนการสร้างให้อีทีเอฟเป็นที่รู้จัก ในปีหน้า ทางตลาดหลักทรัพย์จะเริ่มจัดแยก กลุ่มอีทีเอฟออกจากการเทรดในยูนิตทรัสต์ เพื่อให้ผู้ลงทุนเห็นภาพของอีทีเอฟเด่นชัดมาก ขึ้น และสามารถนำ�ไปใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น “ยอมรับการโปรโมตอีทีเอฟเป็นงาน ท้าทาย และยอมรับว่าปี 2553 ไม่ได้ประสบ ความสำ�เร็จมากนัก ตลาดหลักทรัพย์มีความ เข้าใจในมุมของ บลจ.ว่า การจะออกสินค้าอะไร ต้องมีผลตอบแทนคุ้มค่า ดังนั้นการออกขาย พวกกิมจิบอนด์ ซึ่งเป็นกองทุนเอฟไอเอฟมี ค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการรวมทั้งหมด ประมาณ 0.7-0.8% สูงกว่าเมื่อเทียบกับการ ออกอีทีเอฟ หากขนาดไม่ใหญ่มากพอจะไม่ คุ้มค่าเหนื่อย” ไม่ว่าปี 2553 จะเป็นอย่างไร แต่ “เกศรา” ฟันธงว่า ปี 2554 อีทีเอฟต้องเกิด เพราะได้ ทำ�การประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ อีทีเอฟอ้างอิงทองคำ�เชื่อว่าต้องเกิดขึ้นอย่าง แน่นอน แต่ไม่ว่าจะเป็นอีทีเอฟอ้างอิงสินค้าใด ทางตลาดหลักทรัพย์พร้อมเปิดรับ n

ต่ำ� ปานกลาง 40-60% 1-3 ปี 20-50 ปี สูง LH

ประกัน

Report By : ฉัตรชัย ธนจินดาเลิศ

เติมรัก ไร้กังวล ผ่านประกันภัย เดือนแห่งความรัก ก.พ.ปีนี้ คงมีคู่รักหลายคู่ที่ ใช้ช่วงเทศกาลวัน วาเลนไทน์ตกลงปลงใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นคู่สมรสอย่างเต็ม ตัวเสียที ซึ่งคงนำ�มาสู่การเปลี่ยนแปลงในชีวิตคู่บ่าวสาวรุ่นใหม่ ใน ยุคโซเชียลเน็ตเวิร์กสื่อสารไร้พรมแดนไม่มากก็น้อย

ก

ารวางแผนในชีวิตเพื่อเตรียมตัวอยู่ ร่วมกันจึงจำ�เป็นพอสมควร อย่าง น้อยก็เพื่อให้การใช้ชีวิตคู่ราบรื่นอยู่ ด้วยกันอย่างมีความสุข โดยเฉพาะ เรื่องของการลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ด้วยการใช้บริการทางการเงิน อย่างประกันชีวิตและประกันวินาศภัยติดตัวทั้ง ในส่วนของตัวเองและคู่รัก

l สาเหตุที่ให้ความสำ�คัญเรื่องของการ คุ้มครองในชีวิตก่อน ก็เพราะเมื่อชีวิตของคน เรานั้นไม่มีความแน่นอน หากคู่ชีวิตของเราคน ใดคนหนึ่งมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น อย่าง น้อยเงินชดเชยที่ได้จากบริษัทประกันก็ยังพอที่ จะทำ�ให้คนที่ยังอยู่มีทุนเพื่อต่อยอดในการใช้ ชีวิตต่อไปได้ ถือเป็นทางเลือกในการลดความ เสี่ยงทางหนึ่งอันดับต้นๆ ก็ว่าได้

l หากกล่าวถึงเรื่องแนวทางการทำ� ประกันสำ�หรับชีวิตคู่นั้น ในที่นี้สำ�หรับผู้ที่ยังไม่ เคยข้องแวะกับสินค้าประกันเลย อันดับแรก ขอแนะนำ�ให้ดูเรื่องของความคุ้มครองในชีวิต เป็นหลักก่อน ซึ่งแบบประกันชีวิตที่มีขายอยู่ ทั่วไปในตลาดนั้น ก็มีอยู่มากมายให้เลือกได้ตาม กำ�ลังทรัพย์และความสามารถของแต่ละบุคคล

l ต่อมา คงต้องให้ความสำ�คัญกับเรื่อง สุขภาพกันบ้าง ในเมื่อปัจจุบันเป็นที่รู้กันว่าค่า รักษาพยาบาลตามโรงพยาบาลนั้นสูงขึ้นทุกปี และไม่มีแนวโน้มลดลง หากท่านคิดว่าจะอาศัย ค่ารักษาพยาบาลกับสวัสดิการของรัฐเพียง อย่างเดียวก็คงไม่เป็นไร ในส่วนนี้อาจละเว้นไว้ ก่อนก็ ได้

สาเหตุที่ ให้ความสำ�คัญ เรื่องของการคุ้มครอง ในชีวิตก่อน ก็เพราะเมื่อ ชีวิตของคนเรานั้นไม่มีความ แน่นอน หากคู่ชีวิตของเรา คนใดคนหนึ่งมีเหตุการณ์ที่ ไม่ คาดฝันเกิดขึ้น อย่างน้อยเงิน ชดเชยที่ ได้จากบริษัทประกัน ก็ยังพอที่จะทำ�ให้คนที่ยังอยู่มี ทุนเพื่อต่อยอดในการ ใช้ชีวิตต่อไปได้

Smartfinance FEBRUARY 2011

ALIFE

รถยนต์

ประกัน จะให้ซื้อประกันแบบไหนกับบริษัท ไหนดี ตรงนี้ต้องบอกก่อนว่าไม่มี สูตรสำ�เร็จตายตัว ขึ้นอยู่กับความ ต้องการของบุคคล แต่โดยพื้น ฐานหลักของแบบประกันทั้งในส่วน ของชีวิตและวินาศภัยแล้ว ไม่ว่าจะ เป็นแบบไหนหรือบริษัทไหนก็จะมี รูปแบบที่เป็นมาตรฐานใกล้เคียงกัน ผลตอบแทนหรือความคุ้มครองก็ ไม่ต่างกันมากนัก l แต่ถ้าท่านต้องการความสะดวกสบาย เพิ่มเติมในการรักษาพยาบาลกับโรงพยาบาล เอกชน ก็ให้คิดถึงการทำ�ประกันสุขภาพ พ่วงเข้าไปด้วย โดยเริ่มต้นให้พิจารณาจาก สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลของที่ทำ�งานก่อน ว่ามีเพียงพอกับความต้องการหรือไม่ ปีหนึ่ง เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ไม่เกินกี่บาท มีการ จำ�กัดวงเงินไว้เท่าใด หากสรุปได้ว่าคงไม่เพียง พอแน่ ก็ตัดสินใจทำ�ประกันสุขภาพได้เลย ซึ่ง ประกันประเภทนี้เมื่อเกิดการเจ็บป่วยเข้ารักษา พยาบาลก็จะได้เงินชดเชยเป็นค่าหมอ ค่าห้อง ค่ารักษาต่างๆ ตามทุนประกันที่ได้ซื้อไว้ แลก กับค่าเบี้ยประกันที่ต้องเสียเป็นรายปี และขึ้น อยู่กับอายุและเพศด้วย ซึ่งยังมีประกันอุบัติเหตุ ส่วนบุคคล (พีเอ) ที่รักษาพยาบาลเฉพาะกรณี เกิดอุบัติเหตุหรือประกันภัยโรคร้ายแรง ที่จะ จ่ายเงินชดเชยให้เป็นก้อนเพื่อนำ�ไปรักษาตัว เองเมื่อตรวจพบโรคอีกด้วย ส่วนนี้ก็เลือกซื้อ เพิ่มเติมได้ตามความพอใจ l ผ่านเรื่องตัวบุคคลมาแล้ว ทีนี้ก็มาถึง เรื่องการลดความเสี่ยงให้กับทรัพย์สินกันบ้าง บ้านหรือคอนโดหลังน้อยหลังใหญ่ที่กำ�ลังจะ

