การเผยแผ่ พระพุทธศาสนา เชิงรุกผ่านสือ่ สังคมของวัดมิง่ เมืองมูล http://www.wat3m.com https://www.facebook.com/wat3m https://www.youtube.com/channel/UC6nZkpn_raKwlzRu9GI7lzw โดย พระครูสิริธรรมบัณฑิต, ผศ. ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์นครลำปาง เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมืองมูล จ.ลำปาง
คลิปที่ 1. ประเพณี - กฐิน คลิปที่ 2. ทศพิธราชธรรม - ธรรมของพระราชา คลิปที่ 3. พรปีใหม่ - การครองตนอย่างมีสติ คลิปที่ 4. มาฆบูชา - วันแห่งความรักของชาวพุทธ คลิปที่ 5. ทาน – การให้อย่างถูกวิธี
-2-
https://www.youtube.com/watch?v=tfUc-m64iOA
1
ผู้ที่มีส่วนร่วมแห่งการทอดกฐิน ถือว่า เป็นผู้มั่นคงในพระพุทธศาสนา ประกาศความเจริญรุ่งเรือง และบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง เพราะเป็นพุทธานุญาต และเป็นกาลทาน
-3-
อานิสงส์ของการร่วมทำบุญทอดกฐิน 1. ทำให้เป็นผูม้ ั่งคั่งมีทรัพย์สินมาก และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้โดยง่าย 2. ทำให้เป็นผู้มีจิตใจแช่มชื่น บริสุทธิ์และผ่องใสอยู่เสมอ 3. ทำให้เป็นผู้มีจิตใจตั้งมัน่ เป็นสมาธิและเข้าถึงธรรมได้โดยง่าย 4. ได้ชื่อว่าเป็นผู้สามารถใช้ทรัพย์สมบัติให้เกิดเป็นบุญกุศล ติดตัวไปในภพเบื้องหน้าได้อย่างเต็มที่ 5. ทำให้เป็นคนรูปงาม ผิวพรรณงาม เป็นที่รักของคนทั่วไป 6. ทำให้เป็นผู้มีสรรเสริญ เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธา สาธุ สาธุ อนุโมทนา ขอบุญรักษา เทวดาคุ้มครอง
-4-
https://www.youtube.com/watch?v=D2nLLpsXJks
2
ทศพิธ ราชธรรม นําชีวติ ธรรมภาษิต สิบประการ ท่านขานไข 1. ทานัง เสียสละ ปันให้ไป ให้อภัย ให้วัตถุ ให้พระธรรม 2. สีลัง การระวัง กายวาจา เพียรรักษา ศีลเหมาะสม ให้คมขํา 3. ปริจาคะ เลิกละ สิ่งอธรรม ความคิดต่ำ สละไป ให้ไกลตน 4. อาชชวัง ซื่อตรง และเที่ยงแท้ ไม่ยอมแพ้ ตรตรึก เฝ้าฝึกฝน 5. มัททวัง อ่อนโยน และถ่อมตน ย่อมส่งผล ให้คนรัก และเมตตา 6. ตะปัง เพียรขยัน หมั่นกอบกิจ ความคิดผิด เผาผลาญไป ไกลใจหนา 7. อักโกธัง รีบระงับ ดับโกรธา มิให้มา กําเริบ เติบต่อความ 8. อวิหิงสา กรุณา และปราณี ไม่เบียดเบียน ชีวี พาที่หยาม 9. ขันติ อดทนได้ น้ำใจงาม ผู้ใหญ่นำ ผู้น้อยตาม อร่ามตา 10. อวิโร- ธนัง ไม่ผันแปร จิตแน่วแน่ ตามใน ไตรสิกขา ปฏิบัติได้จิตแช่มชื่น รื่นปรีดา ทศพิธ ราชธรรมา พาโลกเย็น
ประพันธ์โดยพระครูประจักษ์สารธรรม , นิราลัย สาธุ สาธุ อนุโมทนา ขอบุญรักษา เทวดาคุ้มครอง
-5-
