ชาเขียว

Page 1

Green Tea

flavour

!! WBeostw Tea in Thailand



สารบัญ

กว่าจะเป็ นชาเขียว......................................1 จุดเริ่ มต้นชาเขียวในประเทศไทย...............3 ความรู ้เกี่ยวกับชาเขียว...............................7

ความมหัศจรรย์ของชาเขียว........................11 9 ข้ออันตราย..............................................15 ชาเขียวเพื่อความงาม...................................21 ชาอันดับ 1 ของโลก....................................27 ไร่ ชาเขียวททีส่ วยทีส่ ุ ดในญีป่ ุ่ น..................35 ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของชาเขียว.......37 อ้างอิง http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1236767 http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%8A%E0%B8 %B2%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0% B8%A2%E0%B8%A7 http://www.greenfitdrinks.com/knowledge/historyjapanese-green-tea/ http://www.teainstitutemfu.com/article/process.html http://www.siamzone.com/board/view. php?sid=3049073 http://topicstock.pantip.com/food/ topicstock/2010/01/D8796643/D8796643.html php

http://www.ichitandrink.com/master-of-greentea.

welcome นับว่าเป็ นเครื่ องดื่มที่มีจำนวนผูบ้ ริ โภค เป็ นจำนวนมาก ด้วยสรรพคุณที่เราเคยได้ยนิ กันมากมาย ทั้งเรื่ องของสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัยให้เปล่งปลัง่ สดใส บ้างก็วา่ ช่วยลดน้ำหนัก ได้อีกด้วย แต่คุณทราบไหมครับว่า เรายังสามารถเอา ชาเขียวมาดัดแปลงอีกนิดหน่อยเพื่อเพิ่มคุณประโยชน์ ของมันได้ จะเป็ นอย่างไรไปลองดูกนั ครับ ในงานปาร์ต้ ี...ร้อยทั้งร้อยเวลาออกไปแฮงค์เอาท์ กับเพื่อนฝูง เครื่ องดื่มแอลกอฮอล์หลากประเภททั้งไวน์ เบียร์ เหล้า คงเป็ นสิ่ งที่เลี่ยงไม่ได้ แต่ปัญหาคือน้ำพวกนี้ มันไปป่ องที่พงุ นี่สิ มีเคล็ดลับว่าให้คุณลองดื่มชาเขียวเข้ม ๆสักแก้ว ร้อนหรื อเย็นก็ได้ สลับกับเครื่ องดื่มแอลกอฮอล์ จะช่วยคุณไม่ให้เผลดื่มน้ำเมามากเกินไป และลดการกิน จุบกินจิบระหว่างปาร์ต้ ีได้เป็ นอย่างดี ระหว่างประชุม...แค่ได้ยนิ ก็เครี ยดแล้ว น่าง่วงนอนซะเหลือเกิน ลองแอบพักดื่มชาเขียวเย็นๆ ผสมน้ำผึ้งเล็กน้อย แล้วนำใบสะระแหน่ขยี้ผสมลงไป แค่น้ ีกเ็ ย็นชื่นใจ ชาร์จพลังสมองแบบเร่ งด่วน ก่อนออกกำลังกาย...ชาเขียวเข้มๆช่วยเพิ่มการเผา ผลาญพลังงานในร่ างกาย ผสมน้ำตาลและนมให้ได้ รสชาติตามต้องการ จะช่วยให้คุณออกกำลังได้อย่าง สดชื่น และเร่ งการเบิร์นระหว่างออกกำลังกายได้อีกด้วย หลังออกกำลังกาย...ให้ชงชาเขียวอ่อนๆ อุ่นพอดีๆ ไม่ใส่ นมหรื อน้ำตาล จิบเพื่อชดเชยน้ำที่เสี ยไป ช่วยให้ คุณรู ้สึกผ่อนคลายอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว ก่อนนอน... กากชาเขียวที่เหลือจาก การชงดื่มมาทั้งวัน ห่อด้วยผ้าขาวบาง แช่เย็น แล้วนำมาโปะตาทั้งสองข้าง ซัก 15 นาทีก่อนนอน เป็ นการช่วยลดรอยคล้ำรอบดวงตาที่ทำงานหนักมาทั้งวัน


1

กว่าจะมาเป็นชาเขียว ช

ามีตน้ กำเนิดมาจากประเทศจีนกว่า 4,000 ปี มีแล้ว กล่าวคือเมื่อ2,737ปี ก่อนคริ สต์ศกั ราช ชาได้ถกู ค้นพบ โดยจักรพรรดินามว่าเสิ นหนง ซึ่งเป็ นบัณฑิตและนักสมุนไพร ผูร้ ักความสะอาดเป็ นอย่างมาก ดื่มเฉพาะน้ำต้มสุ กเท่านั้น วันหนึ่ง ขณะที่เสิ นหนงกำลังพักผ่อนอยูใ่ ต้ตน้ ชาในป่ าและกำลังต้มน้ำอยู่ นั้น ปรากฏว่าลมได้โบกกิ่งไม้ เป็ นเหตุให้ใบชาร่ วงหล่นลงในน้ำซึ่ ง ใกล้เดือดพอดี เมื่อเขาลองดื่มก็เกิดความรู ้สึกกระปรี้ กระเปร่ าขึ้นมา ก ชาเขียวถูกพัฒนาขึ้นเรื่ อยๆในช่วงศตวรรษต่างๆดังนี้ ช่ วงศตวรรษที่ 3 ชาเป็ นยา เป็ นเครื่ องบำรุ งกำลังที่ได้รับความนิยมมาก ในช่วงศตวรรษที่3ชาวบ้านก็เริ่ มหันมาปลูกชากันและ พัฒนาขั้นตอนการผลิตมาเรื่ อยๆ ช่ วงศตวรรษที่ 4 และ 5 ชาในประเทศจีนได้รับความนิยมมากขึ้นและได้ ผลิตชาในรู ปของการอัดเป็ นแผ่นคือ การนำใบชามานึ่งก่อน แล้วก็นำมา กระแทก ในสมัยนี้ได้ นำน้ำชาถึงมาถวายเป็ นของขวัญแด่พระจักรพรรดิ สมัยราชวงศ์ ถงั (ค.ศ. 618 - 906) ถือเป็ นยุคทองของชา ชาไม่ได้ดื่มเพื่อเป็ นยาบำรุ งกำลังอย่าง

เดียว แต่มีการดื่มเป็ นประจำทุกวัน เป็ นเครื่ องมือเพื่อสุ ขภาพ สมัยราชวงศ์ ซ้อง (ค.ศ. 960 - 1279) ชาได้เติมเครื่ องเทศแบบในสมัยราชวงศ์ถงั แต่จะเพิ่ม รสบางๆ เช่น น้ำมันจากดอกมะลิ ดอกบัวและดอกเบญจมาศ สมัยราชวงศ์ หมิง (ค.ศ. 1368 - 1644) ชาที่ปลูกในจีนทั้งหมดเป็ นชาเขียว สมัยนั้น กระบวนการผลิตชาได้พฒั นาขึ้นไปอีก ไม่อดั เป็ นแผ่น แต่มี การรวบรวมใบชา นำมานึ่ง และอบแห้ง ซึ่ งจะเก็บได้ไม่ดีนกั สู ญเสี ยกลิ่นได้ ง่าย และรสชาติไม่ดี ในช่วงศตวรรษที่ 17 มีการค้าขายกับชาวยุโรป การผลิตเพื่อจะรักษาคุณภาพชาใ ห้นานขึ้น โดยได้คิดค้นกระบวนการที่ เราเรี ยกว่า การหมัก เมื่อหมักแล้วก็จะนำไปอบ ซึ่ งก็เป็ นที่มาของชาอูหลง และชาดำ ในประเทศจีน มีการแต่งกลิ่นด้วย โดยเฉพาะกลิ่นดอกไม้ การเข้ ามาของชาเขียวในญีป่ ุ่ น การดื่มชาเขียวญี่ปุ่นในประเทศญี่ปุ่นคาดว่าเริ่ มในสมัย นาราและแฮอินซึ่ งมีการทำการค้ากับราชวงศ์ถงั ของจีน ซึ่ งบ่อยครั้งจะมีนกั ปราชญ์และพระสงฆ์ช้ นั แนวหน้าร่ วม ขบวนไปด้วยและได้นำชาจากจีนกลับมาประเทศญี่ปุ่นด้วย และประมาณปี พ.ศ. 1734 พระสงฆ์นิกายเซน (Zen) รู ปนึงที่มีชื่อ เสี ยงมากที่สุดคนนึงของญี่ปุ่น, เมียวอัน อิไซ ได้นำชา แบบใหม่จากราชวงศ์ซ่งใต้(ซ้อง) ของจีนเข้ามาในญี่ปุ่นหลังจากที่ไป


2

ศึกษาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในประเทศจีน ชาที่พระอิไซนำเข้ามา คือชาผงซึ่งกำลังเป็ นที่นิยมในขณะนั้น โดยชาผงในจีนขณะนั้นมี กรรมวิธีการผลิตโดยใบชาจะผ่านการนึ่งแล้วอบให้แห้งเวลาชงชาจะ นำผงชาใส่ ถว้ ยผสมน้ำร้อนแล้วตีให้เข้ากัน ซึ่งแตกต่างจากการชง ก่อนหน้าที่ใช้การต้มใบชา เหมือนกับการต้มสมุนไพร ต่อมาพระอิไซท่านได้เขียนหนังสื อชื่อว่า Kissa Yojoki (喫茶養生記)เผยแพร่ การดื่มชาเขียวญี่ปุ่นเพื่อสุ ขภาพและ ในช่วงเวลาดังกล่าวได้มีการปลูกชาครั้งแรกที่เกียวโต และเริ่ มแพร ่หลายในญี่ปุ่นตั้งแต่น้ นั เป็ นต้นมานอกเหนือจากนั้นประเพณี พิธีกา รชงชาของพระนิกายเซนก็เริ่ มเป็ นที่แพร่ หลายในกลุ่มซามูไรและ ขุนนางแต่การดื่มชาผงในประเทศจีนเริ่ มหมดความนิยมลงเรื่ อยๆ และถูกลืมไป เพราะชาเขียวที่ผา่ นการนึ่งและอบแห้งนั้นเก็บได้ไม่ นานสูญเสี ยกลิ่นได้ง่าย ต่างจากการผลิตที่ใช้วธิ ีหมักแล้วนำไปอบ แห้ง ซึ่งเป็ นที่มาของชาอู่หลงและชาดำ ซึ่งเก็บได้นานกว่าเหมาะกับ ทำการค้ากับชาวต่างชาติที่เข้ามาทำการค้าด้วยในช่วงนั้น การแพร่ หลายของ เซนฉะ ชาเขียวญี่ปุ่นต่อมาได้ถพู ฒั นามาตลอดและในปี พ.ศ. 2281 เซนฉะ(Sencha) ได้ถกู คิดค้นขึ้นโดย นายโซเอน นากาทานิ (Soen Nagatani) และเป็ นต้นแบบของเซนฉะในปัจจุบนั ในเวลานั้น ชาเขียวในญี่ปุ่นมีแค่ ชาเขียวผงมัชฉะ(Matcha)และ บันฉะ (Bancha) โดยมัชฉะนั้นได้มีการผลิตอย่างจำกัดและอนุญาตให้เฉพาะ

