ฉัน เป็น นักศึกษา หา
ประสบการณ์
BY SYSINE
สวัสดีค่าาาผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน ยินดี ต้อนรับอย่างยิ่งที่เปิดใจหยิบหนังสือเล่มเล็กๆนี้ มาอ่านกันนะคะ เชื่อว่าหลายท่านเป็นนักศึกษา ที่กำ�ลังจะต้องฝึกงานหาประสบการณ์นอกรั้ว มหาลัยอย่างแน่นอนหรือผู้ที่เคยพบกับเหตุ การณ์คล้ายๆเรามาแล้ว ภายในหนังสือเล่มนี้ จะพูดถึงสิ่งที่เราต้องเตรียมตัวเตรียมใจที่จะเจอ ก่อนเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่างๆในการทำ�งาน คำ�แนะนำ�รวมถึงเแชร์ประสบการณ์ในการ ฝึกงานที่ผ่านมาของผู้เขียน หากใครสนใจก็ไม่ ควรพลาดอย่างแน่นอน ยังไงก็ขอให้อ่านอย่าง เพลิดเพลินนะคะ ... :)
CONTENT ความสำ�คัญของการฝึกงาน ………………. 1 สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนฝึกงาน ………………..3 แชร์ประสบการณ์ ...………………7 ได้อะไรจากการฝึกงาน ..........…………13
ความสำ�คัญของการฝึกงาน
การฝึกงานเป็นเรื่องจำ�เป็นอย่างยิ่งสำ�หรับนักศึกษาที่เรียนในชั้นปีสุดท้าย เพื่อเป็นการเพิ่มทักษะในด้านการทำ�งาน เตรียมพร้อมก้าวเข้าสู่โลกแห่งการทำ�งาน ที่แท้จริง โดยส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณสามถึงสี่เดือนในการฝึกปฏิบัติงาน ตาม หลักแล้วการฝึกงานก็คือ การฝึกทักษะความสามารถของตัวเราเอง โดยนำ�ความ รู้ที่ได้จากห้องเรียนไปปฏิบัติในชีวิตจริง สามารถทำ�งานภายในองค์กรต่างๆ ได้เป็น อย่างดีเยี่ยม จึงเป็นกระบวนการเพิ่มทักษะและประสบการณที่ดีที่เป็นประโยชน์แก่ การประกอบอาชีพ สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ทั้งในสถาน ประกอบการและการประกอบอาชีพอิสระ อีกทั้งยังทำ�ให้นักศึกษามีโอกาสได้ใช้ เครื่องมือใหม่ๆ ที่ไม่เคยหยิบจับมาก่อน สร้างสรรค์ผลผลิตที่มีประสิทธิภาพ ฝึก ระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ ต่อหน้าที่และสามารถปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบ หมาย นอกจากนั้นยังสร้างความเชื่อมั่นและทัศนคติที่ดีต่ออาชีพ และให้นักศึกษา มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีในการปฏิบัติงาน ที่สำ�คัญเป็นการเสริมสมรรถภาพในการ ประกอบอาชีพในอนาคตต่อไป
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนฝึกงาน
- การฝึกงานเป็นโอกาสอันดีที่นักศึกษาจะได้เรียนรู้วิธีการทำ�งานในองค์กร ที่ เป็นมืออาชีพซึ่งมีความแตกต่างจากชีวิตการเรียนหนังสืออย่างมากมาย แต่การที่ นักศึกษาฝึกงานจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการฝึกงานได้มากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับ การปฏิบัติตัวของแต่ละคน หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำ�ลังจะฝึกงาน 12 วิธีต่อไปนี้จะช่วยให้ คุณประสบความสำ�เร็จในการฝึกงาน รวมไปถึงประสบความสำ�เร็จในการทำ�งานด้วย
