การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า...ในการปลูกพืชผัก และพืชสมุนไพร

Page 1


เอกสารค�ำแนะน�ำที่ 4/2558 การใช้นำ�้ อย่างรูค้ ณ ุ ค่า...ในการปลูกพืชผัก และพืชสมุนไพร ที่ปรึกษา : นายโอฬาร พิทักษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร นายสุรพล จารุพงศ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ฝ่ายบริหาร นายไพรัช หวังดี รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ฝ่ายวิชาการ นายสงกรานต์ ภักดีคง รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ฝ่ายส่งเสริมและฝึกอบรม ผู้เชี่ยวชาญกรมส่งเสริมการเกษตร นางสุกัญญา อธิปอนันต์ ผู้อ�ำนวยการส�ำนักพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยี นางดาเรศร์ กิตติโยภาส ผู้อ�ำนวยการกองประสานงานโครงการพระราชด�ำริและพื้นที่เฉพาะ เรียบเรียง : กลุ่มโครงการพระราชด�ำริ กองประสานงานโครงการพระราชด�ำริและพื้นที่เฉพาะ กลุ่มส่งเสริมระบบการให้น�้ำพืชและโรงเรือนเกษตร กองส่งเสริมวิศวกรรมเกษตร ส�ำนักส่งเสริมและจัดการสินค้าเกษตร จัดท�ำโดย : กลุ่มพัฒนาสื่อส่งเสริมการเกษตร ส�ำนักพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยี กรมส่งเสริมการเกษตร พิมพ์ครั้งที่ 1 : ปี 2558 จ�ำนวน 20,000 เล่ม พิมพ์ที่ : ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จ�ำกัด

SSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSS SSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSS


ค�ำน�ำ กรมส่งเสริมการเกษตร ได้จัดท�ำโครงการเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู ่ หั ว เนื่ อ งในโอกาสมหามงคลเฉลิ ม พระชนมพรรษา 87 พรรษา 5 ธันวาคม 2557 ในหัวข้อ “ใช้น�้ำอย่าง รู้คุณค่า ปวงประชาถวายพ่อของแผ่นดิน” เพื่อเป็นการน้อมร�ำลึกถึง พระมหากรุณาธิคณ ุ ทีม่ ตี อ่ วิถชี วี ติ และความเป็นอยูข่ องประชาชน ซึง่ เป็นผลมาจากพระอัจฉริยภาพด้านน�้ำ เอกสารค�ำแนะน�ำ “การใช้นำ�้ อย่างรูค้ ณ ุ ค่า...ในการปลูกพืชผัก และพืชสมุนไพร” เป็นเอกสารที่จัดท�ำขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ เทิ ด พระเกี ย รติ ฯ เพื่ อ ให้ ศู น ย์ เ รี ย นรู ้ ก ารเพิ่ ม ประสิ ท ธิ ภ าพการ ผลิตสินค้าเกษตรได้น�ำไปใช้เป็นแนวทางการส่งเสริม เผยแพร่ และ ถ่ายทอดเทคโนโลยีการบริหารจัดการน�้ำในรูปแบบต่าง ๆ แล้วได้น�ำ ไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับการด�ำเนินการของตนเองและพืน้ ทีใ่ กล้เคียง เพื่อให้เกษตรกรได้ตระหนักและเห็นถึงแนวทางการใช้ประโยชน์ จากน�้ำอย่างรู้คุณค่าและมีประสิทธิภาพ กรมส่งเสริมการเกษตรหวังเป็นอย่างยิง่ ว่า เอกสารค�ำแนะน�ำ ฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรที่ได้เข้ามาเรียนรู้ด้านการเพิ่ม ประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ซึ่งสามารถน�ำไปปรับใช้และ ปรับปรุงการด�ำเนินงานในอาชีพการเกษตรของตนเองต่อไป

กรมส่งเสริมการเกษตร พฤษภาคม 2558

S S S S S S S S S S S S S S Sการใช้ S Sอย่SางรูS S S S SชผัSก และพื S S Sนไพร S S 1S S S S ุณS ค่า...ในการปลู S S S S S S S S S S S S S S S Sน�้ำS S้คS S S S SกพืS S S ชSสมุS SSSSSS


S S S S2 S การใช้ S Sน�้ำSอย่าSงรู้คSุณค่Sา...ในการปลู S S SกพืSชผัS SS SSSSSSSSSSSSSSS สมุS นไพร SSSSS SSS SSSSSSS SกSและพื SชS SSSSSSSSSSSSSSS


