หนังสือเล่มเล็ก เรื่อง “ประเพณีไทย ๔ ภาค” จัดทาโดย นางสาวจิรภัทร์ จักรสาร รหัสนักศึกษา ๕๕๓๐๕๐๐๓๔-๔ นายณัฏภัทร บุญคาภา รหัสนักศึกษา ๕๕๓๐๕๐๒๕๘-๒
นักศึกษาสาขาสังคมศึกษา ชั้นปีที่ ๒
เสนอ รศ.ดร.สุมาลี ชัยเจริญ ผศ.ดร.จารุณี ซามาตย์ รายวิชา 241203 นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อการเรียนรู้ INNOVATION AND INFORMATION TECHNOLOGY FOR LEARNING
ภาคการเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๖ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
“ประเพณีไทยเป็นเรือ ่ งของพิธท ี ห ี่ มูช ่ น หมูห ่ นึง่ ร่วมปฏิบต ั แิ ละมีแบบแผนสืบ ต่อกันมา มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข คงไว้บา้ ง ประเพณไทยแสดงถึงความ เป็นญ ั ลักษณ์ของชาติ ซึง่ แต่ละภาค ของไทยก็มป ี ระเพณีแตกต่างกันไป แม้วา่ ลักษณะของประเพณีทแี่ ตกต่าง แต่มล ี ก ั ษณะบางประการทีร่ ว ่ มกันคือ จุดประสงค์ทเี่ กีย ่ วข้องกับ พระพุทธศาสนาและบรรพบุรษ ุ ฉะนัน ้ ประเพณีไทยทีม ่ ค ี วามดีงามดังกล่าว ควรที่จะอนุรก ั ษ์ คงไว้ และประพฤติ ปฏิบต ั เิ ป็นประเพณีต่อไป เพือ ่ รักษาไว้ ให้คนรุน ่ หลังได้ชน ื่ ชม และร่วมกัน อนุรก ั ษ์ตอ ่ ไป “
๒๖ บรรณานุกรม ฐิติรัตน์ เกิดหาญ. (๒๕๕๔). “ประเพณีไทย ๔ ภาค”. กรุงเทพฯ : สกายบุก ๊ ส์. “ประเพณีไทย”. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก: http://www.prapayneethai.com/. ๒๕๕๖. สืบค้นเมื่อ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๖. “ประเพณีฮีตสิบสิง”. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก : http://www.baanmaha.com/community/ thread5759.html. ๒๕๕๐. สืบค้นเมือ ่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๖. สานักประชาสัมพันธ์ เขต ๗ จันทบุร.ี “ประเพณีภาคใต้”. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก : http://region7.prd.go.th/ main.php?filename=southculture01. สืบค้นเมือ ่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๖.
ก คานา หนังสือ “ประเพณีสี่ภาค” เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา 241 203 นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้ ( Innovation and information technology for learning ) จัดทาขึน ้ เพื่อ ประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษาให้เป็นสื่อ ประกอบการเรียนรู้ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม คณะผู้จด ั ทาได้รวบรวมเนื้อหาเกี่ยวกับประเพณีสี่ ภาคของประเทศไทย ซึ่งเป็นการยกตัวอย่างและอธิบายประเพณี สาคัญของแต่ละภาคจากภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคใต้ โดยเป็นประเพณีทม ี่ ีความโดดเด่น สัมพันธ์ ต่อวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนในแต่ละภาค คณะผู้จด ั ทาได้เลือกหัวข้อนี้เพราะเป็นการอนุรักษ์ประเพณี และวัฒนธรรมไทยทั้งสี่ภาคของไทย หวังว่าผู้อ่าน จะได้รับ ข้อมูล ความรู้จากสื่อประกอบการเรียนรู้ฉบับนี้และเกิดประโยชน์ แก่ผู้อ่านทุกๆ ท่าน สุดท้ายนี้ หากหนังสือมีความผิดพลาด ประการใด คณะผูจ้ ัดทาจึงขออภัยมา ณ โอกาสนี้ คณะผู้จด ั ทา
๒๕
ข ประเพณีชงิ เปรต
กิตติกรรมประกาศ หนังสือเรื่อง ประเพณีสภ ี่ าค เล่มนี้สาเร็จลุล่วงโดย ได้รับความอนุเคราะห์และให้คาปรึกษาอย่างดีจาก ผู้ช่วย ศาสตราจารย์ ดร.จารุณี ซามาตย์ อาจารย์ผู้สอนรายวิชา 241 203 นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้ ( Innovation and information technology for learning ) ซึ่ง ได้ให้คาปรึกษาและเสียสละเวลาอันมีค่าแนะนาแนวคิด วิธีการในการจัดทาตลอดจนการดาเนินการด้วยการเอาใจใส่ อย่างดียิ่ง คณะผู้จด ั ทาจึงขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ขอขอบพระคุณผู้ช่วยอาจารย์ ( Teaching assistant ) ที่ให้ความรู้ ข้อเสนอแนะ ตลอดจนข้อแก้ไขบกพร่องต่างๆ สาหรับสมุดเล่มนี้ และขอบขอบคุณเพื่อนๆที่ให้คาแนะนา เกี่ยวกับการจัดทาหนังสือเล่มนี้ จนทาให้หนังสือเล่มนี้สาเร็จ ลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์
จิรภัทร์ จักรสาร ณัฏภัทร บุญคาภา
จัดขึ้นในวันแรม ๑ ค่า เดือน ๑๐ และ วันแรม ๑๕ ค่า เดือน ๑๐ "ชิงเปรต" เป็นประเพณีของภาคใต้ทก ี่ ระทากันในวันสารท เดือน ๑๐ เป็นประเพณีสาคัญทีจ ่ ด ั ขึน ้ เพือ ่ ทาบุญอุทศ ิ แก่ บรรพบุรุษผูล ้ ว ่ งลับไปแล้ว ผู้ตงั้ เปรตจะนาอาหารอีกส่วนหนึง่ ไปเพื่อการตัง้ เปรต ขนม ทีไ่ ม่ขาดคือ ขนมลา ขนมพอง ขนมบ้า ขนมเบซา(ดีซา) นอกจากขนมดังกล่าวแล้ว ยังมีของแห้งที่ใช้เป็นเสบียง กรังก็จด ั ฝากไปด้วย เช่น ข้าวสาร หอม กระเทียม รวมกัน ตั้งไว้บน "ร้านเปรต" ซึง่ สร้างไว้กลางวัดยกเสาสูง บนร้านเปรตจะมีสายสิญจน์วงล้อมไว้รอบและต่อยาวไป จนถึงพระสงฆ์ทน ี่ งั่ อยู่ใน วิหารทีเ่ ป็นทีท ่ าพิธก ี รรม โดย สวดบังสุกล ุ อัฐห ิ รือกระดาษเขียนชือ ่ ของผูต ้ าย ขนมต่าง ๆ จะถูกแบ่งออกส่วนหนึง่ พร้อมกับของแห้งไว้ถวายพระ อีก ส่วนหนึง่ ให้เปรตชนทีพ ่ อมีกาลังเข้ามาเสพได้ ใน ขณะเดียวกันผูท ้ ม ี่ าร่วมทาบุญทัง้ หนุ่มสาว เฒ่าแก่ และด็ก จะเข้าไปรุมกันแย่งขนมที่ตงั้ เปรตด้วยความสนุกสนาน เพราะถือว่าได้บญ ุ กุศล
๒๔
ประเพณี ยี่เป็ง
