สารบัญ บทที่ 1 เริ่มตนกับ Gimp ความสําคัญของภาพกราฟก ภาพบนคอมพิวเตอรเกิดไดอยางไร คอมพิวเตอรประมวลผลภาพอยางไร GIMP โปรแกรมตกแตงภาพกราฟก ความสามารถโดยรวมของ GIMP ความตองการระบบของ GIMP การติดตั้งโปรแกรม GIMP ใชงานโปรแกรม GIMP ครั้งแรก รูจักกับหนาตางในการตกแตงภาพ Image Window
1 1 1 2 3 4 5 6 8 12
บทที่ 2 หลักการสรางงานกราฟกและการใชงานเครื่องมือพื้นฐาน หลักการสรางงานกราฟก การกําหนดมุมมองภาพ การซูมยอ-ขยายภาพ การเปลี่ยนขนาดของภาพ การปรับหมุนภาพ การทํางานกับสี การเลือกสี การเทสีดวย Bucket Fill Tool การเทสีแบบไลเฉดสีดวย Blend Tool การระบายสีดวย Painting Tool การวาดเสนดวย Ink Tool การลบภาพที่ไมตองการ การยอนกลับการทํางานทีละขั้นตอน การยอนกลับการทํางานในหลายขั้นตอน การตัดภาพเฉพาะสวน
25 25 27 28 29 32 32 33 35 36 38 40 41 43 43 44
บทที่ 3 การตัดแตงภาพเฉพาะสวน เลือกพื้นที่ภาพรูปทรงเรขาคณิต การเลือกพื้นที่วงรี และวงกลมดวย Ellipse Selection Tool เลือกพื้นที่แบบอิสระ เลือกพื้นที่ที่มีสีใกลเคียงกัน การปรับโหมดการเลือกพื้นที่ เลือกพื้นที่จากคําสั่ง Select การเลือกพื้นที่อยางปราณีตดวย Quick Mask Toggle การจัดการพื้นที่ที่เลือกดวย Selection Editor การปรับแตงการเลือกพื้นที่
46 46 48 50 53 57 59 61 62 62
บทที่ 4 การจัดวาง และปรับรูปทรง การแสดงจุดพิกัดบนภาพดวยกริด สรางความแมนยําในการวางภาพดวย Snap วัดระยะของวัตถุดวย Measure Tool รูจักกับการปรับรูปทรงภาพดวยเครื่องมือ Transform Tool การปรับขนาดภาพใหพอดีดวย Scale Tool หมุนภาพใหไดมุมที่ลงตัวดวย Rotate Tool บิดภาพใหลาดเอียงดวย Shear Tool บิดภาพใหผิดสัดสวนดวย Perspective Tool การพลิกกลับดานรูปดวย Flip Tool
68 72 72 73 75 76 78 79 80 81
บทที่ 5 การสรางขอความตกแตงภาพ รูจักกับรูปแบบของตัวอักษรที่ใชในโปรแกรมกราฟก การสรางตัวอักษรแบบ Outline การแกไขขอความที่พิมพผิดพลาด การสรางตัวอักษรแบบ Bitmap แปลงตัวอักษร Outline ใหเปนแบบ Bitmap สรางขอความแบบแฟนตาซีดวย Alpha to Logo
84 84 85 86 87 88 89
บทที่ 6 การทํางานกับเลเยอร ความหมายของ Layer การซอนภาพดวยเลเยอร การสรางเลเยอร การใชงานเลเยอร รวมเลเยอร
91 91 91 92 93 102
บทที่ 7 เทคนิคการตกแตงภาพในเลเยอร ปรับเลเยอรที่ซอนใหมองทะลุถึงกัน เทคนิคการสราง Layer Mask ทําความเขาใจกับ Layer Blending Mode
106 106 106 113
บทที่ 8 การวาดภาพ และระบายสี วาดรูปทรงดวย Path tool ฝกวาดเสนพาธ การเคลื่อนยายพาธ การทํางานกับเสนพาธที่วาดขึ้น Workshop การวาดภาพการตูนดวยเครื่องมือ Path Tool
117 117 118 122 123 130
บทที่ 9 ความรูเรื่องสี และการเลือกใชสี
135
โมเดลการมองเห็นสีทั่วไป โมเดลการมองเห็นสีในโปรแกรม GIMP การเปลี่ยนโหมดสีของภาพ การเลือกใชสีกับงานกราฟก แบบแผนในการใชสี
135 138 140 143 145
บทที่ 10 การปรับแตงภาพ ปรับแตงความสมดุลของสีภาพดวย Color Balance Tool ปรับความเขมและความจางของสีภาพดวย Hue/Saturation Tool ปรับสีใหภาพดวย Colorize Tool ปรับแตงความคมชัดและความสวางของภาพดวย Brightness/Contrast Tool การปรับภาพใหเปนสีขาว และสีดําดวย Threshold Tool ปรับแตงสีของภาพดวย Level Tool ปรับระดับแสงเงาภาพดวย Curve Tool ปรับ/ลดโทนสีในภาพดวย Posterize Tool
149 149 151 152 153 154 155 157 159
บทที่ 11 ตกแตงภาพดวยการรีทัช Retouch เทคนิคการแตงภาพสําหรับ GIMP ปรับความคมชัดของภาพดวย Convolve Tool ปรับโทนสีของภาพโดยใช Dodge/Burn Tool การทําสําเนาภาพดวย Clone Tool
160 160 160 164 166
บทที่ 12 การตกแตงภาพอยางสรางสรรคดวยฟลเตอร ฟลเตอรคืออะไร กฎการใชงานฟลเตอร วิธีการใชงานฟลเตอร ตัวอยางฟลเตอรใน GIMP
173 173 173 174 175
บทที่ 13 การนําภาพกราฟกไปใชงาน เรานําภาพไปใชงานอะไรไดบาง เตรียมพรอมกอนพิมพภาพ เลือกกระดาษสําหรับพิมพงานกราฟกและภาพ สรางงานสําหรับเว็บเพจ แปลงภาพสําหรับเว็บ
185 185 185 186 189 191
Workshop 1
ตกแตงแกไขภาพที่มีตําหนิ
195
Workshop 2
เปลี่ยนรูปรางของเชอรี่
203
Page 1
บทที่ 1 เริ่มตนกับ Gimp ภาพกราฟก เปนสวนประกอบสําคัญที่เราตางไดพบเห็นอยูในรูปแบบของแผนโฆษณา งานพรีเซนเตชั่น กลอง สินคา และเว็บไซตตางๆ ทําใหผูชมเกิดความสนใจในสิ่งที่นําเสนอ พรอมกับเขาชมและใชบริการเหลานั้น และที่ใกลตัว มากขึ้น คือ การตกแตงภาพถาย ที่เราสามารถตกแตงภาพในโอกาส และบรรยากาศตางๆ ใหออกมาอยางนาสนใจ ดังนั้น เนื้อหาในบทแรกนี้จะเริ่มตนนําเสนอใหรูจักกับภาพ กราฟก การทํางานกับกราฟกบนคอมพิวเตอร และความสามารถใน การสรางงานกราฟกของโปรแกรม GIMP
ความสําคัญของภาพกราฟก ภาพกราฟก เปนภาพที่ถูกตกแตงและสรางขึ้น เพื่อแทนความหมายที่จะสื่อไปถึง ผูชมไดรับรูในสิ่งที่เราตองการ ดังนั้นภาพกราฟกจึงไดรับความนิยมในการประกอบอยูใน สื่อตางๆ ไดแก ขอมูลขาวสาร โฆษณา กลองสินคา งานพรีเซน เตชั่น และเว็บไซตลวนแตตองใชภาพกราฟกมาเปนสวนประกอบทั้งสิ้น
ตัวอยางกราฟกปกหนังสือ
ภาพบนคอมพิวเตอรเกิดไดอยางไร ภาพโดยทั่วไป แบงไดเปน 2 ประเภท คือ Physical Image คือ ภาพที่เราเห็นอยูทั่วๆ ไป เชน ภาพถาย สวนภาพอีกประเภทก็คือ Digital Image หรือ Computer Graphic คือ ภาพที่ใชในการประมวลและเก็บใน คอมพิวเตอร
Page 2
ภาพขนาด 1x1 พิกเซล
ภาพขนาด 2x2 พิกเซล
ภาพขนาด 3x3 พิกเซล
ภาพขนาด 4x4 พิกเซล
ภาพที่ปรากฏบนหนาจอคอมพิวเตอรที่เราเห็นอยูทั่วไปนั้น เกิดจากจุดสี่เหลี่ยมเล็กๆ ของสีที่เราเรียกวา พิกเซล (Pixel) (พิกเซลเปนองคประกอบที่เล็กที่สุดของภาพ) มาประกอบกันเปนภาพขนาดตางๆ ดังตัวอยาง
ภาพที่มีความละเอียดต่ํา
ภาพที่มีความละเอียดสูง
คอมพิวเตอรประมวลผลภาพอยางไร ภาพที่เก็บในคอมพิวเตอรนั้น มีวิธีการประมวลผลภาพ 2 แบบแตกตางกันไปตามแตละโปรแกรมดังนี้ คือ 1. การประมวลผลแบบ Vector
เปนการประมวลผลแบบอาศัยการคํานวณทางคณิตศาสตร โดยมีสีและตําแหนงของสีที่แนนอน ฉะนั้นไมวาเรา จะมีการเคลื่อนยายที่หรือยอขยายขนาดของภาพ ภาพจะไมเสียรูปทรงในเชิงเรขาคณิต ตัวอยางเชน รูปการตูน โปรแกรมที่ ประมวลผลภาพแบบ Vector ไดแก Illustrator, CorelDraw และ Inkscape เปนตน 2. การเก็บและแสดงผลแบบ Bitmap
เปนการประมวลผลแบบอาศัยการอานคาสีในแตละพิกเซล มีชื่อเรียกอีกอยางหนึ่งวา Raster Image จะเก็บ ขอมูลเปนคา 0 และ 1 แตละพิกเซลจะมีการเก็บคาสีที่เจาะจงในแตละตําแหนง ซึ่งเหมาะกับภาพที่มีลักษณะแบบภาพถาย โปรแกรมที่ประมวลผลแบบ Bitmap ไดแก Photoshop, PhotoPaint และ GIMP เปนตน
ภาพเปรียบเทียบการแสดงผลแบบ Vector และ Bitmap การแสดงผลแบบ Vector ขยายแลวภาพไมแตก
การแสดงผลแบบ Bitmap ขยายแลวภาพแตก
Page 3
GIMP โปรแกรมตกแตงภาพกราฟก เปนโปรแกรมจัดการรูปภาพที่มีความสามารถสูง และครบถวน เหมาะสําหรับการจัดการรูปถายดิจิตอล การออกแบบกราฟกสําหรับเว็บ การแปลงไฟลจากฟอรแมตหนึ่งไป อีกฟอรแมตหนึ่ง หรือการสรางรูป ความละเอียดสูงสําหรับการพิมพ GIMP (GNU Image Manipulation Program)
หลักการทํางานงายๆ ของ GIMP นั้นคือใหเราสามารถตกแตงภาพโดยเริ่มตนจากที่เรามีภาพตนแบบกอน จากนั้นใชเครื่องมือใน GIMP จะมีทั้งพูกัน ดินสอ และอุปกรณการตกแตงภาพอื่นๆ ซึ่งขั้นตอนการตกแตงภาพนั้นเปน การทํางานบนเครื่องคอมพิวเตอรทั้งหมด การทํางานที่โดดเดนอีกรูปแบบหนึ่งของ GIMP นั้นคือ การตกแตงภาพตนฉบับใหเกิดสีสัน แสงเงา รวมทั้ง สรางความแปลกใหมใหกับภาพ โดยการใชเครื่องมือสําหรับการตกแตงภาพใน GIMP เปลี่ยนแปลงภาพใหเปนไปตามที่ เราตองการ
GIMP ตางจาก Photoshop และโปรแกรมอื่นอยางไร
โปรแกรม Photoshop ของคาย Adobe หรือโปรแกรมเชิงพาณิชย (Commercial Program) อื่นๆ นั้นตองเสียคาใชสิทธิ์ หรือเรียกวา License ซึ่งคาใชสิทธิ์ตอหนวยคอนขางสูง ตั้งแตหลายพันถึงหลักหมื่น แตถา หากคุณใช GIMP คุณไมตองเสียคาใชสิทธแมแตบาทเดียว นั่นหมายความวา คุณสามารถสรางงานได โดยไมผิดกฎหมาย ลิขสิทธิ์
Page 4
ความสามารถโดยรวมของ GIMP ความสามารถหลักของ GIMP นั้น จะเนนการตกแตงภาพกราฟกแนวตางๆ ใหสวยงามและแปลกตากวาเดิม นอกจากนั้นยังใชแกไขจุดบกพรองของภาพไดอีกดวย ทําให GIMP ถูกนําไปใชในงานตกแตงภาพในหลายๆ ดาน ดัง ตัวอยาง งานตกแตงภาพถาย เปนการตกแตงรูปถายเกาๆ ใหคมชัดเหมือนใหมหรือทําการแกไขรูปถายที่มืดไป สวางไป มี เงาดํา ใหภาพมีสีสดใสสมจริง นอกจากนั้นยังสามารถสรางภาพลอเลียน เชน เอาใบหนาของคนหนึ่งไปวางบนตัวคนอีก คนหนึ่ง นําภาพบุคคลไปวางไวบนฉากหลังฉากอื่น เปนตน
งานสิ่งพิมพ ไมวาจะเปนหนังสือ นิตยสาร โฆษณา เรียกไดวาเกือบทุกงานที่ตองใชรูป สามารถใช รังสรรคภาพใหเปนไปตามไอเดียที่เราวางแผนไวได
GIMP
งานเว็บไซตบนอินเทอรเน็ต ใชสรางภาพเพื่อตกแตงเว็บไซต ไมวาจะเปนแบ็คกราวนด ปุมตอบโต แถบหัวเรื่อง ตลอดจนภาพประกอบตางๆ
งานออกแบบทางกราฟก ใช ออกแบบการดอวยพร เปนตน
GIMP
ชวยในการสรางภาพสามมิติ การออกแบบปกหนังสือและผลิตภัณฑ การ
Page 5
ความตองการระบบของ GIMP เมื่อทราบถึงความสามารถของโปรแกรมกันแลว เรามาเตรียมเครื่องเพื่อติดตั้งโปรแกรมกัน ซึ่ง GIMP เปน โปรแกรมที่ทํางานเกี่ยวกับกราฟก ดังนั้น จึงจําเปนที่จะตองใชคอมพิวเตอรที่มีความเร็วสูง มีหนวยความจํา RAM และ ฮารดดิสกที่มีพื้นที่วางมากพอสมควร โดยความตองการระบบขั้นต่ําของ GIMP มีดังนี้ ชนิดของเครือ่ ง
ความตองการระบบ
PC
คอมพิวเตอรที่มี CPU รุน Pentium III หรือ 4 หรือเครื่องที่เร็วกวานั้น ระบบปฏิบัติการ 98/ME/NT4/Windows 2000/Windows XP หนวยความจํา RAM อยางนอย 128 MB หรือมากกวานั้น ฮารดดิสกเนื้อที่วางอยางนอย 60 MB การดจอที่แสดงสีไดระดับ 16 บิตขึ้นไปหรือใชการดวิดีโอ จอภาพที่แสดงผลดวยความละเอียดอยางนอย 1,024x768 พิกเซลหรือมากกวานั้น
Mac
คอมพิวเตอรในรุน PowerPC รุน G4 หรือ G5 ระบบปฏิบัติการ Mac OS X หนวยความจํา RAM อยางนอย 128 MB หรือมากกวานั้น ฮารดดิสกเนื้อที่วางอยางนอย 60 MB จอภาพที่แสดงผลดวยความละเอียดอยางนอย 1,024x768 พิกเซลหรือมากกวานั้น
Linux
Kernel เวอรชั่น 2.2 ขึ้นไป GTK+ เวอรชั่น 2.4.4 ขึ้นไป
Page 6
การติดตัง้ โปรแกรม GIMP
1. ดับเบิ้ลคลิกเพื่อเริ่มการติดตั้ง
2. คลิก Next ไปยังขั้นตอน
4. คลิกเลือก Customize
3. คลิก Next ไปยังขั้นตอน
6. คลิก Finish เพื่อสิ้นสุดการติดตั้ง
5. รอขณะที่กําลังติดตั้ง
วิธีนี้เปนการติดตั้งอยางรวดเร็ว ยังมีการติดตั้งแบบ ปรับแตงรายละเอียดการติดตั้งได ดังตอไปนี้
Customize
อีกวิธีหนึ่ง (ในขั้นตอนที่
4)
ซึ่งเราสามารถ
Page 7
4. คลิกเลือก Customize
5. เลือกโฟลเดอรที่ใชติดตั้ง 6. คลิก Next ไปยังขั้นตอน
หมายเหตุ : คลิกเลือก Translations เมนูคําสั่ง Gimp จะเปนภาษาตามระบบปฏิบัติการในเครื่อง เชน Windows ภาษาไทย เมนูก็จะเปนภาษาไทย หากตองการใหเมนูเปนภาษาอังกฤษ ใหคลิก ตัวเลือกนี้ออก 7. เลือกชนิดการติดตั้ง
9. คลิกเลือกชนิดไฟลที่ใช
8. คลิก Next ไปยังขั้นตอน
10. คลิก Next ไปยังขั้นตอน
11. คลิก Next ไปยังขั้นตอน
13. คลิก Install เพื่อเริ่มตนติดตั้งโปรแกรม 12. คลิก Next ไปยังขั้นตอน
Page 8
14. รอขณะที่กําลังติดตั้งโปรแกรม
15. คลิก Finish เพื่อสิ้นสุดการติดตั้ง
ใชงานโปรแ กรม GIMP ครั้งแรก เมื่อเราเปดโปรแกรม GIMP ขึ้นมาครั้งแรก จะปรากฏ หนาตางโหลดเพื่อเขาสูหนาตาง การทํางานของโปรแกรม
หนาจอของโปรแกรม GIMP หนาตาง Main Toolbox
หนาตาง Image Window
หนาตาง Dialogs and Docking
Tool Icon
Tool Options
พื้นที่ในการตกแตงภาพ
ไดอะล็อกตางๆ
Page 9
หนาตาง Main Toolbox เปนหนาตางที่เก็บรวบรวมเครื่องมือและคําสั่งที่ใชในการสราง การปรับแตงและการแกไขภาพ โดยจะแบงกลุม เครื่องมือและคําสั่งในการจัดการกับภาพตางๆ ไดดังตอไปนี้ Tool Icons สวนเก็บรวบรวมเครื่องมือที่ใช
Foreground/Background colors สวนที่ใชกําหนด สีโฟวกราวน และ แบ็คกราวน Tool Options กําหนดคุณสมบัติของเครื่องมือที่เรากําลังใชงานอยู
Tool Icons
เปนสวนที่เก็บรวบรวมเครื่องมือที่ใชในการสราง การปรับแตงและการแกไขภาพ ซึ่งมีไอคอนใหสามารถเรียกใช งานไดงายและรวดเร็ว โดยจะแบงกลุมเครื่องมือในการจัดการกับภาพตางๆ ไดดังตอไปนี้
Selection Tools ใชเลือกสวนของพื้นทีใ่ นการตกแตงภาพ
กลุมเครื่องมืออื่นๆ ที่มีการใชงานแตกตางกัน Text Tool เครื่องมือสําหรับเขียนขอความ
Transform Tools ใชสําหรับการเปลี่ยนแปลงรูปรางและขยายวัตถุ
Brush Tools เปนกลุมเครื่องมือเกี่ยวกับการ วาดภาพ ระบายสี ตกแตงภาพ
Color Tools เครื่องมือสําหรับปรับสีใหกับภาพ
Page 10
Tool Options
เปนสวนที่เราสามารถกําหนดคุณสมบัติเครื่องมือตางๆ ในการใชงานได โดยมีรายละเอียดของแตละเครื่องมือ อยางครบถวน ซึ่งเราสามารถจัดเก็บการตั้งคาของเครื่องมือเพื่อเก็บไวใชหลายๆ ครั้ง โดยไมตองตั้งคาใหมได และเรียกใช คาเหลานั้นไดทันที Tool Options Menu เมนูเพิ่มเติม สําหรับ Tool Options
ชื่อของเครื่องมือที่ใชงานอยู
รายละเอียดของเครื่องมือ
ลบคาที่เก็บไว คลิกเพื่อกลับไปเปนคาเริ่มตน
คลิกเพื่อจัดเก็บการตั้งคา เรียกใชคาที่เก็บไว
หนาตาง GIMP ภายในหนาตาง Docking จะเปนศูนยรวมของไดอะล็อก (Dialog) ซึ่งเปนหนาตางยอยที่รวบรวมคุณสมบัติ การทํางานของเครื่องมือตางๆ ใหเราเลือกปรับแตงการใชงานไดงายๆ โดยไมตองเปดหาที่แถบคําสั่งอีกตอไป มี สวนประกอบดังนี้ Image Menu แสดง ชื่อไฟล ที่เรากําลังใชงานอยู
แท็ปของไดอะล็อกที่เปดใชงานอยู Tab Menu เมื่อคลิกจะปรากฏเมนู ตางๆ ในการสั่งการทํางาน เมนูที่ปรากฏจากการคลิก Tab Menu
Docking bars แบงกลุม ระหวาง Dialog ดานบนและ ดานลาง เปลี่ยนแปลงขนาด ใหกับหนาตาง Docking
Brush/Pattern/Gradient กําหนดลักษณะของ Brush/Pattern/Gradient ที่ตองการ
Page 11
การเปด/ปด Dialog เราสามารถเปด/ปดไดอะล็อกไดจากคําสั่ง Windows>Dockable Dialogs ในหนาตาง Image Window แลวคลิกเลือกชื่อไดอะล็อกที่เราตองการแสดง และถาไมตองการแสดงไดอะล็อกใดใหคลิกเมาสที่ปุม เพื่อ ปดไดอะล็อก
เลือก Dialog ที่ตองการเปด/ปด
ไดอะล็อก Palettes ถูกเปดออก
แตละไดอะล็อกจะมีเมนูคําสั่งของตัวเองเพื่อควบคุมการทํางาน สามารถเรียกดูเมนูในแตละไดอะล็อกได โดย คลิกที่ และคลิกเลือกคําสั่งที่ตองการ
คลิกเมาสลากเพื่อยอ/ขยาย ขนาดไดอะล็อกไดเอง
คําสั่งเพิ่มเติมในการ จัดการไดอะล็อก
คําสั่งการใชงาน ไดอะล็อก Brushes
Page 12
การแยก/รวมไดอะล็อกดวย Docking drag handles เราสามารถแยก/รวมไดอะล็อกเพื่อเคลื่อนยายแตละไดอะล็อก โดยการคลิกเมาสคางไวที่แท็บหัวขอไดอะล็อก ให ตัวชี้เมาสเปลี่ยนเปนรูป แลวลากไดอะล็อกไปไวในตําแหนงที่ตองการของหนาจอโปรแกรมได ดังนี้ ลากเมาสที่แท็บหัวขอ นําไปปลอยไว ตําแหนงเดิม เพื่อรวมกลุมกับ ไดอะล็อก อื่นที่ตองการ
ลากเมาสที่แท็บหัวขอ เพื่อแยกกลุมไดอะล็อกออกมา
รูจักกับหนาตางในการตกแตงภาพ Image Window หนาตาง Image คําสั่งตางๆ ดังตอไปนี้
Window
เปนหนาตางที่ใชในการตกแตงภาพ ซึ่งมีสวนประกอบที่ใชในการตกแตงและ
Page 13
Title Bar Image Menu Menu Button
Image Window Resize toggle
Image Display Ruler
Unit Menu Inactive Padding Area
Pointer Coordinates
Navigation Control
Quick Mask Toggle Zoom Button
Status Area
จะอยูดานบนสุดของหนาตาง จํานวนเลเยอรที่แสดงในภาพ และขนาดภาพ Title bar
Image Menu
Image Window
แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อไฟล โหมดภาพ
จะอยูดานลางลงมาจาก Title bar จะเปนคําสั่งตางๆ ในการจัดการและตกแตงภาพ มีคําสั่ง
ทั้งหมด 10 กลุมคําสั่ง คือ
File จะเปนคําสั่งเกี่ยวกับไฟลทั้งหมด เชนการเปดไฟล ปดไฟล จัดเก็บไฟล
Edit คําสั่งในการแกไขภาพ เชน การยอนกลับการทํางาน การคัดลอกภาพ หรือตัดภาพ
Select คําสั่งเกี่ยวกับการเลือกพื้นที่ในภาพ
View คําสั่งเกี่ยวกับการกําหนดมุมมอง การซูมภาพ
Image คําสั่งเกี่ยวกับการจัดการภาพ เชน การเปลี่ยนโหมดภาพ
การกําหนดขนาดภาพ Layer เปนคําสั่งเกี่ยวกับการจัดการเลเยอร เชน การสรางเลเยอร การคัดลอกเลเยอร การ ลบเลเยอร Tool เปนคําสั่งเปดหนาตางเครื่องมือ หรือเลือกเครื่องมือที่ตองการใชงาน Dialog เปนคําสั่งเปดไดอะล็อก หรือสราง Docking ขึ้นมาใชงาน Filter เปนคําสั่งเรียกใชงานฟลเตอร เพื่อนํามาตกแตงภาพ Script-Fu เปนคําสั่งเกี่ยวกับการตกแตงภาพโดยใชการเขียนสคริปต
Page 14
Menu Button
เปนปุมเล็กๆ อยูตรงมุมดานบนซายของภาพ เมื่อเราคลิกปุม จะปรากฏเมนูคําสั่งใหเลือก
เหมือนกับ Image Menu เปนเปนแถบไมบรรทัดทางดานซายและดานบนของภาพ ซึ่งเราสามารถ คลิกลากเสนไกดจากแถบไม บรรทัดออกมาวางในภาพ เพื่อใชงานเสนไกดได Ruler
เปนปุมเล็กๆ อยูตรงมุมดานดานลางซายของภาพ เพื่อเปลี่ยนโหมดภาพใหอยูใน โหมดควิกมาสก สําหรับเลือกพื้นที่ในการตกแตงภาพ Quick Mask Toggle
Pointer Coordinates จะแสดงพิกัดของตําแหนงที่เมาสชี้อยู Unit Menu เปนแถบแสดงหนวยวัดที่ใชกับไมบรรทัด ซึ่งเราสามารถทําการคลิก เพื่อเปลี่ยนหนวยวัดใหกับไม
บรรทัดได Zoom Button เปนปุมสําหรับกําหนดขนาดมุมมองของภาพ เพื่อยอ/ขยาย ภาพ
โดยปกติจะแสดงเลเยอรที่ใชงานอยู และขนาดพื้นที่ใชของไฟลภาพ หากทําการเลือกฟลเตอร หรือเลือกคําสั่งแกไขภาพแถบ Status Area จะเปลี่ยนเปนแถบแสดงสถานะการทํางานของคําสั่งนั้น Status Area
เปนปุมลูกศรบริเวณมุมขวาดานลางของภาพ ใชในกรณีที่ภาพมีขนาดใหญเกินกวาที่ จะมองเห็นภาพทั้งหมดในหนาตางภาพได เราสามารถเลื่อนมุมมองภาพไปยังบริเวณที่เราตองการ Navigation Control
เปนพื้นที่วางในหนาตางภาพ แสดงเมื่อภาพมีขนาดเล็กกวาหนาตาง หรือถูกยอ ใหมีขนาดเล็กกวาหนาตางเราไมสามารถจัดการกับภาพในสวนนี้ได Inactive Padding Area
Image Display สวนแสดงภาพที่เราทําการตกแตง แกไข
เปนปุมบริเวณมุมขวาดานบนของภาพ ปุมเปด หรือปด (ใช/ไมใช) ความสามารถในการยอขยายภาพอัติโนมัติตามขนาดของหนาตาง image display ถากดเลือกใชเมื่อเรายอขยาย หนาตาง ภาพจะเปลี่ยนขนาดตาม แตถาไมเลือกใช (ซึ่งเปน default) ถึงจะยอขยาย Image display ภาพจะคง ขนาดเดิม Image Window Resize toggle
การสรางไฟลใหม เมื่อเราไดจัดเตรียมภาพที่จะนํามาใชและไดรางชิ้นงานที่จะสรางเรียบรอยแลว ในหัวขอนี้เราจะมาสรางไฟล ชิ้นงานใหมกัน เริ่มตนดวยการกําหนดขนาดและความละเอียดของชิ้นงานที่จะนําไปใชงาน ซึ่งเราควรกําหนดใหเหมาะกับ ลักษณะงาน มีขั้นตอนดังนี้ 1. 2.
เลือกคําสั่ง File>New ที่หนาตาง Image Windows หรือกดแปน <Ctrl+N> ที่คียบอรดเพื่อสรางไฟล ใหม จะปรากฏหนาตาง Create a New Image ขึ้นมา จากนั้นคลิกที่ Advanced Options กําหนด รูปแบบของหนากระดาษดังนี้
Page 15
o
o o
o
o
o
o 3.
คลิกปุม
กําหนดความกวางของภาพ โดยชองดานหลังเปนการกําหนดหนวยวัดของความกวาง ซึ่งมี หนวยวัดหลายแบบ เชน pixel เปนหนวยวัดพื้นฐานบนคอมพิวเตอร หรือ Inches (นิ้ว) และหนวย วัดอื่นๆ Height กําหนดความสูงของภาพ โดยหนวยวัดจะเปนไปตามที่เรากําหนดในความกวาง X Resolution กําหนดความละเอียดของภาพในแนวแกน x โดยงานกราฟกสําหรับเว็บควรจะ กําหนดคาเทากับ 72 pixels/inch และงานดานสิ่งพิมพตองใช 200-300 pixels/inch Y Resolution กําหนดความละเอียดของภาพ ในแนวแกน y โดยงานกราฟกสําหรับเว็บควรจะ กําหนดคาเทากับ 72 pixels/inch และงานดานสิ่งพิมพตองใช 200-300 pixels/inch Color Space กําหนดโหมดสีของภาพ เชน โหมด RGB จะใชในงานกราฟกสําหรับเว็บและ ภาพเคลื่อนไหว Fill with กําหนดพื้นหลังของภาพ โดยมีรายละเอียดดังนี้ Foreground Color ปรับใหพื้นหลังเปนสีโฟวกราวนดที่กําหนดไวใน Main Width
Toolbox Background
Toolbox White ปรับใหพื้นหลังเปนสีขาว
Transparent กําหนดใหเปนพื้นโปรงใส
Color
ปรับใหพื้นหลังเปนสีแบ็คกราวนดที่กําหนดไวใน
Comment เปนคําอธิบายเกี่ยวกับภาพ
เพื่อตกลงการสรางไฟลใหมตามที่เรากําหนด 1. เลือกคําสั่ง File>New 2. คลิกที่ Advanced Options
3. กําหนดรูปแบบของหนากระดาษ
Main
Page 16
เราจะไดไฟลภาพใหมตามที่เรากําหนด
ลักษณะพื้นหลังของไฟลภาพ
White กําหนดพื้นหลังเปนสีขาว
Foreground/Background Color คือ พื้นหลังเปนสีโฟวกราวนด หรือแบ็ค กราวนดที่กําหนดไวใน Main Toolbox
Transparent คือ พื้นหลังที่โปรงใส เหมือนกับเขียนภาพบนแผนใส
กําหนดขนาดไฟลภาพตามคามาตรฐาน งานกราฟกที่ตองทําบอยๆ ก็จะมีคาขนาดของไฟลงานมาตรฐานที่กําหนดไวแลว เพื่อใหเราเรียกใชไดที่หัวขอ Template จะมีขนาดและรายละเอียดของชิ้นงานแบบตางๆ ที่ใชงานบอยใหเราเรียกใชไดเลย โดยไมตองกําหนดคา ตางๆ เอง โดยมีแบบตางๆ ดังนี้
Page 17
กระดาษจดหมาย เชน US-Letter ขนาดหนาจอพรีเซนเตชั่น เชน 640x480, 800x600 ขนาดกระดาษสิ่งพิมพ เชน A4, A3, B5 ขนาดของภาพในงานวิดีโอ เชน NTSC 720 x 486
องคประกอบที่มีผลกับไฟลภาพ 1. 2.
3.
ขนาดความกวางและความยาว ถาภาพมีความกวางและความยาวมาก ขนาดของไฟลก็จะใหญมาก ดังนั้นควรจะ กําหนดใหขนาดของภาพมีขนาดตามที่ตองใชงานจริง เพื่อชวยลดขนาดไฟล ความละเอียด (Resolution) ถาความละเอียดของภาพมาก ขนาดไฟลภาพก็จะมาก ถึงแมคุณภาพของภาพสูง แตเครื่องคอมพิวเตอรจะทํางานชา ดังนั้นเราควรกําหนด Resolution ตามการใชงาน เชน ภาพที่นําเสนอบนเว็บเพจและพรีเซนเตชั่น ควรใช 72 DPI (Dots per inch) ภาพที่พิมพออกทางเครื่องพิมพเลเซอร ควรใช 200 DPI สิ่งพิมพตางๆ ที่ตองเขาพิมพในโรงพิมพ เชน ปกนิตยสาร ควรใช 300 DPI โหมดสีของภาพ จะมีผลตอขนาดของไฟล โดยสามารถเรียงลําดับโหมดสีที่ทําใหไดขนาดไฟลนอยไปมาก ได ดังนี้ Bitmap, Grayscale, RGB, CMYK, Lab color
ทดลองสรางชิ้นงานโดยนําภาพมาตกแตง ในตัวอยางนี้จะสรางงานโฆษณาอยางงายๆ โดยนําภาพที่เราเตรียมไวมาจัดวางใหสวยงาม และจะนําเสนอเปน หลักการทํางานเบื้องตนของโปรแกรม GIMP ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 ขั้นตอนที่ 2 ขั้นตอนที่ 3 ขั้นตอนที่ 4 ขั้นตอนที่ 5
กําหนดขนาดของชิ้นงาน เปดไฟลภาพที่ตองการนํามาตกแตง ตกแตงภาพโดยการจัดวาง บันทึกไฟลภาพ ออกจากการทํางานของโปรแกรม
Page 18
ตัวอยางชิ้นงานของแผนโปสการด
ขั้นตอนที่ 1 กําหนดขนาดของชิ้นงาน เริ่มแรกใหเรากําหนดขนาดของแผนโฆษณาที่เปนชิ้นงานของเรา ดังนี้ 1. 2.
3.
เลือกคําสั่ง File>New เพื่อเปดหนากระดาษใหม จะปรากฏหนาตาง Create a New Image จากนั้นกําหนดขนาด และรายละเอียดของหนากระดาษ โฆษณาของเรา ในที่นี้กําหนด ขนาดความกวาง และความยาวเทากับ 640x480 พิกเซล (pixels) ความละเอียด (Resolution) 300 พิกเซล/นิ้ว (pixels/inch) โหมดสี (Color Space) เปน RGB Color พื้นของภาพ (Fill with) เปนสีขาว (White) คลิกเมาสปุม เพื่อสรางชิ้นงาน 1. เลือกคําสั่ง File>New
2. กําหนดขนาดใหกับงานโฆษณา
3. คลิกเมาส
Page 19
4. แสดงขนาดของหนากระดาษใหม ที่ถูกเปดขึ้นมา
ขั้นตอนที่ 2 เปดไฟลภาพที่ตองการนํามาตกแตง โดยเปดไฟลภาพที่อยูในเครื่องคอมพิวเตอรของเรา Open Image ดังนี้ 1. 2. 3.
ขึ้นมาตกแตงในหนากระดาษใหมที่เปดอยู
จากหนาตาง
เลือกคําสั่ง File>Open เพื่อเปดหนาตางยอยแสดงภาพ จะปรากฏหนาตาง Open Image เลือกโฟลเดอรที่เก็บภาพ แลวดับเบิ้ลคลิกภาพที่จะนํามาตกแตงใน GIMP ซึ่งในตัวอยางนี้เราจะนํา ภาพเขามาตกแตงทั้งหมด 3 ภาพ คือ ภาพพื้นหลัง (bg_coffee.jpg), ภาพแกวกาแฟ (coffee00.gif) และภาพขอความ (text.tif)
ภาพพื้นหลัง
ภาพแกวกาแฟ 2. จะปรากฏหนาตาง Open Image
1. เลือกคําสั่ง File>Browse
ภาพขอความ
Page 20
3. ดับเบิ้ลคลิกเลือกภาพที่จะนํามาตกแตงทีละภาพ
แสดงตัวอยางภาพที่เลือก
แสดงไฟลภาพทั้งหมด ที่ถูกเปดขึ้นมาใชตกแตงในโปรแกรม GIMP
ขั้นตอนที่ 3 ตกแตงภาพโดยการจัดวาง ใหนําภาพที่เราเปดขึ้นมาทั้งหมดจากขั้นตอนที่ผานมา นํามาจัดวางในหนากระดาษเปลาๆ ขั้นตอนที่ 1 แลวทําการจัดวางใหเหมาะสมสวยงาม ดังขั้นตอนตอไปนี้ 1. 2. 3. 4. 5.
ที่ยังเปดไวอยูจาก
เลือกคําสั่ง Edit>Copy หรือกดแปน <Ctrl+C> ที่คียบอรดเพื่อคัดลอกไฟลภาพพื้นหลัง ในหนากระดาษที่เรากําหนดไวจากตอนที่ 1 เลือกคําสั่ง Edit>Paste หรือกดแปน <Ctrl+V> ที่คียบอรดเพื่อ วางไฟลภาพที่คัดลอกมา เลือกคําสั่ง Edit>Copy หรือกดแปน <Ctrl+C> ที่คียบอรดเพื่อคัดลอกไฟลภาพแกวกาแฟ แลวนําไปวางใน ไฟลใหมที่สรางขึ้นตามขอ 2 เลื่อนตําแหนงภาพใหอยูทางซาย ตามตัวอยาง เลือกคําสั่ง Edit>Copy หรือกดแปน <Ctrl+C> ที่คียบอรดเพื่อคัดลอกไฟลขอความ แลวนําไปวางในไฟล ใหมที่สรางขึ้นตามขอ 2 เลื่อนตําแหนงขอความใหอยูดานบนของแกว ตามตัวอยาง คลิกเมาสเลื่อนจัดวางภาพทั้ง 3 ใหเหมาะสมตามที่ตองการ ก็จะไดภาพโฆษณาของเราเอง ดังรูป 1. เลือกคําสั่ง Edit>Copy เพื่อคัดลอกไฟล
Page 21
2. เลือกคําสั่ง Edit>Paste เพื่อวางไฟลภาพ ที่คัดลอกมา
ภาพพื้นหลังที่นํามาวาง
3. เลือกคําสั่ง Edit>Copy เพื่อคัดลอกภาพแกวกาแฟ 4. เลือกคําสั่ง Edit>Copy เพื่อคัดลอกขอความ
Page 22
ผลลัพธของภาพที่ได
ขั้นตอนที่ 4 การบันทึกไฟล (Save) หลังจากสรางชิ้นงานเสร็จแลว เราสามารถบันทึกไฟลไดหลายรูปแบบ ดังนี้ 1.
2. 3. 4.
5.
เลือกคําสั่ง File ที่เมนูบารและเลือกรูปแบบการบันทึกไฟลดังตอไปนี้ คือ • File>Save เปนการบันทึกงานอยูในไฟลเดิมที่เรากําลังเปดแกไขอยู • File>Save As เปนการบันทึกงานเดิมเปนชื่อใหม หรือบันทึกใหอยูในรูปของฟอรแม็ตใหม • File>Save a Copy เปนการบันทึกงานเดิมเปนชื่อใหม หรือบันทึกใหอยูในรูปของฟอรแม็ตใหม คลายกับ Save As • File>Save as Template เปนการบันทึกงานไวเปน Template ใหเลือกใชตอนทําการสราง ไฟลใหม ในหนาตาง Create a New Image ในชอง ชื่อ : พิมพชื่อไฟลที่จะบันทึกลงไป ในชอง บันทึกในโฟลเดอร : ใหกําหนดตําแหนงของโฟลเดอรเพื่อใชเก็บไฟลที่จะบันทึกนี้ โดยปกติไฟลงานของ Gimp จะเปนไฟลนามสกุล .xcf ซึ่งใชเฉพาะโปรแกรม Gimp เทานั้น ถาตองการ บันทึกในรูปของฟอรแม็ตใหม ใหทําการคลิกเลือกในชอง Select File Type เลือกชนิดของไฟลที่จะนําไปใช งาน สําหรับการบันทึกชิ้นงานเพื่อนําไปสงโรงพิมพจะใชฟอรแมต TIFF สวนการนําไปสรางพรีเซนเตชั่นแลว สรางเว็บไซต จะใชฟอรแมต JPEG, GIF และ PNG คลิกเมาสที่ปุม เพื่อทําการบันทึกไฟล
Page 23
1. เลือกคําสั่ง File>Save As
NOTE : ในการบันทึกงานในโปรแกรม GIMP นี้ สามารถทําการบันทึกชนิดไฟลของภาพเปน psd ซึ่ง เราสามารถที่จะเปดไฟลนี้มาทําการแกไขไดอีกใน โปรแกรม Photoshop
2. พิมพชื่อไฟล 3. คลิกเมาสเลือกตําแหนงที่ใชเก็บไฟล 4. เลือกฟอรแมตของไฟล
5. คลิกเมาสเพื่อทําการบันทึกไฟล
ขั้นตอนที่ 5 ออกจากการทํางานของโปรแกรม สุดทาย เมื่อตองการออกจากหนาตางไฟลภาพและโปรแกรมการทํางานสามารถทําได โดยคลิกที่ปุม หนาตางของโปรแกรม GIMP 1.
