เกษตร & คุณภาพชีวิต vol 1

Page 1

เกษตร ฉบับที่ 01

สูตรสมุนไพร กำ�จัดศัตรูพืช

การใช้ ส มุ น ไพรไล่ แ มลงศั ต รู พื ช ได้ รั บ การ พิสูจน์และยอมรับกันทั่วไปแล้วว่าเป็นวิธีที่มี ประสิทธิภาพ ในการป้องกันกำ�จัดแมลงโรค พืชโดยเฉพาะสำ�หรับการปลูกพืชผักและผลไม้ ไม่แพ้การใช้สารเคมี แต่มีข้อดีกว่าหลายอย่าง

- อ่านต่อหน้า 04

ความรั ก มีพลานุภาพ

หัวใจแห่งไร่นาสวน

ธันวาคม 2557

อิทธิพลทาง

ความคิ ด หลินจือเห็ดจักรพรรดิรักษาโรค เห็ดหลินจือ [Ganoderma lucidum(Fr.) Karst.] หรือที่รู้จักกันดีในประเทศไทย “เห็ดหมื่นปี เห็ดจวักงู” ชื่ออังกฤษ “Lacquered mushroom” ชื่อญี่ปุ่น “Mannantake” เห็ดหลินจือ จัดเป็นราชาแห่งสมุนไพรจีนที่มีการใช้มานาน

กว่า 4,000 ปี เป็นยาอายุวัฒนะและรักษาโรค ต่างๆ ในเภสัชตำ�รับของสาธารณรัฐประชาชน จีนระบุสรรพคุณเป็นยาบำ�รุงร่างกาย บรรเทา อาการอ่อนเพลีย แก้หลอดลมอักเสบเรื้อรัง - อ่านต่อหน้า 02 รักษาโรคหัวใจ

น้ำ�หมัก ฮอรโ์ มน บำ�รุงตน้ ขา้ ว

ความรักที่พูดถึงวันนี้ มิใช่ความรักที่มีเพียง ในวัยหนุ่มสาวแต่อย่างเดียวหรือเป็นเรื่องของ ความคลั่งไคล้ไหลหลงไปกับเรื่องราวที่โรแมน ติก หากแต่เป็นความรักที่ดำ�รงอยู่ในชีวิต การทำ�นาข้าวให้ประสบผลสำ�เร็จนั้นควรดูแล ของเกษตรกร เกษตรกรชาวนาจำ�เป็นที่จะ ของมนุษย์ที่จะมีต่อผู้อื่นด้วยความบริสุทธิ์และ กันทุกขั้นตอน เพื่อจะได้ข้าวที่ได้ผลผลิตดี ต้องดูแลเอาใจใส่นาข้าวเป็นพิเศษ จริงใจ และได้ข้าวที่มีคุณภาพตรงกับความต้องการ - อ่านต่อหน้า 06

- อ่านต่อหน้า 05

มีคนบอกว่าความคิดเปรียบเหมือน โรงงาน ดังนั้นเมื่อเราป้อนวัสถุใดๆ เข้าไปมันก็ผลิต วัสดุนั้นออกมา เช่น เราใส่ทองเข้าไปมันก็จะ ผลิตวัตถุที่เป็นทองคำ�ออกมามิใช่เป็นเงินหรือ ทองแดง ดังนั้นถ้าเราใส่หรือป้อนข้อมูลดีหรือ สิ่งที่มีคุณธรรมจริยธรรมเข้าไปในสมอง - อ่านต่อหน้า 06

เห็ดหลินจือ

รักษา 10 โรค - อ่านต่อหน้า 03


2

เห็ดหลินจือ [Ganoderma lucidum(Fr.) Karst.] หรือที่รู้จักกันดีในประเทศไทย “เห็ดหมื่นปีเห็ดจวักงู” ชื่ออังกฤษ “Lacquered mushroom” ชื่อญี่ปุ่น “Mannantake” เห็ด หลินจือจัดเป็นราชาแห่ง สมุนไพรจีนที่มีการ ใช้มานานกว่า 4,000 ปี เป็นยาอายุวัฒนะ และ รักษาโรคต่างๆ ในเภสัชตำ�รับของสาธารณรัฐ ประชาชนจีน ระบุสรรพคุณเป็นยาบำ�รุง ร่างกายบรรเทาอาการอ่อนเพลีย แก้หลอดลม อักเสบเรื้อรัง รักษาโรคหัวใจและช่วยให้นอน หลับ

(25-27) ฤทธิ์ต้านการอักเสบ (anti-inflammation) (28-29) เป็นต้น ซึ่งสารสำ�คัญ คือ สารกลุ่ม polysaccharides (10,11,13) สารกลุ่ม triterpenoids (30 -33) สารกลุ่ม sterols (34-36) สารกลุ่ม fatty acids (37) สารกลุ่มโปรตีน (38-41) เป็นต้น ซึ่งสารสำ�คัญดังกล่าว จะพบ ได้ในส่วนสปอร์มากกว่าส่วนดอก (42) และ สปอร์ที่กะเทาะผนังหุ้มมีฤทธิ์กระตุ้น ระบบภูมิคุ้มกันและ ต้านมะเร็งได้ดีกว่าสปอร์ ที่ไม่กะเทาะผนังหุ้มและส่วนดอก (43-45) มีการศึกษาเกี่ยวกับพิษวิทยาของ เห็ดหลินจือทั้งพิษแบบเฉียบพลันและพิษแบบ เรื้อรังพบว่ามีความเป็นพิษต่ำ�มากและมีความ ปลอดภั ย สำ � หรั บ การใช้ ติ ด ต่ อ กั น เป็ น เวลา นาน ประเทศไทยมีการปลูกเห็ดหลินจือใน เชิงพาณิชย์มาเป็นเวลานานกว่า 20 ปี โดย จัดจำ�หน่ายผลิตภัณฑ์ในรูปดอกเห็ดหั่นเป็น แผ่นน้ำ�เห็ดหลินจือ เครื่องดื่มชา เห็ดหลินจือ กาแฟเห็ดหลินจือ เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่ยังไม่มี การศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ทั้งสรรพคุณ ในการรักษาโรคภัยต่างๆ หรือการศึกษาการ เพาะปลูกตามหลักเกณฑ์ที่ดี ในการเพาะปลูก (Good agricultural Practice; GAP) หรือการเก็บ สปอร์เห็ดหลินจือมาใช้ประโยชน์เพื่อการสร้าง มูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้เนื่องจากขาดการประสานงาน ของหน่วยงานต่างๆ ที่มีองค์ความรู้แต่ไม่มีกา รบูรณาการในการศึกษาวิจัยและพัฒนาอย่าง จริงจัง

(1) มีรายงานการศึกษาทางคลินิกพบว่า เห็ด หลินจือมีผลกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในผู้ป่วย มะเร็งปอด (2) ผู้ป่วย มะเร็งลำ�ไส้ใหญ่ (3) และ ผู้ป่วยมะเร็ง ขั้นลุกลาม (4) มีฤทธิ์ต้านปวด และมีความ ปลอดภัยใน การใช้ในผู้ป่วยโรค rheumatoid arthritis (5) รักษาโรค neurasthenia (6) โรคทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง (7,8) อาการปวดหลังจากการติดเชื้องูสวัด (9) นอกจากนี้ ยังพบว่าเห็ดหลินจือ มีฤทธิ์ ทางเภสัช วิทยา มากมาย เช่น ฤทธิ์กระตุ้น ระบบภูมิ คุ้มกัน (10-13) ฤทธิ์ต้านเนื้องอกและมะเร็ง ก (10,14-16) ฤทธิ์ป้องกันเส้นประสาทเสื่อม (17-20) ฤทธิ์ลดน้ำ�ตาลในเลือด (21-22) ฤทธิ์ลดไขมันในเลือด (23-24) ฤทธิ์ต้านออกซิเดชัน

