"สนุก สุข ซึ้ง กินใจ"

Page 1



ñ·ÓðÁðÐ

วา·Ð·Ó

´ี

ธรรมะมงคลเพื่อมงคลชีวิตมอบเป็นธรรมบรรณาการ แด่....................................................................................................................................

........................................................................................................................................... จาก.................................................................................................................................. ...........................................................................................................................................


๑๐๐ ำดี ดี ๖ “๑๐๐ ท�ำมะ วาทะท�ำดี” ชื่อหนัท�งำสืมะ..วาทะท� อ: ธรรมะอารมณ์ พิมพ์ครั้งที่ ๑: พฤศจิกายน ๒๕๕๖ จ�ำนวนพิมพ์ : ๑๐,๐๐๐ เล่ม พิมพ์ครั้งที่ ๒: ธันวาคม ๒๕๕๖ จ�ำนวนพิมพ์ : ๑๐,๐๐๐ เล่ม พิมพ์ครั้งที่ ๓: ธันวาคม ๒๕๕๖ จ�ำนวนพิมพ์ : ๓,๐๐๐ เล่ม พิมพ์ครั้งที่ ๔: กรกฎาคม ๒๕๕๗ จ�ำนวนพิมพ์ : ๑๐,๐๐๐ เล่ม

ข้อมูลทางบรรณานุกรม พระมหาวีรพล วีรญาโณ . 100 ท�ำมะ วาทะท�ำดี.-- กรุงเทพฯ : วัดยานนาวา, 2556. 214 หน้า. -- (ธรรมะอารมณ์ดี). 1. พุทธศาสนา--ค�ำถามและค�ำตอบ. 2. พุทธศาสนา--หัวข้อธรรม. I. ศุภวัฒน์ ค�ำปันนา, ผูว้ าดภาพประกอบ. II. ชื่อเรื่อง. 294.3076 ISBN 978-616-348-317-1

ประธานที่ปรึกษา: พระพรหมวชิรญาณ l คณะที่ปรึกษา: พระเทพสุธี, พระราชวิสุทธิเมธี, พระราชพรหมาภรณ์, พระราชรัตนมุนี, พระสิริธีรคุณ, พระสุธีธรรมนาถ, พระโสภณกาญจนาภรณ์, พระศรีพุทธิวิเทศ, พระศรีวชิราภรณ์, พระปัญญารัตนากร, พระเมธีปริยัติวิบูล, พระศรีวชิราลังการ, พระโสภณวชิราภรณ์, พระครูศรีกิตติสุนทร, พระครูศรีสุตโกศล, พระครูคัมภีร์ปัญญาวิเทศ, พระมหานงค์ สุมงฺคโล ป.ธ.๙, พระมหาวีรธรรม ธมฺมวีโร, พระมหาจ�ำเนียร จิรปญฺโญ ป.ธ.๙, พระมหาสมบัติ ญาณวโร, ดร.ปรีชา กันธิยะ, รศ.ดร.สายฤดี วรกิจโภคาทร, รศ.สุรางค์รัตน์ วศินารมณ์, ผศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม, ผศ.ดร.เกศินี จุฑาวิจิตร, ดร.ณัฐพัชร สายเสนา, ดร.สุปราณี ไกรวัตนุสสรณ์, นางสุภัทตรา ศรีเลขา, ดร.ธัชชนันท์ อิศรเดช, ดร.สมสิทธิ์ มีแสงนิล, อ.ศรีนวล ลัภติกโร, อ.ส�ำรวย นักการเรียน, อ.สาโรจน์ พึ่งไทย, อ.วุฒิชัย บุญครอง, พันตรีสุธี สุขสากล, อ.ชนะกิจ คชชี ผู้เขียน: พระมหาวีรพล วีรญาโณ และพระคณะวิทยากรเครือข่ายธรรมะอารมณ์ดี บรรณาธิการ: พระมหาวีรพล วีรญาโณ l ผู้ช่วยบรรณาธิการ: พระครูปลัดบัณฑิต อินฺทเมธี, พระมหามงคล วรธมฺมวาที, พระมหาอดิศักดิ์ อภิปญฺโญ, พระมหาชาครินทร์ กิตฺติเมธี กองบรรณาธิการ: พระครูสมุห์สุกะพงค์ กิตฺติวํโส, พระมหาวิศิษฐ์ ปญฺญาธโร, พระมหาเชิดชัย อิสฺสรจิตฺโต, พระมหาธีรภัทร ถิรญาโณ, พระมหาสมบูรณ์ วรญาโณ, พระมหาสมานมิตร คุณธีโร, พระมหาอดุลย์ เขมปญฺโญ, พระมหาไพวัลย์ ชินทตฺตญาโณ, พระปลัดพิศิษฐ์ ฐานธมฺโม, พระสิงหา อภิชยญาโณ, พระจรัสพงษ์ กวิสฺสรญาโณ, พระธงไชย อภินนฺทญาโณ, พระกฤษดา วุฑฺฒิยสญาโณ, พระวุฒินันท์ ปญฺญาสิริ, พระบวร ปวรธฺมโม, ณฐ ทะสังขา, พีรพัฒน์ พันศิริ, ชัชวาล มะโนวัฒนา, จักรธรรม ไผ่เฟื้อย เสาร์ห้า พุทธบาล l ภาพประกอบ: ศุภวัฒน์ ค�ำปันนา l ศิลปกรรม: สุมาลี ชิดชอบ จัดพิมพ์เผยแผ่โดย: เครือข่ายธรรมะอารมณ์ดี วัดยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร โทร. ๐๒ ๖๗๒ ๓๒๑๖ l พิมพ์ที่: บริษัท เอเซีย แปซิฟิค ออฟเซ็ท จ�ำกัด โทร ๐๒ ๒๔๘ ๖๘๘๖-๘


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

โมทนียพจน์ พระพรหมวชิรญาณ พระธรรมวิ ท ยากรเครื อ ข่ า ยธรรมะอารมณ์ ดี ซึ่ ง เป็ น พระสงฆ์รุ่นใหม่ที่สามารถปฏิบัติศาสนกิจเผยแผ่พระพุทธศาสนา ได้ดี โดยประยุกต์ย่อยธรรมะให้ฟังง่าย และน�ำไปใช้ได้ อีกทั้งยังมี วิ ริ ย ะอุ ต สาหะในการรวบรวบเนื้ อ หาการบรรยายธรรมมาเป็ น หนังสือธรรมะเล่มเล็ก เพื่อเป็นการเผยแผ่ในอีกรูปแบบหนึ่ง เพื่อให้ พุทธศาสนิกชนสามารถเข้าถึงธรรมะได้ง่ายขึ้น และสามารถน�ำไป ประยุกต์ใช้ได้อย่างมีสุข วิ ธี ก ารเผยแผ่ ข องกลุ ่ ม ธรรมะอารมณ์ ดี นั้ น มี ทั้ ง วิ ธี ก าร บรรยายธรรม อบรมค่ายคุณธรรม พิมพ์หนังสือธรรมะ ซีดีธรรมะ เพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มวัย ทั้งเด็ก เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ทัง้ หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน รวมถึงกลุม่ ผู้สูงวัย ในการนี้ คณะพระธรรมวิ ท ยากรและคณะผู ้ มี ศ รั ท ธา ได้จัดพิมพ์ หนังสือธรรมะอารมณ์ดี เล่มที่ ๖ “๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะ.. ท�ำดี..” พิมพ์ครั้งที่ ๔ เพื่อมอบเป็นธรรมบรรณาการอีก จ�ำนวน ๑๐,๐๐๐ เล่ม


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ขออนุ โ มทนาชื่ น ชม คณะพระธรรมวิ ท ยากรเครื อ ข่ า ย ธรรมะอารมณ์ดี ที่มีจิตอาสาในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุก ด้วยความตั้งใจที่ดีงาม รวมกลุ่มกันเพื่อขยายพื้นที่แห่งธรรมแบบ ร่วมสมัยในฐานะพระสงฆ์รุ่นใหม่ และขออนุโมทนาบุญกับสถาบัน การศึกษา หน่วยงานราชการ หน่วยงานเอกชน บริษัทต่างๆ ที่ได้ นิ ม นต์ พ ระธรรมวิ ท ยากรไปบรรยายธรรม และน� ำ ปฏิ บั ติ ธ รรม เพื่ อ ส่ ง เสริ ม ให้ นั ก เรี ย น นิ สิ ต นั ก ศึ ก ษา ข้ า ราชการ พนั ก งาน เจ้าหน้าที่ สามารถน�ำธรรมะไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีสุข ขอพระพรชั ย มงคลขององค์ ส มเด็ จ พระทศพลสั ม มา สั ม พุ ท ธเจ้ า จงเป็ น ปั จ จั ย หนุ น น� ำ ให้ ท ่ า นผู ้ ส นั บ สนุ น การจั ด พิ ม พ์ ในครั้งนี้ บรรลุผลตามปรารถนาทุกประการ

(พระพรหมวชิรญาณ) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดยานนาวา


ทุกครั้งที่ได้เห็นผลงานของ..ธรรมะอารมณ์ดี รู้สึกประทับใจและชื่นชมในการสร้างสรรค์ บทความธรรมะในแง่มุมต่างๆ ท�ำให้น่าติดตาม ไม่ซ�้ำซากจ�ำเจ นับได้ว่าเป็นนักพูดที่ประสบความส�ำเร็จแล้ว ยังเป็นนักเขียนที่ก�ำลังได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ถือเป็นความโชคดีของผู้อ่านที่มี..ธรรมะอารมณ์ดี.. เป็นผู้กระตุกความคิด กระเตื้องการกระท�ำ ให้ตอกย�้ำอยู่ในความดีตลอดเวลา.. ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะ..ท�ำดี เป็นเหมือนสูตรความรู้ส�ำเร็จรูป ที่จะไขข้อข้องใจของทุกท่าน ในแง่มุมของธรรมะเรื่องต่างๆ สิ่งใดที่ง่าย สะดวก มีประโยชน์ สิ่งนั้นจะได้รับความนิยมมาก ผลงานชิ้นนี้น่าจะเหมาะกับทุกคนในสภาวะปัจจุบัน...

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

(พระศรีพุทธิวิเทศ) (ชลทิช ป.ธ.๙, พธ.บ., อม.) เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธาราม ออสเตรเลีย


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ค�ำว่า ปุจฉา..วิสัชนา เป็นวิธีสอนอย่างหนึ่งของพระพุทธเจ้า โดยทรงเปิดโอกาสให้พระสงฆ์หรือผู้เข้าเฝ้าถามปัญหาได้ และพระองค์ทรงตอบเอง เป็นทางเกิดปัญญาอย่างหนึ่ง เป็นการเปิดโอกาสให้คู่สนทนา ได้ซักไซ้ไล่เลียงถามจนกระทั่งได้ค�ำตอบที่พอใจ เป็นวิธีการให้ความรู้ตรงแก่ผู้สงสัยในเรื่องนั้นๆ และเป็นการสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง ในการเรียนการสอน หรือการสนทนา ทุกครั้งที่พระวิทยากรธรรมะอารมณ์ดีไปบรรยายธรรม ช่วงสุดท้ายของการบรรยาย ก็จะตามรอยธรรม (ท�ำ) ของพระพุทธเจ้า ด้วยการถามตอบปัญหา ปลดล็อคความสงสัย คลายปมปัญหา เพื่อประเทืองปัญญา น�ำพาสู่การปฏิบัติ ด้วยการลงมือท�ำ


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ธรรมะอารมณ์ดี ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะ..ท�ำดี..เล่มนี้ ไม่ใช่สูตรแห่งความสุข แต่เสมือนอาหารส�ำเร็จรูป ที่ผู้อ่านสามารถเปิดรับประทานธรรมะได้ทันที แต่หากจะเพิ่มเครื่องปรุงให้อร่อยมากขึ้น ผู้อ่านต้องน�ำเกร็ดข้อคิด ที่พระวิทยากรธรรมะอารมณ์ดีทุกรูป ได้ช่วยกันปลคล็อคความสงสัย..ไปประยุกต์ใช้ในชีวิต ด้วยการ..เอาไป..ท�ำ-มะ.. อย่ามัวแต่อ้อนวอน..ร้องขอ..จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ชีวิตจักส�ำเร็จ..เพราะอิทธิฤทธิ์ของการลงมือท�ำ.. พระมหาวีรพล วีรญาโณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานนาวา ประธานเครือข่ายธรรมะอารมณ์ดี


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

“ความสงสัย” มักเป็นที่มาของ “การตั้งค�ำถาม” แม้แต่การเกิดขึ้นของ “พุทธศาสนา” ก็เกิดจากความสงสัยต่อ “การเกิด แก่ เจ็บ และตาย” ของเจ้าชายสิทธัตถะ ๑๐๐ ท�ำมะ วาทะท�ำดี เล่มที่ท่านอ่านอยู่นี้ เกิดจากความสงสัยของผู้คนทั้งหลาย ในการไปบรรยายของพระวิทยากรเครือข่ายธรรมะอารมณ์ดี คงท�ำให้ท่านผู้อ่านหายสงสัย พร้อมกับรอยยิ้มและความสุข “หายสงสัยแบบอารมณ์ดี”

พระครูปลัดบัณฑิต อินฺทเมธี เลขานุการศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาวัดสังข์กระจาย ประธานบริหารส�ำนักปฏิบัติธรรมป่าโมกข์ธรรมาราม รองประธานเครือข่ายธรรมะอารมณ์ดีฝ่ายวิชาการ


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

หยุด..ความสงสัย..คลายความกังวล จากคนที่อ่อนแอ..ท้อแท้..หมดหวัง..สิ้นก�ำลังใจในชีวิต เมื่ออ่านจบแล้ว..จะท�ำให้ชีวิตมีพลัง.. มีศรัทธา..เข้มแข็งมากขึ้น มีอาหารหลายอย่าง..หลายรสชาติ..วางอยู่บนโต๊ะ ท่านสามารถเลือกรับประทานได้ตามใจชอบ “๑๐๐ ท�ำมะ วาทะท�ำดี” เล่มนี้ เหมือนอาหารใจ มีพ่อครัว ผู้เขียนหลายรูป ช่วยกันปรุงรสแห่งธรรม พร้อมเสิร์ฟถึงบ้านท่านทั้งหลาย ในสไตล์ธรรมะอารมณ์ดี..สนุก..สุข..ซึ้ง...กินใจ...

พระมหามงคล วรธมฺมวาที ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดนิมมานรดี รองประธานเครือข่ายธรรมะอารมณ์ดีฝ่ายกิจกรรม


ธรรมะอารมณ์ดี ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะ..ท�ำดี..เล่มนี้ เกิดจากความสงสัยของผู้รับฟังการบรรยายธรรม ได้ตั้งค�ำถามหลากหลาย กับคณะพระวิทยากรธรรมะอารมณ์ดี ที่ไปบรรยายตามสถานที่ต่างๆ ได้น�ำมาตอบไขข้อข้องใจ บรรเทาความสงสัย โดยยกตัวอย่างนิทาน เรื่องเล่า วาทะค�ำสอนของครูบาอาจารย์ มาประกอบการเขียนตอบปัญหาสั้นๆ อ่านแล้วหายสงสัย ได้รอยยิ้ม ได้ก�ำลังใจ ได้ข้อคิดดี ๆ จึงเกิดหนังสือเล่มนี้ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ต้องรีบอ่านทันที..แล้วท่านจะได้ข้อคิดดีๆ..น�ำไปใช้ได้

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

พระมหาอดิศักดิ์ อภิปญฺโญ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบรมสถล (ดอน) รองประธานเครือข่ายธรรมะอารมณ์ดีฝ่ายปฏิบัติธรรม


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

สารบัญ โมทนียพจน์ พระพรหมวชิรญาณ........................................ ค�ำนิยม พระศรีพุทธิวิเทศ.................................................... คุยเกริ่น พระมหาวีรพล วีรญาโณ........................................ เกริ่นธรรม พระครูปลัดบัณฑิต อินฺทเมธี............................. คลายสงสัย พระมหามงคล วรธมฺมวาที............................... เล่าธรรม พระมหาอดิศักดิ์ อภิปญฺโญ............................... วาทะ ๑-๑๐๐............................................................... รายชื่อผู้ร่วมเป็นเจ้าภาพพิมพ์หนังสือ...........................๑๙๙

๓ ๕ ๖ ๘ ๙ ๑๐ ๑๓


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๑๓

การปล่อยนก..ปล่อยปลา..ปล่อยเต่า..ได้บุญไหม ?

การปล่อยนก หรือสัตว์ต่างๆ เป็นเพียงแค่ทานบารมี ซึ่งมีความเชื่อว่า ผู้ให้ชีวิตย่อมมีอายุยืนยาว ปราศจากศัตรูมาแผ้วพาน อุปสรรคปัญหาที่หนักก็จะเบา มิตรผู้คิดร้ายก็จะกลายเป็นมิตรดี บางครั้งถึงกับเชื่อว่า ปล่อยเต่าอายุจะยืนเหมือนเต่า ปล่อยปลาไหลชีวิตจะลื่นไหล ไม่มีอุปสรรค ปล่อยปลาหมอสุขภาพจะดี ปล่อยหอยขมชีวิตจะไม่ขื่นขมระทมทรวง ปล่อยไปปล่อยมา เดี๋ยวคงจะได้ปล่อยไก่ตัวโง่ๆ จากเราเสียเอง ตามหลักทางพระพุทธศาสนาการปล่อยสัตว์ต่างๆ เป็นเพียง “การให้ทาน” ยังมีวิธีท�ำบุญอีกหลายอย่าง โดยหลักมี ๓ คือ ทาน ศีล ภาวนา และยังมีบุญกิริยาวัตถุอีกถึง ๑๐ อย่าง การรักษาศีล การปฏิบัติธรรม การประพฤติตนอ่อนน้อม ต่อผู้ใหญ่ การขวนขวายในกิจอันชอบ


๑๔

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

เห็นใครเขาท�ำบุญ เราสาธุก็เป็นบุญ การฟังธรรม การกล่าวธรรม การพูดคุยสนทนาธรรม หรือการ ท�ำความเห็นให้ตรงกับค�ำสอนของพระพุทธเจ้าก็เป็นบุญทั้งสิ้น โยม..ปล่อยนกเป็นหมื่น..ปล่อยปลาเป็นแสน บุญก็ไม่เท่า..ปล่อยวาง..และให้อภัยนะ..คุณโยม

ท�ำ-มะ

ชายดี..หญิงงาม..ดูอย่างไร ?

โยมอาม่าคนหนึ่ง..มาปรึกษาว่า ..ท่านมหา..ลูกสาวฉันไม่มีใครมาขอเสียที.. แหม..อาม่า..ก็ไปตั้งสเปคลูกเขยไว้สูงจัง..ใครจะมาขอละ มาดูสเปคลูกเขยอาม่านะโยม..คือ..เหล้าไม่กิน..บุหรี่ไม่สูบ การพนันไม่เล่น..การศึกษาสูง..รักครอบครัว..ฯลฯ คุณสมบัติของลูกเขยที่อาม่าต้องการ ..นี่มัน..พระ..ชัดๆ เลยนะอาม่า นั่นอะสิท่านมหา..ผู้ชายดีๆ..ก็หนีไปบวชเป็นพระหมดแล้ว.. แต่คนโบราณสอนกันไว้นะว่า


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๑๕

..ดูผู้ชายดี..ให้ดูที่ขน ..ดูผู้หญิงดี..ให้ดูที่ก้น.. ท่านมหาอย่ามาเล่นส�ำบัดส�ำนวนเลย..ว่ามา..ดีไม่ดีอย่างไร แหมอาม่า..ดูผู้ชายดี..ให้ดูที่ขน..ว่าเขาจะขนอะไร เข้าบ้านบ้าง ทรัพย์สินเงินทอง..ของใช้ เครื่องครัว เป็นต้น แต่ดูตอนขนเข้าอย่างเดียวไม่ได้นะ ..ระวังตอนเขาขนออกด้วย ส่วน..ดูผู้หญิงดี..ให้ดูที่ก้น.. ก้นห้องครัว..ก้นห้องน�้ำ..ห้องนอน.. ถ้าลูกสาวบ้านไหนแช่จานชามค้างคืน..ห้องน�้ำสกปรก.. ห้องนอนรกรุงรัง..เรือนสาม..น�้ำสี่..ไม่มีสักอย่าง ก็แสดงว่า..สวยแต่รูป..อาจจะจูบไม่หอม.. ลูกสาวบางคน..พอถึงวันเกิดตัวเองก็ชวนเพื่อนมาทานกัน จานชามเต็มบ้าน..ทานเสร็จก็บ้านใครบ้านเธอ แม่ก็ก้มๆ เงยๆ เก็บจานชามไปล้าง.. ลูกสาววิ่งมาจับแขนแม่ พร้อมกับพูดว่า ..แม่วันนี้วันเกิดหนู..แม่อย่าล้างเลย.. แม่อมยิ้ม..มองหน้าลูกสาว..ปลื้มใจ..จนน�้ำตาไหล เพราะลูกสาวพูดต่ออีกว่า..แม่เก็บไว้ล้างวันพรุ่งนี้


๑๖

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

การเจิมบ้าน..ศักดิ์สิทธิ์จริงไหม ?

ญาติโยมหลายท่าน..เมื่อสร้างบ้านหลังใหม่เสร็จ ก็อยากให้หลวงพ่อชื่อดัง..เมตตาเจิมบ้านให้.. ทั้งหลวงพ่อรวย..หลวงพ่อเงิน..หลวงพ่อทอง..หลวงพ่อพูล.. หลวงพ่อเพิ่ม..หลวงพ่อเติม..หลวงพ่อเต็ม..หลวงพ่อขลัง.. หลวงพ่อแต่ละรูปก็เมตตา ทั้งเจริญพระพุทธมนต์..ทั้งเจิม.. ทั้งเสก ทั้งปิดทอง..ทั้งประพรมน�้ำพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ บ้าน เพราะการเจิมของหลวงพ่อ.. ท่านอธิษฐานจิตเพื่อความเป็นศรีเป็นสุข ว่าบ้านหลังนี้มีธรรมะ..บ้านหลังนี้มีพระอยู่ในใจ.. บ้านหลังนี้ไม่มีอบายมุข..บ้านหลังนี้ขยันท�ำมาหากิน.. แต่บางบ้านถึงแม้นิมนต์หลวงพ่อดังๆ มาเจิม มาเสริมมงคล แก่บา้ น พร้อมทัง้ หาป้ายไม้ใหญ่โตว่า..บ้านหลังนีร้ ำ�่ รวยเงินทองร่มเย็น เป็นสุข แต่คนในบ้านทะเลาะกันทุกวัน ..ผัวตบ..เมียถีบ..ผัวหนีบ..เมียกระทืบ..ผัวคลานสามคืบ..เมีย กระทืบสามที..บ้านจะน่าอยู่ไหมละโยม..


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๑๗

ท�ำ-มะ

บางบ้าน..ป้ายที่แขวนหน้าบ้านว่า..บ้านนี้อยู่แล้วร�่ำรวย.. แต่เล่นหวยทุกงวด..มันจะรวยไหมโยม ..คงจะรวยแต่ทุกข์ละโยม เพราะหลวงพ่อท่านเจิมไว้เป็นเครื่องเตือนสติคนในบ้าน เดินเข้า..เดินออกบ้าน..เห็นรอยแป้งเจิม.. แล้วจะได้มีสติ..นึกถึงบุญ ..นึกถึงคุณงามความดี..ละเว้นความชั่ว.. แต่หากคนในบ้านนั้น..ไม่มีธรรมะ..พระก็ช่วยไม่ได้.. บ้านอยู่เย็น..ตอนเย็นต้องอยู่บ้านนะโยม..

ท�ำ-มะ

บูชาปลัดขิก..มีเสน่ห์จริงหรือ ?

เมื่อกล่าวถึงเครื่องราง..ของขลังยอดนิยม..คงไม่พ้นปลัดขิก ว่ากันว่ามีเสน่ห์..เมตตา มีอ�ำนาจเหนือจิตใจเพศตรงข้าม อยากให้บรรดาชาย-หญิง มาสยบศิโรราบแก่เรา ..ต้องแขวนปลัดขิก จั ด เป็นเครื่องรางของขลังที่ไ ด้รับความนิ ย มอี ก อย่ า งหนึ่ ง ของไทยและเทศ


๑๘

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ปลัดขิกส่วนมากแกะสลักมาจากไม้ที่เชื่อกันว่าเป็นไม้มงคล หรือบางทีอาจท�ำจากหิน ทองเหลือง กัลปังหา เขี้ยวงาของสัตว์ เมื่ อ ท� ำ การแกะสลั ก แล้ ว ก่ อ นน� ำ มาบู ช าเป็ น เครื่ อ งราง ของขลัง ต้องท�ำการปลุกเสกโดยผู้มีความรู้ด้านไสยศาสตร์ จึงจะเข้ม ขลัง จะศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ห รื อ ขลั ง จริ ง ไหม ลองศึ ก ษาจากหลวงพ่ อ ปัญญานันทะ นักปาฐกถาธรรมที่ยิ่งใหญ่ของเมืองไทย..เทศน์สอน ให้คนตาสว่าง จุดประกายปัญญาให้เข้าถึงหลักธรรมอย่างถูกต้อง โดยท่านสอนให้เข้าถึงธรรมโดยใช้ปัญญาพิจารณา ท่ า นจะเทศนาต่ อ ต้ า นมารร้ า ยที่ ห ากิ น กั บ ศาสนาด้ ว ย พิธกี รรมต่างๆ เพือ่ ดึงดูดคนเข้าวัด เป็นสิง่ ทีท่ ำ� ให้ชาวพุทธส่วนใหญ่ งมงายหลงทาง จนคิดว่าสิ่งนั้นเป็นของดีทางพุทธศาสนา หลวงพ่อจึงปฏิรูป พิธีกรรม ไม่ให้ยึดติดกับอามิสบูชา หรือเครื่องรางของขลังใดๆ เพราะท่านว่า “พวกโง่..” ครั้ ง หนึ่ ง หลวงพ่ อ ปั ญ ญานั น ทะโดยสารรถไฟกลั บ จาก ปักษ์ใต้ มีชายคนหนึ่งน�ำปลัดขิกมาถวายบอกว่าเป็นของดี ควรที่จะ พกติดตัวเวลาไปไหนมาไหน หลวงพ่อปัญญาจึงบอกชายคนนั้นไปว่า “ไอ้นี่โยมเก็บไว้ใช้เองเถิด ของฉันมีอยู่แล้วอันนึง”


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี


๒๐

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

บูชานางกวัก..ค้าขายร�่ำรวยจริงหรือ ?

นางกวักเป็นเทพีแห่งโชค เป็นนางแห่งขวัญที่คอยเรียกเงินเรียกทอง ตามโบราณกล่าวกันว่า ค้าขายดีต้องมีนางกวัก จะได้กวักเงินกวักทอง นางกวั ก มี ชื่ อ จริ ง ว่ า สุ ภ าวดี พ่ อ แม่ ข องนางกวั ก มี อ าชี พ ท�ำมาค้าขาย น�ำสินค้าไปเร่ขายในต่างถิ่น นางก็ชอบติดตามไปด้วยทุก ครั้ง นางมีโอกาสได้ฟังธรรมจากพระกัสสัปปะเถระ และพระสิวลี เถระ และทุกครั้งที่นางได้ฟังธรรมและลากลับ พระสิวลีผู้เป็นเถระเจ้าได้ให้พรแก่นางว่า “ขอให้เจริญรุ่งเรืองไพบูลย์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง จากการค้าขายสินค้าต่างๆ สมความปรารถนาเถิด” แต่ทุกครั้งที่นางรับพร..นางก็จะขอน้อมน�ำธรรมไปปฏิบัติใช้ ในชีวิต ทั้งการค้าขาย การดูแลพ่อแม่ การใช้จ่ายทรัพย์ ชีวิตของนาง จึงเจริญขึ้น


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๒๑

จนพ่อของนางมักกล่าวว่า..สุภาวดี ลูกคือผู้ที่เป็นสิริมงคล ที่แท้จริง เป็นที่ไหลมาแห่งทรัพย์สมบัติของครอบครัว ครอบครัว ร�่ำรวยขึ้นเพราะลูกนะ พ่อกับแม่ของนางก็ชอบฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า และชอบ ปฏิบัติธรรมมาก เมื่ อ นางสิ้ น ชี วิ ต แล้ ว ชาวบ้ า นจึ ง มั ก ปั ้ น รู ป ไว้ บู ช าเพื่ อ ให้ การค้าขายรุ่งเรือง แต่โยมลองศึกษาชีวิตของนางกวักนะ นางรวยเพราะชอบ ฟังธรรม ได้ รั บ พรดี . .แล้ ว เสริ ม พรด้ ว ยการขยั น ท� ำ มาหากิ น .. ไม่ห่างธรรมะ ชีวิตของนางกวักจึงร�่ำรวย มั่นคง ค้าขายดี รวยจนคนอื่น ต้องเอาอย่าง จนมีนิทานในวงเหล้า..วันหนึ่ง..วัยรุ่นไล่ยิงกันวิ่งผ่านหน้าบ้าน แกไป..หลบอยู ่ ซ อยข้ า งบ้ า น..คนไล่ ยิ ง มองไม่ เ ห็ น ..เพราะวั ย รุ ่ น คนนั้นห้อยพระปิดตา..จึงรอดตาย.. แต่ไม่แคล้วคลาด เพราะบ้านข้างๆ บูชานางกวักไว้หลายองค์ นางกวักจึงกวักมือเรียกมือปืน.. ให้กลับมายิงวัยรุ่นคนนั้น..ตายฉิบ..


๒๒

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

ฆ่าอะไร..แล้วได้บุญ ?

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ ใครฆ่าความโกรธได้ย่อมอยู่เป็นสุข ในสมัยพุทธกาล พราหมณ์สองสามีภรรยาทะเลาะกัน เพราะภรรยาเวลาตกใจชอบอุทานว่า นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ สามีจึงโกรธ เพราะไม่มีความศรัทธาในพระพุทธเจ้า สามีจึงไปถามปัญหาพระพุทธเจ้าเพื่อลองของว่า “ฆ่าอะไรแล้วอยู่เป็นสุข” พระพุทธองค์ตรัสว่า “ฆ่าความโกรธได้ย่อมอยู่เป็นสุข” เพียงแค่พราหมณ์ได้ฟัง ก็มีสติสงบเย็นเห็นธรรมทันที พระพยอมมักสอนว่า..โกรธคือโง่..โมโหคือบ้า เพราะเมื่อโกรธ ล้วนท�ำลายความสุข สุขภาพจิตเสีย สติพัง โมโหง่าย ขี้วีน ปากร้าย เป็นโทษทั้งต่อตัวเองและคนรอบข้าง แต่ผู้มีสติ เมื่อโกรธจักใช้ปัญญาแก้ปัญหา เพราะทะเลาะกับคนพาล..น่าร�ำคาญที่สุด.. หากโยมจัดการความโกรธได้...เบิกบานไม่มีสิ้นสุด


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

โกรธเมื่อไร..ต้องรีบประหารตัวโกรธให้ตาย.. ฆ่าตัวโกรธไม่เป็นบาป..มีแต่ได้บุญ..เป็นบุญใจ ตกลงโยมจะเลือกฆ่าอะไรดี..ฆ่าโกรธ.. หรือโยมจะโกรธ..เพื่อฆ่าสุข..ของตัวเรา.. หรือโยมจะเป็นคนที่น่ากลัว..เพราะมักโกรธ

ท�ำ-มะ

เก็บพระแตกพระร้าวไว้..จะท�ำให้ชีวิตแตกร้าว ?

โยมหลายท่านชอบน�ำพระพุทธรูปที่แตกร้าว..ช�ำรุด.. น�ำไปทิ้งที่วัด หรือใต้ต้นโพธิ์ เพราะกลัวสิ่งที่ไม่ดีจะเกิดขึ้นกับตัวเองและครอบครัว โยมท่านหนึ่งมาปรึกษาอาตมาว่า.. พระพุทธรูปที่บ้านผมตกลงมาแตก คนชอบมาทักว่า.. พระแตก พระร้าวเก็บไว้ที่บ้านไม่เป็นมงคล คนในบ้านจะแตกกัน จะท�ำให้ชีวิตแตกแยก กิจการไม่เจริญรุ่งเรือง มีอุปสรรคปัญหา

๒๓


๒๔

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ผมจึงจะเอามาฝากท่านเก็บไว้ที่วัด เพราะจะทิ้งก็กลัวบาป อาตมาก็บอกโยมไปว่า.. พระพุทธรูปคือ..ตัวแทนของพระพุทธเจ้า เป็นอุเทสิกเจดีย์ คือสิ่งที่ควรเคารพบูชา มีคุณค่าทางจิตใจ ถ้าโยมไม่สบายใจ ก็น�ำไปมอบให้กับพิพิธภัณฑ์ก็ได้ แต่โยมลองคิดดูนะว่า.. ถ้าลูกโยมแขน ขา หัก โยมจะท�ำอย่างไร โยมคงรักษาให้หาย..โยมคงไม่เอามาทิ้งที่วัด โยมนิ่งไปสักครู่ แล้วตอบว่า.. มันไม่เหมือนกันท่าน..อันนั้นพระ..อันนี้ลูกผม เห็นไหม..โยมก็ยังรักลูกโยม.. พระอาจารย์ก็รักพระพุทธรูป เพราะถือว่าเป็นพ่ออาตมา แต่อาตมาว่า..ถ้าโยมคิดดี พูดดี ท�ำดี ต่อให้ในบ้านจะมีพระแตกพระร้าวสักกี่ร้อยองค์ ก็ไม่สามารถท�ำให้ชีวิตของเราแตกร้าวได้หรอก.. ..เจริญพร..


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี


๒๖

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

งานยุ่งทั้งวัน..ไม่มีเวลาปฏิบัติธรรมจะท�ำอย่างไร ?

