Weekly Brief_4 Oct - 10 Oct 11_Issue 36

Page 1

TFPA Trade & Technical

WEEKLY BRIEF

Vol. 2 issue 36

4 Oct - 10 Oct 2011

Thai Food Processors’ Association Pineapple

จอร์แดนเชิญเยือนประเทศเพื่อดูศักยภาพ การเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าให้กับไทย

Sweet Corn

Update for EU Regulations. (September 2011)

Tuna

ลื อ ปลาแซลมอนทางตะวั น ออกเฉี ย ง เหนื อ ของจี น ปนเปื ้ อ นกั ม มั น ตรั ง สี

Seafood

ผลไม้ ก ระป๋ อ งไทยถู ก ปฏิ เ สธต่ อ อายุ ทะเบี ย นอาหารในอิ น โด

Fruits&Vegetables Food Ingredient&Ready-to-Eat

www.thaifood.org

จี น รุ ก ลงทุ น ด้ า นอาหารและเกษตรใน ลาติ น อเมริ ก า


Contents Contents

TFPA Trade & Technical WEEKLY BRIEF

4 Oct- 1c Oct 2011

03 ขาวประชาสั มพันธ ์ ่

3 • จอร์แดนเชิญเยือนประเทศเพื่อดูศักยภาพการเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าให้กับไทย

04 สถานการณด์ ้านมาตรฐานและความปลอดภัย อาหาร

4 • จีนแจ้งกฎระเบียบการขึ้นทะเบียนอาหารต่างชาติ 5 • Update for EU Regulations. (September 2011)

ด านประมง 066 สถานการณ ้ ์ • ลือปลาแซลมอนทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีนปนเปื้อนกัมมันตรังสี 6 • ทธ.โอนเรือส�ำรวจฯให้ทช. หนุนภารกิจอนุรักษ์ทะเล

ด 088 สถานการณ ์ ้านเกษตร • รมช.เกษตรเดินสายมอบนโยบาย ย�้ำ4กรมใหญ่บูรณาการท�ำงาน ฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย 9 • ครม.ไฟเขียว ก.เกษตรฯ ลงนามเอ็มโอยูการรายงานโรคระบาดสัตว์ระดับภูมิภาคอาเซียน 10 • ผลไม้กระป๋องไทยถูกปฏิเสธต่ออายุทะเบียนอาหารในอินโด (ปก) 11 • สหรัฐฯ ไฟเขียวน�ำเข้าแก้วมังกรไทย

ดใหม่ และ 12 สถานการณนโยบายครม.ชุ ์ ประเด็นแรงงาน

12 • ส.อ.ท. ได้ข้อสรุปแนวทางปรับค่าแรงขั้นต�่ำ 300 บาทแล้ว จ่อเสนอไตรภาคี 13 • ระวัง!คู่ค้าสหรัฐฯ-ยุโรปชักดาบ

15 สถานการณด์ ้านการค้า 15 • สั่งตัดเงินคงคลังเหี้ยน 16 • โอบามา ชงสภา ไฟเขียว เอฟทีเอ 3 ชาติ 16 • มังกรตั้งเป้าผลิตบรรจุภันฑ์ที่หนึ่งของโลกภายในปี 54 17 • จีนรุกลงทุนด้านอาหารและเกษตรในลาตินอเมริกา 18 • คาดปี 55 ไทยส่งออกน�้ำตาลสูงขึ้น

Vol. 2 Issue 36

ข่าวประชาสัมพันธ์ จอร์แดนเชิญเยือนประเทศเพื่อดูศักยภาพ การเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าให้กับไทย การประชุมกรอบความร่วมมือเอเซีย - ตะวันออกกลาง ครั้ ง ที่ 3 ซึ่ ง ประเทศไทยเป็ น เจ้ า ภาพในวั น ที่ 14-16 ธันวาคม 2553 ที่ผ่านมา ผู้แทนรัฐบาลราชอาณาจักร ฮัชไมต์จอร์แดนได้เสนอให้ประเทศจอร์แดนเป็นศูนย์กลาง ในการกระจายผลิ ต ภั ณ ฑ์ อ าหารไทยไปยั ง ทวี ป ยุ โ รปและ แอฟริกานั้น ในการนี้ รัฐบาลฯจอร์แดน จึงชักชวนให้ ส่วนข้าราชการและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยเยือน ประเทศจอร์ แ ดน โดยส่ ง หนั ง สื อ เรี ย นเชิ ญ มาพร้ อ มกั บ เอกสาร Aqaba Special Economic Zone Authority ของจอร์แดน มีเนื้อหากล่าวถืง ศักยภาพในประเทศ จอร์แดนที่สามารถรองรับธุรกิจได้ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ การ ท่องเที่ยว การบริการและอุตสาหกรรม โดยเน้นย�้ำว่าอ นาเขตการลงทุ น พร้ อ มไปด้ ว ยสิ่ ง อ� ำ นวยความสะดวกทั้ ง การค้าและการขนส่ง รวมถึงราคาที่ไม่แพงเกินไป หาก องค์กรใดสนใจ สามารถขอรับรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองตะวันออกกลาง สังกัดกรมเอเซียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา โทร. 0-203-5000 ต่อ 12043 หรือโทรสาร 0-2643-5053

ที่มา : หนังสือกระทรวงต่างประเทศ ที่ กต 1403/ว.1814 และหนังสือ สถานเอกอัครราชทูตจอร์แดนประจ�ำอินเดีย ที่ MN/1/446

19 อัตราแลกเปลีย่ น 2

3


TFPA Trade & Technical WEEKLY BRIEF

4 Oct- 1c Oct 2011

สถานการณ์ด้านมาตรฐานและความปลอดภัยอาหาร Update for EU Regulations. (September 2011) ในเดือนกันยายน สหภาพยุโรปได้มีการปรับปรุง ข้อก�ำหนดในเรื่องของการสอบย้อนกลับส�ำหรับอาหารที่ ที่มีแหล่งก�ำเนิดมาจากสัตว์ • COMMISSION IMPLEMENTING REGULATION (EU) No 931/2011 on the traceability requirements set by Regulation (EC) No 178/2002 of the European Parliament and of the Council for food of animal origin มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 01/07/2012 สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก http://eurlex.europa.eu/LexUriServ/LexUriServ. do?uri=OJ:L:2011:242:0002:0 003:EN:PDF

Vol. 2 Issue 36 จีนแจ้งกฎระเบียบการขึ้นทะเบียนอาหาร ต่างชาติ จีนออกร่างกฎระเบียบเกี่ยว กับการขึ้นทะเบียนอาหารต่างชาติ (Provisions on the Administration of the Registration of Foreign Manufacturers of Import Foods) ซึ่งได้แจ้งต่อสมาชิก องค์การการค้าโลก ลงวันที่ 19 สิงหาคม 2554 และมี ผลบังคับใช้เดือนมีนาคม 2554 สาระส�ำคัญมีดังต่อไปนี้ • ส�ำนักงานควบคุมคุณภาพ ตรวจสอบ และกั ก กั น โรคแห่ ง สาธารณรั ฐ ประชาชนจี น (AQSIS) เป็นผู้ดูแลการขึ้นทะเบียนผู้ผลิตสินค้าอาหารน�ำ เข้าต่างชาติทั้งหมด และมีหน่วยงานด้านรับรอง Certification and Accreditation Administration (CNCA) เป็นผู้ด�ำเนินการการขึ้นทะเบียนและการตรวจสอบควบคุม ผู้ผลิตสินค้าอาหารน�ำ เข้า