เข้าไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน หากไม่มีเงินสดเพียง พอ การกู้เงินกับธนาคารมาผ่อนย่อมเป็นทาง เลือกหนึ่ง l แต่ด้วยความที่ต้องผ่อนอย่างน้อย 10-30 ปี ก็ต้องมองระยะยาวกันบ้าง ประกัน สินเชื่อจึงควรมีคู่ติดไปกับการกู้เงินด้วย มีรูป แบบความคุ้มครองในกรณีที่คนกู้เงินเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวร หนี้สินส่วนที่เหลือบริษัท ประกันชีวิตก็จะเป็นผู้จ่ายแทนปิดบัญชีให้ ทั้งหมด คนที่อยู่ต่อก็ยังมีบ้านอยู่ต่อไป โดยไม่ ต้องกังวลว่าจะถูกธนาคารมายึดเมื่อไหร่ เช่น เดียวกับการกู้เงินซื้อรถยนต์ก็ใช้ประกันสินเชื่อ ประเภทนี้ ได้เหมือนกัน และให้ความคุ้มครอง ในลักษณะเดียวกัน ซึ่งยังมีประกันที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นประกันอัคคีภัยสำ�หรับที่อยู่อาศัย หรือแม้แต่ประกันภัยรถยนต์ ให้พิจารณาถึง ความจำ�เป็นเพิ่มเติมอีก l เมื่อใช้ชีวิตคู่อยู่กันมาได้ช่วงหนึ่ง ก็ อาจถึงเวลาต้องมีเจ้าตัวเล็กเพื่อเป็นขวัญกำ�ลัง ใจในการทำ�งานเสียที ซึ่งในส่วนของประกัน สำ�หรับบุตรนั้น สามารถซื้อประกันชีวิตและ ประกันสุขภาพควบคู่กันได้ตั้งแต่คลอดออกมา ได้เลย ให้ความคุ้มครองเหมือนกับกรณีของ ผู้ ใหญ่เหมือนกัน ขณะเดียวกันในส่วนของบุตร นั้น เริ่มวางแผนเรื่องการศึกษาไว้ได้เลยด้วย ประกันออมทรัพย์ ค่อยๆ เริ่มทีละเล็กละน้อย ตามอายุก่อนก็ ได้ เอาไว้เป็นทุนเพื่อการศึกษา ในอนาคต

l แล้วจะให้ซื้อประกันแบบไหนกับบริษัท ไหนดี ตรงนี้ต้องบอกก่อนว่าไม่มีสูตรสำ�เร็จ ตายตัว ขึ้นอยู่กับความต้องการของบุคคล แต่ โดยพื้นฐานหลักของแบบประกันทั้งในส่วนของ ชีวิตและวินาศภัยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน หรือบริษัทไหนก็จะมีรูปแบบที่เป็นมาตรฐานใกล้ เคียงกัน ผลตอบแทนหรือความคุ้มครองก็ ไม่ ต่างกันมากนัก เปรียบเสมือนกับซื้อรถยนต์ที่ หลักๆ ก็ต้องมีตัวรถ มีเครื่องยนต์ มีล้อ 4 ล้อ ส่วนใครต้องการล้อแม็ก กระจกไฟฟ้า ซันรูฟ หรือไฟตัดหมอก ก็ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการ และกำ�ลังทรัพย์ส่วนตัวแล้ว

การซื้อประกันก็เช่นกัน เราสามารถ บอกตัวแทนขายประกันได้ว่าเรามีความต้องการ แบบไหน อยากได้วงเงินคุ้มครองสูงๆ แต่จ่าย เบี้ยน้อยๆ มีขายหรือเปล่า มีรายได้ปีละเท่านี้ อยากจ่ายเบี้ยปีละไม่เกินหมื่น จ่ายแค่ 10 ปี พอ ได้ทุนประกันเท่าไหร่ ตรงนี้ตัวแทนขาย ประกันสามารถช่วยแก้ปัญหาให้เราได้ ส่วนจะ เลือกซื้อกับบริษัทประกันไหนก็ให้ดูเรื่องของ ความมั่นคงในฐานะการเงินเป็นหลัก บริษัท ไหนที่มีข่าวว่าถูกลงโทษฐานะการเงินไม่ค่อย ดี อันนี้แนะนำ�ว่าอย่าไปยุ่งดีกว่า หรือถ้าไม่ แน่ใจเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ www.oic.or.th ของ สำ�นักงานคณะกรรมการกำ�กับและส่งเสริมการ ประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ก็พอช่วยได้ เมื่อท่านมีประกันแล้ว ความกังวลใจถึงความ ไม่แน่นอนในชีวิตของท่านก็จะเบาใจลงไปได้ อีกเปลาะหนึ่ง n l

Smartfinance

FEBRUARY 2011

Report By : นิธิ ท้วมประถม

กระบะหน้ า ตั ด ทางเลือกเอสเอ็มอีหน้าใหม่

กระบะหน้าตัดยังสามารถดัดแปลงกระบะหลังให้เป็นร้านค้าแบบเคลื่อนที่ ได้ง่ายกว่า รถกระบะแบบปกติ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำ�หรับผู้ที่ต้องการรถกระบะไปประกอบอาชีพ รวมทั้งเป็นพาหนะในชีวิตประจำ�วัน เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย

ใ

นภาวะเศรษฐกิจรัดตัวในปัจจุบัน การ ลงทุนในทุกประเภทล้วนมีความเสี่ยง ดังนั้นเราจึงจำ�เป็นต้องทำ�การบ้านอย่าง ละเอียดเกี่ยวกับการลงทุนในทุกเรื่อง รถยนต์ก็เช่นกัน หากท่านผู้อ่านต้องการ ซื้อรถกระบะสำ�หรับทำ�ธุรกิจสักคัน ก็ควรจะ ต้องศึกษาอย่างละเอียดสักนิด เพราะเดี๋ยวนี้ รถกระบะเขามีหลายประเภทให้เลือก เพื่อให้ เหมาะสมกับการใช้งานแล้ว หากท่านผู้อ่านต้องการรถกระบะที่ใช้ขนส่ง สินค้าในเมืองเป็นหลัก ก็ ไม่จำ�เป็นต้องไปซื้อ รถกระบะหน้ายาวในราคาหลายแสนบาท แต่ควรเลือกใช้รถกระบะหน้าตัด หรือหน้า สั้น เพื่อความคุ้มค่ามากที่สุด เพราะรถกระบะ ประเภทนี้จะสะดวกในการจอดเพื่อขนถ่าย สินค้า และมีพื้นที่สำ�หรับบรรทุกมากกว่ารถ กระบะในรุ่นปกติ นอกจากนี้ กระบะหน้าตัดยังสามารถ ดัดแปลงกระบะหลังให้เป็นร้านค้าแบบ เคลื่อนที่ได้อีกด้วย ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำ�หรับ ผู้ที่ต้องการรถกระบะไปประกอบอาชีพ รวมทั้ง เป็นพาหนะในชีวิตประจำ�วัน สำ�หรับเรื่องของเครื่องยนต์นั้น ไม่ต้อง กังวล เพราะรถกระบะหน้าสั้นเหล่านี้ ไม่จำ�เป็น ต้องใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่แรงม้าสูงๆ แต่ เน้นที่แรงบิด เพื่อไว้บรรทุกสินค้าเท่านั้น นั่น ทำ�ให้รถกระบะหน้าตัดส่วนใหญ่มีอัตราการสิ้น เปลืองที่ต่ำ�กว่ารถกระบะแบบปกติ และทำ�ให้ ต้นทุนในการทำ�ธุรกิจต่ำ�ลงไปด้วย สำ�หรับราคาของรถกระบะหน้าตัดเหล่า นี้ ราคาเริ่มต้นก็ประมาณ 3.8-4.22 แสน บาท สำ�หรับรถดีเอฟเอ็ม จากประเทศจีน ที่ใช้เครื่องยนต์ 1.1 ลิตร และ 1.3 ลิตร ตามลำ�ดับ

