Sinapis Vol.1

Page 1

Seeds of Faith (Mt. 17:20)

e-magazine Vol.1 September 2015

คุณพ่อแลส์เช็นสกี้ “สงฆ์เพื่อคนอื่น” คุณจะล้างบาป มนุษย์ต่างดาวไหม? บรูซ ลี มังกรผงาดฟ้า


เปิดเล่ม มิตรภาพที่ยังคงสืบสาน ผ่านวันเวลา ประสบการณ์และวัยที่เพิ่มขึ้น ช่วยถักทอแนวคิดและผลักดันให้เกิดกลุ่ม “ซีนาปีส” ชนกลุ่มน้อยในสังคมสื่อที่เต็มไปด้วยหลุมพราง กับดัก ความฉาบฉวย การสร้างค่านิยมผิดๆ มุ่งเน้นแต่ทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียง ฯลฯ เพื่อหลอกล่อแย่งชิงพื้นที่ข่าว แปลงข่าวให้เป็นดราม่าเพื่อสร้างกระแส สร้างผลประโยชน์ให้พวกพ้อง สร้างภาพลักษณ์เพื่อการขาย เป็นยุคของนักเล่าข่าว ข่าวเดียวกันแต่ออกจากปากของนักเล่า อาจช่วยโหมกระพือให้แรงหรือเบาได้ตามท่าทีในการนำ�เสนอของพวกเขา ยุคของนักเลงคีย์บอร์ด ไม่พอใจใครก็ด่าทอกันตามอัธยาศัย ไร้วิจารณญาณ เพราะไม่ได้เห็นหน้าค่าตา ญาติ หรือบิดาก็ไม่ใช่ จึงใช้ถ้อยคำ�รุนแรงแบบไม่เกรงใจใคร คุณพ่อแลส์เช็นสกี้ได้ฝากเตือนเรื่องนี้ไว้ใน sinapis talks ว่า “อีกเรื่องใหญ่คือในสื่อมวลชน ไม่สนใจในศาสนา แต่สนใจในทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียงเกี่ยวกับโลก การดำ�เนินชีวิตของ โลกนี้อย่างเดียว บรรยากาศในสื่อมวลชน ศาสนาเป็นสิ่งที่โบราณ แทบจะไม่พูดถึง ศีลธรรมเลย ตอนนี้ในอินเตอร์เน็ต ในนิตยสารต่างๆ ไม่สนใจเรื่องศาสนา ศาสนา ไม่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต” แม้จะถูกเบียดจนแทบตกกระแสแต่ก็ยังพอมีที่ให้พวกเรายืน ด้วยงบประมาณที่ไม่ต้องทุ่มเทเหมือนเก่าก่อน พลพรรคนักเขียนก็พร้อมพรัก รักที่จะแบ่งปันแบบไม่มีเงื่อนไข และเมื่อกายและใจพร้อม... ก็ถึงเวลาของ Sinapis e-magazine ฉบับปฐมฤกษ์ ภารกิจของเมล็ดพันธุ์ความเชื่อเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยความฝันอันใหญ่ยิ่ง เพื่อเติบโตแตกกิ่ง หยัดยืนเป็นไม้ใหญ่ เกิดผลและแผ่ขยายไปสู่ผองชนแห่งหมู่บ้านโลก ในยุคที่การแพร่ธรรมกระจายไปในอากาศ... คณะผู้จัดทำ� Sinapis E-Magazine

ที่ปรึกษา ซิสเตอร์ดอมินิก มนีนา ศรีสรรพางค์ สุรเชษฐ์ ศรีวรกุล ทิว แสวงรักษ์ วรพจน์ สิงหา สุวรรณรัตน์ ศรีวรกุล เยาวพา มนต์แก้ว e-mail: sinapis2014@gmail.com, www.facebook.com/Pages/Sinapis/685981301489817 ที่อยู่ 58 ลาดกระบัง 36 แยก 2 ถ.ลาดกระบัง ลาดกระบัง กทม. 10520


มีอะไรในเล่ม

คุณพ่อซิกมูนด์ แลส์เช็นสกี้ “สงฆ์เพื่อคนอื่น”

16

10

4

ประสบการณ์สัมมนาศึกษาข้อเชื่อ ระหว่างโรมันคาทอลิกกับโปรเตสแตนต์

24

บรูซ ลี มังกรผงาดฟ้า

กังวานใจ

38

หิ้งหนังสือ

40

ฅนแลคำ�

41

เรื่องเล่า...ระหว่างทาง

42

Talking Sweets

44


วรพจน์ สิงหา

4


sinapis talks เล่มแรกนี้ขอประเดิมด้วยบางห้วงบางตอนจากหนังสือชุด “ตามรอยมิสชันนารี” คุณพ่อ ซิกมูนด์ แลส์เช็นสกี้ “สงฆ์เพื่อคนอื่น” สัมผัสชีวิตของท่านพร้อมกับคำ�เตือนสงฆ์และชนรุ่นหลัง

พระเจ้าทรงเรียกอย่าง “รุนแรง”

ตอนเด็กๆ พ่อไม่อยากเป็นพระสงฆ์นักบวช แต่อยากเป็นวิศวกรเครื่องบิน พ่อ ชอบวิทยาศาสตร์ แต่เหมือนพระเจ้าทรงเรียกอย่างรุนแรง... ตอนกลางวันไม่มีปัญหา อะไร แต่ก่อนที่จะนอน เสียงนั้นดังชัดเจน เป็นเหมือนความคิด เหมือนเสียงที่ดังอย่าง รุนแรง เป็นอย่างนี้ตลอด 1 อาทิตย์ พ่อกี้เล่าให้ฟังว่าเหมือนพระเป็นเจ้ามีแผนการสำ�หรับพ่อกี้ในการเป็นพระสงฆ์ โดยช่วงแรก พ่อกี้อยากเรียนต่อเป็นวิศวกรเครื่องบิน ไม่อยากเป็นพระสงฆ์นักบวช แต่เหมือนมี “เสียง” ที่ดังอย่าง รุนแรงทำ�ให้ปฏิเสธ “เสียงเรียก” นั้นไม่ได้ “ตอนช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พ่ออยู่สหรัฐฯ ช่วงเริ่มในนวกสถาน ลำ�บากมากสำ�หรับทุกคน เณรเขายกเว้นไม่ต้องเป็นทหาร แต่เราไปช่วยชาวนาชาวไร่ ตอนพ่อเรียนอยู่ปีสุดท้ายมีคุณพ่อที่เป็น จิตตาธิการ พ่อเยสุอิตในโรงเรียน บอกว่าต้องถามตัวเองว่าพระเจ้าทรงเรียกให้เป็นนักบวชพระสงฆ์ไหม หลังจากสวดภาวนาอย่างมากพอสมควร ก็เงียบ คิดว่าไม่มีกระแสเรียก ตอนเด็กๆ พ่อไม่ค่อยอยาก จะเป็นนักบวช แต่อยากเป็นวิศวกรเครื่องบิน พ่อชอบวิทยาศาสตร์ แต่เหมือนพระเจ้าทรงเรียกอย่าง รุนแรง” “คุณพ่อจิตตาธิการจัดเข้าเงียบเป็นเวลา 3 วัน พ่อก็ไปร่วมการเข้าเงียบเพื่อจะพิจารณา ว่ า มี ก ระแสเรี ย กไหมกั บ เพื่ อ นๆ ปี สุ ด ท้ า ย ก็ ทำ � ทั้ ง หมด สวดภาวนา ฟั ง เทศน์ เงี ย บ ไม่ มี ก ระแส เรี ย กก็ ดี ใจ สุ ด ท้ า ยเขาพาไปที่ น วกสถาน ต้ อ งนั่ ง รถไปไกลหน่ อ ย พบเณรเยสุ อิ ต ในนวกสถาน เล่นและคุยกันกับเขาเพื่อจะดูว่าเป็นชีวิตที่เราชอบไหม กลับมา สนุก แต่ไม่อยากอยู่” “วันหนึ่งเพื่อนในห้องเรียนที่เป็นเพื่อนสนิท มีรถยนต์เรโนลท์ มาชวนไปร่วมรับประทานอาหาร ตอนกลางคืน จะไปไหม ก็ตกลงไป ขึ้นรถไป เขาบอกว่าเพื่อนของเราจะไปสมัครเข้าคณะเยสุอิต พ่อ ประทับใจเพราะว่าเราอยู่ด้วยกัน 5 ปี ไม่เคยเห็นคนที่มีศรัทธาพิเศษที่จะเป็นพระสงฆ์นักบวชในห้อง ของเรา ขับรถไป คนที่สองบอกจะไปด้วย คนที่สามก็จะไปด้วย คนที่สี่ก็บอกจะไปด้วย ในที่สุดถึงบ้าน เพื่อนที่จัดงาน ออกจากรถ ล๊อคประตูกำ�ลังจะเดินไป เพื่อนที่ขับรถเขาก็จะไปด้วย ช๊อคจริงๆ ก็ไปร่วม ทานอาหารเรียบร้อย กลับบ้านประมาณตี 2 พ่อกำ�ลังเตรียมตัวที่จะนอน แต่ก่อนที่จะหลับเหมือนจะ เป็นเสียงมาบอกว่าทำ�ไมเธอไม่ไปด้วยล่ะ ตอนนั้นพ่อคิดว่าถ้าเหตุผลที่จะสมัครเป็นนักบวชพระสงฆ์ เพียงเพราะเพื่อนไปถึงอยากจะไปด้วย ทุกคนรู้ว่าใช้ไม่ได้ ก็หลับไป อีกวันหนึ่งก็ไปทำ�งานตามปกติ แต่ก่อนที่จะนอนหลับ เสียงนั้นก็กลับมาอีกว่าทำ�ไมไม่ไปกับเพื่อน เป็นอย่างนี้ตลอด 1 อาทิตย์ ตอน กลางวันไม่มีปัญหาอะไร แต่ก่อนที่จะนอน เสียงนั้นดังชัดเจน เป็นเหมือนความคิด เหมือนเสียงที่ดัง อย่างรุนแรง”

5


“พ่อเริ่มคิดว่าน่าจะมีอะไร อ่านหนังสือที่คุณแม่เคยให้ เรื่องชีวิตนักบวช และสวดภาวนา และในที่สุด เสียงนั้นไม่หยุด คิดว่าอาจจะมีกระแสเรียก จึงตัดสินใจไปเรียนที่เยสุอิต พอตัดสินใจที่จะไป เสียงนั้นหายไป ทุกคนดีใจ หลังจากนั้น 2 เดือนก็ไป คุณแม่ประหลาดใจ ถึงแม้อยากให้เป็นพระสงฆ์ แต่พอบอกว่าสมัครไปเยสุอิต คุณพ่อเงียบ ไม่พูดเลยถึงเรื่องนั้น คุณพ่ออาจจะผิดหวัง เพราะในครอบครัวชาวโปแลนด์ ลูกคนโตเขาจะรัก เพราะลูกคนโตจะได้ชื่อจากคุณพ่อเหมือนๆ กัน เขาอยากให้ลูกมีครอบครัวสืบไป แต่งงานแล้วมีลูกต่อไป แต่ใน ที่สุด ตอนพ่อไปสถานีรถไฟฟ้า คุณพ่อก็บอกว่าดีใจ เขาขออย่างเดียว ถ้าจะเป็นพระสงฆ์ ขอให้ลูกเป็นพระสงฆ์ ที่ดี ในที่สุดคุณพ่อยอมรับ” “หลังจากนั้นต้องเป็นแคนดิเดทประมาณ 1 เดือน เพื่อจะเรียนรู้ชีวิตในคณะเยสุอิตสำ�หรับคนใหม่ ทุกสิ่งดำ�เนินไปด้วยดี มีกระแสเรียกจริงๆ ตอนนี้เป็นเยสุอิต 66 ปีแล้ว พ่อมีความสุขมาก”

ตกหลุมรัก “เอเชีย” พ่อดีใจที่ได้รู้จักเอเชีย พระประทานให้จริงๆ ประทับใจในความเป็นเอเชีย... พ่ออยู่ที่ประเทศพม่า 8 ปี รัฐบาลพม่าเชิญให้ธรรมทูตชาวต่างชาติประมาณ 275 คนกลับประเทศ ซึ่งทำ�ให้พ่อมีความทุกข์มากในตอนนั้น

6

คุณพ่อแลส์เช็นสกี้บวชเป็นพระสงฆ์ในวันที่ 19 มิถุนายน ค.ศ.1955/พ.ศ.2498 เรียนเทววิทยาปีที่ 4 และเข้ารับการอบรมจิตใจครั้งสุดท้ายของคณะ (Tertianship) ในช่วงปี ค.ศ.1956-57/พ.ศ.2499-2500 และ ลงชื่อสมัครมาที่ประเทศพม่าเพื่อเปิดบ้านเณรใหญ่ที่เมืองย่างกุ้ง ในปี ค.ศ.1958/พ.ศ.2501 และอยู่ที่ประเทศ พม่าจนถึงปี ค.ศ.1966/พ.ศ.2509 ซึ่งรัฐบาลพม่าเชิญให้ชาวต่างชาติประมาณ 275 คนกลับประเทศ “พ่อเชื่อว่าพระเจ้าจัดให้พ่อได้รู้จักชาวเอเชีย นี่เป็นของประทานใหญ่มากสำ�หรับพ่อ พ่อตกหลุมรัก ชาวเอเชียที่ประเทศพม่า พ่อดีใจที่ได้รู้จักเอเชีย พระประทานให้จริงๆ ประทับใจในความเป็นเอเชีย ก่อนที่พ่อ จะมาที่พม่า พ่อไม่รู้เลยว่าจะพบอะไร จะเป็นอย่างไร ที่พม่ามีคนต้อนรับทั้งคาทอลิกและพุทธ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ อาจจะประทับใจในเรื่องของน้ำ�ใจ อันนี้ที่อเมริกามี แต่ไม่ได้เป็นแบบนี้ สิ่งนี้พ่อเห็นว่าเป็นเฉพาะเอเชีย เท่าที่ พ่อพบ เพราะไปประชุมที่ต่างๆ ก็ไม่สบายใจเต็มที่เหมือนที่ประเทศไทย อาหารอร่อย อินเดีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่นก็ น่าสนใจ มีประสบการณ์ดีๆ ในหลายที่หลายแห่งในการประชุมของแต่ละที่ พ่อไม่ทราบทำ�ไมประทับใจ ประชุม ก็อยากจะกลับ บางครั้งพ่อเคยคิดว่าบรรพบุรุษคงเคยเป็นชาวเอเชีย” “ตอนนั้นบ้านเณรที่พม่าเปิดประมาณ 1 ปีก่อนที่พ่อจะไป มีเณรประมาณ 50-60 คน เรามาเพื่อจะรับ งานนี้ ในปีที่ 2 พ่อเป็นจิตตาธิการ เป็นพ่อวิญญาณ สอนภาษาละติน ทั้งหมดเป็นภาษาละติน ตอนนั้นเวลาเรียน ปรัชญาคุยกันเป็นภาษาละติน ในเทววิทยาเช่นเดียวกันลูก ที่พม่าตอนนั้นคาทอลิกส่วนมากเป็นชาวเขา เขามี ภาษาของเขาเอง แต่เขารู้ภาษาพม่าด้วย อบรมเป็นภาษาละตินอีกภาษาหนึ่ง เขารู้ภาษาอังกฤษด้วย เพราะเขา อยู่ภายใต้อังกฤษ พ่อจำ�ได้ว่าตั้งแต่อยู่พม่า ทำ�ให้รู้จักพระศาสนจักรในเอเชีย ที่พม่าผู้คนมีศรัทธาจริงๆ” “พ่ออยู่ที่ประเทศพม่าได้ 8 ปี รัฐบาลพม่าก็เชิญให้ธรรมทูตชาวต่างชาติประมาณ 275 คนกลับประเทศ


ซึ่งทำ�ให้พ่อมีความทุกข์มากในตอนนั้น เพราะตั้งใจจะอยู่ที่พม่าตลอดไป พ่อชอบชาวพม่ามาก แต่รัฐบาลบอก ให้ออกไป ไม่มีความทุกข์อะไรจะทุกข์มากเท่านั้นแล้ว แต่พ่อยังมีความเชื่อ ความหวัง และความรัก พระเจ้า ช่วยให้ผ่านไป” “ที่พม่าบางครั้งต้องเดินทางขึ้นภูเขา ไปเยี่ยมหมู่บ้าน ชอบธรรมชาติ ต้องเดินเท้า บ้านเณรอยู่ใกล้ เนินเขาด้วย ที่พม่าพ่อชอบมาก พ่ออยู่ที่ย่างกุ้ง ไปเทศน์เข้าเงียบ ไปทั่วไปหลายที่ ชาวพม่าน่ารักมาก ถ้าเขา ไม่ไล่ให้ออกพ่อก็จะยังอยู่ที่พม่า ตามปกติเขาไม่ได้รบกวนคาทอลิกเรา แต่วันหนึ่งพ่อจำ�ได้ ทางรัฐบาลเรียก พระสังฆราชให้ไปพบ หลังจากนั้นไม่นานมีข่าวว่าพวกฝรั่งจะต้องกลับประเทศ ไม่มีใครรู้ว่าทำ�ไมเขาทำ�อย่างนั้น จากเมื่อก่อนไม่มีปัญหาระหว่างคาทอลิก พระศาสนจักรและรัฐบาล” “ก่อนนั้นพม่าอยู่ใต้อังกฤษ ตอนแรกไม่มีปัญหา จนกระทั่งปีที่พ่ออยู่ ปีที่ 5-6 รัฐบาลแบ่งออกเป็น หลายพวก และร่วมกันไม่ได้ เขามีทหารของเขาเอง ในปีสุดท้ายที่พ่ออยู่ มีวันหนึ่งรัฐบาลส่งผู้แทนมาที่โรงเรียน คาทอลิก ของบราเดอร์ของซิสเตอร์ พ่อกำ�ลังสอนคำ�สอน ตอนนั้น ประมาณ 8-9 โมง เขายึดโรงเรียนทุกแห่งใน ย่างกุ้ง เวลานั้นยังจำ�ได้ เวลาเช้ามีโทรศัพท์ไปที่โรงเรียนทั่วประเทศ ทุกสิ่งที่เป็นของโรงเรียนจะเป็นของรัฐบาล ให้คนต่างชาติออกนอกประเทศทั้งหมด” “หลังออกจากประเทศพม่า พ่อต้องกลับไปที่สหรัฐฯ 1 ปี หลังจากนั้นขออนุญาตคุณพ่ออธิการที่ กรุงโรม กลับมาเอเชีย ญี่ปุ่นก็ได้ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็เป็นประเทศไทย เพราะติดกับพม่า พ่อยังติดใจพม่า”

ค่านิยมของโลก : ศาสนาเป็นเรื่องโบราณ ตอนนี้เราเน้นวัตถุอย่างเดียว มองในแง่หนึ่งเป็นสิ่งที่ดี พระเจ้าเนรมิตให้เราใช้ แต่เกินไปจนไม่ได้สนใจในศาสนา ในศีลธรรม เมื่อก่อนเป็นเรื่องผิดมากในด้านความสุข ทางเพศ เดี๋ยวนี้ กลายเป็นเรื่องธรรมดา