แหม..ช่างเป็นปัญหาที่โดนใจอาตมามาก เพราะอาตมาก็เคยคิดเหมือนโยมนี่แหละ จนวั น หนึ่ ง ได้ ไ ปกราบหลวงพ่ อ สยาดอภั ท ทั น ตวิ โรจนะ พระอาจารย์สอนวิปัสสนากรรมฐานที่ประเทศพม่า ท่านถามว่า..ท่านมหาเมื่อไหร่จะมาปฏิบัติธรรม อาตมาตอบว่า..ไม่ค่อยมีเวลาครับ งานยังยุ่งตลอดครับ ท่านบอกว่า..อย่าพูดค�ำว่า “ไม่มีเวลา” ตราบใดถ้ายังมีลมหายใจ ตราบนั้นเราทุกคนยังมีเวลา ถ้าหมดลมหายใจเมื่อไหร่ เราทุกคนหมดเวลา ต้องรู้จักแบ่งเวลา..ให้กับตนเองบ้าง ในหนึ่งวันคนเรามีเวลา ๒๔ ชั่วโมง เท่ากันหมด ไม่มีใครได้เวลามากกว่ากัน แค่โยมเปลี่ยนเวลาจากการนั่งนินทาเพื่อนร่วมงาน ลองหามุมสงบให้กับตนเอง วันละ ๕-๑๐ นาที ก็ยังดี จะอยู่ที่บ้านหรือที่ท�ำงาน เราก็สามารถปฏิบัติธรรมได้เสมอ จะท�ำก่อนนอน หรือช่วงเวลาว่าง นั่งพักนิ่งๆ อยู่กับตัวเอง


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๒๗

ท�ำจิตให้สงบ ก�ำหนดดูลมหายใจ พอง-ยุบ เจริญเมตตา หรือ พุท-โธ ก็ได้ ถ้าจะรอว่าพรุ่งนี้ค่อยท�ำ พรุ่งนี้อาจจะไม่มีลมหายใจให้ดูก็ได้ เพราะบางที วันพรุ่งนี้อาจไม่มีจริง..

ท�ำ-มะ

เมื่อผีเข้า..จะท�ำอย่างไร ?

เช้าวันหนึ่งพระอาจารย์ตื่นขึ้นมา ได้ยินเสียงร้องดังอยู่ข้างกุฏิ ก็เลยเปิดประตูไปดู เห็นสามีก�ำลังตบภรรยาที่นอนร้องอยู่ พร้อมกับพูดว่า “มึงจะออก..ไม่ออก ๆ” ภรรยาตะโกนเถียงว่า “กูไม่ออก ๆ” ..มึงไม่ออกกูตบ..มึงไม่ออกกูตบ... พระอาจารย์ก็เลยถามว่า..เกิดอะไรขึ้นโยม ญาติที่มาด้วยกันบอกว่า ..ผีผัวเก่ามันมาเข้าสิง อาละวาดทั้งคืนเลย.. พระอาจารย์ก็เลยบอกให้ไปหาหลวงพ่อเจ้าอาวาส


๒๘

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท่านก็เลยส่งผู้ช่วยเจ้าอาวาส มือวางอันดับหนึ่งช�ำนาญเรื่อง ไล่ผีมาพรมน�้ำมนต์..ผีก็ร้องเหมือนจะกลัว..แต่ก็ไม่ยอมออก.. หลวงพ่อก็ส่งผู้ช่วยมือวางอันดับสองไป ก็ไม่ยอมออก พระอาจารย์ยืนดูสักพักเห็นท่าไม่ดี ต่อไปคงเป็นคิวเราแน่ เพราะเราเป็นมือวางอันดับสาม เลยรีบออกไปบิณฑบาตก่อน เพราะถ้าเราไปไล่ผีไม่ออก..เดี๋ยวจะตกจากมือวางอันดับสาม กลับมาจากบิณฑบาต ผีก็ยังไม่ยอมออก หลวงพ่อจึงให้ไป นิมนต์พระอาจารย์รูปหนึ่ง ซึ่งชอบเดินธุดงค์อยู่ในถ�้ำมาเป็นสิบๆ ปี ท่านเก่งมีคาถาไล่ผี..มาไล่ พอท่านมาถึงก็ท�ำปากขมุบขมิบ พรมน�้ำมนต์แล้วเป่าคาถา เอาด้ายสายสิญจน์ผูกข้อมือให้ ผีออกเฉยเลย.. ทุกคนก็งองูสองตัว..(งง) ผู้หญิงที่ผีเข้าเดินกลับบ้านได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยโยม แต่น่าสงสารแกมากโยม..หน้าบวมมากเพราะโดนผัวตบ.. พอโยมกลับไปแล้ว อาตมาเลยมาขอคาถากับท่าน.. ท่านก็บอกว่าง่ายมากท่านมหา..พุทธมนต์ของพระพุทธเจ้างัย.. กรณียเมตตาสูตรเจ๋งที่สุด และอย่าลืมท่องนะโมถอยหลัง ๙ จบ แต่เวลาจะท่อง ต้องกลั้นหายใจแล้วว่า.. สะธัสพุทสัมมาสัม โต หะระอะโต วะคะภะ สะตัส โมนะ


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๒๙

ผีออกแน่..เพราะผีไม่เคยได้ยินมาก่อน..ผีงง..ออกดีกว่า.. บางวันว่างๆ พระอาจารย์ก็ลองสวดกลั้นใจ ได้แค่เจ็ดจบ เกือบมรณภาพ.. ผีเข้าไม่น่ากลัว..เพราะผีที่น่ากลัว.. คือผีเห็นแก่ตัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด..นะคุณโยม

ท�ำ-มะ

๑๐

บูชาพระพรหม..ชีวิตจะดีขึ้นจริงไหม ?

คนไทยบูชาพระพรหม เพราะเชื่อว่า พระพรหมจะบันดาล ให้ประสบความส�ำเร็จในหน้าที่การงาน เป็นที่รักใคร่ นิยมชมชอบ ใครเห็นใครรัก ไปไหนก็มีแต่มิตร จนเชื่อกันว่าเป็นเพราะพระพรหมลิขิต อาตมาจ�ำได้ว่า ตั้งแต่เป็นสามเณรหลวงพ่อสอนว่า.. พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ปฏิเสธพระพรหม..แต่พระองค์สอนว่า พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร มารดาบิดาคือ พระพรหมของลูก การบูชาพระพรหมที่ชื่อว่า..พ่อ พระพรหมที่ชื่อว่า..แม่ ดีที่สุด เพราะพระพรหมสององค์นี้บันดาลให้เราได้ทุกอย่าง


๓๐

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

พ่อแม่เป็นผู้สร้าง คือ สร้างลูกให้เกิดมาเป็นคน พ่อแม่เป็นผู้ส่ง คือ ส่งให้ลูกเรียน ให้มีความรู้ มีการศึกษา พ่อแม่เป็นผู้เสริม คือ เสริมให้ชีวิตลูกมั่นคงขึ้น เมื่อล้ม ก็คอยประคอง พ่อแม่เป็นผู้เสีย คือ เสียสละให้ลูกได้ทุกอย่าง แม้กระทั่ง ชีวิตก็ให้ได้ จะกราบพระพรหมสักร้อยครั้ง บุญไม่เท่ากราบเท้าพ่อแม่เพียงครั้งเดียว เพราะพ่อแม่ เป็นพระพรหมที่ดีแท้ของลูก.. ไม่ต้องถูกพิสูจน์จากเซียนพระ

ท�ำ-มะ

๑๑

มงคล..คืออะไร ?

เวลาพระอาจารย์ไปบรรยาย โยมก็จะถามว่า ..พระอาจารย์ชื่ออะไร... ก็เลยตอบว่า..พระมหามงคล โยมก็ถามอีกว่า..มงคล แปลว่าอะไร


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

แปลว่า..เหตุแห่งความสุข ความก้าวหน้าในการด�ำเนินชีวิต ความดี ความเจริญ มีมงคลแล้วชีวิตไม่มีเสื่อม แต่ถ้าอยากจะให้ดี อยากมีความเจริญ ท�ำบุญทุกที อย่าลืมนึกถึง พระมหามงคล แต่ถ้าจะยืมเงิน อันนี้ไม่ต้องนึกถึง พระมหามงคล ก็ได้นะ เรื่องมงคลนี้มีคนสงสัยมาแล้ว ตั้งแต่ก่อนพุทธกาลถกเถียงกันถึง ๑๒ ปี จนเดือดร้อนถึงเทวดา เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ถึงได้ค�ำตอบ มีเทวดาตนหนึ่ง เป็นตัวแทนของเหล่าเทวดา ได้เข้าไปถามปัญหานี้กับพระพุทธเจ้าว่า ..อะไรชื่อว่า..มงคล พระองค์จึงตรัสมงคล ๓๘ ประการ เริ่มตั้งแต่ การไม่คบคนพาล จนถึง การมีจิตเกษม ถึงรู้มงคล แต่ถ้าไม่ลงมือปฏิบัติตามมงคล ชีวิตก็ไม่เกิดมงคล อยากจะมีมงคล รีบคบมงคล เสียตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป..

๓๑


๓๒

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๑๒

เป็นควาย..มันผิดตรงไหน ?

ท�ำไมเวลาคนทะเลาะกัน..ด่ากันทีไร.. ต้องให้ควายเดือดร้อนด้วยตลอด ชอบด่าว่า..ไอ้ควาย.. ท�ำไมไม่ด่าว่า..ไอ้คน ไอ้แพนด้าบ้าง จะได้ดูน่ารักหน่อย ไม่นานมานี้..พระอาจารย์กับพระมหาวีรพล รับนิมนต์ไปบรรยายในงานประเพณีวิ่งควายที่จังหวัดชลบุรี งานนี้ถูกนิมนต์ให้ขึ้นบรรยายบนเวที ควายไทย ขนาดชื่อเวทียังมีควายเลย บรรยากาศเหมือนชมคอนเสิร์ตอย่างไรอย่างนั้น ลงจากรถ..เดินไปด้วยความรีบ ..ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ที่มารับตะโกนว่า..หลวงพี่ควาย เราก็ตกใจ นึกว่าด่าพระ เพราะช่วงนี้ข่าวพระก�ำลังมาแรง หันไปข้างๆ โยมบอก..ระวังควายจะขวิดเอา..โล่งอกไปที วันนั้นบรรยายเรื่องอยากมีความสุข ขอให้ใช้ชีวิตเหมือนควายนะโยม..


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๓๓

โยมคนหนึ่งถามว่า ..หลวงพี่ละ ใช้ชีวิตเหมือนควายบ้างไหม.. อาตมาตอบ..ใช้สิโยม โยม..เออดีจัง วันนี้ได้ฟังธรรมะจากพระแบบควายๆ โยมถามต่ออีก..แล้วเป็นควายมันสุขอย่างไร ..สุขสิโยม ดูจากชื่อของมันสิ “ควาย” มีอักษร ๔ ตัว ค ควาย ย่อมาจาก คิด จะท�ำหรือพูดอะไรก็คิดเยอะๆ ว แหวน ย่อมาจาก วิเคราะห์ ดูตัวเองเสมอ า สระอา ย่อมาจาก อารมณ์ดีตลอดเวลา (ยกเว้นญาติเสีย) ย ยักษ์ ย่อมาจาก ยิ้มแย้ม เห็นไหมละ เป็นควายสบายใจจัง.. ต่อไปเวลาด่ากันให้เกียรติควายบ้าง เช่น ด่าว่า ไอ้คุณควาย แม่บางคนก็ชอบด่าลูกว่า..ไอ้ควาย โง่เหมือนพ่อมึง ลูกมันคงคิดว่า..แล้วแฟนแม่เป็นอะไร!!.. บางคนชอบด่าว่า โง่เหมือนควาย ควายแค่แกล้งโง่ บางเรื่องเราก็แกล้งโง่บ้าง ควายอดทน ควายไม่บ่น ควายไม่อู้ ควายไม่หนี ลองท�ำตัวให้เหมือน..ควาย..ดูนะโยม


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๓๕

๑๓

คิดบวก..แล้วจะได้อะไร ?

ได้ความสุขใจ ได้ความสบายใจ ได้มุมมองใหม่ ได้ก�ำลังใจให้ชีวิต เพราะบางคนเวลาเกิดอะไรขึ้น ชอบมองแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง สิ่งใดที่ไม่เป็นประโยชน์กับตัวเอง ก็มักจะคิดว่าเป็นเรื่องไม่ดี เป็นทุกข์ ส�ำคัญนะ เวลาที่ชีวิตเจอกับความทุกข์ เจอกับปัญหา ให้รีบมองหาความสุขจากความทุกข์ให้ได้ เพื่อที่เราจะได้ ไม่จมอยู่กับความทุกข์ เพราะทุกอย่างบนโลกนี้ล้วนเกิดมาคู่กัน ในร้ายมีดี ในดีมีร้าย เมื่อไม่นานมานี้ อาตมาทราบข่าวว่าน�้ำท่วมนาข้าว กลัวว่า โยมพ่อจะเครียด เลยรีบโทรศัพท์ไปหาเพื่อพูดคุยให้ก�ำลังใจ อาตมา..โยมพ่อ นาข้าวเป็นอย่างไร ดูข่าวเห็นว่าน�้ำท่วมหนัก โยมพ่อ..ดีลูก น�้ำดีมาก ท่วมข้าว พืชผัก หมดเลย อาตมา..โยมพ่ออย่าไปเครียดนะ..ช่างมัน เดี๋ยวค่อยท�ำใหม่


๓๖

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

โยมพ่อ..ไม่เครียดหรอกลูก พ่อสบายใจดี ..ไม่ต้องเป็นห่วง ดีแล้วละที่ปีนี้น�้ำท่วม อาตมาเงียบไปสักพัก ถามต่อว่า ..มันดีอย่างไรละโยมพ่อ โยมพ่อ..ดีสิลูก เพราะปีนี้ข้าวและพืชผักที่ปลูกงามมากๆ อาตมาเงียบไปอีกรอบ.. โยมพ่อพูดต่อว่า..ถ้าน�้ำไม่ท่วม คงดูแลไม่ไหว เพราะข้าวและพืชผักที่ปลูกมันงามมากเกินไป พ่อกับแม่คงล�ำบากมากกว่าทุกๆ ปี โยมพ่อพูดจบเราก็แอบอมยิ้ม.. เออ..จริงของโยมพ่อ เราอุตส่าห์จะให้ก�ำลังใจโยมพ่อสักหน่อย กลัวโยมพ่อกับโยมแม่จะเครียด ที่ไหนได้โยมพ่อกลับมองเห็นข้อดีของน�้ำท่วม ว่าโยมพ่อกับโยมแม่ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก ไม่ต้องล�ำบากมานั่งเก็บผักขาย จะได้พักบ้าง เจริญพรเลยเรา จะให้ก�ำลังใจ กลับได้ธรรมะจากโยมพ่อ ..สาธุ สาธุ สาธุ..


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๓๗

๑๔

ท�ำบุญหล่อพระกับบวชพระ..จะได้บุญอย่างไร ?

การหล่อพระพุทธรูปนั้น เป็นการสร้างองค์แทนพระพุทธเจ้า เป็นพุทธานุสติ เพื่อให้คนได้สักการะกราบไหว้ ระลึกถึงพระพุทธองค์ หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว ท่านกล่าวว่า ผู ้ ใ ดสร้ า งรู ป พระพุ ท ธเจ้ า จะเป็ น องค์ เ ล็ ก เท่ า ต้ น คาก็ ดี ใหญ่กว่าต้นคาก็ดี ผู้นั้นจะได้เป็นพรหม เป็นอินทร์ หมื่นชาติแสนชาติ ถ้ า เป็ น มนุ ษ ย์ จะได้ เ ป็ น พระเจ้ า จั ก รพรรดิ หมื่ น ชาติ แ สนชาติ จะไม่เป็นผู้ตกต�่ำเลย ตราบจนกว่าเข้าสู่พระนิพพาน ส่วนการบวชพระคือ สืบทายาททางพระพุทธศาสนา ยิ่งถ้า เมื่อบวชแล้ว ตั้งใจศึกษาปฏิบัติก็จะมีอานิสงส์มากแก่ตนและผู้อื่น การได้มีลูกบวชเป็นพระในพระพุทธศาสนา ถือว่าได้เข้าไปนั่ง ใกล้พระรัตนตรัย พระเจ้าอโศกมหาราชสร้างวิหาร เจดีย์ บูชาอย่างละแปดหมืน่ สี่พัน และเป็นผู้อุปถัมภ์การสังคายนาพระธรรม พระวินัย เกิดความ สงสัยจึงตรัสถามพระมหาเถระรูปหนึ่งว่า “ข้าพเจ้าได้ท�ำทานมากอย่างนี้ ชื่อว่าได้เข้าไปนั่งใกล้ พระรัตนตรัยแล้วหรือยัง”


๓๘

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

พระมหาเถระกล่ า วว่ า “ยั ง นี่ เ ป็ น แต่ เ พี ย งการสร้ า ง มหาทานบารมีเท่านั้น” พระเจ้าอโศกมหาราช “แล้วต้องท�ำอย่างไร จึงจะได้ชื่อว่า เข้าไปนั่งใกล้พระรัตนตรัย” พระมหาเถระ “หากท่ า นอนุ ญ าตให้ พ ระโอรส และ พระธิ ด าบวชในพระพุ ท ธศาสนา จึ ง ชื่ อ ว่ า เข้ า ไปนั่ ง ใกล้ พระรัตนตรัย”

ท�ำ-มะ

๑๕

ความดี..มันดีจริงหรือ ?

มีคนพูดให้คิดว่า “ท�ำดีได้ผลชาติหน้า เสนอหน้าได้ผลชาตินี้” ท�ำไม โยมท�ำดีแค่ไหน ก็ยังไม่เห็นได้ดีเลย ท�ำจนเหนื่อย จนท้อแล้ว ไม่อยากท�ำดีอีกต่อไป บุญก็ท�ำเรื่อยๆ ไม่เห็นได้ผลเลย พระอาจารย์ว่า..ดีจริงๆ โยม เอาง่ายๆ เวลาท�ำดี..โยมสุขหรือโยมทุกข์ละ ถ้าสุข..ก็นี่แหละคือสิ่งที่โยมได้


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๓๙

มี ตั ว อย่ า งเรื่ อ งนกแขกเต้ า ฝู ง หนึ่ ง ประมาณ ๕๐๐ ตั ว พญานกตั ว หนึ่ ง เวลาไปกิ น ข้ า วสาลี ข องชาวนาก็ มั ก จะคาบเอา ข้าวสาลีติดมา ๓ รวง เสมอ ชาวนาเห็ น คิ ด ว่ า นกตั ว นี้ ช ่ า งโลภเสี ย จริ ง ๆ กิ น ไม่ พ อ ยั ง คาบกลั บ ไปอี ก จึ ง พยายามดั ก พญานกตั ว นี้ จ นได้ และเมื่ อ ดักจับได้แล้ว ก็ ถ ามนกว่ า ..เจ้ า กิ น ข้ า วสาลี แ ล้ ว ยั ง ไม่ พ อ ยั ง คาบไปอี ก เจ้านี่มันโลภจริงๆ ฝ่ายพญานกตอบว่า..ที่เราคาบไป ๓ รวง นั้น รวงแรก..คาบไปให้มารดาบิดา ท่านเลี้ยงเรามา รวงที่สอง..คาบไปให้ลูกๆ ที่ยังเล็กอยู่ ออกไปหากินเอง ยังไม่ได้ ต้องเลี้ยงดู รวงที่สาม..คาบไปเผื่อพวกนกพิการ หรือนกที่แก่ชรา พอชาวนาได้ยินก็รู้สึกปลื้มและศรัทธาต่อการกระท�ำของ พญานก จึงปล่อยพญานกไป และยังให้รวงข้าวสาลีอีกจ�ำนวนหนึ่ง แต่พญานกก็เลือกเอาแค่พอประมาณเท่านั้น ไม่โลภมาก เห็นไหมละ หากเราไม่ย่อท้อต่อการท�ำความดี สักวันความดีที่ท�ำ ย่อมปรากฏและมีคนเห็นอย่างแน่นอน


๔๐

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

มีพุทธพจน์รับรองว่า “คนผู้ท�ำชั่วย่อมเห็นความชั่วว่าดี ตราบเท่าที่ความชั่ว ยั ง ไม่ ใ ห้ ผ ล แต่ เ มื่ อ ใดความชั่ ว ให้ ผ ล เมื่ อ นั้ น เขาย่ อ มเห็ น ว่ า ชั่วนั้น..ชั่วจริงๆ ส่วนคนท�ำความดีก็เห็นกรรมดีว่าชั่ว ตราบใดที่ความดี ยั ง ไม่ ใ ห้ ผ ล แต่ เ มื่ อ ใดความดี ใ ห้ ผ ล เมื่ อ นั้ น เขาย่ อ มเห็ น ความดีว่า..ดีจริงๆ”

ท�ำ-มะ

๑๖

ทรัพย์สมบัติอะไร..ยิ่งใช้ยิ่งมีความสุข ?

บ้านหลังใหญ่ เครื่องอ�ำนวยความสะดวกครบครัน รถคันงาม ความรักที่สวยที่หล่อ เงินทองหลายร้อยหลายพันล้าน เป็นความต้องการของมนุษย์ปุถุชน หลายคนคงคิ ด ว่ า สิ่ ง เหล่ า นี้ เ ป็ น ทรั พ ย์ ส มบั ติ ที่ ล�้ ำ ค่ า มากที่สุด ที่เราต้องไขว่คว้ามาไว้ให้ชีวิต แต่ในความเป็นจริง ทรัพย์สินเงินทองที่เป็นวัตถุภายนอกนั้น เป็นทรัพย์ที่ไม่จีรังยั่งยืน มีแต่จะน�ำความทุกข์มาให้ผู้ครอบครอง เมื่อสูญเสียทรัพย์สินเหล่านั้นไป


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๔๑

แต่ “ทรัพย์ภายใน” หรือ “อริยทรัพย์” คือ ทรัพย์อนั ประเสริฐ ซึ่งเป็นทรัพย์ที่จะติดตัวเราไปทุกที่ ไม่มีใครมาแย่งชิงไปได้ เพราะอริยทรัพย์จะเป็นทุนทางใจ ครั้งหนึ่งราหุลเคยเข้าไปขอทรัพย์สมบัติจากพระพุทธองค์ ในฐานะพระราชบิดา แทนทีพ่ ระพุทธองค์จะประทาน “ทรัพย์ภายนอก” หรือ “โภคทรัพย์” ให้ราหุล พระพุทธองค์กลับประทาน “ทรัพย์ภายใน” หรือ “อริยทรัพย์” ให้ราหุลแทน อริยทรัพย์ ๗ ประการ ประกอบด้วย ๑. ศรัทธา คือ ให้เชื่อมั่นในความดี ในการท�ำดี ๒. ศีล ให้ประพฤติดีงาม รักษากาย รักษาวาจา ไม่ประพฤติ เบียดเบียนผู้อื่น ๓. หิริ มีความละอายต่อความชั่ว ๔. โอตตัปปะ มีความเกรงกลัวต่อผลของบาป ๕. พาหุสัจจะ หมั่นศึกษาหาความรู้ ๖. จาคะ คือ รู้จักการเสียสละ มีน�้ำใจ รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ๗. ปัญญา รู้จักคิด มีเหตุมีผล รู้เท่าทันโลก ใช้ชีวิตตาม ความจริง


๔๒

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

การแสวงหา “ทรัพย์ภายนอก หรือ โภคทรัพย์” นั้น มีแต่จะน�ำทุกข์มาให้ แต่การแสวงหา “ทรัพย์ภายใน หรือ อริยทรัพย์” มีแต่จะน�ำความสุขที่ยั่งยืนมาสู่ชีวิต

ท�ำ-มะ

๑๗

ท�ำบุญอย่างไร..จึงจะได้บุญ ?

พูดถึง “บุญ” คนไทยเตรียมยกมือขึ้นพนม พร้อมกล่าวค�ำว่า สาธุๆๆๆ คนไทยท�ำบุญอยู่เสมอ แต่มักไม่เข้าใจค�ำว่า “บุญ” จนมีคนพูดว่า คนไทยบ้าบุญ บุญ มาจากศัพท์ภาษาบาลีว่า “ปุญญะ” แปลว่า เครื่องช�ำระจิตใจให้สะอาด บริสุทธิ์ บุญเป็นเครื่องจ�ำกัดสิ่งเศร้าหมองที่เรียกว่า กิเลส ดังนั้น การท�ำบุญจึงเป็นการช่วยลด ละ เลิก ความโลภ ความเห็นแก่ตัว


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๔๓

หลวงพ่อพุทธทาส แห่งสวนโมกข์ พูดถึงวิธที ำ� บุญ ๓ แบบ คือ ท�ำบุญอาบน�้ำโคลน คือ การท�ำบาปแลกบุญ แลกด้วยการ ฆ่ า สั ต ว์ ตั ด ชี วิ ต และเอาเนื้ อ สั ต ว์ เ หล่ า นั้ น มาจั ด งานบุ ญ เลี้ ย งกั น แลกด้วยการเลี้ยงสุรา อบายมุข จนเกิดการทะเลาะวิวาทกัน จึงเรียกว่า การท�ำบาปแลกบุญ เหมือนกับเอาน�้ำโคลนมาอาบน�้ำ นอกจากร่างกายไม่สะอาด ยังสกปรกเพิ่มขึ้นอีก ท�ำบุญอาบน�้ำหอม คือ คนที่ท�ำบุญเอาหน้า ยึดมั่นถือมั่น ในบุญ บ้าสวรรค์ เป็นการท�ำบุญด้วยกิเลส หรือความยึดติดกับบุญ จนหัวปรักหัวปร�ำ ท�ำแล้วหวังผล เหมือนเอาน�้ำที่หอมมาอาบช�ำระร่างกาย ท�ำบุญเหมือนอาบน�้ำสะอาด คือ คนที่ท�ำบุญด้วยความ ตั้งใจ มีความสงบ ร่มเย็น ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นว่า ของที่ท�ำบุญไปนั้น เป็นของเรา ต้องมีชื่อเรา เหมือนคนอาบน�้ำด้วยน�้ำสะอาด ย่อมสะอาดกว่าบุคคล ๒ ประเภทแรก ลองพิจารณาดูเถิดว่า เราท�ำบุญแบบไหน หรือเราอยู่ในกลุ่ม “บ้าบุญ” และ “คลั่งบุญ”


๔๔

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๑๘

เมื่อผิดหวัง..จะท�ำอย่างไรดี ?

ความผิดหวังสามารถเกิดได้กับทุกคน ถ้าเราทุกคนสมหวังทุกอย่างตามที่คิด คงจะเป็นการดีมาก คนที่ไม่เคยผิดหวังจะล�ำบากกว่าคนอื่น เพราะขาด “ภูมิคุ้มกัน” ดังค�ำกลอนที่ว่า “ถ้าเราได้ ทุกอย่าง ดั่งที่คิด สิ้นชีวิต จะเอาของ กองที่ไหน จะได้บ้าง เสียบ้าง ช่างปะไร เราตั้งใจ ท�ำดี เท่านี้พอ” ถ้าเราหวังอะไรมากเกินไป มันไม่ได้ดั่งใจมันก็ทุกข์ การท�ำอะไรต้องเผื่อความผิดหวังไว้ด้วย คนค้าขายก็หวังผลก�ำไร คนเรียนหนังสือก็หวังจะสอบได้ คนท�ำงานก็หวังจะได้ต�ำแหน่ง คนอยู่ในวัยรักก็หวังอยากมีคนรักที่ดีสักคน บางคนก็สมหวัง บางคนก็ผิดหวัง


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๔๕

มีเรื่องเล่าของสามีผู้ผิดหวังว่า ภรรยาสูงวัยขอสามีไปเที่ยว ต่ า งประเทศกั บ เพื่ อ นๆ สามี ก็ อ นุ ญ าต วั น เดิ น ทางปรากฏว่ า ภรรยาไปไม่ทันเครื่องบินเที่ยวนั้น แต่เป็นโชคดีของเธอ พอเครื่องบิน ออกจากสนามบินได้สักพักก็ประสบอุบัติเหตุ คนตายทั้งล�ำ เธอกลับไปบ้าน..บอกสามีอย่างตื่นเต้น แต่เห็นสามีท�ำหน้าเศร้าๆ ก็เลยถามสามีว่า ..พี่จะเสียใจท�ำไม น้องรอดกลับมาได้ก็บุญแล้ว ..ที่พี่เสียใจ..เพราะเธอไม่ได้อยู่บนเครื่องบินล�ำนั้น เป็นความผิดหวังที่มีผลต่อภรรยามากทีเดียว สุดท้าย หากจะหวังอะไร เผื่อความเสียใจไว้บ้าง

ท�ำ-มะ

๑๙

ท�ำไม..ความรักจึงมีอิทธิพลมากในชีวิต ?

ความรัก จะมีอิทธิพลกับชีวิตเราหรือไม่ อยู่ที่เราจะให้ “คุณค่า” ให้ “ความส�ำคัญ” มากแค่ไหน ลองนึกดูว่า อะไรก็ตามที่เราให้ความส�ำคัญกับมันมาก มันจะมีอิทธิพลต่อเรามากเช่นเดียวกัน


๔๖

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ในสมั ย พุ ท ธกาล นางวิ ส าขามี ห ลานอยู ่ ค นหนึ่ ง ที่ น าง รั ก มาก เพราะเวลาที่ น างวิ ส าขาจะไปท� ำ บุ ญ ที่ วั ด หลานคนนี้ จะช่วยจัดข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในการท�ำบุญอย่างเรียบร้อย เมื่อหลานคนนี้เสียชีวิต นางวิสาขาเสียใจมาก จนพระพุทธเจ้าต้องตรัสโอวาทให้สติแก่นางวิสาขา เพราะ นางวิสาขารู้สึกรักและให้ความส�ำคัญกับหลานคนนี้มาก สุดท้าย “เมื่อรักมาก ตั้งความหวังไว้มาก ก็ทุกข์มาก” เคยถามลูกศิษย์ว่า ..ระหว่าง “มีดบาด” กับ “อกหัก” อะไรเจ็บกว่ากัน ถ้าคุณก�ำลังจะตอบว่า “มีดบาด” แสดงว่า ยังไม่เข้าใจในความรัก ถ้าคุณตอบว่า “อกหัก” แสดงว่า เคยตกเป็นทาสของความรัก มีดบาดสามวัน แผลอาจหายได้ แต่แผลที่บาดลึกลงในใจ อาจใช้เวลาทั้งชีวิต หลังจากพูดจบ ลูกศิษย์เดินเข้ามาบอกว่า..ผมยอมตกเป็นทาส ของความรักครับพระอาจารย์ พร้อมพูดตัดบทก่อนจากไปว่า “อกหัก ดีกว่ารักไม่เป็นครับ” อืม!! มนุษย์ยอมเป็นทาสของ “ความรัก” จริงๆ


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๔๗

๒๐

ความส�ำเร็จ..เริ่มต้นจากความฝันจริงไหม ?

คนที่ประสบความส�ำเร็จมักมี “ความฝัน” เป็นจุดเริ่มต้น นอกจากความฝันแล้ว ยังต้องมี “ความพยายาม” และ “การลงมือท�ำ” เป็นส่วนส�ำคัญที่จะท�ำให้บุคคลนั้น ประสบความส�ำเร็จ หากย้อนดูประวัติผู้ประสบความส�ำเร็จในชีวิตบนโลกนี้ ล้วนแต่เป็นบุคคล ผู้มีความฝัน ความหวัง ด้วยกันทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้..ทุกคนจึงควรมีความฝัน แม้แต่พระพุทธเจ้า ผู้เป็น “พระศาสดาเอกของโลก” ในเหตุการณ์ประสูติของพระองค์นั้น พระองค์ยังกล่าว อภิสวาจา (ความฝัน) ว่า “ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา เราจะไม่กลับมาเกิดอีก เราจะเป็นคนดีที่สุดในโลก” นอกจากการกล่าวค�ำพูดที่หมายถึงความฝันแล้ว


๔๘

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ตลอดพระชนม์ ชี พ พระองค์ ยั ง ตั้ ง ใจลงมื อ ปฏิ บั ติ ต าม ความตั้งใจ ด้วยความเพียรพยายาม เคยถามลูกศิษย์ที่นั่งฟังบรรยายธรรม คนที่ ๑..เธอฝันอยากเป็นอะไร ค�ำตอบของคนที่ ๑..ผมฝันอยากเป็นพระครับ เพราะไม่ต้องท�ำมาหากิน (ออกแนวประชดนิดๆ) ค�ำตอบของคนที่ ๒..ผมฝันอยากเป็นสัปเหร่อครับ เพราะสบายดี หากินกับพระครับ ค�ำตอบของคนที่ ๓..ผมฝันอยากเป็นต�ำรวจครับ เพราะจะได้ฆ่าโจร คนที่ ๔ มองหน้าอาตมา พร้อมกับตอบว่า ..ผมฝันอยากเป็นโจรครับ อาตมา..อ้าว!! ท�ำไมละครับ.. คนที่ ๔ ชี้หน้าคนที่ ๓ พร้อมกับตอบว่า ..ผมอยากฆ่าต�ำรวจ คนมะกี้ครับ ถ้าจะฝันกันรุนแรงขนาดนี้ พระอาจารย์ว่า ..หยุดฝัน..ก่อนดีมั้ยครับ


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี


๕๐

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๒๑

เลือก..สีไหนดี ?

