มรรคง่าย

Page 1



ธรรมะมงคลเพื่อมงคลชีวิตมอบเป็นธรรมบรรณาการ แด่.................................................................................................................................... ...........................................................................................................................................

จาก.................................................................................................................................. ...........................................................................................................................................


ชื่อหนังสือ : ธรรมะอารมณ์ ดี ๕ “มรรคง่ าย”

พิมพ์ ครั ง้ ที่ ๑ : เมษายน ๒๕๕๖ จ�ำนวนพิมพ์ : ๑๐,๐๐๐ เล่ ม พิมพ์ ครั ง้ ที่ ๒ : พฤษภาคม ๒๕๕๖ จ�ำนวนพิมพ์ : ๑๐,๐๐๐ เล่ ม ข้ อมูลทางบรรณานุกรม มรรคง่ าย.-- สมุทรปราการ : เอเซีย แปซิฟิค ออฟเซ็ท, 2556. 194 หน้ า. -- (ธรรมะอารมณ์ ด)ี . 1. ธรรมะกับชีวติ ประจ�ำวัน. I. พระมหาวีรพล วีรญาโณ. II. ศุภวัฒน์ ค�ำปั นนา, ผู้วาดภาพประกอบ. III. ชื่อเรื่ อง. 294.3144 ISBN 978-616-321-951-0

ประธานที่ปรึกษา: พระพรหมวชิรญาณ l คณะที่ปรึกษา: พระราชพรหมาภรณ์ , พระราชสุตาลังการ, พระราชวิสุทธิเมธี, พระสิริธีรคุณ, พระสุธีธรรมนาถ, พระศรี สุธรรมมุนี, พระโสภณกาญจนาภรณ์ , พระศรี พุทธิวเิ ทศ, พระศรี วชิราภรณ์ , พระปั ญญารั ตนากร, พระครู ศรี กติ ติสุนทร, พระมหานงค์ สุมงฺคโล ป.ธ.๙, พระมหาจ�ำลอง กตธมฺโม ป.ธ.๙, พระมหาวีรธรรม ธมฺมวีโร, พระมหาจ�ำเนียร จิรปญฺโญ ป.ธ.๙, พระมหาสมบัติ ญาณวโร, ดร.ปรี ชา กันธิยะ, รศ.ดร.สายฤดี วรกิจโภคาทร, รศ.สุรางค์ รัตน์ วศินารมณ์ , ผศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม, ผศ.ดร.เกศินี จุฑาวิจติ ร, ดร.ณัฐพัชร สายเสนา, ดร.สุปราณี ไกรวัตนุสสรณ์ , นางสุภทั ตรา ศรี เลขา, ดร.ธัชชนันท์ อิศรเดช, อ.ศรี นวล ลัภติกโร, อ.ส�ำรวย นักการเรี ยน, อ.วุฒชิ ัย บุญครอง, รอ.สุธี สุขสากล ผู้เขียน: พระมหาวีรพล วีรญาโณ, พระครู ปลัดบัณฑิต อินฺทเมธี, พระมหามงคล วรธมฺมวาที, พระมหาอดิศักดิ์ อภิปญฺโญ, พระครู สมุห์เอกรั ฐ อภิรกฺโข บรรณาธิการ: พระมหาวีรพล วีรญาโณ ผู้ช่วยบรรณาธิการ: พระมหาชาครินทร์ กิตตฺ เิ มธี, พระมหาเอก เมธิกญาโณ กองบรรณาธิการ: พระครู สมุห์สุกะพงค์ กิตตฺ วิ โํ ส, พระมหาวิศษิ ฐ์ ปญฺญาธโร, พระมหาเชิดชัย อิสฺสรจิตโฺ ต, พระมหาธีรภัทร ถิรญาโณ, พระมหาสมบูรณ์ วรญาโณ, พระมหาสมานมิตร คุณธีโร, พระมหาอดุลย์ เขมปญฺโญ, พระมหาไพวัลย์ ชินทตฺตญาโณ, พระอดุลย์ สีลสํวโร, พระสิงหา อภิชยญาโณ, พระจรั สพงษ์ กวิสฺสรญาโณ, พระธงไชย อภินนฺทญาโณ, พระกฤษดา วุฑฒ ฺ ยิ สฺสญาโณ, พระวุฒนิ ันท์ ปญฺญาสิริ, พระบวร ปวรธฺมโม, ณฐ ทะสังขา, ชนะกิจ คชชี, พีรพัฒน์ พันศิริ, ชัชวาล มะโนวัฒนา, เสาร์ ห้า พุทธบาล, จักรธรรม ไผ่ เฟื ้ อย l ภาพประกอบ: ศุภวัฒน์ ค�ำปั นนา จัดพิมพ์ เผยแผ่ โดย: วัดยานนาวา เขตสาทร กรุ งเทพมหานคร โทร. ๐๒ ๖๗๒ ๓๒๑๖ กองทุนส่ งเสริมการเผยแผ่ พระพุทธศาสนาเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม พิมพ์ ท่ :ี บริษัท เอเซีย แปซิฟิค ออฟเซ็ท จ�ำกัด โทร ๐๒ ๒๔๘ ๖๘๘๖-๘


ธรรมบูชา “ญาณสังวร” ฉลองพระชันษา ๑๐๐ ปี

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ๓ ตุลาคม ๒๕๕๖


มรรคง่าย


มรรคง่าย

โมทนียพจน์ พระพรหมวชิรญาณ

มรรคง่ าย

พระพุทธองค์ ตรัสรู้ อริ ยสัจ เป็ นปรมัตถ์ ธรรมวินยั ไตรสิกขา อันลุม่ ลึก ละเอียดอ่อน ถอนอัตตา ยากประชา จะรู้ความ ตามจอมไตร

ทรงเห็นว่า ดอกบัว มีสี่เหล่า ชาวโลกเล่า ก็มีสี่ อุปนิสยั จึงทรงสอน ชนสามเหล่า ให้ เข้ าใจ ส่วนเหล่าสี่ ทรงปล่อยให้ ไปตามกรรม


มรรคง่าย

อริ ยสัจสี่ คือความจริ ง สิง่ ประเสริ ฐ เมื่อทุกข์เกิด ก็ก�ำหนด รู้ทวั่ ฉ�่ำ รู้สมุทยั คือกิเลส เหตุก่อกรรม รู้นิโรธ ทุกข์ดบั น�ำ มนัสเย็น

อาศัยมรรค มีองค์แปด ด�ำเนินมุง่ เพื่อจรุง ปฏิปทา ปั ญญาเห็น เหล่าหนึง่ ซึง่ สร้ างคุณ บุญบ�ำเพ็ญ เหล่านี ้เป็ น บัวพ้ นน� ้ำ เห็นธรรมกาย

อีกสองเหล่า ที่เฝ้าเพียร เพ่งสุจริ ต บ้ างถูกจิต ไม่ถกู หลัก เพราะ “มักง่ าย” บ้ างถูกต้ อง ไม่ถกู ใจ ไม่สบาย ทังสองสาย ้ หย่อนตึงไป ไม่โสภณ


มรรคง่าย

ค�ำว่า “มัก” แปลว่า “รั ก” หรื อ “ชื่นชอบ” เช่นมักกอปร กรรมพร่อง ก็หมองหม่น ถ้ ามักกอปร สุจริ ตกรรม ก็อ�ำพน ส่วนศัพท์ “มรรค” คือถนน หนทางดี

พระพุทธองค์ ทรงแสดง อริ ยมรรค อันเป็ นหลัก สายกลาง สว่างวิถี คือ “มัชฌิมา ปฏิปทา” พุทธวิธี แปดทางนี ้ คือ “มรรค” สว่าง ทางปั ญญา

ทางปั ญญา ไม่ตงึ หย่อน สัญจรง่าย เช่นทางสาย สัมมาทิฐิ ปลอดปั ญหา ทางสังกัปปะ วายะมะ สัมมาวาจา ทางสัมมา กัมมันตะ สติสบาย


มรรคง่าย

สงฆ์สาวก น�ำแสดง มรรคสัจจ์ เพื่อปวงชน จะปฏิบตั ิ ได้ สมหมาย ได้ น�ำเรื่ อง ในธรรมบท มาสาธยาย จึงสื่อความ ว่า “มรรคง่ าย” ในที่นี ้

สงฆ์ทงห้ ั ้ า ท่านหวังดี ทวีผล หนึง่ “พระมหา วีรพล วีรญาโณ” ศรี สอง “พระครู ปลัด บัณฑิต อินฺทเมธี” สาม “วรธมฺม-วาที” คือ “พระมหามงคล”

สี่ “พระมหา อดิศักดิ์ อภิปญฺโญ” ห้ า “อภิรกฺโข พระครู สมุห์ เอกรั ฐ” ผล ให้ มรรคยาก เป็ น “มรรคง่ าย” สบายกมล จึงชื่นชม แทนปวงชน ขออนุโมทนา (พระพรหมวชิรญาณ) กรรมการมหาเถรสมาคม, เจ้ าอาวาสวัดยานนาวา


มรรคง่าย

คำ�นิยม พระศรีพุทธิวิเทศ

รรมะอารมณ์ ดี ได้ ออกหนังสือธรรมสื่อความสุขให้ บรรดาสมาชิกและผู้สนใจทัว่ ไปให้ ได้ อา่ นกันอีกครัง้ ในครัง้ นี ้ได้ ตงชื ั ้ ่อที่น่าจะโดนใจทัง้ ๓ วัย คือ วัยรุ่ น วัยรุ่ ง และวัยโรยกันอย่างดี ก็คือ “มรรคง่ าย” ซึง่ เป็ นการเล่นค�ำ โดยเอาค�ำที่เป็ นภาษาพูดในเชิงลบ มาปรับมุมมองให้ เป็ น เชิงบวก ซึง่ เป็ นแนวถนัดของพระวิทยากรเจ้ าของผลงานที่พยายาม สอนตังแต่ ้ เล่มแรกๆ ที่มีผลงานเป็ นที่ชื่นชอบของคนทังหลายแล้ ้ ว ในพระพุทธศาสนา “มรรค” เป็ นอริยสัจข้ อที่ ๔ ทีเ่ ป็ นหนทาง ของการพ้ นทุกข์ จึง เข้ า ใจว่า หนัง สื อ เล่ม นี น้ ่ า จะเป็ น สื่ อ ให้ ช าวพุท ธได้ มี หนทางของความสุขได้ อย่างง่ายๆ ไม่ใ ห้ ใ ช้ ชี วิ ต ที่ เ หลื อ อยู่อ ย่า งคน “มั ก ง่ า ย” จึง เป็ น เรื่ อ ง ที่นา่ ติดตามต่อไป


๑๐ มรรคง่าย ในโอกาสนี ้ขออ�ำนวยพรให้ ทมี ธรรมะอารมณ์ดมี คี วามเจริญ ก้ าวหน้ าในหน้ าที่การงาน มีสติปัญญาเลิศ สามารถสร้ างสรรค์ผลงานทางธรรมให้ ยิ่งๆ ขึ ้นไป อันหนทาง แห่ งมรรค ประจักษ์ ชัด ที่กำ� จัด ความทุกข์ สู่สุขสันต์ เป็ นทางเอก ของชาวพุทธ สุดอนันต์ พระองค์ ท่าน ตรั สไว้ ให้ ทางเดิน เป็ นเรื่ องง่ าย ในชีวติ ถ้ าคิดสู้ ด�ำเนินอยู่ ด้ วยสติ มิขัดเขิน ประพฤติชอบ ประกอบศรี ดีเจริญ ก็จะเดิน สู่ “มรรคง่ าย” สบายใจ...

พระศรี พุทธิวเิ ทศ (ชลทิช อภิชชฺ ญฺญู ป.ธ.๙, พธ.บ., อ.ม.) เจ้ าอาวาสวัดไทยพุทธาราม นครบริสเบน ออสเตรเลีย


มรรคง่าย

คำ�นำ�

รรคง่าย เป็ นชือ่ แรกและชือ่ เดียวเลย ทีค่ ณะพระวิทยากร ธรรมะอารมณ์ดี เลือกว่าจะใช้ เป็ นชื่อหนังสือเล่มใหม่ เล่มที่ ๕ ถ้ าภาษาวัยรุ่นคงบอกว่า โดนเลย ไม่มโี ต้ แย้ ง ต้ องโดนสักครัง้ ค�ำนี ้ฟั งครัง้ แรกอาจคล้ ายกับค�ำว่า “มักง่ าย” ซึง่ หลายคน มักใช้ ชีวิตแบบ “มักง่ าย” อยูบ่ อ่ ยๆ แต่เราก็มองอีกมุมหนึ่งด้ วยความ “มรรคง่ าย” เพื่อความ เรี ยบง่ าย นัน่ คือค�ำตอบ หากเราปรารถนาจะเติมเต็มความสุขแท้ แก่ชีวิต เราควรคิดใช้ ชีวิตด้ วยความเรี ยบง่ าย แต่เราไม่ควรใช้ ชีวิต ด้ วยความมักง่ าย เพราะสิง่ ส�ำคัญของมนุษย์คือ การกระท�ำ หรื อภาษาพระ ท่านว่า “มันเป็ นกรรม” หากเรามีการกระท�ำที่ “มรรคง่ าย” เรี ยบง่าย ชีวิตเราก็จะ พบกับสุขแท้


๑๒ มรรคง่าย หากเรามีการกระท�ำที่ “มักง่ าย” ชีวิตเราก็จะพบกับทุกข์แน่ หนังสือธรรมะอารมณ์ดี “มรรคง่ าย” เล่มนี ้ ไม่ได้ เปลี่ยน มุมคิด หรื อชีวิตใครได้ แต่เป็ นเพียงวิธีธรรม (ท�ำ) อีกวิธีหนึ่งเพื่อความสุข และ ปรับลดทุกข์ เพียงแค่คณ ุ อ่านจบแล้ วทุกข์น้อยลง นัน่ คือสุขของเราแล้ ว ขอกราบขอบพระคุณ หลวงพ่ อ ผู้เ มตตา ครู บ าอาจารย์ ผู้แนะน�ำ เพื่อนกัลยาณมิตรทุกรูป/คน ขออนุโมทนาบุญกับญาติโยมทุกท่าน ทีม่ กี ศุ ลศรัทธาร่วมเป็ น เจ้ าภาพ ดังที่ได้ ประกาศนามอนุโมทนาบุญไว้ ท้ายเล่ม และขอให้ ทกุ ท่านมีชวี ติ ทีด่ ดี ้ วย “มรรคง่ าย” ในแบบของคุณ หวังสุขขอให้ พบสุข แต่อย่าติดสุขจนทุกข์นะโยม

พระมหาวีรพล วีรญาโณ ผู้ชว่ ยเจ้ าอาวาสวัดยานนาวา ประธานเครื อข่ายธรรมะอารมณ์ดี


มรรคง่าย

สารบัญ โมทนียพจน์ พระพรหมวชิรญาณ ค�ำนิยม พระศรี พทุ ธิวิเทศ ค�ำน�ำ พระมหาวีรพล วีรญาโณ “มรรคง่ าย” ปั ญญาประดับบุญ เศรษฐี ขี ้เหนียว เดียรถีย์มกั มาก ยักษ์ จดั ระเบียบคน นิ่ง...แน่น...นุม่ ... วิธีท�ำให้ รักยืดยาว คิดบวก หรื อคิดโง่ๆ แรงบันดาลใจ...บันไดเปลี่ยนชีวิต ขอเพียงแค่มีหวั ใจที่ “หนักแน่น” ทุกขัง...เพราะไปขังทุกข์

๑๗ ๒๕ ๓๓ ๔๗ ๕๕ ๖๓ ๖๙ ๗๗ ๘๕ ๙๓


๑๔

มรรคง่าย

งาม...ง่าย เติมดีที่งาน เติมบ้ านด้ วยรัก ข่มขืนแล้ วจะไม่ขื่นขม ใช้ ชีวิตนอกกรอบ วันนี ้คุณใช้ สมองแล้ วหรื อยัง? อดทน ให้ อภัย ใจเย็นๆ เจริ ญเมตตาแล้ วงัย... เครื อข่ ายธรรมะอารมณ์ ด ี กิจกรรมธรรมะอารมณ์ ด ี รายชื่อผู้ร่วมเป็ นเจ้ าภาพพิมพ์ หนังสือ

๙๙ ๑๑๑ ๑๑๗ ๑๒๑ ๑๒๕ ๑๓๑ ๑๓๗ ๑๖๑ ๑๖๗ ๑๘๕


คำ�นำ�

พระมหาวีรพล วีรญาโณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานนาวา


มรรคง่าย

เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ประทานวรธรรมคติว่า “ชีวิตคนเราเติบโตขึ้นมา ด�ำรงชีวิตอยู่ได้ ด้วยความเมตตากรุณา จากคนอื่นมาตั้งแต่ต้น เมื่อเราเติบโต มาจากความเมตตากรุณา ก็ควรมีความเมตตากรุณา ต่อชีวิตอื่นต่อไป”


มรรคง่าย

ปัญญา ประดับบุญ

ารแก้ บนดู เ หมื อ นจะเป็ น สิ่ ง ที่ ค นไทยท� ำ กั น มา ยาวนาน แต่หลายครัง้ ก็ดเู หมือนว่าจะกลายเป็ นนิสยั ไปแล้ ว อะไรดูทา่ ไม่ราบรื่ น ก็บนบานสานกล่าว อ้ อนวอนร้ องขอ สิง่ ศักดิ์สทิ ธิ์ ที่วัดหนึ่งแถวบ้ านแพ้ ว มีหลวงพ่อศิลาแลงศักดิ์สิทธิ์ กราบไหว้ แล้ วหายตาแดง ก็พากันถวายแว่นตาแก้ บนโรคตาแดง ระบาด จะน�ำแผ่นทองมาปิ ดที่ดวงตาพระศิลาแลง


๑๘ มรรคง่าย

ครัน้ หลวงปู่ กรับได้ รับแต่งตังให้ ้ เป็ นเจ้ าอาวาสมาพบเข้ า จึงหาอุบายเพื่อไม่ให้ ญาติโยมปิ ดทองที่ดวงตาองค์พระศิลาแลง จึงได้ น�ำแว่นตามาใส่ให้ องค์พระศิลาแลง เพื่อไม่ให้ โยม ไปปิ ดทองที่ดวงตาองค์พระ เพียงแค่หลวงพ่อท่านอยากรักษาพระพุทธรูปไว้ เท่านันเอง ้ แต่เรากลับมาแก้ บนอย่างสนุก ที่จังหวัดสุพรรณบุรี เมืองขุนแผน ก็มีชาวบ้ านแห่น�ำ วิทยุทรานซิสเตอร์ มาถวายแก้ บนหลวงพ่อด�ำศักดิ์สทิ ธิ์ ใครเจ็บป่ วยมาบนบานอาการเจ็บป่ วยก็จะหาย แล้ วก็เอาวิทยุ เอาหนังมาฉาย แก้ บนหลวงพ่อเพราะ ท่านชอบเสียงดัง ศรัทธาความเชื่อ บางครัง้ ก็ควรเอาปั ญญาเข้ าไปประดับ บุญด้ วย เหมื อ นเรื่ อ งเล่า ที่ ว่า มัค ทายกผู้มี ร่ า งกายที่ อ้ ว นพลี พุงใหญ่ เวลาก้ มกราบพระก็ติดพุง นุง่ ผ้ าโจงกระเบนกราบพระ ไม่ถนัด จึงปลดปลายผ้ าออกทุกครัง้ ที่กราบ


มรรคง่าย

๑๙

ชาวบ้ านเห็นมัคทายกปลดผ้ าออก ก็ปลดผ้ าตามกัน ทังศาลา ้ หลวงพ่อท่านก็เมตตาบอกว่า “ญาติ โ ยมไม่ ต้ อ งปลดปลายผ้ า ตามมัค ทายกหรอก เพราะโยมไม่ลงพุงเหมือนแก” โยมก็นั่งอมยิม้ กันทัง้ ศาลา หากหลวงพ่อไม่เตือนสติ เราท่านคงต้ องปลดผ้ ากันสนุกละ บางท่านทุกข์ใจ เครี ยดปั ญหารุ มเร้ าไม่ร้ ู จะท�ำอย่างไร ก็อยากจะถวายสังฆทาน แต่บางครั ง้ วัตถุทาน (สิ่งของ) พระท่านก็ไม่สามารถ ยังบุญของโยมให้ ส�ำเร็ จได้ เพราะเปิ ดมาพระท่านแทบเป็ นลม มี ทัง้ จุ ก นม แป้ ง เด็ ก น่ า รั ก รองเท้ าส้ น สูง ลิ ป สติ ก แป้งรองพื ้น และที่พระอดยิ ้มไม่ได้ คือ แปรงหวีผม พระท่านก็เอ่ยวาจาถามว่า “ท�ำบุญอุทิศให้ ใครละโยม” “อ๋อ พอดีฝันว่าหญิ งสาวตายท้ องกลม มายืนร้ องขอ อยูห่ น้ าบ้ านเมื่อคืน” โยมตอบ


๒๐ มรรคง่าย

“แล้ วอาตมาจะใช้ อะไรก่อนดีละโยม” สิ ้นเสียงพระคุณเจ้ า โยมจึงได้ สติวา่ “ตายแล้ ว พระท่านไม่ได้ ใช้ ของเหล่านี ้เลย” หากเราถวายด้ ว ยปั ญ ญาประดับ พระท่า นก็ ยัง บุญ ให้ ส�ำเร็ จได้ ควรถวายวัตถุทาน (สิ่งของ) ที่พระคุณเจ้ าท่านใช้ จักเป็ นบุญแก่เราโดยตรง “ถวายอะไรดีละ” โยมถามอีก ก็ถวายในสิ่งที่เหมาะแก่สมณบริ โภค สมณบริ ขาร เช่น หากจะถวายผ้ าจี วร ก็ ควรพิจารณาผ้ าให้ เหมาะสม เนื อ้ ผ้ า ที่ประณี ต ไม่มักง่ายซื ้อเอาสะดวกเข้ าว่า บางร้ านบางแห่งก็ มักง่าย ราคาสูงแต่คณ ุ ภาพต�่ำ พระท่านก็ใช้ ไม่ได้ เล่า กัน ฟั ง แต่ เ รานะโยม ผ้ า สบงบางผื น ทัง้ บางและ เล็กมาก หุน่ ใหญ่ๆ เหมือนอาตมาปิ ดด้ านหน้ ายังไม่มิดเลย บางครั ง้ ถวายผ้ าขนหนู พระท่านสรงน� ำ้ เช็ดตัวเสร็ จ เหลืองไปทังตั ้ วเหมือนทาขมิ ้นมา เพราะสีผ้ามันตก เป็ นผื่นแดงทังตั ้ วเพราะผ้ าเนื ้อหยาบ


มรรคง่าย

๒๑

หรื อ จะถวายสัง ฆทาน ก็ ไ ม่จ� ำ เป็ น ต้ อ งไปซื อ้ มาเป็ น กระป๋ องเหลืองที่เขาจัดไว้ แล้ ว เพราะของในถังสังฆทานส่วนใหญ่แล้ วใช้ ได้ น้อยมาก เพราะคุณภาพต�่ำ แปรงสีฟัน แปรงแต่ละทีเลือดกบปาก เพราะแข็งจัง ถังใหญ่มากพอเปิ ดมามีแต่กระดาษหนังสือพิมพ์ยดั ไว้ หรื อของที่หมดอายุ เราก็ไปจัดวัตถุทาน (สิง่ ของ) ด้ วยตัวเอง เลือกสรรในสิง่ ที่ดี ที่เหมาะที่ควร เราก็จกั ได้ บญ ุ อีกประการหนึง่ คือไวยาวัจมัย (บุญส�ำเร็จ ด้ วยการขวนขวายในบุญ) แม้ แต่การท�ำบุญตักบาตร ก็ควรใส่ใจสักนิด อาหารชุด อาหารถุงก็ควรระวัง พระท่านฉันไปบางครัง้ อาพาธเลย นอนซมไปเพราะฉัน อาหารค้ างคืน หากมีปัญญาประดับบุญก็ควรพิจารณาบุญที่ท�ำให้ ดี


๒๒ มรรคง่าย

ดังในสมัยพระพุทธเจ้ า มีลกู สาวนายมาลาการ (ช่างท�ำ ดอกไม้ ) มีรูปงาม เฉลียวฉลาด มีบุญมาก วันหนึ่งเอาขนม กุมมาสสามชิ ้นใส่ตะกร้ าดอกไม้ เห็ น พระพุท ธเจ้ า เสด็ จ มาพร้ อมด้ ว ยพระสงฆ์ ก็ ดี ใ จ เอาตังใจน้ ้ อมถวายขนมใส่บาตร แล้ วยืนปลื ้มปี ติทานของเธอ เมือ่ พระพุทธเจ้ าทอดพระเนตรเห็นแล้ วทรงแย้ มพระสรวล ตรัสกับพระอานนท์วา่ “อานนท์ กุมารี คนนี ้จักได้ เป็ นพระมเหสี ของพระเจ้ าโกศล” ด้ วยการถวายขนมกุมมาสนี ้ เมื่อนางไปยังสวนดอกไม้ ก็แวะเก็บดอกไม้ ใส่ตะกร้ า พลางร้ องเพลงด้ วยความส�ำราญใจ หารู้ ไม่ว่ามีบุรุษ แปลกหน้ ายืนแอบฟั งอยู่ บุรุษที่ว่าเป็ นถึงพระราชา นามว่า ปเสนทิโกศล เมื่อ ทอดพระเนตรเห็นหญิงสาวก็มีจิตรักใคร่ จึงเข้ าไปสนทนาด้ วย และทรงทราบว่านางยังไม่ได้ แต่งงาน ยังไม่มีสามี (เจ้ าของ) จึงไปสูข่ อตามประเพณี และสถาปนาในต�ำแหน่งมเหสี ชนิดที่ใครก็คาดไม่ถงึ


มรรคง่าย

๒๓

นี่เป็ นเพราะผลแห่งการถวายขนมเพียงแค่สามชิน้ แด่ พระพุทธเจ้ า แต่ถวายด้ วยจิตที่เลื่อมใส ทานที่บริ สทุ ธิ์ จึงบันดาลผล ปั จจุบนั ทันตา พระพุทธเจ้ าตรัสยกย่องทานบดี (ผู้เป็ นเจ้ าของทาน) ว่า ผู้ให้ ของชอบใจ ย่ อมได้ ของอันชอบใจ ผู้ให้ ของเลิศ ย่ อมได้ ของอันเลิศ ผู้ให้ ของดี ย่ อมได้ ของดี ผู้ให้ ของประเสริฐ ย่ อมถึงฐานะอันประเสริฐ ท�ำบุญด้ วยปั ญญานะโยม แล้ วปั ญญาจะประดับบุญ