ปี 2551-2554 สถาบันการแพทย์ แผนไทย-จีน เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ กรม พั ฒ นาการแพทย์ แ ผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุขได้เป็น องค์ ห ลั ก ในการประสานงานกั บ หน่ ว ยงาน ต่างๆได้แก่โครงการพิเศษสวนเกษตรเมือง งาย ในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ อำ�เภอ เชียงดาว จังหวัด เชียงใหม่ สถาบันบริการตรวจสอบคุณภาพ มาตรฐานผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ คณะแพทยศาสตร์ และคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ ศิ ริ ร าชพยาบาลและคณะเภสั ช ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในการวิจัยและพัฒนา เห็ดหลินจือตั้งแต่ต้นน้ำ�จนถึงการใช้ประโยชน์ คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดลได้เข้า ร่วมโครงการฯ เป็นคณะทำ�งานการวิจัยเห็ด หลิ น จื อ และสปอร์ เ ห็ ดหลิ น จื อ ในระดั บ พรี

รศ.ดร.นพมาศ สุนทรเจริญนนท์ ภาควิชาเภสัวินิฉัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

คลินิกและคณะทำ�งานการพัฒนาผลงานการ วิจัยเห็ดหลินจือและสปอร์เห็ดหลินจือสู่การ ใช้ประโยชน์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัย มหิดล ได้ศึกษา “คุณภาพและปริมาณสาร สำ�คัญของดอกเห็ดและสปอร์เห็ดหลินจือที่ ปลูกในประเทศไทย”

คือดอกเห็ด (0.40%) และสปอร์ (0.27%) ตาม ลำ�ดับและพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมในการเพาะเลี้ยง เห็ด คือ ไม้ลำ�ไยและไม้สะเดา และงานวิจัย นี้ ไ ด้ พิ สู จ น์ ว่ า สปอร์ ที่ ก ะเทาะผนั ง หุ้ ม มี ส าร สำ�คัญและฤทธิ์ทางยาดีกว่าสปอร์ที่ไม่กะเทาะ ผนังหุ้ม ทั้งนี้เพราะว่าผนังหุ้มสปอร์มีผนังหนา 2 ชั้นผนังชั้นนอกเรียบ ผนังชั้นในยื่นคล้าย หนามไปชนผนังชั้นนอก ซึ่งผลการศึกษานี้ แสดงให้เห็นว่าตัวทำ�ละลายแอลกอฮอล์ หรือ dichloromethane ไม่สามารถสกัดสารสำ�คัญ กลุ่ม triterpenoids ออกจากสปอร์เห็ดหลิน จือที่ไม่กะเทาะผนังหุ้มแต่การต้มสปอร์ที่ไม่ กะเทาะผนังหุ้มด้วยน้ำ�จะสกัดสารกลุ่ม polysaccharides ได้บ้างแต่ปริมาณน้อยกว่าส ปอร์ที่กะเทาะผนังหุ้ม นอกจากนี้ในสภาวะที่ เป็นกรดหรือเป็นด่าง เลียนแบบสภาวะของ กระเพาะและลำ � ไส้ ต ามลำ � ดั บ ก็ ไ ม่ ส ามารถ ทำ�ลายผนังหุ้มของสปอร์ได้ ซึ่งพิสูจน์ได้จาก การศึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศน์อิเลกตรอน และ TLC chromatogram ซึ่งจะสอดคล้อง กับกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลศิริราช

ผลงานวิจัยเพื่อสังคม เห็​็ดหลินจือ จากงานวิจัย สู่การใช้ประโยชน์

(46) โดยตรวจวิเคราะห์ปริมาณ สารสำ�คัญ กลุ่ม terpenoids (47) และสารกลุ่ม polysaccharides (48,49) การศึกษานี้จะเป็นข้อมูลบ่งชี้ พันธุ์เห็ด หลินจือที่เหมาะสมในการปลูกในประเทศไทย อายุในการเก็บเกี่ยวสปอร์และดอกเห็ด ชนิด ของท่อนไม้ที่เหมาะสมในการเพาะเลี้ยงเห็ด และได้พิสูจน์ให้เห็นว่าสปอร์เห็ดหลินจือก่อน นำ�ไปใช้ทางยาจะต้องกะเทาะผนังหุ้ม (50) ผลการศึกษาคุณภาพและปริมาณสาร สำ�คัญของดอกเห็ดและสปอร์เห็ดหลินจือพันธุ์ MG1, MG2, MG5 พบว่า ระยะเวลาเก็บเกี่ยวที่ เหมาะสมคือ 110 วัน และพันธุ์เห็ดที่มีปริมาณ สารกลุ่ม polysa ccharides สูงคือ พันธุ์ MG2 โดยพบในสปอร์ที่กระเทาะผนังหุ้ม (4.77%) มากกว่าดอกเห็ด (3.06%) ส่วนพันธุ์ที่มีปริมาณ สารกลุ่ม triterpenoids สูง คือ พันธุ์ MG5 โดย พบในก้านดอก (0.55%) มากที่สุดรองลงมา

พยาบาล เมื่อผู้ป่วยคนหนึ่งที่รับประทานผง เห็ ด หลิ น จื อ แล้ ว มี อ าการท้ อ งเสี ย เมื่ อ ตรวจ อุจจาระพบว่ามีสปอร์เห็ดหลินจือที่มีขนาด และรูปร่างคล้ายกับไข่พยาธิ ซึ่งอาจจะทำ�ให้ เข้าใจผิดได้ว่าอาการท้องเสียเกิดจากพยาธิ หลังจากหยุดการรับประทานผงเห็ดหลินจือ อาการต่างๆ ก็ดีขึ้น (51) กรณีศึกษานี้ แสดงให้เห็นว่าการรับประ ทานสปอร์ เ ห็ ด หลิ น จื อ ที่ ไ ม่ ก ะเทาะผนั ง หุ้ ม ร่างกายคนไม่สามารถย่อยผนังหุ้มได้ ทำ�ให้จึง ยังคงพบสปอร์ในอุจจาระ ฉะนั้นการรับประ ทานสปอร์เห็ดหลินจือจึงต้องทำ�การกะเทาะ ผนังหุ้มก่อนเพื่อให้สารสำ�คัญถูกสกัดออกจาก สปอร์และดูดซึมเข้าร่างกายได้ ซึ่งจะมีคุณค่า ทางยาตามรายงานการวิจัยทางคลินิกหรือพรี คลินิก http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/


3

เห็ดหลินจือรักษา 10 โรค เห็ดหลินจือช่วยบำ�รุงตับ เห็ดหลินจือกับความดัน โลหิตสูง

ฟื้นฟูการทำ�งานของตับกระตุ้นการเกิดเซลล์ ใหม่แทนเซลล์ที่ตายไปและเห็ดหลินจือช่วย ปรับภูมิคุ้มกันไม่ให้ทำ�งานผิดเพี้ยนและเสริม สร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เห็ดหลินจือ เป็นแอนติออกซิแดนต์ท่ีดีสามารถขจัดอนุมูล อิสระ เห็ดหลินจือมีคุณสมบัติที่ช่วยรักษา โรคตับแข็งได้ก็เพราะ เห็ดหลินจือช่วยทำ�ให้ ใยแผลเป็นที่ตับคลายตัวไม่รัดเส้นเลือดและ เนื้อเยื่อที่ตับ

