Weekly Brief 19 - 31 May 11 Issue 17

Page 1

TFPA Trade & Technical

WEEKLY BRIEF 19-31 May 2011

Vol. 2 Issue 18

Vol. 2

issue 17

Thai Food Processors’ Association

Useful Weblink-Technical information By TFPA สธ.ปลดล็อก 5 จว. น�ำเข้าอาหารญี่ปุ่น ญี่ปุ่นไฟเขียวสารปรุงแต่งอาหาร 25ชนิด เอเปคเห็นพ้องเปิดเสรีตลาดอาหาร ดีเดย์ 15 มิ.ย. 54 เปิดจด ทะเบียนแรงงานต่างด้าว th

www.thaifood.org 1


TFPA Trade & Technical

WEEKLY BRIEF 24-30 May 2011

3

สารบัญ

ข่าวประชาสัมพันธ์

4 4 5 5 6 6 7 8

ข้อมูลทางด้านเทคนิค Useful Weblink-Technical information เอกสารแนบ 1 เตือนผู้ประกอบการไทย ระวังสาร Oxytetracycline ในกุ้งส่งออกไปญี่ปุ่น สธ.ปลดล็อก 5 จังหวัดน�ำเข้าอาหารญี่ปุ่น อย. เผย ความคืบหน้ามาตรการอาหารน�ำเข้าจากญี่ปุ่น รัฐบาลเวียดนามเข้มงวด ยุติการใช้สารปรุงแต่งอาหารผิดกฏหมาย ญี่ปุ่นไฟเขียวสารปรุงแต่งอาหาร 25 ชนิด ที่เหลือไม่อนุญาตให้ใช้ 55 ชนิด สิงคโปร์ปลดแบนสินค้าน�ำเข้าจากบางจังหวัดในญี่ปุ่น สธ.เตือนระวังอาหารสีแดงสด พาณิชย์เข้มงวดน�ำเข้า-ส่งออกยา เภสัชเคมีภัณฑ์ฯและสารเคมี 16 รายการ

9 9

สถานการณ์ด้านประมง ฟิจิเฮ อียูไฟเขียวน�ำเข้าปลา แคลิฟอเนียร์รับรองกฎหมาย ห้ามการจ�ำหน่ายและครอบครองหูฉลาม

10 11 11 12

สถานการณ์ด้านเกษตร ความคืบหน้าญี่ปุ่นแก้ไขค่า MRLs สารเคมีทางการเกษตรและสารปรุงแต่งอาหาร ธ.ก.ส.พร้อมจ่ายเงินชดเชยปุ๋ย ตันละ1.5พันบาท อนุมัติกองทุนสงเคราะห์ เกษตรกร 500 ล้านบาท ผลิตเอทานอลจากมันเทศ

14 15 15 16 17 17

สถานการณ์ด้านเกษตร ไทยเร่งเปิด FTA เปรูและชิลี ประตูการค้าสู่ตลาดลาตินอเมริกา กรมส่งออกฯชี้หนี้อียูไม่มีผลกระทบการค้าไทยไปยุโรป เตือนผู้ส่งออกเลือกลูกค้า เอเปคเห็นพ้องเปิดเสรีตลาดอาหาร 31 พ.ค.หมดเวลาส่งงบการเงิน‫‏‬ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดีเดย์ 15 มิถุนายน 2554 เปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว ลดภาษี AFTA ไทยผงาด TOP 5 ส่งออก-น�ำเข้า

2


Vol. 2 Issue 18

ข่าวประชาสัมพันธ์ งานสัมมนา “สัมมนา-นวัตกรรมและ การประยุกต์ใช้งานบรรจุภัณฑ์อาหาร เพื่อ สนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารไทย” ในวันที่ 22 มิถุนายน 54 ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ ปาร์ค, กทม. งานนี้จัดขึ้นเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยี และให้ ข ้ อ มู ล ความรู ้ ความเข้ า ใจเกี่ ยวกั บ เทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ หลักการออกแบบและ การประยุกต์ใช้บรรจุภัณฑ์ในอนาคต ให้แก่ ผู ้ ป ระกอบการอุ ต สาหกรรมอาหาร/อาหาร ส�ำเร็จรูป โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญทางด้านการ บรรจุภัณฑ์ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

สถาบั น ฝึ ก อบรมการค้ า ระหว่ า ง ประเทศ จัดสัมมนาเรื่อง “Value Creation & The Creative Economy - A Thai Perspective : เศรษฐกิจสร้างสรรค์กับ มุมมองธุรกิจส่งออกไทย” ในวันที่ 7 มิถุนายน 2554 ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 1 กรม ส่งเสริมการส่งออก ถ.รัชดาภิเษก ผู้ที่สนใจ สามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.depthai.go.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ 02-5120093 ต่อ 604 หรือ ทาง Email:niramonp@depthai.go.th

3


TFPA Trade & Technical

WEEKLY BRIEF 24-30 May 2011

ข้อมูลทางด้านเทคนิค เตือนผู้ประกอบการไทย ระวัง สาร Oxytetracycline ในกุ้งส่ง ออกไปญี่ปุ่น

กระทรวงสาธารณสุขฯ ญี่ปุ่น แจ้งเตือน มายั ง ส� ำ นั ก งานที่ ป รึ ก ษา การเกษตรต่ า ง ประเทศ ประจ�ำกรุงโตเกียวว่าตรวจพบสาร Oxytetracycline ในกุ้งแช่แข็งของไทย (Frozen peeled shrimp) จากบริษัทส่งออกแห่ง หนึ่ง เกินค่ามาตรฐาน (MRL 0.2 ppm) ซึ่ง น�ำเข้าในวันที่ 11 พฤษภาคม 2554 ท�ำให้ ญี่ ปุ ่ น แจ้ ง ว่ า จะปรั บ ระดั บ คุ ม เข้ ม ในการสุ ่ ม ตรวจสารดังกล่าวในกุ้งน�ำเข้าจากไทย และ หากตรวจพบสารนี้ เ กิ น มาตรฐานอี ก จะ ท�ำการกักกันกุ้งน�ำเข้าจากไทยทุกรุ่น ที่มา : มกอช. วันที่ 26 พ.ค. 54

