LANNA ART
: Chiangmai / Lumphun
FIELDTRIP
1
2
: Chiangmai / Lumphun
3
LANNA ART
INDEX
08
WAT PRATAT LAMPANG LUANG
WAT PHRA SINGH WORAMAHAWIHARN
18 4
24 34 28 WAT PANTAO
WAT BUAK WAT KROK LUPHRAANG TAT DOI SUTHEP 5
INDEX
40
WAT U-MONG
WAT TON KWEN
48 6
52
WIANG KUMKAM
54
WAT PHRATAT HARIPUNCHAI 7
“วัดพระธาตุลำ�ปางหลวง” วัดสำ�คัญประจำ�จังหวัดลำ�ปางจัดว่าเป็นวัด
ที่มีการวางผังไว้อย่างสวยงามและเป็น วัดที่มีส่วนประกอบต่างๆ สมบูรณ์แบบที่สุดวัด หนึ่งของไทย โดยวัดพระธาตุลำ�ปางหลวงสร้างขึ้นโดยจำ�ลองตามคติไตรภูมิจักรวาล โดย มีองค์พระธาตุเปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นแกนกลางของจักรวาล ส่วนวิหารทั้ง 4 แทนทวีปทั้ง 4 ทิศที่ตั้งอยู่รายล้อมเขาพระสุเมรุ และลานทรายในวัดก็แทนห้วงมหานที ศรีทันดรอันกว้างใหญ่ไพศาล
WAT PRATAT LAMPANG LUANG
8
9
เมื่ อ เราเดิ น ขึ้ น บั น ไดนาคขึ้ น ไปถึ ง ซุ้มประตูใหญ่ ที่เรียกว่า “ซุ้มประตู โขง” หรือ “มณฑป”
บั น ไดทางขึ้ น ด้ า นหน้ า ออกแบบ เป็ น รู ป มกรคายพญานาคทั้ ง สอง ข้างบันได เชิงบันไดมีรูปสิงห์ปูน ปั้นขนาดใหญ่สองตัว สร้างในสมัย พระเจ้าดวงทิพย์ ปี พ.ศ. 2331
10
การลดของชั้นหลังคาวิหาร ถือเป็นลักษณะของสถาปัตยกรรม ล้านนา คือลดด้านหน้า ๓ ชั้น และด้านหลัง ๒ ชั้น ส่วน โครงสร้างของวิหารเป็นแบบเสาและมีคานรับน้ำ�หนัก
องค์พระธาตุเจดีย์ เป็นเจดีย์ทรงล้านนา ก่ออิฐถือปูน ประกอบ ด้วยฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมด้วยบัวมาลัยสามชั้น เป็นเจดีย์ขนาด ใหญ่หุ้มด้วยแผ่นทองเหลือง ฉลุลายหรือที่เรียกว่าทองจังโก ตาม ตำ�นานกล่าวว่าเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
วิหารวัดพระธาตุลำ�ปางหลวง ตั้งอยู่ทางด้านทิศ ตะวันออกขององค์เจดีย์ประธาน หันหน้าไป ทางทิศตะวันออก ลักษณะของวิหารหลวงเป็น วิหารโถงเครื่องไม้แบบเปิดโล่ง ก่อสร้างด้วยไม้ สักทั้งหลังยกพื้นสูงจากพิ้นดินเล็กน้อย 11
รูปดอกไม้ และสัตว์ในหิมพานต์ ประตูโขงแห่งนี้ใช้ เป็นสัญลักษณ์เมืองลำ�ปางในตราจังหวัดลำ�ปาง
ประตูโขง เป็นฝีมือช่างหลวงโบราณที่สวยงามก่ออิฐถือปูนทำ� เป็นซุ้มยอดแหลมเป็นชั้น ๆ มีสี่ทิศ ประดับตกแต่งด้วยลวดลาย ปูนปั้น รูปดอกไม้ และสัตว์ในหิมพานต์ ประตูโขงแห่งนี้ใช้เป็น สัญลักษณ์เมืองลำ�ปางในตราจังหวัดลำ�ปาง 12