เหล่าขุนนางและโชกุนเท่านั้นบริ โภค ส่ วนประชาชนโดยทัว่ ไปบริ โภคได้แค่บนั ฉะ ซึ่ งมีสีนำ้ ตาลมากกว่าและคุณภาพด้อยกว่า โซเอนต้องการให้ประชาชนทัว่ ไปได้ดื่มชาเขียวด้วย ดังนั้นจึง พยายามคิดค้นวิธีที่ให้ชาวนาสามารถนำชาที่ปลูกในที่แจ้ง และไม่ตอ้ งผ่านการบดเป็ นผงมาผลิตเป็ น ชาเขียวที่มีคุณภาพ ได้ วิธีการผลิตของโซเอน ได้ชื่อว่ายูจิ (Uji method) ตามชื่อเมือง ในเกียวโตที่โซเอนอยูซ่ ่ ึ งยังมีการนำมาใช้ในปั จจุบนั ด้วยวิธีการที่ ชงชาเขียวญี่ปุ่น อย่างง่ายไม่ตอ้ งมีพิธีข้ นั ตอนเยอะเหมือนผงมัชะ แค่ใส่ ใบชาและเติมน้ำร้อนก็สามารถลิ้มรสชาดชาเขียวได้อย่างเร็ ว จึงเป็ นที่แพร่ หลายในเวลาอันสั้นและ ด้วยการพัฒนานี้ทำให้ ชาเขียวญี่ปุ่น เป็ นเครื่ องดื่มสมัยใหม่ถึงปั จจุบนั นี้ในฐานะ เครื่ องดื่มเพื่อสุ ขภาพ


3

จุดเริ่มต้ นชาเขียวในประเทศไทย ในสมัยสุ โขทัย ช่วงที่มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับ จีน พบว่าได้มีการดื่มชากัน แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่านำเข้า มาอย่างไร และเมื่อใด แต่จากจดหมายของท่านลาลูแบร์ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กล่าวไว้วา่ คนไทยได้รู้จกั การดื่มชาแล้ว โดยนิยมชงชาเพื่อรับแขก การ ดื่มชาของคนไทยสมัยนั้นดื่มแบบชาจีนไม่ใส่ นำ้ ตาล สำหรับการปลูกชาในประเทศไทยนั้น แหล่งกำเนิดเดิม อยูต่ ามภูเขาทางภาคเหนือของประเทศ โดยกระจายอยูใ่ น หลายจังหวัดแถบภาคเหนือที่สำคัญ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน แพร่ น่าน ลำปาง และตาก จากการสำรวจของคณะทำงานโครงการหลวงวิจยั ชา ได้พบแหล่งชาป่ าที่บา้ นไม้ฮุง กิ่งอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน บริ เวณเขตติดต่อชายแดน ประเทศพม่า ต้นชาป่ าที่พบเป็ นชาอัสสัม ( Assam tea ) อายุหลายร้อยปี เส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้นประมาณ 0.5 เมตร ชาวบ้านละแวกนั้นเรี ยกว่าต้นชาพันปี เข้าใจว่า ต้นชาป่ าขนาดใหญ่สามารถพบได้อีกตามบริ เวณเทือกเขาสู ง ของจังหวัดแพร่ และน่าน โดยสวนชาส่ วนใหญ่ทางภาค เหนือจะเป็ นสวนเก่าที่ได้จาการถางต้นไม้ชนิด อื่นออก เหลือไว้แต่ตน้ ชาป่ าที่ชาวบ้านนิยมเรี ยกว่าาต้ นเมี่ยง จำนวนต้นต่อไร่ ต่ำ ประมาณ 50 – 200 ต้น/ ไร่ ผลผลิตใบชาสดต่ำเพียง 100 – 140 กิโลกรัม / ไร่ ชาวบ้านจะเก็บใบชาป่ าด้วยมือโดยการรู ดใบทั้งกิ่ง แล้วนำใบมาผลิตเป็ นเมี่ยง ในปัจจุบนั ช่วงใดที่เมี่ยงมีราคา สูง ใบชาป่ าจะถูกนำมาผลิตเป็ นเมี่ยง แต่เมื่อเมี่ยงมีราคาถูก ใบชาป่ าจะถูกนำไปจำหน่ายให้กบั โรงงานผลิตชาจีนขนาด เล็ก ทำให้ชาจีนที่ผลิตได้มีคุณภาพต่ำ


4

การพัฒนาอุตสาหกรรมชาของประเทศไทยเริ่ มขึ้นอย่าง จริ งจังในปี พ.ศ. 2480 โดยนายประสิ ทธิ์ และนายประธาน พุม่ ชูศรี สองพี่นอ้ งได้ต้ งั บริ ษทั ใบชาตราภูเขา จำกัด และสร้างโรงงานชาขนาดเล็กขึ้นที่อำเภอแม่แตงจังหวัด เชียงใหม่ โดยรับซื้อใบชาสดจากชาวบ้านที่ทำเมี่ยงอยูแ่ ล้ว แต่พบปั ญหาอุปสรรคหลายประการ เช่น ใบชาสดมีคุณภาพต่ำ ปริ มาณไม่เพียงพอ ชาวบ้านขาดความรู ้ความชำนาญในการเก็บ เกี่ยวยอดชาและการตัดแต่งต้นชา ส่ วนที่อำเภอฝางนั้น นายพร เกี่ยวการค้า ได้นำผูเ้ ชี่ยวชาญทางด้านชาชาว ฮกเกี้ยนมาจากประเทศจีน เพื่อมาถ่ายทอดความรู ้ให้กบั คนไทย ต่อมาในปี พ.ศ. 2482 สองพี่นอ้ งตระกูลพุม่ ชูศรี ได้แก้ไข ปั ญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ โดยเริ่ มปลูกสวนชาเป็ นของ ตนเอง ใช้เมล็ดพันธุ์ชาพื้นเมืองมาเพาะสวนชาตั้งอยูท่ ี่แก่งพัน ท้าว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ในเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ และต่อมาได้ขยายพื้นที่ปลูกมาที่บา้ นเหมืองกึด และบ้านช้าง ตำบลสันมหาพน อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2508 ได้ส่งเสริ มการผลิตมากขึ้น โดยขอสัมปทานทำ สวนชาจากกรมป่ าไม้ จำนวน 2,000 ไร่ ที่บา้ นบางห้วยตาก ตำบลอินทขิน อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ในนามของบริ ษทั ชาระมิงค์ และทำสวนชาที่ตำบลสันมหาพน อำเภอแม่แตง ในนามของบริ ษทั ชาบุญประธาน ชาที่ผลิตได้ส่ วนใหญ่จะเป็ นชาฝรั่ง ต่อมาเอกชนเริ่ มให้ความสนใจ อุตสาหกรรมการผลิตชามากขึ้น โดยในปี พ.ศ. 2530 บริ ษทั ชาระมิงค์ได้ขายสัมปทานสวนชาให้แก่บริ ษทั ชาสยาม จากนั้น ชาสยามได้เริ่ มส่ งเสริ มให้เกษตรกรที่ทำไร่ ในบริ เวณใกล้เคียง หันมาปลูกสวนชาแบบใหม่ และรับซื้อใบชาสดจากเกษตรกร นำมาผลิตชาฝรั่งในนามชาลิปตัน จนกระทัง่ ปั จจุบนั นี้


5

สำหรับภาครัฐนั้น การส่ งเสริ มและพัฒนาอุตสาหกรรมเริ่ มขึ้นในปี พ.ศ. 2483 โดยปลัดกระทรวงเกษตร ( ม.ล. เพช สนิทวงศ์ ) อธิบดีกรมเกษตร ( คุณพระช่วงเกษตรศิลปการ ) และหัวหน้ากองพืชสวน ( ม.จ. ลักษณากร เกษมสันต์ ) ได้เดินทางไปสำรวจหาแหล่งที่จะทำการปลูกและปรับปรุ งชาที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ในที่สุดได้เลือกบริ เวณโป่ งน้ำร้อนเป็ นที่ทดลองปลูกชา โดยตั้งเป็ นสถานีทดลองพืชสวนฝาง มีนายพ่วง สุ วรรณธาดา เป็ นหัวหน้าสถานีระยะแรกเมล็ดพันธุ์ชาที่นำมาปลูก ได้ทำการเก็บมาจากท้องที่ ตำบลม่อนบิน และดอยขุนสวย ที่มีตน้ ชาป่ าขึ้นอยู่ ต่อมามีการนำชาพันธุ์ดีจากประเทศอินเดีย ไต้หวัน และญี่ปุ่น มาทดลองปลูก เพื่อทำการค้นคว้าและวิจยั ต่อไป ในส่ วนของกรมวิชาการเกษตรนั้น ได้ขยายการศึกษาทดลองเกี่ยวกับชาออกไปยังสถานี เกษตรที่สูงหลายแห่ง เช่น สถานีทดลองพืชสวนดอยมูเซอ จังหวัดตาก สถานีทดลองเกษตรที่สูงวาวี จังหวัดเชียงราย และสถานีทดลองเกษตรที่สูงแม่จอนหลวง จังหวัดเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2518 ฝ่ ายรักษาความมัน่ คงแห่งชาติ ได้เริ่ มโครงการปลูกชาในพื้นที่หมู่บา้ นอพยพ 6 หมู่บา้ น คือ บ้านหนองอุ แกน้อย แม่แอบ ถ้ำงอน ถ้ำเปรี ยงหลวง และแม่สลอง โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ไต้หวัน จัดส่ งเมล็ดพันธุ์ชาลูกผสมมาให้ทดลองปลูกพร้อมทั้งส่ งผูเ้ ชี่ยวชาญมาถ่ายทอดเทคนิคการปลูกและการผลิตให ้ดว้ ย ต่อมาอีก 3 ปี มีการสร้างแปลงสาธิตการปลูกชาขึ้นที่บา้ นแม่สลอง หนองอุ และแกน้อย ในปี พ.ศ. 2525 จึงได ้มีการจัดตั้งสหกรณ์ใบชาแม่สลอง อำเภอแม่จนั จังหวัดเชียงราย ทำให้สมาชิกที่ปลูกใบชาได้รับความช่วยเหลือใน ด้านการเงิน และคำแนะนำด้านต่าง ๆ ในปี พ.ศ. 2525 กองบริ การอุตสาหกรรมภาคเหนือ กรมส่ งเสริ มอุตสาหกรรม ร่ วมกับศูนย์เพิ่มผลผลิตแห่ง เอเชีย ได้จดั ทุนดูงานด้านอุตสาหกรรมชาแก่ผปู ้ ระกอบกิจการชาจำนวน 12 คน ณ ประเทศไต้หวัน และศรี ลงั กา เป็ นเวลา 2 สัปดาห์ ต่อมาในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2526 ศูนย์เพิ่มผลผลิตแห่งเอเชีย ได้จดั ส่ งผูเ้ ชี่ยวชาญด้านชาจีนจาก ประเทศไต้หวัน 2 คน คือ นายซูหยิงเลียน และนายจางเหลียนฟู มาให้คำแนะนำด้านการทำสวนชาและเทคนิคการ ผลิตชาจีน เป็ นเวลา 2 สัปดาห์ ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2527 ศูนย์เพิ่มผลผลิตแห่งเอเชียได้จดั ส่ งผูเ้ ชี่ยวชาญสวนชาฝรั่งจ ากประเทศศรี ลงั กา คือ นายเจซี รามานาเคน มาให้คำแนะนำและสาธิตเทคนิคการผลิตชาเป็ นเวลา 3 สัปดาห์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2530 กรมวิชาการเกษตรได้ขอผูเ้ ชี่ยวชาญจาก F.A.O. มาสำรวจและศึกษาความเป็ นไปได้ในการผลิตอุตสาหกรรมชา ซึ่ งทาง F.A.O. ได้ส่ง Dr.A.K.Aich ผูเ้ ชี่ยวชาญชาฝรั่งจากประเทศอินเดีย เข้ามาศึกษาเป็ นเวลา 1 เดือน และมีการส่ งนักวิ ชาการของกรมวิชาการเกษตร ไปดูงานด้านการปลูกและการผลิตชาฝรั่งที่ประเทศอินเดีย