1.กำ�หนดเป้าหมายของตนเอง ก่ อ น จ ะ เ ริ่ ม ฝึ ก ง า น น้องๆควรกำ�หนดเป้าหมายของตนเองให้ชัดเจนเสีย ก่อนว่าน้องต้องการอะไร โดยต้องแน่ใจว่าเป้าหมาย ของน้ อ งมี ค วามเป็ น ไปได้ ที่ จ ะทำ � ให้ สำ � เร็ จ ได้ จ ริ ง ๆ 2.เข้ า พบหั ว หน้ า งานเป็ น ประจำ � หาโอกาสเข้ า พบ หั ว หน้ า งานหรื อ พี่ เ ลี้ ย งเป็ น ประจำ � เพื่ อ แลกเปลี่ ย น ประสบการณ์และบทเรียนต่างๆทั้งดีและไม่ดีรวมทั้ง รายงานความคื บ หน้ า ของงานที่ ทำ � ให้ หั ว หน้ า งาน หรือพี่เลี้ยงทราบด้วยและในระหว่างที่น้องพูดคุยกับ หั ว หน้ า งานหรื อ พี่ เ ลี้ ย งฝึ ก งานของตนเองนั้ น น้ อ ง ควรเป็ น ผู้ ฟั ง ที่ ดี แ ละเก็ บ เกี่ ย วความรู้ ใ ห้ ม ากที่ สุ ด
3.ทำ � งานด้ ว ยความกระตื อ รื อ ร้ น และมี ทั ศ นคติ เชิ ง บวกไม่ สำ � คั ญ ว่ า น้ อ งจะได้ รั บ มอบหมายให้ ช ง กาแฟหรื อ ถ่ า ยเอกสารแต่ น้ อ งต้ อ งทำ � ทุ ก งานที่ ไ ด้ รั บ มอบหมายด้ ว ยความกระตื อ รื อ ร้ น และเป็ น มื อ อาชี พ และอาจขอทำ � งานเกิ น ระยะเวลาการฝึ ก งาน ที่ กำ � หนดไว้ เ พื่ อ แสดงให้ หั ว หน้ า งานหรื อ พี่ เ ลี้ ย ง ฝึ ก งานเห็ น ถึ ง ความมุ่ ง มั่ น ในการทำ � งานของน้ อ ง 4.หลีกเลี่ยงทุกอย่างในทางลบ หากน้องไม่ต้องการ ทำ � ลายการฝึ ก งานของตนเองควรหลี ก เลี่ ย งการ กระทำ � ใดๆก็ ต ามที่ มี ผ ลในทางลบเช่ น พู ด คำ � หยาบ ไม่เคารพเพื่อนร่วมงาน มาสายแต่กลับก่อน ใจแคบ ไม่ ต รงต่ อ เวลาเย่ อ หยิ่ ง แต่ ง กายผิ ด ระเบี ย บ เป็ น ต้ น
5.ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือองค์กรที่ฝึกงาน ให้ ม ากขึ้ น หาโอกาสเข้ า ร่ ว มทุ ก ๆกิ จ กรรมของ บริษัท/องค์กร เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ขณะเดียวกันก็ ช่วยสร้างสัมพันธภาพกับผู้คนได้ด้วย 6. เปิดรับสิ่งต่างๆ ให้ได้มากที่สุด เปิดรับความ คิดเห็นใหม่ๆ หรือพบปะพูดคุยกับคนในแผนกอื่นๆ มากขึ้ น รวมถึ ง เพื่ อ นนั ก ศึ ก ษาจากสถาบั น อื่ น ๆ ที่มาฝึกงานด้วย เราอาจจะได้อะไรดีๆจากเพื่อน นักศึกษาจากต่างสถาบัน เป็นเพื่อนกันและอาจได้ ทำ�งานด้วยกันต่อไปในอนาคต 7. อย่ากลัวการถามคำ�ถาม การที่น้องเป็น นักศึกษาฝึกงาน ย่อมไม่ได้ถูกคาดหวังว่าต้องรู้ทุก เรื่องอยู่แล้ว ดังนั้น อย่ากลัวที่จะถามคำ�ถามเมื่อ น้องต้ อ งพบกั บ งานที่ไม่คุ้นเคยและหากมีข้อห้า ม ไม่ให้เราทำ�อะไรก็ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์กรที่เรา ฝึกงานได้ 8. คิดนอกกรอบ นายจ้างหรือหัวหน้างานชอบ คนที่หาทางแก้ปัญหาด้วยการ “คิดนอกกรอบ” น้องอาจเสนอความคิดใหม่ๆ ต่อหัวหน้างาน เพื่อที่ จะประสบความสำ�เร็จร่วมกันได้ แต่ระวังไว้เสมอว่า อย่าทำ�สิ่งใดๆ ล้ำ�เส้นหัวหน้างานเด็ดขาด
