รวบรวมจากสื่อออนไลน์ โดย | เซียว จับอิดนึ ้ง
การดูโวลุม่ นั้นสาคัญอย่างไร? By อาจารย์ Dekladprao
..........1. โวลุ่ม จะเป็ นตัวกากับการแสดงออก ถึงการเคลื่อน ไหวของ ราคา หากปราศจากโวลุ่มแล้วราคาก็จะไม่มีการเคลื่อนไหว หากเปรียบ เป็ นรถยนต์ โวลุ่มก็คือน้ ามันเชื้ อเพลิงนัน่ เอง หากเราไม่เติมน้ ามันรถก็วงิ่ ไม่ได้ หากเราเติมน้ ามันมากรถก็วิ่งได้ไกล หุน้ ก็เช่นเดียวกัน ในการเทรด หากโวลุ่มมีมาก ย่อมจะมีการผลักดันราคาให้ไปได้ไกลมาก แต่การ เคลื่อนไหวจะไปทางไหนนั้น ขึ้ นอยูก่ บั พวงมาลัย หรือราคาหุน้ นัน่ เอง โดย ปกติเราจะดูวา่ หากโวลุ่มน้อยการเคลื่อนไหวของราคาจะอ่อนแอ ไปได้ไม่ ไกล หรือไปแล้วเดี๋ยวก็กลับมาที่เดิม ความเสี่ยงจะมีมากหากเราเทรด แต่ ในทางตรงกันข้ามหากโวลุ่มระหว่างเทรดมีมาก การเคลื่อนไหวของราคา มักจะเป็ นของจริง Volume
Page 1
..........2. โวลุ่มอาจมาใช้ในการคานวณหาเป้าหมายของหุน้ ได้คร่าว ๆ โดยยึดหลักว่าในอดีตเมื่อหุน้ มีการ Breakout แล้วยืนได้ ณ ราคาไหนที่ สูงสุด โดยใช้โวลุ่มจานวนเท่าใด หากมีการเกิดขึ้ นอีกด้วยโวลุ่มจานวนเดิม เราอาจพยากรณ์ได้คร่าว ๆ ว่า หุน้ น่ าจะมีโอกาสไปถึง ณ จุดเดิมที่เคยทา ไว้ ..........3. โวลุ่ม แสดงออกถึงเพื่อนร่วมชะตากรรมในการเดินไปด้วยกัน ถ้าราคาหุน้ สูงขึ้ น แต่โวลุ่มเทรดน้อย หากเราซื้ อ เราจะมีเพื่อนร่วมเดินทาง น้อย ความปลอดภัยจะมีน้อย ตรงกันข้ามหากราคาไป โวลุ่มหนาแน่ น เรา จะมีเพื่อนร่วมเดินทางเป็ นจานวนมาก มีเหตุการณ์อะไรก็ยงั ปลอดภัยกว่า Q: แล้วกรณีโวลุ่มตา่ แต่ราคาวิง่ ฉิวขึ้ น----เกิดเพราะเจ้าลาก? ส่วนกรณีโวลุ่มตา่ แต่ราคาตกฮวบลง----เกิดจากอะไรคะ หรือตีความได้ ว่าอะไร พักตัว?) A: ถูกต้องจร้า ใครตามไปติดแน่ ๆ ส่วนกรณีลงไม่มีโวลุ่ม ถ้าไม่ตา่ กว่าแนวรับยังถือว่าพักตัว ถ้าตา่ กว่าแนวรับเรียกว่า เลิกเล่น Q: รบกวนสอบถามคะ ติดตามหุน้ jts วันพฤหัส วอลุ่มเยอะ ราคาขึ้ น เยอะ วันศุกร์เห็นวอลุ่มเข้าเยอะ เลยเข้า ปรากฎว่าราคาปิ ดตา่ เเต่ยงั สูง กว่าเดิม เลยงงว่าจะตีความหมายอย่างไร ขอบคุณค้า A: แจกของเตรียมเลิกแล้วครับ โวลุ่มเข้าเต็ม Float เลย
Volume
Page 2
หุน้ เกือบทุกตัวจะมีเจ้ามือคุมสวิทช์คทั เอ๊าอยู่ ถ้าตราบใดที่เจ้าไม่ซื้อ หุน้ ไม่มีทางวิง่ ไปไกล ดังนั้นเวลาหุน้ เริ่มขึ้ นเราต้องช่วยเจ้าเค้าดันราคาด้วย แต่เวลาเจ้าเลิกเล่นให้เราออกก่อนเจ้ามือ ช่วงเวลาที่หนุ ้ พักตัวหลัง Breakout คือเจ้าหยุดงานชัว่ คราว ปล่อยให้ รายย่อยบรรเลงกันไปเอง Q: ยังไม่เข้าใจเรื่องที่ดู volume หาร 9 หาจังหวะเข้า ที่อาจารย์ บอกใน line ครับ พอจะหาอ่านข้อมูลได้ทีไหนมัง่ ครับ ? A: เป็ นการคานวณ เพื่อใช้พิจารณา vol ที่ 30 นาทีแรกครับปกติ เวลาในการเทรด แต่ละวัน มี 4.30 ชม คิดเป็ นนาทีก็ 270 นาทีครับ..การ ที่เรา เอา 9 หารก็เพื่อจะดูวา่ ใน 30 นาทีแรก Vol เฉลี่ยควรเป็ นเท่าไร ยกตัวอย่างเช่น ค่าเฉลี่ยการซื้ อขาย 10 วันล่าสุด อยูท่ ี่ 1 ล้าน เมื่อ หารด้วย 9 ก็เท่ากับ 1.11 แสน ดังนั้นใน 30 นาทีแรก ควรมี vol ตามปกติอยูท่ ี่ 1.1 แสน แต่ถา้ วันไหน ตลาดเปิ ดมา 30 นาที กลับมี vol เข้ามา 1 ล้านหุน้ นั้นแสดงว่า มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้ น ถ้าราคาทะลุแนวต้าน แล้วยืนได้เราก็เข้าซื้ อ แต่ถา้ ราคาทะลุแนวรับ เราก็ตอ้ งขายเช่นกัน
Volume
Page 3
Volume กับการ Breakout By อาจารย์ Dekladprao .........เรื่อง Breakout ก็เป็ นหัวใจสาคัญของการเทรดหุน้ อีกปั จจัยหนึ่ ง เพราะจะเป็ นตัวชี้ วัดในการเข้าซื้ อ และออกจากหุน้ ก่อนอื่นทบทวนให้นิด หนึ่ งเรื่องแนวต้าน
.........แนวต้านคือจุด หรือบริเวณที่หนุ ้ เมื่อไปถึงตรงนั้น หรือบริเวณนั้นแล้ว จะไม่ไปต่อ และราคาจะลดลง หรือ 2. เป็ นบริเวณที่หนุ ้ จะไปตรงนั้น บ่อยครั้งมาก และทุกครั้งที่ไปถึงแล้วก็เด้งลง เราเรียกบริเวณนั้นว่าแนวต้าน ส่วนแนวรับก็ตรงกันข้ามกับแนวต้าน ขอให้พวกเราเปิ ดกราฟที่ให้ไป .........แล้วดูตรงวงกลมที่ 2 ทางด้านซ้ายมือ ตรงราคา 28.00 บาท จะเห็น ว่าหุน้ ได้ไปที่จุดสูงสุดนี้ หลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถผ่านไปได้ ตรงนี้ เราจึงถือ ว่าเป็ นแนวต้าน ถัดลงมาที่วงกลมที่ 1 สีชมพู ซ้ายมือ ที่ราคา 25.50 เราก็ จะเห็นเป็ นแนวต้านอีกเช่นกัน Volume
Page 4
.........คราวนี้ มาดูคาจากัดความเรื่อง Breakout กัน Breakout คือวันที่ราคา หุน้ ได้ทะลุผ่านแนวต้าน ขึ้ นไปด้วยช่วงของราคาในวันนั้นที่กว้าง (Spread กว้าง) อย่างมีนัยสาคัญ ส่วน Breakdown ก็เป็ นเรื่องตรงกันข้ามกับ Breakout หากเราแยกองค์ประกอบออกมาจะได้เป็ น ........1. ในวันนั้นราคาหุน้ ได้ทะลุแนวต้านขึ้ นมา ........2. มี spread ของราคากว้าง โดย spread ให้ดจู าก ราคาขณะนั้น ลบ ด้วยราคาปิ ดวันก่อน เช่น ราคาปิ ดวันก่อน 24.90 ราคาในขณะนั้น 25.50 แบบนี้ ถือว่ามี spread 3 ช่อง ....... 3. ขึ้ นมาแบบมีนยั สาคัญ หรืออาจใช้คาว่า มีโวลุ่มมา support เป็ น จานวนมาก ........4. ราคาจะต้องสามารถยืนเหนื อแนวเส้นเบรคได้ .......ถ้าเข้าองค์ประกอบเหล่านี้ เราเรียกว่าหุน้ มีการ Breakout แล้ว ถึงตรงนี้ มีคาถามมั้ยครับ ........Q. อาจารย์คะ spreadกว้างควรมีกี่ชอ่ งขึ้ นไปคะ ........Q. Spread ราคากว้างกาหนดได้ไหมคะว่าตั้งแต่ 3 ช่องขึ้ นไปถึงจะถือ ว่ากว้าง ........A. อย่างน้อย 3 ช่องขึ้ นไปจ้ะ ........Q.โวลุ่ม support นี่ ตอ้ งเยอะขนาดไหนครับ และราคายืนได้นี่คือ หมายถึงจบวันด้วยราคานี้ ใช่ม๊ยั ครับ Volume
Page 5
.........A. ประมาณโวลุ่มของวันเบรคก่อนหน้า หรือเอาวันที่หุน้ ขึ้ นล่าสุด (ที่ จริงเราอาจประเมินด้วยสายตาจากสถิติยอ้ นหลังได้) มันไม่สามารถกาหนด เป็ นตัวเลขแน่ นอนได้ .........ต่อมาเรามาดูความแข็งแกร่งของ Breakout .........1. ถ้ายิง่ มีชว่ งกว้างราคามาก จะมีความแข็งแกร่งกว่าช่วงราคาแคบ เช่น spread 8 ช่อง ย่อมแข็งแกร่งกว่า spread 3 ช่องเป็ นต้น เพราะการมี spread กว้างหมายถึงว่าในวันนั้น ณ จุดเบรคนั้น แรงซื้ อชนะแรงขาย อย่างราบคาบ ไม่มีใครประสงค์จะขายในราคานั้นแล้ว แต่หาก spread แคบ หมายถึงว่าแม้แรงซื้ อจะชนะแรงขาย แต่ก็เฉียดฉิว ความมัน่ คง หลังจากเบรคไปแล้วก็อาจไม่แน่ นอน และนี่ คือคาตอบว่าทาไม อ. จึงให้ซื้อ หุน้ เมื่อมันขึ้ นไปแล้ว 3 - 4 ช่อง แล้วยืนได้ .........2. หากในวันเบรค มีโวลุ่มมากเท่าไหร่ยงิ่ ดี แต่ตอ้ งไม่ถึง Free float หรือมากเป็ นประวัติการณ์ (แต่ spread แคบ) ทั้งนี้ เพราะ โวลุ่มจะเป็ น กาลังในการขับเคลื่อนให้ราคาวิง่ ไปได้ ถ้าไม่มีโวลุ่ม ราคาก็ไม่เปลี่ยนแปลง ถ้ามีโวลุ่มน้อย เหมือนกับให้ผหู้ ญิงไปเข็นรถกระบะ ถ้าโวลุ่มเยอะ ก็เหมือน ให้หนุ่ มกายาไปเข็นแทน ความแข็งแกร่งจองเบรคมีโวลุ่มจึงอยูต่ รงนี้ ........3. การ Breakout หากเบรคผ่านรอบระยะเวลายิง่ มากยิ่งดี เช่นเบรค ทาลายราคาในรอบ 20 ย่อมแข็งแกร่งน้อยกว่า เบรคระยะ 60 วัน เบรคระยะ 60 วันย่อมแข็งแกร่งน้อยกว่าเบรครอบ 100 วัน
Volume
Page 6
12:48 อ.เด็ก เบรค 100 วันย่อแข็งแกร่งไม่เท่าเบรค All time high เป็ น ต้น นี่ คือการวัดความแข็งแกร่งของ breakout มีใครมีคาถามมั้ยครับ .......Q.ถ้าโวลุ่มมากเป็ นประวัติการณ์จะไม่คอ่ ยดีหรอครับ .......Q.ข้อ2ค่ะ ในวันเบรคทาไมถึงโวลุ่มต้องไม่มากเป็ นประวัติการคะ .......A. หุน้ ทุกตัวจะมีส่วนที่หมุนเวียนอยูม่ รตลาดส่วนหนึ่ ง ส่วนที่หมุนเวียน นี้ เราเรียกว่า float ในส่วนของ float ยังมีส่วนที่เจ้ามือเอาไปเก็บไว้ในการ ทาราคา ส่วนที่เหลือจึงอยูใ่ นมือรายย่อย ถืออยู่ การวัด float เป็ นเรื่องยาก เราจึงประมาณการณ์วา่ โวลุ่มสูงสุดเป็ นประวัติการณ์คือ float ถ้าในวันไล่ ราคา หรือวันทา Breakout โวลุ่มออกมายังไม่ถึง float หรือมากเป็ น ประวัติการณ์ เราจึงพออนุมานได้ว่าเจ้ามือยังไม่ได้มีการแจกของเพื่อ เลิกเล่น เพียงแต่ลากราคาไปเพื่อจะออกของในระยะต่อไป แต่ถา้ หากโว ลุ่มมันมากเป็ นประวัติการณ์ จะอนุ มานไว้กอ่ นว่าหุน้ ถูกเปลี่ยนมือจากเจ้า ของเดิม ซึ่งรวมถึงของเจ้ามือด้วย แต่ถา้ หากมันมากถึง float แล้วช่วง spread ยังกว้าง แม้เราจะอนุมานว่าหุน้ ได้ถูกเปลี่ยนมือแล้ว แต่เราก็ยงั มีบททดสอบในวันต่อไปได้ เพราะ spread มันกว้าง เรายังมีเวลาหนี ทนั แต่ ถ้าแคบเราก็ไม่ควรอยูท่ ่ซู ี้ กับมันอีก Float มีความสาคัญซึ่งจะอธิบายแบบ ละเอียดในบทท้าย ๆ ตอนนี้ เอาแค่น้ าจิ้ มไปก่อน
Volume
Page 7
........เรามาดูตวั อย่างการเบรค จากภาพให้เราดูที่วงกลม 1 ทางขวามือ 17/9/56 เป็ นวันที่หนุ ้ เบรคเอ๊าท์ ทะลุเส้นแนวนอนที่พาดขวางวงกลม 1 ซ้ายมือ 24/7/56 แสดงว่าเป็ นการ Breakout ระยะ 60 วัน ความ แข็งแกร่งก็ง้นั ๆ ส่วนการ Breakout ที่เรียกว่า All time high ให้ดทู ี่วงกลม 2 ให้ดทู างซ้ายมือก่อน จะเห็นว่าราคา 28.00 เป็ นราคาสูงสุดที่ยงั ไม่ สามารถทาลายได้ ดูตรงสีแดง กว้าง ๆ ทึบ ๆ วันที่ 31/05/56 ในวันนั้น โวลุ่มมาแบบ Float และราคาก็ไม่ไป หนาซ้าติดลบอีก ยิ่งไปกว่านั้นเป็ น การเปิ ดสูงปิ ดตา่ ซะด้วยหมายถึงอะไรในวันนั้น หุน้ โวลุ่มมา Float เป็ นการ แตะมือกันระหว่างเจ้ามือกับรายย่อย แจกของเหมือนงานทิ้ งกระจาด วัดพนัญเชิง เข้าสูตรที่บอกเมื่อสักครู่ แบบนี้ หากใครดูกราฟไม่เป็ นต้องร้อง เพลง "มวลเขาอันป่ าใบเขียว คดลดเลี้ ยวพันเกี่ยว...." ดอยแน่ นอน แค่ 5 วันหันมารูส้ ึกตัว อ้าว อยูบ่ นดอยนี่ หว่า จาก 28 เหลือ 23.00
Volume
Page 8
........คราวนี้ หันมาดูวงกลม 2 ขวามือ วันที่ 15/10/56 หุน้ ได้ Breakout ขึ้ นไปทา All time high จะเห็นว่า spread ใช้ได้ คงขาดแต่โวลุ่มเท่านั้นที่ยงั ไม่มากพอ เรียกง่าย ๆ ว่าส่วนสูงใช้ได้ แต่น้ าหนักไม่ไหว เป็ นสนุ กเกอร์ เรียกว่าออกคิวดี แต่น้ าหนักไม่ได้ สุดท้ายจ่อ จากภาพที่ให้จะเห็นว่าสุดท้าย หุน้ ก็ตกกลับมาให้ setup กันใหม่อีก และนี่ ก็คือเรืองของ Breakout ส่วน Breakdown ก็ไปลองคิดดู มันตรงกันข้ามกันเท่านั้นแหละ Breakout เราจะ ใช้ประกอบในการตัดสินใจเข้าซื้ อ Q: อาจารย์ การ breakout พอมองออกแล้ว แต่การพักเสร็จ อะคะที่ ยังเป็ นปั ญหา รบกวนอาจารย์ เน้นยา้ จุดนี้ ให้หน่ อยอะคะ A: หลังหุน้ มีการเบรคราคาและก็พกั ตัว เรารูว้ า่ ลักษณะการพักตัวก็ คือราคามีการย่อตัว หรือไม่มีการทาไฮเพิ่มเติม spread หรือช่วงราคา เริ่ม แคบลง วอลุ่มเริ่มลดลงในวันต่อๆ มา หลังจากเบรคแล้ว เช่นวันเบรคมีชว่ ง หรือ spread ไป 15 ช่อง vol 30 ล้านหุน้ แต่วนั ต่อมามีการพักตัว ช่วง ราคาอาจอยู่ 3-5 ช่อง vol ในช่วงพักตัว อาจซื้ อขายแค่ 10 ล้านหุน้ และ อาจเริ่มลดลงเรื่อย ๆ หรือใกล้เคียงกัน แต่สญ ั ญาณพักเสร็จก็คือ เมื่อช่วง ของราคามีความกว้างขึ้ นกว่าวันก่อนหน้าอย่างมีนยั ยะ เช่นวันก่อนหน้า เฉลี่ยๆ 3-4 ช่อง แต่วนั นี้ มี spread เกิดขึ้ น 7-10 ช่อง พร้อมมี volume support ตามเกณฑ์ 1/9 สาหรับครึ่งชม. หรือ 1/4 สาหรับ 1 ชม.ของวัน ก่อนหน้า อย่างนี้ เรียกว่าพักเสร็จครับ ใช้ถือเป็ นไม้แรกในการเข้าซื้ อได้ แต่ การพักเสร็จไม่ใช่จุดบอกนะครับว่าหุน้ จะ Breakout ทันที อาจเป็ น แค่สญ ั าณเข้าซื้ อไม้ 1 ครับ Volume
Page 9
ตัวอย่างลักษณะการพักเสร็จของราคา
ตัวอย่างลักษณะการพักเสร็จของราคา พร้อม Breakout ใหม่
Volume
Page 10
ปริมาณการซื้อขายนาหน้า หรือไปพร้อมกับราคา By อาจารย์ Dekladprao
โดยปกติแล้วการเคลื่อนไหวของราคาหุน้ นอกจากจะดูปริมาณการซื้ อขาย เป็ นสิ่งยืนยันแล้ว เราอาจจะต้องดูจงั หวะการเปลี่ยน แปลง ของโวลุ่มด้วย โดยปกติปริมาณการซื้ อขาย จะต้องนาหน้าการเปลี่ยน แปลงของ ราคา ถ้าราคาขึ้ นแต่ไม่มีโวลุม่ แสดงว่าหุน้ ไม่ขึ้นจริง แต่ถา้ มีโวลุม่ ขึ้ น นาไปก่อน แล้วราคาขึ้ นตามมา จะยืน ยันการขึ้ นจริงแน่ๆ แล้วถ้าเผื่อว่าราคาวิ่งนาไปก่อนหน้าหลายช่วงตัว แล้วโวลุ่มเพิ่งจะวิง่ ตามมาล่ะ แบบนี้ จะมีความเสี่ยงว่าจะเป็ นการชักรอกขึ้ นไปเพื่อโยนหุน้ (โว ลุ่มที่ตามมานัน่ แหละ) ในช่วงราคาตกก็เช่นกัน ถ้าราคาตกโดยไม่มีโวลุ่ม แสดงว่าไม่ตกจริง แต่ถา้ โวลุ่มเพิ่มขึ้ นก่อน ต่อมาราคาจึงตก จะยืนยันการตกจริงของหุน้ PTL เช้านี้ ขึ้ นไปแตะ 12.40 กาอนจะมาปิ ดที่ 12.20 ถ้าตามกลยุทธ ที่เราวางไว้ เราจะเข้าที่ 12.00 ล็อต 2 อีก 20000 หุน้ และล็อต 3 ที่ 12.30 อีก 20000 หุน้ เป็ นอันว่าตอนนี้ เรามี PTL 60000 หุน้ ราคา Volume
Page 11
เฉลี่ย 12.00 แต่เราจะยังไม่ขาย รอจนกว่าจะมีสญ ั ญาณขายเกิดขึ้ น และรอ เข้าล็อตสุดท้ายที่ 12.60 อีก 20000 หุน้ ขอแถมวิเคราะห์ตวั นี้ ให้อีกนิ ด วันนี้ Breakout ขึ้ นไปอีก ด้วย Spead ที่กว้าง และมีโวลุ่ม Support พอประมาณ ซึ่งเราจะเห็นว่าก่อนปิ ดภาคเช้า หุน้ กาลังทา Correction สลัดพวกศิษย์ทรยศให้ออกไปจากตลาดก่อน เดี๋ยว บ่ายหากแรงขายทากาไรเริ่มน้อยลง ๆ (ราคาลง โวลุ่มไม่มา แสดงว่า...) จนหมดไป และมีโวลุ่มทะลักเข้ามา จะดึงหุน้ ขึ้ นเบรคไปอีก แต่ท้งั นี้ เป็ นการ วิเคราะห์จากความรูท้ ี่ให้ไปเท่านั้น ให้เราลองหลับตาแล้วคิดว่าเราเป็ นเม่าใหม่ และซื้ อ PTL เมื่อวันศุกร์ เอาราคาเดียวกับเราก็ได้ วันนี้ เค้าจะคิดอย่างไร ผมเชื่อแน่ วา่ จิตใจมันจะสัน่ ใจหนึ่ งก็อยากได้กาไรมาก ๆ อีกใจหนึ่ งก็กลัว ยิง่ ตลาดลบแบบนี้ มันยิง่ บีบ หัวใจจอร์จมาก ยิ่งชัว่ โมงสุดท้ายก่อนตลาดปิ ด การซื้ อขายยิ่งลดลง ๆ ราคา ก็ลดลง ๆ ไม่ไปต่อ ผมเชื่อว่าเม่าส่วนใหญ่จะรีบคายหุน้ ออกเพื่อเอากาไร พอขายเสร็จก็ไปนัง่ โม้กบั เพื่อน บางคนก็จะประกาศตัวเป็ นเซียนสอนคนอื่น ทันที 555 ไอ้ที่ขายออกมานี่ แหละครับ มันเป็ นกลยุทธตัดไฟต้นลม ให้กาไรนิ ด หน่ อยแล้วให้ออกไปจากตลาดตัวนี้ ซะ ดีกว่าให้ไปเป็ นแรงต้านในราคาสูง กว่านี้ และบางทีกลุ่มคนเหล่านี้ พอยืนร้องไห้ส่งรถหมูเสร็จ จะเข้ามาช่วย ซื้ ออีกครั้งในราคาที่สงู กว่านี้ แล้วแบบนี้ หุน้ มันจะไม่ไปได้อย่างไร
Volume
Page 12
ปริมาณการซื้อขายจะเป็ นสิ่งยืนยันแนวโน้มหุน้ By อาจารย์ Dekladprao (ภาพด้านล่างเอามาใส่เพิ่ มไม่เกี่ ยวข้องกับเนื้ อหาแต่อย่างใด)
หุน้ นั้นถ้าไม่มีการซื้ อขาย ราคาก็จะไม่เคลื่อนไหว ราคาจะเคลื่อนไหว ได้จะต้องมีการซื้ อขาย นั ่นก็คือต้องมีโวลุม่ เข้ามา แต่หนุ ้ หากเปรียบ เหมือนรถยนต์ ราคาก็คือพวงมาลัย และโวลุ่มก็คือเชื้ อเพลิง รถจะวิง่ ได้ไกล ต้องมีเชื้ อเพลิงบรรจุมากพอ แต่รถจะวิ่งไปทางไหน ขึ้ นอยูก่ บั พวงมาลัย หรือราคาของหุน้ นัน่ เอง ดังนั้น การดูแนวโน้มของหุน้ จะบอกได้วา่ หุน้ จะไปในทิศทางขึ้ น หรือ ลง ในขฯะที่ปริมาณการซื้ อขาย จะช่วยยืนยันแนวโน้มว่าจะเป็ นจริงหรือไม่ ถ้าราคาขึ้ นไปเรื่อย ๆ พร้อมด้วยปริมาณการซื้ อขายที่เพิ่มขึ้ น แสดง ว่าหุน้ มีแนวโน้มขาขึ้ น เช่น PTL Volume
Page 13