เห็ ด หลิ น จื อ มี ส ารออร์ แ กนิ ก เยร์ ม าเนี ย ม จำ�นวนมากเพียงพอที่จะฟื้นฟูอวัยวะที่ขาด ออกซิเจนได้ สารออร์แกนิกเยอร์มาเนียมใน เห็ดหลินจือจะช่วยดึงออกซิเจนเข้าสู่กระแส เลือดเพิ่มขึ้นจึงช่วยปรับความดันโลหิตให้อยู่ ในภาวะสมดุ ล ช่ ว ยลดความดั น โลหิ ต ทำ � ให้ การไหลเวียนของโลหิตในร่างกายเป็นไปอย่าง ปกติ นอกจากนั้นยังช่วยระบบการย่อยส่ง เสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายช่วยลดคอเลสเตอร เห็ดหลินจือกับอาการปวดประจำ�เดือน รอลและไขมันช่วยล้างพิษในตับได้อีกด้วย การเกิดอาการปวดประจำ�เดือนเกิดจากความ ไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศหญิงระหว่างรอบ เห็ดหลินจือกับโรคเส้นเลือดอุดตันในสมอง เดือน บางครั้งเกิดจากการขาดฮอร์โมนโปร เจสเตอโรนหรือขาดกรดไขมันจำ�เป็น เช่น เส้นเลือดหัวใจตีบอัมพาต อัพฤกษ์ กรดแกมาลิโนเลนิก ขาดวิตามินบี 5 ซึ่งทำ� เห็ดหลินจือสามารถละลายลิ่มเลือดไม่ให้อุด หน้าที่ควบคุมรอบประจำ�เดือน เห็ดหลินจือ ตันได้ เห็ดหลินจือมีสารสำ�คัญที่เรียกว่านิวคลี สามารถกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเอส โอไซด์ซึ่งมีคุณสมบัติละลายลิ่มเลือดที่อุดตัน โตรเจน เพิ่มขึ้นจึงช่วยบรรเทาอาการปวด ไม่ให้ลิ่มเลือดเกาะตัวง่ายเกินไปจนเกิดการ ประจำ�เดือนให้หายไปได้ เห็ดหลินจือจะปรับ อุดตันของเส้นเลือดนอกจากนั้นเห็ดหลินจือ ระบบไหลเวียนของโลหิตให้เข้าสู่ภาวะปกติ ยังช่วยในการลดไขมันและคอเลสเตอรอลใน และที่สำ�คัญในเห็ดหลินจือนั้นยังมีกรดแกมมาลิโนเลนิกที่ช่วยในการบรรเทาอาการปวดประจำ� เลือดไม่ให้มากเกินไป ซึ่งเห็ดหลินจือก็ช่วย เดือนได้เป็นอย่างดี ขจัดสาเหตุหนึ่งของโรคไปได้

เห็ดหลินจือกับโรคประสาท (โรคเครียด)

เห็ดหลินจือกับโรคมะเร็ง

เห็ดหลินจือสามารถต้านทานโรคมะเร็งได้ดีเพราะว่าในเห็ดหลินจือ มีสารโพลีแซ็กคาไรค์ ซึ่ง จัดเป็นสารสำ�คัญทางเภสัชวิทยาที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง สารโพลีแซ็กคาไรด์ มีคุณสมบัติ ในการต่อต้านมะเร็งช่วยปรับระบบภูมิคุ้มกัน ร่างกายต่อต้านอนุมูลอิสระและกำ�จัดอนุมูล อิสระออกจากร่างกายเพราะว่าอนุมูลอิสระ นั้นเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง นอกจากนี้ แล้วเห็ดหลินจือยังช่วยทำ�ให้ร่างกายสมบูรณ์ แข็ ง แรงป้ อ งกั น การเกิ ด ใหม่ ข องมะเร็ ง ลด ปัจจัยความเสี่ยงของมะเร็ง นอกจากนั้น การรั บ ประทานเห็ ด หลิ น จื อ จะทำ � ให้ ช่ ว ย บำ � รุ ง ร่ า งกายช่ ว ยทำ � ให้ น อนหลั บ สบายลด ความกังวล บรรเทาอาการปวด ต่างๆ

เห็ ดหลิ น จื อ มี ส ารปรั บ สมดุ ล ที่ ส ามารถลด ความเครี ย ดในสมองและเสริ ม สร้ า งสารสื่ อ ประสาทให้แก่สมองกระตุ้นประสาทและยัง สามารถปรั บ ให้ ก ารทำ � งานของสมองกลั บ คืนสู่ภาวะปกติได้ ช่วยลดความพิการที่เกิด จากสมองเสื่อมและช่วยให้ระบบหลอดเลือด ที่ไปเลี้ยงสมองทำ�งานได้ดีขึ้น อีกทั้งยังเพิ่ม ปริมาณออกซิเจนที่ไปเลี้ยงสมองให้สูงขึ้น ผู้ ที่ รั บ ประทานเห็ ดหลิ น จื อ เป็ น ประจำ � ระดั บ ความเครียดจะลดลงและช่วยลดปริมาณการ ใช้ยาคลายเครียดได้

เห็ดหลินจือกับโรคอื่นๆ

นอกจากสรรพคุ ณ ของเห็ ด หลิ น จื อ ที่ มี ต่ อ โรคต่างๆ ที่กล่าวมา เห็ดหลินจือยังช่วย ขับปัสสาวะให้ร่างกายเกิดความสมดุลเลือด ลมไหลเวี ย นสะดวกเหมาะสำ � หรั บ การปรั บ ร่างกายให้พร้อมในกรณีผู้ที่บุตรยากหรือใน กรณี ผู้ ท่ี มี อ าการเสื่ อ มสมรรถภาพทางเพศ เห็ดหลินจือซึ่งถือเป็นยาอายุวัฒนะนั้นยังช่วย บำ�บัดอาการให้ดีขึ้นอีกด้วย

เห็ดหลินจือกับ โรคริดสีดวงทวาร

เห็ดหลินจือจะช่วยในการย่อยอาหารและมีตัว ยาที่จะทำ�ให้แผลหรือตุ่มบริเวณทวารหนักทั้ง ภายในและภายนอกหายไปและทำ�ให้การขับ ถ่ายเป็นปกติ เมื่อกินเห็ดหลินจือสารนิวคลีโอ ไซด์ในเห็ดหลินจือซึ่งมีคุณสมบัติละลายลิ่ม เลือดที่อุดตันไม่ให้ลิ่มเลือดเกาะตัวง่ายเกินไป จนเกิดการอุดตันของเส้นเลือดจะช่วยรักษา อาการริดสีดวงทวารได้อย่างดี

บัดอาการให้

เห็ดหลินจือกับโรคเกาต์

ในเห็ดหลินจือมีสารออร์แกนิกเยอร์มาเนียม เป็ น แร่ ธ าตุ ที่ ร่ า งกายดู ดซึ ม ได้ อ ย่ า งรวดเร็ ว ช่วยในการควบคุมและปรับสมดุลของร่างกาย ให้เกิดความสมดุลระหว่างภาวะกรดและด่าง ในร่างกายก็อาจช่วยบรรเทาอาการของ โรค เกาต์และช่วยป้องกัน โรคเกาต์ ในกรณีของ คนที่ยังไม่เป็นได้เห็ดหลินจือกับโรคภูมิแพ้สาร โพลีแซ็กคาไรด์และไตรเทอร์ปินอยด์เป็นสารที่ มีรสขมในเห็ดหลินจือสามารถยับยั้งการผลิตฮิสตามีนได้ส่วนใหญ่อยู่ที่ดอกและก้านมีกรดกาโน เดริกออกฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งของสารฮิสตามีน ซึ่งเป็นตัวที่ทำ�ให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ นอกจากนั้น ยังมีกรดไขมันโอเลอิกและไซโคลออกตาซัลเฟอร์ในเห็ดหลินจือยังช่วยต้านการหลังของฮิสตา มีนซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้ เมื่อร่างกายไม่มีการผลิตฮิสตามีนหรือมีการผลิตน้อยลงอาการภูมิแพ้ก็ จะทุเลาลงด้วย เช่นกันทำ�ให้อาการดีขึ้นได้