• การขึ้นทะเบียนมีอายุ 4 ปี หากจะต่ออายุต้องแจ้งล่วงหน้าก่อน 1 ปี หากผู้ผลิตไม่ สามารถต่อการจัดทะเบียนในระยะเวลาที่ก�ำหนด หน่วย งาน CNCA สามารถยกเลิกการจดทะเบียนนั้นได้ • หน่วยงาน CNCA จะตรวจ สอบควบคุมผู้ผลิตตามบัญชีรายชื่ออย่างเคร่งครัด และ หากจ� ำ เป็ น อาจมี ก ารตรวจซ�้ ำ และพบว่ า ผู ้ ผ ลิ ต ไม่ ป ฏิ บั ติ ตามก�ำหนดจะถูกระงับ การขึ้นทะเบียนชั่วคราว • หากพบว่าผู้ผลิตรายใดเกิด เหตุการณ์ความปลอดภัยอาหารร้ายแรง หรือหากกักกัน แล้วพบว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐานค่อนข้างรุนแรง มีการ ปลอมปน เป็นต้น ก็จะท�ำการยกเลิกการขึ้นทะเบียน

• ผู้ผลิตต่างชาติที่ได้รับการขึ้น ทะเบียนตามบัญชีรายชื่อการขึ้นทะเบียน จะได้รับอนุญาต ให้ส่งออกสินค้ามายังจีน

• การขึ้นทะเบียนผู้ผลิต แปรรูป และการเก็บรักษาอาหารน�ำเข้าจากเขตการปกครองพิเศษ ฮ่องกง มาเก๊าและไต้หวัน ที่ส่งอาหารตามบัญชีรายชื่อ มายังจีนให้ปฏิบัติตามระเบียบนี้เช่นกัน

• ผู้ผลิตต้องผ่านการประเมิน จากหน่วยงานขึ้นทะเบียนของประเทศต้นทาง (Competent Authority : CA) ได้แก่ หน่วยงานด้านสัตวแพทย์ ด้านอารักขาพืช และสาธารณสุข

ทั้งนี้ เปิดให้แสดงความคิด เห็นถึงวันที่ 18 ตุลาคม 2554 และสอบถามข้อมูลเพิ่ม เติมได้ที่ spsthailand@gmail.com

ที่มา : http://www.foodlaw.rdg.ac.uk/

ที่มา : มกอช.(05/10/54)

• การยื่นขอขึ้นทะเบียน ต้อง ยื่นผ่านหน่วยงาน CA ในประเทศผู้ผลิต และหน่วยงาน นั้นจะเป็นผู้ยื่นเรื่องมายัง CNCA

4

5


TFPA Trade & Technical WEEKLY BRIEF

4 Oct- 1c Oct 2011

Vol. 2 Issue 2 36

สถานการณ์ด้านประมง ลือปลาแซลมอนทางตะวันออกเฉียงเหนือ ของจีนปนเปื้อนกัมมันตรังสี

ทธ.โอนเรื อ ส� ำ รวจฯให้ ท ช. หนุ น ภารกิ จ อนุรักษ์ทะเล

Xin Guo คนงานชาวประมง ในบริเวณเขตปกครอง Fuyuan ที่ตั้งอยู่ระหว่างพรมแดน Sino-Russian ทางตอนเหนือของจีน กล่าวว่าเคยเก็บปลา แซลมอนไว้ให้ญาติและเพื่อนฝูงตามค�ำขอเป็นเวลานาน แต่เมื่อไม่นานนี้คนกลุ่มดังกล่าวปฏิเสธ ถึงแม้ Guo จะ เสนอให้เองก็ตาม ขณะที่มารดาของ Guo ก็บอกเขาว่า ห้ามบริโภคปลาแซลมอนเนื่องจากเธอได้ยินข่าวลือว่าปลา ดังกล่าวปน เปื้อนกัมมันตรังสีในบริเวณทะเลญี่ปุ่น ก่อน ที่จะอพยพเคลื่อนย้ายมาอยู่น่านน�้ำจืดในบริเวณนี้

นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี (ทธ.)กล่า วถึง การลงนามในสัญญาความร่ว มมื อการรั บ มอบเรือกับกรมทรัพยากรทาง ทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ว่า กรมเห็นความส�ำคัญของเรือ เพื่อใช้ในภารกิจต่างๆ จ�ำนวนมาก เมื่อกลับมารับต�ำแหน่งอธิบดี ทธ.เห็นว่าเรือ ส�ำรวจ ทรัพยากรธรณีที่มีอยู่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ หากมอบ ให้ทช.น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า จึงลงนามในบันทึก ความร่วมมือดังกล่าวขึ้น โดยปรับเปลี่ยนภารกิจในการ สงวน อนุรักษ์ ฟื้นฟูและบริการจัดการด้านธรณีวิทยา และทรั พ ยากรธรณี โดยการส� ำ รวจตรวจสอบสภาพ ธรณีวิทยาและทรัพยากรธรณี การประเมินศักยภาพแหล่ง ทรัพยากรธรณี การก�ำหนดและก�ำกับดูแลเขตพื้นที่สงวน และอนุรักษ์ทรัพยากรธรณี เพื่อการพัฒนาทรัพยากรธรณี คุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมอย่างยั่งยืน ตลอดจน ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาประเทศไทยประสบปัญหาธรณี พิบัติภัยบ่อยครั้ง และทวีความรุนแรงเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดย เฉพาะการกัดเซาะชายฝั่งทะเล เป็นหลัก

ที่มา : มกอชช. (FIS) วันที่ 4 ต.ค. 2554

6

ด้านนายเกษมสันต์ จิณณวาโส อธิบดีกรมทรัพยากร ทางทะเลและชายฝั ง (ทช.)กล่ า วว่ า ส� ำ หรั บ ภารกิ จ ที่ ทช.เตรียมรองรับหลังจากรับมอบเรือเรียบร้อย สมบูรณ์ แล้ว ประกอบไปด้วยภารกิจคุ้มครอง ตรวจตรา เฝ้า ระวั ง ผู ้ ก ระท� ำ ผิ ด กฎหมายที่ เ กี่ ย วกั บ ทรั พ ยากรทางทะเล และชายฝั ่ ง , ภารกิ จ สนั บ สนุ น งานด้ า นการอนุ รั ก ษ์ แ ละ ฟื้นฟู เช่น การจัดกิจกรรมด�ำน�้ำเก็บขยะ การส�ำรวจพื้นที่ จัดวางปะการังเทียม,ภารกิจสนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมการ อนุรักษ์และการประชาสัมพันธ์ทางด้านทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง เช่น การน�ำเยาวชนออกไปเรียนรู้ในสถานที่ จริงเกี่ยวกับแหล่งปะการัง แหล่งหญ้าทะเล และภารกิจ ในการสนั บ สนุ น ด้ า นการส� ำ รวจวิ จั ย ทั้ ง ด้ า นนิ เ วศชายฝั ่ ง ป่าชายเลน และทรัพยากรอื่นๆที่กรมทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งรับผิดชอบ\ ที่มา : แนวหน้าวันที่ 7/10/2011