2.
ทั้ง 2
ที่หนาตางแสดงไฟลภาพ ในหนาตาง Image Window ใหคลิกเมาสที่ปุม ไฟลจะถูกปดทันที เมื่อปด ไฟลงานทั้งหมดจะเหลือหนาตาง GNU Image Manipulation Program ซึ่งเราสามารถออกจาก โปรแกรมไดโดยคลิกที่ปุม ที่หนาตาง Main Toolbox ใหคลิกเมาสที่ปุม จะเปนการออกจากโปรแกรมไดเชนกัน
Page 24
1. คลิก เพื่อปดหนาตาง ไฟลภาพ
2. คลิก
เพื่อปดโปรแกรม
Page 25
บทที่ 2 หลักการสรางงานกราฟก และการใชงานเครื่องมือพื้นฐาน ในบทนี้ ก็จ ะเปนการแนะนํ าแนวทางในการสร า งงานกราฟ ก ซึ่ง จะเน น ถึง การสร า งชิ้น งานที่ ไ ดจ ากการนํ า สวนประกอบของภาพเปนหลัก การใสสีขอความ และการจัดซอนภาพ สวนการตกแตงภาพถาย การปรับสีในภาพ และการ วาดภาพจะกลาวในสวนทายของเลม เพราะเนื้อหาสวนแรกจะปูพื้นฐานการสรางงานกราฟกใหเขาใจกันอยางถูกตอง เสียกอน รวมทั้งการใชงานเครื่องมือวาดภาพ และลงสีตางๆ ที่เปนเครื่องมือพื้นฐานในการตกแตงภาพ
หลักการสรางงานกราฟก กอนอื่นเราตองทําการวางแนวทางของชิ้นงานกอนวา จะนําเสนอเรื่องอะไร ใชสี ภาพและขอความอะไร เมื่อเรา ไดวางแนวทางของชิ้นงานเรียบรอยแลว ตอไปเราก็จะมาทราบถึงแนวทางการสรางชิ้นงานกันตอ ซึ่งอาจจะไมตายตัวเสมอ ไปแตก็พอเปนแนวทางสรุปโดยรวมได ดังนี้ 1. การกําหนดพื้นหลังของภาพ
เปนการกําหนดภาพ หรือสีพื้นหลัง โดยภาพหรือสีพื้นหลังที่ใชนั้นควรมีโทนสีที่ใหอารมณและสื่อความหมายได ถูกตองตามจุดประสงคของชิ้นงาน (ดูรายละเอียดในหัวขอตอไป)
2. การเลือกพื้นที่ภาพที่ใชงาน
เปนการตัด หรือคัดลอกบางสวนของภาพตางๆ ที่เราจะนํามาใชในชิ้นงานของเรา (ดูรายละเอียดในบทเรื่อง ”การ แตงและตัดภาพเฉพาะสวน”
Page 26
3. การจัดวางภาพใหเหมาะสม
เมื่อเรานําภาพสวนประกอบมารวมกันในชิ้นงาน อาจมีบางภาพที่มีขนาด และมุมการจัดวางไมลงตัว เราก็สามารถ ขยาย หมุน และบิดภาพใหเขากัน (ดูรายละเอียดในบทเรื่อง “การจัดวาง และปรับรูปทรงภาพ”)
4. การใสขอความ
เปนการใสขอความที่เปนชื่อ เรื่อง หรือคําบรรยายตางๆ เขาไปตกแตงเพิ่มเติม (ดูรายละเอียดในบทเรื่อง “การ สรางขอความตกแตงภาพ”
5. การนําภาพสวนประกอบมาจัดซอนกัน
นําภาพสวนประกอบที่เลือกไว มาทําการซอนกัน โดยบางสวนอาจจะอยูดานบน หรือดานลาง ตามจุดประสงคที่ วางไว (ดูรายละเอียดในบทเรื่อง “การทํางานกับเลเยอร”)
Page 27
6. ตกแตงทุกสวนประกอบเขากันอยางกลมกลืน
สุดทาย เราจะพิจารณาภาพรวมชิ้นงานที่ได และปรับแตงรายละเอียดของภาพประกอบแตละสวนใหดูกลมกลืน กัน เพื่อใหไดผลงานที่สวยงาม (ดูรายละเอียดในบทเรื่อง “เทคนิคการตกแตงภาพในเลเยอร”)
การกําหนดมุมมองภาพ เปนการกําหนดมุมมองทั่วไปของหนาตางแสดงภาพผาน เมนูคําสั่ง View และเลือกคําสั่งที่ตองการ
Image menu
กําหนดหนาตางใหพอดีกับขนาด
ซึ่งเราสามารถทําไดโดยการเลือกที่
กลับไปที่มุมมองเดิม ยอภาพ ขยายภาพ
แสดงภาพแบบเต็มหนาจอ
P
กําหนดขนาดความกวางหรือ ความยาวใหเต็มพืน้ ที่ของ หนาตาง
กําหนดขนาดภาพใหสามารถ มองเห็นภาพทั้งหมดเต็มหนาตาง
Page 28
ตัวอยางมุมมองแบบ Fit Image in Window
ตัวอยางมุมมองแบบ Fill Window
สามารถเลื่อน Scroll Bar ไดอีก
การซูมยอ-ขยายภาพ เราสามารถยอ หรือขยายมุมมองของภาพโดยใชเครื่องมือ Magnify Tool เครื่องมือนี้เปนเหมือนแวน ขยาย ที่ชวยขยายภาพใหเราตกแตงไดอยางละเอียดมากขึ้น และยังสามารถยอภาพใหเล็กลงเพื่อดูภาพโดยรวมไดอีกดวย
การซูมภาพ เราสามารถขยายภาพที่นําเขามาใหดูชัดเจนขึ้น โดยการใชงานเครื่องมือ Magnify Tool ดังนี้ 1. คลิกเลือก Magnify Tool
2. คลิกบริเวณที่ตองการขยายมุมมอง
3. ภาพจะถูกซูมขยายใหใหญขึ้น
ถาตองการซูมเฉพาะบางที่ ก็สามารถทําไดเหมือนกัน โดยลากเมาสครอบเฉพาะพื้นที่ที่เราตองการแบบนี้
Page 29
1. ลากเมาสคลุมพืน้ ที่ที่ตองการ และ
2. จะไดภาพที่ถูกซูมเฉพาะพื้นที่ที่เลือก
การยอภาพ เมื่อเราตองการยอภาพใหเล็กลง ใหกดคีย <Ctrl> คางไว และคลิกเมาสลงบนภาพ จากนั้นภาพจะคอยๆ ถูกซูม ออกใหดูเล็กลงตามจํานวนครั้งที่เราคลิกเมาส
1. กดปุม <Ctrl> คางไวจะมีสัญลักษณ แลวคลิกเมาส
2. ภาพเล็กลงผลจากการที่เราคลิกเมาส 3 ครั้ง
การเปลี่ยนขนาดของภาพ หากตองการนําภาพไปลงเว็บ หรือทําเปนภาพติดบัตร ซึ่งจะเหมาะกับการลดขนาดภาพ เพื่อไฟลภาพจะลดลงไม ตองเปลืองเนื้อที่ และโปรแกรมจะทํางานไดเร็วดวย แตจะไมเหมาะกับการขยายภาพใหใหญขึ้น เพราะภาพที่ออกมาไม คมชัดเหมือนภาพตนฉบับ 1. 2.
เลือกคําสั่ง Image>Scale Image ที่หนาตาง Image Window กําหนดขนาดของภาพใหมตามตองการ ดังนี้
Page 30
o
Image Size กําหนดขนาดภาพใหม
และ Height กําหนดความกวาง และความสูงของภาพ (เราสามารถกําหนดคาทั้ง 2 ได อยางอิสระ โดยไมคํานึงถึงสัดสวนของภาพเดิม โดยคลิก ใหเปนลักษณะแบบโซเปด ) o X resolution และ Y resolution กําหนดความละเอียดของภาพในแนวแกน X (แนวนอน) และแกน Y (แนวตั้ง) o Quality กําหนดคุณภาพของภาพที่ปรับได 3 ระดับ o None คือ คุณภาพระดับต่ําสุด o Linear คือ คุณภาพระดับกลาง o Cubic คือ คุณภาพระดับดีที่สุด คลิกเมาสที่ปุม เพื่อสั่งใหโปรแกรมเปลี่ยนขนาดภาพใหมตามที่เรากําหนด o
3.
Width
1. เลือกคําสั่ง Image>Scale Image
2. กําหนดขนาดของ ภาพใหม
3. คลิกเมาส
ภาพตนแบบกอนการลดขนาดภาพ
หลังการลดขนาดภาพ
Page 31
การเพิ่ม/ลดพื้นที่การทํางานของภาพ ในระหวางที่เราตกแตงภาพ อาจจะมีความตองการเพิ่มพื้นที่การทํางานใหมากขึ้นหรือ ลดพื้นที่ของภาพใหเล็กลง ได ดังนี้ 1. 2.
เลือกคําสั่ง Image>Canvas Size ที่หนาตาง Image Window จะปรากฏหนาตาง Canvas Size ขึ้นมา เพิ่ม/ลดพื้นที่ของภาพ และกําหนดตําแหนงของภาพภายในพื้นที่ o Canvas size กําหนดขนาดภาพใหม Width และ Height กําหนดขนาดความกวาง และความสูงของ พื้นที่ภาพ o Offset กําหนดตําแหนงของภาพเดิมในพื้นที่ที่กําหนดขึ้นใหม X คือ พิกัดของตําแหนงรูปในแนวนอน และ Y คือ พิกัดของตําแหนงรูปในแนวตั้ง
หากตองการใหภาพเดิมอยูตรงกลางของพื้นที่ สามารถคลิกปุม โดยอัตโนมัติ
เพื่อจัดตําแหนงภาพใหอยูกึ่งกลาง
3.
เพิ่ม/ลดขนาดของ Layers o None ไมตองการเพิ่ม/ลดขนาดเลเยอร o All layers เพิ่ม/ลดขนาดเลเยอรทั้งหมดดวย o Imaged-sized layers เพิ่ม/ลดขนาดเฉพาะเลเยอรของภาพที่ปรับพื้นที่อยู o All visible layers เพิ่ม/ลดขนาดเลเยอรที่มองเห็นไดทั้งหมด o All linkd layers เพิ่ม/ลดขนาดเลเยอรที่ลิงกกับเลเยอรของภาพที่ปรับพื้นที่อยู
4.
คลิกเมาสที่ปุม
เพื่อสั่งใหโปรแกรมเปลี่ยนขนาดพื้นที่ภาพใหมตามที่เรากําหนด
1. เลือกคําสั่ง Image>Canvas Size...
2. กําหนดขนาด และ ตําแหนงของภาพใน พื้นที่
แสดงตัวอยางของ การเพิ่ม/ลดพื้นที่ ตองการเพิ่ม/ลดขนาด Layers ดวยหรือไม
3. คลิกเมาส
Page 32 NOTE : ในกรณีที่เราทําการลดพื้นที่ของภาพดวยคําสั่ง Canvas Size รูปภาพเดิมทั้งหมดจะยังคงลักษณะเดิมอยู แตจะ
แสดงภาพออกมาเฉพาะสวนของพื้นที่ที่เรากําหนดเทานั้น ซึ่งเราสามารถคลิกเพื่อเลื่อนตําแหนงภาพเดิม เพื่อกําหนดสวน ของภาพที่จะแสดงออกมาในพื้นที่ภาพที่กําหนดได
ภาพที่แสดงบนพื้นที่ภาพจะเปลีย่ นไป
คลิกเลื่อนตําแหนงของภาพดวย Move Tool
การปรับหมุนภาพ เปนการปรับหมุน และพลิกภาพ ในองศาตางๆ ผาน Image>Transform และเลือกคําสั่งปรับหมุนภาพตางๆ
Image menu
ทําได โดยการเลือกที่เมนูคําสั่ง
พลิกภาพในแนวนอนจากดานซายเปนดานขวา พลิกภาพในแนวตั้งจากดานบนเปนดานลาง หมุนภาพตามเข็มนาฬิกาเปนมุม 90 องศา หมุนภาพทวนเข็มนาฬิกาเปนมุม 90 องศา หมุนภาพเปน180 องศา
การทํางานกับสี เมื่อเรากําหนดขนาดชิ้นงาน เรียบรอยแลว กอนที่จะทําการลงสีพื้นหลังของชิ้นงาน เราจะมาเริ่มตนรูจักกับการ เลือกใชสีกันกอน โดยใน GIMP จะมีสวนที่แสดงการใชงานของสีอยูในสวนของ Main Toolbox สีโฟรกราวนด Switch Color สีแบคกราวนด
Default Color
Page 33
สีโฟรกราวนด (Foreground) และสีแบ็คกราวนด (Background) เปนพื้นที่แสดงสีและกําหนดการใชสี ซึ่งตองทํางานควบคูกับเครื่องมือในการระบายสีและเครื่องมืออื่นๆ ที่ เกี่ยวของกับสีทั้งหมด โดยสีของโฟรกราวนดจะเปนสีที่เราเลือกใชในการลงสี สวนสีของแบ็คกราวนดจะเปนสีพื้นหลังของ ภาพ นอกจากนั้นยังใชสีของโฟรกราวนดในการเติมสีภาพและใชสีของแบ็คกราวนดแทนการลบพื้นที่ภาพไดอีกดวย Default color
คลิกเมาสที่ เพื่อเปลี่ยนสีของโฟรกราวนดและแบ็คกราวนดกลับมาเปนสีมาตรฐาน คือ สีดําเปนสีของโฟร กราวนด และสีขาวเปนสีของแบ็คกราวนด Switch color
คลิกเมาสที่ เพื่อสลับสีของโฟรกราวนดมาเปนสีของแบ็คกราวนดและสีของแบ็คกราวนดมาเปนสีโฟร กราวนดแทน (หรือกดคีย <X> ที่คียบอรด)
การเลือกสี มีวิธีการเลือกสี
วิธี ไดแก การเลือกสีจาก Foreground/Background, การเลือกสีจากตัวอยางดวย เครื่องมือ Color Picker Tool และเลือกสีจาก Palette 3
เลือกสีจาก Foreground/Background ทําไดโดยการคลิกที่โฟรกราวนด หรือแบคกราวนด จะปรากฏหนาตาง Change Color ซึ่งเปรียบไดกับจาน สีขนาดใหญที่มีสีนับลานๆ สีใหเราเลือก โดยเลือกตามสเปคตรัมสีที่ปรากฏ หรือตามการกําหนดคาเปนตัวเลข ดังนี้ สามารถคลิกเลื่อน หรือใส ตัวเลขของคาตางๆ ของสี
3. คลิกเลือกสี 1. คลิกที่โฟรกราวนด หรือแบคกราวนด
แสดงรหัสของสีที่ใชใน ภาษา HTML และ CSS แสดงจานสีที่เรา จัดเก็บสีไวใชงาน คลิก เพื่อจัดเก็บสี
2. เลื่อนสไลดเลือกโทนสี
4. คลิกเมาส
เลือกสีจากเครื่องมือ Color Picker Tool เปนการเลือกสี โดยดึงสีจากสีตนฉบับมากําหนดเปนสีของโฟรกราวน หรือแบคกราวน
Page 34
1. คลิกเลือก Color Picker Tool
2. คลิกเลือกสีจากตนฉบับ สีของโฟรกราวนดจะเปลี่ยนไป
TIP : เราสามารถเลือกสีเพื่อกําหนดเปนสีของแบ็คกราวนดได โดยกดคีย <Ctrl> ขณะที่คลิกเลือกสี
กําหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือ Color Picker Tool เราสามารถกําหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมของเครื่องมือ Color Picker Tool ไดที่ Tool Options ดานลางของ หนาตาง Main Toolbox ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ เปนการกําหนดคารัศมีของพื้นที่สีที่เลือก ทําใหเลือกสีไดจากภาพทั้งหมด หากไมไดเลือกอ็อบชั่นนีจ้ ะเลือกสีเฉพาะในเลเยอรที่ ใชงานอยูเทานั้น เปนการกําหนดโหมดการเลือกสี คือ pick only เปนการเลือกและดูคาของสีเทานั้น, Set foreground color เปนการกําหนดสีโฟรกราวนด และ Set background color เปนการกําหนดสีแบ็คกราวน เปนการกําหนดสีที่เลือกจัดเก็บไวในพาเล็ตสีดวย
เลือกสีจาก Palette เปนการเลือกสีโฟรกราวนด และเลือกสีแบ็คกราวนด โดยการเปดไดอะล็อก แบบตางๆ เปนเหมือนจานสีใหเราเลือกใชสีจากจานสีนั้นได
Palette
ขึ้นมา ซึ่งจะมีพาเล็ตสี
Page 35
2. ดับเบิ้ลคลิกเลือก พาเล็ตสีที่ตองการ
3. คลิกเลือกสีที่ ตองการ
1. คลิก เลือกคําสั่ง Add Tab>Palettes เพื่อเปด ไดอะล็อก Palettes ขึ้นมา TIP : เราสามารถเลือกสี เพื่อกําหนดเปนสีของแบ็คกราวนดได โดยกดคีย <Ctrl> ขณะที่คลิกเลือกสี
การเทสีดวย Bucket Fill Tool เปนเครื่องมือที่ชวยใหเราเติมสีภาพในบริเวณติดกันและมีคาสีใกลกันเคียงกันกับบริเวณ ที่เราคลิกเมาสได ทําใหเราไดสีที่มีระดับความเขมเทากันทั้งภาพ เราสามารถเติมสีดวย Bucket Fill Tool ดังนี้ Bucket Fill Tool
1. 2.
คลิกเลือก Bucket Fill Tool กําหนดคาของการเติมสีดวย Bucket Fill Tool ใน Tool Options Opacity กําหนดคาความโปรงแสงของสีที่เทลงไป Mode กําหนดโหมดในการผสมสีระหวางสีที่เทลงไปกับสีของภาพเดิม o
Fill Type การเลือกสีที่ใช มีใหเลือก 3 แบบ คือ
o
FG color fill กําหนดใหเทสีโฟรกราวนดลงในภาพ
o
BG color fill กําหนดใหเทสีแบคกราวนดลงในภาพ
o
Pattern fill
กําหนดใหเทสีเปนภาพลวดลายลงในภาพ ซึ่งสามารถเลือกลักษณะของภาพแพ
ทเทิรนได กําหนดลักษณะการเลือกพื้นที่สําหรับเทสี มี 2 ลักษณะ คือ Fill Similar colors จะเปน การใชคาความตางสีในการเลือกพื้นที่ที่จะเทสีลงไปในภาพ และ Fill whole selection จะเปนการเทสีลงใน พื้นที่ทั้งหมดที่เลือก โดยไมคํานึงถึงความตางสีในภาพ
Affected Area
Page 36 Finding Similar Color จะสามารถกําหนดคาไดเมื่อเลือกลักษณะการเทสีแบบ Fill Similar color o
o
o
ถาคลิกเช็คบ็อกซที่อ็อบชั่นนี้จะทําใหสามารถเทสีลงในพื้นที่ที่เปน Transparent ที่ไมมีการเติมสีไดดวย Sample Merge ถาคลิกเช็คบ็อกซที่อ็อบชั่นนี้ โปรแกรมจะคํานวณความตางสีของภาพใน ทุกเลเยอรที่มีอยู หากไมทําการเช็คบ็อกซ โปรแกรมจะทําการคํานวณความตางสีเฉพาะในลเยอรที่ ใชงานอยูเทานั้น Threshold กําหนดความแตกตางของคาสี Fill transparent areas
เลือกองคประกอบที่ใชในการคํานวณคาการเทสี (โดยการเทสีทั่วไปใหเลือก Composite ซึ่งเปนคา Default อยูแลว การเลือกตัวเลือกอื่น อาจจําเปนตองศึกษาเรื่องคาสีเพิ่มเติม) Fill by
3.
คลิกเทสีลงบนภาพ 1. คลิกเลือก Bucket Fill Tool 2. กําหนดคาอ็อบชั่นของเครื่องมือ
3. คลิกเทสี
ผลลัพธของภาพเมือ่ เทสี
การเทสีแบบไลเฉดสีดวย Blend Tool การเทสีพื้นหลังภาพดวยโทนสีเดียว เชน สีแดง จะทําใหผลงานดูแข็งๆ เรียบๆ แตถาลองไลเฉดสีจากสีหนึ่งไปยัง สีหนึ่ง เชน สีฟาไปยังสีขาว จะชวยใหภาพดูแรงยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถกําหนดการไลเฉดสีไดตามตองการดวย Blend Tool ดังนี้ 1. 2.
คลิกเลือก Blend Tool กําหนดคาของการเติมสีดวย Blend Tool ใน Tool Options
Page 37 Opacity กําหนดคาความโปรงแสงของสีที่เทลงไป Mode กําหนดโหมดในการผสมสีระหวางสีที่เทลงไปกับสีของภาพเดิม Gradient กําหนดสี และลักษณะการไลสี ถาคลิกเช็คบ็อกซที่ Reverse จะเปนการกลับดานการไลสี Offset
กําหนดความกวางของการไลสี ยิ่งใสคานอยยิ่งมีการไลสีที่กวางมาก ถากําหนดคามากจะมีการไลสีที่
แคบลง กําหนดรูปแบบในการไลสี เชน Linear เปนการไลสีในแนวเสนตรง Radial เปนการไลสีในแนว เสนรัศมีวงกลม เปนตน
Shape
Repeat กําหนดชวงซ้ําในการไลสีมี 3 แบบ คือ o
None เปนการไลสีแบบปกติตามที่กําหนดไมมีชวงซ้ํา
o
Sawtooth wave เปนการไลสีไปทางเดียว
o
Triangular Wave จะเปนการไลสีไป และไลกลับมาเปนสีแรกอีก
Dithering กําหนดความกลมกลืนในการไลสีใหมีมากขึ้น Adaptive supersampling กําหนดความคมชัดเพิ่มเติมใหกับการไลสี 3.
คลิกลากเสนเพื่อทําการลงสี
1. คลิกเลือก Blend Tool
2. กําหนดคาอ็อบชั่นของเครื่องมือ
Page 38
3. คลิกลากเสนเพื่อไลสี
ผลลัพธของภาพเมือ่ เทสี
รูปแบบของการไลสี (Shape)
การระบายสีดวย Painting Tool เปนกลุมเครืองมือที่ใชสําหรับวาดเสน และระบายสีมีอยู 3 ชนิด คือ และ Airbrush Tool ซึ่งจะใหลักษณะของเสนที่แตกตางกัน
Painting Tool Paint Brush Tool
Pencil Tool
,
Page 39
การระบายสีดวยพูกัน และดินสอ พูกัน (Paint Brush Tool) และ ดินสอ (Pencil Tool) เปนเครื่องมือระบายสี และวาดใสลวดลาย ตางๆ ลงในภาพ ซึ่งจะมีรูปแบบ และคุณสมบัติการใชงานใหเลือกคลายคลึงกันมาก จะแตกตางกันเฉพาะลักษณะของเสนที่ ได โดยเสนที่ไดจาก การวาดดวยดินสอจะเปนเสนที่มีความแข็ง และเสนที่ไดจากการวาดดวยพูกันจะมีลักษณะที่นุมนวล กวา สามารถใชงานพูกัน หรือดินสอได ดังนี้ 1. 2.
3.
คลิกเลือก Paint Brush Tool หรือ Pencil Tool กําหนดคุณสมบัติของเครื่องมือเพิ่มเติม o Opacity กําหนดคาความโปรงแสงของสีที่ระบายลงไป o Mode กําหนดโหมดในการผสมสีระหวางสีที่ระบายลงไปกับสีของภาพเดิม o Brush กําหนดลักษณะของหัวแปรง o Scale กําหนดขนาดของหัวแปรง o Brush Dynamics ตั้งคาเพิ่มเติม เชน แรงกด (Pressure) ความไว(Velocity) หรือตั้งแบบ สุม (Random) เหมาะกับการใชกับเครื่อง Tablet o Fade out กําหนดลักษณะเสนใหคอยๆ จางหายไป สามารถกําหนดระยะ Length เปนความ ยาวของเสนที่คอยๆ จางหายไป o Apply Jitter กําหนดความถี่/หางของหัวแปรงเมื่อลากเสนตอเนื่อง o Incremental กําหนดลักษณะเสนโดยใชสีพื้นแบบสีเดียว หรือตามลักษณะหัวแปรงที่กําหนด o Use color from gradient กําหนดสีเสนเปนแบบการไลเฉดสี (Gradient) คลิกระบายสีบนภาพ 2. กําหนดคุณสมบัติของเครื่องมือ
3. คลิกระบายสีบนภาพ
1. คลิกเลือก Brush Tool หรือ Pencil Tool
การระบายสีดวย Airbrush Tool เปนเครื่องมือที่ใชระบายสีที่จะใหลักษณะเหมือนกับการพนสี จะมีการกระจายตัวของเม็ดสีมากกวาดินสอ และ พูกัน สามารถใชงาน Airbrush Tool ได ดังนี้
Page 40 1. 2.
3.
คลิกเลือก Airbrush Tool กําหนดคุณสมบัติของเครื่องมือเพิ่มเติม o Opacity กําหนดคาความโปรงแสงของสีที่พนลงไป o Mode กําหนดโหมดในการผสมสีระหวางสีที่พนลงไปกับสีของภาพเดิม o Brush กําหนดลักษณะของหัวแปรง o Scale กําหนดขนาดของหัวแปรง o Brush Dynamics ตั้งคาเพิ่มเติม เชน แรงกด (Pressure) ความไว(Velocity) หรือตั้งแบบสุม (Random) เหมาะกับการใชกับเครื่อง Tablet o Fade out กําหนดลักษณะเสนใหคอยๆ จางหายไป สามารถกําหนดระยะ Length เปนความยาว ของเสนที่คอยๆ จางหายไป o Apply Jitter กําหนดความถี่/หางของหัวแปรงเมื่อลากเสนตอเนื่อง o Use color from gradient กําหนดสีเสนเปนแบบการไลเฉดสี (Gradient) o Rate กําหนดความหนาแนนของสีที่พนออกมา o Pressure กําหนดความเขมของสีที่พนออกมายิ่งคานอยสีจะดูบางมาก คลิกระบายสีบนภาพ
1. คลิกเลือก Airbrush Tool 2. กําหนดคุณสมบัติ ของเครื่องมือ 3. คลิกระบายสีบนภาพ
การวาดเสนดวย Ink Tool เครื่องมือ Ink Tool เปนเครื่องมือที่ใชสําหรับวาดเสนโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถวาดเสนไดในหลายๆ ลักษณะ เราสามารถใชงานเครื่องมือ Ink Tool ได ดังนี้
Page 41 1. 2.
3.
คลิกเลือกเครื่องมือ Ink Tool กําหนดคุณสมบัติของเครื่องมือเพิ่มเติม o Opacity กําหนดคาความโปรงแสงของสีเสน o Mode กําหนดโหมดในการผสมสีระหวางสีเสนกับสีของภาพเดิม o Adjustment กําหนดลักษณะของหัวปากกา o Size กําหนดขนาดของหัวปากกา o Angle กําหนดมุมเอียงของปากกาโดยจะอางอิงจากแนวนอนเปนหลัก o Sensitivity กําหนดลักษณะของเสนที่ไดตามการเขียน o Size กําหนดขนาดของปลายปากกา o Tilt การกําหนดความเอียง การกระดกปากกา ซึ่งจะสัมพันธกับคามุม Angle o Speed กําหนดความเร็วในการลากเสนที่คลายกับการลากเสนปากกาจริง คือถาลากชาเสน ที่ไดก็จะหนา แตถาลากเร็วเสนที่ไดก็จะบาง o Type กําหนดรูปแบบของหัวปากกา มีใหเลือก 3 แบบ คือ แบบวงกลม แบบสี่เหลี่ยม แบบสี่เหลี่ยม ขนมเปยกปูน o Shape คลิกเพื่อบิดรูปรางกําหนดลักษณะรูปแบบหัวปากกาเพิ่มเติม คลิกวาดเสน 1. คลิกเลือก Ink Tool 2. กําหนดคุณสมบัติของเครื่องมือ
3. คลิกวาดเสนบนภาพ
การลบภาพทีไ่ มตองการ จะใชเครื่องมือ Eraser สามารถใชงาน Eraser Tool ไดดังนี้
Tool
ซึ่งเปนเครื่องมือสําหรับลบสวนประกอบภายในภาพที่ไมตองการออก
Page 42 1. 2.
3.
คลิกเลือก Eraser Tool กําหนดคุณสมบัติของเครื่องมือเพิ่มเติม o Opacity กําหนดคาความโปรงแสงของรอยลบ o Brush กําหนดลักษณะของหัวแปรงรอยลบ o Scale กําหนดขนาดของหัวแปรงรอยลบ o Brush Dynamics ตั้งคาเพิ่มเติม เชน แรงกด (Pressure) ความไว(Velocity) หรือตั้งแบบ สุม (Random) o Fade out กําหนดลักษณะเสนรอยลบใหคอยๆ จางหายไป สามารถกําหนดระยะ Length เปนความยาวของรอยลบที่คอยๆ จางหายไป o Apply Jitter กําหนดความถี่/หางของหัวแปรงรอยลบเมื่อลากเสนตอเนื่อง o Incremental กําหนดลักษณะความเขมของการลบ ซึ่งจะเพิ่มขึ้นตามแรงกด หรือถูกลบซ้ําไป เรื่อยๆ แตจะลบไดสูงสุดแค 100% เทานั้น o Hard Edge กําหนดใหขอบของรอยลบคมไมมีการไลสี ทําใหรอยลบดูแข็ง o Anti erase กําหนดลักษณะการลบภาพโดยไมทําลายภาพตนฉบับ จะใชงานในเลเยอรภาพ โหมด Alpha channel คลิกลบสวนที่ไมตองการบนภาพ 1. คลิกเลือก Eraser Tool 2. กําหนดคุณสมบัติของเครื่องมือ 3. คลิกลบสวนที่ไมตองการบนภาพ
Page 43
การยอนกลับการทํางานทีละขั้นตอน ทันทีที่เราทํางานผิดพลาด เราสามารถทําการยอนกลับไปยังการทํางานลาสุดกอนการผิดพลาด หรือยอนกลับการ ทํางานทีละขั้นตอนไปเรื่อยๆ จนกวาจะถึงขั้นตอนที่ตองการ โดยยกเลิกขั้นตอนที่เพิ่งทําผานมาดวยคําสั่ง Edit>Undo State Change หรือกดคีย <Ctrl+Z>
แสดงขั้นตอนการลบ เปนพื้นที่สีขาว ซึ่งเปน ขั้นตอนลาสุด
เมื่อกดปุม <Crtl+Z> ภาพพื้นที่สขี าวที่เกิดจากการ ลบภาพจะหายไป
การยอนกลับการทํางานในหลายขั้นตอน ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงภาพ ขั้นตอนการทํางานนั้นจะถูกบันทึกลงในไดอะล็อก Undo History โดย อัตโนมัติ เราสามารถยอนกลับการทํางานไดตามจํานวน Memory ที่มีอยูในเครื่อง โดยขั้นตอนที่ทํากอนจะถูกเรียงอยูบน และขั้นตอนลาสุดจะอยูลางสุดในรายการ ดังนั้นถาเราทํางานผิดพลาดมาหลายคําสั่ง จะทําการยอนกลับการทํางานดวย Undo History ไดรวดเร็วกวาการกดคีย <Ctrl+Z> ดูตัวอยางกันดังนี้
1. ใช
ระบายสีลงบนภาพ
ไดอะล็อก Undo History จะแสดงขั้นตอน การแตมสีที่เราตกแตงลงในภาพแลว
Page 44
2. คลิกเมาสที่ขั้นตอนแรกเพื่อยกเลิกการ แตมสีทั้งหมดที่เราทําไวกอนหนานี้บนภาพ
หรือคลิกยอนไปเฉพาะ ขั้นตอนที่ตองการ
ถาเราทําการ Undo การทํางานหนึ่งขั้นตอนหรือมากกวานั้น แลวจัดการชิ้นงานนั้นดวยคําสั่งอื่นๆ โดยไมไดใช Undo หรือ Redo เราจะไมสามารถทําการ Redo คําสั่งที่เรา Undo นั้นไดอีก วิธีที่ชวยแกปญหานี้ได คือ ทําการ คัดลอกชิ้นงาน แลวจัดการกับชิ้นงานใหมที่คัดลอกมานี้แทน (คําสั่ง Undo/Redo จะไมถูกคัดลอกตามมากับชิ้นงาน ใหม)
การตัดภาพเฉพาะสวน ภาพที่เราใชงานอาจจะมาจากแหลงตางๆ ภายในภาพอาจจะมีสวนที่ไมตองการติดมาดวย ดังนั้นเราสามารถตี กรอบเลือกเฉพาะสวนที่เราตองการ สวนที่เหลือก็ตัดทิ้งไปได โดยใชเครื่องมือ Crop Tool ซึ่งจะเปนการตัดภาพให เหลือแตสวนที่เราเลือก โดยเมื่อทําการตัดภาพแลวไมสามารถแกไขอะไรไดอีก ดังนี้ 1. 2.
คลิกเลือก Crop Tool คลิกลากเมาสกําหนดขอบเขตของภาพที่ตองการบนภาพเอง หรือจะกําหนดขอบเขต และรายละเอียด ตางๆ ที่หนาตาง Crop ที่จะปรากฏขึ้นมาเมื่อเราคลิก ลงไปบนภาพ มีรายละเอียดดังนี้ • Current layer only ตัดเฉพาะเลเยอรที่ทํางานอยู • Allow Growing กําหนดใหสามารถตัดพื้นที่นอกขิอบเขตภาพได (Inactive Padding Area) โดยจะไดผลลัพทเปนภาพโปรงแสงในสวนนี้ • Expand from Center กําหนดใหตแหนงแรกที่เราคลิกเปนจุดกลางการตัดภาพ สามารถ สลับการใชงานคําสั่งนี้และการตัดแบบปกติไดโดยการกด Crtl ระหวางทําการลากพื้นที่ • Fixed กําหนดพื้นที่ในการตัดภาพแบบตายตัว o Aspect Ratio กําหนดอัตราสวนระหวางความกวาง และความสูง o Width/Height เลือกกําหนดความกวาง หรือความสูงอยางใดอยางหนึ่งตามที่ ตองการ o Size กําหนดขนาดความกวางและความสูงแบบตายตัว • Position กําหนดตําแหนงที่ตองการตัดภาพ • Size กําหนดขนาดพื้นที่ที่ตองการตัด สามารถปรับแตงขนาดพื้นที่ได • Highlight กําหนดใหไฮไลทพื้นที่ที่เลือกตัด
Page 45
3.
•
Guides แสดงเสนไกดในพื้นที่ที่เลือก
•
Auto Shrink Selection
จะเปนเปนอ็อบชั่นสําหรับการยอขนาดการเลือกพื้นที่อัตโนมัติ
โดยจะตัดพื้นที่วางที่ไมจําเปนทิ้ง คลิกภาพสวนที่เลือกตัดอีกครั้งเพื่อยืนยันการตัดภาพ หรือคลิกนอกบริเวณที่เลือกเพื่อยกเลิก 1. คลิกเลือก Crop Tool
กําหนดคุณสมบัติตางๆ 2. กําหนดขอบเขตในการ ตัดภาพ แลวคลิกพื้นที่ที่ เลือกอีกครั้ง
ผลลัพธที่ได
.
