ขลุกขลัก ทุลักทุเล กันนิดหน่อย กับฉบับที่สอง แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นจนออกมาเป็นเล่มจน ได้ ท�ำอย่างไรได้ในเมื่อ อุปสรรคยังพร้อมเป็นเครื่องมือทดสอบในทุกเรื่องราวเสมอ บนความชื่นมื่นของการเห็นทีมที่เรารักเก็บแต้มเป็นกอบเป็นก�ำในช่วงแรก ถือเป็นนิมิตหมาย ดีงาม นั่นหมายถึง The Reds Magazine ได้ถือก�ำเนิดขึ้นในขวบปีที่น่าจดจ�ำ อย่างน้อยก็หนึ่งเรื่อง ราว และคงเหมือนๆ กันอีกประการก็คือ ถึงจะเริ่มต้นได้สวยงามเพียงใด แต่ทุกก้าวแห่งหนทางข้าง หน้า ต่างมีความหมายและมีความส�ำคัญไม่ได้น้อยกว่าเดิม คุณภาพของเกมทุกเกมจะเป็นบทพิสูจน์ คุณภาพของ “ทีม” เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล, คุณภาพของนิตยสารทุกเล่ม ก็จะเป็นบทพิสูจน์คุณภาพของ “พวกเราทีมงาน” ตรงนี้เช่นกัน “หงส์แดง” วันนี้ คงต้องว่ากันไปทีละนัด ว่ากันไปทีละการพัฒนา ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่ ต้องปรับปรุง แถมยังต้องเฝ้ามองว่าจะเกิดวิกฤติซ�้ำซ้อนหรือไม่ เพราะเพียงแค่ผ่านไปเดือนเดียว นักเตะต่างเริ่มทยอยเจ็บมีหนักบ้าง เบาบ้าง อย่างราย เกลน จอห์นสัน แม้มีข่าวดีว่าจะกลับมาได้ ค่อนข้างเร็วกว่าที่คาด คือ ราวเดือนหน้า แต่ เดอะ คอป ก็ยังต้องตามลุ้นกันอยู่ดี ว่า ใครจะเป็น คนมาแทน และคนมาแทนจะท�ำผลงานได้ดีขนาดไหน มุมมองที่มีต่อ “ทีม” ส่วนตัวผมเองถึงตอนนี้ ยังไม่หวังใดใดทั้งสิ้นในโลกแห่งความจริง มุมมองและบทพิสูจน์ส่วนตัวคงดูที่ 10 นัดแรก กับช่วง “หฤหรรษ์” อย่าง “บ๊อกซิ่งเดย์” ถ้าถึงตอนนั้นค่อยวาดหวังอะไรก็คงยังไม่สาย มีคนเคยกล่าวว่า “หากคุณลืมเลือนอดีตที่ยิ่งใหญ่ คุณจะไม่มีอนาคต” เล่มนี้เลยจัดให้กัน แบบเต็มอิ่ม จุใจ กับบรรยากาศเก่าๆ กับพระเอกของเล่มในโอกาศครบรอบ 100 ปี “บิล แชงค์ลีย์” ปรมาจารย์ผู้ประสิทธิประสาทความเป็น “ลิเวอร์พูล” ให้ยั่งยืนมาจนทุกวันนี้ พร้อมเรื่องแปลจาก ต่างประเทศบนมุมมองที่น่าสนใจ ขณะที่เรื่องราวและบทความอื่นๆ ยังคงอัดแน่นตามสไตล์ การิน ธนะอมรทัต บรรณาธิการ
4
A rticle
The Reds - September 2013
5
September 2013 - The Reds
6
ผู้คนมักพูดกันว่า ฟุตบอลมีความส�ำคัญเท่ากับชีวิตและความตาย ซึ่งผมจะบอกว่านั่นมันไม่ ใช่เรื่องจริง... ฟุตบอลส�ำคัญมากกว่านั้น
เหล่าทวยเทพในเกมกีฬามักจะเห็นได้อย่าง เด่นชัดในเวทีประลองยุทธ พวกเขามีความเร็ว พวก เขาโดดเด่นเป็นสง่า พวกเขาอยู่เหนือกว่าทุกๆ คน และเรียกร้องให้ทุกผู้ทุกนามยอมสยบ... มีผู้จัดการ ทีมในวงการฟุตบอลอังกฤษ ที่สร้างรายได้ให้กับ ตนเองเป็นพันล้าน และมีชื่อเสียงโด่งดังเหนือผู้อื่น ผู้ใด แต่น้อยนักที่จะท�ำตัวเฉยชาในยามที่พวกเขา บริหารงาน
The Reds - September 2013
7
สเตตัสของพวกเขาแม้แต่รายละเอียดปลีกย่อย เล็กๆ ในชีวิตยังเป็นที่รู้จักไปทั่ว ------------------------------เราต่างรู้กันดี ว่า ณ ตอนนี้ Brendan Rodgers มีภาพตัวเองขนาดใหญ่ในห้องนั่งเล่นของตนเอง และ Andre Villas-Boas มีมอเตอร์ไซค์ 5 คัน และเป็น ลูกหลานของ Viscount of Guilhomil เราต่างรู้ว่ามีอย่างน้อย 8 Twitter accounts
และ Facebook group ที่สร้างมาเพื่อยกย่อง Arsene Wenger และ Harry Redknapp เองก็มี bulldog ที่ชื่อ Rosie เป็นที่รู้กันว่าผู้จัดการทีมฟุตบอลมักจะเป็นที่ รู้จักไปทั่ว คู่ขนานไปกับดาราตลก ซุปเปอร์ตาร์ดังใน รายการทีวี บางครั้งผมเองก็มีอะไรที่สงสัยว่าหากเป็น Bill Shankly เขาจะปล่อยให้ทุกๆ อย่างในชีวิตเป็น ประเด็นโด่งดังไปทุกวงการหรือไม่ Shankly นั้นจะอายุครบ 100 ปี ในวันที่ 2 กันยายนนี้ซึ่งหากว่าเขายังมีชีวิตอยู่ เขามาจากภาค ตะวันตกของ Scotland, ที่ที่เป็นศูนย์รวมของความ เป็นฟุตบอล ซึ่งเป็นที่สร้างผู้ยิ่งใหญ่อีกหลายคนอย่าง Matt Busby ตามด้วย Jock Stein และรายล่าสุด ผู้ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ใครอย่าง Alex Ferguson
September 2013 - The Reds
8
ลิเวอร์พูล คือทีมที่ทุกคนมีทักษะและความสามารถเฉพาะตัว นี่เป็นทีมที่หิวกระหายชัยชนะ และพร้อมจะท�ำทุกๆ อย่างเพื่อผลประโยชน์ของทีม
The Reds - September 2013
9
ส�ำหรับเราผู้ที่รู้จักเขา จะไม่มีวันลืมเลือนสิ่งที่ เขาสร้างมาเพื่อเรา จนกลายเป็นความยิ่งใหญ่อย่างที่ เห็นๆ กันมา เขาไม่เคยอยากเป็น celebrity แต่ปฎิบัติตน เช่นเดียวกับคนทั่วไป พูดง่ายๆ ว่าเท่าเทียมกัน กระนั้น ด้วยบุคลิกภาพของเขา ยังไงก็ท�ำให้เขาเป็น celebrity แบบช่วยไม่ได้ เขาไม่เคยมองหาความมั่งคั่งให้กับตัว เอง คุณค่าของเขาคือแบบเดียวกับคนที่เกิดมายากจน ต้องออกจากโรงเรียนตอนอายุ 14 เสียเวลาท�ำอะไรไม่ เป็นชิ้นเป็นอันอยู่สองปีที่ Ayrshire ก่อนที่เขาจะหา เป้าหมายในชีวิตพบด้วยเส้นทางสายลูกหนัง ------------------------------ในเวลานั้น เขาควรจะติดทีมชาติ Scotland เป็นอย่างยิ่ง และควรจะได้ถ้วย FA Cup กับ Preston North End แต่สงครามโลกครั้งที่สองเข้ามาขวางกั้น ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในช่วงที่เขาค้าแข้งไป แต่มันเหมือน เป็นจุดเริ่มต้นกับบทบาทส�ำคัญที่สุดในชีวิตเขาในเวลา ต่อมา Shankly นั้นมี “passion for the game” ซึ่งหาได้ยากยิ่งในตอนนั้น แต่ passion ไม่ใช่สิ่งเดียว ที่เขามี สิ่งส�ำคัญที่สุดก็คือ เขามีความรู้ ความเข้าใจ ว่า สโมสรฟุตบอลนั้นควรจะต้องบริหารอย่างไร และการ สร้างทีมฟุตบอลนั้นควรประกอบด้วยอะไร และเมื่ อ เขากลายมาเป็ น ผู ้ จั ด การที ม ของ Liverpool เมื่อธันวาคมปี 1959, มันเปรียบได้กับ ว่าเขาได้รับมอบกุญเจแห่งอาณาจักรมาไว้ในครอบ ครอง ณ ตอนนั้นสโมสรเป็นอะไรที่สภาพแย่ ไร้ความ หวัง ไม่มีนักเตะดีๆ ไม่มีประเพณีและธรรมเนียมที่ เป็นที่ภูมิใจ สื่อก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก บางคนมองไปที่ September 2013 - The Reds
10
ผมเป็นผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในอังกฤษ เพราะผมไม่เคยใช้เล่ห์เหลี่ยมหรือโกงใคร ถ้าผมแข่งกับภรรยา ผมอาจจะหักขาเธอ แต่ผมจะไม่มีวันโกงเธอ
ว่าสถาบันแห่งนี้ก�ำลังล่มสลาย ซึ่ง Shankly มองเห็น โอกาสที่เขาโหยหา และรู้ดีถึงความยากล�ำบากในการ ท�ำงานใหญ่ครั้งนี้ ------------------------------Peter Robinson ซึ่งเป็น CEO ของ Liverpool ในตอนนั้น เป็นที่รู้จักว่านักบริหารที่ค่อนข้าง อนุรักษ์นิยมที่สุดคนนึงของวงการฟุตบอลอังกฤษ จะ เป็นคนดูแลเรื่องต่างๆ ในบอร์ด ซึ่งยืนยันชัดเจนว่า จะ ไม่มีทางจ่ายเงินเกินกว่า 12,000 ปอนด์ส�ำหรับนักเตะ คนนึง และทุกๆ การจ้างงานจะต้องได้รับการตัดสินใจ โดยผู้อ�ำนวยการสองคนเป็นอย่างน้อย ว่าตกลงไหม ก่อนที่จะลงมือเซ็นสัญญา และหากเป็นไปได้ นักเตะที่ ดึงเข้ามาจะต้องมีความสูงเกินกว่า 6 ฟุต Shankly ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงวัฒธรรมที่ออก แนวโบราณนี้ และเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปสู่เกมใหญ่ และใหม่มากขึ้น และน�ำมาซึ่งแชมป์ Division 2 (ใน สมัยนั้น) ที่ตามมา ตลอด 12 ปี ทีมคว้าแชมป์ลีค 3 ครั้ง คว้าแชมป์ FA Cup 2 ครั้ง และแชมป์ UEFA Cup อีกสมัย ตรงนี้น่าจะบ่งบอกอะไรได้ดีมากๆ เกี่ยว กับความส�ำเร็จที่เหลือเชื่อ เมื อ งทั้ ง เมื อ งกลั บ มามี ชื่ อ เสี ย งโด่ ง ดั ง อี ก ครั้ ง เหมือนเป็นการฟื้นชีวิตขึ้นมาใหม่ การสร้างรากฐาน ครั้งนี้เป็นอะไรที่ชัดเจนว่าส�ำคัญต่อสโมสรฟุตบอล อย่างแท้จริง และแฟนบอลก็เป็นส่วนส�ำคัญในครั้งนี้ สร้างพลังขับเคลื่อนให้กับทีมโดยเสียงเพลงที่กู่ร้องใน สนาม และตอนบ่ายๆ ที่ Anfield ก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่ เกมฟุตบอลเฉยๆแล้วแต่มันเหมือนเป็น อีเว้นท์ใหญ่ ที่บอกได้เลยว่า หัวใจส�ำคัญของกระแสนี้คือ “the spirit of Shankly” The Reds - September 2013
11
September 2013 - The Reds
12
ป้าย This is Anfield มันมี ไว้เพื่อเตือนผู้เล่นของเรา ว่าเขาก�ำลังเล่นเพื่อใคร และ เตือนคู่ต่อสู้ว่า พวกเขาก�ำลังจะเล่นกับใคร
The Reds - September 2013
13
พ่อของผมซึ่งเป็นนักข่าวรู้จักเขาดี ในฐานะนัก ข่าวอายุน้อย ผมมักจะได้รับการพาไปพบกับผู้ยิ่งใหญ่ ผู้นี้ เมื่อ Liverpool ไปเล่นที่ London เราร่วมรับ ประทานอาหารก่อนเกมที่ Surrey hotel; นักเตะ ทุกๆ คนในทีมต่างใส่สูทผูกไท้ นั่งเงียบ รอฟัง Shankly ประกาศหัวข้อส�ำคัญของวัน สิ่งที่ส�ำคัญที่สุดก็คือการจ�ำแนกเรื่องต่างๆ มัน ดูเหลือเชื่อและเกินจริง แต่มันก็คือความจริง คือมี การพูดถึงเรื่องนั่นเรื่องนี่เกี่ยวกับการแข่งขันและการ ปฎิบัติตัว และนักเตะที่ก�ำลังกินอาหารและยกแก้วขึ้น ต่างตะโกนเสียงดังว่า “ครับนาย เหมาะสมครับนาย” ------------------------------ผมเคยขอเขาว่ า ผมนั้ น สามารถขอสั ม ภาษณ์ กองกลางอายุน้อยในทีมได้หรือเปล่า เขานั้นชนแก้ว กับผมแล้วก็เปลี่ยนหัวข้อเรื่องราวไปซะงั้น หลังจาก นั้นเขาบอกกับพ่อของผมว่า “แบบนี้ไม่ได้นะ ตัว นักเตะคนนั้นจะเริ่มอยากจะเป็น headlines ด้วย ตัวเขาเอง และบางทีจะลืมว่าเขาเป็นนักเตะของ Liverpool player บอกลูกชายให้ไปสัมภาษณ์คน อื่นเถอะ ไม่งั้นเสียการปกครองหมด” เขาชอบที่จะมาเล่นที่ London ส่วนหนึ่งก็ เพราะ Liverpool มักจะชนะ และอีกเหตุผลหนึ่งก็ คือ นี่เป็นโอกาสที่เขาจะแสดงให้สื่อเห็นถึงความเป็น กันเอง นักข่าวกว่าโหลหนึ่งต่างรวมตัวกันที่รถบัสของ ทีมในที่จอดรถหลังจากเกมจบ และ Bill จะพูดคุยกับ พวกเขาแบบสนิทสนมโดยเรียกชื่อจริงกันเป็นรายคน เลย ‘เป็นยังไงเล่า!’ เขากล่าว ‘มีผู้จัดการทีมที่ London กี่คนที่ท�ำแบบนี้ได้ ? ?’ September 2013 - The Reds
14
สิ่งส�ำคัญที่สุดของฟุตบอล คือความเชื่อมั่น คุณต้องเชื่อมั่นว่าตนเองยอดเยี่ยมที่สุด แล้วคุณจะชนะ
บุคลิกภาพของเขาเป็นที่จดจ�ำฝังใจกับทุกๆ คน ที่ท�ำงานร่วมกับเขามา Bob Paisley ถือได้ว่าเป็น สุนัขเฝ้าแกะของปรามาจารย์ผู้นี้ เต็มไปด้วยความ ชาญฉลาดและแท็คติกต่างๆ ของเกมฟุตบอล และ เป็นที่รู้กันว่า ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ไม่เคยสามารถ เทียบชั้นได้กับ Shankly และที่น่าจดจ�ำที่สุดก็คือ Robinson ก็แค่ไม่กี่ เดือนหลังจากที่เซ็นร่วมทีม Liverpool เขาได้รับรู้ถึง ความเกลียดชังสุดๆของ Shankly ต่อ Everton, จน ต้องออกมายอมรับเลยว่า เขารู้สึกช็อคที่จู่ๆ เขาก็ไม่ สามารถรับ “สีน�้ำเงิน” ได้อีกต่อไปแล้ว เห็นไม่ได้เลย มันหงุดหงิด ------------------------------ช่วงเวลาแห่งความยิ่งใหญ่ของเขาจบลงอย่าง น่าเศร้าใจ เขามีปัญหาเรื่องภาษี ซึ่งควรจะได้รับการ แก้ไขอย่างง่ายดาย แต่กลายเป็นว่าประเด็นมันยุ่งยาก เพราะประเด็นที่เกิดขึ้นกับเขาดันเป็นข่าว สุดท้ายเขา ตัดสินใจเกษียรตัวเองไป หลังจากที่คุมทีมมากว่า 15 ปี เขาตัดสินใจเลิกเพียงไม่นานหลังจากที่ท�ำทีม คว้าแชมป์ FA Cup ปี 1974 และเขาก็พูดประโยค ที่เป็นที่จดจ�ำอีกครั้งว่า “ค�ำที่น่ารังเกียจ ซึ่งก็คือค�ำว่า เกษียร พวกเขาควรจะเอาค�ำนี้ไปทิ้งชักโครกซะ” แต่ ทุกอย่างก็ท�ำไปแล้ว มันจบแล้ว ------------------------------ไม่กี่เดือนต่อมา เขาเริ่มโปรยอะไรบางอย่างใน คอลัมน์ของเขาในนิตยสารฟุตบอลเล่มใหม่ เขาเขียน ไว้ว่า เขานั้นไม่ควรจะต้องจ่ายแม้แต่เพนนีเดียวเลย ด้วยซ�้ำ “ไอ้ผู้เก็บภาษีนั่น เมื่อถึงสิ้นปี เขาจะพูดกับ คุณทันทีว่า เฮ้ยฉันจับผิดนายได้แล้ว นายไม่ได้จ่าย The Reds - September 2013
15
September 2013 - The Reds
16
ลิเวอร์พูล เราเป็นทีมกรรมกร เราไม่มีที่ว่างให้กับนักบอลมหัศจรรย์ ที่นี่ นักเตะทุกคนเป็นเหมือนคนงาน ที่ต้องท�ำทุกอย่างตามแผนของผม... เพื่อทีม
The Reds - September 2013
17
นั่นไง นายไม่ได้แถลงเรื่องรายได้ที่ได้จากคอลัมน์นั้น ในนิตยสาร” ซึ่งเขาก็พูดตอบว่า “นั่นก็เพราะว่า ตู นั้นไม่ได้เงินซักแดงจากการเขียนงัย แล้วเป็นไง เงิบ ละสิ”?”’ ผมและเพื่อนร่วมงานของผมเขียนคอลัมน์ เล่า ถึงอาทิตย์หนึ่ง หนึ่งในสองของเราโทรไปหาเขาที่บ้าน ที่ West Derby ภรรยาของเขา รับโทรศัพท์ และ บอกว่า “Bill ตอนนี้อยู่ข้างนอก เขาอยู่ที่สนามก�ำลัง เล่นบอลกับเด็กๆอยู่ และเขาจะไม่กลับมาจนกว่า จะชนะ เอาเป็นว่า Bill จะโทรกลับทีหลังก็แล้วกัน พร้อมด้วยเสียงเหนื่อยหอบหลังจากที่ยิงประตูชัย ผ่านมือนายทวารอายุ 12 ปี คนนั้นได้” -------------------------------
เขาเสียชีวิตลงในวันที่ 29 กันยายนปี 1981 อายุเพียงแค่ 68 ปี เขาเป็นที่รักอย่างมากมาย และ การจากไปของเขาก็สร้างความเศร้าหมองไปทั่วทั้ง ผืนแผ่นดิน โดยเฉพาะแผ่นดินที่รักเขามากที่สุดก็คือ แผ่นดิน Merseyside ------------------------------ในปี 1997, ได้มีการสร้างรูปปั้นของเขาขึ้นที่ ฝั่ง Anfield Kop และมีข้อความสลักไว้ที่นั่นแบบ ง่ายๆ ว่า : ‘Bill Shankly He made the people happy’ September 2013 - The Reds
18
ฟุตบอลก็เป็นแค่เกมง่ายๆ คุณก็แค่ต้องรับลูก, ส่งลูก, พยายามรักษาบอลไว้ แล้วพยายามหาที่ว่างเพื่อรับลูกต่อไป มันออกจะง่ายเกินไปเสียด้วย
The Reds - September 2013
19
September 2013 - The Reds
20
ส�ำหรับเหล่าแฟนบอล ลิเวอร์พูลเป็นเหมือนศาสนาของพวกเขา เวลาที่พวกเขามาที่นี่ เขามาเพื่อท�ำสงคราม แอนฟิลด์ ไม่ ใช่แค่สนามฟุตบอล มันคือวิหารศักดิ์สิทธิ์
The Reds - September 2013
21
September 2013 - The Reds
24
T he Match
The Reds - September 2013
25
September 2013 - The Reds
26