สารบัญ หน้า

คุณค่าแห่งน�้ำ 4 น�้ำของพ่อ น�้ำของแผ่นดิน

5

หลักการให้น�้ำแก่พืช 6 การใช้น�้ำอย่างรู้คุณค่า…ในการปลูกพืชผักและพืชสมุนไพร

ระบบน�้ำที่เหมาะสม (1) ระบบมินิสปริงเกลอร์ (2) ระบบน�้ำหยด ● ปริมาณความต้องการน�้ำของพืชผัก ● การให้น�้ำที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของพืช (1) พืชผัก (2) พืชสมุนไพร ●

ตัวอย่างเกษตรกรที่ประสบความส�ำเร็จ

กลุ่มผลิตผักปลอดสารพิษบ้านหนองศาลา (1) นายวสันต์ จันทศร (2) นายจ�ำลอง เภาพูล (3) นายประหยัด สวัสดี ● การใช้น�้ำอย่างรู้คุณค่า...ในการท�ำไร่นาสวนผสม (1) นายประกิจ จิตรใจภักดิ์ ●

7 7 7 8 9 10 10 17 19 19 19 19 23 27 27

S S S S S S S S S S S S S S Sการใช้ S Sอย่SางรูS S S S SชผัSก และพื S S Sนไพร S S 3S S S S ุณS ค่า...ในการปลู S S S S S S S S S S S S S S S Sน�้ำS S้คS S S S SกพืS S S ชSสมุS SSSSSS


คุณค่าแห่งน�้ำ นับตั้งแต่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ทรง พระอุตสาหะเสด็จพระราชด�ำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรไทยทั่วภูมิภาค ทรงประจักษ์แจ้งใน ทุ ก ข์ สุ ข ของราษฎร ทรงทราบว่ า ราษฎรในชนบทยากจนเพราะการประกอบอาชี พ เกษตรกรรมไม่ได้ผล เนื่องจากขาดแคลนน�้ำ ทรงตระหนักดีว่า “น�้ำ” มีความส�ำคัญ ต่อการประกอบอาชีพและด�ำรงชีวิตของราษฎรในชนบท ทั้งน�้ำใช้ อุปโภคบริโภค และน�้ำ เพื่อการเกษตร ดังพระราชด�ำรัส ณ สวนจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2529 ความตอนหนึ่งว่า ““...หลักส�ำคัญต้องมีน�้ำบริโภค

น�้ำใช้ น�้ำเพื่อการเพาะปลูก เพราะว่าชีวิตอยู่ที่นั้น ถ้ามีน�้ำคนอยู่ได้ ถ้าไม่มีน�้ำคนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้า คนอยู่ได้ แต่ถ้ามีไฟฟ้า ไม่มีน�้ำคนอยู่ไม่ได้...”” ดังนัน้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั จึงทรงทุม่ เทพระวรกายในการศึกษาพัฒนา และจัดการทรัพยากรน�้ำ ด้วยทรงมีความเชื่อมั่นว่าเมื่อใดที่สามารถแก้ไขหรือบรรเทา ความเดือดร้อนในเรื่องน�้ำให้แก่ราษฎร เพื่อให้ราษฎรมีน�้ำกิน น�้ำใช้และเพื่อการเพาะปลูก ตลอดจนไม่มีปัญหาเกี่ยวกับน�้ำที่มีความเสียหายให้แก่พืชที่เพาะปลูกแล้ว เมื่อนั้น ราษฎรย่อมมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม

S S S S4 S การใช้ S Sน�้ำSอย่าSงรู้คSุณค่Sา...ในการปลู S S SกพืSชผัS SS SSSSSSSSSSSSSSS สมุS นไพร SSSSS SSS SSSSSSS SกSและพื SชS SSSSSSSSSSSSSSS


