enen ข้อคิดยามเช้า วันพุธ ที่ 1 เมษายน 2015 นักบุญยอห์น ปอลที่ 2 พระสันตะปาปา เคยกล่าวไว้ว่า สังฆภาพและศีลมหาสนิทถือกาเนิด ขึ้นระหว่างอาหารค่ามื้อสุดท้าย และ มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด เราไม่สามารถมีศีลมหาสนิทที่ ปราศจากสังฆภาพเหมือนที่เราไม่ สามารถมีสังฆภาพที่ปราศจากศีล มหาสนิท อย่างไรก็ตาม แม้ว่า พระสงฆ์มีหน้าที่ถวายมิสซาโดยตรง เราต้องไม่ลืมว่าผู้ที่ถวายบูชาที่ แท้จริงคือพระเยซูเจ้า พระองค์ เท่านั้นที่ถวายพระองค์เองในพิธี มิสซาเพราะพระองค์คนเดียวที่เป็น สงฆ์สูงสุดและเครื่องถวายบูชา ในเวลาเดียวกันด้วย ดังนั้น ในพิธีมิสซาพระสงฆ์ โดยอานาจของพระจิตเจ้าเป็นตัวแทน และ ทาหน้าที่แทนพระเยซูเจ้า กิจการทุก อย่างที่พระสงฆ์กระทาในพิธีมิสซาจึงถือว่าเป็นกิจการที่กระทาเพื่อพระเยซูเจ้า และ ในพระนามของพระองค์ พระสงฆ์คือ “ผู้ที่ได้รับการส่งออกไป” เหมือนที่พระเยซูเจ้าทรงได้รับการส่งลงมาในโลกนี้เพื่อทาให้แผนการ แห่งการช่วยให้รอดพ้นของพระเจ้าที่มีมาตั้งแต่นิรันดรภาพสาเร็จไป “พระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ให้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน ทรงส่งข้าพเจ้าไปประกาศการปลดปล่อยแก่ผู้ถูกจองจา คืนสายตาให้แก่คนตาบอด ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากพระเจ้า” (ลก 4:18)
พระสงฆ์คือผู้ที่ได้รับการส่งออกไปเพื่อรับใช้ประชาสัตบุรุษตามตาแหน่งหน้าที่ที่ตนเองได้รับมอบหมาย บางครั้งอาจเป็นไปตามที่คาดหวังไว้ แต่หลายครั้งอาจจะไม่เป็นไปตามนั้น แต่เมื่อได้รับศีลบวชแล้ว พระสงฆ์ไม่ใช่เป็น ผู้เลือกว่าตนเองต้องทางานที่นั่นหรือที่นี่ เมื่อได้ตอบรับเสียงเรียกของพระเจ้า และ ได้รับการเลือกให้เป็นผู้รับใช้ที่ใกล้ชิดของพระองค์แล้ว พระสงฆ์ ต้องพร้อมที่จะไปทุกแห่งที่พระองค์ส่งเราไปพระสงฆ์ต้องไว้วางใจและเชื่อในผู้ที่ทรงเรียก ทรงเจิม และ ทรงส่งออกไป นี่คือธรรมล้าลึกของการเป็นพระสงฆ์ นี่คือสิ่งที่ให้ความหมายแก่ชีวิตสงฆ์ ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์ ที่ 2 เมษายน 2015 ความหมายหนึ่งในการ “การล้างเท้า” สาหรับวัน พฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์ คือ การปล่อยให้พระเจ้าล้างเรา ดังที่พระเยซูเจ้าตรัส กับนักบุญเปโตรว่า “ถ้าท่านไม่ให้เราล้าง ท่านจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรา” (ยน 13:8) เราต้องปล่อยให้พระเยซูเจ้าล้างเราให้สะอาดจากบาปด้วยพระโลหิตของพระองค์เอง เพื่อว่าเราจะเป็นของ พระองค์ก่อน จากนั้นเราจึงจะได้รับอานาจ และ มีความเหมาะสมที่จะล้างเท้าให้พี่น้องชายหญิงของเราในพระนาม ของพระองค์ พระเยซูเจ้าตรัสหลังจากทรงล้างเท้าบรรดาศิษย์แล้วว่า “ท่านเข้าใจไหมว่าเราทาอะไรให้ท่าน? ท่านทั้งหลายเรียกเราว่าอาจารย์ และ องค์พระผู้เป็นเจ้า ก็ถูกแล้ว เพราะเราเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ในเมื่อเราซึ่งเป็นทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้า และ อาจารย์ยังล้างเท้าให้ท่าน ท่านก็ต้องล้างเท้าให้กันและกันด้วย เราวางแบบอย่างไว้ให้แล้วท่านจะได้ทาเหมือนกับที่เราทากับท่าน” (ยน 13:12-15) แน่นอน “การล้างเท้าให้กันและกัน” ซึ่งพระองค์ทรงกาชับพวกเขาให้กระทาตามแบบอย่างของพระองค์ หมายถึง การรับใช้กันและกันด้วยความรักและความถ่อมตนนั่นเอง
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ ที่ 3 เมษายน ค.ศ.2015 “สาเร็จบริบูรณ์แล้ว” (ยน 19:30) คือพระดารัสสุดท้ายซึ่งพระเยซูเจ้า ตรัสบนไม้กางเขนก่อนจะทรงเอน พระเศียรและสิ้นพระชนม์ บาปของเราได้รับการ ให้อภัยอย่างครบถ้วน โดยทางพระโลหิตที่ไหลหลั่งบนไม้ กางเขนของพระองค์ พันธกิจแห่งการกอบกู้มนุษยชาติ มาถึงจุดหมายปลายทาง ความรอดพ้นจากบาป และความตายตลอดนิรันดร ได้มาถึงมวลมนุษย์ ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างจึงสาเร็จบริบูรณ์แล้ว สิ่งที่ต้องทาคือบอกกับพระองค์สั้น ๆ ว่า “อาแมน” ซึ่งแปลว่า “ขอให้เป็นเช่นนั้นเถิด” ไม่มีบาปไหนที่พระเยซูเจ้าไม่สามารถชดเชยแทนเราได้ หนี้บาปของ เราได้รับการชาระล้างทั้งหมด “ขอบคุณ พระเยซูเจ้าสาหรับความรักที่พระองค์ทรงมอบให้ข้าพเจ้าจนถึงที่สุด” เราแต่ละคนจะพยายามใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งหมดเป็นการแสดงออกถึงการขอบคุณพระองค์ ในเมื่อพระเยซู เจ้าทรงรักเราจนกระทั่งยอมสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อจ่ายหนี้บาปแทนเราทั้งหมดแล้วทาไมเราจึงจะไม่สามารถ แสดงความรัก และ ความเมตตาต่อผู้อื่นเล่า? เราจะพยายามหลีกเลี่ยงบาปเพราะพระเยซูเจ้าได้ทรงจ่ายหนี้ทั้งหมดที่เราติดค้างพระเจ้าแล้ว เราจึงไม่ควรที่ ไปสร้างหนี้เพิ่มขึ้นอีก วันนี้เมื่อมองดูไม้กางเขนและราพึงถึงพระเยซูเจ้าผู้ซึ่งสิ้นพระชนม์เพื่อจ่ายหนี้บาปทั้งหมด แทนเรา ให้เราขอบพระคุณพระองค์ และ สัญญาว่าต่อไปนี้ชีวิตทั้งหมดของเราที่เหลืออยู่จะเป็นเหมือนบทเพลงแห่ง การขอบพระคุณพระองค์ ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ ที่ 4 เมษายน ค.ศ.2015 ในพิธีกรรม ที่เราเฉลิมฉลองคืนนี้ พระศาสนจักรเชื้อเชิญเรา ไม่เพียงให้ระลึกถึง ประวัติศาสตร์แห่งความรอดพ้น ที่อยู่ในแผนการของพระเจ้า ตั้งแต่นิรันดรภาพ และพระพรที่พระองค์ทรง โปรยปรายลงมา เหนือสิ่งสร้างทั้งหลายของ พระองค์เท่านั้น แต่ยังเชื้อเชิญเราให้ตระหนักถึงความสาคัญของการมีส่วนร่วมในแผนการดังกล่าว และ ในชีวิตใหม่พร้อมกับ พระเยซูเจ้าที่เราได้เริ่มตั้งแต่วันที่เราได้รับศีลล้างบาปด้วย วันที่แต่ละคนถูกรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูเจ้า “เราถูกฝังไว้ในความตายพร้อมกับพระองค์อาศัยศีลล้างบาป เพื่อว่าพระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย เดชะพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดาฉันใด เราก็จะดาเนินชีวิตแบบใหม่ด้วยฉันนั้น” (รม 6:4) คืนนี้ขณะที่เราทาการรื้อฟื้นคาสัญญาแห่งศีลล้างบาป ให้เราอธิษฐานภาวนาต่อพระเยซูเจ้า องค์พระผู้เป็น เจ้าของเราเพื่อว่าการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์เป็นความหวัง และ พลังขับเคลื่อนชีวิตของเรา ช่วยให้เราให้ สามารถดาเนินชีวิตเหมือนอย่างประชาชนที่มีความเชื่ออย่างลึกซึ้งในการกลับคืนชีพในวันสุดท้าย และ ให้เราประกาศ ด้วยความมั่นใจ และ อย่างกล้าหาญตลอดเทศกาลนี้ว่า “พระเยซูคริสตเจ้า องค์พระผู้ไถ่ของเรา ได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพจริงแล้ว อัลเลลูยา” สุขสันต์วันปัสกา ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันสมโภชปัสกา วันอาทิตย์ ที่ 5 เมษายน ค.