สิ่ ง แรกที่ บิ ด ามารดาสอนเรา เกี่ ย วกั บ ศาสนาคงจะเป็ น การท า เครื่องหมายสาคัญมหากางเขน สิ่ง สุด ท้ ายที่ พ ระสงฆ์ ท าที่ห ลุ มฝั ง ศพ ของเราคือ การทาเครื่องหมาย ส าคั ญ กางเขนเหนื อ ร่ า งของเรา ชีวิตของคริสตชนถูกตราไว้ "ใน พระนามของพระบิ ด า พระบุ ต ร และของพระจิต"
บทอ่านในวันอาทิตย์พูดถึงพระบิดา บ่อย ๆ ครั้ง (ในฐานะผู้ให้กาเนิดทุ ก ชีวิตที่เล่าอยู่ในเรื่องของการสร้างโลก) การส่ ง พระบุ ต รของพระองค์ ห รื อ พระวจนาตถ์ (เพื่ อ ช่ ว ยเราให้ ร อด) และการส่ง พระจิตเจ้า (เพื่อการเกิด ใหม่ของเราจากน้าและพระจิต)
การเผยแสดงของพระเจ้าว่าทรงเป็น พระบิดา พระบุตรและพระจิตนั้น ก่อนอื่นหมด บอกเราถึงสิ่งที่พระองค์ ทรงเป็ น ส าหรั บ เรา แต่ ใ นเรื่ อ งที่ เกี่ยวกับเอกภาพอันล้าลึกของพระบิดา พระบุตรและพระจิต
เราคงไม่สามารถพูดได้อย่างมั่นใจ ด้วยภาษามนุษย์ซึ่งไม่สามารถบรรยาย ธรรมล้าลึกอันสุดพรรณนาได้ของพระ เจ้ า มนุ ษ ย์ ต้ อ งการรู้ แต่ เ ราต้ อ ง ตระหนักว่า สิ่งที่สาคัญมากกว่าการรู้ เกี่ยวกับพระเจ้าคือการรู้จักพระองค์ แบบที่คนรักรู้จักกันและกัน
สั ม พั น ธภาพอั น แน่ น แฟ้ น ระหว่ า ง บุคคลกับบุคคลให้ความรู้ที่ไม่อาจจะ บรรยายได้ในภาษามนุษย์ เป็นความ รู้จักพระเจ้าแบบนี้เองซึ่งในที่สุดจะทา ให้มนุษย์เต็มอิ่ม "ความมั่งคั่ง ปรีชา ญาณและความรู้เกี่ย วกับพระเจ้าล้า ลึ ก เพี ย งใด ค าตั ด สิ น ของพระองค์ ช่างเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะหยั่งรู้ได้ และ ทางของพระองค์ก็เป็นทางที่ไม่อาจจะ ล่วงรู้ได้" (รม.11:33)
พระตรีเ อกภาพซึ่ ง เป็น ที่รู้ จัก กัน ใน องค์พระบิดา พระบุตร และพระจิต เป็นองค์ศักดิ์สิทธิ์ครบครัน ปราศจาก การเจือปนจากสิ่งภายนอก ทั้งไม่ จ า กั ด อ ยู่ ใ น ผู้ ส ร้ า ง แ ล ะ สิ่ ง สร้าง หากแต่ประกอบด้วยอานุภาพ สมบูรณ์ ที่จ ะสร้างสรรค์และใช้พลั ง พระธรรมชาติของพระองค์ ก็มั่นคง อยู่ ได้ เ อง ไม่ แ บ่ ง แย กพลั ง และ กิจกรรมของพระองค์ เพราะรวมเป็น หนึ่ง
เหตุว่าพระบิดาทรงสร้างสรรค์ทุกสิ่ง โดยทางพระวจนาตถ์ ใ นพระจิ ต เจ้ า ความเป็ น หนึ่ ง เดี ย วของพระตรี เอกภาพศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ จึ ง คงอยู่ ด้ ว ย ประการฉะนี้ ดั ง นั้ น พระศาสนจั ก ร จึง ประกาศพระเจ้ า หนึ่ง เดี ย วผู้ท รง เป็นอยู่ "เหนือสรรพสิ่ง ทางสรรพสิ่ง และในสรรพสิ่ง”