6

การวิจยั ที่เกี่ยวข้องกับการปลูกและการผลิตชา นอกจากกรมวิชาการเกษตรที่รับผิดชอบโดยตรงแล้ว ในส่ วนของทบวงมหาวิทยาลัยนั้น ในปี พ.ศ. 2520 งานเกษตรที่สูง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยศาสตราจารย์ปวิน ปุณศรี ได้ขอผูเ้ ชี่ยวชาญจากสถานีทดลองชาไต้หวัน คือ Dr.Juan I-Ming เข้าศึกษาความเป็ นไปได้ ในการพัฒนาอุตสาหกรรมชาของไทยเป็ นระยะเวลา 3 เดือน ในขณะเดียวกันทางคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย ผศ.ดร.วิเชียร ภู่สว่าง ก็ได้เริ่ มงานศึกษาวิจยั ทางด้านสรี รวิทยาการของชา ต่อมาในปี พ.ศ. 2530 สาขาไม้ผล สถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้ โดยการสนับสนุนงบประมาณวิจยั จากโครงการหลวงได้เริ่ มโครงการวิจยั และพัฒนาชาขึ้น มีวตั ถุประสงค์หลักเพื่อทำการคัดเลือกปรับปรุ งพันธุ์ชาจีน ศึกษาวิธีขยายพันธุ์ ผลิตต้นกล้าชาพันธุ์ดี และปรับปรุ งกระบวนกา รผลิตใบชาให้กบั ศูนย์พฒั นาโครงการหลวงต่าง ๆ ซึ่งอีก 3 ปี ต่อมา ม.จ.ภีศเดช รัชนี ผูอ้ ำนวยการโครงการหลวง ได้ทรงอนุมตั ิให้จดั ตั้งสถานีวจิ ยั ชาขึ้นที่บา้ นห้วยน้ำขุ่น อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ปั จจุบนั ทางสถานีได้ทำการผลิต ต้นกล้าชาจีนพันธุ์หว้ ยน้ำขุ่น เบอร์ 3 ( HK.NO.3 ) ที่คดั เลือกจากแม่พนั ธุ์ชาจีนลูกผสมของไต้หวัน เพื่อแจกจ่ายให้กบั เกษตรกร ในโครงการและหน่วยงานที่สนใจ ในส่ วนของกรมส่ งเสริ มการเกษตร ได้ทำการส่ งเสริ มให้เกษตรกรปลูกชาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 โดยจัดทำแปลงขยายพันธุ์ชา พันธุ์ดีที่ศนู ย์ส่งเสริ มผลิตพันธุ์พืชสวนเชียงราย จัดทำแปลงส่ งเสริ มการปลูกชาพันธุ์ดีเป็ นสวนแก่เกษตรกร และส่ งเสริ มการ ปรับปรุ งสวนชาเก่า พร้อมทั้งฝึ กอบรมให้ความรู ้เรื่ องการปลูกและการผลิตชาแก่เกษตรกรผูส้ นใจ พร้อมทั้งจัดตั้งกลุ่มผูป้ ลูกชา และประสานงานด้านการตลาดระหว่างเกษตรกรและพ่อค้าผูร้ ับซื้อใบชาด้วย


7


8

TEA KNOWLEDGE ความรู้เกี่ยวกับชา ชาที่วางขายกันตามท้องตลาดทัว่ ไปผลิตมาจากใบของต้นชา Camellia sinensis (L.) เมื่อแบ่งตามกระบวนการผลิตจะแบ่งได้ 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ ชาเขียว (Green tea) เป็ นชาที่ไม่ผา่ นกระบวนการหมัก (Non-fermented tea) กรรมวิธีการผลิตเริ่ มจากการหยุดการทำงานของเอนไซม์ Polyphenol oxidase ที่อยู่ ในใบชาสดโดยการอบด้วยไอน้ำ (steaming) หรื อการคัว่ บนกระทะร้อน (pan firing) เพื่อทำให้เอนไซม์ polyphenol oxidase ไม่สามารถเร่ งปฏิกิริยา oxidation และ polymerization ของ polyphenols ที่อยูใ่ นใบชาได้ เสร็ จแล้วนำไปนวด (rolling) เพื่อทำให้เซลล์แตกและนวดเพื่อให้ใบชาม้วนตัว จากนั้นนำไปอบแห้ง สี ของน้ำชาประเภทนี้จะมีสีเขียวถึงเขียวอมเหลือง ชาอู่หลง (Oolong tea) เป็ นชาที่ผา่ นกระบวนการหมักเพียงบางส่ วน (Semi-fermented tea) ก่อนหยุดปฏิกิริยาของ เอนไซม์ดว้ ยความร้อน กรรมวิธีการผลิตจะมีการผึ่งแดด (withering) ประมาณ 20-40 นาที ภายหลังผึ่งแดดใบชาจะ ถูกผึ่งในร่ มอีกครั้งพร้อมเขย่ากระตุน้ ให้ชาตื่นตัว การผึ่งนี้เป็ นกระบวนการหมักซึ่ งทำให้เอนไซม์ polyphenol oxidase เร่ งปฏิกิริยา oxidation และ polymerization ของ polyphenols ทำให้เกิด dimers และสารประกอบเชิงซ้อนของ polyphenols สารประกอบที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ชาอู่หลงมีกลิ่นและสี ที่แตกต่างไปจากชาเขียว น้ำชาอู่หลงจะมีสีเหลืองอมเขียว และสี นำ้ ตาลอมเขียว ชาดำ (Black tea) เป็ นชาที่ผา่ นกระบวนการหมักอย่างสมบรู ณ์ (Completely-fermented tea) ใบชาจะถูกผึ่งให้เอนไซม์ polyphenol oxidase เร่ งปฏิกิริยาอย่างเต็มที่ ซึ่ง polyphenols จะถูก oxidized อย่างสมบรู ณ์เกิดเป็ นสารประกอบกลุ่ม Theaflavins และ Thearubigins ทำให้ชาดำมีสีนำ้ ตาลแดง


9

ชาแต่ละชนิดจะมีลกั ษณะ สี กลิ่น และรสชาติที่แตกต่างกันไป ทั้งนี้ข้ ึนอยูก่ บั ปั จจัยหลัก ๆ 2 ปั จจัย ได้แก่ องค์ประกอบทางเคมีของใบชา และกระบวนการผลิตชา โดยองค์ประกอบทางเคมีของใบชาที่แตกต่างกันเป็ นผลมาจากสายพันธุ์ชา สภาพพื้นที่ปลูก สภาพภูมิอากาศ ความอุดมสมบรู ณ์ของ ดิน น้ำ และการดูแลรักษา ซึ่ งองค์ประกอบทางเคมีที่แตกต่างกันนี้จะส่ งผลต่อปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการผลิต ทำให้ได้ชาที่มีกลิ่นและรสชาติที่แตกต่างกันไป ในกระบวนการผลิตชาแต่ละประเภทจะมีข้ นั ตอนการผลิตแสดงดังรู ป ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้


10

การเก็บใบชา (Tea plucking) เป็ นขั้นตอนที่สำคัญเนื่องจากต้องอาศัยความละเอียดในการเก็บ การเก็บใบชาต้องใช้ แรงงานคนในการเก็บจึงจะได้ยอดใบชาที่มีคุณภาพดี การเก็บจะต้องเลือกเก็บเฉพาะยอดชาที่ตูมและใบที่ต่ำจากยอดตูมลงมา 2 ใบ (เก็บ 1 ยอด 2 ใบ) เนื่องจาก polyphenols ซึ่ งเป็ นสารสำคัญในชาจะมีอยูม่ ากเฉพาะในยอดชาเท่านั้น การผึ่งชา (Withering) เป็ นขั้นตอนที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและเกิดปฏิกิริยาเคมีของสารต่าง ๆ ในใบชา การผึ่งชาจะทำให้นำ้ ในใบชาระเหยไป ทำให้ใบชาเหี่ ยวและจะมีการซึ มผ่านของสารต่าง ๆ ภายในและภายนอกเซลล์ ในการผึ่งชานี้เอง เอนไซม์ polyphenol oxidase จะเร่ งปฏิกิริยา oxidation และ polymerization ทำให้สาร polyphenol เกิดปฏิกิริยา เคมีได้เป็ นองค์ประกอบใหม่ที่ทำให้ชามีสี กลิ่น และรสชาติที่แตกต่างกันไป การนึ่งชา (Steaming) หรื อการคัว่ ชา (Pan firing) เป็ นขั้นตอนที่ให้ความร้อนกับใบชาเพื่อทำลายเอนไซม์ polyphenol oxidase ทำให้หยุดปฏิกิริยาการหมัก การนวดชา (Rolling) เป็ นขั้นตอนที่ใช้นำ้ หนักกดทับลงใบชา เป็ นการขยี้ใบชาเพื่อให้เซลล์แตก เมื่อเซลล์แตกจะทำให้สาร ประกอบต่าง ๆ ที่อยูใ่ นเซลล์ไหลออกมานอกเซลล์และเคลือบอยูบ่ นส่ วนต่าง ๆของใบชา การหมักชา (Fermentation) เป็ นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเริ่ มตั้งแต่การผึ่งชา และนวดชา ก่อนที่จะถึงขั้นตอนการ หยุดปฏิกิริยาเอนไซม์ polyphenol oxidase ด้วยความร้อน (steaming หรื อ firing) ในกระบวนการนี้เอนไซม์ polyphenol oxidase จะเร่ งปฏิกิริยา oxidation ทำให้ polyphenols เกิด oxidized และเกิดปฏิกิริยา polymerization ได้เป็ นสารประกอบเชิงซ้อนระหว่าง polyphenols ที่มีโมเลกุลใหญ่ข้ ึน ซึ่ งทำให้ชาเกิดกลิ่น สี และรสชาติที่แตกต่างกันไปตามองค์ประกอบทางเคมีที่อยูใ่ นชาและตาม กรรมวิธีการผลิต การอบแห้ง (Drying) เป็ นขั้นตอนการอบแห้งเพื่อลดความชื้นในใบชาให้เหลือประมาณ 5% เพื่อให้สามารถเก็บใบชาไว้ได้นาน การคัดบรรจุ (Sorting and packing) หลังการอบแห้งจะเป็ นการคัดเลือกเศษกิ่งก้านของใบชา และสิ่ งเจือปนต่าง ๆ ออกจากใบชา เสร็ จแล้วนำมาบรรจุใส่ ถุงเพื่อรอจำหน่ายต่อไป


11

ความมหัศจรรย์ของ....

