Criteria for physical design and zoning

Page 1

เกณฑ์การออกแบบลักษณะทางกายภาพและการจัดระเบียบเขตควบคุมสถานบริการ: แนวทางในการออกแบบสถาปัตยกรรมและการปรับปรุงกฎหมาย Criteria for Physical Design and Zoning of Entertainment Business District: Guidelines for Architecture Design and Legislative Amendment สมรรถพล ตาณพันธุ์ Samustpon Tanapant คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ Faculty of Architecture and Planning, Thammasat University

บทคัดย่อ การศึ ก ษาเกณฑ์ ก ารออกแบบลั ก ษณะทางกายภาพและการจั ด ระเบี ย บเขตควบคุ ม สถานบริ ก ารเพื ่ อ ใช้ เ ป็ น แนวทาง ในการออกแบบและการปรับปรุงกฎหมาย มีวัตถุประสงค์ในการศึกษา 7 ประการ คือ 1) ศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ เขตควบคุมสถานบริการและอาคารสถานบริการ 2) ศึกษาลักษณะทางกายภาพเขตควบคุมสถานบริการและอาคารสถานบริการ 3) ศึ ก ษาความคิ ด เห็ น ของนั ก ท่ อ งเที ่ ย วและผู ้ ป ระกอบการสถานบริ ก ารต่ อ ความเหมาะสมของเขตควบคุ ม สถานบริ ก ารและ อาคารสถานบริการ 4) ศึกษาความคิดเห็นของสถาปนิกและนักผังเมืองต่อความเหมาะสมของข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเขต ควบคุมสถานบริการและอาคารสถานบริการ 5) ศึกษาความสัมพันธ์ของเขตควบคุมสถานบริการและอาคารสถานบริการกับ ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 6) กำหนดแนวทางในการจัดระเบียบเขตควบคุมสถานบริการและออกแบบอาคารสถานบริการ และ 7) กำหนดแนวทางในการแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเขตควบคุมสถานบริการและอาคารสถานบริการ โดยมีพื้นที่ศึกษา คือ เขตควบคุมสถานบริการย่านพัฒน์พงษ์ รัชดาภิเษก และเพชรบุรีตัดใหม่ (รอยัลซิตี้ อเวนิว) ประชากรในการวิจัยมีจำนวน 420 คนประกอบด้วย นักท่องเที่ยว 360 คน แบ่งออกเป็นเขตควบคุมสถานบริการพื้นที่ละ 120 คน ผู้ประกอบการสถาน บริการพื้นที่ละ 15 คน และสถาปนิกและนักผังเมืองรวมจำนวน 15 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แบบสอบถามและ การสังเกตสภาพแวดล้อม ผลการศึกษาพบว่า เขตควบคุมสถานบริการและอาคารสถานบริการเป็นประเด็นที่มีความสัมพันธ์ทั้งในเชิงกายภาพ และข้อกฎหมาย การจัดระเบียบเขตควบคุมสถานบริการโดยการบังคับใช้ข้อกฎหมายหรือมุ่งแก้ไขทางกายภาพแต่เพียงอย่างใด อย่างหนึ่งไม่อาจสร้างความเป็นระเบียบได้อย่างสมบูรณ์ ต้องมีการปรับปรุงทั้งตัวกฎหมายและลักษณะทางกายภาพของเขต ควบคุมสถานบริการและอาคารสถานบริการควบคู่กันไปทั้ง 2 ประเด็น จึงสามารถสร้างความเป็นระเบียบให้แก่เขตควบคุม สถานบริการและอาคารสถานบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกณฑ์การออกแบบลักษณะทางกายภาพและการจัดระเบียบเขต ควบคุมสถานบริการจึงประกอบไปด้วยประเด็นสำคัญ 2 ประการคือ 1. แนวทางในการจัดระเบียบทางกายภาพเขตควบคุมสถานบริการและการออกแบบอาคารสถานบริการ จากสาระสำคัญ ที่ได้จากการศึกษาในประเด็นความเหมาะสมของเขตควบคุมสถานบริการและอาคารสถานบริการทั้ง 3 โซน พบประเด็นที่ต้อง พิจารณาเพื่อการปรับปรุงพัฒนาทางด้านกายภาพคือ 1) การจัดวางอาคารสถานบริการ 2) สัดส่วนของพื้นที่อาคารต่อการใช้งาน 3) รายละเอียดที่เกี่ยวกับส่วนตกแต่ง 4) ป้ายโฆษณา 5) ระบบป้องกันอัคคีภัย 6) พื้นที่จอดรถ และ 7) ระบบสุขอนามัย 2. แนวทางการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเขตควบคุมสถานบริการและอาคารสถานบริการ จากสาระสำคัญที่ได้ จากการศึกษาในประเด็น ความเหมาะสมของข้อ กฎหมายที่เ กี ่ย วข้ อ งกั บ เขตควบคุ ม สถานบริ ก ารและอาคารสถานบริก าร พบ ประเด็นที่ต้องพิจารณาเพื่อการปรับปรุงพัฒนาทางด้านข้อกฎหมายคือ 1) ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาตำแหน่งและ ขอบเขตของเขตควบคุมสถานบริการ 2) ข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับระบบป้องกันอัคคีภัย 3) ข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับการจัดพื้นที่ จอดรถ และ 4) ข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับสุขอนามัย

Criteria for Physical Design and Zoning of Entertainment Business District: Guidelines for Architecture Design and Legislative Amendment Samustpon Tanapant

17


Abstract The research “Criteria for Physical Design and Zoning of Entertainment Business Districts: Guidelines for Design and Legislative Amendment” consists of 7 objectives: 1) to study legal matters which are related to the zoning of entertainment business districts and entertainment venues; 2) to study the zoning of entertainment business districts and entertainment venues; 3) to study the opinion of tourists and entertainment business owners regarding the zoning of entertainment business districts and entertainment venues; 4) to study the opinion of architects and urban planners towards legal matters related to the zoning of entertainment business districts and entertainment venues; 5) to study the relationship between the zoning of entertainment business districts and entertainment venues in term of legal matters; 6) set guidelines for physical design and zoning of entertainment businesses; and 7) set guidelines for an improvement of legal matters related to zoning of entertainment business districts and entertainment venues. Specifically, the research is limited to the entertainment businesses in Phatphong, Ratchadaphisak and New Phetchaburi (Royal City Avenue) zones. Demography of the research is composed of tourists, entertainment owners and architects. The sampling is equally random from 3 zones, each of which consists of 120 tourists, and 15 entertainment business owners; 420 in total including 15 architects and planners. Tools in this study are questionnaires and observation of general surroundings. The result of the research reveals that the zoning of entertainment business districts and entertainment venues needs to incorporate of both physical design and laws. Neither through zoning nor through design alone could create well-ordered districts, but rather both need to be incorporated together. Consequently, the criteria for physical design and zoning of entertainment business districts consist of 2 main aspects as follows; 1. guideline for physical design and zoning of entertainment businesses: study of the suitability of 3 entertainment business zones with 3 entertainment venues reveals 7 aspects which need to be considered in order to renovate and improve physical design, which are 1) design and composition of the entertainment venues; 2) building design such as depth of rooms, width of rooms, height of rooms (floor to ceiling); 3) decoration; 4) advertisement boards; 5) fire protection system; 6) car parking; and 7) sanitary system. 2. guideline for amendment of laws and regulations related to zoning of entertainment business districts and entertainment venues: study of the suitability of laws and regulations reveals 4 aspects that need to be considered in order to improve the laws, which are as follows: 1) laws and regulations related to entertainment zoning, which should be intensively improved to set a minimum of the distance between entertainment zones and important places such as a place of worship, schools, embassies and government offices; 2) laws for fire protection systems. The entertainment buildings, which are modified from shop houses, are extremely unsafe especially in using ladders as fire exits; 3) laws for car parking; and 4) laws for sanitary systems.

คำสำคัญ (Keywords) เขตควบคุมสถานบริการ (Zoning of Entertainment Business District) การแก้ไขข้อกฎหมาย (Legislative Amendment) การออกแบบสถาปัตยกรรม (Architecture Design)

18

Journal of Architectural/Planning Research and Studies Volume 4. 2006 Faculty of Architecture and Planning, Thammasat University


การปรั บ ปรุ ง กฎหมายและเกณฑ์ ก ารออกแบบสถานบริ ก าร ที่ดีควรเป็นอย่างไร ภายใต้หัวข้อการวิจัย “เกณฑ์การออกแบบลั ก ษณะทางกายภาพและการจั ด ระเบี ย บเขตควบคุ ม สถานบริ ก าร: แนวทางในการออกแบบสถาปั ต ยกรรมและ การปรับปรุงกฎหมาย”

บทนำ ตลอดช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาเขตชุมชนเมือง ของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรุงเทพมหานคร มีการ พั ฒ นาและการเปลี ่ ย นแปลงทั ้ ง ในประเด็ น ของเศรษฐกิ จ การเมือง สังคม วัฒนธรรม ตลอดจนการดำเนินวิถีชีวิตของ คนเมื อ ง เช่ น เดี ย วกั บ ธุ ร กิ จ สถานบริ ก ารและแหล่ ง บั น เทิ ง เริ ง รมย์ ต ่ า งมี ก ารพั ฒ นารู ป แบบการให้ บ ริ ก ารและมี ก าร ขยายตั ว อย่ า งรวดเร็ ว โดยขาดการวางแผนและปราศจาก การควบคุ ม อย่ า งเป็ น ระบบ อั น เป็ น เหตุ ท ี ่ น ำมาซึ ่ ง ปั ญ หา สั ง คมไร้ ร ะเบี ย บ ปั ญ หาอาชญากรรม และปั ญ หาการก่ อ ความเดื อ ดร้ อ นรำคาญแก่ ช ุ ม ชน [1] แต่ ก ็ ค งมิ อ าจปฏิ เ สธ ได้ ว ่ า การดำเนิ น ชี ว ิ ต ของคนเมื อ งย่ อ มมี ท ั ้ ง ความสุ ข และ ความทุกข์ การแสวงหาสิ่งต่าง ๆ เพื่อบรรเทาทุกข์ทางใจและ ทางกายย่อมเป็นสิ่งจำเป็น แหล่งบันเทิงเริงรมย์หรือสถาน บริ ก ารจึ ง เป็ น สถานที ่ ช ุ ม นุ ม สำหรั บ หาความสุ ข สำราญของ คนเมื อ ง แต่ อ าคารสถานบริ ก ารกลั บ เป็ น อาคารที ่ ม ี ค วาม เสี ่ ย งต่ อ อั น ตราย โดยเฉพาะประเด็ น ความปลอดภั ย จาก อัคคีภัย ระบบสุขอนามัย และรวมไปถึงการจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการใช้งาน ประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ล้วน เป็ น ประเด็ น ที ่ ข าดการควบคุ ม และถู ก ละเลยมาโดยตลอด นอกจากนี ้ ข้ อ กฎหมายและข้ อ บั ญ ญั ต ิ ท ี ่ ใ ช้ ใ นเขตควบคุ ม สถานบริการและอาคารสถานบริการหลายประเด็นไม่สอดคล้อง กับสภาพจริง เนื่องจากการใช้ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลาย ประเด็ น ยั ง ไม่ ส มบู ร ณ์ แ ละยั ง ขาดข้ อ กฎหมายสำหรั บ เขต ควบคุมสถานบริการและอาคารสถานบริการโดยเฉพาะ ข้ อ กฎหมายที ่ น ำมาใช้ ก ั บ เขตควบคุ ม สถานบริ ก ารและอาคาร สถานบริ ก ารจึ ง เป็ น ลั ก ษณะของการหยิ บ ยื ม ข้ อ กฎหมาย ควบคุมอาคารอื่นมาใช้ รัฐบาลในยุคพันตำรวจโท ดร. ทักษิณ ชินวัตร พ.ศ. 2548 ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงมีนโยบายจัดระเบียบ สังคม โดยการจัดเขตควบคุมสถานบริการ (zoning) โดยมี วั ต ถุ ป ระสงค์ เ พื ่ อ ให้ ก ารบั ง คั บ ใช้ ก ฎหมายควบคุ ม สถานบริ ก ารเป็ น ไปอย่ า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพ ในความเป็ น จริ ง การ แก้ไขปัญหาดังกล่าวนั้นไม่อาจทำได้สมบูรณ์ โดยการบังคับ ใช้ ก ฎหมายแต่ เ พี ย งอย่ า งเดี ย วหากจะต้ อ งมี ก ารปรั บ ปรุ ง ทั ้ ง ตั ว กฎหมายและลั ก ษณะทางกายภาพของเขตควบคุ ม สถานบริ ก ารและอาคารสถานบริ ก ารควบคู ่ ก ั น ไป เหตุ น ี ้ จ ึ ง เป็นที่มาของปัญหาในการวิจัยครั้งนี้เพื่อค้นหาว่า แนวทางใน

วัตถุประสงค์การวิจยั 1. ศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเขตควบคุมสถานบริการ และอาคารสถานบริการ 2. ศึกษาลักษณะทางกายภาพของเขตควบคุมสถานบริการ และอาคารสถานบริการ 3. ศึกษาความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการ สถานบริ ก ารต่ อ ความเหมาะสมของเขตควบคุ ม สถาน บริการและอาคารสถานบริการ 4. ศึกษาความคิดเห็นของสถาปนิกและนักผังเมืองต่อความ เหมาะสมของข้ อ กฎหมายที ่ เ กี ่ ย วข้ อ งกั บ เขตควบคุ ม สถานบริการและอาคารสถานบริการ 5. ศึ ก ษาความสั ม พั น ธ์ ข องเขตควบคุ ม สถานบริ ก ารและ อาคารสถานบริการกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 6. กำหนดแนวทางในการจั ด ระเบี ย บเขตควบคุ ม สถาน บริการและการออกแบบอาคารสถานบริการ 7. กำหนดแนวทางในการแก้ ไ ขข้ อ กฎหมายที ่ เ กี ่ ย วข้ อ งกั บ เขตควบคุมสถานบริการและอาคารสถานบริการ

พืน้ ทีศ่ กึ ษา ประชากร และเครือ่ งมือในการวิจยั ขอบเขตในการศึ ก ษาครั ้ ง นี ้ ศึ ก ษาเฉพาะสถาน บริการประเภท ไนต์คลับ บาร์ คาเฟ่ ผับ และเธคเท่านั้น ส่วน พื้นที่ศึกษา คือ เขตควบคุมสถานบริการที่ได้กำหนดแล้วใน กรุงเทพมหานคร ซึ่งประกอบด้วย 1) ย่านพัฒน์พงษ์ 2) ย่ า นรั ช ดาภิ เ ษก และ 3) ย่ า นเพชรบุ ร ี ต ั ด ใหม่ (รอยั ล ซิ ต ี ้ อเวนิ ว ) โดยกำหนดพื ้ น ที ่ ศ ึ ก ษาเป็ น รั ศ มี จ ากเขตควบคุ ม สถานบริการ 500 เมตร ดังรูปที่ 1 ส่วนขอบเขตในการศึกษาข้อกฎหมายนั้น เนื่องจาก ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเขตควบคุมสถานบริการมีจำนวน มาก อีกทั้งผู้วิจัยมีระยะเวลาอันจำกัด จึงเลือกศึกษาเฉพาะ ข้ อ กฎหมายที ่ ม ี ค วามเกี ่ ย วข้ อ งกั บ สภาพแวดล้ อ มและสถาปัตยกรรมเป็นหลักก่อน ซึ่งประกอบด้วย กฎกระทรวง และ เทศบัญญัติ หรือข้อบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับเขตควบคุมสถาน บริการและอาคารสถานบริการ

Criteria for Physical Design and Zoning of Entertainment Business District: Guidelines for Architecture Design and Legislative Amendment Samustpon Tanapant

19


ผู้วิจัยกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการ ศึกษา ด้วยตารางการสุ่มตัวอย่างของ TARO YAMANE ณ ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95 ค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน ร้อยละ 5 ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่างไม่ต่ำกว่า 400 คน โดยใน การวิจัยครั้งนี้ใช้กลุ่มตัวอย่าง 420 คน ประกอบด้วยผู้ที่ มีส่วนได้ส่วนเสียและเกี่ยวข้องกับเขตควบคุมสถานบริการ ทั ้ ง 3 พื ้ น ที ่ ซ ึ ่ ง สามารถแบ่ ง ประชากรออกเป็ น กลุ ่ ม ย่ อ ย พร้อมจำนวนตัวอย่างตามความแตกต่างได้ดังนี้ 1) นั ก ท่ อ งเที ่ ย วที ่ เ คยใช้ บ ริ ก ารสถานบริ ก ารใน เขตควบคุมสถานบริการในพื้นที่ทั้งสาม จำนวน 120 คน ต่อพื้นที่ รวม 360 คน 2) ผู้ประกอบการสถานบริการในเขตควบคุมสถาน บริการในพื้นที่ทั้งสาม จำนวน 15 คนต่อพื้นที่ รวม 45 คน 3) สถาปนิกและนักผังเมือง จำนวน 15 คน ผู้วิจัยทำการสร้างเครื่องมือสำหรับใช้ในการวิจัย ครั้งนี้โดยศึกษาจากเอกสาร แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัย ที ่ เ กี ่ ย วข้ อ ง รวมถึ ง ขอคำแนะนำจากผู ้ เ ชี ่ ย วชาญในการ ทำงานวิจัยเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างเครื่องมือ และเพื่อ การเก็ บ ข้ อ มู ล ให้ ไ ด้ ค รบถ้ ว น ครอบคลุ ม ถึ ง สิ ่ ง ที ่ ต ้ อ งการ ศึกษา ผู้วิจัยจึงได้ทำการสร้างเครื่องมือที่ใช้เพื่อเก็บข้อมูล ในการวิจัยครั้งนี้ 2 ชุด ประกอบด้วย

รูปที่ 1

20

1) แบบสอบถามชุดที่ 1 ใช้ในการเก็บข้อมูลเกี่ยว กั บ ความคิ ด เห็ น ของสถาปนิ ก และนั ก ผั ง เมื อ งต่ อ ความ เหมาะสมของข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเขตควบคุมสถาน บริการและอาคารสถานบริการในเขตควบคุมสถานบริการ ทั้ง 3 เขต 2) แบบสอบถามชุดที่ 2 ใช้ในการเก็บข้อมูลเกี่ยว กั บ ความคิ ด เห็ น ของนั ก ท่ อ งเที ่ ย วและผู ้ ป ระกอบการต่ อ ความเหมาะสมของเขตควบคุ ม สถานบริ ก ารและอาคาร สถานบริการในเขตควบคุมสถานบริการทั้ง 3 เขต เพื่อความ สมบู ร ณ์ ใ นการเก็ บ ข้ อ มู ล จากกลุ ่ ม นั ก ท่ อ งเที ่ ย วที ่ ม ี ค วาม แตกต่างกันทางด้านเชื้อชาติ ผู้วิจัยจึงสร้างแบบสอบถาม ชุดที่ 2 เป็น 2 ภาษา โดยประกอบไปด้วยชุดภาษาไทย สำหรับนักท่องเที่ยวในเขตควบคุมสถานบริการโซนรัชดาภิเษกและโซนเพชรบุรีตัดใหม่ (รอยัลซิตี้ อเวนิว) และชุด ภาษาอั ง กฤษสำหรั บ นั ก ท่ อ งเที ่ ย วต่ า งชาติ ใ นเขตควบคุ ม สถานบริการโซนพัฒน์พงษ์

แผนที่แสดงขอบเขตของเขตควบคุมสถานบริการในกรุงเทพมหานคร

Journal of Architectural/Planning Research and Studies Volume 4. 2006 Faculty of Architecture and Planning, Thammasat University


สาระสำคัญของการวิจยั เพื ่ อ ความสะดวกในการศึ ก ษาทั ้ ง ประเด็ น ความ เหมาะสมทางด้านกายภาพของเขตควบคุมสถานบริการและ อาคารสถานบริ ก ารและประเด็ น ความเหมาะสมของข้ อ กฎหมายที ่ เ กี ่ ย วข้ อ งกั บ เขตควบคุ ม สถานบริ ก ารและอาคาร สถานบริการ ผู้วิจัยจึงกำหนดโครงสร้างการศึกษาโดยการ แบ่งการศึกษาออกเป็น 3 ประเด็น ประกอบด้วย 1) การ พิจารณาเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งโครงการ 2) การจัดวางอาคาร ในที่ตั้งโครงการ และ 3) การออกแบบอาคารและรายละเอียด เกี ่ ย วกั บ องค์ ป ระกอบของอาคาร หลั ง จากการศึ ก ษาตาม โครงสร้างดังกล่าวผู้วิจัยสรุปเนื้อหาสำคัญตามรายละเอียด ดังที่ปรากฏในหัวข้อถัดไป 1. ความเหมาะสมทางด้านกายภาพของเขตควบคุมสถาน บริการและอาคารสถานบริการ 1.1 การพิ จ ารณาเกี ่ ย วกั บ ตำแหน่ ง ที ่ ต ั ้ ง เขตควบคุ ม สถานบริการ จากการพิ จ ารณารายละเอี ย ดที ่ เ กี ่ ย วกั บ ตำแหน่ ง ที่ตั้งของเขตควบคุมสถานบริการ โซนพัฒน์พงษ์ โซนรัชดาภิเษก และโซนเพชรบุรีตัดใหม่ (รอยัลซิตี้ อเวนิว) ร่วมกับ ข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ทางสถิติ ผู้วิจัยพบประเด็นความ เหมาะสมของการกำหนดขนาดและขอบเขตของเขตควบคุม สถานบริการโซนรัชดาภิเษกอยู่ในระดับที่มีความเหมาะสม น้ อ ยที ่ ส ุ ด เมื ่ อ เที ย บกั บ โซนพั ฒ น์ พ งษ์ และโซนเพชรบุ ร ี ตัดใหม่ เนื่องจากลักษณะบริบทของย่านรัชดาภิเษกประกอบ ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ มีระบบสาธารณูปโภคพร้อม สามารถ เข้ า ถึ ง ได้ ง ่ า ย ทั ้ ง ทางถนนเพชรบุ ร ี แ ละถนนรั ช ดาภิ เ ษก ประกอบกับธุรกิจสถานบริการได้รับความนิยมและมีความ ต้ อ งการของนั ก ท่ อ งเที ่ ย วที ่ ส ู ง ขึ ้ น ดั ง นั ้ น เพื ่ อ ตอบสนอง กระแสความนิ ย มของกลุ ่ ม ลู ก ค้ า จึ ง ทำให้ ก ิ จ การสถาน บริการภายในย่านมีการขยายตัวรวดเร็ว รวมทั้งการขาดการ ควบคุ ม อย่ า งจริ ง จั ง ในระยะแรกจึ ง ส่ ง ผลให้ ร ู ป แบบการ ขยายตั ว ของสถานบริ ก ารเป็ น ไปอย่ า งไร้ ร ะเบี ย บกระจั ด กระจายแทรกตัวเข้าไปในย่านอย่างฝังลึก ถึงแม้ว่าต่อมาจะมีนโยบายจัดระเบียบสังคม โดย กำหนดให้ย่านรัชดาภิเษกเป็นเขตควบคุมสถานบริการ (รูปที่ 2) แล้ ว ก็ ต าม การกำหนดขอบเขตพื ้ น ที ่ ต ั ้ ง เขตควบคุ ม สถานบริ ก ารโซนรั ช ดานั ้ น เป็ น การกำหนดขนาดจากสถาน

