A scout about a player on trial at Liverpool : “He has football in his blood!” Bill Shankly : “You may be right, but it hasn’t reached his legs yet.” แมวมอง กล่าวถึงนักเตะที่มาทดสอบที่ ลิเวอร์พูล ว่า “หมอนี่ มีฟุตบอลอยู่ ในสายเลือด” บิลล์ แชงค์ลีย์ : “ถูกของคุณ, เพียงแต่มันยังไม่ลงไปถึงขา”
ใครจะไปคาดคิด ว่า บนการเดินทางขวบปีแรกของ The Reds Magazine นิตยสารออนไลน์ ฉบับแรกในสยาม ที่น�ำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ สโมสรลิเวอร์พูล จะประเดิมเริ่มต้น 5 เดือนแรกด้วย ความอิ่มเอม อิ่มเอม ในฐานะคนท�ำงานที่สร้างสรรค์เรื่องราวใหม่ๆ ให้เพื่อนฝูงเหล่า เดอะ คอป ได้พบแง่มุม ที่หลากหลาย และเป็นอีกหนึ่งสื่อที่ท�ำงานด้วยความอิสระ โดยไม่มีข้อแม้ใดใดให้ต้องกังวล ขณะ เดียวกันก็ อิ่มเอม กับผลการแข่งขันและตารางอันดับของทีมรักที่สูง จนมิอาจคาดเดาถึง หากมีใครบอกก่อนเปิดฤดูว่า หลังผ่าน 16 นัด ลิเวอร์พูล จะอยู่ที่ 2 โดยตามหลังจ่าฝูงแค่เพียง 2 แต้ม และเหนือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึง 6 อันดับ ผมเองคงต้องบอกหมอนั่น ว่า “เพ้อเจ้อ” หรือไม่ก็ “ฝันลมๆ แล้งๆ” แต่ถึงตอนนี้คงต้องยอมรับว่า มันช่างเป็นช่วงเวลาที่สุดแสนมหัศจรรย์ ช่วงหนึ่งเลยทีเดียว อาจมีบ้างบางนัดที่ดูเหมือนเครื่องยนต์เกิดอาการสะดุด อย่างในนัดเจอEverton ต่อด้วย Hull City ซึ่งเป็นสองนัดที่ดูเหมือนเราโดนกระชากรอยยิ้มและเสียงหัวเราะไปจากตัวตน แต่ 3 นัดต่อมา ทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาพเดิม รอยยิ้ม และ เสียงหัวเราะกังวานใส ดูเหมือนจะเปี่ยม พลัง และ เปล่งประกาย มากกว่าที่เคย หลายๆ นัด ต้องชื่นชม ทั้ง Brendan Rodgers และบรรดาเหล่านักเตะทุกคนที่ลงสนาม เพราะเติมเต็มสีสันให้กับชีวิตการดูบอลทีมที่รักอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น Merseyside Derby ที่ ถึงผลจะออกมาเสมอกัน แต่ ระดับความมัน ต้องบอกว่ามันยากเกินบรรยาย และนัดนี้น่าจะเป็น Derby ที่สนุกที่สุดในรอบหลายต่อหลายขวบปีที่ผ่านมา หรือแม้แต่นัดล่าสุดที่ออกไปถล่ม “Five Hart Lane” แบบไร้ต�ำหนิ ซึ่งแน่นอนมันต้องเป็นการไปเยือน Tottenham Hotspur ที่ต้อง จดจ�ำกันไปอีกแสนนาน หวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะมีความสุขทั้งจากการอ่านนิตยสารเล่มนี้ ทั้งจากผลการแข่งขันของทีม ในนัดต่อๆ ไป และทั้งจากเทศกาลปีใหม่ที่ก�ำลังเข้ามาเยี่ยมกราย สุขสันต์วันปีใหม่ ครับ การิน ธนะอมรทัต บรรณาธิการ
4
T reatise
The Reds - September 2013
5
September 2013 - The Reds
6
ย้อนกลับไปในยุคที่ Bill Shankly ที่เลียนเยี่ยง “ฮุนปวยเอี๊ยง” ถักทอภูษาใยไหมก่อนสร้างพลังใหม่ ให้สโมสรยิ่งใหญ่ยาวนานมาตั้งแต่ยุค 1960, ตลอด เวลานับตั้งแต่ยุคนั้นหงส์แดงไม่เคยสิ้นซึ่งวีรบุรุษจอม ถล่มประตู หรือที่เรียกว่า “idols” ดังเช่น Ian St. John ยาวไปจนถึง Roger Hunt แล้วจาก Hunt ไป จนถึง Kevin Keegan ต่อจาก “Mighty Mouse” ไปสู่ Kenny Dalglish จาก “the King” ไปยัง Ian Rush จาก Rushy สู่ John Aldridge จาก Aldo สู่ Robbie Fowler จาก “God” สู่ Michael Owen แล้วก็มาถึงยุค Fernando Torres ตบท้ายด้วย Luis Suarez พลพรรคคนรักหงส์แดงนั้น มักรักใครซักคนที่ ยิงลูกบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายคู่แข่งอย่างสม�่ำเสมอ --------------------------Liverpool ณ ปัจจุบันนี้อยู่ในสถานะที่เรียก ได้ว่ามีดาวยิงที่ติดอยู่ในท�ำเนียบดาวยิงสูงสุดของลีค อย่างน้อยก็สองคน แต่ความรักที่แฟนบอลมีให้กลับ เป็นไปในทางที่ “ให้คนหนึ่งมากกว่าอีกคนหนึ่ง” ไป ซะอย่างนั้น Luis Suarez นั้นตอนซัมเมอร์สร้างประเด็น เรื่องการย้ายทีมที่เรียกว่าเป็นนิยายเรื่องยาวน�้ำเน่ากัน สุดๆ แต่ผลที่เกิดขึ้นในตอนนี้กลับกลายเป็นว่ากลาย เป็นที่รักไคร่มากกว่า Daniel Sturridge ที่สร้างปัญหา ให้กบั ทีมน้อยกว่าเยอะ บางทีอาจจะด้วยเหตุผลธรรมดา สามัญที่ว่า Sturridge นั้นระดับฝีเท้าสู้ Suarez ไม่ได้ ไม่รวมถึงความเอ็นเตอร์เทนเวลาที่ได้ผู้คนรู้สึกเวลาที่ นั่งชมเกม เขาอาจจะไม่ได้มีเสน่ห์โดนใจแฟนบอล หรือ มีพรสวรรค์เท่ากับคู่หูชาว Uruguaya แต่ก็ไม่น่าจะ เรียกว่า “ห่างไกลกันเกินไปนัก” และฟอร์มของเขานั้น คู่ควรจะได้รับความรักความไคร่จากแฟนบอลมากกว่า ที่ได้รับในปัจจุบันนี้ อย่าเข้าใจผิดว่าแฟนบอลไม่ชอบ Sturridge หรือ ถูกโห่อะไรแบบนั้น มันไม่ใช่ ในทางกลับกันเขากลับ ได้รับค�ำชมมากมายจากแฟนบอล Liverpool ส่วน ใหญ่ กระนั้นผมยังรู้สึกว่าความอบอุ่นที่เขาได้จากแฟน บอลนั้นยังน้อยเกินที่เขาคู่ควรจะได้รับอยู่มาก ซึ่งเป็น The Reds - September 2013
7
September 2013 - The Reds
8
The Reds - September 2013
9
เรือ่ งทีป่ ระหลาด เมือ่ ตอนทีเ่ ขาเล่นให้กบั ทีมชาติองั กฤษ นัดที่เจอกับเยอรมันทั้งๆ ที่ยังบาดเจ็บอยู่ แฟนบอล Liverpool รู้สึกไม่ค่อยจะสบายใจ เช่นเดียวกับ Brendan Rodgers ที่ได้บอกกับสื่อว่าที่ Sturridge ไม่สามารถลงเป็นตัวจริงได้ ก็เพราะเขาให้ความส�ำคัญ กับเกมทีมชาติมากกว่าเกม “Derby” ถื อ ว่ า เป็ น ที่ เข้ า ใจใดระดั บ หนึ่ ง ที่ ผู ้ จั ด การที ม ออกมาแสดงความไม่พอใจ แต่ในทางกลับกันท�ำไมกับ Steven Gerrard เขากลับไม่ว่าอะไร ทั้งๆ ที่มีเหตุผล ที่ ม ากกว่ า เสี ย อี ก ที่ จ ะถอนตั ว จากเกมกั บ เยอรมั น เพราะนอกจากอายุเยอะแล้ว ยังต้องฉีดยาแก้ปวดลง เล่นซะอีก Sturridge นัน้ แม้วา่ จะเป็นดาวยิงสูงสุดของชาว อังกฤษในลีค แต่ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะในระดับ ชาติเพราะเขาเพิ่งยิงได้แค่สองลูกให้กับสิงโตค�ำราม ในการติดธง 9 นัด โดยหนึ่งในนั้นคือจุดโทษ ส่วนอีก หนึ่งนั้นมาจากเกมที่เจอกับทีมระดับ “San Marino” มันจึงเป็นเรื่องปกติมากๆ ที่เขาจะต้องอยากลงเล่น ในเกมกับเยอรมันที่เป็นทีมระดับสูง แม้ว่าจะเป็นเกม กระชับมิตรก็ตาม และแสดงให้เห็นว่าเขาท�ำอะไรได้ บ้าง แม้ว่าจะบาดเจ็บหรือไม่ก็ตาม ความจริงก็คือการ ตัดสินใจครั้งนี้ท�ำให้เขาไม่สามารถลงเล่นเป็นตัวจริงให้ กับเกมที่ต้องเจอกับ Everton และท�ำให้ Rodgers นั้น “ต�ำหนิ” ดาวยิงรายนี้ได้ แต่มันช่างน่าคิดว่าหาก เป็นกรณี Luis Suarez หรือ Steven Gerrard จะ ได้รับการพูดต�ำหนิผ่านสื่อแบบนี้หรือไม่ --------------------------Sturridge นั้นถูกวิพากษ์วิจารณ์พอควรกับเกม ที่ Liverpool แพ้ต่อ Arsenal แต่ในรายของ Luis Suarez นั้นหลุดไปหน้าประตู Arsenal แบบจะๆ แต่เลือกที่จะส่งให้คู่หูแทนที่จะยิง แต่กลับเลือกจ่ายให้ Sturridge นั่นไม่ใช่จังหวะที่ง่ายเลย และ Suarez มี โอกาสยิงเข้ามากกว่าจากต�ำแหน่งที่เขายืนอยู่ โชคร้าย ที่ว่ามีอีกครั้งที่เขาพลาดโดยไม่ยอมจ่าย Sturridge ก็ สะบัดมือขึ้นฟ้าเป็นการแสดงอารมณ์ว่าท�ำไม Suarez ไม่จ่าย ภาพช้าแสดงให้เห็นถึงปฎิกิริยาของ Sturridge ในจังหวะนั้นและแน่นอนหลายๆ คนคงจะไม่พอใจว่า September 2013 - The Reds
10
ท�ำไมต้องโวยขนาดนั้น ในทางกลับกันหากเปรียบ เทียบกับจังหว่ะอื่นที่เกิดขึ้นในสนามแล้วเห็น Suarez โวย ท�ำไมมันช่างต่างกันแบบนี้ ในเกมกับ Everton, Joe Allen นั้นหลุดไป ยิงจะๆ และน่าจะเป็นประตูอย่างยิ่งยวด มันเป็นการ หลุดเดี่ยว 1 ต่อ 1 กับ Tim Howard ซึ่งประตูมันเปิด มากยิงตรงไหนก็น่าจะเข้าถึง 99 เปอร์เซ็นต์ แน่นอน ทางด้านซ้ายของเขานั้นมี Luis Suarez หลุดมาอีก คนแต่เป็นการหลุดแบบน่าจะล�้ำหน้า เขาท�ำถูกแล้วที่ เลือกยิงเอง แต่เขายิงออก เป็นการพลาดอย่างไม่น่า เชื่อ เหมือนเกิดมาไม่เคยหลุดเดี่ยว แล้วดูปฏิกิริยาของ Suarez สิ โวยใส่ Allen สุดๆ... ท่าทางที่แสดงออก มันยิ่งกว่าที่ Sturridge เคยท�ำที่รัง The Emirates เสียอีก ความแตกต่างของภาพนี้ก็คือไม่มีใครซักคน ที่ออกมาต�ำหนิหรือว่ากล่าว ที่ Suarez ออกอาการ อย่างนั้น เขาถูกมองข้ามสิ่งเหล่านี้เพราะว่าเขานั้น ยอดเยี่ยม แต่ในกรณีของ Sturridge นั้นเขาดูเหมือน จะถูกปฎิบัติที่ต่างกัน คนละมาตรฐาน ทั้งๆ ที่การเล่น ของเขาให้กับ Liverpool มันก็เยี่ยมยอดไม่แพ้กัน --------------------------อยากจะบอกว่าชื่อทวยเทพต่างๆ ที่เอื้อนเอ่ยไว้ ในตอนต้นของบทความชิ้นนี้นั้น นับตั้งแต่ St. John ถึง Suarez พวกเขาทั้งหมดไม่สามารถสร้างสรรค์ประตู ได้ในเรตเดียวกับ Sturridge ด้วยซ�้ำ ในชีวิตการค้า แข้งที่ Anfield ตัว Daniel เองนั้นเป็นผู้ยิง 20 ประตู แรกได้เร็วที่สุดให้กับ Liverpool สถิติก่อนหน้าของ เขานั้น Fernando Torres เป็นเจ้าของ ซึ่งใช้การ ลงสนามถึง 31 นัดเลยนะนั่น ถึงจะยิงได้ 20 ประตู แรก ส่วน Daniel Sturridge นั้นใช้ 26 นัดเท่านั้น และส่วนหนึ่งมาจากการลงเล่นในฐานะตัวส�ำรองด้วย ซ�้ำ เราทุกๆ คนต่างจดจ�ำกันได้ว่าเรารัก Fernando Torres อย่างไร ถูกไหม? เขาเคยเป็นวีรบุรุษแห่ง Merseyside ทันทีที่เขายิงผ่านมือ Petr Cech ได้ที่ Anfield บางทีหากว่า Sturridge มาจาก Spain และ ไว้ผมทองและยิ้มหล่อๆ แทนที่จะมาจาก Chelsea บางที่เขาอาจจะเป็นที่รักมากกว่านี้ บางทีหากว่าเขาไม่ได้ย้ายมาพร้อมด้วยชื่อเสียง The Reds - September 2013
11
September 2013 - The Reds
12
The Reds - September 2013
13