Smartfinance

FEBRUARY 2011

ขณะที่ ทาทา รถจากอินเดียก็เปิดตัว ทาทา ไจแอนท์ กระบะหัวตัดที่ใช้พลังงานจาก แก๊สเอ็นจีวีเป็นรายแรก โดยเน้นเรื่องความ ประหยัดเป็นหลัก แต่ยังมีปัญหาในเรื่องข้อ จำ�กัดเกี่ยวกับจำ�นวนศูนย์บริการ นอกจากนี้ เจ้าตลาดอย่าง ซูซูกิ แครี่ ที่ทำ� ตลาดรถกระบะหน้าตัดนี้มาอย่างยาวนาน แต่ มีเครื่องยนต์ ให้เลือกเพียงรุ่นเดียวคือ เบนซิน 1.3 ลิตร ซึ่งไม่ค่อยประหยัดเท่าไหร่ แต่ได้

รถกระบะหน้าตัดนั้นเป็นรถเชิง พาณิชย์ที่เหมาะอย่างยิ่ง สำ�หรับใช้เพื่อการบรรทุกใน เขตชุมชนเมือง เพราะได้ เปรียบในเรื่องของขนาดตัว รถที่สั้นกว่ารถกระบะทั่วไป

เปรียบตรง ศูนย์บริการที่มีจำ�นวนมากและ อะไหล่ที่มีเหลือเฟือ ส่วนอีกยี่ห้อที่มาแรงก็คือ เกีย จัมโบ้ รถ จากแดนเกาหลี ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์ โบ ขนาด 3.0 ลิตร ซึ่งถือว่าเป็นรถกระบะหน้าตัด ที่ใหญ่ที่สุดในตลาดเมืองไทย อย่างไรก็ตาม รถกระบะหน้าตัดนั้นเป็นรถ เชิงพาณิชย์ที่เหมาะอย่างยิ่งสำ�หรับใช้เพื่อการ บรรทุกในเขตชุมชนเมืองเป็นหลัก ไม่เน้นเรื่อง การขับขี่ด้วยความเร็วสูง ที่สำ�คัญยังสามารถดัดแปลงกระบะหลังให้ เป็นร้านขายของได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะ เป็นร้านกาแฟ ร้านขายข้าวแกง ขายกับข้าว ที่สามารถเคลื่อนที่ไปขายตามชุมชนต่างๆ ที่ สำ�คัญราคาจำ�หน่ายรถกระบะหน้าตัดนั้นถูกกว่า กระบะปกติเกือบเท่าตัว หากมองหารถเพื่อการพาณิชย์สักคัน ลองมองกระบะหน้าตัดสักนิด แล้วจะรู้ว่า ความคุ้มค่านั้นมีจริง n

Report By : ณัฐพล ช่วงประยูร

Ads

ภาพ : ทวีชัย ธวัชปกรณ์

ธุรกิจคนดัง

ความสุข ความทรงจำ� ในทุกคำ�ของ เบบี้ พัฟฟ์

โดย คู เปย จง

Smartfinance

FEBRUARY 2011

Smartfinance

FEBRUARY 2011

เช็กดวง

ธุรกิจคนดัง

คำ�ทำ�นาย

ประจำ�เดือน ก.พ. ราศีเมษ Arie

Mar 21 - April 20

2554

Report By : พรายพรรณ โคบุตร

หรือผู้ที่เกิดระหว่าง 21 มี.ค.-20 เม.ย.

เรื่องงานของชาวเมษไม่เบา แต่ก็ยังพอไหวน่ะ จะมีอุปสรรค มาให้คุณต้องฝ่าฟันเรื่อยๆ อาจเจอเจ้านายหรือลูกค้าหัวดื้อหัวรั้น ที่ทำ�ให้คุณต้องวิ่งวุ่น ก็ต้องพยายามปล่อยวางบ้าง อย่าไปเครียด สำ�หรับการเงินก็สูสี ปัญหาคือคุณช็อปปิ้งเพื่อบำ�บัดความกังวล จะหมดเงินไปกับเรื่องไร้สาระหลายอย่าง หากคิดจะลงทุน ควร รอไว้ก่อน แต่เรื่องดีก็คือสุขภาพของคุณไม่มีปัญหา ยังคงสดชื่น สดใสได้ตลอด

ราศีตุล

Libr

Sep 24 - Oct 23

Taurus

April 21 - May 21

ห

ลังจากออกอัลบั้มป๊อปเท่ๆ ใน นามวง ปรินซ์ ไปเมื่อหลายปี ก่อน หันเหสู่การทำ�ธุรกิจจิวเวลรี ล่าสุด เวฟ คู เปย จง หรือ เวฟ หนุ่มวัยไม่ถึง 30 เชื้อสายจีน-มาเลเซีย ก็ผันตัว มาทำ�ธุรกิจขนมหวานชื่อ “เบบี้ พัฟฟ์” ทีมงานแวะมายังร้านสาขาที่ 2 ย่านเจ อเวนิว ทองหล่อ 15 ร้านทรงหลายเหลี่ยมด้าน หน้าสุดของบริเวณคอมมูนิตี มอลล์ แห่งนี้ ที่ตั้งของขนมชื่อไม่คุ้นหู เบบี้ พัฟฟ์ เวฟบอกว่า มันคือลูกของเวฟอย่างปฏิเสธไม่ได้ แม้ปัจจุบัน เขาทำ�หน้าที่พิธีกร คอยอัพเดตข่าวสารวงการ เพลงอาเซียนในรายการ A-Port ที่ Bang Channel และช่วง Asian Pop ในรายการเวค คลับ และล่าสุดก็เตรียมจะมีผลงานการแสดง ละครในต้นปีหน้า ตลอดหลายเดือนมานี้เขาก็ ยังให้เวลากับกิจการร้านมากกว่าวันละ 12 ชม. ตลอด 7 วันต่อสัปดาห์ หลังจากเริ่มต้นธุรกิจ มาจนขยายสาขาได้ 3 แห่งแล้ว “เบบี้ พัฟฟ์” ร้านขนมที่เจ้าตัวการันตีว่าไม่ เหมือนใคร มีที่มาจากงานอดิเรกที่ชอบทำ�ขนม สูตรต่างๆ ก็คิดค้นขึ้นมาเอง โดยประยุกต์จาก สูตรโบราณของแม่และทวดผสมกับความรู้ที่ได้ จากการเรียนกับเชฟฝรั่งเศสและญี่ปุ่นจนออก มาเป็นพัฟฟ์หอมกรอบนุ่มใน 6 ไส้ ทั้งหวาน และคาว ได้แก่ เบลเยียม ดาร์ก ช็อกโกแลต ช็อกโกแลต เอ็มแอนด์เอ็ม อัลมอนด์ ช็อกโกแลต สตรอเบอร์รีสดผสมช็อกโกแลต มอคคาไวต์ช็อกโกแลต ที่กัดลงไปแต่ละคำ�ให้ ความรู้สึกเหมือนช็อกโกแลตลาวาชุ่มฉ่ำ�เต็ม ปากเต็มคำ� และที่สุดของไส้คาวก็ต้องยกให้ แฮมชีส ถูกอกถูกใจทั้งลูกค้าไทยและเทศ “ผมเป็นคนชอบขนม เติบโตมากับขนม และมีโอกาสได้ทำ�ขนมฝึกมืออยู่บ่อยๆ กระทั่ง คิดจับมาทำ�ธุรกิจ เลยพัฒนาสูตรจากสิ่งที่เรา คุ้นชินในอดีตอย่าง พัฟฟ์ แต่จะมีใครคิดว่า

‘เบบี้ พัฟฟ์’ ร้านขนม ที่เจ้าตัวการันตีว่าไม่ เหมือนใคร สูตรต่างๆ คิดค้นขึ้นมาเอง โดยประยุกต์ จากสูตรโบราณของแม่และทวด ผสมกับความรู้ที่ ได้จากการ เรียนกับเชฟฝรั่งเศสและญี่ปุ่น จนออกมาเป็นพัฟฟ์หอมกรอบ นุ่มใน 6 ไส้ ทั้งหวาน และคาว

ราศีเมถุน Gemini

May 22 - June 21

หรือผู้ที่เกิดระหว่าง 22 พ.ค.-21 มิ.ย.