มรรคง่าย

พระพุทธองค์ ทรงแสดง ธรรมสังคหะ ให้ธรรมะ ชนะการให้ สิ่งทั้งหลาย วิธีให้ ก็มีหลาก ธรรมบรรยาย เพื่อปวงชน พ้นอบาย สบสันติธรรม


มรรคง่าย

เศรษฐี ขี้เหนียว

มื่อต้ นปี ที่ผ่านมา มีโอกาสได้ อ่านงานเขียนชิน้ หนึ่ง ของ อาจารย์ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต ท่านกล่าวว่า หลวงพ่ อ พุ ท ธทาส แห่ง สวนโมกข์ ท่า นได้ เ น้ น ย� ำ้ ก่ อ นมรณภาพว่า คนเรามัก นึก ถึง ตัว เองก่ อ น เพราะฉะนัน้ ความเห็นแก่ตวั จึงยากทีจ่ ะขจัดได้ หลวงพ่อถึงกับเตือนหลวงพ่ อ ปั ญญานันทะว่ า “น้ องท่ าน ต่ อนีไ้ ปให้ เทศน์ ยำ� ้ เรื่ องความ ไม่ เห็นแก่ ตวั มากๆ หน่ อย เพราะความเห็นแก่ ตวั นีแ้ หละ โลกจึงวุ่ นวาย สอนอย่ างไรให้ คนได้ ลดความเห็นแก่ ตัว ลงบ้ าง ก็จะเป็ นอานิสงส์ แก่ โลก”


๒๖ มรรคง่าย

มีตวั อย่างความเห็นแก่ตวั คือคิดอะไรๆ ก็คดิ เพื่อตัวเอง ตัวเองนี่แหละถูก คนอื่นผิดหมด ท้ ายที่สดุ ถูกเด็กย้ อนเอาว่า ลุงนัน่ แหละผิด ลุงนัน่ แหละโง่ คิดอะไรเพื่อตัวเองทังนั ้ น้ เรี ยกว่า ถูกเด็กถอนหงอก ว่าอย่างนันเถอะ ้ ในสมัยพระพุทธเจ้ ายังมีพระชนม์อยู่ ในหมูบ่ ้ านแห่งหนึง่ มีเศรษฐี ยอ่ มๆ ประจ�ำหมูบ่ ้ าน เรี ยกว่าเป็ นครอบครัวที่รวยที่สดุ ในชุมชนนันเลยก็ ้ วา่ ได้ แกมีลกู ชายคนหนึง่ ที่เป็ นที่รักดังดวงใจ แต่ขนาดว่ารักลูกมาก แกก็มิได้ ซื ้อของเล่นของใช้ ให้ แก่ลกู เลย เพราะแกกลัวทรัพย์สนิ ที่มีจะร่อยหรอ พูดให้ เห็นภาพชัดคือ แกเป็ นเศรษฐีขีเ้ หนียว ว่างันเถอะ ้ คิดดูแล้ วกันคนอื่นที่ เขามี ไม่เท่าแก เขายังซือ้ เสือ้ ผ้ า ซื ้อของเล่นให้ ลกู เขาบ้ าง แต่เศรษฐี คนนีไ้ ม่เลยครับ ด้ วยความรักลูกแกก็ไปหา ท่อนไม้ มาแกะท�ำเป็ นต่างหู ขัดเกลาจนเกลี ้ยง สวยงาม ตังแต่ ้ นนมาลู ั ้ กชายโทนของเศรษฐี คนนี จึ้ งมีชอื่ เรียกขาน กันว่า “มัฏฐกุณฑลี”


มรรคง่าย

๒๗

อยู่มาวันหนึ่งมัฏฐกุณฑลี แกป่ วยเป็ นโรคผอมเหลือง ร่างกายที่เคยสมบูรณ์ก็ผอมลงๆ แถมยังมีผิวเหลืองซีดอย่างน่า วิตก สงสัยแกเป็ นโรคขาดสารอาหาร ท่านเศรษฐี แทนที่จะไปตามหมอที่มีความรู้ มาตรวจดู โรคของลูกตนก็ไม่ท�ำ เพราะกลัวว่าหมอจะเรี ยกค่ารักษาแพง จึง ไปหาเอายากลางบ้ า นตามมี ต ามเกิ ด เอามาต้ ม ให้ ลกู ดื่มบ้ าง ฝนทาตัวบ้ าง เท่าที่นกึ ออก แกรักษาลูกอยูอ่ ย่างนี ้ ไม่นานโรคก็ยิ่งก�ำเริ บ จนกระทัง่ ลูกชายเดินไม่ไหว ต้ องนอนแซ่วอยูก่ บั ที่ พ่อตัวดีก็ย้ายให้ ลกู ออกมานอนที่ชานบ้ าน ไม่ยอมให้ นอนในห้ อง ด้ วยกลัวว่าคนที่มาเยี่ ยมไข้ จะเห็นทรั พย์ สมบัติ ของแก เขาจะเอ่ยปากยืม หรื อขอทรัพย์สนิ ดูสคิ รับ คนเรา มันจะอุจจาระเหนียวอะไรปานนัน้ เช้ าวันหนึง่ พระพุทธเจ้ าทรงตรวจดูสตั ว์โลกด้ วยพระญาณ ก็ปรากฏว่าภาพมัฏฐกุณฑลีปรากฏในข่ายคือ พระญาณของ พระองค์ พระองค์ทรงทราบว่า เด็กหนุ่มมีอปุ นิสยั พอที่จะโปรด ให้ เห็นธรรมได้


๒๘ มรรคง่าย

จึงเสด็จเข้ าไปบิณฑบาตในเมือง ผ่านไปยังเรื อนของ เศรษฐี ขี ้เหนียวนี ้พอดี ทรงแผ่ฉัพพรรณรังสีไปต้ องกายเด็กหนุ่ม ซึ่งนอนแซ่ว อยูบ่ นชานบ้ านดังกล่าว เด็กหนุ่มมองเห็นแสงวูบวาบ จึงพลิกกายด้ วยความ ล�ำบาก หันไปมองก็เห็นพระพุทธองค์ทรงยืนนิ่งคล้ ายอยูต่ อ่ หน้ า ตนเองใกล้ ๆ จึงสลดใจว่า “เพราะพ่ อ ของเราตระหนี่ ถ่ ี เ หนี ย ว ไม่ได้ ชักชวน ให้ เราท�ำบุญท�ำทานแม้ แต่น้อย บัดนี ้แม้ แต่จะยกมือนมัสการ พระพุทธองค์ก็แสนยาก น่าสังเวชตนเองยิ่งนัก” แล้ วเขาก็น้อมจิตร� ำลึกถึงพระพุทธคุณ ยกมือขึน้ นมัสการด้ วยจิตอันเลื่อมใส แล้ วก็ดบั จิตลง ณ บัดดล ว่ากันว่า เขาจุติ (ตาย) แล้ วไปเกิดเป็ นเทพบุตรบนสรวงสวรรค์ คิดดูสิคุณโยม...แค่ มัฏฐกุ ณฑลี ...น้ อมจิตร� ำลึกถึง พระพุทธคุณ ยกมือไหว้ พระพุทธเจ้ ายังไปเกิดเป็ นเทพบุตร แล้ วคุณโยมท�ำบุญขวนขวายในทานศีลภาวนา แล้ วโยมจะไม่ไปเกิดบนสวรรค์บ้างหรื อ


มรรคง่าย

๒๙

ส่ ว นเศรษฐี ผ้ ูเ ป็ น พ่ อ เมื่ อ ลูก สิ น้ ชี วิ ต ลง ก็ เ ศร้ าโศก เสียใจมาก ไม่เป็ นอันกินอันนอน เผาศพลูกแล้ ว ก็จะมาร�่ ำไห้ ถึงลูกรัก ตรงเชิงตะกอนที่เผาลูกทุกวันๆ เป็ นที่นา่ เวทนายิ่งนัก ร้ อนถึงลูกซึ่งบัดนี เ้ ป็ นเทพบุตรแล้ ว ต้ องการจะสอน พ่อผู้ขีเ้ หนี ยวให้ ส�ำนึก ขณะที่ท่านผู้เฒ่าร้ องห่มร้ องไห้ อาลัย อาวรณ์ ลกู รักอยู่นนั ้ เด็กคนหนึ่งไม่ร้ ู ว่ามาจากไหน ก็ส่งเสียง ร้ องไห้ จ้าอยูข่ ้ างๆ ผู้เฒ่าจึงหยุดร้ อง หันมาหาเด็ก “หนูเป็ นใคร ท�ำไมจึงมาร้ องไห้ อยูค่ นเดียว” พ่อหนูชี ้นิ ้วไปบนฟ้า พลางร้ องว่า “ลุงจ๋า หนูอยากได้ พระอาทิตย์และพระจันทร์ บนฟ้า เอามาท�ำล้ อรถสวยๆ” “เด็ ก เอ๋ ย เจ้ า ช่ า งโง่ นัก พระอาทิ ต ย์ แ ละพระจัน ทร์ มันโคจรอยูบ่ นฟ้าไกล ไม่มีใครไปถึงได้ หนูจะเอามาได้ อย่างไร มานี่มาเอารูปี (เงิน) จากลุงยังง่ายกว่า เอารูปีนี ้ไปซื ้อล้ อรถได้ ” เจ้ าเด็กน้ อยก็ร้องพลางเต้ นเร่าๆ ว่า “ไม่อาวๆ หนูจะเอาพระอาทิตย์กบั พระจันทร์ ” “เจ้ าเด็กโง่ ก็บอกแล้ วไงว่า ไม่มีใครเอามันมาได้ ”


๓๐ มรรคง่าย

เด็กน้ อยหยุดร้ องทันที หันมาถามว่า “แล้ วลุงร้ องไห้ ท�ำไม เมื่อตะกี ้นี ้” “ลุงร้ องไห้ คดิ ถึงลูกชายลุง เขาตายจากลุงไปสามวันแล้ ว” เสียงเล่าขาดหายไปในล�ำคอ น� ้ำตาคลอ พลางสะอื ้นด้ วยความคิดถึงเป็ นก�ำลัง “เออ แปลกนะ” เด็กน้ อยเปรยขึ ้น “แปลกอะไรหนู” ผู้เฒ่าถาม “ก็เราสองคนนี ้คนหนึง่ ร้ องอยากได้ สงิ่ ทีม่ องเห็น ส่วนอีก คนหนึง่ ร้ องอยากได้ สงิ่ ที่มองไม่เห็น คนไหนจะโง่กว่ากันนะ” ผู้เฒ่าได้ ยินก็สะอึก “เออ จริ งสิ ลูกเราตายไปแล้ ว ถูกเผาเหลือแต่เถ้ าถ่าน มองไม่เห็น แต่เจ้ าหนูนมี่ นั ร้ องอยากได้ พระจันทร์ และพระอาทิตย์ เห็นๆ อยู่ เรานี่มนั โง่ นัก” ทันใดนันเด็ ้ กน้ อยก็ลอยขึ ้นในอากาศ แล้ วก็หายวับไป ณ บัดนันแล ้ เรื่ องนี ้จะเป็ นเรื่ องจริ ง หรื อแต่งขึ ้นคงมิใช่ประเด็น


มรรคง่าย

๓๑

ประเด็น อยู่ที่ ผ้ ูเ ฒ่า อย่า งท่า นเศรษฐี คิ ด ถึง แต่ตัว เอง ไม่ต้องการให้ คนอื่นรู้ ว่าตนมีเงินมีทอง เงินทองที่มีแทนที่จะ น�ำมาใช้ จา่ ยเลี ้ยงตัวเอง เลี ้ยงบุตรภรรยาตามเหมาะสมแก่ฐานะ ก็ไม่ท�ำ ขนาดลูกป่ วยก็ไม่ขวนขวายรักษาในทางที่เหมาะที่ควร กลับหายากลางบ้ าน หรื อยาผีบอกมาให้ กิน จนลูกตาย เพราะความงก ความโง่ของตน ก็ยงั ไม่ร้ ูตวั ยังมีหน้ ามาบอกว่า รักลูกมาก เผาลูกแล้ วก็ไม่เป็ นอันกินอันนอน มาร้ องห่มร้ องไห้ ณ ป่ าช้ าที่เผาศพลูก ด้ วยความอาลัยอาวรณ์ จนเด็กน้ อยนิรนามมาเตือนสติ จึงส�ำนึกได้ วา่ “ความผิดทัง้ หมดนีอ้ ยู่ท่ตี วั เอง เพราะความเห็นแก่ ตวั ของเราแท้ ๆ” สายเกินไปที่จะเอาชีวิตลูกกลับมา แต่ไม่สายส�ำหรับ เป็ นบทเรี ยน ปรั บเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่ อท� ำประโยชน์ แก่ ตนเอง ครอบครัว และสังคม ด้ วยความมรรคง่ายที่วา่ “ความคิดที่น่ากลัว คือความเห็นแก่ ตวั ของเราเอง” โยมว่ าไหม !


มรรคง่าย

คนเราไม่ควรติดอยู่แค่ การทำ�เพื่อให้ตัวเองเป็นสุข แต่ว่าควรคิดทำ�ยังไงให้ผู้อื่นเป็นสุขได้ คนที่คิดอย่างนี้ก็จะกลายเป็นคนที่ มีความสุขกว้างออกไปด้วย พระพรหมคุณาภรณ์


มรรคง่าย

เดียรถีย์ มักมาก

นสมัยพระพุทธศาสนารุ่งเรื องอย่างงดงาม ครัง้ พระพุทธองค์ทรงพระชนม์ชีพอยู่ มีบคุ คลมากมาย ที่เราท่านได้ เรี ยนรู้ถงึ กรรม (การกระท�ำ) ของบุคคลเหล่านัน้ มีทงเศรษฐี ั้ ผ้ ใู จบุญ มีทงนายทุ ั้ นผู้ใจงาม อุบาสกผู้มงั่ คัง่ อุบาสิกาผู้มนั่ คง เช่นท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี นางวิสาขามหาอุบาสิกา ท่านโฆสกเศรษฐี ท่านโชติกะเศรษฐี และพระเจ้ าพิมพิสาร และยังมีนายทุนใจงามอีกหลายท่าน


๓๔ มรรคง่าย

อีกมุมหนึง่ ก็ยงั มีบคุ คลผู้มีกรรมหนัก ถึงขันธรณี ้ รองรับ ไม่ไหว (แผ่นดินสูบ) รวม ๕ คน เริ่มจากพระเทวทัต พระเจ้ าสุปปพุทธะ นางจิญจมาณวิกา นันทมาณพ และนันทยักษ์ แต่เศรษฐี กบั เดียรถีย์ได้ รับผลกรรมที่ตา่ งอย่างน่าเรี ยนรู้ กรรม (การกระท�ำ) ในทางพระพุทธศาสนาก็ปรากฏชัด ว่ามี ๒ คือ กระท�ำดี กรรมดี เรี ยกว่า กุศลกรรม กระท�ำชั่ว กรรมไม่ ดี เรี ยกว่า อกุศลกรรม ลัทธิศาสนาอื่นสอนให้ มอบตนถวายชีวติ แก่สงิ่ ศักดิส์ ทิ ธิ์ ภายนอก เชื่อการลิขิตของเทพเจ้ า เรี ยกว่า “พรหมลิขติ ” แต่ ลัก ษณะเด่ น ของเราชาวพุท ธที่ พ ระพุท ธเจ้ า ทรง เน้ นสอนให้ เชื่อเรื่ องอ�ำนาจของผลกรรมของตนเอง เรี ยกว่า “กรรมลิขติ ”


มรรคง่าย

๓๕

พระเดชพระคุณ หลวงพ่ อ พระพรหมโมลี (วิ ล าศ ญาณวรมหาเถร ป.ธ.๙) อดีตเจ้ าอาวาสวัดยานนาวา ได้ รจนา เรื่ องกรรมไว้ น่าเรี ยนรู้ ยิ่ง ชื่อว่า กรรมทีปนี หากปรารถนาจะ ทราบเรื่ องกรรมที่ชดั แจ้ ง อ่านง่าย สบายจิต ควรหามาเรี ยนรู้ ลิ ้มรสธรรมะดีสกั เล่ม แต่เพี ยงแค่เราท่านได้ เรี ยนรู้ กรรมของบุคคลทัง้ ห้ านี ้ ก็เพียงพอต่อการสร้ างกรรมดีแล้ ว เริ่มจากพระเทวทัต ในสมัยพุทธกาลเป็ นพีข่ องพระนาง ยโสธรา (พิมพา) พระชายาของเจ้ าชายสิทธัตถะราชกุมาร พระเทวทัตนันตามจองล้ ้ างพระพุทธเจ้ ามานานหลายชาติ อดีตชาตินานมาแล้ วนัน้ พระเทวทัตเป็ นพ่อค้ าวาณิช มีจิตละโมบทุจริ ต และในชาตินนั ้ พระพุทธองค์ได้ เสวยพระชาติเป็ นพ่อค้ า วาณิชด้ วยเช่นกันแต่เป็ นฝ่ ายสุจริ ต


๓๖ มรรคง่าย

วันหนึ่งหญิ งชราซึ่งเป็ นผู้ดีตกยาก มีถาดทองค�ำของ ต้ นตระกูลเหลืออยู่ จึงน�ำออกมาขาย พระเทวทัตเห็นเช่นนัน้ จึงลวงด้ วยเล่ห์ตอ่ หญิงชรานันว่ ้ า ถาดนันมิ ้ ใช่ทองค�ำแท้ เป็ นถาดทองปลอม จึงเสนอขอซื ้อราคาถูก แต่หญิงชรารู้ดีวา่ เป็ นถาดทองค�ำ จึงมิยอมขายให้ ในเวลาเดี ย วกัน นัน้ พระพุท ธองค์ ซึ่ง เสวยพระชาติ เป็ นพ่อค้ ามาพบเข้ า เห็นเป็ นถาดท�ำด้ วยทองค�ำแท้ ก็ให้ ราคา ตามความเป็ นจริ ง สร้ างความโกรธแค้ นให้ แก่พระเทวทัตเป็ นยิ่งนัก ถ้ าไม่มีพระพุทธองค์มาซื ้อถาดทองค�ำนัน้ หญิงชราต้ อง ขายให้ เราแน่ ด้ ว ยเหตุนี พ้ ระเทวทัต จึ ง ผู ก พยาบาทด้ ว ยการกอบ เม็ดทรายขึ ้นมา ๑ ก�ำมือ หว่านลงกับพื ้นดินประกาศจองเวรว่า “เราจะจองล้ าง จองผลาญท่านต่อไปเท่าเม็ดทรายในก�ำมือ” ทราย ๑ เม็ด เท่ากับ ๑ ชาติ จึงตามเบียดเบียนพยาบาท จองเวรกันมาตลอด


มรรคง่าย

๓๗

เรื่ อยมาจนกระทัง่ พระชาติสดุ ท้ ายก่อนจะที่จะมาตรัสรู้ เป็ นพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า คือเสวยพระชาติเป็ นพระเวสสันดร พระเทวทัตได้ มา เกิดเป็ นพราหมณ์ “ชูชก” จนกระทั่ง มาถึ ง พระชาติ ท่ี ไ ด้ ต รั ส รู้ เป็ น พระพุท ธเจ้ า พระเทวทัตมีจิตริ ษยาพระพุทธเจ้ า ก็เริ่ มใส่ร้ายป้ายสีพระพุทธเจ้ า สร้ างลัทธิ ศรั ทธาแข่ง เพื่อหวังจะเป็ นพระพุทธเจ้ า มิเพียงเท่านันยั ้ งลวงเจ้ าชายอชาติศตั รูให้ ฆา่ พ่อ แล้ วตัง้ ตัวเองเป็ นพระราชา พระเจ้ าอชาติศตั รู นนเคยเลื ั้ ่อมใสพระพุทธองค์ แต่เมื่อ ถูกพระเทวทัตบาปมิตร แนะน�ำถึงขันท� ้ ำกรรมหนักปลงพระชนม์พระราชบิดา พระเทวทัตเองก็คิดปลงพระชนม์พระพุทธองค์ แล้ วจะ ตังตนเป็ ้ นพระศาสดาเสียเอง


๓๘ มรรคง่าย

ทังจ้ ้ างนายขมังธนูมาฆ่าพระพุทธเจ้ า มอมเมาช้ าง “นาฬาคีรี” จนมึนเมาดุร้ายแล้ วปล่อยออก ไปท�ำร้ ายพระพุทธองค์ ตลอดจนกระทัง่ ยุยงหมูพ่ ระสงฆ์ให้ แตกกัน กรรมของพระเทวทัตนันหนั ้ กหนา จนแผ่นดินที่รองรับ อยูน่ นทนมิ ั้ ได้ แยกตัวออก และสูบเอาพระเทวทัตตกสูข่ มุ นรกอเวจี ยืนเสวยอกุศล วิบากอีกนานเท่านาน จนแทบจะนับกาลเวลาไม่ได้ คนที่ ๒ พระเจ้ า สุ ป ปพุ ท ธะ พ่ อ ของพระเทวทัต เมื่อทราบว่าพระเทวทัตถูกธรณีสบู ก็ จิ ต อาฆาตพยาบาทพระพุท ธองค์ เพราะนอกจาก จะท�ำให้ พระเทวทัตต้ องถูกธรณีสบู พระพุท ธเจ้ า ยัง ท� ำ ให้ เ จ้ า หญิ ง ยโสธรา ลูก สาวของ พระเจ้ าสุปปพุทธะเป็ นหม้ าย


มรรคง่าย

๓๙

จึง กลั่น แกล้ ง พระพุท ธองค์ ด้ ว ยการเกณฑ์ อ�ำ มาตย์ ข้ าราชบริ พาร ไปนัง่ กินเหล้ าเมาขวางทางที่พระพุทธองค์จะออก บิณฑบาต ซึง่ ทางนันมี ้ เพียงทางเดียวเท่านันที ้ ่พระพุทธองค์จะทรง เสด็จด�ำเนินไปได้ เมื่ อเสด็จด� ำเนิ นผ่านไม่ไ ด้ เพราะพระเจ้ าสุปปพุทธะ กับบริ วารขวางทางไว้ วันนันพระพุ ้ ทธองค์ทรงอดพระกระยาหาร ๑ วัน พระอานนท์จึงทูลถาม อยากจะทราบโทษของพระเจ้ า สุปปพุทธะ พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “อานนท์ หลังจากนี ้ไปนับได้ ๗ วัน พระเจ้ าสุปปพุทธะ จะลงอเวจีตามเทวทัตไป” เมื่อบริ วารของพระเจ้ าสุปปพุทธะกลับไปรายงานความ ที่พระพุทธเจ้ าตรัส พระเจ้ าสุปปพุทธะก็คิดจะท�ำให้ สิ่งที่ตรัสนันไม่ ้ เป็ นจริ ง เพื่อลบหลู่


๔๐ มรรคง่าย

จึงขึ ้นไปประทับ ณ ปราสาท ๗ ชัน้ แต่ละชันมี ้ นายทวาร ป้องกันแข็งขัน สัง่ นายทวารทังหลายนั ้ นว่ ้ า “ในระหว่าง ๗ วันนี ้ ถ้ าฉัน ลงมาละก็ พวกเธอจงขัดขวางเอาไว้ ” ๖ วันผ่านไปได้ จนกระทัง่ ถึงวันที่ ๗ วันนันปรากฏว่ ้ า ม้ าแก้ วซึง่ เป็ นม้ าทรงศึกตัวโปรด อาละวาดกระทืบโรง ร้ องเสียง ดังมาก เกิดคิดเป็ นห่วงม้ า ด้ วยอาการขาดสติจึงวิ่งลงมาจาก ปราสาทชัน้ ๗ แต่ปรากฏว่านายทวารมิได้ ขดั ขวาง ด้ วยคิดว่า เลยครบก�ำหนด ๗ วันแล้ ว พอพระเจ้ าสุปปพุทธะย่างพระบาท เหยี ย บแผ่ น ดิ น ก็ ถู ก พระธรณี สู บ หายไปสู่ ม หานรกอเวจี ตามพุทธด�ำรัสที่ตรัสไว้ แก่พระอานนท์ คนที่ ๓ นางจิญจมาณวิกา เบียดเบียนพระพุทธองค์ โดยรับอาสาจากพวก “ปริ พาชก” ผู้มีจิตริ ษยาในลาภสักการะ ของพระพุทธองค์ จึงคิดกลัน่ แกล้ งด้ วยการจ้ างนางจิญจมาณวิกา แกล้ งท�ำ เป็ นคนท้ อง


มรรคง่าย

๔๑

แล้ วก็ไปร้ องบอกสมณโคดมขณะนัง่ ประทับเทศนาว่า “ท่านสมณะโคดม จะมัวมานัง่ เทศน์หน้ านวลอยู่ท�ำไม นี่เธอท�ำให้ ฉนั มีครรภ์เช่นนี ้กลับมิดแู ล” อย่ามัวเทศน์ โปรดพุทธบริ ษัทอยู่เลย จงไปตัดฟื นไว้ เพื่อฉันดีกว่า เวลาคลอดแล้ วลูกเราจะได้ มิล�ำบาก” พระพุทธองค์ได้ ทรงสดับ จึงหยุดเทศนาและกล่าวกับ นางจิญจมาณวิกาว่า “ดูก่อนน้ องหญิ ง เรื่ องที่เธอกล่าวนัน้ คนอื่นเขามิได้ รู้เรื่ องด้ วยหรอกนะ จะมีเธอกับฉันเพียงสองคนเท่านันละที ้ ่ร้ ูกนั ” พระพุทธองค์ทรงกล่าวด้ วยความอิ่มเอมใจ ท่ามกลาง ความสงสัยของพุทธบริ ษัท เรื่ องนี ้เดือดร้ อนถึงพระอินทร์ ที่ต้องท�ำหน้ าที่รักษาผู้ทรง คุณธรรมสูงส่ง จึงทรงแปลงกายเป็ นหนูไปกัดเชือกที่ผกู ไม้ ท�ำให้ ไม้ ที่ผกู ติดไว้ เหมือนเช่นคนมีครรภ์นนหลุ ั ้ ดตกลงมา พุทธบริ ษัทเห็นมารยากล่าวให้ ร้ายที่นางจิญจมาณวิกา กระท�ำต่อพระพุทธองค์ ก็พากันดุดา่ ไล่ขว้ างด้ วยก้ อนหินและไม้