ของการเป็น “โปรเลี้ยง” “เห็นแก่ตัว” และ “ผยอง พองขน” แฟนบอล Liverpool อาจจะรักเขามากกว่า ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ เอากันแบบแฟร์ๆเลยนะครับผมคิดว่าSturridge ได้ท�ำทุกๆ อย่างที่จะลบภาพในเชิงลบของตัวเองออก ไปนับตั้งแต่เขามาอยู่ในถิ่น Merseyside การแสดง การฉลองยิงประตูของเขาอาจจะไม่ได้ถูกลิ้นถูกกลิ่น ทุกๆ คน แต่ก็เป็นการแสดงอาการดีใจแบบที่ให้เกียรติ ความรู้สึกตัวเองอย่างไม่ “สร้างภาพ” และยังมีความ จริงที่ว่าเขานั้นยกเสื้อแข่งของเขาให้เด็กๆ ทุกๆ นัดหลัง จบเกม ตรงนี้น่าจะแสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยนที่มี ในตัวเขา และเป็นการแสดงให้เห็นถึงวัยวุฒิที่มากขึ้น แล้วของเขา การเต้นพร้อมกับแฟนๆ ผ่านกล้องต่างๆ ในลานจอดรถน่ า จะเป็ น การกระท� ำ ที่ ย ากจะเห็ น ส�ำหรับคนที่หยิ่งผยองพองขนอย่างที่ถูกกล่าวหามา โดยรวมแล้วนิสัยใจคอของเขานับตั้งแต่ก้าวผ่านประตู Paisley Gates เข้ามาถือได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ดี เคยมี ไหมที่คุณจะเห็น Fernando Torres ออกมาจากรถ ตัวเองแล้วมาเต้นกับแฟนบอลที่เป็นเด็กๆ ? บางทีอาจจะเป็นเพราะ ‘Sturridge’ เป็นชื่อที่ ยากที่จะน�ำยัดเข้าไปใส่ในเนื้อเพลง หรือบางทีเพราะ เด็กท้องถิ่นหรือนักเตะต่างชาติมีมนต์เสน่ห์ตราตรึง ใจกว่าเด็กที่มาจาก Birmingham ที่เคยเล่นให้กับ Manchester City หรือ Chelsea ก็เป็นได้ ไม่ว่ามัน จะเป็นด้วยเหตุผลกลใด ตอนนี้ Daniel Sturridge นั้นชัดเจนว่า เขาไม่ได้เป็นที่รักมากมายอย่างที่ดาวยิง Liverpool คนอื่นๆ ในอดีตเคยได้รับ แต่เขาควรจะ ได้รับมันมากกว่านี้จริงๆ --------------------------อีกสามสี่ปีไม่น้อยกว่านี้ที่เขาจะยิงประตูเป็น กอบเป็นก�ำให้กับเรา มากกว่าจะลุ้นเอากับ Luis Suarez ที่ไม่รู้พ้นปีนี้แล้วจะยังอยู่ต่อหรือเปล่า ช่วง เวลาไม่ถึงปี เขาก็ผลักดันตัวเองจากนักเตะตายซาก ที่ Chelsea ขึ้นมาเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดใน อังกฤษ และอายุเขาก็ยังน้อยเอามากๆ ด้วย ยัง พัฒนาได้อีกเยอะ คงต้องคอยดูกัน ว่า เมื่อไหร่ เดอะ คอป จะให้ความรัก อย่างที่ควรเท่าเทียม September 2013 - The Reds
16
Marnz Vision
The Reds - September 2013
17
September 2013 - The Reds
18
The Reds - September 2013
19
มีขา่ วต่อเนือ่ งและดูเหมือนหลายสือ่ ต่างประเทศ หลายๆ ส�ำนักต่างฟันธงตั้งแต่ราวกลางเดือนที่แล้ว ว่า สโมสรลิเวอร์พูล กับ เจ้าหนู Wonder Kid อย่าง Will Hughes จาก “แกะเขาเหล็ก” สโมรสร Derby County ได้ตกร่องปล่องชิ้นกันไปเรียบร้อย โดยจะมี การย้ายเกิดขึ้นภายในเดือนมกราคม ซึ่งหมายถึงเวลา ไม่ถึง 20 วันนับจากตอนนี้ มีค�ำถามมากมายที่ยังคงเฝ้า สงสัย ว่า “ข่าวชัวร์หรือมั่วนิ่ม” ขณะเดียวกันยังไม่มี เหตุผลไหนรองรับเท่าที่ควร ว่านี่คือ “เรื่องจ�ำเป็น” โอกาสนี้เลยขอตั้งข้อสังเกตเล็กน้อยส�ำหรับการซื้อ ขายดีลนี้ ว่าเหตุผลกลใด ลิเวอร์พูลจึงยังไม่น่าลงทุน กับเด็กหนุ่มวัย 18 ในเดือนมกราคม
1. ไม่ใช่เป้าหมายแรกๆ ที่ ลิเวอร์พูล ควรสนใจ เรื่องของเรื่องก็คือ ไอ้ต�ำแหน่งของเจ้าหนู Will Hughes เนี่ย ยังไม่ใช่ต�ำแหน่งจ�ำเป็นอะไรเลย เพราะ หากย้อนกลับไปตั้งแต่สมัย The King : Kenny Dalglish คุม เราจะเห็นได้ว่า เรามักพูดถึงการขาดตัวตัด เกม หรือผู้คนที่จะมาเล่นแทนต�ำแหน่ง Lucas Leiva ในยามที่เจ้าหนุ่มบราซิลบาดเจ็บ หรือ ติดโทษเหลืองแดง แต่สมัย The King อยู่ เรายังมีเด็กท้องถิ่นอย่าง Jay Spearing ซึ่งถึงจะดูว่ายังไม่ดีพอ แต่ก็ยังดีกว่า ไม่มี แต่หลังจากการปล่อยให้ยืม และในที่สุดก็ขาย หมอนี่ไปให้กับ Bolton Wanderers ซึ่งท�ำให้ทีมเรา ยังไม่มีใครเป็นตัวตายตัวแทนหนุ่มบราซิลอย่างเป็น เรื่องเป็นราวซักที แล้วจะเอามาท�ำไม กับกองกลาง ตัวเลือกอื่น ที่เรามีเป็นเข่ง ??
2. 12-15 ล้านปอนด์ เป็นราคาที่ดูไม่คุ้มเอาเสียเลย เห็นราคาแล้วออกจะแปลกใจ นี่มันราคาเท่ากับ Sturridge ปีที่แล้วเลยนะ แพงกว่า Coutinho อีก ด้วย หรือเหลียวมองดูไปรอบๆ นี่แพงกว่า Christian Eriksen ของ Tottenham Hotspur ซะอีก ด้วย งบประมาณที่จะได้รับจากเจ้าของในตลาดมกรา เงิน 12-15 ล้านปอนด์ หาซื้อตัวนักเตะแบบเปิดซองปุ๊บ ใช้ได้เลยไม่ดีกว่าหรือ เพราะสิ่งที่ขาดส�ำหรับเราคือ นักเตะที่มีคุณภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ ?? ลองเหลียวดู ตลาดนักเตะซิ อังเดร ยาโมเลนโก้ ค่าตัวราว 20 ล้าน September 2013 - The Reds
20
ปอนด์, โยฮัน กาบาย ราคาราว 17-18 ล้านปอนด์ หรือจะเป็น ยาคุบ บลาสซีคอฟสกี้ ที่ราคาอาจไม่ถึง 10 ล้านปอนด์ เพิ่มเงินหรือเปลี่ยนเป้าหมายไป ไม่ดี กว่าอย่างนั้นหรือ ??
3. ซื้อมาท�ำไม ในเมื่อของเก่ายังนั่งตูดด้านเป็นโขยง มันคงเป็นเรื่องน่าขัน และเป็นเรื่องเอาฮามากๆ หากจะซื้อตัวเจ้าหนูคนนี้มาเพื่อแย่งต�ำแหน่งตัวจริง 11 คนแรกในสนาม ในเมื่อมีนักเตะในต�ำแหน่งเหล่านี้ มากมายเข้าขั้นยั้วเยี้ยอยู่บนม้านั่งส�ำรองเสมอ หากว่า กัปตัน อย่าง Steven Gerrard บวกกับตัวท�ำลาย เกม อย่าง Lucas Leiva อีกทั้ง ตัวสร้างสรรค์อัน ดับต้นๆ ของทีม แบบ Philippe Coutinho ไม่เกิด อาการบาดเจ็บ หรือติดโทษใดใด พื้นที่ตรงไหนที่เจ้า หนูวัย 18 จะสามารถเข้ามาแย่งชิงไปได้ นี่ยังไม่นับ รวม การที่ Jordan Henderson ดูเหมือนจะเป็นตัว เลือกแรกๆ เข้าไปอีก ขณะเดียวกันม้านั่งส�ำรองยังนั่ง กันหน้าสลอน ทั้ง Luis Alberto, Joe Allen, Iago Aspas, Victor Moses, Raheem Sterling รวมถึง Jordon Ibe ซึ่งอาจต้องตั้งค�ำถามกันสักนิด หากซื้อ มาจริงๆ ว่า “ไอ้ที่มีอยู่เป็นกระบุง เอามาดองรวมกัน ยังไม่เค็มพอหรือครับ ท่านผู้จัดการ ??”
4. เงินเราไม่เหลือมากพอให้ซื้อมาเพื่อให้ยืมต่อ มี ทฤษฏีสมคบคิด อีก 1 ทฤษฏี คือการซื้อมา แล้วปล่อยให้ยืมไปก่อน โอ้.. แม่เจ้า !!! คิดกันแบบนั้น ไม่ไกลไปหน่อยหรือ เรามีเงินถุงเงินถังขนาดนั้นเลย หรือไร ?? ถึงคิดกันว่าเอาเงินไปทิ้งไว้ก่อนซักหนึ่งหรือ สองฤดูกาลกว่าจะได้เอามาใช้งาน ยังไม่เข็ดกันอีกหรือ กับกรณีดาวสุดจรัสแสงแบบ Fabio Borini ที่ซื้อมา เป็นตัวความหวัง ในสนนราคาราว 10 ล้านปอนด์ แต่ต้องปล่อยให้ยืมไปในฤดูกาลที่ 2 ของเจ้าตัว หลัง จัดการซัดไปแค่ 1 ลูกในลีค ยังไม่เข็ดกันอีกหรือ กับ การซื้อ Joe Allen 15 ล้านปอนด์ แต่ถึงตอนนี้ยังไม่ สามารถแย่งต�ำแหน่งตัวจริงได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว และยังไม่เข็ดกันหรือ กับการซื้อ Samed Yeşil ที่เอา มาเพื่อเล่นแต่ทีมเยาวชน ปัญหาและเรื่องของเรื่อง คือ เราเองจะมีงบประมาณที่แท้จริงเท่าไหร่ มันสมเหตุ The Reds - September 2013
21
September 2013 - The Reds
22
The Reds - September 2013
23
สมผลตรงไหน หากเอาเงิน 12-15 ล้านปอนด์ไป ละลายให้ชาวบ้านก่อน โดยที่ตัวเองไม่สามารถเก็บ เกี่ยวผลประโยชน์กับปัจจุบัน ??
5. Wonder kid ที่ผู้คนเล่าขาน ไม่ใช่ของจริงเสมอ เรื่องราวเล่าขานบนโลก เหล่าทวยเทพวัยเยาว์ บน YouTube บางคนไม่อาจก้าวข้ามผ่านเข้าสู่การ เป็นนักเตะอาชีพด้วยความรวดเร็ว โอเค ที่เจ้าหนูวัย 18 อย่าง Will Hughes อาจผ่านสังเวียนให้กับ แกะ เขาเหล็ก Derby County มาแล้วกว่า 50 นัดก็ตาม ที แต่ใครคนไหนจะการันตีได้ว่า หมอนี่จะสามารถเอา ตัวรอดอยู่ในลีคสูงสุดอย่าง พรีเมียร์ ได้ เรื่องราวของ พวกนี้ ลองย้อนๆ กลับไปดูแค่ในทีมเรา Sebastián Coates, Raheem Sterling, Samed Yeşil, Jonjo Shelvey รวมไปถึง Jordan Henderson นักเตะ เหล่านี้ล้วนเป็นและใกล้เคียงค�ำว่า Wonder kid กันมา แล้วทั้งนั้น หากยกกรณี Jordan Henderson ที่ต้อง ใช้เวลาหลายปี คุณลองมองดูพวกเขาเหล่านั้นที่เหลือ ในวันนี้ซิ ว่า “มีที่ว่างตรงไหน ส�ำหรับ ลิเวอร์พูล เพื่อ ให้คุณเปล่งประกาย ยกเว้น ม้านั่งส�ำรอง ทีมเยาวชน หรือไม่ก็ ขายหรือให้ยมื ไปทีมอืน่ ” ไม่ตอ้ งหา Wonder kid ก็ได้ หานักเตะธรรมดาๆ ราคาถูกๆ แต่เล่นเข้า กับระบบ และสามารถใช้งานจริง ดูจะดีกว่าหวังกับ Wonder kid ที่ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ? ท้ายสุดผมเองก็ไม่รู้หรอก ว่า ทางสโมสรจะจบ เรื่องราวแบบนี้ในทิศทางใด จะซื้อหรือไม่ มันคงไม่ใช่ ค�ำตอบแต่หากมองถึงเป้าหมายที่เราต้องรีบเร่งไขว่ คว้า นั้นคือ การหาต�ำแหน่งที่ควรเพื่อให้เราไปแข่งขัน ใน รายการแชมป์เปี้ยนลีค ให้จงได้ มันเลยเหมือน มีเครื่องหมายค�ำถามในใจ ว่า เจ้าหนู อย่าง Will Hughes จะสามารถมาเติมเต็มความฝัน ความหวัง เหล่านั้นได้ทันทีเลยหรือไม่ หรือนี่คือ อนาคต เพราะ หากซื้อมาเพื่ออนาคต ท้ายสุด หากเกิดพลาดพลั้ง อด ไป แชมป์เปี้ยนลีค จริงๆ อย่าคาดเดาถึงอนาคตเจ้าหนู นี่เลย เพราะถึงตอนนั้น แม้แต่อนาคตของ Brendan Rodger อาจไม่เหลืออยู่ที่ Anfields ก็เป็นได้ ?? หรือ เหล่า เดอะ คอป จะว่ากันอย่างไร ?? September 2013 - The Reds
24
ต�ำนานบทแรกเกิดเมื่อลิเวอร์พูลลงสนาม พร้อมสร้างผลงานที่สวยหรูด้วยนักเตะที่ไม่ใช่ชาว อังกฤษและชาวลิเวอร์พูลแม้แต่คนเดียว ฉายา แรกของทีมที่ได้มานั้นก็คือ ทีม แม็ค-ลิเวอร์พูล เพราะว่านักเตะ 8 คน ใน 11 คน ของทีม ชื่อขึ้น หน้าด้วยแม็คทั้งหมด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าเป็นชาว สก็อตแลนด์แน่นอน (รวมไปถึงผู้จัดการทีม จอห์น แม็คแคนน่า อีกคนหนึ่ง) คือ ดันแคน แม็คลีน, จอห์น แม็คไบรด์, มัลคอล์ม แม็ควีน, ฮิวจ์ แม็ค ควีน, แม็ตต์ แม็คควีน, จอห์น แม็คคาร์ทนี่ย์, บิล แม็คโอเว่น และ โจ แม็คกี บั น ทึ ก ประวั ติ ศ าสตร์ ห น้ า แรกของสโมสร การลงสนามนัดแรก 1 กันยายน 1892 ลิเวอร์พูล พบกับ ร็อตเตอร์แฮม ทาวน์ หงส์แดงประกาศ ศักดาคว้าชัยนัดแรกด้วยสกอร์มโหฬารถึง 7-1 และ มัลคอล์ม แม็ควีน คือผู้ที่ท�ำประตูแรกให้หงส์ แดง ด้วยฝีเท้าของนักเตะภายใต้การคุมทีมของ จอห์น แม็คแคนน่า สร้างผลงานได้อย่างยิ่งใหญ่ และดูดีกว่าเอฟเวอร์ตัน และเม็ดเงินที่ซื้อหน้า หนังสือพิมพ์ในอังกฤษของ จอห์น โฮลดิ้ง ที่คอย โปรโมทสโมสรตลอดเวลา ท�ำให้สโมสรลิเวอร์พูล ได้รับความสนใจจากแฟนบอลชาวลิเวอร์พูลมาก ขึ้นกว่าเอฟเวอร์ตัน เพียงแค่ปีแรกเท่านั้น สโมสรลิเวอร์พูล คว้า ดับเบิ้ลแชมป์มาสู่สโมสรได้ส�ำเร็จ โดยคว้าต�ำแหน่ง ชนะเลิศลีกแลงคาเชียร์ ที่เชือดเฉือนด้วยประตู ได้เสีย แข่ง 22 นัด ชนะ 17 เสมอ 3 แพ้เพียง แค่ 2 นัด ยิง 66 ประตู เสีย 19 ประตู จากนั้น ก็คว้าอีกแชมป์หนึ่งก็คือ ลิเวอร์พูล คัพ โดยทีท่ ีม รวมลิเวอร์พูล ชนะ ทีมผสม เอฟเวอร์ตัน ในนัด ชิงชนะเลิศได้ส�ำเร็จ ได้ 2 แชมป์ 2 ถ้วยรางวัลมา ประดับสโมสรอย่างสมเกียรติ เรียบเรียงใหม่โดย เปี๊ยกบางใหญ่ The Reds - September 2013