4

สธ. ปลดล็อก 5 จังหวัด น�ำเข้าอาหารญี่ ปุ่น กระทรวงสาธารณสุขเตรียมปรับลดจ�ำนวน จังหวัดที่ต้องมีการควบคุมอาหารน�ำเข้าจาก ญี่ ปุ ่ น ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุ ข ที่ เกี่ยวข้องกับมาตรฐานอาหารที่ปนเปื้อนสาร กัมมันตรังสี หรืออาหารน�ำเข้าจากญี่ปุ่น หลัง เกิดสึนามิในพื้นที่เสี่ยงจากเดิม 12 จังหวัด เหลือเพียง 7 จังหวัดที่ยังคงต้องเฝ้าระวัง คือ จังหวัดฟุกูชิมะ กุนมะ อิบารากิ โตชิกิ มิยางิ โตเกียว และ ชิบะ และให้เพิ่มจังหวัด คา นากาวะ รวมเป็น 8 จังหวัด ซึ่งจะเร่งออก ประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องให้ แล้วเสร็จใน 1 เดือน ส่วนอาหารที่ต้องคุมเข้มเป็นพิเศษ คือ อาหารทะเล พืชผัก และผลไม้ โดยอาหาร น�ำเข้าเหล่านี้ ต้องมีใบแสดงแหล่งก�ำเนิด ผล ตรวจทางห้องปฏิบัติการ และเมื่อมีการน�ำเข้า ส�ำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จะ ท�ำการตรวจซ�้ำก่อนให้น�ำออกจ�ำหน่ายหรือ รับประทานในประเทศ ขณะที่ผลการตรวจ อาหารน�ำเข้าจากญี่ปุ่นในช่วงที่ผ่านมา 323 รายการ ไม่พบการปนเปื้อน 322 รายการ ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 26 พ.ค. 54


Vol. 2 Issue 18

อย. เผย ความคืบหน้ามาตรการ อาหารน�ำเข้าจากญี่ปุ่น อย. ติดตามสถานการณ์การรั่วไหลของสาร กัมมันตรังสีในญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด พร้อมปรับลด มาตรการหากสถานการณ์ดีขึ้น และประเทศ อื่น ๆ ปรับระดับการคุมเข้มลดลง เผย ยอด สะสมอาหารที่ อย. สุ่มตรวจหาสารกัมมันตรังสี ณ วันที่ 19 พ.ค. 54 จ�ำนวน 322 ตัวอย่าง ผลการวิเคราะห์ทุกรายการอยู่ในระดับ “ปกติ” อ่านต่อ คลิก http://www.fda.moph.go.th/ www_fda/data_center/ifm_mod/nw/ข่าว อาหารน�ำเข้าจากญี่ปุ่น_19-5-54.pdf

และสุ ข อนามั ย ด้ า นอาหารพบว่ า จากการ ตรวจตัวอย่างเมล็ดเมลอนแห้ง 17 จาก 30 ตัวอย่างตรวจพบสารก่อมะเร็ง Rhodamine B ปริมาณตั้งแต่ 4.9 มิลลิกรัม ถึง 146.56 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และยังตรวจพบสารชนิด เดียวกันนี้ในพริกป่น 27 จาก 30 ตัวอย่าง ปริมาณตั้งแต่ 20.2 มิลลิกรัม ถึง 110.2 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม นอกจากนี้การตรวจสี ผสมอาหาร 9 ชนิดใน 203 ตัวอย่าง พบ ว่าทุกตัวอย่างที่ใส่สีน�้ำเงิน ม่วง และ ชมพู ใช้ สี ที่ ไ ม่ ไ ด้ อ ยู ่ ใ นรายการที่ อ นุ ญ าตให้ ใ ช้

ที่มา อย. วันที่ 19 พ.ค. 54

รัฐบาลเวียดนามเข้มงวด ยุติก าร ใ ช ้ ส า ร ป รุ ง แ ต ่ ง อ า ห า ร ผิ ด ก ฏ ห ม า ย องค์ ก ารด้ า นความปลอดภั ย และสุ ข อนามั ย อาหารพบว่ า ผู ้ ผ ลิ ต รายเล็ ก จ� ำ นวน มากใช้ ส ารปรุ ง แต่ ง ที่ ใ ช้ ใ นอุ ต สาหกรรมแทน สารที่ ใ ช้ ใ น อาหารเพื่ อ ลดต้ น ทุ น การผลิ ต โดยเพิ ก เฉยข้ อ เท็ จ จริ ง ที่ ว ่ า สารเหล่ า นี้ มี สิ่ ง เจื อ ปน รวมถึ ง ธาตุ โ ลหะหนั ก ปะปนอยู ่ ด ้ ว ย ผลการตรวจจากสถาบันความปลอดภัย

กระทรวงสาธารณสุขจะรับผิดชอบดูแลการ ผลิต จ�ำหน่าย และการใช้สารปรุงแต่งอาหาร หลังจากกฏหมายความปลอดภัยด้านอาหาร มีผลบังคับใช้ วันที่ 1 กรกฎาคม 2554 ที่มา มกอช. วันที่ 19 พ.ค. 54