มีกู่สีทองซึ่งบรรจุพระเจ้าล้าน ทอง เป็นประธานของพระวิหาร หลัง พระวิหารหลวง เป็น เจดีย์ประธานทรง กลม แบบล้านนาไทย บนฐานสูงมีกำ�แพง แก้ว ลูกกรง สำ�ริดยอดดอกบัวล้อมเป็น รูปจัตุรัส ส่วนองค์เจดีย์นั้นบุด้วยแผ่น ทองแดงปิดทอง ทางเหนือเรียกว่า ทองจัง โก ตามแผ่นโลหะเหล่านี้มีลายสลักคนเป็น ลวดลายแบบต่าง ๆ เกือบไม่เหมือนกันสัก แผ่นเดียว
"กู่พระเจ้าล้านทองด้านหน้า วิหาร หลวง วัดพระธาตุลำ�ปางหลวง"
13
FINE ART นอกจากนั้นภายในวิหารหลวง ยังมีภาพเขียน จิ ต รกรรมประดั บ อยู่ บ นแผงคอสองด้ า นข้ า งทั้ ง สองด้าน เป็นฝีมือของช่างท้องถิ่นเขียนเรื่องราว ทศชาติชาดก พุทธประวัติและพรหมจักร หรือเรื่อง รามเกียรติ์ ฉบับสำ�นวนล้านนา
สำ�หรับภาพจิตรกรรมที่วิหารวัดพระธาตุลำ�ปาง หลวงนั้นพบว่า มีการรองพื้นค่อนข้างบาง โครงสร้างของสีที่ใช้จะเป็นสีที่สดใส โดยใช้สี ฝุ่นที่ได้จากธรรมชาติ เช่น สีดำ� สีขาว สีคราม สี แดง สีเหลือง และสีเขียว 14
จิตรกรรมบนแผงคอสองของวิหารหลวงมีทั้งสิ้น ๒๔ แผ่น เริ่ม จากทศชาติชาดกเรื่องพระเตมีย์บนแผงคอสองแผ่นที่ ๑ แผงคอ สองแผ่นที่ ๒ เขียนเรื่อง พระมหาชนก แผ่นที่ ๓ - ๔ เขียนเรื่อง สุวรรณสาม แผ่นที่ ๕ เขียนเรื่อง เนมียราช แผ่นที่ ๖ - ๘ เขียน เรื่อง พระมโหสถ แผงคอสองแผ่นที่ ๙ - ๑๐ เขียนเรื่อง พระภูมิ ทัตถ์ แผงคอสองแผ่นที่ ๑๑ เขียนเรื่อง จันทกุมาร และแผ่นที่ ๑๒ เขียนเรื่อง พระนารถ
ส่ ว นภาพจิ ต รกรรมบนแผงคอสองด้ าน หน้าสุดทางขวามือของพระประธาน นับ เป็นแผ่นที่ ๑๓ เขียนเรื่อง พระเวสสันดร ยาวต่อเนื่องไปจนถึงแผ่นที่ ๑๘ ส่วนแผ่น ที่ ๑๙ เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ ส่วนแผงคอสองตั้งแต่แผ่นที่ ๒๐ - ๒๔ ซึ่ง ถือเป็นแผ่นสุดท้ายเขียนเรื่อง พรหมจักร
15
16
17
WAT PHRA SINGH WORAMAHA WIHARN วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
18
“วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร” ถือเป็นวัดคู่เมืองเชียงใหม่ที่มี ความเก่าแก่มากที่สุดวัดหนึ่ง มีพระพุทธรูปสำ�คัญคือพระสิงห์ หรือพระ พุทธสิหิงค์ประดิษฐานอยู่ ซึ่งได้รับความศรัทธาจากผู้คนเมืองนี้เป็นอย่าง มาก อีกทั้งยังมีพระธาตุที่ตรงกับปีมะโรงเช่นกัน
19
SCULPTURE
ประติมากรรม
สถาปัตย์ของหอไตรวัดพระสิงห์มีเอกลักษณ์ และงดงามจริงๆ รอบๆชั้นล่างของหอไตรก็จะมี ประติมากรรมนูนสูง ปั้นเป็นเหล่าเทวดาในอิริยาบถ ต่างๆ รวมทั้งสิ้น 16 องค์