ประเพณีการแข่งเรือกอและด้วยฝีพาย ประเพณีการแข่งเรือกอและและเรือยาวด้วยฝีพายหน้า พระทีน ่ งั่ ได้จด ั ขึน ้ เป็นประจาทุกปี ในระหว่างวันที่ ๒๑-๒๕ กันยายน ซึง่ เป็นระยะเวลาที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หว ั และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินน ี าถ พร้อมด้วยพระ บรมวงศานุวงศ์ ได้เสด็จแปรพระราชฐานมาประทับแรม ณ พระตาหนักทักษิณราชนิเวศน์ ประชาชนชาวจังหวัดนราธิวาสต่างเห็น พ้องต้องกัน ว่าสมควรจัดให้มก ี ารแข่งขันเรือกอและอันเป็นประเพณี เก่าแก่ของ ชาวจังหวัดนราธิวาสถวายทอดพระเนตรเพื่อ เทิดพระเกียรติในพระมหากรุณาธิคณ ุ อัน ล้นพ้นและเป็น การฟืน ้ ฟูประเพณีการแข่งเรือกอและด้วยฝีพาย หน้าพระที่ นัง่ การแข่งขันใช้เรือกอและระยะทาง ๖๕๐ เมตร ผู้ ควบคุมลาละ ๑ คน จานวนฝีพายรวมทัง้ นายท้ายไม่เกิน ลาละ ๒๓ คน และมีฝีพายสารองไม่เกินลาละ ๕ คน การ เปลีย ่ นตัวในแต่ละเทีย ่ วทาได้เทีย ่ วละไม่เกิน ๕ คนการ แข่งขันแบ่งเป็น ๔ รอบ รอบที่ ๑ และรอบที่ ๒ เป็นรอบ คัดเลือก รอบที่ ๓ เป็นรอบรองชนะเลิศและรอบที่ ๔ เป็น รอบชิงชนะเลิศ
ค
Concept Map
ประเพณี ปอยหลวง
ประเพณี อู้สาว
ประเพณี ทานตุง
ประเพณี ฮีตสิบสอง
ภาคเหนือ ภาค อีสาน
ประเพณีโคม ลอย
ประเพณีไทย ๔ ภาค
ประเพณี ชิงเปรต
ประเพณีอุ้ม พระดาน้า
ภาคใต้
ประเพณี ลอบเรือ
ภาค กลาง
ประเพณี แข่งเรือกอและ ด้วย ประเพณี ลากพระ (ชัก พระ)
ประเพณีตัก บาตรเทโว
ประเพณีรับ บัว
ประเพณีวิ่ง ควาย ประเพณีกวน ข้าวทิพย์
๒๓
ง ประเพณีลากพระ (ชักพระ)
สารบัญ คานา กิตติกรรมประกาศ Concept Map สารบัญ ประเพณีภาคเหนือ ประเพณีภาคอีสาน ประเพณีภาคกลาง ประเพณีภาคใต้ บรรณานุกรม
ก ข ค ง ๑ ๗ ๑๕ ๒๑ ๒๖
วันลากพระ จะทากันในวันออกพรรษา คือวันแรม ๑ ค่า เดือน ๑๑ แรม ๒ ค่า เดือน ๑๑ จึงลากพระกลับ วัด ปฏิบัติตามความเชือ ่ ว่า เมื่อครัง้ ที่พระพุทธเจ้าเสด็จไป โปรดพระมารดา ณ สวรรค์ชน ั้ ดาวดึงส์ เมื่อครบพรรษาจึง เสด็จกลับมายังโลกมนุษย์ พุทธศาสนิกชนไปรับเสด็จ แล้วอัญเชิญพระพุทธเจ้าประทับบนบุษบกแล้วแห่แหน พิธก ี รรม ๑. การแต่งนมพระ นมพระ หมายถึงพนมพระเป็น พาหนะที่ใช้บรรทุกพระลาก นิยมทา ๒ แบบ คือ ลากพระ ทางบก เรียกว่า นมพระ ลากพระทางน้า เรียกว่า "เรือพระ" ๒. การอัญเชิญพระลากขึน ้ ประดิษฐานบนนมพระ พระลาก คือพระพุทธรูปยืน แต่ทน ี่ ย ิ มคือ พระพุทธรูปปาง อุ้มบาตร เมื่อถึงวันขึน ้ ๑๕ ค่า เดือน ๑๑ พุทธบริษท ั จะสรง น้าพระลากเปลีย ่ นจีวร แล้วอัญเชิญขึน ้ ประดิษฐานบนนม พระ ๓. การลากพระ ใช้เชือกแบ่งผูกเป็น ๒ สาย เป็นสาย ผู้หญิงและสายผูช ้ าย
ประเพณีลอยเรือ
๒๒