๔๒ มรรคง่าย

นางจิญจมาณวิกา ได้ วิ่งหลบหนีไป พอพ้ นสายตาของ พระพุทธองค์ นางจิญจมาณวิกาก็ถกู ธรณีสบู ลงสูน่ รกมหาอเวจี ด้ วยกรรมอันหนักนัน้ นางจิ ญจมาณวิกาเมื่ อชาติก่อนหน้ านัน้ นางเกิ ดเป็ น นางอมิตตดาภริยาของชูชก หรื อพระเทวทัตในชาติเดียวกันกับที่ พระพุทธเจ้ าได้ เกิดเป็ นพระเวสสันดรนัน่ เอง คนที่ ๔ นันทมาณพ มิได้ ท�ำร้ ายพระพุทธเจ้ าแต่ท�ำร้ าย สาวกของพระพุทธองค์ คือ “พระอุบลวรรณาเถรี ” ภิ กษุ ณีผ้ ูเป็ นพระอรหันต์ ขันปฏิ ้ สมั ภิทาญาณ ออกบวชตังแต่ ้ อายุ ๑๖ มีความสวยงามมาก ซึง่ ก่อนนัน้ ที่เป็ นฆราวาส ความสวยเป็ นที่เลื่องลือ และเป็ นที่หมายปอง ของคนทังหลาย ้ แต่พระอุบลวรรณาเถรี เบื่อหน่ายชีวิตฆราวาส เห็นเป็ น ทุกข์จงึ ออกบวชเป็ นภิกษุณี แต่วา่ นันทมาณพแอบหลงรักฝังแน่นในใจมาช้ านาน


มรรคง่าย

๔๓

วั น หนึ่ ง นั น ทมาณพทราบว่ า พระอุ บ ลวรรณาเถรี จ�ำพรรษาอยู่ในป่ า ในกระท่อมเล็กๆ ด้ วยจิตอันฝั งแน่นด้ วย ราคะตัณหา นันทมาณพได้ แฝงตัวแอบรออยูจ่ นถึงเช้ า พระอุบลวรรณาเถรี ออกบิณฑบาตแล้ ว นันทมาณพ จึงได้ หลบเข้ าไปแอบซ่อนอยูใ่ ต้ เตียงนอนในกระท่อม เมื่ อ พระอุบ ลวรรณาเถรี ก ลับ จากบิ ณ ฑบาต ยัง มิ ไ ด้ ฉันข้ าว นัง่ พักสงบอยูบ่ นเตียง นันทมาณพได้ ออกมาจากที่ซอ่ นเข้ าปลุกปล� ้ำพระอุบล วรรณาเถรี แม้ นจะร้ องหาคนช่วยก็ไม่เป็ นผล เพราะไม่มีใครอยูใ่ กล้ จึงกล่าวให้ สติแก่นนั ทมานพว่า “จงอย่าท�ำเช่นนี ้ ความหายนะจะมาสูท่ า่ น” นันทมาณพมิได้ ฟังกลับปลุกปล� ้ำจนส�ำเร็จความใคร่ แค่ก้าวลงจากแคร่ก็ถกู แผ่นดินสูบตกลงสูม่ หานรกอเวจี ด้ วยกรรมลามกนันหนั ้ กมาก


๔๔ มรรคง่าย

จนพระอุบลวรรณาเถรีถกู วิจารณ์อย่างหนักว่า การสัมผัส เช่นนี ้ พระอุบลวรรณาเถรี จะไม่มีความยินดีไม่ได้ พระพุทธองค์จงึ ทรงตรัสบอกต่อพุทธสาวกว่า “พระอรหันต์ นัน้ ไม่ มีกเิ ลส ไม่ มีความยินดีในกิเลส เฉกเช่ นตุ๊กตาที่ไม่ มีความปรารถนาในการสัมผัสฉั นใด พระอรหันต์ กเ็ ป็ นเช่ นนัน้ ” และคนที่ ๕ นันทยักษ์ มิได้ สร้ างกรรมต่อพระพุทธองค์ แต่กระท�ำเบียดเบียนต่อพระสารี บตุ ร ซึ่ง วัน หนึ่ง นัน ทยัก ษ์ ผู้มี ฤ ทธิ์ เ ดชเหาะมาบนอากาศ พร้ อมด้ วยเหมตายักษ์ เมื่อเหาะมาถึงตรงที่พระสารี บตุ รก�ำลัง เข้ านิโรธสมาบัติอยู่ บริ เวณนันว่ ้ างเปล่าจากอากาศธาตุ นันทยักษ์ เหาะผ่าน ไม่ได้ จึงเกิดบันดาลโทสะ และในชาติปางก่อนนัน้ นันทยักษ์ ได้ อาฆาตพยาบาท พระเถระเอาไว้


มรรคง่าย

๔๕

จึงคิดจะท�ำร้ ายพระสารี บตุ รด้ วยความพาลในสันดาน เหมตายักษ์ ได้ ทดั ทานให้ ละเว้ นเสีย แต่นนั ทยักษ์ ก็มิฟัง เหาะขึ ้นบนอากาศ ใช้ กระบองอาวุธประจ�ำตัวฟาดลงบนศีรษะของพระสารีบตุ ร ความแรงแห่งการฟาดนัน้ สามารถพังภูเขาในคราว เดียวกันได้ ถงึ ๑๐๐ ลูก แต่พระสารี บุตรซึ่งอยู่ในนิโรธสมาบัตินนั ้ หาได้ สะทก สะท้ านเกรงกลัวไม่ เมื่อเห็นพระสารี บตุ รมิได้ รับอันตราย นันทยักษ์ ก็บงั เกิด เพลิงเร่าร้ อนในอารมณ์ กล่าวออกมาด้ วยเสียงอันดังว่า “เราร้ อน เราร้ อน” แล้ วตกลงมาจากอากาศ แผ่นดินเปิ ดช่องดึงร่ างของนันทยักษ์ ดิ่งลงสู่มหานรก อเวจีอนั ลึกสุด


๔๖ มรรคง่าย

กรรมหนักทัง้ ๕ ตัวอย่าง จักเป็ นคติมมุ คิดแก่เราท่าน ทังหลาย ้ เหมือนค�ำโบราณที่กล่าวกันว่า ดูละครแล้ วย้ อนดูตวั เช่นกันเราได้ เรียนรู้กรรม (การกระท�ำ) ของบุคคลดังกล่าว มาแล้ ว เราก็ควรเสริ มเติมแต่งบุญด้ วยกรรมดี เหมือนบรรดา เศรษฐี ผ้ ใู จดีทงหลาย ั้ ท่ านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้ ชื่อว่าผู้ชอบท�ำทานแก่ คนไร้ ยาก นางวิส าขา เป็ นมหาอุบาสกาชัน้ เลิศ ไม่เคยเข้ าวัด ด้ วยมือเปล่า ท่ านโฆสกเศรษฐี ผู้หมัน่ ท�ำบุญแม้ จะเป็ นเศรษฐี แล้ ว ท่านโชติกะเศรษฐี ร�่ำรวยกว่าพระราชาก็ยงั ท�ำบุญตลอด และพระเจ้ า พิม พิส าร พระมหากษั ตริ ย์ผ้ ูทรงธรรม (ทรงท�ำ) ตัวอย่างดีก็มี ตัวอย่างร้ ายก็มี สุดแต่ ใจจะไขว่ คว้ าละคุณโยม


มรรคง่าย

ยักษ์ จัดระเบียบคน

ลวงพ่อพุทธทาส แห่งสวนโมกข์ สอนเราไว้ วา่ “การคิดจะเปลี่ยนแปลงนิสยั คนอื่น ระวังจะบ้ าตาย” แม้ แต่การเลือกตังผู ้ ้ ว่าราชการกรุ งเทพมหานครครัง้ ที่ ผ่ า นมา หลายค� ำ พู ด ที่ ส วยหรู เพื่ อ การเปลี่ ย นแปลง เช่ น รักกรุงเทพฯ ร่วมสร้ างกรุงเทพฯ, พลิกโฉมกรุงเทพฯ, รู้ทกุ ปั ญหา เข้ าถึงทุกพืน้ ที่ พร้ อมลงมือแก้ ไขทันที, กรุ งเทพฯ ปลอดภัย ๒๔ ชัว่ โมง ก็ยงั ไม่แน่หรอกว่า การเปลี่ยนแปลงเหล่านันจะเกิ ้ ดขึ ้น หรื อเปล่า


๔๘ มรรคง่าย

แต่ การเปลี่ยนแปลงที่ง่ายที่สุด คือเริ่มเปลี่ยนแปลง ที่ตัวเรา เพราะคนเราไม่เหมือนกัน จะให้ ใครๆ เขาได้ ดงั่ ใจเรา ซะทุกอย่าง คงเป็ นไปไม่ได้ ทุกครัง้ ทีเ่ จอเรื่องราวไม่สบายใจ จากการทีใ่ ครๆ รอบข้ าง ไม่เป็ นอย่างที่เราหวัง ก็จงบอกตัวเองว่า อย่ าคิดมาก..เพราะเราไม่ ใช่ เทวดา ขนาดยักษ์ ที่ว่ามีฤทธิ์ มหาศาลยังแทบบ้ ากับการนอน ของคน ในสมัยพุทธกาล มียกั ษ์ อยู่ตนหนึ่งมีหน้ าที่เฝ้าศาลา พักริ มทาง ในแต่ละวันจะมีผ้ คู นแวะเวียนมาพักผ่อนนอนหลับ จ�ำนวนมาก คืนหนึง่ ขณะที่ทกุ คนก�ำลังหลับไหล เจ้ ายักษ์ ก็ท�ำหน้ าที่ เฝ้ายามตรวจตรา เมื่ อ มองมายัง ศาลาที่ มี ค นนอนอยู่ม ากมาย สูง บ้ า ง ต�่ำบ้ าง ดูแล้ วเกิดความร� ำคาญใจ ก็บน่ กับตัวเองว่า “ท�ำไมมนุษย์จงึ ได้ นอนกันไม่เป็ นระเบียบอย่างนี ้” ว่าแล้ วเจ้ ายักษ์ ก็อดไม่ไหว จับหัวคนเหล่านันดึ ้ งขึ ้นมา เรี ยงให้ เท่ากัน ครัน้ เสร็ จแล้ วหันไปมองที่ปลายเท้ าของคน


มรรคง่าย

๔๙

ก็เห็นปลายเท้ าคนไม่เท่ากัน ก็เกิดความร�ำคาญใจขึ ้นมา อีกว่า “เออ! หัวเท่ากัน แต่ท�ำไมปลายเท้ าไม่เท่ากัน” ว่ า แล้ ว เจ้ า ยัก ษ์ ก็ จับ ขาคนเหล่า นัน้ ดึง ลงมาเรี ย งให้ เท่ากันทังหมด ้ จ�ำนวนคนที่มากมายเจ้ ายักษ์ เหนื่อยเหลือเกิน คิดว่าคราวนี ้คงจะเรี ยบร้ อยได้ เสียที ครัน้ หันไปมองด้ านหัว เจ้ ายักษ์ ก็ยิ่งโมโหเข้ าไปใหญ่ เจ้ ายักษ์ ก็ดงึ หัว ดึงเท้ าอยูเ่ ช่นนันทั ้ งคื ้ น “น่าสงสารเจ้ ายักษ์ จงั ” มนุษย์ที่นอนอยูค่ ยุ กัน จะท�ำอะไรให้ ได้ ดงั่ ใจทุกอย่าง สุดท้ ายก็ต้องเหนื่อยเอง ปวดหัวเอง เครี ยดเอง การคาดหวังให้ คนอื่นๆ เป็ นอย่างที่เราหวังนัน้ ท�ำให้ เราเป็ นทุกข์ อย่าไปคิดให้ คนอื่นสุข ทังๆ ้ ทุกข์ก็ยงั อยูก่ บั เรา หากเราปรารถนาสุขก็ควรใช้ ชวี ติ ให้ เหมือนนาฬิกา ได้ ยินค�ำว่า “นาฬิกา” เราคงคิดถึงภาพวัสดุกลมบ้ าง แบนบ้ าง มีตวั เลข ๑-๑๒ แล้ วก็ท�ำหน้ าที่บอกเวลาแก่ผ้ ทู ี่มองดู


๕๐ มรรคง่าย

ซึ่งนาฬิกามีลักษณะพิเศษอยู่อย่างหนึ่งคือเดิน หน้ า อย่ างเดียว ไม่ ถอยหลัง คล้ ายกับชีวติ ของผู้ประสบความส�ำเร็จ มักจะเดินหน้ าอยูต่ ลอดเวลา จนมีค�ำพูดที่ว่า ใครที่ปรารถนาจะมีสุข ต้ องท�ำตัว ให้ เหมือนนาฬิกาคือ อยู่กับปั จจุบนั และหลายท่ า นก็ พูด กัน ว่ า “จะพั ฒ นาอะไรก็ ต าม ต้ องเริ่มต้ นที่เข็มนาฬิกา” การตรงต่อ เวลาเป็ น สิ่ง ที่ ผ้ ูน้ อ ยควรมี อย่า ให้ ผ้ ูใ หญ่ มารอ เพราะท่านจะไม่เมตตา หลวงปู่ ชา สุภทั โท วัดหนองป่ าพง สอนว่า จงรั กษาใจให้ เหมือน “นาฬิกา” เพราะหน้ าที่ของนาฬิกาคือ การอยู่กับปั จจุบันขณะ ด้ วยสัจจะ และความเที่ยงตรง ครัง้ หนึ่งไปเทศน์ที่ต่างจังหวัด นัง่ รถเข้ าไปวัดแห่งหนึ่ง มองเห็นซุ้มประตูแต่ไกล เด่นสง่าสวยงาม แต่วดั สร้ างแปลก เพราะสร้ างซุ้มประตูเป็ นหอนาฬิกา


มรรคง่าย

๕๑

เราไปถึงที่นนั่ เกือบบ่ายสองโมงแล้ ว แต่เข็มนาฬิกาก็ยงั อยูท่ ี่ ๑๑.๕๐ น. หลังจากเทศน์เสร็จก็เดินไปกราบลาหลวงพ่อเจ้ าอาวาส ตามธรรมเนียมพระไปลามาไหว้ เมื่อได้ สนทนากับท่าน เราก็เลยเรี ยนถามท่านว่า “หลวงพ่อครับสงสัยนาฬิกาหน้ าวัดหลวงพ่อถ่านคงจะ หมดครั บ ผมมาถึงวัดหลวงพ่อเกื อบสองโมง แต่นาฬิกาเพิ่ง ๑๑.๕๐ ครับ” หลวงพ่ออมยิ ้มแล้ วตอบว่า “ท่านมหา นาฬิกาวัดผม มันไม่เคยเดินหรอก ผมสร้ างซุ้มนี ้ ๗ ปี แล้ ว นาฬิกามันไม่เดิน ตังแต่ ้ วนั แรกนะท่านมหา” “อ้ าว! แล้ วหลวงพ่อสร้ างท�ำไมครับ ถ้ ามันไม่เดิน” “ท่า นมหา ผมก� ำ ลัง สอนธรรมะแก่ ญ าติ โ ยมที่ ขับ รถ ผ่านไปผ่านมาให้ เกิดสติไง” “เกิ ด สติ อ ะไรกั น หลวงพ่ อ ” เราก็ ถ ามท่ า นกลับ ไป อย่างงงๆ


๕๒ มรรคง่าย

“อ้ าวมหามองไปที่ซ้ มุ ประตูสิ มันกี่โมงกัน” “๑๑.๕๐ ครับ หลวงพ่อ” “นั่นไงธรรมะ ก็มันมีแค่ ๑๑.๕๐ นะ มันไม่ มีเที่ยง” “ชีวิตของเราท่ านทัง้ หลายก็เช่ นกัน มีแค่ ๑๑.๕๐ ไม่ มีเที่ยง มันเป็ นสัจธรรมนะท่ านมหา” วันนันสุ ้ ขจังธรรมะ กราบหลวงพ่อแล้ วนัง่ อมยิ ้มอิม่ ธรรม มาตลอดทาง เมื่อต้ นเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ได้ จดั กิจกรรม “ค่าย ครอบครัวมีสขุ ” โดยวัดยานนาวา ร่วมกับ กรมการศาสนา และ ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ในกิจกรรม “รักแท้ ดแู ลได้ ” มีคณ ุ พ่อผู้สงู วัยท่านหนึง่ พูดกับลูกชายว่า “เปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองเถอะลูก พ่ อแก่ มากแล้ ว พ่ อไม่ ร้ ู จะมีพร่ ุ งนี อ้ ีกกี่วัน ที่ต่ ืนมาแล้ วเห็นหน้ าลูกชาย วันเวลาของพ่ อเหลือน้ อยเต็มที หากลูกไม่ เป็ นคนดี ก็ขอ อย่ าได้ เป็ นคนเลว เพราะวันเวลาของลูกก็เหลือน้ อย ไม่ ร้ ูว่า พ่ อหรื อลูก ใครจะตายก่ อนกัน ชีวติ เรามันไม่ เที่ยง” ฟั งจบก็เตือนใจเราได้ วา่ ชีวติ เรามัน ๑๑.๕๐ นะ



มรรคง่าย

เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์

ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร เมตตาสอนศิษยานุศิษย์ว่า “ข้อควรปฏิบัติ เมื่อมีความเปลี่ยนแปลงในชีวิต ทั้งดีขึ้นและเสื่อมลง คือ ไม่ดีใจ หรือเสียใจ จนเสียหลัก”


มรรคง่าย

นิ่ง...แน่น...นุ่ม...

มื่ อ พู ด ถึ ง “ค� ำ พู ด ” ก็ มี ห ลากหลายวาทกรรมที่ บ่งบอกถึงพฤติกรรมของคน เช่น ค�ำพูดไม่ส�ำคัญ การกระท�ำ ส�ำคัญกว่า พูดแรงส์..จนหูชา พูดหวานปานน� ้ำผึ ้ง พูดไม่มีสาระ พูดไม่ดตู าม้ าตาเรื อ พูดไม่ร้ ูกาลเทศะ หรื อแม้ กระทัง่ ...ดีแต่พดู ปากของคนเรานันถื ้ อได้ ว่าเป็ นยอดของลม เพราะลม ที่ว่าร้ ายแรง แต่ก็ยงั แพ้ ความร้ ายกาจของลมปากได้ ค�ำพูดดีๆ ที่ออกจากปาก สามารถท�ำให้ ผ้ ูฟังมีความรั ก มีความนับถื อ มีความศรัทธาได้ ลมปากสามารถพัดให้ คนที่ทะเลาะกัน โกรธกัน กลับมาเป็ นมิตรที่ดีตอ่ กันได้


๕๖ มรรคง่าย

แต่ในขณะเดียวกัน เจ้ าของปากที่พ่นพิษออกจากปาก แม้ เพียงค�ำเดียว ก็สามารถท�ำให้ ผ้ ฟู ั งที่อยูใ่ กล้ ชิด เกิดความรู้สกึ ได้ ตา่ งๆ นานา ท�ำให้ คนโกรธ เกลียด และเป็ นศัตรูกนั ในที่สดุ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ าทรงแสดงไว้ ว่า ปากของคนเรา มี ๓ ประเภท คือ ๑. คูถภาณี คนปากเหม็น คือ คนที่เห็นแก่ตวั เห็นแก่ ลาภเล็กๆ น้ อยๆ พูดไม่จริ ง ๒. บุปผภาณี คนปากหอม คือ คนทีไ่ ม่เห็นแก่ตวั ไม่เห็น แก่ลาภ รู้ ก็บอกว่ารู้ ไม่ร้ ู ก็บอกว่าไม่ร้ ู พูดจาพาทีรักษาน�ำ้ ใจ ฉันท์มิตร ๓. มธุ ภ าณี คนปากหวาน คือ คนที่พูดจาดี พูดจา ไพเราะ อ่อนหวาน พูดชวนให้ คนอื่นอยากฟั ง มีความรักและ มีความพอใจ ปากมีธรรมะ การพูดของคนอีกประเภทหนึง่ ซึง่ เรียกว่า ปากอัปมงคล คือ บุคคลที่ชอบพูดกระทบกระแทก พูดเสียดสี พูดยุยงให้ เกิด การแตกแยก พูดค�ำหยาบ น� ้ำเสียงแข็งกระด้ าง บางคนก็เรี ยกว่า สุนขั ภาณี ลักษณะปากอัปมงคลแบ่งเป็ น ๔ ประเภท คือ


มรรคง่าย

๕๗

๑. คนปากปด พูดไม่จริ ง พูดหลอกลวง เพื่อประโยชน์ ของตนเอง ๒. คนปากส่ อ เสี ย ด ผู้ที่ ช อบพูด ยุย ง ให้ เ กิ ด ความ ไม่เข้ าใจกัน และแตกแยกกันในที่สดุ ๓. คนปากหยาบ คนที่ ช อบพูด ให้ ผ้ ูฟั ง ได้ รั บ ความ ไม่สบายใจ ท้ อแท้ ผิดหวัง เจ็บใจ ๔. คนปากเพ้ อเจ้ อ คนชอบพูดจาเหลวไหล พูดไม่ร้ ูจกั กาลเทศะ พูดไม่มีหลักฐาน หลักธรรม หลักกรรม หลักเกณฑ์ พูดไปเรื่ อย ดัง ในสมัย ที่ พ ระพุท ธเจ้ า ประทับ อยู่วัด เชตวัน เมื อ ง สาวัตถี ทรงปรารภการพูดเสียดแทงให้ เจ็บใจของพวกภิกษุ ฉัพพัคคีย์ ได้ ตรัสอดีตนิทานมาสาธก (ยกตัวอย่างประกอบ) ว่า กาลครั ง้ หนึ่ง ในสมัยของพระเจ้ าคันธาระครองเมือง ตักกศิลา พระโพธิ สัตว์ เกิ ดเป็ นโค ชื่ อว่า นันทวิสาล เป็ นโค มีรูปร่างสวยงาม มีพละก�ำลังมาก


๕๘ มรรคง่าย

มีตาพราหมณ์คนหนึง่ เลี ้ยงและรักโคนันเหมื ้ อนลูกชาย โคนันคิ ้ ดจะตอบแทนบุญคุณการเลี ้ยงดูของพราหมณ์ ในวันหนึง่ ได้ พดู กับพราหมณ์วา่ “พ่อ จงไปท้ าพนันกับ โควินทกเศรษฐี วา่ โคของเราสามารถลากเกวียน ๑๐๐ เล่ม ที่ผกู ติดกันให้ เคลือ่ นไหวได้ ไม่เชือ่ พนันด้ วยเงินหนึง่ พันกหาปณะเลย” ตาพราหมณ์ ก็ ไ ปที่ บ้ า นเศรษฐี แ ละตกลงกัน ตามนัน้ นัดเดิมพันกันในวันรุ่งขึ ้น ในวัน เดิ ม พัน พราหมณ์ ไ ด้ เ ที ย มโคนัน ทวิ ส าลเข้ า ที่ เกวียนเล่มแรก เพื่อลากเกวียนหนึง่ ร้ อยเล่มผูกติดกันซึง่ บรรทุก ทราย กรวด และหินเต็มล�ำ แล้ วขึ ้นไปนัง่ บนเกวียน เงื ้อปฏักขึ ้นพร้ อมกับตวาดว่า “ไอ้ โคโกง โคโง่ เจ้ าจงลากเกวียนไปเดี๋ยวนี”้ ฝ่ ายโคนันทวิสาลเมื่อได้ ยินพราหมณ์ พูดเช่นนัน้ ก็คิด น้ อยใจว่า “พราหมณ์ เรี ยกเราผู้ไม่ โกง ว่ าโกง ผู้ไม่ โง่ ว่ าโง่ ” จึงยืนนิ่งไม่ เคลื่อนไหว


มรรคง่าย

๕๙

โควิ น ทกเศรษฐี จึ ง เรี ย กให้ พ ราหมณ์ น� ำ เงิ น หนึ่ ง พัน กหาปณะมาให้ เพราะแพ้ พนัน ฝ่ ายพราหมณ์ผ้ แู พ้ พนันเงินหนึ่งพันกหาปณะ ก็เข้ าไป นอนเศร้ าโศกเสียใจ ส่วนโคนันทวิสาลเห็นพราหมณ์เศร้ าโศกเสียใจเช่นนัน้ จึงเข้ าไปปลอบและกล่าวว่า “พ่อ ฉันอยูใ่ นเรื อนของพ่อมาตลอด เคยท�ำภาชนะอะไร แตกไหม เคยเหยียบใครให้ เจ็บไหม เคยถ่ายอุจจาระ ปั สสาวะ ในที่อนั ไม่ควรหรื อไม่ ? เพราะเหตุใด ท่านจึงเรี ยกเราว่า โคโกง โคโง่ ครั ง้ นี ้ เป็ นเพราะปากของท่านเอง ไม่ใช่ความผิดของฉัน บัดนี ้ ขอให้ ท่านไปเดิมพันกับโควินทกเศรษฐี ใหม่ ด้ วยเงินสองพันกหาปณะ ขออย่างเดียว ท่านอย่าได้ เรี ยกฉันว่า โคโกง โคโง่ ท่านจะได้ ทรัพย์ตามทีท่ า่ นปรารถนา ฉันจะไม่ทำ� ให้ ทา่ น เศร้ าเสียใจอีก”


๖๐ มรรคง่าย

พราหมณ์ได้ ท�ำตามที่โคนันทวิสาลบอก ในวันเดิมพัน พราหมณ์ จึงพูดหวานว่า “นั นทวิสาล ลูกรั ก เจ้ าจงลากเกวียนทัง้ ร้ อยเล่ มนีไ้ ปเถิด” โคนันทวิสาลก็ลากเกวียนร้ อยเล่มที่ผกู ติดกัน ด้ วยการ ออกแรงลากเพียงครัง้ เดียวเท่านัน้ ท�ำให้ พราหมณ์ชนะพนัน ได้ เงินพนันสองพันกหาปณะ พระพุทธองค์ ทรงน�ำอดีตนิทานมาสาธกแล้ วตรัสว่ า “ภิกษุทัง้ หลาย ชื่อว่ า ค�ำหยาบ ไม่ เป็ นที่ชอบใจ ของใครๆ แม้ กระทั่งสัตว์ เดียรั จฉาน” หากจะพูดแบบแบบมรรคง่าย ควรจะ “พูดนิ่งด้ วยจิตเมตตา พูดหนักแน่ นด้ วยธรรมะ พูดนุ่มนวลชวนพาที หากพูดรุ นแรงนินทาเมื่อไร...นับถอยหลังได้ เลย” โยมจ๊ ะ..เสน่ ห์...กับ...เสนียด สิ่งไหนละที่จะเอามาประดับปาก ก็แล้ วแต่ โยม ?


