Perfume
PREFACE
น�้ำหอม หากดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ น�้ำหอมก็เปรียบ เสมือนหน้าต่างของอารมณ์ในช่วงนั้น การประพรมน�้ำหอมจะท�ำให้ รู้สึกสวยขึ้นมีความมั่นใจมากขึ้น ปัจจุบันน�้ำหอมกลายเป็นองค์ ประกอบหลัก ในการแต่งตัวและช่วยสร้างบุคลิกให้กับเราได้ไม่มากก็ น้อย ซึ่งเสน่ห์ของหลายๆคนไม่เพียงแต่จะอยู่ที่บุคลิก และความ เฉพาะตัวของคนคนนั้นแล้ว ความหอมของกลิ่นกายก็กลายเป็นส่วน หนึ่ง ของเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้ด้วยเช่นกัน ขวดน�้ำหอม เป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีการออกแบบที่หลากหลาย แตกต่างกันออกไปโดยท�ำให้มีความสวยงามแวววาวใส จึงเกิดเป็นไอ เดียที่น�ำลักษาณะเหล่านั้นมาออกแบบเป็นขวดบรรจุน�้ำหอม เพื่อให้ น�้ำหอมดูมีความสวยงามและมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น โดยแต่ละแบบมีการ ออกแบบที่แตกต่างกันไปในด้านองค์ประกอบของศิลป์และการ ออกแบบ โครงสร้างสีที่ใช้ แบบตัวอักษรเพื่อความสวมงาม และการ มีPatternการจัดวางของตัวอักษรหรือLogoของแบรนด์ต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อความเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันของแบรนด์ที่หลากหลาย ขอขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มีส่วนร่วมในครั้งนี้ ทั้งอาจารย์และ เพื่อนๆที่น่ารักที่ท�ำให้รายงานPerfumesนี้ส�ำเร็จลุล่วงไปด้วยดี สุดท้ายหวังว่ารายงานPerfumesเล่มนี้ จะมีประโยชน์แก่ผู้ที่ สนใจและมีคุณค่าต่อผู้อ่านเป็นอย่างมาก หากมีข้อผิดพลาดประการใด ทางผู้จัดท�ำต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยและทางเราจะน�ำข้อผิดพลาดนี้ ไปปรับปรุงในครั้งต่อๆไป
คณะผู้จัดท�ำ
Introduction น�้ำหอมเกิดขึ้นได้อย่างไร ท�ำไมน�้ำหอมจึงมี สี กลิ่น และ บรรจุภัณฑ์ที่แตกต่างกัน ค�ำถาม เหล่านี้อาจก่อให้เกิดข้อสงสัยแก่ ใครหลายๆคน ว่าน�้ำหอมที่เราใช้ นั้นมีต้นก�ำเนิดมาอย่างไร น�้ำหอมนั้น ถือเป็นสิ่งที่มี ค่าในหลายวัฒนธรรมมาตั้งแต่ใน
ยุคโบราณ โดยคุณค่าของนั้นไม่ได้ อยู่แค่เพียงที่ตัวน�้ำหอมเท่านั้นแต่ ยั ง อยู ่ ที่ ตั ว ขวดหรื อ ตั ว ภาชนะที่ บรรจุน�้ำหอมอีกด้วย โดยขวด น�้ำหอมของคนในแต่ละวัฒนธรรม นั้นก็มีความแตกต่างทั้งวัสดุที่น�ำ มาท�ำขวดน�้ำหอมและยังมีรูปร่าง ที่แตกต่างกันอีกด้วย