หลายครั้งที่ไปบรรยาย บางทีโยมมักถามว่า ..พระอาจารย์เลือกสีอะไร ..ก็เลยตอบโยมไปว่า..พระอาจารย์เลือกหลายสี.. โยมถามต่อว่า..ท�ำไมท่านไม่เลือกสีใดสีหนึ่ง โยมท�ำหน้างง แล้วถามต่อด้วยความอยากรู้ว่า ..ตกลงพระอาจารย์เลือกสีอะไร สีที่หนึ่ง คือ สีมัคคา..คือความสามัคคี นะโยม สีที่สอง สีเลนะ สุคะติง ยันติ..คือไปสุคติได้ด้วยศีล สีที่สาม สีเลนะ โภคะสัมปทา.. คือจะมีทรัพย์สมบัติเพราะมีศีล สีที่สี่ สีเลนะ นิพพุติง ยันติ คือ จะพ้นทุกข์ได้เพราะมีศีล ทุกวันนี้เราต้องมีความสมัครสมานสามัคคีกันไว้เยอะๆ อย่าเป็นน�้ำแยกสาย อย่าเป็นไผ่แยกกอ แตกความสามัคคี บางคนขนาดเป็นพี่น้อง เป็นญาติ ยังทะเลาะเบาะแว้งกัน หวังเพียงผลประโยชน์ จนลืมความเป็นสายเลือด


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๕๑

สมัยพุทธกาล พระญาติของพระพุทธเจ้าทะเลาะกันเรื่อง แย่งน�้ำเข้านา จนถึงขั้นจะรบราฆ่าฟันกัน เพราะเหตุแห่งความโลภ เมื่อพระพุทธเจ้าทราบเรื่อง จึงมาแก้ปัญหาด้วยการตรัสถามว่า ..ระหว่างสายน�้ำ กับ สายเลือด อะไรส�ำคัญกว่ากัน เมื่อพระญาติเหล่านั้นได้ฟัง จึงเข้าใจว่า สายเลือด ย่อมส�ำคัญกว่าสายน�้ำ เพราะฉะนั้น โยมจะเลือกสีไหน ก็อย่าลืม..สีมัคคา...สามัคคีกันไว้นะโยม มีพุทธพจน์รับรองไว้ว่า สุขา สังฆัสสะ สามัคคี ความสามัคคีน�ำมาซึ่งความสุข

ท�ำ-มะ

๒๒

ถวายยานพาหนะ..แล้วได้อะไร ?

เมื่อวันออกพรรษาที่ผ่านมา โยมท่านหนึ่งปวารณาว่า ..พระอาจารย์ โยมจะถวายยานพาหนะ ? อาตมาก็คิดว่า..จะหาค่าน�้ำมันและคนขับที่ไหน ? ถ้าได้มาคงยุ่งยากน่าดู


๕๒

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

นั่งคุยกันอยู่ต้งั นานสองนาน โยม..ท่านมหาจะเอารุ่นไหน ? ชอบสีอะไร ? อาตมา..จะเหมาะหรือโยม.. โยม..เหมาะสิท่าน โยมแค่จะถวายรองเท้าเจ้าค่ะ..จะถวาย รถยนต์ น�้ำมันก็แพง จะถวายเครื่องบินเจ็ท ก็กลัวเป็นข่าว ..แหม! โยม..พูดมาตั้งนาน นึกว่าจะถวายรถ.. ในกินททสูตร พระพุทธเจ้าตรัสว่า การให้ยานพาหนะชื่อว่า ให้ความสุขทั้งกายและใจ หากโยมมี ค วามตั้งใจถวายรองเท้า ๑ คู่ ก็ ไ ด้ บุญ เท่ า กั บ การถวายยานพาหนะ ย่อมได้ความสุขทั้งกายและใจ

ท�ำ-มะ

๒๓

ไว้อาลัย..ด้วยพวงหรีดแบบไหนดี ?

“พวงหรีด” ใช้ส�ำหรับไว้อาลัยในงานศพ เพื่อแสดงความระลึกถึงผู้ตาย ความมีน�้ำใจของผู้อยู่เป็นที่นิยมทั่วไป สามารถสร้างสีสันและสร้างความสดชื่นในงานศพ


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

โยมท่านหนึ่งถามว่า.. เราจะไว้อาลัยด้วยพวงหรีดแบบไหนดี และจะได้บุญเท่ากันไหม? อันนี้ขอตอบเลยก็แล้วกัน ไม่ว่าจะเป็นพวงหรีดแบบไหน ก็ได้บุญเหมือนกัน แต่สิ่งที่ควรค�ำนึงถึงมากที่สุดก็คือ ประโยชน์และคุณค่า หรือจุดประสงค์ของการท�ำ อย่างเช่นพวงหรีดดอกไม้ นอกจากจะได้ร่วมอาลัยแก่ผู้ตายแล้ว ก็ยังได้ช่วยส่งเสริมและอุดหนุนผู้ปลูก และผู้ขายดอกไม้ให้มีรายได้ ส่วนการส่งพัดลมมาแสดงความอาลัย ก็ได้ประโยชน์สองอย่างพร้อมๆ กันคือ ได้แสดงความอาลัย และได้ท�ำบุญร่วมกับผู้ตาย ..ไม่ว่าเราจะไว้อาลัยด้วยพวงหรีดแบบไหนก็ตาม หากสิ่งเหล่านั้นมีประโยชน์กับตนและคนอื่น ก็ได้บุญทั้งนั้น

๕๓


๕๔

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๒๔

ห้อยพระ..แล้วท�ำไมพระไม่คุ้มครอง ?

โยมหลายคนห้อยพระดีอยู่ในคอ แล้วไปนั่งดื่มเหล้า หลวงพ่อคงจะเมาไปด้วย เคยมีเรื่องเล่าว่า พวกขี้เหล้าห้อยพระเครื่องที่ศักดิ์สิทธิ์มาก วันหนึ่งพวกขี้เหล้าดื่มเหล้าจนเมา ขับรถไปเกิดอุบัติเหตุ ส่งผลให้ขี้เมาคนหนึ่งขาหัก ทั้งๆ ที่ห้อยหลวงพ่อที่ศักดิ์สิทธิ์ ไว้ที่คอ โยมขี้เมาคนนั้นจึงเข้าไปกราบหลวงพ่อที่วัดแล้วถามว่า ..หลวงพ่อๆ ท�ำไม! ผมห้อยหลวงพ่อแล้ว หลวงพ่อไม่เห็นช่วยผมเลย หลวงพ่อถามกลับว่า.. มึงเคารพกูไหม ? มึงห้อยกูไว้ตลอดไหม ? ขี้เมาตอบว่า..เคารพสิครับ ผมก็ห้อยหลวงพ่อไว้ที่คอตลอด หลวงพ่อก็พูดต่อว่า.. นั่นไง! กูว่าแล้ว มึงห้อยกูไว้ที่คอตลอดเวลา ตอนมึงกินเหล้า มึงก็ยกแก้วเหล้าข้ามหัวกู กูก็เมากับมึงด้วยสิ กูช่วยมึงไม่ได้หรอก


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๕๕

เห็นไหมโยม ถ้าห้อยแต่พระเครื่อง แต่ไม่ห้อยพระธรรม ชีวิตก็อาจชอกช�้ำได้ ถ้าอยากให้ชีวิตรุ่งเรืองห้อยพระเครื่อง แล้วอย่าลืมพระธรรม

ท�ำ-มะ

๒๕

ท�ำบุญเพราะหวังของขวัญ..จะได้บุญไหม ?

ครั้งหนึ่งมีลูกศิษย์ถามว่า..พระอาจารย์เจ้าค่ะ หนูท�ำบุญ เพราะอยากได้รางวัลจากแม่ หนูจะได้บุญไหมคะ ..แล้วเธอหวังจะได้อะไรละ ..ไอโฟนห้าเอส ค่ะ ..โอ้!! ท�ำบุญเพราะหวังผลนะเนี่ย ฟังนะ พระอาจารย์จะเล่านิทานให้ฟัง ในสมัยพระพุทธเจ้า มีลูกชายของอนาถบิณฑิกเศรษฐีก�ำลัง อยู่ในวัยหนุ่ม และไม่เคยสนใจเรื่องธรรมะเลย เพราะยังเป็นวัยรุ่นอยู่ คิดว่าเรายังไม่แก่ เดี๋ยวแก่แล้วค่อยฟังธรรมะ แต่อนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นคนที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา


๕๖

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

เมื่อเห็นลูกชายเป็นเช่นนั้น จึงคิดว่า ถ้าขืนปล่อยไว้อย่างนี้ ลูกชายเราจะหาสาระที่แท้จริงในชีวิตไม่ได้ เพราะมัวประมาทในวัย จึงเรียกลูกชายมาและถามว่า..ลูกอยากได้เงินไหม ? ลูกชายก็ตอบว่า..อยากได้สิพ่อ ..ถ้าลูกอยากได้เงิน วันพระที่จะถึงนี้ให้ลูกไปรักษาศีลที่วัด กลับมาพ่อจะให้เงิน เมื่อถึงวันพระ ลูกชายของเศรษฐีก็ไปรักษาศีล แต่ไม่ได้สนใจ เรื่องการปฏิบัติธรรม ไม่สนใจฟังเทศน์เลย มัวแต่นั่งหลับอยู่ท้ายศาลา เมื่ อ ฟั ง เทศน์ เ สร็ จ ก็ ก ลั บ บ้ า น เช้ า วั น รุ่ ง ขึ้ น พ่ อ ก็ เรี ย กไป กินข้าว แล้วถามว่า..ไปวัดได้อะไรบ้างลูก ..ไม่ได้อะไรเลย พ่อก็ให้เงินไป แล้วก็บอกว่า..เอาอย่างนี้ ลูกไปฟังเทศน์นะ แล้วจ�ำมาสักข้อหนึ่ง พ่อจะให้เงินเพิ่ม เขาจึงไปฟังธรรมที่วัดด้วยความตั้งใจ เพราะหวังจะได้รางวัล จากพ่อ แต่ผลของความตั้งใจในการฟังธรรม ท�ำให้เขามีความสุข และจ�ำหัวข้อธรรมได้ นี่ แ หละเธอ บางครั้ ง การท� ำ ความดี อย่ า ไปหวั ง รางวั ล จากพ่อแม่มากเกินไป ขอให้เธอตั้งใจก็จะได้ดีทุกอย่าง ในส่วนของพ่อแม่ก็ต้องเสริมดีให้ลูกด้วยนะ


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี


๕๘

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๒๖

ท�ำไมถวายสังฆทาน..จึงได้บุญมากที่สุด ?

การถวายสังฆทาน เป็นทานที่มีผลมาก เพราะพระพุทธเจ้าตรัสยกย่องไว้ในทักขิณาวิภังคสูตรว่า การถวายสังฆทานแก่คณะสงฆ์ ไม่จ�ำเพาะเจาะจงรูปใดรูปหนึ่ง มีอานิสงส์มากกว่า การถวายทานเฉพาะเจาะจงแก่พระพุทธเจ้า แต่ทุกครั้งที่เราจะถวายสังฆทาน ..ภาพติดตาเราคือถังเหลืองๆ เหมือนคนกรุงเทพฯ ติดตาคุ้นเคยมาตลอดว่า ..จะซื้อผ้า..ไปพาหุรัด..จะซื้อดอกไม้..ไปปากคลอง.. ..จะซื้อทอง..ไปเยาวราช.. แต่เดิมก�ำเนิดสังฆทานถังเหลืองๆ คงมีอายุไม่เกิน ๕๐ ปี เพราะพ่อค้าแม่ขายร้านสังฆภัณฑ์แถวเสาชิงช้า..เล่ากันมาว่า เมื่ อ ก่ อ นคนไม่ รู ้ จั ก สั ง ฆทานหรอก เมื่ อ จะท� ำ บุ ญ ถวาย ของพระ ก็จะมาสั่งจัดชุดไทยทาน ซึ่งเป็นของใช้ประจ�ำวันของพระ เช่น สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก กระดาษช�ำระ นมข้น โอวัลติน


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ของทั้งหมดจะจัดลงถัง หรือถาด แล้วห่อด้วยกระดาษแก้วสีเหลือง คนส่วนใหญ่ก็เข้าใจผิดว่า ..ถ้าจะถวายสังฆทาน..ต้องแบบถังเหลืองนะ ความจริง..พระพุทธเจ้าไม่ได้ก�ำหนดเจาะจงว่า ..ต้องถวายอะไร แต่ประเด็นของบุญจากสังฆทานคือ ..ถวายแก่คณะสงฆ์ไม่เจาะจง ไม้กวาด ไม้ม็อบถูพื้น น�้ำยาขัดห้องน�้ำ ก็จัดว่าเป็นสังฆทาน.. และทุกครั้งที่จะถวายสังฆทาน.. โยมลองถามใจโยมว่า.. ถ้าโยมเป็นพระ..โยมจะใช้ไหม ถ้าสังฆทานถังเหลือง ..ท่านคงไม่ได้ฉลองศรัทธาโยมหรอก.. เพราะสังฆทานถังเหลือง ..คุณภาพต�่ำ..และหมดอายุ.. เลิกเถอะโยม..เปลี่ยนบุญเป็นปัญญา.. จัดเตรียมหามาเอง..บุญมากกว่า..นะโยม

๕๙


๖๐

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๒๗

ท�ำไมไม่เปลี่ยนจากสวดศพ..เป็นเทศน์แทน ?

หลายครั้ ง ที่ โ ยมไปร่ ว มฟั ง สวดพระอภิ ธ รรมในงานศพ โยมก็ฟังไปตามธรรมเนียม ตามมารยาท เป็นการให้เกียรติเจ้าภาพ ไปบ้างวัดก็อาจมีการสวดพระอภิธรรมแปล เพื่อให้โยมเข้าใจ บ้างวัดก็จัดให้มีเทศน์ ๑ กัณฑ์ แล้วจึงฟังสวดอีก ๑ จบ แต่หลายวัดก็สวดพระอภิธรรมอย่างเดียว ๔ จบ ก็เลิกกัน แต่คุณค่าของการไปงานศพคือ ไปเพื่อเห็นความดี เพื่อสามัคคีปรองดอง เพื่อมองเห็นสัจธรรม เพื่อรีบกระท�ำที่พึ่ง แต่หากไปแล้วได้ฟังธรรมด้วย ถือว่าเป็นบุญหูของโยมอีกด้วย แต่หากไม่มีการเทศน์ โยมก็สามารถเทศน์สอนตัวเองได้ โดยโยมก็มองไปที่หีบศพ แล้วพิจารณาว่า..เราจักตายแน่.. หีบศพ..เป็นบ้านหลังสุดท้าย ..ที่เราทุกคนต้องเข้าไปนอน ไม่มีแอร์..ไม่มีห้องครัว..ไม่มีห้องน�้ำ..ไม่มีญาติมิตร.. เราจักไปคนเดียว..


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๖๑

แม้แต่คนที่บอกว่ารักเราที่สุด..เขาก็ไม่ตามไป.. เพียงแค่นี้..โยมก็เสมือนได้ฟังเทศน์แล้ว.. เพราะได้ปัญญาจากงานศพ ครั้ ง หนึ่ ง ..พระอาจารย์ ไ ปเทศน์ ง านศพ..โยมที่ คุ ้ น เคยกั น มานาน เริ่ ม เทศน์ ไ ปได้ ไ ม่ ถึ ง ๑๐ นาที . .ลู ก สาวของโยมผู ้ ต าย ก็ร้องไห้ตลอดการเทศน์.. เราก็คิดว่า..เป็นธรรมดาลูกสาวสูญเสียพ่อไปย่อมเสียใจ เพราะขาดพ่อเหมือนทอหัก ..ขาดแม่เหมือนแพแตก.. เมื่อเทศน์เสร็จ..ลงจากธรรมมาสน์มา.. ก็เดินไปที่ลูกสาวโยมผู้ตาย..พูดให้ก�ำลังใจเธอว่า ..โยม..คุณพ่อท่านไปพักผ่อน..หลับสบายแล้ว.. คุณแม่ยังอยู่..ดูแลแม่ให้ดีนะ ..อย่าร้องไห้เสียใจไปเลย..นะโยม ลูกสาวแกก็มองหน้าพระอาจารย์แล้วพูดว่า ..ท่าน..ที่ฉันร้องไห้.. ไม่ใช่ซาบซึ้งที่ท่านเทศน์ ..แต่ฉันปวดฟันคุด..มันปวดมาก..


๖๒

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๒๘

ในปัจจุบัน..ยังมีพระอรหันต์อยู่ไหม ?

ช่ ว งที่ ผ ่ า นมา..เกื อ บทุ ก ครั้ ง ที่ ไ ปบรรยาย..ต้ อ งมี ค� ำ ถามนี้ ติดปลายนวมทุกครั้งไป..เพราะมีประเด็นร้อน..โยมอยากรู้กันมาก ก่อนอื่นโยมต้องเข้าใจ..ค�ำว่า..พระอรหันต์..ให้ดีก่อน พระอรหันต์ คือ พระอริยบุคคลชั้นสูงสุดในพระพุทธศาสนา ไม่มีกิเลส ก�ำจัดกิเลสได้หมดสิ้น ไม่กลับมาเกิดอีก เป็นผู้ควรแก่การบูชาพิเศษของเทพและมนุษย์ทั้งหลาย ไม่มีที่ลับในการท�ำบาป ไม่มีความชั่วเสียหายที่จะต้องปิดบัง ปัญหาเรื่องพระอรหันต์จริงหรือปลอม มิใช่แต่ในปัจจุบัน ในสมัยก่อนก็มีเรื่องเล่าเรื่องพระอรหันต์เถาวัลย์ มีพระรูปหนึ่ง..อยู่บนยอดเขา..ปฏิบัติเคร่งครัด.. มีญาติโยมศรัทธามาก..จนมีคนนิมนต์ไปท�ำบุญที่บ้านตลอด เมื่อโยมเอารถมารับ..ก็บอกว่า..โยมไปรอที่บ้านเถอะ.. เดี๋ยวฉันจะไปเอง...เดี๋ยวเจอกันที่บ้านนะ..ไม่ต้องเป็นห่วง.. โยมก็เดินลงมา..ยืนรออยู่ที่เชิงเขา..ไม่เห็นพระรูปนั้นลงมา.. รอเป็นนานสองนาน..ก็ไม่เห็นพระลงมา..จนลูกมาตามว่า..


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๖๓

..แม่...หลวงพ่อ..นั่งรอที่บ้านแล้ว ..อ้าว!! ไปตั้งแต่เมื่อไหร่.. เมื่อโยมไปถึงบ้าน..ก็ถามหลวงพ่อว่ามาอย่างไรท่าน.. “อ๋อ..โยมมันเป็นวิสัย..ของพระอรหันต์..โยมอย่าสงสัยเลย” ที่แท้แกแอบปีนเถาวัลย์ลงมาหลังเขา..ไม่ได้มีคุณวิเศษอะไร งานต่อมา..โยมรอจนเลยเพล..พระอรหันต์ก็ยังไม่มา.. ที่มาไม่ถึงเพราะเถาวัลย์ขาด..ตกเขามรณภาพไปแล้ว.. พระอรหันต์ยังมีในบ้านโยมนั่นแหละ ท�ำบุญกับท่านมากๆ นะ..สาธุ

ท�ำ-มะ

๒๙

เพื่อนเอารัดเอาเปรียบในที่ท�ำงาน..ควรท�ำอย่างไร ?

ตอบเลยนะโยม..ท�ำใจ..สู้ต่อ การท�ำงาน..ทุกที่ก็เจอทั้งคนดี..และคนไม่ดี.. การเอารัดเอาเปรียบ..ก็มีทุกที่..ทุกงานเช่นกัน โยมคงคุ้นกับส�ำนวนที่ว่า..คับที่อยู่ได้..คับใจอยู่ยาก.. แต่การท�ำงานที่มีสุข..ต้องเปลี่ยนส�ำนวนใหม่ว่า คับที่อยู่ได้..คับใจ..ก็ต้องอยู่..แต่ต้องอยู่อย่างฉลาด.. เพื่อนบางคนก็เอาแต่งานสบาย งานง่ายๆ งานยากไม่สู้


๖๔

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

มีเรื่องเล่าว่า..พระบวชใหม่ ๒ รูป สนิทสนมกันดีเพราะบวช พร้อมกัน แต่มีปัญหาอยู่ว่า..พระรูปหนึ่ง..ชอบฉันไข่แดง.. ทุกครัง้ ทีโ่ ยมถวายไข่ตม้ ..พระรูปนีจ้ ะชิงฉันไข่แดงก่อนประจ�ำ เหลือแต่ไข่ขาว..พระรูปที่บวชพร้อมกันก็จ�ำใจต้องฉันแต่..ไข่ขาว พระ ๒ รูปนี้ ก็จะเหมือนขัดใจกันไปทุกครั้ง..เพราะเรื่อง ไข่แดงไข่ขาว.. วั น หนึ่ ง ..ไปฉั น เพลที่ บ ้ า นโยม..โยมก็ น� ำ เมนู ป ระจ� ำ คื อ .. ไข่ต้ม..มาถวาย พระที่ชอบฉันไข่แดง..ก็กล่าวขึ้นก่อนว่า ..ท่าน..เรา ๒ รูป เข้ากันได้ดีนะ.. พระที่ฉันไข่ขาว..ก็ย้อนถามว่า..ท�ำไม..ถึงว่าเราเข้ากันได้ดี.. ก็ผมชอบฉันไข่แดง ส่วนท่านชอบฉันไข่ขาว ไปด้วยกันได้ดี.. พู ด จบ..พระรู ป ฉั น ไข่ ข าว..ก� ำ ช้ อ นส้ อ มแน่ น ..แล้ ว ชี้ ห น้ า พระฉั น ไข่ แ ดง..พร้ อ มกั บ พู ด ว่ า ..วั น นี้ . .ท่ า นลองฉั น ไข่ แ ดงอี ก สิ . . ผมจะแทงด้ ว ยส้ อ มนี่ ล ะ..เพราะทุ ก ครั้ ง ผมฉั น ไข่ แ ดงไม่ ทั น เฉยๆ พูดมาได้..ว่าผมกับท่านเข้ากันได้ดี..คนอะไรน�้ำใจไม่มี.. เห็นไหมโยม..ไม่มีที่ไหน..ไม่มีปัญหา.. แม้แต่พระฉันข้าวยังมีปัญหา.. เพราะอุปสรรคคือแบบทดสอบชีวิต.. เราท�ำบ่อยๆ เดี๋ยวผ่านไปเอง..


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี


๖๖

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๓๐

ท�ำไมจีวรพระ..สีจึงต่างกัน ?

จีวรมีหลายสี.. ไม่เกี่ยวกับความคิดเห็นทางการเมือง แต่เป็นอิทธิพลของสีจากเปลือกไม้ จึงท�ำให้มีสีต่างกัน ในสมัยพุทธกาล..พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้พระภิกษุ ย้อมจีวรด้วยน�้ำย้อมจากรากไม้ จากต้นไม้ จากเปลือกไม้ จากใบไม้ จากดอกไม้ และจากผลไม้ เมื่อย้อมเสร็จแล้ว จีวรจะออกมาเป็นสีกรัก สีเหลืองหม่น หรือสีเขียวเข้ม หรือเหลืองหม่นเหมือนแก่นขนุน เพราะย้อมจากรากไม้ เปลือกไม้ แต่พระพุทธเจ้าก็ทรงห้ามใช้สีจีวรที่ต้องห้ามคือ ๑. สีเขียวคราม เหมือนดอกผักตบชวา ๒. สีเหลือง สีเหมือนดอกกรรณิการ์ ๓. สีแดงสด เหมือนดอกชบา


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๖๗

๔. สีหงสบาท สีแดงกับเหลืองปนกัน ๕. สีด�ำ เหมือนลูกประค�ำดีควาย ๖. สีแดงเข้ม สีเหมือนหลังตะขาบ ๗. สีแดงกลาย แดงผสมคล้ายใบไม้แก่ใกล้ร่วง ปัจจุบันในเมืองไทย มีสีจีวรอยู่หลักๆ ประมาณ ๓ สี ๑. สีเหลืองส้ม ๒. สีพระราชนิยม ๓. สีแก่นขนุนเข้ม หลายครั้งที่ไปปฏิบัติศาสนกิจ..ที่ประเทศออสเตรเลีย.. ก็มีปัญหาเพราะเรื่องจีวร..หลายครั้ง..เรียกว่าจีวรเป็นเหตุ เจ้าหน้าที่ต�ำรวจตรวจคนเข้าเมือง..มักจะสงสัย.. และถามว่า..จีวร..ของคุณ..สีอะไร.. เราก็ตอบทันที..Yellow Color ต�ำรวจ ต.ม. สวนกลับทันที..No..Yellow Color เอ้า..ซวยแล้วเรา..เพราะวัดยานนาวาห่มสีพระราชนิยม ไม่รู้จะตอบอย่างไร..เลยตอบไปว่า..Color King Like อย่าว่าแต่ฝรั่งเลย บางทีคนไทยเราก็ไม่รู้ว่า ..ผ้านุ่งเรียกสบง ผ่าห่มเรียกจีวร... ผ้าห่มพาดซ้อนไหล่ซ้าย เรียกสังฆาฏิ..นะโยม ดังนั้น สีจึงไม่ใช่ประเด็น.. ขอให้ถูกต้องตามวินัยบัญญัติ..สาธุ


๖๘

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๓๑

ท�ำไม..ต้องถอดรองเท้าใส่บาตร ?

มีญาติโยมหลายท่านสงสัยว่า..สวมรองเท้าใส่บาตรได้ไหม? ท�ำไมเวลาพระรับบาตรไม่สวมรองเท้า เพราะบางทีฝนตก ขี้โคลนก็เยอะ น�้ำก็เน่าเหม็นสกปรก สงสารพระท่าน ผู ้ ตั ก บาตรก็ ค วรถอดรองเท้ า ในฐานะให้ ค วามเคารพ กับพระสงฆ์ คือ ไม่ให้โยมยืนอยู่สูงกว่าพระ ส่วนพระสงฆ์เองต้องถอดรองเท้าเวลาบิณฑบาต เพราะ เคารพในทานของผู้ท�ำบุญตักบาตร เป็นธรรมเนียมที่พระพุทธเจ้าท�ำเป็นแบบอย่างให้พระสงฆ์ เคารพในทานของทายกทายิกา “การถอดรองเท้าเป็นการแสดงความเคารพ” ถ้าถอดแล้วยังยืนอยู่บนรองเท้า มันก็คือไม่ได้ถอดนั่นแหละ ท�ำท่าว่าจะท�ำถูก แต่แล้วก็ผิดอีกจนได้ มีเรื่องเล่า โยมผู้หญิงคนหนึ่งไปตักบาตร ท�ำบุญวันคล้าย วันเกิด วันนั้นฝนเพิ่งหยุดตกใหม่ๆ น�้ำขังเฉอะแฉะ สกปรก


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๖๙

แกก็ไม่อยากจะถอดรองเท้าเพราะกลัวเปื้อน ก็เลยถามว่า ..หลวงพ่อหนูจะใส่รองเท้าใส่บาตรได้ไหมค่ะ หลวงพ่อตอบว่า..โอ้!!! โยม ไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง โยม..ท�ำไมละเจ้าค่ะหลวงพ่อ หลวงพ่อ..ใส่แค่อาหารกับผลไม้ก็พอแล้ว.. ส่วนรองเท้าไม่ต้องใส่ พระฉันไม่ได้จ๊ะ..

ท�ำ-มะ

๓๒

ท�ำอย่างไร..คนใกล้ตัวจะสนใจธรรมะ ?

ค�ำถามนี้พระอาจารย์ก็เคยคิดเหมือนกัน ตอนกลับมาจาก ปฏิบัติธรรมใหม่ๆ อยากให้โยมพ่อ โยมแม่ ญาติพี่น้องไปปฏิบัติธรรม จะได้ซาบซึ้งในรสพระธรรมบ้าง เลยขอให้โยมแม่ไปปฏิบัติธรรม ๑ เดือน ด้วยความเกรงใจลูก จึงมาปฏิบัติธรรม ผ่านไป ๑๒ วัน เห็นโยมแม่นั่งน�้ำตาไหล อาตมาจึงถามว่า ..โยมแม่เป็นอะไร ซาบซึ้งในรสพระธรรมเหรอ ..ไม่ใช่ แม่คิดถึงวัวควาย คิดถึงบ้าน ให้แม่กลับบ้านนะ


๗๐

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

โธ่! คิดว่าแม่ซาบซึ้งในรสพระธรรม ที่แท้ก็คิดถึงบ้านนี่เอง เราก็พยายามดึงแล้วแต่ก็ได้แค่นี้เอง บางครั้งเราอยากให้ คนอื่นเป็นอย่างใจเราคิด มันก็ยาก เหมือนกับพระเจ้าพิมพิสาร มีความปรารถนาดีต่อพระนาง เขมาพระมเหสี ซึ่งเป็นคนหลงในความสวยความงามมาก ไม่กล้า ไปฟั ง ธรรมที่ วั ด เวฬุ วั น เพราะพระนางกลั ว ว่ า พระพุ ท ธเจ้ า เทศน์ เรื่องโทษของความสวยงาม พระเจ้าพิมพิสารพระสวามี จึงออกอุบายให้นักกวีแต่งเพลง ชื่นชมวัดเวฬุวัน พระนางได้ยินดังนั้นจึงเสด็จไปที่วัดเวฬุวัน แล้วได้ ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า แล้วก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ถ้าเราพยายามเต็มที่แล้ว ก็ไม่สามารถจะดึงไปได้ ก็ต้อง ปล่อยวาง เพราะพระพุทธเจ้าเองก็ไม่ได้สอนให้คนบรรลุทั้งหมด ท�ำให้นึกถึงค�ำสอนของ..หลวงปู่มั่น..ท่านสอนว่า “คนไม่สนใจธรรม ธรรมก็ไม่เข้าถึงใจคน จึงกลายเป็น คนก็ สั ก ว่ า คน ธรรมก็ สั ก ว่ า ธรรม ไม่ อ าจยั ง ประโยชน์ ใ ห้ ส� ำ เร็ จ ได้ แม้ ค นจะมี จ� ำ นวนมาก และแสดงธรรมให้ ฟ ั ง ทั้งพระไตรปิฎก


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๗๑

จึ ง เป็ น เหมื อ นเทน�้ ำ ใส่ ห ลั ง หมา มั น สลั ด ออกเกลี้ ย ง ไม่ มี เ หลื อ ธรรมจึ ง ไม่ มี ค วามหมายในใจของคน เหมื อ นน�้ ำ ไม่มีความหมายบนหลังหมา ฉันนั้น”

ท�ำ-มะ

๓๓

ฆ่าสัตว์ปรุงอาหารไปถวายพระ..พระบาปด้วยไหม?

ตามหลัก..ก็ไม่บาป..แต่ต้องอ่านให้จบนะ.. เพราะพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้พระภิกษุฉันเนื้อสัตว์ได้ พระภิกษุต้องเป็นผู้อยู่ง่ายกินง่าย ชาวบ้านถวายอะไรก็ฉัน ตามที่เขาถวาย แต่ต้องไม่ฉันเนื้อสัตว์ ๑๐ ประเภท มีเนื้อมนุษย์ เนื้อช้าง เนื้อม้า เนื้อสุนัข เนื้องู เนื้อราชสีห์ เนื้อเสือโคร่ง เนื้อเสือเหลือง เนื้ อ เสื อ ดาว เนื้ อ หมี พระพุ ท ธเจ้ า ทรงอนุ ญ าตให้ ฉั น เนื้ อ สั ต ว์ ที่ บริสุทธิ์ ๓ อย่าง คือ ๑. ไม่ได้เห็นเขาฆ่า ๒. ไม่ได้ยินเขาฆ่าเพื่อถวายพระ ๓. ไม่ได้รังเกียจสงสัยว่าเขาฆ่าเนื้อเจาะจงถวายตน


๗๒

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า จะบาปไม่บาปดูที่เจตนา “เจตะนาหัง ภิกขะเว กัมมัง วะทามิ” “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราถือเจตนาเป็นตัวกรรม” ก็หมายความว่า บาปเฉพาะคนสั่งฆ่ากับคนฆ่า..! ส่วนคนกินไม่บาป ถ้าโยมกลัวบาป ก็ไปซื้อตามร้านที่เขาฆ่ามาเพื่อขายเป็นอาหารจะดีกว่า แต่ถ้าโยมบอกพระว่า พระคุณเจ้า..พรุ่งนี้นิมนต์ฉันเพลที่บ้าน โยมจะต้มย�ำปลาช่อนถวาย ตอนเช้าไปจ่ายตลาด แล้วตั้งใจไปชี้เอาปลาที่ยังไม่ตายให้เขาช�ำแหละให้ พระรู้เข้าแล้วยังขืนไปฉันอีก.. พระก็บาป โยมก็บาปเพราะไปสั่งฆ่า คนขายก็บาปเพราะเป็นคนลงมือฆ่าให้ ถ้าเป็นอย่างนี้บาปทั้งหมดโดยไม่ต้องสงสัย


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี


๗๔

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๓๔

อยากสวย..ต้องท�ำอย่างไร ?