June 22 - July 23

เบลเยียม ดาร์ก ช็อกโกแลต ช็อกโกแลต เอ็มแอนด์เอ็ม อัลมอนด์ ช็อกโกแลต สตรอเบอร์รีสดผสมช็อกโกแลต มอคคาไวต์ช็อกโกแลต

หรือผู้ที่เกิดระหว่าง 22 มิ.ย.-23 ก.ค.

หรือผู้ที่เกิดระหว่าง 24 ก.ค.-23 ส.ค.

irgo

Aug 24 - Sep 2

Smartfinance

FEBRUARY 2011

Sagittariu

Nov 23 - Dec 21

หรือผู้ที่เกิดระหว่าง 24 ส.ค.-23 ก.ย.

ในภาพรวมของชาวกันย์ถือว่าดีพอใช้ เรื่องการงานก็มี โอกาสจะได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำ�แหน่งขึ้นไปอยู่ในระดับสูง จะได้เป็น เจ้าของกิจการอย่างเต็มตัวหรือมีการขยับขยายเพิ่มเติม ส่วนการ เงินก็ถือว่าดีทีเดียว เรื่องใช้จ่ายประจำ�วันไม่มีปัญหา ผู้ที่ทำ�การค้า มีธุรกิจส่วนตัวจะมองเห็นช่องทางในการทำ�กำ�ไร แต่เรื่องสุขภาพก็ ต้องระวัง เอาแน่เอานอนไม่ได้ อยู่ดีๆ ก็จับไข้ตัวร้อนเสียอย่างนั้น

Smartfinance

FEBRUARY 2011

ช่างเป็นเดือนที่สดใสของชาวพิจิก คุณจะประสบความสำ�เร็จ เรื่องงาน โครงการที่เพิ่งทำ�เสร็จสิ้นไปจะส่งผลดี ให้ผลประโยชน์แก่ คุณมากจนไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะคนที่ทำ�ธุรกิจส่วนตัว ส่วนสุขภาพ ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่มีปัญหาที่ต้องกังวล เช่นเดียวกับการเงิน เรียกว่ายังจับจ่ายได้อย่างไม่มีปัญหา อาจได้จ่ายเงินเพื่อรื้อฟื้นความรู้ เก่าๆ หากคิดจะลงทุน ลองมองหากิจการเกี่ยวกับสินค้าสำ�หรับเด็กๆ

หรือผู้ที่เกิดระหว่าง 23 พ.ย.-21 ธ.ค.

ชาวธนูจะรู้สึกคึกคักกระฉับกระเฉงเกือบตลอดเวลา เป็นเพราะ สุขภาพของคุณอยู่ในขีดสมบูรณ์ สามารถรับมือกับการงานที่มีปัญหา น่าหนักใจ อาจถึงขั้นต้องรื้อโครงสร้างเก่าทิ้งไป แล้วปั้นแต่งสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาแทน แต่จังหวะเวลาอาจจะยังไม่ลงตัว อะไรๆ จึงคืบหน้าได้ ยาก ส่วนการเงินนั้นก็น่าเป็นห่วงเพียงแค่เรื่องจับจ่ายแบบไม่คิดหน้า คิดหลัง อาจต้องเสียเงินกับการเดินทางและยานพาหนะมากเป็น พิเศษ

ราศีมังกร Capricor

Dec 22 - Jan 20

หรือผู้ที่เกิดระหว่าง 22 ธ.ค.-20 ม.ค.

ชาวมังกรจะได้ข่าวดีเรื่องงานใหม่ โครงการใหม่ การงานมี ความก้าวหน้า ได้รับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ไปทั่ว มีคนให้ความ สนับสนุนเป็นอย่างดี ขณะที่การเงินจะทำ�ให้คุณหนักใจอยู่บ้าง เพราะมีรายจ่ายมาก หาเท่าไหร่ก็ ไม่ค่อยจะพอใช้ แต่คุณก็สู้ไม่ถอย เหมือนกัน ถึงอย่างไรก็ต้องระวังรักษาสุขภาพไว้บ้าง อย่าทำ�อะไร หักโหม แม้คุณจะยังแข็งแรงดี แต่ก็มีโอกาสจะเจ็บตัวเพราะคนอื่น ได้เช่นกัน

ราศีกุมภ์ Aquarius

Jan 21 - Feb 19

เรื่องงานของชาวสิงห์ดูดีมาก เป็นช่วงที่กำ�ลังมือขึ้น หยิบ จับโครงการใดก็จะประสบความสำ�เร็จราวกับโชคชะตาเข้าข้าง จังหวะเวลาช่างลงตัว ช่วยให้คุณไม่ต้องเหนื่อยมาก สุขภาพหรือ ก็สดใสแข็งแรง หน้าตาสดชื่นแจ่มใสจนใครๆ ทัก ส่วนการเงินแม้ จะไม่โดดเด่น แต่ก็มองไม่เห็นว่าจะมีปัญหา จะมีที่น่ารำ�คาญก็คือ เรื่องของการขอเบิกจ่ายจากองค์กรที่อาจจะยืดเยื้อกินเวลาและ ผ่านขั้นตอนมากมาย

ราศีกันย์

หรือผู้ที่เกิดระหว่าง 24 ต.ค.-22 พ.ย.

ราศีธนู

การงานจะทำ�ให้คุณพัวพันอยู่กับเพื่อนฝูงและคนรัก อาจมี การใช้เส้นสายของคนใกล้ชิด ไม่อย่างนั้นคุณกับคนรักก็มีโอกาส ได้ทำ�งานหรือลงทุนร่วมกัน แต่ต้องบริหารจัดการให้ดี สำ�หรับ เรื่องเงินตอนนี้จะใช้จ่ายมากเกี่ยวกับการจัดงานสังสรรค์รื่นเริง งานนอกสถานที่ แต่ก็ ไม่ได้กระทบรายรับ คนที่ทำ�ธุรกิจส่วนตัวยิ่ง ทำ�กำ�ไรได้มาก สำ�หรับสุขภาพ ต้องระวังเรื่องดื่มกินในปริมาณที่ มากเกินความพอดี

ราศีสิงห์ July 24 - Aug 23

Scorpi

Oct 24 - Nov 22

เดือนนี้รู้สึกว่าชีพจรจะลงเท้าคุณ การงานจะทำ�ให้คุณต้อง เดินทางบ่อยๆ เรียกว่านั่งไม่ติดโต๊ะทำ�งานกันเลยทีเดียว คุณอาจ ได้รับมอบหมายหน้าที่ใหม่ที่มีส่วนช่วยให้คุณได้เติบโตก้าวหน้า ต่อไป ส่วนการเงินก็น่าเป็นห่วงเล็กน้อย อันตรายอยู่ที่การใช้จ่าย ตามอารมณ์ เช่นเดียวกับการลงทุนจะพลั้งพลาดเพราะคุณไม่ใช้ เหตุผลในการตัดสินใจ ส่วนคนที่มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้วก็ควรจะ ไปตรวจเช็กดูบ้าง

ราศีกรกฎ Cancer

พัฟฟ์ที่มีช็อกโกแลต และของหวานอื่นๆ ซ่อน ตัวอยู่ ก็เลยลงตัวเกิดเป็น เบบี้ พัฟฟ์ นี้ ช่วงเดือนแรกๆ ที่เปิดร้านผมแทบไม่ได้ หลับไม่ได้นอน เพราะต้องเข้าครัวและบริหาร ทำ�เองทุกขั้นตอน ไม่เว้นแม้แต่จ่ายตลาด นอกจากนี้ยังต้องคุมกันตั้งแต่ในครัว ส่วนผสม ต่างๆ ต้องให้พอดี ออกมานอกครัวก็ต้องดูแล พนักงานว่าอธิบายถูกหรือไม่ เพราะเบบี้ พัฟฟ์ เป็นของแปลกใหม่ ไม่เหมือนข้าวผัดหรือ สปาเกตตีที่ทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว ด้วยขั้นตอน การผลิตที่ยุ่งยาก ด้วยความที่ต้องปั้นกันเอง ต้องอาศัยคน บางคนขี้เกียจบ้าง บางคนฝึกจนเป็นแล้วก็ลา ออก พอเป็นแบบนี้ของเราก็ ไม่มี ถ้าเราสั่งมา จากที่อื่นก็คงเป็นงานสบาย แต่นี่เราทำ�เองมัน ก็ลำ�บาก บางทีก็ท้อแท้บ้างเหมือนกัน แต่การ ทำ�เบบี้ พัฟฟ์ มันเป็นความสุขอันหนึ่งของผม กำ�ไรได้ชิ้นละไม่กี่บาท แต่มันก็คุ้มค่าเมื่อคนกิน เข้าไปแล้วเขาแฮปปี้ ผมก็มีความสุขไปด้วย” เวฟไม่ใช่แค่จะขายของ แต่เขาต้องการให้ คนซึ้งกับชิ้นของ ฉะนั้นเขาจึงต้องทำ�ขนมชิ้น น้อยให้คุ้มเงินที่ลูกค้าจ่าย n

