เป็นการเริ่มต้นฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมจริงๆ หลังผ่าน 7 นัด เรายังอยู่อันดับ 2 ของตาราง โดยมี คะแนนเท่ากันกับอันดับ 1 อย่าง “ปืนใหญ่กระบอกโต” อาร์เซนอล และมี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามมาติดๆ ที่อันดับ 9 โดยมีคะแนนตามหลังเรา 6 คะแนน ถือว่าเป็นปีที่คงได้ลุ้นยาวๆ กว่าที่เคย เป็น และหากยังคงรักษาคะแนนจ�ำเป็นได้ ใครจะรู้ว่าถึงปลายฤดู เราอาจได้อันดับที่ดีกว่าที่เคยตั้ง เป้ากันไว้ก่อนที่ฤดูกาลจะเริ่มต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ช่วงชุลมุน อย่าง บ๊อกซิ่งเดย์ น่าจะมีค�ำตอบชัดเจน พอดู ว่า เราจะไหวไหม ? เล่มนี้ล่าช้านิดหน่อย เป็นเพราะอุปสรรคและเรื่องราวต่างๆ มากมี แต่ข้อมูลและเนื้อหายังคง อัดแน่น ที่ส�ำคัญเล่มนี้ถือว่าเป็นเล่มร่วมฉลองและแสดงยินดีให้กับส่วนหนึ่งของ Liverpool Football Club นั่นคือการคว้าแชมป์ประวัติศาสตร์ของ Liverpool Ladies ซึ่งแชมป์นี้ ถือเป็นระดับ เดียวกับแชมป์พรีเมียร์ลีคของฝ่ายชาย รวมทั้งยังเป็นการต้อนรับการกลับมาอีกรอบของ เดอะคิง Kenny Dalglish ชายที่รักสโมสรและท�ำทุกอย่างเพื่อสโมสรด้วยหัวใจโดยไม่มีข้อแม้ คราวนี้กลับ มาในฐานะ Non-Executive Director จึงถือเป็นเล่มแห่งความยินดีหลายประการ ภายในเล่ม กราฟฟิคและหน้าตาอาจไม่หวือหวามากนัก แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเราเชื่อว่านี่คือ สิ่งที่ดีที่สุดบนพื้นฐานแห่งปัญหาและเวลาของพวกเรา เราเองยังไม่หยุดการพัฒนา ยังไม่หยุดการ ขวนขวายเพื่อสิ่งที่ดียิ่งกว่า, หาก ทีมลิเวอร์พูล ยังต้องตามลุ้น ตามเชียร์กันไปทีละนัด The Reds Magazine เองคงคล้ายๆ กัน ที่ต้องลุ้น ต้องเชียร์กันไปทีละเล่ม ผิดพลาดประการใด เรายังคงน้อม รับทุกค�ำติชมด้วยความยินดี หวังว่าหลังอ่านจบ ท่านผู้อ่านทุกท่านคงอิ่มเอม การิน ธนะอมรทัต บรรณาธิการ
4
T his is Anfield
งานฉลองครบรอบ 100 ปี ของ Bill Shankly เพิ่งผ่านพ้นไป และ Liverpool Football Club ก็ได้จัดงานฉลองอันเป็นการ ยกย่องให้ให้เกียรติอดีตผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ สโมสรท่านนี้ซึ่งในช่วงดังกล่าวเราก็เห็น Liverpool เล่นฟุตบอล ที่เต็มไปด้วยความหิวกระหายและกระเหี้ยนกระหือรือ
The Reds - September 2013
5
September 2013 - The Reds
6
Shankly นั้นร้องขอความเต็มที่ 100% จาก นักเตะมาโดยตลอด และผู้จัดการทีมคนปัจจุบันอย่าง Brendan Rodgers ก็ดูคล้ายกับว่าต้องการให้นักเตะ ในชุดของเขา หายใจเข้าหายใจออกในท่วงท�ำนองเดียว กันกับขุนพลของ Bill Shankly เช่นกัน Brendan Rodgers นั้นได้เข้ามาคุมสโมสร Liverpool ในสถานการณ์ที่คล้ายๆ กันกับยุคของ Shankly ครับ แม้ว่าปัจจุบัน Liverpool จะไม่ได้ เล่นในลีคระดับสองของประเทศและ Anfield ก็ไม่ใช่ โถฉี่ให้กับคู่แข่งในเมือง Liverpool อีกต่อไปก็ตาม แต่สนาม Anfield จ�ำเป็นต้องมีการปรับปรุงให้ทัน สมัยทันโลกขึ้น และ Liverpool ก็ไม่สามารถท�ำมัน ส�ำเร็จได้เลย ในช่วงหลายปีหลังมานี่แม้ว่าพยายามที่ จะท�ำมันให้ส�ำเร็จ นั่นก็เพราะความฉิบหายที่คู่หูมะกัน อย่าง Gillett และ Hicks ได้ก่อไว้ ท�ำให้วันคืนแห่ง เกียรติยศที่โหยหา ดูจะห่างไกลออกไปเรื่อยๆ Manchester United, Arsenal, Chelsea, Manchester City และแม้แต่ Tottenham Hotspur ก็ดูจะเหนือกว่า Liverpool ไปแล้วในยุคนี้ และงานช้างและหินที่สุดที่ Rodgers ก็เจออย่างเลี่ยง ไม่ได้ก็คือ การที่จะสร้างสะพานเชื่อมต่อให้ช่องห่าง ของสโมสรและทีมเหล่านั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ คือสร้าง สะพานที่จะท�ำให้ Liverpool เดินกลับเข้าไปอยู่ Top Four อีกครั้ง Liverpool นั้นไม่สามารถไปสู้รบปรบมือกับทีม เหล่านี้ได้เลยในตลาดนักเตะ จนกว่าพวกเขาจะกลับ คืนสู่เวที Champions League ได้ และ Liverpool จ� ำ ต้ อ งเลื อ กปรั บ กลยุ ท ธพวกเขาใหม่ ด ้ ว ยการซื้ อ นักเตะอายุน้อยที่ดูมีแววที่จะเจิดจรัสได้ เรียกได้ว่า เพชรเม็ดงามที่ยังไม่ได้เจียรนัย หรือไม่ก็นักเตะอย่าง Sturridge ที่กระหายต่อโอกาสที่จะพิสูจน์ตัวเองให้ โลกรับรู้ นโยบายการซื้อขายแนวใหม่ของ Liverpool ก็ น่าประทับใจมาพอควรกับนักเตะทีไ่ ด้มาอย่างCoutinho, Sturridge และนักเตะแบบ Free Transfer ที่มาก ประสบการณ์อย่าง Toure ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วใน รายหลังว่า การมีนักเตะประสบการณ์สูงมาเล่นเคียง บ่าเคียงไหล่กับนักเตะอายุน้อยของ Liverpool เป็น The Reds - September 2013
7
September 2013 - The Reds
8
The Reds - September 2013
9
อะไรที่เข้าท่า นอกเหนือจากนี้ Liverpool และ Brendan Rodgers ก็ฉลาดในการลดค่าใช้อันว่าด้วย เรือ่ งค่าเหนือ่ ยนักเตะ พร้อมกับน�ำเข้านักเตะหน้าใหม่ๆ ในด้วยในตัว การขยับเข้าไปจัดการผ่องถ่ายนักเตะทีค่ า่ เหนือ่ ย สูงอย่าง Carroll, Downing และ Reina ออกไปใน ช่วงซัมเมอร์ ถือได้ว่าเป็นการกระท�ำที่ชาญฉลาดใน การท�ำธุรกิจ แต่พร้อมๆ กันก็ยังคงจ่ายเงินก้อนโตเพื่อ นักเตะที่พวกเขาคิดว่าจะสามารถน�ำทีมไปข้างหน้าได้ ตามแผนการของ Rodgers แน่นอนการเซ็น Mignolet และ Sakho นั้น ถือว่าเสียเงินก้อนโตอยู่ แต่ Liverpool ได้เรียนรู้บท เรียนจากอดีต ตอนที่จ่ายเงิน “มากเกินเหตุ” ในเคส ของ Carroll, Downing และ Henderson Shankly นั้นผ่องถ่ายนักเตะจ�ำนวนมากมาย ที่เขาคิด่วาดีไม่พอที่จะเล่นในสีเสื้อสีแดงเพลิง และ จัดการรูปทรงของทีมที่เขาคุมอย่างเด็ดขาดด้วยการ เซ็นนักเตะที่เขาต้องการเข้ามาแทน และ Rodgers ก็ ก�ำลังท�ำสิ่งเดียวกันนี้กับทีมของเขา เช่นเดียวกันกับ Shankly ตัว Brendan Rodgers เองก็พบกับความยากล�ำบากในการเริ่มต้นอาชีพ ของเขาในถิ่น Anfield โดยเก็บชัยชนะได้แค่สองนัด ในสิบนัดแรกของเขาในลีค แต่ถัดจากนั้น Liverpool ได้แสดงให้เห็นถึงสัญญานแห่งการพัฒนาขึ้นพอควร และตอนนี้ด้วยการที่มีการเสริมทีมที่มีประสิทธิภาพ ในซัมเมอร์ Liverpool นั้นก็ดูมีทีมที่แกร่งขึ้น พร้อม ด้วยนักเตะที่ Brendan Rodgers ต้องการให้มีในทีม ของเขา การผสมผสานระหว่างนักเตะอายุน้อยและ นักเตะประสบการณ์สูงดูแล้วคล้ายกับเป็นส่วนผสม ที่ลงตัวและสมบูรณ์ แล้วยังมีดาวรุ่งที่ทะลุขึ้นสู่ทีมชุด ใหญ่มาเรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นที่ชัดเจนว่ามีการก้าวขึ้นมาเป็น ล�ำดับของระดับเยาวชนเช่นกัน Liverpool นัน้ เรียกได้วา่ เริม่ ต้นฤดูกาลได้ดที สี่ ดุ ในช่วงหลายปี ซึ่งเราได้เห็นว่าพวกเขานั้นก้าวขึ้นสู่ จ่าฝูงจากการเก็บชัยชนะได้สามเกมรวด โอเคชัยชนะ ที่ ว ่ า มั น เป็ น การส่ ง สั ญ ญานเช่ น กั น ว่ า ที ม นั้ น ก� ำ ลั ง เติบโตภายใต้การคุมทีมของ Brendan Rodgers ประกอบกับการเล่นฟุตบอลที่มีทรงที่ดีมากๆ ในเกม September 2013 - The Reds
10
กับ Stoke และ Villa (แม้ว่าจะเล่นดีไม่ตลอดเกม ก็ตาม) ที่เห็นได้ชัดก็คือการสร้างโอกาสในการยิงประตู มากมาย แล้วยังมีเรื่องของความมุ่งมั่น ความปรารถนา ที่มากมายที่แสดงออกมาของนักเตะ อันว่าด้วยการบู๊ กับคู่แข่งเพื่อเป็นผู้ชนะให้ได้เมื่อต้องตกอยู่ในสภาวะ ที่กดดัน อย่างที่เราได้เห็นในเกมกับ Manchester United และแน่นอนในครึ่งหลังของเกมที่ชนะ Aston Villa ไอ้ตรงนี้มันมีตัวอย่างชัดเจนถึงความกระหายให้ เห็น แม้ว่าจะเป็นเพียงต้นฤดูกาลเท่านั้น ซึ่งก็คือการ ทะยานเข้าแท็คเกิ้ลอย่างดุดันในเกมกับผีแดง และการ บู๊แบบไม่ยอมเจ็บไม่ยอมกลัวของ Glen Johnson ต่อ Patrice Evra จนท�ำให้แบ็คขวา Liverpool รายนี้ ถึงกับต้องถูกเปลี่ยนตัวออกเพราะบาดเจ็บ, การที่ Sturridge ลงเล่นเต็มเก้าสิบนาทีในเกมกับ Manchester United ทั้งๆ ที่บาดเจ็บ แต่ความมุ่งมั่นและ ใจของเขาก็ได้รับผลตอบแทน เพราะเขาคือคนที่สร้าง ความแตกต่างให้กับเกมนั้น ด้วยประตูโทนของเขา นี่ เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ของความมุ่งมั่นของ นักเตะ Liverpool ภายใต้การท�ำทีมของ Brendan Rodgers แต่ก็น่าจะบ่งบอกได้ชัดเจนเช่นกันว่า นักเตะ นั้ น ทุ ่ ม เทแค่ ไ หนเพื่ อ ผู ้ จั ด การที ม ของเขาในเกมที่ คล้ายๆ กันนี่ Liverpool คงจะเสียประตูหรือโดน ตีเสมอ หรือแม้แต่แพ้ไปแล้ว เราเห็นมาบ่อยครั้งใน อดีต แต่มันมีความ “มุ่งมั่น” ที่จะชนะให้ได้ แสดงให้ เห็นในกลุ่มนักเตะชุดนี้ในยุคของ Rodgers ที่เขาปั้น ขึ้นมา นักเตะกลุ่มนี้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจ มุ่งมั่น ในแบบฉบับที่ Bill Shankly เคยสอดใส่เข้าไปในทีม ของเขา และคุณภาพตรงนี้เป็นตัวจักรส�ำคัญของทีมที่ ประสบความส�ำเร็จ ---------------------------------------คุณสามารถมีนักเตะที่ดีที่สุดในพิภพนี้ แต่หาก ไร้ค�ำว่า “Team Spirit” คุณ จะไม่ประสบผลส�ำเร็จ ใดๆ และ Liverpool นั้นก็ดูคล้ายกับว่าได้หันหัว ไปในทิ ศ ทางที่ ถู ก ต้ อ งแล้ ว กั บ นั ก เตะที่ เ ปี ่ ย มด้ ว ย พรสวรรค์ และอายุน้อยชุดนี้ ที่ซึมซับเอาเจตนารมย์ ของ Bill Shankly ไว้เต็มเปี่ยม ---------------------------------------The Reds - September 2013
11
September 2013 - The Reds
12
T reatise
นี่คือหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ Liverpool และของผม ผมต้องการทิ้งร่องรอยแห่งเกียรติยศไว้ ในหน้านี้ “ผมมาที่นี่เพื่อเล่นฟุตบอล ไม่ ใช่เพื่อเงิน”
The Reds - September 2013
13
September 2013 - The Reds
14
มรณะกรรมของบิดา น�ำพาให้ Sakho พลิก ชีวิตจากคนขวางโลก เป็นผู้เข้าใจโลก และตอนนี้ เขาก�ำลังกอบโกยประโยชน์สูงสุดในชีวิตกับสโมสร Liverpool หลังจากที่ย้ายจาก PSG มาสู่ชีวิตใหม่ ที่ Anfield ---------------------------------------เส้นทางชีวิตของเขาเกือบที่จะจบสิ้นก่อนที่จะ เริ่มอย่างแท้จริง... Mamadou Sakho เพิ่งกลายเป็น ปราการหลังที่ราคาแพงที่สุดของ Liverpool แต่เมื่อ ไม่นานมานี้ ความทะเยอทะยานที่จะเป็นนักเตะระดับ ท๊อปของเขาเกือบจะสูญสิ้นไปแล้ว เขานั้นพลาดที่จะท�ำตามความฝันของเขา และ ไม่ใช่เพราะใครเลย นอกจากต้องโทษตัวเอง นี่ไม่ใช่ เรื่องราวเกี่ยวกับเส้นทางอาชีพของเขาที่ถูกน�ำไปสู่ ความเสี่ยงเพราะอาการบาดเจ็บรุนแรง แต่นี่คือเรื่อง เล่าเกี่ยวกับการที่ Sakho ได้เห็น “ทางสว่าง” หลัง จากมรณะกรรมของบิดาของเขา, เขาเองตัดสินใจเลิก พฤติกรรมที่ไม่ดี และเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองในที่สุด ---------------------------------------‘อืม, จะว่ายังไงดีล่ะ?’ นี่คือกล่าวของ Sakho ปราการหลังที่ Liverpool ลงทุนถึง 18 ล้านปอนด์ เพื่อให้ได้ตัวมา “ผมเติบโตในเขตหนึ่งของ Paris ทีไ่ ม่คอ่ ยจะโรยด้วยกลีบกุหลาบสักเท่าไหร่ สิง่ แวดล้อม ต่างๆ ค่อนข้างแย่ คุณจะต้องผลักตัวตัวเองเพื่อให้ ได้รับเกียรติ”. ‘ตอนที่ผมอายุ 14-15 ผมพยายามที่จะแสดง ให้ชาวบ้านชาวช่องเห็นว่าตัวเองเจ๋ง ซึ่งมันมากเกิน ไป โดยเฉพาะกับนักเตะอื่นๆ รอบๆ ตัวผม บางครั้ง เป็นเรือ่ งของค�ำพูด บางครัง้ เป็นเรือ่ งของการใช้กำ� ลัง แต่เมื่อผมมองทุกๆ อย่างชัดเจนขึ้น ท�ำให้ผมส�ำนึก ตัวว่าจะต้องมุ่งมั่นและโฟกัสในสิ่งที่ท�ำอยู่ ผมได้ถูก เตือนว่าหากว่าผมไม่ก้าวไปหาเรื่อง เรื่องก็จะไม่มา หาผม หากผมไม่อยู่ในกรอบที่ถูกที่ควร ผมก็จะมี ปัญหา ซึ่งค�ำเตือนทั้งหมดก็เป็นเจตนาที่ดี และมันดี ส�ำหรับผมเองจริงๆ’ ‘มันมีช่วงเวลานึงที่ผมเป็นคนค่อนข้างขวาง โลก เป็นเด็กมีปัญหา แต่สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นก่อนที่ พ่อของผมจะเสียชีวิตไป และผมก็ตัดสินใจที่จะถอย The Reds - September 2013
15
September 2013 - The Reds
16
The Reds - September 2013
17