เมื่อพูดถึงความสวยความงามโยมทุกคนก็จะนึกถึง.. โรงพยาบาล..ยันฮี มีเรื่องเล่าในสมัยพุทธกาล มีหญิงรูปงาม นามไพเราะว่า.. มาคั น ทิ ย า เธอสวยจนพ่ อ แม่ ไ ม่ ย อมยกให้ ใ คร ในที่ สุ ด วั น หนึ่ ง พ่อไปพบพระพุทธเจ้าก�ำลังเสด็จบิณฑบาตอยู่ คิดว่า.. ..โอ้!..ผู้ชายคนนี้แหละ เหมาะสมกับลูกสาวของเรา จึงเข้าไปกราบทูลว่า..สมณะรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ เราจะยก ลูกสาวให้ท่าน รีบกลับไปที่บ้านบอกภรรยาว่า..เราเจอว่าที่ลูกเขยแล้ว.. รี บ พาลู ก สาวเรามาจะพาไปหาคู ่ ค รองชี วิ ต พอไปถึ ง สามี ก็บอกพระพุทธเจ้าว่า..สมณะโคดมเรายกลูกสาวให้ท่าน พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า “เราไม่ปรารถนาจะแตะสัมผัสร่างกายของเธอ ทีเ่ ต็มไปด้วย อุจจาระและปัสสาวะ แม้แต่ปลายเท้า” ลูกสาวฟังแล้วโกรธ แต่พอ่ แม่ฟงั แล้วเก็ท..ส�ำเร็จธรรมทันที มองเห็นว่า..ร่างกายเรามีแต่ของเสีย


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๗๕

จริงไหมคุณโยม เช่น ในตัวเรามีอะไรบ้าง..ตอบสิ.. ในตามีอะไร..ขี้ตา..ในหูมีอะไร..ขี้หู..ในปากมีอะไร..ขี้ฟัน บนหัวมีอะไร..ขี้เลื่อย..โอ๊ย..ไม่ใช่..ขี้รังแค แล้วขี้ตามแขนตามขาละโยม..ขี้ใคร.. จะขี้ใครละโยม ก็ขี้ของโยมนั่นแหละ สรุปแล้วในร่างกายเรามีแต่สิ่งเน่าเสียไม่สวยงามอย่างที่คิด ความสวยงามไม่คงที่..แต่ความดีสิคงทน..เจริญพร

ท�ำ-มะ

๓๕

ความฝัน..บอกเหตุอะไร ?

พระพุทธเจ้าตรัสเกี่ยวกับความฝันไว้มี ๔ อย่าง คือ ๑. ธาตุ ก� ำ เริ บ คื อ ธาตุ ใ นร่ า งกายแปรปรวน ท� ำ ให้ ฝั น ต่ า งๆ เช่ น ถู ก สั ต ว์ ร ้ า ย หรื อ โจรไล่ ต ามฆ่ า เป็ น ฝั น ที่ ไ ม่ เ ป็ น ความจริงแน่นอน ๒. จิ ต อาวรณ์ คื อ ฝั น ถึ ง เรื่ อ งที่ ต นเคยผ่ า นมา หรื อ เห็ น มาแล้วก็เก็บไปฝัน เช่น ฝันถึงคนที่ตายไปแล้ว หรือฝันว่าได้ท�ำบุญ เป็นต้น นี่ก็เป็นฝันที่ไม่เป็นความจริงเหมือนกัน


๗๖

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๓. เทพสังหรณ์ คือ พวกเทวดาท�ำให้ฝันถึงสิ่งที่ดี หรือไม่ดี แก่ผู้ฝัน ผู้นั้นจะฝันเห็นเรื่องราวต่างๆ ด้วยอานุภาพของพวกเทวดา เป็นฝันที่เป็นจริงก็มี ไม่จริงก็มี เพราะพวกเทวดาโกรธ แล้วพยายาม จะให้เราพินาศ โดยใช้วิธีการมาเข้าฝันเพื่อให้เรากลัว ๔. บุพนิมิต คือ ฝันที่เกิดจากบุญและบาป เป็นนิมิตแห่ง ความเจริญ ความเสื่อม เหมือนพระมารดาของพระพุทธเจ้า ทรงฝัน เห็นช้างเผือกน�ำดอกบัวมาถวาย เป็นนิมิตในการที่จะได้พระโอรส ผู้มีบุญมาเกิด ซึ่งเป็นฝันที่เกิดจากบุญ เป็นจริงแน่นอน เพราะเป็นฝัน ที่เกิดจากกรรมที่เราได้กระท�ำแล้ว อาตมาน�ำเรื่องเหตุที่เราฝันมากล่าวไว้ เพื่อให้ท่านได้ทราบ จะได้ไม่ต้องไปหาหมอดูให้เสียเงินเสียทอง จะได้ไม่ต้องวิตกกังวลกับเรื่องที่ตนเองฝันมากเกินไป ท�ำให้ไม่สบายใจ เพราะความฝันอาจเป็นจริงก็ได้ ไม่จริงก็ได้ ถ้ า เราอยากฝั น ดี ก็ ค วรไหว้ พ ระสวดมนต์ ก ่ อ นนอน จิตจะได้เป็นบุญกุศล ท�ำให้ไม่ฝันร้าย หรื อ เจริ ญ เมตตา เพราะอานิ ส งส์ ข องการเจริ ญ เมตตา มีข้อหนึ่งว่า ท�ำให้ไม่ฝันร้าย


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

แต่สิ่งที่ส�ำคัญที่สุดก็คือ การกระท�ำของเราในปัจจุบันนั่นเอง ที่จะเป็นตัวก�ำหนดชีวิตของเรา ถ้าเราท�ำกรรมชั่วในปัจจุบัน ย่อมประสบความทุกข์ ความเดือดร้อนต่างๆ ตรงกันข้าม ถ้าเราท�ำกรรมดีในปัจจุบัน ย่อมประสบแต่ความสุขความเจริญ

ท�ำ-มะ

๓๖

ท�ำไมต้องประเคน..พระหยิบฉันเองได้ไหม ?

วันหนึ่ง..โยมคนไทยเชื้อสายจีน นิมนต์ไปฉันเพลที่บ้าน พอสวดมนต์จบ ก็ลุกไปนั่งที่โต๊ะอาหารที่โยมเตรียมไว้ นั่งรอสักพักโยมก็เดินไป..เดินมา เห็นท่าไม่ดี อาตมาเลยพูดขึ้นว่า..โยมประเคนหน่อย.. โยมบอกว่า..ปูเค็งไม่มี อาตมา..งง..ก็เลยท�ำท่ายกอาหาร แล้วบอกว่า..ยกให้ฉันหน่อย

๗๗


๗๘

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

โยมพูดอีกว่า..พวกลื้อนี่ ขี้เกียจตัวเป็นขงเลย.. ขนาดของกิง ยังยกกิงเองไม่หล่าย..เลย พวกลื้ออย่าสึกนะ สึกไปคงท�ำมาหากิงเองไม่เป็งแน่..!! ส�ำหรับพระจะยกหรือหยิบฉันเองไม่ได้ ต้องประเคนก่อน.. เพราะพระพุทธเจ้าป้องกันพระถูกนินทาว่าเป็นขโมย หรือหยิบเอาของคนอื่นมาใช้ มาฉัน โดยที่เจ้าของไม่ได้อนุญาต มีข้อบัญญัติไว้ว่า ก่อนฉัน หรือใช้สอยปัจจัยสี่ พระต้องพิจาณาเสียก่อน หลักของการประเคน คือ สิ่งที่จะประเคนต้องไม่ใหญ่เกินไป สามารถยกได้ ผู้ประเคนต้องอยู่ห่างจากพระประมาณ ๑ ศอก น้อมของนั้นมาประเคนด้วยกิริยาอันอ่อนน้อม การประเคนนั้นจะส่งด้วยมือ หรือใช้ทัพพีตักข้าวใส่บาตร พระผู้รับประเคนจะใช้มือรับ ใช้ผ้า หรือบาตร ก็ได้ ผู้หญิงควรวางของที่จะประเคนไว้ที่ผ้ารับประเคน ส่วนผู้ชายนั้นสามารถประเคนกับมือท่านได้


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๗๙

ข้อควรระวังคือ เมื่อประเคนแล้วห้ามจับ หรือถูกต้องของนั้นอีก หากจับหรือถูกต้องของที่ประเคนแล้ว ต้องประเคนใหม่ ไม่ควรเอาทุกอย่างมารวมๆ กัน หรือชนต่อๆ กัน แล้วประเคน เพราะไม่สมควร

ท�ำ-มะ

๓๗

ท�ำไม..มันทุกข์นานจัง ?

จริงๆ มันไม่ได้นานหรอกโยม แต่เรามัวแต่รอๆ จดๆ จ้องๆ รอว่าเมื่อไหร่ทุกข์มันจะหายไป ใจเราจดจ่ออยู่กับทุกข์..นับวันนับคืน เฝ้าคอยให้มันผ่านไป..ให้มันหายไป..เราไม่ชอบมัน พอเวลามันเกิด เลยดูเหมือนว่า..นาน.. ส่วนสุข คือ ความสบายกาย ความสบายใจ พอมันเกิด เราก็เพลิดเพลินไปกับมัน เลยดูเหมือนว่า..มันอยู่กับเราแป๊บเดียว


๘๐

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ทุกข์มี ๒ อย่าง คือ ทุกข์ประจ�ำ กับ ทุกข์จร ทุกข์ประจ�ำ คือ ความหิว ความเจ็บ ความปวด ส่วนทุกข์จร คือ ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่พอใจ ความไม่ได้ดั่งใจที่ปรารถนา ความโกรธ ความโลภ ความหลง เหล่านี้ เป็นต้นเหตุของความทุกข์ที่จรมาในชีวิต ถ้าไม่อยากทุกข์นาน ก็บริหารจัดการทุกข์ให้ได้ ด้วยการหาต้นเหตุของความทุกข์ ว่ามาจากไหน เมื่อเรารู้ต้นเหตุของมันแล้ว เราจะได้จัดการมันได้ถูก เมื่อเราถูกความโลภ ความโกรธ ความหลงครอบง�ำ ความสุขมันหายไปใช่ไหม ? เราหนีไม่ได้ แต่เราสามารถบริหารจัดการมันได้ ควบคุมดูแลมันได้ อย่าปล่อยให้ทุกข์มาบงการชีวิตเรา เพราะยิ่งตามใจมันมากเท่าไหร่ ความต้องการมันก็มากขึ้นเรื่อยๆ “ถมไม่รู้จักเต็ม กินก็ไม่รู้จักอิ่ม” มือเราก�ำถ่านไฟไว้มันร้อน แล้วเราจะก�ำไว้ท�ำไม


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี


๘๒

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๓๘

เอาค�ำด่า..มาเป็นบันไดสู่ความส�ำเร็จได้ไหม ?

ก็อยู่ที่ว่า..เราจะเอาค�ำด่ามาเป็นแรงบันดาลใจ หรือว่าจะเอาค�ำด่ามาท�ำร้ายตนเอง บางคนเลือกเอาค�ำด่ามาท�ำร้ายตนเอง ทิ่มแทงตนเอง ท�ำลายความตั้งใจของตนเอง สมัยอาตมาเด็กๆ เรียนหนังสือชั้นประถมปลาย ถูกคุณครูท่านด่า..เพราะเราไม่ตั้งใจเรียน ก่อนด่า..คุณครูถามว่า..โตขึ้นอยากเป็นอะไร.. อาตมา..อยากเป็นครูครับ คุ ณ ครู ชี้ ห น้าและด่าว่า..น�้ำหน้าอย่างเธอ ตายสามชาติ . . ก็ไม่มีโอกาสได้เป็นครูหรอก ถ้าไม่ตั้งใจเรียนแบบนี้.. นั่นแสดงว่า..อาตมาตายแล้วเกิด ตายแล้วเกิด ตายแล้วเกิด ๓ ชาติเลยเหรอ เลวไหมโยม..(สิ้นเสียงที่อาตมาถาม) เสียงโยมตอบลั่นห้องประชุมว่า..เลวมากท่าน เพราะค�ำด่าของครูในวันนั้น ท�ำให้อาตมามีวันนี้ มีพลัง มีความมุ่งมั่น พยายามที่จะเป็นครูให้ได้


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๘๓

ในที่ สุ ด อาตมาก็ เรี ย นจบคณะครุ ศ าสตร์ มหาวิ ท ยาลั ย มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ได้เป็นครูสอนในโรงเรียน และเป็น พระวิทยากรบรรยายธรรมะ เพราะอาตมาเลือกเอาค�ำด่ามาเป็นแรงบันดาลใจ ขอให้เข้าใจว่า “ผู้ด่าคือ ผู้ชี้ขุมทรัพย์”

ท�ำ-มะ

๓๙

รู้ว่าเขาคิดไม่ดีกับเรา..จะท�ำอย่างไร ?

ท�ำใจสิโยม เพราะเราไม่สามารถท�ำให้ใครรักเรา และคิดดีกับเราได้ทั้งหมด ยิ่งดีสิ ถ้าเขาคิดไม่ดีกับเรา ท�ำให้เวลาเราจะท�ำอะไร ต้องระวังตัวมากขึ้น เหมือนมีคนคอยดูในสิ่งที่เราท�ำ หรือค�ำที่เราพูด เราจะได้ ไม่ประมาท เขาจะเป็นกระจกสะท้อนให้เราได้เห็นตัวเองมากขึ้น แต่ถ้ามีแต่คนรัก ก็จะท�ำให้เราหลงระเริง เพราะมีแต่คนรัก คนยกย่องและสรรเสริญ อาจจะท�ำให้เรา ท�ำอะไรผิดพลาดโดยไม่รู้ตัว เราก็ไม่สามารถห้ามความคิดใครได้


๘๔

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

“ติเพื่อก่อ ดีกว่ายอเพื่อท�ำลาย” ชายคนหนึ่งแกชอบติ..เดินติไปทั่ว เห็นอะไร..ก็ติไปหมด วันหนึ่งแกเดินไปเห็นช่างปั้นพระพุทธรูป ก็ต่อว่า ท�ำไม่ถูกอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ ตั้งแต่ฐานพระ หน้าตัก มือ หน้าอก ใบหน้า ตา เศียรพระ ความหนาความบางของทอง เรียกว่า..ดูทุกซอกทุกมุม เมื่อดูเสร็จแล้วก็พูดขึ้นว่า ..สวยทุกอย่าง แหม!..เสียอย่างเดียว ..พระพูดไม่ได้.. นี่ถ้าพระพูดได้ ท่านคงลุกเตะปากนายคนนี้ไปแล้ว เห็นไหมละ คนมันมีนิสัยชอบติ ชอบจับผิด คิดไม่ดีกับคนอื่น ต่อให้เราท�ำดีแค่ไหน เขาก็เห็นว่าไม่ดีเสมอ ตั้งใจท�ำงานก็ว่าท�ำเอาหน้า มีทางเดียวโยม แผ่เมตตาให้เขา จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๘๕

๔๐

ท�ำบุญโดยไม่เต็มใจ..จะได้บุญไหม ?

โยมท�ำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง เวลาเงินเดือน หรือโบนัสออก หัวหน้ามักหักเงิน แล้วบอกว่าหักไว้ท�ำบุญอย่างโน้นบ้าง อย่างนี้บ้าง บางครั้งก็เต็มใจ บางครั้งก็ไม่เต็มใจ เพราะบ่อยเกินไป แบบนี้..โยมจะได้บุญกับเขาไหม ขอบอกว่า..ได้เหมือนกันแต่ได้น้อย เพราะเราไม่ยินดีในทานนั้น สักแต่ว่าให้ เหมื อ นโยมทานอาหารที่ เราไม่ ช อบ แต่ จ� ำ เป็ น ต้ อ งทาน อิ่มเหมือนกัน แต่ว่ารสชาติ ความอิ่มเอม ปีติใจในอาหารนั้นก็ไม่มี หากจ�ำเป็นต้องท�ำบุญแล้ว ในเมื่อจะเสียแล้วก็ขอให้ได้อะไร กลับมา ลงทุนแล้วจะต้องไม่ขาดทุน ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้โยมตั้งใจและอธิษฐานไปเลย การอธิษฐาน ก็เพื่อตั้งเป้าหมายแห่งทาน เป้าหมายแห่งการให้ทาน ก็เพื่อขจัดเสียซึ่งมัจฉริยะ (ความตระหนี่) ออกจากใจของ เรา


๘๖

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

เช่น พระเวสสันดรยกกัณหาชาลีให้เฒ่าชูชก พระนางมัทรี ผู ้ เ ป็ น แม่ เมื่ อ ทราบว่ า พระเวสสั น ดรยกลู ก สาวลู ก ชายให้ ชู ช กไป ก็รู้สึกเสียพระทัยอย่างมาก แต่ เ มื่ อ ได้ ส ติ ก็ ท ราบว่ า นี่ เ ป็ น การตั้ ง จิ ต อธิ ษ ฐานเพื่ อ เป้าหมายการเป็นพระโพธิสัตว์ของพระเวสสันดร จึงท�ำใจให้ยินดี และอนุโมทนาในทานบารมีคราวนี้ด้วย พระพุทธศาสนากล่าวไว้ว่า บุญนั้นจะส�ำเร็จได้ใน ๓ เวลา ก่อนการท�ำ ตั้งใจ และยินดี ระหว่างการท�ำ ก็มีความสุข อิ่มเอม ปีติใจ ยิ่งเวลานิมนต์พระไปฉันที่บ้าน โยมบางคนก็มักไปนั่งเชียร์ อาหาร “หลวงพี่ ๆ อั น นี้ โ ยมท� ำ เอง ฉั น เยอะๆ นะ อร่ อ ยมากๆ ฉันเยอะๆ” พอเห็นพระท่านฉันได้ โยมก็ปีติสุขใจ หลังท�ำ พอพระฉันเสร็จ โยมปีติ อิ่มอกอิ่มใจ ก็ได้บุญมาก โยมบางคนมีความสุขหลังท�ำบุญเสร็จ เก็บถ้วยเก็บจานไป..คุยกันไปว่า.. “แหมพระนี่ ท่านฉันได้เยอะจริงๆ ดูสิฉันเกลี้ยงยังกะหมาเลียจานเลย” อาตมาก�ำลังจะกลับวัด..พอได้ยิน..รีบหันหลังกลับเลย โยมรีบบอกลืมตัวหลวงพี่..เจริญพร


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๘๗

๔๑

บูชาใครได้บุญมาก..และต้องบูชาด้วยอะไร ?

ได้ยินค�ำว่า “บูชา” หลายคนคงคิดถึงภาพของผู้คนจุดธูป ควันโขมงต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ค�ำว่า “บูชา” จึงมักถูกแปลความหมายไปในเรื่องของ “ความศักดิ์สิทธิ์” แต่โดยความหมายที่แท้จริงนั้น การบู ช า คื อ การแสดงความเคารพบุ ค คลที่ เรานั บ ถื อ ยกย่องเลื่อมใสในบุคคลใดบุคคลหนึ่ง มีเรื่องราวปรากฏอยู่ในมงคล ๓๘ ประการ ข้อที่ ๓ ว่า “ปูชา จ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง” การบูชาคนที่ควรบูชา เป็นมงคลอันสูงสุด ในทางพระพุทธศาสนา ได้กล่าวถึงบุคคลที่ควรบูชา มีดังนี้ คือ ๑. พระพุทธเจ้า ๒. พระปัจเจกพระพุทธเจ้า หมายถึง พระสงฆ์ในพุทธศาสนา ๓. พระมหากษัตริย์ ผู้ตั้งอยู่ในทศพิศราชธรรม ๔. บิดา มารดา


๘๘

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๕. ครู อาจารย์ที่มีความรู้ดี มีความสามารถ และประพฤติดี ๖. อุ ป ั ช ฌาย์ หรื อ ผู ้ บั ง คั บ บั ญ ชาที่ มี ค วามประพฤติ ดี ตั้งอยู่ในธรรม การบูชาบุคคลทั้ง ๖ นี้ ถือเป็น “มงคลที่สูงสุดในชีวิต” นอกจากนั้นแล้ว พระพุทธศาสนา ยังกล่าวไว้ว่า การบูชาด้วย “ปฏิบัติบูชา” นั้น มีความหมาย และควรสรรเสริญกว่า “อามิสบูชา” บูชาด้วยการลงมือท�ำความดี ปฏิบัติความดี แล้วชีวิตของเราจะพบแต่เรื่องดีๆ

ท�ำ-มะ

๔๒

ท�ำบาปมาทั้งชีวิต..มีสิทธิ์ขึ้นสวรรค์ไหม ?

มีพุทธศาสนสุภาษิตบทหนึ่งว่า ยาทิสัง วปเต พีชัง ตาทิสัง ละภะเต ผะลัง กัลยาณการี กัลยาณัง ปาปะการี จ ปาปกัง บุคคลหว่านพืชเช่นไรย่อมเป็นเช่นนั้น ผู้ท�ำกรรมดีย่อมได้ผลดี ผู้ท�ำกรรมชั่วย่อมได้ผลชั่ว


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๘๙

พุ ท ธสุ ภ าษิ ต บทนี้ คงเป็ น ค� ำ ตอบที่ ชั ด เจน ครอบคลุ ม ส�ำหรับค�ำถาม คนท�ำกรรมชัว่ ย่อมได้รบั ผลแห่งการกระท�ำของตนตรง กันข้าม คนท�ำกรรมดี ย่อมได้รับผลแห่งกรรมดีเช่นกัน แต่หากจะถาม ให้ลึกลงไปถึงการ “ตกนรก” หรือ “ขึ้นสวรรค์” ในภพภูมิต่อไปนั้น มีเรื่องราวปรากฏในธรรมบท เรื่อง “โจรเคราแดง” ซึ่งเป็น เพชฌฆาตประหารนักโทษมานักต่อนัก แต่เมื่อตายกลับได้ไปเกิด บนสวรรค์ โจรเคราแดงรั บ ราชการเป็ น เพชฌฆาต สั ง หารนั ก โทษ ตามหน้าที่ เขาท�ำอาชีพนี้มาตลอดชีวิต ครบอายุเกษียณราชการแล้ว ได้ ป ระกอบกุ ศ ลกรรม ถวายภั ต ตาหารแก่ พ ระสารี บุ ต ร ซึ่ ง เพิ่ ง ออกจากสมาบัติมาบิณฑบาต ด้ ว ยอานิ ส งส์ แ ห่ ง การถวายทานอั น เลิ ศ แด่ พ ระสงฆ์ ผู ้ เ พิ่ ง ออกจากสมาบั ติ ท� ำ ให้ เ มื่ อ สิ้ น ชี วิ ต แล้ ว แทนที่ จ ะไปเกิ ด ในนรก เพราะฆ่ามนุษย์ แต่กลับไปเกิดบนสวรรค์ ด้วยระลึกถึงแต่กรรมดี ในการถวายทานแม้เพียงครั้งเดียว เรื่องราวของ “โจรเคราแดง” จบลงเพียงเท่านี้ แต่ ที่ ย กเรื่ อ งนี้ ม าเป็ น อุ ท าหรณ์ ไม่ ใช่ ว ่ า จะสอนให้ โ ยม ท�ำความชั่วทั้งชีวิต แล้วมาพลิกชีวิตท�ำดีในภายหลัง เพราะโยมอาจจะไม่โชคดีเหมือนโจรเคราแดงก็ได้


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๔๓

ท�ำอย่างไร..จะค้าขายดี ?

ไม่ต้องมีนางกวัก ไม่ต้องบูชากุมารทอง ไม่ต้องห้อยปลาตะเพียน ไม่ต้องบูชาจิ้กจกสองหาง ไม่ต้องมีของศักดิ์สิทธิ์ ไม่ต้องรอเทพเจ้าดลบันดาล อาชีพค้าขาย คือ อาชีพที่ต้องบริการลูกค้า ลูกค้าจะเข้าร้านเยอะ แม่ค้าจะขายของดี ไม่ได้อยู่ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แม่ค้าต้องมี “เสน่ห์ ๓ อย่าง” ในการค้าขาย เสน่ห์ใบหน้า ลูกบานตะไท เสน่ห์วาจา ลูกค้าหลงใหล เสน่ห์กิริยา ลูกค้าพอใจ และต้องมี “อย่า ๓ อย่า” อย่าหน้างอ อย่าให้รอนาน อย่าท�ำเหมือนงานมาก ถ้าโยมอยากค้าขายแล้วรวย มีคาถาให้ท่อง ต้องท่องทุกวัน “ยิ้มแล้วรวย” “ยิ้มแล้วรวย” “ยิ้มแล้วรวย”

๙๑


๙๒

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

แล้วอย่าลืมห้อยหลวงพ่อ ๒ องค์ ห้อยหลวงพ่อยิ้มไว้ที่ดวงหน้า ห้อยหลวงพ่อเมตตาไว้ที่ดวงใจ แค่นี้ ลูกค้าจะเข้าร้าน จนโยมขายของไม่ทัน โยมจะรวยในไม่ช้า ไม่เชื่อก็ลองดู

ท�ำ-มะ

๔๔

รักอย่างไร..ไม่ให้ใจเป็นทุกข์ ?

ถ้าไม่อยากทุกข์เพราะความรัก ก็รักให้เป็นสุข การจะเป็นสุขได้นั้น ต้องเข้าใจในความรัก เรียนรู้ที่จะรักอย่างมีสติ ดั ง พระธรรมเทศนาตอนหนึ่ ง ของสมเด็ จ พระญาณสั ง วร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ว่า วิสัยโลกจะต้องมีรัก แต่ให้มีสติควบคุมใจ มิให้ความรักมีอ�ำนาจเหนือสติ ยิ่งรักมากเท่าใด ก็ยิ่งตั้งความหวังไว้มาก สุดท้ายจะทุกข์อย่างไม่เป็นท่า


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

๙๓

พอเรารัก เราก็จะยึด คิดเอาว่า คนรักคนนั้นเป็นของเรา เมื่อไม่เป็นอย่างที่เราคิด ก็ยิ่งทุกข์มาก เพราะเราเอาใจไปฝากเขาไว้เสียแล้ว เพราะคนที่ มี ค วามรั ก โดยเฉพาะความรั ก ที่ เ ต็ ม ไปด้ ว ย ความหลงใหลอย่างขาดสติ เรามักจะมองไม่เห็นความจริงของความรักเลย ว่ามันมี “ความไม่แน่นอน” ความรักที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ จึงควรใช้สติและปัญญา เป็นสิ่งก�ำหนดการเดินทางของความรัก เพราะถ้าขณะที่ “รัก” โดยมีสติและปัญญา คุณก็จะเป็นตัวของตัวเอง ค�ำว่ามี “สติ” นั้น ก็หมายถึง การมีความรักโดยที่เรา “รู้ทันความรู้สึกของตัวเองขณะที่รัก” นั่นเอง การรู้เท่าทันความรู้สึกของตัวเอง จะท�ำให้เราคิดได้รอบคอบมากขึ้น ควรจ�ำพุทธพจน์นี้ไว้ “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” ถ้ามี “รัก” ก็ต้องพร้อมที่จะมี “ทุกข์”


๙๔

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๔๕

เมื่อชีวิตมีปัญหา..จะท�ำอย่างไรดี ?

ต้องเปลี่ยน..ปัญหา..ให้เป็น..ปัญญา.. คนทุกคนเกิดมาก็ต้องเจอปัญหากันทั้งนั้น ไม่มากก็น้อย พระอาจารย์เองก็เจอปัญหามาเยอะเหมือนกัน บางครั้งก็ท้อ แต่มาคิดดูแล้ว ค�ำว่า “ท้อ” เป็นชื่อผลไม้ไม่มีความหมาย ส�ำหรับผู้มีความเพียร มีความมุ่งมั่น ขยันอดทน ต่อสู้.. ท้อแท้ไม่มีที่เมืองไทย..มีแต่ที่เมืองจีน เมื่อเจอปัญหาก็ต้องตั้งสติก่อน แล้วค่อยหาทางออก มองปัญหาด้วยปัญญา การแก้ไขปัญหาชีวิตเหมือนโยมได้ท�ำแบบฝึกหัดชีวิต บทเรียนชีวิตมีไว้ให้จดจ�ำ ไม่ได้มีไว้ให้ท�ำซ�้ำรอย เมื่อเจอปัญหาให้ท่องคาถาว่า ทุกข์กว่านี้..เราก็ผ่านมาแล้ว เหนื่อยกว่านี้..เราก็ผ่านมาแล้ว ปัญหาแค่นี้..ท�ำไมเราจะผ่านมันไปไม่ได้ ทุกข์ก็ต้องทนหน่อยนะโยม เพราะอีกไม่กี่วัน..ก็จะถึงวันสุขแล้ว


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๙๕

๔๖

ข้าวของแพง..จะใช้ชีวิตอย่างไรดี ?

รัดเข็มขัด ช่วยกันประหยัด! จ้ะ โยม.. เราต้องมองหาคุณค่าแท้จากของใช้ ว่ามีไว้ใช้ หรือมีไว้โชว์ ใส่โก้ๆ หรือใส่เพื่อปิดบัง ต่อให้โยมมีเงินเดือนๆ ละแสน ก็ไม่พอใช้ ถ้าไม่ประหยัด พระอาจารย์นึกถึงพระอานนท์ ท่านมีชีวิตที่เรียบง่าย ใช้ของอย่างคุ้มค่า ใช้ผ้าจีวรอย่างมีประโยชน์ ครั้งหนึ่งพระมเหสีของพระเจ้าอุเทน เมืองโกสัมพี เลื่อมใส ในการแสดงธรรมของท่าน จึงได้ถวายจีวร จ�ำนวน ๕๐๐ ผืน พระเจ้าอุเทนทรงทราบ จึงต�ำหนิพระอานนท์ว่า ..รับจีวรไปท�ำไมมากมาย เมื่อพระองค์ได้โอกาส จึงถามว่า ..พระคุ ณ เจ้ า ทราบว่ า พระมเหสี ถ วายจี ว รพระคุ ณ เจ้ า ๕๐๐ ผืน พระคุณเจ้ารับไว้ทั้งหมดเลยหรือ ? ..ขอถวายพระพร อาตมภาพรับไว้ทั้งหมด ..พระคุณเจ้ารับไว้ท�ำไมมากมายนัก ..รับไว้ เพื่อแบ่งถวายแก่พระภิกษุผู้มีจีวรเก่า คร�่ำคร่า ..จีวรเก่าคร�่ำคร่า เอาไปท�ำอะไรได้อีก


๙๖

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

..เอาไปท�ำผ้าปูที่นอน ..ผ้าปูที่นอนเก่า เอาไปท�ำอะไรได้อีก ..เอาไปท�ำผ้าปูพื้น ..ผ้าปูพื้นเก่า เอาไปท�ำอะไรได้อีก ..เอาไปท�ำผ้าเช็ดเท้า ..ผ้าเช็ดเท้าเก่า เอาไปท�ำอะไรได้อีก ..เอาไปโขลก ขย�ำกับโคลนแล้วฉาบทาฝากุฏิ เมื่อสนทนาจบ พระเจ้าอุเทนทรงเลื่อมใสศรัทธา ทรงเห็นว่า พระอานนท์เป็นผู้เห็นคุณค่าของผ้าจีวร จึงถวายเพิ่มอีก ๕๐๐ ผืน

ท�ำ-มะ

๔๗

เสน่ห์..บริหารได้อย่างไร ?

เคยได้ยินค�ำกล่าวที่ว่า... ยอดไม้อยู่ได้เพราะไม่ต้านแรงลม ฉันใด ยอดคนย่อมอยู่ได้เพราะความอ่อนน้อม ฉันนั้น.. เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ก็ท�ำให้นึกถึงในหลวงของเรา เพราะพระองค์ “เป็นต้นแบบของความคิด ..เป็นต้นชีวิตของการกระท�ำ”


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ทรงสอนคุณธรรมหลายเรื่อง เช่น ความสามัคคี ความเพียร ความกตัญญู และคุณธรรมที่ใช้ในการบริหารเสน่ห์ที่แท้จริงว่า ความอ่อนน้อมถ่อมตนต้องประกอบด้วย การเป็นผู้รู้จักเข่าอ่อน มืออ่อน หัวอ่อน หลังอ่อน ปากอ่อน เพราะทั้ง ๕ อย่างนี้ มีอยู่ในบุคคลใด บุคคลนั้นย่อมได้รับความเมตตา อันจะน�ำมาซึ่งความเจริญแก่ตนเอง ดังนั้น จงเปลี่ยนความแข็งกระด้าง เป็นความอ่อนน้อมถ่อมตน เพื่อบริหารเสน่ห์ให้กับตัวเอง ดังสุภาษิตจีนที่ว่า เมื่อถึงเวลาที่จะแสดงความกล้าหาญจงยืดตัวขึ้น เมื่อต้องการแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนต้องหดตัวลง ต้องรู้จักทั้งความกล้า และความอ่อนน้อมในเวลาเดียวกัน

๙๗


๙๘

๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๔๘

ความทุกข์..สร้างสิ่งมหัศจรรย์ ให้กับชีวิตได้ไหม ?

เราโชคดีแค่ไหนที่ได้เจอทุกข์..มีค�ำกล่าวที่ว่า เมื่อท้อเป็นเพียงถ่าน..เมื่อผ่านจึงเป็นเพชร เมื่อผ่านทุกข์..ก็เจอสุข ความทุกข์เป็นพลังขับเคลื่อนให้หลายอย่างเกิด ถ้าความทุกข์ไม่เข้ามาก็จะไม่รู้ว่าความสุขที่แท้เป็นอย่างไร มีค�ำที่นักปราชญ์ท่านกล่าวไว้ว่า..ไม่ให้อยู่กับความทุกข์ แต่จงเรียนรู้ที่จะอยู่กับความทุกข์ เพื่อจะได้เห็นทุกข์แล้วพบความ สุข” ความทุกข์พิสูจน์ความเป็นคนอ่อนแอ หรือเข้มแข็ง เป็นสิ่งท้าทายความสามารถ เมื่อใดที่มีความทุกข์ ควรยิ้มรับและคิดว่าโชคดีที่ได้เจอความทุกข์ ได้เรียนรู้การแก้ปัญหา ได้สงบ ได้สติ ได้ความนิ่ง ได้รู้จักโลก รู้จักตัวเอง ให้ก�ำลังใจตัวเองมากๆ บอกตัวเองว่า โชคดีที่วันนี้มีความทุกข์ เพราะเมื่อผ่านความทุกข์ ความสุขก็จะรออยู่เบื้องหน้า จงใช้ความทุกข์สร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้กับชีวิต..นะโยม


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี


๑๐๐ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๔๙

มีกิ๊ก..จะบาปไหม?