การงานของชาวพฤษภจะเป็นที่น่าหนักใจ เพราะอยู่ในภาวะ ชะงักงัน ไม่มีความเคลื่อนไหว ขยับขยายไม่ได้ แถมยังเจอปัญหา รุมเร้าจากรอบด้าน ต้องค่อยๆ หยิบจับมาแก้ไขไปทีละเรื่อง ส่วน เรื่องเงินทองก็ขอให้เบามือกับการใช้จ่ายไว้หน่อย เดี๋ยวจะต้อง หมุนเงินจนเหนื่อย อย่าเพิ่งลงทุนในตอนนี้ นอกเสียจากว่าโอกาส จะเหมาะจริงๆ เรื่องสุขภาพก็ ไม่ควรประมาท ต้องเลิกนอนดึก แล้วก็กินอยู่ให้ถูกสุขลักษณะ

เดือนนี้ชาวตุลจะต้องหนักใจเรื่องงานเป็นที่สุด ระวังเรื่อง การเมืองในออฟฟิศ หรือการเล่นพรรคเล่นพวกที่จะทำ�ให้คุณ ลำ�บากใจ นอกจากจะโดนหาเรื่องแล้ว การงานยังอาจไม่เดินหน้า อีกด้วย แต่เรื่องเงินไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ คุณอาจได้รับมรดก ได้ ทรัพย์สินจากผู้ ใหญ่ ได้ของกำ�นัลจากผู้อาวุโสกว่า หากทำ�ธุรกิจด้าน อสังหาริมทรัพย์จะโกยกำ�ไรได้มาก ส่วนเรื่องของสุขภาพขอให้ระวัง เรื่องอาหารการกิน

ราศีพิจิก

ราศีพฤษภ

หรือผู้ที่เกิดระหว่าง 21 เม.ย.-21 พ.ค.

หรือผู้ที่เกิดระหว่าง 24 ก.ย.-23 ต.ค.

หรือผู้ที่เกิดระหว่าง 21 ม.ค.-19 ก.พ.

ถือเป็นเดือนที่ต้องเหนื่อยพอสมควรสำ�หรับชาวกุมภ์ โดยเฉพาะเรื่องงาน ดูเหมือนจะติดขัดไปแทบจะทุกอย่าง รวมทั้ง ต้องระวังผลเสียที่เกิดจากข่าวลือด้วย ส่วนการเงินก็ถือว่าเป็นภาระ หนักหนาเช่นกัน มีเรื่องต้องใช้จ่ายมาก โครงการที่คุณคิดจะลงทุน อาจเจอโรคเลื่อน หรือมีข้อติดขัดจนไม่อาจแจ้งเกิดได้ แต่เรื่องอื่นๆ นั้นหายห่วง สุขภาพก็ยังแข็งแรงดี อาจได้เดินทางไปพักผ่อนใน ต่างแดนอีกด้วย

ราศีมีน Pisces

Feb 20 - Mar 20

หรือผู้ที่เกิดระหว่าง 20 ก.พ.-20 มี.ค.

เรื่องที่ต้องระมัดระวังมากในเดือนนี้ก็คือเรื่องงาน อย่าเพิ่งหมด กำ�ลังใจหากงานของคุณจะมีอุปสรรคสารพัด หรือทำ�ไปแล้วผู้หลัก ผู้ ใหญ่ไม่พอใจ คิดเสียว่ายังไม่ใช่วันของคุณ ขอให้พยายามต่อไป นอกจากนี้จิตใจที่เคร่งเครียดกังวลจะส่งผลต่อสุขภาพกายของคุณ ได้ แต่ในทางกลับกัน เรื่องเงินทองของคุณกลับโดดเด่น มีโอกาสได้ ทรัพย์ก้อนใหญ่ มีโชคลาภ ได้ผลประโยชน์จากการลงทุนมากเกินกว่า ที่คาดไว้ n

ไอเดียเด็ดต่างแดน

Report By : สุวิชา ชนิตรนันต์

ปั้นธุรกิจ

เจฟฟ์ สวีดาร์สกี

ด้วยเงิน 100 เหรียญ “ทุน” คำ�แสลงสำ�หรับหลายคนทีต่ อ้ งการเริม่ ต้นธุรกิจใหม่ ที่อาจจะก่อกวนความฝันของคนอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ อยู่เนืองๆ

ค

รั้นจะหันพึ่งพาสถาบันการเงินก็เกรงไปอีกว่า ต้องแบกรับความเสี่ยงที่จะ ตามมาไม่ไหว แล้ว ทำ�ไมเราจะต้องปล่อยให้เงินมาทำ�ให้ความฝันต้องโดนพับเก็บ เข้ากรุ ในความเป็นจริง การเริ่มต้นธุรกิจไม่ได้มีสูตรสำ�เร็จที่เงินก้อนโตเสมอไป เพียงแต่ ต้องรู้จักการหาโอกาส ช่องทาง และใช้เวลา พร้อมด้วยแรงศรัทธาในสิ่งที่ทำ�เข้าแลก มีตัวอย่างดีๆ ในการดำ�เนินธุรกิจของสองหนุ่มสาวไฟแรงในฝั่งสหรัฐ ที่ลงทุนไม่ ถึง 5,000 บาท แต่ปลุกปั้นความฝันให้งอกเงยด้วยกำ�ไรเป็นล้านบาทต่อปี

แคล โรบินสัน เจ้าของไลฟ์ เวิลด์ลี (Live Worldly) บริษัทจำ�หน่ายเครื่อง ประดับจากนานาประเทศ เริ่มต้นลงทุนทำ�ธุรกิจของตัวเองด้วยเงิน เพียง 40 เหรียญสหรัฐ (ราว 1,200 บาท) ในวันที่พาตัวเองบินไป พักใจในอาร์เจนตินา หลังจากการโดนเชิญออกจากงานประจำ� แต่ กลับไปสังเกตเห็นว่า ผู้คนที่นั่นนิยมสวมกำ�ไลที่ทำ�จากใยฝ้าย แต่ แฝงไว้ด้วยความน่าดึงดูดที่ชวนเชื่อให้ผู้สวมใส่อธิษฐานความ ปรารถนาของตัวเอง 3 ข้อ ก่อนสวมใส่ ประกายการเริ่มต้นทำ�ธุรกิจของตัวเองจากการขายเครื่องประดับ ที่สอดแทรกด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรม ความเชื่อ หรือตำ�นาน จึงเริ่ม ต้นขึ้น โรบินสัน ตัดสินใจหาซื้อกำ�ไลจากร้านค้าส่งในราคา 100 ชิ้น 40 เหรียญสหรัฐ (1,200 บาท) กลับมาขายที่บ้าน แต่ปรับราคาขายชิ้น ละ 2.50 เหรียญสหรัฐ (ราว 75 บาท) ซึ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจสำ�หรับ นักเรียนนักศึกษาอย่างที่สุด “ฉันคิดถึงว่า กลุ่มไหนจะเป็นตลาดเป้าหมาย และก็พบว่า โรงเรียนมัธยมนี่แหละ คือสถานที่ที่เทรนด์ต่างๆ เริ่มต้นที่นั่นเสมอ” เจ้าของธุรกิจวัย 27 ปี กล่าวถึงแนวคิดในช่วงเริ่มต้น โรบินสัน รู้ทันทีว่าตัวเองมาถูกทาง ด้วยเงินที่งอกเงยขึ้นถึง 6 เท่าตัว เร่งตัดสินใจติดต่อกลับร้านนั้นอีกครั้งให้ส่งกำ�ไลนั้นมา ให้อีก 100 ชิ้น จากสินค้าร้อยชิ้นกลายเป็นพันชิ้นในที่สุด แต่การขยับขึ้นเป็น

