The Reds Magazine Issue 1

Page 1



หลายท่านคง งง ระคนสงสัย !! หลังจากได้ยลโฉม The Reds นิตยสารออนไลน์เพื่อ สโมสรลิเวอร์พูล เล่มแรกในประเทศไทย ฉบับนี้ อย่าได้ งง เลย ครับ เพราะ เดอะ คอป กลุ่มเล็กๆ ที่มารวมกันเพื่อการ นี้ เราก็ยังตื่นเต้น แถมยังแปลกใจไปไม่น้อยกว่าพวกท่าน ว่า สุดท้าย มันเกิดขึ้นจริงมาได้อย่างไร ? เพราะจริงๆ มันมาจากประกายเล็กๆ ของคนไม่กี่คน ทั้งหมดทั้งสิ้น คงต้องยกความดีความชอบให้สโมสรที่เรารักและ ผูกพันธ์ ที่ท�ำให้เหล่าคนท�ำงานต่างพยายามมอบสิ่งดีดี ถ่ายทอดเรื่องราว สวยงามให้ออกมาประจักษ์สายตาเพื่อนพ้องน้องพี่ เดอะ คอป ใน สยาม ประเทศ ถึงตอนนี้ กลุ่มคนเล็กๆ กลุ่มนี้ มีความรู้สึกดีดีกันไม่น้อย ที่เหลือคงต้อง ให้ผู้อ่านตัดสิน ว่า มันจะดีพอที่จะออกมาทุกเดือน ให้เหล่า เดอะ คอป ได้เสพย์ กันอย่างไม่รู้เบื่อหน่ายหรือเปล่า?? และคงต้องออกตัวกันเล็กๆ ว่า พวกเราเอง หาใช่ “นักวิเคราะห์เกม” หาใช่ “กูร”ู ผูเ้ ชีย่ วชาญในโลกลูกหนัง หาใช่ “เหล่านักเขียน หรือ คอลัมนิสต์มืออาชีพ” หากมีข้อผิดพลาดประการใด ทางทีมงานพร้อม น้อมรับฟังด้วยความยินดี อีกไม่กี่วัน ฤดูกาล 2013-2014 ที่แท้จริงจะเริ่มต้น ทีมรัก ของพวกเราจะไปได้ดขี นาดไหนในฤดูกาลทีจ่ ะถึง คงต้องคอยติดตาม และให้ก�ำลังใจ ทั้ง ผู้จัดการทีม และ เหล่านักเตะ ที่มีมากหน้าหลายตา เข้ามาแทน แต่ไม่ว่า “ใครจะมา ใครจะไป” ผมยังเชื่อว่า เหล่า เดอะ คอป ที่แท้จริง จะยังคงเคียงข้างทีมตลอดไป แล้วพบกันใหม่ 15 กันยายน ครับ ด้วยความเคารพ การิน ธนะอมรทัต บรรณาธิการ




4

A rticle

The Reds August 2013


5

August 2013 The Reds


6

มั น คงจะเป็ น เรื่ อ งผิ ด พลาดหากจะไปคิ ด ว่ า Daniel Sturridge และ Philippe Coutinho ปรับ ตัวได้แล้วกับความส�ำเร็จที่เห็นๆ มา เพราะเวลาเพียง ไม่กี่เดือนนั้นไม่สามารถน�ำไปสรุปอาชีพของคนหนึ่งคน ใดทั้งหมดได้ แต่ ปรากฏการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่พวก เขาได้กระท�ำมาให้เห็นในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง ช่วยยก ระดับให้ฟอร์มการเล่นของ หงส์แดง นั้นให้ก้าวขึ้นไปสู่ ระดับที่น่าประทับใจ Liverpool เริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างย�่ำแย่ และ ไร้ สาระ เพราะตารางและคิวแข่งที่หินพอควร แต่ก็ไม่ใช่ เซอร์ไพรส์อะไรนัก แม้ว่าฟอร์มที่เห็นในการเล่นกับ Manchester City และ Manchester United น่า จะได้รับผลการแข่งขันที่สมน�้ำสมเนื้อกว่านี้ บางทีการ เริ่มต้นฤดูกาลแบบง่ายๆ จะสามารถท�ำให้ทีมคว้าแต้ม ได้มากกว่าที่ได้มา แต่แน่นอนที่สุด หากคุณล�ำบาก ล�ำบนในเกมง่ายๆ เหล่านี้ ซึ่งเกิดขึ้นได้กับกุนซือคน ใหม่ และนักเตะชุดใหญ่ งั้นเกมที่เหลือก็ไม่ต้องพูดถึง อีก ว่าคงหินยิ่งกว่าหิน แรมเริ่มเลย มีการครองบอลที่มากมาย แต่ไม่มี การเจาะเข้าไปหวังผล ผมได้เขียนไว้หลายๆ ครั้งแล้ว เมื่อฤดูกาลใบไม้ร่วงปีที่แล้วว่า มันปราศจากการ “จ่าย บอลทะลุ” อย่างแท้จริง แต่ก็มีการเปลี่ยนเปลงเกิดขึ้น เมื่อ Coutinho ก้าวเข้ามาเป็นตัวช่วยเร่งพัฒนาการ ครับ ดาวเตะร่างเล็กชาว Brazilian แสดงให้เห็นสิ่งนี้ โดยใช้ความสามารถเฉพาะตัวในการเลี้ยงบอล ครอง บอล และ มีวิสัยทัศน์ที่ดีเลิศ สามารถจ่ายบอลได้อย่าง แม่นย�ำดุจจับวาง เขาสามารถมองเห็นรูเข็มระยะ 20 หลา แล้วจ่ายทะลุมันไปพอดิบพอดี The Reds August 2013

หงส์แดงยังคงเล่นเกมจ่ายบอลอย่างต่อเนื่อง แต่ ดูเนียนตาขึ้น ดูตรงประเด็น ตรงๆ ขึ้น ท่าไม่เยอะ แต่ ไม่ใช่การโยนยาวนะครับ ที่ Swansea นั้น, Brendan Rodgers จัดให้ทีมตนเองจ่ายบอลไปมา 20,000 กว่า ครั้งในฤดูกาล 2011-12 แต่มักจะเป็นการจ่ายบอล ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ลึกๆ ไม่ใช่แดนหน้า และมันประสบ ความส�ำเร็จในการควบคุมเกมการเล่นมากกว่า “การ เอาชนะ” คู่แข่ง (แน่นอนที่สุดทีมที่เพิ่งก้าวขึ้นชั้นมา


7

ไม่ใช่ทีมที่มุ่งหาชัยชนะได้ตลอดทุกๆ สัปดาห์ แต่มันก็ เป็นอะไรที่เห็นแล้วสบายใจ เนียนตา กว่าทีมอื่นๆ ที่มา จาก The Championship ที่มักจะเล่นเกมรับ โดยไม่ เน้นครองบอล) มันเป็นงานที่หินกว่าเยอะในการที่จะครองบอล ในฝั่งตรงกันข้าม เพราะคู่แข่งอยู่กันตรึม เพราะฉนั้น การเคลื่อนไหวและความสามารถเฉพาะตัวจึงเป็นอะไร ที่จ�ำเป็นต้องมี ในครึ่งฤดูกาลแรก ทุกๆ อย่างมันซิ๊งค์

กันไม่ได้ แต่เมื่อ Sturridge มาเพิ่มความเร็วในเกมรุก ให้ และ Coutinho ทั้งยิงทั้งจ่ายและท�ำ assist ได้ สม�่ำเสมอ ทุกๆ อย่างจึงดูดีขึ้น มันมีประเด็นที่น่าคิดก็คือ เมื่อฤดูหนาวปีก่อน สองดาวเตะที่ เซ็ น เข้ า มาแล้ ว ประสบผลที่ สุ ด ในเวที Premier League อย่าง Nikica Jelavić และ Papiss Cissé ต่างมีฟอร์มที่แย่ที่สุดในฤดูกาลที่ผ่าน มา โดยรวมทั้งสองคนต่างยิงกันเกิน 12 เม็ดในฤดูกาล August 2013 The Reds


8

2011-12 ซึ่งมากกว่าที่พวกเขาท�ำได้ในฤดูกาล 201213 ทั้งฤดูกาล การเข้ามากลางฤดูกาล ตัวนักเตะเอง อาจจะรู้สึกเฟรซมากกว่าแนวรับคู่แข่งเลยท�ำให้ผลงาน ดี แต่พอเริ่มต้นฤดูกาลใหม่พร้อมกัน ก็ไปไม่เป็น ถึงแม้ว่าผมจะเป็นแฟนตัวยงของ Sturridge ตั้งแต่ปี 2006, ตอนที่เขาอายุ 16, เขานั้นเหนือกว่า เด็กรุ่นเดียวกันหมดทั้งกระบิ ใน FA Youth Cup รอบชิง Liverpool นั้นอาจจะได้ถ้วยใบนั้นไป แต่ Sturridge ที่เล่นให้กับ City ตอนนั้นโดดเด่นที่สุด ไม่มี นักเตะคนไหนของ Liverpool ชุดนั้นเล่นเด่นพอเลย และแน่นอนความเศร้าสร้อยที่สูญเสีย Miki Roqué ที่ เสียชีวิตไปในซัมเมอร์หลังจากที่กลับไปและก�ำลังแจ้ง เกิดกับถิ่นเกิดที่ Spain แท้ๆ ครับผมเห็นสิ่งเดียวกันนี้กับ Coutinho ในยุค เริ่มต้นกับ Inter Milan เขาเพิ่งจะอายุ 18 แล้วผมคิด ว่า “ว้าววว เจ๋งอ่ะเด็กคนนี้” กระนั้นก็ยังไม่เคยสร้าง ชื่อให้กับตัวเองได้ก่อนที่จะย้ายมา Anfield, ผมมองไม่ เห็นเหตุผลว่าท�ำไมเขาจะพัฒนาตัวเองให้ดีเด่นกว่านี้ไม่ ได้อีก เพราะยังอายุน้อย ครึ่งฤดูกาลแรก เราเซ็งกับความผิดพลาดส่วน บุคคลที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ในขณะที่ครึ่งฤดูกาลหลัง เราได้เห็นการบ�ำบัดรักษาอาการบาดเจ็บของนักเตะ ทีมตัวเอง แน่นอน Jamie Carragher จะไม่อยู่ช่วย เกมรับในแผงหลังในฤดูกาลหน้า กระนั้นหากว่าหงส์ แดงสามารถเซ็นเซ็นเตอร์ดีๆ มีความเร็วเข้ามาอีกซัก คน ทีมโดยรวมจะได้รับประโยชน์จากการยืนเล่นเกม รับ แบบ higher line ท�ำนองเดียวกัน หาก Lucas Leiva มี Preseason ที่ดี เขาจะสามารถกลับไปสู่ระดับที่เขาเคย เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมก่อนที่จะบาดเจ็บไปสองครั้งซ้อน เพราะไม่มีนักเตะคนไหนในเวที Premier League ที่ แท็คเกิ้ลคู่แข่งบ่อยกว่าดาวเตะ Brazilian รายนี้อีก แล้ว ทั้งๆ ที่ยังฟิตไม่เต็มถังนะนั่น Steven Gerrard มีฤดูกาลที่เยี่ยมและตรง นี้ต ้อ งยกเครดิ ตให้กับทีมแพทย์ข องสโมสรที่ท�ำงาน อย่างหนักในการรักษาให้ทั้งเขาและ Daniel Agger ไม่ บาดเจ็บได้นานขนาดนี้ Suarez วิ่งพล่านไปทั่วสนาม และกดไป 30 ประตู ซึ่งถือว่าโดดเด่นมากๆ The Reds August 2013


9

August 2013 The Reds


10

สิ่งที่ Suarez สร้างความแตกต่างให้กับทีมใน ฤดูกาลที่แล้ว หากนับทีม Top Six ก็คือ เขายิงประตู United (หนึ่ง), Arsenal (สอง), Chelsea (สอง), City (หนึ่ง), Spurs (หนึ่ง) และแน่นอน ยิง Everton ได้สาม (เอาจริงๆ เขายิงได้สี่นะ แต่โดนหาว่าล�้ำหน้า) หลังจากโทษแบน หากว่า Sturridge กลายเป็นดาวยิง ที่ฟอร์มน่าประทับใจในแง่ของความคมกว่านี้, Suarez อาจจะต้องถ่างไปเล่นทางกราบแทน ซึ่งเขาเคยเล่น ให้กับ Uruguay และ Ajax มาแล้ว เขาสามารถโค่น คู่แข่งได้เหมือนเป็นปีก ขยันวิ่งไม่เหนื่อยเหมือนพวก wing-back และยิงคมเหมือน centre-forward ยังมี อีกที่ Sturridge กด United, City และ Chelsea, และ 8 จาก 10 ประตูทเี่ ขายิงได้ในลีคมาจากทีมระดับ Top 12 Liverpool ยังคงต้องพัฒนาปรับปรุงให้เป็นทีม ที่ดีขึ้น กระนั้นคุณไม่จ�ำเป็นต้องโค่น Top Four เพื่อ ให้จบ Top Four, แต่คุณจ�ำเป็นต้องมีสถิติที่ดีกับทีม อื่นๆ ที่เหลือในตาราง ฤดูกาลที่ผ่านมา ประตูส่วนใหญ่ The Reds August 2013

ที่ หงส์แดง ท�ำได้มาจากทีมระดับกลางลงไปล่างของ ตาราง แต่เมื่อฤดูกาลด�ำเนินต่อไป หลายๆ ทีมที่ดีกว่า ต่างถูกโค่น และนั่นท�ำให้สามารถมองโลกในแง่ดีได้ Liverpool สามารถก้าวขึ้นไปสู่ Top Four ได้ หากว่าพวกเขายังคงไล่ย�ำทีมที่ด้อยกว่าอย่างต่อเนื่อง เก็บเกี่ยวแต้มได้มากกว่าทีมระดับกลางอย่าง Stoke, West Brom และ Aston Villa ที่เน้นนักเตะร่างใหญ่ เน้นเล่นแรง หงส์แดงนั้นรักษา clean sheets ได้มาก ขึ้น แต่เมื่อพวกเขาเสียก็มักจะเสียสองสามเม็ดไปเลย ซึ่งเป็นภาคส่วนที่ต้องปรับปรุงกันต่อไป ส�ำหรับผมแล้ว Liverpool ตอนนี้เป็นทีมที่ดีกว่า ช่วงท้ายฤดูกาล 2008-09 นักเตะดีๆ ประสบการณ์สูงๆ บางคน มีอันต้องสูญไปเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว และซัมเมอร์ นี้ Jamie Carragher จะตามพวกเขาไปอีกคน แต่ สองคนที่ได้มาตอนหน้าหนาว และอีกหลายคนที่ได้ใน ซัมเมอร์นี้ หากว่ายังสามารถรักษาความฟิตได้ บวกเข้า กับดาวรุ่งอย่าง Sterling, Wisdom, Ibe จะช่วยสร้าง


11

สมดุลย์ที่ดี โดยเฉพาะเพื่อความแข็งแกร่งที่มากขึ้นใน อนาคต เหนือสิ่งอื่นใด Stewart Downing เริ่มคงเส้น คงวามากขึน้ ในฤดูกาล 2013, และ Jordan Henderson ก็ผลักดันตัวเองขึ้นมาโดดเด่น ทั้งสองเล่นเอา กูรู ปากกา หักกันเป็นแถบ ข่าวดีก็คือ นอกจาก Carragher แล้ว ไม่มี นักเตะ Liverpool คนไหนที่เลิกเล่นหรือแขวนเกือก ไป หรือถูกขายเพราะหมดสิ้นสภาพ เท่ากับว่านอกจาก กัปตันแล้ว ไม่มีนักเตะคนไหนที่เป็นผู้เล่น outfield ที่ อายุมากกว่า 30 จะลงเล่นในฤดูกาลหน้า. แน่นอนหลายๆ คนอาจจะอายุ 29 ก่อนปี 2014, แต่ส่วนใหญ่แล้วผู้เล่น outfield จะอยู่ต�่ำกว่า 27 ปี และก่อนที่จะมีการเซ็นใครเข้ามาตอนซัมเมอร์ผู้เล่น โดยเฉลี่ย 11 ตัวจริงอยู่ที่ 25-26 เท่านั้น และขุมก�ำลัง ม้านั่งส�ำรองก็เฉลี่ยที่ 22 นักเตะอย่าง Sterling, Yesil, Coady และ Wisdom จะเติบโตขึ้น ฉลาดขึ้น แกร่ง ขึ้น แล้วยังมี Jordan Ibe และ Jerome Sinclair

เป็นตัวเลือกอื่นๆ อีก ผมดูแล้วตรงนี้เป็นส่วนผสมที่ดีส�ำหรับดาวรุ่ง และนักเตะประสบการณ์ กระนั้นแม้ว่า Carragher จะเป็นผูน้ ำ� อย่างแท้จริง และหากว่าหงส์แดงเซ็นเซ็นเตอร์ ดาวรุ่งมาซักคนสองคน และมีตัวประสบการณ์สู่ทีมบ้าง อย่างที่สื่อพยายามเล่นข่าว ตรงนี้เมคเซ้นส์ดี สรุปว่า ผมคิดว่ามันแฟร์ทจี่ ะยกอ้างถึงครึง่ ฤดูกาล หลังที่ผ่านมา ว่าเรามีอะไรที่เต็มไปด้วยแง่บวก แต่ แน่ น อนฤดู ก าลใหม่ ย ่ อ มมาพร้ อ มกั บ ความคาดหวั ง ใหม่ๆ ที่ใหญ่ขึ้น ตรงนี้สามารถค�ำนวนได้จากความจริง ที่ว่า Brendan Rodgers จะมีเวลาที่มากขึ้นในการ ปรุงแต่งฤดูกาลใหม่ของตนเองอย่างเต็มที่ และรู้ว่าควร จะต้องเน้นที่เรื่องไหน มันเป็นอะไรที่น่าขีดเส้นใต้ไว้ว่า มันเหมือน เป็นการโยนหินถามทางสู่ความส�ำเร็จที่จะน�ำมาใน ฤดูกาลใดๆ จากนี้ ซึ่งท้ายที่สุดเราอาจจะมองกลับไป พร้อมร้อยยิ้ม ที่ยิ่งกว่าพิมพ์ใจ August 2013 The Reds


12

T reatise

หลายๆ ฝ่ายมองว่าการเคลื่อนไหวในตลาดนักเตะครั้งนี้ ซัมเมอร์นี้ เริ่มต้นด้วยการก�ำหนดชะตากรรมตัวเอง ด้วย การ “มุ่งไปสู่กลางตาราง” ซะงั้นเลย เพราะการเซ็น Kolo Toure เข้ามาแบบฟรีๆ คือ กูรูหลายส�ำนัก มองว่าไม่ใช่เกม การ “มองการณ์ไกล” ใดๆ ของ Brendan Rodgers เลย แต่เหมือนเป็นจ�ำพวก ช็อตเทิร์ม เท่านั้น...บ้างก็กล่าวอ้าง ว่า Manchester City เองก็เคยท�ำแบบเดียวกันมาแล้วด้วยการเซ็น Patrick Vieira มาเมื่อปี 2010, Manchester United ก็เคยใช้บริการของ Henrik Larsson และ Paul Scholes, และ Monaco เองก็เพิ่งเพิ่ม Ricardo Carvaho เข้าสู่ทัพของพวกเขา คือไม่ใช่ว่าอะไรก็จะไม่เมคเซ้นส์ไปซะหมดอย่างที่คนมองโลกในแง่ร้ายมองหรอกกระมัง

The Reds August 2013


13

August 2013 The Reds


14

ส�ำหรับ Liverpool นั้น, พวกเขาก็เพิ่งสูญเสีย ผู้น�ำรุ่นลายครามตัวส�ำคัญอย่าง Jamie Carragher ไป มันก็คงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมใดๆ ว่า Kolo Toure นั้น ไม่ใช่ตัวหลักส�ำคัญ ตัวยืนพื้นในทีมชุดใหญ่อย่างที่ใครๆ ว่ากัน, แต่สิ่งส�ำคัญที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ การเข้ามา เติมเต็มในส่วนของ “ประสบการณ์” ที่ส�ำคัญมากๆ ใน ห้องแต่งตัวนักเตะ และในสนาม ในสถานการณ์ที่จ�ำเป็น อย่างยิ่งยวดต้องกมีคนอย่างเขา สิ่งที่ Liverpool ได้ท�ำ ไปแล้วก็คือการต้องก้าวต่อไปกับชีวิตที่ไร้ซึ่งผู้น�ำอย่าง Carragher หาก Brendan Rodgers มีโอกาสที่จะรั้ง ตัว Carragher ให้อยู่ต่ออีกซักฤดูกาล เขาก็คงท�ำไปแล้ว ตรงนี้มันไม่ได้อยู่ที่ความสามารถทางด้านฟุตบอลอย่าง เดียวเท่านั้นแล้วในกรณีนี้ Liverpool นั้นก็โชคดีเพียง พอที่ยังมีคนอย่าง Steven Gerrard อยู่ แต่มันก็เป็น อะไรที่ส�ำคัญมากๆที่จะท�ำให้นักเตะหน้าใหม่ที่ก้าวเข้า มา โดยเฉพาะนักเตะต่างชาติ ที่จะได้รับรู้ถึง “ค่านิยม” ที่แท้จริงต่างๆ ของสโมสรในอังกฤษ ในวงการฟุตบอล อังกฤษ มันเป็นการเสี่ยงที่ต�่ำเหลือเกินด้วย ที่ Liverpool The Reds August 2013

นั้นเลือกที่จะเซ็น Toure เข้ามา เพราะเมื่อพิจารณาดู รายชื่อต่างๆ ที่ถูกวงเล็บไว้ว่า “transfer fee” อีกทั้งค่า เหนื่อยที่เหมาะสม ซึ่งผมมองว่าดาวเตะอดีต Manchester City รายนี้มอบอะไรที่สมน�้ำสมเนื้อให้กับสัญญาที่ หงส์บรรลุข้อตกลงได้ไปในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าฤดูกาลที่แล้วเขาจะได้ลงเล่นเพียงแค่ 13 นัดเท่านั้นให้กับ Manchester City, แต่ Toure ไม่ใช่ มาอยู่กับ Liverpool แบบฝากความหวังอะไรไม่ได้เลย ซักหน่อยในต�ำแหน่ง centre-back. อายุเขาเพียงแค่ 32 ปี ยังมีเวลาอีกหลายปีที่เขาจะมอบให้ได้ในฟุตบอลระดับ สูงอย่างเช่นอังกฤษแบบนี้ เขาก็ไม่ได้อืดเป็นเรือเกลือ แบบที่ใครๆ ต่างดูแคลนเขาไว้ ที่ส�ำคัญเขานั้นสามารถ เล่นแบ็คขวาได้อีกนะนั่น สิ่งที่ไม่ควรดูแคลนตัวเองอีกเรื่องก็คือ Liverpool นั้นก็ไม่ได้ห่างไกลจากอันดับ top four เกินเยียวยา อย่างที่พูดกันซักหน่อย คุณคงได้เห็นการเซ็นสัญญานัก เตะหลายคน และยิ่งบวกเพิ่มประสบการณ์แบบนี้เข้าไป อีก จึงไม่ใช่ว่า Rodgers ไม่ได้มีแผนรองรับ หรือบทบาท ใดๆ รองรับ Toure ซะหน่อย


15

August 2013 The Reds




18


19

August 2013 The Reds


20

The Reds August 2013


21

หลายๆคนคงไม่อาจจะลืมเลือนครั้งแรกในชีวิตที่ได้ ไปเยี่ยมเยือน Anfield ซึ่งแน่นอนส�ำหรับคนที่เชียร์หงส์ แบบสุดลิ่มทิ่มประตู ที่แห่งนี้มันเปรียบได้กับ “การแสวง บุญ” มากกว่าแค่ทริปไปดูบอล, สถานที่ที่ไม่มีทางเลยที่ ใครที่ได้เคยไปเยือนแล้วจะสามารถลืมเลือนไปจากหัวใจ ได้ สายลม แสงแดด ฟังเสียงฝนในสนามแห่งน้อย แต่ ไม่เดียวดาย มันคือสถาบันแห่งหนึ่งของฟุตบอลที่ยังคง เป็นอยู่ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน ยิ่งคลอไปด้วยเสียงเพลง แห่งสวรรค์ ที่ฟังกี่ครั้งก็ขนลุกชี้ชัน อย่าง ‘You’ll Never Walk Alone’ เป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า ไม่มีสนามไหน อีกแล้วในประเทศนี้ ที่จะท�ำให้รู้สึกขนลุกขนพองและเต็ม ไปด้วยความรู้สึก “อึก” ในหัวใจได้มากกว่า Anfield สิบปีที่ผ่านมาหากว่าคุณถามไถ่แฟนบอลทุกผู้ทุก นามในสากลโลกว่า 1 ใน 10 สนามที่ยอดเยี่ยมที่สุด ใน ความรู้สึกของพวกเขาคือที่ไหนบ้าง แน่นอน Anfield จะต้องเป็นหนึ่งในนั้น จนถึงวันนี้ความขลังตรงนี้ก็ยังอยู่ ในประวัติศาสตร์โลกฟุตบอล แต่กลายเป็นว่า สนามแห่ง นี้กลับยากที่จะเบียดเข้าสู่ 1 ใน 5 สนามที่ยิ่งใหญ่ของ ประเทศไปซะงั้น... ประเทศอังกฤษนั้นโชคดีเหลือหลายที่ มีสนามที่สวยงามมากมาย แต่หลายๆ ครั้งที่ความขลังของ สนามที่ว่าลดไปเพราะ “โลกฟุตบอลสมัยใหม่” ท�ำลาย ภาพลักษณ์หลายๆ อย่างไป โดยเฉพาะกับการเปลี่ยนชื่อ สนามตามสปอนเซอร์ อันเป็นเรื่องของผลประโยชน์ล้วนๆ เช่น Emirates หรือ Etihad, คือเหมือนเป็นการลบเลือน ประวัติศาสตร์เพื่อไปสู่ค่านิยมของค�ำว่า “Super Stadium” เพื่อสร้างรายได้เป็นกอบเป็นก�ำล้วนๆ Anfield นั้นยังคงเป็นสนามแห่งประวัติศาสตร์ที่ มีมนต์ขลังชัดเจน แต่ด้วยสมัยนิยม จึงจ�ำเป็นต้องมีการ “upgrade” หรือ “ปรับปรุง” เพื่อให้ทันโลก เพื่อสร้าง รายได้ ผมนั้นไมได้พูดถึงการปรับปรุงสนามให้ใหญ่ขึ้น เพื่อน�ำไปสู่การใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะผม เข้าใจว่า เหตุผลที่จะต้องเพิ่มความจุก็เพื่อความส�ำเร็จ เพื่อ น�ำมาซึ่งรายได้จุลเจือสโมสรที่มากขึ้น จากเดิมที่ขาดทุน แล้วขาดทุนเล่า และตามชาวบ้านเขาไม่ทัน ช่องว่าง ระหว่างรายได้ที่ได้จากค่าเข้าชมของทีม เมื่อเปรียบกับ Manchester United, Manchester City, Arsenal หรือแม้แต่ Newcastle, มันชัดเจน ไม่ต้องถกเถียงกันต่อ August 2013 The Reds