สมุนไพร กำ�จัดแมลง ศัตรูพืช

4 ผสมให้ใช้ส่วนผสมเดียวกันและใช้เวลา สูตรน้ำ�หมัก หมักเหมือนกัน จากนั้นการใช้ให้เพิ่มน้ำ�หมัก เปลือกมังคุดมะกรูด สมุนไพรรสขมลงไปในน้ำ�อีก 5 ช้อนโต๊ะ กล่าว คือ น้ำ�หมักเปลือกมะนาว 5 ช้อนโต๊ะ+น้ำ�หมัก สมุนไพรรสขม 5 ช้อน โต๊ะ+น้ำ�เปล่า 20 ลิตร แล้วนำ�ไปใช้ตามวิธีการดังกล่าวโรคและแมลง จะหมดไปต้นกล้าข้าวจะสมบูรณ์ให้ผลผลิตที่ ดีในอนาคต

สูตรสมุนไพรใกล้ตัว กำ�จัดเพลี้ยและป้องกัน เชื้อราในนาข้าว

เปลือกมะนาวหมักวัคซีน สารสกัดจากเมล็ดเทียน

ป้องกันโรคในต้นกล้าข้าวใช้เปลือก มะนาว 5 กก.+กาก น้ำ�ตาล 5 กก. หมักในถัง เติมน้ำ�พอท่วมนาน 7 วัน ใช้ 5 ช้อน โต๊ะ/น้ำ� 20 ลิตร ฉีดพ่นหลังหว่าน 14 วัน ป้องกันโรค และแมลง *เปลือกมะนาวหมักวัคซีนป้องกัน โรคในต้นกล้าข้าว* เปลือกมะนาวที่มีจำ�นวน มากจากร้านอาหารหรือที่เหลือจากการใช้ใน ครัวไม่ควรนำ�ไปทิ้งให้เปล่าประโยชน์ซึ่ง คุณ สุกัญญา เจริญพร ปราชญ์ชาวบ้านโรงเรียน ชาวนา ป่าสักน้อย อ.เชียงแสน จ.เชียง ราย ได้แนะนำ�ว่าเราสามารถนำ�มาใช้ประโยชน์ใน นาข้าวได้เ นื่องจากเปลือกมะนาวมีน้ำ�มันและ กลิ่นฉุน วิธีที่ดีที่สุดคือการนำ�มาหมักตามส่วน ผสมโดยประมาณ ดังนี้ *วัตถุดิบ* - เปลือกมะนาว 5 กิโลกรัม - กากน้ำ�ตาล 2 กิโลกรัมน้ำ�เปล่า *วิธีการทำ�* นำ�เปลือกมะนาวที่ได้ 5 กิโลกรัม เทใส่ถังที่มี ฝาปิดจากนั้นคลุกเคล้าด้วยกากน้ำ�ตาลให้ทั่ว เติมน้ำ�เปล่าลงไปให้พอท่วมปิดฝา หมักทิ้ง ไว้ 7 วัน เปิดฝาดูหากมีกลิ่นเหม็นให้เติมกาก น้ำ�ตาลลงไป 1 แก้วน้ำ�ค้นแล้วปิดฝาทิ้งไว้อีก 7 วัน แต่หากกลิ่นไม่เหม็นเน่าให้คนเฉย ๆ แล้วปิดฝาทิ้งไว้พอครบสัปดาห์ สามารถนำ�ไป ใช้ได้

กำ � จั ดแมลงศั ต รู ผั ก ให้ ต ายสิ้ น ด้ ว ย สูตรเมล็ดเทียนทองสุกบด 1 กก. เหล้าขาว 700 cc หมักไว้ 7 วัน แล้วกรองเอาน้ำ�หมักไป ฉีดพ่น 20 cc+น้ำ� 20 ลิตร สารสกัดจากเมล็ด เทียนป้องกันกำ�จัดแมลงศัตรูพืชผักศัตรูพืช ผักสวนครัวที่อยู่ในดิน เกษตรกรควรหาวิธี ป้องกันและกำ�จัดด้วยเพราะหากปล่อยไว้อาจ ทำ�ลายพืชผักสวนครัวเสียหายได้ หลายคน อาจใช้สารเคมีฉีดพ่นลงดินในระหว่างเตรียม แปลงปลูก แต่สำ�หรับ คุณนำ�พา ขัติกันทา เจ้าของศูนย์เรียนรู้โรงเรียนชาวนา ต.ท่าสาย อ.เมือง จ.เชียงราย ได้แนะนำ�ว่าเกษตรกร ไม่จำ�เป็นต้องใช้สารเคมีในการป้องกันกำ�จัด แมลงศัตรู​ูพืชผักให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายหาก รู้วิธีการนำ�สิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติมาใช้ให้เกิด ประโยชน์ เช่น การนำ�ลูกเทียนทองมาใช้ใน การกำ�จัดแมลงศัตรูพืชตามวิธี การดังนี้ วัตถุดิบ-อุปกรณ์ ++* 1.เมล็ดเทียนทองสุก ผลสด จำ�นวน 1 กิโลกรัม 2. เหล้าขาว จำ�นวน 1 ขวดกลม (ประมาณ 700 มล.) 3. ถังหมักแบบมีฝาปิด

*วิธีการทำ�* นำ�เมล็ดเทียนทองมาตำ�หรือโคลกให้ละเอียด จากนั้นนำ�ไปผสมกับเหล้าขาวหมักปิดฝาทิ้ง *วิธีการนำ�ไปใช้* ไว้ 7 วัน กรองเอาแต่น้ำ�จะได้สารสกัดชีวภาพ -ช่วงนี้ในระยะหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวหลังจาก ป้องกันและกำ�จัดศัตรูพืชผักที่อยู่ในดินอย่างดี 14 วัน เมล็ดเริ่มงอกเป็นช่วงที่เชื้อโรคและ แมลงชอบทำ�ลายต้นกล้าข้าวในระยะนี้ให้ใช้ การนำ�ไปใช้ น้ำ�หมักสูตรดังกล่าวเป็นวัคซีนป้องกันโรคและ *ในช่วงระหว่าง 7 วัน เตรียมแปลงและตาก แมลงโดยใช้ 5 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ� 20 ลิตร ฉีด ดินก่อนปลูกให้ใช้สารชีวภาพจากเมล็ดเทียน พ่น หรือใส่บัวรดน้ำ�รดให้ทั่วแปลงนาข้าวทุกๆ ทอง 10 ซี.ซี. (2 ช้อนแกง) ผสมน้ำ� 20 ลิตร 5 วัน ต้นกล้าข้าวจะแข็งแรงไม่เป็นโรคแมลง ฉีดพ่นช่วงที่อากาศร้อนจัดในช่วงบ่ายฉีดพ่น ไม่มารบกวน คุณ สุกัญญา แนะนำ�เพิ่มเติม วั น เว้ น วั น จนกระทั่ ง ปลู ก พื ช ผั ก สวนครั ว ลง หากในระยะดังกล่าว พบว่ามีปัญหาโรคและ แปลงและหลังจากปลูกแล้วก็สามารถฉีดพ่น แมลงแล้วให้เพิ่มพืชสมุนไพรทีมีรสขม เช่น ได้ในทุกๆ 5-7 วัน จะช่วยป้องกันและกำ�จัด บอระเพ็ด, ฟ้าทะลายโจร, สะเดา โดยแยก หมัดดินและแมลงหรือหนอนต่างๆที่อยู่ในดิน หมั ก กั บ สู ต รเปลื อ กมะนาววิ ธี ก ารและส่ ว น ไม่ให้ทำ�ลายพืชผักได้เป็นอย่างดี

ป้องกันและกำ�จัดหอยเชอรี่และปูในนาข้าว ช่วงที่ต้นข้าวเจริญเติบโต เกษตรกร หลาย คนอาจพบปัญหาหอยเชอรี่และปูนาระบาด กัดกินทำ�ลายต้นข้าวเสียหายและในปัจจุบัน เกษตรกรมี วิ ธี แ ตกต่ า งกั น ไปในการใช้ ส าร ชีวภาพการป้องกันและกำ�จัด ซึ่งคุณนำ�พา ขัติกันทา เจ้าของศูนย์ เรียนรู้โรงเรียนชาวนา ต.ท่าสาย อ.เมือง จ.เชียงราย ได้แนะนำ�อีก วิธีการหนึ่งที่ได้ผลดีโดยใช้วัตถุดิบที่หาง่ายมี ส่วนผสมดังนี้ *วัตถุดิบ* 1. เปลือกมังคุด 1 กิโลกรัม 2. มะกรูด 1 กิโลกรัม 3. น้ำ�เปล่า