เป็นประเพณีที่สบ ื ทอดมาจากบรรพบุรุษดัง้ เดิมของ ชาวอูรก ั ลาโวย ทีอ ่ าศัยอยูใ่ นจังหวัดกระบีแ่ ละจังหวัด ใกล้เคียง เมื่อถึงเวลาสมาชิกในชุมชนและญาติพี่น้องทีแ่ ยก ย้ายถิน ่ ไปทามาหากิน ในแถบทะเล และหมู่เกาะต่าง ๆ ใน ทะเลอันดามันจะพากันเดินทางกลับมายังถิ่นฐาน เพื่อ ประกอบพิธีนี้ ในวันขึ้น ๑๓ ค่า ช่วงเช้า ชาวเลจะเดินทางไปบริเวณที่ จะทาพิธี ผู้หญิงจะทาขนม ผูช ้ ายจะสร้างและซ่อมแซมทีพ ่ ก ั ชั่วคราว ช่วงเย็น ทัง้ หญิงและชายจะไปรวมกันทีศ ่ าลบรรพ บุรุษเพื่อนาอาหารเครือ ่ งเซ่นไปเซ่นไหว้ บรรพบุรุษเป็นการ บอกกล่าวให้มาร่วมพิธล ี อยเรือ เช้าของวันขึ้น ๑๔ ค่า ผูช ้ ายส่วนหนึง่ เดินทางไปตัดไม้ เพื่อนาไม้มาทาเรือผูห ้ ญิงจะร้องราทาเพลง และคืนวันขึน ้ ๑๔ ค่า มีพธ ิ ฉ ี ลองเรือโดยมีการรารอบเรือ เพื่อถวาย วิญญาณบรรพบุรุษ โต๊ะหมอจะทาพิธใี นช่วงเริม ่ ฉลองเรือ และมีพธ ิ ส ี าดน้าตอนเทีย ่ งคืน (เลฮฺบาเลฮฺ) และทาพิธีอก ี ครัง้ ในช่วงเช้าตรูว ่ น ั ขึน ้ ๑๕ ค่า ก่อนนาเรือไปลอยใน ทิศทางลมซึง่ แน่ใจว่าเรือจะไม่ลอยกลับเข้าฝัง่ บ่ายวันขึน ้ ๑๕ ค่า ผูช ้ ายแยกย้ายไปตัดไม้และหาใบกะพร้อเพือ ่ ทาไม้กัน ผีสาหรับทาพิธี ฉลองในเวลากลางคืน จนกระทัง่ ใกล้จะ สว่างโต๊ะหมอจะทา พิธเี สกน้ามนต์ ทานายโชคชะตา และสะเดาะเคราะห์ ให้สมาชิกทีเ่ ข้า ร่วมพิธก ี อ ่ นจะ อาบน้ามนต์
๑
ประเพณี ภาคเหนือ
๒
๒๑
ประเพณี ภาคใต้
๓
๒๐
ประเพณี ตกั บาตรเทโว
ประเพณี ปอยหลวง ประเพณีปอยหลวงจัดขึน ้ ในช่วงเวลาจาก เดือน ๕ จนถึงเดือน ๗ ของภาคเหนือ ซึง่ ตรงกับ เดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนเมษายนหรือเดือน พฤษภาคมของทุกปี) ระยะเวลาประมาณ ๓-๗ วัน
จัดขึน ้ ในวันแรม ๑ ค่า่ เดือน ๑๑ (วันออกพรรษา) มีความส่าคัญคือ งานตักบาตรเทโว เป็นงานประเพณีทชี่ าว อุทยั ธานียดึ ถือปฏิบัตกิ น ั มา จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ชาว อุทยั ธานีทกุ คนภูมิใจกันมาก เพราะเป็นการจัดงานตักบาตร เทโว ทีม่ ีความสอดคล้องกับพุทธต่านานมากทีส่ ดุ โดยบรรดาพุทธศาสนิกชนจะร่วมท่าบุญตักบาตร ข้าวสารอาหารแห้งพร้อมทั้งข้าวต้มลูกโยนกันอย่างเนือง แน่น นอกจากจะมีการท่าบุญตักบาตรแล้วยังมีการจัดขบวน แห่รถบุผาชาติ โดยมีการแห่ขบวนผ่านตลาดและเข้าถึงลาน วัดสังกัสรัตนคีรซ ี ึ่งเป็นทีต่ ักบาตรนอกจากนี้ ใน ตลาดและ หน่วยงานราชการห้างร้านต่าง ๆ ได้จดั โต๊ะหมู่บชู าประดับ ด้วยงาช้างตั้ง ตกแต่ง เป็นทีส่ วยงามอย่างยิง่
เป็นงานทาบุญเพื่อเฉลิมฉลองศาสนสมบัติ ต่าง ๆ เพือ ่ ให้เกิดอานิสงส์แก่ตนและครอบครัว นอกจากนี้ยงั เป็นเครือ ่ งแสดงถึงความสามัคคี กลมเกลียวของคณะสงฆ์และชาวบ้านด้วยเพราะ เป็นงานใหญ่ การทาบุญปอยหลวงทีน ่ ย ิ มทากัน คือทาบุญเพือ ่ อุทศ ิ ส่วนกุศลให้พ่อแม่ ปู่ยา่ ตายาย หรือญาติพน ี่ ้องทีล ่ ว ่ งลับไปแล้วก็ได้