บริการที่มีอยู่เดิมซึ่งมีอยู่อย่างกระจัดกระจาย จึงส่งผลให้ ภายในเขตควบคุมสถานบริการประกอบด้วยสถานที่สำคัญ ที่ไม่ควรมีอยู่ภายในเขตควบคุมสถานบริการเป็นจำนวนมาก เช่ น สถานราชการ สถานพยาบาล สถานปฏิ บ ั ต ิ ก ิ จ กรรม ทางศาสนา และโดยเฉพาะสถานศึกษาดังกรณีสถานบริการ อาบ อบ นวด “เอไลน่า” ที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจาก ตั้งอยู่ใกล้กับโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ (รูปที่3) แม้ ว ่ า สถานบริ ก ารดั ง กล่ า วจะมี ก ารขออนุ ญ าตจั ด ตั ้ ง อยู ่ ภายใต้ พ ื ้ น ที ่ โ ซนนิ ่ ง และไม่ ม ี เ หตุ ผ ลที ่ ข ั ด ต่ อ ข้ อ กฎหมาย แต่ อ ย่ า งใด แต่ ด ้ ว ยลั ก ษณะทางกายภาพของที่ตั ้ ง สถาน บริ ก ารและภาพลั ก ษณ์ ท ี ่ ไ ม่ เ หมาะสมขั ด ต่ อ ศี ล ธรรม ซึ ่ ง ส่งผลทางใจต่อนักเรียน ครู และประชาชนที่ผ่านไปผ่านมา จึงทำให้ ณ บริเวณพื้นที่ดังกล่าวไม่สมควรมีสถานบริการ ตั ้ ง อยู ่ แ ม้ ว ่ า จะอยู ่ ใ นโซนนิ ่ ง หรื อ ไม่ ก ็ ต าม กรณี ด ั ง กล่ า ว สะท้อนให้เห็นถึงข้อกฎหมายที่หละหลวม ไม่ชัดเจน และ ยังขาดการให้ความสำคัญต่อสังคม วัฒนธรรม จริยธรรม รวมทั ้ ง แสดงให้ เ ห็ น ถึ ง ความล้ ม เหลวของการจั ด ระเบี ย บ สังคมโดยการกำหนดเขตควบคุมสถานบริก ารที่ข าดการให้ ความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริง ในขณะที่ป ระเด็ น ความเหมาะสมของการกำหนด ขนาดและขอบเขตของเขตควบคุมสถานบริการโซนพัฒน์พงษ์ และโซนเพชรบุรีตัดใหม่อยู่ในระดับปานกลาง เนื่องจาก 1) ในกรณีของเขตควบคุมสถานบริการโซนพัฒน์พงษ์นั้น (รูปที่ 4) จากการศึกษาพบว่าขนาดและขอบเขตของ ย่านสถานบริการพัฒน์พงษ์นั้นถูกสภาพบริบทของพื้นที่เป็น ตั ว กำหนดอยู ่ แ ล้ ว กล่ า วคื อ ด้ ว ยความที ่ ย ่ า นสถานบริ ก าร พัฒน์พงษ์อยู่ในเขตย่านธุรกิจ สีลม ซึ่งที่ดินมีราคาสูงและ หายาก จึงทำให้การขยายและการเกิดกิจการสถานบริการใหม่ ๆ จึ ง เกิ ด ขึ ้ น ยาก ต่ า งกั บ ย่ า นรั ช ดาภิ เ ษกที ่ ม ี ป ั จ จั ย สนั บ สนุ น ต่าง ๆ มากมาย 2) ในกรณีของเขตควบคุมสถานบริการโซนเพชรบุรี (รอยัลชิตี้ อเวนิว) หรือ อาร์ ซี เอ (รูปที่ 5 และ 6) ตามคำ เรียกติดปากของวัยรุ่น ก่อนที่ อาร์ ซี เอ จะถูกกำหนดให้เป็น 1 ใน 3 เขตควบคุ ม สถานบริ ก ารในกรุ ง เทพมหานครตาม นโยบายจัดระเบียบสังคม อาร์ ซี เอ เคยเป็นช้อปปิ้ง สตรีท (shopping street) มาก่อน ดังนั้น ทั้งขนาดและขอบเขตของ อาร์ ซี เอ จึ ง ถู ก กำหนดด้ ว ยขนาดของที ่ ด ิ น ที ่ ม ี เ จ้ า ของ เพียงคนเดียว ภายในย่านจึงมีการแบ่งโซนต่าง ๆ และมีการ

Criteria for Physical Design and Zoning of Entertainment Business District: Guidelines for Architecture Design and Legislative Amendment Samustpon Tanapant

21


รูปที่ 2

รูปที่ 3

22

แผนที่แสดงสถานที่สำคัญที่อยู่ในบริเวณเขตควบคุมสถานบริการ โซนรัชดาภิเษก

ผลกระทบจากสถานบริการ อาบ อบ นวด “เอไลน่า” ต่อสภาพชุมชน

Journal of Architectural/Planning Research and Studies Volume 4. 2006 Faculty of Architecture and Planning, Thammasat University


รูปที่ 4

แผนที่แสดงสถานที่สำคัญที่อยู่ในบริเวณเขตควบคุมสถานบริการ โซนพัฒน์พงษ์

จั ด ระเบี ย บอยู ่ ในเกณฑ์ที่ดี ถึงแม้ว่าต่อมาโครงการช้อปปิ้ง สตรีท จะกลายเป็นย่านสถานบริการแล้วก็ตาม ด้วยสภาพ บริ บ ทที ่ ม ี ก ารจั ด ระเบี ย บที ่ ด ี ม าตั ้ ง แต่ แ รกจึ ง ทำให้ ก ารจั ด การควบคุมสถานบริการภายในย่านทำได้ง่ายกว่าเขตควบคุม สถานบริการโซนอื่น แต่อย่างไรก็ตาม ผู้วิจัยมีความเห็นว่า ในกรณีของเขตควบคุมสถานบริการ อาร์ ซี เอ ควรมีการ กำหนดขอบเขตให้ ม ี ข นาดที ่ เ ล็ ก ลงเนื ่ อ งจากภายในเขต ควบคุมสถานบริการโซนเพชรบุรีตัดใหม่ (รอยัลซิตี้ อเวนิว) นั้นมีอาคารสถานบริการอยู่เพียงบางส่วนของพื้นที่ทั้งหมด เท่านั้น จึงควรควบคุมเฉพาะพื้นที่ที่มีกลุ่มของอาคารสถาน บริการเท่านั้น เพื่อให้สามารถควบคุมและจัดการการขยาย ของกิจการในอนาคต 1.2 การจั ด วางอาคารสถานบริ ก ารในเขตควบคุ ม สถานบริการ ในประเด็นของการจัดวางอาคารสถานบริการใน เขตควบคุ ม สถานบริ ก าร จากการสำรวจลั ก ษณะทางกาย ภาพของเขตควบคุ ม สถานบริ ก ารทั ้ ง 3 โซน ร่ ว มกั บ การ วิเคราะห์ทางสถิติ พบว่ามีเพียงเขตควบคุมสถานบริการโซน พัฒน์พงษ์เท่านั้นที่ควรมีการพิจารณาเพื่อการจัดระเบียบ ทางกายภาพในเรื่องของการจัดวางอาคารสถานบริการ โดย มีรายละเอียดและแนวทางในการแก้ไข 4 ประเด็น ประกอบ

ด้วย 1) ขนาดของทางเท้าบริเวณด้านหน้าของอาคารสถาน บริการ 2) กิจกรรมบริเวณด้านหน้าของอาคารสถานบริการ 3) ขนาดของที่ว่างบริเวณด้านหน้าของอาคารสถานบริการ และ 4) ขนาดของถนนบริ เ วณด้ า นหน้ า ของอาคารสถาน บริการ ซึ่งเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับอีกสองเขตควบคุม สถานบริ ก ารทั ้ ง โซนรั ช ดาภิ เ ษก และโซนเพชรบุ ร ี ต ั ด ใหม่ (รอยัลซิตี้ อเวนิว) ประเด็นความเหมาะสมของลักษณะทาง กายภาพของอาคารสถานบริ ก ารสองโซนหลั ง กลั บ มี ค วาม เหมาะสมอยู่ในระดับปานกลางถึงดี ซึ่งจากการศึกษาผู้วิจัย พบว่าเหตุที่ทำให้มีความแตกต่างนั้น เกิดจากประเด็นสำคัญ 2 ประเด็ น ด้ ว ยกั น คื อ 1) ประเภทของอาคารที ่ แ ตกต่ า ง กัน และ 2) สภาพบริบท ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้ กรณี ประเภทอาคารที่แตกต่างกัน จากการศึกษา พบว่ า อาคารสถานบริ ก ารในเขตควบคุ ม สถานบริ ก ารโซน พัฒน์พงษ์ส่วนใหญ่เป็นอาคารประเภทตึกแถว ซึ่งมีข้อจำกัด ในเรื ่ อ งของพื ้ น ที ่ จึ ง ทำให้ผ ู ้ ป ระกอบการมี ค วามจำเป็ น ต้ อ งขยายกิ จ การเพื ่ อ ให้ ส ามารถรองรั บ ความต้ อ งการของ กลุ ่ ม ลู ก ค้ า แต่ ไ ม่ ส ามารถทำการขยายได้ เนื ่ อ งจากเขต ควบคุมสถานบริการโซนพัฒน์พงษ์ ตั้งอยู่กลางย่านธุรกิจ ซึ ่ ง มี ร าคาที ่ ด ิ น ที ่ ม ี ร าคาสู ง เป็ น ข้ อ จำกั ด ทำให้ ไ ม่ ส ามารถ ขยายกิจการได้ ผู้ประกอบการจึงใช้พื้นที่ว่างหน้าร้านและ

Criteria for Physical Design and Zoning of Entertainment Business District: Guidelines for Architecture Design and Legislative Amendment Samustpon Tanapant

23


รูปที่ 5

24

แผนที่แสดงสถานที่สำคัญที่อยู่ในบริเวณเขตควบคุมสถานบริการ โซนเพชรบุรีตัดใหม่ (รอยัลซิตี้ อเวนิว)

รูปที่ 6

รูปแบบอาคารสถานบริการในเขตควบคุมสถานบริการ เพชรบุรีตัดใหม่ (รอยัลซิตี้ อเวนิว)

รูปที่ 7

การดัดแปลงต่อเติมและใช้งาน ทางเท้าถนน และที่ว่างบริเวณด้านหน้าอาคารสถานบริการ ในเขตควบคุมสถานบริการโซนพัฒน์พงษ์

Journal of Architectural/Planning Research and Studies Volume 4. 2006 Faculty of Architecture and Planning, Thammasat University


หลังร้านในการขยายพื้นที่ขาย นอกจากนี้ ยังพบอีกว่าจากการ ที ่ ถ นนพั ฒ น์ พ งษ์ เ ป็ น ถนนส่ ว นบุ ค คล ซึ ่ ง ทำให้ ย ากต่ อ การ ควบคุม การขยายและต่อเติมอาคารสถานบริการจึงเป็นไป อย่างไม่เป็นระบบระเบียบ มีการต่อเติมอาคารรุกล้ำเขตทาง เท้า ที่ว่างบริเวณด้านหน้าและด้านหลัง (รูปที่ 7) ลักษณะ ดังกล่าวแตกต่างจากอาคารสถานบริการในเขตควบคุมสถาน บริ ก ารโซนรั ช ดาภิ เ ษกอย่ า งเห็ น ได้ ช ั ด อาคารสถานบริ ก าร โซนรั ช ดาภิ เ ษกนั ้ น ส่ ว นใหญ่ เ ป็ น อาคารที ่ ถ ู ก ออกแบบมา เพื ่ อ รองรั บ กิ จ กรรมประเภทสถานบริ ก ารโดยเฉพาะพื ้ น ที ่ อาคารจึ ง เพี ย งพอต่ อ การใช้ ง าน อี ก ทั ้ ง ที ่ ด ิ น ในย่ า นนี ้ ย ั ง มี ที่ดินว่างเปล่าที่สามารถพัฒนาต่อได้ อีกทั้งราคาของที่ดิน ในย่านไม่สูงมากนักจึงทำให้ผู้ประกอบการไม่มีความจำเป็น ต้องรุกล้ำพื้นที่สาธารณะเช่นในโซนพัฒน์พงษ์ ส่วนอาคาร สถานบริการในโซนเพชรบุรีตัดใหม่ (รอยัลซิตี้ อเวนิว) มี ความเหมาะสมอยู่ในระดับปานกลางถึงดีเช่นกัน ทั้งนี้เนื่อง จากอาคารสถานบริ ก ารในโซนเพชรบุ ร ี ต ั ด ใหม่ (รอยั ล ซิ ต ี ้ อเวนิ ว ) เดิ ม เป็ น อาคารที ่ ส ร้ า งเพื ่ อ รองรั บ การใช้ ง านจาก กิ จ กรรมที ่ เ กิ ด จากศู น ย์ ก ารค้ า จึ ง มี ม าตรฐานของการจั ด วางอาคารแบบอาคารขนาดใหญ่ ต่อมาพลิกผันกลายมาเป็น ย่ า นสถานบริ ก าร จึ ง ทำให้ ข นาดของที ่ ว ่ า งบริ เ วณด้ า นหน้ า ขนาดของถนน และขนาดของทางเท้ า ด้ า นหน้ า ของอาคาร สถานบริการสามารถรองรับผู้คนจำนวนมากจากสถานบริการ ได้ เ ป็ น อย่ า งดี ประเด็ น ดั ง กล่ า วสนั บ สนุ น ให้ เ ห็ น ได้ ช ั ด ว่ า อาคารตึกแถวไม่เหมาะสมที่จะนำมาเป็นอาคารสถานบริการ และนำไปสู่การพิจารณาถึงขนาดที่ว่าง และการจัดวางอาคาร สถานบริการที่เหมาะสม จากจุดนี้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาล จะต้องมีนโยบายเกี่ยวกับการจัดการถนนและทางเท้าที่เป็น ของส่วนบุคคลเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมและพัฒนาพื้นที่ 1.3 การออกแบบอาคารและรายละเอี ย ดเกี ่ ย วกั บ อาคารสถานบริการในเขตควบคุมสถานบริการ เมื ่ อ พิ จ ารณาในรายละเอี ย ดเชิ ง กายภาพของการ ออกแบบอาคารและรายละเอียดเกี่ยวกับอาคารสถานบริการ ในเขตควบคุมสถานบริการทั้ง 3 โซน สามารถสรุปประเด็น สำคัญได้ 5 ข้อ ประกอบด้วย 1) ความเหมาะสมของการกำหนดแนวระยะของ ส่วนประกอบต่าง ๆ ของอาคารสถานบริการ จากการศึกษา ลักษณะทางกายภาพของการกำหนดระยะของส่วนประกอบ ต่าง ๆ ของอาคารสถานบริการทั้ง 3 โซน พบเพียงอาคาร สถานบริการในเขตควบคุมสถานบริการโซนพัฒน์พงษ์เท่านั้น