5


TFPA Trade & Technical

WEEKLY BRIEF 24-30 May 2011

ญี่ปุ่นไฟเขียวสารปรุงแต่งอาหาร สิ ง คโปร์ ป ลดแบนสิ น ค้ า น� ำ เข้ า จาก 25 ชนิ ด ที่ เ หลื อ ไม่ อ นุ ญ าตให้ บางจังหวัดในญี่ปุ่น ใช้ 55 ชนิ ด สิงคโปร์จะยกเลิกการระงับน�ำเข้าผักและผล ไม้จากจังหวัดชิซุโอกะ และ เฮียวโงะ หลังพบ ว่ารังสีปนเปื้อนสินค้าก่อนหน้านี้ไม่ได้มาจากสอง เมืองดังกล่าว แต่มาจากไซตามะ และ อิบารากิ ความผิดพลาดเกิดจากการที่ผู้ส่งออกระบุแหล่ง ก�ำเนิดของสินค้าผิด ท�ำให้ผักและผลไม้จากเมือง ชิซุโอกะ และ เฮียวโงะ ถูกระงับการน�ำเข้าวันที่ 31 มีนาคม และ 4 เมษายน 2554 ตามล�ำดับ ทางญี่ปุ่นเริ่มแผนการออกใบประกาศแหล่ง เมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 กระทรวงสา ก�ำเนิดของสินค้าส�ำหรับสินค้าส่งออก สู่สิงคโปร์ ธารณสุขฯ ญี่ปุ่น (MHLW) ได้ประกาศราย เพื่อความสะดวกในการติดตาม และสิงคโปร์ให้ ชื่อสารปรุงแต่งอาหารที่ไม่อนุญาตให้ใช้ 80 ความร่วมมือในการปรับใช้แผนการนี้ อย่างไร ชนิด และเปิดรับฟังความเห็น ผลปรากฎ ก็ตามสินค้าบางชนิดจากจังหวัดฟุกุชิมะ อิบา ว่า อนุญาตให้ใช้สารปรุงแต่งอาหารเพิ่มเติม รากิ โตชิกิ กุนมะ ชิบะ คานากาวะ ไซตามะ อีก 25 ชนิด ท�ำให้เหลือรายชื่อสารปรุงแต่ง และโตเกียวยังถูกระงับการน�ำเข้าอยู่ อาหารที่ไม่อนุญาตให้ใช้อีกเพียง 55 ชนิด ที่มา มกอช. วันที่ 20 พ.ค. 54 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 18 พฤษภาคม 2554 นี้ รายละเอียดเพิ่มเติม http://www. acfs.go.th/news/docs/acfs_19-04-54.pdf ที่มา มกอช. วันที่ 19 พ.ค. 54

6


Vol. 2 Issue 18

สธ.เตือนระวังอาหารสีแดงสด น.พ.วีรพล นิธิพงศ์ นายแพทย์สาธารณสุขสมุทรปราการ เปิดเผยว่า พบอาหารที่ไม่ได้ มาตรฐาน เพราะมีการใส่สีและวัตถุกันเสียเกินปริมาณที่กฎหมายก�ำหนด ได้แก่ โซเดียมไนไตรท์ ที่ช่วยป้องกันไม่ให้อาหารบูดเน่า ช่วยระงับการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ และท�ำให้เนื้อมีสี แดงน่ากิน เช่น ไส้กรอก กุนเชียง แหนม เนื้อเค็ม โดยปริมาณที่กระทรวงสาธารณสุขก�ำหนดให้ ใช้ได้ต้องไม่เกิน 125 มิลลิกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม หากผู้บริโภคได้รับในปริมาณมากเกินไป จะ ท�ำให้เกิดอาการคลายตัวของหลอดเลือด เกิดสภาวะที่เม็ดเลือดแดงไม่รับออกซิเจน มีอาการหน้า แดง ไม่สบายท้อง ปวดศีรษะ ถ้าได้รับในปริมาณมาก จะเกิดอาการเนื้อตัวเขียว คลื่นไส้ อาเจียน

ส�ำหรับผู้ผลิตอาหารจากเนื้อสัตว์ หากใส่สีเกินกว่าก�ำหนดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่น บาท และหากใช้วัตถุกันเสียเกินกว่าก�ำหนด จัดเป็นอาหารผิดมาตรฐานต้องระวางโทษปรับไม่ เกิน 5 หมื่นบาท ในส่วนของผู้บริโภค ควรเลือกซื้อไส้กรอกที่อยู่ในภาชนะบรรจุที่มีเครื่องหมาย อย. มีการแสดงฉลากที่ถูกต้อง ระบุแหล่งที่ผลิต และหากพบเห็นการผลิตหรือจ�ำหน่ายไส้กรอก ที่มีสีแดงสดผิดธรรมชาติ ที่มา มกอช. วันที่ 20 พ.ค. 54