จากผลงานโดยรวมในลีกและแค็ปปิตอลวัน คัพ 4 นัดที่ผ่านมา นับเป็นการเปิดตัวที่ยอดเยี่ยม ของหงส์แดงลิเวอร์พูล ในรอบ 19 ปีที่ยังไม่แพ้ใคร แม้ผลงานในลีกจะท�ำได้แค่เพียงเฉือนชนะคู่แข่ง 1-0 แต่ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี รวมไปถึงเป็นการท�ำ คลีนชีตในลีกอีกด้วย FT : Liverpool 1-0 Stoke City นัดเปิดฤดูกาล เริ่มต้นด้วยคู่เอกที่ สนามแอนฟิลด์ เวลา 18.45 น. The Reds - September 2013
ลิเวอร์พูล จัดทัพเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ สโต๊ค ซิตี้ ...เกมนี้ไม่มีมาม่า มีแต่ดราม่าซึ้งๆ กินใจ เริ่มเกมมาได้ 5 นาที เรดแมชชีนรุกหนัก อยู่แต่หน้า ประตูฝั่งสโต๊ก ประหนึ่งว่าวันนี้ยังไง หม้อก็ต้องแตก ให้ได้!!!.... เข้าสู่นาทีที่ 6 ลิเวอร์พูลมีโอกาสได้เปิดเตะ มุมครั้งแรก โดย กัปตันสตีวี่ จี เกมด�ำเนินไปเร็วมาก นาทีที่ 7 สโต๊คมีโอกาสในการเปิดซิงหงส์แดงต้อนรับ เปิดฤดูกาล แต่ท�ำไม่ได้นะฮร้าาาา จนกระทั่งนาทีที่
27
10 เป็นภาพจังหวะที่เหมือนเดจาวู แบบเดียวกับลูก ที่ โคโล่ อาล่ามาร์ช ตูเร่ ยิงตีเสมอในนัดอุ่นเครื่องกับ เชลติก กับตันเปิดมา เฮียริจ ยิงตุงตาข่าย แต่อาจารย์ ข้างสนามยกธงย�้ำเตือนว่าล�้ำหน้านะเด็กๆ แหม่ ตาดี จริงๆ... ผ่านไป 30 นาที เกมยังคงสนุกสุดเร้าใจ เรด แมชชีนยังด�ำเนินเครื่องจักรบุกกระหน�่ำ หวังจะตีหม้อ ให้แตกให้ได้มากที่สุด แต่โชคยังไม่เข้าข้างหรือเพราะ ว่าหม้อติดยันต์กันเหนียว รวมทั้ง เบโกวิช กินยาธาตุ
น�้ำขาวตรากระต่ายบินมา เลยมีแต่เสา คาน เซฟนก ตู้มมมม กลายเป็นโกโก้ครันซ์ ~ (ช่างภาพก็ตาดีถ่าย เห็นหม่อมเหยินอุ้มลูกสาวตัวน้อยมาเชียร์เป็นอีแอบ ด้วย) หงส์แดงยังคงบุกต่อด้วยใจตั้งมั่น คนดูก็ลุ้นเมื่อ ไหร่จะแตกๆๆๆๆ เบโกวิชก็ใช้พลังกระตายบินบืนไป บินมาอยู่ได้ ... แล้วฝันของเหล่า เดอะ คอป ก็เป็นจริงเสียงเฮ ดังลั่น !!!! Goal!!!! ซักที โดยการท�ำประตูของ เฮียริดจ์ นั่นเอง ชะชะช่า น�ำแล้วนาทีที่ 37 จากนั้นก็ท�ำอะไร กันไม่ได้จนหมดครึ่งแรก ลิเวอร์พูลตีหม้อแตก 1 ใบ เริม่ ครึง่ หลังมา เรดแมชชีนยังโชว์พลังเครือ่ งจักร สีแดง วันนี้ข้าต้องขึ้นจ่าฝูง เปิดเกมมาได้ไม่นานก็ เกือบตีหม้อแตกอีกใบ จาก คูตี้ แต่ซัดถางหญ้าออก นอกกรอบไป นาทีที่ 53 จังหวะนี้มันน่าได้ เฮนโด้ ยิงสวยมากแต่หม้อติดยันต์กันเหนียว และองครักษ์ พิทักษ์ประตูอย่าง เบโกวิช ท�ำการเซฟได้อีกแล้ว... ฮ่วย จะเซฟไรนักหนาพี่ เสียอีกแค่ประตูไม่หมดหล่อ หรอก 555 เข้าสู่ช่วงนาทีที่ 60 หงส์แดงก็มีโอกาส ท�ำประตูอีกหลายครั้งจากการประสานงานเยี่ยงพาส แอนด์มูฟ อัลปาส ส่งให้ เฮนโด้ ส่องบ้างว่ากันไป แต่ ยังไม่สามารถท�ำไรหม้อได้เลย เข้าสู่ช่วงนาทีที่ 70 หงส์ แดง มีโอกาสเยอะแยะตาแป๊ะมาก แต่ก็ยิงนกตายเป็น ว่าเล่น เบโกวิช นี่ก็คึกคัก บินเอาๆ นึกว่าเป็นซุปเปอร์ แมนเหรอฟร่ะ =.= เข้าสู่ช่วงท้ายเกมก่อนทดเวลาบาด เจ็บเพียง 3 นาที นาทีที่ 87 อาจารย์ในสนามตาดีจับ แฮนด์บอลของ แอกเกอร์ ในกรอบเขตโทษ หัวใจข้า น้อยลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม กะว่างานนี้มีมาม่าให้กินชัวร์ .... ใจเต้นตุบตับ ตับตุบ และแล้ว และแล้ว ปาฏิหาริย์หรือความเมพขิงๆ ของ ซิมง มิโญเลต์ ก็ไม่รู้ เซฟจุดโทษ พร้อมเซฟ จังหวะต่อเนื่อง ท�ำเอาเฮกันลั่น ได้ใจคนเชียร์ไปเต็มๆ ทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน ข้ารักเอ็ง จุ๊บุ หลังจาก นั้นก็จบเกมไปแม้ว่าจะตีหม้อแตก 1 ใบ แต่นัดนี้โดย รวมการเล่นเป็นทีมถือว่าเล่นได้ดี ส่วนการที่เกือบเสีย ประตูในช่วงท้ายเกมต้องเอากลับไปแก้ไขอีก นอกจาก นี้ต้องไปหัดยิงแบบวิถีโค้งเพื่อหลบหลีกประตูฝ่ายตรง ข้ามให้ดี เจอหงส์ทีไรเหนียวจังนะครับแหม่ เปี๊ยกบางใหญ่ รายงาน September 2013 - The Reds
28
T he Match
The Reds - September 2013
29
September 2013 - The Reds
30
The Reds - September 2013
31
FT : Aston Villa 0-1 Liverpool แมทช์นี้ไม่ต่างกับที่คิดไว้ ถ้าชนะก็ชนะแบบหืดจับ เพราะวิลล่าก็ไม่ใช่หมูๆ ดีกรี ชนะอาเซนอลเลยทีเดียวนะเออ ------------------------------------ครึ่งแรกกับครึ่งหลังอย่างกับหนังคนละม้วนอีกแล้วครับท่าน ครึ่งแรก เบนเทเก้ ไป แทบไม่เป็น จะว่าไป หงส์แดง ครองเกมได้แทบทั้งหมด ฮีโร่ท�ำประตูก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้า เก่า Daniel Andre Sturridge ยิงประตูตาข่ายเกือบขาดไม่อยากจะโม้ ในนาทีที่ 21 เสียงเฮสนั่น... จากนั้นเกมก็ด�ำเนินต่อไปท�ำไรกันไม่ได้ จบครึ่งแรกหงส์แดงท�ำได้ 1 ประตู ------------------------------------ครึ่งหลัง เปิดมาป๊าบบบ มันสนุกเร้าใจยิ่งกว่าเดิมนะเฮ้ยยยย !!! ไม่ใช่อะไร ลุ้นตัว เกร็ง ภาษาชาวบ้านเยี่ยวเหนียวเลยทีเดียว พร้อมช่วยกันภาวนา “อย่าโดนนะจ๊ะหงส์จ๋า อย่าโดนนะจ๊ะหงส์จ๋า สาธุ” ต้องบอกเลยว่าครึ่งหลังจากหนังบู๊แอคชั่น กลายเป็นหนัง ระทึกขวัญเขย่าประสาทคนดูเลยก็ว่าได้ แต่สุดท้ายโชคชะตาก็เป็นใจให้ หงส์แดง วินอยู่ดี นะขอรับ ถึงแม้สถิติการยิงจะเป็นใจให้ทางฝั่ง วิลล่า ------------------------------------แมทซ์นี้ก็คงไม่พ้นต้องขอบคุณ มิโญเล่ต์ บินเหมืิอนซุปเปอร์แมนตัวจริง ส่วน MOM เฮียริดจ์ คว้าไปครอง... ลิเวอร์พูลเก็บ 6 แต้มเต็ม เก็บคลีนชีทได้อีกแมทช์ ตามหลังจ่าฝูง หอยทะเล เชลซี ลูกได้เสียหอยดีกว่า 1 ลูก จบแบบสวยงาม เก๋ไก๋อีกแมทช์ ------------------------------------เปี๊ยกบางใหญ่ รายงาน September 2013 - The Reds
32
T he Match
The Reds - September 2013
33
September 2013 - The Reds
34
The Reds - September 2013
35
EFT: Liverpool 4-2 Notts County หลังเกมเล็กๆ กับแมทช์ แคปปิตอลวัน คัพ ถ้วยมิกกี้เมาส์ ก่อนเจอศึก ใหญ่หลวงในลีก ในช่วงเวลา 90 นาทีแรก มันคือหนังชีวิตที่สุดแสนจะดราม่า บอร์ดร้อนระอุเดือด ปุ๊ด ปุ๊ด พร้อมต้มมาม่าเสิร์ฟให้ทุกท่านเรียบร้อย มันคือ หนังชีวิตในรูปแบบสงคราม ที่ทุกคน ทนเจ็บ ทนเหนื่อย พร้อมสละชีพเพื่อ ดินแดนแอนฟิลด์ อันเป็นที่รัก....น�้ำตาจะไหล ซึ้ง T^T ------------------------------------แต่สุดท้ายแม้หลายคนจะต้องสละชีพไป มีทั้ง เสา คาน เตะ ต่อย ถีบ ตู้ม !! ทุกอย่างก็จบลงแบบ แฮปปี้ เอนดิ้ง มีคุณภาพอีกแล้วครับท่าน เย้ !!! ------------------------------------เปี๊ยกบางใหญ่ รายงาน
September 2013 - The Reds
36
T he Match
The Reds - September 2013
37
September 2013 - The Reds
38
The Reds - September 2013
39
FT : Liverpool 1-0 Manchester United สุขกันเถอะเรา เศร้าไปท�ำไม...หนังศึกแดงเดือดม้วนนี้ก�ำกับโดย อังเดร มาริเนอร์ ซึ่งหงส์แดงกางปีกโบยบินถึงถิ่นฟ้าาาาาา สามารถชนะ 3 นัดรวดของการเปิดฤดูกาล ในรอบ 19 ปี (ครั้งสุดท้ายฤดูกาล 1994-1995) ครึ่งแรกหงส์แดงได้ประตูขึ้นน�ำเร็วจากเจ้าเก่า เฮียริดจ์ ตั้งแต่นาทีที่ 5 ต้องบอก ว่าเกมในครึ่งแรกหงส์แดงแสดงศักยภาพ เครื่องจักรสีแดงแรงฤทธิ์ ได้ดีทีเดียว หลัง จากนั้นต้องขอบอกว่าคนเขียนเริ่มไม่ค่อยสนใจรายละเอียดเกมเท่าไหร่... ก็คนมันดีใจ อ่ะ จุ๊บุ ------------------------------------ครึ่งหลังของศึกใหญ่ครั้งนี้ไม่อยากจะโม้ หงส์แดงสุดยอด วางแผนมาต้านทาน ผี แดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ล�้ำเลิศ ท�ำเอาคนดูสนุกสนาน ลุ้นกันตลอดครึ่งหลังด้วย ความกังวล จะโดนหรือเปล่าวะ แถมทดเวลาพิเศษส�ำหรับ ผีแดง อีก บ่องตงเสียววววว วาบบบบ ... สุดท้ายฟ้าฝนเป็นใจ หงส์แดงส่งผีกลับหลุมโรงลิเกแห่งความฝัน ไปด้วย สกอร์เดิม 1-0 เก็บเต็ม 9 แต้ม กับแมทช์แดงเดือดสุดมันส์วันอาทิตย์ กองเชียร์ สะใจไป อีก 3 วัน 3 คืน โฮะๆๆๆๆ เปี๊ยกสุขใจจุงเบย ส�ำหรับ น้องมอยส์ ก็ยังไม่สามารถบุกมาชนะใน ถิ่นแอนฟิลด์ ได้เหมือนเดิม .... ถึงแท้จะทด 5 นาทีไม่ระคายผิวหรอกนะน้อง ไงก็จ่าฝูงใสใสไร้สิว พี่มันเมพอย่าร้องนะ น้องผีแดงจ๋า บอกแล้วอย่าออกตัวกันแรงเดี๋ยวเงิบ ครุคริ ------------------------------------ถือได้ว่าเป็นการเปิดตัวได้สวยงามสง่าผ่าเผย ซึ่งเป็นการชนะ 3 นัดรวดในลีก ใน รอบ 19 ปีนะเออ ไม่อยากอวด ถ้ารวมแมทช์กับน็อตส์ เคาท์ตี้ด้วยในแคปปิตอลวัน คัพ ก็ชนะ 4 แมทช์รวด นับว่าเป็นลางดีนะครับพี่น้องคร้าบบบบ ต้องสู้ ต้องสู้ถึงจะชนะ สู้ต่อไปเครื่องจักรสีแดง เป็นก�ำลังใจให้คุณ จุ๊บๆ ด้วยฤกษ์งามยามดีไม่รู้จะเขียนไรต่อ ขอจบหลังเกมแต่เพียงเท่านี้ พบกันใหม่ ฉบับหน้า สวัสดี ชะเอิงเอย~ YNWA ------------------------------------เปี๊ยกบางใหญ่ รายงาน
September 2013 - The Reds
40
The Reds - September 2013
41
September 2013 - The Reds
42
S pecial Phrase
The Reds - September 2013
43
September 2013 - The Reds
44
R ed Shadow
The Reds - September 2013
45
September 2013 - The Reds
46
ส�ำหรับดาวยิงที่ฟอร์มนั้นถือได้ว่าร้อนแรงที่สุดคนนึงใน ช่วงเริ่มต้นฤดูกาล ส�ำหรับ เด็กหงส์ แล้ว ไม่มีใครหรอกที่จะ ไม่รู้จักเขา แต่ชายหนุ่มผู้นี้ มีประวัติที่น่าสนใจอยู่มากมายเช่น กัน วันนี้ จึงอยากจะน�ำเสนอเรื่องราวของเขา Daniel Andre Sturridge เขาเกิดวันที่ 1 กันยายนปี 1989 เป็นนักฟุตบอลอังกฤษ ที่ปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับ Liverpool และติดทีมชาติอังกฤษแล้ว ในต�ำแหน่งกองหน้า
The Reds - September 2013
47
September 2013 - The Reds
48
เส้นทางสายอาชีพของเขา เมื่อตอนเป็นเยาวชน ด้วยการที่เขาเกิดที่ Birmingham, Sturridge นั้น เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังของเขาเมื่อวัย 6 ปี ให้กับ สโมสรท้องถิ่น นามว่า Cadbury Athletic, แล้ว ถูกตาต้องใจสถาบัน youth academy ของ Aston Villa ในวัย 7 ปี เขาย้ายออกจาก Villa ในสี่ปีให้หลัง เพื่อย้ายไป Coventry City, ซึ่งเปิดโอกาสให้เขาได้ เข้าร่วมทีม Manchester City’s Academy ในปี 2003 ด้วยวัยเพียง 13 ปี แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอุปสรรค เพราะการย้ายทีมครั้งนี้ ทางคณะกรรมการ Football League ได้สั่งให้ Manchester City จ่ายค่า เสียหายครั้งนี้ให้กับ Coventry ไปทั้งหมด 30,000 ปอนด์ และค่าเสียหายครั้งนี้จะเพิ่มขึ้นถึงยอดสูงสุดที่ 200,000 ปอนด์ โดยวัดจากจ�ำนวนเกมที่เขาได้ลงเล่น ระดับชาติ ปีต่อมาเขาเป็นดาวยิงสูงสุดและได้รับการ โหวตให้เป็นนักเตะแห่งปี (มีนักเตะอีกแค่คนเดียว เท่านั้นที่เคยได้รางวัลนี้ก็คือ Carlos Tévez) เพราะ City คว้าแชมป์ Nike Cup, ทัวร์นาเม้นท์ที่ใหญ่ที่สุด ของโลกระดับ U15 ในวัย 16 ปี เขาเล่นให้กับทีม เยาวชนของ Manchester City ลุยศึก FA Youth Cup ปี 2006 ซึ่งเขาคือนักเตะที่อายุน้อยที่สุดใน ทีม เขายิงได้สี่ประตูในเส้นทางที่ช่วยทีมเข้าถึงรอบ ชิง และรอบชิงเขาก็ยิงได้อีกสองลูก กระนั้นแม้จะยิง ประตูมากมาย แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะมีผลประตูได้เสีย เหนือกว่า Liverpool เลยแพ้ไป 3-2 ซัมเมอร์นั้นเขา เซ็นสัญญานักเตะอาชีพฉบับแรกของเขาซึ่งจะมีผล เป็นทางการเมื่ออายุครบ 17 Manchester City ช่วงเริ่มต้นฤดูกาล 2006–07, Sturridge เริ่มต้น ซ้อมกับทีมชุดใหญ่ของ City เขาท�ำ hat-trick ในการ แข่งขันของทีมชุดส�ำรองท�ำให้เขาได้รับการเลื่อนชั้น มาเป็นตัวส�ำรองของทีมชุดใหญ่ ซึ่งนัดนั้นต้องเจอกับ Reading เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2007 เขาได้ลงเล่น แทนที่ Georgios Samaras ในช่วง 15 นาที่สุดท้าย ของเกม เขาได้ลงเล่นในฐานะตัวส�ำรองอีกครั้งในอีก The Reds - September 2013
เดือนให้หลังแต่ก็เกิดบาดเจ็บที่สะโพกท�ำให้เขาต้อง พักยาวไปจนหมดปี 2007 เขายิงประตูแรกของเขาให้กับ City ในวันที่ 27 มกราคมปี 2008 ในเกม FA Cup นัดที่เจอกับ Sheffield United, และอีกสามวันให้หลังเขาก็ยิงประตู แรกของเขาในลีคได้ ในเกมที่เขาประเดิมเต็มเกม นัด ที่เจอกับ Derby County กระนั้นเขาก็ขึ้นๆ ลงๆ มี โอกาสเล่นทีมชุดใหญ่บ้าง และก็หลุดไปบ้าง สลับไป
49
แบบนี้ เขายังคงต้องลงไปเล่นให้กับทีมเยาวชนต่อ ใน ศึก FA Youth Cup และ City ก็ได้เข้าชิงอีกครั้ง โดย Sturridge เป็นดาวซัลโวของทัวร์นาเม้นท์ ครั้ง นี้ City คว้าแชมป์ โดย Sturridge ยิงประตูได้ในเลค แรก ในฤดูกาล 2007–08 Sturridge กลายเป็นนัก เตะคนแรกที่ยิงประตูได้ในศึก FA Youth Cup, FA Cup และ Premier League ในฤดูกาลเดียวกัน เช่นเดียวกับวันที่ 1 พฤษภาคมปี 2009, หลัง
จากลงเล่นไป 16 นัดในฤดูกาล 2008–09 ของศึก Premier League, Sturridge ยิงไปสี่ประตู และ ท�ำได้สามแอสซิสต์ ตอนจบฤดูกาล 2008–09 แฟน บอล Manchester City ก็เลยโหวตให้เขาเป็น the Manchester City Young Player of the Season ซึ่งเขาได้มอบรางวัลนี้ให้กับครอบครัวของ เขาและลุงของเขา Dean (อดีตนักเตะชื่อดังอีกคนนึง) ........................................ September 2013 - The Reds
50
ช่วงชีวิตของเขากับ Chelsea สัญญาของ Sturridge ที่ Manchester City ได้ หมดลงแล้วเขาก็เซ็นสัญญากับ Chelsea ด้วยสัญญา สี่ปีเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมปี 2009 และด้วยการที่ Sturridge นั้นอายุต�่ำกว่า 24 และทั้งสองสโมสรไม่ สามารถตกลงกันได้, ราคาค่างวดของ Sturridge จึง ต้องถูกตัดสินกันที่ศาล ทางคณะกรรมการนักฟุตบอล อาชีพได้ตัดสินเมือวันที่ 14 มกราคมปี 2010 ว่า The Reds - September 2013
Chelsea จะต้องจ่ายเงินขั้นต้นที่ 35 ล้านปอนด์ และจะต้องจ่ายเพิ่มอีก 500,000 ปอนด์ในทุกๆ 10, 20, 30 และ 40 นัดที่ได้ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่อย่าง เป็นทางการ และจะต้องจ่ายอีก 1 ล้านปอนด์หากว่า Sturridge ได้ลงเล่นทีมชาติ และ Manchester City จะได้รับเงินแบ่งปันอีก 15 % หากว่ามีการขาย Sturridge ต่อไปให้ทีมอื่น ........................................