https://www.youtube.com/watch?v=JGE_Lu9UyzA
ขอแชร์พรปีใหม่ ให้ทุกท่านสมอารมณ์ปอง ขอเจริญพร ญาติโยมทั้งหลาย ปีเก่า 2563 กำลังจะผ่านไป ปีใหม่ 2564 กำลังจะก้าวเข้ามา ธรรมะที่อาตมาอยากจะขอมอบให้ คือ ให้เรา 1. ทบทวนอดีต 2. กำหนดปัจจุบัน 3. วางแผนอนาคต
3
-6-
1. ทบทวนอดีต คือ บางสิ่งที่ไม่ควรจำ ถ้ามันทำให้เจ็บ แต่บางสิ่งก็ควรเก็บ ถ้ามันเป็นความเจ็บที่น่าจำ หมายความว่า เรื่องบางเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ ไม่มีสาระ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ก็อย่าเก็บมันไว้ให้รกสมอง ทำให้ทุกข์เปล่า ๆ แต่บางเรื่อง มันอาจจะทำให้เราเจ็บปวด แต่มันมีประโยชน์มากสำหรับชีวิต เราก็ต้องเก็บไว้เตือนสติตนเอง
-7-
2. กำหนดปัจจุบัน คือ เมื่อเราทบทวนอดีตแล้ว สิ่งที่สำคัญทีส่ ุด คือ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ให้ดีกว่าอดีตที่ผ่านมา ท่านทั้งหลาย เรื่องอะไรที่เลวร้าย ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มันก็เหมือนกับพายุที่มันถาโถมเข้ามา ไม่นานนัก มันก็จากไป ปัญหาอุปสรรคก็เช่นเดียวกัน มันเข้ามาในชีวิตเรา ถ้าเรารู้จักจะเอาอุปสรรคมาเป็นกำลังใจ มาทำให้เราเข้มแข็ง เราก็อยู่ได้ แต่ถ้าเราเอามาทำให้เจ็บใจ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
-8-
3. วางแผนอนาคต คือ เมื่อเรามีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน เราย่อมเดินไปสู่ความชัดเจนในชีวิตได้ อาตมาอยากบอกว่า ไม่มีความเจ็บปวดใด ทีจ่ ะไม่มีค่าในชีวิต มันขึ้นอยู่ที่ว่า เราจะเอาความเจ็บปวดนัน้ มาทำให้เราเข้มแข็ง หรือเอามาทิ่งแทงให้เจ็บใจ เราต้องมองไปข้างหน้า มองไปด้วยความหวัง ต้องคิดให้กว้าง มองให้ไกล ทำใจให้สูง อย่าคิดแคบ มองใกล้ แล้วก็จะใฝ่ต่ำ จะทำให้ชีวิตเรานั้นหม่นหมอง
-9-
ปีใหม่ 2564 นี้ ขอให้ทุกท่าน ร่ำรวยความสุข ร่ำรวยความดี ร่ำรวยบารมี ร่ำรวยเงินทอง มีความสุข ร่างกายแข็งแรงปลอดภัย มีกำลังใจเข้มแข็งตลอดไปเทอญ สวัสดีปีใหม่จงไร้โศก ประสพโชคดีงามตามสนอง ปรารถนาสิ่งใด ได้สมอารมณ์ปอง ทรัพย์เนืองนองไหลมาดังสายวารี สาธุ สาธุ อนุโมทนา ขอบุญรักษา เทวดาคุ้มครอง
- 10 -
https://www.youtube.com/watch?v=2eXwquk6of4
4