*สูตรสมุนไพรใกล้ตัวกำ�จัดเพลี้ยและป้องกัน เชื้อราในนาข้าว* ทุกช่วงอายุของต้นข้าวมักจะพบทั้งโรคและ แมลง เกษตรกรควรดูแลเอาใจใส่เพื่อให้ได้ ผลผลิตที่ดี ปัจจุบันมีการใช้สูตรสมุนไพรหลาก หลายวิ ธี ใ นการกำ � จั ด ป้ อ งกั น โรคและแมลง ในที่นี้ขอกล่าวถึงอีกหนึ่งสูตรวิธีเพื่อเป็นทาง เลือกสำ�หรับเกษตรกรในการนำ�ไปใช้ โดยคุณ สมโภชน์ ปานถม เกษตรกร จ.ลำ�ปาง ได้ ให้สัมภาษณ์ว่า มีวิธีการใช้สมุนไพรใกล้ตัวมา ช่วยกำ�จัดเพลี้ยต่างๆและป้องกันเชื้อราในนา ข้าว ด้วยวิธีการง่ายๆ เกษตรกรสามารถทำ�และนำ�ไปใช้ ดังนี้ ส่วนผสม* - ยาฉุน 300 กรัม - พริกขี้หนูสด 300 กรัม (ถ้าใช้พริกขี้หนูแห้ง ให้ใช้ 100 กรัม) - ข่าแก่ 500 กรัม - เมล็ดมันแกว 100 กรัม (ถ้าไม่มี ไม่ต้องใส่ ก็ได้) วิธีการทำ� * - นำ�ข่าแก่มาตำ�ให้แหลกพร้อมกับพริกขี้หนู คลุกเคล้าให้เข้ากันกับยาฉุน จากนั้นเติมน้ำ�ให้ ท่วมหมักทิ้ง ไว้ 1 คืน - หลักจากครบ 1 คืน ให้กรองเอาแต่น้ำ� ใช้ 1 แก้ว (250 ซีซี)เจือจางผสมน้ำ�เปล่า 20 ลิตรคน ให้เข้ากันแล้วเติมเหล้าขาวเพิ่มลงไปอีกครึ่ง แก้วผสมให้เข้ากันสามารถนำ�ไปใช้ได้เลย

*วิธีทำ� * -ให้ผ่ามะกรูดออกเป็น 8 ซีก /ลูก หลายๆลูก รวมกันให้ได้ 1 กิโลกรัม แล้วเติมน้ำ�เปล่าให้ พอท่วมหมักปิดฝาทิ้งไว้ 7 วัน -ส่วนเปลือกมังคุดให้หั่นเป็นชิ้น เล็ก ๆ รวม กันทั้งหมดให้ ได้ 1 กิโลกรัม แล้วเติมน้ำ�เปล่า ให้พอ ท่วมหมักปิด ฝาทิ้งไว้ 7 วัน -หลักจากแยกหมักทั้ง 2 อย่าง ครบ 7 วันแล้ว ให้ เ ททั้ ง น้ำ � หมั ก มะกรู ด และน้ำ � หมั ก เปลื อ ก วิธีการใช้และประโยชน์ * มังคุดผสมกันคนให้เข้ากันจะได้สารชีวภาพ - นำ�สูตรที่ผสมเสร็จแล้วนำ�ไปฉีดพ่นในนา ป้องกันและกำ�จัดหอยเชอรี่และปูในนาข้าว ข้าวทุกช่วงอายุที่มีการระบาดของเพลี้ยต่างๆ ใช้ฉีดพ่นทุกๆ 5-7 วัน วันละ 1 ครั้ง หาก *วิธีการนำ�ไปใช้ * ใช้ช่วงเช้าให้ฉีดพ่นช่วงสายๆที่หมดน้ำ�ค้าง -ให้ใช้ทั้งกากและน้ำ�ที่หมักสาดหรือโยนในนา หากฉีดพ่นช่วงเย็นให้ใช้ในช่วงตั้งแต่ 4 โมง ข้าวเป็นจุดๆ ในช่วงตอนเย็น ทุกๆ 5- 7 วัน เย็นเป็นต้นไปขยันฉีดพ่นให้ทั่วและใช้อย่าง จะช่วยป้องกันและกำ�จัดหอยเชอรี่และปู นา สม่ำ�เสมอ จะช่วยกำ�จัดเพลี้ยได้ทุกชนิดใน ได้เป็นอย่างดี คุณนำ�พา แนะนำ�เพิ่มเติมว่า ช่วงที่กำ�ลังระบาด นอกจากนี้ฤทธิ์ของสูตร อย่างไรก็ตามหาเกษตรกรมีเวลามากพออยาก สมุนไพรดังกล่าวยังช่วยป้องกันเชื้อราต่างๆ ให้เกษตรกรเก็บหอยเชอรี่หรือปูนาที่ระบาดมา ในนาข้าวได้เป็นอย่างดี รวมกันให้มากที่สุดจากนั้นนำ�มาหมักปุ๋ยน้ำ� อินทรีย์ พด.2 เกษตรกรจะได้ปุ๋ยน้ำ�อินทรีย์ไป ใช้บำ�รุงนาข้าวได้ดีอีกด้วย


การใช้จุลินทรีย์จาว ปลวกย่อยสลาย ตอซังข้าว

5 การทำ�นาข้าวให้ประสบผลสำ�เร็จนั้น ควรดูแลกันทุกขั้นตอนเพื่อจะได้ผลผลิตของ ข้าวที่ได้ผลผลิตดีได้ข้าวที่มีคุณภาพตรงกับ ความต้องการของเกษตรกร เกษตรกรชาวนา จำ�เป็นที่จะต้องดูแลเอาใจใส่นาข้าวเป็นพิเศษ เพื่อคุณภาพของเมล็ดข้าวและปริมาณผลผลิต ที่จะออกมาในอนาคตจากการสัมภาณ์ คุณ ระพี ช้างนะ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวแห่ง ต.ช่อง สะแก อ.เมือง จ.เพชรบุรี ประสบการณ์การ ทำ�นากว่า 20 ปี บนเนื้อที่ 80 ไร่ โดย คุณ อรวรรณ รักษาผล ได้แนะนำ�ถึงสูตรการทำ� น้ำ�หมั ก ฮอร์ โ มนหน่ อ กล้ ว ยผสมฮอร์ โ มนไข่ จะช่วยทำ�ให้ข้าวมี เมล็ดตึง รวงเงา รวงก้ม เมล็ดข้าวมีน้ำ�หนักดี โดยมีขั้นตอนการทำ�ดังนี้