Page 46
บทที่ 3 การตัดแตงภาพเฉพาะสวน ถาเราจะตกแตงภาพหรือตัดภาพบางสวนไปใชงาน โดยไมไดมีการตีกรอบกั้นบริเวณไวอาจทําใหการทํางาน ผิดพลาดสงผลใหภาพออกมาไมสวยก็เปนได และในบทนี้จะทําใหเราสามารถเลือกตกแตงบางสวนของภาพที่ตองการ หรือ จะตัดบางสวนของภาพออกไปปะซอนอยูบนอีกภาพหนึ่งโดยไมมีผลกระทบตอสวนอื่นๆ
เลือกพื้นที่ภาพรูปทรงเรขาคณิต เปนการเลือกพื้นที่ภาพในลักษณะที่ตองการขอบเขตตายตัว ซึ่งจะอยูในรูปทรงเรขาคณิต ไดแก สี่เหลี่ยม วงรี และ วงกลม เปนตน เครื่องมือกลุมนี้จะมี 2 รูปแบบดวยกัน ดังนี้
การเลือกพื้นที่สี่เหลี่ยมดวย Rectangle Selection Tool ใชสําหรับเลือกพื้นที่สี่เหลี่ยม สามารถทําได ดังนี้ 1. คลิกเลือก Rectangle Selection Tool 2. กําหนดลักษณะการเลือกพื้นที่ใน Tool Options ดังนี้ Mode เลือกลักษณะการเลือกพื้นที่
แบบปกติ คือ จะทําการเลือกพื้นที่ใหมทุกครั้งเมื่อคลิกเลือกภาพ การเลือกพื้นที่เพิ่ม เราสามารถเลือกพื้นที่เพิ่มเติมจากพื้นที่เดิมที่เลือกไวแลว การลบพื้นที่ เราสามารถลบพื้นที่ที่เราเลือกออกจากพื้นที่ที่เลือกไวเดิม การเลือกพื้นที่รวมกัน คือ เมื่อเราคลิกเลือกพื้นที่ครั้งตอไป จะเปนการเลือกพื้นที่ในสวน ของพื้นที่เดิมที่ซอนทับกับสวนที่เราเลือกใหม Antialiasing จะเปนการกําหนดเกี่ยวกับการกําหนดความกลมกลืนขอบภาพใหมีมากขึ้น Feather edges กําหนดความฟุงเบลอของขอบการเลือกพื้นที่ Round corners กําหนดใหพื้นที่ที่เลือกมีมุมมน Expand from center กําหนดใหจุดแรกที่คลิกเปนศูนยกลางพื้นที่ที่เลือก Fixed กําหนดพื้นที่ในการตัดภาพแบบตายตัว o
Aspect Ratio
กําหนดอัตราสวนระหวางความกวาง และความสูง
Page 47
เลือกกําหนดความกวาง หรือความสูงอยางใดอยางหนึ่งตามที่
o
Width/Height
o
ตองการ Size กําหนดขนาดความกวางและความสูงแบบตายตัว
Position กําหนดตําแหนงที่ตองการเลือก Size กําหนดขนาดพื้นที่ที่ตองการเลือก สามารถปรับแตงขนาดพื้นที่ได Highlight กําหนดใหไฮไลทพื้นที่ที่เลือก Guides แสดงเสนไกดในพื้นที่ที่เลือก
กําหนดลักษณะสําหรับการยอขนาดการเลือกพื้นที่ใหอัตโนมัติ โดยจะตัดพื้นที่วางที่ ไมจําเปนทิ้ง เหมาะกับการเลือกภาพที่เปนขอความ (text) หรือภาพที่มีพื้นหลังใส เมื่อเราคลิกลาก เมาสเลือกพื้นที่เกิน ก็จะยอขนาดการเลือกพื้นที่ใหพอดีภาพให Auto Shrink
หากคําสั่ง Sample Merged ถูกเปดใชงานอยูดวยพรอมกับเลือกตัวเลือกนี้ คําสั่ง Auto Shrink จะสามารถใชขอมูลจากภาพที่เห็นทั้งหมด แมจะอยูคนละเลเยอรเพื่อประมวล คําสั่ง แทนที่จะเลือกจากเลเยอรที่ทํางานอยูเทานั้น Shrink merged
3. คลิกเมาสเลือกพื้นที่ 1. คลิกเลือก Rectangle Selection Tool
2. กําหนดลักษณะการเลือกพื้นที่ใน Tool Options
Page 48
3. คลิกเมาสเลือกพืน้ ที่
ผลลัพธการเลือกพื้นที่
การเลือกพื้นที่สี่เหลี่ยมมุมฉาก
การเลือกพื้นที่สี่เหลี่ยมมุมมน
การเลือกพื้นที่วงรี และวงกลมดวย Ellipse Selection Tool ใชสําหรับเลือกพื้นที่วงรี และวงกลม สามารถทําได ดังนี้ 1. คลิกเลือก Ellipse Selection Tool 2. กําหนดลักษณะการเลือกพื้นที่ใน Tool Options ดังนี้ Mode เลือกลักษณะการเลือกพื้นที่
แบบปกติ คือ จะทําการเลือกพื้นที่ใหมทุกครั้งเมื่อคลิกเลือกภาพ การเลือกพื้นที่เพิ่ม เราสามารถเลือกพื้นที่เพิ่มเติมจากพื้นที่เดิมที่เลือกไวแลว การลบพื้นที่ เราสามารถลบพื้นที่ที่เราเลือกออกจากพื้นที่ที่เลือกไวเดิม การเลือกพื้นที่รวมกัน คือ เมื่อเราคลิกเลือกพื้นที่ครั้งตอไป จะเปนการเลือกพื้นที่ในสวน ของพื้นที่เดิมที่ซอนทับกับสวนที่เราเลือกใหม Antialiasing จะเปนการกําหนดเกี่ยวกับการกําหนดความกลมกลืนขอบภาพใหมีมากขึ้น
Page 49 Feather edges กําหนดความฟุงเบลอของขอบการเลือกพื้นที่ Round corners กําหนดใหพื้นที่ที่เลือกมีมุมมน Expand from center กําหนดใหจุดแรกที่คลิกเปนศูนยกลางพื้นที่ที่เลือก Fixed กําหนดพื้นที่ในการตัดภาพแบบตายตัว o o
o
กําหนดอัตราสวนระหวางความกวาง และความสูง Width/Height เลือกกําหนดความกวาง หรือความสูงอยางใดอยางหนึ่งตามที่ ตองการ Size กําหนดขนาดความกวางและความสูงแบบตายตัว Aspect Ratio
Position กําหนดตําแหนงที่ตองการเลือก Size กําหนดขนาดพื้นที่ที่ตองการเลือก สามารถปรับแตงขนาดพื้นที่ได Highlight กําหนดใหไฮไลทพื้นที่ที่เลือก Guides แสดงเสนไกดในพื้นที่ที่เลือก
กําหนดลักษณะสําหรับการยอขนาดการเลือกพื้นที่ใหอัตโนมัติ โดยจะตัดพื้นที่วางที่ ไมจําเปนทิ้ง เหมาะกับการเลือกภาพที่เปนขอความ (text) หรือภาพที่มีพื้นหลังใส เมื่อเราคลิกลาก เมาสเลือกพื้นที่เกิน ก็จะยอขนาดการเลือกพื้นที่ใหพอดีภาพให Auto Shrink
Shrink merged คําสั่ง Auto Shrink จะใชขอมูลจากภาพที่เห็นทั้งหมดเพื่อประมวลคําสั่ง
แทนที่จะเลือกจากเลเยอรที่ทํางานอยูเทานั้น 3. คลิกเมาสเลือกพื้นที่ 2. กําหนดลักษณะ การเลือกพื้นที่ใน Tool Options 1. คลิกเลือก Ellipse Selection Tool
Page 50
3. คลิก เมาสเลือก พื้นที่
ผลลัพธการเลือกพื้นที่
NOTE
การกําหนดคา Radius จะสงผลตอความฟุงเบลอของขอบภาพ
เมื่อเราเลือกพื้นที่และใช Move Tool คลิกเลื่อนพื้นที่ที่เลือก จะเห็นวาบริเวณของขอบภาพจะดูฟงุ เบลอ TIP
นอกจากนี้เรายังสามารถใชการกดคียรวมกับการคลิกเลือกได โดยไมจําเปนที่จะตองคลิกเลือกโหมด โดย
กดคีย <Shift> ไวขณะเลือกพื้นที่ จะเปนการเลือกพื้นที่เพิ่ม กดคีย <Ctrl> ไวขณะคลิกเลือกพื้นที่ จะเปนการลบพื้นที่ที่เลือกออกจากพื้นที่เดิม กดคีย <Ctrl> และ <Shift> พรอมกับการเลือกพื้นที่จะเปนการเลือกพื้นที่ที่มีความกวางและความ จะไดรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส และถาใช จะไดรูปวงกลม ยาวเทากัน ถาใช กดคีย <Alt> จะทําใหสามารถคลิกเลื่อนตําแหนงของการเลือกพื้นที่ได
เลือกพื้นที่แบบอิสระ การเลือกพื้นที่ในลักษณะนี้เหมาะกับภาพที่ไมเปนรูปทรงที่แนนอนเหมือนรูปเรขาคณิต ดังนั้นการเลือกพื้นที่จะ สามารถลากไปตามขอบภาพไดอยางอิสระ สามารถเลือกได 2 รูปแบบ คือ
Page 51
เลือกพื้นที่แบบอิสระดวย Free Selection Tool 1. คลิกเลือก Free Selection Tool 2. กําหนดลักษณะการเลือกพื้นที่ใน Tool Options ดังนี้ Mode เลือกลักษณะการเลือกพื้นที่
แบบปกติ คือ จะทําการเลือกพื้นที่ใหมทุกครั้งเมื่อคลิกเลือกภาพ การเลือกพื้นที่เพิ่ม เราสามารถเลือกพื้นที่เพิ่มเติมจากพื้นที่เดิมที่เลือกไวแลว การลบพื้นที่ เราสามารถลบพื้นที่ที่เราเลือกออกจากพื้นที่ที่เลือกไวเดิม การเลือกพื้นที่รวมกัน คือ เมื่อเราคลิกเลือกพื้นที่ครั้งตอไป จะเปนการเลือกพื้นที่ในสวนของพื้นที่ เดิมที่ซอนทับกับสวนที่เราเลือกใหม Antialiasing จะเปนการกําหนดเกี่ยวกับการกําหนดความกลมกลืนขอบภาพใหมีมากขึ้น Feather edges กําหนดความฟุงเบลอของขอบการเลือกพื้นที่
3. คลิกเมาสเลือกพื้นที่ 1. คลิกเลือก Free Selection Tool
2. กําหนดลักษณะการเลือกพื้นที่ใน Tool Options
3. คลิกเมาสเลือกพืน้ ที่
ผลลัพธการเลือกพื้นที่
Page 52
เลือกพื้นที่แบบชิดขอบดวย Scissor Tool สําหรับภาพที่มีขอบคมชัด และสีของเสนขอบตางกับพื้นหลังของภาพอยางชัดเจน เราสามารถใช Scissor Tool เลือกพื้นที่ โดยจะติดหนึบเขากับแนวขอบภาพไดอยางงายดาย ดังนี้ 1. คลิกเลือก Scissor Tool 2. กําหนดลักษณะการเลือกพื้นที่ใน Tool Options ดังนี้ Mode เลือกลักษณะการเลือกพื้นที่
แบบปกติ คือ จะทําการเลือกพื้นที่ใหมทุกครั้งเมื่อคลิกเลือกภาพ การเลือกพื้นที่เพิ่ม เราสามารถเลือกพื้นที่เพิ่มเติมจากพื้นที่เดิมที่เลือกไวแลว การลบพื้นที่ เราสามารถลบพื้นที่ที่เราเลือกออกจากพื้นที่ที่เลือกไวเดิม การเลือกพื้นที่รวมกัน คือ เมื่อเราคลิกเลือกพื้นที่ครั้งตอไป จะเปนการเลือกพื้นที่ในสวน ของพื้นที่เดิมที่ซอนทับกับสวนที่เราเลือกใหม Antialiasing จะเปนการกําหนดเกี่ยวกับการกําหนดความกลมกลืนขอบภาพใหมีมากขึ้น Feather edges กําหนดความฟุงเบลอของขอบการเลือกพื้นที่ Show interactive boundary ขณะเลือกพื้นที่ (กอนทําการคลิกเพื่อตกลงใชการเลือกพื้นที่)
จะแสดงขอบเขตการเลือกจริงที่คํานวณแลว เพราะปกติถาไมเลือกอ็อบชั่นนี้ การคลิกเลือกเสนขอบจะ เปนเสนตรงกอน เมื่อปลอยเมาสจึงเห็่นผลลัพธเสนขอบการเลือก 3. คลิกเลือกพื้นที่จนครบ และคลิกที่จุดเริ่มตนอีกครั้งเพื่อสิ้นสุดการเลือกพื้นที่ 4. คลิกภายในพื้นที่ที่เลือก เพื่อตกลงเลือกพื้นที่ที่เลือก 1. คลิกเลือก Scissor Tool
2. กําหนดลักษณะการเลือกพื้นที่ ใน Tool Options
Page 53
3. คลิกเมาสเลือกพืน้ ที่
ผลลัพธการเลือกพื้นที่ 4. คลิกภายในพื้นทีท่ ี่เลือก เพื่อตกลงเลือกพื้นที่
TIP
ขณะที่เราคลิกเลือกขอบภาพ กอนที่จะคลิกเพื่อตกลงเลือกพื้นที่เปนเสนประ ผิดพลาด เราสามารถคลิกที่ รอยตอของเสนขอบ เพื่อแกไขการเลือกพื้นที่ได
คลิกเลื่อนจุดรอยตอของเสนขอบ
หากเราเลือกตําแหนงของภาพ
ผลลัพธที่ได
เลือกพื้นที่ทมี่ ีสีใกลเคียงกัน เปนการเลือกพื้นที่ภาพที่มีสีใกลเคียงกับคาสี ณ จุดพิกเซลที่เราคลิกเมาสเลือก สามารถเลือกได 2 ลักษณะ ดังนี้
เลือกพื้นที่ที่มีสีใกลเคียงกันดวย Fuzzy Select Tool 1. คลิกเลือก Fuzzy Select Tool 2. กําหนดลักษณะการเลือกพื้นที่ใน Tool Options ดังนี้ Mode เลือกลักษณะการเลือกพื้นที่
แบบปกติ คือ จะทําการเลือกพื้นที่ใหมทุกครั้งเมื่อคลิกเลือกภาพ การเลือกพื้นที่เพิ่ม เราสามารถเลือกพื้นที่เพิ่มเติมจากพื้นที่เดิมที่เลือกไวแลว
Page 54
การลบพื้นที่ เราสามารถลบพื้นที่ที่เราเลือกออกจากพื้นที่ที่เลือกไวเดิม การเลือกพื้นที่รวมกัน คือ เมื่อเราคลิกเลือกพื้นที่ครั้งตอไป จะเปนการเลือกพื้นที่ในสวน ของพื้นที่เดิมที่ซอนทับกับสวนที่เราเลือกใหม Antialiasing จะเปนการกําหนดเกี่ยวกับการกําหนดความกลมกลืนขอบภาพใหมีมากขึ้น Feather edges กําหนดความฟุงเบลอของขอบการเลือกพื้นที่ Select transparent areas
จะทําใหสามารถเลือกพื้นที่ที่เปนTransparent ที่ไมมีการเติมสี
ไดดวย จะทําใหเราเลือกสีของภาพไดในทุกเลเยอรที่มีอยู หากไมทําการเช็คบ็อกซที่ ออบชั่นนี้ โปรแกรมจะทําการเลือกพื้นที่ใน active layer หรือเลเยอรที่ใชงานอยูเทานั้น
Sample merged
กําหนดความแตกตางของคาสี ซึ่งเปรียบเทียบจากพิกเซลบริเวณที่เราคลิกเมาส (หาก กําหนดคานอยจะทําใหจํานวนสีที่ถูกเลือกมีจํานวนนอย และหากกําหนดคามากจะทําใหจํานวนสีที่ถูก เลือกมีจํานวนมากขึ้น ทําใหคาสีที่ใกลเคียงหรืออยูในโทนเดียวกันถูกเลือกไปดวย) Threshold
เปนการกําหนดองคประกอบในภาพที่ใชคํานวณคาความเหมือน มีใหเลือกคือ Red, Green, Blue, Hue, Saturation และ Value
Selection
3.
by
คลิกเมาสเลือกพื้นที่ 1. คลิกเลือก Fuzzy Select Tool 2. กําหนดลักษณะการเลือกพื้นที่ใน Tool Options
3. คลิกเมาสเลือกพืน้ ที่
ผลลัพธการเลือกพื้นที่
Page 55
ตัวอยางการกําหนดคา Threshold ที่ตางกัน
กําหนดคา Threshold เทากับ 20
กําหนดคา Threshold เทากับ 150
เลือกพื้นที่ที่มีสีเหมือนกันดวย Select By Color Tool เปนเครื่องมือที่ใชเลือกพื้นที่ภาพที่มีสีใกลเคียงกับคาสี ณ จุดพิกเซลที่เราคลิกเมาสเลือก คลายกับเครื่องมือ Fuzzy Select Tool แตจะเลือกพื้นที่ในจุดอื่นๆ ที่มีสีใกลเคียงกันดวย 1. 2. 3.
คลิกเลือก Select By Color Tool กําหนดลักษณะการเลือกพื้นที่ใน Tool Options เชนเดียวกับเครื่องมือ Fuzzy selection Tool คลิกเลือกพื้นที่ 1. คลิกเลือก Select by Color Tool 2. กําหนดลักษณะการเลือกพื้นที่ใน Tool Options
3. คลิกเมาสเลือกพืน้ ที่
ผลลัพธการเลือกพื้นที่
เลือกพื้นที่โฟรกราวนดดวย Foreground Select Tool เปนเครื่องมือที่ใชเลือกพื้นที่สวนหนาที่เราตองการ โดยเครื่องมือนี้จะทําการตัดขอบพื้นที่ที่เราตองการออกจาก พื้นหลังอยางอัตโนมัติ มีวิธีการดังตอไปนี้ 1. คลิกเลือก
Foreground Select Tool เมาสจะเปลี่ยนเปนรูป
Page 56
2. กําหนดลักษณะการเลือกพื้นที่ใน Tool Options ดังนี้ Mode เลือกลักษณะการเลือกพื้นที่
แบบปกติ คือ จะทําการเลือกพื้นที่ใหมทุกครั้งเมื่อคลิกเลือกภาพ การเลือกพื้นที่เพิ่ม เราสามารถเลือกพื้นที่เพิ่มเติมจากพื้นที่เดิมที่เลือกไวแลว การลบพื้นที่ เราสามารถลบพื้นที่ที่เราเลือกออกจากพื้นที่ที่เลือกไวเดิม การเลือกพื้นที่รวมกัน คือ เมื่อเราคลิกเลือกพื้นที่ครั้งตอไป จะเปนการเลือกพื้นที่ในสวน ของพื้นที่เดิมที่ซอนทับกับสวนที่เราเลือกใหม Feather edges กําหนดความฟุงเบลอของขอบการเลือกพื้นที่
กําหนดใหเลือกเฉพาะพื้นที่ที่อยูบริเวณเดียวกับที่ลากเสนกําหนดพื้นสีที่ตองการ เทานั้น หากไมเลือกตัวเลือกนี้ โปรแกรมจะทําการเลือกบริเวณสีใกลเคียงกับที่ลากเสนผานทั้งหมด แม พื้นที่ไมอยูติดกันก็ตาม Contiguous
Mark Foreground
กําหนดใหสีโฟรกราวนดเปนสีของเสน สีถูกเสนลากทับจะเปนตัวกําหนด
พื้นที่โฟรกราวนด เลือกตัวเลือกนี้ สีของเสนจะเปลี่ยนเปนสีของแบคกราวนด เมาสเปนรูปไอ คอนยางลบเล็กๆ สีที่ถูกเสนคาดทับจะเปนสีที่เราไมเลือกมาคํานวณเปนพื้นที่โฟรกราวนด
Mark Background
Small brush / Large brush กําหนดขนาดเสน ยิ่งเล็กยิ่งทําใหการคํานวณพื้นที่ละเอียดมากขึ้น
ยิ่งคามาก ยิ่งทําใหพื้นที่เล็กๆ จุดๆ ที่เปน จะกําหนดเปนโฟรกราวนดหมดไป Smoothing
Non-Selection
แตอยูบริเวณพื้นที่ที่เรา
Preview color กําหนดสีที่ใชแสดงพื้นที่แบคกราวนด มีสีแดง เขียว น้ําเงิน Color Sensitivity กําหนดใหสามารถเลือกสีไดละเอียดยิ่งขึ้น
3. คลิกเลือกแบงพื้นที่โฟรกราวนดและแบคกราวนดออกจากกันอยางคราวๆ เมื่อเสร็จแลวจะเห็นการการแบงพื้นที่ ออกจากกัน โดยพื้นที่แบคกราวนดถูกไฮลไลทไว 4. เมาสจะเปลี่ยนเปนรูป ใหลากเสนคาดทับบริเวณพื้นที่โฟรกราวนด โปรแกรมจะนําคาสีบริเวณที่ถูกทับไป คํานวณหาพื้นที่โฟรกราวนดที่แนนอน เมื่อปลอยเมาส พื้นที่โฟรกราวนดและแบคกราวนดจะถูกแบงอยางแมนยํา มากขึ้น 5. กด Enter ไดพื้นที่ Selection ตรง โฟรกราวนด . คลิกเลือก Foreground Select Tool
Page 57
2. กําหนดลักษณะการเลือกพื้นที่ใน Tool Options
ภาพตนฉบับ
4. ลากเสนทับบริเวณสีที่ตองการใช คํานวณเปนโฟรกราวนด
พื้นที่ที่ได
3. เลือกพื้นที่ที่จะใชเปนโฟรกราวนดอยางคราวๆ
5. กด Enter
การปรับโหมดการเลือกพืน้ ที ่ การเลือกพื้นที่ดวยเครื่องมือแตละชนิดจะเหมาะกับลักษณะของภาพที่แตกตางกัน แตก็มีภาพบางลักษณะที่เรา จะตองใชเครื่องมือหลายตัวทํางานรวมกัน เพื่อใหการเลือกพื้นที่ครอบคลุมภาพในสวนที่เรา ตองการมากที่สุด ที่ Tool Options ของเครื่องมือการเลือกพื้นที่ทุกตัวจะมีตัวเลือกในการปรับรูปแบบการเลือกพื้นที่ที่เรามาใชได ดังนี้
การเลือกพื้นที่ใหม ในกรณีที่เลือกพื้นที่ภาพเรียบรอยแลว ใหกด ที่ Tool Options ใหเราลากเมาสไปบริเวณพื้นที่ๆ ตองการ เพื่อเลือกพื้นที่ใหม (อาจเปลี่ยนไปใชเครื่องมือเลือกพื้นที่อื่นได)
Page 58
เลือกพื้นที่ครั้งที่ 1
เลือกพื้นที่ครั้งที่ 2
ผลลัพธการเลือกพื้นที่
เลือกขอบเขตภาพเพิ่มขึ้นจากเดิม ในกรณีที่ตองการเลือกขอบเขตภาพเพิ่มขึ้น ใหเลือก
หรือกดคีย <Shift> คางไว ตัวชี้เมาสจะเปลี่ยนเปนรูป
(หากเราใชเครื่องมืออื่นในการเพิ่มพื้นที่ เราจะเห็นเครื่องหมายบวกติดอยูดวยเสมอ เชน ใหเราคลิกเมาสคางไว แลวจึงลากเมาสไปบริเวณพื้นที่ๆ ตองการเพิ่ม
เลือกพื้นที่ครั้งที่ 1
เลือกพื้นที่ครั้งที่ 2
) หลังจากนั้น
ผลลัพธการเลือกพื้นที่
การลดขอบเขตภาพที่เลือกไวจากเดิม ในกรณีการลดขอบเขตที่เลือกไวลง ใหเลือก
หรือกดแปน
<Control>
คางไว ตัวชี้เมาสจะเปลี่ยนเปน
รูป (หากเราใชเครื่องมืออื่นในการตัดพื้นที่ เราจะเห็นเครื่องหมายลบติดอยูดวยเสมอ เชน ใหเราคลิกเมาสคางไว แลวลากเมาสไปบริเวณพื้นที่ๆ ตองการตัด
เลือกพื้นที่ครั้งที่ 1
เลือกพื้นที่ครั้งที่ 2
) หลังจากนั้น
ผลลัพธการเลือกพื้นที่
การเลือกพื้นที่เฉพาะสวนที่ตัดกันของพื้นที่เดิม ในกรณีที่เราตองการเลือกพื้นที่เฉพาะสวนที่ตัดกัน ใหกด หรือกดคีย <Shift+Ctrl> คางไว ตัวชี้เมาสจะ เปลี่ยนเปนรูป (หากเราใชเครื่องมืออื่นในการตัดพื้นที่ เราจะเห็นเครื่องหมายตัว u คว่ําติดอยูดวยเสมอ เชน ) หลังจากนั้นใหคลิกเมาสลากพื้นที่สวนที่เราตองการบนภาพ การเลือกพื้นที่จะเหลือเฉพาะสวนของเสนประที่ ตัดกันเทานั้น
Page 59
เลือกพื้นที่ครั้งที่ 1
เลือกพื้นที่ครั้งที่ 2
ผลลัพธการเลือกพื้นที่
เลือกพื้นที่จากคําสัง่ Select นอกจากจะใชเครื่องมือในกลุม Selection Tool ในการเลือกพื้นที่ไดแลว เรายังสามารถเลือกพื้นที่ในลักษณะ ตางๆ ไดดวยคําสั่ง Select ที่เมนูของหนาตาง Image Window โดยเลือกคําสั่ง Select และเลือกลักษณะการเลือก พื้นที่ เลือกพื้นที่ภาพทั้งหมด ยกเลิกการเลือกพื้นที่ภาพทั้งหมด เลือกพื้นที่ตรงขามกับที่เลือกไว กําหนดพื้นที่ที่เลือกใหเปนเลเยอรลอย เลือกพื้นที่ดวยเครือ่ งมือ Select By Color Tool เลือกพื้นที่จากเสนพาธที่สราง
ตัวอยางการเลือกพื้นที่ตรงขาม เปนการเปลี่ยนจากพื้นที่ไมถูกเลือกในภาพเปนพื้นที่ที่ถูกเลือก (ใชกับเครื่องมือ Selection ทุกประเภท) ไดดังนี้ 1. 2. 3. 4. 5.
และพื้นที่ที่ถูกเลือกกลายเปนพื้นที่ที่ไมถูกเลือก
คลิกเลือกพื้นที่ในสวนของพื้นหลังภาพ ในที่นี้เราจะใชเครื่องมือ Fuzzy Selection Tool ในการเลือก กําหนดคาความแตกตางของคาสีใน Tool Options ตัวอยางนี้กําหนดที่ 80 (คาต่ําจะเลือกสีที่ใกลเคียงกับ ตําแหนงสีที่เราคลิกเมาสมากๆ เทานั้น) ตัวชี้เมาสจะเปลี่ยนเปนรูป ใหเราคลิกเมาสลงบนจุดสีที่ตองการเลือกบริเวณสีที่ใกลเคียงกับจุดที่เราคลิกเมาส จะถูกเลือกไปดวย เลือกคําสั่ง Select>Invert หรือกดคีย <Ctrl+I> สังเกตการเปลี่ยนแปลง จะเห็นวาเสนประจะมาแสดงอยูในพื้นที่ที่เราไมไดเลือกไวในตอนแรก
Page 60
1. คลิกเลือกเครื่องมือ Fuzzy Selection Tool
2. กําหนดคาความแตกตางของ คาสีใน Tool Options
3. เลือกพื้นที่ในสวนของพื้นหลัง 4. เลือกคําสั่ง Select>Invert
จะไดการเลือกพื้นที่ของพื้นหลัง 5. จะไดผลลัพธการเลือกพื้นที่ตรงขาม
Page 61
ตัวอยางการเลือกพืน้ ที่นําไปตกแตงสีสัน
การเลือกพื้นที่อยางปราณีตดวย Quick Mask Toggle ในกรณีที่พื้นที่ๆ เลือกเปนพื้นที่อิสระ ไมมีรูปทรงที่แนนอน รวมทั้งมีความแตกตางของสีภาพกับสีพื้นหลังนอย เราจึงใชสีมาแยกความแตกตางระหวางพื้นที่ๆ ถูกเลือกและพื้นที่ๆ ไมถูกเลือก โดยบริเวณที่มีสีแดงเปนเหมือนกับการใส หนากาก หามไมใหทําการปรับแตงคาบริเวณนั้น ดังนี้ 1. 2. 3.
คลิก ใช คลิก
เพื่อเขาสูโหมดควิกมาสก คลิกลบพื้นที่ในสวนที่เราตองการ อีกครั้งเพื่อกลับมาที่โหมดปกติ จะไดการเลือกพื้นที่
3. คลิกอีกครั้งเพื่อกลับมาที่โหมดปกติ
1. คลิกเพื่อเขาสูโหมดควิกมาสก 2. ใช
คลิกลบพื้นที่ในสวนที่เรา
TIP : ในกรณีที่เราลบพื้นที่เกินจากที่เราตองการ เราสามารถใช
จะไดการเลือกพื้นที่
ระบายสีพื้นที่ใหเปนสีแดงเหมือนเดิมได
Page 62
สวนที่ลบเกินออกมา
ใช ระบายสีพื้นที่ใหเปนสี แดงเหมือนเดิม
การจัดการพืน้ ที่ที่เลือกดวย Selection Editor เราสามารถจัดการการเลือกพื้นที่ไดจากหนาตาง Selection Editor โดยเลือกที่คําสั่ง Select>Selection Editor จะแสดงหนาตางของ Selection Editor ซึ่งมีปุมคําสั่งตางๆ ดานลาง ดังนี้
แสดงสวนที่ถูกเลือก ยกเลิกการเลือกพื้นที่ทั้งหมด สราง Selection Mask ที่ Channel เลือกพื้นที่ทั้งหมด เลือกพื้นที่ตรงขาม
ใสสีใหเสนขอบของการเลือกพื้นที่ สราง Selection Mask ที่ Channel
การปรับแตงการเลือกพื้นที ่ เมื่อเราเลือกพื้นที่แลวเราสามารถปรับแตงการเลือกพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อใหไดลักษณะของการเลือกพื้นที่ที่ตองการ ไดหลายรูปแบบ ดังนี้
ปรับขอบการเลือกพื้นที่ใหฟุงเบลอ เปนการปรับขอบของการเลือกพื้นที่ใหมีความฟุง เพื่อใหการตกแตงภาพดูกลมกลืนขึ้น ไดดังนี้ 1. 2.
เลือกพื้นที่ดวย Ellipse Selection Tool เลือกคําสั่ง Select>Feather...
Page 63 3. 4. 5.
จะปรากฏหนาตาง Feather Selection กําหนดระยะความฟุงเบลอของการเลือกพื้นที่ คลิกปุม เพื่อตกลงใชคาที่กําหนด คลิกที่ขอบภาพ และเลื่อนภาพในพื้นที่ที่เลือกออกมา จะเห็นวาขอบของการเลือกนั้นฟุงดูกลมกลืน
1. คลิกเลือกพื้นที่
2. เลือกคําสั่ง Select>Feather...
3. กําหนดคา Feather
4. คลิกเมาส
ผลลัพธเมื่อคลิกเลือ่ นภาพ
ผลลัพธเมื่อกําหนด Feather เทากับ 0
NOTE
หากเราตองการปรับขอบของภาพ ใหไมมีความฟุงเบลออยางรวดเร็ว ก็สามารถทําได โดยใชคําสั่ง Sharpen
Page 64
ลดขนาดการเลือกพื้นที่อัตโนมัต ิ จะเปนการลดขนาดของการเลือกพื้นที่ลงตามสัดสวนของการเลือกพื้นที่เดิม ตามระยะขอบการเลือกพื้นที่ ดังนี้ 1. 2. 3. 4. 5.
เลือกพื้นที่ เลือกคําสั่ง Select>Shrink จะปรากฏหนาตาง Shink Selection กําหนดระยะจากขอบการเลือกพื้นที่ที่ตองการใหลดลง คลิกปุม เพื่อตกลงใชคาที่กําหนด ขนาดการเลือกพื้นที่จะลดลง 1. เลือกพื้นที่
2. เลือกคําสั่ง Select>Shrink
3. กําหนดระยะในการ ลดขนาดพื้นที่
4. คลิกเมาส
5. ผลลัพธการเลือกพื้นที่จะลดลง
Page 65
เพิ่มขนาดการเลือกพื้นที่ จะเปนการเพิ่มขนาดการเลือกพื้นที่ ตามระยะขอบการเลือกพื้นที่โดยรอบคลายกับการเปลงแสงออกมา ดังนี้ 1. 2. 3. 4. 5.
เลือกพื้นที่ เลือกคําสั่ง Select>Glow จะปรากฏหนาตาง Glow Selection กําหนดระยะจากขอบการเลือกพื้นที่ที่ตองการใหเพิ่มขึ้น คลิกปุม เพื่อตกลงใชคาที่กําหนด ขนาดการเลือกพื้นที่จะเพิ่มขึ้น 1. เลือกพื้นที่
2. เลือกคําสั่ง Select>Glow
3. กําหนดระยะในการเพิ่มขนาดพื้นที่
4. คลิกเมาส
5. ผลลัพธการเลือกพื้นที่จะเพิ่มขึ้น
เปลี่ยนการเลือกพื้นที่เปนการเลือกพื้นที่เสน จะเปนการสรางการเลือกพื้นที่ใหกลายเปนการเลือกพื้นที่ของเสนขอบ ดังนี้ 1. 2. 3.
เลือกพื้นที่ เลือกคําสั่ง Select>Border จะปรากฏหนาตาง Border Selection กําหนดความหนาของเสนที่ตองการ • Feather border ทําใหขอบพื้นที่ที่เลือกนุมนวลขึ้น
Page 66 •
Lock selection to image edges Lock selection to image edges
กําหนดให
ขอบของพื้นที่ที่เลือกไมเปลี่ยนแปลงเมื่อวางชนขอบของภาพพอดี ไมกําหนด Lock selection to image edges
กําหนด Lock selection to image edges 4. 5.
คลิกปุม เพื่อตกลงใชคาที่กําหนด จะเกิดการเลือกพื้นที่เปนเลนขอบ 1. เลือกพื้นที่
2. เลือกคําสั่ง Select>Border
กําหนดคุณสมบัติของเสน
5. ผลลัพธจะเกิดการเลือก พื้นที่เปนเสนขอบ 4. คลิกเมาส
การบันทึกการเลือกพื้นที่ และการนํากลับมาใชใหม เราสามารถบันทึกการเลือกพื้นที่โดยเก็บเปนมาสกใน Channel ได โดยการใชคําสั่ง Save to Channel ซึ่งจะเปนประโยชนเมื่อเราตองการเรียกการเลือกพื้นที่นั้นๆ มาใชอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งสามารถทําไดดังนี้ 1.
หลังจากไดทําการเลือกพื้นที่จากคําสั่ง Selection ตางๆ แลว คลิกเลือก Select>Save (หรือเปดหนาตาง Selection Editor ก็จะพบคําสั่ง Save to Channel เชนกัน)
to Channel
Page 67 2.
ที่พาเล็ต Channel จะปรากฏเลเยอร Selection Mask Copy ซึ่งเปนการมาสกพื้นที่ที่เราเลือกไว เรา สามารถทําการยกเลิกการเลือกพื้นที่เพื่อจัดการรูปภาพดวยคําสั่งอื่นๆ ได
3.
เมื่อตองการนําการเลือกพื้นที่นั้นมาใชใหม ใหคลิกเลือกเลเยอร Selection Mask Copy ที่ ที่พาเล็ต Channel หรือคลิกขวาที่เลเยอรนั้น เพื่อไปยังคําสั่ง Channel Menu>Channel to Selection
4.
จะปรากฏการเลือกพื้นที่เดิมขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
หรือปดหนาตาง Selection Editor
1. คลิกเลือกคําสั่ง Select>Save to Channel
Save to Channel
2. จะปรากฏเลเยอร Selection Mask Copy
เราสามารถทําการยกเลิก การเลือกพื้นที่ได
3. ที่พาเล็ต Channel เลือกคําสั่ง Channel Menu>channel to Selection เมื่อตองการใหการเลือกพื้นที่กลับมาอีกครั้ง
4. จะปรากฏการเลือกพื้นที่เดิม ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
Page 68
บทที่ 4 การจัดวาง และปรับรูปทรง หลังจากที่ไดนําภาพสวนประกอบตางๆ มาวางซอนกันจนเขาที่แลว ในขั้นตอนนี้เราจะมาทําการจัดวาง ปรับ ขนาดภาพ หมุนภาพ และบิดภาพ เพื่อใหสวนประกอบของภาพเหลานี้เขากัน โดยใชเครื่องมือในกลุม Transform Tool
การใชงานเครื่องมือวัดตําแหนงตางๆ กอนการตกแตงภาพ เชน ภาพคน ภาพสิ่งของที่ตองการระบุตําแหนงของวัตถุเหลานั้นใหแนชัด เพื่อตกแตงภาพเฉพาะ จุด โปรแกรมจึงจัดใหมีเครื่องมือที่ชวยอํานวยความสะดวกในการจัดวางงานของเรา ซึ่งไดแกเครื่องมือตางๆ ดังนี้ • • • •
แถบไมบรรทัด (Ruler) ใชอางอิงตําแหนง และตรวจดูขนาดของวัตถุ เสนไกด (Guide) เปนเสนที่ใชอางอิงในการจัดวางวัตถุในชิ้นงาน เสนกริด (Grid) เปนเสนตารางที่ใชเปนแนวอางอิงในการจัดวางวัตถุในชิ้นงาน เครื่องมือวัด (Measure Tool) ไมบรรทัดที่ใชวัดระยะทาง ขนาด และวัดมุมความเอียงของวัตถุ
การบอกตําแหนงภาพดวย Ruler มีลักษณะเหมือนไมบรรทัดที่อยูบริเวณดานบน ตําแหนงตัวชี้เมาสบนภาพ Ruler
และดานซายของหนาตางเปนตัวอางอิงเพื่อใชบอก
เมื่อวางเมาสบนภาพจะแสดงลูกศร ตําแหนงบนแถบไมบรรทัด
การเปลี่ยนหนวยวัดใหกับไมบรรทัด เราสามารถเปลี่ยนหนวยวัดที่ไมบรรทัดได โดยคลิกเลือกหนวยที่ดานลางของหนาตาง Image Window
Page 69
คลิกเลือกเพื่อเปลี่ยน หนวยวัด
ผลลัพธแถบไมบรรทัดเปลี่ยนไป
การซอน/แสดงแถบไมบรรทัด โดยปกติแลวเมื่อเราเปดไฟล หรือสรางไฟลภาพขึ้นมาใหม จะปรากฏแถบของไมบรรทัดขึ้นมาใหเราใชงานทันที แตเราสามารถซอนหรือแสดงแถบไมบรรทัดได โดยเลือกที่คําสั่ง View>Show Ruler ถามีเครื่องหมาย จะเปนการ แสดงไมบรรทัด ถาไมมีเปนการซอนแถบไมบรรทัดไว แถบไมบรรทัดหายไป
เครื่องหมาย หายไป
เลือกคําสั่ง View>Show Ruler
แสดงจุดอางอิงบนภาพดวยเสนไกด เสนไกดเปนเสนที่ใชในการอางอิงระยะบนภาพ โดยเราสามารถใชเสนไกดไดทั้งแนวตั้ง และแนวนอน หรืออาจ นําเสนไกดทั้ง 2 แนวมาตัดกัน เพื่อเกิดพิกัดที่ชวยบงบอกระยะสําหรับแกไขภาพ การวางวัตถุ เปนตน โดยเสนเหลานี้จะไม ถูกพิมพออกทางเครื่องพิมพ ซึ่งการสรางเสนไกดมีวิธีดังนี้ 1.
นําเมาสไปวางที่แนวไมบรรทัดในแนวตั้งหรือแนวนอนก็ได จากนั้นลากเมาสออกมาในตําแหนงที่ตองการก็จะมี เสนไกดแสดงออกมาดวย
Page 70 2.
เมื่อไดตําแหนงที่ตองการแลว ปลอยเมาส เสนไกดจะเปลี่ยนเปนเสนประสีฟา ซึ่งเราสามารถสรางกี่เสนก็ไดตาม ตองการ (เมื่อวางเมาสที่เสนไกด เสนไกดจะเปลี่ยนเปนสีแดง และตัวชี้เมาสจะเปลี่ยนเปนรูป ไกดจะเปลี่ยนเปนสีเขียว)
เมื่อคลิกเสน
ลากเมาสออกมาในตําแหนงที่ตองการแลว ปลอยเมาส จะมีเสนไกด แสดงตามออกมา ดวย
การเคลื่อนยายเสนไกด หากตองการยายตําแหนงเสนไกด ใหคลิกยังเสนไกดที่ตองการยายตําแหนงคางไว และลากไปยังตําแหนงใหมที่ ตองการ
คลิกเสนไกดคางไวแลวลากไปยัง ตําแหนงที่ตองการ
การลบเสนไกด การลบเสนไกดคือ การยายเสนไกดออกไปนอกหนาตางภาพ เสนไกดก็จะหายไป โดยการคลิกเมาสคางไว แลว ลากออกไปที่แถบไมบรรทัด
Page 71
คลิกที่เสนคางไวแลวลากไปยัง แถบไมบรรทัด
การซอนและแสดงไกด หากตองการซอนเสนไกดไว ใหเลือกคําสั่ง View>Show Guides ใหเครื่องหมาย กลับกัน ถาตองการใหเสนไกดกลับมาแสดงก็ใหเลือกคําสั่ง View>Show Guides อีกครั้ง
หายไป และในทาง
เลือกคําสั่ง View>Show Guides
แสดงเสนไกด
ไมมีเครื่องหมาย
ไมแสดงเสนไกด
Page 72
การแสดงจุดพิกัดบนภาพดวยกริด กริดเปนจุดที่บอกพิกัดเพื่ออางอิงตําแหนง เกิดจากเสนแนวตั้ง และแนวนอนมาตัดกันจนเกิดจุดตัดระหวางเสน โดยระยะหางระหวางจุดจะมีระยะหางที่เทากัน เราสามาถทําใหโปรแกรมแสดงเสนกริดได โดยเลือกคําสั่ง View>Show Grids (สังเกตวาหลังจากเลือกแลวจะปรากฏเครื่องหมาย ขึ้นมา) เลือกคําสั่ง View>Show Grids
ผลลัพธแสดงเสนกริด
นอกจากนี้ภายในโปรแกรมยังสามารถกําหนดรายละเอียดของเสนกริดได โดยเลือกที่เมนู Edit ในหนาตาง Image Window และเลือกคําสั่ง Preferences จะปรากฏหนาตาง Preferences ใหเรากําหนดลักษณะของ Default Grids ดังนี้ 1. เลือกคําสั่ง File>Preferences
3. กําหนดคาตางๆ
สรางความแมนยําในการวางภาพดวย Snap
2. เลือกกําหนดลักษณะของ Default Grids
4. คลิกเมาส
Snap เปนคําสั่งที่จะทําใหวัตถุที่เรานํามาวางถูกดูดติดกับแนวเสนไกด เสนขอบของหนาเอกสาร และเสนกริด
Page 73
เลือกคําสั่ง View>Snap to Guides
การเลือกใช Snap ในลักษณะตางๆ • ใช Snap ยึดแนวเสนไกด ใหเลือกคําสั่ง View>Snap to Guides คลิกใหเปนเครื่องหมาย • ใช Snap ยึดแนวเสนกริด ใหเลือกคําสั่ง View>Snap to Grid คลิกใหเปน
เครื่องหมาย แสดง Snap วางยึดเสนไกด
วัดระยะของวัตถุดวย Measure Tool เราสามารถวัดระยะทาง และมุมจากตําแหนง 2 ตําแหนงได โดยการใช Measure Tool ซึ่งทําหนาที่ เหมือนไมบรรทัดวัดระยะทาง และไม Protector วัดมุม เพื่อใหการทํางานของเราสะดวกรวดเร็ว และแมนยําขึ้น โดยมี วิธีการตอไปนี้ 1. 2.
คลิกเลือกเครื่องมือ Measure Tool ลากเมาสระหวางจุดเริ่มตน และจุดปลายที่ตองการวัด
Page 74 3.
คลิกเลื่อนเมาสใหจุดปลายทํามุมกับแนวนอน ลากเมาสไปยังจุดที่ตองการ
1. คลิกเลือกเครื่องมือ Measure Tool
2. คลิกลากเมาสระหวางจุดเริ่มตน และจุดปลาย
NOTE
เราสามารถดูระยะทาง และองศาของมุมที่เราใชเครื่องมือ Measure Tool ลากไป โดยคลิกเลือก Use info Window ที่ Tool Options ของเครื่องมือ Measure Tool จะทําใหปรากฏหนาตาง Measure แสดงระยะทาง และองศาของมุมที่เราวัดได ปรากฏหนาตาง Measure
คลิกเลือก Use info Window ที่ Tool Options
แสดงระยะทาง
แสดงคามุม
ความกวาง
ความสูง
นอกจากนั้น เรายังสามารถเลื่อนเสนวัดระยะทาง หรือมุมจากจุดที่เราวัดไวแลว โดยเลื่อนเมาสไปที่เสนนั้น ตัวชี้ เมาสจะเปลี่ยนเปนรูป
แลวลากเมาสเลื่อนเสนไปยังตําแหนงที่ตองการ
Page 75
จุดปลายของ ตําแหนงเดิม
คลิกเมาสเลื่อนเสนไปยัง ตําแหนงใหมที่ตองการ
TIP
ถาเรากดคีย <Ctrl> คางไวขณะที่ ทําการลากเมาส จะบังคับเมาสใหเลื่อนเพิ่มหรือลดลงทีละ 15 องศา
รูจักกับการปรับรูปทรงภาพดวยเครื่องมือ Transform Tool เปนเครื่องมือที่นําภาพหรือพื้นที่ภาพที่เราเลือกไว มาปรับรูปทรงใหเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เชน ปรับภาพใหมี ขนาดเล็กลง ปรับทิศทางการวางภาพใหเอียง ยืดและบิดภาพ เปนตน ซึ่งวิธีการเหลานี้ สามารถปรับไดตามที่เราคลิกกําหนด รูปทรง หรือกําหนดคาในหนาตางของเครื่องมือชนิดตางๆ เพื่อกําหนดคาได ปรับขนาดภาพ (Scale Tool)
หมุนภาพ (Rotate Tool)
Page 76
บิดภาพ (Shear Tool)
บิดภาพ (Perspective Tool)
พลิกกลับดานภาพ (Flip Tool)
การปรับขนาดภาพใหพอดีดวย Scale Tool ภาพที่ตัดตอมาซอนอยูนั้น บางครั้งขนาดจะเล็กหรือใหญกวาพื้นที่ที่เราจะวางภาพ ดังนั้นตองปรับขนาดกันสัก หนอยดวย 1. 2.