9.หาที่ปรึกษา(พิเศษ)สักคน ที่ปรึกษาที่น้อง จะมองหา ควรเป็นผู้ที่มีตำ�แหน่งที่สูงกว่า ที่ จะสามารถให้ คำ � แนะนำ � ต่ า งๆที่ น้ อ งต้ อ งการ ทราบได้และยังเป็นเกราะกำ�บังจากความขัดแย้ง ต่างๆ ภายในบริษัทหรือองค์กรได้ด้วย หัวหน้า งานหรือพี่เลี้ยงฝึกงานของน้องสามารถเป็นที่ ปรึกษาได้ แต่ก็ควรมองหาคนอื่นไว้ด้วย 10. ผูกมิตร ตีสนิท ผูกมิตรและสร้างความ สนิทสนมกับหัวหน้างานและผู้จัดการแผนกอื่นๆ ให้มากๆ น้องจะสามารถใช้ประโยชน์จากความ สนิทสนมนี้ได้สำ�หรับการฝึกงานครั้งต่อไป หรือ พวกเขาอาจให้คำ�แนะนำ�ในการหางานแก่น้องได้ จากประสบการณ์การทำ�งานของพวกเขา 11. สร้างความสำ�เร็จให้เป็นรูปธรรม เมื่อการ ฝึกงานเสร็จสิ้นลง น้องควรนำ�รายละเอียด การฝึกงานไปใส่ไว้ในแฟ้มสะสมงาน (portfolio) ด้วย เพื่อป้องกันการลืมว่าน้องได้ทำ�อะไรบ้าง ในระหว่างการฝึกงาน การจดบันทึกประจำ�วัน หรือเขียนไดอะรี่ (diary) จะช่วยเตือนความจำ� ได้ดีทีเดียว 12.สนุกกับชีวิต การฝึกงานเป็นประสบการณ์ ที่ดีที่สุดครั้ง หนึ่งในชีวิต ดังนั้น ควรสนุกกับ การทำ�งานและการได้เรียนรู้ แต่ระวังอย่าสนุก จนมากเกินไปและอย่าให้มีเรื่องรักใคร่ เกิดขึ้นใน
องค์กรที่คุณไปฝึกงานเสียล่ะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.anantasook.com/
แชร์ประสบการณ์
สี่เดือนที่ได้เป็นนักศึกษาฝึกงานอยู่ที่บริษัท Fine Dae Magazine คือช่วงเวลาที่ฉันมีความสุขมาก ก่อน หน้านี้ฉันเคยคิดไว้ว่า ตลอดระยะเวลาของการฝึกงาน คงเป็นช่วง เวลาแห่งความทุกข์และอึดอัดใจ แต่สิ่งที่่ได้เจอมากับเป็นความสุข มากกว่าอีก ทั้งคุ้มทั้งสนุกเป็นประสบการณ์ที่หาค่ามาวัดไม่ได้..... สวัสดีค่ะ ฉันเป็นนักศึกษาคนหนึ่งที่ก่อนจะจบนั้น ก็ต้องมีการฝึกงาน แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกจะอ้วกเลย ล่ะ ใครจะอยากฝึกล่ะ ขอข้ามไปตอนรับปริญญา เลยได้ไหม แต่นั่น..เป็นได้แค่ความคิดเท่านั้น ฉันเรียน อยู่สายนิิเทศค่ะ ความคิดแรกเลยคือ ฉันจะไปฝึก ด้านไหนดีเนี่ย ฉันถนัดอะไรบ้าง แทบไม่มีเลยยยย ก็ค้นหาตัวเองอยู่พักหนึ่ง เออ! กราฟิกนี่แหละที่ฉัน ชอบ ฉันชอบคิดงานโปสเตอร์ค่ะ ชอบสร้างสรรค์ อยู่คนเดียว ตอนทำ�รายงานกลุ่มส่วนใหญ่ก็ฉันนี่ แหละ ที่เป็นคนออกแบบผลงานโปสเตอร์ จะว่าฝื มือเทพก็ไม่ แต่ชอบคิดเฉยๆ ใช้เครื่องมือจับมันวา งมั่วๆให้ลงตัว ฉันไม่ค่อยกล้าแสดงออกค่ะ จะให้ไป เป็นประชาสัมพันธ์ สายหน้ากล้อง พูดต่อหน้าผู้ คนก็ไ่ม่ใช่ตัวตนเลย งั้นกราฟิกนี่ล่ะใช่สุด.