25
September 2013 - The Reds
26
A rticle
The Reds - September 2013
27
September 2013 - The Reds
28
The Reds - September 2013
29
หมอนี่อาจจะอายุแค่ 18 ปี แต่อนาคตของ Raheem ที่ Liverpool ควรจะต้องเริ่มพิจารณากัน ได้แล้วว่าอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ และมันก็ขึ้นอยู่กับ เขาด้วยว่าจะท�ำให้มั่นใจได้ไหมว่าหัวของเขานั้นหันไป ในทิศทางที่ถูกต้อง เส้นทางของการเป็นซุปเปอร์สตาร์ทางฟุตบอลของ Raheem Sterling นัน้ ดูคล้ายจะเป็นอะไรทีไ่ ม่สามารถ หยุดยั้งได้ ดาวรุ่งคนนี้ถูกเซ็นมาอยู่กับ Liverpool จาก QPR เมื่อปี 2010, และมีชื่อขึ้น headlines เมื่อ เขายิงได้ถึง 5 ประตู ในศึก FA Youth Cup Kenny Dalglish นั้นยอมเสี่ยงกับแรงกดดัน ด้วยการให้โอกาสปีกรายนี้ลงเล่น Premier League เมื่อปี 2012, และนักเตะคนนี้ก็ไม่เคยจะมองหันหลัง กลับไปสู่อดีตของเขาอีกแล้ว เขากลายเป็นนักเตะชุดใหญ่อย่างเต็มตัวภาย ใต้การน�ำทีมของ Brendan Rodgers, และ Roy Hodgson ก็ให้โอกาสเขาติดทีมชาติครั้งแรก แต่ภายในเวลา 12 เดือนก่อนที่ Sterling จะ แพ็คกระเป๋าบินไปเตะบอลโลกที่ Brazil ในปีหน้า ทุกๆ อย่างมันกลับตาลปัตรไป อะไรคือเหตุผล มันเกิด อะไรขึ้น? Brendan Rodgers นั้นได้เห็นแล้วช่วงปลาย ปี 2012 ว่าปีกรายนี้เหมือนจะหมดสภาพ หมดแรง จึงตัดสินใจที่จะพักเขา หลังจากที่ดูเขาเล่นให้กับทีม U-21 มันก็ชัดเจนว่า ความ “เปรี้ยงปร้าง” ของเขาไม่ ได้กลับมาเหมือนอย่างที่เคยมีอยู่ และจนทุกวันนี้ก็ยัง ไม่สามารถดึงสิ่งนั้นกลับมาได้ เขาถูกเรียกเป็นตัวจริงอีกครั้งในศึก Premier League นัดเจอกับ Hull และถูกเปลี่ยนออกเพราะ จ่ายบอลให้เพื่อนได้แค่ 13 ครั้งเท่านั้น ซึ่งโดยรวมแล้ว จ่ายได้น้อยกว่า Simon Mignolet เสียอีก, มาถึง ณ ตอนนี้มีการพูดกันแล้วเรื่องที่จะปล่อย Sterling ไปเล่นแบบยืมตัวเอาในเดือนมกราคม เพื่อ พัฒนาของเขา แต่หากว่าเขานั้นไม่สามารถกระเตื้อง ขึ้นได้ ก็มีโอกาสที่เขาก�ำลังจะ “มุ่งสู่ขาลง” ทั้งๆ ที่ อายุน้อย เฉกเช่นดาวตกที่มาให้สว่างวาบแค่แป๊บเดียว ก็ตกไป สิ่งเหล่านี้มันช่างดูบ้าบอสิ้นดีส�ำหรับนักเตะที่ September 2013 - The Reds
30
ครั้งหนึ่งเคยถูกแซ่ซ้องว่าเป็น “the next big thing” แต่ฟอร์มของเขาบวกกับปัญหาต่างๆ นอกสนาม ส่งผล ให้อาหารจานนี้ไม่อร่อยอย่างที่คาดหวังกัน เพราะใช้ ส่วนประกอบที่ผิด Sterling นัน้ ถูกยกย่องให้เป็น “John Barnes” คนต่อไปเพราะความสามารถในการกระชากลากเลี้ยง ทางกราบ และมีเชื้อชาติ Jamaica คล้ายๆ กัน แต่ สถานการณ์ของอาชีพของเขา และชีวิตส่วนตัวของ เขา กลับถูกน�ำไปเปรียบเทียบกับอดีตดาวเตะ Manchester United นาย Kieran Richardson ที่เคย เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงมาก่อน Richardson ตอนนี้ถือได้ว่าเป็นนักเตะรุ่นเก๋า แล้วในเวที Premier League โดยลงเล่นไปแล้วมาก กว่า 200 นัด แต่ในอดีตช่วงที่เขาพีคที่สุดนั้นอายุเพียง แค่ 20 ปีเท่านั้น หลายๆ ฝ่ายต่างคาดหวังว่าเขาจะ เป็น “ดาว” จริงๆ เมื่อปี 2005 เขานั้นแจ้งเกิดเมื่อไปเล่นให้กับ West Brom แบบยืมตัว และยิงประตูได้สองเม็ดในการประเดิมทีม ชาติอังกฤษก่อนที่จะย้ายกลับไปสู่ต้นสังกัดเดิมอย่าง Manchester United RoyKeaneนัน้ เคยวิจารณ์เด็กคนนีว้ า่ เป็นดาวรุง่ ที่มีนิสัยที่แย่ ท�ำตัวไม่เหมาะสม ชอบชีวิตมีแสงสี และ จากนัน้ แค่สองฤดูกาลเขาก็ถกู ขายให้กบั Sunderland, บทสรุปก็คือผีแดงนั้นถอดใจในตัวเขาไปแล้ว แทนที่จะพยายามรักษาความมั่นคงในอาชีพตัว เอง ณ ตอนนั้น ณ ตอนนี้เขาไม่เคยที่จะ “เจิดจรัส”ได้ เหมือนอย่างที่เขาเคยท�ำได้ตอนยังละอ่อน ตอนที่เขา ช่วยผีแดงคว้าถ้วย FA Youth Cup ปี 2003 Raheem Sterling นั้นมีเวลาอีกพอควรในทีม เขานัน้ ยังถือได้วา่ พัฒนาเกินกว่าทีค่ าดหมายไว้ในตอนแรก ดังนั้นจะให้เขาเรียนรู้เก็บประสบการณ์อีกซักปีสองปี ไม่ใช่วา่ จะเป็นสิง่ ทีร่ บั ไม่ได้ ตราบใดทีเ่ ขายังมีพฤติกรรม ที่ดี และแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง Liverpool นั้นก็ไม่ต่างจากผีแดง คือต้องการ “คนดีๆ จริงๆ” และหากว่าเขานัน้ ไม่ได้กา้ วไปสูเ่ ส้นทาง ทีถ่ กู ต้อง เขาอาจจะถูกหัน่ ทิง้ ในอีกหนึง่ หรือสองฤดูกาล จากนี้เพื่อไปเสียเวลาให้กับ “The Next Big Thing” คนต่อไป The Reds - September 2013
31
September 2013 - The Reds
32
S pecial Report
The Reds - September 2013
33
September 2013 - The Reds
34
ชัยชนะของ Liverpool เหนือทีมอย่าง West Ham United เมือ่ สุดสัปดาห์ทผี่ า่ นมาถือได้วา่ เป็นก้าว ส�ำคัญที่ท�ำให้ประจักษ์โดยถ้วนหน้าถึง ป้อมปราการ ที่แข็งแกร่งแห่ง Anfield กลับมาอีกครั้งในเวที Premier League แต่ชัยชนะนัดนี้กลับแลกมาซึ่งความ โชคร้ายอย่างหนักที่ต้องสูญเสีย Steven Gerrard ไป เพราะบาดเจ็บก่อนเกมมหาหินที่รอคอยอยู่ข้างหน้า และก่อนหน้าที่ทีมจะเจอกับ Cardiff City ที่ Anfield ระหว่างนัน้ จะต้องไปเยือนคูแ่ ข่งระดับพระกาฬ อย่าง Tottenham, Manchester City และ Chelsea อันเป็นคู่แข่งแย่งชิงพื้นที่ UCL ทั้งนั้นและ เป็นการเจอก่อนปีใหม่ซะด้วย และยังตามมาด้วยข่าว ร้ายอีกหนึ่งข่าว ก็คือกองกลางผู้ถือได้ว่าเป็นก�ำลังหลัก และเต็มเปี่ยมด้วยพลังงานของทีมมาอย่าง Jordan Henderson ทีม่ อี นั ต้องบาดเจ็บไปในเกมเดียวกับกัปตัน ไปด้วย Henderson ถูกเปิดปุ่มใส่โดย Kevin Nolan ในเกมกับ West Ham ส่งผลให้เกิดใบแดง แต่คนที่ เสี ย หายหนั ก กลั บ เป็ น หงส์ แ ดงเพราะจะหาใครมา ทดแทน กองกลางตัวเลือกแรกทั้งสองคนในทีมตอนนี้ เล่า ทั้งๆ ที่สุดสัปดาห์นี้จะต้องไปเยือน White Hart Lane แล้ว Gerrard out, Lucas in ในแดนกลาง มันเป็นเรื่องชัดเจน ณ ปัจจุบันว่า Lucas Leiva ได้สูญเสียต�ำแหน่งตัวเองให้กับ Joe Allen มาสองเกมติด แต่งานนี้ เขาจะได้กลับมายืน คู่กับดาวเตะ Welsh รายนี้เพราะการขาดหายไปซึ่ง Gerrard สองคนนี้น่าจะมีบทบาทเป็นตัวปกป้องแนว รับฉบับคู่ เพื่อแย่งชิงการครอบครองบอลในอาณาเขต ที่อยู่เลยแนวรับไปหน่อยในเกมที่จะต้องเจอกับกอง กลางระดับอ๋องของ Spurs ที่เต็มไปด้วยความเร็ว พลัง และศักยภาพทางเทคนิค ค�ำถามก็คือ Allen จะสามารถผลิตฟอร์มที่น่า ประทับใจในแบบเดียวกับที่เขาได้รับบทบาทตัวรับ เมื่อเขาต้องมายืนเป็นตัวเชื่อมเกมแทน. Lucas นั้นเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้อง เล่นในบทบาทที่ต�่ำกว่า เพราะงั้น Allen จ�ำเป็นต้อง The Reds - September 2013
35
September 2013 - The Reds
36
The Reds - September 2013
37
จ่ายบอลให้แนวรุกได้มากกว่าเดิมซึ่งเป็นสิ่งที่เขามี ศักยภาพที่จะท�ำได้ แต่จ�ำเป็นต้องได้รับการพิสูจน์ให้ เห็นในเกมใหญ่ๆอย่าง Spurs ยึดมั่นในระบบ 4-2-3-1 Liverpool นั้นโดดเด่นเป็นสง่ามากๆ ในเกม เจอกับ Norwich และ West Ham โดยใช้ระบบ 4-2-3-1 อันมี Philippe Coutinho เป็นกลางรุกผู้ ยืนด้านหลังกองหน้าอย่าง Luis Suarez และมี Raheem Sterling ยืนซ้ายและ Henderson ยืนขวา แน่นอนต้องมีการ Rotation กันบ้างนิดหน่อย ในแนวรุก แต่แกนหลักน่าจะตามเดิม ลองคาดเดาว่า Brendan Rodgers เลือกใช้ระบบ เดิม ซึ่งปัญหาเดียวก็คือความฟิตของ Henderson ที่ เป็นปัญหา ใครเล่าจะมาแทนที่เขาตรงจุดนั้นได้อย่างมี ประสิทธิภาพ เพราะคู่แข่งมีเกมที่เร็วมากๆ ในแนวรุก? ความเป็นจริงก็คือคู่แข่งครั้งนี้มีค่าเฉลี่ยในการ ยิงประตูต่อเกมสูงสุดในลีค (Liverpool เป็นที่สองที่ 17.1 ในขณะที่ Spurs เป็นที่หนึ่งที่ 17.9) ตรงนี้แสดง ให้เห็นว่า หงส์แดง นั้นจะต้องพบเจอกับความกดดัน อย่างมากในแนวรับที่ White Hart Lane และความ สามารถในการกลับมาช่วยเกมรับเพื่อรักษารูปทรง ของเกมคือสิ่งที่ Henderson มอบให้ต่อทีมมาตลอด การที่ไม่มีเขา เหมือนกับขาดส่วนส�ำคัญมากๆ ไป ทั้งแง่เกมรุก และเกมรับ รวมไปถึงการไล่กดดันคู่ แข่งตั้งแต่พื้นที่ของพวกเขา ไปจนช่วยแย่งบอลในเกม รับให้อีก เพราะงั้น counter-attack ของ Spurs นั้น จึงเป็นอะไรที่น่าเป็นห่วงมากๆ เมื่อปราศจากเขา ตัวตายตัวแทน Henderson ? เมื่อไม่สามารถใช้งาน Henderson ได้ ตอนนี้ก็ เหลืออีกสามคนที่พอจะรับหน้าที่ทางกราบขวาได้เมื่อ ต้องใช้ระบบการเล่นแบบเดิม Victor Moses นั้นได้รับโอกาสลงเล่นมากมาย ในฤดูกาลนี้ให้กับ Liverpool, แต่เล่นไปเล่นมาก็ชัก จะแย่ลงๆ แล้วความผิดพลาดจากความคิดน้อยในเกม กับ Hull City ก็น�ำมาซึ่งการเสียประตู เขานั้นสามารถ ถูกใช้เป็นปีกขวาธรรมชาติได้เลย ท�ำให้ทีมมีความเร็ว September 2013 - The Reds
38