หลังมามองดูโลก มองดูความจริงในวงนอก และมุ่ง มั่นที่จะกลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ชีวิตนั้นเป็นอะไร ที่ยากล�ำบากแต่ผมยึดถือมันเป็น “ข้อบังคับ” ให้ กับตัวเองที่จะกลายเป็นมืออาชีพให้ได้ ผมต้องการ ที่จะประสบความส�ำเร็จเพื่อให้ครอบครัวผมดีขึ้น’ ---------------------------------------การท�ำงานที่หนัก ได้รับผลลัพท์ที่ดี Sakho กลายเป็นดาวรุ่งที่โดดเด่นที่สุดในฝรั่งเศส ติดทีมชาติ ครั้งแรกที่ Wembley เมื่อพฤศจิกายนปี 2010 และ ฤดูกาลที่แล้ว เขาร่วมด้วย David Beckham และ Room-Mate อย่าง Zlatan Ibrahimovic ก็น�ำพา Paris St Germain เป็นแชมป์ Ligue 1 ได้ส�ำเร็จ กระนั้นแม้ว่าจะได้รับการเรียกขานจากประธาน สโมสร PSG นาย Nasser Al-Khelaifi ว่า “เป็นลูกชาย ของสโมสร”, Sakho วัย 23 ก็ไม่มีข้อลังเลใจใดๆ ที่ จะย้ายออกจาก Paris ยอมสละเวที Champions League เพื่อที่จะไล่ล่าความท้าทายครั้งใหม่ที่ถิ่น Merseyside ขุมพลังเงิน ชาว Qatar ของ PSG ได้ลงทุน เงิ น จ� ำ นวนมหาศาลเกิ น ที่ จ ะคาดคิ ด เพื่ อ ที่ จ ะท� ำ ให้ สโมสรของตนเองก้าวขึ้นเป็นหนึ่งใน “ทวยเทพ” โดย มีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า การที่ทุ่มเงินแบบบ้า คลั่งแบบนี้จะ “เป็นทางด่วน” สู่ความยิ่งใหญ่ได้ ซึ่ง เป็นปรัชญาที่ตรงกันข้ามอย่างยิ่งกับกลุ่ม Fenway Sports Group ของ Liverpool ที่ด�ำเนินงานโดย ชาว American ที่ Anfield สไตล์การบริหารงานเป็นอะไรที่ Sakho เชื่อ ว่า ความอดทนที่ Liverpool เลือก และปรับใช้ จะ ได้ผลตอบแทนในระยะยาว และนี่คือประเด็นส�ำคัญที่ เอาชนะใจเขาได้ ---------------------------------------‘การย้ายมาถือเป็นก้าวที่ส�ำคัญมากๆ ส�ำหรับ ผม’ Sakho กล่าว. ‘ผมนั้นอยู่กับ PSG มาตั้งแต่อายุ 12 ปี แต่มันก็มีช่วงเวลาในชีวิตที่คุณจะต้องตัดสิน ใจเกี่ยวกับอนาคตของคุณ ผมนั้นประสบความ ส�ำเร็จทุกๆอย่างที่พึงจะท�ำได้ที่ PSG แล้ว และผม ตัดสินใจนานแล้วว่าผมต้องการที่จะก้าวไปสู่สิ่งอื่น’ ---------------------------------------September 2013 - The Reds
18
‘ผมต้องการที่จะมีประสบการณ์กับวัฒนธรรม ที่แตกต่าง และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เมื่อ Liverpool ก้าว เข้ามา ส�ำหรับผมแล้วมันเป็นอะไรที่ผมเชื่อเอาง่ายๆ เลย PSG นั้นมีโครงการใหญ่ๆ ที่ก�ำลังจะมา และมี ความทะเยอทะยานอย่างมาก แต่สถานการณ์ของ ผมมันขึ้นอยู่กับความปรารถนาที่จะต่อสู้อย่างสม ศักดิ์ศรี ซึ่งเป็นอะไรที่ผมรู้ว่าผมจะได้สิ่งนี้ที่ Liverpool’ ---------------------------------------เขาเริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหม่ของเขาที่สนาม Liberty Stadium ซึ่งเขาถูกส่งลงสนามแทนที่ Daniel Agger ที่เกิดบาดเจ็บแบบปัจจุบันทันด่วน Sakho นั้นก็ได้รับโอกาสลงสนามอีกเช่นกันในเกมกับ Southampton แน่นอนเขารู้สึกเครียดและรู้สึกไม่คล่องตัวกับ ฟอร์มการเล่นของเขา โดยเฉพาะกับการเสียท่าให้กับ Michu ในเกมดังกล่าว จุดแข็งของเขาก็คือความแข็งแกร่งทางร่างกาย ที่มีอยู่เหนือคนธรรมดา ซึ่งตรงนี้จะช่วยให้เขาสามารถ ต่อสู้ในวงการฟุตบอลอังกฤษได้ ---------------------------------------‘นี่คือหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ Liverpool และของผม - ผมต้องการทิ้งร่องรอยแห่งเกียรติยศ ไว้ในหน้านี้’ Sakho กล่าว “ผมมาที่นี่เพื่อเล่น ฟุตบอล ไม่ใช่เพื่อเงิน” ---------------------------------------‘ผมยังเหลือสัญญาที่ Paris อีกหนึ่งปี และ อีกสี่เดือนผมก็จะเข้ากฎ Bosman ซึ่งจะท�ำให้ผม สามารถเจรจากับทีมอื่นใดได้ฟรี โดยเฉพาะสามารถ ปั่นอัพค่าตัวได้อีกเยอะ แต่ผมสนใจแต่ฟุตบอลและ โอกาสที่จะย้ายมาที่นี่ ผมไม่สนรายได้อะไร ผมคิด ว่าฟุตบอลอังกฤษจะเหมาะกับผม และนี่คือเวลาที่ จะเข้าสู่บทใหม่ของชีวิต นักอ่านที่ดีจะมัวแต่ดื่มด�่ำ กับหน้าหนังสือหน้าเดียวต่อไปไม่ได้ คุณจะต้องเปิด หน้าต่อไปเพื่อการผจญภัยครั้งใหม่ และผมเปิดหน้า ใหม่เรียบร้อยแล้ว’ ---------------------------------------The Reds - September 2013
19
September 2013 - The Reds
22
R ed Shadow
The Reds - September 2013
23
September 2013 - The Reds
24
มันเป็นค�ำถามว่าการเจรจาซือ้ ขายช่วงซัมเมอร์ ของ Brendan Rodgers นั้นสุดท้ายส่งผลให้ทีม Liverpool นั้นขาดความสมดุลย์ไปหรือไม่? Sakho อาจเป็นการเซ็นสัญญาที่ Liverpool ไม่จ�ำเป็นต้องคว้ามาเลยก็ว่าได้ Liverpool ได้เริม่ ต้นฤดูกาลใหม่ของเวที Premier League แบบค่อนข้างจะหวือหวา; โดยเก็บชัยชนะมา ได้สามเกมรวดโดยไม่เสียประตูเลยแม้แต่ประตูเดียว ซึ่งเป็นอะไรที่น่าประทับใจ แม้ว่าจะเฉือนชนะคู่แข่ง แบบใจหายใจคว�่ ำ มาแค่ เ ม็ ด เดี ย วตลอดศกก็ ต าม และเหนืออื่นใดการเอาชนะคู่แค้นบนทางแคบอย่าง Manchester United ที่ Anfield จนท�ำให้ขึ้นน�ำ เป็นจ่าฝูงระยะหนึ่ง Liverpool นัน้ ถือได้วา่ มีการเคลือ่ นไหวในตลาด ซื้อขายช่วงซัมเมอร์ที่ค่อนข้างจะใช้ได้เลย กับการซื้อ Simon Mignolet, Iago Aspas, Luis Alberto, การได้ Kolo Toure มาฟรีๆ, การซื้อ Mamadou Sakho และ Tiago Illori, Victor Moses และ Aly Cissokho ต่างก็มาด้วยสัญญายืมตัว การเซ็นสัญญาทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ Liverpool ได้นายประตูหนึ่งคน, ปราการหลังสี่คน, ปีกหนึ่งคน และกองหน้าสองคน ถือได้ว่าน่าประทับใจ กระนั้น พวกเขาก็ไม่ได้แก้ไขจุดอ่อนในแดนกลางอย่างที่ควร จะเป็น และล้มเหลวในการคว้า ‘ดาวเตะผู้เจิดจรัส ผู้ที่ฝากความหวังทั้งหมด’ ให้ได้เพื่อที่จะลุ้นการเป็น แชมป์ลีคได้ พูดง่ายๆว่า “ตัวเทพ” นั่นแหล่ะ ถึงแม้ว่า Mignolet จะเล่นได้อย่างน่าประทับใจ ในการรักษาประตูในฤดูกาลนี้ และเซฟได้อย่างเหลือ เชื่อหลายๆ ครั้ง, Toure และ Agger ก็จับคู่กันได้ดี ในเกมรับ ซึ่งดูเหนียวแน่นมากๆ กับการท�ำงานร่วม กันกับ Glen Johnson และ Jose Enrique ที่เป็น Full-Back กระนั้นการเสียเงินถึง 20 ล้านปอนด์ใน การดึงตัว Illori และ Sakho ท�ำให้ Liverpool ตอน นี้มีเซ็นเตอร์ถึง 5 ตัวแล้ว – Toure, Martin Skrtel, Agger, Illori และ Sakho ในขณะที่ Cissokho เป็นตัวแบ็คอัพชั้นดีของ Enrique, จึงไม่มีความจ�ำเป็นใดๆ ที่จะใช้เงินไปเสริม แนวรับอีก แล้วควรที่จะน�ำเงินมาใช้เสริมแดนกลางจะ The Reds - September 2013
25
September 2013 - The Reds
26
The Reds - September 2013
27
ดีกว่า
Brendan Rogers นั้นดูคล้ายกับว่าอยากจะใช้ สามประสาน Philippe Coutinho, Luis Suarez และ Daniel Sturridge ในแนวรุก โดยมี Moses และ Aspas เป็นแบ็คอัพ ไอ้ระบบนี้ท�ำให้ Liverpool ต้องหันมาเล่นกองกลางสามตัวไปโดยปริยาย ซึง่ เท่ากับ ว่า มิดฟิลด์ตัวกลางนั้นมีสี่คน ซึ่งก็คือ - Joe Allen, Steven Gerrard, Lucas Leiva และ Jordan Henderson ตัว Allen นั้นไม่สามารถงัดฟอร์มที่เคยเป็น ทีเด็ดในสมัยที่เล่นให้กับ Swansea นับตั้งแต่ย้ายมาที่ Anfield, ในขณะที่ Lucas นั้นก็มีประวัติบาดเจ็บบ่อย และต้องฝืนเล่นบ่อยครั้ง ซึ่งเท่ากับว่าเราไม่สามารถ พึ่งพาเขาได้ตลอดฤดูกาล กล่าวคือวางใจไม่ได้, Henderson นั้นมักจะถูกใช้ไปเล่นทางขวาโดย Rogers และยังใช้ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร Gerrard นั้นเป็นกองกลางที่ฝากความหวังได้มากที่สุดที่สโมสร เหลืออยู่ แต่เขานั้นอายุก็ปาเข้าไป 33 แล้ว และสโมสร Liverpool ควรจะต้องมองไกลไปถึงการหาตัวตาย ตัวแทนเขาได้แล้ว ซึ่งตรงนี้มันก็ช่างชัดเจนเลยว่าเป็น การ “เสริมทัพ” ที่ผิด จากที่ควรจะท�ำ... หากว่า Liverpool เล็งไปที่นักเตะที่เรียกว่า “ตัวฝากความหวัง” มาซักคนแทนที่จะเป็นเซ็นเตอร์ ตัวกลางที่มีเยอะเกินจ�ำเป็น ทุกๆ อย่างมันอาจจะ ลงตัวกว่านี้ โดยเฉพาะเมื่อขาดซึ่ง “ตัวท�ำเกม” อย่าง Coutinho ที่มันแสดงให้เห็นชัดเจนว่า เมื่อขาด “หาง เสือ” เรือสุพรรณหงส์ล�ำนี้ก็เป๋ ไม่สามารถล่องผ่าน ห้วงมหาอรรณพที่เชี่ยวกรากที่ชื่อ Premier league ได้ ซึ่งหลักฐานที่แสดงให้เห็นก็คือสองสามนัดที่ผ่านมา เกิดอาการสะดุด จะจมมิจมแหล่ จนสุดท้ายก็ต้องหลุด จากจ่าฝูง และตกรอบ Capital one cup ไปแบบ เจ็บปวด... แม้ว่าการกลับมาของ Suarez จะเพิ่มขวัญ ก�ำลังใจให้กับทีมได้มากขึ้นระดับนึง แต่ปัญหาตรงนี้ ก็ยงั คงอยู่ และมันจะอยูอ่ กี ไปเรือ่ ยๆ จนกว่าจะถึงตลาด ซื้อขายเดือนมกราคมนี้.. ใครคนนั้นที่ควรจะต้องดึงเข้า มา ถ้าเป็นไปได้ จะต้องให้ได้อย่างน้อยก็ระดับ “Xabi Alonso” นั่นแหล่ะ หากยังคิดที่จะบินสูงต่อไป September 2013 - The Reds
28
T he Match
The Reds - September 2013
29
September 2013 - The Reds
30
The Reds - September 2013
31
September 2013 - The Reds
32
The Reds - September 2013
33
ศึกมันเดย์ไนท์ หงส์ขาว เปิดรังต้อนรับ หงส์แดง “เรดแมชชีน” ศึกนี้ใหญ่ หลวงนัก นัดที่ 400 ของพี่เจิด อยากเห็นประวัติศาสตร์เลข 4 ก็ได้เห็นจริง ไม่ใช่ ลิเวอร์พูล ชนะ 4 นัดรวด แต่มีประตูเกิดขึ้นในเกม 4 ลูก และเป็นประตูที่ 4 ของ เฮีย ริดจ์ นะครับพี่น้อง !!! เริ่มเกมมาได้เพียงแค่ 2 นาที สาวกหงส์ขาวได้กรี๊ดลั่นสนาม เมื่อมาได้ประตูขึ้น น�ำ 1-0 อย่างรวดเร็ว จากบักจอนโจ้อดีตเด็กเก่าของหงส์แดงเองนะฮร้าบบบ ซัดบอล ผ่านมือมิโญเลต์ตุงตาข่ายสวยงาม เปี๊ยกบางใหญ่น�้ำตาแทบไหล เด็กเก่าเราเจ๋งอย่า บอกใคร...แต่เจ้าถิ่นก็ดีใจได้ไม่นานหรอก ต้องบอกว่าเรดแมชชีนของเรามีดี ทวงคืน ได้อย่างไวในนาทีที่ 4 ฮีโร่ไม่ใช่ใคร บักจอนโจ้ อยากให้คนดูเร้าใจไม่รู้ตั้งใจส่งคืนหลัง หรือต้องการแอสซิสให้เพื่อนทีมเก่าอย่าง สเตอร์ริดจ์ เมื่อจังหวะเป็นใจขนาดนี้เฮียแก ไม่รอช้าวิ่งมาฉกบอลจัดการยิงตุงตาข่ายสวยงาม เป็นประตูที่ 4 ในรอบ 4 นัดอีกด้วย แหม่.. เมพขิงๆ หลังจากนั้น หงส์แดง มีลุ้นอีกหลายครั้งแต่ไม่เป็นผลส�ำเร็จ ผลัดกันรุกผลัดกัน รับกับ หงส์ขาว อย่างดุเดือด และแล้วก็ต้องปรบมือให้ บักจ้อน จอนโจ้ อีกครั้ง แอสซิ สอีกแล้ว 55555 จ่ายบอลขวางสนามไปเข้าทาง วิคเตอร์ โมเซส ตัดบอลได้ตรงกลาง สนาม ก่อนเฮียแกจะลากลุยเดี่ยวเข้าไปยิงด้วยตัวเอง บอลพุ่งเสียบเสาเข้าไปสวยงาม เรดแมชชีนขึ้นน�ำอีกครั้ง กองเชียร์แฮปปี้ เฮดังลั่นบ้านนน หลังจากนั้นก็ท�ำไรกันไม่ได้ จบด้วยการที่ ลิเวอร์พูล ขึ้นน�ำ ครึ่งหลังเริ่มขึ้น สวอนซี แก้เกมเปลี่ยนตัวเป็นนแรก ส่ง โจนาธาน เดกุซมัน ลง มาท�ำเกมแทน นาธาน ดายเออร์ ลิเวอร์พูลมีโอกาสลุ้นประตูในนาทีที่ 53 เมื่อมาได้ ฟรีคิกทางฝั่งขวาแต่ก็ท�ำไม่ได้ นาทีที่ 54 หงส์แดง จ�ำเป็นต้องเปลี่ยนตัว คูตี้ ที่เจ็บเล่น ต่อมิได้ (หวังว่าจะไม่เป็นไรมาก) ต้องส่ง ยาโก้ อัสปาส ลงสนามแทน เล่นไปเล่นมา เกมมันหยดย้อย ค่อนข้างสูสี จนเจ้าบ้านได้เฮอีกครั้งนาทีที่ 64 จากจังหวะที่ฮีโร่ บัก จอนโจ้ เกมนี้เล่นได้โดดเด่นจริงๆ โหม่งบอลต่อให้ มิชู วิ่งมาแปด้วยขวา 10 กว่าหลา บอลตุงตาข่าย เสมอจนได้…จากนั้นบอกตรงเปี๊ยกเริ่มไม่อยากดูเพราะเกมเป็นของ ทาง สวอนซี เสียวจริง แต่ก็นะสุดท้ายก็จบด้วยการเสมอกันไป แมทนี้บอกตามตรงเลยว่าจริงๆ มิชู ไม่ได้เจ๋งไรหรอก เพราะความเก๋า(เจ๊ง) ของ วิสดอม บ่อน�้ำมัน หรือหลุมด�ำขนาดใหญ่ทางแบ๊กขวา พ่วงด้วยความเมพหัวใสปิ๊งไร้ สิวของ บักจ้อน ต่างหาก เกมนี้ MOM อาจตกเป็นของ บักจ้อน ช้างน้องหัวใสใสต๊ะติ๊ง โหน่งก็เป็นได้ เทพจริง จ่าย 3 ยิง 1 เด็กหม้อหงส์ แน่นอน ลิเวอร์พูล ก็ยังไม่สามารถ บุกมาชนะหงส์ขาวในบ้านได้ แต่ยังเจ๋งพอกลับไปเป็นจ่าฝูงเหมือนเดิม ... ยังไงก็อย่า มาเก๋ากับพี่นะน้อง จ่าฝูงเชียวนะครัชชชชชช เดี๋ยวพี่ตบคว�่ำ เปี๊ยกบางใหญ่ รายงาน
September 2013 - The Reds
34
T he Match
The Reds - September 2013
35