เรามักจะได้ยินค�ำว่า.. “มีรักในวัยเรียน ก็เหมือนจุดเทียนกลางสายฝน” และส่ ว นมากก็ มั ก จะต่ อ ด้ ว ยค� ำ ว่ า ..หนู ไ ม่ ก ลั ว หรอก เพราะหนูกางร่มจุดเทียน ก็เลยเป็นเหตุให้มีรักในวัยเรียน จนลืมคิดไปว่า “ถึงร่มจะคันใหญ่ขนาดไหนก็ตาม เมื่อฝน ตกหนัก พายุกระหน�่ำ ลมแรง แม้ละอองฝนเม็ดเล็กๆ ก็อาจท�ำให้ เทียนนั้นดับได้” หลายครั้งที่ไปบรรยายถูกนักเรียนถามว่า..พระอาจารย์ค่ะ การที่มีแฟนแล้ว และยังไปมี “กิ๊ก” อีกคนจะบาปไหม..? คนสมัยก่อนเรียก “กิ๊ก” ว่า “ชู้” ใช่ไหม..? ..ใช่ เจ้าค่ะ สมมติว่ามี “งูเห่า” ตัวหนึ่ง เธอลองตั้งชื่อใหม่ให้มันหน่อย งั้น..ให้ชื่อ “น้องกุ๊กกิ๊ก” แล้วกันเจ้าค่ะ ไหนเธอลองยื่นแขนให้น้องกุ๊กกิ๊กกัดสิ..? ท�ำแบบนั้น...หนูก็ตายห่าสิค่ะ!! (ตายห่า..!! อย่ามองหน้าพระสิโยม..)


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๐๑

นั่นอย่างไร เห็นรึยังว่า ถึงเธอเปลี่ยนชื่อจากงูเห่ามาเป็น น้องกุ๊กกิ๊ก แต่เมื่อถูกฉก ผลที่ได้ก็คือความตาย การเปลี่ยนชื่อจาก “ชู้” มาเป็น “กิ๊ก” ผลก็คือบาปเหมือนกันนั่นแหละ.. จ�ำไว้นะ..หากไม่คิดจะจริงใจ ก็อย่าท�ำให้ใครต้องเจ็บช�้ำ ความซื่อสัตย์ จริงใจต่อคนรักของตนเองดีที่สุด เพราะว่า..บางที เรามักมองหาสิ่งที่ขาด.. จนพลาดสิ่งที่มี และบางครั้งก็แสวงหาสิ่งที่ดี.. จนท�ำให้สิ่งที่มีนั้นหายไป

ท�ำ-มะ

๕๐

ท�ำบุญกับพระปลอม..ได้บุญไหม ?

..ท�ำบุญกับใครก็ได้บุญเหมือนกัน ถ้าใจมีบุญ ..บุญเกิดที่จิต ความศักดิ์สิทธิ์เกิดที่ใจ ครั้งอดีตกาลสามีภรรยาคู่หนึ่ง ภรรยาเกิดแพ้ท้อง อยากกิน อาหารจากในวัง สามีจงึ คิดว่า พร่งุ นีเ้ ช้าเราปลอมตัวเป็นพระห่มผ้าจีวร ไปบิณฑบาตดีกว่า


๑๐๒ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ขณะนั้นพระราชาก�ำลังเสวยอาหาร บังเอิญเห็นพระปลอมรูปนั้นเดินส�ำรวม จึงรู้สึกเลื่อมใสศรัทธา สั่งให้ทหารไปนิมนต์พระรูปนั้นมา พระองค์ก็ใส่บาตร แล้วเกิดปีติเลื่อมใสมาก จึงคิดว่าพระรูปนี้น่าจะเป็นพระอรหันต์ สั่งให้ทหารติดตามไป และทหารได้เห็นพระถอดจีวรทิ้ง จึงรู้ความจริงว่า มิใช่พระอรหันต์แต่เป็นพระปลอม และกลับมากราบทูลพระราชาว่า ..ข้าพระองค์ติดตามพระรูปนั้นไป พอถึงป่าลึก พระรูปนั้นก็หายแว๊บไปทันที พระราชาได้ยินดังนั้นก็ตบไปที่หัวเข่า แล้วพูดว่า ..เรานึกแล้วว่าต้องใช่ วันนั้นพระราชายิ้มได้และมีความสุขทั้งวัน โยมจะเห็นได้ว่า การท�ำบุญกับใคร ? ถ้าใจมีบุญ ท�ำไปแล้วเกิดความสุข ผู้ท�ำสบายใจ เท่านี้ชีวิตก็จะมีความสุขแล้ว ดีกว่าคนที่คิดจะท�ำ แล้วไม่ยอมท�ำสักที


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๐๓

ส�ำหรับการท�ำบุญ ที่จะได้ผลบุญมากหรือน้อยนั้น มีหลักเกณฑ์อยู่ ๓ ประการ คือ ๑. ผู้รับจะต้องเป็นผู้มีศีล มีคุณธรรมความดี ๒. วัตถุสิ่งของที่ให้ต้องบริสุทธิ์หรือได้มาโดยสุจริต ๓. ผู้ให้ต้องมีศีลธรรม และมีเจตนาที่ดี

ท�ำ-มะ

๕๑

สวดมนต์..แล้วได้อะไร ?

ญาติโยมคงจะคุ้นกับค�ำว่า สวดมนต์เป็นยาทา ภาวนาเป็นยากิน การสวดมนต์เป็นการระลึกถึง พุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ ท�ำให้จิตสงบ มีจิตน้อมไปตามบทที่สวด การสวดมนต์ยังมีอานิสงส์มาก ขนาดแค่ฟังยังได้อานิสงส์เลย


๑๐๔ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

มีเรื่องเล่าว่า ค้างคาว ๕๐๐ ตัว จับอยู่ที่ผนังถ�้ำ ขณะที่พระก�ำลังสวดสาธยายมนต์อยู่ในถ�้ำ ค้างคาวก็ได้ฟังบทสวดมนต์นั้นด้วย ถึงแม้จะฟังไม่รู้เรื่อง แต่ค้างคาวก็ตั้งใจฟังบทพุทธมนต์นั้น ฟังไปฟังมาเผลอหลับ ร่วงลงมา หัวกระแทกพื้นตายเกลี้ยง ด้วยอานิสงส์จากการฟังบทสวดมนต์ ท�ำให้ได้ไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ทั้งหมด เห็นไหมละคุณโยม นี่แค่ฟังบทสวดมนต์นะคุณโยม ยังได้อานิสงส์มากถึงขนาดนี้ แล้วถ้าคุณโยมสวดมนต์ด้วยความตั้งใจ อานิสงส์จะมากขนาดไหน พูดแล้วคุณโยมอย่ารอช้า รีบไปหาหนังสือสวดมนต์มาสวดมนต์กันดีกว่า


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๐๕

ท�ำ-มะ

๕๒

ผู้หญิงโดนจีวรพระ..จะบาปไหม ?

เวลาที่อาตมาไปอบรมเด็กๆ เวลาเดินเจอเด็กๆ จะหลบเป็นแถวเลย เพราะกลัวพระ พอดีว่า มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งโดนชายจีวรพระอาจารย์ แล้วหันหน้ามามอง ท�ำหน้าเหมือนจะร้องไห้ อาตมาถามเด็กว่า “เป็นอะไรลูก” ..พระอาจารย์เจ้าค่ะ ถูกจีวรพระหนูจะตกนรกไหมค่ะ อาตมา..ตกสิลูก พูดจบ เด็กร้องไห้ใหญ่เลย งานเข้าอาตมาแล้วละโยม ..ไม่เป็นไรลูก พระอาจารย์ล้อเล่น (แต่เล่นแรงไปหน่อย) โยมหลายท่าน อาจจะเคยสงสัยว่า โยมผูห้ ญิงซัก จับ หรือโดน จีวรพระจะบาปไหม? มีพุทธานุญาตตรัสว่า ห้ามโยมที่ไม่ใช่ญาติ ซัก จับ หรือโดน จีวรพระโดยเด็ดขาด แต่ถึงแม้จะโดน..นิดๆ หน่อย ๆ ไม่เป็นไร เพราะมันขึ้นอยู่กับเจตนาเป็นส�ำคัญนะโยม


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๐๗

ท�ำ-มะ

๕๓

มีพระปลอมมาบิณฑบาต..ควรท�ำบุญไหม ?

ก่อนอื่น..ต้องท�ำความเข้าใจ..กับคุณโยมก่อนนะว่า.. พระปลอมที่โยมว่า..ไม่มีนะ ..มีแต่..คนมาปลอมเป็นพระ.. เมื่อครั้งที่พระอาจารย์ท�ำงานสนองงานคณะสงฆ์ ในต�ำแหน่งเลขานุการเจ้าคณะเขตยานนาวา-สาทร ได้รับโทรศัพท์ร้องเรียนจากญาติโยมอยู่เป็นประจ�ำ ว่ามีพระปลอมมายืนบิณฑบาตเต็มตลาดเลยท่าน และยังร่วมมือกับแม่ค้า..มีพื้นที่ประจ�ำของตัวเอง นั่งอยู่ตามหน้าร้านค้า..ไม่เดินไปไหน..รับเอาแต่ซองปัจจัย อาหารก็หมุนเวียนให้แม่ค้า..ไปขายต่อ.. มาจัดการเสียทีนะท่าน ฟังโทรศัพท์ก็ได้แต่คิดไปว่า ..แม่ค้าก็เหลือเกิน..พระก็เหลือจะกิน.. ก็เลยให้หลักคิดโยมไปว่า ..ถ้าพระนั่ง..หรือยืนอยู่กับที่..ไม่ควรใส่ ใส่พระรูปที่ท่านเดินบิณฑบาต ..หรือโยมก็ใส่พระที่โยมนิมนต์ท่านไว้


๑๐๘ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

เพราะพระจริงมีเยอะ..หากโยมไม่ล�ำบากไป ..มาใส่ที่หน้าเรือส�ำเภา..วัดยานนาวา..ก็ได้ ..มีพระเณร ๒๐๐ กว่ารูป..พระแท้ๆ ไม่มีปลอม แต่พระที่โยมควรใส่บาตรทุกวันคือ..พระในบ้าน.. พระอรหันต์ในบ้านศักดิ์สิทธิ์ที่สุด..ได้บุญมากที่สุด เมตตาประทานพรให้โยมได้ทุกอย่าง..และท่านก็ยังมี อิทธิฤทธิ์วิเศษอยู่ ๖ ประการคือ อุ้มไม่หนัก..รักไม่ลวง ห่วงไม่เลิก..เบิกไม่คิด..ผิดไม่แค้น..ตายแทนลูกได้..

ท�ำ-มะ

๕๔

งานเสร็จ..กับงานส�ำเร็จ..ต่างกันอย่างไร..?

หลายครั้งที่บรรยายธรรมเรื่องงานได้ผล..คนเป็นสุข.. มักจะมีค�ำถามเรื่องงานเสร็จกับงานส�ำเร็จ..ต่างกันอย่างไร.. งานเสร็จ คือ สักแต่ว่าท�ำให้งานเสร็จๆ ไป ไม่ได้ใส่ใจท�ำ แล้วคนท�ำก็ไม่มีความสุข..ท�ำเพื่อให้งานนั้นผ่านพ้นไป.. งานส�ำเร็จ..คือ..ท�ำงานนั้นให้สมบูรณ์ด้วยการใส่ใจ และเมื่อเราท�ำงานนั้นให้ส�ำเร็จแล้ว..งานนั้นก็จะย้อน กลับมาสร้างความส�ำเร็จในการท�ำงานของเราด้วย


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๐๙

แต่ทุกครั้งในการท�ำงาน..อย่าลืมค�ำสอนของคนโบราณที่ว่า.. โง่ไม่เป็น เป็นใหญ่ยาก แต่ถ้าโง่มาก ก็ยากจะเป็นใหญ่ คนเก่งอย่าไปกลัว..ให้กลัวคนขยัน..แต่ถ้าขยันแล้วโง่.. กรุณาอยู่เฉยๆ ดีกว่า..เดี๋ยวจะเสียหายไปใหญ่ หลายบริษัทค้นหาทฤษฎีต่างๆ ในการท�ำงานให้ส�ำเร็จ เช่นบริษัทผลิตอะไหล่รถยนต์พาหัวหน้างานไทย ไปดูงานที่ญี่ปุ่น ได้เรียนรู้สูตรการท�ำงานให้ส�ำเร็จ.. โดยเน้นเรื่องการพักผ่อน ที่ญี่ปุ่นเขาให้พนักงาน นอนพักกลางวันตั้งแต่เที่ยงถึงบ่ายโมง เพราะเชื่อว่า การพักผ่อนช่วงกลางวัน จะท�ำให้ตื่นมาท�ำงานได้ดี เลยเอามาประยุกต์ใช้กับลูกน้องที่เมืองไทย ให้นอนพักตั้งแต่เที่ยง..บ่ายสามโมง..ยังไม่ตื่นกันเลย ทฤษฎีที่ว่าดีที่สุดในโลก ไม่สู้วิธีธรรม (ท�ำ) ของพระพุทธเจ้า พระองค์สอนสูตรท�ำงานให้ส�ำเร็จไว้..เราท่านก็ทราบดี ไม่มีอะไรเกิน..อิทธิบาท ๔ วิธีธรรม (ท�ำ) นี้ใช่ได้แน่ มีฉันทะ (รักงานที่ท�ำ) มีวิริยะ (ขยันลงมือท�ำ) มีจิตตะ (ใส่ใจงาน) มีวิมังสา (ทบทวนงานที่ท�ำ) แต่สูตรของพระพุทธเจ้าจึงขลังเพราะโยมลงมือท�ำเอง หากโยมไม่ลองธรรม (ท�ำ) โยมก็จะท�ำงานแค่เสร็จๆ ไป


๑๑๐ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๕๕

ฤกษ์ยาม..ส�ำคัญไหม ?

เมื่อพูดถึงค�ำว่า..ฤกษ์..ยาม..โยมคงคิดถึง..หมอดูทันที บางคนจะท�ำอะไรต้องรอฤกษ์รอยาม..รอ รปภ.ก่อน พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า..ถ้าเราจะท�ำความดีเมื่อไร ฤกษ์ยามก็ดีเมื่อนั้น..ไม่ต้องรอ..ท�ำไปได้เลย ประโยชน์ย่อมเป็นฤกษ์ของประโยชน์เอง ประโยชน์ย่อมล่วงเลยคนโง่..ผู้มัวรอฤกษ์ยามอยู่ ในสมัยหลวงพ่อปัญญานันทะ..ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านเน้นสอนให้ชาวพุทธเรา..เลิกงมงายเรื่องฤกษ์ยาม อะไรที่เป็นความดีให้รีบท�ำๆๆ.. อะไรที่เป็นความชั่วให้รีบเลิกๆๆ ช่วงก่อนเข้าพรรษาปีหนึ่งมีลูกเศรษฐีร้านทองเยาวราช ไปบวชจ�ำพรรษาศึกษาและปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อปัญญา เมื่อครบก�ำหนดออกพรรษารับกฐินเสร็จ.. โยมแม่ก็ไปดูฤกษ์สึกมาให้ หมอดู..ก�ำหนดฤกษ์ให้สึกเวลา ๑๑.๐๙ นาที.. โยมแม่ก็ไปกราบเรียนหลวงพ่อ..


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๑๑

หลวงพ่อหัวเราะ..แล้วบอกว่า..สึกไม่ได้หรอก..ฤกษ์นี้.. เพราะพระจะฉันข้าว..เรื่องฉันส�ำคัญกว่า.. แล้วหมอดูว่าอย่างไรอีก..อ๋อ..หลวงพ่อค่ะ.. เมื่อสึกแล้ว..ให้เดินถอยหลังออกจากวัดค่ะ.. หลวงพ่อหัวเราะแล้วบอกว่า..ถ้าอยากตายเร็วๆ ก็ลองท�ำตามหมอดูว่ามา.. เพราะหน้าวัดฉันถนนใหญ่นะ โยมจ๋า..ฤกษ์อะไรก็ไม่ส�ำคัญ.. เท่าเลิกท�ำชั่วนะคุณโยม..

ท�ำ-มะ

๕๖

ค�ำท�ำนายเซียมซีเสี่ยง..เป็นจริงตามนั้นไหม ?

หากได้ยินเสียงเขย่า..ในวัด..ทุกคนคงนึกถึงเซียมซี.. โชคไม่ดี งานมีอุปสรรค รักไม่ราบรื่น เสี่ยงเซี่ยมซีดีกว่า บางคนเสี่ยงได้ใบที่มีความหมายดี..ก็สุขใจ..ยิ้มได้.. เช่น..ใบสิบหก สุดประเสริฐ เลิศล�้ำค่า บอกให้ทราบ ดังจิต คิดมั่นหมาย หวังคู่คิด ร่วมเรียง อยู่เคียงกาย


๑๑๒ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

สิบหกทาย ว่าดี เป็นศรีตัว บางคนเสี่ยงได้ใบที่บอกถึงอาการเจ็บป่วย..หย่าร้าง.. จะเกิดอุบัติเหตุ..จะสูญเสียคนรัก..ก็จะทุกข์ใจ..หน้าเศร้า.. จนหมอดู..หรือส�ำนักท�ำนายชะตาชีวิตออนไลน์.. ทักแรงๆ ว่า..หากท่านล้อเล่นกับโชคชะตา.. โชคชะตาก็จะล้อเล่นกับท่านนะ.. บางคนก็เขย่าจนกระบอกแตก..โชคก็ยังไม่ดี.. บางคนก็เขย่าจนสะโพกเดาะ..เคราะห์ก็ยังไม่หาย.. บางคนใกล้วันหวยออก..ก็เขย่าเพื่อเลขเด็ด.. ตกเย็นหวยกินเรียบ.. หลวงพ่อพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) สอนว่า.. ท�ำดี..ดีกว่ารอสวรรค์บันดาล.. เพราะความเพียรของมนุษย์ โชคชะตา..ก็ไม่สามารถทัดทานได้.. เพราะค�ำท�ำนาย..กับ..ค�ำนายท�ำ..มันต่างกันนะ.. ค�ำท�ำนาย..รอให้คนอื่นมาท�ำ..จนเราทุกข์ แต่ค�ำนายท�ำ..คือเราท�ำเอง..สุขเอง.. ..เพราะใช้ธรรมน�ำทาง..


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๑๓

ท�ำ-มะ

๕๗

มีลูกประเภทไหน..ดีที่สุด?

คนโบราณอุปมาลูกไว้ว่ามี ๕ ประเภท คือ ลูกแก้ว คือ ลูกชั้นเยี่ยม ผู้เป็นดังแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ ลูกชนิดนี้น�ำแต่ความชื่นใจมาให้พ่อแม่ นับว่าเป็นอภิชาตบุตร ลูกกะ คือ ลูกกตัญญูรู้คุณพ่อแม่ ไม่ท�ำให้พ่อแม่ต้องเสียใจ รู้คุณของพ่อแม่..แล้วตอบแทน..ตามฐานะ.. นับว่าเป็นอนุชาตบุตร ลูกกา คือ ลูกที่สร้างแต่ปัญหา น�ำแต่ความขมขื่นใจมาให้พ่อแม่ ยามตนเองได้ดีมีสุขก็ไม่เคยนึกถึง แต่พอทุกข์กายทุกข์ใจไร้ที่พึ่ง จึงนึกถึง..รีบกลับมาหาพ่อแม่ เหมือนลูกกา..พอโตปีกกล้าขาแข็ง ก็บินหนีไป..พึ่งพาอาศัยไม่ได้


๑๑๔ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

แต่พอล�ำบากซมซานกลับบ้านทันที ลูกเกาะ คือ ลูกที่เกาะพ่อเกาะแม่กิน ไม่ยอมโต ไม่ท�ำมาหากิน ลูกกล้วย คือ ลูกที่เกิดมา เพื่อท�ำร้ายและท�ำลายพ่อแม่ เหมือนกล้วยที่เกิดจากต้นกล้วย พอออกปลีออกผลแล้ว ต้นนั้นก็ต้องตายไปในที่สุด ลูก ๓ ประเภทสุดท้าย นับว่าเป็นอวชาตบุตร แต่ลูกประเภทไหน..พ่อแม่ท่านรักหมด.. เพราะคือเลือดในอก..เนื้อในใจ พ่อแม่ไม่สนใจว่า.. เลี้ยงลูกแล้วจะได้ลูกประเภทไหน หรือเลี้ยงลูกแล้วจะได้ก�ำไรหรือขาดทุน หรือลูกจะรู้คุณหรือไม่ เพียงแค่ท่านรู้ว่า..ลูกจะเป็นคนดี.. ท่านก็ทุ่มให้เรา..สุดชีวิต


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี


๑๑๖ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๕๘

ชาติหน้า..มีจริงหรือ ?

ค�ำถามยอดฮิต..ติดชาร์ท..ทุกครั้งที่ไปบรรยาย..ต้องโดน.. แต่ตามหลักพระพุทธศาสนาก็ต้องตอบว่า ชาติหน้ามีจริง พระพุทธเจ้าจึงสอนให้เราชาวพุทธ ละชั่ว ท�ำความดี ท�ำใจให้บริสุทธิ์ เคยมีฝรั่งคนหนึ่งไปถามพระอาจารย์สมภพ โชติ ป ญฺ โ ญ วัดไตรสิกขาทลามลตาราม จังหวัดสกลนคร..ว่า ..พระอาจารย์ครับ ชาติหน้ามีจริงไหม..ถ้าท่านสามารถอธิบาย ให้ผมเชื่อได้ว่าชาติหน้ามีจริง ผมจะยอมนับถือและปฏิบัติตามที่ท่าน สอน พระอาจารย์สมภพ..มีอยู่สองวิธีที่จะพิสูจน์ให้รู้ว่าชาติหน้า มีจริงหรือไม่ วิธีแรกเป็นทางลัดเร็วที่สุด คือ ผูกคอตาย จะได้รู้ว่ามีจริงไหม ฝรั่ง..ไม่เอา ผมยังไม่อยากตาย วิธีที่สอง..ปฏิบัติธรรมจนได้ฤทธิ์พิเศษ จะสามารถรู้ได้ ฝรั่ง..ปฏิบัติธรรมแล้ว เมื่อไหร่จะได้ พระอาจารย์สมภพ..ไม่สามารถก�ำหนดเวลาได้ อาจทั้งชีวิต


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๑๗

ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเปรียบเทียบชาตินี้เป็นวันนี้ได้ไหม ชาติที่แล้วเป็น เมื่อวานได้ไหม ชาติหน้าเป็นพรุ่งนี้ได้ไหม ฝรั่ง..พอเชื่อถือได้ แต่ท�ำไมเราจ�ำอดีตชาติไม่ได้ละครับ พระอาจารย์ ส มภพ..เมื่ อ อาทิ ต ย์ ที่ แ ล้ ว กิ น ข้ า วกั บ อะไร จ�ำได้ไหม ฝรั่ง..ไม่ได้ครับ พระอาจารย์สมภพ..แล้วชาติที่แล้วมาจากไหน ฝรั่ง..ไม่รู้ พระอาจารย์สมภพ..ตายจากชาตินี้จะไปไหน.. ฝรั่ง..ไม่รู้ พระอาจารย์สมภพ..จะตายเมื่อไหร่ ไม่รู้ จะตายวันไหน ไม่รู้ นี่ตกลงโยมไม่รู้อะไรเลยเหรอ ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร ขอให้รู้ดีแล้วก็ท�ำดี รู้ชั่วแล้วก็ละชั่ว ก็พอแล้ว อย่ามัวมองอนาคตที่ยังมาไม่ถึง อย่ามัวคนึงถึงแต่อดีตที่ผ่านมา อดีตแย่ ปัจจุบันดี อนาคตดีแน่ อดีตแย่ ปัจจุบันแย่ อนาคตแย่แน่


๑๑๘ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๕๙

จ�ำเป็นต้องไปที่วัด..หรือสถานปฏิบัติธรรมไหม ?

ไม่จ�ำเป็น..... แต่ถ้าปฏิบัติใหม่ๆ แบบไม่เคยปฏิบัติมาเลย ..จ�ำเป็นต้องไปที่วัด หรือสถานปฏิบัติธรรม เพราะเป็น สั ป ปายะ คื อ มี ค วามสะดวกสบาย เหมาะควรแก่ ผู ้ เริ่ ม ฝึ ก หั ด สิ่งแวดล้อมดี บรรยากาศดี เงียบสงบ เรียกว่า อาวาสสัปปายะ แต่ที่ดีกว่าคือ บุคคลสัปปายะ คือ ต้องมีครูบาอาจารย์ ที่เป็นกัลยาณมิตร สามารถแนะน�ำหลักการปฏิบัติได้ถูกวิธี ถ้าได้วิปัสสนาจารย์ที่สอนผิด ชีวิตอาจเป็นเหมือนพระเจ้า อชาตศัตรู ได้ครูคือ พระเทวทัตเป็นอาจารย์ แต่ ที่ ส� ำ คั ญ คื อ ธั ม มสั ป ปายะ คื อ ต้ อ งมี ห ลั ก ธรรมะ และวิ ธี ก ารปฏิ บั ติ ที่ ถู ก ต้ อ ง เหมาะสมกั บ จริ ต ของผู ้ ป ฏิ บั ติ ด ้ ว ย จะได้ปฏิบัติไม่ผิดแนวทาง หากหลงทาง..จากวิปัสสนาก็จะเป็นวิปัสสนึก และอาจถึงขั้นวิปัสสะแน (นั่งนินทาคนอื่น) อย่างเดียว ถ้ า เคยปฏิ บั ติ ม าเยอะแล้ ว ก็ ไ ม่ จ� ำ เป็ น ต้ อ งที่ ไ ปวั ด หรือสถานปฏิบัติธรรม


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๑๙

เราสวดมนต์อยู่บ้าน บ้านก็เป็นโบสถ์ เล่นไพ่อยู่ที่บ้าน บ้านก็เป็นบ่อน เราเจริญสติที่ท�ำงาน ที่ท�ำงานก็เป็นลานปฏิบัติธรรม ประเด็นไม่ได้อยู่ที่สถานที่ หากโยมจะท�ำดีที่ไหนก็ท�ำได้

ท�ำ-มะ

๖๐

อธิษฐานกับอ้อนวอน..ต่างกันอย่างไร ?

อธิษฐาน คือ ความตั้งใจมุ่งมั่น ก�ำหนดเป้าหมายชัดเจน แล้วลงมือท�ำจนกว่าจะส�ำเร็จ เป็นหนึ่งในบารมี ๑๐ ทัศ ข้อ “อธิษฐานบารมี” สมั ย ที่ พ ระพุ ท ธเจ้ า ยั ง เป็ น พระโพธิ สั ต ว์ ก็ ท รงอธิ ษ ฐาน ตั้ ง ความปรารถนา จะส� ำ เร็ จ พระโพธิ ญ าณมาทุ ก ภพทุ ก ชาติ จนมาถึงพระชาติสุดท้ายก็ได้ส�ำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงอธิษฐานจิตในวันที่ตรัสรู้ว่า “แม้กายจะเหือด เลือดจะแห้ง ตราบใดที่ยังไม่บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ เราจะไม่ลุกจากรัตนบัลลังก์นี้”


๑๒๐ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี การอธิษฐานต้องมีองค์ประกอบจึงจะส�ำเร็จผล พระพุทธเจ้า ตรัสไว้ว่า “ภิกษุทั้งหลาย จิตที่ตั้งมั่นของผู้มีศีลย่อมส�ำเร็จ เพราะจิต เขาบริสุทธิ์” ฉะนั้น คนที่จะอธิษฐานอะไรแล้วส�ำเร็จผลต้องเป็นคนมีศีล มีธรรมด้วย หากเราเป็นคนทุจริต ผิดศีลธรรมอธิษฐานอย่างไร ก็คงยาก ที่จะส�ำเร็จผล ส่วนการอ้อนวอน หมายถึง การวิงวอน ร้องขอ หรือ บนบานศาลกล่าว ให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ โยมบางคนพอใกล้ วั น หวยออก เห็ น หน้ า อาตมาค� ำ แรก ที่ทัก คือ พระอาจารย์วันนี้ขอสัก ๒ ตัว ๓ ตัว หน่อย พระอาจารย์ก็บอกว่า..มันน้อยไป เอา ๖ ตัว ไปเลย ที่วัด ก�ำลังคลอดใหม่ๆ สวยๆ ทั้งนั้น.. คนไทยนี่จะถนัดมาก สามารถกราบไหว้ ขอพร อ้อนวอน ได้ ทุ ก สิ่ ง แม้ ก ระทั่ ง ต้ น กล้ ว ย จอมปลวก หรื อ สั ต ว์ แ ปลกๆ เช่ น วัวห้าขา หมาหน้าเหมือนหมู แต่ถ้าโยมมัวแต่อ้อนวอน นอนร้องขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย หวังรอแต่โชคลาภจากผู้อื่น แล้วไม่ลงมือท�ำ ก็ไม่เกิดประโยชน์


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๒๑

เทพก็ไม่อุ้มสม พระพรหมก็ไม่บันดาล กรรมเท่านั้นที่จะลิขิต เลิกอ้อนวอนร้องขอ..เปลี่ยนเป็นลงมือท�ำ จะดีกว่าไหมโยม.. การอ้อนวอนร้องขอ..ไม่ใช่หนทางของความพ้นทุกข์ ทุกอย่างจะส�ำเร็จได้..ก็ต้องลงมือท�ำ ยากเพราะอ้อนวอน ได้พรเพราะลงมือท�ำ..จริงไหมโยม

ท�ำ-มะ

๖๑

แค่คิด..แต่ไม่ได้ท�ำจะผิดไหม ?

โยมยังโชคดีเพียงแค่คิด แต่บางคนใจมียาพิษ ยังไม่ทันคิด ก็ลงมือท�ำแล้ว ความผิดเกิดขึ้นได้ ๓ ทาง คือ ทางกาย ทางวาจา ทางใจ กายกับวาจานั้นผิดศีล ส่วนทางใจจัดเข้าในอกุศลกรรมบถก็มี ความผิดเหมือนกัน แต่ก็ต้องดูว่าเราคิดไม่ดีกับใคร ถ้าคิดกับคนมีบุญคุณน้อย ก็บาปไม่มาก แต่ถ้าคิดไม่ดีกับคนมีพระคุณ เช่น พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ บาปก็มาก ตัวอย่างในสมัยพุทธกาลก็มใี ห้เห็นอยู่ โสไรยยะบุตรของเศรษฐี ก่อนบวชคิดไม่ดีกับพระมหากัจจายนเถระ


๑๒๒ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ขณะที่ ท ่ า นก� ำ ลั ง จะออกรั บ บิ ณ ฑบาต วั น นั้ น โสไรยยะ นั่งเกวียนเพื่อจะไปอาบน�้ำพร้อมบริวาร ขณะนั้น พระมหากัจจายน เถระเปลื้องผ้าจะห่มจีวรใหม่ ว่ากันว่าพระเถระมีรูปงาม ผิวพรรณของ ท่านมีสีเหมือนทองค�ำ โสไรยยะเห็นท่านแล้วจึงคิดว่า “สวยจริงหนอ พระเถระรูปนี้ ควรเป็นภริยาของเรา หรือสีผิวของภริยาของเรา ควรเป็นเหมือนสีผิว ของพระเถระนั้น” เพียงแค่คิดเท่านั้น ผลกรรมก็ทันตาเห็น โสไรยยะ กลายเป็นผู้หญิงทันที ถึ ง แม้ เ ป็ น เพี ย งแค่ ค วามคิ ด ยั ง ไม่ ไ ด้ ล งมื อ ท� ำ ผลกรรม ก็เกิดขึ้นได้ อย่าได้พลั้งเผลอสติ คิดไม่ดีกับใครเป็นอันขาด ถ้าพลาดไปโดนคนมีพระคุณมาก จะล�ำบากในภายหลัง ฉะนั้น ควรคิดดี พูดดี ท�ำดี ทุกๆ วัน คนจะท�ำดีท�ำชั่ว เกิดจากความคิดก่อน พระพุทธเจ้าตรัสว่า.. ความคิดเห็นได้ยากละเอียดยิ่งนัก มักใฝ่ในอารมณ์ที่ปรารถนา ผู้มีปัญญาจึงควรควบคุมจิตไว้ให้ดี เพราะจิตที่ควบคุมได้แล้วย่อมมีสุข


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี


๑๒๔ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๖๒

จะไปปฏิบัติธรรม..ต้องเตรียมอะไรบ้าง ?

สิ่งที่ต้องเตรียมที่สุดก็คือ.. เตรียมกาย เตรียมใจ ต้องตัด ต้องละ นอกจากเตรี ย มของใช้ จ� ำ เป็ น ส่ ว นตั ว ยารั ก ษาโรค ถ้ า มี โรคประจ�ำตัว และที่ส�ำคัญไปกว่านั้นคือ ต้องเตรียมกายกับใจ เตรียมกาย คือ ดูแลสุขภาพให้ดีก่อนไป เตรียมใจ คือ ต้องปล่อยวาง ไม่ใช่ไปถึงสถานปฏิบัติธรรม แล้วนั่งคิดโน่นคิดนี่ แทนที่จิตใจจะสงบ เป็นสมาธิได้บุญ กลับได้แต่อกุศล จิตคิดฟุ้งซ่านตลอด เวลาอยู่บ้านอยากจะปฏิบัติธรรม พอมาอยู่วัดกับคิดเรื่องงาน มันไม่ถูกต้อง โบราณว่า..เสียเกลือ อย่าให้เนื้อเน่า คือ เสียเวลามาแล้ว แต่ไม่ได้ประโยชน์จากการมา


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๒๕

ต้องตัด คือ ตัดปลิโพธิความกังวลใจต่างๆ เช่น เรื่องงาน เรื่องสุขภาพ เป็นต้น ถ้าเรามัวแต่คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่ การปฏิบัติธรรมไม่มีทางเจริญก้าวหน้า ต้องละ คือ ละทิฏฐิมานะ ความถือตัวตน ซึ่งเป็นอุปสรรคตัวส�ำคัญในการเข้าถึงธรรม บางคนรู้มาก ทฤษฎีเยอะ มีความเป็นตัวตนสูง ประเภทนี้สอนยากเพราะมัวแต่ยึดต�ำรา เป็นพวกคัมภีร์เปล่า ส่วนผู้ปฏิบัติธรรมที่ดี ต้องเป็นคนว่านอนสอนง่าย เชื่อฟังครูบาอาจารย์ ท�ำตัวให้เป็นแก้วน�้ำที่ว่างเปล่า พร้อมที่จะรับการแนะน�ำสั่งสอน เจริญก้าวหน้าแน่นอน โยมคงจะรู้แล้วใช่ไหมว่า ..ไปปฏิบัติธรรมต้องเตรียมอะไร..