Scale Tool ดังนี้
ใชเครืองมือตัดภาพตัดภาพออกมา กอปปภาพที่ตัดมาวางในภาพอีกภาพหนึ่ง
4.
คลิกเลือก Scale Tool เพื่อกํานดขนาด คลิกที่รูปเพื่อปรับขนาด หรือ กําหนดขนาด โดยการตั้งคาที่หนาตาง Scale
5.
เมื่อกําหนดขนาดเรียบรอยแลว คลิกที่ปุม
3.
เพื่อตกลงใชคา
Page 77
1. ตัดภาพจากภาพตนฉบับ
2. กอปปภาพที่ตัดมาวางในภาพอีกภาพหนึ่ง
3. คลิกเลือก Scale Tool หรือกําหนดคาตางๆ
5. คลิกเมาสเพื่อตกลงใชคา
4. คลิกบนภาพเพื่อ กําหนดขนาด
ผลลัพธเมื่อเปลี่ยน ขนาดใหพอดี
กําหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือ Scale Tool เราสามารถกําหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมของเครื่องมือ Scale Tool ไดที่ Tool Options ดานลางของหนาตาง Main Toolbox ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
Page 78
เลือกโหมดการจัดการกับวัตถุชนิดตางๆ
กําหนดคุณภาพของการปรับภาพ กําหนดการตัดภาพที่ถูกปรับ เรียบรอยแลวใหมีขนาดเทากับ ขนาดภาพตนฉบับโดยอัตโนมัติ
เลือกลักษณะการปรับขนาดได 2 แบบ คือ Normal (Forward) คือการปรับไป ตามที่เรากําหนด และแบบ Corrective (Backward) เปนการปรับไปในทิศ ทางตรงขามกับที่กําหนด กําหนดลักษณะภาพตัวอยาง ในการปรับภาพ
กําหนดใหอัตราสวนระหวาง ความกวาง และความสูงคงที่
หมุนภาพใหไดมุมที่ลงตัวดวย Rotate Tool หากภาพที่ตัดตอมานั้นอยูในทิศทาง หรือมุมที่ไมลงตัว อันนี้ก็หมุนใหอยูในที่ควรจะอยูไดดวย
Rotate Tool
ดังนี้ 1. 2.
3.
คลิกเลือก Rotate Tool เพื่อกําหนดขนาด คลิกที่รูปเพื่อหมุนภาพ หรือกําหนดการหมุน โดยการตั้งคาที่หนาตาง Rotate ดังนี้ • Angle กําหนดมุมในการหมุน • Center X และ Center Y กําหนดจุดหมุน เมื่อกําหนดการหมุนภาพเรียบรอยแลว คลิกที่ปุม 1. คลิกเลือก Scale Tool
เพื่อตกลงใชคาที่กําหนด หรือกําหนดรายละเอียดเพื่อทําการหมุนภาพ
3. คลิกเมาส
Page 79
2. คลิกที่รูปเพื่อหมุนภาพ
ผลลัพธการหมุนภาพ
กําหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือ Rotate Tool เราสามารถกําหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมของเครื่องมือ Rotate Tool ไดที่ Tool Options ดานลางของหนาตาง Main Toolbox ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ เลือกโหมดการจัดการกับวัตถุชนิดตางๆ กําหนดคุณภาพของ การปรับภาพ กําหนดการตัดภาพที่ถูกปรับ เรียบรอยแลวใหมีขนาดเทากับ ขนาดภาพตนฉบับโดยอัตโนมัติ
เลือกลักษณะการปรับขนาดได 2 แบบ คือ Normal (Forward) คือการปรับไปตามที่เรา กําหนด และแบบ Corrective (Backward) เปนการปรับไปในทิศทางตรงขามกับที่ กําหนด กําหนดลักษณะภาพตัวอยางใน การปรับภาพ ใหการหมุนเปลี่ยนมุมไปครั้งละ 15 องศา
บิดภาพใหลาดเอียงดวย Shear Tool เปนการบิดภาพใหมีลักษณะลาดเอียง โดยใหบิดกรอบดานใดดานหนึ่ง ซึ่งกรอบอีกดานจะอยูคงที่ จะปรากฏ กรอบสําหรับการบิดภาพใหบิดไปซายขวาหรือบนลางตามตองการ ดังนี้ 1. 2.
คลิกเลือก Shear Tool คลิกที่รูปเพื่อทําการบิดภาพ หรือกําหนดการบิดภาพ โดยการตั้งคาที่หนาตาง Shear ดังนี้ • Magnitude X / Y กําหนดระยะจากมุมเดิมที่ยื่นออกมาเมื่อทําการบิดภาพ
Page 80
3.
เมื่อกําหนดการบิดภาพเรียบรอยแลว คลิกที่ปุม
เพื่อตกลงใชคา
1. คลิกเลือก Shear Tool
2. คลิกที่ภาพเพื่อทํา การบิด
หรือกําหนดระยะเพือทํา การบิดภาพ
3. คลิกเมาส
ผลลัพธการบิดภาพ
บิดภาพใหผดิ สัดสวนดวย Perspective Tool เปนการบิดภาพโดยมุมทั้งสองขางเอียงเขาหากัน Perspective Tool ดังนี้ 1. 2. 3.
หรือบิดภาพไดโดยไมมีการรักษาสัดสวนภาพ
โดยใช
คลิกเลือก Perspective Tool คลิกเลื่อนมุมของภาพเพื่อทําการบิดภาพ ในเครื่องมือนี้เราไมสามารถตั้งคาไดจากหนาตาง Perspective แตที่ หนาตางนี้จะแสดงขอมูลการบิดภาพของเราแทน เมื่อกําหนดการบิดภาพเรียบรอยแลว คลิกที่ปุม เพื่อตกลง 1. คลิกเลือก Perspective Tool
2. คลิกที่มุมของภาพเพื่อทําการบิด
Page 81
3. คลิกเมาสเพื่อตกลง
ผลลัพธการบิดภาพ
กําหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือ Shear Tool และ Perspective Tool เราสามารถกําหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมของเครื่องมือ Shear Tool และ Perspective Tool ไดที่ Tool Options ดานลางของหนาตาง Main Toolbox ซึ่งมีรายละเอียดหนาตาง Tool Option ของ Shear Tool และ Perspective Tool ที่เหมือนกัน ดังนี้ เลือกโหมดการจัดการกับวัตถุชนิดตางๆ เลือกลักษณะการปรับขนาดได 2 แบบ คือ Forward คือการปรับไปตามที่เรากําหนด และแบบ Backward เปนการปรับไปในทิศ ทางตรงขามกับที่กําหนด
กําหนดการตัดภาพที่ถูกปรับ เรียบรอยแลวใหมีขนาดเทากับ ขนาดภาพตนฉบับโดยอัตโนมัติ
กําหนดคุณภาพของการปรับภาพ
กําหนดลักษณะภาพตัวอยางใน การปรับภาพ
การพลิกกลับดานรูปดวย Flip Tool เปนกลับดานของภาพจากซายเปนขวา หรือ จากดานบนเปนดานลาง โดยใช 1.
คลิกเลือก
2.
เลื่อนเมาสมาที่ภาพ (ลูกศรจะกลายเปนรูป กลับดานภาพ ภาพที่ไดจะถูกพลิก
3.
Flip Tool ดังนี้
Flip Tool
กลับภาพในแนวนอน และ
กลับภาพในแนวตั้ง) และคลิกเพื่อ
Page 82
2. เลื่อนเมาสมาที่ภาพ (พลิกจากซายเปนขวา)
1. คลิกเลือก Flip Tool
3. ผลลัพธการพลิกภาพ
ตัวอยางการพลิกภาพในแนวตั้ง (กลับดานบนเปนดานลาง)
กอนพลิก
หลังพลิก
TIP
เราสามารถเปลี่ยนแนวในการพลิกภาพได โดยกําหนดคุณสมบัติของเครื่องมือที่ Tool Option โดยเลือก Flip Type เปนแบบ Horizontal (แนวนอน) หรือ Vertical (แนวตั้ง) หรือกดคีย <Ctrl> คางไวขณะคลิกเพื่อ พลิกภาพ (สังเกตจากรูปลูกศรที่เปลี่ยนไป
และ
)
NOTE
โหมดการจัดการกับวัตถุ (Affect) ใน Tool Options ของเครื่องมือ Transform ตางๆ จะมีอยู 3 โหมด ดังนี้ จัดการกับเลเยอร หรือภาพในเลเยอร เชน ปรับขนาดภาพ หมุนภาพ บิดภาพ จัดการกับการเลือกพื้นที่ เชน ปรับขนาดการเลือกพื้นที่ หมุนปรับการเลือกพื้นที่ บิดรูปรางของการเลือกพื้นที่
Page 83
จัดการกับชิ้นพาธ เชน ปรับขนาดพาธ หมุนพาธ บิดรูปรางของพาธ ลักษณะของการแสดงภาพตัวอยางในการปรับภาพ (Preview) Outline จะแสดงเพียงเสนกรอบใหเห็นวารูปเปลี่ยนไปในลักษณะใด
จะแสดงเปนเสนตารางกริดใหเห็นวารูปเปลี่ยนไปในลักษณะใด ซึ่ง สามารถกําหนดจํานวนกริดที่แสดงบริเวณดานลางได
Grid
Image จะแสดงเปนลักษณะของรูปภาพที่เปลี่ยนไป
Image and grid จะแสดงทั้งรูปภาพและเสนกริดเปนลักษณะภาพที่
เปลี่ยนไป
Page 84
บทที่ 5 การสรางขอความตกแตงภาพ การสรางงานกราฟกนอกจากจะประกอบดวยภาพหลายๆ ภาพที่นํามาตกแตงเปนเรื่องราวที่ตองการแลว เรายัง สามารถใสขอความที่เปนชื่อเรื่อง หรือคําอธิบายรายละเอียดของเรื่องที่ตองการนําเสนอนั้นดวย เนื้อหาในบทนี้เราจะกลาว กันถึงเรื่องการใสตัวอักษรลงไปในภาพ และการปรับแตงตัวอักษรและขอความตางๆ
รูจักกับรูปแบบของตัวอักษรทีใ่ ชในโปรแกรมกราฟก ตัวอักษรที่ใชในโปรแกรมกราฟก โดยทั่วไปแบงออกเปน 2 ประเภท เชนกัน คือ แบบ Outline หรือแบบ Vector ตัวอักษรแบบ Outline จะถูกจัดเก็บในลักษณะการประมวลผลเปนสูตรคณิตศาสตร ทําใหไมเกิดปญหารอย หยัก แตก บนขอบตัวอักษรเมื่อเกิดการยอ/ขยายตัวอักษร จึงเหมาะสําหรับนํามาใชในงานสิ่งพิมพและงานศิลป อยางไรก็ ตาม ตัวอักษรแบบนี้จะนําไปตกแตงเอฟเฟกตโดยใชฟลเตอรไมได แบบ Bitmap ตัวอักษรแบบ Bitmap จะถูกจัดเก็บในรูปแบบพิกเซล ทําใหสะดวกในการประมวลผลเรื่องสี โดยเฉพาะอยาง ยิ่งการลงสีและการตกแตงภาพ ฉะนั้นขอดีของอักษรแบบ Bitmap คือ สามารถใชไดกับการใสเอฟเฟกตและฟลเตอร ในขณะที่ขอเสีย คือ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงขนาด เชน การขยายขนาดจะทําใหตัวอักษรแตก แบบ Outline: ขอความทั่วไปที่ตองการความคมชัด
แบบ Bitmap: ขอความที่ตองการเนนโดยการใส เอฟเฟกตพเิ ศษ
จากขอดีและขอเสียของตัวอักษรแบบ Outline และ Bitmap ที่ผานมาเราสรุปไดดังนี้คือ ตัวอักษร Outline 1. ปรับเปลี่ยนขนาดไดตามใจชอบภาพไมแตก 2. แกไขขอความไดงาย 3. การปรับแตงสี และลูกเลนทําไดนอยมาก
ตัวอักษร Bitmap 1. ปรับเปลี่ยนขนาด ภาพจะแตก 2. แกไขขอความยาก หรือแกไขไมได 3. การปรับแตงสี และลูกเลนทําไดมาก
Page 85
ฉะนั้นหลักการและเทคนิคในการปรับแตงตัวอักษรที่ดีที่สุด คือ พิมพขอความ กําหนดขนาดและดูความถูกตอง ของขอความใหตรงกับความตองการมากที่สุด หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนจากตัวอักษรแบบ Outline มาเปนตัวอักษรแบบ Bitmap จากนั้นก็ปรับเปลี่ยนสี และใสเอฟเฟกตใหกับตัวอักษร เพราะถาเราแปลงขอความจาก Outline เปน Bitmap แลว ตอจากนั้นมาปรับขนาดทีหลังจะสงผลใหความละเอียดของภาพผิดเพี้ยนไป
การสรางตัวอักษรแบบ Outline ตัวอักษรแบบ Outline เหมาะสําหรับการนําเสนอขอความที่มีความคมชัด และมีสีสันเรียบงาย เพราะตัวอักษร แบบ Outline ไมสามารถใสเอฟเฟกตไดมากนัก สามารถสรางไดดังนี้ 1. 2. 3. 4.
คลิกเลือก Text Tool คลิกบริเวณภาพที่ตองการใสขอความ จะปรากฏหนาตาง GIMP Text editor พิมพขอความที่ตองการ กําหนดลักษณะตัวอักษรที่ Tool Options • Font กําหนดรูปแบบตัวอักษร • Size กําหนดขนาดของตัวอักษร • Hinting คลิกเพื่อใชสําหรับการสรางขอความขนาดเล็กใหดูชัดเจนมากขึ้น • Force auto-hinter คลิกเพื่อใหโปรแกรมสรางขอความใหดูสวยงามมากที่สุด ซึ่งจะกําหนดคาโดย อัตโนมัติ • Antialiasing คลิกเพื่อกําหนดการตัดเหลี่ยมขอบของขอความใหขอความดูสวยงามมากขึ้น • Color กําหนดสีของขอความ • Justify กําหนดการจัดเรียงขอความในกรอบขอความ มี 4 แบบ คือ กําหนดใหวางชิดขอบซาย กําหนดใหวางชิดขอบขวา กําหนดใหวางกึ่งกลาง
5.
กําหนดใหวางเต็มบรรทัด • Indent กําหนดระยะของจุดเริ่มตนของขอความในกรอบขอความ • Line spacing กําหนดระยะชองวางระหวางบรรทัดของขอความ Letter spacing กําหนดระยะหางระหวางตัวอักษร • • Text along path กําหนดใหขอความที่พิมพไหลไปตามเสนพาธ • path from text คลิกที่ปุมนี้เพื่อสรางขอความที่พิมพใหเปนเสนพาธ คลิกปุม เพื่อสิ้นสุดการกําหนด และแกไขขอความ
Page 86
1. คลิกเลือก Text Tool
3. พิมพขอความ
5. คลิกเมาส 2. คลิกบริเวณภาพที่ตองการใสขอความ
4. กําหนดลักษณะตัวอักษร
ผลลัพธที่ได
การแกไขขอความที่พิมพผิดพลาด ถาเราพิมพขอความผิด หรืออยากปรับรูปแบบใหม มีขั้นตอนดังนี้ 1. 2.
เลือก Text Tool และคลิกไปบนกรอบขอความ จะปรากฏหนาตาง GIMP Text Editor ใหเราพิมพแกไขขอความ
ลากเมาสบนตัวอักษรใหเกิดแถบสีน้ําเงินครอบตัวอักษรเพื่อพิมพคําใหมทับลงไป
ลากเมาสบนตัวอักษรใหเกิดแถบสีน้ําเงินครอบตัวอักษรเพื่อพิมพคําใหมทับลงไป
Page 87
ขณะที่เลือกกําลังแกไขขอความที่หนาตาง GIMP Text Editor สามารถปรับแตงรายละเอียด ตัวอักษรเพิ่มเติม ไดที่ Tool Options
การสรางตัวอักษรแบบ Bitmap ทําไดโดยการเลือกพื้นที่เปนรูปขอความที่ตองการ และใชเครื่องมือเติมสี หรือระบายสีตางๆ ลงสีใหกับพื้นที่รูป ตัวอักษรที่เลือกไว ทําใหสามารถตกแตงสีของขอความไดมากขึ้น สามารถทําได ดังนี้ 1. 2. 3. 4. 5.
พิมพขอความที่ตองการเหมือนกับการสรางขอความแบบ Outline คลิกเลือกที่ปุม ใน Tool Options เพื่อสรางขอความใหเปนเสนพาธ คลิกปุม เพื่อสิ้นสุดการกําหนด และแกไขขอความ ไปที่ไดอะล็อก Path คลิกเมาสขวาที่พาธขอความเลือกคําสั่ง Path to selection เพื่อสรางการเลือก พื้นที่เปนรูปขอความ ใช ระบายสีใหกับพื้นที่รูปขอความที่เลือก
1. พิมพขอความ
2. คลิกเมาส
3. คลิกเมาส
Page 88
4. คลิกเมาสขวาเลือก คําสั่ง Path to Selection
จะไดการเลือกพื้นที่เปนรูปขอความ
ผลลัพธจะไดตัวอักษรแบบ Bitmap
5. ระบายสีพื้นที่ที่เลือก
แปลงตัวอักษร Outline ใหเปนแบบ Bitmap เนื่องจากขอความแบบ Outline ใหความคมชัด ในขณะที่ขอความแบบ Bitmap นําไปใชตกแตงเอฟเฟกต โดยใชเครื่องมือตางๆ ดังนั้นถาเราตองการจุดดีของทั้งสองแบบ ใหเราเริ่มโดยการสรางขอความแบบ Outline กอน เมื่อ วางที่ตําแหนงและขนาดเหมาะสม เราก็จะแปลงเปนแบบ Bitmap ดังตัวอยางตอไปนี้ 1. 2. 3.
พิมพขอความที่ตองการ คลิกเมาสขวาที่เลเยอรของขอความในไดอะล็อก Layers เลือกคําสั่ง แปลงขอความ ขอความ Outline จะเปลี่ยนไปเปนแบบ Bitmap 1. พิมพขอความ
Discard Text Information
เพื่อ
Page 89
2. คลิกเมาสขวา เลือกคําสั่ง Discard Text Information 3. ขอความ Outline จะ เปลี่ยนไปเปนแบบ Bitmap
สรางขอความแบบแฟนตาซีดวย Alpha to Logo เปนการสรางขอความที่มีรูปแบบสวยงาม โดยเปนรูปแบบขอความสําเร็จรูปกําหนดมาใหเราเลือกใช และทําการ กําหนดคาเพิ่มเติมนิดหนอยเทานั้น เชน มีการเติมสีขอความเปนลวดลาย มีแสงรอบๆ ขอความ เปนตน (ซึ่งก็คือฟลเตอร Script-Fu ในเวอรชั่นกอนๆ) จะใชงานขอความจาก Alpha to Logo ได ดังนี้ 1. 2. 3.
4.
เลือกคําสั่ง Filters>Alpha to Logo ที่หนาตาง Image Window เลือกรูปแบบของขอความ ตัวอยางจะเลือกแบบ Alien-Glow กําหนดคาตางๆ ใหกับขอความ • Glow size ขนาดของของแสงที่เปลงออกมารอบตัวอักษร • Glow color สีของแสงที่เปลงออกมารอบตัวอักษร คลิกปุม เพื่อตกลงใชงานรูปแบบขอความที่เลือก
1. เลือกคําสั่ง Filters>Alpha to Logo 2. เลือกรูปแบบของขอความที่จะสราง 3. กําหนดคาตางๆ
4. คลิกเมาส
Page 90
ผลลัพธของขอความที่ได
ตัวอยางขอความรูปแบบตางๆ
Page 91
บทที่ 6 การทํางานกับเลเยอร ในบทแรกเราไดทราบถึงวิธีการเลือกพื้นที่ภาพ การตัดภาพจากไฟลตางๆ มารวมกันเปนชิ้นงาน และการใส ขอความลงไปประกอบในชิ้นงาน ดังนั้นในบทนี้เราจะมา สรางชิ้นงานกันอยางตอเนื่อง โดยการจัดวางภาพที่ซอนกันอยูให ลงตัวมากยิ่งขึ้น ใน GIMP เรียกการทํางานนี้วา “เลเยอร” ซึ่งชวยอํานวยความสะดวกในการจัดวางภาพแตละสวนที่วาง ซอนกันอยูเปนชั้นๆ ทําใหสามารถทํางานกับภาพเฉพาะสวนไดโดยไมมีผลกระทบกับสวนอื่นๆ ของภาพที่ไมเกี่ยวของ
ความหมายของ Layer เลเยอร (Layer) เปนการซอนภาพเหมือนกับนําแผนใสที่มีภาพซอนทับกันเปนชั้นๆ ซึ่งบริเวณของแผนใสที่ไม มีรูปก็จะสามารถมองเห็นทะลุถึงแผนใสที่อยูชั้นลางได และเมื่อนําทุกแผนใสทุกชั้นมาวางซอนทับกัน จะทําใหเกิดเปน รูปภาพที่สมบูรณ การใชเลเยอรจะชวยใหเราจัดวางงานไดงาย เนื่องจากแตละเลเยอรทํางานเปนอิสระตอกัน มีคุณสมบัติ ตางๆ เปนของตัวเอง จึงทําใหการแกไขที่เราทําในแตละเลเยอรนั้นไมสงผลตอเลเยอรอื่นๆ ภาพในแตละเลเยอรจะซอน กันเหมือนแผนใส
แผนใสภาพขอความ
แผนใสตกตาหมี
แผนพื้นหลัง
สามารถอานและปรับแตงไฟล .psd ของโปรแกรม Photoshop ที่มีการตั้งเลเยอรไวไดทันที โดย ไมตองปรับแตงแกไขใดๆ เพิ่มเติม Gimp
การซอนภาพดวยเลเยอร ตัวอยางนี้ เราจะลองนําภาพและขอความมาซอนกัน เพื่อจะสรางสรรคงานออกมาใหดูนาสนใจมากยิ่งขึ้น มี ขั้นตอนดังนี้ o o o
ขั้นตอนที่ 1 ขั้นตอนที่ 2 ขั้นตอนที่ 3
เปดภาพที่สรางเปนฉากหลัง ซอนภาพมาในเลเยอรที่ 2 ใสขอความลงในภาพ
Page 92
ลากภาพตุกตาหมีมาซอน
1. เปดภาพที่สรางเปนฉากหลัง
ใสขอความลงในภาพ
การสรางเลเยอร
หลังจากที่เราเปดภาพจากไฟล background.psd ขึ้นมาเพื่อสรางฉากหลัง จะ เห็นวาที่ไดอะล็อก Layers จะมีเพียงเลเยอรเดียว คือ Background เราตองทําการสรางเลเยอรใหมเพื่อใสภาพดอกไม ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 1.
ที่หนาตาง Image Window เลือกคําสั่ง Layer>New Layer หรือใน หนาตาง Docking ที่ไดอะล็อก Layers คลิกเมาสที่
2.
จะปรากฏหนาตาง
New
เพื่อทําการสรางเลเยอรใหม Layer ใหเราพิมพชื่อลงในชอง
Layer 3.
คลิกปุม
สรางเลเยอรใหมตามที่เรากําหนด
Layer Name
จากนั้นกําหนดรูปแบบของ
Page 93
1. เลือกคําสั่ง Layer>New Layer
หรือคลิกเมาส เพื่อสรางเลเยอร
2.พิมพชื่อเลเยอร
กําหนดรูปแบบ ของเลเยอร
เลเยอรจะถูกสราง ขึ้นใหม
3. คลิกเมาส
หลังจากทําการสรางเลเยอรใหมเรียบรอยแลวใหเราทําการคัดลอกภาพตุกตาหมีที่เตรียมไวมาวางบนเลเยอรที่ สรางใหม
ผลที่ไดจากการ ซอนเลเยอรตุกตา หมีกับพื้นหลัง
วางภาพตุกตาหมีบนเลเยอรที่สรางใหม
การใชงานเลเยอร ในหัวขอนี้เราจะมาเรียนรูจักวิธีการใชงานเลเยอรเบื้องตน อื่นๆ ได
เพื่อใหเราสามารถประยุกตไปใชกับงานเลเยอรเรื่อง
Page 94
ทํางานกับ Active Layer ในการใชงานโปรแกรม GIMP แมชิ้นงานจะประกอบไปดวยหลายเลเยอร แตเราจะทํางานไดเพียงทีละเลเยอร เทานั้น โดยเลเยอรที่เรากําลังทํางานอยูเรียกวา “Active Layer” ซึ่งในพาเล็ต Layers จะปรากฏเปนแถบสีน้ําเงิน แสดงวากําลังทําการปรับแตงใหกับเลเยอรนั้น
แถบสีน้ําเงิน หมายถึง Active Layer
คลิกเมาสที่เลเยอรที่ ตองการใชงาน
จากนั้น Active Layer จะ เปลี่ยนไปตามเลเยอรที่เราเลือก
ซอนและแสดงเลเยอร ถาชิ้นงานที่เราแกไขประกอบไปดวย เลเยอรจํานวนมาก เราอาจตองการซอนบางเลเยอรที่ยังไมไดใช เพื่อความ สะดวกในการทํางาน เมื่อเสร็จแลวก็ใหแสดงเลเยอรนั้นใหเห็นดังเดิม ดังตัวอยางเราจะทดลองซอนเลเยอรขอความ ดังนี้ ซอนเลเยอร 1. คลิกเมาสที่ เพื่อซอนเลเยอร (ชองสถานะนั้นจะเปลี่ยนเปน 2. ผลลัพธที่ได คือ เลเยอรภาพหมีจะหายไป
)
ภาพตนฉบับ 1. คลิกเมาสเพื่อซอนเลเยอร
2. เลเยอรภาพหมีจะ หายไป
Page 95
แสดงเลเยอร อีกครั้งหนึ่ง (ชองสถานะจะเปลี่ยนกลับมาเปน 1. แสดงเลเยอร โดยคลิกเมาสที่ 2. ผลลัพธที่ไดคือ เลเยอรตุกตาหมีจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง
)
คลิกเมาสเพื่อแสดงเลเยอร
ภาพในเลเยอรตุกตาหมีกลับมา TIP
เราสามารถทําการซอนและแสดงเลเยอรไดทีละหลายๆ เลเยอรพรอมกัน เพียงแตทําการคลิกชอง ซอนและแสดงในเลเยอรที่ตองการ
เพื่อเลือก
คัดลอกเลเยอร ในการทํางานกับเลเยอรอาจมีขอผิดพลาดเกิดขึ้นได หากเราตองการปองกันไมใหเลเยอรนั้นสูญหายไปดวย ขอ แนะนําใหทําการคัดลอกเลเยอรสํารองไว โดยเลเยอรใหมที่ถูกคัดลอกออกมานั้นจะมีคุณสมบัติเหมือนเลเยอรตนแบบทุก ประการ เพียงแตชื่อของเลเยอรจะมีคําวา Copy ตอทาย เชน ถาเราคัดลอก Layer 1 เราจะไดเลเยอรใหมที่มีชื่อวา “Layer 1 Copy” เราสามารถทําไดดังนี้ 1. 2.
เลือกเลเยอรที่ตองการทําการคัดลอก คลิกไอคอน Duplicate layer เพื่อทําการคัดลอกเลเยอร
1. เลือกเลเยอรที่ ตองการคัดลอก จะไดเลเยอรใหม หลังการคัดลอก 2. คลิกเมาส
Page 96
NOTE
การคัดลอกเลเยอรเขาไปไวในตางไฟลภาพ สามารถทําโดยเลือกเลเยอรที่ตองการในหนาตาง Docking และทํา การคัดลอกภาพในหนาตาง Image Window ไปวางยังไฟลที่ตองการ ทั้งนี้ตองระวังเรื่อง Resolution ที่ตางกัน ระหวางตนทางและปลายทาง หากปลายทางมีคา Resolution ต่ํากวาตนทาง รูปที่ปรากฏที่ปลายทางจะมีขนาดเล็กลง
เปลี่ยนลําดับของเลเยอร โดยปกติภาพที่ซอนกันจะถูกเรียงเลเยอรเปนลําดับตามการสรางงานของเรา (สรางกอนจะอยูชั้นลางสุด) แตเพื่อ ความเหมาะสม เราก็สามารถสลับตําแหนงการวางของเลเยอรแตละเลเยอรได โดยคลิกที่ปุม เพื่อเลื่อนเลเยอรขึ้น หรือ เพื่อเลื่อนเลเยอรลงดานลาง ในตัวอยางเราจะลากเมาสสลับตําแหนงของเลเยอร โดยใหเลเยอร Text จากที่เคยอยูบนสุดมาอยูดานลางของ Flower ที่เปนภาพดอกไม เพื่อใหขอบภาพดานลางของดอกไมแสดงอยูเหนือขอความ
กอนการเปลี่ยนลําดับเลเยอร 1. 2. 3.
หลังการเปลี่ยนลําดับเลเยอร
คลิกเมาสเลือกเลเยอรที่ตองการยาย (ในที่นี้เลือกเลเยอรขอความ “Miss You..”) คลิกเมาสที่ปุม เพื่อเลื่อนเลเยอรลงมาดานลาง ผลลัพธที่ไดเลเยอรขอความจะเปลี่ยนตําแหนงไปยังตําแหนงที่ตองการ (อยูดานลางตุกตาหมี)
การรวมเลเยอรลอยเขากับเลเยอรหลัก เมื่อเราทําการใช Selection Tool เลือกพื้นที่แลวเคลื่อนยายภาพที่เลือก หรือคัดลอกไฟลภาพจากที่อื่นมาวาง ในหนาตาง Image Window ภาพดังกลาวจะเปนเลเยอรลอย ทําใหเราไมสามารถทําการแกไขในสวนอื่นตอได ดังนั้น เราตองทําการรวมเลเยอรลอยเขากับเลเยอรหลักเสียกอน ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 1. 2. 3.
เลือกเลเยอรหลักที่ตองการนําไฟลภาพที่คัดลอกเขามารวมดวย (ในที่นี้เลือก เลเยอรภาพดอกไม) เลือกคําสั่ง Edit>Paste ในหนาตาง Image Window เพื่อวางไฟลภาพที่ทําการคัดลอกมา จะปรากฏเล เยอรลอย (Floating Selection) เปนเลเยอรบนสุดในหนาตาง เลือกไอคอน ในหนาตางเลเยอร หรือ คลิกเมาสนอกขอบของเลเยอร ในหนาตาง Image Window เพื่อรวมเลเยอรภาพผีเสื้อที่คัดลอกมาเขากับเลเยอรภาพดอกไมที่ไดทําการเลือกไว
Page 97
ไฟลภาพผีเสื้อทีค่ ัดลอกมา
1. เลือกเลเยอรหลัก
2. เลือกคําสั่ง Edit>Paste
ปรากฏเลเยอร Floating Selection
3. คลิกเมาส เลเยอรลอยถูก รวมกับเลเยอร ที่เลือกไว
เลเยอรภาพผีเสื้อถูกรวมกับเลเยอรภาพดอกไมเรียบรอยแลว
Page 98
เมื่อเราคัดลอกภาพผีเสื้อมาวางในงานเรียบรอยแลว
แตไมตองการรวมไฟลภาพผีเสื้อที่เปนเลเยอรลอยเขากับเล
เยอรหลักที่มีอยูแลว ใหไปที่ไดอะล็อก Layers คลิกเมาสที่ปุม เปนเลเยอรใหมทันที
คลิกเมาสเพื่อสรางเลเยอรลอยใหเปนเลเยอรใหม
(New
Layer)
จะปรากฏเลเยอรภาพผีเสื้อขึ้นมา
จะปรากฏเลเยอรลอย เปนเลเยอรใหม
NOTE
เลเยอรลอยที่ยังไมรวมเขากับเลเยอรหลักสามารถทําการแกไขได เชน การปรับขนาด เปลี่ยนสี และเปลี่ยนขนาด ได แตไมสามารถทําการแกไขเลเยอรอื่นภายในภาพได
การเชื่อมโยงเลเยอรเขาดวยกัน บางครั้งเราตองการแกไขเลเยอรหลายเลเยอรในลักษณะเดียวกัน เชน ตองการเลื่อนภาพที่อยูตางเลเยอรใหอยูใน ลักษณะเดียวกัน ซึ่งการเลือกทีละภาพจะเปนการเสียเวลามาก ทางออกของปญหานี้ที่จะชวยประหยัดเวลาใหกับเรานั่นคือ การเชื่อมเลเยอรนั้นๆ เขาดวยกัน เรียกวา “การลิงคเลเยอร (Link Layer)” ซึ่งในโปรแกรม GIMP นั้น การลิงคเปนการ สรางความเกี่ยวโยงของเลเยอร 2 เลเยอรหรือมากกวา ในตัวอยาง เราตองการลิงคภาพที่อยูในเลเยอร bear และเลเยอรขอความ ซึ่งเราสามารถสรางลิงคไดดวยวิธีการ งายๆ ดังนี้ คือ 1. 2. 3.
คลิกเมาสที่ หนาเลเยอรที่เราตองการลิงค ชองสถานะนั้นจะเปลี่ยนเปน แสดงถึงการทําการงานลิงคกัน จากนั้นทดลองเคลื่อนยายเลเยอรดวย Move Tool และลดขนาดโดยใช Scale Tool วาภาพที่ลิงคกันอยูก็จะเคลื่อนยายและลดขนาดตามไปดวย
จะสังเกตเห็น
Page 99
ภาพตนฉบับ
ภาพตุกตาหมีจะเลื่อนและลดขนาดตามขอความไปดวย
1. คลิกเมาส ตองการลิงค
หนาเลเยอรที่
2. ชองสถานะนั้นจะเปลี่ยน เปน
แสดงถึงการลิงคกัน
3. ทดลองลดขนาด และเลื่อนเลเยอร ขอความ
ลบเลเยอร เมื่อเราไมตองการใชเลเยอรใดก็ควรจะลบทิ้งไปเสีย เนื่องจากการเก็บเลเยอรที่ไมใชไวเยอะๆ หนวยความจําของเครื่อง ทําใหโปรแกรมทํางานไดชา การลบเลเยอรสามารถทําไดดังนี้ 1. 2. 3.
คลิกเลือกเลเยอรที่ตองการลบ คลิกที่ไอคอน เลเยอรผีเสื้อที่ลบทิ้งจะหายไป ภาพกอนลบเลเยอรผีเสื้อ
ภาพหลังลบเลเยอรผีเสื้อ
จะเปลือง
Page 100
1. คลิกเลือกเลเยอร 3. เลเยอรภาพผีเสื้อ หายไป 2. คลิก เพื่อลบเลเยอร
การเปลี่ยนขนาดของเลเยอร ในการตกแตงภาพดวยโปรแกรม GIMP เราสามารถกําหนดขนาดของภาพในเลเยอรได 2 ลักษณะ คือ
การเปลี่ยนขนาดภาพในเลเยอร เปนการเปลี่ยนขนาดของเลเยอร ซึ่งจะสงผลถึงขนาดของภาพในเลเยอรดวย คือ เมื่อยอ/ขยายขนาดของเลเยอร ขนาดของภาพจะยอ/ขยายตาม สามารถทําไดดังนี้ 1. 2.
3.
คลิกที่ปุมที่ไดอะล็อก Layers เลือกคําสั่ง Scale Layer... จะปรากฏหนาตาง Scale Layer ใหเรากําหนดขนาดและคุณภาพของเลเยอร ดังนี้ • Layer size กําหนดขนาด Width ความกวางของเลเยอร และ Height ความสูงของเลเยอร • Quality กําหนดคุณภาพของภาพในเลเยอรเมื่อมีการขยายภาพ โดยสามารถกําหนดคุณภาพของภาพได ระดับ o None คือ คุณภาพระดับต่ําสุด o Linear คือ คุณภาพระดับกลาง o Cubic คือ คุณภาพระดับสูง o Sinc (Lanczos-3) ใหคุณภาพสูงสุดดวยฟงกชั่น Sinc คลิกเมาสที่ปุม
เพื่อสั่งใหโปรแกรมเปลี่ยนขนาดเลเยอรใหมตามที่เรากําหนด 2. กําหนดขนาด และคุณภาพของเลเยอร
1. คลิกที่
ในเลือกคําสั่ง Layer Menu>Scale Layer
3. คลิกเมาส
3
Page 101
ภาพตนฉบับ
ภาพผลลัพธ จะไดภาพในเลเยอรที่ใหญขึ้น
การเปลี่ยนขนาดพื้นที่ในเลเยอร เปนการเปลี่ยนขนาดพื้นที่ของเลเยอร ซึ่งจะไมสงผลถึงขนาดของภาพในเลเยอร คือ เมื่อยอ/ขยายขนาดของเลเยอร ขนาดของภาพจะเทาเดิม แตพื้นที่ภายในเลเยอรจะมากขึ้น/นอยลง สามารถทําได ดังนี้ 1. 2.
คลิกที่ปุม ที่ไดอะล็อก Layers เลือกคําสั่ง Layer Boundary Size... จะปรากฏหนาตาง Set Layer Boundary Size ใหเรากําหนดขนาด และตําแหนงภาพในเลเยอร ดังนี้ • Layer size กําหนดขนาด Width ความกวางของเลเยอร และ Height ความสูงของเลเยอร • Offset กําหนดตําแหนงของภาพเดิมในพื้นที่ที่กําหนดขึ้นใหม X คือ พิกัดของตําแหนงรูปในแนวนอน และ Y คือ พิกัดของตําแหนงรูปในแนวตั้ง
หากตองการใหภาพเดิมอยูตรงกลางของพื้นที่ สามารถคลิกปุม อัตโนมัติ 3.
คลิกเมาสที่ปุม
1. คลิกที่ ในเลือก คําสั่ง Layer Menu>Layer Boundary Size...
เพื่อจัดตําแหนงภาพใหอยูกึ่งกลางโดย
เพื่อสั่งใหโปรแกรมเปลี่ยนขนาดเลเยอรใหมตามที่เรากําหนด 2. กําหนดขนาด และตําแหนง
3. คลิกเมาส
Page 102
ภาพตนฉบับ
ภาพผลลัพธ จะไดภาพที่มีขนาดเทาเดิม แต พื้นที่ภายในเลเยอรจะใหญขึ้น
รวมเลเยอร หลังจากที่เราไดแกไขชิ้นงานเสร็จสิ้น และไมจําเปนตองใชเลเยอรตางๆ อีกตอไป ก็อาจจะรวมเลเยอร ทั้งหมดให เปนเลเยอรเดียว ซึ่งการทําเชนนี้จะทําใหลดขนาดไฟลชิ้นงาน และทําใหเครื่องทํางานไดรวดเร็วขึ้นทําได 2 วิธี โดยการ • •
วิธีที่ 1 ลบเลเยอรที่ไมตองการออกไป วิธีที่ 2 รวมเลเยอรตั้งแต 2 เลเยอร ขึ้นไปไวเปนเลเยอรเดียวกัน เราเรียกวิธีนี้วาการ “Merge” เลเยอร
โดยคําสั่งที่ใชในการรวมเลเยอรตั้งแต 2 เลเยอร มี 3 แบบดังตอไปนี้ คือ 1. 2. 3.
รวมเลเยอร 2 เลเยอรที่อยูติดกันใหเปนเลเยอรเดียวกัน รวมเลเยอรที่มองเห็นอยูใหเปนเลเยอรเดียวกัน รวมทุกเลเยอรใหเปนเลเยอรเดียว
Warning
เราตองแนใจวาเลเยอรที่เราตองการ รวมเฉพาะเลเยอรที่แสดงอยูเทานั้น
Merge
ตองเปนเลเยอรที่แสดงอยู
(Visible
)
เพราะโปรแกรมจะ
รวมเลเยอร 2 เลเยอรที่อยูติดกันใหเปนเลเยอรเดียวกัน การทํางานลักษณะนี้ เราเรียกวา “Merge Down” เปนการรวมเลเยอร 2 เลเยอรที่อยูติดกันใหเปนเลเยอร เดียวกัน โดยเลเยอรที่เราเลือกให Active จะยุบลงไปรวมกับเลเยอรขางลาง จากตัวอยางเราตองการรวมเลเยอร Miss You.. และเลเยอร bear ใหเปนเลเยอรเดียวกัน คือ เลเยอร butterfly 1. 2. 3.