พอได้เป้าหมายละ ฉันก็เริ่มหาที่ฝึกงานที่ตรงกับ สายเราเพื่อที่จะไปหาความรู้เพิ่มเติม ก็เสิร์ชเจอ บริษัทที่ทำ�แมกกาซีนอยู่หลายที่ จนไปสะดุดตาผล งานของบริษัท FineDae Magazine ชื่นชอบ คิดว่าตรงกับสไตล์เรา ก็ตัดสินนใจเลือกที่นี้ จาก นั้นก็หาข้อมูลบริษัท ว่ามีตำ�แหน่งงานใดบ้าง เพื่อที่ เราจะขอความอนุเคราะห์เข้าไปอยู่เป็นส่วนหนึ่งของ องค์กร ฉันก็ไม่ลังเลรอช้ารีบยื่นเรื่องเข้าไปเลยค่ะ โทรสอบถามกับพนักงานบริษัท พนักงานบริษัทก็ ขอ Portfolio ค่ะ เพื่อดูผลงานว่าเราทำ�อะไรบ้าง ก็ยื่นเรื่องทำ�เรื่องเสร็จปุ๊บ เหลือรอการตอบรับค่ะ ว่าเขาจะรับเข้าฝึกงานหรือไม่ ผ่านไปประมาณเกือบ สองสัปดาห์ค่ะ ยังไม่มีวี่แววว่าจะติดต่อกลับมาเลย ก็เลยปลอบใจตัวเองว่าเขาคงงานเยอะ ไม่มีเวลาดู แต่แล้วการรอคอยก็มาถึง พนักงานโทรมาแล้วค่ะ
ก่อนจะเข้าฝึกงานเป็นวันแรก ฉันมีความกังวลนู่นนี่ กลัวทำ�ไม่ได้ พี่ที่จะฝึกงานจะดุหรือเปล่า ทุกอย่างมา รวมอยู่ในความคิดหมด เครียด กดดันก่อนไปฝึก และ แล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่เข้าสถานประกอบการวันแรก ตื่นเต้นไปหมดเลยค่ะ ใจสั่นๆก่อนเดินเข้าประตู ก็เข้ามา นั่งในออฟฟิส ออฟฟิสที่นี่เป็นโปรดักชั่นเฮ้าสค่ะ เล็ก อบอุ่นดี โชคดีนะคะที่ฉันมีเพื่อนมาด้วยหนึ่งคนชื่อว่า ส้มโอค่ะ มาฝึกอีเว้นท์ เลยทำ�ให้ความตื่นเต้นลดลงไป อีกนิดนึง นั่งไปสักพัก บอส(หัวหน้า)เดินเข้ามาคุยด้วย ค่ะ ที่นี่เราจะเรียกหัวหน้ากันติดปากว่าบอส บอสแก เป็นคนตลกค่ะ ชอบจิกกันพวกฉันตลอด แต่แกแซวเล่น นะคะ ทำ�ให้ลืมภาพหัวหน้าที่โหด น่ากลัวไปเลย จู่ๆบอส บอกขอให้ฉันมาช่วยงานด้านอีเว้นท์ค่ะ ฉันนี่เงิบบบเลย สิ แต่อีกแง่หนึ่งก็ดีไปอีกแบบ ได้ลองทำ�อะไรใหม่ๆ เอาวะ ลองดูอีเว้นท์ สายงานที่ไม่เคยคิดจะทำ� เราจะทำ�มันได้ ไหม ตกลงช่วยบอสค่ะ เราเป็นเด็กฝึกงาน จะปฏิเสธได้ ไงล่ะคะ ก็ต้องสู้กับงานที่จะเจอเท่านั้น ฉันได้มาเป็นส่วนหนึ่งของทีมงานฟายน์เดด้านอีเว้นท์ ทำ�ตัวไม่ถูกค่ะ ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย แรกๆนี้จับใช้เครื่องมือผิดๆถูกๆไปหมด ก็ได้ส้มโอคอยช่วยอยู่ข้างๆตลอด งานอีเว้นท์เหนื่อยค่ะ แต่ก็สนุกมาก ไม่น่าเบื่อ ไม่ต้องอยู่กับที่ ได้เดินทางตลอดค่ะ่ ที่เหนื่อยคือสภาพอากาศบ้านเรานี่แหละค่ะ มันร้อนนนนมาก เลยทำ�ให้การทำ�งานเราเพลียไปเลย งานแรกของฉันคือ การหาชุดให้กับเน็ตไอดอลของเชียงใหม่ค่า