๑๒๖ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๖๓

บริจาคหีบศพ นอนโลงศพ..เคราะห์จะหายไหม ?

จริงไหมที่ว่าท�ำบุญหีบศพและนอนโลงศพ แล้วเคราะห์จะหายทุกข์จะหมดไป โยม..มันเป็นความเชื่อของคนที่ปฏิบัติตามๆ กันมา จริงๆ แล้ว การท�ำบุญบริจาคหีบศพ เพื่อเป็นการสงเคราะห์ คนยากไร้อนาถา ไม่มีที่พึ่ง บ้านหลังสุดท้าย ๑ ประตู ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีห้องน�้ำ “สนใจไหมโยม” อาตมาสอนให้โยมตายได้ดีมาหลายคนแล้ว ..อาตมาก็เคยลองนอนดูเหมือนกันโยม ลองตายดู รู้สึกตื่นเต้นดี เพลินดีเหมือนกัน แต่แคบไปหน่อย.. การนอนโลงศพเสมือนเป็นการสอนธรรมะ เรื่องความตาย ว่าอย่าได้ประมาทในชีวิต เพราะวันหนึ่งเราก็ต้องนอนอยู่ในโลงนี้ เช่นกัน ถ้านอนแล้วไม่รู้สึกกลัว แสดงว่า “ตายได้” เพราะคนที่ไม่กลัวตายคือ คนที่สั่งสมบุญไว้พร้อมแล้ว แต่ถ้านอนแล้วรู้สึกกลัว หวาดระแวงแสดงว่า “ตายยังไม่ได้”


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๒๗

เรายั ง ไม่ พ ร้ อ มตาย คนที่ ไ ม่ พ ร้ อ มตาย หรื อ ว่ า คนที่ ก ลั ว ความตายคือ คนที่ไม่มั่นใจในบุญกุศลที่สั่งสมไว้..ต้องเร่งท�ำบุญไว้ เคราะห์..คือความทุกข์กายทุกข์ใจ มันก็ไม่หายไปไหน เพราะถ้าการบริจาคหีบศพ นอนโลงศพแล้วเคราะห์หาย ทุกข์หาย ป่านนี้คงไม่มีใครมีเคราะห์ หรือมีความทุกข์ สรุปว่า..เป็นเพียงอุปกรณ์สอนธรรมะ เรื่องความไม่ประมาทในชีวิตนะโยม

ท�ำ-มะ

๖๔

ท�ำบุญล้างบาป..ได้ไหม ?

ล้างไม่ได้หรอกโยม..บุญกับบาปคนละส่วนกัน ถ้าล้างได้ ป่านนี้กุ้ง หอย ปู ปลา คงได้ขึ้นสวรรค์หมดแล้ว เพราะมันอยู่ในน�้ำตลอดเวลา คนละส่วนกัน บางคนตั้งใจท�ำบุญแต่กลับได้บาปเพิ่ม มีเรื่องอบายมุข สุรา และการฆ่ามาเกี่ยวข้อง เช่น ฆ่าหมู วัว เป็ด ไก่ เป็นต้น ถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่าบุญที่เราท�ำนั้น เป็นบุญที่ไม่บริสุทธิ์


๑๒๘ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี เสมือนผ้าขาวเปื้อนสี เหมือนการอาบน�้ำโคลน อาบเท่าไหร่ก็ ไม่สะอาด ต่อให้คราบเก่าหลุดออก คราบใหม่ก็มาเกาะแทน บางคนเถียงอีกว่า บรรดาสัตว์เหล่านั้น เกิดมาเพื่อเป็นอาหาร ของมนุษย์ อันที่จริงก็ไม่ยุติธรรมกับสัตว์เหล่านั้น เพราะสัตว์ทงั้ หลาย ย่อมรักตัวกลัวตาย สังเกตตอนทีม่ นั จะถูก ฆ่า มันก็พยายามเอาตัวรอดเหมือนกัน แล้วถ้าคนตกลงไปในบ่อจระเข้ บ่อฉลาม หากสัตว์เหล่านั้น คิดว่ามนุษย์ก็เกิดมาเป็นอาหารของพวกมันบ้างละ จะเป็นอย่างไร แม้จะท�ำบุญมากกว่าบาป แต่ถา้ ก่อนตาย จิตหลงไปคิดถึงบาป ที่ท�ำไว้ ก็จะต้องไปรับผล ในอดีตพระเจ้าอโศกมหาราชสร้างวิหาร เจดีย์ บูชาอย่างละ แปดหมื่นสี่พัน เป็นผู้อุปถัมภ์การสังคายนาพระธรรม พระวินัย แต่พอก่อนตาย จิตหลงนึกห่วงสมบัติ จึงไปเกิดเป็นเปรตงู ท่านมหินทเถระซึง่ เป็นพระโอรส ทราบว่าบิดาของตนเกิดเป็น เปรต จึงไปแสดงธรรมโปรด หลังจากพระเจ้าอโศกฟังธรรมจบ จิตของท่านก็หลุดพ้นจากภูมินั้นทันที


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี


๑๓๐ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๖๕

อยากประสบความส�ำเร็จ..ควรท�ำอย่างไร ?

ก�ำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน นึกถึงภาพวันแห่งความส�ำเร็จ นึกถึงชีวิตที่จะเปลี่ยนไปเมื่อประสบความส�ำเร็จ อย่าล้มเลิกความตั้งใจโดยเด็ดขาด บางที อ าจจะมี ค� ำ พู ด เพื่ อ ท� ำ ลายเป้ า หมาย หรื อ บั่ น ทอน ก�ำลังใจของเรา เช่น คุณท�ำไม่ได้หรอก จะเป็นไปได้เหรอ ไม่ละความพยายาม แม้จะเจอปัญหาและอุปสรรค บอกตัวเองเสมอว่า เราท�ำได้ เรามีความสามารถ เราเก่งที่สุด คิดเสมอว่า โลกที่มืดมิด ไม่สามารถดับแสงเทียนเล่มเล็กๆ ได้ วิเคราะห์ตัวเองให้เป็น วันนี้ เวลานี้ เรามีหน้าที่อะไร ไม่เอาหน้าที่ทุกอย่างมารวมกัน ใช้หลักคือ พอใจใฝ่เรียนรู้ เพียรสู้ไม่ท้อถอย ตั้งใจไม่หลงลอย วิเคราะห์ติดตามเป้าหมาย ท�ำมันด้วยความรัก สังเกตไหมว่าถ้าเรารักสิ่งใด เราก็จะอยู่กับสิ่งนั้นได้นาน


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๓๑

และอยู่กับมันได้อย่างมีความสุข แม้จะต้องท�ำในสิ่งที่ไม่รัก แต่ก็ให้บอกตัวเองว่า เรารัก พอใจ ในสิ่งนี้ เพียรสู้ไม่ท้อถอย ความเพียรเป็นสิ่งที่ส�ำคัญ “ความเพียรท�ำให้ล่วงพ้นทุกข์ได้” ไม่หยุดถ้าไม่ส�ำเร็จ เช่น พระมหาชนกเมื่อเรือล่มกลางทะเล แม้มองไม่เห็นฝั่ง แต่ก็ไม่ยอมตาย บอกกับตัวเองว่า ถ้าจะตาย ขอไปตายให้ไกลที่สุด ในที่สุดเทวดาก็เห็นใจเข้าช่วย ตั้งใจไม่หลงลอย ไม่หลงลืมเป้าหมายที่วางไว้ วิเคราะห์การกระท�ำของตัวเอง มีค�ำพูดว่า วิธีการเขียนไว้บนผืนทราย เป้าหมายจารึกไว้บนแผ่นหิน บอกกับตัวเองว่า เราเกิดมาเพื่อประสบความส�ำเร็จ ไม่ได้เกิดมาเพื่อพ่ายแพ้ ในโลกนี้เราเก่งที่สุด ตราบใดที่ยังไม่ประสบความส�ำเร็จ เราจะไม่ขอหยุดความพยายามอย่างแน่นอน ตายเป็นตาย


๑๓๒ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๖๖

เอาดอกไม้เหี่ยวบูชาพระ..จะได้บุญไหม ?

เวลาไปท�ำบุญไหว้พระตามวัดต่างๆ ทางวัดก็จดั เตรียมดอกไม้ ธูปเทียน ทองค�ำเปลวไว้ให้ แต่สังเกตไหมว่า บางทีดอกไม้ก็เหี่ยวจนถึงเหี่ยวมาก เพราะหมุนเวียนกันทั้งวันแล้ว โยมเอาไปไหว้ ไปบูชาพระ ไม่รู้จะได้บุญหรือเปล่า ได้เหมือนกันโยม แต่ก็ได้บุญแบบเหี่ยวๆ เฉาๆ เหมือน ดอกไม้ (อ้าว..งง) อย่างไรบุญแบบเหี่ยวๆ เฉาๆ ก็ เ หมื อ นเอาแกงบู ด ของหมดอายุ จี ว รขาด สบงขาด หรือยาหมดอายุไปถวายพระ ท่านใช้ไม่ได้ ไม่เกิดประโยชน์ แถมยังเป็นโทษกับพระอีก ไปท�ำบุญไหว้พระ ควรเลือกดอกไม้สดๆ ไปไหว้ดีที่สุด จะได้ไม่เหมือนกับนางอามิตดา เธอเป็นลูกสาวพราหมณ์ มีรูปโฉมงดงาม แต่กลับได้สามีแก่ คือ เฒ่าชราชูชก รูปร่างสกปรก เป็นวณิพกขอทาน


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๓๓

ชูชกเมื่อขอทานมาได้ กลัวเงินจะหาย เลยเอาไปฝากไว้ที่ พ่อและแม่ของนางอามิตดา พ่อแม่ของนางอามิตดาใช้เงินหมด พอชูชกกลับมาไม่มีเงินคืนให้ เลยยกลูกสาวให้แทน บุพกรรม (กรรมเก่า) ของนางอามิตดา คือ ในอดีตนางเคย เอาออกไม้เหี่ยวๆ เฉาๆ ไปบูชาพระ ลองคิ ด ดู น ะ เราเอาดอกไม้ เ หี่ ย วไปบู ช า ไปไหว้ พ ระ กี่ครั้งแล้ว ครั้ ง หนึ่ ง อาตมาก็ บ รรยาย เรื่ อ งบุ พ กรรมของนางอมิ ต ดา พอบรรยายจบ โยมคนหนึ่งอุทานอย่างแรงว่า ว้ายคุณพระช่วย..ซวยแล้วเรา ตายละ อาตมาแอบยิ้ม แล้วพูดว่า “พระก็ช่วยไม่ได้หรอกโยม เพราะพระก็เคยเหมือนกัน” บางทีเราก็ชอบท�ำอะไรง่ายๆ มีอย่างไรก็ใช้อย่างนั้น อย่าสักแต่ว่าบูชา ควรเตรียมตัวหน่อยเวลาจะไปไหว้พระ ควรหาดอกไม้สดๆ หน่อยนะโยม เกิดเป็นคนจะต้องเตรียม ถ้าไม่เตรียมจะเสียเหลี่ยมความเป็นคน


๑๓๔ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๖๗

กรวดน�้ำ..มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร ?

ลูกศิษย์เล่าให้ฟังว่า..คุณผู้ชายที่ผมขับรถให้แกเสียชีวิต วันหนึ่งพาคุณนายกับสาวใช้ ไปถวายสังฆทานอุทิศส่วนกุศล ให้สามีของแก หลังถวายเสร็จ..คุณนายก็กรวดน�้ำอุทิศส่วนกุศลให้ พร้อมกับพูดว่า ..ไปสู่ที่ชอบๆ เถิดพี่ ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว หลังจากท�ำบุญเสร็จ ผมก�ำลังขับรถพาแกกลับบ้าน สาวใช้พูดขึ้นว่า..คุณนาย หนูไม่กลับไปแล้ว หนูขอลาออก คุณนาย..ท�ำไมละ สาวใช้..ก็หนูได้ยินคุณนายกรวดน�้ำให้คุณผู้ชาย แล้วบอกว่า ไปสู่ที่ชอบๆ ๆ เถิด คุณนาย..แล้วจะลาออกท�ำไม สาวใช้..หนูกลัว คุณนาย..มันน่ากลัวตรงไหน สาวใช้..ก็คุณผู้ชายชอบมาที่ห้องหนูประจ�ำนี่ค่ะ..


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๓๕

ฟังจบอาตมาก็ได้แต่อมยิ้ม คิดในใจว่า ..ดีนะ ที่ไม่มาถวายสังฆทานกับเรา เฮ้อ.. คนส่ ว นใหญ่ มั ก เข้ า ใจว่ า การกรวดน�้ ำ คื อ กรวดให้ ค นที่ ตายไปแล้วเท่านั้น อันที่จริงแล้วมีวัตถุประสงค์ ๓ อย่าง ๑. กรวดน�้ำเพื่อตั้งความปรารถนา เช่น ตอนที่พระนเรศวร มหาราชทรงหลั่งน�้ำตั้งความปรารถนาว่า จะไม่ยอมเป็นเมืองขึ้น ของเมืองหงสาวดีต่อไป ๒. กรวดน�้ำเพื่อเป็นการยกให้ เช่น ตอนที่พระเวสสันดร กรวดน�้ำยกชาลีกัณหาให้ตาชูชก ทรงกรวดน�้ำใส่มือชูชก ๓. กรวดน�้ำเพื่อเป็นการอุทิศให้แก่ญาติ หรือผู้ที่ล่วงลับ ไปแล้ ว เช่ น ตอนที่ พ ระเจ้ า พิ ม พิ ส าร สร้ า งวั ด เวฬุ วั น ถวายไว้ ใ น พระพุ ท ธศาสนา เหล่ า บรรดาญาติ ๆ ที่ ล ่ ว งลั บ ไปแล้ ว ก็ ม าร้ อ ง โหยหวนรอบๆ เมือง พระองค์จึงไปทูลถามพระพุทธเจ้า พระพุท ธองค์พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็ นญาติ ข องพระเจ้ า พิ ม พิ ส ารที่ ม าขอส่ ว นบุ ญ ส่ ว นกุ ศ ล จึ ง ทรงแนะน� ำ ให้ ก รวดน�้ ำ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับญาติเหล่านั้น


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๓๗

ท�ำ-มะ

๖๘

สอนลูกอย่างไร..ให้ได้ดี ?

พ่อแม่ต้องเป็น “ต้นแบบ” ของลูก ดังค�ำกล่าวที่ว่า “ท�ำให้ดู อยู่ให้เห็น เย็นให้สัมผัส” มีแม่คนหนึ่งมีลูกชายที่ไม่เคยท�ำบุญตักบาตรเลยทั้งชีวิต วันหนึ่งอยากให้ลูกชายใส่บาตร สะเดาะเคราะห์ที่โชคไม่ดี จึงได้เตรียมข้าวของไว้ให้ลูกชาย ใส่บาตรพระหน้าบ้าน เจ้าลูกชายไม่เคยใส่บาตร ไปนั่งรอพระหน้าบ้าน แต่ด้วยความไม่เคยใส่บาตร จึงไม่ได้สนใจพระ นั่งก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถือ พระเดินผ่านหน้าบ้าน เจ้าลูกชายยังไม่สนใจ แม่ก�ำลังกวาดบ้านอยู่ เห็นพระเดินผ่านหน้าบ้านไป จึงตะโกนบอกลูกชายว่า..พระมาแล้ว ลูกชายมัวเล่นโทรศัพท์ ตะโกนบอกแม่ว่า..พระยังไม่มา ด้วยความโมโห แม่จึงตะโกนถามว่า ..ถ้าพระยังไม่มา แล้วตัวห่าอะไร เดินอยู่นั่น เจ้าลูกชายตกใจ รีบนิมนต์พระมาหน้าบ้าน ขณะที่ก�ำลังใส่บาตร ด้วยความสงสัยจึงตะโกนถามแม่ว่า


๑๓๘ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ..ใส่บาตร ใส่ยังไงแม่ ด้วยความโมโหอีกครั้งที่ลูกไม่ได้ดั่งใจ จึงตะโกนตอบว่า ..ไอ้โง่ ใส่จากหัว ไปหาหาง ลูกชายตัดสินใจ “ตักข้าวใส่หัวพระ” แม่กวาดบ้านอยู่ มองมาเห็น ถือไม้กวาด รีบวิง่ ลงมากวาดข้าว ออกจากหัวพระ ไม่รู้จะโทษใคร ระหว่าง “แม่ กับ ลูก” พ่อแม่ต้องแบบอย่างให้ลูก โบราณว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

ท�ำ-มะ

๖๙

จะอยู่กับความทุกข์..ได้อย่างไร ?

ความทุกข์ เป็นสัจจะธรรมข้อหนึ่งของชีวิต ที่มนุษย์ไม่สามารถหลีกเลี่ยง หรือหนีพ้นได้ ประเด็นจึงไม่ได้อยู่ที่ เราจะหนีทุกข์ได้อย่างไร แต่อยู่ที่ เราจะอยู่กับความทุกข์ ที่เกิดขึ้นในชีวิตไม่ให้ทุกข์ ได้อย่างไร


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๓๙

มีสองสามีภรรยาติดหนี้ ๔๐ ล้าน สามีกลุ้มใจมาก หลังจาก ได้รับจดหมายแจ้งว่า พรุ่งนี้เช้าธนาคารจะมายึดทรัพย์ที่บ้าน สามีนอนไม่หลับ เดินไปเดินมารอบห้องอยู่จนดึก ภรรยาจึงด่าว่า..จะเดินอะไรนักหนา นอนได้แล้ว พรุ่งนี้ ต้องท�ำงาน สามีตอบกลับด้วยความโมโหว่า..เธอจะให้พี่หลับได้อย่างไร พรุ่งนี้ธนาคารจะมายึดทรัพย์ที่บ้าน ภรรยาจึงเสนอทางออกว่า..เอาเบอร์โทรผู้จัดการธนาคาร มานี่ ฉันจะโทรไปคุยเอง ภรรยา..ผู้จัดการธนาคารใช่มั้ยค่ะ พรุ่งนี้ไม่ต้องมานะค่ะ สามีฉันไม่มีอะไรจะให้ แค่นี้นะค่ะ..แล้วก็วางสาย ฝ่ายสามีพอภรรยาจัดการให้เสร็จ ก็ล้มตัวลงนอนหลับสบาย แต่คนที่นอนไม่หลับ คือ ผู้จัดการธนาคาร สักพักจึงโทรศัพท์กลับมาที่เบอร์ของภรรยา แล้วพูดว่า ..ที่คุณบอกว่า สามีคุณไม่มีอะไรให้นะไม่จริง ผมได้ข่าวว่า สามีคุณน่ะมี แต่เอาทุกอย่างไปให้ “กิ๊ก” แค่นี้นะครับ พูดจบผู้จัดการธนาคารก็ปิดโทรศัพท์ นอนหลับสบาย ส่วนสามีภรรยา ลุกขึ้นมาตบกันทั้งคืน บางครั้งเราไม่สามารถแก้ไขทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตได้


๑๔๐ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

แต่เราสามารถอยู่กับเรื่องราวที่มากระทบ ด้วยการ “ปล่อยวางความคิด” ถ้าสังเกตให้ดี บางครั้งเรื่องราวปัญหาหนักมาก แต่เราไม่ทุกข์ เพราะไม่คิด “มนุษย์ทุกข์เพราะคิด” แต่เมื่อห้ามความคิดไม่ได้ เราจึงควร “คิดให้เป็น” จึงจะเห็นสุข อ่านจบช่วยบอกด้วยว่า ป่านนี้สองสามีภรรยาเป็นอย่างไร สุข หรือ ทุกข์

ท�ำ-มะ

๗๐

มัดตราสัง..เพื่ออะไร ?

การมัดตราสังก็เพื่อเป็นอุปกรณ์ หรือเป็นอุทาหรณ์สอนธรรมแก่คนที่อยู่เบื้องหลัง ส่วนมากก็จะมัดไว้ ๓ ที่ คือ มัดที่คอ หมายถึง บุตรธิดา มัดที่มือ หมายถึง ภรรยา ญาติมิตร มัดที่เท้า หมายถึง ทรัพย์สิน สมบัติ


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๔๑

ท่ า นเจ้ า คุ ณ อาจารย์ พ ระราชวิ จิ ต รปฏิ ภ าณ เทศน์ ส อน โยมว่ า ..การมั ด ตราสั ง ศพ..ให้ น อนประนมมื อ เป็ น ปริ ศ นาธรรม สิบอย่าง ที่ผีอยากได้..คนตายอยากขอ อยากขอโทษ อยากได้รับการให้อภัย อยากได้รับความรัก ความเคารพ อยากให้จัดงานศพให้ อยากให้บริหารเรื่องทรัพย์ อยากให้เก็บบางเรื่องเป็นความลับ อยากให้นึกถึงแต่ความประทับใจ อยากเกิดชาติใหม่แล้วมาพบกัน อยากให้ยึดมั่นสามัคคี อยากให้ท�ำความดีแล้วอุทิศให้ คนตายให้นอนประนมมือถือดอกบัว เพื่อสอนให้คนที่อยู่เบื้องหลัง นึกถึงพระรัตนตรัย หมั่นในพุทธคุณ เพิ่มพูนความดี “เข้าวัดตอนเป็นได้เห็นน�้ำใจ เข้าวัดตอนตายได้เห็นน�้ำตา” แล้วโยมอยากเข้าตอนเป็นหรือตอนตาย ?


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๔๓

ท�ำ-มะ

๗๑

มิตร หรือ ศัตรู..รู้ได้อย่างไร ?

ค�ำว่า “กัลยาณมิตร” คือ เพื่อนที่ดี เป็นคนส�ำคัญในชีวติ ของมนุษย์ เพราะเพือ่ นทีด่ ี จะเป็นบุคคล ที่แนะน�ำเรา ให้เดินสู่เส้นทางแห่งความดี ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้า ได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า “อานนท์ เราจะไม่ พ ยายามทะนุ ถ นอมพวกเธอ อย่ า งช่ า งหม้ อ ที่ ดู แ ลและทะนุ ถ นอมหม้ อ ของเขา เราจะ ขนาบแล้ ว ขนาบอี ก ไม่ มี วั น หยุ ด เราจะชี้ โ ทษแล้ ว ชี้ โ ทษอี ก ไม่ มี วั น หยุ ด ผู ้ ใ ดมี ม รรคผลเป็ น แก่ น สาร ผู ้ นั้ น จะทนได้ เราควรมองว่า ผู้ชี้โทษ ผู้แนะน�ำเป็นผู้ชี้ขุมทรัพย์” เพราะฉะนั้น จงแสวงหากัลยาณมิตร หรือเพื่อนที่ดี คือ ผู้ที่ชี้ขุมทรัพย์ หมายถึง ผู้ที่กล้าตักเตือนเรา เมื่อเรา ท�ำในสิ่งไม่ถูกต้อง ส�ำหรับศัตรูนนั้ หลายคนอาจจะคิดว่า ศัตรูเป็นบุคคลทีม่ าจ้อง ท�ำร้ายเรา แต่ในทางพระพุทธศาสนา ให้ความส�ำคัญกับศัตรูภายใน ก็คือ ศัตรูที่อยู่ภายในใจเรา ได้แก่ กิเลส ตัณหา อวิชชาทั้งปวง


๑๔๔ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

สิ่งส�ำคัญที่สุด อย่าได้เกรงกลัวศัตรูภายนอกเลย จงเข้าใจและเรียนรู้ศัตรูภายนอก พร้อมที่จะให้อภัย จงมีสติและปัญญา ก�ำกับชีวิต ไม่ยอมตกเป็นทาสศัตรูภายในใจ

ท�ำ-มะ

๗๒

อยากรวย..ต้องท�ำอย่างไร ?

ความร�่ำรวยเงินทองทรัพย์สมบัติ เป็นความปรารถนาของ มนุษย์ปุถุชน แต่ละคนจะมีวิธีการในการหาทรัพย์ ที่แตกต่างกันไป บางคนมุ่งอธิษฐานบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บางคนหาด้วยอบายมุข เล่นการพนัน ค้าขายสิ่งผิดกฎหมาย คอร์รัปชัน เอาเปรียบคนอื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า “เป็นทางแห่งความเสื่อมของชีวิต” ถ้าอยากรวยให้ท�ำตาม “คาถาเศรษฐี” ที่พระพุทธเจ้าทรง สอนไว้ ท่องคาถา ๔ ค�ำ นี้


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๔๕

“อุ อา กะ สะ” อุ มาจากค�ำว่า อุฏฐานสัมปทา คือ ขยันหา อา มาจากค�ำว่า อารักขสัมปทา คือ รักษาดี กะ มาจากค�ำว่า กัลยาณมิตตา คือ มีกัลยาณมิตร สะ มาจากค�ำว่า สมชีวิตา คือ ใช้จ่ายเหมาะสม การที่เราจะร�่ำรวย มีเก็บ มีใช้ ต้องมีความขยันหมั่นเพียร ไม่เกียจคร้านการท�ำงาน หนักเอาเบาสู้ เมื่อหาทรัพย์มาได้ ก็เก็บหอมรอมริบ ได้ทรัพย์มาแบ่งเป็น ๔ ส่วน ใช้หนี้เก่า เลี้ยงดูพ่อแม่ ใช้หนี้ใหม่ เลี้ยงดูลูกเมีย ทิ้งลงเหว ซื้อของกิน ฝังลงดิน เก็บออม คบเพื่อนที่ดี ไม่น�ำไปสู่ความฉิบหาย และใช้จ่ายให้เหมาะสมแก่ฐานะของตน หากเราปฏิบัติตามค�ำสอนพระพุทธเจ้า “ความร�่ำรวย” จะเกิดขึ้นในชีวิตเราแน่นอน


๑๔๖ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๗๓

ใคร..สอนยากที่สุด ?

คุณครูท่านหนึ่งถามว่า พระอาจารย์ไปบรรยายธรรมหลายที่ มีคนฟังหลายประเภท..ใครสอนยากที่สุด..? พระอาจารย์จึงตอบไปว่า ..ที่สอนยากที่สุดมีอยู่ ๒ คน คือ “พระกับครู” โยม..ท�ำไมละพระอาจารย์..? พระอาจารย์..ก็เพราะพระเขาห้ามสอน ต้องใช้ค�ำว่า ถวาย ความรู้ (ฮ่าๆ..) ครูเขาก็ห้ามสั่ง เพราะครูเป็น “กูรู” ผู้รู้ทุกเรื่อง (ยกเว้น เรื่องของตัวเอง..ฮ่าๆ) หลังๆ งานเยอะ พระอาจารย์ต้องเดินสายบรรยาย “ถึงไม่ใช่ช่างไฟ แต่ก็เดินสายทุกวัน” รั บ บรรยายตั้ ง แต่ เ ด็ ก อนุ บ าลจนถึ ง คนแก่ เว้ น แต่ ค นบ้ า กับคนเมา พระไม่กล้าสอน เดี๋ยวหาว่าเป็นพวกเดียวกัน จริงๆ แล้ว สอนคนอื่นไม่ยาก แต่ที่ยากสุดคือ สอนตัวเอง


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๔๗

เพราะคนส่วนมากมักสอนคนอื่นมากกว่าสอนตัวเอง พระพุทธเจ้าตรัสว่า “สอนคนอื่นอย่างไร ควรท�ำตนอย่างนั้น ผู้ฉลาดฝึกตนดีแล้ว จึงควรฝึกคนอื่น” รีบสอนตัวเองเสียตั้งแต่วันนี้ เพราะไม่มีใครสอนตัวเราได้ดี เท่ากับตัวของเราเอง..

ท�ำ-มะ

๗๔

โง่หรือฉลาด..ที่ไหว้อิฐ ไหว้ปูน ?

ความโง่ หรือฉลาดของคนนั้นไม่ได้วัดกันที่การกระท�ำ คนเรานั้นอาจฉลาดในเรื่องหนึ่ง แต่กลับโง่อย่างหนักในอีกเรื่องหนึ่งก็ได้ หากอิฐ ปูน เป็นซากของสถานที่ส�ำคัญ เช่น สังเวชนียสถาน ก็ แสดงว่าเขาไม่ได้ไหว้อิฐ ปูน แต่ ไ หว้ เ พราะอาศั ย อิ ฐ ปู น นั้ น เป็ น สื่ อ ให้ น ้ อ มร� ำ ลึ ก ถึ ง พระคุ ณ ของพระพุ ท ธเจ้ า เช่ น เดี ย วกั บ การไหว้ พ ระพุ ท ธรู ป และเจดีย์อื่นๆ


๑๔๘ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี หากคิดว่าเป็นการไหว้ อิฐ ปูน ธรรมดา คงนึกไม่ออกว่าจะไหว้ ท�ำไม ? ถ้าในขณะไหว้ ใครคิดว่าตนเองไหว้อิฐ ปูน ก็ต้องจัดว่า ..โง่มากทีเดียว ดั ง นั้ น ไม่ ว ่ า จะเป็ น พระพุ ท ธรู ป พระเจดี ย ์ ธาตุ เจดี ย ์ ธรรมเจดี ย ์ บริ โ ภคเจดี ย ์ หรื อ อุ เ ทสิ ก เจดี ย ์ ก็ ดี หากเป็ น สิ่ ง ที่ สร้ า งขึ้ น เพื่ อ เป็ น เครื่ อ งร� ำ ลึ ก นึ ก ถึ ง พระพุ ท ธเจ้ า แล้ ว ใจของ ผู ้ ไ หว้ ย ่ อ มน้ อ มร� ำ ลึ ก ถึ ง พระคุ ณ โดยอาศั ย สิ่ ง เหล่ า นั้ น เป็ น เครื่องกระตุ้นให้ระลึกถึงก็เท่านั้นเอง

ท�ำ-มะ

๗๕

ผีอะไร..น่ากลัวที่สุด ?

ระหว่างที่ไปอบรมเรื่องยาเสพติดที่สมุทรปราการ มีนักเรียนเข้ามาบอกว่า ..พระอาจารย์ๆ เล่าเรื่องผีให้ฟังหน่อยครับ อาตมา..หนูกลัวผีไหม ? เด็กนักเรียน..กลัวครับ อาตมาเลยบอกว่า..ถ้ากลัวจะไม่เล่า เพราะเล่าแล้วจะกลัว


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๔๙

เด็กนักเรียน..ไม่กลัวครับ อาตมา..ถ้าไม่กลัวก็ไม่เล่า เพราะเล่าก็ไม่กลัว เด็กท�ำหน้า งงๆ อาตมาก็เลยถามเด็กต่อไปว่า ..รู้ไหม ผีชอบหลอกตอนไหน ? เด็กนักเรียน..ผีชอบหลอกตอนกลางคืนครับ แล้วก็ถามต่อไปว่า ..หนูรู้ไหม..ผีที่น่ากลัวที่สุดคือผีอะไร ? เด็กนักเรียน..ไม่รู้ครับ อาตมา..ผีที่หนูกลัว มันหลอกแค่ตอนกลางคืนอย่างเดียว แต่ผีที่น่ากลัวที่สุดคือ “ผีอบายมุข” เพราะผีพวกนี้จะตามไปหลอกหลอน พวกที่หลงไปติด ทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืน และที่หนักที่สุด ผีพวกนี้ยังตามไปหลอกครอบครัวพวกเขาด้วย


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๕๑

ท�ำ-มะ

๗๖

โยมนิมนต์พระไปฉันที่ห้าง..จะผิดหรือไม่ ?

โยมนี้ก็มีค�ำถามเยอะจัง อาตมาว่าโยมเหมาะที่จะเป็นแฟนพันธ์ุแท้ของพระนะ เพราะช่างสังเกตเหลือเกิน อาตมาก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน โยมชอบนิมนต์อาตมาไปฉันเพลนอกสถานที่ แต่ไม่ใช่ห้างดังหรอกนะ เพราะอาตมาไม่ใช่พระไฮโซ ส่วนมากที่อาตมาไปจะเป็นร้านลาบอีสานมากกว่า เข้าประเด็นเรานะ ถามว่าผิดหรือไม่ ? ค�ำตอบก็คือ..ผิดหรือไม่ผิด ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ว่าโยมพาเราไปฉันในสถานที่ไหน เช่นว่า โยมพาอาตมาไปฉันตอนที่โยมก�ำลังนั่งก๊งเหล้า อันนี้มันก็ดูจะไม่เหมาะสม ถ้าไปในสถานที่ๆ เหมาะสมกับกาลเวลา ไม่มีผู้คนพลุกพล่าน ไม่ใช่สถานที่อโคจร (สถานที่ไม่สมควรเที่ยวไป) ก็ไม่ผิดอะไรหรอกโยม เพราะโยมนิมนต์ไปเพื่อเจริญศรัทธา พระก็ไปเพื่ออนุเคราะห์สงเคราะห์โยม


๑๕๒ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๗๗

ท�ำงานกับคนพาล..ควรท�ำอย่างไร ?

