"พระจิตเจ้า" หรือ "พระจิตผู้ศักดิ์สิทธิ์" คือ พระนามเฉพาะขององค์พระผู้ซึ่งเรา สักการะบูชาและถวายสิริโรจนาร่วมกับ พระบิดาและพระบุตร พระศาสนจักรได้รับ พระจิตมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า และ ประกาศยืนยันในการโปรดศีลล้างบาป ให้แก่ลูกคนใหม่ๆ ของพระศาสนจักร (PG 45, 1321A-B)
คาว่า "พระจิต" เป็นคาแปลของคาภาษา ฮีบรู Ruah ซึ่งในความหมายแรก หมายถึง ลมหายใจ อากาศ สายลม พระเยซูเจ้าทรงใช้ ภาพลักษณ์ของลมที่รู้สึกได้อย่างถูกต้อง เพื่อ เสนอแนะแก่นิโคเดมัส ถึงลักษณะใหม่อัน โพ้นธรรมชาติขององค์พระผู้ทรงเป็นลมปราณ ของพระเจ้า พระจิตของพระเจ้าโดยพระองค์ เอง (ยน.3:5-8)
ในอีกทางหนึ่ง พระจิตและความเป็น ผู้ศักดิ์สิทธิ์เป็นคุณสมบัติร่วมกันของ พระเจ้าทั้งสามพระบุคคล แต่เมื่อ รวมคาสองคาเข้าด้วยกันแล้ว พระ ธรรมคัมภีร์ พิธีกรรม และภาษาเทว วิทยา ก็หมายถึงพระบุคคลอันเหลือที่ จะพรรณนาได้ของพระจิตเจ้า โดย ปราศจากความคลุมเครือใด ๆ ที่จะ ไปปะปนกับการใช้คาว่า "พระจิต" และ "ศักดิ์สิทธิ์" นี้ในที่อื่น ๆ
"ไม่มีใครจะหยั่งรู้เรื่องราวที่เกี่ยวกับ พระเจ้าได้ เว้นแต่พระจิตของพระเจ้า" (1คร.2:11) และพระจิตที่ไขแสดงพระ เจ้านี้เองที่ทรงโปรดให้เราได้รู้จักพระ คริสต์ พระวจนาตถ์ของพระเจ้า พระ วาจาทรงชีวิต แต่ไม่มีการตรัสถึง พระองค์เอง องค์พระผู้ได้ "ตรัสผ่าน ทางประกาศกทั้งหลาย"
ทรงช่วยให้เราได้ยินพระวาจาของ พระบิดา แต่พระองค์เอง เราไม่ได้ยิน เลย เรารู้จักพระองค์ก็แต่ในความ เคลื่อนไหว ซึ่งในความเคลื่อนไหวนั้น พระองค์ทรงเผยแสดงพระวจนาตถ์ แก่เรา และเตรียมใจเราให้พร้อมจะ ต้อนรับพระวจนาตถ์ในความเชื่อ พระ จิตแห่งความจริงผู้ทรงเผยให้เราได้ รู้จักพระคริสต์ "ไม่ตรัสถึงพระองค์ เอง" (ยน.16:13)
การลบความสาคัญของพระองค์เอง ออกไปเช่นนี้ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของ พระเจ้าโดยเฉพาะ ต่อคาอธิบายว่า เพราะเหตุใด "โลกจึงรับพระองค์ไม่ได้ เพราะโลกมองไม่เห็นพระองค์ และไม่ รู้จักพระองค์" ในขณะที่ผู้ซึ่งเชื่อใน พระคริสต์จะรู้จักพระองค์ เพราะ พระองค์ประทับอยู่กับพวกเขา (ยน.14:17)
นักบุญลูกากล่าวว่า หลังจากพระคริสต เจ้าได้เสด็จขึ้นสวรรค์แล้วพระจิตเจ้าได้ เสด็จลงมายังอัครสาวก ในวันสมโภชเปน เตกอสเต พร้อมด้วยอานาจเปิดประตู สวรรค์แก่นานาชาติ และทาให้เขารู้จัก พันธสัญญาใหม่ เป็นอันว่ามนุษย์ทุกชาติ ทุกภาษา ได้รวมกันขับร้องสรรเสริญพระ เจ้าและตระกูลต่างๆ ที่แตกกระจัด กระจายอยู่ ได้กลับคืนสู่ความเป็นหนึ่ง เดียวกันโดยทางพระจิตเจ้าได้ถูกนามา ถวายแด่พระบิดาเจ้าเป็นดังผลแรกของ นานาชาติ
เมื่อพระคริสตเจ้าได้ทรงสัญญาจะส่ง พระผู้บรรเทามา พระองค์จะทรง จัดเตรียมเราให้เป็นของถวายแด่พระ เป็นเจ้า แป้งแห้งไม่สามารถทาเป็นก้อน หรือขนมปังถ้าไม่มีความชื้นฉันใด หาก ปราศจากน้าลงมาจากสวรรค์ เราซึง่ มี อยู่มากหลายก็ไม่สามารถรวมเป็นหนึ่ง เดียวในพระคริสตเจ้าฉันนัน้ เช่นเดียวกับ ดินแห้งแล้งไม่สามารถทาการเพาะปลูก ให้เกิดผล