ดูเหมือนง่ายแต่ไม่เลย พี่ที่มอบหมาย งานให้เราไปกันเองค่ะ คือเราต้องไปติดต่อทางร้านเอง ขอยืมชุดมาใช้ถ่ายและติดต่อใส่ไปเดินงานให้กับทาง นิตยสาร ELLE ร้านที่เราต้องไปคืออยู่ในนิมมานค่ะ จำ�ได้เลยว่าร้านแรกที่ไปคือร้าน Chabaa เราเตรียม คำ�พูด เพื่อเข้าไปคุยกับเจ้าของร้าน แต่ปัญหาคือเค้างงไม่เข้าใจค่ะ ฉันเลยโทรหาบอส ปรึกษาว่าควรใช้คำ�พูด ยังไงในการมาดิวร้าน บอสก็ให้ข้อมูลมา ฉันก็เริ่มใหม่อธิบายให้เค้าฟัง เค้าก็เริ่มเข้าใจละโอเคให้เราหยิบชุด จากทางร้านไปใช้ได้ ทำ�แบบนี้อยู่หลายร้าน แรกๆมีอาการเบลอหลังๆเริ่มสนุกคุ้นเคยกับงานมากขึ้น เลยคิด แง่ดีว่าหากไม่ได้ฝึกงาน จะมีโอกาสได้เข้าร้านแพงๆแบบนี้หรือเปล่า เพราะถ้าไม่ได้ฝึก คงไม่กล้าเข้า คงจะเดิน ผ่านหน้าร้านไไปเฉยๆแน่นอน
งานที่เหนื่อยและหนักที่สุดตั้งแต่ฝึกงาน คือออก Troop โปรโมทโปรโมชั่นให้กับสายการบิน Air Asia ที่โหดสุดเพราะ ว่าทำ�วันเสาร์และอาทิตย์อยู่สามอาทิตย์ด้วยกัน แล้วเป็นการ เดินสายโปรโมทตามสถานที่รอบเชียงใหม่ เพลียสุดๆเลยค่ะ เจอ ทั้งแดด ลม ฝน ครบตามสภาพอากาศ หน้าที่หลักของฉันก็ คือการดูแลเจ้าตัวมาสคอต ‘หมีแพนด้า’ ซึ่งในตัวมาสคอตก็็จะ เป็นสตาฟของเรา แน่นอนว่าข้างในชุดนั้นต้องอบอ้าวและร้อน มาก และอาจทำ�ให้มองทางไม่เห็น ฉันก็ต้องคอยควบคุมเจ้าหมี แพนด้าตามทุกที่ที่ไปตั้งจุดโปรโมท นอกจากจะดูแลหมีแพนด้าแล้ว ฉันก็คอยแจกโบชัวร์และใบพัด ให้กับผู้คนที่ผ่าน มีวันหนึ่งฉันและทีมงานได้ไปถนนคนเดินวัว ลาย ผู้คนเยอะมากก ต้องเบียดเสียดกันเดินเข้าไป เป็นอะไรที่ อึดอัดและร้อน แต่ก็ต้องสู้งานค่ะเราไม่หวั่น พอเดินไปสักพัก พี่ ทีมงานคนหนึ่งบอกอยากให้มีเสียงพูดโปรโมทไปด้วย เอาแล้ว งานตะโกนใช้เสียงก็มา ข้อความที่พูดประมาณว่า “บินตรง เชียงใหม่ ฮ่องกง มาเก๊า หางโจว เริ่มต้นเพียง 1990 บาท เท่านั้น” นั่นล่ะค่ะเราก็ตะโกนประโยคนี้ตั้งแต่ครึ่งทางจนถึง ปลายทาง เริ่มแรกผู้คนมองค่ะ สงสัยว่ามาทำ�อะไรกัน ฉันกับ เพื่อนในทีมงานอายค่ะ สักพักเริ่มชินกับสายตา เมื่อมันเป็นงาน เราก็ต้องทำ� ตื่นเช้ามาเสียงแหบกันเลยทีเดียว