พระครูปลัดบัณฑิต อินฺทเมธี

ประธานกรรมการบริหารส�ำนักปฏิบัติธรรม ป่าโมกข์ธรรมาราม จังหวัดสระแก้ว


มรรคง่าย

เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ อดีตเจ้าคณะใหญ่หนกลาง วัดชนะสงคราม กรุงเทพมหานคร เมตตาแนะน�ำศิษยานุศิษย์ว่า “ถ้าเรามีศีล ประตูโรงพักก็ปิด ศาลก็ปิดประตู คุกก็ปิดประตู ประตูนรกก็ปิด เพราะศีลปิดประตูอบาย”


มรรคง่าย

วิธีทำ�ให้ รักยืดยาว

มื่ อ สักสามสี่ปีที่ผ่านมา เคยดูภาพยนตร์ ไทยเรื่ อ ง “ความจ�ำสัน้ แต่ รักฉันยาว” หรื อเปล่า เป็ นค�ำถามที่ถามโยมคนหนึง่ ซึง่ มาปรึกษาเรื่ องความรัก ซึง่ อันที่จริงหลายคนอาจจะนึกแปลกใจว่า ท�ำไมมีปัญหา เรื่ องความรักต้ องมาปรึกษาพระ ความจริ งแล้ วในสังคมไทยของเรา เวลาคนมีความทุกข์ ไม่วา่ จะเรื่ องอะไรก็ตาม คนไทยมักจะปรึกษาบุคคล ๒ กลุม่ โดยเฉพาะเรื่ องความรัก คือ พระ กับ หมอ แต่หมอ ที่วา่ นี ้ หมอดู นะ


๖๔ มรรคง่าย

เคยตังค� ้ ำถามกับตัวเองอยู่เหมือนกันว่า ท�ำไมต้ องเป็ น พระ กับ หมอดู ถามไปเรื่ อ ยๆ หลัง จากตกตะกอนทาง ความคิด จึงได้ ค�ำตอบว่า การที่คนมีความทุกข์ชอบปรึ กษาปั ญหาชีวิตกับ พระ และหมอดู ก็เพราะพระและหมอดู คอยรับฟั งปั ญหาของเขา โดยไม่ค่อยได้ โต้ แย้ งอะไร เหมือนกับว่าคนที่มาปรึกษา เขาได้ ระบายความทุกข์โดยที่มีคนรับฟั ง เขาก็คงรู้สกึ ดีขึ ้นบ้ าง เราก็ไม่ได้ ทำ� อะไรนอกจากฟั ง แล้ วก็ให้ ข้อคิด ค�ำแนะน�ำ และทางออกไปบ้ าง ไม่ ร้ ู ว่าทางออกที่แนะน�ำไป มันออกได้ หรื อเปล่ า หรื อว่ าจะตีบตันมากกว่ าเดิม ? นั่น จึง เป็ น เหตุผ ลว่า ท� ำ ไม พระกับ หมอ (ดู ) จึง ได้ รั บเกี ยรติให้ เป็ นที่ปรึ กษา และระบายปั ญหาชีวิตของคนที่มี ความทุกข์ มาเข้ า เรื่ อ งของเราเลยดี ก ว่ า โยมที่ ม าปรึ ก ษาคนนี ้ ก็ ค งเป็ น ประเภทเดี ย วกัน กับ คนที่ มี ค วามทุก ข์ อี ก หลายคน ที่หนั มาพึง่ พระกับหมอดู เรื่ องที่ปรึกษาก็ประมาณว่า


มรรคง่าย

๖๕

ท� ำไมความรั กที่ มีอยู่ ไม่ว่าจะเกิ ดขึน้ ครั ง้ ไหน ครั ง้ ที่ เท่าไหร่ ท�ำไมมันช่างสันเหลื ้ อเกิน หลวงพี่ !!! ก็เลยถามโยมว่า เคยดูภาพยนตร์ เรื่ อง “ความจ�ำสัน้ แต่ รักฉันยาว” หรื อเปล่า ภาพยนตร์ เรื่ องนี ้ เป็ นภาพยนตร์ แนวโรแมนติก/ดราม่า เป็ นเรื่ องราวความรักของคนสองวัย คูห่ นึง่ เป็ นหนุม่ สาว หาดูได้ มากมายจากภาพยนตร์ ไทย และทัว่ โลก ส่วนอีกคูห่ นึง่ เป็ นคุณลุงและคุณป้า ซึง่ คูน่ ี ้แหละที่เป็ น “กุ ญ แจดอกส�ำ คั ญ ” ที่ จะท� ำให้ โยมคนนี ไ้ ด้ เข้ าใจความรั ก มากขึ ้น เรื่ องราวมีอยู่ว่า ลุงจ�ำรัสและป้าสมพิศต่างคนต่างก็มี ครอบครัว ทังสองคนใช้ ้ เวลาที่ว่างมาสมัครเรี ยนคอมพิวเตอร์ โดยที่ ลุง จ� ำ รั ส และป้า สมพิ ศ จะนั่ง เรี ย นใกล้ กัน เสมอ ท� ำ ให้ ความรักของลุงจ�ำรัสเริ่ มก่อตัวขึ ้น


๖๖ มรรคง่าย

ลุงจ�ำรัสได้ ทุ่มเทขับรถจากชุมพรมากรุ งเทพฯ เพื่อมา เรี ยนคอมพิวเตอร์ กบั ป้าสมพิศ แต่ความรักของสองคนนี ้ไม่ได้ ราบรื่นอย่างทีค่ ดิ โดยเฉพาะลูกๆ ของป้าสมพิศทีร่ ้ ูสกึ ไม่ชอบและ ไม่ถกู ชะตากับลุงจ�ำรัส เรื่ องมาจบลงที่ปา้ สมพิศต้ องย้ ายไปอยูก่ บั ลูกที่อเมริ กา ส่วนลุงจ�ำรัสก็ล้มป่ วยลงด้ วยโรคความจ�ำเสื่อม หรื ออัลไซเมอร์ เมื่ อถึงเวลาที่ ต้องจากกัน ลุงจ� ำรั สบอกกับป้าสมพิศ ด้ วยถ้ อยค�ำที่วา่ “จากกันตอนที่ยงั จ�ำกันได้ นนั่ แหละดี” “ไม่มีค�ำว่าไม่ลืมหรอก มี แต่ลืมช้ ากับลืมเร็ ว ฉันมัน ลืมเร็ วไปหน่อยเท่านันเอง” ้

จริ งๆ บางครัง้ การที่ต้องจากกันก็ไม่ใช่เรื่ องที่แย่เสมอไป เพียงแค่จดุ เริ่ มต้ นของความรักเล็กๆ ที่เกิดขึ ้น แล้ วที่ส�ำคัญเรารู้ ว่านั่นคือความรักจริ งๆ มันก็ควรค่า ที่เราจะมีความสุขแล้ วไม่ใช่หรื อ


มรรคง่าย

๖๗

ลุงจ�ำรัสเข้ าใจถึง “ความจริ ง” ที่วา่ ต้ องพลัดพรากจาก ความรักไม่วนั ใดก็วนั หนึง่ จึงได้ บอกกับป้าสมพิศว่า “จากกันตอนที่ยังจ�ำกันได้ น่ ันแหละดี” มนุษย์ผ้ คู รองเรื อนทุกคนที่เกิดมาบนโลกแห่งมายาคติ ใบนี ้ ย่อมมีความปรารถนาต่อความรักไม่ต่างกัน คือ อยากมี ความสุข อยูก่ บั คนรักไปนานๆ ไม่อยากพลัดพรากจากคนรัก แต่ใ นความจริ ง ของชี วิ ต การพลัด พรากจากของรั ก และคนรัก ย่อมเป็ นความจริงแท้ แน่นอนที่เราไม่สามารถปฏิเสธได้ แค่จะเกิดขึ ้นกับเราช่วงวันและเวลาไหนของชีวิตเท่านันเอง ้ ด้ วยเหตุนี ้เอง นักปราชญ์ ผ้ เู ข้ าใจในความต้ องการของ มนุษย์ จึงหาวิธีที่จะท�ำให้ ความรักของมนุษย์นนั ้ เป็ นความรัก ที่เข้ าใจ ไว้ ใจ และวางใจซึง่ กันและกัน แม้ วนั หนึ่งหากเราจะต้ องพลัดพรากจากคนรักของเรา ตามความจริ งที่จะเกิดขึ ้นกับชีวิตก็ตาม แต่ในขณะที่ทกุ คนยังมีความรัก ยังปรารถนาความรัก และยังอยากอยูก่ บั คนที่เรารัก


๖๘ มรรคง่าย

เราจะมีวิธีการที่จะรักษาความรักที่เรามีอยู่ รักษาคนรัก ที่ เรายังรั กอยู่ ให้ อยู่กับเราอย่างยื ดยาวและมี ความสุขตาม ปรารถนาได้ อย่างไร พูดมาถึงตรงนี ้ โยมขยับเข้ ามาใกล้ ๆ พร้ อมกับท�ำท่า กระซิบกระซาบว่า “แล้ ววิธีที่วา่ นี ้ ต้ องท�ำยังไงบ้ างครับหลวงพี่ !!!” โยมเป็ นผู้ครองเรื อน โยมจะมีชีวิตความรักที่เป็ นสุขได้ ด้ วยหลักคิด ๕ ข้ อ คือ “อดทนเหมือนอูฐ...ไม่ พดู เหมือนลา... ซื่อสัตย์ เหมือนหมา แกล้ งโง่ เหมือนควาย... ลืมง่ ายเหมือนปลาทอง” โยมท�ำหน้ า งงๆ พร้ อมกล่าวถ้ อยค�ำอันน่าฟั งว่า “หลวงพี่บอกใหม่ อีกรอบได้ ไหมครั บ ผมลืมแล้ ว” แหม..โยมนี่ ลืมง่ ายเหมือนปลาทองจริงๆ


มรรคง่าย

คิดบวก หรือคิดโง่ๆ

นวันขึ ้นปี ใหม่ที่ผา่ นมา ที่วดั ได้ จดั สวดมนต์ข้ามคืน เท่าที่สงั เกตปี นีผ้ ้ ูคนให้ ความสนใจและตื่นตัวกับการ สวดมนต์ข้ามคืนมากขึ ้น แม้ บางคนจะเดินตากแอร์ ในห้ าง ทังๆ ้ ที่อากาศข้ างนอก ก็หนาว ก็ยงั อุตส่าห์กลับมาสวดมนต์ข้ามคืน พอข้ ามคืนเสร็ จ ก็กลับบ้ าน ในขณะมี ช่ ว งเวลาก่ อ นเที่ ย งคื น ได้ แ สดงธรรมแก่ ญาติโยมที่มาร่วมสวดมนต์ข้ามปี


๗๐ มรรคง่าย

โดยส่วนมากเวลาแสดงธรรม ก็มกั จะถามคนฟั งไปด้ วย เพื่อการมีสว่ นร่วม ไม่งว่ งนอน ค�่ำคืนวันนันจึ ้ งได้ ถามญาติโยมว่า “บางครัง้ ที่มีเรื่ องราว ปั ญหา อุปสรรค เข้ ามากระทบกับ ชีวิต แล้ วเราไม่สามารถแก้ ไขเรื่ องราว ปั ญหา และอุปสรรคได้ ในตอนนัน้ เราจะท�ำอย่างไร” “มีคนมาท�ำให้ ไม่สบายใจ มีคนมาด่า เราจะท�ำยังไง” ค�ำตอบก็แตกต่างกันออกไป ตัง้ แต่เบาที่สุดไปจนถึง หนักที่สดุ คนหนึ่งตอบว่า มีคนมาด่า ก็ด่าตอบ ส่วนปั ญหาที่แก้ ไม่ได้ ก็ปล่อยมันไป บางคนตอบว่า ยังไงก็ต้องหาวิธีให้ ได้ เรื่ องราวการจัดการชีวิต เมื่อเราไม่สามารถแก้ ไขปั ญหา อุปสรรคได้ ในตอนนัน้ และเมื่อมีคนมาด่าเรา เราควรมีวิธีคดิ อย่างไรนัน ้


มรรคง่าย

๗๑

เหตุ ก ารณ์ นี ไ้ ด้ เคยเกิ ด ขึ น้ กั บ พระพุ ท ธเจ้ ามาแล้ ว ในสมัยพุทธกาล ครั ง้ หนึ่งพระพุทธองค์ เสด็จไปยังกรุ งโกสัมพี ทรงถูก ผู้คนซึ่งได้ รับการว่าจ้ างจากพระนางมาคันทิยา ผู้ผูกอาฆาต ในพระพุทธองค์ ตามด่าประจานเฉพาะพระพักตร์ (ต่อหน้ า) ด้ วยถ้ อยค�ำชันต� ้ ่ำ หยาบช้ า ในทุกที่ทกุ แห่งที่เสด็จไป จนพระอานนท์ทนฟั งไม่ไหว ได้ กราบทูลพระพุทธองค์วา่ ควรจะเสด็จหนีไปเมืองอื่นเสีย พระอานนท์ กราบทูลแนะน� ำไปว่า “พระองค์ ผ้ ูเจริ ญ อย่าอยูเ่ ลยที่นี่ คนเขาด่ามากเหลือเกิน” “จะไปไหน อานนท์” พระพุทธเจ้ าทรงตรัสถาม “ไปเมืองอื่นเถิดพระเจ้ าข้ า สาวัตถี ราชคฤห์ สาเกต หรื อเมืองไหนๆ ก็ได้ ที่ไม่ใช่โกสัมพี” “ถ้ าเขาด่าเราที่นนั่ อีก ?” “ก็ไปเมืองอื่นอีก พระเจ้ าข้ า” “ถ้ าที่เมืองนันเขาด่ ้ าเราอีก ?” “ไปต่อไป พระเจ้ าข้ า”


๗๒ มรรคง่าย

พระพุทธเจ้ าทรงให้ ข้อคิดกับพระอานนท์วา่ “มนุ ษ ย์ เ ราอยู่ ท่ ี ไ หน จะไม่ ใ ห้ มี ค นรั ก คนชั ง นั น้ เห็นจะเป็ นไปไม่ ได้ เรื่ องเกิดขึน้ ที่ไหนก็ควรให้ ระงับลง ที่น่ ันเสียก่ อน แล้ วจึงค่ อยไป” นอกจากการ “ท�ำใจ” ให้ “เข้ าใจ” กับปั ญหาที่เกิดขึ ้น แล้ ว การมองปั ญ หาที่ เ กิ ด ขึ น้ ด้ ว ยการคิ ด บวก ก็ เ ป็ น อี ก วิ ธี ที่นา่ สนใจ ดัง เรื่ อ งเล่ า ของหลวงพ่ อพระเทพวิ สุ ท ธาจารย์ แห่งวัดมัชฌิมาวาส อ�ำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี หรื อเป็ นที่ รู้จกั กันดีวา่ “หลวงพ่ อดีเน๊ าะ” ตามปกติวิสัยของท่านหลวงพ่อดีเน๊ าะนัน้ ท่านชอบ อุทาน หรื อกล่าวค�ำว่า “ดีเน๊ าะ” ไม่ ว่ า ใครจะมาปรึ ก ษาเรื่ อ งอะไร ไม่ ว่ า เรื่ อ งที่ ท่ า น ได้ รับฟั งนันจะเป็ ้ นเรื่ องดี หรื อเรื่ องร้ ายเพียงใดก็ตาม ท่านหลวงพ่อดีเน๊ าะก็จะเอ่ยปากอุทานว่า “ดีเน๊ าะ”


มรรคง่าย

๗๓

วันหนึง่ หลวงพ่อถูกโจรใจโหด ซึง่ เคยปล้ นฆ่าเจ้ าทรัพย์ มามากมาย ถือปื นบุกเข้ าประชิดตัวหลวงพ่อบนกุฏิ พร้ อมทัง้ ประกาศก้ อง “นี่คือการปล้ น อย่าได้ ขดั ขืนนะหลวงพ่อ” หลวงพ่ อ ยิ ม้ กับ โจรอย่ า งอารมณ์ ดี และไม่ มี อ าการ หวาดกลัว ท่านกล่าวกับโจรอย่างนิ่มนวลว่า “ปล้ นก็ดีเน๊ าะ” โจรชักแปลกใจในค�ำพูดและท่าทีของหลวงพ่อ โจรพูดว่า “ถูกปล้ น ท�ำไมว่าดีหล่ะหลวงพ่อ” หลวงพ่อตอบว่า “ท�ำไม่จะไม่ดีหล่ะ ก็ข้าต้ องทนทุกข์ ทรมานเฝ้าไอ้ สมบัติบ้าๆ นี ้ตังนานแล้ ้ ว เอ็งเอาไปเสียให้ หมด ข้ าจะได้ ไม่ต้องเฝ้ามันอีก” โจรขูว่ า่ “ไม่ใช่ปล้ นอย่างเดียว ฉันต้ องฆ่าหลวงพ่อด้ วย เพื่อปิ ดปากเจ้ าทรัพย์” หลวงพ่อก็ตอบเหมือนเดิม “ฆ่าก็ดีเน๊ าะ” โจรแปลกใจจึงถามอีกว่า “ถูกฆ่ามันจะดีได้ อย่างไรหล่ะหลวงพ่อ”


๗๔ มรรคง่าย

หลวงพ่อตอบว่า “ข้ ามันแก่แล้ ว ตายเสียได้ ก็ดี จะได้ ไม่ทกุ ข์ร้อนอะไร” โจรรู้สกึ อ่อนใจเลยบอกว่า “ถ้ าอย่างนันฉั ้ นไม่ฆา่ หรอก” หลวงพ่อก็พดู เหมือนเคย “ไม่ฆา่ ก็ดีเน๊ าะ” โจรถามอีกว่า “ท�ำไมฆ่าก็ดี ไม่ฆา่ ก็ดีอีก” หลวงพ่อตอบว่า “การฆ่ามันเป็ นบาป เอ็งจะต้ องชดใช้ เวรกรรมทัง้ ชาตินีแ้ ละชาติหน้ า อย่างน้ อยต�ำรวจเขาจะต้ อง ตามจับเอ็งเข้ าคุก เข้ าตะราง หรื อไม่ก็ถกู ฆ่าตาย ตายแล้ วก็ยงั ตกนรกอีก” โจรเลยเปลี่ยนใจ “ถ้ าอย่างนันฉั ้ นไม่ปล้ นหลวงพ่อแล้ ว” หลวงพ่อก็ตอบอีกว่า “ไม่ปล้ นก็ดีเน๊ าะ” มีผ้ เู ล่าต่อมาว่า ในที่สดุ โจรคนนันก็ ้ ส�ำนึกบาป และเข้ า มอบตัวกับต�ำรวจ เมื่อพ้ นโทษออกมา ก็ขอให้ หลวงพ่อบวชให้ และบ�ำเพ็ญ ศีลภาวนาตลอดมา


มรรคง่าย

๗๕

ส่วนหลวงพ่อมีคนให้ ฉายาท่านว่า “หลวงพ่ อดีเน๊ าะ” มาจนทุกวันนี ้ ก่อนแสดงธรรมจบ วัยรุ่นคนหนึง่ ที่มาสวดมนต์ข้ามคืน พูดขึ ้นว่า “ถ้ ามีผ้ ูหญิ งคนหนึ่ง เดินในซอยลึกตอนสี่ทุ่ม มีผ้ ูชาย เดินตามหลังมาสามคน” “ต้ องคิดว่าเขามาคุ้มครองเรา ต้ องคิดแบบนี ้ใช่ไหมครับ ที่เรี ยกว่าคิดบวก” “อ้ อ แบบนี ้ไม่เรี ยกว่าคิดบวกหรอกครับ” “อ้ าว แล้ วคิดแบบไหนครับหลวงพี่” “คิดโง่ โง่ !!!”


มรรคง่าย

คำ�ว่าคน แปลว่ากวน ไม่ยั้งหยุด ส่วนมนุษย์ คือคนที่ ใจสูงส่ง ด้วยศีลธรรม นำ�พ้นทุกข์ สุขดำ�รง ถ้าใจโฉด โลภโกรธหลง ก็ต่ำ�ทราม


มรรคง่าย

แรงบันดาลใจ... บั​ันไดเปลี่ยนชีวิต

เปลี่ยนชีวติ

ค�ำสันๆ ้ ที่หลายคนก�ำลังปรารถนาจะให้ เกิดขึ ้นในชีวิต

เมือ่ หลายเดือนก่อน มีโอกาสได้ เป็ นวิทยากรของโครงการ ค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของกลุ่มเยาวชนผู้เสี่ยงและเสพยา เสพติดของจังหวัดสระแก้ ว จ�ำนวน ๔ อ�ำเภอ กระบวนการอบรมใช้ เวลา ๙ วัน มีการบูรณาการวิทยากร ทีใ่ ห้ ความรู้จากทุกสาขาอาชีพ ไม่วา่ จะเป็ นสาธารณสุข พยาบาล วิชาชีพ ทหาร และพระ


๗๘ มรรคง่าย

มี การตัง้ ค�ำถามจากหลายฝ่ ายที่ เกี่ ยวข้ องว่า “คนที่ หลงผิด สามารถเปลี่ยนชีวติ ของตัวเองได้ หรื อไม่ ” เรื่ องนี ้มีค�ำตอบ ไม่เมื่อนานมานี ้ มหาวิทยาลัยศรี นคริ นทรวิโรฒ (มศว.) มีแนวคิดโครงการฉายภาพยนตร์ สร้ างแรงบันดาลใจ เพือ่ ผลักดัน ให้ “วิชาภาพยนตร์ เพื่อสร้ างแรงบันดาลใจ” เป็ นวิชาเลือกเสรี ก่อนจะขับเคลื่อนเป็ นวิชาศึกษาทัว่ ไป ซึง่ เป็ นวิชาบังคับที่นิสิต ทุกคนต้ องเรี ยน ในเบื อ้ งต้ นทางมหาวิ ท ยาลั ย ได้ เริ่ ม ต้ นโครงการ โดยฉายภาพยนตร์ สร้ างแรงบันดาลใจ ให้ นิสิตเข้ ามานั่งชม ภาพยนตร์ ซึ่งสร้ างจากเรื่ องจริ ง จ� ำนวน ๑๒ เรื่ อง ในเวลา ๑ เดือน โดยมหาวิทยาลัยศรี นคริ นทรวิโรฒ (มศว.) มอบหมาย ให้ สถาบั น พฤติ ก รรมศาสตร์ มศว. คั ด เลื อ กภาพยนตร์ แต่ละเรื่ อง


มรรคง่าย

๗๙

โดยมีโจทย์วา่ ต้ องเป็ นภาพยนตร์ ทเี่ กีย่ วกับเรื่องจิตวิทยา การเปลี่ยนแปลงวิธีการคิด หลังจากนิสติ ได้ ดภู าพยนตร์ จบลงทัง้ ๑๒ เรื่ อง ผลที่เกิดขึน้ คือ นิสิตที่เข้ าชมภาพยนตร์ เปลี่ยนแปลง วิธีคดิ และพฤติกรรมของตัวเองได้ ซึ่งภาพยนตร์ ที่ฉายแต่ละเรื่ อง มีแนวคิดเน้ นความรัก ความผูกพันที่พอ่ แม่มีตอ่ ลูก เน้ นการรักตัวเอง รักความยุตธิ รรม รักสิง่ แวดล้ อม ช่วยเหลือสังคม นี่แค่ดภู าพยนตร์ เฉยๆ ยังสามารถ “เปลี่ยนชีวติ ” ได้ เลย แน่นอน การเปลี่ยนชีวติ ต้ องมีรากฐานจากการพัฒนา “วิธีคดิ ” พระจูฬปั นถก ท่านเป็ นน้ องชายของพระมหาปั นถก ท่านบวชตามการสนับสนุนของพี่ชาย เมื่ อแรกบวชพระพี่ ชายของท่านได้ สอนให้ ท่องคาถา บทหนึง่ คือ “ปทุมํ ยถา โกกนุทํ สุคนฺธํ ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ องฺคีรสํ ปสฺส วิโรจมานํ ตปนุตมาทิจจฺ มิวนฺตลฺเขฯ


๘๐ มรรคง่าย

“ดอกปทุมชาติท่ ชี ่ ือว่ าโกกนุท ขยายกลีบแย้ มบาน ตัง้ แต่ เวลารุ่ งอรุ ณยามเช้ า กลิ่นเกษร หอมระเหยไม่ ร้ ู จบ เธอจงพินิจดูพระสักยมุนีองั คีรส ผู้มพ ี ระรัศมีแผ่ ไพโรจน์ อยู่ ดุจดวงทิวากร ส่ องสว่ างอยู่กลางนภากาศฉะนัน้ ” ปรากฏว่าเวลาผ่านไป ๔ เดือน ท่านก็ไม่สามารถท่อง คาถาดังกล่าวได้ ทังที ้ ่มีเพียง ๔ บรรทัด ท่ า นเป็ น คนมี ปั ญ ญาทึ บ มาก ไม่ ส ามารถท่ อ งมนต์ หรื อเข้ าใจอะไรได้ เลย ในทีส่ ดุ ท่านจึงถูกพระพีช่ ายของท่านขับไล่ออกจากส�ำนัก ท่านเกิดความน้ อยเนือ้ ต�่ำใจมาก แต่ยงั มีความอาลัย ในผ้ าเหลือง ท่านได้ ไปยืนร้ องไห้ อยูท่ ี่ใกล้ ซ้ มุ ประตูวดั ชีวกัมพวัน พอดีกบั พระพุทธเจ้ าเสด็จผ่านมาเห็น จึงทรงเข้ าไปถาม เมื่อทรงทราบความจึงได้ ตรัสว่า “ท่านไม่บวชพระเพื่ออุทศิ พระพี่ชายที่ไหน ท่านบวชเพื่อ อุทิศให้ เราต่างหาก ท่านมาอยูก่ บั เราดีกว่า”