คลิกเมาสเลือกเลเยอร Text เลือกคําสั่ง Layer>Merge Down ในหนา Image Window หรือใชวิธีคลิกที่ Layers แลวเลือกคําสั่ง Layer Menu>Merge Down ผลลัพธที่ไดคือเลเยอร Text จะยุบไปรวมกับเลเยอร bear
ในไดอะล็อก
Page 103
1. เลือกเลเยอรที่ตองการ Merge
2. คลิกที่
ในเลือกคําสั่ง Layer Menu>Merge Down
3. เลเยอรจะถูกรวมเขาดวยกันในเลเยอร butterfly
รวมเลเยอรที่มองเห็นอยูใหเปนเลเยอรเดียวกัน การทํางานลักษณะนี้เราเรียกวา “Merge Visible” เปนการรวมเลเยอรทั้งหมด ที่มองเห็น (เลเยอรที่มี สัญลักษณ ) ใหเปนเลเยอรเดียว ดังตัวอยางเราตองการรวม เลเยอร Background, เลเยอร bear และเลเยอร Miss You.. ใหเปนเลเยอรเดียว โดยจะไดเปนเลเยอร Background เสมอ มีวิธีการดังตอไปนี้ 1. 2. 3. 4.
คลิกที่ ในไดอะล็อก Layers แลวเลือกคําสั่ง Layer Menu>Merge Visible Layers จะปรากฏหนาตาง Merge Layers ใหเราเลือกลักษณะการรวมเลเยอร คลิกเมาสที่ เลเยอรทั้งหมดที่อยูในสถานะ Visible จะยุบไปรวมกันที่เลเยอร Background
Page 104
1. คลิกที่ เลือกคําสัง่ Layer Menu>Merge Visible Layers 2. เลือกลักษณะการรวมเลเยอร
3. คลิกเมาส
4. เลเยอรจะถูกรวมเขาดวยกันในเลเยอร Background
รวมทุกเลเยอรใหเปนเลเยอรเดียว การทํางานลักษณะนี้เราเรียกวา “Flatten Image” เปนการรวมเลเยอรทั้งหมดเขาไวเปนเลเยอรเดียว ภาพที่ ถูกรวมจะเปลี่ยนชื่อเปน Background ไมวาเราจะทํางานอยูในเลเยอรใดก็ตาม 1. 2.
คลิกที่ ในไดอะล็อก Layers แลวเลือกคําสั่ง Layer Menu>Flatten Image ทุกเลเยอรจะรวมกันเปนเลเยอรเดียวชื่อเลเยอร Background
Page 105
1. คลิกที่ Image
เลือกคําสัง่ Layer Menu>Flatten
2. ทุกเลเยอรจะถูกรวมเขาดวยกัน เปนเลเยอร Background
WARNING
ตองระวังวาการใชคําสั่ง เห็นทิ้งไป
Flatten Image
นี้ จะเปนการรวมเลเยอรทั้งหมดที่มองเห็นและลบเลเยอรที่มองไม
Page 106
บทที่ 7 เทคนิคการตกแตงภาพในเลเยอร หลังจากที่เราไดจัดเตรียมภาพ และนําภาพมาจัดเรียงในแตละเลเยอรใหเขากันแลว ตอไปเราจะทําการตกแตงภาพ ในแตละเลเยอรใหกลมกลืนกัน และทําเทคนิคผสานเลเยอรใหดูสวยงามได
ปรับเลเยอรที่ซอนใหมองทะลุถงึ กัน เปนลักษณะการปรับภาพใหจางลง จนกระทั่งกลายเปนภาพใสที่สามารถมองทะลุไปยังพื้นหลังได เราเรียก คุณสมบัตินี้วา “Opacity” ซึง่ การปรับคา Opacity นี้จะเกิดขึ้นกับภาพทั้งภาพในเลเยอรนั้นรวมทั้งเอฟเฟกตที่ใชดวย โดยมากเทคนิคนี้มักจะนิยมใชกับเลเยอรที่วางซอนกัน พิมพจํานวนเปอรเซ็นต หรือเลื่อนสไลดเพื่อปรับคา Opacity
Opacity = 100%
Opacity = 65%
Opacity = 40%
เทคนิคการสราง Layer Mask เปนการเจาะภาพดานบนใหโปรงใส เพื่อใหภาพดานลางลอดขึ้นมาดานบนตามชองของหนากาก เราเรียกเทคนิค นี้วา “Layer Mask”
สวนสีดําโปรงแสง
สวนสีขาวจะทึบแสง สวนสีเทาโปรงแสงเล็กนอย
Page 107
ภาพดานบน กําหนดการ ไลโทนสี
ภาพพื้นหลัง ภาพพื้นหลังแสดงผาน ขึ้นมาดานบนได
• • •
สวนที่เปนสีดํา เปนสวนที่โปรงแสง คือ ภาพจากดานลางสามารถแสดงลอดเขามาได 100% สวนที่เปนสีเทา จะโปรงแสงนอยกวาสีดําแตไมทึบแสง ภาพจะแสดงไดตามขนาดความโปรงแสง สวนที่เปนสีขาว จะทึบแสง ภาพสวนนี้จะทึบแสง ภาพจากเลเยอรดานลางไมอาจแสดงลอดขึ้นมาได
การสราง Layer Mask ขึ้นมาใหมนั้นจะปรากฏหนาตาง Layer Mask มี 6 รูปแบบดังนี้
•
White (full opacity)
Add Layer Mask
เปนการกําหนดคาทึบแสงเต็มที่ คือมีคา
Opacity
ใหกําหนดรูปแบบของ
เปน 100% ทําใหเห็นภาพเล
เยอรในดานบนทั้งหมด •
Black (full transparent)
เปนการกําหนดคาโปรงแสงเต็มที่ คือมีคา
Opacity
เปน 0% ทําใหเห็น
ภาพเลเยอรในดานลางทั้งหมด •
Layer’s alpha channel ลักษณะของมาสกจะเปนไปตามที่กําหนดในเลเยอร Alpha channel
•
Transfer layer’s alpha channel จะทํางานคลายกับ Layer’s alpha channel แตจะมีการตั้งคา Alpha channel เปนแบบ Full opacity
•
จะสรางมาสกตามการเลือกพื้นที่ คือ จะปรากฏภาพในสวนพื้นที่ที่เลือก สวนนอกพื้นที่ที่ทําการ เลือกจะโปรงแสงดังนั้นจึงเห็นภาพที่อยูเลเยอรดานลาง
Selection
Page 108 •
•
มาสกจะถูกสรางจากการนํารูปในเลเยอรมาทําเปนภาพแบบ Grayscale สวนที่เปนสีขาวจะทึบแสงเต็มที่ สวนที่เปนสีดําจะมีความโปรงแสงเต็มที่ สวนที่เปนสีเทาจะมีการไลความโปรง แสงตามความเขมของสี Channel จะสรางมาสกตาม Channel ที่เลือก Grayscale copy to layer
ในสวนตอไปจะแสดงการสราง Layer Mask 4 ตัวอยางดวยกันไดนี้ 1. 2. 3. 4.
สราง Layer Mask โดยการไลโทนสี สราง Layer Mask โดยการคัดลอกภาพ สราง Layer Mask โดยการเลือกพื้นที่ ตกแตง Layer Mask อยางอิสระ
สราง Layer Mask โดยการไลโทนสี จากความรูที่กลาวไปขางตน เราสามารถนํา Layer Mask มาใชตกแตงภาพไดอยางกลมกลืน โดยการนําภาพ 2 ภาพมาซอนกัน แลวใหภาพหนึ่งเปน Mask หรือเปนหนากากเพื่อใหภาพในเลเยอรลางลอดออกมาจากชองของหนากาก
ภาพเลเยอรดานบนเปนภาพผูหญิง
1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9.
ภาพเลเยอรดานลางเปนภาพทุงหญา
ผลจากการซอน Layer Mask จะเห็น ภาพผูหญิง (ในเลเยอรดานบน) กับ ทุงหญา (ในเลเยอรดานลาง)
ลาก 2 ภาพใหมาซอนกัน โดยใหภาพ Mask1 (เลเยอร Background) เปนเลเยอรลาง แลวให เปนเลเยอรบน เลือกเลเยอรบนใหเปน Active เลเยอรคลิกขวาเลือกคําสั่ง Add Layer Mask จะปรากฏหนาตาง Add Layer Mask ในที่นี้ใหเลือกเปน White (full opacity) จะปรากฏ Layer Mask ในเลเยอรที่กําลัง Active อยู คลิกเมาสที่ เพื่อทําการไลโทนสี แบบ เลือกสีที่จะไลโทนสีเปนโฟรกราวนด = สีดํา และแบ็คกราวนด = สีขาว เลือกใหไลโทนสีจากโฟรกราวนดไปยังแบ็คกราวนด ไลโทนสีในเลเยอรที่ตองการ Mask โดยใหสวนที่โปรงแสงมากกวาอยูดานที่เปนสีดํา แสดงผลการซอนเลเยอรโดยการใช Layer Mask
Mask2
Page 109
1. เรียง 2 ภาพตามลําดับ จะปรากฏหนาตาง Add Layer Mask
3. เลือกเปน White (full opacity)
2. คลิกขวาเลือกคําสั่ง Add Layer Mask
4. เพิ่ม Layer Mask ในเลเยอร
5. คลิกเลือก Gradient Tool 6. เลือกสีโฟรกราวนด และ แบ็คกราวนดเปน สีดํา-ขาว
7. เลือกใหไลโทนสี จากโฟรกราวนดไป ยังแบ็คกราวนด
8. ไลโทนสีจากสีดํา ไปยังสีขาว
9. แสดงผลการ ซอนเลเยอรโดยการ ใช Layer Mask
สราง Layer Mask จากการคัดลอกภาพ ในตัวอยางนี้เราจะเปลี่ยนพื้นหลังของภาพดอกไม ดวยการสราง Mask บังสวนของดอกไมไว จากนั้นใชการคัดลอกพื้น หลังใหม (ภาพใหม) ที่ตองการนําไปแทนที่พื้นหลังของดอกไม ก็จะไดพื้นหลังใหมอยางแนบเนียน
Page 110
1. 2. 3. 4. 5. 6.
ใชเครื่องมือ Selection เลือกเฉพาะพื้นหลังของภาพดอกไม เลือกพื้นหลังของภาพใหมที่ตองการนําไปแทรก หลังจากที่เลือกภาพพื้นหลังใหม ใหเลือกคําสั่ง Edit>Copy หรือกดคีย <Ctrl+C> คลิกเมาสกลับมายังไฟลภาพดอกไม แลวเลือกคําสั่ง Edit>Paste Into หรือ กดคีย <Shift+Ctrl+V> ภาพพื้นหลังใหมจะถูกนํามาวาง ใหเราใช Move Tool เลื่อนภาพใหอยู ในตําแหนงที่ตองการ จะปรากฏเลเยอรลอยในไดอะล็อก Layers คลิกเมาส รวมเลเยอรลอยเขากับเลเยอร Background
1. เลือกพื้นที่รอบๆ ภาพซึ่ง จะตองถูกแทนที่
2. เลือกพื้นที่ภาพซึง่ ตองการจะนําไปแทนที่
4. เลือกคําสั่ง Edit>Paste Into ในไฟลภาพที่ตองการแทนที่
3. เลือกคําสั่ง Edit>Copy
5. ภาพพื้นหลังใหมจะถูก นํามาวาง
6. คลิกเมาส ทําการรวม เลเยอรลอยเขากับเลเยอรหลัก
สราง Layer Mask โดยการเลือกพื้นที่ การสราง Layer Mask อีกรูปแบบหนึ่ง คือการใช Selection Tool เลือกสวนที่เราตองการ และลบสวนที่ ไมตองการออก โดยในตัวอยางเราตองการนําบางสวนของภาพไปตกแตงงานกราฟกของเรา 1.
ใชเครื่องมือ Selection เลือกเฉพาะภาพดอกไม
Page 111 2. 3. 4.
คลิกขวาเลือกคําสั่ง Add Layer Mask จะปรากฏหนาตาง Add Layer Mask ในที่นี้ใหเลือกเปน Selection สวนที่อยูนอกเหนือจากที่เราทําการ Selection จะหายไปหมด จากนั้นเราสามารถนําภาพไปสรางงานอื่นได
1. เลือกพื้นที่รอบๆ ภาพที่ตองการ
2. คลิกขวาเลือกคําสั่ง Add Layer Mask
จะปรากฏหนาตาง Add Layer Mask แสดงการ Mask ใน หนาตาง Layers
3. เลือกเปน Selection
สวนที่อยู นอกเหนือจากสวน ที่เลือกจะหายไป
สามารถนําพื้นที่นั้นไป สรางงานอื่นตอไป
Page 112
ตกแตง Layer Mask อยางอิสระ เทคนิคตอไปนี้เปนอีกวิธีหนึ่งที่ชวยใหเรากําหนด Mask ไดอยางมีอิสระ โดยจะใชพูกันระบายเพื่อใหเกิดมาสก ในสวนของภาพที่ตองการใหแสดงออกมาดังตัวอยางตอไปนี้
ตัวอยางภาพที่สรางจากการซอน Layer Mask
กําหนดใหสีโฟรกราวนดเปนสีดํา และแบ็คกราวนดเปนสีขาว คลิกเมาสเพื่อทํางาน กับ Mask เมื่อใช ระบาย สวนที่เปนภาพซอนจะ ถูกบังหายไปบางสวน เปนเหมือนการลด พื้นที่ Mask
ลักษณะ Layer Mask ที่พาเล็ต Layers เมื่อใช สวนที่ เปน Mask ภาพจะ เพิ่มขึ้น
NOTE
เราสามารถลบ Mask Layer ไดเชนเดียวกับการลบเลเยอรแบบธรรมดา โดยลากเลเยอรไปจะทิ้งใน
Page 113
ทําความเขาใจกับ Layer Blending Mode เปนการปรับสีภาพที่ซอนกันอยูใหผสมสีใหมออกมา ดูนาสนใจ กอนที่เราจะทํา ความเขาใจเกี่ยวกับ Blending Mode ตางๆ มีคําศัพทพื้นฐาน 3 คําที่เราควรรูกอน คือ Layer Blending Mode
o
Base Color เปนสีของรูปที่เปน เลเยอร Background หรือสีเดิม
o
Blend Color เปนสีของภาพหรือสีที่นํามาเติมเปนเลเยอรที่ซอนทับบนเลเยอร Back ground
o
Result Color
เปนสีของภาพทั้งหมดที่ไดจากการซอนทับสีของ
Base Color
กับสี
Blend
Color
เลเยอร Background เปน Base Color
เลเยอรที่ซอนทับเลเยอร Background เปน Blend Color
Result Color ผลจากการใช Blending
เราตองเริ่มจากการเตรียมภาพทั้ง 2 ที่ตองการ และใหเลือกวาภาพใดจะเปนภาพ Base เปนภาพ Blend Color จากนั้นใหดึงภาพทั้ง 2 มาไวในไฟลเดียวกัน 1. 2. 3.
Color
และภาพใดจะ
จากภาพที่มีอยู มี 2 เลเยอร คือ เลเยอรที่เปนรูปผูหญิงและเลเยอรที่เปนรูป สนามหญา ใหคลิกเมาสเลือกเลเยอรที่ เราตองการใชเปน Blending Mode ผสมสี (ในตัวอยางเลือก Layer1 รูปสนามหญา) คลิกเมาสที่ ในไดอะล็อก Layers เพื่อเลือกลักษณะของ Blending mode ที่ ตองการ ในที่นี้เราเลือก Hard light สังเกตวาผลที่ได คลิกเมาสปรับความโปรงใสของภาพไดที่ Opacity (ในตัวอยางเราเลือกคา Opacity = 50%) และเราจะ ไดผลลัพธ ดังรูป
ภาพกอนการเปลี่ยนแปลง
1. คลิกเมาสเลือกเลเยอรที่ตองการใช Blending Mode ผสมสี
Page 114
2. คลิกเลือก Hard Light ใน Blending Mode
3. กําหนดคา Opacity
ภาพหลังการใช Blending mode ผสมสี
ภาพหลังการปรับคา Opacity
Normal ที่คา Opacity = 50
Dissolve ที่คา Opacity = 50
Divide
Screen
Multiply
Overlay
Page 115 Dodge
Burn
Hard Light
Soft Light
Grain extract
Grain merge
Difference
Addition
Subtract
Darken only
Lighten only
Hue
Saturation
Color
Value
ใช Paint Brush Tool
ตกแตงภาพรวมกับ Blending Mode
เราสามารถใช Brush Tool ชวยในการตกแตงภาพ Blending Mode เพิ่มเติมได โดยการเพิ่มสีตางๆ จะชวยใหภาพในสวนของ Base Color มีความชัดเจนขึ้น ซึ่งเราอาจเลือกระบาย เขาไปในภาพ ดวย Brush Tool ในบริเวณใดก็ได ดังตัวอยางตอไปนี้ เราจะเลือกใชสีแดงออนๆ ระบายทับบริเวณภาพผูหญิงเพื่อใหภาพของเธอเดนขึ้นมา ดังนี้
Page 116
ภาพกอนการเปลี่ยนแปลง 1. 2. 3. 4.
ภาพหลังการเปลี่ยนแปลง
คลิกเมาสเลือก Brush Tool ที่ Toolbox คลิกเลือกสีที่ Foreground จะปรากฏหนาตาง Change Foreground Color ขึ้นมา คลิกเลือกสีที่ตองการ (ในตัวอยางเลือกสีแดงชมพู) จากนั้น ใหคลิกเมาสปุม ระบายในสวนที่เราตองการสรางภาพใหเดนขึ้น 1. คลิกเมาสเลือก Brush Tool
2. คลิกเลือก สีโฟรกราวนด 3. คลิกเลือกสีที่ตองการ แลวคลิกเมาสตกลง
4. ระบายในสวนที่เราตองการสรางภาพ ใหเดนขึ้น
Page 117
บทที่ 8 การวาดภาพ และระบายสี ไมเพียงความสามารถในการตัดตอ และซอนภาพดังที่กลาวมาแลว เราสามารถใชโปรแกรม GIMP วาดภาพ หรือระบายสีภาพได นอกจากนี้เรายังเอาใจคนที่ชอบวาดการตูน โดยจะกลาวถึงเทคนิคการนําภาพการตูนที่วาดมาลงสีดวย โปรแกรม GIMP
วาดรูปทรงดวย Path tool การวาดภาพใน
GIMP
จะเปนการวาดภาพโดยใชเสนพาธ (Path) ซึ่งเสนพาธเหลานี้สามารถดึงใหตรง หรือ
Path Tool โดยลากเสนพาธ และดัดเสนใหเกิด ดัดโคงใหเกิดเปนรูปรางตางๆ ไดตามที่เราตองการดวยเครื่องมือ ความโคง พื่อใหไดภาพเปนรูปทรงที่เราตองการ คลายๆ กับการใชตะปูยึดสายไฟในแตละจุดเพื่อใหเราสามารถลากสายไฟ ไปตามสวนตางๆ ของผนังบานได
รูจักกับเสนพาธ เสนพาธ คือ เสนที่วาดเชื่อมตอกันจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง โดยที่ปลายทั้งสองของเสนจะมีจุดที่ใชยึดใหเสน เชื่อมตอกันจุดนี้ เรียกวา จุดยึด (Anchor point) ซึ่งสามารถปรับจุดยึดเพื่อกําหนดรูปทรง และทิศทางของเสนได โดยมี สวนประกอบดังตอไปนี้ A: B: C: D: E:
สวนโคงของเสนพาธ จุดปรับความโคงสามารถปรับทิศทางความโคงของเสนพาธ แขนปรับความโคง เปนแขนที่ยื่นออกมาจากจุดยึด จุดยึดใหเสนเชื่อมตอถึงกัน จุดปลายของเสนพาธ
โดยทั่วไป เราจะแบงเสนพาธออกเปน 2 ประเภท คือ แบบเปด (Open Path) และแบบปด (Close Path) มีลักษณะ ดังนี้
Page 118
เสนพาธแบบเปด (Open Path) เปนเสนพาธที่จุดปลายทั้งสองดาน ไมบรรจบกัน เสนพาธแบบปด (Close Path) เปนเสนพาธที่จุดปลายทั้งสองดาน มาบรรจบกัน (เปนจุดเดียวกัน)
เนื่องจากเสนพาธที่เราสรางขึ้นมา อาจประกอบดวยสวนของเสนตรงหรือเสนโคงก็ได ฉะนั้นจุดยึดที่เกิดขึ้นจะ แบงออกไดเปน 2 ชนิด ไดแก จุดยึดสวนโคง (Smooth Point) และจุดยึดสวนมุม (Corner point) จุดยึดสวนโคง (Smooth Point) เปนจุด ที่เชื่อมตอระหวางเสนโคงกับเสนโคง จุดยึดสวนมุม (Corner Point) เปนจุดที่ เชื่อมตอระหวางเสนตรงกับเสนตรง หรือเสนโคงกับเสนโคงก็ได
ฝกวาดเสนพาธ เราจะวาดเสนพาธตามรูปอมยิ้มรูปหัวใจ โดยจะมี ขั้นตอนในการสรางและปรับแตงดังนี้ • • • • •
ขั้นตอนที่ 1 สรางเสนพาธ ขั้นตอนที่ 2 การเพิ่มจุดรอยตอของเสนพาธ ขั้นตอนที่ 3 การเคลื่อนยายจุดรอยตอของเสนพาธ ขั้นตอนที่ 4 ลบจุดรอยตอของเสนพาธ ขั้นตอนที่ 5 ปรับสวนโคงของเสนพาธ เสนพาธรูปหัวใจ
ขั้นตอนที่ 1 สรางเสนพาธ เริ่มตนเลือกใชงานเครื่องมือ Pen Tool ทําการสรางเสนพาธดังนี้
2.
คลิกเลือกเครื่องมือ Path Tool กําหนดคุณสมบัติของเครื่องมือที่ Tool Options โดยเลือกโหมดการใชงานเครื่องมือแบบ Design เพื่อ
3.
สรางเสนพาธใหม ตัวชี้เมาสจะเปลี่ยนเปนรูป คลิกเมาสที่ตําแหนงเริ่มตน
1.
Page 119 4.
5. 6.
คลิกเมาสที่ตําแหนงปลาย จะไดเสนตรงลากเชื่อมจุดทั้งสอง โดยปลายของเสนทั้งสองดานจะเปนสัญลักษณ รูป (เรียกสัญลักษณนี้วา “จุด Anchor”) และขณะนั้นตัวชี้เมาสจะเปลี่ยนเปน คลิกเมาสที่จุดตอๆ ไปที่เราตองการสรางเสนตอเนื่องครบวง ปดเสนพาธใหเปนแบบปด โดยกดคีย <Ctrl> คางไว ตัวชี้เมาสจะเปลี่ยนเปนรูป คลิกเลือกที่จุดเริ่มตน ผลลัพธที่ไดในตัวอยางจะเปนรูปสามเหลี่ยมปด โดยเสนพาธที่สรางขึ้นจะปรากฏที่ไดอะล็อก Paths 1. คลิกเลือก Path Tool
3. คลิกเมาสที่ตําแหนงเริ่มตน
2. เลือกโหมดการใช งานเครื่องมือแบบ Design 4. คลิกเมาสที่ตําแหนงปลาย
5. คลิกเมาสที่จุดตอๆ ไป และปดพาธ โดยกดคีย <Ctrl> คางไว ตัวชี้เมาสจะเปลี่ยนเปนรูป จุดเริ่มตน
คลิกเลือกที่
6. ผลลัพธของเสนพาธรูป สามเหลี่ยมแบบปด
Page 120
ขั้นตอนที่ 2 การเพิ่มจุดรอยตอของเสนพาธ จากหัวขอที่ผานมา เราจะไดลักษณะของเสนพาธที่มีรอยตอของเสนพาธ อยู 3 จุด ตอไปเราสามารถเพิ่มจุดรอยตอ เหลานี้ไดโดยเปลี่ยนโหมดของเครื่องมือ Path Tool เปน แบบ Edit เพื่อแกไขโดยการเพิ่มจุดแองเคอรไวใชในการ ปรับแตงภาพ 1.
กําหนดคุณสมบัติของเครื่องมือที่ Tool Options โดยเลือกการโหมดใชงานเครื่องมือแบบ Edit เพื่อแกไขเสน พาธ
2.
นําเมาสไปชี้ที่ตําแหนงที่เราตองการเพิ่มจุดรอยตอบนเสนพาธของเรา ตัวชี้เมาสจะเปลี่ยนเปนรูป คลิกเมาสเพื่อเพิ่มจุด จะไดจุดรอยตอที่เพิ่มขึ้นพรอมแขนทั้งสองขางสําหรับการปรับสวนโคง
3.
จากนั้น
1. เลือกโหมดการใชงานเครื่องมือ แบบ Edit
3. จะไดจุดรอยตอที่เพิ่มขึ้น พรอมแขนทั้งสองขาง
2. คลิกเพิ่มจุด
ขั้นตอนที่ 3 เคลื่อนยายจุดรอยตอของเสนพาธ อีกขั้นตอนหนึ่งของการสรางเสนพาธ คือ การเคลื่อนยายจุดรอยตอ โดยอาศัยการทํางานรวมกับจุด Anchor โดยตรง ซึ่งเราจะตองเปลี่ยนโหมดของเครื่องมือกลับไปเปนแบบ Design ดังตัวอยางเราจะเคลื่อนยายเสนพาธไปยังขอบ ของรูปหัวใจ 1.
กําหนดคุณสมบัติของเครื่องมือที่ Tool ตําแหนงจุดแองเคอร
Options
โดยเลือกโหมดการใชงานเครื่องมือแบบ Design เพื่อยาย
Page 121
2. 3.
คลิกเลือกจุดรอยตอบนเสนพาธที่เราตองการเคลื่อนยาย ตัวชี้เมาสจะเปลี่ยนเปนรูป ตําแหนงใหมที่เราตองการ ผลลัพธที่ไดคือ จุด Anchor ที่เราลากเมาสนั้นจะเปลี่ยนตําแหนงไปตามที่ตองการ
และคลิกลากเมาสไปยัง
1. เลือกโหมดการใช งานเครื่องมือแบบ Design
2. คลิกลากจุดไปยัง ตําแหนงที่ตองการ
3. ผลลัพธคือจุดแองเคอร จะยาย ไปยังตําแหนงที่ตองการ
ขั้นตอนที่ 4 ลบจุดรอยตอของเสนพาธ ในขณะที่เรากําลังทํางานกับเสนพาธอยูนั้น หากเกิดการผิดพลาด เชน วาดเสนในตําแหนงที่ผิด วางจุด Anchor ไมถูกตามแบบที่คิดไว เราสามารถทําการแกไขไดโดยการลบจุดรอยตอของเสน หรือลบจุด Anchor นั้นเอง โดยเปลี่ยน โหมดการใชงานเครื่องมือเปนแบบ Edit และทําการลบจุดที่ไมตองการออก ดังตัวอยางเราจะลบจุด Anchor ที่อยูบนรูป หัวใจออกไป 1.
กําหนดคุณสมบัติของเครื่องมือที่ Tool Options โดยเลือกโหมดการใชงานเครื่องมือแบบ Edit เพื่อแกไขเสน พาธ
2.
กดคีย <Shift> คางไวขณะเลือกจุด ตัวชี้เมาสจะกลายเปนรูป ผลลัพธที่ไดคือ จุด Anchor นั้นจะหายไป
3.
1. เลือกโหมดการใชงาน เครื่องมือแบบ Edit
2. คลิกลบจุดที่ ตองการ
และคลิกลบจุดที่ตองการ
3. ผลลัพธที่ไดจุด แองเคอรจะหายไป
Page 122
ขั้นตอนที่ 5 ปรับสวนโคงของเสนพาธ เราสามารถปรับเสนพาธใหเปนเสนโคงตามทิศทางที่เราตองการ โดยกําหนดโหมดในการใชเครื่องมือ Path Tool เปนแบบ Edit และทําการแกไขสวนโคงของเสน ดังตัวอยางเราจะปรับเสนพาธใหพอดีกับเสนโคงของรูปหัวใจดังนี้ 1. 2.
คลิกเมาสที่จุดที่ตองการปรับ จะปรากฏแขนของจุดนั้น คลิกที่ปลายแขน ตัวชี้เมาสจะเปลี่ยนเปนรูป คลิกเลือกที่ปลายแขนของสวนโคง และลากเมาสปรับไปตามตําแหนงที่ตองการ
1. คลิกเมาสที่จุดทีต่ องการปรับ
2. คลิกเลือกที่ปลายแขนของสวนโคง และลากเมาสปรับความโคงของเสน
NOTE
ในการปรับเสนพาธในขั้นตอนตอๆ ไป เราจะใชการเพิ่ม/ลดจุด ปรับความโคง และการยายตําแหนงของจุดตาม วิธีที่ไดกลาวมาแลว เพื่อสรางรูปพาธใหไดอยางที่ตองการ
ลากเมาสปรับจุดตางๆ จนไดรูปทรง ตามตองการ
การเคลือ่ นยายพาธ เราสามารถเคลื่อนยายเสนพาธทั้งชิ้นได โดยกําหนดโหมดในการใชเครื่องมือ และคลิกเคลื่อนยายตําแหนง ดังนี้
Path Tool
เปนแบบ
Move
Page 123
1. เลือกโหมดการใชงานเครื่องมือแบบ Move
กําหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือ Path Tool เราสามารถกําหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมของเครื่องมือ Main Toolbox ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
2. คลิกยายตําแหนงพาธ
Path Tool
ไดที่
Tool Options
ดานลางของหนาตาง
เลือกโหมดการใชงานเครื่องมือ กําหนดใหสรางเสนพาธเปนเสนตรง คลิกเพื่อสรางการเลือกพื้นที่จากพาธที่เราสราง คลิกเพื่อกําหนดการเติมสีใหกับเสนพาธ
TIP
ในขณะที่เราวาดรูปภาพในโหมด Design เราสามารถเปลี่ยนโหมดการใชงานไปเปนโหมดตางๆ โดย • • •
กดคีย <Ctrl> เพื่อเปลี่ยนเปนโหมด Edit สําหรับเพิ่มจุดแองเคอร และปรับความโคง กดคีย <Ctrl+Shift> เพื่อลบจุดแองเคอร กดคีย <Alt> เพื่อเปลี่ยนเปนโหมด Move สําหรับเคลื่อนยายชิ้นพาธ
การทํางานกับเสนพาธที่วาดขึ้น เมื่อเราทําการวาดชิ้นพาธที่ตองการแลว ชิ้นพาธที่ไดจะไปปรากฏอยูที่ไดอะล็อก จัดการกับพาธไดงายๆ
ทําความรูจักกับไดอะล็อก Paths
Paths
เพื่อทําใหเราสามารถ
Page 124
แท็ปแสดงไดอะล็อก Paths ปุมแสดงเมนูของ Paths ใสสีใหกับเสนพาธ
แสดงเสนพาธที่มีอยู
ใสสีใหกับเสนพาธ
สรางเสนพาธใหเปนการเลือกพื้นที่
กอปปพาธ สรางการเลือกพื้นที่ใหเปนเสนพาธ
เลื่อนลําดับพาธลงไปดานลาง เลื่อนลําดับพาธขึ้นไปดานบน
ใสสีใหกับเสนพาธ
สรางพาธใหม
ลบเสนพาธ
การสรางพาธใหม ในกรณีที่ตองการสรางเสนพาธใหม สามารถทําไดโดยการคลิกที่ปุม คลายกับเปนการสรางเลเยอรใหมใหกับชิ้นงานของเรา ดังนี้ 1. 2. 3.
(New Path)
ซึ่งการทํางานนั้นจะ
คลิกเลือก จะปรากฏหนาตาง New Path ใหเราตั้งชื่อของภาพที่จะสราง คลิกที่ปุม พาธใหมที่ตองการจะปรากฏทันที
2. ตั้งชื่อพาธ
1. คลิกเมาส
3. คลิกเมาส
พาธใหมที่สรางขึ้น
การซอน/แสดงเสนโครงรางของพาธ เมื่อเราใสสีใหกับเสนพาธ เราจะยังคงเห็นเสนโครงรางของพาธที่วาดขึ้น ซึ่งเราสามารถซอนและแสดงเสนโครง รางของพาธได โดยคลิกที่
Page 125
คลิกแสดงพาธ
ผลลัพธเมื่อแสดงพาธ คลิกซอนพาธ
ผลลัพธเมื่อซอนพาธ
การคัดลอกพาธ หากเราไมตองการสรางเสนพาธรูปเดิมใหม หรือตองการคัดลอกไปวางในไฟลภาพอื่น ใหเราทําการคัดลอกได โดยคลิกที่ปุม จะปรากฏพาธที่คัดลอกขึ้นมาใหมทันที ดังนี้
1. คลิกเลือกพาธทีต่ องการกอปป
3. จะไดพาธที่กอปป ขึ้นมาใหม 2. คลิกเมาส
Page 126
การเปลี่ยนลําดับพาธ โดยปกติพาธที่ซอนกันจะถูกเรียงเปนลําดับตามการสรางงานของเรา (สรางกอนจะอยูชั้นลางสุด) แตเพื่อความ เหมาะสม เราก็สามารถสลับตําแหนงการวางของพาธแตละชิ้นได โดยคลิกที่ เพื่อเลื่อนลําดับพาธจากลางขึ้นขางบน และ เพื่อเลื่อนลําดับพาธจากขางบนลงมาขางลาง
1. คลิกเลือกพาธ 2. คลิกเลื่อนพาธขึน้
การปรับพาธที่เราสรางขึ้นใหเปนการเลือกพื้นที่ หากเราจะเติมสี หรือตัดพื้นที่ในเสนพาธที่สรางขึ้น เพื่อนําไปใชงานตางๆ จะตองเปลี่ยนเสนพาธนั้นใหอยูในรูป ของการเลือกพื้นที่เสียกอน จากตัวอยางที่ผานมาเราจะมาศึกษาตอถึงการปรับเสนพาธที่เราวาดใหเปนการเลือกพื้นที่ได โดย คลิกเลือกที่ปุม ดานลางของไดอะล็อก Paths หรือใชคําสั่ง Path to selection ที่ปุมแสดงเมนูของ Paths ดังตอไปนี้ 1. 2.
คลิกเมาสที่ เลือกคําสั่ง Paths Menu>Path to selection
1. คลิกเมาส
2. เลือกคําสั่ง Paths Menu>Path to selection
ผลลัพธจะไดการเลือกพื้นที่
Page 127
NOTE
นอกจากนี้แลวเรายังสามารถสรางการเลือกพื้นที่จากเสนพาธได โดยคลิกที่ Tool Options ของเครื่องมือ Path Tool
ใน
TIP
นอกจากจะสามารถสรางการเลือกพื้นที่จากเสนพาธไดแลว ยังสามารถสรางเสนพาธจากการเลือกพื้นที่ได โดย คลิกที่ปุม หรือเลือกคําสั่ง Paths Menu>Selection to Path ที่ปุมแสดงเมนูของ Paths ในไดอะล็อก Paths ก็ได
การรวมเสนพาธกับการเลือกพื้นที่ที่ซอนทับกัน ตอไปเมื่อเรามีการเลือกพื้นที่อยูแลว เราสามารถสรางพาธขึ้นมาอีกชิ้นหนึ่ง และ ทําการจัดการพื้นที่ระหวางเสน พาธ และการเลือกพื้นที่ที่มีอยูไดหลายลักษณะ ดังนี้ 1. 2. 3.
สรางเสนพาธขึ้นมาอีก 1 ชิ้น คลิกเมาสที่ เลือกคําสั่ง Paths Menu คลิกเลือกคําสั่งที่ตองการ ตัวอยางจะเลือกคําสั่ง Add to selection 1. สรางเสนพาธ
2. คลิกเมาส เลือก คําสั่ง Paths Menu
Page 128
3. เลือกคําสั่ง Add to selection
ผลลัพธการเลือกพื้นที่
ตัวอยางการรวมพื้นที่แบบอื่นๆ ผลลัพธการเลือกพื้นที่แบบ Intersect with Selection เหลือการเลือกพื้นที่ไวเฉพาะสวนที่ซอ นทับกัน
การใสสีใหกับเสนพาธ นอกจากการสรางพื้นที่ภาพดวยเสนพาธ เรายังสามารถสรางพาธใหเปนเสนไดตามตองการ โดยคลิกเลือกที่ ดานลางของไดอะล็อก Paths หรือใชคําสั่ง Stroke Path ที่ปุมแสดงเมนูของ Paths ดังตอไปนี้
ปุม 1. 2. 3.