ก่อนอื่น..ต้องท�ำความรู้จักคนพาลก่อนนะโยม.. ในมงคลสูตรจัดลักษณะคนพาลมี ๕ อย่าง ๑. แนะน�ำเราไปในทางที่ผิด ๒. ชอบท�ำสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ ๓. ชอบท�ำผิดโดยเห็นว่าสิ่งนั้นเป็นของดี ๔. จะโกรธเคืองเมื่อเรากล่าวเตือน ๕. ไม่มีระเบียบชีวิต คนพาลจะมีหน้ายิ้มดุจดอกบัว..ปากหวานปานน�้ำผึ้ง.. พูดชื่นใจดั่งน�้ำเย็น..แต่ซ่อนพิษร้ายไว้ในใจ ไม่พึงคบหาเป็นมิตร..พึงหลีกหนีให้ไกลทีเดียว แต่ถึงอย่างไรเราก็ต้องท�ำงาน..อย่าได้ไปใส่ใจ กับเรื่องไร้สาระ..ชีวิตเรามีเวลาจ�ำกัด..อย่าไปเสียเวลา กับการโกรธ..การนินทา..การเกลียดใครเลย.. เพราะเวลาที่เหลืออยู่ เราควรรักและแคร์คนที่เรารักดีกว่า


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๕๓

หลวงพ่อพระพรหมวชิรญาณ สอนไว้เป็นประจ�ำ จ�ำสั้นๆ ใช้ได้ทุกงาน เมื่อเราจะท�ำอะไรก็ตาม ...อย่าลืมตัว..ว่าเราเป็นอะไร..เหมาะควรแค่ไหน.. ท�ำดีอย่าทะเลาะกัน..เพราะจะไม่ถึงดี..ไม่ถูกดี.. หากทนไม่ไหวจริงๆ ท�ำตามพระพุทธเจ้าสอนไว้ว่า.. ในโลกนี้แม้เหลือมนุษย์เพียงคนเดียว หากมนุษย์คนนั้นเป็นคนพาลก็อย่าไปคบเลย

ท�ำ-มะ

๗๘

หัวหน้าไม่ปลื้ม..ท�ำอย่างไรดี ?

เหตุที่หัวหน้าไม่ปลื้ม..บางครั้งเราต้องมองตัวเราด้วย เพราะหลายครั้งเราก็โทษแต่ว่าหัวหน้าไม่ดี ..มือไม่ถึง..ไร้เหตุผล เหมือนสองสามีภรรยา เถียงกันเรื่องการขุดหลุมปลูกต้นไม้ สามีรับหน้าที่ขุด..ก็ขุดลงไปด้วยความตั้งใจ เมื่อขุดเสร็จ..ภรรยาก็รับหน้าที่ปลูกต้นไม้..


๑๕๔ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

แต่เมื่อเอามือล้วงลงไปในหลุม..ปรากฏว่ามือไม่ถึงก้นหลุม ก็บ่นสามีว่า..เธอท�ำไมขุดหลุมลึกอย่างนี้..ใครจะปลูกได้.. สามีก็ย้อนถามว่า..เธอเคยโทษตัวเองบ้างมั้ยว่า..แขนเธอสั้น การเจรจาจึงเป็นอุปกรณ์ส�ำคัญในการท�ำงาน หากเราไม่เข้าใจ..หรือเราไม่รู้เรื่องใด.. ขอความรู้จากท่าน และเรียนรู้ค�ำว่า..กาลเทศะ..ให้ดี..ดูตาม้าตาเรือ..ให้ดี ท่องคาถา ๔ ย. ไว้บ่อยๆ ยิ้มแย้ม..เยือกเย็น..ยกย่อง..ยืดหยุ่น.. เพราะสูง..ต�่ำ..ควร..ไม่ควร..เป็นเรื่องของผู้น้อย เมตตา..ปกป้อง..ส่งเสริม..เป็นเรื่องของผู้ใหญ่.. ลูกน้องที่ดีต้องเป็นนักจัดการความทุกข์ในที่ท�ำงานได้ ลูกน้องที่เก่งต้องเป็นนักบริหารความสุขในที่ท�ำงานให้เพิ่มขึ้น หลวงตาแพร เหยื่อไม้ วัดประยุรวงศาวาส กล่าวไว้ว่า ชีวิตการท�ำงานที่มีสุข.. มองไปข้างหน้า..ก็มีความหวัง มองย้อนกลับไปข้างหลัง..ก็มีความสุข.. คับที่อยู่ได้..คับใจก็ต้องอยู่.. แต่โยมต้องอยู่ด้วยสตินะ..


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๕๕

ท�ำ-มะ

๗๙

น�้ำมนต์..วัดไหน..ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ?

โยมทราบหรือยังว่าน�้ำมนต์มีที่มาอย่างไร น�้ำมนต์ คือน�้ำที่ผ่านพิธีเจริญพุทธมนต์บทรัตนสูตร น�้ำมนต์มีมาตั้งแต่สมัยสมัยพุทธกาล เมื่อครั้งที่เมืองไพศาลี ประสบภัยพิบัติร้ายแรง ๓ ประการ คือ โรคระบาด อมนุษย์ และความฝืดเคืองเรื่องอาหาร.. ชาวเมืองไพสาลีนิมนต์พระพุทธเจ้า ให้มาช่วยปัดเป่าภัยพิบัติ.. แต่เมื่อเสด็จไปถึงเมืองไพศาลี พระองค์ทรงตรัสเรียกพระอานนท์เถระมา..แล้วสั่งว่า “อานนท์ เธอจงเรียนเอารัตนสูตรนี้ แล้วไปสวดในก�ำแพงเมือง” พระอานนท์เถระเมื่อได้เรียนรัตนสูตรแล้ว ก็ถือบาตรน�้ำมนต์ของพระพุทธองค์


๑๕๖ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ไปยืนอยู่ที่ประตูเมือง ร�ำลึกถึงพระพุทธคุณ จากนั้นจึงประพรมน�้ำมนต์ไปทั่วเมือง.. ภัยพิบัติทั้ง ๓ ประการ ในเมืองไพศาลี ก็อันตรธานไปอย่างรวดเร็ว ชาวเมืองที่ก�ำลังเจ็บไข้ก็ทุเลา บทรัตนสูตรศักดิ์สิทธิ์เพราะอานุภาพแห่งรัตนตรัย คนไทยนิยมน�ำมาอาบ ดื่ม หรือประพรมที่ศีรษะ บริเวณบ้าน ป้ายร้านค้า โดยถือว่าเป็นน�้ำศักดิ์สิทธิ์ มีสิริมงคล น�ำความสวัสดีมีโชคมาให้ ก�ำจัดปัดเป่าอัปมงคล มีโชคมีชัย แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่อนุญาตให้พระน�ำไปเพื่อเลี้ยงชีพ โดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เพราะชาวบ้านจะเดือดร้อน มาถึงตอนนี้...โยมคงจะตาสว่าง.. มีสติรู้แล้วว่า.. ไม่มีน�้ำมนต์วัดไหนศักดิ์สิทธิ์.. เพราะน�้ำมนต์จะศักดิ์สิทธิ์ ก็เพราะอิทธิฤทธิ์ของน�้ำเหงื่อโยมเองนั่นแหละ


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี


๑๕๘ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๘๐

มีธรรมะข่มใจ..เมื่อโดนเพื่อนร่วมงานนินทาไหม ?

ครึ่งหนึ่งไปบรรยายที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ท่านผู้อ�ำนวยการโรงพยาบาลฝากบอกลูกน้องว่า การถูกคนอื่นด่า..คนนินทา..แล้วด่าตอบทันที.. มีโอกาสเสี่ยง..ที่จะเป็นโรคหัวใจ.. แต่หากคนอื่นด่า..คนนินทา..แล้วไม่ด่าตอบ.. แต่เก็บเอาค�ำด่า..ค�ำนินทา..มาคิดทุกวันๆ มีโอกาสเสี่ยง..ที่จะเป็นโรคมะเร็ง.. ก็เลยลองถามเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลว่า.. ตกลงจะเลือกเป็นโรคอะไร..ระหว่างโรคหัวใจกับมะเร็ง เจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนตอบมาจากด้านหลังห้องว่า เลือกเป็นโรคหัวใจค่ะท่าน..เพราะได้ด่ากันมันส์..ดี.. แต่พระพุทธเจ้าสอนว่า..คนอื่นจะท�ำให้เราเป็นคนเลวไม่ได้ คนที่จะท�ำให้เรากลายเป็นคนเลวได้ มีอยู่คนเดียวคือตัวเราเอง คนตั้งร้อยมารุมด่าเราวันยังค�่ำ ก็ท�ำให้เรากลายเป็นคนเลวไปไม่ได้


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๕๙

แต่ถ้าเราเองด่าตอบเมื่อไร เราก็จะกลายเป็นคนเลวอย่างเขาด้วย เมื่อเขาด่า..เขานินทา..โยมก็อย่าไปเรียกเขาว่าสาระแน โยมต้องเรียกเขาว่า..แฟนพันธุ์แท้ของโยม.. หรือคิดข�ำข�ำพูดตอบกลับไป เหมือนพนักงานร้านเซเว่นก็ได้ว่า.. ขอบคุณค่ะ..โอกาสหน้าเชิญด่าใหม่นะคะ. รับค�ำด่า..เพิ่มเติมไหมค่ะ..

ท�ำ-มะ

๘๑

ฟังเทศน์ประจ�ำ..ท�ำไมไม่หายทุกข์สักที ?

หลายครั้งไปบรรยายตามหน่วยงานหรือบริษัทต่างๆ มักจะมีโยมหลายท่านถามว่า บริษัทก็จัดฟังพระเทศน์ทุกเดือน แต่ท�ำไมพนักงานก็ยังจนเหมือนเดิม.. ยังเครียดเหมือนเดิม เราก็ได้แต่อมยิ้ม..แล้วถามว่าโยมทุกข์เรื่องอะไร..


๑๖๐ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ก็ปัญหาเดิมๆ ครับหลวงพี่..เงินในบ้านไม่พอใช้.. จับต้นจนปลายไม่ถูก..หมุนหน้าหมุนหลัง..ไม่ทัน ขอพระขลังๆๆ สักองค์สิครับหลวงพี่.. เผื่องวดนี้จะโชคดีบ้าง นั่นไงละโยม..สาเหตุแห่งทุกข์ของโยม..ก็เล่นหวยทุกงวด หวยไม่เคยท�ำให้ใครรวยหรอกโยม..เชื่อพระอาจารย์นะ.. เพราะพระอาจารย์ก็ตามมาแปดงวดแล้ว..ยังไม่ออกเลย โยมขยันหาเงิน..แต่โยมไม่ขยันเก็บเงิน.. โยมก็ทุกข์ต่อไป.. คนโบราณเขาสอนไว้ดีนะว่า.. ขยันเก็บวันละ ๑๐๐ บาท ดีกว่าขยันหาวันละ ๑๐๐ บาท.. หามาได้ ๑๐๐ บาท ใช้วันละ ๒๐๐ บาท..รวยไม่เป็นแน่ละโยม.. แล้วที่ว่าฟังเทศน์บ่อยๆ เนี้ย..พระก็ช่วยโยมไม่ได้หรอก เพราะเมื่อถึงคราวโยมมีทุกข์.. ธรรมะที่ฟังเทศน์มาก็ช่วยไม่ได้.. เพราะโยมไม่น�ำธรรมะนั้น.. ไปแก้ไขปัญหาชีวิต..เจริญพร..


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๖๑

ท�ำ-มะ

๘๒

ผี..มีจริงหรือ ?

เกือบทุกครั้งที่ไปบรรยาย พิธีกรมักแนะน�ำว่า อาตมามาจาก..วัดบรมสถุล อาตมาก็บอกว่า..แหมโยม บรมสถล ไม่ใช่ บรมสถุล ชือ่ วัดเป็นชือ่ ทีส่ ำ� คัญเพราะล้นเกล้าราชการที่ ๔ พระราชทาน ซึ่งก็คือ วัดดอนยานนาวานั่นแหละโยม ยิ่งท�ำให้คนนึกถึงป่าช้าวัดดอน ก็มักจะถามเรื่องผีเป็นประจ�ำว่า ผีมีจริงไหม ? อาตมาขอตอบว่า..ผีนะมีจริง พระพุทธเจ้าไม่ได้ปฏิเสธเรื่องผี ถ้าจะเอาหลักฐานยืนยัน ก็มีเยอะ มีภิกษุรูปหนึ่งป่วยถูกผีเข้าสิง ก็กินเนื้อดิบ ดื่มเลือดสด ท�ำให้โรคหาย พระพุทธเจ้าก็ไม่ปรับอาบัติ พระองค์ทรงอนุญาตให้สวดปาติโมกข์ยอ่ ได้เมือ่ มีอนั ตราย เช่น ผีเข้าพระ เป็นต้น ผีและเทวดาเป็นชีวิตอีกประเภทหนึ่ง มีอยู่จริง เช่นเดียวกับ มนุษย์และสัตว์ ผีสาง นางไม้ เทวดา พรหม ตลอดทั้งพวกเปรต และ พวกอบายภูมิอื่นๆ


๑๖๒ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ทั้งหมดทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า พวกโอปปาติกะ ผีที่ว่ามานี้ยังไม่น่ากลัวเท่ากับผีอบายมุข ๖ คือ ผีขี้เกียจ ผีการพนัน ผีคบเพื่อนชั่ว ผีมั่วสุรา ผีผิดกามา เที่ยวเฮฮา อาตมาว่า..ผีนี้น่ากลัวกว่า คนโบราณกล่าวไว้ว่า น�้ำท่วมบ้าน ก็ไม่เสียใจเท่าไฟไหม้บ้าน ไฟไหม้บ้าน ยังดีกว่ามีผีการพนันอยู่ในบ้าน เพราะโฉนดที่ดินก็จะ ไม่เหลือ เข้าสิงใครวอดวายอับจน เพราะมันสิงคนจึงไม่ท�ำดี ผีอย่างนี้น่ากลัวที่สุด..

ท�ำ-มะ

๘๓

ปฏิบัติธรรม..ท�ำไมต้องสอบอารมณ์ ?

จ�ำเป็นต้องสอบ เพราะการสอบอารมณ์เป็นการถาม-ตอบ ผลของการปฏิบตั ใิ นแต่ละวันว่า วันนีเ้ รามีความก้าวหน้า หรือถอยหลัง ไปถึงไหนแล้ว และเป็นเข็มทิศส�ำหรับการเดินทางของผู้ปฏิบัติธรรม จะเดินเรือต้องมีเข็มทิศ จะเดินทางชีวิตต้องมีเข็มธรรม ปฏิบัติโดยไม่มีบุพนิมิตของชีวิตที่ดีงาม ครึ้มอกครึ้มใจ อยากจะปฏิบัติก็ปฏิบัติเลย อย่างนี้อันตรายมากๆ


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๖๓

ผู ้ เขี ย นเคยไปปฏิ บั ติ วิ ป ั ส สนากรรมฐาน มี พ ระรู ป หนึ่ ง อยู่ๆ ท่านก็ลุกขึ้นมาประกาศตรงหน้าผู้ปฏิบัติธรรม “ผมคือพระสารีบุตรๆ” พระวิปัสสนาจารย์รีบเข้าไปกระซิบ “รู้หนอ รู้หนอ” พระรูปนั้นกลับตะโกนเสียงดัง “ท่านอย่ามายุ่ง ท่านเป็นใคร ผมคือพระสารีบุตร” สุดท้ายพระวิปัสสนาจารย์ก็เอาไม่อยู่ เพราะลูกศิษย์กลายเป็น พระสารีบุตรไปแล้ว ต้องให้คนอุ้มออกไป นี่คือปฏิบัติธรรมแล้วไม่เชื่อฟังครูบาอาจารย์ เพราะเหตุนั้น ในการปฏิบัติจึงต้องสอบอารมณ์เป็นระยะๆ จะได้แก้อารมณ์ทัน เพราะเมื่ อ ปฏิ บั ติ ไ ปแล้ ว เกิ ด ปี ติ ไ ปทั้ ง ตั ว แล้ ว หลงทาง ยึดเอาปีตินั้นมาเป็นอารมณ์ การปฏิบัติธรรมจึงไม่ก้าวหน้า เพราะ ยึดเอาสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวมาเป็นอารมณ์ เหตุ ดั ง นี้ การปฏิ บั ติ ธ รรมจึ ง ต้ อ งมี พ ระวิ ป ั ส สนาจารย์ คอยให้ค�ำแนะน�ำถาม-ตอบ การสอบอารมณ์ไม่ได้เป็นการจับผิด แต่เป็นกัลยาณมิตรของผู้ปฏิบัติธรรม


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๖๕

ท�ำ-มะ

๘๔

ท�ำไม..คนจึงแตกต่างกัน ?

..ไม่ต้องคิดมาก ตอบได้เลย..เป็นเพราะผลของกรรม เรื่ องความแตกต่างของคน สุภมาณพโตเทยยบุ ตรได้ เ คย ทูลถามพระพุทธเจ้ามาแล้ว ในจูฬกัมมวิภังคสูตร พระพุ ท ธองค์ ต รั ส ว่ า มาณพ สั ต ว์ ทั้ ง หลายต่ า งมี ก รรม เป็นของตน กรรมย่อมจ�ำแนกสัตว์ทั้งหลายให้เลวและดีต่างกัน คนอายุสั้น เพราะชอบฆ่าสัตว์ คนอายุยืน เพราะไม่ฆ่าสัตว์ คนขี้โรค เพราะชอบเบียดเบียนคนอื่น คนแข็งแรง เพราะไม่เบียดเบียน คนมีผิวสวย เพราะไม่มักโกรธ คนผิวหยาบ เพราะชอบโกรธ คนร�่ำรวย เพราะชอบท�ำบุญ คนยากจน เพราะรังเกียจบุญ คนมียศน้อย เพราะชอบอิจฉา คนมียศมาก เพราะไม่อิจฉา คนเกิดในตระกูลไม่ดี เพราะไม่เคารพผู้ใหญ่


๑๖๖ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี คนเกิดในตระกูลดี เพราะเคารพผู้ใหญ่ คนที่โง่เขลา เพราะไม่คบบัณฑิต คนฉลาดมีปัญญา เพราะคบบัณฑิต หลายคนก็น้อยใจในชะตาชีวิตว่า ท�ำไมชีวิตเราถึงไม่ดีเหมือน คนอื่น ท�ำไมเราไม่สบายเหมือนคนอื่น คงจะได้ค�ำตอบชัดเจนแล้วนะ ถึงเราจะเกิดมาไม่ดีเท่าคนอื่น แต่เราจงท�ำสิ่งที่ดีกว่าคนอื่น..จบนะโยม เจริญพร

ท�ำ-มะ

๘๕

ตัดกรรม..ได้หรือไม่ ?

ตัดไม่ได้หรอกโยม..เพราะกรรมไม่ใช่ท่อนไม้ จะเอามีดพร้า มาตัดให้ขาด..ซะเมื่อไหร่ พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่า “ใครท�ำกรรมใดไว้ ย่อมได้รับผลของกรรมนั้น” ไปท�ำพิธีตัดกรรมก็เป็นการลบล้างค�ำสอนของพระพุทธเจ้า ถ้าตัดกรรมได้จริงพระอาจารย์ก็อยากจะตัดคนแรก.. เพราะในสมัยเด็กเคยฆ่างูเห่าจนตาย..


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๖๗

จนมาบวชเรียนหนังสือ ก็รสู้ กึ ว่าปวดเอวมาตลอด หมอดีทไี่ หน ไปหาหมดแต่ก็ไม่หาย เดินมากๆ ก็ไม่ได้ปวดขา พอมีโอกาสไปปฏิบัติธรรมที่วัดงุยเตาอู ประเทศพม่า นั่ ง สมาธิ ไ ป ก็ เ ห็ น ภาพนิ มิ ต ที่ ตั ว เองเคยท� ำ ร้ า ยงู เ ห่ า ด้วยการใช้เสียมสับไปที่ตัวงู มันก็เลื้อยไปไม่ได้ สับไปอีกหลายที ที่คอ มันก็ตาย จากกรรมอันนั้น ท�ำให้พระอาจารย์ปวดเอวทรมานมา ๗ ปี ไม่รู้จะท�ำอย่างไร ก็นึกถึงบุญกุศลที่เคยสร้างมา ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน อุทิศส่วนกุศลให้ ปรากฏว่าอาการปวดเอวหายเป็นปลิดทิ้งจนถึงทุกวันนี้ พระอาจารย์ยังโชคดีเขายังไม่มาเอาชีวิต.. งูคงจะอโหสิกรรมให้ กรรมที่ ท� ำ ไปแล้ ว เราไม่ ส ามารถแก้ ไขได้ แต่ ก รรมที่ ยั ง ไม่ ไ ด้ ท� ำ เราสามารถแก้ไ ด้นะโยม หมั่นเจริ ญ วิ ปั ส สนากรรมฐาน เพื่ อ มี ส ติ ค อยเตื อ นเราว่ า กรรมที่ เราก� ำ ลั ง จะท� ำ นั้ น เป็ น กรรมดี หรือกรรมชั่ว เร่งท�ำกุศลไว้ให้มากๆ ย่อมเป็นการไม่ประมาท ถ้ า โยมเข้ า ใจว่ า ท� ำ บาปกรรมแล้ ว ไปท� ำ พิ ธี ตั ด กรรม บาปมันจะหมดไป ประเดี๋ยวคนก็ท�ำกรรมชั่ว แล้วไปหาหลวงพ่อ หลวงพี่ตัดบาปตัดกรรมให้ คนคงไม่มีบาป


๑๖๘ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี เพราะฉะนั้นอย่าไปเข้าใจผิดว่า บาปกรรมที่ท�ำแล้ว สามารถ ตัดให้หมดไปได้ มันเป็นไปไม่ได้ หลวงพ่ อ ท่ า นเจ้ า คุ ณ พระพรหมโมลี อดี ต เจ้ า อาวาส วัดยานนาวา ท่านได้รจนาหนังสือกรรมทีปนี กะเทาะเปลือกให้เห็น แก่ น ธรรมว่ า ..จะตั ด กรรมได้ ก็ ต ้ อ งมี ศ าสตราวุ ธ วิ เ ศษ คื อ การปฏิบัติธรรม การตั ด กรรม คื อ การหยุ ด ท� ำ ความชั่ ว หยุ ด ท� ำ บาป ตัดได้แน่นอน

ท�ำ-มะ

๘๖

ปฏิบัติธรรมแล้วรู้สึกง่วง..แก้อย่างไรดี ?

อุปสรรคข้อหนึง่ ทีผ่ ปู้ ฏิบตั ธิ รรม หรือผูฟ้ งั ธรรมเจอเป็นประจ�ำ คือ ความง่วง ภาษาพระเรียกว่า ถีนะ มิทธะ คือ ความง่วงหงาวหาวนอน เป็นอุปสรรคปิดกั้น ท�ำให้การปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้า พระอาจารย์ตอนไปปฏิบตั ธิ รรมก็เจอปัญหานี้ หนักเหมือนกัน ต้องต่อสู้อยู่หลายวันจึงจะผ่านไปได้


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๖๙

ความง่วงเข้าครอบง�ำใคร เมื่อปฏิบัติธรรม หรือฟังธรรม ก็จะเริ่มมีอาการหาว..หาวเดียว พระอาจารย์ก็ยังพอรับได้..แต่ถ้า สามหาวละก็ ต้องคุยกันหน่อยนะโยม... พอเริ่มนั่งก็จะพากันไปต่างประเทศ คือ อิสราเอน ไปต่อที่เลบานอน..แล้วไปที่อาหลับ.. สุดท้ายกลับมา สะ..กรน ดังคร๊อกๆ.. วิธีแก้ความง่วงในโมคคัลลานสูตร สมั ย หนึ่ ง พระมหาโมคคั ล ลานะ เมื่ อ อุ ป สมบทได้ ๗ วั น ได้ไปท�ำความเพียรอยู่ที่ป่าใกล้บ้านกัลป์ลาวาลมุตตาคาม แคว้นมคธ ความง่ ว งเข้ า ครอบง� ำ ไม่ ส ามารถจะท� ำ ความเพี ย รได้ ขณะนั้ น พระพุ ท ธเจ้ า ทราบด้ ว ยพระญาณว่ า พระโมคคั ล ลานะ โงกง่วงอยู่ จึงทรงท�ำปาฏิหาริย์ให้ปรากฏ ประหนึ่งว่าเสด็จประทับ อยู่ตรงหน้า ทรงแสดงอุบายส�ำหรับระงับความง่วงพอสรุปได้ ดังนี้ ถ้าคิดเรื่องใดอยู่แล้วยังง่วง ก็คิดเรื่องนั้นให้เยอะขึ้น ถ้ายังไม่หาย ให้คิดถึงหัวข้อธรรมยากๆ ที่เรียนมา ฟังมา เรื่องใดที่คิดไม่ออก เอามาคิดดู ถ้ายังง่วงอยู่อีก ก็ควรสวดสาธยายธรรมตามที่ตนได้ฟัง ได้เรียนมา แต่อย่าดังมาก เดี๋ยวข้างบ้านเขาว่าเอา ถ้าไม่หายอีก ก็ดึงหู เอามือลูบตัว


๑๗๐ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ลุกขึ้นเอามือลูบตา เอาน�้ำล้างหน้า มองไปรอบๆ ดูท้องฟ้า มองดูหรือนึกถึงแสงสว่าง ลุกเดินจงกรม เปลี่ยนอิริยาบถ สุดท้าย..ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็กลับไปนอนที่บ้านเถอะโยม อย่าฝืนเลย...

ท�ำ-มะ

๘๗

ปาฏิหาริย์..มีจริงหรือ ?

จริงนะโยม อาตมาว่า ครั้งหนึ่งอาตมาไปบรรยายที่จังหวัดหนองบัวล�ำภู บรรยาย ทัง้ วัน บรรยายเสร็จตอน ๒ ทุม่ กว่าๆ เดินทางกลับทันที เพราะตอนเช้า มีบรรยายที่กรุงเทพฯ ด้วยความเหน็ดเหนื่อย พอขึ้นรถได้ก็เผลอหลับไป มารู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่รถคว�่ำอยู่ข้างทางแล้ว.. คงเป็นเพราะปาฏิหาริย์ที่ท�ำให้เราและคนขับรถไม่เป็นอะไร มีเพียงบาดแผลที่เกิดจากเศษกระจกเล็กๆ น้อยๆ แต่สภาพรถเรียกว่าสาหัสมาก ใครเห็นก็ต้องตกใจ.. จะเรียกว่าปาฏิหาริย์หรือโชคดี ที่รถเรามาประสบอุบัติเหตุ ไม่ห่างจากโรงพยาบาลชัยภูมิมากนัก


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๗๑

หลังจากเกิดอุบัติเหตุ มีรถมูลนิธิรีบเข้ามาช่วยเหลือ แต่มาหลังจากที่อาตมาและคนขับรถออกจากรถได้แล้ว วิ่งเข้ามาพูดว่า ..หลวงพี่รอดได้ไง ผมว่าขนาดนี้ไม่น่ารอดนะ อาตมาคิดในใจว่า ..ฉิบ...นี่กะมาเก็บศพเราเลยใช่ไหมเนี่ย ชี วิ ต เกื อ บมรณภาพโหง แต่ ค งเป็ น เพราะปาฏิ ห าริ ย ์ แ ละ บุญกุศลท�ำให้รอดชีวิต หลายคนอาจคิดว่า การเดินบนน�้ำ หรือบนอากาศ หรือ การรอดชีวิตจากอุบัติเหตุเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ ท่านติช นัท ฮันห์ กล่าวว่า ..ปาฏิหาริย์ที่แท้จริง มิใช่การเดินบนน�้ำ หรือบนอากาศ เท่านัน้ หากแต่เป็นการเดินบนพืน้ โลก อยูก่ บั ความอัศจรรย์ทกุ ๆ วัน เพราะการมี ส ติ เป็ น สิ่ ง อั ศ จรรย์ ตรงที่ ช ่ ว ยให้ เ รา เป็นนายของตนเอง และรักษาใจตนเองอยู่ได้ในทุกๆ สถานการณ์ หวังว่าปาฏิหาริย์คงเกิดกับทุกท่าน


๑๗๒ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๘๘

จ�ำเป็นไหม..ต้องรับศีลทุกครั้งก่อนท�ำบุญ ?

จ�ำเป็นสิโยม เพราะเวลาเราจะออกไปข้างนอก เรายังต้อง อาบน�้ำเพื่อให้ร่างกายเราดูดี ไม่เหม็น ไม่น่าเกลียด เปรียบเทียบง่ายๆ การอาบน�้ำเพื่อช�ำระร่างกาย ส่วนการรับศีลก็เพื่อช�ำระจิตใจ ถ้าร่างกายสะอาด จะแต่งตัวอย่างไรก็ดูดี ถ้าจิตใจบริสุทธิ์ จะท�ำอะไรก็ได้กุศลแรง ศีลถือเป็นพื้นฐานของชีวิต เผื่อโยมรับศีลเสร็จแล้ว โยมตาย แสดงว่าโยมโชคดี เพราะตายในขณะมีศีล ย่อมได้ไปสู่สุคติแน่นอน ดังบทสรุปศีลที่ว่า คนไปสุคติได้เพราะมีศีล คนมีโภคทรัพย์ ได้ก็เพราะศีล คนพ้นทุกข์มีความสุขได้ก็เพราะศีล แต่ก็ไม่จ�ำเป็นจะต้องรับกับพระอย่างเดียว เพราะจริงๆ แล้ว ศีลอยู่กับเราทุกคนในฐานะเป็นชาวพุทธ สมาทานเองก็ ไ ด้ เ มื่ อ ตื่ น เช้ า หรื อ ก่ อ นนอน โยมสามารถ ตั้งจิตอธิษฐานสมาทานศีลเองได้เป็นภาษาไทย


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๗๓

ว่าวันนี้จะตั้งใจรักษาศีลทั้งห้าข้อ ปฏิบัติให้ครบ โดยไม่ด่างพร้อย ไม่ขาดตกบกพร่อง ถ้าท�ำไม่ได้วันนี้ พรุ่งนี้ก็อธิษฐานใหม่ ในหนึ่งอาทิตย์เอาให้ครบ ๕ ข้อ ได้สักวันหรือสองวันก็ยังดี เพราะศีลท�ำให้สูง ศีลปรุงให้สวย ศีลท�ำให้รวย ศีลช่วยให้รอด

ท�ำ-มะ

๘๙

เวลาคนตาย..ท�ำไมต้องเอาเงินใส่ปาก ใส่โลง ?

ถ้าถามคนรุ่นปัจจุบันนี้ ก็คงตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ใส่ไว้ให้แม่ให้พ่อส�ำหรับเป็นค่ารถ ค่าเดินทาง หรือให้ไปซื้อที่อยู่ใหม่ในชาติหน้า มันไม่พอหรอกโยม ขนาดนั่งแท็กซี่จากบางแคไปดอนเมือง ไปกลับค่ารถยังสี่ห้าร้อยบาท แล้วเงินสิบ เงินร้อยจะพอได้อย่างไร ไม่ได้เป็นค่ารถ หรือค่าซื้อที่ซื้อทางอะไรหรอก แต่เป็นการสอนของคนโบราณ เพื่อเตือนสติคนที่มีชีวิตอยู่


๑๗๔ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ผู้อยู่เบื้องหลังที่ก�ำลังดิ้นรนหาทรัพย์สินเงินทอง จนลืมเรื่องการสร้างบุญ สร้างกุศล (ความดี) เพื่อชีวิต บางคนร�่ำรวยเป็นสิบล้าน ร้อยล้าน แต่สุดท้ายเมื่อตายจากโลกนี้ไป ก็ไม่สามารถเอาทรัพย์สินเงินทองเหล่านั้นติดตัวเราไปได้ ขนาดเงินในปาก สุดท้ายก็เอาไปไม่ได้ มีบทประพันธ์ที่ว่า แม้เหรียญบาทยัดใส่ปาก สัปเหร่อยังควักไม่ยักจะให้กลืน คิดแล้วมันน่าขมขื่น ต้องมานอนผ้าสองผืนพอปิดกาย บางครั้งคนเผลอ สัปเหร่อยังลักแก้เอาผ้าม่วงผ้าแพรไปเที่ยวเร่ขาย ต้องมานอนชุดเดียวทั้งวันเกิดและวันตาย ต้องมานอนเปลือยกายบนเชิงตะกอน (ไม่ใช่สัปเหร่อวัดอาตมานะโยม..แค่เปรียบเทียบ) ทรัพย์สินเงินทองส่งได้แค่โรงพยาบาล ส่วนลูกหลานส่งได้เพียงเชิงตะกอน หาเอาแต่ พ อเลี้ ย งตนเลี้ ย งครอบครั ว และเป็ น ทุ น ชี วิ ต อาชีพสุจริต เมื่อหามาได้แล้วก็จัดสัดส่วนให้ดี


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี


๑๗๖ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๙๐

ฟังธรรม..แล้วจะได้อะไร ?