September 2013 - The Reds
36
The Reds - September 2013
37
September 2013 - The Reds
38
The Reds - September 2013
39
เชื่อมั่นว่าวันนี้ สาวกหงส์แดงประเทศไทย คงดีใจกับวอลเล่ย์และหวังว่า จะมาดีใจกับ หงส์แดง ต่อเช่นกัน...หลังจากดูวอลเลย์บอลไทยจบแบบไม่ต้องลุ้น มาก มาดูบอลก็ยิ่งน่าเบื่อเข้าไปใหญ่ เซโรงัง !!! ใครอยากกินมาม่าเชิญเข้าบอร์ด ตามเว็บต่างๆ ได้เลยมีเสิร์ฟให้คุณเพียบบบบบบบบ เกลื่อนบอร์ด เดือดปุดๆ ราวกับวันนรกแตก วันสิ้นโลกเลยทีเดียว ฮ่วยยย ..... แมทช์วันนี้หงส์แดงเปิดบ้านต้อนรับ นักบุญ เปิดมาครึ่งแรก นั่งดูแบบ อื้มมมมม คงเป็นแผนการร้ายกาจดูเชิง นักบุญ แน่ๆ ผ่าน 15 นาทีแรกไปเกม เหมือนเริ่มเป็นของนักบุญ กลางหงส์เก็บบอลไม่ค่อยอยู่ บอกตามดูแล้วจะหลับ กับการดูเชิงในครึ่งแรกจริงๆ เล่นไปหาวไป นักบุญครองเกมได้มากกว่า หงส์แดง ดูเล่นไม่เป็นเกมของตัวเองเอาซะเลย เล่นได้ง่วงเหงาหาวนอนมาก สุดท้ายจบ ครึ่งแรกท�ำอะไรกันไม่ได้ เอาวะ!! ครึ่งหลังหนังคนละม้วนชัวร์ โอ้วววแม่เจ้ายิ่งคนละม้วนเข้าไป ใหญ่ครับท่าน !!! มันคนละม้วนหนักเข้าไปอีก ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับทีมหงส์ แดง ดูมึนๆ อึนๆ โดนวางยาเฉื่อยมาป่าวเนี่ยนักเตะหงส์ ฮ่วยยยย จะมีเล่นดีก็ ยกให้ มิโญเล่ต์ ส่วน สเตอร์ริจด์ แมทช์นี้เล่นแบบไม่เกรงใจใคร ตูไม่ส่งพอใจ มีปัญหาไหม ส่วน ราฮีม สเตอร์ริ่ง จอมลากเลื้อยลงมาก็ไม่ได้ช่วยไรจริงๆ เกม รุกไร้จินตนาการ สุดท้ายรูปเกมก็ไม่ได้ดีขึ้น โดนยิงตุงตาข่ายหัวใจสลายจนได้ เรียบร้อยโรงเรียนแอนฟิลด์... ตอนนี้อยากร้องเพลงนี้มว๊ากกกกก “เจ็บและชิน ไปเอง” (T.T) จากเกมวันนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลางหงส์เก็บบอลไม่ได้ หลังบ้านเลย ท�ำงานหนัก หรือบีร๊อดกินยาไม่เขย่าขวดกันแน่ เป็นผลท�ำให้ออกมาเป็นอย่างที่ เห็น การขาดหายไปของตัวปั้นเกมส์ อย่าง คูตินโญ่ ส่งผลต่อ เครื่องจักรสีแดง มากมาย... แต่ถ้าอยากจะเป็นแชมป์ เส้นทางยังอีกไกล บีร็อด คุณต้องท�ำงาน หนัก นักเตะต้องระวังอย่าให้โดนวางยาเฉื่อยอีก แมทช์นี้ให้อภัยยังโลกสวย อาจ เป็นการหลอกน้ามอยส์ให้ตายใจ แมทช์นี้คงต้องท�ำใจนะพี่น้อง เชื่อมั่นและศรัทธา ปาฏิหาริย์จะบังเกิด คง ต้องตามต่อแมทช์หน้า แพ้นัดนี้เป็นนัดแรกของฤดูกาลแต่อันดับยังคงดีอยู่ ตั้ง หน้าตั้งตารอรอการกลับมาของซัวเรสที่โดนแบนนัดนี้เป็นนัดสุดท้าย แมทนี้จบ ด้วยการโดน นักบุญ พิฆาตรคา แอนฟิลด์ ตุเรง ตุเรง ปล.งดเข้าบอร์ด 3 วัน มาม่าเกลื่อนบอร์ด อิ่มหน�ำส�ำราญใจ เปี๊ยกบางใหญ่ รายงาน September 2013 - The Reds
40
T he Match
The Reds - September 2013
41
September 2013 - The Reds
42
The Reds - September 2013
43
September 2013 - The Reds
44
เกมนี้ก�ำกับด้วยเฮียเว็บบ์ โดยเจ้าบ้าน แมวด�ำ ซันเดอร์แลนด์ เพิ่งปลด เปาโล ดิ คานิโอ ออกจากต�ำแหน่งหลังจบเกมพรีเมียร์ลีกในสัปดาห์ก่อนและเป็น เควิน บอลล์ เข้ามารับต�ำแหน่งกุนซือชัว่ คราวท�ำการเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ หงส์แดง ลิเวอร์พลู อันเป็นที่รักของเปี๊ยก เกมนี้เป็นการต้อนรับการกลับมาของ หลุยส์ ซัวเรส หม่อมเหยิน ที่โดนโทษแบนไป 10 นัด จากปลายฤดูกาลก่อน หลายคนหวังว่าเค้าจะท�ำประตูได้ใน แมทช์นี้และเป็นการเปิดตัวที่สวยในแมทช์แรกของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้อีกด้วย ครึ่งแรก หงส์แดง เดินเครื่องบุกหนักตั้งแต่ต้นเกมและแล้วมีลุ้นหลายครั้ง แต่ก็ ยังเป็นการเฮเก้อ และยิ่งเฮเก้อใหญ่ในนาทีที่ 9 จารย์ตาดีจับล�้ำหน้าซะงั้น ไม่งั้นน�ำแล้ว ฮึ่ยๆๆๆๆ หลังจากนั้น หงส์แดง เรดแมชชีน ก็พลาดเกือบเสียประตูนะฮร้าบ ซาโก้ กับ โมเซส นึกว่านี่คือสนามเด็กเล่น เล่นลิงชิงบอลชิ่งไปชิ่งมากันอยู่ 2 คนแล้วก็โดนแย่งไป จนได้ แต่โชคดีที่ไม่เสียประตู หงส์แดง เริ่มตั้งเกมตัวเองได้ ผ่านไป 15 นาทีมีโอกาสได้ ลุ้นอยู่หลายครั้งแต่ยังไม่เป็นผล...เล่นไปเล่นมาเจ้าบ้านเกือบได้เฮซะงั้น โดย ลาร์สสัน อัดฟรีคิกอย่างงามชนคานซะงั้น อดไปนะจ๊ะน้องจ๋า.....เล่นกันไปเรื่อยๆ นับเป็นวันที่ฟ้า เป็นใจกับ หงส์แดง จริงๆ นาทีที่ 28 ลิเวอร์พูลขึ้นน�ำจนได้จากลูกเตะมุมที่ เจอร์ราร์ด เปิดมุม สเตอร์ริดจ์ โหม่งแต่บอลไปโดนตรงต้นแขนเข้าประตูไป แต่ในเมื่อจารย์ไม่เป่า ก็ เฮสิครับท่าน จะรอช้าอยู่ใย ชะชะช่า 5555 เข้าสู่นาทีที่ 36 เจอร์ราร์ด โยนบอลงามๆ ไปให้ เฮียริจด์ ส่งต่อให้ หม่อมเหยิน เรียบร้อยไม่เหลือ ตุงตาข่ายไปสวยงาม และเป็นประตูแรกในแมทช์แรกของฤดูกาลนี้ ของหม่อมเหยิน เทพจริงๆ จุ๊บๆ หลังจากนั้น แมวด�ำ มีโอกาสได้ท�ำประตูแต่ไม่เป็นผล ส�ำเร็จ จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล น�ำอยู่ 2 ประตู กองเชียร์นั่งสบาย ชิวๆ เริ่มครึ่งหลังมาได้ไม่กี่นาที หงส์ ก็ได้ลุ้นเลยแต่เปลี่ยนโอกาสเป็นประตูไม่ได้ เกม ด�ำเนินต่อไป หงส์แดง ของเราเริ่มแผ่วปลายลง แมวด�ำ เริ่มครองเกมได้มากขึ้นและมี โอกาสได้ลุ้นมากขึ้น จนกระทั่งเสียประตูจนได้ สเคอร์เทล พยายามจะล้มตัวบล็อคไม่ดี บอลผ่านมาถึงมิโญเล่ต์ รับไม่อยู่บอลกระฉอกออกมาเป็น จั๊คเครินี่ ที่ไวอย่างกับจรวด พุ่งเข้ามายิงเข้าไปไม่เหลือไข่แตกดังโพละ หลังจากนั้น แมวด�ำ มีโอกาสจาก การ์ดเนอร์ ได้ลองส่อง บอลไปโดน ตูเร่ นิดนึง แต่เสียใจ มิโญเล่ต์ บินสวยปัดทิ้งออกไปได้..ซุปเปอร์แมนตัวจริงกุงเกงลิงสีแดง ฮ่าๆ... หลังจากนั้น กองชียร์หงส์ ก็ต้องเสียวอีก แต่ มิโญเล่ต์ ยังเจ๋งบินเซฟไม่พลาด ก็แบบว่า เทพอะนะ เกมกลับมาเป็นของ ลิเวอร์พูล อีกครั้งจนถึงช่วงท้ายเกม เฮียริดจ์ ส่งให้ หม่อม เหยินซัดตุงตาข่ายอีกครั้ง นับว่าเป็นการตอกฝาโลงสวยงาม จบเกมไปแบบกองเชียร์ แฮปปี้เอนด์ดิ้ง ยิ้มหน้าบาน MOM เปี๊ยก ให้ เฮียเว็บบ์ แล้วกันท�ำหน้สที่ดีไร้ที่ติจริงๆ โฮะๆ ...หลับฝันหวานอีกแมทช์ สุขใจกับ 3 แต้ม ชะเอิงเอย เปี๊ยกบางใหญ่ รายงาน The Reds - September 2013
45
September 2013 - The Reds
46
T he Match
The Reds - September 2013
47
September 2013 - The Reds
48
The Reds - September 2013
49
September 2013 - The Reds
50
เกมพรีเมียร์ลีกนัดที่ 7 หงส์แดง ลิเวอร์พูล เปิด แอนฟิลด์ ต้อนรับ คริสตัล พาเลซ ครึ่งแรกเกมเริ่มมา หงส์แดง ลิเวอร์พูล ก็แสดงศักยภาพความเป็น เรดแมชชีน กระหน�่ำบุกต่อเนื่อง คนดูก็ลุ้นประตูแรกมาซักทีๆๆๆ...และแล้ว สาวกลิเวอร์พูล ก็ได้เฮ จากประตูขึ้นน�ำของ หม่อมเหยิน ซัวเรส นาทีที่ 14 สบายๆ เชื่อมั่นว่ากองเชียร์ทุกคน คิดถึงลูกที่ 2 กันแล้วสินะ หลังจากนั้นไม่กี่นาทีเป็น เฮียริดจ์ ไม่ยอมนะครับ แบบว่างานนี้ต้องมีชื่อผมท�ำ ประตู ว่าแล้วก็ขอโชว์บ้าง ยิงลูกที่ 2 ตุงตาข่ายอย่างสวยงาม กองเชียร์มีความสุขมากกก กกจริงๆ นะฮร้าบบบ ( -3-) ไม่มีอะไรต้องห่วงเล่นเรื่อยๆ คริสตัล พาเลซ ได้บุกมามาป่วนบ้างแต่ก็งั้นๆ แหละ ไม่น่ากลัว....และแล้วก็เฮกันดังดังอีกรอบ เรดแมชชีน มาได้จุดโทษนาทีที่ 38 เพราะเจ้า หนู สเตอร์ริ่ง โดนดึงล้มสวยงามในเขตโทษ จารย์ไม่รอช้าเป่าชี้จุดโทษทันที ท�ำงานดี จริงๆ นะขอรับ โฮะๆ และเป็น เจอร์ราร์ด กับตันไดนาโม ยิงเข้าไปไม่เหลือซากน�ำ 3-0 ส่วนช่วงเวลาที่เหลือมีลุ้นหลายครั้งแต่ท�ำไม่ได้ จบครึ่งแรกถล่มไป 3 เม็ด เบาๆ เข้าสู่ครึ่งหลังก็ยังคงคึกคัก แต่เล่นไปเล่นมาฤทธิ์ยาเฉื่อยเริ่มออก เล่นเรื่อยๆ คนดู อาจเริ่มง่วง เล่นไปเล่นมาจนนาทีที่ 77 หงส์แดง ก็เสียฟรีคิกจนได้ ดไวค์ เกล โหม่งเช็ด จากลูกเปิดตุงตาข่าย ตีไข่แตกส�ำเร็จ แต่ เปี๊ยก เฉยๆ มั่นใจไงก็ชนะอะโด่วววว.... ในช่วงท้ายเกม หงส์แดง ก็เริ่มพยายามบุกมากขึ้น มีได้ลุ้นจาก สเตอร์ริดจ์ แต่ ยิงชนเสา เล่นเรื่อยๆ จนจบเกมท�ำไรกันไม่ได้ ลิเวอร์พูล ขึ้นมาจ่าฝูงชั่วคราว คนดูก็ยิ้ม หวาน หลับฝันดีกันถ้วนหน้า จบเกมไปด้วยสกอร์เดิม กลับไปอยู่จ่าฝูงชั่วคราวอีกครั้ง ก็ไม่รู้สินะ ยิ้มกว้างงงงง... อากาศข้างบนมันหนาวววจัง แต่ท�ำไงได้มันเป็นที่ของพี่อะน้อง แล้วน้องล่ะ อากาศข้าง ล่างเป็นไงบ้าง พี่เป็นห่วง ตอนนี้คงลงสนามอยู่สินะ หวังว่าจะไต่เต้าขึ้นมาได้นะ พี่อยาก เจอ โฮะๆ (ไม่ได้พาล แค่คิดถึงน้องที่พลัดพรากจากกันไปไกลแสนไกล) ผ่านไปแล้วอีกเดือน หงส์แดง ยังสามารถเล่นได้อย่างคงเส้นคงวา อยู่บนตารางใน ต�ำแหน่งที่ควรอยู่ กองเชียร์เริ่มฝันไปถึงแชมป์ สู้ต่อไป หนทางยังอีกยาวไกล แต่ถ้าท�ำได้ แบบนี้จนจบฤดูกาล มีเฮแน่นอน...หวังว่าทุกท่านจะเต็มอิ่มกับ 4 แมทช์อย่างจุใจ ฉบับนี้ ก็ขอลาแต่เพียงเท่านี้เอย สวัสดี เปี๊ยกบางใหญ่ รายงาน The Reds - September 2013
51
September 2013 - The Reds
54
T reatise
The Reds - September 2013
55
September 2013 - The Reds
56
The Reds - September 2013
57
เพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้นที่ Iago Aspas ถูก เปลี่ยนตัวลงสนามจากที่ Philippe Coutinho เจ็บ แต่ ผู้คนที่ “เอ่ยอ้าง”ตนเองว่าเป็น Liverpudlian ก็เริ่ม ที่จะ “ดูแคลน” และตั้งค�ำถามดาวเตะชาวกระทิงดุ รายนี้ว่ามีความสามารถทางด้านฟุตบอลจริงหรือ? มี ค�ำถามออกมาถึงขนาดว่า ‘เฮ้ยไอ้คนนี้มันเป็นนักบอล ด้วยหรือ?’ นี่คือสิ่งที่ผมได้อ่านเจอทันทีในคอมเม้นท์ สดๆ ทางโลกไซเบอร์ หลังจากที่เขาจับบอลได้ครั้ง แรกๆ ในเกมนั้น ณ ช่วงเวลานั้นของเกม Liverpool นั้นเริ่มที่ จะตื้อ เริ่มที่จะลงต�่ำมากขึ้นเพื่อป้องกันประตู แล้ว Shelvey ก็โขกต่อให้ดาวเตะกระทิงดุอีกคนอย่าง Michu ยิงตีเสมอให้กับ Swansea ณ เวลานั้นดูคล้าย กับว่า กลุ่มคนบางกลุ่มเริ่มที่จะ “หาแพะ” มาเชือดทิ้ง เพื่อระบายอารมณ์ แล้วคนนั้นไม่ใช่ใคร นอกจาก Iago Aspas มันดูเหมือนกับว่าในยุคสมัยนี้ มันจะต้องเป็น Aspas หรือไม่ก็ Alberto ที่จะเหมาะเป็น “แพะ” ที่สุด คือจะเป็นสมาชิก “ผู้ทรงเกลียด” ของทีมไป โดยปริยาย ทั้งๆ ที่เป็นนักเตะของทีมที่ตนเองเชียร์ นักเตะที่ว่าจะโดนหวดกระหน�่ำใส่อย่างไม่คิดจะหยุด กลายเป็นตัวตลก และถูกตั้งค�ำถามว่ามีศักยภาพเชิง ลูกหนังแค่ไหน ของปลอมใช่มั๊ย ก็เหมือนอย่างที่เคย เกิดขึ้นกับ Traore, Biscan, Kuyt และ Lucas ดู คล้ายกับว่าตอนนี้เราได้ผู้ท้าชิงรายใหม่ของ “นักเตะที่ ล้มเหลวของฤดูกาล” ประเด็นที่ใช้ในการพิจารณาก็คือ ราคาค่างวด ที่ดูเหมือนจะให้ความส�ำคัญเหนือกว่าความรู้ ความ เข้าใจถึงศักยภาพในตัวผู้เล่นที่มีอยู่จริง มาจากสโมสร ไหนมาก่อน ผลงานเคยเป็นอย่างไร ไม่สน ผมเศร้าใจ แทนแต่ก็ไม่สงสัยหรือลังเลใจว่า ไม่ว่าเขาจะพวกเขา จะท�ำดีได้แค่ไหนในเกม Football Manager หรือ ในโลกแห่งความเป็นจริงในอดีต แต่ “ช่างแม่มมัน เหอะ” ถามจริงเหอะ ใครบ้างจะคิดว่า Michu จะ กลายเป็นนักเตะที่เซ็นมาได้คุ้มค่าที่สุดของฤดูกาลที่ ผ่านมา หลังจากเล่นไปแค่ 4 นัดเล่า ความเป็นจริงง่ายๆ ก็คือ เรายังเล่นเกมในลีคไป September 2013 - The Reds
58