20
และยังมีปูนปั้นรูปสัตว์หิมพานต์ในกรอบจำ�นวน 75 ตัว เช่น สิงโตจีน มอม สิงห์ เงือก ช้าง กวาง กิเลน ปลา เหมราช คชสีห์ นกยูง เสือ และนรสิงห์ เรียกได้ ว่าผสมผสานศิลปะจากหลายแหล่ง ทั้งของล้านนา รัตนโกสินทร์ จีน และพม่า เข้าไว้ด้วยกัน
21
วิหารลายคำ� เป็นวิหารทรงพื้นเมืองล้าน นาขนาดเล็ก ภายในประดิษฐาน “พระพุทธสิหิงค์” บนผนังด้านหลังพระประธานมีรูปปราสาทแวดล้อม ด้วยมังกรและหงส์ มีความงดงามน่าชมยิ่ง มีเสาหลวง (เสากลม) เสาระเบียง (เสาสี่เหลี่ยม) ที่ผนังวิหารมี ภาพจิตรกรรมโดยรอบ ด้านเหนือเขียนเป็นเรื่องสังข์ ทอง ด้านใต้เป็นเรื่องสุวรรณหงส์ 22
พระวิหารลายคำ� แห่ง วัดพระ สิงห์วรมหาวิหาร 23
WAT PANTAO
วัดพันเตา
“วัดพันเตา” หรือ วัดพันเท่า เดิมเป็น
พื้นที่ในเขตวัดเจดีย์หลวง โดยเป็นเขตสังฆาวาสรวม ทั้งเป็นพื้นที่ตั้งเตาหลอม ในการหล่อพระพุทธรูป ที่ประดิษฐานในวัดเจดีย์หลวงแต่โบราณ ต่อมาภาย หลังได้สร้างเป็นวัดพันเตา โดยอยู่ในยุคใกล้เคียงกับ วัดเจดีย์หลวง ซึ่งเป็นเรือนไม้สักทั้งหลัง
24
25
26
วัดพันเตา สีที่ใช้ในล้านนา คือสีแดง กับสีทอง สีแดงคือการมีตัวตน สี ทองคือความสว่างไสว
สำ�หรับศาสนสถานและปูชนียวัตถุภายในวัดพันเตา ประกอบด้วย พระวิหารหอคำ�หลวง เดิมเป็น หอคำ� โบราณ สร้างจากไม้สักทั้งหลังมีสภาพสมบูรณ์และ สวยงามที่สุดของเชียงใหม่ รายละเอียดวิจิตรงดงาม ด้วยงานจำ�หลักไม้ตามแบบฝีมือช่างหลวง ภาย ใน ประดิษฐาน พระเจ้าปันเต้า พระพุทธรูปศิลปะล้านนา ซึ่งเป็นพระประธานในพระวิหาร พระพักตร์อิ่มเอิบ เมตตา นอกจากนี้ยังมีเจดีย์ประธาน ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลัง พระวิหารหอคำ�หลวง เป็นเจดีย์ทรงระฆัง บนฐาน แปดเหลี่ยม และมีเจดีย์รายล้อมอยู่โดยรอบ
ตัววัดนั้นสร้างด้วยไม้โบราณ ทั้งสิ้น ซึ่งนำ�มาจากคุ้มเจ้าที่ สร้างในคริสตศตวรรษที่ 19 และยั ง มี น กยู ง แกะสลั ก ฝั ง เลี่ยมประดับอยูเหนือทางเข้า ทั้งวัดพระสิงห์และวัดพันเตา
ตัวตำ�หนักอาคารยกใต้ถุนสูง ช่อฟ้าคล้ายหงส์ ทางด้านตรงมีนาค ทั้งหมดห้าเศียร (หงส์ชนชาติมอญ)
27
28
WAT BUAK KROK LUANG วัดบวกครกหลวง
“วัดบวกครกหลวง” นี้มี ความสําคัญในแงศิลปกรรมและสถาปต ยกรรมซึ่งไดแก วิหารและภาพจิตรกรรม ฝาผนังภายในวิหารนั่นเอง จาก ลักษณะ ทรวดทรงและการประดั บ ลวดลายของ วิหารรวมทั้ง ภาพจิตรกรรมภายในพอ จะประมาณไดวาคงสรางขึ้นใน สมัย รัตนโกสินทร ตั้งแต พศว. ๒๔ ลงมา
