สติ สร้างปาฏิหาริย์

Page 1


สราง สติ ปาฏิหาริย กฤติยา อัศวเรืองชัย

�������_27_02_55.indd 3

3/23/12 2:17 PM


ค�ำนิยม เมื่อประมาณ ๒๐ ปีที่แล้ว ได้พบกับคุณโยมกฤติยา โดยการแนะน�ำของลูกศิษย์คนหนึ่ง มาท�ำบุญที่กุฏิ ครั้งแรก ทีไ่ ด้พดู คุยด้วย ก็เห็นเป็นปกติของผูท้ มี่ จี ติ เป็นกุศลมาท�ำบุญ ทั่ว ๆ ไป ต่อมาเมื่อได้มีโอกาสพูดคุยและได้ตรวจดวงชาตา ให้จึงได้เห็นถึงพลังของชาตาที่มีในตัวคุณโยมกฤติยาที่มีทั้ง ความเมตตาและการเป็นผูใ้ ห้เสมอ ให้ทกุ คนตัง้ แต่ใกล้ตวั คน ทีค่ ้นุ เคยหรือไม่ค้นุ เคย ล้วนได้รบั การอนุเคราะห์ช่วยเหลือไม่ ได้ขาด การที่ชาตาต้องเกิดมาเป็นผู้ให้มาโดยตลอด จึงได้ แนะน�ำว่าควรหันมาหาตนเอง มาศึกษาตนเองให้ได้ว่าสิ่งที่ ตนเองมีอยู่ มีทมี่ าทีไ่ ปอย่างไร และได้แนะน�ำให้หนั มาทางการ ปฏิบัติธรรม ท�ำสมาธิ เพื่อประคองจิตของตนเอง เมื่ อ ได้ พู ด คุ ย และอธิ บ ายถึ ง พลั ง ของดวงดาวใน จักรวาล อิทธิพลของดาวพระเคราะห์ในดวงชาตาให้ฟงั คุณโยม กฤติยาจึงเริม่ ทีป่ รับตัวเองให้สอดคล้องและหันมาสนใจในพลัง

�������_27_02_55.indd 7

3/23/12 2:17 PM


ของดวงดาวหรือพลังของจักรวาลอย่างจริงจัง หลังจากนั้น พัฒนาการที่มีและความเป็นคนมีจิตบริสุทธิ์ซึ่งเป็นทุนเดิมอยู่ แล้ว เมื่อได้ค้นคว้าและเข้าใจในพลังแห่งธรรมชาติ จนรู้ แนวทาง ตามหลักแห่งธรรม หลักโยนิโสนมสิการสัมปทาให้ถงึ พร้อม คือความฉลาดคิดแยบคายให้ได้ประโยชน์และความจริง คือรู้จัดคิด รู้จักพิจารณา มองเป็น คิดเป็น เห็นสิ่งทั้งหลาย ตามที่เป็นไปโดยเหตุโดยปัจจัย เพื่อให้เห็นความจริง เห็น ประโยชน์ กับทั้งแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้ส�ำเร็จได้ด้วยวิธีการแห่ง ปัญญา ที่จะท�ำให้พึ่งตนเอง และเป็นที่พึ่งของคนอื่น ๆ ได้ คุณโยมกฤติยามีความฉลาด มีพรสวรรค์ให้มีความ คิ ด แยบคายในเรื่ อ งพลั ง เมื่ อ มี ป ระสบการณ์ จึ ง คิ ด ที่ จ ะ ถ่ายทอด เพื่อให้เห็นความเป็นจริงของจักวาลและพลังทิพย์ ที่มีอยู่ วันหนึง่ คุณโยมกฤติยามาบอกว่า อยากจะเปิดสอนลูก ศิษย์ตามแนวทางนี้ ซึ่งก็ยินดีและอนุโมทนาในเจตนาอันเป็น กุศลทีจ่ ะได้ทำ� บุญใหญ่ และดีใจทีเ่ ธอได้พบทางเดินของตนเองแล้ว

�������_27_02_55.indd 8

3/23/12 2:17 PM


หวังว่าประสบการณ์ที่ได้เรียนได้ศึกษาและได้น�ำมา ถ่ายทอดให้บรรดาศิษยานุศิษย์ คงจะเป็นประโยชน์มากแก่ บรรดาท่านที่สนใจและใฝ่ศึกษา ยิ่งได้น�ำมาเขียนเป็นวิทยาทานจึงนับว่ามีคุณค่ายิ่ง ถือว่าเป็นมุมมองมุมหนึง่ ของคนคนหนึง่ ทีอ่ ยูใ่ นมิตขิ องจักวาล นี้ มีความคิดที่จะจรรโลงให้คนเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ เหมาะ ที่จะน�ำมาใช้กับสังคมในปัจจุบัน วิธีการฝึกจิตและสมาธิของ คุณโยมกฤติยา ที่เรียกว่า โหมดจิต หรือ โหมดปัญญา เป็น แนวทางหนึ่ง ที่อยากจะให้ท่านทั้งหลายลองน�ำไปปฏิบัติ อ่าน ง่ายเข้าใจง่ายด้วยวิธีที่มาจากประสบการณ์จริง ๆ ทั้งหลายทั้ง ปวงก็เพือ่ เจตนาทีต่ ้องการให้คนเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ จะได้ เป็นสมาชิกทีด่ แี ละมีคณ ุ ค่าอย่างแท้จริงของมนุษยชาติ มีความ สามารถน�ำหมูช่ นและสังคมไปสูส่ นั ติสขุ และสวัสดีในชีวติ ตาม หลักสัปปุรสิ ธรรม ธรรมของคนดี คนทีแ่ ท้ ซึง่ มีคณ ุ สมบัตขิ อง ความเป็นคนที่สมบูรณ์ อย่างแท้จริง (สุริยสาร) พระครูวินัยธรอัฏฐพร วัดพระเชตุพน

�������_27_02_55.indd 9

3/23/12 2:17 PM


ค�ำน�ำผู้เขียน อำจำรย์มคี วำมตัง้ ใจว่ำจะเขียนหนังสือแนะน�ำเกีย่ วกับ สติและสมำธิเพียงอย่ำงเดียว โดยเน้นแนวทำงควำมรู้แบบ กลำง ๆ เป็นธรรมชำติเท่ำนัน้ แต่เมือ่ ได้มโี อกำสพบและพูดคุย กับหลำยท่ำน แนวทำงที่ตั้งใจจะเขียนจึงเปลี่ยนไป เนื่องจำก เมือ่ ทุกคนทีไ่ ด้พบอำจำรย์และลูกศิษย์อย่ำงใกล้ชดิ ต่ำงแปลกใจ กับควำมสดใสอ่อนเยำว์ แข็งแรง คล่องแคล่วว่องไว แม้วำ่ อำยุ จะล่วงเลยเข้ำสู่เลขห้ำแล้วก็ตำม ยิ่งเมื่ออำจำรย์บอกเล่ำถึงที่มำควำมรู้ทั้งหมด และสิ่ง ทีท่ ำ� ให้เกิดผลเช่นนี้ ทุกคนก็ยงิ่ สนใจ จึงลงควำมเห็นว่ำอำจำรย์ น่ำจะเขียนหนังสือบอกเล่ำควำมจริง และควำมรูท้ งั้ หมด เพรำะ จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่ำงมำก

�������_27_02_55.indd 12

3/23/12 2:17 PM


แนวทำงควำมรู้ทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้ เป็นเพียง ควำมรูแ้ ละเรือ่ งจริงของชีวติ ในธรรมชำติ ทัง้ รำยละเอียดเนือ้ หำ ก็เป็นแนววิทยำศำสตร์ซึ่งอ้ำงอิงได้ทั้งหมด หนังสือเล่มนี้จึง เป็นเรื่องจริงจำกกำรเรียนรู้และเข้ำใจควำมเป็นไปในชีวิตของ อำจำรย์ จนสำมำรถน�ำมำใช้ให้เป็นประโยชน์ตอ่ ตนเอง และลูก ศิษย์จำ� นวนหนึง่ อย่ำงได้ผล อำจำรย์ก็ต้องขอขอบคุณลูกศิษย์ทุก ๆ คนทั้งใน ปัจจุบนั และทีผ่ ำ่ นมำ ไม่วำ่ จะเคยฝึกกับอำจำรย์เพียงครัง้ เดียว หรือเรียนกับอำจำรย์ในกำรฝึกอบรมในองค์กรและสถำบันกำร ศึกษำต่ำง ๆ หำกไม่มีลูกศิษย์ อำจำรย์ก็คงจะไม่ต้องพยำยำม เรียนรูแ้ ละเข้ำใจเพือ่ คิดหำวิธสี อน จนสำมำรถพัฒนำตัวเองให้ เก่งขึ้นได้ขนำดนี้

�������_27_02_55.indd 13

3/23/12 2:17 PM


ขอขอบคุณหลาย ๆ ท่านทีอ่ นุญาตให้อาจารย์เอ่ยถึงใน หนังสือเล่มนี้ กราบขอบคุณพระอาจารย์ อาจารย์ และคุณหมอ ทุก ๆ ท่านทีเ่ ผยแพร่ความรูด้ ว้ ยการเขียนหนังสือและการบรรยาย หรือแม้แต่การพูดคุย ท�ำให้อาจารย์ได้มโี อกาสเรียนรู้ อ่านหรือ ฟังการบรรยายเพิ่มพูนความรู้ของตัวเอง ขอบคุณลูก ๆ ทั้งสองคนที่เป็นลูกที่แสนดีมีส่วนใน การพัฒนาของแม่ ขอบคุณพีน่ อ้ ง ญาติ ๆ และเพือ่ น ๆ ทุกท่าน กราบขอบพระคุณคุณพ่อคุณแม่ที่อุ้มชูเลี้ยงดูอาจารย์มาจน ประสบความส�ำเร็จ โดยเฉพาะคุณพ่อที่เกื้อกูลให้อาจารย์ได้มี ชีวิตสุขสบายในทุก ๆ ด้าน จนท�ำให้อาจารย์สามารถเกื้อกูล และช่วยเหลือคนจ�ำนวนมากด้วยตัวเองโดยไม่ต้องดิ้นรน เดือดร้อนมาตลอด กราบระลึกถึงพระคุณของพระพุทธองค์ องค์ศาสดาและนักปราชญ์ทงั้ หลายในอดีต ทีไ่ ด้บอกและสอน ความรูเ้ หล่านีใ้ ห้กบั มวลมนุษย์ และขอบคุณธรรมชาติและชีวติ ที่สมบูรณ์แบบอย่างอัศจรรย์ เป็นทุกอย่าง และสร้างทุกอย่าง ทุกชีวิต รวมทั้งพวกเราทุกคน

�������_27_02_55.indd 14

3/23/12 2:17 PM


อาจารย์หวังว่าทุกท่านที�อ่านหนั งสือเล่มนี �จะได้ความรู้ ได้ประโยชน์ ได้ข้อคิด และเรียนรูจ้ ากตัวอย่างการใช้ชีวติ ที� ได้ประโยชน์ สูงสุดจากชีวติ ของอาจารย์ และกลุ่มลูกศิษย์ เพื�อการมีชีวติ ที�มีความสุข สดใส อ่อนเยาว์ แข็งแรง และ � ในทุกๆด้าน ขอขอบคุณจากใจค่ะ เก่งขึน

กฤติยา อัศวเรืองชัย

�������_27_02_55.indd 15

3/23/12 2:17 PM


สารบัญ บทน�ำ............................................................................................................................................................................. ๑๘ ตอนที่ ๑ ประสบการณ์ – ความรู้อันมหัศจรรย์ของชีวิต ........................................ ๓๑

เริ่มสังเกตเห็นกลไกของชีวิต ................................................................................................๓๗ รู้อนาคตจากฝัน......................................................................................................................... ๓๘ ความสามารถมนุษย์ไม่มีขดี จ�ำกัด .................................................................................๔๑ มนุษย์เกิดมาเพื่อเก่งทุกคน.................................................................................................๔๕ ตัวตนที่แท้จริงของเรา คือจิตวิญญา..............................................................................๕๑ มนุษย์เกิดมาพร้อมกับนิสัย..................................................................................................๕๕ ความคิด – สติกับความจ�ำ เป็นคนละส่วนกัน........................................................ ๖๐ ชีวิตของเราผูกพันกับดาวบนท้องฟ้า ........................................................................... ๖๗ กลไกชีวิตหรือกฎธรรมชาติที่ยังไม่เข้าใจ ................................................................. ๗๔ ประสบการณ์และความรู้จากการท�ำสติและสมาธิ....................................................... ๘๐ ภพชาติและกฎแห่งกรรมเป็นเรื่องจริง.........................................................................๘๗ ระยะเวลาของการชดใช้กรรมไม่ยาวอย่างที่คิด .................................................... ๘๙ ถ้าไม่ได้เป็นกรรม ก็ต้องเป็นบุญ ...................................................................................๙๑ พรแสวงในอดีตชาติคอื พรสวรรค์ในปัจจุบัน........................................................... ๙๓ จิตแท้ คือพลังงานรูปจักรที่สว่างไสวและไม่เคยหลับ..........................................๙๔ จักรวาลผูกติดกันเป็นหนึ่งเดียวด้วยจักรที่มองไม่เห็น........................................ ๙๖ ทั้งกาแลกซี่และพวกเราคือหนึ่งเดียวกัน......................................................................๙๙ กฎธรรมชาติ คือ กฎแห่งกรรม .................................................................................. ๑๐๑ ร่างกายเรามีศูนย์กลางควบคุมการท�ำงานอยู่บนฐานจักระทั้ง ๗..............๑๐๘

ตอนที่ ๒ ผลึกปัญญา................................................................................................................................ ๑๑๕ บิกแบงสร้างกาแลกซี่ สร้างกฎธรรมชาติ สร้างเรา สร้างสัจธรรม .............. ๑๒๔ ก�ำเนิดกฎธรรมชาติ-กฎแห่งชีวิต-กฎแห่งกรรม ............................................... ๑๒๘ สร้างตัง้ แต่ธุลีดินไปจนถึงเพชร.....................................................................................๑๓๑

�������_27_02_55.indd 16

3/23/12 2:17 PM


สร้างลม ฝน ไปจนถึงพายุ...............................................................................................๑๓๕ สร้างสิ่งมีชวี ิตทั้งหมด......................................................................................................... ๑๓๘ สร้างกฎแห่งกรรมและวงจรชีวิต (ภพชาติ) .......................................................... ๑๔๑ สร้างความทรงจ�ำ นิสัย และวิวัฒนาการ................................................................. ๑๔๔ สร้างลักษณะรูปร่างหน้าตาของพวกเรา.................................................................... ๑๕๐ สร้างนิสัยของการรักตัวเอง ............................................................................................๑๕๓ สร้างจักรวาลในร่างกาย-พลังชีวิตบนฐานจักระทั้ง ๗...................................... ๑๕๕ โลกที่มองไม่เห็น ......................................................................................................................... ๑๖๔ นรก - สวรรค์ มีจริง............................................................................................................๑๖๖ คนที่ยึดติด ตายไปเป็นวิญญาณที่ยึดติด.............................................................. ๑๗๐ การยึดติดท�ำให้สูญเสียสัมผัสที่ ๖............................................................................. ๑๗๔

ตอนที่ ๓ การด�ำเนินชีวิตด้วยปัญญา........................................................................................ ๑๘๓

ผลเสียของการใช้ชีวิตด้วยโหมดความคิด................................................................... ๑๘๗ การใช้ชีวิตด้วยโหมดจิต ................................................................................................. ๑๙๒ ประโยชน์ของการใช้ชีวิตด้วยโหมดจิต...................................................................... ๑๙๕ ฝึกสติ เพื่อหัดถอยจากโหมดความคิด.......................................................................... ๑๙๘ การหัดด�ำเนินชีวิตด้วยโหมดจิตโดยการท�ำสมาธิ.......................................... ๒๐๖ แนวทางการฝึกสมาธิ................................................................................................................ ๒๐๘

�������_27_02_55.indd 17

3/23/12 2:17 PM


บทน�ำ เมื่อเราพูดถึงคนที่มี “ความสดใส แข็งแรง และ คล่องแคล่วว่องไว” มักจะหมายถึงคนอายุน้อยทีม่ คี วามสดใส และแข็งแรงที่ออกมาจากภายในเพราะความอ่อนเยาว์ คือ การมีแววตาและผิวพรรณทีส่ ดใส บุคลิกภาพร่าเริง กระตือรือร้น คล่องแคล่วว่องไว และเต็มไปด้วยพลังชีวิต ซึ่งไม่ใช่ลักษณะ ของคนอายุมาก ทีผ่ า่ นประสบการณ์ชวี ติ มามากมาย กว่า ๕๐ ปี เช่นเดียวกับอาจารย์ คนอายุมากส่วนใหญ่ที่ยังต้องการดูอ่อนเยาว์หรือ ชะลอวัย มักต้องพึง่ เครือ่ งส�ำอาง พึง่ นวัตกรรมหรือศัลยกรรม ตกแต่ง เพือ่ ช่วยให้ผวิ พรรณภายนอกดูดขี นึ้ ซึง่ ก็ชว่ ยแก้ไขได้ เพียงภายนอกเท่านัน้ ไม่สามารถช่วยให้แววตาสดใสขึน้ เสียงใส นุ ่ ม กั ง วาลขึ้ น จิ ต ใจร่ า เริ ง บุ ค ลิ ก ภาพมี ชี วิ ต ชี ว า และ คล่องแคล่วว่องไว ซึง่ เป็นส่วนทีอ่ อกมาจากภายในเหมือนหนุม่ สาวได้

�������_27_02_55.indd 18

3/23/12 2:17 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

19

ด้วยเหตุนี้ สุขภาพที่แข็งแรง อ่อนเยาว์ สดใสทั้ง ภายนอกและภายในที่ทุกคนเห็นอาจารย์เป็นอยู่ จึงดูเป็นเรื่อง แปลกที่ทุ ก คนอยากรู ้ ว ่ า อาจารย์ ท�ำ อย่ า งไรและเกิด ขึ้น ได้ อย่างไร ถ้าถามอาจารย์ว่าท�ำอย่างไรถึงได้สุขภาพดี แข็งแรง และอ่อนเยาว์ได้ขนาดนี้ ก็คงต้องตอบว่า “เกิดจากการเข้าใจ ชีวติ และใช้ชวี ติ อย่างถูกต้องจริง ๆ” โดยไม่ตอ้ งพยายามท�ำให้ ตัวเองอ่อนเยาว์ ก็ได้ความอ่อนเยาว์อย่างที่เห็น เมื่อพูดว่าใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง คนส่วนใหญ่จะคิดว่า ตัวเองรู้จักการใช้ชีวิตที่ถูกต้องแล้ว แต่ชีวิตที่แท้จริงของเรามี วิถีและกลไกมากกว่าที่เราเห็นด้วยตามากนัก กว่าอาจารย์จะ เข้าใจได้ทั้งหมด จนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็ต้องผ่านประสบการณ์สนุกสนานแบบต่าง ๆ จนสามารถ รวบรวมเป็นความรู้เหล่านี้ได้ ต้องใช้เวลากว่าครึ่งค่อนชีวิต อาจารย์ จ ะบอกประเด็ น คร่ า ว ๆ ก่ อ นเข้ า เนื้ อ หา ในหนังสือ เพื่อท่านผู้อ่านจะได้เข้าใจภาพรวมของหนังสือ ก่อนเล็กน้อย

�������_27_02_55.indd 19

3/23/12 2:17 PM


20

กฤติยา อัศวเรืองชัย

สมั ย ที่ ยั ง เด็ ก  ๆ อาจารย์ เ ป็ น เด็ ก ที่ เ งี ย บ ๆ และ เรียบร้อยสุด ๆ เงียบ...ขนาดว่าคุณพ่อเคยเล่าเรื่องข�ำ ๆ ว่า ตอนเริ่มไปโรงเรียนใหม่ ๆ คุณครูมาถามคุณพ่อว่า “ลูกสาวพูดภาษาไทยไม่เป็นหรือ” คงเพราะคุณครูเห็น เป็นเด็กจีนตัวขาวจัว้ คุณพ่อตอบคุณครูว่า “พูดเป็นซิ เพราะอยู่ที่บ้านก็พูด ภาษาไทย” คุณครูกเ็ ลยงง... และบอกคุณพ่อว่า “ตัง้ แต่มาโรงเรียน ยังไม่ได้พูดเลยสักค�ำค่ะ” ส่วนความเรียบร้อยสุด ๆ คุณแม่เป็นคนบอกว่า “บอก ให้นั่งอยู่ตรงไหน เธอก็นั่งอยู่ตรงนั้น ไม่ไปไหนจริง ๆ ” กลาย เป็นว่า สงสัยว่าเธอจะไม่คอ่ ยฉลาด เพราะเด็กฉลาดมักช่างพูด ตอนเป็นเด็กก็เกือบเชื่อแล้วว่า ตัวเองไม่ค่อยฉลาดจริง ๆ แต่ บังเอิญเป็นคนคิดน้อย เพราะมัวง่วนอยูก่ บั การอยากเข้าใจและ เรียนรู้ค่ะ เลยไม่ทันได้คิดว่าตัวเองโง่หรือฉลาด มารู้ว่าตัวเอง ไม่ได้โง่ ก็ตอนที่คุณแม่บอกว่า “เราน่ะไม่โง่หรอก ฉลาดเกิน ไปต่างหาก”

�������_27_02_55.indd 20

3/23/12 2:17 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

21

นิ สั ย ที่ อ ยากเข้ า ใจและเรี ย นรู ้ ไ ปทุ ก เรื่ อ งนี่ แ หละที่ เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ทั้งหมด เพราะความอยากเข้าใจ ท�ำให้ มักตั้งค�ำถามอยู่ในใจว่า เพราะอะไรถึงเป็นอย่างนั้น เพราะอะไรถึงเป็นอย่างนี้ ถึงขนาดว่า พี่คนหนึ่งที่เคยรู้จักกันบอกว่า “รู้ตัวไหม ว่าทุกครั้งที่คุยกัน เราจะเริ่มต้นด้วยค�ำถามทุกครั้ง...” ทุกครั้งที่ได้ค�ำตอบก็ไม่เคยลืม จ�ำได้ทั้งหมดและเก็บ รวบรวมไว้ จึงเป็นเหมือนการต่อภาพจิ๊กซอว์ชีวิตไปเรื่อย ๆ โดยไม่ตั้งใจ ไม่มีใครสอน แต่เป็นนิสัยที่เกิดขึ้นเอง นอกจากนี้ อาการมองนิ่ ง  ๆ เฉย ๆ และสั ง เกต ตลอดเวลาโดยไม่คดิ เมือ่ สมัยเด็ก ก็ไม่เคยรู้เลยว่าเป็นทีม่ าซึง่ ท�ำให้เกิดสติจนกลายมาเป็นคนมีสติสูง ส่งผลมาถึงปัจจุบัน คือ การด�ำเนินชีวติ ด้วยสติตลอดเวลา ซึง่ อาจารย์มาเข้าใจตอน ที่เริ่มสอนสมาธินี่แหละค่ะ เพราะมีโอกาสเปรียบเทียบกับคน อื่น และการสังเกตของลูกศิษย์ ในช่วงที่สอนสมาธิแรกๆ ต้อง ตอบค�ำถามลูกศิษย์คนหนึ่งที่ชื่อ กร บ่อย ๆ

�������_27_02_55.indd 21

3/23/12 2:17 PM


22

กฤติยา อัศวเรืองชัย

กำรตอบที่เร็วมำกแบบผิดปกติจนกรสังเกตเห็น จน วันหนึ่ง กรก็พูดออกมำแบบตกใจเล็ก ๆ ว่ำ “พี่... เวลาพี่ตอบค�าถามผม พี่ไม่ได้คิดเลยนะ พี่ใช้ ญาณตอบค�าถามทั้งหมดเลยนะนี่” จึง ได้ รู ้ ตั้ง แต่ วัน นั้น ว่ ำ ตัว เองไม่ ค ่ อ ยใช้ ส มองคิด แต่เป็นกำรใช้ญำณตอบ (ญำณ คือ ควำมรูจ้ ำกจิต) ซึง่ เป็นกำร ดึงควำมรู้จำกภำยในออกมำตอบตลอดเวลำ คุณสมบัติที่เกิดขึ้นเองตั้งแต่เด็กและพัฒนำเรื่อยมำ ด้วยตนเองเหล่ำนี้ เป็นต้นเหตุของกำรเรียนรู้แบบทะลุทะลวง ของอำจำรย์ทั้งหมด ควำมมีสติสูงตลอดเวลำ ท�ำให้มีลักษณะ ของกำรเป็นสมำธิกลำย ๆ ตลอดเวลำโดยไม่ได้ตงั้ ใจ และควำม สงบจำกสมำธิบ่อย ๆ ตลอดเวลำนี่แหละ ที่ท�ำให้อำจำรย์ได้มี โอกำสเรียนรู้สิ่งต่ำง ๆ ได้มำกกว่ำคนทั่วไปแบบมหัศจรรย์ ตลอดชีวิต

�������_27_02_55.indd 22

3/23/12 2:17 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

23

และวันหนึ่งก็มีเหตุให้เริ่มต้นนั่งสมาธิจริง ๆ ซึ่งได้ กลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต ท�ำให้กำรเรียนรู้ของตัวเองเพิ่ม มำกขึน้ และใส่ใจหำข้อมูลและเรียนรูม้ ำกขึน้ ไปอีกเมือ่ เริม่ สอน สมำธิ กำรพัฒนำเปลี่ยนแปลงและกำรเรียนรู้ของอำจำรย์เพิ่ม ขึ้นทุกปีแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่เคยหยุด และจำกโอกำสที่ได้สอนสติและสมำธิให้กับลูกศิษย์ จ�ำนวนหนึ่งอย่ำงต่อเนื่องนำนกว่ำ ๑๐ ปี ท�ำให้ได้เรียนรู้และ เข้ำใจชีวิตแบบรู้แจ้งเห็นจริง จนสำมำรถน�ำควำมรู้ที่มีทั้งหมด มำด�ำเนินชีวิตให้ลูกศิษย์เห็นเป็นแบบอย่ำงตลอดมำ กำรเปลีย่ นแปลงเกิดขึน้ กับตัวเองอย่ำงชัดเจนมำก ไม่ ว่ำจะเป็นควำมอ่อนเยำว์ที่ดูเหมือนจะคงทนกว่ำคนทั่วไป สติ ปัญญำ ศักยภำพ ควำมสำมำรถรอบด้ำนที่พัฒนำไม่เคยหยุด จนแน่ใจว่ำควำมรูเ้ หล่ำนีถ้ กู ต้อง เป็นควำมจริง ให้ประโยชน์จริง

�������_27_02_55.indd 23

3/23/12 2:17 PM


24

กฤติยา อัศวเรืองชัย

และจากความพยายามสอนลูกศิษย์กลุ่มนี้ ในที่สุด อาจารย์กส็ ามารถคิดหาวิธอี ธิบายและฝึกฝนให้ลกู ศิษย์จำ� นวน หลายคน สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับตนเองได้ อย่างมากและรวดเร็ว จนลูกศิษย์เหล่านีส้ ามารถเปลีย่ นแปลง ชีวิตได้ดีขึ้น มีความสุข อ่อนเยาว์ และเก่งขึ้นเหมือนเป็นคน ใหม่ อาจารย์จึงน�ำเอาความรู้ที่ได้ มารวบรวมลงในหนังสือ เล่มนี้ เนือ้ หาหลาย ๆ เรือ่ งในหนังสือ โดยเฉพาะประสบการณ์ ทีอ่ าจารย์เก็บเกีย่ วมาตัง้ แต่เด็ก มีผลอย่างยิง่ ในการเรียนรูแ้ ละ เข้าใจหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับสติและสมาธิ จึงจ�ำเป็นต้องเล่า ประสบการณ์บางส่วน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเรียนรู้และใส่ใจ จนเกิดความเข้าใจและปัญญา เพือ่ ให้ผ้อู า่ นสามารถเข้าใจได้ดี ขึ้น สามารถคิดตามและเห็นประโยชน์จากความรู้รอบตัว เป็น ตัวอย่างแนวทางการคิดเชิงตรรกะและให้เห็นทักษะแนวการ คิดของคนที่มีสติสูงจนเป็นสมาธิโดยธรรมชาติ ทั้งนี้ เพื่อให้ท่านผู้อ่านเข้าใจและเห็นความจ�ำเป็นของ การมีสติและการท�ำสมาธิโดยละเอียด ว่าให้ประโยชน์มากเพียงใด

�������_27_02_55.indd 24

3/23/12 2:17 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

25

และสามารถส่งผลกับการเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งใหญ่ให้กับทุก คนได้ขนาดไหน ที่ส�ำคัญ...ท่านผู้อ่านจะเข้าใจชีวิตที่แท้จริง ดังเช่นที่ เกิดกับอาจารย์และลูกศิษย์หลายคน ปัจจุบนั พวกเราใช้ความ รู้เกี่ยวกับชีวิตที่แท้จริงเหล่านี้ เป็นหลักในการด�ำเนินชีวิตได้ อย่างกลมกลืนอยู่ในชีวิตตัวเอง เป็นตัวอย่างของจริงทีไ่ ด้เกิด ขึน้ และได้พสิ จู น์แล้วว่าได้ผลจริง หนังสือเล่มนี้จึงเป็นผลจากการรวบรวมความรู้เกี่ยว กับชีวิตจริง จากทุกแขนงวิชาที่มีในปัจจุบัน และไม่ได้เน้น แนวทางการเขียนเป็นศาสนาใด ๆ เป็นเพียงการอธิบายและเล่า เรือ่ งราวตามความเป็นจริง จากประสบการณ์จริงทัง้ หมดเท่านัน้ เมือ่ ท่านผูอ้ า่ นได้อา่ นแล้ว อาจพบว่ากลไกและวงจรใน ธรรมชาติหลาย ๆ ข้อหรือทุกข้อตรงกับค�ำสอนในทุกศาสนา ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะพระศาสดาในทุกศาสนาไม่ได้สอน เพียงความเชือ่ ทุกพระองค์ได้สอนความจริงเกีย่ วกับกลไกและ วงจรชีวิตในธรรมชาติเช่นกัน

�������_27_02_55.indd 25

3/23/12 2:17 PM


26

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ค�ำอธิบายความจริงของสิ่งเดียวกัน ย่อมเหมือนกันเป็นธรรมดา... แต่การสอนที่ดูต่างกัน เกิดจากการสอนให้กลุ่มคนที่ เรียนที่เกิดต่างที่ ต่างเวลา และต่างวัฒนธรรม ค�ำอธิบายหรือ ค�ำสอนจึงดูแตกต่างกัน แต่ประเด็นและความจริงในธรรมชาติ ไม่เคยเปลีย่ น เคยเป็นมาอย่างไรก็ยงั เป็นอยูอ่ ย่างนัน้ หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือส�ำหรับท่านผู้อ่านในยุค ปัจจุบนั จึงใช้คำ� อธิบายในแนวสมัยใหม่ สามารถใช้ค�ำอธิบาย และอ้างอิงตามหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นความรู้และหลักการ ทีไ่ ด้รบั การยอมรับอยูแ่ ล้ว ท่านผูอ้ า่ นจึงสามารถเข้าใจตามความ รูใ้ นยุคปัจจุบันที่มีอยู่ได้โดยง่าย เนื้อหาจึงเต็มไปด้วยความเป็นวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ และทุก ๆ ศาสตร์ที่จ�ำเป็นต้องน�ำมาอ้างอิงและกล่าวถึง

�������_27_02_55.indd 26

3/23/12 2:17 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

27

เนื้อหาหนังสือในตอนที่ ๑ เป็นการเล่าประสบการณ์ การเรียนรู้ที่ทั้งสนุกสนานและมหัศจรรย์ เริ่มต้นตั้งแต่ในวัย เด็ก จนกระทั่งได้เรียนรู้มากขึ้นจากการท�ำสมาธิ และจากการ พยายามศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม จนเข้าใจความเป็นจริงของ ชีวิตทั้งหมดด้วยตัวเอง เป็นการรวบรวมรายละเอียด ความรู้ และประสบการณ์ จ ริ ง  ๆ บางส่ ว นของชี วิ ต ในระยะเวลา ประมาณห้าสิบปี เนื้อหาตอนที่ ๒ เป็นการน�ำความรู้เหล่านี้มาวิเคราะห์ จนเห็นและเข้าใจกลไกของชีวิตที่แท้จริง เป็นการตกผลึก ทางความคิดจากประสบการณ์และความรู้ทั้งหมดที่ได้รับมา ตลอดชีวิต ส่วนนี้จะอธิบายความเป็นมาของชีวิตคนเราจริง ๆ ดัง นั้น เนื้อหาตอนนี้จะช่วยให้ท่านผู้อ่านมองเห็นและเข้าใจภาพ รวมของชีวิต เข้าใจกลไกธรรมชาติหรือกฎแห่งกรรมที่สร้าง พวกเราและทุกสรรพสิ่งอย่างละเอียด ท�ำให้รู้ว่าเหตุใดเราจึง เป็นอยูอ่ ย่างทุกวันนี้ ช่วยให้เราเข้าใจพลังธรรมชาติอนั อัศจรรย์ ที่ควบคุมเราอยู่

�������_27_02_55.indd 27

3/23/12 2:17 PM


28

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ความรูเ้ หล่านี้ จะช่วยให้เราเห็นหนทางการบริหารชีวติ ตัวเองได้ในทุก ๆ ด้าน ไม่วา่ จะเป็นทางด้านร่างกาย หรือจิตใจ หรือแม้แต่บริหารวงจรชีวิต บุญ และกรรม เนื้อหาตอนที่ ๓ เป็นการน�ำความรู้ที่ได้ทั้งหมด มาใช้ ให้เกิดประโยชน์ ด้วยแนวทางการฝึกฝนสติและสมาธิ ที่ อาจารย์ได้คดิ ค้นขึน้ จากการสอนกลุม่ ลูกศิษย์มานานกว่าสิบปี เป็นการรวบรวมวิธีการฝึกฝนที่ได้ผลมากที่สุด ซึ่งเป็นวิธีที่ อาจารย์และกลุ่มลูกศิษย์ ยังใช้ฝึกฝนตนเองอยู่ในชีวิตประจ�ำ วันทุกวัน จนเห็นผล และคนที่ฝึกตามสม�่ำเสมอ ก็พากัน เปลี่ยนแปลงเป็นคนใหม่ทุกคน จึงเป็นวิธีฝึกฝนที่ผ่านการ พิสูจน์แล้วว่า ท�ำได้จริงและเห็นผลแล้วจริง ๆ เนื้อหาตอนสุดท้าย จะเป็นประสบการณ์และตัวอย่าง ของการฝึกฝนของลูกศิษย์ทไี่ ด้เปลีย่ นแปลงตนเองจากการฝึก สติและสมาธิอย่างชัดเจนแล้ว เป็นการเล่าพัฒนาการการฝึกฝน ของพวกเขา เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้เห็นตัวอย่างของจริง จาก ประสบการณ์จริง

�������_27_02_55.indd 28

3/23/12 2:17 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

29

จากการฝึกฝนธรรมดาแบบเนิบ ๆ ซึ่งไม่ค่อยพัฒนา เกือบสิบปี และทันทีที่ใช้แนวฝึกฝนล่าสุดที่อาจารย์แนะน�ำให้ พวกเขาท�ำ เขาก็สามารถเปลีย่ นแปลงตัวเองอย่างชัดเจนภายใน ระยะเวลาสัน้  ๆ จึงเป็นตัวอย่างทีช่ ดั เจนมาก เพือ่ ให้ทา่ นผูอ้ า่ น มัน่ ใจและมีกำ� ลังใจในการเปลีย่ นแปลงตัวเองว่าเป็นเรือ่ งไม่ยาก มีผู้ใหญ่ที่นับถือมากท่านหนึ่ง บอกอาจารย์ว่า “เธอต้องเขียนหนังสือบอกสิ่งที่ตัวเองรู้ทั้งหมด เพราะ สิ่งที่เธอรู้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นมาก ใช้การเข้าใจชีวิตและ ด�ำเนินชีวิตของเธอและลูกศิษย์เธอนั่นแหละ เป็นตัวอย่างของ จริงให้ทกุ คนเห็นว่า ใคร ๆ ก็เปลีย่ นแปลงตัวเองและมีชวี ติ เช่น นี้ได้ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น เพราะทั้งหมดเป็นเรื่องจริง” อาจารย์ ข อฝากความรู ้ ซึ่ง เป็ น ความจริง ในหนัง สือ เล่มนี้ให้กับท่านผู้อ่านทุกท่าน ได้เรียนรู้ ฝึกฝน บอกต่อ แนะน�ำและช่วยกันเปลีย่ นแปลงชีวติ ของเราให้สดใสขึน้ เก่งขึน้ และมีความสุขอย่างแท้จริงกับชีวิตที่เป็นของพวกเรา