คุณพ่อแลส์เช็นสกี้เดินทางมาที่ประเทศไทยในวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ.1967/พ.ศ.2510 นับถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 48 ปี พ่อกี้มองเห็นความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่เกิดขึ้น และมีหลายมุมมองที่เราควรให้ความสนใจ เป็นอย่างยิ่ง ทั้งต่อสังคมไทยและสังคมโลก “พ่อมาเมืองไทยเมือ่ 48 ปีทแี่ ล้ว ทุกคนมีมารยาท สุภาพ ประทับใจมากจริงๆ ซึง่ เดีย๋ วนีเ้ ปลีย่ นไปมาก เรือ่ ง ความสุภาพ การแต่งตัวโป๊ เดี๋ยวนี้เขาเลียนแบบค่านิยมที่มาจากตะวันตกด้วยลูก ค่านิยมจากโฆษณาอะไรต่างๆ ในนิตยสาร หาความสุขทางเพศ ไม่เกี่ยวกับบาป เงินทองวัตถุ มีแต่การซื้อของ ซื้อๆๆๆ เพื่อเศรษฐกิจจะเจริญ แต่พ่อจำ�ได้ว่าหลายสิบปีที่พ่ออยู่ สะสมเงินเพื่ออนาคต เดี๋ยวนี้ให้ใช้เงิน ซื้อๆๆ เดี๋ยวนี้ที่พ่อเห็นชัด สื่อมวลชน คอมพิวเตอร์ ยิ่งโฆษณาให้ซื้อ เดี๋ยวนี้มีรุ่นใหม่ๆ นี่เป็นค่านิยมของโลก ศาสนากลายเป็นเรื่องโบราณ การโฆษณา มีอิทธิพลกับพวกเราด้วย เป็นการท้าทายมาก แต่ถ้าเรามีความเชื่อจริงๆ มีชีวิตภาวนา เราจะสู้ได้ ถึงแม้ว่าจะ แพ้บ้าง แต่แพ้ก็รู้ตัวทันที และขอโทษพระเจ้า ในสังคมมนุษย์ยุคนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน บางคนทิ้งศาสนา ทุกคน อยู่ในสังคมที่มีอิทธิพลทุกอย่าง แต่พ่อยังมีความหวัง”

7


“ในยุคนี้ยังมีความรุนแรงอยู่ มีเป็นบางที่ แต่ที่ใหญ่กว่านั้น ยังไม่ได้แก้ไขคือความยากจน มีคน รวยขึ้น มีความเจริญก้าวหน้าของมนุษย์ แต่ยังมีคนยากจนจริงๆ ทำ�ไมยิ่งเรารวยขึ้น ทำ�ไมเราไม่แบ่งปัน ระบบที่ทุกคนมีโอกาส มีบ้างแน่นอน เรื่องการศึกษา ต้องมีการศึกษา เพราะฉะนั้นอันนี้เป็นการท้าทาย การแบ่งปันผลดีในประเทศชาติให้กับทุกๆ คน คนรวย คนปานกลาง และคนยากจน” “อีกเรื่องใหญ่คือในสื่อมวลชน ไม่สนใจในศาสนา แต่สนใจในทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียงเกี่ยวกับ โลก การดำ�เนินชีวิตของโลกนี้อย่างเดียว บรรยากาศในสื่อมวลชน ศาสนาเป็นสิ่งที่โบราณ แทบจะ ไม่พูดถึงศีลธรรมเลย ตอนนี้ในอินเตอร์เน็ต ในนิตยสารต่างๆ ไม่สนใจเรื่องศาสนา ศาสนาไม่เป็นส่วน หนึ่งของชีวิต” “ตอนนี้เราเน้นวัตถุอย่างเดียว มองในแง่หนึ่งเป็นสิ่งที่ดี พระเจ้าเนรมิตให้เราใช้ แต่

เกินไปจนไม่ได้สนใจในศาสนา ในศีลธรรม เมื่อก่อนเป็นเรื่องผิดมากในด้านความสุขทาง เพศ เดี๋ยวนี้กลายเป็นเรื่องธรรมดา อีกเรื่องคือความรุนแรง ถือความคิดของเราอย่างรุนแรง พร้อมที่จะฆ่าคน เป็นจำ�นวนเยอะ ถ้ามีคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรา เป็นการสู้กันระหว่างความดี กับความชั่ว”

“สื่อมวลชนมีอิทธิพลในขนบธรรมเนียมประเพณี มากจริงๆ เดี๋ยวนี้ที่เขาลงรูปผู้หญิงที่โป๊ สังคม ไทยดูเฉยๆ สื่อมวลชนที่เป็นแบบอินเตอร์เน็ต หนังสือพิมพ์ มีอิทธิพลมาก สื่อมวลชนมีส่วนดีที่เขา พยายามให้ข่าว แต่พ่อจะบอกว่า ต้องระวังนะ อาจจะเป็นความจริง อาจจะไม่จริง พ่อเห็นว่าเขามีอคติ เหมือนกัน แต่สื่อมวลชนเป็นความจำ�เป็น พ่ออ่านหนังสือพิมพ์ทุกวัน ได้ข่าวเกี่ยวกับโลก อาจจะจริงหมด หรืออาจจะไม่จริง มีความเปลี่ยนแปลงเสมอ แต่ส่วนมากเราพยายามให้สมดุล เป็นอิสระ แต่บางครั้งมี อิสระมากเกินไป” “ที่พ่อเห็นตั้งแต่มาเมืองไทย สังคมไทยน่ารัก คนไทยน่ารักมาก สุภาพ วิธีที่เขาพูด การแต่งตัว มีมารยาท เดี๋ยวนี้เลียนแบบสื่อมวลชน ไม่ใช่ทุกคนนะ เลียนแบบทางตะวันตก ไม่สุภาพ ไม่มีมารยาท แล้ว แต่งตัวโป๊ ซึ่งน่าเสียดาย ทันสมัยแต่ต้องระวังด้วย นั้นเป็นเรื่องหนึ่ง พระศาสนจักรเรามีโครงการ หลายอย่างกับผู้ชายผู้หญิงที่มีศรัทธาที่ดี ที่พยายามปฏิบัติตามความเชื่อ คำ�สอนของพระศาสนจักร พระเยซู เพราะฉะนั้นยังมีความหวัง มีการท้าทายจากยุคสมัย แต่อย่างน้อยพยายามอาศัยตัวอย่างของเรา ในทุกสิ่งที่เราทำ� เป็นคนซื่อสัตย์ ตัวอย่างที่ดีต้องมีอิทธิพลบ้าง” (ตัดตอนจากหนังสือชุด “ตามรอยมิสชันนารี” คุณพ่อซิกมูนด์ แลส์เช็นสกี้ “สงฆ์เพื่อคนอื่น” ผลิตโดย กลุ่มซีนาปีส)

8


- แผนกบริการ สำ�นักมิสซังกรุงเทพฯ - ศูนย์หนังสือและศาสนภัณฑ์ วัดพระมหาไถ่

e-mail: sinapis2014@gmail.com, www.facebook.com/Pages/Sinapis/685981301489817

โทร. 08-6899-3894

9


“คุณจะล้างบาปให้มนุษย์ต่างดาวไหม?” คุยกับ 2 นักฟิสิกส์ของวาติกัน

สัมภาษณ์โดย Sean Salai, S.J.

บราเดอร์ กาย กองโซลมาโญ (Guy Consolmagno, S.J.) และ คุณพ่อ พอล มูลเลอร์ (Paul Mueller, S.J.) เป็นนักวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์ ของสถาบันดาราศาสตร์วาติกัน ซึ่ง ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณ คาสเตล กันดอลโฟ ซึ่งเป็นที่ประทับฤดูร้อนของพระสันตะปาปา ทั้งสองเขียนหนังสือร่วมกัน ชื่อ “Would You Baptize an Extraterrestrial? and Other Questions from the Astronomers’ In-box at the Vatican Observatory,” จัดพิมพ์โดย สำ�นักพิมพ์ Image Doubleday

10


บราเดอร์กาย กองโซลมาโญ ได้รับรางวัลคาร์ล ซาแกน (Carl Sagan Award) จาก สมาคมดาราศาสตร์อเมริกา (American Astronomical Society) ด้วยผลงานเขียนและ การบรรยายยอดนิยม บราเดอร์กายเรียนจบปริญญาตรีและโทสาขาวิทยาศาสตร์ดาว เคราะห์ จาก MIT และปริญญาเอกในสาขาเดียวกันจากมหาวิทยาลัยอริโซนา เมื่อสำ�เร็จ การทำ�งานวิจัยหลังปริญญาเอกแล้ว บราเดอร์ได้ไปสอนที่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ดและ MIT ก่อนจะเข้ามาทำ�งานที่สถาบันดาราศาสตร์วาติกัน โดยทำ�งานวิจัยความสัมพันธ์ระหว่าง อุกาบาตและดาวเคราะห์น้อยกับวัตถุขนาดเล็กในระบบสุริยะจักรวาล และยังรับหน้าที่ เป็นภัณฑารักษ์ของห้องแล็บอุกาบาตด้วย บราเดอร์กายเขียนหนังสือที่ได้รับความนิยม หลายเล่มและปรากฏตัวในรายการวิทยุและโทรทัศน์มากมายหลายรายการ คุณพ่อมูลเลอร์เป็นนักปรัชญาวิทยาศาสตร์ ท่านเป็นอธิการหมู่คณะเยสุอิตที่คาสเตล กันดอลโฟ คุณพ่อมูลเลอร์เรียนจบปริญญาโทสาขาปรัชญาจากมหาวิทยาลัยโลโยลา แห่งชิคาโก และได้รับปริญญา M.Div และ STM สาขาเทววิทยาจาก Jesuit School of Theology at Berkeley และปริญญาเอกสาขาปรัชญาวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย ชิคาโก ในวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอก คุณพ่อมูลเลอร์แปลและเขียนอรรถาธิบาย ปัญหาทางเทววิทยา ฟิสิกส์ ศีลธรรมและคณิตศาสตร์ของ Marin Mersenne (1634) และ วิจัยค้นคว้าเรื่องความคิดและการทดลองของวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ระยะเริ่มก่อรูปว่าได้รับ อิทธิพลจากการศึกษาและแนวคิดวิเคราะห์ตัวบทพระคัมภีร์ไบเบิ้ลอย่างไร ผลงานวิ ชาการของบราเดอร์ก ายและคุ ณ พ่ อมู ลเลอร์ แสดงจุ ด ยื นในการรั ก ษาความ แตกต่างระหว่างศาสนากับวิทยาศาสตร์ ความสนใจนี้ปรากฏชัดในหนังสือเล่มใหม่ของ พวกเขาซึ่งเขียนเพื่อคนอ่านระดับทั่วไป ทำ�ไมพวกคุณเขียนหนังสือเล่มนี้? บ.กาย: เราอยากแสดงให้เห็นว่าการใช้ชีวิตที่มีทั้งความเชื่อและวิทยาศาสตร์นั้นเป็นไป ได้ วิทยาศาสตร์และความเชื่อไม่ใช่ “ตำ�ราข้อมูล” เล่มใหญ่ที่แข็งนิ่งตายตัว ทั้งสองเรื่อง ก้าวหน้าและเปลี่ยนแปลง อีกทั้งมีการเสวนาระหว่างกันด้วย

11


คุณพ่อพอล: ดังนั้น เราจึงเขียนหนังสือเล่มนี้ด้วยรูปแบบการพูดคุยกันระหว่างกายกับผม ซึ่งทำ�ให้ไม่เป็นทางการเกินไป และมีพื้นที่สำ�หรับการไม่เห็นด้วยกับอีกฝ่ายในบางครั้ง การ สนทนาของเราจะเกี่ยวกับคำ�ถามที่เราได้รับเสมอๆ บางครั้ง เราตอบคำ�ถามเหล่านั้น แต่ บ่อยครั้ง เราจะพยายามทำ�ให้คำ�ถามนั้นลึกลงไป โดยท้าทายสมมติฐานของผู้ถามอย่าง เคารพและมีอารมณ์ขัน บ.กาย: ส่วนมาก คำ�ถามเหล่านั้นจะไม่ได้รับคำ�ตอบแบบง่ายๆ เรื่องที่ถามมานั้น บางเรื่อง เป็นสิ่งที่คุณอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อครุ่นคิด คุณพ่อพอล: เราจะไปพูดคุยกันในสถานที่ที่เราเห็นว่าเกี่ยวข้องกับคำ�ถามนั้น บ.กาย: ยิ่งกว่านั้น วิทยาศาสตร์และความเชื่อไม่ใช่เรื่องนามธรรม มันอยู่ในสถานที่และเวลา จำ�เพาะ และโดยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง คาดว่าผู้อ่านหนังสือเล่มนี้จะเป็นคนกลุ่มไหน? คุณพ่อพอล: เรามุ่งเป้าไปยังผู้ที่สนใจเรื่องวิทยาศาสตร์แต่มีข้อสงสัยกับความเชื่อ และกลุ่ม ผู้มีความเชื่อที่รู้สึกว่าตัวเองไม่รู้อะไรมากนักในเรื่องวิทยาศาสตร์ และไม่รู้ว่ามันเกี่ยวข้อง อย่างไรกับความเชื่อ บ.กาย: ผู้อ่านหนังสือของเรา โดยทั่วไปแล้วคงจะเป็นคาทอลิกที่มีการศึกษาระดับปริญญา ตรี พวกเขาอาจไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ แต่เราพยายามอย่างหนักที่จะพูดถึงวิทยาศาสตร์อย่าง ถูกต้องที่สุด เราไม่ได้พยายามจะทำ�ให้คนไม่เชื่อกลับใจ เราอยากช่วยคาทอลิกให้สนุกกับ ความเชื่อที่ลึกซึ้งขึ้นและอธิบายเกี่ยวข้องกับสิ่งอื่นได้มากขึ้น อีกทั้งได้มองเห็นความจริงที่ พวกเขาเชื่อถืออยู่แล้วภายใต้แสงสว่างใหม่ที่ต่างไปจากเดิม คุณจะล้างบาปให้มนุษย์ต่างดาวไหม? บ.กาย: ล้างสิ ถ้าเธอขอนะ

12


คุณพ่อพอล: การยกคำ�ถามนี้ขึ้นมาทำ�ให้ผมใคร่ครวญลึกยิ่งขึ้นถึงความหมายของศีลล้างบาป ของผม ถ้าเราสามารถพบพระเจ้าได้ในทุกสิ่ง บางที มนุษย์ต่างดาวอาจสอนเราถึงอะไรที่ใหม่ เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์และข่าวดีของพระองค์ ผมอยากล้างบาปให้ “เค้า” นะ วิทยาศาสตร์พิสูจน์ว่าพระคัมภีร์ไบเบิ้ลให้ข้อมูลไม่ถูกต้องใช่ไหม? บ.กาย: วิทยาศาสตร์ไม่ได้ไม่พิสูจน์ วิทยาศาสตร์อธิบาย พระคัมภีร์ไม่ใช่หนังสือรวบรวม ข้อเท็จจริงที่จะให้พิสูจน์หรือไม่พิสูจน์ แต่เป็นการสนทนาเกี่ยวกับพระเจ้า ดังนั้นคำ�ถามนี้มี สมมติฐานที่ผิดอย่างแรงว่าวิทยาศาสตร์เป็นอะไร และพระคัมภีร์เป็นอะไร คุณพ่อพอล: เราไม่เคยถามว่าวิทยาศาสตร์พิสูจน์มั้ยว่าเรื่องโรเมโอและจูเลียตของเช็คสเปียร์ ไม่เป็นจริง แม้บทละครเรื่องนี้จะมีหลายอย่างที่ขัดแย้งกับวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน เราไม่เคย ถามว่าวิทยาศาสตร์พิสูจน์ว่าจริงหรือไม่จริงกับความรักชนิดยอมเสียสละตัวเองของ (นักบุญ) มักซิมิเลียน โกลเบ แม้ว่าความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของท่านจะล้าสมัยไป 70 ปีเมื่อเทียบกับ ปัจจุบัน คู่รักไม่ต้องให้วิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ความเป็นจริงของความรักของพวกเขา ทำ�ไมเรา ต้องไปหาวิทยาศาสตร์เพื่อให้พิสูจน์ความเป็นจริงแห่งความรักของพระเจ้าด้วยล่ะ? พระคัมภีร์ไบเบิ้ลบอกอะไรกับวิทยาศาสตร์? คุณพ่อพอล: วิทยาศาสตร์ไปด้วยตัวเองได้อย่างดีโดยไม่ต้องอ้างอิงอะไรถึงพระคัมภีร์เลย แต่ถ้าคุณจะทำ�การทดลองวิทยาศาสตร์แล้วล่ะก็ คุณต้องเริ่มต้นด้วยสมมติฐานก่อนว่าโลก กายภาพนี้มีระบบระเบียบและมีความฉลาดของมันอยู่ ที่เราคิดอย่างนี้กับโลกได้ก็มาจากเรื่อง การสร้างโลกในพระคัมภีร์ แน่นอน พระคัมภีร์ยังบอกถึงกรอบศีลธรรมว่าควรจะใช้ความรู้ทาง วิทยาศาสตร์อย่างไร เราจะใช้วิทยาศาสตร์เพื่อครอบงำ�และอำ�นาจ หรือใช้เพื่อรักและรับใช้ บ.กาย: ศาสนาที่มีการเผยแสดงช่วยให้ผมเข้าใจว่าทำ�ไมผมจึงอยากจะศึกษาวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ซึ่งก็คือการเข้าใจโลกวัตถุที่เราใช้ชีวิตอยู่นี้ เป็นอะไรที่ทุกคนสนใจอยู่แล้ว เด็ก ทารกอยากจะแตะต้องและชิมรสทุกอย่างที่เอื้อมถึง เด็กที่โตพอพูดได้จะถามตลอดว่าทำ�ไม ทำ�ไม ผมเห็นความกระหายต่อวิทยาศาสตร์ในตัวนักเรียนตอนที่ผมเป็นครูขององค์กร Peace Corps ในโลกที่สาม ดังนั้น ทำ�ไม ทำ�ไมถึงมีความกระหายนี้ล่ะ อะไรที่เรากระหายหาจริงๆ

13


มันทำ�ให้ผมนึกถึงสิ่งที่นักเทววิทยาชาวเยอรมัน คาร์ล ราห์เนอร์ (Karl Rahner) เรียกว่า “wovorher” และ “woraufhin” คือ สิ่งภายนอกตัวที่เรากำ�ลังมองหา และสิ่งภายในตัวที่ขับเราให้ มองหา โดยที่สุดแล้ว มันเป็นการกระหายหาพระเจ้า พระผู้สร้าง เมื่อคุณเข้าใจอย่างนี้ มัน เปลี่ยนแปลงเหตุผลที่ทำ�ให้คุณศึกษาวิทยาศาสตร์ มีการล่อใจในงานทางวิทยาศาสตร์ว่าจะนำ� มาซึ่งเกียรติคุณ เงินทองหรือตำ�แหน่งหน้าที่ แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่เหตุผลที่ลึกซึ้งเลยว่าทำ�ไมเรา ถูกขับให้ถามว่าทำ�ไม และการได้สิ่งเหล่านั้นมาไม่อาจดับความกระหาย คุณจะบอกอะไรกับผู้คนที่เชื่อว่าไม่มีทางที่จะพิสูจน์การมีอยู่จริงของพระเจ้าได้? คุณพ่อพอล: พวกเขาพูดถูก แต่พวกเขาพลาดเป้าไป ไม่มีใครสามารถพิสูจน์แก่คุณได้ว่าพวก เขารักคุณ ต้องด้วยการแสดงความรักและได้รับความรักเท่านั้นที่ทำ�ให้เรารับทราบและรู้สึกถึง ความเป็นจริงของความรัก และพระเจ้าคือความรัก บ.กาย: พระเจ้าไม่ใช่ผลิตภัณฑ์สุดสายพานตรรกะ พระเจ้าใหญ่โตกว่าการพิสูจน์ใดๆ ถ้ามี ระบบตรรกศาสตร์ใดที่สามารถพิสูจน์ถึงหรือไม่สามารถพิสูจน์ถึงพระเจ้าได้ เช่นนั้นแล้ว ระบบ นั้นจะใหญ่โตกว่าพระเจ้า เป็นฐานรากยิ่งกว่าพระเจ้า มีพลังกว่าพระเจ้า ดังนั้นอะไรที่ลงเอย ด้วยการพิสูจน์หรือไม่อาจพิสูจน์ ก็จะเป็นสิ่งที่แตกต่างห่างไกลจากพระเจ้าที่ผมเชื่อ อะไรคือจุดบรรจบกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ระหว่างความเชื่อคาทอลิกกับงานทางวิทยาศาสตร์ของคุณ? บ.กาย: ความงาม ผมรู้ว่าผมได้สัมผัสพระเจ้าเมื่อผมเกิดประสบการณ์ปีติเบิกบานของการใช้ ชีวิตในความงาม จักรวาลนี้งดงามเหลือเกิน มันไม่ต้องเป็นอย่างนี้ก็ได้ มันอาจจะเป็นเพียงแค่ ความสมเหตุสมผลหรือเป็นความโกลาหลอย่างสิ้นหวัง แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น มันเป็นความ สวยงาม และวิธีการที่วิทยาศาสตร์อธิบายจักรวาลก็สวยงามด้วย จริงๆ แล้ว เข็มทิศดีที่สุดที่ ควรใช้เมื่อต้องทดสอบทฤษฎีที่ต่างกันก็คือให้มองหาทฤษฎีที่มีความงดงามภายในมากที่สุด