7


TFPA Trade & Technical

WEEKLY BRIEF 24-30 May 2011

พาณิชย์เข้มงวดน�ำเข้า-ส่งออกยา เภสัช เคมีภัณฑ์ฯและสารเคมี 16 รายการ นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ รองอธิบดีกรมการ ค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้มี มาตรการควบคุมการน�ำเข้า ยา เภสัชเคมีภัณฑ์ฯ รวม 16 รายการ เป็นสินค้าที่จะต้องขออนุญาต ก่อนน�ำสินค้าเข้ามาในไทยด้วยวัตถุประสงค์ ที่ แตกต่างกัน เช่น สารเคลนบิวตารอล (Clenbuterol)และ สารอัลบิวเตอรอล (Albuterol) หรือ สารซัลบิวตามอล (Salbutamol) ที่ใช้เป็นสารเร่ง เนื้อแดงในสุกร มีประกาศควบคุมน�ำเข้าเพื่อความ ปลอดภัยของผู้บริโภคเนื้อสุกรในประเทศ รวม ถึงเภสัชเคมีภัณฑ์ที่อาจกลายเป็นสารตกค้างใน สินค้าอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงเพื่อการบริโภค เช่น กุ้ง ไก่ ฯลฯ ประเภทไนโตรฟูแรน (Nitrofurans) และ คลอแรมฟินิคอล (Chloramphenicol) ที่ปร! ะเทศคู่ค้าหลักของไทย เช่น สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น มีความเข้มงวดใน การตรวจสอบ และอาจจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกอาหารจากไทยไปประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ในอนาคตได้ รวมถึงเคมีภัณฑ์และสารเคมีบางชนิด เช่น สารกาเฟอีน (Caffeine) และ สาร โพแทสเซียมเพอร์แมงกาเนต (Potassium Permanganate) เป็นสินค้าจะต้องขออนุญาตน�ำ เข้าหรือส่งออกเช่นกัน ที่มา : ส�ำนักข่าวอินโฟเควสท์ วันที่ 25 พ.ค. 54

8


Vol. 2 Issue 18

สถานการณ์ด้านประมง

ฟิจิเฮ อียูไฟเขียวน�ำเข้าปลา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ฟิจิส่งออกปลาแช่ แข็งไปสหภาพยุโรปเป็นรอบการส่งออกแรก หลังจากถูกระงับเป็นเวลา 3 ปี โดยส่งออก ปลาทูนาครีบยาวแช่แข็ง (albacore tuna) โดยมีบริษัทฟิจิ 2 แห่งที่ได้จดทะเบียนส่งออก ปลาไปยังสหภาพยุโรป ที่มา : FIS วันที่ 25 พ.ค. 54 แคลิฟอเนียร์รบั รองกฎหมาย ห้าม การจ�ำหน่ายและครอบครองหูฉลาม คณะกรรมการรับรองกฎหมาย (AB376) ว่า ด้วยการห้ามจ�ำหน่าย แลกเปลี่ยน หรือครอบ ครองหูฉลาม ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมของชาว เอเชีย กฏหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบ ของคณะกรรมการด้วยคะแนน 63 ต่อ 8 โดย ผู้สนับสนุนอ้างว่าการกระท�ำดังกล่าวจะท�ำให้

ฉลามสูญพันธุ์และท�ำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ที่ จ ะท� ำ ให้ ร ะบบนิ เ วศใต้ น�้ ำ เสี ย หาย ถึ ง แม้ ก ารตั ด หู ฉ ลามผิ ด กฎหมายใน น่านน�้ำสหรัฐฯ แต่ไม่สามารถท�ำอะไรผู้ตัด หู ฉ ลามในน่ า นน�้ ำ ระหว่ า งประเทศได้ จึ ง จ�ำเป็นต้องออกกฎหมายระงับการจ�ำหน่าย ในตลาดรั ฐ แคลิ ฟ อเนี ย ซึ่ ง มี ค วามต้ อ งการ หูฉลามในตลาดมากที่สุดที่อยู่นอกทวีปเอเชีย ผู้สนับสนุนระบุว่า หูฉลามจ�ำหน่ายในราคา สูงถึง 600 ดอลล่าร์สหรัฐต่อปอนด์ และ การตัดหูฉลามท�ำให้ฉลามตายกว่า 73 ล้าน ตัวต่อปี ในขณะที่ผู้ต่อต้านกฎหมายนี้อ้างว่า เป็นการใช้อ�ำนาจมากเกินไปในการบงการสิ่ง ที่ชาวแคลิฟอเนียจะสามารถรับประทานได้ ขณะนี้ ร ่ า งกฏหมายดั ง กล่ า วรอการ พิจารณาจากวุฒิสภาและคาดว่าจะมีผลบังคับ ใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2556 เพื่อให้เวลาผู้ ประกอบการสามารถปฏิบัติตามได้ ที่มา : AP วันที่ 25 พ.ค. 54

9


TFPA Trade & Technical

WEEKLY BRIEF 24-30 May 2011

สถานการณ์ด้านเกษตร ความคืบหน้าญี่ปุ่นแก้ไขค่า MRLs สารเคมีทางการเกษตรและสารปรุง แต่งอาหาร เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2554 กระทรวงสาธารณสุข แรงงงานและสวัสดิการญี่ปุ่น (MHLW) ได้จัดประชุมชี้แจงรายละเอียดการปรับปรุงแก้ไขมาตรฐานสารเคมีตกค้าง และสาร ปรุงแต่งครั้งที่ 149 (the 149th Conference for Promotion of Food Import Facilitation) สรุปสาระส�ำคัญได้ดังนี้ 1. ก�ำหนดมาตรฐานสารเคมีทางการเกษตรและยาที่ใช้กับสัตว์ 7 ชนิด ได้แก่ Acifluorfen, Dithianon, Lactofen, Pendimethalin, Picolinafen, Levamisole, Mebendazole 2. พิจารณาขึ้นทะเบียนสารปรุงแต่ง 2 ชนิด ที่อนุญาตให้ใช้เป็นสารปรุงแต่งกลิ่น รส เท่านั้น ได้แก่ Isoquinoline และ Pyrrole ทั้งนี้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายแก้ไขมาตรฐานสารเคมีตกค้างและ สาร ปรุงแต่งอาหาร รวมทั้งระดับ MRL ที่ก�ำหนดใหม่ ต่อ MHLW โดยตรง จนถึงวันที่ 27 พฤษภาคม 2554 หากพ้นก�ำหนดนี้ให้แจ้งผ่านทางระบบ SPS รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ acfspol@acfs.go.th ที่มา มกอช. วันที่ 23 พ.ค. 54