ถ้าราคาตกลงมาเรื่อย ๆ พร้อมด้วยปริมาณการซื้ อขายที่เพิ่มขึ้ น แสดงว่าหุน้ มีแนวโน้มขาลง เช่น KK ดังนั้น ถ้าหุน้ ราคาสูงขึ้ น แต่ปริมาณการซื้ อขายกลับลดลงเรื่อย ๆ แสดงว่าหุน้ จะกลับตัว หรือพักตัวหรือพักตัวในไม่ชา้ ถ้าหุน้ ตก แต่โวลุ่มน้อยลงเรื่อย ๆ แสดงว่าหุน้ จะหยุดตกในไม่ชา้
Volume กับแนวรับแนวต้าน By อาจารย์ Dekladprao
วิธีการหาแนวรับ แนวต้านง่าย ๆ 1. จุดสูงสุดและตา่ สุดเก่า เป็ นจุดที่นักลงทุนใช้เป็ นข้อมูลว่า ควรจะซื้ อและ ขายบริเวณนี้ Volume
Page 14
2. จุดราคาที่เป็ นเลขถ้วน ๆ เช่นแนวต้านที่ราคา 40 หรือ 100 เป็ นต้น 3. จุดทางจิตวิทยาที่แข็งแกร่ง ได้แก่จุดที่หนุ ้ เปิ ดช่องว่าง (Gap) ไว้กอ่ น หน้านี้ เช่น หุน้ ปิ ดเมื่อวานราคา 40 เปิ ดวันนี้ 41 แล้วขึ้ นไป จุดราคา 41 จะเป็ นแนวรับทันที หุน้ ขาลงก็เช่นกัน 4. จุดที่แนวค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่พาดผ่าน เป็ นได้ท้งั แนวรับและแนวต้าน 5. จุดที่ราคาตกลงมาพัก (Retrenchment) เช่น Fibonacci คือหุน้ ขึ้ นไปแล้ว พักตัวลงมาจากจุดสูงสุด เป็ น 1/3 , 1/2 , 2/3 ของราคาสูงสุดถึงตา่ สุด เป็ นต้น เช่น หุน้ ขึ้ นจากราคา 40 ไปถึง 60 จะตกมาพักตัวที่ราคา 53, 50 , 46 แล้วขึ้ น เป็ นต้น
เมื่อเราหาจุดที่น่าจะเป็ นแนวรับ แนวต้านได้แล้ว วิธีการที่จะดูวา่ แนว เหล่านั้น น่ าเชื่อถือเพียงใด มีหลักการดังนี้ .1. จุดนั้น ถ้ามีปริมาณการซื้ อขายมากเพียงใดก็ยิ่งน่าเชื่อถือมากตาม 2. จุดนั้นเป็ นจุดที่หยุดหุน้ ที่ขึ้น หรือลงมาอย่างแรงเพียงใด ก็น่าเชื่อถือ ตามไปด้วย เช่น หุน้ ขึ้ นมาอย่างแรงมาก เช่นขึ้ นมา 50 % รวดเดียว ถ้าไป เจอจุดที่หยุดตกการขึ้ นได้ทนั ที ก็น่าเชื่อถือได้ว่าเป็ นแนวต้านที่ แข็งแรง 3. จุดที่อา้ งอิง ถ้ายิง่ ใกล้จะยิง่ น่ าเชื่อถือมากกว่า เช่นจุดสูงสุดเมื่อ 1 ปี ก่อนที่ราคา 40 บาท และจุดสูงสุดเมื่อ 6 เดือนก่อนที่ 38 จะได้วา่ 38 เป็ นแนวต้านที่น่าเชื่อถือมากกว่า Volume
Page 15
Volume กับ การเคลื่อนไหวของหุน้ By Dekladprao
การเคลื่อนไหวของหุน้ จะมีอยู่ 3 แบบด้วยกัน คือ 1. การเคลื่อนไหวออกแนวข้าง (Sideway) 2. การเคลื่อนไหวขึ้ น (Moving Up) 3. การเคลื่อนไหวลง (Moving Down) 1. Sideway คือการเคลื่อนตัวของราคาหุน้ ระหว่างแนวรับ กับแนว ต้าน โดยหากมองดูกราฟจะเห็นเป็ นลูกคลื่น ซึ่งอาจจะมีการขึ้ นลงได้หลาย รอบ ผูเ้ ล่นที่สนั ทัดจะอาศัยจังหวะที่หนุ ้ อยูใ่ นช่วงนี้ เล่นรอบ หรือเล่นตาม กรอบ โดยใช้หลัก ซื้ อให้ใกล้แนวรับ และขายใกล้ ๆ แนวต้าน ดังนั้น การ อ่านแนวรับ แนวต้านที่แม่นยา จะช่วยในการเล่นกรอบได้ดี Volume
Page 16
2. Moving Up เป็ นการเคลื่อนที่ของราคาหุน้ ทางขึ้ น ต่อจากการการ Sideway โดยเมื่อหุน้ เคลื่อนตัวมาแบบ Sideway นานพอสมควร ก็ทะลุแนว ต้านขึ้ นไปด้วยโวลุ่มที่มากอย่างมีนัยสาคัญ และขึ้ นต่อไปกลายเป็ นขาขึ้ น
ข้อสังเกตของหุน้ ที่ sideway แล้วจะทะลุขึ้นนั้น ให้สงั เกตว่าหุน้ จะ ค่อย ๆ ทา Higher Low คือยกจุดต ่าสุดขึ้ นเรื่อย ๆ ในขณะที่แนวต้านจะ ไม่มีการขยับ หรือขยับน้อยมาก หากดูในกราฟแล้วจะเห็นเป็ นรูปชายธง ยิ่งไซร้นานเท่าไหร่ ยิ่งสร้างความสยิวและ/หรือสร้างความราคาญให้กบั ผู้ ถูกไซร้มากเท่านั้น แบบนี้ เมื่อหุน้ ทะลุจะไปได้ไกลกว่า อธิบายทางจิตวิทยา มวลชนคือ ผูท้ ี่อยากได้หนุ ้ เมื่อไม่ได้หนุ ้ ก็พยายามขยับให้ราคาสูงขึ้ น จุด Low จึงยกขึ้ นเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อราคาหุน้ ก็พยายาม กดราคาหุน้ เอาไว้ เพื่อให้ได้ราคาที่ตา่ และสร้างแรงกดดันให้กบั คนที่อยาก
Volume
Page 17
ขายหุน้ ราคาแนวต้าน (กรอบบนจึงไม่มีการขยับ หรือขยับน้อยมาก) คราว หลังเมื่อเราเจอแบบนี้ จะได้ดภู าพออก 3. Moving Down จะเป็ นการเคลื่อนที่ของหุน้ ต่อจาก sideway ในทาง ลง โดยเมื่อหุน้ เคลื่อนตัวแบบ Sideway นานพอสมควร ก็ทะลุแนวรับลงไป ด้วยโวลุ่มที่มากอย่างมีนัยสาคัญ และลงต่อไปกลายเป็ นขาลง
จุดสาคัญที่ตอ้ งจาคือ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง การเคลื่อน ไหว ไม่ ว่าจะทะลุกรอบบน หรือลงกรอบล่าง จะต้องมีปริมาณการซื้ อขายที่มาก มาสนับสนุนเสมอ ร่วมกันกับช่วงการซื้ อขายที่กว้างมากในวันที่ เปลี่ยนแปลง การเคลื่อนไหวนั้นจึงจะมีนัยสาคัญ พูดง่าย ๆ ถ้าเป็ นการขึ้ น แรงซื้ อก็ชนะแรงขายโดยสิ้ นเชิง ถ้าเป็ นการ ลง แรงขายชนะแรงซื้ อ แต่ถา้ หุน้ ตกตา่ กว่าแนวรับแต่โวลุ่มน้อย แสดงว่าไม่ ตกจริง อาจเป็ นการเขย่าให้ลิงตกต้นไม้เท่านั้น เพราะการจะเอาหุน้ จากมือ ต้องสร้างความกลัวให้เกิดขึ้ นก่อนเท่านั้น หรือหากทะลุแนวต้านด้วยโวลุ่มที่ Volume
Page 18
น้อย แสดงว่าเป็ นการลากโชว์เพื่อดูวา่ มีรายย่อยตามมากน้อยแค่ไหน จะได้ ประเมินถูกว่ามีใครพร้อมจะเข้ามาแย่งหุน้ มากน้อยแค่ไหน แบบนี้ โอกาสจะ ตกกลับเพื่อเอาหุน้ กลับคืนมีมาก
Volume กับการเล่นหุน้ แบบ BreakOut By Dekladprao
เล่นหุน้ แบบ Breakout คือเล่นเมื่อหุน้ ทะลุแนวต้านขึ้ นไปแล้ว ที่เล่นแบบนี้ เพราะมีหลักว่า หุน้ เมื่อทะลุแนวต้านขึ้ นไปแล้ว คนส่วนใหญ่จะไม่ขาย Volume
Page 19
หุน้ ออกมา เพราะเห็นว่าหุน้ ทะลุขึ้นมาแล้ว แรงซื้ อชนะแรงขายอย่าง แน่นอนแล้ว ในช่วงที่เริ่มทะลุขนมาจะเป็ ึ้ นการ Follow Through กระหนา่ ซัดแรงขายที่เพลี่ยงพล้าแล้ว หุน้ จึงขึ้ นต่อได้อย่างง่าย และมากด้วย ยิ่งถ้า ทะลุแนวต้านสุดท้าย คือทาจุดสูงสุดตั้งแต่เข้าตลาด (All time high) จะยิง่ มี ความสาคัญมาก เพราะแรงขายจะน้อย หุน้ จะไปไกลมว๊าก ๆ ความยากของการเล่นแบบนี้ อยูท่ ี่นอกจากจะดูแนวต้านเก่งแล้ว ยัง จะต้องดูเรื่องการ Breakout ให้เป็ นอีกด้วย (อ่านทบทวนย้อนหลังดู) แต่จะ สรุปเรื่อง Breakout ให้ฟังสั้น ๆ คือ -- หุน้ จะต้องทะลุผ่านแนวต้าน และ -- ในวันที่หนุ ้ ทะลุแนวต้าน จะต้องมีโวลุม่ ในการเทรดมาก (คาว่ามาก อาจเทียบจากโวลุ่มการเบรคครั้งก่อนได้ หากยิง่ มากเท่าไหร่ยิ่งดี และ -- ในวันเบรคจะต้องมีชว่ งกว้างราคาที่มากเพียงพอ (ยิ่งมากยิ่งดี แสดงให้ เห็นว่าแรงซื้ อชนะแล้ว) ถ้าเข้าเงื่อนไข 3 ข้อนี้ ถือว่า Breakout ตัวอย่างวันนี้ เช่น หุน้ ที่เราจับ มาทา Demo แล้วรอซื้ อ นัน่ คือ Hmpro นัน่ เอง จะเห็นว่ากว่าจะซื้ อได้ตอ้ ง อดทนรอ
Volume
Page 20
แค่ดู Volume ได้ ก็ มันส์ แล้ว By WaveRaider ใน Indicator บนกราฟทั้งหลาย มี 1 อย่าง ที่มาคูก่ บั ราคาเสมอ คือ VOLUME - ปริมาณการซื้ อขาย ที่ประกาศพร้อมๆ ราคา อยูท่ ุกวัน.. ยังไม่ เคยพูดถึง .. Volume เลย ว่าดูยงั ไง ..จะว่าง่ายมันก็ง่ายนะ แต่บางทีมนั อาจจะง่ายเกินไป รึเปล่าจ๊ะ ไม่เห็นมีใครเอามาพูดถึง ตอนใช้วเิ คราะห์ ในการเทรดจริงกันเลย ... อืม... นัน่ ดิ . ก่อนจะไปรูจ้ กั กับ Volume ให้มากขึ้ น มาทาความเข้าใจให้ลึกซึ้ งกับ 2 ประโยคนี้ ก่อน
“หุน้ จะหยุดลง เมื่อผูค้ นหยุดขาย” “หุน้ จะหยุดขึ้น เมื่อไม่มีใครอยากซื้อ” ... ราคาหุน้ ที่ขนลงในแต่ ึ้ ละวัน ไม่ได้อยูท่ ี่พนฐาน ื้ หรือ ผลประกอบการ ของบริษัทฯ แต่ ราคาหุน้ ที่ขึ้นลง มันเป็ นไปตามความต้องการของผูค้ นใน ตลาด ที่อยากจะซื้ อ-และอยากจะขาย ถ้าไม่มีคนอยากซื้ อ และอยากขาย ในราคาเดียวกันเกิดขึ้ น หุน้ นั้นๆ ก็ไม่สามารถเกิดการซื้ อขายขึ้ นได้ Volume
Page 21
ดังนั้น การไหลลงของราคาอย่างรุนแรง มันแสดงถึงผูค้ นในตลาด เกิด อาการ "กลัว" อย่างรุนแรง กลัวอะไร ???................กลัวไม่ได้ขายไง จึง ยอมขายทุกราคา .... ลงมาตา่ แค่ไหน กรูก็จะขาย... .ในทางกลับกัน หุน้ ที่ วิ่งขึ้ น วิ่งขึ้ น และวิ่งขึ้ น อย่างที่ไม่เคยรอใคร ขึ้ นทีเดียว กิน Offer ไปเลย 3 ช่อง.. ก็อาจจะเคยเห็นกัน ... นัน่ เป็ น อาการ ของผูค้ นในตลาด มีความอยากได้หุน้ มากๆๆๆๆๆๆ ราคาไหน มาเลย กรู หน้ามึดแล้ว ซื้ อหมด .. ขึ้ นสูงแค่ไหนก็ซื้อ เพราะ "กลัว" กลัวอะไร ????... กลัวซื้ อไม่ได้ ไง .... เลยแย่งกันซื้ อ... แพงกว่าก็ซื้อ .. . ทาไมล่ะ เราปฎิเสธไม่ได้หรอกว่า นัน่ เป็ นเพราะ ความโลภและความ กลัว ที่อยูใ่ นตัวคนทุกคน GREED and FEAR ... อยากรวย..อยากกาไร...จึง "ซื้ อ" ... กลัวขาดทุน กลัวกาไรน้อย.. จึง "ขาย"... Volume ของการซื้ อขายในแต่ละวัน เมื่อมาอยูใ่ นโปรแกรมกราฟ มัน บอกอะไร เรา Volume ก็ไม่เห็นจะบอกอะไร ก็เป็ นเพียง แท่งสั้นยาว ในแต่ละวัน ... ไม่เห็นจะมีอะไรเลย . ถ้าอย่างนั้น ลองใหม่ ลองมาปรับแต่ง Volume ด้วยหลักการง่ายๆ ... เปรียบเทียบ Volume ของวัน ปั จจุบนั เทียบกับ 5 วันที่ผ่านมา .... Volume
Page 22
.. ถ้า Volume มากขึ้ น กว่า 5 วันที่ผ่านมา แสดงว่ามีคนซื้ อขายมากกว่า ปกติ .... ดังนั้นถ้าในวันที่มีการซื้ อขายมาก แล้ว ราคา ขึ้ นเป็ น แท่งสีเขียว ก็ น่ าจะเป็ นข้อสรุปได้วา่ "มีคนแย่งกันซื้ อ" และ ถ้า Vol. มาก แล้ว ราคาลงเป็ นแท่งแดง .. ก็น่าจะสรุปได้วา่ "มีคน
แย่งกันขาย" .. เพื่อเป็ นการเปรียบเทียบให้ดงู ่าย ขึ้ นใน หลักการนี้ ขอปรับแต่ง Volume โดยใส่เส้นค่าเฉลี่ย EMA 5 day เข้าไปซะหน่ อย..
Volume
Page 23
.จะเห็นว่า Volume มีเส้นสีเขียว เป็ นเส้น EMA5 วิง่ ผ่านระหว่างแท่ง แล้ว นัน่ ก็หมายความว่า วันไหนที่ Volume อยูส่ งู กว่าเส้น ก็เป็ นวันที่มีปริมาณการซื้ อขายสูงมากกว่า ค่าเฉลี่ย ของ 5 วันที่ผ่านมา ก็น่าจะถือได้วา่ เป็ น "สภาวะที่ น่ าสนใจ"... ยิ่ง สูงกว่ามากๆ ยิ่งน่ าสนใจ .... . จากการเฝ้ าสังเกตุ ... แท่งราคา กับ Volume ก็พบว่า . . . . . . บางวัน แท่งราคายาว Volume มาก.... . . . . . . บางวัน แท่งราคาสั้น จุด๊ ๆๆ Volume น้อย... .แต่. . . .บางวัน แท่งราคาสั้น ... แต่ Volume กลับสูงมาก .... อืมๆๆ .และบางวัน .. แท่งราคายาว เชียว ... แต่กลับ มี Volume นิ ดเดียว ..... สิ่งเหล่านี้ มันบอกอะไร เรา.... จริงๆแล้ว มันอยูใ่ นใจมานานหลายปี เลย แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน .. จนเมื่อไม่นานมานี้ ได้อ่านหนังสือของต่างประเทศ ... มีนักเทคนิ คหลาย คนที่ให้ขอ้ สรุปตรงกัน .. แค่อธิบายเป็ นตัวหนังสือ ก็คงจะเข้าใจยาก .. .เอาเป็ นว่า สรุปให้ดเู ป็ น รูปก็แล้วกัน
Volume
Page 24
.. อันแรก Trend -- แท่งราคา ยาว Volume มาก .. ชื่อก็บอกอยูแ่ ล้วว่า Trend แปลว่า มีทิศทาง คือ .. ถ้าแท่งราคาเขียวยาว ก็ Trend UP .. ถ้าแท่งราคาแดงยาว ก็ Trend DOWN .. อันสอง Fake -- แท่งราคายาว แต่ Volume น้อย .. ชื่อก็บอกอยูแ่ ล้ว ว่า มันแหกตา.. หลอกลวงกัน... .. ถ้าแท่งราคาเขียวยาว ก็ขนไม่ ึ้ นาน ... ถ้าแท่งราคาแดงยาว .ก็ลงไม่นาน . อันที่สาม Weak -- แท่งราคาสั้น และ Volume น้อย .ก็แปลว่า มัน อ่อน อ๊อน อ่อน ไม่มีแรง .... จะเขียว จะแดง ก็ แรงไม่มี หมดแรง ไม่ไปไหน.. Volume
Page 25
. เป็ นช่วงพักตัว ..จะออกข้าง หรือไหลลง . อันสุดท้าย Squat -- แท่งราคาสั้นๆ แต่ Volume ท่วมท้น .... อันนี้ ล่ะ บ่ะเลย .. ถ้า เจอแบบนี้ นะ ต้องเตรียมเลย.. Squat แปลว่านัง่ ยองๆ ... . . . ... ถ้าเจอ Squat สีเขียว มันคือกบนัน่ เอง กบที่นัง่ เตรียมพร้อมจะ กระโดดขึ้ นอย่างสุดแรง ... แต่ถา้ เจอ Squat สีแดง อันนี้ น่ ากลัว เพราะน้องกบโดนตบ จนเลือด สาดช้าใน ต่อไปคงสิ้ นใจตกใบบัวตาย.... .แถมให้ อีก 2-3 อย่างเกี่ยวกับ การ ดู Volume ที่ สังเกตเห็น .... - การที่ราคาวิ่งมาระยะหนึ่ง แล้วจูๆ ่ Volume มาก และราคาวิ่งขึ้ น/ ลงอย่างเร็ว อาจจะมีการเปิ ด Gap ด้วย แสดงว่าใกล้จบแล้ว” - การที่ราคาวิ่งมาขึ้ นมาดีๆ จู่ Volume เริ่มเบา แต่ราคาขึ้ นต่อ.. ระวังแรงขาย - เมื่อพบ Volume Divergent คือ ราคาถอยพักลงมาแล้ว กลับตัวขึ้ น ต่อทา New High แต่ราคาสูงอันใหม่ Volume กลับน้อยกว่ายอดสูงอัน เดิม --> ใกล้เปลี่ยนทิศ
Volume
Page 26
Volume กับข่าว Volume นับเป็ นเครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิ คหนึ่ งที่สาคัญที่ชว่ ย ยืนยันแนวโน้ม หรือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแนวโน้ม ซึ่งหลายครั้งการเปลี่ยนแปลงของราคาหุน้ มักจะมีผรู้ ขู ้ อ้ มูลภายใน เสมอ และมักจะสะท้อนออกมาในเชิงของปริมาณการซื้ อขาย ที่จะเห็นว่า ราคาปรับตัวสูงขึ้ นพร้อมปริมาณการซื้ อที่มากขึ้ นกว่าปกติ โดยส่วนใหญ่หากหุน้ ปรับตัวขึ้ นก็มกั จะมีขา่ วดี รอไว้ขา้ งหน้า เช่น การประกาศผลประกอบการที่ดีเกินคาด การควบรวมกิจการ การถูกเข้า ซื้ อกิจการ การจ่ายปั นผลระหว่างการ ข่าวชนะการประมูล หรือได้ สัมปทาน เป็ นต้น ส่วนการปรับตัวเชิงลบที่ปรับตัวลงก่อนพร้อมกับปริมาณการขายที่ ออกมามากกว่าปริมาณการซื้ อขายปกติ นั้น ก็จะมีขา่ วร้ายตามมาให้เห็น เช่นกัน ได้แก่ ข่าวผลประกอบการที่แย่เกินคาด การถูกถอดออกจากดัชนี สาคัญเช่น MSCI หรือ SET50 , SET100 ยกตัวอย่างเช่น ใน KK มีการขึ้ น SP
Volume
Page 27
DTAC ประกาศปั นผล
Volume
Page 28
ดังนั้นการวิเคราะห์ทางเทคนิ ค จะช่วยเห็นพฤติกรรมของนั กลงทุนใน ตลาดว่าเป็ นอย่างไร ก่อนข้อมูลจริงจะเปิ ดเผยออกมา ซึ่งบ่อยครั้ง ราคาหุน้ มักจะอยูท่ ี่ใกล้ระดับยอดหรือปลายแนวโน้ม เมื่อมีขา่ วประกาศที่ได้รบั รูท้ วั ่ กัน ซึ่งจะสอดคล้องกับ ทฤษฎี Sell on fact (ขายเมื่อทุกคนรับทราบข้อมูล แล้ว) แต่หากนั กลงทุนทัว่ ไป ที่ไม่ได้สนใจในพฤติกรรมราคา ก็มกั จะเป็ น เหยื่อ เพราะไม่ได้เห็นถึงภาพของราคาที่มีการปรับตัวขึ้ นหรือลงก่อนหน้า ที่จะมีขา่ วออกมา ซึ่งหลายราคาสามารถเปลี่ยนแปลงล่วงหน้ามาก่อนเป็ น 10-20%เลยทีเดียว และหลายครั้งการวิเคราะห์ทางเทคนิ คมักจะเห็นข้อมูลดีๆ ก่อนที่ ข้อมูลปั จจัยพื้ นฐานจะมาสนับสนุ นเสียอีก ดังตัวอย่างที่กอ่ นหน้านี้ ในปี 2010 เราเคยได้ยินว่าบริษัทค้าปลีกสองบริษัทแข่งประมูลจะเข้าซื้ อห้างค้า ปลีกใหญ่จาก ฝรังเศส ซึ่งหุน้ ทีมาเต็งหนึ งกับราคาลดลงสวนทางกับหุน้ เต็ง สองที่ราคาปรับตัวขึ้ นก่อนวันประกาศผลดีล ถึงสองวันก่อนหน้า ทั้งๆที่ Volume
Page 29
ผูบ้ ริหารหรือพนักงานของบริษัทที่ประมูลได้หรือถูกประมูลจะรับรูเ้ สียอีก ไม่เชื่อก็ลองไปเช็คกราฟกันดู
ดังนั้นนักลงทุนผูป้ ระสบความสาเร็จส่วนใหญ่เลือกใช้ Volume เป็ น เครื่องมือในการวิเคราะห์เป็ นอันดับต้นๆ ควบคูก่ บั กราฟแท่งเทียน เพื่อ บอกความสัมพันธ์ของแนวโน้มและแรงซื้ อขาย รวมถึงมีส่วนในการยืนยัน สัญญาณทางเทคนิ คควบคูก่ บั indicators อื่นๆ ด้วย
Volume
Page 30
การวิเคราะห์วอลุม่ การวิเคราะห์ทางเทคนิ คด้วยวอลุ่มนั้นมีในหลายรูปแบบ ซับซ้อน ซึ่งอาจทาความเข้าใจง่ายๆ ได้คือ
แต่ไม่
1.การเคลื่อนที่ของวอลุม่ และราคามักจะเป็ นไปตามแนวโน้ม ดังนั้นแนวโน้มขาขึ้ น แรงซื้ อ ต้องมากกว่าแรงขาย ดังนั้นแท่งเทียนที่ ปรับตัวขึ้ นบวกต้องมีวอลุ่มมากกว่าแท่งเทียนที่ปรับตัวลง ส่วนแนวโน้มขาลง แรงขายต้องมากกว่าแรงซื้ อ ดังนั้น แท่งเทียนสีดา (หรือแท่งสีแดง)ที่บอกภาพลบต้องมีวอลุ่มมากกว่าแท่งเทียนที่เป็ นภาพซื้ อ สีขาว ในตลอดแนวโน้มขาลง