๔ ประเพณียเี่ ป็ง คือ ประเพณีลอยกระทงแบบ ล้านนา โดยค่าว่า ยี่ แปลว่า สอง ส่วน เป็ง แปลว่า เพ็ญ หรือ คืน พระจันทร์เต็มดวง ซึง่ หมายถึง ประเพณีในวันเพ็ญเดือนสอง ของชาวล้านนา ซึง่ ตรงกับเดือน สิบสองของไทย โดยงาน ประเพณีจะมีสามวัน คือ วันขึน ้ สิบสามค่า่ หรือ วัน ดา เป็นวันซือ้ ของเตรียม ไปท่าบุญที่วดั วันขึน ้ สิบสีค่ า่ จะไปท่าบุญกันทีว่ ดั พร้อมท่ากระทงใหญ่ไว้ที่ วัดและน่าของกินมาใส่กระทงเพือ่ ท่าทานให้แก่คนยากจน วันขึน ้ สิบห้าค่า่ จะน่ากระทงใหญ่ทวี่ ดั และกระทงเล็ก ส่วนตัวไปลอยในล่าน้า่ ในช่วงวันยีเ่ ป็งจะมีการประดับตกแต่งวัด บ้านเรือน ท่าประตูปา่ ด้วยต้นกล้วย ต้นอ้อย ทางมะพร้าว ดอกไม้ ตุง ช่อประทีป และชักโคมยีเ่ ป็งแบบต่าง ๆ ขึ้นเป็นพุทธบูชา และมีการจุดถ้วยประทีป (การจุดผางปะตีบ๊ ) เพือ่ บูชาพระรัตนตรัย และมีการจุดโคมลอยปล่อยขึน ้ สูท ่ อ้ งฟ้าเพื่อ บูชาพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ ชัน ้ ดาวดึงส์
๑๙ ประเพณีกวนข้าวทิพย์ ประเพณีกวนข้าวทิพย์ เป็นพระราชพิธกี ระท่าในเดือน ๑๐ ซีมาตัง้ แต่สมัยสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยา ในปัจจุบน ั ส่วนใหญ่จะจัดในเดือน ๑๒ บางแห่งจะจัดในเดือน ๑ ซึ่ง เป็นช่วงทีข่ า้ วกล้าในท้องนามีรวงข้าว และเครื่องกวนข้าว ทิพย์ประกอบด้วยถั่ว นม น้า่ ตาล น้า่ ผึง้ น้า่ อ้อย งา เนย น้า่ กะทิ และนมทีค่ น ั้ จากรวงข้าว เป็นพิธกี รรมของศาสนาพราหมณ์ ที่สอดแทรกใน พิธกี รรมทางพุทธศาสนา เพื่อถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ บูชา พระรัตนตรัย และอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผตู้ าย จังหวัดสิงห์บรุ ยี งั คงรักษาประเพณีกวนข้าวทิพย์ โดย มีเหลืออยูเ่ พียง ๓ หมูบ่ า้ น คือ หมู่บา้ นพัฒนาโภคาภิวัฒน์ หมู่บา้ นวัดกุฎท ี อง และหมู่บา้ นในอ่าเภอพรหมบุรี ซึง่ ยัง คง รักษาประเพณี และมีความเชื่อถืออย่างมัน ่ คง เป็นแบบอย่าง ทีด่ ี แฝงด้วยจริยธรรมและคติธรรมอยู่มาก
๑๘ ประเพณีวิ่งควาย ประเพณีวงิ่ ควายจะจัดขึน ้ ใน ในวันขึน ้ ๑๔ ค่า่ เดือน ๑๑ ก่อนออกพรรษา ๑ วัน ของทุกปี เป็นประเพณีเกีย่ วกับอาชีพ เกษตรกรรม ซึ่งตกทอดมาจากบรรพบุรษ ุ จนถึงปัจจุบน ั จุดมุ่งหมายเพื่อให้ชาวบ้านได้เตรียมของไปถวายวัด ปัจจัย ไทยธรรมได้พกั ผ่อนและได้สังสรรค์กน ั ระหว่างชาวบ้านซึง่ เหนือ่ ยจากงานและให้ควายได้พกั เนื่องจากต้องตรากตร่าใน การท่านา ปัจจุบน ั ประเพณีวิ่งควายเป็นประเพณีของ จังหวัดชลบุรี โด่งดังเป็นทีร่ จู้ ักของชาวไทยและต่างประเทศ
ประเพณีทานตุง ตุง" ในภาษาถิ่นล้านนาหมายถึง "ธง" ใน ภาษาไทยกลางตรงกับลักษณะธงประเภท "ปฏากะ" ของอินเดีย คือ มีลก ั ษณะเป็นแผ่นวัตถุส่วนปลาย แขวนติดกับเสา ห้อยเป็นแผ่นยาวลงมา จุดประสงค์ของการทาตุงในล้านนาก็คือ การ ทาถวายเป็นพุทธบูชา ชาวล้านนาถือว่าเป็นการ ทาบุญอุทศ ิ ให้แก่ผท ู้ ล ี่ ่วงลับไปแล้ว หรือถวายเพื่อ เป็นปัจจัยส่งกุศลให้แก่ตนไปในชาติหน้า วันที่ ถวายตุงนั้นนิยมกระทาในวันพญาวันซึ่งเป็นวัน สุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ ปัจจุบันชาวล้านนาส่วนใหญ่ยังนิยมสร้างตุง เพื่อใช้ในพิธีกรรมต่างๆ ทั้งทางศาสนา ประเพณี เกี่ยวกับชีวต ิ ประเพณีเกี่ยวกับความตาย งาน เทศกาลและเฉลิมฉลองงานต่างๆ