ศ.2015 วันอาทิตย์ปัสกาทาให้เราเข้าใจความหมาย ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพระเยซูเจ้า ในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างชัดเจนและลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น สิ่งซึ่งเกิดขึ้นในวันศุกร์ที่ผ่านมา ไม่ใช่การประหารชีวิต แต่เป็นการยอมสละชีวิตตนเอง เพื่อมิตรสหาย ไม่ใช่เป็นความพ่ายแพ้ แต่เป็นชัยชนะ ไม่ใช่เป็นจุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้น ไม่มีผู้ใดบนโลกนี้ที่สามารถ เอาชีวิตไปจากพระองค์ได้ แต่เป็นพระองค์เองที่ทรงยอมรับความตาย ด้วยใจอิสระและนบนอบเชื่อฟังเพื่อให้ พระประสงค์ของพระบิดาเจ้าสวรรค์สาเร็จไป พระองค์ทรงยอมถวายพระองค์เอง เป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้า เพื่อความรอดพ้นของมวลมนุษย์นั่นเอง การสิ้นพระชนม์ของพระองค์จึงไม่ใช่ความพ่ายแพ้ แต่เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่เหนือบาปและความตาย ซึ่งเป็นศัตรูที่ร้ายกาจของมนุษยชาติ ไม่ใช่จุดจบหรือจุดหมายปลายทางสุดท้าย แต่เป็นเพียงทางผ่านเข้าสู่ชีวิตที่สูงส่ง และยิ่งใหญ่กว่า เป็นชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพระสิริรุ่งโรจน์ร่วมกับพระบิดาของพระองค์ ความตายเป็นเพียงทางผ่าน เพื่อเข้าสู่การกลับคืนชีพซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นชีวิตที่ครบบริบูรณ์ของเรา ชีวิตที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ และ เรียกเราแต่ละ คนให้เข้าไปรับ ตั้งแต่วันที่เราได้รับศีลล้างบาป ไม่มีวันปัสกาที่ปราศจากวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ No Easter Without Good Friday ถ้าไม่มีพระทรมาน และ การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้าก็จะไม่มีการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ด้วย เช่นเดียวกันสาหรับเราแต่ละคนไม่ มีความรอดพ้นที่ปราศจากกางเขน เพราะความรอดพ้นของเรามาจากกางเขนที่ตรึงพระเยซูเจ้า เพื่อเราจะสามารถร่วมส่วนในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ในเมืองสวรรค์ เราต้องพร้อมที่จะร่วมส่วนในพระทรมานของ พระองค์บนโลกนี้ด้วยเช่นกัน ขอพระเยซูเจ้า ผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ เป็นความหวังและกาลังใจสาหรับเราแต่ละคน “สุขสันต์วันปัสกา” ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันจันทร์ ที่ 6 เมษายน ค.ศ.2015
เมื่อพูดถึงวันฉลองสาคัญของพระศาสนจักร เราส่วนใหญ่มักจะนึกถึงวันคริสต์มาส และ วันปัสกา วันคริสต์มาสมีการประดับตกแต่งมากมาย มีบทเพลงไพเราะ มีการส่งบัตรอวยพรและมอบของขวัญให้แก่กันและกัน วันปัสกามีเพียง “ไข่ปัสกา” เท่านั้นที่พอจะเป็นเครื่องหมายภายนอกที่เรียบง่ายของวันปัสกา พระศาสนจักรสมัยเริ่มแรกในช่วงการจาศีลอดอาหารระหว่างเทศกาลมหาพรต ไข่ถือว่าเป็นหนึ่งในบรรดา อาหารหลายอย่างที่ต้องห้ามจึงไม่นาไข่มาปรุงเป็นอาหารในระหว่างเทศกาลนี้ พอถึงวันปัสกา หลังจากสี่สิบวันที่ไม่ได้ ลิ้มรสไข่เลยพวกเขาจึงเริ่มรับประทานไข่อย่างมีความสุขอีกครั้ง นอกจากนี้ ไข่ยังเป็นสัญลักษณ์ที่อธิบายความหมายของวันปัสกาได้อย่างดี ภายในไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว ชีวิตใหม่จะเริ่มก่อตัวและเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อถึงเวลาที่ไข่จะฟักออกมาเป็นตัวลูกไก่จะเริ่มเจาะเปลือกไข่ ออกมาเพื่อเริ่มชีวิตใหม่ที่เต็มไปด้วยอิสรภาพเหมือนที่พระเยซูเจ้าทรงออกจากพระคูหาเพื่อเข้าสู่ชีวิตใหม่ที่เต็มไปด้วย พระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ คริสตชนสมัยเริ่มแรกจึงนาเอาไข่มาเป็นสัญลักษณ์ของวันปัสกาชีวิตของเราบนโลกนี้ก็ เช่นกัน เป็นชีวิตที่มีขอบเขตจากัดเหมือนกับชีวิตของลูกไก่เวลาที่ยังอยู่ภายในเปลือกไข่ แต่เราหวังว่าสักวันหนึ่งเราจะ เจาะเปลือกไข่แห่งชีวิตนี้ออกมาเพื่อดาเนินชีวิตอย่างอิสระพร้อมกับพระเยซูเจ้าในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ สีสันที่ ฉูดฉาด สดใส และหลากหลายที่เราวาดลงบนไข่ปัสกาเป็นเครื่องหมายแห่งความยินดีในการกลับคืนพระชนมชีพของ พระเยซูเจ้า รวมทั้งของเราแต่ละคนที่จะมาถึงในอนาคตด้วย วันปัสกาจึงเปลี่ยนภาพที่น่าสะเทือนใจของวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ให้กลายเป็นความชื่นชมยินดี ซึ่งแสดงให้เราเห็น ว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นบุคคลที่จะนาเราไปสู่ความสุขแห่งชีวิตนิรันดรในเมืองสวรรค์ ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันอังคาร ที่ 7 เมษายน ค.