History of Perfume
มีใครรู้บ้างว่าน�้ำหอมที่เราใช้กันอยู่นั้นมีที่มาจากไหน ความหอม กลิ่นแรกคือความหอมจากอะไร แล้วใครคือผู้เริ่มใช้เป็นคนแรกนั้น เรามา หาค�ำตอบและไขข้อสงสัยกัน ว่ากันว่ามีหลักฐานตอนหนึ่งจากภาพวาดฝา ผนังในพระวิหาร ราชินีฮัตเชปซุต (Hatshepsut) ที่ประเทศอียิป มีภาพวาด หญิงสาวชาวอียิปต์ก�ำลังชโลม น�้ำหอมลงบนศีรษะของตนเอง ซึ่งคาดว่าเกิด จากที่นักเดินเรืออียิปต์ในสมัยนั้นได้ น�ำเข้ามาจากดินแดนอื่น และได้ เกิดการคิดค้นน�้ำหอมขึ้นในสมัยนั้น เป็นความหอมที่ได้จากไม้ยางหอม มีอยู่ ในแถบ อราเบีย (Arabia) และแถบ โซมาเรีย (Somalla) ผู้ที่ท�ำน�้ำหอมในสมัยนั้นจะเป็นผู้หญิงชาวอียิปต์เป็นส่วนใหญ่ ที่ ได้รับการสืบทอดเป็นมรดกต่อๆกันมา จากนั้ น ได้ พั ฒ นาความหอมของน�้ ำ หอมจนเป็ น ที่ รู ้ จั ก ในสมั ย จักรวรรดิโรมัน และนิยมใช้ความหอมจากต้น ไม้ยางหอมเป็นหลัก โดยสั่งไม้ ยางหอมประเภท Boswellia จากอราเบีย (Arabia) และเพิ่มส่วนผสมที่หา ม า ได้จากอินเดีย มาเป็นส่วนผสมน�้ำหอมในรูปแบบของชาวโรมัน ค�ำ ว่าเพอร์ฟูม (Perfume) มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน แปล ว่า ควัน ในกรีกโบราณ ชาวโรมันที่ร�่ำรวยจะนิยมใช้น�้ำหอม เป็นอย่างมาก ใช้ชนิดที่แบบฉีดน�้ำหอมทุกพื้นที่ในบ้าน ไม่ ว่าจะเป็นฉีดให้กับสัตว์เลี้ยงในบ้าน ฉีดตามก�ำแพงบ้าน ของตนเอง เศรษฐีชาวโรมันจะใช้น�้ำหอมตามความ ชอบตามความพอใจแบบไม่มีค�ำว่าเสียดาย
แต่น�้ำหอมเกิดความนิยมอย่างแพร่ในยุคกลางที่ชาวอาหรับได้คิดค้น น�้ำหอมด้วยการกลั่นส�ำเร็จ ได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ขนาดใหญ่ในอาณาจักรเปอ เซียร์ พัฒนาเป็นแปลงปลูกกุหลาบที่มีพื้นที่และขนาดใหญ่โตมาก เพื่อน�ำ มาสกัดเป็นน�้ำหอม จนเป็นที่เลื่องลือกันว่ากรุงแบกแดด (Baghdad) เป็น เมืองแห่งน�้ำหอม City of Fragrance ชาวอาหรับยังได้คิดค้นสูตรน�้ำหอมใน รูปแบบใหม่ คือ การน�ำสารที่ได้จากตัวชะมด หรือกลิ่นชะมดผสมกับปูนขาว จากนั้นพวกเขาน�ำปูนขาวที่ผสมกับกลิ่นชะมดไปสร้างสุเหร่าและพระราชวัง ซึ่งท�ำให้มีกลิ่นหอมไปทั่วทั้งเมือง จากนั้นในช่วงสมัยคลูเสด (Crusader) ได้น�ำน�้ำหอมหรือเครื่องหอม จากชาวอาหรับให้เป็นที่แพร่หลายในยุโรป แต่ที่เริ่มรู้จักจริงๆในยุโรปนั้น เริ่มเมื่อศตวรรษที่ 16 เมื่อ แคทเธอรีน เดอ เมดีชี (Catherine de Medici) ได้มาที่ประเทศอิตาลี่ (Italy) เพื่อจะแต่งงานกับอนาคตกษัตริย์สมัยนั้น จาก นั้นท�ำให้น�้ำหอมแพร่หลายและเป็นที่รู้จักมากขึ้น จนในศตวรรษที่ 19 ได้มีการสกัด และสังเคราะห์กลิ่นน�้ำหอมจาก สารเคมีมากขึ้น ท�ำให้เกิดความหอมจากหลายกลิ่น จนกลายเป็นความหอม ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
ที่มาของขวดน�้ำหอม
ค้นพบได้ว่าชาวอียิปต์เริ่มมีการผลิตขวดแก้ว เมื่อสมัย 4,000 ปี ก่อนคริสตกาลได้พัฒนาด้ขวดน�้ำหอมด้วยเทคนิคต่างๆ ด้วยการเคลือบส่วน ในสุดที่เป็นดินเหนียว ที่ติดอยู่ปลายแท่งโลหะ ด้วยแก้วในขณะที่ถูก หลอมเหลว และเอาแกนดินเหนียวออก ในขณะที่แก้วเย็นลง และแข็งขึ้น จวบจนปี 1500 ก่อนคริสตกาล มีการใช้ทักษะในการผลิตขวดน�้ำหอมมาก ขึ้น ส่วนมากจะใช้แก้วสีน�้ำเงินเข้ม สีโอปอ หรือสีใสตกแต่งลวดลาย เป็น ลายเส้นสีน�้ำเงิน ขาว เหลือง ในยุคของ Lalique Falcons สารเหล่านี้ได้ถูก ใช้ต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุคกรีก และโรมัน ขวดน�้ำหอมของกรีกหลายแบบถูกพบ ว่าท�ำเป็นเครื่องเคลือบรูปร่างนก สัตว์ หรือศีรษะของมนุษย์ จน ประมาณ 50 ปีก่อนคริสตกาล ในการพัฒนาการเป่าแก้ว ใน ซีเรีย (เป็นการท�ำให้แก้วเปลี่ยนรูปร่างได้ก่อนที่จะ ท�ำให้มันเย็นตัวลง) เป็นช่วงที่มีการใช้เทคโนโลยี เป็นอย่างมาก ส่วนขวดน�้ำหอมของโรมัน เป็นขวด แก้วใส แล้วตกแต่งด้วยแก้วสีอีกทีหนึ่ง และในรูป ท ร ง ที่ หลากหลาย ตลอดจนการออกแบบที่แสดงให้เห็นถึง มาตรฐาน ความช�ำนาญในการท�ำ แต่สิ่งเหล่านี้มีมูลค่าแพงมาก ผู้คนส่วนใหญ่เก็บ รักษาขวดที่มีการเคลือบผิว แบบธรรมดากันไว้ ซึ่งมักเป็นรูปร่างเปลือกหอย ที่เป็นดินเผาในยุคกลางภาชนะโลหะและเครื่องเคลือบกระเบื้องก็เกิดขึ้น แต่ไม่ได้ถูกน�ำมาผลิตเป็นขวดน�้ำหอม จนกระทั่งศตวรรษที่ 18 วัสดุในการ ผลิตขวดน�้ำหอมใหม่ ๆ ก็ถูกน�ำมาใช้ประโยชน์มากขึ้น เมื่อโรงงานผลิต เครื่องเคลือบของชาวจีนได้ถูกค้นพบขึ้น จาก โรงงานที่ Meissen ในเยอรมัน
Sevres ในฝรั่งเศส Chelsea ในอังกฤษ และแม้แต่ขวดน�้ำหอม ที่ท�ำจาก กระเบื้องเคลือบ ที่ตกแต่งลวดลายต่าง ๆ ก็เริ่มปรากฏเป็นเครื่องประดับบน โต๊ะในบ้านตามสมัยนิยม แต่แก้วยังคงเป็นวัสดุ ที่โดดเด่น ที่สุดในการผลิต ขวดน�้ำหอม สิ่งหนึ่งก็คือว่า น�้ำมันหอมระเหย ในน�้ำหอมจะเกิดปฏิกิริยากับ ภาชนะที่เป็นเครื่องเคลือบกระเบื้อง(Porcelain)ในทางกลับกันส�ำหรับภา ชนะอื่นๆแล้วก็ยากที่จะผลิตจุกขวดที่ท�ำจากกระเบื้องเคลือบ (Porcelain) ให้มีเสถียรภาพได้จึงจ�ำเป็นต่อการผลิตในโรงงานผลิตที่มีขนาดใหญ่จวบจน กระทั่งปลายศตวรรษที่ 19 น�้ำหอมได้ถูกขายโดยนักขายน�้ำหอมในภาชนะ ธรรมดา และค่อยไปรินใส่ขวดน�้ำหอมที่บ้าน หรือลูกค้าอาจเลือกน�้ำหอม และขวดใส่ได้ในเวลาเดียวกันท�ำให้ร้านขายขวดใส่น�้ำหอมสวย ๆ หลาย หลายแบบที่ถูกออกแบบ มาตามแต่รสนิยม ของแต่ละบุคคล แต่เมื่อผู้ผลิต น�้ำหอม เริ่มที่จะผลิต ภาชนะใส่น�้ำหอมในรูปทรงปีรามิด แบบสมัยใหม่ ก็ ต้องท�ำการผลิตในโรงงาน ปัจจัยหลักในการผลิตขวดน�้ำหอมคือ ต้องมี ลักษณะที่ดึงดูดใจผู้ซื้อFrancois Coty ที่ได้ก�ำหนดรูปแบบมาตรฐานจากจุด เริ่มต้นที่โรงงาน โดยออกแบบขวดน�้ำหอม และผลิตออกมาให้มีคุณภาพสูง และงดงามด้วยช่างฝีมือผู้ช�ำนาญ เช่น Lalique, Baccarat แต่ก็ยังมี Maurice martinot , Lucien Gaillard, Sue et Mare, Maurice Depinoix และViard et Viollet let Ducare แต่มีอยู่2-3ท่านที่กล่าวมาผู้ที่ผลิตและ ออกแบบได้ วิ จิ ต รและสวยงามมากกว่ า ทศวรรษที่ เ ติ บ โตมาพร้ อ มๆกั บ จ�ำนวนผู้เก็บสะสมขวดน�้ำหอมที่มีมากขึ้นด้วยงานของเขาเหล่านั้นได้มี การประมูลใน ราคาที่ สู ง มากในปัจจุบัน
น�้ำหอมถือเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายทั่วโลกซึ่ง มีความแตกต่างกันทางด้านรูปร่าง รูปทรง สีสัน กลิ่น ขึ้น อยู่กับแต่ละแบรนด์มีการออกแบบดีไซน์เป็นอย่างไร เพื่อ สร้างให้เป็นเอกลักษณ์ในการจดจ�ำต่อไปนี้ เราจะขอ หยิบยกน�้ำหอมในดีไซน์รูปแบบต่างๆ ให้เป็นที่รู้จักกันมาก ขึ้น
Design Analysis
Issey Miyake Pleats Please L’Eau องค์ประกอบทางการออกแบบ กล่อง มีการท�ำภาพประกอบโดย การน�ำเส้นมาสร้างเป็นลวดลายของ กลีบดอกไม้ โดยใช้สีม่วง ชมพูและ ส้ม เป็นการใช้สีที่ใกล้เคียงกัน Analogous colours
ตัวขวด มีการน�ำรูปทรง เรขาคณิตมาใช้ ตัวฝาน�ำเส้นมาสร้าง เป็นแนวกลีบดอกไม้ เส้นมีความโค้ง แสดงถึงความอ่อนโยน สวยงาม ลักษณะผิวมันเงา มีการลบเหลี่ยม มุม-สีขวดน�้ำหอมเป็นสี Light Purple แสดงถึงความรักใคร่ สีของฝา เป็นสี ขาว แสดงถึง ความบริสุทธิ์ มีแสงเงา ให้น�้ำหนักของสีที่แตกต่างกัน