เว้นแต่จะได้รับความชุ่มชื้น ครัง้ หนึ่งเรา เคยเป็นดังต้นไม้ที่ขาดน้า เราไม่สามารถ เจริญชีวิตและเกิดผล ถ้าปราศจากฝน แห่งพระพรซึ่งตกลงมาจากสวรรค์ โดย ทางศีลล้างบาป เราได้พ้นจากการ เปลี่ยนแปลงและการผุเปื่อยและกลับ เป็นหนึ่งเดียวกันทางร่างกาย โดยทาง พระจิตเจ้าเราได้กลับเป็นหนึ่งเดียวกัน ทางวิญญาณ
"พระจิตเจ้าแห่งพระดาริและสติปัญญา พระจิตแห่งความคิดอ่านและ พละกาลัง พระจิตแห่งความรู้และ ความยาเกรงพระเจ้า" ได้เสด็จลงมา เหนือพระเยซูเจ้า และพระเยซูเจ้าได้ ประทานพระจิตนี้ แก่พระศาสนจักรอีก ทอดหนึ่ง โดยใช้พระผู้บรรเทาจาก สวรรค์ลงมาสู่ทั่วโลก”(นักบุญอีเรเนโอ)
พระจิตเจ้าในพระศาสนจักร ปราศจาก "ลมปราณชีวิต" มนุษย์ไม่ สามารถทาอะไรได้ จิตรกรต้องการแรง บันดาลใจ เราทุกคนได้รับ "ruah yahweh" ลมปราณของพระยาห์เวห์ พระจิตผู้ประทานชีวิตของพระเจ้าในวัน รับศีลล้างบาป สาหรับชาวยิว ในวันที่ห้า สิบ (หลังจากวันปัสกา)
พวกเขาฉลองการประทานบทบัญญัติ แก่โมเสสที่ภูเขาซีนายและการสถาปนา อิสราเอลขึ้นเป็นประชากรของพระเจ้า ส่วนเรา ในวันที่ห้าสิบ เราฉลองการ ประทานพระจิตของพระเจ้าแก่ ประชากรของพระองค์ และที่สัมพันธ์ กันก็คือ เป็นฉลองการสถาปนา อิสราเอลใหม่ คือพระศาสนจักร
พระจิตเจ้าที่พระเยซูเจ้าทรงส่งลงจาก พระบิดา จะเตือนเราทุกคนถึงสิ่งที่ พระเยซูเจ้าได้ทรงสอนเรา พระองค์ จะให้ชีวิต กระตุ้นเราและช่วยเราให้รู้ และเข้าใจศาสนา ไม่เพียงแต่ด้วย ความคิด แต่ด้วยจิตใจและวิญญาณ ของเรา (ยน.14:26) "ข้าแต่พระบิดา แห่งความสว่าง โปรดส่งพระจิตของ พระองค์มายังชีวิตของเราด้วยอานาจ ของลมที่มีอานุภาพและด้วยไฟแห่ง ปรีชาญาณของพระองค์ โปรดเปิด ขอบฟ้าแห่งความคิดของเรา"
พระศาสนจักร ศูนย์รวมความเป็นหนึ่ง เดียวอันทรงชีวิตในความเชื่ออัครสาวก ซึ่งพระศาสนจักรถ่ายทอดต่อๆไปนั้น คือ แหล่งความรู้ของเราเกี่ยวกับพระจิตเจ้า • ในพระธรรมคัมภีร์ ซึ่งพระจิตทรง ดลใจให้เขียนขึ้น • ในธรรมประเพณี ซึ่งบรรดาปิตาจารย์ ของพระศาสนจักรเป็นสักขีพยานอยู่ ในลักษณะที่เป็นปัจจุบันเสมอ
• ในอานาจคาสั่งสอนของพระศาสน จักร ซึ่งพระจิตประทานความช่วย เหลืออยู่ • ในพิธีกรรมแห่งศีลศักดิ์สิทธิ์ โดย อาศัยถ้อยคาและสัญลักษณ์ซึ่ง พระจิตทรงโปรดให้เราได้ร่วมใจ เป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์
• •
•
ในการภาวนาซึง่ พระจิตทรง วิงวอนเพื่อเรา ในพระพรพิเศษและศาสนบริกร ทั้งหลาย ซึ่งเป็นเหตุให้พระศาสน จักร ได้รับการยกย่องเชิดชู ใบหมายสาคัญแห่งชีวิตการแพร่ ธรรมและการเป็นธรรมทูต
•
•
ในการเป็นประจักษ์พยานของ บรรดานักบุญ ซึ่งพระจิตทรง สาแดงศักดิ์สิทธิภาพของพระองค์ และปฏิบัติกิจการเพื่อความรอด สืบไป (CCC)