ที่ควรพิจารณาเพื่อจัดระเบียบทางกายภาพ ซึ่งประกอบด้วย ประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1) ความกว้างของอาคารสถานบริการ (คูหา) 2) ขนาดทางเดินภายในอาคารสถานบริการ 3) ความ กว้ า งรวมของทุ ก คู ห า (บล็ อ ก) 4) จำนวนของคู ห าที ่ ส ร้ า ง ต่ อ เนื ่ อ งกั น 5) ความสู ง ของเพดานภายในห้ อ งชั ้ น ล่ า ง 6) ความสูงของเพดานชั้นอื่น ๆ และ 7) ความลึกจากหน้าร้าน ไปจนถึงสุดหลังร้าน ทั้งนี้เนื่องจากการที่อาคารสถานบริการ ในย่ า นพั ฒ น์ พ งษ์ ส ่ ว นใหญ่ ด ั ด แปลงต่ อ เติ ม จากอาคาร ตึ ก แถว ซึ ่ ง เดิ ม หน้ า ที ่ ใ ช้ ส อยของอาคารไม่ ไ ด้ ถ ู ก ออกแบบ มาเพือ่ ใช้ ส ำหรั บ กิ จ กรรมสถานบริ ก าร จึ ง ทำให้ ส ั ด ส่ ว น ของพื้นที่ใช้สอย เช่น ขนาดความกว้าง ความลึกของพื้นที่ และความสูงของเพดานห้อง ไม่สัมพันธ์กับการใช้งานสำหรับ การชุ ม นุ ม คนจำนวนมาก เช่ น กิ จ กรรมที ่ เ กิ ด ในสถาน บริการ โดยที่อาคารที่มีการออกแบบและก่อสร้างเพื่อเป็น สถานบริการโดยเฉพาะ ส่วนใหญ่แล้วจะไม่พบปัญหาความ เหมาะสมของการกำหนดแนวระยะของส่วนประกอบต่าง ๆ ของอาคารสถานบริการ ดังในเขตควบคุมสถานบริการโซน รั ช ดาภิ เ ษก และโซนเพชรบุ ร ี ต ั ด ใหม่ (รอยั ล ซิ ต ี ้ อเวนิ ว ) (รูปที่ 8) จากประเด็ น ดั ง กล่ า วสามารถสรุ ป ได้ ว ่ า อาคาร สถานบริ ก ารที ่ ด ั ด แปลงมาจากอาคารตึ ก แถวไม่ ส ามารถ ตอบสนองพฤติกรรม และกิจกรรมที่เกิดจากการใช้งานของ สถานบริการได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลควรมีการกำหนด ข้ อ กฎหมายเพื ่ อ ใช้ ค วบคุ ม ไม่ ใ ห้ ม ี ก ารนำอาคารประเภท ตึกแถวมาใช้เป็นสถานบริการ และควรมีการออกข้อบัญญัติ เพื่อควบคุมอาคารสถานบริการโดยเฉพาะ 2) ความเหมาะสมของป้ายโฆษณา จากการศึกษา ลักษณะทางกายภาพของการกำหนดระยะของส่วนประกอบ ต่าง ๆ ของอาคารสถานบริการทั้ง 3 โซน พบเพียงอาคาร สถานบริการในเขตควบคุมสถานบริการโซนพัฒน์พงษ์เท่านั้น ที่ควรได้รับการจัดระเบียบทางกายภาพในประเด็นของป้าย โฆษณา โดยมีรายละเอียดที่ควรนำมาพิจารณาดังนี้ 1) ป้าย โฆษณาที่ยื่นออกจากตัวอาคาร 2) ป้ายโฆษณาบนชั้นดาดฟ้า และ 3) ป้ า ยที ่ ต ิ ด ใต้ ก ั น สาดโดยให้ ต ิ ด ตั ้ ง แนบผนั ง อาคาร ข้ อ ค้ น พบดั ง กล่ า วสอดคล้ อ งกั บ การศึ ก ษาของ เพ็ ญ ศรี ฉันทวรางค์ [2] ซึ่งกล่าวถึงปัญหาด้านกายภาพของตึกแถว ที ่ ม ี ก ารใช้ ผ สมกึ ่ ง บริ ก ารว่ า สถานบริ ก ารที ่ ด ั ด แปลงจาก อาคารตึกแถวมักมีการติดตั้งป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ เกะกะ บังอาคาร และขาดการดูแลรักษาปล่อยให้ป้ายมีสภาพเสื่อม โทรมก่อให้เกิดทัศนียภาพอุจาด

Criteria for Physical Design and Zoning of Entertainment Business District: Guidelines for Architecture Design and Legislative Amendment Samustpon Tanapant

25


รูปที่ 8

ภาพทัศนียภาพ ภายในสถานบริการเขตกำหนดพื้นที่ย่านเพชรบุรีตัดใหม่ (รอยัลซิตี้ อเวนิว)

เมื่อ พิ จ ารณารายละเอี ย ดที ่ ค วรนำมาพิ จ ารณาใน ประเด็นป้ายโฆษณาในโซนพัฒน์พงษ์พบว่าต่างเป็นประเด็น เกี ่ ย วกั บ ขนาดของป้ า ยโฆษณาทั ้ ง สิ ้ น แต่ ใ นเขตควบคุ ม สถานบริการโซนรัชดาภิเษก และโซนเพชรบุรีตัดใหม่กลับพบ ว่ามีความเหมาะสมอยู่ในระดับปานกลางถึงดี ทั้ง ๆ ที่เขต ควบคุมสถานบริการทั้ง 3 โซนใช้ข้อกฎหมายที่ใช้ควบคุม ป้ายโฆษณาฉบับเดียวกัน จากประเด็นและข้อสังเกตดังกล่าว สะท้ อ นให้ เ ห็ น ว่ า ข้ อ กฎหมายบางประเด็ น ในฉบั บ เดี ย วกั น ไม่ ส ามารถใช้ ค วบคุ ม เขตควบคุ ม สถานบริ ก ารได้ ท ุ ก ย่ า น ทั ้ ง นี ้ เ นื ่ อ งจากเขตควบคุ ม สถานบริ ก ารในแต่ ล ะโซนต่ า งมี สภาพบริบทของพื้นที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของ อาคาร สภาพแวดล้อม รวมถึง ขนาดถนน มุมมอง ดังในกรณี ของเขตควบคุ ม สถานบริ ก ารโซนรั ช ดาภิ เ ษก และเพชรบุ ร ี ตัดใหม่ (รอยัลซิตี้ อเวนิว) ซึ่งอาคารสถานบริการตั้งอยู่ติดถนน ขนาดใหญ่ และอาคารสถานบริ ก ารแต่ ล ะแห่ ง มี ข นาดใหญ่ รวมทั้งมีระยะที่ห่างกันพอควร ดังนั้น จึงทำให้การติดป้าย โฆษณาของทั้ง 2 โซนมีความเหมาะสม แต่ในขณะที่อาคาร สถานบริ ก ารในเขตควบคุ ม สถานบริ ก ารโซนพั ฒ น์ พ งษ์ อยู่ในซอยซึ ่ ง มี ร ะยะมองที ่ แ คบและด้ ว ยลั ก ษณะกายภาพ ของอาคารสถานบริ ก ารที ่ ด ั ด แปลงจากตึ ก แถวมี ล ั ก ษณะ ติด ๆ กันไม่มีระยะว่าง อีกทั้งด้วยเขตควบคุมสถานบริการ โซนพัฒน์พงษ์เป็นย่านสถานบริการที่เก่าแก่ขาดการปรับปรุง มาเป็ น เวลานาน จึ ง ส่ ง ผลให้ ค ่ า ความเหมาะสมในประเด็ น ป้ า ยโฆษณาในเขตควบคุ ม สถานบริ ก ารพั ฒ น์ พ งษ์ อ ยู ่ ใ น ระดับต้องมีการปรับปรุง

26

Journal of Architectural/Planning Research and Studies Volume 4. 2006 Faculty of Architecture and Planning, Thammasat University

3) ความเหมาะสมของระบบป้องกันอัคคีภัย จาก การศึกษาลักษณะทางกายภาพของการกำหนดระยะของส่วน ประกอบต่าง ๆ ของอาคารสถานบริการทั้ง 3 โซน ร่วมกับ การวิ เ คราะห์ ด ้ ว ยข้ อ มู ล ทางสถิ ต ิ พบว่ า เขตควบคุ ม อาคาร สถานบริการทั้ง 3 โซนควรได้รับการจัดระเบียบทางกายภาพ ในประเด็ น ของระบบป้ อ งกั น อั ค คี ภ ั ย โดยมี ร ายละเอี ย ดที ่ ควรนำมาพิจารณาดังนี้ 1) ขนาดและความกว้างของบันได หนีไฟที่ใช้ในอาคารสถานบริการ 2) เส้นทางหนีไฟที่ใช้ภาย ในอาคารสถานบริการ 3) จำนวนสัญญาณเตือนเพลิงไหม้ ที่ติดตั้งภายในอาคารสถานบริการ 4) ตำแหน่งบันไดหนีไฟ ที่ใช้ในอาคารสถานบริการ และ 5) จำนวนเครื่องดับเพลิง แบบมือถือที่ติดตั้งภายในอาคารสถานบริการ เมื่อพิจารณา กายภาพของอาคารสถานบริ ก ารทั ้ ง 2 โซนแล้ ว จะพบว่ า รูปแบบทางสถาปัตยกรรมของอาคารสถานบริการจะมีความ แตกต่ า งกั น อย่ า งเด่ น ชั ด ไม่ ว ่ า เขตควบคุ ม สถานบริ ก าร โซนพั ฒ น์ พ งษ์ ท ี ่ อ าคารสถานบริ ก ารส่ ว นใหญ่ ด ั ด แปลงจาก อาคารตึกแถว หรือโซนรัชดาภิเษก และโซนเพชรบุรีตัดใหม่ (รอยัลซิตี้ อเวนิว) ที่มีรูปแบบอาคารสถานบริการขนาดใหญ่ และมี ก ารออกแบบมาเป็ น อย่ า งดี ก ็ ต าม จากปรากฏการณ์ ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าประเด็นการป้องกันอัคคีภัยยังเป็น ประเด็นท้าย ๆ ที่ผู้ประกอบการคำนึงถึง เนื่องจากระบบป้อง กั น อั ค คี ภ ั ย เป็ น เรื ่ อ งสิ ้ น เปลื อ ง และไม่ ก ่ อ ให้ เ กิ ด ผลกำไร จึ ง ทำให้ ผ ู ้ ป ระกอบการส่ ว นใหญ่ ม ั ก จะหลี ก เลี ่ ย งเสมอ [3] อย่ า งไรก็ ต าม การป้ อ งกั น อั ค คี ภ ั ย นั ้ น เป็ น ประเด็ น ที ่ ต้ อ งให้ ค วามสำคั ญ เป็ น อย่ า งยิ ่ ง หากขาดความระมั ด ระวั ง