องค์ประกอบศิลป์ สัดส่วน (proportion) ตัวกล่องมีสัดส่วนรูป ดอกไม้มากที่สุด ท�ำให้ดอกไม้โดดเด่น Logo เป็นตัวบาง-ไม่มีติ่ง เป็น San-Serif ราคา : 2,900 บาท ปริมาตร : 50 มิลลิลิตร ราคาค่ อ นข้ า งสู ง เนื่ อ งจาก เป็นแบรนด์ดัง ตัวขวดรูปร่าง แปลกใหม่ ท�ำยาก เหมาะส�ำหรับวัย ผู้ใหญ่ ที่รักธรรมชาติ ไม่ชอบกลิ่นที่ รุนแรง
one direction our moment องค์ประกอบทางการออกแบบ กล่อง มีการน�ำภาพประกอบจากภาพถ่ายศิลปิน เพื่อดึงดูดแฟน เพลง ตัวฝาท�ำเป็นรูปทรงคล้ายมงกุฎ ตัวขวดน�ำรูปทรงเรขาคณิตมาใช้ ท�ำมุมเป็นเหลี่ยมๆ มีผิวเรียบมี บริเวณว่างที่ตัวขวด มีแสงเงา แสงที่ตกกระทบตัวขวด จะท�ำให้น�้ำหนักสี ต่างกันในแต่ละมุมของขวด ท�ำให้วัตถุดูมีมิติ สีของน�้ำหอมเป็นสีชมพูแสดง ถึง ความเป็นผู้หญิง ความอ่อนหวาน
องค์ประกอบศิลป์ สัดส่วน (proportion) มีบริเวณว่างที่ตัวขวด เพื่อให้ฝาดูเด่น Logo เป็นเครื่องหมายภาษา เป็นตัวเขียน Script (Hand Writing) ราคา : 2490฿ ปริมาตร : 50 มิลลิลิตร ราคาไม่แพงมากเมื่อเทียบกับแบรนด์ อื่นๆ เนื่องจาก เป็นน�้ำหอมที่เป็นแบรนด์ใหม่ ผลิ ต ตามศิลปินที่มีชื่อเสียง เป็น ที่ชื่นชอบในหมู่วัยรุ่น จึงไม่ ควรตั้งราคาสูงเกินไป
Marc Jacobs Daisy Sorbet องค์ประกอบทางการออกแบบ กล่อง มีการใช้ภาพประกอบ ที่ท�ำจากคอมพิวเตอร์ ท�ำเป็นรูป ดอกไม้เล็กใหญ่เรียงต่อกันโดยสีขาว สลั บ เหลื อ งและน� ำ รู ป ร่ า ง-รู ป ทรง จากธรรมชาติมาใช้ คือดอกไม้ ตัวขวด มีพื้นผิวเรียบ ตัวฝา มีพื้นผิวมันวาว มีบริเวณว่างที่ตัว ขวด เพื่อให้ฝาดูโดดเด่น สีของตัวขวดจะใส
ส่วนตัวน�้ำหอมสีชมพู แสดงถึง ความเป็นผู้หญิง ความอ่อนหวาน สี ของตัวฝา มีสีชมพู ขาว เหลือง แสดงถึ ง ความเป็ น ผู ้ ห ญิ ง ที่ อ ่ อ น หวาน บริสุทธิ์ แ ต ่ มี ค ว า ม สนุกสนาน สดใส ร่าเริง
องค์ประกอบศิลป์ สัดส่วน (Proportion) แสดงความสัมพันธ์ของวัตถุ กับพื้นที่ว่าง เพื่อให้เกิดต�ำแหน่งที่น่าสนใจ ซึ่งในที่นี้ ต�ำแหน่งที่สนใจคือฝารูปดอกไม้ Logo เป็นเครื่องหมายภาษา ดูเรียบง่าย ตัวเส้นบาง ไม่มีติ่งเป็น San-Serif ราคา : 2,300 บาท ปริมาตร : 75 มิลลิลิตร ราคาไม่ สู ง มากเมื่ อ เที ย บกั บ แบรนด์อื่น เนื่องจากกลุ่มเป้า หมายคือผู้หญิงยุคใหม่ วัยรุ่น ไม่เน้น ความหรูหรา โอ่อ่า แต่เน้นลักษณะ เฉพาะตั ว บุ ค คลที่ เ ป็ น ผู ้ ห ญิ ง ที่ ไ ม่ ไ ด้ มี เพียงความอ่อนหวาน แต่ยังสดใส อีกด้วย
