https://www.facebook.com/Thesalao.news
หนังสือพิมพ์ฝึกปฏิบัติร่มเสลา “มุ่งมั่นสร้างปัญญา ด้วยศรัทธาแห่งเสรี”
free copy
ปีที่13 ฉบับที่ 34 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2561
สถานภาพ “มวยไทย” ไม่สูญหาย ท�ำไมต้องอนุรักษ์? วิ่ง(เท้า)เปล่า? ทางเลือกที่ลงทุนต�่ำส�ำหรับการออก ก�ำลังกาย แต่ผลที่ได้อาจมากมาย กว่าที่คาด
- หน้า ๘
เซียมซีพยากรณ์... สื่อสุขภาพที่คาดไม่ถึง - หน้า ๑๑
อิทธิพลที่ส่งถึงกันระหว่างโลกการ์ตูนและ โลกแห่งความจริง - หน้า ๕ พลังแห่งการให้..ยิ่งใหญ่เสมอนิเทศศาสตร์ มอนอ จัดกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อผู้พิการทาง สายตา - หน้า ๑๓ “สปาวังส้มซ่า” ส่งกลิ่นหอมจากชุมชนสู่ชุมชน บ�ำบัดชุมชน - หน้า ๑๒
๒ สถานภาพ “มวยไทย” ไม่สูญหาย ท�ำไมต้องอนุรักษ์? วันหนึ่งฉันเดินเข้าค่ายมวยไทย…ท่ามกลางตึกแถวในตลาดทรัพย์อนันต์ จังหวัดพิษณุโลกมีสถานที่เล็กๆแห่งหนึ่งที่ยังคงท�ำหน้าที่บางอย่างมาอย่างต่อ เนือ่ งทีใ่ ครบังเอิญผ่านมาพบย่อมรูส้ กึ ได้ทนั ทีถงึ ความผูกพัน เมือ่ ได้เห็นการฝึกฝน สั่งสอน เรียน รู้ และถ่ายทอดเพื่อการสืบทอด“มวยไทย”ในฐานะศิลปะการต่อสู้ อันเก่าแก่ของชาติและท�ำให้เข้าใจได้ว่ามวยไทยไม่มีทางสูญหายอย่างแน่นอน แต่ ณ ทีเ่ ดียวกันนีเ้ อง เมือ่ ได้ผา่ นเข้ามาสัมผัส ฉันจึง เข้าใจว่า ... เมื่อไม่สูญหายท�ำไมต้องอนุรักษ์? กลิ่นน�้ำมันมวย และกลิ่นผ้าใบลอยอวลไปทั่ว เจย์พี บ็อกซิง่ ยิม สถานทีแ่ ห่งนีม้ คี รูเจย์ (ณัฐพงศ์ จิตพินจิ ) เป็นเจ้าของ ชายหนุม่ ผิวขาวหน้าตาหล่อเหลาออกมาต้อนรับคณะของพวก เราด้วยรอยยิ้ม ที่แห่งนี้ครูเจย์บอกพวกเราว่าที่นี่เป็นทุกอย่าง ให้ผู้ที่ชื่นชอบกีฬามวยไทย “ที่นี่เป็นโรงเรียนครับ ครูแยกตั้งขึ้นมาเป็นโรงเรียน สอนมวยไทยอย่างชัดเจนเพื่อเป้าหมายในการเผยแพร่ และ อนุรักษ์ศิลปะมวยไทยจริง เพราะถ้าใช้ค�ำว่ายิม (gym)
ณัฐพงศ์ จิตพินิจ
คนจะคิดว่ามาต่อยมวย มาออกก�ำลังกายธรรมดา ถ้าเป็นค่ายมวย คนก็จะคิดว่าเป็นสถานทีข่ องนักมวยอาชีพแต่ โรงเรียนของครูเป็นทัง้ สองอย่าง เป็นทัง้ ยิม ทัง้ ค่ายสร้างนักมวย อาชีพ และก็สอนคนแบบพวกหนูๆ (รวมถึงวัยรุน่ ) ทีอ่ ยากเรียน ศิลปะป้องกันตัว อยากเรียนรู้ทักษะมวยไทย ที่นี่ ครูเลยใช้ค�ำ ว่า เป็นโรงเรียนสอนมวยไทยดีกว่า” แน่นอนว่าทีน่ เี่ น้นการเผย แพร่ศลิ ปะแม่ไม้มวยไทยร่วมกับการเรียนรูศ้ ลิ ปะการต่อสูป้ อ้ งกัน ตัวในเชิงกีฬาซึง่ ได้ถกู ก�ำหนดไว้เป็นพันธกิจส�ำคัญของโรงเรียน สอนมวยไทยแห่งนี้ “การเรียนการสอนของที่โรงเรียนจะเป็นระบบ ต้อง เรียนจากระดับพื้นฐาน ขั้นกลาง ขั้นสูง ขั้นเทคนิค การเรียน มวยต้องมีการยืนเรียงแถวเรียนการเดินมวย การสืบก้าว การ ออกอาวุธ หมัดเท้าเข่า ศอก สไตล์ของที่นี่ต้องสวยงามอ่อน ช้อยและรุนแรงตามหลักของมวยไทยโบราณจริงๆไม่ใช่เตะต่อย ไปเรือ่ ย ขึน้ เวที ต่อยห้าสิบครัง้ ซึง่ ครูไม่ทำ� แบบนัน้ ในรอบเย็น จะมีคนมาเล่นเป็นสิบคน บางวันถึงยีส่ บิ คนก็มโี รงเรียนของครู สร้างขึ้น มาเพื่อให้เป็นสังคมของคนที่ชอบมวยไทย หลังจาก นั้นก็จะบอกต่อๆ กันไปครูไม่เน้นท�ำการตลาด หรือโปรโมชั่น ปล่อยให้พวกเขาพากันมาเรียนเอง” การเรียนศิลปะมวยไทยในโรงเรียนสอนมวยไทยกับ ค่ายมวยในระดับแนวคิดนัน้ มีวตั ถุประสงค์ตา่ งกันโรงเรียนสอน มวยไทยจะมีครูมวยทีม่ ฝี มี อื และมีความเชีย่ วชาญเป็นทีเ่ คารพ รูจ้ กั ต้องการถ่ายทอดวิชาไม่ให้สญ ู หายเน้นการถ่ายทอดให้เฉพาะ ศิษย์ทมี่ คี วามเหมาะสม ส่วนค่ายมวยจะเป็นแหล่งรวมของผูท้ ี่ ชื่นชอบการชกมวย มีจุดประสงค์ที่จะแลกเปลี่ยนวิชาความรู้ เพื่อน�ำไปใช้ในการแข่งขันหรือประลอง (พรเทพ ฑีฆานนท์, 2555) ตามความหมายดังกล่าว
โรงเรียนสอนมวยไทยเจย์พบี อ็ กซิง่ ยิมจึงเน้นการถ่ายทอดศิลปะ แม่ไม้มวยไทยแบบดั้งเดิม จึงมีการสอนลีลาการเดินมวยการ สืบก้าวการออกอาวุธมือหมัดเท้าเข่าศอก ซึ่งเป็นศิลปะแม่ไม้ มวยไทยในฐานะทีเ่ ป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยตัง้ แต่สมัยโบราณ หากถามว่าสูญหายไหม? ครูเจย์ยำ�้ ว่า“มันก็ไม่สญ ู หาย หรอกแต่มันมีโอกาสที่คนไทยจะต้องไปเรียนมวยไทย กับต่าง ชาติเพราะต่างชาติเขาสร้างนักกีฬาขึน้ เพราะเขาศรัทธาคนต่าง ชาติเขาจะเป็นคนที่ชอบศึกษาศิลปะการต่อสู้ สังเกตว่าอะไร ก็ตามที่เป็นกีฬาเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้จะไปโด่งดังทีเ่ วลาเขา ศึกษาเขาก็จะศึกษาให้รล้ ู กึ เข้าถึง ประวัตศิ าสตร์และเทคนิคมวยไทย จนเขารูว้ า่ มวยไทยเป็นกีฬาเป็นศิลปะการต่อสูท้ อี่ นั ตรายทีส่ ดุ ในโลก เพราะมวยไทยมีนวอาวุธ หรืออาวุธทั้ง 9 ศีรษะ มือ เท้า เข่า ศอก เราใช้มันเป็นอาวุธได้ทั้งหมด ในขณะที่เราคน ไทย สิ่งใกล้ตัวเราอย่างมวยไทยกลับไม่ค่อยเห็นคุณค่า” ครูเจย์ยกตัวอย่างว่ามองแค่ในจังหวัดพิษณุโลก การ ท�ำเรือ่ งของการอนุรกั ษ์มวยไทยก็แทบจะไม่เห็นแล้ว ขณะทีค่ รู เจย์พยายามทีจ่ ะเข้าไปมีสว่ นร่วมในการสอนนักศึกษา หรือสอน เด็กๆ ให้ฟรีซึ่งหากที่โรงเรียนไม่มีการเรียน การสอนมวยไทย เด็กๆ ก็ขาดโอกาสเรียน เมื่อนึกอยากเรียนอีกทีก็อาจจะสาย ไปแล้ว “ครูมวยเป็นฝรัง่ หมด เป็นต่างชาติกนั หมด อย่างนัน้ ครูรบั ไม่ได้ แต่มนั มีโอกาสทีจ่ ะเป็นแบบนัน้ ในอนาคต ถ้าได้เรียน มวยตามสูตรมันจะมีการมอบตัวเป็นศิษย์ การปฏิญาณตน การ ครอบครู การสาบานตนในการใช้วิชา การมอบ มงคล ถ้าเรา ปลูกฝังให้เด็กมีคณ ุ ธรรมแต่เบือ้ งต้น เป็นศิษย์มคี รู เขาจะไม่ทำ� ไม่ดี คนทีค่ ดิ แบบนัน้ คือเขาไม่ได้มาสัมผัส มวยไทยอย่างแท้จริง” ครูเจย์กล่าวต่อด้วยความหวังว่า “อาจต้องเปลี่ยนแปลง ครั้งใหญ่และเปลี่ยนตั้งแต่ผู้ที่มีอ�ำนาจของบ้านเมืองอย่างเช่น ภาครัฐ หากภาครัฐไม่เข้ามาผลักดันเรื่องมวยไทย ปล่อยให้ มวยไทยเติบโตไปกับทัศนคติว่าเป็นแค่กีฬาชาวบ้าน เป็นกีฬา ของคนป่าเถื่อน ส�ำหรับเด็กที่ขาดแคลนยากจน ถ้าปล่อยให้ เป็นแบบนี้ก็คงยกระดับให้เป็นกีฬาที่มี ความส�ำคัญได้ยาก” “ต่างประเทศเขาเชิดชูใครต่อยมวยนี่คือพระเอก ครู อยู่เมืองนอกไปต่อยมวยคือพระเอกแต่กลับมาบ้านเรา แล้วนี่ คือกระจอกมาก นอกจากเรือ่ งของการยกย่องให้กฬี ามวยไทย
๓ บทบรรณาธิการ ชาวเสลาชวนรักสุขภาพ
เข้ามาอยู่ในระบบการเรียนการสอนของ ประเทศไทย ครูเจย์ ยังแนะน�ำอีกว่า ในภาคประชาชน กีฬามวยไทยสามารถสร้าง เสริมสุขภาพประชาชน และเข้าถึงผู้คนได้ง่ายเพียงแต่ต้องได้ รับความสนับสนุนจากผู้ที่มีอ�ำนาจ “ครูอยากให้ผู้ที่ท�ำโครงการสสส. (ส�ำนักงานกองทุน สนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) อย่างกิจกรรมเต้นแอโรบิค ทุกอ�ำเภอมีลานเต้นแอโรบิคอยูแ่ ล้ว ก็นำ� เอากิจกรรมมวยไทย ใส่เข้าไป มวยไทยเรียนตรงไหนก็ได้ เรียนข้างทางก็ได้ ในสวน สาธารณะก็ได้ ครูก็ท�ำให้ดูมาแล้วกว่าสามปีว่ามันท�ำได้ เรียน สนุกด้วย พวกเราคนรุน่ ใหม่ตอ้ งคิดให้ตา่ ง คิดแล้วก็ลงมือท�ำ” อาจกล่าวได้ว่า การสืบสานศิลปะแม่ไม้มวยไทยใน ปัจจุบนั ได้ถกู น�ำไปเชือ่ มโยงไว้เป็นกิจกรรมหนึง่ ของธุรกิจ สถาน ออกก�ำลังกาย มีการผสานมวยไทยประยุกต์เข้ากับรูปแบบการ ออกก�ำลังกายโดยดึงจุดส�ำคัญของมวยไทยทีผ่ ู้ เรียนต้องใช้พละ ก�ำลังจากอวัยวะทุกส่วนของร่างกายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นลีลา การเดินมวย การสืบก้าว การออกอาวุธ มือ หมัด เท้า เข่า ศอก มาใช้ร่วมกับการออกก�ำลังกายแนวใหม่ เช่น Cross fit (การ ออกก�ำลังกายทีร่ วมเอา cardio กับการเสริมสร้างกล้ามเนือ้ เข้า ด้วยกัน)เพือ่ ให้ผเู้ รียนสามารถเพิม่ ศักยภาพสูงสุด แม้ความนิยม กีฬามวยไทยจะมีมาก ขึน้ อันเนือ่ งมาจากการเลียนแบบดาราทีห่ นั มาชกมวยกันมากเพียงเพราะต้องการดูแลรูปร่าง หรือลดหุน่ ซึง่ มวยไทย สามารถตอบสนองต่อวัตถุประสงค์นอี้ ย่างรวดเร็ว และ ได้ผลดี ครูเจย์แสดงความเห็นว่า มีนายทุนหลายรายทีน่ ำ� มวยไทย เข้าไปผสมผสานเป็นส่วนหนึง่ ของธุรกิจตน แต่นนั่ ก็ไม่ใช่เรือ่ งแปลก อะไร และถ้ามองว่าเป็นหนทางหนึง่ ที่ ท�ำให้กฬี ามวยไทยยังคงอยู่ ก็นบั ว่าเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย ทุกวันนีค้ รูเจย์คอื “ครูมวย” ทีม่ ปี ณิธานทีจ่ ะให้ความ รู้เรื่องมวยไทย และอนุรักษ์ให้มวยไทยยังคงความเป็น ศิลปะ ที่มีแม่ไม้-ลูกไม้แบบโบราณเอาไว้ เจย์พีบ๊อกซิ่งยิม จึงไม่ใช่แค่ สถานออกก�ำลังกาย แต่เป็นโรงเรียนที่มีเป้าหมาย อันยิ่งใหญ่ เพื่อการอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมไทยอยู่ด้วย
หากพระเจ้าทั้งหลายมีจริง และพระองค์มีเวลาในการทอดพระเนตรพัฒนาการของเหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลกเป็นเวลานาน พอ พัฒนาการแห่งมนุษยชาติดูจะเป็นพัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่ท�ำให้พระเจ้าตื่นเต้นเร้าใจที่สุดเป็นแน่แท้ เพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มี การวิวัฒนาการในด้านการใช้สมองพัฒนาภูมิปัญญาความรู้ในการใช้ชีวิตให้มีความสุขได้ทั้งสุขภาพทางกายหรือสุขภาพทางจิตมากกว่าสิ่งมี ชีวิตอื่นๆ รวมถึงการใช้ภาษาสื่อสารเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนให้เห็นเป็นรูปธรรมมากกว่าสัตว์อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกยุคปัจจุบัน โครงสร้างทางสังคมของมนุษย์อยู่ในขั้นสลับซับซ้อนยิ่งกว่ายุคใดๆ ที่ผ่านมา การสื่อสาร ระหว่างกันของมนุษย์ได้พัฒนากลายเป็นองค์กรสื่อสารมวลชนที่น�ำเสนอข่าวคราวความเป็นไปของสังคมให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบและ เข้าใจได้ง่ายขึ้น (ซึ่งองค์กรสื่อที่ตั้งขึ้นมาส่วนใหญ่ก็มีวัตถุประสงค์แสวงหาก�ำไรมากกว่าท�ำเพื่อสังคมแทบทั้งสิ้น) เริ่มจากสื่อสิ่งพิมพ์ในรูป แบบกระดาษอาร์ตหรือกระดาษธรรมดา ก่อนที่จะพัฒนากลายมาเป็นสื่อวิทยุ สื่อโทรทัศน์ และพัฒนาถึงขีดสุดในยุคปัจจุบันเมื่อผลจาก ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก่อก�ำเนิดสื่อออนไลน์ในหน้าจอโน๊ตบุ๊ค หรือสมาร์ทโฟนที่เราสามารถเปิดอ่านได้สะดวกสะบาย และมีขนาด กะทัดรัดพกพาได้สะดวก แต่หากมองในอีกแง่มุมหนึ่งการเข้าถึงง่ายและความรวดเร็วเกินไปของสื่อรุ่นใหม่ที่ใครๆ ก็สามารถน�ำเสนอตีแผ่ เรื่องราวข้อมูลข่าวสารได้อย่างตามใจชอบในโลกออนไลน์นั้น กลายเป็นดาบสองคมที่อันตรายน่ากลัว เป็นดาบสองคมที่ประกอบไปด้วย ความฉาบฉวย ความมักง่าย ความไม่รอบคอบในการน�ำเสนอข้อเท็จจริง ซึ่งผลที่ตามมานั้นคือ ข้อมูลข่าวสารที่ผิดพลาด และเมื่อบวกกับ ความเอาง่ายเข้าว่าของผู้รับสาร (Receiver) ส่วนหนึ่งที่ชอบความรวดเร็วโดยปราศจากการตรวจสอบ ก็ยิ่งท�ำให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ (หรือมี ความจริงเพียงครึ่งเดียว) กลายสภาพเป็นความจริงแบบไม่น่าให้อภัย ซึ่งถ้าหากพิจารณาจากข้อมูลประกอบอื่นๆเช่น แบบส�ำรวจ gallup poll ที่เคยส�ำรวจผู้บริโภคสื่อชาวอเมริกาเมื่อปี 2014 ที่ผ่านมาก็สอดคล้องดังที่กล่าว เพราะผู้บริโภคข่าวสารก็ยังดูให้ความเชื่อถือต่อ สื่อดั้งเดิมอย่างสื่อสิ่งพิมพ์มากกว่าสื่อใหม่อย่างสื่อออนไลน์ แต่ถึงกระนั้นทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเมื่อมีข้อเสียก็ต้องมีข้อดี สื่อในปัจจุบันเป็นสื่อยุคใหม่ที่เกิดขึ้นจากการน�ำสื่อเก่ามาผสมผสาน หลอมรวมสื่อ (Convergent) ท�ำให้ผู้รับสารอย่างเราๆสามารถทราบข้อมูลข่าวสารได้แบบรวดเร็วทันใจ ไม่จ�ำเป็นที่จะต้องรีบขับรถไปร้าน หนังสือตั้งแต่เช้าไปซื้อสื่อสิ่งพิมพ์มาอ่าน เพราะว่ากลัวจะซื้อไม่ทันอีกต่อไป จากข้อเท็จจริงดังกล่าว การเปลี่ยนแปลงในด้านเทคโนโลยี รวมถึงปัจจัยหลายๆอย่าง จึงท�ำให้เกิดการต่อสู้ ดิ้นรน เอาตัวรอด ของสังคมธุรกิจสื่ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และแน่นอนว่าสถานการณ์ที่เกิด ขึ้นไม่ได้ท�ำให้ผู้รับสารต้องรับมือความกดดัน ความเครียด ที่ถาโถมเข้ามา แต่เป็นคนท�ำสื่อต่างหากที่รับไปเต็มๆ ถ้าหากจะมีอะไรที่ท�ำให้ ผู้รับสารต้องมีความเครียดเกี่ยวกับการใช้สื่อแล้ว ก็คงจะเป็นการรับรู้ข่าวสารบ้านเมืองในยุค 4.0 ซึ่งก็มีทั้งข่าวที่ท�ำให้ผู้รับสารนั้นสุขภาพ จิตดีขึ้นและแย่ลงสลับกันไป อย่างเช่นข่าวด้านการเมืองในรูปแบบมหภาค หลายคนที่ชอบติดตามข่าวการเมืองและการบริหารประเทศของ รัฐบาลเป็นชีวิตจิตใจ ก็คงจะออกอาการที่เรียกว่า ‘ป่วยการเมือง’ อย่างไม่ต้องสงสัย จากการที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ก�ำหนด กรอบการเลือกตั้งใหม่เป็น เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ท�ำให้ประชาชนผู้รับสารบางส่วนเริ่มเกิดความไม่ไว้วางใจในสัญญาของนายก รัฐมนตรี รวมทั้งเกิดความเบื่อหน่ายในรัฐบาลทหาร และอยากจะได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเสียที ในด้านสุขภาพ กระแสก้าวคนละก้าวฟีเวอร์ของตูน บอดี้แสลมช่วงปลายปี 2560 ที่ผ่านมา คงจะท�ำให้ใครๆหลายคน เริ่มหันมา ออกก�ำลังกายกันมากขึ้น ซึ่งงานนี้จะขอบคุณใครไปไม่ได้นอกจากตูน บอดี้แสลม ที่นอกจากจะสร้างแรงบันดาลใจในด้านการร้องเพลงให้ กับใครหลายต่อหลายคนในประเทศแล้ว ก็ยังสร้างแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่อีกสิ่งนั่นก็คือการเป็นผู้น�ำในการออกก�ำลังเพื่อสุขภาพพ่วงด้วย การท�ำประโยชน์เพื่อสังคมอีกด้วย ซึ่งสุขภาพนั้นถือว่าเป็นปัจจัยส�ำคัญที่จ�ำเป็นต่อการด�ำรงชีวิตเลยก็ว่าได้ เพราะการที่เราจะลงมือกระท�ำ การสิ่งใดให้ส�ำเร็จลุล่วงตามความปรารถนาได้นั้น ร่างกายที่ดีย่อมเป็นสิ่งส�ำคัญอันดับแรก เมื่อมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงแล้วก็จะส่ง ผลให้ ท�ำอะไรก็กระฉับกระเฉง รวดเร็ว น�ำมาสู่จิตใจที่ร่าเริงแจ่มใส พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาที่เข้ามาในชีวิต จิตใจที่เข็มแข็งก็มีความ ส�ำคัญต่อชีวิตไม่แพ้กับเรื่องสุขภาพเช่นกัน หรือบางครั้งอาจจะมากกว่าด้วยซ�้ำ ยกตัวอย่าง หากมีผู้ชายคนหนึ่งตั้งใจที่จะลดความอ้วนเพื่อ สุขภาพร่างกายที่ดี แต่ลดอาหารไปไม่กี่วันก็ล้มเลิกความตั้งใจเพราะอดใจอยากกินอาหารที่ตัวเองชอบไม่ไหว สุดท้ายก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร เลย ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่า หากจิตใจไม่พร้อมเสียตั้งแต่แรก การจะท�ำการสิ่งใดให้ส�ำเร็จลุล่วงก็คงเป็นไปได้ยาก ‘สุขภาพกายและสุขภาพ จิตจึงต้องอยู่คู่กันแยกขาดจากกันไม่ได้’ ดังนั้นสุขภาพจิตที่ดีของคนๆ หนึ่ง จะต้องมีรากฐานมาจากการที่คนๆ นั้นมีสุขภาพกายที่ดีมาก่อน ค�ำกล่าวเหล่านี้เป็นอุทาหรณ์สอนใจของมนุษย์ทุกคนให้พยายามปฏิบัติตนให้มีสุขภาพกายที่ดี เมื่อหลายพันปีมาแล้ว......มีประโยคๆหนึ่งที่นักปราชญ์กรีกโบราณแห่งส�ำนักไมเลตุส (Miletus) ได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า ‘A sound mind in a sound body’ ซึ่งถ้าแปลเป็นภาษาไทยให้ใกล้เคียงก็คงจะแปลว่า ‘จิตใจที่ดีย่อมอยู่ในร่างกายที่สมบูรณ์’ ประโยค นี้คงจะขาดความสมบูรณ์เป็นแน่แท้หากไม่พูดอีกหนึ่งประโยคส�ำทับเข้าไปว่า ‘A sound body in a sound mind ร่างกายที่สมบูรณ์ได้ นั้นก็ย่อมมาจากจิตใจที่ดีก่อน’ เช่นกัน จะมาหวังพึ่งให้เซียมซีพยากรณ์ล่วงหน้าว่าชีวิตจะมีความสุขกายสบายใจวันไหนก็คงไม่ได้เรื่อง ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน เก็บค�ำท�ำนายดีๆไว้เป็นก�ำลังใจให้ชีวิตก้าวหน้า เก็บค�ำท�ำนายแย่ๆเอาไว้เตือนสติว่าอย่าใช้ชีวิตประมาท เพราะ โลกนี้คือละคร และเป็นละครที่นักแสดงอย่างเราๆต้องไขว่คว้าหาความสุขทั้งทางกายและทางใจให้ได้ในโลกแห่งความไม่แน่นอนแห่งนี้ เพื่อมีชีวิตที่ดีและสร้างสรรค์สิ่งสวยงามให้กับโลกใบนี้ต่อไปก่อนจะถึงวาระสุดท้าย ส�ำหรับร่มเสลาฉบับนี้มีหลายเรื่องหลายประเด็นดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น ซึ่งทีมงานได้พื้นที่สังเกตพูดคุยเก็บเกี่ยวข้อมูล และ ค้นคว้าสิ่งที่คิดว่าน่าสนใจเพื่อสร้างให้สังคมข้อมูลข่าวสารที่ไหลบ่าท่วมขังอยู่ขณะนี้ค่อยๆปรับเปลี่ยนเป็นสังคมแห่งความรู้เล็กๆ น้อยๆ กองบรรณาธิการร่มเสลา
๔
มวยไทยยุคโพสต์โมเดิร์น
เป็นทั้งกีฬา และศิลปะป้องกันตัว ประวัตศิ าสตร์ชาติไทย ไม่มากก็นอ้ ยมักจะมี “มวยไทย” สอดแทรกเข้าไปเป็นหนึง่ ในศิลปวัฒนธรรม ชาติเพือ่ เรียนรูแ้ ละจดจ�ำอยูเ่ สมออีกทัง้ ยังปรากฏเป็นต�ำนานเล่าขานในหลายส�ำนวนทัง้ ในส�ำนวนแบบ ของราช รัฐ และราษฏร์ จึงอาจกล่าวได้ว่าศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวที่เรียกว่า“มวยไทย”นี้เป็นมรดกที่ ยากจะสูญหายเนื่องจากมีหลายภาคส่วนเข้ามาร่วมอนุรักษ์คนละไม้ละมือ อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบันก็มีความ วิตกกังวลห่วงใยมวยไทยในมิตติ า่ งๆ โดยเฉพาะ ตั้งแต่สนามมวยลุมพินีปิดต�ำนาน 57 ปี บน ถนนพระราม 4 เมื่อปลายปี 2557 ย้ายมาอยู่ ถนนรามอินทราเมือ่ สามปีกอ่ น หากพิจารณา วงการมวยไทยในแง่รายได้ที่เข้าสนามมวย มาตรฐานเมืองกรุงทีล่ ดลงไปจนดูซบเซา ผูค้ น ทีเ่ กีย่ วข้องเริม่ วิตกกังวลโดยเฉพาะโปรโมเตอร์ ที่จัดแล้วขาดทุนบ่อยๆ ท�ำให้เกิดค�ำถามตาม มาว่าหรือจะถึงคราวเสื่อมถอยของมวยไทย อาชีพ ขณะที่มองไปอีกด้านหนึ่ง มวยไทย กลับขยับขยายการรับรูเ้ ข้าถึงกลุม่ คนในสังคม ไทยได้อย่างลึกซึ้งและหลากหลายจากศิลปะ การต่อสูท้ ดี่ ดู ดุ นั รุนแรง และมีแต่คนจนทีด่ นิ้ รน เพือ่ ยังชีพมาเกีย่ วข้อง ส่วนคนทีม่ เี งินก็มเี ฉพาะ เซียนพนัน และบรรดาผูช้ ายทีช่ อบดู ทว่าภาพ ปัจจุบนั ทีเ่ ห็นคือมวยไทยเผยแพร่เข้าไปในหลาก หลายวงการมีดารานักร้องคนดังต่างสถานภาพ คนหนุ่มคนสาว วัยรุ่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ คนมี การศึกษา ผู้บริหาร โดยเฉพาะสาวๆ ที่หันมา เลือกมวยไทยเป็นโปรแกรมในการรักษาสุขภาพ ค่ายมวยและฟิตเนสในหลายพื้นที่ ปรับตัวดึงมวยไทยมาเป็นหลักสูตรการสอน ขณะที่รายการมวยไทยไม่กระจุกตัวแค่สนาม มวยมาตรฐาน และสนามมวยหลักตามหัวเมือง แต่กระโดดก้าวไกลไปสู่สังเวียนระดับโลกมี รายการทีน่ า่ ตืน่ ตาตืน่ ใจถ่ายทอดสดในวันหยุด ให้ชมเสมอ เช่น ไทยไฟต์ คุนหลุนไฟต์ เป็นต้น นักมวยอย่างบัวขาว หรือแสนชัย กลายเป็น นักมวยไทยไอดอลของคนรุ่นใหม่ การเปลี่ยนแปลง และปรับตัวของ มวยไทยยุคนี้หากจะเปรียบให้ชัด ในฟิตเนส เราได้เห็นนวมมวยสีชมพูเข้ามาแทนสีด�ำได้ อย่ า งแปลกตาแต่ ก ลั บ กลมกลื น เหลื อ เชื่ อ มีกลิ่นลาเวนเดอร์ปะปนน�้ำมันมวยมาอยู่ในที่ เดียวกัน มีเสียงเพลงสากลคลอการซ้อมเข้า กับเสียงเตะกระสอบทราย ทัง้ ยังมีการเปิดตัว
นักมวยในหลายรายการที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้ คอนเสิรต์ นับเป็นปรากฏการณ์ทดี่ งึ ผูค้ นหลาก หลายมาสัมผัสมวยไทยได้อย่างน่าทึ่ง หากมองจากสองปรากฏการณ์ทดี่ า้ น หนึง่ วิตกกังวลถึงความตกต�ำ่ ทว่าอีกด้านหนึง่ กลับคึกคักเฟื่องฟูโดยเฉพาะในกลุ่มคนนอก ทั้งคนไทย และต่างชาติที่ไม่เคยสนใจมาก่อน ก็คงจะต้องวิเคราะห์กันอย่างละเอียดและไม่ ปะปนกันเพราะต่างก็มที มี่ าทีไ่ ปต่างกัน แต่เกือ้ หนุนกัน มวยไทยในสังเวียนมาตรฐานต่างๆ แบบขนบธรรมเนียมเดิมทัง้ ลุมพินี ราชด�ำเนิน และที่อื่นๆ ก็ยังคงเดินหน้าพัฒนาในเส้นทาง แบบทีเ่ คยเป็นมา และแน่นอนว่าจะยังคงเป็น “ต้นฉบับ” (original) ทีม่ วยไทยในยุคสมัยใหม่ รวมถึงรูปแบบการใช้อื่นๆ ที่แพร่หลายไปสู่ มวลชนได้ ใ ช้ “ อ้ า งอิ ง ”เหมื อ นกั บ ที่ เ ราใช้ ประวัติศาสตร์เรื่องเล่าต�ำนานมวยไทยของ พระเจ้าเสือ นายขนมต้ม หรือนายทองดีฟัน ขาว เป็นต้นฉบับเช่นกัน จากประสบการณ์ทเี่ คยคุยกับคนรุน่ ใหม่ มี จ� ำ นวนไม่ น ้ อ ยที่ รู ้ จั ก พระเจ้ า เสื อ นายขนมต้ม และนายทองดีฟนั ขาวมาจากละคร ทีวแี ละภาพยนตร์เช่น องค์บาก บางคนหันมา สนใจมวยไทยเพราะภาพยนตร์การ์ตูนอย่าง “9ศาสตรา” และอีกไม่นอ้ ยสนใจมวยไทยเพราะ ได้ชมรายการมวยไทยทีม่ ยี อดนักมวยไทยหลาย คนขึน้ ชกโชว์เชิงมวยไทยต้นฉบับปราบนักมวย ฝรั่งรูปร่างสูงใหญ่หมัดหนัก ปรากฏการณ์มวยไทยแพร่หลายที่ เกิดขึ้นทั้งในและนอกประเทศไทยนั้นนับเป็น แนวทางหนึ่งของการปรับตัวเพื่อเปิดเส้นทาง ใหม่ไปสูเ่ ป้าหมายอืน่ ๆ เช่น อุตสาหกรรมการ ท่องเทีย่ ว สุขภาพ หรือกีฬา กล่าวคือเป็นทาง เลือกหรือทางออกของคนที่อยากจะเข้ามามี ส่วนร่วมกับมวยไทย ส่วนมวยไทยมาตรฐานไทยๆ เองก็มี แนวทางหลักเป็นของตัวเองอยู่แล้วที่จะต้อง
ก้าวต่อไป จุดเด่นของมวยไทยในแบบเวที มาตรฐานที่อาจจะน�ำมาใช้เป็นจุดขายระยะ ยาวๆก็คือ “ความเป็นต้นฉบับ”ดังนั้นความ แพร่หลายของมวยไทยในแบบอื่นๆ ที่เกิดขึ้น มากมายจึงน่าจะเป็นบรรยากาศทีด่ ี หากมวยไทย ต้นฉบับจะหาเหลี่ยมมุมคมๆ แล้วดึงมาใช้ให้ เป็นประโยชน์
สรุปว่า ‘มวยไทย’ เป็นกีฬาหรือศิลปะ ป้องกันตัว?