แค่ไม่กี่นัดเท่านั้น แต่ชายผู้น่าสงสารคนนี้ดูเหมือนจะ จบไปแล้วส�ำหรับการเป็นนักเตะ Liverpool ภายใต้ ความรู้สึกของแฟนบอลบางกลุ่ม เพราะเรานั้นใช้ชีวิต ในยุคที่ไม่ต้องสนใจข้อมูลหรือศักยภาพใดๆ ปัจจุบัน เล่นไม่ประทับใจก็โห่มันเลยอย่าได้ปล่อยให้ลอยนวล และแฟนบอลยุคนี้บางกลุ่มก็ดูเหมือนจะไม่เข้าใจ ไอ้ คอนเซปต์ที่ว่า “ต้องปรับตัวกับลีคใหม่” มันต้องเป็น อย่างไร เอาด้วยความสัตย์จริง ผมมีความรู้เกี่ยวกับเขา ค่อนข้างจะจ�ำกัด ก่อนที่เขาจะมีข่าวย้ายมาร่วมทีม เราเมื่อซัมเมอร์ และผมนั้นมองไปที่ตัวเงินที่เราใช้เพื่อ น�ำเขามามากกว่า เพราะเงินจ�ำนวนนี้ส่วนใหญ่เราจะ ใช้ดึงเอานักเตะประเภท “high profile” แต่ตอนนี้ เขาเป็นนักเตะหงส์แดงแล้ว และเขาคู่ควรได้รับโอกาส อย่างน้อยก็หนึ่งฤดูกาลเพื่อที่จะปรับตัว และสร้างผล งาน ไม่ใช่แค่ไม่กี่นัดแบบนี้ มันมีนักเตะหลายต่อหลายคนตลอดหลายปีที่ ผ่านมา ที่ผมไม่ค่อยจะมั่นใจเท่าไหร่ตอนที่เห็นพวกเขา ครั้งแรก แต่ผมก็พร้อมจะให้โอกาสเขาเสมอ ไม่ว่าเขา จะเป็นนักเตะท้องถิ่น ภายในประเทศ หรือต่างชาติ ผม หมายถึงว่า ตอนแรกเริ่มเลย เจ้า Jay Spearing เอง ก็ดูไม่ได้ระดับจริงๆ หลังจากที่เล่นไป 10-15 เกมใน ทีมชุดส�ำรอง ไม่ต้องมองถึงทีมชุดใหญ่เลย แต่ผมก็ให้ โอกาสเขา และลากยาวไปจนถึงการใช้เวลาสี่ปีในการ ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ ก่อนที่ Brendan Rodgers จะเห็นเป็นอื่น มันน่าตลกตรงนี้ มันเป็นกรรมของ Aspas กระมังที่ดันเข้ามาในช่วงเวลาที่ Philippe Coutinho คือ “ยอดรัก” ของชนชาวหงส์ โอเคฟอร์มของ เขาตอนนั้นยังดูเนือยๆ ดูไม่เข้าที่เข้าทาง ไม่มีความเร็ว และยังท�ำแอสซิสต์ในเกมอย่างเป็นทางการไม่ได้ ไม่ ต้องพูดถึงการยิงประตู เขายังยิงไม่ได้แม้แต่เม็ดเดียว กระนั้นมันยังไม่ใช่ประเด็นอะไรที่น่าจะพูดถึง เท่าไหร่กับเกมก่อนหน้านี้ส�ำหรับ Aspas ใครๆ ก็คง จะยังไม่ว่าอะไร แต่ทุกๆ อย่างก็เกิดขึ้นเมื่อเขาต้องลง สนามมาในเกมกับ Swansea เพื่อทดแทน Philippe “ยอดรัก” Coutinho ที่บาดเจ็บที่หัวไหล่นั่นแหล่ะ เลยเป็นประเด็น การเล่นที่ผิดพลาดของ Aspas เลย The Reds - September 2013
59
September 2013 - The Reds
60
เป็น “เรื่องใหญ่” กลายเป็น “เป้าแห่งการระบาย อารมณ์” ไปโดยปริยาย ผมสังเกตุว่าผู้คนก็กระโดดโวยวาย เรื่องเกมรับ ของ Sakho อย่างรวดเร็วเช่นกัน หลังจากที่ประเดิม สนามให้กับหงส์แดงได้ไม่ค่อยจะหรูเท่าไหร่ เขาพุ่งเข้า แท็คเกิลชาวบ้านโดยใช้ความคิดน้อยไปหน่อย มันเหมือน The Reds - September 2013
เขาพยายามปกป้องตัวเอง อยากสร้างความประทับใจ เลยกลายเป็นเกร็ง และเข้าบอลโฉ่งฉ่างไปซะ มันจึง เป็นที่เข้าใจว่าเขายังเป็นนักเตะที่จะต้องเรียนรู้อะไร อีกเยอะ แต่ในที่สุดแฟนบอลก็ไม่ได้อะไรมาก ก็มองไป ว่าเขายังใหม่ อายุยังน้อย และสมควรมีเวลาปรับตัว อ่อ แล้วแน่นอนเขามาจาก PSG และราคาสูง เพราะงั้น
61
ซ.ต.พ. (ซึ่งต้องพิสูจน์) เขาจะกลายเป็นยอดนักเตะ แน่ๆ เห็นไหมครับ ว่ามันตลกตรงไหน? นี่มันกลายเป็น สองมาตรฐานใช่หรือไม่? ผมรู้สึกถึงกรณีของ Jonjo Shelvey ในฤดูกาล ที่แล้ว ที่ฤดูกาลนี้ก็โดดเด่นพอควรกับ Swansea ตลอด 90 นาทีนั้นเขาทุ่มเททุกๆ อย่างที่จะท�ำให้เขา
เป็นนักเตะผู้ยิ่งใหญ่ได้ และมันน่าอึดอัดใจที่ได้เห็นสิ่ง นี้ ได้เห็นเขาเล่นให้กับทีมอื่น และรู้สึกว่าเรานั้นอดทน กันน้อยไปหน่อยหรือไม่ จนถึงกับปล่อยเขาออกไป ทั้งๆ ที่ถ้ารอเขาพัฒนาตัวเอง น่าจะได้เพชรเม็ดงามอีก เม็ดนึง แต่ก็อย่างที่เข้าใจ ตัวเขาเองก็เลือกเองเช่นกัน ที่จะไป ณ จุดนี้เอง ผมขอแสดงความชัดเจนว่าผมไม่ได้ หมายความว่า Coutinho หรือ Sakho เป็นนักเตะ ทีแ่ ย่หรือดีเลิศอย่างไรการคิดเช่นกันเท่ากับหลงประเด็น ผมคิดว่าพวกเขาจะกลายเป็นยอดนักเตะของ Liverpool และหลักฐานชิ้นแรกๆ ก็คือจากผลงานของ Coutinho ที่แสดงชัดเจนว่าเขานั้นมีศักยภาพที่จ ะเป็นนักเตะ ระดับโลกได้ และผมต้องการที่จะให้เขาพัฒนาตัวเอง อยู่กับเราไปอีกนานเท่านาน ส�ำหรับ Sakho นั้น มันก็ชัดเจนว่าเขานั้นเป็น กองหลังชั้นดี น่าจะฝากผีฝากไข้ได้ ผมตื่นเต้นที่ได้เห็น เขาหาฟอร์มของเขาเจอ และผมก็จะให้เวลาเขามาก เท่าที่เขาต้องการ ในขณะเดียวกัน การอดทน ใจเย็นและรอคอย ก็ ควรจะใช้กับ Iago Aspas เช่นกัน หากคุณยังจ�ำผลงาน ของเขาในช่วง pre-season ได้ ? เขาดูดี แต่ก็นะ เป็น อีกครั้งที่ผมยังจ�ำพ่อหนุ่มผมยาวที่ดูดีเชียวช่วง preseason เมื่อหลายปีก่อน กระนั้นนั่นแหล่ะประเด็น คุณไม่มีทางรู้เลยว่า จะเกิดอะไรขึ้น จนกว่านักเตะพวกนี้จะได้รับ “โอกาส ที่เท่าเทียมกัน” ได้รับ “เวลาที่เท่าเทียมกัน” เพื่อให้ พวกเขาค้นหาฟอร์มของพวกเขาเจอ มันมีนกั เตะมากมาย เกินไปแล้วทีถ่ กู แฟนบอลของเราบางกลุม่ “ฆ่าชือ่ ” ออก ไปก่อนเวลาอันควร ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งหลาย ต่อหลายคนเช่นกัน ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า “แฟนบอล กลุ่มที่ว่านี้ ผิด” คือผมเริ่มเบื่อกับกับเรื่องนี้แล้ว เรานั้นยังเกาะกลุ่มน�ำอยู่ในลีค และยังไม่ใช่ ฟอร์มที่ดีที่สุด เมื่อไหร่ที่เราฟอร์มดีที่สุด และทีมฟิต ที่สุด มันดูเหมือนว่าเรานั้นสามารถต่อสู้กับใครก็ได้ ในลีค ไม่ว่าจะในบ้านหรือนอกบ้าน เพราะฉะนั้น การ“ยืนเคียงข้าง”นักเตะทุกๆ คน ในทีมคือสิ่งที่ คุณควรท�ำ ไม่ใช่แค่เฮกับคนที่คุณรัก หรือไม่ก็พวก นักเตะ “high-profile” เท่านั้น September 2013 - The Reds
62
S pecial Report
The Reds - September 2013
63
September 2013 - The Reds
64
ประตูที่ Louise Fors และ Katrin Omarsdottier ยิงได้ช่วยน�ำพาให้ Liverpool Ladies คว้า แชมป์ลีคได้ส�ำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่ง เกมนั้นเอาชนะคู่แข่งแย่งแชมป์อย่าง Bristol ไป 2-0 ฟุตบอลชายเป็นอะไรที่เป็นที่นิยมในวงกว้าง และเป็นที่ติดตามของสื่อและแฟนบอลอย่างมืดฟ้ามัว ดิน แต่วันนี้ผมอยากจะขอเขียนถึงทีมๆ นี้ ทีม Liverpool Ladies ที่ผมน�ำเรื่องนี้มาขยายเพราะหลาย ต่อหลายคนยังไม่รู้ด้วยซ�้ำว่าทีมๆ นี้มีอยู่ ที่ส�ำคัญเพิ่ง คว้า แชมป์ลีคสตรีเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ สโมสร ซะด้วย ครับผมพูดไม่ผิด ทีมหญิงหรือหงส์ แม่เนื้ออ่อนทีมนีค้ ว้าแชมป์ลีค อันเปรียบเสมือนกับ Premier league ของฝ่ายนักฟุตบอลชายเลยทีเดียว สโมสรดังกล่าวถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1989 ภาย ใต้ชื่อ Newton LFC หนึ่งปีต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น Knowsley United WFC, เป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อ ตั้ง National Premier Division ในซัมเมอร์ปี 1994, Knowsley ได้มีสัมพันธ์ กับ Liverpool FC, และกลายเป็น Liverpool LFC ในปี2000 พวกเธอตกชั้นไปสู่ Northern Division กระนั้นฤดูกาลถัดมาก็ขึ้นชั้นมาอีก แต่ก็ไม่วาย ตกชั้นไปอีกในปีถัดมา. ในปี 2010, Liverpool ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาอีกครั้ง โดยแพ้แค่เกมเดียวตลอดฤดูกาล ไม่มีนักเตะที่โดนใบ เหลืองหรือโดนแบนซักคน จึงท�ำให้ทีมนี้ได้รับรางวัล WFA Fair Play award เมษายนปี 2011 สโมสรกลายเป็นหนึ่งในผู้ก่อ ตั้ง FAWSL ครับก็อย่างที่บอกไป ทีม Liverpool ทีมหญิง ทีมนี้เล่นอยู่ในศึก FA Womens Super League (FAWSL) ซึ่งเป็นลีคที่เล่นกันตอนซัมเมอร์ เริ่มแข่ง จากเดือนเมษายนถึงถึงตุลาคม จะมีคั่นกลางก็แต่ เพียงเกมทัวร์นาเม้นท์ระดับนานาชาติเท่านั้นหากว่า มี ลีคนี้ถือได้ว่าเทียบเท่ากับ Premier League ของ ฝ่ายชาย และการจัดการอย่างมืออาชีพอย่างที่เป็น อย่างทุกวันนี้ คือหลังจากเปลี่ยนชื่อลีคก็คือ เมื่อปี 2011 เท่ากับว่าเป็นลีคสูงสุดที่มีมาตรฐานจริงๆ เอา ฤดูกาลนี้ก็ฤดูกาลที่สาม (การแข่งขันก่อนหน้านี้แปด The Reds - September 2013
เก้าครั้งนั้น ยังไม่จัดการแบบมืออาชีพเท่านี้) สองฤดู กาลแรกของทีมหญิงทีมนี้ไม่มีอะไรให้ต้องพูดถึงเท่า ไหร่เพราะลุ่มๆ ดอนๆ จบแทบบ๊วยทั้งสองฤดูกาล โชค ดีที่ว่าไอ้คอนเซปต์เรื่องการเลื่อนชั้นตกชั้นจะเริ่มใช้กัน ก็ปีหน้า เมื่อมีการก่อตั้ง WSL 2 (ลีคที่ต�่ำกว่า) เพราะ ฉะนั้นสองฤดูกาลที่ผ่านมา ท�ำให้เราสามารถอยู่ในลีค สูงสุดพร้อมด้วยอีก 7 สโมสรได้แบบไม่มีปัญหา นอกเหนือจาก FAWSL แล้ว Liverpool ทีมนี้
65
ก็ลงแข่งในศึก Continential Cup (Conti Cup) ซึ่ง เป็นฟุตบอลถ้วยที่มีทีมลงแข่งทั้งหมด 8 ทีม ซึ่งเป็นทีม ที่อยู่ใน FAWSL ทั้งหมด แต่แบ่งเป็นสองกลุ่มๆ ละสี่ ทีม โดยวัดจากอันดับในลีคของพวกเขาในปีก่อน หลัง จากนั้นก็จะเจอกันหมดในกลุ่ม ซึ่งสองทีมที่มีคะแนน ดีที่สุดจะเข้ารอบรองชนะเลิศ และรอบชิงตามล�ำดับ ครับยังไม่หมด ยังมีศึก FA Cup ในแบบเดียวกับผู้ชาย เลย ในแง่ของฟุตบอลยุโรปนั้น ก็มีศึก Champions
League นั้น ลีคชั้นน�ำซึ่งมี 8 ลีค (ซึ่งอังกฤษก็ได้โคต้า ตรงนี้ด้วย) สองทีมในแต่ละลีคจะได้สิทธิ์ไปเล่นในทัวร์ นาเม้นท์ดังกล่าว สรุปว่ามีฟุตบอลสี่รายการให้ไล่ล่า แชมป์กัน กล่าวคือ FAWSL, Conti Cup, FA Cup และ Champions League ทีมหงส์สาวรุ่นรีแบรนดิ้งใหม่ ภายใต้ชื่อ Liverpool Ladies ได้เข้าสู่ยุคใหม่ จากเดิมที่ไม่เคยประสบ ความส�ำเร็จใดๆ เลย แต่ทุกๆ อย่างดูเปลี่ยนแปลงไป September 2013 - The Reds
66
โดยเฉพาะฤดูกาลนี้ ที่เริ่มต้นด้วยการมีแถลงการณ์จาก ทางสโมสรว่า Liverpool Ladies ณ ปัจจุบันนี้ได้เป็น ส่วนหนึ่งของ Liverpool Football Club อย่างเป็น ทางการ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะอยู่ภายใต้แบรนด์ เดียวกับ Liverpool และได้รับการสนับสนุนทาง การเงินและอุปกรณ์อ�ำนวยความสะดวกต่างๆอย่าง เต็มที่ นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่ส�ำคัญที่สุด เพราะจาก ทีมที่ไม่ได้เป็นมืออาชีพ กลับกลายเป็นทีมที่ซ้อมสี่ครั้ง ต่อสัปดาห์ แทนที่แต่ก่อนเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น นอกจากนีย้ งั มีการจัดการให้เป็นมืออาชีพยิง่ ขึน้ เพือ่ ให้ นักเตะใช้ชีวิตอย่างนักฟุตบอลอาชีพ (แม้จะค่าเหนื่อย The Reds - September 2013
ไม่มากมายก็ตาม) แทนที่จะเป็นแค่งานอดิเรกหลังเลิก งานหรือเลิกเรียนเท่านัน้ , มีการซ้อมและลงแข่งให้เทียบเท่า กับทีมอื่นๆ นักเตะหลายๆ คนและสต๊าฟฟ์หลายๆ คน ในอดีตถูกเคลียร์ออกไป เหมือนเป็นการยกเครื่องใหม่ กันเลยทีเดียวเชียว ได้มีการซื้อนักเตะเข้ามาจากสโมสร อื่นๆ ในอังกฤษ แต่ก็มีนักเตะต่างชาติด้วยเช่นกัน และ หนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ถือได้ว่าดีเยี่ยมก็คือปราการ หลัง ชาว American อย่าง Whitney Engen และ ชาวอังกฤษอย่าง Fara Williams ทีมๆ นี้จึงก้าวขึ้น มาเพื่อประสบความส�ำเร็จอย่างแท้จริง ก็คือ แชมป์ลีค ภายในประเทศ และความหวังสูงสุดอย่างแชมป์ยุโรป
67
ในแง่ของการมองสู่ความส�ำเร็จในอนาคต ผมเล็งเห็น ว่ามีโอกาสมากมายเพราะมีการจัดการทีมอย่างเป็น ระบบและนักเตะหลายๆ คนก็ทรงศักยภาพมาก นักเตะที่น่าจับตามองก็คือเซ็นเตอร์ฉบับคู่ที่เข้า ขั้นยอดฝีมืออย่าง Bonner และ Engen ทั้งคู่ต่าง โดดเด่นมากๆ ในเรื่องความสามารถเฉพาะตัว และ เล่นเข้าขากันอย่างมาก กองกลางของทีมก็เล่นกันได้ ดี ประกอบด้วย Rolser, Katrin, Da Costa, Fors และ Williams แดนหน้านั้นเรามีจอมถล่มประตูอย่าง Dowie ด้วยบุคลากรเหล่านี้ ท�ำให้เราสามารถโค่นทีม ที่เคยเหนือกว่าอย่าง Chelsea, Everton และแน่นอน
ทีมแชมป์ตลอดกาลอย่าง Arsenal ทีมชุดตัวจริง : เรามี Quantrill เป็น “นางสาว” ประตู (เรียกแบบนี้ได้ป่าวหว่า) Back Four ประกอบ ด้วย Bronze, Schröder, Engen และ Bonner กองกลางนั้นประกอบด้วย Katrin Omarsdottir ใน ต�ำแหน่งกลางรับคู่กับ Fara Williams แต่เจ๊ชอบดัน เกมรุกมากกว่า เรามีปีกคือ Rolser และ Fors, ซึ่งทั้งคู่ นั้นย้ายฝั่งกันเล่นบ่อย ไม่ยึดติดกับต�ำแหน่งตัวเอง เรา มีกองหน้าอย่าง DaCosta ซึ่งเป็นตัวชงให้ Dowie ยิง แต่หากเมื่อใดเล่นเกมรับมาก ก็จะมีหน้าคนเดียวคือ Dowie September 2013 - The Reds
68
อายุ 22 ปี, สัญชาติอังกฤษ, ต�ำแหน่งผู้รักษา ประตู, หมายเลขเสื้อ 24, เป็นอดีตผู้รักษาประตูของ Norwich, Arsenal และ Chelsea ย้ายมาร่วมทีม Liverpool จาก Chelsea และมาพร้อมๆ กับผู้จัดการทีมอย่าง Matt Beard ก่อนเริ่มต้นฤดูกาลนี้ Quantrill นั้นย้ายมา ปุ๊บก็เป็นตัวจริงปั๊บ จุดแข็งของแม่นางท่านนี้ก็คือการ จ่ายบอล การโยนบอลที่แม่นย�ำ และไม่มีความกลัวใน การที่จะเข้ามาห้าสิบห้าสิบกับคู่แข่งเวลาที่ต้องป้องกัน ประตู !