มรรคง่าย

๘๑

จากนัน้ ทรงลูบศีรษะ และจับแขนพากลับเข้ าวัดไปที่ หน้ าพระคันธกุฏี จากนัน้ พระพุทธเจ้ าได้ ประทานผ้ าเช็ดพระบาทสีขาว บริ สุทธิ์ ให้ พร้ อมกับสั่งให้ ท่านลูบผ้ านัน้ ไปเรื่ อยๆ พร้ อมกับ ภาวนาว่า รโชหรณํๆ (แปลว่ า เศร้ าหมอง) ท่านลูบผ้ าได้ ไม่นานผ้ าขาวนันก็ ้ หมองคล� ้ำลง ท่านจึงสติคิดได้ วา่ “ผ้ านี ้แต่ก่อนก็ขาวบริ สทุ ธิ์ แต่พอถูก ลูบบ่อยๆ ก็กลับด�ำ สรรพสิง่ มันช่างไม่ยงั่ ยืน” แล้ วท่านจึงได้ เจริ ญวิปัสสนากรรมฐาน ยกผ้ าผืนนัน้ ขึ น้ เปรี ย บเที ย บกั บ ร่ า งกายเป็ นอารมณ์ จนได้ บรรลุ เ ป็ น พระอรหันต์ปฏิสมั ภิทาในวันนันเอง ้ พระพุ ท ธเจ้ าทรงสร้ าง “แรงบั น ดาลใจ” และหา “วิธีคดิ ใหม่ ” ให้ กบั พระจูฬปั นถก พระจูฬปั นถกจึงเป็ นตัวอย่างส�ำคัญที่แสดงให้ เห็นว่า


๘๒

มรรคง่าย

สรรพสิ่ ง ในโลกนี ม้ ี ศั ก ยภาพอยู่ ใ นตั ว สามารถ เปลี่ยนชีวติ ของตัวเองได้ โดยไม่ จำ� เป็ นว่ าเราจะโง่หรือฉลาด แต่ สำ� คัญอยู่ท่ ี “แรงบันดาลใจ” และ “กัลยาณมิตร ผู้คอยให้ โอกาส” ต่ างหาก แต่ ท่ สี ำ� คัญที่สุด “ก่ อนจะมีโอกาส และได้ รับโอกาส” จากใคร ควรรั ก ษา “อากาศ” ที่ ท� ำ ให้ เ รามี ล มหายใจ ไว้ ใ ห้ มากที่สดุ ครั บ!!! ขณะที่ยังมี “อากาศ” ให้ หายใจอยู่ เราก็ยัง คงมี “โอกาส” ที่จะ “เปลี่ยนชีวติ ” เช่ นกัน



มรรคง่าย

เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน�้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร เมตตาแนะน�ำศิษยานุศิษย์ว่า “ได้พรมอย่าลืมเสื่อ ได้เสื้ออย่าลืมใส่ เป็นใหญ่อย่าลืมตัว จงท�ำใจให้หนักแน่น ให้เหมือนพระพุทธ จงท�ำวาจาให้บริสุทธิ์ ให้เหมือนพระธรรม จงท�ำกายให้งามข�ำ ให้เหมือนพระสงฆ์”


มรรคง่าย

ขอเพียงแค่มีหัวใจ ที่ “หนักแน่น”

คยได้ อา่ นพุทธประวัตติ อนพระพุทธเจ้ าชนะมารไหม สมัยตอนเป็ นสามเณรเรี ยนพุทธประวัตแิ บบท่องจ�ำ ไม่ร้ ู ว่าจะน� ำเอาเรื่ องราวในพุทธประวัติที่เรี ยน มาใช้ กับชีวิตได้ อย่างไร เคยได้ ยินแต่ครูบาอาจารย์ที่สอนเล่าให้ ฟังว่า “พุทธประวัตไิ ม่ ใช่ เป็ นเพียงแค่ ประวัตพ ิ ระพุทธเจ้ า ให้ เราได้ เรี ยนเท่ านัน้ แต่ พุทธประวัตยิ ังแฝงไปด้ วยแง่ คิด การด�ำ เนิ น ชี วิ ต หลั ก ธรรม ตั ว อย่ า ง และกรณี ศึ ก ษา ในด้ านต่ างๆ ซึ่งสามารถน�ำประยุกต์ ใช้ ในชีวติ ของเราได้ ”


๘๖ มรรคง่าย

ตอนนันก็ ้ ฟังไปอย่างนันเอง ้ ก็ยังไม่ร้ ู ว่าพุทธประวัติที่เรี ยนแบบท่องๆ อยู่นี่จะเป็ น ประโยชน์กบั เราได้ อย่างไร นอกจากจ�ำไปตอบข้ อสอบในการสอบนักธรรม ซึง่ เป็ น การวัดผลความรู้ของพระและสามเณร มาถึงวันที่ชีวิตการบวชเรี ยนผ่านมาสักระยะหนึ่ง ชีวิต ต้ องไปปฏิสมั พันธ์กบั ผู้คน ทังในส่ ้ วนบุคคล องค์กร หน่วยงาน ภาครัฐและเอกชน หรื อแม้ แต่การใช้ ชีวิตของตนเองก็ตาม เมือ่ ชีวติ ของเราได้ ไปพบเรื่องราว ปัญหา อุปสรรค พบปะ ผู้คนมากมายหลากหลายอารมณ์ จึงเป็ นวันที่ได้ นึกถึงเรื่ องราวพุทธประวัติที่เคยได้ เรี ยน ตอนเป็ นสามเณร เหมือนกับค�ำที่ทา่ น ว.วชิรเมธี กล่าวว่า “เมื่อทุกข์ มากระทบ...ธรรมะก็กระเทือน”


มรรคง่าย

๘๗

หลายตอนในพุทธประวัติ ได้ สะท้ อนมุมมองของชีวิต ไม่ว่า จะเป็ น “วิ ธี คิ ด ” หรื อ “วิ ธี ก ารจั ด การ” และ “วิธีแก้ ปัญหา” ของพระพุทธเจ้ า อย่างเช่นในวันที่พญามารจะเข้ ามาประหัตประหารและ เอาชีวิตของพระพุทธเจ้ า ด้ วยก�ำลังพลทีม่ ากและอาวุธพร้ อมในมือ ซึง่ ตรงข้ ามกับ พระพุทธเจ้ าที่นงั่ อยูใ่ ต้ ต้นไม้ เพียงพระองค์เดียว แม้ วา่ พระองค์ จะเป็ นพระราชโอรสของพระราชา แต่ในขณะนันพระพุ ้ ทธเจ้ าทรง สละความสุขส่วนตัว เพื่อออกแสวงหาทางออกจากทุกข์ ละทิ ้ง ความสะดวกสบายของความเป็ นเจ้ าชาย ไม่มีราชองครักษ์ คอย ดูแลปกป้อง แต่พระองค์ก็มิได้ ทรงหวัน่ ไหวพระทัย ต่อการเข้ ามาเพื่อ เอาชีวิตของพญามาร พระองค์ ม องไม่ เ ห็ น ว่ า จะมี ใ ครที่ จ ะช่ ว ยพระองค์ ไ ด้ ในตอนนัน ้


๘๘ มรรคง่าย

มี อยู่อย่างเดียวเท่านัน้ ที่ พระองค์ ทรงมองเห็นว่าจะ เป็ นที่พงึ่ ของพระองค์ได้ ในยามนี ้ นัน่ ก็คือ “ความดี” ทีพ่ ระองค์ทรงบ�ำเพ็ญมาตังแต่ ้ อดีตจนปัจจุบนั พระองค์ มั่น พระทัย ว่ า ความดี ที่ พ ระองค์ ก ระท� ำ มา นัน่ แหละ จะสามารถช่วยพระองค์ได้ จึง ตัง้ จิ ต อธิ ษ ฐานนึก ถึง ความดี ที่ พ ระองค์ ก ระท� ำ มา จนสามารถเอาชนะพญามารที่คดิ ร้ าย ท�ำลายชีวิตของพระองค์ ส�ำเร็จ จนมี ก ารสร้ างพระพุท ธรู ป ปางหนึ่ ง ขึ น้ มา เป็ น ปาง นั่ง สมาธิ พระหัต ถ์ วางบนพระเพลา ชี พ้ ระดรรชนี ลงพื น้ ดิน เรี ยกว่า “ปางมารวิชัย” ในอีกแง่มมุ หนึง่ ได้ มีการตีความได้ วา่ “มาร” ก็คือกิเลส ได้ แ ก่ โลภะ (ความโลภ) โทสะ (ความโกรธ) โมหะ (ความหลง) ที่มารบกวนพระทัยของพระองค์ ในขณะนัง่ สมาธิ เสนามาร ก็คือ กิเลสเล็กๆ น้ อยๆ ที่เป็ น บริ วารของโลภะ โทสะ โมหะ


มรรคง่าย

๘๙

การที่ทรงผจญมารก็คือ ทรงต่อสู้กบั อ�ำนาจของกิเลส เหล่านี ้นัน่ เอง เรื่ องราวการผจญมารของพระพุทธเจ้ า สะท้ อนให้ เรา เห็ น ว่ า การที่ ใ ครคนใดคนหนึ่ ง สามารถเอาชนะจิ ต ใจของ ตนเองได้ เมื่อจิตใจคิดไปในการที่เป็ นอกุศลในทางเสียๆ หายๆ สามารถดึ ง เอา “ความดี ” ที่ อ ยู่ข้ า งหนึ่ ง ของหัว ใจ ออกมาท�ำหน้ าที่ “ย�ำ้ เตือน” หัวใจให้ มีความหนักแน่น ในความดีที่ตวั เราได้ ท�ำมาเป็ น “พลังของชีวิต” และ สามารถเอาชนะ “ความชั่ ว” ที่ อ ยู่ อี ก ข้ างหนึ่ ง ของหั ว ใจ ด้ วยการข่มใจ ไม่ให้ “ความชั่ว” ออกมาเดินเพ่นพ่าน ให้ หวั ใจของเราหวัน่ ไหวไปกับสายลมแห่งอกุศล แล้ วบอกกั บ ตั ว เองทุ ก ครั ง้ ที่ ก� ำ ลั ง จะพ่ า ยแพ้ ต่ อ อกุศลว่า “เราจะสู้กันจนถึงที่สุด”


๙๐

มรรคง่าย

วั น หนึ่ ง ขณะที่ ก� ำ ลั ง สอนวิ ช าพุ ท ธประวั ติ ลู ก ศิ ษ ย์ ชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลายในตอนผจญมารว่า พระพุทธองค์ ทรงมีความหนักแน่นในพระทัยมากเพียงใด นักเรี ยนชายคนหนึง่ ยกมือแสดงความคิดเห็นว่า “ผมคิ ด ว่ า ใจของผมคงไม่ หนั ก แน่ นเหมื อ น พระพุ ท ธเจ้ า แน่ โดยเฉพาะตอนที่พ ญามารส่ ง ลู ก สาว ทัง้ สามคนมารบกวนพระพุทธเจ้ า ผมอาจตกเป็ นลูกเขย ของพญามารไปแล้ วก็ได้ ครั บ” ใครที่ไม่ หนักแน่ น อาจเป็ นลูกเขยพญามารเหมือน ลูกศิษย์ คนนีแ้ น่ ๆ


พระมหามงคล วรธมฺมวาที ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดนิมมานรดี


มรรคง่าย

พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมโมลี

อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม, เจ้าอาวาสวัดยานนาวา เมตตาแนะน�ำศิษยานุศิษย์ว่า “ค�ำสอนกับการประพฤติ ต้องไม่ขัดแย้งกัน เราสอนคนอื่นอย่างไร เราก็ต้องประพฤติให้ได้อย่างนั้น”


มรรคง่าย

๑๐

ทุกขัง... เพราะไปขังทุกข์

มื่อหลายปี ก่อนเคยได้ ยินเรื่ องเล่ามาว่า มีเด็กชายคนหนึง่ เสื ้อเปื อ้ นไปด้ วยเลือด ก�ำลังยืนโบกรถ อยูข่ ้ างทาง โบกรถคันไหนก็ไม่ยอมจอด คันที่ ๑ คันที่ ๒ คันที่ ๓ คันที่ ๔ ไม่มีรถคันไหนจอดสักคัน จนรถคันที่ ๕ วิ่งผ่านมา เด็กชายก็หยิบก้ อนหินก้ อนใหญ่ ปาเข้ าไปที่กระจกรถ ด้ านหลัง


๙๔ มรรคง่าย

เสียงกระจกรถแตกดังเปรี ย้ ง !!!.. พร้ อมกับการหยุดของ รถแบบกะทันหัน คนขับรถรี บเปิ ดประตูลงมา แล้ ววิ่งตามเด็กชายคนนัน้ เข้ าไปในพงหญ้ าข้ างทาง ในใจของคนขับคิดจะไปตบเด็กชายคนนัน้ ที่บังอาจ มาปาหินใส่รถแก วิ่งไปก็ตะโกนด่าไป “ไอ้ เด็กเลว พ่อแม่ไม่สงั่ สอน สร้ างความเดือดร้ อนให้ ชาวบ้ าน มึงมาปาหินใส่รถกูท�ำไม” ตะโกนด่าไปพร้ อมกับวิ่งไล่ เด็กชายคนนัน้ แต่เมือ่ เขาวิง่ ไล่ไปทันเด็กชายคนนัน้ ชายคนขับรถยืนนิง่ ไม่พดู อะไรทังสิ ้ ้น เพราะภาพที่ เ ขาเห็ น คื อ เด็ก ชายนั่ง กอดแม่ข องเขา ที่ถกู คนร้ ายแทงด้ วยมีด เพื่อปล้ นชิงทรัพย์ แม่ของเขาหายใจรวยริ น เลือดไหล ไม่หยุด...


มรรคง่าย

๙๕

เด็กชายตะโกนขึ ้นว่า “ลุงครับพาแม่ผมไปโรงพยาบาลหน่อย ผมโบกรถมา ๔ คัน แล้ ว ไม่มีรถคันไหนหยุดรับผมเลย” “ผมไม่อยากให้ แม่ผมตาย ช่วยผมด้ วยนะลุงครับ” “ที่ผมปาหินใส่รถของลุง เพราะว่าผมกลัวแม่ผมตาย เลือดแม่ผมไหลไม่หยุด” “ผมขอโทษลุงนะครับ ลุงช่วยพาแม่ผมไปโรงพยาบาล หน่อยครับ” เรื่ องที่ ๒ เหตุเกิดในร้ านสุกีแ้ ห่งหนึ่ง มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งวิ่งเล่น ไปชนโต๊ ะข้ างๆ วิ่งเล่นไปจนแก้ วน� ้ำ จาน ชาม โต๊ ะอื่นเขาแตก เสียงดัง เอ็ดตะโร เหตุการณ์ผา่ นไปประมาณ ๑๐ นาที มี ผ้ ูห ญิ ง สูง วัย โต๊ ะ ข้ า งๆ คนหนึ่ ง เดิ น มาที่ โ ต๊ ะ ของ เด็กผู้ชายคนนัน้ ซึง่ มีคณ ุ พ่อนัง่ เอามือกุมขยับอยู่


๙๖ มรรคง่าย

หญิงสูงวัย คุณพ่อ หญิงสูงวัย คุณพ่อ หญิงสูงวัย คุณพ่อ

: : : : : :

คุณ ท�ำไมคุณไม่สงั่ สอนลูกคุณเลยว่า ในที่สาธารณะในห้ างอย่างนี ้ ไม่ควรจะส่งเสียงดัง ถ้ าอยากเสียงดัง ให้ กลับไปวิ่งเล่นที่บ้านคุณสิ ผมขอโทษครับ.. นัน่ ไง แก้ วน� ้ำโต๊ ะโน้ นแตกอีกแล้ ว ลูกคุณนี่ดื ้อจริ งๆ ผมขอโทษครับ.. ถ้ าคุณไม่ร้ ูจะสัง่ สอนลูกอย่างไร ก็ควรพาไปให้ ญาติพี่น้องคุณสอนบ้ าง คุณครับ ผมรู้วา่ วิธีการสอนลูก ไม่ให้ ไปรบกวนคนอื่นท�ำอย่างไร แต่สงิ่ ที่ผมไม่ร้ ูวา่ จะบอกลูกอย่างไรคือ คุณแม่ เขาเพิ่งเสียชีวติ เมื่อสักครู่ นี ้


มรรคง่าย

๙๗

หลายครั ง้ เรามักจะตัดสินคนอื่นด้ วยสายตา แล้ วเรา ก็ทกุ ข์เพราะตาของเรา หลายครัง้ เรามักจะชอบทุกข์แทนคนอื่น แล้ วเราก็ทกุ ข์เพราะความคิดของเรา หลายครัง้ เราก็ไปทุกข์กบั ความดี ความไม่ดีของคนอื่น เราก็พลอยทุกข์ไปกับเขาด้ วย หลายครัง้ เราก็ทุกข์จนเกินจริ ง พลอยท�ำให้ ชีวิตวันนันทั ้ งวั ้ นไม่เป็ นอันท�ำอะไร จนบางครัง้ เราก็เหมือนคนบ้ า ที่มกั จะมองแต่สขุ ทุกข์ ของคนอื่น แล้ วก็ตดั สินว่า คนนันดี ้ คนนี ้ไม่ดี คนนี ้สุขจัง คนนัน้ น่าสงสารจริ ง สุด ท้ ายเราก็ ทุ ก ข์ เพราะมัว แต่ ไ ปวิ่ ง ตามความสุข ความทุกข์ของคนอื่น แต่ของตัวเองกลับไม่ใส่ใจ หลวงพ่อวิชยั วัดถ� ้ำผาจม จังหวัดเชียงราย ท่านสอนว่า “เรามีทกุ ขัง...เพราะเราชอบไปขังทุกข์ ” โยมอยากหมดทุกข์ มัย้ ? ก็ใช้ ชีวติ แบบมรรคง่ าย.. ด้ วยการไม่ ไปขังทุกข์ สิ... ทุกข์ กห็ ายแล้ ว


๖๐ มรรคง่าย

ไทยทุกคน ต่างมีดี ไปคนละอย่าง ความคิดเห็น อาจแตกต่าง ไปตามวิถี แต่เพื่อชาติ ทุกภาคพรรค ต้องสามัคคี รวมทุกสี เป็นสีเดียว คือ “สีไทย”


มรรคง่าย

๑๑

งาม...ง่าย

ทั

วร์ ศัลยกรรมเนรมิตสาวไทยให้ สวยดุจซองเฮเคียว หรื อ ลี ด าเฮได้ ไ ม่ ย ากเสี ย แล้ ว ทัง้ ไฮโซ ไฮซ้ อ สาวทายาท มหาเศรษฐี ลูกสาวนักการเมือง หรื อกระทั่งสาวเซราะกราว สวยได้ เพียงข้ ามคืน บางทัวร์ สนนราคาทัวร์ เพื่อความสวยงาม เบื ้องต้ นอยูท่ ี่แสนห้ าหมื่นบาท หากนางวิ ส าขาอยู่ใ นยุค นี ้ คงเปิ ด คลิ นิ ก ความงาม ศัลยกรรมความสวยรวยแน่ เพราะนางวิสาขาสวยตามหลัก เบญจกัลยาณีคือ สตรี ผ้ มู ีศภุ ลักษณ์ที่งาม ๕ ประการ คือ


๑๐๐ มรรคง่าย

ผมงาม คือ มีผมเหมือนหางนกยูง เมื่อสยายออกทิ ้งตัว ลงมาถึงชายผ้ า เนือ้ งาม คือ มีริมฝี ปากแดงเหมือนลูกต�ำลึงสุก เรี ยบ สนิทมิดชิดดี ฟั นงาม คือ ขาวเหมือนสังข์ และเรี ยบเสมอเหมือน เพชรเรี ยง ผิวงาม คือ ถ้ าผิวด�ำก็ด�ำสม�่ำเสมอเหมือนดอกอุบล ถ้ าขาวก็ขาวเหมือนกลีบดอกกรรณิการ์ วัยงาม คือ งามทุกวัย แม้ คลอดบุตรมาแล้ ว ๑๐ ครัง้ ก็ยงั ดูสาวพริ ง้ อยู่ แต่ก็ยงั มีหญิงสาวรูปงามและสมองงาม (สวยแต่ ไม่ โง่ ) อีกคนที่เด่นจรัสในสมัยพระพุทธเจ้ า คือกุ ณฑลเกสี เถรี เธอมีชื่อเดิมว่า ภัททา เป็ นธิ ดา ของเศรษฐี คนหนึง่ ในกรุงราชคฤห์ เมื่ออายุได้ ๑๖ ปี พ่อแม่ก็ให้ อยูแ่ ต่บนปราสาทชันที ้ ่ ๗ และให้ หญิงรับใช้ คนหนึง่ ไว้ คอยดูแล


มรรคง่าย ๑๐๑

วันหนึง่ พวกราชบุรุษจับโจรได้ คนหนึง่ ซึง่ ท�ำการโจรกรรม อย่างหนัก มี โทษถึงประหารชี วิต มัดมื อไพล่หลังเฆี่ ยนด้ วย หวาย และก�ำลังน�ำไปสู่หลักประหาร นางได้ ยินเสียงอื ้ออึงนัน้ จึงโผล่หน้ าต่างออกมาดู เมื่อเห็นโจรก็เกิดนึกรักโจรคนนันขึ ้ ้นมา หากเป็ นหญิงสาวสมัยนี ้คงอุทานว่า “บ่ องตง...หล่ อจุงเบย..” เธอต้ องการได้ โจรมาเป็ นสามี จึงท�ำทีเป็ นไม่ยอมทาน อาหาร นอนอยูแ่ ต่บนเตียง เมื่อแม่มาถามถึงสาเหตุ เธอก็บอกว่า หนูหลงรักชายหนุม่ นักโทษคนนัน้ หากไม่ได้ มาเป็ นสามีก็จะขอ ตายตามเขาไป มารดาห้ ามแล้ ว นางก็ยงั ยืนยันอยูเ่ ช่นเดิม ด้ วยความรักในลูกสาว พ่อกับแม่ต้องยอมน�ำเอาทรัพย์ หนึง่ พันกหาปณะ (๑ กหาปณะ เท่ากับ ๔ บาท) ไปหาราชบุรุษ เพื่อแลกกับชีวิตของโจรคนนัน้ แล้ วน�ำโจรมาแต่งงานกับลูกสาว ตามความปรารถนา นางต้ องการให้ สามีหลงรัก จึงตกแต่งด้ วยเครื่ องประดับ ทังสายสร้ ้ อย แหวน ต่างหู ข้ อมือ ข้ อเท้ า จัดหาอาหารอันดีรสเลิศ มาให้ สามีทาน


๑๐๒ มรรคง่าย

ต่ อ มาโจรได้ หวนระลึ ก ถึ ง ความหลั ง นึ ก ถึ ง ความ สนุกสนานกับเพื่อนฝูง นั่งกิ นสุราอยู่ในปราสาทกิ นคนเดียว ไม่สนุก ยิ่งคิดใจก็ยิ่งฮึกเหิม ด้ วยสันดานโจรจึงคิดจะฆ่าภรรยา แล้ วเอาเครื่ องประดับไปขาย เพื่อไปกินเหล้ าเมายากับเพื่อน พอได้ โอกาสท�ำทีเป็ นนอนซึมอยู่แต่บนเตียง ไม่ยอมกินอาหาร เมื่อภรรยาถามว่าเป็ นโรคอะไร ก็ตอบว่าไม่ได้ เป็ นโรคอะไร เธอก็ถามว่า พ่อกับแม่เราท�ำอะไรให้ ไม่สบายใจหรือเปล่า ก็ตอบว่าเปล่า แล้ วเป็ นอะไรเล่า สามีจงึ บอกว่าในวันที่ตนถูกจับ ตนได้ บนบานต่อเทวดาทีส่ งิ สถิตย์อยูบ่ นภูเขาทีท่ ิ ้งศพโจรทีถ่ กู ประหาร ชีวิตแล้ ว ถ้ ารอดชีวิตตนจักท�ำพลีกรรม และตนก็รอดมาได้ และ มาอยูก่ บั เธอด้ วยอ�ำนาจนัน้ นางจึงกล่าวว่า อย่าได้ วิตกไปเลยหากพี่ต้องการสิ่งใด ฉันจักจัดท�ำพลีกรรมให้ และได้ จดั แจงเครื่ องท�ำพลีกรรมตามที่ โจรนันบอก ้


มรรคง่าย ๑๐๓

ในวันรุ่งขึ ้นได้ เดินทางไปยังภูเขาพร้ อมบริวารเป็ นอันมาก เมื่อถึงเชิงเขาโจรจึงพูดกับนางว่า น้ องหญิงพี่ได้ บนบานว่าจะมา พลีกรรมเพียงสองคน เราไปกันเพียงสองคนนะ ส่วนคนที่เหลือ ให้ พวกเขากลับเถิด นางก็สงั่ ให้ บริ วารกลับ แล้ วถือเครื่ องท�ำพลีกรรมขึ ้นไป บนภูเขากับสามี เมือ่ ถึงยอดเขานางจึงบอกว่า พีจ่ งท�ำพลีกรรมเถิด โจรจึง พูดว่ากูไม่ได้ มาเพราะจะท�ำพลีกรรม แต่กลู วงมึงมาฆ่า เพื่อเอา เครื่ องประดับทรัพย์สมบัติ นางเกิดความกลัวจึงอ้ อนวอนว่า ข้ าแต่นาย ทังตั ้ วฉัน และเครื่ องประดับของฉันก็เป็ นของท่านด้ วย พี่อย่าฆ่าฉันเลย เมื่อโจรไม่ยอม นางจึงคิดว่าเรานี่หลงผิดไปแล้ ว โง่จริ ง ไม่มีปัญญาเอาเสียเลย เมื่ อ นางคิ ด ได้ เ ช่น นัน้ สมองของนางก็ เ ริ่ ม จะงดงาม มีปฏิภาณแก้ ไขปั ญหาชีวิต เปลีย่ นปั ญหาให้ เป็ นปั ญญา ด้ วยเสียงอันหวานจับจิตว่า


๑๐๔ มรรคง่าย

พี่จ๊ะ..หากวันนี ้ถ้ าจะฆ่าฉันจริ งๆ ขอให้ ฉนั ได้ ท�ำอัญชลี กรรม (ไหว้ เคารพ) แก่พี่ก่อนเถิด โจรโง่...ก็ยอมให้ ท�ำและยืนอยู่บนภูเขา นางจึงเริ่ มท�ำ อัญชลีกรรมด้ วยการเดินเวียนประทักษิ ณ ๓ รอบ ไหว้ ทงสี ั ้ ่ทิศ แล้ ว เข้ าไปสวมกอดด้ านหน้ า ด้ านหลัง เมื่ อโจรก� ำลังเผลอ นางก็ ผลักโจรนัน้ ตกลงไปในเหว โจรนันกระแทกโขดหิ ้ นตายอย่างอนาถ เมื่อชีวิตของนางรอดจากการถูกสามีผ้ มู ีจิตเป็ นโจรฆ่า ปั ญญานางก็แจ่มแจ้ งขึ ้น นางก็นงั่ คิดว่าถ้ าเรากลับบ้ านพ่อแม่เราก็จะถามถึงสามี ถ้ าท่านทังสองรู ้ ้ เรื่ องนี ้เข้ าท่านต้ องดุดา่ ว่าเรา เราจะไม่กลับบ้ าน นางจึงทิ ้งเครื่ องประดับแล้ วเดินไปเรื่ อยๆ จนถึงอาศรม ของพวกปริ พาชก (นักบวชประเภทหนึ่งในสมัยนัน) ้ และบวช เป็ นปริ พาชิกาในที่นัน้ เรี ยนรู้ มีกสิณ ๑๐ และวาทะพันหนึ่ง (การโต้ ตอบ ๑,๐๐๐ ข้ อ) นางได้ เดินทางเที่ยวถามปั ญหากับ คนที่พบเห็น ไม่มีใครสามารถปราบวาทะนางได้