29
สถาปัตยกรรม
ARCHITECTURE
วิหารวัดบวกครกหลวงเดิมทีเป็นอาคารโถงเช่นเดียว กับอาคารล้านนาทั่วไป ซึ่งสถาปัตยกรรมล้านนาส่วนใหญ่จะเน้น ให้เห็นโครงสร้างของไม้และเครื่องบนหลังคาใช้เสาในการรับน้ำ� หนักของหลังคาทั้งหมด โดยเฉพาะโครงสร้างไม้แบบม้าตั่งไหม ซึ่งเป็นการสร้างตามคติดั้งเดิมอันเป็นลักษณะเฉพาะของล้านนา จึงจะเห็นว่าภายใจวิหารวัดบวกครกหลวงนี้จะมีเสา ขนาดใหญ่อยู่กลางวิหารถึง 12 ต้น ภายหลังจึงได้มี การทำ�ผนังทึบขึ้นมา 3 ด้านคือ ด้านข้างและด้านหลัง แต่มิได้เป็นการรับน้ำ�หนักอาคาร ส่วนด้านหน้าเปิด โล่งไว้ และต่อมาได้มีการสร้างประตูบานใหญ่ขึ้นด้าน หน้าเพื่อป้องกันโจรผู้ร้าย ประตูนี้มีการแกะสลักเป็น รูปทวารบาลปิดทองอย่างงดงาม 30
หลังคาวิหารเป็นหลังคาซ้อนกัน 3 ชั้น ประดับด้วยกระเบื้องดิน เผา มีช่อฟ้าและหางหงส์ เป็นรูปนาคตามคติชาวล้านนาที่เชื่อ ว่า วิหารเปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุ ต้องมีนาคคอยดูแลอยู่ จึง มีการประดับตกแต่งวารด้วยนาค ส่วนลานทรายที่อยู่รายรอบ วิหารหรือศาสนสถานอื่น ๆ ของล้านนาเปรียบเสมือนว่าเป็นน้ำ� หรือนทีสมุทร ดังนั้นจะเห็นว่า ทางเข้าด้านหน้าวิหารทำ�เป็นราว บันไดรูปมกรคายนาคด้วยและนาคที่นี่ก็มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว คือ เป็นนาคปากนกแก้วซึ่งมีเพียงแห่งเดียว ส่วนมุขโถงด้านหน้า วิหารเป็นการสร้างขึ้นมาใหม่ในสมัยที่มีการบูรณะ 31
สำ � หรั บ สี ที่ ใ ช้ ใ นจิ ต รกรรมฝาผนั ง วิ ห ารวั ด บวก ครกหลวงนี้พอจะจำ�แนกได้ 6 กลุ่ม คือ กลุ่มสี คราม สีแดงชาด สีทอง สีเหลือง – น้ำ�ตาล สีดำ� และ สีขาว ดังนั้นจิตรกรรมฝาผนังวัดบวกครกหลวง จึงถือเป็นงานฝีมือของช่างไทใหญ่ที่ได้ถ่ายทอด ถึงชีวิตพื้นบ้านรูปแบบสถาปัตยกรรมและการแต่ง กายแบบพม่าและไทใหญ่ไว้ด้วย
จิตรกรรม
FINE ART
ผนังที่ 5 ผนังเต็มห้อง มโหสถชาดก พระโพธิบารมี
ผนังที่ 2 ผนังเต็มห้อง เตมียชาดก (บน) อันเป็นพระชาติแรกของทศชาติชาดก พระโพธิสัตว์ บำ�เพ็ญเนกขัมมบารมี คือ ความอดกลั้นเพื่อให้ หลุดพ้นจากการทำ�ความชั่ว โดยพระเตมีย์แสร้งทำ� พระองค์เป็นใบ้ ง่อย และหูหนวก แม้จะถูกทดสอบ หรือยั่วยวนต่างๆ พระกุมารก็ทรงนิ่งเฉยเสีย
ภาพเขี ย นวั ด บวกครกหลวง เขียนเส้นเป็นลายขอบรูปหนา และขอบนั้นล้อมรอบรูปเขียน เป็นสี่เหลี่ยม 32