22

แต่อย่างใด ท�ำให้เห็นชัดว่าเราไม่สามารถไปต่อสู้กับทีม อื่นในการคว้าตัวนักเตะระดับสูงได้เมื่อปราศจากรายได้ ตรงนี้ และที่ส�ำคัญก็คือความจุนี่แหล่ะท�ำให้แฟนบอล ของเราที่ น ่ า จะมี ม ากกว่ า ที่เห็นในสนาม ไม่สามารถ เข้ามาเชียร์ทีมได้อย่างเต็ม ประสิ ท ธิ ภ าพได้ น อกจาก นั่งเฮฮากันตามผับตามบาร์ พร้อมด้วยแก้วเบียร์กันไป ตามเรื่ อ งของคนไม่ มี ตั๋ ว ตรงนี้เป็นอะไรที่ไม่ลังเลใจ เลยที่จะยอมรับว่า ต้องมี การปรับปรุง พัฒนาการเกิดขึ้นมานานแล้ว ตั้งแต่ยุคที่ Rafa ถือครองอ�ำนาจอยู่ เห็นได้ชัดว่าทีมผลงานดี เข้ารอบไป เล่น Champion League ได้ตลอดเวลา มีการพัฒนา ปรับปรุงผลงานในลีคอยู่ตลอดเวลา นั่นหมายความว่า The Reds August 2013

เรานั้นมีศักยภาพที่จะดึงดูดนักเตะดีๆเข้าสู่ทีม อย่างที่ เราได้เห็นกันจากเซ็นคว้า Fernando Torres, Xabi Alonso หรือ Javi Mascherano คือไม่อยากจะ ไม่ ใ ห้ เ กี ย รติ ก รณี ก ารเซ็ น Fabio Borini, Joe Allen และ Jordan Henderson พวกเขาเป็นนักเตะที่ดี แต่ เอาเข้าจริงๆ มันก็คนละ ระดับกับ Torres, Alonso หรือ Mascherano ความไร้ศักยภาพของ เราในการเข้าไปเล่นในเวที Champions League ท�ำ ให้เรานั้นไม่สามารถดึงดูดนักเตะระดับ World Class จริงๆ เข้ามาสู่ทีม โดยเฉพาะพวกที่ก�ำลังอยู่ในช่วง พีคสุดๆ การไร้ซึ่งนักเตะที่ดีที่สุด ท�ำให้เราไม่สามารถ พัฒนาฟอร์มในลีคของเราได้ และไม่สามารถจบ Top


23

Four ได้ เพราะงั้นวงจรที่แย่ๆ ของสโมสรอันเป็น ที่รักของเราจึงด�ำเนินต่อไป แล้วก้าวไปสู่ทิศทางที่ ผิดพลาดไม่รู้จบ เพราะงั้นทางแก้ทางนึงก็คือ การได้ เงิ น สนั บ สนุ น ที่ เ หมาะสม ซึ่งจะท�ำให้เราสามารถต่อสู้ ชิงชัยเกียรติยศระดับสูงได้ และนักเตะระดับท๊อปจริงๆ เพราะงั้นสถานการณ์สนาม แข่ ง ของเราจึ ง เป็ น อะไร ที่เป็น “เป้าหมายอันดับ หนึ่ง” ที่จะต้องท�ำให้ลุล่วง ให้ได้ การล้มลุกคลุกคลาน ของโครงการ “New Anfield” ไม่เพียงแค่ท�ำให้เรา สูญเสียเวลาอันมีค่าไปเปล่าๆ แต่ก็ยังท�ำให้สูญเสียเงิน อย่างมากมายหลายล้านปอนด์ไปด้วยในตัว แทนที่จะ ท�ำให้เงินที่ว่านี้ถูกจับจ่ายออกไปได้ดีกว่านี้ มันชัดเจน

ว่ามีอุปสรรคเกิดขึ้นตลอดเวลา ท�ำให้การสร้างสนาม หรือปรับปรุงสนามมีอันต้องดีเลย์ไปตลอด ซึ่งมัน เป็ น ข้ อ อ้ า งที่ ฟ ั ง ไม่ ขึ้ น เท่ า ไหร่ คื อ ผู ้ อ ยู ่ อ าศั ย ใน North London ตอน แรกก็ ต ่ อ ต้ า นกั น แทบตาย เรื่องสร้างสนามใหม่ แต่ สุดท้าย The Emirates ก็ เกิดขึ้นได้ เพราะเจ้าหน้าที่ ของ Arsenal ที่เปี่ยมด้วย ประสิทธิภาพในการบริหาร จัดการ ไม่มีการดีเลย์การ สร้างกันเลย การเฟ้นหาบ้านหลัง ใหม่คือความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดของ LFC และบท สรุปดูท่าจะไม่ได้มาง่ายๆ เลย หลายปีดีดักแล้วที่ เจ้าของทีมและฝ่ายบริหารให้ค�ำมั่นสัญญาไว้ แต่สุดท้าย ก็บัวแล้งน�้ำ August 2013 The Reds


24

วันคืนที่มืดมนในยุค Hicks และ Gillett ท�ำให้ สโมสรต้องสะบักสะบอมจากค�ำมั่นสัญญาที่ไม่เคยรักษา ไว้ได้เกี่ยวกับสนาม ท�ำให้เราทุกๆ ฝ่ายเป็นกังวลอย่าง มาก แล้วหลังจากนั้นไม่นาน FSG ก็เข้ามาเทคโอเวอร์เอา เมื่อปี 2010 สร้างความหวังใหม่ และแสดงความชัดเจน ว่าการสร้างสนามใหม่เลยนั้น เป็นการกระท�ำที่ผิด และ แพงเกินไป อยากจะปรับปรุงสนามเพิ่มความจุให้กับ สนามเก่านี่แหล่ะมากกว่า แต่จนแล้วจนรอดผ่านมาสาม ปีแล้ว พัฒนาการอะไรมองไม่เห็นเป็นชิ้นเป็นอันเลย จับ ต้องไม่ได้ซักอย่าง มีข่าวดีๆ จากปากของ Ian Ayre ในเร็วๆ นี้เช่น กัน ว่ามีความคืบหน้าแล้วที่จะก้าวไปสู่สเตจต่อไปของ การขออนุญาตปรับปรุงสนาม แต่มันเป็นอะไรที่เชื่อได้แค่ ไหน เพราะในอดีตยุค Gillett ก็ยืนยันเช่นกันว่า “ในอีก 60 วันจะเริ่มการสร้าง แต่สุดท้ายมันก็เป็นหนังชีวิตที่ แปรเปลี่ยนเป็น ฝันร้าย ซะงั้น” ท้ า ยที่ สุ ด มี ก ารพู ด กั น เยอะเรื่ อ งการสู ญ เสี ย วัฒนธรรมและธรรมเนียมอันทรงคุณค่าของสโมสรและ ประวัติศาสตร์ทีม ส�ำหรับสนามที่เรียได้ว่าเป็นเหมือน “สถานที่ศักดิ์สิทธิ์” อย่าง Anfield ซึ่งหลายๆ ฝ่ายเฝ้า หวังว่า คงไม่เป็นการท�ำลายมัน เพราะคงเป็นอะไรที่ยาก ที่จะท�ำใจ แต่ก็ต้องมองไปที่ความจริงอีกข้อเช่นกันว่า “การยึดติด” กับความงามในอดีตบางอย่าง ก็ท�ำให้เรา เหมือนไม่พัฒนา และไม่สามารถต่อสู้กับคู่แข่งรายอื่นๆ ได้ เราจะไม่สามารถน�ำความยขิ่งใหญ่กลับมาได้ ไม่ว่าสนามใหม่จะเป็นการสร้างใหม่ หรือปรับปรุง ของเก่าให้ดีขึ้น ในส่วนของประวัติศาสตร์และธรรม เนียนที่อาจจะต้องสูญเสียไประหว่างทาง มันเป็นหน้าที่ ของเราที่จะสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เพราะหากไม่มีการ แก้ไขเรื่องตรงนี้แต่เนิ่นๆ ต่อไปประวัติศาสตร์ของเราอาจ จะเป็นความส�ำเร็จหนึ่งเดียวเท่านั้นที่เราอาจจะเคยได้ สัมผัส ในขณะที่อนาคตเราอาจจะไม่มีวันนั้นอีกแล้ว... หากสามารถหาจุดร่วมตรงกลาง ระหว่างการรักษาไว้ซึ่ง ประวัติศาสตร์ ชื่อ หรือ ธรรเนียมต่างๆ และสนามแห่ง ใหม่ ที่ “จุมากขึ้นกว่าเดิมได้” มันคงจะเป็นสิ่งที่ดีเยี่ยม ที่สุดส�ำหรับทุกๆ ฝ่าย แต่โลกแห่งความเป็นจริง “มันไม่ ได้สวยงามปานนั้น” ....................................................... The Reds August 2013


25

August 2013 The Reds


26

T reatise

The Reds August 2013


27

ขอเริ่มต้นด้วยเพลงศรัทธาของพี่โป่งหินเหล็กไฟแล้วกัน ว่าด้วยเรื่องของ ลิเวอร์พูล หรือ หงส์แดง ทีมอันเป็นที่รักของ “เปี๊ยก บางใหญ่” และทุกท่าน ช่างน่าเศร้าที่ฤดูกาลหน้า 20132014 ที่ก�ำลังจะเปิดฉากในอีกไม่นานนี้ หงส์แดงไม่ได้ไปสัมผัสกับถ้วยยุโรปแม้แต่รอบคัดเลือก ด้วย เหตุและปัจจัยนี้น�ำให้ทีมหงส์แดงพลัง 3K ถึงจะแรงไม่มีวันหมด แต่แรงก็ยังพอที่จะสามารถสร้าง แรงจูงใจ สร้างแรงดึงดูดนักเตะบิ๊กเนมจากสโมสรใหญ่ๆ ให้มาอยู่สร้างชื่อเสียงจนเป็นต�ำนานใน ถิ่น แอนฟิลด์ และพร้อมก้าวเดินไปอย่างไม่เดียวดายร่วมไปกับสโมสร และสาวก ชาวสเกาเซอร์ รวมไป ถึง The Kop ทั่วโลกได้เลย ช่างเข้ากับเพลงนี้จริงๆ อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน อยู่กับสิ่งที่ มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และท�ำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด...จริงไหม? เรื่องฤดูกาลที่แล้วมันจบไปแล้วเราต้องรู้จักปล่อย วาง แล้วพร้อมเดินหน้าต่อไป อามิตตาพุทธ (-/\-) ถึงอย่างไรก็ตาม ส�ำหรับตอนนี้ในเรื่องของตลาดซื้อขายนักเตะช่วงก่อนเปิดฤดูกาล ต้องบอก ว่า สโมสรลิเวอร์พูล จี๊ดจ๊าดคึกคักที่สุดแล้ว เมื่อเทียบกับทีมในอังกฤษด้วยกัน เพราะตอนนี้ก็ได้ นักเตะมีชื่อมาหลายคน ไม่ได้โม้นะ ก็ทั้งหมดมีชื่อจริงๆ นะ พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ทวด เค้าตั้งให้มา ตั้งแต่เกิดแล้ว 55555 … ถึงแม้ในวงการฟุตบอล บางคนชื่อเค้าอาจจะยังโนเนมอยู่ แต่ เปี๊ยก คิดว่า เค้าจะมาสร้างความบิ๊กเนมภายใต้สังกัดสโมสรระดับโลกอย่าง ลิเวอร์พูลของเราแน่นอน รู้สึกได้เลย ไม่ต้องพึ่ง คุณริว จิตสัมผัส … (ขออนุญาตใช้ชื่อคุณริวนะคะ ขอบคุณค่ะ) นอกจากที่กล่าวไปข้างต้น การเดินทางตามล่าคว้าตัวปิดดีลนักเตะของสโมสรเราก็ยังคง ด�ำเนินต่อไปอย่างไม่ลดละ จะได้ใครไม่ได้ใคร นักเตะคนไหนจะอยู่จะไป เปี๊ยก รับได้หมด เพราะ ตราบนหน้าอกส�ำคัญกว่าชื่อด้านหลัง ส�ำหรับนักเตะขอแค่มาพอลงเล่นแล้วแสดงให้เห็นถึงความ เทพ เมพขิงๆ เล่นเข้าระบบ กองหน้ายิงได้สะใจ ตาข่ายทะลุกระสุนไม่ด้าน คานเสาไม่ถามหาเป็นพอ เราไม่ใช่คนออกเงินซื้อนักเตะ ก็ได้แต่รอดูข่าวพร้อมรอพวกเขาชูเสื้อเท่านั้นเอง August 2013 The Reds


28

ร่ายยาวมานานแสนนานจนจ�ำไม่ได้แล้วว่าประเด็นหลักของเนื้อหาจะเขียนอะไรเอาเป็นว่าจบลงแค่นี้นะ 55555 แหม่เราหลอกคุณเล่นเรารู้คุณอยากอ่านต่อชิมิส์ แหม่น่ารักกันที่สุดในสามโลกเลย โฮะๆ (ลองไม่อยากอ่านต่อสิ บ้านบึ้มแน่!!!)

เมื่อมาพูดถึง เสื้อเหย้า ที่จะใช้ในการท�ำการ แข่งขันฤดูกาลหน้า เปี๊ยก ถึงกับต้องร้อง “โอ้โห มัน โคตรเหมือนปี 1984 ชัดๆ ปีที่ได้ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก” จริงๆ ต้นแบบมาจาก เสื้อฤดูกาล 1983-1984 ปีที่ หงส์แดง คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกเป็นสมัยที่ 4 ภายใต้การคุมทีมฤดูกาลแรกของ โจฟาแกน นอกจาก นี้ในฤดูกาลนั้น โจฟา แกน น�ำทัพ เครื่องจักรสีแดง ได้ แชมป์ลีคสูงสุด ถ้วยลีคคัพ และ ถ้วยยูโรเปี้ยนคัพ เป็น ทริปเปิ้ลแชมป์ ในปีแรกที่เข้ามาคุมทีมอีกด้วย เสือ้ ในฤดูกาล 2013-2014 นอกจากจะได้ ไอเดียมาจากฤดูกาล 1983-1984 แล้วยังประยุกต์ผสม กับยุคลายน�้ำเมื่อครั้งสปอนเซอร์เป็น Crown Paints The Reds August 2013

เข้าไปด้วยอีก เป็นเวลา 30 ปีพอดีเป๊ะ!! หากบวกลบ ตั้งแต่ 1983-1984 เสื้อฤดูกาลใหม่นี้ให้ความรู้สึกถึง ความคลาสิค เก๋าแต่ไม่เก่าจนเกินไป จะว่าไป มาดูข้อมูลของยุค 80 คร่าวๆ ใน ช่วงยุค 80 บ๊อบ เพสลี่ย์ บุคคลส�ำคัญของสโมสร ปู่บ๊ อบ น�ำ ลิเวอร์พูล อันได้ขึ้นชื่อว่าเครื่องจักรสีแดงคว้า ความส�ำเร็จหมดทุกอย่าง อันเป็นยุครุ่งเรือง รุ่งโรจน์ ที่ เปี๊ยก เองอยากจะย้อนเวลาไปสัมผัสมากๆ โดยคว้า แชมป์ลีกถึง 3 สมัย แชมป์ ลีก คัพถึง 4 สมัย และ แชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ อีกสมัย เพื่อเป็นการเปรียบเทียบ อย่างชัดเจนจึงขอน�ำรูปภาพต�ำนานเบอร์ 9 อย่าง เอียน รัช มาชูเสื้อเปรียบเทียบกันแบบจะๆ


29

กลับมาทีเ่ สือ้ เหย้า การผสมผสานของเสือ้ เหย้า ที่จะใช้แข่งขันในฤดูกาล 2013-2014 นั้น เปี๊ยก ให้ เต็ม 10/10 เลย เอาใจไปเต็มๆ คนอื่นว่าไง ไม่สน เพราะหลังจากได้ดูลายละเอียดชัดๆ ต้องบอกว่าเค้า ออกแบบมาได้ดีจริงๆ ยิ่งนักเตะใส่ลงแข่งนัดสุดท้าย นัดอ�ำลาต�ำนานอย่าง น้าคาร่า ยิ่งดูสง่างาม ดูเก๋า

เหมือนส่งสัญญาณให้ทีมอื่นรับรู้ว่า ข้าก�ำลังกลับมาใน ต�ำแหน่งที่ข้าควรอยู่ นั่นคือท๊อปโฟร์ ภายใต้การน�ำ ทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์!!!! ชายผู้น�ำความตื่นตา ตื่นใจในเกมรุกกลับมาสู่ทีมอีกครั้ง (ส่วนเสื้อทีมเยือน ไม่ขอพูดถึง เพราะมันเป็นศิลปะ ^^~) .................................... August 2013 The Reds


30

ย๊ากกกก... ยิ่งคิดแล้วยิ่งอย่างให้เปิดฤดูกาล เร็วๆ จังจะรอไม่ไหวแล้วนะ ตื่นเต้นหัวใจเต้นแรง เครื่องจักรสีแดง พร้อมด้วยพลัง 3K จะแรงจริงไหม นะ ชักอยากรู้อยากเห็นแล้วสิ.... ต้องบอกก่อนเลยว่าจากการได้ตดิ ตามผลงานของ ลิเวอร์พูลภายใต้การคุมทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ตลอดทั้งฤดูกาล 2012-2013 แม้จะไม่ได้จบในอันดับ ที่ควรจบ แต่การท�ำทีมเป็นไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รูปแบบการเล่นในแมทต่างๆ มีมิติน่าตื่นเต้น มีลุ้นชนะ The Reds August 2013

แทบทุกแมทซ์ แต่ปัญหาที่ยังคงแก้ไขไม่ได้คือ การจบ สกอร์ แทคติกและทัศนวิสัยน์ของ ร็อดเจอร์ส ถือว่า ดีใช้ได้ ชอบเป็นการส่วนตัว เหมือนกับว่าหงส์แดง ดูเป็นเครื่องจักรสีแดงที่ก�ำลังค่อยๆ ถูกขัดสนิมหลัง จากที่หลับใหลไปนานแสนนาน นอกเหนือจากนี้การ บริหารงานของสโมสรดูเริ่มเป็นชิ้นเป็นอันมากขึ้น มี แนวทางชัดเจน นอกจากนี้ ระบบอะคาเดมี่ หงส์แดง เด็กปั้นเด็กลูกหม้อมีโอกาสที่จะได้ขึ้นมาโชว์ฝีเท้าวาด ลวดลายในชุดใหญ่มากขึ้น ถือได้ว่าเป็นสัญญาณที่ดี


31

นอกเหนื อ จากการเปลี่ ย นแปลงระบบที่ ว ่ า มาใน สนามแอนฟิลด์ ก็ถูกปรับเปลี่ยนให้กลับไปคง มนต์ขลังเหมือนสมัยที่ยังรุ่งโรจน์ ทั้งการน�ำป้าย This is Anfield กับ ตราลิเวอร์เบิร์ด แบบเก่ามาใช้ติด ตรงทางเดินอุโมงค์ รวมไปถึงการกลับไปใช้ตาข่ายสี แดงแบบเก่า จะว่าไป ร็อดเจอร์ส นี่ก็หน้าคล้าย บิล แชงคลีย์ นะ อาจเป็น ปู่บิล กลับชาติมาเกิดก็เป็นได้ เออน่าคิด *0* แชมป์ลีกสมัยที่ 19 ลิเวอร์พูลจะท�ำได้ไหม หลังจากที่ห่างเหินการคว้าแชมป์นี้ไปนาน จนหลาย คนแทบจ�ำไม่ได้แล้วว่า ครั้งล่าสุดที่ หงส์แดง ได้แชมป์ ลีกสูงสุดของอังกฤษ ครั้งที่ 18 คือปีอะไรกันแน่นั้น ลองมาย้อนอดีตกลับไปซักนิด แชมป์ลีกสูงสุดที่เราได้ สัมผัสเป็นครั้งที่ 18 ก่อนที่จะไม่ได้สัมผัสอีกเลยจนถึง ปัจจุบันอยู่ในช่วงท้ายยุค 80 นั่นคือ ฤดูกาล 19891990 ภายใต้การคุมทีมของ เคนนี่ ดัลกริซ นับจาก

ฤดูกาลนั้นมาถึงตอนนี้ เป็นเวลา 24 ปีแล้ว หลายคนก็ นั่งตั้งตารอ บางคนก็เป็นปู่เป็นทวดกันไปแล้ว บางคน ก็มีลูกมีหลานจนจัดตั้งทีมฟุตบอลได้แล้วเช่นเดียวกัน เปี๊ยก บางใหญ่ เองก็รอสัมผัส อยากให้ กัปตัน ไดนาโม อย่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด ได้ชูถ้วยที่ยังไม่ เคยได้ยกใบเดียวในชีวิตก่อนแขวนสตั๊ดไปกับทีมเดียว อย่างลิเวอร์พูลตลอดชีวิตการค้าแข้งกับเค้าซักที T^T ลิเวอร์พูลจะกลับมาคว้าแชมป์อย่างสง่างาม กับเสื้อเหย้าใหม่ที่ได้ไอเดียมาจากยุค 80 หรือเสื้อเหย้า ฤดูกาล 1983-1984 ฤดูกาลที่ได้เป็นทริปเปิ้ลแชมป์ คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกครั้งสุดท้ายในยุค 80 ก่อนมาคว้าแชมป์สร้างปาฏิหาริย์ได้อีกครั้งในปี 2005 นี้หรือไม่ พวกเราคงต้องติดตามผลงานและคอยเป็น ก�ำลังใจ อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ในประเทศไทย หรือใคร มีเงินก็ไปเชียร์ใกล้ๆ ในถิ่นแอนฟิลด์ด้วยนะ ยิ่งใครพา เปี๊ยก ไปด้วยรับรองได้บุญเยอะมากนะจะบอกให้

August 2013 The Reds


32

รอแล้วรอเล่านั่งท�ำตาปริบๆ และภาวนา อวยพรให้เหล่าบุคคลส�ำคัญอย่าง จอห์น โฮลดิ้ง ช่วยเป็นก�ำลังใจให้ทีมประสบความส�ำเร็จในฤดูกาล 2013-2014 นี้ด้วยเถอะ เพี้ยงงงงงงงงง สุดท้าย ฤดูกาลหน้าขอเตือนกองเชียร์ไว้ สงคราม ยังไม่จบท่านอย่าเพิ่งปิดทีวี ไม่งั้นท่านจะพลาด เปี๊ยก เทพธิดาพยาเกรียน ท�ำนายไว้แล้ว โฮะๆ เชื่อมั่นและ ศรัทธา ปาฏิหาริย์จะบังเกิด You’ll never walk alone. ขอปิดท้ายด้วยวาทะนี้ของ ปู่บิล เลยแล้วกัน แล้วพบกันใหม่ในโอกาสฉบับบหน้าถ้าเค้ายังให้เปี๊ยก ลงอยู่นะ 55555 “My idea was to build Liverpool The Reds August 2013

into a bastion of invincibility. Napoleon had that idea. He wanted to conquer the bloody world. I wanted Liverpool to be untouchable. My idea was to build Liverpool up and up until eventually everyone would have to submit and give in.” “เป้ า หมายของผมคื อ สร้ า งลิ เวอร์ พู ล ให้ เป็นปราการที่มิอาจโค่นล้ม เช่นเดียวกับนโปเลียน ที่ต้องการพิชิตโลก ไอเดียของผมคือสร้างลิเวอร์พูล ให้ดียิ่งขึ้นและยิ่งขึ้น จนทุกคนต้องยอมสยบไปเอง” เปี๊ยก บางใหญ่