การรับมวยไทยเข้าเป็น “กีฬาในแผน อุปถัมภ์” ของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล เมือ่ ต้นปี 2560 สร้างความตืน่ เต้น และตืน้ ตัน ใจให้กบั กลุม่ คนทีพ่ ยายามผลักดัน แต่กไ็ ด้เห็น อาการวิตกกังวลจากกลุม่ คนทีอ่ นุรกั ษ์มวยไทย ปะปนอยู่ด้วย ทั้งนักมวย ครูมวย แฟนมวย จนถึงโปรโมเตอร์มวย ทีย่ งั อยากจะเห็นมวยไทย ในแบบ “เดิมๆ” ทั้งนี้เพราะมีบางประเด็น ส�ำคัญไม่ถูกหยิบยกมาเน้นย�้ำเท่าไร จนเกือบ จะมองข้ามไปก็คือ มวยไทยในปัจจุบันเป็น “กีฬา” (sports) หรือ “ศิลปะป้องกันตัว” (martial arts) กันแน่ ประเด็นนี้ส�ำคัญต่อการรับรู้ความ หมายมวยไทยของคนไทยอย่างยิง่ เพราะเป็นก รอบคิดทีจ่ ะช่วยประสานคนสองกลุม่ ดังกล่าว ให้เข้าใจกัน และน�ำไปสูก่ ารยอมรับในทีส่ ดุ ว่า มวยไทยแบบเดิมๆ ไม่ได้สญ ู เสียสถานภาพไป แม้วา่ วันหนึง่ มวยไทย “บางส่วน” จะถูกเปลีย่ น ชื่อไปเป็นอย่างอื่น หรือ “อวัยวุธ” อาทิ ศอก หรือการปล�้ำตีเข่า รวมถึงพิธีกรรมการสวม มงคล ไหว้ครู และปี่มวยอาจจะถูกสั่งห้าม หากวิเคราะห์ตามแนวคิดข้างต้นคง ต้องบอกว่ามวยไทยไม่เคยเป็นกีฬามาตัง้ แต่ยคุ โบราณ ทั้งนี้เพราะมวยไทยยังคงรักษาความ เป็น “ศิลปะป้องกันตัว” เอาไว้นับตั้งแต่ยุค สงครามแบบการต่อสูต้ วั ต่อตัว กระทัง่ เป็นการ ต่อสูบ้ นเวที มวยไทยก็ยงั คงพิษสงอันตรายรอบ ด้านไว้อย่างเหนียวแน่นอาจจะดูว่ามวยไทย เคยผ่านการปรับรูปแบบให้เป็นกีฬามาแล้วบ้าง
แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มกฎกติกา การให้ คะแนน กรรมการ เวที นวม กระจับ ฯลฯ แต่การใช้ “อวัยวุธ” ก็ไม่ได้หายไปไหน และ อันตรายเหมือนเดิม ซึง่ ไม่เข้าข่ายการเป็นกีฬา สมัยใหม่ เมือ่ เทียบกับกีฬาต่อสูช้ นิดอืน่ ๆ เช่น เทควันโด ยูโด มวยสากล หรือมวยปล�้ำ หลักเกณฑ์สำ� คัญในการพิจารณากีฬา สมัยใหม่นั้น อย่างน้อยที่สุดต้องมี 7 ประการ คือ การตัดพิธีกรรมที่เกี่ยวกับความเชื่อ หรือ สิง่ ศักดิสทิ ธิอ์ อกไป ส่งเสริมความเท่าเทียมไป ถึงคนทุกกลุม่ รวมถึงผูห้ ญิงขึน้ เวทีได้ ชกได้ หรือ เป็นกรรมการได้ ต้องมีลกั ษณะเฉพาะตัวทีโ่ ดด เด่นแตกต่างจากกีฬาชนิดอื่นมีเหตุผลเป็น วิทยาศาสตร์ในการซ้อม การแต่งกาย หรือการ พัฒนาศักยภาพตัวนักกีฬา มีระบบการบริหาร จัดการที่ดีมีองค์กรอย่างเป็นทางการดูแลรับ ผิดชอบมีการวัดผลการแข่งขันชี้ขาดที่ชัดเจน โปร่งใส และสุดท้ายสามารถเก็บข้อมูลเป็นสถิติ สนับสนุนการแข่งขัน หลักเกณฑ์ดังกล่าว มวยไทยน่าจะ เข้าข่ายได้ประการเดียวคือ มีลักษณะเฉพาะ ตัวฐานะทีเ่ ป็น “กีฬาเชิงวัฒนธรรม” (cultural sports) เพราะมวยไทยเป็น “ศิลปะป้องกัน ตัว” ทีพ่ จนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานระบุ ว่าเป็น “วิธีการต่อสู้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เฉพาะหน้าเพือ่ ให้ตนเองพ้นภัยได้อย่างงดงาม น่าพึงชม” ด้วยศิลปะแม่ไม้มวยไทย ดังนัน้ หากจะมีหน่วยงานใดพยายาม ผลักดันให้มวยไทยเข้าไปเป็นกีฬาในโอลิมปิก เกมส์มวยไทยก็ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบให้อยู่ ในหลักเกณฑ์กีฬา ซึ่งถึงที่สุดแล้ว มวยไทยใน ส่วนที่ฝ่ายอนุรักษ์อยากให้ด�ำรงอยู่ก็คงไม่ได้ เปลี่ยนแปลงอะไรไปมากนัก ขณะที่มวยไทย ที่จะพัฒนาไปเป็นกีฬา ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ ทีจ่ ะช่วยขยาย และเผยแพร่ออกไปเป็นเศรษฐกิจ เชิงสร้างสรรค์ที่ต่างฝ่ายต่างท�ำหน้าที่ของตัว เองคนละไม้คนละมือ ทิฆัมพร เอี่ยมเรไร
สรุปว่า ‘มวยไทย’ เป็นกีฬาหรือศิลปะป้องกันตัว?
ต้อนรับฟุตบอลโลก2018
ด้วยมังงะสร้างแรงบันดาลใจ : ในโลกแห่งความเป็นจริงที่เหนือกว่าซึบาสะ
ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศญี่ปุ่นสิ่งแรกที่เราจะนึกถึงตัวตนและวัฒนธรรมอันดีงามของที่นี่คงไม่พ้น ด้านความมีระเบียบวินัยของประชาชน และชื่อเสียงด้านอาหารทะเลที่เรียกได้ว่าเป็นสินค้าท�ำเงินให้ กับแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้อย่างมหาศาล แต่สินค้าส่งออกอีก 1 อย่าง ที่สร้างชื่อและท�ำเงินให้กับพี่ยุ่น แบบกระฉ่อนโลกไม่แพ้กันนั่นก็คือ การ์ตูนช่อง หรือที่เรียกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า ‘มังงะ’ ซึ่งก็มีให้อ่าน มากมายหลายแนวและยังมีมังงะอีกหลายต่อหลายเรื่องที่สร้างคุณประโยชน์ในแง่ของการสร้างแรง บันดาลให้กับคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการใช้ชีวิต การท�ำงาน หรือด้านกีฬา โดยเฉพาะมังงะที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับทางด้านกีฬา มีเพียงไม่กี่เรื่องเท่านั้นที่มีพลังสร้างแรง บันดาลใจให้กับคนที่อ่านมันได้เสมอไม่ว่าจะผ่านไปนานกี่ปีแล้วก็ตาม ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องที่มีคุณสมบัติ ดังกล่าวนี้ 1 ในนั้นจะต้องมีมังงะที่ชื่อว่า กัปตันซึบาสะ เข้ามาติดโผด้วยอย่างแน่นอน ด้วยความที่เป็น การ์ตูนฟุตบอลยอดฮิตตลอดกาล และมีสถานะอยู่ในขั้นที่เรียกว่าเป็น ‘การ์ตูนสร้างชาติ’ เพราะหลัง จากที่มันถูกตีพิมพ์ออกสู่สาธารณะชนครั้งแรกในนิตยสาร Weekly Shonen Jump เมื่อปี ค.ศ.1981 กัปตันซึบาสะก็สร้างกระแสความนิยมต่อกีฬานี้ทันตาเห็นนั่นก็คือ ท�ำให้กีฬาฟุตบอลได้รับความนิยม จนแทบจะแซงเบสบอล และซูโม่ขนึ้ เป็นกีฬาอันดับ 1 ของประเทศไปในทันที แม้วา่ ในขณะนัน้ ฟุตบอล ทีมชาติญี่ปุ่นจะยังไม่เก่งเท่าปัจจุบันนี้และยังไม่เคยไปฟุตบอลโลกแม้แต่ครั้งเดียว แต่แรงบันดาลใจที่ ถูกสร้างขึ้นมาด้วยอิทธิพลของกัปตันซึบาสะตามที่กล่าว ท�ำให้ 17 ปีต่อมาในฟุตบอลโลกปี 1998 ทีจ่ ดั ขึน้ ณ แดนน�ำ้ หอมฝรัง่ เศสมีชอื่ ของญีป่ นุ่ ติดไปสูศ้ กึ ด้วยเป็นครัง้ แรกในประวัตศิ าสตร์และหลังจาก ฟุตบอลโลกครัง้ นัน้ เป็นต้นมา ญีป่ นุ่ ก็ไม่เคยหลุดโผทีมทีไ่ ด้ไปร่วมศึกฟุตบอลโลกอีกเลย คนญีป่ นุ่ ยอมรับ กันอย่างเต็มใจว่าการ์ตนู เรือ่ งนีเ้ ป็นแรงผลักดันทีส่ ำ� คัญอย่างยิง่ ยวดของชาติ และยังมีอทิ ธิพลส่งต่อแรง บันดาลใจให้นักฟุตบอลญี่ปุ่นรวมถึงนักฟุตบอลประเทศอื่นอยากเก่งและก้าวไปสู่ระดับโลกเหมือนกับ ที่ซึบาสะเคยท�ำไว้ในการ์ตูนเช่นเดียวกัน หากเราลองมองย้อนกลับไปจากประวัติศาสตร์ฟุตบอลในโลกของความเป็นจริงที่ผ่านมา นักเตะที่มีความสามารถที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นที่ 1 ของโลกเป็นเอกฉันท์ หรือซึบาสะตัวจริงเสียง จริงประจ�ำแต่ละช่วงยุคสมัยนั้นมักจะมีเพียงคนเดียวแบบโดดๆ ยกตัวอย่าง ในช่วงทศวรรษที่ 1950 – 60 ก็จะมีดิ สเตฟาโน่ ขุนพลต�ำนานแห่งโลส บลังโกสผู้น�ำพาเรอัล มาดริดเป็นทีมชั้นน�ำของโลกตั้งแต่ยุคตั้งไข่ถ้วยสโมสรยุโรป ทศวรรษที่ 1960 - 70 ถัดมาโลกลูกหนังทัง้ ใบล้วนยอมรับความเป็นทีส่ ดุ ของไข่มกุ ด�ำแห่งบราซิล อย่างเปเล่ 1 ในผู้น�ำพาชาติแซมบ้าคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกถึง 3 สมัยในช่วงเวลาเพียง 12 ปี ซึ่งในยุคนี้ ฟุตบอลโลกเริ่มมีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์แล้วท�ำให้เปเล่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลกทั้งจากหน้าตาและลีลา ลูกหนังของเขา ทศวรรษที่ 1970 - 80 ยุคของนักเตะเทวดาแห่งกังหันสีส้ม โยฮัน ครัฟฟ์ ที่มาพร้อมกับ Total Football ศาสตร์ลูกหนังบันลือโลก ทศวรรษที่ 1980 - 90 ยุคนีถ้ งึ แม้วา่ จะมียอดนักเตะทีม่ คี วามสามารถมากมายไม่วา่ จะเป็น มิเชล พลาตินี่ มาร์โก แวนบาสเท่น โลธาร์ มัทเธอุส แต่ถงึ กระนัน้ ทุกคนล้วนยกย่องให้นกั เตะทีช่ อื่ ดิเอโก้ มา ราโดน่า อยู่ในสถานะพระเจ้าของลูกหนังทิ้งห่างคนอื่นแทบทั้งสิ้น หรือในทศวรรษที่ 1990 - 2010 ร่วม 20 ปีก็มีสุดยอดนักฟุตบอลที่เฉิดฉายมากมายเช่น ซีเนดีน ซีดาน โรนัลโด้ หลุยส์ ฟิโก้ โรนัลดินโญ่ ซึ่งแต่ละคนก็มีช่วงเวลาที่ดีที่สุดของตัวเองแบบผลัดๆกันไป แต่กับทศวรรษที่ 2010 เป็นต้นมา พระเจ้าได้ส่งราชันลูกหนังคนใหม่มาจุติโดยที่ไม่มีนักเตะคน ไหนสามารถเข้ามาเบียดสถานะตรงนี้ได้เลย และประเด็นก็คือพระเจ้าไม่ได้ส่งมาแค่เพียงคนเดียว แต่ส่งมา 2 คนพร้อมกันเสียด้วย
๕
แม้กระทัง่ ในช่วง 10 ปีหลังสุด สถานะความเป็นที่ 1 ในโลกลูกหนังเป็นของคนเพียง 2 คนเท่านัน้ คือ เมสซี่ และ โรนัลโด้ ดูได้จากการที่รางวัลบัลลงดอร์ที่การันตีความเป็นที่สุดของนักเตะช่วง 10 ปี หลังสุด ตั้งแต่ปี 2008 - 2018 เป็นต้นมา ถูกเหมาโดย 2 คนนี้ทั้งหมดโดยแบ่งเป็นคนละ 5 สมัยเท่า กัน แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดปัญหาโลกแตกตามมาอีกอย่างตามมาในหมูม่ วลแฟนฟุตบอลทัว่ โลก ทีม่ า ถกเถียงกันประจ�ำว่าระหว่างเอเลีย่ นแห่งอาร์เจนตินา่ และยอดมนุษย์เมโทรเซ็กชวลโปรตุกสี ใครกันแน่ ทีเ่ ก่งทีส่ ดุ เพราะต�ำแหน่งนักเตะอันดับ 1 ของโลกแบบไร้ขอ้ กังขานัน้ ควรทีจ่ ะมีเพียงคนเดียว เข้าข่าย ว่าเสือสองตัวอยูถ่ ำ�้ เดียวกันไม่ได้ และแผ่นดินจะต้องมีราชันเพียงองค์เดียว โลกนีจ้ ะต้องมีซบึ าสะเพียง คนเดียวอะไรประมาณนั้น แต่ความสามารถทีท่ งั้ คูไ่ ด้แสดงออกมาให้เห็นในฟลอร์หญ้ามันก็ตดั สินยากจริงๆนัน่ แหละว่าใคร กันแน่สมควรที่จะเป็นอันดับ 1 ตัวจริงเสียงจริงประจ�ำศักราชนี้ อย่างสถิติฟุตบอลหฤโหดหลายๆต่อ หลายอย่างทีอ่ ยูย่ งคงกระพันมานานบนโลกใบนีแ้ ละคนส่วนใหญ่กค็ งคิดว่าไม่มใี ครท�ำลายได้ ดันมาถูก ท�ำลายด้วยฝีเท้าของ 2 คนนีแ้ ทบทัง้ สิน้ และถ้าหากจะพูดถึงในสไตล์การเล่น 2 คนนีก้ แ็ ตกต่างกันอย่าง สิ้นเชิงอีก คนหนึ่งเต็มไปด้วยลีลาแพรวพราว เลี้ยงบอลเหมือนใช้มือเล่น ยิงประตูแม่นย�ำ และมีวิสัยทัศน์ ทีก่ ว้างไกลในการท�ำเกมส์เป็นได้ทงั้ กองกลางและกองหน้า การเลีย้ งหลบผูเ้ ล่น 4-5 คนเป็นเรือ่ งธรรมดา ไปแล้วส�ำหรับเขา เรียกได้กว่าถ้าเป็นอาหารก็คงเป็นรสชาติอูมามิ กลมกล่อมลงตัวสมบูรณ์แบบ ส่วนอีกคนเต็มไปด้วยพละก�ำลังประดุจซุปเปอร์แมนตัวจริงในโลกมนุษย์ก็ไม่ปาน ลูกยิงไดรฟ์ชู้ตที่ยิง แล้วเหมือนจะโด่งขึน้ ไปบนอัฒจันทร์แต่สดุ ท้ายย้อยกลับมาเข้าประตูทเี่ ราจะเห็นได้เฉพาะเวลาอ่านใน หนังสือการ์ตูนเท่านั้น แต่คนๆ นี้กลับท�ำได้ สัญชาตญาณความกระหายเลือดในกรอบเขตโทษ ท�ำให้ เขาท�ำประตูได้มากกว่านัดที่ลงมาหลายปีทั้งๆที่เล่นปีกไม่ใช่ศูนย์หน้าอาชีพ หากจะเทียบเป็นอาหารก็ คงจะมีรสชาติที่จัดจ้านถึงใจ แถมคนหนึง่ อยูบ่ าร์เซโลน่า อีกคนหนึง่ อยูเ่ รอัล มาดริด ทีเ่ ป็นยอดอริตวั เป้งซึง่ กันและกันและยัง เป็นมหาอ�ำนาจลูกหนังโลกแข่งความส�ำเร็จกันมาทุกยุคสมัย ทุกสิง่ ทุกอย่างมันช่างบังเอิญเหมาะเจาะ ให้ทั้งคู่เป็นคู่แข่งทางด้านฟุตบอลที่สมน�้ำสมเนื้อที่สุดเท่าที่เคยมีฟุตบอลมา “ทั้ง โรนัลโด้ และ เมสซี จะยังไม่ปรากฏในหนังสือการ์ตูนกัปตันซึบาสะและอาจจะไม่ปรากฏตัวเลย ก็ได้ เพราะสิ่งที่ทั้งคู่ท�ำในชีวิตจริงมันเหนือจินตนาการในการ์ตูนไปแล้ว” โยอิจิ ทากาฮาชิ ผู้เขียนกัปตันซึบาสะได้เป็นคนกล่าวด้วยตัวเอง ในคราวที่สื่อกีฬาชื่อกระฉ่อน โลกของสเปนอย่าง As ได้เข้ามาขอสัมภาษณ์เขาแบบเอ็กซ์คลูซีฟถึงบ้านแบบจุใจเมื่อประมาณปลาย ปี 2016 ที่ผ่านมา ค�ำพูดของนักเขียนการ์ตูนวัยเก๋าชาวยุ่นมากประสบการณ์ผู้นี้เป็นอีกเสียงหนึ่งที่ ก�ำลังจะสือ่ ว่า ‘แค่เกิดมาและได้มโี อกาสทันดูยอดมนุษย์ทงั้ 2 คนนีเ้ ล่นฟุตบอลแบบสดๆนัน้ ก็โชคดีแค่ ไหนแล้ว’ เป็นการตอบปัญหาโลกแตกแทนคอบอลทั่วโลกได้เป็นอย่างดีเลยว่าไหมทุกท่าน เพราะจะ ไปเสียเวลาเถียงกันในเรือ่ งนีท้ ำ� ไม สูเ้ อาเวลาไปดู 2 คนนีเ้ ล่นให้มคี วามสุขสมกับทีเ่ ป็นแฟนบอลตัวจริง ดีกว่า จากเก่งเหมือนซึบาสะกลายเป็นเก่งเหมือนเมสซี่และโรนัลโด้บุคคลเหล่านี้ล้วนเป็นกลไกส�ำคัญ ในการสร้างแรงบันดาลใจให้กบั โลกใบนี้ จงอย่ามองข้ามค�ำว่า แรงบันดาลใจ เพราะไม่แน่สกั วันคุณอาจ จะประสบความส�ำเร็จเหมือนคนเหล่านี้ รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ให้โลกใบนี้สวยงาม มากกว่าเดิมด้วยตัวคุณ เพราะตัวคุณเองก็อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ ในอนาคตก็เป็นได้
๖ อิทธิพลที่ส่งถึงกันระหว่าง โลกการ์ตูนและโลกแห่งความจริง