Gucci Guilty Stud Limited Edition Pour Femme องค์ประกอบทางการออกแบบ ารน�ำรูปทรงเรขาคณิตมาใช้ คือ มีก ทรงพีระมิด ส่วนตัวขวดเป็นทรง สี่เหลี่ยมแต่มุมโค้งมน ลักษณะผิว ขรุขระ แสดงถึงความน่าสัมผัส น่าค้นหา สีทองแวววาว แสดงถึงความ หรูหรา
องค์ประกอบศิลป์ มีความกลมกลืน (Harmony) โดยการจัดวาง พีระมิดเหมือนๆกัน Logo : GUCCI เป็นแบรนด์ที่แสดงถึงรศนิยม เป็น ภาพลักษณ์ที่ดูหรูหรา มีระดับโดยเป็นเครื่องหมายอักษรจดจ�ำง่าย หลักการออกแบบสัญลักษณ์ ความสมดุล : ตัว G ที่ใช้มีขนาดเท่ากัน สมมาตรกัน ความกลมกลืน : น�ำตัว G มากลับด้าน แล้วซ้อนกัน ตัวโลโก้ : ตัวเส้นหนา ไม่มีติ่งเป็น San-Serif ราคา 3600 บาท ขนาด 50 ml ราคาค่ อ นข้ า งสู ง เ มื่ อ เ ที ย บ กั บ ขนาด แต่เป็น สิ น ค้ า แบรนด์ ดั ง กลุ่มคนที่ซื้ออาจ เป็นกลุ่มเฉพาะ
Estée Lauder Pleasures Flower
องค์ประกอบทางการออกแบบ กล่องและตัวขวดมีการใช้ภาพประกอบที่ท�ำจากคอมพิวเตอร์ ท�ำ เป็นลวดลาย มีการน�ำจุดมาสร้างรูปร่างโดยเรียงเป็นรูปดอกไม้ มีพื้นผิว เรียบ มีพื้นหลังเป็นสีขมพูอ่อน เพื่อช่วยส่งเสริมให้รูปดอกไม้ดูเด่น สี ดอกไม้สีชมพู แสดงถึงความมีเสน่ห์ น่า ดึงดูด ใบไม้ไม้สีเขียว แสดงถึงความสดชื่น ความ ผ่อนคลาย เป็นการใช้สีคู่ตรงข้าม (Complementary Colors) น�้ำหอมสีชมพูอ่อน แสดงถึ ง ความเป็ น ผู ้ หญิง ความอ่อนหวาน
องค์ประกอบศิลป์ มีการใช้รูปร่างและรูปทรง ( Shape and Form) มาใช้ออกแบบรูปทรงธรรมชาติ (Nature Form) คือดอกไม้และใบไม้ Logo เป็นเครื่องหมายภาษา-เป็นตัวเขียน เหมือน ลายมือเขียน Script (Hand Writing) มีเส้น ต่อเนื่องกันระหว่างตัวอักษร ราคา : 2,700บาท ปริมาตร : 50 มิลลิลิตร ราคาค่อนข้างแพง เนื่องจากเป็นแบรนด์ ดัง กลุ่มเป้าเป็นผู้หญิงที่ดูมีเสน่ห์ ดึงดูด ใจ มีความสดใส ร่าเริง แต่ก็มีความอ่อน หวานอยู่ในตัว คนวัยท�ำงานจะ นิยมใช้กัน
บรรณาธิการบริหาร นางสาวภัทรภร พิทักษ์จงวัฒนา 5 5 1 1 0 5 0 3 2 6 บรรณาธิการความงาม นางสาวภูมิวดี เทพหัสดิน ณ อยุธยา 5 5 1 1 0 5 0 3 4 2 บรรณาธิการฝ่ายศิลป์ นายนพพร อ่อนหิรัญ 5 5 1 1 0 5 0 1 8 1 ผู้ช่วยบรรณาธิการความงาม นางสาวนันทนัช จุมวงษ์ 5 5 1 1 0 5 0 2 0 2 ผู้ช่วยบรรณาธิการไลฟ์สไตล์ นายรัฐธีร์ เตชวิบูลย์ธนโชค 5 5 1 1 0 5 0 3 9 3 ผู้ช่วยกองบรรณาธิการ นางสาวกัญญาภัค ฉายศิริ 5 5 1 1 0 5 0 0 6 7 พิสูจน์อักษร นายพลช เพชรรุ่ง 5 5 1 1 0 5 0 2 7 0