ศ.2015 ผู้มีความเชื่อในพระเยซูเจ้า ผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ มีหน้าที่กระจายความมั่นใจที่ว่า โลกซึ่งเราดาเนินชีวิตอยู่นี้ สามารถกลายเป็นสถานที่เต็มไป ด้วยแสงสว่างและชีวิต ความชั่วร้ายที่อยู่ในโลกของเรา จะถูกชนะด้วยความดี ความมืดมนจะถูกชนะด้วยชีวิต การเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจะถูกชนะด้วยความเมตตากรุณา และ วัฒนธรรมแห่งความตายจะถูกชนะด้วย พลังแห่งชีวิต การกลับคืนชีพฝ่ายจิตของมนุษยชาติจะกลายเป็นความจริงได้ เราแต่ละคนต้องทางานเพื่อสร้างสังคมที่ มีความเป็นน้าหนึ่งใจเดียวกัน สังคมที่พร้อมจะต้อนรับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาผู้ที่เป็นทุกข์เดือดร้อน ผู้ที่ สังคมรังเกียจ และ ถูกทอดทิ้ง การกลับคืนชีพของพระเยซูคริสตเจ้าทาให้เราเป็นอิสระ ปลดปล่อยเราจากการปิดตัวเอง ภายในกรอบแห่ง ความจากัดของเรา และ เปิดตัวเราสู่วิถีทางใหม่ของการพบตัวเองในความรักที่ยิ่งใหญ่และไร้ขอบเขตของพระเจ้า ศีลล้างบาปเป็นการตาย และ การกลับคืนชีพ การเกิดใหม่ และ การเปลี่ยนรูปไปสู่ชีวิตใหม่ ในศีลล้างบาป ชีวิตใหม่ ของพระเยซูเจ้าเข้ามาในชีวิตของเรา และ เปลี่ยนเราให้เป็นพยานแห่งความรักของพระองค์ ความรักซึ่งสร้างเรา และ เปิดวิถีชีวิตใหม่ และ อนาคตแห่งความหวังสาหรับเรา ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันพุธ ที่ 8 เมษายน ค.ศ.2015 เรื่องราวของวันปัสกา ในพระวรสาร เริ่มต้นขึ้นในตอน “เช้าตรู่วันต้นสัปดาห์ ขณะที่ยังมืด” (ยน 20:1) ความมืดเป็นสัญลักษณ์ ของบาปและความตาย บุคคลที่ตกเป็นทาสของบาป ชีวิตของเขาจะจมอยู่ใน ความมืดแห่งความตาย แต่เมื่อ “พระคริสตเจ้า องค์ความสว่างของชาวเรา” ปรากฏขึ้นมา ความมืดแห่งบาป และ ความตาย จะถูกขจัดออกไป ผู้ที่เชื่อในพระองค์จะได้รับชีวิตใหม่ โดยมี “ความรัก” เป็นตราประทับที่โดดเด่นของชีวิต นักบุญยอห์นพูดถึงเรื่องนี้ในจดหมายของท่านว่า “ความมืดกาลังผ่านพ้นไป ความสว่างแท้จริงกาลังทอแสงขึ้นมาแล้ว ผู้ที่อ้างว่าตนอยู่ในความสว่าง แต่เกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นยังจมอยู่ในความมืด” (1 ยน 2:8-9) ตราบใดที่เขายังไม่สามารถรักเพื่อนพี่น้องรอบข้างเขาได้ เขายังไม่ได้เกิดใหม่ในพระคริสตเจ้าอย่างแท้จริง และ ชีวิตของเขายังคงจมอยู่ในความมืดเหมือนเดิม ปัสกาเป็นคาเชื้อเชิญให้เราออกจากความมืดมารับแสงสว่างของพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ในแสงสว่างนี้เองเราสามารถมองเห็นพระองค์ และ ตระหนักว่าเพื่อนมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้เป็นพี่น้องชายหญิงของเรา ในองค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเป็นเครื่องหมายบ่งชี้ว่าชีวิตฝ่ายจิตของเราได้ผ่านจากความมืดแห่งบาป และ ความตายเข้าสู่ รุ่งอรุณแห่งชีวิตใหม่ในพระคริสตเจ้าแล้ว เมื่อพระคริสตเจ้าทรงชนะบาป และ ความตายแล้ว จะไม่มีใครที่เชื่อใน พระองค์หลงทางและสูญเสียไปอีก ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันพฤหัสบดี ที่ 9 เมษายน ค.ศ.2015 บรรดาฝูงชนซึ่ง เคยต้อนรับพระเยซูเจ้า เข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างสง่า ได้ต่อต้านพระองค์ พร้อมกับตะโกนให้เอา พระองค์ไปตรึงกางเขน จนที่สุดได้นาไปสู่การตัดสิน ประหารชีวิตของพระองค์ โดยการตรึงบนไม้กางเขน ในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ นับจากวันนั้นเป็นต้นมา บรรดาศิษย์ของพระองค์ปิดตัวเงียบ ตัดตัวเองออกจากสังคมภายนอก อยู่ในห้องที่ ลงดาลอย่างแน่นหนา ด้วยจิตใจที่หวาดกลัว ห่อเหี่ยว เศร้าใจ และผิดหวังอย่างยิ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จมา และ ตรัสกับ พวกเขาว่า “สันติสุขจงสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด” (ยน 19:21) นี่คือคาปลอบโยนที่รักษาบาดแผลภายในของบรรดาศิษย์เสมือนได้รับน้าทิพย์ชโลมจิตใจซึ่งกาลังโศกเศร้า อย่างยิ่ง การพบปะกับพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพได้ทาให้จิตใจที่บอบช้าพบกับสันติสุขที่แท้จริง พวกเขา “มีความยินดี” (ยน 20:20) เป็นอย่างยิ่ง พวกเขาไม่หวั่นไหวในชีวิตอีกต่อไป เพราะการกลับคืนพระชนมชีพ ของพระเยซูเจ้าคือชัยชนะเหนือความตายและบาป เป็นความหวังและประกายแห่งชีวิตใหม่สาหรับมนุษยชาติ ความชั่วร้ายที่อยู่ในโลกของเราจะถูกชนะด้วยความดี ความมืดมนจะถูกชนะด้วยชีวิตที่เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา การกลับคืนชีพฝ่ายจิตของมนุษยชาติจะกลายเป็นความจริงด้วยการเปิดตัวเราสู่วิถีทางใหม่ในความรักที่ยิ่งใหญ่และไร้ ขอบเขตของพระเจ้า ชีวิตเราแต่ละคนก็่เช่นกันโดยทางศีลล้างบาปเราได้ตายต่อตนเอง และ เข้าสู่ความสัมพันธ์ใหม่กับพระเจ้า ชีวิตใหม่ของพระเยซูเจ้าเข้ามาในชีวิตของเรา และ เปลี่ยนเราให้เป็นพยานแห่งความรักของพระองค์ ความรักซึ่งเปิด วิถีชีวิตใหม่ และ อนาคตแห่งความหวังสาหรับเรา นั่นคือ การสานต่อภารกิจแห่งการประกาศข่าวดี ที่พระองค์ได้ทรง เริ่มไว้ต่อมวลมนุษยชาติ ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันศุกร์ ที่ 10 เมษายน ค.ศ.2015 พระเยซูเจ้าเสด็จมาในโลกนี้ เพื่อความรอดพ้นของเรา โดยถวายพระองค์เอง เป็นยัญบูชาเพื่อว่า โดยการสิ้นพระชนม์ พระองค์ได้ทรงทาลายความตาย และโดยการกลับคืนพระชนมชีพ ทรงทาให้ชีวิตของเราได้รับการ ฟื้นฟูขึ้นใหม่ ยิ่งกว่านั้น พระองค์ทรงรัก และ ห่วงใยต่อเรา ผู้ซึ่งเป็นฝูงแกะของพระองค์ จึงได้มอบภารกิจให้นักบุญเปโตร และอัครสาวกคนอื่น ๆ เพื่อข่าวดีแห่งความรอดพ้นจะได้ ถูกประกาศออกไป “จงเลี้ยงลูกแกะของเราเถิด” (ยน 21:15) บรรดาอัครสาวกและผู้ร่วมงานคนอื่น ๆ รวมทั้งผู้สืบตาแหน่งต่อมาไม่ได้ทาให้พระองค์ผิดหวัง พวกท่านได้ ทุ่มเทสรรพกาลังและทุกสิ่งทุกอย่างที่มีแม้แต่ชีวิตเพื่อภารกิจแห่งการประกาศข่าวดี พระดารัสของพระองค์ยังคงก้อง กังวานมาจนถึงปัจจุบัน งานแพร่ธรรมและงานเทศน์สอนยังคงดาเนินต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน “จงเลี้ยงลูกแกะของเราเถิด” (ยน 21:15) พระองค์ทรงทราบดีว่าเราแต่ละคนต้องการอาหารบารุงเลี้ยงชีวิตฝ่ายจิต ในพิธีบูชาขอบพระคุณ ชีวิตฝ่ายจิต แล ะความเชื่อของเราจึงได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยพระวาจา และ ศีลมหาสนิท ศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งความรัก ดังนั้น ทุกครั้ง ที่เรามาร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณเราจึงไม่ควรจะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อว่าความเชื่อของเราจะเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ใช่เป็นความเชื่อที่อ่อนแอหรือตายไปแล้ว