10


Vol. 2 Issue 18

ธ.ก.ส.พร้อมจ่ายเงินชดเชยปุ๋ย ตันละ1.5พันบาท ธ.ก.ส. ประกาศพร้อมจ่ายเงินชดเชยโครงการปุ๋ยลดต้นทุนแก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ประกันรายได้ปี 53/54 ในอัตราตันละ 1,500 ล้าน บาท วงเงินรวม 3,450 ล้านบาท พร้อมเตรียม วงเงินกว่า 30,000 ล้านบาท ให้เกษตรกรกู้ซื้อปุ๋ย ยันขึ้นทะเบียนร้านค้าในท้องถิ่นกว่า 7,000 ร้าน ค้า เพื่อเพิ่มทางเลือกแก่เกษตรกร เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 54 นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในฐานะประธาน คณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ตามมติคณะ รัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ที่เห็นชอบให้ด�ำเนินงานโครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยเพื่อลดต้นทุน การผลิตของเกษตรกรโดยก�ำหนดราคาปุ๋ย 6 สูตร คือ 46-0-0, 16-20-0, 16-16-8, 19-8-8, 18-12-6, และ 15-15-15 พร้อมเห็นชอบให้มีการชดเชยส่วนต่างราคาปุ๋ยเคมีให้แก่ผู้เข้าร่วม โครงการนี้ ในอัตรากิโลกรัมละ 1.50 บาทหรือตันละ 1,500 บาท อ่านต่อคลิก http://www. thairath.co.th/content/eco/172905 ที่มา thairath วันที่ 20 พ.ค. 54

อนุมัติกองทุนสงเคราะห์ เกษตรกร 500 ล้านบาท นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี ได้มี มติตามคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2554 เห็นชอบให้จัดสรร เงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ จ� ำนวน500ล้านบาท ก�ำหนด ช�ำระคืนภายใน5ปี เพื่อด�ำเนินการโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนากลุ่มเกษตรกร โดยจะ สนับสนุนเงินทุนแก่กลุ่มเกษตรกร ที่ได้มาตรฐานปีละ 1,400กลุ่มซึ่งกลุ่มเกษตรกรที่จะขอรับ การสนับสนุนเงินทุน จะต้องท�ำโครงการส่งเสริมการผลิต การรวบรวม หรือแปรรูปผลิตผล 11


TFPA Trade & Technical

WEEKLY BRIEF 24-30 May 2011

หรือผลิตภัณฑ์ เสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาเงินกู้ระดับจังหวัดเพื่อประกอบการพิจารณา ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ ท�ำการส�ำรวจกลุ่มเกษตรกร จ�ำนวน 1,139กลุ ่ ม ใน 67จั ง หวั ด ที่ กู ้ เ งิ น โครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนเพื่อ พัฒนากลุ่ม เกษตรกร ซึ่งด�ำเนินการ ตั้งแต่ปี 2549-2553ซึ่งกลุ่มเกษตรกร ได้ กู ้ ยื ม ไปจั ด หาอุ ป กรณ์ ก ารเกษตร และให้ ส มาชิ ก กู ้ ยื ม ไปลงทุ น ท� ำ การ เกษตรและรวบรวมผลผลิต โดยกลุ่ม เกษตรกรส่วนใหญ่เสนอขอรับการสนับสนุนเงินทุนจากกองทุนสงเคราะห์ เกษตรกรเพิ่มขึ้น จากเดิม เนื่องจากเงินกู้ที่ได้รับจากโครงการเดิมไม่เพียงพอ เพราะจ�ำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น การพิจารณาอนุมัติเงินกู้แก่กลุ่มเกษตรกร จะพิจารณาจากประวัติของกลุ่มเกษตรกรเป็น หลัก ซึ่งอาจจะอนุมัติเงินให้กับกลุ่มเกษตรกรเดิมที่เคยกู้เงินจากกองทุน สงเคราะห์เกษตรกร หรือเป็นกลุ่มเกษตรกรใหม่ แต่มีประวัติดี ไม่ค้างช�ำระหนี้ เป็นกลุ่ม ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน และน�ำไปลงทุนใน ธุรกิจที่ไม่เกิดความเสี่ยง ซึ่งกลุ่มเกษตรกรที่มีความประสงค์จะขอกู้เงิน สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กลุ่มส่งเสริมสหกรณ์ที่ตั้ง อยู่ในแต่ละอ�ำเภอได้ ทั้งนี้ ในปัจจุบันกลุ่มเกษตรกรรวมตัวกันเพื่อหาแหล่งทุนเท่านั้น ซึ่งยังไม่ช่วยแก้ปัญหาการ ประกอบอาชีพที่แท้จริงได้ ดังนั้นกลุ่มเกษตรกรควรมีเป้าหมายการรวมตัวที่ มากกว่านั้น เพื่อช่วย แก้ไขปัญหา ทั้งในเรื่องปัจจัยการผลิต การถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการเกษตร และ การรวมกันขายผลผลิต ซึ่งเป้าหมายของการอนุมัติเงินให้กู้ยืมในครั้งนี้ จึงมิใช่เพียงการน�ำไป ใช้ส�ำหรับซื้อหาปัจจัยการผลิตอย่างเดียว แต่ควรจะมีการด�ำเนินธุรกิจด้านอื่นด้วย รวมถึงควร มีการเชื่อมโยงความร่วมมือและการด�ำเนินธุรกิจกันในระหว่างกลุ่ม เกษตรกรเอง หรือเชื่อมโยง กับสหกรณ์ เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรเกิดความเข้มแข็งและสามารถแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรได้ อย่างแท้จริงต่อไป. ที่มา มกอช. วันที่ 19 พ.ค. 54