14

คุณพ่อพอล: สำ�หรับผม มันคือประสบการณ์ของการล้มเหลวโดยมีหวัง นักวิทยาศาสตร์ทุกข์ กับการทดลองที่ถูกหักล้างและล้มเหลวตลอดเวลา แต่นั่นแสดงให้เห็นว่าวิทยาศาสตร์ก้าวหน้า ด้วยการสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาบนทฤษฎีที่เคยยึดมั่น และผู้มีความเชื่อรู้ดีว่าพวกเขาเป็นคนบาป พวกเขาล้มเหลวตลอดเวลา แต่โดยผ่านทางความหวังและพลังของการคืนพระชนม์ชีพของพระ คริสต์ พวกเราได้รับการอภัยและได้รับความรอด ทั้งในทางวิทยาศาสตร์และความเชื่อ เราดิ้นรน ที่จะมองเห็นโลกอย่างที่พระเจ้าทรงเห็น มองจากมุมมองของสายตาของพระองค์


อะไรคือความตึงเครียดที่สุดระหว่างความเชื่อของคุณกับงานวิทยาศาสตร์? คุณพ่อพอล: วิทยาศาสตร์ต้องมีการสังเกตอย่างไม่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งอาจส่งผลลด ความเป็นมนุษย์ลง แต่ความเชื่อเรียกร้องเราให้เป็นมนุษย์และเข้าเกี่ยวข้องส่วนตัวลึกซึ้งขึ้น เรื่อยๆ นี่อาจเป็นความตึงเครียดได้ในบางครั้ง บ.กาย: วิทยาศาสตร์และศาสนาถือปฏิบัติโดยมนุษย์ และเรานำ�ความอ่อนแอของมนุษย์ มาด้วยในการปฏิบัติทั้งสองอย่าง เกิดความตึงเครียดที่สุดเมื่อขาดความเชื่อถึงความเป็น เอกภาพของความจริง เมื่อเราปล่อยตัวไปกับความกลัว อิจฉาและละโมภ ทฤษฎีบิ๊กแบงและทฤษฎีวิวัฒนาการขัดแย้งกับศาสนาคริสต์หรือไม่? คุณพ่อพอล: ไม่เลย ชาวคริสต์มีความเชื่อในพระเยซูผู้เป็นหนทาง ความจริง และชีวิต ความจริงคือเพื่อนของเรา รวมทั้งความจริงอะไรก็ตามที่เราได้เรียนรู้จากวิทยาศาสตร์ บ.กาย: ขอยกคำ�พูดของนักบุญยอห์น ปอล ที่ 2 “ความจริงไม่ขัดแย้งกับความจริง” เรา (ยัง) ไม่เข้าใจเต็มที่ว่าจักรวาลเกิดขึ้นมาอย่างไรและชีวิตวิวัฒนาการอย่างไร และเรา (ยัง) ไม่เข้าใจ ถึงความจริงอย่างเต็มที่ของความเชื่อคริสตชน ผมเชื่อว่ามนุษย์เราจะรู้มากขึ้นทั้งสองเรื่องใน อีกหนึ่งพันปีข้างหน้า แต่แม้กระทั่งถึงเวลานั้น เราก็จะรู้ว่าความรู้ของเรายังไม่สมบูรณ์

หนึ่งตาเลนท์ เรียบเรียงจาก “Would You Baptize an Extraterrestrial?” Author Q&A with Vatican Physicists Guy Consolmagno and Paul Mueller, Sean Salai, S.J.

http://www.americamagazine.org/content/all-things/%E2%80%98would-you-baptizeextraterrestrial%E2%80%99-author-qa-vatican-astronomers-guy

15


ประสบการณ์ สั ม มนาศึ ก ษาข้ อ เชื่ อ ระหว่างโรมันคาทอลิกกับโปรเตสแตนต์

16

โดย ศาสนาจารย์ นันทิยา เพ็ชรเกตุ

ดิฉันรับเชื่อเป็นคริสเตียนหลังจากจบจากมหาวิทยาลัยโดยไม่ได้เลือกนิกาย เชื่อว่า พระเจ้าทรงวางดิฉันให้อยู่ในกรอบของโปรเตสแตนต์ เมื่อเติบโตขึ้นในความเชื่อจึงทราบว่า ศาสนาคริสต์ถูกแยกออกเป็น ๓ นิกายใหญ่ๆ และมีกลุ่มอิสระอีกมากมาย นิกายของคริสต์ มีนิกายโรมันคาทอลิก นิกายออร์โธดอกซ์ และนิกายโปรเตสแตนต์ แล้วทั้งสามนิกายไม่กินเส้น กัน บ่อยครั้ง คริสตชนต่างนิกายทะเลาะวิวาทกันอย่างเปิดเผยเป็นที่ติฉินนินทาแก่ศาสนิกชน อื่นๆ ส่วนที่ไม่ทะเลาะกันเปิดเผยก็ขุ่นเคืองกัน ไม่อยากร่วมวิสาสะกัน ทั้งนี้เพราะต่างฝ่าย ต่างเชือ่ ว่าความเชือ่ ความศรัทธาของตนเองเท่านัน้ ถูกต้อง ส่วน อีกสองนิกายนัน้ ความเชือ่ ผิด และคงจะไม่ได้รบั ความรอด ทัง้ ๆ ทีค่ ริสต์ทงั้ สามนิกายก็เชือ่ จุดหลัก คือเรือ่ ง “พระตรีเอกภาพ” ต่างฝ่ายก็เชือ่ ว่าเมือ่ จากโลกนีไ้ ปแล้วได้รบั ความรอด หรือรับการไถ่โดยพระเยซูคริสต์ ฝ่ายจิต วิญญาณจะไปอยู่กับพระเจ้านิรันดร์


ดิฉันมักคิดและถามตัวเองว่า เมื่ออยู่จำ�เพาะพระพักตร์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า คริสตชน จะตอบคำ�ถามพระองค์อย่างไร ถ้าพระบิดาตรัสถามว่า “ทำ�ไมชาวคริสต์ทุกๆ นิกายเป็นพี่น้อง กันจึงไม่คนื ดีกนั ตอนมีชวี ติ ในโลก หรือทำ�ไมพวกเจ้าไม่พยายามคืนดีกนั แล้วคำ�เทศนา คำ�สอน ที่พวกเจ้าพล่ามสอนกันน่ะ ได้นำ�ไปใช้ในชีวิตกันบ้างไหม...หรือในขณะที่พวกเจ้ารับบัญชาของ เราประกาศสั่งสอนข่าวดี เรื่องความรักที่พระเยซูคริสต์ได้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อไถ่พวก เจ้าให้รอด ข่าวดีนี้เป็นข่าวแห่งการคืนดีระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า โดยให้พระเยซูคริสต์เป็น คนกลาง และเป็นข่าวแห่งการคืนดีของมนุษย์เองด้วย... พวกเจ้าทำ�การประกาศให้คนจำ�นวน มากกลับใจใหม่ แต่พวกเจ้าเองเป็นคนหน้าซื่อใจคดไหม หน้าไหว้หลังหลอกไหม ฯลฯ” คำ�ถาม ลักษณะนี้ติดค้างอยู่ในจิตใจดิฉัน ตลอดมา ความหวังมาถึงแล้ว วันหนึง่ กลางปี ค.ศ. 2003 บาทหลวงคาทอลิกวัยกลางคนได้เข้ามาทีส่ �ำ นักงานของสถาบัน แสดงความจำ�นงว่าพอจะคุยกับใครได้เรื่องการทำ�กิจกรรมหรือความเข้าใจของเณรที่แสงธรรม กับ นักศึกษาศาสนศาสตร์ของโปรเตสแตนต์ที่สังกัดสภาคริสตจักรในประเทศไทย ผู้ใหญ่ของ สถาบันได้มอบหมายให้ดฉิ นั เป็นผูป้ ระสานงาน ดังนัน้ ดิฉนั กับบาทหลวงท่านนี้ คือ คุณพ่อไพศาล อานามวัฒน์ จึงได้พูดคุยกันหลายเรื่องเกี่ยวกับการสานความสัมพันธ์ของผู้รับใช้พระเจ้า รุน่ ใหม่ทงั้ ของคาทอลิกและโปรเตสแตนต์วา่ จะมีความร่วมมือในการรับใช้พระเจ้ากันอย่างไร ใน ปีนั้น คุณพ่อไพศาลได้พาเณรแสงธรรมชั้นปีที่ 4 ไปที่สถาบันของเรา เพื่อให้บราเดอร์ปี 4 และ นักศึกษาของสถาบันเราได้เรียนร่วมกัน รับประทานอาหารเทีย่ งด้วยกันและเล่นกีฬากัน นัน่ คือ จุดเริม่ ต้น และหลังจากนัน้ เราได้เข้าค่าย “สัมมนาศึกษาข้อเชือ่ ศาสนาคริสต์นกิ ายโรมันคาทอลิก และโปรเตสแตนต์” ตั้งแต่ปี 2004 ถึงปี 2015 ผ่านไปแล้ว 12 รุ่น ซึ่งปกติเราจะจัดที่ศูนย์อบรม งานอภิบาลบ้านผูห้ ว่าน อ.สามพราน จ.นครปฐม โดยคณะกรรมการคาทอลิกเพือ่ ศาสนสัมพันธ์ และคริสตสัมพันธ์และคณะกรรมการเอกภาพคริสตสัมพันธ์ การจัดสัมมนาทุกปีจะอยูช่ ว่ งกลาง เดือนมกราคม ก่อนการอธิษฐานเพื่อเอกภาพสากล หัวข้อที่นำ�มาศึกษาทำ�ความเข้าใจประจำ� มี 6 หัวข้อ คือ 1) ข้อเชื่อสัญลักษณ์อัครสาวก 2) พิธีบูชาขอบพระคุณ/ศีลล้างบาป (คาทอลิก) พิธีนมัสการ/พิธีบัปติสมา (โปรเตสแตนต์) 3) ข้อความเชื่อเรื่องพระแม่มารีย์และสหพันธ์นักบุญ (คาทอลิก) และข้อความเชื่อเรื่องพระแม่ มารีย์ (โปรเตสแตนต์) 4) พระคัมภีรข์ องคาทอลิก และพระคัมภีรข์ องโปรเตสแตนต์ 5) ประสบการณ์ การประกาศข่าวดีของคาทอลิก/โปรเตสแตนต์ 6) แนวทางคริสตสัมพันธ์ (โปรเตสแตนต์) และ แนวทางคริสตสัมพันธ์ (คาทอลิก) คำ�ถามที่พบบ่อยๆ ในการสัมมนาศึกษาข้อเชื่อ แบ่งเป็นสองฝ่ายดังนี้ การสัมมนาศึกษาข้อเชื่อเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาซักถามข้อข้องใจ จากการฟัง สัมมนา หรือข้อข้องใจที่ติดตัวมานมนาน ซึ่งคุณพ่อที่เป็นอาจารย์ของบราเดอร์แสงธรรม และ

17


คณาจารย์ของสถาบันพระคริสตธรรมโปรเตสแตนต์ เป็นผูต้ อบคำ�ถามของแต่ละฝ่าย คำ�ถาม ที่มักจะถามกันทุกปี เช่น I. นักศึกษาโปรเตสแตนต์ ชอบถามว่า 1) ทำ�ไมบาทหลวง หรือนักบวชของคาทอลิก แต่งงานไม่ได้ 2) ทำ�ไมคาทอลิกจึงนับถือพระนางมารีย์เป็นพระเจ้า 3) ทำ�ไมคาทอลิกต้อง สวดสายประคำ� 4) ทำ�ไมคาทอลิกต้องอธิษฐาน (pray) ผ่านแม่พระหรือนักบุญ 5) ทำ�ไม พระคั มภี ร์ ของโปรเตสแตนต์กับคาทอลิ ก ไม่ เหมื อนกั น และใช้ ภ าษาต่ า งกั น 6) ทำ � ไม คาทอลิกใช้คำ�ของพุทธ เช่น เณร พระสงฆ์ เจ้าอาวาส วัด ทำ�วัตร เป็นต้น 7) ทำ�ไมคริสตชน โปรเตสแตนต์กับคาทอลิกรับมหาสนิทด้วยกันไม่ได้ 8) ทำ�ไมคาทอลิกเชื่อเรื่องแดนชำ�ระ 9) ทำ�ไมชื่อ (โบสถ์) วัดคาทอลิกชื่อแปลกๆ เป็นต้น II. นักศึกษา (บราเดอร์) วิทยาลัยแสงธรรม ชอบถาม 1) ศาสนศักดิข ์ องโปรเตสแตนต์เป็น อย่างไร 2) ทำ�ไมโปรเตสแตนต์จึงมีศิษยาภิบาลสตรี ทั้งเทศนาและทำ�ศาสนพิธีได้ 3) ทำ�ไม โปรเตสแตนต์ไม่มีคนฟังแก้บาปไม่อึดอัดหรือ 4) คริสเตียนแก้บาปกันอย่างไร 5) ทำ�ไม คณะต่างๆของโปรเตสแตนต์จงึ มีการปฏิบตั ทิ หี่ ลากหลาย แล้วมีอะไรเป็นศูนย์กลาง 6 ) การ นมัสการของคริสเตียนเป็นอย่างไร 7) ทำ�ไมคริสเตียนไม่เชือ่ เรือ่ งแดนชำ�ระ ตายแล้วจะไปอยู่ ที่ไหน เป็นต้น

18

พื้นฐานจากพระคัมภีร์ที่ยืนยันความเป็นหนึ่งเดียวในพระกายของพระเยซูเจ้า ในพระวรสารนักบุญ ยอห์น 17.21 “เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน” เหมือนพระเยซูคริสต์ทรงเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา คำ�อธิษฐานภาวนานี้ ทำ�ให้เข้าใจ


น้ำ�พระทัยของพระเจ้า และการเชื่อฟังของพระคริสต์ พระบิดา ทรงเป็นหนึ่งเดียวกับพระบุตร เหมือนที่อัครทูตเปาโลได้อธิษฐานภาวนาระหว่างท่านเองกับคริสตจักร (พระศาสนจักร) คือ “มีความคิดอย่างเดียวกัน มีความรักอย่างเดียวกัน มีใจรูส้ กึ และคิดพร้อมเพรียงกัน” (ฟป.๒.๒) ในเมื่อคริสตชนมีหลายกลุ่มคณะและนิกาย ด้านเทววิทยา (theology) ก็ยังมุ่งปกป้องความ เชื่อ แต่ต้องปรับความสมดุลระหว่างนิกายหรือคณะ ดังนั้น ก่อนจะตำ�หนิว่าความเชื่อเธอ ผิด ส่วนของฉันเท่านั้นถูกต้อง จึงขอให้เรามาดูหลักข้อเชื่อที่คริสตชนทุกนิกายยึดมั่นร่วมกัน ดังนี้ 1. เชื่อในเรื่องพระตรีเอกภาพ (คาทอลิก) หรือพระตรีเอกานุภาพ (โปรเตสแตนต์) คือ - พระบิดาคือพระผูส้ ร้าง –พระบุตรคือพระผูไ้ ถ่ -พระจิต (คาทอลิก) หรือพระวิญญาณ บริสุทธิ์ (โปรเตสแตนต์) คือผู้สถิตและช่วยมนุษย์ 2. เชื่อในสากลคริสตจักร (พระศาสนจักร) บริสุทธิ์ซึ่งมีพระเยซูคริสต์เป็นประมุข และ เชื่อในการร่วมสมานฉันท์ระหว่างธรรมิกชน (คริสตชน) 3. เชื่อว่ามีวันพิพากษา มนุษย์ทุกคนทั้งผู้ที่มีชีวิตอยู่และผู้ที่ตายไปแล้วต้องกลับมารับ การพิพากษาพร้อมกัน 4. เชื่อว่ามีชีวิตนิรันดร์ หลังความตาย 5. ยอมรับหลักข้อเชื่อสากลร่วมกัน 3 บท คือ หลักข้อเชื่อของอัครสาวก (Apostles’ Creed) หลักข้อเชื่อไนเซีย (Nicene Creed) และหลักข้อเชื่ออะทาเนเซียน (Athanasian Creed) แนวทางของคริสต์สัมพันธ์ระหว่างคาทอลิกและโปรเตสแตนต์ (ในประเทศไทย) ตลอดกว่าสิบปีที่ผ่านมา เราคาทอลิกและโปรเตสแตนต์ระดับอุดมศึกษาที่ผลิตผู้นำ� ระดับบาทหลวงและศิษยาภิบาลได้ร่วมมือกันมาตลอด เช่น การเข้าค่ายสัมมนาศึกษาข้อเชื่อ ที่ผ่านมา 12 ครั้ง ดิฉัน ซึ่งเป็นกรรมการและวิทยากร ได้นำ�เสนอแนวทางที่คิดว่าปฏิบัติได้ ไม่ยาก ดังนี้ 1. การอธิษฐานภาวนาเพื่อเอกภาพด้วยกัน การอธิษฐานภาวนาเพื่อเอกภาพ ปัจจุบันก็ได้ทำ�ไปบ้างแล้ว เช่นกลุ่มสตรีคริสตชน กลุ่มคาทอลิกกับคริสเตียนทุกๆ ฝ่ายในสัปดาห์อธิษฐานสากลเพื่อเอกภาพในเดือนมกราคม การรวมตัวกันอธิษฐานภาวนาในวาระของชาติในโอกาสต่างๆ เช่น ในวโรกาสเฉลิมฉลองการ ครองราชย์ของพระเจ้าอยู่หัว การเฉลิมฉลองในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมี พระชนมายุ 80 พรรษา และในปี 2008 พวกเราได้รว่ มกันภาวนาในวโรกาสส่งเสด็จสูส่ วรรคาลัย สมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ดิฉันขอเสนอว่า เราควรจะมีการพัฒนาการอธิษฐานภาวนาร่วมกันมากขึ้น ขยายกลุ่มเป้าหมายทุกระดับ เช่น ปัจจุบนั เราได้พฒ ั นาการภาวนาเทเซ่ระหว่างคริสตชนคาทอลิกและคริสตชนโปรเตสแตนต์เป็น ระยะๆ อย่างต่อเนือ่ ง การอธิษฐานภาวนาช่วยนำ�เราเข้าใกล้พระเจ้า และส่งเสริมความสัมพันธ์ การเป็นเอกภาพในพระกายของพระคริสตเจ้า