7


TFPA Trade & Technical WEEKLY BRIEF

4 Oct- 1c Oct 2011

สถานการณ์ด้านเกษตร รมช.เกษตรเดินสายมอบนโยบาย ย�้ำ4กรม ใหญ่ บู ร ณาการท� ำ งาน ฟื ้ น ฟู เ ยี ย วยาผู ้ ประสบอุทกภัย

นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ รัฐมนตรี ช่วยว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบนโยบายให้กรมวิชาการ เกษตร กรมพัฒนาที่ดิน กรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรม ตรวจบัญชีสหกรณ์ หลังเข้ารับต�ำแหน่งใหม่ โดยเน้นให้ หน่ ว ยงานในก� ำ กั บ ดู แ ล ปฏิ บั ติ ภ ารกิ จ ให้ ส อดคล้ อ งกั บ นโยบายของรัฐบาล และของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะการให้ ค วามช่ ว ยเหลื อ ผู ้ ป ระสบภั ย น�้ ำ ท่ ว ม รวมถึงการเยียวยาเกษตรกร เรื่องการ จ่ายเงินชดเชย พื้นที่นาข้าว พืชไร่ พืชสวน ประมงและปศุสัตว์ที่ได้รับ ความเสียหาย ตามมาตรการให้ความช่วยเหลือของรัฐบาล พร้อมทั้งให้ค�ำแนะน�ำ ฟื้นฟูอาชีพให้เกษตรกรหลังน�้ำลด รมช.เกษตรฯเน้ น ย�้ ำ ถึ ง เป้ า หมายส� ำ คั ญ ของกระทรวง เกษตรฯคือ ลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร โดย การลดต้นทุน การผลิต ส่งเสริมการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทดแทน ปุ๋ยเคมี รวมทั้งการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ ที่ให้ผลผลิตและคุณภาพดีให้กับเกษตรกร เพิ่มแหล่งน�้ำใน ไร่นาและชุมชนเพื่อ เป็นแหล่งน�้ำใช้ในหน้าแล้งและที่กัก เก็บน�้ำในฤดูน�้ำหลาก

8

ทั้งนี้ การมอบนโยบายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์นั้น ให้ เข้าไปดูแลการชดเชยดอกเบี้ย ให้สมาชิกสหกรณ์ที่ประสบ ภัยน�้ำท่วม ตามมาตรการพักช�ำระหนี้ 3 ปี และต้อง เข้าไปดูแลการประกอบธุรกิจของสหกรณ์ต่างๆ ให้เป็น ไปตามหลักการสหกรณ์หรือสุ่มเสี่ยง ต่อการผิดกฎหมาย ส�ำหรับกรมพัฒนาที่ดินนั้น ให้เข้าไป ฟื้นฟูพื้นที่ การเกษตรที่ได้รับผลกระทบจาก น�้ำท่วม โดยระยะสั้นให้ จัดหาปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยพืชสดให้เกษตรกร ส่วนระยะยาวให้ จัดท�ำแก้มลิง ขุดสระน�้ำในไร่นาและแหล่งน�้ำชุมชน เก็บ กักน�้ำในธรรมชาติและช่วยชะลอการไหล ของน�้ำช่วงน�้ำ หลาก รวมถึงเป็นแหล่งน�้ำใช้ในหน้าแล้งได้ ในส่ ว นของกรมวิ ช าการเกษตร ให้ จั ด หาพั น ธุ ์ พื ช แจกจ่ายให้กับเกษตรกรภายหลังน�้ำลด อีกทั้ง ต้องศึกษา วิจัยและปรับปรุงพันธุ์พืชให้ทนต่อสภาวะน�้ำท่วม รวมถึง ทนทานต่อแมลง ศัตรูพืช และโรคระบาดต่างๆ ส�ำหรับการมอบนโยบายแก่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้เน้นย�้ำการส่งเสริมและสนับสนุนให้สหกรณ์ใช้โปรแกรม ระบบบัญชีสหกรณ์ครบ วงจร ที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้พัฒนาขึ้นนั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ จะเดินหน้าต่อไปเพื่อ ให้การบริหารงานสหกรณ์ รวดเร็วและมีมาตรฐาน ที่มา : แนวหน้า วันที่ 6/10/2011

Vol. 2 Issue 36

ครม.ไฟเขียว ก.เกษตรฯ ลงนามเอ็มโอยู การรายงานโรคระบาดสั ต ว์ ร ะดั บ ภู มิ ภ าค อาเซียน นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวง เกษตรและสหหรณ์ เปิดเผยว่า เนื่องจากในระหว่างวันที่ 6 - 7 ตุลาคม 2554 นี้ จะมีการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ด้านการเกษตรและป่าไม้ ครั้ง ที่ 33 และการประชุม รัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้บวก 3 ครั้งที่ 11 ซึ่งนอกจากการหารือความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่าง ประเทศสมาชิกอาเซียนแล้ว ยังมีประเด็นส�ำคัญ คือ จะ มี ก ารลงนามบั นทึ ก ความเข้ าใจระหว่ างประเทศของกระ ทรวงเกษตรฯ ด้วยกัน 2 ฉบับ คือ บันทึกความเข้าใจ ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับองค์การโรคระบาดสัตว์ ระหว่าง ประเทศ ในด้านข้อมูลการรายงานโรคระบาด สัตว์ระดับภูมิภาคอาเซียน (ARAHIS) และลงนามการจัด ตั้งองค์กรส�ำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียน 3 (APTERR) ดัง นั้น เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบการลงนามบันทึกความเข้าใจ 2 ฉบับดังกล่าวตามที่กระทรวงเกษตรฯ เสนอ โดยมอบให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือผู้แทน เป็นผู้ลงนาม