ชาเขียว


12

“ขาดอาหารสามวันยังดีเสียกว่า ขาดชาเพียงวันเดียว” (สุภาษิตจีนโบราณ)


13

มีอาหารหรื อเครื่ องดื่มอะไรที่จะดีต่อสุ ขภาพเท่าชาเขียวบ้า ง ชาวจีนรู ้เรื่ องประโยชน์ทางยาของชาเขียวมาตั้งแต่ครั้งโบราณ โดย ใช้ชาเขียวในการรักษาตั้งแต่โรคปวดศีรษะไปจนถึง โรคซึ มเศร้า ในหนังสื อเรื่ อง ไขความลับธรรมชาติสู่ สุขภาพที่ดีกว่า นาดีน เทย์เลอร์ กล่าวว่า มีการใช้ชาเขียวเป็ นยาในประเทศจีนเป็ น เวลานานอย่างน้อย 4,000 ปี มาแล้ว

อาหารที่มีไขมันสู ง ในการวิจยั เมื่อปี 1997 นักวิจยั จากมหาวิทยาลัยแคนซัส สรุ ปว่า EGCG นั้นแรงเท่า ๆ กับ Resveratrol ถึงเกือบ 2 เท่า ซึ่ งเป็ นการอธิบายว่า ทำไมชาวญี่ปุ่นจึงมีอตั ราการเสี่ ยงโรคหัวใจ ค่อนข้างต่ำ แม้วา่ กว่า 75% จะสู บบุหรี่ กต็ าม ทำไมชาจีนอื่น ๆ จึงไม่ดีเท่าชาเขียว ชาเขียว ชาอูลอง และชาดำต่างก็มา จากใบของต้น Camellia Sinensis ปั จจุบนั การวิจยั ทางวิทยาศาสตร์ท้ งั ในโลกตะวันตกและ การที่ชาเขียวมีประโยชน์มากกว่า ก็เนื่องมาจากกระบวนการแปรรู ป ตะวันออกพบว่า การดื่มชาเขียวมีผลอย่างชัดเจนต่อสุ ข โดยใบชาเขียวจะถูกนำมาอบไอน้ำซึ่ งช่วยป้ องกันไม่ให้สาร ภาพ เช่น ในปี 1994 วารสารของสถาบันมะเร็ งแห่งชาติ ประกอบ EGCG เข้ารวมตัวกับออกซิ เจน ในทางตรงข้าม ตีพิมพ์ผลการศึกษาที่แสดงว่า การดื่ม ชาเขียวช่วยลดอัตราการ ใบชาอูลองและชาดำกลับเกิดจากการนำใบชาไปหมั เสี่ ยงของโรคมะเร็ งหลอดอาหาร ในหมู่ชาวจีนทั้งหญิงชาย ได้ถึง ก ซึ่ งทำให้ EGCG ถูกเปลี่ยนเป็ นสารประกอบชนิดอื่น เกือบ 60% เมื่อไม่นานมานี้ นักวิจยั จากมหาวิทยาลัยปูร์ดู สรุ ปว่า ซึ่ งแทบไม่มีประสิ ทธิภาพ ในการป้ องกันหรื อต่อสูโ้ รคใด ๆ เลย สารประกอบในชาเขียว ช่วยยับยั้งอัตราการเติบโตของเซลมะเร็ งได้ สาร EGCG นี้ในทางเคมีจดั เป็ นสารโพลี่ฟีนอลชนิดหนึ่งที่มีการ นอกจากนั้น ยังมีการวิจยั ที่แสดงว่า การดื่มชาเขียวช่วยลดระดับ วิจยั กันอย่างกว้างขวางและหลายการวิจยั ก็พบว่า สาร EGCG

คลอเรสเตอรอลโดยรวมได้ และยังช่วยปรับอัตรา HDL ให้เป็ น LDL

ชาเขียวมีดีตรงไหน

ความลับของชาเขียวอยูท่ ี่ปริ มาณสาร Catechin Polyphenol โดยเฉพาะอย่างยิง่ Epigallocatechin Gallate (EGCG) ที่มีอยูม่ ากในตัวชา EGCG เป็ นสารต้านพิษ และยังช่วยยับยั้งการ เติบโตของเซลมะเร็ งด้วยการฆ่าเซลมะเร็ งโดยไม่ทำลายเนื้อเยือ่ ส่ วนดี นอกจากนั้นยังช่วยลดระดับ LDL คลอเรสเตอรอล และยับยั้งการก่อตัวแบบผิดปกติของก้อนเลือด ซึ่งเป็ นเหตุของ อาการหัวใจวายและลมชัก มักมีการเปรี ยบเทียบ ประโยชน์ที่ได้จากการดื่มชา เข้ากับประโยชน์ทีได้จากการดื่ม ไวน์ นักวิจยั สงสัยมานานแล้วว่า ทำไมชาวฝรั่งเศสจึงมีอตั ราการ ป่ วยด้วยโรคหัวใจน้อยกว่าชาวอเมริ กนั ทั้งที่บริ โภคอาหารที่มี ไขมันสูง คำตอบก็คือ เป็ นเพราะไวน์แดง ซึ่งมีสาร Resveratrol ที่เป็ น Polyphenol ที่ลดอันตรายจากการสูบบุหรี่ และรับประทาน

ดังกล่าวนี้มีประโยชน์ต่อร่ างกายมากมายได้แก่ 1. มีส่วนช่วยในขบวนการ การกำจัดไขมันโคเรสเตอรอลในห ลอดเลือด ซึ่ งทำให้ลดภาวะความเสี่ ยงต่อโรคความดันโลหิ ตสู ง จากการอุดตันของไขมันในหลอดเลือด 2. ช่วยในการขับสารพิษ และสารอนุมูลอิสระ จึงส่ งผลในการป้ องกั นความเสี่ ยงต่อภาวะมะเร็ งและโรคความเสื่ อมของเซลล์และอวัยวะ ต่างๆ ในร่ างกาย 3. ช่วยทำให้ร่างกายของเรารู ้สึกสดชื่น กระปรี้ กระเปร่ า เนื่องจากมีผ ลในการกระตุน้ การทำงานระดับเซลล์ และนอกจากสรรพคุณดังกล่าวจากสาร EGCG ที่มีอยูใ่ นชาเขียวแล้ว ชาเขียวยังให้สารอื่นๆ อีกมากมายเช่น สารคลอโรฟิ ลล์ (Chlorophyll) ซึ่ งมีประโยชน์ต่อขบวนการการ สร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และขับสารพิษตกค้างออกจากร่ างกายของ เรา และจะทำงานร่ วมกับสาร EGCG ในการช่วยทำให้ร่างกายของ เรารู ้สึกสดชื่น และลดความเสี่ ยงจากอันตรายของสารพิษและอนุมูล


อิสระ นอกจากนั้นชาเขียวยังมีวติ ามิน (Vitamins) เกลือแร่ (Minerals) และสารอาหารจากพืชที่มีความสำคัญต่อร่ างกายอีกมากมาย

ประโยชน์อื่น ๆ

มีหลักฐานใหม่ ๆ ที่แสดงว่า ชาเขียวสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ ในเดือนพฤศจิกายน 1999 วารสาร The American Journal of Clinical Nutrition ตีพิมพ์ผลการศึกษาที่มหาวิทยาลัยเจนีวา ในสวิสเซอร์แลนด์ นักวิจยั พบว่า ผูท้ ี่ดื่มทั้งสารสกัดคาเฟอินและ ชาเขียว มีการเผาไหม้แคลลอรี่ มากกว่า คนที่ได้คาเฟอินอย่างเดียว นอกจากนั้น ชาเขียวยังช่วยป้ องกันฟันผุได้ดว้ ย ความสามารถใน การทำลายแบคทีเรี ยของชาเขียว สามารถ ป้ องกันอาหารเป็ นพิษได้ และยังช่วยฆ่าแบคทีเรี ยที่ก่อให้เกิดคราบพลัคในช่องปาก ในขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ถนอมผิว ที่มีส่วนผสมของชาเขียว ไม่วา่ จะเป็ นน้ำยาดับกลิ่นตัวหรื อครี ม บำรุ งผิว ก็เริ่ มมีวางขายในตลาด

คุณควรดื่มชาเขียวมากเท่าไร

คำตอบมีมากพอ ๆ กับจำนวนการวิจยั เรื่ องคุณสมบัติของ ชาเขียว เช่น นิตยสาร Herbs for Health อ้างตัวอย่างรายงานจากญี่ปุ่นว่า คนที่ดื่มชาเขียว 10แก้วต่อวัน จะ ปลอดโรคมะเร็ งนานกว่าคนที่ดื่มชาเขียวน้อยกว่า 3 แก้วต่อวันถึง 3 ปี (มี Polyphenol ประมาณ 240-320 มก. ในชาเขียว 3 แก้ว) ขณะเดียวกัน การศึกษาของมหาวิทยาลัย Cleveland’s Western Reserve สรุ ปว่า การดื่มชาเขียวสี่ แก้ว หรื อมากกว่านั้น จะช่วยป้ องกันโรคปวดข้อ หรื อลดอาการปวดใน กรณี ของคนที่ป่วยอยูแ่ ล้ว นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นที่ สถาบันวิจยั มะเร็ ง Saitama พบว่า การเกิดโรคมะเร็ งเต้านม หรื อ การขยายตัวของโรคนั้น จะน้อยลงในผูห้ ญิงที่มีประวัติดื่ม ชาเขียว 5 ถ้วย หรื อมากกว่านั้นต่อ 1 วัน มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย มีการศึกษาเรื่ องคุณสมบัติการป้ องกันมะเร็ งของชาเขียว พบว่าคุณสามารถได้รับปริ มาณ Polyphenols ในปริ มาณที่