19


2. เปลี่ยนจากคู่แข่ง มาเป็นผู้ร่วมมือกัน มีข้อสังเกตว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างนิกาย หรือกลุ่ม/คณะของคริสต์นั้น บ่อยครั้ง เกิดจากการแข่งขันของกลุ่มคริสตชน เช่นนิกายโปรเตสแตนต์เอง เนื่องจากคณะต่างๆ มีการ ประกาศ ข่าวดี หรือการแพร่ธรรมทับเส้นกัน หรือบางครั้งถึงกับแย่งลูกแกะ (สมาชิกคริสตจักร) จากคริสตจักรหนึง่ ให้โยกย้ายไปอีกคริสตจักรหนึง่ ความจริงแล้วการทีพ่ วกเราใส่รา้ ย ป้ายสีกนั เอง มากเท่าไหร่ ก็เป็นการนำ�ความเสื่อมเสียให้กับ คริสตชนทั้งหมด พวกเราไม่จำ�เป็นต้องแข่งขันกัน ไม่จำ�เป็นต้องโอ้อวดว่าคณะของฉันดีกว่าคณะของเธอหรือดีกว่าคริสต์ทุกคณะนิกาย เพราะยัง มีพันธกิจมากมายในสังคม อย่าลืมว่าคนไทยเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ยังไม่รู้จักพระเจ้า ยังไม่ได้รับ ความรอดโดยโลหิตของพระเยซูคริสต์ มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือของคนในสังคมทุกหัวระแหง ความจริงแล้วพวกเราควรจะจับมือทำ�งานด้วยกัน ประกาศพระนามพระเยซูเจ้าด้วยกัน เพราะทัง้ คาทอลิกและโปรเตสแตนต์รับใช้ เจ้านายองค์เดียวกัน ซึ่งขณะนี้ในประเทศไทยคริสตชนของทุก คณะนิกายรวมกันแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นพื้นที่ของการทำ�พันธกิจยังมีเพียงพอสำ�หรับทุกคณะ นิกาย ดังนั้นจึงควรร่วมมือกันในการประกาศข่าวดี 3. เลิกตำ�หนิ ติเตียนกัน มาเริ่มต้นสานเสวนา เราต้องลบภาพของคริสตชนในอดีตที่มีความผิดพลาดและเคยขัดแย้งกัน หรือการมีอคติ ต่อคริสตชนกลุ่มอื่นๆ เพราะเคยเชื่อว่าความเชื่อของตนเองจริง แล้วประณามว่าความเชื่อของ นิกายอื่นหรือคณะอื่นเท็จหรือผิด หรือจมอยู่กับความเข้าใจเดิมๆ ในช่วงยุคแรกของการปฏิรูปฯ เราควรเปลี่ยนมาเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดกัน โดยเฉพาะในประเทศไทย ชาวคริสต์คือคน กลุ่มน้อยในสังคม คริสต์ศาสนาถูกมองว่าเป็นศาสนาของฝรั่ง เราต้องหันหน้ามาพูดคุยกัน ว่า ทำ�อย่างไรที่จะให้มีความเข้าใจว่า คริสต์ศาสนาเกิดในเอเชีย และ “พระเยซูเจ้า” เป็นคนเอเชีย ในท่ามกลางสังคมทีซ่ บั ซ้อนมากขึน้ การรับข้อมูลข่าวสารหลากหลายขึน้ ผูร้ บั ก็มหี ลายวัฒนธรรม หลากภาษาและลัทธิความเชื่อ ดังนั้น เป็นความจำ�เป็นที่คริสตชน คือ ระหว่าง คาทอลิกและ โปรเตสแตนต์ต้องสานเสวนาเพื่อความเป็นน้ำ�หนึ่งใจเดียวกัน หาแนวทางในการเป็นภาพลักษณ์ ของพระเจ้า เป็นตัวแทนของพระเยซู ร่วมกันทำ�พันธกิจเพื่อถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

20

4. เลิกแยกตัว... หันมาร่วมมือกัน ในสั ง คมไทยของเรามั ก จะมี ก ารพู ด ถึ ง การเคลื่ อ นไหวของภาคประชาชน (People Movement) ซึ่งมีหลายกลุ่มด้วยกัน เช่น การเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย การเคลื่อนไหวเรื่อง สิง่ แวดล้อม การเคลือ่ นไหวเพือ่ ลดภาวะโลกร้อนการ เคลือ่ นไหวเพือ่ ความเป็นธรรมของผูบ้ ริโภค เคลื่อนไหวเรื่องพลังงาน เป็นต้น ในกลุ่มคริสตชนเอง เมื่อรู้ว่าพวกเราเป็นชนกลุ่มน้อยของสังคม ไทย ถ้าแยกตัวกัน หรือต่างคนต่างอยูจ่ ะเป็นผลเสียมากกว่า เพราะการรวมกลุม่ กันก็ท�ำ ให้สามารถ ต่อรองบางสิง่ บางอย่างได้ หรือพวกเราสามารถเป็นตัวแทนของกลุม่ ความเชือ่ ชาวคริสต์ได้ โดยเฉพาะ


คริสตชนเป็นคนกลุม่ น้อยในสังคมไทย การร่วมมือกัน จะสามารถนำ�การเปลีย่ นแปลงทีย่ งิ่ ใหญ่ หรือสามารถเป็นเครื่องต่อรองของสังคม เช่น มีสิทธิ์ มีเสียงในการออกกฎหมาย การให้คำ� แนะนำ�แก่สังคมด้านจริยธรรม เช่นตอนนี้ปัญหาคอร์รัปชั่นสูงมาก เราจะทำ�อย่างไรที่คนไทย มีความคิดว่าคอร์รัปชันไม่เป็นไรถ้าตัวเองได้ประโยชน์ด้วย เราจะสอนชุมชนผู้เชื่อให้เป็นเกลือ รักษาสังคมไทยได้ไหม การเป็นผูน้ �ำ ของสังคมหรือชุมชนนำ�คนไทยให้ท�ำ แต่สงิ่ ดีๆ ตามคำ�สอน ของพระเยซูเจ้าที่อยู่ในชีวิตพวกเรา 5. ร่วมมือกันจัดหลักสูตร และแบ่งปันทรัพยากร ผู้นำ�ยุคปัจจุบันต้องเป็นลักษณะ Global Leadership ในปี พ.ศ.2558 เรากำ�ลังเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เราต้องเป็นพันธมิตรกัน ศตวรรษที่ 21 นีไ้ ม่มอี ะไรมาปิดกัน้ โลกได้อีกแล้ว เราเป็นประชากรเอเชีย ส่วนเรื่องศาสนาหรือลัทธิความเชื่อต่างๆ ไม่ได้เป็นเรื่อง ที่น่ากลัวอีกแล้ว แต่สิ่งที่คริสตจักรหรือพระศาสนจักรควรกลัวคือระบบ/ลัทธิวัตถุนิยม บริโภค นิยม การใช้โซเชียลมีเดียล่อลวงกัน เป็นต้น ด้วยเหตุนขี้ บวนการเอกสัมพันธ์ชว่ ยสร้างส่งเสริมคน รุ่นใหม่ให้เดินไปในทิศทางเดียวกัน ให้ยึดมั่นในพระเจ้าที่มีพระเยซูเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะ ผู้รับใช้พระเจ้า ทั้งบาทหลวงและศิษยาภิบาล ต้องมีบทบาทและรับผิดชอบต่อสังคม ต้องช่วย ฟืน้ ฟูชวี ติ จิตวิญญาณของคนในชาติ พวกเราต้องท้าทายให้คนรุน่ ใหม่ ทัง้ ผูน้ �ำ ของพระศาสนจักร และคริสตจักรสามารถทำ�งานร่วมกันได้โดยยึดจุดศูนย์กลางฝ่ายจิตวิญญาณเดียวกัน คือพระ เยซูคริสต์ เราต้องพัฒนาหลักสูตรการศึกษาให้สามารถร่วมมือกันได้ เกี่ยวกับประเด็นต่างๆ เช่น เรื่องหลักข้อเชื่อ เรื่องจริยธรรม เรื่องบทบาทบุรุษและสตรี เรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องกลุ่มผู้

21


ด้อยโอกาส เรื่องการข้ามวัฒนธรรม เรื่อง HIV/AIDS เรื่องการสอนพระคัมภีร์แก่ชุมชน เรื่องการ ทำ�งานในชุมชน เรื่องกลุ่มชาติพันธุ์ เรื่องคนชายขอบ เรื่องการอธิษฐานภาวนา จัดการสัมมนา ทางวิชาการ เน้นประเด็นที่เป็นปัญหา หรือสงสัย แล้วนำ�มาศึกษาด้วยกัน เป็นต้น 6. รับฟัง เรียนรู้ การยอมรับและให้เกียรติต่อกัน ดิ ฉั น ได้ เข้ า ร่ ว มการสั ม มนาของ Christian Conference of Asia ซี่ ง มี ผู้ แ ทนจาก คริสตชนสองนิกาย ฝ่ายนิกายโรมันคาทอลิกมีผู้แทนเป็นพระคุณเจ้า บาทหลวงและฆราวาส ส่วน นิกายโปรเตสแตนต์มผี แู้ ทนมาจากหลายคณะ ในทีป่ ระชุม ผูแ้ ทนแต่ละคนเล่าให้ฟงั ว่าแท้จริงแล้ว เราไม่ต่างกันเลย ถ้าเรายอมเปิดใจรับฟังกันละกัน ตัวอย่าง เช่น ศิษยาภิบาลของคณะเพ็นเทคอส จากฟิลปิ ปินส์ ได้สารภาพว่า เขาเพิง่ ทราบว่าคริสตจักรของเพรสไบทีเรียนก็มพี ระวิญญาณบริสทุ ธิ์ (พระจิต) ด้วย ส่วนศาสนาจารย์จากอินเดียก็สารภาพว่าเพิ่งเข้าใจว่าคริสตจักรเพ็นเทคอสก็เชื่อ พระบิดาและพระเยซู อีกท่านหนึ่งเป็นฆราวาสสตรีคาทอลิกจากมาเลเซีย เล่าว่าลูกสาวมีเพื่อน เป็นโปรเตสแตนต์ คณะเมทอดิสต์ เธอจึงรู้ว่าโปรเตสแตนต์ก็นับถือพระตรีเอกภาพ อีกรายหนึ่ง ศาสนาจารย์จากกลุ่มอีแวนจิลิคอลของบังคลาเทศ เล่าว่าได้ร่วมมิสซาของคาทอลิก เพิ่งเข้าใจว่า ชาวคาทอลิกก็เชือ่ พระเยซูคริสต์นะ เพราะเคยเข้าใจว่า คาทอลิกนับถือแต่พระแม่มารียก์ บั นักบุญ เท่านั้น 7. ค่ายสัมมนาศึกษาข้อเชื่อเพื่อความเข้าใจกันและความเป็นเอกภาพ ตั้งแต่ปี ค.ศ.2003 มีการสัมมนาศึกษาข้อเชื่อซึ่งจัดโดยสภาคริสตจักรในประเทศไทย สภาคริสตจักรลูเธอแรนและสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย อีกทัง้ พระคริสตธรรมของ กลุ่มแบ๊บติส กลุ่มสหกิจและกลุ่มเซเวนเดย์แอดเวนทิสต์ก็มีส่วนร่วมด้วย ความสำ�คัญของค่าย สัมมนาศึกษาข้อเชื่อระหว่างนักศึกษาและคณาจารย์ (เพราะค่ายนี้จัดให้นักศึกษาชั้นปีสุดท้าย ของแต่ละสถาบัน) อยูท่ กี่ ารเปิดโอกาสให้ได้พบปะกันเพือ่ แลกเปลีย่ นความรูค้ วามเข้าใจในประเด็น ต่างๆ เช่น “ พระคัมภีร์ในมุมมองของคาทอลิกและโปรเตสแตนต์” “ พิธีมิสซาของคาทอลิกและ การนมัสการของโปรเตสแตนต์” “พิธมี หาสนิท” “บทบาทของพระนางมารีย”์ เป็นต้น ยิง่ กว่านัน้ ยัง เป็นโอกาสให้ผรู้ ว่ มค่ายแสดงความคิดเห็นหรือซักถามกัน นับได้วา่ นีค่ อื โอกาสของการสร้างความ สัมพันธ์และการแบ่งปันมิตรภาพ ซึ่งช่วงเวลาของการเข้าค่ายสัมมนานี้จะเกิดผลต่อจิตใจของว่าที่ ศิษยาภิบาล และว่าทีบ่ าทหลวงหนุม่ ๆ การใช้เวลาเข้าค่ายด้วยกันแบบนีน้ บั ว่ามีคณ ุ ค่าต่อพันธกิจ ในอนาคต เพราะผู้เข้าร่วมสัมมนามีสายตาในการมองใหม่ ด้านจิตใจก็เปิดออกเพื่อเข้าใจผู้อื่น ได้รับหัวใจแห่งการร่วมมือเพื่อจะช่วยกันในฐานะพี่น้อง ชายหญิงในพระกายของพระคริสต์

22


บทสรุป คริสตศาสนสัมพันธ์ยุคใหม่ การยืนยันนิมิตของเอกสัมพันธ์ คือการรวมตัวของคริสตชน ต่างนิกาย ต่างคณะ แม้เรามีความแตกต่างด้า นศาสนศาสตร์ (เทวศาสตร์) ขอให้พวกเรากลับ มาหากัน โดยยึดหลักของพระตรีเอกภาพ พวกเราต้องพูดคุยทำ�ความเข้าใจกัน และร่วมมือ ส่งเสริมการเป็นหนึ่งเดียวกันในพระเยซูคริสต์ ถึงแม้พวกเราแตกต่างกันในพิธีกรรม วิธีปฏิบัติที่ ส่งเสริมให้เราเข้าใกล้ชิดกับองค์พระผู้เป็นเจ้ามากขึ้น หรือเรามีวิธีเข้าถึงพระทัยของพระเยซู เจ้าในแต่ละนิกายหรือคณะในรูปแบบที่ต่างกัน แต่เรายังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เหมือนกันซึ่ง สามารถร่วมมือกันได้ เพราะที่เหมือนกันที่สุดคือ เรารับใช้พระมหาไถ่องค์เดียวกัน ดังนั้นพวก เราต้องพิจารณาดูวา่ เรามีความเหมือนหรือคล้ายกันเรือ่ งใดบ้าง ขอให้เราเริม่ ต้นจากจุดนัน้ เพราะ แท้จริงแล้วพวกเรามีสิ่งที่เหมือนกันและสำ�คัญที่สุด ซึ่งเป็นแก่นแท้ของความเชื่อของพวกเรา คือ พระเยซูคริสต์ ทีเ่ ป็นศูนย์กลางในชีวติ แ ละพันธกิจของพวกเรา ผูร้ บั ใช้พระเจ้าทัง้ “บาทหลวงและ ศิษยาภิบาล” บ้านเณรใหญ่และสถาบันพระคริสตธรรมคือกุญแจสำ�คัญทีช่ ว่ ยส่งเสริมจิตวิญญาณ ของเอกสัมพันธ์ ซึ่งเป็นหน้าที่หนึ่งที่เราให้การศึกษาและฝึกอบรมผู้นำ�รุ่นใหม่ให้คริสตจักร/พระ ศาสนจักรไทย นักศึกษาหรือผู้เข้าฝึกฝนอบรมจะได้นำ�จิตวิญญาณของเอกสัมพันธ์ออกไปตามที่ พวกเขาออกไปรับใช้พระเจ้า พวกเขา (บาทหลวงและศิษยาภิบาล)สามารถร่วมมือกันทำ�พันธกิจ ในสนามการรับใช้พระเจ้าแทนการต่อต้านหรือทะเลาะกัน เพราะว่าในที่สุดพวกเราสามารถเป็น อันหนึ่งอันเดียวกันเหมือนกับพระบิดา พระบุตร และพระจิต... อาเมน

23


โดย อาสายัณห์

“บรูซ ลี มังกรผงาดฟ้า”

“Bruce Lee, The Dragon”

24

สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่เคารพรัก พบกันอีกครั้งในสายัณห์ทัวร์ (เจ้าเก่า) ชุด “บรูซ ลี มังกรผงาดฟ้า” (Bruce Lee, The Dragon) ที่ทุกคนเกือบทั่วโลกไม่ว่าอยู่มุมไหน ประเทศใดต้องผงกหัวร้องอ๋อว่ารู้จัก และเคยได้ยินชื่อ และเคยดูหนังที่ใช้ศิลปะการต่อสู้ของพี่น้องชาวจีนชุดกังฟู ดุเดือดเร่าร้อน เผ็ดซ่า ท้าทายกฎศูนย์ถว่ งของโลก รุนแรงฉับไวจนมองไม่ทนั กล้องภาพยนตร์ตอ้ งปรับความเร็วให้ชา้ ลง ผูช้ ม จะได้เห็นชัดเวลาถูกต่อย ผู้ร้ายเบ้ปาก เนื้อแก้มยุบเป็นรอยกระดูกสันมือของบรูซ ลี น้ำ�ลายแตกเป็น ฟอง ลอยฟ่องกระจายสามวา ใบหน้าของบรูซ ลีบดิ เบีย้ ว ตาหรีแ่ ทบปิดเห็นเป็นเส้นสายเรียวเล็ก เปล่ง เสียงแหลมยาวโหยหวน ฟังแล้วยะเยือกหัวใจ ราวกับเสียงมังกรร่ำ�ร้องผงาดฟ้า