ในเกมรุกจากทางกราบมากขึ้น แต่หากจะให้ดีต้องรู้จัก ลงมาช่วยเกมรับด้วยซึ่งเขาไม่ค่อยจะแสดงให้เห็นเท่า ไหร่ในฤดูกาลนี้กับทีมๆ นี้ แล้วก็มาถึงประเด็นของ Luis Alberto ว่าคู่ควร จะได้รับโอกาสเป็นตัวจริง แต่ที่ผ่านมาพิสูจน์อะไรไม่ ได้ชัดเพราะลงเล่นในฐานะตัวส�ำรองซะส่วนใหญ่ มันเป็นอะไรที่ถกเถียงกันพอควรว่า ดาวรุ่งวัย 21 ปี จะได้รับโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมระดับไป เยือน Tottenham หรือไม่ แต่ Rodgers ก็เคยส่ง Sterling ลงเป็นตัวจริงในเกมกับ Manchester City มาแล้วเมื่อฤดูกาลที่แล้วเช่นกันเพราะงั้นอะไรจึงเป็น ไปได้ทั้งหมด. Alberto น่าจะมอบ “ความสร้างสรรค์” ให้กับ Liverpool ได้มากมาย เช่นเดียวกับการควบคุมบอล ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องการอย่างมากในเกมกับ Spurs, แต่เขา นั้นไม่มีความเร็ว ร่างกายก็ไม่ได้แข็งแกร่ง และความ คงเส้ น คงวาในเกมระดั บ ท๊ อ ปลี ค นั้ น ยั ง ไม่ ส ามารถ พิสูจน์ให้เห็นชัดได้ การเล่นกับ Cardiff ในบ้าน น่าจะ เป็นโอกาสในการเป็นตัวจริงของเขามากกว่า ที่จะเป็น ตัวจริงในการเจอกับทีมยักษ์ใหญ่แบบต้องไปเยือน Iago Aspas คือตัวเลือกสุดท้าย, ไม่น่าที่จะมี การเปิดตัวแบบสุดช็อคด้วยการส่ง Jordon Ibe เป็น ตัวจริง หรือไม่ก็เปลี่ยนระบบไปเลย Aspas เริ่มต้นช่วง preseason ได้ค่อนข้างดี แต่ ก็สูญเสียแนวทางของตัวเองไปอย่างรวดเร็ว แล้วยิ่งมา บาดเจ็บเข้าให้อกี เลยท�ำให้ทกุ ๆ อย่างไม่เป็นไปดัง่ ทีห่ วัง อดีตดาวเตะ Celta รายนี้สามารถสร้างความน่า กลัวในแดนหน้าได้ ท�ำงานหนัก และมีการครองบอล ที่เหนียวแน่น และบางทีอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ส�ำหรับ Rodgers ที่จะมอบโอกาสให้เขาที่กระหายที่ จะพิสูจน์ตัวเองเช่นกัน เขาอาจจะไม่ใช่ปีกธรรมชาติ แต่เขามีความ สามารถในการเชือ่ มเกมแนวรุกได้ดี เพราะได้แสดงให้ เห็นแล้วในช่วง preseason ว่าเข้าขากับ Suarez ได้ดี แต่มันคงเป็นการตัดสินใจครั้งส�ำคัญเช่นกันของ ผู้จัดการทีม ที่จะเอาเขาลงมาแทน Henderson ใน เกมที่ส�ำคัญมากๆเกมนี้ การตัดสินใจครั้งนี้จึงจ�ำเป็น ต้อง “ถูกต้องที่สุด” The Reds - September 2013
39
September 2013 - The Reds
42
T he Match
The Reds - September 2013
43
September 2013 - The Reds
44
The Reds - September 2013
45
September 2013 - The Reds
46
The Reds - September 2013
47
FT : Everton 3-3 Liverpool เกมนี้มันส์สะใจสมการรอคอยไหม ไม่ต้องพูดถึงดูสกอร์สิ ผลัดไปผลัดมา หัวใจ จะวายตาย ไม่ต้องบอกก็รู้คงเป็นเหมือนกัน ลุ้นไปบ่นไป เซ็งไป อึดอัดไป ใจหายไป หลากหลายอารมณ์ ถ้าพูดถึงรูปเกม จริงๆ สูสี ขึ้นอยู่ว่าใครผิดพลาดมากกว่ากันก็โดนไป วันนี้ที่ยัง หลวมและแก้ไม่ได้ก็เห็นจะมีแต่หลัง คู่เซนเตอร์วันนี้หายไปไหน เห็นแต่ บักลู จะว่าไป ก็เสียดายลูกของอัลเลนจริงๆ ถ้าลูกนั้นตุงตาข่าย อาจเป็นจุดเปลี่ยนของเกมที่ท�ำให้หงส์ คว้า 3 แต้มก็เป็นได้ แต่ก็อาจเป็นชะตาฟ้าลิขิตให้แมทช์นี้ลงเอยด้วยผลเสมอ ชื่นชม นักเตะ และ บีร๊อด ที่ยังสามารถทวงสกอร์กลับมาได้ การจัดตัวก็ไม่ได้ขี้เหร่ ขัดหูขัดตาก็แค่ต�ำแหน่งไม่ถนัดของ ฟลาโน่ เท่านั้น ที่ต�ำแหน่งมันรู้สึกว่าเค้าไม่ถนัด อัล เลน อีกคนไม่รู้ว่าท�ำไมไม่เหมือนตอนมาใหม่ๆ วันนี้เล่นได้.....มาก (เติมเอาเอง) ส่วน ทาง จีเจ ก็อย่างที่เห็นผิดต�ำแหน่งบ่อยไปนะ จบเกมไป ทางพี่เลี้ยงผู้ดูแลคงต้องให้เครดิตบ�ำรุงบ�ำเรอ มิโญเล่ต์ เยอะๆ ไม่มีเค้า วันนี้อาจโดนหลายลูก ฟอร์มอย่างนี้ไปนานๆ นะ อย่าหนีออกทะเลไปซะก่อนนะ แม้วันนี้จะพลาด 3 แต้ม แบบก�้ำกึ่งที่ควรได้ แต่ ดาร์บี้แมตช์ เกมใหญ่มันส์หยด แบบนี้ 1 แต้มก็นับว่าคุ้มค่า ดีกว่าไม่ได้แต้ม แต่ถ้าถาม เปี๊ยก จริงๆ ก็อยากได้ 3 แต้ม เหมือนกันแหละน่า แต่ท�ำไงได้อย่างน้อยเกมก็มัน ไม่เสียใจที่ได้ดู ก็มาตามลุ้น นักบุญ กับ ปืน ตัดแต้มกันต่อ (ถึงตอนนี้คงรู้ผลไปแล้วล่ะ) ถึงหลายคน ก่อนเกมยังไม่จบ หงุดหงิด มาม่า กันเข้าไป ช่างน่าร�ำคาญ ตีเสมอ ได้ปุ๊บเงียบลงไปเชียวนะเออ...หึหึ เกมยังไม่จบก็ลุ้นไปดิ ดิ้นกันท�ำไม ชินซักที วิถีของ ฟุตบอล… แต่จะว่าไป จบเกมก็มาม่าเต็มเหมือนกัน อืดเลี่ยนเป็นบ้าเลย T^T แต่ก็เอานะ รักไปแล้วก็ต้องเชียร์กันต่อไป วาทะของ ปู่บิล แชงคลีย์ วาทะนี้อาจ ช่วยเตือนสติได้ดี “If you can’t support us when we lose or draw, don’t support us when we win.” ถ้าคุณไม่อยู่เคียงข้างเราในวันที่แพ้หรือเสมอ ก็อย่ามาเสนอหน้าใน วันที่เราชนะด้วยเช่นกัน เปี๊ยกบางใหญ่ รายงาน September 2013 - The Reds
48
T he Match
The Reds - September 2013
49
September 2013 - The Reds
50
The Reds - September 2013
51
September 2013 - The Reds
52
FT : Hull City 3-1 Liverpool ใครไม่ได้ดูไม่ต้องตกใจ ผลที่ออกมาเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน..... แพะคือใคร กลาง หน้า หลัง หรือ บีร๊อด? ครึ่งแรกก็เล่นไร้จินตนาการงานสร้าง เล่นเฉื่อยเหมือนโดนวางยา เกมบุกไม่มีให้เห็น อยากจะตะโกน ช้างกูอยู่ไหน !!!! เอ้ย กรอบเขตโทษฮัลล์ ซิตี้อยู่หนายยยย หลังจากโดนน�ำ แล้วตีเสมอได้ หมดครึ่งแรก เริ่มครึ่งหลังก็คิดว่าจะมีอะไรดีขึ้น ... แต่ความจริงคือเหมือนมีคน ร้อง ขอให้เหมือนเดิมๆ (ใครมันร้องฟระ) เกมนี้หลายคนร้องอุทานมัน Suckseed มากกกกกก โอกาสส่องยังไม่ค่อยมี กลางก็บุก ไม่ขึ้นเก็บบอลได้บ้างแต่ไม่ต่อเนื่องจ่ายพลาดบ่อยครั้ง หลังบ้านก็ยังเหมือนเดิมมีรั่วเสมอ ส่วน หน้าไม่ได้เห็นจินตนาการการสร้างสรรค์เกมเท่าไหร่นัก อาจเพราะกลางจ่ายพลาด เปอร์เซ็นต์ การครองบอลเยอะกว่าก็จริงแต่ท�ำไมมันไปไม่ถึงข้างหน้าเลย ถามว่า ฮัลล์ เหนือกว่าหลอ ม่ายยยเลย เล่นไม่ได้น่ากลัวแต่มีโอกาสสวนเมื่อไหร่ ฮัลล์ ท�ำได้ แฟ่บเวอร์!!! หูยยย เป็นเกมหนึ่งที่อึดอัดอีกเกม ดูแล้วหงุดหงิด ฟุดฟิด มันไม่รู้จะอธิบาย เป็นค�ำพูดยังไง ย๊ากกกกกก สามแต้ม จะเอาสามแต้ม ประท้วงได้ไหมเนี่ย!!!! เห้อ...รัก ลิเวอร์พูล ต้องอดทนนะน้อง เรื่องดีของวันนี้ตอนนี้คงเป็น เชลซี 0-1 เซาท์ แฮมตัน สถานการณ์บนตารางเริ่มสั่นคลอน เก้าอี้ร้อนๆ กลัวจะหนาวได้อีกไม่นานจัง อยากจะ เชื่อมั่นและศรัทธา แต่ลึกๆ มันเสียวววววาบๆ หลายคนคงอยากถาม บีร๊อด คุณหมดทางแก้เกมแล้วหลอ? หลายคนคงอยากถามนัก เตะ คุณกินอย่าเบื่อหนู หรือยาเฉื่อยมาเรอะ? ส่วนข้าน้อยอยากถามว่า ไม่มีโปรโมชั่น 1 จุด โทษ หรือ 1 ใบแดงให้ หงส์ บ้างเรอะ เฮียเว็บ เอาแบบสะดุดยอดหญ้านอกกรอบก็แจกเหลือง ให้ ฮัลล์ ไรเงี้ย T^T ฮ่วยๆๆๆๆ เซ็ง ตื้อๆ ตันๆ ประกาศเตือนงดเข้าบอร์ดซักระยะ จากเดิม มาม่า ก็อืดเต็ม อยู่แล้ว คาดว่าวันนี้จะล้นจอ... ไม่รู้จะอธิบายอะไรต่อ อารมณ์ไม่ปกติ เข้าสภาวะเซ็งขั้นเทพ ! หงส์เล่นปวดตับ เหมือนหมดก�ำลังใจ ก่อนนอน อยากจะส่งวาทะของ ปู่บิล บอก จอห์น โตแช็ค ถึงเหล่านักเตะหงส์จริงๆ “If you’re not sure what to do with the ball, just pop it in the net and we’ll discuss your options afterwards.” “ถ้าแกไม่รู้จะท�ำยังไงกับลูกบอล ส่งมันเข้า ตาข่าย แล้วเราค่อยมาคุยกันว่าจะท�ำยังไงกับมัน” เปี๊ยกบางใหญ่ รายงาน The Reds - September 2013
53
September 2013 - The Reds
54
T he Match
The Reds - September 2013
55
September 2013 - The Reds
56
The Reds - September 2013
57
September 2013 - The Reds
58
The Reds - September 2013
59
FT: Liverpool 5-1 Norwich หลายคนคงอึดอัดที่ต้องกินมาม่ามานานหลายวัน ร่วม 2 อาทิตย์ วันนี้แหละ เปี๊ยกเชื่อว่าทุกคนจะเป็นอิสระจากมาม่า!!! เกมนี้มันจะมีอะไรสุขใจเท่า ซัวเรส ยิงมันอย่างกับเก็บกด .... (ท�ำไมไม่แบ่งไปนัดที่ แล้วบ้าง) ที่เหนือความคาดหมายก็ เจ้าหนูสเตอร์ริ่ง ยิงได้อีกด้วยนี่สิ แต่มันยังไม่ใช่ความ สุขใจที่สุด ความสุขใจที่สุดของพวกเราคืออะไรครับพี่น้อง .... ถ้าคุณยังไม่เห็นเราจะดอก จันทร์ให้ ***** FT Manchester United 0- 1 Everton มันบรรยายออกมาเป็นค�ำ พูดไม่ได้ นี่แหละความฟินในส่วนลึก (ไม่ได้พาลนะ แค่เป็นห่วง อย่าเศร้านะ อย่าท้อ ค่อยๆ ตามพี่ขึ้นที่สูง พี่จะนั่งรอห่างๆ อย่างห่วงๆ) โม้อะไรดีล่ะ วันนี้ หลวงปู่เณรค�ำ เสกหนังควายเข้าท้อง องค์ลงกันทุกคน ครึ่ง แรกยิ่งเล่นยิ่งเพลินหูเพลินตา คนดูสบายใจ ซัวเรส กดแฮทริก สวยงามทุกลูก ครึ่งหลัง หม่อมเหยิน ไม่พอเอาอีก กดฟรีคิกสวยงามหยาดเยิ้มหยดย้อย เปี๊ยก ยิ้มน�้ำลายเยิ้ม สวรรค์ชัดๆ กดสวยทุกลูก นกขมิ้นขี้แตก ... จะว่าไป หม่อมเหยิน ของเราดูถ้าจะชอบอัด นกขมิ้น จังนะ (เก็บกระสุนไว้แมทช์อื่นด้วยนะ อยากจะมีความสุขกับ 3 แต้มทุกแมทช์ จุงเบย) ทางด้าน นกขมิ้น แม้ว่าจะโดนน�ำห่าง แต่ก็ไม่ย่อท้อ บอกว่าไม่เอาไม่อยากกินไข่ ต้ม ขอ 1 ลูกสวยๆ กลับบ้านบ้างนะ เป็นก�ำลังใจให้กองเชียร์... เอ้า มิโญ่เลต์ ที่ทั้งเกม เหงื่อแตกไม่ถึง 10 เม็ด เลยอดคลีนชีทไปแบบน่าเสียดาย แต่ทว่า หงส์แดง ก็มาได้อีก 1 ลูกจาก หนูริ่ง กดไป 5-1 ท�ำให้แมทช์นี้ไม่มีมาม่า (หนูริ่งดูดีมีประโยชน์ขึ้นมาทันที จาก ที่ทั้งเกมเล่นดูไม่มีอะไร) ครึ่งหลังแม้ว่าเกมจะดูน่าเบื่อแต่คนดูก็ยังยิ้มได้ มันเป็นความสุขใจอย่างบอกไม่ถูก มันบรรยายออกมาไม่ได้ต้องสัมผัสมันด้วยหัวใจตัวเองเท่านั้น ป๊าดดดดด 55555 ทางฝั่ง นักบุญ ก็เริ่มแผ่วปลาย วันนี้พลาดท่าอีกครั้ง นี่ถ้า ซันเดอร์แลนด์ เสมอ 4-4 กับเชลซี สเปอร์ไม่พลิกมาชนะฟูแล่ม จะสุขใจกว่านี้อีกหลายขุม ฟิน ฟิน ฟิน ไม่รู้จะพิมพ์ไรแบบว่าถ้าเขียนออกมาหมด คงต้องใส่แพมเพิร์ดนั่งอ่าน กัน แมทช์นี้หลังเกมเอาแค่นี้ ออกตัวล้อฟรี จบแบบสุขใจไม่ต้องดริฟท์หนี หน้าไม่แตก ไม่มีแหกโค้ง ไม่มีมาม่า ชะเอิงเอย You’ll never walk alone. เปี๊ยกบางใหญ่ รายงาน September 2013 - The Reds
60
T he Match
The Reds - September 2013
61
September 2013 - The Reds
62
The Reds - September 2013
63
September 2013 - The Reds
64