33

“My idea was to build Liverpool into a bastion of invincibility. Napoleon had that idea. He wanted to conquer the bloody world. I wanted Liverpool to be untouchable. My idea was to build Liverpool up and up until eventually everyone would have to submit and give in.� Bill Shankly August 2013 The Reds




36

T reatise

The Reds August 2013


37

August 2013 The Reds


38

มันเพิง่ จะต้นเดือนสิงหาคม และ Brendan Rodgers ยืนอยู่หน้าประตูของห้องแต่งตัวนักเตะที่ Anfield เขาจับ ลูกบิดประตู สูดหายใจอย่างหนักหน่วง ก่อนที่จะเปิดมัน... ความรู้สึก ณ วินาทีนั้นก็คือ สายลมสายหนึ่งพัดกระพือ โหมกระหน�่ำดั่งฉากในภาพยนต์จีนหรือฮ่องกง ที่ท�ำให้ เสื้อผ้าของเขากระพือพริ้วไปด้านหลังในทันที นี่น่าจะเป็น ความรู้สึกของเขาในการก้าวไปจัดการทีมในฤดูกาลที่จะ ไม่มีฟุตบอลยุโรปให้เล่น เขาปิดประตูลง หลังจากจัดแจงเสื้อผ้าและทรงผม ให้เข้าที่ ก้าวเข้าไป แต่มันช่างเงียบเหงา ไร้เงาสิ่งมีชีวิตอื่น ใด ณ ที่แห่งนั้น ‘เอ่อ มีใครอยู่ที่นี่มั๊ย?’ Rodgers กล่าว ในส�ำเนียง ที่คล้ายๆ กับ โจวเหวินฟะ (พยายามนึกอารมณ์ตามหนัง จีนผลงานของ จอห์น วู กันหน่อยนะครับ) เสียงของเขา สะท้อนดังก้อง หลังจากที่ศัพท์ส�ำเนียงต่างๆ กระทบเข้า กับก�ำแพงห้องแล้วดังสะท้อนไปมา สิ่งที่เขาสังเกตเห็นก็คือ ล็อคเกอร์ของ Jamie Carragher ที่ว่างเปล่า ความรู้สึกของเขาช่างอ้างว้างเหลือ ประมาณ ‘Carra?’ เขากระซิบถ้อยค�ำออกมาโดยไม่ตั้งใจ ใช่ สิ เขาไม่อยู่แล้ว ลืมไปได้อย่างไร แล้วก็เดินไปที่กระดาน ที่ติดโน๊ตบอกข่าวกับนักเตะทุกๆ คน บนโน๊ตเขียนไว้ด้วย ประโยคนั้นว่า “ถึง Brendan, เราไม่อยู่กันแล้วนะ เสียใจ ด้วย แต่สิ่งที่เราพอจะท�ำได้ก็คือ บอกลา’ เขาทรุ ด ตั ว ลงเข่ า กระแทกพื้ น อย่ า งหนั ก หน่ ว ง พร้อมทั้งร้องตะโกนออกมาสุดเสียงว่า “ไม่” ทันใดนั้นเขา ก็ตื่นขึ้นมาในผ้าห่มของตัวเองในบ้านแสนรักของตน “เฮ่อ ก็แค่ฝันร้ายไป”… ครับจนเมื่อเขาตื่นมาตรวจสอบข่าวลือ ต่างๆ เกี่ยวกับนักเตะและมาเปรียบเทียบกับฝันร้ายเรื่องที่ ว่าไม่มีนักเตะเหลืออยู่ มันมีความเป็นไปได้สูงเช่นกันว่า มันอาจจะท�ำให้ฝันร้ายกลายเป็นจริง

The Reds August 2013


39

August 2013 The Reds


40

เริ่มต้นด้วยความจริงที่ว่าฤดูกาลหน้าจะไม่มีชาย ชื่อ Jamie Carragher อีกต่อไปแล้ว ตรงนี้ชัดเจน ว่าขวัญก�ำลังใจหายไปเยอะ ทุกๆ สโมสรจ�ำเป็นต้องมี ตัวหลักที่มีความคงเส้นคงวา อย่าง Carra ซึ่งเปรียบ ได้กับ “สิ่งที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปไหนได้” ของ Liverpool มาตลอดนับตั้งแต่ยุคกลาง 90 ถึงแม้ว่า The Reds August 2013

ความจริ ง ที่ ว ่ า แข้ ง ขาของเขานั้ น ไม่ ไ ด้ มั่ น คงอย่ า งที่ เคยเป็นมาตลอดก็ตาม แต่กระนั้นก็ยังคงเป็นเหมือน “หัวหน้า” “จอมยุทธ” ท่านนึง ที่กองหน้าทุกผู้ทุก นามในเวที Premiership ต่างกลัวกันขี้หดตดหาย แล้วมาเจอประเด็น Pepe Reina ต้องไปจาก ทีมอีก ต่อด้วยกรณีของ Martin Skrtel และท้ายที่สุด


41

อาจคือ Luis Suarez ท�ำให้งานนี้ “หนักหนาสาหัส” จนเรียกได้ว่า “ฝันร้ายข้างต้น” มีแววจะเป็นจริงได้นะ นั่น ...มันยิ่งเหมือนเป็นการเอาเชือกมาผูกข้อมือของ Brendan Rodgers ให้ท�ำงานได้ล�ำบากมากขึ้น. จ�ำได้ว่าตอนที่กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือรายนี้ ก้าวเข้ามารับงานแทน King Kenny เมื่อซัมเมอร์ที่

แล้ว เขานั้นได้รับตกทอดมรดกนักเตะอย่างมากมาย หลายๆ คนเต็มไปด้วยศักยภาพ แต่ดูเหมือนว่าจะเวียน ว่ายกันในทิศทางที่ไม่ตรงกัน ต่างคนต่างว่าย ตรงนี้ต้อง ยกเครดิตให้กับเขาเช่นกันที่ท�ำให้ทุกๆ ฝ่ายว่ายน�้ำตรง กัน ไปทิศทางเดียวกัน เหมือนการน�ำจิ๊กซอว์หลายๆ ชิ้น มาต่อกันให้เป็นภาพ หลายๆ ครั้งที่ต่อภาพออกมา แล้ว อืม !! มันช่างละม้ายคล้าย Liverpool ในอดีตที่ เคยยิ่งใหญ่ และความสามารถในการปลุกชีพนักเตะที่ กลายเป็นส่วนเกินของสโมสรอื่น มากลายเป็นนักเตะผู้ โดดเด่นของเขาอย่าง Sturridge และ Coutinho ตรง นี้แสดงให้เห็นว่าปรัชญาการท�ำทีมของเขามันเวิร์คกับ หลายๆ คน กระนั้นการต่อจิ๊กซอว์นี้ ไม่ต้องให้เห็นยอด ศิลปินก็พอจะรู้และเห็นว่า หากคุณเที่ยวปล่อยชิ้น ส่วนงามๆ ออกไปให้คนอื่น แล้วเมื่อไหร่ภาพฉบับ เต็มจะต่อกันได้เสร็จเล่า ? ประวัติศาสต์ที่เต็มไปด้วยความส�ำเร็จเป็นตัวบ่ง ชี้แฟนบอลผู้จงรักภักดีนั้นมีระดับไหน ตรวจสอบพื้น ฐานนักเตะเยาวชน ตรวจสอบทีมชุดใหญ่ว่ามีศักยภาพ และมีพรสวรรค์ระดับไหน เหมาะไหมที่จะเป็นสโมสร ที่จะสามารถลุยเวทียุโรปได้อย่างไม่อายใคร แต่แทนที่ จะเป็นอย่างนั้น กลายเป็นว่ายอดทีมแห่ง Merseyside เริ่มท�ำตัวเป็น Aston Villa ที่ปล่อยนักเตะดีๆ ออกจากทีมไปให้คนอื่นตักตวงประโยชน์ แล้วก็อ้างว่า เพื่อเป็นการสร้างทีมใหม่ แต่สุดท้ายก็ต้องหนีตกชั้นอยู่ ร�่ำไป แบบนี้มันคงไม่ใช่แนวทางแห่งการพัฒนา สิ่งนี้ อาจจะเกิดขึ้นกับทีมอย่าง Liverpool ได้ นอกเสียจาก ว่า “ต้องขาย Suarez ไปจริงๆ” ก็จะต้อง “น�ำเงินที่ ได้จากการขายเขา” ไปใช้อย่างชาญฉลาดที่สุด โดยหา คนอย่าง Coutinho เข้ามามากขึ้น ไม่ใช่หาแต่ระดับ Kolo Toure ที่อายุมากขึ้น แม้ฝีเท้าดี หรือไปหาลูก น้องเก่า เด็ก “ผึ้งงาน” จากที่อื่น เพียงเพราะ “ท�ำงาน เข้ากันได้” กับแนวทางของกุนซือเท่านั้น … เพราะ เมื่อข่าวลือเรื่องสูญเสียนักเตะดีๆ ยิ่งมากขึ้นเท่าไหร่ Brendan Rodgers ก็มิอาจข่มตาหลับอย่างสบายใจ ได้แม้แต่วินาทีเดียว กองบรรณาธิการ August 2013 The Reds


42

T reatise

ผมเชื่อว่าแฟนๆ ทีมลิเวอร์พูลหลาย เฟอร์นานโด ตอร์เรส เป็นอย่างดีอยู่แล เราเหล่า เดอะ คอป ทั่วทั้งโลก เนื่องด้ว ซัวเรซ มากเป็นพิเศษ บทความนี้ผมเล ของตัวเองล้วนๆ อาจจะมีข้อมูลบ้างก็ค นั่งหาข้อมูลมาเปรียบเทียบ

เอาเป็นว่าเล่าจากความรู้สึกที่ทั้งผ รู้สึกกับทั้งสองคนดีกว่านะครับ

เดอะ คอป แทบจะทุกคน “ต้องร จริงๆ ถึงแม้ปัจจุบันอาจจะมีบ้างที่ไม่รัก บทความ หลุยซ์ ซัวเรซ และ เฟอร์นา ผมนึกถึงเรื่องที่จะเขียนถึงสองคนนี้มาน โอกาสที่จะได้เขียนเป็นเรื่องเป็นราวสัก The Reds August 2013


43

ยคน ย่อมรู้จักกับ หลุยส์ ซัวเรซ และ ล้ว เพราะทั้งคู่ล้วนเป็นขวัญใจของพวก วยผมเป็นคนที่ชื่นชอบทั้ง ตอร์เรส และ ลยจะเขียนถึงทั้งสองคนจากความรู้สึกๆ คงจะไม่เป๊ะๆ 100% เพราะผมขี้เกียจ

ผมและแฟนๆ ทีมเราหลายๆ คน เคย

รัก” หรือ “เคยรัก” ทั้งสองคนนี้มากๆ กแล้ว หรือ อาจจะรักน้อยลง จากชื่อ านโด ตอร์เรส ความเหมือนที่แตกต่าง นานมากแล้วแต่ไม่ค่อยมีเวลา และไม่มี กที.... จนมาได้เขียนในที่สุด August 2013 The Reds


44

มหากาพย์บทแรก เฟอร์นานโด ตอร์เรส

ตอร์เรส ช่วงก่อนหน้ามา ลิเวอร์พูล ผมก็ไม่ได้ ติดตามผลงานเป็นชิ้นเป็นอันมากมายสักเท่าไร ทราบ แต่ว่ายิงประตูมากมายและเป็นกัปตันอายุน้อยที่สุดใน ประวัติศาสตร์ของ แอตแลนติโก มาดริด ณ เวลานั้น เป็นศูนย์หน้าตัวความหวังของทีมชาติสเปนในเวลานั้น พอๆ กับ ดาวิด บีญ่า จน ราฟา ไปดึงตัวมา หลังจากที่ทีมเราประสบความส�ำเร็จในแมตซ์ พลิกนรกกลับมาชนะ มิลาน ในรอบชิงชนะเลิศ UCL ซึ่งคงเป็นนัดที่หลายๆ คน ยกให้เป็นนัดที่ประทับ ใจที่สุด และแน่นอน ตอร์เรส เข้ามาด้วยความหวัง และได้รับ หมายเลข 9 ซึ่งเป็นหมายเลขของต�ำนาน ดาวยิงของทีมเราหลายๆ คน อยากให้ทุกคนที่ได้อ่านลองหลับตา แล้วนึกถึง ภาพความสุขสมัยที่ ตอร์เรส ท�ำให้เรา ทั้งยิงประตู The Reds August 2013

แมนยูฯ ที่สปีดหนี ริโอ เฟอร์ดินาน ไปยิงแสกหน้า ฟานเดอร์ซา หรือ ที่แตะบอลหนี วีดิซ จนท�ำให้ วีดิซ หลอนเป็น โรคใบแดงลิซซึม ในทุกๆ ครั้งที่ต้อง ประกบ ตอร์เรส ยังไม่รวมถึงความสุขอีกมากมายที่ไม่ ได้กล่าวถึง ช่วงเวลาเหล่านั้นพอเราหลับตานึกถึงมัน ช่างมีความสุขเสียเหลือเกิน หากยังนึกไม่ออก ค่อยๆ หลับตาแล้วนึกอีกทีนะครับกับลูกยิง แบล๊คเบิร์นส์ ที่ จัดว่าเป็นประตูสุดสวยของ ตอร์เรส ที่จับบอลลงและ วอลลเล่ย์ตูมเดียวเสียบตาข่ายอย่างงดงาม ตอร์เรส เป็นแสงสว่างแห่งความสุข ที่ท�ำให้ พวกเราเหล่าเดอะค๊อปมีความสุขมากๆ กับทุกๆ ครั้ง ที่เค้าได้สัมผัสบอล มันท�ำให้เราได้เห็นประตู ท�ำให้เห็น ความหวังที่ตอร์เรสได้ให้กับเรา หลายๆ ครั้งรูปเกมส์ เป็นรอง แต่พอมี ตอร์เรส จะเกิดความแตกต่างใน


45

เกมส์นั้นๆ ขึ้นมาทันที ในสมัยนั้น พูดได้เลยว่าหลาย คน มักจะพูดว่าขอแค่ทีมเรามี ตอร์เรส+เจอร์ราร์ด ก็ ไม่กลัวใครแล้วในเวลานั้น เพราะ คอนเนคชั่นของสอง คนนี้ในการท�ำประตูสุดยอดมากเรียกว่ารู้ทันกัน มอง ตาก็รู้ใจ คนหนึ่งยิงอีกคนจ่ายบอล เป็นคู่ประสานที่ท�ำ ให้หลายๆ ทีมกลัวมากๆ ผมเชื่อว่า เดอะ คอป แทบจะทุกคนรัก ตอร์เรส มาก บางคนฝันไกลถึงขนาดอยากให้ตอร์เรสเป็นกัปตัน ต่อจาก เจอร์ราร์ด เนื่องด้วยบุคลิกของ ตอร์เรส มัก จะเข้าไปคุยกับกรรมการเสมอๆ ก่อนใคร ในจังหวะที่ ทีมมีปัญหา หรือ เสียผลประโยชน์ จนถึงเวลาที่ ตอร์เรส ต้องลาจากเราไป ถือว่า ลาจากไปแบบเจ็บปวดต่อคนที่รักเค้ามากๆ จากไป ในช่ ว งก่ อ นปิ ด ตลาดจากไปแบบให้ เราหาตั ว แทน

แทบจะไม่ทัน จากไปแบบให้เราต้องไปลงทุนให้กับ นิวคาสเซิล ในสภาพโดนบีบให้จ่ายค่าตัวแบบมหาศาล ให้กับ แอนดี้ แคร์โรล์ ค�ำถาม หลายๆ ค�ำถามเกิดขึ้นในใจของทุกๆ คน ว่า ท�ำไม ตอร์เรส ต้องท�ำแบบนี้..? ท�ำไม ตอร์เรส ต้องจากไป..? และ ท�ำไม ตอร์เรส ต้องจากไปในวัน สุดท้ายของตลาดปิด..? ผมมองว่าการย้ายออกของ ตอร์เรส ยัง คลุมเครือ...?? ช่วงที่ ตอร์เรส ก�ำลังจะย้ายไป ก็มีข่าวว่าทีมเรา ก�ำลังพยายามดึงตัว หลุยซ์ ซัวเรซ มา เพื่อร่วมเล่นกับ ตอร์เรส.... (อันนี้ทีมออกข่าวบอกมาแบบนั้น) แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว .... ..................................... August 2013 The Reds


46

มหากาพย์บทสอง หลุยส์ ซัวเรซ

ส�ำหรับ ซัวเรซ คงไม่ต้องขอให้พวกเราหลับตา เพื่อนึกถึงภาพอะไร เพราะภาพทุกภาพของ ซัวเรซ ยังติดตาพวกเราอยู่ในปัจจุบัน ชอตประทับใจผมก็ เกิดกับนัดที่เจอ แมนยูฯ (อีกแล้ว) ที่แตะหลบผู้เล่น ของ แมนยูฯ หลายๆ คน โดนหลอกล่อซะหัวปั่น แล้ว ซัวเรซ ก็ผ่านบอล หรือ จะยิงก็ตามไปที่หน้าประตู ก่อนที่ เดิร์ค เค้าท์ จะเก็บดาบสองเข้าประตูไป เรียก ว่าเป็นชอตแจ้งเกิดของ ซัวเรซ เลยก็ว่าได้ พร้อมกับ ฉายาหลังจากนั้นทั้ง จอมมุด และ จอมแตะลอดขา เนื่องมาจากสไตล์การเล่นฟุตบอลของ ซัวเรซ นั่นเอง ส�ำหรับ ซัวเรซ ผมชื่นชอบมากๆ เป็นการส่วน ตัวตั้งแต่สมัยอยู่ อาแจกซ์ แล้ว และยิ่งประทับใจมาก ขึ้นกับสิ่งที่ ซัวเรซ แสดงออกกับ ทีมชาติอุรุกวัย โดย ใช้มือป้องกันประตูในฟุตบอลโลก ปี 2010 รอบก่อน The Reds August 2013

รองชนะเลิศ กับ ทีมชาติกาน่า ผมมองเห็นความ ต้องการเป็นผู้ชนะของ ซัวเรซ และ ความต้องการ ปกป้องทีมที่เค้ารักอย่างเต็มที่ ยิ่งได้เห็นท่าทางที่เค้า ดีใจหลังจากโดนไล่ออก แต่ กาน่า ยิงจุดโทษไม่เข้า ในตอนนั้นผมพูดเลยในเฟซบุคว่า ถ้าผมเป็น นายกฯ หรือ ประธานาธิบดีของอุรุกวัย จะให้เหรียญกล้า หาญกับ ซัวเรซ เลยล่ะ ไม่น่าเชื่อหลังจากนั้น ทีมลิเวอร์พูล มีข่าวกับ ซัวเรซ ให้ตายเถอะ! อะไรจะเข้าทางขนาดนั้น ผมดี ใจมากๆ ที่สุดท้ายเราก็ได้ตัว ซัวเรซ มา และ ซัวเรซ ก็ได้สวม เสื้อหมายเลย 7 ที่เป็นเลขแห่งต�ำนานของ ทีมเราหลายๆ คน ในตอนนั้นในใจผมอยากให้ ซัวเรซ อยู่สร้างต�ำนานกับเราไปนานๆ เลย ในช่วงฤดูกาลแรกๆ ซัวเรซก็ยังไม่ได้ท�ำประตู


47

เป็นกอบเป็นก�ำมากมายสักเท่าไรนักจนมี เพื่อนๆ ผม หลายๆ คน ซึ่งเป็นแฟนๆ ของทีมอื่น มักจะล้อ ซัวเรซ ว่า ดีแต่ป้อ ล่อไม่เป็น ก็คือ ลีลาสวยงาม พาบอลไป ในพื้นที่อันตรายแต่พอถึงเวลาจะท�ำประตูมักยิงออก ยิงเบา หรือ ยิงให้ประตูรับได้หมด เพิ่งจะฤดูกาลล่าสุดที่ผ่านมาที่ ซัวเรซ ระเบิด ฟอร์ม (ในแบบที่ควรจะเป็นของเค้าเอง) ออกมาจน ได้ คงเพราะปรับตัวในอังกฤษได้และรู้ว่าควรจะเล่น แบบไหน รวมไปถึงสภาพแวดล้อมเพื่อนๆ ในทีมมี ผู้เล่นใหม่ๆ เข้ามามากขึ้นที่ช่วยจ่ายบอลให้ ซัวเรซ ท�ำประตูได้ง่ายมากกว่าเดิม จน ซัวเรซ พุ่งติดลมบน เป็นดาวซัลโวของทีมในที่สุด จนเกิด คอนเนคชั่น SS สเตอร์ริดจ์ + ซัวเรซ ขึ้นอีกครั้ง ในสถานการณ์ล่าสุด ณ เวลานี้ ซัวเรซ ก�ำลัง

มีข่าวจะย้ายออกจากทีมของเรา เพราะอยากไปเล่น UCL มีข่าวมาไม่ซ�้ำกันในแต่ละวัน ไล่ตั้งแต่ มาดริด อาร์เซนอล และล่าสุด สเปอร์ส พอเริ่มมีข่าวว่า ซัวเรซ ให้สัมภาษณ์กับ สื่อที่อุรุกวัย หรือกับ สื่อที่ทัวร์ นาเม้นท์โคปา รวมไปถึงข่าวจากเพื่อนอย่าง คาวานี่ ปล่อยออกมาต่างๆ นาๆ ผมเหมือนเห็นสถานการณ์ที่ เคยเกิดกับ ตอร์เรส หวนมาบังเกิดกับ ซัวเรซ อีกครั้ง นั่นก็คือ ความรังเกียจ กระแสขับไล่ที่ก่อตัวจากแฟน บอล โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ใช้ค�ำต่อว่า ซัวเรซ เหมือนกับว่าเค้าไม่เคยเป็นนักเตะของทีมเรา เหมือน กับเค้าเป็นนักเตะของทีมคู่แข่งอย่าง แมนยูฯ.... สิ่ง ต่างๆ เหล่านี้ ถ้าเราหวนไปนึกถึงความสุขที่ทั้ง ซัวเรซ และ ตอร์เรส มอบให้กับเราสักนิดแค่เพียงเวลาสั้นๆ นั่งหลับตานึกถึงความสุขต่างๆ เหล่านั้น August 2013 The Reds


48

The Reds August 2013


49

หากเราเลื อ กจะมองใครสั ก คนในมุ ม มองที่ดีๆ ตามที่ผมยกตัวอย่างข้างต้นด้านบน ไว้ในบทความ ความสุขก็จะเกิดแด่ผู้รับคือ แฟนบอล และผู้ให้คือ นักเตะ ที่จะต้องจาก ไปแบบต้องเสียใจมากๆ เพราะถึงแม้พวกเขา ย้ายไปแต่แฟนบอลอย่างพวกเราชาว เดอะ คอป ก็ยังรักเค้าเหมือนเดิม.. ตอนนี้ ซัวเรซ ก�ำลังโดนกระบวนการ เกลียดชังแบบเดียวกับที่ ตอร์เรส เผชิญมา คือ การบีบให้ย้าย จากทุกๆ ค�ำพูดที่ออกมา สุดท้ายแล้วผมว่ายังไงก็มีเลศนัย ไม่อยากให้ ทุกๆคนที่เป็นแฟนทีมเรา ไปด่าทอว่า ซัวเรซ เหมือนกับที่เคยท�ำกับ ตอร์เรส อีก ทุกๆ สิ่ง ล้วนมีเหตุผลของมัน เราไม่อาจทราบได้ นอกจาก ตัวนักเตะ ผู้จัดการทีม เจ้าของ สโมสร หรือ เจ้าหน้าที่ส่วนอื่นๆ ที่เค้าพูดคุย กันในที่ประชุม เราได้รับก็แค่ สื่อที่เสี้ยมให้ คนมาเกลียดชังกัน ก็เท่านั้น อย่างน้อยในความเหมือนของซัวเรซ กับตอร์เรส ก็ยังมีความต่างก็คือ “สีสัน” ที่ ซัวเรซ มีให้กับเรามากมาย ............................. *หมายเหตุ ส�ำหรับคอลัมน์นี้... ผู้เขียน บทความและทีมงาน จงใจ ที่จะสะกดค�ำว่า res และ rez ของทั้งสองคนให้สลับกัน อัน เป็นสื่อแห่งนัยยะของความเหมือนที่แตกต่าง August 2013 The Reds