มาเถิดครับคุณผูอ้ า่ นทีเ่ คารพรัก มากับหัวหน้าทัวร์ หัวหน้าทัวร์จะพาไปแนะนำ�ให้รจู้ กั มังกรผงาด ฟ้าที่มีความเป็นมาน่าสนใจ น่าทึ่ง ปรมาจารย์เจ้าสำ�นักของการต่อสู้กังฟู สายจี๊ทคุนโด (Jeet Kune Do) การต่อสู้แบบตัดหน้าการโจมตีของคู่ต่อสู้ เลื่องลือกระฉ่อนทั่วโลก เป็นผู้บุกเบิกกังฟู (Gung Fu/ Kung Fu) ให้พนี่ อ้ งชาวจีน ทำ�ให้กงั ฟูเป็นทีร่ จู้ กั แพร่หลาย เปิดประตูโอกาสให้ดารากังฟูได้เดินตาม ยก ระดับหนังจีนกังฟูให้เป็นมาตรฐานระดับโลก ทายาทของบรูซ ลีในวงการหนังกังฟูก็คือ “แจ๊คกี้ ชาน” / “Jackie Chan” ที่พี่น้องชาวไทยรู้จักกันในชื่อ “เฉินหลง” นั่นแหละครับ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2015 (ปีนี้เอง) ขณะที่แจ๊คกี้ ชาน เดินเล่นในถนนเบเวอรี่ ฮิลล์ (Beverly Hills) ฮอลลีวู้ด (Hollywood) ถิ่นคนรวยที่ดารา มหาเศรษฐี มีบ้าน มีสำ�นักงานธุรกิจ มีห้างร้านให้ จับจ่ายซื้อของ ที่บริษัทเสื้อผ้า น้ำ�หอม เครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ อันดับหนึ่งของโลกเสนอ ให้เลือก ราคาไม่ต้องพูดถึง เพราะแรงเงินเหลือเฟือ ขอให้ถูกใจก็พอ ผู้สื่อข่าวบันเทิง (TMZ Sports) กระเซ้าแจ๊คกี้ว่า ถ้าสู้กับบรูซ ลีอีกที ไม่ใช่แบบในหนังดังก้องโลก “มังกรประจัญบาน” หรือ Enter the Dragon ปี 1973 (42 ปีที่ผ่านมา) ใครจะชนะ แจ๊คกี้หัวเราะก๊าก บอกว่า บรูซ ลี ชนะแน่ เพราะชั้นเชิง ฝีมือเหนือกว่าในชีวิตจริง แจ๊คกี้ ชาน มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ น่าทึ่งเช่นกันครับ อาจจะต้อง จัดเป็นสายัณห์ทัวร์อีกชุด (ถ้าแฟนๆ เรียกร้องสนใจ) ทัวร์ชดุ นีเ้ กือบจะไม่ได้เกิดเพราะหัวหน้าทัวร์ไม่เคยคิดสนใจจะจัดเป็นรายการทัวร์ จนกระทัง่ เล็ก เพื่อนเก่า น้องชายแฟนเก่าของหัวหน้าทัวร์ พาภรรยาและลูกสาวมาเยี่ยมหัวหน้าทัวร์และครอบครัว ต้นเดือนมิถุนายน แล้วบอกว่าอยากจะไปเยี่ยมสุสานฝังศพของบรูซ ลี มังกรผงาดฟ้า ที่นอกเมือง ซีแอตเทิล (Seattle) ถ้าหัวหน้าทัวร์มีความสนใจ “เล็กทัวร์” (เจ้าเก่า) จะพาไป หัวหน้าทัวร์ขอขอบใจ “เล็กทัวร์” (เจ้าเก่า) ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ คุณผูอ้ า่ นทีเ่ คารพรัก ก่อนจะไปทำ�ความรูจ้ กั บรูซ ลี หัวหน้าทัวร์ขออนุญาตคุณผูอ้ า่ นมาทำ�ความ รู้จักกับเพื่อนของหัวหน้าทัวร์ที่มีความเป็นเพื่อนแบบเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด 38 ปี เป็นเพื่อน ที่รู้จักกันเมื่อตอนเป็นหนุ่มไฟแรง มาแสวงโชค ขุดทองในสหรัฐอเมริกาที่รัฐแคลิฟอร์เนียแบบจับเสือ มือเปล่า เพราะพ่อแม่มีแต่ค่าเครื่องบินและเงินติดกระเป๋ากระจิริดนิดเดียว หัวหน้าทัวร์อาศัยอยู่ กับน้าผู้มีพระคุณ เปิดโอกาสให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในสหรัฐ พอได้งานทำ�เป็นเด็กปั๊มน้ำ�มันของพี่ชนะ จันทรางศุ (สิ้นลมขึ้นสวรรค์เมื่อประมาณ 5-6 ปีที่ผ่านมา) หัวหน้าทัวร์ก็ออกจากบ้านน้า อยู่ อพาร์ทเมนท์ (Apartment = ห้องเช่า) ลุยชีวิต เล็กอยู่กับพี่แล้วแยกตัวออกอยู่อพาร์ทเมนท์ เจอกันที่ โรงเรียนช่างระดับอนุปริญญา จ่ายค่าเรียนแบบอาทิตย์ เรียนจบโรงเรียนหางานทำ�ให้ หัวหน้าทัวร์เรียน ซ่อมรถ เพราะพี่ชนะสงสาร บอกหัวหน้าทัวร์ว่าถ้าเป็นช่างฝีมือดี ไม่มีอดตาย เพราะคนต้องใช้รถเป็น ปัจจัยสำ�คัญในชีวติ (สายัณห์ทวั ร์: เมือ่ พีช่ นะขายปัม๊ น้�ำ มัน หัวหน้าทัวร์กท็ บทวนโจทย์ชวี ติ เปลีย่ นการ ดำ�รงชีพเพื่อผลประโยชน์ในอนาคต ไฟในอกลุกโชติช่วง ถีบทะยาน ปีนป่ายกำ�แพงบันไดของสังคม อเมริกนั กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริการับรองวิทยฐานะของโรงเรียนนี้ หัวหน้าทัวร์ตกงานหลาย งาน ก่อนจะสมัครเป็นพลทหารกองทัพบกสหรัฐ ไต่เต้าจากพลทหารถึงนายทหารช่างระดับ 5 (Chief Warrant Officer 5) สูงสุดในกองทัพบกสหรัฐ กองทัพเรือ นาวิกโยธิน สายทัพอากาศไม่มีนายทหาร ช่าง หัวหน้าทัวร์ได้รับทุนเรียนต่อจากกองทัพบกสหรัฐ จบปริญญาตรีสาขาสังคมวิทยา เมื่อ 22 ปีที่ ผ่านมา ไปรบอิรัก 3 ครั้งแล้วเกษียณ) เล็กเลือกเรียนสาขาคอมพิวเตอร์ เพราะคุณพ่อเป็นช่างนาฬิกา ใหญ่ มีความสนใจและสามารถเข้าใจถึงการทำ�งานของคอมพิวเตอร์เมื่อยุคแรกเริ่มที่ต้องการนายช่าง

25


วิศวะ ราคาค่าตัวแพง เกือบจะแซงหมอแน่ะครับ เล็กทำ�งานในโรงงานทำ�ปีกลูกระเบิดทีก่ องทัพอากาศ สหรัฐใช้ถล่มเวียดนามเหนือในตอนเช้า ตอนเย็นทำ�งานในร้านอาหารขายไก่ทอด เพราะรายได้น้อย ไม่พอกิน แอบนอนในห้องน้ำ�ของร้านขายไก่ทอดเวลาเจ้าของให้พัก เพื่อนชวนไปเรียนที่โรงเรียนช่าง (National Technical School, Los Angeles, California, U.S.A.) ถูกเจ้าพนักงานการเงินสะกิดไหล่เป็น ประจำ�ว่า เงินค่าเรียนอาทิตย์นี้ยังไม่ให้นะ อย่าลืมเสียล่ะ เลิกทำ�งานที่ร้านขายไก่ทอดและที่โรงงาน เป็นแคชเชียร์ปั๊มน้ำ�มันที่มีปั๊ม 10 กว่าปั๊ม เก็บเงินอย่างเดียว คืนวันหนึ่ง เล็กกำ�ลังนั่งเก็บเงินคนเดียว ง่วนอยู่ ประตูที่ทำ�งานก็เปิดผลัวะออก โจรร้ายถือปืนเผ่นผึงเข้ามาปล้น เล็กผงะหงาย กระโดดลงจาก เก้าอี้ วิ่งหนีออกนอกประตู โจรร้ายขวัญอ่อน ร้องลั่นห้อง เผ่นหนีออกนอกประตูไปอีกทาง เพือ่ นร่วมชัน้ ของเล็กเป็นชาวเม็กซิกนั (Mexican) เป็นช่างใหญ่ของร้านซ่อมทีวี ชวนเล็กไปสมัคร งานทีร่ า้ นทีท่ �ำ อยู่ บอกเล็กว่าไม่ตอ้ งกลัว บอกเจ้าของร้านเลยว่า เป็นช่างทีวมี ฝี มี อื ขอทำ�ช่วงกลางคืน เพราะเรียนกลางวัน แล้วเพื่อนที่ทำ�งานช่วงกลางคืนก็เป็นครู เป็นผู้สอน เจ้าของร้านสุดจะปลื้ม แล้ว วันหนึ่งเพื่อนไม่สบายไม่ได้มาทำ�งาน เจ้าของร้านบอกเล็กว่า ให้เอาทีวีไปส่งลูกค้า เอารถบรรทุกคัน ใหญ่ขนไปนะ เล็กเหงื่อแตก หัวใจสั่นระรัวด้วยความกลัวเพราะเคยบอกเจ้าของร้านว่า ขับรถบรรทุก ใหญ่ได้ กัดฟันขับออกนอกถนน รถราหลายคันวิ่งตามกดแตรให้จอด เพราะประตูท้ายรถบรรทุกเปิด อ้ากินลมเสียงดังปัง ปัง ผืบผับกระหน่ำ�หู จะตีรถข้างๆ ชาวบ้านขวัญสยอง เพื่ อ นที่ ทำ � งานของเล็ ก อี ก คนเป็ น ชาวผิ ว ดำ � ทหารผ่ า นศึ ก เวี ย ดนาม ใจดี เคยพาเล็ ก ไปทานอาหารของชาวผิ ว ดำ � (Soul Food) อั น ประกอบไปด้ ว ย ผั ก เขี ย วขม (Collard Greens) และเท้ า หมู (Ham Hock) ต้ ม อาหารหลั ก ของทาสผิ ว ดำ � สมั ย ก่ อ น ที่ เจ้ า นายเลื อ กกิ น เนื้ อ กิ น ส่ ว นที่ ดี ข องหมู เ ศษเหลื อ ก็ ใ ห้ เ ป็ น อาหารของทาส ปั จ จุ บั น กลายเป็ น อาหารรสเด็ ด เลอเลิ ศ ที่ ช นทุ ก ชั้ น วรรณะทานกั น ครั บ (สายั ณ ห์ ทั ว ร์ : ภรรยาหั ว หน้ า ทั ว ร์ ช าวฟิ ลิ ปิ โ น อเมริกัน ทำ�ให้หัวหน้าทัวร์กินเป็นประจำ�) เพื่อนชาวผิวดำ�คนที่ว่ามีวันหนึ่งไม่มาทำ�งาน เจ้าของร้าน ให้ไปตามเพราะปกติไม่เคยขาดงาน ไปไหนมาไหนบอกกล่าวตลอดเวลา ไปถึงบ้านแม่เพื่อนบอกว่า ฆ่าตัวตายเมื่อวานนี้เอง แผลใจจากสงครามเจ็บปวดรวดร้าวทรมานสุดจะทนทาน (หัวหน้าทัวร์เข้าใจ ถึงความรู้สึกนี้ดี เพราะเป็นทหารผ่านศึกมาเหมือนกัน)

26

เล็กเรียนจบได้งานบริษัทคอมพิวเตอร์ แล้วก็พบกับสาวน้อยลูกสาวกงศุลใหญ่ของแอลเอ “อมรฉัตร” ในงานวันชาติ (5 ธันวาคม) ที่กงศุลไทย เปิดให้พี่น้องชาวไทยไปร่วมงานถวายพระเกียรติ พระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ฯ คุณแป๊ะน้องชายเพือ่ นกงศุลใหญ่ทเี่ ป็นเพือ่ นเล็กแนะนำ�เล็ก ให้รู้จักกับกงศุล (คุณพ่อ) คุณแม่ พี่ชาย พี่สาว น้องชาย น้องสาวของอมร เล็กเพิ่งเลิกงาน เล็บมือ สกปรกดำ�กระด่าง แถมเสื้อผ้ามีคราบน้ำ�มันติด คุณแม่และอมร (หลายปีต่อมา บอกกับเล็กว่าหนักใจ กลัวหนุม่ ข้างถนนจะมาจีบ) เป็นการพบตัวครัง้ แรกทีไ่ ม่ได้ท�ำ ความประทับใจให้แก่ผใู้ ด เพราะสาวน้อย ลูกกงศุลผู้นี้เป็นผู้มีความสวยงาม พูดภาษาอังกฤษสำ�เนียงอเมริกัน จบจากร่วมฤดีอินเตอร์เนชั่นแนล (Ruamrudee International School, R.I.S.) ของคณะพระมหาไถ่ ซอยร่วมฤดี กรุงเทพ ประเทศไทย ไม่ได้นงั่ ในจวน ทำ�งานเป็นเสมียนสาวด้านกฎหมายของสำ�นักงานทนายในแอลเอ เนือ้ หอมเป็นทีห่ มาย ปองของหนุ่มๆ ลูกผู้ดีมีเงิน มีธุรกิจการค้าใหญ่โตข้ามชาติ เล็กฟอร์มดี เข้าผู้ใหญ่ (คุณพ่อ คุณแม่ คุณ ยาย) แล้วค่อยๆ แทรกตัวเบียดเสียดแซงหน้าหนุ่มๆ บอกกับสาวน้อยว่า รักจริงไม่ทิ้งไม่ขว้าง อยู่กัน จนแก่จนเฒ่าถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร เข้านอกออกในเป็นที่รักใคร่วางใจของกงศุลใหญ่


และครอบครัว แต่ถึงจะวางใจยังไง คุณพ่อคุณแม่บอกต้องเอาน้องสาวไปด้วยทุกครั้งที่นัดออกนอกจวน มีอยูค่ รัง้ เล็กเชิญครอบครัวกงศุลใหญ่ไปเทีย่ วดิสนียแ์ ลนด์ (Disneyland, Anaheim, California, U.S.A.) ครอบครัวกงศุลใหญ่ไปกัน 4 คน ค่าใช้จ่ายในการไปเที่ยวครั้งนี้เป็นเงินรายได้ 1 อาทิตย์ของเล็ก ความรักความผูกพันใกล้ชิดเริ่มมากขึ้น เมื่ออมรและเล็กนั่งรถรางโรลเล่อร์โคสเตอร์ (Roller Coasterพุ่งทะยานหมุนเหวี่ยง) ภูเขาสู่อวกาศ (Space Mountain) ที่นั่งได้แค่ 2 คนมีโครงเหล็กหุ้มยางเหนือ หน้าตัก เคลือ่ นประชิดตัวกันไม่ให้ตกกระเด็นออกจากรถรางและเป็นทีย่ ดึ เหนีย่ วเวลารถรางเคลือ่ นตัว พุ่งขึ้นลง เหวี่ยงโคลงเคลง ลมเสียดหูดังวื่อว่าฝ่าความมืดของอุโมงค์ เล็กบอกว่าอมรตกใจผวานั่งบนตัก กอดแน่น (อมรกรีดร้องเป็นภาษาไทยและอังกฤษเสียงดังว่า “ไม่จริงพี่” / “It’s not true!”) หัวหน้าทัวร์ กับภรรยาและหลานแค้ท (ลูกสาวเล็กและอมร, Kathariya) หัวเราะตัวงอเกือบตกเก้าอี้กินข้าว จานชาม กระเด็นกระดอน ปลิวว่อนจะตกโต๊ะ แล้วเล็กก็ปล่อยหมัดเด็ดตามมาอีกชุดว่า ทีไ่ หนมีควันทีน่ นั่ ต้องมีไฟ เล็กแต่งงานกับอมรก่อนที่กงศุลใหญ่จะเดินทางไปรับตำ�แหน่งเอกอัครราชทูตไทยที่ประเทศ ไนจีเรีย (ปี ค.ศ.1986-1990) ท่านปลดเกษียณที่นั่นแล้วพาครอบครัวปักหลักที่เมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส (Houston, Texas) แล้ ว ก็ สิ้ น ลมขึ้ น สวรรค์ คุณยายที่ครอบครัวของเล็กขอให้ไปอยู่ด้วย ก็ตามไปสมทบ จากนั้นคุณแม่ก็ตามไปอีกคน สินสอดทองหมั้นไม่ได้เรียกร้องอะไรมากมาย เพราะเข้าใจสภาพเล็ก มูลค่าเท่ากับรายได้ 1 เดือน พร้อมกับข้อเรียกร้องพิเศษ 1 ข้อ คือ ต้องแยกออกไปตั้งครอบครัวอยู่กันตามลำ�พัง สองคนสามีภรรยา เล็กพาอมรไปเท็กซัส (Texas) เพราะได้ งานใหม่ทนี่ นั่ เห็นบ้านแล้วอยากได้เลยซือ้ บ้าน ปลายเดือนเหลือเงิน 60 เหรียญ (ไม่ถึง 1,800 บาท) สองคนเปิดร้านอาหารหารายได้เพิ่มพูน บอกพีต่ งึ๋ (พีส่ าวเล็ก) ให้ไปช่วยเป็นแม่ครัว ทำ� ขึ้นดี แต่พี่ตึ๋งหมดแรง พอพี่ตึ๋งกลับเมืองไทยก็ ปิดร้าน แล้วก็ได้ลูกสาว “แค้ท” ที่หัวหน้าทัวร์ เห็นตัง้ แต่เท้าเท่าฝาหอย ดิน้ รนสูช้ วี ติ แล้วเล็ก ก็ได้งานที่บริษัท ไมคอม (Micom) หนึ่งในยักษ์ ใหญ่ของเน็ตเวิรค์ (Network) ในเมืองซิมวิ ลั เลย์ (Simi Valley, California) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย พอสบโอกาสก็เปลี่ยนงานไปทำ�กับนายเก่าที่ บริษัท แอมดอล (Amdahl Corp.) ที่ซิลิกอน วัลเลย์ เมืองซาน โฮเซ่ (Silocon Valley, San Jose) เป็นบริษัททำ�เมนเฟรม (Mainframeระบบคอมพิวเตอร์ที่มีศักยภาพสูง สามารถรองรับ สนับสนุนความต้องการของลูกค้า พนักงานใน หลายสถานทีท่ �ำ งาน ลูกค้าอันดับหนึง่ คือ ไอบีเอ็ม (IBM) แล้วเพือ่ นชวนไปทำ�งานทีโ่ อราเคิล (Oracle)

27


ยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของโลกในด้านข้อมูลคอมพิวเตอร์ (Data Base) ลูกค้าใหญ่คือ ธนาคารรัฐบาลทั่วโลก แล้วก็ทำ�งานที่ ซิ ส โก้ (Cisco) ยั ก ษ์ ใ หญ่ อั น ดั บ หนึ่ ง ของโลกด้ า นเน็ ต เวิ ร์ ค (Network, Router สายส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์) ลูกค้ารายใหญ่คอื เอทีแอนที (AT&T) และสปริ้นท์ (Sprint) บริษัทโทรศัพท์มือถือที่ ดังในอเมริกา ทำ�ทีน่ ี่ 13 ปี เป็นหัวหน้าทีมตรวจสอบผลงานของ ทีมงานวิศวกรที่ผลิตสินค้าชิ้นใหม่ของบริษัท เล็กตาบอดสี ไม่ สามารถแยกสีของสายไฟสายลวดในคอมพิวเตอร์ ผลงานสินค้า ที่มีเส้นมีสายถี่ยิบแน่นเครื่องต้องวางฟอร์มบอกลูกน้องให้มุด เข้าเครือ่ งลากสายให้แน่ใจว่าถูกต้อง เมือ่ บริษทั บีบคัน้ พนักงาน ให้มีผลงานมากขึ้น เล็กเลยลาออก เกษียณ เลิกทำ�งานเสียเลย เพราะมีเงินเก็บสะสม หุ้นบริษัท หลักทรัพย์รองรับเพียบแปร้ ส่งแค้ท (ลูกสาว) ไปเรียนวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงเก่าแก่กว่า ร้อยปี (Wagner College) แค้ทจบมาก็ได้งานเป็นผู้เขียนหนังสือคู่มือของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ (Technical Writer) ของบริษทั ซีนบิ ทิคส์ (Syniptics) ลูกชายสตีเวน (Steven) ทีห่ วั หน้าทัวร์เห็นตัง้ แต่เท้าเท่าฝาหอย จบปริญญาโทสาขาคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยดังของแคลิฟอร์เนีย (Cal Poly, California) ช่วงที่ เรียนฝึกงานกับนอร์ทรอบ (Northrop), อินทิอทุ (Intiuit), นูมิ (Numi), โอราเคิล้ (Oracle ทีพ่ อ่ เคยทำ�งาน) แล้วก็อเมซอน (Amazon) ยักษ์ใหญ่ข้ามชาติทั้งนั้นครับ ตอนนี้สตีเวนทำ�งานกับบริษัท สปริค (Sprig ด้านอาหารเปี่ยมด้วยคุณภาพ ส่งถึงบ้าน) เป็นบริษัทใหม่วัยเยาว์ที่สตีเวนมีบทบาทสำ�คัญในด้านการ คิดหา ก่อตั้งแอ๊ป (Program / App) รูปหล่อ เนื้อหอมครับ เมือ่ แค้ทและสตีเวนเข้ามหาวิทยาลัย อมรก็ไปทำ�งานทีอ่ �ำ เภอเมืองของเมืองซาน โฮเซ่ เป็นผูช้ ว่ ย ทนายความ แล้วเกษียณได้เงินบำ�นาญ ประกันสุขภาพตลอดชีวิต