หากภาพของวอลุ่มไม่สอดคล้องกับแนวโน้มดังกล่าวแล้ว
Volume
ก็อาจจะเป็ น
Page 31
สัญญาณเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มที่จะ เกิดขึ้ นในอนาคตอันใกล้ได้ 2.เมื่อวอลุม่ เคลื่อนที่ไม่สอดคล้องกับราคา จะบ่งบอกถึง Trend หรือแนวโน้มข้างหน้าว่ากาลังเปลี่ยนไป เช่น เมื่อราคาหุน้ ปรับขึ้ นทา New high ใหม่ในแต่ละรอบ แต่กลับมี ปริมาณการซื้ อขายที่น้อยลง ก็บ่งบอกว่าแนวโน้มขาขึ้ นที่เห็นนั้นกาลังอ่อน แรง และอาจเปลี่ยนแนวโน้มได้ในไม่ชา้ (เสมือนพลุที่หมดเชื้ อเพลิง) ส่วนแนวโน้มในตลาดขาลงที่มีวอลุ่ม เริ่มลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ก็จะบ่ง บอกถึงแรงขายได้ใกล้หมดลงแล้ว จึงทาให้แรงซื้ อจะกลับมาชนะแรงขายอีก ครั้ง และตลาดจะปรับตัวเป็ นขาขึ้ นอีกรอบ
การอ่าน Volume สามารถยืนยันได้ถึงเทรนที่แข็งแรง หรือ เตือนเรา ว่าเมื่อไหร่ที่เทรนกาลังอ่อนแอ Volume ที่เพิ่มขึ้ น จะบอกได้วา่ เทรนนั้นมี ความแข็งแกร่ง และเมื่อ Volume ลดลง ก็เป็ นสัญญาณเตือนว่า เทรนที่ กาลังเป็ นอยูน่ ้ัน กาลังหมดแรงและอาจใกล้ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนเทรนแล้ว Volume
Page 32
โวลุ่มที่สงู (พรวดพราด) หลังจากที่โวลุ่มอ่อนค่าลงไป มักจะเป็ น สัญญาณว่าเทรนกาลังจะเปลี่ยนไป จุดที่น่าทาการซื้ อขายที่สุด ให้สงั เกต เมื่อมีปริมาณการซื้ อขายสูงๆ ที่บริเวณแนวรับแนวต้านที่สาคัญ ปริมาณ การซื้ อขายนี้ สามารช่วยตรวจสอบได้ถึงการ Breakout ของราคา ว่าจริง หรือหลอก
จับสัญญาณ Selling Climax By VSAthai
Selling Climax จะพบให้หุน้ ที่มีลกั ษณะ วอลุม่ เพิ่มมากขึ้ นอย่างมหาศาล ช่วงราคากว้าง แต่ราคาปิ ดต ่ามาก เพราะเกิดจากการขายอย่างตืน่ ตระหนก ทุกคนขายเพื่อหนีตาย แต่เพราะมีการลดราคาอย่างมาก คนที่ Volume
Page 33
มีประสบการณ์ก็จะเห็นเป็ นโอกาส พวกเสือปื นไวเหล่านี้ จะเข้าซื้ อในจังหวะ climax แต่ส่วนใหญ่ก็จะขายทิ้ งในเวลาอันสั้น จึงแนะนาให้เล่นแบบ day trade (ไม่เกิน 2-3 วัน) เท่านั้น เพราะหุน้ ยังอยูใ่ นอิทธิพลของขาลง รอ จนกว่าวอลุ่มจะแห้ง เพราะการสะสมหุน้ ในช่วงนี้ ต้องใช้เวลา จนกว่าจะเห็น แนวรับที่ชดั เจนและพบว่าฝ่ ายซื้ อได้ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว จึงค่อย พิจาณาวิธีการเล่นรอบใหม่ หรือรอจนกว่าราคาจะยืนเหนื อแนวต้านได้แล้ว
การผลักดัน ไปชนแนวต้าน แต่สุดท้ายก็ยืนไม่ได้ By VSAthai Upthrusts หรือ กับดักฝูงชน มีลกั ษณะ ช่วงราคากว้าง วอลุม่ มาก แต่ราคาตกต ่ากว่าแนวต้าน เกิดขึ้ นเพราะรายใหญ่ตอ้ งการขาย จึงมี การไล่ซื้ออย่างรวดเร็วที่แนวต้านด้วยวอลุม่ ทาให้ระหว่างวันเกิด ช่วงกว้างอย่างฉับพลัน และเมื่อฝูงชนเข้าซื้ อ รายใหญ่ก็จะขายออก อย่างรวดเร็ว คนที่รทู ้ นั ก็จะขายเมื่อเห็นราคาเริ่มไหลลง หรือ cut-loss ได้ ทัน ในขณะที่คนไม่รเู ้ ท่าทันยังคงถือหุน้ อยูแ่ ละหวังว่าสักวันจะมีปาฏิหารย์ บางตัวก็ยงั มีโอกาส แต่สุดท้ายหลายตัวก็ถกู ขังลืม ในช่วงเร็วๆนี้ ก็มีหนุ ้ หลายตัวที่ไม่คุน้ เคย หรือไม่ค่อยมีการซื้ อขายบ่อย มีอาการดังกล่าว หวังว่า คงไม่มีใครติดกับดักชนิ ดนี้
Volume
Page 34
Volume
Page 35
Volume
Page 36
Volume
Page 37
Volume กับ การขึ้นของหุน้ By VSAthai กราฟการขึ้ นของหุน้ ประกอบด้วย ขั้นตอนต่างๆ ดังนี้ การ break out กรอบบนสุดในรอบปี ด้วยรูปกราฟที่ spread เขียวยาว มาก และ volume มหาศาล มากที่สุดในรอบปี หลังจากนั้น หุน้ จะพักตัว เพื่อซับแรงขายของผูเ้ ล่นระยะสั้น กราฟจะ ปรากฏเป็ น spread แดงตัวสั้น volume ลดลงอย่างมาก ระยะนี้ ไม่อาจบอก ได้วา่ กินเวลากี่วนั Volume
Page 38
เมื่อแรงขายหมด แรงซื้ อจะเริ่มไล่ราคาใหม่ ปรากฏเป็ นรูปกราฟที่มี spread เขียว volume เพิ่มมากขึ้ น spread กว้างขึ้ น เป็ นอันสิ้ นสุดการพักตัว ราคาสูงขึ้ นไปจนทะลุ high เดิมและวิง่ ขึ้ นต่อไปหาเป้าหมาย ระยะ 4 นี้ เมื่อราคาสูงขึ้ นไป จะไปสู่ระยะ 2 3 ใหม่อีก วนไปเรื่อยๆ ขึ้ นไปพักไป >> ขึ้ นไปพักไป >> เวลาในการพัก จะสั้นลงเรื่อยๆ จนในที่สุด ถึงวันที่ Volume เกิดมากมายมหาศาล เป็ นอันสิ้ นสุดการขึ้ น ตัวอย่างกราฟ KCE ในระยะต่างๆ ปั จจุบนั กาลังทาระยะ 3 อีกรอบ (Volume เริ่มมากขึ้ น) ถ้ายืนเหนื อ 17.40 ได้สาเร็จ เพื่อไประเบิด ระยะที่ 4 เหนื อ 19.20
กราฟ MDX ในระยะต่างๆที่คล้ายกัน ปั จจุบนั กาลังอยูใ่ นระยะที่ 2 เพราะ volume ยังไม่เพิ่ม และกาลังจะขึ้ นระยะที่ 3 (ถ้ายืนเหนื อ 18.0 สาเร็จด้วย
Volume
Page 39
volume) เพื่อระเบิดระยะที่ 4 ที่สงู กว่า 24.4
MATI กาลังจะทาระยะที่ 3 ที่ 9.65 (Volume เริ่มมากขึ้ น) เพื่อจะไประเบิด ระยะที่ 4 ที่สงู กว่า 11.60
Volume
Page 40
SUSCO ที่กาลังพักตัวระยะที่ 2 ในกรอบสามเหลี่ยม และรอการยืนยันระยะ ที่ 3 ด้วยระดับราคาเหนื อ 6.55 ด้วยรูปแบบที่มี volume เพิ่มมากขึ้ น
Volume Investor (VI) By SEHJU Research Center นอกจากแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่า Value Investor ที่กาลังมี อิทธิพลอย่างสูงในตลาดหุน้ ไทยในขณะนี้ ก็ยงั มีอีกแนวทางหนึ่ งที่โดดเด่น ไม่แพ้กนั นัน่ คือ Volume Investor !!??!%!#@ หลายๆคนอาจจะไม่เคยได้ ยินแนวทางนี้ ... แน่ นอน ผมพึ่งคิดของผมขึ้ นมาเอง 5555+ เพราะด้วย ความสนใจที่ได้ไปศึกษาเรื่องนี้ มาเพิ่มเติม เนื่ องจากว่า เสี่ยยักษ์ไอดอลของ ผมคนหนึ่ งได้พดู ไว้วา่ "ผูท้ ี่จะก้าวมาเป็ นรายใหญ่ในตลาดต้องอ่านวอลุ่มให้ ออก" !!! หูผึ่งทันที o_O* Volume
Page 41
ลองดูโจทย์นี้ก่อน : จงวิเคราะห์วอลุ่มต่อไปนี้ โดยไม่ดรู าคา ว่าหุน้ เหล่านี้ ขึ้ น หรือ ลง ????
พอจะบอกกันได้ไหมเอ่ย ?? บอกได้ยากทีเดียว... ผมคนหนึ่ งแหละ ที่บอกไม่ได้... วอลุ่มนั้นเป็ นเสมือน "พลังงาน" ของหุน้ แต่การไม่ดรู าคา ประกอบมันจึงเหมือนมีอะไรขาดหายไป เพราะเราไม่รเู ้ ลยว่า พลังงานนั้น มันออกแรงไปในทิศทางไหน และในทางกลับกัน การดูแต่เพียง "ราคา" ไม่ ดู "วอลุ่ม" เราก็จะไม่รเู ้ ลยว่ามันออกแรง จริง หรือ หลอก... ราคากับวอลุ่ม มันจึงเป็ นอะไรที่ไม่ควรแยกออกจากกัน เหตุใดหนอคนที่เป็ นรายใหญ่อย่างเสี่ยยักษ์ถึงได้พดู ให้ความสาคัญ กับ "volume" เช่นนั้น ?? นัน่ ก็เพราะว่า วอลุม่ คือปริมาณ ปริมาณของ supply & demand ซึ่งคือจานวนหุน้ ที่มีการแลกเปลี่ยนกันเกิดขึ้ น ราย ใหญ่ เองนั้นเขาคือ major player ในตลาด (ตลาด ในที่นี้อาจจะเป็ นตัวหุน้ Volume
Page 42
หรือตลาดรวมก็ได้ที่มีการซื้ อขายกัน) เขาคือบุคคลที่เป็ นส่วนน้อยที่เป็ น เจ้าของเงินส่วนใหญ่ พวกเขาพยายามเสมอๆในการ "ทามาหากิน" กับ "รายย่อย" ผูท้ ี่ซึ่งเป็ นคนส่วนใหญ่ อันเป็ นเจ้าของเงินส่วนน้อย นัน่ เอง... เพราะฉะนั้น การอ่านวอลุม่ ก็คือการอ่านรายใหญ่ เพราะรายใหญ่ มักมีของเยอะ เราวิเคราะห์แต่เพียง "ตัวหุน้ " ยังไม่พอ เพราะตัวหุน้ ก็มีคน เข้ามาถือหุน้ อยูด่ ว้ ย เราจึงต้องมีการวิเคราะห์ "คนที่ถือหุน้ " ไปด้วย ถ้าเรา วิเคราะห์ได้เราก็ควรจะวิเคราะห์ อ่านกราฟได้บา้ งก็ยงั ดีกว่าอ่านไม่เป็ นเลย ... ซึ่งการอ่านกราฟนั้นมันก็คือ การอ่านการดาเนินมาและดาเนินไป ของ "เรื่องราว" นั ่นเอง แต่เราจะโฟกัสไปที่ผทู ้ ี่มีนยั ยะสาคัญที่สุด นั ่น คือ "รายใหญ่" นั ่นเอง.... รายใหญ่นอกจากพวกเขามีเงินทุนที่เข้มแข็งกว่ารายย่อยทัว่ ไปยังไม่ พอ พวกเขายังมีกลยุทธ์ในการลงทุนที่ชดั เจน ที่ทาให้การ "ออกแรง" ไปใน ทิศทางใดทิศทางหนึ่ งอย่างเป็ นระบบและสามัคคี ซึ่งแตกต่างจากรายย่อยที่ ต่างคนต่างเล่นไม่มีกลยุทธ์ร่วมกันที่ชดั เจน มันจึงยากหรือมีโอกาสน้อยที่ รายย่อยจะไป "dominate" ทิศทางตลาดได้แบบรายใหญ่นัน่ เอง และที่ มากกว่านั้นคือ คนเหล่านี้ มีความใกล้ชิดแหล่งข้อมูลต่างๆมากมาย อีกทั้งก็ มีทีมส์งานที่คอยให้ความช่วยเหลือ พวกเขาจึงมี "อะไรๆ" ที่ดจู ะเหนื อกว่า รายย่อยไปซะหมด... โชคร้ายไม่ได้อยูเ่ คียงข้างรายย่อยเสมอไป ด้วยความได้เปรียบของ รายใหญ่ในเรื่องขนาดที่ใหญ่เหมือน "ช้าง" ก็นามาซึ่งความเสียเปรียบใน เรื่องความ "เชื่องช้า" เมืิ่อเรารูจ้ ุดเด่นจุดด้อยของเขาเช่นนี้ แล้ว เราจึงรูว้ า่ Volume
Page 43
เราจะใช้ "กลยุทธ์" ใดไปรับมือ แต่เราก็ตอ้ งเข้าใจไว้ดว้ ยว่าการอ่านกราฟ หรือวอลุ่มนี้ บางเคสก็ดยู าก บางเคสก็ดงู ่าย เราต้องฝึ กฝนจนผ่านเค สมากๆเราจึงจะพัฒนาฝี มือขึ้ นไปได้ ด้วยปริมาณของวอลุ่มในมือที่มาก การเคลื่อนไหวเข้าออกแต่ละครั้งก็ หาทาได้ง่ายๆไม่ จุดนี้ เองที่เราจะนามาสังเกตเพื่อหา "footprint" ฝึ กฝนแล้ว นามาใช้ให้ชานาญเพื่อจะกลับไปชนะและก้าวข้ามจุดอ่อนของตัวเราเอง
Volume Spread Analysis for Dummies #1 By SEHJU Research Center
Volume
Page 44
รูปแบบเหล่านี้ ผมได้มาจากหนังสือรวมเข้ากับที่ได้พบเจอมาจาก ประสบการณ์ส่วนตัว แล้วก็นามาวาดเป็ นตารางเพื่อที่จะได้ระลึกถึง เมื่อ นาไปใช้จริงก็ใช้ได้โดยง่าย โดยการอ่านวอลุ่มนั้นมันเป็ นทั้งศาสตร์และศิลป์ เราคงไม่สามารถที่จะ บอกมันได้เป๊ ะๆเหมือนสูตรทางวิทยาศาสตร์ แต่ก็ใช่ ว่าจะคาดการณ์อะไรไม่ได้เลย หากเราทาการศึกษาย้อนหลังไปใน ประวัติศาสตร์ เราก็จะพบว่า มันก็เกิดซ้าแล้วซ้าอีกจริงๆ
#1 Volume typically goes with the trend วอลุม่ เปรียบเสมือน “พลังงานของหุน้ ” ราคาหุน้ จะไปในทิศทางนั้นๆได้ดี ต้องมี “แรงส่งจากวอลุม่ มาช่วยยืนยัน การดูเพียง แค่ price movement อาจไม่เพียงพอเพราะ เราไม่ได้วเิ คราะห์ demand-supply ที่เข้ามา ในตัวหุน้ นัน่ เอง รูปแบบแรกนี้ คือลักษณะ ทั ่วๆไปของ volume ที่ดี นัน่ คือ เมื่อหุน้ วิ่งไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง แล้วมีปริมาณวอลุ่มเข้ามาสนับสนุน การเคลื่อนตัวของราคาต้องมา พร้อมวอลุม่ นั ่นเอง มันสื่อได้ว่าหุน้ ได้รบั ความนิยมจากตลาด เกิดการ ซื้ อขายแลกเปลี่ยนกันคึกคัก บรรดาเทรดเดอร์จะชอบมากเป็ นพิเศษ เพราะมีสภาพคล่องในการซื้ อขายสูง วอลุ่มที่เกิดขึ้ นนั้นไม่จาเป็ นที่จะต้อง มากขึ้ นเรื่อยๆตามการขยับขึ้ นหรือลงของราคา แต่เมื่อหุน้ มันได้เลือก ทิศทางใดทิศทางหนึ่ งแล้วควรจะมีวอลุ่ม “โป่ ง” ขึ้ นมาเพื่อยืนยันอย่าง ต่อเนื่ อง รวมถึงการ BO ออกจากเบสด้วย high vol. ไม่วา่ จะเป็ นการเริ่มต้น Volume
Page 45
ขาขึ้ นหรือขาลงของหุน้ นัน่ เอง หรือแม้กระทัง่ การพักตัวของหุน้ แบบไม่มีวอ ลุ่มก็เช่นกัน…
#2 Volume Leads Price during a Bull Move หุน้ ขึ้ นวอลุม่ หายคือคาพูดติดหูคนเล่น หุน้ เป็ นอย่างมาก แต่หลายๆคนยังมีความ สงสัยกันอยู่ หัวใจของการเกิดกรณีนี้มักจะ เกิดในระยะเวลาหลายเดือน จนถึงปี หรือ ตลอดการเป็ น major bull mkt. ลักษณะ ของมันคือ ราคาหุน้ ยิ่งขยับสูงขึ้ นไปๆ แต่วอลุม่ เฉลี่ยที่เทรดกันต่อวันกลับมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ แน่นอนนั ่น หมายความว่าวอลุ่มของวันล่าสุดจะมีแนวโน้มที่นอ้ ยกว่าวันก่อนหน้า ลงไปเรื่อยๆ หากสังเกตดูก็จะเห็นว่าวอลุ่มทางซ้ายมือสุดของการเริ่ม เหตุการณ์นี้จะสูงที่สุด นัน่ ก็เพราะว่ามันมักจะมีอาการของการเกิด selling climax ก่อนการเกิดกรณีนี้ แล้วหุน้ ก็ค่อยๆไต่ขนไปๆ ึ้ ซัพพลาย(ปริมาณ หุน้ )ถูกดูดออกไปจากตลาดเรื่อยๆ หรือฝัง่ buyer นั้นทั้งดูดทั้งสะสมหุน้ ไป เก็บเข้าปี๊ บอย่างที่เสี่ยยักษ์วา่ ไว้ การที่ผทู้ ี่ทาการสะสมหุน้ ไปจานวน มหาศาลแล้วไม่ปล่อยหุน้ ออกมาหมุนเวียนในตลาดเลย สันนิ ษฐานได้วา่ 1.เขามีมุมมองที่ bullish เป็ นอย่างมากต่อหุน้ ตัวนั้น 2. เขาเป็ น major player ที่มีอานาจในการซื้ อสูง
Volume
Page 46
ความสุดยอดของการเกิดเหตุการณ์นี้คือ หุน้ จะสามารถค่อยๆขยับขึ้ นไป ได้อย่างมาก สร้างผลตอบแทนได้ดีสุดๆ แต่ความน่ าสะพรึงกลัวของ แพตเทิรน์ นี้ คือ ? ลองคิดดูสิวา่ มันคืออะไร ซึ่งเสี่ยยักษ์ไม่ได้พดู ไว้ในบท สัมภาษณ์
#3 Bearish Volume on Top ไม่มีอะไรมากไปกว่า “ความอ่อนแรง” ของ demand ที่มีตอ่ ตัวหุน้ ที่กาลังอยู่ ในช่วงที่เป็ นขาขึ้ น จากหลักการพื้ นฐาน ของวอลุ่มทัว่ ไปคือ 1. วอลุม่ กระทิง(Bullish volume) คือ ราคาขยับขึ้ นวอลุ่มเพิ่ม ราคาขยับลงวอลุ่มลด 2. วอลุม่ หมี(Bearish volume) อาการก็จะสลับกันกับกรณีแรกนัน่ เอง ราคาหุน้ มันขยับขึ้ นไปเรื่อยๆอาจก่อให้เกิดภาวะหุน้ ขึ้ นวอลุ่มหายได้ แต่ ในกรณีน้ันมันคือการเกิดใน period ที่จะยาวนานกว่าจนเราสังเกตเห็นการ แสดงตนออกมาชัดเจนแล้ว แต่ในกรณีจะแตกต่างกันตรงที่เรามองใน ช่วงเวลาที่ส้นั กว่า... เราพยายามฟั งเสียง “ฝี เท้า” รายใหญ่ที่สามารถชี้ นา ทิศทางตลาดได้มากกว่าพวกนักวิเคราะห์เสียอีก เมื่อมองไปยังกราฟเทคนิ ค วอลุ่มจึงเป็ นคาตอบสาหรับเรา การที่หนุ ้ พยายามขยับขึ้ นไปแบบ ชั ่วคราวด้วยวอลุม่ เบาบางนั้น นั ่นก็อาจเป็ นเพราะว่าการขึ้ นที่ว่านี้ นั้น
Volume
Page 47
“major player” ไม่แสดงความสนใจในการเข้าร่วมวงด้วยใน higher price level นั ่นเอง ซึ่งพวกเขาอาจจะเห็นว่าเป็ น weak market อยูก่ ็เป็ นได้
#4 Wedging up Bearish Volume Wedging up pattern นี้ ส่อเจตนาร้าย คล้ายๆ V-shape ที่มกั เป็ นได้แค่การ price recovery to new-high รูปแบบนี้ มักเกิดขึ้ น หลังจากหุน้ ได้ทา peak ไปแล้ว โดยมากจะ เกิดขึ้ นหลังจากที่หนุ ้ ได้เกิดลักษณะของ Climax Top ซึ่งหุน้ จะจบแรงจบหนัก การเกิด อาการนี้ เกิดได้บ่อยทีเดียว มันมักถูก “ออกแบบ” มาเพื่อเป็ น “trap” ของ การให้ความหวังผูท้ ี่ติดหุน้ อยูท่ ี่ peak ล่าสุด แต่แล้วความหวังนั้นก็เดินจาก ไป.. หากสังเกตดูจาก shape ของพวกมันจะพบว่า ฝัง่ ซ้ายของ bottom นั้น จะลงเร็วกว่าฝัง่ ขวาของ bottom ซึ่งเป็ นการ slow recovery ของราคาหุน้ แต่ ทุกๆการขยับขึ้ นของมัน วอลุ่มจะค่อยๆลดลงๆ.. เราสามารถอนุ มานได้วา่ อุปสงค์ในตัวหุน้ นั้นมันน้อยมากหรือไม่มีนัน่ เอง ถ้ามีก็เป็ นแค่เพียงมาจากผู้ เล่นรายย่อยเท่านั้น แม้มนั ดูเหมือนจะไม่มีพิษสงอะไรมากมายแต่เมื่อ มันเกิดขึ้ นมันจะทาให้คนมีหนุ ้ อยูน่ ้นั รูส้ ึก “ลังเล” ไม่กล้าที่จะขายหุน้ ออกมาเพราะยังคงคิดว่า “อะไรๆก็ยงั ดูดี” การพยายามฟื้ นตัวขึ้ นไปด้วย วอลุ่มที่เบาบาง มักจะไปได้อย่างมากแค่ prev. high เท่านั้น เพราะหุน้ ยัง weakness อยูม่ ากนั น่ เอง.. Volume
Page 48
Volume Spread Analysis for Dummies #2 Price movement คือ การเคลื่อนไหวของราคา มันจะไปแสดงออกที่ price spread หรือความยาวความสั้นของแท่งราคาหุน้ ซึ่ง candlestick ก็เป็ นตัว บอกอาการดังกล่าวได้ดี Price spread จะเป็ นตัวที่บอก price movement ของตัวหุน้ ได้ดี โดยเราจะนามาสังเกตร่วมกับ volume activity ที่จะเป็ นตัว บอกว่า activity ต่างๆยังคงดาเนิ นไปอยูห่ รือไม่...