ส�ำหรับสาระส�ำคัญของการลงนามบันทึกความ เข้ า ใจระหว่ า งประเทศสมาชิ ก อาเซี ย น กั บ องค์ ก ารโรค ระบาดสั ต ว์ ร ะหว่ างประเทศ จะก่อ ให้เกิดประโยชน์ต ่อ ประเทศไทยในการ เชื่อมโยงกับระบบข้อมูลรายงานโรค ระบาดสัตว์ของทั้งโลก (WAHIS) ขององค์การโรคระบาด สัตว์ร ะหว่างประเทศ ที่ในปัจจุบันประเทศไทยในฐานะ ประเทศสมาชิกอาเซียน ได้รายงานข้อมูลโรคระบาดสัตว์ ที่อาเซียนให้ความส�ำคัญ 5 โรค ได้แก่ โรคปากและ เท้าเปื่อย โรคพิษสุนัขบ้า โรคอหิวาต์สุกร โรคนิวคาส เซิ ล และโรคไข้ ห วั ด นก ผ่ า นระบบข้ อ มู ล การรายงาน โรคระบาดสัตว์ระดับภูมิภาคอาเซียน (ARAHIS) ดังนั้น หากระบบข้อมูลระบบ ARAHIS เชื่อมโยงกับระบบข้อมูล WAHIS จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ที่จะท�ำให้ข้อมูลเป็น ข้อมูลเดียวกัน รายงานเพียงครั้งเดียว ช่วยลดขั้นตอนการ รายงานมิให้ทับซ้อนกัน เกิดความสะดวกในการรายงาน โรค ส่งผลให้ประเทศในภูมิภาคอาเซียน และองค์การ โรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ รู้การเกิดโรคระบาดสัตว์ ได้เร็ว และสามารถป้องกันและควบคุมโรคในภูมิภาคได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนการจัดตั้งองค์กรส�ำรองข้าวฉุกเฉินของ อาเซียน 3 (APTERR) หลังจากที่ ครม.ได้มีมติ เมื่อวัน ที่ 19 ตุลาคม 2553 ความตกลง APTERR ไม่สามารถ ลงนามได้ในการประชุม AMAF 3 ครั้งที่ 10 เมื่อวัน ที่ 24 ตุลาคม 2553 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เนื่องจากประเทศสิงคโปร์ได้ขอแก้ไขความตกลงดังกล่าว ในบางประเด็น และเมื่อประเทศสมาชิกได้พิจารณาร่วม กันแก้ไขและได้ข้อยุติ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้พิจารณา แล้วว่าไม่มีข้อขัดข้องต่อข้อแก้ไขดังกล่าว ดังนั้น จึงต้อง น�ำเสนอ ครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติ และมอบหมายผู้ลงนาม ความตกลงใหม่อีกครั้ง เนื่องจากร่างความตกลงที่ ครม. ได้เคยอนุมัติไว้เดิมนั้นมีการเปลี่ยนแปลง ที่มา : แนวหน้า วันที่ 5/10/2011

9


TFPA Trade & Technical WEEKLY BRIEF

4 Oct- 1c Oct 2011

ผลไม้กระป๋องไทยถูกปฏิเสธต่ออายุทะเบียน อาหารในอินโด ส�ำนักงานที่ปรึกษาการเกษตร ต่างประเทศประจ�ำกรุงจาการ์ตา ได้รับแจ้งจากส�ำนักงาน ส่ ง เสริ ม การค้ า ระหว่ า งประเทศประจ� ำ กรุ ง จาการ์ ต าว่ า บริ ษั ท อิ น โดนี เ ซี ย ผู ้ น� ำ เข้ า ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ผ ลไม้ ก ระป๋ อ งไทย ประสบปั ญ หาการขอต่ อ อายุ หมายเลขทะเบี ย นอาหาร และยาของสินค้าประเภทผลไม้น�ำเข้าประป๋องจากไทยจาก หน่วย งานควบคุมอาหารและยาของอินโดนีเซีย (BPOM) เนื่องจากสินค้าของไทยไม่เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาของ หน่วยงานคณะกรรมการ BPOM เลขที่ HK.00.05.52.4040 ซึ่ ง ก� ำ หนดคุ ณ ลั ก ษณะของสิ น ค้ า ประเภทที่ 04 คื อ ผล ไม้ ก ระป๋ อ งว่ า จะต้ อ งมี อั ต ราส่ ว นเนื้ อ ผลไม้ (Drained Weight) ตั้งแต่ 50 %ของน�้ำหนักสุทธิทั้งหมด โดยหน่วยงาน BPOM ได้ ตรวจสอบสินค้าผลไม้กระป๋องจากไทยทั้งหมด 7 รายงาน ได้แก่ ล�ำไยกระป๋อง ลิ้นจี่กระป๋อง เงาะกระป๋อง เงาะ สอดไส้สับปะรดกระป๋อง ลูกตาลกระป๋อง ลูกตาลผสม ขนุนกระป๋อง และขนุนกระป๋อง พบว่าสัดส่วนของเนื้อ ผลไม้มีปริมาณต�่ำกว่า 50 % ท�ำให้หน่วยงาน BPOM จะไม่ด�ำเนินการต่ออายุให้น�ำเข้าสินค้าผลไม้กระป๋องของ ไทยสู่อินโดนีเซีย จนกว่าจะมีการปรับเปลี่ยนการผลิตให้ สอดคล้องกับกฎระเบียบของหน่วยงาน BPOM

10

Vol. 2 Issue 36

สหรัฐฯ ไฟเขียวน�ำเข้าแก้วมังกรไทย ขณะนี้ส�ำนักงานมาตรฐาน สินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) อยู่ในระหว่าง ด�ำเนินการว่าแก้ไขปัญหาดังกล่าว ที่มา : ส�ำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศประจ�ำกรุงจาการ์ตา วันที่ 04 / 10 / 2554

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 ส�ำนักงานตรวจสอบพันธุ์ พืชและสัตว์ (APHIS) กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ แจ้งว่า ไทยได้ รั บ อนุ ญ าตให้ ส ่ ง ออกผลแก้ ว มั ง กรไปยั ง ภาคพื้ น ทวีปสหรัฐฯ โดยมีสาระส�ำคัญดังนี้ • การน�ำเข้าผลแก้วมังกรจะต้องเป็นการน�ำเข้าเพื่อ การค้าเท่านั้น • ผลแก้วมังกรจะต้องผ่านการฉายรังสีตามข้อก�ำหนด โดยมีปริมาณรังสีที่ดูดกลืนอย่างน้อย 400 เกรย์(Gy)

• ในกรณีที่มีการฉายรังสีเมื่อแก้วมังกรมาถึงสหรัฐฯ การส่งออกผลแก้วมังกรแต่ละครั้งจะต้องได้รับการตรวจ สอบจากกรมวิชาการเกษตร ก่อนการขนส่งและต้องแนบ ใบรับรองสุขอนามัยพืชด้วย • ผลแก้วมังกรอาจถูกตรวจสอบ ณ ท่าเรือ สหรัฐฯ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่ม เติมได้ที่ http://aphis.usda.gov/favir หรือสอบถาม รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ มกอช. ที่มา : มกอช.(6-10-54)

• ใน กรณีที่ฉายรังสีในไทยก่อนส่งออก APHIS และ องค์กรรักขาพืชของไทย คือ กรมวิชาการเกษตร จะร่วม กันตรวจสอบการส่งผลแก้วมังกรแต่ละครั้ง และจะต้อง แนบใบรับรองสุขอนามัยพืช (PC) ซึ่งรับรองว่าแก้วมังกร ได้รับการฉายรังสี