ต้องการได้โดยดื่มชาเขียวเพียง 2 ถ้วยต่อวัน แต่บริ ษทั ผูค้ า้ ชา 14 เขียวชนิดแคปซูลกลับกล่าวว่า หากต้องการให้ได้ประโยชน์ สู งสุ ดแล้วล่ะก็ จะต้องดื่มชาเขียวถึงวันละ 10 ถ้วยเลยทีเดียว ไม่วา่ ใครจะว่าอย่างไรก็ตาม การดื่มชาเพียง 4-5 ถ้วยต่อวัน ดูจะปลอดภัยที่สุด และถ้าคุณจริ งจังกับการดื่มชาเขียวมาก ก็อาจจะดื่มได้มากกว่านั้น แต่จะได้ประโยชน์มากน้อยขึ้นอย่างไร นั้นก็คงต้องรอผลการวิจยั อื่น ๆ ต่อไป

ชาจากเมล็ดกัวรานาสกัด (Guarana Tea)

สารสกัดจากเมล็ดกัวราน่านั้น นิยมใช้เป็ นประโยชน์ในคนเรามา นานแล้ว โดยเฉพาะในแถบประเทศแอฟฟริ กา และอเมริ กาใต้ โดย เน้นในเรื่ องของการให้ผลในการกระตุน้ ให้ร่างกายรู ้สึกสดชื่น กระปรี้ กระเปร่ า จากผลของสารสำคัญที่มีอยูใ่ นเมล็ดกัวราน่า และ สารสำคัญชนิดนี้เป็ นสารสำคัญที่นอกจากจะให้ผลในการกระตุน้ ร่ างกายของเราให้กระปรี้ กระเปร่ าแล้ว สารสำคัญดังกล่าวยังให้ผล ในการช่วยขับสารพิษตกค้างในร่ างกาย ทั้งในระบบทางเดินอาหาร

และในระบบไหลเวียนโลหิ ต และเราจะพบว่าโปรแกรมในการ กำจัดสารพิษตกค้างในร่ างกายส่ วนใหญ่แล้วจะต้องมีสารสกัดจาก กัวราน่าอยูใ่ นโปรแกรมเสมอ ดังนั้นการดื่มชาชงอยูเ่ สมอ ไม่วา่ จะเป็ นชาเขียวหรื อชาที่สกัดได้ จากเมล็ดกัวราน่านั้น จะเป็ นประโยชน์ต่อร่ างกายของเราอย่างยิง่ โดยเฉพาะผูท้ ี่ถกู เชื่อว่ามีสารพิษหรื ออนุมูลอิสระในร่ างกายมากๆ อย่างเช่นผูท้ ี่อยูใ่ นโปรแกรมการกำจัดไขมัน หรื อลดน้ำหนักหรื อใน ผูท้ ี่ภาวะความเครี ยดจากการทำงานสู ง เพราะสาระสำคัญจากชาจะ ช่วยในการกำจัดสารพิษตกค้างต่างๆและช่วยในการปรับให้ร่างกาย ของเราสามารถกลับคืนสู่ สมดุลเดิมได้อย่างรวดเร็ ว และส่ งผลทำให้ เราพร้อมที่ทำงานหนักหรื อเข้าสู่ โปรแกรมเฉพาะต่างๆ ได้อย่างมี ประสิ ทธิภาพและไม่มีอนั ตรายใดๆ ต่อร่ างกาย


15

9

ข้อ อันตราย


16

จาก...ชาเขียว


17


18

โทษของชาเขียว

ชาเขียวมีประโยชน์ แต่ชาที่เข้มข้นเกินไป ก็อาจจะเกิดโทษได้เช่นกัน 1.ในผูป้ ่ วยที่เป็ นโรคไทรอยด์ จะมีอาการกระสับกระส่ าย ใจเต้นเร็ ว มือสัน่ อยูแ่ ล้ว การดื่มชาจะทำให้มีอาการเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น 2.หญิงมีครรภ์ ควรงดดื่มเพราะจะส่ งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ 3.ในรายที่เป็ นผูป้ ่ วยโรคหัวใจ ควรงดดื่มชา เพราะกาเฟอีนจะทำให้หวั ใจทำงาน ไม่ปกติ คือเต้นเร็ วขึ้น (หากชอบดื่มชา ก็อาจเลือกชาชนิดที่สกัดกาเฟอีนออกแล้วก็ได้) 4.คนที่เป็ นโคกระเพาะอาหารอักเสบ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มชา เพราะชาจะ กระตูน้ ให้ผนังกระเพราะอาหารหลัง่ น้ำย่อยซึ่ งมีสภาวะเป็ นกรดมามากกว่าปกติ ทำให้อาการอักเสบยิง่ รุ นแรงขึ้น อย่างไรก็ตามในกรณี ที่เป็ นโรคกระเพาะแต่เลิกดื่มชา ไม่ได้ การเติมนมก็มีประโยชน์ เพราะนมยับยั้งแทนนินไม่ให้ออกฤทธิ์กระตุน้ น้ำย่อย ในกระเพราะอาหาร 5.การดื่มชาแทนอาหารเช้าจะทำให้ ร่ างกายขาดสารอาหาร จึงควรเติมนมหรื อ น้ำตาลอาจเพิ่มเพิ่มคุณค่าได้บา้ ง และควรกินอาหารชนิดอื่นร่ วมด้วยการ 6.ดื่มชาในปริ มาณที่เข้มข้นมากๆจะทำให้เกิดอาการท้องผูก และนอนไม่หลับ 7.ไม่ควรดื่มชาที่ร้อนจัดมากๆเพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อทางเดิน อาหาร ระคายเคืองต่อเซลล์ จะทำให้เกิดโรคมะเร็ งสู ง 8.การดื่มชาเขียวในปริ มาณสู งอาจมีผลในการลดการดูดซึ มวิตามิน B1 และธาตุเหล็กได้ 9.ในกรณี ที่ดื่มชาเพื่อต้องการเสริ มสุ ขภาพและป้ องกันมะเร็ ง การเติมนมในชาก็ไม่ได้ผล เพราะฤทธิ์ตา้ นอนุมูลอิสระเกิดจากสารแทนนิน แต่ก ารเติมนมลงไปนมจะไปจับกับสารแทนนิน ไม่ให้ออกฤทธิ์ แม้จะมีการวิจยั ต่างๆ มากมายที่ระบุวา่ สาร EGCG[5] ในคาเทซิ นซึ่ งมีอยูใ่ นชาจะสามารถลดอัตราการเ กิดมะเร็ งได้ถึง 50% แต่การทดลองบางแห่งหนึ่งก็พบว่าการ EGCG เป็ นตัวกระตุ ้ นให้เกิดมะเร็ งในสัตว์อีกชนิดหนึ่ง เพราะความสลับซับซ้อนของเอมไซม์และฮอ 1

ร์โมนของสัตว์ที่แตกต่างกัน ฉะนั้นการดื่มชาเพื่อสุ ขภาพที่แท้จริ งจึง


19


20


21


22

ชาเขียว

(อร่อย......สุขภาพดี)


23

สู ตรน้ ำแร่ ชาเขียว : สร้างความสดชื่นให้กบั ใบหน้าเหมาะกับสาวๆ เมืองร้อนอย่างบ้านเราเลยค่ะ แค่นำน้ำแร่ มาต้มให้เดือดใส่ ชาเขียวแบบผงหรื อ ใบชาลงไปอาจเพิ่มใบสะระแหน่สกั นิดแล้วทิ้งไว้ให้เย็น นำไปแช่ในตูเ้ ย็น กรองเอาแต่นำ้ แล้วเทใส่ ขวดสเปรย์ นำมาฉี ดบริ เวณใบหน้าและลำคอเพิ่มความ ชุ่มชื่นสดใสไปตลอดวัน


24

ชาเขียวถนอมดวงตา ชาเขียวนั้นอุดมไปด้วยคุณค่าสำหรับสุ ขภาพและความงามอย่างเปี่ ยมล้น นี่กเ็ ป็ นอีกหนึ่ง คุณประโยชน์ที่ชาเขียวมีให้กบั ผิวพรรณโดยเฉพาะผิวบริ เวณรอบดวงตา โดยที่คุณไม่ตอ้ งลงทุนไปซื้ออายเจลราคาแพงๆ มาบำรุ งกันเลย เพียงคุณนำชาเขียวไปต้มกับน้ำ จนเดือดแล้วยกลง พร้อมกับนำไปแช่ตเู ้ ย็นจนกระทัง่ เดือดจัด เท่านี้คุณก็ได้อายเจลคุณภาพเกิน ร้อยแล้วล่ะ คุณสามารถดูแลปกป้ องผิวรอบดวงตาให้สดใสดูอ่อนเยาว์ดว้ ยการใช้สำลีชุบชาเย็นๆที่ทำไว้ จนเปี ยกชุ่ม แล้วนำมาโปะลงบนเปลือกตา ทิ้งไว้นาน 30 นาที ซึ่ งจะเห็นผลได้ดีควรหมัน่ ทำบ่อยๆ นะ


25

ชาเขียว ชาเขียวนั้นเป็ นชาที่สามารถใช้ดื่มเพื่อลดน้ำหนักได้ โดยผูเ้ ชี่ยวชาญได้กล่าว ไว้วา่ การดื่มชาเขียวนั้นไม่ใช่วา่ ดื่มแล้วจะลดได้ทนั ที แต่ตอ้ งดื่มเป็ นประจำ ซึ่ ง ชาเขียวจะช่วยเพิ่มอัตราการเมทาบอลิซึม เพิ่มอัตราการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและ การออกซิเดชันของไขมันเมื่อออกกำลังกาย การดื่มวันละ 2 ถึง 5 ถ้วยต่อวันก็ สามารถช่วยคุณในการลดน้ำหนักได้แล้วล่ะ ชาอู่หลง ใบชาอู่หลงนั้นเมื่อเทียบกับใบชาเขียวแล้วจะมีความยาวมากกว่าแต่ไม่เท่าใบชาดำ ซึ่ งชาอู่หลงนั้นมี สรรพคุณมากมายที่ส่วนใหญ่แล้วส่ งผลต่อการลดน้ำหนักทั้งนั้นเลย เพราะชาอู่หลงนั้นจะช่วยลดผลกระทบ ต่างๆที่ได้รับจากไขมัน ไม่วา่ จะเป็ นการลดปริ มาณไขมันที่สะสมในร่ างกาย และยังสามารถเพิ่มการเผาผลาญ ไขมันได้อีกด้วย โดยสิ่ งที่เกิดขึ้นเหล่านี้กจ็ ะส่ งผลให้คุณดูผอมลงนัน่ เองเพียงดื่มวันละ 3 ถ้วยต่อวันเท่านั้นเอง ชากุหลาบ ชากุหลาบเป็ นหนึ่งในชาที่เก่าแก่ที่สุดที่มีผลในการรักษาและการลดน้ำหนัก โดย ชากุหลาบนั้นทำมาจากใบกุหลาบสดและตาชาผสมกัน ซึ่ งวัตถุดิบเหล่านี้อุดมไปด้วยวิตามินเอ, บี3, ซี, ดี และอี ชากุหลาบนั้นจะช่วยคุณในการต้านเชื้อต่างๆและยังทำให้คุณผอมลงด้วยการกำจัด สารพิษในร่ างกายคุณได้อีกด้วย ชาดำ