แน่ละ พระองค์ทรงดารงอยู่เหนือ สรรพสิ่ง ในฐานะที่ทรงเป็นพระบิดา องค์ ป ฐมเหตุ ห รื อ ต้ น ก าเนิ ด "ทาง สรรพสิ่ง" หมายความว่าทางพระวจ นาตถ์และที่สุด "ในทุกสิ่ง" คือในองค์ พระจิตเจ้า
เมื่ อ นั ก บุ ญ เปาโลเขี ย นจดหมายถึ ง ชาวโครินธ์ ท่า นบรรยายทุกสิ่ง ถึ ง พระเจ้าหนึ่งเดียว คือพระบิดาผู้ทรง เป็นแหล่งที่มาของสรรพสิ่ง เมื่อท่าน กล่า วว่า "บัดนี้มีพระคุณหลายอย่าง ต่างชนิด แต่มีพระจิตองค์เดียวกัน มี บริการหลายอย่าง แต่มีพระเจ้าองค์ เดี ย ว และมี ง านหลายอย่ า ง แต่ มี พระเจ้าองค์เดียวทรงบันดาลทุกสิ่งใน ทุกคน"
พระคุณซึ่ง พระจิตเจ้าทรงแจกจ่าย ให้แต่ละคน ก็เป็น ของประทานของ พระบิดาผ่านทางพระวจนาตถ์ เหตุว่า ทุกสิ่ง ที่เป็นของพระบิด า ก็เป็นของ พระบุตรด้วย เป็นอันว่าทุกสิ่งที่พระ บุตรประทานให้ในพระจิต
จึงเป็นของประทานแท้จากพระบิดา ในท านองเดี ย วกั น เมื่ อ พระจิ ต เจ้ า ประทั บ อยู่ ใ นเรา พระวจนาตถ์ ก็ ประทับกับเราด้วยเมื่อเรารับพระจิต พระบิดาก็อยู่ในพระวจนาตถ์ด้วยและ นี่เป็นความหมายของข้อความต่อไปนี้ "เรา (หมายถึงพระบิดาและพระบุตร) จะมาหาเขาและจะพ านั ก อยู่ในเขา" เหตุ ว่ า มี แ สงสว่ า งอยู่ ที่ ไ หน ความ สุกใสก็อยู่ที่นั่น และความสุกใสอยู่ที่ ไหน พลังรุ่งโรจน์ของแสงก็ฉายออก จากที่นั้น
ในจดหมายถึงชาวโครินธ์ฉบับที่สอง นั ก บุ ญ เปาโลได้ ก ล่ า วเช่ น เดี ย วกั น ว่ า "ขอให้พระหรรษทานของพระเยซูค ริ สตเจ้า ความรักของพระเป็นเจ้า และ ความสนิทสัมพันธ์ของพระจิตเจ้าเจริญ อยู่ในท่านทั้งหลาย"
เหตุว่า พระหรรษทานและพระคุณซึ่ง พ ร ะ ต รี เ อ ก ภ า พ ป ร ะ ท า น ใ ห้ นั้ น ประทานให้ โ ดยพระบิ ด า ทางพระ บุตรและในพระจิต โดยที่พระหรรษ ทานได้มาจากพระบิดา ทางพระบุตร เช่ น เดี ย วกั น ผลที่ ต ามมาจาก พระคุณนี้ ก็มาจากพระจิตเจ้า ถ้าเรา ได้รับพระจิตแล้ว เราก็มีความรักของ พระบิดา พระหรรษทานของพระบุตร และความสนิ ท สั ม พั น ธ์ กั บ พระจิ ต (นักบุญอาทานาส)
บทภาวนา ขอโปรดให้ ข้ า พเจ้ า ทั้ ง หลายประกาศ ยื น ยั น ความเชื่ อ แท้ จ ริ ง ยอมรั บ รู้ พ ระ เกียรติมงคลแห่งพระตรีเอกภาพผู้สถิต นิรันดร และกราบนมัสการทั้งสามพระ บุค คลรวมเป็ น พระเจ้ า ทรงฤทธิ์ และมี พระเดชานุภาพหนึ่งเดียวกันด้วยเถิด