Volume
Page 49
ลักษณะ price movement อย่างหนึ่ งลักษณะ price movement อย่างหนึ่ ง
รายใหญ่ คืออะไร ? รายใหญ่ คือ player ที่ส่งผลต่อตัวหุน้ เป็ นอย่างมากอีกทั้งมีอิทธิพลใน การชี้ นาทิศทางตลาด เขามีอะไรหลายๆอย่างที่ได้เปรียบคนเล่นหุน้ ทัว่ ๆไป เขาอาจจะเป็ น บุคคล กลุ่มบุคคล หรือกองทุน ซึ่งจะมีปริมาณงานทุนที่ แข็งแกร่ง มีกลยุทธ์การเล่นที่ชดั เจน มีขอ้ มูลและเครื่องไม้เครื่องมือที่ ได้เปรียบคนเล่นหุน้ ทัว่ ไปเป็ นอย่างมาก นอกจากขนาดของความ “ใหญ่” ยังไม่พอพวกเขายังมีมืออาชีพที่ เชี่ยวชาญเป็ นคนปฏิบตั ิการณ์ต่างๆแทน พวกเขามีความเข้าใจดีถึง “จิตวิทยาการเทรด” ซึ่งเขารูว้ า่ จุดไหนที่จะส่งผลต่อ emotions ของเหล่า รายย่อยทัว่ ๆไป ซึ่งเมื่อเขาเข้าใจก็ทาให้สามารถ “drive” ให้รายย่อยแสดง พฤติกรรมออกมาในแบบที่พวกเขาต้องการ
Volume
Page 50
เนื่ องด้วยขนาดเงินทุนที่ใหญ่ทาให้ในการซื้ อหรือขาย ต้องทาโดยมี ขนาด deal ที่ใหญ่ เพราะไม่เช่นนั้นผลตอบแทนที่เขาได้ก็จะไม่น่าดึงดูดพอ ต่อนัยยะสาคัญสาหรับพอร์ตพวกเขา แนวทางการเทรดของพวกเขาจึง ก่อให้เกิด bullish หรือ bearish ซึ่งมีขนาดใหญ่พอจนสามารถเปลี่ยน trend การเคลื่อนไหวของตลาดได้ ซึ่งเมื่อพวกเขาจะทาการเปิ ดหรือปิ ดดีล อาจจะ ต้องใช้เวลาหลายวันหรือช่วงเวลาที่ยาวนานกว่านั้น(หรือสั้นๆก็ได้) จน ก่อให้เกิด phase ขึ้ นที่ตวั หุน้ ในจุดนี้ เราสามารถทาการศึกษาและสามารถ สังเกตได้ พูดไปพูดมา มันจะได้เปรียบรายย่อยอะไรนักหนาเว่ยเฮ้ยยย เราจะ ชนะได้บา้ งมั้ยหนิ ... “รายย่อยจะได้เปรียบรายใหญ่ ในกรณีที่ ความรู ้ เท่ากัน....” เสี่ยยักษ์ ต่อไปก็มาเข้าแพตเทิรน์ ต่อไปกันเลยครับ...
#5 Buying Climax or CMT “ข่าวดี” มักจะเป็ น “ตัวเร่ง” สาคัญใน การเกิด pattern นี้ เมื่อคนตืน่ ตระหนกใน “great fundamental” จนเกิดความบ้าคลั ่ง วิ่งเข้ามาซื้ อไล่หุน้ แบบ “panic buy” ด้วย ความกลัวการตกรถ (missing out) หรือ แม้กระทัง่ การจงใจออก over activity ของราย ใหญ่เพื่อกระตุน้ ให้เกิดการเข้ามา “รับหุน้ ” Volume
Page 51
จากคนที่ยงั ไม่มีของ เมื่อ “demand” จานวนมหาศาลถูกล่อเข้ามาให้ติดกับ มันก็ทาให้ทางฝัง่ ที่ตุนหุน้ ไว้มหาศาลนั้นสามารถ “จบ” ได้ใน “ดาบ(แท่ง) เดียว” เลยก็วา่ ได้ ถ้าเรา exit ไม่ทนั ในระหว่างวันของการเกิดสัญญาณนี้ โดยพึ่งมาเห็นตอนจบวัน อย่าคิดสิ่งใดอีก นอกจาก “ถอนตัวออกมา” แน่ นอนมีบา้ งที่หนุ ้ มันมีโอกาสขึ้ นไปอีก แต่นัน่ ก็เป็ นส่วนน้อยมาก.. โอกาส ขึ้ น 5% โอกาสลง 90% คือความน่ าจะเป็ นหลังเหตุการณ์นี้ เราควรจะทา การ good bet ให้เคยชินเมื่อเราเห็นสัญญาณนี้ ว่ากันว่า ณ ระดับราคา หุน้ ที่ all time high นั้น หลายคน “เสพย์ตดิ ” ความเขียวของราคาหุน้ ก็ แน่นอนล่ะก่อนเกิดสัญญาณนี้ หุน้ จะบวกวันแล้ววันเล่าติดต่อกันหลาย วัน จนทาให้ผทู ้ ี่เสพย์หนุ ้ ตัวนั้นอยูก่ ็จะมีอาการเคลิบเคลิ้ มเป็ นสุข (Euphoria) ปานดั ่งคนกาลังเสพย์โคเคน.... ความวิตกกังวลของเขา ลดลง และนั ่นเองก็จะทาให้เค้าหลงลืมไม่ทนั ระวังตัว แต่ทนั ใดนั้นเอง... huge supply ได้ปรากฏตัวเข้ามาในตลาด มันถูกโยนกระแทกสวนเข้ามาจน ทาให้ราคาหุน้ ร่วงลงอย่างมาก เมื่อเกิดการ major transfer จาก major player เช่นนี้ แล้ว มันก็คงยากที่หนุ ้ จะขึ้ นไปต่อ ตลาดเปลี่ยนสถานะเป็ นหมี ทันที...
Volume
Page 52
#6 Selling Climax or CMB ในการที่จะทาให้ตลาดหุน้ วิง่ ขึ้ นไปเป็ น กระทิงรอบใหญ่น้ัน (major bull) มันควรที่ จะต้องเกิดภาวะที่ extreme มากๆเสียก่อน ซึ่งเหตุการณ์การเกิดอาการนี้ มักจะเกิดขึ้ น ในช่วงปลายตลาดหมี มันจะเป็ นช่วงของ การ major transfer ของหุน้ จานวนมาก bear transfer to bull ราคาหุน้ ที่ มักจะร่วงลงอย่างรุนแรงรวดเร็วจนเกิด widely spread หรือ gap-down ด้วยวอลุม่ ที่สูงมากตอน down move นั้น มันง่ายมากที่จะทาให้เกิด “panic selling” ซึ่งมันเป็ นอาหารอันโอชะของคนที่พร้อมจะรับหุน้ ไปตุน ไว้ โดยที่ไม่ตอ้ งออกแรงอะไรมากมายเลย แถมยังได้ราคาดีอีกต่างหาก ในกรณีนี้มันมักเกิดในตลาดที่แสดงตัวเป็ น bear market มาอย่างเต็มที่แล้ว หุน้ จานวนมากในมือของผูเ้ ล่นรายใหญ่ ได้ถกู ปล่อยออกมาตลอดทาง นับตั้งแต่ชว่ งต้นของการเป็ นตลาดหมี จนกระทัง่ เกิดการ last down-move คือการจงใจ dumping หุน้ ล็อตสุดท้ายที่มีอยูข่ องพวกเขาให้ออกมาทั้งหมด ซึ่งก็เป็ นเพียงสัดส่วนที่น้อยแล้วจึงสามารถขายออกมาได้ทุกราคา จังหวะนี้ หุน้ จะรูดลงแบบหา low ไม่เจอ และเมื่อแรงขายเริ่มหมดลง เขาก็จะใช้ process ต่างๆที่เขามีมาเก็บหุน้ กลับไป ราคาจะเริ่มออกข้าง ราคาปิ ดจะ เริ่มไปปิ ดโซนไฮของแท่งราคา เมื่อการสะสมเสร็จสมบูรณ์ก็จะเกิดการ imbalance ระหว่าง supply & demand เป็ นอย่างมาก และนัน่ เองสภาวะ bull move ก็จะเริ่มต้นขึ้ น... Volume
Page 53
#7 Low Volume on Test แพตเทิรน์ นี้ คือสัญญาณสาคัญมากของ การมี strength in the BG มันมักเกิดขึ้ น ในปลายตลาดขาลง หรือเป็ นการพักตัว ในรูปแบบ double-bottom pattern ใน ระหว่างขาขึ้ นก็ได้(แต่สญ ั ญาณจะเบากว่า กรณีแรก) การเกิดสัญญาณนี้ บ่งชี้ ว่า ตลาดไม่น่าจะตกลงไปมากกว่านี้ อีกแล้ว ซึ่ง key ของแพตเทิรน์ นี้ คือ วอลุม่ ที่ควรจะน้อยลงๆ ณ bottom ถัดมาที่เป็ นโซนราคาเดียวกันกับ prev. high vol. level เดิมนั ่นเอง มัน อาจจะมีการ test ได้หลายครั้งหากตลาดยังมีความอ่อนแรงอยูม่ าก โดยเฉพาะในตลาดหมี หากในช่วงของปลายตลาดหมีน้นั เกิดสัญญาณ Selling Climax ด้วยแล้วจะยิ่งเป็ นสิ่งยืนยันว่า supply จานวนมหาศาลได้ ถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว แม้วา่ ในสภาวะนั้นข่าวร้ายที่ดูเหมือนแย่ที่สุดยัง ปกคลุมตลาดอยูก่ ็ตามแต่ฝัง่ potential buyer ก็จะเริ่มเข้ามาตลาดหากพวก เขามีมุมมองเป็ นกระทิง และกระบวนการของการ testing supply ที่ยงั มี เหลืออยูใ่ นตลาดก็จะค่อยๆเริ่มขึ้ น การเกิดรูปแบบ low vol. on test นี้ บ่ง บอกถึงว่า supply ในตลาดนั้นได้อ่อนแรงลง (successful test) และหุน้ ได้ มีแรง support เอาไว้ มันคงจะเป็ นการดีกว่าที่ค่อยๆสะสมหุน้ ที่ระดับราคา ตา่ ๆดีกว่าการรวบราคาขึ้ นไปในทันที แต่อย่างไรก็ดีแม้วา่ ตลาดไม่ได้อ่อน แรงลงแล้วแต่นัน่ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะขึ้ นไปในทันที(ไม่อ่อนแอแล้ว แต่ก็ใช่วา่ แข็งแรง) Volume
Page 54
#8 Rising Volume on Falling Price Bearish volume คือ หุน้ ลงด้วยวอลุม่ ที่เพิ่ม มากขึ้ น แต่เมื่อหุน้ เด้งขึ้ นกลับมีวอลุม่ ที่ ลดลง การเกิดกรณีนี้มันคือ การแสดงการ เป็ นขาลงที่รุนแรง การขยับตัวลงของหุน้ ที่ โผล่มาพร้อมกับวอลุ่มจานวนมหาศาล นี่ คือ ขาลงจริงๆเป็ นการแสดงการขายออกมาอย่างจริงๆ วอลุ่มจานวนมากมันก็ ออกมาจากคนที่มีหุน้ จานวนมากนัน่ เอง ใครกันล่ะ? มันอีกแล้ว รายใหญ่... การฝึ กฝนการอ่าน price movement & volume activity อันเป็ นการ สังเกตพฤติกรรมของ big player นั้น เป็ นการทาให้เรา focus ไปที่ “facts” มากกว่าที่จะเป็ น “news” ซึ่งข่าวที่โผล่เข้ามาในตลาด เป็ นสิ่งสุดท้ายด้วย ซ้าที่เราจะให้ความสนใจ... เมื่อหุน้ ได้มี selling pressure กดหุน้ ให้รดู ลงมา (widely spread) พร้อมกับปริมาณวอลุ่มที่เพิ่มขึ้ นมหาศาลนั้น ยิ่งเป็ นสิ่ง ยืนยันซึ่งกันและกัน มันมีสาเหตุมาจากการ exit ออกมาอย่างเร็วของผูท้ ี่ มีหุน้ จานวนมาก พวกเขาไม่ได้ประคองหุน้ ไว้แล้วหรือก็มีมุมมองต่อหุน้ เป็ น bearish views อย่างมาก รายย่อยเมื่อเห็นสัญญาณดังกล่าวในตอน นั้น ควรที่จะให้ความระมัดระวังเป็ นอย่างมาก และควรจะป้องกันตัวเองจาก การเข้าไป “ต่อกร” กับพลังงานอันมหาศาล ซึ่งมันอาจจะโผล่ออกมาได้อีก !!!
Volume
Page 55
Volume Spread Analysis for Dummies #3 (อวสาน) เราบรรดาจอมยุทธ์ท้งั หลายก็ได้เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายแล้วของ VSA for Dummies เราได้ทาการสะกดรอยเท้าของ potential player มาจนจะสุด ทางแล้ว ยังเหลืออีก 4 กระบวนท่าสุดท้ายที่เราต้องเรียนรู.้ .. ลุยกันต่อเลย ดีกว่า จะรออะไร go go go !!
#9 Distribution ลักษณะวอลุม่ เช่นนี้ คือช่วงเวลาของการ “กระจาย จ่ายแจก” หุน้ จานวนมากออกมาจากผูเ้ ล่นรายใหญ่ มาสู่ผเู้ ล่นรายย่อยในตลาด การกระจายเป็ นอะไรที่ ต้องใช้ “ฝี มือ” มากกว่าการขายเพราะมันต้องค่อยๆเป็ นไปและไม่ สามารถจะทาให้เสร็จภารกิจได้อย่างรวดเร็ว หุน้ ทุกตัวไม่สามารถที่จะ มี “ข่าวดี” มา “drive” ให้เกิด “huge demand” ได้ตลอดไป เมื่อไม่มี มัน ก็ไม่สามารถจะ “ปิ ดดีล” ได้อย่างรวดเร็ว หากพวกเขาขายหุน้ ที่มีท้งั หมด ออกมาในคราวเดียวก็จะต้องเกิดการ ขายหนัก ไม้ใหญ่ แน่ นอนมันเป็ นการ ทุบหม้อข้าวตัวเอง จะดีกว่ามั้ยหากเขาค่อยๆกระจายหุน้ ออกมาโดยที่ราคา หุน้ ไม่ได้ตกลงไปมากนัก อาการที่โผล่ออกมาคือ หุน้ เหวีย่ งตัวไปมาอยูห่ ลายวัน ดูเหมือนมันจะ ขึ้ นและก็ดเู หมือนมันจะลง... แล้ววอลุ่มก็เกิดอย่างแน่ นหนา นี่ เองจึงเป็ น สาเหตุของการเกิดแพตเทิรน์ ต่างๆที่บ่งบอกลักษณะของการที่หนุ ้ ถูก กระจายออกมา เช่น double top, rounding top, churning day etc, อาการ Volume
Page 56
เหล่านี้ อาจเกิดในช่วงไม่เกินสัปดาห์หรือเกิดเป็ นเดือนก็แล้วแต่วา่ หุน้ ตัว นั้นๆวิง่ เป็ นกระทิงมายาวนานแค่ไหน ช่วงต้นของการกระจายหุน้ หากมีแรง ขายหนักๆออกมาจนทาให้ราคาหุน้ ทรุดลงเร็วเกินไป การทาการกระจายหุน้ ดังกล่าวนี้ จะต้องหยุดไว้ชวั ่ คราวก่อนและทีมส์ กระจายหุน้ ของพวกเขาจะต้องทาการ “support” ราคาเอาไว้หรือไม่ก็ทาให้ ราคาขึ้ นมาก่อนแล้วค่อยทาการขายรอบต่อไป เมื่อหุน้ ในมือส่วนใหญ่ของ พวกเขาได้ถกู ปล่อยออกมาแล้ว ราคาหุน้ ก็จะไม่ถกู ประคองไว้อีกต่อไป หุน้ จานวนมากของคนจานวนน้อยถูกปลดปล่อยไปสู่คนจานวนมากที่มีหนุ ้ จานวนน้อย ก็เป็ นเช่นเดิม หมีมาเยือน...
#10 Accumulation นี่คือโคตรสัญญาณของการมี strength in the BG ผูซ้ ื้ อที่แข็งแกร่งได้มีมุมมองในอนาคตที่เป็ น bullish อย่างมากต่อตัวหุน้ และจะเริ่มเข้าสะสม เมื่อได้คาดการณ์ว่าราคาหุน้ จะไม่ต ่าไปกว่านี้ อีกแล้ว เหตุการณ์นี้จะ ดาเนิ นไปในสภาวะปลายตลาดหมี เขาจะทาการสะสมหุน้ ให้ได้จานวนมาก ที่สุดวันแล้ววันเล่า เป็ นระยะเวลาที่ยาวนานในระยะเดือน หรือหลายเดือน ความหมายของการ “สะสมหุน้ ” จะแตกต่างจากการซื้ อหุน้ การ สะสมจะค่อยๆดาเนิ นไป เพราะพวกเขาไม่สามารถที่จะเก็บหุน้ ได้จานวน มหาศาลในระยะเวลาสั้นๆ เพราะนัน่ อาจเป็ นการทุบหม้อข้าวตัวเองหาก Volume
Page 57
เร่งเข้าไปซื้ อหุน้ การเคลื่อนไหวของราคาหุน้ จะไม่ค่อยขยับขึ้ นไปจนโดด เด่นนัก เค้าไม่อยากให้ใครสังเกตเห็น แต่หากดูในระยะเดือนก็จะ พบว่าวอลุม่ หนาแน่นอย่างมาก เมื่อ supplyในตลาดถูกดูดของไป ณ low price level เป็ นจานวนมหาศาลแล้ว มันง่ายมากๆที่หนุ ้ จะขยับขึ้ นไปโดยไร้ “สิ่งกีดขวาง” สิ่งดีของการเกิดเหตุการณ์นี้คือ ราคาหุน้ มักจะโดน limit ไม่ให้ลง ต ่าลงไปอีก เนื่องจากทุนของหุน้ จานวนมหาศาลที่พวกเขาได้เก็บไป แล้วอยูใ่ นระดับนั้นนั ่นเอง ซึ่งหุน้ จานวนมหาศาลถูกคาดมาแล้วว่าราคา ต้องขึ้ นไปจากระดับนี้ เป็ นอย่างมาก ในระดับราคาที่สงู พอที่จะสามารถ ปล่อยหุน้ จานวนมากมายขนาดนั้นออกมาได้ท้งั หมด และนัน่ เองเป็ น "โอกาส" ของเรา..
#11 Temporary Exhaustion Volume กรณีนี้คืออยูๆ ่ ก็มีวอลุม่ พุง่ ขึ้ นมา วอลุม่ แบบนี้ นั้นมันมัก “ทาท่าจะดีขึ้นมาชั ่วคราว” แต่แล้วก็ ไปไม่รอด ทาให้ดเู หมือนเป็ นการ Vol BO หรือ มี วอลุ่มที่พงุ่ ขึ้ นค่าเฉลี่ยเป็ นอย่างมาก มันจึงน่ าดึงดูดให้คนนอกเข้าไปไล่ซื้อ ตามหรือคนที่มีหนุ ้ อยูไ่ ด้ขายหุน้ จานวนมากสวนออกมา มันสามารถเกิดใน หุน้ ที่ทา flat base ได้บ่อยหรือในแพตเทิรน์ อื่นๆที่ไม่มี strength in the BG
Volume
Page 58
ซึ่งอาจเป็ นแรงซื้ อของผูซ้ ื้ อทัว่ ไปที่วงิ่ เข้ามาซื้ อหุน้ โดยปราศจากการทาการ สะสมหุน้ เพื่อ absorb แรงขายที่ level ต่างๆก่อนที่จะปล่อยให้หนุ ้ ขึ้ นไป ซึ่งการที่จะ identify ว่า วอลุ่มที่พุ่งขึ้ นมานั้นเป็ นtemporary หรือไม่น้ัน ก็ตอ้ งตามดูไปที่ following sign ของมันที่จะเกิดตามมา หาก demand ใน ตัวหุน้ นั้นมีอยูจ่ ริง เป็ นแรงซื้ อจริงๆ การแสดงออกต่อมาของตัวหุน้ ก็ควรจะ เป็ นไปในทางที่ดี เช่น ราคาหุน้ ขึ้ นต่อไปพร้อมวอลุ่มก็ตามมา การพักตัว ออกข้างหรือหย่อนตัวลงมาด้วยวอลุ่มที่บางเฉียบ นัน่ หมายความว่า มีแรง support หุน้ ไว้ หรือไม่มีการเทขายหุน้ ออกมา การเกิดเหตุการณ์นี้มักจะเป็ น noise ไปเพราะว่าตลาดได้เทสแรงขาย ที่มีอยูใ่ นตัวหุน้ นั้นไม่ผ่าน เนื่ องจากว่าหุน้ ตัวนั้นเต็มไปด้วย more supply level นัน่ เอง ผูซ้ ื้ อที่ “ทะเล่อทะล่า” เข้ามาเพื่อต้องการ “ buy low” หรือ กรณีอื่นเมื่อเจอแรงขายดังกล่าวจึงต้อง “ถอดใจ” ลงกลางคัน
#12 Bearish Vol. on Top & Rising Vol. on Decline เหตุการณ์นี้เป็ นเหตุการณ์ที่มีความขัดแย้งของการ เคลื่อนตัวขึ้ นไปของราคาหุน้ แล้วตามมาด้วย สัญญาณที่รุนแรงของการแสดงตัวเป็ นขาลงของหุน้ ที่เกิดขึ้ นตามมา จาก หลักการพื้ นฐานของเราคือ
Volume
Page 59
1. Bullish vol. และ 2. Bearish vol. หลักการของวอลุ่มหมีนัน่ คือ หุน้ ลงวอลุ่มเพิ่มแล้วหุน้ ขึ้ นวอลุ่มลด.. ในกรณีนี้คือการครบองค์ประกอบสองอย่างที่ชดั เจน มันเป็ นการเกิด สัญญาณ “เตือน” แล้วก็ตามมาด้วยสัญญาณ “ยืนยัน” มันจะเกิดในช่วง ของการจบรอบของภาวะกระทิง การพุง่ ขึ้ นไปนิวไฮของตัวหุน้ ด้วยวอลุม่ ที่นอ้ ยเกินไปนั้นช่างไม่น่าประทับใจ มันคือสัญญาณที่แสดงความอ่อน แรงออกมาของผูซ้ ื้ อ แล้วหุน้ ก็ดเู หมือนจะขึ้ นไปไม่ไหว แรงขายปรากฏ ตัวเข้ามาในตลาด หุน้ หล่นตุบลงมาด้วยวอลุม่ ที่เพิ่มขึ้ น หากตรวจสอบโดยใช้ indicator ก็มกั จะพบว่าเกิดการทา“bearish divergence” ณ จุดนิ วไฮใหม่น้ัน อาจเป็ นไปได้ที่หนุ ้ จะถูกทาให้กลับขึ้ นไป ได้อีกแต่มนั ก็ยากเหลือเกิน หากเราตรวจพบสัญญาณนี้ ของตัวหุน้ ที่ได้ เกิดขึ้ น หรือที่พึ่งได้เกิดขึ้ นผ่านไปได้ไม่นาน แม้หนุ ้ จะทาสัญญาณให้เข้าซื้ อ เราก็ควรจะมองในทาง “หลีกเลี่ยง” ไว้กอ่ นที่จะเข้าไปในหุน้ ดังกล่าว.... จบแล้วครับ... เป็ นไงกันบ้าง ไม่รมู ้ ีประโยชน์มงั ่ รึป่าวนะ ครบทั้งหมด 12 แบบ เป็ นซีรี่ยย์ อ่ มๆได้เลย ท่านจะเห็นว่าที่เราได้พดู มาทั้งหมดนั้นเราไม่ได้พดู กันเลยว่าข่าวดีเรา จะซื้ อหรือจะขาย เพียงแต่เราจะโฟกัสไปที่สิ่งที่โชว์ออกมาในกราฟราคาและ วอลุ่มดังที่กล่าวไป เพราะข่าวนั้นแทบจะเป็ น "สิ่งสุดท้าย" จริงๆที่เราจะเอา มาใช้ในการเล่นหุน้ ข่าวที่ถกู ปล่อยมาเขย่าอารมณ์ของคนเล่นหุน้ นั้ นมัน Volume
Page 60
เป็ น "เครื่องมือ" ที่ดีเหลือเกินของรายใหญ่ พวกเขารูเ้ ป็ นอย่างดีวา่ ควรจะใช้ ข่าวดีหรือข่าวร้ายในเวลาไหน ซึ่งมันก็ง่ายเหลือเกินที่จะนามาใช้... เราจะต้องไม่กงั วลจนหลงลืมแผนการของเราไป และจะให้ความสนใจ มันน้อยมากแก่ news ที่ถกู feed เข้ามาในตลาด เพราะท้ายที่สุดแล้ว result นั้นมันจะขึ้ นอยูก่ บั ว่าพวกเขาจะทาให้มนั เกิดขึ้ นแบบใด คนเหล่านนี้ มักมีความได้เปรียบที่เหนื อกว่านักลงทุนทัว่ ๆไปในตลาดตามที่ได้กล่าวไป แล้ว โชคดีที่เราเองแม้เสียเปรียบ แต่ก็สามารถจะสังเกตสิ่งเหล่านั้นได้จาก volume & price spread นัน่ เอง.... ดังนั้น activityของพวกเขาคือสิ่งที่เราต้องให้ความสนใจมากกว่าสิ่งอื่นใด ต่อไปนี้ เราจะมุ่งความสนใจไปที่ professional activity เป็ นการสะกด รอยเท้าของรายใหญ่นัน่ เอง...