อายุ 22 ปี, สัญชาติอังกฤษ, ต�ำแหน่งผู้รักษา ประตู, หมายเลขเสื้อ 1, Gibbons นั้นเริ่มต้นเล่นต�ำแหน่งผู้รักษาประตู เอาเมื่อตอนอายุ 14, แต่อดีตผู้เล่น Preston North End ซึ่งเพิ่งย้ายมาอยู่กับ LFC เมื่อปี 2011 ก็ดูเหมือน ว่าจะปรับตัวในต�ำแหน่งนี้ได้เร็ว และเธอก็คือผู้รักษา ประตูมือสองของทีม และติด ทีมชาติอังกฤษชุด U19 มาแล้ว เธอเองก็อยู่ในทีมสหราชอาณาจักรชุดได้ เหรียญทองในทัวร์นาเม้นท์กีฬามหาวิทยาลัยโลก The Reds - September 2013
วัย 25 ปี, สัญชาติ American, ต�ำแหน่งกอง หลัง, หมายเลขเสื้อ 3 ได้มีการประกาศว่า Engen จะย้ายมาอยู่กับเรา จากทีม American อย่าง Pali Blues เมื่อปี 2012 เพื่อย้ายมาที่นี่ เธอยอมสละโอกาสในการเล่นใน New American League, Engen นั้นเคยเล่นให้กับทีม North Caroline Tar Heels (ทีมระดับนักเรียน), Chicage Red Stars และ Western New York Flash, กับทีมหลังนี่เธอคว้าแชมป์ และได้รับรางวัล ปราการหลังที่ดีที่สุดในลีคเมื่อฤดูกาล 2011... Engen นั้ น คว้ า เกี ย รติ ย ศมากมายทั้ ง ในระดั บ เยาวชนและ ระดับซีเนียร์ และเป็นส่วนหนึ่งของทีม US U20 และ US U23 และเมื่อเร็วๆนี้เธอก็เป็นตัวหลักของทีมชาติ America ชุดใหญ่ ...Whitney นั้นในความเห็นของ ผมถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดกองหลังในเกมฟุตบอล ของฝ่ายหญิง และมีอนาคตที่เจิดจรัสรอคอยอยู่ข้าง หน้า เธอนั้นลงเล่นในทุกๆ เกมที่ Liverpool แข่ง
69
วัย 21 ปี, สัญชาติอังกฤษ, กองหลังสารพัด ประโยชน์ (CB, LB, RB), หมายเลขเสื้อ 22, Riccio ถือได้ว่าเป็นเด็กสร้างของ Liverpool อย่างแท้จริง เล่นมาตั้งแต่ทีมชุด academy เมื่อเธอ อายุได้ 10 ขวบ เธอนั้นสามารถเล่นได้ทุกต�ำแหน่งใน แนวรับ และเพิ่มดีกรีตัวเองด้วยการเป็นเซ็นเตอร์เต็ม ตัว เธอคือหนึ่งในพวกเราอย่างแท้จริงเพราะเป็นแฟน หงส์มาตลอดชีวิต
วัย 26 ปี, สัญชาติ Germany, ต�ำแหน่งแบ็ค ซ้าย หมายเลขเสื้อ 19, แบ็คซ้ายตัวจริงของเราคนนี้เพิ่งย้ายมาเล่นกับ เราฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นการย้ายมาจากทีมจาก German อย่าง SC 07 Bad Neuenahr ก่อนหน้านี้เคยค้าแข้ง อยู่กับ FCR Duisburg และ Turbine Potsdam ซึ่ง เธอเคยคว้าแชมป์ลีค German และถ้วย CL นี่แหล่ะ คือประเด็นส�ำคัญ เพราะเธอรู้ว่าจะเล่นอย่างไรให้ชนะ เธอติดทีมชาติ Germany ทั้งชุด U20 และ U21
วัย 21 ปี, สัญชาติอังกฤษ, ปราการหลัง (CB), หมายเลขเสื้อ 5, หลังจากเริ่มต้นอาชีพของเธอที่ Leeds และใช้ เวลาสองฤดูกาลกับ Chelsea, Bonner ก็ย้ายมาอยู่ กับ LFC ก่อนเปิดฤดูกาล และกลายเป็นกัปตันทีม เธอ คือส่วนหนึ่งของคู่หูเซ็นเตอร์ร่วมกับ Engen เธอได้รับ เครดิตอย่างมากในเรื่องความสามารถทั้งลูกเท้าและ ลูกกลางอากาศ เธอมีประสบการณ์ในระดับนานาชาติ มากมายเพราะเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษมาในระดับ เยาวชนทุกระดับ ไมว่าจะ U17s, U19s, U20s และ U23s. เธอคว้าแชมป์ยุโรปกับทีมชุด U19s ใน ปี 2009. เธอถุกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่และไปลุย ศึก Euro ซัมเมอร์นี้ แต่ไม่ได้ลงเล่นทั้งสามนัด September 2013 - The Reds
70
วัย 21 ปี, สัญชาติอังกฤษ, ปราการหลัง (RB, CB), หมายเลขเสื้อ 6, Lucy เป็นนักเตะที่เล่นได้หลายต�ำแหน่ง ปกติจะ เล่นแบ็คขวา แต่ก็สามารถเล่นได้ทุกต�ำแหน่งที่เหลือ ในเกมรับ รวมไปถึงกองกลางด้วยหากจ�ำเป็น เธอเริ่ม ต้นเส้นทางลูกหนังของเธอที่ Sunderland, แต่ย้าย ไปเล่นให้กับทีมโรงเรียนอย่าง North Carolina Tar Heels, ก่อนทีจ่ ะกลับมาอังกฤษเพือ่ เล่นให้กบั Everton และหลังจากนั้นก็เล่นให้กับเรา เธอติดทีมชาติอังกฤษ ชุดเยาวชนมาทุกชุด (คว้าแชมป์ยุโรปชุด U19) และ ถูกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่เอาในซัมเมอร์นี้ Lucy เป็น หนึ่งในนักเตะอังกฤษที่อายุน้อยที่สุด ซึ่งดูมีอนาคต มาก เพราะเธอเป็นคนที่เก่งหลายอย่าง!
วัย 23 ปี, สัญชาติ Sweden, ต�ำแหน่งกอง กลาง, หมายเลขเสื้อ 10 เคยเล่นให้กับ Hammarby, Linköpings FC และ AIK ใน Sweden, RCD Espanyol ใน Spain, Western Sydney Wanderers ใน Australia และ ตอนนี้มาอยู่กับ Liverpool ที่อังกฤษ.. Fors นั้นเล่น มาหลายประเทศแล้ว ดังนั้นจึงมีประสบการณ์มาก ทั้งๆ ที่อายุยังไม่เยอะ เธอติดทีมชาติ Sweden มา มากกว่า 20 นัดแล้ว เธอติดทีมชาติครั้งแรกเมื่อปี 2008. และเธอก็ติดทีมชาติ Sweden ชุดลุยศึก Euros 2009 ด้วย ส่วนใหญ่แล้วฤดูกาลนี้เธอจะเล่นเป็นปีก และท�ำผลงานได้ยอด หลายๆ คนเห็นตรงกันว่าเธอนั้น เป็นนักเตะที่เล่นได้ดีที่สุดคนนึงของทีมในฤดูกาลนี้ และทีเ่ ห็นอย่างนัน้ ก็เพราะเธอจ่ายบอลแม่น และฉลาด ยิงนอกกรอบอย่างแม่น เธอเรียกได้ว่าเป็นตัวเปิด Set Piece ชั้นเยี่ยม ยิง Free kick ก็แจ่ม หากจะเปรียบ เทียบกับนักเตะผู้ชายซักคน ก็คงจะต้องเป็น David Silva
วัย 23 ปี, สัญชาติ USA/โปรตุเกส, ต�ำแหน่ง กองกลาง, หมายเลขเสื้อ13, Amanda เป็นกองกลางที่เล่นให้กับหลายต่อ หลายทีมใน America ก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับ Liverpool ฤดูกาลนี้ เธอติดทีมชาติชุดเยาวชนของ US มาหลายชุด เธอยิงได้ 2 ประตูใน 11 เกมให้กับเราใน ฤดูกาลนี้ The Reds - September 2013
71
วัย 21 ปี, สัญชาติอังกฤษ, ปราการหลัง (แบ็ค ขวา), หมายเลขเสื้อ 2, Sam Chappell เป็นนักเตะอายุน้อยที่อยู่ กับทีมมา 7 ปี และนี่คือปีที่ 3 ที่เธอเล่นให้กับทีมชุด ใหญ่ เธอเล่นแบ็คขวา และติดทีมชาติอังกฤษชุด U19 มาแล้ว ตอนนี้ติดทีม U23 เธอไม่ค่อยจะได้ลงเล่นซัก เท่าไหร่ แต่ก็ได้นั่งส�ำรองหลายต่อหลายครั้ง ก็เหมือน Gibbons เธอติดทีมสหราชอาณาจักรไปแข่งกีฬา มหาวิทยาลัยโลก
วัย 26 ปี, สัญชาติ Iceland, ต�ำแหน่งกองกลาง, หมายเลขเสื้อ 8. Katrin เริ่มต้นเส้นทางสายลูกหนังกับสโมสรใน Iceland ซึ่งก็คือ Knattspyrnufélag Reykjavíkur (อ่านไม่ออกละสิ) หลังจากนั้นเธอก็ย้ายไปเล่นให้กับ California Golden Bears, Kristianstads DFF และ Orange County Waves ก่อนที่จะมาเล่นกับ เราในฤดูกาลนี้ ถือเป็นนักเตะที่ลงเล่นมากที่สุดคนนึง ในฤดูกาลนี้ เธอพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอเป็นนักเตะที่ ส�ำคัญมากๆ ส�ำหรับเรา เธอเล่นต�ำแหน่งกองกลางตัว รับ จึงไม่ค่อยจะโดดเด่น เป็นพวกปิดทองหลังพระ แต่ เธอเป็นนักเตะที่ดีมากๆ เป็นตัวจักรส�ำคัญของทีมโดย แท้ เธอติดทีมชาติ Iceland ไป 52 นัด ยิงไป 9 ประตู และเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติที่ไปลุยศึก European Championships ซึ่ง Iceland เข้าถึงรอบ Quarterfinals
วัย 21 ปี, สัญชาติ Germany, กองกลาง (ปีก), หมายเลขเสื้อ 11, Rolser เป็นนักเตะที่เล่นปีกให้กับเรา แต่เธอ สามารถเล่นกองหน้าได้ด้วย ก่อนที่จะย้ายมา Liverpool เธอเล่นให้กับทีม Bundesliga อย่าง Bad Neuenahr หลังจากที่มี Mini Break เพื่อลุยศึก Euros ตอนที่ Rolser กลับมาเธอดูเล่นดีขึ้นเรื่อยๆ ฟิต มากขึ้น และในสองเกมก่อน Break เธอยิงได้ 3 ประตู เธอติดทีมชาติ Germany ชุดเยาวชนหลายชุด September 2013 - The Reds
72
วัย 19 ปี, สัญชาติ Wales, ต�ำแหน่งกองหน้า, หมายเลขเสื้อ 20, ดาวรุ่งสาวรายนี้เล่นให้กับ Liverpool มาตั้งแต่ ปี 2008 และสร้างตัวเองด้วยการเป็นทีมส�ำรองมา ก่อนที่จะก้าวขึ้นมาทีมตัวจริง เธอติดทีมชาติ Wales อย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าจะอายุน้อยมากก็ตาม เธอยิง ประตูแรกของเธอได้ในเกมที่ Liverpool เสมอ Chelsea 2-2 เมื่อเมษายนปี 2012
วัย 39 ปี, สัญชาติอังกฤษ, ปราการหลังr (แบ็ค ขวา, หมายเลขเสื้อ 12, Easton นัน้ เคยเล่นให้กบั Everton, Doncaster และเคยเล่นให้กับ Liverpool ในยุค 1994-1997. เธอ ติดทีมชาติอังกฤษมาแล้ว 44 นัด และเป็นหนึ่งในทีม ชาติอังกฤษที่ได้ไปเล่นศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเมื่อ ปี 1995 ฤดูกาลนี้ส่วนใหญ่เธอจะเป็นตัวส�ำรอง และ ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงบ้าง เมื่อนักตะคนอื่นๆ ต้องไปรับ ใช้ชาติ The Reds - September 2013
วัย 29 ปี, สัญชาติอังกฤษ, กองกลาง, หมายเลข เสื้อ 4, Fara นั้นประสบการณ์สูงมาก ติดทีมชาติมา มากกว่า 100 นัด และยิงไปมากกว่า 30 ประตู เธอเอง ก็ติดทีสหราชอาณาจักรไปลุยมหกรรมกีฬา Olympics ที่ London ด้วย เธอย้ายมาอยู่ Liverpool จาก Everton ก่อนเริ่มต้นฤดูกาล และเคยเล่นให้กับ Charlton และ Chelsea ด้วย ในทีมเรานั้น Fara ถูกจับไปเล่นกองกลางตัวรับเสียเป็นส่วนมาก แต่ก็ เสรีภาพในการดันเกมรุกมากกว่ากองกลางตัวรับอีก คนอย่าง Katrin. นี่ถือได้ว่าเป็นบทบาทใหม่ของ Fara, แต่เธอก็ท�ำผลงานได้ดีจริงๆ Fara เคยเป็นแชมป์ FA Cup, Women’s Premier League Cup สองครั้ง, ได้รางวัล FA Players’ player of the year, FA young player of the year และ FA International Player of the Year Award สองครั้ง
73
วัย 25 ปีs, สัญชาติอังกฤษ, ต�ำแหน่งกองหน้า, หมายเลขเสื้อ 9, Dowie กลายเป็นกองหน้าทีค่ มกริบเหลือประมาณ ส�ำหรับเราในฤดูกาลนี้ เป็นดาลซัลโวประจ�ำทีม ยิงไป เป็นสิบ เธอเพิ่งย้ายมาเล่นให้กับ Liverpool ฤดูกาล นี้ และก็สร้างปรากฎการณ์ได้เลย เธอชอบเล่นเป็น หน้าเดี่ยว ซึ่งบทบาทนี้เหมาะกับเธอมากๆ เธอเอง ก็ติดทีมชาติอังกฤษทุกระดับชั้น ด้วยจ�ำนวนประตู มากมายที่เธอท�ำได้ เป็นตัวยืนยันว่า Dowie เป็นดาว ยิงธรรมชาติ ซึ่งวสามารถสร้างสรรค์ประตูได้เอง และ ให้คนอื่นได้ด้วย ผู้จัดการทีม Liverpool อย่าง Matt Beard ถึงกับออกมาชมเชยว่าเธอมีมันสมองทาง ฟุตบอลชั้นเลิศ
วัย 20 ปี, สัญชาติอังกฤษ, ต�ำแหน่งกองกลาง, หมายเลขเสื้อ 15 Jess เป็นกองกลางดาวรุ่ง และลงเล่นไป 7 นัด ในฤดูกาลนี้ ส่วนใหญ่เธอจะได้ลงเล่นเป็นส�ำรอง แต่ เมื่อ Omarsdottir เกิดเจ็บ เธอก็ก้าวขึ้นมาทดแทน ได้ทันที เธอเป็นกองกลางผึ้งงาน ซึ่งติดทีมชาติอังกฤษ ชุด U19 ที่คว้าแชมป์ European championship เมื่อไม่กี่ปีก่อน คนสุดท้ายนี้ที่จะลืมไม่ได้ หากทีมวอลเลย์สาว ไทยยิ่งใหญ่ได้เพราะโค๊ชอ๊อด งั้นหงส์สาวก็คว้าแชมป์ ได้ก็เพราะคนๆ นี้ Matt Beard : วัย 35 ปี สัญชาติอังกฤษ Matt เป็นผู้จัดการทีมที่ชอบให้ทีมเล่นครอง เกมและเล่นเกมรุก ซึ่งเห็นได้ชัดมากเมื่อทีมหงส์สาว ลงเล่น เขาเคยคุมทีมอื่นมาก่อนหลายทีม แต่ที่ต้องพูด ถึงก็คือทีม Chelsea (ที่เขาคุมจนคว้าแชมป์ FA Cup ปี 2012 ได้) September 2013 - The Reds
74
The Reds - September 2013
75
September 2013 - The Reds
78
C over Story
The Reds - September 2013
79
September 2013 - The Reds
80
หากปีที่แล้วลิเวอร์พูลเริ่มต้นเส้นทางในยุคใหม่ ภายใต้การน�ำของ เบร็นดอน ร็อดเจอร์ส ได้ราวกับ “ฝันร้าย” แล้ว การเริ่มต้นในปีนี้ก็ไม่ต่างอะไรจาก “ฝันดี” ที่ทุกอย่างดูจะสวยสดและงดงามไปเสียทั้งสิ้น การยึดตัวเองอยู่ในกลุ่มน�ำของพรีเมียร์ลีกได้ อย่างเหนียวแน่นในช่วงแรกท�ำให้เหล่าค็อปชนเริ่มมี ความหวัง หลายคนเพ้อไปไกล ขณะที่อีกหลายคน ยังไม่กล้าจะฝันเพราะกลัวความจริงที่เจ็บปวด กระนัน้ ท่ามกลางเรือ่ งดีๆ ทีเ่ กิดขึน้ มีอยูเ่ รือ่ งหนึง่ ที่ ก� ำ ลั ง เป็ น ที่ พู ด ถึ ง อย่ า งมากในช่ ว งเวลานี้ คื อ การ ก�ำเนิดคู่หูแข้งทองคู่ใหม่ของวงการ คู่หูที่เรียกกันในชื่อเท่ๆ เป็นรหัสลับว่า “SAS” อันหมายถึง Sturridge And Suarez นั่นเองครับ ความจริงทั้งสองก็ใช่จะไม่ได้มีโอกาสเล่นร่วม กันมาก่อน แต่ที่ผ่านมานั้นไม่ได้มีการวางระบบและ บทบาทให้ทั้งสองต้องเล่นเคียงข้างกันเช่นนี้ ซึ่งการ ที่ทั้งคู่ได้ลงเล่นร่วมกันนั้นต้องชื่นชมกับการตัดสินใจ ของ เบร็นดอน ร็อดเจอร์ส ที่ปรับระบบการเล่นของ ทีมใหม่จากระบบเดิม 4-2-3-1 เป็นระบบ 3-4-1-2 ซึ่งเป็นระบบการเล่นที่ “ตอบโจทย์” ได้ทุกข้อ หรือ เกือบทุกข้อของลิเวอร์พูล โดยเฉพาะในแนวรุกทีก่ ลายเป็นทีเด็ดทีขาดของ ทีม ด้วย 2 กองหน้าคุณภาพระดับท็อปของพรีเมียร์ลีก แทนที่จะต้องผลัดกันออกไปยืนริมเส้นให้เสียของ ก็ให้ เล่นร่วมกันไปเสีย และนั่นท�ำให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ที่ก�ำลังสั่น สะเทือนวงการลูกหนังเมืองผู้ดี ณ เข็มนาฬิกาเดิน ไปนี้ ----------------------------------เคมีตรงกัน ! ในความคิดเห็นส่วนตัว การที่ ซัวเรซ สามารถ จับคู่กับ สเตอร์ริดจ์ ได้อย่างลงตัวนั้นเป็นเรื่องที่แม้แต่ ผมเองก็ประหลาดใจอยู่ไม่น้อยครับ เนื่องจากทั้งสอง มีบางอย่างที่คล้ายกัน และบางอย่างที่ท�ำให้ไม่น่าจะ เล่นร่วมกันได้ เช่น ความดื้อ ความเห็นแก่ตัว ซึ่งเป็น คุณสมบัติของกองหน้าทุกคน (อาจจะยกเว้น เอมิล เฮสกีย์ ไว้คน) The Reds - September 2013
81
September 2013 - The Reds
82
The Reds - September 2013
83
กระนั้นเมื่อ สเตอร์ริดจ์ และ ซัวเรซ ลงเล่น ด้วยกัน พวกเขาทั้งคู่ค่อยๆ ปรับจูนเข้าหากันได้อย่าง น่าประทับใจ จากเกมทีแ่ พ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในแคปิตอล วัน คัพ ที่ ซัวเรซ เพิ่งจะกลับมาลงสนามเป็นเกมแรก และสเตอร์ริจด์มีอาการ “เกร็ง” อย่างเห็นได้ชัดซึ่งเกิด จากการ “เกรง” ในการกลับมาของเบอร์หนึ่งตัวจริง อย่าง ซัวเรซ ทั้งสองเริ่มจูนกันติดในเกมที่ 2 กับ ซัน เดอร์แลนด์ และเข้าขากันสุดๆ ในช่วงครึ่งแรกของ เกมกับคริสตัล พาเลซ นับรวม 3 นัดที่ทั้งสองลงสนามเคียงข้างกันใน ฤดูกาลนี้ ซัวเรซ ยิงไป 3 ประตู ขณะที่ สเตอร์ริดจ์ ยิงไป 2 ประตู แต่ก็ท�ำแอสซิสต์ได้ 2 ครั้ง และหากนับ รวมเกมในพรีเมียร์ลีกที่ทั้งสองลงเล่นคู่กันรวม 9 นัด ดูโอ SAS ยิงไปถึง 12 ประตูเลยทีเดียว สัญญาณที่ผมจับได้คู่ทั้งคู่มีความตั้งใจที่จะเล่น ด้วยกัน จากหลาย “เพลย์” ที่ดูมีความพยายามจะ เชื่อมต่อถึงกัน ไม่ว่าจะเป็นการข้ามบอลหลอก การท�ำ ชิ่งเร็ว ลูกตอกส้น การวิ่งท�ำทางให้ และอื่นๆ ซึ่งเป็น เรื่องที่ดีส�ำหรับกองหน้าคู่ที่ต้องช่วยกันเล่น แน่นอนครับว่ามันย่อมมีช็อตเห็นแก่ตัวบ้างตาม ประสาที่บางครั้งจะมีการดื้อดึงเล่นเอง ยิงเอง แต่ใน ภาพรวมแล้วผมถือว่า “เคมี” ของทั้งคู่ค่อนข้างตรง กัน เซ้นส์บอลถือว่าทันกัน และที่ส�ำคัญที่สุดคือความ อันตรายนั้นมีพอๆ กัน ตรงนีเ้ ป็นความพิเศษซึง่ หาไม่ได้งา่ ยนักส�ำหรับ กองหน้าคู่ขวัญที่จะมีสไตล์การเล่นที่จับทางได้ยาก และอันตรายรอบด้านทั้งสองคนแบบนี้ ที่ผ่านมาลิเวอร์พูลไม่เคยขาดแคลนกองหน้าคู่ ฝีเท้าดี ตั้งแต่ยุค 60 เอียน เซนต์ จอห์น กับ โรเจอร์ ฮันท์, ยุค 70 เควิน “ไมตี้” คีแกน กับ “บิ๊กจอห์น” จอห์น โตแช็ค เรื่อยมาจนถึงคู่เทพในยุค 80 เคนนี่ ดัล กลิช และ เอียน รัช และในยุค 90 ที่เคยกระหึ่มที่สุด ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ “ก็อด” ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ และ สแตน “เดอะ แมน” คอลลีมอร์ ในความพิเศษของคู่ สเตอร์ริดจ์ และ ซัวเรซ จะ ดูคล้ายกับคู่ ฟาวเลอร์ และ คอลลีมอร์ มากกว่าคู่ของ ยุคก่อนๆ ที่จะเป็นลักษณะการจับคู่แบบคนหนึ่งปั้น September 2013 - The Reds
84
คนหนึ่งจบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีเพราะนั่นหมายถึงการที่ ภาระจะไม่ตกอยู่กับใครคนหนึ่งมากเกินไป ซึ่งเท่าที่ดู ทรงแล้วจะออกแนวผลัดกันยิง โดยที่ สเตอร์ริดจ์ น่า จะมีเปอร์เซ็นต์การแอสซิสต์ที่ดีกว่าเพราะมีความเป็น Team player มากกว่าเล็กน้อย ----------------------------------SAS หวังได้แค่ ไหน? ค�ำถามสุดท้ายที่ใครก็อยากรู้คือ แล้วเหล่า มหาชนชาวค็อปไอท์จะฝากความหวังเอาไว้กับคู่หอก อันตราย SAS นี้ได้มากน้อย และยาวนานแค่ไหน? ค�ำตอบที่ผมคาดไว้คือ ได้ยาวนานตราบเท่าที่ ซัวเรซ ยังอยู่กับทีมครับ เพราะแม้จะเพิ่งได้ดูแค่ 2-3 นัด ซึ่งเร็วเกินกว่าจะ หาข้อสรุปใดๆ ที่ชัดเจนได้ แต่ผมมองแล้วศักยภาพใน การเล่นร่วมกันของทัง้ สองสูงมาก อีกทัง้ สไตล์และระบบ ของทีมเวลานี้ยังเอื้ออ�ำนวยด้วย ยิ่งหากได้ ฟิลิปเป้ คูตนิ โญ่ กลับมาอีกครัง้ เกมรุกของลิเวอร์พลู จะอันตราย อย่างยิ่งยวดครับ โดยไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันแต่อย่างใด เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่ากองหน้าระดับ ซัวเรซ จะ อยู่กับทีมอีกนานแค่ไหน? เพราะมีความพยายาม จากหลายทีมที่ต้องการจะได้ตัวไปเหลือเกิน ซึ่งด้วย สถานะของทีมในยามนี้เราเป็นรองแม้แต่ทีมที่เคยเป็น ลูกไล่อย่าง สเปอร์ส ด้วยซ�้ำไป ดังนั้นตราบเท่าที่ ซัวเรซ ยังอยู่กับทีม เราก็น่า จะมีความสุขกับการได้เห็น SAS ลงล่าตาข่ายไปก่อน ครับ อย่างน้อยก็จนจบฤดูกาลนี้ไปก่อน ส่วนในระยะยาว ร็อดเจอร์ส อาจต้องหาตัว ตายตัวแทนเผื่อเอาไว้ เช่น เปิดโอกาสให้ยาโก้ อัสปาส ได้เล่นในรูปแบบนี้บ้าง หลังเสียความมั่นใจไปในช่วง เริ่มต้นชีวิตในอังกฤษ และมองหากองหน้า “มีระดับ” คนอื่นๆ เข้ามาทดแทน ด้วยหวังว่าหากผลงานของทีมดีขึ้น และการเข้า คู่กับสเตอร์ริดจ์ยังกระฉูดแบบนี้ จะท�ำให้ ซัวเรซ เกิด ความรู้สึกอยากลงหลักปักฐานที่แอนฟิลด์ไปอีกนานๆ และจะดี ที่ สุ ด หากเขาพบว่ า ที่ แ ห่ ง นี้ คื อ “ที่รัก” ของเขาที่ฝากหัวใจเอาไว้ตลอดไปครับ ----------------------------------The Reds - September 2013
85
September 2013 - The Reds
86
A cademy News
ถ้าพูดถึงทีมฟุตบอลสโมสรทีมหนึ่ง เหล่าแฟนบอลทุกทีมก็คงจะต้องนึกถึงแต่ฟุตบอล ทีมชุดใหญ่ และ ค่อนข้างให้ความส�ำคัญกับทีมชุดใหญ่ แต่เราจะรู้หรือไม่ว่า นอกจากทีม ฟุตบอลทีมชุดใหญ่แล้ว สโมสรต่างๆทั่วโลก ก็จะต้องมีการพัฒนาเด็กเยาวชนต่างๆ เพื่อเติม ความแข็งแกร่ง ให้กับทีมชุดใหญ่อยู่สม�่ำเสมอ เพราะถึงแม้ เราจะมีเงินหาซื้อนักเตะเข้ามา เสริมทีมในทุกฤดูกาลได้ก็ตามที แต่มันคงเป็นวิธีที่ไม่ฉลาดมากนัก ถ้าทีมนั้นๆ จะมีการซื้อ นักเตะเข้ามาอย่างเดียว โดยที่ไม่พัฒนาทีมในระดับเยาวชนอคาเดมี่ ของสโมสรเลย ...
The Reds - September 2013
87
September 2013 - The Reds
88
กับสโมสรลิเวอร์พูลเองก็เช่นกันที่จะต้องพัฒนา ทีมเยาวชนเช่นกัน ตั้งแต่ชุด U-18, U-21 ขึ้นมา เพื่อ เสริมเติมเต็มให้กับทีมชุดใหญ่ ซึ่งอย่างในทีมชุดใหญ่ ปัจจุบัน ก็มีนักเตะหลายคนที่ผ่านการเล่นในชุด U-18 หรือ U-21 มาแล้ว ... โดยล่าสุด ลิเวอร์พูลเตรียมที่จะปรับปรุงระบบ การพัฒนาส�ำหรับทีมเยาวชนใหม่ โดยได้มีการดึงอดีต นักเตะของลิเวอร์พูล ถึง 3 คนเข้ามาช่วยงาน ในการที่ จะเสาะแสวงหา ผู้เล่นพรสวรรค์ ในระดับเยาวชน รวม ถึงใช้ประสบการณ์ในการเป็นโค้ชให้กับนักเตะดาวรุ่ง และเยาวชนของทีม ซึ่ง อดีต 3 นักเตะ ทั้ง .. ร๊อบบี้ ฟาว์เลอร์, สตีฟ แม็คมานามาน และ ร๊อบ โจนส์ ซึ่ง ทั้ง 3 คนเองก็เคยผ่านการเล่นในระดับเยาวชนของลิ เวอร์พูลมาแและก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่จนประสบความ ส�ำเร็จในฐานะนักเตะอาชีพมาแล้ว .. โดยทั้ง 3 คนต่าง มาจากคนละต�ำแหน่งภายในทีมนั้นก็น่าจะท�ำให้ดูแล กันครบในทุกต�ำแหน่งของทีมได้อย่างดี ส�ำหรับในบทความนี้ ผู้เขียนขอจะเน้นไปที่ ใน ระดับ เยาวชนชุดอายุต�่ำกว่า 21 ปีเพราะนักเตะเหล่า นี้ จะเป็นนักเตะในระดับสูงสุดก่อนที่จะก้าวขึ้นสู่ทีม ชุดใหญ่ และนักเตะในระดับนี้เองก็จะมีลีกการแข่งขัน ให้เล่น เช่นเดียวกับทีมชุดใหญ่ ซึ่งเราจะมาคอย ติดตามผลการแข่งขันของทีมเยาวชนเหล่านี้กัน .. จริงๆ แล้วโครงสร้างของทีมชุดในระดับเยาวชน มันก็จะมีเหมือนกันกับทีมชุดใหญ่ทั้งหมด ทั้งในส่วน ของ ผู้จัดการทีม, ผู้ช่วยผู้จัดการทีม, หัวหน้าฝ่าย ฟิตเนส, โค้ชผู้รักษาประตู หรือแม้กระทั่ง แมวมอง .... ซึ่งตรงนี้จะแยกออกจากทีมชุดใหญ่โดยสิ้นเชิง .. ส�ำหรับในฤดูกาล 2013-2014 นี้จะมีทีมเล่น รวมกันทั้งหมด 22 ทีม โดยจะหาทีมที่ดีที่สุด 4 อันดับ แรกมาไขว้ชิงเพื่อหาอันดับที่ 1 อีกครั้ง และ จาก 22 ทีมในฤดูกาลนี้ ก็จะหาทีมเพื่อแยกทีมออกเป็น 2 ดิวิชั่น ดิวิชั่นละ 11 ทีมในฤดูกาล 2014-2015 ในส่วนของทีมลิเวอร์พูล จากวันที่เปิดสนามถึง วันนี้ ลงเล่นไปแล้วทั้งหมด 6 เกม มี 13 แต้มอยู่ใน อันดับที่ 4 ของตารางการแข่งขัน .. ซึ่งผลการแข่งขันก็ ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดี มีผลการแข่งขันเหมือนกับทีม ชุดใหญ่เลย จาก 6 นัดแรกที่คว้าไปได้ 13 แต้ม .. โดย The Reds - September 2013
89
September 2013 - The Reds
90
The Reds - September 2013
91
ฟอร์มการเล่นของทีม U-21 ทีอ่ าจจะมีบา้ งส�ำหรับนักเตะ ในชุดใหญ่ที่ได้ลงมาเรียกเหงื่อ อย่าง มาร์ติน เคลลี, อาลี ซิสโซโก้ จากผลการแข่งใน 5 นัดล่าสุด U-21 ของ ลิเวอร์พูล ยังไม่แพ้ให้กับทีมไหน และท�ำประตูได้ อย่างถล่มทลาย โดยล่าสุดลิเวอร์พูล U-21 ท�ำประตู ในลีกไปแล้วทั้งหมด 20 ประตู มากเป็นอันดับที่ 1 ใน ลีก เกมส�ำคัญอย่างเกมที่จะต้องบุกไปเยือน แมนเชส เตอร์ ยูไนเต็ด เหล่าดาวรุ่งก็ถล่มเด็กๆ ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อย่างสนุก 4-2 ... รวมถึงเกมที่เอาชนะ ซัน เดอร์แลนด์ 5-2 ถ้าจ�ำได้ในเกมนั้น หลุยส์ อัลแบร์โต้ สามารถท�ำแฮททริคให้กับตัวเองได้ .. และล่าสุดก็ถล่ม เอาชนะ ท๊อตแนม ฮอตสเปอร์ ไปได้ 5 -0 .. มีนักเตะหลายคนที่น่าจับตามองมากในระดับ U-21 .. แต่ปัญหาของเด็กในระดับนี้ก็จะมีไม่น้อย คือ ไม่ค่อยได้รับโอกาสมากนักกับทีมในระดับชุดใหญ่... เราคงไม่สามารถจะโทษใครได้ เพราะบางที มันเป็น เรื่องของนโยบาย และ อนาคตของทีม ผู้จัดการทีมก็ ต้องเลือกสิ่งที่ดีและเหมาะสมที่สุดส�ำหรับ ทีม และ ส�ำหรับตัวเอง ... การบีบบังคับ การวางเป้าหมายของ ผู้บริหาร เป็นส่วนหนึ่งที่อาจจะท�ำให้เด็กเหล่านั้นมี โอกาสน้อย ... แต่ ส�ำหรับสโมสรลิเวอร์พูลแล้ว คงต้องยอมรับ ว่า การเติบโตขึ้นมาของเยาวชน ถือว่าท�ำได้ดีในระดับ หนึ่ง และอคาเดมี่ของสโมสรลิเวอร์พูลก็ถูกยอมรับ โดยทั่วไปว่า มีมาตรฐาน และสร้างชื่อให้กับสโมสรมา ได้อย่างต่อเนื่อง.. ส�ำหรับเด็กเอง ก็ต้องมีความอดทน ที่จะต่อสู้กับนักเตะต่างชาติที่ไหลเข้ามาง่ายในพรีเมียร์ ลีก ---------------------------------------และสุดท้ายนี้ พวกเราเองในฐานะซัพพอร์ทเตอร์ ก็อยากจะเห็นนักเตะเยาวชนของสโมสรเติบโตมา อย่างมีประสิทธิภาพที่ดี มีความแข็งแกร่ง เหมือน อย่างที่เราเคยปั้นดาวรุ่งมาแล้วมากมายในอดีต... เพราะนอกเหนื อ ว่ า เราจะไม่ เ สี ย เงิ น ค่ า ตั ว ให้ กั บ นักเตะแล้ว เรายังอาจจะได้ความมุมานะที่มากขึ้น และความกตัญญูที่มากกว่านั่นเอง !! .. ---------------------------------------September 2013 - The Reds
92
A rticle
The Reds - September 2013
93
September 2013 - The Reds
94