�������_27_02_55.indd 29

3/23/12 2:17 PM


�������_27_02_55.indd 30

3/23/12 2:17 PM


ตอนที่ ๑ ประสบการณ์ ความรู้อันมหัศจรรย์ของชีวิต

�������_27_02_55.indd 31

3/23/12 2:17 PM


ำจเป็นเพรำะควำมโชคดีบวกกับบุญและนิสยั เก่ำ ที่สั่งสมมำ ท�ำให้อำจำรย์เป็นคนชอบกำรสังเกต วิเครำะห์และเรียนรู้ตลอดเวลำตัง้ แต่สมัยเด็ก ซึง่ เป็นทีม่ ำของ กำรเริ่มฝึกฝนและพัฒนำนิสัยกำรมีสติมำกขึ้นเรื่อยมำจนถึง ปัจจุบัน ยิ่งนำนวัน สติที่ได้พัฒนำจนกลำยมำเป็นนิสัยในชีวิต ประจ�ำวัน ก็ยิ่งมีควำมชัดเจน คมชัด และต่อเนื่องมำกขึ้น จน ส่งผลให้ไม่วำ่ จะเรียนรูส้ งิ่ ใด จะสำมำรถมองและเรียนรูส้ งิ่ นัน้ ๆ ด้วยควำมเข้ำใจ โดยสำมำรถมองเห็นและเข้ำใจตั้งแต่สำเหตุ ทีม่ ำและทีไ่ ปของทุก ๆ อย่ำง และไม่เพียงเข้ำใจทัง้ หมดเท่ำนัน้ ควำมมี ส ติ ยั ง ท� ำ ให้ ส ำมำรถดึ ง เอำประโยชน์ และควำมรู ้ จำกสิ่งที่มองเห็นและเรียนรู้ มำใช้ประโยชน์ต่อได้เสมอ

�������_27_02_55.indd 32

3/23/12 2:17 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

33

เช่น สมัยเด็ก ๆ อายุประมาณ ๑๓ ขวบ อาจารย์ชอบ นัง่ ดูคณ ุ แม่ตดั เย็บเสือ้ ผ้า วันหนึง่ คุณแม่ตดั แพทเทิรน์ กระดาษ รูปแปลก ๆ เป็นคล้ายก้นหอย ซึง่ ไม่ใช่รปู ทรงของเสือ้ ผ้าทีเ่ ห็น คุณแม่ตัดเป็นประจ�ำ จึงถามคุณแม่ว่าตัดอะไร แทนที่คุณแม่ จะตอบ คุณแม่กลับตัดกระดาษจนเสร็จและใช้วธิ กี างกระดาษ ให้ดูแทนค�ำอธิบาย ท�ำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คุณแม่ตัด แพทเทิร์นกระดาษส�ำหรับท�ำระบายคอที่ตกแต่งตัวเสื้อ แล้ว คุณแม่จึงค่อยพูดอธิบายต่อ การแสดงให้เห็น และอธิบายไปพร้อม ๆ กัน ท�ำให้ เข้าใจเร็วและง่ายมาก สิ่งที่ได้เรียนรู้ครั้งนั้น ไม่ใช่เพียงวิธีท�ำที่ระบายคอติด เสื้อ แต่เป็น วิธีสอนที่ดีที่สุดคือการแสดงให้เห็น เพราะหลาย สิ่งหลายอย่างในชีวิต ไม่สามารถอธิบายด้วยค�ำพูดให้เข้าใจ ชัดเจนได้

�������_27_02_55.indd 33

3/23/12 2:17 PM


34

กฤติยา อัศวเรืองชัย

หลังจำกนัน้ ไม่นำน อำจำรย์กต็ ดั เย็บเสือ้ ผ้ำใส่เอง ด้วย กำรเรียบเรียงควำมเข้ำใจที่เก็บไว้ทั้งหมดจำกกำรนั่งดูคุณแม่ ตัดเย็บเสื้อผ้ำ มำทดลองท�ำเอง ด้วยนิสัยที่ไม่ค่อยพูด และชอบอยู่คนเดียว จึงไม่มี ใครเบีย่ งเบนควำมสนใจ ในขณะทีอ่ ำจำรย์พยำยำมสังเกตและ เรียนรูท้ กุ ๆ อย่ำงรอบตัวด้วยสติ จำกกำรมองสังเกตไปเรือ่ ย ๆ วันหนึ่ง เริ่มสังเกตควำมรู้สึกของตัวเองที่เกิดขึ้นข้ำง ในอกขณะที่มองคนอื่น ว่ำกำรมองแต่ละคนนั้น ก่อให้เกิด ควำมรู้สึกภำยในอกไม่เหมือนกัน เป็นควำมรู้สึกแผ่ว ๆ ที่เกิด ซึ่งต้องสังเกตจริง ๆ เมื่อมองต่อไปเรื่อย ๆ สังเกตได้ว่ำ ควำม รู้สึกของคนบำงคนที่คล้ำย ๆ กัน พวกเขำก็มักจะมีพฤติกรรม หรืออำรมณ์ที่แสดงออกมำคล้ำย ๆ กัน

�������_27_02_55.indd 34

3/23/12 2:17 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

35

ความรู้สึกÀายในที่สัมผัสได้นั้น  คือลักɳะ¢องอารม³์ หรือนิสัย¢องคน ๆ นั้น

�������_27_02_55.indd 35

3/23/12 2:17 PM


36

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ยิ่งมองก็ยิ่งจ�ำลักษณะนิสัยได้หลายแบบ เริ่มแปล ความหมายของความรู้สึกที่ได้รับ พอนานเข้า ก็กลายเป็น สามารถอ่านลักษณะและนิสัยของคนอื่นจากการมองเท่านั้น ตอนนัน้ คิดเพียงว่าตัวเองช่างสังเกต และเรียนรูเ้ ร็ว ไม่ เข้าใจและไม่รู้ว่าเป็นการใช้สัมผัสที่ ๖ อ่านค่าพลังงานหรือ อารมณ์ทอี่ ยูใ่ นคนแต่ละคน และไม่รเู้ ลยว่า การเอาแต่มองและ สังเกตเช่นนี้ จะท�ำให้อาจารย์พบเจอประสบการณ์ที่ให้ความรู้ ต่าง ๆ มากมายอย่างเหลือเชื่อ

�������_27_02_55.indd 36

3/23/12 2:17 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

37

เริ่มสังเกตเห็นกลไกชีวิต ความชอบนิ่ง สังเกต รู้สึก และคิดหาเหตุผลของทุก อย่างที่เห็น เริ่มเข้ามาเป็นนิสัยตั้งแต่เด็กอย่างช่วยไม่ได้ ท�ำให้ ไม่คิดฟุ้งซ่านและซนอย่างเด็กทั่วไป แต่ชอบเรียนรู้และอยาก เข้าใจที่มาของทุกอย่างที่เห็น โดยจะคิดและวิเคราะห์อยู่คน เดียวเงียบ ๆ และเก็บข้อมูลมาเรียบเรียงต่อกันเพือ่ ความเข้าใจ ของตัวเอง เรื่องที่สังเกตและเรียนรู้ทั้งหมดตั้งแต่เด็ก เป็นส่วน ส�ำคัญ และเป็นแรงผลักดันให้อาจารย์สนใจ และใฝ่เรียนรู้ มากยิ่งขึ้น จนในที่สุดสามารถเข้าใจกลไกของชีวิต และเข้าใจ ที่ไปและที่มาของพวกเรา จนเห็นความส�ำคัญของการพัฒนา ฝึกฝนสติและสมาธิจนถึงทุกวันนี้

�������_27_02_55.indd 37

3/23/12 2:17 PM


38

กฤติยา อัศวเรืองชัย

รู้อนำคตจำกฝัน ประสบกำรณ์ แ รก ๆ เป็ น ช่ ว งที่อ ำจำรย์ อ ำยุ เ พีย ง ประมำณ ๒ ขวบกว่ำ อำจำรย์เป็นเด็กทีไ่ ม่คอ่ ยฝัน แต่ถำ้ ครัง้ ใด ที่ฝันและจ�ำได้ชัดเจนก็มักจะเป็นเรื่องจริงทุกที คืนหนึ่ง อำจำรย์ฝันว่ำโดนผีหลอกในห้องนอน ในฝัน พยำยำมเรียกคุณแม่ให้ช่วย แต่คุณแม่ไม่ได้ยิน เลยวิ่งหนีผี ออกไปข้ำงนอก ทีบ่ ริเวณห้องรับแขก รีบไปนัง่ ไหว้พระพุทธรูป ที่อยู่บนตู้ด้วยควำมกลัว ขณะทีก่ ำ� ลังไหว้พระอยูน่ นั้ ได้ยนิ เสียงคนคุยกันดังมำ จำกข้ำงหลังด้ำนซ้ำยที่เป็นห้องคุณอำ จึงหันไปดู ภาพที่เห็น และจ�าได้จากในฝันคือ มีคนอุม้ เด็กอ่อนยืนคุยอยูก่ บั อาสะใภ้ ที่หน้าห้องของคุณอา ภำพนั้นติดตำและอำจำรย์ก็ตื่นขึ้น

�������_27_02_55.indd 38

3/23/12 2:17 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

39

ตอนนัน้ ก็ดเู หมือนเป็นความฝันปกติแต่อกี ไม่กวี่ นั ต่อ มาก็มีเสียงดังเอะอะของคนงานช่วยกันขนของขึ้นมาบนบ้าน อาจารย์ก็เดินไปดูตามประสาเด็ก ตาเหลือบไปเห็นกระโปรง เด็กสีชมพูเป็นลูกไม้สวยตัวหนึ่งถูกขนขึ้นมาด้วย เย็นวันนั้น คุณแม่พาอาจารย์เข้าไปห้องคุณอาบอกว่า จะให้ดูอะไร เข้าไปเห็นคุณอาสะใภ้อุ้มน้องตัวเล็กคนใหม่นั่ง อยู่บนเตียง ถึงรู้ว่าคุณอาพาน้องตัวเล็กกลับมาบ้านเหมือนกับ ในฝันไม่มีผิด ตอนนั้นดีใจเห็นน้องตัวเล็กคนใหม่ แต่ที่ดีใจ ยิ่งกว่า คือคุณอายกกระโปรงลูกไม้สีชมพูตัวสวยให้ ด้วยความที่ตอนนั้นอาจารย์ยังเด็กมาก จึงคิดว่าฝัน แบบนี้เป็นเรื่องธรรมดา การมีประสบการณ์เหล่านี้ตั้งแต่เด็ก ท�ำให้ไม่แปลกใจเมื่อเจอเหตุการณ์แปลก ๆ อื่น ๆ ในชีวิตที่ อาจารย์ได้น�ำมาลงในหนังสือเล่มนี้ ซึ่งท่านผู้อ่านจะได้อ่านใน บทต่อ ๆ ไป

�������_27_02_55.indd 39

3/23/12 2:17 PM


ข้อคิด ควำมมีสติจึงเป็นหัวใจของควำมสำมำรถในกำรจ�ำ ควำมมีสติต่อเนื่องมำกกว่ำคนอื่น ๆ ช่วยให้อำจำรย์สำมำรถจ�ำเรื่องรำวในวัยเด็กได้ดีกว่ำคนทั่วไป

�������_27_02_55.indd 40

3/23/12 2:18 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

41

ควำมสำมำรถมนุษย์ไม่มีขีดจ�ำกัด ในช่วงที่เป็นวัยรุ่น อำจำรย์เคยดูรำยกำรโทรทัศน์ รำยกำรหนึง่ เป็นเทปบันทึกภำพรำยกำรของฝรัง่ รำยกำรนีเ้ ชิญ คนทีม่ คี วำมสำมำรถพิเศษจำกทัว่ โลกมำแสดงควำมสำมำรถให้ เห็นบนเวที แม้แต่คนไทยก็เคยถูกเชิญไปออกรำยกำรด้วย เป็นผู้ชำยไทยที่มีควำมสำมำรถในกำรปีนขึ้นต้นตำลอย่ำง รวดเร็วด้วยกำรใช้ผ้ำขำวม้ำเพียงผืนเดียว โดยจับผ้ำขำวม้ำ โอบต้นตำลดึงตัวขึ้น และใช้ส่วนหัวเข่ำหนีบปีนตำมจังหวะที่ ขยับผ้ำขำวม้ำขึ้นไป ในรำยกำรจัดให้มเี สำเหล็กกลมสูงคล้ำยต้นตำล ๒ ต้น ต้นหนึ่งใช้บันไดพำดให้คนปีน อีกต้นหนึ่งให้คนไทยปีนด้วย ผ้ำขำวม้ำ และให้ทั้งสองแข่งกันปีนขึ้น ปรากฏว่าผ้าขาวม้าไทยเราท�าลายสถิตชิ นะบันไดฝรัง่

�������_27_02_55.indd 41

3/23/12 2:18 PM


42

กฤติยา อัศวเรืองชัย

แต่ที่ประทับใจที่สุดคือเรื่องของผู้หญิงชาวญี่ปุ่นวัย ประมาณ ๔๐ ที่มีอาชีพขายส่งแอปเปิ้ลอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ความพิเศษของเธอคือ เธอสามารถเลือกลูกแอปเปิ้ลตามน�้ำ หนักที่ต้องการด้วยการใช้เพียงมือชั่งเท่านั้น ในรายการจัดให้มแี อปเปิล้ กองใหญ่กองรวมกันอยูบ่ น โต๊ะ แล้วด้านหนึ่งของโต๊ะมีตาชั่งที่เป็นตัวเลข สิ่งที่เธอท�ำคือ เธอจะหยิบแอปเปิ้ลขนาดทีต่ ้องการเลือกออกมาจากกอง แล้ว น�ำไปชั่งที่ตาชั่ง โดยเลือกและชั่งด้วยมือก่อน น่าอัศจรรย์มากที่แอปเปิ้ลทุกลูกที่เธอเลือกหยิบออก มาจากกองแล้วน�ำมาชั่งบนเครื่องชั่งนั้น มีน�้ำหนักเท่ากัน ทัง้ หมด เธอไม่ได้เลือกเพียงแค่นำ�้ หนักเดียว เธอสามารถเลือก น�ำ้ หนักตามทีต่ อ้ งการ เช่นถ้าบอกว่าต้องการน�ำ้ หนักขนาดไหน เธอจะใช้มือหยิบชั่งดูเพียงแวบเดียวก็จะได้ และเมื่อตรวจกับ เครื่องชั่งก็ถูกต้องทุกครั้ง เธอให้สัมภาษณ์ว่า เธอจะฝึกชั่งด้วยมือ ก่อนชั่งด้วย เครื่องทุกครั้ง และได้ท�ำมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว

�������_27_02_55.indd 42

3/23/12 2:18 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

43

เรือ่ งนีท้ ำ� ให้อาจารย์แน่ใจว่า มนุษย์ฝกึ ได้ หัดได้ อย่าง ไม่มีขีดจ�ำกัด คิดดูซิว่า ใช้มือแทนตาชั่งหาน�้ำหนักลูกแอปเปิ้ล ขนาดที่ต้องการได้ หรือปีนขึ้นต้นตาลด้วยผ้าขาวม้าได้เร็วกว่า ปีนบันได หากลองคิดถึงการแข่งขันว่ายน�้ำโอลิมปิก นักว่ายน�้ำ รุ่นใหม่ท�ำลายสถิติเก่าได้ตลอดไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี ดูเหมือน มนุษย์จะสามารถว่ายน�ำ้ ได้เร็วขึน้ ทุก ๆ ปี โดยยังไม่มขี ดี จ�ำกัด และที่ทุกคนท�ำได้อย่างมหัศจรรย์นั้น เป็นเพียงการฝึกฝนตัว เองทุกวันเท่านั้น

�������_27_02_55.indd 43

3/23/12 2:18 PM


ข้อคิด ควำมสำมำรถของมนุษย์ทั้งหมด เกิดจำกกำรท�ำสิ่งใดสิ่งหนึ่งซ�้ำ ๆ ทุกวัน จนเกิดควำมจ�ำซึ่งเรียกว่ำ “ทักษะ” ในกำรท�ำสิ่งนั้น ๆ กำรบันทึกควำมจ�ำด้วยวิธีฝึกฝนจึงเป็นหัวใจส�ำคัญ ของกำรพัฒนำควำมสำมำรถทุกชนิดของมนุษย์ มนุษย์จึงฝึกและหัดได้อย่ำงไม่มีขีดจ�ำกัด

�������_27_02_55.indd 44

3/23/12 2:18 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

45

มนุษย์เกิดมำเพื่อเก่งทุกคน ประสบกำรณ์ครัง้ นี้ ท�ำให้อำจำรย์แน่ใจว่ำ ไม่มใี ครเกิด มาโง่ ทุกคนเกิดมาเก่งและฉลาดได้ทั้งหมด เรือ่ งมีอยูว่ า่ อำจำรย์เป็นพีส่ ำวคนโตของน้องหลำยคน โดยปกติพี่ก็ต้องสอนกำรบ้ำนน้องอยู่แล้ว หน้ำที่สอนกำรบ้ำน น้องผูห้ ญิงจึงตกอยูก่ บั อำจำรย์ ส่วนหน้ำทีส่ อนน้องชำยตัวเล็ก จึงเป็นของน้องชำยคนรอง วันหนึ่งเจ้ำน้องชำยตัวโตก็มำบ่นให้ฟังว่ำ เจ้ำน้องชำย ตัวเล็ก “บื้อ” มำก สอนเท่ำไหร่ไม่เคยรู้เรื่อง ก็เลยถำมไปว่ำ สอนไม่รู้เรื่องแล้วท�ำอย่ำงไร น้องชำยคนรองก็ตอบว่ำ ก็บอก ค�ำตอบไปเลย “อุ๊ย... แล้วน้องจะท�าตอนสอบได้ยังไง” (อำจำรย์คิด ในใจ) เลยอำสำสอนน้องชำยตัวเล็กเอง

�������_27_02_55.indd 45

3/23/12 2:18 PM


46

กฤติยา อัศวเรืองชัย

วันแรกที่ไปสอนก็เลยเข้าใจว่า เจ้าตัวโตมาบ่นให้ฟัง เพราะอะไร เพราะเจ้าตัวเล็กเอาแต่นงั่ เอ๋อและเงียบ ถามก็ตอบ ไม่ได้ ดูเหมือนคิดช้า และออกจะงง ๆ สอนไปสอนมาก็ไม่ร้ไู ม่ เข้าใจสักที เลยชักจะร�ำคาญและเริ่มโมโหแล้ว แต่ด้วยความที่ ไม่อยากดุน้อง จึงขย�ำกระดาษและปาไปที่พื้นแล้วเดินออกมา แป๊ปเดียว ก็ได้ยินเสียงสะอื้นร้องไห้ของเขา สงสารเลยเดิน กลับเข้าไป และคิดหาวิธีใหม่ช่วยให้เขาเข้าใจได้ง่ายที่สุด เนื่องจากโจทย์เลขที่พยายามสอนเขาอยู่ตอนนั้น เป็น โจทย์แบบมีค�ำถาม และเป็นเลขหลายหลัก อาจารย์คิดว่า ตัวเลขเยอะ ๆ อาจท�ำให้น้องรู้สึกยาก และจากประสบการณ์ที่ เรียนรู้จากที่คุณแม่กางกระดาษให้ดูเมื่อเด็ก ๆ ท�ำให้อาจารย์ เปลี่ยนวิธีสอนน้อง โดยเอายางลบดินสอทั้งหมดที่มีมาตั้งโจทย์ใหม่ ใช้ ค�ำถามแบบเดียวกัน แต่ท�ำให้เห็นอยู่ข้างหน้าชัด ๆ โดยใช้ ยางลบและดินสอที่จ�ำนวนน้อยกว่าแทนตัวเลข และถามเขา ด้วยการแสดงให้เห็นจริง ๆ ไม่ใช่จากการอ่านโจทย์ในหนังสือ

�������_27_02_55.indd 46

3/23/12 2:18 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

47

ปรากฏว่าเจ้าตัวเล็ก เข้าใจและตอบได้อย่างถูกต้อง อาจารย์กเ็ ลยหันกลับมาทีโ่ จทย์เดิมซึง่ เขาท�ำไม่ได้ และ อธิบายให้เห็นว่ามันเหมือนกัน เพียงแต่ตัวเลขต่างกันแค่นั้น เจ้าตัวเล็กก็ก้มหน้าท�ำเลขข้อที่ท�ำให้ตัวเองสะอื้นร้องไห้ตอน แรกได้อย่างง่ายดาย เรือ่ งของเจ้าตัวเล็กไม่ได้จบเพียงเท่านัน้ เจ้าตัวเล็กเริม่ ตัวโตขึ้น และเรียนอยู่ชั้นมัธยมแล้ว วันหนึ่งกลับมาจาก โรงเรียนก็มาเล่าให้อาจารย์ฟัง ด้วยความตื่นเต้นว่า “พี่ครับ... วันนี้ผมเท่...น่าดูเลย” เขาพูดด้วยหน้าที่ยิ้มบานแฉ่งแบบมีความสุข อาจารย์ เลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น

�������_27_02_55.indd 47

3/23/12 2:18 PM


48

กฤติยา อัศวเรืองชัย

เขาเล่าว่า “วันนี้ครูวิทยาศาสตร์เข้าห้องช้า ผมก็เลย เปดหนังสือวิทยาศาสตร์ดูไปเรื่อย ๆ พอดีครูเข้ามา และถาม ค�าถามในหนังสือที่ผมเพิ่งเห็นและอ่านพอดี ก็เลยยกมือตอบ ครูได้ ครูก็เลยชมว่าเก่งมาก เท่...น่าดูเลย คอยดูนะ ผมจะ อ่านหนังสือเตรียมไปก่อนเรียนทุกวัน” ดูเจ้ำตัวเล็กของอำจำรย์ซึ่งเคยเป็นเด็กที่พี่ชำยเคย เรียกว่ำ ‘บื้อ’ มีควำมสุขมำกในวันนั้น และสิ่งที่เกิดขึ้นตำมมำ ก็คือ เขำได้ผันตัวเองจนเรียนจบไปเป็นแพทย์รักษำเด็ก ปัจจุบันได้จบปริญญำเอกแล้ว และชีวิตประสบควำม ส�ำเร็จอย่ำงมำก สิ่งที่อำจำรย์ได้เรียนรู้จำกกำรสอนเจ้ำตัวเล็ก และกำร ที่ได้เห็นกำรเปลี่ยนแปลงของเขำ ท�ำให้แน่ใจว่ำ มนุษย์เกิดมา เพื่อเก่งทุกคน

�������_27_02_55.indd 48

3/23/12 2:18 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

49

แม้แต่คนที่เราคิดว่าโง่นั้น ความจริงเขาไม่ได้โง่ อาจ เป็นเพราะลักษณะนิสยั การเรียนรู้และสภาพแวดล้อมบีบคัน้ ท�ำให้การเรียนรูช้ ะงักหรือช้า กรณีทเี่ กิดขึน้ กับเจ้าตัวเล็กนีเ้ ห็น ได้อย่างชัดเจนว่า มนุษย์ทุกคนมีความแตกต่าง จึงต้องใช้วิธี สอนที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ มนุษย์ยงั ต้องการแรงบันดาลใจ และความ มัน่ ใจว่า ตัวเองมีความสามารถทีจ่ ะท�ำได้ ทีเ่ กิดขึน้ ในใจตัวเอง ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง เพื่อเป็นแรงผลักดันให้พัฒนาตัวเองต่อไป และเมือ่ ยิง่ พัฒนา ก็จะยิง่ ส�ำนึกว่าตัวเองมีความสามารถ ท�ำให้ มี แ รงผลั ก ดั น ต่ อ เนื่ อ ง ให้ ตั ว เองเดิ น หน้ า ต่ อ ไปได้ อี ก อย่างไม่หยุด จนเกิดความส�ำเร็จในชีวิต

�������_27_02_55.indd 49

3/23/12 2:18 PM


ข้อคิด มนุษย์เกิดมำเพื่อเรียนรู้ และเก่งได้ทุกคน กำรสอนที่มีประสิทธิภำพที่สุด ไม่ใช่กำรพูด แต่เป็นกำรแสดงให้เห็น

�������_27_02_55.indd 50

3/23/12 2:18 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

51

ตัวตนที่แท้จริงของเรา คือจิตวิญญาณ เมื่อช่วงอายุประมาณ ๑๘ ปี อาจารย์ได้มีโอกาสรู้จัก พี่ ค นหนึ่ ง ท� ำ งานเป็ น หั ว หน้ า ห้ อ งชั น สู ต รพลิ ก ศพในโรง พยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง เมือ่ ได้รวู้ า่ พีค่ นนีท้ ำ� งานด้านนี้ ด้วยความอยากรูอ้ ยาก เห็น วันเสาร์ถัดมา จึงขอโอกาสเข้าไปดูการท�ำงานในห้อง ชันสูตรศพ เมือ่ ไปถึงห้องนัน้ พีอ่ นุญาตให้นงั่ บริเวณใกล้ประตู ซึ่งเป็นที่นั่งเหมือนอัฒจันทร์ ทันทีที่นั่งเรียบร้อย ก็มองไปฝั่ง ตรงข้ามของห้อง เห็นโต๊ะแสตนเลสยาวขนาดเท่าเตียง มีขอบ เหมือนอ่าง บนนั้นมีร่างผู้ชายที่เสียชีวิตแล้วคนหนึ่ง ที่บริเวณ หน้าอกถูกเปิดออกอยู่แล้ว รู้สึกวาบอยู่เหมือนกัน จ�ำได้แม่นทีส่ ดุ คือกลิน่ แรง ๆ ของคาวมนุษย์และกลิน่ ฟอร์มาลีนที่ท�ำให้แสบตา... บริเวณนั้น มีพนักงานอีกท่านหนึ่งก�ำลังท�ำงานง่วนอยู่ กับร่างผู้ชายคนนั้น “เขาเสียชีวิตจากอะไรคะ”

�������_27_02_55.indd 51

3/23/12 2:18 PM


52

กฤติยา อัศวเรืองชัย

พี่คนนั้นตอบว่า “ก�ำลังดูอยู่ว่าเสียชีวิต เพราะสูบบุหรี่ จัดหรือดื่มเหล้าจัด” พีเ่ ขาตอบขณะทีก่ ำ� ลังน�ำตับของชายคนนัน้ มาถ่ายภาพ บนโต๊ะสีด�ำที่ปูกระจก มีกล้องติดอยู่เหนือโต๊ะ เพื่อเก็บเป็น หลักฐาน อาจารย์จงึ ลุกจากทีน่ งั่ ไปดูใกล้ ๆ พีเ่ ขาอธิบายว่า “โดย ปกติผิวตับจะเรียบ แต่ของคนนี้ บวมขึ้นมาเป็นตุ่มเล็ก ๆ” เมื่อมองไปที่ผิวตับ สังเกตเห็นผิวไม่เรียบ มีลักษณะเป็นตุ่ม เม็ดเล็ก ๆ อยู่บนผิวตับทั้งหมด พี่เขาบอกว่า “แบบนี้แหละที่ เรียกว่าตับแข็ง” สั ก ครู ่ ก็ ไ ด้ ยิ น เสี ย งพนั ก งานอี ก คนพู ด ดั ง ขึ้ น มาว่ า “เลื่อยไฟฟ้าเสีย ต้องใช้เลื่อยธรรมดา” อาจารย์จึงหันไปมอง สิ่งที่เห็นคือ พนักงานคนนั้นก�ำลังเลื่อยเปิดกะโหลกของผู้เสีย ชีวิตตามขั้นตอนของการชันสูตรศพ

�������_27_02_55.indd 52

3/23/12 2:18 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

53

แต่เนื่องจากเป็นเลื่อยธรรมดา ทุกครั้งที่ขยับเลื่อยไป มา ร่างของผูต้ ายจะถูกแรงเลือ่ ยโยกเหวีย่ งไปมาบนโต๊ะ สภาพ ที่เห็นท�ำให้คิดได้ว่า “มนุษย์เป็นมนุษย์ ก็ตอนที่มีจิตวิญญาณ เท่านั้น” หลังจากวันนั้น ก็ยังมีโอกาสเห็นผู้ที่เพิ่งเสียชีวิตจาก การโดนไฟครอกทัง้ ตัว สาเหตุจากโรงงานระเบิด จึงท�ำให้สภาพ ร่างกายของเขาเปลี่ยนไปจากคนปกติ การได้พบเห็นสภาพ ร่างกายของมนุษย์ทไี่ ม่มจี ติ ใจหรือจิตวิญญาณแล้ว ท�ำให้เข้าใจว่า “ส่วนที่ส�ำคัญที่สุดของความมนุษย์ คือส่วนที่เป็นจิต วิญญาณ” ทีส่ ำ� คัญคือ จิตวิญญาณของเราไม่ได้สาบสูญหรือหาย ไปเมื่ อ เราตาย เพราะจิ ต วิ ญ ญาณของเราเป็ น พลั ง งานใน ธรรมชาติเช่นกัน นักวิทยาศาสตร์ก็รู้อยู่แล้วว่า พลังงานใน ธรรมชาติไม่มีวันหายไปไหน การตายของเราจึงไม่ใช่การตาย หรือหายไป แต่เป็นเพียงการเปลีย่ นสภาพหรือย้ายทีอ่ ยูเ่ ท่านัน้

�������_27_02_55.indd 53

3/23/12 2:18 PM


ข้อคิด เมื่อตัวเรำ หรือร่ำงของเรำตำย เรำไม่ได้ตำยจริง เพรำะตัวตนจริงของเรำคือ จิตวิญญำณ ที่ส�ำคัญคือ จิตของเรำนั้น ตำยไม่เป็น

�������_27_02_55.indd 54

3/23/12 2:18 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

55

มนุษย์เกิดมาพร้อมกับนิสัย เมื่อตอนลูกชายฝาแฝดยังเล็กมาก ๆ อายุเพียงไม่กี่ เดือน พวกเราอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา อาจารย์ต้องท�ำงาน บ้านและดูแลลูกไปพร้อม ๆ กัน จึงมักจะปูผา้ นวมไว้บนพื้น พรมให้เด็ก ๆ ทั้งสองคนนั่งเล่นกันเอง ของเล่นก็ไม่มีอะไร มากมาย มีเพียงของเล่นเด็กไม่กชี่ นิ้ และพวกกระป๋องกับถ้วย พลาสติกสองสามใบ วันหนึง่ อาจารย์กส็ งั เกตเห็นบางอย่างทีเ่ ด็ก ๆ ท�ำ เริม่ จากการเห็นลูกคนหนึง่ เอาถ้วยมาครอบกระป๋องมันฝรัง่ ยาว ๆ แล้วเขย่า ท�ำให้มเี สียงกระทบกันของกระป๋องกับถ้วยพลาสติก โดยที่อาจารย์ไม่เคยสอนหรือท�ำให้ดู ลูกอีกคนเห็น ก็เข้ามาคว้ากระป๋องมันฝรัง่ ไป เพือ่ เขย่า ให้มีเสียงบ้าง แต่ตอนที่คว้าไปนั้น ถ้วยที่ครอบอยู่หลุดออก จากกระป๋อง ก็เลยเขย่าไม่มเี สียง ลูกคนนีก้ เ็ ลยโยนกระป๋อง มันฝรั่งทิ้งไป

�������_27_02_55.indd 55

3/23/12 2:18 PM


56

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ลูกคนแรก ก็คลานไปหยิบมาและเอาถ้วยครอบอีก เขย่ามีเสียงอีก ลูกอีกคน ก็เข้ามาแย่งอีก ถ้วยก็หลุดอีก ไม่มีเสียงอีก เป็นอย่างนีอ้ ยูส่ องสามรอบ จนแล้วจนรอด อีกคนก็ไม่สามารถ เอาถ้วยมาครอบเขย่าให้เกิดเสียง ที่แปลกคือ เด็กสองคนนี้ เป็นฝาแฝด เกิดห่างกันเพียง ๔ นาที โตมาด้วยกันและตอน นัน้ อายุเพียงไม่กเี่ ดือน สิง่ ทีล่ กู  ๆ ท�ำนัน้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่า คนหนึ่งมีสิ่งที่อีกคนหนึ่งไม่มี ทั้งสองคนมีลักษณะพิเศษของตัวเองที่แตกต่างกัน! ลักษณะของแต่ละคนนั้น มีนิสัยติดตัวมาตั้งแต่เกิด เพราะคนที่เล่นกระป๋องไม่เป็น กลับมีความตั้งใจและความมุ่ง มั่นในการฝึกเดินด้วยตัวเอง จนเดินได้ก่อน เห็นได้ชดั ว่า นิสยั ทัง้ สองคนต่างกันตัง้ แต่เกิด ทัง้ สอง คนมีความสามารถต่างกัน ตั้งแต่ก่อนมาเกิดด้วยซ�้ำ

�������_27_02_55.indd 56

3/23/12 2:18 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

57

จากการเริ่ ม เห็ น และสั ง เกตได้ ว ่ า นิ สั ย และความ สามารถของเด็กทัง้ สองคน มีมาตัง้ แต่กอ่ นเกิด ท�ำให้เริม่ คิดถึง ความสามารถอืน่  ๆ ทีเ่ รามีตดิ มาตัง้ แต่เกิดทีเ่ รียกว่า “พรสวรรค์” นั่นย่อมหมายความว่า เราย่อมมีการสั่งสมนิสัยและ ความสามารถมาก่อนหน้าการเกิดครัง้ นีอ้ ย่างแน่นอน เช่น เคย ร้องเพลง หรือเคยวาดรูปมาก่อน เมื่อมาเกิดครั้งนี้ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จึงติดมาเป็นพรสวรรค์ ดังนั้น เรื่องภพชาติจึงเป็นเรื่องจริงอย่างเห็นได้ชัด ไม่เช่นนั้น พวกเราคงไม่มีพรสวรรค์หรือนิสัยเฉพาะแต่ละ บุคคลอย่างที่เห็นนี้ นีก่ เ็ ป็นอีกสาเหตุหนึง่ ทีท่ ำ� ให้อาจารย์ตงั้ ประเด็นตัง้ แต่นนั้ มาว่า ในเมื่อความสามารถและนิสัยของเรายังเอาข้ามภพข้าม ชาติมาได้ แล้วความจ�ำอืน่  ๆ ล่ะ เราจะเอามาได้ดว้ ยหรือไม่

�������_27_02_55.indd 57

3/23/12 2:18 PM


58

กฤติยา อัศวเรืองชัย

แต่ที่แน่ ๆ และเห็นได้ชัดเจนคือ ความจ�ำทั้งหมดของ เราทีค่ ดิ ว่าถูกบันทึกอยูใ่ นสมอง ย่อมไม่ได้ถกู บันทึกอยูใ่ นเนือ้ สมองของเราอย่างแน่นอน เพราะถ้าถูกบันทึกอยู่ในสมอง ความสามารถหรือพรสวรรค์ของเรา ก็คงเน่าหรือตายไปพร้อม กับร่างเดิมทีเ่ ราเคยเป็น และคงต้องถูกเผาไปพร้อมกับร่างกาย ของเราเมื่อเสียชีวิต คงไม่ส ามารถหอบเอาความจ�ำความ สามารถข้ามภพมาเป็นนิสัยและพรสวรรค์ได้ แต่เพราะนิสยั และพรสวรรค์ซงึ่ เป็นส่วนหนึง่ ของความ จ�ำของเรา ถูกบันทึกอยู่ในจิตวิญญาณของเรา และเนื่องจาก วิญญาณของเราไม่มีวันตาย แต่กลับมาเกิดใหม่วนเวียน ไปเรื่อย ๆ เมื่อพวกเราบันทึกความสามารถอยู่ในจิตวิญญาณ ตัวเอง เมื่อเราเกิดใหม่ จึงเกิดมาพร้อมกับนิสัยและพรสวรรค์ กันทุกคน