28


เล็กเป็นผู้ประสบความสำ�เร็จในอาชีพ ในการ ครองเรือน ขุดทองต่างแดนในสหรัฐอเมริกาที่เปิด โอกาสให้ทุกคนที่ใจสู้ มีมานะ เก็บหอมรอบริบ เมื่อ มีโอกาสก็หยิบฉวยคว้าแน่น ถีบทะยานตัวปีนป่าย กำ�แพงบันไดของสังคมอเมริกัน เข้าใจโจทย์ชีวิต ไม่ เคยบ่นว่าไม่แฟร์ ดิน้ รนจนได้ดี เป็นหัวหน้า เป็นนาย ที่ชาวอเมริกันน้อยคนจะทำ�ได้ ในกลุ่มเพื่อนรุ่นเดียวกันที่มีพื้นฐานคล้ายๆ กันของหัวหน้าทัวร์ เล็กเป็นหนึง่ ในสองของผูป้ ระสบ ความสำ � เร็ จ ในอาชี พ ระดั บ ปลายบนของสั ง คม อเมริกัน อีกคนคือจรัล ที่หัวหน้าทัวร์รู้จักตั้งแต่อยู่ บ้านเณรพระมารดานิจจานุเคราะห์ คณะพระมหาไถ่ ศรีราชา ประเทศไทย จบปริญญาเอกจากแสตนฟอร์ด (Stanford, California) ด้านการศึกษา เป็นหัวหน้า หน่วยวัดผลวิจยั ผลการศึกษาของกระทรวงการศึกษา เขตเฟรสโน รัฐแคลิฟอร์เนีย ลูกสาวคนโตจบโรงเรียน นายร้อยทหารอากาศสหรัฐ ที่หัวหน้าทัวร์บินไปติด ยศให้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เพราะอแมนดา (Amanda) ขอให้ลุงสายัณห์ แต่งชุดนายทหารของกองทัพบก สหรัฐไปติดให้ ลูกสาวคนเล็ก รีเบคกา (Rebecca) เรียนสาขาสัตวแพทย์จะจบอีก 2 ปีครับ ขบวนแค้ททัวร์เคลือ่ นตัวมาถึงบ้านหัวหน้าสายัณห์ทวั ร์ (เจ้าเก่า) ในช่วงเวลาเย็นของวันพฤหัสบดี ทีผ่ า่ นมา เป็นช่วงเริม่ ต้นฤดูรอ้ น เล็ก อมร และแค้ท (หัวหน้าทัวร์) ทานอาหารมือ้ เย็นทีม่ ปี ลาแซลมอน (Salmon) อบเป็นอาหารหลัก แล้วก็นงั่ ปรึกษากันกับลุงสายัณห์ แซนดร้า และโจ ว่าจะไปเทีย่ วไหนกันดี หลังจากไปเดินเขาชมธรรมชาติในเขตภูเขาเรเนียร์ (Mount Reinier) ทีม่ หี มิ ะปกคลุมยอดตลอดปี และมี ทุง่ น้�ำ แข็งหลายทุง่ เป็นบ่อเกิดของแม่น�้ำ หลายสาย เป็นอุทยานแห่งชาติทมี่ ชี อื่ เสียงโด่งดัง ห่างจากบ้าน ผมแค่ 125 กิโลเมตร/ 78 ไมล์ ขับรถไม่เกิน 2 ชั่วโมงก็ถึง ผมก็บอกว่า กลับจากเที่ยวชมป่าชมเขาแล้ว ก็กินข้าวเย็นที่บ้าน พักผ่อน วันเสาร์ไปยิงปืนในค่ายกับผมและโจ แล้วไปพีเอ๊กซ์ (Post Exchange = ร้านขายของในค่าย) เพราะคราวทีแ่ ล้ว อมรไม่ ได้มเี วลาในการดูของซือ้ ของคุณภาพดีราคาถูก กว่าท้องตลาด แถมไม่ต้องเสียภาษี วันดีคืนดี ก็ลดราคาแบบเหมือนให้ฟรี เพราะหมดรุ่น หมดฤดู วันอาทิตย์ไปสุสานทีฝ่ งั ศพบรูซ ลี แล้ว แวะชมร้านขายกาแฟ สตาร์บั๊ค (Starbucks) ร้านแรกในโลก และร้านขายกาแฟ กลั่นกาแฟ ชิมกาแฟร้านแรกในโลกทีภ่ รรยาของผมจะต้อง พาไปชิมให้ได้ เพราะหลานสาวบอกเพิ่งเปิด และมีชอื่ เสียงโด่งดังกลายเป็นจุดท่องเทีย่ วของ เมืองซีแอตเทิล (Seattle)

29


พอทุกคนตกลงกันได้ ลูกชายผมก็ขึ้นไปใน ห้องนอน แบกปืนยาว 3 กระบอกลงมาวางในห้อง ดูทีวี แล้วก็บรรยายการป้องกัน จับถือปืนไม่ให้มี อุบัติเหตุ ตรวจดูลำ�กล้องว่ามีลูกกระสุนหรือเปล่า หันลำ�กล้องชี้พื้นไม่มีใครขวางทางปืน เลื่อนไกปืน เข้าออก ส่องตามองในลำ�กล้อง อธิบายให้ลุงป้า พี่แค้ทเข้าใจถึงการทำ�งานของไกปืน ส่วนต่างๆ ของ ปืน กล้องประจำ�ปืน ศูนย์หน้าศูนย์หลัง แล้วให้ลอง จับ ลองสับไก ลุงเล็ก พี่แค้ทตื่นเต้นสนใจอยากลอง อยากยิง ซักถามละเอียดจนหายสงสัย มัน่ ใจว่าใช้ปนื เป็น ป้าอมรบอกไหล่ขวาเพิ่งได้รับการผ่าตัดรักษา อาการเจ็บป่วย ยกปืนล่าสัตว์ ปืนสงครามรุน่ คลาสสิค และปืนลีเวอร์แอคชัน่ (Lever Action) แบบสุภาพบุรษุ ปืนยาวที่ลุงชัค คอนเนอร์ส (Chuck Conners) หมุน ควงยิงเป็นปืนสัน้ ในหนังทีวชี ดุ สุภาพบุรษุ ปืนยาวเมือ่ หลายสิบปีก่อนไม่ไหว ขอเป็นผู้ชม ถ่ายรูป ถ่ายดีวีดี เป็นที่ระลึกจะดีกว่า โจ (Joe) ถามย้ำ�ว่าไม่มีปัญหาแน่แล้วก็เปิดเวทีให้พ่ออธิบายถึงศิลปะ หลักการยิงให้ลุงเล็กกับ พี่แค้ทฟัง หัวหน้าทัวร์ก็บอกเคล็ดลับที่ได้รับการ ถ่ายทอดจากครูฝึกทหารที่ได้ใช้ตลอดชีวิตราชการ และออกศึกสงครามถึง 3 ครั้งในสนามรบอิรัก เช้ า วั น เสาร์ หั ว หน้ า ทั ว ร์ ก็ พ าลู ก ทั ว ร์ ไ ป สนามยิงปืนในค่ายทีม่ ี 30 เลน (Lane) ทหารหลายคน มีปนื ยาวล่าสัตว์ ปีนสงครามติดกล้อง มีกล้องตรวจดู ผล เรียงรายบนโต๊ะ คอยคำ�สั่งของผู้คุมสนามยิงปืน ที่มีไมโครโฟนเสียงดังทะลุเครื่องป้องกันหูและกลบ เสียงปืนได้

30

พอได้คำ�สั่งว่ายิงได้ ทุกคนก็เดินเข้าไปที่โต๊ะวางปืน หยิบแม็กกาซีน หยิบลูกกระสุนบรรจุในปืน แล้วยิงเป้าของตัวทีต่ งั้ ระยะไว้ตามแต่ถนัด เสียงปืนดังเผีย๊ ะพ๊ะ ทะลุทะลวงเครือ่ งกันหู คลืน่ เสียงแหวก ฝ่าอากาศกระทบตัววูบวาบ ปลอกกระสุนลอยคว้างปลิวว่อน เห็นควันไฟ สะเก็ดไฟจากลำ�กล้องที่ปิด เปิดเวลายิง กลไกหมุนเวียนตามวงจร คึกคักตื่นเต้นเร้าใจ ทั้งคนยิง คนดู ยิงเกือบ 10 นาที เสียงผู้คุม สนามยิงปืนก็แผดก้องสนั่นหู เตือนว่าเหลือเวลายิงอีก 5 นาที แล้วก็บอกให้วางปืน เลิกยิง ปืนอยู่ใน เซฟ (Safe) ถอยหลังจากโต๊ะ วางปืน แล้วคอยคำ�สั่งเริ่มยิงอีกรอบ ลุงเล็ก พี่แค้ทยิงคนละเกือบ 50 นัด แล้วก็บอกว่าพอ จากนั้นก็พากันไปพีเอ๊กซ์ จับจ่ายซื้อของ แล้วแวะกินแซนวิช เบอร์เกอร์หมูป่า ควายไบซัน กวาง ที่ร้านขายปืนล่าสัตว์ ปืนสงคราม ปืนสั้นปืนยาว เครื่องใช้ในการพักแรม ล่าสัตว์ ตกปลา ที่ชาวอเมริกันบางคนถือว่าเป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้ครับ


คุณผู้อ่านที่เคารพรัก ได้เวลาแล้วครับที่ผมจะพาไป แนะนำ�ให้รู้จักกับบรูซ ลี มังกรผงาดฟ้า บรูซ เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 1940 (75 ปีที่ผ่าน มา) เกิดในช่วงราศีมังกร เวลาประมาณ 06.00-08.00 น. ปีมงั กร ทีโ่ รงพยาบาลแจ๊คสันสตรีท เมืองซานฟรานซิสโก เขต เมืองที่คนจีนอาศัยอยู่หนาแน่น (Jackson Street Hospital, San Francisco’s China Town, California, U.S.A.) เป็น ลูกชายของคุณพ่อโรเบิร์ต ลี ฮอย ฉวน (Robert Lee Hoi Chuen) ดารางิ้ว ตัวตลก นักแสดงหนังกวางตุ้ง (Cantonese Film) จากเกาลูน ฮ่องกง (Kowloon, Hong Kong) คุณแม่ ชื่อเกรซ (Grace) มีพี่สาว 2 คน พี่ชาย 1 คน และน้องชาย 1 คน เมื่อคุณพ่อเดินทางมากับบริษัทเล่นงิ้ว (Chinese Opera) คุณแม่กใ็ ห้ก�ำ เนิดมังกรน้อยในสหรัฐ เป็นบุญของบรูซ เพราะกฎหมายสหรัฐกำ�หนดไว้วา่ ทารก คนใดก็ตามเกิดในสหรัฐ ทารกผู้นั้นก็คืออเมริกัน มีสิทธิ์ทุกอย่างที่ชาวอเมริกันพึงจะได้รับ คุณพ่อ คุณแม่ตงั้ ชือ่ มังกรน้อยว่า “จุน ฟาน” (Jun Fun) = ปลุกเร้าให้สหรัฐเจริญก้าวหน้า ชือ่ จีนของสหรัฐก็คอื กำ�แพงของสวนไม้ดอกที่ประเทศจีนยุคราชวงค์ฉิง (Ching Dynasty, ค.ศ.1644-1911 = 104 ปีที่ผ่าน มา) ถือว่าเป็นเขตอาณาจักรของจีน เพราะคนจีนอพยพไปทำ�มาหากินที่นั่นเยอะ สมัยตื่นทอง ทำ�ราง รถไฟ แรงงานกรรมกร ฯลฯ ชื่อ “บรูซ” (Bruce = พุ่มไม้แน่นงาม) เป็นชื่อที่นางพยาบาลที่โรงพยาบาล ตั้งให้ คุณพ่อคุณแม่ตั้งชื่อเล่นว่า “นกยูงน้อย” (Little Peacock) เพราะลูกชายคนโตของครอบครัวคน แรกคลอดแล้วตาย คุณพ่อคุณแม่เชือ่ คำ�โบราณ ตัง้ ชือ่ เหมือนทารกหญิงหลอกเทพยดาจะได้ไม่คร่าชีวติ คุณพ่อคุณแม่พาบรูซกลับฮ่องกง (Hong Kong) เมื่ออายุได้ 3 เดือน บรูซร่างกายไม่แข็งแรง จน กระทั่งอายุได้ 13 ปี เมื่อเรียนศิลปะการต่อสู้กังฟู (Gung Fu/ Kung Fu) บรูซจำ�ติดใจไม่ลืมเลือนถึงการ ยึดครองฮ่องกงของทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (1941-1945, 70 ปีที่ผ่านมา) บ้านตั้งอยู่ ตรงข้ามกับค่ายทหารญี่ปุ่น อายุไม่ถึง 5 ขวบ มังกรน้อยชอบยืนโอนตัวออกนอกขอบระเบียงบ้าน ชัน้ บน ชูก�ำ ปัน้ หรา เมือ่ เห็นเครือ่ งบินรบญีป่ นุ่ บินวนท้องฟ้า เมือ่ สงครามสงบอังกฤษก็เข้ามาครอบครอง ฮ่องกงเหมือนเดิมเพราะเคยเป็นอาณานิคมเมื่อยุคปี 1800 เด็กชาวอังกฤษบางคนพูดจาทำ�ท่าข่ม เยาะเย้ยบรูซกับเด็กชาวจีน บรูซกับเพื่อนก็ตอบโต้ บางครั้งก็ต่อยตีกันเป็นเรื่องเป็นราว ความกดดัน ความรักชาติ รักบ้านเกิดเมืองนอนที่สูญเสียเอกราชให้ชาติอื่น ทำ�ให้บรูซหาทางออกด้วยการฝึกกังฟู ระบายความเครียด ส่งเสริมสุขภาพร่างกายและจิตใจ บรูซได้รับคำ�แนะนำ�ให้ไปฝึกกังฟูสาย “วิง ชุน” (Wing Chun) การต่อสู้ประชิดตัว ต่อยตีตะกุย ตะปป เตะหน้า เตะหลัง พริว้ ตัวลอยถีบ ลอยตี) จากปรมาจารย์ยปิ มัน (Master Yip Man) ซึง่ มีชอื่ เสียง โด่งดัง แม้ปัจจุบันวงการยุทธจักรยังกล่าวถึงยกย่องให้เกียรติ (1 ตุลาคม 1983 - 1 ธันวาคม 1972, 43 ปีที่ผ่านมา) มังกรหนุ่มก็เอาวิชา กระบวนท่า สยบ ทุบตี เตะต่อยคู่อริชาวอังกฤษล้มหมอนนอนเสื่อ ไปหลายราย ล้างแค้นคู่อริไปไม่นานก็ได้สติ เลิกทำ�เพราะเข้าใจถึงแก่นแท้ของกระบวนท่าวิทยายุทธ ที่ว่า เมื่อรู้แตกฉาน ร่างกายจิตใจจะแข็งแรงแจ่มใส มีความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่มีปมด้อยแบบพอถูก กระทบหน่อยก็ต้องต่อยตีแบบฆ่าได้แต่หยามมิได้

31


ฝีมือกระบวนท่าวิทยายุทธของบรูซได้เป็นที่รับรู้ยกย่องอย่างเป็นทางการเมื่อมังกรหนุ่มสยบ นักเรียนชาวอังกฤษ ชนะเลิศในการต่อสู้ระหว่างโรงเรียนที่ออกกฎห้ามใช้เท้าเป็นอาวุธ บรูซไม่ใช่จะเก่งแค่ทางบู๊ ทางบุ๋นก็เป็นเลิศ ชนะการเต้นรำ�ลีลาศของฮ่องกงในปี 1958 (Hong Kong Cha Cha Championship) บรูซทุม่ เทฝึกฝนกระบวนท่าการเต้นรำ�ช่าช่า ถึงขนาดบันทึกลีลา 108 ขั้นตอนแน่ะครับ คุณพ่อของบรูซเห็นแววลูกชายว่า รูจ้ กั วางท่าวางฟอร์มเรียกร้องความสนใจดี เลยฝึกสอนวิชาการ แสดงให้ เมื่อบรูซอายุ 18 ปี มีหนังแสดงถึง 20 เรื่อง (เป็นตัวประกอบ) บรูซเรียนไม่เก่งเหมือนพี่ชายพี่สาว ที่พอจบมัธยมปลายก็ไปเรียนต่อต่างประเทศ คุณพ่อคุณแม่ ให้เงินติดกระเป๋า 100 เหรียญ (3,200 บาท) แล้วบอกลูกชายวัย 18 ให้เดินทางไปสหรัฐ ที่เกิดของ มังกรหนุ่ม ไปขุดทอง แสวงโชค ถีบทะยานปีนป่ายกำ�แพงบันไดของสังคมอเมริกัน เริ่มที่เมืองซาน ฟรานซิสโก ขณะเดินทางในเรือ พักอยู่ล่างสุดใต้ถุนเรือ บรูซเดินขึ้นชั้นบน (ชั้นหนึ่ง) ของเรือ เห็นผู้ดี มีเงินเต้นรำ�ลีลาศ มังกรหนุ่มเท้าไฟก็แสดงความสามารถเป็นครูฝึกเต้นรำ�ให้ เลยใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ กับผูโ้ ดยสารชัน้ หนึง่ ถึงซานฟรานซิสโกก็มอี าชีพเป็นครูสอนเต้นรำ� แล้วเดินทางไปซีแอตเทิล (Seattle, Washington) ในรัฐวอชิงตันเหนือสุดของฝั่งตะวันตกของประเทศ (แคลิฟอร์เนีย โอเรกอน วอชิงตัน / California, Oregon and Washington) เรียนภาษาอังกฤษสอบเทียบระดับจบมัธยมปลาย แล้วเข้าเรียน ที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington) สาขาปรัชญา แตกฉานภาษาอังกฤษ ถึงขนาด ตรวจทาน แก้ไขข้อความรายงานของสาวน้อยชาวอเมริกันชื่อลินดา (Linda) ที่ต่อมาจะเป็นศรีภรรยา มังกรหนุ่มเอาวิทยายุทธกังฟูหลอมละลายในหลักปรัชญาว่า กังฟูของชาวจีนนี้เกี่ยวพันเป็น หนึ่งเดียวกับร่างกาย จิตใจ และความคิด เขียนบทความไว้เยอะแยะครับ บรูซสอนกังฟูเลี้ยงดูตัวเองในช่วงเรียน แล้วก็มีลูกศิษย์ลูกหาเป็นเพื่อนสนิทหลายคนที่มีความรู้ ทางการต่อสูข้ องชาวญีป่ นุ่ ยูโด (Judo) กังฟูเมือ่ 50-60 ปีทแี่ ล้วไม่มชี าวต่างชาติรจู้ กั ครับ พอมีลกู ศิษย์ หลายคน มังกรหนุ่มก็เปิดสำ�นักชื่อ “สถาบันจุนฟานกังฟู” (Jun Fun Gung Fu Institute) แล้วก็แต่งงาน กับสาวน้อยลินดา (Linda) ลูกศิษย์ ในปี ค.ศ.1964 (51 ปีที่ผ่านมา) บรูซเปิดสำ�นักอีกแห่งในเมืองโอ๊คแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย (Oakland, California) ให้เพื่อนสนิท เจมส์ ลี (James Lee) เป็นผู้บริหาร ตัวเองก็เดินทางไปๆ มาๆ กลุ่มยุทธจักรในเมืองซานฟรานซิสโก ที่อยู่ใกล้กับเมืองโอ๊คแลนด์ ไม่พอใจสบอารมณ์ที่มังกรหนุ่มสอนวิทยายุทธให้กับคนต่างชาติ (ไม่ใช่ ชาวจีน) ถึงกับส่งตัวแทนท้าประลองยุทธ ถ้าบรูซแพ้จะต้องปิดสำ�นัก เลิกสอนคนต่างชาติ มังกรหนุ่ม รับคำ�ท้าประลองยุทธ พิชิตคู่ต่อสู้ในเวลา 3 นาที แทนที่จะดีอกดีใจในชัยชนะ มังกรหนุ่มเสียใจผิดหวัง ในวิทยายุทธของตัวเอง เริ่มปรับปรุงแก้ไขกระบวนท่า จากกังฟู คาราเต้ ยูโด หลายแขนง หลายสาขา เพิม่ ความแข็งแกร่งของร่างกายด้วยการยกน้�ำ หนัก ออกกำ�ลัง และนีก่ ค็ อื ทีม่ าของจีท๊ คุนโด (Jeet Kune Do) ครับ