50

New Writer

The Reds August 2013


51

August 2013 The Reds


52

ถ้าจะพูดถึงผู้รักษาประตูแล้ว คนทั่วไปอาจจะ นึกถึง บุฟฟ่อน, กาซิยาส, ปีเตอร์ เช็ค แต่ส�ำหรับ เหล่า The Kop แล้ว ในเวลานี้ต้องมีชื่อของ ซิมง มิโญเล่ต์ แน่นอน 1 ใน 4 นักเตะใหม่ที่ รอดเจอร์ส ซื้อเข้ามา ร่วมทีม ด้วยราคาราวๆ 9 ล้านยูโร ก่อนหน้านี้ รอดเจ อร์ส ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า สาเหตุที่ซื้อ มิโญเล่ต์ ก็ เพื่อท�ำให้เกิดการแข่งขันกันในทีม สุดท้ายแล้วก็มีข่าว ว่า เรน่า ย้ายไปร่วม ทีมนาโปลี แบบยืมตัว ถ้าเทียบ ชั้นเชิงและชื่อเสียงกันแล้ว เรน่า เป็นต่ออย่างเห็นได้ชัด ทั้งประสบการณ์ การสั่งการแผงกองหลัง แต่ด้วยความ สดและความฟิต คงต้องยอมให้ มิโญเล่ต์ บ่อยครั้งที่ เรน่า มีลูกเหวอ หรือผิดพลาดให้เห็นกัน ผลของงาน ของ มิโญเล่ต์ กับ ซันเดอร์แลนด์ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว นับว่าไม่เลวเลย ผมยอมรั บ ว่ า ก่ อ นหน้ า นี้ ไ ม่ เ คยรู ้ จั ก ชายที่ ชื่ อ มิโญเล่ต์ รู้เพียงแค่เป็นผู้รกั ษาประตูของ ซันเดอร์แลนด์ ไม่เคยดูการเซฟ ไม่เคยดูฟอร์มของเขาเลย แต่หลังจาก ที่ถูกดึงมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล ท�ำให้ผม และ แฟนบอล หงส์แดง หลายๆ คนต้องจับตามอง ว่าจะท�ำได้ดีขนาด ไหน ในเสื้อสีแดงเพลิง หลังจากนัดพรีซีซั่นที่ผ่านมา ท�ำผลงานได้ดีทีเดียว โดยยังไม่เสียประตูเลย มองจาก ความสามารถแล้ว มิโญเล่ต์ ถือว่าสอบผ่าน มาพูดถึงค่าตัว 9 ล้านยูโรของ มิโญเล่ต์ ถือว่า ไม่แพงมากนักกับความสารถระดับนี้ ไม่ต้องกดดันมาก นักเหมือนต�ำแหน่งอื่นที่จะต้องท�ำผลงานให้เข้ากับทีม ให้เร็วที่สุด ถ้าจะหาผู้รักษาประตูที่มีชื่อเสียงในลีคดังๆ ของยุโรปแล้ว คงอดคิดไม่ได้ว่าค่าตัวคงโดนโก่งแน่นอน และถ้าเป็นผู้รักษาประตูเวิร์ลคลาสแล้วค่าเหนื่อยคง ต้องแพงขึ้นเป็นเงาตามหัว ยิ่งเป็น ทีมลิเวอร์พูล ด้วย แล้วเรื่องค่าตัวนักเตะจะยิ่งอัพเพิ่มไปอีก ท�ำให้ต้องหัน มาหานักเตะที่ไม่เน้นชื่อเสียง แต่เน้นความสามารถ และผลงานที่ผ่านมา หากดูในนักเตะที่เหลือในทีมแล้ว ผู้รักษาประตูที่น่าจะมีประสบการณ์มากที่สุดคงจะเป็น เบรด โจนส์ แต่ด้วยหลายๆ ฤดูกาลที่ผ่านมา โจนส์ ไม่ ค่อยมีโอกาสลงเล่นเท่า มิโญเล่ต์ ท�ำให้ไม่เป็นผลดีนัก หากจะดัน เบรด โจนส์ ขึ้นมาจริงๆ หรือ อาจจะเป็น เพราะไม่เข้ากับระบบของ รอดเจอร์ส ที่ผู้รักษาประตู จะต้องเป็น สวีปเปอร์ตัวสุดท้าย มิโญเล่ต์ จึงน่าจะ The Reds August 2013

เป็นจิ๊กซอว์ส�ำคัญในต�ำแหน่งนี้ เขาเกิดวันที่ 6 มีนาคม 1988 ที่ เมือง Sint-Truiden ประเทศเบลเยี่ยม เริ่มต้นค้าแข้งจากทีมเยาวชน ของ Sint-Truiden ในปี 2004 ก่อนที่จะกลายมาเป็น มือ 1 ของทีม Sint-Truiden ชุดใหญ่ ในปี 2006 ด้วย วัยเพียง 18 ปี ในปี 2009 Mignolet ลงสนามช่วยทีมไป 29 นัด และท�ำได้ 1 ประตูจากลูกจุดโทษ พร้อมทั้งคว้า แชมป์ ลีค Division 2 ของเบลเยี่ยม และได้ รางวัล ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมแห่งปีของเบลเยี่ยม หลังจาก ช่วยให้ทีมเลื่อนชั้น


53

หลังจากนั้น Mignolet ถูก Sunderland ทีม จากพรีเมียร์ลีค เซ็นสัญญา 5 ปี ค่าตัว 2 ล้านปอนด์ ใน ปี 2010 Sunderland ในขณะนั้นยังมี Craig Gordon เป็นมือ 1อยู่ ท�ำให้ Mignolet ต้องนั่งส�ำรองไป ก่อน และโอกาสของเขาก็มาถึงเมื่อ Gordon มีอาการ บาดเจ็บ เขาจึงไม่พลาดที่จะคว้าโอกาสของเขาไว้ Mignolet มีทักษะเด่นในเรื่องของ ปฏิกิริยา การดวลเดี่ยว การจัดต�ำแหน่งในกรอบเขตโทษ ท�ำให้ เขาได้รับความไว้วางใจให้เป็น มือ 1 ต่อไป ในปี 2012 Sunderland เกือบจะต้องตก ชั้นไปเล่นใน ลีค Championship แต่ Mignolet ก็

พิสูจน์ในเห็นถึงความคงเส้นคงวาของเขา จากการลง เล่น 38 นัดและรักษาคลีนชีตได้ถึง 11 ครั้ง เขาได้แสดง ทักษะการเป็นผู้รักษาประตูจากจ�ำนวนการเซฟทั้งหมด 149 ครั้ง เป็นรองเพียงแค่ Jussi Jaaskelainen ของ West ham Mignolet ได้รับความสนใจจาก Liverpool และถูกดึงมาร่วมทีม ในที่สุด และสามารถเบียด Reina อดีตผู้รักษาประตูมือ1 ได้ จากแมตช์ ที่ผ่านมา เราได้ เห็นลีลาการเซฟของ Mignolet บ้างแล้ว หลังจากเปิด ฤดูกาล เราคงได้เห็นเกมรับของ The Red Machine เหนียวแน่นยิ่งขึ้น August 2013 The Reds


ครับ.. เป็นที่รู้กันดีอยู่ส�ำหรับหลายๆ ฝ่าย ว่า ชื่อของ Steven Gerrard และ Lucas Leiva เหมือนถูกสลักไว้ในหินผาอันแข็งแกร่งที่มี ตราหงส์ อยู่บนนั้น ในแง่ของตัวยืนพื้นในแดนกลาง Liverpool แต่ยังมีศึกใหญ่อีกศึกเพื่อคว้าพื้นที่สุดท้ายในภาคส่วน นี้ ซึ่งใครก็คงไม่ยอมใครเป็นแน่แท้ จากการเข้ามาของ Philippe Coutinho ท�ำให้ การเลือกจัดทัพของ Brendan Rodgers ดูแล้วช่างเป็น เหมือนการจัดตัวเพื่อเปิดศึกกับคู่แข่งแบบท้าชนทุกสถาบัน กันไปเลย ซึ่งเขาก็เลือกใช้ระบบ 4-3-3 ท�ำให้งานนี้ จึงต้องมี การเปิดศึกระหว่างคู่หูที่แฟนบอลก�ำลังเฝ้ารอยคอยวันที่พวก เขาจะท๊อปฟอร์มอย่างที่สุด ซึ่งก็คือ Joe Allen และ Jordan Henderson Henderson นั้นดูมีเปรียบนิดๆ จากผลงานที่เขาท�ำได้ดี และเข้าตาในช่วงท้ายฤดูกาลที่ผ่านมา แต่การที่ Allen กลับมา ฟิตอีกครั้ง ท�ำให้เห็นถึงการกลับมาเล่นได้เข้าตามากขึ้นในช่วง Preseason ในขณะที่ Henderson ก็ใช่ว่าจะยอมง่ายๆ, แล้วยิ่งทั้งคู่ สามารถยิงประตูได้ในเกม Gerrard’s Testimonial ยิ่งท�ำให้ศึกนี้ น่าสนใจและเร่าร้อนมากขึ้นเป็นทวีคูณ ในแง่ของสไตล์แล้ว Allen และ Henderson นั้นเห็นได้ชัดว่า เล่นได้แตกต่างกันไปคนละขั้ว แต่ก็มีสิ่งที่เหมือนกันบางสิ่งเช่นกัน พวกเขา มีอายุที่ใกล้เคียงกัน เล่นในต�ำแหน่งเดียวกัน มีมูลค่าในการน�ำเข้าแพงกว่า มูลค่าจริงทั้งคู่ ตอนที่ย้ายเข้ามาใหม่ๆ มีฤดูกาลแรกที่ยากล�ำบากไม่แพ้กัน และที่ส�ำคัญถูกช่วงใช้ไปเล่นในต�ำแหน่งที่พวกเขาไม่ถนัดกันมาแล้วทั้งคู่ นั่น คือ บทสรุปที่คล้ายคลึงกัน จุดแข็งและจุดหลักในความสามารถของ Allen ก็ คือการจ่ายบอล และการคุมจังหวะเกม ในขณะที่ Henderson นั้นค่อนข้างจะ เด่นชัดว่ามีความเป็นนักกีฬาสูง แข็งแกร่ง มีการวิ่งทะลวงแนวรับคู่แข่ง ที่ค่อนข้าง มีอนาคต



เ มื่ อ เ ป รี ย บ เทียบจากการเลือกจัด ทัพที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า Allen จะถูกมองว่าเหนือ กว่า Henderson อยู่หน่อย นึง สิ่งนี้ดูท�ำให้เขาได้เปรียบ เพราะผู ้ จั ด การที ม เลื อ กเขามา เพื่อการนี้ แต่ Henderson เอง ก็มีเวลาที่บีบให้ผู้จัดการทีมได้ฉุกคิด ใหม่อกี รอบ การยิงประตูได้ในการแตะ บอลครั้งแรกในเกมกับ Olympiakos เป็นแนวทางที่ถูกต้องที่จะพิสูจน์สิ่งนี้ให้ เป็นที่ประจักษ์ แต่ Allen ก็ไม่ยิ่งหย่อน ต่อกัน ก็ยิงประตูได้ในเกมนี้ โดยมีโอกาส ยิงประตูได้มากกว่าเสียอีกหากว่าจบสกอร์ เนียนกว่านี้ มันเป็นความรู้สึกที่ดีที่ได้เห็น Allen กลับคืนมาสู่ทีมอีกครั้งแล้วเล่นดีด้วย ผมคิด ว่าเขาได้รับการวิจารณ์ที่ไม่ค่อยจะแฟร์นักจาก กูรูหลายๆ ส�ำนัก เมื่อฤดูกาลก่อน ฟอร์มของ เขาดรอปลง และมีการวิจารณ์กันเสียงดัง ด่าทอ กันมันปาก กระนั้นดูเหมือนว่าหลายๆ คนจะลืม เลือนไปว่า ช่วงต้นฤดูกาลเขาถือได้ว่าเป็นนักเตะ ที่ดีที่สุดของ Liverpool เลย เพราะฉนั้นประเด็น ไม่ได้อยู่ที่ความสามารถ แต่เป็นที่ฟอร์มมากกว่า อาการบาดเจ็บของ Lucas เป็นเหตุให้ Allen ต้องเปลี่ยนบทบาทของตนเองอย่างเร่งด่วน แต่ก็ยังพอจะเล่นได้น่าประทับใจได้บ้าง ในขณะ ที่ร่างกายเขานั้นไม่ได้แกร่งเพียงพอที่จะไปเบียด หรือชนกับคู่แข่งในบทบาท holding midfield แล้ ว ยั ง มี อ าการพลาดของเขาในการเสี ย เชิ ง ให้ กับ Abou Diaby ในเกมที่พ่ายแพ้ต่อ Arsenal กระนั้น Allen สมควรได้รับเครดิตและปรบมือ จากทุกๆ ฝ่าย ที่แม้จะต้องเปลี่ยนบทบาท และ ร่างกายไม่เหมาะจะบู๊ แต่ก็บู๊อย่างไม่เกรงกลัว ใครหน้าไหนเหมือนกันเมื่อทีมต้องการ ถึ ง แม้ ว ่ า เขาจะได้ รั บ การโหวตให้ เ ป็ น Man of The Match หลายนัด แต่ Rodgers

ก็ยืนยันชัดเจนว่า นี่ไม่ใช่ต�ำแหน่งที่แท้จริงของ Allen และเขาจะดีขึ้นกว่านี้อีกเท่าตัวหากว่าได้กลับไปเล่นใน บทบาทที่เขาถูกซื้อมาเล่น แล้วฟอร์มของเขาก็ดรอปลง ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม และเสียงวิจารณ์ก็ เริ่มขึ้นอีกครั้ง และเมื่อโดนวิจารณ์มากขึ้น ก็ยิ่งเหมือนเติมเชื้อ ไฟเข้าไปอีกเมื่อ Rodgers ได้ให้นิยามเขาว่าเป็น “The Welsh Xavi” ซึ่งแฟนบอลกลุ่มไม่น้อยที่ “ไม่เชื่อตาม


ค�ำกล่าวนี้” ของ Rodgers, แล้ว Allen ก็ตกเป็นเป้า หมายถล่มเละจากกูรูต่างๆ ยิ่งไปกันใหญ่เมื่อฟอร์มเขา ออกทะเลไปเรื่อยๆ เขาก็แค่เพิ่งได้เป็นคุณพ่อมือใหม่ นั่นคือสิ่ง ที่ Rodgers อ้างอิงเป็นเหตุผลว่าท�ำไม ฟอร์มและ คุณภาพการเล่นของเขาดรอปลง แต่ดูเหมือนว่า มันไม่ ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย และดูเหมือนว่าเหตุผลจริงๆที่ Allen เล่นแย่ลง มันมีอยู่ แต่สโมสรเลือกที่จะรูดซิบ

ปากไม่พูดมันออกมา คือพยายามปกปิดให้นานที่สุด เท่าที่จะท�ำได้ ท้ายที่สุด ข่าวก็ออกมาว่า จริงๆ แล้วชายผู้นี้ บาดเจ็บที่หัวไหล่มานานแล้ว และต้องเข้ารับการผ่าตัด เป็นการด่วน แต่ Rodgers นั้นเป็นกังวลว่าเขาจะตก เป็นเป้าหมายคู่แข่ง หากว่าได้รู้ความจริงข้อนี้ จึงปกปิด ไว้นานหลายเดือน ก่อนที่โค้ช Mike Marsh ปล่อยข่าว นี้รั่วไหลออกมากจากการให้สัมภาษณ์ผ่านเว็บทางการ


น่ า แปลกที่ ว ่ า บทบาทของ Allen ไม่ ไ ด้ เ ปลี่ ย นแปลงไป เท่าไหร่ แม้ว่า Lucas จะ กลับมาแล้ว เขานั้นดูเหมือน จะไม่ได้รับอนุญาตให้เติมเกม รุกอย่างที่ควรจะเป็น และมันยิ่ง ดูเป็นประเด็นมากขึ้นเมื่อ Henderson ลงเล่นเป็นกองกลางตัวที่ สาม ท�ำให้เขาถูกดันขึน้ เล่นเกมรุกอย่าง เต็มตัว และหลายๆ ครั้งที่อยู่แถวสอง รองจากกองหน้าเท่านั้น ท�ำไมเล่า Allen ถึงไม่ได้รับการผลักดันให้ท�ำแบบนั้นบ้าง ? เพราะกุนซือก็บอกเองไม่ใช่เหรอว่า เขาจะ ดีกว่าที่เป็นอยู่อีกเท่าตัวหากว่าได้เล่นอย่าง ที่ตัวเองชอบและถนัด มีไม่กคี่ รัง้ เท่านัน้ ที่ Allen ได้สวมบทบาท ดังกล่าวและเล่นได้โดดเด่นพอควร ในเกมที่ เจอกับ Sunderland และในศึก Europa League เกมที่เจอกับ Zenit, ที่ Liverpool ชนะไป 3-1 ในบ้าน และเขาก็ยิงได้อีกนั่นเพราะ ได้เติมเกมรุกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลที่ดี เราไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บตรงนี้ส่งผลต่อ ฟอร์มของนักเตะรายนี้มากแค่ไหน หรือว่าเป็น เพราะบทบาทที่เขาต้องเล่นมากกว่าที่ส่งผลร้าย แต่กับการที่มี Raheem Sterling ก่อนที่เขาจะ บาดเจ็บ ตัว Allen เล่นดี และจู่ๆ ก็เล่นแย่ลงไป 45 นาทีที่ได้ลงเล่นในเกมกับ Southampton คือแอ็คชั่นสุดท้ายที่เราได้เห็นกองกลางราย นี้เล่น จนเมื่อ Preseason นี่แหล่ะเราจึงได้เห็น เขาอีกครั้ง แต่ ณ ตอนนี้ที่เขาไม่บาดเจ็บแล้ว เรา หวังว่าเขาจะสามารถกลับมาคืนฟอร์มเก่ง ที่เขา เคยได้แสดงให้เห็นเมื่อปีนึงมาแล้วอีกครั้ง เขาดู แข็งแกร่งและดูดีในช่วง Preseason และการก ลับคืนฟอร์มของเขาน่าจะช่วยให้เกิดการแข่งขัน แย่งชิงต�ำแหน่งกันขึ้นในภาคส่วนนี้ อย่างที่ Rodgers กระหายอยากจะเห็น Henderson นั้น ชัดเจนว่า ไม่กลัวการ

แข่งขัน เขาได้แสดงสิ่งนี้ให้เห็นมาแล้ว เวลานี้เมื่อปีที่ แล้วเขาเคยหลุดจากทีมไป เพราะตอนนั้นมี Lucas, Gerrard, Allen, Nuri Sahin, Charlie Adam, Jay Spearing และ Jonjo Shelvey ชื่อเหล่านี้ถูกเลือก ลงเล่นก่อนเขา... เขาถูก Fulham ยื่นข้อเสนอเพื่อเป็น ส่วนหนึ่งของการแลกตัวกับ Clint Dempsey และ ตอนนั้นดูเหมือนวันเวลาของเขาใน Anfield ใกล้จะ หมดลงแล้ว


แต่เขาไม่ยอมย้าย โดยยืนยันว่าเขาต้องการที่ จะต่อสู้เพื่อผลักดันตัวเองเพื่อให้เป็นตัวเลือกในทีมชุด ใหญ่อีกครั้ง และงานนี้หักปากกาเซียนทุกส�ำนัก เขาท�ำ มันได้ส�ำเร็จ เขาท�ำมันจริงๆ และสามนักเตะที่ถูกมอง ว่าดีกว่าเขาก็ย้ายออกจากทีมไปเรียบร้อย ในขณะที่ Spearing ก็หลุดวงโคจรและน่าที่จะย้ายในเร็ววัน ใครทีต่ ดิ ตามข่าวมาตลอดคงจะรูว้ า่ Henderson ขยันและท�ำงานหนักมาตลอด เขาต้องการพัฒนาการ

เล่นของตัวเอง เป็นเด็กที่มีความมานะสูง และตรงนี้ คงจะต้องปรบมือให้กบั เขาจริงๆ กับการทีเ่ ขาสร้างเส้นทาง ให้ ตั ว เองในการท� ำ ให้ ไ ปอยู ่ ใ นแผนการท� ำ ที ม ของ ผู้จัดการทีมได้ส�ำเร็จ ในขณะที่หลายๆ คนยังลังเลและ ยังไม่เชื่อน�้ำยาเขาอยู่แท้ๆ การฉลองการยิงประตูของ เขาบอกทุกๆ อย่าง น่าประทับใจ ไม่เว้นแม้แต่เกม Testimonial ซึ่งเขานั้นดีใจสุดๆ ที่ยิงได้ต่อหน้า The Kop ใครๆ เห็นก็คงต้องยิ้ม


ครึง่ ฤดูกาลหลัง เขานัน้ เล่นได้โดดเด่น และน่าประทับใจหลายนัด เราได้เห็นความ ทุ่มเทของเขาเวลาเล่นนอกบ้าน วิ่งไม่หมด วิ่งไปสู่ที่ว่าง ทิ้งกองหลังคู่แข่งให้เหวอ คือเด่น ยิ่งกว่าการเล่นที่ Anfield เสียอีก ประตูที่เขา ท�ำได้ในเกมกับ Arsenal, Villa และ Newcastle เป็นประตูที่เขาท�ำได้จากการวิ่งไปหาที่ว่าง ประเภทเดียวกันนี้ ในขณะที่ Liverpool มีปัญหา ในการเจาะคู่แข่งที่เน้นรับต�่ำ สิ่งเหล่านี้น่าจะตราตรึงใจเราๆ ท่านๆ บางทีเรา คงจะได้เห็นการแสดงออกท�ำนองนี้ของ Henderson ในการเล่นเป็นทีมเยือนมากกว่าทีมเหย้าที่ Anfield ทุกๆ อย่างขึ้นอยู่กับระบบที่ Rodgers จะหยิบมาใช้ และผมคิดว่าเขาอาจจะปรับใช้ “เจ้าพลังม้า” รายนี้ไปใช้ ในสถานการณ์ที่เหมาะสมในการจัด 11 ตัวจริงของเขาใน แต่ละนัด บางครั้งเราคงจะได้เห็นเขาใช้ระบบ 4-3-3 เหมือนกับ ที่เราเห็นบ่อยๆ ในฤดูกาลที่แล้ว แต่เราก็ได้เห็นเช่นกันกับรูป แบบที่หลากหลายอื่นๆ ของมัน มีโอกาสที่จะได้เห็น Coutinho เล่นอยู่ด้านหลังกองหน้าสองตัวอย่างที่เขาท�ำให้เห็นเมื่อตอน Preseason ที่ Melbourne และผมมั่นใจว่าเราคงจะได้เห็นการ เล่น 4-2-3-1 อีกหลายครั้งเลยล่ะ เพราะมันค่อนข้างได้ผลในช่วง ท้ายฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยการที่ Lucas และ Gerrard เป็นสองตัวเลือกแรกชัดเจน Allen และ Henderson ดูแล้วคงจะไม่ได้ลงเล่นทุกๆ สัปดาห์เป็นแน่ แต่จะต้องมีช่วงเวลาที่แฟนบอลจะนึกถึงทั้งคู่ และในสถานการณ์แบบนี้ เมื่อกองกลางคนที่สามเป็นที่ต้องการ มันคงจะไม่ง่ายที่จะเลือกว่าจะเอา ใครดี หากว่าทั้งคู่ยังคงรักษาฟอร์มดีฟอร์มเด่นที่พวกเขาท�ำไว้ในตอนนี้ Rodgers คงจะไม่เป็นกังวลกับเรื่องนี้ เพราะการมีนักเตะที่มีความ มุ่งมั่นและทะเยอทะยานถึงสองคน ต่อสู่ในศึกที่พวกเขาพร้อมใจกันแย่งชิง ต�ำแหน่งหนึ่งเดียวของพวกเขาในทีม น่าจะดีต่อทีมและทุกๆคน โดยเฉพาะ กับสโมสร เพราะงั้นขออวยพรให้ชายผู้ที่ดีกว่า ชนะก็แล้วกัน


61

August 2013 The Reds


62

I nterview

หลายท่านคงแปลกใจ ระคนความสงสัย ว่า “ผู้หญิงคนนี้เป็นใครหนอ ?” ถึงได้รับเกียรติมาเป็นแขกพิเศษในช่วงสัมภาษณ์ ซึ่งโดยปกติสื่อใหม่ๆ ทั่วๆ ไป อาจพยายามเกาะกระแสเซเลป แวดวงคนดัง แต่ส�ำหรับเรา ทีมงานเดอะ เรดส์ เราหวังน�ำเสนอคุณค่าของทุกเดอะ คอป เพราะมันมีแง่มุมหลากหลายให้ชวน คิด ชวนติดตาม ถึงภายภาคหน้าเราอาจต้องสัมภาษณ์คนดังบ้าง แต่เรายังหวัง ว่า “เราจะแตกต่างในแง่มุม” ส�ำหรับ เดอะ คอป สาว คนนี้ คงต้องบอกว่า ทางทีมงานรู้จักเธอบนโลก โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค อย่าง เฟสบุ๊ค รู้เพียงคร่าวๆ ว่าเป็น เดอะ คอป เท่านั้น บ่อย ครั้งพวกเราจะเห็นเธอให้ก�ำลังใจคนนั้น คนนี้ ตามแต่สถานการณ์ของแต่ละคน โดยไม่รู้ว่าเธอก�ำลังเผชิญอยู่กับอะไร !! ออกจะตกใจทีแรกเหมือนกัน เมื่อรู้ว่า “เธอ คนนี้” ก�ำลังต่อสู้อยู่กับมะเร็ง ร้าย ระยะ 3 ท�ำให้ทางทีมงานอดรนทนไม่ไหว ต้องติดต่อขอสัมภาษณ์ โดย หวังว่า มุมมองของเธอคนนี้ จะช่วยให้ เดอะ คอป ผู้ด้อยโอกาส, เดอะ คอป ที่ ก�ำลังเจอกับวิกฤติในชีวิตทั้งทางร่างกายและเศรษฐกิจ ได้เข้มแข็งและมีมุมมอง งดงาม อย่างที่ “เธอ” กระท�ำ เราหวังเช่นนั้นจริงๆ !!!