12


Vol. 2 Issue 18

ผลิตเอทานอลจากมันเทศ ปัจจุบัน ประเทศไทยได้รับผลกระทบโดยตรงจากการต้องพึ่งพาการน�ำเข้าปริมาณน�้ำมันจาก ต่าง ประเทศในแต่ละปีมีมูลค่ามหาศาล การพัฒนาแหล่งพลังงานทดแทนหรือพลังงานทางเลือก จึงมีความจ�ำเป็นอย่างยิ่ง ส�ำหรับประเทศไทยในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแหล่งพลังงานจากชีวมวลซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะลดการน�ำเข้าปริมาณ น�้ำมัน “เอทานอล” หรือ “เอทธิลแอลกอฮอล์” ที่ ได้จากการหมักพืชโดยใช้ผลผลิตทางการ เกษตร อาทิ มันส�ำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด ข้าว สาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวฟ่างหวาน หัวผักกาด หวาน มันฝรั่งและ มันเทศ เป็นต้น สามารถ น�ำเอทานอลที่ผลิตจากพืชดังกล่าวน�ำมาผสม กับน�้ำมันเบนซินเป็น “แก๊สโซฮอล์” หรือน�ำ มาผสมกับน�้ำมันดีเซลเป็น “ดีโซฮอล์” พื้นที่ ปลูกมันส�ำปะหลังในประเทศไทยในปัจจุบันมี ประมาณ 6.8 ล้านไร่ ผลิตหัวมันสดได้ 17 ล้านตัน มีการน�ำผลผลิตของหัวมันส�ำปะหลัง สดมากกว่า 50% ของผลผลิตทั้งหมดมาแปรรูปเป็นแป้ง ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตและ ส่งออกแป้งมันส�ำปะหลังมากที่สุดในโลกและแป้ง มันส�ำปะหลังถูกน�ำไปใช้ในอุตสาหกรรมหลาก หลายประเภท ได้แก่ แป้งที่ใช้บริโภคในครัวเรือน ผงชูรส สารให้ความหวาน สิ่งทอ ไม้อัด กาว พลาสติก สารดูดน�้ำและกระดาษ เป็นต้น ผลผลิตหัวมันส�ำปะหลังสดอีกส่วนหนึ่งใช้ เป็น วัตถุดิบส�ำคัญในอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์ ในขณะที่วัตถุดิบอีกชนิดหนึ่งคือ “กากน�้ำตาล” ที่ ได้จากโรงงานน�้ำตาลที่น�ำมาผลิตเป็นเอทานอลได้ มีการน�ำไปสร้างผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีมูลค่า สูงขึ้นได้มากมาย เช่น อุตสาหกรรมเหล้า เบียร์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต่างๆ อุตสาหกรรม ที่เกี่ยวกับการหมักดอง อ่านต่อ http://www.ocsb.go.th/th/cms/detail.php?ID=1511&Sys temModuleKey=economic ที่มา OCSB วันที่ 19 พฤษภาคม 2554

13


TFPA Trade & Technical

WEEKLY BRIEF 24-30 May 2011

สถานการณ์ด้านเกษตร ไทยเร่งเปิด FTA เปรูและชิลี ประตูการค้าสู่ตลาดลาตินอเมริกา นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่าในระหว่างการ ประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปก (APEC Ministers Responsible for Trade: MRT) ครั้งที่ 17 ระหว่ า งวั น ที่ 19-20 พฤษภาคม ที่ ผ ่ า น มา ณ บิ๊กสกาย มลรัฐมอนทานา ประเทศ สหรัฐอเมริกา ได้มีการหารือระดับทวิภาคีกับ ผู้แทนประเทศเปรู เกี่ยวกับความคืบหน้าใน การเปิดเสรีการค้า (FTA) กับเปรู โดยในส่วน ของเปรูยังคงต้องรอให้มีการเปิดรัฐสภาใหม่ หลังทราบผลการเลือกตั้ง รอบ 2 ซึ่งช่วงเวลา ก่อนหน้าที่ประเทศไทยจะมีรัฐบาลใหม่ หลัง การเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.ค. ซึ่งหลังจากมีการเปิดสภาผู้แทนราษฎรแล้วกระทรวงพาณิชย์จะเสนอ ให้สภาผู้แทน ราษฎรให้ความเห็นชอบ FTA ไทย - เปรู หลังจากที่ทั้งสองประเทศได้มีการลง นามในการท�ำข้อตกลงลดภาษีสินค้าส่วนแรก (Early Harvest) ไปแล้ว ซึ่งหากสภาผู้แทนราษฎร ให้ความเห็นชอบก็จะมีผลบังคับใช้ในปลายปีนี้ โดยจะครอบคลุมสินค้าเกือบ6,000รายการ โดย สินค้าที่ไทยจะได้ประโยชน์คือ เครื่องใช้ไฟฟ้า รถปิคอัพ เม็ดพลาสติก ยางพารา ส่วนสินค้า ที่เปรูจะได้ประโยชน์คือ กุ้ง น�้ำมันปลาและยาฆ่าแมลง อ่านต่อ http://www.prachachat. net/news_detail.php?newsid=1306066791&grpid=&catid=00&subcatid=0000 ที่มา ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 22 พ.ค. 54