11


TFPA Trade & Technical WEEKLY BRIEF

4 Oct- 1c Oct 2011

Vol. 2 Issue 36

สถานการณ์นโยบายครม.ใหม่ และประเด็นแรงงาน

ส.อ.ท. ได้ข้อสรุปแนวทางปรับค่าแรงขั้นต�่ำ 300 บาทแล้ว จ่อเสนอไตรภาคี

นาย สมมาต ขุนเศษฐ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ส.อ.ท.ได้ข้อ สรุปแนวทางการปรับค่าแรงขั้นต�่ำ 300 บาทต่อวัน เพื่อน�ำ เสนอต่อคณะกรรมการค่าจ้างกลาง (ไตรภาคี) ที่จะมีการ หารือเพื่อวางกรอบแนวทางด�ำเนินงานในวันที่ 5 ต.ค.นี้ โดยการจัดท�ำข้อเสนอดังกล่าวได้มาจากการระดมความ คิดเห็นของสมาชิก ส.อ.ท.ทั่วประเทศครอบคลุมทุกกลุ่ม อุตสาหกรรม และได้ใช้หลักเกณฑ์อ้างอิงเหตุผลส� ำคัญ คือ การลดผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจไทยจากปัญหา น�้ำท่วม และเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะชะลอตัวต่อเนื่อง ตลอดปีหน้า ท�ำให้ยอดการส่งออกไทยมีความไม่แน่นอน จึงต้องการขอความเห็นใจจากรัฐบาลในการรับฟังความ เห็นของผู้ประกอบการในฐานะ นายจ้างด้วย

ส� ำ หรั บ แนวทางที่ จ ะเสนอต่ อ ที่ ป ระชุ ม ไตรภาคี ประกอบด้วย 2 แนวทางได้แก่ 1. การยึดกรอบการขึ้น ค่าจ้างขั้นต�่ำ 300 บาทต่อวันตามนโยบายของรัฐบาล แต่ ต้ อ งมี ก ารตี ค วามหมายของค� ำ ว่ า ค่ า จ้ า งเป็ น รายได้ ที่ จ ะ รวมกับเบี้ยเลี้ยง สวัสดิการต่างๆ และค่าล่วงเวลา (โอที) ฯลฯ ด้วย โดยขอให้ปรับขึ้นใน 7 จังหวัดน�ำร่อง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปทุมธานี นครปฐม นนทบุรี และภูเก็ต ได้ทันทีวันที่ 1 มกราคม 55 ส่วนจังหวัดอื่นๆให้ทยอยปรับขึ้นในกรอบ ระยะเวลา 3 ปี โดยวันที่ 1 มกราคม 55 ปรับขึ้นอีก 40 บาทต่อวัน จนครบเป็น 300 บาทต่อวัน ในวันที่ 1 มกราคม 57 ส่วน แนวทางที่ 2 หากคณะกรรมการไตรภาคียืนยัน จะต้องปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต�่ำ 300 บาทต่อวันทันทีวันที่ 1 มกราคม 55 ทั่วประเทศและไม่เกี่ยวกับค�ำว่ารายได้ ส่วนที่ ปรับขึ้นดังกล่าวให้น�ำมาหาร 2 โดยครึ่งหนึ่งให้ เอกชนรับ ภาระ แต่อีกครึ่งหนึ่งรัฐบาลจะต้องจัดหาเงินงบประมาณ มาชดเชยให้นายจ้าง ทั้งนี้ ส.อ.ท.ต้องการให้ไตรภาคี ยอมรับในแนวทางแรกมากกว่า “กรณีที่รัฐบาลระบุว่าจะ มีการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลในปี 55 ให้เหลือ 23% เพื่อ มาช่ ว ยเหลื อ นายจ้ า งนั้ น เรื่ อ งนี้ ภ าคเอกชนไม่ ไ ด้ ส นใจ อะไร เพราะเป็นเรื่องของรัฐบาล เพราะถ้ารัฐบาลไม่ลด ภาษีลงมาในอนาคตใครจะมาลงทุนเพราะอัตราภาษีของ ประเทศไทย ก็สูงกว่าเพื่อนบ้านในภูมิภาคนี้อยู่แล้ว และ ยังจะมาขึ้นค่าแรงซ�้ำเติมไปอีก”. ที่มา : ไทยรัฐ วันที่ 5 ต.ค. 2554

12

ระวัง!คู่ค้าสหรัฐฯ-ยุโรปชักดาบ กกร.เครียด ขอคิว “ยิ่งลักษณ์” ถก 4 ประเด็นร้อน ทั้งวิกฤติหนี้สหรัฐฯ-ยุโรปกระทบเศรษฐกิจ และภาคการ ส่งออก เร่งแผนกู้วิกฤติน�้ำท่วมทั้งระยะสั้น-ระยะยาว หา ทางออกพ่อค้าจ�ำน�ำข้าวราคาสูงกระทบแข่งขัน ทวงความ ชัดเจนปรับขึ้นค่าจ้าง 300 บาท ห่วงประชานิยมท�ำไทย เกิดวิกฤติหนี้สาธารณะซ�้ำรอยฝรั่ง นายไพรัช บูรพชัยศรี รองประธานกรรมการ สภา หอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ช่วงหลังกลางเดือนตุลาคมศกนี้ไปแล้ว ทางกรรมการ ร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ประกอบด้วย สภาหอการค้า แห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ สมาคมธนาคารไทย จะขอเวลานางสาวยิ่งลักษณ์ ชิน วัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วม ภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ หรือ กรอ. ในการประชุมร่วมกัน มีประเด็นเร่งด่วนที่จะน�ำหารือ 4 เรื่องส�ำคัญ ประเด็นแรก เรื่องความกังวลใจต่อปัญหา หนี้สาธารณะของ 2 ภูมิภาคใหญ่คือสหรัฐอเมริกา และ สหภาพยุโรป(อียู)ที่ก�ำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพ รวมของทั้งสอง ภูมิภาค และจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ รวมถึงภาคการส่งออกของไทย