�������_27_02_55.indd 58

3/23/12 2:18 PM


ข้อคิด มนุษย์เก็บบันทึก ควำมรู้ ควำมทรงจ�ำ และทักษะทั้งหมด อยู่ในจิตวิญญำณของตัวเอง

�������_27_02_55.indd 59

3/23/12 2:19 PM


60

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ความคิด – สติกับความจ�ำ เป็นคนละส่วนกัน เหตุการณ์นี้ เป็นอีกครัง้ ทีส่ ำ� คัญและน่าคิดวิเคราะห์มาก เป็นเหตุการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้นกับลูกชายเมื่อครั้งลูกยังเล็ก พวกเราสามแม่ลูกและเพื่อนอาจารย์วางแผนไปเที่ยว พัทยากัน วันนั้นเป็นวันเสาร์ บังเอิญลูกคนหนึ่งเป็นผื่นขึ้น บริเวณน่อง เลยต้องพาลูกไปหาหมอทีโ่ รงพยาบาล ก่อนขับรถ ไปพัทยา กว่าจะถึงพัทยาก็บ่ายมาก ลูก ๆ ลงเล่นน�ำ้ ในสระจนห้าโมงเย็น ด้วยความเหนือ่ ย จากการเล่นน�้ำ หลังจากอาบน�้ำเสร็จ เด็ก ๆ เลยผล็อยหลับไป และตื่นประมาณเกือบสามทุ่ม ถึงได้ฤกษ์ไปกินข้าวเย็นที่ร้าน อาหารทะเลใกล้โรงแรม อาจารย์ ไ ม่ ลื ม ให้ ลู ก ทานยาแก้ ผื่ น ที่ ไ ด้ ม าจากโรง พยาบาลหลังอาหาร วันนั้นกว่าจะนอนก็เกือบห้าทุ่ม ไม่ทันได้ หลับสนิท ก็ได้ยินเสียงเพื่อนตะโกนเรียกด้วยความตกใจ

�������_27_02_55.indd 60

3/23/12 2:19 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

61

“ลูกเป็นอะไร...!!!” พอเปิดตาขึ้นก็เห็นลูกนอนกระตุกอย่างน่ากลัว จึงรีบ กระโดดออกจากเตียงคว้ากระเป๋าและกุญแจรถ บอกเพือ่ นให้ รีบอุ้มลูกตามมาพร้อมกับพูดว่า “คงจะแพ้ยา...” เพื่อนอุ้มลูกวิ่งตามหลัง ออกจากห้องไปที่ลิฟต์ซึ่งติด กับห้องนอน ภายในลิฟต์ พอกดชัน้ หนึง่ เสร็จ หันมาดูลกู เห็นลูกน�ำ้ ลายฟูมปากและมือไขว่คว้าอากาศ ในทันทีจากการมีสติ อาจารย์จับเอวลูกเอาขึ้นพาดคว�่ำหน้าบนไหล่ และตบหลัง อย่างแรงสองสามครั้ง ลิฟต์ถึงชั้นล่าง จึงจับลูกใส่แขนเพื่อน และรีบวิง่ ไปขับรถออกมารับเพือ่ นทีอ่ มุ้ ลูก ซึง่ ขณะนีน้ งิ่ สงบไป แล้วและรออยู่หน้าลอบบี้โรงแรม อาจารย์รีบรับขึ้นรถและพุ่ง ไปโรงพบายบาลทันที

�������_27_02_55.indd 61

3/23/12 2:19 PM


62

กฤติยา อัศวเรืองชัย

สักครู่ก็ได้ยินเสียงลูกพูดว่า “มามี่...จะไปไหนครับ” แต่เสียงพูดไม่ค่อยชัด อาจารย์ดใี จมากทีล่ กู ฟืน้ รีบบอกเพือ่ น ว่าอย่าให้เขาหลับ พอถึงโรงพยาบาลก็เข้าห้องฉุกเฉินในทันที แต่ลูกดูเหมือนอาการเริ่มดีขึ้นแล้ว จึงนอนอยู่โรงพยาบาลต่อ เพื่อรอดูอาการ ตอนเช้าหมอใหญ่มาถามอาการ อาจารย์จงึ เล่าเรือ่ งราว ทัง้ หมดให้หมอฟัง และบอกว่าลูกคงแพ้ยาทีก่ นิ เข้าไปก่อนนอน หมอฟังสักครู่แล้วถามอาจารย์ว่า “ทัง้  ๆ ทีค่ ณ ุ คิดและบอกหมอว่าลูกแพ้ยา ท�ำไมคุณจึง เอาลูกขึ้นไหล่และตบหลังลูกตอนอยู่ในลิฟต์” และหมอก็อธิบายให้ฟังต่อว่า “ลูกคุณไม่ได้แพ้ยา อาการกระตุกบนเตียง คือการขาดอากาศในช่วงแรก คงเป็น เพราะเด็กส�ำรอกอาหารเย็นออกมาอุดหลอดลมตัวเองขณะที่ หลับ อาการน�ำ้ ลายฟูมปากและมือคว้าอากาศในลิฟต์ คืออาการ ก�ำลังจะขาดใจ และที่เขาตื่นขึ้นมาในรถ แล้วพูดไม่ชัดเพราะ สมองขาดอ๊อกซิเจนชั่วคราว ท�ำให้ลิ้นแข็งจึงพูดไม่ชัด

�������_27_02_55.indd 62

3/23/12 2:19 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

63

...ถ้าคุณไม่ได้เอาลูกขึน้ ตบหลังตอนอยูใ่ นลิฟต์ ลูกคุณ คงตายไปแล้ว หลังจำกเหตุกำรณ์กำรช่วยลูกในลิฟต์ด้วยกำรมีสติ แล้ว ก็ยังมีเหตุกำรณ์ที่น่ำสนใจเกี่ยวกับกำรมีสติของอำจำรย์ เกิดขึ้นอีก ครั้งนี้เกิดขึ้นบนถนน ขณะที่อำจำรย์จูงมือลูกคนละ ข้ำง และก�ำลังพำลูกทัง้ สองเดินข้ำมถนนขณะทีเ่ ป็นสัญญำนไฟ แดงเพื่อให้คนข้ำม ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเบรคดังเอี๊ยดดดด... วินาทีแรก หำงตำขวำก็มองเห็นรถมอเตอร์ไซค์วิ่งมำ ด้วยควำมเร็วและเบรคไม่อยู่ เกือบพุ่งชนท้ำยรถที่หยุดให้คน ข้ำมถนน วินำทีนั้น เห็นเขำหักหลบท้ำยรถแล้วแฉลบก�ำลังพุ่ง มำทำงลูกชำย

�������_27_02_55.indd 63

3/23/12 2:19 PM


64

กฤติยา อัศวเรืองชัย

วินาทีที่สอง อาจารย์กระชากแขนลูกชายขึ้น ให้ตัวลูก เข้ามาติดกับแม่ทันที มอเตอร์ไซค์พุ่งผ่านหลังลูกไปอย่าง หวุดหวิด ลูกเอามือปิดที่หูข้างขวา เมื่อเปิดดูจึงเห็นว่ามีรอย แดงเป็นเส้นที่เกิดจากกระจกมองหลังของมอเตอร์ไซค์เฉี่ยว เมื่อหันไปมองคนขี่มอเตอร์ไซค์ เขาจอดอยู่ข้างทาง และยังไม่หายตกใจ แทบไม่น่าเชือ่ เลยว่าความมีสติจะท�ำให้เรา ช่วยชีวิตลูกไว้ได้อย่างเฉียดฉิว จ�ำได้ว่าเมื่อมองเห็นลูกน�้ำลายฟูมปาก สิ่งที่ส�ำนึกได้ คือวิธแี ก้ และสติทำ� ให้ตวั เองจัดการอย่างรวดเร็วแบบเหลือเชือ่ ทั้ง ๆ ที่คิดตลอดเวลาว่าลูกแพ้ยา เรื่องนี้ท�ำให้เห็นลักษณะของการท�ำงานของความรู้สึก นึกคิดได้ชัดขึ้นว่า ความคิดก็ส่วนความคิด ส่วนสติซึ่งผูกอยู่ กับความจ�ำก็เป็นอีกส่วนหนึง่ ทัง้ สองส่วนแยกกันอย่างเห็นได้ ชัดเจน

�������_27_02_55.indd 64

3/23/12 2:19 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

65

หากอาจารย์ยึดความคิดและท�ำไปตามความคิด ก็ คงจะหมดโอกาสช่วยลูก ลูกก็คงเสียชีวิตไปแล้ว แต่อาจารย์ ช่วยลูกด้วยสติ ซึ่งเก็บความทรงจ�ำวิธีแก้ไขซึ่งเรียนรู้มาตั้งแต่ เป็นนักเรียน จึงช่วยลูกได้ทัน เมือ่ น�ำเรือ่ งนีม้ าวิเคราะห์รว่ มกับประสบการณ์ทผี่ า่ นมา ก็พอจะสรุปได้ว่า การมีสติท�ำให้เราสามารถเอาความรู้ ซึ่ง แน่นอนว่าต้องเก็บอยู่ในจิตวิญญาณของเรา ดังนั้น การมีสติก็คือ การอยู่กับจิตวิญญาณของตัว เองนัน่ เอง เราจึงสามารถดึงความรูท้ เี่ ราเก็บไว้เองในจิตใจออก มาใช้ประโยชน์ได้ หากเรายังยึดอยู่ที่ความคิด ซึ่งสามารถจะ คิดได้ร้อยแปด มีทั้งผิดและถูก เราก็คงท�ำผิดท�ำพลาดตาม ความคิดได้ นั่นเอง”

�������_27_02_55.indd 65

สรุปคือ “การมีสติ คือการอยู่กับจิตแท้ ๆ ของเรา

3/23/12 2:19 PM


ข้อคิด สติ ท�ำให้อยูก่ บั จิตและควำมจ�ำ ซึง่ เป็นควำมรูท้ บี่ นั ทึก จำกประสบกำรณ์ จึงเป็นควำมรู้จริงและถูกต้อง แน่นอน ไม่มี ควำมลังเลหรือเปลี่ยนแปลง กำรกระท�ำที่ต่อเนื่องจำกสติจึง แน่นอน ไม่ไหล ไม่ลังเล จึงรวดเร็วมำก ส่วนความคิด เป็นสิ่งที่เรำคิดขึ้น บ่อยครั้งเป็นควำม คิดใหม่ จึงมีคดิ บวก คิดลบ คิดผิด คิดถูกไปตำมสถำนกำรณ์ แวดล้อม จึงมีลักษณะลังเลและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลำ กำรกระท�ำจำกควำมคิดจึงมีควำมลังเล ไม่แน่นอน ไหลไปมำ ท�ำให้ตัดสินใจช้ำ กำรกระท�ำจึงช้ำตำมกำรตัดสินใจ หรืออำจ จะทั้งผิดและช้ำ หำกอำจำรย์ ท� ำ ทุ ก อย่ ำ งตำมควำมคิ ด มำกกว่ ำ สติ อำจำรย์ก็คงต้องเสียลูกทั้งสองไปแล้ว ตั้งแต่เวลำนั้น

�������_27_02_55.indd 66

3/23/12 2:19 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

67

ชีวิตของเรำผูกพันกับดวงดำวบนท้องฟ้ำ ประสบกำรณ์ ที่ อ ำจำรย์ ก� ำ ลั ง จะเล่ ำ ต่ อ ไปนี้ เป็ น เหตุกำรณ์ที่ท�ำให้อำจำรย์มองชีวิตเปลี่ยนไปจำกเดิมทั้งหมด เป็นสาเหตุแรกเริ่มที่ท�าให้อาจารย์หันมาสนใจและเริ่มฝึกสติ สมาธิอย่างจริงจัง เป็นเหตุการณ์ที่ช่วยท�าให้มองเห็นกลไก ของชีวิตที่แท้จริงชัดแจ้งขึ้น เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับดวงดำวบนท้องฟ้ำ ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัวเรำ เพรำะอยู่ตั้งไกล ไม่เห็นว่ำดำว จะเกี่ยวกับเรำได้อย่ำงไร และเรำเห็นดำวก็เพียงในเวลำกลำง คืนเท่ำนั้น แต่ด้วยควำมมีสติและอยำกเข้ำใจที่มำและควำมจริง ของทุกสิ่งทุกอย่ำง ท�ำให้อำจำรย์ตั้งข้อสังเกตจำกเหตุกำรณ์ ครั้งนี้ จนในที่สุดน�ำมำซึ่งควำมเข้ำใจที่มีค่ำและเกิดปัญญำ

�������_27_02_55.indd 67

3/23/12 2:19 PM


68

กฤติยา อัศวเรืองชัย

เรือ่ งมีอยูว่ า่ เมือ่ อาจารย์อายุประมาณเกือบ ๓๐ ปี ได้ มีโอกาสพบกับพระอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านมีความสามารถทาง โหราศาสตร์อย่างมาก เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผูกดวงแบบ โหราศาสตร์ ท่านถามวันเดือนปีและเวลาเกิด อาจารย์ก็บอก ท่านไปว่า “วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๐๒ เวลา ๖ โมงครึ่งตอนเย็นค่ะ” ท่านขีด ๆ เขียน ๆ บนใบดวง สักพักท่านก็เงยหน้าขึ้น พูดว่า “เราไม่ธรรมดานะ...” แล้วท่านก็พูดให้ฟังว่าไม่ธรรมดา อย่างไร ซึ่งก็มีเรื่องสติและสัมผัสพิเศษต่าง ๆ ซึ่งตรงกับความ เป็นจริงของตัวเรา แต่หลังจากฟังท่ านพูด อาจารย์กลับ นั่งนิ่ง ๆ ฟังเฉย ๆ ไม่แสดงอารมณ์อะไร แม้ว่าความจริงใน ตอนนั้น ก็มีงงอยู่ข้างในและสงสัยว่า ท่านรู้เรื่องของเราได้ อย่างไร เพียงแต่ไม่ได้แสดงอาการแปลกใจ เมื่อท่านเห็นเราเฉย ท่านก็ย�้ำอีกว่า “หลวงพี่ไม่ได้ พูดเล่นนะ...”

�������_27_02_55.indd 68

3/23/12 2:19 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

69

แล้วท่านก็เปิดหนังสือเก่า ๆ เล่มหนึ่ง ชี้ให้ดูบริเวณที่ ขีดเส้นใต้ในหน้าหนังสือ ซึ่งบอกคุณสมบัติที่ท่านพูดเมื่อครู่ ชัดเจน ท่านบอกต่ออีกว่า แม้วา่ จะเกิดในเดือนกรกฎาคม แต่ ไม่ใช่ราศีกรกฎ วันและเวลาเกิดท�ำให้ไปตกลัคนาราศีธนู ซึ่ง เป็นธาตุไฟ และไม่ใช่ไฟธรรมดาเพราะตามดวง มีดาวเกตุกุม ลัคนา จึงท�ำให้ความแรงของธาตุไฟนั้น แรงจนไม่ธรรมดา ถ้า ให้เปรียบ ก็เปรียบเหมือนเปลวไฟที่ไม่ยอมอยู่นิ่ง “เราควรนั่ง สมาธินะ...” ท่านยังบอกอีกหลาย ๆ อย่างเกีย่ วกับชีวติ เรา โดย ย�้ำว่า ถึงอย่างไรก็ควรจะนั่งสมาธิ โอ้โฮ... ไม่น่าเชื่อเลยว่า เพียงแค่บอกวันเดือนปีและ เวลาเกิด จะท�ำให้ทา่ นสามารถอ่านชีวติ และรูเ้ กีย่ วกับตัวเรามาก ขนาดนี้

�������_27_02_55.indd 69

3/23/12 2:19 PM


70

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ความอยากรูต้ ามนิสยั ของตัวเองท�ำให้ถามท่านไปอีกว่า ตัวเลขทีท่ า่ นเขียนบนใบดวงคืออะไร ท่านอธิบายว่า ตัวเลขบน ใบดวงเหล่านี้ แทนดวงดาวที่อยู่ในต�ำแหน่งต่าง ๆ ในเวลาที่ เราเกิด ซึ่งเป็นต�ำแหน่งดวงดาวบนท้องฟ้าจริง ๆ ท่านอ่านชีวิตของเรา จากการอ่านค่าของดวงดาวที่อยู่ บนท้องฟ้าในเวลาที่เราเกิด ซึ่งก็แปลว่า ท่านอ่านลักษณะของ เราได้อย่างถูกต้อง จากการอ่านลักษณะของดวงดาวที่อยู่บน ท้องฟ้า อาจารย์ตั้งข้อสังสัยในทันทีว่า เอ๊ะ ท�ำไม...การอ่าน ดวงดาวบนท้องฟ้าในขณะที่เราเกิด จึงมีค่าเหมือนหรือบอก เกีย่ วกับชีวติ ของเราได้ ท�ำไม...การอ่านดวงดาวคือการอ่านชีวติ เรา เราเกี่ยวข้องเกี่ยวพันหรือพัวพันอย่างไรกับดาวบนท้องฟ้า ทั้งหมด และหากการโคจรของดาว ก็คือการโคจรของชีวิตเรา ดังนั้น สิ่งใดส่งผลกับดวงดาวบนฟ้า ก็ย่อมต้องส่งผลถึงเรา ด้วยเช่นกันสิ...

�������_27_02_55.indd 70

3/23/12 2:19 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

71

อาจารย์ตั้งข้อสังเกตต่อไปในทันทีว่ า ดังนั้น “กฎ ธรรมชาติ” ซึ่งท�ำให้ดาวทุก ๆ ดวงหมุนเวียนอยู่ ต้องส่งผล กับเราด้วยอย่างแน่นอนที่สุด ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เรื่องดวงดาวบนท้องฟ้าและ กฎธรรมชาติ ได้กลายเป็นประเด็นที่ต้องศึกษา หาข้อมูลและ ท�ำความเข้าใจ เพราะเรือ่ งดวงดาวไม่ใช่เรือ่ งไกลตัวแม้แต่นอ้ ย แต่เป็นเรื่องของ ‘กฎธรรมชาติ’ หรือ ‘กฎแห่งชีวิต’ ที่ส่งผลกับ ชีวิตเราทุกลมหายใจ หลังจากวันนั้น อาจารย์มักหาโอกาสไปท�ำบุญถวาย สังฆทานกับหลวงพี่ และได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่องดวงดาวตามที่ ต้องการ ซึ่งท่านก็ได้สอนเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์มากมาย รวมทั้งอธิบายว่าการดูชีวิตจากดวงดาวนั้น บอกเราได้เพียง ประมาณ ๔๐% เท่านั้น ส่วนที่เหลือในชีวิต เราเป็นคนเลือก และตัดสินใจเองทั้งสิ้น

�������_27_02_55.indd 71

3/23/12 2:19 PM


72

กฤติยา อัศวเรืองชัย

กำรเรียนรู้เรื่องดวงดำวกับชีวิต ท�ำให้มองเห็นวงจร ชีวติ ของมนุษย์ชดั เจน ยิง่ ได้เรียนรู้เรือ่ งวงจรชีวติ มำกขึน้ ก็ยงิ่ แน่ใจว่ำ ชีวิตของเรำไม่ได้เป็นชีวิตโดด ๆ แยกจำกสภำพ แวดล้อมอย่ำงที่คนส่วนใหญ่เข้ำใจ แต่พวกเรำเป็นส่วนหนึ่ง ของวงจรธรรมชำติในจักรวำลนี้ และไม่มีทำงหนีกฎธรรมชำติ ได้เลยแม้แต่น้อย ท�ำได้เพียงใช้ประโยชน์จำกกฎธรรมชำติให้ ดีที่สุดเท่ำนั้น

�������_27_02_55.indd 72

3/23/12 2:19 PM


ข้อคิด กฎธรรมชำติ สร้ำงทุกอย่ำง รวมทั้งมนุษย์ ดังนั้น กฎธรรมชำติ จึงสร้ำง กฎแห่งกรรม

�������_27_02_55.indd 73

3/23/12 2:19 PM


74

กฤติยา อัศวเรืองชัย

กลไกชีวิตหรือกฎธรรมชาติที่ยังไม่เข้าใจ ยังมีเหตุการณ์ตา่ ง ๆ อีกมากมายทีอ่ าจารย์เจอด้วยตัวเอง และตั้งค�ำถามในใจว่า “ท�ำไม...” ต้องเรียกว่าเป็นคนช่างสงสัย แต่ไม่ค่อยถามใคร จะเก็บค�ำถามทั้งหมดไว้ในใจ เพื่อรอค�ำ ตอบและแน่ใจว่าต้องมาแน่ ๆ ในวันหนึง่ ข้างหน้า บางครัง้ ก็ชา่ ง วิเคราะห์หาค�ำตอบจนขนาดว่า เมื่อมาทบทวนตัวเองว่าเคยตั้ง ค�ำถามว่า “ท�ำไม” กีเ่ รือ่ ง ก็ออกจะข�ำตัวเองอยูเ่ หมือนกัน เพราะ มันเยอะแยะไปหมด เช่นเมื่อตอนประมาณ ๘-๙ ขวบ อยู่บ้านที่สุขุมวิท ซอย ๒๔ หลังบ้านมองไปเห็นตึกโชคชัยก�ำลังสร้าง เสียง ก่อสร้างดังมาถึงบ้าน เลยคิดสนุกตะโกนออกไป ทันใดนัน้ เสียง ตะโกนของตัวเอง ก็สะท้อนกลับมา ท�ำให้งง “เอ๊ะ...ท�ำไมเสียงเราสะท้อนกลับมาได้ เสียงของเรามัน ไปชนกับอะไร ถึงดังกลับมาให้เราได้ยิน” บางครั้งก็จินตนาการย้อนอดีต เช่นเมื่อมีโอกาสออก ไปต่างจังหวัด จะเห็นว่ามีแต่ดิน ภูเขา ต้นไม้ ทะเล แต่เมื่อ

�������_27_02_55.indd 74

3/23/12 2:19 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

75

นึกถึงภาพในกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยถนนและตึก แน่นอนว่า กรุงเทพฯ ก็คงจะเป็นเหมือนต่างจังหวัดมาก่อน ท�ำให้เห็น ความจริงว่า “มนุษย์นี่เก่งจัง.... เอาดิน เอาต้นไม้และภูเขามาผสม ไปผสมมา ให้กลายเป็นตึกเป็นถนนได้” เพราะโลกสมั ย ก่ อ นต้ อ งไม่ มี ถ นนหรื อ ตึ ก มี แ ต่ ธรรมชาติ ดังนั้น ทุกอย่างที่เรามองเห็นในเมืองไม่ว่าจะเป็น บ้าน ถนน ตึก รถ ถูกสร้างขึ้นมาจากดิน ภูเขา ต้นไม้ใน ธรรมชาติทั้งสิ้น หรือเมื่อเด็ก ๆ ในชั่วโมงวิทยาศาสตร์ พอเริ่มรู้จักแม่ เหล็ก จ�ำได้ว่าเอาแม่เหล็กมาไว้ที่ใต้โต๊ะ โดยมีตะปูอยู่บนโต๊ะ ลากแม่เหล็กไปทางไหน ตะปูก็จะไปทางนั้น ก็มีค�ำถามอีกว่า “ท�ำไมแม่เหล็กถึงดูดเหล็กได้ตลอดเวลา ท�ำไมถึงดูดผ่านโต๊ะได้ แรงดึงดูดเกิดจากอะไร แล้วแรงดูดมันจะหมดไหม และ ถ้าไม่หมด เพราะอะไร แล้วท�ำไมมันถึงดูดแต่เหล็ก ท�ำไมมัน ไม่ดูดอย่างอื่น เพราะอะไร”

�������_27_02_55.indd 75

3/23/12 2:19 PM


76

กฤติยา อัศวเรืองชัย

จ�ำได้อีกว่าครั้งแรกที่ไปท้องฟ้าจ�ำลอง ตอนนั้นยังเด็ก ได้เรียนรู้เกี่ยวกับกลุ่มดาวต่าง ๆ บนท้องฟ้าที่หมุนเวียน ก็มี ค�ำถามอีกว่า “ท�ำไมดวงดาวพวกนีถ้ งึ เกาะกันอยูแ่ บบเดิม หมุนมากี่ ทีกเ็ หมือนเดิม มันเกาะกันมานานเท่าไรแล้ว มีบางสิง่ บางอย่าง ที่บังคับทั้งหมด บางสิ่งบางอย่างนี้คืออะไร” ขนาดดาวต่าง ๆ หรือแม้แต่ดวงอาทิตย์ซึ่งมีขนาด มหึมา ยังมี “บางสิ่งบางอย่าง” บังคับและควบคุมให้หมุนไป แบบเดิมได้เป็นหลาย ๆ  ล้านปี แน่นอนว่ามนุษย์ตัวจิ๋วเดียว ก็คงไม่สามารถจะหลุดรอดหนีพน้ จากเจ้า “บางสิง่ บางอย่าง” นี้ ไปได้ พอโตขึ้นมาอีกนิดก็เริ่มตั้งข้อสังเกตอีกว่า พวกเรา เรียนวิชาอะไรต่ออะไรเต็มไปหมด มีวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ และอย่างอื่นอีกหลาย ๆ ชื่อ

�������_27_02_55.indd 76

3/23/12 2:19 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

77

“ท�ำไมต้องแยกออกเป็นหลาย ๆ วิชาและหลาย ๆ ชื่อ ในเมื่อทุกอย่างก็มาจากผิวโลกเหมือนกันทั้งหมด ท�ำไม” โตมาอีกหน่อย ก็เริม่ สังเกตและวิเคราะห์การหมุนเวียน ของการเกิดเมฆและฝน เมือ่ ได้เรียนรูว้ ่าการหมุนเวียนเกิดจาก ความร้อนจากแสงอาทิตย์ ท�ำให้น�้ำระเหยกลายเป็นไอ ไอน�้ำ ลอยขึ้นไปรวมตัวกันเป็นเมฆ และตกลงมาเป็นฝน ท�ำให้มอง เห็นและเข้าใจอยู่ลึก ๆ ว่า ทั้งน�้ำ ไอน�้ำ เมฆ และฝน แต่ละ ส่วนไม่เคยหายไปไหน แต่เปลี่ยนสภาพจากอย่างนึง ไปอีก อย่างนึง จนในทีส่ ดุ ก็เปลีย่ นกลับมาเป็นสภาพเหมือนเดิมใหม่ และเริ่มต้นการหมุนเวียนรอบใหม่ ดูเหมือนทุกอย่างจะหมุนเวียนเป็นวงจร กลม ๆ หมุน ไปเรื่อย ๆ ไม่จบ แม้แต่โลกก็หมุนรอบตัวเอง และหมุนรอบ ดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์ก็หมุนรอบตัวเอง และโคจรไปรอบ ๆ กาแลกซี่ รวมทั้งกาแลกซี่เองก็หมุนรอบตัวเองอยู่ อาจารย์ก็ตั้งค�ำถามอยู่ในใจว่า เพราะอะไร...

�������_27_02_55.indd 77

3/23/12 2:19 PM


78

กฤติยา อัศวเรืองชัย

เมื่ออาจารย์น�ำข้อสงสัยทั้งหมด มาเทียบกับความรู้ที่ เพิ่มขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นความรู้เรื่องดวงดาวกับชีวิต หรือ กฎธรรมชาติ ท�ำให้มองเห็นภาพใหญ่ได้อย่างชัดเจนว่า ทุกสิ่ง ทุกอย่างในจักรวาลที่พวกเราอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่มี ชีวิต มองเห็นหรือมองไม่เห็น ทั้งหมดด�ำรงอยู่ด้วยการผูกกัน อย่างแยกกันไม่ได้ด้วย “กฎธรรมชาติหรือกฎแห่งชีวิต” ตลอดเวลา อาจารย์ยิ่งศึกษา ยิ่งหาความรู้ ก็ยิ่งเข้าใจ และยิง่ แน่ใจว่าตัวเองเดินมาถูกทาง เพราะผลทีไ่ ด้ ทีพ่ บ ทีเ่ ห็น และที่เกิดตามมาในชีวิตตลอดเวลาทุกลมหายใจ สามารถ ยืนยันความรู้เหล่านี้ชัดเจนยิ่งขึ้นทุกวันในชีวิต ทั้งหมดท�ำให้ อาจารย์ยิ่งอยากเข้าใจผลที่เราได้รับจากกฎธรรมชาติ ซึ่งเป็น ที่มาของกลไกชีวิตจริง ๆ ว่ามีอะไรบ้าง ตอนนัน้ ไม่รเู้ ลยว่า การฝึกสติและสมาธิของตัวเองหลัง จากนั้น จะช่วยให้อาจารย์ได้เจอกฎธรรมชาติที่ท�ำให้เกิดกฎ แห่งชีวิตและกลไกชีวิต ท�ำให้อาจารย์ฉลาดในการใช้ชีวิต จน ได้มีโอกาสสอนและแนะน�ำผู้อื่นจนเกิดประโยชน์เช่นเดียวกัน ซึ่งท่านผู้อ่านจะได้อ่านรายละเอียดทั้งหมดในบทต่อ ๆ ไป

�������_27_02_55.indd 78

3/23/12 2:19 PM


ข้อคิด ทุกสรรพสิ่ง ด�ำรงอยู่และถูกท�ำให้เป็นวงจรเหมือนกันทั้งหมด กำรเหมือนกันของวงจรในธรรมชำติ และชีวิตทั้งหมดนี้ ไม่ใช่สิ่งบังเอิญ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่ง เมื่อทุกสรรพสิ่งอำศัยอยู่ภำยในที่เดียวกัน คือในกำแลกซี่เดียวกัน ทุกสิ่งทุกอย่ำงในกำแลกซี่ รวมทั้งมนุษย์ จึงถูกควบคุมด้วยสำเหตุเดียวกันหรือสิ่งเดียวกัน

�������_27_02_55.indd 79

3/23/12 2:19 PM


80

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ประสบการณ์และความรู้ จากการท�ำสติและสมาธิ แล้ววันหนึ่ง ก็มีเหตุให้อาจารย์เริ่มนั่งสมาธิเป็นเรื่อง เป็นราวอย่างจริงจัง การมีสติสงู และช่างสังเกตมาตัง้ แต่เด็กของอาจารย์ จึง ท�ำให้พฒ ั นาการทางสมาธิของอาจารย์เป็นไปด้วยความรวดเร็ว ด้วยระยะเวลาเพียงเดือนแรก ๆ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เห็น ได้อย่างชัดเจน เริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ภายนอก จนถึงภายใน หน้าตาดูผอ่ งใสขึน้ จากเดิมอีก ความสามารถทาง สติสูงขึ้น จิตใจสงบสมดุลขึ้นอย่างชัดเจน จากการฝึกสติและสมาธิที่ต่อเนื่องจริง ๆ โดยไม่มี ความคิด ช่วยให้มองเห็นทุก ๆ อย่างด้วยความเข้าใจตั้งแต่ ต้นเหตุ เมื่อเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง จึงไม่จ�ำเป็นต้องมีอารมณ์ ท�ำให้กลายเป็นคนมีจิตที่มั่งคง ไม่มีอารมณ์แปรปรวน ไม่ โกรธง่าย ไม่เก็บความโกรธหรือเจ้าอารมณ์

�������_27_02_55.indd 80

3/23/12 2:19 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

81

นอกจากนี้ ยังเกิดเหตุการณ์จากการท�ำสมาธิที่ท�ำให้ ได้เรียนรู้เรื่องส�ำคัญบางอย่างเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์อย่างเหลือ เชื่ออีกด้วย วันหนึ่งขณะที่อาจารย์นั่งสมาธิ ได้ปรากฏภาพขึ้น ภายในสมาธิ ภาพทีเ่ ห็นดูเหมือนการดูหนังเก่า ๆ ซึง่ ท�ำให้ตกใจ จนต้องออกจากสมาธิทันที สิ่งที่เห็นคือ เห็นจิตของตัวเองกลับเข้าไปในโลงศพ! แต่วันรุ่งขึ้น เมื่อเริ่มนั่งอีก ก็เห็นเหมือนเดิมอีก และ เห็นภาพซ�้ำ ๆ จนตัดสินใจว่าช่างมัน... ดูไปก็แล้วกันว่าจะเห็น อะไรอีก ปรากฏว่าจากภาพโลงศพ มาเห็นภาพเตียงนอน ถัด มาอีกวันเป็นภาพโต๊ะท�ำงาน ถัดมาอีกวันเป็นภาพบ้านในสมัย ก่อน การเห็นแต่ละภาพมีความรู้สึกแปลก ๆ เหมือนเคยเห็น สิ่งเหล่านี้มาก่อน ในทีส่ ดุ ภาพทีเ่ ห็นก็วนกลับมาใหม่อกี ครัง้ กลับมาเห็น เตียงที่เคยเห็นครั้งแรก แต่ครั้งนี้เห็นผู้ชายนอนทรมานรอ ความตายอยู่บนเตียง ที่แย่ก็คือ จ�ำได้ว่าคน ๆ นั้นคือ ตัวเอง

�������_27_02_55.indd 81

3/23/12 2:19 PM


82

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ภาพปรากฏย้อนหลังไปเรือ่ ย ๆ เห็นตัวเองนัง่ อยู่ทโี่ ต๊ะ เขียนหนังสือบ่อยมาก บางครั้งเห็นตัวเองเดินไปเดินมาอยู่ใน ห้องที่เขียนหนังสือ การเห็นภาพต่าง ๆ เหล่านี้ในสมาธิ ไม่สนุกเลยแม้แต่ น้อย เป็นสิ่งที่คิดไม่ถึงและรู้สึกรับไม่ได้ ช่วงแรกรู้สึกแย่ยิ่ง กว่าเจอผีซะอีก เมือ่ ผ่านไปสักพัก ความมีสติทำ� ให้ปรับใจได้เร็ว และเริ่มหันกลับมาวิเคราะห์สิ่งที่เห็นและเรียนรู้เช่นเคย การเห็นภาพทีป่ รากฏในสมาธิ บวกกับความรูท้ เี่ คยคิด วิเคราะห์จากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมา ท�ำให้เริ่มเข้าใจได้ว่า การนั่งสมาธิเห็นภาพในอดีตของตัวเองหรืออดีตชาติ คือการ มองเห็นความทรงจ�ำในจิตวิญญาณของตัวเองนั่นเอง เพราะจิตวิญญาณของเราจะบันทึกทุกอย่างที่เราเคย เป็นในอดีตชาติ เมือ่ เราท�ำสมาธิจนสามารถอยู่กบั จิตวิญญาณ ตัวเองจริง ๆ ก็ตอ้ งเห็นและจ�ำได้บ้าง แต่จะจ�ำได้มากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับการปล่อยวางความคิดของตัวเอง

�������_27_02_55.indd 82

3/23/12 2:19 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

83

ยิ่งยึดตัวเองซึ่งก็คือยึดความคิด  ก็จะอยู่กับความคิด  และถ้ายังอยู่กับความคิด  ก็จะไหลไปกับความคิด  จนไม่ว่าง¾อที่จะเ¢้าไปหาจิ ตตัวเอง  จึงไม่สามารถระลึกอดี ตชาติได้

�������_27_02_55.indd 83

3/23/12 2:20 PM


84

กฤติยา อัศวเรืองชัย

การนั่งสมาธิจนสามารถเห็นอดีตชาติตัวเอง ช่วยให้ เห็นและเข้าใจด้วยตัวเองว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราใน ปัจจุบนั เป็นผลจากการกระท�ำของตัวเราเองในอดีตทัง้ สิน้ เรา เคยท�ำอะไรมา เราก็จะได้อย่างนัน้ เคยฝึกเคยท�ำอะไรมา เรา ก็จะเก่งและมีพรสวรรค์ในเรื่องนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดในปัจจุบัน มีสาเหตุและความ เกีย่ วพันต่อเนือ่ งมาจากอดีตทัง้ สิน้ เช่นเราเคยเขียนหนังสือใน อดีต ปัจจุบันเราก็ต้องกลับมาเขียนหนังสืออีก ซึ่งก็เป็นการ ตอบโจทย์อีกเรื่องที่ลูกทั้งสองมีนิสัย และความสามารถที่ ต่างกันตัง้ แต่เกิด ก็เป็นเพราะการทีท่ งั้ สองคนเคยเกิดมาก่อน หน้านี้ และเคยฝึกสิ่งต่าง ๆ มาในอดีตชาติต่างกันนั่นเอง จากการฝึกสติตลอดเวลา และฝึกสมาธิอย่างต่อเนื่อง ท�ำให้ได้พบประสบการณ์และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากการฝึกอีก มากมาย ส่วนใหญ่ก็เป็นสิ่งที่พวกเราได้เคยเรียนหรือรับรู้มา แล้วทัง้ สิน้ เพียงแต่พวกเราส่วนใหญ่ไม่มโี อกาสมีประสบการณ์ตรง จึงมักไม่ใส่ใจ คิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว และคิดว่าไม่จ�ำเป็นต้อง ใส่ใจก็ด�ำเนินชีวิตได้