ขอเจริญพร พุทธศาสนิกชนคนดีทุกท่าน ในเดือนกุมภาพันธ์น้ี ถือว่าเป็น เดือนแห่งเทศกาลวันสำคัญเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น วันตรุษจีน วันวาเลนไทน์ และวันสำคัญของชาวพุทธศาสนานั่น ก็คอื วันมาฆบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี “วันมาฆบูชา” เป็นวันสำคัญยิ่งทางพุทธศาสนาอีกวันหนึ่ง เป็น “วันแห่งความรัก” ทั้งนี้ เนื่องจากวันดังกล่าวได้เกิดเหตุการณ์พิเศษ ที่เรียกว่า “จาตุรงคสันนิบาต” ขึ้น และเป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ประกาศหลักการและอุดมการณ์แห่งพุทธศาสนา
- 11 -
อันมีเนื้อหาหลัก ว่าด้วยการส่งเสริมให้มวลมนุษย์ ตั้งมั่นในการทำความดี ละความชั่ว ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน นั่นก็คือ ทรงสอนให้ทุกคนมีความรักอันยิ่งใหญ่ เป็นรักที่ไม่เห็นแก่ตัว เพราะสอนให้รู้จักรัก และเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลก โดยมีพระสงฆ์เป็นผู้นำพระธรรมคำสั่งสอนดังกล่าวไปเผยแผ่ ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นที่มาของการยกให้วันมาฆบูชา เป็นวันกตัญญูและวันแห่งความรักอันบริสุทธิ์ "ความรัก" กับ "ธรรมะ" เป็นเรื่องที่ควรคู่กัน เป็นสิ่งที่คู่รักควรหยิบยื่นให้กัน เพราะชีวติ คู่จะไปกันได้ดี ก็ต้องอาศัยข้อธรรมเป็นปัจจัยหลัก ฉะนั้นคำว่า รักใครให้ธรรมะ จึงเป็นคำที่คู่รักทุกคู่ ควรคำนึงถึงอยู่เสมอ เพื่อความราบรื่นในชีวติ คู่ตลอดไปนั่นเอง ว่าแต่คู่รักควรหยิบยื่นหลักธรรมข้อใดให้แก่กันบ้าง? อาตมภาพขอเสนอว่า
- 12 -
ความรักควรมี พรหมวิหารธรรม 4 พรหมวิหาร 4 ควรมีอยู่ประจำใจของคู่รักทุกคน เพราะ พรหมวิหาร 4 เป็นหลักธรรมสำคัญที่สุด ที่จะทำให้ความรักราบรื่น สดใส ไม่มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกัน และรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน โดยพรหมวิหาร 4 ประกอบไปด้วย... 1. เมตตา - แปลว่า ความรัก หมายถึงความรักที่มุ่งเพื่อความปรารถนาดี โดยให้เราระลึกอยู่เสมอว่า เราจะไม่สร้างความสะเทือนใจ ความลำบากกาย ให้เกิดขึ้นแก่คนที่เรารัก ถ้ามีความทุกข์เกิดขึ้น เราจะมีทุกข์เสมอด้วยเขา ถ้าเขามีสุข เราจะสบายใจด้วยกับเขานั่นเอง 2. กรุณา - แปลว่า ความสงสาร มุ่งหน้าให้คนที่เรารัก หมดทุกข์ตามกำลังกาย กำลังปัญญา กำลังทรัพย์เท่าที่เราจะทำให้แก่กันและกันได้
- 13 -
3. มุทิตา - แปลว่า มีจิตอ่อนโยน มีอารมณ์แจ่มใสตลอดเวลา เห็นแฟน/ภรรยา/สามี ได้ดีก็ผ่องใส ชื่นอกชื่นใจ เหมือนเราก็ได้ดีไปด้วยกัน 4. อุเบกขา - แปลว่าความวางเฉย ความวางเฉยในพรหมวิหารนี้ หมายถึง เฉยโดยธรรม คือ ทรงความยุติธรรมไม่ลำเอียงไปเข้าข้างคนที่เรารักเมื่อเขาทำ ผิด พร้อมกันนั้นก็ประกอบด้วยความเมตตาปรานี พร้อมที่จะสงเคราะห์ หรือแนะนำพร่ำสอน ให้คนที่เรารักไปในทางที่ดีข้นึ ได้ ดังนั้น ขอให้ทุกท่าน จงมีความสุขในวันแห่งความรักตามแนวพระพุทธศาสนา ทุกท่านเทอญ สาธุ สาธุ อนุโมทนา ขอบุญรักษา เทวดาคุ้มครอง