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันเสาร์ ที่ 11 เมษายน ค.ศ.2015 บรรดาอัครสาวกที่พระเยซูเจ้าทรง สาแดงองค์ให้เห็น หลังการกลับคืน พระชนมชีพนั้น เป็นผู้มีบุญและโชคดีมาก พวกท่านได้รับการปลดปล่อย ให้เป็นอิสระจาก ความสงสัย และ กังวลใจ พวกเราอาจไม่เคยเห็นพระเยซูเจ้าผู้ ทรงกลับคืนพระชนมชีพ เราไม่สามารถสัมผัสพระองค์ หรือได้ยินเสียงของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ เราจึงเป็นหนึ่งในบรรดา “ผู้ที่เชื่อ แม้ไม่ได้เห็น ก็เป็นสุข” (ยน 20:29) เราสามารถรู้จักพระเยซูเจ้าโดยทางความเชื่อเท่านั้น ความเชื่อเป็น “พระพรพิเศษ” หรือ “ของประทาน” ที่พระเจ้าทรงมอบให้เราแต่ละคนเมื่อรับศีลล้างบาป เราไม่สามารถซื้อความเชื่อ หรือ หามาได้ด้วยความสามารถของ เราเอง เราจึงเป็นผู้มีบุญหรือมีความสุขที่มีความเชื่อนี้ ซึ่งต้องเอาใจใส่รักษาหล่อเลี้ยงความเชื่อของเราด้วยพระวาจา ศีลศักดิ์สิทธิ์ และ การอธิษฐานภาวนา ทุกครั้งที่เราสวดบทแสดงความเชื่อและพูดว่าเราเชื่อ เราควรตระหนักด้วยว่า เราช่างเป็นผู้มีบุญหรือมีความสุขที่เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ไม่ได้เห็นแต่เชื่อ ขอบพระคุณพระเจ้าสาหรับของประทานล้าค่านี้
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันอาทิตย์ ที่ 12 เมษายน ค.ศ.2015 ในพระวรสารวันนี้ นักบุญยอห์นเล่าให้เราฟังว่า บรรดาอัครสาวก ได้เก็บตัวเงียบอยู่ภายใน ห้องที่ปิดประตูอย่างมิดชิด “เพราะกลัวชาวยิว” (ยน 20:19) มีเพียงสิบคนเท่านั้น ที่รวมตัวกันอยู่ในขณะนั้น ยูดาสไม่ได้อยู่กับพวกเขาอีกต่อไป ส่วนโทมัสได้ออกไปข้างนอก อย่างไม่คาดฝันพระเยซูเจ้า เสด็จมาหาพวกเขา พร้อมด้วยคาพูดที่ปลอบประโลมใจ “สันติสุขจงสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด” (ยน 20:19) การพบกับพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพครั้งนี้ นาสันติสุขมาสู่หัวใจที่บอบช้าของพวกเขาได้อย่าง แน่นอน เมื่อนักบุญโทมัสกลับมา และ บรรดาอัครสาวกบอกท่านว่าพระเยซูเจ้ายังทรงมีชีวิตอยู่ พวกเขาได้เห็น พระองค์ พระองค์เสด็จเข้ามาหาพวกเขาแม้ว่าประตูห้องได้ปิดอย่างแน่นหนา นักบุญโทมัสไม่เชื่อ และ เรียกร้อง ข้อพิสูจน์ ท่านบอกพวกเขาอย่างจริงจังว่า “ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้เห็นรอยตะปูที่พระหัตถ์ และ ไม่ได้เอานิ้วแยงเข้าไปที่รอยตะปู และ ไม่ได้เอามือคลาที่ด้านข้างพระวรกายของพระองค์ ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อเป็นอันขาด” (ยน 20:25) วันอาทิตย์ต่อมาพระเยซูเจ้าเสด็จมาหาบรรดาอัครสาวกอีก แม้ว่าประตูห้องที่พวกเขากาลังชุมนุมกันอยู่นั้น ปิดอยู่ อีกครั้งหนึ่งพระองค์ทรงขอให้สันติสุขสถิตอยู่กับพวกเขา พระองค์ตรัสกับนักบุญโทมัสโดยตรงว่า “จงเอานิ้วมาที่นี่ และ ดูมือของเราเถิด จงเอามือมาที่นี่ คลาที่สีข้างของเราอย่าสงสัยอีกต่อไป แต่จงเชื่อเถิด” (ยน 20:27)
นักบุญโทมัสทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าและพระเจ้าของข้าพเจ้า” (ยน 20:28) การอนุญาตให้นักบุญโทมัสพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง แสดงนัยให้เห็นว่า พระเยซูเจ้าทรงมองเห็นความสาคัญ และ ความจาเป็นของเหตุผล และ ความปรารถนาข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ด้วยเหมือนกันการยึดเหตุผลหรือ วิทยาศาสตร์อย่างเดียวย่อมปิดใจและสติปัญญาต่อการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า การยึดตัวเองเป็นหลัก ความภูมิใจในตัวเองมากเกินไป ความปรารถนาที่จะเป็นเจ้านายชีวิตของตนเอง ความต้องการที่จะควบคุมชะตากรรม ของตัวเองแทนที่จะปล่อยให้ความเชื่อผสานกลมกลืนกับเหตุผลทาให้นักบุญโทมัสเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์เป็น เวลาถึงหนึ่งสัปดาห์ใช้ชีวิตที่ปราศจากพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพถึงเจ็ดวัน เช่นเดียวกัน สิ่งที่เราต้องทาเพื่อพบกับพระเยซูเจ้าคือปล่อยให้เหตุผลทางานร่วมกับความเชื่อของเรา และ มอบตัวเราทั้งครบไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า ถ้าเราทาแบบนี้ เราไม่มีอะไรที่ต้องเสีย แต่เราจะได้ทุกสิ่งทุกอย่าง เคล็ดลับความสาเร็จในการดาเนินชีวิตคริสตชนคือ “วางใจ ยอมจานน เชื่อ และรับ” ถ้าเราวางใจ ยอมจานนต่อความรักของพระเจ้า และ เชื่อในพระเมตตาของพระองค์ เราจะได้รับพระพร มากมายจากพระองค์
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันจันทร์ ที่ 13 เมษายน ค.ศ.2015
เมื่อนักบุญโทมัสได้เห็นพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ท่านวางใจ ยอมจานน และ เชื่อในพระองค์ ผลที่ตามมาคือ ท่านได้รับความยินดี และ สันติสุขในจิตใจจากพระองค์ สิ่งเดียวกันนี้จะเกิดขึ้นกับเราเช่นกัน ถ้าเรา วางใจในพระเยซูเจ้า ยอมจานน และ เชื่อในพระองค์ เราจะได้รับความยินดีที่หาไม่ได้จากที่ไหนหรือจากใครอื่น นอกจากพระองค์เพียงคนเดียว “ทุกคนที่เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระคริสตเจ้าย่อมบังเกิดจากพระเจ้า” (1 ยน 5:1)
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันอังคาร ที่ 14 เมษายน ค.ศ.2015
อนาคตของสังคมจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับครอบครัวซึ่งเป็นสถาบันแรกของสังคม สถาบันครอบครัวกาลังตก เป็นเป้าโจมตีจากการหย่าร้าง หรือ อิสรเสรีภาพในเรื่องเพศซึ่งไม่ใช่เรื่องของความรัก พระศาสนจักรสอนว่าการ แต่งงาน และ ครอบครัวเป็นสถาบันที่พระเจ้าทรงตั้งขึ้น ครอบครัวจึงเป็นสถาบันศักดิ์สิทธิ์ และ มีคุณค่าถาวรตลอดไป มนุษย์ไม่มีสิทธิที่จะทาลายสถาบันนี้ ชีวิตครอบครัวเป็นงานเต็มเวลา และ ยากลาบาก พันธกิจของครอบครัวจะ สาเร็จได้ นอกจากโดยทางความรักที่สมาชิกมีต่อกันแล้ว เราต้องอธิษฐานภาวนาวอนขอความช่วยเหลือจาก พระเจ้าด้วย พ่อแม่จงอธิษฐานภาวนาพร้อมกับลูก ๆ ทั้งในบ้านและพร้อมกันในวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพิธีมิสซา เพื่อจะได้รับความเข้มแข็ง และ ความช่วยเหลือที่จาเป็นให้เอาชนะความทุกข์ยากลาบากในชีวิตร่วมกันได้ ความผาสุก ของสังคม ประเทศชาติ และ พระศาสนจักรขึ้นอยู่กับความสาเร็จของชีวิตครอบครัวนี้ เมื่อใดก็ตามที่ชีวิตครอบครัว ล้มเหลวจะมีปัญหาเกิดขึ้นมากมายแก่สังคม ให้เราวอนขอพระเจ้าโปรดอวยพรชีวิตครอบครัวเป็นพิเศษเพื่อทุกครอบครัวในโลกนี้มีความอบอุ่นและเป็น น้าหนึ่งใจเดียวกันจงยึดเอาครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีพระเยซูเจ้าเป็นศูนย์กลางเป็นแบบอย่างที่ดีสาหรับครอบครัวของ เราแต่ละคนในเรื่องความรัก ความไว้วางใจในพระเจ้าความเห็นอกเห็นใจ และการช่วยเหลือผู้อื่น ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันพุธ ที่ 15 เมษายน ค.ศ.2015 พระศาสนจักร Orthodox มีธรรมเนียมฉลองวันปัสกา หลังพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ ที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง คือ พระสงฆ์ผู้ประกอบพิธี จะอวยพรไข่ และ แจกจ่ายให้กับทุกคน ที่มาร่วมพิธี เพื่อแสดงให้เห็นว่า ทุกคนมีส่วนในพระพร ของวันฉลองที่ยิ่งใหญ่นี้ จากนั้นสัตบุรุษก็จะทักทายกันโดยเอาไข่ไปกระแทกกัน ถ้าไข่ของคนใดแตก เจ้าของจะร้องว่า “พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว” ส่วนอีกคนหนึ่งก็จะตอบว่า “พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพจริง ๆ ด้วย” การแตกของเปลือกไข่เป็นสัญลักษณ์หมายถึงการเปิดออกของพระคูหาของพระคริสตเจ้า ไข่แสดงให้เห็นถึง ชีวิตใหม่ ภายในไข่จะมีสารซึ่งจะก่อให้เกิดเป็นชีวิตใหม่ ชีวิตใหม่นี้จะออกมาเมื่อลูกไก่เจาะเปลือกไข่ การออกมาจาก พระคูหาของพระเยซูเจ้าเป็นเรื่องคล้ายกัน พระคริสตเจ้าได้ทรงสิ้นพระชนม์อย่างแท้จริง ก่อนที่พระองค์จะกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ไข่นั้นก็ดูเหมือนว่า ได้ตายไปแล้ว ก่อนที่จะก่อให้เกิดชีวิตใหม่ขึ้นมา ลูกไก่ที่เจาะเปลือกไข่ออกมาชวนให้เราคิดถึงพระเยซูเจ้าคริสตเจ้า ผู้ออกมาจากพระคูหาด้วยพระพลานุภาพแห่งการกลับคืนพระชนมชีพและพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ พระเยซูเจ้า ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย และ ได้ทรงสัญญาว่าพระองค์จะทาให้เราแต่ละคนกลับคืนชีพจากบรรดา ผู้ตายด้วยเช่นกันในวันสุดท้าย อย่างไรก็ตาม เราควรตระหนักว่าเราสามารถออกจากคูหาของเราแต่ละคนแล้วในวันนี้ เราแต่ละคนสามารถ ทาให้ชีวิตของเราดีและสูงขึ้นเรื่อย ๆ ได้ในวันนี้และเวลานี้ ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันพฤหัสบดี ที่ 16 เมษายน ค.ศ.2015 หินที่ปิดปากพระคูหาขอ งพระเยซูเจ้าคริสตเจ้า ได้ “ถูกเคลื่อนออกไป” พระคูหาขององค์ ได้ถูกเปิดออก โดยพลานุภาพของพระเจ้า ด้วยพลานุภาพ ของพระเจ้าองค์เดียวกัน หินที่ยึดและฝังเราไว้ สามารถถูกเคลื่อน ออกไปด้วยเช่นกัน หินที่ดึงเราให้จมลง และ ฝังเราไว้คือหินแห่งความเห็นแก่ตัว ความสนใจเฉพาะสิ่งที่จะเป็นประโยชน์แก่ ตนเองเท่านั้น พระคริสตเจ้าจะช่วยเราให้กลิ้งหินก้อนนี้ออกให้เราใส่ใจทาสิ่งที่พอพระทัยของเจ้า และ ช่วยเหลือทาสิ่ง ที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนพี่น้องของเรา หินแห่งความโลภ ความโกรธ และ ความหลง เป็นหินที่ทาให้ชีวิตและวิญญาณ ของเราจมดิ่งสู่เหวลึกแห่งความตายหินแห่งความเฉยเมย หินแห่งการขาดความรัก และ หินแห่งความเกลียดชัง เป็นหินที่ขัดขวางเราไม่ให้ทาสิ่งที่พระเจ้าทรงพอพระทัยไม่ให้ทาสิ่งที่ดีต่อเพื่อนพี่น้องของเรา เราสามารถออกจากความเฉยเมยการขาดความรัก และ ความเกลียดชังด้วยพลังของพระผู้กอบกู้ ผู้ทรง กลับคืนพระชนมชีพ เมื่อเราทาให้ประวัติศาสตร์แห่งความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรา เป็นปัจจุบันขึ้นมา ในวันนี้ และเวลานี้
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันศุกร์ ที่ 17 เมษายน ค.ศ.2015 อะไรคือหินที่พี่น้องอยากจะ เคลื่อนออกไปเพื่อจะสามารถ ออกมาพร้อมกับ พระคริสตเจ้าอย่างรุ่งโรจน์ และ เปี่ยมด้วยอานุภาพ การมีจิตใจไม่บริสุทธิ์ ความไม่ซื่อสัตย์ ความเกียจคร้าน ความหยิ่งจองหอง ความโกรธ หรือความริษยา หินเหล่านี้ได้ยึด และ ฝังชีวิต และ วิญญาณของเรา จมดิ่งสู่เหวลึก แห่งความตายมาเนิ่นนาน แต่ด้วยความช่วยเหลือของพระคริสตเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพให้เราโยนพวกมันทิ้งไป เราจะมีความยินดี อย่างยิ่งเมื่อสามารถขจัดสิ่งที่ปิดกั้น หรือ ขัดขวางเราจากการทาสิ่งที่พอพระทัยของพระเจ้า เราจะมีความสุขอย่าง แท้จริงเมื่อเราได้ยื่นมือออกไปเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ของเราในแต่ละวันของชีวิต นี่เป็นความสุขของเทศกาลปัสกานี่คือความสุขแห่งการเคลื่อนหินออกไปเพื่อมุ่งไปสู่เกียรติรุ่งโรจน์แห่งการ กลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้า
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันเสาร์ ที่ 18 เมษายน ค.ศ.2015 ชีวิตของเรา คงสับสนวุ่นวาย และ เต็มไปด้วยบาป ถ้าเราไม่ได้รับการ ให้อภัยจากพระเยซูเจ้า เช่นเดียวกันกับชีวิต ของบรรดาอัครสาวก ที่ละทิ้งพระองค์ไป เมื่อทรงถูกจับกุม ถ้าพระองค์ไม่ทรงให้อภัย ชีวิตของท่านทั้งหลาย คงมืดมน การปรากฏตัวของพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพแก่ศิษย์สองคนระหว่างทางไปยังหมู่บ้านเอมมาอูส ซึ่งจาพระองค์ได้เมื่อทรงบิขนมปัง พวกท่านได้เดินทางกลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และ เล่าเรื่องราวให้ศิษย์คนอื่นทราบ พระเยซูเจ้าได้ทรงปรากฏตัวต่อหน้าบรรดาศิษย์ที่กาลังชุมนุมกันอยู่ในขณะนั้นอีกครั้งหนึ่ง ในตอนนั้น พวกเขาคงรู้สึก ละอายใจเหมือนกันที่ได้ละทิ้งพระองค์ไปขณะที่พระองค์ทรงถูกจับกุม เช่นเดียวกับชีวิตของเราแต่ละคน เมื่อเราละทิ้งพระองค์ไปโดยการทาบาป เราเองต้องรู้สึกละอายใจด้วย เช่นกัน เพราะทุกครั้งที่เราทาบาป เราได้ละทิ้งพระเยซูเจ้าเพื่อเลือกบางสิ่งหรือบางคนแทนที่พระองค์ พระองค์ไม่ได้ ทรงเป็นที่หนึ่งในชีวิตของเรา ถ้าเราตระหนักว่าได้ละทิ้งพระเยซูเจ้า แล้วเรารู้สึกละอายใจ เราสามารถกลับมาหา พระองค์ และ รับการให้อภัยจากพระองค์ แต่ถ้าเราไม่รู้สึกละอายใจหรือรู้สึกว่าตนเองผิด เราจะจมปลักอยู่ในสภาพที่ น่าสงสารแบบนั้นอีกต่อไปเรื่อย ๆ