ผนังที่ 6 ผนังเต็มห้อง เวสสันดรชาดก พระ ชาติ สุ ด ท้ า ยของพระ โพธิสัตว์
ภาพผนังที่ 8 ผนังเต็มซีกด้านขวา พระประธาน เข้าใจว่าเป็นภาพเกี่ยว กับวัดบวกครกหลวงแห่งนี้)
ลักษณะลวดลายผสมผสานกับท่าทีของการใช้ฝีแปรง อันกล้าหาญ เต็มไปด้วยพลัง เมื่อได้เห็นภาพานี้ผู้ สนใจทางศิลปะคงรู้แก่ใจตนเองว่า ที่เขายกย่องกันถึง พื้นพลังสร้างสรรค์ของจิตรกรรมวัดบวกครกหลวง เป็นฉันใด เนื้อหาของภาพได้แสดงตนเองออกมาให้ ประจักษ์แล้ว 33
WAT PHRATAT DOI SUTHEP
วัดพระธาตุดอยสุเทพ
“วัดพระธาตุดอยสุเทพ” หรือ ที่
ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า “ วัดดอยสุเทพ ” นั้น เป็น วัดที่สำ�คัญแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ หากการมาเยือน เชียงใหม่ครั้งใดแล้วไม่ได้แวะเวียนการกราบสักการะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังวัดพระธาตุดอยสุเทพแล้วละก็ มีบาง คำ�พูดที่เปรียบเปรยไว้ว่าเหมือนกับมาไม่ถึงนครล้าน นาแห่งนี้ นั่นก็เพราะว่าที่นี่เป็นศูนย์กลางความศรัทธา ของผู้คนที่สำ�คัญ อีกทั้งมีประวัติความเป็นมาที่น่า สนใจรวมถึงความสวยงามต่างๆ มากมาย 34
35
SCULPTURE ประติมากรรม
การสร้างเจดีย์ ประดิษฐานพระบรมธาตุ เริ่มจากการขุดยอดดอย ลึก ๓ ศอก แล้วเอาแท่งหินใหญ่ ๗ ก้อนมากรุเป็นผนังเหมือนหีบใบใหญ่ เมื่อนำ�พระบรมธาตุลงวางแล้วใช้หินถมทับให้แน่นหนาจนถึงปากแล้วจึง ก่อสถูปสูง ๕ วา ครอบปากหลุมไว้อีกชั้นหนึ่ง พระเจดีย์องค์นี้สร้างเสร็จ เรียบร้อยเมื่อ พ . ษ . ๑๙๒๘ โดยมีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสด้านละ ๓ วา สูง ๗ วา รูปทรงเป็นแบบรามัญ ต่อมาในสมัยพระเมืองแก้ว ( ระหว่าง พ . ศ . ๒๐๓๘ - ๒๐๖๘ ) มี การเสริมองค์พระเจดีย์ใหม่โดยขยายฐานออกไปด้านละ ๖ วา สูง ๑๒ วา นอกจากนี้ในรัชสมัยของพระเจ้าทรายคำ� ( ประมาณปี พ . ศ . ๒๑๘๑ ) พระองค์ได้พระราชทานทองหนัก ๑ , ๗๐๐ บาท ให้ ตีแผ่นเป็นทองจังโกปิดพระบรมธาตุ อนึ่ง ในปี พ . ศ . ๒๐๘๘ มี การก่อสร้างวิหารและในปี พ . ศ . ๒๑๐๐ พระมหามงคลโพธิเป็น ผู้อำ�นวยการก่อสร้างบันไดนาคซึ่งสูง ๓๐๐ ขั้นทอดยาวขึ้นไปสู่ วัด นอกจากนี้ในสมัยของพระเจ้ากาวิละมีการสร้างวิหารขึ้น ๒ หลัง ทางทิศตะวันตกและตะวันออกของพระบรมธาตุ ตลอดจน ทำ�การบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระบรมธาตุด้วยการสร้างฉัตรโลหะ ปักไว้ที่มุม และสร้างรั้วเหล็กล้อมรอบองค์พระธาตุ 36