น้ำ�หมักฮอร์โมน หน่อกล้วย นำ�จาวปลวก 5 กก. คลุกเคล้ากับข้าวหุงสุก20 กก. หมักในถัง200 ลิตร เติมน้ำ�ให้เต็มถัง นาน 15 วัน ใช้ 1 ลิตร/น้ำ�20 ลิตร ฉีดพ่นย่อยสลาย ตอซัง *การใช้จุลินทรีย์จาวปลวกย่อยสลายตอซัง ข้าว* ตอซังข้าวถือเป็นปุ๋ยพืชสดชั้นดีสำ�หรับบำ�รุง นาข้าวแต่เกษตรกรไม่เห็นความสำ�คัญกลับ เผาทำ�ลายทิ้งโดยไม่เห็นคุณค่าแต่ คุณกล้าจน จงใจจน เกษตรกรรุ่นใหม่ที่ใส่ใจการทำ�เกษตร แบบไร้สารพิษให้ความสนใจในการย่อยสลาย ตอซังข้าวเพื่อให้เป็นปุ๋ยพืชสด ด้วยแนวคิด ผสมฮอร์โมนไข่ช่วยข้าวเมล็ดเต่ง ธรรมชาติ ใ ช้ จุลิ นทรี ย์จาวปลวกในการย่อย วิธีการทำ�* นำ�หน่อกล้วยมาสับให้ละเอียดโดย หน่อกล้วย สลายและทำ�ใช้เองได้ง่ายๆ ดังนี้ ที่ขุดมานั้นไม่ต้องล้างน้ำ�นำ�มาใช้ได้เลยและ เพียงนำ�จาวปลวกที่หาได้เท่าที่มีมา ผสมกับกากน้ำ�ตาลหมักทิ้งไว้ 1 เดือน ปิดฝา คลุกเคล้าให้เข้ากันกับข้าวหุงสุก 20 กิโลกรัม ให้สนิท ใส่ลงในถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร แล้วเติม น้ำ�ให้เต็มถังหมักทิ้งไว้ 15 วัน สามารถนำ�มา *วิธีการใช้* ใช้ในการย่อยสลายตอซังข้าวได้อัตราการใช้ นำ�น้ำ�หมักฮอร์โมนที่ได้ไปฉีดพ่นในช่วงเช้า เพียงจุลินทรีย์ 1 ลิตร+น้ำ� 20 ลิตร ฉีดพ่น ก่ อ นแดดออกและห้ า มฉี ด ตอนลมแรงและ ย่อยสลายทิ้งไว้จะช่วยย่นเวลาให้เร็วขึ้นเช่น อากาศชื้น ระยะเวลาในการฉีด 20 วัน/ครั้ง จุลินทรีย์ตัวอื่นใช้เวลาย่อย 7-15 วัน แต่ จนข้าวมีอายุ ครบ 70 วัน ตั้งแต่เริ่มหว่าน จุ ลิ น ทรี ย์ จ าวปลวกใช้ เ วลาย่ อ ยสลายเพี ย ง หมายเหตุถ้ามีฝนตกชุกให้ผสมน้ำ�ยาล้างจาน 5-7 วันเท่า ก็สามารถเตรียมพื้นที่สำ�หรับปลูก ลงไปผสมกับน้ำ�หมักฮอร์โมนจำ�นวน 10 ซี ซี.จะช่วยจับใบได้ดี

ฮอร์โมนไข่

ผสมฮอร์โมนไข่ช่วยข้าวเมล็ดเต่งใช้ฮอร์โมน ไข่ 50 ซีซี. ผสม ฮอร์โมนหน่อกล้วย 50 ซีซี. / น้ำ� 20 ลิตร ฉีดพ่นหลังหว่านถึงข้าว อายุ 70 วันช่วย ให้ข้าวเมล็ดตึง น้ำ�หนักดี วัตถุดิบสูตรฮอร์โมนไข่* 1.ลูกแป้งที่ใช้หมักแป้งข้าวมาก จำ�นวน 1 ลูก

2.ไข่ทั้งฟอง 1 กิโลกรัม 3.กากน้ำ�ตาล 1 กิโลกรัม

น้ำ�หมัก ฮอร์โมน บำ�รุงข้าว

*วิธีการทำ�* นำ�ส่วนผสมทั้งหมดใส่โหลหรือถังพลาสติกปิด ฝาให้สนิทแล้วเขย่าๆ หรือโยนๆ ให้ไข่แตก เองในโหลจากนั้นก็หมักทิ้งไว้ 1 เดือน อัตรา การนำ � ไปใช้ กั บ นาข้ า วสู ต รช่ ว ยทำ � ให้ ข้ า วมี เมล็ดตึง รวงเงา รวงก้มเมล็ดข้าวมีน้ำ�หนัก ดีน้ำ�หมักฮอร์โมนไข่ 50 ซีซี. และ น้ำ�หมัก คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้งปิดฝาให้สนิทวางไว้ ฮอร์โมนหน่อ กล้วย 50 ซีซี /น้ำ�เปล่า 20 ลิตร ในทีร่ ่มประมาณ 3-4 เดือน ก็สามารถนำ�มา ใช้ได้ *วิธีการใช้* *วิธีการใช้* นำ�น้ำ�หมักฮอร์โมนที่ได้ไปฉีดพ่นในช่วงเช้า นำ�น้ำ�หมักจำ�นวน 1 ลิตร ผสม กับน้ำ� 20 ลิตร ก่ อ นแดดออกและห้ า มฉี ด ตอนลมแรงและ ฉีดพ่นต้นข้าวในระยะฟื้นตัวจะทำ�ให้ต้นข้าว อากาศชื้นระยะเวลาในการ ฉีด 20 วัน/ครั้ง แตกกอดีและควรฉีดพ่นในขณะที่แปลงนนา จนข้าวมีอายุครบ 70 วัน ตั้งแต่เริ่มหว่าน ยังมีน้ำ�พอแฉะอยู่ หมายเหตุถ้ามีฝนตกชุกให้ผสมน้ำ�ยาล้างจาน ลงไปผสมกับน้ำ�หมักฮอร์โมนจำ�นวน 10 ซี น้ำ�หมักผลไม้สีเหลือง ซี.จะช่วยจับใบได้ดี

น้ำ�หมัก เร่งการแตกกอในข้าว

บำ�รุงต้นข้าวใช้ผลไม้สีเหลือง เช่น กล้วย น้ำ�หมักเร่งการแตกกอในข้าวระยะ มะม่วงสุก มะเฟือง รวม 4 กก. อีเอ็ม 1 แก้ว ฟื้นตัว *ใช้เศษปลา 5 กก. กากน้ำ�ตาล 1 กก. กากน้ำ�ตาล 1 แก้ว /น้ำ� 10 ลิตร หมัก 15 วัน สารเร่ง พด.2 จำ�นวน 1 ซอง หมักในน้ำ� 5 ใช้ฉีดพ่นบำ�รุงต้นข้าว ลิตรนาน 3 เดือน ใช้ 1 ลิตร/น้ำ� 5ลิตรฉีดพ่น เร่งการแตกกอของข้าวระยะฟื้นตัว *น้ำ�หมัก *อุปกรณ์* เร่งการแตกกอในข้าวระยะฟื้นตัว *ในการ 1.ผลไม้ที่มีสีเหลือง (เช่น กล้วย มะม่วง ทำ�นาดำ�นั้นระยะฟื้นตัวของต้นข้าวหลังจาก มะเฟือง) 4 กิโลกรัม ปักดำ�ไปแล้วประมาณ 15 วัน มีความสำ�คัญ 2.กากน้ำ�ตาล 1 แก้ว เพราะช่วงนี้ต้นข้าวจะเริ่มแตกกอการทำ�ให้ 3.จุลินทรีย์ชีวภาพ 1 แก้ว ต้นข้าวแตกกอได้มากจะช่วยให้ได้รับผลผลิต 4.น้ำ�เปล่า 10 ลิตร มากเช่นเดียวกัน นายบรรจบ แก้วสุวรรณ ชาวนาจาก *วิธีการทำ�* หมู่ที่ 3 ตำ�บลคลอง น้อย อำ�เภอปากพนัง นำ�ผลไม้ที่มีสีเหลือง (เช่น กล้วย มะม่วง จังหวัดนครศรี ธรรมราช ได้ให้สัมภาษณ์กับ มะเฟือง) 4 กิโลกรัม กากน้ำ�ตาล 1 แก้ว E.M. เจ้าหน้าที่เมื่อครั้งลงพื้นที่วันที่ 15 กรกฎาคม 1 แก้ว น้ำ�เปล่า 10 ลิตร เทลงในถังสำ�หรับ 2557 ถึงการใช้น้ำ�หมักสูตรพิเศษเพื่อช่วยเร่ง หมักแล้วคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ปิดฝา การแตกกอของต้นข้าวในระยะฟื้นตัวโดยมี ถังหมักโดยหมักทิ้งไว้เป็นเวลา 15 วัน หลัง ส่วนผสม ดังนี้ จากหมักได้ที่แล้วก็สามารถนำ�ไป ใช้ได้ทันที *ส่วนผสม* 1.ปลาป่น/เศษพุงปลา/หัว ปลา 5 กิโลกรัม 2.กากน้ำ�ตาล 1 กิโลกรัม 3.สารเร่ง พด.2 จำ�นวน 1 ซอง 4.น้ำ�สะอาด 5 ลิตร *วิธีการทำ�* นำ�สารเร่ง พด.2 จำ�นวน 1 ซอง ใส่ในน้ำ� 5 ลิตร ผสมให้เข้ากันนาน 5 นาที จากนั้นผสม เศษวัสดุพวกปลาป่น,เศษพุงปลา,หัวปลา และ กากน้ำ�ตาลลงในถังหมัก ขนาด 50 ลิตร ผสม