ชาดำนั้นเป็ นชาที่มีรสเข้มกว่าชาชนิดอื่นๆและก็มีคาเฟอีนมากกว่าชาอื่นๆเช่นกัน ส ำหรับคนที่มีอินซูลินที่มีความไวต่ำนั้นจะมีความเสี่ ยงที่จะอ้วนมากกว่าคนอื่น ซึ่ งคุณสามา รถดื่มชาดำเพื่อเพิ่มความไวของอินซูลินได้


26


27

ชาอันดับ 1 ของโลก ภายใต้การดูแลของคนไทย


28

นัน่ ก็คือเรื่ องของชา Mariage Frères (มาคิยาจ แฟรส์) ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็ นชาอันดับ 1 ของโลก สัญชาติฝรั่งเศส ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่ปี คศ. 1854 ชา Mariage Frères เปรี ยบได้ดง่ั แอร์เมส ชาแนล ดิออร์ หลุยส์ ในโลกของแฟชัน่ คือเป็ นอันดับ 1 ทิ้งห่างชาแบรนด์อื่น ๆ หลายช่วงตัว เบื้องหลังชื่อเสี ยงของชาชั้นสู งแบรนด์น้ ีกม็ าจากแรงผลักดันและความคิดสร้าง สรรค์ของชายไทยหัวใจเสรี คนหนึ่ง ที่เริ่ มแรกตั้งใจไปเรี ยนต่อที่ปารี สเพราะต้อง การเป็ นนักการทูตในกระทรวงต่างประเทศ แต่ชะตาพลิกพันให้มาหลงรักในศิลปะ ของใบชาอันคลาสสิ ก เขาก็คือ คุณกิตติชาติ แสงมณี

คุณกิตติชาติ ณ ขณะนี้ คือ เจ้าของแต่เพียงผูเ้ ดียวของมาคิยาจ แฟรส์ ร้านขายชาที่เป็ นมากกว่าแค่ร้านขายชาทัว่ ไป คุณกิตติชาติเล่าว่า “ทุกวันนี้สิ่งที่คุณเห็นนี้เป็ นสิ่ งที่ไม่เคยมีาก่อนในฝรั่งเศสนะครับ หมายถึงความเป็ นทีเฮาส์ ความเป็ นที่ที่มีทุกอย่างที่อุทิศให้ชาของเรา ชากลายเป็ นเครื่ องดื่มที่มีคุณค่า ซึ่งเมื่อก่อนฝรั่งเศสจะเป็ นประเทศที่ดื่มกาแฟมาก กว่าด้วยซ้ำ เราเป็ นคนทำให้ชาของฝรั่งเศสกลายเป็ นของที่มี่ค่าเท่าหรื อเหมือน คาเวียร์หรื อแชมเปญ เมื่อก่อนการทำร้านชาก็ไม่เป็ นอาชีพที่คนฝรั่งเศสสนใจ แต่ตอนนี้เปิ ดร้านชากันเป็ นแถวเยอะไปหมด” “ลูกค้าที่เข้ามาจะเป็ นพวกที่ชอบอะไรละเอียดอ่อน มีความเป็ น poetic คนในวงการแฟชัน่ และศิลปะจะรู ้จกั เราดี เวลามีเดินแฟชัน่ หรื อว่าตามร้านบูติกไม่วา่ จะชาแนล หรื อดิออร์ เขาก็ใช้ชาเราเสิ ร์ฟให้ลกู ค้า” ชา มาร์โคโปโล รู ้สึกเป็ นตัวขายดีตวั นึงของแบรนด์ คุณกิตติชาติบอกว่า การชงชาที่นี่จะชงสด ๆ บางครั้งใช้อุณหภูมิสูงต่ำกันไปแล้วแต่ความเหมาะสม บางครั้งใช้เวลาชง 1 นาที ไปจนถึง 10 นาทีกม็ ี แล้วแต่ชนิดชา ไม่ใช่วา่ ใส่ ทีแบ็กแล้วมาวางเสิ ร์ฟได้เลย


29

::ย้อนตำนาน 300 ปี ชา Mariage Frères:: ความเก่าแก่ของมาคิยาจแฟร์ตอ้ งเริ่ มย้อนไปตั้งแต่ 300 ปี ก่อน พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ของฝรั่งเศสน่าจะเป็ นคนแรกในประเทศที่ให้ความสนใจกับเครื่ องดื่มที่ชื่อว่า “ชา” หมอประจำพระองค์เคยแนะนำพระองค์ให้ดื่มเครื่ องดื่มเพื่อสุ ขภาพนำเข้าจากประเทศจีนนี้เพื่อช่วยระบบย่อยอาหาร และในปี ค.ศ. 1686 พระยาโกษาปาน ทูตจากสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งอยุธยาก็ได้ทูลถวายถ้วยชาที่ทำด้วยทอง ก็ยง่ิ ทำให้ พระเจ้าหลุยส์เกิดความสนใจใครรู่ เกี่ยวกับเครื่ องดื่มชนิดนี้มากขึ้น และในปี คศ. 1660 นี้เองที่นิโกลาส์ มาคิยาจ ออกเดินทางสู่ เปอร์เซี ย เพื่อทำสัญญาทางการค้าเสาะแสวงหาชา เครื่ องเทศ และสิ นค้าอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมายจาก พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และ บริ ษทั เฟรนช์ อีสต์ อินเดีย ( Compagnie des Indes ) ส่ วนปิ แอร์ มาคิยาจ น้องชายก็เดินทางสู่เกาะมาดากัสการ์เพื่อภารกิจเดียวกัน ศตวรรษต่อมา ชอง ฟรองชัวร์ส มาคิยาจ (ขออภัย หา ช กะเชอ ไม่เจอค่ะ TT_TT อยูไ่ หนบนแป้ นพิมพ์เนี่ยยย) ก็ยงั คงเป็ น ผูน้ ำเข้าชาและเครื่ องเทศต่าง ๆ อยู่ ถ่ายทอดความรู ้มารุ่ นสู่รุ่น จนในที่สุด อองรี และเอดูอาร์ด ตัดสิ นใจตั้ง Mariage Freres tea company ในปี คศ. 1854 และสื บทอดกิจการชาต่อกันมา เป็ นธุรกิจของตระกูลมาเรื่ อย ๆ จนกระทัง่ มาตกอยูใ่ นความดูแลของคุณกิตติชาติ จวบจนปั จจุบนั นี้


30

“ตอนแรกครอบครัวผมก็ไม่มีใครทราบว่าเราจะมาทางนี้ เพื่อนผมก็คุมเรื่ องทางการค้ามากกว่า ผมจะช่วยเลือกชา เมื่อ 30 ปี ที่แล้ว คุณกิตติชาติยงั เป็ นเพียงนักศึกษาคนหนึ่งของมหา ช่วยเรื่ องการสร้างสไตล์ตอนนั้นยังไม่คิดว่าจะเป็ นอาชีพจริ ง ๆ แต่เหมืนปฏิเสธตัวเองไม่ได้ หลายปี ต่อมา เพื่อนผมก็สิ้นชีวติ วิทยาลัยชอร์บอนน์ที่มีชื่อเสี ยงของฝรั่งเศส เลยเหมือนผลักเราไปเต็มตัว แล้วพอดีทายาทเขาอายุมากแล้ว เราถูกใจกันมาก เขารู ้วา่ เราชอบ ได้ทำงานร่ วมกันมาหลายปี “คงเป็ นโชคชะตานะผมว่า เพราะว่าไม่ได้ต้ งั ใจเลย คือพอจบวชิราวุธตอนนั้นก็อยากจะเรี ยนการทูต ก็สอบเข้าเรี ยน เขาเห็นหมดว่าเราเรี ยนรู ้ ปรับปรุ ง ทำอะไรต่าง ๆ เขาและเรารู ้วา่ มาคิยาจ แฟรส์ มันยังต้องเป็ น มาคิยาจ แฟรส์ อยูน่ ะเราไม่มีทาง การทูตที่ธรรมศาสตร์จบจากธรรมศาสตร์ได้ ปรับเป็ นร้านไทย ร้านจีน ร้านเอเชีย เกียรตินิยมอันดับ 1 จบ 3 ปี กว่าเอง เพราะอยากจะเรี ยนรู ้ ให้เร็ วที่สุด แล้วก็ได้มาเรี ยนที่นี่ กะว่าจะมาทำปริ ญญาโท แล้วต่อ พอร้านมาคิยาจ แฟรส์เปิ ดตัวครั้งแรกที่แถวมาเร่ ส์ (Marais) เอกเกี่ยวกับการทูตจุดประสงค์มุ่งหมายของตัวเองคือเป็ น ก็ประสบความสำเร็ จอย่างมากสื่ อมวลชนมา นักการทูต เข้ากระทรวง ตอนนั้นคิดว่าจบไทยแล้วมาต่อนี้ โท 3 ปี เอก 4 ปี อย่างมาก แล้วจะรี บกลับไทย แล้วดูสิครับตอนนี้ จากทัว่ โลกเลย และทุกอย่างตรงกับรสนิยมคนฝรั่งเศสมาก เพราะ เป็ นร้านชาที่ใหม่ที่เปิ ดแต่จริ ง ๆ คือชาที่เก่าแก่ที่สุดของฝรั่งเศส ก็ยงั อยูท่ ี่นี่ หรื อเกือบที่สุดในยุโรป เปิ ดแล้วก็จะเราก็ทำสไตล์ ทำแพ็กเกจจิ้ง ทำอะไรหมด แล้วจากนั้นผมก็ไม่มีเวลาหยุดเลย” ช่วงพลิกผันคือช่วงระหว่างที่ทำทีสิสปริ ญญาเอกใกล้เสร็ จแ “ผมมีความรู ้สกว่า ตำนานนี้เป็ นของเราคือทำอะไรลงไป ละบังเอิญได้พบกับคนในครอบครัวมาคิยาจ โดยไม่ฝืนตัวเองเลยแล้วความคิดสร้างสรรค์มนั มีมาก จินตนาการ มากที่ขาดก็คือเวลาเท่านั้นเอง” “เพื่อนผมเขาสนใจเกี่ยวกับชา เขารู ้จกั ครอบครัวนี้เล ยชวนไปพบด้วยกันเพื่อจะได้ถามความเห็นผมว่าน่าสนใจมั้ ย พอเข้าไปแล้ว ตอนนั้นมาคิยาจขายชาอย่างเดียวไม่ได้ทำร้าน เข้าไปเหมือนโรงเก็บของ กลิ่นชาอบอวล ผมเหมือนถูกมนต์ สะกดผมได้พบทายาทคนสุ ดท้ายของครอบครัว ท่านอายุมาก 80 กว่าแล้ว และจิตคงสัมผัสกันท่านต้องการหาเพื่อนร่ วมงาน เผอิญ คือครอบครัวเขาไม่สนใจจะทำเกี่ยวกับชา ผมเลยบอกเพื่อนว่า ทำสิ น่าสนใจดี แต่สมองผมตอนนั้นเห็นเป็ นภาพ ๆ ว่าควรทำ อะไรอย่างไรในที่สุดเพื่อนเขาก็ทำ แต่ผมมีเวลาว่างเลยมาเยีย่ ม อยูเ่ รื่ อย ๆ ในที่สุดก็ทีละเล็กละน้อยกลายเป็ นมันเข้าไปโดย อัติโนมัติไม่รุ้ตวั “ ความเป็ นมา ของคุณกิตติชาติ