FT: Liverpool 4-1 West Ham United คุณพร้อมขึ้นดอยหนาวกันรึยัง?? เนื่องด้วยผลอีก 2 คู่จบแบบนี้ Southampton 1-1 Manchester City, Stoke City 3-2 Chelsea เราชาวเครื่องจักรสีแดงจะได้ดื่มด�่ำ สูดกับบรรยากาศบนที่สูงแบบเต็มปอดในสัปดาห์นี้ ขึ้นอันดับ 2 ไม่ต้องเกรงกลัวใคร เกมนี้กองทัพเครื่องจักรสีแดงแม้จะขาด ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ที่พักประมาณ 8 สัปดาห์ และ โฆเซ่ เอนริเก้ ที่ปิดเทอมก่อนเพื่อน แต่จอมขมังเวทย์คนอื่นยังอยู่กันพร้อม หน้า พร้อมรัวเข้าใส่ เวสต์แฮม อย่างไม่ปราณี (ดูเวอร์ไปนะ 555) การเล่นวันนี้ใช้โอกาสเปลืองไปนิด โชคเข้าข้างหน่อยๆ แต่ที่แน่ๆ แมนยู แพ้ 0.0... (ไม่ได้พาล พูดเรื่องจริงอะ) ก็แหย่เล่นเบาเบานะ อย่าถือสา ยังไง เราชาวหงส์ก็รักเดวิด มอยส์ทุกคน ^^ เกมของเครื่องจักสีแดงวันนี้ก็ยังท�ำให้แฟนคลับไม่ผิดหวังที่เฝ้ารอดู ครึ่งแรกก็มีโอกาส ท�ำประตูได้หลายครั้งหลายหน จนในนาทีที่ 42 ท้ายเกมมาได้ประตูขึ้นน�ำ 1-0 ในที่สุด จาก ลูกท�ำเข้าประตูตัวเองของ กีย์ เดเมล เป็นจังหวะยาสเคไลเน่น เซฟไว้ได้แต่บอลดันเด้งมา โดนขา ครึ่งหลังเปิดฉากมาไม่ทันไร ลิเวอร์พูล ก็ได้ลูกที่ 2 อย่างรวดเร็ว บางคนอาจจะยังเข้า ห้องน�้ำไม่เสร็จด้วยซ�้ำมั้ง 55555 แต่ ขุนค้อน ก็ได้ประตูไล่ตีมา 1-2 ใน นาทีที่ 66 ...ถึง ตอนนี้ต้องบอกเลยว่าใจไม่ค่อยดีเพราะกลัวจะโดนตีเสมอ แต้มหล่นหายก็เป็นได้ เอาวะลุ้น ต่อไป!!! หลังได้ประตูตีไข่แตก เกมของ เวสต์แฮม ก็เริ่มคึกคักมากขึ้น จนเข้าสู่ช่วง 10 นาที สุดท้าย ลิเวอร์พูล มาได้ประตูน�ำ 3-1 โดย หม่อมเหยิน ซัวเรสคนเดิม โหม่งตุงตาข่าย สวยงาม กองเชียร์เฮฮา สุขใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก นาทีต่อมา เควิน โนแลน มาโดน ใบแดงอีก บรรดา เดอะ คอป หน้าบานเตรียมฉลองชัยชนะ แต่เกมยังไม่จบประตูก็ยังเกิด ขึ้นเสมอ ท้ายเกม เทพหลุยส์ ยิงไกลบอลไปแฉลบโดน โจอี้ โอไบรอัน เข้าประตูตัวเอง ไป อีกลูก จบเกม ลิเวอร์พูล ชนะสวยหรู 4-1 กลับไปอยู่บนดอยเหมือนเดิม กรมอุตุฯ ถึงกับ ต้องรีบประกาศให้ สาวกลิเวอร์พูล เตรียมเสื้อกันหนาวเพราะอากาศหนาวววววววว ฉับ พลัน ^0^ ขอบคุณ เครื่องจักรสีแดง ที่ท�ำให้ ชาวหงส์แดง หน้าบาน โม้ได้ ไม่ต้องใส่ปี๊บ ได้ ดื่มด�่ำกับบรรยากาศบนที่สูงแม้จะไม่สูงสุดบนยอดดอยก็ตามทีแต่อีกไม่นานคงได้ขึ้นไป อยู่ตรงจุดนั้น เชื่อมั่นฮึบๆ เกมนี้ขอลาแต่เพียงเท่านี้ก�ำลังจะไปร่วมกลุ่ม กปมว.=คณะ กรรมการประชาชนเปลี่ยนแปลงแมนยูฯ ให้เป็นทีมกลางตารางที่สมบูรณ์ อันมีแดนนี่ เวลเบ็คเป็นตัวจริง เปี๊ยกบางใหญ่ รายงาน The Reds - September 2013
65
September 2013 - The Reds
66
T he Match
The Reds - September 2013
67
September 2013 - The Reds
68
The Reds - September 2013
69
September 2013 - The Reds
70
The Reds - September 2013
71
FT: Tottenham 0-5 Liverpool เรารู้นะคุณก�ำลังหน้าบานนนน ภาพยนตร์ ยิงระห�่ำ 3 นัดติด แบบนี้ใครจะไม่บาน บานทั้งตัว หน้า หัวใจ ตูด !!! 5555 ก่อนเกมเริ่ม เปี๊ยก ได้ท�ำการเซ่นไหว้เจ้าที่ ด้วย ไก่ต้ม และ ผลไม้หลากหลาย ธุจ้าขอ พร และแล้วก็สมดังปรารถนา >< เกมนี้ไม่มี สตีเวน เจอร์ราร์ด เป็น ซัวเรส ได้รับหน้าที่ สวมปลอกแขนกัปตันทีม ถือว่า เป็นเกมที่เล่นนอกบ้านได้ดีที่สุดอีกแมทช์ก็ว่าได้ แมทช์ศักดิ์ศรีศึกสัตว์ปีก แต่ใครจะคาดคิด ผลออกมา ไก่ จะ โดนต้ม เช่นนี้ ที่จริงอาจไม่ได้เล่นดีเลิศเลอ แต่อาจเป็นเพราะ ไก่เล่นห่วย มาก แค่นี้มันก็เพียงพอส�ำหรับ 3 แต้ม อีกทั้งยังมีการกระโดดถีบของ เปาลินโญ่ ที่อยากอาบ น�้ำก่อนเพื่อนอีก งานนี้เลยลงเอยแบบ ไก่โดนต้มซะเปื่อย มันสะใจเหลือขนาด หนาด หนาด ลิเวอร์พูล เครื่องจักรสีแดง ได้ประตูขึ้นน�ำตั้งแต่ นาทีที่ 18 จาก หม่อมเหยิน อย่าง เหนือชั้น แล้วมาได้ประตูอีกครั้ง นาทีที่ 40 จากการยิงของ เฮนเดอร์สัน แม้ โยริส จะพยายาม กระโดดปัดหลายรอบแต่ไม่เป็นผล ตุงตาข่ายไปในที่สุด แฟนหงส์ เฮกันลั่น เบิกบานใจ ครึ่ง แรกจบด้วยการขึ้นน�ำ 0-2 ครึ่งหลัง หงส์แดง ยังคงเล่นในเกมของตัวเองอย่างมีสติ ไม่ปล่อยให้ น้องไก่ ได้ส่อง ประตูเท่าไหร่ แม้จะส่งบอลขาดๆ เกินๆ ดูแล้วอึดอัดบางช่วงก็ตาม อีกทั้งมีจุดเปลี่ยนเกม ที่ เปาลินโญ่ อยากอาบน�้ำก่อนเพื่อน กระโดดถีบปลายสตั๊ดเข้าไปที่เอวของ หม่อมเหยิน, จอน มอสส์ ไม่ลังเลควักใบแดงอย่างสง่างาม จากนั้น เครื่องจักรสีแดง ก็เล่นง่ายขึ้น บุกๆ เข้าไป แล้วก็ได้เฮอย่างสะใจอีกครั้งจาก ฟลานาแกน ท�ำประตูแรกให้ เครื่องจักรสีแดง นาทีที่ 75 แจ๋วไปเลยเจ้าหนู จากนั้น นาทีที่ 84 หลุยส์ ซัวเรส หลุดขึ้นมาจากนั้นโชว์เทพยิงชิบอย่างเหนือ ชั้นตุงตาข่ายแบบไม่เหลือ จากนั้นมาได้ลูกสุดท้าย นาทีที่ 89 จาก เจ้าหนู ราฮีม สเตอร์ริ่ง ที่เจ้าตัวยิงเข้าไปยังยืนงง ว่า กูท�ำประตูได้จริงเหรอ 5555...0-5 สกอร์ที่หลายคนไม่คาดคิด แหม่ก็ทีมมันเทพอะนะ หลังจากจบเกมเชื่อมั่นว่าใครหลายคนยังฟินไม่จบต้องมานั่งดูไฮไลท์ยิงประตูกันซ�้ำอีก หลายรอบชัวร์ ยิ่งดูก็ยิ่งฟิน นั่งยิ้มเหมือนคนบ้า ปลื้มใจจริงๆ มันเป็นคามสุขใจยิงระห�่ำ แบบ เชือดไก่แล้วต้องเอาให้ตาย โดยก่อนเกมแมทช์นี้หงส์แดงอาจกดดันอยู่บ้างเพราะทีมใหญ่ๆ แข่งไปหมดแล้วมี อาร์เซนอล ที่แพ้ แมนซิตี้ ยับ เป็นผลให้หล่นมาอยู่อันดับ 5 ของตาราง แต่ ก็นะ บีร๊อด เตรียมตัวมาดี นักเตะใจสู้ แฟนบอลเลยไม่ผิดหวังนะคร้าบบบบ >< เครื่องจักรสีแดง ทีมอันเป็นที่รักของ เปี๊ยก กลับขึ้นไปอยู่ อันดับ 2 เหมือนเดิม หลัง ผ่าน 16 นัด หลุยส์ ซัวเรส ยังคงน�ำเป็นดาวซัลโว ผลต่างประตูได้เสียเป็นรองแค่เรือใบเท่านั้น ครึ่งหลังแม้ว่าจะผ่อนเกมต่อบอลไม่ต่อเนื่องแต่แฟนบอลก็ยิ้มรับได้ ชิมิ ...ว่าไปก็สงสาร น้อง ไก่ โดนลูกที่ 3 ไป แฟนบอลท�ำใจไม่ได้ ขอกลับบ้านกันหมด ก็นะ โดนถล่มถังขี้ ตั้ง 5 ลูก ใคร จะท�ำใจได้ล่ะ อีกทั้ง โบอาส โดนเด้งอย่างน่าเห็นใจ ไม่น่าเลย ผู้บริหารใจร้ายจุงเบย เอานะ อย่าร้องนะเดี๋ยวส่ง ไก่ต้ม ไปปลอบใจ รักนะจุ๊บๆ เปี๊ยกบางใหญ่ รายงาน September 2013 - The Reds
74
A cademy News
The Reds - September 2013
75
September 2013 - The Reds
76
The Reds - September 2013
77
หลังจากผลงานล่าสุดที่ ทีมงาน The Reds Magazine ได้รายงานไปเมื่อฉบับที่แล้ว ของผล งานการแข่งขันทีมลิเวอร์พูลชุด U-21 .... นั้นก็มีการ แข่งขันอีกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภายหลังจากที่ลิเวอร์พูล เอาชนะ มิดเดิ้ลสโบรช์ ไปอย่างสุดมันส์ 4-3 ... ลิเวอร์พูลก็มีคิวลงแข่งขันในอีก 2 เกม เกมแรก ลิเวอร์พูล U-21 เปิดบ้านต้อนรับการ มาเยือน แอสตัน วิลล่า U-21 .. ซึ่งลูกทีมของ Alex Inglethorpe ก็จัดเกมรุกมาเต็มก�ำลัง เพื่อหวังที่จะ เอาชนะให้ได้ และเกาะกลุ่มในต�ำแหน่งท๊อปโฟร์ต่อไป ... น�ำโดย Yesil และ 3 ประสานในเกมรุกอย่าง Ngoo -Brannagan-Teixeira …. และก็เป็น ลิเวอร์พูล ที่ ยังคงเล่นได้อย่างดี เอาชนะ แอสตัน วิลล่า U21 ไป ได้ 2-0 จากการยิงของ Yesil และ Ngoo โดย 3 ประสานในเกมรุก ก็ท�ำผลงานกันได้ดี มี โอกาสท�ำประตูเพิ่มแต่จังหวะสุดท้ายก็ยังไม่คมพอ ใน ส่วนตัวเกมนี้ชอบการเล่นของ Teixeira ที่สไตล์การ เล่นจะคล้ายๆ กับ Fernandez suso มีทักษะใน การผ่านบอลที่ยอดเยี่ยม ความสามารถเฉพาะตัวก็สูง ขณะที่ Brannagan ในเกมนี้ก็มีพลังในการเล่นที่ดี เช่นกัน ... ส�ำหรับในเกมถัดมา ลิเวอร์พูลยังคงต้องการ ชัยชนะอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะขึ้นสู่หัวแถวของตาราง ซึ่งลิเวอร์พูล U21 ต้องเจอกับโบลตัน U21 … โดย Alex Inglethorpe ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล U21 ใส่ นักเตะจัดเต็มในเกมนี้ โดยมีนักเตะชุดใหญ่ลงมาเล่น เรียกเหงื่อด้วย ทั้ง Cissokho-Kelly รวมถึงยังส่ง Ilori และ Ibe ลงเล่นเป็น 11 ตัวจริงในเกมนี้ด้วย เกมนี้ ลิเวอร์พูล U21 อยู่ในฟอร์มการเล่นที่ไม่ดี เอาเสียเลย ซึ่งพลาดท่าเสียประตูให้กับ โบลตัน ไปก่อน ถึง 2-0 ก่อนที่จะไล่ตามตีเสมอได้จากการโหม่งของ มิดฟิลด์หน้าละอ่อน Rossiter และอีกลูกได้มาจากการ ยิงลูกที่จุดโทษของ Ibe .. แต่หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล ก็ไม่สามารถยิงประตูแซงหน้า โบลตัน ได้ และก็เป็น โบลตัน เองที่อาศัยจังหวะการผิดพลาดของ ลิเวอร์พูล ยิงแซงน�ำ 3-2 และก็เป็นประตูชัยให้กับ โบลตัน ใน ที่สุด .. ลิเวอร์พูลจึงพลาดโอกาสที่จะขยับขึ้นไปอยู่ใน อันดับที่ 2 ของตารางอย่างน่าเสียดาย September 2013 - The Reds
78
โดยในปัจจุบัน ลิเวอร์พูล ก็ยังคงอยู่ใน อันดับที่ 4 มีเพียง 19 คะแนน [10นัด] ตามหลังจ่าฝูง ฟูแล่ม [11นัด] 6 คะแนน และ อันดับที่ 2 เวตส์แฮม [10นัด] อยู่ 3 คะแนนและตามหลังอันดับที่ 3 ซันเดอร์แลนด์ [10นัด] 1 คะแนน... โปรแกรมในเดือนธันวาคมของ ทีมลิเวอร์พูลชุด U21 หมดไปแล้ว ซึ่งพักยาวไปถึง กลางเดือนหน้า วันที่ 13 มกราคม 2557 ซึ่งจะเจอกับ ทีมแบล็กเบิรน์ ทีมบ๊วยในปัจจุบัน … ส�ำหรับใน The Reds Magazine ฉบับนี้ เรา มาติดตามผลงานทีมเยาวชนระดับรุ่นอายุต�่ำกว่า 18 ปี บ้าง หลังจากที่ไม่ค่อยได้เอ่ยถึงมากสักเท่าไหร่ เพราะ จะว่าไปแล้วก็หาติดตามข่าวค่อนข้างยาก ไม่เหมือน กับ ทีมชุดใหญ่ หรือชุด U21.. ที่จะมีมาจากสื่อหลาย ส�ำนัก ขณะที่ในทีมระดับเยาวชนชุดอายุต�่ำกว่า 18 ปี นั้ น ส่ ว นมากก็ จ ะต้ อ งตามข่ า วจากเว็ บ ทางการของ สโมสรเท่านั้น ในระดับ U18 โครงสร้างการท�ำงาน หรือ โครงสร้าง ของทีมก็จะเหมือนและคล้ายๆ กับทั้งกับทีมชุดใหญ่ และ ชุด U21 แยกทีมงานออกจาก ทีมชุด U21 แต่ ก็อาจจะมีบ้างในบางต�ำแหน่งที่ไม่จ�ำเป็นต้องมีเหมือน ในทีมชุดใหญ่ ส�ำหรับ ทีมในชุด U18 ก็จะมีลีกให้ ท�ำการแข่งขันอยู่อย่างต่อเนื่องเช่นกัน แต่โครงสร้าง ของลีกนั้นจะมีความต่างกับ โครงสร้างของ พรีเมียร์ ลีก หรือ ลีกในชุด U21… Neil Critchley คือผู้จัดการทีมของ ทีมชุด U18 ซึ่งในอดีตก็เคยเป็นนักเตะเหมือนๆ กับผู้จัดการ ทีมทั่วๆ ไป แต่ไม่ใช่นักเตะที่โด่งดังและประสบความ ส�ำเร็จมากนัก ปัจจุบันอายุเพียงแค่ 35 ปีเท่านั้น Premier League U18 จะถูกแบ่งออกเป็น 2 โซน คือ โซนภาคเหนือ กับ โซนภาคใต้ ซึ่ง ลิเวอร์พูล เองก็จับอยู่ในโซนภาคเหนือ ซึ่งจะมีเพื่อนร่วมโซนอีก 11 ทีม [เท่ากับโซนภาคใต้] .. โดยใน 11 ทีมก็จะเป็น ทีมที่อยู่ในภาคเดียวหรือใกล้กันกับทีมลิเวอร์พูล อย่าง ที่พอทราบๆ กันนั้นแหละ ไม่ว่าจะเป็น ทั้ง 2 ทีมจาก เมืองแมนเชสเตอร์, นิวคาสเซิ่ล, โบลตัน, หรือแม้ กระทั่งบ้านใกล้เรือนเคียงอย่าง เอฟเวอร์ตัน ก็อยู่ใน โซนนี้เช่นกัน ส� ำ หรั บ ผลงานที่ ผ ่ า นมาตั้ ง แต่ เ ปิ ด ฤดู ก าลมา The Reds - September 2013
79
September 2013 - The Reds
80
The Reds - September 2013
81