The Reds August 2013


63

August 2013 The Reds


64

The Reds : แนะน�ำตัวกันหน่อย จ๋า : ชื่อ น.ส.บุษกร นาคะเกษียร ชื่อเล่น จ๋า อายุ 31 (ปี 2524) มีพี่น้อง 3 คน เป็นคนสุดท้อง เดิม ท�ำงานที่ ด�ำรงทรัพย์มาสด้า ปัจจุบันธุรกิจส่วนตัว คือ คาร์แคร์ กับ ร้านกาแฟ ค่ะ The Reds : รู้ตัวว่าตัวเองเป็นมะเร็งตั้งแต่เมื่อ ไหร่ จ๋า : หลังจากจับเจอก้อนเนื้อผิดปกติที่เต้านม ซ้ายก็ไปหาหมอทันทีคะ ไปหาหมอที่ รพ.รามาฯ เมื่อ ปลายเดือนธันวาคม 55 ค่ะ ฟังผลเมื่อ 7 มกราคม 56 ค่ะ The Reds : รู้ตัวได้อย่างไร จ๋า : ก่อนหน้านั้นเจอก้อนที่ใต้ราวนมซ้ายค่ะ สงสัยจะเป็นซีส แต่เริ่มไม่แน่ใจ เพราะเราทราบมาว่า ถ้าเป็นซีสจะเจ็บ ก้อนจะเคลื่อนตัว กลิ้งไปมาได้ แต่ ของ จ๋า เป็นก้อนแข็งๆ ไม่เจ็บ และมีรอยบุ๋มใต้ราวนม สงสัยว่าจะเป็นมะเร็งเนื่องจากว่าเข้าข่ายอาการของ มะเร็งเต้านมน่ะค่ะ เลยไปรพ.รามาฯ เพื่อให้คุณหมอ เจาะเซลล์ไปตรวจหามะเร็งค่ะ The Reds : คุณหมอวินิจฉัยอาการครั้งแรก คุณหมอบอกถึงความรุนแรงขนาดไหน? จ๋า : คุณหมอแจ้งว่าคุณเป็นมะเร็งระยะที่ 3 ชนิด อักเสบค่ะ (Her-2 Positive/score 3+) มีก้อนทั้งหมด 3ก้อนค่ะ ก้อนที่ 1 ขนาด 5.5 x 2.2 cm. ก้อนที่ 2 ขนาด 3.3 x 2.1 cm. และก้อนสุดท้ายเล็กสุด 2.4 x 1. 5 cm. ค่ะ The Reds : จ�ำวินาทีแรกที่รับรู้ได้ไหม ความ รู้สึกอารมณ์ตอนนั้นเป็นอย่างไร? จ๋า : จ�ำได้ความรู้สึกขณะนั้นได้แม่นค่ะ หลังจาก ที่ไปหาหมอครั้งแรกเมื่อธันวาคม คุณหมอแจ้งแค่ว่า คุณน่าจะเป็นแค่ต่อมน�้ำเหลืองอักเสบ แต่เราไม่มั่นใจ นัก เนื่องจากว่าอาการที่เราศึกษามา เหมือนว่าจะเป็น มะเร็ง เลยขอคุณหมอเจาะเซลล์เพื่อตรวจให้ชัดเจน น่ะค่ะ วันฟังผลที่ 7 มกราคม 56 คุณหมอเข้ามาพูด ว่า “ผลวันนี้ไม่ดีเท่าที่ควร” เรารู้แล้วค่ะ ว่าคุณหมอ จะพูดว่าอะไร คุณหมอพยายามชักแม่น�้ำทั้ง 5 มาพูด เลยตัดบทไปว่า “คุณหมอค่ะ หนูเป็นมะเร็งใช่ไหมคะ ระยะที่เท่าไร” คุณหมอเลยแจ้งว่า “ใช่ครับ ท�ำใจดีๆ ไว้ The Reds August 2013

นะครับ” คุณหมอเลยสอบถามถึงสภาพจิตใจว่ารู้สึก อย่างไร เพื่อเช็คสภาพจิตใจเรา ค�ำตอบที่ตอบหมอยัง จ�ำได้ขึ้นใจค่ะว่า “รู้สึกดีใจค่ะ อย่างน้อยๆ เราตรวจเจอ ไม่ว่าจะเป็นระยะไหนก็แล้วแต่ มันหมายความว่าเรา จะได้เดินทางถูก ว่าเราควรรักษาแบบใด ถ้าเราไม่รู้ว่า เราเป็นอะไร เราก็จะรักษาไม่ถูก ไม่ได้รู้สึกท้อ ไม่รู้สึก แย่กับสิ่งที่รับรู้เลยค่ะ เชื่อมั่นในตัวคุณหมอว่าจะดูแล รักษาเราอย่างเต็มความสามารถในและศรัทธาในตัว เองว่าเราจะหาย ถึงแม้ไม่หายเราจะอยู่กะมันไปให้ได้” The Reds : นานแค่ไหน กว่าจะตั้งตัวได้ และ


65

ต้องรู้จักสร้างก�ำลังใจให้กับตัวเอง อย่ามัวตัดพ้อต่อสิ่งที่มันเกิดขึ้น สู้หาทางรักษาหา ทางแก้ไขจะดีกว่า กลับมาเผชิญหน้ากับมัน? จ๋า : หลังจากฟังผลเสร็จ คิดว่าตัวเอง โอเค แต่ พอเดินออกมาจากห้องหมอคนแรกที่โทรหาคือ คุณพ่อ ค่ะ ร้องไห้ ด้วย ที่ร้องไห้เพราะว่าคิดเยอะ กลัวว่าเรา จะไม่มีชีวิตอยู่ คือว่า ยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณ คุณพ่อ คุณแม่ และ พี่สาวทั้ง 2 คน เลย เค้ามีแต่ให้เรามา ตลอด คิดว่าจะท�ำอย่างไรดี เพราะรู้ว่าค่าใช้จ่ายในการ รักษาค่อนข้างแพงพอสมควร มันจะต้องเดือดร้อนพ่อ แม่ พี่ๆ อีกแล้วสิ อะไรประมาณนี้อ่ะค่ะ ไม่ได้กังวล อะไรเกี่ยวกับมะเร็งเลย พอเดินออกจากโรงพยาบาล

ตั้งสติได้ เรารู้สึกว่าต้องรักษาตัวอีกนานแน่ๆ กับโรคนี้ เลยตัดสินใจไป บางแสน เที่ยวก่อนเลย เพื่อปลดปล่อย ความรู้สึก และตั้งสติว่าเราจะไม่เครียดกับมัน ภายวัน เดียวกันเลยค่ะ มีหลายอารมณ์เลยทีเดียว เช้าฟังผล ดีใจ เศร้า กลัว ท�ำใจ เตรียมใจ ในวันเดียว The Reds : อะไรคือก�ำลังใจที่หนุนหลังท�ำให้ เราต่อสู้กับมันด้วยดี จ๋า : ยกผลประโยชน์ให้กับครอบครัวค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ และ พี่สาวทั้ง 2 คน ค่ะ ญาติๆ เพื่อนๆ ที่คอย ให้ก�ำลังใจทุกคนด้วยค่ะ August 2013 The Reds


66

ขอบคุณที่เป็นมะเร็ง เพราะว่ามันท�ำให้คนในครอบครัว หันมาสนใจและใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น

The Reds : ตลอดระยะเวลาที่อยู่กับโรคร้าย เคยรู้สึกท้อต่อชะตาบ้างไหม จ๋า : เคยชั่งใจตัวเองกับค�ำถามนี้บ่อยค่ะ สรุปได้ เลยว่าไม่เคยท้อจริงๆ ซักทีค่ะ อาจเพราะเป็นลูกทหาร หาญ ต้องเข้มแข็ง และอดทนได้ทุกสถานการณ์มั๊งคะ The Reds : การให้คีโมมีผลกระทบมากมาย เราเองล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง จ๋า : ก็เจอบ้างค่ะ แค่เข็ม 2 เข็มแรกน่ะค่ะ เช่น ปวดเมื่อย วิงเวียนศรีษะ คลื่นไส้อาเจียน ชนิดที่ว่านอน กันในห้องน�้ำทีเดียวล่ะค่ะ แต่หลังจากที่เปลี่ยนยาตัว The Reds August 2013

ใหม่ อาการก็ไม่มีค่ะ ที่ต้องเจอหนักๆ ก็ผมร่วง เล็บด�ำ แต่ก่อนที่ผมจะร่วง เรากลัวใจเรารับไม่ได้ ไปตัดสั้นก่อน เลยค่ะ ผ่านไปอีกอาทิตย์นึงโกนเป็นโล้นซ่าเพราะว่าจะ ไปบวชด้วย เลยตัดสินใจโกน ครั้งหนึ่งในชีวิตผู้หญิงจะ มีสักกี่คนที่ได้โกนผม The Reds : จากที่รู้จักมาก่อนหน้า... น่าแปลก ใจหลายเรื่อง อย่างเรื่องมาลงทุนเปิดคาร์แคร์ที่ชุมพร นี่เป็นการลงทุนของใคร ทั้งที่คนป่วยกว่าเราหลาย คนที่ยังท้อแท้หมดหวังและฟูมฟายกับโชคชะตา จ๋า : จริงๆ แล้วเป็นความฝันเล็กๆ ของ จ๋า ค่ะ


67

อยากเปิด เพราะว่าเราชอบเกี่ยวกับรถ คลุกคลีอยู่กับ รถ ชอบรถสะอาด เลยตัดสินใจเปิดค่ะ ส่วนเรื่องลงทุน มีที่บ้านหนุนหลังค่ะ (ครอบครัวและของเราส่วนนึง) อีกอย่างค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลค่อนข้างสูงที เดียว ให้คีโมต่อครั้งรายจ่ายจะตกอยู่ที่ 7-9 หมื่นค่ะ นี่ ยังไม่รวมวิตามินที่เราจะต้องทานเสริม เฉลี่ยค่ารักษา ต่อเดือนหลักแสนเลยล่ะค่ะ ยิ่งตอนนี้ต้องให้คีโมทุก อาทิตย์ ต้องฉายแสงทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ค่าใช้จ่ายก็ จะยิ่งสูงกว่าเก่าค่ะ เลยอยากท�ำอะไรเพื่อแบ่งเบาภาระ ครอบครัวบ้าง ถึงแม้มันไม่มากมาย แต่ก็รู้สึกดีกว่า

ไม่ได้ท�ำอะไรเลย นั่นก็เป็นอีกหนึ่งจุดประสงค์หลักที่ ได้เปิดคาร์แคร์ค่ะ และจะเปิดร้านนวดไทยที่ พิมาย (ปราสาทหินพิมาย) เร็วๆ นี้ด้วยนะคะ The Reds : เช่นกัน อย่างในโลกออนไลน์ ก�ำลังใจจากเรา ท�ำไมถึงล้นหลามให้กับคนที่ป่วย น้อยกว่า หรือคนที่ดูแล้วน่าจะห่างไกลความน่ากลัว อีกเยอะ จ๋า : อย่างแรกเลยคงต้องขอบคุณก�ำลังใจดีๆ จากครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิทมิตรสหาย ที่อยู่ ข้างๆ กัน เป็นก�ำลังใจให้ จ๋า ค่ะ อีกทั้งตัวเราเองที่ต้อง รู้จักสร้างก�ำลังใจให้กับตัวเอง อย่ามัวตัดพ้อต่อสิ่งที่มัน เกิดขึ้น สู้หาทางรักษาหาทางแก้ไขจะดีกว่า และเมื่อ จ๋า มีก�ำลังใจมากพอ เราก็พร้อมจะแบ่งปันก�ำลังใจนั้นสู่ เพื่อนท่านอื่นบ้าง และเปลี่ยนมุมมองการใช้ชีวิต ให้คิด บวกเข้าไว้ อย่างเช่น วันนี้เราแทบเดินไม่ไหว ไม่มีแรง เพลียตลอดเวลา แค่หายใจก็เหนื่อย แต่เราคิดว่า ยังดี กว่าเราไม่มีลมหายใจ คิดว่าดีแล้วที่เกิดขึ้นกับตัวเรา หากเกิดขึ้นกับคนในครอบครัวเรา คงยากแก่การรับได้ วันนี้บอกได้เลยว่า ขอบคุณที่เป็นมะเร็ง เพราะว่ามัน ท�ำให้คนในครอบครัว หันมาสนใจและใส่ใจสุขภาพ กันมากขึ้น The Reds : ถึงตอนนี้การรักษาเป็นอย่างไร บ้าง เห็นว่ามีข่าวดีหลังจากรับคีโม มาซักระยะ จ๋า : ใช่ค่ะ เป็นข่าวดีที่สุดตั้งแต่รักษามา ก่อน หน้ า นี้ ห มอแจ้ ง แล้ ว ว่ า เผื่ อ ใจไว้ บ ้ า งนะส�ำ หรั บ โรคนี้ เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ผลการรักษา ก้อนเนื้อเราไม่ยุบ เลย อาจต้องตัดสินใจเสี่ยงผ่าตัด และเกรงว่าจะลามไป ที่อื่น เมื่อปลายเดือนที่แล้ว หมอแจ้งว่าก้อนมันลดลง กว่าเกือบ 50% ดีใจมากค่ะ ถึงกับเสียน�้ำตาให้กับความ ดีใจทีเดียวค่ะ หมอเช็คอีกครั้งดูแล้วว่า ผลก้อนเนื้อ ร้ายได้ยุบลงมากพอที่จะผ่าตัดได้ เนื่องจากว่ามะเร็ง มันกระจายทั่วเต้านมและมีหลายก้อน การผ่าตัดจึงไม่ สามารถเหลือเนื้อบริเวณเต้านมไว้ได้เลย จึงจ�ำเป็นต้อง ตัดเนื้อส่วนบริเวณหน้าท้องมาปิดตรงหน้าอกด้วย ทั้ง ยังต้องเลาะต่อมน�้ำเหลืองใต้บริเวณรักแร้ด้วยนะคะ เนื่องจากว่ามะเร็งลามเข้าต่อมน�้ำเหลืองบางส่วนบ้าง แล้ว หลังจากผ่าตัด คาดว่าจะต้องให้คีโมและฉายแสง ต่อด้วยค่ะ ซึ่งคงต้องรอผลหลังผ่าตัดอีกครั้ง ขอให้การ August 2013 The Reds


68

ผ่าตัดวันที่ 23 สิงหาคม นี้ เป็นไปด้วยดี เป็นก�ำลังใจให้ จ๋า ด้วยนะคะ The Reds : ย้อนกลับมาที่ทีมหงส์แดงบ้าง ท�ำไมถึงเชียร์ทีมนี้และเริ่มเชียร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ จ๋า : เชียร์ตั้งแต่อายุเท่าไรบอกไม่ได้ค่ะ มันค่อยๆ ซึมซับทีละนิด เพื่อนชอบซื้อหนังสือเกี่ยวกับบอล ด้วย ความที่ เราชอบอ่ า นหนั ง สื อ เราก็ อ ่ า นไปเรื่ อ ยอ่ ะ ค่ ะ ขนาดเล่นเกมส์ Play ตอนเด็กก็จะเลือกทีมนี้ (เพราะ ชอบไมเคิล โอเวน) ยิ่งเจอสโลแกนของลิเวอร์พูลเลย ประทับใจค่ะ รู้สึกมันอบอุ่นจังกับประโยคที่ว่า you’ll never walk alone ประทับ ใจสุดๆ คือ ศึกยูฟ่าแชมเปี้ยน ลีค ปี 2005 เป็นครั้งที่ 5 ของสโมสร เป็นปีที่ฮือฮาแก่ วงการบอลทั่วโลกมากค่ะ ปี นั้นท�ำให้รู้จักทีมนี้มากขึ้นอีก ค่ะ (แมทซ์นั้นชอบ สตีเวน เจอร์ราร์ด) The Reds : ตั้งแต่ไม่ สบายได้ติดตามผลงานของ ทีมรักอย่างหงส์แดงบ้างไหม จ๋า : ต้องตอบตามตรง ล่ะค่ะ ว่าแทบจะไม่ได้ติดตาม เลย เพราะว่าต้องไปฉายแสง ทุกวัน จันทร์ถึงศุกร์ ให้คีโม ทุกอาทิตย์แม้แต่อ่านหนังสือ ยังไม่มีเวลาเลยค่ะ มันเหนื่อย เพลีย อยากนอนอย่างเดียว น่ะค่ะ ตั้งใจว่าจะไปเชียร์ถึงขอบสนามตอนมาทัวร์ เมืองไทย อยากเห็นบรรยากาศภายในสนามกับทีมรัก แต่ พ ลาดโอกาสเพราะต้ อ งเข้ า โรงพยาบาลพอดี ค ่ ะ เนื่ อ งจากว่ า ติ ด เชื้ อ ในกระเพาะอาหารและทางเดิ น ปัสสาวะเลยพลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก็ได้ ติดตามการแข่งขันถ่ายทอดสดผ่านทางช่อง 3 ค่ะ อ่าน ข่าวจากหนังสือพิมพ์บ้าง ติดตามข่าวหลังจบเกมการ แข่งขันจากโทรทัศน์ บ้างน่ะค่ะ The Reds : มีความคาดหวังขนาดไหน ส�ำหรับ ทีมรักปีนี้ และอยากอวยพรอะไรให้กับนักเตะ และ The Reds August 2013

ผู้จัดการทีม จ๋า : คาดหวังว่าปีนี้ทีมจะเข้าที่เข้าทางมากกว่า เดิม ได้เข้าไปแข่งแชมเปี้ยนลีค เพราะในทีมมีการดึง ผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาหลายคน อยากให้นักเตะเหล่า นั้นปรับตัวเข้ากับทีมให้เร็วที่สุดค่ะ และขอให้ผู้จัดการ ผู้เล่นทุกคนท�ำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ พวกเรา เดอะ คอป พร้อมเป็นก�ำลังใจและสนับสนุนตลอดไป ค่ะ Good Luck The Red สุดท้ายไม่ว่าผลงานจะ เป็นยังไง ลิเวอร์พูล ก็คือ ลิเวอร์พูล ความเป็นทีม ย่อมส�ำคัญเสมอ you’ll never walk alone The Reds : อยาก ให้ฝากก�ำลังใจ ให้กับผู้คนที่ รู้สึกว่าตัวเองเผชิญกับเรื่อง เลวร้าย จ๋า : จ๋า มองว่าเป็น มะเร็งก็ดีค่ะ ถือว่าได้พักผ่อน ร่างกายหลังจากที่ใช้งานมา หนักพอสมควร มีเวลาเพื่อ ทบทวนถึ ง สิ่ ง ที่ ผ ่ า นมาว่ า ควรแก้ไขอะไร อย่างไร ควร เดินต่อไปอย่างไร หันมาดูแล สุขภาพมากขึ้น เพื่อไม่ให้โรค ร้ายกลับมาเป็นได้อีก มีเวลา วางแผนการใช้ ชี วิ ต ที่ เ หลื อ มากขึ้น ไม่ใช่ใช้ชีวิตไปวันๆ อย่างเมื่อก่อนน่ะค่ะ และ มองคนที่แย่กว่าเรา แต่ถ้า รู้สึกว่าเราแย่ถึงที่สุดแล้วให้ คิดว่ายังโชคดีอย่างน้อยๆ เรายังมีลมหายใจ ค�ำพูด ที่ จ๋า ใช้บ่อยที่สุดคือ พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว มันหมายถึงทุก ปัญหาเข้ามาได้เดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้ ส�ำหรับผู้ที่ก�ำลัง เผชิญปัญหาอยู่ไม่ว่าจะมันจะร้ายสักแค่ไหนอยากให้ ทุกคนยิ้มสู้ อย่าท้อแท้สิ้นหวัง เราต้องศรัทธาในตัว เอง ตั้งใจแน่วแน่ที่จะแก้ไขปัญหานั้นให้ลุล่วงไปด้วย ดี สุดท้ายอยากให้เข้าใจถึงความเป็นไปในชีวิต รู้จัก ยอมรับในสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลงไม่ได้ อย่าติดอยู่กับ เรื่องแย่ๆ นานเกินไป มีความหวังกับสิ่งที่ดีที่สุดได้ แต่ก็ต้องเตรียมรับมือกับสิ่งที่แย่ๆ ได้เช่นกันค่ะ


69

ทางทีมงาน The Reds ขอเป็นอีกหนึ่งก�ำลังใจ ให้เธอคนนี้สามารถผ่านพ้นอุปสรรคของการผ่าตัดไปได้อย่างดี ในวันที่ 23 สิงหาคม เชื่อเถอะ ว่า “คุณ... จะไม่เดียวดาย” August 2013 The Reds


70

Marnz Column

The Reds August 2013


71

August 2013 The Reds


72

The Reds August 2013


73

ไม่มีของง่ายอีกต่อไปแล้ว ส�ำหรับชายกลางคน วัย 40 เมื่อย่างก้าวเข้าขวบปีที่สองแห่งการเข้ามากุม บังเหียนยอดทีมแห่งเมอร์ซี่ย์ไซค์ อย่าง ลิเวอร์พูล... เสียงวิพากษ์วิจารณ์เผ็ดร้อนยังคงสนั่นลั่นทุ่งไปทั่วทุก หย่อมหญ้าบนโลกออนไลน์ ความไม่ปลื้มในหัวใจของ หลายๆ คนนับตั้งแต่การที่ Fenway Sports Group เลือกชายคนนี้ ท้ายสุดมันก็ยังไม่ปลื้มอยู่ดี ในเมื่อผล สรุปแห่งฤดูกาลที่ผ่านมาท�ำได้เพียงอันดับ 7 แถมไม่มี ลุ้นเลยกับทุกบอลถ้วยในประเทศ เพราะชิงตกรอบ ตั้งแต่รอบแรกๆ เลยพลอยให้ความไม่ปลื้มเหล่านั้น โหมกระหน�่ำเป็นทวีคูณ ขณะที่ฝ่ายชื่นชมงัดทุกสถิติ ขึ้นมากล่าวอ้าง ท้วงติง และเกทับบลัฟแหลก ทั้งหมด ทั้งมวลต่างก็ท�ำเพื่อให้ฝ่ายตนเอง สมเหตุสมผลและมีน�้ำหนักในการ งัดข้อ ท้ายสุดไม่มีบทสรุปความถูก ต้อง ความผิดพลาด ของทุกฝ่าย หลังฤดูกาลจบลง ฤ แค่หยุดพัก พร้อมเริ่มรบกันใหม่เมื่อศึก 2013 - 2014 เริ่มต้นอีกครา ในมุมของผม Brendan Rodgers มีทั้งภาคส่วนที่ท�ำงาน ดี ขณะเดียวกันเรื่องที่ท�ำได้ไม่ดีก็ มีให้เห็นเกลื่อนตา เริ่มต้นจากก้าว แรกในตลาดซื้อขายเมื่อต้นฤดูกาล ที่แล้ว ... การเลือกซื้อ Fabio Borini ในราคา 10 ล้านปอนด์ ต่อด้วย การไปเซ้ง Joe Allen 15 ล้านปอนด์ บวกกับ Oussama Assaidi และ Samed Yesil การลงทุนระดับ 30 ล้านปอนด์ กับนักเตะ 4 คนนี้ ผมมองว่า Brendan Rodgers ดูไม่หลักแหลมซักเท่าไหร่ ในเมื่อทั้ง 4 คน ผ่านไป 1 ขวบปี ยังไม่มีใครได้รับการพิสูจน์อย่างแท้จริง ว่า มัน คุ้มค่าทุกเพนนี... แม้ Joe Allen ดูเหมือนจะเริ่มต้น ได้ดีในต้นฤดูกาล... แต่มันก็เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แล้ว สิ่งที่เกิดหลังจากนั้นล่ะ ... จวบจนกระทั่งปิดฤดู และเช่นเดียวกันที่ผมไม่ชอบการกระท�ำในการ รีบปล่อยตัวนักเตะ “กึ๋น” ดี อย่าง Dirk Kuyt, Craig

Bellamy หรือแม้แต่ Maxi Rodríguez เหตุผลเรื่อง การเงินดูท่าจะใช้กับ 3 รายหลังนี้ ไม่ได้ โดยเฉพาะ 2 คนแรก เพราะด้วยความผูกพันธ์ ความรัก ที่สองคน แรกมีให้ทีม ผมยังเชื่อว่า ถ้า Brendan Rodgers เลือกจะให้เค้าอยู่... พวกเค้าเหล่านั้นจะไม่ย้ายไปไหน ... ซึ่งการปล่อยคนเหล่านี้ออกไป ยังผลให้ Brendan Rodgers ต้องส่งรายชื่อเข้าสู้ศึกพรีเมียร์ด้วยก�ำลัง น้อยนิด กับวลีที่พร�่ำบอกว่า “ทีมเราไม่ใหญ่พอ” อ้าว แล้วรีบปล่อยตัวกันไปไหน ล่ะ พ่อหนุ่ม !! แถมด้วยการเปิดตัวที่ยอดแย่ในการสัมภาษณ์ ถึงเรื่องราวกรณี Andrew Carroll ซึ่งผมยังจ�ำได้ คลับคล้ายคลับคลาประมาณนี้... กับประโยคแรกที่ว่า “คุณไม่ต้อง เป็นถึงนักวิทยาศาสตร์เดินทาง ไปดาวอังคาร คุณก็คงพอรู้ได้ ว่า เราไม่ ต ้ อ งการนั ก เตะบนม้ า นั่ ง ส�ำรองมูลค่า 35 ล้านปอนด์”.... หลั ง จากพลาดการซื้ อ ขายหรื อ อะไรก็ตามแต่ ตอน เวสต์แฮม มา ยืมตัว BR กล่าวชัดว่า จะไม่ให้ยืม ตัว หากยังไม่ได้ศูนย์หน้าคนที่ 3 มาทดแทน... แต่สุดท้ายก็ปล่อย ไป และมันมีบทสรุปอีกทีหลังจาก Fabio Borini โดนอาการบาดเจ็บ กล�้ำกราย ที่ Brendan Rodgers ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า เป็นความผิดพลาดที่ทาง สโมสรปล่อยให้ ไอ้หนุ่มผมยาว โดนยืมตัว... มุม นี้ Brendan Rodgers ในสายตาผม สอบตกอย่าง แรง... ทั้งวิธีการใช้ค�ำพูด วิธีการออกสื่อ รวมไปถึงวิธี การจัดการอย่างชาญฉลาด พูดถึงเรื่องทรงบอลเองก็หาได้มีอะไรแปลกใหม่ มากนักในโลกฟุตบอล หลายต่อหลายครั้งในช่วงครึ่ง ฤดูกาลแรก หนังม้วนเดิมๆ มักเกิดให้เห็นบ่อยๆ ส่ง ไปส่งมา ชนก�ำแพง วนออก ถอยหลัง เริ่มใหม่ หรือไม่ ก็วิ่งหน้าตั้งกลับไปช่วยแนวรับ แย่หน่อยก็เสียประตู ไปเลย... 10 กว่านัดแรก มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เริ่ม August 2013 The Reds