Volume
Page 61
เปรียบเทียบ แท่งราคากับ volume
1.Weak แท่งสั้น volume น้อย ถ้าแท่งราคาสั้นๆ ราคาเปิ ดกับราคาปิ ดใกล้กนั มาก แท่งราคาจะสั้น แท่งราคาที่ส้นั ๆ และปริมาณซื้ อขาย น้อยๆ แสดงว่า ไม่มีกาลัง ไม่มีคนซื้ อ ไม่มีคนขาย : สะท้อนว่า หุน้ ไม่น่าสนใจ
2.Fake แท่งยาว volume น้อย ราคาเปิ ด ราคาปิ ด สร้างแท่งราคายาวมาก แต่ volume นิ ดเดียว
Volume
Page 62
แสดงว่า bid กับ offer แต่ละช่องน้อยมาก คีย์ ซื้ อขาย ทีนึง กินช่องหลาย ช่อง แสดงว่า โดยปกติ ไม่ค่อยมีใครทาอะไรแต่เกิดการซื้ อขายที่ผิดปกติ ภาษา เทรดเดอร์ เรียก จุดพลุเรียกแขก : สะท้อนว่า หุน้ ไม่น่าสนใจ
3.Squat แท่งสั้น volume มาก แท่งราคาสั้นๆ แต่ volume เยอะมาก เรียกว่า สะควอท (เจ้าเก็บของ) หรือ (เจ้าปล่อยของ) แสดงว่า มีคนซื้ อ หรือ มีคนขาย โดยที่มีการวางราคา สกัด ราคาไม่ให้ขยับ เช่น ถ้าหุน้ ทั้งหมด มี 100,000 หุน้ เจ้ามีท้งั หมด 60,000 -เจ้าอยากขาย ราคานี้ วิธีทาคือ ขายทีละ 10,000 เอา 50,000 ไป วางที่ bid ช่อง 3 ช่อง 4 ช่อง 5 ลงยังไง ก็ ไม่ผ่าน ตอนขาย ก็ หย่อนขาย offer 1 แล้วหาอะไร มา ซัพพอร์ด story ให้คนอยากได้ของ แล้วค่อยๆ ปล่อยของ พอ ปล่อยของครบ ก็ดึง bid ออก เสร็จแล้ว ราคาก็ ลง -ถ้าเจ้าอยากซื้ อเพิ่ม ก็ เอา ไปวางที่ offer ไม่ให้ขนึ้ เสร็จแล้ว ก็ เก็บหุน้ พอ ซื้ อ เสร็จ ก็ ดึง offer ออก หุน้ ก็ ขึ้ น คนก็ อยากได้ หุน้ ก็ ขึ้ น อาการนี้ เรียกว่า squat ส่วนใหญ่ จะชอบ squat ก่อน แล้ว ออกข่าวทีหลัง : ถ้าเจอแบบนี้ เจ้าเก็บ เราก็เก็บด้วย 4.Trend แท่งยาว Volume มาก ส่วนใหญ่ จะเป็ นรายย่อยซื้ อ Volume
Page 63
*วันที่ Volume มากและแท่งราคายาว จะกลายเป็ น แนวรับ แนวต้าน *การที่ Volume มาก และราคาวิง่ ขึ้ นลงอย่างเร็ว แสดงว่า ใกล้จบแล้ว *ถ้าราคาขึ้ นทุกวัน แต่ volume หาย ให้ระวัง ระวังแรงเทขาย *Volume divergent ---- ใกล้เปลี่ยนทิศ *Volume peak > 10 เท่า ของวันก่อนหน้า จะจบภายในวันนั้น หรือ 2 วันถัดไป
Volume
Page 64
วอลุม่ กับหุน้ ขาลง By คุณสายลับ จาก Thaivi Q:: ถ้าหุน้ ขาลงแล้ว volume ยังเยอะอยูจ่ ะเป็ น signal ใช่ไหมครับว่า ขาลงยังไม่จบ A:: ในขาลงยาว ก็มีขาขึ้ นสั้นแฝง(ในกรณีนี้ เราจะรวมพวกระยะกลาง ไปไว้ในกลุ่มเดียวกะพวกสั้นเลยจะได้ไม่งง) เอาหลักตรงนี้ ให้ตรงกันก่อน ดังนั้นจึงต้องถามก่อนว่ามองระยะใด Volume
Page 65
ถ้าเรายึดเทรนด์ลงของระยะยาวใหญ่เป็ นหลักก่อน เวลามันลงมาแต่ ละลูกคลื่น มันก็จะค่อยๆ ลดลง ๆ ๆ ในแต่ละลูก จุดที่จะดูเยอะๆหน่ อย จะ เป็ นประมาณจุดหลุด หรือจุดยืนยันการควา่ นัน่ เอง เพราะตรงนี้ คนส่วน ใหญ่เทตามพร้อมๆกัน จึงเห็นชัดว่า มีฝงู ชนหนี ตาย แปลว่าแทบทุกคนเท ทิ้ ง มันจึงยืนยันการควา่ ลงมาได้
ในระหว่างขาปั กลงมา(ในแต่ละลูกก็ดว้ ย) แท่งแดงยาวๆ ช่วงกลาง ทางเดินลง โวลุ่มคงจะน้อย เนื่ องจาก ไม่มีใครสู ้ ปล่อยไหลกันหมด พวก เล่นสั้นไม่มีใครอยากเล่นเด้งเลย แต่พอไหลมาถึงจุดที่แห้งลง งวดเข้าๆ(เขาจึงมีคาพูดว่า"แรงขายหมด" "หมดแรงขาย") ถ้าถึงจุดที่นักเล่นเด้งพร้อมสู ้ คงจะเริ่มมีสนั ญานชีพ ตรงนี้ จะเห็นโวลุ่มกระตุกขึ้ นสู ้ เพราะพวกเล่นเด้งเข้าลุย มันก็จะฟูขนมาอี ึ้ ก พวกเล่นเด้งเข้าตีด่านขึ้ นไป จะเห็นโวลุ่มที่เฮตาม จนกระทัง่ มันเหี่ยว เหี่ยว เหี่ยว .."หมดแรงซื้ อ" Volume
เฮตาม
ๆ
Page 66
อ่า งี้ ทาไงต่อล่ะ พวกเล่นเด้ง ชื่อนี้ ชัดเจนอยูแ่ ล้ว เล่นเอากาไร เมื่อ ลักษณะการ"สู"้ เหี่ยวลง อาการทดท้อของฝ่ ายซื้ อปรากฏขึ้ น อาการหมด ตังค์ เมื่อเป็ นดังนั้ น จะเริ่มทากาไรกัน ...แล้วก็จะตามฟอร์ม เป็ นเช่นนี้ ไป จนมาถึงจุดเสียวอีก ถ้าหลุด โวลุ่มจะมาอีก เพราะถ้าหลุด(หรือควา่ ใหม่) ทหารเห็นสัญญานค่ายแตก ดังนั้นต้องหนี ทพั ตามหน้าที่ทหารแนวหน้าที่ดี
ดังนั้นโดยสรุป โวลุ่มจะฟูจะแฟบ ไปตามสถานการณ์ ณ จุดพลิกขึ้ น กะจุดตัดลง และกรณีถา้ ตัดลงและควา่ ด้วย จะเห็นอาการฮือฮาในช่วงแรก หลุด พอเข้าทางตรง ทุกคนไม่เถียงกันอีกว่าจะลงมั้ยเนี่ ย หรือสงสัยจะย่อ เพื่อขึ้ นนะ ไรเงี้ ย คือ เมื่อควา่ (ไม่วา่ ระยะสั้นกลางยาวก็ตาม) ถ้าชัดเจนว่า นี่ ควา่ แล้ว นิ วโลไปแล้ว ในการเดินทางตรง โวลุ่มจะเหี่ยวหายไปเรื่อยๆ ... เป็ นธรรมดา เพราะคนส่วนใหญ่เข้าใจตรงกัน มันแทงทางเดียวกันหมด โว ลุ่มจึงน้อย ทีนี้มาดู พวกระยะยาวใหญ่บา้ ง พวกยาวรอบใหญ่ จะนัง่ เฉยๆ เหมือนนัง่ ดูภาพศิลป์ ไปวันๆ ดูการเด้งของแต่ละรอบ Volume
Page 67
ในกรณีนี้ หมายถึงมันควา่ ภาพใหญ่ลงมาแล้วนะคะ ยิ่งมันยังเด้งแรง ยังมีเสียงตื่นเต้นฮือฮามาก ...ยัง...สงสัยมันยังไม่ตายจริง ไอ้นี่ยงั ดิ้ นอยู่ ดูเขาเฮฮาปาร์ตี้ไปเรื่อยๆ แต่ละลูกคลื่น ถ้าค่อยๆ เฮฮาน้อยลง เด้ง ได้เตี้ ยลงๆ จะนิ วโลมั้ยไม่ตอ้ งไปสนใจ (แต่โดยมากนิ วโล) นี่ แหละ เราจะเห็นก้นกะทะด้านขวา คือ มันจะเห็นกรอบที่โค้ง ถ้า มองอย่างภาพรวมกว้างๆ(ดูดว้ ยแท่งควอเตอร์จะเห็นชัดกว่า ว่ามันโค้งรึยงั ) โวลุ่มก็เหี่ยว ดัชนี ก็แคบ น่ าราคาญเป็ นที่ยิ่ง พวกเล่นเด้งหายหน้าไป เซ็งตลาด เข้าไปก็เริ่มเด้งน้อยลง เซ็งจัง ...ไม่เอาแระ ฉันเลิกเล่นล่ะ...อ่า ... พวกยาวจะบอกว่า โอเช แกเลิกยังอ่ะ งั้นชั้นจะได้เล่น เกะกะอ่ะ
ทีนี้พอเริ่มเขมือบหุน้ ในลูกของพวกเล่นยาว โวลุ่มอาจจะกระตุกในหมัด แรก ถ้าตรงนี้ มีพวกเล่นเด้งเข้ามาเอี่ยว โวลุ่มจะฟูขนมาอี ึ้ กดัชนี อาจจะโป่ ง ขึ้ นมาพูนๆได้ พอราคาขึ้ นไปจนสูงเกินไป พวกเล่นยาวจะหยุดซื้ อ รอจนกว่า ดัชนี จะลงมาใหม่ ..ในใจจะบ่นว่า พวกเล่นเด้งมาขัดขวางการเก็บของทาไม เนี่ ย พวกเล่นยาวจะใช้เวลาเก็บของนาน เพราะเป็ นกลุ่มเม็ดเงินที่มาก Volume
Page 68
เนื่ องจากขายตอนข้างบนแล้วก็อมไว้เฉยๆมาตลอด ดังนั้น ไม่ได้ซื้อเพื่อขาย ในสองเดือน ไรเงี้ ย ถ้าราคาโป่ งฟูเร็ว โวลุ่มเพิ่มเยอะเร็วไป จะหยุดแอ๊คชัน่ ก่อน กาเงินที่เหลือ วันๆก็จอ้ งมองด้านบน แบบแมวรอวันจิ้ งจกตกลงมา ใหม่ แต่เม็ดเงินที่วา่ มาก ไม่ได้มีนิสยั ที่โผงผาง ดังนั้นการเก็บของ จะเป็ น แบบ อะจิ๊อะจ๊ะไป บิดอยูง่ ้นั น่ ะ ไม่ลงก็ไม่ซื้อ นัง่ บื้ อใบ้อยูท่ ี่บิดที่ตอ้ งการ แบบนั้นน่ ะ มีไรป้ะ
พวกนี้ มีราคาในใจไว้แล้ว อย่ามายัว่ ให้ยาก เผลอๆลากไปสูงๆ มีตบ ลงขูเ่ ลย พวกทหารสั้นจะรูส้ ึกได้วา่ พี่เขาหมัดหนักแฮะ จึงถอยทัพ (เหมือน จะเคยได้ยินคากล่าวที่วา่ ถ้าฝรัง่ ไม่ให้ขนึ้ อย่าหวังจะได้โงหัว เขาจะขาย จนกว่าจะลง ถ้ายังไม่ลง เขาจะซื้ อกลับเพื่อเอาของมาทุบให้ลงให้ได้) ดังนั้นนักเล่นเด้ง จะต้องพึงรูม้ ือของพวกมือที่หนึ่ งว่าอย่าไปแหยม ถ้า พี่เขาจะให้ลงต้องลง ถ้าเขาจะให้ขนอย่ ึ้ าไปขวาง เราควรทาตัวเป็ นมือที่สอง ที่สาม Volume
Page 69
เมื่อเห็นอาการเก็บของ ค่อยๆแทรกตัวเข้าไปแจมอย่างเงียบๆ โวลุ่ม จะกลับมาน้อยแบบเดิมอีก แต่คราวนี้ ราคาจะไม่ลง หรือลงไม่ถึง-ไม่ตา่ กว่าโลเก่า ...โวลุ่มน้อยแบบสมา่ เสมอ แต่ราคาไม่ลง นี่ เลย ช่ายยยย เลยยยยย ประมาณนี้ เลยยยย ช่วงนี้ ทะยอยเสียบค่ะ อย่าเอะอะ ค่อยๆตอดตามพี่เขาไป อย่าไปตบ ขวาให้เขาราคาญใจ ไอ้ที่เห็นหนาๆขวางอยูน่ ่ ะ ให้สนั นิ ฐานว่าคงจะเป็ นของ พี่เขา ถ้าเขาเสร็จธุระเขาแล้ว เดี๋ยวคันกั้นน้ าที่เห็นมันแตกเองค่ะ เรียก"ฟ้ า เปิ ด" ถ้าทางเปิ ดฟ้ าทางเคลียร์แน่ นอน เดี๋ยวพวกเล่นสั้นมาเอง เขาจะเข้า มาทาหน้าที่ของเขา ราคาจะขึ้ นไปได้ในที่สุด
Quote: ส่วนใหญ่ถา้ ขาลงใกล้จบ volume ต้องแห้ง ส่วนใหญ่เป็ นแบบ นี้ เกือบทุกรอบเลยใช่ไหมครับ อืม เท่าที่เข้าใจ ก็ทานองนั้นน่ ะค่ะ สาเหตุก็มาจากว่า พวกเล่นสั้นเบื่อ ตลาดไม่น่าพิศมัยสาหรับเขาเท่าไหร่ เขาก็ทะยอยๆหายหน้าไป มันเซ็งน่ ะ Volume
Page 70
อีกพวกที่รอเล่นยาวอยู่ ก็วา่ คุณเซ็งแน่ นะ โอเค ป๋มจะได้หายเซ็ง มีไรทาซะ ทีแล้ว เวลาที่ดิฉนั ศึกษาตลาดขาลง ก็มกั จะเอาตลาดขาขึ้ นนัน่ แหละเป็ น เกณฑ์ สังเกตุม้ยั คะ ทุกทีเวลาถึงจุดพี๊ค โวลุ่มจะมากสุดแทบทุกครั้ง หรือว่า ง่ายๆ เวลาเราดูยอ้ นอดีตไป ช่วงบริเวณดอยทุกดอย โวลุ่มมากทุกที ให้ตาย สิ ทาไมไม่เปลี่ยน
เวลาเราจะคิดถึงขาลง ก็คือการแค่เอา ขาขึ้ น ทุกบริบทมากลับหัวซะ ก็แบบนั้นเอง คือ ในจุดดอย โวลุ่มม๊ากมาก แต่ไฉนราคาไม่คอ่ ยไปต่อ อ้าว คงมีการเขย่าให้งงและฝากของแล้วล่ะ นัน่ สัญญานขาขึ้ นคงจะจบแล้ว กลับกัน ในจุดก้น โวลุ่มน๊ อยน้อย แต่ราคาไม่ลงต่อแล้ววุย้ อ๋อ มันมี คนเก็บนิ นา เก็บทีละน้อย ๆ อ้อ งี้ มันคงไม่ลงแล้วล่ะ แต่จะขึ้ นเมื่อไหร่ก็รอ ให้ฟ้าเปิ ดทางแล้วกัน
Volume
Page 71
ตาราว่ามา เซียนว่าไป Volume นั้น สาคัญไฉน By SetNewsUpdate หุน้ คือเกมส์การเงิน จะขึ้ นหรือลงก็ได้ดว้ ยเม็ดเงิน ดังนั้นปริมาณการซื้ อขาย ของหุน้ ตัวที่กาลังเฝ้ ามองอยู่ ล้วนแสดงออกถึงสถานการณ์การซื้ อขายใน ช่วงเวลาต่างๆ และเป็ นส่วนหนึ่ งที่นักวิเคราะห์ทางเทคนิ คนาเข้ามา พิจารณา ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ โดย Volume มักกาหนดเป็ นแท่งๆ ส่วนมากแล้วจะอยูด่ า้ นใต้สุดของกราฟต่างๆ หมายถึงปริมาณการซื้ อขายใน แต่ละวัน หรือแต่ละช่วงเวลาที่เรากาหนดในกราฟ สูงมากก็มีปริมาณการ ซื้ อขายมาก เตี้ ยหน่ อยก็ซื้อขายน้อยหน่ อยนัน่ เอง
ตาราแรก กล่าวไว้วา่ เมื่อราคาหุน้ ปรับตัวสูงขึ้ น และ Volume สูงขึ้ น แสดงว่าหุน้ ตัวนั้น มีการขึ้ นจริง แต่ในทานองเดียวกัน หากราคาหุน้ ขึ้ นสูง แต่ Volume ลดลง แสดงว่าการขึ้ นของราคาหุน้ ตัวนั้น ใกล้สิ้นสุดลงแล้ว ใน อีกด้านหนึ่ งหากราคาหุน้ ร่วงลงไปอย่างต่อเนื่ อง ด้วย Volume ที่เพิ่มมาก Volume
Page 72
ขึ้ นเรื่อยๆ นัน่ หมายความว่าหุน้ ตัวนี้ ถือไม่ได้แล้ว ราคากาลังจะร่วงลงไป เรื่อยๆ ลดลงไปได้ถึงไหน ก็ลดลงไปจนกว่า Volume จะน้อยลง ซึ่ง พยากรณ์ได้วา่ ช่วงขาลงกาลังจะจบสิ้ น จากสูตรนี้ สามารถนามาปรับใช้ ในกรณีที่ราคาหุน้ วิง่ ขึ้ นไปเท่ากับ High เดิม หรือทา New High แต่เมื่อนา Volume ของราคา High กับ New High มาเทียบกัน ปรากฏว่ามี Volume น้อยกว่า แสดงว่าการขึ้ นครั้งนี้ มี แนวโน้มขึ้ นไม่จริง และการขึ้ นได้จบลงแล้ว
ส่วนอีกกรณีหนึ่ ง ที่มกั พบเห็นเป็ นประจาในการทา New High คือ เจ้ามือแกล้งดึงราคา ทา New High แต่ Volume ในวันที่เกิด New High ไม่ เพิ่มสูงกว่าวันก่อนหน้า แสดงว่าหุน้ ขึ้ นไม่จริง
Volume
Page 73
และในวันต่อมาราคาหุน้ ก็จะร่วงลงไปตามธรรมชาติ ตารายังเสริมอีก ว่า หากวันที่หนุ ้ แดงเถือก พร้อมปริมาณ Volume สูงพอๆ กับวันที่ทา New High นัน่ หมายถึง ราคาหุน้ ตัวนี้ จะร่วงจริงๆ หันมามองด้านเซียนกันบ้าง ขอให้เครดิตคุณดวงดาว แห่งความ ผูกพัน ได้โพสต์เกี่ยวกับเรื่อง Volume ไว้ใน Facebook ห้องสุดยอดหุน้ -การ ลงทุน ว่า ... “สูตรสุดยอดของหุน้ ถ้าเราอ่านว่าหุน้ ตัวนี้ กาลังเป็ น "ขาขึ้ น" แต่วอลุ่มมัน "หาย" (วอลุ่มเทรดลดลง) หมายความว่ารายใหญ่กาลัง "เก็บ ของ" ไม่ปล่อยหุน้ ออกมาหมุนเวียนในตลาด สภาพคล่องของหุน้ ตัวนั้นจะ ค่อยๆลดลง" ... ลองคิดต่อให้เป็ นหลักการวิทยาศาสตร์ ถ้าคน "ดูดหุน้ " เข้าไปในกระเป๋า หมด นักเก็งกาไรไม่ได้เข้ามาเล่น (รอบ) ไม่ได้เอาหุน้ มาหมุนวนในตลาด ทุกคนดูดเก็บ!! ทุกคนดูดเก็บ!! ปริมาณหุน้ ในตลาดก็จะหายไป "... เพราะฉะนั้น ถ้าเราไปเจอ "หุน้ ขึ้ น วอลุ่มหาย" นี่ คือสุดยอดหุน้ ใครหาพบ คนนั้นรวย" เวลาเราอ่านกราฟและวอลุ่มประกอบกัน เราต้องเข้าใจ
Volume
Page 74
ความสัมพันธ์ให้มนั เป็ นหลักคิดทางวิทยาศาสตร์ให้ได้ จะทาให้เราเข้าใจว่า ฝ่ ายตรงข้ามเขากาลังคิดอะไรอยู่ มันจะทาให้เรารูเ้ ท่าทัน …
... เราต้องมองว่า "ซัพพลาย" (ปริมาณหุน้ หมุนเวียน) ในตลาดมันลดลง แต่ "ดีมานด์" (ความต้องการ) มันเพิ่มขึ้ น เราอ่านออกว่า "รายใหญ่" กาลัง เก็บของอยู่ ที่รกู ้ ็เพราะ "วอลุ่มมันหาย" ในระหว่างทางที่หนุ ้ กาลังวิง่ ขึ้ น" พูด ภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่ายๆคาว่า "วอลุ่มหาย" หมายความว่า รายใหญ่อยู่ ในช่วงสะสมหุน้ เก็บหุน้ "ใส่ป๊ ี บ" ไม่เอาหุน้ มาหมุนในตลาด แต่ถา้ เป็ นกรณี "ตรงกันข้าม" สมมติวา่ "หุน้ ขึ้ น" อยูด่ ีๆ แล้วมีแรงขาย "ทุบฮวบ" กดให้ ราคาหุน้ "หล่น" ลงมาพร้อม "วอลุ่ม" ที่หนาแน่ น เป็ นการยืนยันว่าหุน้ ตัว นั้น "หมดรอบ" แล้ว คุณต้องขายทิ้ ง ให้ต้งั ข้อสังเกตไว้กอ่ นว่าหุน้ ตัวนั้น กาลังจะเปลี่ยนแนวโน้มเป็ น "ขาลง"ค่ะ … ... นอกจากนั้นแล้ว ยังมีขอ้ แนะนาเพิ่มเติมอีกว่า หากวอลุ่มตา่ อยูด่ ี แต่มี แนวโน้มจะเพิ่มขึ้ น มี 2 กรณีที่ตอ้ งทาคือ ให้ซื้อตามทันที หรือเล่นตามน้ า "จับแล้วปล่อย" และทานองเดียวกัน ถ้าวอลุ่มตา่ แล้วแนวโน้มหุน้ หดตัวลง Volume
Page 75
อีกให้ WAIT&SEE หลีกเลี่ยงหุน้ นาตลาด เพราะเค้าขึ้ นแรงได้ เค้าก็ลงแรง ได้ ส่วนกรณีหนุ ้ ที่มี Volume สูง แล้วมีแนวโน้มเพิ่มขึ้ นอีก ให้เล่นตามน้ า ... แต่หากราคาเริ่มตื้ อ GAB เริ่มแคบลงเรื่อยๆ Volume สูง แต่แนวโน้มเริ่มหด ตัว ให้ขายหุน้ ออกโดยเร็วหรือ Stop Loss … เซียนดวงดาว ยังเผยกลยุทธ์เพิ่มเติมว่า ... ถ้าวอลุ่มสูง มีแนวโน้ม กระตุกขึ้ นแล้วหดลง นัน่ คือเป็ นโอกาสให้ขายหุน้ ออกอีกระลอก ไม่ใช่ซื้อ จะ เข้าอีกรอบ ต้องรอให้ราคาหุน้ "สะเด็ดน้ า" ก่อน เนื่ องด้วยในภาวะที่ตลาด หุน้ ผันผวน หากซื้ อหุน้ เข้าพอร์ตแล้ว...ถือครองระยะหนึ่ ง ซึ่งเมื่อตลาดหุน้ เป็ น “ขาลง” พอดี ก็จะขาดทุน (ทางบัญชี) ในระยะแรก และต้องรอให้ ราคาหุน้ ดีดกลับพ้นต้นทุนที่ซื้อไว้ จึงจะเรียกว่ามี “กาไร” … ... ในกรณีการเล่นระยะสั้นๆ เช่น การเล่นแบบเทรดดิ้ ง ในระยะที่ตลาดยัง ไม่นิ่ง การเล่นแค่ “จับ” แล้ว “ปล่อย” ขายออกไป เพื่อทากาไรส่วนต่าง ราคาหุน้ จะทาให้คงสภาพคล่องของเงินสดไว้ได้ดีกว่า เราจึงเห็นเดย์เทรด เดอร์ (Day Trader) หรือที่เรียกว่า “เน็ ต เซ็ตเทิลเมนต์ (Net Settlement) ซื้ อเช้าขาย บ่าย...หักค่าหัวคิว (ค่าคอมมิชชัน่ ) เหลือเท่าไหร่ก็ถือว่าเป็ น “กาไร” ได้เงินซื้ อ “กับข้าวกับปลา” แต่ถา้ หากวันไหนที่ชว่ งบ่ายตลาดเกิด แผ่วลง ถึงคราวต้องจาใจขายหุน้ ออกแบบ “ตัดขาดทุน” หรือ “Cut Loss” นักเลงหุน้ เรียกการขายของท้ายตลาดแบบนี้ อีกอย่างว่าเป็ นการ “มอบตัว” …
Volume
Page 76
ความสัมพันธ์ระหว่าง ราคา กับ วอลุ่ม สูตรสาเร็จรวยด้วยหุน้ ความสัมพันธ์ระหว่าง ราคา กับ วอลุ่ม ปริมาณการซื้ อขาย หรือ วอลุ่ม เปรียบได้กบั พลังของ อุปสงค์ ( demand ) และ อุปทาน ( supply) ที่มีผลต่อการกาหนดทิศทางของราคาหุน้ จะมี แนวโน้มสูงขึ้ น หรือ ลดลง ด้วยพลังจากแรงส่งนี้ เมื่อพลังซื้ อมีมากกว่า ความต้องการขาย ราคาย่อมจะสูงขึ้ น และถ้าความต้องการขายมีมากกว่า ราคาหุน้ ก็ยอ่ มตา่ ลง การสังเกตุจากปริมาณการซื้ อขายเปลี่ยนมือมีความสาคัญในการ พิจารณาควบคูไ่ ปกับกราฟราคา วอลุ่มที่เกิดขึ้ นในขณะที่ราคาเพิ่มสูงขึ้ น เราเรียกว่า demand volume ถ้าราคาและปริมาณเคลื่อนไปในทิศทาง เดียวกัน เป็ นการชี้ ว่า อาจเป็ นแนวโน้มขาขึ้ น ( bullish ) ขณะที่หากวอลุ่มที่เกิดขึ้ นในขณะที่ราคาหุน้ ลดตา่ ลง เราเรียกว่า suppy volume ถ้าราคาและปริมาณเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน เป็ นการชี้ ว่า อาจเป็ นแนวโน้มขาลง (bearish) ในการวิเคราะห์ทางเทคนิ ค เราจะนาความสัมพันธ์ระหว่างราคาหุน้ กับวอลุ่มนี้ มาช่วยในการ สนับสนุ น แนวโน้มราคา หรืออาจจะนามาใช้เป็ น สัญญานเตือน ว่าแนวโน้มของราคาใกล้ที่จะเปลี่ยนทิศทางหรือยัง แต่สาระ ในการพิจารณาประกอบกับสัญญาณทางเทคนิ ค จะให้น้ าหนักมากกับการ ทะลุผ่าน (breakout) เป็ นสาคัญ เป็ นการชี้ ให้เห็นว่าพลังผลักดันของ แนวโน้ม ขึ้ น หรือ ลง มีพลังส่งที่สงู กว่า อย่างไรก็ตาม โดยทัว่ ไปแล้วจะมี หลักเกณฑ์ในการสังเกตุความสัมพันธ์ระหว่าง ราคาหุน้ กับ วอลุ่ม ดังนี้ Volume