ลิเวอร์พูลในทีมชุด U18 ก็มีผลงานอยู่ในระดับกลางๆ .... ถึงแม้อันดับตารางคะแนนอาจจะอยู่ในระดับต้นๆ [4] ก็จริงแต่คะแนนที่ได้ก็ไม่ได้มีแต้มที่น�ำห่างหรือน�ำ โด่งไปจากทีมอื่นๆ มากนัก [ปัจจุบัน อยู่ในอันดับที่ 4 แข่งไป 17 มี 25 แต้ม] … โดย ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ ลงแข่งไปแล้วมากที่สุดในโซนนี้คือแข่งไปแล้ว 17 เกม ขณะที่ทีมคู่แข่งอื่นๆ อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แข่งไป 16 นัดได้คะแนนไปถึง 35 แต้มแล้ว .... เช่นเดียวกัน กับ เอฟเวอร์ตัน ที่ แข่งไปเพียง 16 เกมแต่ได้ไป 33 แต้ม ขณะที่ คู่รักคู่เดือด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มี แต้มน�ำลิเวอร์พูลอยู่เพียง 3 แต้มแต่ ทีมแมนฯ ยู เองก็ แข่งไปเพียงแค่ 14 นัดเท่านั้น .... เพราะฉะนั้น โอกาส ที่จะลุ้นไปติด 2 ทีมที่จะเข้าไปแข่งในรอบ Final นั้น ค่อนข้างยาก ... ในส่วนของนักเตะในทีมชุด U18 ที่อยากจะ แนะน�ำนอกเหนือไปจาก Harry Wilson มิดฟิลด์ที่ อายุวัยเพียง 16 ปีที่ก้าวขึ้นไปติด ทีมชาติเวลส์ แล้ว นั้น ก็ยังมีนักเตะอีกหลายคนที่พร้อมที่จะก้าวขึ้นไป สู่ทีมชุดใหญ่ ... มันไม่ง่ายเลยที่นักเตะอายุเพียงเท่านี้ จะสามารถก้าวขึ้นไปติดทีมชุดระดับ Senior เพราะ นอกจากจะต้องมีความสามารถทีเ่ ด่นกว่านักเตะในระดับ เดียวกันแล้ว นักเตะคนนั้นก็ยังต้องมีความแข็งแกร่ง และจิตใจที่มากเกินอายุ .. แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีที่จะมี นักเตะในระดับเยาวชน ก้าวขึ้นไปเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ หรือ ก้าวขึน้ ไปสะสม เพาะบ่มประสบการณ์ในทีมชุดใหญ่ ในอดีต นักเตะอย่าง ไมเคิล โอเว่น, สตีเวน เจอร์ราดน์ หรือ ต�ำนานอย่าง เจมี่ คาราเกอร์ เองนั้น ก็สามารถก้าวขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ในช่วงอายุที่ ยังไม่เกิน 19 ปีมาทั้งนั้น ... และอย่างปัจจุบันใน 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมา ก็ยังมีนักเตะอย่าง ราฮิม สเตอร์ริ่ง, จอน ฟลานาแกน หรือ อังเดร วิสดอม นักเตะเหล่า นี้ก็ขึ้นมาเล่นในระดับทีมชุดใหญ่ในอายุยังน้อย เพราะ ฉะนั้น การเตรียมทีมและนักเตะในระดับชุด U18 ก็ จะต้องมีความเข้มข้นและเตรียมเข้าสู่ระดับมืออาชีพ เช่นกัน .. ซึ่งนอกเหนือจาก Harry Wilson ลิเวอร์พูล ในทีมชุด U18 ก็ยังมี Canos Sergi อดีตเด็กปั้นจาก สถาบัน La Masia หรือ ศูนย์ฝึกลูกหนังของทีม September 2013 - The Reds
82
บาร์ซ่า ซึ่งมีความโด่งดังเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ไม่ แพ้สถาบันสร้างลูกหนังของ ทีม Ajax ใน ฮอลแลนด์ เลย ซึ่ง La Masia แห่งนี้เคยได้ปั้น ยอดนักเตะก้อง โลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี,่ อันเดรส อิเนสต้า, ซาบี้ เฮอร์นันเดส และอีกหลายๆ คนที่เป็นส่วนหนึ่งของ ทีมชาติสเปน ชุดคว้าแชมป์โลกและทีมต่างด้าวอย่าง The Reds - September 2013
บาร์เซโลน่า... เพราะฉะนั้น การที่เราได้นักเตะอย่าง Canos Sergi เข้าสู่ทีม ก็คงจะท�ำให้ ลิเวอร์พูล น่า จะมีโอกาสปั้นนักเตะดีดีเพิ่มขึ้นมาอีก 1 คน .. ทักษะ ความสามารถของนักเตะมีอยู่แล้ว แต่อาจจะต้องมา จับใส่ในเรื่องอื่นๆ เพิ่มขึ้นเพื่อให้เหมาะกับการเล่นใน แบบฉบับอังกฤษ ...
83
ขณะที่ นักเตะอังกฤษ ในชุด U18 ก็มีหลายคน ที่ยกระดับตัวเองขึ้นไปเล่นในระดับ ทีมชุด U21 แล้ว ก็มีไม่ว่าจะเป็น Jarome Sinclair, Branagan, Connor Randall เป็นต้น ซึ่งเชื่อว่านักเตะเหล่านี้ มีความพร้อมในระดับหนึ่งแล้วที่จะขึ้นไปเล่นให้กับทีม ชุดใหญ่และพร้อมเป็นอนาคตให้กับทีม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
คงต้องขึ้นอยู่กับ โอกาส ที่เหมาะสมเช่นกัน และถ้ามี นักเตะเยาวชนเหล่านี้ มีโอกาส ถึงวันนั้นพวกเราคงจะ ต้องตามเอาใจช่วยให้รักษามาตรฐานของตัวเองเพื่อ จะได้ก้าวขึ้นเป็นก�ำลังหลักในอนาคตให้กับทีมได้ต่อ ไป ... ------------------------------September 2013 - The Reds
86
C over Story
The Reds - September 2013
87
September 2013 - The Reds
88
หลังจากห่างหายไป 2 ฉบับ ?? ฉบับนี้ขอน�ำ ค�ำว่า Viva ที่มีความหมายว่า การตะโกนร้องขอให้ มีอายุยืนนาน มาใช้ในความหมายการให้ก�ำลังใจกับ นักเตะของทีม คือ ฟลาโน่ ให้พยายามต่อไป สู้ต่อไปไม่ ว่าจะยาวนานแค่ไหน เพื่อพัฒนาการตัวเองขึ้นมาให้ มากขึน้ แกร่งขึน้ และเป็นก�ำลังหลักของทีมได้ในอนาคต อันใกล้นี้ The Reds - September 2013
หากพูดถึงต�ำแหน่งที่เป็นจุดที่ทีมต้องเสริมโดย การด่วน?? เชื่อว่าหลายคนย่อมมีแนวคิด และมุมมอง ต่างๆ ของแต่ละคนทีแ่ ตกต่างกันออกไป จากมุมมองของ เยว่เฟยนั้น คือ ต�ำแหน่ง “DMC (มิดฟิลด์ตัวรับ)” และ “LB (แบ๊คซ้าย)” ท�ำไมถึงเป็นต�ำแหน่งที่ Liverpool ต้องเสริมโดยด่วน ? เยว่เฟย จะท�ำการลงลึกถึงราย ละเอียดเพื่อให้ผู้อ่านได้ทราบถึงจุดเด่นและจุดด้อยใน
89
ต�ำแหน่งนั้นๆ ในคอลัมน์นี้ 2 ฉบับต่อเนื่องกัน โดยใน ฉบับนี้จะกล่าวถึงกันก่อนที่ต�ำแหน่ง “แบ๊คฝั่งซ้าย” หากพูดถึงต�ำแหน่ง Full-back ด้านซ้ายของทีม ในปัจจุบัน หลังจากการบาดเจ็บของ Enrique และ ฟอร์มทีไ่ ม่สวยหรูเและไม่คงเส้นคงวาเท่าไร ของนักเตะ ทีย่ มื มาแบบ Cissokho ท�ำให้ทมี ขาดนักเตะในต�ำแหน่ง นี้โดยธรรมชาติ ถึงแม้ Sakho จะสามารถเล่นตรงนั้น
ได้ แต่กค็ งไม่ใช่ตวั เลือกทีด่ แี น่ในยามทีต่ ำ� แหน่งคู่ Center Half ก็จำ� เป็นเช่นกัน หากเกิดการบาดเจ็บของใครก็ตาม รวมไปถึงตัว Sakho เองด้วย ที่จะไปเล่นตรงนั้น แล้วเสีย่ งกับอาการบาดเจ็บขึน้ มา ดังนัน้ ค�ำตอบสุดท้าย จึงตกมาที่ แบ๊คซ้ายจ�ำเป็น ทีไ่ ม่ได้เป็นแบ๊คด้านซ้ายโดย ธรรมชาติ แบบ ฟลาโน่ “Jon Flanagan ??!!” September 2013 - The Reds
90
John Flanagan ถูกจับมาเล่นต�ำแหน่งนี้ใน พรีเมียร์ลีค นัดที่ออกไปเยือน Everton ที่ Goodison Park เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา โดย เป็นทีมชุด 11 ตัวจริง จึงขอสรุปภาพรวมสถิติ ที่ เด่น และ ด้อย ของนัดนั้นให้ดูคร่าวๆ ดังนี้ (ขอ ขอบคุณสถิติจาก Opta Match Stats และ liverpoolfc.com ) สกอร์ในวันนั้น Everton 3 : 3 Liverpool (เสมอ) ลงเล่น ครบ 90 นาที Tackles (เข้าสกัด) 9 ครั้ง / Tackles Won (%) 88.9% สูงสุดของแผงหลังทั้งหมดในวันนั้น Interceptions (ตัดบอลในจังหวะส�ำคัญ) 4 ครั้ง สูงสุดของแผงหลังทั้งหมดในวันนั้น Duels Won (ชนะในการปะทะลูกบนพื้น) (%) 57.9% Aerial Duels Won (ชนะในการปะทะลูก กลางอากาศ) (%) - (no record) ต�่ำสุดของแผงหลัง ทั้งหมดในวันนั้น ผลงานโดยรวมของ เจ้าหนูฟลาโน่ โดดเด่น ด้านเกมส์รับ ในการดักตัดบอลจังหวะส�ำคัญๆ และ เข้าสกัดได้อย่างแม่นย�ำ ถึงแม้จะพลาดจากการยืน ต�ำแหน่งให้ Mirallas ท�ำประตูได้ตั้งแต่ต้นเกมส์ และ จะโดนพาทัวร์ในจังหวะ 1-1 บ้าง ในการประกบกับ Deulofeu ที่ลงมาใหม่ทางด้านขวา แต่ผลงานนอก เหนือจากนั้นก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ด้านที่เจ้าหนู Flanagan ที่ ยังดูด้อยอยู่ในวันนั้นคือการเล่นบอลกลางอากาศ ซึ่ง ส่วนสูงของเค้าและสรีระก็ส่งผลเช่นกันในการปะทะ กับนักเตะของ Everton ที่มีความแข็งแกร่งทาง ร่างกายสูง เห็นได้ในการประกบ Lukaku จากลูก เตะมุม เรียกว่าเป็นการประกบแบบผิดฝาผิดตัวแบบ ชัดเจนจนโดนโหม่งท�ำประตูเข้าไป ทั้งนี้ทั้งนั้นถือว่า วันนั้น Flanagan ท�ำได้ดีมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของนักเตะทีม Liverpool เลย (เยว่เฟยยังยกให้เป็น MOM ร่วม) นัดถัดมาออกไปเยือน Hull City ที่ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2556 ที่ KC Stadium เจ้าหนู Flanagan The Reds - September 2013
91
September 2013 - The Reds
92
The Reds - September 2013
93
ยังได้รับความไว้วางใจให้ออกสตาร์ทในต�ำแหน่ง 11 ตัวจริงตามเดิม สกอร์ในวันนั้น Hull City 3 : 1 Liverpool (แพ้) ลงเล่น ครบ 90 นาที Tackles (เข้าสกัด) 4 ครั้ง / Tackles Won (%) 75% สูงสุดของแผงหลังทั้งหมดในวันนั้น Interceptions (ตัดบอลในจังหวะส�ำคัญ) - (no record) ต�่ำสุดของแผงหลังทั้งหมดในวันนั้น Duels Won (ชนะในการปะทะลูกบนพื้น) (%) 58.8% สูงสุดของแผงหลังทั้งหมดในวันนั้น Aerial Duels Won (ชนะในการปะทะลูก กลางอากาศ) (%) 66.7% สูงสุดของแผงหลังทั้งหมด ในวันนั้น จากการยืนต�ำแหน่งในวันนั้นจะเป็นการเจอกัน กับ Elmohamady ในต�ำแหน่ง Wing-Back ของ Hull City แบบชัดเจน (ในระบบ 3-5-2) แตกต่างจาก Mirallas ในนัดที่พบกับ Everton จะมีการเคลื่อนที่ ไปมาอยู่ทางด้านหลังของ Lukaku ตลอดเวลา และ สร้างปัญหาให้กับแผงหลังของ Liverpool พอสมควร Flanagan ท�ำผลงานในการจัดการกับลูกบนพื้นและ ลูกบนอากาศ ได้ดีมากขึ้นจากนัดที่แล้ว และยังมีการ เข้าสกัดบอลที่ดีที่สุดในแผงหลังอีกเช่นกัน แต่การตัด บอลในจังหวะส�ำคัญๆ ที่ท�ำได้ดีในนัดแรกขาดหายไป (no record) แต่ก็ยังมีการตัดบอลสวยๆ บ้างเช่นกัน ในจังหวะของเกมส์ปกติ นัดที่สามได้กลับมาเล่นใน Anfield พบกับ Norwich City เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2556 เช่นเดิมที่ ฟลาโน่ ยังได้รับความไว้วางใจในต�ำแหน่ง 11 ตัวจริง เช่นเดิม สกอร์ในวันนั้น Liverpool 5 : 1 Norwich City (ชนะ) ลงเล่นครบ 90 นาที Tackles (เข้าสกัด) 3 ครั้ง / Tackles Won (%) 66.7% เป็นรองเพียง Glen Johnson ที่ท�ำไป 4 ครั้ง คิดเป็น 100% Interceptions (ตัดบอลในจังหวะส�ำคัญ) 2 September 2013 - The Reds
94