เมื่อเกิ ด เหตุ เ พลิ ง ไหม้ ข ึ ้ น มาจั ก ก่ อ ให้ เ กิ ด ความเสี ย หายทั ้ ง ชีวิตและทรัพย์สิน ดังในกรณีการเกิดเพลิงไหม้สถานบริการ Club Route 999 ที่พัทยา (รูปที่ 9) 4) ความเหมาะสมของพื้นที่จอดรถ จากการศึกษา ลักษณะทางกายภาพของการกำหนดระยะของส่วนประกอบ ต่าง ๆ ของอาคารสถานบริการทั้ง 3 โซน พบเพียงอาคาร สถานบริการในเขตควบคุมสถานบริการโซนพัฒน์พงษ์เท่านั้น ที ่ ค วรได้ ร ั บ การจั ด ระเบี ย บทางกายภาพในประเด็ น ความ เหมาะสมของพื้นที่จอดรถ โดยเฉพาะในเรื่องของ 1) จำนวน ที่จอดรถ และ 2) ตำแหน่งของพื้นที่จอดรถ นอกจากนี้ยัง พบอีกว่าภายในเขตควบคุมสถานบริการย่านพัฒน์พงษ์ขาด พื้นที่จอดรถสำหรับรถส่งของ รถยนต์รับจ้าง และรถยนต์ ของผู้ประกอบการ จากปรากฏการณ์ดังกล่าวสามารถสรุปได้ ว่ า ความเหมาะสมของพื ้ น ที ่ จ อดรถเป็ น ตั ว แปรที ่ ม ี ผ ลต่ อ ความมีระเบียบในเขตควบคุมสถานบริการพัฒน์พงษ์โดยตรง 5) ความเหมาะสมของระบบสุ ข อนามั ย จากการ ศึ ก ษาลั ก ษณะทางกายภาพของการกำหนดระยะของส่ ว น ประกอบต่าง ๆ ของอาคารสถานบริการทั้ง 3 โซน พบเพียง อาคารสถานบริการในเขตควบคุมสถานบริการโซนพัฒน์พงษ์ เท่ า นั ้ น ที ่ ค วรได้ ร ั บ การจั ด ระเบี ย บทางกายภาพในประเด็ น ความเหมาะสมของระบบสุ ข อนามั ย โดยมี ร ายละเอี ย ดที ่ ควรนำมาพิจารณาดังนี้ 1) การระบายอากาศภายในอาคาร สถานบริการ 2) จำนวนห้องส้วมชายและห้องส้วมหญิงใน อาคารสถานบริการ และ 3) จำนวนที่ปัสสาวะชายในสถาน บริการ ทั้งนี้เป็นผลมาจากอาคารสถานบริการเป็นอาคารที่ ดั ด แปลงจากอาคารตึ ก แถวซึ ่ ง มี พ ื ้ น ที ่ ใ ช้ ง านที ่ จ ำกั ด จึ ง ทำให้การเพิ่มเติมห้องน้ำห้องส้วมทำได้ยาก

รูปที่ 9

2. ความเหมาะสมของข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเขตควบคุม สถานบริการและอาคารสถานบริการ ข้ อ กฎหมายที ่ เ กี ่ ย วข้ อ งกั บ สถานบริ ก ารโดยตรงใน ปัจจุบ ันมีพระราชบัญญัต ิสถานบริการเพียงฉบับเดียว ซึ่ง มี ก ารกล่ า วถึ ง เนื ้ อ หาที ่ เ กี ่ ย วข้ อ งกั บ การควบคุ ม อาคารและ สภาพแวดล้ อ มไว้ แ ต่ เ พี ย งหลวม ๆ เช่ น ในกรณี ข อง กฎ กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2525 ออกตามความ ในพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509 [4] ได้กล่าวถึง คุณสมบัติของอาคาร สถานที่ที่ใช้เป็นที่ตั้งสถานบริการ ไว้ ดังนี้ 1) ไม่อยู่ใกล้ชิดวัด สถานที่สำหรับปฏิบ ัต ิพิธ ีกรรม ทางศาสนา โรงเรียน หรือสถานศึกษา โรงพยาบาล สถาน พยาบาลที ่ ร ั บ ผู ้ ป ่ ว ยไว้ ค ้ า งคื น สโมสรเยาวชน หรื อ หอพั ก ตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก ในขนาดที่เห็นได้ว่าจะก่อความ เดื อ ดร้ อ นรำคาญแก่ ส ถานที ่ ด ั ง กล่ า ว 2) ไม่ อ ยู ่ ใ นย่ า นที ่ ประชาชนอาศั ย อยู ่ อั น จะก่ อ ความเดื อ ดร้ อ นรำคาญแก่ ประชาชนผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง 3) มีทางถ่ายเทอากาศสะดวก ซึ่งหากพิจารณาข้อกฎหมายดังกล่าวอย่างละเอียดจะพบว่า ข้ อ กฎหมายมี เ นื ้ อ หาไม่ ช ั ด เจนต้ อ งอาศั ย การตี ค วาม โดย เฉพาะในเนื้อความที่ว่า “ไม่อยู่ใกล้ชิดวัด สถานที่....ในขนาด ที่เห็นได้ว่าจะก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่สถานที่ดังกล่าว” ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าขนาดเท่าใดจึงไม่เดือดร้อน ในกรณี สถานบริการ อาบ อบ นวด “เอไลน่า” หากพิจารณาเฉพาะ ประเด็นกายภาพ ก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนแก่โรงเรียน เตรี ย มอุ ด มศึ ก ษาพั ฒ นาการโดยตรง แต่ ห ากจะกล่ า วถึ ง ประเด็นด้านสั ง คม วั ฒ นธรรม จริ ย ธรรม จึ ง จะเห็ น ภาพ ชั ด เจนถึ ง ความไม่ เ หมาะสม ประเด็ น ดั ง กล่ า วอาจสะท้ อ น ให้ เ ห็ น ถึ ง ความล้ ม เหลวของข้ อ กฎหมายที่ย ั ง ไม่ ส มบู ร ณ์

สภาพสถานบริการ “Club Route 999” หลังเหตุเพลิงไหม้

Criteria for Physical Design and Zoning of Entertainment Business District: Guidelines for Architecture Design and Legislative Amendment Samustpon Tanapant

27


ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้เจ้าของสถานบริการใช้เป็นช่องทาง หาผลประโยชน์ให้แก่ตัวเองโดยไม่ได้คำนึงความปลอดภัย ของลูกค้าผู้มาใช้บริการ สภาพแวดล้อม ชุมชน และสังคม ส่วนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมลักษณะทาง กายภาพและสภาพแวดล้อมนั้นยังไม่มีข้อกฎหมายใช้ควบคุม อาคารสถานบริการโดยตรง กฎหมายส่วนใหญ่ที่ใช้ควบคุม ลักษณะทางกายภาพของอาคารสถานบริการจึงเป็นข้อกฎหมาย ควบคุมอาคารทั่ว ๆ ไป เช่น กฎกระทรวง (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2526 [5] กฎกระทรวง (ฉบับที่ 39) พ.ศ. 2537 [6] พระราช บัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2543 [7] เป็นต้น ชุ ด ข้ อ กฎหมายดั ง กล่ า วไม่ ไ ด้ ก ล่ า วถึ ง การควบคุ ม อาคาร ที ่ ม ี ก ารใช้ ง านเป็ น สถานบริ ก ารแต่ อ ย่ า งใด ทั ้ ง นี ้ เ นื ่ อ งจาก สถานบริการส่วนใหญ่มักจะใช้อาคารตึกแถวเป็นสถานที่ตั้ง จึงใช้ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอาคารประเภท ตึ ก แถวเป็ น ส่ ว นใหญ่ ข้ อ กฎหมายดั ง กล่ า วควรได้ ร ั บ การ ศึกษาว่ามีความเหมาะสมมากเพียงพอหรือไม่ หากจะใช้ชุด ข้อกฎหมายดังกล่าวในการควบคุมอาคารที่มีการใช้งานเป็น สถานบริการ ผู้วิจัยพบประเด็นทางกฎหมายที่ควรพิจารณา ดังนี้ 2.1 ความเหมาะสมของข้ อ กฎหมายที ่ เ กี ่ ย วข้ อ งกั บ เขตควบคุมสถานบริการ เมื ่ อ พิ จ ารณาในรายละเอี ย ดแล้ ว พบข้ อ กฎหมาย หลาย ๆ ข้ อ ควรมี ก ารปรั บ ปรุ ง โดยเฉพาะในประเด็ น 1) การกำหนดระยะห่ า งระหว่ า งเขตควบคุ ม สถานบริ ก ารกั บ สถานศึ ก ษา และ 2) การกำหนดระยะห่ า งระหว่ า งเขต ควบคุ ม สถานบริ ก ารกั บ สถานปฏิ บ ั ต ิ พ ิ ธ ี ก รรมทางศาสนา ซึ่งถ้าพิจารณาถึงลักษณะทางกายภาพของเขตควบคุมสถาน บริการทั้ง 3 โซน พบว่า เขตควบคุมสถานบริการโซนรัชดา ภิเษกและโซนเพชรบุรีตัดใหม่มีความไม่เหมาะสม ปรากฏการณ์ดังกล่าวสามารถสะท้อนให้เห็นว่า การกำหนดขอบเขต ของเขตควบคุมสถานบริการเป็นการกำหนดจากสถานบริการ เดิ ม ที ่ ม ี อ ยู ่ เ ป็ น หลั ก โดยไม่ ไ ด้ น ำปั จ จั ย ที ่ ส ำคั ญ อื ่ น ๆ มา พิจารณาร่วมด้วย เช่ น สถานที ่ ส ำคั ญ ต่ า ง ๆ ภายในย่ า น แนวโน้มการขยายตัวของธุรกิจสถานบริการ เป็นต้น 2.2 ความเหมาะสมของข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการ จัดวางอาคารสถานบริการในเขตควบคุมสถานบริการ ในประเด็นนีพ้ บว่าสถาปนิกและนักผังเมืองมีความ เห็ น ต่ อ ภาพรวมของข้ อ กฎหมายที ่ เ กี ่ ย วข้ อ งกั บ การจั ด วาง อาคารในเขตควบคุมสถานบริการมีความเหมาะสมทุกประเด็น

28

Journal of Architectural/Planning Research and Studies Volume 4. 2006 Faculty of Architecture and Planning, Thammasat University