คลิกเมาสที่ เลือกคําสั่ง Paths Menu>Stroke Path จะปรากฏหนาตาง Stroke Path ใหเราเลือกลักษณะของการเติมสีใหเสนพาธสามารถเลือกได 2 ลักษณะ คือ o Stroke line กําหนดเสนพาธเอง ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ o Line Width กําหนดความกวางของเสน o Line Style กําหนดรูปแบบเสน มีรายละเอียดดังนี้ Cap Style กําหนดรูปแบบของปลายเสนแบบเปดมีใหเลือก 3 แบบ
แบบปลายตัดพอดีเสนพาธ แบบปลายมน แบบปลายตัดเลยออกมารอบเสนพาธ
Page 129 Join Style กําหนดรูปแบบรอยตอของเสนพาธบริเวณมุม
แบบมุมฉาก แบบมุมมน แบบมุมตัดฉาก Miter limit กําหนดความแหลมของมุมตัด ซึ่งจะสัมพันธกับขนาดของเสน Dash Pattern สวนที่ใหเรากําหนดลักษณะเสนไดเอง Dash Preset สามารถเลือกลักษณะเสนที่กําหนดไวใหแลว Antialiasing คลิกเพื่อกําหนดการตัดเหลี่ยมขอบของเสนใหดูสวยงามขึ้น
4.
o
Solid กําหนดใหเปนการใสสีใหกับเสน
o
Pattern กําหนดใหเปนการใสลวดลายใหกับเสน
o
Stroke with a paint tool กําหนดใหเติมสีเสนดวยเครื่องมือเติมสีตางๆ
o
Paint Tool เลือกเครื่องมือเติมสีที่ตองการ
คลิกปุม
เพื่อตกลงใชลักษณะการเติมสีเสนที่กําหนด 1. คลิกเมาส ลักษณะของเสนพาธ
2. เลือกคําสั่ง Paths Menu>Stroke Path
Page 130
3. กําหนดลักษณะการเติมสีเสน ผลลัพธของเสนที่ได
4. คลิกเมาส
Workshop การวาดภาพการตูนดวยเครื่องมือ Path Tool
ในหัวขอนี้ เราจะลองวาดภาพการตูนดวยเครื่องมือ ขั้นตอนหลักๆ ดังนี้ o o o o
Path Tool
และระบายสีภาพการตูน ตั้งแตเริ่มโดยแบงเปน
ขั้นตอนที่ 1 สรางเสนพาธภาพการตูน ขั้นตอนที่ 2 ใสสีภาพการตูน ขั้นตอนที่ 3 ใสลวดลายเสื้อการตูน ขั้นตอนที่ 4 ตกแตงสีสันเพิ่มเติม
ขั้นตอนที่ 1 สรางเสนพาธภาพการตูน เราจะเริ่มจากการนําภาพการตูนที่สเก็ตไวเขามา และสรางเสนพาธตามภาพ ดังนี้
Page 131
2. ใช ลากพื้นที่ ภาพที่เราตองการลงไป โดยการแบงพื้นที่ภาพ ออกเปนสวนๆ เพื่อ นําไปใสสีพื้นในหัวขอ ตอไป 1. ทําการสเก็ตภาพการตูนลงบนกระดาษ จากนั้นใชเครื่อง สแกนเนอร ทําการสแกนภาพลงในเครื่องคอมพิวเตอร
3. แสดงการลากเสน พาธในสวนใบหนา และลําตัวเปนพื้นที่ เดียวกันในเลเยอร ใหมที่ชื่อวา body
5. แลวทําการใสสีเนื้อลง บนภาพ ดังรูป 4. คลิกเปลี่ยนเสนพาธ เปนการเลือกพื้นที่
ขั้นตอนที่ 2 ใสสีสวนตางๆ ใหการตูน เปนการใสสีเพื่อตกแตงสวนประกอบตางๆ ใหกับภาพการตูน ไดแก ดวงตา ผม แขน กางเกง และขา
Page 132
6. ทําการซอนเลเยอร body โดยคลิกเมาสเพื่อปดตา
7. สรางเลเยอรใหม และใช วาดเสนพาธในสวนของตา 9. สรางเลเยอรใหม และใช ในสวนพื้นที่ของผมการตูน
11. สรางเลเยอรใหม และ ใช วาดเสนพาธ ในสวนพื้นที่ของแขน กางเกง และขา จากนั้นทําการใสสี ตามตองการดังรูป
ขั้นตอนที่ 3 ใสลวดลายเสื้อการตูน
8. ทําการใสสีดวงตา
วาดเสนพาธ
10. ทําการใสสีใหกับผม
Page 133
12. สรางเลเยอรใหม และใช วาดเสนพาธของเสือ้
กําหนดการเทสี แบบ Pattern
13. แปลงเสนพาธในสวนเสื้อผาให เปลี่ยนเปนเสนของการ เลือกพื้นที่ และใช เทสีพื้นเปนแบบ Pattern ในสวนของเสื้อ
ขั้นตอนที่ 4 ตกแตงสีเพิ่มเติม
14. เลือกที่เลเยอร body และ ชวยในการ Hand ใช ตกแตงการปดแกม และเงา บริเวณลําตัว และแขน ดังรูป
Page 134
15. ซอนเลเยอรทั้งหมด และแสดงให เห็นเฉพาะเลเยอร Background ของ โครงรางภาพการตูนเทานั้น
16. สรางเลเยอรใหมขึ้นมา ในที่นี้ตั้งชื่อวา ตัดเสนโครงรางของตัว line แลวใช การตูน โดยลากตัดเปนเสนคูใหบรรจบกัน เพื่อใหเห็นการแบงสวนตางๆ ของตัว การตูนใหดูชัดเจนมากขึ้น 17. แสดงการวาดภาพการตูน และ ไดตกแตงสีสันตามจินตนาการของ เราเรียบรอย
แสดงภาพเลเยอร ภาพทั้งหมด
Page 135
บทที่ 9 ความรูเรื่องสี และการเลือกใชสี การแสดงสีที่มาจากจอภาพ หรือสิ่งพิมพจะเกิดจากการผสมสีที่ลอกเลียนแบบธรรมชาติในวิธีการตางๆ ดังนั้น โปรแกรม GIMP จึงพยายามที่จะเลียนแบบสีธรรมชาติเหลานั้น โดยการนําหลักการแสดงสีของโมเดลสีในรูปแบบตางๆ เขามาประยุกตใหเกิดเปนโหมดสีจํานวนมาก เพื่อเปดใหผูใชงานไดทํางานกับสีไดมากที่สุด จึงทําใหความรูเรื่องสีเปนสิ่งที่ สําคัญอยางยิ่งสําหรับคนที่ตองการตกแตงภาพใน GIMP เนื่องจากเปนพื้นฐานแรกกอนที่เราจะสรางงานกราฟกในขั้น ตอๆ ไป โดยในบทนี้เราจะมาเรียนรูจักเรื่องของสีและความรูเกี่ยวกับสีที่นักกราฟกควรทราบกัน
โมเดลการมองเห็นสีทั่วไป โดยทั่วไปแลวสีตางๆ ในธรรมชาติและสีที่ถูกสรางขึ้น จะมีรูปแบบการมองเห็นสีที่แตกตางกัน ซึ่งรูปแบบการ มองเห็นสีนี้เรียกวา ”โมเดล (Model)” ดังนั้น จึงทําใหมีโมเดลหลายแบบดังที่เราจะไดศึกษาตอไปนี้คือ โมเดลแบบ HSB
ตามหลักการมองเห็นสีของสายตามนุษย
โมเดล RGB
ตามหลักการแสดงสีของเครื่องคอมพิวเตอร
โมเดล CMYK
ตามหลักการแสดงสีของเครื่องพิมพ
โมเดล Lab
ตามมาตรฐานของ CIE
โมเดลแบบ HSB ตามหลักการมองเห็นสีของสายตามนุษย เปนลักษณะพื้นฐานของการมองเห็นสีดวยสายตาของมนุษย โมเดล ลักษณะคือ
HSB
จะ ประกอบดวยลักษณะของสี
3
เปนสีของวัตถุที่สะทอนเขามายังตาของเรา ทําใหเราสามารถมองเห็นวัตถุเปนสีได ซึ่งแตละสีจะแตกตาง กันตามความยาวของคลื่นแสงที่มากระทบวัตถุและสะทอนกลับมาที่ตาของเรา Hue ถูกวัดโดยตําแหนงการ แสดงสีบน Standard Color Wheel ซึ่งถูกแทนดวยองศา คือ 0 ถึง 360 องศา แตโดยทั่วๆ ไปแลว มักจะ เรียกการแสดงสีนั้นๆ เปนชื่อของสีเลย เชน สีแดง สีมวง สีเหลือง
1. Hue
Page 136
คา Hue จะบอกคาสีเปนองศา จาก 0 องศาหมุนไปถึง 360 องศา
คือสัดสวนของสีเทาที่มีอยูในสีนั้น โดยวัดคาสีเทาในสีหลักเปนเปอรเซ็นตดังนี้คือ จาก 0% (สี เทาผสมอยูมาก) จนถึง 100% (สีเทาไมมีเลย หรือเรียกวา “Full Saturation” คือสีมีความอิ่มตัวเต็มที่) โดย คา Saturation นี้จะบงบอกถึงความเขมขนและความจางของสี ถาถูกวัดโดยตําแหนงบน Standard Color Wheel คา Saturation จะเพิ่มขึ้นจากจุดกึ่งกลางจนถึงเสนขอบ โดยคาที่เสนขอบจะมีสีที่ชัดเจน และอิ่มตัวที่สุด
2. Saturation
คา Saturation เริ่มตั้งแต 0 % ที่จุดกึ่งกลางไลไปเรื่อยๆ จนถึง 100 % ที่ขอบ
เปนเรื่องของความสวางและความมืดของสี ซึ่งถูกกําหนดคาเปนเปอรเซ็นตจาก 100% (สีขาว) ยิ่งมีเปอรเซ็นตมากจะทําใหสีนั้นสวางมากขึ้น
3. Brightness
0% (สีดํา)
ถึง
H+S แทนคาสีทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังจากที่ Hue+Saturation
โมเดล RGB ตามหลักการแสดงสีของเครื่องคอมพิวเตอร โมเดล RGB เกิดจากการรวมกันของสเปกตรัมของแสงสี แดง (Red), เขียว (Green) และน้ําเงิน (Blue) ใน สัดสวนความเขมขนที่แตกตางกัน โดยจุดที่แสงทั้งสามสีรวมกันจะเปนสีขาว นิยมเรียกการผสมสีแบบนี้วา “Additive” แสงสี RGB มักจะถูกใชสําหรับการสองแสงทั้งบนจอภาพทีวีและจอคอมพิวเตอร ซึ่งสรางจากสารที่ใหกําเนิดแสงสีแดง สี เขียวและสีน้ําเงิน ทําใหสีดูสวางกวาความเปนจริง
Page 137
โมเดล CMYK ตามหลักการแสดงสีของเครื่องพิมพ โมเดล CMYK มีแหลงกําเนิดสีอยูที่การซึมซับ (Absorb) ของหมึกพิมพบนกระดาษ โดยมีสีพื้นฐานคือ สีฟา (Cyan), สีบานเย็น (Magenta) และเหลือง (Yellow) โดยเรียกการผสมสีทั้ง 3 สีขางตนวา “Subtractive Color” แตสี CMYK ก็ไมสามารถผสมรวมกันใหไดสีบางสี เชน สีน้ําตาล จึงตองมีการเพิ่มสีดํา (Black) ลงไป ฉะนั้น เมื่อรวมกันทั้ง 4 สี คือ CMYK สีที่ไดจากการพิมพ จึงจะครอบคลุมทุกสี
โมเดล Lab ตามมาตรฐานของ CIE โมเดล Lab เปนคาสีที่ถูกกําหนดขึ้นโดย CIE (Commission Internationale d Eclarirage) ให เปนมาตราฐานกลางของการวัดสีทุกรูปแบบ ครอบคลุมทุกสีใน RGB และ CMYK และใชไดกับสีที่เกิดจากอุปกรณทุก อยางไมวาจะเปนจอคอมพิวเตอร เครื่องพิมพ เครื่องสแกนและอื่นๆ สวนประกอบของโหมดสีนี้ไดแก L หมายถึง คาความสวาง (Luminance)
หมายถึง สวนประกอบที่แสดงการไลสีจากสีเขียวไปยังสีแดง b หมายถึง สวนประกอบที่แสดงการไลสีจากสีน้ําเงินถึงสีเหลือง a
Page 138
โมเดลการมองเห็นสีในโปรแกรม GIMP จากการมองเห็นสีโดยทั่วไปมาสูหลักการมองเห็นสีใน ของสีใน GIMP จะแบงออกเปน 3 กลุม ดังนี้ o o o
GIMP
ที่เราจะเรียกวา “โหมด (Mode)” ซึ่งโหมด
กลุมที่ 1 โหมดที่อางอิงตามโมเดล กลุมที่ 2 โหมดทีถ่ ูกกําหนดขึ้นพิเศษหรือที่เรียกวา ”โหมด Specialized” กลุมที่ 3 โหมดทีใ่ ชกับการควบคุมคาของพิกเซลหรือที่เรียกวา “โหมด Blending”
ซึ่งมีรายละเอียดดังตอไปนี้
กลุมที่ 1 โหมดที่อางอิงตามโมเดล โหมด RGB ใชหลักการของโมเดล RGB โดยมีการกําหนดคาความเขมขนของสีแดง เขียว และน้ําเงินที่มาผสมกันในแตละ พิกเซล เปนคาตั้งแต 0-255 ตัวอยางเชน สี Bright Red เกิดจาก R (สีแดง) ที่ 246 และ G (สีเขียว) ที่ 20 และ B (สี น้ําเงิน) ที่ 50 ภาพที่เกิดจากโหมด RGB จะเปนการซอนสีหลัก 3 ชั้น และสามารถมองทะลุผาน 3 สีนี้ จนกลายเปนภาพ ซึ่งเรียกชั้นของสีเหลานี้วา “Channel” โดยปกติสีทั่วไปในการแสดงผลจะมีถึง 16.7 ลานสี หรือ 224 ภาพในโหมด RGB ซึ่งเกิดจากการผสมของแสงสี แดง เขียว และน้ําเงิน
แสงสีแดง (Red)
แสงสีเขียว (Green)
แสงสีน้ําเงิน (Blue)
โหมด CMYK ใชหลักการของโมเดล CMYK โดยมีการกําหนดคาสีจากเปอรเซ็นตความเขมขนของสีแตละสีที่มาผสมกัน เชน สี Bright Red เกิดจาก C = 2%, M = 93%, Y = 90% และ K = 0% (หรือสีขาว)
Page 139
ภาพในโหมด CMYK ซึ่งเกิดจากการผสมของหมึกสี Cyan, Magenta ,Yellow และ Black
สีฟา (Cyan)
สีบานเย็น (Magenta)
สีเหลือง (Yellow)
สีดํา (Black)
โหมด LAB ใชหลักการของโมเดล LAB ในการผสมสี โดยโปรแกรมจะยึดโหมดนี้เปนเหมือนตัวกลางในการแปลงจาก โหมดสีหนึ่งไปอีกโหมดสีหนึ่ง เนื่องจากหลักการของ LAB นี้เปนมาตรฐานที่ไมขึ้นอยูกับโมเดลใดๆ จึงใชเปนโหมด ตัวกลางนั่นเอง ภาพในโหมด LAB ซึ่งเกิดจากการผสมกันของ 3 องคประกอบคือ L*a*b
Page 140
Lightness
A Component (green-red)
B Component (blue-yellow)
กลุมที่ 2 โหมดที่ถูกกําหนดขึ้นพิเศษหรือที่เรียกวา “โหมด Specialized” โหมด Grayscale ประกอบดวยสีทั้งหมด 256 สี โดยไลสีจากสีขาว สีเทาไปเรื่อยๆ จนทายสุดคือสีดํา ใชพื้นที่ในการเก็บขอมูล 8 บิต
โหมด Indexed color ถึงแมบางภาพจะมีสีไดมากถึง 16.7 ลานสี แตสวนใหญจะใชไมถึง ในกรณีที่เราตองการลดขนาดไฟลภาพก็อาจ ใชโหมดนี้ ซึ่งจะทอนสีใหเหลือใกลเคียงกับที่ตองใช โหมดนี้สามารถแสดงสีได 256 สี โดยคุณภาพไมลดลงมากนัก
กลุมที่ 3 โหมด Blending กับการควบคุมคาพิกเซลในไดอะล็อก Layers เปนโหมดพิเศษที่ใชเฉพาะในไดอะล็อก Layers และโหมดในการระบายสีดวยเครื่องมือใสสีตางๆ เพื่อเปน ตัวกําหนดวาพิกเซลแตละพิกเซลจะมีการเปลี่ยนแปลงอยางไรเมื่อมีการปรับเปลี่ยนใหแสดงผลในโหมด Blending ตางๆ (สําหรับรายละเอียดดูไดจากบท “เทคนิคการแตงภาพในเลเยอร”)
การเปลี่ยนโหมดสีของภาพ โดยปกติแลว ภาพที่เราเก็บไวในคอมพิวเตอรนั้นจะเปนโหมด RGB แตถาเราตองเปลี่ยนโหมดของภาพเพื่อให เหมาะสมกับลักษณะของงานที่จะนําไปใชก็สามารถเปลี่ยนโหมดสีได ดังนี้
เปลี่ยนโหมดสี RGB เปน Grayscale ภาพในโหมด เปลี่ยนโหมดได ดังนี้
Grayscale
จะเปนภาพไลโทนสีขาว-ดํา เหมาะกับการนําไปผลิตงานสิ่งพิมพสีเดียว สามารถ
Page 141
เลือกคําสั่ง Image>Mode>Grayscale
เปลี่ยนโหมดสี RGB เปน Indexed color ภาพในโหมด Indexed color จะใชสําหรับกรณีที่เราตองการลดขนาดไฟลภาพ ซึ่งจะทอนสีใหเหลือ ใกลเคียงกับที่ตองใช โดยไมมีผลกับคุณภาพของภาพ สามารถเปลี่ยนโหมดได ดังนี้ 1. 2.
เลือกคําสั่ง Image>Mode>Indexed... จะปรากฏหนาตาง Indexed Color Conversion ใหเรากําหนดคาตางๆ Colormap กําหนดคาของสีจะใชเลือกได 4 แบบ
Generate optimum palette กําหนดจํานวนสีที่จะใช
Use web-optimized palette กําหนดใหใชสีจากพาเล็ตสีที่ใชงานบนเว็บ
Use black and white (1-bit) palette
กําหนดใหใชสีเพียง 2 สี คือ สีขาว และสี
ดํา
Use custom palette เลือกสีจากพาเล็ตสีตางๆ
Dithering กําหนดความกลมกลืนในการผสมเฉดสีในภาพซึ่งมีใหเลือกหลายรูปแบบ Enable dithering of tranparency กําหนดใหมีการกําหนดความกลมกลืนในสวนของ Transparency 3.
คลิกปุม
เพื่อตกลงการใชคาที่กําหนด
Page 142
1. เลือกคําสั่ง Image>Mode>Indexed..
3. คลิกเมาส
2. กําหนดคาตางๆ
เปลี่ยนโหมดสีแบบอื่นๆ นอกจากนี้ยังสามารถกําหนดสีเปนโหมดอื่นๆ ได ดังนี้ 1. เลือกคําสั่ง Color>Components>Decompose…
2. เลือกโหมดภาพที่ตองการ
Page 143
การเลือกใชสกี ับงานกราฟก งานกราฟกที่เราสรางนั้น ลวนแตมีจุดประสงคที่จะสื่อใหผูชมเขาใจถึงความหมาย และมีความรูสึกรวมกับงาน ชิ้นนั้น ตัวอยางเชน โฆษณาขายบานที่ตองการแสดงถึงความรักและความอบอุน การโฆษณาขายเสื้อผาของคนแตละวัยก็ ตองการดีไซนที่ตางกัน หากเปนผูชายวัยทํางานก็ตองดูภูมิฐาน และผูหญิงวัยรุนก็ตองมีความอินเทรน ดังนั้นการใชสีที่สื่อ ถึงกลุมคนและความรูสึกเหลานี้ลวนแตมีความสําคัญ
สีและวงลอของสี ในวงลอของสีเราสามารถแบงสีไดเปน 3 หมวดหมู ดังนี้ • • •
สีขั้นที่ 1 (Primary Color) เปนแมสีนั่นเอง ไดแก สีเหลือง สีแดง และสีน้ําเงิน สีขั้นที่ 2 (Secondary Color) เปนสีที่ไดจากแตละสีในขั้นที่ 1 มาผสมกัน ไดแก สีสม สีเขียว และสี มวง สีขั้นที่ 3 (Tertiary Color) เปนสีที่ไดจากสีขั้นที่ 1 ผสมกับสีขั้นที่ 2 ไดแก แดง-สม, แดง-มวง, เหลืองเขียว, เหลือง-สม, น้ําเงิน-เขียว และน้ําเงิน-มวง
สีโทนรอนและสีโทนเย็น จากวงลอของสี เราสามารถนําไปใชงานใหเหมาะสม โดยแยกเปนโทนสีไดดังนี้ • •
สีโทนเย็น เปนสีที่สื่อถึงความเยือกเย็น ขรึม สุภาพ มั่นคง เชี่ยวชาญ (หรือเปน Professional) และดูเศรา ไดแก สีเขียว สีเขียว-น้ําเงิน น้ําเงิน น้ําเงินมวง และสีมวง สีโทนรอน เปนสีที่ดูอบอุน สนุก รอนแรง ไดแก สีแดง สีสม-แดง สีสม สีสม-เหลือง และสีเหลือง สีโทนรอน
สีโทนเย็น
Page 144
สีและการสื่อความหมาย สีที่เรานิยมเลือกนํามาใชเปนสีหลักในชิ้นงาน จะเปนตัวสื่อถึงความหมาย และเขาถึงอารมณของผูชมไดเปนอยาง ดี ซึ่งเพื่อการความเขาใจแบบงายๆ จะขอสรุปเปนแนวทางได ดังนี้ สี สีแดง สีแดงออน สีชมพู สีแดงเขม สีน้ําตาล สีน้ําตาลแดง สีสม
สีสมเขม สีสมแดง สีเหลือง
สีเหลืองหมน สีเหลืองออน สีเขียว
สื่อความหมาย เปนสีของไฟและเลือด พลังงาน สงคราม อันตราย ความแข็งแรง พละกําลัง ความปรารถนา และ ความรัก ความสนุกสนาน ความออนไหว ความยั่วยุทางเพศ ความปรารถนา และความรัก สื่อถึงความเปนผูหญิง ความโรแมนติก ความรัก มิตรภาพ และความละเอียดออน คือความโกรธ บาคลั่ง ความมุงมั่น ความกลาหาญ ผูนํา ความใคร ความกระฉับกระเฉง และความมุง ราย สื่อถึงการชวนคิด ความเสถียรภาพ แข็งแกรง และคุณภาพ ความหมายในทางบวกสื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว การเกิดผลสําเร็จ เกาแก และโบราณ นอกจากนี้จะพบบอย ในการโฆษณาขายบาน และสื่อถึงครอบครัว เกิดจากสีแดงที่มีพลังและสีเหลืองที่สื่อถึงความสุข มาเปนสีสมจึงหมายถึง ความสนุก ความสดใส แสงแดด ความรอนแรง ความกระตือรือรน ชวนใหหลงรัก ชางคิด ชางฝน ความตั้งใจ ความสําเร็จ การชวยเหลือ นิยมใชในการโฆษณาผลไม ผลไมเพื่อสุขภาพ และของเลน หมายถึง โกหก หลอกลวง มีอุบาย ไมนาไวใจ และนาสงสัย หมายถึง ความปรารถนา การยั่วยุทางเพศ ความเพลิดเพลิน ดูมีอํานาจ กาวราว และแสดงถึงความ กระหาย เปนสีของแสงอาทิตย สื่อถึง ความสนุกสนาน ความสุข ความฉลาด ความยินดี ชัยชนะ มั่นคง ปลอดภัย พลัง และความกระปกระเปรา นอกจากนี้ ยังใชในการโฆษณาอาหาร สินคาเด็ก รถแทกซี่ สินคาราคาแพง ใชคาดกับสีดําสําหรับการแจงเตือนวาอันตราย เพราะมองเห็นไดเดนชัด ใชระบาย เนนในจุดสําคัญ สื่อถึงความเสื่อมสลาย ความเจ็บปวย อิจฉา ขี้หึง และหวงแหน สื่อถึงสติปญญา ความสดใหม จืด ทะลึ่ง ความสนุกสนาน และราเริง เปนสีของธรรมชาติ ความเจริญเติบโต ความสามัคคี ความอุดมสมบูรณ การเริ่มตน และความหวัง
Page 145
สีเขียวเขม สีเขียว-เหลือง สีเขียวผลมะกอก สีน้ําเงิน
สีน้ําเงินออน สีน้ําเงินเขม สีมวง สีมวงออน สีมวงเขม สีขาว สีดํา
นอกจากนี้ยังใชสื่อถึงความปลอดภัยในการโฆษณายา สื่อถึง เงิน ธนาคาร ความทะเยอทะยาน ความโลภ และความอิจฉา ชี้ถึงความเจ็บปวย ความขี้ขลาด ความอิจฉา และริษยา สื่อถึงสันติภาพ และความสงบสุข เปนสีของทองฟาและน้ําทะเล ใชสื่อถึงความลึก ความมั่นคง ความเสถียรภาพ เปนสัญลักษณของ ความเชื่อใจ ความไวใจ ความซื่อสัตย จงรักภักดี สุขุมรอบคอบ ฉลาด และความศรัทธา นอกจากนี้จะ พบบอยในโฆษณาสินคาและบริการที่ใหดูวาสะอาด เชน เครื่องกรองน้ํา และน้ํายาทําความสะอาด ถาเปนโฆษณาที่สื่อถึงอากาศและทองฟา ก็มีสายการบิน และเครื่องปรับอากาศ ถาสื่อถึงน้ําและทะเล ก็จะเปนการโดยสารผานเรือ และน้ําแร สินคาไฮเทคโนโลยีตางๆ รวมทั้งเปนสีประจําเพศชาย จะพบ โดยมากในโฆษณาสินคาของผูชาย สื่อถึงความสงบ รมรื่น เยือกเย็น เห็นอกเห็นใจ และความออนนุม สื่อถึงความรู ความมั่นคง ความขรึม ความเปนผูใหญ และเอาจริงเอาจัง เปนสีของกษัตริย อํานาจ ความเปนผูดี ชนชั้นสูง ฟุมเฟอย หรูหรา ความทะเยอทะยาน ความสงา ความอิสระ และใชกับอํานาจวิเศษ-เวทมนตร สื่อถึงความโรแมนติก และความคิดถึง สื่อถึงความมืดมน ความโศกเศรา และการหักลาง สื่อถึงความสวาง ความดี บริสุทธิ์ และไรเดียงสา เราจะเห็นสีขาวในชุดพยาบาล หมอ ชุดเจาสาว ฤดู หนาว-หิมะ และสินคาลดน้ําหนัก สื่อถึงความชั่วราย ความตาย การสูญเสีย ความลึกลับ การมีแบบแผน และดูมีมารยาท เปนสัญลักษณ ของความโศกเศรา แตยังพบเห็นในการใชกับสินคาที่หรูหรา และมีเกียรติ สีเหลือง : สื่อถึงความ สนุกสนาน มีพลัง และชัยชนะ
สีน้ําเงิน : นิยมใชกับสินคาที่เจาะ กลุมผูซื้อที่เปนผูชาย
แบบแผนในการใชส ี การทราบความหมายของสี จะชวยใหเราเลือกสีหลักที่ใชสื่อความหมายของชิ้นงานไดอยางเหมาะสม แตมี มากกวานั้นคือ ในงานกราฟกนอกจากจะประกอบดวยสีพื้นหลังแลว ยังตองมีภาพประกอบ ขอความ และวัตถุตางๆ ซึ่ง จะตองมีการกําหนดสี เพื่อใหภาพโดยรวมมีสีที่ดึงดูดนาสนใจ ไมกลมกลืน หรือขัดแยงกันมากจนเกินไป
Page 146
เราสามารถนําแบบแผนการใชสีไปประยุกตในการจัดทําเอกสาร หรือหนังสือในโหมดสองสีได โดยการจับคูสีที่ มีความเหมาะสมตามลักษณะงาน จะทําใหงานพิมพมีสีสันมากขึ้นกวางานขาว-ดํา และใกลเคียงงานสี่สี แตมีคาใชจายถูก กวางานสี่สีมาก
สีแบบสีเดียว (Monochromatic) เปนการใชสีเพียงสีเดียว คือ สีหลักที่เราเลือก โดยจะนําสีนั้นมาผสมไลโทนให แตกตางกันบางในบางจุดของ ชิ้นงาน การผสมสีมี 2 แบบ คือ Shade เปนการใสสีดําใหเขมขึ้น และ Tint ใสสีขาวผสมสีใหออนลง ตัวอยางเชน สีแดง เพิ่มสีดําก็จะได สีแดงเขมเหมือนอิฐแดง และเพิ่มสีขาวก็จะกลายเปนสีชมพู
สีที่คลายคลึงกัน (Analogous) จะเปนสีที่เราเลือกและอีก 2 สีที่อยูขางเคียง ตัวอยางเชน เราเลือกสีแดง จากนั้นก็มีสีสมแดง และมวงแดงที่อยู ขางเคียง
สีที่ตรงขามกัน (Complementary) เปน 2 สี ที่อยูตรงขามกันในตําแหนงวงลอของสี หากเราใชสีหนึ่งยืนพื้น ก็จะชวยขับใหอีกสีหนึ่งดูแรงกลา โดด เดนขึ้นมา ตัวอยาง เชน สีแดงจะอยูตรงขามกับสีเขียว
Page 147
สีหลักและสีขางเคียงสีตรงขาม (Split complementary) สีแรก คือสีที่เราเลือกจะยืนพื้นเปนหลักกับอีก 2 สีที่อยูขางๆ สีตรงขามของสีหลักที่เราเลือกนั่นเอง ตัวอยางเชน สี แดง (สีหลัก) สีเขียวเหลือง และสีเขียวน้ําเงิน
สีสามเสา (Triadic ) เปน 3 สีที่อยูหางเทาๆ กันบนวงลอของสี เชน สีแดง สีเหลือง และสีน้ําเงิน
2 คูสีตรงกันขาม (Double complement)
จะประกอบดวย 2 คูสีที่อยูตรงขามกัน ตัวอยางเชน คูสีเหลืองกับสีมวง และคูสีน้ําเงินกับสีสม
สีสามเสาและสีตรงขาม (Alternate complement) จะมีดวยกัน 4 สี โดย 3 สีแรกจะเปนสี 3 เสา และสีที่ 4 จะเปนสีตรงขามกับสีหลัก ตัวอยางเชน สีแดง สีเหลือง สี น้ําเงิน และสีมวงซึ่ง (เปนสีตรงขามกับสีแดงที่เปนสีหลัก)
Page 148
สี่สีที่หางเทากัน (Tetrad) ประกอบดวย 4 สี โดยแตละสีอยูระยะหางเทากันบนวงลอของสี และสามารถแจกแจงออกมาไดเปน 1 สีที่เปนสี ขั้นที่ 1 อีก 1 สีในสีขั้นที่ 2 และอีก 2 สีในสีขั้นที่ 3 ตัวอยางเชน สีแดง สีเขียว สีสมเหลือง และสีมวงน้ําเงิน
Page 149
บทที่ 10 การปรับแตงภาพ การทํางานใน GIMP นอกจากจะเปนการนําภาพตางๆ มาตัดตอประกอบกันเปนชิ้นงานแลว ยังเปนดังสตูดิโอ ตกแตงภาพอีกดวย โดยเราสามารถนําภาพตางๆ มาปรับแตงสี ปรับโทนความสวาง ปรับแตงสีที่ผิดเพี้ยนใหตรงความเปน จริง การแตงเติมสีในบางสวนของภาพใหดูนาสนใจมากยิ่งขึ้น และการตกแตงสีดวยเทคนิคพิเศษเพื่อใหกําเนิดภาพที่ สรางสรรคแปลกใหมได
ปรับแตงความสมดุลของสีภาพดวย Color Balance Tool ในการปรับแตงแกไขสีของภาพเราจะพิจารณาวงลอสี ดังรูป ซึ่งเราจะเห็นไดวา ใน โหมดสี RGB และ CMYK มีสีที่ตรงขามกันอยู ซึ่งเราเอาความรูเรื่องนี้ไปปรับแตงสีของภาพดวยการเลือกเครื่องมือ Color Balance Tool ดัง ตัวอยาง เมื่อเราตองการปรับสีแดง (Red) ใหเพิ่มขึ้น ในขณะที่เราทํางานอยูในโหมด RGB ทําไดโดยการเพิ่มความเขม ของสีเหลือง (Yellow) และสีมวง (Magenta) หรือลดความเขมของสีฟา (Cyan) ลง ซึ่งเปนสีตรงกันขามในวงลอ เราก็จะไดสีแดงเขมขึ้น ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1.
คลิกเลือก
ที่ Image Window>Colors
Page 150 2. 3.
4. 5.
จะปรากฏหนาตาง Color Balance ใหทําการปรับแตงสี คลิกเลือกสวนของสีภาพที่เราตองการปรับได 3 สวน คือ o Shadow เปนสวนที่เปนเงามืดในภาพ o Midtone เปนสวนของสีหลักๆของภาพ o Hightlight เปนสวนของแสงสวางในภาพ (ตัวอยางเลือกกําหนดภาพที่ Midtone) เลื่อนแถบสไลดกําหนดสีของภาพ (ตัวอยางจะลดความเขมของสีฟา (Cyan) และลดความเขมของสีน้ําเงินลง) คลิกเมาส เพื่อตกลงใชคาที่กําหนด 1. คลิกเลือก Color Balance…
2. คลิกเมาสภายในภาพที่ตองการปรับแตงสี 3. เลือกสวนของสีภาพที่เรา ตองการปรับ 4. เลื่อนแถบสไลดกําหนดสี
5. คลิกเมาส
TIP
ภายในหนาตางของเครื่องมือการปรับแตงภาพจะมีชองคําสั่ง ภาพขณะที่เราทําการปรับแตงอยู
ใหเราคลิกเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของ
Page 151
ปรับความเขมและความจางของสีภาพดวย Hue/Saturation Tool การปรับภาพโดยใชคําสั่ง Hue/Saturation จะอาศัยพื้นฐานของการมองภาพในโมเดลของ HSB ดัง รายละเอียดที่กลาวมาแลวในบท “ความรูเรื่องสีและการเลือกใชโหมดสี” ซึ่งจะเปนการปรับสีภาพโดยรวมทั้งหมด และ ปรับภาพใหเปนโทนสีเดียวได ในตัวอยางนี้เราจะปรับภาพดอกกลวยไมนี้ใหมีโทนสีเดียวเปนสีสม (เลื่อนสไลดไปทางซาย) แลวเพิ่มความอิ่ม ของสีดวยคา Saturation และคา Lightness ทําใหดอกกลวยไมมีสีสดและสวางขึ้น (เลื่อนสไลดไปทางขวา) โดยทํา ตามขั้นตอนดังนี้ 1. 2. 3.
4.
คลิกเลือก ที่ Image Window>Colors จะปรากฏหนาตาง Hue-Saturation เลือกชวงของสี เลือกปรับภาพในโหมดสี โดยลดและเพิ่มคา Hue, Saturation และ Lightness มีรายละเอียดดังนี้ • Hue ปรับคาสีใหมใหกับภาพ (สามารถปรับไดตั้งแต -180 ถึง 180) • Saturation ปรับคาความอิ่มตัวของสี โดยคาที่เพิ่มมากขึ้นจะทําใหสีภาพดูอิ่มและเขมขึ้น สวนคาที่ ติดลบจะทําใหสีภาพมืดลงจนเปนสีเทา (สามารถปรับไดตั้งแต -100 ถึง 100) • Lightness ปรับคาความมืดและสวางของภาพ คาที่เพิ่มมากขึ้นจะทําใหภาพสวางจนเปนสีขาว และ คาที่ติดลบจะทําใหภาพมืดลงจนเปนสีดํา (สามารถปรับไดตั้งแต -100 ถึง 100) คลิกเมาส เพื่อตกลงใชคาที่กําหนด
1. คลิกเลือก color>Hue-Saturation…
2. คลิกเมาสภายในภาพ ที่ตองการปรับแตงสี
3. กําหนดชวงของสีที่ตองการปรับ (ในที่นี้คือสีเหลือง)
4. เลื่อนสไลดเพือ่ ปรับคา
คลิกเพื่อรีเซ็ตคาไป เปนคาเริ่มตน
Page 152
ผลลัพธเมื่อทําการ เลื่อนสไลดเพือ่ เปลี่ยนสีภาพ เฉดสี ในสวนตางๆ ก็จะ เปลี่ยนไปดวย
5. คลิกเมาส
ปรับสีใหภาพดวย Colorize Tool เปนการเปลี่ยนสีภาพที่เหมือนกับการใสฟลเตอรสีตางๆ ลงบนภาพแบบ Grayscale โดยเราสามารถทําการ ปรับคา Hue-Saturation และ Lightness ไดเหมือนกับเหมือน กับ Hue-Saturation Tool ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1. 2. 3. 4.
คลิกเลือก ที่ Image Window>Colors จะปรากฏหนาตาง Colorize ทําการเลื่อนแถบสไลดเพื่อปรับคาสีตามตองการ โดยที่ Hue มีคาตั้งแต 1 ถึง 360 คา Saturation มีคา-100 ถึง 100 (ในที่นี้ปรับ Hue ใหเปน สีเขียวแบบตัวอยาง) จากนั้นคลิกปุม
เมื่อปรับไดสีตามตองการแลว
Lightness
และ
Page 153
1. คลิกเลือก Colors>Colorize…
3. ปรับคาโหมดสี โดยลดคา Hue และเพิ่มคา Saturation และ Lightness 4. คลิกเมาส
ปรับแตงความคมชัดและความสวางของภาพดวย Brightness/Contrast Tool เปนการปรับคาสีในพิกเซลภาพใหเกิดความสวาง และความคมชัด โดยจะมีคาใหปรับอยู 2 คา คือ o
Brightness
o
Contrast
ปรับคาความมืด-สวางใหกับเม็ดสี ปรับความคมชัดใหกับภาพ
ในตัวอยางเปนการเปนการปรับความสวางและความคมชัดของภาพรถยนต โดยใช Tool ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 1. 2. 3. 4.
คลิกเลือก ที่ Image Window>Colors จะปรากฏหนาตาง Brightness-Contrast ทําการเลื่อนแถบสไลดเพื่อปรับคาความสวางและความคมชัดใหกับภาพ จากนั้นคลิกปุม เมื่อปรับไดภาพตามที่ตองการแลว
Brightness/Contrast
Page 154
1. คลิกเลือก Colors>BrightnessContrast…
2. คลิกเมาสภายในภาพที่ตองการ ปรับแตงสี 3. เลื่อนแถบสไลดเพื่อใหไดภาพตามที่ตองการ 4. คลิกเมาส
การปรับภาพใหเปนสีขาว และสีดําดวย Threshold Tool ลักษณะการปรับภาพแบบนี้ จะเปนการปรับภาพทั้งภาพใหเปนภาพ 2 สี คือขาว และดํา โดยจะเปลี่ยนคาสีในภาพ เปนขาวหรือดํา โดยจะพิจารณาจากคา Threshold โดยสามารถกําหนดสีคาได 2 ชวง เชน กําหนดใหคาในชวงแรกเปน 70 จะทําใหสีที่มีคาอยูในชวง 1-70 ถูกเปลี่ยนเปนสีดํา และ 71-255 เปนสีขาว ถาเรากําหนดชวงที่ 2 ดวยใหมีคา 200 จะทําใหสีที่มีคาอยูในชวง1-70 และ 200-255 ถูกเปลี่ยนเปนสีดํา และในชวง 71-199 เปนสีขาว
1. 2. 3. 4. 5.
คลิกเลือก ที่ Image Window>Colors จะปรากฏหนาตาง Threshold คลิก เลื่อนแถบสไลดเพื่อปรับคา Threshold ชวงที่ 1 คลิก เลื่อนแถบสไลดเพื่อปรับคา Threshold ชวงที่ 2 จากนั้นคลิกปุม เมื่อปรับไดภาพตามที่ตองการแลว
Page 155
1. คลิกเลือก Colors>Threshold… 2. คลิกเมาสภายในภาพที่ ตองการปรับแตงสี
3. คลิกเลื่อนคาสีชว งที่ 1 หรือ ใสคาสีชวงที่ 1
4. คลิกเลื่อนคาสีชว งที่ 2 หรือ ใสคาสีชวง ที่ 2 5. คลิกเมาส
กําหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือ Threshold เราสามารถกําหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมของเครื่องมือ Main Toolbox ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
Threshold
ไดที่
Tool Options
ดานลางของหนาตาง
ปรับแตงสีของภาพดวย Level Tool เปนการปรับความสวางของภาพ โดยอาศัยขอมูลของกราฟ Histogram สามารถปรับระดับสีของภาพใหเขม ขึ้นหรือจางลงได โดยอาศัยหลักการเพิ่มสีดํา (Shadow) และโทนสีขาว (Highlight) และปรับระดับสีภาพใหอยู ระดับกลาง (Midtone) โดยจุดประสงคในการปรับนั้นเนนเรื่องความสวาง-มืดของภาพและความชัดเจนของสีเปนสําคัญ ตอไปนี้เรามาลองใชงาน Level โดยมาปรับใหภาพมีบรรยากาศที่เปลี่ยนไปดังนี้
Page 156
1. 2. 3. 4.
5.
6.
คลิกเลือก ที่ Image Window>Colors จะปรากฏหนาตาง Level คลิกเลือก Channel สีที่ตองการ (ถาตองการปรับสีทุกแชนแนล เลือกแบบ Value) คลิกเลื่อนแถบสไลดเพื่อปรับคาไปทางซายหรือขวา เพื่อปรับความมืดความสวางของภาพ ถาเลื่อนไปทางขวา หมายถึง การเติมสีดํา จะทําใหภาพมีความสวางนอยลง • ลูกศรสีดํา (Shadow) • ลูกศรสีเทา (Midtone) เปนการปรับภาพใหอยูระดับกลางๆ มีทั้งสีดํา และสีขาวเทาๆ กัน • ลูกศรสีขาว (Highlight) ถาเลื่อนไปทางซาย หมายถึงการเติมสีขาวมากขึ้น จะทําใหภาพมีความสวาง มากขึ้น คลิกเลื่อนแถบสไลดเพื่อปรับคาไปทางซายหรือขวา เพื่อปรับโทนสีของภาพ • ลูกศรสีดํา เลื่อนไปทางขวา โทนสีจะยิ่งออนมากขึ้น • ลูกศรสีขาว เลื่อนไปทางซายโทนสีจะยิ่งเขมมากขึ้น จากนั้นคลิกปุม เมื่อปรับไดภาพตามที่ตองการแลว 2. คลิกเมาสภายในภาพที่ตองการ ปรับแตงสี
1. คลิกเลือก Colors>Level…
Page 157
3. เลือก Channel สีเปน Value
4. ลากลูกศรไป ทางซายหรือขวา เพื่อปรับ ความมืด ความสวางของภาพ 5. ลากลูกศรไป ทางซายหรือขวาเพื่อปรับโทนสี ของภาพ
6. คลิกเมาส
ปรับระดับแสงเงาภาพดวย Curve Tool เปนการปรับความสวางของภาพ สามารถปรับระดับสีของภาพใหเขมขึ้นหรือจางลงได โดยอาศัยหลักการเพิ่มสีดํา (Shadow) และโทนสีขาว (Highlight) และปรับระดับสีภาพใหอยูระดับกลาง (Midtone) โดยจุดประสงคในการ ปรับนั้นเนนเรื่องความสวาง-มืดของภาพและความชัดเจนของสี สามารถตั้งคาความสวางเฉพาะจุดได ทําใหภาพที่ออกมามี มิติมากขึ้น กราฟ Curve จะแสดงการเปรียบเทียบคาสีเดิมกับและคาสีใหม กอนปรับแตงมาดูรายละเอียดของหนาตาง Curve ดังนี้
ปรับระดับแสงเงาภาพดวย Curve Tool เปนการปรับความสวางของภาพ สามารถปรับระดับสีของภาพใหเขมขึ้นหรือจางลงได โดยอาศัยหลักการเพิ่มสีดํา (Shadow) และโทนสีขาว (Highlight) และปรับระดับสีภาพใหอยูระดับกลาง (Midtone) โดยจุดประสงคในการ ปรับนั้นเนนเรื่องความสวาง-มืดของภาพและความชัดเจนของสี สามารถตั้งคาความสวางเฉพาะจุดได ทําใหภาพที่ออกมามี มิติมากขึ้น กราฟ Curve จะแสดงการเปรียบเทียบคาสีเดิมกับและคาสีใหม กอนปรับแตงมาดูรายละเอียดของหนาตาง Curve ดังนี้
Page 158
คลิกเลือกลักษณะของ Histograms ที่แสดง
เลือก Channel ที่ ตองการปรับ
แกน Y แทนคาเดิมของสีมี คาตั้งแต 0-255
แกน X แทนใหมของสี หลังปรับแตงมี คาตั้งแต 0-255 เลือกชนิดของ Curve
ในตัวอยางนี้เราจะปรับภาพแมวสองตัวนี้ใหสวางขึ้น โดยการใชเครื่องมือ
Curve Tool
โดยทําตามขั้นตอน
ดังนี้ 1. 2. 3. 4.