- 14 -
https://www.youtube.com/watch?v=U2XRvKoTCjo
5
ขอเจริญพร สาระธรรมโดย ภ.ปฏิภาณเมธี วันนี้ ขอนำเสนอเรื่อง ทาน ในหลักธรรมของพระพุทธเจ้าทีก่ ล่าวถึงทานไว้หลายแห่ง เช่น บุญกิริยาวัตถุ 3 ประการ หรือ 10 ประการ ทศพิธราชธรรม 10 ประการ บารมี 10 มงคลสูตร 38 ประการ เป็นต้น ทาน คืออะไร ? ให้ทานอย่างไรดี ! ทานที่แปลว่า การให้, การแบ่งปัน, การเสียสละ, การเอือ้ เฟื้อ หมายถึง การให้ทานด้วยจิตใจที่ดงี าม มุ่งเพื่อบูชาพระคุณ เช่น ที่ให้แก่บิดามารดา ถวายแก่พระสงฆ์ เป็นต้นบ้าง มุ่งเพื่อสงเคราะห์ เช่น ทีใ่ ห้แก่คนตกทุกข์ได้ยาก ให้แก่คนทั่วไปด้วยความกรุณาสงสารบ้าง
- 15 -
ประเภทของทาน ทานแบ่งตามสิ่งที่ให้ ดังนี้ 1. อามิสทาน คือ ให้สิ่งของเป็นทาน 2. ธรรมทาน คือ ให้ธรรมะเป็นทาน และที่ได้ยนิ ในปัจจุบันคือ 3. วิทยาทาน คือ ให้ความรู้เป็นทาน 4. อภัยทาน คือ ให้อภัยไม่ถือโทษโกรธเคืองเป็นทาน ในการดำเนินชีวิตต้องอาศัยทั้งอามิส และธรรมะ เพราะชีวิตมีสองด้านใหญ่ ๆ คือ กาย กับ ใจ อามิส บริหารชีวิตด้านกาย ธรรมะ บริหารชีวติ ด้านจิตใจ ฉะนัน้ พึงบำเพ็ญทานทั้ง 2 ควบคู่กันไปเสมอ แบ่งตามผู้รับทาน ดังนี้ 1. ปาฏิปุคลิกทาน คือ ให้เจาะจงผู้ใดผู้หนึ่ง 2. สังฆทาน คือ ให้แก่ส่วนรวมหรือแก่สงฆ์ ไม่จำเพาะเจาะจงว่าแก่พระภิกษุ
- 16 -
องค์ประกอบแห่งทาน 1. สิ่งของที่จะให้ต้องบริสุทธิ์ (วัตถุทาน) คือ ได้มาด้วยความชอบธรรม ไม่ผิดศีลธรรม และเป็นสิ่งของที่เหมาะสมแก่ผู้รับ ไม่เป็นสิ่งที่ขัดต่อ ศีลธรรมอันดีงาม อันนำมาซึ่งความเบียดเบียน เช่น สุรา สิ่งเสพติดทุก ชนิด อาวุธ และสื่อลามกต่าง ๆ 2. ผู้ให้จะต้องให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยมุ่งหมายอนุเคราะห์บูชาคุณ ผู้รับ และขจัดความตระหนี่ในใจตน 3. ผู้ให้ต้องมีความเข้าใจเรื่องทาน มีปัญญารู้จักเลือกให้ 4. ผู้ให้ต้องพยายามรักษาศรัทธาทั้งในก่อนให้ ขณะให้ และหลังให้ 5. ผู้รับ มีส่วนสำคัญกับผลของทาน คือ ผลหรืออานิสงส์ของทานจะ มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับบุญคุณและคุณธรรมของผู้รับ 6. ผู้ให้ตั้งอยู่ในคุณธรรมสูงขึ้นไปมีศีลเป็นต้น จะทำให้ทานมีอานิสงส์ มากขึ้น
- 17 -