น�้ำของพ่อ น�้ำของแผ่นดิน ด้วยพระอัจฉริยภาพด้านน�้ำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราช กรณียกิจด้านการแสวงหาแหล่งน�ำ้ และการบริหารจัดการน�ำ ้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึ ง ได้ จั ด ท� ำ โครงการเทิ ด พระเกี ย รติ พ ระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู ่ หั ว เนื่ อ งในโอกาส มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 5 ธันวาคม 2557 ในหัวข้อ “ใช้นำ้� อย่างรูค้ ณ ุ ค่า ปวงประชาถวายพ่อของแผ่นดิน” โดยใช้ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สินค้าเกษตรที่มีอยู่ทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด จ�ำนวน 882 ศูนย์ เกษตรกร 88,200 คน เป็นตัวขับเคลื่อนการด�ำเนินงานโครงการ โดยเน้นกิจกรรมการถ่ายทอดความรู้และ เทคโนโลยี ก ารบริ ห ารจั ด การน�้ ำ ที่ เ หมาะสมในการปลู ก พื ช ที่ เ ป็ น สิ น ค้ า หลั ก ของ แต่ละศูนย์ ออกเป็น 4 กลุ่ม คือ 1. การใช้น�้ำอย่างรู้คุณค่า..ในการ “ท�ำนา” 2. การใช้น�้ำอย่างรู้คุณค่า..ในการ “ปลูกพืชไร่” 3. การใช้น�้ำอย่างรู้คุณค่า..ในการ “ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น” 4. การใช้น�้ำอย่างรู้คุณค่า..ในการ “ปลูกพืชผัก และพืชสมุนไพร”

S S S S S S S S S S S S S S Sการใช้ S Sอย่SางรูS S S S SชผัSก และพื S S Sนไพร S S 5S S S S ุณS ค่า...ในการปลู S S S S S S S S S S S S S S S Sน�้ำS S้คS S S S SกพืS S S ชSสมุS SSSSSS


หลักการให้น�้ำพืช “น�ำ้ ”...เป็นปัจจัยหลักส�ำหรับการเพาะปลูกพืช ภายใต้สภาพการปลูกพืชทีม่ นี ำ�้ เพียงพอ ธาตุอาหารอุดมสมบูรณ์ สภาพภูมิอากาศเหมาะสมแล้วพืชสามารถสังเคราะห์ แสง สร้างอาหารเพือ่ น�ำไปใช้ในการเจริญเติบโต เก็บสะสมอาหารให้เป็นผลผลิตทีม่ นุษย์ ต้องการได้อย่างเต็มที่ การปลูกพืชจึงต้องได้รับน�้ำอย่างเพียงพอและเหมาะสมตามระยะ เวลาที่ต้องการ หลักการให้นำ�้ เพือ่ การเจริญเติบโตของพืชอย่างมีคณ ุ ภาพและให้ผลตอบแทนสูง นั้น จะต้องค�ำนึงถึงว่าควรให้น�้ำแก่พืชเมื่อใด และให้ปริมาณน�้ำเท่าใด ซึ่งในทางปฏิบัติ จะมีปัจจัย 3 ประการที่ต้องค�ำนึงถึง คือ ดิน น�้ำ และพืช ดังนี้ 1. ดิน...ความสามารถในการอุ้มน�้ำของดินในเขตรากพืช 2. น�้ำ...ปริมาณของน�้ำที่ต้องจัดหามาให้แก่พืช 3. พืช...ปริมาณน�้ำที่พืชต้องการในช่วงเวลาต่าง ๆ ตลอดอายุพืช ในการอุม้ น�ำ้ ของดินในเขตรากพืชและปริมาณน�ำ้ ทีพ่ ชื ต้องการในแต่ละช่วงเวลา ต่าง ๆ ตลอดอายุของพืชเป็นข้อมูลส�ำคัญเบื้องต้นที่จะต้องน�ำมาใช้ก�ำหนดความถี่ และปริมาณน�้ำในการให้น�้ำแต่ละครั้ง

S S S S6 S การใช้ S Sน�้ำSอย่าSงรู้คSุณค่Sา...ในการปลู S S SกพืSชผัS SS SSSSSSSSSSSSSSS สมุS นไพร SSSSS SSS SSSSSSS SกSและพื SชS SSSSSSSSSSSSSSS


การใช้น�้ำอย่างรู้คุณค่า... ในการปลูกพืชผักและพืชสมุนไพร พืชผัก และพืชสมุนไพร เป็นพืชที่ปลูกในลักษณะการยกแปลง ทั้งในพื้นที่ลุ่ม และพืน้ ทีด่ อน ในพืน้ ทีล่ มุ่ นิยมยกแปลงและมีคนู ำ�้ ล้อมรอบเพือ่ ใช้ประโยชน์จากแหล่งน�ำ้ ในการขนย้ายผลผลิต และมีการให้นำ�้ โดยการใช้เรือรดน�ำ ้ แต่ปญ ั หาทีเ่ กิดคือเม็ดน�ำ้ ใหญ่ กระทบใบผักท�ำให้ช�้ำหรือตายได้ ส่วนในที่ดอนเมื่อยกแปลงแล้วจะต้องใช้วิธีการ สูบน�้ำเข้าแปลงโดยวิธีการให้น�้ำทางผิวดินหรือท่วมในกรณีพื้นที่ราบหรือให้น�้ำไหล ตามร่องคูในกรณี พื้นที่มีความลาดชันไม่เกิน 5% ปัจจุบันนิยมใช้ระบบให้น�้ำด้วย แรงดันจากเครื่องสูบน�้ำส่งน�้ำผ่านท่อผ่านหัวปล่อยน�้ำกระจายไปยังต้นพืช