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันอาทิตย์ ที่ 19 เมษายน ค.ศ.2015 พระเยซูเจ้าไม่ทรงปรารถนา ให้บรรดาศิษย์ของพระองค์ ต้องจมอยู่ในความรู้สึกผิดและอับอาย ที่ละทิ้งพระองค์ไปเมื่อทรงถูกจับกุม ดังนั้น พระดารัสแรกที่พระองค์ ตรัสกับพวกเขาคือ “สันติสุขจงดารงอยู่ กับท่านทั้งหลายเถิด” (ลก 24:35) การเสด็จมาพบบรรดาศิษย์ แสดงให้เห็นว่าพระเยซูเจ้า ทรงให้อภัยความผิดทุกอย่าง ของพวกเขาแล้ว พระองค์จะไม่เสด็จมาพบพวกเขาถ้าไม่ทรงให้อภัย การพบปะกันครั้งนี้ทาให้ความเครียดและความหวาดกลัว ของบรรดาศิษย์เริ่มผ่อนคลายลง อารมณ์ของพวกเขาค่อย ๆ เข้าสู่ภาวะปรกติ “ท่านวุ่นวายใจทาไม เพราะเหตุใด ท่านจึงมีความสงสัยในใจ” (ลก 24:38) พระเยซูเจ้าทรงถามเพื่อทาให้พวกเขามั่นใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างจบลงเรียบร้อยแล้ว พระองค์ทรงยอมรับบรรดา ศิษย์อย่างที่พวกเขาเป็นและไม่ถือโกรธพวกเขา แม้ว่าพวกเขาได้ละทิ้งพระองค์ไป เช่นเดียวกันเมื่อเราได้ทาบาปผิดต่อพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงต้องการให้เรากลับมาหาพระองค์เพื่อรับการให้ อภัยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พร้อมกับการให้อภัยบรรดาศิษย์ พระเยซูเจ้าทรงมอบพันธกิจสาคัญอย่างหนึ่งให้พวก เขาทาด้วยเป็นการประกาศเกี่ยวกับการให้อภัยของพระองค์แก่คนอื่น พระองค์ตรัสว่า “มีเขียนไว้ดังนี้ว่า พระคริสตเจ้าจะต้องรับทนทรมาน และ จะกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายในวันที่สาม จะต้องประกาศในพระนามของพระองค์ให้นานาชาติกลับใจเพื่อรับอภัยบาป โดยเริ่มจากกรุงเยรูซาเล็มท่านทั้งหลายเป็นพยานถึงเรื่องทั้งหมดนี”้ (ลก 24:46-48)
พระเยซูเจ้าทรงหวังว่ามวลมนุษย์จะกลับใจและเป็นทุกข์ถึงบาปของตนเองเพื่อจะได้รับการอภัยจากพระองค์ เงื่อนไขสาคัญอันหนึ่งสาหรับการให้อภัยคือ การสานึกผิดและกลับใจ เมื่อเราได้ละทิ้งพระเยซูเจ้าโดยการทาบาป เราต้องสานึกผิดและกลับมาหาพระองค์ นักบุญเปโตรพูดถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจนว่า “ท่านจงเป็นทุกข์กลับใจและหันมาหาพระเจ้าเถิด เพื่อบาปของท่านจะได้รับการอภัย” (กจ 3:19)
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันจันทร์ ที่ 20 เมษายน ค.ศ.2015 เมื่อเราสานึกผิด เป็นทุกข์เสียใจ ปรารถนาที่จะกลับมา หาพระเยซูเจ้า และตั้งใจจะไม่ทาบาปอีก พระองค์จะทรงอภัยบาปให้เรา ผ่านทางศีลอภัยบาป พระองค์ได้ทรงชดเชย ความผิดบาปทั้งหมดของเรา โดยทางพระทรมาน และการสิ้นพระชนม์ของ พระองค์บนไม้กางเขน การให้อภัยบาปไหลหลั่งลงมาสู่เราจากไม้กางเขนนี้เองระหว่างอาหารมื้อสุดท้ายขณะที่ทรงหยิบถ้วย เหล้าองุ่น พระองค์ตรัสถึงเรื่องนี้ว่า “นี่เป็นโลหิตของเรา โลหิตแห่งพันธสัญญาที่หลั่งออกมาเพื่ออภัยบาปสาหรับคนจานวนมาก” (มธ 26:28) ความเจ็บปวดที่พระองค์ทรงได้รับระหว่างพระทรมานจนกระทั่งทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ทรงรักษา บรรดาศิษย์และเราแต่ละคนให้รอดพ้นจากพิษร้ายของบาป บาปเป็นเหตุให้เราต้องรับโทษจากพระบิดาเจ้าสวรรค์ แต่พระทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขนช่วยเราให้ได้รับการอภัยจากพระองค์ นักบุญยอห์นบอกเราในบทอ่านที่สองว่า “ลูกที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนเรื่องนี้ถึงท่านเพื่อท่านจะได้ไม่ทาบาป แต่ถ้าใครทาบาปเรายังมีทนายแก้ต่างให้เฉพาะพระพักตร์ของพระบิดา คือพระเยซูคริสตเจ้า ผู้ทรงเที่ยงธรรม พระองค์ทรงเป็นเครื่องบูชาชดเชยบาปของเรา และ ไม่เพียงแต่ชดเชยเฉพาะบาปของเราเท่านั้น แต่ชดเชยบาปของมนุษย์ทั้งโลกด้วย” (1 ยน 2:1-2) เมื่อเราทาบาป พระเยซูเจ้าไม่ทรงปรารถนาให้เราอยู่สภาพที่น่าละอายอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ พระองค์ทรง ต้องการรักษาสัมพันธภาพที่ขาดสะบั้นลง เพราะการละทิ้งพระองค์ของเราโดยการทาบาป ดังนั้น เมื่อเราทาบาป ให้เรารีบสานึกผิด กลับใจ และ กลับมาหาพระองค์เพื่อรับการให้อภัย และ สันติสุขในจิตใจจากพระองค์อีกครั้งหนึ่ง ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันอังคาร ที่ 21 เมษายน ค.ศ.2015 ไม้กางเขนเป็นเรื่องราว ความรักของพระเยซูเจ้า ที่มีต่อเรา พระองค์ยอมรับทรมาน และ สิ้นพระชนม์ เพื่อจ่ายหนี้บาปแทนเรา บาปของเราแต่ละคนไม่ว่า จะหนักหนาสาหัสแค่ไหน ได้รับการอภัยทั้งหมดแล้ว โดยทางพระโลหิต ของพระองค์ การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า คือชัยชนะเหนือความตายและบาป เป็นความหวังและประกายแห่ง ชีวิตใหม่สาหรับมนุษยชาติ ความชั่วร้ายที่อยู่ในโลกของเราจะถูกชนะด้วยความดี ความมืดมนจะถูกชนะด้วยชีวิตที่ เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา นี่เป็นเหตุผลที่เราเองต้องพยายามรักและมีเมตตาต่อผู้อื่น การกลับคืนชีพฝ่ายจิตของมนุษยชาติจะกลายเป็นความจริงด้วยการเปิดตัวเราสู่วิถีทางใหม่ในความรักที่ ยิ่งใหญ่และไร้ขอบเขตของพระเจ้า ศีลล้างบาปที่เราแต่ละคนได้รับนั้นไม่ใช่แค่การจดทะเบียนเข้าเป็นสมาชิกของ พระศาสนจักร หรือ พิธีการชาระตนเองให้บริสุทธิ์เท่านั้น แต่โดยทางศีลล้างบาปเราแต่ละคนได้ตายต่อตนเอง และเข้าสู่ความสัมพันธ์ใหม่กับพระเจ้า เป็นการเกิดใหม่และการเปลี่ยนรูปไปสู่ชีวิตใหม่ ชีวิตใหม่ของพระเยซูเจ้าเข้ามา ในชีวิตของเราและเปลี่ยนเราให้เป็นพยานแห่งความรักของพระองค์ ความรักซึ่งเปิดวิถีชีวิตใหม่ และ อนาคตแห่ง ความหวังสาหรับเรา