มรรคง่าย ๑๐๕

นางจึงก่อกองทรายและปั กกิ่งหว้ าไว้ และประกาศว่า ถ้ าใครสามารถกล่ า วโต้ ต อบกับ เราได้ ก็ จ งเหยี ย บกิ่ ง หว้ า ปรากฏว่าไม่มีใครกล้ าเข้ าไปใกล้ ที่นนเลย ั้ จนถึ ง เมื อ งสาวั ต ถี ก็ ท� ำ เหมื อ นเดิ ม อี ก ประกาศว่ า ถ้ าใครสามารถโต้ ตอบวาทะกับเราได้ ก็จงเหยียบกิ่งไม้ นี ้ถ้ าไม่ เช่นนันก็ ้ จงอย่าเหยียบเป็ นอันขาด กล่าวกันว่านางได้ โต้ วาที ลองปฏิภาณกับพระสารี บตุ ร แต่สุดท้ ายก็ ต้องยอมแพ้ พระสารี บุตรด้ วยค�ำถามว่า “อะไร ชื่อว่ าหนึ่ง” นางตอบโต้ ไม่ได้ พระสารีบตุ รจึงกล่าวตอบว่า “พุทธมนต์ ” ชื่อว่าเป็ นหนึง่ นางก็เกิ ดมีปัญญาน� ำศรั ทธา พระสารี บุตรพาไปเฝ้า พระพุทธเจ้ าที่เชตวันมหาวิหาร เมื่อเข้ าเฝ้าพระพุทธเจ้ า พระองค์ทรงตรัสสอนว่า “ค�ำพูดเพียงค�ำเดียว ที่คนฟั งแล้ วรู้ สึกสงบ ดีกว่ า ค�ำพูดที่ไร้ ประโยชน์ ถงึ พันค�ำ”


๑๐๖ มรรคง่าย

นางก็ตงประพฤติ ั้ ปฏิบตั ธิ รรมอยูเ่ พียง ๒-๓ วัน ก็บรรลุ ธรรม จึงได้ รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้ าว่า เป็ นเอตทัคคะในทางขิปปาภิญญา คือตรัสรู้ได้ ฉบั พลัน แต่ ส่ ิ ง ที่ เ ราควรแชร์ ความงาม...ความมรรคง่ า ย จากนางคือ นางรู้จกั ใช้ ปัญญาในการแก้ ไขปัญหาชีวติ จริงอยูใ่ นวัยสาว นางได้ ตกอยูใ่ นอ�ำนาจของความรัก เป็ นดุจคนตาบอด เพราะความรัก แม้ พอ่ แม่ เพื่อนพี่น้องจะทักท้ วงอย่างไร ก็ไม่ยอม แต่เมื่อมารู้ ในภายหลังตนได้ ผิดพลาดไปแล้ ว แทนที่ จะประชดชีวิตโดยวิธีที่โง่เขลา แต่นางกลับใช้ ปัญญาหาทางออกที่ดีกว่าเดิม โดยเอาความผิดความโง่เขลาแต่กอ่ นนันมาเป็ ้ นบทเรียน


มรรคง่าย ๑๐๗

นางเป็ น ผู้มี ป ฏิ ภ าณอย่ า งดี ยิ่ ง มี ไ หวพริ บ ในการแก้ ปั ญหาเฉพาะหน้ า แล้ วนางก็สุข...เพราะนางคิดเปลี่ยนแบบมรรคง่ าย เปลี่ ย นปั ญ หาให้ เป็ นปั ญ ญา เปลี่ ย นเศร้ าเป็ นสุ ข เปลี่ยนสนุกเป็ นสติ เปลี่ยนจุกจิกเป็ นจริ งใจ เปลี่ยนหลงเป็ นรู้ เปลี่ยนตัวกู เป็ นตัวเขา เปลี่ยนคิดเอาเป็ นคิดให้ เปลี่ยนอุปสรรคเป็ นอุปกรณ์ เปลี่ยนเดือดร้ อนเป็ นเรี ยบง่าย ถ้ าไม่เปลี่ยนก็ต้องไปทัวร์ ศลั ยกรรม “สวยนอก..แต่ ในโทรม..” เปลี่ยนกันมัย้ โยม... ใครจะเปลี่ยนยกมือขึน้ ...


มรรคง่าย

ปลูกความรัก ความพอใจ ในหน้าที่ โดยสุจริต คือความดี ที่สร้างสรรค์ อย่าท้อแท้ แน่วแน่ไว้ ในปัจจุบัน ความสำ�เร็จ แห่งรางวัล จะตามมา



มรรคง่าย

พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมคุณาภรณ์

อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วัดไชยชุมพลชนะสงคราม เมตตาแนะน�ำศิษยานุศิษย์ว่า “มีหน้าที่ รู้หน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่... จะมีศักดิ์ศรีทั้งทางโลกทางธรรม มีหน้าที่ ไม่รู้หน้าที่ ไม่ปฏิบัติหน้าที่ ...จะเสียศักดิ์ศรีทั้งทางโลกและทางธรรม”


มรรคง่าย

๑๒

เติมดีที่งาน เติมบ้านด้วยรัก

นโบราณมัก เชื่ อ กั น ว่ า หากท� ำ งานต้ อ งการให้ คนสนับสนุน ต้ องปลูกขนุนไว้ หลังบ้ าน อยากให้ คนเกรงขาม ต้ องปลูกมะขามไว้ ข้างบ้ าน อยากให้ คนนิยมชมชอบ ต้ องปลูก มะยมไว้ หน้ าบ้ าน แต่บางครัง้ บ้ านก็แทบแตก เพราะไม่แยกงานออกจาก บ้ าน ต้ นไม้ ที่ควรปลูกในบ้ าน คือต้ นรักกับต้ นแค เพื่อการดูแล คนในบ้ าน มากกว่าคนนอกบ้ าน อย่าบ้ างาน...จนบ้ านแตกนะโยม


๑๑๒ มรรคง่าย

มี ค รั ง้ หนึ่ ง ได้ สนทนาธรรมแลกเปลี่ ย นกั บ ครู อ๊ อฟ วิทยากรนอกกรอบว่า ทุกวันนี เ้ มื่ อหันมองไปทางไหน ก็ พบแต่คนที่ ตัง้ หน้ า ตังตาท� ้ ำงาน “ตื่นมาตอนเช้ าก็คดิ เรื่ องงาน” “ขับรถไปท�ำงานก็คดิ เรื่ องงาน” “พักทานข้ าวกลางวันก็คดิ เรื่ องงาน” “เข้ าห้ องน� ้ำก็คดิ เรื่ องงาน” “นัง่ รถกลับบ้ านและซื ้อกับข้ าวก็คดิ เรื่ องงาน” แม้ กระทัง่ ตอนถึงบ้ าน เจอหน้ าลูก หน้ าสามี หน้ าภรรยา แทนที่จะเอามือโอบกอดคนเหล่านี ้ แต่กลับใช้ สองมือในการ โอบกอดแฟ้มเอกสาร ต้ องถามตัวเองให้ เป็ นว่า ถ้ างานมันสนุกขนาดนัน้ ท�ำไมไม่ขอซื ้อพื ้นที่ในที่ท�ำงานเป็ นที่อยูท่ ี่กินเลยล่ะ ใครที่เคยเป็ นอย่างนี ้ ลองถามตัวเองดูว่า ที่เราทุ่มเท ขนาดนี ้ แล้ วท�ำไมเรากลับไม่ร้ ูสกึ ภูมิใจ


มรรคง่าย ๑๑๓

ท�ำแล้ วมันเหมือนมันไม่สดุ เหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง แล้ วอะไรคือสิง่ ที่ขาด คนท� ำ งานแสวงหาทุก อย่ า งกับ การท� ำ งาน แต่ มี อ ยู่ สองอย่ า งที่ ค นเหล่ า นั น้ ลื ม ใส่ มัน ลงไปเป็ น ส่ ว นผสมของ การท�ำงานคือ “ความสุข กับ ความดี” ความสุ ข เป็ นส่วนผสมด้ านอารมณ์ ที่ท�ำให้ มีผลต่อ ผลของงานและคนรอบข้ างที่เข้ ามาสัมผัสงานนันๆ ้ ของเรา หลายคนเสาะแสวงหาความส�ำเร็ จของงาน ของชีวิต จนลืมกายตัวเองไปว่า ที่ท�ำอยูท่ กุ เมื่อเชื่อวันนี ้ มีความสุขไหม วิธีคิดที่จะท�ำให้ คนเราท�ำงานแล้ วมีความสุขคือ ในวันนี ้ ไม่ ว่าคุณจะยืนอยู่ในต�ำแหน่ งอะไรก็ตาม คุณมี “ความสุข ณ จุดที่ยืนไหม” ความดีเป็ นส่วนผสมส�ำคัญทีส่ ง่ ผลต่อตัวเราไปในทางที่ ดีขึ ้นเรื่ อยๆ เคยท�ำงานแล้ วใส่ความดีลงไปในงานเหล่านันไหม ้ เคยช่วยเหลือใครที่ไม่ร้ ูจกั ไหม


๑๑๔ มรรคง่าย

เคยให้ โดยไม่ต้องหวังผลตอบแทนไหม หรื อแค่เคยอยากท�ำความดีเพียงเพื่อให้ คนอื่นรู้ ว่าเรา เป็ นคนดี นิยามของความดีในโลกยุคดิจิตอล เริ่ มเปลี่ยนแปลง ไปเรื่อยๆ ชอบคิดกันไปเองว่าถ้ าท�ำความดีแล้ ว คนอืน่ ต้ องรู้เรื่อง ความดีที่เราท�ำด้ วย ถ้ า ไม่มี ใ ครเห็นก็ ไ ม่ท� ำ เพี ยงแค่นี ้ ชี วิ ตในวัยท� ำงาน ของทุกคนก็สนุก แล้ วคนจะส�ำราญ งานจะส�ำเร็ จได้ อย่าลืมเติมส่วนผสม ๒ อย่าง คือ “ความสุข” กับ “ความดี” ลงไปด้ วย แล้ วโยมจะพบว่า “มัน ดี มาก” ต้ นรักกับต้ นแคจะผลิดอกออกผล เบ่งบานเป็ นความสุข เพราะสุขที่ใกล้ ตวั คือครอบครั วของฉัน ลองปลูกดูนะโยม อาตมาขอร้ อง แล้ วจะได้ ลมิ ้ ลองรสแห่ งความสุข


พระครูสมุห์เอกรัฐ อภิรกฺโข ประธานเครือข่ายเพื่อนคุณธรรม


มรรคง่าย

พระเดชพระคุณพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)

วัดญาณเวกศวัน จังหวัดนครปฐม เมตตาแนะน�ำศิษยานุศิษย์ว่า “ความเพียรของมนุษย์ เทวดาก็กีดกันไม่ได้ หมายความว่าพระพุทธศาสนาเนี่ย ไม่ยอมแก่เรื่องโชคชะตา ให้มีความเพียรพยายาม ใช้สติปัญญาก�ำลังความสามารถ แล้วจะเอาชนะแม้แต่โชคชะตาได้”


มรรคง่าย

๑๓

ข่มขืน แล้วจะไม่ขื่นขม

จั

งหวะย่างก้ าวของแต่ละชีวิต ล้ วนพบเจอทุกข์ สุข ในสภาวะที่แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะเรื่ องของการใช้ จ่าย ในชีวิต ซึง่ ถือได้ วา่ เป็ นบททดสอบที่ส�ำคัญยิ่ง ผู้เฒ่าผู้แก่ได้ ให้ ข้อคิดเป็ นปริ ศนาธรรม เพื่อให้ ลกู หลาน ได้ ร้ ูจกั ใช้ จา่ ยทรัพย์ เพื่อให้ เกิดความสุขในการด�ำเนินชีวิต เมื่อเรามีทรัพย์ ให้ แบ่งทรัพย์เป็ น ๕ ส่วน ไม่จ�ำเป็ นต้ อง มีปริ มาณเท่ากัน ไว้ ดงั นี ้


๑๑๘ มรรคง่าย

๑) ฝากออมสิ น หมายถึ ง เมื่ อ ได้ ท รั พ ย์ ม าให้ แ บ่ ง ส่ว นหนึ่ ง ในการพัฒ นาความรู้ ความสามารถ หรื อ เป็ น ทุน การศึกษาของตนเอง ๒) ฝั งดินไว้ หมายถึง เมื่อได้ ทรัพย์มาให้ แบ่งส่วนหนึง่ ในการบ�ำเพ็ญบุญ บริจาค เกื ้อกูลแก่สงั คม ชาติ และพระศาสนา ๓) ใช้ หนีเ้ ก่ า หมายถึง เมื่อได้ ทรัพย์มาให้ แบ่งส่วนหนึง่ ในการบ�ำรุง ดูแลบิดามารดา ครู อาจารย์ ผู้มีพระคุณทังหลาย ้ เพราะเราทุกคนถือได้ วา่ เป็ นหนี ้ชีวิตของผู้มีพระคุณทังหลาย ้ ๔) ให้ เขากู้ หมายถึง เมื่อได้ ทรัพย์มาให้ แบ่งส่วนหนึง่ ในการดูแล บ�ำรุ ง สงเคราะห์บตุ รธิดา ให้ สมบูรณ์ด้วยความรู้ และความดี ๕) ทิง้ สู่เหว หมายถึง เมื่อได้ ทรัพย์มาให้ แบ่งส่วนหนึง่ ในการกินอยู่ บ�ำรุ ง ดูแลกายของตนตามหลักโภชนาการ ทาน อาหารที่เป็ นประโยชน์ งดอาหาร เครื่ องดื่มที่เป็ นโทษ พระเทพรัตนกวี เจ้ าอาวาสวัดมหาธาตุ เจ้ าคณะจังหวัด เพชรบูรณ์ ผู้เป็ นพระอุปัชฌาย์ ของอาตมา เคยให้ ข้อคิดแก่ เยาวชนผู้เข้ าอบรมว่า


มรรคง่าย ๑๑๙

“ชีวติ จะดีได้ หัวใจต้ องรู้ จกั ข่ ม-ขืน” อย่าพึง่ ตกใจ เพราะหลวงพ่อเมตตาให้ ความหมายว่า ข่ ม หมายถึง ความชัว่ ทุกประเภท ทุกระดับ ทุกประการ เราต้ องข่มใจ ไม่ให้ ตกเป็ นทาส ไม่ปล่อยใจ ให้ น�ำกาย วาจา ไปกระท� ำ หรื อ แม้ ที่ สุด ต้ อ งข่ม ใจจากสิ่ง ชั่ว ร้ ายที่ ม ายั่ว ยวน รูปสวยๆ รสอร่อยๆ กลิน่ หอมๆ เสียงเพราะๆ สัมผัสต่างๆ ที่มา กระทบ คนเราที่ เ ก็ บ เงิ น เก็ บ ทองไม่อ ยู่ ก็ เ พราะเหตุผ ลของ การที่ตนไม่สามารถข่มใจต่อสิง่ เหล่านี ้ได้ ขื น หมายถึง ความดีทุกชนิด ทุกประเภท แม้ จะไม่ คุ้นเคย ไม่อยากท�ำ ไม่ถกู ใจอยูบ่ ้ าง ก็ต้องหัดขืนใจตนเอง เช่น ไม่ชอบไหว้ พระสวดมนต์ ก่อนนอน เพราะทัง้ ขี เ้ กี ยจ ทัง้ ง่วง หรื อเป็ นช่วงเวลาหนังละครก�ำลังมาพอดี ก็เลยปล่อยตัวปล่อยใจ ไปตามกระแสของสิง่ ที่ลอ่ ใจ หากเราข่มและขืนใจตัวเอง ปั ญหาและอุปสรรคในชีวิต ทังการท� ้ ำงาน ความรัก การเงิน และครอบครัวก็จะมีสขุ แม้ ดเู หมือนจะท�ำยาก แต่ กไ็ ม่ ยากถ้ าหากจะท�ำ


มรรคง่าย

ระบบงานที่ดี ๑. ทำ�ให้งานมากเป็นงานน้อย ๒. ทำ�ให้งานยากเป็นงานง่าย ๓. ทำ�ให้งานที่มีปัญหา เป็นงานที่ไม่มีปัญหา ๔. ทำ�งานใช้คนน้อยแต่มคี ณุ ภาพมาก


มรรคง่าย

๑๔

ใช้ชีวิต นอกกรอบ

ความส�ำเร็จของชีวติ

ไม่ ได้ อยู่ท่ มี ีต้นทุนชีวติ มากน้ อยเพียงไร แต่ อยู่ท่ กี ารรู้ จกั ใช้ ชีวติ มากน้ อยเพียงไร

คนทีร่ ้ ูจกั ใช้ ชวี ติ ก็ไม่ตา่ งจากคนขับรถ รู้จงั หวะว่าช่วงไหน ควรเร่ ง ช่วงไหนควรเบา ช่วงไหนควรเบรก ช่วงไหนควรจอด ตรวจเช็ ค บ� ำรุ ง หากคนที่ ขับ รถเป็ นเช่นนี ้ โอกาสจะประสบ อุบตั เิ หตุก็น้อยจนแทบจะไม่มีเลยก็วา่ ได้


๑๒๒ มรรคง่าย

ต่างจากคนที่ขบั รถไม่เป็ น เพียงแค่เริ่ มวิ่งบนถนนก็เสีย่ ง ต่ออันตรายที่จะเกิดมีนานับประการ ดังนันจึ ้ งเป็ นที่แน่นอนที่สดุ โอกาสประสบความส�ำเร็ จ ของคนทีร่ ้ ูจกั ใช้ ชีวติ จึงมีสทิ ธิ์ทจี่ ะพบเจอก่อนคนทีใ่ ช้ ชีวติ ไม่เป็ น มีค�ำสองค�ำ ที่อ่านออกเสียงใกล้ กัน แต่สาระส�ำคัญ ต่างกันยิ่งกว่าฟ้ากับเหว สมหวังกับผิดหวัง ส�ำเร็ จกับหายนะ เลยทีเดียว สองค�ำนี ้คือ “พยายาม กับ พญามาร” ใครคบหา “พยายาม” ก็จะมีโอกาสเดินไปถึงฝั นที่ตน ตัง้ ใจไว้ แม้ ระหว่างเส้ นทางเดินไปสู่ฝันอาจจะถูกกีดกัน้ ด้ วย อุปสรรคต่างๆ ใครคบหา “พญามาร” ก็จะไปไม่ถงึ ฝัน พญามาร ในที่ นี ห้ มายถึ ง การที่ ย อมแพ้ กับ หัว ใจที่ มักง่ายของตัวเอง ไม่กล้ าพอทีจ่ ะต่อสู้ เรี ยนรู้ เดินไปตามเส้ นทาง ที่ตนเองวาดฝันไว้ แต่ความพยายามอย่างเดียวก็อาจยังไม่เพียงพอ ถ้ าบวก วิธีคดิ ที่แตกต่างไปด้ วยก็จะช่วยให้ การไปสูเ่ ป้าหมายชัดเจนขึ ้น


มรรคง่าย ๑๒๓

“ความคิดสร้ างสรรค์ ” นัน้ บางทีก็ต้องเริ่ มต้ นจากการ “คิดนอกกรอบ” ค�ำถามแรกของการคิดนอกกรอบก็คือ ท�ำไมต้ องเหมือน กับสิง่ ที่เป็ นมาและที่ดีกว่าเป็ นอย่างไร ? มีเรื่ องของครู ในโรงเรี ยนแห่งหนึ่ง ให้ นกั เรี ยนชัน้ ป.๓ แต่งเรี ยงความเป็ นการบ้ าน โดยครูก�ำหนดตัวละคร ๓ คน และ ตัง้ ชื่อให้ เรี ยบร้ อยแล้ ว นักเรี ยนแค่น�ำตัวละครเหล่านีไ้ ปแต่ง เรี ยงความมาเท่านัน้ เด็กคนหนึ่งยกมือค้ านบอกว่าไม่ชอบชื่อตัวละคร และ ขอเปลี่ยนชื่อใหม่ โดยเสนอชื่อตามสมัยนิยมมา ๓ ชื่อ ครูแกล้ ง ไม่ยอม ยืนยันให้ ใช้ ชื่อเดิม เพราะเธออยากรู้ ว่าเด็กน้ อยจะแก้ ปั ญหาอย่างไร เด็กหน้ ามุ่ยแสดงชัดว่า ไม่เห็นด้ วย แต่ก็ไม่ได้ โต้ เถียง อะไร วันรุ่ งขึ ้นเด็กคนนันก็ ้ ส่งการบ้ านเหมือนกับเพื่อนๆ แต่ ใบหน้ าของเขายิ ้มแย้ มแบบมีเลศนัย


๑๒๔ มรรคง่าย

รู้ไหมว่า เรื่ องที่เขาแต่งมาเป็ นอย่างไร เฉลยนักเรี ยน ป.๓ คนนี ้ท�ำตามกติกาของคุณครู คือ ให้ ตวั ละครทัง้ ๓ คน ใช้ ชื่อตามที่ครูก�ำหนด แต่พอเริ่ มเรื่ องปั๊ บ ตัวละครทังหมดก็ ้ ไม่พดู พร�่ ำท�ำเพลง เดินขึ ้นที่วา่ การอ�ำเภอทันที เพื่อขึ ้นไปขอเปลี่ยนชื่อใหม่ ก็ชื่อที่เด็กน้ อยคนนี ้เสนอในห้ องเรี ยนนัน่ แหละ ภารกิจการเปลี่ยนชื่อเสร็ จสิน้ จึงค่อยเดินเรื่ องต่อไป ตามจินตนาการของตนเอง คุณครู อ่านจบก็ยิ ้มและหัวเราะ ไม่ได้ ว่าอะไร แถมมา เล่าต่อด้ วยความเอ็นดู เด็กน้ อยคนนี ้มีกระบวนการยืนยันเจตนารมณ์ของตนเอง ที่ฉลาดมาก สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตนเองต้ องการโดยไม่ ขัดแย้ งกับกติกาที่ผ้ ใู หญ่ก�ำหนด มีวิธีคดิ นอกกรอบ ที่แสนจะ สร้ างสรรค์ แล้ วเราเวลาเจอปั ญหาเคยคิดนอกกรอบบ้ างไหม


มรรคง่าย

๑๕

วันนี้คุณใช้สมอง แล้วหรือยัง?