74

ตั้งแต่ โดน West Bromwich Albion เผาหัว นอก บ้านตั้งแต่เกมแรก 3 เม็ดเรื่อยมา แม้ทรงบอลจะขยับ ขยายเปลี่ยนไปหลังเกมเสมอ Everton 2-2 แต่มันก็ ดูเปลี่ยนไปแค่ทรง เรื่องราวในสนามยังคงเหมือนเดิม หนังม้วนเดิม ยิ่งการตกรอบฟุตบอลภายในประเทศ ทั้ง 2 รายการ บวกกับการตกรอบยูโรป้า ในรอบ 32 ทีม ท�ำให้ผมประหวัดนึกถึงค�ำพูดของปรมาจารย์ อย่าง ปู่ Bob Paisley OBE ที่ว่า “It’s not about the long ball or the short ball, it’s about the right ball.” ใช่เลย!! ในมุมผม ทีมอย่าง Swansea City, Oldham Athletic และ Zenit St.Petersburgได้ใช้การเล่นบอลที่ ถูกต้องในสถานการณ์นั้นๆ ก�ำราบ ทีมเรา มุมมองดีดีของ Brendan Rodgers ไม่ใช่ไม่มีเลยซักหน่อย แม้ ใ นความรู ้ สึ ก ผมมั น อาจจะมา ช้าไปนิด แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีมา... ใช่ เลยครับ !!! มุมดีดีของ Brendan Rodgers เปิดฉากเริ่มต้นเมื่อ ตลาดซื้อขายมกราคมท�ำการ การ ยื่นซื้อ Philippe Coutinho กับ Daniel Sturridge ถือว่าเป็นการ ซื้อขายที่ชาญฉลาด และแหลมคมยิ่ง โดยเฉพาะใน รายของเจ้าหนู Philippe Coutinho ที่ดูเหมือนจะ มาเติมเต็มระบบและรูปแบบการเล่น ให้มีมิติที่แตก ต่างไปจากต้นฤดูกาลอย่างสิ้นเชิง สายตาที่แหลมคม เซ้นท์บอลที่ยอดเยี่ยม ท�ำให้ Coutinho โดนคาดหวัง ไว้สูงเอาการ ขณะที่ Daniel Sturridge เองก็เช่นกัน แม้หลายๆ คนจะมีท่าทีรังเกียจรังงอนในคราวแรก แต่ หลังจากที่ Suarez โดนแบน ... ความหวังและบท พิสูจน์ก็เริ่มแสดงผล ว่า นี่คืออีกหนึ่งความหวังที่ทีม เราพึ่งพาได้ เพียงแต่ในรายของ Daniel Sturridge เอง ในมุมผมยังคงต้องการบททดสอบอีกนิดหน่อย ซึ่ง 6 นัดแรกของฤดูกาลใหม่ เราคงจะได้รู้กัน The Reds August 2013

อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่พารากราฟแรก ว่า ปีนี้ ไม่มี งานง่ายอีกแล้ว ส�ำหรับ Brendan Rodgers การผ่าน พ้นหนึ่งปี กับการขยับขึ้นมาอีกหนึ่งต�ำแหน่งจากปี ของ เดอะ คิง เป็นราคาที่พอยอมรับได้ แต่เมื่อผ่านพ้น ขวบปีไปแล้ว ความคาดหวังทั้งจาก เหล่าแฟนบอล และจาก เจ้าของทีม คงเพิ่มพูนไม่น้อย Top 4 เรา จะตะกายถึงฝั่งฝันไหม? บอลถ้วยเราจะหาแชมป์ได้ ซักใบไหม? ทั้งหมดทั้งสิ้นล้วนรอการพิสูจน์ หลายคน มองว่าดูเหมือนจะเริ่มต้นคล้ายๆ ปีที่แล้ว เมื่อน�ำเหล่า นักเตะโนเนมเข้ารัง ขณะที่ทยอยปล่อยตัวเก๋าเกมให้ ยืมตัว อย่างกรณี Pepe Reina การขาย Downing หรือข่าวเรื่อง Škrtel จะโดนยืมตัว... มันอาจดูละม้าย ปีที่แล้วพอดู แต่หากนักเตะใหม่ที่ เข้ามาทั้งหมดเป็นแบบ Philippe Coutinho ทั้ง 4 คน เราอาจเห็น อะไรดีๆ เกินกว่าที่เราคาดเดา และแน่นอนที่สุดกับปัญหา เดิมๆ ที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่าง จริงจัง นั่นคือ ประสิทธิภาพแห่ง การเป็น “ผู้ชนะ” เพราะเราคงไม่ อยากชินกับการต่อบอลสวยงาม แต่ไร้ประตู หรือโดนสวนแล้วหงาย เก๋ง ไม่เป็นท่า อย่างที่เราเห็นบ่อยๆ ในฤดูกาลที่ผ่านมาเป็นแน่ ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อฤดูกาลก�ำลังจะเริ่มต้น ผมเอง คงได้แต่หวังว่า The Kop อย่างเราๆ ท่านๆ จะร่วม แรงร่วมใจส่งสัญญาณในการสนับสนุนทีมตั้งแต่วินาที แรกที่มันเริ่มต้น ทั้งต่อ ผู้จัดการ นักเตะ และ เหล่า สต๊าฟโค้ช เชื่อมั่นและศรัทธา ในสิ่งที่เป็น ลิเวอร์พูล เดินเคียงข้างทีม ยามทีมต้องเผชิญมรสุมและเรื่องเลว ร้าย ชื่นชมยินดีในขณะที่ทีมเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง เพราะผมเชื่ออย่างเต็มหัวใจ ว่า “ศรัทธาจะพาเรา ก้าวเดิน” ด้วยจิตคารวะ เซียวลี้ปวยตอ


75

August 2013 The Reds


76

The Reds August 2013


77

August 2013 The Reds


78

T reatise

The Reds August 2013


79

August 2013 The Reds


80

ลิเวอร์พูล!! ลิเวอร์พูล!! ลิเวอร์พูล!!! เสียง The Kop เมืองไทยส่งเสียงดังกึกก้องทั่ว ทั้ง สนามราชมังคลาฯ สนามฟุตบอลที่มีความจุของ แฟนบอลมากที่สุดในประเทศไทย เสียงตะโกนเรียกชื่อ ทีม ชื่อนักเตะ ทีมงาน และสต๊าฟโค้ช ที่ตะโกนออกมา จากใจทุกที่ทุกมุมทุกเวลาเริ่มตั้งแต่สนามบินดอนเมือง และจบที่สนามบินดอนเมืองเช่นกัน โสตประสาทบันทึก ความประทับใจจากลิเวอร์พูล ชุดนี้อย่างเต็มอิ่ม อมยิ​ิ้ม แก้มปริ น�้ำตาไหลพรากอาบแก้มของ เดอะ คอป บาง ท่านด้วยความปลาบปลื้ม ต้องขอบอกตรงนี้เลยว่า BR จัดเต็มให้แฟนบอล ชาวไทยจริงๆ ไม่มีเม้ม ไม่มีกั๊ก ส่งชุดใหญ่ลงสนาม สมหวังดั่งใจพวกเรา น�ำทีมโดย กัปตันสตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ขวัญใจของ เหล่า เดอะ คอป ทั่วประเทศ ส่วน ทีมชาติไทย ของเรา ก็ไม่น้อยหน้าก�ำกับทีมโดยผู้จัดการทีมสุดหล่อขวัญใจ มหาชนต�ำนานชุดดรีมทีม ศูนย์หน้า จอมตีลังกา “ซิโก้” เกียรติศกั ดิ์ เสนาเมือง คุมบังเหียนก�ำกับทีมอยูข่ า้ งสนาม และในวันแถลงข่าว BR พูดออกมาชัดเจนบอกว่า จะไม่ประมาท ทีมชาติไทย อย่างแน่นอน จะขนชุดใหญ่ ลงสู้ศึก ท�ำเหมือนกับว่าส่งชุดใหญ่ลงมาให้แฟนบอล บางทีมอิจฉาเล่นๆ (อันนี้คิดเอาเองนะ) ขอแซวนิดนึง .............................................. สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่านขอกล่าวสวัสดีพี่ๆ เพื่อนๆ และ ชาวนกไลฟ์เวอร์เบิร์ด ที่หลงเข้ามาอ่าน หรือตั้งใจเข้ามาอ่าน พวกเรา ทีมงาน The Reds ขอ ฝากเนื้อฝากตัว ฝากรอยปากกา และฝากผลงานในมุม เล็กๆ ของพวกเราที่จะหมุนเวียนกันมา แสดงความคิด เห็นในมุมต่างๆ ถ่ายทอดออกมาให้พี่น้องชาวเราได้ อ่าน ได้สัมผัสตัวตนของผู้เขียนแต่ละท่านในมุมของเขา จะถูกใจหรือไม่ถูกใจท่านผู้อ่าน ก็ขอน้อมรับค�ำติชม จากทุกท่าน บอกกล่าวค�ำติชมกันมาได้ครับ 15 สิงหาคม 2556 เปิดตัวหนังสือ The Reds เป็นฉบับปฐมฤกษ์ เกล้ากระผมขอแชร์เรื่องราว LFC TOUR BANGKOK 2013 หลังจากที่ได้ไปเกาะติด สถานะการณ์อยู่พักใหญ่ นั่งกินนอนกิน 3 วัน 2 คืน ที่ โรงแรม Plaza Athenee Bangkok A Royal The Reds August 2013


81

August 2013 The Reds


82

Meridien Hotel (ชื่อยาวจริงๆ) โรงแรมระดับ 5 ดาว ทุกท่านคงคิดสิว่า ไอ้หมอนี่มันหรู เว๊ย!! เฮ๊ย!! ไปอยู่ กินนอนในโรงแรมระดับนั้น อย่างน้อยต้องโดนค่าห้อง ไม่น้อยกว่า 3500 บาทต่อคืนแน่ๆ ฮ่าๆๆ ทุกท่านคิด ถูกครับ ผมอยู่ที่นั่นกินๆ นอนๆ เดินเกะกะขวางตาไป มา กับพี่ๆ น้องๆ อีกหลายท่าน แต่เราเฝ้าดูและสังเกตุ การณ์ในบริเวณของล็อบบี้โรงแรมเท่านั้น ไม่มีเงินหรือ สตางค์ไปเช่าห้องหรูระดับนัน่ หรอกครับ พวกเราทีมงาน The Reds August 2013

เฉพาะกิจต่างคนต่างมา มารู้จักกันก็อีตอนนี้แหละ ส�ำหรับบางท่านไม่รู้จักกันมาก่อนเลยด้วยซ�้ำไป แต่ คน เลือดหงส์แดง ใจหงส์แดง ทักทายคุยกันเพียงค�ำสอง ค�ำก็เชื่อมสัมพันธไมตรีกันได้ภายในเวลาสั้นๆ ในวันที่รอรับลิเวอร์พูลวันแรก พวกเราตื่นเต้นจน แข้งขามือไม้สั่น อยู่นิ่งๆ ไม่ได้ คล้ายจะลงแดง กระสัน อยากจะกระโดดกอดพี่เจิดของใครหลายๆ คน สาวหงส์ เมืองไทย เหนือจรดใต้ ตะวันออกยันตะวันตก จับจอง


83

เป็นว่าที่สามีกันไปแล้ว อิจฉาวุ๊ย (ถ้าเจอร์ราร์ดรู้คง ปลื้มใจตาย) ทีมงานเฉพาะกิจของเรา เฝ้าสังเกตทีมงาน สต๊าฟและนักเตะลิเวอร์พูล ตลอด 3 วัน 2 คืน ตั้งแต่ เท้าแตะพื้นแผ่นดินไทยเลยทีเดียว (หรือ Thailand only ฉบับ พี่โน้ต อุดม) ขอย้อนไปนิดนึงนะครับ พวกเราทีมงานเฉพาะกิจ หลังจากไปร่วมงานที่ทาง สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ได้จัด ขึ้น ได้สัมผัสต�ำนาน กองกลางเท้าหนัก “ดีดี้” ดีทมาร์

ฮามันน์ เรียกน�้ำย่อยกันก่อนหน้านี่ ต่อจากนั้นก็เคลื่อน ขบวนมาทีโ่ รงแรม พล่าซ่า แอทธินี พวกเราหลุดเข้า มาด้านล็อบบี้โรงแรมแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่เป็นโอกาสที่ดี มากครับ เท่าที่สังเกตุให้ตายเถอะด้านในแทบไม่มีใคร ใส่เสื้อลิเวอร์พูลเลยซักคน ภายในล็อบบี้นั้นมีแต่แขก ของโรงแรมและเจ้าหน้าที่ของโรงแรมสวมใส่เสื้อผ้า แต่งองค์ทรงเครื่องดูเป็นงานเป็นการมากๆ ครับ ตั้ง แถวยืนรอรับ โคตรทีมสีแดงแห่งลุ่มน�้ำเมอร์ซี่ไซด์ ส่วน แฟนบอลทางโรงแรมกั้นรั้วให้แฟนบอลรออยู่ด้านนอก เท่านั้น อ้าวแล้วตูหลุดเข้ามาได้ไงวะเนี่ย สวมใส่เสื้อ หงส์แดงมาเต็มยศ สะพายเป้กระเป๋า หน้าตามอซอ กางเกงขาสั้น เดินเตาะแตะลัดเลาะขึ้นมาจากชั้นจอด รถ โผล่พรวดมาอีกทีก็อยู่กลางล็อบบี้โรงแรม ทุกคนใน นั้นมองมาที่เรา แหม !! ก็เสื้อสีแดงเพลิงมันเด่นเหลือ เกิน เหมือนกับว่าเราเป็นแขกรับเชิญมายืนอยู่กลางงาน ลีลาศ แต่อยากจะบอกออกมาจากใจว่า พวกเราพก หัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจและพร้อมที่จะสัมผัส ขนหน้าแข้ง สตีวี จี (เอ่อ สัมผัสใกล้ไป อเล็กซ์ภรรยา บักเจิดคงไม่ว่าเนาะ อิอิ) เรายืนรอกันอยู่ซักพักได้ยิน เสียงเฮ!!! เสียงกรี๊ด!! ดังลั่น เสียงเชียร์ร้องอื้ออึงฟังไม่ได้ศัพท์ว่าใครตะโกน อะไรกัน แต่นั่นคือสัญญาณบอกให้เราได้รับรู้และผู้คน ที่อยู่ภายในโรงแรมเริ่มตื่นตัวหลังจากยืนเก๊กหน้ากัน อยู่นาน เริ่มมีเสื้อสีแดงเพลิงถูกหยิบควักออกมาจาก กระเป๋า มือหนึ่งถือเสื้อมือหนึ่งถือปากกา ใครมีอะไร ณ ตอนนั้นโชว์กันให้วุ่น แสดงถึงตัวข้านี่แหละ แฟนบอล ลิเวอร์พูลอดตาหลับขับตานอนเพื่อมาแสดงตัวให้เห็น ว่าแฟนบอลลิเวอร์พูลไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก และภาพ แรกที่ดูดสายตาทุกคู่ เสียงเฮลั่นดังสนั่นโรงแรม คือ ภาพของ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด เดินน�ำลูกทีมเข้ามาและ เดินผ่านแฟนบอลทั้งไทยทั้งเทศพร้อมกับรอยยิ้ม แม้ จะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไกล สปิริตของกัปตัน คนนี้ก็ไม่ท�ำให้เราผิดหวังจริงๆ รอยยิ้มนั้นส่งผลท�ำให้ แฟนบอลตอบโต้กับทันที ร้องตะโกนสุดเสียงเรียก เจอร์ราร์ด!!! เจอร์ราร์ด!! เจอร์ราร์ด! ยอมรับว่าตอน นั้นขนลุกทั้งแขน แผ่นหลังและหน้า ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจะได้เห็นนักเตะลิเวอร์พูลชุดใหญ่ทั้งทีมงานสต๊าฟ โค้ช ใกล้ขนาดนี้ระยะห่างไม่เกิน 3 เมตรทุกคนล้วนดู August 2013 The Reds


84

ดี หล่อ เท่ห์ เสียงร้องเรียกตะโกนดังอย่างต่อเนื่อง ชื่อ ทุกชื่อถูกเรียกร้องตะโกนจนสิ้นเสียงพร้อมๆ กับนักเตะ หายเข้าไปในลิฟท์ เพื่อที่จะพักผ่อน ปล่อยให้พวกเรา รอคอยอย่างมีความหวังต่อไป ความหวังที่ว่าจะได้ถ่าย รูปและขอลายเซ็นนักเตะที่รอคอยกันมานาน ถึงตอนนี้ แฟนบอลก็ยังไม่กลับออกไปไหน ยังอยู่กันแน่นภายใน ล็อบบี้โรงแรม จนเวลาล่วงเลยใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว พวกเราเริ่มเห็นทีมงานและสต๊าฟโค้ช ลงมารีแล็กซ์ ทานข้าว ทานของว่าง จับกลุ่มนั่งดื่มกันสบายๆ โดย มีสายตาของพวกเราคอยสอดส่องว่าใครเป็นใครกัน บ้าง มีใครคนไหนไหมที่เราจะพอรู้จักและคุ้นหน้าคุ้น ตา และแล้วสิ่งที่เรารอมาตลอดทั้งวันก็เป็นจริง แฟน บอลรุมกันเข้าไปเสียงตะโกนท�ำให้เรารู้ว่า ชายผู้นั้นคือ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ อดีตแข้งหงส์ และที่ตามลงมาติดๆ เลยก็มี ดีทมาร์ ฮามันน์ กองกลางสุดหล่อ ต่อด้วย เพชรฆาตติดหนวด เอียน รัช เอาละสิ มี 3 ต�ำนาน ลงมาให้เห็นแบบนี้ ก็คุ้มค่าสมกับการรอคอยของแฟน บอลแล้วละครับ แต่เป้าหมายของพวกเรายังคงจดจ้อง อยู่ที่หน้าประตูลิฟท์เท่านั้น แต่ก็ยังไม่มีคนที่เรารอ ลง มาเพิ่มแม้แต่คนเดียว นานเข้าๆ เวลาล่วงเลยไปแฟน บอลเริ่มซาโยนาระ ราตรีสวัสดิ์ กลับกันไปเยอะแล้ว ส่วนสมาชิกกลุ่มเราทยอยกลับกัน เหลือผม พี่เงาะ และ พี่โอ๋ พี่ 2 ท่านนี้อยู่อึดอยู่ทนมากครับ กะจะนอน ที่โรงแรมกันเลย ฮ่าๆ ตรงบริเวณร้านที่ให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม ก็เริม่ ปิดครัว เก็บร้าน สต๊าฟโค้ชและทีมงานของลิเวอร์พลู ก็ทยอยกลับขึ้นห้องพักทีละคนๆ จนเหลือแต่กลุ่ม ของ ก็อด รัชชี่ ดีดี้ ยังคงรวมแก๊งค์นั่งดื่มกันต่อผมเลย ตัดสินใจว่าไหนๆ ก็อยู่จนดึกละ ขอลายเซ็นซักคนก่อน กลับละกัน ผมกับพี่ๆ เลยปรึกษากันว่าจะเปลี่ยนเป้า หมายไปที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายติดต่อสื่อสารของลิเวอร์พูลมี นามว่า Mat Mccan ก่อนหน้านี้ผมเคยเจอ Mccan ที่งานแถลงข่าวที่ตึกมาลีนนท์ หน้าตาแกดูใจดี ยิ้มง่าย เป็นกันเองดีครับ รู้สึกประทับใจในตัว Mccan วันที่ เจอ Mccan ที่ตึกมาลีนนท์ Fowler ได้เป็นตัวแทนมา แถลงข่าว LFC TOUR BANGKOK 2013 ... เวลาผ่านไปเที่ยงคืนนิดๆ Ian Rush ยอดดาวยิง สูงสุดตลอดกาลเดินเลี่ยงแฟนบอลขึ้นบันไดไปพักผ่อน The Reds August 2013

เพราะวั น รุ ่ ง ขึ้ น เจ้ า ตั ว มี ภ ารกิ จ ที่ ต ้ อ งเดิ น ทางไปท� ำ กิจกรรม เช่นเดียวกับนักเตะคนอื่นๆ เมื่อเจ้าหน้าที่ Mccan เดินออกมาจากวงดริ้งค์ แอนด์ดริ้งค์ปล่อยให้ ฟาวเลอร์ กับ ฮามันน์ และทีม งานลิเวอร์พูลนั่งพูดคุยชนแก้วกันต่อ เดินออกมาจาก ร้าน มาเจอพวกเรา เราก็เดินปรี่ตรงเข้าไปหาทันที แต่ สีหน้าแกบ่งบอกว่าได้ที่ละ ขอตัวไปพักผ่อนแล้วบอก กับเราว่า ฟาวเลอร์ ยังอยู่ด้านใน ยังไงก็ให้รอ ฟาวเลอร์


85

ละกัน ส่วนเจ้าตัวนั้นก็รีบจ�้ำเดินหายขึ้นลิฟท์ไปเลย ใน เมื่อ Mccan ส่งไม้ต่อมาให้ God เราก็ท�ำตามค�ำสั่งแบบ ไม่มีขัดข้อง ขณะที่เรานั่งเล่น ง่วงเหงา หาวนอน ก็มี เจ้าหน้าทีข่ องสแตนดาร์ด ชาร์ตเตอร์ดของทางสิงคโปร์ มาติดต่อขอสัมภาษณ์ ขอเบอร์และนัดวันเวลาที่จะ สัมภาษณ์และบอกรายละเอียดเล็กน้อยก่อนจะเดิน จากไปอีกคน และ ดีดี้ ก็เช่นกัน เดินผ่านเราไปอีก คน เราทักทายต�ำนานเท้าหนักรายนี้ด้วยประโยคสั้นๆ

Good night!! และ Hamann ก็ตอบกลับพร้อม ยกมือ ส่งยิ้มมา ขอพูดถึง Hamann ซักนิด ดีดี้ เป็น อะไรที่เราชื่นชมกันมากๆ ยิ้มตลอดใครขอลายเซ็นหรือ ขอถ่ายรูปก็ไม่มีขัด ไม่เหมือน Ian Rush รัชชี่ จะยาก หน่อย เวลาส่วนตัวของเขาเราแทบจะไม่ได้รับการตอบ สนองจากเขาเลย นอกจากผู้โชคดีจริงๆ ที่เขาจะหยุด เซ็นชื่อให้ เซ็นให้แป๊บเดียวก็เดินจากไป แต่เราก็ประทับ ใจในตัวเขาในหลายๆ เหตุการณ์นะ... August 2013 The Reds


86

ต่อมา Robbie Fowler ผู้ที่ติดใจแอลกอฮอล์ หรือบรรยากาศของที่นี่ ถอนทัพเป็นคนสุดท้าย เดินหน้า แดงออกมาพร้อมรอยยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก มีแฟนบอล ท่านหนึ่งร้องเพลงแซวร็อบบี้ ร็อบบีก้ ็ยิ้มและหัวเราะ ปกติจะไม่เห็น ก็อด ยิ้มหรือหัวเราะแต่วันนี้ผมได้เห็น ล่ะ แฟนบอลที่เหลือรุมปรี่เข้ามาทันที ณ ตอนนั้นมี เหลืออยู่ประมาณสิบกว่าคน เมื่อเราได้ลายเซ็นทิ้งท้าย จาก ก็อด ก็แยกย้ายกันกลับเป็นเวลาตี 2 พอดี... ในวันงานวันที่ 2 เรายังคงเกาะติดสถานการณ์ The Reds August 2013

อยู่ที่โรงแรมเหมือนเดิม ช่วงเช้านั้นแฟนบอลบางส่วน นั้นไปรอที่สนามกองทัพบก บางคนก็ไปรอที่ศิริราช และ พวกเราตั้งหลักปักฐานที่โรงแรมนี่แหละครับ หลังจาก ที่ ลิเวอร์พูล ไปลงซ้อมในช่วงเช้าที่สนามกองทัพบก วันนี้มีแฟนบอลเข้ามาที่โรงแรมเยอะมากๆ ยืนตั้งแถว รอตั้งแต่ 9 โมง จนเวลามาถึงนักเตะและสต๊าฟโค้ช เดินทางกลับจากซ้อม ช่วงเวลานี้ถือเป็นไฮไลท์ของ งานเลยครับ แฟนบอลอย่างพวกเราหวังอย่างมากที่จะ ได้รับการตอบสนองจากนักเตะลิเวอร์พูลทุกคน และ