คลิกเลือก ที่ Image Window>colors จะปรากฏหนาตาง Curve เลือก Channel ของสีที่เราตองการปรับแตง ปรับความสวางและความชัดของภาพ โดยสามารถทําการปรับ Curve ได 2 วิธี คือ ปรับโดยการลากเสน Curve และปรับดวยการวาดเสน Curve เอง จากนั้นคลิกปุม เมื่อปรับคาสีเรียบรอยแลว 1. คลิกเลือก Colors>Curve… 2. คลิกเมาสภายใน ภาพที่ตองการ ปรับแตงสี
Page 159
3. เลือก Channel
5. คลิกเมาส
4.1 ปรับโดยการลากเสน Curve
4.2 ปรับโดยการวาดเสน Curve
กําหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือ Level Tool และ Curve Tool เราสามารถกําหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมของเครื่องมือ Level Tool และ Curve ดานลางของหนาตาง Main Toolbox ซึ่งมีรายละเอียดที่เหมือนกันดังนี้
Tool
ไดที่ Tool
Options
กําหนดลักษณะของ Histogram ที่แสดง Sample average เปนการกําหนดคารัศมีของพื้นที่สีใน การปรับภาพ
ปรับ/ลดโทนสีในภาพดวย Posterize Tool เปนการกําหนดลักษณะโทนสีใหแตละ Channal ตัวอยางเชน ถาเราเลือกเปน 2 ระดับในโหมดภาพ RGB จะทําใหภาพนั้นมี 6 สีประกอบดวย สีแดง 2 ระดับ สีเขียว 2 ระดับ และสีน้ําเงิน 2 ระดับ ซึ่งเอฟเฟกตนี้จะเหมาะกับการ แตงภาพขนาดใหญ เชน ภาพโปสเตอรโฆษณา สังเกตวาถากําหนด Level (ระดับ) นอยๆ จะทําใหเห็นการไลโทนสีอยาง เดนชัด หากกําหนด Level (ระดับ) มากๆ ก็จะไมเห็น ซึ่งมีขั้นตอนในการปรับ/ลดโทนสี ดังนี้
Page 160
1. 2. 3.
คลิกเลือก ที่ Image Window>colors จะปรากฏหนาตาง Posterize ทําการเลื่อนแถบสไลดเพื่อปรับคา Posterize ใหกับภาพ จากนั้นคลิกปุม เมื่อปรับไดสีตามที่ตองการแลว
1. คลิกเลือก Colors>Posterize
2. คลิกเมาสภายในภาพที่ตองการ ปรับแตงสี 3. ทําการเลื่อนแถบสไลด เพื่อปรับระดับสีซึ่งมีคา ระหวาง 0-256 4. คลิกเมาส
Page 160
บทที่ 11 ตกแตงภาพดวยการรีทัช เมื่อเราจัดเตรียมภาพ เพื่อนํามาประกอบในการสรางชิ้นงาน หลายครั้งเราอาจตองปรับแตงภาพตนฉบับนั้นใหตรง กับแนวของงานที่เราตองการมากที่สุด และการปรับเปลี่ยนหรือแกไขภาพในลักษณะที่จะกลาวถึงตอไปนี้ เปนอีก ความสามารถหนึ่งของโปรแกรม GIMP โดยเราสามารถทําการปรับภาพใหดูเบลอเปนภาพที่นุมนวลขึ้น การลบริ้วรอยไม พึ่งประสงคในภาพ การเกลี่ยสีภาพใหดูแปลกตาหรือกลมกลืนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเทคนิคเหลานี้เราพบไดในการตกแตงภาพของ นางแบบที่ใชในการขึ้นปกนิตยสารนั่นเอง
Retouch เทคนิคการแตงภาพสําหรับ GIMP รีทัช (Retouch) เปนคําศัพทที่เรียกใชการแตงภาพเฉพาะจุด เพื่อใหภาพในสวนที่เปนตําหนิไดรับการแกไข ใหดียิ่งขึ้น และรวมไปถึงการผสมผสานภาพที่นํามาตัดตอใหดูเขากันอยางกลมกลืน ใน GIMP นั้น มีเครื่องมือสําหรับการ Retouch ดังนี้ Perspective Clone Tool Dodge/Burn Tool
Clone Tool Heal Tool
Blur / Sharpen Tool
Smudge Tool
ปรับความคมชัดของภาพดวย Convolve Tool เปนเครื่องมือในหนาตาง Main Toolbox ที่ใชสําหรับตกแตงภาพใหมีความเบลอ (Blur) หรือชัดเจน (Sharpen) มากยิ่งขึ้น จะเห็นไดวาคุณสมบัติการใชงานของ Convolve Tool แบงอยางไดอยาง ชัดเจน ซึ่งเราทําการกําหนดชนิดของ Convolve Tool ใหเปนแบบ Blur หรือ Sharpen ไดจาก Tool Option ซึ่งแตละชนิดมีขั้นตอนดังนี้ Convolve Tool
สรางภาพเบลอ (Blur) จะทําใหภาพดูเบลอพลามัว ซึ่งเราสามารถนําไปประยุกตในการปรับแตงภาพ ดังตัวอยางเราจะปรับภาพพื้นหลัง รอบๆ นางแบบใหดูเบลอ เพื่อเสริมใหตัวนางแบบดูโดดเดนขึ้นมา
Page 161
1. 2.
3.
คลิกเลือก Covolve Tool ที่ Toolbox จะปรากฏตัวชี้เมาสรูป ของหัวแปรง กําหนดรายละเอียดของ Covolve Tool ใน Tool Option เลือก Convolve Type เปน Blur และ กําหนดรายละเอียดตางๆ ดังนี้ o Opacity ใชกําหนดคาความโปรงแสงของสีเทลงไป o Mode กําหนดโหมดในการผสมสีระหวางสีเทลงไปกับสีของภาพเดิม o Brush เลือกขนาดและลักษณะของหัวแปรง o Pressure sensitivity ตั้งคาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความไวของแรงกด เปนการกําหนดลัษณะการปรับภาพแบบคอยๆจาง เมื่อคลิกเลือกจะสามารถกําหนด o Fade out Length เพื่อใหกําหนดระยะการจางหายของภาพ o Hard edge กําหนดใหขอบของแปรงตกแตงภาพไมมีการไลสี ทําใหสวนที่ตกแตงดูแข็ง o Convolve Type เปนการกําหนดชนิดของ Convolve มี 2 ชนิดคือ Blur การทําใหภาพเบลอ การทําใหภาพคมชัดขึ้น Sharpen o Rate เปนการกําหนดอัตราความเบลอหรือความคมชัด ลากเมาสบริเวณที่ตองการทําใหภาพเบลอ (จากตัวอยาง เราทําใหบริเวณภาพรอบๆ ใบหนานางแบบเบลอ เพื่อให ภาพนุมนวล) 2. กําหนดคุณสมบัติเครื่องมือ และเลือก ชนิดของ Convolve เปน Blur
1. คลิกเลือก Convolve Tool
3. ลากเมาสไปมาบริเวณที่ตองการทําใหภาพเบลอ
Page 162
สรางความคมชัดใหกับภาพ (Sharpen) ชวยเนนความเขมของขอบภาพและเพิ่มความคมชัดของภาพ (มีลักษณะการใชงานตรงขามกับการทําภาพเบลอ) เครื่องมือนี้จะชวยทําใหภาพดูชัดขึ้น แตตองระวังตรงที่วาถาใชมากอาจทําใหภาพที่ไดดูแข็งกระดางไป ในตัวอยางนี้ เราจะใชประโยชนของ บางสวนเดนชัดขึ้น ดังภาพ
กอนปรับภาพ
Sharpen
แตงหนานางแบบที่เดิมเปนภาพที่ดูกลมกลืน แตจะแตงให
หลังปรับภาพ
2.
คลิกเลือก Covolve Tool ที่ Toolbox กําหนดรายละเอียดของ Covolve Tool ใน Tool Option เลือก Convolve Type เปน Sharpen
3.
จะปรากฏตัวชี้เมาสรูป ของหัวแปรงและกําหนดรายละเอียดตางๆ ลากเมาสบริเวณที่ตองการทําใหภาพคมชัด (จากตัวอยาง เราทําใหบริเวณใบหนาของผูหญิงดูคมชัดขึ้น)
1.
2. กําหนดคุณสมบัติของเครื่องมือ และ เลือกชนิดของ Convolve เปน Sharpen
1. คลิกเลือก Convolve Tool
4. ลากเมาสไปมาบริเวณที่ตองการทําให ภาพคมชัดขึ้น
Page 163
เกลี่ยสีภาพดวย Smudge Tool เปนเครื่องมือที่มีลักษณะการทํางานคลายๆ กับการเอานิ้วเกลี่ยสีที่เปยก เพื่อกระจายไป ตามทิศทางที่นิ้วเกลี่ยนั้น โดยในตัวอยาง เราจะเกลี่ยภาพนางแบบใหกลมกลืนกับฉากหลังที่เปนเปลวไฟ ทําใหภาพดูแปลก ตาออกไปเหมือนกับภาพกราฟก Smudge Tool
กอนปรับภาพ
1. 2.
3.
หลังปรับภาพ
คลิกเลือก Smudge Tool ที่ Toolbox จะปรากฏตัวชี้เมาสรูป ของ หัวแปรง กําหนดรายละเอียดของ Smudge Tool ใน Tool Option ดังนี้ o Opacity ใชกําหนดคาความโปรงแสงของสีเทลงไป o Mode กําหนดโหมดในการผสมสีระหวางสีเทลงไปกับสีของภาพเดิม o Brush เลือกขนาดและลักษณะของหัวแปรง o Pressure sensitivity ตั้งคาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความไวของแรงกด o Fade out เปนการกําหนดลัษณะการปรับภาพแบบคอยๆ จาง เมื่อคลิกเลือกจะสามารถกําหนด Length เพื่อใหกําหนดระยะการจางหายของภาพ o Hard edge กําหนดใหขอบของแปรงตกแตงภาพไมมีการไลสี ทําใหสวนที่ตกแตงดูแข็ง o Rate เปนการกําหนดอัตราความเบลอหรือความคมชัด ลากเมาสบริเวณที่ตองการ (จากตัวอยาง เราจะทําการเกลี่ยเฉพาะขอบภาพของนางแบบใหดูกลมกลืนกับฉากหลัง ที่เปนเปลวไฟ) 2. กําหนดคุณสมบัติ ของเครื่องมือ 1. คลิกเลือก Smudge Tool
3. ลากเมาสบริเวณที่ตองการเกลี่ยสี
Page 164
ปรับโทนสีของภาพโดยใช Dodge/Burn Tool เปนเครื่องมือในการปรับความสวาง (Dodge) และความมืด (Burn) ของภาพเพียง บางสวน จะเห็นวาเครื่องมือเดียวไดทําการรวมชนิดการใชงานไวทั้ง 2 รูปแบบ ซึ่งเราสามารถเลือกชนิดการใชงานไดจาก ออปชั่นในหนา Main Toolbox Dodge/Burn Tool
ปรับภาพใหสวางขึ้นเฉพาะสวน (Dodge) ใชปรับความสวางของภาพเฉพาะบางสวนใหสวางขึ้นดวยสีของภาพเอง หรือเรียกงายๆ Highlight ใหกับภาพ โดยในตัวอยางนี้ เราจะปรับภาพดอกไมที่คอนขางมืดใหสวางขึ้น ดังนี้
1. 2.
วาเปนการสราง
คลิกเลือก Dodge/Burn Tool ที่ Toolbox จะปรากฏตัวชี้เมาสรูป กําหนดรายละเอียดของ Dodge/Burn Tool ใน Tool Option เลือก Type เปน Dodge และกําหนด รายละเอียดตางๆ ดังนี้ o Opacity ใชกําหนดคาความโปรงแสงของสีเทลงไป o Mode กําหนดโหมดในการผสมสีระหวางสีเทลงไปกับสีของภาพเดิม o Brush เลือกขนาดและลักษณะของหัวแปรง o Pressure sensitivity ตั้งคาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความไวของแรงกด o Fade out เปนการกําหนดลัษณะการปรับภาพแบบคอยๆ จาง เมื่อคลิกเลือกจะสามารถกําหนด Length เพื่อใหกําหนดระยะการจางหายของภาพ o Hard edge กําหนดใหขอบของแปรงตกแตงภาพไมมีการไลสี ทําใหสวนที่ตกแตงดูแข็ง o Type เปนการกําหนดชนิดของเครื่องมือ มี 2 ชนิดคือ Dodge การปรับภาพใหสวางขึ้นเฉพาะสวน Burn การปรับภาพใหสีเขมขึ้นเฉพาะสวน o Mode เปนการเลือกสวนของสีภาพที่จะทําการปรับ มีใหเลือก 3 โหมด คือ Shadow สวนของเงามืดภายในภาพ สวนของสีหลักภายในภาพ Midtones Highlights สวนแสงสวางภายในภาพ
Page 165
o
Exposure Highlights
3.
เปนคาของแสงที่ปรับความมืด และสวางใหกับภาพ โดยคานอยจะทําใหการ นอย แตถามีคามากก็มีการ Highlight มาก ในที่นี้กําหนดใหคา Exposure มีคา
เทากับ 50% ลากเมาสบริเวณที่ตองการสราง Highlight ของภาพ สังเกตวาภาพสวนนั้นจะสวางขึ้น 2. กําหนดคุณสมบัติ ของเครื่องมือ เลือกชนิดของ เครื่องมือเปน Dodge
1. คลิกเลือก Dodge/Burn Tool
กําหนดคา Exposure เทากับ 50%
3. ลากเมาสบริเวณที่ ตองการปรับความสวาง
ปรับภาพใหสีเขมขึ้นเฉพาะสวน (Burn) ใชปรับใหภาพมืดลงในบางสวนหรือเรียกงายๆ วา เปนการสราง เราจะลองปรับแตงภาพวิวชายทะเลในบางสวนใหดูมีแสงเงา
1.
คลิกเลือก Dodge/Burn Tool ที่ Toolbox
Shadow (เงา)
ใหกับภาพ ซึ่งในตัวอยางนี้
Page 166 2.
3.
กําหนดรายละเอียดของ Dodge/Burn
Tool
ใน Tool
Option
เลือก Type เปน Burn จะปรากฏตัวชี้
เมาสรูป กําหนดคา Exposure ถาปรับคานอยการสรางแสงเงาจะนอย และถาคามากก็มีการสรางเงามาก ในที่นี้กําหนดใหคา Exposure มีคาเทากับ 50% ลากเมาสบริเวณที่ตองการสรางเงาของภาพ (จากตัวอยาง เราทําใหภาพวิวในบางสวนที่ไมโดนแสงอาทิตยใหมี แสงเงาที่มืดลง)
2. กําหนดคุณสมบัติ ของเครื่องมือ เลือกชนิดของเครื่องมือเปน Burn
1. คลิกเลือก Dodge/Burn Tool
กําหนดคา Exposure เทากับ 50%
3. ลากเมาสบริเวณที่ ตองการ ปรับใหภาพมืดลง
TIP
ในขณะใชเครื่องมือ Convolve Tool และ Dodge/Burn เปลี่ยนชนิดของ เครื่องมือไดงายๆ โดยการกด <Ctrl> ที่คียบอรดคางไว
Tool
ทําการปรับแตงภาพอยูนั้น เราสามารถ
การทําสําเนาภาพดวย Clone Tool สามารถทํางานได 2 ลักษณะไดแกเปนเครื่องมือที่ใชสําหรับการคัดลอกภาพ และใส ลวดลายลงในภาพ เราสามารถกําหนดลัษณะการทํางานของเครื่องมือจาก Tool Option Clone Tool
โคลนนิ่งภาพ (Image source) ใชทําสําเนาแบบหนึ่งตอหนึ่ง หรือเรียกวา “โคลนนิ่งภาพ” โดยจะใชบางสวนของภาพที่เลือกไวมาสรางเปนภาพ ที่เหมือนกันในพื้นที่ใหม ดังตัวอยางเราจะสําเนารูปประสาทหินใหเปนหลายชุดเพื่อตกแตงภาพใหดูนาสนใจมากขึ้น
Page 167
1. คลิกเลือก Clone Tool ที่ Toolbox จะปรากฏตัวชี้เมาสรูป 2. กําหนดรายละเอียดของ Clone Tool ใน Tool Option เลือก Source เปน Image source และ กําหนดรายละเอียดตางๆ ดังนี้ o Opacity ใชกําหนดคาความโปรงแสงของสีเทลงไป o Mode กําหนดโหมดในการผสมสีระหวางสีเทลงไปกับสีของภาพเดิม o Brush เลือกขนาดและลักษณะของหัวแปรง o Pressure sensitivity ตั้งคาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความไวของแรงกด o Fade out เปนการกําหนดลัษณะการปรับภาพแบบคอยๆ จาง เมื่อคลิกเลือกจะสามารถกําหนด Length เพื่อใหกําหนดระยะการจางหายของภาพ o Hard edge กําหนดใหขอบของแปรงตกแตงภาพไมมีการไลสี ทําใหสวนที่ตกแตงดูแข็ง o Source เปนการกําหนดที่มาของการทําสําเนา มี 2 ลักษณะ คือ Image source การใชบางสวนของภาพที่เลือกไวเปนภาพที่เหมือนกันในพื้นที่ ใหม Pattern source การสรางลวดลายใหกับภาพโดยใชแพทเทริน o Alignment เปนการกําหนดตําแหนงของภาพตนแบบใน 3 ลักษณะ (ในตัวอยางใหเลือกแบบ Aligned เพื่อใหการทําสําเนาเปนแบบตอเนื่อง) Non-Aligned ภาพตนแบบจะเปนภาพตําแหนงเติมไมวาจะทําการวาดใหมกี่ครั้งก็ตาม Aligned ภาพตนแบบจะเปลี่ยนตามตําแหนงที่เราวาด แตระยะหางระหวางภาพ ตนแบบและสําเนาจะเทากัน Registered ภาพตนแบบ จะเปนตําแหนงเดียวกับที่เราวาดภาพใหม 3. กําหนดตําแหนงภาพเปนตนแบบ โดยกดแปน <Ctrl> คางไว ตัวชี้เมาสจะเปลี่ยนเปนรูป แลวคลิก เมาสที่ตําแหนงที่เราตองการใหเปนตําแหนงเริ่มตน 4. ลากเมาสระบายบริเวณที่เราตองการใหสําเนาภาพ โดยใหสังเกตเครื่องหมาย เปนหลัก ถาเครื่องหมายนี้ ปรากฏอยูบริเวณใด ภาพที่ปรากฏในพื้นที่ใหมจากตัวชี้เมาสรูป สามารถเปลี่ยนขนาดหัวพูกันเพื่อความสะดวกได)
จะเปนภาพเดียวกัน (ในขณะนี้เรา 2. กําหนดคุณสมบัติของเครื่องมือ เลือก Image เปนที่มาของการทําสําเนา
Page 168
2. กําหนดคุณสมบัติ ของเครื่องมือ เลือก Image source เปนที่มา ของการทําสําเนา 1. คลิกเลือก Clone Tool
Aligned เพื่อการทํา สําเนาอยางตอเนื่อง
3. กดแปน <Alt> คางไวแลวคลิกเมาส ตําแหนงที่ตองการ
4. คลิกเมาสและลาก เมาสระบายบริเวณที่ ตองการแปะภาพ
ภาพผลลัพธของการ โคลนนิ่งภาพ
การใชงาน Perspective Clone Tool เครื่องมือนี้จะชวยเราในการคัดลอกรูปภาพโดยรักษาสัดสวน Perspective ที่ถูกตอง โดยมีวิธีการดังตอไปนี้
กอนปรับภาพ
1. คลิกเลือก
หลังปรับภาพ คนที่คัดลอกมาใหมมีสัดสวนสัมพันธ กับมุมมองของรูปโดยรวม
Perspective Clone Tool ที่ Toolbox จะปรากฏตัวชี้เมาสรูป
Page 169
2. กําหนดรายละเอียดของ
Perspective Clone Tool
ใน
Tool Option
เลือก
Modify
Perspective
3. ปรับเสน Perspective ใหเขากับทิศทางมุมมองของรูปภาพ 4. เมื่อไดมุมที่ตองการแลว คลิกที่ Perspective Clone กําหนดคุณสมบัติตางๆ ตามที่ตองการ ดังนี้ • Mode กําหนดโหมดในการผสมสีระหวางสีเทลงไปกับสีของภาพเดิม • Opacity ใชกําหนดคาความโปรงแสงของสีเทลงไป • Brush เลือกลักษณะของหัวแปรง • Scale เลือกขนาดของหัวแปรง • Fade out เปนการกําหนดลัษณะการปรับภาพแบบคอยๆ จาง เมื่อคลิกเลือกจะสามารถกําหนด Length เพื่อใหกําหนดระยะการจางหายของภาพ • Hard edge กําหนดใหขอบของแปรงตกแตงภาพไมมีการไลสี ทําใหสวนที่ตกแตงดูแข็ง • Source เปนการกําหนดที่มาของการทําสําเนา มี 2 ลักษณะ คือ o Image source การใชบางสวนของภาพที่เลือกไวเปนภาพที่เหมือนกันในพื้นที่ ใหม o Pattern source การสรางลวดลายใหกับภาพโดยใชแพทเทริน • Alignment เปนการกําหนดตําแหนงของภาพตนแบบใน 3 ลักษณะ (ในตัวอยางใหเลือกแบบ Aligned เพื่อใหการทําสําเนาเปนแบบตอเนื่อง) o Non-Aligned ภาพตนแบบจะเปนภาพตําแหนงเดิมไมวาจะทําการวาดใหมกี่ครั้งก็ตาม ภาพตนแบบจะเปลี่ยนตามตําแหนงที่เราวาด แตระยะหางระหวางภาพ o Aligned ตนแบบและสําเนาจะเทากัน o Registered ภาพตนแบบ จะเปนตําแหนงเดียวกับที่เราวาดภาพใหม o Fixed กําหนดตําแหนงที่แนนอน 5. เลือกพื้นที่ตนแบบ โดยกด <Control> คางไว ขณะคลิกเมาสเลือกพื้นที่ เมาสจะเปลี่ยนเปนรูป 6. คลิกเมาสพื้นที่ที่ตองการคัดลอกภาพลงไป 7. จะไดภาพที่คัดลอกที่มีสัดสวนและทิศทาง Perspective สมจริง 1. คลิกเลือกเครื่องมือ Perspective Clone Tool 2. เลือก Modify Perspective
ภาพตนฉบับ
3. ปรับเสน Perspective ใหเขากับ ทิศทางมุมมองของรูปภาพ
Page 170
4. คลิกเลือก Perspective Clone
กําหนดคุณสมบัติตางๆ ตามที่ตองการ
5. เลือกพื้นที่ตนแบบ โดยกด <Control> คาง ไว ขณะคลิกเมาสเลือกพื้นที่
6. คลิกเมาสบริเวณพื้นที่ที่ ตองการคัดลอกภาพลงไป
7. จะไดภาพผลลัพทที่คัดลอกที่มีสัดสวน และทิศทาง Perspective สมจริง
Page 171
สรางลวดลายใหกับภาพดวย (Pattern source) ใชสําหรับสรางลวดลายใหกับภาพ โดยมีวิธีคราวๆ คือเราตองกําหนดหรือสรางรูปแบบภาพ (Pattern) เสียกอน หลังจากนั้นจึงระบายภาพนั้นลงไปไดตามตองการ ดังตัวอยางนี้ เราจะสรางลวดลายใหกับเสื้อของนางแบบ โดยจะ เปลี่ยนใหเปนเสื้อมีแขนจากลวดลาย ดังกลาว ดังนี้
1. คลิกเลือก Clone Tool ที่ Toolbox จะปรากฏตัวชี้เมาสรูป 2. กําหนดรายละเอียดของ Clone Tool ใน Tool Option เลือก Source เปน Pattern source เลือก ลวดลายที่จะใชใน Pattern 3. เลือกพื้นที่ใหกับสวนที่ตองการใสลวดลาย (ในกรณีที่เราตองการระบายลวดลายเฉพาะจุด) 4. ระบายบริเวณที่เราตองการใหลวดลายปรากฏ
2. กําหนดคุณสมบัติ ของเครื่องมือ เลือก Pattern source เปน ที่มาของการทํา 1. คลิกเลือก Clone Tool
เลือกลวดลายที่จะใช
Page 172
3. เลือกพื้นที่ในสวนที่ ตองการใสลวดลาย
4. ลากเมาสเพื่อใสลวดลายให ทั่วทั้งพื้นที่ Selection
ภาพผลลัพธของการ ใสลวดลายใหกับภาพ
Page 173
บทที่ 12 การตกแตงภาพอยางสรางสรรคดวยฟลเตอร เมื่อเราทํางานกราฟก จะพบวาการตกแตงภาพในบางลักษณะ ก็เปนเรื่องที่เราตองทํากันบอยๆ และอาจจะมี ขั้นตอนที่ซับซอน ในบทนี้เราจะมาใชเครื่องมือ ชิ้นหนึ่งที่ GIMP ไดรวบรวมเทคนิคการตกแตงภาพเกี่ยวกับงานที่เรานิยม ใชกัน มาชวยใหเราทํางานตกแตงภาพเหลานั้นไดงายและรวดเร็วยิ่งขึ้นภายในไมกี่ขั้นตอน เครื่องมือนั้นคือ “ฟลเตอร”
ฟลเตอรคืออะไร ฟลเตอร (Filter) เปนคําสั่งพิเศษที่ตกแตงภาพไดสวยงามภายในคําสั่งเดียว โดยจะชวยลดความยุงยากในการ ตกแตงภาพที่มีขั้นตอนมากมายใหนอยลง เชน เราจะสรางแสงใหกับภาพ แทนที่เราตองมาทําทีละขั้นตอน คือ สรางเลเยอร ใหม คัดลอกภาพลงเลเยอร แลวลงสี ปรับคา Opacity ฯลฯ แตเมื่อเราเรียกใชคําสั่งฟลเตอร เพียงครั้งเดียว ก็สามารถ กําหนดคาตางๆ ดังที่กลาวมาและไดผลลัพธออกมาในเวลาที่รวดเร็ว
กฏการใชงานฟลเตอร ลักษณะของการตกแตงภาพดวยการใชฟลเตอรนั้น เปนเหมือนกับการซอนภาพดวยแผนฟลมบางๆ ที่ชวยเปลี่ยน ใหภาพปกติแปลกตาออกไป เหมือนกับการถายภาพดวยการใสฟลเตอรใหกับเลนสของกลอง สีที่ออกมาหรือรูปแบบที่ ออกมานั้นจะทําใหภาพตางออกไปจากความเปนจริง ซึ่งการทํางานของฟลเตอรมีกฏงายๆ ดังนี้ o o
ฟลเตอรจะทํางานกับเลเยอรที่ถูกเลือกหรืออยูในสภาวะ Active และ Visible เทานั้น บางฟลเตอรนั้นสามารถใชไดกับเฉพาะภาพ RGB และบางฟลเตอรไมสามารถใชกับภาพในโหมด Grayscale และ Indexed ได
Page 174
o
ทุกฟลเตอรสามารถใชไดกับภาพ 8 บิต แตจะมีบางฟลเตอรที่สามารถใชกับภาพ 16 บิตไดดวย เชน
Blur,
Gaussian Blur, Motion Blur, Noise, Despeckle, Sharpen, Unsharp Mask
และ
Emboss เปนตน (ซึ่งจะแสดงตัวอยางในบทนี้) o
การใชงานฟลเตอรบางตัวจําเปนตองใชเครื่องที่มีหนวยความจําสูงมาก
วิธีการใชงานฟลเตอร เราสามารถเรียกใชฟลเตอรไดโดยเลือกที่คําสั่ง Filter ที่หนาตาง Image Menu และเลือกฟลเตอรที่ตองการ ใส ตัวอยางจะทําการใสฟลเตอร Gaussian Blur ดังนี้ 1. 2. 3.
เลือกคําสั่ง Filter>Blur>Gaussian Blur จะปรากฏหนาตางฟลเตอร Gaussian Blur ใหเรากําหนดคาตางๆ คลิกปุม เพื่อตกลงใชคา หนาตาง Preview
1. เลือกคําสั่ง Filter>Blur>Gaussian Blur
2. กําหนดคาตางๆ
3. คลิกเมาส
TIP
หากเราตองการใสฟลเตอรที่ เพิ่งใสซ้ําลงไปอีกครั้ง สามารถทําไดอยางรวดเร็ว โดยการกดคีย <Ctrl+F> หรือ ถาตองการใสฟลเตอรชนิดเดิมซ้ําแตตองการเปลี่ยนคาที่กําหนดใหตางไปจากเดิม สามารถทําไดโดยกดคีย <Shift+Ctrl+F> จะปรากฏ หนาตางกําหนดคาของฟลเตอรชนิดนั้นเพื่อใหเรากําหนดคาได
Page 175
ตัวอยางฟลเตอรใน GIMP กลุมฟลเตอรแบบ Blur เปนกลุมฟลเตอรที่ชวยใหภาพออนนุม ลง ดูกลมกลืน โดยใชคําสั่ง Filter>Blur> ฟลเตอรที่กําหนด
ภาพตนฉบับ
กลุมฟลเตอรแบบ Colors เปนกลุมฟลเตอรในการตกแตงสีให กับภาพ โดยใชคําสั่ง Filter>Colors>ฟลเตอรที่กําหนด ภาพตนฉบับ
Page 176
Page 177
กลุมฟลเตอรแบบ Noise เปนกลุมฟลเตอรที่จะเพิ่มจุดเม็ดสีเขา ไปในภาพโดยใชคําสั่ง FilterNoise>ฟลเตอรที่กําหนด
ภาพตนฉบับ
กลุมฟลเตอรแบบ Edge‐Detect เปนกลุมฟลเตอรที่ใชสําหรับตกแตง เสนของขอบภาพ โดยโปรแกรมจะทําการคนหาขอบภาพ และโครงรางของ วัตถุในภาพ โดยประมวลผลจากความตางสี โดยใชคําสั่ง Filters>Edge-Detect>ฟลเตอรที่กําหนด
ภาพตนฉบับ
Page 178
กลุมฟลเตอรแบบ Enhance เปนกลุมฟลเตอรที่ใชสําหรับปรับภาพ ใหดูคมชัดหรือโดดเดนขึ้น โดยใชคําสั่ง Filters>Enhance>ฟลเตอร ที่กําหนด
ภาพตนฉบับ
กลุมฟลเตอรแบบ Generic เปนกลุมฟลเตอรที่ใหเราสามารถสรางฟลเตอรดวยตนเอง โดยใชคําสั่ง Filters>Generic>Convolution Matrix และสวนฟลเตอรอื่นๆ ในกลุมจะเปนตัวอยางฟลเตอรที่สรางจาก Convolution Matrix
Page 179
ภาพตนฉบับ
กลุมฟลเตอรแบบ Glass Effect เปนกลุมฟลเตอรที่สรางภาพใหเหมือนกับการมองภาพผานเลนส หรือกระจกใสที่มีลวดลาย Filter> Glass Effect>ฟลเตอรที่กําหนด
โดยใชคําสั่ง
ภาพตนฉบับ
กลุมฟลเตอรแบบ Lighting Effect เปนกลุมฟลเตอรที่สรางแสงไฟสอง หรือแสงสะทอน โดยใชคําสั่ง กําหนด
Filter> Lighting Effect>ฟลเตอรที่
Page 180
ภาพตนฉบับ
กลุมฟลเตอรแบบ Distort เปนกลุมฟลเตอรที่ใชปรับเปลี่ยน รูปรางของภาพในหลายๆ รูปแบบ โดยใชคําสั่ง กําหนด
ภาพตนฉบับ
Filter>Distort>ฟลเตอรที่
Page 181
กลุมฟลเตอรแบบ Artistic เปนกลุมฟลเตอรที่เปลี่ยนภาพถายใหเปนภาพวาดงานศิลปะตางๆ โดยใชคําสั่ง กําหนด
ภาพตนฉบับ
Filter>Artistic>ฟลเตอรที่
Page 182
กลุมฟลเตอรแบบ Map เปนกลุมฟลเตอรในการนําภาพจากตนแบบมาสรางเปนลวดลายในรูปแบบตางๆ โดยใชคําสั่ง Filter>Map> ฟลเตอรที่กําหนด
ภาพตนฉบับ
Page 183
กลุมฟลเตอรแบบ Render เปนกลุมฟลเตอรสําหรับสรางภาพ แพทเทิรนขึ้นมาใชงานในหลายๆ ลักษณะ โดยไมมีการอางอิงมาจากรูป ตนแบบเหมือนในกลุม Map โดยใชคําสั่ง Filter>Map> ฟลเตอรที่กําหนด
ภาพตนฉบับ
Page 184
Page 185
บทที่ 13 การนําภาพกราฟกไปใชงาน ในบทนี้ เราจะกลาวถึงเรื่องการจัดการภาพเพื่อนําไปใชงานใหเหมาะสมกับงานในรูปแบบตางๆ สรางงานเสร็จ แลวสิ่งสําคัญที่ตามมาก็คือ การพิมพงานออกทางเครื่องพิมพ ซึ่งเราจะกลาวถึงกระดาษที่เหมาะกับการพิมพ วิธีการพิมพ และการตรวจสอบงานกราฟกเพื่อสงผานโรงพิมพ และการสรางภาพเพื่อใชงานบนเว็บเพจ
เรานําภาพไปใชงานอะไรไดบาง ภาพที่สราง และตกแตงใหสวยงามเรียบรอยแลวเรามักนิยมนําไปใชงานไดหลากหลายรูปแบบ ดังนี้ การพิมพภาพผลงาน ภาพถายที่เรารีทัช หรือตัดตอไว สามารถพิมพออกมาเปนภาพสติกเกอร หรือ นําภาพพิมพที่ไดไปใชงานไดหลาย รูปแบบ นําภาพไปแสดงโชวบนเว็บ เว็บไซตบนอินเทอรเน็ต จัดเปนสื่ออยางหนึ่งที่เรามักจะนําภาพไปประกอบ หรืออาจจะสรางเปนเว็บที่ใชแสดง ภาพผลงาน
เตรียมพรอมกอนพิมพภาพ เครื่องพิมพกับงานกราฟก เครื่องพิมพในปจจุบันที่เราใชกันอยูทั่วไป จะแบงออกเปน 2 ประเภทใหญๆ คือ 1) เครื่องพิมพแบบเลเซอร เปนเครื่องพิมพที่ใชเทคโนโลยีสูง และคลายกับเครื่องถายเอกสาร โดยจะใชแสงสองเขาไปเปลี่ยนประจุไฟฟา บนดรัมไวแสง (Photo-sensitive drum) ใหเขมหรือจาง เมื่อกระดาษเคลื่อนที่ผานดรัม และแทงความรอน ภายในเครื่อง จะทําใหผงหมึกในโทนเนอร (Toner) ละลายเกิดเปนจุดสีบนบริเวณที่มีประจุ ทําใหเกิดตัวอักษรหรือ ภาพบนกระดาษอยางคมชัด และคุณภาพสูง เครื่องพิมพแบบเลเซอรมีทั้งแบบขาวดําเหมาะกับการพิมพเอกสารใน สํานักงาน เพราะคุณภาพดี ราคาหมึกประหยัด และแบบสีเหมาะกับการพิมพรายการสินคาที่ตองการคุณภาพมีสีที่ สวยงาม
Page 186
2) เครื่องพิมพแบบอิงคเจ็ต เปนเครื่องพิมพที่ใชหลักการพนหมึกสีผสมกัน จาก 4 สี คือ CMYK สีฟา (Cyan), สีมวงบานเย็น (Magenta), สีเหลือง (Yellow) และสีดํา (Black) ทําใหเกิดภาพชิ้นงานสีที่ไดคุณภาพตามตองการ และราคา เครื่องไมแพงเมื่อเทียบกับเครื่องพิมพเลเซอรแบบสี การพิมพงานสีดวยเครื่องพิมพแบบอิงคเจ็ต จะเหมาะกับการพิมพตัวอยางชิ้นงานจริงกอนที่จะสงพิมพเขาโรง พิมพ เพื่อจะตรวจสอบคุณภาพสีใหมั่นใจกอน และยังเหมาะกับงานกราฟกที่ไมเนนความละเอียดสูง เชน การพิมพ ภาพถาย พิมพสติ๊กเกอร และ นามบัตร เปนตน
เลือกกระดาษสําหรับพิมพงานกราฟกและภาพ ชนิดของกระดาษก็มีสวนสําคัญตอการรองรับหมึกที่พิมพลงไป และเครื่องพิมพแตละชนิดก็ใชหมึกที่ตางกัน จึง ตองเลือกใชกระดาษที่เหมาะสมดวย นอกจากนี้ยังมีงานกราฟกบางชนิดที่ตองใชกระดาษแบบพิเศษที่ใชเฉพาะตองาน เหลานั้น เชน การลอกลายภาพบนผา การพิมพสติ๊กเกอร และการพิมพแผนใสสําหรับงานพรีเซนเตชั่น เปนตน
Page 187
กระดาษสําหรับเอกสาร (A4 ปอนด 80 แกรม) เปนกระดาษปอนดเนื้อขาว 80 แกรม ขนาด A4 ที่เรานิยมใชพิมพเอกสารในสํานักงานนั่นเอง เหมาะกับการพิมพ แบบเลเซอร และใชพิมพงานกราฟกดวยเครื่องพิมพอิงกเจ็ตได แตภาพที่ออกมาจะไมสวยมากนัก กระดาษสําหรับภาพถาย (Photo Paper) เนื้อกระดาษขาวเรียบและละเอียด สามารถรองรับเม็ดสีในการพิมพไดดี จะทําใหไดภาพที่คมชัด สีสัน สดใส สวนใหญทุกยี่หอจะสามารถกันน้ําได เหมาะสําหรับงานพิมพภาพถาย, กราฟก และงานพิมพทั่วไปใชกับเครื่องพิมพอิงค เจ็ต กระดาษสําหรับภาพถายแบบมัน (Glossy Photo Paper) เนื้อกระดาษขาวมันเงา เนื้อจะหนากวากระดาษแบบ Photo Paper ทั่วไป สามารถรองรับเม็ดสีจากการพิมพ ไดเปนอยางดี งานพิมพที่ไดแหงเร็วทันทีและยังกันน้ําไดดีอีกดวย เหมาะสําหรับงานพิมพภาพถายเหมือนจริง กระดาษสําหรับภาพถายขนาดการด (Photo Card) เนื้อกระดาษหนา 220 แกรม รองรับเม็ดสีในการพิมพไดอยางดี บางรุนสามารถพิมพ 2 ดาน กันน้ําไดดี เหมาะ สําหรับงานพิมพภาพถาย สีไมซึมเลอะเทอะ งานพิมพสวยสด คมชัด กระดาษลอกลายภาพลงบนผา (Fabric Transfer Paper) กระดาษลอกลายบนผา สามารถนําภาพที่ชื่นชอบมาลอกลายบนปลอกหมอน, เสื้อยืด หรือแผนรองเมาส เปนตน กระดาษแบบสติกเกอร กระดาษทําสติกเกอร ที่ใหภาพชัดเจน แผนกระดาษมีคุณสมบัติพิเศษ ชวยใหสีแหงเร็วขึ้น และรองรับเม็ดสีไดดี กระดาษสําหรับพิมพลงซีดีดวยตัวเอง กระดาษผิวเรียบ ชวยใหสีมีความเดนชัดขึ้นและสวางใส ผลลัพธที่ไดจะเปนรูปซีดี ที่พรอมแปะลงบนแผนซีดีได ทันที กระดาษสําหรับพรีเซนงานเปนแบบฟลมใส (งานสไลด) ฟลมใสสําหรับงานพรีเซนต สําหรับใชกับเครื่องฉายแผนใส (Overhead) สามารถแสดงคุณภาพสีไดอยาง ยอดเยี่ยม ใชกับเครื่องพิมพแบบอิงคเจ็ตไดอยางไมมีปญหา