จุดมุ่งหมายแห่งทาน ส่วนตน ขจัดความตระหนี่อันเป็นมลทินในจิตใจ ที่ คอยขัดขวางไม่ให้ คุณธรรมอื่น ๆ เจริญ ส่วนสังคม บำเพ็ญตนเป็นประโยชน์แก่สังคม ทำให้ผู้อื่นได้รับความสุข แบ่งได้เป็น ๓ ประเภท คือ 1. ทานที่ให้ เพื่อ ทำคุ ณ แก่ผู้รับ เช่น การให้ ทานเพื่อ ให้ตนเป็ น ที่รัก ที่ ชอบใจของประชาชนเป็นต้น 2. ทานเพื่ อ อนุ เคราะห์ ไม่ ใส่ ใจว่ า จะเป็ น บุ ญ คุ ณ หรื อ ไม่ ทำไปเพื่ อ อนุเคราะห์ด้วยความเต็มใจ 3. ทานเพื่ อ บู ช าคุ ณ การให้ เพื่ อ บู ช าคุ ณ ความดี ข องผู้ อื่ น ให้ ด้ ว ยใจ บริสุทธิ์ ลักษณะของทาน แบ่งตามชนิดของสิ่งที่บริจาคทาน 1. ให้สิ่งของที่ตนไม่ต้องการแล้ว เรียกว่า เป็น ทาสทาน 2. ให้สิ่งของที่ตนใช้สอยอยู่ (ให้ส่งิ ที่เสมอกัน) เรียกว่า สหายทาน 3. ให้ส่งิ ของที่ดที ี่สุด (เท่าที่มอี ยู่) เรียกว่า สามีทาน
- 18 -
การทำบุญลักษณะที่ 3 จึงจะมีผลมาก ต้องรู้จักการให้แบบสัตบุรุษสัปปุริสทาน 8 1. ให้ของสะอาด 2. ให้ของประณีต 3. ให้ในเวลาที่เหมาะสม 4. ให้ของที่สมควร เหมาะสม 5. ให้ด้วยวิจารณญาณ รู้จักเลือกทั้งของและคนที่จะให้ 6. ให้ประจำ สม่ำเสมอ 7. ขณะให้ทำใจให้ผ่องใส 8. ให้แล้วเบิกบานใจ
- 19 -
ทานมีอานิสงส์ ตามคุณสมบัติผู้ให้ 1. ผู้ให้ทานด้วยศรัทธามั่นคงไม่หวั่นไหว มีจติ ใจผ่องใส ทั้งก่อนให้ ขณะ ให้ แ ละหลั ง จากให้ แ ล้ ว ผลแห่ ง ทานย่ อ มทำให้ เ ขาเป็ น ผู้ มี รู ป งาม ผิวพรรณงาม น่ามองน่าเลื่อมใส 2. ผู้ให้ทานด้วยความเคารพ ผลแห่งทานย่อมทำให้เขามีภรรยา สามี บุตร และบุคคลใกล้ชิดเป็นคนดี รู้จักเชื่อฟัง 3. ผู้ ให้ ท านตามกาล ผลแห่ งทานย่ อ มทำให้ เขาสำเร็จสมปรารถนา ทันเวลาที่ต้องการ 4. ผู้ให้ทานด้วยจิตอนุเคราะห์ ผลแห่งทานย่อมทำให้เขาได้รับความ อนุเคราะห์จากคนทั้งหลาย ถึงคราวลำบากย่อมมีคนคอยช่วยเหลือ เสมอ ทานมีอานิสงส์ ตามคุณสมบัติของผู้รับ ผลจากการให้ทานนั้น ย่อมทำให้มีอายุยนื ผิวพรรณดี ความสุข ไม่มี โรคภัย มีปญ ั ญา และมีทรัพย์ สำหรับทานทีใ่ ห้แก่สัตว์ทั่วไป มีผลร้อยเท่า แก่มนุษย์ มีผลพันเท่า แก่ผู้มศี ลี มีผลแสนเท่า ส่วนทานที่ถวายแก่สมมติสงฆ์ พระอริยสงฆ์ พระพุทธเจ้า และทาน เพื่อส่วนรวม (สังฆทาน) มีผลหรืออานิสงส์ท่ไี ม่อาจนับได้โดยการคำนวณ
- 20 -
อนึ่ง ผลบุญไม่อาจชั่ง ตวง วัดได้ เพราะเป็นสิง่ เกิดในจิตใจ สัง่ สมเป็น ศักยภาพภายในของมนุษย์ แต่อาจจะกำหนดความน้อยความมากของผล บุญตามคุณสมบัติของผู้รับ ดังนี้ 1. ให้ทานแก่สัตว์ ได้บุญน้อยกว่าให้คนทุศลี (คนไม่มีศีล) 2. ให้แก่คนทุศลี ได้บุญน้อยกว่าคนมีศลี 3. ให้แก่คนมีศลี ได้บุญน้อยกว่า ถวายแก่พระภิกษุ (ปุถุชน) 4. ถวายแก่พระภิกษุ (ปุถุชน) ได้บุญน้อยกว่า ถวายแก่พระอริยสงฆ์ 5. ถวายแก่พระอริยสงฆ์ ได้บุญน้อยกว่า ถวายแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า 6. ถวายแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า ได้บุญน้อยกว่า ถวายแก่พระสัมมาสัม พุทธเจ้า 7. ถวายแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้บุญน้อยกว่า การถวายเป็น สังฆทาน (ถวายแก่ส่วนรวม) 8. ถวายเป็นสังฆทาน ได้บญ ุ น้อยกว่า วิหารทาน (เพื่อประโยชน์แก่ พระสงฆ์ผู้มาจากจตุรทิศ)
- 21 -
ผลที่ ก ล่ า วข้ า งต้ น เฉพาะอามิ ส ทาน ส่ ว นการให้ ธ รรมะเป็ น ทานมี อานิสงส์ที่คำนวณและกำหนดไม่ได้เลย เพราะการให้ธรรมะชนะการให้ทุก อย่าง ฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า การบำเพ็ญทาน เป็นมงคลสูงสุดในชีวติ ข้อมูลจาก หนังสือ “มงคลชีวิต 38 ประการ” เทพพร มังธานี สำนักพิมพ์ เลี่ยงเชียง สาธุ สาธุ อนุโมทนา ขอบุญรักษา เทวดาคุ้มครอง
- 22 -
ประวัติ พระครูสริ ธิ รรมบัณฑิต,ผศ. (ภาณุวฒ ั น์) ฉายา ปฏิภาณเมธี นามสกุล แสนคำ ตำแหน่ง - เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมืองมูล - ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์นครลำปาง - ผู้ช่วยศาสตราจารย์
ประวัตกิ ารศึกษา พ.ศ. 2538 นักธรรมชั้นเอก จากสำนักเรียนวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พ.ศ. 2542 เปรียญธรรม ๕ ประโยค จากสำนักเรียนวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พ.ศ. 2542 มัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนสามัคคีวิทยาทานวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พ.ศ. 2547 ปริญญาตรีพุทธศาสตรบัณฑิต (พธ.บ.) สาขาปรัชญา (เกียรตินิยม อันดับ ๑) จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ พ.ศ. 2549 ปริญญาโท M.A. คณะภาษาศาสตร์ (Linguistics) จากมหาวิทยาลัยนาคปูร์ รัฐมหารัชตะ ประเทศอินเดีย พ.ศ. 2558 ปริญญาโท สาขาบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์ (ค.ม.) มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ปัจจุบัน
กำลังศึกษาต่อ ปริญญาเอก หลักสูตร พธ.ด.สาขาพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่
- 23 -
ผู้จดั ทำ ผูเ้ รียบเรียงเนือ้ หา พระครูสิริธรรมบัณฑิต,ผศ. (ภาณุวัฒน์) เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมืองมูล ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์นครลำปาง ผูอ้ อกแบบอีบ๊คุ และเผยแพร่แบบออนไลน์ ผศ.บุรินทร์ รุจจนพันธุ์ มหาวิทยาลัยเนชั่น สถานที่ วัดมิ่งเมืองมูล จังหวัดลำปาง