32

แล้วฮอลลีวู้ด (Hollywood) โลกมายาก็ย่างกรายเข้ามาในชีวิตของมังกรหนุ่ม เมื่อ คุณเจ ซีบริง (Jay Sebring) ช่างทำ�ผมของดาราหนังได้ดูการแสดงศิลปะกังฟูของบรูซกับเพื่อนสนิท ทากิ คิมูรา (Taki Kimara) ซึ่งเก่งด้านคาราเต้ ถูกบรูซถลุงสิ้นรูป เป็นที่ประทับใจของผู้ชม เมื่อคุณวิลเลียม โดเซียร์


(William Dozier) ผูผ้ ลิตหนังทีวหี าคนแสดงประกอบใน หนังทีวีชุด “ลูกชายอันดับหนึ่ง” (Number One Son) คุณเจก็บอกว่า บรูซเหมาะสมกับบทบาทนี้มาก เลย มีการติดต่อลองแสดงหน้ากล้อง บรูซทำ�ได้ดีถูกใจ ทุกคน พอจะลงมือถ่ายทำ� โครงการสร้าง “ลูกชาย อันดับหนึ่ง” ก็ถูกล้มเลิก คุณวิลเลียมทำ�หนังทีวีชุด “มนุษย์ค้างคาว” / Batman แทน แล้วมังกรหนุ่มกับภรรยาก็มีทายาท เมื่อลินดา ให้กำ�เนิดลูกชาย-แบรนดอน บรูซ ลี (Brandon Bruce Lee) เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1965 (สายัณห์ทัวร์ : แบรนดอนสิ้นชีวิตด้วยอุบัติเหตุปืนลั่นขณะถ่ายทำ� หนัง เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 1993 (อายุ 28 ปี) เมื่อ 22 ปีที่ผ่านมา) ปี 1966 (49 ปีที่ผ่านมา) บรูซได้แสดงเป็น ตัวประกอบชื่อ เคโต้ (Kato) มือขวาของพระเอกในหนังทีวีชุด “เพชรฆาตหน้ากากแตน” (The Green Hornet) นำ�แสดงโดย แวน วิลเลี่ยมส์ (Van Williams) กล้องภาพยนตร์ไม่สามารถจับถ่ายการต่อสู้ของ มังกรหนุ่มเพราะความฉับไวในกระบวนยุทธ ต้องขอร้องให้ลดความเร็วในท่วงท่า “เพชรฆาตหน้ากาก แตน” ฉาย 1 ปีกป็ ดิ รายการ บรูซก็ตอ้ งสอนจีท๊ คุนโดให้ดาราเพือ่ เลีย้ งดูครอบครัว ดาราลูกศิษย์ดงั ๆ ก็ คือ คุณสตีฟ แม็คควีน คุณเจมส์ โคเบิร์น คุณเจมส์ การ์เนอร์ ครับ (Steve Maqueen, James Coburn and James Garner) วันที่ 19 เมษายน 1969 (46 ปีที่ผ่านมา) ลูกสาวมังกรก็กำ�เนิด “แชนนอน อีเมอรี่ ลี” (Shannon Emery Lee) เป็นสมาชิกใหม่ในบ้าน (สายัณห์ทัวร์ : แชนนอนเป็นดาราหนังเหมือนพ่อ เรียนรู้วิชา สืบต่อจากพ่อ มีลูกสาว 1 คน ปัจจุบันเป็นผู้อำ�นวยการบริหารมูลนิธิบรูซ ลี) เมื่อปี 1970 (45 ปีที่ผ่านมา) บรูซยกน้ำ�หนัก 57 กิโลกรัม / 125 ปอนด์ โดยไม่ได้ยืดเส้นยืดสาย เสียก่อน ทำ�ให้กระดูกสันหลังพลิก เจ็บปวดตลอดชีวิต มังกรหนุ่มยังอยากจะเอาดีทางการแสดง เสนอความคิดให้บริษัทหนังวอร์เนอร์บราเธอร์ส (Warner Bros) ทำ�หนังทีวีชุดคาวบอยลูกทุ่งสมัยก่อน มีภิกษุชาวตะวันออกร่อนเร่แก้ปัญหาให้ ชาวบ้าน บทภิกษุชาวตะวันออกนี้ วอร์เนอร์บราเธอร์สเสนอให้คุณเดวิด คาราดีน (David Carradine) ในชื่อ “กังฟู” / “Kung Fu” เพราะชาวอเมริกันไม่ยอมรับชาวเอเชียเป็นตัวเอก ปี ค.ศ.1970 (45 ปีทผี่ า่ นมา) บรูซพาลูกชายกลับไปเยีย่ มบ้านทีฮ่ อ่ งกง มังกรหนุม่ ตะลึงงงเมือ่ ชาว ฮ่องกงต้อนรับเรียกว่า “เคโต้” จาก “เพชรฆาตหน้ากากแตน” สถานีโทรทัศน์ รายการโชว์ขอตัวสัมภาษณ์ ผู้อำ�นวยการหนัง ผู้กำ�กับหนังของฮ่องกงรุมแย่งตัว ยักษ์ใหญ่ โกลเด้น ฮาเวสท์ (Golden Harvest = เก็บเกี่ยวทอง) ของคุณ เรมอนด์ เชา (Raymond Chow) และ ชอว์ บราเดอร์ส (Shaw Brothers) ของ คุณ รัน รัน ชอว์ (Run Run Shaw) เสนอขอตัวเป็นจ้าละหวั่น บรูซเลือกโกลเด้น ฮาเวสท์ และนี่คือจุด เริ่มต้นของ มังกรผงาดฟ้าในเวหาดาราระดับโลก ที่จุดระเบิดหนังกังฟูให้ก่อเกิดด้วยศักดาที่ทุกมุมโลก

33


ทุกประเทศยอมรับเป็นมาตรฐานสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน “ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง” / “Fist of Fury” ถ่ายทำ�ในประเทศไทย ปี 1971 (44 ปีที่ผ่านมา) ด้วยทุนกระจอก แต่ทำ�รายได้มหาศาลในฮ่องกง แฟนหนุ่มสาวหลั่งไหลไปดูชมทำ�ลายประวัติศาสตร์ มีหนังตามมาอีกหลายเรือ่ ง ถูกอกถูกใจแฟนๆ ทำ�ลายประวัตศิ าสตร์ของหนังเรือ่ งก่อนๆ แฟนๆ ดูไม่เบื่อเพราะชอบทีท่าลีลาของบรูซ บรูซตั้งบริษัททำ�หนังของตัวเอง เขียนบท กำ�กับ นำ�แสดงเองในหนังเรื่อง “ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง บุก กรุงโรม” / “Way of the Dragon” ถ่ายที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี (Rome, Italy) มีศัตรูตัวฉกาจ คุณชัค นอริส (Chuck Norris) แชมป์ 7 สมัยของสมาพันธ์คาราเต้แห่งสหรัฐ (U.S. Karate Champion) สู้กันใน โคลีเซียม (Coliseum / Coleseum) ทำ�รายได้มหาศาล ถล่มทะลายประวัติศาสตร์หนังกังฟู ฮอลลีวู้ดตื่นเต้น แล้วประธานบริษัทหนังวอร์เนอร์บราเธอร์ส (Warner Bros) คุณเท้ด แอ้ชลี่ (Ted Ashley) ที่รู้จักกับบรูซดี ขอทำ�ภาพยนตร์ร่วมกับฮ่องกง ให้บรูซเป็นตัวเอกในเรื่อง “ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง มังกรประจัญบาน” / “Enter the Dragon” ในต้นปี ค.ศ.1973 (42 ปีที่ผ่านมา) เดือนสิงหาคม 1973 เป็นวันเปิดปฐมทัศน์ของหนังที่โรงหนังไชนิสเธียเตอร์ (Hollywoods Chinese Theater, Los Angeles, California, U.S.A.) ที่มีชื่อเสียงดังทั่วโลก วันที่ 20 กรกฎาคม 1973 (42 ปีที่ผ่านมา) มังกรผงาดฟ้าอำ�ลาโลกด้วยของเหลวทำ�พิษในสมอง เมื่อกินยาแก้ปวดหัวแล้วไม่ตื่นฟื้นขึ้น ตายที่ฮ่องกงครับ วงการบันเทิง กีฬา รัฐบาล องค์กร องค์การหลายชาติให้เกียรติให้รางวัล เคารพนับถือ ยกย่อง มังกรผงาดฟ้าผู้อำ�ลาโลกในวัยฉกรรจ์ อายุแค่ 33 ปี แต่มีศักดา มีอิทธิพลอำ�นาจเปลี่ยนแปลงรูปโฉม ประวัตศิ าสตร์ศลิ ปะการต่อสู้ วงการบันเทิงแหวกตลาดโลกให้หนังยุทธจักรกังฟู ผูค้ นได้รจู้ กั ประเทศจีน วัฒนธรรมอันเก่าแก่ระดับต้นของโลก และเป็นตัวอย่างอันงดงามให้กับชนกลุ่มน้อยต่างชาติที่อาศัย อยูใ่ นสหรัฐและทัว่ โลก จุดประกายไฟในอกให้มกี �ำ ลังใจถีบทะยานปีนป่ายกำ�แพงบันไดของสังคม เพือ่ ความอยู่ดีกินดี มีงานมีอาชีพ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีของความเป็นคนที่พระเจ้าทรงสร้าง และพระองค์กับ พระแม่มารีย์ทรงรักเท่าเทียมกันไม่ว่าจะมีเชื้อชาติใด ศาสนาไหน เชื่อในพระองค์หรือไม่

34

ขบวนสายัณห์ทัวร์เคลื่อนตัวออกจากบ้านที่เลซี (Lacey, Washington) ในตอนเช้าของต้นเดือน มิถนุ ายนเริม่ ฤดูรอ้ น หลังจากลูกทัวร์อนั ประกอบไปด้วย เล็ก อมร หลานแค้ท (เจ้าของแค้ททัวร์) ภรรยา หัวหน้าทัวร์ ทานอาหารเช้าแบบฝรั่ง ขนมปังไส้กรอกทอด ไข่ดาว กาแฟ น้ำ�ส้มคั้น กล้วย ส้มหวาน เลือกทานตามสบาย เล็กนั่งข้างหัวหน้าทัวร์ เป็นผู้นำ�ทางตามจีพีเอสจากเซลโฟน (โทรศัพท์มือถือ มี แอ๊ป [App] นำ�ทาง) แค้ท อมร ภรรยาหัวหน้าทัวร์นั่งแถวที่ 2 ของเก้าอี้ แม้ว่าแถวที่ 3 จะมีที่ว่างอีก 2 ที่ สาวๆ บอกจะได้คุยกันถนัด หัวหน้าทัวร์ผงกหัว สบตากับเล็ก อมยิ้ม แล้วบอกว่าโอเค เพราะอมร กับแซนดร้า (Sandra) รูจ้ กั สนิทสนมถูกชะตากัน 20 กว่าปี ลูกๆ มีวยั ห่างกัน 8-12 ปี เล็กกับครอบครัว เคยไปเยีย่ มครอบครัวผมทีเ่ ยอรมนี (Germany) เมือ่ สิบกว่าปีทแี่ ล้ว ท่องเทีย่ วยุโรปกับครอบครัวตัวเอง 2-3 ปีทผี่ า่ นมา แค้ทกับสตีเวนจัดรายการทัวร์พาพ่อแม่เทีย่ วหลายประเทศหลายทวีป (ยุโรป อเมริกาใต้ และในสหรัฐ) เป็นลูกที่ดีครับ ครอบครัวหัวหน้าทัวร์เคยไปเยี่ยมครอบครัวเล็ก แล้วเล็กพาทัวร์ซิสโก้ (Cisco) บริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติที่เล็กทำ�งานอยู่ เดินชมที่ทำ�งาน สระว่ายน้ำ� สนามเทนนิส โรงยิม


ออกกำ�ลัง ร้านอาหาร บรรยากาศเหมือนรีสอร์ท (Resort) ประทับใจยังไม่ลืม ถ้ากองทัพบกสหรัฐเอา เป็นแบบอย่างทำ�ในฐานทัพในค่าย ประชาชน ผู้เสียภาษี หนังสือพิมพ์ นักข่าวทีวีคงจะโจมตี กระแนะกระแหนว่าเอาเงินเสียภาษีมาปูย้ ปี่ ยู้ �ำ ทำ�เสียป่น ต้องกระชากแฉโพย ประจาน ยุรฐั สภา ให้ตัดงบประมาณให้สะใจ จะได้เข็ดหลาบ ไม่ ให้เป็นตัวอย่างขององค์กรรัฐ หน่วยงานของ รั ฐ บาลสหรั ฐ จะพากั น หลงระเริ ง ลื ม ว่ า เป็ น ลูกจ้าง ผูบ้ ริการของประชาชนเจ้าของประเทศ ขบวนสายัณห์ทัวร์ (เจ้าเก่า) ขับหลงทาง 1 ครั้ง แล้ววนหาหลุมศพของบรูซและแบรนดอน (ลูกชาย) อีกเกือบ 5 นาทีถึงจะพบใน สุสาน “เลควิว” (Lake View Cemetery = สุสาน ทิวทัศน์ของบึง) สุสานตั้งบนเนินสูง มองเห็น บึงวอชิงตัน (Lake Washington) มีเนื้อที่ไม่ ถึง 1 ใน 4 ของตารางกิโลเมตร แต่มีหลุมฝัง ถึง 40,000 คน ค่อนข้างจะแน่น ป้ายประจำ� หลุมเกลือ่ นตา คนมีเงินมีชอื่ เสียงก็มรี ปู ปัน้ รูป สลักสวยงามประดับเรียงราย บางหลุมก็มีธูป มีเทียน (ชาวจีน) มีดอกไม้ พวงหรีดสด-แห้ง ที่ผู้คนในครอบครัว ญาติมิตรนำ�มาฝากรำ�ลึก ถึง บรรยากาศเงียบสงบร่มรื่น ต้นไม้ใหญ่หลายชนิดกิ่งก้านใบ หนา แผ่ขยายเป็นร่มให้เป็นที่หลบแดดยามเที่ยง ชั่วครู่ก็มีเสียง นกเล็กๆ ลอยเข้าหู แล้วบินพรูจากไป แค้ ท ตาไวเห็ น ผู้ ค นกลุ่ ม หนึ่ ง เดิ น ถ่ า ยรู ป รอบหลุ ม ศพหลุ ม หนึ่ ง ใกล้ ถ นนเล็ ก ๆที่ ร ถสามารถจะขั บ วนสุ ส าน ได้ ขบวนสายั ณ ห์ ทั ว ร์ (เจ้ า เก่ า ) ทยอยเดิ น ตามกั น หลุ ม ศพสองคนพ่ อ ลู ก ติ ด เคี ย งคู่ กั น หั น หน้ า มองวิ ว ของบึ ง หัวใจของหัวหน้าทัวร์กระตุกวูบ เล็กกับผมถอดหมวกกันแดด ออกแล้วก้มหัวคารวะมังกรผงาดฟ้าและลูกชาย สวดภาวนา แผ่ บุ ญ กุ ศ ลให้ ต ามศาสนาตามความเชื่ อ ของเราที่ แ ตกต่ า ง กัน (พุทธศาสนาและโรมันคาทอลิก) เงียบหลายอึดใจแล้ว ก็ ถ่ า ยรู ป เป็ น ที่ ร ะลึ ก ทั ว ร์ ชุ ด อื่ น หลายชุ ด ก็ ค่ อ ยๆ ทยอย ตามมาสมทบ สายั ณ ห์ ทั ว ร์ (เจ้ า เก่ า ) ก็ เ คลื่ อ นตั ว ออกไป ตั้งหลักใต้ต้นไม้ใหญ่ใบหนา เปิดโอกาสให้ทัวร์ชุดอื่นได้ถ่ายรูป ชมดู ขณะที่ยืนคุยกันเสียงเบาๆ พวกเราก็เห็นรถบัสน้อยนำ� เที่ยววิ่งผ่านหลุมศพมังกรผงาดฟ้าและทายาท ไม่ได้แวะจอด

35


ถ่ายรูป อาจจะไม่มีเวลาหรือลูกทัวร์ ถ่ายรูปในรถแล้วก็ได้ เป็นปัญหาที่ ค้างใจ ท้าทายความรู้สึก ติดกับหลุมฝังร่างของบรูซกับ แบรนดอนเป็นหลุมศพของชาวไอริช (Irish from Ireland) ที่เสียชีวิตเมื่อปี ค.ศ.1879 (เมือ่ 136 ปีทแี่ ล้ว) อายุ 42 ปี หัวหน้าทัวร์ยืนหน้าหลุมแล้วสวด ภาวนาอุทิศผลบุญให้ เพราะเชื่อแน่ ว่าต้องเป็นโรมันคาทอลิกเหมือนกับ หัวหน้าทัวร์และภรรยา เล็กแฟนบรูซตั้งแต่วัยรุ่นหนุ่มกระทงที่เมืองไทย ยืนส่งใจมองรอบด้านครู่ใหญ่ก็บอกว่าพร้อมที่ จะเดินทางไปสตาร์บคั๊ หัวหน้าทัวร์สบตาเพือ่ น ผงกหัวแล้วก็เปิดประตูรถให้ลกู ทัวร์ เมือ่ ทุกคนนัง่ เข้าที่ เข้าทางรัดสายเข็มขัดนิรภัย เล็กก็เปิดเซลโฟนใช้จีพีเอสนำ�ทางมุ่งสู่ร้านกาแฟของบริษัทขายกาแฟ ยักษ์ใหญ่ข้ามชาติอันดับหนึ่งของโลก คุณผูอ้ า่ นทีเ่ คารพรัก ได้เวลาต้องกล่าวอำ�ลากันอีกครัง้ แล้วนะครับ พบกันใหม่ในชุดสายัณห์ทวั ร์ (เจ้าเก่า) ที่เล็ก อมร แค้ท จะเข้าร่วมรายการกับหัวหน้าทัวร์และภรรยาอีกครั้ง

36

กราบขอบพระคุณ : พระเป็นเจ้า (พระบิดา พระบุตร และพระจิต) พระแม่มารีย์

ขอบพระคุณ : นักบุญยอแซฟ อัครเทวดามีคาแอล อารักขเทวดา สหพันธ์นักบุญ

ขอบใจ : ทีมงานที่พิมพ์ ตรวจสอบการสะกด สำ�นวน


Reference : http://www.brucelee.com/ http://www.brucelee.com/index.cfm/page/The-Legacy/pid/10226 http://www.tripadvisor.com/Attraction_Review-g60878-d615595-Reviews-Bruce_Lee_Grave_Site-Seattle_ Washington.html https://en.wikipedia.org/wiki/Jeet_Kune_Do https://www.google.com/?gws_rd=ssl#q=bruce+lee+movies http://www.imdb.com/name/nm0000045/ (Bruce Lee) http://www.imdb.com/name/nm0000329/bio?ref_=nm_ov_bio_sm (Jackie Chan) https://www.google.com/?gws_rd=ssl#q=bruce+lee+movies (Bruce Lee’s movies with posters) https://www.google.com/search?q=bruce+lee+movies+posters&biw=1253&bih=560&tbm=isch&tbo=u&sou rce=univ&sa=X&ei=zxODVdigLoPGsAXk66-IBQ&ved=0CB0QsAQ#imgrc=qyjVo68BBpDWGM%253A%3BCk HBQ0t2GvqbjM%3Bhttp%253A%252F%252Foriginalvintagemovieposters.com%252Fwp-content%252Fupl oads%252F2012%252F03%252FEnter-the-dragon-1183.jpg%3Bhttp%253A%252F%252Foriginalvintagem ovieposters.com%252Fenter-the-dragon-original-bruce-lee-movie-poster%252F%3B2151%3B3048 https://en.wikipedia.org/wiki/Linda_Lee_Cadwell http://www.lakeviewcemeteryassociation.com/ https://en.wikipedia.org/wiki/Lake_View_Cemetery_(Seattle) http://www.jackiechan.com/ http://www.tmz.com/2015/06/04/jackie-chan-bruce-lee-would-beat-my-ass-no-question/ http://www.imdb.com/title/tt0070034/news?ref_=tt_nwr_1#ni58665058 http://www.imdb.com/name/nm0159494/ https://en.wikipedia.org/wiki/Jackie_Chan http://www.oracle.com/index.html http://www.cisco.com/c/en/us/index.html https://en.wikipedia.org/wiki/Amdahl_Corporation http://micom.net/ https://en.wikipedia.org/wiki/Silicon_Valley https://disneyland.disney.go.com/attractions/disneyland/space-mountain/ http://www.synaptics.com/ https://www.sprig.com/

37


กังวานใจ

ซีมอน

“Turn! Turn! Turn!