“ที่ ป ระชุ ม ได้ ม อบหมายให้ ส ภาอุ ต สาหกรรมฯไป ตั้งคณะท�ำงานเพื่อศึกษารายละเอียด รวมถึงผลกระทบ ที่ จ ะเกิ ด จากวิ ก ฤติ เ ศรษฐกิ จ สหรั ฐ ฯ และยุ โ รป ที่ มี ต ่ อ ประเทศไทย เพื่ อ น� ำ เสนอข้ อ มู ล ต่ อ นายกรั ฐ มนตรี ใ นที่ ประชุม กรอ.เพื่อหาทางรับมือต่อไป ในเรื่องวิกฤติสหรัฐฯ และยุโรปที่ก�ำลังเกิดขึ้นนี้ ในเรื่องการส่งออกทางสมาคม ธนาคารไทยได้เตือนให้ผู้ส่งออกของไทยได้ระมัด ระวัง ในส่วนของลูกค้าที่อาจมีปัญหาเรื่องการจ่ายเงินค่าสินค้า ประเด็นที่ 2 การแก้ไขวิกฤติน�้ำท่วมครั้งใหญ่ในพื้นที่ ภาคเหนือ และภาคกลางของประเทศที่ต้องมีมาตรการ แก้ไขปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า การฟื้นฟูหลังสถานการณ์ น�้ำท่วมคลี่คลาย รวมถึงแผนป้องกันปัญหาระยะยาว ซึ่งได้ ขอให้ทั้ง 3 สถาบันไประดมสมองแนวทางที่ได้ผลเพื่อน�ำ เสนอต่อไป ประเด็นที่ 3 ในเรื่องการรับจ�ำน�ำข้าวเปลือก ราคาสูงของรัฐบาล ที่คาดว่าจะใช้เงินมหาศาล 4-5 แสน ล้านบาท ซึ่งในอดีตมีช่องโหว่ หรือจุดอ่อนอยู่มากที่ก่อ ให้เกิดการทุจริต ในเรื่องนี้จะหามาตรการป้องกันแก้ไข อย่างไร ขณะที่ผู้ส่งออกมีความกังวลใจจะกระทบต่อความ สามารถในการแข่งขัน เพราะข้าวไทยต้องขายในราคาสูง ตามต้นทุน อาจส่งผลให้ไทยต้องเสียลูกค้าในระยะยาวให้ กับเวียดนาม รวมถึงคู่แข่งขันอื่นๆ ที่เสนอราคาต�่ำกว่า “เรื่องจ�ำน�ำข้าวราคาสูงถือเป็นประเด็นที่มีความอ่อน ไหว หากเกิดความผิดพลาดเสียหายหนักถือเป็นเงินภาษี ของพวกเราทั้ ง นั้ น แต่ ถ ้ า เม็ ด เงิ น ตกถึ ง มื อ เกษตรกรเรา สนับสนุน แต่ ณ วันนี้มีขบวนการเก็งก�ำไรเกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นต้องเร่งหาทางปิดช่องโหว่ในทุกขั้นตอน”

13


TFPA Trade & Technical WEEKLY BRIEF

ประเด็นที่ 4 เรื่องการปรับขึ้นค่าจ้าง หรือรายได้ เป็น 300 บาทต่อวัน ทาง กกร.เห็นด้วยที่จะมีการปรับ แต่ต้องประกาศให้ชัดว่าเป็นการปรับขึ้นค่าจ้างหรือรายได้ เพราะในปัจจุบันหากเป็นรายได้คนงานส่วนใหญ่หากรวม สวัสดิการต่างๆ อาทิ ค่าอาหาร รถรับส่ง ที่พัก และอื่นๆ หากตีเป็นรายได้แล้วส่วนใหญ่จะมีรายได้มากกว่า 300 บาท/วัน แต่หากเป็นการปรับค่าจ้างขั้นต�่ำเป็น 300 บาท/ วันทั่วประเทศ ไม่นับรวมสวัสดิการต่างๆ ผู้ประกอบการ หรือนายจ้างส่วนใหญ่ที่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ย่อม หรือเอสเอ็มอี จะได้รับผลกระทบมาก เพราะบาง พื้นที่ค่าจ้างจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เช่น จาก 165 บาท เป็น 300 บาท นายจ้างที่แบกรับภาระไม่ไหวอาจ ต้องปิดโรงงาน หรือไม่ก็ปรับลดคนงานลง เพราะในส่วน ที่ได้รับค่าจ้างเกินก็ต้องขอปรับบ้างเป็นทอดๆ “หากเป็นการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต�่ำ 300 บาทต่อวัน แต่ต้องถูกตัดลดสวัสดิการต่างๆ ลงเขาอาจได้น้อยกว่า รายได้ที่เคยได้รับ ในเรื่องนี้เราไม่เคยโต้แย้ง เห็นด้วยที่จะ มีการปรับอย่างสมเหตุสมผล แต่ต้องประกาศให้ชัดว่าเป็น ค่าจ้างหรือรายได้ขั้นต�่ำ รวมถึงการปรับขึ้นจะต้องควบคู่ ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตที่ต้องไป ด้วยกันด้วย”

4 Oct- 1c Oct 2011

นายไพรัช กล่าวว่า นอกจากทั้ง 4 ประเด็นส�ำคัญ ที่ กกร.ได้มีการหารือกันแล้ว ยังมีประเด็นเรื่องการต่อ ต้ า นคอรฺ รั ป ชั น ที่ เ ป็ น หนึ่ ง ในเรื่ อ งส� ำ คั ญ จะได้ น� ำ เสนอ ในเวที กรอ.ในโอกาสต่อไป อย่างไรก็ดีที่ประชุมยังได้ แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์น�้ำท่วมครั้ง รุนแรง ที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจเพราะผลผลิตทางการเกษตรได้ รับความเสียหาย กระทบต่อรายได้ของเกษตรกร และผู้ที่ อยู่ในวงจร กระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของประเทศ รวม ถึงภาคบริการที่เกี่ยวเนื่อง เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ภาค การขนส่ง และอื่นๆ ขณะที่มีความกังวลใจเรื่องการส่ง ออกในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และในปีหน้าที่จะชะลอตัว รวมถึ ง กรณี ภ าครั ฐ มี โ ครงการประชานิ ย มหลายโครงการ และต้องใช้เม็ดเงินเป็นจ�ำนวนมาก ซึ่ง อาจต้ องกู ้ แ ละมี การสร้างหนี้เกรงจะกระทบท�ำให้เกิดวิกฤติหนี้สาธารณะ เหมือนในต่างประเทศ จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,676

6 - 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Vol. 2 Issue 36

สถานการณ์ด้านการค้า สั่งตัดเงินคงคลังเหี้ยน “ธีระชัย” ห่วง เงินคงคลังล้น 6 แสนล้านบาท สั่ง ลดเหลือแค่ 1 แสนล้าน พร้อมทั้งเบรกกู้เงินใหม่ ระบุ เงินค้างในมือมากก็ไม่ดี เงินสดขาดมือไปก็อันตราย ขณะ ที่ดอกเบี้ยจ่ายสูงลิบกลายเป็นภาระรัฐบาล สั่งหาทางลด หนี้ด่วน นายธี ร ะชั ย ภู ว นาถนรานุ บ าล รั ฐ มนตรี ว ่ า การ กระทรวงการคลัง กล่าว ว่า วานนี้มีการประชุมผู้บริหาร ระดับสูงกระทรวงการคลัง มี 2 เรื่องที่ส�ำคัญ เรื่องแรก เกี่ ย วกั บ การติ ด ตามฐานะการคลั ง ที่ จ ะตามกั น ทุ ก เดื อ น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าในเวลานี้ฐานะการคลัง การเบิกจ่ายงบ ประมาณปี 2554 เป็นไปตามเป้า แต่ว่าลักษณะการท�ำตัว เลขส�ำหรับงบลงทุนปรากฏว่าใช้แนวเดิม คือตั้งงบลงทุน ไว้แบบหลวมๆ และตั้งเป้าเบิกจ่ายที่ 72-73% เท่านั้น ส่วน ของการบริหารงบประมาณมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง คือ ปรากฏว่ายอดเงินคงคลังในเวลานี้สูงมาก ปัญหาส่วน หนึ่งเกิดจากการกู้ยืมไปท�ำโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งบาง ส่วนยังไม่ได้ใช้ และเวลานี้กลายเป็นว่าเป็นเงินค้างอยู่ ในเงินคงคลัง โดยที่คาดการณ์ว่าในปี 2554 จะค้างถึง 5 แสนล้านบาท และเป็น 6 แสนล้านบาทในปี 2555 ท�ำให้มีภาระจ่ายดอกเบี้ยมาก แต่ฝั่งเงินสดไม่ได้รับผล ตอบแทน ซึ่งมองว่าไม่จ�ำเป็นต้องมีอยู่ 5-6 แสนล้าน บาท มี 1-2 แสนล้านบาทก็มากไปแล้ว

“ผม จึงให้เจ้าหน้าที่ไปศึกษาว่าท�ำยังไงถึงบริหารตรง นี้ลดยอดหนี้ ช�ำระหนี้คืนได้บ้างจะได้ประหยัดดอกเบี้ย เพราะเวลานี้เรามีเงินสดสูงเกินไป และตรงนี้อาจท� ำให้ คนเข้าใจผิดว่าเรามีฐานะการคลังเข้มแข็งจริงๆ แต่ความ จริงแล้วเป็นเงินกู้เข้ามาแล้วใช้ไม่ทันและเป็นภาระ” นาย ธีระชัย กล่าว ส่ ว น จะต้ อ งตั ด โครงการหรื อ ไม่ ก็ เ ป็ น อี ก เรื่ อ ง แต่ ปัญหาคือการบริหารเงินสด เตือนไปว่าการบริหารวางแผน งบประมาณมีจุดอ่อน หากวางแผนดีๆ เงินควรเหลือไม่ เกิน 1 แสนล้านบาท หากมีเงินเหลือมากๆ ก็ไม่ควรรีบกู้ ตรงนี้จะกลายเป็นว่าที่ผ่านมาการบริหารมีจุดอ่อน ท�ำให้ มีเงินค้างในมือ เงินค้างในมือมากก็ไม่ดี เงินสดขาดมือ ไปก็อันตราย ส�ำหรับ เรื่องที่สอง คือ การแก้ปัญหาอุทกภัย โดยเน้น ในพื้นที่ที่กระทรวงการคลังรับผิดชอบโดยตรง คือ จังหวัด ลพบุรี เพื่อให้มีการประสานงานแก้ปัญหาต่อเนื่อง แต่ ว่านอกจากนั้นยังได้นัดสมาคมธนาคารไทย ธ.ก.ส. และ ออมสิน มาดูว่าธนาคารพาณิชย์ไหนจะมีมาตรการช่วย เหลือทางการในการแก้ปัญหาอะไรได้ บ้าง โดย จะมีการส�ำรวจพื้นที่ภาคใต้ซึ่งจะมีจังหวะเวลาไม่ เกิน 1-2 เดือนที่ฝนจะลงไปภาคใต้ ก็จะมีการส�ำรวจว่า พื้นที่ตรงไหนมีความเสี่ยงสูง เพื่อจะเอาอุปกรณ์ฉุกเฉินไป ฝังตัวไว้ตามสาขาของธนาคารต่างๆ จากหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 4 ตุลาคม 2554

14

15


TFPA Trade & Technical WEEKLY BRIEF

4 Oct- 1c Oct 2011

โอบามา ชงสภา ไฟเขียว เอฟทีเอ 3 ชาติ

มังกรตั้งเป้าผลิตบรรจุภันฑ์ที่หนึ่ง ของโลกภายในปี 54

นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดี สหรัฐฯ เตรียมยื่นข้อตกลงการค้าเสรี(FTA) กับ 3 ประเทศ คือ เกาหลีใต้ โคลัมเบีย และปานามา เข้าสู่การพิจารณา ของสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสุดท้าย ของการท�ำข้อตกลงเอฟทีเอทั้ง 3 ฉบับ ในกลางเดือน ตุลาคม 2554 หลังจากที่มีการต่อสู้ทางการเมืองเพื่อผลัก ดันข้อตกลงนี้มานานถึง 5 ปีเต็ม

จากรายงาน Paper and Packaging Sector M&A Update ซึ่งออกโดย Catalysts Corporate Finance ระบุว่า จีนมีแนวโน้มจะเพิ่ม ส่วนแบ่งตลาดโลกในด้านบรรจุภัณฑ์อย่างก้าวกระโดดใน ปี 2555 โดยจีนตั้งเป้าหมายจะเป็นผู้ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ รายใหญ่ที่สุดในโลกภายในปี เดียวกัน ซึ่งยิ่งจะท�ำให้เกิด การแข่งขันและเปลี่ยนแรงกระตุ้นของตลาดโลก

ทั้งนี้ ข้อตกลงเอฟทีเอดังกล่าว จะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกของสหรัฐฯ ปีละ 13 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ และยังช่วยเอื้อประโยชน์ต่อการเกษตร ของสหรั ฐ ฯ เพราะสามารถลดและยกเลิ ก การจั ด เก็ บ ภาษีศุลกากรแก่สินค้าที่สหรัฐส่งออก โดยเฉพาะสินค้า โภคภัณฑ์ เครื่องจักร และเคมีภัณฑ์ต่างๆ แม้ว่าข้อตกลง ดังกล่าว จะท�ำให้เกิดความท้าทายใหม่ๆต่ออุตสาหกรรม สิ่งทอ อิเลคทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมดอกไม้ของสหรัฐฯ ก็ตาม ข้อตกลงเอฟทีเอ ระหว่าง สหรัฐฯและเกาหลีใต้ ยังช่วยท�ำให้มูลค่าการส่งออกสินค้า ประเภทฟาร์ม จากสหรัฐฯ ไปยังเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2 เท่า หรือมีมูลค่าถึง 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ส่วน ใหญ่มาจากกลุ่มสินค้าประเภทธัญพืช ดอกไม้ ผัก เนื้อ หมู และไวน์ ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 04 / 10 / 2554

16

จากข้อมูลของสมาคมบรรจุภัณฑ์จีนซึ่งเป็นประเทศผู้ ผลิตบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจาก สหรัฐฯ ระบุว่า ในปี 2554 จีนมีผลผลิตอุตสาหกรรม มวลรวม 183.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การขยายตัวอย่าง รวดเร็ ว ของภาคบรรจุ ภั ณ ฑ์ ข องจี น ส่ ว นหนึ่ ง มาจากภาค อาหารบรรจุ หีบห่อซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 20% ในช่วงหลาย ปีมานี้ นอกจากนี้ตามรายงานยังระบุว่าเกิดการลงทุนในด้าน บรรจุภัณฑ์ในตุรกี และประเทศในกลุ่ม BRIC (ประกอบ ด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน)

Vol. 2 Issue 36

Richard Sander หุ้นส่วนของ Catalyst Corporate Finance กล่าวว่าอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ส่วน ใหญ่มีความสัมพันธ์กับผลิตภัณฑ์มวลรวมภาย ในประเทศ (GDP) จึ ง เห็ น ได้ ว ่ า ภาคบรรจุ ภั ณ ฑ์ จ ะมี ก ารขยายตั ว มากในประเทศที่ มี อั ต ราการเจริ ญ เติ บ โตของผู ้ บ ริ โ ภค แข็งแกร่งที่สุดนั่นเอง ที่มา :มกอช. (Food Production Daily) วันที่ 05 / 10 / 2554

จีนรุกลงทุนด้านอาหารและเกษตรใน ลาตินอเมริกา เมื่อ เดือนพฤษภาคม 2553 – พฤษภาคม 2554 จี นได้ ล งทุ นในลาติ นอเมริ กากว่า 15,600 ล้ า นเหรี ย ญ สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีที่แล้ว โดยเป็นการลงทุนในบราซิล 60 % และใน อาร์เจนตินา 40 % ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา การลงทุนของจีนในลาตินอ เมริกาประมาณ 70 % เป็นการลงทุนด้านพลังงานและ เหมืองแร่ แต่ปัจจุบัน จีนเน้นการลงทุนด้านการเกษตร ขนาดใหญ่ การท�ำฟาร์มปศุสัตว์ในอาร์เจนตินา เพราะจีน ต้องการแก้ไขปัญหาด้านการขาดแคลนอาหารและวัตถุดิบ อาหารสัตว์ เนื่องจากเศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว เป็น ผลให้ความต้องการบริโภคอาหารที่มีคุณภาพและเนื้อสัตว์ เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน การขยายตัวของเมืองท�ำให้พื้นที่การ เพาะปลูกลดลง ดังนั้นผลผลิตทางการเกษตรในจีนจึงเริ่ม ไม่เพียงพอในการผลิตอาหาร ท�ำให้ราคาอาหารเพิ่มขึ้น มากตั้งแต่ปี 2551 ที่มา : Agri-Business Weekly วันที่ 05 / 10 / 2554

ทั้ ง นี้ สาเหตุ ที่ เ กิ ด การลงทุ น ด้ า นบรรจุ ภั ณ ฑ์ ใ น ประเทศกลุ่ม BRIC เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่มีรายได้ สุทธิและภาคการบริโภคขยายตัว ซึ่งท�ำให้กระทบต่อภาค อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในสหภาพยุโรป

17


TFPA Trade & Technical WEEKLY BRIEF

คาดปี 55 ไทยส่งออกน�้ำตาลสูงขึ้น

4 Oct- 1c Oct 2011

Vol. 2 Issue 36

อัตราแลกเปลี่ยน

คาดว่าไทยจะส่งออกน�้ำตาล เพิ่มขึ้นเป็น 8.7 ล้านตันในฤดูการเก็บเกี่ยวใหม่ที่ จะเริ่ม เดือนธันวาคม 2554 ขณะที่คาดว่าส่งออก 7.4 ล้านตันใน ฤดูเก็บเกี่ยวปัจจุบัน ทั้งนี้กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) คาดการณ์ว่าไทยมีผลผลิตน�้ำตาลเพิ่มขึ้นเป็น 10.17 ล้าน ตั น ในฤดู เ ก็ บ เกี่ ย วหน้ า เมื่ อ เที ย บกั บ ฤดู เ กี่ ย วปั จ จุ บั น ซึ่ ง มี ปริมาณ 9.66 ล้านตัน ขณะที่ราคาน�้ำตาลทั่วโลกลดลง ในช่วงนี้ คาดว่าเป็นผลจากผลผลิตผักกาดหวาน (Sugar beet) เพิ่มสูงขึ้นในสหภาพยุโรป ซึ่งในปี 2554 อาจมีไม่ ต�่ำกว่า 18 ล้านตันนี้ จากเดิมในปี 2553 มี 15.4 ล้านตัน ที่มา : Bangkok Post (06-10-54)

18

19


TFPA Trade & Technical WEEKLY BRIEF

อัตราแลกเปลี่ยน

4 Oct- 1c Oct 2011

Vol. 2 Issue 36

อัตราแลกเปลี่ยน THB 70.00

YEARLY MID RATES OF EXCHANGE OF COMMERCIAL BANGKOK IN BANGKOK 61.60

60.00 50.00 40.00 30.00

53.57 48.93

47.71 36.72

32.34

48.97 42.04 36.12

33.31

34.29

4.80

5.02

31.69

20.00 10.00

4.68

0.00

Year 2551 THB / 1 USD

20

2552 THB /1 GBP

THB / 1 EUR

2553 THB / 100 JPY

THB/CNY

21


TFPA Trade & Technical

TFPA TEAM Executive Director

วิกรานต์ โกมลบุตร E-mail:

WEEKLY BRIEF

4 Oct- 1c Oct 2011

vikrant@thaifood.org

Administrative Manager ลินดา เปลี่ยนประเสริฐ

E-mail: linda@thaifood.org

Trade and Technical Manager สุพัตรา ริ้วไพโรจน์ E-mail:

supatra@thaifood.org

Division-Fruit and Vegetable Products E-mail : fv@thaifood.org

Head of Trade & Technical วิภาพร สกุลครู E-mail:

vipaporn@thaifood.org

Trade and Technical Officer

อัญชลี พรมมา E-mail: anchalee@thaifood.org ธณัฐยา จันทรศรี E-mail: tanatya@thaifood.org

Division-Fisheries Products E-mail : fish@thaifood.org

Head of Trade & Technical ชนิกานต์ ธนูพิทักษ์

E-mail: chanikan@thaifood.org

Trade and Technical Officer

รัตนา ชูศรี E-mail: rattana@thaifood.org ธนัญญา ตั้งจินตนา E-mail: thananya@thaifood.org

IT Support Officer ปวัณรัตน์ ใจกล้า

E-mail: pawanrat@thaifood.org

Data Management Office ญดา ชินารักษ์

E-mail: yada@thaifood.org

Commercial Relation Executive กัญญาภัค ชินขุนทด

E-mail: kanyaphak@thaifood.org

Administrator

วสุ กริ่งรู้ธรรม E-mail: vasu@thaifood.org ศิริณีย์ ถิ่นประชา E-mail: sirinee@thaifood.org

Accountant

วิมล ดีแท้ E-mail:

22

wimon@thaifood.org

เสนอขอคิ ้ ดเห็น/ขอเสนอแนะ ้ ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………......................................................


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.