“ผมเข้าไปทำเป็ น hobby คือสนุกเรี ยนรู ้หลาย ๆ อย่าง เรี ยนจากทายาทเรื่ องทุกอย่างเกี่ยวกับชา การชิม การชง ในที่สุดตัดสิ นใจไม่เรี ยนแล้ว ไม่เรี ยนการทูตแล้วตอนนั้นถือว่า เสี่ ยงมากเหมือนกัน แต่เรามี passion อินเลิฟ ก็ไปเลย ไปเลย”


31


32

หลังจากเปิ ดร้านแรกในปี 1984 ในวันนี้คุณกิตติชาติ คือประธานบริ ษทั และเป็ นเจ้าของมาคิยาจ แฟรส์แต่เพียงผูเ้ ดียว ปั จจุบนั มาคิยาจ แฟรส์มีสาขาในปารี ส 3 สาขา และกำลังมีสาขาที่ 4 เร็ ว ๆ นี้ที่พิพิธภัณฑ์ลฟู วร์รวมทั้งยังมีสาขาในต่างประเทศอีก หลายแห่ง ในญีปุ่น 2 แห่งคือกินซ่า กับ ชินจูกุ ที่กินซ่าเป็ นที่รู้จกั กันดีเพราะมีมากว่า 20 ปี แล้ว “คนเอเชียที่สนใจชาของเรามากสุ ดก็คือญี่ปุ่นกับเกาหลี ที่ญี่ปุนนี่เรากลายเป็ นสถาบันไปแล้วครับ ญี่ปุ่นเขาก็มีชาของเขา แต่เราเอา ภาพพจน์หรื อสู ตรหรื อความรู ้ของขาฝรั่งเศสไปให้เขา เราทำโดยตรงไม่ผา่ นคนญี่ปุ่นไม่ได้เป็ นแฟรนไชส์ ผูจ้ ดั การก็เป็ นคนฝรั่งเศสคน เดียว”

นอกจากเปิ ดร้านมาคิยาจ แฟรส์โดยตรงทัว่ โลกโดยไม่หุน้ ส่ วนกับใครทั้งที่มีผตู ้ ิดต่อขอหุน้ มากมายชาของมาคิยาจ ก็ยงั เป็ นชาที่ได้รับเลือกสรรจากสถานที่ช้ นั นำต่าง ๆ ทัว่ โลก โรงแรมและสปาชั้นนำต่าง ๆ ก็เสิ ร์ฟชามาคิยาจ แฟรส์ รวม ทั้งโรงแรมโอเรี ยนเต็ลในประเทศไทยด้วย ชั้นเฟิ ร์สคลาสของ Japan Airlines ก็เสิ ร์ฟชามาคิยาจ ชามาคิยาจ แฟรส์กลายเป็ นชาชั้นสูงที่มีคุณค่าที่ใคร ๆ ก็อยากดื่ม ร้านมาคิยาจ แฟรส์กลายเป็ นร้านที่ใคร ๆ ก็อยาก ไปในสักครั้งหนึ่งในชีิวต ชื่อมาคิยาจ แฟรส์กลายเป็ นชื่ออันดับ 1 ของคนรักชา แขกทุกระดับ VIP หรื อไม่ VIP ก็หมุนเวียนมาดื่มดำกับประ สบการณ์ในโลกของชาไม่ขาดสาย

“คนที่มาที่นี่ครั้งแรกถ้าไม่เคยเห็นเขาก็จะตื่นเต้นกัน จริ ง ๆ เพราะมันเหมือนกับเข้ามาอีกโลกนึงเลย เมื่อก่อนตอนเปิ ดร้านใหม่ๆ คลอเดีย ชิฟเฟอร์มาบ่อยมาก จดหมายแฟน ๆ ของเขาก็มาส่ งที่ร้านเพราะเขาไม่รู้จกั ที่อยู่ คลอเดียตอนนี้เขาก็มาอยูเ่ รื่ อย มาซื้อขา แล้วเพื่อน ๆ เขาก็มา อย่างนาโอมิ แคมป์ เบลล์ แต่ที่นึกไม่ถึงคือ ฮิวจ์ แจ็กแมน หนือว่า ซี นาดีน​ซี ดาน พอทีมชนะ ภรรยาก็ส่งมาซื้อชา เขาก็ตอ้ งเข้าคิวซื้ อเหมือนทุกคน รี ส วิทเทอร์สปูนก็มา มีปาปาราซซี่ ตาม บอดี้การ์ดรอหน้าร้านมาดอนน่าก็ มา แต่ตอนนี้ไม่ค่อยมาแล้ว ดาราฝรั่งเศสที่มาประจำคือ อิซาแบลล์ อัดจานี เธอมีโต๊ะประจำ” จากสู ตรชา 250 สู ตรในตอนแรก ทุกวันนี้มาคิยาจ แฟรส์ มีถึง 650 สู ตรชาให้เลือกในเมนู ทุก ๆ สู ตร คุณกิตติชาติคิดสร้างสรรค์เองทั้งสิ้ น


33

เห็นแบบนี้ ทุกคนอาจจะคิดว่า คุณกิตติชาติคงไม่อะไรกับไทยเราแล้วมั้ง แต่วา่ คุณกิตติชาติน้ นั ทางรัฐบาลฝรั่งเศสยินดีให้เขา เป็ น ประชาชนฝรั่งเศสมานานแล้ว แต่เขาก็ยงั ยินดีที่จะถือสัญชาติไทยอย่างภาคภูมิใจเช่นเดิม แต่ไม่นานมานี ทางรัฐบาลฝรั่งเศส เพิ่งจะมอบรางวัลเครื่ องราชอิสริ ยาภรณ์ให้ ในฐานะคนที่สร้างคุณูปการให้กบั ประเทศ และยังมีรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย “การผสม การเบลนด์มาร์โคโปโลหรื อว่าคริ สมาสต์ที คริ สมาสต์ที ภาษาฝรั่งเศสเรี ยกว่า โนแอล 20 เราเป็ นคนปรุ งครั้งแรก ก่อนหน้านั้นไม่มีชาชื่อนี้ในโลกเลยนะครับ วันนี้ถา้ จะถามเรื่ องความภูมิใจก็อาจจะมาจากจุดนี้กไ็ ด้ ทุกวันนี้คนประเทศไหนก็รู้จกั ชานี้กนั หมด”


34


35


ไร่ชาเขียวชิซูโอกะ ไร่ชาเขียว ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น

36


37


38

หากเอ่ยถึงชายอดนิยมอย่าง “ชาเขียว” แน่นอนว่าเราต้องนึกถึงจังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka) จังหวัดที่ชาว ไทยรู ้จกั ดีเนื่องจากมีภเู ขาไฟที่สูงและสวยที่สุดในญี่ปุ่น โดย 45% ของชาเขียวซึ่ งดื่มกันในญี่ปุ่นนั้นมาจากจัง หวัดชิซุโอกะนัน่ เองค่ะ เนื่องจากว่าจังหวัดชิซุโอกะนั้นเป็ นจังหวัดที่ปลูกชาเขียวมากเป็ นอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ในทุกๆ ช่วงระหว่างกลางเดือนเมษายนไปจนถึงต้นเดือนตุลาคมของทุกๆปี จะมีนกั ท่องเที่ยวเดินทางมาเยือน “เนินเขานิฮอนไดระ” (Nihondaira) เป็ นจำนวนมาก เนื่องจากช่วงเวลานี้จะเป็ นฤดูกาลเก็บชาที่ถกู ปลูกขึ้นใน แถบเนินเขาแห่งนี้ เนินเขานิฮอนไดระ เป็ นเนินเขาที่มีความสู งประมาณ 308 เมตร (1,010 ฟุต) ซึ่ งเป็ นศูนย์กลางของเมือง ชิซุโอกะ คุณจะพบกับพื้นที่ไร่ ชาเขียวกว้างใหญ่และสามารถชมบรรยากาศภูอนั งดงามของเขาไฟฟูจิและ ทะเลพร้อมๆกันอีกด้วย นอกจากนี้ภายในไร่ ชานั้นมีการปลูกชามากถึง 8 ชนิด นักท่องเที่ยวที่มีโอกาสมา เยือนยังสามารถที่จะเลือกซื้ อชาดีๆได้ที่น้ ีและที่พิเศษคือถ้ามีลกู ค้ามากกว่า35คน ก็จะสามารถที่จะเรี ยนรู ้ ประสบการณ์เก็บใบชาด้วยตัวคุณเองอีกด้วย การเดินทางจาก Tokyo ไป Nihondaira จากโตเกียว นัง่ รถไฟชินกันเซนสาย Tokaido “Hikari” ใช้เวลาประมาณ 1 ชัว่ โมงไปลงที่สถานี Shizuoka จากนั้นต่อรถที่หน้าสถานีเป็ นรถบัสสายเหนือ รถบัสชื่อ Shizutetsu Justline โดยมุ่งไปที่ Nihondaira ใช้เวลา 20 นาที มาลงที่ป้าย Nihondaira หรื อเดินทางจากโอซาก้า นัง่ รถไฟชินกันเซนจากสถานี Shin-Osaka ใช้เวลา 2 ชัว่ โมงแล้วไปลงที่สถานี Shizuoka จากนั้นต่อรถที่หน้าสถานีเป็ นรถบัสสายเหนือ รถบัสชื่อ Shizutetsu Justline โดยมุ่งไปที่ Nihondaira ใช้เวลา 20 นาที มาลงที่ป้าย Nihondaira