(To Everything There Is a Season)”

เพลงนี้ดูจะเป็นบทเพลงเหมาะสมกับวาระเปิดตัว Sinapis ในรูปแบบ E-Magazine กลุ่มผู้จัดทำ�กลับมา รวมตัวอีกครั้งเพื่อภารกิจผู้ถือสาสน์ และมาพร้อมกับเหล่านักเขียนชื่อคุ้นตาของผู้เคยติดตามผลงาน เพลงนี้ประพันธ์โดย Pete Seeger ในปลายทศวรรษที่ 1950 เนื้อเพลงนำ�มาจากบทที่ 3 ของหนังสือ ปัญญาจารย์ ยกเว้นตอนเริ่มต้นและจบ เขาตั้งชื่อเพลงว่า “Turn! Turn! Turn! (To Everything There Is a Season)” บันทึกเสียงครั้งแรกในปี 1962 แต่เพลงนี้โด่งดังไปทั่วโลกเมื่อวงดนตรี The Byrds นำ�มาเล่น และบันทึกเสียงใหม่ในปี 1965 เพลงขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ตเพลงฮิตของสหรัฐเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 1965 และยังติดอันดับหนึ่งของเพลงที่มีเนื้อร้องเก่าแก่ที่สุดด้วย คือประมาณ 4 พันปี (หนังสือปัญญาจารย์เขียน ขึ้นประมาณปลายศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตศักราช) หนังสือปัญญาจารย์มีชื่อภาษาอังกฤษว่า “Ecclesiastes” ชื่อนี้มาจากภาษากรีกซึ่งหมายความว่า “ผู้ ประกาศสอนในที่ชุมนุม” นักวิชาการอนุโลมเพื่อให้เข้าใจง่ายว่าผู้เขียนหนังสือเล่มนี้คือกษัตริย์ซาโลมอน เนื้อเพลงถูกนำ�มาชนิดเกือบคำ�ต่อคำ�จากบทที่ 3 ข้อที่ 1-8 ของหนังสือปัญญาจารย์ในพระคัมภีร์ฉบับคิง เจมส์ (King James Version) ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ.1611 To every thing there is a season, and a time to every purpose under the heaven: A time to be born, and a time to die; a time to plant, a time to reap that which is planted; A time to kill, and a time to heal; a time to break down, and a time to build up; A time to weep, and a time to laugh; a time to mourn, and a time to dance; A time to cast away stones, and a time to gather stones together; A time to embrace, and a time to refrain from embracing; A time to get, and a time to lose; a time to keep, and a time to cast away; A time to rend, and a time to sew; a time to keep silence, and a time to speak; A time to love, and a time to hate; a time of war, and a time of peace.

38


พระคัมภีร์ฉบับคาทอลิก ให้คำ�แปลไว้ดังนี้ “มีเวลาสำ�หรับทุกสิ่ง มีเวลาสำ�หรับกิจการต่างๆ ภายใต้ท้องฟ้า มีเวลาเกิด และเวลาตาย เวลาปลูก และเวลาถอนสิ่งที่ปลูก เวลาฆ่า และเวลารักษาให้หาย เวลารื้อทำ�ลาย และเวลาก่อสร้าง เวลาร้องไห้ และเวลาหัวเราะ เวลาไว้ทุกข์ และเวลาเต้นรำ� เวลาโยนก้อนหินทิ้ง และเวลาเก็บรวบรวมก้อนหิน เวลาสวมกอด และเวลาละเว้นการสวมกอด เวลาแสวงหา และเวลาสูญเสีย เวลาเก็บรักษา และเวลาโยนทิ้ง เวลาฉีก และเวลาเย็บ เวลานิ่งเงียบ และเวลาพูด เวลารัก และเวลาเกลียด เวลาทำ�สงคราม และเวลาสันติ” เนื้อหาของเพลงเน้นถึงความเป็นอนิจจังของสรรพสิ่ง ผู้ฟังแต่ละคนสามารถตีความเข้ากับเหตุการณ์ชีวิตตน แต่เวลาที่เพลงนี้ถูกขับร้องในสังคมยุคต่อต้านสงครามเวียดนามของสหรัฐ นัยของเพลงคือการเรียกร้องหา สันติภาพโลก ในบรรทัดสุดท้ายเน้นว่า “มีเวลาเพื่อสันติ ฉันสาบานว่ามันจะมาถึงไม่ช้าเกินไป” Pete Seeger ผู้ประพันธ์เพลง มอบค่าลิขสิทธิ์ 45% ให้กับ “คณะกรรมการอิสราเอลเพื่อต่อต้านการทำ�ลาย บ้านเรือน” (Israeli Committee Against House Demolitions) เขาบอกว่า “นอกจากทำ�นองแล้ว ผม เขียนเนื้อเพลงแค่ 6 คำ�เท่านั้นเอง” มีภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์หลายเรื่องหลายรายการนำ�เพลงนี้ไปใช้ รวมทั้งภาพยนตร์เรื่อง Forrest Gump (1994) ลองหาฟังกันดูนะครับ สำ�หรับคุณ เพลงนี้จะบอกอะไร มีเวลาสำ�หรับทุกสิ่ง... เวลารื้อทำ�ลาย และเวลาก่อสร้าง ... เวลาโยนก้อนหินทิ้ง และเวลาเก็บรวบรวมก้อนหิน

39


หิ้งหนังสือ

ป้างป่า

ความศรัทธาของเราจะต้องมีชีวิตชีวาและเติบโตเสมอดัง เช่นต้นไม้ สิ่งที่หล่อเลี้ยงศรัทธาและทำ�ให้ศรัทธาเติบโต คือประสบการณ์ทางศาสนาที่แท้จริง อาจารย์เซ็นท่านหนึ่งกล่าวว่า “เพื่อจะทำ�ความทุกข์ให้สิ้น เจ้าต้องพบกับโลกที่ไม่มีการเกิดและไม่มีการตาย” ศิษย์ ของเขาถามว่า “โลกที่ไม่มีการเกิดและไม่มีการตายอยู่ ที่ไหน “ อาจารย์ตอบ “มันอยู่ที่นี่ อยู่ในโลกของการเกิด และการตาย” คลื่นในมหาสมุทรบางลูกใหญ่บางลูกเล็ก คลื่นดูคล้ายกับ จะเกิดและตาย แต่ถ้าเรามองให้ลึกซึ้ง เราเห็นว่าคลื่น เหล่านั้น แม้จะมาและไป ก็ยังคงเป็นน้ำ� ซึ่งมีอยู่ที่นั่น ตลอด ความคิดว่าใหญ่และเล็ก เกิดและตาย อาจใช้ได้ สำ�หรับคลื่น แต่น้ำ�เป็นอิสระจากการแบ่งแยกอย่างนั้น การตื่นรู้สำ�หรับคลื่นคือชั่วขณะที่คลื่นรู้ว่าตัวเองเป็นน้ำ�

Living Buddha, Living Christ (พระพุทธเจ้าที่มีชีวิต พระคริสต์ที่มีชีวิต) ติช นัท ฮันห์ เขียน หนึ่งตาเลนท์ แปล ความหนา 176 หน้า

เมื่อเราถูกยึดกุมอยู่ด้วยข้อความเชื่อ พิธีกรรม และ รูปแบบภายนอกของการปฏิบัติ ไม่เพียงแต่เราไม่อาจรับ และทำ�ให้จิตตารมณ์ของขนบธรรมเนียมศาสนาเราเกิด เป็นจริง เรายังจะกลายเป็นอุปสรรคเสียเองในการส่งมอบ คุณค่าแท้จริงของธรรมเนียมปฏิบัติ

หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาช่วยสร้างความเข้าใจในระดับลึกระหว่างศาสนาพุทธและคริสต์ มุมมองของผู้เขียนที่มาจากประสบการณ์ ดำ�เนินชีวิตตามหลักปฏิบัติศาสนามากกว่าด้านวิชาการนั้น มีชีวิตชีวาและ “เผยความจริงออกมาในวิถีทางใหม่อย่างน่า ตกตะลึง” จน “เราอาจจะประหลาดใจในสัมผัสรู้อย่างมั่นใจของติช นัท ฮันห์ ถึงสิ่งที่เป็นสาระสำ�คัญ” “เป็นสิ่งปลอดภัยกว่าถ้าเราจะเข้าหาพระเจ้าโดยผ่านทางพระจิต ไม่ใช่เทววิทยา... การถกเถียงเรื่องพระเจ้าไม่ใช่สิ่งที่ควร ทุ่มเทกำ�ลังให้... ถ้าเราสัมผัสพระจิต เราก็สัมผัสพระเจ้าที่ไม่ใช่ความคิด แต่เป็นความจริงที่มีชีวิต” สำ�หรับ ติช นัท ฮันห์ “พระจิต” กับ “สติ” สามารถถูกอธิบายให้เห็นถึงความละม้ายคล้ายกันได้ ทั้งสองสำ�คัญยิ่งในฐานะแก่น และบทบาทต่อการปฏิบัติเนื้อแท้ของศาสนา

40

ภราดา David Steinkl-Rast นักพรตคณะเบเนดิกติน ผู้เป็นมิตรสหายของ ติช นัท ฮันห์ เขียนในคำ�นำ�ของหนังสือว่า เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้ ผมรู้สึกถึงความท้าทายบางประการ... การท้าทายที่ผมรู้สึกนี้เป็นการท้าทายส่วนตัว มันไม่ได้มาจาก สิ่งที่เขากล่าว แต่มาจากความเงียบของเขา มาจากนัยระหว่างบรรทัด ผมรู้สึกคล้ายกับต้นอัลมอนด์ที่ถูกนักบุญฟรังซิสท้าทาย ว่า “เริ่มบานได้แล้ว เจ้าคริสตชนที่แช่แข็ง” อังเจลุส ซีเลสซีอุส (Mystic Angelus Silesius) ร้องว่า “ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว เมื่อไรเจ้าจะบานล่ะหากไม่ใช่เดี๋ยวนี้และที่นี่” คำ�พูดของติช นัท ฮันห์สื่อถึงผมเหมือนปริศนาธรรม (koan) ของเซ็น จงพูดกับ ข้าฯ ถึงสิ่งที่ไม่อาจพูดถึงได้ และไม่ใช่ด้วยคำ�พูด “จงพูดถึงพระเจ้าให้ข้าฯ ฟัง” นี่คือการท้าทายของติช นัท ฮันห์ที่มีถึงเรา จงมีชีวิตสิ จงมีชีวิตอย่างแท้จริง!


ฅนแลคำ� เก็บกด ยศไกร

อ้อยอิ่งอิงชายเขาเหงาสงบ จวนพลบจบแล้วฤาฝัน รอพรุ่งรุ่งแรงแสงตะวัน จะข้ามฟากฝั่งฝันเสียทันใด

41


ร้านหนังสือเชียงดาว

ร้านหนังสือเล็กๆ ที่บ้านเกิด หลังห่างหายจากงานเขียนมานานหลาย ปี... สองสามเดือนที่ผ่านมา คิดอยู่ว่าจะเขียนอะไร สำ�หรับซีนาปีส E-Magazine เล่มนี้ดี... ปากกาฝืด มือไม้แข็ง สมองก็ไม่แล่น อยากจะถอดใจอยู่หลาย หน แต่ก็คิดได้ว่า มันคงจะยากก็ตอนเริ่มนี่ล่ะ ให้ เวลากับมันสักพัก... เล่ม สองเล่ม สามเล่ม ขัดสนิม กันไป หวังว่าเมื่อถึงเวลาเหมาะ อะไรๆ ที่สะสมไว้ ในยามที่เป็น “คนทำ�หนังสือ” น่าจะกลับคืนมา ต้นปีที่ผ่านมา ก่อนลมหนาวจะจางหาย จังหวะเหมาะ โอกาสดี ได้กลับไปเยี่ยมเยือน เมืองเหนืออีกครั้ง ขึ้นดอยโน้น ลงดอยนี้ ตามแต่ มักคุเทศก์ประจำ�ทริปจะพาไป หลายที่หลายแห่งล้วนแต่ไม่อยู่ในความนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วไป แต่ กลับถูกใจ “คนเดินทาง” อย่างพวกเรา... และ “ร้านหนังสือเชียงดาว” ก็น่าจะเหมาะกับฉบับปฐมฤกษ์ ของ Sinapis E-Magazine “ร้านหนังสือเชียงดาว” (Chiang Dao Bookshop) ในโครงการร้านหนังสือเล็กๆ ที่บ้านเกิด อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ตั้งอยู่ติดกับสหกรณ์การเกษตรเชียงดาว เลยสถานีขนส่งเชียงดาวไปเล็กน้อย เรือนไม้เล็กๆ กะทัดรัด กลมกลืนไปกับบ้านเรือนแวดล้อม ถ้าไม่เล็งให้ดีมีโอกาสผ่านเลย... มาถึงหน้าบ้าน ถอดรองเท้า ก้าวขึ้นเรือน เหมือนมาเยี่ยมเยือนมิตรสหาย เอกเขนกกันได้สบายอารมณ์... บ้านหนังสือหลังนี้ตกแต่งเรียบง่ายด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ มีหนังสือดีๆ ที่คัดสรรมาชนิดที่หลายเล่ม หาไม่ได้ตามร้านหนังสือทั่วไป โดยเฉพาะหนังสือจากสำ�นักพิมพ์ใต้ดิน หนังสือทำ�มือ รวมถึงนวนิยาย บทกวี หนังสือแปล หนังสือเด็ก ทั้งภาษาไทยภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ยังมีโปสการ์ด สมุดบันทึก ของ ที่ระลึก เครื่องดื่มและโฮมเมดเบเกอรี่ขายให้รับประทานระหว่างนั่งอ่านหนังสือได้อย่างรื่นรมย์ เมนูเด็ด ของร้าน คือ เครปมะม่วงราดวานิลลาซอส ส่วนเมนูแนะนำ�ส่วนตัว ยกให้น้ำ�เสาวรสปั่น เมนูธรรมดาๆ ที่ เมื่อบวกกับอัธยาศัยไมตรีของเจ้าบ้านแล้วอร่อยชื่นใจเกินบรรยายจริงๆ

42


จากเดือนกรกฎาคม 2556 จนถึงวันนี้ กว่าสองปีที่ร้านหนังสือเชียงดาวช่วยปลุกกระแสรักการอ่าน ในชุมชนบ้านเกิด บ้านไม้หลังนี้จึงเป็นมากกว่าร้านหนังสือ เป็นสถานที่พักผ่อน เป็นจุดนัดพบ พูดคุย สนทนา จัดกิจกรรมสำ�หรับเด็ก-เยาวชน รวมถึงคนรักการอ่านทั้งในพื้นที่ และที่มาเยี่ยมเยือนจากต่างถิ่น ทุ ก วั น นี้ ใ นขณะที่ ร้ า นหนั ง สื อ เกื อ บทั้ ง หมดใน บ้านเราเป็นของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ส่วนร้านหนังสือ อิสระที่ยืนหยัดหายใจประคองความฝันบนถนนหนังสือ มีจำ�นวนเพียงหยิบมือ และถ้านับเฉพาะที่มีศักยภาพ ยิ่งน้อยเต็มที... แต่ในวิกฤติย่อมมีโอกาส เมื่อเพื่อนพ้อง น้องพี่จากหลายอาชีพซึ่งรักการอ่านชักชวนกันมารวม กลุ่ม “เครือข่ายนักอ่านไทย” โดยมี “ปราย พันแสง” เจ้าของ “ฟรีฟอร์ม สำ�นักพิมพ์” และ “ร้านหนังสือ ฟรีฟอร์ม Lonely Pai @ถนนคนเดินปาย” เป็นหัวเรือ ใหญ่ และโครงการ “ร้านหนังสือเล็กๆ ที่บ้านเกิด” ก็เกิด ขึ้น เตาะแตะเติบโตเป็นความหวังให้คนรักหนังสือ ร้านหนังสือเล็กๆ ที่บ้านเกิดยุคบุกเบิกลำ�ดับต้นๆ 1. ร้านหนังสือฟรีฟอร์ม Lonely Pai @ ถนนคนเดินปาย อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน “ร้านต้นแบบ” เปิดร้านเมื่อเดือนตุลาคม 2553 2. ร้านหนังสือสุนทรภู่ อ.แกลง จ.ระยอง 3. ร้านหนังสือเชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 4. ร้านหนังสือบางหลวง บ้านศิลปิน ชุมชนคลองบางหลวง ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ 5. ร้านหนังสือบุษบา บุษบาบางกอกบูทิคโฮเทล ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ร้านหนังสือเล็กๆ ที่บ้านเกิด สนับสนุนเจ้าของร้านที่มีความรู้เรื่องหนังสือเป็นอย่างดี สามารถ เป็นหน่วยความรู้เล็กๆ ของชุมชน ในการเผยแพร่ข่าวสาร รวมถึงองค์ความรู้อื่นๆ ที่มีประโยชน์แก่คนใน ชุมชน โดยมีเป้าหมายให้มีร้านหนังสือเล็กๆ ของเครือข่ายในทุกจังหวัดของประเทศไทย... ร้านหนังสือเชียงดาว บ้านเลขที่ ๑๙๐/๔ หมู่ ๔ เทศบาลตำ�บลเชียงดาว อำ�เภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ๕๐๑๗๐ เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา ๑๐.๐๐-๒๐.๐๐ น. (หยุดวันอาทิตย์) โทร. ๐๘-๑๑๑๑-๓๖๙๓ www.facebook.com/ChiangDaoBookshop อีเมล : chiangdaobookshop@gmail.com

43





Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.