51
ฤดูกาล 2009–10 เขายิงประตูแรกของเขาได้ในเกมที่ลงประเดิม ในสีเสื้อ Chelsea อย่างเต็มตัว ซึ่งเป็นเกมกระชับ มิตรกับทีมอย่าง Seattle Sounders เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมปี 2009, ในนาทีที่ 12 ของเกมเขาก็ยิงประตู แรกได้ ซึ่ง Chelsea ชนะไป 2–0 Sturridge ลง เล่นเกมที่สองให้กับ Chelsea ในนัดที่ต้องบู๊กับลูกพี่ เก่าอย่าง José Mourinho ที่ไปคุม Inter Milan,
ซึง่ เกมนัน้ เขาท�ำให้ทมี ได้จดุ โทษและเป็น Frank Lampard ที่ยิงเข้าไป เขาได้ลงประเดิมเกม Premier League นัดแรกกับ Chelsea ในวันที่ 18 สิงหาคม ปี 2009 ซึ่งเป็นเกมที่เจอกับ Sunderland, เขาได้ ลงเล่นแทน Didier Drogba ในวันที่ 16 กันยายน ปี 2009, Sturridge ซัด hat-trick ได้ในเกมส�ำรอง กับ Ipswich Town วันที่ 28 ตุลาคมปี 2009, เขาได้ เล่นเป็นตัวจริงครั้งแรกในศึก League Cup ซึ่งชนะ Bolton Wanderers ที่ Stamford Bridge ในวันที่ 20 ธันวาคม Sturridge ลงมาเป็นตัว ส�ำรองในเกมที่เจอกับ West Ham United และช่วย ให้ Chelsea ได้จุดโทษ ซึ่งแน่นอน Lampard เป็น คนยิงอีกเหมือนเคย เขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงนัดแรก ในเวที Premier League นัดที่ Chelsea ไปเยือน Birmingham City ในวัน Boxing Day เขายิงสอง ประตูแรกให้กับ Chelsea ในนัดที่เจอกับ Watford ในศึก FA Cup รอบสาม ในวันที่ 3 มกราคมปี 2010 เขาโชว์ความสามารถในกลากเลื้อยสุดๆ ในเกม FA Cup นัดที่เจอกับ Preston North End, เขายิง ประตูที่สามของเขาให้กับ Chelsea ในเดือนมกราคม เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ปี 2010, เขายิงประตูได้อีก ครั้งในเกมที่เจอกับ Cardiff City ซึ่ง Chelsea ชนะ ไป 4–1 Sturridge ยิงประตูแรกของเขาใน League ให้กับ Chelsea ในวันที่ 25 เมษายนปี 2010, เกม นั้นอัด Stoke City ไป 7–0 ที่ Stamford Bridge ในรอบชิงศึก FA Cup ปี 2010 เขาได้ลงเล่นใน ฐานะตัวส�ำรองเอาในนาทีที่ 90 ของเกม ซึ่งพวกเขา ชนะ Portsmouth ไป 1-0 Sturridge นั้นจบศึก FA Cup ฤดูกาล 2009–10 ด้วยการเป็นดาวซัลของทีม Chelsea ที่จ�ำนวนสี่ประตู ฤดูกาล 2010–11 ในวันที่ 15 กันยายนปี 2010 Sturridge ได้ลง ประเดิมศึก UEFA Champions League อย่างเต็ม ตัวในเกมที่เจอกับ MŠK Žilina เขายิงประตูแรกได้ ในเกมดังกล่าว (ประตูแรกในศึก UEFA Champions League) ซึ่งเกมนั้นบุกไปเยือนแต่ชนะได้ 4–1 ส�ำหรับ ศึก Premier League นั้น ทีมเขาแพ้ให้กับทีมเก่า September 2013 - The Reds
52
ของเขาอย่าง Manchester City ไป 1–0 loss นัด นั้น Sturridge ถูกส่งลงมาแทน Didier Drogba เขา ยิงประตูที่สองของเขาในศึก Champions League นัดที่เจอกับ Žilina, ซึ่ง Chelsea ชนะไป 2–1 หลัง จากนั้นเขาก็ยิง Ipswich Town ได้สองประตู ยืมตัวไป Bolton Wanderers วันที่ 31 มกราคมปี 2011, Sturridge ได้ย้าย ไปเล่นให้กับ Bolton Wanderers แบบยืมตัวยาว ไปจนจบฤดูกาล เขาลงประเดิมทีมชุดใหญ่อีกสองวัน ให้หลัง ในฐานะตัวส�ำรองที่เปิดบ้านต้อนรับการมา เยือนของ Wolverhampton Wanderers, เขายิง ประตูแรกได้ทันที เขายิงประตูได้อีกลูกในเกมที่แพ้ ต่อ Tottenham Hotspur ในอีกหนึ่งสัปดาห์ให้หลัง ซึ่งเขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริง ก่อนที่จะยิงประตูที่สามใน สามเกมที่ลงเล่นในนัดที่ชนะ Everton ไป 2–0 และ Sturridge ก็ยิงประตูตีเสมอ Newcastle United ได้ในเกมที่สี่ เขาได้กลายเป็นนักเตะคนที่หกที่ยิงประตู ได้ตดิ ต่อกันในสีน่ ดั แรกทีล่ งเล่นในเวที Premier League Sturridge ยังคงสร้างปรากฎการณ์ได้อย่างต่อเนื่องที่ Bolton และจบช่วงยืมตัวด้วยสถิติ 8 ประตูใน 12 นัด ที่ลงเล่น เขาไม่เคยโดนใบเหลืองมาก่อนในชีวิตนักเตะ แต่ก็มาเจอใบแดงเอาทีเดียวเลยในเกมสุดท้ายของ นัด ที่เจอกับทีมเก่าของเขาอย่าง Manchester City ฤดูกาล 2011–12 Sturridge เล่นให้กับ Chelsea ในศึก Premier League Asia Trophy ปี 2011 รอบชิงชนะเลิศ ช่วง pre-season ก่อนเริ่มต้นฤดูกาล 2011– 12, Sturridge ได้รับโอกาสพิสูจน์ตัวเองกับกุนซือ คนใหม่อย่าง André Villas-Boas และก็สร้างความ ประทับใจได้ด้วยการโชว์โซโลเดียวยิงประตูทีมจาก Hong Kong นามว่า Kitchee SC และยิงทีมอย่าง Rangers ได้ เพราะการโดนใบแดงในเกมสุดท้ายที่เล่นให้กับ Bolton, ท�ำให้ Sturridge ถูกแบนสามนัดในฤดูกาล 2011–12 ถึงแม้ว่าจะมีข่าวลือตลอดว่าเขานั้นคงจะ โดนขายทิ้งก่อนวันตลาดวาย แต่ Sturridge ก็ยังคงได้ The Reds - September 2013
รับความไว้เนื้อเชื่อใจจาก Villas-Boas และในเกมแรก ที่เขากลับมาจากการใช้โทษแบน เขาก็ยิง Sunderland ได้ แถมเป็นการยิงประตูด้วยการตอกลูกส้นด้วย ในนาทีที่ 50 ของเกมท�ำให้ Chelsea น�ำ 2–0 สุดท้าย ก็ชนะไปด้วยสกอร์ 2–1 Sturridge กลับคืนสู่ถิ่น Reebok Stadium ในวันที่ 2 ตุลาคม 2011 เขายิง ได้สองลูกในเวลาครึ่งชั่วโมง ลูกแรกนั้นเป็นการโขก ภายในเวลาไม่ถึง 90 วินาทีจากลูกเตะมุม และประตูที่
53
ผมแค่ต้องการชัยชนะ มันไม่ส�ำคัญว่าผมจะยิงได้หรือไม่ ผมฝึกซ้อมอย่างหนักในทุกๆ วัน เราฝึกซ้อมอย่างหนักกันเป็นทีม เราพยายามท�ำให้ทีมได้รับชัยชนะ และถ้าเราแพ้ เราก็แพ้กันเป็นทีม สองเป็นการยิงไกลจากนอกกรอบ ซึ่งนายประตูอย่าง Ádám Bogdán เสียผู้เสียคนไปเลย เขาท�ำแอสซิสต์ ให้ Frank Lampard ด้วยซึ่งเกมนี้จบไปที่สกอร์ 5–1 ในวันที่ 15 ตุลาคม เขายิงชนะ Everton ไป 3–1 ท�ำ ให้เขายิงประตูในลีคได้สลี่ กู ในสีน่ ดั ทีล่ งเล่น Sturridge ลงสนามในฐานะตัวส�ำรองในเกม League Cup นัด ที่เจอกับ Everton ในนาทีที่ 90 ซึ่งเขายิงประตูชัยให้ กับทีมได้ในนาทีที่ 116 ท�ำให้ Chelsea เฉือนชนะไป
ได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษไป 2-1 ท�ำให้ทีมเข้าสู่รอบแปด ทีมสุดท้ายได้ส�ำเร็จ Sturridge ยิงประตูที่เจ็ดของเขา ใน Premier League ได้ในเกมที่ Chelsea ชนะ Newcastle 3-0 วันที่ 13 ธันวาคม 2011, เกมที่ต้อง เจอกับทีมเก่าอย่าง Manchester City ที่ Stamford Bridge, Sturridge ท�ำแอสซิสต์ให้ Raul Meireles ยิงประตูได้ในนาทีที่ 34 เกมนัดนัน้ จบลงด้วยชัยชนะ 2–1 September 2013 - The Reds
54
Sturridge ยิงประตูได้ในเกมที่เสมอ 1–1 กับ Wigan Athletic เขานั้นดึงบอลที่โยนยาวมาของ Ashley Cole ด้วยเท้าซ้าย และยิงประตูได้ด้วยเท้า ขวาซึ่งเป็นการยิงมุมแคบท�ำให้ Chelsea ออกน�ำไป ก่อน ในวันที่ 22 ธันวาคมปี 2011, ในเกมที่ Chelsea เจอกับ Tottenham Hotspur, เขายิงประตูที่ 9 ของเขาใน Premier League ฤดูกาล 2011–12 เป็น ประตูตีเสมอในถิ่น White Hart Lane, Sturridge ยิงประตูแรกได้ในเกมที่มีชัยเหนือ Aston Villa ไป 4–2 เป็นการยิงแบบมีสไตล์ภายในเวลา 45 วินาที และยืงประตูที่ 11 ใน Premier League ฤดูกาลนั้น ในเกมที่เจอกับ QPR ในวันที่ 29 เมษายนซึ่งเกมนั้น Chelsea อัดไป 6–1 ท�ำให้มีหวังกลับไปเล่น Champions League ได้ เขานั้นเป็นตัวส�ำรองที่ไม่ได้ถูกใช้ ในเกมที่ Chelsea คว้าแชมป์ UEFA Champions League ปี 2012 ฤดูกาล 2012–13 Sturridge พลาดการลงสนามให้กับ Chelsea ในช่วง pre-season ทุกเกมเพราะออกไปรับใช้สหราช อาณาจักรในมหกรรมกีฬา Olympics เขาได้ลงเล่น ในเกมที่เจอกับ Manchester City เกม Community Shield, ส่งให้ Ryan Bertrand ท�ำประตูได้ Sturridge นั้นพลาดลงท�ำศึก UEFA Champions League รอบแบ่งกลุ่มนัดที่เจอกับ Juventus
The Reds - September 2013
55
และ Nordsjælland และเกม League Cup นัด แรกกับ Wolverhampton Wanderers เขาพลาด การลงสนามในเวที Premier League นัดเจอกับ Stoke City เพราะบาดเจ็บที่ hamstring และเขา ยิงประตูสุดท้ายใน Premier League ให้กับทีมของ เขาทีมนี้ในเกมที่ชนะ Tottenham Hotspur ถึง White Hart Lane ไป 4-2 เป็นการยิงได้ในฐานะ ตัวส�ำรอง จากลูกเปิดของ Juan Mata แต่เอาเข้า จริงๆ ประตูสุดท้ายที่เขาท�ำได้ให้กับ Chelsea เป็น เกมที่เจอกับ Manchester United ในเวที League Cup, เป็นการยิงได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษให้ทีมชนะไป 5-4 หลังจากนั้น Roberto Di Matteo ก็ถูกไล่ออก แล้ว Rafa Benitez ก็เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมขัดตาทัพ และเป็นคราวซวยที่ Sturridge ไม่ได้เล่นให้กับทีม อีกเลยในยุคของ Benitez เพราะมีปัญหากับอาการ บาดเจ็บ Liverpool Sturridge มาเล่นให้กับ Liverpool ในวันที่ 2 มกราคมปี 2013, Sturridge ได้บรรลุข้อตกลงย้าย จาก Chelsea มา Liverpool, ซึ่งเป็นสัญญาระยะ ยาว โดยไม่มีการเปิดเผยราคาค่างวดและค่าเหนื่อย แต่อย่างใด แต่สื่อคาดหมายว่าน่าจะอยู่ที่ราว 12 ล้าน ปอนด์ ฤดูกาล 2012–13 Sturridge ลงประเดิมสนามให้กับ Liverpool ในวันที่ 6 มกราคม ซึ่งนัดนั้นเจอกับ Mansfield Town ในเวที FA Cup รอบที่สาม เขายิงประตูได้ ทันทีในการประเดิมนัดแรกให้กับ Liverpool แถมยิง ได้ภายในเวลาแค่ 7 นาทีเสียด้วย เขายิงประตูแรกของ ตัวเองในเกมที่ประเดิมในลีคนัดแรก โดยนัดนั้นเขาลง มาในฐานะตัวส�ำรองในครึ่งหลัง ซึ่งเป็นการยิงประตู ได้ในเกมวันแดงเดือดกับผีแดง ซึ่งนัดนั้นแพ้ไป 2-1 ที่ Old Trafford ในวันที่ 13 มกราคม Sturridge ยิงประตูที่สาม ของเขากับ Liverpool ในการเล่นเป็นตัวจริงนัดแรก ซึ่งเกมนั้นถล่ม Norwich City คา Anfield ไป 5-0
เท่ากับว่าเขานั้นยิงประตูได้สามประตูในสามเกมแรก ที่เขาลงสนามให้กับทีม กลายเป็นนักเตะ Liverpool คนแรกที่ท�ำได้หลังจาก Ray Kennedy เคยท�ำได้เมื่อ 1974 ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ลงเล่นเต็มเกมเลยซักนัดนะนั่น ใน วันที่ 3 กุมภาพันธ์ Sturridge ยิงประตูได้จากระยะ 25 หลาซึ่งเป็นการยิงทีมเก่าของเขาอย่าง Manchester City ในเกมที่เสมอกัน 2-2 ที่ Etihad Stadium Sturridge ยังคงฮ๊อตไม่เลิกและอย่างต่อเนื่อง ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์เขาท�ำแอสซิสต์ให้กับ Jose Enrique, และยิง Swansea ในเกมที่ถล่ม 5-0 แล้วสองนัดต่อ มาก็ลงไม่ได้เพราะติดคัพไทและบาดเจ็บ เขากลับมา ยิง Chelsea ได้ในเกมที่เสมอ 2-2 ที่ Anfield, เกมที่ Luis Suarez หิวจัดไปกัดคู่แข่ง จนโดนแบน 10 นัด Sturridge ยิงได้สองประตูและท�ำได้หนึ่งแอสซิสต์ใน เกมที่ถล่ม Newcastle United ไป 6-0 ในวันที่ 27 เมษายน คา St James’ Park ในวันที่ 12 พฤษภาคม เขายิง hat-trick ในอาชีพของเขาในเกมที่ชนะ Fulham คา Craven Cottage 3-1 ฤดูกาล 2013–14 Sturridge เริ่มต้นฤดูกาล 2013-14 ด้วยการ ยิงประตูแรกของฤดูกาล ซึ่งเป็นประตูเดียวที่เกิดขึ้น ด้วยในเกมที่ Liverpool ชนะ Stoke City, เป็นการ ยิงนอกเขตโทษ และเขาก็ยิงได้อีกในเกมต่อมาที่เจอ กับ Aston Villa และก็มายิง Notts County ใน League Cup ไม่แต่เพียงเท่านั้นในเกมแดงเดือดนัด แรกกับการเปิดบ้านแอนฟิลด์รับการมาเยือน Manchester United, Sturridge ยังคงร้อนแรงไม่เลิก เมื่อท�ำประตูออกน�ำให้กับเจ้าบ้านอย่าง Liverpool ในเวลาไม่ถึง 4 นาทีในครึ่งแรก ซึ่งนั่นก็เพียงพอให้ Liverpool ก�ำชัยเหนือคู่แข่งตัวฉกาจได้ ท�ำให้ตอนนี้ Sturridge ผลักตัวเองขึ้นไปน�ำดาวซัลโวของพรีเมียร์ ลีค โดยท�ำไป 3 ประตู จาก 3 นัด และน�ำดาวซัลโว ร่วมกับ Christian Benteke ของ Aston Villa กับ Olivier Giroud ของ Arsenal ต้องจับตาดูกนั ต่อไป ว่าเขาจะคงฟอร์มร้อนแรง ขนาดไหน และจะสามารถพาต้นสังกัดอย่าง Liverpool บินได้สูงเพียงใด? เราพร้อมเอาใจช่วย September 2013 - The Reds
58
T his is Anfield
ยังจ�ำความรู้สึกเมื่อเห็น Brendan Rodgers ณ เวลานี้เมื่อปีที่แล้วได้ดี หลังจาก ที่ตลาดซื้อขายนักเตะปิดตัวไป ค�ำพูดและน�้ำเสียงของเขาดูไม่ค่อยจะมีความสุข สปิริต ต่างๆ ของเขา ดูคนละเรื่องกับตอนนี้ เขาดูเหมือนอึดอัดที่สโมสรไม่ยอมจ่ายเงินเพิ่มอีก สักนิดสักหน่อยเพื่อให้ได้ตัว Clint Dempsey มา แต่ที่ร้ายกว่านั้นก็คือไม่ค่อยมีทาง เลือกในเกมรุกอย่างที่เขาต้องการ ทุกๆ อย่างดูผุพัง
The Reds - September 2013
59
September 2013 - The Reds
60
The Reds - September 2013
61
ไวเหมือนโกหก ผ่านไป 12 เดือน รอบนี้ ผู้จัดการ ทีม Liverpool ใช้ทุกๆ ช่วงเวลาในตลาดซื้อขาย นักเตะอย่างมีประสิทธิภาพสุดๆ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวัน ตลาดวาย แล้วท้ายที่สุดก็นั่งทานอาหารในงานเลี้ยง ฉลองวันครบรอบ 100 ปี Bill Shankly ได้อย่าง สบายใจและผ่อนคลายสุดๆ ไม่มีอะไรต้องมานั่งขบคิด ได้ใช้เวลาจดจ�ำความดีงามของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ท่านนี้ได้อย่างเต็มที่ มันช่างเป็นอารมณ์ที่แตกต่างกันสุดๆ ภาพของ Rodgers ที่ดูผ่อนคลายและมีความสุขไร้ความกังวลใจ ใดๆ ในขณะที่ผู้จัดการทีมอื่นยังเครียดกันสุดๆ ในวัน เดียวกันนั้น เพราะพยายามท�ำทุกๆ อย่างเพื่อให้ได้ นักเตะใหม่มาให้ทันเวลา นี่เป็นสิ่งที่ชัดเจนว่าตลาด ซื้อขายนักเตะรอบนี้ ผู้จัดการทีมและทุกๆ ฝ่าย ต่าง ท�ำงานกันอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดแล้ว จบทุกๆ อย่าง ตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่ตลาดนักเตะจะปิดตัวไป ผู้จัดการทีมพยายามที่จะเฟ้นหาแข้งดีๆ มาสร้าง ความแกร่งให้กบั แนวรับของเขา หลังจากทีส่ ญ ู เสียขุนพล ส�ำคัญในเกมรับและเป็นพลังขับเคลื่อนคนส�ำคัญเช่น กันในห้องแต่งตัวนักเตะอย่าง Jamie Carragher ที่ เกษียรตัวเองไปตอนซัมเมอร์นี้ แล้วยังต้องมาสูญเสีย เซ็นเตอร์ละอ่อนอย่าง Sebastian Coates เข้าให้อีก ซึ่งผลที่ท�ำงานหนักเฟ้นหากันสุดๆ ทุกๆ อย่างก็บรรลุ เป้าหมายได้อย่างน่าปรบมือให้จริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่ Kolo Toure ที่มอบสิ่งที่เรียก ว่า “ประสบการณ์” ในรูปแบบเดียวกับ Carragher, Rodgers เอง ยังสามารถดึงดาวรุ่งเก่งๆ อย่าง Thiago Ilori มาได้ แล้วที่น่าประทับใจมากขึ้นไปอีกก็คือสามารถ เซ็นคว้าดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศสที่มีประสบการณ์แล้ว อย่าง Mamadou Sakho มาได้อีก ซึ่งเอาจริงๆ อายุ แค่ 23 ปีเท่านั้น ด้วยราคาที่สมเหตุสมผล ที่ส�ำคัญคือ มีความเป็นผู้น�ำสูง แล้วยังมีแบ็คซ้ายระดับชาติอีกคน อย่าง Aly Cissokho อีก เท่ากับว่าตอนนี้แนวรับของ ทีมนั้นแกร่งทั่วแผ่น มีตัวทดแทนได้ครบถ้วน บางทีสิ่งที่น่าประทับใจที่สุดของการท�ำธุรกรรม ครั้งนี้ก็คือ การตัดสินใจที่เฉียบขาด ซึ่ง Rodgers เอง ไม่มีความเกรงกลัวใดๆ ที่จะตัดสินใจอะไรลงไป เรารู้ September 2013 - The Reds
62
ว่าเขานั้นมีปัญหาในเรื่องนายประตู จากการที่ Pepe Reina ได้แสดงให้เห็นถึงเวลาขาลงของเขามาราวๆ เกือบสองปีแล้ว และเขาก็รู้ดีว่าการที่จะขจัดคนที่เป็น ระดับตัวเอ้ของสโมสร และเป็นที่รักของแฟนบอลนั้น จะมีผลกระทบขนาดไหน ผู้จัดการทีมที่ดี จริงๆ จะไม่พยายามไปแตะ เรื่องท�ำนองนี้ เพราะมีแต่เสียกับเสีย และก็อย่าง Carragher เองได้บอกผ่าน Sky เมื่อสัปดาห์ก่อน ว่าการตัดสินใจของ Rodgers ครั้งนี้ก็ชัดเจนว่า Reina นั้นดีไม่พออีกต่อไปแล้วส�ำหรับเขา ในขณะที่ Simon Mignolet นี่แหล่ะใช่ ครับ สื่อต่างๆ ก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เรื่องการตัดสินใจครั้งนี้ของเขาต่อ Reina ซึ่งเอากัน ตามจริง เมื่อฤดูกาลที่แล้ว นายประตูรายนี้ท�ำผิดพลาด จนท�ำให้หงส์แดงนั้นสูญเสียแต้มไปราวๆ 12 แต้มเป็น อย่างต�่ำ ในขณะที่ Mignolet นั้นเซฟแต้มไว้ได้หก แต้มแล้วในฤดูกาลนี้ และท�ำให้ Liverpool ขึ้นจ่าฝูง และประเด็นที่ส�ำคัญยิ่งกว่าก็คือการสร้างความเชื่อมั่น และความแข็งแกร่งให้กับแนวรับซึ่งเหมือนเกิดใหม่อีก ครั้งในการต่อสู้กับ Manchester United มันไม่ใช่แค่การเซ็นสัญญาทีค่ ณ ุ จะตัดสินผูจ้ ดั การ ทีมคนนึงได้ แต่ต้องดูที่กระบวนความคิดเบื้องหลังฉาก ต่างๆ และ Rodgers ก็เริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่าเขามี วิสัยทัศน์ที่เด็ดเดี่ยว แม้ว่าบางครั้งจะไม่ถูกใจ แต่ถูกที่ ถูกทางและเหมาะสม มีที่มาที่ไป ครั้นจะชมแต่ผู้จัดการทีมอย่างเดียวก็คงจะใช่ที่ คนที่เราจะต้องให้เครดิตก็คือ เจ้าของทีม เช่นกัน และ นั่นคือสิ่งที่ท�ำให้ตลาดซื้อขายนักเตะของ Liverpool รอบนี้ดูประสบความส�ำเร็จ เจ้าของทีมอย่าง John Henry และประธาน สโมสรอย่าง Tom Werner เป็นทุกๆ สิ่ง ทุกๆ อย่าง ให้กับ Rodgers ในครั้งนี้ พวกเขาเลือกที่จะไม่แสดงตัวตนออกมามากนัก ไม่พยายามออกสื่อ อยู่เหนือความรู้สึกใดๆ ไม่ตีโพย ตีพายใดๆ เวลาที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์และต�ำหนิจาก แฟนบอล พวกเขามองไปที่ภาพที่ใหญ่กว่าตลอด และ หากว่า Rodgers มีแผนการที่ชัดเจน ฉะนั้นเจ้าของ สโมสรก็มีแผนการของพวกเขาเช่นกัน บางทีมันคงจะ The Reds - September 2013
63
September 2013 - The Reds
64
The Reds - September 2013
65
ถึงเวลาแล้วกระมังที่สิ่งเหล่านี้ควรจะไปถึงความรู้สึก ของแฟนบอลเสียที พวกเขาพยายามตัดค่าเสียหายต่างๆ อันเป็นค่า เหนือ่ ยมหาศาลทีไ่ ม่จำ� เป็นออกไป เพือ่ ให้มคี วามยืดหยุน่ ที่พอเหมาะ แต่ไม่ใช่เพื่อประหยัดเงิน แต่เพื่อสามารถ น�ำเข้านักเตะที่เจ๋งจริงๆ สู่ Anfield ได้ การกระท�ำ ครั้งนี้เชิญชวนให้คนมาวิจารณ์อย่างมาก และเป็นที่ ถกเถียงว่า ค่าเหนื่อยระดับซุปเปอร์สตาร์ ก็ควรจะ ต้องจับจ่ายเพื่อใช้ซุปเปอร์ตาร์ ไม่ใช่ส�ำหรับนายประตู แบ็คขวา หรือนักเตะระดับ Squad Players พวกเขาเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมว่าอะไรส�ำคัญ กว่ากันในระบบการจ้างงานนักเตะ การรับมือกับ สถานการณ์ของ Luis Suarez น่าจะเป็นตัวอย่างที่ ดีอีกตัวอย่างหนึ่ง ถามจริงเถอะว่า มีกี่คนกันที่เชื่อโดย สุจริตใจว่าเขาจะอยู่ในถิ่น Anfield ต่อ เมื่อตลาดซื้อ ขายปิดตัวลง? และไม่ใช่เพียงแค่ว่าเขาอยู่ต่อเท่านั้น แต่กลายเป็นว่าเริ่มที่จะแสดงออกถึงความสบายใจ มากขึ้น เราได้เห็นการพยายามต่อรองในตลาดนักเตะ อย่างชัดเจน ไม่ใช่เพียงแค่การไล่ล่า Willian เท่านั้น แต่มองว่าควรจะเล็งเป้าไปที่ไหนแล้วลั่นกระสุนออก แน่นอนเจ้าของทีมถูกวิจารณ์อย่างหนักที่พลาดท่า ไม่ สามารถช่วยให้ทีมคว้าตัวดาวเตะชาว Brazilian มา ได้ บางทีพวกเขาควรจะได้รับค�ำชมด้วยซ�้ำที่ไม่ยอมให้ นักเตะบางคนมามีอ�ำนาจเหนือกว่าสโมสร ที่จะเล่นไป ตามเกมของนักเตะที่ว่า แน่นอนแฟนบอลต้องการเห็นการเซ็นดาวเตะ ระดับสูง ชื่อดัง และลึกๆ แล้วพวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะ เห็นการกรรโชกทรัพย์ใดๆ เพราะดูแล้วนักเตะบางคน ก็เหมือนพวก “Mercenaries” (นักรบรับจ้าง ใครมี เงินมากก็ท�ำงานให้ ความจงรักภักดีไม่จ�ำเป็น) และดู ท่า Willian อาจจะเป็นนักเตะรายต่อไป Chelsea จะเป็นอย่างไรที่ต้องเจอกับสถานการณคล้ายๆ กับ กรณี Tevez ในอีก 18 เดือนจากนี้ ในเมื่อนักเตะทั้ง สองคนนี้ต่างมีเอเย่นต์คนเดียวกัน? เจ้าของทีมมีแผนการระยะยาว และถึงแม้ว่า บางครั้งจะท�ำให้ผู้จัดการทีมอึดอัด ซึ่งเห็นได้ชัดเมื่อ ตอนที่ไม่สามารถเซ็น Willian ได้ แต่โดยรวมแล้วดู September 2013 - The Reds
66
ชัดเจนว่าพวกเขาท�ำให้สโมสรดีขึ้น อยู่ในสถานะการ เงินที่มั่นคงขึ้น และยังจะสร้างประโยชน์มากมายจาก ชื่อเสียงของสโมสรที่กลับมาสู่ระดับโลกอีกครั้ง Rodgers เองก็มีแผนเช่นกัน ที่จะสร้างสไตล์ เกมรุกที่ไหลลื่น และมีรากฐานเกมรับที่เหนียวแน่น แข็งแกร่ง มันดูชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ กับการเจิดจรัสของ Daniel Sturridge และ Philippe Coutinho ที่ดึง เข้ามา แล้วยังมีการเซ็นสัญญาที่ท�ำให้คุณตื่นเต้นกับ นักเตะอย่าง Iago Aspas, Victor Moses และดาวรุ่ง The Reds - September 2013
อนาคตไกลอย่าง Luis Alberto รวมไปถึงการโน้มน้าวใจให้ Suarez ให้เข้ามามี ส่วนร่วมผสมผสานในทีมชุดนี้ทันทีที่เขากลับมาจาก การใช้โทษแบน แนวรุกทั้งหมดนี้คงจะช่วยกันกอบโกย ประตูให้อย่างมากมาย และไม่ค่อยจะเสียประตูเท่า ไหร่ หากเราพิจารณาถึงสถิตินับตั้งแต่เดือนมกราคม เป็นต้นมา จากขวัญก�ำลังใจ ทุกๆ อย่างทีแ่ สดงออกมาให้เห็น นีค่ อื ตลาดนักเตะครัง้ ทีส่ องเท่านัน้ ทีพ่ วกเขาท�ำธุรกรรม
67
ที่ดี และถึงแม้ว่านักเตะที่เปรียบได้ดั่งไม้ตายซากจะถูก ส่งออกไปแล้ว แต่ยังมีงานอีกเยอะที่จะต้องท�ำให้เสร็จ ยั ง มี ป ั ญ หามากมายที่ ยั ง ต้ อ งแก้ ไขและต้ อ ง ปรับปรุงกันต่อไป ไม่เพียงแค่การขาดขุมก�ำลังที่พึ่งพา ได้ในทีมเท่านั้น แน่นอนตอนนี้มีตัวเลือกในเกมรับ แต่ การที่ Joe Allen บาดเจ็บ ท�ำให้ไม่มีตัวแบ็คอัพให้กับ Lucas และ Steven Gerrard ในต�ำแหน่ง Holding และดูเหมือนยังมีตวั เลือกในแดนหน้าทีม่ ากประสบการณ์ ไม่เพียงพอ
แต่หากมองถึงตรงนี้ ถือได้ว่า Liverpool ยัง สามารถมีความสุขได้พอสมควรกับตลาดรอบนี้ และ สามารถมองไปสู่อนาคตได้ด้วยความหวัง พวกเขามี ศักยภาพพอที่จะชิงชัยในการติด Top Four แต่ก็ ยังอาจไม่แกร่งเพียงพอ จริงๆ ยังต้องมีตลาดนักเตะ อีกมากมายที่ต้องท�ำให้ส�ำเร็จเหมือนครั้งนี้ และการ ด�ำเนินการอย่างสุขุมรอบคอบอย่างที่เจ้าของและผู้ จัดการทีมได้เลือกสรร เพื่อเริ่มต้นเก็บผลประโยชน์ใน ระยะยาวต่อจากนี้ September 2013 - The Reds
“เหนือสิ่งอื่นใด ผมแค่อยากให้ผู้คนจดจ�ำผม แค่ชายผู้หนึ่งที่เสียสละ, พยายามอย่างหนัก และเป็นกังวลอย่างมาก เพื่อให้คนอื่นได้แบ่งปันความภาคภูมิ ใจ ผู้ชายผู้สร้างครอบครัว และท�ำให้พวกเขาเชิดหน้าได้อย่างภูมิ ใจ ว่า “พวกเราคือลิเวอร์พูล”
70
T reatise
The Reds - September 2013
71
September 2013 - The Reds
72
Daniel Agger นั้นได้พูดถึงสภาวะความเป็น ผู้น�ำ และ Stevie รวมไปถึงปลอกแขนกัปตัน แต่ เอาเข้าจริงๆ มันมีอะไรอีกมากมายที่เราไม่รู้เกี่ยวกับ Daniel Agger เขานั้ น ไม่ ไ ด้ เ ติ บ โตมาด้ ว ยการมี ไ อดอลเป็ น นักกีฬา หรือนักฟุตบอล เขาใช้เวลาช่วงเด็กของเขาใน การหลงใหลกับแวดวงดนตรี เขานั้นชอบพอ Keith Richards และยกให้เป็นไอดอล ซึ่งดูแล้วเด็กๆ ไม่ ควรจะเอาเยี่ยงอย่าง เพราะคนๆ นี้มีปัญหาเรื่องยา เสพติดอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนั้นในวัย 14 ปี เขาก็รู้ เหตุผลข้อนี้ดี เขานั้นเป็นพวกบุปผาชนพอควร มีความ คิดที่โตเกินวัยและมองหาหนทางที่จะแบ่งปันความ รู้สึก และพลังในวัยหนุ่มเพื่อที่จะสร้างโลกให้ดูแย่น้อย กว่าที่เป็นอยู่ เรียกได้ว่าออกแนวอาร์ตติสพอควร นี่ อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่า ช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนเส้น ทางของเขามาทางฟุตบอล เป็นอะไรที่ตัวเขาเองเน้น หนักที่แคแร๊กเตอร์ และแบกรับความคาดหวังของตัว เองและคนรอบข้างมากกว่าปกติที่นักฟุตบอลคนอื่นๆ เขาเป็นกัน ซึ่งเราคงจะได้เห็นกันแล้วจากผลงานที่ ผ่านมาๆ และโดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ ว่าส�ำหรับ Liverpool เราได้เห็นการขึ้นๆ ลงๆ ของโชคชะตา ของ Daniel Agger และทุกๆ ครั้งที่เขาเริ่มท�ำผลงาน ได้ดี มักจะต้องมีเหตุให้ต้องบาดเจ็บไป แต่มาช่วงหลัง นี้เราก็คงได้เห็นว่า Agger นั้นเหมือนเครื่องยนต์ที่ เปลี่ยนเกียร์ใหม่ และโดดเด่นมากขึ้นเรื่อยๆ เรารู้ดีถึง ความทุ่มเท ความพยายาม ความเอาจริงเอาจัง ความ ตรงไปตรงมา และความจังรักภักดีที่เขามีให้กับทีมที่ อยู่เหนือกว่าหลายต่อหลายคน จะมีคนที่เหนือกว่า เขาก็คงเป็นแค่นักเตะที่เกิดขึ้นมาเพื่อเล่นให้กับสโมสร นี้สโมสรเดียวเท่านั้นก็คงไม่ต้องสงสัยว่าใคร และ ประจวบกับในยุคของ Brendan Rodgers ที่ก�ำลัง เฟ้นหารองหัวหน้าทีมคนใหม่จากคนเก่าที่จากไป เรา จึงได้เห็นศักยภาพและแคแร๊กเตอร์ของเขานอกสนาม ที่เด่นชัดขึ้นทุกวัน เขากลายเป็นตัวเต็งรองกัปตันคน ใหม่ และไม่ได้ท�ำให้เขาหลงระเริงแต่กลับท�ำยิ่งท�ำให้ เขาเหมือนกับติดเครื่องให้แรงยิ่งขึ้นไปใหญ่ Agger นั้น ได้บอกตอนที่ได้รับเกียรติให้เป็น The Reds - September 2013
73
September 2013 - The Reds
74
The Reds - September 2013
75
รองกัปตัน ว่า เขานั้นไม่สามารถบรรยายความรู้สึกของ เขาได้ เมื่อตอนนี้ได้กลายเป็นมือขวาของคนอย่าง Steven Gerrard ครับ มือขวาคนใหม่ของยอดกัปตัน ซึ่งเราอาจจะเรียกเล่นๆ ได้ว่า “ท่านรอง” คนใหม่ มี ไม่กี่คนนักหรอกที่จะประสบความส�ำเร็จจนได้เป็น นักฟุตบอลอาชีพ และมีไม่กี่คนนักหรอกที่ก้าวมาถึง การเป็น “รองกัปตัน” เพราะฉนั้นมันจึงเหมือนเป็น อะไรที่ยิ่งใหญ่ส�ำหรับเขา และมันคงเป็นอะไรที่ยากนัก ที่เขาจะบรรยายความรู้สึกของเขาออกมาได้ ตัวเขานั้น มีความรับผิดชอบที่เด่นชัดอยู่เสมอ ใครๆ ก็เห็น ไม่ ว่าจะเป็นรองกัปตันหรือไม่ เขาก็แสดงให้เห็นถึงความ มุ่งมั่นอยู่เสมอ จะต้องอยู่แถวหน้า มีอะไรขอลุย และ เคลียร์ก่อนชาวบ้าน โดยเฉพาะในเรื่องช่วยเหลือเด็กๆ ดาวรุ่งที่ก้าวขึ้นมา และเมื่อเขาใส่ปลอกแขนกัปตันนั้น บางสิ่งบางอย่างก็เกิดขึ้นกับเขา สไตล์ของความเป็นหัวหน้าคนเป็นอะไรที่ส�ำคัญ มากๆ ของรองกัปตัน เขาจะต้องพร้อมที่จะก้าวขึ้น มาทดแทนกัปตันในช่วงเวลาที่จ�ำเป็นจริงๆ และต้อง บัญชาการทัพแทนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดได้ไม่แพ้ กัปตัน แน่นอนความเป็นผู้น�ำของ Gerrard นั้นเด่น ชัดมาตลอดในแง่ของการเป็นขวัญก�ำลังใจผลักดันทีม ให้ผ่านช่วงเวลาที่เลวร้าย แอ็คชั่นที่โดดเด่นและเป็น ที่ประจักษ์ชัดมาตลอดหลายปี น่าที่จะเป็นอะไรที่ เหมือนเป็นพ่อพิมพ์ให้กับ Agger ได้ กล่าวคือน่าจะ ดึงอะไรที่เด่นๆ ตรงนี้มาเสริมกับบุคลิกภาพและสไตล์ ของตนเอง ตัวเขานั้นอยู่ที่สโมสรมานานกว่าแปดปี และ ตลอดเวลาที่เขาอยู่ที่นี่ ผู้น�ำของทีมก็คือ Stevie ซึ่ง ตัว Agger เองก็ยอมรับว่ากัปตันนั้นเป็นยอดผู้น�ำที่ เหลือเชื่อมากๆ และเป็นคนที่เขานั้นมองเป็นต้นแบบ และเรียนรู้สิ่งดีๆ ได้ ไม่ใช่แค่ฝีไม้ลายมือในแง่ฟุตบอล เท่านั้น เพราะฝีเท้าพูดแทน แต่ความเป็นตัวตนของ เขาและแนวทางที่เขานั้นปฎิบัติต่อผู้คนรอบข้าง ซึ่ง เป็นอะไรที่ดีเยี่ยม เมื่อตอนที่เขาเล่นให้กับทีมชาติ Denmark และ เป็นกัปตัน ตัวเขานั้นได้เรียนรู้อย่างมากมายตลอด 10 ปี บนเส้นทางสายอาชีพของเขา ตัวเขานั้นพยายามที่ จะไขว่คว้าส่วนที่ดีที่สุดของสิ่งดีๆ ต่างๆ แน่นอน จาก September 2013 - The Reds
76
Stevie ด้วยและน�ำมันมารวมกัน ผสมผสานกันใน แนวทางที่ตัวเขานั้นต้องการ สิ่งที่เป็นประเด็นส�ำคัญเกี่ยวกับ Agger ก็คือ แนวทางที่เขาแสดงออกถึงความรับผิดชอบที่มากมาย และการได้ ป ลอกแขนกั ป ตั น จึ ง เป็ น อะไรที่ เ พิ่ ม พู น ความเป็นตัวตนของเขาได้ มันเป็นเกียรติที่ไม่สามารถ ดูเบาได้เลย มันชัดเจนว่าส�ำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่แค่สิ่ง ที่โค๊ชตอบสนอง หรือเป็นสัญลักษณ์ แต่มันเป็นโอกาส ที่จะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง การเป็นกัปตันของชาติตัวเองเป็นสิ่งที่ย่ิงใหญ่ ที่สุดแล้วส�ำหรับนักเตะคนหนึ่ง โดยเฉพาะ Agger ทุกๆ ครั้งที่เขาสวมใส่ปลอกแขน มันท�ำให้เขารู้สึก ภาคภูมิใจ เขานั้นเรียนรู้ทุกๆ อย่างตลอดเวลา และ เมื่อเขาได้ปลอกแขนบางสิ่งบางอย่างก็เพิ่มพูนเข้ามา อีกเท่าตัว จริงๆ แล้วตัว Agger เองไม่เคยมีบุคลิกภาพที่ เป็นไปในแนวของ Pepe Reina ที่เขาคนนั้นก็มีบุคลิก ผู้น�ำอีกคน เพราะฉะนั้นการก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งของ อาชีพครั้งนี้ จึงเป็นอะไรที่ใหญ่เกินกว่าที่ใครจะเข้าใจ ได้ มันเป็นความภาคภูมิใจที่ไม่แฝงด้วยความผยอง ชัยชนะที่ไม่มีการเย่อหยิ่ง Agger นั้นมีความสุขที่ได้อยู่กับสโมสรแห่งนี้ และการแสดงออกของเขามันเป็นหลักฐานที่ชัดในตัว อยู่แล้ว สิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับ Daniel Agger คืออะไร? แนวทางที่เรารู้สึกกับเขา มันก็เหมือนกับที่เขารู้สึก ต่อ Liverpool FC The Reds - September 2013
77
September 2013 - The Reds
78
T he Kop Zone
The Reds - September 2013
79
September 2013 - The Reds
80
The Reds - September 2013
81
สวัสดีพี่น้องชาว เดอะ คอป ทุกท่าน กลับมา อีกครั้งกับพรีเมียร์ลีก 2013-2014 เปิดฤดูกาลกัน อย่างมันส์หยด พลิกล็อกกันไปมา สลับอันดับกันขึ้น ลงซะวุ่นวาย รวมไปถึงศึกการแย่งชิงนักเตะเพื่อน�ำ มาเสริมทัพเตรียมความพร้อมส�ำหรับศึกพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ ----------------------------------เริ่มต้นฤดูกาลมาสามนัด หงส์แดง ของเรา ท�ำผลงานได้ดีเหมือนเป็นการส่งสัญญาณที่ดีว่าปีนี้มี ลุ้นแน่นอน!! แมทช์ส�ำคัญที่จะไม่พูดถึงเลยคงเป็นไป ไม่ได้ นั่นก็คือ ศึกแดงเดือด “ลิเวอร์พูล” เปิดรัง แอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของคู่ปรับตลอดกาล “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ในศึกครั้งนี้ หงส์แดง จัด ผู้เล่นชุดใหญ่ แบบจัดหนักจัดเต็ม แต่น่าเสียดายตรงที่ ยังไม่มี หลุยส์ ซัวเรส เข้ามาร่วมทัพ เนื่องจากยังติด โทษแบน ขณะที่อีกฝ่ายนั้นก็ไร้ก�ำลังหลักอย่าง เวย์น รูนีย์ ที่มีข่าวมาว่าเขาได้รับบาดเจ็บระหว่างการฝึก ซ้อมนั่นเอง... เมื่อมีการแข่งขันนัดหยุดโลกเกิดขึ้น มีหรือที่ พวกเรา ชาวหงส์เหนือ จะพลาดไปได้ กิจกรรมรวมพล ของ หงส์เหนือ อย่างเป็นทางการครั้งแรกของฤดูกาล นี้ได้เกิดขึ้น โดยพวกเรานัดรวมพลกันที่ อุทยานการค้า กาดสวนแก้ว จ.เชียงใหม่ เมื่อถึงเวลานัด 18.00 น. เหล่าสาวกหงส์แดงก็เริ่มทยอยมารวมตัวกันเพื่อเชียร์ ทีมรัก บรรยากาศภายในงานดูครึกครื้นและคึกคัก มี ทั้ง แฟนหงส์ แฟนผี มารวมกัน ก่อนเริ่มการแข่งขัน ผู้ใหญ่ใจดีที่ได้เอื้อเฟื้อสถานที่ และผู้สนับสนุนหลักก็ ได้จับฉลากแจกรางวัลแก่ผู้มาร่วมงานกันพอหอมปาก หอมคอ ----------------------------------แล้วเมื่อถึงเวลา 19.30 น. เกมการแข่งขันก็ได้ เริ่มต้นขึ้น เมื่อสิ้นเสียงนกหวีดจากกรรมการ นักเตะก็ เริ่มเขี่ยบอล ผ่านไปเพียงแค่ 3 นาที ฝั่งเจ้าบ้านก็ได้เฮ กันถ้วนหน้า เมื่อได้ลูกเตะมุม เปิดโดย สตีเว่น เจอร์ ราร์ด ส่งมายัง ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ขวิดเข้าไปจังหวะ แรกบอลเข้าทาง แดเนี่ยล สเตอริดจ์ โหม่งสังหารท�ำ ประตูตีไข่แตกให้กับ ลิเวอร์พูล ขึ้นน�ำไป 1-0 เป็นการ ตีไข่แตกในเวลาอันรวดเร็ว สร้างขวัญก�ำลังใจให้กับ September 2013 - The Reds
82
ทีมขึ้นมาเป็นอย่างมาก เมื่อทางฝั่งเจ้าบ้านขึ้นน�ำ เกม ก็เริ่มเข้มข้นขึ้น ต่างฝ่ายต่างใส่กันไม่ยั้งท�ำให้เกมการ แข่งขันแมทซ์นี้ใบเหลืองปลิวว่อนเต็มสนาม ผ่านไป เพียง 2 นาทีหลังได้ประตูน�ำ ทางฝั่งทีมเยือนก็มีลุ้น จากการตีลังกายิงประตูของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ แต่ ก็ยังท�ำอะไรไม่ได้ บอลโด่งข้ามคานออกไป ในช่วงครึ่ง แรกเกมการแข่งขันเป็นไปอย่างดุเดือดผลัดกันรุก ผลัด กันรับ จนจบเกมครึ่งแรกไป ----------------------------------ในช่วงเวลาพักครึง่ ทางผูใ้ หญ่ใจดีกไ็ ด้นำ� ของรางวัล ต่างๆ มาจับฉลากแจกเหล่าบรรดากองเชียร์ทั้งแฟน หงส์และแฟนผีกันไม่อั้น พอถึงเวลาเกมการแข่งขันใน ครึ่งหลังจะเริ่มขึ้น ทุกคนก็ต่างตั้งหน้าตั้งตารอเชียร์ รอชม และรอลุ้นไปพร้อมๆ กัน ฝั่งเด็กหงส์ก็เชียร์ให้ มีประตูน�ำเพิ่มให้ทิ้งห่าง ฝั่งเด็กผีก็เชียร์ให้ทีมตนเอง ตีไข่แตก ----------------------------------เริ่มเกมครึ่งหลังมาได้เพียง 5 นาที แมนยูฯ ก็ เดินหน้าบุกอย่างต่อเนื่อง จนมีโอกาสที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ซัดด้วยเท้าซ้าย แต่บอลไปแฉลบ มาร์ติน สเคอร์เทล ออกหลังไป เกมยังคงด�ำเนินต่อไป ผ่านไป 60 นาที ทางโค้ชของแต่ละฝ่ายก็ต่างส่งตัวส�ำรองลง มาเปลี่ยนเพื่อมาเสริมทัพของทีมตนเอง แมนยูฯ ยังคง เร่งเครื่องสปีดเพื่อท�ำประตูอย่างเต็มที่ มีลุ้นหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นนายทวารอย่าง มิญโญเลต์ ไป ได้ จบเกม ลิเวอร์พูลเปิดบ้านชนะแมนยูฯ ไปด้วย สกอร์ 1-0 ท�ำให้บรรดาเด็กหงส์ดีใจ ปลื้มปริ่มกันถ้วน หน้า หลังจบเกมนัดนี้สามรถสร้างขวัญและก�ำลังใจ แก่นักเตะได้เป็นอย่างมาก เปิดฤดูกาลมา 3 นัด เก็บ คะแนนได้ 9 แต้ม ขึ้นน�ำเป็นจ่าฝูง นับจากนี้ไปคงจะ เห็นฟอร์มการเล่นที่ดีแบบนี้ขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อจะได้ ถ้วยพรีเมียร์ลีกมาไว้ในครอบครอง ก่อนที่ต่างคนต่าง จะแยกย้ายกลับ พวกเราชาวหงส์เหนือ ก็ไม่พลาดที่ จะชักภาพหมู่เก็บไว้ให้เป็นภาพแห่งความทรงจ�ำที่ดี ของพวกเราตลอดไป... You’ll never walk alone ----------------------------------น้องบี หงส์เหนือ...รายงาน The Reds - September 2013
83
September 2013 - The Reds
84
T reatise
The Reds - September 2013
85
September 2013 - The Reds
86
ยังคงเป็นเรือ่ งเก่า ทีเ่ อามาเล่าใหม่ได้ตลอด เพราะ ปัญหาเดิมๆ ก็ยังไม่เคยได้รับการแก้ไข ครับปัญหานี้ ของ Liverpool ก็คือ ยังไม่สามารถหา “ทางแก้” ใน กรณีที่ Lucas เกิดบาดเจ็บขึ้นมาอีกครั้ง Lucas เป็นนักเตะที่ใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองมาอย่าง ยาวนานกว่าที่แฟนบอล Liverpool จะเชื่อมั่น ว่าเขา นั้นคือ “ตัวปิดทองหลังพระ” ของทีม ช่วยกรองเกมรุก ของฝ่ายตรงข้ามอย่างมากมายและ ณ ปัจจุบันนี้ เขาก็ The Reds - September 2013
ท�ำได้อย่างที่ตั้งใจจริงๆ นาย “กองกลางตัวรับ” รายนี้เป็นส่วนส�ำคัญของ ความส�ำเร็จของ Liverpool มาหลายต่อหลายฤดูกาล แต่เมื่อเขาเกิดบาดเจ็บที่เข่า ทางสโมสรก็พยายามที่จะ หาใครมาทดแทนเขา “ด้วยตัวเลือกอื่นๆ” ซึ่งดูเหมือน จะไม่มีใครเลยที่ “เวิร์ค” หรือ “พอเทียบเคียง” นี่ก็เกือบสองปีมาแล้ว ดูยังไงก็ไม่เห็นว่าสโมสร จะหาตัวตายตัวแทนที่จะมาคอฟเวอร์เขาเวลาที่ไม่
87
ฟิตหรือบาดเจ็บได้เลย ตรงนี้เราจะปล่อยผ่านไปอีก หรือ? Joe Allen ถูกน�ำเข้ามาด้วยราคา 15 ล้าน ปอนด์เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว และ จนถึงตอนนี้แฟนบอลก็ เห็นเขา ดีบ้าง แย่บ้าง ไม่ค่อยคงเส้นคงวา พูดง่ายๆว่า ยังมีเครื่องหมายค�ำถามในหัวอยู่ เอาง่ายๆ เลย ทุกๆ ฝ่ายมองว่า เขานั้นไม่ใช่ “กองกลางตัวรับ” อย่างที่ Lucas เป็น
สโมสรนั้นก็เป็นข่าวกับนักเตะในระดับ Serie B นาย Jorghino เมื่อตอนต้นซัมเมอร์นี้ แต่สุดท้ายก็ไม่มี อะไร และก็ไม่มีกองกลางตัวรับตัวอื่นมาเป็นข่าวอีกเลย Lucas นั้นได้แสดงให้เห็นอีกครั้งในเกมแรกของ ฤดูกาลกับ Stoke City ว่าเขานั้นมีความส�ำคัญกับทีม แค่ไหน เขาแย่งบอลได้มากมาย พูดง่ายๆ ว่าเยอะกว่า ทุกๆ คนในสนาม คงมีแต่ Coutinho ที่ “เทพ” เหลือเกิน September 2013 - The Reds
88
The Reds - September 2013
89
ในเกมดังกล่าว ที่พอจะโดดเด่นเท่ากับเขา แต่การขโมยบอลของเขานั้น มากมายเสียยิ่งกว่าใคร จนถึงท้ายฤดูกาลมันคงจะเป็นอะไรที่น่าเซอร์ไพรส์สุดๆ หากว่า เขาไม่ติดเป็นหนึ่งใน Top five ของ Premier League ในภาคส่วนนี้ หากเกิดเขามีอนั ต้องบาดเจ็บ งานนีต้ วั เลือกในม้านัง่ ส�ำรองก็เหลือ เพียงแค่ Joe Allen ที่เล่นต�ำแหน่งนี้ได้ไม่ดีเท่าไหร่ เรียกได้ว่าไม่คงเส้น คงวา ในขณะที่งานนี้ก็ไม่ใช่งานถนัดของ Jordan Henderson ด้วย เช่นกัน อาจจะต้องมีปรับตัวไปตามสถานการณ์อีกครั้ง ทางเลือกอื่นที่เป็นไปได้ส�ำหรับนักเตะที่จะแทน Lucas จึงเหลือ เพียงนักเตะทีมชาติอังกฤษชุด U20 นาย Conor Coady เท่านั้น เด็ก คนนี้ถือว่าเป็นดาวดังในทีม Liverpool’s academy ที่เคยลงสนามบู๊ กับ Anzhi Machachkala มาแล้วเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ถึงตรงนี้มันเป็นเรื่องแน่ชัดว่า เราไม่มีตัวตายตัวแทน และหากว่า Lucas เกิดบาดเจ็บขึ้นมาในฤดูกาลนี้ มันจะดีและแฟร์พอไหม หากว่า Coady จะก้าวขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งของอาชีพเขา เพื่อมายืนต�ำแหน่งส�ำคัญ ของดาวเตะรุ่นพี่ชาว Brazilian รายนี้? September 2013 - The Reds
90
P layer Profile
The Reds - September 2013
91
Victor Moses เป็นชาวไนจีเรีย เกิดที่ประเทศไนจีเรีย แต่หลังจากที่ พ่อกับแม่เสียชีวิตจากเหตุการณ์จราจล ท�ำให้ Moses ได้ลี้ภัยมายังประเทศ อังกฤษ และได้ร�่ำเรียนในอังกฤษ และก็เข้าไปเล่นฟุตบอลในระดับเยาวชน ของ สโมสรคริสตัล พาเลส.. Moses สามารถเล่นได้หลากหลายต�ำแหน่ง แต่ต�ำแหน่งที่ถนัดคือ การเล่นในต�ำแหน่งมิดฟิลด์ทางด้านริมเส้น หลังจากที่ลงเล่นในระดับเยาวชน ด้วยฝีเท้าที่ยอดเยี่ยมของ Moses ก็ท�ำให้ถูกดันเป็นนักเตะอาชีพ ซึ่งก็ยังเล่นให้กับคริสตัล พาเลสอยู่ 3 ปี ก่อน ที่จะย้ายไปร่วมทีมวีแกน .. โดยการเล่นให้กับ คริสตัล พาเลส Moses ท�ำ ผลงานได้ค่อนข้างดีมาก โดยลงเล่นไป 58 นัดยิงไป 11 ประตู ... ภายหลังจากย้ายไปเล่นให้กับวีแกน, Moses ใช้เวลาเพียงแค่ 2 ปีใน สโมสรวีแกน ก่อนที่ จะเป็นเชลซีที่ดึงตัว ไปร่วมทีม ซึ่งถือเป็นก้าวที่ส�ำคัญ ของ Moses แต่การมาของ Moses ในทีมเชลซี ก็ต้องพบกับการแข่งขันที่เข้มข้น มากขึ้น ซึ่งในทีมเชลซีก็มีนักเตะระดับโลก ระดับท๊อปมากมายนั้นก็ท�ำให้ โอกาสของ Moses น้อยลงไป .. ซึ่ง Moses ได้ลงเล่นบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับได้ ลงเล่นอย่างสม�่ำเสมอ แต่ผลงานของเขาก็ถือว่าอยู่ในระดับเกณฑ์ที่ดี เพราะ เมื่อได้ลงเล่นก็ยังสามารถท�ำประตูได้อยู่บ่อยๆ
September 2013 - The Reds
92
The Reds - September 2013
93
แต่จากการมาของ José Mourinho ซึ่งเป็น การเปลี่ยนเจ้านายใหม่ Moses ก็ไม่ได้อยู่ในสายตา ของ Mourinho มากนักท�ำให้จ�ำเป็นต้องถูกปล่อย ตัวออกมา และเป็น ลิเวอร์พูล ที่ให้ความสนใจในการ ยืมตัว Moses มา 1 ฤดูกาล ผลงานในระดับทีมชาติ .. Moses มาเติบโตที่ประเทศอังกฤษ ท�ำให้เขา มีสิทธิ์ที่จะรับใช้ประเทศอังกฤษ ซึ่งการเล่นในระดับ เยาวชน Moses ก็ก้าวติดทีมชาติอังกฤษในทุกชุด ระดับเยาวชน เริ่มตั้งแต่ ชุด U16 U17 U19 และ U21 แต่ในระดับทีมชาติชุดใหญ่ Moses กลับเลือก ที่จะลงเล่นให้กับประเทศบ้านเกิดของเขา คือ ประเทศ ไนจีเรีย ซึ่งในตอนแรกของการรับใช้ชาติ Moses ก็ มีปัญหาเรื่องกฏของฟีฟ่า ท�ำให้นานเกือบ 1 ปี ถึง จะเคลียร์ปัญหานี้ลงได้ และในที่สุดก็สามารถเคลียร์ ปัญหาจบท�ำให้ Moses ถูกเรียกติดทีมกลับมาอีกครั้ง ในการแข่งขัน ฟุตบอล แอฟริกัน เนชั่นคัพ 2013 และท�ำได้ 2 ประตูในเกมที่พบกับ เอธิโอเปีย เกม สุดท้ายในรอบแรกซึ่ง ไนจีเรีย ต้องเอาชนะให้ได้สถาน เดียวถึงจะผ่านเข้ารอบ 2 ... ซึ่ง ไนจีเรีย ก็สามารถ ผ่านเข้ารอบ 2 ได้และสุดท้าย คว้าแชมป์มาครอง เป็นครั้งที่ 3 ได้ส�ำเร็จ โดย Moses ถือเป็นนักเตะตัวหลักส�ำคัญของ ไนจีเรีย ชุดนัน้ ด้วย และก็ได้รบั เลือกให้ตดิ ทีมยอดเยีย่ ม ในทัวร์นาเม้นท์นั้น ร่วมกับ จอนห์ โอบี้ มิเกล เพื่อน ร่วมทีมเชลซี ในต�ำแหน่ง มิดฟิลด์ .. เกียรติประวัติ ได้ แชมป์ยูโรป้า กับ เชลซี ในฤดูกาลที่แล้ว ภายใต้การคุมทีมของ ราฟาเอล เบนิเตช และได้ แชมป์ แอฟริกัน เนชั่น คัพ กับ ไนจีเรีย รวมถึงได้รับ รางวัลแฟร์เพลย์ ใน แอฟริกัน เนชั่นคัพ 2013 Redkop รายงาน September 2013 - The Reds
94
P layer Profile
The Reds - September 2013
95
ส�ำหรับ Tiago Ilori หลายคนไม่น่าจะเคยได้ยินนักเตะคนนี้มาก่อน รวมทั้งผมด้วยนี้หล่ะ ที่ไม่เคย รู้จักมาก่อน .. Tiago Ilori เกิดในประเทศอังกฤษในลอนดอน พ่อเป็นคนอังกฤษมีเชื้อสายไนจีเรีย แต่แม่เขาเป็น คนโปรตุเกส ซึ่งปัจจุบัน Ilori อายุ 20 ปี ... Ilori มีส่วนสูงที่สูงมาก โดยสูงถึง 190 Cm... เล่นในต�ำแหน่ง กองหลังตัวกลาง เริ่มเล่นฟุตบอลใน ระดับเยาวชนกับ ทีม Imortal DC ซึ่งเป็นทีมในโปรตุเกส ก่อนที่จะเข้าร่วมทีม Sporting Clube de Portugal’s (Sporting CP) ... จนกระทั่งในปี 2011 เพิ่งจะก้าวเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ของ Sporting CP และลงเล่นเป็นเกมแรกในฤดูกาลนั้น เจอกับทีม U.D. Leiria ในลีกโปรตุเกส .. โดย Tiago Ilori เคยลงเล่นในยูโรป้าด้วย โดยลงเล่นเจอกับ ทีมลาซิโอ้ ในรอบแบ่งกลุ่ม และหลัง จากนั้นในฤดูกาลถัดมาก็ลงเล่นให้กับทีม Sporting B ไป 20 นัด ในระดับชาติ Ilori เลือกที่จะลงเล่นให้กับทีมชาติโปรตุเกส โดยติดทีมชาติในชุดตั้งแต่ U18 - U20 Redkop รายงาน
September 2013 - The Reds
96
P layer Profile
เป็นอีก 1 นักเตะที่ถูกเสริมทัพเข้าสู่ทีมก่อนที่ตลาดซื้อขายจะปิดตัวลง ซึ่งผมเองก็ไม่ค่อย ได้ติดตามฟอร์มการเล่นของ Mamadou Sakho มากสักเท่าไหร่ แต่ก็พอได้ยินชื่อเสียงเรียง นามมาบ้างแล้ว เรามาท�ำความรู้จักประวัติคร่าวๆ ของ Sakho กองหลังทีมชาติฝรั่งเศสกัน Mamadou Sakho เป็นคนฝรั่งเศสโดยก�ำเนิดแต่มีเชื้อสายเซเนกัลอยู่เหมือนกัน ซึ่ง ปัจจุบันอายุแค่เพียง 23 ปีเท่านั้น Sakho เล่นในต�ำแหน่ง เซนเตอร์แบ็ค แต่ก็ยังสามารถโยกไปเล่นในต�ำแหน่งแบ็คซ้ายได้ เช่นกัน Sakho เริ่มเล่นฟุตบอลในระดับเยาวชนกับ ทีม Paris FC ซึ่งก็เป็นทีมในระดับดิวชั่น 3 ของฝรั่งเศส โดยเข้าร่วมตั้งแต่อายุประมาณ 6 ขวบจนกระทั่งเขาอายุประมาณ 12 ปี ทางสโมสร Paris Saint-Germain ( PSG ) จะท�ำการดึงตัวเข้าสู่สโมสร ซึ่งก็ยังเล่นอยู่ในระดับเยาวชนอยู่ หลังจากนั้นไม่นาน ประมาณ 5 ปี Sakho .. ก็เลื่อนขึ้นมาสู่ระดับทีมชุดใหญ่ของ PSG ใน ปี 2007 .. โดยมีการตกลงท�ำสัญญากัน 3 ปี ซึ่งในตอนนั้น Sakho อายุได้เพียง 17 ปีเท่านั้น ซึ่ง ในฤดูกาลนั้น Sakho ก็ได้ลงประเดิมสนามให้กับตัวเองในทันที โดยลงในเกมที่เจอกับ Lorient ซึ่งทีมก็สามารถเอาชนะไปได้ 3 - 0 ในฟุตบอลถ้วยของฝรั่งเศส แต่ถ้าเกมในลีกที่ลงเล่นเป็นเกม แรก ก็เป็นเกมที่พบกับ Valeciennes
The Reds - September 2013
97
September 2013 - The Reds
98
The Reds - September 2013
99
ซึ่งหลังจากผ่านฤดูกาลแรกที่เขามีโอกาสลงสัมผัสเกมในลีกถึง 12 เกม หลังจากนั้นเขาก็ เริ่มมีต�ำแหน่งตัวจริงมากขึ้น จนกระทั่งในปี 2009 ก็เรียกได้ว่าเป็นตัวจริงของทีมอย่างเต็มตัว โดยฤดูกาล 2009-2010 ลงเล่นในลีกไป 32 เกม .. และก็เป็นตัวหลักของทีม PSG ตลอดมาใน ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา และในฤดูกาล 2010-11 ในเกมที่ลงเล่นใน ยูฟ่า คัพ .. เขาก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตัน ทีม ซึ่งในเกมนั้น โคล้ด มาเกเรเร่ ไม่ได้ลงเล่นท�ำให้โอกาสตกมาอยู่ที่เขา และหลังจากนั้นภายใต้ การคุมทีมของ Kombouaré ... Sakho ก็ยังได้รับวางใจให้เป็นกัปตันทีมอยู่เสมอ จนกระทั่ง ในฤดูกาล 2011-12 ก็ได้เป็นตัวเลือกแรกส�ำหรับต�ำแหน่งกัปตันทีมของทีม PSG แต่เจ้าตัวก็ มาประสบกับปัญหาอาการบาดเจ็บ hamstring จนกระทั่งไม่ได้เล่นกับทีมเลยตลอด 2 เดือน และหลังจากนั้นผลงานของ PSG ไม่ดี จนกระทั่ง โค้ช Kombouaré ลาออกจากทีมไป และ แต่งตั้ง อัลเชล๊อตติ เข้ามาแทน ซึ่งการมาของ อัลเชล๊อตติ ก็ท�ำให้โอกาสของเขาในทีมเริ่มน้อย ลงไป และสุดท้ายก็มีข่าวการย้ายทีม และลิเวอร์พูลก็เป็นทีมที่คว้า Sakho เข้าร่วมทีม ผลงานในระดับทีมชาติของเขา Sakho ติดทีมชาติมาในทุกชุดของฝรัง่ เศส ไล่ตงั้ แต่ U16-U21 และจนกระทัง่ มาติดทีมชาติชดุ ใหญ่ของฝรัง่ เศส โดยถูกเรียกติดทีมเป็นครัง้ แรกในยุคของ โลร๊องค์ บล๊อง โดยลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่ไปแล้ว 14 เกม เกียรติประวัติ แชมป์ลีกเอิง ในปี 2012-13 แชมป์ Coupe de la Ligue ในปี 2007-08 แชมป์ Coupe de France 2009-10 แชมป์ Trophée des champions: ในปี 2013 เกียรติประวัติส่วนตัว ได้ต�ำแหน่งดาวรุ่งยอดเยียมในปี 2010-11 และติดทีมยอดเยี่ยมของลีกเอิงในปี 2010-11
Redkop รายงาน
September 2013 - The Reds
100
T actic Analyze
The Reds - September 2013
101
September 2013 - The Reds
102
ก็ผ่านกันไปแล้วกับ ศึกแดงเดือด ครั้งล่าสุดที่ สนามแอนฟิลด์ ที่จบลงด้วยชัยชนะของทีมลิเวอร์พูล ของพวกเรานั่นเอง นับแต่เกมลีค เราได้เก็บชัยชนะทั้ง 3 นัด 9 แต้ม และ ท�ำ 3 ประตู ไม่เสียสักประตูเลย ท�ำสถิติ เป็นทีมเดียวในลีคอังกฤษทุกดิวิชั่น ที่ชนะรวด และ ยังไม่เสียแม้แต่ประตูเดียว (ณ เวลานั้นที่จบ 3 นัด) เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมจากการท�ำงานหนักของ ทีมงาน และ นักเตะทุกคน กับฟอร์มการเล่นทั้ง 3 นัดในลีค มีบางอย่างที่ เหมือนกัน และ แตกต่างกัน ในแทคติค รูปแบบการ เล่น การบุก การตั้งรับ โดยที่ภาพเบื้องหน้าที่เราทราบ กัน ก็คือ ผลงานชัยชนะ ประตูที่ท�ำได้ ตามเนื้อความ ข้างต้นที่ได้กล่าวไว้ วันนี้เราจะมาวิเคราะห์ผลงานใน ลีคของเราทั้งหมด 3 นัด โดยประกอบข้อมูลทางสถิติ ที่เว็บทางการใช้ จาก Opta รวมกับบทวิเคราะห์ของ ผม กันครับ
เริ่มจากเกมแรกนัดเปิดฤดูกาล Liverpool vs Stoke City Kick off : 17 Aug 2013 11 ผู้เล่นตัวจริง ประกอบไปด้วย 22 Simon Mignolet 2 Glen Johnson 3 José Enrique 5 Daniel Agger 4 Kolo Touré 9 Iago Aspas 8 Steven Gerrard 14 Jordan Henderson 21 Lucas Leiva 10 Philippe Coutinho 15 Daniel Sturridge
ต�ำแหน่งโดยเฉลี่ยของนักเตะแต่ละคน < ไอคอนสีขาว (Liverpool) > The Reds - September 2013
103
ด้วยแผนการณ์เล่นที่เราคุ้นตากัน คือ แผงหลัง 4 ตัว กลาง 3 และ หน้า 3 ซึ่งการยืนก็จะปรับเปลี่ยน กันได้มากมายระหว่างเกม จากต�ำแหน่งเราจะเห็นว่า แทคติคโดยรวมใน นัดแรก เราเน้นเกมบุกค่อนข้างมากในแต่ละต�ำแหน่ง โดยมีการดันสูงหลายๆ ต�ำแหน่งที่ชัดเจนก็คือ Aspas ขึ้นสูงไปเล่นด้านหลังของ Sturridge มาก และมี Coutinho คอยโจมตีด้านข้างทางฝั่งขวาเราจะเห็น Henderson และ Johnson เติมเกมคอยกดดัน Stoke สูงมากเช่นกัน ทางด้านนี้เป็น tactic ของ Brendan rodger ที่น่าสนใจ เพราะ 2 คนนี้จะจับคู่ กันคอยเล่นทัง้ รับและรุกให้สมดุลกันในการยืนต�ำแหน่ง (คอยติดตามกับอีก 2 นัดที่เหลือครับ ที่จะกล่าวต่อไป) ในเกมรับจะคอยกันสกัดกั้นการบุกของ Erik Peters จากแดนหลัง และคอยช่วยกันซ้อนป้องกันการบุกของ Matthew Etherington ในบางจังหวะทีส่ ำ� คัญ เนือ่ งจาก Etherington จะโดนการกดดันโดยต�ำแหน่งการยืน ของ Touré ที่ประกบติดอยู่ ตรงกลาง Lucas จะคอยซ้อนทางด้านหลังของ Gerrard เพื่อสนับสนุนในการป้องกัน และฝั่งซ้าย
Enrique คอยป้องกันการโจมตีจาก Geoff Cameron ซึ่ง Enrique จัดการได้ค่อนข้างดีท�ำให้สามารถ เล่นเกมรุกบุกเดี่ยวได้เต็มที่ และคอยช่วย Agger ใน จังหวะที่ส�ำคัญบางจังหวะของ Jonathan Walters โดยหน้าที่หลักของ Agger คือการจัดการกับ Peter Crouch สถิติการบุกของเกมมีดังนี้ ประตู ที่ท�ำได้ 1 ประตู โอกาสท�ำประตูทั้งหมด (รวมทั้งลูกที่โดนบล๊อค) 25 ครั้ง เหนือกว่า สโต๊ค ซิตี้ ที่ท�ำได้แค่ 12 ครั้ง ยิงเข้ากรอบ 11 ครั้ง มากกว่า สโต๊ค ซิตี้ ที่ ท�ำได้แค่ 6 ครั้ง ลูกยิงที่ถูกบล๊อคโดยผ่ายตรงข้าม 5 ครั้ง ใน ขณะที่ฝั่ง สโต๊ค ซิตี้ ไม่มีสักครั้งเดียว โอกาสยิงจากนอกกรอบ 8 ครั้ง โอกาสยิงในกรอบ 17 ครั้ง มากกว่า สโต๊ค ซิตี้ ชัดเจนอีกครั้ง อัตราความแม่นย�ำของลูกยิงทั้งหมด (รวมทั้งลูก ที่โดนบล๊อค) 55% September 2013 - The Reds
104
วิเคราะห์เกมบุก ลิเวอร์พูล ท�ำได้ดีกว่าค่อนข้างชัดเจน และ โอกาสโดยรวมที่เน้นการบุกค่อนข้างมากในครึ่งแรก มีโอกาสท�ำประตูในกรอบของฝ่ายตรงข้ามถึง 17 ครั้ง สถิติที่น่าสนใจคือ ลูกยิงที่ถูกบล็อกโดยผ่ายตรงข้าม โดยใน 5 ครั้งนี้เกิดจากนักเตะ 4 คน คือ Glen Johnson 1 ครั้ง, José Enrique 1 ครั้ง, Kolo Touré 1 ครั้ง และ Philippe Coutinho 2 ครั้ง แสดงให้เห็น ถึงการเล่นเกมบุกของแผงหลังที่ดันขึ้นสูงเช่นกัน สถิติการยิงประตูของแผงหลัง สิ่งที่น่าสนใจใน เกมนี้คือ Agger ที่ไม่มีสถิติในการบุกยิงประตูเลยสัก ครั้งดียว สอดคล้องกับ Tactic การยืนต�ำแหน่งที่ Agger จะยืนเป็นปราการหลังตัวสุดท้าย โดยเป็นหน้าที่ ของ Touré ในการท�ำเกมรุก สถิติการยิงประตูจาก แผงหลังประกอบไปด้วย Glen Johnson 2 ครั้ง, José Enrique 3 ครั้ง, Kolo Touré 2 ครั้ง
The Reds - September 2013
สถิติการเล่นของเกม อัตราการครองบอล 55.3 % การแย่งบอลบนพื้นส�ำเร็จ 49% / การแย่งบอล กลางอากาศส�ำเร็จ 36.8% การตัดบอลเพื่อท�ำลายจังหวะส�ำคัญ 10 ครั้ง ล�้ำหน้า 2 ครั้ง เตะมุม 12 ครั้ง วิเคราะห์สถิติการเล่นของเกมโดยรวม ลิเวอร์พูลครองบอลมากกว่าค่อนข้างชัดเจน แต่ การเข้าปะทะแย่งบอลกับ สโต๊ค ซิตี้ ยังเป็นรอง ทั้ง ลูกบนพื้น และลูกกลางกาศ โดยเฉพาะกลางอากาศ ที่เราแพ้แบบค่อนข้างชัดเจน (ซึ่งไม่ใช่เรื่องเหนือความ คาดหมายแต่อย่างใด เนื่องจากหลายคนคงคุ้นเคยกับ รูปแบบการเล่นของ สโต๊ค ซิตี้ เป็นอย่างดีอยู่แล้ว) ได้ เตะมุมค่อนข้างมากถึง 12 ครั้ง ในครึ่งแรก ลิเวอร์พูล
105
บุกกดดันแบบต่อเนื่องมาก แน่ น อนว่ า สถิ ติ ก ารเข้ า สกั ด บอลจะเป็ น ของ ต�ำแหน่งที่เน้นทางเกมรับ มาดูกันครับว่าใครมีสถิติที่ โดดเด่นในนัดนี้ Glen Johnson ชนะในการดวลลูกบนพื้น ถึง 73.3% และ ชนะในการดวลลูกกลางอากาศถึง 75% รวมไปถึงการตัดบอลในจังหวะส�ำคัญที่ท�ำได้ถึง 2 ครั้ง โดดเด่นที่สุดในแผงกองหลังทั้งหมด (เล่นครบ 90 นาที) รองลงมาเป็น Kolo Touré ที่ ชนะในการดวล บนพื้นถึง 53.8% และ ชนะในการดวลลูกกลางอากาศ 44.4% ในแผงกองกลางที่โดดเด่นที่สุดในเกมรับ คงหนี ไม่พ้น Lucas ที่ ชนะในการดวลลูกบนพื้น ถึง 70% และ ชนะในการดวลลูกกลางอากาศถึง 60% รวมไป ถึงการตัดบอลในจังหวะส�ำคัญที่ท�ำได้ถึง 2 ครั้ง โดด เด่นที่สุดในแผงกองกลางทั้งหมด (เล่นครบ 90 นาที)