๕
๑๗
๖ ประเพณี อูส ้ าว “อู้สาว” ก็คอื พูดกับสาว คุยกับสาว หรือแอ่วสาวการอู้ สาวเป็นการพดคุยกันเป็นท่านองหรือเป็นกวีโวหาร ท่าตอนกลางคืนโดยชายหนุม่ (หรือชายไม่หนุม่ ก็ได้)เรียกว่า บ่าว จะไปไหนมาไหนเป็นกลุม่ ๆ และพูดคุยกันอย่าง สนุกสนานเพือ่ ไป “เซาะอู”้ (คือการไปคุยกับสาวๆ ตอน กลางคืนช่วงว่างงาน)ถ้าผู้หญิงทีม่ เี รือนหรือแต่งงานแล้ว จะไม่ออกมาอูเ้ ด็ดขาด ส่วนสาว ๆ เมื่อเสร็จตอนกลางวันแล้ว ตกค่า่ ก็จะรีบ อาบน้า่ แต่งตัวอย่างสวยงาม แต่ถา้ สาวใดมีงานเล็กๆน้อยๆ เช่นงานท่อผ้าไทยหรืองานปัน ่ ฝ้ายก็จะออกมาท่างานทีห ่ น้า บ้าน แต่จะมีพ่อแม่หรือญาติพน ี่ ้องมานัง่ คุยด้วย และถ้ามีผู้ บ่าวมาแอ่ว พ่อแม่ก็จะเปิดโอกาศให้ได้คยุ กันสองต่อสอง
ประเพณีรบ ั บัว ประเพณีรับบัว-โยนบัว เป็น ประเพณีทอ้ งถิน ่ ซึง่ มีเพียงแห่งเดียว ในประเทศไทย คือ ทีอ่ า่ เภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ด้วยเหตุทแ ี่ ต่เดิมนัน ้ พืน ้ ที่ในละแวกอ่าเภอบางพลีขึ้นชือ่ ว่า อุดมไปด้วยดอกบัวหลวง (Nelumbo nucifera Gaertn.) สะพรัง่ ไปทัว่ ทุกล่าคลองหนองบึง เมือ่ ใกล้จะถึงวันท่าบุญในช่วงออก พรรษา ชาวบ้านในอ่าเภอใกล้เคียงจึงมักพากันพายเรือมาเก็บ ดอกบัวไปถวายพระ ชาวบางพลีเห็นเช่นนัน ้ จึงอาสาเป็นผูเ้ ก็บ ดอกบัวให้ ต่อมา เมือ่ ใกล้จงึ วันออกพรรษาคราใด ชาวบางพลีจะ พากันเก็บดอกบัวไว้คอยท่าเผื่อมีคนต่างถิน ่ พายเรือมาขอรับ ดอกบัว นานวันนานปี จากน้่าใจของชาวบ้านบางพลี ก็กลายมา เป็นประเพณีรบั บัว
๑๖
๗
ประเพณีอม ุ้ พระดาน้า
ประเพณีพระด่าน้า่ เป็นประเพณีที่ มีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย เกิดจาก ความเชื่อเกีย่ วกับอภินิหารของพระพุทธรูปส่าคัญ คู่บา้ นคูเ่ มืองคือพระพุทธมหาธรรมราชา ซึ่งคนหาปลาสอง สามีภรรยาทอดแหได้ทวี่ งั เกาะระสารในบริเวณลุม่ น้่าป่าสัก ในเขตตัวเมืองเพชรบูรณ์ จึงน่าไปไว้ทวี่ ดั ไตรภูมิ เมื่อถึง เทศกาลสารทพระพุทธรูปองค์นจี้ ะหายไปและชาวบ้านจะพบ มาเล่นน้า่ ทีบ่ ริเวณที่คน ้ พบเดิม ดังนัน ้ ในเทศกาลท่าบุญ สารทหลังจากท่าบุญเสร็จแล้วจะมีพธิ ีอญ ั เชิญพระพุทธมหา ธรรมราชาลงริว้ ขบวนเรือไปสรงน้า่ ทีว่ ังเกาะระสาร แต่ ปัจจุบน ั น่ามาท่าพิธท ี ท ี่ า่ น้า่ ของวัดโบสถ์ชนะมารในวันแรม ๑๕ ค่า่ เดือน ๑๐
ประเพณี ภาคอีสาน (ตะวันออกเฉียง เฉียงเหนือ)
๘ ประเพณีสาคัญของชาวอีสานก็คอื “ประเพณีฮตี สิบสอง” คือ ประเพณี ๑๒ เดือนของชาว อีสานทีต่ า่ งจากประเพณี ๑๒ เดือนของภาคอืน่ หลายประเพณี