หลักพันชิ้นได้ ก็เพราะโรบินสันไม่ได้จำ�กัดช่องทางการขายไว้ที่ตัวเอง เท่านั้น ยังเปิดช่องให้กว้างขึ้นด้วยการติดต่อวางขายในร้านค้า ท้องถิ่นด้วย ทิ้งทั้งโทรศัพท์และอีเมลที่ร้านค้าจะติดต่อสั่งซื้อกลับได้ สะดวก พร้อมปรับราคาเป็นชิ้นละ 5 เหรียญสหรัฐ (ราว 150 บาท) ขณะเดียวกันไม่ลืมที่จะใช้ โลกอินเทอร์เน็ตให้ทำ�งานสร้างเงิน ราว 6 เดือน หลังจากนั้น โรบินสันเจียดเงินลงทุนทำ�เว็บไซต์ ออกแบบโลโก้ของบริษัทภายใต้ชื่อ ไลฟ์ เวิลด์ลี และจ้างเพื่อนมา ช่วยทำ�เขียนข่าวประชาสัมพันธ์ส่งไปยังสื่อต่างๆ โอกาสที่สื่อฉบับแรกสนใจและให้พื้นที่ ถือเป็นการสร้างโพรไฟล์ ที่ดีให้กับบริษัท โรบินสัน เล่าว่า ความสนใจของสื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเอง ติดต่อไปยังร้านค้าขายเครื่องประดับที่ไม่ใช่ระดับท้องถิ่น หรือละแวกใกล้บ้านธรรมดาอย่างที่เป็น แต่นึกไปถึงร้านเครื่อง ประดับในระดับไฮเอนด์ กระทั่งล่าสุด บริษัทที่ปั้นมากับมือทำ�กำ�ไรได้ 6 หมื่นเหรียญ สหรัฐ (ราว 1.8 ล้านบาท) ต่อปี จากรายได้สุทธิรวม 1.6 แสนล้าน เหรียญสหรัฐ (ราว 4.83 ล้านล้านบาท)! สินค้าของบริษัทกระจายอยู่กว่า 500 แห่งทั่วโลก และจ้าง พนักงานประจำ�เพิ่มอีก 2 คน โรบินสันไม่ได้เป็นคนเดียวที่สำ�เร็จกับการเริ่มต้นจากเงินก้อน เล็กๆ ได้คนเดียว

Smartfinance

FEBRUARY 2011

เจฟฟ์ สวีดาร์สกี หนุ่มวัย 29 ปี ก็เป็นอีกคนที่ฝ่าฟันเงื่อนไข ของเงินทุนก้อนโตไปได้ ต่างกับโรบินสันตรงที่ สวีดาร์สกี เริ่มต้นบริษัทในเวลาที่ตัวเอง ยังทำ�งานประจำ�อยู่ด้วย โดยกลางวันหนุ่มคนนี้ก็คือพนักงาน ด้าน เอกสารของบริษัทแห่งนี้ แต่ช่วงกลางคืนและวันหยุด หนุ่มคนนี้ ไล่ล่าความฝันที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจตัวเองอย่างเต็มที่ สวีดาร์สกี เริ่มต้นจากความสนใจในเรื่องอาหารเป็นทุนเดิม “อาหารเป็นหนึ่งของหลายๆ สิ่ง ที่พาคนมารวมอยู่ด้วยกันได้ ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม” จากความคิดนี้จุดประกายให้สวีดาร์สกีอยากจะปั้นบริษัททัวร์ แต่แทนที่จะเป็นการพาลูกทัวร์ไปรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่ง แน่นอนว่ามีคู่แข่งอยู่ดาษดื่น กลับเป็นการทัวร์อาหาร ขายความคิด ด้านวัฒนธรรมการกิน การปรุงอาหาร แม้จะไม่ใช่บริษัทแรกที่เริ่มอย่างนั้น แต่ก็ถือเป็นเรื่องใหม่ สวีดาร์สกีเริ่มต้นจากการค่อยๆ เขียนแนวคิด และทำ�พรีเซน เตชันเล็กๆ ตระเวนเสนอร้านอาหารในถิ่นบ้านเกิด เมืองอเล็กซาน เดรีย มลรัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งร้านอาหารส่วนมากสนใจ อาจจะเป็น เพราะด้วยความคิดที่รู้จักใช้ช่องโหว่ให้เป็นโอกาส ช่วงระหว่างมื้อเที่ยงและมื้อค่ำ�เป็นเวลาที่ร้านอาหารส่วนมากมี ลูกค้าน้อย สวีดาร์สกีเสนอพาลูกทัวร์เข้ามาเวลานั้น ขณะเดียวกัน ร้านอาหารไม่จำ�เป็นต้องทำ�อาหารในปริมาณมากเท่ากับที่เสิร์ฟทั่วไป เพียงแต่เลือกเมนูพิเศษที่สะท้อนวัฒนธรรม หรือประวัติความเป็น มาของท้องถิ่นเท่านั้น ทันทีที่ร้านอาหารตอบตกลง สวีดาร์สกีใช้เงินทุนสร้างบริษัท ของตัวเองก้อนแรก 100 เหรียญสหรัฐ (ราว 3,000 บาท) เพื่อ ยื่นทำ�ขอธุรกิจโดยตั้งเป็นบริษัทฟู้ดทัวร์ กับทางสำ�นักงานท้องถิ่น และก้อนที่สองจำ�นวน 10 เหรียญสหรัฐ (ราว 300 บาท) สำ�หรับ การซื้อโดเมนเนม เพื่อสร้างเว็บไซต์ของบริษัทด้วยตัวเอง จากฟรี ซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ และนั่นก็เป็นเงินทุนทั้งหมดที่ใช้ โลกอินเทอร์เน็ตก็เป็นตัวช่วยที่ดีทำ�การธุรกิจได้จริง ลูกทัวร์กลุ่ม แรกติดต่อเข้ามา เพราะเสิร์ชผ่านเว็บไซต์กูเกิล ทว่า เว็บไซต์ช่องทางเดียวเท่านั้นไม่มากพอ สวีดาร์สกีเพิ่มสปีดการเข้าถึงลูกค้าด้วยการลงโฆษณาใน หนังสือพิมพ์แจกฟรี ยิ่งทำ�ให้บริษัทเป็นที่รู้จัก กระทั่งราว 6 เดือน ต่อมา สวีดาร์สกีแบกรับหน้าที่ทั้งบริหารและเป็นไกด์คนเดียวไม่ไหว ตัดสินใจจ้างพนักงานพาร์ตไทม์เข้ามาช่วย 1 คน ทุกวันนี้จากเงินเริ่มต้นเพียง 110 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,300 บาท ได้เติบโตออกดอกผลเป็นรายได้ 3 แสนเหรียญสหรัฐ หรือราว 9 ล้านบาท มีพนักงานพาร์ตไทม์ทั้งหมด 23 คน เจ้าของธุรกิจวัย 29 ปี กล่าวทิ้งท้ายสำ�หรับผู้ที่ฝันอยากจะมี กิจการเป็นของตัวเองเพียงว่า “ต้องแน่ใจว่าเป็นสิ่งที่คุณรักที่จะทำ� จริงๆ” นั่นเพราะต้องใช้ความทุ่มเทและอดทนเป็นอย่างมาก ดูหนทางของทั้งสองแล้ว จากเงินก้อนเล็กงอกเงยเป็นเงินล้าน ได้ แม้จะไม่ง่าย แต่ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม n

Smartfinance

FEBRUARY 2011

AD.