2.3 ความเหมาะสมของข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการ ออกแบบอาคารและรายละเอี ย ดเกี ่ ย วกั บ องค์ ประกอบของอาคารสถานบริการ เมื ่ อ พิ จ ารณาถึ ง รายละเอี ย ดแล้ ว พบข้ อ กฎหมาย หลายประเด็ น มี ค วามเหมาะสมอยู ่ ใ นเกณฑ์ ท ี ่ ค วรได้ ร ั บ การพิจารณาเพื่อปรับปรุง โดยเฉพาะประเด็นดังต่อไปนี้ 1) ข้ อ กฎหมายที ่ เ กี ่ ย วกั บ การกำหนดแนวระยะ ของส่วนประกอบต่าง ๆ ของอาคารสถานบริการ โดยเฉพาะ ประเด็น 1) การกำหนดความกว้างจากผนังด้านหนึ่งไปยัง ผนังอีกด้านหนึ่งไม่น้อยกว่า 4 เมตร และ 2) การกำหนด ความลึกจากหน้าร้านไปจนถึงสุดร้านไม่น้อยกว่า 4 เมตร แต่ ไ ม่ เ กิ น 24 เมตร เมื ่ อ พิ จ ารณาถึ ง ลั ก ษณะกายภาพ ของอาคารสถานบริ ก ารและการใช้ ง านพบว่ า การกำหนด ความกว้ า งและความลึ ก ขั ้ น ต่ ำ ดั ง ข้ อ กฎหมายดั ง กล่ า วนั ้ น ไม่สอดคล้องกับการใช้งานจริง ทั้งนี้เนื่องจากเมื่อกิจกรรม ภายในอาคารสถานบริ ก ารนั ้ น ต้ อ งการพื ้ น ที ่ ข นาดใหญ่ เ พื ่ อ รองรับจำนวนผู้ที่เข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก (รูปที่ 10) จากการวิ เ คราะห์ ข ้ อ กฎหมายที ่ เ กี ่ ย วข้ อ งกั บ การ กำหนดแนวระยะของส่วนประกอบต่าง ๆ ของอาคารสถาน บริ ก ารโดยละเอี ย ดแล้ ว จะพบว่ า ข้ อ กฎหมายดั ง กล่ า วเป็ น ข้ อ กฎหมายที ่ ใ ช้ ร ่ ว มกั บ อาคารตึ ก แถว การแก้ ไ ขปรั บ ปรุ ง ข้ อ กฎหมายจึ ง ต้ อ งทำการศึ ก ษาอย่ า งรอบคอบ เนื ่ อ งจาก ข้อกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้กับอาคารตึกแถวเป็นหลัก พิจารณาได้จากกฎกระทรวง (ฉบับที่ 55) พ.ศ. 2546 ออกตาม ความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 [8] ข้อ 2 “ห้ อ งแถวหรื อ ตึ ก แถวแต่ ล ะคู ห า ต้ อ งมี ค วามกว้ า งโดยวั ด ระยะตั ้ ง ฉากจากแนวศู น ย์ ก ลางของเสาด้ า นหนึ ่ ง ไปยั ง แนว ศูนย์กลางของเสาอีกด้านหนึ่งไม่น้อยกว่า 4 เมตร มีความ ลึกของอาคารโดยวัดตั้งฉากกับแนวผนังชั้นล่างไม่น้อยกว่า 4 เมตร และไม่เกิน 24 เมตร” 2) ข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับการจัดระบบการป้องกัน อัคคีภัยของอาคารสถานบริการที่เป็นตึกแถว พบว่ามีประเด็น ที่ยังไม่เหมาะสมโดยเฉพาะในเรื่องการกำหนดให้สถานบริการ ที่เป็นตึกแถวที่มีจำนวนชั้นไม่เกิน 4 ชั้น หรือสูงไม่เกิน 15 เมตร บั น ไดหนี ไ ฟสามารถอยู ่ ใ นแนวดิ ่ ง ได้ บั น ไดหนี ไ ฟ ในแนวดิ่งต้องมีชานพักบันไดทุกชั้น และชานพักบันไดต้อง มีความกว้างอย่างน้อย 60 เซนติเมตร และบันไดหนีไฟใน แนวดิ ่ ง ต้ อ งมี ร ะยะห่ า งของขั ้ น บั น ไดแต่ ล ะขั ้ น ไม่ เ กิ น 40 เซนติ เ มตร หากพิ จ ารณาถึ ง การใช้ ง านจริ ง เมื ่ อ เกิ ด เหตุ


รูปที่ 10 ความหนาแน่ น ของนั ก ท่ อ งเที ่ ย วภายในสถานบริ ก ารย่ า น เพชรบุรีตัดใหม่

รูปที่ 11 ลักษณะของบันไดหนีไฟแนวดิ่ง

เพลิงไหม้ บันไดแนวดิ่งย่อมไม่สามารถระบายผู้คนจำนวน มากที่เข้าไปชุมนุมในสถานบริการได้ทัน (รูปที่ 11) อีกทั้งด้วย วัสดุที่ใช้ทำบันไดแนวดิ่งเป็นโลหะ ซึ่งเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ จะทำให้บันไดเกิดความร้อนจนไม่สามารถใช้งานได้ จากการวิเคราะห์ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัด ระบบการป้ อ งกั น อั ค คี ภ ั ย ของอาคารสถานบริ ก ารที ่ เ ป็ น ตึ ก แถวข้างต้นนำมาสู่การพิจารณาถึงแนวทางการในการแก้ไข ปรับปรุง ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2544 ข้อ 43 [9] “ตึกแถวหรือบ้านแถวที่มีจำนวนชั้น ไม่เกิน 4 ชั้น หรือสูงไม่เกิน 15 เมตรจากระดับถนน บันได หนี ไ ฟจะอยู ่ ใ นแนวดิ ่ ง ก็ ไ ด้ แต่ ต ้ อ งมี ช านพั ก บั น ไดทุ ก ชั ้ น โดยมีความกว้างไม่น้อยกว่า 60 เซนติเมตร ระยะห่างของ บั น ไดแต่ ล ะขั ้ น ไม่ ม ากกว่ า 40 เซนติ เ มตร และติ ด ตั ้ ง ใน ส่ ว นที ่ ว ่ า งทางเดิ น ด้ า นหลั ง อาคารได้ บั น ไดขั ้ น สุ ด ท้ า ยอยู ่ สูงจากระดับพื้นดินได้ไม่เกิน 3.50 เมตร” 3) ข้ อ กฎหมายที ่ เ กี ่ ย วกั บ การจั ด ที ่ จ อดรถของ อาคารสถานบริ ก าร พบว่ า ควรมี ก ารพิ จ ารณาปรั บ ปรุ ง การ กำหนดให้ อ าคารสถานบริ ก ารที ่ ม ี พ ื ้ น ที ่ ใ ช้ ส อยรวมมากกว่ า 300 ตารางเมตรต้ อ งจั ด ให้ ม ี ท ี ่ จ อดรถ และสถานบริ ก าร ต้องจัดให้มีที่จอดรถ 1 คันในทุก 60 ตารางเมตรของพื้นที่ ใช้สอยรวมทั้งหมด หากพิจารณาลักษณะทางกายภาพและ การใช้ ง านจริ ง จะพบว่ า สถานบริ ก ารที ่ ม ี ข นาดตั ้ ง แต่ 300 ตารางเมตรขึ ้ น ไปนั ้ น เป็ น ที ่ ช ุ ม นุ ม ของนั ก ท่ อ งเที ่ ย วเป็ น จำนวนมาก ความต้องการพื้นที่จอดรถจึงมีมากตาม จึงควร มี ก ารพิ จ ารณาจำนวนที ่ จ อดรถจากจำนวนผู ้ ใ ช้ ง าน มิ ใ ช่ พิจารณาจากจำนวนพื้นที่ใช้สอย จากการวิเคราะห์ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดที่ จอดรถของอาคารสถานบริ ก ารข้ า งต้ น นำมาสู ่ ก ารพิ จ ารณา ถึ ง แนวทางการในการแก้ ไ ขปรั บ ปรุ ง ข้ อ บั ญ ญั ต ิ ก รุ ง เทพ-

มหานคร เรื่อง ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2544 ข้อ 83 ความว่า “อาคารตามประเภทดั ง ต่ อ ไปนี ้ ต้ อ งมี ท ี ่ จ อดรถ ที ่ ก ลั บ รถ และทางเข้าออกของรถ คือ สถานบริการตามกฎหมายว่าด้วย สถานบริการ ที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันตั้งแต่ 300 ตารางเมตร ขึ้นไป” และข้อที่ 84 “อาคารหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคาร หลั ง เดี ย วกั น หลั ง เดี ย วหรื อ หลายหลั ง ที ่ เ ป็ น อาคารประเภท ที่ต้องมีที่จอดรถ ที่กลับรถ และทางเข้าออกของรถตามข้อที่ 83 ต้ อ งจั ด ให้ ม ี ท ี ่ จ อดรถตามจำนวนที ่ ก ำหนดของแต่ ล ะ ประเภทของอาคารที่ใช้เพื่อการนั้น ๆ ดังต่อไปนี้ สถานบริการ ต้องจัดให้มีที่จอดรถ 1 คัน ต่อพื้นที่อาคาร 60 ตารางเมตร” 4) ข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับระบบสุขอนามัยภายใน อาคารสถานบริการ พบว่า 1) การกำหนดจำนวนที่ปัสสาวะ ชาย 1 ชุดต่อพื้นที่ใช้สอยรวม 200 ตารางเมตร 2) การกำหนด จำนวนห้ อ งส้ ว มชายและห้ อ งส้ ว มหญิ ง ต้ อ งมี อ ย่ า งน้ อ ย อย่างละ 1 ห้องต่อพื้นที่ใช้สอยรวม 200 ตารางเมตร และ 3) จำนวนอ่างล้างมือชายและอ่างล้างมือหญิงต้องมีอย่างน้อย อย่างละ 1 ชุดต่อพื้นที่ใช้สอยรวม 200 ตารางเมตร หาก พิ จ ารณาลั ก ษณะทางกายภาพและการใช้ ง านจริ ง จะพบว่ า อาคารสถานบริการเป็นอาคารที่มีการใช้งานห้องน้ำ ห้องส้วม มากกว่าปกติ ดังนั้น การกำหนดจำนวนระบบสุขอนามัยจึง ควรกำหนดจากจำนวนผู้ใช้งานเป็นหลัก จากการวิเคราะห์ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับระบบ สุขอนามัยภายในสถานบริการข้างต้นนำมาสู่การพิจารณาถึง แนวทางการในการแก้ไขปรับปรุง ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2544 และกฎกระทรวงฉบับที่ 39 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 [12]

Criteria for Physical Design and Zoning of Entertainment Business District: Guidelines for Architecture Design and Legislative Amendment Samustpon Tanapant

29


รูปที่ 12 การจัดวางอาคารสถานบริการและที่จอดรถในเขตควบคุมสถานบริการรัชดาภิเษก ซอยที่ 4

3. แนวทางในการออกแบบและการปรั บ ปรุ ง กฎหมายที ่ เกี่ยวข้องกับเขตควบคุมสถานบริการและอาคารสถาน บริการ เขตควบคุมสถานบริการและอาคารสถานบริการเป็น ประเด็นที่มีความสัมพันธ์ทั้งในเชิงกายภาพและข้อกฎหมาย การจัดระเบียบเขตควบคุมสถานบริการโดยการบังคับใช้ข้อ กฎหมายหรือมุ่งแก้ไขทางกายภาพแต่เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ อ าจสร้ า งความเป็ น ระเบี ย บได้ อ ย่ า งสมบู ร ณ์ ต ้ อ งมี ก าร ปรั บ ปรุ ง ทั ้ ง ตั ว กฎหมายและลั ก ษณะทางกายภาพของเขต ควบคุมสถานบริการและอาคารสถานบริการควบคู่กันไปทั้ง 2 ประเด็ น จึ ง สามารถสร้ า งความมี ร ะเบี ย บให้ แ ก่ เ ขตควบคุ ม สถานบริการและอาคารสถานบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดั ง นั ้ น เกณฑ์ ก ารออกแบบลั ก ษณะทางกายภาพและการจั ด ระเบียบเขตควบคุมสถานบริการจึงประกอบไปด้วยประเด็น สำคัญ 2 ประเด็น คือ 1) แนวทางในการจัดระเบียบทาง กายภาพเขตควบคุ ม สถานบริ ก ารและการออกแบบอาคาร สถานบริ ก าร และ 2) แนวทางในการแก้ ไ ขข้ อ กฎหมายที ่ เกี่ยวข้องกับเขตควบคุมสถานบริการและอาคารสถานบริการ 3.1 แนวทางในการจัดระเบียบทางกายภาพเขตควบคุม สถานบริการและการออกแบบอาคารสถานบริการ จากสาระสำคัญที่ได้จากการวิจัยในประเด็นความ เหมาะสมของเขตควบคุมสถานบริการและอาคารสถานบริการ ทั้ง 3 โซน ทั้งทางด้านกายภาพและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการนำข้อมูลที่ได้จากสถิติมาพิจารณาร่วม สามารถสรุป แนวทางในการจั ด ระเบี ย บทางกายภาพเขตควบคุ ม สถาน บริการและการออกแบบอาคารสถานบริการได้ 7 ประเด็น ประกอบด้วย 1) การจั ด วางอาคารสถานบริ ก าร โดยเฉพาะใน ประเด็นของระยะที่ว่างด้านหน้าและด้านหลัง จากการศึกษา กายภาพของพื้นที่พบว่า ระยะที่ว ่างด้านหน้าและด้านหลัง มีความสัมพันธ์กับประเด็นอื่น ๆ เช่น ที่จอดรถรับส่งของ และระบบป้องกันอัคคีภัย ดังที่จะเห็นได้ชัดจากการจัดวาง อาคารสถานบริ ก ารในโซนพั ฒ น์ พ งษ์ ท ี ่ อ าคารสถานบริ ก าร

30

Journal of Architectural/Planning Research and Studies Volume 4. 2006 Faculty of Architecture and Planning, Thammasat University