การแข่งขันกีฬาระดับโลกอย่างฟุตบอลโลก 2018 ก�ำลัง ใกล้เข้ามาแล้ว นัน่ หมายถึงบรรยากาศของการเชียร์กฬี าก�ำลังจะกลับ มาคึกคักอีกครัง้ ดังจะเห็นจากปีทผี่ า่ นมาว่ามักพบสีสนั การเชียร์ทสี่ ร้าง ขึ้นโดยบรรดากองเชียร์จากประเทศต่างๆ ทัว่ โลก ในปี 2020 ก็ก�ำลังจะมีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกขึ้นเช่นกัน โดยจะจัดขึ้นที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งอาจได้เห็นสีสันที่ถูกสร้าง ขึน้ จากเจ้าภาพบ้าง เพราะได้มกี ารเปิดเผยการแต่งตัง้ แอมบาสเดอร์โดย ใช้เหล่าตัวการ์ตูนของญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยม ประกอบด้วย โย จิบันยัน จากเรือ่ งโยไก วอช ,โกคู จากเรือ่ งดราก้อนบอล, ลูฟ่ี จากเรือ่ งวันพีซ ,นา รูโตะ ,พริตตี้ เคียว ,เซเลอร์มนู ,ชินจัง และแอสโตรบอย ท�ำให้แฟนกีฬา อดคาดหวังสีสันในพิธีเปิดจากเจ้าภาพอย่างญี่ปุ่นไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือ “อาเบะ ชินโซ” นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นก็เคยปรากฏตัวในชุดของมาริ โอ้ พร้อมกับตัวการ์ตนู อืน่ ๆ อย่างโดราเอม่อน กัปตันซึบาสะ และHello Kitty จนสร้างความฮือฮาไปทั่วโลกในพิธีปิดกีฬาโอลิมปิกปี 2014 ณ เมืองรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิลมาแล้ว ประเทศญีป่ นุ่ ขึน้ ชือ่ ในเรือ่ งของการ์ตนู ซึง่ สร้างชือ่ เสียงไปทัว่ โลก ด้วยเหตุนี้เองท�ำให้ญี่ปุ่นเลือกใช้ตัวการ์ตูนที่ได้รับความนิยมเพื่อ กระตุ้น หวังให้คนทั่วโลกให้ความสนใจโอลิมปิกที่ญี่ปุ่น รวมถึงหวังเพิ่ม ยอดขายของทีร่ ะลึกซึง่ ใช้ตวั การ์ตนู เป็นโลโก้สนิ ค้าประจ�ำการแข่งขันอีก ด้วย จึงแสดงให้เห็นว่าการ์ตูนอาจส่งผลต่อสังคมได้มากกว่าที่คิด โดย การ์ตูนประเภทกีฬาที่น่าจะเข้ากับการแข่งขันโอลิมปิกมากกว่าเองก็ส่ง ผลต่อโลกในความเป็นจริงด้วย ซึง่ ไม่ใช่เพียงสังคมญีป่ นุ่ เท่านัน้ ทีไ่ ด้รบั อิทธิพลจากการ์ตนู และอีกด้านหนึง่ คือการ์ตนู เองก็อาจเกิดขึน้ จากอิทธิพล ของโลกแห่งความจริงเช่นกัน Captain Tsubasa เจ้าหนูสิงห์นักเตะ เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มชื่อ โอโซระ ซึบาสะ ที่ผูกพันกับ ฟุตบอลตั้งแต่เกิดจากการช่วยให้รอดตายเพราะลูกฟุตบอลช่วยรับแรง กระแทกแทน ท�ำให้เขานับว่าฟุตบอลเป็นเพื่อนรักตั้งแต่นั้นมา นอกจา กนี้ซึบาสะยังได้รับแรงบันดาลใจจากอดีตนักบอลทีมชาติบราซิลอย่าง โรแบรโต้ ฮอนโก้ ในการตั้งใจฝึกซ้อมเพื่อที่จะชนะการแข่งขันให้จงได้ กัปตันซึบาสะเป็นการ์ตูนที่ช่วยส่งเสริมให้วงการฟุตบอลของญี่ปุ่นก้าว กระโดดอย่างมหาศาล เพราะท�ำให้เด็กๆ ชาวญี่ปุ่นออกมาเล่นฟุตบอล มากขึน้ และนักฟุตบอลญีป่ นุ่ หลายต่อหลายคนได้ออกมายอมรับว่าเป็น เพราะการ์ตูนเรื่องนี้จึงท�ำให้ตนมีวันนี้ได้ สิ่งที่ยืนยันได้ว่าการ์ตูนเรื่องนี้ แผ่ขยายมาสู่โลกความเป็นจริงมากขึ้นก็คือมีทีมฟุตบอลบางทีมเปลี่ยน ชือ่ ไปเป็น สโมสรนันคัทสึ เอสซี ซึง่ เป็นชือ่ ทีมของกัปตันซึบาสะ หรือแม้ ในสวนสาธารณะบางแห่งยังได้ตงั้ รูปหล่อจ�ำลองของกัปตันซึบาสะไว้ดว้ ย ไม่ใช่แค่นักฟุตบอลในญี่ปุ่นเท่านั้นที่เป็นแฟนการ์ตูนเรื่องนี้ เพราะนักฟุตบอลระดับโลกอีกหลายคนอย่างเฟอร์นันโด ตอร์เรส, ฮาเมส โรดริเกซ, เมซุต โอซิล, เนย์มาร์, การีม แบนเซมา, ฟรานเชสโก้ ต็อตติ, เธียร์รี่ อองรี, อเล็กซานโดร เดล ปีเอโร่ รวมถึงลิโอเนล เมซซี่ ต่างก็ได้รับอิทธิพลจากการชมการ์ตูนเรื่องนี้ด้วยกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะ ตอร์เรสทีอ่ อกปากว่าแรงบันดาลใจส�ำคัญของตนก็คอื การ์ตนู เรือ่ งกัปตัน ซึบาสะนั่นเอง นอกจากกัปตันซึบาสะจะส่งอิทธิพลต่อคนในโลกแห่งความ จริงแล้ว อีกด้านหนึ่งการ์ตูนเรื่องนี้ก็ได้รับอิทธิพลจากโลกความจริงเช่น กัน เมือ่ โยอิชิ ทาคาฮาชิ ผูว้ าดการ์ตนู กัปตันซึบาสะได้วาดตัวละครไทย ลงในการ์ตูนภาคเยาวชน โดยในช่วงนั้นทีมชาติไทยเป็นทีมชั้นน�ำของ เอเชียและสูสีกับญี่ปุ่น ซึ่งในการ์ตูนญี่ปุ่นเป็นฝ่ายชนะไปอย่างเฉียดฉิว
ในการแข่งขันฟุตบอลโลก2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย โยอิชิ ทาคาฮาชิ ยังได้วาดภาพตัวละครกองหน้าของทีมชาติไทยในเรือ่ ง อย่าง ฟ้าลั่น และแท็กอินสตาแกรมถึง “ธีรศิลป์ แดงดา” ศูนย์หน้าทีม ชาติไทย ซึง่ เคยเปิดเผยว่าประโยคในการ์ตนู ทีว่ า่ “เราต้องเป็นเพือ่ นกับ ลูกฟุตบอลก่อน” ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจส�ำคัญของตน เช่นเดียวกับ ภาพของพระเอกในเรื่องอย่าง กัปตันซึบาสะ ที่ถูกติดแท็กชื่อของ “ชินจิ คางาวะ” เพลเมคเกอร์ทีมชาติญี่ปุ่น ซึ่งว่ากันว่าทั้งคู่ต่างเป็นต้น แบบของตัวละครทั้งสองดังกล่าว Slam Dunk เรือ่ งเล่าถึง ซากุรางิ ฮานามิจิ ทีเ่ พิง่ ย้ายโรงเรียนและได้รบั การ ชักชวนให้เขาร่วมชมรมบาสเกตบอล แต่ชวี ติ นักบาสเกตบอลนัน้ ก็ไม่ราบ รืน่ สักเท่าไร เพราะนอกจากจะฝึกหนักและไม่สามารถใช้ทา่ ดังก์ทตี่ นเอง ต้องการแล้วตัวซากุรางิเองก็ไม่ถกู ชะตากับเพือ่ นร่วมทีมหลายคน แต่ดว้ ย เหตุการณ์ตา่ งๆท�ำให้ทงั้ หมดต้องผนึกก�ำลังเพือ่ สานฝันในการพิชติ ชัยชนะ ทัว่ ประเทศให้จงได้ การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากเหตุการณ์ในขณะ นัน้ ซึง่ เป็นช่วงทีบ่ าสเกตบอลฝัง่ NBA (ลีกบาสเกตบอลอาชีพในอเมริกาเหนือ) ก�ำลังเป็นกระแส โดยเนื้อเรื่องและตัวละครต่างๆได้รับอิทธิพลจากนัก บาสเกตบอลในยุคนั้นค่อนข้างมาก ที่เห็นได้ชัดคือท่าชู้ตลูกโทษของตัว ซากุรางิเองก็มีนักบาสเกตบอลอย่าง Rick Barry เป็นต้นแบบ และในยุค นั้นเองการ์ตูนเรื่องนี้ก็ท�ำให้เด็กผู้ชายโดยเฉพาะในเอเชียหันมาเล่น บาสเกตบอลกันมากขึ้น แม้ความสนใจต่อบาสเกตบอลจะมากขึ้นแต่ก็ยังไม่ใช่กีฬาที่ นิยมนักในญีป่ นุ่ แต่ถงึ กระนัน้ ตัง้ แต่ปี 2007 อิโนอุเอะ ทาเคฮิโกะ ผูว้ าด การ์ตูนเรื่องนี้ได้เปิดแจก “ทุนการศึกษา Slam Dunk” เพื่อให้นักเรียน ญีป่ นุ่ ทีม่ คี วามสามารถด้านบาสเกตบาลไปศึกษาต่อรวมถึงสร้างชือ่ เสียง และผลงานที่อเมริกาด้วย เพราะมองว่าในญี่ปุ่นโอกาสดีส�ำหรับนัก บาสเกตบอลนั้นมีน้อยเหลือเกิน ส�ำหรับบริษัทผลิตรองเท้าและแฟนการ์ตูนทั่วโลกอาจไม่คิด เช่นนั้น เพราะนอกเหนือจากเนื้อหาที่สนุกเร้าใจ เต็มไปด้วยมนต์ขลังที่ น�ำมาเป็นแรงบันดาลใจให้กบั ผูอ้ า่ นแล้ว อีกประเด็นทีถ่ กู พูดถึงอย่างมาก คือ รองเท้า sneakers ที่ตัวละครในเรื่องใช้ได้ครองใจวัยรุ่นไปตามๆกัน และรองเท้า sneakerhead รุน่ เก่าส่วนใหญ่ลว้ นมีจดุ เริม่ ต้นจากการ์ตนู เรือ่ งนีเ้ ช่นกัน ซึง่ รองเท้าทีป่ รากฏอยูใ่ นการ์ตนู และมีการผลิตขึน้ จริง ได้แก่ Converse ERX 360, Air Jordan V “Fire Red”, Air Jordan I “Bred”, Air Jordan VI “White Infrared” และASICS Tiger SL Meridien Hight โดยบางรุ่นหาซื้อได้ยากแล้วในปัจจุบัน นอกจาก Slam Dunk จะสร้างแรงบันดาลให้อยากเล่น บาสเกตบอลเก่งเหมือนตัวละครในเรือ่ งแล้ว แต่ยงั รวมถึงในแง่ของแฟชัน่ ทรงผมด้วย เมือ่ มือกลองและนักร้องน�ำของวง Tokio ในญีป่ นุ่ ได้เปิดเผย ว่าทรงผมของตนได้รับแรงบันดาลใจจากตัวละคร เซ็นโด อากิระ จาก เรื่อง Slam Dunk นั่นเอง Prince Of Tennis เจ้าชายลูกสักหลาด เรือ่ งราวของ เอจิเซ็น เรียวมะ ทีย่ า้ ยเข้ามาศึกษาชัน้ มัธยมต้นที่ โรงเรียนทีม่ ชี อื่ เสียงด้านเทนนิส ซึง่ ตัวเขาเองเป็นทายาทของนักเทนนิสทีไ่ ด้ ขึน้ ชือ่ ว่าเป็นต�ำนานของเรือ่ ง เรียวมะเข้าร่วมชมรมเทนนิสของโรงเรียนได้ไม่ นานก็ไต่เต้าขึน้ เป็นนักกีฬาตัวจริงทีเ่ ป็นเด็กปี1คนแรกของชมรมและยังได้พา คนในทีมคว้าชัยชนะจากการแข่งขันเทนนิสครัง้ แล้วครัง้ เล่า ด้วยตัวเนือ้ เรือ่ ง มีความโดดเด่นอยูท่ ที่ า่ ไม้ตายของตัวละครทีอ่ าจจะเรียกว่าเหนือมนุษย์ไปสัก
นิด แต่กส็ อดแทรกเรือ่ งราวดีๆ อยูไ่ ม่นอ้ ย และในช่วงหนึง่ พระเอกของเรือ่ ง อย่าง เอจิเซ็น เรียวมะ ได้กลายเป็นมาสคอตกลายๆ ของสมาคมเทนนิสญีป่ นุ่ อยูร่ ะยะหนึง่ ด้วย สิง่ ทีแ่ สดงให้เห็นอิทธิพลทีเ่ กิดจากการ์ตนู เรือ่ งนีค้ อื วันวาเลนไทน์ เนือ่ งจากทีญ ่ ปี่ นุ่ มีธรรมเนียมทีห่ ญิงสาวจะมอบช็อกโกแลตให้กบั ชายหนุม่ แต่นนั่ รวมถึงชายหนุม่ ทีอ่ ยูใ่ นโลกการ์ตนู ด้วย ดังนัน้ เทศกาลวาเลนไทน์จงึ ถือ ได้วา่ เป็นเทศกาลวัดความนิยมของตัวละครชายในเรือ่ ง Prince Of Tennis เลยทีเดียว ซึง่ ต้นสังกัดของการ์ตนู เรือ่ งนีอ้ ย่างนิตยสาร Jump Square ต้องเผชิญกับกองขนมหวานขนาดมหึมาจนต้องเช่าห้องเพือ่ เก็บช็อกโกแลต โดยเฉพาะ และผูว้ าดการ์ตนู เรือ่ งนีอ้ ย่าง ทาเคชิ โคโนมิ ต้องออกมากล่าวกับ แฟนการ์ตนู ว่า “เอากันพอประมาณนะ” แต่การที่ Prince Of Tennis ชนะใจแฟนคลับสาวๆ ได้อย่าง ล้นหลามก็เป็นข้อดี เพราะเมือ่ ครัง้ ทีเ่ กิดธรณีพบิ ตั ขิ นึ้ ณ จังหวัดคุมาโมโต้ ประเทศญีป่ นุ่ ผูว้ าดการ์ตนู เรือ่ งนีจ้ งึ ได้จดั คอนเสิรต์ ซึง่ เป็นการร้องเพลงร่วม กันระหว่างตนเองและตัวการ์ตนู จาก Prince Of Tennis ในรูปแบบสามมิติ จ�ำนวน 7 รอบใน 1 วัน เพือ่ สมทบทุนช่วยเหลือผูป้ ระสบภัยธรณีพบิ ตั ิ ซึง่ ก็ได้เงินช่วยเหลือไปเป็นจ�ำนวนมาก Yuri!!! On Ice เป็นเรือ่ งราวของ คัตสึกิ ยูริ ทีไ่ ด้แรงบันดาลใจการเล่นสเก็ตลี ลาจากนักสเก็ตชาวรัสเซียอย่าง วิกเตอร์ นิกิฟอรอฟ จนสามารถเข้ามา เป็นตัวแทนนักกีฬาทีมชาติญปี่ นุ่ ได้ ต่อมาก็มเี หตุทำ� ให้คตั สึกเิ ริม่ มีความ คิดทีจ่ ะวางมือ แต่เมือ่ ได้พบไอดอลของเขาทีเ่ สนอตัวเป็นโค้ชเพือ่ ช่วยให้ ตัวเขาสามารถคว้าแชมป์ได้สำ� เร็จ การฝึกฝนของคัตสึกเิ พือ่ ไล่ตามความ ฝันจึงได้เริ่มต้นขึ้น การ์ตูน Yuri!!! On Ice ได้สร้างสีสันให้กับการแข่งขันฟิกเก อร์สเก็ตในกีฬาโอลิมปิก2018 ณ เมืองพยองชาง ประเทศเกาหลีใต้ โดย ในโปรแกรมคู่ชายหญิง นักกีฬาทีมชาติญี่ปุ่นได้เลือกใช้เพลง Yuri!!! On Ice เพลงประกอบจากการ์ตนู ชือ่ เดียวกัน แทนทีจ่ ะใช้เพลงคลาสสิกตาม รอยทีมชาติอื่นๆ ซึ่งกลายเป็นว่าสามารถเรียกความสนใจจากนักกีฬา หลายๆคนรวมถึงแฟนการ์ตนู ทีไ่ ม่ได้ตดิ ตามการแข่งขันโอลิมปิกได้มากมาย ยิง่ ไปกว่านัน้ คือการ์ตนู เรือ่ งนีไ้ ด้สร้างประวัตศิ าสตร์ให้กบั วงการ เมื่อหนังสือที่รวบรวมเพลงที่ใช้ในการประกอบการแข่งขันสเก็ตน�้ำแข็ง ลีลา ได้บรรจุเพลง Yuri!!! On Ice ทีเ่ ป็นเพลงประกอบการ์ตนู ชือ่ เดียวกัน เอาไว้ดว้ ย โดยเพลงดังกล่าวอยูใ่ นรายชือ่ เพลงล�ำดับที่ 25 ซึง่ หนังสือเล่ม นี้จะบรรจุเพลงที่นักแข็งระดับโลกใช้ในการแข่งขันสเก็ตจริงๆ และไม่ เคยมีเพลงประกอบการ์ตูนเรื่องใดปรากฎอยู่ในหนังสือมาก่อน นอกจากจะแสดงถึงความหลงใหลในการเล่นสเก็ตแล้ว ตัว ละครในเรื่องต่างก็มีต้นแบบมาจากนักสเก็ตลีลาในชีวิตจริงเช่นกัน ซึ่งมี นักสเก็ตลีลาจากประเทศไทยอย่าง พิชติ จุฬานนท์ เป็นหนึง่ ในตัวละคร ของเรือ่ งด้วย อีกทัง้ ยังเผยให้เห็นสถานทีส่ ำ� หรับฝึกซ้อมจริงๆ ของนักกีฬา ทีมชาติไทยอย่างลานสเก็ตน�ำ้ แข็ง อิมพีเรียล เวิลด์ ไอซ์สเก็ตติง้ ทีอ่ มิ พีเรียล ส�ำโรง สร้างความฮือฮาให้แฟนการ์ตนู ชาวไทยอย่างมากจนท�ำให้เกิดเป็น แฮชแท็ก #พิชิตบริโภค ในทวิตเตอร์อีกด้วย Yowamushi Pedal โอตาคุน่องเหล็ก เด็กหนุม่ ชือ่ โอโนดะ ซากามิจิ เป็นคนไม่มเี พือ่ นและไม่ชอบกีฬา เพราะมองว่าคนในชมรมกีฬาท่าทางป่าเถือ่ น แต่เขาเป็นคนทีช่ นื่ ชอบการ์ตนู มาก จึงตัง้ ใจจะหาเพือ่ นจากชมรมอนิเมะและมังงะ ทว่าชมรมดังกล่าวกลับถูก ยุบไปแล้ว เรือ่ งราวถึงจุดพลิกผันเมือ่ มีคนเห็นทักษะการปัน่ จักรยานของซากา มิจทิ ปี่ น่ั ผ่านทางลาดชันทีข่ รุขระไปกลับกว่า 90 กิโลเมตร ซากามิจจิ งึ ได้ถกู ท้า
๗ นิสิตจากสามศาสตร์ เขา “เรียนหนังสือ” กันอย่างไร ดวล และเหตุการณ์ตอ่ จากนัน้ ก็ทำ� ให้เขาตัดสินใจเข้าชมรมจักรยานในทีส่ ดุ การ์ตนู เรือ่ งนีม้ สี ว่ นท�ำให้วงการจักรยานญีป่ น่ ุ คึกคักมากขึน้ เพราะ มีสาวๆ ทีเ่ ป็นแฟนการ์ตนู ต่างพากันซือ้ จักรยานและอุปกรณ์ขบั ขีจ่ กั รยานเพิม่ ขึน้ เป็นจ�ำนวนมากโดยเน้นไปทีย่ หี่ อ้ และอุปกรณ์ตามความชอบของตน แต่ยหี่ อ้ Pinarello ซึง่ น�ำเข้าจากอิตาลีทตี่ วั ละครในเรือ่ งอย่าง นารุโกะ โชคิจิ ใช้ขี่ มียอด จ�ำหน่ายจากหญิงสาวมากทีส่ ดุ ในเวลาต่อมาชือ่ ของตัวละคร โทโด จินปาจิ จากเรือ่ งเดียวกันก็ได้ถกู ใช้เพือ่ โปรโมทจักรยานยีห่ อ้ Ridley เช่นกัน นอกจากตัวละครในเรือ่ งจะถูกน�ำมาใช้โปรโมทจักรยานแล้ว การ์ตนู เรือ่ งนีย้ งั ได้ผนึกก�ำลังร่วมกับบริษทั รองเท้าชือ่ ดัง Reebok ในการผลิตรองเท้า สนีกเกอร์ ซึง่ ออกมาในชือ่ รุน่ ว่า Furylite โดยจะมีความพิเศษตรงสีของรองเท้า ทีถ่ กู แบ่งออกเป็น 2 สีตามสีชดุ ยูนฟิ อร์มโรงเรียนในเรือ่ ง เมือ่ พูดถึงแรงบันดาลใจในชีวติ จริงทีท่ ำ� ให้เกิดเป็นการ์ตนู เรือ่ งนีข้ นึ้ มานัน่ ก็คอื ตัวผูเ้ ขียนเรือ่ งนีอ้ ย่าง วาตานาเบะ วาตารุ ซึง่ เป็นคนทีน่ ยิ มการขี่ จักรยานคนหนึง่ เช่นกัน ไม่เพียงชอบขีจ่ กั รยานเท่านัน้ เขายังเป็นผูจ้ ดั การทีม จักรยาน Yowamushi Pedal Cycling Team ซึง่ เป็นชือ่ ทีมในการ์ตนู ของเขา นัน่ เอง Hikaru no Go ฮิคารุเซียนโกะ การ์ตนู ทีค่ นในปัจจุบนั อาจไม่รจ้ ู กั หรือลืมเลือนไปบ้างแล้ว ก็คอื การ์ตนู เกีย่ วกับการแข่งขันหมากล้อมเรือ่ งนี้ ทีแ่ ม้จะไม่มกี ารใช้กำ� ลังกายแต่กน็ บั ว่าเป็น กีฬาทีใ่ ช้กำ� ลังสติปญั ญา เรือ่ งราวเล่าถึงเด็กประถมทีซ่ กุ ซนอย่าง ฮิคารุ ซึง่ ไปพบ กระดานหมากล้อมเปือ้ นเลือดในห้องเก็บของเข้า ทันทีทมี่ อื ของเขาแตะทีก่ ระดาน เขาก็โดนผีนกั หมากล้อมในอดีตกาลชือ่ ฟูจวิ าระ โนะ ซาอิ ทีม่ คี วามพยายามใน การเกลีย้ กล่องสูง ท�ำให้ฮคิ ารุยอมหัดเล่นหมากล้อมตัง้ แต่นนั้ เป็นต้นมา ย้อนไปหลายสิบปีกอ่ นหากถามว่าหมากล้อมคืออะไรคงมีคนทีร่ จ้ ู กั กีฬาชนิดนีแ้ ทบนับนิว้ ได้ แต่ดว้ ยลายเส้นของการ์ตนู ทีเ่ ฉียบคมและการออกแบบ ตัวละครทีส่ วยงาม ส่งผลให้การ์ตนู เรือ่ งนีไ้ ด้รบั ความนิยมอย่างมากจากแฟนการ์ตนู ท�ำให้กลายเป็นการปลุกกระแสการเล่นโกะหรือทีเ่ รียกว่าหมากล้อมให้เป็นทีร่ จ้ ู กั มากขึน้ ทัง้ ในประเทศญีป่ น่ ุ และต่างประเทศ ความโดดเด่นของการ์ตนู เรือ่ งนีก้ ค็ อื การอ้างอิงถึงนักหมากล้อมชือ่ ดัง ในชีวติ จริง ซึง่ มีการผูกเรือ่ งว่า ตัวของซาอิทเี่ กลีย้ กล่องให้ฮคิ ารุหดั เล่นหมากล้อม นัน้ ทีแ่ ท้จริงแล้วเคยเป็นผูท้ อี่ ยูเ่ บือ้ งหลังความส�ำเร็จของนักหมากล้อมเลือ่ งชือ่ ใน สมัยศตวรรษที่ 18 อย่าง ฮงอินบู ชูซาคุ หรือ ฮองอิงโอ ชูซาคุ ทีน่ กั หมากล้อมทัง้ หลายอาจจะคุน้ หูกนั เป็นอย่างดี นอกจากนีห้ มากล้อมทีป่ รากฏในเรือ่ งล้วนถูกคัดมาจากหมากของมือ อาชีพในการแข่งขันทีเ่ กิดขึน้ จริง รวมถึงสภาพแวดล้อมในการแข่งขัน การพัฒนา ดาวรุง่ รวมถึงการก้าวเข้าสูว่ งการมืออาชีพก็เป็นเช่นนัน้ จริงๆ รวมถึงการแข่งขัน แบบไม่มใี ครกันของญีป่ น่ ุ จีน และเกาหลี โดยเนือ้ หาดังกล่าวมี ยูคาริ อุเมซาวะ 7 ดัง้ ซึง่ เป็นนักเล่นโกะมืออาชีพของญีป่ น่ ุ เป็นทีป่ รึกษาอีกด้วย นอกจากทีก่ ล่าวไปแล้ว ยังมีการ์ตนู อีกมากมายทีม่ เี นือ้ หาเกีย่ วกับ กีฬา เช่น กีฬามวย ก็คอื เรือ่ งก้าวแรกสูส่ งั เวียนหรือโจ สิงห์สงั เวียน กีฬาว่าย น�ำ้ ก็มเี รือ่ ง Free! หรือแม้แต่กฬี าเบสบอลซึง่ เป็นทีน่ ยิ มในญีป่ น่ ุ ก็มเี รือ่ ง Ace of the Diamond และทีก่ ำ� ลังเป็นกระแสไม่นอ้ ยส�ำหรับคอการ์ตนู ก็คอื Haikyuu! ซึง่ เกีย่ วกับกีฬาวอลเลย์บอล แม้ในการ์ตนู กีฬาหลายๆ เรือ่ งจะมีสว่ นทีด่ เู กินจริงไปบ้าง แต่ใน ความเกินจริงนัน้ มีสงิ่ ทีช่ กั น�ำให้เกิดความสนุกสนาน อาจยังมีความเชือ่ ว่าการ์ตนู ไม่ใช่สงิ่ ทีป่ ระเทืองปัญญาหลงเหลืออยู่ แต่การ์ตนู เป็นสิง่ ทีช่ ว่ ยให้ผค้ ู นสามารถ เข้าถึงเรือ่ งทีไ่ ม่เข้าใจได้งา่ ยขึน้ เช่น ในการ์ตนู กีฬาทุกเรือ่ งมักน�ำเสนอกฎการ เล่นกีฬานัน้ ๆ ผ่านตัวละครซึง่ ท�ำให้เข้าใจง่าย หรือแม้แต่ได้รบั รูข้ อ้ มูลแปลก ใหม่ทไี่ ม่เคยรูม้ าก่อน เช่น Yuri!!! On Ice ท�ำให้คนไทยได้รว้ ู า่ สถานทีฝ่ กึ ซ้อม ของนักกีฬาสเก็ตลีลาทีมชาติของไทยอยูท่ อี่ มิ พีเรียลส�ำโรง เป็นต้น
สังคมมักมองว่าแพทยศาสตร์เป็นคณะทีน่ สิ ติ ต้องคร�ำ่ เคร่ง เร่งเรียนตลอดเวลา เรียนหนัก และยากกว่าศาสตร์อื่นๆ หรือนิสิต นิตศิ าสตร์ ก็มกั จะถูกมองว่าเป็นหนอนหนังสือ ต้องอ่านมากกว่าคณะ อืน่ ในขณะทีค่ ณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ก็ถกู มองว่าเต็มไปด้วยคนที่ มีโลกส่วนตัวสูง เป็นตัวของตัวเอง ไม่คอ่ ยสนใจใคร และชอบดืม่ เหล้า วันนี้ข้อสงสัยดังกล่าว “ร่มเสลา” อาสาคลี่คลายให้โดยน�ำตัวแทน นิสติ จากทัง้ 3 คณะ มาพูดคุยกันว่าแท้จริงแล้ว พวกเขาเรียนกันอย่างไร และใช้ชีวิตอย่างที่สังคมได้สร้างภาพให้หรือไม่
การเรียน การสอน เป็นอย่างไร
ส่งไม่ทันมากกว่า แต่ก็มีวิธีแก้ คือเข้าไปคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาว่า งานยังไม่ลงตัวไม่สามารถท�ำงานออกมาให้สมบูรณ์ได้ แล้วค่อยนัด ส่งอาจารย์อีกที
มีวิธีการขจัดความเครียดอย่างไร
คณะแพทยศาสตร์ : ใช้วิธีฟังเพลงบ้าง หรืออ่านนิยายบ้าง คณะนิติศาสตร์ : จะออกไปวิ่งที่ลานสมเด็จบ้าง หรือไม่ก็เลือกที่จะ นอนหลับ เพราะตื่นมาแล้วสมองจะโล่ง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ : หากเครียดมากมักชวนเพื่อนไปเที่ยว น�ำ้ ตก ไปเล่นน�ำ้ เพราะต้องการออกไปสูดอากาศข้างนอกก่อนจะกลับ มาเครียดกับงานที่ต้องท�ำ
คณะแพทยศาสตร์ : เรียนเหมือนคนอืน่ คือจะมีทงั้ ทฤษฎี และปฏิบตั ิ ชีวติ ประจ�ำวันหลังจากเลิกเรียนหรือเวลาว่างเป็นอย่างไร คณะแพทยศาสตร์ : มีการออกไปเดินเล่นบ้างในตอนเย็น หรือบางที แต่จะเรียนไปสอบไป และต้องจดจ�ำค่อนข้างมาก อ่านนิยายโรแมนติก และตอนกลางคืนจึงอ่านหนังสือเรียน คณะนิตศิ าสตร์ : ปกติกเ็ รียนอย่างเดียวไม่คอ่ ยมีเก็บคะแนน จะสอบ คณะนิติศาสตร์ : อ่านนิยาย ฟังเพลง ดูการ์ตูนก่อน กลางคืนจึงอ่าน มากกว่า ซึ่งเน้นที่ความเข้าใจ และการจดจ�ำ หนังสือเรียน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ : เน้นทีแ่ นวคิดสร้างสรรค์ตอ้ งแสดงศักยภาพ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ : หากมีเวลาว่างหรืองานเสร็จแล้วก็จะ ของตัวเองอย่างเต็มทีม่ ากกว่าท�ำตามที่อาจารย์บอก ค้นหาตัวเองว่า นอน เพราะปกติไม่ค่อยได้นอน ดังนั้นทุกวินาทีมีค่าถ้านอนได้ก็ต้อง ถนัดอะไรด้านไหน ส่วนใหญ่จึงเป็นการลงมือปฏิบัติมากกว่าท่องจ�ำ รีบนอนเพื่อเก็บพลังงานให้เพียงพอส�ำหรับการท�ำงานต่อไป แต่ถ้า การจดเลคเชอร์ งานยังไม่เสร็จก็จะต้องท�ำงานต่อให้เสร็จ คณะแพทยศาสตร์ : จะจดที่อาจารย์เน้นว่าส�ำคัญ ส่วนเทคนิคใน การเข้าร่วมกิจกรรมกับทางคณะหรือทางมหาวิทยาลัย การจ�ำเนือ้ หานัน้ จะน�ำเนือ้ หาทีเ่ รียนทีจ่ ดบันทึกไว้มาอ่านซ�ำ้ และสรุป คณะแพทยศาสตร์ : มีการเข้าร่วมกิจกรรมกับทางคณะบ้าง อย่าง ใจความส�ำคัญ เช่นการจัดค่ายต่างๆ คณะนิติศาสตร์ : จดตามที่อาจารย์สอน มีการใช้ปากกาสีเน้นช่วงที่ คณะนิติศาสตร์ : เคยมีการเข้าร่วมกิจกรรมกับทางคณะบ้าง อย่าง ส�ำคัญ บางครั้งก็มีการกลับมาจดเพิ่มหรือสรุปตามความเข้าใจของ เช่น สันทนาการ แต่ปัจจุบันไม่ได้เข้าร่วมแล้วเนื่องจากมีการเรียน เราเอง มากขึ้น จึงต้องงดกิจกรรมเพราะกลัวส่งผลต่อการเรียน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ : จดตามความเข้าใจ ถ้าจดไม่ทันก็จะใช้ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ : ท�ำแค่ช่วงปี1 กิจกรรมที่มหาวิทยาลัย วิธวี าด เช่น เรือ่ งแนวทางการวาดของศิลปินถ้าจดไม่ทนั ก็จะวาดเป็น ก�ำหนด เนื่องจากต้องท�ำงาน รูปงาน ซึ่งเร็วกว่าจด
ความคิดเห็นที่มีต่อมุมมองที่สังคมได้ก�ำหนดภาพลักษณ์ คณะแพทยศาสตร์ : ชอบอ่านในห้องส่วนตัวเพราะมีสมาธิมากที่สุด ของคณะ การอ่านหนังสือ
คณะแพทยศาสตร์ : การที่สังคมมองว่านิสิตแพทย์นั้นเป็นเด็กเรียน ไม่เที่ยวสถานที่อบายมุกนั้นเป็นเรื่องที่ไม่จริงเพราะนิสิตแพทย์นั้นก็ เหมือนคนทัว่ ไปธรรมดาต้องมีเทีย่ วมีพกั ผ่อนบ้างเพียงแค่ตอ้ งจัดสรร เวลาให้ดีไม่ให้กระทบกับการเรียน คณะนิติศาสตร์ : มุมมองที่สังคมมองคณะนิติฯว่าต้องเป็นคนอ่าน หนังสือหรือคนขยันเรียน เรือ่ งขยันเรียนและอ่านหนังสือต้องเป็นทุก คณะ แต่ตอ้ งมีการผ่อนคลายบ้าง แม้แต่คนทีเ่ รียนเก่งหรือตัง้ ใจเรียน ก็มีการผ่อนคลายบ้างเพื่อไม่ให้เครียดจนเกินไป คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ : มุมมองที่สังคมมองว่าคณะสถาปัตย์ฯ นัน้ มีโลกส่วนตัวสูงหรือชอบดืม่ เหล้านัน้ การดืม่ เหล้าเป็นการระบาย ความเครียดอย่างหนึ่ง แต่จะไปภายหลังจากการส่งงานเสร็จปลด ปล่อยทีร่ า้ นเหล้าไม่ได้ไปทุกวัน ส่วนเรือ่ งการมีโลกส่วนตัวสูงนัน้ เป็น ความจริงส่วนหนึ่งเพราะบางทีการท�ำงานมักจะใช้ความคิดค่อยข้าง เยอะจึงจ�ำเป็นต้องมีการใช้สมาธิค่อนข้างมาก ภาพทีส่ งั คมสร้างให้กบั ภาพทีเ่ จ้าของสร้างเองหลายอย่าง หากอ่านหนังสือไม่ทันท�ำอย่างไร ก็ตรงกันหลายอย่างก็ตา่ งออกไป เพราะแม้แต่นสิ ติ ในคณะเดียวกัน คณะแพทยศาสตร์ : จะพยายามอ่านเนื้อหาที่มั่นใจ และที่อาจารย์ เอกเดียวกันก็อาจเลือกที่จะเป็น และปฏิบัติต่างกัน แต่อย่างน้อย เน้นก่อน แล้วจึงอ่านส่วนอื่นทีหลัง ภาพที่พวกเขาสร้างขึ้นให้เห็นในบทความนี้ก็พอจะสรุปได้ว่าทุก คณะนิตศิ าสตร์ : มักใช้วธิ อี า่ นเอกสารทีเ่ ป็นสรุปแทนการอ่านหนังสือ คณะต้องเรียนหนังสือด้วยกระบวนการ การเรียน การสอบ การ ทั้งเล่ม คิด และการลงมือปฏิบตั ไิ ม่ตา่ งกัน หากจะมีทแี่ ตกต่างกันไปบ้างก็ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ : เนือ่ งจากไม่คอ่ ยมีการสอบ เน้นการปฏิบตั ิ น่าจะเป็นเรื่องจุดยืนในแต่ละศาสตร์เท่านั้น ท�ำให้ไม่มีปัญหาเรื่องอ่านหนังสือทัน แต่จะมีปัญหาเรื่องการท�ำงาน อ่านได้มากสุดครั้งละ 1 ชั่วโมง ถ้าอ่านมากเกินไปสมองจะล้า อาจ จะไปฟังเพลงคลายเครียดก่อนกลับมาอ่านใหม่ คณะนิตศิ าสตร์ : อ่านหนังสือทีห่ อสมุด เพราะทีห่ อสมุดมีคนอ่านเยอะ ท�ำให้มีแรงกระตุ้นให้เราอยากอ่านหนังสือ แต่ถ้าเป็นที่ห้องจะรู้สึก ห่อเหีย่ วมากเพราะอยูใ่ กล้ถนนมันเสียงดัง และบางทีหอ้ งอืน่ ก็รบกวน โดยจะชอบอ่านช่วงกลางคืน หรือไม่ก็ตอนเช้า เพราะตอนกลางวัน อากาศร้อนท�ำให้หงุดหงิดและไม่มีสมาธิในการอ่าน ซึ่งโดยปกติมัก จะอ่านวันละ 2-3 ชั่วโมง แต่หากเป็นก่อนสอบ 1 เดือน จะอ่านวัน ละ 7-8 ชั่วโมง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ : ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้อ่านเพราะมีปฏิบัติ มากกว่าสอบ ถ้าไปห้องสมุดก็จะไปหาแนวการท�ำงานมากกว่า มีแต่ ปฏิบัติ ทฤษฎีไม่ค่อยมี ถ้าอ่านหนังสืออ่านช่วงก่อนสอบ ไม่ได้อ่าน เพราะต้องจ�ำเนื้อหาเข้าห้องสอบแต่อ่านเพราะไปหาแรงบันดาลใจ ในการท�ำงาน
วิ่ง(เท้า)เปล่า? ท่ามกลางแสงพระอาทิตย์ยามเย็น ณ บริเวณลาน สมเด็จฯ มหาวิทยาลัยนเรศวร เสียงคุยจอแจของผูค้ นรวม ถึงเสียงรองเท้ากระทบพื้นยังคงดังเฉกเช่นที่เกิดขึ้นในทุก วัน แต่มีเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นต่างไปจากเสียงที่คุ้นเคย ไม่ใช่ เสียงรองเท้ากระทบพืน้ หากแต่เป็นเสียงของนักวิง่ เท้าเปล่า อย่าง ดร.กฤษณ์ ตันตนะรัตน์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์การ แพทย์ ภาควิชาชีวะเคมี วัย 37 ปี
“ผมวิ่งเท้าเปล่ามา 5 ปีแล้วครับ ก่อนหน้านี้ เคยเล่นกีฬาอืน่ อย่างบาสเกตบอลกับฟุตบอลมาบ้างแต่ รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะ พอได้ลองวิ่งดูก็รู้สึกชอบการวิ่ง”
ซึ่งผู้คนรอบๆ ลานสมเด็จฯ จะพบเห็นอาจารย์นักวิ่งเท้าเปล่า ไม่ติดต่อกันเกิน 3 วัน เช่น วันจันทร์ถึงวันพุธ และจะพบเห็น อีกครัง้ ในวันเสาร์และอาทิตย์ โดยใช้เวลาในการวิง่ ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ระยะทาง 10 กิโลเมตร แต่อาจพบอาจารย์ท่านนี้ ใช้เวลาและระยะทางในการวิง่ มากกว่าปกติในช่วงทีเ่ ตรียมตัว ไปร่วมงานวิง่ ต่างๆ ซึง่ ดร.กฤษณ์เองก็เคยร่วมวิง่ มาราธอนด้วย การถอดรองเท้าอีกด้วย การวิง่ เท้าเปล่าคือกีฬาชนิดหนึง่ ทีท่ ำ� ให้มคี วามสุข นัน่ คือความหมายของการวิ่งเท้าเปล่าส�ำหรับ ดร.กฤษณ์ โดยได้ เปิดเผยจุดเริม่ ต้นของกีฬาแห่งความสุขนีว้ า่ “มีอยูว่ นั หนึง่ ได้ยนิ ว่าที่กรุงเทพฯ มีชมรมวิ่งเท้าเปล่า และมีอาจารย์จากญี่ปุ่นชื่อ โยชิโนะมาสอนอยูท่ สี่ วนลุมฯ จึงได้ลองไปเรียนด้วย เมือ่ ได้ลอง
วิง่ แล้วรูส้ กึ สบายเท้ามาก จากนัน้ มาก็เลยหัดวิง่ อย่างจริงจัง แต่ ในการวิ่งช่วงแรกๆ มีอาการบาดเจ็บ คือที่ฝ่าเท้ามีการอักเสบ และกระดูกหลังเท้ามีอาการปวดเพราะไม่เคยรับน�้ำหนักมา ก่อน” ซึ่งตรงกันกับที่คุณโยชิโนะ ซึโยชิ นายกสมาคมวิ่งเท้า เปล่าจากญี่ปุ่นและยังมีผลงานหนังสือชื่อ วิ่งเท้าเปล่า เปลี่ยน ชีวิต กล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจว่า ในระยะเริ่มต้นของการวิ่งเท้าเปล่าอาจมีอาการบาดเจ็บบ้าง เนื่องจากการวิ่งเท้าเปล่านั้นท�ำให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบาง ส่วนทีไ่ ม่เคยถูกใช้ในการวิง่ ใส่รองเท้านัน้ ไม่แข็งแรง แต่เมือ่ ฝึก จนกล้ามเนือ้ และเส้นเอ็นแข็งแรงจะท�ำให้วงิ่ ได้ดขี นึ้ และในช่วง แรกของการวิง่ อย่าหักโหม ควรค่อยๆ ฝึกท่าวิง่ ทีถ่ กู ต้องเพราะ หัวใจของการวิ่งเท้าเปล่าอยู่ที่การวิ่งที่ถูกวิธี ส�ำหรับวิธีการวิ่งเท้าเปล่าจะมีเทคนิคคล้ายคลึงกับ การวิ่งแบบใส่รองเท้า เพียงแต่ต่างกันตรงที่การใส่รองเท้าจะ ใช้บริเวณส้นเท้าสัมผัสทีพ่ นื้ ก่อน ตรงกันข้ามกับการวิง่ เท้าเปล่า ที่จะใช้ปลายเท้าหรือกลางฝ่าเท้าแตะพื้นก่อนเวลาลงขาก็จะ ต้องลงให้ตรงกับระดับแนวล�ำตัวและยังต่างตรงที่เวลาวิ่งเท้า เปล่าจะรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกที่เข่าซึ่งจะช่วยท�ำให้การวิ่งนุ่ม นวลขึน้ อีกสิง่ หนึง่ ทีช่ ว่ ยลดการบาดเจ็บได้กค็ อื การตรวจดูสภาพ พืน้ ทีเ่ หมาะสมส�ำหรับการวิง่ หากเป็นทางทีม่ กี รวดและดินเยอะ ก็ควรหลีกเลี่ยง ส่วนพื้นเรียบก็สามารถวิ่งเท้าเปล่าได้ และที่ ส�ำคัญก็คือควรมีการเทรนนิ่งก่อนที่จะลงวิ่ง เสียงเท้ากระทบกับพื้นที่ฟังดูไม่คุ้นเคยเท่ากับเสียง ของรองเท้ายังคงดังต่อไป พร้อมกับเสียงของนักวิ่งเท้าเปล่าที่ ดังขึ้นอีกครั้ง “ถ้ามีคนออกมาวิ่งเยอะมากขึ้นก็จะเหมือนที่พี่ ตูน บอดี้สแลมเคยบอกไว้ นั่นคือเมื่อทุกคนออกมาวิ่งก็จะไม่ ต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะนั่นหมายถึงทุกคนไม่เจ็บป่วย เมื่อ วิง่ แล้วมีสขุ ภาพดีขนึ้ ก็จะท�ำให้การเข้าโรงพยาบาลลดน้อยลง” เมือ่ ถามถึงความแตกต่างระหว่างการวิง่ แบบใส่รองเท้า และการวิง่ เท้าเปล่าดร.กฤษณ์เผยด้วยใบหน้ายิม้ แย้มว่า สิง่ แรก ที่ต่างกันก็คือจากเมื่อก่อนที่ใส่รองเท้า หลังจากที่วิ่งเสร็จมักมี อาการปวดเข่าแต่เมื่อถอดรองเท้าวิ่งอาการเจ็บเข่าก็หายไป เพราะเมือ่ ก่อนใส่รองเท้าวิง่ แล้วหยุดพักเป็นเวลา 2 เดือน พอก ลับมาวิ่งก็ยังรู้สึกปวดเข่าและรู้สึกไม่ค่อยสบายเท้า บางครั้งก็ โดนรองเท้ากัด จึงลองหัดวิ่งเท้าเปล่าเพราะรองเท้าก็ไม่กัด วิ่ง แล้วไม่เจ็บเข่าและไม่ปวดกล้ามเนือ้ เพราะการวิง่ เท้าเปล่าท�ำให้ ฝ่าเท้าแข็งแรงขึ้น ต่างจากการวิ่งใส่รองเท้าที่มีสิ่งช่วยรองรับ ฝ่าเท้าอยูต่ ลอดเวลา ส่งผลให้ฝา่ เท้าไม่แข็งแรงเท่าทีค่ วร นอกจาก
นีก้ ารวิง่ เท้าเปล่านัน้ เป็นการวิง่ ตามธรรมชาติและต้องใช้ทกุ ส่วน ของกล้ามเนื้อ เพราะฉะนั้นการวิ่งโดยใส่รองเท้าจึงท�ำให้ผลดี ต่อสุขภาพบางส่วนนั้นขาดหายไป ซึ่งตรงกันกับที่คุณโยชิโนะ ได้กล่าวไว้เช่นกันว่า การวิ่งเท้าเปล่าอย่างถูกต้องจะท�ำให้แข็ง แรงมากขึ้น เพราะเป็นการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของเท้า อย่างที่ควรจะเป็นและลดอาการบาดเจ็บจากการวิ่งรวมถึงแก้ ปัญหาการบาดเจ็บจากรองเท้า เช่น รองเท้ากัด หรือแม้กระทัง่ เป็นการประหยัดค่าซื้อรองเท้าไปเลย นอกจากนี้ดร.กฤษณ์ยังได้กล่าวถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติ ส�ำหรับคนทีส่ นใจทดลองวิง่ ด้วยเท้าเปล่า คือ 1.ในระยะเริม่ ต้น ต้องค่อยๆ วิ่งเพื่อฝึกฝนตนเองทีละขั้น ไม่ใช่เพียงถอดรองเท้า แล้วจะสามารถวิง่ ได้เลยเพราะจะท�ำให้เกิดอาการบาดเจ็บ 2.ใน ขณะทีว่ งิ่ ควรสังเกตว่าร่างกายมีการตอบสนองอย่างไร จากนัน้ จึงพยายามปรับตัวให้เข้ากับร่างกาย และสุดท้ายซึง่ เป็นสิง่ ส�ำคัญ ที่ควรมีเลยก็คือ “ความกล้าที่จะออกมาวิ่ง” หากปราศจาก ความกล้าและกลัวที่จะถูกมองเป็นตัวประหลาด เหตุนี้เองจะ เป็นสิ่งที่คอยขัดขวาง เสมือนกับการที่ลงมือท�ำอะไรสักอย่าง แล้วรู้สึกว่าสิ่งที่ท�ำนั้นประหลาด ก็จะท�ำให้ความกล้าในการที่ จะลงมือท�ำสิ่งนั้นหายไป หากการมีสขุ ภาพร่างกายแข็งแรงคือสิง่ ทีป่ รารถนา การวิง่ อาจเป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ เพราะการวิง่ เป็นกีฬาที่ เราแทบจะไม่ตอ้ งลงทุนอะไรเลย อย่างเต็มทีท่ สี่ ดุ ก็แค่ใช้เงิน ซื้อรองเท้าวิ่งเท่านั้น ซึ่งถ้าอยากได้รองเท้าวิ่งที่ใส่สบายเท้า ก็อาจจะต้องเลือกซือ้ รองเท้าทีด่ ี มีราคา หรือตามรสนิยม แต่ ถ้าต้องการการลงทุนที่ต�่ำกว่านั้นส�ำหรับการออกก�ำลังกาย การวิ่งเท้าเปล่า อาจเป็นตัวเลือกที่ดีของคุณ
ชีวิตที่ยืนด้วยขา (ข้างเดียว) ของตัวเอง ใครหลายคนมีขาทั้งสองข้างไว้เพื่อใช้ก้าวเดิน ไปในวันข้างหน้า แต่กลับรู้สึกท้อแท้จนไม่อยากแม้แต่ ขยับไปไหน ในขณะทีก่ ารมีขาเพียงข้างเดียวส�ำหรับบาง คนกลับท�ำให้เขายิ่งอยากที่จะก้าวต่อไป...
บริเวณรอบอ่างเก็บน�ำ้ ของมหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นหนึง่ ในสถานที่ยอดนิยมส�ำหรับคนรักการออกก�ำลังกายด้วยการวิ่ง เนื่องจากในทุกๆ เย็นบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนในชุดออกก�ำลัง กายเต็มยศพร้อมด้วยรองเท้าผ้าใบทีเ่ ป็นต้นเหตุของเสียงทีไ่ ด้ยนิ จน คุ้นหู แต่เสียงที่เกิดจากรองเท้าผ้าใบนั้นดังขึ้นพร้อมกับเสียงไม้ที่ กระทบพื้นนั่นคือเสียงของไม้ค้�ำยันซึ่งเป็นอาวุธคู่กายของ นายจิต วัต แสงจันทร์ หรือ น้องแจ๊บ นิสิตชั้นปีที่ 1 จากคณะวิทยาศาสตร์ สาขาชีววิทยา ผู้ที่ยืนหยัดใช้ชีวิตด้วยขาเพียงข้างเดียว หากแต่เข้ม แข็งไม่แพ้ใคร เพราะครัง้ หนึง่ เมือ่ น้องแจ๊บได้มาวิง่ ทีร่ อบอ่างเก็บน�ำ้ แห่งนี้ ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นรวมถึงผู้คนในโลก ออนไลน์ทตี่ า่ งแสดงความคิดเห็นไปในทางเดียวกัน ว่าน้องแจ๊บเป็น ผู้ที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคน เมื่อถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับขาข้างขวาจึงได้รับค�ำตอบว่า เป็นมาตัง้ แต่กำ� เนิด โดยน้องแจ๊บได้เปิดเผยความรูส้ กึ ว่า “ตอนแรก ที่ทราบรู้สึกเสียใจที่ร่างกายไม่เหมือนคนอื่นๆ แต่ว่าพอใช้ชีวิตไป เรื่อยๆจนเติบโตขึ้นก็พบว่าสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ เคย คิดเหมือนกันว่าเป็นเรือ่ งของโชคชะตาแต่ผมไม่เคยคิดน้อยใจ เพราะ ถึงแม้โชคชะตาจะก�ำหนดให้เราเป็นแบบนีแ้ ต่โชคชะตาไม่สามารถ ก�ำหนดเส้นทางเดินของชีวติ เราได้ตวั เราเองต่างหากทีเ่ ป็นคนก�ำหนด มันขึ้นมา” ซึ่งก�ำลังใจที่อยู่เบื้องหลังความคิดเช่นนี้ก็คือครอบครัว และเพื่อนๆ แต่ที่ส�ำคัญที่สุดก็คือก�ำลังใจจากตัวเอง ที่มีความเชื่อ ว่าในเมือ่ คนอืน่ ท�ำได้ ตัวเราก็ตอ้ งท�ำได้แม้จะมีขอ้ บกพร่องบางอย่าง ก็ตาม เนือ่ งจากร่างกายมีขอ้ บกพร่องจึงเป็นปกติทผี่ คู้ นในสังคม ย่อมมีทงั้ คนทีเ่ ข้าใจและไม่เข้าใจซึง่ น้องแจ๊บเองก็เคยพบเจอคนทัง้
สองกลุ่ม แต่ส�ำหรับคนที่ไม่เข้าใจนั้นน้องแจ๊บเลือกที่จะไม่สนใจ เพราะคิดว่าพวกเขาคงไม่ทราบถึงปัญหาทีต่ นพบเจออยู่ จึงอาจไม่มี ความเข้าใจในเรื่องนี้เรียกได้ว่าไม่เก็บมาท�ำให้ตัวเองรู้สึกแย่ แต่ ส�ำหรับคนทีเ่ ข้าใจก็ได้กลายเป็นหนึง่ ในก�ำลังใจ เนือ่ งจากท�ำให้รสู้ กึ ดีที่ยังมีคนที่เข้าใจและสามารถรับฟังปัญหาของตนได้ ครั้งหนึ่งผู้เขียนได้พบเจอน้องแจ๊บขับรถจักรยานยนต์ ท�ำให้รู้สึกสนใจที่น้องแจ๊บสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไป ทัง้ ทีส่ งิ่ ทีเ่ ป็นอยูค่ วรจะเป็นอุปสรรคเสียมากกว่า จึงเกิดความสงสัย ว่าในกิจวัตรด้านอืน่ ๆ มีอะไรทีแ่ ตกต่างจากคนทัว่ ไปหรือไม่ ซึง่ น้อง แจ๊บได้ไขข้อสงสัยนีว้ า่ “ผมสามารถท�ำทุกอย่างได้แทบไม่แตกต่าง จากคนอืน่ ๆ เลย ทัง้ การเรียน การวิง่ รวมถึงในด้านของสันทนาการ และการเล่นกีฬาก็ดว้ ย” ซึง่ กีฬาทีน่ อ้ งแจ๊บเคยเล่นมีตงั้ แต่ฟตุ บอล เปตอง แบดมินตัน เทเบิลเทนนิส และอีกหลากหลายชนิดแต่สำ� หรับ กีฬาชนิดทีต่ อ้ งใช้ทกั ษะการวิง่ เร็วนัน้ ไม่สามารถท�ำได้ เช่น บาสเกตบอล และเทนนิส เป็นต้น โดยกีฬาทีช่ อบทีส่ ดุ ก็คอื ฟุตบอลด้วยเหตุผลว่า เป็นกีฬาทีส่ ามารถเล่นได้ทกุ ชนชัน้ เพียงแค่มลี กู ฟุตบอลและเพือ่ นๆ ก็สามารถสนุกไปกับมันได้แล้ว แต่นอกจากกีฬาหลากหลายชนิดที่กล่าวไปนั้นน้องแจ๊บ ยังเลือก การวิ่ง เป็นตัวเลือกหนึ่งในการออกก�ำลังกาย ทั้งที่น่าจะ เป็นอุปสรรคมากกว่า ซึ่งน้องแจ๊บได้กล่าวถึงสาเหตุที่เลือกจะออก มาวิง่ เอาไว้วา่ อยากท้าทายตัวเองเพราะอยากรูว้ า่ ตัวเองจะสามารถ ก้าวข้ามขีดจ�ำกัดของตัวเองได้มากแค่ไหน ซึ่งการวิ่งนี้อาจเป็นทาง เลือกทีด่ เี พราะได้ทงั้ การออกก�ำลังกายครบถ้วนทัง้ ในส่วนของแขน และขา เนือ่ งจากเวลาวิง่ น้องแจ๊บจะวิง่ ไปพร้อมกับไม้คำ�้ ยันประจ�ำ กายของตน นอกจากนี้น้องแจ๊บก็ได้พูดถึงอาวุธคู่กายของตนไว้ว่า เมือ่ สมัยเด็กตนได้ลองใช้อปุ กรณ์ทกุ อย่างมาหมดแล้ว อย่างวีลแชร์ นัน้ ท�ำให้รสู้ กึ ไม่มอี สิ ระในการเคลือ่ นไหวสักเท่าไร แต่เมือ่ ได้ลองใช้ ไม้ค�้ำยัน ก็รู้สึกว่าสามารถเข้าถึง Life Style ของตนได้มาก เพราะ ท�ำให้สามารถเคลื่อนที่ไปได้ทุกที่ที่ต้องการ
๙
“จุดมุ่งหมายในวันนี้คือการใช้ชีวิตให้ได้เหมือนคนปกติ ครับ ไม่มคี วามแตกต่างจากคนอืน่ ” เสียงของน้องแจ๊บทีเ่ ล่าถึง จุด มุง่ หมายในทุกวันนีด้ งั ขึน้ และเมือ่ ถามถึงอนาคตของตนเอง ค�ำตอบ ของผู้ที่มีกายไม่สมบูรณ์ตรงกันข้ามกับหัวใจของเขาก็ดังขึ้นต่อไป ว่า “อยากจะจบการศึกษาจากทีน่ ี่ แล้วก็สามารถเข้าท�ำงานได้เหมือน คนปกติ แล้วก็ใช้ชีวิตทุกอย่างแบบคนปกติเลย” อาจดูเป็นการ วางแผนชีวิตที่ไม่มีอะไรหรูหราและไม่ใช่การวาดฝันที่ไกลนัก แต่ เพียงเท่านี้ก็อาจเพียงพอต่อหัวใจของชายคนนี้แล้วก็เป็นได้ และ นั่นคือความรู้สึกที่อยากให้คนในสังคมยอมรับและเห็นผู้พิการมิใช่ ผู้ป่วย หากแต่เป็นมนุษย์ที่มีหัวใจ มีสิทธิที่จะใช้ชีวิตได้อย่างเท่า เทียมกับคนปกติทั่วไป ดังเช่นน้องแจ๊บ ซึ่งได้กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ว่า “ในเมื่อเราเกิดมาเป็นแบบนี้แล้ว เราไม่สามารถเลือกได้ แต่เรา สามารถเลือกการปฏิบัติเป็นคนดีของสังคมได้”
หุ่นดีไม่มีขาย อยากได้ต้องท�ำเอง เมือ่ พวกเราส่วนใหญ่สอ่ งกระจกดูตวั เอง เราเห็นบางส่วน ที่รู้สึกว่าน่าจะท�ำให้ดูดีขึ้น ดังนั้น เราจึงจัดเสื้อผ้าหรือทรงผมใหม่ หรือไม่กแ็ ต่งหน้าเพิม่ เล็กน้อย แล้วก็ไปท�ำกิจวัตรประจ�ำวันของเรา ความกังวลดังกล่าวเกีย่ วกับรูปร่างหน้าตาเป็นเรือ่ งปกติและเหมาะ สมแต่ผลการส�ำรวจพบว่า 99.9999%ของนักเรียนทั้งหมดในชั้น ปริญญาตรีของ สหรัฐอเมริกา ส�ำรวจโดย อาจารย์ เจ เควิน ทอม ป์สัน มหาวิทยาลัยเซาท์ ฟลอริด้า พบว่า สิ่งที่วิตตกกังวลสุด คือ รูปร่าง และ ความอ้วน ท�ำให้มหาลัยในแทบสหรัฐแบ่งเวลาให้มกี าร เล่นกีฬาในคาบเรียนทัง้ หมดถึง 35% และควบคุมอาหาร ให้ครบ5 หมู่ และนัน้ เองเป็นเหตุให้เราเห็นว่าท�ำไมหนุม่ สาวยุโรปถึงมีรปู ร่าง สูง ขายาว ผิวสุขภาพดี แต่ทว่าประเทศไทยก็ได้รบั อิทธพลเรือ่ งการ ออกก�ำลังกายเข้ามามากขึน้ ผูค้ นชายและหญิงหันมาสนใจสุขภาพ ตัวเองเพราะสือ่ ต่างประเทศทีถ่ า่ ยทอดออกมาว่า ท่าออกก�ำลังกาย แบบไหนที่ท�ำให้มีหุ่นเฟริ์ม เราจึงได้เลือก สัมภาษณ์ เทรนเนอร์ คีย์ ธราธร ยวงทอง 1 ใน นักกีฬาเพาะกาย รุ่นสปอต์ฟิสิค ปัจจุบันท�ำงาน PERSONAL Trainer ที่ Fast Fit Gym ผลงานของคุณธราธรในด้านกีฬา - ชนะเลิศรุ่นสปอร์ตฟิสิกส์ชายความสูงเกิน 170 เซนติเมตรรุ่น ภูมลิ ำ� เนาจังหวัดพิษณุโลกในการแข่งขันเพาะกายและฟิตเนสจังหวัด พิษณุโลก ครั้งที่ 1 - รองชนะเลิศอันดับที่ 3 รุ่นโมเดลฟิสิกศ์ชาย ความสูงเกิน 175 เซนติเมตร Chiangmai classic ครั้งที่ 7 - รองชนะเลิศอันดับ 1 รุ่นสปอร์ตฟิสิกส์ชายรุ่นทั่วไป ความสูงเกิน 175เซนติเมตรการแข่งขันเพาะกายและฟิตเนสจังหวัดพิษณุโลก ครั้งที่ 2
- ชนะเลิศ รุ่นสปอร์ตฟิสิกส์ชายความสูงเกิน175เซนติเมตร รุ่น ภูมลิ ำ� เนาจังหวัดพิษณุโลกการแข่งขันเพาะกายและฟิตเนสจังหวัด พิษณุโลกครั้งที่2 จากค�ำกล่าวของ คุณคีย์ ธราธร กล่าวว่า ก็จริงๆ แล้วไม่ ได้อยากเป็นเทรนเนอร์ตงั้ แต่แรกครับ เป็นคนทีช่ อบออกก�ำลังกาย แล้วก็ชอบหาความรูใ้ นการออกก�ำลังกายอะไรประมาณนี้ เราก็เลย อยากจะถ่ายทอดความรูห้ รือสอนคนรอบข้างเรา ตอนแรกเริม่ จาก สอนเพื่อนคนรู้จักก่อนครับ แล้วก็ค่อยได้พัฒนาในตอนที่มาท�ำ พาร์ทไทม์ เป็นนิสติ มหาวิทลัยนเรศวรมาก่อน แล้วก็เป็นลูกค้าของ Fast Fit Gym แล้วก็ได้มาเริ่มหัดจากการท�ำเป็น Part Time ก่อน ครับ เสร็จแล้วก็เป็นเทนเนอร์ทหี ลัง ก็คอื เป็นเทรนเนอร์ Part Time ก่อนแล้วค่อยมาเป็น full Time ทีหลัง ไม่ได้เรียนสายตรงเรื่อง สุขภาพมาเลยครับ เรียนนิตมิ า แต่เป็นคนหมกหมุน่ และชืน่ ชอบใน การออกก�ำลังกายมากๆ เริ่มอยากเป็นเทรนเนอร์เป็นคนที่ชอบออกก�ำลังกาย แล้วก็ชอบ หาความรู้ในการออกก�ำลังกาย เราก็เลยอยากจะถ่ายทอดความรู้ หรือสอนคนรอบข้างเรา ตอนแรกเริ่มจากสอนเพื่อนคนรู้จักก่อน ครับ แล้วก็คอ่ ยได้พฒ ั นาในตอนทีม่ าท�ำพาร์ทไทม์ ก็เลยมีโอกาสได้ สอนคน แรงบันดาลใจที่ท�ำให้อยากหุ่นดี แรงบันดาลใจจริงๆของผมก็อาจ จะเริ่มจากเราชอบคนที่หุ่นดีๆครับ เราชอบมองเขา อิจฉาอะไรแบ บงี้ เราก็เลยอยากเป็นแบบนั้นบ้าง เราก็เลยเข้าใจว่าแบบ เห้ย มัน ต้องมีคนทีร่ สู้ กึ เหมือนเราแน่ๆเลย น้องคนนีอ้ าจจะไม่เคยออกก�ำลัง กายแต่อยากจะหุ่นดีเหมือนพี่คนนั้น เราก็เลยคิดว่าเราช่วยชี้ทาง เขาได้ ช่วยแนะน�ำได้ครับ ก็เลยเริ่มตรงนี้มา
สุดท้ายอยากแนะน�ำส�ำหรับคนทีอ่ อกก�ำลังกายเพือ่ สุขภาพ นะครับ ข้อหลักมีแค่ 3 ข้อเองครับ ออกก�ำลังกายให้สม�่ำเสมอ กิน อาหารทีม่ ปี ระโยชน์แล้วก็ พักผ่อนให้เพียงพอนะครับ เท่านีร้ า่ งกาย ก็จะสมบูรณ์แข็งแรงแล้วก็สุขภาพดีแล้ว เพียงแต่ว่าถ้าอยากจะได้ อะไรทีม่ นั เจาะลึกมากขึน้ ก็มาเทรนด้วยกัน ก็คอื เรือ่ งการออกก�ำลัง กายท�ำให้พดู มันยาวมากครับ มันมีความรูม้ นั เยอะแล้วก็ลกึ กว่านัน้ มากๆ แต่ถ้าพื้นฐานส�ำหรับคนที่ไม่ต้องการอะไรมากขอแค่หุ่นดี สุขภาพดี ก็ขอแค่กินอาหารที่มีประโยชน์เลี่ยงน�้ำมัน เลี่ยงน�้ำตาล ออกก�ำลังกายให้สม�่ำเสมอนะครับ อาทิตย์ละประมาณ 3 - 4 วัน แล้วก็พกั ผ่อนให้เพียงพอ คือนอนหลับอย่างน้อย 6 - 8 ชัว่ โมงเท่านัน้ เองครับ แค่นี้ก็สุขภาพดีแล้ว
๑๐
สื่อยุคนี้อยู่รอดว่ายากแล้ว การอยู่อย่างมีคุณภาพยิ่งยากกว่า ในรอบทศวรรษที่ผ่านมา วิกฤติการอยู่ (ไม่) รอดของสื่อ สิง่ พิมพ์ไทย อาจจะไม่ใช่วกิ ฤติเฉพาะสือ่ ในรูปแพลตฟอร์มกระดาษ สือ่ เดียวเสียแล้ว เมือ่ อะนาล็อกทีวี หรือดิจทิ ลั ทีวใี นฐานะสือ่ ดาวรุง่ ที่ได้รับการเรียกขานว่าเป็นยุคของพวกเขาก็ออกอาการซวนเซ ทุลักทุเลเหมือนกัน ซึ่งอาการนี้ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ ยังเป็นปรากฏการณ์ที่ลุกลามไปทั่วโลก ในฉบับที่แล้ว “ร่มเสลา” ฉบับศัลยกรรมหน้าตา ได้น�ำเสนอบทความดังกล่าวไปบ้างเพื่อให้ เห็นภาพโดยรวมสือ่ สิง่ พิมพ์ไทย ทัง้ ทีม่ วี กิ ฤติ และในส่วนทีเ่ ป็นโอกาส รวมถึงทางออกเท่าที่ประมวลออกมาได้ ในฉบับนี้จะมา update ต่อจากฉบับก่อนหน้าในเรือ่ งทีว่ า่ ด้วยการรักษาตัวให้อยูร่ อดของสือ่ ที่ว่ายากแล้ว การรักษาคุณภาพเพื่อให้สื่อท�ำหน้าที่เสนอ “ข้อมูล ข่าวสาร” ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมนั้นดูจะยากยิ่งกว่า โดยเฉพาะ ความน่าเชื่อถือที่ควรจะได้จากสาธารณชน Gallup Poll ท�ำแบบส�ำรวจผูบ้ ริโภคข่าวสารเมือ่ ปี 2014 เพื่อดูความน่าเชื่อถือของสื่อในอเมริกาพบว่า คนอเมริกันเชื่อถือ หนังสือพิมพ์มากที่สุด แต่ก็เพียง 22 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น รองลงมา เชือ่ ข่าวทางอินเทอร์เน็ต 19 เปอร์เซ็นต์ และทีน่ า่ ตกใจคือคนอเมริกนั เชือ่ ข่าวจากโทรทัศน์เพียง 18 เปอร์เซ็นต์ ขณะทีก่ ารวิเคราะห์ของ นักวิชาการในปัจจุบนั เชือ่ ว่าผลส�ำรวจ ณ ขณะนีก้ ไ็ ม่นา่ จะแตกต่าง ไปจากงานส�ำรวจครั้งนั้น เมื่อพบว่าประชาชนในฝรั่งเศสยังสนใจ ข่าวสารในระดับสูง แต่ความเชื่อมั่นในสื่อมีไม่ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ ความไม่นา่ เชือ่ ถือของสือ่ มวลชนไม่ใช่เรือ่ งใหม่ เพราะมี หลักฐานสนับสนุนเรื่องนี้มาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 ที่พบว่า หนังสือพิมพ์ ในฝรัง่ เศส และสหรัฐอเมริกา เคยท�ำเรือ่ งอุกอาจเสือ่ ม เสียสร้างข่าวลวงเพือ่ เปิดช่องให้มกี ารคอร์รปั ชัน่ ทัง้ กรณีการขุดคลอง ปานามา และการสร้างทางรถไฟในรัสเซีย นอกจากนี้ยังเกี่ยวพัน กับบรรดานักการเมืองทัว่ ไปทีพ่ ยายามใช้อำ� นาจเงินเปลีย่ นหนังสือพิมพ์ ให้กลายเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ของตัวเอง หลังสงครามโลกครัง้ ที่ 2 หนังสือพิมพ์เปลีย่ นรูปแบบการ บริหารจัดการมาอยู่ในรูปของตลาดหุ้น และด�ำเนินงานภายใต้กฏ การตลาดมีการซื้อขายกันราวกับเป็นสินค้า และบริการชนิดหนึ่ง
ซึ่งพัฒนาแพร่หลายไปสู่วงการสื่ออีกหลายประเทศทั่วโลกรวมทั้ง ไทย ส่งผลให้สอื่ ทีม่ ชี อื่ เสียงมาเนิน่ นานทัง้ ในฝรัง่ เศส อเมริกา อังกฤษ เยอรมัน และอิตาลี เกิดปัญหาในแง่ของการบริหาร และการสร้าง งานเพื่อสาธารณชน อิสรภาพในการท�ำงานอยู่ภายใต้การควบคุม ของตลาด จนกระทัง่ ต้องสร้างโมเดลการท�ำงานสือ่ ในแบบไม่แสวงหา ก�ำไรขึ้นมาถ่วงดุล ด้วยหวังว่าจะสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับสังคม เพราะเป็นการปลดการควบคุมโดยตลาด เช่น หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียนในอังกฤษ ทีม่ มี ลู นิธเิ ป็นเจ้าของ หรือหนังสือพิมพ์ในเยอรมัน และสหรัฐเองก็เกิดสือ่ ไม่แสวงก�ำไรขึน้ จ�ำนวนมาก เช่น หนังสือพิมพ์ โปรรีพับลิก้า เมื่อปี 2008 แต่ท่ีสุดแล้วมหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งมูลนิธิก็ ยังย่องเงียบเข้ามาแสดงอ�ำนาจในการควบคุมสื่อจากเบื้องหลังจน ได้ ในฐานะผู้ก่อตั้งมูลนิธิ ท�ำให้สื่อยังคง “ติดกับดัก” ด�ำเนินงาน ไปด้วยการขับเคลื่อนโดยอ�ำนาจเงินของคนกลุ่มน้อยเช่นเดิม การอยูร่ อดของสือ่ มวลชนเป็นประเด็นทีค่ นท�ำงานสือ่ ต้อง แก้ปญ ั หามานานแล้ว นับตัง้ แต่ 1950s เพราะการผลิตข้อมูลข่าวสาร ใช้ทงั้ แรงงานคน และเครือ่ งจักร ซึง่ ต้องมีเงินเป็นปัจจัยหลักในการ ขับเคลื่อน การล้มหายตายจากไปของสื่อต่างๆในทั่วโลก และ ประเทศไทย ณ ปัจจุบนั ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากทีอ่ นื่ ๆ ทัง้ ในประเทศ โลกก�ำลังพัฒนา และโลกทีพ่ ฒ ั นาแล้วโดยเฉพาะในปัจจุบนั ทีม่ ปี ริมาณ ผู้ผลิตข้อมูลข่าวสาร (media producer) มากกว่ายุคสมัยใด การส�ำรวจเชิงปริมาณ เมื่อปี 2015 พบว่าฝรั่งเศสมี หนังสือพิมพ์ และนิตยสารทีด่ ำ� เนินการอยูก่ ว่า 4,000 แห่ง มีสถานี วิทยุเกือบ 1,000 สถานี และอีกหลายร้อยสถานีโทรทัศน์ ขณะที่มี คนเปิดบัญชีดำ� เนินงานในรูปแบบของสือ่ ใหม่ อาทิ ทวิตเตอร์ บล็อก เฟซบุค๊ และอืน่ ๆ อีกนับล้าน ในสหรัฐอเมริกามีสถานีโทรทัศน์ทอ้ ง ถิ่นเกือบ 1,000 สถานี สถานีวิทยุอีกกว่า 15,000 สถานี และ หนังสือพิมพ์อีกกว่า 1,300 แห่ง จ�ำนวนสื่อที่ผลิตข่าวสารดังกล่าวแม้จะรุ่งเรืองเฟื่องฟูมี มากทีส่ ดุ เท่าทีเ่ คยมีสอื่ มวลชนมา แต่กด็ เู หมือนว่าสือ่ ไม่เคยผ่านพ้น ปัญหาการดิ้นรนอยู่รอด ยิ่งในยุคนี้สิ่งที่ท�ำเพิ่มมากกว่ายุคเก่าก็คือ การชี้นิ้วกล่าวโทษไปที่การเกิดขึ้นของ “สื่อใหม่” (new media)
“คนขับTaxi” อาชีพนี้ก็มีหัวใจ ปัจจุบันอาชีพคนขับรถแท็กซี่นับว่าเป็น หนึง่ ในอาชีพทีส่ จุ ริต แต่ทว่าในสายตาของผูใ้ ช้บริการ หลายคนกลับมองว่าคนท�ำอาชีพนีไ้ ม่ตา่ งจากมิจฉาชีพ ทั่วไป จะเห็นได้จากการน�ำเสนอข่าวสารในสื่อต่างๆ ซึ่งมีประเด็นเกี่ยวกับอันตรายจากแท็กซี่ ไม่ว่าจะ เป็นการปฏิเสธผู้โดยสาร การท�ำร้ายผู้โดยสาร และ การโกงผู้โดยสาร แต่ก็มีหลายครั้งเช่นเดียวกันที่ข่าว เกีย่ วกับคนขับแท็กซีท่ ดี่ ถี กู น�ำเสนอออกมาสูส่ งั คม ซึง่ ทั้งหมดนั้นคือมุมมองของผู้โดยสารที่มีต่อคนขับรถ แท็กซี่ ในขณะเดียวกันก็ยงั มีอกี มุมมองหนึง่ ทีม่ กั ไม่มี โอกาสเปิดเผยให้สงั คมได้รบั รู้ นัน่ ก็คอื มุมมองจากคน ขับแท็กซี่ที่มีต่อผู้โดยสาร “ผมเริ่มขับแท็กซี่มาได้ปีนี้ครบ 3 ปีเต็ม ใครไม่รบั ผมรับ ผมขับทุกที่ อยากไปไหนผมพาไปหมด เคยมีครั้งหนึ่งเรียกไปนครพนม แย่เลย แต่ติดที่เรา รักอาชีพนีไ้ ปแล้วและอาชีพนีก้ เ็ ป็นตัวสร้างรายได้ให้ กับเรา ถ้าให้เลิกก็คงอีก10ปีแหละครับ” เสียงจาก
นายสมชาย บุญมี คนขับรถแท็กซีจ่ งั หวัดพิษณุโลกที่ ยังได้กล่าวถึงอาชีพนีอ้ กี ว่าต้องเป็นคนทีร่ เู้ ส้นทางจริงๆ เพราะในปัจจุบนั ถึงแม้จะมีเทคโนโลยีอย่าง GPS แต่ ก็มที างลัดหลายแห่งที่ GPS เข้าไม่ถงึ และความส�ำเร็จ ของอาชีพนี้คือการส่งผู้โดยสารไปถึงที่หมายให้เร็ว ที่สุด เนือ่ งจากมีประสบการณ์ในการขับรถแท็กซี่ มาหลายปี จึงท�ำให้พบเจอผู้โดยสารมากหน้าหลาย ตาในแต่ละวัน ท�ำให้ได้ทราบถึงเรือ่ งราวในอีกมุมมอง หนึ่ง ว่านอกจากผู้โดยสารที่พบเจอคนขับแท็กซี่ที่ไม่ ดีแล้ว คนขับแท็กซี่เองก็ตอ้ งพบเจอเรือ่ งราวแปลกๆ จากผู้โดยสารเช่นกัน โดยคุณสมชายได้บอกเล่าถึง ประสบการณ์ไว้วา่ “ต้นปีแรกทีข่ บั รถก็เจอดีเลยครับ เสียวแรก โดนหลอกให้พาไปส่ง เราไม่ได้เอ๊ะใจอะไร ก็ขับไปปกติ พอถึงที่หมายแล้วผู้โดยสารแจ้งว่า ขอ กดเงินก่อนเดีย๋ วเอามาจ่าย แต่พอลงรถเสร็จ ก็วงิ่ หนี ไปเลย ผมไม่วงิ่ ตามหรอกครับ เพราะเราไม่รวู้ า่ เค้ามี
ว่าเป็นคูแ่ ข่งส�ำคัญ ส่งผลให้การลงทุนสร้างโต๊ะข่าว เพือ่ ประชุมหา วิธีการ หรือให้ความส�ำคัญกับการผลิตงานข่าวที่ยิ่งใหญ่ลดน้อยลง โต๊ะข่าวมีขนาดเล็กลง จ�ำนวนคนท�ำงานก็น้อยลง การลงทุนในงานข่าวเปลีย่ นรูปแบบจากการลงพืน้ ทีเ่ พือ่ เสาะแสวงหา ข่าวสารเชิงวิเคราะห์ และน�ำเสนอด้วยทีมงานตัวเอง เปลี่ยนมา เป็นการรายงานข้อมูลซ�ำ้ ๆ ทีท่ ำ� งานผ่านรูปแบบใหม่คอื copy and paste จากสือ่ อืน่ ๆ วนไปวนมา กระทัง่ หนังสือพิมพ์ และสือ่ มวลชน ต้องปรับตัวน�ำเสนอข่าวออนไลน์บ้าง อย่างไรก็ตาม แม้จะมีผเู้ ข้ามาใช้บริการอ่าน ดู และฟังมากกว่าการ ติดตามหนังสือพิมพ์ในอดีต แต่ปัญหาก็คือการให้บริการผ่านช่อง ทางนี้เกือบจะไม่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องรายได้เข้ามาหล่อเลี้ยงองค์กร เลย การแก้ปญ ั หาเพือ่ การอยูร่ อด ก็ยงั เป็นปัญหาหลักทีย่ งั ต้องด�ำเนิน การต่อไป แต่กับปัญหาใหญ่ที่ยังคงคั่งค้างอยู่ส�ำหรับปรัชญาการ ท�ำงานสือ่ สารเพือ่ มวลชน โดยเฉพาะสือ่ ข่าว (news media) ทีต่ อ้ ง เรียกความเชื่อมั่น ความน่าเชื่อถือ หรืออีกนัยหนึ่งคือคุณภาพของ ข้อมูลข่าวสารทีจ่ ะเสนอให้กบั สาธารณชนนัน้ ดูจะเป็นปัญหาทีค่ า้ ง คาใจสังคมไม่น้อย สื่อไม่ใช่ของเล่นนายทุน หรือมหาเศรษฐี ที่จะยื่นมือเข้ามาแสดง บุญคุณช่วยกอบกู้ให้ฟื้นคืนชีพแบบที่ในที่สุดแล้วก็ต้องเป็นเครื่อง มือประดับสถานภาพให้กับนายทุนที่เป็นคนกลุ่มน้อย ส่วนการแก้ ปัญหาโดยเปิดให้คนท�ำงาน (นักข่าว) เข้ามาถือหุน้ ร่วมบริหารและ เป็นเจ้าของ ก็มบี ทเรียนในหลายๆ ทีแ่ ล้วว่าไปไม่รอด เพราะบริหาร การเงินไม่เป็น ทางเลือกทีจ่ ะเป็นทางรอดถูกคิดค้นมาหลายโมเดลทัว่ โลก ซึง่ แต่ละ โมเดลอาจจะมีลกั ษณะเฉพาะส�ำหรับเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การเมือง และการปกครองในบางแห่ง แน่นอนว่าไม่ใช่โมเดลสากลที่จะหยิบ มาฉวยใช้ได้อย่างส�ำเร็จรูป ดังนัน้ วงการสือ่ ไทยเองก็ตอ้ งต่อสูด้ นิ้ รน เพือ่ ให้ผา่ นยุคสมัยแห่งความสับสนวุน่ วายในข้อมูลข่าวสารทีล่ น้ เกิน ทัง้ ข่าวจริงข่าวปลอมด้วยปรากฏการณ์ทตี่ อ้ งยกระดับการรูเ้ ท่าทัน สือ่ ของประชาชนให้มากขึน้ และทีส่ ำ� คัญสือ่ ก็ตอ้ งรูใ้ ห้ทนั ตัวเองก่อน ด้วยเช่นกัน ทีมข่าวร่มเสลา
อาวุธหรือเปล่า เสียวไหมล่ะ” คุณสมชายกล่าวพร้อม กับเสียงหัวเราะก่อนจะเล่าต่อไปว่า “พอท้ายปีกเ็ จอ โชคสองชั้น เสียวครั้งที่สอง โดนให้พาไปส่งยา ขณะ ก�ำลังขับรถไปยังจุดหมายปลายทาง ผู้โดยสาร ของผมก็เอาซองเล็กๆขึ้นมาท�ำท่าดีดๆ พร้อมกับเท ใส่มือแล้วสูดลมเข้าไป แล้วก็รับโทรศัพท์บอกปลาย สายว่า ก�ำลังไป ล็อตนี้ของดี เท่านั้นแหละครับ รู้ทัน ทีว่าโชคสองชั้นจริงๆ แต่ก็นะ จะให้แจ้งต�ำรวจผมก็ ไม่กล้า ถ้าเค้ากล้ามาขึน้ ขนาดนีน้ า่ จะเอาเรือ่ งพอตัว” นอกจากประสบการณ์สุดหวาดเสียวข้าง ต้นแล้ว มิหน�ำซ�ำ้ คุณสมชายยังเคยโดยผูโ้ ดยสารหลอก จี้ชิงทรัพย์ และพบเจอพฤติกรรมแย่ๆ ของผู้โดยสาร อีกมากมาย เช่น ผู้โดยสารที่เมาจากการดื่มเหล้า สังสรรค์ในช่วงเวลากลางคืนจนอาเจียนใส่รถ เป็นต้น อีกหนึง่ ประเด็นหนึง่ ซึง่ เป็นทีพ่ ดู ถึงในสังคม อย่างมาก ก็คอื ความขัดแย้งระหว่าง แท็กซีแ่ ละอูเบอร์ ซึง่ ในมุมมองของผูโ้ ดยสารทีม่ ภี าพของแท็กซีว่ า่ อันตราย หรือชอบปฏิเสธผู้โดยสาร ท�ำให้หันไปใช้บริการจาก อูเบอร์ แต่สำ� หรับคนขับรถแท็กซีส่ ว่ นใหญ่นนั้ ไม่เห็น ด้วยกับการทีจ่ ะมีอเู บอร์ในประเทศไทย โดยคุณสมชาย เองก็ได้พดู ถึงเหตุผลทีต่ นไม่เห็นด้วยกับการมีอยูข่ อง อูเบอร์ว่า “เรื่องที่แท็กซี่และอูเบอร์มีปัญหากันเป็น เพราะว่าอูเบอร์นั้นเป็นรถบ้านสวมทะเบียน ไม่เสีย
ภาษีตามที่แท็กซี่บริษัทอื่นต้องเสีย แถมยังมีการตัด ราคา ท�ำให้รายได้ของแท็กซี่ลดลง เพราะผู้โดยสาร เริม่ หันไปใช้บริการอูเบอร์มากขึน้ เพราะราคาถูกกว่า และยังไม่มีข่าวเสียหายจากการใช้บริการรถอูเบอร์ ไม่เหมือนกับแท็กซี”่ จากเรือ่ งราวของคุณสมชายอาจ จะเป็นเรือ่ งราวทีห่ ลายคนคงยังไม่เคยทราบเกีย่ วกับ สิ่งที่คนขับรถแท็กซี่ต้องเจอในแต่ละวัน เพราะเรื่อง ราวส่วนใหญ่ที่เราได้ยินกันมานั้นก็มักจะมาจากมุม มองของผู้โดยสารเท่านั้น ทัง้ หมดทีก่ ล่าวมานัน้ อาจสามารถท�ำนาย อนาคตของวงการแท็กซี่ได้ว่าอาชีพคนขับรถแท็กซี่ จะค่อย ๆ เลือนหายไปจากสังคม เนื่องจากถูกโจมตี จากสังคมเป็นอย่างมาก ท�ำให้ภาพลักษณ์ท่ีดีนั้นถูก แทนทีด่ ว้ ยภาพจ�ำว่าการนัง่ แท็กซีน่ นั้ ไม่ปลอดภัย สุม่ เสีย่ งต่อการโดนท�ำร้าย และเอาเปรียบ โดยทีไ่ ม่รเู้ ลย ว่าคนขับรถแท็กซีน่ นั้ ไม่ได้เป็นแบบนัน้ ทุกคน ยังมีคน ที่ประกอบอาชีพนี้โดยสุจริตและปฏิบัติหน้าที่อย่าง บริสุทธิ์ใจต่อผู้โดยสาร และเมื่อมองอย่างเป็นกลาง แล้ว ทุกสิง่ ทุกอย่างมักมีสองด้านทัง้ ร้ายและดี ผูโ้ ดยสาร มีมุมมองต่อคนขับแท็กซี่อย่างหนึ่ง แต่คนขับแท็กซี่ อย่างคุณสมชายเองก็มมี มุ มองต่อผูโ้ ดยสารเช่นเดียวกัน ว่า “ใครว่าผูโ้ ดยสารกลัวแท็กซี่ แท็กซีก่ ก็ ลัวผูโ้ ดยสาร เหมือนกันครับ”
เซียมซีพยากรณ์... สื่อสุขภาพที่คาดไม่ถึง
สภาพผู้คนจอแจภายในบริเวณวัดหรือศาลเจ้า และกลิ่นควันธูป ลอยคลุ้งชวนแสบตา เสียงสวดมนต์ อธิษฐานดังระงมไปทั่วสารทิศ เสียงของ ความหวัง พลังแห่งความศรัทธาทีท่ ว่ มท้นและแฝงไปด้วยเสียงภาวนาทีม่ าจาก การอธิษฐานด้วยความตั้งมั่นของพลังอ�ำนาจแห่งความเชื่อ และความหวังถึง ค�ำตอบของปัญหาที่ผู้เสี่ยงทายต้องการค�ำตอบเพื่อเป็นเครื่องชี้น�ำทางในการ ด�ำเนินชีวติ แม้บริเวณโดยรอบจะวุน่ วาย หรือคละคลุง้ อบอวลไปด้วยกลิน่ ของ ดอกไม้ก็ไม่ได้ท�ำให้ความตั้งใจที่จะตั้งจิตเพื่อเสี่ยงทายจากการ เสี่ยงเซียมซี ลดน้อยลงแม้แต่นิดเดียว แคร่กๆๆๆๆเสียงเขย่าเซียมซีทเี่ กิดจากแผ่นไม้กระทบกับกระบอก ไม้ไผ่ เป็นเสียงทีค่ นไปวัดน่าจะคุน้ หูกนั เป็นอย่างดี สองมือพนม เปลือกตาปิด ลง ตั้งจิตอธิษฐานขอพรสิ่งที่ต้องการหรือค�ำตอบของค�ำถามที่คาใจต้องการ ข้อไขเพือ่ ความกระจ่างใจ ก่อนลืมตาแล้วเขย่าอย่างเบามือ ปล่อยให้โชคชะตา ผลแห่งบุญและกรรมทีท่ ำ� มาในชาติน้ี ได้ผลักดันผลค�ำท�ำนายทีร่ อ้ ยเรียงอักษร ให้มีความสละสลวย เป็นบทกลอนหรือฉันทลักษณ์ต่างๆที่แฝงไปด้วยความ หมายตามที่จิตของท่านนั้นแสวงหา “เซียมซี” นัน้ เป็นภาษาจีน ค�ำว่า เซียม แปลว่า แผ่นกระดาษเล็กๆ ยาวๆ ส่วนค�ำว่า ซี แปลว่า บทกลอน เมือ่ รวมกันจึงแปลว่า บทกลอนบนแผ่น กระดาษแผ่นเล็กๆ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมาย ของเซียมซีว่าคือ ใบท�ำนายโชคชะตาตามศาลเจ้าหรือวัดเป็นต้น มีเลขหมาย เทียบกับเลขหมายบนติ้วที่เสี่ยงได้ ส่วนความเชือ่ เรือ่ งของต้นก�ำเนิดนัน้ คาดเดากันว่ามาจากประเทศ จีน ซึ่งในสมัยนั้นมีการท�ำนายโดยผู้รู้อย่างแท้จริงและ ประกอบกับศาลเจ้ามี จ�ำนวนเพิม่ มากขึน้ กว่าแต่กอ่ น จึงได้ทำ� การเขียนค�ำท�ำนายเอาไว้บนแผ่นกระจก โดยอาศัยข้อความในคัมภีร์อี้จิงซึ่งมีอยู่ 64 บท เป็นหลักในการท�ำนาย เซียมซีเข้ามาในประเทศไทย ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยูห่ วั ได้มกี ารจัดงานเสีย่ งเซียมซีทวี่ ดั กัลยาณมิตร ฝัง่ ธนบุรี ซึง่ ภายในงาน มีใบค�ำท�ำนายเป็นภาษาไทย ถูกเขียนและเรียงไว้บนแผ่นกระจกจ�ำนวน 28 แผ่น ถือเป็นจุดเริม่ ต้นของการมีคำ� ท�ำนายเซียมซีเป็นภาษาไทยครัง้ แรกซึง่ ถือ ได้ว่า ความเชื่อ และความศรัทธาของคนไทย ที่เชื่อถึงความศักดิ์สิทธิ์ ทั้งทาง ด้านศาสนา และโหราศาสตร์ เป็นของควบคู่กันมาช้านาน เมือ่ รูถ้ งึ ความหมาย ประวัตคิ วามเป็นมาของใบเซียมซีและการเข้ามาในประเทศไทย แล้ว มาดูสถานทีท่ ชี่ าว The Salao หยิบยกสถานทีท่ ผี่ คู้ นต่างนิยมท�ำบุญและ เสี่ยงทายเซียมซี เพราะเชื่อว่ามีความแม่นย�ำและต่างมีผู้คนเคารพ เลื่อมใส ต่างเดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศในประเทศไทยหรือต่างชาติก็ยังมี ภายใน จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งแต่ละวัดและศาลเจ้ามีความแตกต่างกันของค�ำท�ำทาย และเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละสถานที่มาแนะน�ำ เพื่อตอบค�ำถามและสนอง ความศรัทธาของแต่ละท่าน มีทั้งหมด 3 สถานที่ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่มักบอกว่า แม่นมาก !! มาให้ลองอ่านและลองตัดสินใจกันดู 1.วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) ตัง้ อยูท่ ี่ ถนนพุทธบูชา ริมฝัง่ แม่นำ�้ น่านด้านทิศตะวันออก ตรงข้าม กับศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เป็นพระอารามหลวงชัน้ เอกชนิดวรมหาวิหาร เป็นทีร่ จู้ กั โดยทัว่ ไปในฐานะสถานทีป่ ระดิษฐานพระพุทธชินราช เป็นพระพุทธ
รูปทีไ่ ด้รบั การยกย่องว่าสวยงามทีส่ ดุ ในประเทศไทย และต่างมีผคู้ นทีเ่ ลือ่ มใส ศรัทธา เดินทางมาเคารพและสักการะไม่ขาดสาย ทัง้ ชาวไทยและชาวต่างชาติ ด้วยเหตุนี้ ใบเซียมซีจึงเป็นหนึ่งจุดความสนใจ และเป็นที่ที่หลาย คนต่างท�ำการเสีย่ งทาย ท�ำนายดวง ซึง่ ค�ำท�ำนายจากใบเซียมซีของทางวัดใหญ่ เป็นกลอนทีอ่ า่ นง่าย และเข้าใจ แต่ละใบมีสสี นั ทีน่ า่ อ่านหลากหลายสี มีทงั้ หมด 28 ใบ จะเน้นไปทางสุขภาพกาย เช่น ถึงป่วยไข้ก็จะหาย ถามคนเจ็บว่าหาย สบายจิต แม้ยามไข้ได้คลายหายสนิท ส่วนใบที่ไม่ดีก็มีเช่นกัน อย่างคนเจ็บ หายยากหนักทุกข์อรุ า ในส่วนของ ลาภ ยศ เงินทอง ความสบายจิต มิตรสหาย ญาติพี่น้อง เนื้อคู่เน้นชายหญิง รวมถึงหากมีเหตุร้ายหรือ ได้ใบท�ำนายที่ไม่ดี จะมีวิธีแก้อยู่ท้ายบทกลอนนั้นๆด้วย พระสมุห์อาทิตย์ อติภทฺโท บวชอยู่ที่วัดเป็นเวลา 10 ปี เล่าว่า “ใบเซียมซีของ ทางวัดเราไม่ได้เปลี่ยนเป็นเวลานานแล้ว แต่ผู้คนก็ยังมาสนทนากับอาตมาว่า ใบเซียมซีที่นี่แม่นย�ำ มาก มักตรงกับสิ่งที่เขานึกคิด และเป็นก�ำลังใจในการ ด�ำเนินชีวติ ของพวกเขาด้วย ถือว่าเซียมซีนเี้ ป็นหนึง่ ใน ก�ำลังใจด้านสุขภาพจิต ได้เลย” 2.วัดราชคีรีหิรัญยาราม วัดราชคีรีหิรัญยาราม หรือวัดพระพุทธบาทเขาสมอแคลง หรือ เรียกอีกชือ่ หนึง่ ว่าวัดเจ้าแม่กวนอิมหยกขาว เป็นวัดทีอ่ ยูบ่ นยอดเขาสมอแคลง มีเทวรูปพระโพธิสตั ว์กวนอิมหยกขาวองค์ใหญ่และมีววิ ทิวทัศน์ทสี่ วยงามมอง ไปเห็นทิวทัศน์รอบตัวเมืองจังหวัดพิษณุโลกได้ เป็นอีกหนึง่ วัดทีร่ วบรวมระหว่าง ชาวพุทธ และ ชาวไทยเชื้อสายจีน มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และได้ชื่นชมวิว สวยๆจากที่นี่ การท�ำนายเซียมซีเพือ่ ล่วงรูถ้ งึ อนาคตตามทีใ่ จหวัง บางคนมาด้วย ความไม่สบายใจแต่ขากลับออกไปได้ความสบายใจคืนมา ซึ่งเซียมซีของทาง วัดนี้ เป็นหนึ่งจุดสังเกตที่ไม่ควรพลาด เพราะ เป็นใบเซียมซีที่มีทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน รองรับได้ทงั้ ชาวต่างชาติและชาวไทยทีม่ จี ติ ศรัทธา มีทั้งหมด 28 ใบ และใบเซียมซีแบ่งเป็น2จ�ำพวกใหญ่ๆ คือเป็นเรื่องเกี่ยวกับ สุขภาพจิตที่มุ่งหวังความสบายใจ และสองเป็นเรื่องสุขภาพกายที่เกิดจาก บาดแผลภายนอก แต่กม็ ที เี่ ป็นความโชคร้ายด้วย เช่น เป็นไข้กไ็ ม่หาย ไม่สบาย จิตก็มิคลาย แต่ที่วัดนี้ไม่มีวิธีแก้ให้หายคลายเจ็บ ซึ่งแตกต่างจากวัดอื่นๆที่มัก มีวธิ แี ก้ไขไว้ทา้ ยบท อย่างไรก็ตามนีอ่ าจเป็นเคล็ดลับอย่างหนึง่ ทีก่ อ่ ให้เกิดความ ตระหนักในการด�ำเนินชีวติ หรือการดูแลสุขภาพคือการรูว้ า่ มีภยั ร้ายรออยูข่ า้ ง หน้าโดยตามสัญชาตญาณของมนุษย์มักจะระวังภัยป้องกันตัวเองอยู่เสมอ ซึ่ง ผู้คนที่ได้มาท�ำการสักการะและท�ำการเสี่ยงเซียมซีที่วัดนี้บอกกับเราว่า “การ มาท�ำนายเซียมซีที่นี่ถือมีความแม่นย�ำในระดับหนึ่ง และมันเหมือนเป็นการ ท�ำนายเพื่อความสบายใจของตัวเราเอง ซึ่งหลังจากที่ได้ท�ำนายเซียมซีแล้วก็ มักพบเจอแต่สิ่งดีๆที่เข้ามาในชีวิตเสมอ” 3.โรงเจไซทีฮุกตึ๊งไต่เสี่ยฮุกโจ้ว (ศาลเจ้าพ่อเห้งเจีย) ศาลเจ้าพ่อเห้งเจีย หรือ โรงเจไซทีฮกุ ตึง้ ซึง่ ตัง้ อยูบ่ นเขาสมอแคลง ห่างจากวัดพระแม่กวนอิมหยกขาวประมาณ 200 เมตร (วัดทางด้านบนที่เรา ได้กล่าวไป) มีสิ่งศักดิ์สทิ ธิ์มากมาย อาทิ องค์เจ้าพ่อเห้งเจีย (ไต๋เสีย่ ฮุกโจ้ว) ซึ่ง มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคเหนือตอนบน และมักมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศ
๑๑
เดินทางขึน้ มากราบไหว้และขอพรจากองค์เจ้าพ่อเห้งเจียอยูเ่ ป็นประจ�ำ พร้อม ทั้งมาจุดประทัดถวายและมักจะได้ผลตามความปรารถนาทุกๆประการ ซึ่ง แน่นอนเป็นวัดของชาวไทยเชื้อสายจีน และกลุ่มคนที่เคารพนับถือศรัทธาใน สิง่ ศักดิส์ ทิ ธิของวัดนี้ ใบเซียมซีสว่ นใหญ่มกั เป็นเรือ่ งค้าขาย ความร�ำ่ รวย อนาคต ที่รุ่งเรืองในการงาน อุปสรรคต่างๆนาๆในการด�ำเนินชีวิต และใบเซียมซีของ ที่นี่มีทั้งหมด 54 ใบ ถือว่ามีมากพอสมควรและแตกต่างจากวัดอื่นๆตรงที่มี เพียงเบอร์เดียวเท่านัน้ ทีเ่ กีย่ วข้องกับสุขภาพกายคือใบที3่ 7 ส่วนใบอืน่ ๆเกีย่ วข้อง กับอนาคต การค้า ความมัน่ คง อุปสรรคทัว่ ๆไป ส่วนใบทีร่ า้ ยทีส่ ดุ ก็มใี บทีก่ ล่าว ว่า อนาคตไม่สมดังใจหมาย ระวังอันตรายในช่วงนี้ จะสูญเสียสิง่ ทีร่ กั โดยง่ายดาย แต่วัดนี้มีวิธีแก้อยู่ตอนท้ายเพื่อเพิ่มความสบายใจให้แก่ผู้ได้ใบเซียมซีเบอร์นี้ อย่างไรก็ตาม ผู้คนที่ได้มาท�ำการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่มักพบเจอและได้สิ่ง ที่ปรารถนาสมใจหวังทุกประการ ค�ำท�ำนายที่ถูกเรียบเรียงผ่านบทกลอนที่แสนไพเราะนั้น มีความ หมายทัง้ เรือ่ งดีและเรือ่ งไม่ดี หากว่าคุณรูส้ กึ ไม่สบายใจกับค�ำท�ำนายตามความ เชื่อทั่วไปเราสามารถเก็บกระดาษใบนั้นคืนไว้ที่วัดหรือใต้ต้นไม้ใหญ่ เปรียบ เสมือนการทิง้ สิง่ ไม่ดไี ว้ทวี่ ดั เพือ่ เป็นตัวบ่งบอกว่าสิง่ ไม่ดใี ห้สงิ่ ศักดิส์ ทิ ธิช์ ว่ ยขจัด และปัดเป่าออกให้ไกลตัว ใบเซียมซีที่มีทั้งบทกลอน หรือบทความสั้นๆ ของแต่ละวัดที่มีให้ อ่านหรือเสีย่ งทายนัน้ เพือ่ เพิม่ ความสบายใจให้แก่บคุ คลทีท่ กุ ข์กายไม่สบายใจ หรือเพียงอยากล่วงรูอ้ นาคตนัน้ ค�ำท�ำนายของแต่ละวัดมีความคล้ายและแตก ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความเลื่อมใส และความเคารพนับถือ ศรัทธาของ แต่ละบุคคล แต่สงิ่ ทีห่ นีไม่พน้ กันของแต่ละวัดซึง่ ไม่วา่ จะเป็นวัดไทยหรือวัดจีน คือ การท�ำจิตใจให้บริสทุ ธิ์ ผ่องใส อุทศิ ตนบ�ำเพ็ญเพียรภาวนา รักษาตนให้อยู่ ในศีล 5 ถือการปฏิบตั กิ ายและใจในทางทีด่ ี ค่อยคิดไตร่ตรองในการกระท�ำสิง่ ต่างๆ ค่อยเป็นค่อยไปให้เวลาเป็นตัวช่วยในการน�ำทางของใจและกายที่จะ กระท�ำและมีผลของการกระท�ำนัน้ ๆตามมา และมีการสอดแทรกหลักทางศาสนา พุทธไว้ด้วยอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสอดคล้องกับหลักประพฤติปฏิบัติของชาวไทย ถือได้วา่ ใบเซียมซีทเี่ ราๆมีความเชือ่ และเสีย่ งโชคชะตานัน้ อาจเป็นสือ่ สุขภาพ ได้อีกทางด้วย นั่นคือ การที่เซียมซีอาจเป็นสื่อที่บุคคลเชื่อมั่นในความถูกต้อง เมื่อผู้รับสารต้องการค�ำตอบเพื่อไขปริศนาข้อข้องใจหรือเพื่อคลายทุกข์ให้กับ ตนจากสิง่ ศักดิส์ ทิ ธิท์ ผี่ ขู้ อเซียมซีเคารพนับถือประกอบกับค�ำท�ำนายทีส่ ามารถ โน้มน้าวจิตใจของผูร้ บั สารได้ พร้อมทัง้ ความเชือ่ ทีเ่ ชือ่ ว่าสิง่ ศักดิส์ ทิ ธิท์ ตี่ นเคารพ นับถือนัน้ มีจริง ถือเป็นการใช้สอื่ เซียมซีเพือ่ เชือ่ มโยงระหว่างความเชือ่ กับสุขภาพ ได้ดีเลยทีเดียว เพราะหลังจากเชื่อก็เกิดการปฏิบัติตามค�ำท�ำนายเสมือนเป็น ข้อไขความกระจ่างขุ่นมัวของจิตใจที่ทุกข์กังวลได้เกิดความคลายลงได้ การเสริมสร้างสุขภาพกายและใจให้แข็งแรงด้วยค�ำท�ำนายหรือที่ เรียกว่าวัจนกรรมท�ำนายทีแ่ ฝงไปด้วยหลักทางศาสนา กล้าท้าทายด้วยค�ำกลอน และสามารถดึงพลังความเชือ่ ความเคารพศรัทธาของผูค้ นออกมาสูก่ ารปฏิบตั ิ ตนเพือ่ สร้างเสริมสุขภาพกายและใจไปพร้อมๆกันได้โดยไม่มขี อ้ ขัดแย้งและทุก คนเชื่อแถมเต็มใจปฏิบัติตาม จัดเป็นสื่อเซียมซีส่งเสริมสุขภาพที่มีพลังอ�ำนาจ และอิทธิพลต่อความเชื่อของผู้รับสารโดยใช้พลังอ�ำนาจทางศาสนาสอนผู้รับ สารที่เชื่อและศรัทธาได้โดยง่าย และไม่สามารถสังเกตได้ หากไม่เฉลียวใจ
๑๒
“สปาวังส้มซ่า”
ส่งกลิ่นหอมจากชุมชนสู่ชุมชนบ�ำบัดชุมชน
เมือ่ พูดถึง “สปา” สิง่ ทีเ่ รามักนึกถึงเป็นอันดับแรกๆ คงเป็น “กลิน่ หอม” ทีต่ ามมาด้วย “การบ�ำบัด” สปาจึงเป็น ทั้งสถานที่ และเทคนิคที่ช่วยในการบ�ำบัด ช่วยผ่อนคลาย บรรเทาความเครียด บรรเทาอาการไม่สบายกายไม่สบายใจ ผ่านการใช้กลิน่ หอมระเหย ซึง่ แต่ละกลิน่ ก็มสี รรพคุณทีแ่ ตก ต่างกันออกไป
อย่างเช่น กลิ่นหอมจากดอกลาเวนเดอร์ เป็นกลิ่นที่ช่วย ลดความเครียด และลดอาการปวด คุณสมบัตขิ องกลิน่ นีจ้ ะกระตุน้ ในการหลั่งสารสื่อประสาท และสามารถลดความกังวลหรือความ ตื่นเต้นได้ กลิ่นหอมของโรสแมรี่ จะช่วย ให้สดชื่น แจ่มใส และแก้ ง่วง ช่วยให้ระบบการหมุนเวียนเลือดในสมองดีขนึ้ ซึง่ เป็นประโยชน์ โดยตรงต่อสมอง กลิ่นหอมของซีตรัส เป็นกลิ่นแบบแนวเปรี้ยวๆ คล้ายกลิน่ มะนาว ท�ำให้เกิดความรูส้ กึ ตืน่ ตัว กระฉับกระเฉง เพราะ ลักษณะของกลิน่ แนวนีจ้ ะให้ความรูส้ กึ สะอาด สร้างสมาธิได้ดนี อกจาก นีย้ งั ช่วยลดอาการเครียดได้อกี ด้วย และสุดท้าย กลิน่ หอมเย็นๆ ขอ งมินต์ จะช่วยให้รู้สึกมีชีวิตชีวา กระปรี้กระเปร่า เพราะโมเลกุลขอ งมินต์จะมีผลต่อการสื่อสารของเซลล์ประสาท แต่สำ� หรับหมูบ่ า้ น “วังส้มซ่า” ซึง่ เต็มเปีย่ มไปด้วยบรรยากาศ ความสงบเงียบกับวิถีชีวิตชุมชนแบบเรียบง่ายและสร้างความเป็น เอกลักษณ์ของท้องถิ่นด้วย “ส้มซ่าสปา” กลิ่นสปาแบบชาวบ้านๆ เป็น “สปาที่ว่าด้วยเรื่องของสมุนไพรของชาวบ้านล้วนๆ” กลุ่มวิสาหกิจชุมชนพัฒนาผลิตภัณฑ์ทรัพยากรชีวภาพ เพื่อเศรษฐกิจชุมชนบ้านวังส้มซ่า ต.ท่าโพธิ์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก เป็นชุมชนที่ถูกหยิบยกให้เป็นต้นแบบของวิถี ชุมชนชานเมือง เนือ่ งด้วยชาวบ้านส่วนใหญ่มอี าชีพทางการเกษตร ท�ำนา ท�ำสวน และปลูกสมุนไพรพืน้ บ้านนานาชนิด ยกตัวอย่าง บัว หลวง อัญชัน มะกรูด ตะไคร้ บัวบก เตยหอม ปีป มะลิ ฟักข้าว บวบขม ว่านหางจระเข้ มะระขี้นก ทับทิม มะละกอ ข่อย มะเฟือง ฝรั่ง สีเสียดและส้มซ่า กล่าวได้ว่า เป็นชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์ และมีความหลากหลายทางชีวภาพ จึงส่งผลให้ “ส้มซ่า” เป็นอีก หนึง่ แรงบันดาลใจทีท่ ำ� ให้ชมุ ชนสนใจพัฒนาสมุนไพรในท้องถิน่ ตัว เอง จนกลายมาเป็น “ส้มซ่าสปา” ในที่สุด การเริม่ ต้นขึน้ ของส้มซ่าสปา เกิดจากการเริม่ ตัวของสมาชิก ในชุมชนร่วมกันบูรณาการจากทรัพยากรชีวภาพในท้องถิ่นและ ภูมิปัญญาท้องถิ่นมาพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่สากล โดยใช้วัตถุดิบจาก ทรัพยากรชีวภาพในท้องถิน่ ด�ำเนินธุรกิจชุมชนด้านการผลิตและจัด จ�ำหน่ายผลิตภัณฑ์เพือ่ สุขภาพและความงาม โดยการแปรรูป ผลิตภัณฑ์ จากส่วนผสมของ “ส้มซ่า”
“เป็นเพราะชาวบ้านโค่นทิ้งหมด เหลือต้นส้มซ่า 100 ปี เพียงต้นเดียว จึงเอามาต่อยอด ให้เป็นผลิตภัณฑ์ ท�ำเป็นนวัตกรรม เพือ่ ให้ชาวบ้านได้เห็นคุณค่า ว่า ส้มซ่า ไม่ได้คงอยูเ่ พียงแค่ชอื่ หมูบ่ า้ น จึงหันมาเอาส้มซ่ามาท�ำเป็นนวัตกรรมสู่ภูมิปัญญาท�ำเป็นเครื่อง ส�ำอางเป็นผลิตภัณฑ์เสริมความงามต่างๆ” กลุม่ วิสาหกิจชุมชนบ้านวังส้มซ่า เล็งเห็นถึงสรรพคุณของ ส้มซ่าทีส่ ามารถน�ำมาต่อยอดได้ เพราะสรรพคุณทางยา เปลือกของ ส้มซ่า สามารถใช้ท�ำยาหอม แก้ลม แก้วิงเวียน แก้หน้ามืดตาลาย ช่วยขับลม และแก้ทอ้ งอืด ท้องเฟ้อ ส่วนน�ำ้ ของส้มซ่า ช่วยลดเสมหะ แก้ไอ ฟอกโลหิต และใบของส้มซ่า สามารถน�ำมารักษาโรคผิวหนัง ได้อีกด้วย จะเห็นได้ว่า “ส้มซ่า” จึงมีคุณค่ามากกว่าที่หลายคนคิด และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านวังส้มซ่ายังเล็งเห็นถึงความ ส�ำคัญของการอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้อง ถิ่นให้อยู่คู่กับชุมชนตลอดไป เนื่องจากปัจจุบันนี้ ส้มซ่ากลายเป็น พืชที่มีคนรู้จักน้อย จึงน�ำ “ส้มซ่า” ที่เป็นต้นทุนที่มีอยู่ในท้องถิ่น น�ำมาสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับผู้คนในชุมชน โดยการน�ำมา แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์บ�ำรุงผิวกาย ผิวหน้า เป็นผลิตภัณฑ์สปา ที่ ปลอดสารเคมีปนเปื้อน “เพราะส้มซ่า สามารถเอามาพัฒนา เอามาต่อยอดได้ ถ้า เราให้ชาวบ้านปลูก แล้วเราก็ซื้อ อย่างเช่น ผลของส้มซ่า เราก็ซื้อ ในกิโลกรัมละ 35 บาท ส่วนใบของส้มซ่า เราจะซือ้ ในราคากิโลกรัม ละ 50 บาท เพื่อเอาส่วนต่างๆ มาสกัดเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ สปา และนีก่ เ็ ป็นส่วนหนึง่ ทีส่ ร้างรายได้ให้กบั ผูค้ นในชุมชนของเรา” นางเผอิญ พงษ์สีชมพู ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านวังส้มซ่า กล่าว ส้มซ่าสปา เป็นสปาที่ถูกก่อตั้งขึ้นเองจากผู้คนในชุมชน พนักงานสปาก็เป็นคนในชุมชน อย่างเช่น ป้าเจียง มีอาชีพท�ำนา พอนอกเหนือจากเวลาท�ำนา ก็จะมาท�ำสปา หรือนิสิตนักศึกษาที่ ยังเรียนอยู่ พอเลิกจากเวลาเรียน ก็มาท�ำสปา หรือแม้แต่กระทั่ง พนักงานบริษทั หลังจากออกเวร ก็มาท�ำสปา จะเห็นได้วา่ เป็นการ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชน และสปาส้มซ่า ก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งเรียนรู้ ที่เปิดกว้าง เพราะไม่ว่า ใครก็สามารถเข้ามาศึกษาเรียนรู้ได้ และเพื่อให้หมู่บ้านวังส้มซ่าได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จึงเริ่ม เข้าสู่เวทีการประกวด ไม่ว่าจะเป็นการประกวดเยาวชน OTOP ประกวดนวัตกรรม ประกวดสมุนไพร และรางวัลล่าสุดที่ได้มาเมื่อ ปีที่ผ่านมา คือ รางวัล“วิสาหกิจชุมชนดีเด่น”ท�ำให้ผู้คนหลั่งไหล เข้ามาใช้บริการสปาที่หมู่บ้านวังส้มซ่าเป็นอย่างมาก
“ส้มซ่า ไม่ใช่เด่นแค่ ส้มซ่า” สปาของหมู่บ้านวังส้มซ่า ยังมีการใช้วัตถุดิบอื่นๆ ในการสร้างผลิตภัณฑ์อีกด้วย ยกตัวอย่าง เช่น กล้วย ข้าว งา มะพร้าว ทับทิม ว่านหางจระเข้ แตงกวา ขมิ้น ใบบัวบก เป็นต้น ซึง่ จากวัตถุดบิ ในท้องถิน่ ก็ได้พฒ ั นาเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อสุขภาพและความงามที่ปลอดจากสารเคมี เป็นธรรมชาติ 100 % โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมลคลธัญบุร,ี มหาวิทยาลัยนเรศวร, ส�ำนักงานพัฒนา ชุมชนอ�ำเภอเมืองพิษณุโลก, ส�ำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก, ส�ำนักงานเกษตรจังหวัดพิษณุโลก, องค์การบริหารส่วนต�ำบลท่า โพธิ,์ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดพิษณุโลก โดยเฉพาะอย่างยิง่ ส�ำนักงาน พัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) ไม่วา่ จะเป็นแชมพู ครีมนวดผม ครีมบ�ำรุงผิว เจลอาบน�ำ้ ลิปบาล์ม ลิปกลอส โลชัน่ ธัญพืช ครีมนวดเท้า ครีมกันแดด ทีร่ บั รอง ว่าปราศจากสารเคมีอนั ตราย และล่าสุดคือ “อโรมาเจล” ผลิตภัณฑ์ ยอดนิยมในปัจจุบัน เนื่องด้วยพกพาได้ง่าย ใช้สะดวก แถมมีกลิ่น น�้ำมันหอมระเหยของส้มซ่าที่ช่วยให้สดชื่น ช่วยในการบ�ำบัด ช่วย ในการผ่อนคลายและช่วยท�ำให้นอนหลับสบาย รวมหลากหลาย สรรพคุณ ปัจจุบันส้มซ่าสปาเพื่อสุขภาพเปิดให้บริการสปา ตั้งแต่ นวดหน้า นวดตัว นวดเท้า ขัดตัวและอบตัว โดยฝีมือของคนใน ชุมชน ทีไ่ ด้รบั การอบรมอย่างถูกต้องตามแพทย์แผนไทย เปิดบริการ ทุกวันจันทร์ – อาทิตย์ เวลา 09.00 - 20.00 น. การรู้จักเอาใจใส่วัฒนธรรมท้องถิ่น การใช้ทุนทาง
สังคม คือ การรูจ้ กั รักษาทรัพยากรทีม่ อี ยูใ่ นพืน้ ที่ อย่าง “ส้ม ซ่า” ให้คงอยู่ สิ่งเหล่านี้ล้วนมีความส�ำคัญต่อวิถีชีวิตของ ชุมชน ทีจ่ ะต้องนึกถึงและช่วยกันรักษาไว้ จึงท�ำให้ผวู้ า่ ราชการ จังหวัดพิษณุโลก ยกย่องให้ วิสาหกิจชุมชนพัฒนาทรัพยากร ชีวภาพเพือ่ เศรษฐกิจชุมชนบ้านวังส้มซ่า เป็นชุมชนต้นแบบ ให้แก่ชุมชนอื่นๆ โดยพร้อมให้การส่งเสริม สนับสนุน สร้าง นวัตกรรมอย่างเต็มรูปแบบ เช่นนัน้ การท�ำให้สงิ่ ทีก่ ำ� ลังจะหายไปจากชุมชน กลับ มามีคุณค่า และเพื่อให้ด�ำรงอยู่คู่กับชุมชน อีกทั้งยังช่วยขับ เคลือ่ นพัฒนาเศรษฐกิจในพืน้ ทีช่ มุ ชนให้มรี ายได้เพิม่ ขึน้ และ สร้างความมัน่ คง มัง่ คัง่ และยัง่ ยืน “เป็นการพัฒนาต้นทุนที่ ดี ที่มีอยู่ในชุมชนให้เกิดผลสูงสุดแก่สมาชิกชุมชน”
๑๓
พลังแห่งการให้ยิ่งใหญ่เสมอ
นิเทศศาสตร์ มอนอ จัดกิจกรรมสร้างสรรค์ เพื่อผู้พิการทางสายตา
คุณคิดว่าโลกของผู้พิการทางสายตา เป็นแบบไหน? การด�ำเนินชีวติ ของพวกเขาเป็น อย่างไร? เพราะโลกทีเ่ ราเห็น กับโลกทีพ่ วกเขา เป็น... มันอาจจะต่างกัน เนือ่ งด้วยข้อจ�ำกัดเพียง บางอย่าง แต่แม้โลกของพวกเขาจะไม่มี (หรือ อาจจะมี) ภาพ และสี ก็เชื่อแน่ว่าพวกเขายัง สัมผัสได้ด้วยใจ “แค่ดวงตาที่บอด...”
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2561 นิสิต นิเทศศาสตร์ ม. นเรศวร ได้มอบหนังสือเสียงให้แก่ผู้ บกพร่องทางการมองเห็นในโครงการ “เสียงนี้ เพื่อ น้อง” ที่จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ณ โรงเรียนสอน คนตาบอด สันติจนิ ตนา อ.เด่นชัย จ.แพร่ เป็นโรงเรียน เอกชนการกุศล ก่อตัง้ โดยมูลนิธคิ นตาบอดไทย ทีจ่ ดั กระบวนการจัดการเรียนรูแ้ บบให้เปล่าให้กบั เด็กทีม่ ี ความบกพร่องทางการเห็น ในเขตภาคเหนือตอนล่าง ได้แก่ น่าน พะเยา พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ ก�ำแพงเพชร ซึง่ เปิดสอนในระดับชัน้ อนุบาลจนจนถึง ระดับชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 6 และส่งเรียนร่วมในระดับ มัธยมศึกษา จากการเล็งเห็นถึงความส�ำคัญของโลกแห่ง การสือ่ สารกับผูพ้ กิ ารทางสายตา ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ กาญจนา เชีย่ ววิทย์การ และนิสติ ในรายวิชาวิชาการ ผลิตรายการวิทยุขั้นสูง จึงได้จัดท�ำโครงการขึ้นมา เพราะโลกของการสือ่ สารในปัจจุบนั มีววิ ฒ ั นาการของ เทคโนโลยีที่ก้าวไกลมากขึ้น ซึ่งคนปกติทั่วไปน�ำ วิวัฒนาการนั้นมาปรับใช้ให้ทันโลก ณ ปัจจุบัน ใน ทางกลับกันก็เชื่อว่าโลกส�ำหรับผู้พิการทางการมอง เห็นพวกเขาก็ควรจะได้ใช้สื่อและตามทันเทคโนโลยี ของโลกโซเชียลมีเดียนัน้ ด้วย แล้วพวกเขาใช้อย่างไร? “การเรียนรูท างนิเทศศาสตรใ นปจ จุบนั นี้ กล่าวเลยว่า ประเด็นที่ 1 เราสรางสรรค หรือเราผลิต หรือเราเสนอขอ มูลขา วสารใหก บั คนปกติเทา นัน้ หรือ ประเด็นที่ 2 ก็คอื เรือ่ งของการผลิตงานเสียงหรืองาน
ทางวิทยุนคี้ ดิ วามีใครบางทีค่ ดิ วามีความจําเปนตองใชเสียง มากทีส่ ดุ คําตอบ คือ แนน อน ผูบ กพรอ งทางการมอง เห็นทีต่ อ งการใหเสียงไปเปดโลกของเขาเพือ่ ใหสวาง ขึน้ และกวางไกลมากขึน้ ซึง่ นัน่ เปน โลกแหง การเรียน รู้สําหรับพวกเขาตลอดชีวิต” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ กาญจนา เชี่ยววิทย์การ กล่าว พวกเราชาวร่มเสลาคิดว่า โลกของพวกเขา ต้องไม่เหมือนกับการทีเ่ ราแค่หลับตาลง แล้วมองเป็น โลกเป็นสีดำ� แน่นอน เพราะหากเราลองหลับตาลง เรา ยังพอนึกภาพออก ว่าอะไร เป็นสีอะไร แต่ส�ำหรับ พวกเขาที่ยังไม่เคยเห็นอะไรมาก่อน คุณคิดว่า ภาพ ทีพ่ วกเขานึกออกจะมีลกั ษณะแบบไหน? พวกเขาอาจ จะบอกได้ ตามทีพ่ วกเขาได้ยนิ มาว่า “รุง้ มีเจ็ดสี ม่วง คราม น�ำ้ เงิน เขียว เหลือง แสดและแดง” แต่ไม่รเู้ ลย ว่า สีเหล่านั้น หน้าตาเป็นอย่างไร รู้ว่านม “สีขาว” แต่ไม่รวู้ า่ สีขาวหน้าตาเป็นอย่างไร รูว้ า่ ทะเล “สีฟา้ ” รู้ว่าหญ้า “สีเขียว” รู้ว่ากุหลาบ “สีแดง” และรู้อะไร อีกมากมาย แต่ก็ไม่รู้เลยว่า “สีเหล่านั้นหน้าตาเป็น อย่างไร” “หนังสืออักษรเบล หนังสือเสียง บางทีครู ก็ผลิตสื่อขึ้นเอง ก็อยางเชน เอาธงอาเซียน ธงตาง ประเทศก็อาจจะเอาฟว เจอรบ อรด มาทาํ เป็นกระดาษ ผิวขรุขระ เอามาบอกลักษณะวา ตรงนีเ้ วลามันเปน สี และสีแตล ะสีกแ็ ทนด้วยลักษณะต่างๆ อยางผิวขรุขระ จะมาแทนสีแดง อยางผิวที่เปนฟวเจอรบอรดก็แทน สีเหลืองอะไรประมาณนี”้ น้องฟอร์ด หนึง่ ในเด็กนักเรียน โรงเรียนสอนคนตาบอดสันติจินตนากล่าว ส่วนในเรือ่ งของเทคโนโลยีดา้ นการสือ่ สาร ส�ำหรับผูพ้ กิ ารทางสายตานัน้ ก็ยงั มีผคู้ ดิ ค้นในเทคโนโลยี มาดัดแปลงและเหมาะสม เพื่ออ�ำนวยความสะดวก และการเลือกรับรู้ข่าวสารของพวกเขาให้กว้างขึ้น อย่างเช่น น้องเบิรด์ ผูพ้ กิ ารทางสายตา แต่ยงั พอเห็น เลือนราง ก็ได้มกี ารน�ำเทคโนโลยีมาปรับใช้กบั ตัวเอง เพือ่ ให้ทนั โลก และเสมือนเป็นผูน้ ำ� ข่าวสารทีน่ า่ สนใจ
ไปเล่าต่อให้แก่น้องๆ ที่ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ “สาํ หรับผมเป็นโลวิชนั่ ก็คอื มองเห็นเลือน รางครับก็จะใชฟงกชั่นที่มันขยายภาพ โดยการคลิก 3 ครัง้ ภาพก็จะขยาย และพอมองเห็นได้ สาํ หรับคน ที่มองไมเห็นเลย ก็จะไปลงโปรแกรมเสียงใหอานได ทัง้ โนตบุค และโทรศัพท์ เพราะโปรแกรมเสียงสามารถ เขาถึงไดเกือบทุกเว็บแลวครับตอนนี้ ก็ใชเขาผานคอม โทรศัพท แล้วก็ฟง เสียงสนทนา เขา ไปฟง ขา ว เขา เพจ เขา อะไรไดเ หมือนคนปกติ บางคนก็เขาไปทาง YouTube, Google ไดหมดเลย” น้องเบิร์ดกล่าว ทางโรงเรียนสอนคนตาบอดสันติจินตนา ก็มีการใช้สื่อในการเรียนการสอน โดยการแยกแยะ ข่าวสาร ว่าข่าวไหนดีหรือไม่ดี สร้างสรรค์หรือไม่ ข่าว ไหนเท็จ ข่าวไหนจริง ข่าวไหนควรหลีกเลี่ยง โดยให้ เด็กๆ น�ำข่าวมาเล่าและช่วยกันวิเคราะห์หน้าชัน้ เรียน โดยมีอาจารย์คอยให้คำ� ปรึกษาหรือช่วยสอนให้ขอ้ คิด ตามค�ำกล่าวของผู้อ�ำนวยการโรงเรียนอัญชนา ก่อ มาลัยพันธ์ จากข้างต้น จะเห็นได้ว่า การใช้ชีวิตแบบ มองไม่เห็น ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากในการ ที่พวกเขาจะด�ำเนินชีวิตอยู่ในสังคมปัจจุบันที่เต็มไป ด้วยผูค้ นหลากหลายชนชัน้ หลายสถานะ และหลาย เชือ้ ชาติทเี่ ป็นทัง้ คนทีป่ กติ และคนทีบ่ กพร่องทางด้าน ร่างกายอย่างพวกเขา และถึงแม้เราจะพบเห็นได้บอ่ ย ครั้ง แต่ก็ไม่อาจสัมผัสได้กับสิ่งที่พวกเขาต้องเจอใน แทบทุกๆ วัน “หลายคนอาจมองพวกเขาด้วยสายตา รังเกียจ หลายคนอาจใช้คำ� เหยียดหยาม และหลายๆ คนนั้นเอง ที่ต่างใช้ค�ำมานิยามด้วยค�ำว่า สงสาร แต่ อย่าลืมว่า พวกเขาก็เป็นคนเช่นกันเหมือนๆ กับเรา ฉะนั้นจงเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะหากเป็นเรา เอง เราก็ตอ้ งการจุดยืนและพืน้ ที่ เพือ่ ให้เกิดการยอมรับ ในสังคม”
ดังนั้นผู้ช่วยศาสตราจารย์กาญจนา เชี่ยว วิทย์การ ได้กล่าวในฐานะผูส้ อนวิชาการผลิตรายการ วิทยุขั้นสูง ว่า Radio Makes Picture คือวิทยุสามา รถสรางจินตนาการณอันไรขีดจํากัดใหกับคนฟงได้ และยิง่ เป็นคนฟงทีม่ ขี อ้ บกพรองทางการมองเห็นแลว พวกเขาอาศัยการไดยินเพียงอยางเดียว ก็จะเปน ประโยชนตอการเรียนรูในรายวิชานี้มากรวมถึงเปน ประโยชนต อ การทาํ หนา ทีข่ องการเปน สือ่ สารมวลชน ใหกับผูด้อยโอกาสในสังคมดวย ในปแ รกๆ เราก็ทาํ เปน แบบ DVD เปน CD เปนเสียง เพือ่ ทีจ่ ะสงไปใหกบั ทีโ่ รงเรียน พอมาระยะ หลังๆ นี้ เราก็เริ่มที่จะทําเปนเพจ เพื่อที่จะนําขอมูล หรือทําผลงานทีเ่ ปนประโยชนกบั ผูท บี่ กพรองทางการ เห็นในโลกนี้ ก็สามารถที่จะเขาถึง และก็เปดรับฟง หนังสือเสียงหมวดตา งๆกลุม่ นิสติ มหาวิทยาลัยนเรศวร ทีเ่ รียนทางดา นนิเทศศาสตร ไดส รา งสรรคห รือไดผ ลิต ขึน้ ซึง่ เปนความอิม่ ใจ เป็นความสุขใจ และก็เติมเต็ม ศักยภาพการเรียนรูใ หก บั ผูบ กพรอ งทางการมองเห็น ใหมีศักยภาพความเป็นมนุษยที่สมบูรณมากขึ้น นับเป็นการเรียนรู และส่งมอบความรูท้ ยี่ งิ่ ใหญ่สำ� หรับศาสตร์การสือ่ สาร ขณะทีผ่ ลสัมฤทธิข์ อง การเรียนรูจ้ ากโครงการนีส้ งิ่ ทีไ่ ดก ค็ อื เราไดเ ห็นความ หลากหลายของมนุษยที่ศาสตรของเราสามารถเขา ไปเติมเต็ม และเขา ไปบูรณาการการเรียนรูเ พือ่ คนอืน่ ไดเห็นถึงความเขมแข็งของการใชชวี ติ ทีเ่ รียกวาเปนวิ ชาชีวติ ทีม่ คี า ซึง่ มีคา มากกวา ในหอ งเรียนดว ยซ�ำ้ และ ทีส่ ดุ แล้ว ทุกคนก็ไดค าํ ตอบวา “หัวใจของผูใ ห้นนั้ ยิง่ ใหญเสมอ” นอกจากนี้ สามารถบริจาคเงินช่วยเหลือ ได้ทางหมายเลขบัญชี 434-0-195777 ธนาคารกรุงเทพ สาขาเด่นชัย ชื่อบัญชีโรงเรียนสอนคนตาบอดสันติ จินตนา จังหวัดแพร่มูลนิธิคนตาบอดไทย
๑๔
สัญลักษณ์สุขภาพ
ในปัจจุบันการบริโภคของคนไทยจะเน้น ไปที่อาหารที่มีความรวดเร็วและอาหารส�ำเร็จรูป ซึ่ง ล้วนเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงทั้งไขมันโซเดียมและ น�ำ้ ตาล อีกทัง้ พฤติกรรมการบริโภคผัก ผลไม้ น้อยลง มากไปกว่านั้นคือการไม่ออกก�ำลังกาย ปัจจัยเหล่านี้ จะท�ำให้เกิดโรคอ้วนและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง(NCDs) (โรคไม่ตดิ ต่อเรือ้ รัง คือ โรคทีเ่ กิดจากพฤติกรรมในการใช้ ชีวติ การบริโภคอาหาร ซึง่ ส่วนใหญ่เป็นผลจากไลฟ์สไตล์ วิธีการใช้ชีวิตที่มี พฤติกรรมเสี่ยงอย่าง เหล้า บุหรี่ ขาด การออกก�ำลังกาย อาหารหวานมันเค็มจัดและมีความเครียด)
จากรายงานภาระโรคและการบาดเจ็บของประชากร ไทยพ.ศ. 2556 สาเหตุการตายรายกลุม่ โรคของประชา กรไทยพ.ศ. 2556 พบว่า การตายส่วนใหญ่ของประชากร ไทยทั้งเพศชายและหญิง มีสาเหตุจากโรคไม่ติดต่อ เรื้อรังโดยเฉพาะในประชากรอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป แสดงให้เห็นว่าโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง คือ โรคที่ไม่แสดง อาการก่อนเกิดโรค และเกิดในวัยท�ำงานทีจ่ ะมีพฤติกรรม เสี่ยงในการใช้ชีวิต ดังนั้นควรจะต้องมีการตรวจคัด กรองโรคอยูต่ ลอดเพือ่ ป้องกันการเกิดโรค และอีกหนึง่ วิธีที่จะช่วยป้องกันได้อย่างมากคือการเลือกบริโภค อาหาร การเลือกบริโภคอาหารที่ดีที่เหมาะกับ ร่างกาย และช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็ง แรงสมบูรณ์อยูต่ ลอดจึงได้มกี ารจัดตัง้ คณะกรรมการ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เพื่อสร้างความเชื่อมโยงด้าน อาหารและโภชนาการสู่ทางเลือกสุขภาพที่ดีภายใต้ การด�ำเนินงานของคณะกรรมการอาหารแห่งชาติโดย ส�ำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) ด�ำเนิน โครงการสัญลักษณ์โภชนาการ "ทางเลือกสุขภาพ" ซึง่
สัญลักษณ์ดงั กล่าวแสดงถึงผลิตภัณฑ์อาหารทีไ่ ด้ผา่ น เกณฑ์การพิจารณาแล้วว่ามีปริมาณน�ำ้ ตาล ไขมันและ เกลือ (โซเดียม) ในปริมาณที่เหมาะสม โดยสัญลักษณ์โภชนาการ"ทางเลือกสุขภาพ"ซึง่ สัญลักษณ์ดงั กล่าวแสดงถึงผลิตภัณฑ์อาหารทีไ่ ด้ผา่ น เกณฑ์การพิจารณาแล้วว่า มีปริมาณน�้ำตาล ไขมัน และโซเดียม ที่เหมาะสม โดยได้แบ่งหลักเกณฑ์ของ กลุ่มผลิตภัณฑ์ คือ 1.) กลุ่มอาหารมื้อหลัก 2.) กลุ่ม เครื่องดื่ม 3.) กลุ่มเครื่องปรุงรส 4.) กลุ่มผลิตภัณฑ์ นม 5.) กลุ่มอาหารส�ำเร็จรูป 6.) กลุ่มขนมขบเคี้ยว 7.) กลุม่ ไอศกรีม 8.) กลุม่ น�ำ้ มันเเละไขมัน โดยตัวอย่าง หลักเกณฑ์การพิจารณาของกลุ่มเครื่องปรุงรส เช่น น�้ำปลา จะต้องมีโซเดียมน้อยกว่าหรือเท่ากับ 6,000 มิลลิกรัมต่อ 100 มิลลิลิตร ซอสปรุงรส ซีอิ๊ว จะต้อง มีโซเดียมน้อยกว่าหรือเท่ากับ 5,000 มิลลิกรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร เป็นต้น หลักเกณฑ์การพิจารณาของกลุม่ ผลิตภัณฑ์ เป็นหลัก เกณฑ์ที่ใช้ควบคุมปริมาณของน�้ำตาล ไขมัน และ โซเดียม ที่ทางเจ้าของผลิตภัณฑ์จะต้องผลิตออกมา ให้ได้ตามหลักเกณฑ์เพือ่ ทีจ่ ะได้ขนึ้ ทะเบียนผลิตภัณฑ์ ในการแสดงสัญลักษณ์โภชนาการทางเลือกสุขภาพ ทีจ่ ะเป็นเครือ่ งยืนยันว่าผลิตภัณฑ์นนั้ ไม่ได้มคี า่ ความ หวาน ไขมัน และโซเดียมที่เกินค่าก�ำหนด ที่จะเป็น ทางเลือกเพือ่ สุขภาพในการบริโภคได้เป็นอย่างดีและ ควรบริโภคให้เหมาะสม จากการทีไ่ ด้รจู้ กั สัญลักษณ์โภชนาการทาง เลือกสุขภาพว่าเป็นสัญลักษณ์ที่จะช่วยบ่งบอกถึง น�้ำตาล ไขมัน และโซเดียมทีพ่ อเหมาะในการบริโภค ต่อปริมาณแต่กย็ งั มีอกี หนึง่ ฉากทีจ่ ะช่วยให้การเลือก บริโภคเพือ่ สุขภาพนัน้ เป็นไปได้งา่ ยขึน้ คือฉลากหวาน
มัน เค็ม หรือฉลากGDA (Guideline Daily Amount) คือฉลากทีแ่ สดงค่าพลังงาน น�ำ้ ตาล ไขมัน และโซเดียม ในหนึ่งหน่วยบรรจุภัณฑ์ เช่น ซอง ถุง กล่องของ ผลิตภัณฑ์อาหาร โดยจะคิดเป็นร้อยละของปริมาณ ที่สูงสุดที่จะบริโภคได้ในแต่ละวัน ตัวเลขที่ฉลากหวาน มัน เค็ม นั้นจะช่วย บอกให้รู้ว่าผลิตภัณฑ์อาหารนั้นมีปริมาณพลังงาน น�ำ้ ตาล ไขมัน และโซเดียมเท่าใด ช่วยส่งเสริมให้เกิด การบริโภคทีส่ มดุลโดยการบริโภคอาหารไม่ควรทีจ่ ะ เกิน 100% ของปริมาณอาหารที่บริโภคได้ในแต่ละ วัน และสามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างผลิตภัณฑ์ชนิด เดียวกัน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการควบคุมอาหาร หรีอ ผูท้ หี่ ลีกเลีย่ งหรือมีความเสีย่ งในโรคต่างๆ ซึง่ จะท�ำให้ การเลือกว่าจะบริโภคเค็ม หวาน ไขมันเท่าใด และ ต้องการพลังงานเท่าใดผู้บริโภคก็สามารถที่จะเลือก บริโภคได้ตามต้องการ ตัวอย่างเช่น - ผูท้ ตี่ อ้ งการลดน�ำ้ หนักเลือกผลิตภัณฑ์ทมี่ พี ลังงาน น�ำ้ ตาล และไขมันน้อยๆ - เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีไขมันต�่ำ ลดความเสี่ยงการเกิดโรค หัวใจ - เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีน�้ำตาลน้อย ลดความเสี่ยงการเกิด โรคอ้วนและเบาหวาน - เลือกผลิตภัณฑ์ทมี่ โี ซเดียมต�ำ่ ลดความเสีย่ งการเกิดโรค ความดันโลหิตสูง
เพียงเลือกกินอาหารอย่างเหมาะสมกับตัว เองปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลดหวาน ลดเค็ม สังเกต ฉลากหวาน มัน เค็ม และสังเกตสัญลักษณ์โภชนาการ ทางเลือกสุขภาพ ก่อนบริโภค ร่วมกับการพักผ่อน อย่างเพียงพอและออกก�ำลังกายสม�ำ่ เสมอจะท�ำให้มี คุณภาพชีวติ ทีด่ อี ย่างยาวนาน และลดการเกิดโรคไม่ ติดต่อเรื้อรังที่ต้นเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต
ส่วนที1่ บอกให้ทราบถึงคุณค่าทางโภชนาการต่อหนึง่ หน่วยบรรจุภัณฑ์ เช่น ต่อ 1 ถุง ต่อ 1 กล่อง หรือ ต่อ 1 ซอง เป็นต้น ส่วนที2่ บอกให้ทราบว่าเพือ่ ความเหมาะสมควรแบ่ง กินกี่ครั้ง ส่วนที3่ บอกให้ทราบว่า เมือ่ กินเข้าไปหมดทัง้ ถุงหรือ ซองจะได้รบั พลังงาน น�ำ้ ตาล ไขมัน และโซเดียมปริมาณ เท่าไหร่ ส่วนที่4 บอกให้ทราบ เมื่อกินหมดทั้งถุงหรือซองจะ ได้รบั พลังงาน น�ำ้ ตาล ไขมัน และโซเดียมคิดเป็นร้อย ละเท่าไหร่ของปริมาณสูงสุดทีแ่ นะน�ำให้บริโภคต่อวัน
อาหารเพื่อสุขภาพ ในปัจจุบนั นีก้ ระแสการหันมาดูแลสุขภาพ นับ วันยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนต่างให้ความสนใจเกี่ยว กับการดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่การออกก�ำลังกาย อย่างเดียวเท่านัน้ แต่ยงั รวมถึงเรือ่ งอาหารการกินอีกด้วย การกินอาหารใช่เพียงแค่การกินเพือ่ ให้อมิ่ หรือเพือ่ ให้อยู่ รอดไปวันๆ แต่จำ� เป็นทีจ่ ะต้องกินเพือ่ ให้รา่ งกายมีสขุ ภาพ ดี แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย ส่งผลให้มีจิตใจที่แจ่มใส คนรุ่นใหม่เริ่มหันมาใส่ใจในเรื่องสุขภาพกัน มากขึ้น จึงมีกระแสการกินอาหารเพื่อสุขภาพเกิดขึ้น มากมาย ซึ่งหลายคนคงเคยได้ยินค�ำว่า “อาหารคลีน” เป็นการรับประทานอาหารเพือ่ สุขภาพในอีกรูปแบบหนึง่ ทีใ่ ห้ผลดีตอ่ สุขภาพร่างกาย ซึง่ ก�ำลังได้รบั ความนิยมจาก คนในปัจจุบันเป็นจ�ำนวนมาก
อาหารเพือ่ สุขภาพหรืออาหารคลีน ค�ำทีค่ นุ้ หู ส�ำหรับใครหลายๆคนที่เริ่มสนใจในเรื่องสุขภาพ บ้างก็ บอกว่ากินอาหารคลีนแล้วแข็งแรง บ้างก็บอกว่าอาหาร คลีนมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างเต็มที่ บ้างก็บอกว่ากิน อาหารคลีนแล้วช่วยลดความอ้วนหรือถ้าอยากหุน่ ดี นอกจาก ออกก�ำลังกายแล้วต้องกินอาหารคลีนด้วย อาหารคลีนคืออะไร…? อาหารคลีน (Clean Food) คือ อาหารที่ไม่ ผ่านการปรุงแต่งด้วยสารเคมีตา่ งๆ หรือผ่านการแปรรูป น้อยทีส่ ดุ นัน่ เอง อาหารเหล่านีจ้ ะเป็นอาหารทีส่ ดสะอาด ไม่ผา่ นกระบวนการหมักดองหรือไม่ปรุงแต่งเลย ให้นกึ ถึง ลักษณะของ Whole Food คือได้มายังไงก็กินแบบนั้น (แต่ต้องท�ำให้สุกก่อน) เช่น ข้าวกล้อง เพราะไม่ถูกน�ำ
จมูกข้าวและร�ำข้าวออกไป เป็นต้น การปรุงอาหารแบบคลีนไม่ใช่การเน้นทานผักเยอะๆ แต่ เป็นการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม คือต้องมีทั้งคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนในปริมาณที่เพียง พอต่อความต้องการของร่างกาย เนื้อสัตว์ที่ใช้ควรเลือก แบบที่ไม่ใช่ส�ำเร็จรูปหรือผ่านการปรุงรสมาแล้ว การเลือกวัตถุดิบหรือการปรุงอาหารคลีนไม่มีกฎเกณฑ์ ที่ตายตัว อาหารคลีนสามารถสร้างสรรค์ได้ง่ายๆหลาก หลายเมนู ถ้าเรารู้จักเลือกวัตถุดิบ การปรุง วิธีประกอบ อาหารนั้นให้คลีนแค่นั้นเอง ส�ำหรับคนที่เริ่มต้นการกินอาหารคลีน ต้อง เริ่มต้นด้วยการไม่ยึดติดในรสชาติของอาหารแบบเดิมๆ ที่เราเคยรับประทาน ไม่ตามใจปาก เพราะการกินคลีน
หรือกินอาหารคลีนนัน้ รสชาติจะแตกต่างจากอาหารแบบ เดิมๆทีเ่ รารับประทาน แต่จะให้ความส�ำคัญกับตัวอาหาร ทีไ่ ม่เน้นการปรุงแต่งหรือปรุงแต่งให้นอ้ ยทีส่ ดุ เพือ่ ให้การ กินอาหารคลีนได้รับประโยชน์สูงสุดแก่ร่างกาย และ ผลพลอยได้ท�ำให้สุขภาพดีในระยะยาว ไม่เจ็บป่วยง่าย หลายครัง้ ทีม่ อี าหารดีๆมาวางอยูต่ รงหน้าเรา และรู้ว่าอาหารแบบไหนจะท�ำให้เรามีสุขภาพดี แต่เรา กลับไม่ใส่ใจ เลือกทีจ่ ะกินอาหารแบบตามใจปาก กินแต่ สิ่งที่ชอบโดยไม่สนใจเรื่องของคุณค่าทางโภชนาการ ดัง นั้นเราจึงต้องปรับเปลี่ยนนิสัยการกินใหม่ เลือกกินแต่ อาหารดีๆ มีประโยชน์ ช่วยบ�ำรุงสุขภาพให้ร่างกายแข็ง แรง เพียงแค่เรากินให้เป็นก็ช่วยให้สุขภาพดีได้ตลอดไป
การออกก�ำลังกายไม่ได้หมายถึงการไปแข่งขัน กีฬากับผูอ้ นื่ การออกก�ำลังการนัน้ เป็นการแข่งขันกับตัว เอง หลายคนมักทีจ่ ะมีขอ้ อ้างไม่ออกก�ำลังกาย เช่น ไม่มี เวลา ไม่มสี ถานที่ ปัญหาเกีย่ วกับสุขภาพ ปัญหาเกีย่ วกับ อากาศ เป็นต้น การที่ไม่ค่อยได้ออกก�ำลังกาย ไม่เพียง แต่จะท�ำให้เกิดความเสือ่ มโทรมของสมรรถภาพทางกาย หรือสุขภาพ แต่ยงั เป็นสาเหตุของความผิดปกติของร่างกาย และโรคร้ายหลายชนิดที่ป้องกันได้ แต่ในปัจจุบนั นัน้ คนส่วนใหญ่เริม่ มีความตระหนัก ถึงเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้น เริ่มหันมาออกก�ำลังกายมาก ขึ้น โดยสังเกตได้ว่า ฟิตเนสมากหลายแห่งนั้นมีผู้คนเข้า ใช้บริการเป็นจ�ำนวนมาก จากการสัมภาษณ์ คุณเติล้ ผูบ้ ริหารฟิตเนส Fast Fit Gym ซึง่ เป็นทัง้ ผูบ้ ริหาร และเป็นเทรนเนอร์ ที่มีความชื่นชอบในการออกก�ำลัง กายมานานแล้วกว่า 10 ปี ได้เล่าว่า
“จากที่ชื่นชอบการออกก�ำลังกายอยู่แล้วจึง ได้เปิดฟิตเนสขึ้นมา โดยตอนแรกเป็นฟิตเนสขนาดเล็ก แต่เนื่องจากมีผลตอบรับดีจึงได้ขยายเป็นฟิตเนสเต็มรูป แบบมากขึ้น โดยมีการเพิ่มคลาส Yoka คลาส Fitball คลาส Six pax และคลาสอื่นๆอีกมากมาย แต่ที่ได้ผล ตอบรับดี มีผู้คนสนใจเยอะ จะเป็นคลาสที่เป็นการเต้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง” เหตุที่ท�ำให้คลาสเต้นนั้นเป็นที่นิยม ก็เพราะ ว่า ผูห้ ญิงส่วนใหญ่นนั้ จะไม่คอ่ ยตอบรับอุปกรณ์เวจเทรน นิง่ เพราะเป็นอุปกรณ์คอ่ นข้างหนักและเล่นไปนานๆจะ เกิดความเบื่อหน่ายได้ ความต่อเนื่องการออกก�ำลังกาย ก็จะลดลง จึงเป็นเหตุให้คลาสเต้นออกก�ำลังเป็นที่นิยม มากส�ำหรับผู้หญิง โดยคุณเติ้ลได้ให้เหตุผลว่า “เพราะการเต้นออกก�ำลังการนั้นจะท�ำให้ไม่ น่าเบือ่ จ�ำเจ หากใครพึง่ เข้าคลาสเต้นครัง้ แรกไม่ตอ้ งกลัว
ว่าจะเต้นไม่ได้เพราะจะมีเทรนเนอร์นำ� สอนเต้นทุกคลาส และจะมีสอนท่าเต้นเบสิกก่อนเสมอ เพื่อปรับพื้นฐาน ส�ำหรับผูท้ เี่ ริม่ เต้นเป็นครัง้ แรก และจะได้ไม่ตอ้ งเบือ่ หน่าย กับการเต้น ส่วนการแต่งการนัน้ ควรเป็นชุดล�ำลองระบาย เหงื่อได้ดี และใส่รองเท้าผ้าใบ เพื่อความคล่องตัวเวลา เต้น” การเต้นนัน้ มีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน เช่น Zumba HipHop K-Pop แอโรบิก ลีลาศ บอลรูม เป็นต้น ซึ่งการเต้นจะมีความแตกต่างจากการเล่นอุปกรณ์เวจ เทรนนิ่ง เครื่องลู่วิ่ง และเครื่องปั่นจักรยาน ตรงที่การ เต้นนัน้ เป็นออกก�ำลังกายทีใ่ ช้การเต้นของหัวใจเป็นหลัก หรือคาดิโอ แต่จัดอยู่ในกลุ่มเครื่องลู่วิ่ง และเครื่องปั่น จักรยาน จะมีการเผาผลาญไขมันได้มากกว่าการเล่น อุปกรณ์เวจเทรนนิ่ง และไม่น่าเบื่อจ�ำเจและท�ำให้มีแรง กระตุน้ อยากออกก�ำลังกายมากขึน้ นอกจากการเต้นออก
ก�ำลังกายจะช่วยเผาผลาญไขมันลดหุ่นแล้ว การเต้นนั้น ยังช่วยในเรื่องการรักษาป้องกันโรคอีกด้วย และยังช่วย บริหารหัวใจและปอดอีกด้วย ดังนั้นการเต้นจึงเป็นการ ออกก�ำลังกายจึงเหมาะกับคนทุกเพศ ทุกวัยจนไปถึงอายุ 40 ปี เพราะสามารถเลือกได้ว่าเต้นแบบไหนให้เหมาะ สมกับวัยและสภาพร่างกาย เช่นหากเป็นวัยสูงอายุหน่อย ก็จะเป็นการเต้นร�ำวง เป็นต้น จะเห็นได้ว่าปัจจุบันการเต้นนั้นเป็นการออก ก�ำลังกายทีไ่ ด้รบั ความนิยมเป็นอย่างมากจากกลุม่ คนทีร่ กั สุขภาพ กลุ่มคนที่ต้องการลดความอ้วน และกลุ่มคนที่ ต้องการป้องกันและรักษาโรค นอกจากนั้นการเต้นยัง เป็นการคลายเครียดอย่างดี เพียงแค่ปล่อยอารมณ์และ ร่างกายขยับไปพร้อมกับจังหวะดนตรี แค่นี้นอกจากจะ หายเครียดแล้วยังจะได้สุขภาพที่ดีอีกด้วย
เต้นตามจังหวะ ออกก�ำลังกายเพื่อสุขภาพ
๑๕ ห้างหุ้นส่วนจ�ำกัด อุตรดิตถ์เมืองเจริญ
๑๖
ความเครียดทางการเมือง ที่ไปสู่ภาพฝันประชาธิปไตย 4.0 การเขียนวิเคราะห์สัง เคราะห์เนื้อหาในบทความนี้เป็น เพียงการคาดคะเนตามหลักวิชาการของตัวผูเ้ ขียนเอง ซึง่ อาจจะถูก หรือผิดก็ ได้ผเู้ ขียนหวังว่าจะไม่มผี ใู้ ดต่อไปนีต้ คี วามไปในทิศทางอืน่ ในขณะที่ผู้เขียนก�ำลังเขียนบทความนี้ ผู้เขียนเชื่อโดย สุจริตใจเองว่า การเมืองไทยน่าจะอยู่ในช่วงท้ายๆ ของรัฐบาลพล เอกประยุทธ์ จันโอชา ทีม่ คี ณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และ กองทัพช่วยกันรักษาเสถียรภาพทางการเมืองให้กับรัฐบาล ซึ่งเข้า มาบริหารบ้านเมืองตัง้ แต่กอ่ รัฐประหารส�ำเร็จ เมือ่ วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 คสช. ได้ท�ำหน้าที่บริหารประเทศต่อจากรัฐบาลยิ่ง ลักษณ์ ชินวัตร ชัว่ คราว มีการวาง road map การบริหารประเทศ และการปฏิรปู ประเทศในด้านต่างๆไปพร้อมๆกันโดยได้จดั ตัง้ องค์กร ในการขับเคลื่อนประเทศ 5 หน่วยงาน ที่เรียกขานกัน ว่า แม่นำ�้ 5 สาย ได้แก่ สภานิตบิ ญ ั ญัตแิ ห่งชาติ สภาปฏิรปู แห่งชาติ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ คณะรัฐมนตรี และ คสช. ท�ำงาน ไปพร้อมๆ กันภายใต้เป้าหมายร่วมกันคือจัดให้มกี ารเลือกตัง้ ในช่วง เวลากุมภาพันธ์หรืออย่างล่าช้าทีส่ ดุ ก็คอื เดือนมิถนุ ายน พ.ศ. 2560 การท�ำงานของแม่นำ�้ 5 สาย ไม่ได้เป็นไปตาม roadmap ตามทีว่ างไว้เพราะมีอปุ สรรคขัดขวาง ทีเ่ กิดจากความตัง้ ใจของใคร บางฝ่าย ก็มิอาจทราบได้ ยกตัวอย่างเช่น สภาปฏิรูปแห่งชาติ ถูก ยุบตามมาตรา 38 ของรัฐธรรมนูญฉบับชัว่ คราว พ.ศ. 2557 เนือ่ งจาก มีมติไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญ เมือ่ วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558 และจัดตั้งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศขึ้นมาท�ำหน้าที่แทน ท�ำให้ roadmap การเลือกตั้งเปลี่ยนไปปี พ.ศ. 2561 โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาเองได้ประกาศว่า ปี พ.ศ. 2561 เป็นปีแห่งการ เลือกตั้ง โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้ง ไม่เกินเดือน สิงหาคม พ.ศ. 2561 แต่แล้วเมือ่ การเมืองด�ำเนินมาถึงปี 2561 ที่ ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติ "ไม่เห็นชอบ" บุคคล ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ด�ำรงต�ำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทัง้ 7 คน เมือ่ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 ท�ำให้ตอ้ งมีการสรรหา ชื่อบุคคลด�ำรงต�ำแหน่ง กกต. ใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นั่น หมายความว่าประเทศไทยจะมี กกต.ชุดใหม่เลื่อนไป เป็นเดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2561 นอกจากนี้รัฐบาลประยุทธ์ ได้ใช้ อ�ำนาจ ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 ที่ยังมี
ผลบังคับใช้ได้อยู่ ยังไม่ปลดล็อกพรรคการเมืองเก่า ในการจัดกิจกรรม เคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อเตรียมพร้อมการเลือกตั้งที่เป็นการ ประชุมใหญ่ คงท�ำได้แต่เพียงส�ำรวจสถานภาพสมาชิก เพียงแต่ให้ เฉพาะพรรคการเมืองใหม่ๆสามารถจัดกิจกรรมการเคลือ่ นไหวทางการ เมืองเพื่อเตรียมพร้อมการเลือกตั้งได้เท่านั้น อีกทั้งนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ก�ำหนดกรอบการเลือกตั้งใหม่เป็น เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 การที่กล่าวเกริ่นมาข้างต้นนี้ผู้เขียนต้องการชี้ให้เห็นว่า ก�ำหนดกรอบการเลือกตั้งได้ถูกเลื่อนออกไป 2 ครั้งแล้วเป็นอย่าง น้อย การเลื่อนกรอบการเลือกตั้งออกไปอาจเป็นสาเหตุให้กลุ่ม บุคคลหลายฝ่าย เกิดความเครียดจากโรคเลือ่ นการเลือกตัง้ ทีร่ ฐั บาล ประยุทธ์เป็นผู้ก�ำหนดเกมการเมืองก็เป็นได้ ความเครียดทางการ เมืองอาจจะเกิดกับบุคคคลหลายๆกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการ เลือกตั้ง อาทิเช่น แกนน�ำพรรคการเมืองเก่าที่ยังไม่สามารถจัด กิจกรรมทางการเมืองที่เป็นวาระใหญ่ เช่น การประชุมสามัญใหญ่ ของพรรค รวมทัง้ กลุม่ ประชาชนที่ “อยากเลือกตัง้ ” อยากมีรฐั บาล ทีม่ าจากการเลือกตัง้ มีความเบือ่ หน่าย และไม่อยากได้รฐั บาลทีม่ า จาก “วิธีพิเศษ” ความเครียดทางการเมืองที่เกิดขึ้น ก็คือ พรรคการเมือง หรือประชาชนที่ “อยากเลือกตัง้ ” มีความหวาดระแวงต่อค�ำสัญญา ของนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีเหตุการณ์ หลายๆ เหตุการณ์ ชวน ให้สงสัย เช่น ถึงตอนนี้ (สงกรานต์ พ.ศ. 2561) รัฐบาลก็ยังไม่ยอม ปลดล็อกทางการเมืองทั้งหมดให้กับพรรคการเมืองเก่าทุกพรรคมี ค�ำถามค้างคาในใจว่า “เมื่อไหร่รัฐบาลคสช.จึงจะยอม ปลดล็อกพรรคการเมืองพรรคเก่าให้สามารถด�ำเนินจัดกิจกรรม ทางการเมืองในการรณรงค์หาเสียงเลือกตัง้ ได้สกั ที” หรือพรรคการเมือง จะเชือ่ ได้อย่างไรว่า จะมีการเลือกตัง้ เกิดขึน้ จริงตามค�ำสัญญา ทีจ่ ะ ไม่มีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก ไม่เฉพาะความเครียดว่าด้วยเรื่องกรอบและวันเลือกตั้ง เท่านัน้ ถ้ามองไกลกว่านัน้ ไปอีก ก็อาจจะเป็นได้ถงึ ความวิตกกังวล ในอนาคตการเมืองไทยหลังการเลือกตัง้ ว่าจะเกิดความขัดแย้งทางการ เมืองจนน�ำไปสูก่ ารท�ำลายล้างฝ่ายตรงกันข้ามกันจนอันน�ำไปสูก่ าร รัฐประหาร ประเทศอีกครั้งหรือไม่ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นแปดสิบกว่าปี
แห่งระบอบประชาธิปไตยประเทศไทยก็ยงั ไม่สามารถหลุดพ้นจาก วงจรอุบาทว์ทางการเมืองได้เลย ที่เป็นเหตุการณ์วงลูป กล่าวคือ รัฐประหาร -> จัดท�ำรัฐธรรมนูญ -> การเลือกตั้ง -> รัฐสภาและ รัฐบาล -> วิกฤติการณ์ความขัดแย้ง -> รัฐประหาร ถ้าเป็นเช่นนั้นระบอบประชาธิปไตย ยุค 4.0 ที่วาดหวัง ไว้ก็คงเป็น “วาทกรรม” ของผู้มีอ�ำนาจทางการเมืองก�ำหนดเป็น “มายา” ไว้เท่านั้น ให้คนรู้ไม่เท่าทัน วาดฝันไว้อย่างสวยหรู หรือ ทางการเมืองไทยหลุดพ้นจากวงจนอุบาทว์ได้จริงๆ ก็ยงั มีเรือ่ งหวัน่ วิตก จนถึงเกิดความเครียดขึ้นมาในอนาคตอยู่ไม่น้อย เพราะถ้า เรามาพิจารณารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พ.ศ. 2560 อย่างละเอียดแล้ว จะพบว่า มีบทบัญญัตใิ นรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ถูกออกแบบออก มา ให้ชนชัน้ ภาครัฐยังคงรักษาพืน้ ทีอ่ ำ� นาจตัวเองไว้ และมีการจ�ำกัด อ�ำนาจนักการเมืองทีม่ าจากการเลือกตัง้ ยกตัวอย่างเช่น บทบัญญัติ รัฐธรรมนูญ ทีก่ ำ� หนดว่าให้ประชาชนใช้บตั รเลือกตัง้ แค่ใบเดียว การ ได้มาซึง่ ส.ส.ระบบบัญชีรายชือ่ แปรผกผันกับการได้มาซึง่ ส.ส.เขต กล่าวคือพรรคการเมืองไหนได้ ส.ส.เขตเต็มโควตา จะไม่มีสิทธิได้ ส.ส.บัญชีรายชือ่ เลย ประการทีส่ อง รัฐธรรมนูญได้ให้อำ� นาจข้าราชการ ระดับสูงเป็นคณะกรรมการสรรหา หรือรับการสรรหาด�ำรงต�ำแหน่ง ในองค์กรอิสระ และกลไกควบคุมต่างๆ ทีส่ ำ� คัญทางสังคม ประการ ที่สาม การออกแบบให้วุฒิสภาชุดแรกมาจากการแต่งตั้งของคณะ รักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก�ำหนดให้มีอ�ำนาจร่วมกับส.ส.ใน การรับรองผู้ที่ด�ำรงต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรี และสุดท้ายประการที่ ส�ำคัญทีส่ ดุ รัฐธรรมนูญถูกออกแบบมาให้แก้ไขได้ยากมาก และนีก่ ็ เป็นเงือ่ นไขส�ำคัญในอนาคตทีจ่ ะเกิดความเครียดกับนักการเมืองที่ ชนะการเลือกตัง้ ซึง่ ภารกิจแรกของนักการเมืองในระบอบการเลือก ตัง้ เหล่านีก้ ค็ งหนีไม่พน้ การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตราให้ตวั เองได้อำ� นาจกลับคืนมาสูก่ ลุม่ ตน และแน่ละ่ เมือ่ ถึงวันนัน้ ก็จะกลับ มาสูก่ ารเผชิญหน้า ความขัดแย้งใหม่อกี ครัง้ ของกลุม่ การเมืองต่างๆ ที่พยายามรักษาอ�ำนาจ ผลประโยชน์ของกลุ่มตน และน�ำมาซึ่ง ความเครียดทางการเมืองใหม่อีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ออเจี๊ยบ ณ ทุ่งหนองอ้อ
ฟาร์มสุข@วังกะพี้ ตั้งอยู่ที่ต�ำบลวังกะพี้ อ�ำเภอเมือง จังหวัด อุตรดิตถ์ เบอร์โทรศัพท์ 096-4370170 หรือ 088-7224711
กองบรรณาธิการ :
คณบดีคณะบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์และการสื่อสาร : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิชญานัน รัตนวิบูลย์สม หัวหน้าภาควิชานิเทศศาสตร์ : ดร.รัฐพล ไชยรัตน์ อาจารย์ที่ปรึกษา : ดร.ทิฆัมพร เอี่ยมเรไร , อาจารย์สรรเสริญ เหรียญทอง บรรณาธิการข่าว และบทความ : นายเอกนาถ วิชนี กองบรรณาธิการข่าว : นางสาวกมลชนก ครุฑเมือง, นางสาวกริษฐา บัวลา, นางสาวณัฏฐาลักษณ์ ภูพวก, นางสาวอรยา บุญมา,นางสาวกมลวรรณ อินจันต๊ะ, นายธนภัทร์ จูหว้า, นางสาวบุษบาบรรณ พวงทอง, นางสาวพิมวลัย นิ่มรองนาม, นางสาววนิชา ประทุมทอง,นางสาวณัฐศิริ วัชรพุทธ สาขาวิชาการสื่อสารมวลชน ภาควิชานิเทศศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์และการสื่อสาร มหาวิทยาลัยนเรศวร นักเขียนรับเชิญ : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พนมสิทธิ์ สอนประจักษ์ โรงพิมพ์ตระกูลไทย ติดต่อ http://www.bec.nu.ac.th หรือhttps://www.facebook.com/Thesalao.news