�������_27_02_55.indd 84

3/23/12 2:20 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

85

แต่ความจริงคือ การด�ำเนินชีวิตแบบไม่รู้เรื่องชีวิต ตัวเองจริง ๆ จะไปสู้การด�ำเนินชีวิตแบบรู้ทุกอย่างได้อย่างไร เมื่อเรารู้และเข้าใจมากกว่า เราย่อมสามารถเลือกด�ำเนินชีวิต ได้ดีกว่า เช่น หากเรารูแ้ ละแน่ใจว่าเราเป็นจิตวิญญาณทีเ่ ดินทาง วนเวียน เกิดแล้วเกิดอีก การมองความตายของเราก็จะเปลีย่ นไป เราจะไม่กลัวตาย เพราะเรารู้ว่าการตายไม่ใช่การจบของชีวิต เพราะชีวิตของเราไม่ใช่เพียงแค่ร่างกายนี้ แต่เป็นจิตวิญญาณ ที่ไม่ตาย เพียงแต่ย้ายที่อยู่เท่านั้น หรือการรู้ว่า ความสามารถต่าง ๆ ที่เราฝึกฝน และ เรียนรู้ทุกวันนั้น เราบันทึกอยู่ในจิตวิญญาณทั้งหมด เราจึง สามารถน�ำความรู้ของเราไปกับจิตวิญญาณ ซึ่งจะกลายเป็น พรสวรรค์หรือความสามารถพิเศษในการเกิดครั้งต่อไป เมือ่ รูเ้ ช่นนี้ เราก็จะรูส้ กึ ว่าอยากเรียนรูส้ งิ่ ต่าง ๆ มากขึน้ เพราะรูว้ า่ เก็บไว้ใช้เองได้ในอนาคต หรือไม่เราก็จะหาวิธกี าร เอาความรูเ้ ก่าทีเ่ ราสะสมไว้ ออกมาใช้ประโยชน์ให้มากขึน้ กว่าเดิม

�������_27_02_55.indd 85

3/23/12 2:20 PM


86

กฤติยา อัศวเรืองชัย

หรือกำรรู้ว่ำ พวกเรำต้องกลับมำเกิดอีก และสิ่งต่ำง ๆ ที่เรำท�ำไว้ จะตำมเรำมำในภพหน้ำ หำกท�ำดีก็จะได้ดี หำกท�ำ ชั่วก็จะได้รับชั่ว ท�ำให้เรำรู้ว่ำ เรำเลือกชีวิตตัวเองได้ อยำกได้ รับแต่สงิ่ ดี ๆ ก็ตอ้ งท�ำแต่เรือ่ งดี ๆ ตัง้ แต่เดีย๋ วนี้ และช่วยท�ำให้ เข้ำใจได้วำ่ ที่เรำรับผลอยู่แบบไม่ดีในทุกวันนี้ ก็อำจมำจำกผล กำรกระท�ำของตัวเองในชำติก่อน เมือ่ เข้ำใจได้ดงั นีก้ ช็ ่วยให้ชวี ติ ง่ำยขึน้ มีควำมหวัง รู้ว่ำ ท�ำดีแล้วไม่หำยไปไหน รู้ว่ำคนชั่วทุกคนหนีไม่พ้นผลจำกกำร กระท�ำของตัวเอง และแน่ใจได้ว่ำ ใครก็ตำมที่ท�ำไม่ดีกับเรำ เขำก็ต้องรับไปเองในที่สุด กำรได้เรียนรู้และเข้ำใจ ควำมรู้เกี่ยวกับชีวิตที่อำจำรย์ ได้เรียนรู้จำกกำรท�ำสมำธิ จึงเป็นประโยชน์อย่ำงมหำศำล อำจำรย์จึงได้เรียบเรียงควำมรู้เหล่ำนี้ให้เห็นชัดเจน ดังรำย ละเอียดในหัวข้อต่อไป

�������_27_02_55.indd 86

3/23/12 2:20 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

87

ภพชำติและกฎแห่งกรรมเป็นเรื่องจริง ทีจ่ ริงอำจำรย์กเ็ ชือ่ เรือ่ งภพชำติอยูแ่ ล้ว เพรำะนอกจำก จะเป็นค�ำสอนในศำสนำพุทธ ตัวเองก็เคยมีประสบกำรณ์เกีย่ ว กับวิญญำณมำบ้ำง จึงพอจะรูว้ ำ่ คนทีต่ ำยไปแล้ว ยังมีวญ ิ ญำณ และวิญญำณเขำก็ยังมีกำรเดินทำงต่อ ท�ำให้เชื่อเรื่องภพชำติ หรือกำรกลับชำติมำเกิด แต่กำรเรียนรู้จำกค�ำสอน และกำรเห็นวิญญำณ ไม่ เหมือนกับกำรที่เห็นและจ�ำเรื่องกำรตำย และกลับชำติมำเกิด เมื่ออยู่ในสมำธิ เพราะการรู้และเห็นสิ่งที่เกิดกับตัวเองท�าให้ เราเกิดส�านึก เพราะเป็นการจ�าได้ ท�าให้คิดวิเคราะห์ และ แน่ใจ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความเชื่อเพราะรู้หรือเรียนมา หรือ เพราะคนอืน่ บอก แต่รแู้ ละมัน่ ใจเพราะได้เห็นสิง่ ทีเ่ กิดขึน้ จริง กับตัวเองแล้ว

�������_27_02_55.indd 87

3/23/12 2:20 PM


88

กฤติยา อัศวเรืองชัย

กำรแน่ใจว่ำมีภพชำติ ท�ำให้มั่นใจว่ำมี “กฎแห่งกรรม” เพรำะเห็นผลแห่งกรรมหรือกำรกระท�ำของตัวเองที่ติดตำมมำ ให้ตัวเองต้องชดใช้ในชำตินี้ เช่น อำกำรป่วยในช่องท้องที่เกิด จำกกำรรบที่ฆ่ำฟันคนไปจ�ำนวนมำก หรือแม้แต่กำรจ�ำได้ว่ำ ตัวเองเคยท�ำบุญท�ำทำนและช่วยคนมำมำก ส่งผลท�ำให้เกิดมำ ค่อนข้ำงสุขสบำยในปัจจุบัน

ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เราได้รับในป˜จจุบัน เป็นผลมาจากที่เราเคยท�าไว้เอง ในอดี ตทั ้งหมด

�������_27_02_55.indd 88

3/23/12 2:20 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

89

ระยะเวลาของการชดใช้กรรมไม่ยาวอย่างที่คิด เมือ่ นัง่ สมาธิและเห็นว่าตัวเองในอดีตชาติ เคยนอนเจ็บ ทรมานจนตายด้วยอาการป่วยในช่องท้อง ซึ่งเกิดจากการเคย เป็นนักรบฆ่าฟันและแทงคนตายไปมาก แม้ว่าตายด้วยความทรมานในภพที่แล้ว แต่เมื่อยัง ชดใช้กรรมไม่หมด อาการจากกรรมก็ยงั ตามมาในชาตินี้ ท�ำให้ มีอาการป่วยตั้งแต่ ไส้ติ่งอักเสบ ล�ำไส้อักเสบ มดลูกอักเสบ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ซิสต์ทรี่ งั ไข่ (อันนีเ้ จ็บมาก) ซึง่ ทัง้ หมด เป็นอาการเจ็บในช่องท้องเหมือนในอดีต และเพิง่ มาหมดกรรม นี้เมื่อประมาณ ๑๐ ปีที่แล้วนี่เอง ต้องถือว่า อาจารย์โชคดีอย่างมากที่ได้เรียนรู้สิ่งนี้จาก การนั่งสมาธิ เพราะการส�ำนึกและเห็นความจ�ำในจิตวิญญาณ ตัวเองได้ขนาดนี้ ช่วยให้ได้เรียนรู้ความจริงอย่างหนึ่งว่า...

�������_27_02_55.indd 89

3/23/12 2:20 PM


90

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ขนาดว่าเป็นกรรมหนักอย่างที่อาจารย์เคยท�ามา และ ต้องชดใช้กรรมด้วยการเจ็บป่วยจนตายมาแล้ว ก็ยังใช้เวลา ชดใช้กรรมนี้ด้วยระยะเวลาเพียงไม่เกินสองภพ สรุปคือ หากเราไม่สร้างกรรมอื่น ๆ ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น และยอมรับสภาพ รับกรรมเก่าของตัวเองให้หมด โดยต้องไม่ เผลอตอบโต้หรือสร้างกรรมต่อเนือ่ ง เพียงแค่ปกป้องและดูแล ตัวเองให้ดี เราก็น่าจะหมดกรรมแต่ละชุดได้ในระยะเวลาไม่ เกินสองภพ แต่หำกเรำยังคงสร้ำงกรรมไปเรือ่ ย ๆ เรำก็จะท�ำให้ ตัวเองต้องกลับมำรับกรรมอีก และสร้ำงภพต่อภพไปเรื่อย ๆ ไม่รู้จบ

�������_27_02_55.indd 90

3/23/12 2:20 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

91

ถ้ำไม่ได้เป็นกรรม ก็ต้องเป็นบุญ เมื่อรู้และแน่ใจแล้วว่ำ พวกเรำต้องกลับมำเกิด เพรำะ กำรกระท�ำของตัวเอง เช่น กำรท�ำร้ำยผู้อื่น ถ้ำไม่ได้รับผลใน ภพเดียวกัน ก็ตอ้ งกลับมำเกิดอีกเพือ่ รับผลทีต่ วั เองกระท�ำ ซึง่ ก็คือกำร รับกรรม หรือเคยช่วยใคร เรำก็ต้องกลับมำเกิดเพื่อ ให้เขำกลับมำช่วยเรำ ซึ่งก็คือกำร รับบุญ

จึง¾อจะสรุปได้ว่า  ¾วกเรากลับมาเกิด เ¾ื่อท�าเ¾ี ยงสองอย่าง คือ เ¾ื่อชดใช้หรือรับกรรม  และรับบุญ ที่ตัวเองเคยท�ามา

�������_27_02_55.indd 91

3/23/12 2:20 PM


92

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ถ้าเป็นกรรม ก็จงรับไปและท�ำใจ เพราะเป็นผลงาน ของตัวเองจึงหนีไม่พน้ แต่ถา้ ไม่ใช่การรับกรรม เหตุการณ์ยอ่ ม ผ่ า นพ้ น ไปด้ ว ยดีเ หมือ นมีบุ ญ เสมอ ตัว อาจารย์ เ อง เจอ สถานการณ์เช่นนีห้ ลายครัง้ มาก เช่น บ่อยครัง้ ทีธ่ รุ กิจไม่ทำ� เงิน แต่ตอ้ งจ่ายเงินเดือนพนักงาน ก็จะมีเงินเข้ามาทันจ่ายเงินเดือน เสมอ ๆ เพียงแค่อย่าลน หาวิธแี ละท�ำให้ดที สี่ ดุ ทุกอย่างก็มกั จะลงตัวทันเวลาทุกที เมื่อได้เจอประสบการณ์เหล่านี้ด้วยตัวเอง ที่ทุกอย่าง ลงตัวพอดีทุก ๆ ครั้งมาตลอดชีวิต จนกระทั่งได้เรียนรู้และ เข้าใจชีวิตมากขึ้น จึงเริ่มมองออกและสรุปได้ว่า... พวกเราควรใช้ชีวิตแบบใจเย็น ๆ อย่าลน เพียงแค่ ท�ำให้ดีที่สุดก็พอ เพราะเราคงท�ำมากกว่าดีที่สุดไม่ได้ ถ้าเป็นกรรม เราก็จะหนีไม่ได้ ต้องรับไป แต่ถ้าไม่ใช่ เป็นกรรมที่ตัวเองท�ำไว้ การไม่รนและท�ำให้ดีที่สุด ในที่สุด เหตุการณ์จะผ่านพ้นและลงตัวพอดี เพราะการเกิดมาใช้ชีวิต ของพวกเรา ก็เพราะเพียงสองสาเหตุเท่านั้น หากไม่เป็นกรรม ก็ต้องเป็นบุญ

�������_27_02_55.indd 92

3/23/12 2:20 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

93

พรแสวงในอดีตชาติคือพรสวรรค์ในปัจจุบัน จากการที่เห็นตัวเองในอดีตชาติ เคยฝึกฝนและนั่ง สมาธิมาก่อนเช่นกัน ท�ำให้รู้ว่า ค�ำพูดที่หลาย ๆ คนพูดว่า “เธอเอาของเก่ามาเยอะมาก” คือการทีเ่ ราเคยฝึกฝนในอดีตชาติ จนเก่ง และเอามาใช้ได้ในปัจจุบัน ดังนัน้ การมีสติสงู หรือความสามารถของการท�ำสมาธิ ทีอ่ าจารย์พฒ ั นาได้รวดเร็วมาก ก็คอื พรสวรรค์ของตัวเอง เป็น ความสามารถทีต่ ดิ ตัวมาแต่เกิด เช่นเดียวกับทีบ่ างคนร้องเพลง เก่งได้เอง หรือวาดรูปเก่ง เป็นต้น ทัง้ หมดไม่ได้เป็นพรจากสวรรค์ แต่เป็นสิง่ ทีต่ วั เราเอง เคยฝึกเคยท�ำจนเกิดทักษะในอดีตชาติ อะไรก็ตามทีเ่ ราท�ำจน เก่ง เกิดความช�ำนาญ เราก็จะจ�ำได้ เก็บบันทึกมากับจิต วิญญาณของเรา และสามารถเอาความสามารถเหล่านีม้ าใช้ได้ อีกในภพต่อไป ดังนัน้ ถ้าเราหัดอะไรในชาตินใี้ ห้เก่ง เราก็ตอ้ งไปเก่งต่อ ในชาติหน้าอย่างแน่นอน!

�������_27_02_55.indd 93

3/23/12 2:20 PM


94

กฤติยา อัศวเรืองชัย

จิตแท้ คือพลังงานรูปจักรทีส่ ว่างไสวและไม่เคยหลับ เมื่อเริ่มนั่งสมาธิแรก ๆ แม้วา่ เข้าสมาธิง่าย แต่ระดับ ของความมีสติอยูใ่ นสมาธิยงั ขึน้  ๆ ลง ๆ บางครัง้ ชัดบางครัง้ หย่อน แต่เมื่อได้ฝึกสติและนั่งสมาธิอย่างต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ อาจารย์เริ่มเข้าใจว่า ตัวเองต้องประคองสติในสมาธิอย่างไร ถ้าไม่ฝึกนั่งสมาธิอย่างสม�่ำเสมอ ก็คงจะนั่งสมาธิไม่ได้เรื่อง จึงฝึกนั่งสมาธิไปจนถึงระดับที่เกิดสติชัดและต่อเนื่องจริง ๆ โดยไม่มีความคิดเลยแม้แต่น้อย อาจารย์เริ่มเห็นจิตตัวเองอยู่ ภายในสมาธิและพบว่า จิตแท้ ๆ ของเรานั้น มีลักษณะเหมือนแสงใส ๆ รูป ทรงเหมื อ นจั ก รหมุ น เหมื อ นกาแลกซี่ โดยหมุ น เข้ า หา ศูนย์กลางตลอดเวลา ไม่เคยอยู่นิ่ง และมีแสงสว่างในตัวเอง มหัศจรรย์จริง ๆ ที่จิตของเราไม่เคยหลับ ไม่เคยหยุด หมุน และสว่างไสวตลอดเวลา แล้วอาจารย์กส็ ามารถเชือ่ มโยง เข้ากับวงจรในธรรมชาติ

�������_27_02_55.indd 94

3/23/12 2:20 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

95

ดูเหมือนว่าทุก ๆ อย่างจะหมุนเวียนเป็นวงจร หรือ วงกลม จิตของมนุษย์ก็เหมือนกัน หมุนเป็นวงกลมเหมือน กาแลกซี่ เหมือนสุรยิ ะจักรวาล และเหมือนแม้แต่การหมุนของ อะตอมในตัวเราและในทุกสิ่งทุกอย่าง อาจารย์เริ่มแน่ใจแล้วว่า ระบบและกลไกของชีวิต คง ต้องเป็นวงกลม วงหมุน หมุนเวียน เพราะทุกอย่างถูกท�ำให้ หมุนเป็นวงกลม รอบศูนย์กลาง รวมทั้งหมุนรอบตัวเองด้วย แน่ น อนว่า อาจารย์ เ ริ่ ม มองหารู ป แบบของความ สัมพันธ์ ที่เป็นสาเหตุของการหมุนติ้วไปหมดในทุกระดับ ทีส่ ำ� คัญคือ ทุกอย่างยังหมุนอยู่ และหมุนไปในทิศทาง เดียวกันทั้งหมด ไม่มีอะไรหมุนย้อนทางเลยแม้แต่อย่างเดียว ย่อมหมายถึงทุกสิง่ มีความเหมือนทีผ่ กู พันกัน หรือ...มีสงิ่ ทีผ่ กู ทัง้ หมดไว้ดว้ ยกัน และท�ำให้ทกุ อย่างเกิดปฏิกริ ยิ าเหมือน ๆ กัน ซึ่งแสดงให้เห็นได้อย่ างชัดเจนว่าทั้งจักรวาลนี้ ไม่มีสิ่งใด เป็นอิสระจากกันและกันเลยแม้แต่น้อย

�������_27_02_55.indd 95

3/23/12 2:20 PM


96

กฤติยา อัศวเรืองชัย

จักรวาลผูกติดกันเป็นหนึ่งเดียว ด้วยจักรที่มองไม่เห็น พัฒนาการทางสมาธิและสติของอาจารย์มมี ากขึน้ ไปอีก ถึงขนาดว่า อาจารย์เริ่มสามารถมองเห็นว่ามีวงจักรใส ๆ อยู่ เต็มไปหมดทั้งในบรรยากาศ และทุกหนทุกแห่ง เป็นการเห็น ได้ดว้ ยตาเปล่า โดยไม่ตอ้ งเข้าสมาธิ เพียงแค่มสี ติอยูแ่ ละปรับ สายตาก็จะเห็นพลังงานใส ๆ เป็นวงจักรหมุนเข้าหาศูนย์กลาง เหมือนกาแลกซี่อยู่รอบตัวเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเหนือ พื้นดินหรือสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าจนสุดสายตา ไม่มีที่ใดว่างเว้นแม้แต่ที่เดียว! สิง่ ทีเ่ ห็นนี้ สามารถตอบโจทย์ทอี่ ยูใ่ นใจทันทีวา่ ความจริง ไม่มตี รงไหนในพืน้ ทีข่ องกาแลกซีห่ รือจักรวาล เป็นพืน้ ทีว่ า่ ง ๆ แม้แต่ที่เดียว ทั้งหมดเกาะกัน เกี่ยวกันอยู่ด้วยพลังงานใส ๆ ที่หมุนตลอดเวลา

�������_27_02_55.indd 96

3/23/12 2:20 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

97

ทุกสรร¾สิ่งเป็น¾ลังงาน  ¾ลังงานย่อมส่งแรงถึงกันตลอดเวลา  ด้วยเหตุน้ ี ดวงดาวบนท้อง¿‡า จึงไม่ได้แยกจากตัวเรา หรืออยู่ห่างไกล  เ¾ราะ¾ลังงานใส ๆ ทั ้งหมดเกาะเกี่ยว เชื ่อม¾วกเรา และดวงดาวไว้ด้วยกัน

�������_27_02_55.indd 97

3/23/12 2:21 PM


98

กฤติยา อัศวเรืองชัย

เพราะเหตุนี้ พระอาจารย์จึงสามารถดูชีวิตเราจากการ ดูดาว เพราะเราทั้งหมดผูกติดกันอยู่นี่เอง และถ้าวิเคราะห์ต่อไปอีก ก็จะเข้าใจได้ในทันทีเลยว่า คลืน่ ต่าง ๆ ไม่วา่ จะเป็นคลืน่ วิทยุ โทรทัศน์ มือถือ อินเตอร์เนต ใช้การเกาะพลังงานที่เรามองไม่เห็นในธรรมชาตินี้ในการเดิน ทาง จึงวิ่งออกไปรอบทิศ ทุกทิศทุกทางเต็ม ๓๖๐ องศา เนือ่ งจากในบรรยากาศมีพลังงานเกาะกันและต่อกันเป็นสือ่ หรือ เส้นทางให้คลื่นใช้เป็นตัวกลางไหลไปได้ทั่วทั้งกาแลกซี่ เราจึง สามารถรับคลื่นต่าง ๆ เหล่านี้ได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทิศใด หรือ อยู่บนตึกสูงแค่ไหน เช่นเดียวกับสายน�้ำ หากยังมีสายน�้ำไปที่ใด เราก็ สามารถจะล่องเรือออกไปได้ในทางนั้น แต่ถ้าไม่มีสายน�้ำหรือ ทางน�้ำ เราก็จะเดินทางทางน�้ำไม่ได้ เช่นเดียวกัน แม้ว่าเราจะ มองไม่เห็นพลังงาน แต่ถ้าไม่มีคลื่นพลังงานในธรรมชาติอยู่ เต็มบรรยากาศ พวกเราก็คงส่งคลื่นชนิดต่าง ๆ ที่เราใช้กันอยู่ ทุกวันนี้ ออกไปไม่ได้

�������_27_02_55.indd 98

3/23/12 2:21 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

99

ทั้งกาแลกซี่และพวกเราคือหนึ่งเดียวกัน มาถึงตรงนี้ ความรู้ที่ได้จากการมีสติและท�ำสมาธิ ท�ำให้อาจารย์มองเห็นภาพรวมทีใ่ หญ่ขนึ้ และชัดขึน้ อีกว่า เป็น เพราะแรงเหนีย่ วน�ำเกาะเกีย่ วกันอยูต่ ลอดเวลาทัง้ กาแลกซี่ จึง ไม่ตอ้ งสงสัยเลยว่า ท�ำไมดวงดาวทุกดวงในกาแลกซีจ่ งึ สามารถ รักษาต�ำแหน่งเกาะกันอยู่ในสภาพเดิม ไม่วา่ เวลาจะผ่านไปกีป่ ี ทั้งหมด ก็ตอบโจทย์ที่อาจารย์เคยตั้งค�ำถามไว้สมัย ตัว เองไปท้ อ งฟ้ า จ� ำ ลองหนแรกเมื่อ ครั้ง ยัง เด็ก ว่ า เหตุ ใ ด ดวงดาวเกาะเป็นกล่มุ ไม่เคยเปลีย่ นรูปร่าง เพียงแค่ยา้ ยหมุนไป รอบ ๆ ตอนนี้ อาจารย์แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่า เราทุก คนไม่ได้เป็นเพียงมนุษย์ตัวเล็กที่เป็นอิสระหรือแยกจากสิ่ง ต่าง ๆ รอบตัวเรา แต่เราทุกคนเป็นอณูเล็กจิ๋วที่เป็นส่วนของ โครงสร้างใหญ่ทเี่ รียกว่า “กาแลกซี”่ ซึง่ มีดวงดาวถึงสองแสน ล้านดวง

�������_27_02_55.indd 99

3/23/12 2:21 PM


100

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ไม่ ว ่ า เราจะเรี ย กดาวทั้ ง หมดนี้ ว ่ า จั ก รราศี หรื อ ดาวฤกษ์ เราและดาวทัง้ หมดเกาะเกีย่ วกัน ส่งแรงกระท�ำถึงกัน และกันทั้งกาแลกซี่ตลอดเวลา ถ้าเราออกไปนอกกาแลกซี่ทาง ช้างเผือกของเรา แล้วมองกลับมาดูตัวเอง ภาพนี้ท�ำให้เห็น ความจริงที่เราปฏิเสธไม่ได้คือ พวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน อยู่ในก้อนกลุ่มเดียวกัน เกิดขึ้นพร้อมกันและเกาะอยู่ด้วยกัน ทั้งหมด นี่คือความจริงที่มหัศจรรย์ของชีวิตเรา! และเพราะเหตุนี้ กฎธรรมชาติทุกประเภท หรือทุก ๆ อย่างที่ส่งผลกับจักรวาลหรือกาแลกซี่ ก็ย่อมต้องส่งผลกับเรา ด้วยอย่างแน่นอน เพราะเราอยู่ภายในกาแลกซี่ เป็นส่วนหนึ่ง ของกาแลกซี่ เราไม่มที างหนีพน้ อยูแ่ ล้ว ไม่วา่ จะเชือ่ หรือไม่เชือ่ จากจุดนี้ อาจารย์จึงเริ่มมองและเปรียบเทียบกฎธรรมชาติ กับกฎแห่งชีวิตหรือกฎแห่งกรรม เพราะเห็นและเข้าใจแล้วว่า ทั้งหมดเป็นสิ่งเดียวกันอย่างชัดเจน

�������_27_02_55.indd 100

3/23/12 2:21 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

101

กฎธรรมชาติ คือ กฎแห่งกรรม เมื่อเห็นแล้วว่า ทุกอย่างหมุนเป็นจักร โดยหมุนเป็น วงกลมทัง้ หมด อาจารย์กเ็ ริม่ คิดได้วา่ เวลาเราเอามือตีผนัง มือ เราถึงเจ็บเพราะแรงทีเ่ ราตีหรือส่งออกไปนัน้ มันก็ตอ้ งหมุนเป็น วงกลมเช่นกัน การหมุนเป็นวงกลม คือการหมุนกลับมาจุดตัง้ ต้นใหม่ ดังนัน้ แรงทีเ่ ราตี ก็จะต้องหมุนกลับมาใส่มอื เราเอง เราจึงเจ็บมือ เพราะสาเหตุนนี้ เี่ อง เมือ่ ตอนเป็นเด็กทีอ่ าจารย์ตะโกน ออกไปในอากาศ เสียงจึงได้สะท้อนกลับมานั่นเอง อาจารย์นกึ ถึงการทดลองทางฟิสกิ ส์อย่างหนึง่ เป็นการ ทดลองแรงเหนี่ ย วน� ำ ที่ เ กิ ด จากการที่ ก ระแสไฟฟ้า วิ่ ง ผ่ า น ขดลวด โดยน�ำผงเหล็กมาวางอยู่ด้านในขดลวดวงกลม ทันที ที่กระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านขดลวด ผงเหล็กที่อยู่ตรงกลางขดลวด ทัง้ หมด จะถูกแรงเหนีย่ วน�ำดึงให้เรียงตัวไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งหมด

�������_27_02_55.indd 101

3/23/12 2:21 PM


102

กฤติยา อัศวเรืองชัย

แต่เพราะขดลวดมีขนาดเล็ก เราจึงสามารถมองเห็น ผลกระทบที่เกิดกับผงเหล็กได้งา่ ยและชัดเจน แม้วา่ เราจะไม่ เห็นตัวแรงกระท�ำทีผ่ ลักและดึงให้ผงเหล็กเคลือ่ นที่ ไม่เห็นแรง กระท�ำในอากาศระหว่างขดลวดและผงเหล็ก (ดูภาพประกอบ) แต่เรารูว้ า่ ต้องมีกระแสคลืน่ อยูภ่ ายในขดลวด กระแสหรือคลืน่ ที่เกิดขึ้น จะต้องมีอยู่เต็มพื้นที่ภายในทั้งหมดแน่นอน

�������_27_02_55.indd 102

3/23/12 2:21 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

103

เมือ่ น�ำความรูท้ างฟิสกิ ส์นมี้ าเทียบกับกาแลกซีซ่ งึ่ หมุน อยู่ตลอดเวลา มีสภาวะคล้ายกับขดลวดที่เราส่งกระแสไฟฟ้า ผ่านเข้าไป ภายในกาแลกซี่ย่อมเกิดแรงกระท�ำขึ้นภายในเต็ม พื้นที่กาแลกซี่ ส่งผลกระทบ และกระท�ำทุกสรรพสิ่งภายใน กาแลกซี่ ให้เป็นไปในลักษณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นดวงดาว ดวงอาทิตย์ โลก ทุก ๆ อย่างบนผิวโลก ชีวิตทุกชีวิต รวมทั้ง พวกเราทั้งหมด เราจึงมีส่วนที่เล็กที่สุดในร่างกายที่เรียกว่า อะตอม หมุนเหมือนกาแลกซี่ตลอดเวลานั่นเอง (ดูภาพ ประกอบ)

�������_27_02_55.indd 103

3/23/12 2:21 PM


104

กฤติยา อัศวเรืองชัย

กาแลกซี่

อะตอมมนุษย์

สุริยะจักรวาล

ภาพแสดงให้เห็นสภาวะที่ทุกสิ่งทุกอย่าง ถูกกระท�ำให้หมุนเหมือนกันทั้งหมด

�������_27_02_55.indd 104

3/23/12 2:21 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

105

นี่ไง... ในที่สุดก็เจอค�ำตอบว่าท�ำไม ทุกสิ่งทุกอย่างใน กาแลกซี่ ไม่วา่ จะเป็นสิง่ มีชวี ติ หรือไม่มี รวมจนถึงพวกเราทุก ๆ ชีวิต ถูกควบคุมและส่งผลให้เป็นไปในทางเดียวกันทั้งหมด เราเรี ย กกฎแรงเหนี่ ย วน� ำ ที่ เ กิ ด จากแรงหมุ น ของกาแลกซี่ ทั้งหมดว่า “กฎแห่งกาแลกซี่” หรือ “กฎธรรมชาติ” ซึ่งก็คือ “กฎแห่งชีวิต” หรือ “กฎแห่งกรรม” ไม่ว่าจะเรียกอะไร มันก็ คือสิ่งเดียวกันทั้งหมด ทุกสิง่ ทุกอย่าง ทุกแรงกระท�ำ ทุกแรงส่ง ต้องหมุนเป็น วงกลมเพราะกฎแห่งกาแลกซีท่ งั้ หมด ซึง่ นักวิทยาศาสตร์เรียก แรงหมุนกลับนี้ว่า “แรงกิริยา ก่อให้เกิดแรงปฏิกิริยา” แม้แต่ “เจตนา” ของเราก็ต้องเป็นแรงพลังงานที่ส่ง ออกไปจากตัวเรา ก็ต้องหมุนกลับมาหาเราเองเช่นกัน เจตนา อะไรทีเ่ รามี เราก็คงหนีไม่พน้ เจตนานัน้ ของตัวเอง ซึง่ ก็ตรงกับ ค�ำสอนพุทธศาสนาที่ว่า “เจตนาก็คือ กรรม”

�������_27_02_55.indd 105

3/23/12 2:21 PM


106

กฤติยา อัศวเรืองชัย

หลาย ๆ คนอาจเถียงในใจว่า เจตนาจะเป็นกรรมได้ อย่างไร ในเมือ่ เจตนาเป็นเพียงความคิด จะเป็นการสร้างกรรม ได้อย่างไร และอาจจะยังตะบึงตะบอนสร้างเจตนาไม่ดีอยู่นั่น (ทุกการกระท�ำเกิดจากเจตนา) อาจารย์อยากจะขอให้ท่านเหล่านี้ ลองคิดถึงความ สามารถของพลังงานมนุษย์ดู เพียงแค่เรามองใครด้วยสายตา เพียงแค่มองเฉย ๆ ด้วยสายตาเท่านัน้ ยังสามารถสะกิดให้คน ที่เรามองรู้ตัว และหันมาทางเราได้

�������_27_02_55.indd 106

3/23/12 2:21 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

107

แล้วเจตนาที่แรงกว่าการมอง  จะไม่มีแรงส่งได้อย่างไร  เมื่อเป็นแรงส่ง  ก็ต้องหมุนกลับมาหาเราเอง อย่างแน่นอน

เรำคงเถียงไม่ได้วำ่ กำแลกซีน่ มี้ กี ลไกทีค่ วบคุมให้ทกุ ๆ แรงที่เกิดขึ้นในกำแลกซี่ หมุนกลับเป็นวงกลม ในเมื่อทุกสิ่ง ทุกอย่ำงต้องหมุนกลับเป็นวงกลม แล้วจะให้ยกเว้นเจตนำ ของเรำไม่ให้หมุนกลับ ก็คงเป็นไปไม่ได้ และนี่แหละ คือ “กฎแห่งกรรม”

�������_27_02_55.indd 107

3/23/12 2:21 PM


108

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ร่างกายเรามีศูนย์กลางควบคุมการท�ำงาน อยู่บนฐานจักระทั้ง ๗ อีกอย่างที่อาจารย์รู้จากสมาธิ และจ�ำได้ว่าในอดีตชาติ ก็เคยท�ำ คือ การท�ำสติบน ๗ ต�ำแหน่งของร่างกาย ซึ่งมี หน้า ผาก กลางอก ท้องน้อย ก้นกบ กลางหลัง ท้ายทอย และบน ศีรษะ เมื่ อ ได้ เ ห็ น ตั ว เองในอดี ต ฝึ ก ฝนสิ่ ง นี้ อาจารย์ จึ ง พยายามหาข้อมูล จนได้พบว่าต�ำแหน่งต่าง ๆ เหล่านี้เรียกว่า ฐานจักระทั้ง ๗ เมื่อวิเคราะห์ความเกี่ยวพันกับอวัยวะของร่างกายใน ส่วนทีต่ งั้ ของฐานจักระ ก็พบว่า ฐานจักระเหล่านี้ ตัง้ อยูบ่ นแกน กระดูกสันหลังซึ่งเป็นอวัยวะส�ำคัญที่สุดและก่อตัวขึ้นก่อน อวัยวะอื่นทั้งหมด นั่นคือ กระดูกสันหลังและหัวใจ และ ต�ำแหน่งของจักระทัง้ หมดยังเป็นบริเวณทีม่ อี วัยวะส�ำคัญอืน่  ๆ เช่น สมอง ปอด กระดูกสันหลังซึ่งผลิตเม็ดเลือดทั้งหมด รวมทั้งต�ำแหน่งการผลิตฮอร์โมนและระบบการสืบพันธุ์

�������_27_02_55.indd 108

3/23/12 2:21 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

109

เมื่อเห็นตัวเองท�ำสติในอดีตชาติ อาจารย์จึงได้เริ่ม ฝึกฝนสมาธิ ควบคู่ไปกับการฝึกสติบนฐานจักระทั้ง ๗ ด้วย ความรู้สึกว่า สิ่งนี้คงต้องเป็นสิ่งส�ำคัญ เพราะถ้าไม่ส�ำคัญ ก็ คงไม่จ�ำได้ชัดเจนขนาดนี้ หลังจากการฝึกสติบนฐานจักระทั้ง ๗ ได้ไม่นาน อาจารย์กส็ ามารถจับความรูส้ กึ ของคลืน่ พลังงานทีไ่ หลเวียนอยู่ ภายในตัวเองได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังรู้สึกได้แม้กระทั่งพลังงาน ที่ไหลออกมาตามต�ำแหน่งต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ฝ่ามือและ นิ้วมือ พอรูส้ กึ ก็เลยทดลองมองหาพลังงานส่วนทีอ่ อกมาจาก มือและนิ้ว ซึ่งก็สามารถมองเห็นพลังงานของตัวเองไหลออก มาเป็นแสงอ่อนได้ในความมืด ตัง้ แต่นนั้ มา ความรูส้ กึ เกีย่ วกับ ร่างกายก็เริ่มเปลี่ยนไป สังเกตเจอคลื่นต่าง ๆ ในตัวมากขึ้น เริ่มรู้สึกถึงคลื่นพลังงานที่วิ่งไปตามต�ำแหน่งต่าง ๆ ชัดเจนขึ้น จนแจ้งว่า มนุษย์ขับเคลื่อนได้ด้วยพลังงานทั้งสิ้น