87

ความฝันก็เป็นจริงและก็เช่นเคย เสียงกรี๊ดของสาวหงส์ ท�ำให้โรงแรมแทบแตกเสียงเชียร์เฮดังลั่นสนั่นล็อบบี้ ของโรงแรม และก็เป็น เจอร์ราร์ด อีกแล้วน�ำทีมเข้า มาแจกลายเซ็น แฟนบอลก็ยื้อยุดฉุดแย่งเบียดเสียด อัดกันเข้าไป เจอร์ราร์ด จรดปากกาลงบนเสื้อตัวแรก ของแฟนบอลท่านหนึ่งต่อจากนั้นก็เซ็นให้แฟนบอลท่า นอื่นๆ กันถ้วนหน้า ตามด้วยขวัญใจของอีกหลายๆคน Agger Lucas Borini Allen Suarez Kelly และ อีกบางคน ผมเองก็จ�ำได้เท่านี้ ส่วนนักเตะบางคนก็เดิน

ผ่านไปเลย ไม่ได้หยุดเซ็นให้ แต่โบกมือและยกนิ้วโป้ง ให้พร้อมรอยยิ้มที่ส่งมาให้พวกเรา ขอบอกตามตรงนะ ครับกรณีของ Suarez นั้น ไม่มีหน้างอหรือสีหน้าที่ไม่ ดี ผู้ชายคนนี้ดูจากแววตาเขามีเรื่องทุกข์อยู่ในใจจาก สิ่งไหนบ้างเราคงทราบกันดีแต่ส�ำหรับแฟนบอลที่ได้ สัมผัสเขา ณ ตอนนั้นเขายิ​ิ้ม เขาเซ็นลายเซ็น ให้และดู เขาจะแฮบปี้กับแฟนบอลด้วยซ�้ำไป ในความคิดของผม Suarez นั้น โดนข่าวโจมตีกดดันเรื่องการย้ายทีมที่เป็น ข่าวตลอดช่วงปรีซีซั่นนี้ ไหนจะเรื่องปัญหาส่วนตัวกับ August 2013 The Reds


88

เอฟเออังกฤษ เป็นใคร ใครก็เครียดเจอปัญหารอบด้าน แบบนี้ อยากจะหนีไปให้ไกล แต่เมื่อมีแฟนบอลหนุน หลังเขา เขาก็ยินดี ในลิเวอร์พูลก็ไม่มีใครอยากให้เขา ย้ายไปไหน เขาเองก็ยังอยากอยู่แต่การให้สัมภาษณ์ที่ ออกมานั้น เหมือน Suarez อยากจะระบายในสิ่งที่เขา โดนมาจากสื่อจากเอฟเอ ถ้าจิตใจเขาไม่แข็งแกร่งพอ ป่านนี้เขาขอขึ้นบัญชีย้ายทีมละครับ ไม่อยู่ให้ปวดหัว ไม่อยู่ให้โดนว่าโดนต�ำหนิหรอกครับ ดูใจเขาใจเราถ้าเรา เป็น Suarez เราจะทนกับสภาวะตอนนี้ได้หรือไม่ The Reds August 2013

มาต่อกันที่ Gerrard ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ดูอบอุ่น มากครับ เจอร์ราร์ด แสดงออกมาให้เห็นเลยครับว่า เขา แคร์แฟนบอล รักเด็ก ชอบเด็กตัวเล็กๆ คงนึกถึงลูกเค้า ล่ะมั้ง มีเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชายมากับแม่ ผมเองก็รู้จัก กับคุณแม่และน้องสองคนนี้ที่งานแถลงข่าวที่มาลีนนท์ สตีวี่ จี เจอร์ราร์ด เซ็นให้แฟนบอลกลุ่มนึงเสร็จก็เดิน เข้ามาหาน้องสองคนนี้และบรรจงเซ็นลายเซ็นให้ทุกชิ้น ของหนูน้อยและผมที่ยืนอยู่ด้านหลังน้องๆ ก็ได้อานิสงค์ ครั้งนี้ไปด้วย ถ้าใครสังเกต เจอร์ราร์ด แอ็กเกอร์ ลูคัส


89

เคลลี่ 4 คนนี้เซ็นไปยิ้มไป โดยเฉพาะ แอ็กเกอร์ เต็มที่ มากๆ เคลลี่ เองก็จัดเต็มให้ เซ็นไปถ่ายรูปไป ช่วงเวลา นี้ เหล่า เดอะ คอป มีความสุขกันถ้วนหน้า สมหวังดั่งใจ อมยิ้มแก้มปริ หัวเราะ เฮฮาสนุกสนาน โชว์ลายเซ็นที่ได้ มาปลาบปลื้มกับสิ่งที่ทั่ได้รับที่ลงทุนลงแรงตื่นกันมาแต่ เช้า แบกสังขารฝ่ารถติด บางคนมาจากต่างจังหวัด บาง คนก็ผิดหวังที่ไม่ได้ลายเซ็นและถ่ายรูปกับนักเตะที่เขา ชื่นชอบ แต่ชั่วโมงนั้นอย่าเลือกครับ ใกล้ใครเจอใคร ก็ ขอก็เอาไปก่อนครับ มัวเลือกจะเอาคนนั้นคนนี้ อดครับ

ไม่ทันกินแน่นอน เมื่อเวลาผ่านไปช่วงบ่าย ร็อดเจอร์ส เอียน อาร์ย เจอร์าร์ด ได้ออกเดินทางไปถวายพระพรที่ศิริราช เห็น ข่าวและรูป ฝูงชนคับคั่งเยอะมากครับเป็นเหตุการณ์ หน้าประวัตศิ าสตร์ของลิเวอร์พลู ได้เลย ต่อให้วงเกาหลีมา เป็น 10 วง ก็สู้ชายคนนี้ไม่ได้แน่นอน บอกได้ค�ำเดียว สุด ยอดมากๆ ต่อจากนั้นพวกเราก็ยังนั่งๆ นอนๆ รอนักเตะ ลงมาแต่พวกเราก็รู้ดีเขาไม่ลงมาแน่ๆ แต่ในความคิดนั้น ผิดคาดครับ มีหนึ่งคนที่ลงมา มาร์ติน สเคอร์เทล ลง August 2013 The Reds


90

นหนีงาน า ง า ล น า ง ด ุ ย ห ่ ี ท ังหวัดและในกทม. จ ง า ่ ต กันมากๆ ก จ า ใ ้ จ ได น ื ค ง ้ ั ท ร น ั า ว ห ง ้ ั า ท ยู่ด้วยกันตลอด ายเข้าไปในร้านอ อ ห ด ิ ว ้ ต ล แ ม า ต ด ์ า ร ม า ก บ ั ก มาโชว์ตัวพร้อม ที่จริงยังมี ับ.... ร ค บ ั ร ค ะ ้ น ้ ี ได น ะ า ่ จ ่ ี ท เ ้ ท ด้านใน เรารู้ว่ายากมาก ็ขอจบเรื่องราวไว ก ก ว ม พ ผ 7 กกล่าวลง -2 อ 6 บ ้ 2 ด ่ ี ไ ่ ท ม ไ ่ ี น ั ท ก า า เร ม ะ ส ์ ในช่วงว อ ร ะ และ ร็อดเจอ ดปลีกย่อยอีกเย ย ี เต ก ั เอ น ะ ล บ ั ย อง พี่เงาะ ก า ร ป ู ร ค ร ญ ุ ย า ่ บ ถ า อ ม ่ ี ้ ข ท ะ ง ให ล อ ำ � แ ข ท อ ้ ื น ็ ลายเซ ้ชและทีมงาน นที่นักเตะไปเดินซ โค อ ฟ ต า ๊ ง ้ ั ต ท ส ่ ี ัวเรส และ ท ซ ไป ไป บ ั ย ก า า ม ช ห ำ ้ � า ้ น น ็ ม ่ ื เป เซ ด น ย ย ี ่ า e ล ล จึงเป ุ้นหน้าใครก็ไปล่า ได้ บัตร Tea Tim ค ี บ ่ ี พ ง และในวัน า ้ บ ั บ ก ก า า ม ม ก ั น ้ ึ ข น น ้ ห ก ๆ เต ต น น ่ ื น อ ื ต ฝ ่ ี า ม ท ห เร พวก ะมีหนึ่งค�ำพูดที่เ เหตุการณ์วันซ้อม ล ะ แ ล แ ่ ร ้เห็นไฮไลท์ เ ู น ่ ุ ด ต ว ้ ไ ่ ม ให ไ ็ น ั ก ก น ป ู อ ่ ร ะ ก ย น ั เต า ่ ก ก ั ถ บ ั อ น ่ ล ข และ อคือ “ผมไม่ใช มจบบางท่านก ข เก ง ั ไป ล า ้ ห เข ง ่ า ข ร เ ่ ี แ ท ช ้ โค ประทับใจ..... ฟ น ย ส า แ ล ด ุ บ ั ส ่ ี ก ท ป ู ร ย กันของ สตา า ่ ถ อ ่ใจแล้วหรอที่จะข 2013-2014 น ล แ า า ่ ู ก ว ด ฤ ณ า ใน ม ะ ร ป นะ” า ร ขั บ เคี่ ย ว บอมยิ้ม ก บ น ็ แ ห ด ู เ ้ พ ด ไ ง า ค เข า ง อ เร ข เซ็น “ไม่มี ันส์หยดแน่ๆ บ ั ม ล ก ี ก ล บ ใน อ ต ็ น ั ก ก ้ ู า ส เร อ ่ ต ๆ เขิล เปลี่ยนแปลง ชื่นชอบ ร ะ า ล ก ี แ ม ก ั ๆ ่ ร ม ญ ผ ให ม ี า ท ห ปัญ นึ่งของ นโค้ช เปลี่ยน ห ย ่ ี ล น ว ่ เป ส ย น ็ า ป ม เ ่ ี ก ท า น ม ค ทุก ก็เข้าใจ นักเตะใหม่ๆ ง เอ า ม ี เข ท ร า ” ก ล ู ด ั พ ์ จ ้ ู ร ผ อ ลิเว ปากกา ชมป์เก่าอย่าง ด แ ร ม ี จ ท ่ ู ะ ส จ ่ ี า ้ ท ี เข ด น ิ น ิ เด ย ะ แล ับพวก เซอร์ อเล็กซ์ ก ด ็ ม ว ่ เต ร น ไ ู ป ู ย ร ย น า ่ ม ถ แ ะ แล รอบ ลเิ วอรพ์ ลู นอื่นเห็น ี ก า ่ ี อ ท ซ ล ล อ เช บ ุ ม น ค ฟ า แ ม ั บ ล ็ ก า เร ไปแลว้ มรู นิ โญ่ ก ื อ น ค งม า ่ ็ ว ญ ก ูกาล 2013ด ให ฤ น ั ก ว ้ อ ล ข แ ่ ี า โก ท ี ส ป า ก ป า จ น ิ อ ่ ็กตามเข้าม กเราก็เดินหน้าต เอียน อาร์ย โคล ว ี พ ม ็ ง ก อ า ข ม ีนี้เราคงได้เห็น ส ั ป ผ ม ั ส ์ ส ้ ร อ ๆ ได า ย เจ อ ่ ด บ อ ็ ร ป ู ร ง �สำคัญที่เร ก็เป็นปีที่ 2 ขอ สต๊าฟโค้ชที่เห็นใน 4 ะ 1 ล 0 แ 2 น ้วยรางวัลติดมือ ค ถ ี แ ม ค ็ ะ ม จ แ e น อ ฟ th น ่ า A ฮ น a แ อ z ม ล ู ห ืน ที่ โรงแรมPla ีๆ จาก ลิเวอร์พ ค ด ไร 2 ะ น ั อ ว ุ้นกันต่ออีกรอบ 3 ล า บ ั ล ร เว น ั ค ะ ว น ั ย น ็ ก ์ ะ ร ร เป ย ี ด l อ เช ล te ม ต Meridien Ho เปล่าตามลุ้นตา อ ื l ร a ห y า o ม R ้นักเตะคนไหน A ได ะ k จ o า k น เร g า ว ้ n ง ล a ม ี แ B ท ช ้ e ไป ค e โ ์ ะ n เรส จะอยู่หรือจ ทับใจจากสตาฟฟ ว ั ะ ซ ร า ่ ป ว ม า โชคดี สุขภาพ ว ค น ง ้ ั า ่ ท ้ ท ล ได ก ุ อ ท ้ บ น ให ฟ อ แ ข ้ ี ีท่ดีมากๆ บ ั น ร องโรงแรมก็ต้อน ิ่มอีก...... สุดท้าย ข ่ ี เพ ท า า ้ ม น ห า ้ เจ ล ู 5 พ ์ ดทั้งปีครับ ร อ บ ั ล ด ต ้ ะ ช ร ใ ี ม ม ของลิเวอ ร น ิ แ ก ี ง ม โร ง น ็ ร ร่างกายแข็งแ ย่างดี สมกับเป อ ื ล เห ย ว ่ ช ่ ี ท ์ อย่างพวกเราเป็นอ .......................... ด .. .. น .. ล .. แ ย ไท ป อ ค เดอะ พาะกิจที่มา ดาว มิตรภาพของ เฉ น า ง ม ี ท ณ ุ ค บ อ ข ละขอ ซึ่งกันและกัน แ

The Reds August 2013


91

August 2013 The Reds


92

The Reds August 2013


93

August 2013 The Reds


94

S weet Memories

สวัสดีคุณผู้อ่านทุกท่าน ผู้เขียนดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับการติดต่อให้ เขียนเรื่องของ กัปตันไดนาโม สตีเว่น เจอร์ราร์ด ถ้าเอ่ยถึงชื่อของ กัปตัน หงส์แดง คนนี้ คุณผู้อ่านจะให้นิยามกับผู้ชายคนนี้ว่าอะไร นักสู้ ความ จงรักภักดี มิสเตอร์ลิเวอร์พูล และอะไรอีกหลายอย่าง... แต่ส�ำหรับผู้เขียน ถ้านึกถึงกัปตันคนนี้ ผู้เขียนจะนึกถึงค�ำว่า “ภาวะผู้น�ำ”

The Reds August 2013


95

August 2013 The Reds


96

ผู้เขียนได้มีโอกาสดู เจอร์ราร์ด ตั้งแต่สมัยที่ขึ้น มาเล่นชุดใหญ่ใหม่ๆ ปี 1998 ในต�ำแหน่งแบ๊คขวา จ�ำ ได้ถึงความมุทะลุดุดัน ท่ากระโดดเสียบสองเท้าเพื่อตัด เกมคู่แข่ง จนบางครั้งยังคิดว่ามันจะบู๊ไปถึงไหนเล่น เอาแรงเข้าว่าอย่างเดียว..แต่ถามว่า ชอบมั๊ย ตอบเลย ว่า ชอบมาก ชอบฟุตบอลสไตล์อังกฤษแท้ๆ เล่นแรงๆ เล่นเร็วๆ แถมหน้าตาสมัยนั้นยังดูเด๋อๆ คนอังกฤษ แท้ๆ เลยจริงๆ ปีแรกที่ขึ้นมาชุดใหญ่จ�ำได้ว่าเล่นเป็น ตัวส�ำรองซะส่วนใหญ่ แต่ส�ำรองตัวนี้ฉายแววว่าจะได้ เป็นตัวจริงซะแล้ว...เมื่อ เฮียโปน กับ น้าฟิล ทอมสัน เล็งเห็นถึงความมุ่งมั่น มุทะลุ เจอร์ราร์ด เริ่มได้ลงเป็น ตัวจริงบ่อยขึ้นในปี 1999 และถูกโยกให้มาเล่นเป็น มิดฟิลด์ตัวตัดเกม เป็นตัวปะทะที่หนักหน่วงเลยท�ำให้ หนุ่มน้อย เจอร์ราร์ด โดนใบเหลืองใบแดงและเจ็บ เป็นว่าเล่น...บอกตรงๆ ว่า ผู้เขียนบ่นอยู่บ่อยๆ ว่ามี แต่แรง หาได้มีสมองไม่ แต่ด้วยความมุ่งมั่น เล่นแบบ วิ่งลืมตาย ท�ำให้หลงรักหนุ่มน้อยคนนี้ได้ไม่ยาก จาก ตัวส�ำรองกลายมาเป็นตัวหลักในปี 1999-2001 เจอร์ราร์ด เป็นก�ำลังส�ำคัญในการท�ำให้ ลิเวอร์พลู คว้า 3 แชมป์มาได้ในปี 2001 ภาพ เจอร์ราร์ด ส่งให้ โอเว่น ยิง ยังติดตาอยู่เสมอ คุณลองคิดภาพเด็กหนุ่ม จากอคาเดมีแ่ ท้ๆ ของ ลิเวอร์พลู ทัง้ สองคน คนหนึง่ จ่าย คนหนึ่งยิง มันสวยงามแค่ไหน? การคว้าสามแชมป์ ในปีนั้นปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามี เจอร์ราร์ด เป็นห้องเครื่อง ส�ำคัญ ภาพฉลอง ทริปเบิ้ลแชมป์ บนรถที่แห่รอบเมือง มีหนุ่มน้อย เจอร์ราร์ด ถือถ้วยวางไว้บนหัว มันช่าง มีความสุขเหลือเกิน ปีนั้นเองท�ำให้ เจอร์ราร์ด คว้า รางวัล ดาวรุ่งยอดเยี่ยมของ FA มาได้ ผู้เขียนจ�ำได้ว่า ลิเวอร์พูล มาเมืองไทยเมื่อปี 2001 แต่ปีนั้น เจอร์ราร์ด ไม่ได้มาด้วยเหตุผลคือ เจ็บ ความฝันที่จะได้เจอตัวจริง ของ เจอร์ราร์ด เลยพังทลายไปด้วย.. และที่ส�ำคัญไป กว่านั้น ฟุตบอลโลกปี 2002 เจอร์ราร์ด ก็ไม่ติดทีม ชาติด้วยเหตุผลเดียวกันคือ เจ็บ นี่แหละคือผลเสียของ ความบ้าดีเดือดเกินไปในบางครั้ง ฟุตบอลโลก ปี 2002 เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพ ทัวร์นาเมนต์นั้น ถ้ามี เจอร์ราร์ด ติดโผไปด้วย ผู้เขียนคิดว่าไม่ว่ากองหน้า คนไหนที่เตะกับอังกฤษคงจะเลี้ยงลูกผ่าน เจอร์ราร์ด ไปได้ยากเหมือนกัน The Reds August 2013


97

August 2013 The Reds


98

The Reds August 2013


99

และแล้วความฝันก็เป็นจริงจนได้ปี 2003 ลิเวอร์พลู มาทัวร์ไทยอีกครั้ง มาแบบฟลุ๊คๆ เพราะตอนแรกมี โปรแกรมไปเตะที่ จี น แต่ ป ี นั้ น จี น เกิ ด โรคระบาดชื่ อ ซาร์ส ครั้งนี้มี เจอร์ราร์ด มาด้วย ซึ่ง ซามี่ ฮูเปีย ยัง เป็นกัปตันทีมอยู่เลยในตอนนั้น มีนักเตะที่มาด้วย เช่น ริเซ่ โอเว่น ดิยุฟ บารอส ซมิเซอร์ เจอร์ซี่ ดูเด็ค แต่ผู้เขียนมิได้สนใจใครเป็นพิเศษนอกจากหนุ่มน้อย เจอร์ราร์ด จ�ำได้ว่าไปรอที่โรงแรมแถวๆ รัชดา จ�ำชื่อ โรงแรมไม่ได้แล้ว เพราะเปลี่ยนหลายรอบเหลือเกิน ไปคนเดียว ไม่รู้จักใครเลย ยืนรอตรงรั้วกั้นอย่างใจจด ใจจ่อ ถือหนังสือ และโปสเตอร์ที่มีรูป เจอร์ราร์ด ไป ด้วยกะว่าจะให้ เจอร์ราร์ด เซ็น และโชว์ให้ เจอร์ราร์ด เห็น ตอนนั้นเพิ่งเริ่มท�ำงานใหม่ๆ เงินเดือนก็แสนจะน้อยนิดก็เลยยัง ไม่มีของที่ระลึกดีๆ ถูกลิขสิทธิ์เก็บ ไว้กับเค้า... คิดในใจ เอาวะ แค่มีรูป นี่แหล่ะ ได้เห็นแค่ตัวจริงก็คงเป็น บุญตาแล้ว วินาทีที่รถโค้ชเคลื่อน เข้ามาใกล้ ความรู้สึกมันบอกไม่ถูก วินาทีแรกที่เห็น เจอร์ราร์ด โห!! มันเป็นความรู้สึกที่บรรยาย ไม่ถูก หนุ่มน้อยฝรั่งหน้าตาเกลี้ยง เกลา มองดีๆ ขนตางอนเช้ง น�้ำตา มันเอ่อขึ้นมาเฉยๆ ตอนเดินลงจาก รถโค้ชใส่เสื้อโปโลสีขาว กางเกง วอร์มสีกรมท่า อย่างเท่ห์นะ จะ บอกให้ พอเห็นดังนั้นเลยยกรูปและตะโกนเรียก ช่วง นั้น โอเว่น ดังกว่า คนส่วนใหญ่จะเรียก โอเว่น กัน ส่วนเราตะโกน สตีเว่น สตีเว่น ดังลั่น วินาทีนั้น พี่แก หันมามองยิ้มและยกนิ้วโป้งให้ กรี๊ดดดด เห็นแล้ว เค้า เห็นเราแล้ว ดีใจมากๆ ในที่สุดก็ได้เจอตัวจริง วันต่อ มาแยกกันไปท�ำกิจกรรม เรารออยู่ที่โรงแรมเหมือน เดิม เจอร์ราร์ด ใส่เสื้อโปโลสีขาวคาดน�้ำเงิน รองเท้า แตะ กางเกงขาสั้น พอขึ้นรถโค้ชปุ๊ป ก็กดโทรศัพท์ปั๊ป ยังคิดว่าจะโทรหาใครนักหนา มาทราบเอาตอนหลัง ว่า ตอนนั้น อเล๊กซ์ ภรรยาสาวตั้งท้องลูกคนแรกอยู่ ขณะที่คุยก็โบกมือให้กับแฟนๆ ที่ไปรอ และเหมือน เดิมเราก็ชูโปสเตอร์รูป เจอร์ราร์ด ให้เห็น ซึ่งก็ได้

ผล รอที่โรงแรมจนถึงห้าทุ่มกว่าเพื่อที่จะขอลายเซ็น เจอร์ราร์ด ให้ได้ แต่ปรากฏว่า เจอร์ราร์ด เดินเข้าเดิน ออกไปเล่นเกมกับ โอเว่น ไม่ได้แวะมาเลย... โชคดีที่ กลางคืนวันนั้น ซามี่ ฮูเปีย เดินมาหาพวกเราซึ่งเหลือ อยู่ไม่กี่คน และให้เข็มตราสโมสรมาเป็นที่ระลึก ต้อง ขอบคุณ ฮูเปีย มากที่ท�ำให้เรารู้สึกดีขึ้นมาก วันซ้อม เจอร์ราร์ด ดูเป็นคนอารมณ์ดีมาก ซ้อม ไปยิ้มไปหัวเราะไป ยิ่งตอนแบ่งเป็นทีมเตะแข่งกันเอง พอทีมตัวเองชนะ ยังท�ำท่ารับถ้วย ท�ำท่าถ่ายรูปกัน สนุกสนาน เท่าที่สัมผัสได้คิดว่า เจอร์ราร์ด เป็นคนที่ เฟรนด์ลี่ย์มากๆ จริงๆ แต่ตอนนั้นคงยังวัยรุ่นอยู่มากก็ เลยดูเหมือนไม่ค่อยออกมาจอยกับแฟนบอลเท่าไหร่ ดู เขินๆ อายๆ อยู่ แต่ส�ำหรับผู้เขียน แล้วแค่หันมายกนิ้วโป้งชูให้ก็ปลื้ม ปริ่มเกินจะบรรยาย ในวันเตะจริง ใครจ�ำแมตซ์นั้นได้ ลิเวอร์พูลเล่น ครึ่งแรก 60 นาที ฮากลิ้ง เพราะ เป็นความเข้าใจผิดของกรรมการ ครึ่งหลังลงมาเล่นอีก 45 นาทีรวม กันเป็น 105 นาที คุ้มมากๆ นะ หลังจากที่ ลิเวอร์พูล ได้เดินทาง กลับจากประเทศไทย ความเปลี่ยน แปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของ สตีวี่ จี ได้เริ่มขึ้นแล้ว เมื่อ เชราร์ อุลลิเย่ร์ ได้มอบปลอกแขนกัปตันทีมให้กับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในปี 2003 หลังจากสวมปลอกแขนกัปตันทีม เริ่มเห็นได้ชัด ว่า เจอร์ราร์ด มีความนิ่งขึ้น สุขุมขึ้น ค�ำว่า “ภาวะ ผู้น�ำ” เริ่มมาแล้วซินะ ด้วยแววตาและความมุ่งมั่น จะ เห็น เจอร์ราร์ด กระตุ้นเพื่อนร่วมทีมตลอด เจอร์ราร์ด ท�ำให้ทุกคนในทีมเห็นเสมอว่า ต้องมุ่งมั่นตั้งใจแค่ไหน ถึงจะได้มาซึ่งชัยชนะ ตอนนี้กัปตันไม่ใช่หนุ่มน้อยใน สายตาของผู้เขียนอีกแล้ว เจอร์ราร์ด โตพอที่จะเป็น ผู้น�ำ เป็นแม่ทัพของหงส์แดง ที่เข้มแข็งขึ้นมาก ความ ส�ำเร็จ ปี 2005 ปีนั้นคงปฏิเสธไม่ได้ถึงความยิ่งใหญ่ ของกัปตันทีมคนเก่งของเรา เป็นปีที่มีแมตช์กระชาก หัวใจคนเชียร์หลายแมตซ์เหลือเกิน อย่างแมตช์ที่ท�ำให้ กัปตันร้าวรานใจกับการท�ำเข้าประตูตัวเองใน นัดชิง August 2013 The Reds