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการท�ำหน้าที่ของเหล่ากอ งกลางตัวรุก ที่ช่วยเหลือในเกมรับของทีมได้ดีอย่าง น่าชื่นชม คือ Coutinho ที่ ชนะในการดวลลูกบนพื้น 44.4% และ ชนะในการดวลลูกกลางอากาศ 50% Aspas ที่ ท�ำได้ดีไม่แพ้กันกับการ ชนะในการดวลลูกบนพื้น 40 % และ ชนะในการดวลลูกกลางอากาศถึง 100% รวม ไปถึงการตัดบอลในจังหวะส�ำคัญอีก 1 ครั้ง สถิติการผ่านบอลโดยรวม ผ่านบอลทั้งหมด 520 ครั้ง การผ่านบอลยาว 9.8% ค่าความแม่นย�ำในการผ่านบอล 82.7% ค่าความแม่นย�ำในการผ่านบอลในแดนคู่ต่อสู้ 75.6% การครอสบอลทั้งหมด 24 ครั้ง ครอสบอลส�ำเร็จ 25% วิเคราะห์สถิติการผ่านบอลโดยรวม ไม่มีใครโดดเด่นเกินกัปตันของเรา Steven Gerrard ที่ต้องใช้ค�ำว่า “ครบเครื่อง” ทั้งบอลสั้น บอลยาว และ การถ่ายบอลข้ามฝากไปมา ถือเป็นฟัน เฟืองชิ้นส�ำคัญของลิเวอร์พูลในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลนี้ อย่างแท้จริง Gerrard ส่งบอลให้กับทีมถึง 87 ครั้ง โดยแบ่ง เป็นลูกส่งระยะยาว 13.8% ความแม่นย�ำในการส่ง บอลถึง 90.8% ลูกครอสข้ามฟากของ Gerrard มีถึง 11 ครั้ง โดยครอสส�ำเร็จที่ 27.3% และยังสร้างโอกาส ให้เพื่อนร่วมทีมอีก 3 ครั้ง อีกคนที่โดดเด่นไม่แพ้กันในเรื่องการส่งลูก ก็คือ Philippe Coutinho Coutinho ส่งบอลให้กับทีม 44 ครั้ง โดยมี การครอสข้ามฝาก 3 ครั้ง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ส�ำเร็จถึง 66.7% แต่สิ่งที่เป็นเครื่องหมายการค้าที่ส�ำคัญของ เจ้าหนูบราซิลเลียนผู้นี้คือ การสร้างโอกาสให้เพื่อน ร่วมทีมท�ำประตู เช่มเดิมที่เขาท�ำได้สูงถึง 6 ครั้ง Aspas ก็ท�ำได้ดีเช่นกันที่ 5 ครั้ง และ 1 ในนั้น คือการส่งบอลให้ Sturridge ท�ำประตูชัย September 2013 - The Reds
106
เกม
สถิติการป้องกัน และ การท�ำโทษโดยรวมทั้ง การเข้าสกัด 34 ครั้ง สกัดบอลส�ำเร็จ 76.5% เคลียร์บอล 26 ครั้ง การท�ำฟาล์ว 11 ครั้ง ใบเหลือง 1 ใบ ใบแดง 0 ใบ
วิเคราะห์สถิติการป้องกัน และ การท�ำโทษ โดยรวมทั้งเกม Philippe Coutinho ได้สร้างสถิติที่น่าสนใจ ในเกมรับ แม้เครื่องหมายการค้าจะเป็นการสร้าง โอกาสในเกมรุกได้อย่างน่าตื่นเต้นที่เรามักคุ้นตากัน เป็นประจ�ำ Coutinho เก็บสถิติที่น่าสนใจในเกมรับของ ทีม คือ การเข้าสกัดบอลถึง 6 ครั้ง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ที่แย่งบอลได้ส�ำเร็จถึง 83.3% เป็นรองแค่ Lucas คน เดียวในแดนกลาง Daniel Agger ท�ำผลงานได้ดีพอตัวในเกมรับ ที่เขาต้องรับผิดชอบ ถึงแม้ภาพที่เราคุ้นตาของ Agger คือการท�ำเกมบุก และสนับสนุนในเกมรุกของทีม Agger ประสบความส�ำเร็จด้วยดี กับงานที่เขา รับผิดชอบ คือ การจัดการกับ Peter Crouch ที่ไม่ สามารถท�ำอะไรได้เลยในเกมรุก ของ สโต๊ค ซิตี้ รวม ไปถึง Kenwyne Jones ที่มีโอกาสเพียงครั้งเดียว คือ จังหวะซ�้ำลูกจุดโทษ ของ Jonathan Walters แต่ Agger ก็ยังพลาดในจังหวะป้องกันลูกตั้งเตะของ สโต๊ค ซิตี้ จนท�ำให้เกิดจังหวะลูกจุดโทษขึ้น ซึ่งใน จังหวะนี้ Agger ท�ำการประกบ Steven N’Zonzi อยู่ ก่อนที่จะโดน N’Zonzi ฉีกหนีออกจากกรอบเขด โทษ แล้วสลับให้ Robert Huth และ Jonathan Walters เข้าโจมตี จึงท�ำให้ Agger ต้องตามจังหวะ ลูกโยนนี้ จนเป็นเหตุให้เกิดลูกจุดโทษขึ้น โดยผม วิเคราะห์ว่า Agger ตัดสินใจใช้ทั้งหัวและเท้าในการ ป้องกันลูกนี้ เนื่องจากคิดว่าต้องผ่านสัมผัสของ Jonathan Walters มาก่อน แต่โชคร้ายที่ลูกบอลไปโดน มือ จนเกิดเป็น แฮนด์บอล และเสียจุดโทษในที่สุด The Reds - September 2013
และมีคำ� พูดทีก่ ล่าวเสมอมา คือ ค�ำว่า “สถานการณ์ มักสร้างวีรบุรุษ” เมื่อ Agger พลาด เราก็เกิดวีรบุรุษ ขึ้นมาทันที นั้นก็คือ Simon Mignolet ที่ท�ำการ ป้องกันลูกจุดโทษของ Jonathan Walters และ ลูกยิงซ�้ำของ Kenwyne Jones ได้อย่างน่าชื่นชม แต่จากผลงานที่ยอดเยี่ยม ก็ยังมีจุดอ่อนที่เราจะมา วิเคราะห์ และพูดถึงกันครับ Simon Mignolet มีอัตราความแม่นย�ำใน
107
การจ่ายบอลที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร แน่นอนครับถ้าเทียบ กับ Pepe Reina ยังห่างไกลกันมาก มาดูสถิตินัดเจอ สโต๊ค ซิตี้ กันครับ Mignolet จ่ายบอลทั้งหมด 13 ครั้ง โดยเป็น บอลยาวถึง 61.5% มีความแม่นย�ำ ที่ 53.8% Begovic จ่ายบอลทั้งหมดถึง 20 ครั้ง เป็นบอล ยาว 50% แต่มีความแม่นย�ำถึง 70% จะเห็นว่า Mignolet ยังมีจุดอ่อนในการจ่าย
บอล ยิ่งเมื่อเทียบกับผู้รักษาประตูฝ่ายตรงข้ามทั้ง 3 เกม (รวมไปถึงเกมต่อไปที่ผมจะพูดถึง) สองเกมต่อไป จุดอ่อนนี้จะยิ่งชัดขึ้นมาก แน่นอนเมื่อมีจุดอ่อนก็ย่อมมีจุดแข็ง Mignolet มีปฎิกิริยาในการป้องกันประตูที่ยอดเยี่ยม ในนัดนี้เขา ป้องกันประตู ไปได้ถึง 5 ครั้ง คิดเป็น 100% ในการ ป้องกันลูกยิง จากจังหวะท�ำประตูของ สโต๊ค ซิตี้ 12 ครั้ง และ ป้องกันจุดโทษอีก 1 ครั้ง September 2013 - The Reds
108
เกมที่สองของฤดูกาล Aston Villa vs Liverpool Kick off : 24 Aug 2013 11 ผู้เล่นตัวจริง ประกอบไปด้วย 22 Simon Mignolet 2 Glen Johnson 3 José Enrique
ซึ่ง Brendan Rodger ยังยึดผู้เล่นชุดเดิมจาก เกมแรก ที่ชนะ สโต๊ค ซิตี้ 1-0 เป็น 11 ตัวหลักตาม เดิม รูปแบบการเล่น การยืนต�ำแหน่งยังคลายคลึงกับ เกมแรก แต่ดูจะรัดกุมมากกว่าเดิมเนื่องจากเป็นเกม นอกบ้าน จากรูปเกมที่เราได้รับชมกันทางจอทีวี หรือ จออินเทอร์เน็ต จะเห็นช่วงแรกที่ Glen Johnson ดัน ขึ้นสูงแบบที่เขาเคยท�ำประจ�ำ แต่เมื่อเกมผ่านไปสัก ระยะในช่วงที่ ลิเวอร์พูล โดน แอสตัน วิลล่า กดดัน ทางฝั่งซ้ายในต�ำแหน่งที่ Johnson เติมเกมแบบที่คุ้น The Reds - September 2013
5 Daniel Agger 4 Kolo Touré 9 Iago Aspas 8 Steven Gerrard 14 Jordan Henderson 21 Lucas Leiva 10 Philippe Coutinho 15 Daniel Sturridge
เคย ก็ได้มีการปรับ Tactic จากสถิติ หลังจากเกมผ่าน ไประยะหนึ่ง Johnson ได้ยืนต�่ำมากกว่าเดิม เพื่อ หยุดการท�ำเกมรุกของ Antonio Luna ที่เติมเกมได้ จัดจ้านเหลือเกิน จากรูป จะเห็นต�ำแหน่งประจ�ำการ ของ Johnson โดยเฉลี่ยที่แตกต่างจากนัดแรก รูปแบบที่ยังเหมือนเดิมคือ Lucas ที่คอยช่วย เก็บตกด้านหลังของ Gerrard และ ต�ำแหน่งของ Aspas ที่สนับสนุนเกมรุกอยู่ด้านหลังของ Sturridge วันนี้ ภาระหนักในการหยุดศูนย์หน้าตัวอันตรายของ แอสตัน วิลลา ตกเป็นงานรับผิดชอบของ Touré
109
ยิงเข้ากรอบ 1 ครั้ง ลูกยิงที่ถูกบล๊อคโดยผ่ายตรงข้าม 2 ครั้ง โอกาสยิงจากนอกกรอบ 2 ครั้ง โอกาสยิงในกรอบ 3 ครั้ง มากกว่า อัตราความแม่นย�ำของลูกยิงทั้งหมด (รวมทั้ง ลูกที่โดนบล๊อค) 33.3%
Coutinho เท่านั้นโดย Henderson มีโอกาสยิง 1 ครั้ง และเข้ากรอบ ส่วน Coutinho มีโอกาสยิง 1 ครั้งเช่น กัน แต่ลูกยิงออกนอกกรอบ และมี อี ก จั ง หวะเดี ย วชั ด เจนจากประตู ที่ เรา ท�ำได้โดย Daniel Sturridge ที่มีโอกาสยิงเพียงครั้ง เดียวจริงๆ จากสถิติจะเห็นว่า Sturridge มีโอกาสยิง แค่ 1 ครั้ง เข้ากรอบ และเป็นลูกยิงที่เกิดในกรอบเขต โทษ โดยเกิดจากจังหวะการส่งของ José Enrique แทงเข้ากลางในกรอบเขตโทษ และ Coutinho หลบ บอลเพื่อสร้างจังหวะให้ Sturridge ท�ำประตู
วิเคราะห์เกมบุก จะเห็นได้เลยว่า มีเพียง Glen Johnson ที่มี โอกาสยิง 2 ครั้ง เป็นลูกยิงที่ถูกบล็อกโดยผ่ายตรงข้าม 1 ครั้ง ซึ่งแตกต่างจากเกมแรกอย่างชัดเจนที่แผงหลัง ของลิเวอร์พูล พาเพรดกันไปสร้างสถิติกันในเกมรุก ต้องบอกว่าการสร้างเกมบุกจากพืน้ ทีอ่ นื่ ในสนาม ก็มีแค่ประปรายเหลือเกิน จากสถิติจะพบว่า แผงกลาง นักเตะที่มีโอกาสลุ้นท�ำประตูมีเพียง Henderson และ
สถิติการเล่นของเกม อัตราการครองบอล 52.6 % การแย่งบอลบนพื้นส�ำเร็จ 47.1% / การแย่ง บอลกลางอากาศส�ำเร็จ 53.3% การตัดบอลเพื่อท�ำลายจังหวะส�ำคัญ 15 ครั้ง ล�้ำหน้า 2 ครั้ง เตะมุม 2 ครั้ง -------------------------------
5 ครั้ง
สถิติการบุกของเกมมีดังนี้ ประตู ที่ท�ำได้ 1 ประตู โอกาสท�ำประตูทั้งหมด (รวมทั้งลูกที่โดนบล๊อค)
September 2013 - The Reds
110
The Reds - September 2013
111
วิเคราะห์สถิติการเล่นของเกมโดยรวม รูปเกมเป็นไปแบบค่อนข้างสูสมี าก โดยลิเวอร์พลู จะครองบอลได้มากกว่าเล็กน้อย เพราะในครึ่งแรกมี การเดินเกมรุก ก่อนที่ครึ่งหลังจะเน้นเกมรับมาก ท�ำให้ แอสตัน วิลล่า มีโอกาสพาบอลมากดดันได้มากขึ้น ต้องบอกว่า ลิเวอร์พูล ไม่ได้เล่นดีมากกว่า วิลล่า เลย เป็น แอสตัน วิลล่า เสียอีก ที่ท�ำเกมรุกได้น่ากลัว และ สร้างโอกาสได้มาก สถิติโดยรวมเกือบจะเป็นรอง วิลล่า เพียงแต่มี การป้องกันลูกกลางอากาศที่เราท�ำได้ดีมากขึ้น และ ก็เป็น Lucas คนเดิมที่โดดเด่นที่สุดในแผงกองกลาง โดย ท�ำการสัมผัสบอลถึง 99 ครั้ง ตัดบอลบนพื้นได้ 47.1% และ ชนะในการดวลกลางอากาศ 100% เต็ม ยังตัดจังหวะส�ำคัญได้อีกถึง 3 ครั้งและที่น่าชื่นชมไม่ แพ้กัน ก็คือ กัปตัน Steven Gerrard ที่เกมนี้ต้อง ท�ำงานหนักในการช่วยเกมรับเช่นกัน โดยประสานใน ส่วนที่ลูคัสพลาดจากการตัดบอลบนพื้นได้ถึง 62.5% และ ยังตัดจังหวะส�ำคัญๆ ได้ถึง 4 ครั้ง ในส่วนของแผงหลัง Touré ท�ำผลงานได้อย่าง ยอดเยี่ยมในการตามประกบ Christian Benteke ถึงแม้จะล�ำบากและพลาดท่าต่อ Benteke อยู่หลาย ครั้ง แต่ สถิติโดยรวมของ Touré ก็ยังน่าชื่นชม โดย สามารถเอาชนะในการป้องกันลูกบนพื้นได้ถึง 75% สูงสุดในแผงหลังทั้งหมด และ ป้องกันลูกกลางอากาศ ได้ถึง 66.7% และอีกคนที่โดดเด่นเช่นกันในนัดนี้ คือ Enrique ที่ ชนะในการดวลลูกกลางอากาศ 100% เต็ม รวมไปถึงการตัดจังหวะส�ำคัญได้ถึง 5 ครั้ง Benteke มีโอกาสท�ำประตู 3 ครั้ง เข้ากรอบ 2 ครั้ง และทั้ง 3 ครั้งเกิดจากจังหวะในกรอบ สถิติการผ่านบอลโดยรวม ผ่านบอลทั้งหมด 546 ครั้ง การผ่านบอลยาว 8.8% ค่าความแม่นย�ำในการผ่านบอล 83.2% ค่าความแม่นย�ำในการผ่านบอลในแดนคู่ต่อสู้ 73.8% การครอสบอลทั้งหมด 9 ครั้ง ครอสบอลส�ำเร็จ 11.1%
วิเคราะห์สถิติการผ่านบอลโดยรวม นัดนี้ ลิเวอร์พูล หนักไปทางเล่นเกมรับมาก ท�ำ ให้การผ่านบอลในการท�ำเกมรุกไม่มีใครโดดเด่น หรือ สร้างจังหวะมากมายเท่ากับเกมนัดเจอ สโต๊ค ซิตี้ จะ หนักไปทางส่งบอลสั้นไปมา และ นานครั้งจึงมีจังหวะ ครอสบอลที่อันตราย ค่าเฉลี่ยของกองกลางทั้งหมดในการผ่านบอล จึงใกล้เคียงกัน มีเพียงแต่ Gerrard ที่จะโดดเด่นกว่า เพื่อนในการครอสบอลซึ่งเป็นปกติของกัปตันที่ผ่าน บอลไกลได้ดี และจุดที่น่าสนใจ Coutinho เริ่มหาย ไปจากเกมมากยิ่งขึ้น สถิติการป้องกัน และการท�ำโทษทั้งเกม การเข้าสกัด 23 ครั้ง สกัดบอลส�ำเร็จ 73.9% เคลียร์บอล 44 ครั้ง (มากแสดงให้เห็นถึงการ เล่นเกมรับค่อนข้างลึก) การท�ำฟาล์ว 8 ครั้ง ใบเหลือง 3 ใบ ใบแดง 0 ใบ วิเคราะห์สถิติการป้องกัน และ การท�ำโทษ โดยรวมทั้งเกม ค่า Clearances ที่ค่อนข้างมากแบบชัดเจน แสดงให้เห็นถึงว่าเกมนี้ลิเวอร์พูลโดน วิลลา กดดันอยู่ ตลอดเวลา และ เป็นการเล่นเกมรับอย่างมากในครึ่ง หลัง โดย ทั้งแผงหลังท�ำการเคลียร์บอลมากครั้ง และ เป็น Agger กับ Touré ที่เก็บสถิติไปคนละ 10 ครั้ง ในแผงกองกลางเป็น lucas และ Herderson ที่ คนละ 5 ครั้ง Simon Mignolet ก็ยงั ดูมปี ญ ั หากับการจ่ายบอล เช่นเดิม โดยเฉพาะเกมนอกบ้านและเป็นเกมทีก่ ดดันจาก การเล่นเป็นทีมรับ ดูเหมือนเขาจะยังท�ำได้ไม่ดเี ท่าทีค่ วร โดยค่าความแม่นย�ำลดลงไปอยูท่ ี่ 33.3% แต่สงิ่ ทีแ่ ตกต่าง ของ Mignolet กับ Reina ที่ส่งผลต่อทีมอย่างส�ำคัญ ยิ่งคือการป้องกันประตู นัดนี้จะเห็นความส�ำคัญนี้ของ Mignolet ที่มีมากขึ้น จากการป้องกัน 3 ครั้งส�ำคัญ คิด เป็น 100% จากจังหวะท�ำประตูของวิลล่า 17 ครั้ง September 2013 - The Reds
112
Liverpool v Man United Kick off : 1 Sep 2013 Kolo Touré ได้รับบาดเจ็บเกมที่สู้กันถึงช่วง ต่อเวลากับ Notts County ท�ำให้เกิดการปรับเปลี่ยน ต�ำแหน่งในแผงหลัง 1 ต�ำแหน่ง คือ Martin Skrtel ที่ ลงมาท�ำหน้าที่แทน Touré 11 ผู้เล่นตัวจริง ประกอบไปด้วย 22 Simon Mignolet 2 Glen Johnson 3 José Enrique