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันพุธ ที่ 22 เมษายน ค.ศ.2015 ความเชื่อในการ กลับคืนพระชนมชีพ ของพระเยซูเจ้า ได้ให้ความหมาย แก่พันธกิจของคริสตชน ซึ่งกาลังดาเนินชีวิต อยู่ภายในโลกนี้ การกลับคืนพระชนมชีพ ของพระบุตรสุดที่รัก ของพระเจ้า ทาให้ชีวิตและแสงสว่าง สามารถเข้ามาในโลก อีกครั้งหนึ่ง ความสัมพันธ์กับโลกที่อยู่รอบข้างเราจึงแปรเปลี่ยนไปด้วย นี่เป็นข่าวดีไม่เพียงแก่มวลมนุษย์เท่านั้น แต่สาหรับสิ่งสร้างทั้งหลายทั้งมวลด้วยเป็นหน้าที่ของเราที่จะผลักดัน และ เสริมสร้างความสัมพันธ์ในท่ามกลาง มนุษยชาติด้วยกัน และ ระหว่างมนุษยชาติกับสิ่งสร้างทั้งหลายของพระเจ้าให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกันให้เกิดขึ้นอีก ครั้งหนึ่ง การเป็นผู้มีความเชื่อในพระพรแห่งชีวิตหมายความว่า เราต้องต้อนรับ และ ค้าจุนชีวิตในทุกรูปแบบ ต้องทางานเพื่อสร้างสังคมที่มีความเป็นน้าหนึ่งใจเดียวกัน สังคมที่พร้อมจะต้อนรับทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดา ผู้ที่เป็นทุกข์เดือดร้อน ผู้ที่สังคมรังเกียจ และ ผู้ที่ถูกทอดทิ้ง การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าทาให้เราเป็นอิสระ ปลดปล่อยเราจากการปิดตัวเองภายในกรอบ แห่งความจากัดของเรา และ เปิดตัวเราสู่วิถีทางใหม่ของการพบตัวเองในความรักที่ยิ่งใหญ่และไร้ขอบเขตของพระเจ้า
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันพฤหัสบดี ที่ 23 เมษายน ค.ศ.2015 พระเยซูเจ้าทรง บอกบรรดาศิษย์ ซึ่งรวมถึงเราทุกคน ไว้ในคาสั่งหรือ บทบัญญัติ เพียงข้อเดียว คือ “ให้ท่านรักกัน” (ยน 13:34) นี่คือ “บทบัญญัติใหม่” (ยน 13:34) ซึ่งพระองค์มอบไว้ระหว่างอาหารค่ามื้อสุดท้ายในคืนก่อนที่พระองค์ จะทรงถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการตรึงบนไม้กางเขน พระองค์ทรงปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะบอกถึงสิ่งที่อยู่ในส่วนลึกของดวงพระทัยของพระองค์ และ ทรงกลั่นกรองสิ่งดังกล่าวออกมาเป็นถ้อยคาสั้น ๆ ว่า “เรารักท่านทั้งหลายอย่างไรท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด” (ยน 13:34) ถ้า “ความรัก” คือ “การให้” พระเยซูเจ้าทรงให้เราแบบสุด ๆ ให้จนไม่รู้ว่าจะให้อะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะพระองค์ทรงให้แม้กระทั่งชีวิตของพระองค์เพื่อความรอดพ้นของเรา
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันศุกร์ ที่ 24 เมษายน ค.ศ.2015 บทบัญญัติใหม่แห่งความรัก ของพระเยซูเจ้าไม่ได้วางมาตรฐาน ไว้ที่ตัวเราแต่ละคน รัก “เหมือนรักตนเอง” (ลนต 19:18) แต่เป็นมาตรฐานแห่งความรัก ของพระเยซูเจ้า นั่นคือ “เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร” (ยน 13:34) หรือ “เหมือนดังที่เรารักท่าน” (ยน 15:12) เราต้องรักกันและกัน หรือรักเพื่อนมนุษย์ทุกคนเหมือนที่พระเยซูเจ้าทรงรักเรา แต่ละคนมองไปยังไม้กางเขน ที่พระองค์ทรงถูกตรึง เราจะรู้คาตอบโดยไม่ต้องการคาอธิบายใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะบนไม้กางเขนเราทราบว่าพระองค์ ทรงรักเรามากจนกระทั่งยอมสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปเรานี่คือบทพิสูจน์พระดารัสของพระองค์ที่ว่า “ไม่มีความรักใดยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย” (ยน 15:13)
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
ขอคิดยามเชา วันเสาร ที่ 25 เมษายน ค.ศ.2015 ติดตามขอคิดยามเชายอนหลังไดที่ www.udondiocese.org ไมใชเรื่องงายที่เราจะรักเพื่อนมนุษยดวยกัน ตามมาตรฐาน ของพระเยซูเจา การรักเพื่อนมนุษยเหมือนรักตนเอง ถือวา เปนเรื่องยากอยูแลว โดยเฉพาะถาเพื่อนมนุษยคนนั้น เปนคนที่ทําใหเราตองเจ็บช้ําน้ําใจ แตพระเยซูเจาทรงตองการ ยกระดับความรักของเราที่มีตอเพื่อนมนุษยดวยกันใหสูงขึ้นอีก ซึ่งเปนเรื่องที่ยากกวาเดิมหลายเทานัก ไมวาจะยากเย็นแสน เข็ญแคไหน นี่คือคําสั่งของพระเยซูเจา ถาเราปฏิบัติตามคําสั่ง นี้ เราจะกลายเปนมิตรสหาย ผูซึ่งพระองคทรงรักมากกวาชีวิต ของพระองคเสียอีก สําหรับพระเยซูเจาแลว ความรักตอเพื่อนมนุษยดวยกัน
ไมใชเปนบางสิ่งที่เราจะมีก็ได
หรือไมมีก็ได แตเปนบางสิ่งที่เราตองมี เพราะความรักเปนธรรมชาติอยางหนึ่งของมนุษย พระเจาทรงเปนความ รัก และพระองคทรงสรางมนุษยขึ้นมา เพื่อรักพระองคและรักกันและกัน ขอพระเจาอวยพรพี่นองทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันอาทิตย์ ที่ 26 เมษายน ค.ศ.2015 ในวันอาทิตย์นี้ พระศาสนจักร เชื้อเชิญเราทุกคน ให้อธิษฐานภาวนาเป็นพิเศษ เพื่อกระแสเรียกการเป็น พระสงฆ์และนักบวช ในฐานะคริสตชนเราทุกคน มีส่วนร่วมการเป็นสงฆ์ ของพระเยซูคริสตเจ้า มหาสมณะผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นคนกลางพิเศษหนึ่งเดียว ระหว่างพระเจ้าและมนุษยชาติ แต่มีคริสตชนบางคนได้รับการเรียกเป็นพิเศษให้มาทาหน้าที่รับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ ในฐานะ ศาสนบริกรที่ได้รับศีลบวช นั่นคือ “สังฆภาพของศาสนบริกร” ซึ่งเป็นสิ่งจาเป็นและขาดไม่ได้เหมือนกัน เพราะถ้าเรา ขาดศาสนบริกรที่ได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ เราจะไม่มีพิธีมิสซา และ เมื่อไม่มีพิธีมิสซา เราจะไม่มีศีลมหาสนิทซึ่งเป็น อาหารหล่อเลี้ยงวิญญาณของเราจึงเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่ต้องช่วยกัน ส่งเสริม สนับสนุน และ ให้กาลังใจ แก่ผู้ที่ ตอบรับเสียงเรียกของพระเจ้าเพื่อมาดาเนินชีวิตบนเส้นทางสายนี้