ลายครัง้ ทีช่ วี ติ ต้ องพบเจอกับปัญหา แล้ วไม่สามารถ ก้ าวผ่านปัญหานันไปได้ ้ นัง่ จมอยูก่ บั คราบน� ้ำตาและความเสียใจ สาเหตุมกั มาจากในช่วงเวลานันเราเองไม่ ้ ทนั คิด อย่าลืมว่าปั ญหาหลักๆ มี ๒ อย่างเสมอ คือ ๑) ปั ญหาที่แก้ ไขได้ ๒) ปั ญหาที่แก้ ไขไม่ ได้ และสิง่ ที่ต้องคิดอีกประการหนึง่ คือ หากรู้จกั มองปั ญหา ทุกปั ญหาที่เกิดขึ ้นมักมีมมุ บวก หรื อข้ อดีเสมอ เพียงแต่หลายคน ไม่กล้ าพอที่จะคิด


๑๒๖ มรรคง่าย

เคยไหมทีบ่ างครัง้ ของชีวติ เราคิดแบบหนึง่ แต่คนบางคน เขาคิดตรงข้ ามกับเรา ทังๆ ้ ที่เราเองคิดว่าสิง่ ที่เราคิด สิง่ ที่เราท�ำ มันเป็ นที่ดี ถูกต้ อง ชอบธรรม เป็ นประโยชน์ แต่ใครบางคนไม่เห็น คุณค่า คิดว่าไร้ ประโยชน์มากกว่าได้ ประโยชน์ จนหลายครัง้ ที่ คุณเองต้ องมานัง่ ร้ องไห้ อยูค่ นเดียว เพราะน้ อยใจตนเอง ที่เขา คนนันท� ้ ำไมไม่เข้ าใจเราเลย หากมองให้ ดีๆ คนที่น่าสงสารไม่ใช่ตวั เราเอง แต่เรา ควรจะสงสาร และน่าจะแผ่เมตตาปรารถนาให้ คนที่ไม่เข้ าใจเรา ได้ มีปัญญามากกว่านี ้ คงไม่ผิดนักหากจะพูดดังๆ ในใจว่า “ก็เขาโง่ คนโง่ ย่ อมมีสิทธิ์ไม่ เข้ าใจ” และเราเองควรท่องคาถาบทนี ้ไว้ ในใจดังๆ ว่า “เราอย่ าไปทุกข์ ใจ ที่บางคนเขาไม่ เข้ าใจ แต่ เรา จงภูมใิ จ ที่มีคนอีกหลายคน เขาเข้ าใจ” เห็นหรื อยังว่า เพียงแค่ ร้ ู จักคิดชีวิตก็เปลี่ยน เราก็มี ก�ำลังใจที่จะท�ำหน้ าที่ชีวติ ความดีตอ่ ไป และอย่าท้ อถอยกับการ ท�ำความดี เพราะบางคนที่เขาเข้ าใจเรา เขาจะคอยดูและคอย เชียร์ เราอยูห่ า่ งๆ


มรรคง่าย ๑๒๗

คนเราเดี๋ยวนีไ้ ม่ชอบคิด แต่ชอบพูด ชอบท�ำ ปั ญหา เลยเกิดขึ ้นมากมาย ตังแต่ ้ เด็กยันผู้ใหญ่ จากประสบการณ์ที่ได้ ท�ำงานกับเด็กๆ ไม่วา่ โครงการเล็กหรื อใหญ่ สิง่ ที่เจอแทบทุกครัง้ คือ การที่เด็กไม่คอ่ ยกล้ าคิด นี่เป็ นสิง่ ถ้ าน่ากลัวมาก เพราะหาก การจะท�ำสิ่งใดโดยที่เราไม่คิด ผลที่ตามมามักจะเป็ นเชิงลบ เสียส่วนใหญ่ การที่เป็ นคนไม่คอ่ ยคิด ชอบฝากชีวิตไว้ กบั คนอื่นเสมอ จะเป็ นผลเสียในยามทีเ่ รามีปัญหา เราจะไม่สามารถแก้ ไขปัญหา เหล่านันได้ ้ การทีเ่ ราได้ ฝึกคิด หรือใช้ สมองบ่อยๆ ก็เป็ นการฝึ กฝน การใช้ ปัญญา อันจะน�ำพาให้ เรารอดพ้ นปั ญหาต่างๆ ได้ ด้วย กระบวนการคิด แต่ไม่ใช่คิดแบบฟุ้งซ่านนะ คิดแบบเป็ นระบบ คิดแบบเป็ นระเบียบ โอกาสนี ้ถือโอกาสเล่าเรื่ อง “สมองแพง” ให้ ฟังสักเรื่ อง เพื่อเราจะได้ ลองค�ำนวณดูซวิ า่ เราเองสมองแพงหรื อถูกเพียงไร มหาเศรษฐี คนหนึ่งเป็ นโรคเกี่ ยวกับสมอง รั กษาไม่มี ทางหาย แต่วา่ โชคดีเนื่องจากเทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้ า มีหมอคนหนึง่ สามารถที่จะผ่าตัดเปลี่ยนสมองได้


๑๒๘ มรรคง่าย

ญาติของเศรษฐี จึงไปติดต่อกับหมอคนนี ้ เพื่อเจรจา เรื่ องค่าใช้ จา่ ยในการผ่าตัด หมอ : เรื่ องการเปลี่ยนสมองไม่มีปัญหา แต่คณ ุ จะสู้ราคาค่าสมองได้ หรื อเปล่า ญาติ : ว่ามาเลยหมอ เราจ่ายได้ ไม่อนั ้ หมอ : สมองมีหลายเกรด หลายราคา แล้ วแต่จะเลือก สมองคนญี่ปนุ่ แสนเหรี ยญ สมองคนยิว เก้ าหมื่นเหรี ยญ สมองคนอเมริ กนั แปดหมื่นเหรี ยญ และสมองคนไทย สองล้ านเหรี ยญ!! ญาติ : (อุทาน) โอ! พระเจ้ า ท�ำไมสมองคนไทย ราคาช่างแพงเสียเหลือเกิน หมอ : แน่นอนครับ สมองที่ไม่เคยใช้ งาน มันก็ต้องราคาแพงหน่อย

ยังไงก็อย่ าลืมคิด ในเมื่อชีวติ ไหนๆ ก็มสี มองกันทุกคน



มรรคง่าย

พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพสุวรรณโมลี เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี วัดป่าเลไลยก์ เมตตาแนะน�ำศิษยานุศิษย์ว่า “รู้จักใช้ปัญญาแก้ไขปัญหาในเรื่องที่เกิด แก้ไขอย่างมีสติ แก้ไขด้วยความสงบ ยิ้มสู้กับปัญหา แก้ปัญหาด้วยรอยยิ้ม แล้วปัญหาจะกลับออกไปอย่างสงบ”


มรรคง่าย

๑๖

อดทน ให้อภัย ใจเย็นๆ

จคนใจใครก็ใจเขา จะให้ เหมือนใจเราอย่ างไรได้ เมื่อต่ างคนต่ างคิดก็ต่างใจ แล้ วจะเอาอะไรกับใจคน เป็ นเรื่องธรรมดาเมือ่ ช้ อนกระทบจาน เมือ่ ลิ ้นกระทบฟั น เมือ่ ความคิดเห็นของคนตังแต่ ้ สองคนขึ ้นไปเกิดความเห็นต่างกัน ไม่ว่าก่อนหน้ านันจะรั ้ กกันปานจะกลืนกิน หรื อเฉยชา ต่างคนต่างอยู่ ทุกคนล้ วนมีโอกาสกระทบกระทัง่ ผ่านค�ำพูด สายตา กิริยา ท่าทาง ได้ เสมอ


๑๓๒ มรรคง่าย

แม้ บางคนเพียงแค่เห็นหน้ ากันครัง้ แรก ยังไม่ทนั จะได้ พูด จากัน สัก ค� ำ ยัง รู้ สึก ไม่ ช อบขี ห้ น้ า แบบนี ก้ ็ มี อ ยู่บ่ อ ยครั ง้ สันนิษฐานเล่นๆ ว่า เทวดาประจ�ำตัวของคนทังสองคน ้ คงไม่ถกู ชะตากัน เลยท�ำให้ มีความรู้สกึ เช่นนี ้ เคยเห็ น คนที่ เ ป็ นเพื่ อ นกั น เป็ นเพื่ อ นร่ ว มงานกั น เป็ นคนรักกัน เป็ นคนครอบครัวเดียวกัน หรื อคนที่เคยรู้ สึกดีๆ ต่อกันมาก่อน ในบางครัง้ ที่ไม่เข้ าใจกัน โกรธกัน ทะเลาะกัน ก็ร้ ู สึก สงสารและเสียดายวันเวลาที่ผ่านมา เพราะมิตรภาพกว่าจะ สร้ างขึ ้นได้ มนั ต้ องใช้ เวลา แต่ มติ รภาพถูกท�ำลายได้ ในชั่วพริบตา หากไม่ ร้ ู จกั อดทน ให้ อภัย ใช้ สติ สิง่ ที่ควรท�ำคือ รู้จกั ปรับใจแผ่เมตตา รู้จกั มองหาสิง่ รอบ ข้ างในแง่ดี มัน่ สร้ างไมตรผูกมิตร ห้ ามจิตคิดสร้ างศัตรู เพราะ ภาษิตจีนสอนว่า “มีศัตรู ๑ คน มากไป มีมติ ร ๑๐๐ คนน้ อยไป”


มรรคง่าย ๑๓๓

เคยสอนเด็กๆ ว่า เวลาอยู่ร่วมกับผู้อื่นต้ องท่องคาถาว่า “อดทน ให้ อภัย ใจเย็นๆ เดี๋ยวดีเอง” ผู้ใหญ่ลองท่องดูบ้าง อะไรที่ยงั ไม่ถึงเป้าหมาย ยังไม่ ประสบความส�ำเร็จ ผลงานยังไม่ปรากฏ ก็อย่าพึง่ ด่วนตัดสินว่า แพ้ ให้ ลองท่องว่า “อดทน” ดังๆ ในใจ แต่ถ้าอันไหนผิดพลาด บกพร่ อง ผลสรุ ปออกมาไม่ถึง เป้ า หมายที่ ตัง้ ไว้ จ ริ ง ๆ ไม่ ว่ า เกิ ด จากตัว เรา คนอื่ น สิ่ ง อื่ น หรื อไม่ทราบสาเหตุก็อย่าไปลงโทษตัวเองแบบไม่คิด เราเป็ นคน ต้ องฝึ กใจรับรู้วา่ “ให้ อภัย” แล้ วจะท�ำอะไรหัดใช้ สมองอย่างเต็มที่ บางอย่างถ้ าไม่ จ�ำเป็ นก็อย่าใจร้ อน อย่ารี บร้ อน อย่าเร่าร้ อน บอกตัวเองเสมอว่า “ใจเย็นๆ เดี๋ยวดีเอง” หากท่ า นท� ำ ชี วิ ต เช่ นนี ้ ความสุ ข ความสดชื่ น ความสมหวัง ก็จะเกิดขึน้ กับตัวเราคนแรกแน่ นอน


มรรคง่าย

“คนฉลาด” ไม่ใช่แค่ฉลาดพูดเท่านั้น ต้องรู้จัก “นิ่งอย่างมีสติ” ให้เป็นด้วย ต้องรู้สิ่งที่ไม่ควรพูด ให้มากกว่าสิ่งที่ควรพูดด้วย หลวงพ่อพุทธทาส


พระมหาอดิศักดิ์ อภิปญฺโญ

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบรมสถล (ดอน)


มรรคง่าย

หลวงปู่ชา สุภทฺโท

วัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี เมตตาสอนศิษยานุศิษย์ว่า “ต้นไม้ เถาวัลย์ ที่คดงอ คนคดคนงอ..นั้นร้ายนัก เป็นพิษเป็นภัย ทั้งอยู่ “บ้าน” และ อยู่ “วัด”


มรรคง่าย

๑๗

เจริญเมตตา แล้วงัย...

วามสุขทางโลกคือ การมีเงินทอง มีบ้านหลังใหญ่ มี ร ถคัน งาม มี ท รั พ ย์ ส มบัติ มี ย ศต� ำ แหน่ ง ไม่ เ ป็ น หนี ใ้ คร ท�ำงานไม่ผิดกฎหมาย แต่ ความสุ ขทางธรรม เป็ นความสุ ขที่เกิดทางใจ เป็ นความสุขที่เกิดจากการปฏิบตั ธิ รรม หลักความสุขทีจ่ ะบอกต่อไปนี ้คือ หลักความสุขทีเ่ กิดจาก การเจริ ญเมตตา ที่สามารถท�ำให้ ผ้ ฝู ึ กเกิดเมตตาจิตคือ ความรัก ความปรารถนาดีที่มีตอ่ ตนเองและผู้อื่น มุง่ หวังให้ เขามีความสุข พ้ นจากความทุกข์ เหมาะส�ำหรับคนที่มกั โกรธ


๑๓๘ มรรคง่าย

การเจริ ญเมตตามีปรากฏหลักฐานอยู่ในเมตตาพรหม วิหารสูตร ในคัมภีร์วสิ ทุ ธิมรรค มีรบั รองไว้ วา่ เมือ่ ครัง้ ทีพ่ ระพุทธเจ้ า ประทับอยู่ ณ เมืองสาวัตถีได้ ตรัสว่า คนที่เจริ ญเมตตาภาวนา เป็ นประจ�ำจะได้ รับอานิสงส์ ๑๑ ประการอย่างแน่นอน คนไทยเราก็มีจิตคิดเมตตากันมาเป็ นทุนเดิม และชอบ ในการแผ่เมตตา แต่ก็แค่สวดภาวนาอธิ ษฐานกันอย่างเดียว เช่น อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ ข้าพเจ้ ามีความสุข หรื อสัพเพ สัตตา สัตว์ทงหลายที ั้ ่เป็ นเพื่อนทุกข์เกิด แก่ เจ็บ ตายด้ วยกันทังหมด ้ ทังสิ ้ ้น จงมีความสุขเถิด แต่ในการเจริ ญเมตตาที่ดีควรลงมือปฏิบตั ิอย่างเป็ นขัน้ เป็ นตอน อย่ามัวแต่สวดอ้ อนวอนร้ องขอ หากอยากได้ พรจาก การเจริ ญเมตตาต้ องลงมือปฏิบตั ิเอง

ฝึ กจิตปรับมุมคิดเพื่อความ “มรรคง่ าย” ใจก็จะสบาย กายก็จะเป็ นสุข เพราะที่สดุ ของมนุษย์คือ ความสุขทางใจ


มรรคง่าย ๑๓๙

เจริญเมตตาดีอย่ างไร ? องค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ าได้ ตรั สถึงอานิ สงส์ หรื อผลที่จะได้ รับจากการเจริ ญเมตตาบ่อยๆ ไว้ คือ ๑. หลับง่าย ๒. ตื่นง่าย ๓. ไม่ฝันร้ าย ๔. เป็ นที่รักของคนทัว่ ไป ๕. เป็ นที่รักของอมนุษย์ ๖. เทพเทวดารักษา ๗. ไฟ ยาพิษ ศัสตราวุธ ไม่แผ้ วพาน ๘. จิตตังมั ้ น่ เป็ นสมาธิเร็ว ๙. หน้ าตาผ่องใส ๑๐. เวลาจะตายก็มีสติ ๑๑. ถ้ าไม่ได้ บรรลุคณ ุ วิเศษ ก็จะได้ เกิดในพรหมโลกแน่นอน


๑๔๐ มรรคง่าย

อานิสงส์ ข้อที่ ๑ หลับง่ าย (สุขัง สุปะติ) คนที่มักนอนไม่หลับเพราะคิดมาก เช่น คิดเรื่ องงาน เรื่ องเงิน ยศต�ำแหน่ง คิดแค้ นพยาบาท คิดถึงอตีต และคิดถึง อนาคต พอคิ ด ไปก็ เ ครี ย ดเป็ น ทุก ข์ น อนไม่ห ลับ บางคนคิ ด จนสว่างก็มี ถ้ าได้ ฝึกเจริ ญเมตตาก็จะท�ำให้ หลับง่าย อานิสงส์ ข้อที่ ๒ ตื่นง่ าย (สุขัง ปะฏิพุชฌะติ) คนที่ตนื่ ยาก ตืน่ แล้ วก็ลกุ ยาก บิดขี ้เกียจไปมา นอนขี ้เซา บางคนตื่นแล้ วขอนอนต่ออีกสักหน่อย บางทีเลยเวลาท� ำให้ ไปเรี ยนสาย ไปท�ำงานสาย เพราะความตื่นยากของตัวเอง แต่ ถ้ าได้ เจริ ญ เมตตาแล้ ว พอตื่ น มั น จะลุ ก ขึ น้ เอง โดยอัตโนมัติ ก่อนนอนสามารถสัง่ ใจได้ เลยว่า เราจะตืน่ เวลาไหน เช่น เรานอน ๔ ทุม่ เราจะตื่นตี ๔ เราก็สงั่ ใจเราไว้ ก่อนนอนว่า


มรรคง่าย ๑๔๑

พรุ่ งนี ้จะตื่นตี ๔ ตื่นตี ๔ ตื่นตี ๔ พอถึงเวลามันก็จะตื่นทันที สามารถพิสูจน์ ได้ ด้วยตัวเราเอง อาตมาเรี ยกว่า “การสั่ งใจ หรื อนาฬิกาใจ” อานิสงส์ ข้อที่ ๓ ไม่ ฝันร้ าย (นะ ปาปะกัง สุปินัง ปั สสะติ) คนที่ชอบฝั นร้ าย เช่น ฝั นเห็นคนไล่ฆ่า ฝั นเห็นไฟไหม้ บ้ าน เป็ นต้ น ถ้ าได้ เจริ ญเมตตาแล้ วก็จะไม่ฝันร้ าย จะฝั นเห็น แต่ สิ่ ง ดี ๆ เช่ น ฝั น ว่ า เห็ น พระพุท ธรู ป ฝั น ว่ า ได้ ไ ปไหว้ พ ระ ไหว้ เจดีย์ และฝันเห็นพระมหากษัตริ ย์ เป็ นต้ น อานิสงส์ ข้อที่ ๔ เป็ นที่รักของคนทั่วไป (มะนุสสานัง ปิ โย โหติ) ถ้ าเราอยากให้ คนเขารักเมตตาเรา เราก็เจริญเมตตาให้ กบั คนๆ นัน้ เช่น พ่อแม่ เจ้ านาย ผู้มีพระคุณ คนที่เราเคารพนับถือ ท่านก็จะรักเมตตาในตัวเรา


๑๔๒ มรรคง่าย

อานิสงส์ ข้อที่ ๕ เป็ นที่รักของอมนุษย์ (อะมะนุสสานัง ปิ โย โหติ) อมนุษย์ หมายถึง เทวดา ภูต ผี ปี ศาจ เปรต อสุรกาย พระภูมิเจ้ าที่ ยักษ์ เป็ นต้ น ถ้ าเราไปอยูท่ ี่ไหนผิดที่ผิดถิ่นอาจจะ เจอกับ อมนุษ ย์ เ หล่า นี ้ บางคนย้ า ยไปอยู่บ้ า นใหม่ อ ยู่ไ ม่ ไ ด้ เจ็บไข้ ไม่สบายตลอด เพราะเจ้ าที่เขาไม่ชอบ เพราะเราไม่มี จิตเมตตา ในสมัยพุทธกาลมีพระภิกษุ ๕๐๐ รูป เรียนพระกรรมฐาน จากพระพุทธเจ้ า แล้ วออกแสวงหาที่ ปฏิบัติธรรม ไปเจอป่ า มีต้นไม้ ใหญ่ร่มรื่ นเหมาะแก่การปฏิบตั ิธรรม ก็พากันปั กกลด อยูต่ ามโคนต้ นไม้ พวกเทวดาประจ�ำต้ นไม้ ก็ดี พวกเทวดาประจ�ำพื ้นดิน ก็ดี อยูส่ งู กว่าพระไม่ได้ ต้ องพาลูกหลานมาอยูข่ ้ างล่าง เทวดา เหล่านันพากั ้ นคิดว่า พระภิกษุเหล่านี ้คงอยูไ่ ม่นานก็คงจะไป


มรรคง่าย ๑๔๓

แต่ ห ลายวัน ผ่ า นไปพระก็ ไ ม่ ไ ปสัก ที ก็ ต กลงกั น ว่ า จะหลอกให้ พ ระกลัว บางตนก็ ท� ำ หัว ขาดบ้ า ง บางตนก็ ท� ำ กลิ่นเหม็นบ้ าง บางตนก็ส่งเสียงร้ องน่ากลัว พระทัง้ ๕๐๐ รู ป เจอกันทุกรูป ก็พากันหนีออกจากป่ าไปเฝ้าพระพุทธเจ้ า พระองค์ ก็ตรั สว่า “พวกเธอจงกลั บไปที่เดิม แล้ ว พากันเจริญเมตตาบทกะระณียะเมตตะสูตร” พระเหล่ า นัน้ ก็ ก ลับ ไป แล้ ว เริ่ ม เจริ ญ เมตตาตัง้ แต่ เริ่ มเข้ าป่ า เทวดาที่อยู่ในป่ าทังหมดกลั ้ บรักและเมตตา ให้ การ อุปถัมภ์พระเหล่านันทั ้ งหมด ้ จนท่านได้ บรรลุพระอรหันต์ทกุ รูป อานิสงส์ ข้อที่ ๖ เทพเทวดารั กษา (เทวะตา รั กขันติ) ไปไหนจะมีเทวดาคอยคุ้มครองตลอดทุกทิศ เหมือน จิ ต ตคหบดี ชาวเมื อ งมั จ ฉิ ก าสัณ ฑะ แคว้ นมคธ ไปไหน จะมีเทวดาติดตามคอยรักษา


๑๔๔ มรรคง่าย

เมื่ อ ครั ง้ ที่ จิ ต ตคหบดี จ ะไปกราบพระพุท ธเจ้ า ที่ เ มื อ ง สาวัตถี พร้ อมด้ วยพระภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาจ�ำนวนมาก บรรทุกเสบียงด้ วยเกวียน ๕๐๐ เล่ม ในระหว่างทางทุก ๑ โยชน์ (๑๖ กิโลเมตร) จะมีเทวดาคอยเนรมิตที่พกั และอาหารให้ พอถึงเมืองสาวัตถี จิตตคหบดีเข้ าไปกราบแทบพระบาท ของพระพุทธเจ้ า ดอกไม้ ทพิ ย์ ๕ สี ร่วงลงมาจากฟากฟ้าเพือ่ บูชา พระพุทธเจ้ าและจิตตคหบดี พระอานนท์ ทูลถามว่า “เหตุการณ์ นีจ้ ะเกิ ดเฉพาะที่ คหบดีมาเข้ าเฝ้าพระพุทธเจ้ าเท่านันหรื ้ อ” พระองค์ตรัสว่า “อานนท์ จิตตคหบดี จะไปทิศไหนก็ดี มีคนบูชากราบไหว้ ทกุ ๆ ทิศ” อานิสงส์ ข้อที่ ๗ ไฟ ยาพิษ ศัสตราวุธ ไม่ แผ้ วพาน (นาสสะ อัคคิ วา วิสัง วา สัตถัง วา กะมะติ) คนที่เจริ ญเมตตาเป็ นประจ�ำจะปลอดภัยจากอันตราย ต่างๆ ในสมัยของพระพุทธเจ้ า พระนางสามาวดีพร้ อมทังบริ ้ วาร ๕๐๐ นาง เจริ ญเมตตาได้ ผลมาแล้ ว


มรรคง่าย ๑๔๕

ในสมัยพุทธกาล พระนางสามาวดีเป็ นอัครมเหสีของ พระเจ้ า อุเ ทน ทรงมี ค วามเลื่ อ มใสศรั ท ธาในพระรั ต นตรั ย เพราะพระนางพร้ อมทังบริ ้ วารเป็ นพระโสดาบัน พระมเหสีอีกพระองค์พระนามว่า พระนางมาคันทิยา มีความอาฆาตแค้ นในพระพุทธเจ้ า ผูกใจเจ็บในพระพุทธเจ้ า ตัง้ แต่ค รั ง้ ที่ ยัง ไม่ ไ ด้ เ ป็ น มเหสี ที่ พ ระองค์ ไ ด้ ท รงแสดงธรรม แก่ พ่ อ แม่ ข องพระนาง ตอนที่ พ่ อ แม่ จ ะยกพระนางให้ เ ป็ น ภรรยาของพระองค์แต่พระพุทธเจ้ าได้ ตรัสว่า “เราไม่ ปรารถนาจะแตะต้ องสัมผัสร่ างกายของเธอ ที่เต็มไปด้ วยอุจจาระและปั สสาวะ แม้ ด้วยปลายเท้ าของเรา” นางโกรธมากคิดตลอดว่าได้ เป็ นใหญ่เมื่อไหร่จะช�ำระแค้ นให้ ได้ พอได้ เป็ นมเหสีก็นึกถึงความแค้ นขึ ้นมา จ้ างคนไปด่า พระพุทธองค์ ๗ วัน ยังไม่หน� ำใจ ใครมี ความเกี่ ยวข้ อ งกับ พระพุทธเจ้ าพระนางจัดการหมด ต่างกับพระนางสามาวดีที่มีความเลื่อมใสศรัทธามัน่ คง อยากเห็นพระพุทธเจ้ า จึงได้ เจาะช่องหน้ าต่างดูพระพุทธองค์ เวลาเสด็จบิณฑบาต


๑๔๖ มรรคง่าย

พระนางมาคัน ทิ ย าก็ ใ ส่ค วามว่ า เจาะช่ อ งหน้ า ต่า ง เพื่ อดูชายชู้ พระเจ้ าอุเทนไม่สนพระทัย พระนางมาคันทิยา จึงคิดหาอุบายจัดการกับพระนางสามาวดีพร้ อมด้ วยหญิงบริวาร โดยการน�ำงูพิษใส่ไว้ ในพิณตัวโปรดของพระเจ้ าอุเทน เมื่ อพระองค์ เสด็จมายังปราสาทของพระนางสามาวดี งูพิษ ก็เลื ้อยออกมาจะฉกพระเจ้ าอุเทน พระเจ้ าอุเทนทรงโกรธมากจึงรับสัง่ จับพระนางสามาวดี พร้ อมทังหญิ ้ งบริ วารให้ จบั มัดเรี ยงกัน ทรงโก่งธนูจะยิงพระนาง สามาวดีและหญิงบริ วาร พระนางตรัสบอกกับบริ วารของตนว่า “ที่พ่ งึ อย่ างอื่นไม่ มีอีกแล้ ว ขอพวกเราจงแผ่ เมตตา ไปยังพระเจ้ าอุเทน และพระนางมาคันทิยา ในตนนัน้ ให้ มี จิตสม�่ำเสมอ อย่ าได้ โกรธใครเลย” ธนูของพระเจ้ าอุเทนนัน้ ร้ ายแรงนัก สามารถท� ำลาย แม้ หนิ แท่งทึบได้ ทรงปล่อยลูกศรอาบยาพิษมุง่ ตรงไปยังพระนาง สามาวดี แต่ด้วยอ�ำนาจแห่งเมตตา ลูกศรได้ มงุ่ หน้ ากลับมายัง พระองค์เองเหมือนจะเจาะพระหทัยของพระองค์ แล้ วตกลง


มรรคง่าย ๑๔๗

พระเจ้ า อุเ ทนทรงด� ำ ริ ว่ า ลูก ศรไม่ มี จิ ต ยัง รู้ คุณ ของ พระนางสามาวดี เราเป็ นผู้มีจิตไฉนจึงไม่ร้ ู คุณของพระนาง จึงทิ ้งคันธนู นัง่ ลงไหว้ พระนางสามาวดี ขอให้ เป็ นที่พงึ่ แต่พระนางทูลว่า ขออย่าได้ ทรงถือพระนางเป็ นที่พงึ่ เลย พระนางถือผู้ใดเป็ นที่พึ่ง ขอพระองค์จงถือผู้นัน้ เป็ นที่พึ่งด้ วย ผู้นัน้ คือพระพุทธเจ้ า ตัง้ แต่นัน้ มาพระเจ้ าอุเทนทรงมีศรั ทธา เลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนา ทรงรักษาศีลฟั งธรรม ร่ วมกับ พระนางสามาวดีตามกาลเวลา และโอกาสอันสมควร อานิสงส์ ข้อที่ ๘ จิตตัง้ มั่นเป็ นสมาธิเร็ว (ตุวะฏัง จิตตัง สะมาธิยะติ) เวลาเราจะท� ำ สมาธิ จิ ต ก็ จ ะแนบแน่น เป็ น สมาธิ เ ร็ ว ท�ำสมาธิได้ ง่ายกว่าคนอื่น เมื่อมีเหตุการณ์คบั ขันก็จะสามารถ รวบรวมสติได้ ก่อนใคร จะเป็ นคนสุขมุ รอบคอบ เมื่อเจอปั ญหา ต่างๆ ก็จะสามารถแก้ ปัญหาผ่าทางตันได้ งา่ ยกว่าคนอื่น