ไอเดียเศรษฐกิจ

Report By : กิตติรัตน์ ณ ระนอง อธิการบดีมหาวิทยาลัยชินวัตร

เงินเฟ้อหรือราคาเฟ้อ เมื่อใด “เงินเฟ้อ” แล้ว จะเกิด “ราคา เฟ้อ” เสมอไปก็จริงอยู่ แต่ “เงินฝืด” แล้ว “ราคาเฟ้อ” ก็มีให้เห็นนะ ภาวะเงินฝืดแล้ว ราคาเฟ้อน่ะ อาจจะร้ายแรงกว่าเงินเฟ้อเสีย อีก คือ เงินก็ ไม่ค่อยจะมี แถมข้าวของยังมี ราคาแพงเสียอีก ตกลงถ้าถูกถามว่าเราสนใจ เงินเฟ้อ หรือราคาเฟ้อกันแน่ ผมเห็นว่าแท้ที่ จริงเราคงจะสนใจเรื่อง “ของแพง” หรือราคา เฟ้อ ซึ่งครอบคลุมทุกลักษณะของภาวะราคา สินค้าที่สูงขึ้น ผมจึงอยากเรียนท่านผู้อ่านว่า ราคาเฟ้อมาจาก 4 สาเหตุหลัก สาเหตุแรก คือ ความต้องการซื้อสินค้า ร้อนแรง เพราะเงินท่วมระบบจนเต็มกระเป๋า ผู้คนส่วนใหญ่ (Demand Pull Inflation) แบบนี้ล่ะที่เรียกว่าเงินเฟ้อ เพราะมันเฟ้อทั้ง ปริมาณเงิน ทั้งราคาข้าวของ ถึงราคาสินค้า จะขึ้นไปสักเท่าไหร่ คนซื้อทั้งหลายก็มีเงินจะ ตามไล่ซื้อไปเรื่อย ยิ่งกลัวของจะแพงขึ้น ก็ ยิ่งเร่งซื้อมาใช้มาเก็บมากขึ้นไปอีก สินค้าทั้ง หลายก็เลยขยับราคาขึ้นไปได้เรื่อยๆ จนเกิด เป็นภาวะหยุดไม่อยู่ หรือเงินเฟ้อประเภท รวดเร็วรุนแรง (Hyperinflation) แบบนี้ ธนาคารกลางของประเทศต้องกระโดดออกมา จัดการให้เงินถูกดูดออกจากระบบ หรือทำ�ให้ อัตราดอกเบี้ยขยับสูงขึ้นเพื่อหยุดยั้งแรงซื้อ อันร้อนแรง เพราะภาวะมีเงินมาก และความ กลัวที่ว่าของจะแพงขึ้นไปอีก (คล้ายๆ กับพวก รีบแย่งกันซื้อหุ้นจนราคาพุ่งกระฉูด ทั้งๆ ที่ ไม่มีใครมาแอบปั่นสักหน่อย หรือคนปั่นทำ� กำ�ไรจนหายตัวไปแล้ว) สาเหตุที่สอง ต้นทุนการผลิตสินค้าสูง ขึ้น ทำ�ให้ผู้ผลิตต้องปรับราคาขายสินค้า (Cost Push Inflation) แบบนี้เรียกว่าราคา เฟ้อ เพราะราคาสินค้าต้องขยับสูงขึ้นด้วย ความจำ�เป็นของผู้ผลิต เช่น ในช่วงที่ต้นทุน พลังงานแพง หรือสินค้าโภคภัณฑ์ประเภท สินแร่บางชนิด หรือสินค้าเกษตรเกิดเสีย

เขาว่าเงินเฟ้อมาแล้ว

ทำ�ยังไงดี? “ธนาคารแห่งประเทศไทย เตือนกังวลเงินเฟ้อมากเกินเหตุจะทำ�ให้ต้อง ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกในปีนี้”

เ

ป็นหัวข้อข่าวสำ�คัญของหนังสือพิมพ์ เศรษฐกิจแทบทุกฉบับเมื่อเริ่มศักราชใหม่ ทำ�ให้ผมรู้สึกว่าการทำ�ความเข้าใจเรื่อง เงินเฟ้อ ซึ่งจะเป็นเรื่องที่กระทบกับผู้คน ทั่วไปอย่างทั่วหน้า น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน ที่มิใช่นักเศรษฐศาสตร์บ้างก็คงจะดี โดยจะขอ เริ่มตั้งคำ�ถามกับผู้อ่านว่า เคยสงสัยบ้างไหม ว่าเงินเฟ้อคืออะไร มีคุณมีโทษอะไร เกิดจาก อะไร แล้วใครควรจะเป็นคนรับผิดชอบดูแลเรื่อง เงินเฟ้อนี้ ควรจะใช่ธนาคารแห่งประเทศไทยคน

เดียวเลย หรือใครอีกที่ควรร่วมกันเอาใจใส่ไม่ให้ เงินเฟ้อมาทำ�ร้ายผู้คนให้เดือดร้อนจนเกินไป เริ่มต้นอยากจะเขียนเพียงหนึ่งตอนให้จบ ฉบับหน้าจะได้เขียนเรื่องอื่น แต่คิดๆ ดูน่าจะ เขียนเรื่องเงินเฟ้อนี้ ได้อีกหลายครั้งกว่าผู้เขียนจะ อิ่ม และผู้อ่านจะอ้วน เพราะประเด็นเงินเฟ้อเป็น หนึ่งประเด็นทางเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาโลกแตกที่ มีที่มาที่ไปได้หลายหลาก และยังเป็นเรื่องให้นัก เศรษฐศาสตร์ระดับปรมาจารย์ได้ถกเถียงกันได้ อย่างไม่รู้จบ

Smartfinance

FEBRUARY 2011

Smartfinance

FEBRUARY 2011

หายจากภัยธรรมชาติจนขาดแคลน ในขณะ ที่กำ�ลังซื้อโดยรวมอาจจะอ่อนระทวย มีเพียง คนรวยส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่เดือดร้อนนัก แถม ยังมีแรงจะซื้อมากกว่าปกติมาเก็บตุนไว้ แต่ ผู้บริโภคส่วนใหญ่กระเป๋าแฟบ ชักหน้าไม่ถึง หลัง แบบนี้ถ้าธนาคารกลางดูดเงินออกจาก ระบบ หรือทำ�ให้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นแบบไม่นิ่ม นวลพอละก็ แทนที่จะเป็นคุณ อาจจะกลาย เป็นโทษ เพราะดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นก็ ไปเพิ่ม ต้นทุนให้ผู้ผลิต จนอยากจะเพิ่มราคาสินค้า ขึ้นไปอีก และถ้าทำ�ไม่ระวังจะกลายเป็นภาวะ “เงินฝืดราคาเฟ้อ” (Stagflation) ให้เดือด ร้อนจนขยายจากปัญหาเศรษฐกิจเป็นความ เสี่ยงต่อปัญหาสังคมและการเมืองให้ต้องลด ความเหลื่อมล้ำ� เพิ่มความไหลลื่นกันอีกหลาย เหนื่อยกว่าจะกลับสู่ภาวะปกติก็เป็นได้ สาเหตุที่สาม มาจากการที่กลไกตลาด ไม่ทำ�งานเต็มที่ (Inefficient Market) กลไก ตลาดแข่งขันเสรีเป็นเรื่องน่าพิศวง ที่ว่าเมื่อ ใดก็ตามที่ภาวะเศรษฐกิจ หรือภาวะตลาดถูก เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตกับผู้ซื้อสามารถเข้ามาสู่ กระบวนการทางการตลาดได้อย่างเต็มที่ ราคา สินค้าจะเป็นผลจากการตัดสินใจแบบตัวใคร ตัวมันของผู้ผลิตกับผู้ซื้อที่มีจำ�นวนมากมาย หลายหลาก จนราคาตลาดที่เกิดขึ้นเป็นราคา ที่เหมาะสมของทุกสิ่งรอบด้านรวมกัน ไม่ว่า จะเป็นต้นทุนเดิม ต้นทุนใหม่ แรงอยากซื้อ แรงอยากขาย แนวโน้มความนิยมสินค้านั้น หรือสิ่งทดแทน ฯลฯ แต่ในความเป็นจริงของ ชีวิต มีบางโครงสร้าง บางรูปแบบ บางช่วง เวลาของการแข่งขันที่กลไกตลาดไม่สามารถ ทำ�งานได้เต็มที่ เช่น ผู้ผลิตรวมหัวกันควบคุม ยอดการผลิตให้น้อยเข้าไว้ หรือกักสินค้าที่ ผลิตแล้วเอาไว้ไม่เอาออกมาจำ�หน่าย ของจะ ได้ขาดตลาด เพื่อให้ขายของได้แพงขึ้น ใน ระดับโลกก็มีให้เห็น เช่น กรณีราคาขายน้ำ�มัน ดิบ ในระดับบ้านก็มีให้ดู เช่น กรณีราคาขาย