มี ก ารต่ อ เติ ม ดั ด แปลงใช้ ง านพื ้ น ที ่ ว ่ า งทั ้ ง บริ เ วณด้ า นหน้ า และบริ เ วณด้ า นหลั ง ซึ ่ ง จากการดั ด แปลงหน้ า ที ่ ก ารใช้ ง าน ดั ง กล่ า วส่ ง ผลให้ ป ระสิ ท ธิ ภ าพของระบบป้ อ งกั น อั ค คี ภ ั ย ลดลง เนื ่ อ งจากเดิ ม พื ้ น ที ่ ว ่ า งบริ เ วณด้ า นหลั ง ของอาคาร สถานบริการมีทางออกฉุกเฉินแต่เมื่อมีการต่อเติมเพื่อเพิ่ม เติมพื้นที่ใช้งานจึงทำให้เหลือทางเข้าออกทางด้านหน้าเพียง ทางเดียว 2) สัดส่วนของพื้นที่ใช้งาน โดยเฉพาะการกำหนด ความกว้ า ง ความลึ ก และส่ ว นสู ง ของห้ อ งให้ เ หมาะสมกั บ การใช้ ง าน จากการพิ จ ารณาค่ า เฉลี ่ ย และค่ า ความสั ม พั น ธ์ พบว่า สัดส่วนของพื้นที่ใช้งานมีความสัมพันธ์กับการออกแบบ ในส่วนอื่น ๆ โดยเฉพาะ เส้นทางหนีไฟ บันไดหนีไฟ และ ระบบสุขอนามัย โดยที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนในกรณี ของอาคารสถานบริ ก ารในย่ า นพั ฒ น์ พ งษ์ ซ ึ ่ ง ดั ด แปลงจาก อาคารตึกแถวเดิม จึงทำให้สัดส่วนการใช้งานพื้นที่ไม่สัมพันธ์ กับพฤติกรรมของผู้ใช้ เช่น ห้องน้ำ ห้องส้วม การระบาย อากาศ ไม่ พ อเพี ย งต่ อ การใช้ ง าน ในขณะที่อ าคารสถาน บริการในเขตควบคุมสถานบริการโซนรัชดาภิเษก และเพชรบุรีตัดใหม่ (รอยัลซิตี้ อเวนิว) พบปัญหาดังกล่าวน้อยกว่า 3) ป้ายโฆษณา หากกล่าวถึงองค์ประกอบสำคัญ ที ่ เ พิ ่ ม เติ ม สี ส ั น ชี ว ิ ต ชี ว าและเอกลั ก ษณ์ ใ ห้ แ ก่ เ ขตควบคุ ม สถานบริการ ป้ายโฆษณาคือองค์ประกอบนั้น การออกแบบ ป้ายโฆษณาภายในเขตควบคุมสถานบริการให้มีความพอดี ไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไปทั้งในเรื่องขนาดและรูปลักษณ์ ป้ า ยโฆษณาที่เ หมาะสมเป็ น ตั ว แปรสำคั ญ ที ่ จ ะช่ ว ยสร้ า ง ความมีชีว ิตชีวาให้แก่ย่านได้เป็นอย่างดี ซึ่งสอดคล้องกับ แนวความคิดในเรื่องการควบคุมป้ายของ สิทธิพร ภิรมย์รื่น [13] โดยสามารถสรุปได้ว่า การควบคุมป้ายในปัจจุบันนั้นเป็น การป้องกันไม่ให้สร้างความรุงรังอันเป็นต้นเหตุที่ก่อให้เกิด ความอุจาดตาหรือ “ทัศนอุจาด” ข้อบัญญัติป้ายที่ควบคุมอย่าง เข้มงวดเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ทำให้บางย่านเสีย


ความเป็นเอกลักษณ์ การควบคุมป้ายให้อยู่ในเกณฑ์ที่พอดี ป้ า ยสามารถช่ ว ยเพิ ่ ม เอกลั ก ษณ์ บ รรยากาศ และสภาพ แวดล้อมเฉพาะของย่านนั้น ๆ ได้อีกด้วย 4) ระบบป้องกันอัคคีภัย จากการพิจารณาค่าเฉลี่ย และค่ า ความสั ม พั น ธ์ ข องพื ้ น ที ่ ศ ึ ก ษาทั ้ ง 3 พื ้ น ที ่ พ บว่ า อาคารสถานบริการส่วนใหญ่ ไม่ปลอดภัย และเสี่ยงต่อการ สูญเสียชีวิตจากอัคคีภัย โดยเฉพาะเขตควบคุมสถานบริการ ย่ า นพั ฒ น์ พ งษ์ อาคารสถานบริ ก ารส่ ว นใหญ่ ด ั ด แปลงจาก อาคารที ่ เ ป็ น ตึ ก แถวซึ ่ ง เดิ ม ไม่ ม ี ก ารติ ด ตั ้ ง ระบบป้ อ งกั น อัคคีภัยอยู่แล้ว ถึงแม้อาคารสถานบริการหลาย ๆ อาคารจะ เป็นอาคารที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานกิจกรรมจากสถาน บริ ก ารโดยเฉพาะ แต่ ย ั ง ขาดการตระหนั ก ถึ ง ระบบป้ อ งกั น อัคคีภัย ทั้งนี้เนื่องจากผู้ประกอบการไม่เข้าใจปัญหา ดังที่ เกชา ธีระโกเมน [14] ได้สรุปไว้ว่าเพราะเรื่องของอัคคีภัย เป็ น เรื ่ อ งที ่ เ กี ่ ย วข้ อ งกั บ เทคนิ ค และการก่ อ สร้ า ง เป็ น เรื ่ อ ง ที่ผู้ประกอบการต้องเสียสละ ต้องเสียเงิน และไม่ได้สร้าง รายได้ โ ดยตรงที ่ เ ห็ น ได้ ช ั ด เจน ดั ง นั ้ น ความปลอดภั ย จึ ง เป็นประเด็นท้าย ๆ ที่ผู้ประกอบการจะคำนึงถึงเสมอ 5) พื ้ น ที ่ จ อดรถ จากการพิ จ ารณากายภาพของ พื้นที่พบว่า พื้นที่จอดรถมีความสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะส่ ว นใหญ่ น ั ก ท่ อ งเที ่ ย วท้ อ งถิ ่ น เดิ น ทางโดยรถยนต์ ส่วนตัว ดังนั้น จึงต้องมีการจัดเตรียมพื้นที่จอดรถให้สอด คล้องกับสัดส่วนและพฤติกรรมของผู้ใช้งานเป็นหลัก โดย จะพิ จ ารณาได้ จ ากเขตควบคุ ม สถานบริ ก ารโซนรั ช ดาภิ เ ษก และเพชรบุรีตัดใหม่ (รอยัลซิตี้ อเวนิว) ซึ่งมีการจัดที่จอด รถสอดคล้องกับจำนวนผู้ใช้งานตรงกับที่ Gardiner [15] ได้กล่าวไว้ว่าการจัดย่านธุรกิจเช่นนี้ ต้องมีการวางแผนโดย คำนึงถึงสถานที่จอดรถ การรักษาความปลอดภัย ขนาดของ ถนน การจัดการจราจร ตลอดจนบริการสาธารณะต่าง ๆ ให้ สามารถรองรับความต้องการของผู้ใช้งาน นอกจากนี้ สถาปนิก ผู้ออกแบบควรพิจารณาเพิ่มเติมในประเด็นที่จอดรถสินค้า และที่ขนถ่ายสินค้าให้เป็นระบบระเบียบ (รูปที่ 12) 6) ระบบสุ ข อนามั ย จากการวิ จ ั ย พบว่ า อาคาร สถานบริการเป็นที่ชุมนุมของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดย เฉพาะอย่างยิ่ง ในเขตควบคุมสถานบริการย่านเพชรบุรีตัดใหม่ (รอยัลซิตี้ อเวนิว) และรัชดาภิเษกต่างมีนักท่องเที่ยวใช้บริการ ต่อคืนเป็นจำนวนมาก จึงต้องมีระบบสุขอนามัยที่มีสัดส่วน ตอบรับกับพฤติกรรม และจำนวนผู้ใช้งาน

3.2 แนวทางการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเขต ควบคุมสถานบริการและอาคารสถานบริการ จากสาระสำคัญที่ได้จากการวิจัยในประเด็นความ เหมาะสมของเขตควบคุ ม สถานบริ ก ารและอาคารสถาน บริ ก ารทั ้ ง 3 โซน ทั ้ ง ทางด้ า นกายภาพและข้ อ กฎหมายที ่ เกี่ยวข้องรวมถึงการนำข้อมูลที่ได้จากสถิติมาร่วมพิจารณา สามารถสรุ ป แนวทางการปรั บ ปรุ ง กฎหมายที ่ เ กี ่ ย วข้ อ งกั บ เขตควบคุมสถานบริการและอาคารสถานบริการได้ 4 ประเด็น ประกอบด้วย 1) ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาตำแหน่ง และขอบเขตของเขตควบคุมสถานบริการ พบว่ามีประเด็น สำคั ญ ที ่ ต ้ อ งพิ จ ารณาเพื ่ อ แก้ ไ ข โดยเฉพาะประเด็ น การ กำหนดขนาดและขอบเขตของเขตควบคุมสถานบริการ ซึ่ง จากบทสรุปของการศึกษาเขตควบคุมสถานบริการทั้ง 3 โซน สะท้อนให้เห็นว่า ควรมีการพิจารณาเพื่อทำการแก้ไข “พระราช กฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่การอนุญาตให้ตั้งสถานบริการใน ท้องที่กรุงเทพมหานคร” โดยเฉพาะเขตควบคุมสถานบริการ โซนรัชดาภิเษก ทั้งนี้เนื่องจากผู้ที่มีส่วนในการออกกฎหมาย ขาดการศึกษา และความรู้ความเข้าใจในสังคมและสภาพบริบท ของพื ้ น ที ่ การกำหนดขนาดและขอบเขตของเขตควบคุ ม สถานบริ ก ารจึ ง ต้ อ งมี ก ารศึ ก ษาสภาพบริ บ ท และให้ ผ ู ้ ท ี ่ มี ความคุ้นเคยกับพื้นที่มีส่วนร่วมในการปรับปรุงข้อกฎหมาย ดังที่ สิทธิพร ภิรมย์รื่น [16] สรุปถึงกระบวนการการวางแผน และจัดทำผังเมืองว่ากระบวนการดังกล่าวไม่สามารถดำเนิน การโดยใครคนใดคนหนึ่งหรือหลายคนตามลำพัง เนื่องจาก การวางผังเมืองเป็นกระบวนการร่วม (collective process) ซึ่งแต่ละคนมีระดับความเข้าใจและการมีส่วนร่วมแตกต่าง กัน นอกจากนี้ในการปรับแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับการ กำหนดขนาดและขอบเขตของเขตกำหนดพื้นที่ตั้งของสถาน บริการต้องมีการปรับแก้แบบค่อยเป็นค่อยไปดังที่ Trancik R. [17] กล่ า วถึ ง ทฤษฎี ก ารสร้ า งสถานที ่ สรุ ป ถึ ง การพั ฒ นา รูปทรงของเมืองว่าควรดำเนินการแบบค่อยเป็นไป ไม่ปรับแก้ ขนาด และขอบเขตของเขตควบคุ ม สถานบริ ก ารให้ เ สร็ จ สมบู ร ณ์ ใ นคราวเดี ย ว เพราะการกำหนดเขตควบคุ ม สถาน บริการเป็นงานที่ละเอียดอ่อนและมีผลกระทบต่อประชาชน หลายกลุ่มจึงต้องมีการปรับแก้ให้ขนาดของเขตควบคุมสถาน บริการสามารถตอบสนองพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากที่สุด

Criteria for Physical Design and Zoning of Entertainment Business District: Guidelines for Architecture Design and Legislative Amendment Samustpon Tanapant

31


2) ข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับการจัดระบบการป้องกัน อัคคีภัยของอาคารสถานบริการที่เป็นตึกแถว พบว่ามีประเด็น สำคั ญ ที ่ ต ้ อ งพิ จ ารณาเพื ่ อ แก้ ไ ข โดยเฉพาะประเด็ น การใช้ บันไดหนีไฟแนวดิ่ง เนื่องจากอาคารสถานบริการเป็นสถานที่ ที่มีการชุมนุมของผู้คนเป็นจำนวนมาก หากพิจารณาถึงการใช้ งานจริงเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ บันไดแนวดิ่งย่อมไม่สามารถ ขนถ่ายผู้คนจำนวนมากที่เข้าไปชุมชุมในสถานบริการได้ทัน อี ก ทั ้ ง ด้ ว ยวั ส ดุ ท ี ่ ใ ช้ ท ำบั น ไดแนวดิ ่ ง เป็ น โลหะ ซึ ่ ง เมื ่ อ เกิ ด เหตุ เ พลิ ง ไหม้ จ ะทำให้ บ ั น ไดเกิ ด ความร้ อ นจนไม่ ส ามารถ ใช้ ง านได้ จึ ง ควรพิ จ ารณาปรั บ แก้ ข ้ อ กฎหมายที ่ เ กี ่ ย วกั บ การจั ด ระบบการป้ อ งกั น อั ค คี ภ ั ย ของอาคารสถานบริ ก าร อย่างเร่งด่วน 3) ข้ อ กฎหมายที ่ เ กี ่ ย วกั บ การจั ด พื ้ น ที ่ จ อดรถ ของอาคารสถานบริการ พบว่า 1) การกำหนดให้อาคารสถาน บริการที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมมากกว่า 300 ตารางเมตร ต้อง จั ด ให้ ม ี พ ื ้ น ที ่ จ อดรถ และ 2) อาคารสถานบริ ก ารต้ อ งจั ด ให้มีที่จอดรถ 1 คันในทุก 60 ตารางเมตร ของพื้นที่ใช้สอย รวมทั้งหมด เมื่อพิจารณาข้อกฎหมายดังกล่าวอย่างละเอียด ร่ ว มกั บ ลั ก ษณะทางกายภาพของพื ้ น ที ่ ศ ึ ก ษาทั ้ ง 3 พื ้ น ที ่ พบว่ า ในสภาพการณ์ จ ริ ง สถานบริ ก ารส่ ว นน้ อ ยเท่ า นั ้ น ที ่ ม ี ขนาดพื้นที่ใช้สอยรวมถึง 300 ตารางเมตร ซึ่งสถานบริการ เป็นสถานที่ที่ต้องการพื้นที่จอดรถเป็นจำนวนมาก การกำหนด ข้ อ กฎหมายดั ง กล่ า วจึ ง ไม่ ส อดคล้ อ งกั บ จำนวนผู ้ ใ ช้ ง าน อาคารสถานบริการปัจจุบัน จึงควรมีการปรับแก้ให้ที่จอดรถ มีความสอดคล้องกับการใช้งานมากยิ่งขึ้น 4) ข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับระบบสุขอนามัยภายใน อาคารสถานบริการ พบว่าการกำหนดจำนวนที่ปัสสาวะชาย 1 ชุ ด ต่ อ พื ้ น ที ่ ใ ช้ ส อยรวม 200 ตารางเมตร การกำหนด จำนวนห้ อ งส้ ว มชายและห้ อ งส้ ว มหญิ ง ต้ อ งมี อ ย่ า งน้ อ ย อย่ า งละ 1 ห้ อ ง ต่ อ พื ้ น ที ่ ใ ช้ ส อยรวม 200 ตารางเมตร และจำนวนอ่ า งล้ า งมื อ ชายและอ่ า งล้ า งมื อ หญิ ง ต้ อ งมี อ ย่ า ง น้อยอย่างละ 1 ชุด ต่อพื้นที่ใช้สอยรวม 200 ตารางเมตร จากสภาพการณ์ จ ริ ง สถานบริ ก ารเป็ น ที ่ ช ุ ม นุ ม ของคนเป็ น จำนวนมาก สัดส่วนการใช้ระบบสุขอนามัยจึงต้องมีมากกว่า ธรรมดา มีสถานบริการเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีขนาดพื้นที่ ใช้สอยรวมถึง 200 ตารางเมตร ดังนั้น จึงควรมีการปรับแก้ ให้เพิ่มจำนวนห้องน้ำห้องส้วมให้ตอบรับกับการใช้งานจริง โดยกำหนดจากจำนวนห้องน้ำห้องส้วมจากจำนวนผู้ใช้งาน มิ ใ ช่ ก ำหนดจากพื ้ น ที ่ จากกรณี ข องสถานบริ ก ารบางแห่ ง แม้ จ ะมี พ ื ้ น ที ่ ข นาดไม่ ใ หญ่ ม ากนั ก แต่ เ มื ่ อ มี ก ารเปิ ด ใช้ ง าน กลับมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการเป็นจำนวนมากทำให้จำนวน ห้องน้ำห้องส้วมไม่เพียงพอต่อการใช้งาน

32

Journal of Architectural/Planning Research and Studies Volume 4. 2006 Faculty of Architecture and Planning, Thammasat University

บทสรุปและข้อเสนอแนะ จากการพิ จ ารณาสาระสำคั ญ ทั ้ ง ประเด็ น ทางด้ า น กายภาพและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องร่วมกับข้อมูลทางสถิติ สามารถสรุ ป ได้ ว ่ า ข้ อ กฎหมายและข้ อ บั ญ ญั ต ิ ท ี ่ ใ ช้ ใ นเขต ควบคุ ม สถานบริ ก ารและอาคารสถานบริ ก ารหลายประเด็ น ไม่มีความเหมาะสม เนื่องจากการใช้ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หลายประเด็นยังไม่สมบูรณ์และยังขาดข้อกฎหมายสำหรับ เขตควบคุมสถานบริการและอาคารสถานบริการอย่างแท้จริง ข้อกฎหมายที่นำมาใช้กับเขตควบคุมสถานบริการและอาคาร สถานบริ ก ารจึ ง เป็ น ลั ก ษณะของการหยิ บ ยื ม ข้ อ กฎหมาย ควบคุ ม อาคารอื ่ น มาใช้ เช่ น ข้ อ กฎหมายควบคุ ม อาคาร ตึ ก แถว บ้ า นแถว จึ ง ทำให้ ข ้ อ กฎหมายหลาย ๆ ประเด็ น ไม่ ม ี ค วามสั ม พั น ธ์ ก ั บลั ก ษณะทางกายภาพของเขตควบคุ ม สถานบริ ก ารและอาคารสถานบริ ก าร นอกจากนี ้ จากการ ศึกษายังพบอีกว่า ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถานบริการ ที ่ ม ี อ ยู ่ น ั ้ น มี ล ั ก ษณะกระจั ด กระจายมิ ไ ด้ ม ี ก ารรวบรวมไว้ เป็นหมวดหมู่ ดังที่ วทัญญู ณ ถลาง [18] ได้เสนอไว้ว่า แนวทางการปรับแก้ข้อกฎหมายโดยการรวบรวมข้อกำหนด ด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอาคารไว้ในเทศบัญญัติ เล่มเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านความปลอดภัย ความมั่นคง แข็ ง แรง การป้ อ งกั น อั ค คี ภ ั ย การอนามั ย การสุ ข าภิ บ าล การสถาปัตยกรรม และการผังเมือง นอกจากนี้ควรมีการจัด บทที่ หมวดหมู่ หัวข้อ เตรียมไว้สำหรับการเพิ่มเติม และ การเปลี ่ ย นแปลงในอนาคตได้ ส ะดวก ผู ้ ว ิ จ ั ย จึ ง เสนอให้ ม ี การรวบรวมข้ อ กฎหมายที ่ เ กี ่ ย วข้ อ งและแก้ ไ ขข้ อ กฎหมาย ที่ยังไม่เหมาะสม รวมทั้งเพิ่มเติมข้อกฎหมายที่ยังขาด เพื่อ บั ญ ญั ต ิ เ พิ ่ ม เติ ม ลงไปในกฎกระทรวงมหาดไทย ออกตาม ความในพระราชบัญญัติสถานบริการ (กระทรวงมหาดไทย) สำหรับการศึกษาวิจัยในวาระนี้สาระสำคัญที่ได้เป็น การเปิดประเด็นในเชิงกว้าง เพื่อตั้งคำถามต่อความเหมาะสม ของแนวทางการจั ด ระเบี ย บสั ง คมของรั ฐ บาลในประเด็ น ของเขตควบคุ ม สถานบริ ก ารถึ ง แนวทางที ่ ม ุ ่ ง เน้ น การจั ด ระเบี ย บทางกายภาพ โดยการควบคุ ม พื ้ น ที ่ เ ขตควบคุ ม สถานบริ ก ารแต่ เ พี ย งอย่ า งเดี ย วโดยที ่ ไ ม่ ค ำนึ ง ถึ ง ประเด็ น สำคั ญ อื ่ น ๆ ดั ง ที ่ ผ ู ้ ว ิ จ ั ย ได้ ก ล่ า วไว้ ใ นบทความตั ้ ง แต่ ต ้ น เนื่องด้วยระยะเวลาในการวิจัยอันสั้นและจำกัด จึงทำให้ทั้ง แนวทางในการจั ด ระเบี ย บทางกายภาพเขตควบคุ ม สถาน


บริ ก ารและอาคารสถานบริ ก ารและแนวทางในการแก้ ไ ขข้ อ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเขตควบคุมสถานบริการและอาคาร สถานบริการ ไม่สามารถสรุปออกมาเป็นประเด็นเฉพาะได้ ทั ้ ง นี ้ เ นื ่ อ งจากทั ้ ง ประเด็ น แนวทางในการจั ด ระเบี ย บทาง กายภาพเขตควบคุมสถานบริการและอาคารสถานบริการและ แนวทางในการแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเขตควบคุม สถานบริการและอาคารสถานบริการเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน ขึ้นอยู่กับสภาพบริบท กฎหมายหลายฉบับมีความเหมาะสม กั บ สภาพบริ บ ทแบบหนึ ่ ง แต่ ไ ม่ ม ี ค วามเหมาะสมกั บ สภาพ บริบทอีกแบบหนึ่ง ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมี การศึกษาเจาะลึกเป็นประเด็นไป ซึ่งผู้วิจัยคาดว่าจะมีการ ศึกษาต่อในวาระโอกาสต่อไป

Criteria for Physical Design and Zoning of Entertainment Business District: Guidelines for Architecture Design and Legislative Amendment Samustpon Tanapant

33


รายการอ้างอิง (References) [1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18]

บริหาร เสี่ยงอารมณ์. (2543). การจัดเขตควบคุมแหล่งอบายมุขกับประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย. เอกสารวิจัย ส่วนบุคคลของนักศึกษา ปรอ. รุ่นที่ 14. เพ็ญศรี ฉันทรวรางค์. (2529). แนวทางการเปลี่ยนแปลงของตึกแถวในกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต คณะ สถาปัตยกรรมศาสตร์ ภาควิชาการสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์หาวิทยาลัย, 75-79. เกชา ธีระโกเมน. (2542). การปรับปรุงอาคารเพื่อให้เกิดความปลอดภัยจากอัคคีภัย. http://www.se-ed.net/winyou/ article04/firep.htm กฎกระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2525 ออกตามความในพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509. กฎกระทรวง (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2526 ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522. กฎกระทรวง (ฉบับที่ 39) พ.ศ. 2537 ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522. พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2543. กฎกระทรวง (ฉบับที่ 55) พ.ศ. 2546 ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522. ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2544 ข้อ 43. ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2544 ข้อ 83. ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2544. ดูอ้างอิง 6. สิทธิพร ภิรมย์รื่น. (2543). กฎหมายและการบริหารผังเมืองของท้องถิ่น. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 31 และ 159. เกชา ธีระโกเมน. (2542). สถาปัตยกรรมกับการป้องกันอัคคีภัย. http://www.se-ed.net/winyou/article04/fireb.htm Gardiner, J. (1975). Crime and Criminal Justice: issues in public policy analysis. New York: Lexington, 30. ดูอ้างอิง 13. Trancik, R. (1981). Finding Lost Space: Theories of Urban Design. New York: Van Nostrand Reinhold, 3-4. วทัญญู ณ ถลาง. (2510). “การปรับปรุงเทศบัญญัติการก่อสร้าง”. อาษา.

ทีม่ าของรูปประกอบ (Figure Credits) รูปที่ 1 รูปที่ 3 รูปที่ 8 รูปที่ 9

34

พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่การอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่กรุงเทพมหานคร, 2545. สบถ!! “ศรีธนญชัย” ฝันร้าย...เอไลน่า www.manager.co.th, 2548. รูธซิกส์ตี้ซิกส์ www.route66club.com, 2548. รูธซิกส์ตี้ซิกส์ www.route66club.com, 2548.

Journal of Architectural/Planning Research and Studies Volume 4. 2006 Faculty of Architecture and Planning, Thammasat University


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.