*การนำ�ไปใช้* ให้กรองเอาน้ำ�หมักจำ�นวน 1 ลิตร ผสมกับ น้ำ� 20 ลิตร แล้วนำ�ไป ฉีดพ่นต้นข้าวตอนอายุ ประมาณ 2 เดือน หลังจากปักดำ�โดยฉีดพ่นใน ช่วงเวลาเช้าหรือเย็นสัปดาห์ละ 1 ครั้ง *ประโยชน์* จะช่ ว ยให้ ต้ น ข้ า วเจริ ญ เติ บ โตได้ ร วดเร็ ว มี ผลผลิตที่ดี มีคุณภาพ และยังสามารถลดการ ใช้สารเคมีภายในพื้นที่อีกด้วย ข้อมูลจาก รักบ้านเกิดดอทคอม


อิทธิพลทางความคิด

โดย ศจ.สิทธิชัย ว่องวีระยุทธ มีคนบอกว่า ความ คิ ด เปรี ย บเหมื อ น โรงงาน ดังนั้น เมื่ อ เราป้ อ นวั ส ถุ ใดๆเข้ า ไปมั น ก็ ผลิ ต วั ส ดุ นั้ น ออก มา เช่น เราใส่ทอง เข้าไปมันก็จะผลิต วั ต ถุ ท่ี เ ป็ น ทองคำ � ออกมามิ ใ ช่ เ ป็ น เงินหรือทองแดง ดังนั้นถ้าเราใส่หรือป้อน ข้อมูลดีหรือสิ่งที่มีคุณธรรมจริยธรรมเข้าไป ในสมองหรือในจิตใจคนมันก็จะส่งผลให้ปลด ปล่ อ ยสิ่ ง ดี ๆ ออกมาทางคำ � พู ดและการกระ ทำ�แต่ถ้าหากใครหรือสังคมใดหมั่นป้อนความ คิดชั่วร้ายค่านิยมผิดๆที่พาคนสู่ความหลงใน วัตถุนิยม บริโภคนิยมหรือการปล่อยตัวไปใน ความโลภหรือกิเลสตัณหาหรือยิ่งหนักไปกว่า นั้นคือ ส่งเสริมหรือยอมปล่อยให้สื่อลามกแพร่ ระบาดมอมเมาคนในสังคม สุดท้ายจิตใจ คนความคิดคนในสังคมนั้นก็จะหมกมุ่นและ เต็มล้นด้วยสิ่งลามกเหล่านั้นและพฤติกรรมก็ จะตกต่ำ�ในทางศีลธรรมและเต็มด้วยปัญหา มากมายตามมาให้แก้ไขเยียวยาอย่างไม่มีสิ้น สุด บางคนก็บอกว่า ความคิดเปรียบ เหมือนสนามรบหรือป้อมปราการสำ�คัญ คือ

ความรักมีพลานุภาพ ภญ.ศิริมา ภู่พานิช

ความรักที่พูดถึงวัน นี้ มิใช่ความรักที่ มี เ พี ย งในวั ย หนุ่ ม สาวแต่อย่างเดียว หรื อ เป็ น เรื่ อ งของ ความคลั่งไคล้ไหล หลงไปกับเรื่องราว ที่โรแมนติก หาก แต่ เ ป็ น ความรั ก ที่ ดำ� รงอยู่ ใ นชี วิ ต ของมนุษย์ที่จะมีต่อผู้อื่นด้วยความบริสุทธิ์และ จริงใจ หากปราศจากความรั ก เมตตแล้ ว ชี วิ ต จะอยู่ อ ย่ า งแห้ ง แล้ ง ดุ จ ทะเลทราย ครอบครั ว จะมี ร อยร้ า วพร้ อ มที่ จ ะแตก สลาย สังคมจะอยู่แบบตัวใครตัวมันมีความ เสื่อมโทรมอย่างน่าเศร้าใจ แต่ที่ใดก็ตามที่มีความรักอันประกอบ ไปด้วยความเข้าใจกัน ความอดทน การให้ อภัย การเสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว ที่นั่นจะเป็นที่ ที่น่าอยู่ที่สุด

สมัครสมาชิก

6 ถ้าสามารถล้างสมองหรือทำ�ลายหรือครอบงำ� ความคิ ด คนใดได้ ก็ เ ท่ า กั บ ว่ า เราสามารถ ควบคุมคนนั้นให้อยู่ใต้อำ�นาจและอิทธิพลและ ทำ�ตามเราได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเราทุกคน ล้วนแต่มีเสรีภาพและสิทธิส่วนบุคคลที่เราภาค ภูมิใจ จึงไม่สมควรให้ใครมาครอบงำ�ความ คิดของเราจนทำ�ให้หลงผิดและตกเป็นเหยื่อ หรือเครื่องมือในทำ�การชั่วร้ายหรือทำ�ให้บ้าน เมืองวุ่นวายได้ หรือทำ�ให้คนอื่นเดือดร้อนเสีย หาย ดังนั้นเราจึงควรมีสติและปัญญาในการ เป็นคนที่มีความคิดที่ถูกต้องและดีงามเป็นก รอบควบคุมคำ�พูดและการกระทำ�ของเรา ดัง ที่พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้สอนเราให้คิดอย่าง ถูกต้องดังนี้คือ คิดในสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ต่อตนเองในทุกๆ มิติ คือ คิดในเชิงสร้างสรรค์มิใช่ทำ�ลาย คิดแง่บวกไม่ใช่แง่ลบ คิดในสิ่งที่ทำ�ให้ชีวิต จิตใจของเราเจริญก้าวหน้าสูงขึ้นทางเดียว มิใช่ตกต่ำ�ลง เราไม่ควรเอาสมองที่มีคุณค่า และคุณประโยชน์และสามารถสร้างสรรค์สิ่ง ดีๆ ได้อย่างมากมายของเราไปคิดสิ่งสกปรก ลามกหรื อ คิ ด การร้ า ยจนทำ � ให้ เ ราต้ อ งถู ก ครอบงำ � หรื อ ควบคุ ม ให้ ทำ � การชั่ ว จนชี วิ ต ของเราต้องตกต่ำ�และพบกับจุดจบในทางไม่ ดี เพราะสมองของเราไม่ควรเป็นถังขยะเอา ไว้เก็บสิ่งไม่ดีหรือสกปรกหรือเอาไว้ให้ใครต่อ ใครเอาสิ่งไม่ดีมาทิ้งไว้จนเน่าเหม็นหรือเป็น ภาระให้เทศบาลมาคอยเก็บเอาไปทิ้ง (ซึ่งปกติ

เทศบาลจะเก็บเฉพาะขยะที่เป็นวัตถุเท่านั้นคง หรือไม่รับผิดชอบต่อผู้อื่นหรือสังคมเพราะถ้า ไม่อาจจะเก็บขยะความคิดในสมองหรือจิตใจ เราคิดจะอยู่แบบนี้เราก็ต้องแยกตัวออกไปอยู่ เราได้) ป่าคนเดียวหรืออยู่นอกโลกไปเลย เพราะว่า