๑. เดือนอ้าย หรือเดือนเจียง งานบุญเข้ากรรม มีงานบุญ ดอกผ้า (น่าผ้าห่มหนาวไปถวายสงฆ์) ประเพณีเส็งกลอง ท่า ลานตี(ลานนวดข้าว)ท่าปลาแดก (ท่าปลาร้าไว้เป็นอาหาร) เกีย่ ว ข้าวในนา เล่นว่าว ชักว่าวสนู นิมนต์พระสงฆ์เข้าประวาส กรรม ตามป่ระเพณีนน ั้ มีการท่าบุญทางศาสนา เพื่ออนิสงฆ์ ทดแทนบุญคุณต่อบรรพบุรษ ุ ชาวบ้านเลีย้ งผีแถน ผีบรรพ บุรุษ มีการตระเตรียมเก็บสะสมข้าวปลาอาหารไว้กินในยาม แล้ง
๑๕
ประเพณี ภาคกลาง
๙
๑๔ ๒. เดือนยี่ งานบุญคูนลาน ท่าบุญที่วดั พระสงฆ์ เทศน์เรือ่ งแม่โพสพ ท่าพิธีปลงข้าวในลอมและฟาดข้าวใน ลาน ขนข้าวเหลือกขึน ้ เล้า (ยุ้งฉาง) นับเป็นความเชือ่ ในการ บ่ารุงขวัญและสิริมงคลทางเกษตรกรรม มีทั้งท่าบุญที่วดั และบางครัง้ ทกบุญทีล่ านนวดข้าว เมื่อขนข้าวใส่ยงุ้ แล้วมัก ไปท่าบุญทีว่ ดั ๑๒. เดือนสิบสอง บุญกฐิน ท่าบุญข้าวเม่าพิธถี วายกฐินเมือ่ ถึงวันเพ็ญจัดท่าข้าวเม่า(ข้าวใหม่)น่าไปถวายพระ พร้อมส่ารับ คาวหวานขึน ้ ตอนบ่ายฟ้งเทศน์เป็นอานิสงส์จดั พิธท ี อดกฐิน ตามวัดที!่ !จองกฐินไว้ งานบุญในฮีตสิบสองนัน ้ ตามหมู่ทเี่ คร่ง ประเพณียงั คงจัดกันอย่างครบถ้วนบางแห่งจัดเฉพาะงานบุญ ใหญ่ๆตามแต่คณะกรรมการหมู่บา้ นร่วมกันจัด บางแห่งเป็น งานใหญ่ประจ่าปี งานบุญแห่เทียนพรรษา ชาวจังหวัดอุบลฯ จัดเป็นงานใหญ่ทกุ ปีงานลอยเฮือไฟ ชาว จังหวัดนครพนมจัดเป็นงานใหญ่ประจ่า และงานแห่ปราสาทผึง้ ชาวเมืองสกลนคร จัดเป็นงานใหญ่ประจ่า เป็นต้น ปัจจุบน ั นี้ มีการฟืน ้ ฟูการจัดงานฮีตสิบสองเป็นงาน ใหญ่ๆเพือ่ การอนุรกั ษ์สินมรดกทาง วัฒนธรรมและส่งเสริมการท่องเทีย่ วสู่ จังหวัดด้วย
๓. เดือนสาม บุญข้าวจี่ มีพธิ เี ลีย้ งลาตาแฮก (พระภูมน ิ า) เพราะขนข้าวขึน ้ ยุง้ แล้ว งานเอิน ้ ขวัญข้าวหรือกูข่ วัญข้าว เพ็ญเดือนสามท่าบุญข้าวจี่ตอนเย็นท่ามาฆบูชา ลงเข็นฝ้าย หาหลัวฟืน (ไม้เชื้อเพลิงล่าไม้ไผ่ตายหลัว กิง่ ไม้แห้ง-ฟืน) ตามประเพณีหลังจากเก็บเกีย่ วข้าวใส่ยุ้งแล้ว มีการท่าบุญ เซ่นสรวงบูชาเจ้าทีน ่ า ซึ่งชาวอีสานเรียกว่าตาแฮก และ ท่าบุญแผ่สว่ นกุศลให้ผปี ู่ยา่ ตายาย อันเป็นการแสดงความ กตัญญูต่อบรรพบุรุษ โดยการท่าข้าวจี่(ข้าวเหนียวปัน ้ เป็น ก้อนสอดไส้นา้่ ตาลหรือน้า่ อ้อยชุบไข่ปงิ้ จนเหลือง) น่าไป ถวายพระพร้อมอาหารคาวหวานอืน ่ ๆ
๑๓
๑๐
๔. เดือนสี่ บุญพระเวส (อ่านออกเสียงพระ-เหวด) มีงาน บุญพระเวส (ฟังเทศน์มหาชาติ) แห่พระอุปคุตตัง้ ศาลเพียงตา ท่าบุญแจกข้าวอุทิศให้ผตู้ าย (บุญเปตพลี) ประเพณีเทศน์ มหาชาติเหมือนกับประเพณีภาคอืน ่ ๆ ด้วย เป็นงานบุญทางพุทธ ศาสนาทีถ่ อื ปฏิบัตท ิ า่ บุญถวายภัตตาหารแล้วตอนบ่ายฟังเทศน์ เรือ่ งเวสสันดรชาดก ตามประเพณีวดั ติดต่อกัน 2-3 วันแล้วแต่ ก่าหนดในช่วงทีจ่ ดั งานมีการแห่พระอุปคุตเพือ่ ขอให้บน ั ดาลให้ ฝนตกด้วย