ในช่วงหลายเกมทีผ่ า่ นมา Liverpoolปรับเปลีย่ น รูปแบบการเล่นจากทีเ่ คยถนัดมาใช้แนวทางสามประสาน แนวรับซึ่งก็อย่างที่เห็นกันว่า แพ้ต่อ Manchester United ไปฉิวเฉียดที่ 1-0 แต่ก็ชนะ Sunderland 3-1 ชัยชนะนัดแมวด�ำส่งให้หงส์แดงกลับไปเป็น Top Two ของ Premier League หลังจากเล่นไปได้ 6 นัด ถึงแม้ว่าระบบนี้ เพื่อให้ลงตัวใน 11 ตัวผู้เล่นที่ จะลงสนามหรือไม่ยงั เป็นค�ำถามอยู่ และดูยงั ไม่สมบูรณ์ แบบซักเท่าไหร่ แต่ Brendan Rodgers ก็เชื่อว่า น่า จะช่วยให้ทีมประสบความส�ำเร็จในฤดูกาลนี้ได้ ---------------------------------------ขุมก�ำลังพร้อม ในแง่ของขุมก�ำลังของทีม Liverpool มันเป็น อะไรที่ปฎิเสธไม่ได้ว่าในต�ำแหน่งเซ็นเตอร์นั้น ได้รับ ผลประโยชน์อย่างยิ่งยวดในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะที่ เพิ่งจะวายไป นอกเหนือจาก Seb Coates ที่บาดเจ็บสาหัส, Martin Skrtel ก็ไม่ได้ย้ายหนีไป และยังได้นักเตะใหม่ เข้ามาสามตัว เท่ากับว่าแม้ว่าจะไม่มีปราการหลังชาว Uruguay แต่ Liverpool ก็มีเซ็นเตอร์ซีเนียร์ถึงสี่คนที่ ให้เรียกใช้ได้เลย แล้วยังมีสองเซ็นเตอร์เยาวชนไว้เป็น ก�ำลังส�ำรอง Kolo Toure นั้นกลายเป็นที่รักของแฟนบอล ได้อย่างรวดเร็ว, Skrtel นั้นก็เหมือนกับลอกคราบ มุด ออกจากรั ง ไหมกลายเป็ น ฮุ ๊ น ปวยเอี๊ ย งกั น ไปเลยที เดียว และ Mamadou Sakho ที่แสดงให้เห็นถึงหลาก หลายเหตุผลที่ว่าท�ำไมหงส์แดงถึงได้ยินยอมจ่ายเงิน ก้อนโตเพื่อให้ได้เขามาในซัมเมอร์ที่ผ่านมา แล้วยังมี Daniel Agger ที่กลับมาฟิตอีกครั้งหลังจากที่ได้รับ การแต่งตั้งให้เป็น “ท่านรอง” คนใหม่ Mamadou Sakho นั้นจ่ายบอลส�ำเร็จที่ 96% จากทั้งหมดในเกมกับ Sunderland Andre Wisdom และ Tiago Ilori นั้นถือเป็น ตัวแบ็คอัพชั้นดี นั่นหมายความว่า Rodgers สามารถ จัดลงสามตัวได้สบายๆ และสามารถมีทางเลือกที่จะ โรเตชั่นได้ตามต้องการ ---------------------------------------The Reds - September 2013
95
September 2013 - The Reds
96
The Reds - September 2013
97
การปกป้อง แผงกองกลางไร้ความฉูดฉาด แม้ว่าการจัดกองหลังเพิ่มขึ้นจะไม่ใช่ไอเดียที่ดี เลิศของใครหลายๆ คนที่นั่งมองดูเกมอยู่ แต่มันท�ำให้ มีนักเตะที่เล่นฟรีได้มากขึ้นในการช่วยประสานเกม เพื่อให้เกิดเกมรุกที่มีประสิทธิภาพ Lucas และ Steven Gerrard นั้นได้พิสูจน์ให้ เห็นหลายต่อหลายครั้งแล้วว่า คู่นี้เป็นคู่หูแดนกลางระ ดับท๊อปในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะอันว่าด้วยเรื่องการตัด เกม และมันดีที่มีขุมก�ำลังที่ช่วยแบ็คอัพเขาอยู่หลาย คนด้านหลังพวกเขา ช่วยกันในดักตัดลูกจ่ายทะลุได้ดี ประตูโทนที่ Sunderland ท�ำได้ในเกมที่แพ้ไป 3-1 ก็มาจากลูกยิงไกลระยะ 25 หลาของ Ki SungYueng ซึ่งเซ็นเตอร์สองตัวที่รับหน้าเสื่ออยู่ปิดไม่ทัน และผลก็คือมีการซ�้ำเข้าไปอย่างน่าเสียดาย, จากที่ Liverpool ไม่ได้มีตัวเลือกในแดนกลางซักเท่าไหร่ ณ ตอนนี้ แต่ก็ได้รับการแบ็คอัพอย่างดีจากกองหลังอีก ตัวที่เพิ่มขึ้นมาอีกคน เท่ากับเป็นตัวพิเศษ เพื่อช่วยใน การปกป้อง ซึ่งผมเห็นว่าไม่ใช่ไอเดียที่แย่อะไร ดีเสีย อีก ในอีกทางหนึ่ง การเล่นเกมรับมากขึ้นกว่าปกติ ของ Gerrard จะท�ำให้เขาสามารถดันเกมได้มากขึ้น กว่าเดิม และด้วยวิสัยทัศน์ของเขา ความสามารถใน การจ่ายของเขา ช่วยให้สร้างโอกาสในการท�ำประตูให้ กับ Liverpool “SAS” หากว่าไอเดียของการจับคู่ Luis Suarez และ Daniel Sturridge เป็นหอกคู่ อย่างนั้นก็เป็นการ ดูแคลน Rodgers ไปหน่อยอันว่าด้วยแท็คติก 3-5-2 (เช่น 3-4-1-2 vs. Sunderland) หรือ 4-4-2 (ในแผง กองกลางแบบ Diamond Midfield หรือแบบ 4-22-2 ที่ดูแคบลงหน่อย) มันไม่ใช่การจ�ำกัดความรับผิด ชอบในแนวทางการเล่นง่ายๆ แบบนั้น แต่มันล�้ำลึก กว่านั้น เพราะมีการเล่นที่หลากหลายและมีความฟรี ในการเล่นมากกว่าแค่หน้าตัวเดียวและมีนักเตะสาม คนคอยสนับสนุนอะไรแบบนี้ การที่จะเค้นศักยภาพของ Suarez และ Sturridge ออกมาได้ดีที่สุดและแบบ Long Term เป็น September 2013 - The Reds
98
The Reds - September 2013
99
บางสิ่งที่ Rodgers จะต้องบริหารและจัดการให้ทรง ประสิทธิภาพที่สุด แต่คู่กองหน้าคู่นี้ก็แสดงให้เห็นถึง สัญชาติญานแห่งการสังหารคู่แข่งได้พอควรแล้ว ก็อย่างที่ผมได้บอกก่อนหน้านี้ว่า Liverpool ไม่มีทางเลือกในแดนกลางให้ เล่ น แบบสี่ ตั ว อย่ า งต่ อ เนื่ อ ง และไม่มปี กี ทีท่ รงประสิทธิภาพ ที่จะเค้นศักยภาพของระบบ 4-4-2 ได้ เพราะฉะนั้นความ ผันแปรที่ เ กิ ดขึ้ น ด้ ว ยการใช้ หลังสามตัว จึงเป็นทางเลือก ที่มีเหตุมีผลน่าสนใจพอควร No. 10 Wing-Backs หรือปีก ในระบบที่เกือบจะเป็นคนๆ เดียวกันอยู่แล้ว ด้วยอาการ บาดเจ็บของ Glen Johnson ท�ำให้ Jordan Henderson ต้ อ งมารั บ บทบาทนี้ เ ต็ ม ตั ว ทางกราบขวา ในขณะที่การ ขาดหายไปของAlyCissokho ก็ท�ำให้ Jose Enrique ตก อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ตอนนี้ปัญหาอย่างเดียวที่เหลืออยู่ก็คือ ต�ำแหน่ง กองกลางตัวรุก หรือ “No. 10” ที่จะต้องพิจารณากัน ต่อไป Philippe Coutinho นั้นคือ First Choice อย่างไร้คู่แข่ง และคือระบบการเล่นและต�ำแหน่งที่ เหมาะสมกับเขาที่สุดแล้ว หากว่า Liverpool สามารถท�ำงานกับระบบ นี้ได้มากขึ้นในหลายสัปดาห์ที่จะถึงนี้ การผลักดันให้ กองกลางผลั ก ดั น เกมรุ ก มากขึ้ น และได้ รั บ การช่ ว ย เหลือจาก Wing-Backs, การกลับมาของ Coutinho จะเหมือนเป็นรางวัลที่สุดยอดที่เตรียมจะรับกันได้เลย เขานั้นฉลาดมากๆ ในการวิ่งและการท�ำเกมใน แดนกลาง โดยเฉพาะในจังหว่ะจ่ายบอลแบบ Final Thirds ในสนาม เขาเป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างกองกลาง
และกองหน้า มีการตัดสินใจทีด่ เี พิม่ เติมในความสามารถ เฉพาะตัวชั้นเยี่ยม เขามีศักยภาพในการวิ่งตรงไป ที่แนวรับและจ่ายทะลุให้กับกองหน้า และสามารถ เปลี่ยนแกนจ่ายไปให้ปีกได้อีก ในขณะที่ Henderson ท�ำผลงานได้ดีในแง่ของการ เล่น Counter แต่ Jose Enrique ดูจะมีข้อจ�ำกัดมาก กว่าในการเล่นในรูปแบบขึน้ ลง เต็มตัวแบบนี้ กระนั้นการดัน เกมรุ ก ของเขาก็ ดี ป ระมาณ หนึ่งเมื่อมีโอกาสงามๆ แต่ก็ แค่บางครั้ง การขาดหายไปของ Coutinho, จึงท�ำให้ Victor Moses ต้องมาสวมบทบาท แทน ถึงแม้ว่าเขาจะมีการ เคลื่อนไหวกับบอลที่ดี โดย เฉพาะในจังหวะ Counterattack แต่เขาไม่ใช่กองกลาง ตัวรุกโดยธรรมชาติ และขาด ซึ่งจินตนาการอันเลิศล�้ำที่จะ สร้ า งความน่ า กลั ว อย่ า ง ยิ่งยวดให้กับ Liverpool ได้ วัดอุณภูมิร่างกายของ Moses กันเลย ว่าเขา นั้นดูจะท�ำงานหนักมากกว่าในแดนของตัวเอง เมื่อ เปรียบเทียบกับบทบาทในการเล่นกองกลางตัวรุก ตอนนี้ จึ ง จ� ำ เป็ น ต้ อ งมี ก ารซ้ อ มระบบกั น ให้ ดี มันเป็นงานที่ Rodgers ต้องนั่งคิดนั่งท�ำ และการที่ Lucas โดนเหลืองบ่อยแบบนี้ ท�ำให้ต้องมีหลายครั้ง ที่ต้องใช้โทษแบนเพราะสะสมเหลืองเยอะ แล้วจะดัน ใครเล่ามายืนกองกลางทดแทน? จะต้องมีการซ้อม ท�ำความเข้าใจกันอีกใช่ไหม? การบินสูงในเวที Premier League และการ กลับมาของ Luis Suarez และกลับมาชนะคู่แข่ง ได้อีกท�ำให้ทุกๆ อย่างดูยังคงเป็นแง่บวกให้กับหงส์ แดง แม้ว่าทีมยังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงฟอร์มที่เปรี้ยง ปร้างจนต้องซูฮกให้เห็นก็ตาม September 2013 - The Reds
100
Marnz Column
The Reds - September 2013
101
September 2013 - The Reds
102
แปลกใจครามครันพอสมควร... กับการกลับมาเข้า รับต�ำแหน่ง Non-Executive Director ของ เดอะคิง เคนนี่ ดัลกลิซ คือเรื่องความรักความทุ่มเทให้สโมสร เรือ่ งนัน้ ผมคงพอเข้าใจ เพราะ เดอะคิง คือ ปรากฏการณ์ แห่งรักที่ไม่มีข้อแม้จริงๆ ระหว่างหัวใจของเจ้าตัวกับ ความผูกพันกับ สโมสรลิเวอร์พูล แต่ผมมองว่า เดอะคิง ออกจะเปลืองตัวไปหน่อยส�ำหรับการนี้ เพราะข้อหา เก่าก่อนของเจ้าตัวยังคงถูกยกอ้างมาเสมอแม้เนิ่นนาน ผ่านไปเป็นปีปแี ล้วก็ตาม ดังนัน้ วันนีข้ อเป็น “ติง่ เคนนี”่ ซักคราว ข้อหาแรกๆ คงหนีไม่พ้นเรื่อง ความชราภาพ และเก่าเกินแกงส�ำหรับโลกฟุตบอลสมัยใหม่บวก ข้อหาที่ไม่จบไม่สิ้นกับ การจัดซื้อไอ้หนุ่มผมยาวใน ราคา 35 ล้านปอนด์ ที่หลายคนบอกกันสนั่นทุ่งว่า “แพงบรรลัย” คือมันมีเหตุมีผลในตัวอยู่แล้ว ว่า ไม่ว่า ราคาเจ้าตัวเท่าไหร่ ราคาของตอร์เรสต้องมากกว่า 15 ล้านปอนด์ นั่นคือข้อตกลงระหว่างเรากับเชลซี เพราะ มันคือเงื่อนไขที่เราจ�ำต้องรีบหาศูนย์หน้ามาทดแทน แถมหากคิดเทียบเคียง ไปไปมามา ผมเองคงต้องยก อ้างเปรียบเทียบกับ บีอาร์ ในฐานะคนใกล้ชิด ซึ่งว่า กันด้วยเหตุและผล สิ่งที่มองเห็นล้วนๆ ... หลายครั้ง แล้วที่ผมมักเอาเรื่องของ บอรินี่ กับ อัลเลน มาเปรียบ เทียบ ก็นะ คนหนึ่งราคา 10 ล้านปอนด์ ยิงในลีค 1 เม็ด บอลถ้วย 1 เม็ด เฉลี่ยลูกละ 5 ล้านปอนด์ แถม ฤดูที่ 2 ก็จัดแจงให้พิสูจน์ตัวด้วยการปล่อย 10 ล้านให้
ยืมตัว ดูมันโครตเป็นดีลที่เลิศภพจบแดนกว่าหนุ่ม ผมยาว ตรงไหน ? กับอีกหนุ่มหล่อที่ยังหาฟอร์มตัว เองไม่เจอ เจอแต่เตียงพยาบาล ดูไม่แพงเลยนะกับการ เสีย 25 ล้านปอนด์ เพื่อแลกกับอันดับที่ 7 เมื่อเทียบ กับ 11 ลูก ของไอ้หนุ่มผมยาว ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ลูกละ 3
สิ่งที่ Kenny Dalglish เสียใจมากที่สุดใน ชีวิตของเขากับสโมสร Liverpool ก็คือ : การที่เขา ไม่เคยได้นั่งบน สแตนด์ The Kop ชมเกมอย่างเป็น ทางการ อดี ต นั ก เตะและผู ้ จั ด การที ม อั น เป็ น ที่ รั ก ยิ่ ง รายนี้ได้เขียนไว้ในหนังสือเล่มใหม่ของเขา ว่า ซักวัน หนึง่ เขาจะไปนัง่ ชมเกมเคียงบ่าเคียงไหล่กบั แฟนบอล
ที่สแตนด์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งสนาม Anfield ให้ได้ ท่ามกลางทุกๆช่วงชีวิตที่เขาอยู่ที่ Liverpool Football Club, มีเพียงสิ่งเดียวที่ Kenny Dalglish ฝันทีจ่ ะท�ำแต่ไม่เคยได้ทำ� ก็คอื การนัง่ ชมเกมจากสแตนด์ อันเป็นต�ำนาน อย่าง Anfield’s legendary Kop Dalglish นัน้ ต้องการทีจ่ ะดูเกมเคียงบ่าเคียงไหล่ ของแฟนบอลหงส์แดงทีบ่ ชู าเขาอยูเ่ สมอ ในนัดทีห่ งส์แดง
The Reds - September 2013
103
ล้านปอนด์นิดๆ แถมแลกมาด้วยโทรฟี่อีก 1 ใบ... ผม เองก็พอเข้าใจนะในเรื่อง “ขี้ใหม่หมาหอม” แต่ไม่ว่า คุณจะเทียบกันอย่างไร อีกสิ่งที่ บีอาร์ ยังไม่สามารถมี คือ นักเตะที่คุณๆ ว่าพวกเขาว่าแสนแพงอย่างไร ไม่ว่า จะ ดาวน์นิ่ง, คาร์โรลล์, เฮนโด้ หรือ ใครๆ ที่บอกว่า
มันช่างน่า ยี๊ สุดๆ พวกเขาเหล่านั้นล้วนน�ำ 1 โทรฟี่ เข้ามาประดับสโมสร แถมให้เราได้ลุ้น เอฟเอ คัพ อีก แชมป์ก่อนพลาดท่าให้เชลซี ในนัดชิง และนั่นเป็นถ้วย ที่ท�ำให้เราตีตั๋วไปยุโรปอีกต่างหาก ถึงแม้จะถ้วยใบเล็ก ก็ตาม
นั้นแข่งอย่างเป็นทางการ และเขากล่าวว่าซักวันหนึ่ง เขาจะพยายามปลอมตัวเข้าไปอยู่ท่ามกลางแฟนบอล ในบรรยากาศที่ว่าให้ได้ แบบชนิดที่ว่าไม่มีใครสังเกตุ
เห็นว่าเขามานั่งอยู่ในสแตนด์ The Kop ด้วย “สิ่งที่เกี่ยวกับ The Kop ก็คือ คุณต้องการที่ จะไปอยู่ที่นั่น แต่คุณไม่สามารถ เพราะคุณ ณ ตอน นั้นก�ำลังเล่นฟุตบอลอยู่” เขากล่าว. “ผมต้องการที่จะไปอยู่ที่นั่น อยากจะมี อารมณ์แบบนั้น ช่วงเวลาเดียวที่ผมได้ไปนั่งที่ สแตนด์ The Kop อย่างเป็นเรื่องเป็นราวได้ก็คือ หลังโศกนาฏกรรม Hillsborough - ผมเดินผ่าน ตรงนั้นพร้อมเด็กๆ” “นับจากนั้นผมก็นั่งทีส่ แตนด์ The Kop ใน งาน ร�ำลึกโศกนาฎกรรม Hillsborough ทุกๆ ครั้ง แต่ไม่เคยได้นั่งชมเกมแม้แต่นัดเดียว. September 2013 - The Reds
104
“ผมรู้ว่า Bill Shankly นั้นเคยไปยืนตรง สแตนด์ The Kop เมื่อเขาเกษียณตัวเอง” “ใครเล่าจะรู้ล่ะ? “ผมอยากจะท�ำมันแบบไม่เป็นทางการ ผมไม่ ต้องการที่จะท�ำมันแบบมีงานใหญ่โต หรือผ่านสักขี พยานที่เรียกว่าสื่อ” “ผมก็แค่รักที่จะอยู่ที่นั่นพร้อมๆ แฟนบอล The Reds - September 2013
แฟนๆ ที่มักจะร้องขับขานชื่อของผม” Kenny Dalglish : Liverpool ของผมประสบ ความส�ำเร็จเกินคาดในปี 2012 - มันกี่แต้มกันที่คุณ ยอมเสียไปเพื่อได้ไป Wembley ถึงสามครั้งเล่า? Kop idol รายนี้ถูกไล่ออกหลังจากที่น�ำทีม คว้าแชมป์บอลถ้วยหนึ่งรายการ และอีกรายการนั้นไป
105