37


38

ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของชาเขียว ที่นำชาเขียวมาใช้แต่งกลิ่น สี และรสชาติของอาหารแล้ว เพื่อสนองตอบความต้องการที่ หลากหลายของผูบ้ ริ โภค ผูผ้ ลิตได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจาก ชาเขียวหลัง่ ไหลออกมาสู่ทอ้ งตลาด นับตั้งแต่ของใช้ในชีวติ ประจำวันอย่าง สบู่ เกลืออาบน้ำ โลชัน่ ครี ม น้ำยาดับกลิ่นกาย ยาสี ฟัน น้ำยาบ้วนปาก และเครื่ องสำอางต่างๆ นอกจากนี้ มีการนำสรรพคุณของชาเขียวในการเป็ นสารแอนติออกซิ แดนซ์ที่ทรงพลังมาใช้ในผลิต ภัณฑ์อาหารที่มีไขมันและน้ำมัน เพื่อป้ องกันไม่ให้เหม็นหื นเร็ ว มีการศึกษาวิจยั ถึงควา มเป็ นไปได้ในการนำสารสกัดจากชาเขียวมาใช้เป็ นสารกันบูดสำหรับอาหารสดไปจนถึ ง การนำชาเขียวมาผสมกับ เส้นใยผ้า เป็ น “antimicrobial fiber” สำหรับเสื้ อผ้า ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว เป็ นต้น และมีการนำไปใช้เป็ น ส่ วนผสมในแผ่นใยกรองอากาศสำหรับเครื่ อง ปรับอากาศ นับว่าเป็ นการเพิ่มช่องทางการพัฒนา ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรื อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ได้ และ เข้ากับกระแสนิยมทีเดียว


39

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์

จากชาเขียว

สบู่ไข่กลิ่นชาเขียว ลดความมันบนใบหน้า เหมาะสำหรับผูม้ ี ปัญหาสิ วทำความสะอาดผิวหน้าได้สะอาดล้ำลึก หมดปั ญหา เรื่ องสิ วมากวนใจสำหรับคนผิวแพ้ง่าย เพิ่มความชุ่มชิ้นให้ผวิ บรรจุ 2 ก้อนต่อ 1แพ็ค.

สารสกัดจากชาเขียวเข้มข้น จากธรรมชาติช่วยในการเผาพลาญ เสริ มสร้างการทำงานของระบบเมตาบอริ ซ่ ึ มที่ทำงานได้นอ้ ยลง เนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้นช่วยให้เกิดพลังงานมากขึ้นใช้เป็ นอีก ตัวช่วยกินร่ วมในโปรแกรมการลดน้ำหนักของเรา ไม่มีอนั ตราย เพราะเป็ นสารสกัดจากชาเขียวที่ได้จากธรรมชาติ นอกจาก นี้ชาเขียวยังให้ประโยชน์อีกอย่างที่สำคัญเพราะมีสารต้านอนุมูล อิสระที่ช่วยชะลอความแก่ได้อีกด้วย.

เซรั่มบำรุ งผิวผสมสารอันทรงคุณค่าจากเมล็ดชาเขียวคุณภาพ เยีย่ ม รวมรวบพลังจากผืน่ ดินอันบริ สุทธิ์ท้ งั 4ฤดู กาล เพื่อเพิ่ม ความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึกให้กบั ผิว ช่วยให้ผวิ เนียนเรี ยบเปล่งปลัง่ สดใสให้ทุกสัมผัสที่อ่อนโยนและให้ความรู ้สึกที่สดชื่นผ่อนคลาย.


40

Green Tea Salt de Scrub เกลือจากธรรมชาติ มาใน รู ปแบบของเกลือสครับผิวเนื้อละเอียด ผสมสารสกัด เข้มข้นจากชาเขียว พร้อมวิตามินอีและน้ำมันธรรมชาติ จากสวีทแอลมอนออย, Mineral oil, Essential oil และอีกหลากหลายชนิดที่ไม่ทำให้ผวิ แห้งตึงหลังการ ใช้. โลชัน่ บำรุ งผิวกายสู ตรมอบความชุ่มชื้นเข้มข้น พร้อมส่ วนผสมของ สารสกัดจากชาเขียวทำให้ผวิ รู ้สึกสดชื่น ต้านอนุมูลอิสระของผิว นอกจากนี้ยงั มีส่วนผสมของกลีเซอรี น และเชียร์บตั เตอร์เพื่อบำรุ งผิว ให้เนียนนุ่ม ผิวคุณจึงสัมผัสถึงความชุ่มชื้นได้นานตลอดวันพร้อม กลิ่นหอมสดชื่น.

ยูนิฟ บริ ษทั ยูนิ-เพรสซิ เด้นท์ (ประเทศไทย) จำกัดผูผ้ ลิตและ จำหน่ายชาเขียวพร้อมดื่ม”ยูนิฟ กรี นที” และ “ชาลีวงั ” กล่าวว่า บริ ษทั จึงมีแผนที่จะรักษาความเป็ นผูน้ ำในตลาดไว โดยการพัฒนาสิ นค้ารสชาติใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดต่อ เนื่องตลอดจนการเพิ่มบรรจุภณั ฑ์ใหม่ๆเพื่อขยายไปยังกลุ่มลูกค้า ใหม่ๆ ล่าสุ ดได้ขยายบรรจุภณั ฑ์ใหม่เป็ นขวดแพ็ก 500 มิลลิลิตร และได้เริ่ มรสชาติชูการ์ฟรี ก่อน จากที่มีอยู่ 3 รสชาติ คือ รสชูการ์ฟรี รสดั้งเดิมและรสเลมอน โดยจะจำหน่ายในราคา 20 บาท เท่ากับของคู่แข่ง โออิชิ กรี นที ที่มีขนาดบรรจุ 500 มิลลิลิตรเท่ากัน ทั้งนี้กเ็ พื่อจะขยายไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ อาทิกลุ่มผูอ้ อกกำลังกาย นักกีฬา และนักเดินทาง


41

บริ ษทั ได้ก่อสร้างโรงงานเพื่อผลิตชาเขียวรู ปแบบใหม่ กล่องยูเอชทีสำหรับวัยรุ่ นอายุระหว่าง 15-24 ปี ทัว่ ประเทศและ ชาเขียวในขวดแพ็กสำหรับคนทำงานอายุระหว่าง 25-30 ปี ในเขต กรุ งเทพฯและปริ มณฑลซึ่ งเป็ นขวดในระบบฮอตฟิ วสามารถ เก็บรักษาได้เป็ นระยะเวลา 1 ปี คาดว่ายอดขายปี แรก 500 ล้านบาท มอบหมายให้บริ ษทั ดีทแฮล์มฯเป็ นผูก้ ระจายสิ นค้า โดยปัจจุบนั ในตลาดชาเขียวพร้อมดื่มยูนิฟกรี นทีเป็ นเจ้าตลาดมีส่วน แบ่ง 65% ตามด้วยทิปโก้มีส่วนแบ่ง 10% ของตลาดรวม นะมาชะ บริ ษทั สยามคิริน เบฟเวอร์เรจ จำกัด ในกลุ่มคิริน เบฟเวอร์เรจ คอร์ปอเรชัน่ ประเทศญี่ปุ่น เปิ ดเผยว่า ตลาดชาเขียวในปี 2549 หดตัวลง 40% เมื่อเทียบกับการเกิดกระแสชาเขียวในปี 2548 ซึ่งไม่ได้เป็ นการเติบโตที่เกิดจากความต้องการดื่มที่แท้จริ ง แต่ จากนี้ไปคาดว่าจะมีอตั ราการเติบโตอย่างมัน่ คงจากการที่บริ ษทั ได้เปิ ดตัวชาเขียว “นะมะชะ” นับว่าประสบความสำเร็ จในการ สร้างการรับรู ้ในแบรนด์มาก และในปี 2550 บริ ษทั ได้สร้าง กลยุทธ์ทางการตลาดแนวใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น และเตรี ยมพร้อมสำหรับการก้าวขึ้นเป็ นผูน้ ำตลาดในไทย โดยได้นำ “นะมะชะแพนด้า” 2 รสชาติ คือ รสต้นตำรับ และรสหวานน้อย ที่พฒั นาขึ้นโดยบริ ษทั แม่มาทำตลาดในไท ย ซึ่งจะมีการแจกของพรี เมี่ยมให้กบั ลูกค้าด้วย เพียงซื้ อ “นะมะชะ”1 ขวดที่ร้านสะดวกซื้ อ ก็จะได้รับที่หอ้ ยโทรศัพท์ หรื อซื้ อ 2 ขวดที่ซูเปอร์มาร์เก็ตก็จะได้รับแก้วน้ำ ปัจจุบนั ไม่มีการแจกแล้ว


42

อิชิตนั เป็ นชาออร์แกนิคแท้ ที่ปลอดสารพิษ ตลอดกระบวนการผลิต นับตั้งแต่วนั ที่ตน้ ชา หยัง่ รากสู่พ้ืนดินจนมาถึงวันที่เป็ นขวดอยูใ่ น มือ ของคุณ ซึ่ งเป็ นชาเขียวรายแรก และรายเดียวในประเทศไทยที่ ได้ใบรับรองถึงความเป็ นชาเขียวออร์แกนิคจากกรมส่ งเสริ มการ เกษตร ผมจึงกล้าพูดอย่างเต็มปากว่าเราเป็ นชาเขียวออร์แกนิคแท้ ชาออร์แกนิคคือชาที่ปลูกด้วยวิถีด้ งั เดิม ตามรอยทางธรรมชาติ สะอาดจากสารเคมีทุกชนิด โดยคัดเฉพาะยอดอ่อน 3 ใบบนเท่านั้น อาจมีแมลงบ้าง แต่กเ็ ป็ นตัวรับประกันความปลอดภัยจากสารเคมี และเก็บ ใบอ่อนของชาเหล่านี้ดว้ ยมือเปล่า ไม่ใช้เครื่ องจักร และเก็บเฉพาะช่วงเช้าก่อน 7 โมงเช้า เพื่อให้ใบชาได้ผลิใบรับแสงแดดอ่อนๆ อย่างเต็มที่ และมีละอองน้ำค้าง ที่จะขับกลิ่นหอม และรสชาติหวานละมุนของชาให้ออกมาได้อย่างเต็มเปี่ ยม ฟูจิชะ ชาเขียวพร้อมดื่มภายใต้การควบคุมของฟูจิกรุ๊ ป ผลิตจาก วัตถุดิบใบชานำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น และผลิตโดยใช้ เทคโนโลยีระบบ cold filled ซึ่งเป็ นระบบการผลิตที่ใช้ความ ร้อนสูงในระยะเวลาสั้น แล้วผ่านไปสู่กระบวนการผลิตต่อๆ ไปที่อุณหภูมิต่ำ ทำให้คุณค่า สารอาหาร สี และรสชาติของชา ถูกทำลายไปเพียงเล็กน้อยสู่ บรรจุภณั ฑ์ขวดรู ปทรงกระบอก และฝาปิ ดสองชั้น เพื่อประสิ ทธิภาพในการป้ องกันการแทรก ซึมของจุลินทรี ยเ์ ข้าไปในผลิตภัณฑ์ ปั จจุบนั มีจำหน่าย 3 สู ตร คือ Natural, Tasty (หวาน), Fit (ผสมสารสกัดจากใบแป๊ ะก๊วย)



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.