ครั้ง เป็นรองเพียง Glen Johnson ที่ท�ำได้ 3 ครั้ง Duels Won (ชนะในการปะทะลูกบนพื้น) (%) 38.5% Aerial Duels Won (ชนะในการปะทะลูก กลางอากาศ) (%) 50% Total Shots 1 ครั้ง เป็นรองเพียง Glen Johnson ที่ท�ำได้ 2 ครั้ง เป็นเกมส์ที่ Liverpool ไล่กดดัน Norwich City เรียกว่าแทบจะข้างเดียว แม้แต่ตัว Flanagan เอง ที่สถิติด้านเกมส์บุกจาก 2 นัดที่ผ่านมา แทบจะ เป็นศูนย์ ยังมีสถิติที่ได้ยิงประตูร่วมด้วยเช่นกันในนัดนี้ ถึงแม้จะไม่ได้ประตูก็ตามที จาก 2 นัดแรกที่เยว่เฟย กล่าวถึง ทั้งที่รูปเกมส์เป็นไปแบบสูสี (นัดเจอ Everton) หรือการเข้าท�ำที่ 50-50 แม้จะครองบอลมาก กว่า (นัด Hull City) จะเห็นได้ว่า การเล่นเกมส์รุก ของ Flanagan จะเงียบหายไปเลย จะเนือ่ งด้วย Tactic หรือความระมัดระวัง ประการใดก็ตาม หลังจากที่ ฟลาโน่ มาประจ�ำการฝั่งซ้าย เกมส์รุกดูจะไม่ดุดันเท่า ที่เล่นทางด้านฝั่งขวาที่ถนัด แต่เกมส์รับกลับดู Play Safe มากยิ่งขึ้น นัดล่าสุดพบกับ Westham ใน Anfield เมื่อ วันที่ 7 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา Flanagan ยังได้ รับความไว้วางใจ ถึงแม้จะมี Aly Cissokho กลับมา ประจ�ำการที่ม้านั่งส�ำรองแล้วก็ตาม สกอร์ในวันนั้น Liverpool 4 : 1 Westham (ชนะ) ลงเล่น ครบ 79 นาที (ก่อนถูกแทนที่ด้วย Martin Kelly) Tackles (เข้าสกัด) 2 ครั้ง / Tackles Won (%) 100% Interceptions (ตัดบอลในจังหวะส�ำคัญ) 1 ครั้ง Duels Won (ชนะในการปะทะลูกบนพื้น) (%) 35.3% Aerial Duels Won (ชนะในการปะทะลูก กลางอากาศ) (%) 50% Total Shots 1 ครั้ง The Reds - September 2013
95
September 2013 - The Reds
96
The Reds - September 2013
97
เป็นนัดแรกที่ Flanagan โดนเปลี่ยนตัวออก จาก 4 นัด (รวมนัดล่าสุด) Westham ออกสตาร์ท ได้ดี โดยเริ่มกดดันทางฝั่งซ้ายของ Liverpool ที่มี เจ้าหนูฟลาโน่ประจ�ำการอยู่ อย่างหนัก ทั้ง Downing และ Demel ที่สลับกันเข้ากดดัน ในเวลานั้น ที่ Sterling ประจ�ำการฝั่งนี้คู่กับ Flanagan นั่นเอง ภาระหนักในเกมส์รับตกไปอยู่กับฟลาโน่อย่างมาก จน Rodgers แก้เกมส์โยก Henderson สลับฝั่งมาแทน Sterling เพื่อหยุดการกดดันของ Westham ซึ่งก็ได้ ผลแบบทันตาเห็น ขุนค้อนไม่สามารถเล่นได้ง่ายและ สบายดังเดิม และ Sterling ที่ย้ายไปฝั่งขวาก็ท�ำได้ดี ขึ้นเรื่อยๆ ในการกดดัน McCartney เช่นกัน จาก 4 นัดที่ผ่านไป Flanagan ถือว่า สอบผ่าน ได้ระดับหนึ่ง ในต�ำแหน่งที่ไม่ใช่ต�ำแหน่งถนัด แค่เป็น ต�ำแหน่งที่สามารถเล่นได้เพราะเป็น Full-Back ท�ำให้ ฝั่งซ้ายดูเหนียวแน่นขึ้นในเกมส์รับจากก่อนหน้านี้ใน ช่วงที่ Enrique ออกทะเล และ Cissokho ที่ไม่คง เส้นคงวา จึงถือว่าเป็นการขัดตาทัพก่อนตลาดเดือน มกราคมนี้เปิดได้ดีพอสมควร แต่ ก็เป็นโจทย์ส�ำคัญที่ Rodgers ต้องรีบเสริมทัพโดยด่วนเช่นกัน เนื่องจากเมื่อได้เกมส์รับที่ดีมา แต่เกมส์รุกตาม ที่ Full-back ควรจะท�ำได้ ในการเติมเกมส์บุก หรือ มี Sense บอล ดีพอที่จะทันกันกับ Suarez หรือ Coutinho ก็ตาม ซึ่งในจุดนี้ Flanagan ยังท�ำได้ไม่ดี เท่าที่ควร และจุดเด่นด้านอื่นๆในการท�ำเกมส์บุกก็ยัง ไม่มีมากเท่าไร ตัวอย่างเช่น Steve Finnan ในสมัย ก่อน ถึงแม้จะไม่ใช่ Full-back ที่หวือหวาในเกมส์ รุก แต่ Finnan มีจุดเด่นในด้านอื่นๆ คือ ลูกเปิด และ ความคงเส้นคงวา มาทดแทน จึงท�ำให้ยืนระยะยึดต�ำ แหน่งแบ๊คขวาได้แบบถาวร อย่างไรก็ตามเยว่เฟยก็ขอเป็นก�ำลังใจให้กับ Flanagan รวมไปถึงนักเตะวัยทีนทุกคนในทีม ใด้ พัฒนาในจุดที่ตัวเองยังขาดไปให้ส�ำเร็จและก้าวขึ้น มาเป็นก�ำลังหลักให้ได้ในอนาคต Viva Flano สู้ต่อไป Jon Flanagan !! September 2013 - The Reds
100
T his is Anfield
The Reds - September 2013
101
September 2013 - The Reds
102
The Reds - September 2013
103
มี ก ารพู ด คุ ย เกี่ ย วกั บ เรื่ อ งพั ฒ นาการและ ความส�ำเร็จของนักเตะดาวรุ่งอย่างมากมายตลอด หลายเดือนที่ผ่านมา ว่าใครบ้างเล่าที่ก้าวขึ้นมาจาก ระดับสถาบัน Academy สู่ทีมชุดใหญ่ได้บ้าง ตลอดระยะเวลา 20 ปีเป็นอย่างน้อย สถาบัน Academy มีการสร้างนักเตะที่มีศักยภาพแจ้งเกิดใน ทีมชุดใหญ่มาเป็นช่วงๆ คือมาคนก็หายไปนานเลยกว่า จะมาอีกคน ซึ่งหลายๆ ปีมานี่เราได้เห็นนักเตะอย่าง Gerrard, Owen, McManaman หรือ Fowler ที่โดดเด่นในด้านศักยภาพของนักเตะดาวรุ่งชั้นดีและ ก้าวขึ้นมาเป็นหน้าเป็นตาของสโมสรในทีมชุดใหญ่ได้ นักเตะประเภทนี้จะต้องได้รับการดูแลอย่างดีจากทีม บริหารระดับเยาวชน แต่ทุกๆคนรู้ว่านักเตะพวกนี้จะ ท�ำได้ ตราบใดที่ยังคงรักษาความเป็นมืออาชีพของตัว เองได้ต่อไปไม่ตกม้าตายซะก่อน มันเป็นอะไรที่ยากที่จะเกิดขึ้นได้ส�ำหรับนักเตะ ประเภท Jamie Carragher ที่จะประสบความส�ำเร็จ ได้ เพราะขาดซึ่งศักยภาพทางเทคนิค และความเป็น ดาวเด่น ตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน แต่นักเตะคนนี้ ดาวรุ่ง ที่ชื่อ Carra จ�ำเป็นต้องได้รับการดูแลจากโค้ชที่ดี มากๆ ต้องการมากกว่านักเตะที่เป็นนักเตะพรสวรรค์ อยู่แล้วอย่าง Fowler หรือ Gerrard กระนั้นมันก็ นานแสนนานมาแล้ว ที่ว่าไม่มีกลุ่มนักเตะดาวรุ่งใดๆที่ ก้าวขึ้นมาเป็นดาวดังได้อีก เพราะความไม่คงเส้นคงวา พอ นักเตะอย่าง Dominic Matteo, Mike Marsh, David Thompson และ Stephen Wright พวก นี้ไม่สามารถยืนระยะได้ ไม่สามารถท�ำตามฝันของตัว เองได้ แม้ว่าตอนแรกจะดูมีศักยภาพถึง ไม่มีใ ครที่จ ะคาดหวังว่าโค้ช และทีมแมวมอง ระดับเยาวชนของทีม จะสามารถสร้างกลุ่มนักเตะที่ดี เยี่ยมเหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับ “Man United’s Class of 92” อันประกอบด้วยสองพี่น้อง Neville, Beckham, Giggs, Scholes, Butt หรือแม้แต่ Lee Sharpe กระนั้นสถาบัน Academy ของหงส์ก็เป็นที่ หัวเราะเยาะของทีมใหญ่ทีมอื่นใน Premier League มาอย่างยาวนานแล้ว ความเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นขึ้นในยุคของ Gerard Houllier ทีเ่ พิม่ ระดับความเป็นมืออาชีพให้มากขึน้ ส�ำหรับ September 2013 - The Reds
104
เด็กๆ การจัดการ บริหารและโครงสร้างของสถาบัน Academy ของทีม และปรับปรุงแผนกแมวมองนักเตะ ต่างชาติอย่างมีนัยยะที่ชัดเจนกว่าอดีต กุนซือชาว ฝรั่ ง เศสรายนี้ เ ป็ น ตั ว จั ก รส� ำ คั ญ ที่ ช ่ ว ยให้ ส โมสรมี สาธารณูโปคที่เหมาะสมและทันโลกส�ำหรับเยาวชนใน ยุคหลังมานี่ แต่ก็ใช่ว่ายุคต้นๆ นั้น ระบบเยาวชนจะ โดดเด่นอะไรมากมาย กระนั้น Liverpool ก็ยังพอมี นักเตะเยาวชนดีๆ จากนอกประเทศบ้าง เช่น Sinama Pongolle (ที่โดดเด่นเป็นช่วงๆกับ LFC แต่ไปแจ้ง เกิดเต็มตัวใน La Liga) และ Anthony Le Tallec (ที่มีฝีเท้าดีแต่อีโก้สูงกว่าความทุ่มเท) สองคนนี้ไม่ค่อย จะประสบความส�ำเร็จเท่าไหร่ในยุค Houllier เพราะ กุ น ซื อ ชาวฝรั่ ง เศสรายนี้ ไ ม่ ส ามารถท� ำ งานได้ อ ย่ า ง เต็มประสิทธิภาพได้ เพราะมีความเห็นไม่ค่อยตรงกับ หัวหน้าฝ่าย Academy อันเป็นต�ำนาน Liverpool อย่าง Steve Heighway สิ่งต่างๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงชัดเจนขึ้นในยุค Rafa ด้ ว ยความเบื่ อ หน่ า ยและเซ็ ง ที่ ไ ม่ ค ่ อ ยจะมี นั ก เตะ เยาวชนดีๆ ก้าวขึ้นมาจากระดับเยาวชนเลย นับตั้งแต่ Houllier ผลักดัน Gerrard และ Carragher ขึ้นมาได้ กุนซือชาวสเปนต้องการที่จะให้มีพัฒนาการในเชิงลึก ณ จุดนี้ Rafa เบียด Steve Heighway ตกขอบไปจาก สโมสร ท�ำให้ทำ� งานง่ายขึน้ และดึง Frank McParland มาเป็นตัวจักรในระบบบริหารระดับเยาวชน ท้ายสุด Rafa จ้างเขาให้มาท�ำงานเต็มตัวในปี 2009 ให้เป็น หัวหน้าฝ่าย Academy เขาดึงตัว Pep Segura และ Rodolfo Borrell มาจาก Barcelona ด้วย คงมีเพียง แค่ Rafa คนเดียวเท่านัน้ ทีจ่ ะสามารถดึงสองคนระดับนี้ มาท�ำงานให้ทีมเยาวชนเพราะมีสายป่านที่ดีกับทาง สเปน สามประสานต่ า งท� ำ งานกั น อย่ า งอดทนและ หมั่นเพียร เล็งเป้านักเตะเทคนิคสูง สามารถปรับตัว เล่นตามแทคติกได้ มีการฝึกสอน หรือเรียกว่าโค้ชชิ่ง เรื่องการเล่นฟุตบอลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยวาง รากฐานการเล่นให้เหมือนกันตั้งแต่ระดับเยาวชน ทั้ง Academy เพื่อให้มั่นใจว่านักเตะเข้าใจถึงแนวทาง เรียกได้ว่าเล่นฟุตบอลในแนวทางที่ถูกต้องตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งตรงนี้ Rafa รู้ดีว่ามันคงจะต้องใช้เวลาพอควรกว่า The Reds - September 2013
105
September 2013 - The Reds
106
The Reds - September 2013
107
ทุกๆ อย่างจะเข้าที่เข้าทางและจะหวังผลิตผลได้ และ แม้ท้ายที่สุดเขาจะไม่ได้อยู่ดูผลผลิตของเด็กๆ ที่เขา วางรากฐานไว้ก็ตาม แต่เขาก็ได้จัดตั้งระบบทุกๆ อย่าง เพื่ออนาคตอย่างแท้จริง สิ่งเหล่านี้น�ำไปสู่การเซ็นสัญญานักเตะดาวรุ่ง เก่งๆ จากนอกประเทศ และเตรียมความพร้อมให้ กับเด็กท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในช่วง ยุคดังกล่าวเราได้เห็น Martin Kelly, Andre Wisdom, Raheem Sterling, Suso, Jon Flanagan, Jack Robinson, Connor Coady, Jordan Ibe, Jerome Sinclair และ ฯลฯ Pep Guardiola ได้เคยพูดเอาไว้สมัยที่เขายัง อยู่ Barcelona ว่า “สถาบัน Liverpool’s academy นั้นเหนือกว่าทีมอื่นใดในโลกแล้ว” “สถาบันของ academy ของ Liverpool เป็น สถาบันเดียวในโลกใบนี้ที่มีศักยภาพพอจะเปรียบ เทียบกับ La Masia ของ Barcelona FC ได้” นี่คือ ค�ำกล่าวของ Guardiola “หากว่า Liverpool สามารถ บริหารจัดการเด็กเหล่านี้ในสถาบัน academy ได้ งั้นบางทีอาจจะมีดาวแจ้งเกิดในโลกฟุตบอลได้อีก ถึง 20 คนเลยทีเดียว” Rafa นั้นยังไม่หยุดที่จะเสริมความแกร่งให้กับ สถาบัน Academy ด้วยการดึง “The King” Kenny Dalglish กลับมาดูแล และท�ำงานใกล้ชิดกับ McParland และ Borrell Brendan Rodgers นั้นได้รับประโยชน์สูงสุด จากผลงานที่ Rafa ได้ทิ้งไว้ ซึ่งก็คือโค้ชที่ดูแลปรับปรุง สถาบัน Academy ภายใต้การคุมทีมระยะไม่ยาว ของ Kenny เราได้เห็นดาวรุ่งหลายคนก้าวขึ้นมา ซึ่ง ก็คือ Sterling และ Flanagan ในความเห็นของผมนั้น Rodgers นั้นได้รับ เครดิตในการพัฒนาเยาวชนเหล่านี้มากมายเหลือเกิน โดยคนหลงลืมที่จะให้เครดิตว่าเป็นงานสร้างระดับ ดาวล้านดวง Rafa ที่ทิ้งไว้ ยังเป็นค�ำถามอยู่เหมือนกัน ว่าตัว Brendan นั้นบริหารจัดการและปลุกปั้นนักเตะ เหล่านี้ได้ดีด้วยตัวเขาเองได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ ผม คิดว่าเขานั้นได้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในตัวนักเตะ เหล่านี้มาหลายๆ สถานการณ์แล้วเช่นกัน กระนั้นเขา September 2013 - The Reds