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันจันทร์ ที่ 27 เมษายน ค.ศ.2015 คาว่า “นายชุมพาบาล” ในภาษาละตินคือ “Pastor” (ปาสตอร์) ซึ่งนามาใช้เรียกพระสงฆ์ เจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ เพราะท่านเป็นผู้มีหน้าที่ ให้ศาสนบริการแก่ พี่น้องสัตบุรุษ ในชุมชนวัดที่ท่านได้รับ มอบหมายให้ดูแล ในสมัยของพระเยซูเจ้า มีนายชุมพาบาลสองประเภท ประเภทแรกเป็นผู้รับจ้างดูแลฝูงแกะ ถ้าเจ้าของแกะฝูงไหนขาดคนดูแล เขาจะไปสมัครทางานนี้ เขาอาจย้าย จากแกะฝูงหนึ่งเพื่อไปดูแลแกะอีกฝูงหนึ่งได้ตามโอกาสเนื่องจากไม่ใช่เจ้าของ เขาจึงไม่มีความผูกพันกับฝูงแกะที่ดูแล มากนัก เขาจะไม่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อฝูงแกะของนายจ้างเมื่อเห็นฝูงหมาป่าหรือขโมยมา เขาจะหนีเอาตัวรอด และ ปล่อยฝูงแกะนั้นไว้ตามยถากรรม พระเยซูเจ้าตรัสว่า พระองค์ไม่ได้ทรงเป็นนายชุมพาบาลประเภทนี้ ประเภทที่สองคือ นายชุมพาบาลที่เป็นเจ้าของฝูงแกะเขาเติบโตมาพร้อมกับฝูงแกะ และ อยู่กับแกะฝูง เดียวนี้ตลอดชีวิต เขารู้จักแกะแต่ละตัวเป็นอย่างดีและสามารถจดจาเรียกชื่อได้ สามารถบอกอย่างละเอียดว่าแกะตัวนี้ เกิดเมื่อไหร่ และ ที่ไหน มีนิสัย ลักษณะพิเศษ ปัญหา หรือโรคประจาตัวอะไรบ้าง เขาสนใจความต้องการของแกะ แต่ละตัว เมื่อเดินทางไกล ตัวไหนอ่อนล้า เดินตามหลังตัวอื่นเขาจะอุ้มหรือแบกมันไว้บนบ่าของเขา ตัวไหนหลงทาง เขาจะเที่ยวตามหาและนากลับเข้ามาในฝูง ตัวไหนตั้งท้องเขาจะให้อาหาร และ ดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ เมื่อมีฝูงหมา ป่าหรือขโมยเข้ามาโจมตี เขาจะเสี่ยงชีวิตและต่อสู้เพื่อป้องกันฝูงแกะของเขาทันที เขาเป็นนายชุมพาบาลที่ดี ผู้พร้อมที่ จะสละชีวิตเพื่อฝูงแกะของตน พระเยซูเจ้าทรงเป็นนายชุมพาบาลที่ดีแบบนี้แหละ พระองค์ทรงยอมสละชีวิตเพื่อพระศาสนจักรซึ่งเป็นฝูง แกะของพระองค์ แม้ว่าเวลานี้พระองค์ไม่ได้ประทับอยู่ท่ามกลางเราในรูปแบบมนุษย์ที่สามารถสัมผัสได้เหมือนสองพัน กว่าปีที่ผ่านมาแต่พระองค์ยังทรงดูแลเอาใจใส่เราผ่านทางผู้แทนของพระองค์บนโลกนี้ พระองค์ยังทรงเชื้อเชิญเราให้มี ส่วนร่วมในภารกิจการดูแลเอาใจใส่ฝูงแกะของพระองค์ตามสถานภาพของเราแต่ละคนอีกด้วย
แม้เราแต่ละคนจะมีส่วนร่วมในภารกิจตามกระแสเรียกของตน พระเยซูเจ้ายังทรงเรียกบางคนใน ท่ามกลางเราให้มาทาหน้าที่ดูแลฝูงแกะของพระองค์เป็นพิเศษบุคคลเหล่านี้ได้รับเรียก และ เลือกให้มามีส่วนร่วม อย่างใกล้ชิดมากกว่าคนอื่นในชีวิตและภารกิจของพระองค์ ถ้าวันนี้เราได้ยินเสียงเรียกของพระเยซูเจ้าให้ติดตามพระองค์ในวิถีทางพิเศษนี้ อย่าทาใจแข็งเลย จงรีบตอบ รับเสียงเรียกของพระองค์ แต่ถ้าเราไม่ได้ยินเสียงเรียกของพระองค์ให้มาดาเนินชีวิตบนเส้นทางสายนี้ ก็จงพยายาม อย่างเต็มความสามารถที่จะสนับสนุน ส่งเสริม และ ให้กาลังใจแก่ผู้ที่ได้ยินเสียงเรียกนั้นเพื่อว่าเขาจะกล้าตอบรับเสียง เรียกของพระองค์ ในเวลาเดียวกัน ให้เราช่วยผู้ที่ได้ตอบรับเสียงเรียกแล้วให้สามารถเจริญรอยตามแบบอย่างของ พระเยซูเจ้าเป็นนายชุมพาบาลที่ดี ไปจนตลอดชีวิตของเขา
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันอังคาร ที่ 28 เมษายน ค.ศ.2015 นายชุมพาบาลที่ดี ไม่ได้เดินตามหลังฝูงแกะ คอยต้อนพวกมัน ด้วยไม้เท้าหรือไม้แส้ เพื่อให้เดินไปในทิศทาง ที่ต้องการ แต่จะเดินนาหน้า และ มองหาเส้นทางปลอดภัย ที่จะนาไปสู่ทุ่งหญ้า แหล่งนา และ ที่หลบภัยในยามค่าคืน ฝูงแกะติดตามเขาเพราะรู้จัก เสียงและไว้วางใจเขา พระเยซูเจ้าทรงเป็นนายชุมพาบาลที่ดีผู้ทรงนาทางเรา เมื่อเรามองภาพพระเยซูเจ้ากาลังแบกลูกแกะไว้บนบ่า เรานั่นเองคือลูกแกะตัวนัน พระองค์ทรงคอยช่วยพยุงเราตลอดเวลาของการเดินทางอยู่บนโลกนี ทุกครังที่เราต้อง เผชิญกับอุปสรรค ปัญหา หรือ ความทุกข์ยากลาบากต่าง ๆ ที่ทับถม และ ประดังเข้ามาในชีวิตของเรา ให้เรามั่นใจว่า พระองค์ไม่มีวันทอดทิงเรา พระองค์กาลังคอยช่วยพยุงเรา และ อุ้มเราขึนมาไว้บนบ่าของพระองค์ พระเยซูเจ้าทรง ประทับอยู่กับเราตลอดเวลา
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
enen ข้อคิดยามเช้า วันพุธ ที่ 29 เมษายน ค.ศ.2015 ผู้ประพันธ์บทสดุดีที่ 23 บอกเราว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้า อย่างนายชุมพาบาล ข้าพเจ้าจึงไม่ขาดสิ่งใด พระองค์ทรงปล่อยให้ ข้าพเจ้านอนพักอยู่ใน ทุ่งหญ้าเขียวขจี ทรงนาข้าพเจ้าไป ริมสายนทีที่เงียบสงบ... แม้ข้าพเจ้าจะต้องเดิน ไปในหุบเขาที่มืดมิด ข้าพเจ้าก็จะ ไม่กลัวอันตรายใด ๆ เพราะพระองค์ ทรงอยู่กับข้าพเจ้า พระคทาและธารพระกร ของพระองค์ช่วยให้ ข้าพเจ้าอุ่นใจ” (สดด 23:1-4) นี่แหละคือผู้ที่พระเยซูเจ้าทรงเป็น และ ผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกเราแต่ละคนให้เป็นด้วย “แกะของเราย่อมฟังเสียงของเราเรารู้จักมันและมันก็ตามเรา” (ยน 10:27) ฝูงแกะฟังและจาเสียงนายชุมบาลของพวกมันได้นี่คือเหตุผลที่ทาให้พวกมันติดตามเขาไป ไม่ติดตามคนอื่น เราเองก็เช่นเดียวกันจะต้องจาเสียงของพระเยซูเจ้าได้ เมื่อเสียงของพระองค์มาถึงเราในแต่ละวัน ให้เราวอนขอพระ หรรษทานและพละกาลังจากพระเจ้าเพื่อว่าเราจะสามารถเป็นฝูงแกะที่ดีของพระองค์ ผู้ซึ่งฟังเสียงของพระองค์ด้วย ความตั้งใจ และ ติดตามแบบอย่างความรักที่เสียสละ และ มอบตนเองโดยสิ้นเชิงของพระองค์ ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
ขอคิดยามเชา วันพฤหัสบดี ที่ 30 เมษายน ค.ศ.2015 ติดตามขอคิดยามเชายอนหลังไดที่ www.udondiocese.org “ความรักตอกันและกัน”เปน“เอกลักษณ” หรือ “เครื่องหมาย” หรือ“เครื่องแบบ” ของการเปนศิษยของพระองค ถาเราสวมใสเครื่องแบบแหงความ รัก เราจะเปนหนึ่งในบรรดาผูที่ติดตามพระองค ความรักที่เรามีตอ กันจะเปนเครื่องหมายที่ทําใหคนอื่นรูวาเราเปนคนของพระองค “ถาทานมีความรักตอกัน ทุกคนจะรูวาทาน เปนศิษยของเรา” (ยน 13:35) ความรักที่พระเยซูเจาทรงมีตอเรา ควรเปน “แรงผลักดัน ”หรือ“แรงบันดาล ใจ” สําหรับความรักที่เราตองมีตอคนอื่นดวย บรรดามรณสักขีไดยอมสละชีวิต เพื่อเปนพยานถึงความเชื่อของ ตน เพราะพวกทานตระหนักถึงความรักอันหาที่สุดมิได ที่พระเยซูเจาทรงมีตอพวกทานและมนุษยทุกคนบน โลกนี้ การปฏิบัติตามบทบัญญัติแหงความรักไมใชเรื่องงาย พระองคจึงประทาน “ศีลมหาสนิท ศีลศักดิ์สิทธิ์ แหงความรัก ”เพื่อเปนเครื่องมือชวยเหลือเรา การมารวมมิสซาและรับศีลมหาสนิท ซึ่งเปนพระกายและพระ โลหิตของพระเยซูเจาจะชวยเราใหละมายคลายกับพระองคมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดเราจะสามารถรักเพื่อน มนุษยเหมือนที่พระองคทรงรักเรา ขอพระเจาอวยพรพี่นองทุกคน พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี