1 minute read
อาคารหลังที่ ๖ ร้านเสริมไทย
ประวัติร้านเสริมไทย
Advertisement
เจ้าของบ้านหลังเดิมนี้คือนายติมแซ่เตี๋ยเป็นชาวหมู่บ้านหน่ำ เคยตำบลโหลงโตวอำเภอเพ่งไฮเป็นบุตรคนที่4ในบรรดาพี่น้อง6 คน เมื่ออายุ 18 ปี เตี่ยติม ได้ สมรสกับภรรยาคนแรกครั้นแต่งงานได้เพียง 3 เดือนได้เดินทางมาอยู่ที่เมืองไทยเพื่อแสวงหาโชคซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของเตี่ยติมที่ต้องการมาสร้างฐานะให้ร่ำรวยเหมือนเช่นคนอื่นๆในหมู่บ้านเคยประสบความสำเร็จมาก่อนแล้วส่วนยี่แป่ะ(ลุงที่2)นั้นถนัดแต่การทำนาอย่างเดียวจึงอยู่ดูแลครอบครัวที่เมืองจีนเมื่อขึ้นฝั่งได้เตี่ยติมได้เริ่มงานเป็นลูกจ้างในร้านสังฆภัณฑ์และอุปกรณ์การบวชนาคที่ตลาดปากน้ำโพเมืองนครสวรรค์นายจ้างเป็นคนหน่ำเคยชื่อแม่กลีบแซ่เอ๋าเอี๊ยงให้ค่าจ้างเดือนละ3บาทซึ่งเตี่ยติมเล่าให้ฟังว่างานรับใช้ที่ฝังลึกอยู่ในเม็ดเลือดขณะอยู่ที่ร้านนี้คือล้างกระโถนไม่เป็นที่พอใจของนายจ้างต้องกลับไปล้างใหม่รวมแล้วถึง 3ครั้งจึงจะเป็นที่พอใจเมื่อเงินค่าจ้างเดือนแรก ออกเตี่ยติมเจียดเงินเดือนส่งกลับไปให้อาม่าที่เมืองจีนด้วยเงินในเมืองจีนหายากอาม่าจึงประหยัดและอดออมเป็นอย่างมากเพื่อไม่ให้เงินเสียไปกับค่ารถโดยสารอาม่าพยายามเดินมารับธนาณัติที่ในตัวเมืองเสมอช่วงประมาณปีพ.ศ.2450-2452ได้มารับจ้างเป็นลูกจ้างถ่อเรือกระแชงขนข้าวเปลือกและขายของชำทุกชนิด(ของชำ คือ เครื่องใช้ของกินในชีวิตประจำวัน) ให้กับนายไข่เชื้อแซ่ตั้งและนางพุ่มแม่ของนางสาวเกียวขณะนั้นอยู่บริเวณวัดต้นหัดกรมรถไฟหลวง(ชื่อขณะนั้น)ก็ยังทำทางรถไฟยังไม่ถึงตลาดสวรรคโลกอาชีพลูกจ้างของเตี่ยติมขณะนั้นจึงกินอยู่ในเรือกระแชงเมื่อขนข้าวเปลือกขึ้นเต็มลำเรือแล้วก็ถ่อเรือกระแชงออกจากเมืองสวรรคโลก ล่องไปตามลำน้ำยมจนถึงเมืองนครสวรรค์ไปจนถึงปากน้ำโพ
หลังจากนั้นได้สมรสกับ นางสาวเกียว แซ่ตั้ง(ลูกสาวของ นาย ไข่เชื้อแซ่ตั้ง และ นางพุ่ม) ต่อมาในปี พ.ศ. 2452 – 2461เตี่ยติมเล็งการไกลว่าตลาดวังไม้ขอนจะต้องย้ายข้ามฝั่งแม่น้ำยมมาอยู่ด้านหลังสถานีรถไฟสวรรคโลกอย่างแน่นอนจึงได้ บุกเบิกเช่าที่ดินของกรมรถไฟหลวงขณะนั้นปลูกสร้างห้องแถวจำนวน 3 ห้องค่าเช่าที่จำนวน 250 บาท