100

ชนะเลิศลีกคัพ กับ เชลซี ท�ำให้แพ้ไป 3-2 กัปตันดู เศร้า ถึงขนาดที่ มูริญโญ่ ต้องเข้าไปตบหน้าปลอบใจ เบาๆ แต่ก็กลับมายิ่งใหญ่ได้ใน ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ซึ่งผ่านเข้าไปชิงแชมป์กับ เอซี มิลาน ได้ ลูกที่มหัศจรรย์ ที่สุดลูกนึงที่คงปฏิเสธไม่ได้ คือลูกที่ยิง โอลิมเปียกอส ในช่วงท้ายเกม ซึ่งบีบหัวใจมากในแมตซ์นั้น ต้องยิงถึง สามลูกถึงจะได้เข้ารอบ แต่กัปตันของเราก็ท�ำให้เราได้ ท�ำให้เข้ารอบมาอย่างปาฎิหารย์ ผู้เขียนกรี๊ดบ้านแทบ แตก ส�ำหรับประตูนั้น รอบชิงชนะเลิศ เราๆ ท่านๆ คงจะได้ชมไปแล้ว พร้อมๆ กัน ใครจะคิดว่าครึ่งแรก ที่เราโดนน�ำอย่างไม่ เป็นท่าไปแล้ว 3-0 จะกลับมาตีเสมอเป็น 3-3 ภายใน 6 นาทีในครึ่งหลัง... ลูกแรกก็เริ่มจาก ลูกโหม่งของกัปตัน ท่าดีใจที่ยกมือ ทั้ ง สองขึ้ น มาบอกให้ พ วกเราส่ ง เสียงให้ก�ำลังใจ มันได้ใจเหลือเกิน มันเป็นพลังที่ส่งมาให้เราคนดูอยู่ที่ บ้านยังรู้สึกว่ามันพิเศษ แล้วแฟน บอลในสนามที่เห็นกัปตันท�ำแบบ นั้นจะรู้สึกได้ใจขนาดไหน จากนั้น ลูกสองและสามก็ตามมา ซึ่งบอก ตรงๆว่า เหลือเชื่อ ผู้เขียนยังจ�ำ แววตาของแฟน เอซี มิลาน ได้เลย ว่า หวั่นไหวแค่ไหนกับการกลับ มาของ ลิเวอร์พูล ในช่วงต่อเวลา พิเศษจะเห็น เจอร์ราร์ด วิ่งเข้าไป ช่วยเกมรับ วิ่งไม่มีหมด สงสัยเหมือนกันว่าหัวใจนาย ท�ำด้วยอะไร กระทั่งเตะลูกโทษ เจอร์ราร์ด ไม่ได้เตะ แต่ยืนให้ก�ำลังใจเพื่อนร่วมทีม แววตาที่มองลูกรู้ว่านาย ก็หวั่นไหวบ้าง จนลูกสุดท้ายที่ เชฟเชนโก้ เป็นคนยิง ด้วยความสัตย์จริง ตอนนั้นผู้เขียนเริ่มมั่นใจแล้วว่าเรา จะเป็นแชมป์ แววตาของ เชฟเชนโก้ ดูกังวล และ เจอร์ ซี่ ดูเด็ค ก็ไม่ท�ำให้เราผิดหวัง... Liverpool champions league 2005 แชมป์ยุโรปสมัยที่ 5 มันสุด จะบรรยายในแมตซ์นั้น ภาพกัปตันชูถ้วยช่างมีความ สุขจริงๆ ผู้เขียนไม่หลับไม่นอน ขับรถไปท�ำงานยัง เอา ธงลิเวอร์พูล ไปติดตรงเสาวิทยุรถประกาศศักดา มันซะเลย ฮา... ซึ่งแมตซ์นั้นท�ำให้กัปตันได้รางวัลอีก The Reds August 2013

เยอะแยะตามมา ช็อตดราม่าที่สุดอีก ช็อต คือ การลุ้นว่ากัปตัน จะต่อสัญญากับทีมต่อไปมั๊ย เพราะมีข่าวว่า มูรินโญ่ อยากได้ตัว เจอร์ราร์ด เหลือเกิน เชื่อมั๊ย !! ช่วงนั้น ผู้เขียนตามข่าวแบบใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ตลอด ความรู้สึก เหมือนตอนที่จะเสีย ฟาวเลอร์ ไปเลย รู้แต่ว่าไม่เอา อีกแล้ว ไม่อยากมีความรู้สึกสูญเสียนักเตะที่รัก และ ตามมาตลอดไปอีกแล้ว และแล้ววันที่ เจอร์ราร์ด ตัดสินใจ ในวันสุดท้ายก่อนเปิดฤดูกาลในการต่อสัญญาไปอีก 4 ปี พร้อมๆ กับ คาราเกอร์ ยังจ�ำวันที่ เจอร์ราร์ด ใส่เสื้อ โปโลสีฟ้า ไปเซ็นสัญญาได้อยู่เลย พอรู้ข่าวนี้ปุ๊บ น�้ำตา มันเอ่อออกมาด้วยความดีใจอีกแล้วซินะ หลังจากนั้น ผู้เขียนไม่ห่วงเลยว่า เจอร์ราร์ด จะ ย้ายไปไหนรึเปล่า เพราะค่อนข้าง มั่นใจว่ากัปตันบ้าพลังผู้นี้จะไม่ไป ไหนอีกแล้ว แมตซ์ ที่ กั ป ตั น สร้ า งความ มหัศจรรย์ให้กับ ลิเวอร์พูล อีก ครั้ง คือ แมตช์นัด ชิงเอฟเอคัพ ปี 2006 แมตซ์นี้กระชากหัวใจอีก แล้วพี่น้อง เจอร์ราร์ด ท�ำคนเดียว 2 ประตูตีเสมอ เวสต์แฮม 3-3 และไปยิงจุดโทษชนะ ได้ แชมป์ FA CUP สมัยที่ 9 ไปครอง หลังจากนั้น เจอร์ราร์ด ยัง ท�ำผลงานดีอย่างต่อเนื่อง ปี 2006 ติ ด ที ม ชาติ อั ง กฤษได้ ไ ปเตะฟุ ต บอลโลกแต่ ต ้ อ งตก รอบ 8 ทีมไป ปี 2009 ลิเวอร์พูลทัวร์ไทยแลนด์ อีก แล้ว ผู้เขียนดีใจมาก ด้วยวัยที่มากขึ้นพอจะมีทรัพย์ใน การซื้อตั๋ว ซื้อสิทธิ์ในการ มีทแอนด์กรี๊ด อยู่บ้าง เลย ตัดสินใจที่จะไป มีทแอนด์กรี๊ด กับ อดิดาส ซึ่งในขณะ นั้น อดิดาส แจ้งว่า เจอร์ราร์ด จะมาด้วยแน่นอน แต่ สุดท้าย แห้วรับประทาน เจอร์ราร์ด ติดขึ้นศาลในคดี ความท�ำร้ายร่างกาย ส่ง อลอนโซ่ ริเอร่า เจย์ สเปียริ่ง มาแทน บอกเลยว่าไม่ปลื้มอย่างมาก ยอมเสียเงิน 15,000 เพื่อที่จะได้เจอ เจอร์ราร์ด แต่ไม่ได้เจอ เรา เลยประท้วง อดิดาส ว่าคุณผิดสัญญา และยืนประท้วง ร่วมชั่วโมง เผอิญเป็นเรื่องโชคดีของเราที่กรรมการ


101

August 2013 The Reds


102

The Reds August 2013


103

ผู้จัดการใหญ่ของ อดิดาส ในภาคพื้นเอเซียมารับฟัง ปัญหาด้วยตัวเอง เค้ายอมรับผิดชอบด้วยการให้เรา ลงไปในสนามซ้อมได้กอดและจับมือนักเตะทุกคนเลย เสียดายที่ห้ามไม่ให้เอากล้องเข้าไป และที่พิเศษกว่า นั้น เค้าสัญญาว่าจะเอา เสื้ออดิดาส ไปให้ เจอร์ราร์ด เซ็นที่ อังกฤษ และจะส่งมาให้ที่ Shop ในเมืองไทย มี การท�ำสัญญากันเกิดขึ้นด้วย เราจึงได้ เสื้อพร้อมลาย เซ็น เจอร์ราร์ด และ ตัวจริงอีก 15 คน ในปีนั้น ถึง ไม่ได้ให้เซ็นกับมือตัวเองแต่ก็ปลื้มนะ เราคิดว่าระดับนี้ เค้าคงไม่มาโกหกเราหรอกนะ เอาเป็นว่าผิดหวังที่ เจ อร์ราร์ด ไม่ได้มาแต่ก็ยังดีใจที่ได้ลายเซ็นกลับมา และ อีกอย่างที่ดีใจคือกัปตันคนเก่งของเรา รอดพ้นจากคดี นี้ไปได้ ผลงานของ ลิเวอร์พูล ลุ่มๆ ดอนๆ มาตลอด แต่กัปตันไม่เคย ปริปากบ่น ยังท�ำหน้าที่เป็นแม่ทัพ ที่ดีเสมอมา เจอร์ราร์ด เลือกที่ จะท�ำให้ลูกทีมเห็นว่า เค้าทุ่มเท แค่ไหนทุกนัดที่ได้ลงมากกว่าที่จะ พูด... นี่คืออีกเรื่องหนึ่งของ ภาวะ ผู้น�ำ สี่ปีต่อมา จาก 2009 ข่าว ลิเวอร์พูล มา ทัวร์ไทย อีกครั้ง ใน ปี 2013 ตอนที่มีข่าวผู้เขียนไม่ ได้อยู่ในประเทศไทย แต่ในใจตอน นั้นคิดว่าต้องกลับมาและไปดูให้ได้ จึงตัดสินใจกลับจากต่างประเทศเพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ ตอนแรกมีแอบกังวลเหมือนกันว่า เจอร์ราร์ด จะ มามั๊ย อยากเห็นให้เป็นบุญตาอีกซักครั้ง ไม่ได้มีการเต รียมตัวล่วงหน้าใดๆ เหมือน ปี 2009 เพราะกลัวแห้ว อีก... ปีนี้กะตามติดแบบบ้านๆ ไปละกัน ไฮโซไม่ไหว มีทแอนด์กรี๊ด โหดเกิ๊น.. ได้ข่าวแว่วๆ มาว่าต้องใช้บัตร เครดิตของผู้สนับสนุนรูดอย่างต�่ำ เหยียบสองแสน... แม่เจ้า... งานนี้ใจไม่ถึงนะ นี่พูดเลย ระหว่างที่ ลิเวอร์พูลทัวร์เอเซีย ไป อินโดนีเซีย ไป ออสเตเรีย ผู้เขียนได้เห็นความฮอตของกัปตันแล้ว ได้แต่พึมพ�ำในใจ จะได้เข้าถึงตัวมั๊ยน้อ... วันที่ 25 ก.ค. 2556 วินาทีแรกที่เห็นกัปตันเหยียบบนแผ่นดินไทย

ผูเ้ ขียนไม่ได้ไปรับที่ ดอนเมือง แต่ดผู า่ นทางสือ่ ออนไลน์ และทีวี แค่เห็นแค่นั้นยังรู้สึกปลาบปลื้มกับท่าไหว้ สวยๆ ของกัปตัน วันถัดมาผู้เขียนตัดสินใจไปเฝ้าที่ โรงแรมพลาซ่าแอทธินี หวังจะได้เห็นกัปตันชัดๆ เสียดาย ที่ไปช้านิดหน่อย ได้ข่าวมาว่ากัปตันและเพื่อนๆ กลับ จากซ้อมที่ สนาม ทบ. ได้แวะแจกลายเซ็นและถ่ายรูป กับแฟนๆ ที่มาเฝ้าที่โรงแรม แต่ไม่เป็นไรวันนี้ยังไงต้อง ได้เห็น เพราะต้องไป ถวายพระพรพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และ พระบรมราชินีนาถ ที่ ศิริราช อยู่แล้ว ยังไงก็ได้เห็นแน่ๆ นาทีที่ เจอร์ราร์ด ลงมา จากลิฟท์พร้อมๆ กับ บอส ร๊อดเจอร์ส ผู้เขียนหยิบ กล้องขึ้นมาเพื่อถ่ายรูปเก็บไว้ พระเจ้า..มือไม้สั่น รูป ไหวทุกรูปเลย น�้ำตาเอ่อออกมา กั ป ตั น เดิ น ยิ้ ม กั บ เสี ย งเรี ย กของ แฟนๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหงุดหงิด หนุ่มน้อยที่เคยเห็นเมื่อเกือบสิบปี ที่แล้วที่หน้าใสกิ๊ก เริ่มมีริ้วรอยให้ เห็นบ้าง โอ้พระเจ้ามันเป็นอะไร ที่สุดยอดส�ำหรับชีวิต แค่ได้เห็นก็ รู้สึกมีความสุขที่สุดแล้ว หลังจาก กลับมาจากถวายพระพรซึ่งได้ข่าว ว่าที่ ศิริราช กัปตันโดนทึ้งโดนรุม จากคนนับพันที่ไปรอ แต่กัปตัน ไม่ปริปากบ่นแถมยังยิ้มอยู่ตลอด เวลา พอมาลงจากรถได้กัปตันปรี่ เข้ า มาเซ็ น ลายเซ็ น ให้ กั บ แฟนๆ และก็เป็นปกติที่แฟนๆ จะเบียดเสียดกันจนอาจท�ำให้ การ์ดต้องเข้ามากันแต่เป็นบุญของผู้เขียน เจอร์ราร์ด เดินเข้ามาเซ็นให้กับคนที่อยู่ใกล้ๆ กับผู้เขียนพอดี วินาทีนั้นไม่คิดอะไรแล้ว กล้องก็ไม่ได้จับ มือสั่นไป หมด ผู้เขียนยื่นมือออกไปขอจับมือ กัปตันยื่นมือมาจับ โอยยยยย......แทบเป็นลม มือนิ่มมาก กัปตันน่ารัก มากไม่ถือตัว เป็นกันเองกับแฟนบอลทุกครั้งที่มีโอกาส ชื่นใจมากนะ สมกับที่รอคอยมาตลอด วันถัดมาเป็นวันที่มีการซ้อมใหญ่และเปิดให้เข้า ชมด้วย ผู้เขียนก็ไปที่โรงแรมอีกเหมือนกัน วันนี้เตรียม ตัวดี เอาผ้าพันคอไปให้เซ็นด้วย แต่ด้วยกิจกรรมของ วันนั้นเยอะมาก กัปตันเลยไม่ได้มีโอกาสแวะหรือเซ็น August 2013 The Reds


104

ให้ใครเลย แต่ภาพที่ประทับใจในวันนั้นก็คือ พอหลัง จากที่กัปตันได้กลับจากงานที่ เซ็นทรัลเวิร์ล พอลง จากรถ เห็นกัปตันถือกล่องกิ๊ฟเซ็ต ของ สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด แล้วยืนเซ็นชื่อ พร้อมกับกวาดสายตา มาที่แฟนบอลที่รออยู่กัปตันอมยิ้มแล้วชี้บอกการ์ด ประมาณว่าจะเอาไปให้แฟนบอล ทุกคนที่ยืนอยู่ลุ้น กันมากว่า ใครนะจะได้ไป กัปตันเดินผ่านไปพร้อมๆ กับยิ้มให้ สรุปคนที่ได้ลายเซ็นพร้อมกับกล่องกิ๊ฟเซต เป็น เด็กตัวน้อยๆ น่ารักมาก กัปตันรักเด็ก เดินตรง เอาไปให้เลยประทับใจมากๆ ตอนเย็นก็ไปดูซ้อมที่ ราชมังคลาฯ ต่อ วันนั้น จบทริปการตามด้วยการไปดูซ้อมแล้วกลับบ้าน... แต่... เป็นโชคดีของคนที่คอยอยู่โรงแรม ที่พัก กัปตันแสดงถึงความน่ารัก เฟรนด์ลี่ย์อีกครั้ง ด้วยการลงมา เซ็นชื่อให้กับคนที่คอยอยู่ที่ล๊อบบี้ โรงแรมตอนห้าทุ่ม กัปตันเห็นถึง ความพยายามของแฟนบอลที่มา รอดูเค้าอย่างอดทน กัปตันเป็น คนสั่งให้เจ้าหน้าที่โรงแรมหาโต๊ะ และจั ด แฟนบอลเข้ า แถวให้ เ ป็ น ระเบี ย บเพื่ อ ความปลอดภั ย ของ แฟนบอล และที่ส�ำคัญกัปตันเลือก ที่จะเซ็นให้เด็กๆ ก่อน น่ารักมั๊ย ล่ะคะ กัปตันของเรา ผู้เขียนอาจ จะเสียดายนิดๆ ที่ไม่ได้ตามไปรอ ในคืนนั้น แต่แค่ได้อ่านจากสื่อหลายแขนง ความชื่นใจ มันก็จุกอกแล้วค่ะ 28/7/56 วันนี้แข่งจริงแล้วซินะ ผู้เขียนไปถึง สนามตั้งแต่ยังไม่ 10.00 น. เพราะอยากไปเก็บรูปตัว เองตอนที่คนไม่เยอะมาก เข้าไปในสนามตอนร้องเพลง You”ll never work alone ลุกขึ้น ชูผ้าพันคอ ร้อง ตามสุดเสียง น�้ำตารื้นขึ้นมาอีกแล้ว เหมือนอยู่ใน ถิ่น แอนฟิลด์ จริงๆ ภาพกัปตันจูงเด็กเดินเข้ามาในสนาม ใครจะคิ ด ว่ า จะได้ เ ห็ น ฮี โร่ ที่ อ ยู ่ กั น คนละฝากฝั ่ ง ฟ้ า ใกล้ๆ แบบนี้ ตลอดเกมกัปตันไม่เคยท�ำให้เราผิดหวัง เล่นครบ 90 นาที แถมยิงประตูให้ดูเป็นขวัญตาอีก จบ เกมเกิด ช็อตประทับใจอีกครั้ง กัปตันพาลูกทีมเดิน The Reds August 2013

ขอบคุณแฟนบอลรอบสนาม เดินช้าๆ สายตากัปตัน มองขึ้นมาบนอัฒจรรย์เหมือนจะเก็บภาพทุกอย่างไว้ ในใจกัปตัน คุณผู้อ่านค่ะ ภาพนั้นเป็นภาพที่ประทับ ใจที่สุด กัปตันท�ำให้แฟนบอลรู้ว่า เค้ารักแฟนบอล และให้ความส�ำคัญกับแฟนบอลแค่ไหน ภาพที่เดิน ไปทั่วสนามพร้อมๆ กับโบกมือให้ มันคือที่สุดของ การได้เจอและรู้จักกัปตันคนเก่งคนนี้ และนี่คืออีก หนึ่ง ภาวะผู้น�ำ ที่กัปตันได้แสดงให้เห็นว่า เราต้อง เอาใจเขามาใส่ใจเรา รักเค้าให้เหมือนกับที่เค้ารักเรา เจอร์ราร์ด เลือกที่จะตอบแทนในสิ่งที่เค้าได้รับมา จากแฟนบอลถึงเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่เชื่อ เถอะการที่คุณท�ำในครั้งนี้แฟนลิเวอร์พูลที่อยู่ในสนาม และที่เห็นภาพเหล่านี้ของคุณจะ จ�ำคุณไปจนวันตาย ...... จบแมตช์ ที่ เ มื อ งไทยไปด้ ว ยความสวยงาม สวยงามทั้งผลการแข่งขัน และ สวยงามทั้ ง การเอาใจใส่ แ ฟน บอล 3 สิงหาคม 2556 เกม เทสติโมเนียลแมตช์ เจอร์ราร์ด เกมเกี ย รติ ย ศของลู ก ผู ้ ช ายที่ ชื่ อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตลอด 15 ปีที่ ผ่านมา จากวันนั้นจนถึงวันนี้ จาก หนุ่มน้อยที่มุทะลุดุดัน โฉ่งฉ่าง กลายมาเป็ น กั ป ตั น ที่ มี ค วาม รับผิดชอบสูง กัปตันที่เป็นทุกสิ่ง ทุกอย่างให้กับ ลิเวอร์พูล กัปตันที่สร้างเรื่องมหัศจรรย์ มากมายให้กับสโมสร ส�ำหรับผู้เขียนได้ติดตามหนุ่ม น้อยผู้นี้มาโดยตลอด ไม่มีค�ำกล่าวใดๆ ที่ดีที่สุด ให้ กับ มิสเตอร์ลิเวอร์พูล คนนี้ว่า ขอบคุณทุกสิ่งทุก อย่างที่คุณมอบให้เรา ขอบคุณความสุขที่คุณหยิบ ยื่นให้เสมอ และ “ภาวะผู้น�ำ” ที่แสดงออกมาให้ เห็นในหลายๆ เรื่อง ผู้เขียนอยากจะบอกว่า กัปตัน เป็นยิ่งกว่าค�ำว่า “รัก ศรัทธา ปาฏิหารย์” ขอบคุณ ที่ท�ำให้ผู้เขียนหลงรักในลิเวอร์พูลมากขึ้น ขอบคุณ ที่คุณเกิดมาเพื่อลิเวอร์พูลจริงๆ ขอบคุณค่ะ กัปตัน ไดนาโม สตีเว่น เจอร์ราร์ด .......................................


105

August 2013 The Reds


106

The Reds August 2013


107

“ผมพยายามอย่างมากที่จะเซ็นสัญญา กับ สตีเวน เจอร์ราร์ด ทั้งที่เชลซี, อินเตอร์ และเรอัล มาดริด แต่เขาบอกว่า เขาไม่มีทางที่จะย้ายออกจากลิเวอร์พลู ” โฆเซ่ มูรินโญ่ August 2013 The Reds


108

ก้าวแรก มักเริ่มต้นด้วยความยากล�ำบากเสมอ ไม่ว่าจะเป็นก้าวแรก ของเด็กน้อย ก้าวแรกที่เดินเข้าสู่ประตูโรงเรียน ก้าวแรกสู่รั้วมหาวิทยาลัย ก้าวแรกสู่สถานที่ท�ำงาน หรือ ก้าวแรกแห่งการมีครอบครัว ก้าวแรกของ The Reds Magazine ฉบับปฐมฤกษ์ที่ผ่านตาท่านผู้อ่านเล่มนี้ก็เช่นกัน อาจมีการคาดหวังมากมายกับเล่มแรก จากหน้าแรกจวบจนถึงหน้า นี้ บางเรื่องราวอาจตอบสนองความต้องการของท่านผู้อ่านไม่เพียงพอ ทางทีมงานยังพร้อมรับการต�ำหนิ ยังมีหลายเรื่อง หลายประการที่ทางทีม งานต้องปรับปรุงอีกมาก ทั้งเรื่องเนื้อหาสาระภายในเล่ม การตรวจทาน อักษร รวมไปถึงอะไรๆ ก็ตามแต่ ที่ท่านผู้อ่านจะมีน�้ำใจสละเวลา เข้ามา ช่วยกันเสนอแนะ เพราะอย่างที่เกริ่นกันไว้ตั้งแต่บทบรรณาธิการ ว่า พวก เราไม่ใช่ระดับมืออาชีพ แต่ไม่ใช่ว่าเราจะหยุดยั้งการพัฒนา ซึ่งเราหวังว่า เราคงเดินถึงจุดนั้นได้ในซักวัน หวังอย่างยิ่งเหลือเกิน ว่า The Reds Magazine ฉบับแรก คงพอ ท�ำให้ The Kop ทุกท่านที่ได้สัมผัส อิ่มเอม และปลื้มปริ่มกันได้บ้างไม่มาก ก็น้อย ในการเสพรับมุมมองที่อาจหาไม่ได้บนโลกออนไลน์ บางมุมมอง อาจโดนใจ ขณะที่บางมุมมองอาจเกิดการโต้แย้ง แต่ทีมงานเชื่อเหลือเกิน ว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทุกอย่างที่เป็นบทความ เป็นคอลัมน์ ในนิตยสารเล่ม นี้ ทุกชิ้น ทุกถ้อยค�ำล้วนกลั่นมาจากกลุ่มคนที่มีความรัก ความปรารถนาดี ต่อสโมสรที่พวกเรารัก อย่าง Liverpool FC ความท้าทายในฤดูกาลใหม่ก�ำลังจะเปิดฉาก สถานการณ์ของทีมที่ ต้องยกระดับตัวเองขึ้น ชัยชนะ โทรฟี่ และอันดับที่เราควรอยู่ ยังเป็นภาระ หน้าที่ที่หนักหนาพอควรส�ำหรับเหล่านักเตะ ผู้จัดการทีม และสต๊าฟโค้ช หวังว่า ทีมรักของเราจะท�ำได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา คงต้องตามลุ้นตามเชียร์กัน แบบห้ามกระพริบตา... You’ll Never Walk Alone. ครับ

The Reds August 2013




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.