�������_27_02_55.indd 109

3/23/12 2:21 PM


110

กฤติยา อัศวเรืองชัย

และวันหนึ่งก็ได้ดูสำรคดีเรื่องเกี่ยวกับยีนของมนุษย์ ใน Discovery Channel มีนักวิทยำศำสตร์ชื่อ Hox ได้ค้น พบว่ำเริ่มแรกที่มนุษย์ปฏิสนธิในครรภ์ เรำจะเริม่ ต้นชีวติ ด้วยยีน ๗ ตัวแรก ซึง่ ท�ำหน้ำทีเ่ หมือน พิมพ์เขียว มีขอ้ มูลทีท่ ำ� ให้เรำเกิดมำรูปร่ำงหน้ำตำต่ำง ๆ กันไป ยีน ๗ ตัวนี้ ย่อมเป็นต�ำแหน่งเซลล์ ๗ ตัวแรก ๆ ของ ร่ำงกำยเช่นกัน อยู่ในแกนกระดูกสันหลัง เพรำะแกนกระดูก สันหลัง เป็นอวัยวะที่ถูกสร้ำงขึ้นแรกสุดเมื่อเรำเป็นตัวอ่อน และค่อย ๆ เติบโตเป็นอวัยวะอื่น ๆ ออกมำจำกส่วนนี้ ดังนั้น ต�ำแหน่งทั้ง ๗ จึงมีควำมเชื่อมโยงกับอวัยวะที่ถูกสร้ำงขึ้นมำ หลังจำกนั้นทั้งหมด กล่ำวง่ำย ๆ คือ ๗ ต�ำแหน่งนี้ หรือฐำนจักระทั้ง ๗ ก็ คือศูนย์กลำงหรือแกนกลำงของกำรควบคุมเซลล์ในร่ำงกำย ทั้งหมดนั่นเอง

�������_27_02_55.indd 110

3/23/12 2:21 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

111

ลักษณะการทำงานของฐานจักระ จักระแตละตำแหนง จะทำหนาที่เปนเครื่องกำเนิด และสงกระแสการทำงาน ออกไปตามอวัยวะตางๆ ของรางกาย

ดานหลัง

ดานหนา

• หนาผาก • กลางอก • ทองนอย • กนกบ

�������_27_02_55.indd 111

ดานหนา

ดานหลัง

• กนกบ • กลางหลัง • ทายทอย • เหนือสุดศีรษะ

3/23/12 2:21 PM


112

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ความเข้าใจเรื่องฐานจักระทั้ง ๗ ของอาจารย์เพิ่มมาก ขึ้นอีก เมื่อมีโอกาสได้ฟังการบรรยายเรื่องพลังชีวิตในร่างกาย ของ อาจารย์ไชย ณ พล ท่านได้สอนว่าพลังชีวิตของเราจะวิ่ง เป็ น วงกลมอยู ่ ใ นร่ า งกายของเราและไหลออกที่ ห น้ า ผาก การไหลเวียนของพลังงานนีจ้ ะวิง่ ผ่านฐานจักระและเป็นเหมือน ส่วนที่ควบคุมก�ำลังกายของเรา เพราะหากการไหลเวียนผิด ปกติ เราจะหมดแรง อาจารย์ไชย ณ พล ให้พวกเราพิสูจน์ โดยให้คนหนึ่ง ยกแขนขวาไปข้างหน้า และให้อีกคนใช้นิ้วกดที่ข้อมือของคน ที่ยกแขนอยู่ โดยให้คนแรกฝืนไว้ไม่ให้ต�่ำลง จากนั้นให้คนที่ กดใช้อีกมือปิดหน้าผากคนที่ยกแขน แล้วทดลองกดแขนของ เขาลงใหม่ ปรากฏว่า ก�ำลังกายของเขาลดลง ยิ่งปิดหน้าผาก นานเท่าไร ก็ยิ่งหมดแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ การทดลองของอาจารย์ไชย ณ พล แสดงให้เห็นว่า การไหลเวียนของพลังงานบนฐานจักระทั้ง ๗ เป็นแกนหลัก ควบคุมการท�ำงานของร่างกายจริง ๆ เพราะทันทีที่เรารบกวน วงจรของการหมุนเวียนของพลังงานนี้ เราก็หมดแรงในทันที

�������_27_02_55.indd 112

3/23/12 2:21 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

113

ซึ่งคงไม่เพียงแค่ควบคุมความแข็งแรงของร่างกายเท่านั้น คง ต้องควบคุมไปถึงการท�ำงานของอวัยวะภายในทั้งหมดของเรา ด้วย เพราะเป็นฐานหลักและต้นทางของอวัยวะทั้งหมด ท�ำให้ รู้ว่า ร่างกายของเราด�ำเนินชีวิตอยู่ได้ ด้วยพลังงานหรือพลัง ชีวิตที่หมุนวนผ่านฐานจักระทั้ง ๗ นี่เอง นี่ไง... ร่างกายของเราก็มีระบบไม่ต่างจากกาแลกซี่ เช่นเดียวกับทุกสิ่งทุกอย่าง และเมื่อคิดถึงแรงขับเคลื่อนของ แขนที่หายไป เพราะจักระถูกรบกวนจากการทดลองข้างต้น ก็ ท�ำให้รู้ได้ว่า เรามีชีวิตอยู่ได้ด้วยการท�ำงานของฐานจักระนี่เอง ดังนัน้ ฐานจักระก็คอื ฐานของแกนชีวติ ฐานแกนของ จิตวิญญาณของเรา ท�ำหน้าที่เป็นแกนหมุน สร้างพลังงาน ขับเคลื่อนให้กับอวัยวะต่าง ๆ หากท�ำงานผิดปกติ ก็จะเกิด ปัญหากับร่างกาย อาจารย์จงึ ให้ความส�ำคัญกับการพัฒนาฐาน จักระทั้ง ๗ อย่างจริงจังมากขึ้นไปอีก

�������_27_02_55.indd 113

3/23/12 2:21 PM


�������_27_02_55.indd 114

3/23/12 2:21 PM


บทที่ ๒ ผลึ ก ป ญ ญา

�������_27_02_55.indd 115

3/23/12 2:21 PM


116

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ำถึงตรงนี้ อำจำรย์เริม่ รวบรวมควำมรูท้ งั้ หมดเข้ำ ด้วยกัน โดยเอำควำมรู้จำกประสบกำรณ์ตรง ตั้งแต่เด็ก รวมกับควำมรู้ที่ได้จำกกำรท�ำสมำธิ ท�ำให้เห็นเป็น ภำพของชีวติ ทีช่ ดั เจนขึน้ ควำมรูท้ งั้ หมดชีไ้ ปในทิศทำงเดียวกัน นั่นคือ ตัวตนของเราจริง ๆ ไม่ใช่ร่างกาย ความจริง เราคือ “พลังงาน” ที่เป็นจิตวิญญาณที่ไม่ตาย และตายไม่ เป็น จิตของเรำใช้ร่ำงกำยเป็นเครื่องมือในกำรเดินทำงด้วย กำรเกิดและตำย ซ�้ำแล้วซ�้ำอีก และที่เป็นเช่นนั้น เพรำะเรำอยู่ ภำยใต้กำรควบคุมของกฎธรรมชำติ ให้เดินทำงวนเวียนอยู่ใน กำแลกซี่ และจำกกำรที่เรำเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของกำแลกซี่ กฎธรรมชำติจึงส่งผลกับชีวิตเรำตลอดเวลำอย่ำงหนีไม่ได้

�������_27_02_55.indd 116

3/23/12 2:21 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

117

เราเรียกการเดินทางในกาแลกซีข่ องเราว่า “กฎแห่งกรรม” การเดินทางวนเวียนของจิตวิญญาณก็คือ การเกิด และตายที่เราเรียกว่า “ภพชาติ” โดยมีตัวเราเป็นต้นเหตุของ การสร้างภพชาติด้วยตัวเอง และทีเ่ ราต้องกลับมาเกิด ก็เพราะ เราต้องกลับมาใช้บุญและกรรมที่เราก่อเพิ่มไว้ในแต่ละภพ เราไม่ได้เพียงแค่เกิดและตายเพื่อรับบุญรับกรรม เท่านั้น ขณะเดียวกัน พวกเรามีการบันทึกความจ�ำที่เป็นความ รู้ตลอดเวลา เราจึงสามารถใช้ความรู้เก่าทีเ่ ราเคยเก็บไว้มาเป็น พรสวรรค์ เป็นประโยชน์สำ� หรับตัวเอง รวมทัง้ เป็นวิวฒ ั นาการ ซึ่งเป็นการน�ำความจ�ำในจิตตัวเอง มาปรับตัวให้สามารถด�ำรง ชีวิตได้ดีขึ้นทุกครั้งที่เกิด เราจึงมีการเปลี่ยนแปลงทุกภพที่เราเกิด ไม่ว่าจะเป็น ทางกายภาพ คือลักษณะของการใช้งานร่างกาย หรือความ สามารถทางด้านสติปญ ั ญาก็เพิม่ ขึน้ ฉลาดขึน้ เก่งขึ้น กว่าสมัย ที่เราเป็นคนในยุคก่อน ๆ อย่างเห็นได้ชัด

�������_27_02_55.indd 117

3/23/12 2:21 PM


118

กฤติยา อัศวเรืองชัย

แม้ว่าจะมองเห็นความจริงมาถึงแค่นี้แล้ว แต่อาจารย์ คิดว่ายังไม่เพียงพอส�ำหรับความเข้าใจ เพราะสิง่ ทีร่ เู้ หล่านี้ เป็น เพียงผลที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่ยังไม่รู้ถึง “กลไกต้นเหตุ” ที่เป็น สาเหตุหลักของการเกิดกฎธรรมชาติของทั้งระบบ เพราะหากเรารู้และเข้าใจกลไกที่เป็นสาเหตุและ ควบคุมทั้งหมดจริง ๆ เราก็จะรู้และเข้าใจที่มาที่ไปของทุก สรรพสิง่ ไม่วา่ จะเป็นดาวบนฟ้า หรือตัวเรา จะท�ำให้เรารูต้ งั้ แต่ จุดเริ่มต้นของเรา รู้ว่าจริง ๆ เรามาจากไหน และก�ำลังจะไปไหน เราจัดการอะไรกับชีวิตตัวเองได้บ้าง คนส่วนใหญ่ยงั อยูใ่ นความไม่รู้ และเมือ่ ไม่รู้ ก็แน่นอน ว่ายังช่วยตัวเองไม่ได้ หรือรู้สึกว่าตัวเองยังหลงทางอยู่และ เพราะยังไม่รู้กลไกที่เป็นต้นเหตุของการเกิดขึ้นทั้งหมด จึงยัง มีค�ำถามที่ยังคงไม่ได้ค�ำตอบ เช่น ชีวติ เริ่มต้นอย่างไร วิวัฒนาการเกิดขึ้นได้อย่างไร เราจะไปจบชีวติ ทีต่ รงไหน นรกและสวรรค์มจี ริง ๆ หรือไม่ ถ้า มีจริง กลไกอะไรในธรรมชาติที่สร้างสิ่งเหล่านี้

�������_27_02_55.indd 118

3/23/12 2:21 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

119

รวมทัง้ เรือ่ งมหัศจรรย์ หรือเหนือธรรมชาติ หรือแม้แต่ ความสามารถพิเศษของตัวเอง สิ่งเหล่านี้คืออะไร เพราะ อาจารย์รมู้ าตลอดว่า “...ไม่ควรจะมีอะไรเหนือธรรมชาติ เพราะ ทุกอย่างเกิดขึ้นจากธรรมชาติ และยังอยู่ในธรรมชาติ” เพียง แต่ควรต้องเข้าใจและสามารถอธิบายได้ดว้ ยหลักวิทยาศาสตร์ หรือความเป็นจริง ด้วยความคิดเช่นนี้ ท�ำให้อาจารย์ยังไม่หยุดศึกษา หาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับชีวิตต่อไป และใช้วิธีวิเคราะห์ และมองทุกอย่างให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะแน่ใจแล้วว่า ทุกอย่างที่อยู่ภายในกาแลกซี่ถูก “กลไกต้นเหตุ” หรือที่เรา เรียกว่า “แรงเหนี่ยวน�ำหรือกฎกาแลกซี่” ควบคุมอยู่ และถูก กระท�ำให้เป็นเหมือนกันทั้งหมด เราคงปฏิเสธไม่ได้วา่ ทุกสิ่งทุกอย่างก็คือการรวมตัว ของพลังงาน ไม่เว้นแม้แต่ตัวเรา เพราะในส่วนที่เล็กที่สุดของ เรา ที่เราเรียกว่า “อะตอม” ก็เป็นพลังงาน และยังหมุนตลอด เวลาเหมือนกาแลกซี่

�������_27_02_55.indd 119

3/23/12 2:21 PM


120

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ความจริงอีกอย่างที่ส�ำคัญที่สุดคือ ธาตุพื้นฐานหรือ ทีม่ าของทุกสิง่ ทุกอย่างรวมทัง้ ตัวเรา คือ “ไฮโดรเจน” เหมือน กันทั้งหมด พูดง่าย ๆ กาแลกซี่ คือ ก้อนไฮโดรเจนก้อนใหญ่ ที่เกิดจากก้อนไฮโดรเจนก้อนเล็ก ๆ มารวมกัน ในเมื่อทุก ๆ อย่างเกิดมาจากสิ่งเดียวกัน โดนกระท�ำเหมือน ๆ กัน อาจารย์ จึ ง ไม่ แ ยกศาสตร์ ใ นการคิ ด วิ เ คราะห์ ห า “กลไกต้ น เหตุ ” ซึ่งเป็นค�ำตอบที่ส�ำคัญที่สุด อาจารย์ใช้วิธีวิเคราะห์หากลไกนี้ โดยการเอาความรู้ ทั้งหมด ทั้งจากประสบการณ์ตลอดชีวิตที่ผ่านมา และความรู้ ในทุกศาสตร์มาคิดวิเคราะห์ร่วมกัน เหมือนน�ำทุกองค์ความรู้ มาเรียงซ้อนกันและหาค่าค�ำตอบที่ตรงกันที่สุด ซึ่งก็จะเป็น ค�ำตอบที่ใกล้เคียงความจริงที่สุด แต่ก็ต้องตรวจสอบ ด้วยการน�ำค�ำตอบนั้นมาเปรียบ เทียบกับค�ำสอนของทุกศาสนา หากถูกต้อง และเป็นความจริง ในธรรมชาติ ค�ำตอบที่ได้ควรต้องตรงกับค�ำสอนด้วย เพราะ ไม่วา่ จะเป็นใครพูดหรือใครสอนเรือ่ งจริงในธรรมชาติ ย่อมต้อง เหมือนกัน แต่ทสี่ ำ� คัญทีส่ ดุ ไม่ใช่เพียงการตรงกันหรือเหมือน กันเท่านั้น แต่ต้องเป็นค�ำตอบหรือค�ำอธิบายที่เป็นจริง เห็น จริง และหักล้างไม่ได้

�������_27_02_55.indd 120

3/23/12 2:21 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

121

ค�ำตอบที่ได้จากวิธีดังกล่าว จึงเป็น “กลไกต้นเหตุ” หรือ “กฎธรรมชาติ” ของการสร้างสรรพสิ่งในธรรมชาติจริง ๆ จากนัน้ อาจารย์กย็ งั ต้องใช้เวลาในการพิสจู น์คำ� ตอบทีไ่ ด้ โดย การน�ำกลไกหรือกฎธรรมชาตินมี้ าพิจารณาเปรียบเทียบกับทุก สิ่งทุกอย่าง เพื่อตรวจสอบความรู้ว่าถูกต้องหรือไม่ จนแน่ใจ ได้ว่า ข้อมูลความรู้ที่ได้มานี้ ถูกต้องจริง อย่างไม่มีทางเป็น อย่างอืน่ ไปได้ ซึง่ แน่นอนว่า ความรูเ้ รือ่ งกฎธรรมชาติทไี่ ด้มานี้ จะสามารถตอบทุก ๆ ค�ำถาม ทุก ๆ เรื่อง ในชีวิตของเราอย่าง แน่นอน มาถึงตรงนี้ ท่านผู้อ่านก็อาจจะคิดสงสัยว่า “อะไร...ท�ำให้เธอขยันหาข้อมูลขนาดนี้” การหาข้อมูลและศึกษาจริง ๆ เริ่มต้นจากการเริ่มสอน สมาธิ และเริ่มมีค�ำถามจากลูกศิษย์ บวกกับประสบการณ์ แปลก ๆ และความอยากรู้ที่มาและสาเหตุของการมีความ สามารถพิเศษของตัวเอง เป็นจุดเริ่มต้นของความใส่ใจ และ ค้นหาค�ำตอบของอาจารย์

�������_27_02_55.indd 121

3/23/12 2:21 PM


122

กฤติยา อัศวเรืองชัย

การค้นพบหรือเข้าใจเรือ่ งหนึง่ ท�ำให้อาจารย์ขยับเข้าหา ความเข้าใจอีกเรื่องหนึ่ง และอีกเรื่องหนึ่ง ไปเรื่อย ๆ จนใน ทีส่ ุด อาจารย์ก็สามารถรวบรวมความรู้ทั้งหมดเข้าด้วยกัน จน เกิดการตกผลึกออกมาเป็นค�ำตอบของชีวิตที่ชัดเจน การตกผลึกของความรู้ทั้งหมดนี้ ท�ำให้อาจารย์มอง เห็นกลไกของธรรมชาติทสี่ ร้างธรรมชาติชดั ขึน้ จนสามารถมอง ย้อนไปถึงต้นก�ำเนิดของทุก ๆ อย่าง ทุก ๆ ชีวิต หมายรวมถึง เราทั้งหมด แต่ ที่ ม หั ศ จรรย์ คื อ สิ่ ง ที่ อ าจารย์ ค ้ น พบหรื อ กฎธรรมชาตินี้ ไม่ได้มีความพิเศษเลยแม้แต่น้อย เป็นเพียง กลไกธรรมดา ๆ ที่เรารู้กันอยู่แล้วทั้งสิ้น เพียงแต่เราไม่เคย เชื่อมโยงกลไกเหล่านี้กับตัวเองเท่านั้น แต่อาจารย์รับรองว่า เมื่อท่านผู้อ่านได้อ่าน และ ทบทวนสิง่ ทีอ่ าจารย์กำ� ลังจะอธิบายให้ฟงั ท่านจะสามารถเข้าใจ ความจริงของชีวติ ทัง้ หมดได้จริง ๆ เรียกได้วา่ “ถึงบางอ้อ” หรือ จะเรียกให้เท่ ๆ ก็ได้ว่า “พวกเราสามารถไขความลับของ จักรวาล” ได้เช่นกัน

�������_27_02_55.indd 122

3/23/12 2:21 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

123

ธรรมชาติไม่เคยมีความลับ  เ¾ราะธรรมชาติไม่เคยซ่อน  แต่อยู่รอบ ๆ ตัวเราตลอดเวลา  หรือ¾ูดให้ชัดก็คือ  อยู่ในตัวเรา  หรือ... เป็นตัวเราด้วยซ�้าไป

�������_27_02_55.indd 123

3/23/12 2:22 PM


124

กฤติยา อัศวเรืองชัย

บิกแบงสร้างกาแลกซี่ สร้างกฎธรรมชาติ สร้างเรา สร้างสัจธรรม คนส่วนใหญ่รกู้ นั อยูแ่ ล้วว่า เราหรือสิง่ มีชวี ติ ทัง้ หมดเกิด อาศัยอยูแ่ ละมีววิ ฒ ั นาการอยูบ่ นโลกใบนีม้ านานมากแล้ว และ โลกใบนี้ที่ท�ำให้เราเกิดมา ก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบสุริยะ จักรวาลที่มีดวงอาทิตย์ดึงดูดเราอยู่ ให้หมุนไปรอบ ๆ นอกจากนี้ เรายังเห็นดาวเต็มท้องฟ้าในเวลากลางคืน ซึ่งก็หมุนเวียนไปมาเหนือศีรษะเรา เกาะกันเป็นกลุ่ม หน้าตา เดิม ๆ เพียงแต่เปลี่ยนต�ำแหน่งบนท้องฟ้าเท่านั้น แต่ไม่ใช่ทุกคน ที่จะรู้ว่า ระบบสุริยะจักรวาลของเรา เป็ น เพี ย งกระจุ ก เล็ ก จิ๋ ว ของระบบที่ ใ หญ่ ม หึ ม าที่ ห มุ น อยู ่ แบบเดียวกันกับสุริยะจักรวาล ระบบใหญ่ยักษ์นี้เรียกว่า “กาแลกซี่” ที่บอกว่าพวกเราเล็กจิ๋ว เพราะดวงอาทิตย์ของเรา เป็นเพียงหนึ่งในประมาณสองแสนล้านดวงของกาแลกซี่

�������_27_02_55.indd 124

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

125

นั่นหมายถึง ถ้าเราเป็นครอบครัวของคุณดวงอาทิตย์ เราก็จะมีญาติพี่น้องที่อยู่ในบ้านเดียวกัน (กาแลกซี่) ถึงสอง แสนล้านคุณดวง และพวกเราเป็นญาติพี่น้องกันทั้งหมดทั้งสองแสน ล้านดวง ต่างพากันเดินทางหมุนไปรอบ ๆ ใจกลางของกาแลก ซี่ ซึง่ มีหลุมด�ำหรือพลังงานบริสทุ ธิ์ เหมือนโลกและดาวเคราะห์ ทุกดวงหมุนรอบดวงอาทิตย์ คนทีร่ จู้ กั กาแลกซี่ ก็คงรูอ้ ยูแ่ ล้วว่า กาแลกซีท่ ที่ ำ� ให้เรา เกิดมานั้น เกิดขึ้นจากการระเบิดที่เรียกว่า “บิกแบง” ซึ่งคน ส่วนใหญ่ที่รู้เรื่องนี้ อาจจะรู้ไปถึงว่า ก่อนที่จะเกิดระเบิด บิกแบง ตรงนั้นไม่มีอะไรเป็นพิเศษ มีแต่ที่นักวิทยาศาสตร์ เรียกว่า “สสารมืด” หรือ “พลังงานมืด” แต่อาจารย์ชอบเรียกว่า “พลังงานบริสทุ ธิ”์ มากกว่า และพลังงานบริสทุ ธ์นแี่ หละ ทีเ่ กิด จุดระเบิดที่เรียกว่า ‘บิกแบง’ เพราะบิกแบงท�ำให้เกิดกาแลกซี่ และพวกเราก็อยู่ ใจกลางกาแลกซี่

�������_27_02_55.indd 125

3/23/12 2:22 PM


126

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ดังนัน้ กฎธรรมชาติหรือพลังธรรมชาติอะไรทีส่ ง่ ผลกับ กาแลกซี่ ก็ย่อมส่งผลกับเราทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างหนี ไม่พ้นเลย เพราะแรงเหนี่ยวน�ำภายในกาแลกซี่ มีลักษณะ เหมือนกับการทดลองส่งกระแสไฟฟ้าเข้าไปในขดลวด ซึง่ ท�ำให้ ผงเหล็กถูกกระท�ำให้เป็นไปเหมือนกันทั้งหมด แรงหมุนของกาแลกซี่ก็เช่นกัน สร้างให้เกิดกระแสกฎ ธรรมชาติขึ้นภายในกาแลกซี่ ท�ำให้พลังงานดึงดูดกัน (Law of Attraction) รวมตัวกันขึ้นมาเป็นกลุ่มพลังงานใหญ่ขึ้น และกลุ่มพลังงานเหล่านี้ดึงดูดและรวมตัวกันจนกลายเป็น โมเลกุล ใหญ่ขึ้นมาเป็นธาตุ และกลายเป็นสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ และวิวฒ ั นาการกลายเป็นสิง่ มีชวี ติ ทีใ่ หญ่ขนึ้ จนกลายเป็นเรา ทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุมของกาแลกซี่ ตราบใดที่ กาแลกซี่ยังหมุนอยู่ อะตอมในตัวของเรา ก็จะยังคงหมุนอยู่ ตลอดเวลา เป็นการย�ำ้ ให้แน่ใจว่าเราอยูภ่ ายใต้การควบคุมของ กฎธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างหนีไม่ได้ เพราะ เราเป็นเขา และเขาเป็นเรา

�������_27_02_55.indd 126

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

127

ด้วยเหตุนี้ ...กฎกำแลกซี่ทุกข้อ ไม่ว่ำเรำจะเรียกว่ำ กฎธรรมชำติ หรือ “กฎแห่งกรรม” จึงเป็นกฎแห่งชีวติ ควบคุม ชีวติ เรำอยูท่ กุ อณูลมหำยใจของเรำ นีแ่ หละคือ ควำมจริงเกีย่ ว กับเรำ เป็นค�ำตอบของชีวิต และเป็นสัจธรรม จำกกำรยอมรับควำมเป็นจริงนี้ เรำจึงสำมำรถมองหำ กลไกต้นเหตุที่สร้ำงทุกอย่ำงได้

�������_27_02_55.indd 127

3/23/12 2:22 PM


128

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ก�ำเนิดกฎธรรมชาติ - กฎแห่งชีวติ - กฎแห่งกรรม เรารู้แล้วว่า ต้นก�ำเนิดของเราทั้งหมดมาจากการเกิด บิกแบงและกาแลกซี่ และจากวินาทีนนั้ แหละทีท่ กุ อย่างเกิดขึน้ แล้วมันเกิดอะไร แรงระเบิดจากจุดศูนย์กลางของบิกแบง ท�ำให้เกิดการ หมุนมหึมาของกาแลกซี่ แรงหมุนเหวี่ยงที่มีจุดศูนย์กลางของ กาแลกซี่ ท�ำให้เกิดแรงเหนี่ยวน�ำขึ้นเต็มพื้นที่ภายในกาแลกซี่ เป็นเหตุให้เกิดกลไกธรรมดา ๆ ขึ้นในกาแลกซี่อยู่ ๒ อย่าง

อย่างแรกคือ แรงดึงดูดกันเองภายในกาแลกซี่ อย่างที่สองคือ ทุก ๆ อย่าง ทุก ๆ แรงในกาแลกซี่ จะวิ่ ง หมุ น เป็ น วงกลมเหมื อ นกั บ กาแลกซี่

กลไกทัง้ สองอย่างข้างต้นนี้ ดูธรรมดามาก ๆ ถ้าบังเอิญ เราออกไปนอกกาแลกซี่ได้ แล้วหันกลับมาดูกาแลกซี่ของ ตัวเอง เราก็จะเห็นกลไกนี้ด้วยตาเรา

�������_27_02_55.indd 128

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

129

อย่างแรก จากการเห็นว่า กาแลกซี่ดึงดูดทุก ๆ อย่าง ภายในไว้ด้วยกัน จึงไม่มีอะไรหมุนหลุดกระเด็นออกไปนอก กาแลกซี่ อย่างที่สอง ไม่มีอะไรที่อยู่ในกาแลกซี่ วิ่งหรือเดินทาง เป็นเส้นตรง เพราะทุกอย่างก�ำลังหมุนไปรอบ ๆ ศูนย์กลาง จึง ต้องวิ่งหมุนเป็นวงจรกลม ๆ ทั้งสิ้น เจ้ากลไกธรรมดาสุด ๆ ๒ อย่างของกาแลกซีท่ ำ� ให้เกิด ผลเป็น “กฎธรรมชาติ” ขึ้น ๓ ข้อ ซึ่งเราเผชิญกันอยู่ในชีวิต จนเราตั้งชื่อใหม่เป็น “กฎแห่งกรรม” เมื่อมันส่งผลกับชีวิต นั่นคือ กฎธรรมชาติ ข้อที่ ๑ สิ่ง ที่เ หมือ นกัน จะดึง ดู ด กัน (Law of Attration) กฎธรรมชาติ ข้อที่ ๒ อะไรที่ไม่เหมือนกัน ก็จะไม่ ดึงดูดกัน จึงถูกเหวี่ยงออก จากแรงหมุน

�������_27_02_55.indd 129

3/23/12 2:22 PM


130

กฤติยา อัศวเรืองชัย

กฎธรรมชาติ ข้อที่ ๓ ทุก ๆ แรงกระท�ำจะวิ่งเป็น วงกลม การวิง่ เป็นวงกลม คือ การวิ่ ง กลั บ มาหาจุ ด เริ่ ม ต้ น ท�ำให้นกั วิทยาศาสตร์มองเห็น ผลที่เกิดและก�ำหนดเป็นกฎ ฟิสิกส์ คือ แรงกิริยา ก่อให้ เกิดแรงปฏิกิริยาเท่า ๆ กัน (Action Creates Re-action) กฎธรรมชาติ ๓ ข้อนี้ที่ตอบโจทย์ทุก ๆ อย่าง คือ กฎแห่งกรรม ทั้งสร้าง ทั้งวิวัฒน์ และท�ำให้ทุก ๆ อย่างใน กาแลกซี่เป็นไปอย่างที่เราเห็น สร้างตั้งแต่ธุลีดินไปจนถึงเพชร สร้างตัง้ แต่ลมไปจนถึงพายุ และสร้างตัง้ แต่สงิ่ มีชวี ติ ทีเ่ ล็กทีส่ ดุ จนถึงมนุษย์

�������_27_02_55.indd 130

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

131

สร้างตั้งแต่ธุลีดินไปจนถึงเพชร ตั้ ง แต่ วิ นาที ที่ เ กิ ด บิ ก แบงและการหมุ น ของวงจั ก ร กาแลกซี่ ก็เกิดแรงเหนี่ยวน�ำอยู่ภายในกาแลกซี่ กลไกทาง ธรรมชาติทั้ง ๓ ข้อนี้ก็ท�ำงานในทันที เริ่มต้นจากพลังงาน ภายในเริ่มการดึงดูดกันเอง หลังระเบิดสักพัก และไฟระเบิด เริ่มมอดและเย็นลง การดึงดูดกันเองท�ำให้เกิดการรวมตัวกัน ของพลั ง งานที่ ห มุ น ไปรอบ ๆ กาแลกซี่ รวมตั ว กั น เป็ น กลุม่ เล็ก ๆ กลายเป็นลูกไฟลูกเล็ก ๆ หมุนไปรอบ ๆ จุดศูนย์กลาง ของกาแลกซี่ ลูกไฟเหล่านี้ไม่ได้วิ่งหมุนไปรอบ ๆ กาแลกซี่เท่านั้น ยังหมุนรอบตัวเองด้วย การหมุนรอบตัวเองของลูกไฟท�ำให้เกิด ภาวะเหนี่ยวน�ำอีกระดับหนึ่งอยู่ภายในวงจรรอบตัวเอง ซึ่งก็ ท�ำให้เกิดลูกไฟกลุม่ บริวารของตัวเอง วิง่ วนอยูร่ อบตัวเองเช่นกัน บริวารเหล่านี้เป็นไฟลูกเล็ก จึงเย็นเร็วกว่าลูกใหญ่ เมื่อผิว ลูกไฟเล็ก ๆ เย็นลงได้ที่ ไม่มีการลุกไหม้ จึงเป็นการดับแสง หรือไม่มีแสงในตัวเอง เราเรียกว่า “ดาวนพเคราะห์”

�������_27_02_55.indd 131

3/23/12 2:22 PM


132

กฤติยา อัศวเรืองชัย

แน่นอนว่าลูกไฟดวงใหญ่ก็คือ ดาวฤกษ์ ซึ่งก็รวมทั้ง ดวงอาทิตย์ สุริยะจักรวาล และโลกของเราก็ถือก�ำเนิดขึ้น ผิวโลกเมื่อเย็นลงไปเรื่อย ๆ ก็เกิดรวมตัวกันจาก แรงดึงดูดกันเอง ท�ำให้เกิดโมเลกุล รวมกันเป็นสสารต่าง ๆ ไปตามลักษณะของแรงดึงดูดที่ต่างกัน เช่น ถ้าเป็นน�้ำ ก็จะมีการรวมตัวกันของพลังงานที่ หลวม ๆ จึงเปลี่ยนแปรง่าย โดนความร้อนก็สั่นสะเทือนง่าย การสั่นสะเทือนท�ำให้พลังงานที่ดูดกันอยู่คลายตัวออก น�้ำจึง กลายเป็นไอน�้ำ ลอยขึ้นไปอยู่ในระดับบรรยากาศ ที่มีลักษณะ เดียวกับมัน หรือมีความกดดันเหมือนมัน ซึ่งก็คือบนฟ้าใน ระดับที่เราเห็นไอน�้ำหรือเมฆลอยอยู่ หรือถ้าเป็นดิน ก็จะหนาแน่นกว่า จึงเปลี่ยนแปรยาก และใช้เวลานานมาก เราจึงมองเห็นว่าดินไม่เปลี่ยนแปลง แต่ ความจริงคือทุกอย่างเปลีย่ นแปลง ขยับอยูต่ ลอดเวลา เป็นต้น

�������_27_02_55.indd 132

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

133

เมื่อเวลาผ่านไป ทุก ๆ อย่างที่อยู่บนผิวดวงดาว ย่อมถูกกลไกธรรมชาติของกาแลกซี่กระท�ำ การรวมตัวกัน ที่เกิดจากแรงเหนี่ยวน�ำที่ต่างกัน ในแต่ละสภาวะ บวกกับ แรงกระทบต่าง ๆ เช่น ความร้อนจากแสงอาทิตย์ แรงลม แรงน�้ำ ฯลฯ ท�ำให้เกิดเป็นดิน หิน เหล็ก แร่ธาตุต่าง ๆ แต่การหมุนเวียนเปลีย่ นแปลงไม่เคยหยุด เพราะกลไก ธรรมชาติไม่เคยหยุดท�ำงาน การคลายตัวหรือผลักสิ่งที่ไม่ เหมือนกันตามกลไกธรรมชาติเกิดขึน้ ตลอดเวลาเช่นกัน จึงเกิด ปรากฏการณ์การคายคาร์บอน ท�ำให้เกิดเพชร หยก พลอย ชนิดต่าง ๆ และทรัพยากรทั้งหมดในธรรมชาติบนผิวโลก กฎธรรมชาติทงั้ สามข้อนี้ จึงเป็น “กลไกต้นเหตุ” ของ การเกิดดวงดาว และธรรมชาติทเี่ รารูจ้ กั ทัง้ หมด รวมทัง้ ท�ำให้ เกิดพวกเรา

�������_27_02_55.indd 133

3/23/12 2:22 PM


134

กฤติยา อัศวเรืองชัย

กฎทั้งสามข้อนี้ อยู่กับกาแลกซี่นี้มาตั้งแต่ต้นจนถึง ปัจจุบนั ยังไม่มอี ะไรมากขึน้ หรือน้อยลง เป็นกลไกเดิม ท�ำงาน เหมือนเดิมมาตลอด แต่กลไกธรรมดา ๆ นี้แหละ ที่ได้ทั้งก่อ ทัง้ สร้าง และเป็นเหตุให้ทกุ อย่างเปลีย่ นแปลงตลอดระยะเวลา ตั้งแต่เกิดกาแลกซี่จนถึงปัจจุบัน จนทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็น อย่างที่เราเห็นทุกวันนี้ สร้างอย่างไร ก่ออย่างไร และเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างไร อาจารย์จะล�ำดับให้เห็นชัดเจนดังต่อไปนี้

�������_27_02_55.indd 134

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

135

สร้างลม ฝน ไปจนถึงพายุ จากสาเหตุของการหมุนรอบดวงอาทิตย์และหมุนรอบ ตัวเองตลอดเวลาของโลก ท�ำให้ความร้อนที่ได้รับจากดวง อาทิตย์บนผิวโลกแต่ละส่วนจึงแตกต่างกัน เป็นสาเหตุของการ ท�ำให้เกิดการเคลือ่ นตัวของมวลอากาศต่าง ๆ บนผิวโลก เมื่ออากาศส่วนใดโดนความร้อน ส่วนนั้นจะขยายตัว ลอยขึ้น อากาศเย็นไหลมาแทนที่ แล้วก็มาโดนความร้อนอีก ลอยขึน้ อีก อากาศเย็นก็ไหลเข้ามาแทนทีอ่ กี การหมุนเวียนของ อากาศที่ร้อนและการไหลของอากาศที่เย็นที่วนเวียน บวกกับ การหมุนของโลก จึงท�ำให้เกิดลมบนผิวโลก การหมุนเวียนของลม เช่น อากาศทีร่ อ้ นขยายตัว ก็จะ ลอยตัวขึ้นไปอยู่ในระดับที่มีสภาพเหมือนกับตัวเอง มีสาเหตุ มาจากกฎธรรมชาติข้อแรก