องค์พระธาตุนั้นประกอบด้วยสิ่งสำ�คัญ 5 ประการ ประการแรกคือ ฉัตร 4 มุม ซึ่ง ทำ�จากทองเหลือง มีความหมายในเชิง สัญลักษณ์สื่อถึงความร่มเย็นจากอิทธิพล ของพระพุทธศาสนาที่ แผ่ไปทั่วทั้ง 4 ทิศ
สิ่งสำ�คัญประการที่ 2 ก็คือ สัตติบัญชร หรือ รั้วหอก รอบองค์ พระธาตุ ซึ่งมีที่มาจากการแย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุ โดยการ ให้ทหารยืนถือหอกล้อมไว้เพื่อป้องกันการแย่งชิงกระทั่งอย่างที่ เห็นใน ปัจจุบันก็ได้เปลี่ยนมาเป็นรั้วหอกแทน ถัดไปคือ หอยอ ที่มีลักษณะคล้ายวิหารแต่มีขนาดเล็กตั้งอยู่ทั้ง 4 ทิศรอบองค์พระ ธาตุ มีพระพุทธรูปประดิษฐานภายใน ซึ่งมีความหมายถึงการบูชา สรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้า อย่างที่ 4 คือ หอท้าวโลกบาท ซึ่งเป็นหอยอด แหลมทั้ง 4 มุมรอบพระธาตุ และสิ่งสุดท้ายก็คือ ไหดอกบัว ซึ่งหมายถึงความเจริญรุ่งเรืองของ พระพุทธศาสนาในดินแดนแห่งล้านนาไทย 37
38
พระประธานใน อุโบสถ พระพุทธ รู ป แบบพระสิ ง ห์ นั่งขัดสมาธิเพชร
อาคารเสนาสนะโบราณวัตถุและปูชนียวัตถุ ของวัด ประกอบด้วยอุโบสถทรงล้านนา ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังภาพ ประวัติพระธาตุดอยสุเทพ พระวิหาร ๒ หลัง ด้านทิศตะวันตก ประดิษฐานพระพุทธ ด้านทิศตะวันออกประดิษฐานพระพฤหัส
39
WAT U-MONG วัดอุโมงค์
40
ความพิเศษของวัดแห่งนี้มีความแตกต่างจากวัดอื่นทั่วไปก็ตรงที่ มีอุโมงค์ตรง ตามชื่อของวัด ซึ่งสาเหตุที่มีการสร้างในรูปแบบเช่นนี้ก็เนื่อง มาจากความเลื่อมใสของพระเจ้ากือนาธรรมมิกราช ที่ทรงมีความเลื่อมใสต่อ พระมหาเถรจันทร์ ผู้ ซึ่งเชี่ยวชาญในพระตรัยปิฎก จึงโปรดให้สร้างอุโมงค์ ขึ้นเพื่อให้พระรูปนี้ใช้เป็นสถานที่ในการวิปัสสนา กรรมฐาน ชื่อจึงเปลี่ยน จากเดิมคือ “วัดเวฬุกัฏฐาราม” มาเป็น “วัดอุโมงค์”
41
ฐานกลีบ บัวประดับอยู่ตรงฐาน
42
สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดอุโมงค์ พระ เจดีย์ทรงระฆังคว่ำ� ที่พระเจ้ากื อนาทรงโปรดให้บูรณะขึ้น
พระเจดีย์ อยู่เหนืออุโมงค์ เป็นสถาปัตยกรรมแบบผสมผสาน ระหว่างสุโขทัย ล้านนา และพม่า สันนิษฐานว่าสร้างประมาณ ต้นพุทธศตวรรษที่ 20 องค์เจดีย์ตั้งอยู่บนฐานกลีบบัว 4 ชั้น องค์ เจดีย์ทรงระฆัง อิทธิพลสุโขทัย ส่วนบนปลียอดศิลปะพม่าแบบ พุกาม ไม่มีฉัตร ต่อมาได้รับการบูรณะในสมัยพระเมืองแก้วโดย การปรับปรุงปลียอดเป็นศิลปะพม่ายุคหลัง
43
FINE ART
จิตรกรรม
สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดคือ ภาพ จิตรกรรมในอุโมงค์ ซึ่งมีความ เก่ า แก่ แ ละมี คุ ณ ค่ า ทางด้ า น ศิลปะประวัติศาสตร์มาก 44
ภาพจิตรกรรมดอกบัวสลับ ลายเมฆ
ภายในอุ โ มงค์ มี พ ระพุ ท ธรู ป ประดิษฐานอยู่
ภาพจิตรกรรมนก สลับดอกโบตั๋น
45
46
47
WAT TON KHWEN
วัดต้นเกว๋น (อินทราวาส)
48
เหตุที่ชื่อวัดต้นเกว๋น เพราะว่าตั้งตามชื่อที่ ชาวเหนือเรียกว่า มะเกว๋นหรือต้นตะขบป่า เนื่องจากสมัยก่อนรอบวัดมีป่าต้นมะเกว๋น แต่ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดอินทราวาส” ซึ่งตั้งตามชื่อเจ้าอาวาส
49
เป็นวิหารแบบล้านนาโบราณ หน้าบัน ประดั บ กระจกแก้ ว สี แ บบฝาตาฝ้ า หรื อ ฝาประกน โก่งคิ้วจำ�หลักไม้ลายเครือเถา สอดสลับรูปเศียรนาค มีลายปูนปั้นรูป เทพพนมและดอกไม้อยู่หัวเสา
50
ลายมกรเป็นสามช่วง
เป็นวิหารแบบล้านนาโบราณ หน้าบัน ประดั บ กระจกแก้ ว สี แ บบฝาตาฝ้ า หรื อ ฝาประกน โก่งคิ้วจำ�หลักไม้ลายเครือเถา สอดสลับรูปเศียรนาค มีลายปูนปั้นรูป เทพพนมและดอกไม้อยู่หัวเสา
ป้องกันสิ่งชั่วร้าย
51
WIANG KUMKAM เวียงกุมกาม เป็นแบบศิลปกรรมของขอมโบราณ มีพระพุทธรูปยืนอยู่ทั้ง 4 ด้าน รวม 60 องค์ มียอดแหลมขึ้นเป็นตูม ไม่มีฉัตรเหมือนเจดีย์ทั่วไปคนทั้งหลายจึงเรียกกันมาว่าเจดีย์ กู่คำ� หรือว่าธาตุกู่คำ�( ตามสันนิฐานของข้าพเจ้า เข้าใจว่าพระเจดีย์องค์นี้คงมีมาก่อนแล้ว พระเจ้าเม็งรายมาก่อเสริมขึ้นทีหลัง ข้อที่จะทำ�ให้เกิดข้อสันนิฐานนี้มีอยู่ว่า ในสมัยก่อน ที่พระยาตะก่ายังไม่มาซ่อมนั้น ที่ตรงกลางพระเจดีย์ มีรูปถ่ำ�เข้าไปลึกถึงตรงกลางเดินเข้า ออกได้ตามสบาย มีคนเฒ่าคนแก่ในสมัยนั้นเล่าให้ฟังว่า ข้างในพระเจดีย์ก่อด้วยศิลาแลง ทั้งนั้นแต่ข้างนอกเป็นก้อนอิฐธรรมดาสัก 5 ชั้นเท่านั้น
52
53
54
WAT PHRATAT HARI PUNCHAI
วัดพระธาตุหริภุญชัย
55
SCULPTURE ประติมากรรม
เจดีย์พระธาตุหริภุญชัย เป็นเจดีย์ทรงระฆังรูปแบบ ล้านนา หุ้มด้วยทองจังโก? ภายในบรรจุบรมธาตุในโกศ ทองคำ�
ลักษณะพระธาตุหริภุญชัย ส่วนฐานชั้นล่างสุด เป็นฐานเขียง ซึ่งมีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมซ้อนกัน ขึ้นไป ๓ ชั้น ถัดจากฐานเขียง เป็นฐานบัวลูกแก้วหรือฐานปัทม์ ส่วนกลาง เป็นชั้นที่ถัดจากบัวลูกแก้วขึ้นไป ทำ�เป็นฐานเขียงกลม ซ้อนกัน ๓ ชั้น และถัดขึ้นไปทำ�เป็นฐานกลมมีลักษณะ คล้าย มาลัยเถาซ้อนกัน ๓ ชั้นรองรับองค์ระฆังส่วนกลาง โดยรอบ ระฆังทำ�เป็นลายดุนรูปดอกไม้สี่กลีบ และระหว่างลายดอกไม้สี่ กลีบ มีการทำ�เป็นลายดุนนูน เป็นรูปพระพุทธรูป ส่วนบนถัดจากองค์ระฆังขึ้นไปเป็นส่วนบัลลังก์ก้านฉัตรปล้อง ไฉน ปลียอดบนสุดเป็นฉัตร ๙ ชั้น 56
องค์ประกอบทั่วไปของพระธาตุหริภุญชัย พระธาตุหริภุญชัย ในปัจจุบัน เป็นทรงลังกาหรือทรงระฆังมีส่วน สูง ๒๕ วา ๒ ศอก ฐานกว้าง ๑๒ วา ๒ ศอก ๑ คืบ องค์ประกอบ ทั่วไปของพระธาตุหริภุญชัย มีดังนี้ ๑. สัตติบัญชร (ระเบียงหอก) ล้อมรั้งไว้ ณ ฐานชั้นล่าง ๒ ชั้น ๒. สำ�เภาทอง ประดิษฐานอยู่ประจำ�รั้วชั้นนอกในทิศเหนือและ ทิศใต้ ตามคติจักรวาลในการสร้างวัดสมัยโบราณ ๓. ซุ้มกุมภัณฑ์ (ยักษ์) สร้างไว้ประจำ�มุมทั้ง ๔ ทิศ ตามคติความ เชื่อในท้าวกุมภัณฑ์เป็นผู้คุ้มครองสถานที่ ๔. ฉัตรอันเป็นเครื่องสูง ใช้ปักเป็นเกียรติยศ ซึ่ ง ฉั ต รแบบร่ ม ใช้ ถ วายเป็ น พุ ท ธบู ช านิ ย มใช้ เพียงชั้นเดียวมีลวดลาย แกะสลักซับซ้อนฝีมือ ละเอียดประดับไว้ตามมุมทั้ง ๔ ทิศ ๕. หอยอสร้างประจำ�ทั้ง ๔ ภายในหอยอมี พระพุทธรูปนั่งประจำ�หอยอทุกหอ ๖. โดมที่ประทับและแท่นบูชาจะก่อสร้าง ประจำ�ไว้เพื่อใช้เป็นที่สักการบูชา
57
สุวรรณเจดีย์หรือปทุมวดีเจดีย์ เป็นเจดีย์ที่มีลักษณะการก่อสร้างแบบเดียว กับ เจดีย์สี่เหลี่ยมหรือเจดีย์กู่กุดที่ วัดจามเทวี จังหวัดลำ�พูนองค์เจดีย์สร้างด้วยศิลาแลงและอิฐ เป็นเจดีย์ทรงปราสาทมีฐาน สี่เหลี่ยมซ้อนชึ้นไป ห้าชั้นแต่ละชั้นประดับซุ้มจระนำ�ทั้งสี่ด้าน ด้านละสามซุ้ม ภายใน ซุ้มจะประดิษฐานพระพุทธรูปดินเผาประทับยืนประทับอยู่ ซึ่งมีร่องรอย ของการลงรัก ปิดทอง ปัจจุบันเหลือให้เห็นเพียงไม่กี่องค์ ส่วนบนสุดของเจดีย์เป็นกลีบบัวปูนปั้นหุ้มด้วยโลหะ แผ่น ส่วนยอดปลายสุดทำ�เป็น กรวยแหลมเรียวยาว ขึ้นไปสุวรรณเจดีย์องค์นี้มีพระพิมพ์ที่สำ�คัญและ มีชื่อ เสียงของเมืองลำ�พูนบรรจุอยู่ภายใน คือ พระเปิม 58
หอระฆัง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือขององค์พระธาตุหริภุญชั ย เป็นหอสำ�หรับแขวนระฆังและกังสดาลขนาดใหญ่ ด้านบน แขวนระฆังขนาดใหญ่ และชั้นล่างห้อยกังสดาลขนาดใหญ่ซึ่ง หล่อขึ้นเพื่อไว้เป็นเครื่องบูชาพระธาตุหริภุญชัย
59
60
: Chiangmai / Lumphun
61
?
1
7
LANNA ART
62