Page 77
ความสัมพันธ์ระหว่าง ราคา กับ วอลุม่ ความสัมพันธ์ในแง่บวก 1.เมื่อราคาหุน้ ปรับตัวสูงขึ้ นจากช่วงเวลาก่อนและปริมาณการซื้ อขาย (วอลุ่ม) ปรับตัวสูงขึ้ นตาม จะเป็ นการสนับสนุ นการขึ้ นของราคาหุน้ 2.เมื่อราคาหุน้ ที่พงุ่ สูงขึ้ นมาช่วงหนึ่ ง ต่อมามีการปรับตัวลดลง(ทาง เทคนิ ค) ให้สงั เกตุปริมาณการซื้ อขาย(วอลุ่ม) ถ้าปรับตัวลดลงตามด้วย จะ แสดงถึงการลดลงชัว่ คราวของราคาก่อนที่จะมีการ ดีดกลับ ของราคาอีก ครั้งหนึ่ ง 3.การขายอย่างตื่นตระหนก (panic selling) ถ้าเกิดขึ้ นจากราคาที่ลด ตา่ ลงมาแล้วเป็ นระยะเวลาพอสมควร และต่อมาราคามีลกั ษณะเร่งการ ตก ดิ่ง อย่างรุนแรงในขณะที่ วอลุ่ม กลับเพิ่มมากขึ้ น ในทางเทคนิ คเรียกว่า วิกฤตการขาย (selling climax) นี้ คือจุดจบของแนวโน้มขาลง หรือ bear market ความสัมพันธ์ระหว่าง ราคา กับ วอลุม่ ความสัมพันธ์ในแง่ลบ 1.เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้ นจากช่วงเวลาก่อน แต่ปริมาณการซื้ อขาย(วอ ลุ่ม) กลับลดลง จะเป็ นสัญญาณ ค้าน การขึ้ นของราคา 2.เมื่อราคาลดลงมาแล้วช่วงหนึ่ ง ต่อมามีการปรับตัวขึ้ น(ทาง เทคนิ ค)ให้สงั เกตุปริมาณการซื้ อขาย(วอลุ่ม)หากลดลงสวนทางการเพิ่มขึ้ น ของราคา จะเป็ นสัญญาณลบ และบ่งชี้ ว่าในไม่ชา้ จะมีการปรับตัวลดลงของ ราคาอีกครั้ง
Volume
Page 78
3.เมื่อราคาวิง่ ขึ้ นกลับไปที่จุดสูงสุดเก่า แต่ปริมาณการซื้ อขาย(วอลุ่ม) มีไม่มากพอ (วอลุ่มไม่หนุ น) เป็ นสัญญาณเตือนในทางลบ 4.ถ้าราคาสูงขึ้ นเป็ นระยะเวลานาน และถ้ามาถึงจุดหนึ่ งที่ราคาขยับ ขึ้ นเล็กน้อย แต่วอลุ่มกลับยังคงสูงมาก เป็ นสัญญาณเตือนว่ามีการระบาย หุน้ ออกในลักษณะ โยนหุน้ เกิดขึ้ น หรือมีการซื้ อขายกันระหว่างกลุ่ม เพื่อ ไม่ให้ราคาตก สัญญาณนี้ จะบอกว่าในไม่ชา้ จะมีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม จากขาขึ้ นมาเป็ นแนวโน้มขาลง 5.เมื่อราคากับวอลุ่มขึ้ นไปด้วยกันอย่างช้าๆ จนถึงระดับหนึ่ งแล้ว ราคาหุน้ กลับทะยานขึ้ นอย่างรวดเร็ว โดยพบว่ามีวอลุ่มเพิ่มขึ้ นสูงมากกว่า ผิดปกติและหลังจากนั้นราคาเริ่มลดตา่ ลง จะถือว่า ณ จุดนั้น เป็ นการ เปลี่ยนแนวโน้มจากขึ้ นเป็ นลง การตกลงของราคาจะรุนแรงเพียงใด ขึ้ นอยู่ กับราคาและขนาดของวอลุ่มที่เกิดขึ้ นก่อนหน้านี้
เห็นหุน้ New High อย่าเพิ่งปั กใจเชื่อ ระวังเจอ Counter Attack ตีตลบหลังติดดอยสูง Counter Attack เป็ นสัญญาณที่ราคาหุน้ บวกมาตลอด หลายวัน แต่แล้ววันหนึ่ ง เมื่อเกิด New High ปั๊ บ กลับ เผชิญแรงขายอย่างรุนแรง จนราคาหุน้ กดตา่ ลงเป็ นแท่งเทียนสีแดงทึบ แล้ว ราคาปิ ดในวัน ลงมาปิ ดเท่ากับราคาปิ ดสูงสุดวันก่อนหน้า นัน่ คือปลาย สูงสุดสีเขียววันก่อน เท่ากับราคาปิ ดของแท่งเที ยนสีแดงในวันนี้ Volume
Page 79
สัญญาณแบบนี้ แสดงให้เห็นว่า เป็ นการจบรอบการขึ้ น เนื่ องจากมี แรงขายที่รุนแรง นั กลงทุนที่ไม่รจู ้ กั สัญญาณนี้ จะคิดว่าหุน้ ทา New High อาจสับขาหลอกเล็กน้อย และสามารถจะไปต่อได้ จึงได้เข้าไปไล่ซื้อหุน้ ตาม และโดนลากขึ้ นลงปล่อยของอย่างเมามันส์ และราคาค่อยปรับตัวเรี่ยราดลง เรื่อยๆ อันจะส่งผลให้นักลงทุนติดดอยในที่สงู เรียกง่ายๆ ว่าถูกตีตลบหลัง นัน่ เอง
มารูจ้ กั กับ Tower Top กับ Tower Bottom มันจะบอกให้ได้จริงหรือ ... แค่ดแู ท่งเทียน .. คงบอกไม่ได้มากมายอะไร นัก ... หากไม่รจู ้ กั ดูอย่างอื่นประกอบเคียงคู่ .. เอาเป็ นว่า ดูๆ ไว้ ให้เข้าใจ ประมาณว่า คุยกับคนอื่นเค้ารูเ้ รื่อง .. ก็พอ เนอะ
Tower Bottom คือลักษณะ ของ Candle Stick ที่ราคาหุน้ ก่อนหน้า เคลื่อนไหวในวงแคบๆ แถมวิง่ ยึกยักไปมาอยูใ่ นแนวตา่ ... นัง่ มองอยูน่ าน .. แต่แล้ว ก็มีการกระชากตัวขึ้ นอย่างรุนแรง ไม่วา่ เรื่อง Story หรืออะไรก็ ตามแต่ .. แท่งเทียนสีเขียวขนาดใหญ่ เกิดขึ้ นตั้งตระหง่าน กลายเป็ น Volume
Page 80
สัญญาณว่า วันพรุง่ นี้ หรือวันต่อๆ ไป แท่งเทียนเขียวใหญ่นี้ จะส่งผลให้หนุ ้ เปลี่ยนทิศในวันต่อไป ...
Tower Top คืออีกลักษณะหนึ่ ง ที่ ตรงกันข้ามกับ Tower Bottom นัน่ คือ ในช่วงที่ตลาดยังเป็ นขาขึ้ น และราคา หุน้ เริ่มมีแนวโน้มทรงตัวแคบๆ .. ดัน มีแรงขายออกมาอย่างรุนแรง จนเป็ น แท่งสีแดงขนาดใหญ่ ภาษาหุน้ เรียกว่า Tower Top ซึ่งจะส่งผลให้ หุน้ ปรับตัวลง หรือเปลี่ยนทิศทางจากขา ขึ้ นเป็ นขาลง เปลี่ยนทิศทางโดยฉับพลัน ตั้งแต่น้ันเป็ นต้นไป … มันอาจเป็ นแค่ความรูสึก หรือประสบการณ์ ในการรวบรวมมา แบ่งปั นกัน แต่รปู แบบ Candle Stick นี้ อาจเป็ นสิ่งที่เกิดขึ้ นบ่อย และมี ความสาคัญสาหรับการพิจารณาหาแนวทาง “ซื้ อ” หรือ “ขาย” หุน้ ที่ถืออยู่ หรือ กาลังเบื่อ พร้อมที่จะขาย หรือกาลังอยากได้ พร้อมจะซื้ อ ... อย่างไรก็ ตาม ควรจะใช้ควบคูก่ บั เครื่องมือบอกทิศทางอื่นๆ เพื่อให้เกิดความแม่นยา มากขึ้ น ไม่ต่างอะไรกับการท่องเรือกลางมหาสมุทร .. รู ้ GPS รูค้ ลื่นลม ดู ดาวเป็ น ฯลฯ ... แต่ก็อปั ปางได้ เป็ นธรรมดาสากลโลก ...
Volume
Page 81
วอลุ่มเบรค 200 วัน
หุน้ ราคาเบรค 200 วัน: หมายถึง หุน้ ที่มีราคาขึ้ นไปสูงสุดในรอบ 200 วัน ทาการ (ประมาณ 1 ปี ) คนที่ติดหุน้ ตัวนี้ มานานเป็ นปี ถ้าไม่ได้เป็ นนัก ลงทุนแบบ VI หรือไม่ได้คทั ทิ้ งไปก่อนหน้านี้ ก็จะทาการขายแล้ว วันนี้ เป็ น วันที่ทุกคนกาไรหมด ได้ลงจากดอยกันซะที คนทัว่ ไปเข้าใจว่า ควรขาย แต่บางคนกลับ อยากซื้ อ นี่ เป็ นความคิดที่ ทาให้ คนทัว่ ไป ต่างจาก เซียนหุน้ หุน้ ที่เบรค 200 วันได้ แสดงว่า หุน้ ตัวนี้ ต้องมีดีอะไรบางอย่าง ไม่ง้นั ทาไมรายใหญ่จึงยอมกวาดซื้ อหุน้ ทั้งหมดที่ ราคาสูงขนาดนี้ วิธีหาหุน้ ราคาเบรค 200 วัน ก็คือ เปรียบเทียบราคาย้อนหลังไป 200 วัน ทาการ ถ้าพบว่าวันปั จจุบนั มีราคาสูงสุด หุน้ ตัวนั้นก็คือ หุน้ ราคาเบรค 200 วัน Volume
Page 82
หุน้ โวลุม่ เบรค 200 วัน: หมายถึง หุน้ ที่มีโวลุ่มสูงสุดในรอบ 200 วันทา การ (ประมาณ 1 ปี ) ซึ่งโดยปกติแล้ว หุน้ จะเบรคราคา 200 วัน พร้อมๆ กับเบรคโวลุ่ม 200 วันไปด้วยกัน แต่ก็มีบางกรณีที่เบรคราคาไปก่อนแล้ว ค่อยเบรคโวลุ่มในวันถัดมา หรือเบรคโวลุ่มไปก่อนแล้วค่อยเบรคราคาในวัน ถัดมา สาหรับกรณีหลังเราต้องตรวจสอบว่า เกิดจากการซื้ อขาย Big lot หรือไม่ ถ้าเป็ นการซื้ อขายปกติในตลาดก็จะน่ าสนใจกว่า โดยอาศัยทฎษฎีเทน้ าลงแก้ว สมมติเราเอาแก้วมา 1 ใบ แล้วเราเอา น้ าจานวนหนึ่ งเทลงไปในแก้ว ระดับน้ าก็จะสูงขึ้ นมาในระดับหนึ่ ง หากเรา เทน้ าออก แล้วเทน้ าเข้ามาใหม่ ด้วยปริมาณน้ าที่เท่าเดิม เราก็เชื่อว่าระดับ น้ าในแก้ว ก็คงจะสูงขึ้ นเท่าครั้งก่อน น้ าที่เท ก็คือ โวลุ่ม ส่วนระดับน้ าที่ขนึ้ ก็คือ ราคานัน่ เอง เราจะอาศัย สิ่งนี้ มาประเมินราคาหุน้ ที่คาดว่าจะเกิดในอนาคตได้ นัน่ คือ หุน้ ที่เบรคโว ลุ่มไปก่อน ก็น่าจะเบรคราคาตามมาในไม่ชา้ วิธีหาหุน้ โวลุ่มเบรค 200 วัน ก็คือ เปรียบเทียบโวลุ่มย้อนหลังไป 200 วันทาการ ถ้าพบว่าโวลุ่มปั จจุบนั มีค่าสูงสุด หุน้ ตัวนั้ นก็คือ หุน้ โวลุ่ม เบรค 200 วัน Volume
Page 83
หุน้ เบรค 200 วันแล้วกาลังพักตัว: หลังจากหุน้ ได้เบรคราคา 200 วันไปแล้ว มักจะมีการพักตัวเพื่อซับแรงขายที่ยงั ไม่หมด เช่น รายย่อยที่เพิ่ง รูข้ ่าวว่าหุน้ ขึ้ นก็จะรีบมาขายหุน้ หรือรายย่อยที่เล่นเอากาไรระยะสั้นก็จะรีบ ขายก่อนหุน้ ตก เป็ นต้น เมื่อรายย่อยขายหุน้ ออกไป เจ้าท่านก็จะรับซื้ อไว้ ทั้งหมด การพักตัวอาจกินเวลาแค่ 1 วันหรือหลายวันก็เป็ นได้ ราคาจะตก ลงมาเยอะบ้างน้อยบ้างตามแต่เจ้าท่านจะสร้างสถานการณ์ให้เราตกใจกลัว แล้วเราก็ขายหุน้ ออกไป หุน้ จะพักตัวจนกระทัง่ โวลุ่มแห้ง คือ แทบไม่มีการซื้ อขาย หรือซื้ อขาย กันน้อยมากๆ (เมื่อเทียบกับวันที่หนุ ้ เบรค 200 วัน) เมื่อเจ้าท่านเห็นว่า รายย่อยได้ขายหุน้ ในมือจนหมดเกลี้ ยงแล้ว (หุน้ พักตัวเสร็จ) เจ้าท่านก็จะ ทาราคาหุน้ ให้สงู ขึ้ นไปอีกและอาจจะสูงขึ้ นเรื่อยๆ อีกหลายวัน จนกระทัง่ รายย่อยทนไม่ไหวแห่กนั เข้าไปซื้ อหุน้ อีกครั้ง เจ้าท่านก็จะขายให้ดว้ ยความ เต็มใจ รายย่อยก็ได้ติดดอยกันอีกครั้งนึ ง 5555 เงื่อนไขที่ใช้สแกนหาหุน้ เบรค 200 วันแล้วกาลังพักตัว: -หุน้ ที่เบรค 200 วันมาแล้วไม่เกิน 30 วันทาการ -อยูร่ ะหว่างพักตัว โดยราคาปั จจุบนั ไม่ตา่ กว่าราคา low ของวันที่เกิด Float -และวันที่เกิด Float เป็ นวันเดียวกับที่เบรค 200 วัน หรืออยูห่ ่างกันไม่เกิน 5 วันทาการ
Volume
Page 84
Volume ในมุมมองเสี่ยยักษ์ 1.ในจังหวะที่หนุ ้ เป็ นขาขึ้ น เราต้อง Let the Profit Run ปล่อยให้กาไรวิง่ เต็มสตีม เมื่อไรที่ราคาเริ่มปรับฐานลงมาพร้อมวอ ลุ่ม เราต้องรีบล้างพอร์ตออกไป ท่อง เอาไว้เลย "วอลุ่มพีค" คือ "ราคาพีค" และ ถ้าหุน้ ปรับฐานแล้ว "รีบาวด์" แต่ไม่ ทา "นิ วไฮ" ใหม่.."มันต้องลง" 2.ถ้าหุน้ เป็ น "ขาลง" แล้ว "วอลุ่มหาย" นี่ เป็ นตามธรรมชาติ แต่ถา้ หุน้ เป็ น "ขาขึ้ น" แล้ว "วอลุ่มหาย" นี่ มนั ผิดกฎธรรมชาติ ให้สงสัยไว้กอ่ นว่า "มันกาลังจะวิง่ " 3.กรณีที่หนุ ้ จะปรับตัว "ลงแรง" วอลุ่มมักจะทา "พีค" ก่อน ให้สงั เกต ว่า รายย่อยจะแห่เข้าใส่แบบไม่ลืมหูลืมตา เวลาที่หนุ ้ ปรับตัว มันจะ "ลงลึก 4. (ข้อสังเกตมีอยูว่ า่ ก่อนหน้าที่หนุ ้ SHIN-W1 จะวิง่ ขึ้ นรอบใหญ่จาก ช่วงราคา 7-8 บาทขึ้ นไปทาจุดสูงสุดของรอบที่ 24.80 บาท หุน้ ตัวนี้ ถูก “กด” ไม่ให้ขนนานถึ ึ้ ง 17 สัปดาห์ ระหว่างที่หนุ ้ ถูกกดไม่ให้ขนึ้ มีจุดสังเกต คือ “วอลุ่มหาย” (วอลุ่มลดลงอย่างต่อเนื่ อง) ขณะที่ราคาหุน้ ไม่ลง มี ลักษณะ “ไซด์เวย์” ออกด้านข้าง อยูใ่ นกรอบ 6.25-10.30 บาท แต่โดย เฉลี่ยแล้ววิง่ อยูใ่ นกรอบ 7-8 บาท) เสี่ยยักษ์บอกว่า จากประสบการณ์ครั้ง นั้นสรุปว่า ทุกคนเฉียดรวยกันหมด รายใหญ่เขากดดันให้คนที่ เล่นหุน้ ตัวนี้ Volume
Page 85
อึดอัดมาก (ยิง่ ถือหุน้ มาก ยิ่งกดดัน) พอรวบรวมหุน้ ได้มากพอก็ “ลาก ราคา” ขึ้ นไปเลย นี่ คือจังหวะชีวติ ที่นักเล่นหุน้ ทุกคนต้องเจอ 5. “ยิ่งหุน้ ตัวใหญ่ ถ้าเขารูว้ า่ ตอนไอพีโอ มีคนไปแย่งกันจอง(หุน้ ไม่ พอขาย) พอเข้าตลาดมาปั๊ บ! เขาจะพยายามกดราคา เพื่อกดลงมารับตา่ ๆ ถ้าวันแรกเปิ ดมาสูง เขาก็จะเทรดให้หนุ ้ ตา่ ลงมาก่อน …แต่คุณดู พอมันเก็บ ของ(สะสมหุน้ )ได้พอแล้ว สังเกตว่า “วอลุ่มพีค” (เก็บของได้แล้ว) ราคา ปรับตัวลงมาเสร็จ คราวนี้ ปริมาณซื้ อขายจะไม่ได้เยอะ สภาพคล่องจะเริ่มตึง ขึ้ น ราคาจะค่อยๆขยับขึ้ นช้าๆ บางทีก็เล่นไซด์เวย์อยูน่ าน จนคนซื้ ออึดอัด ใครทนไม่ไหวก็ “คืนของ” ให้เขา แต่พอเขารวบรวมหุน้ ได้เต็มที่แล้ว พอ MACD (ระยะเดือน) ตัดขึ้ น ทีนี้มันวิง่ ขึ้ นเร็วมาก” 6. "ผมจะบอกสูตรสุดยอดของหุน้ ให้ฟังนะ ถ้าเราอ่านว่าหุน้ ตัวนี้ กาลัง เป็ น "ขาขึ้ น" แต่วอลุ่มมัน "หาย" (วอลุ่มเทรดลดลง) หมายความว่าราย ใหญ่กาลัง "เก็บของ" ไม่ปล่อยหุน้ ออกมาหมุนเวียนในตลาด สภาพคล่อง ของหุน้ ตัวนั้นจะค่อยๆลดลง" ...ลองคิดต่อให้เป็ นหลักการวิทยาศาสตร์ ถ้า คน "ดูดหุน้ " เข้าไปในกระเป๋าหมด นักเก็งกาไรไม่ได้เข้ามาเล่น (รอบ) ไม่ได้เอาหุน้ มาหมุนวนในตลาด ทุกคนดูดเก็บ!! ทุกคนดูดเก็บ!! ปริมาณ หุน้ ในตลาดก็จะหายไป "...เพราะฉะนั้น ถ้าเราไปเจอ "หุน้ ขึ้ น วอลุ่มหาย" นี่ คือสุดยอดหุน้ ใครหาพบคนนั้นรวย 7. หุน้ ปตท.ขึ้ นจาก 70 กว่าบาทขึ้ นไปใกล้ๆ 100 บาท ทาไม! "นาย วิชยั " ถึงไม่ยอมขาย ทั้งๆที่ได้กาไรเยอะแล้ว "ผมฟลุค้ รึเปล่า! ที่ไปขาย 170 กว่าบาท เพราะผมมองว่า "ซัพพลาย" (ปริมาณหุน้ หมุนเวียน) ใน ตลาดมันลดลง แต่ "ดีมานด์" (ความต้องการ) มันเพิ่มขึ้ น เราอ่านออกว่า Volume
Page 86
"รายใหญ่" กาลังเก็บของอยู่ ที่รกู ้ ็เพราะ "วอลุ่มมันหาย" ในระหว่างทางที่ หุน้ กาลังวิง่ ขึ้ น" พูดภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่ายๆคาว่า "วอลุ่มหาย" หมายความว่า รายใหญ่อยูใ่ นช่วงสะสมหุน้ เก็บหุน้ "ใส่ป๊ ี บ" ไม่เอาหุน้ มา หมุนในตลาด 8. แต่ถา้ เป็ นกรณี "ตรงกันข้าม" สมมติว่า "หุน้ ขึ้ น" อยูด่ ีๆ แล้วมีแรง ขาย "ทุบฮวบ" กดให้ราคาหุน้ "หล่น" ลงมาพร้อม "วอลุ่ม" ที่หนาแน่ น เป็ น การยืนยันว่าหุน้ ตัวนั้น "หมดรอบ" แล้ว คุณต้องขายทิ้ ง ให้ต้งั ข้อสังเกตไว้ ก่อนว่าหุน้ ตัวนั้นกาลังจะเปลี่ยนแนวโน้มเป็ น "ขาลง" 9. กรณีของหุน้ PTT วันก่อนมีปริมาณซื้ อขาย 11 ล้านหุน้ ราคาอยูท่ ี่ 210 บาท อีกวันวอลุ่มลงมาเหลือ 7.8 ล้านหุน้ ราคาขึ้ นไป 214 บาท แล้ว วันนี้ วอลุ่มหายเหลือ 2-3 ล้านหุน้ แล้วราคายังยืนได้ 212-214 บาท สัญญาณอย่างนี้ "ถือว่าดี" แสดงว่า มีการเก็บของในลักษณะ "เก็บออกไป เลย" ไม่ได้เอากลับมาหมุนในตลาด ซึ่งมันต่างกับหุน้ บางตัว พอลากราคา ขึ้ นไปปุ๊ บ! ทุกคนแห่ขาย "หุน้ ตก...วอลุ่มมาเพียบ" เจออย่างนี้ ก็ตอ้ ง "ถอย" 10. เสี่ยยักษ์ ยังยกตัวอย่างถึงกรณีของหุน้ IRPC สมมติ มีคนเทขาย กดลงมาไม้ใหญ่ๆ ที่ราคา 6.10 บาท แล้วในวินาทีเดียวกัน (ทันทีเลย) มี คนมารับต่อทันที 1 ล้านหุน้ โดยข้อเท็จจริงแล้วถ้าหุน้ มันจะลง จะต้องไม่มี รายใหญ่คนไหนกล้าเข้ามารับ ต้องไม่มีใครกล้าสวน ละครฉากต่อมา มีคนแกล้งทาให้ลบ เคาะขายออกมา 500 หุน้ ที่ ราคา 6.05 บาท แต่คนซื้ อใหญ่กว่าทาให้ราคาเบ่งขึ้ นมาได้ แสดงว่าฐาน ราคาตรง 6.10 บาท "แข็งแรง" หุน้ ก็จะดูดี ราคาตรงจุดนี้ เราอาจจะลงทุน Volume
Page 87
ระยะสั้นได้ "...นี่ คือ "วิชาสังเกต" ที่เราต้องนัง่ ดูทุกวัน รับรองว่าไม่มีสอนใน ตารา" เสี่ยยักษ์ สรุปบทเรียนจากวิชาสังเกต ให้ฟังว่า ถ้าหุน้ ตัวไหน สวน ทาง ดัชนี SET ของวันได้ แสดงว่า "ดี" หุน้ ตัวนั้นต้องมีคนดูแล เช่น ถ้าดัชนี SET "ลง" แต่ราคาหุน้ ตัวนี้ มันยังยืนได้ แสดงว่าแข็งกว่าตลาด...มันสู!้ เล่น สั้นได้ 11. การตั้ง Bid (เสนอซื้ อ) และ Offer (เสนอขาย) หลอกกันได้ อย่างไร? โดยปกติ ถ้าเราเห็น การตั้งขาย "ไม้ใหญ่ๆ" ถ้าอยูฝ่ ัง่ ขาย (Offer) คนที่เห็นก็มกั จะใจไม่ดี ซึ่งวอล่ม Offer ไม่ค่อยหลอก...มักจะขายจริง แต่ฝัง่ Bid มันหรอกกันได้ เช่น หุน้ BROCK (ก่อนปรับพาร์จาก 5 บาทเหลือ 1 บาท) มี Bid ช่องบน 6.50-6.60 บาท 1 ช่องวางซื้ อ (Bid) ไว้ 7 แสนกว่า หุน้ นัน่ คือ เขากลัว "ลง" เป็ นการ "หนุ น" เพื่อให้คนซื้ อตาม แต่ถา้ มีคน เสนอซื้ อเข้ามา อยากซื้ อเท่าไรก็มีของ (หุน้ ) ขายให้ อย่างนี้ เป็ นต้น "แต่ถา้ เป็ น "หุน้ ดี" ให้สงั เกตว่า มักจะมี Bid วางซื้ อไว้น้อย แต่ฝัง่ Offer วางขายไว้ เยอะ โดยปกติของ "หุน้ ดี" ช่วงเก็บของ หรือ ช่วงสะสมหุน้ รายใหญ่จะตั้ง "เสนอซื้ อ" ไว้ไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะเป็ นอย่างนี้ ...เพราะอะไร ถ้ามีคนขาย ออกมา เขารอรับ...เขารอเก็บเข้าพอร์ต ซึ่งภาวะอย่างนี้ คือ ช่วงที่ดชั นี SET ประมาณ ตี 4 ตี 5 คนยังเล่นหุน้ ไม่เต็มตัว เขาจะรอรับ แต่ไม่ไล่ราคา" นี่ เป็ นอีกเกร็ดความรูใ้ นการอ่านเกมที่ เสี่ยยักษ์ ถ่ายทอดให้เข้าใจ