�������_27_02_55.indd 135

3/23/12 2:22 PM


136

กฤติยา อัศวเรืองชัย

หรือสภาวะของไอน�้ำ ที่เหมือนกับบรรยากาศด้านบน ไอน�้ำจึงลอยขึ้นไปอยู่ที่เดียวกับที่มีแรงกดดันเหมือนไอน�้ำ ซึ่ง โปร่งกว่าบริเวณติดผิวโลก แรงดึงดูดกันเองของไอน�้ำ ท�ำให้ ไอน�ำ้ กอดตัวกัน หนาแน่นขึน้ สภาพจึงเปลีย่ นไปอีก ท�ำให้ลอย ลงมาในบริเวณทีเ่ หมือนกับตัวเองอีก คือต�ำ่ ลงมา และเมือ่ รวม ตัวกันจริง ๆ หรือที่เรียกว่า ควบแน่น ก็กลับกลายเป็นน�้ำใหม่ ซึ่ ง มี ส ภาพแรงกดเหมื อ นสภาพบนผิ ว ดิ น น�้ ำ จึ ง ตกลงมา เป็นฝน บนผิวกลม ๆ ของโลก ย่อมรับความร้อนต่างกันไป ทุกส่วน ตรงไหนไกลดวงอาทิตย์ก็จะหนาว ตรงไหนใกล้ดวง อาทิตย์รบั แสงและความร้อนเต็ม ๆ ก็จะร้อนกว่า แถมยังหมุน ตลอดเวลา และทั้งลม ทั้งฝน สารพัดสารพันหมุนเวียนไปมา ก็เลยท�ำให้เกิดสภาวะบรรยากาศผิวโลกอย่างที่เราเห็น ไม่ว่าจะเป็นร้อน หนาว ลม ฝน พายุชนิดต่าง ๆ อีก ทั้งสภาวะบรรยากาศแต่ละต�ำแหน่งบนโลกที่แตกต่าง ย่อม ท�ำให้เกิดสภาพผิวโลกแต่ละทีแ่ ตกต่างกัน ผ่านไปหลายล้าน ๆ ปี ก็กลายเป็นอย่างที่เราเห็น

�������_27_02_55.indd 136

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

137

กระทบความร้อนมาก ๆ ก็กลายเป็นทะเลทราย อากาศ ร้อนแต่ใกล้นำ�้ ก็กลายบรรยากาศแบบบ้านเรา หรือไม่คอ่ ยโดน แสงอาทิตย์ ก็หนาวเย็น มีแต่น�้ำแข็งเช่นขั้วโลก เป็นต้น สรุปคือ สภาวะบรรยากาศผิวโลกทั้งหมด จึงเกิดจาก แรงดึงดูดของกฎธรรมชาติข้อแรก บวกกับความร้อนของ ดวงอาทิตย์ ต�ำแหน่งของโลก ต�ำแหน่งในระบบสุริยะ และ การหมุนเป็นวงกลมทั้งรอบตัวเอง และดวงอาทิตย์ นั่นเอง

�������_27_02_55.indd 137

3/23/12 2:22 PM


138

กฤติยา อัศวเรืองชัย

สร้ำงสิ่งมีชีวิตทั้งหมด เรำรู้อยู่แล้วว่ำ สิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นทั้งหมดบนผิวโลก เกิดขึน้ เมือ่ ตอนทีผ่ วิ โลกเริม่ เย็นลง สิง่ มีชวี ติ แรก ๆ ก็เป็นเพียง สิง่ มีชวี ติ ขนำดเล็กมำก ๆ โดยเริม่ จำกกำรเกิดพืช และเกิดสัตว์ ตำมมำ แต่โดยรวมอำจำรย์จะเรียกว่ำ ‘สิ่งมีชีวิต’ ทั้งหมด เมื่อเป็นสิ่งมีชีวิต ก็ย่อมต้องมีกำรกิน พอกินแล้ว จึง จะโตหรือเพิ่มขนำด หรือขนำดใหญ่ขึ้น สิ่งมีชีวิตแรก ๆ เป็น สิ่งมีชีวิตที่เล็กมำก ๆ ไม่มีองค์ประกอบหรือควำมซับซ้อน ภำยในเหมือนสิ่งมีชีวิตในปัจจุบัน ดังนั้น การกิน จึงเป็นกำรกินสิ่งมีชีวิตอีกตัวที่เหมือน กับตัวมันเอง ซึ่งก็คือกำรรวมตัวของสิ่งที่เหมือนกันกับตัวเอง หรือดึงดูดสิ่งที่เหมือนกับตัวเองเข้ำมำอยู่กับตัวเองนั่นเอง

�������_27_02_55.indd 138

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

139

กำรกินทุกวันนีข้ องสิง่ มีชวี ติ ทุกชนิด ก็ยงั อยูบ่ นเหตุผล เดิม คือ การเพิ่มขนาด ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สิ่งมีชีวิต จึงกินหรือดึงดูดแต่สิ่งที่เหมือนกับตัวเอง เพื่อเอำไปเพิ่ม หรือซ่อม ปะ ทดแทน เสริมสร้ำง แล้วแต่เรำจะเรียก พวกเรำกินโปรตีน ก็เพรำะเซลล์ทั้งตัวของเรำก็คือ โปรตีน เรำก็คือโปรตีนเดินได้ เรำดื่มน�้ำ เพรำะร่ำงกำยของเรำ เป็ น น�้ ำ มำกกว่ ำ ครึ่ ง เมื่ อ เสี ย น�้ ำ ไป ก็ ต ้ อ งดื่ ม เข้ ำ ไปแทน เรำกินสำรอำหำรต่ำง ๆ ก็เพรำะภำยในของเรำประกอบไปด้วย สิ่งต่ำง ๆ เหล่ำนั้น สรุปคือ กฎธรรมชาติข้อแรกอีกเช่นกัน ที่ท�าให้เกิด สิ่งมีชีวิตขึ้น เพราะการกิน ก็คือการดึงดูดสิ่งที่เหมือนกับตัว เองเข้าหาตัวเองนั่นเอง

�������_27_02_55.indd 139

3/23/12 2:22 PM


140

กฤติยา อัศวเรืองชัย

หลาย ๆ ท่านอาจจะเถียงในใจว่า โอ๊ย... ไม่เคยได้ยิน ที่เคยเรียนมาในวิชาวิทยาศาสตร์นั้น ต้องมีอากาศ ออกซิเจน และแสงอาทิตย์ จึงเกิดสิ่งมีชีวิต... อันนั้นเป็นความรู้เก่า ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ได้ ท� ำ การส� ำ รวจ และค้ น พบแล้ ว ว่า แม้ ป ากปล่ อ งภู เ ขาไฟ ใต้ทะเลลึก ซึง่ แสงอาทิตย์สอ่ งไม่ถงึ มีอณ ุ หภูมสิ งู เป็นพันองศา แรงกดดันมหาศาล ก็ยังมีสัตว์น�้ำตัวเล็กจิ๋วเกิดและด�ำรงชีวิต อยู่ตรงนั้น หรือในถ�้ำซึ่งมืดมิด อยู่ในภูเขาลึก หรือใต้ดินลึก ไม่เห็นดวงตะวัน ก็ยังมีสิ่งมีชีวิต หรือว่าครัง้ หลังสุดทีค่ น้ พบในหินดาวอังคารซึง่ องค์กร นาซ่าน�ำกลับมาจากการส�ำรวจ ก็พบหลักฐานของสิง่ มีชวี ติ เล็ก ๆ ในหินนั้นเช่นกัน สิ่งมีชีวิตจึงเกิดขึ้นได้ทุกที่ ภายในกาแลกซี่ ของเรา ก็เพราะกฎธรรมชาติข้อแรก

�������_27_02_55.indd 140

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

141

สร้างกฎแห่งกรรมและวงจรชีวิต (ภพชาติ) เรือ่ งกฎแห่งกรรม และวงจรชีวติ หรือภพชาติ เป็นเรือ่ ง ที่แม้แต่ชาวพุทธหลาย ๆ คนที่น่าจะต้องเชื่อตามค�ำสอนของ ศาสนาตัวเอง ก็ยังมีความกังขา แต่คนทั่ว ๆ ไปในโลกก็เริ่มมีแนวความคิดแล้วว่าเป็น ไปได้ ซึง่ ปัจจุบนั ก็มนี กั วิทยาศาสตร์จำ� นวนมาก ท�ำงานวิจยั เกีย่ ว กับเรือ่ งนีก้ นั อย่างมาก แม้แต่จติ แพทย์ทมี่ ชี อื่ เสียงในสหรัฐอเมริกา ดร. ไบรอัน ไวส์ รักษาผู้ป่วยด้วยการสะกดจิต ก็ค้นพบด้วยตนเองว่า ผู้ป่วยที่ถูกสะกดจิตให้ย้อนความจ�ำไปในวัยเด็กจ�ำนวนมาก สามารถ จ�ำย้อนไปจนถึงอดีตชาติของตัวเองได้ ท่านจึงได้เขียน หนังสือเกี่ยวกับประสบการณ์การสะกดจิตย้อนอดีตชาติจน เป็นทีร่ จู้ กั ไปทัว่ โลก หนังสือมีชอื่ ว่า “ONLY LOVE IS REAL” เราจะข้ามเวลามาพบกัน

�������_27_02_55.indd 141

3/23/12 2:22 PM


142

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ส่วนตัวอาจารย์เอง ไม่ได้มเี พียงความเชือ่ ต้องเรียกว่า รู้และแน่ใจว่ามีกฎแห่งกรรมและภพชาติจริง เพราะรู้และ เห็นหรือจ�ำได้จากการท�ำสมาธิ แถมยังเห็นตัวเองเคยท�ำอะไร ก็ยังคงมีความสามารถนั้นติดมากับจิตวิญญาณ และเอามา ใช้ได้อกี แน่นอนว่า เรือ่ งภพชาติหรือวงจรชีวติ ก็เป็นผลทีเ่ กิด ขึ้นจากกฎธรรมชาติเช่นกัน โดยเป็นผลจากกฎธรรมชาติ ข้อสาม นั่นคือ ทุกแรงกระท�ำในกาแลกซี่ จะวิ่งเป็นวงกลม และวิ่งกลับมายังจุดเริ่มต้นของแรงนั้น เนื่องจากกฎธรรมชาติข้อสาม ท�ำให้ทุก ๆ แรงกระท�ำ หรือแรงขับเคลื่อน หรือแรงทุก ๆ แรงที่เกิดขึ้น จะวิ่งเป็น วงกลมและหมุนกลับมาให้ครบเป็นวงกลม แรงเจตนาของเรา จึงต้องวิ่งเป็นวงกลมเช่นกัน เมื่อวิ่งเป็นวงกลม จึงต้องวิ่งกลับ มาหาจุดเริ่มต้น ซึ่งก็คือผู้ก่อเจตนานั้น ๆ

�������_27_02_55.indd 142

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

143

ดังนั้น หากเราเจตนาดี การกระท�ำดี แรงดี ๆ นั้นก็จะ วิ่งกลับมาหาเรา ซึ่งเราเรียกว่า บุญ แต่ถ้าเรามีเจตนาที่ ไม่ ดี และท� ำ ชั่ ว แรงเจตนาและการกระท� ำ ที่ ไ ม่ ดี ข องเรา ก็จะวิง่ กลับมาหาเราอย่างแน่นอน เราจึงต้องรับกรรมทีเ่ ราก่อไว้ ปัญหาคือ บ่อยครั้งที่ผู้ก่อเจตนา ไม่ว่าดีหรือไม่ดี บังเอิญตายไปก่อนทีเ่ จตนาของตัวเองจะวนกลับมาถึงตัว ท�ำให้ วงจรของเจตนานั้น ๆ หมุนยังไม่ครบวงกลม กลไกของ กฎธรรมชาติข้อนี้ก็จะดึงหรือท�ำให้ทุกอย่างหมุนจนครบวงจร หรือเป็นวงกลม เราจึงถูกกฎธรรมชาติ ดึงให้เรากลับมาเกิด เพือ่ จบวงจรการกระท�ำของตัวเอง ซึง่ ก็คอื การรับบุญหรือกรรม ที่ตัวเองก่อไว้เอง กฎธรรมชาติขอ้ สาม ท�ำให้เกิดกฎแห่งกรรม ซึง่ เป็นต้น เหตุของภพชาติ การที่เราต้องกลับมาเกิด ก็เพราะเราสร้างบุญ และกรรมไว้ในอดีต ท�ำให้ตัวเองต้องกลับมารับกรรมนั่นเอง

�������_27_02_55.indd 143

3/23/12 2:22 PM


144

กฤติยา อัศวเรืองชัย

สร้างความทรงจ�ำ นิสัย และวิวัฒนาการ จากกฎธรรมชาติขอ้ แรก นัน่ คือ สิง่ ทีม่ ภี าวะเหมือนกัน จะดึงดูดกัน แต่อาจารย์ต้องขออธิบายก่อนว่า สาเหตุที่เกิด แรงดึงดูดนั้น เกิดขึ้นจากการที่ทุก ๆ อณูอะตอมของทุก ๆ อย่าง มีลักษณะของการหมุนเข้าหาศูนย์กลางตลอดเวลา ...แรงดึงดูดทีด่ งึ ทุกอย่างเข้าหาศูนย์กลางตัวเอง ก็คอื ลักษณะของการเก็บหรือบันทึก เพราะเมือ่ ดึงดูดเข้าหาตัวเองแล้ว แต่ไม่ได้เหวี่ยงหรือผลักออก ก็ต้องเก็บไว้เอง... โดยเฉพาะการเก็บรูปแบบของพลังงาน เราถึงได้ใช้ ประโยชน์ จ ากกฎธรรมชาติ ข ้ อ นี้ ในการเก็ บ ข้ อ มู ล ในซิ ม โทรศัพท์มือถือ หรือในฮาร์ดไดรฟ์ที่เราใช้อยู่กับคอมพิวเตอร์ ทุกวันนี้ พวกเราถึ ง มี ก ารบั น ทึ ก เป็ น ความทรงจ� ำ อยู ่ ใ นจิ ต วิญญาณของเราด้วย เพราะจิตแท้ ๆ ของเราเป็นพลังงานทีห่ มุน เข้าหาศูนย์กลางเช่นกัน ภาพทีเ่ ราเห็นก็เป็นรูปแบบของแสง ซึง่

�������_27_02_55.indd 144

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

145

ก็เป็นพลังงำนเช่นกัน จิตเรำจึงสำมำรถเก็บภำพที่เรำเห็นได้ เรำจึงจ�ำในรูปแบบของภำพ เมื่อเรำนึกถึงเรื่องใดหรือใคร เรำจะนึกออกมำเป็นภำพ แต่เรำไม่ได้บนั ทึกเพียงแค่ภำพ เรำบันทึกเสียง บันทึก กำรเคลือ่ นไหวของตัวเอง บันทึกหมดทุกอย่ำง เห็นอะไร ได้ยนิ อะไร หรือท�ำอะไร จิตเรำก็บันทึกไว้เองทั้งหมด และไม่ว่ำเรำ จะท�ำอะไร เรำก็ต้องท�ำด้วยจิตของเรำ จิตก็เลยรู้ว่ำต้องท�ำ อย่ำงไรเพรำะจ�ำได้ ลักษณะเช่นนีท้ ำ� ให้เรำสำมำรถฝึกได้ หัดได้ เพียงแค่เรำท�ำสิ่งใดสิ่งหนึ่งซ�้ำ ๆ จิตก็จะบันทึกโดยเรำไม่ต้อง พยำยำมจ�ำ เรำจะจ�ำได้เอง และก็จะน�ำสิ่งที่จ�ำได้นั้นออกมำใช้ เรำเรียกกระบวนกำรจ�ำได้ และท�ำบ่อย ๆ ว่ำ “นิสัย” เช่น กำรตืน่ นอนแต่เช้ำทุกวัน เรำเรียกว่ำ มีนสิ ยั ตืน่ เช้ำ แต่ถำ้ เป็นสิง่ ทีเ่ รำต้องจงใจไปฝึกฝนเรำเรียกว่ำ “ช�านาญหรือเก่ง”

�������_27_02_55.indd 145

3/23/12 2:22 PM


146

กฤติยา อัศวเรืองชัย

เช่น การขับรถเก่ง ว่ายน�้ำเก่ง หรือวาดรูปเก่ง หรือถ้า ไม่ตอ้ งหัดเพราะเก่งมาในอดีต พอเกิดมาก็สามารถท�ำได้ดกี ว่า คนอื่น เราเรียกว่า “พรสวรรค์” ทั้งหมดก็เกิดจากการบันทึก และการเอาออกมาใช้ได้เอง เพราะเหตุนี้ เราทุกคนจึงมีนิสัย และพรสวรรค์ติดตัว มาตั้งแต่เกิด ก็มาจากการบันทึกของจิตเรานี่แหละ นอกจาก จิตจะบันทึกทุกอย่างมาเป็นนิสัยและความสามารถแล้ว การ บันทึกของจิตยังเป็นสาเหตุของการปรับตัวในการเกิดครั้งต่อ ไปอีกด้วย เช่ น สั ต ว์ ที่ เ คยมี ห าง แต่ เ ลิ ก ใช้ ห าง ตั ว อย่ า ง ลิงบางประเภททีห่ างหายไป หรือแม้แต่พวกเรา ก่อนจะมาเป็น มนุษย์เดินตัวตรงอย่างทุกวันนี้ เราก็เคยเป็นสัตว์มหี างเช่นกัน หากเรายังใช้หางในการด�ำรงชีวติ อยู่ เราก็คงจะยังมีหางอยู่ แต่ เราเลิกใช้หางมานานแล้ว ความจริงเรายังมีหางเมือ่ เป็นตัวอ่อนในครรภ์ แต่ความ จ�ำที่ไม่ได้ใช้ ท�ำให้หางไม่โตขึ้น แต่ส่วนอื่นโตขึ้นหมด หางจึง หายไปเมื่ออายุครบ ๙ เดือน

�������_27_02_55.indd 146

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

147

ตัวอ่อนมนุษย์ในครรภ์

พวกเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีหาง แต่เนื่องจากปัจจุบัน มนุษย์ไม่ ได้ใช้หางแล้ว หางจึงไม่เติบโตขณะที่ทุกส่วนในร่ างกายเติบโตขึ้น เราจึงไม่มีหางเมื่ออายุครบก�ำหนดคลอด

�������_27_02_55.indd 147

3/23/12 2:22 PM


148

กฤติยา อัศวเรืองชัย

หรือแม้แต่สีผิวที่ขาวหรือเข้ม โครงสร้างจมูกที่โด่ง หรือแบนของมนุษย์ เกิดขึน้ เพราะการทีอ่ ยูต่ ่างทีก่ นั บนผิวโลก เกิดจากการที่จิตบันทึกลักษณะของสภาพแวดล้อมและสิ่งที่ เกิดขึน้ ครัง้ ก่อน เช่น อากาศทีเ่ ย็นจัด จิตจะบันทึกว่าอยูอ่ ากาศ ทีเ่ ย็น เมือ่ เกิดครัง้ ใหม่ จึงมีการปรับตัวให้เหมาะกับอากาศทีเ่ ย็น คือผิวขาวเพื่อรับแสงอาทิตย์มากขึ้น และจมูกโด่งเพื่อหายใจ สะดวกขึ้น นักวิทยาศาสตร์เรียกบันทึกทีจ่ ติ เก็บข้อมูลมานีว้ า่ “ยีน” และเรียกกระบวนการปรับตัวทัง้ หมดนีว้ า่ “วิวฒ ั นาการ” กฎธรรมชาติหรือที่อาจารย์เรียกว่า กลไกต้นเหตุ จึง เป็นสาเหตุของการมีความทรงจ�ำ มีนิสัย และความสามารถ รวมทั้งเป็นสาเหตุของการเกิดวิวัฒนาการบนผิวโลกทั้งหมด แต่ไม่ใช่เพียงเท่านัน้ เพราะเราไม่ได้หอบมาเพียงแค่ความทรงจ�ำ แต่เราหอบเอาทั้งบุญและกรรมที่เราท�ำไว้เองมาด้วย และส่วน หนึ่งก็ส่งผลให้เราเกิดมาหน้าตาและลักษณะแตกต่างกัน

�������_27_02_55.indd 148

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

149

บำงคนจึงเกิดมำหน้ำตำดี ก็เพรำะท�ำดีมำมำก หรือเกิดมาพิการเจ็บป่วย ก็เพราะสร้างกรรมมาเช่นกัน ท�ำดีอย่ำงไรถึงส่งผลให้หน้ำตำผิวพรรณดี และท�ำไม่ดี อย่ำงไรถึงไม่หล่อไม่สวย หรือเจ็บป่วยพิกำร จะอยูใ่ นบทต่อไป

�������_27_02_55.indd 149

3/23/12 2:22 PM


150

กฤติยา อัศวเรืองชัย

สร้างลักษณะรูปร่างหน้าตาของพวกเรา สาเหตุของการเกิดมาลักษณะรูปร่างหน้าตาดีหรือไม่ดี ก็มาจากกลไกของกฎธรรมชาติข้อสาม นัน่ คือทุก ๆ เจตนาจะ หมุนกลับมาหาจุดตั้งต้นหรือผู้ก่อเจตนานั้นเสมอ ดังนั้นทุก คนเกิดมารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ก็เป็นเพราะฝีมือและ การกระท�ำของตัวเองทั้งสิ้น ไม่มีใครบังเอิญหรือโชคดีที่เกิดมาหน้าตาผิวพรรณดี มีแต่ท�ำเอาไว้ดี ก็เลยกลับมารับความดีความชอบของตัวเอง หรือใครที่ดูไม่ดี ก็เพราะท�ำไว้ไม่ดีเช่นกัน ก็ต้องรับกรรมที่ตัว เองท�ำไว้เช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น หากในอดีต เราเคยดูแลสถานที่ สาธารณะอย่างดี ไม่ทำ� ให้สกปรก ท�ำให้นา่ ดูนา่ มอง โดยเฉพาะ สิ่งปลูกสร้างที่คนจ�ำนวนมาก ๆ ต้องไปใช้ เช่น วัด โรงเรียน ศาลากลาง ยิ่งได้ท�ำให้สถานที่ต่าง ๆ เหล่านี้ ดูดีแบบถาวร เราก็จะเกิดมาด้วยหน้าตาผิวพรรณที่ดี น่ามอง และดูดีแบบ ถาวรเช่นกัน

�������_27_02_55.indd 150

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

151

ในทางกลับกัน หากในอดีต เรามีนิสัยที่ไม่ดี มักง่าย มักท�ำบ้านเมืองสกปรก โดยเฉพาะสถานทีส่ ำ� หรับสาธารณะชน ทีค่ นจ�ำนวนมากต้องมาใช้ประโยชน์ คนจ�ำนวนมากจึงต้องเห็น สภาพไม่นา่ มองตลอดเวลา เราก็จะเกิดมาด้วยหน้าตาผิวพรรณ ที่ไม่น่ามอง เหมือนกับที่เราท�ำไว้นั่นเอง กลไกธรรมชาติไม่ได้ท�ำร้ายเรา ท�ำเพียงดึงทุกอย่าง ให้หมุนกลับมาหาจุดตัง้ ต้นเท่านัน้ ผูท้ กี่ อ่ เจตนาทีด่ เี ป็นประจ�ำ จึงได้รับความดีที่ถาวร เช่นเดียวกับผู้ที่ก่อเจตนาชั่วเป็นประจ�ำ ก็จะได้รับ ความชั่วที่ถาวรเช่นกัน รวมไปถึงการเคยท�ำร้ายสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือคนในอดีต ความเจ็บปวดที่เขาได้รับก็จะ วนกลับมาหาเรากลายเป็นอาการเจ็บป่วยของเราในปัจจุบัน หรือการท�ำให้เขาพิการ เราก็จะเกิดมาพิการ ท�ำร้ายใครยังไง ก็ได้อย่างนั้น ในทุก ๆ เรื่องไม่มียกเว้น ตามกฎธรรมชาติหรือ กฎแห่งกรรม

�������_27_02_55.indd 151

3/23/12 2:22 PM


152

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ดังนัน้ ไม่มอี ะไรในโลกนีท้ ไี่ ม่มคี วามยุตธิ รรม ทุกอย่าง ยุตธิ รรมหมด ด้วยกลไกของธรรมชาติชว่ ยจัดการให้ เพียงแต่ บางครั้งการหมุนกลับมาเพื่อแสดงความยุติธรรมยังมาไม่ถึง เท่านั้น ไม่ช้าก็เร็ว ดังค�ำสอนทีเ่ ราได้ยนิ อยูเ่ สมอ ๆ ว่า “ท�ำดีได้ดี ท�ำชัว่ ได้ชวั่ ” ในภาษาอังกฤษก็มีว่า “Thing goes around, comes around” นั่นคือทุกอย่างที่เราท�ำออกไป จะวนกลับมาหาเราเอง ซึ่งก็รวมทั้งหมดไปจนถึงลักษณะรูปร่างหน้าตาของเราตั้งแต่ เกิดด้วย

�������_27_02_55.indd 152

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

153

สร้างนิสัยการรักตัวเอง ด้วยกฎธรรมชาติข้อสามอีกเช่นกัน ที่ท�ำให้สิ่งมีชีวิต ทั้งหมด ไม่ว่าจะตัวเล็กไปจนถึงตัวใหญ่ จะท�ำทุกอย่างเพื่อตัว เอง รักตัวกลัวตาย หรือยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง ก็เพราะแรงดึงดูด ของจิตที่หมุนและดึงดูดเข้าหาศูนย์กลางนี่แหละ นิสัยเอาแต่ ตัวเองจึงเป็นนิสัยที่ไม่ต้องสอน ไม่ต้องแนะให้ท�ำ ทุกชีวิตเก่งและช�ำนาญในการท�ำเพื่อตัวเองทั้งนั้น จะ ต่างตรงทีถ่ า้ เป็นสัตว์ ก็จะรักตัวเอง หรือท�ำเพือ่ ตัวเองแค่เพียง ประทังชีวิต หรือเอาชีวิตรอดไปวัน ๆ เท่านั้นต่างจากคน ชีวิต ของคนมีตัวช่วยในการพัฒนาการยึดตัวเองอย่างมากมาย เพราะมีสังคม มีวัตถุ มีการสร้างค่าต่าง ๆ จากกฎธรรมชาติพื้น ๆ ที่ท�ำให้ยึดตัวเองแบบแค่เอา ชีวิตรอด มนุษย์สามารถพัฒนาธรรมชาติของการกระท�ำเพื่อ ความอยู่รอด ให้กลายไปเป็นความเห็นแก่ตัว และถ้าลองได้ เห็นแก่ตัวแล้ว ก็สามารถท�ำอะไรก็ได้เพื่อตัวเองทั้งสิ้น ไม่ว่า สิ่งที่ท�ำนั้นจะเบียดเบียนคนอื่นมากน้อยแค่ไหน

�������_27_02_55.indd 153

3/23/12 2:22 PM


154

กฤติยา อัศวเรืองชัย

คนบางคนคิดว่าขโมยหรือหยิบของคนอื่นนิดเดียวไม่ เป็นไร ไม่มใี ครเห็น หารูไ้ ม่ว่า เจตนาจะเล็กจะใหญ่กห็ มุนกลับ มาหาตัวเองทั้งนั้น และการท�ำนิดเดียวครั้งแรก ก็จะสามารถ ท�ำให้กล้าท�ำอีกนิดในครั้งที่สอง และสาม ถ้ามากกว่าสามครั้ง ก็สามารถโกงเป็นอาชีพได้ เพราะเริ่มมีทักษะในการขโมย ท�ำไปเรือ่ ย ๆ ก็จะยิง่ ช�ำนาญการขโมยไปจนถึงโกงกิน และท�ำชัว่ อื่น ๆ ได้อีก ดังนัน้ การหยิบหรือขโมยเพียงน้อยนิดหนแรกนีแ่ หละ คือ ต้นตอของมหาโจรด้วยกฎธรรมชาติข้อแรกเช่นกัน กลไก มหัศจรรย์ในธรรมชาติ จะท�ำให้คนโลภเหล่านี้หนีไม่พ้นการ กระท�ำของตัวเอง เพราะคนที่โลภมากนั้น ก็คือคนที่ยึดตัวเอง มาก ๆ และจิตวิญญาณที่ยึดตนเองมาก ๆ ก็จะมีสภาวะแรง กดเข้าหาศูนย์กลางสูง วันใดทีต่ ายไปแล้ววิญญาณไม่มรี า่ งกายให้เกาะยึดอยู่ บนโลก ก็ต้องกระดอนไปอยู่ในที ่ ๆ เหมือนกับจิตวิญญาณ ตัวเอง ตามกลไกของกฎธรรมชาติข้อแรก บทหน้า

พวกเขาจะไปทางไหน ด้วยวิธใี ด จะมีคำ� อธิบายชัดเจนใน

�������_27_02_55.indd 154

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

155

สร้างจักรวาลในร่างกาย พลังชีวติ บนฐานจักระทัง้ ๗ กฎธรรมชาติทงั้ สร้าง พัฒนา และวิวฒ ั น์ชวี ติ ของพวก เรามาจนถึ ง ปั จ จุ บั น โดยการผ่ า นการวิ วั ฒ นาการของ กระบวนการของกลไกธรรมชาติทั้งสามข้อ ท�ำให้เรามีการ บันทึก ปรับตัว และดูแลรักษาตัวเองด้วยตัวเอง โดยมีระบบ ทั้งหมดภายในร่างกายหมุนวนเช่นเดียวกับกาแลกซี่ ระบบ ภายในร่างกายของเรานี้เรียกว่า ฐานจักระทั้ง ๗ ซึ่งเป็นฐาน พลังชีวิตที่ส�ำคัญของเรา ร่างกายของเราด�ำเนินอยู่ได้ด้วยพลังชีวิตที่วิ่งวนอยู่ ภายในร่างกาย โดยหมุนเป็นวงจักรตลอดเวลา ซึ่งบางศาสตร์ เรียกว่า ลมปราณ หรือ ภาษาจีนเรียกว่า “ชี่” เริม่ ต้นจากการเข้าทางลมหายใจ และวิง่ ผ่านกลางอก ท้องน้อย ก้นกบ กลางหลัง ท้ายทอย บนศีรษะ และมาออก ที่หน้าผาก แล้วกลับเข้าทางลมหายใจใหม่ พลังหรือกระแส ชีวิตวิ่งหมุนผ่าน ๗ ต�ำแหน่งนี้ตลอดเวลาไม่เคยหยุด

�������_27_02_55.indd 155

3/23/12 2:22 PM


156

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ที่เรียกว่ำฐำน จักระ เพรำะค�ำว่ำ “จักระ” มำจำกค�ำว่ำ จักร เพรำะว่ำพลังชีวิตที่หมุนอยู่ในตัวเรำนี้ ถูกท�ำให้หมุน เหมือนกับวงจักรวำล ด้วยแรงเหนีย่ วน�ำของกำแลกซีอ่ กี เช่นกัน ขณะทีห่ มุน อยู่ก็จะท�ำหน้ำที่เหมือน Generator ผลิตกระแสคลื่นส่งไป ตำมร่ำงกำยทุกส่วน เพื่อดูแลและควบคุมกำรท�ำงำนของทั้ง ร่ำงกำย โดยมีฐำนกำรส่งคลื่นจำกฐำนจักระทั้ง ๗

�������_27_02_55.indd 156

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

157

ทิศทางเดินฐานจักระทั้ง 7

�������_27_02_55.indd 157

3/23/12 2:22 PM


158

กฤติยา อัศวเรืองชัย

การท�ำงานของฐานจักระทั้ง ๗ ๑. ฐานจักระกลางหน้าผาก เป็นฐานทีส่ ำ� คัญมาก เป็น ต� ำ แหน่ ง สุ ด ท้ า ยของวงจร จึ ง เป็ น ต� ำ แหน่ ง ที่ พลังงานไหลออกและเชื่อมต่อ ขับเคลื่อนให้วงจร พลังชีวิตหมุนต่อไป จึงเป็นต�ำแหน่งขับเคลื่อน ส�ำนึกรู้ รวมทั้งส่งกระแสส�ำนึกของความคิดและ เจตนาออกไปจากตัวเรา เรียกได้วา่ เป็นฐานส�ำนึกรู้ ชีวิตและด�ำเนินชีวิตก็ว่าได้ ๒. ฐานจักระกลางอก เป็นฐานที่ส่งกระแสชีวิตไป ควบคุมการท�ำงานของหัวใจ ระบบหายใจ ปอด หลอดลม กล่องเสียง ส่งถ่ายเซลล์เม็ดเลือดไปหล่อ เลีย้ งทัง้ ร่างกาย เพือ่ สร้างเซลล์อวัยวะทัง้ หมด รวม ทั้งควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ความรู้สึกต่าง ๆ เมื่อเรารู้สึกโกรธจึงรู้สึกร้อนที่อก หรือรู้สึกเครียด มาก ๆ ก็จะกระทบการท�ำงานของหัวใจโดยตรง หรือรูส้ กึ กลัวก็จะหายใจไม่สะดวก หรือแม้แต่กลัวผี ก็จะขนลุก เพราะกระแสความรู้สึกเกิดที่กลางอก

�������_27_02_55.indd 158

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

159

แล้วส่งไปตามเซลล์ผิวหนังท�ำให้ขนลุก ทุกอาการ ของร่างกายทีเ่ กิดจากความรูส้ กึ ภายใน จะรับรูไ้ ด้ที่ ฐานนี้ทั้งสิ้น ๓. ฐานจักระท้องน้อย เป็นฐานที่ส่งกระแสชีวิตไป ควบคุมอวัยวะทีเ่ กีย่ วกับระบบย่อย การดูดซึมและ ล� ำ เลี ย งอาหารเพื่ อ ส่ ง ต่ อ ไปซ่ อ มแซมร่ า งกาย นอกจากซ่อมแซมแล้วก็มีการสร้างด้วย คือสร้าง ตัวอ่อน จึงเป็นฐานทีค่ วบคุมอวัยวะ เช่น กระเพาะ อาหารและล�ำไส้เล็ก รวมทั้งการผลิตฮอร์โมนและ การสืบพันธุ์ เช่นมดลูก รังไข่ ต่อมลูกหมาก สเปิรม์ ๔. ฐานจั ก ระก้ น กบ เป็ น ฐานที่ ส ่ ง กระแสชี วิ ต ไป ควบคุมการท�ำงานของระบบขับถ่าย และระบบกลัน่ กรอง แยกกากและกรองน�้ำ ควบคุมระบบดูแล ของเหลวและควบคุมความสมดุลของแร่ธาตุใน ร่างกาย รวมทั้งควบคุมอวัยวะที่ขับถ่ายของเสีย หรือสิง่ แปลกปลอมทีร่ า่ งกายไม่ตอ้ งการ คือตับ ไต ล�ำไส้ใหญ่ กระเพาะปัสสาวะ ทวารหนัก เป็นต้น

�������_27_02_55.indd 159

3/23/12 2:22 PM


160

กฤติยา อัศวเรืองชัย

๕. ฐานจักระกลางหลัง เป็นฐานที่ส่งกระแสชีวิตไป ควบคุมการท�ำงานของการสร้างเซลล์เม็ดเลือดใน กระดูกสันหลัง และส่งกระแสเป็นก�ำลังขับเคลื่อน หรือขยับอวัยวะที่มีกระดูกเป็นแกนทั้งหมด เช่น แขน ขา มือและนิ้ว โดยรับค�ำสั่งและเชื่อมต่อการ สั่งงานของสมองทั้งหมดในการขยับอวัยวะเหล่านี้ ๖. ฐานจักระท้ายทอย เป็นฐานทีส่ ง่ กระแสชีวติ ควบคุม การท�ำงานของอวัยวะทีค่ วบคุมการทรงตัว การมอง เห็นการได้ยินและได้กลิ่น ประสาทรับรู้ทั้งหมด รวมทั้งระบบประสาทควบคุมการเจริญเติบโตและ เสริมสร้างกระดูกและสมอง และความสมดุลของ การท�ำงานสัมพันธ์กนั ของอวัยวะในร่างกายทีเ่ รียก ว่าภูมคิ มุ้ กัน เช่น ต่อมธัยรอยด์ อวัยวะภายในช่อง หูและดวงตา ด้วยเหตุนี้ความเครียดจึงสามารถ สร้างปัญหาภูมิแพ้ ปวดหัว หรือไมเกรนได้

�������_27_02_55.indd 160

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

161

๗. ฐานจั ก ระบนศี ร ษะ เป็ น ฐานที่ ส ่ ง กระแสชี วิ ต ควบคุมระบบการท�ำงานของความคิด การสั่งงาน ต่าง ๆ ของร่างกายทั้งหมด ควบคุมการท�ำงานของ สมองซึ่งท�ำหน้าที่เป็นเหมือนหน่วยประมวลผล ของร่างกายเรา ท�ำให้รา่ งกายของเราสามารถท�ำงาน ประสานสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา

�������_27_02_55.indd 161

3/23/12 2:22 PM


162

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ลักษณะการทำงานของฐานจักระ จักระแตละตำแหนง จะทำหนาที่เปนเครื่องกำเนิด และสงกระแสการทำงาน ออกไปตามอวัยวะตางๆ ของรางกาย

ดานหลัง

ดานหนา

• หนาผาก • กลางอก • ทองนอย • กนกบ

�������_27_02_55.indd 162

ดานหนา

ดานหลัง

• กนกบ • กลางหลัง • ทายทอย • เหนือสุดศีรษะ

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

163

ทุกฐานจักระท�ำงานประสานและต่อเนือ่ งกันตลอดเวลา หากฐานใดมีปัญหา ก็จะท�ำให้ทั้งระบบรวน เช่น ความเครียด จากความคิดท�ำให้กระทบการท�ำงานของฐานจักระท้ายทอย และฐานจักระหน้าผาก หรืออารมณ์ตา่ ง ๆ จะส่งผลกระทบกับ ฐานจักระกลางอกและฐานจักระท้องน้อย อาจท�ำให้ถ่ายท้อง หรือหากพักผ่อนไม่เพียงพอ จะรู้สึกล้าตามกล้ามเนื้อและ กระดูกสันหลัง กระทบการท�ำงานของฐานจักระกลางหลังและ ฐานจักระก้นกบ เป็นต้น แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตามที่กระทบฐานจักระฐานใด ฐานหนึ่ง ก็จะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปทั้งร่างกายในที่สุด เช่น อารมณ์โกรธ ท�ำให้ความร้อนที่กระทบฐานจักระกลางอกและ ฐานจักระกลางหลังตรง ๆ ซึง่ เป็นฐานทีด่ แู ลการสร้างเซลล์เม็ด เลือดและหัวใจ ย่อมเกิดปัญหากับหัวใจ ซึง่ เป็นอวัยวะส่งเซลล์ เม็ดเลือดไปตามร่างกาย และการสร้างเซลล์เม็ดเลือดที่หย่อน ประสิ ท ธิ ภ าพ ย่ อ มท� ำ ให้ แ ก่ เ ร็ ว กว่ า วั ย คนเครี ย ดและ เจ้าอารมณ์จึงแก่เกินวัย คนที่อารมณ์ดีเป็นประจ�ำจึงมักดู อ่อนเยาว์กว่าเสมอ

�������_27_02_55.indd 163

3/23/12 2:22 PM


164

กฤติยา อัศวเรืองชัย

โลกที่มองไม่เห็น คนจ�ำนวนมากอาจจะคิดว่า อะไรที่มองไม่เห็นแสดง ว่าไม่มี เช่นเรือ่ งของจิตวิญญาณ อาจารย์เองก็เคยได้ยนิ หลาย ๆ คนพูด แต่ที่แปลกก็คือ สัญญาณโทรศัพท์ก็มองไม่เห็น แต่ ทุกคนก็เชื่อและรู้ว่ามี หรือสัญญาณโทรทัศน์ วิทยุ ก็เชื่อว่ามี ทั้ง ๆ ที่มองไม่เห็นเหมือนกัน ดังนั้น เราคงจะสรุปไม่ได้ว่า... อะไรที่มองไม่เห็น แปลว่าไม่มี แม้แต่อากาศทีเ่ ราหายใจ เราก็มองไม่เห็นว่ามีออกซิเจนอยู่ หรือออกซิเจนหน้าตาเป็นอย่างไรเราก็ไม่รู้ แต่เราก็รวู้ า่ มีอยูร่ อบ ๆ ตัวเราเต็มไปหมด หรือแม้แต่ไอน�ำ้ เราก็มองไม่เห็น กลิน่ ก็เป็น อีกอย่างทีเ่ รามองไม่เห็น แต่เราได้กลิน่ ด้วยจมูก แต่ถ้าจมูกเรา ใช้ไม่ได้ เราก็อาจจะสรุปว่า ไม่มีกลิ่นอะไรในโลกนี้เลยก็ได้

�������_27_02_55.indd 164

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

165

โลกของจิตวิญญาณ ก็เป็นอีกอย่างหนึง่ ทีพ่ วกเราส่วน ใหญ่มองไม่เห็น หรือรับสัญญาณไม่ได้ แต่มันมีอยู่จริง ๆ อาจารย์เองมีประสบการณ์มาหลาย ๆ ครั้งในชีวิต และไม่ใช่ เป็นการเห็นเพียงครัง้ เดียวและทึกทักว่าเป็นผีหรือวิญญาณ แต่ มีการพิสูจน์และยืนยันได้ด้วยหลักฐานต่าง ๆ ที่ส�ำคัญไม่ใช่การเห็นผี แต่เป็นการวิเคราะห์ว่าเหตุใด คนเหล่านี้ตายไปนานแล้ว แต่ยังไม่ไปไหน ยังคงอยู่ที่เดิม ไม่ ว่าเวลาผ่านไปกี่ปี และการวิเคราะห์วิญญาณท�ำให้อาจารย์หัน ไปวิเคราะห์และหาสภาวะของนรก และสวรรค์ ซึ่งก็มีอยู่จริง คิดง่าย ๆ ได้เลยว่า... ในเมื่อผีไม่ดีอยู่บนโลก แล้วผีดี ๆ ไปอยู่ที่ไหน... แล้วพวกเขาไปได้อย่างไร

�������_27_02_55.indd 165

3/23/12 2:22 PM


166

กฤติยา อัศวเรืองชัย

นรก - สวรรค์ มีจริง คุยกันมาถึงตรงนี้แล้ว อาจารย์คงไม่ต้องอธิบายมาก ท่านผู้อ่านก็คงจะพอเข้าใจแล้วว่า ทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งพวก เราเป็นพลังงาน กล่าวง่าย ๆ ว่า เราก็คือ ก้อนพลังงานเดินได้ ในเมือ่ ไม่มอี ะไรทีไ่ ม่ใช่พลังงาน วิญญาณของเราก็ตอ้ ง เป็นพลังงานเช่นกัน และถ้าเป็นคนรุ่นใหม่ ก็ต้องรู้เหมือน อาจารย์วา่ พลังงานไม่มวี นั หายไปไหน เพียงแต่เปลีย่ นรูป หรือ ย้ายที่อยู่เท่านั้น ดังนั้น เมื่อเราตายแล้ว วิญญาณของเราก็ไม่ หายไปไหน เพียงแต่มีการเปลี่ยนรูป หรือเปลี่ยนที่ จากการสั ง เกตและเห็ น ว่ า ไอน�้ ำ ลอยขึ้ น ไปบน บรรยากาศทีเ่ หมือนกับตัวมัน ด้วยตัวของมันเอง หรือการลอย ของลูกโป่งที่อัดก๊าซซึ่งเบา เช่นเดียวกับที่อาจารย์เป็นนักด�ำน�้ำ เลยท�ำให้รู้ว่า การจะด�ำลงไปใต้น�้ำทะเลได้นั้น จ�ำเป็นต้องปรับ ให้มวลตัวเราเป็นเหมือนกับมวลใต้น�้ำทะเลก่อน ด้วยการเพิ่ม มวลด้วยการใส่ตะกั่วก่อน ไม่เช่นนั้น เราจะไม่มีทางด�ำน�้ำอยู่

�������_27_02_55.indd 166

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

167

ใต้ทะเลได้เลย ไม่ต่างจากแผ่นโฟม ไม่มีทางที่แผ่นโฟมจะลง ไปใต้นำ�้ ทะเลได้ เป็นเพราะความแตกต่างของมวล ซึ่งก็ตรงกับกฎธรรมชาติข้อแรก คือสิ่งที่เหมือนกัน ย่อมดึงดูดกัน อยู่ด้วยกัน หรือแบ่งพวกกันเอง เช่นเดียวกับ บรรยากาศ ซึ่งมีความหนาแน่น หรือแรงกดดันแตกต่างกัน ในทุกระดับ ตั้งแต่ผิวดินขึ้นไปถึงบรรยากาศเบื้องบน สภาวะทีแ่ ตกต่างกันนี้ จะจัดสรรดึงดูดสิง่ ทีเ่ หมือนกับ ตัวมันเองตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ ไอน�ำ้ จึงลอยขึน้ สูง น�ำ้ จึงตกลง มาสู่พื้นดิน และหากจะด�ำลงน�้ำทะเลลึก ก็ต้องมีสภาพเหมือน ทะเลลึก มาถึงตรงนี้ อาจารย์เริ่มคิดแล้วว่า สภาพนรกเป็น อย่างไร สวรรค์เป็นอย่างไร และท�ำไมวิญญาณคนชั่วจึงต้อง ลงนรก และท�ำไมวิญญาณคนดีจึงขึ้นสวรรค์

�������_27_02_55.indd 167

3/23/12 2:22 PM


168

กฤติยา อัศวเรืองชัย

เมื่ อ วิ เ คราะห์ ดู ต ามหลั ก สภาพของแรงกดดั น ของ วิญญาณ และกฎธรรมชาติ โดยมองวิญญาณเป็นเพียงพลังงาน ในธรรมชาติเหมือนไอน�้ำ ก็จะได้ค�ำตอบว่า การที่วญ ิ ญาณคน ชัว่ ไปลงนรก ก็เพราะวิญญาณคนชัว่ มีมวลเหมือนนรก ด้วยเหตุนี้ ค่อนข้างแน่ใจได้เลยว่า นรกอยู่ใต้แผ่นดิน ก็เพราะใต้แผ่นดินมีแรงกดดันสูง ซึ่งเหมือนกับจิตวิญญาณ คนชั่วนั่นเอง ส่วนวิญญาณคนดี ก็จะมีมวลเหมือนบรรยากาศเบือ้ ง บน ซึ่งก็คือสวรรค์ เพราะคนดีเป็นคนที่ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ยึด ตนเองเป็นหลัก วิญญาณของคนดีจงึ มีสภาพโปร่งเบา เมือ่ ตาย ไปจึงไปตามสภาวะของวิญญาณทีโ่ ปร่งและเบาจึงลอยขึน้ ไปอยู่ ที่สูงตามสภาพตัวเอง ไม่ว่าเป็นสวรรค์หรือนรก ทั้งหมดเป็นมิติของจิตซึ่ง เป็นพลังงาน พวกเราส่วนใหญ่จึงไม่มีโอกาสได้เห็นมิติเหล่านี้ ด้วยตาเนื้อที่มีอยู่

�������_27_02_55.indd 168

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

169

นรกและสวรรค์จึงมีอยู่จริง และก็ไม่ต้องอาÈัยใคร¾าไป ¾วกเราเป็นผู้¾าตัว¢องตัวเองไปทั ้งสิ้น

สภำพของจิตวิญญำณขณะที่พวกเรำตำยนั่นแหละ ที่พำเรำไปสวรรค์หรือนรก สภำพของจิตวิญญำณ ก็คือ นิสัยที่มีอยู่ของจิตใจ ใครก็ตำมที่มีนิสัยที่เห็นแก่ตัวตลอดเวลำ ก็คงหนีไม่พ้นต้อง ลงนรก แต่หำกเป็นคนทีม่ นี สิ ยั ไม่ยดึ ติด ไม่เห็นแก่ตวั ก็คงจะ หนีไม่พน้ ต้องไปสวรรค์เช่นกัน ไปกันตำมสภำวะนิสยั ของตัวเอง

�������_27_02_55.indd 169

3/23/12 2:22 PM


170

กฤติยา อัศวเรืองชัย

คนที่ยึดติด ตายไปเป็นวิญญาณที่ยึดติด เมื่อรู้ว่าสภาพจิตใจหรือจิตวิญญาณของคนไม่ดีหรือ คนชั่วมีลักษณะของการยึดตนเองสูง ท�ำให้อาจารย์นึกถึง ประสบการณ์ที่เห็นวิญญาณที่ไม่ได้ไปทั้งนรก และสวรรค์ แต่ กลับติดอยู่ในบริเวณที่จอดรถของอาคาร ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ส�ำนักงานทีก่ รุงเทพฯ ของสถาบันนานาชาติแห่งหนึง่ ซึง่ อยูน่ อก เมืองที่อาจารย์เคยท�ำงานเมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากที่จอดรถอยู่ชั้นบนของอาคาร จึงต้องขับรถ ขึ้นที่จอดรถทุกเช้า ทุกครั้งที่ขับรถผ่านช่องเก็บสายดับเพลิง บริเวณทางวนขึน้ ทีจ่ อดรถ จะเห็นเงาขาว ๆ คล้ายคนยืนอยูใ่ น ช่องนั้นเกือบทุกวัน การเห็นวิญญาณของอาจารย์เป็นเรือ่ งปกติ เพราะเคย เห็นมาตั้งแต่เด็ก ทั้งยังเห็นเป็นเพียงเงา ๆ ผ่าน ๆ เลยไม่ใส่ใจ จนกระทั่งวันหนึ่ง เห็นอย่างชัดเจนว่า เป็นผู้หญิงใส่เสื้อสีขาว ยกแขนขวามาข้างหน้ากวักมือเรียก ท�ำให้นึกในใจว่า...

�������_27_02_55.indd 170

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

171

“เอ๊ะ...ทุกวันเห็นยืนเฉย ๆ ท�ำไมวันนีถ้ งึ กวักมือเรียก” พอขึ้นมาถึงที่ท�ำงาน กะว่าจะถามคนเก่าแก่ที่นี่เรื่อง วิญญาณนั้น แต่บังเอิญมีประชุมและงานยุ่งจนลืม ช่วงเย็นขณะที่อาจารย์ก�ำลังขับรถไปท�ำงานที่สถาบัน นอกเมือง นึกขึ้นมาได้ จึงโทรกลับไปที่ท�ำงานซึ่งรู้อยู่แล้วว่า หั ว หน้ า รั ก ษาความปลอดภั ย จะยั ง อยู ่ ใ นที่ ท� ำ งานและรั บ โทรศัพท์ เมื่อเขารับโทรศัพท์ ก็ถามเขาไปทันทีว่า “แถวทางขึน้ ทีจ่ อดรถ มีคนเคยเห็นผี... หรือเคยมีคน ฆ่าตัวตายที่ตรงนั้นหรือเปล่า” หัวหน้ารักษาความปลอดภัยตอบกลับมาด้วยเสียง แปลกใจทันทีว่า “อาจารย์รู้ได้ยังไงครับ ตั้งแปดปีมาแล้ว” “จะไม่รู้ได้ไงคะ ก็เห็นยืนกวักมืออย่างนั้น ที่จริงก็เห็น เกือบทุกวัน แต่ทำ� ไมวันนี้กวักมือก็ไม่รู้”

�������_27_02_55.indd 171

3/23/12 2:22 PM


172

กฤติยา อัศวเรืองชัย

หัวหน้ารักษาความปลอดภัย จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ แปดปีก่อนว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งมีลักษณะเหมือนสติลอย ๆ มักเดินขึน้ มาตามทางขึน้ ทีจ่ อดรถ ซึง่ ตัวเขาก็พบบ่อย บางครัง้ เขาก็ให้เงินผู้หญิงคนนั้นยี่สิบบาท บางครั้งก็ให้ข้าวกล่อง แล้ว วันหนึ่งเธอก็ฆ่าตัวตายโดยการกระโดดจากที่จอดรถลงมาใน ชุดเสื้อสีขาว กางเกงสีด�ำพับขาขึ้น และถอดรองเท้าแตะทิ้งไว้ ตรงที่กระโดดลงมา เมือ่ รูว้ า่ หัวหน้ารักษาความปลอดภัย รูจ้ กั วิญญาณของ ผู้หญิงคนนี้ จึงแนะให้เขาอธิษฐานให้เธอตามแนวคริสต์ที่เขา นับถือ ส่วนอาจารย์เองก็ไปท�ำสังฆทานให้เธอในวันรุ่งขึ้น เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ โดยใช้ประเด็นเหตุผลเดียวกันกับ การที่วิญญาณต้องไปนรก เพราะการยึดตนเองสูง ประกอบ กับ ความรู ้ สึก ที่สัม ผัส ได้ จ ากการมองเห็น วิญ ญาณ ท�ำ ให้ อาจารย์วิเคราะห์ได้ว่า วิญญาณที่ยึดติดสถานที่ทั้ง ๆ ที่ตัวเอง ก็ตายไปนานมากแล้ว ร่างกายก็เผาไปหมดแล้ว แต่วิญญาณ ก็ยังยึดภาพลักษณ์รูปร่างหน้าตาสุดท้ายของตัวเองอยู่

�������_27_02_55.indd 172

3/23/12 2:22 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

173

แสดงให้เห็นถึงอาการยึดติดกับตัวตนทีต่ วั เองเคยเป็น อำกำรยึดติดเดียวกันจึงท�ำให้วิญญำณของเธอ ยังยึด ติดอยู่ในบริเวณที่ตัวเองตัดสินใจสิ้นชีวิต สำเหตุของควำม ทรมำนของวิญญำณทีต่ อ้ งติดอยูเ่ พียงที่ ๆ เดียวเป็นระยะเวลำ นำนหลำย ๆ ปี ก็มำจำกอำกำรของลักษณะจิตใจของเขำ ที่ยัง มีอำกำรยึดอยู่มำกนั่นเอง

คนที่ยึดติด หรือยึดตัวตนมาก ๆ ทุกคน ก็คงหนีไม่¾้นการไปนรก หรือเป็นวิ ญญา³ ที่ยึดอยู่กับที่เหมือนถูก¢ัง ไปไหนไม่ได้ ดังเช่นตัวอย่าง¢องวิ ญญา³ผู้หญิงคนนี้

�������_27_02_55.indd 173

3/23/12 2:23 PM


174

กฤติยา อัศวเรืองชัย

การยึดติดท�ำให้สูญเสียสัมผัสที่ ๖ เราแทบทุกคน เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับสัมผัสที่ ๖ หลาย ๆ คนก็อาจเคยมีประสบการณ์ดว้ ยตัวเอง ถ้าเราลองคิด หรือสังเกตดู จะเห็นว่าพวกเรามีสมั ผัสที่ ๖ กันทุกคน แต่ส่วน ใหญ่จะใช้ได้บางครั้งบางคราว อยู่ดี ๆ ก็มาเอง ใช้ได้เอง เช่น เมือ่ มีคนมองเรา เราก็มกั จะรูต้ วั และหันไปทางสายตาทีม่ องเรา หรือการคิดถึงเพื่อน แล้วเพื่อนก็โทรมา หรือมาหา เป็นต้น ตัวอาจารย์เองก็ได้เรียนรู้เรื่องการใช้สัมผัสที่ ๖ ของ ตัวเอง ก็จากการสังเกตของ อาจารย์ไชย ณ พล วันนั้นเป็น วันทีอ่ าจารย์ได้มโี อกาสเรียนรูเ้ รือ่ งเกีย่ วกับพลังงาน ซึง่ สามารถ ส่งผลกับเราได้ทุกขณะ ในวันที่อบรม มีช่วงพักทานของว่างซึ่งเป็นผลไม้ มี ฝรั่งและส้มที่แกะเปลือกไว้เรียบร้อย คนอื่นหยิบรับประทาน ทุกอย่าง แต่ตัวอาจารย์เองไม่รับประทานส้ม หยิบฝรั่งรับ ประทานโดยไม่จมิ้ พริกน�ำ้ ตาลแม้แต่นอ้ ย โดยทีต่ วั อาจารย์เอง ก็ไม่ได้คิด หรือสังเกตการกระท�ำของตัวเอง

�������_27_02_55.indd 174

3/23/12 2:23 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

175

หลังจากพักเรียบร้อย อาจารย์ไชย ณ พล ก็ใช้ประเด็น นีข้ นึ้ เป็นหัวข้อพูดทันที อาจารย์ไชยบอกให้พวกเราท�ำทดสอบ “โอริง” คือให้อาจารย์ใช้มอื ขวาท�ำนิว้ เหมือนตัวโอ โดยหนีบนิว้ โป้งและนิ้วชี้ของตัวเองให้แน่น แล้วให้อีกคนทดลองดึงแยก นิ้วทั้งสองของอาจารย์ที่หนีบอย่างเหนียวแน่นอยู่ โดยให้เรา ฝืนไว้อย่าปล่อย เพื่อดูความแกร่งของนิ้วของเรา จากนั้น อาจารย์ไชยบอกให้อาจารย์ใช้อีกมือหยิบส้ม และให้อีกคนดึงนิ้วเราเหมือนเดิม ปรากฏว่าอาจารย์หนีบไม่ อยู่ บังคับนิ้วไม่ไหว นิ้วถูกง้างออกได้โดยง่าย ไม่สามารถฝืน ไว้เหมือนครั้งแรก อาการหมดแรงเกิดจากการจับส้มเท่านั้น จากนั้นอาจารย์ไชยบอกให้อาจารย์เอานิ้วจิ้มลงไปในถ้วยพริก น�้ำตาล และให้เพื่อนดึงนิ้วโอริงเราอีก ปรากฏว่า อาจารย์ก็หมดแรงอีก… การหมดแรงเกิดจากการที่อาจารย์เอานิ้วจิ้มลงไปใน ถ้วยน�้ำตาลเท่านั้น แต่พออาจารย์ไชย ให้ทดสอบกับฝรั่งด้วย การถือฝรั่งไว้อีกมือ

�������_27_02_55.indd 175

3/23/12 2:23 PM


176

กฤติยา อัศวเรืองชัย

เมือ่ เพือ่ นดึงนิว้ ทีท่ ำ� โอริง ปรากฏว่า นิว้ ทีท่ ำ� โอริงค์ของ อาจารย์แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ คนดึงไม่สามารถง้างนิ้วของ อาจารย์ออกได้เลยแม้แต่น้อย ซึ่งก็เกิดมาจากการที่อาจารย์ หยิบฝรั่งไว้ในมือ เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ฝรั่งท�ำให้อาจารย์แข็งแรงขึ้น อย่างชัดเจน อาจารย์ไชยอธิบายว่า... ตัวอาจารย์เองรูว้ า่ อะไรดีและ ไม่ดีส�ำหรับตัวเอง ที่อาจารย์เลือกที่จะไม่ทานส้มและน�้ำตาล เพราะรู้ว่าส้มและน�้ ำตาลส่งผลเสียต่อร่างกายตัวเอง แต่ เนื่องจากอาจารย์รู้สึกว่า ฝรั่งไม่ท�ำร้ายตัวเองด้วยสัมผัสหรือ รู้สึก จึงเลือกรับประทานแต่ฝรั่ง ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า ความมีสติเป็นสมาธิ ของอาจารย์ ท�ำให้มีสัมผัสหรือรู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี เหมือน ความสามารถของเด็กอ่อนที่รู้ว่า ใครรัก เด็กก็จะชอบ แต่ถ้า เป็นคนไม่ดีหรือไม่รักเด็ก เด็กมักจะร้องหรือไม่ยอมให้อุ้ม

�������_27_02_55.indd 176

3/23/12 2:23 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

177

เด็กเล็กมักจะยังมีความสามารถ ทางความรู้สึกและสัมผัสชัดเจนกว่าผู้ใหญ่ เนือ่ งจากเด็กเล็กยังไม่มีความคิดที่สับสน ซึ่งจะปิดกั้นความสามารถทางความรู้สึก หรือสัมผัสเหมือนผู้ใหญ่ทั่ว ๆ ไป เหตุการณ์นี้ ท�ำให้อาจารย์เริม่ สังเกตเห็นว่า สิง่ ทีต่ วั เอง ไม่ชอบ หรือมักไม่รับประทานมากเกินไปมาตั้งแต่เด็ก มักจะ เป็นสิง่ ทีไ่ ม่ดกี บั ร่างกายตัวเอง เช่น การทีไ่ ม่ชอบของทอดด้วย น�้ำมันมาก ๆ หรือของหวานจัด สาเหตุที่อาจารย์ยังสามารถใช้ สัมผัสได้ดีกว่าคนอื่น ๆ ก็มีอยู่สาเหตุเดียว

�������_27_02_55.indd 177

3/23/12 2:23 PM


178

กฤติยา อัศวเรืองชัย

นั่นก็คือ การมีสติต่อเนื่องมาตั้งแต่เด็ก ท�ำให้เป็นคน ทีไ่ ม่คดิ ฟุง้ ซ่าน และเพราะการมีสติ คือการอยูก่ บั จิตตัวเอง จึง ท�ำให้ยังสามารถใช้สัมผัสพิเศษในการด�ำเนินชีวิตได้ สัมผัสพิเศษหรือที่เราเรียกว่าสัมผัสที่ ๖ นั้น เป็น เพียงภาษาของจิต จึงเป็นความสามารถของมนุษย์ทกุ คน เรา ทุกคนเคยใช้ความสามารถนีไ้ ด้เมือ่ เราเป็นเด็กเล็ก น่าเสียดาย ที่ความสามารถนี้ของเราส่วนใหญ่หายไป ก็เพียงเพราะเรา เอาแต่คิดและคิดตลอดเวลา คิดจนชิน หลาย ๆ คนคิดจน หยุดไม่เป็น เมื่อใดที่คิด อารมณ์ต่าง ๆ ก็จะตามมาอีก เครียดอีก ฟุ้งซ่านอีก สับสนวุ่นวายอยู่ภายในตลอดเวลา เมื่อยุ่งอยู่กับ ความคิดและอารมณ์ตวั เองตลอดเวลา จึงไม่มโี อกาสฝึกให้ตวั เองอยู่กับจิตของตัวเอง จนในที่สุด ก็ใช้สัมผัสที่ ๖ ซึ่งเป็น ภาษาของจิตไม่เป็น

�������_27_02_55.indd 178

3/23/12 2:23 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

179

มาถึงตรงนี้หลาย ๆ ท่าน ก็อาจจะคิดว่า ชีวิตที่มีสติ อย่างต่อเนื่องแบบที่อาจารย์เป็นมาตลอดชีวิตนี้ คงไม่สนุก เท่าไรนัก บางเรื่องก็ออกจะดูน่ากลัว บางเรื่องก็คงท�ำใจไม่ได้ ไหนจะสัมผัสพิเศษ ไหนจะเรื่องจิตวิญญาณ ไหนจะนั่งสมาธิ เห็นอะไรตั้งมากมาย บางคนเพียงแค่ต้องนั่งปิดตาท�ำสมาธิก็ เริ่มกลัวแล้ว เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลาย ๆ คนก็อาจจะคิดสงสัยว่า... อาจารย์มีความรู้สึกอย่างไรกับการมีชีวิตเช่นนี้มา ตั้งแต่เด็ก

ความจริงคือ ใครก็ตาม ที่ท�ำการฝึกสติอย่างสม�่ำเสมอ อย่างที่อาจารย์ฝึกและท�ำมา จิ ตใจจะมีความมั่นคง มากกว่าคนทั ่ว ๆ ไปที่ไม่ได้ฝึก

�������_27_02_55.indd 179

3/23/12 2:23 PM


180

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ดังนั้น จะเอำมำตรฐำนควำมคิดควำมรู้สึกของผู้ที่ยัง ไม่ได้ฝึกสติสมำธิอย่ำงถูกต้องมำคิดหรือเปรียบเทียบไม่ได้ และไม่ใช่เพียงควำมมัน่ คงและสมดุลของจิตใจทีเ่ พิม่ ขึน้ เท่ำนัน้ ลักษณะนิสยั ของผูท้ ฝี่ กึ ฝนต่อเนือ่ งก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนไปเอง โดยไม่ต้องพยำยำม อำจำรย์เองก็เคยคิดเหมือนกับหลำย ๆ ท่ำนเช่นกัน ใน สมัยที่ยังไม่ได้เริ่มนั่งสมำธิ ก็เคยคิดว่ำ “ไม่ไหวมัง้ ...โอ้โห จะให้นงุ่ ชุดขาว ไปอยูว่ ดั หลาย ๆ วัน เพื่อฝึกสมาธิ ไม่เอาด้วยหรอก” คงคล้ำย ๆ กับท่ำนผูอ้ ำ่ นหลำย ๆ ท่ำนทีเ่ คยคิดเหมือน ๆ กัน ซึง่ ก็เป็นกำรคิดในสมัยทีย่ งั ไม่คอ่ ยมีควำมรูเ้ รือ่ งเหล่ำนี้ แต่ หลังจำกตัวเองเริม่ เข้ำมำฝึก และศึกษำด้วยตัวเอง ท�ำให้เข้ำใจ แจ่มแจ้ง ทั้งจำกกำรเรียนรู้ และประสบกำรณ์ตรงว่ำ...

�������_27_02_55.indd 180

3/23/12 2:23 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

181

ชีวิตที่เต็มไปด้วยสติ และสมำธิแบบเต็มที่จริง ๆ นั้น เป็นชีวิตที่สดใส สดชื่น รื่นเริง อำรมณ์ดี ชื่นมื่นได้ตลอด เครียดไม่เป็น ดูออ่ นกว่ำวัย ชีวติ เต็มไปด้วยควำมโชคดี กลำย เป็นคนคล่องแคล่วว่องไว เก่งขึน้ ในทุก ๆ เรือ่ ง พรสวรรค์เพิม่ มำกขึ้น ควำมสำมำรถทำงสติปัญญำก็พัฒนำขึ้นด้วยควำม รวดเร็ว สำมำรถมองเห็นและเข้ำใจทุกเรื่องได้ทะลุทะลวงมำก ยิ่งขึ้น จึงเรียกได้ว่ำ “เป็นการด�าเนินชีวิตด้วยปัญญา” ซึ่ง เกิดจำกกำรใช้ชีวิตด้วยสติตลอดเวลำ หรือเรียกอีกอย่ำงคือ “การด�าเนินชีวิตด้วยจิต” นั่นเอง

�������_27_02_55.indd 181

3/23/12 2:23 PM


�������_27_02_55.indd 182

3/23/12 2:23 PM


ตอนที่ ๓ การดํ า เนิ น ชี วิ ต ด้ ว ยป ญ ญา

�������_27_02_55.indd 183

3/23/12 2:23 PM


184

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ำกประสบกำรณ์และควำมรูท้ ไี่ ด้รบั ผ่ำนมำทัง้ หมด ของอำจำรย์ ซึ่งได้บอกเล่ำมำในช่วงต้นนั้น เชื่อ ว่ำทุกท่ำนก็คงจะเริ่มเห็นและเข้ำใจสภำวะของธรรมชำติที่ส่ง ผลกับเรำตลอดเวลำ และคงปฏิเสธไม่ได้ว่ำ สิ่งต่ำง ๆ เหล่ำนี้ มีอยู่จริง หลำยท่ำนที่เคยมีประสบกำรณ์คล้ำย ๆ กับอำจำรย์ มำบ้ำงแล้ว ก็คงจะพอเข้ำใจสำเหตุที่ไปที่มำได้ชัดเจนขึ้น เราคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า กลไกของกฎธรรมชาติดูแล ควบคุม และส่งผลกับเราตลอดเวลา โดยที่เราไม่สามารถหนี ไปไหนได้ เพราะกฎธรรมชาติกค็ อื เรา สร้างเราขึน้ มา ถ้าไม่มี กฎธรรมชาติ ก็ไม่มีเรา เมื่อรู้เช่นนี้ เรำก็น่ำที่จะใช้ชีวิตอิงกฎธรรมชำติ ให้ได้ ประโยชน์สูงสุดก็จะเป็นประโยชน์กว่ำ

�������_27_02_55.indd 184

3/23/12 2:23 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

185

หากอ่านเนื้อหาตอนต้นของหนังสือเล่มนี้ และน�ำ ทัง้ หมดมาวิเคราะห์และประมวล จะเห็นว่า การใช้ชวี ติ ด้วยสติ ในระดับที่เรียกว่า ด�ำเนินชีวิตด้วยจิตตลอดเวลานั้น ให้ ประโยชน์อย่างมหาศาลขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอารมณ์ ความคิด ความสามารถ ทั้งยังไม่ได้เป็นสิ่งที่ยากเกินไป ปัจจุบนั มีลกู ศิษย์จำ� นวนหนึง่ ฝึกสติสมาธิ จนสามารถ ด�ำเนินชีวติ ด้วยจิต และชีวติ ได้เปลีย่ นไปเป็นคนละคนแล้วจริง ๆ โดยที่พวกเขาไม่ได้มีความพิเศษอะไรเลย เป็นคนธรรมดาที่ ฝึกมาเป็นสิบปีก็ไม่ดีขึ้น จนล่าสุดได้ปรับตามวิธีที่อาจารย์แนะน�ำเหมือนใน หนังสือเล่มนี้ จึงเกิดการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นคนใหม่อย่าง เห็นได้ชัด อาจารย์ได้มีโอกาสคุยกับคนจ�ำนวนมากที่มีปัญหา ชีวติ ไม่วา่ จะเป็นเรือ่ งงานหรือเรือ่ งส่วนตัว และได้พบว่า ราก เหง้าของปัญหาทั้งหมดก็มาจากความคิดและอารมณ์ทั้งสิ้น

�������_27_02_55.indd 185

3/23/12 2:23 PM


186

กฤติยา อัศวเรืองชัย

สาเหตุเกิดเพียงเพราะคนส่วนใหญ่ไม่สามารถบริหาร ความคิด และอารมณ์ และเมื่อไรก็ตามที่เกิดอารมณ์ ก็จะเกิด ปัญหาตามมา เพราะหากเกิดอารมณ์แล้ว ก็ควบคุมได้ยาก และอารมณ์ก็มักจะเป็นสาเหตุของการตัดสินใจที่ผิด หรือท�ำ สิ่งที่ผิด นอกจากจะสร้างปัญหาให้ตวั เองในปัจจุบนั แล้ว ยังเป็น เหตุให้สร้างกรรม สร้างภพ สร้างชาติให้ตัวเอง ต้องกลับมารับ สิ่งไม่ดีที่ตัวเองก่อไว้ เพือ่ ให้งา่ ยในการอธิบายและท�ำความเข้าใจ อาจารย์จะ เรียกการด�ำเนินชีวติ ทีเ่ ราส่วนใหญ่เป็นกันอยู่ คือการใช้ชวี ติ อยู่ กับความคิดตลอดเวลาว่า การใช้ชีวิตด้วยโหมดความคิด เรามาดูกันว่า การใช้ชีวิตด้วยโหมดความคิดนี้ให้ผล เสียอย่างไร

�������_27_02_55.indd 186

3/23/12 2:23 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

187

ผลเสียของการใช้ชีวิตด้วยโหมดความคิด เราทุกคนคิดเก่งเป็นธรรมชาติ และเราก็เริ่มคิดมา ตั้งแต่จ�ำความได้ คิดตลอดเวลาจนบางทีรู้สึกว่าหัวตื้อ ๆ หรือ หนัก ๆ บางครั้งเราก็คิดแบบไม่รู้ตัว บ่อยครั้งที่เราเหม่อหรือ ใจลอย แล้วเราก็ห้ามตัวเองไม่ได้สักที อาจารย์มลี กู ศิษย์อยูค่ นหนึง่ ทีบ่ อกว่า ไม่ได้เครียด แต่ พอเจอหน้า เธอก็บ่นอยู่ ๑๕ นาที พอบ่นเสร็จเธอกลับบอกว่า ในหัวเธอไม่มอี ะไร และลูกศิษย์อกี คนหนึง่ ก็บอกว่า ในหัวไม่มี อะไร แต่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เฉย ๆ ท�ำงานไม่ได้เกือบทั้ง วัน ไม่รู้ว่าในหัวตัวเองมีอะไร เพียงแต่ท�ำงานไม่ได้ คนจ�ำนวนมากก็เคยมีประสบการณ์เดินออกจากบ้าน มาแล้ว แต่กต็ อ้ งเดินกลับไปดูวา่ ล็อกประตูบา้ นหรือยัง เพราะ จ�ำไม่ได้และไม่แน่ใจ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งล็อกไปไม่ถึงนาที

�������_27_02_55.indd 187

3/23/12 2:23 PM


188

กฤติยา อัศวเรืองชัย

อาจารย์มีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่งเล่าว่า เธอล้างแก้วน�้ำใบ หนึ่งให้คุณพ่อมาสองปีแล้ว แต่ไม่เคยเห็นว่าแก้วใบนี้มีลาย อะไร เป็นตัวหนังสือเขียนว่าอะไร ทั้ง ๆ ที่ล้างแก้วใบนี้ทุกวัน หรือแม้แต่เวลาเราแปรงฟัน พวกเราส่วนใหญ่ยงั ไม่รู้ เลยว่าเราก�ำลังแปรงฟันซี่ไหน ทั้ง ๆ ที่เราเอาแปรงใส่เข้าไปใน ปากตัวเองและก�ำลังแปรงอยู่ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะเราชินอยู่กับ การคิดและจมอยู่กับความคิด ยึดความคิดเสียจนไม่สังเกต เห็นสิ่งต่าง ๆ หรือคิดจนลืมไปว่า เมื่อสักครู่ได้ล็อกประตู หรือเปล่า

เนือ่ งจากเรามีอาการยึด เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว บวกกับการคิดทุกวัน ซึ่งก็เท่ากับเป็นการฝึกคิดจนช�ำนาญ และเก่งในการคิดอย่างมาก

�������_27_02_55.indd 188

3/23/12 2:23 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

189

เมื่อทั้งคิดทั้งยึด แต่ละคนจึงออกอาการต่าง ๆ กันไป บางคนก็เอาแต่คิดและจ้องจะพูดอยู่ข้างเดียว โดยไม่ฟังหรือ ไม่สงั เกตคนฟังว่า ร�ำคาญตัวเองขนาดไหน (ขนาดคนทีฟ่ งั ตัวโต และท�ำท่าทางอึดอัดชัดเจน คนพูดก็ยังมองไม่เห็น เพราะ มัวแต่คิด และจ้องจะพูด พูด พูด) บางคนก็เอาแต่คิดจนเหม่อ ท�ำงานไม่ได้ เพราะเอาหัว ไปจมอยู่กับการคิดทั้งหมด จนลืมเวลา ลืมว่าตัวเองมีหน้าที่ ต้องท�ำอะไร อย่าลืมว่า พอคิดแล้ว ก็จะตามด้วยเจตนาและ การกระท�ำ ถ้าคิดผิด ก็ทำ� ผิด คิดพลาด ก็ท�ำพลาด คิดบ้าบอ ก็ท�ำตัวบ้าบอ คิดเห็นแก่ตัว ก็เป็นคนเห็นแก่ตัว

�������_27_02_55.indd 189

3/23/12 2:23 PM


190

กฤติยา อัศวเรืองชัย

อย่างทีบ่ อกไว้ตงั้ แต่แรกว่าความคิดท�ำให้เกิดอารมณ์ ดังนั้น ถ้าคิดจนชินก็มักจะเกิดอารมณ์จนชินเหมือนกัน คิด เป็นประจ�ำ ก็เกิดอารมณ์เป็นประจ�ำ ถ้าเกิดอารมณ์แล้วไม่ส่ง ผลเสีย ก็คงไม่เป็นไร แต่อารมณ์เป็นตัวการท�ำให้ตดั สินใจผิด ท� ำ ผิ ด ไม่ เ พี ย งเท่ า นั้ น อารมณ์ ยั ง เป็ น หนึ่ ง ในสาเหตุ ที่ ท�ำให้เราแก่เร็วและเจ็บป่วย เราจึงมักเห็นคนทีเ่ ครียดแก่เร็วกว่า คนทีไ่ ม่คอ่ ยเครียด อธิบายมาถึงตรงนี้ ท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะแย้งว่า จะใช้ชวี ติ โดยไม่ให้คดิ เลยได้อย่างไร ไม่ใช่ไม่ให้คดิ เลย แต่คดิ ในเวลาที่ควรจะคิดเท่านั้น เช่น คิดเตรียมตัว คิดวางแผน คิด เลข คิดแก้ปัญหา ไม่ใช่คิดจนห้ามไม่เป็น และจมอยู่กับความ คิดของตัวเอง ก็อาจจะถามต่ออีกว่า แล้วจะใช้ชวี ติ อย่างไรถ้าไม่คดิ ...