๑๔๘ มรรคง่าย

อานิสงส์ ข้อที่ ๙ หน้ าตาผ่ องใส (มุขะวัณโณ วิปปะสีทะติ) คนที่เจริ ญเมตตาบ่อยๆ จะมีหน้ าตาแจ่มใส โหงวเฮ้ งดี ราศีจับ มีสิริเกิดขึน้ ที่หน้ า มองดูหน้ าแล้ วสามารถรู้ ได้ เลยว่า เป็ นคนมีเมตตาจิต ในสิริชาดกกล่าวว่า พราหมณ์ คนหนึ่งได้ ยินข่าวว่า ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี มีศิริ (ราศี) ประจ�ำตัว ก็เลยต้ องการ ขโมยศิริของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี จึงค้ นหาว่าศิรินัน้ อยู่ที่ไหน ก็พบว่าอยู่ที่หงอนไก่ตวั ผู้ สีขาวของท่านที่เลี ้ยงไว้ คบู่ ารมี จึงขอไก่ตวั นันกั ้ บท่านเศรษฐี พอท่านเศรษฐี มอบไก่ให้ พราหมณ์ไป ศิริก็หายไปอยู่ที่ ดวงแก้ วมณี ซึง่ อยูเ่ หนือหัวนอนของท่านเศรษฐี พราหมณ์จงึ ขอ ดวงแก้ วมณี นัน้ พอเศรษฐี ตกลงให้ ศิริก็หายไปอยู่ที่แผ่นไม้ รูปคล้ ายใบเสมา ซึง่ อยูเ่ หนือหัวนอนของเศรษฐี พราหมณ์จงึ ขอ ไม้ นัน้ เศรษฐี ตกลงให้ ไปอีก ศิริจึงหนี ไปซ่อนอยู่ที่ศีรษะของ ภรรยาของท่านเศรษฐี


มรรคง่าย ๑๔๙

ถ้ าพราหมณ์จะขอภรรยาของเศรษฐี คงเป็ นการไม่เหมาะ และท่านเศรษฐี คงไม่ให้ แน่นอน ดังนันความปรารถนาของพราหมณ์ ้ จึงล้ มเหลว ก็เลย เล่าความจริ งให้ แก่ท่านเศรษฐี ฟัง ศิริหรื อราศีไม่สามารถขอ หรื อลักขโมยกันได้ แต่เกิ ดจากการที่ ท่านเศรษฐี เป็ นผู้มีบุญ ให้ ทาน รักษาศีล และมีเมตตาจึงเกิดขึ ้นได้ อานิสงส์ ข้อที่ ๑๐ เวลาจะตายก็มีสติ (อะสัมมุฬโห กาลัง กะโรติ) คนเราเวลาจะตายก็จะมีนิมิตต่างๆ มาปรากฏให้ เห็น ถ้ านิมติ เห็นกรรมชัว่ ทีต่ วั เองเคยท�ำมาก็จะกลัวจนขาดสติ จ�ำบุญ กุศลทีเ่ คยท�ำมาไม่ได้ แต่ถ้าเจริญเมตตาบ่อยๆ เวลาจะตายก็ตาย อย่างมีสติ จะเห็นนิมิตที่ตวั เองเคยท�ำบุญกุศล เคยเจริ ญเมตตา มาปรากฏให้ เห็น ครัง้ หนึ่งในกรุ งสาวัตถี มีอบุ าสกคนหนึ่งชื่อ ธรรมิกะ เป็ นผู้ใจบุญใจกุศล มีเมตตาชอบท�ำบุญให้ ทาน เขาจะถวายทาน แก่ภิกษุสงฆ์อย่างสม�่ำเสมอทุกวัน และในโอกาสส�ำคัญต่างๆ


๑๕๐ มรรคง่าย

ธรรมิกะเป็ นหัวหน้ าของอุบาสกอีกจ�ำนวน ๕๐๐ คน ซึง่ อยู่ในเมืองสาวัตถีนี ้ เขามีบตุ ร ๗ คน และธิดา ๗ คน และ บุตรธิดาทุกคนก็เหมือนกับบิดาคือ เป็ นผู้มีใจบุญใจกุศล ชอบ ถวายทาน อยู่มาวันหนึ่งธรรมิกอุบาสกเกิดป่ วยหนักใกล้ จะตาย เขาได้ บอกบุตรธิดาให้ ส่งคนไปนิมนต์พระสงฆ์มาสวด สติปัฎฐานสูตรให้ ฟัง ขณะที่ พ ระภิ ก ษุ ส งฆ์ ก� ำ ลัง สวดมหาสติ ปั ฏ ฐานสูต ร อยู่นนั ้ ก็มีรถที่ประดับตกแต่งงดงามมากจ�ำนวน ๖ คัน จาก สวรรค์ทงั ้ ๖ ชัน้ มาจอดรอเขาเพื่อเชิญให้ เขาไปอยู่ในสวรรค์ ในชันต่ ้ างๆ ธรรมิ ก อุ บ าสกได้ บอกรถเหล่ า นั น้ ให้ รอก่ อ นสัก ครู่ อย่าได้ เพิง่ มาเพราะจะรบกวน ขัดจังหวะการสวดสติปัฏฐานสูตร ของพระภิกษุสงฆ์ ฝ่ ายพระภิกษุสงฆ์ที่สวดอยู่นนเข้ ั ้ าใจว่า ธรรมิกอุบาสก ต้ องการให้ พวกท่านหยุดสวด จึงได้ เลิกสวด


มรรคง่าย ๑๕๑

ลูกๆ นึกว่าพ่อไม่ได้ สติบน่ เพ้ อก็เลยนิมนต์พระกลับวัด ชัว่ ครู่ตอ่ มาธรรมิกอุบาสกก็ถามว่า “พระคุณเจ้ าไปไหนหมด” ลูก ๆ บอกว่า “ก็ พ่อ เป็ น คนบอกให้ ท่า นหยุด รอก่ อ น ท่านก็เลยหยุดและกลับวัดไปแล้ ว” พ่อก็บอกว่า “ที่พ่อให้ หยุดรอนัน้ คือ บอกเทวดาที่น�ำ รถทิ พย์ ๖ คัน มาจอดรอเพื่ อรั บพ่อไปอยู่ด้วย พ่อจะไปอยู่ สวรรค์ชนดุ ั ้ สติ และได้ บอกให้ ลกู คนหนึง่ โยนพวงมาลัยไปคล้ อง รถคันที่มาจากสวรรค์ชนดุ ั ้ สติ นัน้ พอธรรมิ ก อุ บ าสกสิ น้ ใจตาย ก็ ไ ด้ ไ ปเกิ ด ในสวรรค์ ชันดุ ้ สติ นันจริ ้ งๆ ลูกๆ เห็นแต่พวงมาลัยลอยขึ ้นไปในอากาศจนหลับตา เพราะฉะนัน้ คนที่ท�ำความดีมีเมตตาย่อมจะมีความสุข ทังชาติ ้ นี ้และชาติหน้ า ขณะตายก็จะมีสติ


๑๕๒ มรรคง่าย

อานิสงส์ ข้อที่ ๑๑ ถ้ าไม่ ได้ บรรลุคุณวิเศษ ก็จะได้ เกิดในพรหมโลกแน่ นอน (อุตตะริง อัปปะฏิวชิ ฌันโต พรั หมะโลกูปะโค โหติ) คนที่เจริ ญเมตตาสม�่ำเสมอ ถ้ าไม่สามารถบรรลุเป็ น พระอรหันต์ได้ พอตายจากโลกนี ้ไปก็จะได้ ไปเกิดในพรหมโลก อย่างแน่นอน

การเจริญเมตตามี ๒ อย่ าง คือ

๑. โอธิโสผรณาเมตตา คือ การเจริญเมตตาแบบเจาะจง ๒. อโนธิโสผรณาเมตตา คือ การเจริญเมตตาแบบไม่ เจาะจง การเจริ ญเมตตาแบบเจาะจงนี ้ ไม่ควรเจริ ญในบุคคล ๔ ประเภทนี ้ก่อน คือ


มรรคง่าย ๑๕๓

เมื่อจะเริ่ มภาวนา อันดับแรกควรรู้ บคุ คลที่เป็ นโทษแก่ ภาวนาว่า ในบุคคลเหล่านี ไ้ ม่ควรเจริ ญเมตตาให้ ก่อน และ บุคคลเหล่านี ้เจริ ญเมตตาให้ ไม่ได้ เมตตานี ไ้ ม่ ควรเจริ ญใน บุคคล ๔ ประเภทนีก้ ่ อน คือ ๑. ในบุ คคลที่เกลี ยดกัน เมื่อนึกถึงคนที่เกลียดกัน ไว้ ในฐานะแห่งคนรัก ย่อมทุกข์ใจเมตตาก็ไม่เกิด ๒. ในบุคคลที่เป็ นสหายรั กกันมาก เมื่อนึกถึงสหาย ที่รักกันมากไว้ ในฐานะแห่งคนกลางๆ กัน ก็ทกุ ข์ เมตตาก็ไม่เกิด ๓. ในบุ ค คลที่เ ป็ นกลางๆ กั น หมายถึง คนที่ เรา ไม่รักไม่ชงั ไม่มีคณ ุ ต่อกัน เมื่อนึกถึงคนกลางๆ กัน ไว้ ในฐานะ แห่งครูและในฐานะแห่งคนรักก็ล�ำบาก เมตตาก็ไม่เกิด ๔. ในบุคคลที่เป็ นศัตรู กัน เมื่อระลึกถึงคนที่เป็ นศัตรู กัน ความโกรธย่อมเกิดขึ ้น เมตตาก็ไม่เกิดเช่นกัน เพราะฉะนัน้ จึงไม่ควรเจริ ญไปในบุคคล ๔ ประเภท มีคนเกลียดกันก่อน ส่ วนในบุ ค คลที่ มี เ พศตรงข้ ามกั น ไม่ ค วรเจริ ญ โดยเจาะจง ควรเจริ ญแบบรวมๆ ส่วนคนที่ตายแล้ ว ไม่ควรเจริ ญ โดยเด็ดขาด เพราะเจริ ญไปก็เมตตาก็ไม่ถงึ สมาธิก็ไม่เกิด


๑๕๔ มรรคง่าย

วิธีเจริญเมตตา ให้ เจริ ญเมตตาในตนเองก่อน ควรเจริ ญในตนเองบ่อยๆ อย่างนี ้ โดยจะยืน เดิน นัง่ นอนก็ได้ ถ้ า แบบนั่ งสมาธิ ให้ เอาสติมาไว้ ที่หน้ าผาก แล้ วส่ง ความรู้ สึกลงไปจนถึงท่านั่ง ถ้ าส่งไปไม่ถึงได้ แค่อก หรื อท้ อง เท่านันก็ ้ พอ พร้ อมกับภาวนาว่า “ขอให้ ข้าพเจ้ ามีความสุข” พร้ อมกับลมหายใจเข้ า “ขอให้ ข้าพเจ้ าพ้ นจากความทุกข์ ” ส่ ง ความรู้ สึ ก จากท่ า นั่ง ไล่ ขึ น้ มาจนถึ ง หน้ าผาก พร้ อมกั บ ลมหายใจออก ภาวนาอย่างนี ้ต่อเนื่อง ถ้ าจะภาวนาเป็ นภาษาบาลีก็ได้ ให้ ภาวนาว่า “อะหัง สุขโิ ต โหมิ” หายใจเข้ า “อะหัง นิททุกโข โหมิ” หายใจออก จะสลับกันก็ ได้ ท� ำอย่างนี ก้ ลับไปกลับมาจนจิ ตเป็ น สมาธิ ถ้ า จิ ต หลุด ก็ ดึงกลับ มาใหม่ ท� ำจนเกิ ดความช� ำนาญ เมื่อเรามีจิตเมตตาแล้ ว ก็จะสามารถแผ่ให้ กบั คนอื่นต่อไปได้


มรรคง่าย ๑๕๕

ในท่ าเดินก็เหมือนกัน เดินก้ าวเท้ าขวาไปก็ภาวนาว่า “ขอให้ ข้ าพเจ้ ามี ค วามสุ ข ” ก้ าวเท้ าซ้ า ยก็ ใ ห้ ภาวนาว่ า “ขอให้ ข้าพเจ้ าพ้ นจากความทุกข์ ” ในท่ า ยื น ก็ เ หมื อ นกัน ส่ ง ความรู้ สึก ตัง้ แต่ ห น้ า ผาก ลงไปจนถึงพืน้ เท้ า และตัง้ แต่พืน้ เท้ าไล่ขึน้ มาจนถึงหน้ าผาก เหมือนเดิม ท�ำจนจิตเป็ นสมาธิ เกิดเมตตา ในท่ า นอนก็ ภ าวนาเหมื อ นกัน ส่ง ความรู้ สึก ตัง้ แต่ หน้ าผากลงไปจนถึงเท้ า แล้ วไล่ตัง้ แต่เท้ ามาจนถึงหน้ าผาก พร้ อมกับลมหายใจเข้ าและลมหายใจออก อัน ดับ ต่อ ไป ก็ เ จริ ญ เมตตาให้ กับ คนที่ เ ราเคารพรั ก ในประเทศไทยเราก็ พระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หัว วิธีเจริ ญ ก็คือ นึกถึงพระพักตร์ ของพระองค์ให้ ชัดๆ หรื อวาดมโนภาพ พระพั ก ตร์ ของพระองค์ ไ ว้ ตรงหน้ าเรา แล้ วแผ่ ค วามรั ก ความปารถนาดี ไ ปถวายพระองค์ ท่ า น ภาวนาพร้ อมกั บ ลมหายใจเข้ าออกว่า “ขอให้ พระองค์ ทรงมีความสุข ขอให้ พระองค์ ทรงพ้ นจากความทุกข์ ”


๑๕๖ มรรคง่าย

ถ้ าแผ่ไปแล้ วพระพักตร์ ไม่ชดั แสดงว่าสมาธิ ไม่มนั่ คง ต้ องกลับมาเจริ ญ เมตตาให้ ตัวเองใหม่อีกครั ง้ แล้ วจึงแผ่ให้ ต่อไปได้ ถ้ าภาพหายดึงกลับมาใหม่ ต่อไปก็เจริญถวายสมเด็จพระนางเจ้ าฯ พระบรมราชินนี าถ และพระบรมวงศานุวงศ์ เป็ นล�ำดับไป ต่อมาก็ ให้ อุปัชฌาย์ ครู อาจารย์ พ่อ แม่ ลูกหลาน ญาติสนิท เป็ นล�ำดับไป ถ้ าพ่อแม่ป่วยลูกเจริ ญให้ พ่อแม่ยิ่งดี เพราะสายเลือดเดียวกันเมตตายิง่ ถึง ยิง่ ถ้ าพ่อแม่เจริ ญด้ วยยิง่ ดี แต่ถ้าท่านเสียชีวิตไปแล้ วไม่ต้องเจริ ญให้ เพราะเมตตาไม่ถงึ อันดับต่อไปให้ คนที่เกลียดกัน เมื่อจิตเกิดเมตตาแล้ ว ก็ ส ามารถแผ่ใ ห้ ค นที่ เ ราเกลี ย ดได้ เพราะถ้ า เราเจริ ญ ให้ กับ คนที่เราเกลียดก่อน จิตมันจะเกิดโทสะ ไม่เกิดเมตตา เพราะ เพียงแค่เรานึกถึงหน้ าเห็นภาพเขาเราก็โกรธแล้ ว ถ้ าจิตเกิดโทสะ ต้ องกลับมาเจริ ญเมตตาที่ตวั เองใหม่ ท�ำจนจิตไม่เกิดโทสะ อันดับต่อไปให้ คนที่เป็ นสหายรั กกันก็ท�ำเช่นเดียวกัน คือนึกถึงหน้ าเขาเหมือนกันแล้ วก็เจริ ญเมตตาไป


มรรคง่าย ๑๕๗

อันดับต่อไปให้ ในบุคคลที่เป็ นกลางๆ กัน หมายถึง คนที่ เราไม่รักไม่ชงั ไม่มีคณ ุ ต่อกัน ก็แผ่แบบรวมๆ หายใจเข้ าออก โดยภาวนาว่า “ขอให้ มนุ ษย์ ทัง้ หลายจงมีความสุข ขอให้ มนุษย์ ทงั ้ หลายจงพ้ นจากความทุกข์ ” อันดับต่อไปให้ ในบุคคลที่เป็ นศัตรูกนั เมื่อระลึกถึงคนที่ เป็ นศัตรูกนั ความโกรธก็เกิด ให้ ทำ� เช่นเดียวกันกับคนทีเ่ ราเกลียด อัน ดับ ต่ อ ไปให้ ค นที่ มี เ พศตรงข้ า มกัน ไม่ ค วรเจริ ญ แบบเจาะจง คือ เพศหญิ งไม่ควรเจริ ญให้ เพศชาย เพศชาย ไม่ควรเจริ ญให้ เพศหญิง เพราะราคะ ความก�ำหนัดจะเกิด ถ้ าจะ เจริ ญให้ ก็ให้ แบบรวมๆ เช่น “ผู้หญิงทัง้ หลายจงมีความสุข ผู้หญิงทัง้ หลายจงพ้ นจากความทุกข์ ” ในผู้ชายก็เช่นเดียวกัน อันดับต่อไปก็แผ่ให้ แบบรวมๆ คือ ไม่เจาะจง ให้ สตั ว์ ทังหลายในโลกนี ้ ้ โดยภาวนาว่า “ขอให้ สรรพสัตว์ ทัง้ หลาย จงมีความสุข ขอให้ สรรพสัตว์ ทงั ้ หลายจงพ้ นจากความทุกข์ ” พร้ อมกับลมหายใจเข้ าออก แผ่ออกมาจากจิตใจของเราที่มีความรักความปารถนาดี ต่อสรรพสัตว์ แผ่ออกเป็ นคลื่นๆ ไปรอบตัวเรา


๑๕๘ มรรคง่าย

อันดับต่อไปก็แผ่ไปในทิศทัง้ ๑๐ ที่แนะน�ำมาทังหมด ้ ท�ำได้ แค่ไหนก็เอาแค่นัน้ ประเภทละหนึ่งนาที หรื อสามนาที ก็ได้ ไม่มีเวลาก็ไม่ต้องเจริ ญทุกอย่าง ยิ่งคนไหนไม่มีศตั รู ไม่มี คนเกลียด ก็ข้ามไปเลย ห้ ามแผ่ให้ คนทีต่ ายไปแล้ ว เพราะเมตตาจะไม่เกิดกับเขา และจิตไม่แนบแน่น ลองฝึ กดูแล้ วจะได้ อานิสงส์ ๑๑ ประการ ดังที่กล่าวมาแล้ ว “ผู้ท่ เี จริญเมตตาบ่ อยๆ ย่ อมสามารถบรรเทา และระงับความโกรธได้ ท�ำให้ คนรั ก คนเมตตา ส่ งผลให้ ชีวติ มีความสุขอย่ างเรี ยบง่ าย เพื่อนร่ วมงานที่ร้ายก็จะรั ก อุปสรรคที่หนักก็จะเบา ความเกลียดชังก็จะบรรเทา ทัง้ ตัวเราและผู้อ่ ืนก็จะเปี่ ยมด้ วยไมตรี สิ่งดีๆ ก็จะเข้ าสู่ชีวติ ”


พระธรรมมังคลาจารย์ (หลวงปู่ทอง)

วัดพระธาตุศรีจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เมตตาสอนศิษยานุศิษย์ว่า “นิ่งได้ ทนได้ รอได้ ช้าได้ ดีได้”


มรรคง่าย


มรรคง่าย ๑๖๑

เครือข่ายธรรมะอารมณ์ดี

ลุ่มพระธรรมวิทยากรจิตอาสา ผู้มีใจรักการเผยแผ่ พระพุทธศาสนา เพื่อการพัฒนาเด็กเยาวชน พัฒนาคน พัฒนา สังคม โดยการสนับสนุนของกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ได้ จัดโครงการ “ธรรมบู ช า “ญาณสั ง วร” ๑๐๐ พระชั น ษา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช” โดยมีวตั ถุประสงค์ เพื่ อ เทิ ด พระเกี ย รติ แ ละน้ อ มเป็ น ธรรมบูช า ในโอกาสที่ ส มเด็ จ พระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช มี พระชันษาครบ ๑๐๐ ปี ในวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๖ และฉลองสัมพุทธชยันตี ๒๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้ า


๑๖๒ มรรคง่าย กิจกรรม ธรรมบรรยายส่ งเสริม องค์ กรภาครั ฐและเอกชน ให้ ได้ รับความรู้ ความเข้ าใจในหลัก พระพุทธศาสนากับการพัฒนา คุณภาพชีวิตที่ดี พร้ อมทัง้ การ พั ฒ นาบุ ค ลากร องค์ ก ร และสามารถประยุ ก ต์ ใ ช้ ได้ อย่ า งมี ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และประสิทธิธรรม (ท�ำ) องค์ กรที่สนใจจ�ำนวน ๑๐๐ องค์ กร แจ้ งเข้ าร่วมโครงการ โดยไม่เสียค่าใช้ จา่ ยใดๆ แต่หากประสงค์จะร่วมส่งเสริ มการเผยแผ่ พระพุทธศาสนา ก็สามารถน�ำบุญให้ ผ้ ูเข้ าร่ วมอบรมได้ สงั่ สมบุญ ตามพระพุ ท ธพจน์ บ ทที่ ว่ า “สุ โข ปุ ญฺ ญ สฺ ส อุ จฺ จ โย การสั่ งสมบุ ญ ย่ อมน� ำ สุ ข มาให้ ” โดยโครงการจะด�ำเนิน ไปจนถึงเดือนธันวาคม ๒๕๕๖


มรรคง่าย ๑๖๓

องค์ กรที่ร่วมโครงการจะได้ รบั เกียรติจากกระทรวงวัฒนธรรม และสถาบันส่งเสริ มและเผยแพร่การพระศาสนาแห่งประเทศไทย กิจกรรมเน้ นการมีส่วนร่ วม การแลกเปลีย่ นเรี ยนรู้ร่วมกัน การระดมสมองเพือ่ พัฒนาวิธีคดิ วิถีธรรม (ท�ำ) บนพื ้นฐานของความเป็ น พุทธะคือ รู้จกั คุณค่าแท้ คุณค่าเทียม คุณภาพชีวิต ประสิทธิธรรม (ท�ำ) ในการท�ำงาน เพื่อน�ำไปสูอ่ งค์กรที่มีประสิทธิผล สามารถเลือกหัวข้ อในการบรรยายให้ สอดคล้ องกับวิสยั ทัศน์ของงาน ภารกิจโครงการ ขององค์กร เช่น “สัมมาทิฏฐิ : คิดบวก งานบวก” “สุขงานด้ วยมรรคง่าย” “งาน ง่าย งาม” “บริ การ ด้ วยใจ บริหารด้ วยธรรม (ท�ำ)” “มรรควิธีวถิ ีพทุ ธ งานส�ำเร็ จ ชีวิตส�ำราญ” และอื่นๆ ส� ำ หรั บ นั ก เรี ย น นิ สิ ต นั ก ศึ ก ษา เช่น ค่ายพุทธบุตร-ธรรมะธิดา (ประถมศึกษา) ค่ายพุทธธรรมเพื่อพัฒนาชีวิต (มัธยมศึกษา) ค่ายธรรมะพลิกชีวิต..คนพันธ์ R (อาชีวศึกษา) ค่ายศิลปะการใช้ ชวี ติ อย่างมีความสุข (อุดมศึกษา) ธรรมะบรรยาย “รักแท้ นนไซ้ ั ้ ร์ อยูใ่ กล้ แค่ใจเรา”


๑๖๔ มรรคง่าย ธรรมะบรรยาย “พุทธวิธีแห่งความส�ำเร็ จ” ธรรมะบรรยาย “ล้ อมรัก ให้ ครอบครัว รอบรัว้ ให้ ตนเอง” ธรรมะบรรยาย “ปฐมนิเทศวิถีพทุ ธ” ธรรมะบรรยาย “ปั จฉิมนิเทศ ส่งลูกกลับบ้ าน” และอื่นๆ ระยะเวลาในการจัดกิจกรรม ก�ำหนดการแบบครึ่ งวัน ๓ ชัว่ โมง แบบหนึ่งวัน ๖ ชัว่ โมง หรื อตามความเหมาะสมของผู้จดั โครงการ พระธรรมวิทยากรหลักประจ�ำโครงการ n n

พระมหาวีรพล วีรญาโณ ผู้ชว่ ยเจ้ าอาวาสวัดยานนาวา ปริญญาตรีพทุ ธศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ, ปริ ญญาโท มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พระครู ปลัดบัณฑิติ อินฺทเมธี ประธานบริ หารส�ำนักปฏิบตั ธิ รรมป่ าโมกข์ธรรมาราม ปริญญาตรีพทุ ธศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ, ปริ ญญาโท มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


มรรคง่าย ๑๖๕ n พระมหามงคล วรธมฺมวาที ผู้ชว่ ยเจ้ าอาวาสวัดนิมมานรดี ปริญญาตรีพทุ ธศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ, ปริ ญญาโท มหาวิทยาลัยศรี นคริ นทรวิโรฒ n พระมหาอดิศักดิ์ อภิปญฺโญ ผู้ชว่ ยเจ้ าอาวาสวัดบรมสถล (ดอน) ปริ ญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ, ปริ ญญาโท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ n พระมหาชาคริ นทร์ กิตต ฺ เิ มธี เลขานุการเครื อข่ายธรรมะอารมณ์ดี ปริ ญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ, ก�ำลังศึกษาปริ ญญาโท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ และคณะพระธรรมวิทยากร ผู้มภี มู ริ ้ ูภมู ธิ รรม พร้ อมเครือข่าย วิทยากรจิตอาสาอีกจ�ำนวนมาก


๑๖๖ มรรคง่าย

ติดต่ อประสานงานเข้ าร่ วมโครงการได้ ท่ ี พระมหาวีรพล วีรญาโณ ผู้ชว่ ยเจ้ าอาวาสวัดยานนาวา เลขานุการฝ่ ายเผยแผ่ วัดยานนาวา ๔๐ วดั ยานนาวา แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร โทร. ๐๘๔ ๔๕๕ ๕๘๕๕, ๐๘๗ ๘๑๒ ๔๑๙๐, ๐๘๙ ๗๙๔ ๓๘๙๕, ๐๘๙ ๘๘๕ ๖๗๒๑ โทรสาร. ๐๒ ๖๗๒ ๓๒๐๖ Email: Weeraphon2524@hotmail.com Website: www.dhammaaromdee.com www.facebook.com/พระมหาวีรพล ธรรมะอารมณ์ดี



๑๖๘ มรรคง่าย


มรรคง่าย ๑๖๙


๑๗๐ มรรคง่าย


มรรคง่าย ๑๗๑


๑๗๒ มรรคง่าย


มรรคง่าย ๑๗๓


๑๗๔ มรรคง่าย


มรรคง่าย ๑๗๕


๑๗๖ มรรคง่าย


มรรคง่าย ๑๗๗


๑๗๘ มรรคง่าย


มรรคง่าย ๑๗๙


๑๘๐ มรรคง่าย


มรรคง่าย ๑๘๑


๑๘๒ มรรคง่าย


มรรคง่าย ๑๘๓


๑๘๔ มรรคง่าย




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.