Volume
Page 88
วอลุม่ กับการเล่นหุน้ ซิ่ง
แนวคิด.....หุน้ ที่ถกู ลากราคาขึ้ นมาช่วงแรกๆ เช่น +15% จากราคา นิ่ งๆเดิมๆ...จะพบว่าโวลุ่มของช่วงนั้นจะมากกว่าช่วงก่อนหน้าที่ราคาทรงๆ เหตุผล...เพราะการทาราคาในช่วงแรก จะมีคนถือหุน้ ที่ราคาตา่ ก่อน หน้านี้ ขายออกมาให้แก่ผทู้ าราคาเป็ นจานวนมาก(ทาให้เห็นโวลุ่มส์มาก)... ซึ่งเป็ นเรื่องที่ผทู้ าราคาต้องแบกภาระลงทุนรับซื้ อหุน้ เหล่านี้ ไว้กอ่ น...เพื่อ เก็บหุน้ ช่วงราคาที่บวกแค่ 15% ช่วงนี้ ไว้ให้มากที่สุดก่อน(เพื่อป้องกันคน ถือไว้ไปขายที่ตอนลากต่อไปสูงๆ)...และพยายามทาทีวา่ หุน้ อาจหมดรอบ โดยค่อยๆไม่ยนั ราคา ให้หนุ ้ ค่อยๆมีราคาตา่ ลงมากว่าเดิมอีก เพื่อให้คนที่ ยังไม่ขายบางส่วน กลัวกาไรจะหายหรือลดลงเรื่อยๆ พากันขายออกมาอีก บางส่วน.....หรือที่เรียกว่าการพักตัวของหุน้ .....พอทุกอย่างพร้อม...แรงขายหมดแล้ว...เรามักจะพบว่าหุน้ นั้นจะดีดตัว ต่อไปได้อีก....ตัวอย่างมากมายครับ...ค่อยๆลองดูกนั Volume
Page 89
หุน้ จะมีโวลุ่มซึ่งเกิดจากการเก็บมาสักระยะหนึ่ ง แล้วหลังจากนั้นจะทาการ Break high ไปได้ และก็ทา New high ใหม่ หลังจากนั้นจะเห็นได้วา่ จะเกิดการพักตัวของหุน้ ซึ่งหุน้ ตัวนี้ มีลกั ษณะ การพักตัวคือ โวลุ่มจะค่อยๆหาย แต่หารพักตัวของแท่นเทียนนั้นจะมี ลักษณะการไล่ราคากลับมาลงมาที่แนวที่ Break high นัน่ คือแนว Support นัน่ เอง อาจจะทาให้เราหงุดหงิดบ้างไปนิ ดเพราะใช้เวลานานเหลือเกิน แต่หลังจากนั้นตอนที่เราเผลอ มันก็จะทาการไล่ราคาอีกครั้งจนทา New high ใหม่ดว้ ยโวลุ่มที่เข้ามาทันที นัน่ ไง!!! ซึ่งตอนนี้ นั้นหุน้ ตัวนี้ ได้ทา New high ใหม่อีกและ เรามาดูกนั ว่า ลักษณะนิ สยั ของหุน้ ตัวนี้ จากที่ศึกษามา เขาจะกลับลงมาพักที่แนว Support รึเปล่า หุน้ ตัวนี้ เป็ นหุน้ มีพนฐานสตอรี ื้ ่ดี จึงต้องเล่นกราฟฟที่มีลกั ษณะของกราฟ แบบเรื่อยๆ คาดว่ายังไปได้อีกไกลครับ Volume
Page 90
การดูปริมาณการซื้อขายหุน้ ถ้าเราเล่นหุน้ ทางเทคนิ คเกร็งกาไรระยะสั้น จะพบว่ามีเทคนิ คและเครื่องมือ ที่ใช้ในการวิเคราะห์อยูห่ ลายตัวด้วยกัน หนึ่ งในนั้นคือการดูความสัมพันธ์ ระหว่าง ราคาหุน้ (Price) กับ ปริมาณการซื้ อขายหุน้ (Volume) เป็ น Basics Of Technical Analysis ถ้าเรามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้่ง เราก็สามารถทา กาไรหุน้ ได้มาก ไม่แพ้เครื่องมือวิเคราะห์หนุ ้ ตัวอื่นๆ เลย
ปริมาณการซื้อขาย VOLUME (VOL) คืออะไร VOLUME คือ ปริมาณการซื้ อขายของหุน้ โดยความสัมพันธ์ของราคา และปริมาณการซื้ อขายในช่วงเวลาหนึ่ ง
จากภาพ แท่งกราฟสีฟ้า ด้านล่างคือ ปริมาณการซื้ อขายหุน้ (Volume) และ รูป ด้านบน เป็ น กราฟ แท่งเทียน แสดงราคาหุน้ Volume
Page 91
ลองสังเกตุ และวิเคราะห์ราคา(Price) กับปริมาณการซื้ อขายหุน้ (Volume) ถ้าราคาปรับตัวสูงขึ้ นจากช่วงเวลาก่อนหน้านั้น โดยมีปริมาณการซื้ อ ขายปรับตัวสูงขึ้ นตามมาด้วย จะเป็ นการสนับสนุ นการขึ้ นของราคา ถ้าราคาที่พงุ่ สูงขึ้ น หลังจากนั้นราคามีการปรับตัวลง และปริมาณการ ซื้ อขายปรับตัวลดลงตามมาด้วย แสดงให้เห็นถึงการลดลงของราคาแบบ ชัว่ คราว หลังจากนั้ นจะราคาหุน้ จะมีการปรับตัวสูงขึ้ นอีกครั้งหนึ่ ง การขายหุน้ อย่างตื่นตระหนก (PANIC SELLING) เกิดขึ้ นจากราคาที่มี การลดลงมาเป็ นระยะเวลานาน และต่อมาราคาตกดิ่งลงในขณะที่ VOLUME กลับเพิ่มมากขึ้ น ถือเป็ นช่วงวิกฤติการขาย (SELLING CLIMAX) ซึ่งมักจะ เป็ นจุดตา่ สุดของตลาดหรือหุน้ เพราะบ่อยครั้งที่วิกฤติการขาย(SELLING CLIMAX) จะเป็ นจุดจบของ BEAR MARKET
ข้อควรระวังในการวิเคราะห์ Priceกับ Volume การขึ้ นลงของราคาหุน้ กับ ปริมาณการซื้ อขาย ที่ไม่สมั พันธ์กนั อาจ แสดงการขึ้ นลง ของราคาหุน้ ที่ไม่เป็ น ความจริง หรือ อาจเป็ นการปั ่ นหุน้ ถ้าเรา ตัดสินใจซื้ อ หรือ ขาย หุน้ ผิดพลาดไม่เป็ นไปตาม Trend ที่แท้จริง เราก็จะขาดทุนและอาจขาดทุนมากถ้า กราฟราคาหุน้ ลงแรง ถ้าราคาหุน้ ปรับตัวสูงขึ้ นจากช่วงเวลาก่อนหน้านั้น แต่ปริมาณการซื้ อ ขายกลับลดลง ถ้าสังเกตุให้ดี ลักษณะนี้ จะเป็ นการค้านการขึ้ นของราคาหุน้ ใน ช่วงเวลานั้น อาจจะไม่ใช่ แนวโน้มขาขึ้ น ที่แท้จริง
Volume
Page 92
ถ้าราคาหุน้ ปรับตัวลดลง ต่อมามีการปรับราคาขึ้ น แต่หากปริมาณการซื้ อ ขายลดลง จะเป็ นการค้านการขึ้ นราคาหุน้ ในช่วงเวลานั้น คือราคาหุน้ ขึ้ น แต่ปริมาณการซื้ อขายหุน้ ไม่มี มาสนับสนุ นการขึ้ นของราคา อาจเป็ นการขึ่ นของราคาแบบชัว่ ขณะ ถ้าราคาหุน้ และ Volume ขึ้ นไปด้วยกันอย่างช้า ๆ ถึงในระดับหนึ่ ง แล้ว ราคาวิง่ ขึ้ นอย่างรวดเร็วโดย มี VOLUME สูงขึ้ นมากผิดปกติ และ ช่วงเวลาต่อมาราคาเริ่มลดตา่ ลง อาจจะถือได้วา่ เป็ นช่วงเวลาการเปลี่ยน Trend จากขึ้ นเป็ นลง ถ้าราคาหุน้ วิง่ ขึ้ นกลับไปถึงจุด สูงเดิม แต่ Volume มีไม่มากเท่ากับ Volume ของจุดสูงเดิม แสดงถึงการค้านการขึ้ นของราคาหุน้ อาจนาไปสู่ การปรับตัวลงของราคาหุน้ ในช่วงหลังจากนั้นได้
Volume
Page 93
ถ้าราคาสูงขึ้ นมาเป็ นระยะเวลานาน และเมื่อมาถึงจุดที่ราคาขยับขึ้ น เล็กน้อย แต่ Volume กลับยังคงสูงมาก จะเป็ นสัญญาณว่ามีการขายระบาย หุน้ ออกในลักษณะของการโยนหุน้ (มีการซื้ อขายกันระหว่างกลุ่มเพื่อไม่ให้ ราคาตก) ซึ่งอาจนาไปสู่การปรับตัวลงของราคาในช่วงต่อไป
ปริมาณการซื้ อขาย Volume และ ราคามักจะเป็ นไปตามแนวโน้ม แนวโน้มขาขึ้ น แรงซื้ อต้องมากกว่าแรงขาย แท่งเทียนที่ปรับตัวขึ้ น บวกต้องมี Volume มากกว่าแท่งเทียนที่ปรับตัวลง แนวโน้มขาลง แรงขายต้องมากกว่าแรงซื้ อ แท่งเทียนสีดา หรือแท่งสีแดง (ราคาปิ ดตา่ กว่าราคาเปิ ด) ต้องมี Volume มากกว่าแท่งเทียนสีขาว หรือเขียว ในตลอดแนวโน้มขาลง
Volume
Page 94
ปริมาณการซื้ อขาย Volume เคลื่อนที่ไม่สอดคล้องกับราคา เป็ นสัญญาน ของ การเปลี่ยน แนวโน้มราคา Trend กาลังเปลี่ยน จากแนวโน้มขาขึ้ นเป็ นขาลง หรือ จากแนวโน้ม ขาลงเป็ นขึ้ น
ราคาหุน้ ปรับขึ้ นทา New high ใหม่ในแต่ละรอบ แต่ปริมาณการซื้ อขาย Volume น้อยลง จะเห็นว่ามันไม่สอดคล้องกัน แปลว่าการขึ้ นของราคา นี้ กาลัง หมดแรง และ กาลังจะเปลี่ยนเป็ นแนวโน้มขาลงในไม่ชา้
Volume
Page 95
ราคาหุน้ ปรับลง ที่มีปริมาณการซื้ อขาย Volume เริ่มลดน้อยลงไป เรื่อยๆ จะเห็นว่ามันไม่ สอดคล้องกัน อาจสรุปได้วา แรงขายได้ใกล้ หมดลงแล้ว จึงทาให้แรงซื้ อจะกลับมาชนะแรงขายอีกครั้ง จากนั้น ตลาดจะปรับตัวเป็ นขาขึ้ นอีกรอบ
Volume
Page 96
Volume Analysis By Nomura ตอนที่ 1 = ความหมายและประโยชน์ในการวิเคราะห์ปริมาณการซื้ อขาย Volume คือ ปริมาณการซื้ อขายของหุน้ โดยความสัมพันธ์ระหว่างราคากับ ปริมาณการซื้ อขาย มีขอ้ สังเกตดังนี้
ความสัมพันธ์ในแง่บวก 1. เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้ นจากช่วงเวลาก่อน และปริมาณการซื้ อขาย ปรับตัวสูงขึ้ น จะเป็ นการสนับสนุ นการขึ้ นของราคา 2. เมื่อราคาที่พงุ่ สูงขึ้ น ต่อมามีการปรับตัวลง หากปริมาณการซื้ อขาย ปรับตัวลดลงด้วย จะเป็ นการแสดงถึงการลดลงชัว่ คราวของราคา ก่อนที่จะ มีการปรับตัวสูงขึ้ นของราคาอีกครั้งหนึ่ ง 3. การขายอย่างตื่นตระหนก (Panic sell) เกิดขึ้ นจากราคาที่มีการ ลดลงมาเป็ นระยะเวลานาน และต่อมาราคาตกดิ่งลงในขณะที่ VOLUME กลับเพิ่มมากขึ้ น ถือเป็ นช่วงวิกฤติการขาย SELLING CLIMAX จะเป็ นจุดจบ ของ Bear market
ความสัมพันธ์ในแง่ลบ 1. เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้ นจากช่วงเวลาก่อน แต่ปริมาณการซื้ อขายกลับ ลดลง จะเป็ นการค้านการขึ้ นของราคา Volume
Page 97
2. เมื่อราคาที่ลดลง ต่อมามีการปรับตัวขึ้ น แต่หากปริมาณการซื้ อขาย ลดลง จะเป็ นการค้านการขึ้ นของราคาในขณะนั้น 3. เมื่อราคาวิง่ ขึ้ นกลับไปที่จุดสูงเก่า แต่ VOLUME ไม่มากเท่ากับ VOLUME ของจุดสูงเก่า จะเป็ นการค้านการขึ้ นของราคา และอาจนาไปสู่ การปรับตัวลงของราคาในช่วงต่อไป 4. เมื่อราคากับ VOLUME ขึ้ นไปด้วยกันช้า ๆ จนถึงระดับหนึ่ งแล้ว ราคา วิง่ ขึ้ นอย่างรวดเร็วโดย VOLUME สูงมากขึ้ นผิดปกติ และถ้าหลังจากนั้น ราคาเริ่มลดลตา่ ลง จะถือว่า ณ จุดนั้นเป็ นการเปลี่ยนแนวโน้มจากขึ้ นเป็ น ลง 5. ถ้าราคาสูงขึ้ นมาเป็ นระยะเวลานาน และเมื่อมาถึงจุดที่ราคาขยับขึ้ น เล็กน้อย แต่ VOLUME กลับยังคงสูงมาก จะเป็ นสัญญาณเตือนว่ามีการขาย ระบายหุน้ ออกในลักษณะของการโยนหุ ้ (มีการซื้ อขายกันระหว่างกลุ่มเพ่อ ไม่ให้ราคาต่ก) ซึ่งอาจนาไปสูงการปรับตัวลงของราคาในช่วงต่อไป ตัวอย่างความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบราคาเมื่อเทียบกับปริมาณการ ซื้ อขาย (ทฤษฏีและภาคปฏิบตั ิ) มีดงั นี้
Volume
Page 98
Volume
Page 99
Volume
Page 100
Volume
Page 101
Volume
Page 102
Volume
Page 103
สรุปการวิเคราะห์เชิงปริมาณการซื้ อขาย มีคานิ ยาม คือ ส่วนต่างระหว่างปริมาณหุน้ ที่เสนอโดยผูข้ ายเทียบกับปริมาณหุน้ ของที่ เสนอโดยผูซ้ ื้ อ เป็ นสาเหตุ ที่ทาให้เกิดราคาเปลี่ยนแปลง การวิเคราะห์เชิงปริมาณซื้ อขาย จะแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ ระหว่างแนวโน้มของราคา (Price trends) และข้อมูลปริมาณการซื้ อขายที่ สอดคล้องกัน (Corresponding volume information) Bernando and Judd (1996) ได้อธิบายถือความสัมพันธ์วา่ ข้อมูล ปริมาณการซื้ อขาย เป็ นข้อมูลที่สาคัญในการวิเคราะห์ดงั กล่าว เนื่ องจาก การวิเคราะห์ดา้ นราคาอย่างเดียวไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงความชัดเจน ของสัญญาณซื้ อขายและความแม่นยาได้มากน้อยเพียงใด ดังนั้น การ วิเคราะห์ราคาและปริมาณการซื้ อขายพร้อมกัน จะสามารถชี้ นาถึงสัญญาณ การเคลื่อนไหวของราคาหุน้ นั้นๆ ในอนาคตได้ ไม่วา่ ความสัมพันธ์จะเป็ น บวกหรือลบก็ตาม หน้าที่ของตลาดแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ เปรียบเสมือนการประมูล โดยปริมาณการซื้ อขายที่ถกู ซื้ อจะจับคู่กบั ปริมาณการซื้ อขายที่ถกู ขาย เมื่อ ราคาปรับขึ้ น การเคลื่อนไหวขาขึ้ นสะท้อนถึงอุปสงค์ที่มากกว่าอุปทาน (Buyers control) เช่นกันกับ เมื่อราคาลดลง การเคลื่อนไหวขาลงสะท้อน ถึงอุปทานมากกว่าอุปสงค์ (Sellers control) นอกจากนี้ นักลงทุนจะยังรูว้ า่ ในช่วงเวลาหนึ่ ง แนวโน้มจะอยูใ่ นรูปแบบเชิงอุปสงค์หรืออุปทาน หรือเป็ น การสะสมหรือแจกจ่าย ไม่วา่ แนวโน้มจะเป็ นในรูปแบบ ขาขึ้ น ขาลง หรือ
Volume
Page 104
ออกด้านข้าง ปริมาณการซื้ อขายจะเป็ นแรงผลักดันที่สนับสนุ นทิศทางการ เคลื่อนไหวเหล่านั้น ปริมาณการซื้ อขาย ของอุปทานและอุปสงค์
สาธิตให้เห็นถึงความจริงต่อพลังที่อยูเ่ บื่องหลัง
• Volume validates Price (ปริมาณการซื้ อขายเป็ นเครื่องมือแสดง เหตุผลให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคา) • Volume liberates liquidity (ปริมาณการซื้ อขายเป็ นเครื่องมือที่สร้าง สภาพคล่องในการซื้ อขาย) • Volume substantiates information (ปริมาณการซื้ อขายเป็ น เครื่องมือที่สร้างอิทธิพลต่อด้านพื้ นฐานต่อข้อมูล) • Volume reveals convictions (ปริมาณการซื้ อขายเป็ นเครื่องมือแสดง ให้เห็นถึงความเชื่อมัน่ ) • Volume expresses interest and enthusiasm(ปริมาณการซื้ อขาย เป็ นเครื่องมือที่สะท้อนความสนใจและความกระตือรือร้น) • Volume denotes the disparity of opinions (ปริมาณการซื้ อขายเป็ น เครื่องมือที่บ่งบอกถึงความเห็นที่ต่างกัน) • Volume is the fuel of the market (ปริมาณการซื้ อขายแสดงถึงพลัง การขับเคลื่อนให้แต่ตลาด) • Volume
Volume exposed the truth (ปริมาณการซื้ อขายไม่โกหก) Page 105
• Volume is the cause (ปริมาณการซื้ อขายเป็ นสาเหตุมากกว่าที่ แสดงเป็ นผล) • Volume gives rise to velocity (ปริมาณการซื้ อขายทาให้เกิดอัตรา เร่ง)
วงจรการเคลื่อนไหวของราคาเมื่อเทียบกับปริมาณการซื้ อขาย (ช่วงขาขึ้ น) มี 2 ข้อ
The four phase of market cycle (Wyckoff method) 1. Accumulation phase : A sideways range in which large players buy carefully and skillfully without moving the price. The public is unaware of what is going on: the market is off the radar and out of the public focus while under accumulation. Phase A ราคาอ่อนตัวลง และ ผูเ้ ริ่มต้นเข้ามาพิจารณามักจะเกิด จากจากกองทุน ธนาคาร สถาบันการเงิน / นักลงทุนรายใหญ่ประเภท Value investors รวมถึงนักวิเคราะห์ทางเทคนิ คที่เน้นด้าน Cycle investment พยายามหาการเปลี่ยนแปลงจาก Sideway down มาเป็ น Bottom out pattern Phase A เข้าหา Phase B มักเกิดหลังจาก SELLING CLIMAX แล้ว จากนั้นนักลงทุนกลุ่มที่กล่าวใน Phase A จะทยอยเข้ามาเลือกซื้ อ (ราย หลักทรัพย์ โดย Money management อาจเป็ นลักษณะปิ รามิต คือ ค่อย Volume
Page 106
ทยอยซื้ อตามสัดส่วน) ราคาหุน้ SIDEWAY ใน Phase B ใช้ระยะเวลานาน วงจรบางบริษัทอาจนานมากกว่า 1 ปี ก็ได้
Phase B ตัวแท่งเทียนในช่วงการสร้าง BOTTOM มักจะมีแท่งที่ยาว เป็ นพัก ๆ เหมือนคล้ายกระตุก และจากนั้นหายเงียบไป (เหมือนคล้าย ๆ การทดสอบตลาด) Phase B ไปหา Phase C บางครั้งมี Bear trap ความหมาย คือ ราคาอาจทดสอบยอดตา่ บริเวณเส้น SUPPORT จากกนั้นหลุดลงมาเล็กน้อย และดีดตัวกลับ หรือ บางครั้งอาจแสดง positive divergence ในสัญญาณ ทางเทคนิ ค อาทิ ราคาทายอดตา่ ในลักษณะ New low ขณะที่สญ ั ญาณกลับ มียอดตา่ ที่ยกสูงขึ้ นแสดงถึงยังอยูใ่ นช่วงสะสม (และบางครั้งทาเป็ น Hidden Volume
Page 107