�������_27_02_55.indd 190

3/23/12 2:23 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

191

ก็ใช้ชีวิตโดยรู้อยู่ที่จิต หรือสติ หรือส�ำนึกรู้ อาจารย์ เรียกว่า “การด�ำเนินชีวิตด้วยโหมดจิต” เป็นวิธีการใช้ชีวิตที่ดี ถูกต้องกว่า เพราะเป็นการด�ำเนินชีวิตที่อยู่กับจิตแท้ ๆ ของ ตัวเองจริง ๆ ไม่ใช่อยูก่ บั ความคิดทีแ่ กว่งไปมาตามจินตนาการ หรือสภาพแวดล้อมที่ท�ำให้คิด อย่าลืมว่าจิตแท้ ๆ ของเรายังเป็นตัวสะสมความรู้มา ทุกภพทุกชาติ เมื่อใช้ชีวิตด้วยจิต จึงเป็นการใช้ชีวิตด้วย ปัญญา และยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมาก จะมีประโยชน์มาก ขนาดไหน และจะฝึกพัฒนาได้อย่างไร จะบอกไว้อย่างชัดเจน ในบทต่อไป

�������_27_02_55.indd 191

3/23/12 2:23 PM


192

กฤติยา อัศวเรืองชัย

การใช้ชวี ิตด้วยโหมดจิต การด�ำเนินชีวติ ด้วยโหมดจิต คือการใช้ชวี ติ ตลอดเวลา ด้วยการอยู่กบั จิตแท้ ๆ ของตัวเอง เมื่อเราหันมามีชีวิตอยู่กับ จิตมากกว่าความคิด นิสัยและการกระท�ำของเราจะค่อย ๆ เปลีย่ นไปเป็นสภาพแบบที่จิตเป็น ก่อนอืน่ อาจารย์วเิ คราะห์ให้เห็นชัดเจนก่อนว่า จิตของ เรามีสภาวะอย่างไร เมือ่ เข้าใจสภาวะจิตทีแ่ ท้จริงแล้ว ก็จะเข้าใจ ได้ชัดเจนว่า เพราะเหตุใด การด�ำเนินชีวิตด้วยโหมดจิตจึง ดีกว่า ให้ประโยชน์มากกว่า และจะเข้าใจว่า เพราะเหตุใด อาจารย์จงึ เรียกการใช้ชวี ติ ด้วยโหมดจิตว่า เป็นการใช้ ชีวิตด้วยปัญญา

�������_27_02_55.indd 192

3/23/12 2:23 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

193

“จิต” ของเรา จิตของเรำเป็นพลังงำนบริสุทธิ์ ที่อยู่ในร่ำงกำยซึ่งเรำ สร้ำงขึ้นมำเอง เรำเป็นส่วนย่อย ๆ ของพลังงำนบริสุทธิ์ขนำด ใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นมำเป็นวงจักรวงจรชีวิต ที่เรำเรียกว่ำ กาแลกซี่ พวกเรำเดินทำงหำประสบกำรณ์อยู่ในวงจักรนี้ ด้วยกำรเดิน ทำงของร่ำงกำยที่เกิดและตำยนับครั้งไม่ถ้วน วิวัฒน์ตัวเองมำ เรื่อย ๆ ตั้งแต่ชำติภพแรก จนถึงปัจจุบัน

จิ ต หรือ ชี วิตจริง ๆ  ¢องเราไม่มีวันตาย  เราเป็น¾ลังงานบริสุทธิì ที่เป็นอมตะ ไม่เคยหลับ  กระตือรือร้นและสว่างไสว

�������_27_02_55.indd 193

3/23/12 2:23 PM


194

กฤติยา อัศวเรืองชัย

เมือ่ ใดทีเ่ ราตืน่ รูเ้ ต็มทีแ่ ละด�ำเนินชีวติ ด้วยตัวตนแท้ ๆ ร่างกายที่เราใช้อยู่ จะดูผ่องใส อ่อนเยาว์ ร่าเริง เบิกบาน มี ความคล่องแคล่วว่องไวสูง การหมุนเข้าหาศูนย์กลางของชีวิตคือ การบันทึก เรา จึงชอบบันทึก ชอบเรียนรู้ ช่างสังเกต จดจ�ำ เราจึงมีความทรงจ�ำ มากมายมหาศาลเป็นความรู้ที่เก็บอยู่ภายในจิตใต้ส�ำนึกของ ตัวเอง ด้วยความรูม้ ากมายทีเ่ ราสะสมไว้ เราจึงควรจะเก่งและ ฉลาดมาก เราเป็นพลังงานแห่งชีวิตที่บริสุทธิ์ เกาะเกี่ยวและ เป็นส่วนหนึ่งของวงจรจักรชีวิตขนาดใหญ่ตลอดเวลา เราจึงมี ความมั่นคงและความสมดุลสูง ไม่วอกแวก และเมื่อใดก็ตามที่เราใช้ส�ำนึกของชีวิตที่แท้จริง (จิต บริสุทธิ์) ในการด�ำเนินชีวิต เราจะมีส�ำนึกของความเป็นหนึ่ง เดียวกันที่ชัดเจน เป็นส�ำนึกของการเป็นส่วนของกันและกัน ตลอดเวลา เราจะมีส�ำนึกที่ไม่เห็นแก่ตัว มีแต่ความรัก ความ เมตตา และความเกื้อกูลต่อผู้อื่น

�������_27_02_55.indd 194

3/23/12 2:23 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

195

ประโยชน์ของการใช้ชีวิตด้วยโหมดจิต ประโยชน์ทเี่ ราจะได้จากการใช้ชวี ติ ด้วยโหมดจิต ก็คอื ลักษณะและนิสยั ของจิตแท้ ๆ อาจารย์จะแยกเป็นข้อ ๆ ให้ทา่ น ผู้อ่านได้เห็นประโยชน์อย่างชัดเจน คือ ๑. ดูออ่ นกว่าวัย สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย ผิวพรรณ สดใส แววตาเป็นประกาย คล่องแคล่วว่องไว กระฉับกระเฉง ๒. ไม่มีความเครียด ความคาดหวัง ความกังวล ความกลัว ความโกรธ หงุดหงิด ร�ำคาญใจ ท้อใจ อิจฉา ขี้เกียจ ฟุ้งซ่าน เพ้อเจ้อ หนัก หน่วง หนืด เนือย เฉื่อย ๓. สดชื่น สดใส ร่าเริง เบิกบาน นุ่มนวล สงบ เย็น ได้ทุกขณะ ทุกสถานการณ์ ๔. มีความมั่นคง เป็นตัวของตัวเอง ไม่ถูกกระทบ หรือชักจูง หรือถูกครอบง�ำง่าย

�������_27_02_55.indd 195

3/23/12 2:23 PM


196

กฤติยา อัศวเรืองชัย

๕. ใจเย็น ช่างสังเกต ช่างวิเคราะห์ โดยไม่รีบด่วน ตัดสินหรือด่วนสรุป ๖. เข้าใจและเรียนรู้ได้เร็วขึ้น สนุกกับการเรียนรู้ สิ่งใหม่ ๆ สนุกกับชีวิต มีความสามารถมากขึ้น ๗. มีความสามารถในการปรับตัวได้ดีขึ้น ไม่ยึดติด ความเคยชิน ๘. ความจ�ำดีขึ้น คิดเป็นระบบและเร็วขึ้น มองเห็น และเข้าใจปัญหา แก้ปญ ั หาเฉพาะหน้าได้ดี ฉลาดขึน้ ๙. มีสติและสมาธิในการท�ำงานและใช้ชีวิต มีความ พร้อมในการรับมือกับทุกสถานการณ์ ๑๐. มีความวางใจ สบายใจ อิสระ เป็นสุขในการ ใช้ ชี วิ ต ด้ ว ยความเข้ า ใจ ไม่ ห มกมุ ่ น กั บ เรื่ อ ง ไร้สาระที่ไม่ใช่แก่นของชีวิต

�������_27_02_55.indd 196

3/23/12 2:23 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

197

คุณสมบัติที่ได้ ๑๐ ข้อนี้ เป็นเพียงคุณสมบัติขั้นต้น ของผู้ที่ฝึกการใช้ชวี ิตด้วยโหมดจิต ยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่จะ เกิดขึน้ ตามมาอีก ซึง่ จะพบด้วยตนเองหากคุณใส่ใจและฝึกสติ สมาธิ ซึง่ อาจารย์จะน�ำแนวทางฝึกฝนทีท่ ำ� ได้งา่ ย ท�ำทีไ่ หนก็ได้ เพียงแต่จะต้องฝึกจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต คุณสมบัติ เหล่านี้ ก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคุณเช่นกัน การฝึกฝนสติและสมาธิ ก็ไม่ใช่เรือ่ งยาก หากท�ำความ เข้าใจให้ชัดเจน และหมั่นท�ำอย่างต่อเนื่องในชีวิตประจ�ำวัน จะได้ช้าหรือเร็วนั้น ขึ้นอยู่กับความใส่ใจ ความเพียรของการ ฝึกสติระหว่างวัน ซึ่งควรจะต้องท�ำสติจนกลายเป็นนิสัย โดย ไม่ตอ้ งพยายาม ซึง่ ขึน้ อยูว่ า่ เราให้ตวั เองยึดความคิดมากขนาดไหน ปัญหาในชีวติ มีมากขนาดไหน จัดการบริหารเวลาได้ขนาดไหน ทัง้ สิ้น

�������_27_02_55.indd 197

ทุก ๆ อย่างมีผลกับการพัฒนาในการฝึกสติและสมาธิ

3/23/12 2:23 PM


198

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ฝึกสติ เพื่อหัดถอยจากโหมดความคิด เป้าหมายของการฝึกสติคือ การรู้จักถอยออกจาก ความคิดด้วยอุบายของการท�ำสติ เพราะถ้าเราไม่เอาอะไรมา ดึงความสนใจ เราก็คงจะหยุดคิดไม่ได้ เราจึงเอาสติมาดึงความ สนใจออกจากความคิด มาจดจ่ออยู่กับสติ ซึ่งส่วนใหญ่จะ เป็นการท�ำสติที่ร่างกาย เช่น การเดินแล้วรู้สึกเท้าที่เหยียบไป แต่ละก้าว ที่เราเรียกว่า เดินจงกลม การฝึกสติจะใช้วธิ ใี ดก็ได้ ขอให้ถอยออกจากความคิด ให้ได้จริง ๆ และอยู่กับการรู้สึกชัด ๆ ก็ใช้ได้ทั้งนั้น ฝึกสติด้วยสัมผัสทั้ง ๕ ส�ำหรับวิธีของอาจารย์ท่ีสอนลูกศิษย์ที่ได้ผลที่สุดคือ การใช้ประสาทสัมผัสทั้ง ๕ ในการท�ำสติ ด้วยการมองแบบ Observe หรือสังเกตการณ์ เพื่อให้เห็นรายละเอียด ฟังให้ ชัดเจน จนสามารถเก็บรายละเอียดได้ เป็นต้น

�������_27_02_55.indd 198

3/23/12 2:23 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

199

อธิบายง่ายๆ คือ ฝึกสติด้วยการท�ำให้ตัวเองเป็น เหมือนเครื่องรับรู้ด้วยสัมผัสทั้ง ๕ (Perceptive Machine) นั่นคือ เก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุดโดยไม่คิด เพราะขณะที่เรา สังเกตการณ์นั้น เราไม่สามารถคิด นอกจากจะถอยออกจาก ความคิดได้แล้ว ยังได้ฝกึ การใช้ประสาทสัมผัสทัง้ ๕ ช่วยท�ำให้ เป็นคนช่างสังเกตและช่างจดจ�ำมากขึ้น อาจจะฝึกด้วยวิธีกำ� หนดเวลาแน่นอน เช่น ในช่วงฝึก ใหม่ ๆ ก�ำหนดให้ตัวเองฝึกสติเป็นช่วง ๆ โดยแต่ละช่วงกิน เวลาฝึกเริ่มต้นที่ ๑๐ นาที วันละไม่ต�่ำกว่า ๕ ช่วงเวลา แล้วค่อยๆ เพิ่มเวลาจากฝึกสติ ๑๐ นาทีเป็น ๑๕ และ ๒๐ นาทีเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ จนเริ่มกลายเป็นนิสัย

�������_27_02_55.indd 199

3/23/12 2:23 PM


200

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ยิ้มตอบ

ฝึ ก สติ ด ้ ว ยการมอง ส่ ง ยิ้ ม และสั ง เกตการ

อีกวิธีที่ได้ผลมากๆ ที่สามารถฝึกเพิ่มขึ้นจากการฝึก ด้วยสัมผัสทัง้ ๕ คือ การส่งยิม้ ให้คนอืน่ ด้วยการมองเขาก่อน แล้วจึงส่งยิ้มให้ และสังเกตว่าเขารับและยิ้มตอบกลับหรือไม่ การส่งยิ้มเป็นการส่งความรู้สึกดีๆ ให้ผู้อื่น และในขณะที่มอง หน้าเขาและยิม้ จนถึงสังเกตว่าเขายิม้ ตอบกลับหรือไม่ จะเป็น ช่วงเวลาที่เราไม่สามารถคิด เพราะต้องสนใจคนที่เรายิ้มให้ นั่นเอง ฝึกสติเวลาอาบน�้ำ อีกเวลาและสถานที่ ๆ เหมาะส�ำหรับฝึกสติมาก ๆ คือ เวลาอาบน�้ำ เพราะเป็นเวลาทีไ่ ม่มใี ครรบกวน ทัง้ ยังมีกจิ กรรม ที่จะดึงความสนใจให้ออกจากความคิดได้ เช่น

�������_27_02_55.indd 200

3/23/12 2:23 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

201

การแปรงฟัน ก็ให้รู้ที่แปรงกระทบฟัน อาบน�้ำถูตัว ก็ให้รู้สึกมือที่ฟอกสบู่หรือถูไปตามผิว ยืนอยู่ก็ให้รู้สึกฝ่าเท้าที่แตะพื้น ลูกศิษย์อาจารย์บางคนใช้วิธีซื้อครีมอาบน�้ำกลิ่นหอม ต่าง ๆ กัน หลาย ๆ กลิน่ เพือ่ ดึงความสนใจไปทีก่ ลิน่ หอมและ ไม่คิด และซื้อแปรงไฟฟ้ามาแปรงฟัน เพื่อให้รู้สึกการสั่น กระทบของแปรงขณะที่แปรงฟันชัดขึ้น เพื่อจะรู้สึกชัด ๆ และ ไม่คิด หรือใช้วิธีอาบน�้ำด้วยมือซ้ายที่ไม่ถนัด จะได้ค่อย ๆ อาบ และคิดไม่ได้ เพราะไม่ถนัด เลยอาบน�้ำเร็วไม่ได้ ท่านผู้ อ่านหาวิธีเองก็ได้ เพียงแต่ให้รู้สึกให้ชัดตลอดเวลาในห้องน�้ำ กับการท�ำกิจกรรมเวลาอาบน�้ำโดยไม่คิด ท�ำทั้งเช้าและเย็น

�������_27_02_55.indd 201

3/23/12 2:23 PM


202

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ฝึกสติด้วยการมองเข้าไปในดวงตาในเวลาส่อง กระจก การฝึกสติอกี วิธหี นึง่ คือ ทุกครัง้ ทีส่ อ่ งกระจก ไม่ว่าจะ เป็นในห้องน�้ำ หรือห้องนอน ให้มองเข้าไปในดวงตาตัวเอง ทุกครัง้ สักครู่หนึง่ เราจะสังเกตเห็นได้วา่ เมือ่ เรามองเข้าไปใน ดวงตาของตั ว เองในกระจก จะเป็ น ช่ ว งที่ เ ราหยุ ด คิ ด ไป ชั่วขณะหนึ่ง ท�ำทุกครั้งที่ส่องกระจก วันละหลาย ๆ รอบ เป็นการฝึกเพิ่มเติมจากการฝึกด้วยสัมผัสทัง้ ๕ ฝึกสติดว้ ยการปิดตาก�ำหนดสติบนเตียงก่อนหลับ และตื่นนอน วิธีสุดท้ายที่จะแนะน�ำซึ่งสามารถท�ำเพิ่มจากการฝึก ด้วยสัมผัสทั้ง ๕ คือ ทุกครั้งที่จะนอนหลับ หรือตื่นนอน ขณะ ที่อยู่บนเตียง ให้ปิดตา และมองตรง ๆ อยู่ภายใน เหมือนกับ มองหนังตาด้านใน สักหนึ่งถึงสองนาที

�������_27_02_55.indd 202

3/23/12 2:23 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

203

ท�ำได้ทั้งก่อนนอน และตื่นนอน ไม่ต้องรีบลุกจาก ที่นอน ท�ำสติสักแวบหนึ่งก่อนค่อยลุกขึ้น การฝึกวิธีที่แนะน�ำมาทั้งหมดนี้ ช่วยท�ำให้คิดน้อยลง ชัดมาก และท�ำได้ตลอดเวลา ไม่ต้องหาเวลาฝึกสติเป็นพิเศษ ท�ำที่ไหนก็ได้ และสามารถท�ำอยู่ในชีวิตประจ�ำวันตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการใช้สัมผัสทั้ง ๕ ในเวลาท�ำงานหรือไปเที่ยว ใช้สัมผัสทั้ง ๕ ในเวลาอาบน�้ำ การส่งยิ้ม การมองเข้าไปใน ดวงตาตัวเองในกระจก และการก�ำหนดสติบนเตียงก่อนนอนและ ตืน่ นอน ส�ำหรับการฝึกกับสัมผัสทั้ง ๕ สามารถออกแบบให้ตัว เองฝึกได้ตามถนัด แต่ที่ส�ำคัญคือ ห้ามคิด ในขณะที่ฝึกรู้สึกให้ชัดอยู่กับสัมผัสทั้ง ๕ และเวลา รู้สึกก็ห้ามเพ่งหรือจิกความรู้สึก เพียงแค่รู้สึกให้ชัดเจนจน หยุดคิดได้ก็พอ

�������_27_02_55.indd 203

3/23/12 2:23 PM


204

กฤติยา อัศวเรืองชัย

อำจำรย์รับรองว่ำ ด้วยเวลำเพียงไม่เกิน ๑ เดือนก็จะ เริ่มเห็นควำมเปลี่ยนแปลงของตัวเองว่ำ คิดน้อยลง เครียด น้อยลง ปล่อยวำงควำมคิดได้ดขี นึ้ แต่หำ้ มหยุดฝึกเพรำะทันที ที่หยุดฝึก เรำก็จะกลับไปคิดใหม่ อย่ำลืมว่ำธรรมชำติของเรำ นั้น เรำมีลักษณะของกำรยึดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ถ้ำเรำไม่หันไปยึด ควำมรู้สึกหรือสัมผัส เรำก็จะกลับมำยึดกำรคิดตำมเดิม ต้อง หมั่นเพียรท�ำไปก่อนจนกว่ำจะได้นิสัยไม่คิดเป็นธรรมชำติ ที่ต้องท�าบ่อย ๆ เพราะเราสอนให้ตัวเองคิดเก่งมา ตลอดชีวิตแล้ว การจะสอนให้ตัวเองหยุดคิดก็ต้องใช้ความ พยายามบ้างเป็นธรรมดา แต่วิธีนี้ได้ผลมากจริง ๆ เพียงแต่ ต้องท�าไปเรื่อย ๆ ภำษำทำงวิทยำศำสตร์เรียกว่ำ “การฝึกอยูก่ บั ปัจจุบนั ” ภำษำทำงพุทธเรียกว่ำ “การฝึกสติ”

�������_27_02_55.indd 204

3/23/12 2:23 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

205

กำรแทนทีน่ สิ ยั เก่ำในเรือ่ งกำรคิดมำก ต้องใช้เวลำเป็น เดือน ๆ ในช่วงแรกไม่ง่ำยนักต้องหมั่นเตือนตัวเองเหมือนกัน แต่พอฝึกไปเรือ่ ย ๆ สักหนึง่ เดือน ก็เริม่ ท�ำได้สบำยและเริม่ ง่ำย ขึน้ แต่กต็ อ้ งระวังควำมเคยชินของกำรรูส้ กึ อำจจะชินจนหย่อน และรู้สึกน้อยลงและกลับไปคิดเหมือนแต่ก่อนได้อีก ดังนั้นถ้ำเป็นไปได้ ควรเปลี่ยนแปลง ท�ำแบบใหม่ไป เรื่อย ๆ ก็จะดี เช่น เคยรู้สึกที่มือ ก็เปลี่ยนมำรู้สึกที่ข้อศอก หรือเดิน หรือสังเกตด้วยกำรมองโดยไม่คดิ เปลีย่ นแบบบ่อย ๆ จะสนุก และสติกจ็ ะชัดมำกขึน้ ทุกวัน ๆ จนถึงขนำดว่ำเริม่ สนุก กับกำรมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่ำงชัดเจน คมชัดขึ้น ช่ำงสังเกตขึ้น ขี้ลืมน้อยลง คิดเร็วขึ้น คิดเป็นระบบขึ้นด้วย เรำเรียกนิสัยใหม่นี้ว่ำ “การมีส�านึกรู้ตลอดเวลา” ภำษำทำงพุทธศำสนำเรียกว่ำ “สติปัฏฐาน ๔”

�������_27_02_55.indd 205

3/23/12 2:23 PM


206

กฤติยา อัศวเรืองชัย

การหัดด�ำเนินชีวิตด้วยโหมดจิตโดยการท�ำสมาธิ เป้าหมายของการท�ำสมาธิคอื การอยูก่ บั จิตตัวเองจริง ๆ โดด ๆ โดยไม่ คิ ด รวมทั้ ง เราต้ อ งอยู ่ กั บ ปั จ จุ บั น ด้ ว ย จุดประสงค์ คือการเรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวตนของตัวเองให้ได้ มากที่สุด เพื่อให้เกิดความเคยชินในการตื่นอยู่กับจิตแท้ ๆ เนื่องจากเรามีอยู่เพียง ๓ ส่วน คือ ร่างกาย ความคิด และจิต เราต้องยึดอย่างใดอย่างหนึง่ เพราะกลไกชีวติ เราท�ำให้ ยึด พอเราฝึกถอนจากความคิดได้ ด้วยการรู้สึกที่ร่างกาย ก็ จะกลายเป็นมายึดรู้สึกอยู่ที่ร่างกาย

หากเราต้องการจะใช้โหมดจิ ต เราจ�ำเป็นต้องถอนหรือเลิกยึดทั ้งความคิด และร่างกาย และหัดมาอยู่กับจิ ตให้ชิน ซึ่งก็ท�ำได้ด้วยวิ ธีการนัง่ สมาธิเท่านั้น ไม่มีทางอื่น

�������_27_02_55.indd 206

3/23/12 2:23 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

207

ด้วยเหตุนี้ เราจึงจ�ำเป็นต้องฝึกสมาธิอย่างสม�่ำเสมอ ทุกวัน วันละอย่างน้อย ๒ ครั้ง โดยแต่ละครั้งไม่จ�ำเป็นต้อง นัง่ สมาธิยาวมาก ขอให้ได้สกั ๑๕ นาทีในแต่ละครัง้ แต่ทงั้ สอง ครัง้ ต้องพยายามทีจ่ ะไม่คดิ และไม่รสู้ กึ สัมผัส เพียงแต่อยูก่ บั จิตแท้ ๆ ก็พอ อย่าลืมว่า เราฝึกการอยู่กับโหมดความคิดมาทั้งชีวิต เราไม่ใช่หนุ่ ยนต์หรือคอมพิวเตอร์ ทีค่ ดิ จะลบโปรแกรมทิง้ ได้ ง่าย ๆ เราฝึกคิด ยึดคิด เป็นนิสัยมานานมาก ก็ต้องใช้เวลาใน การฝึกฝนบ้าง เพียงแค่ต้องท�ำทุกวันอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ก็ จะประสบผลส�ำเร็จ

�������_27_02_55.indd 207

3/23/12 2:23 PM


208

กฤติยา อัศวเรืองชัย

แนวทางการฝกสติและสมาธิ ฝึกสติ 5 นาที

(คลิ�กที�รูปเพื�อฝึกตามวีดีโอ)

การทําสติ 5 นาทีนี� เป็ นวิธีฝึกฝนสติดว้ ยการใช้ลมหายใจ และการมองประกอบในการฝึ ก เป็ นวิธีที�ง่าย และมี ประสิทธิภาพ เมื�อฝึ กอย่างถูกต้อง จะสามารถรูส้ ึกได้ถึงผลดี � เห็นภาพข้างหน้ าชัดขึน � ที� ได้รบั โดยจะรูส้ ึกตาสว่างขึน � และหัวเบา สดชื�นขึน

�������_27_02_55.indd 208

3/23/12 2:23 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

209

การฝึ กอย่างสมํ�าเสมอ วันละอย่างน้ อย 2 รอบ ช่วยให้สร้าง � ทําให้ นิ สัยการใช้สํานึ กรูท ้ �ตี า ให้มีประสิทธิภาพมากขึน � ลดการคิดลง จึงช่วย ความจําดีขน ึ � ช่างสังเกตมากขึน คลายนิ สัยมักคิดเครียดได้ การหายใจยาวสมํ�าเสมอช่วยการเต้นของหัวใจและการ ทํางานของปอด ทัง� ยังเป็ นการหายใจครบรอบปราณหรือ พลังชีวติ ช่วยให้ระบบกระแสชีวติ หรือเลือดลมทํางานดีขน ึ� หมายเหตุ... ไม่ควรต่อเติมการฝึ กฝนหรือลดวิธีการฝึ กด้วย ตนเอง โดยไม่ปรึกษาผู้มีประสบการณ์

�������_27_02_55.indd 209

3/23/12 2:23 PM


210

กฤติยา อัศวเรืองชัย

ฝึ กสมาธิ Format ปราณ 15 นาที

(คลิ�กที�รูปเพื�อฝึกตามวีดีโอ)

ประโยชน์ จากการฝึ ก คือ ผู้ฝึกจะได้ทงั � สติ สมาธิ และปรับ ความสามารถในการซ่อมแซมร่างกาย ซึ�งมีประโยชน์ สูงสุด ที� ได้รบั การพิสูจน์ ในประสิทธิภาพแล้ว

�������_27_02_55.indd 210

3/23/12 2:23 PM


สติ สร้างปาฏิหาริย์

211

วิธีฝึกที�ถูกต้อง คือ ให้เปิ ดวิดี โอไปพร้อมกับการฝึ กทุกครัง� และเวลาฝึ กที�ดท ี �สี ุด คือหลังอาบนํ �าทันที ในช่วงเวลาเย็น เพื�อได้ประสิทธิภาพในการซ่อมแซมร่างกายในขณะ ที�นอนหลับ ควรฝึ กทุกวัน เพื�อให้เกิดประสิทธิภาพ และควรดูวดิ ี โอ ประกอบ เพื�อความเข้าใจ ซึ�งการฝึ กนี �เป็ นเพียงการฝึ ก ส่วนย่อยเท่านั �น ไม่ ใช่แนวทางการพัฒนาทัง� หมด หมายเหตุ... ต้องทําตามคําแนะนํ าอย่างครบถ้วน ห้าม � ลง เปลี�ยนแปลง หรือตัดทอนการฝึ กให้สัน

สรุปการฝึ กประจําวัน: ฝึ กสมาธิ Format ปราณ 15 นาที ห้ามเกิน 2 ครัง� ต่อวัน ฝึ กสติ 5 นาที จํานวน 5 ครัง� ต่อวัน โดยให้กระจายการ ฝึ กทัง� วัน เช่น ช่วงเช้า 2 ครัง� และ ช่วงเย็น 3 ครัง� ฝึ กสติ 5 อย่าง ให้ฝึกตามแนวทางที�กําหนด โดยเน้ นให้ ฝึ กทัง� วัน จนกลายเป็ นนิ สัยใหม่ ในชีวติ

�������_27_02_55.indd 211

3/23/12 2:23 PM


�������_27_02_55.indd 222

3/23/12 2:23 PM


กฤติยา อัศวเรืองชัย

Website: www.travelateaseasia.com www.meditation2002.org ปัจจุบัน :

ผู้อ�ำนวยการ บริษัท แทรเวลแอทอีส จ�ำกัด ผู้อ�ำนวยการ Ultimate of Life และ Perfect Food Club ผูอ้ ำ� นวยการ ศูนย์สมาธิกรุงเทพฯ (Bangkok Meditation Center) วิทยากร และนักเขียนอิสระ มัคคุเทศก์อิสระ

ประวัติการท�ำงาน : พนักงานต้อนรับบนเครือ่ งบิน บริษัท การบินไทย จ�ำกัด (มหาชน) ผูช้ ว่ ยกรรมการผูจ้ ดั การ บริษทั จัสโก้ (ไทยแลนด์) จ�ำกัด ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สตาร์ซุปเปอร์มาร์เกต จ�ำกัด อาจารย์สอนบุคลิกภาพ John Robert Power’s วิทยากรพัฒนาบุคลิกภาพ กาลวินและบาร์บิซอน อาจารย์สอน TOEIC และ TOEFL โรงเรียน British American อาจารย์สอนภาษาอังกฤษ ศูนย์ภาษานิติกร อาจารย์สอนภาษาอังกฤษ Pre-college

�������_27_02_55.indd 245

3/23/12 2:23 PM


วิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด ผู้จัดการฝ่ายการตลาด และอาจารย์ฝ่ายรับนักศึกษา วิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด ผู้อ�ำนวยการฝ่ายรับนักศึกษา วิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด รองประธานและวิทยากร สถาบันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ วิทยากรอบรมสมาธิ สถาบันเทคโนโลยีแห่งสมาธิ ผู้อ�ำนวยการศูนย์จ�ำหน่ายสินค้าหัตถกรรม Columnist บริษัท สื่อวัฎสาร จ�ำกัด Easy English หนังสือพิมพ์ Job Express พัฒนาตน พัฒนาคน นิตยสารรวมงาน Weekly Web Master ของเวปไซด์ www.meditation2002.org ผลงานที่สร้างชื่อเสียง วิทยากรอบรมพนักงานต้อนรับภาคพื้นดิน บริษัท การบินไทย จ�ำกัด ( มหาชน ) จ�ำนวน 47 รุ่น วิทยากรอบรมสมาธิพื้นฐาน เกษตรต�ำบลน�ำร่อง Local Manager มิสยูนิเวอร์ส 1996 ชนะเลิศอันดับหนึ่ง การแข่งขันร้องเพลง จัดโดยการท่องเที่ยวฮ่องกง ปี 1997 Founder สมาคมผู้ปกครองและครู โรงเรียน The American School of Bangkok นักเขียน หนังสือ “คัมภีร์สมัครงาน ท�ำ (ให้ได้)งาน”

�������_27_02_55.indd 246

3/23/12 2:23 PM


บทความแนะน�ำอ่านประกอบและอ้างอิง ๑. Alterations of electroencephalographic patterns in subject practicing Transcendental Meditation (T.M.) and T.M.-Sidhi Programs.p.๒๓๙ Proceeding of the Bangkok Science Symposium, ๑๙๘๐.Chentanez, T., V. Chentanez, C. Chindadoungratn, S. Meenayothin, T. Koonchornboon, S. Kerddecho and N. Kotchabhakdi ๒. ธรรมวิทรรศน์ เขมานันทะ ๒๕๔๑ ส�ำนักพิมพ์ธรรมชาติ ๓. http://masterderyk.wordpress.com/๒๐๐๗/ ๐๘/๒๖/ideal-world-highly-evolved-cultures/ ๔. Myers, P. (๒๐๐๘) Hox genes in development: The Hox code. Nature Education ๑(๑), http://scienceblogs.com/pharyngula/๒๐๐๗/ ๐๙/the_hox_code.php ๑๐. http://en.wikipedia.org/wiki/Hydrogen ๑๑. Hydrogen and Helium http://cass.ucsd.edu/public/tutorial/Nukes.html ๑๒. Atom http://en.wikipedia.org/wiki/Atom ๑๓. Milky Way Galaxy http://en.wikipedia.org/wiki/Milky_Way ๑๔. Black Hole http://en.wikipedia.org/wiki/Black_hole http://www.nasa.gov/worldbook/blackhole_worldbook.html ๑๕. Dark Matter http://www.dmoz.org/Science/Astronomy/Cosmology/Dark_Matter/ ๑๖. Big Bang http://en.wikipedia.org/wiki/The_Big_Bang ๑๗. หนังสือ: ONLY LOVE IS REAL Written by Dr. Brian Weiss http://www.lifepositive.com/Mind/personal-growth/past-life/brian-weiss.asp ๑๘. หนังสือชุด CONVERSATION WITH GOD Written by Neale Donald Walsch

�������_27_02_55.indd 247

3/23/12 2:23 PM


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.