มันก็แปลกดี เครดิตการหลอกขาย ตอร์เรส ไป ได้ราคาตั้ง 50 ล้านปอนด์ เครดิตใดๆ เคนนี่ เองก็ไม่ เคยได้ และเช่นเดียวกันในมุม ซัวเรส ที่ซื้อมา 23 ล้าน ปอนด์ ที่เห็นก�ำไรแน่ๆ ขั้นต�่ำตอนนี้ ที่ 17 ล้านปอนด์ อันนี้ก็ไม่มีใครให้เครดิตหักล้าง มัวมองแต่มุมที่ตัวเอง ไม่ชอบไม่ปลื้ม ราวกับว่า ความชั่วมากมี ความดีไม่ ปรากฏ ยิ่งหากกลับไปไล่การซื้อขาย เอาสองปีบวก รวมปู่รอย เราอาจซื้อถึง 136-137 ล้าน แต่เราก็ขาย ออกได้ถึง 106 ล้านกว่าๆ เท่ากับว่า ปีครึ่งของเคนนี่ บวกปู่รอยครึ่งปี สโมสรใช้สุทธิแค่ 30 ล้านปอนด์เอง นะ... แล้ว บีอาร์ ล่ะ 2 ปี ที่ยังไม่นับรวมตลาดมกราที่ จะมาถึง เราซื้อไปถึง 92 ล้านปอนด์กว่าๆ เข้าไปแล้ว ขณะที่ขายออก 36 ล้านปอนด์กว่าๆ นั่นหมายความ ว่า สโมสรใช้เงินสดๆ ไปแล้ว 56 ล้านปอนด์โดย ประมาณ ขณะที่ยังจับต้องโทรฟี่อะไรไม่ได้ ส่วนเรื่อง เก่าเกินแกง แก่เกินงาม การที่ เคนนี่ พาทีมเข้าชิง 2 โทรฟี่ ผมว่ามันตอบโจทย์ทุกอย่างพอ... เอ๊ะ หรือมัน มีทีมเข้าชิงบอลในประเทศ 2 รายการบ่อยๆ และหรือ ทีมหัวตารางอื่นๆ ไม่ได้ส่งทีมเข้าแข่ง มันถึงไม่มีเครดิต อะไรให้ เดอะคิง เลย ไอ้เรื่องแบบนี้ ผมเองก็ค่อนข้างเบื่อพอดู และ ตัวเองก็ไม่ได้อยากมาเกทับบลัฟแหลกกับ บีอาร์ หรือ เหล่านักเตะของเรา แต่ก็อย่างที่บอก ว่าเวลาต้อง วิพากษ์ มันก็ต้องหาคนใกล้ตัวนี่แหล่ะ จะไปยุ่งกับทีม อื่นก็ดูกระไร... คือ ไม่เข้าใจ ว่า การที่คุณยังไม่หยุด
แพ้รอบชิงชนะเลิศ แต่จบฤดูกาลด้วยอันดับแปดของ ตาราง ซึ่งตรงนี้ในหนังสือของเขาได้ระบุว่า “เหนือความคาดหมายของทุกๆ ฝ่าย”
Dalglish ถูกไล่ออกโดยเจ้าของทีม Liverpool ซึ่งก็คือ Fenway Sports Group ในเดือน พฤษภาคมปี 2012 ด้วยข้อหา ท�ำให้ หงส์แดง นั้น จบที่อันดับแปดของ Premier League ต�ำนานแห่ง Anfield รายนี้ยืนยันว่าการคว้า ถ้วย Carling Cup ซึ่งเป็นถ้วยใบเดียวที่ได้นับตั้งแต่ ปี 2006 เป็นต้นมา และเข้าสู่รอบชิง FA Cup ใน ฤดูกาลเดียวกันนั้น เป็นอะไรที่น่าจดจ�ำเสียยิ่งกว่า การจบอันดับสี่ของตารางเสียอีก “Liverpool Football Club เป็นสโมสรที่ ยิง่ ใหญ่ และแรงสนับสนุนจากแฟนบอลก็เข้าขัน้ สุดยอด” เขากล่าว “พวกเขาไม่ได้แชมป์อะไรมาเลยกว่าหกปี September 2013 - The Reds
106
ไม่เลิกวิพากษ์วิจารณ์ เดอะคิง ต่อว่าต่อขานชายที่รัก สโมสรมากกว่าพวกคุณ มันได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา มันท�ำให้คุณดูรักสโมสรมากกว่าเดอะคิง กระนั้นหรือ ? ... ดู เดอะ คิง ผมยังออกข�ำๆ กับไอ้พวกที่ร�่ำร้องบอก ว่า รักสโมสรมาก รักทุกอย่างที่เป็นสโมสร ตั้งแต่ผู้ บริหาร ยันกุงเกงในแม่บ้าน พอผมเขียนเรื่องราว ถามหาความจริงใจของ FSG บางรายถึงดีดดิ้นราว โดนน�้ำร้อนลวก... เอิ่ม กลับไปคิดกันก่อนดีกว่า ช่วง ปลายๆ ที่ George Gillett กับ Tom Hicks ยังเป็น เจ้าของอยู่ ไอ้ที่บอกรักๆ ทุกอย่างน่ะ ได้ออกปากด่า พวกมันหรือเปล่าตอนที่มันท�ำเอาตัวประกัน อย่าง สโมสรลิเวอร์พูล เข้าสู่ตาอับ, ถ้าเป็นไปได้จะบินไป จูบปากกับมันไหม ในวินาทีสุดท้ายก่อนสโมสรจะมา เป็นตัวประกันในมือมะกันทีมใหม่ อย่าง FSG หรือ พวกอวย FSG จนไม่มีข้อกังขา ก็ลองกลับไปนึกดี ดี ว่า ครั้งหนึ่งคุณก็เคยฝันเฟื่องมาแล้วใช่หรือ กับ กรณี New Anfield หลังปลิงมะกัน 2 คนแรกเหยียบ ย่างเข้ามา แถมอีกว่า นี่ก็ผ่านไปจะ 4 ปีแล้ว ไหนล่ะ การขยาย Anfield ที่เป็นรูปธรรม คือของพวกนี้มัน ไม่ต้องพูดให้สวยงามอะไรนักหรอก จะรักมากรักน้อย ในชีวิตยังมีเรื่องราวมากมายให้ครุ่นคิด และด�ำเนิน จะปกป้องหรือวิพากษ์วิจารณ์มันก็ไม่ใช่เรื่องท�ำไม่ได้ แต่ลองคิดทบทวนกันซักหน่อยว่า มันแพงจริงหรือ กับ 35 ล้านปอนด์ แลกกลับมาด้วย 1 เกียรติยศ, เคนนี่แก่เกินหรือตกยุคไปแล้วจริงหรือ ? กับการพา แต่เราก็คว้าแชมป์บอลถ้วยได้ในฤดูกาลแรก” “สิง่ ทีเ่ ด็กๆ เหล่านีป้ ระสบความส�ำเร็จในปี 2012 มันสุดยอด การคว้าถ้วย Carling Cup และการเข้า ชิงศึก FA Cup เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของ ทุกๆ ฝ่าย” “ผู้คนอาจจะหันกลับมาแล้วบอกว่าเรานั้นจบ อันดับแปดใน league แต่กี่แต้ม กี่คะแนนกันที่คุณ ยอมแลกให้ได้มาซึ่งการไปทัวร์ Wembley ถึงสาม ครั้ง?” “ก็เพราะบอลถ้วยเรารุ่ง เรากร�ำศึกหนัก และ นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ท�ำให้ผลงานใน league เรานั้น ไม่ได้เป็นไปดังที่หวังกันไว้ แต่เด็กๆ ทุกๆ คนก็เยี่ยม The Reds - September 2013
107
ตรงนี้น่าจะเป็นความทรงจ�ำดีๆ” “ไอ้ถ้วย League Cup ถ้วยนี้คือถ้วยของ Liverpool Football Club ผมมองไม่เห็นแง่ลบใน เรื่องนี้เลย มันเป็นอะไรที่ปลื้มปิติเสมอนะที่ได้เหรียญ ชนะเลิศ” “ส�ำหรับ Dirk Kuyt กับการที่ได้เหรียญชนะเลิศ เหรียญแรกของเขากับ Liverpool Football Club มี ความหมายส�ำหรับเขามากๆ โดยเฉพาะกับความทุ่มเท และอดทนมาหลายปี และการคว้าแชมป์ที่ Wembley ก็มีความหมายส�ำหรับแฟนบอลเป็นอย่างมาก” “โลกทุกวันนี้ การจบอันดับสีก่ ถ็ อื ได้วา่ เป็นความ ส�ำเร็จ และรวมถึงการได้ไปสู่การแข่งขัน Champions
League” “มันอาจจะน�ำมาซึ่งผลประโยชน์มากมายกับ การที่ได้ไปเล่นบอล Europe หลังจากที่จบอันดับสี่ แต่ถามจริงเถอะครับว่าใครบ้างเล่าที่จะจดจ�ำเรื่องที่ คุณจบอันดับสี่ หรือเกมที่ท�ำให้คุณจบอันดับสี่ได้ เล่า?” “การคว้าถ้วยในเกมกับ Cardiff ที่ Wembley และการเดินกลับออกมาจากสนามพร้อมด้วยถ้วย Carling Cup มันคือวันที่ต้องจดจ�ำ” “แน่นอน ผมก็ต้องการที่จะจบอันดับสี่ได้ และ ผมเองก็อยากที่จะคว้าถ้วย Champions League และถ้วย Premier League แต่มันจะไม่มีวันเป็น September 2013 - The Reds
108
ทีมเข้าชิง 2 โทรฟี่ ทั้งที่คนหนุ่มๆ สมัยใหม่ หรือ ต่อให้ระดับอ๋อง ยังมีน้อยคนนักที่จะท�ำได้ และ มัน ยุติธรรมจริงหรือ ?? กับการวิพากษ์ชายผู้มอบรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะให้เราหลายครั้งหลายคราว ยกๆ แก เอาไว้บ้าง คงไม่ท�ำให้น�้ำลายบูด กระมัง ? การกลับมาครั้งนี้ ส�ำหรับผมเองยังมีเรื่องน่า สงกาอีกเรื่อง ซึ่งคงหนีไม่พ้น “เหตุผล” ว่า เหตุใด
หนอ FSG ถึงได้เลือก เดอะคิง มาร่วมงานกันอีกค�ำรบ มุมของเดอะคิง น่ะ ไม่ยาก เพราะเคนนีเ่ องพร้อมท�ำ ทุกเรื่องอยู่แล้ว หากมีการร้องขอจากสโมสรลิเวอร์พูล นับตั้งแต่ ราฟา ดึงตัวเคนนีม่ าช่วยงานที่อคาเดมี่ เมื่อ ปี 2009 ช่วงหลังๆ มา เคนนีก่ ็วุ่นวายกับสโมสรเอา เรือ่ งเหมือนกัน เป็นทัง้ ทูตสโมสร, ช่วยเฟ้นหาผูจ้ ดั การ ทีม และก่อนหน้านี้ คือการเข้ารับต�ำแหน่งผู้จัดการทีม
ความส�ำเร็จในชั่วข้ามคืน” “หากคุณค่อยเดินไปทีละก้าว คุณก็มีโอกาส และสิ่งที่เราได้บรรลุมา ถือได้ว่าเป็นก้าวที่เป็นไปใน เชิงบวก” Dalglish ใช้เงินกว่า 60 ล้านปอนด์ในซัมเมอร์ ก่อนหน้านี้ ด้วยการเซ็นคว้า Jordan Henderson, Stewart Downing และ Charlie Adam และได้ยืนยันว่า นักเตะเหล่านี้สมควรได้รับโอกาส มากกว่าหนึ่งฤดูกาลในการตั้งตัวได้ที่ Anfield “รีบตัดสินกันเกินไป ผมรู้สึกแบบนั้น ผมรู้สึก ว่า Adam ควรมีเวลามากกว่านี้ในการตั้งตัวได้” “เราเซ็นคว้านักเตะใหม่เจ็ดคน และส�ำหรับ
Liverpool Football Club การที่จะพยายามน�ำส่วน ประกอบที่มากมายเหล่านี้มารวมกันเป็นชิ้นงานส�ำเร็จ ถือเป็นการร้องขอที่มากเกินไปหน่อยส�ำหรับนักเตะ เหล่านั้น” เขากล่าว “นักเตะอายุน้อยบางคนที่ Liverpool ก�ำลังจะ กลายเป็นนักฟุตบอลชั้นดี แต่สโมสรไม่เคยดึงนักเตะ มาพร้อมกันเจ็ดคนมาก่อน ซึ่งก็เหมือนเป็นการเริ่มต้น ใหม่พร้อมๆ กัน” ถึงแม้ว่าเขาจะปวดร้าวที่ต้องจาก Liverpool มา แต่ Dalglish ซึ่งเคยรับบทบาทเป็นทูตสโมสร ก่อนที่จะรับงานต่อจาก Roy Hodgson ในต�ำแหน่ง ผู้จัดการทีมเมื่อมกราคมปี 2011 ได้กล่าวว่าเขานั้นจะ
The Reds - September 2013
109
หลัง ปู่รอย ฮอดจ์สัน ท�ำทีมไม่เข้าตา แม้การท�ำทีมจน ได้ถ้วยใบแรกในรอบ 6 ปี ในการเข้าชิงชัย 2 รายการ แต่มันหาได้เพียงพอต่อการต่ออายุไปอีกซักหนึ่งปี โดย มีประโยคเด็ด จาก John W. Henry ว่า “ผลงานใน พรีเมียร์ลีคน่าผิดหวัง ต่อให้ชนะเอฟเอคัพอีกใบ ก็ไม่ สามารถต่ออายุงานของ เคนนี่ ได้” ก็ตรงประโยคนี้ แหล่ะ ที่ผมเองสงสัยว่า ในเมื่อตอนจบซีรีย์ที่แล้ว มัน
จบกันแบบไม่ค่อยสวยนัก เหตุอันใดหนอ คราวนี้ FSG ถึงได้กลับมาเลือกตัวเลือกอย่าง เคนนี่ อีกคราว และ ไอ้ที่รู้มาคร่าวๆ ก็ประมาณว่าเป็นต�ำแหน่งสร้างความ เข้ า ใจและเป็ น ตั ว เชื่ อ มระหว่ า งแฟนบอลกั บ บอร์ ด บริหาร มันก็แปลกเพราะปกติทางสโมสรก็มีโฆษก ประจ�ำ นักประชาสัมพันธ์ประจ�ำ ถ้าเรื่องปกติทั่วไป ก็ไม่เห็นต้องสร้างความเข้าใจอะไรมาก หรือเรื่องนี้มัน มีอะไรลึกล�้ำที่ต้องใช้เกราะหนาๆ ภาษาสวยๆ หรือ ความน่าเชื่อถือที่มีไม่รู้จักหมด อย่าง เคนนี่ ถึงจะเอา อยู่ ซึ่งประเด็นที่น่าสงสัยนั้น ผมเองมีในใจแล้วเรื่อง สองเรื่อง ก็หวังแค่ว่าอย่าให้เป็นเพราะเรื่องสองเรื่อง นี้ก็แล้วกัน ? ไม่งั้น บรรลัย ... ส่วนตัวแล้วยังคงปลาบปลื้มเสมอ ทุกครั้งคราว ที่ เคนนี่ กลับมาหาเราอีกระลอก ผมเชื่ออย่างเต็ม หัวใจ ถ้าหาก เคนนี่ คิดว่า หรือถูกชวนเชื่อให้คิดว่า อะไรก็ตามที่เขาต้องกระท�ำมันเป็นผลดีที่สุดส�ำหรับ สโมสร ณ ตอนนั้น ตัวเขาเองคงไม่รีรอและคงท�ำหน้า ที่นั้นๆ อย่างดีที่สุดเท่าที่ก�ำลังมี และแน่นอน ผมเองไม่ เคยสงสัยในความรักต่อสโมสรของชายผู้นี้ เพราะชาย คนนี้คือคนที่แสดงให้เห็นมาหลายต่อหลายครั้งว่า เขา มีความรักต่อสโมสรแห่งนี้อย่างไม่มีข้อแม้และไม่เคย ลดลง ไม่ว่าใครจะต่อว่าอย่างไร ไม่ว่าจะต้องเจ็บปวด เพียงไหน เขายังคงยืนหยัด เพื่อที่จะรักและมอบสิ่งดีๆ ให้กับสโมสรแห่งเรา ตราบจนลมหายใจสุดท้าย ยินดีต้อนรับกลับบ้านอีกครั้งครับ เคนนี่ !!
พุ่ง เข้ า หาโอกาสที่ จะกลับมาทัน ทีเ มื่อต�ำแหน่งใดๆ ว่างลง “ผมพูดเสมอว่าผมนั้นมีความสุขกับการที่จะ
ช่วย Liverpool Football Club ไม่ว่าจะเรื่อง ใดก็ตาม ถ้าผมสามารถท�ำได้ผมยินดี และผมไม่เคย เปลี่ยนแปลงไปเลย” เขากล่าว September 2013 - The Reds
พลาดอย่างแรง !! แม้มเี หตุผลยกอ้างหลากหลายประการ แต่คงต้องน้อมรับด้วยความยินดี ว่า เล่มนี้เราพลาดไปอย่างน่าเสียดาย กับการอยากออกให้ตรงตามก�ำหนดเหมือน อย่างที่เคยท�ำมา มันคงเหมือนการท�ำงานสื่อสิ่งพิมพ์ทั่วๆ ไป ตามปกติ ที่ทุกเรื่อง ราวล้วนมีเหตุผลในการท�ำให้ออกช้า ไม่ว่าจะเป็นรอต้นฉบับ รอสรุปโฆษณา รอ การด�ำเนินการจากฝ่ายศิลปกรรม ทุกเรื่องราวล้วนมีเวลาที่ต้องใช้ของมัน เล่มหน้า ว่ากันใหม่ ทุกเรื่องราวของการเผชิญปัญหาและอุปสรรค มัน ล้วนคือเครื่องมือทดสอบความแข็งแกร่ง ยังคงมีความสุขเช่นเคยกับการเฝ้ามองทีมรักที่ยืนอยู่หัวตาราง ไม่ว่าเกม ที่เราเห็นมันจะถูกใจ หรือไม่ ? ยังมีความสุขเหลือล้น ทุกนาที ที่ทีมรักมีอันดับ เหนือคู่อริตัวฉกาจ อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เอฟเวอร์ตัน แต่ทั้งนั้น ทั้งนี้ ความสุขก็หาได้ลดน้อย หากทีมของเราต้องอยู่ต�่ำกว่า 2 ทีมนั้น เพราะผม เองมีความสุขมาเสมอที่ได้เชียร์ทีมอย่าง ลิเวอร์พูล เพียงแต่นี่คือความอิ่มเอมที่ เพิ่มพูนมากมายยิ่งๆ ขึ้น ก็เท่านั้น 4 แมทซ์ ข้างหน้า ก่อนฉบับ 4 ของ The Reds Magazine จะวางแผง ล้วนไม่ธรรมดา เยือน สาลิกาดง เหย้ารับ The baggies เยือนเอมิเรสต์ต่อยตี กับ หัวตารางอย่าง ปืนโต และเฝ้าบ้านรับ เจ้าสัวน้อย 4 นัด กับ 12 คะแนนเดิม พัน หวังแบบเบาๆ ก็หวังแค่ 7 แต้ม ชนะ 2 แพ้ 1 เสมอ 1 แต่หวังแบบผม ผม ก็ขอแค่ 12 คะแนนเล็กๆ เอามาประดับหัวใจ คงต้องยอมรับว่า ตารางคะแนน ปีนี้ยังน่าสนุกอีกนาน ขณะเดียวกันผมเองอยากเห็นทีมแบบปลายฤดูกาลก่อน ที่ หลายคนโหยหา และตั้งข้อสังเกต ว่า รูปเกมแบบนั้น มันหายไปไหน ? หรือดู เหมือน Rodgers ก�ำลังใช้วิธีตามรอยของซือแป๋ อย่าง José Mourinho ที่เน้น ผลจนน่าอึดอัด สมัยมาคุมทีม Chelsea สมัยแรกๆ คงต้องติดตามกันต่อ ส่งแรงใจ แรงเชียร์ แบบห้ามกระพริบตา การิน ธนะอมรทัต บรรณาธิการ
หากคุณพลาด ติดตามลิ้งค์เล่มแรกและเล่มสองได้ที่