divergence คือ ราคาทายอดตา่ ที่ยกสูง แต่สญ ั ญาณทางเทคนิ คกลับมี New low แสดงถึงราคาแข็งแรงกว่าเมื่อเทียบกับสัญญาณ อย่างนี้ ก็ถือว่าอยู่ ในช่วงของการสะสมหรือเฝ้ าดูอาการในการเปลี่ยนทิศทางหรือไม่ต่อไป) Phase D ไปหา Phase E การเคลื่อนไหวของราคาเริ่มมีความ ชัดเจนในการเปลี่ยนจาก Bottom out มาเป็ น Sideway up ความหมาย คือ ฐานของการแนวรับแต่ละครั้ง “ยกสูงขึ้ น” และการดีดตัวแต่ละครั้งเริ่มมี ยอดสูงที่สงู ขึ้ นเช่นกัน ทาให้แนวโน้มในที่สุดเปลี่ยนมาอยูใ่ นกรอบ Uptrend channel ในระยะถัดไปนัน่ เอง ถ้าเรานาเอาทฤษฏีของราคาในช่วง Accumulate phase ข้างต้น และ นามาเปรียบเทียบกับ Volume analysis จะพบว่าอยูใ่ น Weak supply phase คือ ปริมาณการซื้ อขายจะค่อย ๆ เบาลง และจะเริ่มค่อย ๆ เพื่มขึ้ น เมื่อราคาสามารถยืนอยุเ่ หนื อเส้น DOWNTREND LINE ลักษณะ Demand and Supply จะมีดงั นี้ ถ้าเรานาเอาทฤษฏีของราคาในช่วง Accumulate phase ข้างต้น และ นามาเปรียบเทียบกับ Volume analysis จะพบว่าอยูใ่ น Weak supply phase คือ ปริมาณการซื้ อขายจะค่อย ๆ เบาลง และจะเริ่มค่อย ๆ เพื่มขึ้ น เมื่อราคาสามารถยืนอยุเ่ หนื อเส้น DOWNTREND LINE ลักษณะ Demand and Supply จะมีดงั นี้ เมื่อนาข้อ 1 Accumulate phase มาเปรียบเทียบกับ Volume ก็จะ ได้ภาพในช่วงแรก คือ การเกิด Weak Supply
Volume
Page 108
ในช่วงเฟสนี้ จะเป็ นช่วงปลายของ Downtrend จะมีปริมาณการซื้ อขายที่เบา บางและราคาที่ลดลงอย่างรวดเร็ว และเป็ นช่วงสุดท้ายของการขายของนัก ลงทุน โดย Weak Supply phase แบ่งออกเป็ น 2 รูปแบบ ได้แก่ Panic sell-off และ Dull lackluster decline โดยปกติแล้วในระยะกลางและระยะสั้น Panic sell-off จะมีระยะเวลา อันสั้น ซึ่งอาจจะมีระยะเวลาเพียงไม่กี่วนั เท่านั้น และจะมีการ form vshaped price bottom ในบางกรณี ในเฟสนี้ อาจจะไม่เป็ นรูปแบบ Quick panic bottom และ อาจจะยืดเยื้ อกว่าเฟสอื่น เรียกว่า Dull lackluster stare ยกตัวอย่างจากภาพด้านล่าง = ผูข้ ายจะเริ่มเฉื่อนชาต่อการปรับ ลดลงของราคาหุน้ นักลงทุนเริ่มมองว่าราคาลดลงถึงจุดที่วา่ ไม่คุม้ ค่าที่จะ ขายต่อไปและราคา Discounted มากเกินควร และเหลือนักลงทุนน้อยคนที่ จะเต็มใจขาย ณ ราคาปั จจุบนั โดยการ lack of Supply จะเป็ นตัวชี้ นาว่า ราคาหลักทรัพย์น้ันๆ กาลังอยูท่ ี่จุดตา่ สุดแล้ว ซึ่งแปลความหมายอีกนัย หนึ่ งว่า มีทิศทาง bullish ในช่วงข้างหน้า Volume
Page 109
2. Mark up phase or classic uptrend : The public psychology in an uptrend is a subject for study in and of itself. Usually , trends begin out of accumulation and there is little attention from the public. Trends begin is sneaky, unnoticed ways, but , at some point, the price advances far enough that people start to take notice. At this point, the public becomes aware of the price movement and their buying serves to people prices higher. Smart money players who bought in the accumulation phase may sell some of their holding into the strength of the uptrend, or they may just hold and wait for higher prices. - ราคาสามารถผ่านทะลุเส้น RESISTANCE LINE ขึ้ นมาพร้อมกับ ปริมาณการซื้ อขายที่เพิ่มขึ้ น Volume
Page 110
- รูปแบบของราคามีการเปลี่ยนแปลงจาก TRADING RANGE มาเป็ น SIDEWAY UP -
ความสนใจของผูค้ นเริ่มเพิ่มขึ้ น
- สาเหตุที่ราคาเพิ่มขึ้ นนอกจากมีแรงซื้ อเข้ามาแล้ว อาจเกิดจากการ เปลี่ยนสถานะจากการ SHORT ก่อนหน้านี้ มาเป็ น COVER SHORT (ซื้ อคืน) นัน่ เอง -
อาจเกิดเก็งกไรด้วย Margin
- ในช่วงที่ปรับตัวขึ้ นจะมีภาพของการพักตัว และขึ้ นต่อ (Reaccumulation) ตามรูปด้านล่าง - ช่วงปลายของ UPTREND บางครั้งอาจมีอตั ราเร่งของราคาให้จงู ใจ ผูค้ นเข้ามาเก็งกาไร - เมื่อเกิด Mark up เสร็จสิ้ นมักจะตามมาด้วยการ “แจกของ” หรือ Distribution phase เมื่อนาข้อ 2 Mark up phase มาเปรียบกับ Volume analysis จะ พบว่าอยุใ่ น Strong Demand เฟสของขาขึ้ น (Uptrend) บ่งชี้ ที่ได้จากราคาที่เพิ่มขึ้ น ด้วยปริมาณ การซื้ อขายที่โตขึ้ นอย่างต่อเนื่ อง โดยปกติแล้วเฟสนี้ จะเกิดขึ้ นหลังจากกด หดตัวของด้าน Supply และการเกิดขึ้ นของ Bull Market จะเริ่มต้นด้วยการ แกว่งตัวสวิงอย่างหนัก Volume
Page 111
ในช่วงต้นๆ ของเฟสหนึ่ ง จะมีการสะสมหุน้ ในจังหวะอ่อนตัว ด้วย มุมมองตลาดเชิงลบ นักลงทุนหาโอกาสลดการถือสถานะในจังหวะปรับขึ้ น แต่ในขณะที่การปรับตัวขึ้ นของราคาอย่างต่อเนื่ อง ทาให้ตลาดเริ่มมีมุมมอง เชิงบวกต่อหุน้ ดังกล่าวมากขึ้ น (Trend ทา Higher lows) ในช่วงต่อมา ปริมาณการซื้ อขายกลับมาเพิ่มขึ้ นอย่างมาก ตอกยา้ ภาพของการปรับขึ้ น อย่างต่อเนื่ อง ภาพของลาดับขั้นตอนดังกล่าว จะทาให้นักลงทุนเห็นกระจ่างว่า ปริมาณซื้ อขายยืนยันแนวโน้มขาขึ้ นและชี้ นาว่าแนวโน้มจะดาเนิ นต่อไป
วงจรการวิเคราะปริมาณการซื้ อขายเมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวของราคา (ช่วงขาลง)
Volume
Page 112
Phase 3 : Weak Demand
• ในช่วงเฟสสองของขาขึ้ น (Distribution phase) แนวโน้มของการ เคลื่อนไหวเริ่มจะไม่มีเสถียรภาพ (คล้ายกับขาลงของสามเหลี่ยมพีระมิด ที่ ซึ่งผูซ้ ื้ อคนสุดท้ายที่อยูบ่ นยอดสุดของพีระมิด พยายามลดการถือหุน้ ในมือ) ปริมาณการซื้ อขายเริ่มลดลง บ่งชี้ ถึงอุปสงค์ของหุน้ นั้นๆ ได้ลดลง ส่งผล กระทบต่อการคงแนวโน้มขาขึ้ น • เห็นได้ชดั ว่าราคาหุน้ จะพุง่ ขึ้ นในจังหวะที่ปริมาณการซื้ อขายสวนทาง แสดงถึงสภาวะที่ตลาดเริ่มอิ่มตัวแล้ว นักลงทุนพึงพอใจกับผลตอบแทนที่ ได้รบั ตามจังหวะของการปรับตัวขึ้ น น้อยคนที่จะต้องการขายที่ราคาสูงขึ้ น และน้อยคนที่จะต้องการซื้ อหุน้ เพิ่มในระดับนี้ การขายจะเป็ นในรูปแบบ Sell on rallies Volume
Page 113
เมื่อนามาเปรียบเทียบกับทฤษฏีของ Wyckoff method จะอธิบายได้ ดังนี้ Distribution Eventually, the uptrend ends and market enters a distribution phase in which the smart money players sell the remainder of their holding to the public who are still generally anticipating higher prices. Really smart money players might even sell more than they own and go short in this range. - เมื่อมีภาพการจบรอบของ UPTREND ทาให้เกิดช่วงของการระบายของ หรือ Distribution phase - การระบายของเกิดจาก “นักลงทุนส่วนใหญ่” ยังเชื่อว่าราคาหุน้ เป็ น เพียงการพักตัวและจะปรับตัวขึ้ นต่อ - นักลงทุนบางกลุ่ม / กองทุน เริ่มเปลี่ยนสถานะมาเป็ นการเปิ ด SHORT POSITION บางส่วน -
ในช่วง Distribution อาจเกิดรูปแบบ Bull trap
- กรณีที่การเคลื่อนไหวของราคากลับมาอยูใ่ นกรอบ TRADING RANGE อีกครั้ง (ปริมาณการซื้ อขายโดยรวมจะมีไม่มากเท่ากับช่วง Mark up) โดยเฉพาะการเกิดรูปแบบของ ROUNDING TOP แต่กรณีที่เกิดเป็ น VSHAPE ว่าจะมีลกั ษณะแรงขายจะออกมามากและมีอตั ราเร่ง และปริมาณ การซื้ อขายจะค่อย ๆ ลดลงโดยราคายังอ่อนตัวและบางครั้งกลับไปที่ฐาน เดิม Volume
Page 114
Phase 4 : Strong Supply (แรงขายจะปกคลุมทาให้ปริมาณการซื้ อ ขายจากมากมาหาน้อย) • เมื่อราคาของหุน้ นั้น เริ่มอ่อนตัวหลุดตา่ กว่าระดับแนวรับ จะเริ่มเป็ น การเข้าสู่ชว่ งเฟสสาม (New downtrend) โดยการเข้าสู่แนวโน้ม Downtrend นี้ จะส่งสัญญาณว่าอุปทานของหุน้ (Selling pressure) เกินกว่าอุปสงค์ของ หุน้ (Buying pressure) ที่ถกู กระตุน้ ด้วยความกลัวว่าจะสูญเสียมูลค่าจาก การลงทุนไป (Accumulation of fear) หลังราคาเริ่มปรับลดลง • ช่วงแรกของเฟสนี้ จะมีแรงขาย Sell into weakness ขณะที่ยงั คง มีแรงซื้ อหนุ นอยูบ่ างส่วน สร้างความผันผวนต่อการเคลื่อนไหวของราคา ใน ท้ายสุดความผันผวนจะสร้างอารมณ์ Fear มากกว่า Greed และปริมาณการ ซื้ อขายที่พงุ่ ขึ้ นใน Downtrend แสดงให้เห็นถึงความกังวลที่มากขึ้ นของนัก ลงทุนในการถือหุน้ ที่มีมลู ค่าลดลง ส่งสัญญาณ อุปทานจะบดบังอุปสงค์ของ หุน้ เป็ นการยืนยันต่อ Bearish Sentiment Volume
Page 115
เมื่อนามาเปรียบกับทฤษฏีของ Wyckoff method จะอธิบายดังนี้ Mark down: The downtrend that follows distribution. Smart money player who are short will buy back some of their shorts into this weakness. Eventually, the public realizes that higher price are not in their future, so they panic and sell their positions. This panic, more often than not, marks the end of the downtrend. Real downtrends begin out of this environment of optimism or complacency. Eventually, it becomes clear that the declines are a little steeper than expected and some longs begin to unwind their positions, adding to the selling pressure. The mood of the market changes from optimism to disappointment, and aggressive shorts my ever begin to show some teeth as they make larger profits on each successive decline. Bounces fall short of previous highs, and people begin to sell even more aggressively. Volume
Page 116
- การเกิดรูปแบบขาลง มักจะมาจากการหลุดเส้น UPTRENDLINE / และ SUPPORT LINE จากนั้นมีแรงขายกดดัน - อารมณ์ของนักลงทุนช่วงแรก ๆ จะยัง “มองโลกในแง่ดี” แต่จะเริ่ม เปลี่ยนมาเป็ น “ความผิดหวัง และท้อแท้” กับผลของการขาดทุน - ในช่วง Mark down ผูเ้ ล่น Future จะอยุใ่ นสถานะของการทา SHORT POSITION -
การดีดตัวกลับของราคาแต่ละครั้งมียอดสูงที่ขยับลง
- การเกิด Panic บางครั้งอาจเป็ นสัญญาณบ่งบอกถึงโอกาสสิ้ นสุดของ แนวโน้มขาลงได้ (ต้องสังเกต) - หลังจากเสร็งสิ้ นช่วง Mark down จะตามมาด้วย Accumulation phase ช่วงสะสมอีกครั้ง (กลับไปพิจารณา Phase 1 นัน่ เอง)
Volume
Page 117
ตัวอย่างกราฟราคากับวอลุม่
Volume
Page 118
Volume
Page 119
Volume
Page 120
Volume
Page 121
Volume
Page 122
Volume
Page 123
Volume
Page 124
Volume
Page 125
Volume
Page 126
Volume
Page 127
Volume
Page 128
Volume
Page 129
Volume
Page 130
Volume
Page 131
Volume
Page 132
Volume
Page 133
Volume
Page 134
Volume
Page 135
Volume
Page 136
Volume
Page 137
Volume
Page 138
Volume
Page 139
Volume
Page 140
Volume
Page 141
Volume
Page 142
Volume
Page 143
Volume
Page 144
Volume
Page 145
Volume
Page 146
Volume
Page 147
Volume
Page 148
Volume
Page 149
Volume
Page 150
Volume
Page 151
Volume
Page 152
Volume
Page 153
Volume
Page 154
Volume
Page 155
Volume
Page 156
Volume
Page 157
Volume
Page 158
Volume
Page 159
Volume
Page 160
Volume
Page 161
Volume
Page 162
Volume
Page 163
Volume
Page 164
Volume
Page 165
Volume
Page 166
Volume
Page 167
Volume
Page 168
Volume
Page 169
Volume
Page 170
Volume
Page 171
Volume
Page 172
Volume
Page 173
Volume
Page 174
Volume
Page 175
Volume
Page 176
Volume
Page 177
Volume
Page 178
Volume
Page 179
Volume
Page 180
Volume
Page 181
Volume
Page 182
Volume
Page 183
Volume
Page 184
Volume
Page 185
Volume
Page 186
Volume
Page 187
Volume
Page 188
Volume
Page 189
Volume
Page 190
Volume
Page 191
Volume
Page 192
Volume
Page 193
Volume
Page 194
Volume
Page 195
Volume
Page 196
Volume
Page 197
Volume
Page 198
Volume
Page 199
Volume
Page 200
Volume
Page 201
Volume
Page 202
Volume
Page 203
Volume
Page 204
Volume
Page 205
Volume
Page 206
Volume
Page 207
Volume
Page 208
Volume
Page 209
Volume
Page 210
Volume
Page 211
Volume
Page 212
Volume
Page 213
Volume
Page 214
Volume
Page 215
Volume
Page 216
Volume
Page 217
Volume
Page 218
Volume
Page 219
Volume
Page 220
Volume
Page 221
Volume
Page 222
Volume
Page 223
Volume
Page 224
Volume
Page 225
Volume
Page 226
Volume
Page 227
Volume
Page 228
Volume
Page 229
Volume
Page 230
Volume
Page 231
Volume
Page 232
Volume
Page 233
Volume
Page 234
Volume
Page 235
Volume
Page 236
Volume
Page 237
Volume
Page 238
Volume
Page 239
Volume
Page 240
Volume
Page 241
Volume
Page 242
Volume
Page 243
Volume
Page 244
Volume
Page 245
Volume
Page 246
Volume
Page 247
Volume
Page 248
Volume
Page 249
Volume
Page 250
Volume
Page 251
Volume
Page 252
Volume
Page 253
Volume
Page 254
Volume
Page 255
Volume
Page 256
Volume
Page 257
Volume
Page 258
Volume
Page 259
Volume
Page 260
Volume
Page 261
Volume
Page 262
Volume
Page 263
Volume
Page 264
Volume
Page 265
Volume
Page 266
Volume
Page 267
Volume
Page 268
Volume
Page 269
Volume
Page 270
Volume
Page 271
Volume
Page 272
Volume
Page 273
Volume
Page 274
Volume
Page 275
Volume
Page 276
Volume
Page 277
Volume
Page 278
Volume
Page 279
Volume
Page 280
Volume
Page 281
Volume
Page 282
Volume
Page 283
Volume
Page 284
Volume
Page 285
Volume
Page 286
Volume
Page 287
Volume
Page 288
Volume
Page 289
Volume
Page 290
Volume
Page 291
Volume
Page 292
Volume
Page 293
Volume
Page 294
Volume
Page 295
Volume
Page 296
Volume
Page 297
Volume
Page 298
Volume
Page 299
Volume
Page 300
Volume
Page 301
Volume
Page 302
Volume
Page 303
Volume
Page 304
Volume
Page 305
Volume
Page 306
Volume
Page 307
Volume
Page 308
Volume
Page 309
Volume
Page 310
Volume
Page 311
Volume
Page 312
Volume
Page 313
Volume
Page 314
Volume
Page 315
Volume
Page 316
Volume
Page 317
Volume
Page 318
Volume
Page 319
Volume
Page 320
Volume
Page 321
Volume
Page 322
Volume
Page 323
Volume
Page 324
Volume
Page 325
Volume
Page 326
Volume
Page 327
Volume
Page 328
Volume
Page 329
Volume
Page 330
Volume
Page 331
Volume
Page 332
Volume
Page 333
Volume
Page 334
Volume
Page 335
Volume
Page 336
Volume
Page 337
Volume
Page 338
Volume
Page 339
Volume
Page 340
Volume
Page 341
Volume
Page 342
Volume
Page 343
Volume
Page 344
Volume
Page 345
Volume
Page 346
Volume
Page 347
Volume
Page 348
Volume
Page 349
Volume
Page 350
Volume
Page 351
Volume
Page 352
Volume
Page 353
Volume
Page 354
Volume
Page 355
Volume
Page 356
Volume
Page 357
Volume
Page 358
Volume
Page 359
Volume
Page 360
Volume
Page 361
Volume
Page 362
Volume
Page 363
Volume
Page 364
Volume
Page 365
Volume
Page 366
Volume
Page 367
Volume
Page 368
Volume
Page 369
Volume
Page 370
Volume
Page 371
Volume
Page 372
Volume
Page 373
Volume
Page 374
Volume
Page 375
Volume
Page 376
Volume
Page 377
Volume
Page 378
Volume
Page 379
Volume
Page 380
Volume
Page 381
Volume
Page 382
Volume
Page 383
Volume
Page 384
Volume
Page 385
Volume
Page 386
Volume
Page 387
Volume
Page 388
Volume
Page 389
Volume
Page 390
Volume
Page 391
Volume
Page 392
Volume
Page 393
Volume
Page 394
Volume
Page 395
Volume
Page 396
Volume
Page 397
Volume
Page 398
Volume
Page 399
Volume
Page 400
Volume
Page 401
Volume
Page 402
Volume
Page 403