การกําหนดคุณสมบัติตางๆ ในการพิมพงาน เราจะเริ่มตนสั่งพิมพงานโดยการกําหนดคุณสมบัติตางๆ เชน การเลือกเครื่องพิมพและกระดาษ ดวยคําสั่ง File>Page Setup จะปรากฏหนาตาง Page Setup ขึ้น ดังรูป
Page 188
ตัวอยางขนาด กระดาษที่เราเลือก กําหนดลักษณะ กระดาษ กําหนดระยะเวนขอบของ กระดาษพิมพ
กําหนดแนวการพิมพ
คลิกเมาสเพื่อเขาไปตั้งคา เครื่องพิมพ
จากหนาจอ Page Setup ใหเราคลิกเมาสปุม เลือกเครื่องพิมพไดจากชอง Name ดังรูป กําหนดชนิดของ เครื่องพิมพ
เพื่อทําการเลือกเครื่องพิมพที่จะใชงาน โดยการ
กําหนดคุณสมบัติใน การพิมพ
การพิมพงานออกสูเครื่องพิมพ ขั้นตอนสุดทายเราสามารถพิมพงานได โดยการใชคําสั่ง File>Print ซึ่งจะปรากฏหนาตางการพิมพงานดังรูป เลือกรุนของ เครื่องพิมพ
กําหนดคาตางๆ ใน การพิมพ
กําหนดจํานวนที่พิมพ
คลิกเมาสเพื่อสั่งพิมพ
Page 189
สรางงานสําหรับเว็บเพจ อินเทอรเน็ต นับเปนระบบการสื่อสารที่สรางปรากฏการณใหมในยุคสหัสวรรษนี้ ขอมูลที่เราเคยมีใน หนากระดาษถูกนํามาสื่อสารใหคนทั่วโลกอานในเวลาพรอมๆ กันโดยระบบ อินเทอรเน็ตผานหนาเว็บเพจตางๆ ที่ไดรับ การสรางสรรคอยางสมบูรณ และหลากหลายความคิด ขอมูลภาพหรือกราฟก นับเปนสื่อหนึ่งที่มีความสําคัญในการสื่อสารผานเว็บ เพราะเราอาจเคยไดยินมากอนแลววา ภาพหนึ่งภาพสามารถแทนคําพูดไดนับพันคํา แตการสรางภาพเพื่อนําเสนอบนเว็บไมใชเรื่องงาย เพราะนอกจากตองใหได ความสวยงามแลว ยังตองคํานึงถึงความรวดเร็วในการแสดงผลดวย ซึ่งเราจะตองเขาใจองคประกอบตางๆ ของภาพเปน อยางดี ตลอดจนกระบวนการแสดงภาพบนเว็บ เพื่อใหเว็บของเราเปนที่ประทับใจของผูเขาชม
ความรูทั่วไปเกี่ยวกับการแสดงภาพบนเว็บ การออกแบบสื่อสิ่งพิมพและการออกแบบภาพบนเว็บ มีรายละเอียดที่แตกตางกันพอสมควร ฉะนั้น หากเราจะ ออกแบบภาพบนเว็บไซตไดดี เราจําเปนตองมีความรูพื้นฐานของอินเทอรเน็ตและเว็บดวย ซึ่งพอสรุปไดดังนี้ ความแตกตางระหวางระบบเครื่อง ระบบปฏิบัติการและเว็บบราวเซอร เนื่องจากอินเทอรเน็ตเปนระบบที่เชื่อมโยงกับเครื่องคอมพิวเตอรทั่วโลก ความแตกตางที่เกิดจากเครื่องแตละ เครื่องจึงเปนสิ่งที่เราควรรูคราวๆ เชน จอภาพที่ตางกัน ระบบการแสดงผลที่ตางกันจะใหสีที่ตางกัน จอภาพของเครื่องแมค จะใหสีที่มีความสวางกวาจอภาพของเครื่องพีซี ฉะนั้นเมื่อเราออกแบบภาพบนเครื่องพีซี เราตองกําหนดความสวางใหลดลง กวาปกติเล็กนอย เพราะหากแสดงผลบนเครื่องแมค ความสวางจะเขมขึ้นอีก นอกจากนี้บราวเซอรที่แตกตางกัน ทําใหการ แสดงผลของภาพบนเว็บแตกตางกัน เชน บราวเซอรบางประเภทไมสามารถแสดงตัวอักษรบางชนิดได เปนตน หนวยวัดมาตรฐานของภาพบนเว็บ ภาพที่แสดงบนเว็บใชหนวยวัดขนาดเปนพิกเซล ซึ่งเปนหนวยวัดมาตรฐานสําหรับการแสดงผลบนจอภาพ ตาง กับการสรางสื่อสิ่งพิมพซึ่งจะกําหนดหนวยวัดเปนนิ้ว ความละเอียดของภาพ ภาพบนเว็บไมจําเปนตองใชความละเอียดเทากับภาพบนสื่อสิ่งพิมพ ความละเอียดโดยทั่วไปที่ยอมรับได คือ จุดตอนิ้ว (dpi) ในขณะที่สิ่งพิมพใชความละเอียดภาพ 300 จุดตอนิ้ว (dpi)
72
ขนาดของไฟล ขนาดของไฟลภาพ จะมีผลอยางมากตอความเร็วของการแสดงภาพบนเว็บ ถาขนาดไฟลภาพมากก็จะใชเวลา โหลดนานขึ้น ดังนั้นเราควรคํานึงเสมอวา ไมมีผูเขาชมรายใดที่จะสามารถอดทนรอคอยนานๆ ได ซึ่งวิธีแกปญหา ควรใช หลักการดังนี้ 1) แบงภาพเปนไฟลเล็กๆ นํามาเรียงตอเปนภาพใหญ (ดีกวาการดาวนโหลดภาพใหญเพียงภาพเดียว) 2) พยายามใชภาพเดิมในหนาเว็บไซตอื่นๆ เพื่อจะไมเสียเวลาดาวนโหลดนาน 3) กําหนดโครงสรางของเว็บใหแสดงผลในสวนที่เปนตัวอักษรกอน เพื่อไมใหผู เขาชมเสียเวลา (เพราะจะ ไดขอความที่ดาวนโหลดไดเร็วกวาการแสดงผลภาพ)
Page 190
Dither
เปนกระบวนการสรางพาเล็ตสี (จานสี) ขึ้นใหมตามจํานวนสีที่กําหนดแลวแทรกลงไปบนภาพในลักษณะการ แทรกจุดสี ซึ่งเปนการไลระดับสีเพื่อหลอกตาใหเห็นวามีสีนั้นอยูในภาพอยางกลมกลืน ใชสําหรับการแปลงภาพจากภาพที่ มีสีมากกวา ไปยังภาพที่มีสีนอยกวาเชนจากภาพโดยทั่วไป 16.7 ลานสี ปรับใหเปน 256 สี โดยโปรแกรมจะคํานวนคาสี เพื่อสรางจานสีใหม (ซึ่งสีที่อยูในจานสีใหมอาจมาจากสีเดิมหรืออาศัยการคํานวณจากคาสีใกลเคียง)
ฟอรแม็ตของไฟลสําหรับเว็บกราฟก จากที่กลาวมาขางตนแลววา ภาพบนเว็บตองมีขนาดไฟลที่เล็ก ฉะนั้น ฟอรแม็ตที่ใชตองมีการบีบอัดขอมูลทําให ขนาดไฟลเล็กลง โดยรูปแบบของไฟลนั้นไดแก GIF, JPEG และ PNG เราตองทําความเขาใจลักษณะการบีบอัดขอมูล ของแตละฟอรแม็ต เพื่อใหเราสามารถเลือกใชงานไดอยางถูกตอง ดังนี้ 1) ใช .JPEG สําหรับภาพถาย 2) ใช .GIF สําหรับภาพลายเสน ภาพที่มีพื้นหลังโปรงใส และภาพเคลื่อนไหว 3) ใช .PNG สําหรับภาพถายที่ตองการใหมีลักษณะโปรงแสง แตไฟลที่ไดหลังการบีบอัดจะมีขนาดใหญ กวาไฟล JPEG และมีคุณภาพมากกวาไฟล JPEG
ฟอรแม็ต GIF o ถูกพัฒนาโดย CompuServe ในป 1980 เพื่อบีบอัดขอมูลภาพลายเสน o มีขอจํากัดการใชงานอยูที่ 256 สีเทานั้น (8 บิต) o ใชการบีบอัดแบบสรางพาเล็ตสีขึ้นใหม ทําใหไมสูญเสียคุณภาพของภาพ เพราะไมมีการตัดสีภาพออก แตเปน ลักษณะการแทนสีภาพในแตละพิกเซลดวยสีที่กําหนดขึ้นใหม ฉะนั้นคุณภาพไฟลจะไมเสีย o ความสามารถในการแสดงภาพโปรงแสงและภาพเคลื่อนไหว o Gif สามารถกําหนด Transparency ได 2 ระดับคือ โปรงใส และไมโปรงใส
Page 191
ฟอรแม็ต JPEG o ถูกพัฒนาขึ้นโดย Joint Photographic Experts Group สําหรับบีบอัดขอมูลของไฟลรูปภาพ มีจุดเดน คือ หลังการบีบอัด ยังสามารถใชสีไดถึง 16.7 ลานสี ในขณะที่ .GIF ใชไดเพียง 256 สีเทานั้น o ไมจําเปนตองกําหนดพาเลตสีเพื่อการใชงาน เพราะรองรับขอมูลสีไดมากถึง 16.7 ลานสีอยูแลว o ลักษณะการบีบอัด เปนการลบขอมูลสวนที่ซ้ําซอนกันมากที่สุดออกจากภาพ ยิ่งมีการบีบอัดขอมูลมากขึ้นเทาไหร คุณภาพก็จะสูญเสียมากขึ้นเทานั้น o ผลของการบีบอัดขอมูล จะไดไฟลภาพที่มีขนาดเล็กยิ่งกวาฟอรแม็ต GIF ซึ่งจะทําใหใชเวลาการดาวนโหลดนอย แตใชเวลาในการแสดงผลนานกวา เพราะตองขยายขอมูลการบีบอัดกอนการแสดงผล o ไมสนับสนุนการบีบอัดขอมูลที่มีภาพโปรงแสง เพราะหลังการบีบอัดพิกเซลที่ โปรงแสงจะถูกแทนที่ดวยสีของ Background
ภาพ Original (ภาพตนฉบับ)
ภาพที่ถูกบีบอัดเปน JPEG ที่มีคุณภาพต่ํา
ฟอรแม็ต PNG o บีบอัดขอมูลไดดีกวา GIF 20 -30 เปอรเซ็นต ไมเสียขอมูลเหมือนกับแบบ JPEG o สามารถเลือกการจัดเก็บขอมูลไดทั้งแบบ 8, 24 และ 32 บิต ตางกับ .GIF o ถูกพัฒนาโดย Thomas Boutell และ Tom Lane สําหรับการทํางานขามระบบ ทําใหสามารถแสดงผลได อยางถูกตองกับเครื่องทุกระบบ o แสดงผลไดเร็วกวาแบบ .GIF เพราะภาพใน .GIF จะเริ่มแสดงผลเมื่อดาวนโหลดขอมูลมาได 1 ใน 18 สวน ขณะที่ PNG จะแสดงผลเมื่อขอมูลถูกโหลดเขามา 1 ใน 64 สวน o สนับสนุนการทํางานกับภาพโปรงใสแบบหลายระดับ แตคุณสมบัตินี้ไมสามารถแสดงไดในบางเว็บบราวเซอร
แปลงภาพสําหรับเว็บ การนําภาพกราฟกไปประกอบบนเว็บเพจ เราจะตองปรับขนาดความละเอียด และสีของภาพ โดยจะสงผลใหภาพ มีขนาดเล็ก และเหมาะสมที่จะแสดงผลบนหนาเว็บไดอยางรวดเร็ว ซึ่งโดยสวนใหญเรามักจะพบบอยกับการแปลงไฟลภาพ ใน 2 ฟอรแม็ต คือ
แปลงภาพแบบ JPEG แปลงภาพแบบ GIF
Page 192
แปลงภาพแบบ JPEG ไฟลภาพ JPEG แสดงสีไดถึง 16.7 ลานสี จึงเหมาะกับภาพที่คมชัด เชน ภาพสินคา และภาพถาย เปนตน
1. เปดไฟลภาพที่ตองการแปลง และทําการยอขนาดภาพใหเรียบรอย 2. จัดเก็บภาพ โดยเลือกคําสั่ง File>Save as จะปรากฏหนาตาง Save Image ตั้งชื่อ และกําหนดที่เก็บภาพ 3. เลือกฟอรแม็ตภาพแบบ JPEG Image 4. คลิกปุม 5. ปรากฏหนาตาง Save as JPEG กําหนดคุณภาพของ และคาอ็อบชั่นเพิ่มเติม 6. คลิกเมาสที่ปุม
เพื่อจัดเก็บภาพเพื่อนําไปใช
Page 193
2. ตั้งชื่อ และ กําหนดที่เก็บภาพ 1. เปดไฟลภาพ และ ทําการยอขนาดภาพ ใหเรียบรอย คลิกเพื่อเลือกชนิดของไฟลที่ ตองการจัดเก็บ
3. เลือกฟอรแม็ตภาพแบบ JPEG Image
4. คลิกเมาส
5. กําหนดคุณภาพของรูปภาพ และคาอ็อบชั่นเพิ่มเติม
6. คลิกเมาส
แปลงภาพแบบ GIF ภาพ GIF จะรักษาคุณภาพสีอยูที่ 256 สี จึงเหมาะกับภาพวาด และที่นิยมที่สุดก็คือ ภาพที่มีความโปรงใส ซึ่ง สามารถนําไปวางซอนบนพื้นหลังแบบใดก็ได
Page 194
วางภาพโปรงแสงที่ทําดวย GIMP
หนาเว็บเพจ
ภาพโปรงแสงจะวาง ซอนอยูบนลวดลายของ พื้นหลัง
การแปลงภาพแบบ GIF นั้นใชมีวิธีการเดียวกับตัวอยางการแปลงแบบ JPEG เพียงแคเลือกฟอรแม็ตภาพใหเปน แบบ GIF และกําหนดคาตางๆ ตามตองการ กําหนดคุณสมบัติตางๆ
คลิกเมาสเพื่อเลือกวาจะ Export ภาพหรือไม
คลิกเมาสเพื่อจัดเก็บภาพ
Page 195
Workshop 1
ตกแตงแกไขภาพที่มีตําหนิ เมื่อเราถายภาพเราก็ตองการใหภาพที่ถายออกมาดูดี แตถาภายในภาพมีรอยตําหนิ หรือภาพที่ไดออกมาไมสวยงาม ตามที่ตองการ เราสามารถที่จะตกแตงแกไขภาพดวยโปรแกรม GIMP ซึ่งในเวิรคชอปนี้จะมีตัวอยางการแกไขภาพถึง 3 แบบดวยกัน คือ การลบริ้วรอยบนใบหนา การปรับสีจืดใหดูสดใสขึ้น และปรับภาพมืดใหดูสวางขึ้น
การลบริ้วรอยบนใบหนา ในการลบริ้วรอยบนใบหนานี้จะเปนการตกแตงแกไขภาพเฉพาะจุด โดยจะใชเครื่องมือในกลุมรีทัชภาพ เชน Clone Tool,
Smudge Tool และ
ภาพตนฉบับ
Blur Tool เพื่อตกแตงภาพ
ผลลัพธหลังการปรับแตง
ขั้นตอนการลบริ้วรอยบนใบหนามีดังนี้ 1. เปดไฟลภาพ และใช Clone Tool โคลนในจุดที่ตองการ 2. ใช Smudge Tool และ Blur Tool ปรับภาพใหดูกลมกลืน
ขั้นตอนที่ 1 เปดไฟลภาพ และใช Clone Tool โคลนนิ่งภาพ ใช
Clone Tool คัดลอกภาพในสวนที่ดีมาแปะทับบริเวณริ้วรอยตางๆ บริเวณ ดวงตา และแกม
Page 196
1. เปดไฟลภาพที่ตองการแกไขโดยเลือกคําสั่ง File>Open... หรือกดคีย ตองการจากนั้นคลิกปุม เพื่อตกลงเปดภาพที่เลือก
<Ctrl+O>
คลิกเลือกไฟลภาพที่
1.1 เลือกคําสั่ง File>Open... หรือกดคีย <Ctrl+O> เพื่อเปดไฟลภาพ
1.2 เลือกไฟลภาพที่ตองการ
1.4 ไฟลภาพที่เลือกถูกเปดขึ้นมา
1.3 คลิกเมาส
2. คลิกเลือก
คลิกเลือกรูปแบบหัวแปรง Circle Fuzzy (15) กําหนด Source แบบ Image Source เพื่อเลือกโคลนนิ่งจากภาพตนแบบ และเลือก Alignment แบบ Aligned เพื่อใหจุดที่ เปนภาพตนแบบเปลี่ยนไป ซึ่งจะสัมพันธกับตําแหนงที่เราวาด Clone Tool
Page 197
2.2 เลือกรูปแบบหัวแปรง
2.3 กําหนด Source แบบ Image Source 2.1 คลิกเลือก Clone Tool
2.4 กําหนด Alignment แบบ Aligned
3. ลบริ้วรอย โดยเลือกสวนที่เปนภาพตนแบบ โดยกดคีย <Ctrl> คางไวใหเมาสเปลี่ยนเปนรูป สวนที่จะใชเปนตนแบบ จากนั้นไมตองกดคีย เมาสจะเปลี่ยนกลับมาเปนรูป ตําหนิ
3.1 กดคีย <Ctrl> และ คลิกเลือกตนแบบ
4. ลบสวนริ้วรอย ในสวนอื่นๆ เพิ่ม
3.2 คลิกระบายทับ สวนที่มีตําหนิ
และคลิกเลือก
และคลิกระบายทับสวนที่มี
ผลลัพธที่ได
Page 198
4.1 เลือกตนแบบ บริเวณดวงตา
4.3 เลือกตนแบบ บริเวณแกม
4.2 คลิกระบายทับ ใตตาที่มีตําหนิ
4.4 คลิกระบายทับ แกมที่มีตําหนิ
ผลลัพธที่ได
ขั้นตอนที่ 2 ใช Smudge Tool และ Blur Tool ปรับภาพใหดกู ลมกลืน ใช Smudge Tool ถูเกลี่ยสีสวนของภาพที่ดูไมกลมกลืนกันใหมีสีที่กลมกลืนกันมากขึ้น และใช Blur Tool ปรับภาพใหเบลอเพื่อเพิ่มความเนียนของภาพ Smudge Tool เลือกรูปแบบของหัวแปรงแบบ Circle Fuzzy (17) และกําหนดอัตราการ 1. คลิกเลือก เกลี่ยสีภาพที่ Rate เทากับ 30 จากนั้นคลิกเกลี่ยสีภาพสวนตางๆ ที่มีตําหนิใหดูกลมกลืนขึ้น
1.2 เลือกรูปแบบ ของหัวแปรง
1.1 คลิกเลือก Smudge Tool
1.3 กําหนด Rate เทากับ 30
1.4 คลิกเกลี่ยสีภาพ
Page 199
2. คลิกเลือก Blur Tool เลือกรูปแบบของหัวแปรงแบบ Circle Fuzzy (17) เลือกการปรับภาพแบบ Blur และกําหนดอัตราความเบลอที่ Rate เทากับ 50 จากนั้นคลิกปรับภาพใหเบลอเพื่อเพิ่มความเนียนของภาพใน สวนตางๆ ที่มีตําหนิ 2.5 คลิกปรับภาพให เบลอ
2.2 เลือกรูปแบบ ของหัวแปรง 2.3 เลือกการปรับ ภาพแบบ Blur
2.1 คลิกเลือก Blur Tool
2.4 กําหนด Rate เทากับ 50
การเปลี่ยนสี และปรับสีภาพจืดใหดสู ดใสขึ้น การถายภาพดวยกลองที่ไมมีคุณภาพ อาจจะทําใหถายออกมามีสีจืดชืด ไมตรงกับความเปนจริง ทําใหภาพที่ไดดู จืดชืด ไมมีสีสัน เราสามารถปรับสีของภาพใหดูสดใสขึ้นได โดยใชเครื่องมือ Hue-Saturation Tool ในการปรับสี ภาพ ดังตัวอยางจะเปลี่ยนสีเขียวบนรูปบอลลูนใหกลายเปนสีน้ําเงิน และปรับสีภาพใหดูสดใสขึ้น
ขั้นตอนการเปลี่ยนสี และปรับสีภาพจืดชืดใหดูสดใสขึ้น 1. เปดไฟลภาพ และเปลี่ยนสีภาพ 2. ปรับสีภาพใหดูสดใสขึ้น
Page 200
ขั้นตอนที่ 1 เปดไฟลภาพ และเปลี่ยนสีภาพ เราจะเปลี่ยนสีสวนของสีเขียวในลูกบอลลูนใหกลายเปนสีน้ําเงิน โดยใชเครื่องมือ Hue-Saturation Tool เลือกปรับเฉพาะสีที่ตองการ ตัวอยางจะเลือกสีเขียว และปรับเปลี่ยนเฉดสีที่สไลดบาร Hue หรือตั้งคาเทากับ 120 จากนั้น คลิก
เพื่อดูภาพผลลัพธ 1. เลือกคําสั่ง File>Open... เพื่อ เปดไฟลภาพ 2. คลิกเลือก Hue-Saturation
3. คลิกที่ภาพเพื่อ ปรับแตงสี 5. คลิกเลื่อนสไลดบารเพื่อปรับ สีหรือตั้งคาเทากับ 120
4. คลิกเลือกเฉดสีที่ ตองการปรับ
6. คลิกเพื่อดูภาพผลลัพธ
ผลลัพธที่ได
Page 201
ขั้นตอนที่ 2 ปรับสีภาพใหดูสดใสขึ้น ปรับสีภาพทั้งภาพใหดูสดใสขึ้น โดยคลิกเลือก และคลิกเลื่อนสไลดบาร เทากับ 100 เมื่อปรับสีภาพเรียบรอยแลวคลิกปุม เพื่อตกลงใชงานคาสีที่ตั้ง
Saturation
หรือตั้งคา
1. คลิกเมาสเพื่อเลือกใหปรับสี ภาพทั้งภาพ
2. คลิกเลื่อนสไลดบารเพื่อ ปรับสีหรือตั้งคาเทากับ 100
3. คลิกเมาส
ผลลัพธที่ได
การปรับภาพมืดใหดสู วางขึ้น ในสภาวะที่มีแสงนอย หรือมีความผิดพลาดในการวัดแสงขณะที่ถายภาพ อาจจะทําใหภาพที่ไดมืดเกินไป จนไม สามารถเห็นรายละเอียดของภาพไดอยางชัดเจน แตเราสามารถปรับสีของภาพใหดูสวางขึ้นได ดวยเครื่องมือ Curve
ขั้นตอนการปรับภาพมืดใหดูสวางขึ้น เราจะใช Curve Tool และคลิกเลือกตําแหนงสีในภาพที่ตองการปรับ จากนั้นคลิกบริเวณจุดที่ปรากฏบนกราฟ เพื่อปรับสีใหสวางขึ้น
Page 202
1. เลือกคําสั่ง File>Open... เพื่อ เปดไฟลภาพ 2. คลิกเลือก Curve
3. คลิกเลือกสีบริเวณพื้นที่ภาพที่ตองการ แกไข จะปรากฏจุดที่หนาตาง Curve
5. คลิกเลื่อนจุดเพือ่ ปรับสี
ผลลัพธที่ได 6. คลิกเมาส
Page 203
Workshop 2
เปลี่ยนรูปรางของเชอรี่ ความสามารถของโปรแกรม GIMP นอกจากจะสามารถตกแตงภาพใหดูสวยงามแลว ยังสามารถตกแตงดัดแปลงภาพให ผิดไปจากความเปนจริงได ดังตัวอยางนี้จะเปนการเปลี่ยนลักษณะของลูกเชอรี่กลมๆ ใหกลายเปนสี่เหลี่ยมไดงายๆ
หลักการเปลีย่ นรูปรางของเชอรี่เปนสี่เหลี่ยม จากรูปทรงสี่เหลี่ยมโดยปกติแลวจะตองมีมุม และดาน ซึ่งเราจะตองทําการสรางมุม และดานใหกับลูกเชอรี่ของ เรา จากนั้นจึงทําการตกแตงรูปรางรอบนอกใหสัมพันธกับมุมที่สรางใหดูเหมือนรูปทรงสี่เหลี่ยม จากนั้นจึงตกแตงบริเวณ พื้นผิวใหมีแสงเงา และสรางเงาตกทอดที่พื้นใหดูสมจริง
ลักษณะของกลองสี่เหลี่ยม
Page 204
ขั้นตอนในการเปลี่ยนรูปรางของลูกเชอรี่ 1. ปรับขนาดลูกเชอรี่เพื่อเตรียมกอนจะทําเปนสี่เหลี่ยม 2. วาดเงาของมุมเหลี่ยม และแตงลูกเชอรี่ใหเปนสี่เหลี่ยม 3. ตกแตงพื้นผิวใหสวยงาม 4. ใสกานใหผลเชอรี่ และวาดเงาตกแตง
ขั้นตอนที่ 1 ปรับขนาดลูกเชอรี่เพื่อเตรียมกอนจะทําเปนสี่เหลี่ยม เพราะวาเราตองการเปลี่ยนรูปรางของลูกเชอรี่ใหเปนรูปสี่เหลี่ยม เราจึงตองเพิ่มพื้นที่บริเวณดานขาง และมุมโคง ใหดูเหลี่ยมและมีพื้นที่มากขึ้น โดยเราจะเลือกพื้นที่บางสวนของภาพตนแบบมาแปะเพื่อเพิ่มพื้นที่ และใช Tool ลบขอบที่ไมตองการออก เพื่อชวยใหสวนที่นํามาแปะดูกลมกลืนกัน 1.
Eraser
สรางไฟลขึ้นมาใหมสําหรับทําลูกเชอรี่สี่เหลี่ยม โดยเลือกคําสั่ง File>New.. หรือกดคีย <Ctrl+N> จะ ปรากฏหนาตาง Create a New Image ใหเรากําหนดขนาดของภาพ (ตัวอยางกําหนด 400x400 พิก เซล) เลือกโหมดสีภาพแบบ RGB Color และกําหนดสีพื้นหลังที่ Fill with เปนแบบ White จากนั้น คลิก ปุม 1.1 เลือกคําสั่ง File>New… 1.2 กําหนดขนาด ของรูปภาพ
1.3 เลือกโหมดสี RGB Color 1.4 กําหนด Background เปน แบบ White
1.5 คลิกเมาส
Page 205
จะไดไฟลภาพใหม
2.
เปดไฟลภาพลูกเชอรี่ที่จะใชเปนตนแบบขึ้นมา โดยเลือกคําสั่ง ไฟลภาพ cherry_org.jpg จากนั้นคลิกปุม 2.1 เลือกคําสั่ง File>Open...
File>Open...
หรือกดคีย
<Ctrl+O>
เลือก
2.2 เลือกไฟลภาพที่ตองการ
2.3 คลิกเมาส
3.
เลือกพื้นที่ของลูกเชอรี่ เพื่อนําไปไวในไฟลใหม โดยคลิกเลือก รอบๆ ลูกเชอรี่ 3.1 คลิกเลือก Free Select Tool
3.2 คลิกเลือกพื้นทีท่ ี่ตองการ
Free Select Tool
วาดเพื่อเลือกพื้นที่
Page 206 4.
นําภาพไปวางในไฟลใหม โดยคลิกเมาสขวาบริเวณรูปเชอรี่ที่เลือก และเลือกคําสั่ง Edit>Copy หรือกดคีย <Ctrl+C> เพื่อกอปปภาพ จากนั้นมาที่ไฟลใหมคลิกเมาสขวาบริเวณภาพและเลือกคําสั่ง Edit>paste หรือ กดคีย <Ctrl+V> เพื่อวางภาพที่กอปปมา
4.1 เลือกคําสั่ง Edit>Copy เพื่อ กอปปรูปเชอรี่
4.2 เลือกคําสั่ง Edit>Paste เพื่อวางภาพในไฟลใหม 5.
เมื่อเรานําภาพไปวางในไฟลใหมเลเยอรที่ไดยังเปนเลเยอรที่ลอยๆอยู เราจึงตองสรางเลเยอรใหภาพ โดยคลิกที่ ในไดอะล็อก Layers ของหนาตาง Docking ภาพที่กอปปมาจะถูกวางในเลเยอรใหมที่สรางทันที 5.1 ภาพที่นํามาวางจะยังเปนแคเลเยอรลอยๆ อยู 5.3 ภาพที่นํามาวางจะถูกวาง ลงในเลเยอรใหม ผลลัพธภาพที่ Image Window
6.
ปรับขนาดภาพโดยคลิกเลือก Scale Tool กําหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมของเครื่องมือที่ Tool Options ใน สวนของ Constraints เลือก Keep aspect เพื่อใหปรับขนาดภาพโดยยังคงสัดสวนเดิมของภาพไว
Page 207
จากนั้นคลิกปรับขนาดภาพ ตัวอยางจะยอขนาดภาพลง (หรือกําหนดขนาดที่หนาตาง ขนาดเรียบรอยแลว คลิกปุม ที่หนาตาง Scale เพื่อตกลง 6.1 คลิกเลือก Scale Tool
Scale
ก็ได) เมื่อกําหนด
6.2 ที่ Tool Box ของ Scale เลือก Keep aspect เพื่อใหคงสัดสวนเดิมของภาพ
6.3 คลิกปรับขนาดภาพ
6.4 คลิกเมาส
หรือ กําหนดขนาดภาพใหม ผลลัพธที่ได
7.
หมุนภาพโดยคลิกเลือก Rotate ได) เมื่อหมุนภาพเรียบรอยแลว คลิกปุม หรือ กําหนดคามุม
Tool
และคลิกหมุนภาพ (หรือกําหนดมุมองศาที่หนาตาง ที่หนาตาง Rotate เพื่อตกลง 7.2 คลิกหมุนภาพ
7.1 คลิกเลือก Scale Tool
7.3 คลิกเมาส
Rotate
ก็
Page 208 8.
เพิ่มพื้นที่บริเวณดานขางดวยการนําภาพมาแปะเพิ่ม โดยกลับไปทํางานที่ไฟลภาพตนแบบ cherry_org.jpg ใช Free Select Tool เลือกพื้นที่ดานขางของลูกเชอรี่ จากนั้นกอปปภาพที่เลือก โดยกดคีย <Ctrl+C> จากนั้นไปที่ไฟลภาพใหม กดคีย <Ctrl+V> เพื่อวางภาพ และคลิกที่ ในไดอะล็อก Layers ของหนาตาง Docking ภาพที่กอปปมาจะถูกวางในเลเยอรใหมที่สรางทันที 8.1 คลิกเลือก Free Select Tool
8.2 คลิกเลือกพื้นที่ และกด คีย <Ctrl+C> เพื่อกอปปภาพ
8.3 กดคีย <Ctrl+V> เพื่อวาง ภาพ
8.5 ภาพที่กอปปมา จะถูกวางในเลเยอร ใหม
8.4 คลิกเมาสเพื่อ สรางเลเยอรใหม
9.
ปรับขนาดของภาพใหเหมาะสมดวย
Scale Tool
และหมุนภาพใหไดมุมที่เหมาะสมดวย
Tool จากนั้นใช Move Tool จัดวางตําแหนงภาพใหเหมาะสม
9.1 ปรับขนาดภาพ ดวย Scale Tool
9.2 หมุนภาพดวย Rotate Tool
9.3 จัดวางตําแหนง ภาพดวย Move Tool
10. เพิ่มพื้นที่บริเวณดานขวาดวยการนําภาพมาแปะเพิ่มอีกสวนตามขั้นตอนที่ 8-9
Rotate
Page 209
10.1 คลิกเลือกพื้นที่ และกดคีย <Ctrl+C> เพื่อกอปปภาพ
10.3 ปรับขนาด หมุน และจัด วางภาพใหเหมาะสม
10.2 กดคีย <Ctrl+V> เพื่อ วางภาพ และสรางเลเยอร ใหมเพื่อรองรับภาพ
11. ทําภาพที่นํามาแปะ
และลูกเชอรี่ใหดูกลมกลืนกัน โดยเลือกที่เลเยอรของชิ้นสวนแตละชิ้น คลิกเลือก Eraser Tool กําหนดรูปแบบของยางลบ (ตัวอยางกําหนดแบบ Circle Fuzzy ขนาด 19) และคา Opacity เทากับ 15 จากนั้นคลิกลบบริเวณขอบของแตละชิ้นสวน ใหภาพดูกลมกลืน 11.1 คลิกเลือก Eraser Tool
11.2 คลิกเลือกรูปแบบของยางลบ
11.3 กําหนดคา Opacity เทากับ 15
11.4 คลิกลบขอบใหดูกลมกลืน
ขั้นตอนที่ 2 วาดเงาของมุมเหลี่ยม และแตงลูกเชอรี่ใหเปนสี่เหลี่ยม ในขั้นตอนนี้จะเปนการสรางเงาบริเวณมุมตางๆ ของรูปสี่เหลี่ยม เพื่อใหลูกเชอรี่ดูเหมือนสี่เหลี่ยมมากขึ้น และ ตกแตงลบขอบของรูปใหกลายเปนรูปรางสี่เหลี่ยม 1.
ทําการรวมเลเยอรของลูกเชอรี่ และชิ้นสวนตางๆ ใหเปนเลเยอรเดียวกันกอนเพื่อใหงายตอการตกแตง โดยคลิกที่ หนาเลเยอร Background ใหหายไป เพื่อซอนเลเยอรเอาไวกอน จากนั้นคลิก เลือกคําสั่ง Layers Menu>Merge Visible Layers... เพื่อรวมเลเยอรทั้งหมดที่แสดงอยูใหเปนเลเยอรเดียวกัน
Page 210
1.2 คลิก เลือกคําสัง่ Layers Menu>Merge Visible Layers... 1.1 คลิกซอนเลเยอร Background ไว
1.3 คลิกเลือกลักษณะ การรวมเลเยอร
1.5 เลเยอรจะถูก รวมเปนเลเยอรเดียว
1.6 คลิกแสดงเลเยอร
1.4 คลิกเมาส 2.
สรางเลเยอรขึ้นมาใหมสําหรับวาดเงา โดยคลิกที่ Layer ใหเรากําหนดคาตางๆ จากนั้นคลิกปุม
ในไดอะล็อก เพื่อตกลง
Layers
จะปรากฏหนาตาง
New
Page 211
2.3 คลิกเมาส
2.2 กําหนดคาตางๆ
2.1 คลิกสรางเลเยอรใหม 3.
เลือกสีที่ใชวาดเงาของรูปสี่เหลี่ยม โดยคลิกเลือก Paintbrush Tool กําหนดรูปแบบของหัวแปรง ตัวอยางกําหนดแบบ Circle (07) กําหนดคา Opacity เทากับ 10 คลิกกําหนดสีโฟรกราวนดเปนสีชมพู หรือ ใสรหัสสี #ffa8a8 จากนั้นคลิกปุม เพื่อตกลง และคลิกวาดเงาเปนเงาบริเวณมุมตางๆ ของรูป สี่เหลี่ยมในเลเยอรใหมที่สรางขึ้น 3.1 คลิกเลือก Paintbrush Tool
3.3 กําหนดคา Opacity เทากับ 10
3.5 ใสรหัสสี
3.4 คลิกกําหนด สีโฟรกราวนด
3.6 คลิกเมาส
3.7 คลิกวาดเงาของมุมสี่เหลี่ยม
Page 212
4.
คลิกเลือก Eraser Tool กําหนดรูปแบบยางลบเปนแบบ Circle Fuzzy (09) กําหนดคา เทากับ 100 จากนั้นคลิกเลือกเลเยอรภาพลูกเชอรรี่ และลบขอบภาพลูกเชอรรี่ใหเปนรูปทรงสี่เหลี่ยม 4.1 คลิกเลือก Eraser Tool
Opacity
4.3 กําหนดคา Opacity เทากับ 100
4.2 คลิกเลือกรูปแบบหัวแปรง
4.4 คลิกลบขอบภาพ
ขั้นตอนที่ 3 ตกแตงพื้นผิวใหสวยงาม จะเปนการตกแตงเพิ่มเติมบริเวณพื้นผิว เพราะวาบริเวณดานซายของลูกเชอรี่จะตองเปนเงามืด เราจึงตองปรับ ภาพบริเวณนี้ใหดูเขมขึ้น จากนั้นจึงเปนการตกแตงสวนตางๆ เพิ่มเติมทั้งพื้นผิว และบริเวณเงา 1.
ทําพื้นที่ดานซายของลูกเชอรี่ใหสีเขมขึ้น โดยคลิกเลือก สวนที่เปนเงาของลูกเชอรรี่ จากนั้นเลือก ระบายสีบริเวณดานซายของลูกเชอรี่ 1.1 คลิกเลือก Color Picker Tool
1.4 คลิกเลือก Paintbrush Tool
Color Picker Tool
Paintbrush Tool
กําหนดคา
1.2 คลิกเลือกสี ตนแบบ
1.6 กําหนดคา Opacity เทากับ 50
1.5 คลิกเลือกรูปแบบหัวแปรง
เพื่อเลือกสีตนแบบจาก
Opacity 50%
และคลิก
1.3 สีของโฟรกราวนดจะ เปลี่ยนไปเปนสีที่เราเลือก
1.7 คลิกระบายสี
Page 213
2.
ตกแตงพื้นผิวดานอื่นๆ โดยใช Paintbrush Tool คลิกระบายสีพื้นผิว
Color Picker Tool
2.1 คลิกเลือกสี ตนแบบ
3.
คลิกเลือกสีตนแบบ จากนั้นใช
2.2 คลิกระบายสี
ทําการเกลี่ยสีของเงา และพื้นผิว โดยคลิกเลือก Convolve Tool กําหนด Convolve Type แบบ Blur เพื่อปรับภาพใหฟุงเบลอ และกําหนดคา Rate เทากับ 50
3.2 กําหนด Convolve Type แบบ Blur 3.1 คลิกเลือก Convolve Tool
3.3 กําหนดคา Rate เทากับ 50
3.4 คลิกเกลี่ยสีภาพ
ขั้นตอนที่ 4 ใสกานใหผลเชอรี่ และวาดเงาตกแตง ขั้นตอนนี้เปนขั้นตอนสุดทายในการตกแตง ซึ่งเราจะนํากานของเชอรี่จากภาพตนฉบับมาใสในรูปลูกเชอรี่ สี่เหลี่ยมของเรา และตกแตงใหกลมกลืน จากนั้นจึงวาดเงาตกแตงเพื่อความสมจริง 1.
ใช Scissor Tool เลือกพื้นที่ของกานในภาพตนฉบับ และคลิกตรงกลางพื้นที่ที่เลือก จะไดการเลือกพื้นที่ ของกานเชอรรี่ ใหกดคีย <Ctrl+C> เพื่อกอปปภาพ จากนั้นมาที่ภาพเชอรี่สี่เหลี่ยมกดคีย <Ctrl+V> เพื่อวาง ภาพ และคลิกที่ ในไดอะล็อก Layers เพื่อสรางเลเยอรขึ้นมารองรับภาพที่วาง
Page 214
1.1 คลิกเลือก Scissor Tool
1.2 เลือกพื้นที่ของกานเชอรี่ และ คลิกตรงกลางพื้นที่ที่เลือก
1.3 จะไดการเลือกพื้นที่ของกาน เชอรรี่ ใหกดคีย <Ctrl+C>
1.4 กดคีย <Ctrl+V> เพื่อวางภาพกานที่ กอปปมาในภาพเชอรี่สี่เหลี่ยม
1.5 คลิกสรางเลเยอรใหม 1.5 คลิกสรางเลเยอรใหม
2.
ปรับแตงรูปทรงของกานเชอรรี่ใหเหมาะสม โดยใช Tool หมุนกานเชอรี่ และใช
2.1 ใช
Scale Tool
ปรับขนาดของกาน ใช
Move Tool เลื่อนตําแหนงจัดวางภาพใหเหมาะสม
Scale Tool ปรับขนาดภาพ
2.2
Rotate Tool หมุนภาพ
2.3 ใช Move Tool จัด วางภาพใหเหมาะสม
Rotate
Page 215
3.
ทําภาพกานที่นํามาแปะใหดูกลมกลืนกัน โดยคลิกเลือก Eraser Tool กําหนดรูปแบบยางลบเปนแบบ Circle Fuzzy (09) กําหนดคา Opacity เทากับ 15 จากนั้นคลิกลบขอบภาพ 3.1 คลิกเลือก Eraser Tool
3.2 คลิกเลือกรูปแบบหัวแปรง
4.
เลือกสีจากเงาในภาพเชอรี่ตนแบบ โดยใช Background เพื่อใชวาดเงา
3.3 กําหนดคา Opacity เทากับ 15
3.4 คลิกลบขอบภาพ
Color Picker Tool
จากนั้นคลิกเลือกที่เลเยอร
4.1 คลิกเลือก Color Picker Tool
4.2 คลิกเลือกสีตนแบบ
4.3 คลิกเลือกที่ใชวาดเงา
5.
วาดเงาใหกับลูกเชอรี่ โดยคลิกเลือก Airbrush Tool กําหนดรูปแบบหัวพนเปนแบบ Circle Fuzzy (09) กําหนดคา Opacity เทากับ 15.9 กําหนดคา Rate เทากับ 100 และ คา Pressure เทากับ 10 จากนั้นคลิกระบายสีเงาตรงสวนลาง และซายของลูกเชอรี่สี่เหลี่ยม 5.2 กําหนดคา Opacity เทากับ 15.9
Page 216
5.3 คลิกเลือกลักษณะ หัวพน
5.1 คลิกเลือก Airbrush Tool
5.4 กําหนดคา Rate เทากับ 100 และ คา Pressure เทากับ 10
5.5 คลิกวาดเงา
6.
เกลี่ยสีของเงาใหดูเรียบ โดยคลิกเลือก ปรับภาพใหฟุงเบลอ
6.1 คลิกเลือก Convolve Tool
6.3 คลิกเกลี่ยสีภาพ
Convolve Tool กําหนด Convolve Type แบบ Blur เพื่อ
6.2 กําหนด Convolve Type แบบ Blur
ผลลัพธของภาพที่ได