14


Vol. 2 Issue 18

กรมส่งออกฯชี้หนี้อียูไม่มีผลกระทบการค้าไทยไปยุโรป เตือนผู้ส่ง ออกเลือกลูกค้า

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยถึงความกังวลจากปัญหา หนี้สาธารณะในสหภาพยุโรป(อียู)ว่า ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ของโลก และสร้างความกังวลให้กับส่งออกไทยที่ตั้งเป้าหมายให้ขยายตัวทั้งปีที่ 15% โดยตลาด อียูคาดว่าจะส่งออกเพิ่มไม่น้อยกว่า 10% หรือ 20,177 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่เน้นให้ผู้ส่งออก ตรวจสอบและเลือกที่จะท�ำการค้ากับประเทศที่มีระบบการเงิน ที่เชื่อถือได้ พร้อมทั้งสร้างระบบ โลจิสติกส์และหาแหล่งวัตถุดิบคุณภาพจะท�ำให้การค้าได้ตาม เป้าหมาย ในเบื้องต้นคาดหมายได้ว่า คณะกรรมการกลางธนาคารกลางสหภาพยุโรป(อีซีบี) มีมติคง อัตราดอกเบี้ยนโนบายไว้ที่ระดับ 1.25 ต่อปีต่อไป ด้วยเหตุผลว่า อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันมี ความเหมาะสมกับสถานการณ์ รวมทั้งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบต่อภาระประเทศที่ ประสบปัญหาทางการ เงินในปัจจุบัน คือ โปรตุเกส ไอร์แลนด์ และกรีซ(พีไอจี) ฉะนั้นคงจะ พิจารณาเรื่องดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป อ่านต่อ http://www.prachachat.net/ news_detail.php?newsid=1305897250&grpid=&catid=00&subcatid=0000 ที่มา ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 20 พ.ค. 54

เอเปคเห็นพ้องเปิดเสรีตลาดอาหาร

เจ้าหน้าที่การค้า 21 ชาติสมาชิกเอเปค ยืนยันไม่ ควบคุมราคาอาหาร และเปิดแข่งขันอย่างเสรีที่ประชุมเจ้า หน้าที่การค้า กลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาค เอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่มอนตานา สหรัฐ ออก แถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้มีการเปิดเสรี และสร้างความโปร่งใสในตลาดอาหารเอเปค ระบุ ว่าการเปิดตลาดจะช่วยรับประกันถึงความมั่นคงในด้านอาหาร ด้วยการเพิ่มความน่าเชื่อถือใน 15


TFPA Trade & Technical

WEEKLY BRIEF 24-30 May 2011

ครั้งนี้ บริษัทรายใหญ่ๆ ต่างผลักดันให้มีการเปิดเสรีตลาดอาหารมากขึ้น โดยแถลงการณ์ร่วม ของแกนน�ำนักธุรกิจที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ เรียกร้องให้เอเปค ให้ค�ำมั่นถึงการยกเลิกการควบคุม การส่งออกอาหารทุกรูปแบบนายสกอตต์ ไพรซ์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) วอล มาร์ ท เอเชีย มองว่า วิธีการดีที่สุดคือ การลดภาวะไร้ประสิทธิภาพในการจัดเก็บผลผลิต ไม่ใช่ การควบคุมส่งออก โดยยกตัวอย่างของอินเดีย ที่ต้องสูญเสียผลผลิตไปถึง 40% หลังการเก็บ เกี่ยวแล้ว ที่มา กรุงเทพธุรกิจ 22 พ.ค. 54

31 พ.ค.หมดเวลาส่งงบการเงิน‫‏‬ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

นายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ เปิดให้ นิติบุคคลทีมีรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2553 ต้องน�ำส่งงบการเงินต่อกรมพัฒนา ธุรกิจการค้าจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2554 นี้ โดยคาดว่าปีนี้จะมีนิติบุคคลราว 4 แสน ราย จากจ�ำนวนนิติบุคคลที่ยังคงสภาพการประกอบธุรกิจทั้งหมด 5.4 แสนรายทั่วประเทศที่จะ ต้องส่งงบฯ กรมฯ จึงได้ ลดจ�ำนวนของเอกสาเหลือเพียงชุดเดียวเหมือนกันทั่วประเทศ และ เปิดให้บริการรับงบการเงินทั่วประเทศ 86 แห่ง เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชั้น 3 กระทรวง พาณิชย์ จังหวัดนนทบุรี ส�ำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้า ทั้ง 5 เขต ส�ำนักงานพัฒนาธุรกิจ การค้าจังหวัดทั่วประเทศ และที่ท�ำการไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ ขอเชิญชวนผู้ประกอบการที่มีหน้าที่ต้องน�ำส่งงบการเงินให้เร่งด�ำเนินการ และท�ำงบการ เงินส่งแต่เนิ่น ๆ หากไม่น�ำส่งงบการเงินหรือไม่ส่งส�ำเนาบัญชีผู้ถือหุ้น ภายในระยะเวลาที่ กฎหมายก�ำหนดจะมีความผิดต้องโทษปรับ และกรมจะด�ำเนินคดีกับ นิติบุคคลที่ไม่ส่งงบ การเงินทุกราย ที่มา ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 22 พ.ค. 54

16


Vol. 2 Issue 18

ดีเดย์ 15 มิถนุ ายน 2554 เปิดจดทะเบียน แรงงานต่างด้าว

วันที่ 9 พฤษภาคม 2554 เวลา 10.30 น. ณ ห้อง ประชุมชั้น 10 กรมการจัดหางาน ปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมเกี ย รติ ฉายะศรี ว งศ์ เป็ น ประธานการประชุ ม ซักซ้อมความเข้าใจการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวหลบ หนีเข้า เมืองสัญชาติ พม่า ลาว กัมพูชา รวมทั้งผู้ ติดตามที่เป็นบุตรของแรงงานต่างด้าวที่มีอายุไม่เกิน 15 ปี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2554 ซึ่ ง จะเริ่ ม เปิ ด จดทะเบี ย นได้ ตั้ ง แต่ วั น ที่ 15 มิ ถุ น ายน 2554 อ่านต่อคลิก http://wp.doe.go.th/node/208 ที่มา ส�ำนักบริหารแรงงานต่างด้าว วันที่ 18 พ.ค. 54