น้ำ�มันพืชบรรจุขวด แบบนี้ขึ้นดอกเบี้ยไม่ใช่ คำ�ตอบ ต้องให้กระทรวงพาณิชย์ไปตรวจ ตราแก้ไข สาเหตุที่สี่ มาจากค่าเงินอ่อน คำ�ว่า “เงินอ่อน” หมายถึง ต้องใช้เงินสกุลท้อง ถิ่นมากหน่วยขึ้น เพื่อแลกกับเงินสกุลกลาง หนึ่งหน่วยที่ใช้ ในการค้าขาย เช่น ถ้าอัตรา แลกเปลี่ยนเคยเป็น 30 บาทต่อ 1 เหรียญ สหรัฐ เปลี่ยนไปเพราะเงินบาทอ่อน จน กลายเป็น 40 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐละก็ สินค้านำ�เข้าที่มีมูลค่า 1 เหรียญสหรัฐ แล้ว เคยแปลงเป็นต้นทุนในรูปเงินบาทเท่ากับ เพียง 30 บาท ของชิ้นเดิมราคา 1 เหรียญ สหรัฐเท่าเดิม จะกลายเป็นมูลค่าในรูปเงิน บาทถึง 40 บาทไปเลย เพียงเพราะอัตรา แลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนไป แบบนี้ต้องแก้ที่ค่า เงิน ซึ่งมีทั้งวิธีระยะสั้น ระยะยาว หรือทั้ง วิธีออกแรงแก้ หรือให้กลไกดุลการค้าปรับ ตัวจากการที่ค่าเงินอ่อนเลยส่งออกได้เก่ง และของนำ�เข้าชะลอตัวลงเพราะมีราคา แพง ดังนั้น เงินเฟ้อคงแก้ได้ด้วยดอกเบี้ย แต่ราคาเฟ้อคงต้องดูให้รอบคอบว่าเกิดจาก อะไรกันแน่ การตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ โดย ไม่คำ�นึงถึงสภาวะภายนอกที่อยู่เหนือการ ควบคุม เช่น ราคาพลังงานในตลาดโลกที่ ทะยานสูงขึ้น แล้วใช้เพียงนโยบายการเงิน ของธนาคารกลางมาจัดการกับราคาเฟ้อ ทุกชนิดราวกับเป็นยามหัศจรรย์รักษาได้ ทุกโรค อาจไม่ใช่วิธีที่ได้ผลดีทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ขอให้กำ�ลังใจท่านผู้บริหาร ประเทศคิดอ่านร่วมกันให้แตกฉานเถิดว่า ราคาเฟ้อครั้งนี้มันเป็นเงินเฟ้อจริงๆ หรือ มันคือราคาเฟ้อจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น กันแน่ อย่างไรก็ตาม เราๆ ท่านๆ คนเดินดิน กินข้าวแกงก็มีวิธีจัดการกับตัวเอง เพื่อ ประคับประคองให้อยู่รอดปลอดภัยจาก พิษภัยราคาเฟ้อได้ตามสมควร อยากรู้ว่า มีวิธีอะไรบ้างคงต้องติดตามฉบับหน้า n

เงินเฟ้อคงแก้ได้ด้วยดอกเบี้ย แต่ราคาเฟ้อคงต้องดูให้ รอบคอบว่าเกิดจากอะไรกันแน่ การตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อไว้โดย ไม่คำ�นึงถึงสภาวะภายนอกที่อยู่ เหนือการควบคุม

สังคม

ธนสุทธิ์ (ซ้าย) และมลิกา แซ่จิว

มาโนช ตรีปาที (ซ้าย) และวารินทร์ สัจจเดว

(จากซ้าย) รัตนาวลี เกียรตินิยมศักดิ์ แพม เทียน และแอนจี้ เทียน

นพพร ศิวโมกษ์

อิรวัจน์ สนิทพันธุ์ ผู้อำ�นวยการฝ่ายการตลาด เซ็นทรัล เครดิตคาร์ด บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส

(จากซ้าย) อภิญญา โรจนวกุล ผู้จัดการแผนกการตลาด เซ็นทรัล เครดิต คาร์ด สมบัติ แก้วแสน ผู้เชี่ยวชาญด้าน ไวน์ และอิรวัจน์ สนิทพันธุ์ ผู้อำ�นวยการฝ่ายการตลาด เซ็นทรัล เครดิตคาร์ด (จากซ้าย) ณัฐภณ ภาระกุล หรั่ง บุญลาย เดชา ชมเสน และเสาวลักษณ์ ลิมป์เฉลิม

เซ็นทรัล เครดิตคาร์ด ติวเข้ม

เคล็ดลับการเลือกไวน์

เ สมบัติ แก้วแสน ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์

วรรณยุพา อิสระชัยกุล (ซ้าย) รุ่งทิพย์ เจริญวิสุทธิ์วงศ์

ซ็นทรัล เครดิตคาร์ด ร่วมกับสมาคม ผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) จัดกิจกรรมพิเศษปิดท้ายรายการ “Taste it All @ Rachprasong” โดย เชื้อเชิญสมาชิกผู้ถือบัตรแพลทินัมร่วมชิม ไวน์ พร้อมรับเคล็ดลับจากกูรู สำ�หรับการ เลือกสรรไวน์ ให้เหมาะกับงานสังสรรค์หรือ เป็นของขวัญ ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ กิจกรรมครั้งนี้ เซ็นทรัล เครดิตคาร์ด ได้รับ เกียรติจาก สมบัติ แก้วแสน ผู้เชี่ยวชาญด้าน ไวน์ (Sommelier) ผู้ได้รับรางวัล Thailand Best Sommelier 2008 และเป็นตัวแทนของ ประเทศไทยเพียง 1 ใน 2 คน ไปร่วมแข่งขัน Asia Oceania Sommelier ที่ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2552 ซึ่งได้เปิดเผยเทคนิคการชิมไวน์ ว่า ต้องใช้เทคนิคการ “ดู ดม อม กลืน” โดย ประสาทสัมผัสต่างๆ ได้แก่ การดูสีเป็นอันดับ

แรก เพื่อประมาณอายุของไวน์ ซึ่งไวน์สีเข้มนั้น มักมีอายุมากกว่าไวน์สีจาง และดูความเข้มข้น จากน้ำ�ตาไวน์ (Tears) ที่ไหลผ่านแก้ว จากนั้น ดมกลิ่นเพื่อทราบถึงอโรมาที่แตกต่างกัน รวม ทั้งกลิ่นที่ได้จากการพัฒนาเมื่อมีการหมักบ่ม และขั้นตอนสุดท้าย คือ อมและกลืนไวน์เพื่อ ชิมรสชาติ ทั้งนี้ การเลือกสรรไวน์นั้นขึ้นอยู่กับความ ชื่นชอบส่วนบุคคล และรสชาติที่เข้ากันกับ อาหารแต่ละประเภท ในโอกาสเดียวกัน สมบัติ ได้แนะเคล็ดลับ การเลือกสรรไวน์เพื่อให้เหมาะสมกับอาหาร ต่างๆ โดยเริ่มจากไวน์ขาว ได้แก่ Chardonnay ตามด้วยไวน์ Pinot Grigio จากองุ่นพันธุ์ พื้นเมืองของอิตาลี และ Sauvignon Blanc นอกจากนี้ยังมีไวน์แดงประเภทต่างๆ ได้แก่ Merlot, Cabernet Sauvignon และสุดท้าย Negro Amaro n

พันจักร บุลสถาพร (ซ้าย) และณัฐพิมล ชื่นดวง

Smartfinance

FEBRUARY 2011

HUTCH

Ads