Fine Dae เป็นสถานที่ทีทำ�่ให้ฉันรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน มันอบอุ่น มันมีทั้งความรักและรอยยิ้มให้กัน ทุกๆวัน ฉันไม่รู้สึกว่าสี่เดือนที่มาฝึกมันรู้สึกล่าช้า แต่กลับเป็นระยะเวลาที่เร็วไปด้วยซ้ำ� ฉันและพี่ในออฟฟิส สนิทกันเหมือนพี่น้อง เวลาเราเล่นเราก็เล่น เวลาทำ�งานเราก็ทำ�กันอย่างสุดๆ บอสชอบเรียกพวกเราว่า ‘ทีม งานคุณภาพ’ เพราะว่าเราทำ�งานกันอย่างจริงจัง ตั้งใจ ทำ�ให้ออกมาดีที่สุด ต้องขอบคุณจริงๆที่ทำ�ให้ฉันได้มี ประสบการณ์ที่ดีมากมาย หาค่ามาวัดไม่ได้เลย ...ช่วงเวลา 4 เดือนที่ฉันต้องออกไปเผชิญกับโลกที่แตกต่างไปจากการเรียนหนังสือในรั้วของ มหาวิทยาลัยนั้น ไม่ได้แย่อย่างที่คิด มันได้อะไรหลายๆอย่าง มันไม่ใช่แค่ความรู้ที่ตัวอักษร มันได้การลงมือ ทำ�จริงๆ มันฝึกให้ฉันมีความอดทน มีการปรับตัวเข้ากับสังคมมากขึ้น อยากให้ทุกคนเปิดใจและเตรียมพร้อม สำ�หรับการฝึกงาน ขอให้สนุก เต็มที่กับการฝึกงานกันนะคะ :)
ได้อะไรจากการฝึกงาน
.
ความขยัน เพราะงานที่ได้รับมอบหมายนั้นมีกำ�หนดเวลาที่ตายตัวทำ�ให้เราต้องขยันทำ�งานเพื่อให้ เสร็จตามกำ�หนดเวลา ความละเอียดรอบคอบ การทำ�งานทุกครั้งต้องมีความละเอียดรอบคอบเพราะถ้า มีข้อผิดพลาดอะไรคนผิดก็คือผู้ทำ�ที่ไม่มีความละเอียดมากพอ ได้รับประสบการณ์จริงในการทำ�งาน เรา ได้รับความรู้ใหม่ๆที่นอกเหนือจากในบทเรียน สิ่งเหล่านี้เป็นประสบการณ์ที่มีค่าและสามารถนำ�ไปใช้เมื่อเข้า ทำ�งานจริงได้ ความมั่นใจในการทำ�งาน มีความมั่นใจและไม่ประหม่าเวลาทำ�งานเนื่องจากเรามีประสบการณ์ ในการทำ�งานมาแล้วนั่นเอง ความตรงต่อเวลา หน้าที่การงานทำ�ให้เราเป็นคนตรงต่อเวลาเพราะถ้าเรามาไม่ ตรงเวลาจะทำ�ให้ถูกตำ�หนิและอาจทำ�งานไม่เสร็จได้ ความอดทน เราต้องมีความอดทนต่อแรงกดดันได้ไม่ว่า จะเป็นแรงกดดันในเรื่องเวลา หรือแรงกดดันจากหัวหน้าของเรา เปิดโลกทัศน์ในวิชาชีพของตน การฝึกงาน ช่วยให้เห็นโลกกว้างในงานที่เราต้องการจะทำ�ช่วยให้เห็นว่างานที่เราอยากจะทำ�ในอนาคตนั้นมีอะไรนอก เหนือจากที่เราเรียนมาบ้าง นอกจากนี้ยังเป็นการทดสอบว่าเราเหมาะกับงานที่เราทำ�หรือไม่ ความรับผิด ชอบ เราได้ฝึกให้บริหารจัดการกับเวลาในการทำ�งานได้ ทำ�ให้เรามีความรับผิดชอบในการทำ�งานมากยิ่งขึ้น การเรียนรู้ด้วยตนเอง การมาฝึกงานทำ�ให้เราต้องหาความรู้ด้วยตนเอง แม้เราจะถามพี่ที่ทำ�งานด้วยกันได้ แต่ก็ไม่สามารถถามได้ตลอดเวลาดังนั้นจึงมีความจำ�เป็นที่จะต้องช่วยตนเองในการหาความรู้เพิ่มเติม และสุ่ด ท้าย การรู้จักปรับตัว การฝึกงานช่วยให้เราสามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคมการทำ�งานได้ เพื่อที่เราจะได้ทำ� งานกับเพื่อนร่วมงานโดยไม่เกร็ง
THANK YOU :P