ได้บุญสิโยม พระพุทธเจ้าตรัสรับรองว่า ธัมมัสสวนัย บุญส�ำเร็จเพราะการฟังธรรม คนจะฟังธรรมะจบ ๑ กัณฑ์ ต้องมีศรัทธา ถ้าไม่มีศรัทธา ก็ไม่อาจจะฟังธรรมะจบ พอพระเริ่มตั้งนะโม..โยมก็ไปนะม่อยแล้ว อาตมาเคยแกล้งโยมที่ฟังธรรมแล้วหลับว่า..สาธุ ใครฟังธรรมแล้วหลับ เกิดชาติหน้าฉันใด ขอให้เกิดเป็น สัตว์เดรัจฉานตลอดกาลนาน..เทอญ.. โยมนึกว่าพระเทศน์จบ ประนมมือรับ สาธุ ทั้งศาลา อาตมาเคยไปเทศน์งานศพที่หมู่บ้านหนึ่ง ตามต่างจังหวัด เวลามีงานศพ เหล่าบรรดานักเสี่ยงโชคทั้งหลายก็จะมารวมตัวกัน โดยไม่ได้นัดหมาย เล่นการพนัน เช่น น�้ำเต้าปูปลา ไฮโล ไพ่ มักอ้างว่าเล่นเป็นเพื่อนศพ.. อาตมาอยากถามว่ า ..เคยถามศพบ้ า งไหม...ว่ า อยากได้ เพื่อนแบบนี้หรือเปล่า


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๗๗

บางที ถึ ง ขั้ น เอาเงิ น จ้ า งเจ้ า ภาพให้ ส วดศพหลายๆ คื น เพื่อจะได้เล่นการพนันกันต่อ พอเทศน์ได้สัก ๓๐ นาที ก็เริ่มได้ยินเสียงซุบซิบนินทาอยู่ หลังธรรมาสน์ แรกๆ ก็นินทาเบาๆ ..แหมพระท่านเทศน์นานจัง.. พอดีวันนั้นเทศน์เรื่องมางานศพทั้งที ต้องเผาผีเสียบ้าง ผีที่ว่าคือ ผีอบายมุข ก็เน้นเรื่องการพนัน นานๆ เข้า ก็มีเสียงนินทาว่า ..พระนี่ เทศน์นานฉิบ..เสียเวลาท�ำมาหากินหมด.. เราก็คิดในใจว่า ..ก�ำลังชวนขึ้นสวรรค์ ดันมาหันหลัง เดินลงนรกเสียอีก เรื่องนี้มีตัวอย่างการฟังธรรมแล้วได้ไปสวรรค์ พระพุ ท ธเจ้ า ก� ำ ลั ง เทศน์ แ ก่ ช าวเมื อ งจ� ำ ปา อยู ่ ท่ี ริ ม สระ โบกขรณี มีกบตัวหนึ่งได้ฟังธรรมอันไพเราะ แม้จะฟังไม่ออก แต่ก็ พยายามจดจ่อในเสียงธรรมนั้น ทันใดนั้นก็มีคนเลี้ยงวัวคนหนึ่ง มายืนฟังธรรม จึงเอาไม้ในมือ ทิ่มลงที่พื้นดิน บังเอิญไม้นั้นไปโดนเข้าที่หัวกบ กบขาดใจตายทันที ด้วยจิตใจก�ำลังจดจ่ออยู่กับเสียงธรรม จึงได้ไปเกิดเป็น มัณฑุกเทพบุตร บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์


๑๗๘ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๙๑

สาธุ..ดีอย่างไร ?

โยมถามว่า..พระอาจารย์ท�ำไมต้องบอกให้โยมสาธุ สาธุ แปลว่าอะไร ? ค�ำว่า สาธุ เป็นภาษาบาลี ซึ่งแปลว่า ดีแล้ว เหตุ ที่ ต ้ อ งสาธุ ก็ เ พื่ อ ให้ เรายิ น ดี กั บ ความดี ข องเราเอง และความดีของคนอื่น เห็นคนท�ำบุญ ท�ำความดี ก็สาธุ เห็นพระบิณฑบาต ก็สาธุ พระเทศน์ให้ฟังจบ ก็สาธุ พระเดินตกบันได ก็..(อันนี้เอาไว้ก่อนนะโยม) สมั ย พุ ท ธกาลมี พ ระภิ ก ษุ รู ป หนึ่ ง ปากมี ก ลิ่ น หอมเหมื อ น ดอกบั ว พระเจ้ า ประเสนทิ โ กศลต้ อ งการพิ สู จ น์ จึ ง นิ ม นต์ ภิ ก ษุ รูปนั้นมา ซึ่งมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน เมื่อพระภิกษุรูปนั้น เปล่งวาจาอนุโมทนา (ให้พร) กลิ่นปากก็ หอมอบอวลไปทั่วท้องพระโรง พระองค์จึงทูลถามว่า ..พระรูปนี้ ท�ำไมกลิ่นปากถึงหอม


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๗๙

พระพุทธองค์ตรัสว่า พระภิกษุรูปนี้ในอดีตชาติเมื่อได้ฟัง ธรรมอันลึกซึ้ง เกิดศรัทธา เปล่งวาจาว่า สาธุ สาธุ สาธุ ผลแห่งกุศลกรรมนี้ จึงท�ำให้ปากมีกลิ่นหอม เห็นไหมโยม..นี่คือเหตุผลที่ต้องกล่าวค�ำว่า..สาธุ..

ท�ำ-มะ

๙๒

ท�ำไม..คนดีอายุสั้น ?

เอาอะไรมาวัดว่า คนดีอายุสั้น จริงๆ จะคนดี หรือ คนไม่ดี ก็ต้อง “ตาย” ด้วยกันทั้งนั้น แต่ด้วยความรู้สึกของเรา ที่ไม่อยากให้คนดีต้องตายไปจากโลกนี้ เราจึงรู้สึกว่า “คนดีอายุสั้น” ดีไม่ดี จะพลอยคิดว่า ท�ำไมคนดี ท�ำความดี มาทั้งชีวิต บุญจึงไม่รักษา เทวดาไม่คุ้มครอง อันที่จริง ความตายนั้นเป็นสัจจะธรรม ที่ทุกคนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเกิดเป็นคนดี คนชั่ว พระ โยม ยาจก หรือเศรษฐี


๑๘๐ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ทุกคนย่อมหนีไม่พ้นจาก “ความตาย” เวลาที่คนดี ญาติสนิทของเราตาย เรามักพูดว่า “ไม่น่า” แต่ค�ำพระท่านว่า “ไม่แน่” ไหนๆ ก็ตั้งค�ำถามเรื่อง “อายุสั้น” หรือ “ความตาย” แล้ว จะขอกล่าวถึงเหตุให้ความตายเกิดขึ้น มี ๔ ประการ ตายเพราะสิ้นอายุ ตายเพราะสิ้นกรรม ตายเพราะสิ้นกรรมและสิ้นอายุ ตายเพราะกรรมมาตัดรอน คนที่อายุสั้น อาจจะด้วยเหตุ ๔ ประการ แต่ถึงอย่างไร สิ่งที่เราควรจะท�ำก่อนตาย คือ การเร่งสร้างกรรมดี และเรียนรู้ “ความตาย” อย่างที่พระพุทธเจ้าสอนให้ “เจริญมรณานุสสติ” เพื่อให้เราได้ปัญญาจากความตาย อันจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๘๑

ท�ำ-มะ

๙๓

โกหกเพราะจ�ำเป็น..จะบาปมากไหม ?

ต้องดูที่เจตนา..ว่าการโกหกนั้นท�ำให้ผู้อื่นเสียหายมากไหม.. แต่ถ้าไม่ท�ำความเสียหายเกิดขึ้นแก่ผู้ท่ีหลงเชื่อแต่อย่างใด แกล้ ง พู ด ไปเพื่ อ ความสนุ ก สนาน ชนิ ด นี้ ก็ เ ป็ น เพี ย งแค่ มุ ส าวาท ไม่น�ำไปสู่อบาย และยังมีองค์ประกอบอย่างอื่นอีก ๔ อย่าง คือ ๑. เจตนาในการหลอกลวง หรื อ มี ค วามเพี ย รพยายาม ในการโกหกมากแค่ไหน ๒. ความเสียหายของผูถ้ กู หลอก ว่าสูญเสียทางกาย ทรัพย์สนิ เงินทองขนาดไหน ๓. คนที่ ถู ก หลอกมี บุ ญ คุ ณ มากไหม เช่ น ถ้ า เป็ น พ่ อ แม่ หรือเพื่อนที่จริงใจกับเรา ก็บาปมาก ๔. คุ ณ ธรรมของผู ้ ถู ก หลอก ว่ า มี ศี ล ธรรมแค่ ไ หน เช่ น โกหกหลอกคนหากินสุจริต บาปมากกว่าโกหกหลอกพวกสิบแปด มงกุฏ หรือโกหกพระสงฆ์ที่มีศีลบริสุทธิ์ ย่อมบาปหนักกว่าโกหก คนทั่วไปหลายเท่า


๑๘๒ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี การโกหกไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดี หรือไม่ดีก็ตาม หากครบเงื่ อ นไขทั้ ง ๔ ประการข้ า งต้ น แล้ ว อี ก ฝ่ า ยเสี ย ประโยชน์แม้เพียงน้อยนิด ก็ได้ชื่อว่าท�ำให้ศีลมัวหมองไป... สรุปว่า การโกหกหลอกลวงจะด้วยเจตนา หรือด้วยความ จ�ำเป็นก็ตาม ก็ไม่ดีทั้งนั้น โกหกใครก็โกหกได้ แต่โกหกตัวเองไม่ได้หรอกโยม ..การโกหกอย่าท�ำเสียเลยจะดีกว่า

ท�ำ-มะ

๙๔

ประสบการณ์..ส�ำคัญอย่างไร ?

ส�ำคัญกว่าความรู้ บางคนรู้แต่ไม่เคยลงมือปฏิบัติ แม้กระทั่งการเป็นครู ครูใหม่กับครูเก่ายังสอนต่างกัน ประสบการณ์ ต ่ า งกั น ยิ่ ง เด็ ก ทุ ก วั น นี้ มี อ ะไรให้ ส นใจ มากกว่าที่จะเรียนกับครู วันหนึ่งอาตมาขอให้ครูพาเด็กๆ มาท�ำงาน ขนไม้ที่บริเวณวัด เด็กนักเรียนวิ่งมาสนุกสนานเฮฮา.. พร้อมพูดว่า..ดีไม่ต้องเรียน เห็ น แล้ ว ก็ ข� ำ ๆ แสดงว่ า ทุ ก วั น นี้ เด็ ก ๆ เขาชอบท� ำ งาน มากกว่าเรียนหนังสือ (เจริญพรประเทศไทย)


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๘๓

การแก้ปัญหายิ่งต้องอาศัยประสบการณ์ มหาหนุ่มรูปหนึ่ง เทศน์ ดี จนโยมถวายถ้วยเบญจรงค์สวยงามมาก ท่ า นเอามาโชว์ ให้หลวงตาที่อยู่ด้วยกัน วันหนึ่งต้องออกไปเทศน์อีก หลวงตาถามว่า..วันนี้จะไปเทศน์เรื่องอะไร มหาหนุ่ม..จะไปเทศน์เรื่องความไม่แน่นอนของสิ่งทั้งหลาย หลวงตาถูกุฏิ ก็เผลอไปท�ำถ้วยเบญจรงค์แตก..ในใจคิดว่า มหาหนุ่มคงมาว่าเราแน่..ทันใดนั้น ก็นึกขึ้นมาได้ว่า “เมื่อเช้ามหาหนุ่มบอกจะไปเทศน์เรื่องความไม่แน่นอนของ สิ่งทั้งหลาย” หลวงตาก็เลยอาศัยประสบการณ์เพื่อแก้ปัญหาครั้งนี้ ด้วยการเอาจีวรมาคุมถ้วยเบญจรงค์ที่แตกไว้ เมื่อมหาหนุ่มกลับมา หลวงตาถามว่า..วันนี้เทศน์เรื่องอะไร มหาหนุ่ม..เรื่องความไม่แน่นอนของสิ่งทั้งหลาย ทุกอย่าง ล้วนไม่แน่นอน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และแตกสลายไปเป็นธรรมดา เข้าทางหลวงตาเลย มหาหนุ่มพูดจบ หลวงตาดึงจีวรที่คลุมถ้วยเบญจรงค์ที่แตกออก แล้วพูดว่า ..มันก็แตกสลายไปเป็นธรรมดา.. ท่านมหาก็ได้แต่..สาธุ...


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๘๕

ท�ำ-มะ

๙๕

เครียดจากการท�ำงาน..จะปล่อยวางได้อย่างไร ?

ความเครียดที่เกิดขึ้นกับชีวิต บางทีอาจท�ำให้เราถึงขั้น “เป็นบ้า” ได้ ความเครี ย ดที่ เ กิ ด จากการท� ำ งาน ภาระงานจ� ำ นวนมาก ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งไม่รู้ว่าจะเสร็จและส่งงานเจ้านายได้ทันเวลา ที่ก�ำหนดหรือไม่ หรือเครียดจากเพื่อนร่วมงาน เครียดจากเจ้านาย เราจะปล่อยวางได้อย่างไร เราคงได้ยินค�ำแนะน�ำจากใครหลายคนว่า “ปล่ อยวาง” จนจ�ำได้ขึ้นใจ แต่การจะปล่อยวางได้อย่างไรนี่สิ !!! มันต้องท�ำอย่างไร วางของที่ถืออยู่มันวางง่าย แต่การวางความรู้สึกเครียด กังวล มันยาก พระพุทธเจ้าจึงทรงแนะน�ำว่า “ต้องฝึก” ฝึกปล่อยวาง ทนฺโต เสฏฺโฐ มนุสฺเสสุ ผู้ฝึกตนได้ เป็นผู้ประเสริฐที่สุด ถ้าลองฝึกปล่อยวางแล้ว ก็วางไม่ได้สักที


๑๘๖ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ลองเสียเวลาแบกของหนักสัก ๑๐ ชิ้น ชิ้นละ ๑ กิโลกรัม เดินทางไปเรื่อยๆ ถ้ารู้สึกว่าหนัก ก็ค่อยวางลงทีละชิ้น ลองดูสิว่า จะเดินไปได้กี่กิโลเมตร บางทีการที่เราได้ลองแบกของหนัก เราถึงจะรู้ว่า เราต้องท�ำอะไร และมันคงท�ำให้เราได้คิดบ้างว่า ชีวิตของเราจะเบาได้อย่างไร สุดท้ายพอแบกของหนักไปจนเหนื่อย แล้วนั่งพัก คงคิดได้ แล้วก็หัวเราะดังๆ พร้อมกับบอกตัวเองว่า “เรามันโง่ แบกมาให้หนักมาท�ำไมตั้งนาน”

ท�ำ-มะ

๙๖

ไปวัด..ได้อะไร ?

พูดถึง “วัด” คงไม่มีชาวพุทธคนไหนไม่รู้จัก “วัด” เป็นสถานที่ส�ำหรับบ�ำเพ็ญบุญกุศล ส�ำหรับพุทธศาสนิกชน ตามหลักบุญกิริยาวัตถุ คือ ให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา “วัด” เป็นสถานที่เพื่อ ลดละโลภ โกรธ หลง


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๘๗

คุ ณ นายคนหนึ่ ง แกไปวั ด เกื อ บทุ ก วั น ไปท� ำ บุ ญ บ้ า ง ฟังธรรมบ้าง แต่คุณนายแกเป็นคนขี้ตระหนี่ ขนาดเด็กๆ มาวิ่งเล่น หน้าบ้าน แกจะด่าเสียๆ หายๆ ด่าถึงพ่อถึงแม่ หลายวันเข้าเด็ก ก็โกรธจึงแกล้งคุณนาย ด้ วยการไปสอน นกแก้วในกรงหน้าบ้านให้ด่าคุณนายว่า ..คุณนายขี้ตระหนี่ เดี๋ยวมึงตาย ตอนเย็นคุณนายกลับเข้าบ้าน นกแก้วก็ด่าแกว่า ..คุณนายขี้ตระหนี่ เดี๋ยวมึงตาย คุณนายโมโหมาก เดินไปที่วัดหาหลวงพ่อเจ้าอาวาส ..หลวงพ่อต้องช่วยดิฉันนะ หลวงพ่อบอกว่า..เอาอย่างนี้ ที่วัดเลี้ยงนกแก้วอยู่หลายตัว มันฟังพระสวดมนต์ พระเทศน์ทุกวัน มันชอบพูดธรรมะธรรมโม คุณนายเอานกแก้วตัวนี้ ไปเลี้ยงคู่กับนกแก้วที่บ้าน เดี๋ยวนกแก้ว ที่เอาไปจากวัด มันจะสอนนกแก้วของคุณนายให้พูดเพราะ คุ ณ นายดี ใจมาก อุ ้ ม นกแก้ ว ที่ วั ด ไป เปิ ด กรงหน้ า บ้ า น เอานกแก้วที่หลวงพ่อให้มา ขังรวมไว้กับนกแก้วของคุณนาย ขณะนั้นเอง นกแก้วเห็นคุณนายจึงด่าว่า ..คุณนายขี้ตระหนี่ เดี๋ยวมึงตาย นกแก้วที่วัดได้ยินเช่นนั้น จึงพูดขึ้นว่า สาธุ


๑๘๘ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี แม้คุณนายเข้าวัด แต่ไม่เคย วัดกาย วัดวาจา และวัดใจ ของตนเลยว่า ตนได้ละความโลภ โกรธ หลง ได้มากน้อยเพียงใด นักปราชญ์ท่านกล่าวไว้ว่า เข้าวัดเพื่อไปด�ำเนินชีวิตด้วยปัญญา ไปเพียรฆ่ากิเลส ไปลดเหตุความประมาท ไปท�ำให้ชีวิตปราศจากมลทิน

ท�ำ-มะ

๙๗

เกิดมาทั้งที..เป็นอะไรดีถึงจะสบาย ?

ครั้งหนึ่งมีโอกาสได้ไปบรรยายธรรมที่จังหวัดสกลนคร ก่อนจบการบรรยาย โยมถามว่า ..พระอาจารย์เกิดมาทั้งทีเป็นอะไรดี ถึงจะสบาย ? อาตมาก็ตอบไปว่า “เป็นเหมือนกบสิโยม” โยมท�ำหน้า งง! แล้วถามว่า..เป็นเหมือนกบอย่างไรค่ะ ? จากนั้นจึงได้เล่าเรื่องกบเปรียบเทียบให้โยมฟังว่า.. มีกบตัวหนึ่งเห็นพระออกรับบิณฑบาต แล้วกลับมาฉันที่วัด จึงนึกอยากเป็นพระ


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๘๙

เพราะคิดว่าพระสบายหากินง่าย พระฉันเสร็จเห็นลูกศิษย์กินต่อ ก็นึกอยากเป็นลูกศิษย์ เพราะคิดว่าไม่ต้องเดินบิณฑบาตให้เมื่อยก็มีกิน.. ก่อนล้างจานหมากินเศษอาหารต่อ ก็นึกอยากเป็นหมา เพราะหมาไม่ต้องล้างจาน..หมากินเสร็จมันก็ขี้ กบเห็นแมลงวันมาตอม ก็แลบลิ้นกินแมลงวัน.. สุดท้ายกบจึงคิดได้ว่า เกิดเป็นตัวเราเองดีที่สุดแล้ว เพราะไม่ต้องเดินบิณฑบาตให้เมื่อย ไม่ต้องล้างจาน.. ดังนั้น เราจะเกิดมาเป็นอะไรก็ตามมันไม่ส�ำคัญ เพราะคนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นได้ มันอยู่ที่ว่าเมื่อเราเกิดมาแล้ว เราจะเลือกเป็นแบบไหนต่างหาก ดังค�ำกล่าวที่ว่า เกิดในที่ ที่ดี นั้นดีแน่ เกิดในที่ ที่แย่ ก็ดีได้ เกิดที่ดี แล้วแย่ มีถมไป เกิดที่ไหน ก็ดีได้ ถ้าใฝ่ดี..


๑๙๐ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๙๘

คนเราจะมีพรุ่งนี้..ได้อีกกี่วัน ?

เคยถามตัวเองบ้างไหมว่า..เราจะมีชีวิตได้อีกกี่วัน ? กูรูกล่าวว่า “อายุที่ได้มา..คือเวลาที่เสียไป วันคืนผ่านไป..บัดนี้ท่านท�ำอะไรอยู่” คนส่วนมากลืมออกแบบชีวิตเพราะประมาท วัยรุ่น มีแรง มีเวลา แต่ไม่มีเงิน วัยท�ำงาน มีแรง มีเงิน แต่ไม่มีเวลา วัยเกษียณ มีเงิน มีเวลา แต่ไม่มีแรง พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ควรท�ำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะใครจะรู้ว่า ความตายอาจมาถึงในวันพรุ่ง” เวลาแต่ละวันอย่าให้ผ่านไปเปล่า จะน้อยหรือมาก ก็ให้ได้อะไรบ้าง จึงไม่ควรประมาทเวลา ชีวิตจะมีคุณค่า ก็ต่อเมื่อประพฤติแต่สิ่งที่ดีงาม มีชีวิตเพื่อที่จะใช้ชีวิต..ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น..นั่นผู้รู้สรรเสริญว่ามีชีวิตอยู่จริง ดังนั้น..จงใช้ชีวิตเปรียบประหนึ่งว่าวันนี้เป็นวันสุดท้าย เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่า ตัวเราจะมีพรุ่งนี้ได้อีกกี่วัน...!!


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๙๑

ท�ำ-มะ

๙๙

ศีล ๕..ข้อไหนส�ำคัญที่สุด ?

ทุกครั้งที่ไปอบรมนักเรียน พระอาจารย์จะให้เด็กรับศีลก่อน มีเด็กช่างสงสัยถามขึ้นมาว่า ..พระอาจารย์ๆ ศีล ๕ ข้อไหนส�ำคัญที่สุดครับ ? ..ส�ำคัญทุกข้อ แต่ข้อ ๕ ส�ำคัญที่สุด เพราะคนดื่มเหล้าและติดยาเสพติดแล้ว สามารถท�ำผิดศีลได้ทุกข้อ ศีล แปลว่า ปกติ ถ้าขาดข้อใดข้อหนึ่งถือว่าไม่ปกติ เหมือนนิ้วมือของเราทั้ง ๕ นิ้ว ถ้าขาดไปนิ้วใดนิ้วหนึ่ง ก็จะขึ้นชื่อว่า พิการ ไม่ปกติ เพราะฉะนั้น เมื่อเรายังมีมือที่ปกติอยู่ ควรใช้มือให้ถูกทาง ด้วยการใช้ท�ำความดี ดังค�ำพระที่ท่านบอกว่า “มือสองข้าง เก็บไว้ท�ำความดี” “ปล่อยมือทุกที ท�ำความดีทุกครั้ง”


๑๙๒ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ท�ำ-มะ

๑๐๐

ขัดห้องน�้ำที่วัด..ได้บุญไหม ?

มีโยมท่านหนึ่งมาถามอาตมาว่า..พระอาจารย์เจ้าค่ะ ขัดห้องน�้ำวัดได้บุญมากจริงเหรอค่ะ? อาตมาก็เลยตอบไปว่า..ได้บุญมาก เพราะการที่โยมท�ำความสะอาดสิ่งที่สกปรก ในสถานที่ของการท�ำความดีงามนั้น ถือว่าได้บุญมาก เหมือนกับโยมท�ำความสะอาดที่จิตใจของโยมเอง เพราะถ้าหากเราช�ำระสิ่งที่ไม่ดีออกจากใจ ใจเราก็จะสะอาด ใจเราก็จะเป็นสุข อีกอย่างนะโยม การขัดห้องน�้ำที่วัดนั้น เป็นการท�ำบุญอีกแบบหนึ่ง การขัดห้องน�้ำ โยมอย่าขัดเฉพาะห้องน�้ำที่วัด ควรขัดห้องน�้ำที่บ้านของโยมด้วย เพราะการขัดห้องน�้ำที่ได้บุญมากที่สุดคือ การขัดห้องน�้ำของพระอรหันต์ที่บ้านของโยมเอง.. ..เจริญพร..


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี

ธรรมะอารมณ์ดี

กลุ่มพระธรรมวิทยากรจิตอาสา ผู้มีใจรักการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เพื่อการพัฒนาเด็กเยาวชน นิสิต นักศึกษา ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งกลุ่มผู้สูงวัย โดยการสนับสนุนของสถาบันส่ง เสริมและเผยแพร่การพระศาสนาแห่งประเทศไทย มีพระเดชพระคุณพระพรหมวชิรญาณ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา กรรมการมหาเถรสมาคม เป็ น ผู ้ อ� ำ นวยการสถาบั น ฯ ได้ ด� ำ เนิ น การ จัดโครงการธรรมบรรยายในสถาบันการศึกษา และหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน โดยมี วั ต ถุ ป ระสงค์ เ พื่ อ เผยแผ่ ธ รรมะเชิ ง รุ ก เพื่ อ ส่ ง เสริ ม การศึกษาและปฏิบัติธรรม ตามวัยอันสมควรให้เข้าถึงทุกกลุ่มวัย กิจกรรมธรรมบรรยายส่งเสริมองค์กรภาครัฐและเอกชน ให้ได้รับ ความรู้ ความเข้าใจ ในหลักพระพุทธศาสนากับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่ดี พร้อมทั้งการพัฒนาบุคลากร องค์กร และสามารถประยุกต์ใช้ได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และประสิทธิธรรม (ท�ำ)


๑๙๔ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี องค์ ก รที่ ส นใจจ� ำ นวน ๑๐๐ องค์ ก ร แจ้ ง เข้ า ร่ ว มโครงการ โดยไม่ เ สี ย ค่ า ใช้ จ ่ า ยใดๆ แต่ ห ากประสงค์ จ ะร่ ว มส่ ง เสริ ม การเผยแผ่ พระพุ ท ธศาสนา ก็ ส ามารถน� ำ บุ ญ ให้ ผู ้ เข้ า ร่ ว มอบรมได้ สั่ ง สมบุ ญ ตามพระพุ ท ธพจน์ บ ทที่ ว ่ า “สุ โข ปุ ญฺ ญ สฺ ส อุ จฺ จ โย การสั่ ง สมบุ ญ ย่อมน�ำสุขมาให้” โดยโครงการจะด�ำเนินไปจนถึงเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ องค์กรที่ร่วมโครงการจะได้รับเกียรติจากกระทรวงวัฒนธรรม และสถาบันส่งเสริมและเผยแพร่การพระศาสนาแห่งประเทศไทย กิจกรรม เน้ น การมี ส ่ ว นรวม การแลกเปลี่ ย นเรี ย นรู ้ ร ่ ว มกั น การระดมสมอง เพื่อพัฒนาวิธีคิด วิถีธรรม (ท�ำ) บนพื้นฐานของความเป็นพุทธะ คือ รู้จัก คุณค่าแท้ คุณค่าเทียม คุณภาพชีวิตประสิทธิธรรม (ท�ำ) ในการท�ำงาน เพื่อ น�ำไปสู่องค์กรที่มีประสิทธิผล สามารถเลือกหัวข้อในการบรรยาย ให้สอดคล้องกับ วิ สั ย ทั ศ น์ ข องงาน ภารกิ จ โครงการขององค์ ก ร เช่ น “งานได้ผล..คนเป็นสุข” “บริการด้วยใจ บริหารด้วย ธรรม (ท�ำ)” “วิป ัสสนานุบาล” “สูงวัยอย่างมีค่า.. ชราอย่างมีคุณ” “การบริหารจัดการทุกข์” “สุขแบบ มรรคง่าย” และอื่นๆ ส�ำหรับนักเรียน นิสิต นักศึกษา เช่น ค่ายพุทธบุตรธรรมะธิดา (ประถมศึกษา) ค่ายพุทธธรรมเพื่อพัฒนาชีวิต (มัธยมศึกษา) ค่ายธรรมะพลิกชีวิต...คนพันธุ์ R (อาชีวศึกษา) ค่ายศิลปะการใช้ชีวิตอย่าง มีความสุข (อุดมศึกษา) ธรรมะบรรยาย “รักแท้นั้นไซ้ร์ อยู่ใกล้แค่ใจเรา”


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๙๕

ธรรมะบรรยาย “พุทธวิธแี ห่งความส�ำเร็จ” ธรรมะบรรยาย “ล้อมรักให้ครอบครัว รอบ รั้วให้ตนเอง” ธรรมะบรรยาย “ปฐมนิเทศ วิถีพุทธ” ธรรมะบรรยาย “ปัจฉิมนิเทศ ส่ง ลูกกลับบ้าน” และอื่นๆ ระยะเวลาในการจัดกิจกรรม ก�ำหนดการแบบครึ่งวัน ๓ ชั่วโมง, แบบหนึ่งวัน ๖ ชั่วโมง ๒ วัน ๑ คืน, ๓ วัน ๒ คืน หรือตามความเหมาะสมของผู้จัดโครงการ พระวิทยากรเครือข่ายธรรมะอารมณ์ดี ได้รับนิมนต์บรรยายตาม สถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการ เอกชน บริษัทต่างๆ ปีละกว่า ๓๐๐ แห่ง และรั บ นิ ม นต์ เ ผยแผ่ ธ รรมผ่ า นสถานี โทรทัศน์ รายการตีสิบ ช่อง ๓, รายการ ข่าวสเปเชียล รีพอร์ต ช่อง ๓, รายการ ฮาร์ ด คอร์ ข ่ า ว, รายการข่ า ว ๕ หน้า ๑ ช่อง ๕, รายการศิลป์สโมสร ช่อง ThaiPBS, รายการถอดสลักข่าว, รายการสถานีความคิด ช่อง ๑๑, รายการที่นี่เมืองไทย ช่องเอชพลัส แชนแนล, รายการธรรมะ@โฮม ช่องโฮมชาแนล และรายการธรรมะอารมณ์ ดี ช่อง WBTV


๑๙๖ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี พระธรรมวิทยากรหลักประจ�ำโครงการ พระมหาวีรพล วีรญาโณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานนาวา - ปริญญาตรีพุทธศาสตรบัณฑิต ม.มหาจุฬาฯ, - ปริญญาโท สังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พระครูปลัดบัณฑิต อินฺทเมธี ประธานบริหารส�ำนักปฏิบัติธรรมป่าโมกข์ธรรมาราม - ปริญญาตรีพุทธศาสตรบัณฑิต ม.มหาจุฬาฯ, - ปริญญาโท สังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พระมหามงคล วรธมฺมวาที ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดนิมมานรดี - ปริญญาตรีพุทธศาสตรบัณฑิต ม.มหาจุฬาฯ, - ปริญญาโท การอุดมศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พระมหาอดิศักดิ์ อภิปญฺโญ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบรมสถล (ดอน) - ปริญญาตรีพุทธศาสตรบัณฑิต ม.มหาจุฬาฯ, - ปริญญาโท พุทธศาสตรมหาบัณฑิต ม.มหาจุฬาฯ


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ๑๙๗

พระมหาชาครินทร์ กิตฺติเมธี เลขานุการเครือข่ายธรรมะอารมณ์ดี - ปริญญาตรีพุทธศาสตรบัณฑิต ม.มหาจุฬาฯ, - ก�ำลังศึกษาปริญญาโท ม.มหาจุฬาฯ

คณะพระธรรมวิ ท ยากร พร้ อ มเครื อ ข่ า ยวิ ท ยากรจิ ต อาสา อีกจ�ำนวนมาก ติดต่อประสานงานเข้าร่วมโครงการได้ที่ พระมหาวีรพล วีรญาโณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานนาวา เลขานุการฝ่ายเผยแผ่ วัดยานนาวา ส�ำนักงานสถาบันส่งเสริมเผยแพร่การพระศาสนาแห่งประเทศไทย ๔๐ วัดยานนาวา แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ ๑๐๑๒๐ โทร. ๐๘๔ ๔๕๕ ๕๘๕๕, ๐๘๗ ๘๑๒ ๔๑๙๐, ๐๘๐ ๐๘๔ ๐๐๘๙ โทรสาร. ๐๒ ๖๗๒ ๓๒๐๖ Weeraphon2524@hotmail.com www.dhammaaromdee.com พระมหาวีรพล ธรรมะอารมณ์ดี


๑๙๘ ๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี ผลงานผู้เขียน แค่ไม่ทุกข์..ก็สุขแล้ว

ใครที่เป็นคน “ติดสุข” หรือจมอยู่กับ “ความทุกข์” หนังสือเล่มนี้ จะท�ำให้ท่าน มองเห็ น “ความสุ ข กั บ ความทุ ก ข์ ” ว่ า มั น อยู ่ ใ กล้ กั น มากจนเหมื อ นมี เ พี ย ง เส้นบางๆ ที่กั้นค�ำสองค�ำนี้ไว้เท่านั้น ท่านก็จะรู้ว่า “แค่ไม่ทุกข์ ก็สุขแล้ว”

ธรรมะ..ประกายสุข

หนังสือเล่มนี้ จัดท�ำเพื่อถวายเป็นธรรมบรรณาการในโอกาสที่ พระมหาชลทิ ช อภิ ชฺ ช ญฺ ญู ป.ธ.๙, พธ.บ., อ.ม. เจ้ า อาวาสวั ด ไทยพุ ท ธาราม นครบริ ส เบน รั ฐ ควี น ส์ แ ลนด์ ออสเตรเลี ย เป็ น พระราชาคณะชั้ น สามั ญ ในราชทิ น นามที่ พระศรีพุทธิวิเทศ

ผ่านทุกข์..ก็เจอสุข

หนั ง สื อ เล่ ม นี้ จะเป็ น เพื่ อ นยามทุ ก ข์ เป็ น กุ ญ แจไขไปสู ่ ค วามสุ ข เป็ น ของขวั ญ ชิ้นส�ำคัญที่จักเป็นอุปกรณ์แห่งการด�ำเนินชีวิต ภายใต้กรอบแห่งศีลธรรม และสุข ได้ด้วยการลงมือท�ำ แล้วเราก็จะได้ค�ำตอบคือ “ความสุข” ให้กับชีวิต

อมยิ้ม..อิ่มสุข

“อมยิ้ ม อิ่ ม สุ ข ” เกิ ด ขึ้ น ได้ เ พราะความมี ใจ...สุ ข ใจ...จึ ง ได้ เขี ย นหนั ง สื อ ธรรมะ เล่ ม เล็ ก ๆ เพื่ อ จั ก เป็ น กั ล ยาณมิ ต รเคี ย งข้ า งกายของทุ ก ท่ า นในยามที่ จิ ต ตก จะได้ยกจิตของทุกท่าน และเราตั้งใจที่จะเอาความฮามารับใช้ธรรมะ โดยที่เรา จะไม่เอาธรรมะไปรับใช้ความฮา

มรรคง่าย

หนังสือเล่มนี้ ไม่ได้คิดว่าจะเปลี่ยนมุมคิด หรือชีวิตใครได้ แต่เป็นเพียงวิธีธรรม (ท�ำ) อีกวิธีหนึ่งเพื่อความสุข และปรับลดทุกข์ เพียงแค่คุณอ่านจบ แล้วทุกข์น้อยลง นั่นคือสุขของเราแล้ว และขอให้ทุกท่านมีชีวิตที่ดีด้วย “มรรคง่าย” ในแบบของคุณ


๑๐๐ ท�ำมะ..วาทะท�ำดี



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.