108
ก็ท�ำผิดพลาดเช่นกัน การน�ำเอา Suso ลงสนามเจอกับ Man United ตอนที่เรามีนักเตะน้อยกว่าเป็นการตัดสินใจที่เยี่ยม โดยรวมแล้วเขาบริหารจัดการเด็กคนนี้ได้ดี ส�ำหรับ ในรายของ Raheem Sterling เขาโดนเข็นลงสนาม มากเกินไปจนท�ำให้ดูล้ามากมายในฤดูกาลที่ผ่านมา เขาเกิดบาดเจ็บ และฟอร์มตกในที่สุด ในฤดูกาลใหม่ นี้เขาก็ถูกใช้น้อยลง แต่ก็ได้เห็นว่าพัฒนาการของเขา ดูจะสะดุดไม่ไหลลื่นเหมือนเช่นตอนแรกที่เปิดตัวมา แล้วก็มาถึงประเด็นความเป็นจริงที่ซุกซ่อนอยู่ภาย หลังการจากไปของ McParland และ Borrell (Pep Segura ไปตั้งแต่กันยา ปี 2012 เพราะตกลงสัญญา ไม่ได้กับบอร์ดบริหาร) ซึ่งคงจะมีการเปิดเผยออกมา เรื่อยๆ จากสื่อที่ขุดคุ้ย ลึกๆ แล้วมันมีความเป็นไปได้ที่ ว่าเหตุผลที่ต้องถีบส่ง McParland เพราะเรื่องการ “รวบอ�ำนาจ” และการเสี่ยงที่จะมีการ “ท�ำงานซ�้ำ ซ้อน” กับสต๊าฟฟ์โค้ชคนอื่นๆ ในยุค Rodgers แต่ก็ ยังมีเรื่องน่าสงสัยก็คือ Borrell ที่เป็นที่เคารพมากๆ ของนักเตะทุกๆ คน ทุกระดับชั้น ก็ถูกอเปหิไปด้วย ทั้งๆ ที่เพิ่งได้เลื่อนขั้นมาเป็น หัวหน้าฝ่ายเทคนิคของ สถาบัน Academy แท้ๆ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย หากไม่ได้รบั การยินยอมจาก Brendan Rodgers ในแง่ ของฟุตบอลล้วนๆ แล้วจะท�ำอะไรก็คงจะต้องถามไถ่ และขอไฟเขียวจากเขาเป็นคนแรก ในความเห็นของผม นัน้ ผมคิดว่าRodgersต้องการ“เข้าไปควบคุม”สถาบัน Academy มากกว่าที่เคยเป็นอยู่ และน่าจะเป็น ต้นเหตุที่ท�ำให้ “สองสุดยอด” ที่ว่าต้องถูกปลด ทั้งๆ ที่ “สองสุดยอด” ที่ว่าคือผู้ที่พัฒนาสถาบัน Academy ให้ยิ่งยงและยอดเยี่ยมติดระดับโลกแท้ๆ ก่อนหน้านี้ Brendan Rodgers เคยแพลมออก มาเช่นกันว่า เขารู้ดีว่าจะบริหาร สถาบัน Academy อย่างไร เพราะเคยบริหาร สถาบัน Academy ของ Reading มาแล้ว ขอภาวนาครับว่า ขอให้สถาบัน Academy ได้ตกอยู่ในมือ “คน” ที่เหมาะสม “และไว้ใจได้แล้ว” ไม่งั้น ไม่อยากจะนึกต่อเลยว่า “รากฐานที่ดูเหมือน จะแน่นแล้ว จะต้องไปเสี่ยงกับอะไรอีก?” The Reds - September 2013
109
September 2013 - The Reds
110
R ed Shadow
The Reds - September 2013
111
September 2013 - The Reds
112
ไม่มีข้อลังเลใจว่า Sturridge จะไม่สามารถลง เล่นให้กับทีมได้เป็นเวลาสองเดือน นี่ยังไม่รวมกับที่เขา จ�ำเป็นต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่กว่าที่จะกายภาพบ�ำบัด กว่าที่จะฟิต และปรับตัวกับเกมได้อีกครั้ง แล้วยังมีข่าว ที่ว่าทีมสูญเสีย กัปตัน ไปอีก งานนี้ใครไม่เป็นกังวลกับ อีกสามเกมจากนี้ที่จะต้องบุกไปเยือนทีมที่แกร่งระดับ ต้นๆ ของลีคอีกสามนัด กระนั้นสิ่งที่ผมอยากจะเห็นก็ คือ นักเตะทุกๆ คนยืนขึ้นมองเกมข้างหน้าแล้วกู่ก้อง ว่า ‘THIS IS ANFIELD’ ทั้งๆ ที่ต้องไปเยือน เพราะ เห็นได้ชัดว่า ขวัญก�ำลังใจการเล่นในบ้านนั้นดีกว่าการ เล่นเป็นทีมเยือนนัก สิ่งที่เราได้เห็นในช่วงนี้ก็คือ ความ ย�่ำแย่ของ Raheem Sterling และ Victor Moses ที่ทั้งสองคนนี้ต่างเล่นกันได้ต�่ำกว่ามาตรฐานแม้ว่าราย แรกจะแสดงออกถึงความพยายามและตั้งใจที่มากกว่า ก็ตาม ส�ำหรับ Sterling นั้น หลายๆ ฝ่ายมองไปที่ ประเด็นพัฒนาการของเขาที่ดูจะช้าลงในช่วงหลังมานี่ ด้วยความสัตย์จริงก็คือ การที่จะกลับไปมองหา Suso แล้วดึงกลับมาเล่นด้วย โดยปล่อย Sterling ไปเล่นแบบ ยืมตัวในเดือนมกราคมนี้น่าจะเป็นอะไรที่เหมาะสม ที่สุด ส�ำหรับ Moses นั้นไม่ใช่แค่เพียงนี่คือบทแรกของ การพยายามต่อสู้เพื่อเป็นตัวจริงให้ได้ แต่มันเป็นการ ต่อสู้เพื่ออาชีพของตัวเองด้วยเช่นกัน ว่าเหมาะสมที่จะ เล่นให้กบั ทีมใหญ่หรือไม่ และนีน่ า่ จะเป็นโอกาสสุดท้าย ของเขา เพราะเท่าที่ดูแล้ว เขายังไม่ดีพอที่จะอยู่กับทีม อย่าง Chelsea ด้วยซ�้ำ เพราะแม้ว่า Juan Mata จะ ลงไม่ได้ แต่ตัวเลือกอื่นๆ ยังสู้กันเอาเป็นเอาตาย ถึง ได้บอกว่านี่แทบจะเป็นโอกาสสุดท้ายของเขาแล้วที่จะ พิสูจน์ว่าตัวเองดีพอที่จะเล่นให้กับทีมใหญ่ได้ แน่นอนทีส่ ดุ หลายๆ ฝ่ายอาจจะมองมาในประเด็น ว่าพวกเขาต่างไม่ค่อยได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องท�ำให้ ฟอร์มสะดุด ยากที่จะเจิด แจ่ม จ�ำรัสได้ ครับหากจะออก มาปกป้องในประเด็นดังกล่าว ผมก็พอเข้าใจได้อยู่ แต่ สิ่งที่ผมต้องการจะพูดถึงในบทความชิ้นนี้ก็คือ “Spirit of Kuyt” ประเด็นนี้ผมอยากจะบอกว่า อดีตดาวเตะที่เป็น ที่รักของเขาอย่าง Dirk Kuyt ไม่ได้มีทักษะการจับบอล ที่โดดเด่นเก่งเป็นเทพ บางทีก็เห็นการจับบอลที่ยาว The Reds - September 2013
113
September 2013 - The Reds
114
ไม่เนียนตา แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะเขามีนิสัยใจคอ อย่างหนึ่งก็คือ ยิงประตูในเกม “ใหญ่ๆ” และส�ำคัญ และอีกประเด็นที่ท�ำให้เขาตกเป็นที่รักของแฟนบอล อย่างมากก็เพราะเขานั้นมีความขยัน หมั่นเพียร การวิ่ง ไม่หยุด การต่อสู้แบบสุดลิ่มทิ่มประตูตราบใดที่นกหวีด ไม่ดังไม่เลิก นั่นคือสิ่งที่คุณได้จากคนอย่างเขา ท�ำไม แฟนบอลถึงได้รู้สึกยอมรับในสิ่งนี้เล่า เพราะมันแสดง ให้เห็นว่าการได้ลงเล่นในสีเสื้อสีแดงเพลิงของเขานั้น คือทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างที่ต้องการจะเห็น เขาทุ่มเท ยอม เสียเลือดเสียเนื้อเพื่อท�ำทุกๆ อย่างภายใต้เสื้อสีแดงนี้ และนักบอลที่ดีนั้นจะหาหนทางที่จะสร้างความคงเส้น คงวาและโชว์ฟอร์มที่ดีที่สุดได้ แม้ว่า ช่วงเวลานั้นจะ The Reds - September 2013
เป็นช่วงฟอร์มฝืดก็ตาม สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ผมไม่เห็นใน Sterling และ Moses ซึ่งถือว่าน่าผิดหวังมากๆ สิ่งที่ผมได้ เห็นไม่ใช่ครั้งเดียวหรือสองครั้งที่ระยะหลังๆ เมื่อ พวกเขาลงสนามไป ผมรู้สึกเล็กๆ ว่าถูกเอาเปรียบ ทางด้านจิตใจ หากว่าเกมไม่ได้เป็นไปอย่างที่ ต้องการ เมื่อคุณได้บอลคุณจะต้องพยายามให้มาก ขึ้นสองเท่า Hull ที่ความทุ่มเทนั้นแสดงให้เห็น ว่าชัดเจนกว่าเยอะ ผมขอเน้นย�้ำให้เห็นเลยว่านาย Moses คือคนทีท่ ำ� ให้ผดิ หวังทีส่ ดุ และเป็นตัวจักรส�ำคัญ ที่ท�ำให้ทีมแพ้ในวันนั้นด้วย ผมนึกไม่ออกเลยว่า หากพวกเขามีโอกาสลงสนาม
115
แล้ว ยังท�ำกันด้วย “ใจที่แค่นี้” โอกาสพวกเขาจะมี อีกเท่าไหร่? เพราะหากพวกเขายังเป็นแบบนี้ โอกาส ของพวกเขาจะถูกถ่ายโอนมาให้กับ Allen, Aspas, Alberto และ Ibe ที่พร้อมเสมอที่จะลงมาแสดงผล งานของตัวเอง และด้วยใจ “ที่มุ่งมั่นกว่า” ด้วย พวก เขาควรจะดูนักเตะอย่าง Jordan Henderson และ Jon Flanagan เป็นตัวอย่าง เพราะทั้งสองคนนี้ ต่าง มี “Spirit of Kuyt” ในหัวใจกันแล้ว.. Henderson นั้นประสบปัญหาในการต่อสู้กับแรงกดดันจากราคา ค่างวดของเขาที่สูงล�้ำ แฟนบอลต้องการเห็น “ทักษะ เทพๆ” ของเขา ท�ำให้เขานั้นเลือกที่จะ “ท�ำงานหนัก ขึ้น” อย่างต่อเนื่องและไม่หยุดยั้ง ทุกๆ นัดเขาวิ่งเยอะ
มากๆ และมากกว่าใครๆ เช่นเดียวกับ Flanagan ที่ ใช้ความทุ่มเทเดียวกันนี้เพื่อถางเส้นทางของตัวเอง ไม่ ต่างกัน อยากจะบอกว่าผมอาจจะโชคดีพอที่ในอดีต เคยได้เห็นความยิ่งใหญ่ของนักเตะที่สวมชุดสีแดง เพลิงลงสนาม และทุกๆ ครั้งพวกเขาทุ่มเทแบบสุด ยอด เล่นเอาแบบว่า กะให้แรงนั้นหมดกายกันเลยที เดียว ผมนั้นพอจะให้อภัยเรื่องการจ่ายบอลที่ไม่ได้ แม่นย�ำ หรือทักษะที่ไม่ได้เหนือชั้นกว่าคู่แข่งของทีม ในปัจจุบันได้ แต่ผมคงไม่สามารถให้อภัย “กับการ ไร้ใจ” “ไร้ความมานะ” ที่เกิดขึ้นในสนามได้อย่างที่ เห็นๆ กันในปัจจุบันนี้.... September 2013 - The Reds
อีกไม่กวี่ นั นอกจากจะเข้าสู่ เทศกาลปีใหม่ แล้ว ในส่วนของทีมคงต้องคอย ลุน้ คอยให้กำ� ลังใจ ขณะเดียวกันคงต้องเฝ้าติดตาม ว่า จะมีนกั เตะคนไหนจะเดิน เข้ามาสูส่ โมสร และ จะมีใครไหม ทีจ่ ะต้องเดินจากไป ตลาดหน้าหนาว อาจเป็นตัวตัดสินปลายฤดูกาลก็เป็นได้ ในเมื่อนักเตะ หลายคนเริม่ มีอาการบาดเจ็บ ขณะทีห่ ลายคนทีเ่ รามีอยูย่ งั ไม่สามารถเบียดตัวจริง ได้ใกล้เคียงอย่างที่ควร นักเตะที่หยิบยืมมาก็ดูเหมือนจะตอบโจทย์ไม่ได้อย่างที่ คาดหวัง คงต้องเผ้ารอดู ว่า ทีมงานแมวมอง และการตัดสินใจซื้อ-ขาย รอบ นี้ จะจบลงแบบใด ด้านผลงานในสนามก่อนนิตยสาร The Reds Magazine จะวางแผง เล่มหน้า ช่างน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะแต่ละศึกต่างมีผล และบางแมตช์ กลับมีอดีตที่ต้องสะสาง การเปิดบ้านต้อนรับ Cardiff ต่อด้วยการไปเยือน Man City กับ Chelsea เป็น 3 นัดที่ห้ามกระพริบตา หากได้ซัก 4 แต้มก็คงไม่น่า เกลียด แต่ถ้ามากกว่านั้นคงต้องบอกว่า เกินเป้า อีกคราว ส่วนหลังจากนั้น ก็เริ่มปีใหม่ด้วยการไล่ล่าทวงบัญชีแค้น โดยเริ่มต้นด้วย การเปิดบ้านต้อนรับ Hull City ทีมแสบที่ท�ำให้เราน�้ำตาตกมาเมื่อ 4 นัดก่อน ต่อด้วยศึก FA Cup แบบหนังม้วนเก่า นั่นคือ การเปิดรังต้อนรับ Oldham ทีม ที่เขี่ยเราตกรอบ FA Cup ถ้วยเดียวกันนี้ เมื่อ 27 มกราคม ต้นปีที่ผ่านมา และ จะปิดกล่อง ก่อนปิดเล่มๆ หน้าด้วยการยกทัพไปเยือน Stoke City ซึ่งเท่ากับว่า จะเป็นการเล่น ใน Premier League 5 นัด และ FA Cup 1 นัด หากหวังกันเบาๆ ใน ผมว่า Premier League ถ้าเก็บได้ซัก 8 แต้มก็น่า จะเป็นคะแนนที่รับได้ในระดับหนึ่ง แต่หากอยากบินสูงกว่านั้น การเก็บให้ได้ซัก 10 แต้ม คงจะเป็นผลที่น่าชื่นใจไม่น้อย แต่ถ้าน้อยกว่า 8 ผมมั่นใจ ว่า เราคงต้องเลี่ยนกับ มาม่า ไม่น้อยกันเลย ทีเดียว.. ฟันธง !!! การิน ธนะอมรทัต บรรณาธิการ
หากคุณพลาด ติดตามลิ้งค์ทุกฉบับ ได้ที่