มีคำ�กล่าวว่า “ความรักชนะได้ทุกสิ่ง” และ “ความรักย่อมผูกพันทุกสิ่งไว้ให้ถึงซึ่ง ความสมบูรณ์” ความรักสามารถนำ�เอาความ เกลียดชัง ความขมขื่น การไม่ให้อภัยออกไป จากชีวิตได้ เมื่อเราตัดสินใจจะรักแม้บุคคล นั้นยังไม่น่ารัก ไม่สมควรที่จะรัก แต่ความ รักนี้ไม่ใช่เป็นอารมณ์ความรู้สึก แต่เป็นการ ตั้งใจที่จะรัก อดทนให้อภัย และให้โอกาส แก่เขา ความรักเช่นนี้จึงนำ�เอาสัมพันธภาพที่ดี กลับคืนมา ความรักของ นพ. อัลเบิร์ต ชไวเซอร์ นายแพทย์ผู้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกเข้าไปในกาฬทวีปหรืออาฟริกา ได้ไปช่วยเหลือเยียวยา บำ�บัดโรค แก่คนที่อยู่ ในความป่าเถื่อนที่บางกลุ่มมีการกินเนื้อมนุษย์ เป็นอาหาร ความรักนี้ต้องเสี่ยงอันตราย เสีย สละ และใช้เวลาทั้งชีวิตของท่านไปอยู่ร่วมกับ คนเหล่านั้น ทำ�ให้ชาวพื้นเมืองสัมผัสความ ปรารถนาดีที่มาจากจิตใจอันมีเมตตา จึง เกิดการเปลี่ยนแปลงในความคิด วัฒนธรรม กลายเป็นผู้มีความเจริญก้าวหน้าและได้มีชีวิต ที่สุขสมบูรณ์ในที่สุด ถ้ า ความสั ม พั น ธ์ กั บ คนใกล้ ตั ว ใน

ครอบครัวหรือผู้ร่วมงานเริ่มจืดจาง อาจเกิด จากความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ความเห็นแก่ ตนเอง เอาประโยชน์ของตนเป็นที่ตั้ง ความ หยิ่ ง ทะนงถื อ ว่ า ตนดี ก ว่ า ผู้ อื่ น หรื อ ความ เฉยเมยขาดความกระตือรือร้นที่จะดูแลผู้อื่น วันนี้เราน่าจะเริ่มแสดงออกซึ่งความรัก เพราะ ไม่มีใครเคยเห็นความรัก ถ้าความรักมีอยู่ใน ใจคนรอบตัวจะสัมผัสได้อย่างไร ความรัก ที่แท้ต้องมีการประพฤติและปฏิบัติจนสัมผัส ได้

บุคคลทั่วไป 500 บาท/ปี ธุรกิจห้างร้าน 1,000 บาท/ปี (พื้นที่กรอบโฆษณาฟรี)

วัน/เดือน/ปี ที่สมัคร............................ชื่อ/นามสกุล................................................. สถานที่จัดส่งวารสาร.............................................................................................. ข้อมูลส่วนตัว อาชีพ................................................................ อายุ.......................

รู้จัก เกษตร จาก............................................................................................... เนื้อหาที่สนใจเป็นพิเศษ.......................................................................................... *โปรดระบุเพื่อประโยชน์สูงสุดของสมาชิก

ส่งใบสมัครมาที่ 150/51 หมู่ 2 บ้านศรีบัวเงิน ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50000 หรือ โทร 086-715-5596, 087-191-2332

คิดในสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ต่อผู้อื่น สังคมและ ประเทศชาติ เพราะเราไม่ ไ ด้ อ ยู่ ค นเดี ย วในโลก และทุกสิ่งที่เราทำ�หรือคนอื่นทำ�ล้วนแต่มีผล ต่อกันและกันในภาพรวมทั้งสิ้นไม่ว่าจะมาก หรือน้อยแรงหรือเบาระยะยาวหรือสั้น ซึ่ง คงขึ้นอยู่กับอิทธิพลและอำ�นาจของคนๆนั้นที่ ต่อสังคม ดังนั้นการกระทำ�ที่เห็นแก่ตัวและ เอาแต่ได้อันมาจากความโลภ ความหลง และ กิเลสตัณหาที่ครอบงำ�จนจิตใจมืดบอดก็มักจะ นำ�ผลเสียอย่างมากมาสู่สังคมและคนหมู่มาก และที่หนีไม่พ้น คือ ตนเอง (ผู้กระทำ�) ด้วยก็ จะต้องรับผล (กรรม) กลับคืนมาแน่ไม่ว่าจะช้า หรือเร็วก็ตาม ดังนั้นเราไม่ควรดำ�เนินชีวิตโดยเอา ตนเองเป็นศูนย์กลางและอยู่แบบไม่แคร์ใคร

ทุกการกระทำ�ของเรานั้นมักมีผลกระทบต่อคน รอบข้างเสมอ เราต้องตระหนักว่าโลกนี้ไม่ใช่ ของเราและเราไม่ได้อยู่คนเดียวและเราไม่ได้มี อำ�นาจสูงสุดเหนือทุกคนและเหนือทุกสิ่ง แต่ เราเป็นส่วนหนึ่งของโลกหรือสังคมเล็กๆ ที่ เราอยู่เท่านั้น เราจึงต้องอยู่อย่างเหมาะสม สมดุลลงตัวกับทุกคนและในทุกๆ ที่และทุกๆ สถานการณ์เพื่อเกิดความสุขความสงบและ การพัฒนาก้าวหน้าร่วมกันอย่างแท้จริง ดังนั้น ขอให้ชีวิตของเราทุกคนกลับ สู่การดำ�เนินชีวิตบนความคิดที่ถูกต้องและเดิน หน้าต่อไปด้วยปรัชญาค่านิยมที่ถูกต้อง สมดุล ไม่ ต กขอบอั น เป็ น ความคิ ด ของผู้ มี ส ติ แ ละ ปั ญ ญาและความเข้ า ใจต่ อ ผู้ อื่ น และการอยู่ ร่วมกันอย่างชั่วคราวในโลกที่ไม่ยั่งยืนของเรา นะครับ

โดยการประพฤติ การพูดถ้อยคำ�ที่ดี อ่อนโยน มีมารยาทต่อคนใกล้ตัวนั่นคือ ความรัก การ อดทนที่จะมองข้ามความบกพร่องๆ ของลูกๆ แล้วไม่บ่นด่าว่าเขา แต่รอที่จะเตือนสอนเขา อย่างมีความเข้าใจนั่นคือ ความรัก, การ ยินดีเมื่อผู้อื่นได้สิ่งดี เพื่อนร่วมงานประสบ ความสำ�เร็จโดยไม่อิจฉาเขานั่นคือ ความรัก, การไม่โอ้อวดแต่คุณงามความดีของตน แต่ ยกย่องให้เกียรติผู้อื่นนั่นคือ ความรัก, การ อดทนแม้ ค นเข้ า ใจผิ ด และนิ น ทาว่ า ร้ า ยเรา แต่เรายังเชื่อในส่วนดีของเขานั่นคือ ความ รัก, การให้การเอาใจใส่ต่อคนที่ไม่มีประโยชน์ อะไรต่ อ เราแต่ เ พราะเขาเป็ น ผู้ ที่ ส มควรรั บ ความเมตตา นั่นคือ ความรัก ความรักนั้นก็อดทนนาน กระทำ�คุณ ให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตัวเองเป็นฝ่าย เดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำ�ความผิด ไม่ ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิดแต่ชื่นชมยินดี เมื่อประพฤติชอบ ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ ความผิดของคนอื่นและเชื่อในส่วนดีของเขา การยกโทษให้อภัย แล้วลืมความผิด อยู่เสมอและมีความหวังอยู่เสมอและทนต่อ ที่เพื่อนทำ�กับเราเป็นความรักที่ได้แสดงออก ทุกอย่าง ความรักไม่มีวันสูญสิ้น


7



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.