ลดภาษี AFTA ไทยผงาด TOP 5 ส่งออก-น�ำเข้า นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อ�ำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัย หอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลส�ำรวจการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ในรอบ 1 ปี หลังจากความตกลงเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ก�ำหนดให้ลดภาษีสินค้าทั้งหมดเป็น 0% ในวันที่ 1 มกราคม 2553 พบว่า ปี 2553 ส่งออกได้ 36,239 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก ปีก่อนที่ส่งออกได้ 25,981 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 39.5% ส่งผลให้ไทยมีส่วนแบ่ง ตลาด 35.8% โดยสินค้าส่งออกส�ำคัญของไทยมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าและ อิเล็กทรอนิกส์ 1.23% ปิโตรเลียมและถ่านหิน 0.85% และกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน 2.69% สาเหตุที่การค้าไทยในอาเซียนเพิ่มขึ้นเพราะได้อานิสงค์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาเซียน แต่ในระยะยาวยังไม่อาจสรุปได้ว่าไทยยังได้เปรียบการค้า ดูจากส่วนแบ่งการตลาดในสินค้าแต่ละ ชนิดพบว่าแต่ละประเทศยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดในสินค้ากลุ่มเดิม โดยสิงคโปร์และเวียดนาม ที่เน้นท�ำการค้ามากกว่าเป็นแหล่งผลิตก�ำลังมีการรุกตลาดอาเซียนมากขึ้น 17


TFPA Trade & Technical

WEEKLY BRIEF 24-30 May 2011

อย่างไรก็ตาม หากเทียบมูลค่าการค้าระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียน ระยะเวลา 5 ปีที่ผ่าน มา นับตั้งแต่ปี 2549-2553 ประเทศสิงคโปร์เป็นผู้ส่งออกสินค้ารวมมากที่สุดโดยตลอด ด้วยสัดส่วน เกือบ 50% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดในปี 2553 ที่มีมูลค่า 106,605 ล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาคือ มาเลเซีย ไทยและอินโดนีเซีย ด้านการน�ำเข้า ประเทศสิงคโปร์ยังเป็นประเทศที่น�ำเข้าสินค้ามาก ที่สุด คิดเป็นมูลค่า 74,700 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากเป็นประเทศที่เน้นการค้ามากกว่าการผลิต นายอั ท ธ์ กล่ า วว่ า จากการ ส�ำรวจการส่งออก 18 กลุ่มสินค้า ภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ที่มี สัดส่วน 80% ของการส่งออกไทย พบว่า สินที่ไทยได้ส่วนแบ่งตลาด เพิ่ ม ขึ้ น มี ห ลายรายการ ได้ แ ก่ ข้าวสาร มันส�ำปะหลังสด ปลาสด แช่แข็ง เนื้อสัตว์ น�้ำตาล เครื่องดื่ม ยาสูบ สิ่งทอ-เครื่องนุ่งห่ม เครื่อง หนัง ผลิตภัณฑ์ไม้ ปิโตรเลียมถ่านหิน ผลิตภัณฑ์ยาง เหล็ก ยาน ยนต์ เครื่องจักรและอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนสินค้าที่มีส่วนแบ่งตลาดลดลง ได้แก่ ยางพารา ผัก-ผลไม้ กระดาษ-สิ่งพิมพ์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก ทั้งนี้ หากพิจารณาการส่งออกสินค้าส�ำคัญเปรียบเทียบส่วนแบ่งตลาดก่อน-หลัง AEC อย่างเช่น ข้าวสาร เดิมเวียดนามมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 75.72% แต่ลดลง 4.34% เหลือเพียง 71.38% ใน ขณะที่ไทยมีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 2 มีสัดส่วน 22.37% เพิ่มขึ้นจากเดิม 5.24% ด้านผักและผลไม้ ไทยส่งออกเป็นอันดับ 1 แต่ส่วนแบ่งลดลง คือ มีส่วนแบ่ง 64% ขณะที่น�้ำตาล เป็นสินค้าที่ไทยส่ง ออกมากที่สุดในอาเซียน มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 77.05% ยางพารา ไทยยังครองส่วนแบ่งตลาด มากที่สุด ทั้งก่อนและหลังการเป็น AEC โดยส่วนแบ่งลดลงเล็กน้อย จาก 69.35% เป็น 64.02% ที่มา : โพสต์ทูเดย์ วันที่ 25 พ.ค. 54

18


Vol. 2 Issue 18

THAI FOOD PROCESSORS’ ASSOCIATION Tel : (662) 261-2684-6 Fax : (662) 261-2996-7 www.thaifood.org E-mail: thaifood@thaifood.org

สมาคมผู้ผลิตอาหารส�ำเร็จรูป ขอขอบคุณเว็ปไซต์ ดังต่อไปนี้ 1. http://www.thannews.th.com 6. http://www.dailynews.co.th 2. http://www.thairath.co.th 7. http://www.acfs.go.th 3. http://www.bangkokbiznews.com 8. http://www.posttoday.com 4. http://www.tnsc.com 9.http://www.matichon.co.th 5. http://www.prachachat.net เสนอข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………

th

19


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.