๕. เดือนห้า บุญสรงน้่า หรือเทศกาลสงกรานต์ ชาวอีสาน เรียกกันว่า สังขานต์ ตามประเพณีจดั งานสงกรานต์นั้น บาง แห่งจัดกัน 3 วัน บางแห่ง 7 วัน แล้วแต่กา่ หนดมีการท่าบุญ ถวายภัตตาหารคาวหวาน หรือถวายจังหันเช้า-เพลตลอดเทศกาล ตอนบ่ายมีสรงน้่าพระ รดน้่าผูใ้ หญ่ผเู้ ฒ่า ก่อเจดียท ์ ราย
๑๐. เดือนสิบ บุญข้าวสาก ข้าวสากหมายถึงการกวน กระยาสารท คล้ายงานบุญสลากภัตในภาคกลาง จัดงานวันเพ็ญ เดือน 10 น่าส่ารับคาวหวานพร้อมกับข้าวสาก(กระยาสารท) ไป ท่าบุญทีว่ ดั ถวายผ้าอาบน้า่ ฝนและเครือ่ งไทยทาน แต่กอ่ นทีจ่ ะ ถวายนัน ้ จะท่าสลากติดไว้ พระสงฆ์องค์ใดจับสลากใดได้กร็ บั ถวายจากเจ้าของส่ารับนัน ้ ตอนบ่ายฟังเทศน์เป็นอานิสงส์
๑๑. เดือนสิบเอ็ด บุญออกพรรษา มีพธิ ถี วายผ้าห่มหนาวใน วันเพ็ญ มีงานบุญตักบาตรเทโว พิธกี วนข้าวทิพย์ พิธีลอยเรือไฟ นับเป็นช่วงทีจ่ ดั งานใหญ่กน ั เกือบตลอดเดือน นับแต่วน ั เพ็ญ มี การถวายผ้าห่มหนาวแต่พระพุทธพระสงฆ์ วันแรม 1 ค่า่ งาน บุญตักบาตรเทโว ตอนเย็นวันขึน ้ 14 ค่า่ มีพธิ กี วนข้าวทิพย์ มีงาน ช่วงเฮือ (แข่งเรือ) ในวันเพ็ญมีงานแห่ปราสาทผึง้ พิธลี อย เฮือ ไฟ (ไหลเรือไฟ) เพือ่ ถวายเป็นพุทธบูชา มีทงั้ งานบุญกุศลและ สนุกสนานรื่นเริง
๑๑
๑๒
๘. เดือนแปด งานบุญเข้าพรรษา มีพธิ ห ี ล่อเทียนพรรษา งานบุญเทศกาลเข้าพรรษา แต่ละหมู่บา้ นช่วยกันหล่อเทียน พรรษา ประดับให้สวยงาม จัดขบวนแห่เพือ่ นน่าไปถวายเป็น พุทธบูชา มีการท่าบุญถวายภัตตหาร เครือ่ งไทยทานและผ้าอาบ น้่าฝน เพือ่ พระสงฆ์จะได้น่าไปใช้ตลอดเทศกาลเข้าพรรษา ๙. เดือนเก้า บุญข้าวประดับดิน จัดงานวันแรม 14 ค่า่ เดือน 9 นับแต่เช้ามืด ชาวบ้านจัดอาหารคาวหวาน หมากพลูบห ุ รีใ่ ส่ กระทงเล็กๆ น่าไปวางไว้ตามลานบ้าน ใต้ตน ้ ไม้ ข้างพระอุโบสถ เพือ่ เป็นการให้ทานแก่เปรตหรือวิญญาณทีต่ กทุกข์ได้ยากตอน
๖. เดือนหก บุญบัง้ ไฟ บางแห่งเรียก บุญวิสาขบูชา มี งานบุญบัง้ ไฟ (บุญขอฝน) บุญวิสาขบูชา วันเพ็ญเดือนหก เกือบตลอดเดือนหกนี้ ชาวอีสานจัดงานบุญบัง้ ไฟ จัดวันใด แล้วแต่คณะกรรมการหมูบ่ ้านก่าหนดถือเป็นการท่าบุญบูชา แถน (เทวดา) เพือ่ ขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาลและความอุดม สมบูรณ์ของข้าวปลาอาหารในปีตอ่ ไปครัน ้ วันเพ็ญหก เป็นงาน บุญวิสาขบูชาประเพณีส่าคัญทางพุทธศาสนา มีการท่าบุญฟัง เทศน์และเวียนเทียนเพือ่ ผลแห่งอานิสงส์ในภพหน้า
๗. เดือนเจ็ด บุญช่าฮะ มีพธิ เี ลี้ยงตาแฮก ปูต่ า หลักเมือง งานบุญเบิกบ้านเบิกเมือง งานเข้านาคเพือ่ บวชนาค คติความเชือ่ หลังจากหว่านข้าวกล้าด่านาเสร็จ มีการท่าพิธเี ซ่น สรวงเจ้าทีน ่ า เพือ่ ความเป็นสิริมงคลให้ข้าวกล้าในนางงอกงาม บ้านทีก่ ุลบุตรมีงานอุปสบททดแทนบุญคุณบิดามารดาและ เตรียมเข้ากรรมในพรรษา