5 Daniel Agger 37 Martin Skrtel 9 Iago Aspas 8 Steven Gerrard 14 Jordan Henderson 21 Lucas Leiva 10 Philippe Coutinho 15 Daniel Sturridge ลิเวอร์พูลยังจัดแผนการเล่นในระบบที่คุ้นตา เหมือนเดิม ในระบบ 4-3-3
ต�ำแหน่งโดยเฉลี่ยของนักเตะแต่ละคน < ไอคอนสีขาว (Liverpool) > แต่มีสิ่งที่แตกต่างจาก 2 นัดแรกในลีค คือ ต�ำแหน่งประจ�ำการโดยฉลี่ยจากสถิติของ Glen Johnson และ Jordan Henderson ที่เปลี่ยนแปลง ไป โดยทั้งคู่จะบีบสูงขึ้นมาเพื่อร่วมกันประกบ Patrice Evraไม่ให้สามารถเติมเกมรุกได้โดยสะดวกและต�ำแหน่ง ประจ�ำการของ Gerrard และ Lucas ที่เปลี่ยนแปลง The Reds - September 2013
ไปจากการยืนซ้อนท้ายของ Lucas เปลี่ยนมาเป็นการ ยืนคุมโซนร่วมกันของทั้งคู่เพื่อป้องการการบุกของ Manchester United และ ทางด้านหน้า Aspas ที่เคยเติมบุกมากหลัง Sturridge ได้ลดต�ำแหน่งการ ยืนลงมาตั้งรับมากกว่าเดิม โดยได้ปะทะกับ Michael Carrick อยู่หลายจังหวะในเกม
113
สถิติการบุกของเกมมีดังนี้ ประตู ที่ท�ำได้ 1 ประตู โอกาสท�ำประตูทั้งหมด (รวมทั้งลูกที่โดนบล๊อค) 11 ครั้ง ยิงเข้ากรอบ 5 ครั้ง ลูกยิงที่ถูกบล๊อคโดยผ่ายตรงข้าม 3 ครั้ง โอกาสยิงจากนอกกรอบ 7 ครั้ง โอกาสยิงในกรอบ 4 ครั้ง มากกว่า อัตราความแม่นย�ำของลูกยิงทั้งหมด (รวมทั้ง ลูกที่โดนบล๊อค) 62.5% วิเคราะห์เกมบุก จะเห็นได้ว่ามีเพียง Daniel Agger ที่มีโอกาส ท�ำประตู 2 ครั้ง โดย 1 ในนั้นเป็นการโหม่งเพื่อสร้าง จังหวะให้ Sturridge สะบัดโขกเข้าประตู แผงหลัง ที่เหลือไม่มีโอกาสเลย แม้กระทั่ง Full Back แบบ Glen Johnson และ José Enrique แสดงให้เห็น ถึงวินัยในเกมรับที่เน้นประกบตัวนักเตะ จากค่าเฉลี่ย ในต�ำแหน่งของแต่ละคนที่เคลื่อนที่ การยืนต�ำแหน่ง
ค่อนข้างต�่ำของ Enrique และการเล่มเกมป้องกัน แบบแพคคู่ของ Johnson และ Henderson ในการ จัดการกับ Patrice Evra ในแผงกองกลาง มีเพียง Gerrard และ Coutinho ที่มีส่วนกับการท�ำเกมบุก โดย Coutinho มีโอกาสยิงทั้งหมด 3 ครั้ง เข้ากรอบเพียงแค่ 1 ครั้ง Gerrard มีโอกาสยิง 2 ครั้ง เข้ากรอบทั้ง 2 ครั้ง สถิติการเล่นของเกม อัตราการครองบอล 43 % การแย่งบอลบนพื้นส�ำเร็จ 54.8% การแย่งบอลกลางอากาศส�ำเร็จ 38.7% การตัดบอลเพื่อท�ำลายจังหวะส�ำคัญ 18 ครั้ง ล�้ำหน้า 1 ครั้ง เตะมุม 2 ครั้ง วิเคราะห์สถิติการเล่นของเกมโดยรวม เกมนี้ ลิเวอร์พูล เล่นด้วยความรัดกุมตั้งแต่เกม เริ่ม โดยเปอร์เซ็นต์การครองบอลเป็นของ แมนยูฯ
September 2013 - The Reds
114
ทีม่ ากกว่าและบุกกดดันค่อนข้างมากหลังจากลิเวอร์พลู ได้ประตูแรก ซึ่งเป็นจังหวะที่มาได้อย่างเหมาะเจาะ ตั้งแต่ต้นเกม เลยท�ำให้ ลิเวอร์พูล เล่นได้ง่ายมากขึ้น ในรูปแบบแทคติครัดกุมที่เตรียมมา และเช่นกันที่สถานการณ์สร้างวีรบุรุษอีกครั้ง เมื่อ Martin Skrtel ท�ำผลงานได้ยอดเยี่ยมในแผง หลัง ทั้งที่เพิ่งลงเล่นเกมลีคเป็นนัดแรก ในการท�ำ หน้าที่แทน Kolo Touré Skrtel สามารถป้องกันทั้งลูกบนพื้นและลูก กลางอากาศ ได้ 100% ตัดจังหวะส�ำคัญอีก 2 ครั้ง ในแผงกองกลาง จากการยืนคุมโซนร่วมกันของ Lucas และ Gerrard ท�ำให้เกมรับตรงกลาง แน่น The Reds - September 2013
หนามากขึ้น และสามารถท�ำเกมบุกสวนกลับได้อีกเช่น กัน โดย Lucas จัดการป้องกันลูกบนพื้นที่ 66.7% และลูกกลางอากาศได้ถึง 75% และตัดบอลในจังหวะ ส�ำคัญอีก 6 ครั้ง และ Gerrard จัดการป้องกันลูกบน พื้นได้ถึง 85.7% และตัดบอลในจังหวะส�ำคัญได้ถึง 4 ครั้ง สถิติการผ่านบอลโดยรวม ผ่านบอลทั้งหมด 379 ครั้ง การผ่านบอลยาว 14.5% ค่าความแม่นย�ำในการผ่านบอล 76.3% ค่าความแม่นย�ำในการผ่านบอลในแดนคู่ต่อสู้
115
69%
การครอสบอลทั้งหมด 5 ครั้ง ครอสบอลส�ำเร็จ 40%
วิเคราะห์สถิติการผ่านบอลโดยรวม เป็นอีกนัดที่จะเห็นความยอดเยี่ยมของกัปตัน Steven Gerrard ที่ข่วยทั้งเกมรับและเกมรุกได้อย่าง สมดุล โดย Gerrard ส่งบอลให้ทีม 51 ครั้ง เป็นลูก จ่ายระยะไกล 17.6% คิดเป็นค่าเฉลี่ยความแม่นย�ำที่ 82.4% ท�ำการครอสบอลทั้งหมด 3 ครั้ง ประสบความ ส�ำเร็จถึง 66.7% และยังสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีม อีกถึง 3 ครั้ง
และก็เป็นอีกนัด ที่ Philippe Coutinho หาย ไปจากเกมรุกของ ลิเวอร์พูล ในทุกๆ ครั้งที่ทีมเป็น รองและเสียเปรียบ จะเกิดจาก การที่ Coutinho โดน ตัดหายไปจากเกม สถิติการป้องกัน และการท�ำโทษโดยรวมทั้งเกม การเข้าสกัด 31 ครั้ง สกัดบอลส�ำเร็จ 77.4% เคลียร์บอล 40 ครั้ง การท�ำฟาล์ว 15 ครั้ง ใบเหลือง 2 ใบ ใบแดง 0 ใบ September 2013 - The Reds
116
วิเคราะห์สถิติการป้องกัน และการท�ำโทษ Glen Johnson ท�ำผลงานยอดเยี่ยมอีกนัด ในเกมรับ โดยเข้าสกัดบอลได้ถึง 6 ครั้ง สูงสุดในแผง หลังทั้งหมด ก่อนที่จะเจ็บโดนเปลี่ยนตัวออกในช่วง 12 นาทีสุดท้าย โดยนัดนี้ Johnson เล่นได้อย่าง แข็งแกร่ง ร่วมกับ Henderson ปิดการโจมตีทางซ้าย ของ Evra และ Young จากสถิติการเข้าสกัดบอลก็บ่งบอกให้เห็นถึง การท�ำงานอย่างหนักของ Lucas และ Gerrard เช่น กัน โดย Lucas สกัดบอลทั้งหมด 5 ครั้ง คิดเป็น 80% ในการเข้าสกัดส�ำเร็จ และ Gerrard สกัดบอล 4 ครั้ง คิดเป็น 75% ในการเข้าสกัดส�ำเร็จ ในการเข้าประกบ Robin van Persie โดย ต�ำแหน่งเป็น Agger ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่นี้มา แต่ ก็ยังพบว่า Agger ก็ประสบกับความยากล�ำบากพอ สมควรเช่นกัน ในการหยุด van persie Robin van Persie มีโอกาสยิงทั้งหมด 3 ครั้ง เป็นลูกยิงในกรอบ 2 ครั้ง นอกกรอบ1 ครั้ง แม้ Agger จะมีสถิติสกัดบอลส�ำเร็จถึง 100% แต่เป็นการเข้าสกัดเพียงแค่ 1 ครั้งเท่านั้น ก็ยังมีสถิติ The Reds - September 2013
ที่ดีในการบล็อกลูกยิง 1 ครั้ง และ เคลียร์บอลอีก 11 ครั้ง ในเกมที่รูปเกมสูสี หรือ บางจังหวะทีมเป็นรอง สถิติความแม่นย�ำในการจ่ายบอลของ Mignolet ก็ จะตกลงไปอย่างน่าใจหาย จากสถิตินัดนี้ เมื่อเทียบ กับ De Gea จะเห็นค่าความแม่นย�ำที่แตกต่างกันมาก โดย Simon Mignolet มีค่าความแม่นย�ำในการจ่าย บอลแค่ 29.2% De Gea กลับมีค่าแม่นย�ำในการจ่าย บอลถึง 77.8% นี่ถือเป็นอีกจุดอ่อน ที่อาจจะส่งผล “อย่างมาก” หาก ลิเวอร์พูล ต้องเป็นฝ่ายตามหลังคู่ต่อสู้ไปก่อน เพราะทั้ง 3 เกมที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ออกน�ำคู่ต่อสู้ไป ก่อน และ ท�ำประตูแค่ลูกเดียวทั้ง 3 นัด ค�ำถามที่ยังต้องรอค�ำตอบต่อไป คือ จะเกิด อะไรขึ้นหากทีมตามหลัง จะเกิดอะไรขึ้นหากทีมต้อง ยิงประตูเพื่อพลิกชนะ และจะเกิดอะไรขึ้นหากไม่มี สเตอร์ริดจ์ แน่นอนค�ำตอบเหล่านี้ไม่มีใครสามารถ ตอบได้ นอกจาก “รอ” ติดตามสิ่งต่างๆเหล่านั้นไป ทุกสัปดาห์ที่ทีมลงเตะ และ ค�ำตอบต่อไปอยู่ที่นัด พบหงส์ขาว “Swansea” --------------------------------
117
September 2013 - The Reds
118
The Reds - September 2013
119
สรุปตลาดการซื้อขายนักเตะและสภาพทีมโดยรวม จากการย้ายเข้ามาของแผงหลังทั้ง Tiago Ilori, Mamadou Sakho, Aly Cissokho แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการปรับปรุงเกมรับของทีม โดย Rodger พยายามที่จะสร้างและเสริม เกมรับของทีมให้แข็งแกร่งขึ้นกว่าฤดูกาลที่แล้ว ที่มักจะมี ปัญหาในในนัดส�ำคัญ นับรวมไปถึง การเข้ามาของ Kolo Touré ที่ตอนนี้กลายเป็นก�ำลัง หลักของทีมในต�ำแหน่ง center back ไปแล้ว และอีกต�ำแหน่งที่ Rodger พยายามหา ทางเสริมทีม คือ กองหน้ากึ่งปีก ที่พยายามซื้อในช่วงก่อนปิดตลาดแต่ก็ไม่สามารถซื้อนัก เตะเข้ามาได้ ท�ำให้ต้องแก้ไขโดยการยืมตัว Victor Moses เข้ามาเสริมทีม ดูเหมือนว่า ที่ Rodger พยายามแก้ไขจุดนี้โดยด่วนเพราะต้องการจับ Coutinho ไปเล่นหน้าต�่ำโดยเร็วที่สุด เนื่องจากการสร้างสรรค์เกมของเขาใน 3 นัดที่ผ่านมา เป็น ไปได้แค่ดีพอสมควร แต่ยังไม่ดีที่สุด เพราะเกิดจากการต้องขยับไปเล่นปีก เมื่อไปเล่น ต�ำแหน่งปีกช่องว่างของพื้นที่ก็เพิ่มมากขึ้น ท�ำให้โดนสกัดกั้นจากทั้งกองกลาง และกอง หลัง ของฝั่งตรงข้ามมากยิ่งขึ้น จะเห็นได้จาก 2 เกมที่รูปเกมสูสี หรือ ตกเป็นรอง เกิด จากการที่ฝ่ายตรงข้ามตัด Coutinho ออกไปจากเกมของเราได้ ผมมองเห็นจิ๊กซอว์ชิ้น ส�ำคัญที่จะมาช่วยเราได้มากขึ้นคือ การกลับมาของ Suarez เมื่อมี Suarez มาเล่นด้าน ข้าง Coutinho จะสามารถท�ำเกมได้มากขึ้น เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามจะไม่สามารถมารุม หยุดเกมแค่ที่ Coutinho ได้อีกแล้ว และการเข้ามาของ Moses ก็จะช่วยให้ทีมมีทาง เลือกที่มากขึ้นยิ่งไปอีก จนกว่าจะถึงช่วงเปิดตลาดอีกครั้ง คงต้องรอ เราอาจจะได้เห็นหน้ากึ่งปีก และหน้า เป้า เข้ามาอีกสัก 1-2 คน การเล่นของทีมในฤดูกาลนี้หลังจากผ่านไป 3 นัด ผมมองว่า แตกต่างจากฤดูกาลที่แล้วพอสมควร สิ่งที่ค่อนข้างชัดเจนคือ เราเล่นค่อนข้างเน้น “ผล” มากกว่าฤดูกาลที่แล้ว จะเห็นได้จากทั้ง 3 นัดจะมีสิ่งที่คล้ายๆ กันพอสมควร คือ พอเรา ขึ้นน�ำ รูปเกมมักจะเป็นฝ่ายตั้งรับ เหมือนกับว่าเป็นการตั้งใจที่จะถอนต�ำแหน่งการ ท�ำเกมของแต่ละคนให้ต�่ำลง แล้วอาศัยการสวนกลับ เหมือนในยุคของ Rafa Benitez แต่ สิ่งที่ยังท�ำได้ไม่เหมือนคือ การสวนกลับที่มีประสิทธิภาพ ประเด็นหลักผมมอง ว่าเรายังขาดตัวริมเส้น หรือหน้ากึ่งปีกที่ดี ที่สามารถไปกับบอลและเอาตัวรอดได้ หาก Rodger ปรับปรุงแก้ไขในจุดนี้ได้เมื่อไร เราจะเป็นทีมที่น่ากลัวมากขึ้นไปอีก เพราะสิ่งที่ ท�ำได้ดีกว่ายุคนั้น คือ รูปแบบการจ่ายบอล ต่อบอล ที่ดูดีขึ้น และเป็นระเบียบมากขึ้น ซึ่ง จุดนี้จะเป็นข้อดีต่อดาวรุ่ง ที่ได้รับโอกาสขึ้นมาในชุดใหญ่ ได้ปลูกฝังระบบการเล่นต่อไป หากถามผู้เขียนว่าชอบการเล่นของเราแบบนี้หรือไม่ ผมขอตอบว่า “ก็ชอบอยู่นะ แต่มันก็เยอะเกินไป” (ขอยืมค�ำพูดของเจ๊เก่ง Net idol มาใช้ซะหน่อย) ตื่นเต้นดีครับ หัวใจไม่ได้สูบฉีดแบบนี้มานาน ที่ต้องมาลุ้นว่าจะโดนหรือเปล่า จะไหวหรือเปล่า นาน มากแล้ว ผมชอบครับ ชอบบมากก 5 5 5
September 2013 - The Reds
ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งวาระกับเล่มสอง กับบทสุดท้ายหลังงานเสร็จสิ้น ความอิ่มเอมเปรมปรีดิ์ก็ไหลจุกอกอย่างเคย การท�ำงานกับสิ่งที่ตัวเองรัก มัน มักเป็นเช่นนี้เสมอ มันล้น มันปลื้มปริ่ม ออกมาเองโดยไม่ต้องร้องขอ ด้วยรูปเล่มและเนื้อหาที่หนักบ้าง เบาบ้าง คงพอท�ำให้เหล่าเดอะ คอป ในสยามประเทศแห่งนี้ ได้พอชื่นฉ�่ำหัวใจ หลังฉบับนี้ออกได้ไม่นาน การรบรา กับ “หงส์ขาว” คงเริ่มต้น หวังว่า “หงส์แดง” จะยังคงเก็บเกี่ยวชัยชนะได้อย่าง ต่อเนื่องต่อไป ถึงแม้นี่จะไม่ใช่งานที่ง่ายเลยกับการออกไปเยือนพบเจอทีมแบบ นี้ แต่ผู้ที่จะถึงฝั่งฝันได้ คือ ผู้ที่กล้าเผชิญทุกอุปสรรคและสามารถผ่านพ้นมันไป นั่นต่างหาก ยังเฝ้ามองทุกการตอบรับ ยังเฝ้ามองทุกความเห็น หลายคนส่งเสียงให้ ก�ำลังใจ ขณะที่หลายคนอิ่มเอมกับการเป็นแค่คนเสพ ยอดคนอ่านจากวิวเป็น หมื่น แต่ยอดกดไลค์แฟนเพจแค่หลักพัน บางทีก็ต้องย้อนถามตัวเอง ว่าเราดีพอ หรือยัง ?? มันมีเรื่องราวใดที่ต้องปรับปรุง มันมีอะไรที่ต้องเร่งรีบแก้ไข ทุกอย่าง ยังล้วนรอการเปิดหัวใจให้ความเห็น ซึ่งบางทีคนท�ำงานก็เหมือนเส้นผมที่บัง ภูเขา ที่หลายอย่างอาจพร่ามัว กว่าจะถึงเล่มหน้า ยังมีเวลามากมายกับการคิด การค้นหาเรื่องราวใหม่ๆ มาน�ำเสนอ ขณะเดียวกันยังหวังว่า เหล่า The Kop ผู้อ่านจะค่อยๆ ซึมซับรับ รู้แล้วมีความสุขกันบ้าง กับสิ่งที่พวกเราล้วนบรรจง อย่างรูปเล่มนับตั้งแต่เล่ม แรกเป็นต้นมา เราออกจะมองดูอย่างมีความสุขและหวังว่ามันคงตอบโจทย์ให้ผู้ อ่านหลายท่าน ที่เราเองมองเห็นทั้งความโฉบเฉี่ยว มีสไตล์ อ่านและผ่านตา ด้วย ความเพลิดเพลิน ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องรีบปรับปรุง อย่างเรื่องการตรวจทานอักษรให้ถูก ต้องตามหลักไวยากรณ์ การใช้ค�ำที่คงความเป็นตัวอักษรมากกว่าค�ำพูด เรื่อง เหล่านี้ยังอยู่ในไลน์ที่ต้องรีบเร่งเสมอ แต่ทุกอย่างยังต้องมาพร้อมทีมงานดี มี ฝีมือ และพรั่งพร้อมด้วยหัวใจ ซึ่งหวังว่า พวกเราจะหาพวกเขาเจอ 15 ตุลาคม พบกันใหม่ ... ถึงตอนนั้นหากยังอยู่บนสุดของตาราง ใคร จะรู้ จาก 120 หน้าฉบับนี้ อาจถึง 150 หน้า ก็ได้ในฉบับต่อไป การิน ธนะอมรทัต บรรณาธิการ
หากคุณพลาด ติดตามลิ้งค์เล่มแรกได้ที่