ระบบน�้ำที่เหมาะสม

1. ระบบมินิสปริงเกลอร์

เหมาะส�ำหรับพืชผักที่ปลูกเป็นแปลงแบบหว่านหรือแบบต้นกล้า เช่น ผักกินใบ ผักหัว การติดตั้งสามารถวางระยะห่างระหว่างหัวมินิสปริงเกลอร์ ประมาณ 3–4 เมตร เช่น ติดตั้งหัวมินิสปริงเกลอร์ อัตราการไหล 60–120 ลิตรต่อชั่วโมง รัศมี การกระจายน�้ำ 4 เมตร ทุกระยะ 4 x 4 เมตร ดังภาพ

S S S S S S S S S S S S S S Sการใช้ S Sอย่SางรูS S S S SชผัSก และพื S S Sนไพร S S 7S S S S ุณS ค่า...ในการปลู S S S S S S S S S S S S S S S Sน�้ำS S้คS S S S SกพืS S S ชSสมุS SSSSSS


2. ระบบน�้ำหยด

เหมาะส�ำหรับพืชผักทีป่ ลูก เป็ น แถวเป็ น แนว เช่ น ถั่ ว ฝั ก ยาว คะน้า ผักกาดขาว กะหล�ำ่ ปลี ทีม่ รี ะยะ การปลูกระหว่างแถว 0.5-1 เมตร สามารถใช้เทปน�้ำหยดวางตามแถว ปลูกทุกแถว โดยใช้เทปน�้ำหยดที่มี ช่องทางออกห่าง 20-30 เซนติเมตร จ่ายน�้ำ 1.5-2.5 ลิตรต่อชั่วโมง ดังภาพ

ตารางเปรียบเทียบระบบการให้น�้ำ ระบบ สปริง เกลอร์

น�้ำหยด

แรงดันน�้ำ

อัตราการไหล ระยะเวลา ให้น�้ำ

สูง มาก (20 เมตรขึ้นไป) (250 ลิตรต่อ ชั่วโมงขึ้นไป)

ต�่ำ (5-10 เมตร)

น้อย (2-8 ลิตรต่อ ชั่วโมง)

ข้อดี

น้อย

มาก

ข้อจ�ำกัด

กระจายน�้ำเป็น ● สู ญ เสี ย น�้ ำ มาก วงกว้าง จึงใช้อปุ กรณ์ จากการระเหยและ น้อย กระจายไปตามลม ● ไม่ มี ป ั ญ หาการ ● ลงทุ น สู ง และใช้ อุดตัน ดูแลง่ายและ พลังงานมาก ใช้เครือ่ งกรองเฉพาะ หั ว ฉี ด ข น า ด เ ล็ ก เท่านั้น ประหยัดน�้ำและ ● อุดตันง่ายต้องใช้ ใช้พลังงานน้อยกว่า เครือ่ งกรองละเอียดมาก (ขนาด 140 เมช) ต้องตรวจสอบและ ล้างไส้กรองทุกวัน ● การวางบนพืน ้ ดิน ท�ำให้ตรวจสอบการ อุดตันยาก เมือ่ พบพืช อาจเกิ ด ความเสี ย หายแล้ว

S S S S8 S การใช้ S Sน�้ำSอย่าSงรู้คSุณค่Sา...ในการปลู S S SกพืSชผัS SS SSSSSSSSSSSSSSS สมุS นไพร SSSSS SSS SSSSSSS SกSและพื SชS SSSSSSSSSSSSSSS


ปริมาณความต้องการน�้ำของพืชผัก ล�ำดับ

ชื่อพืช

อายุจากวันปลูกถึงวันเก็บเกี่ยว ปริมาณน�้ำที่ใช้ (ลูกบาศก์เมตร/ไร่)

1

กระเทียม

75 - 150 วัน

535

2

กะหล�่ำดอก

100 - 120 วัน

450

3

กะหล�่ำปลี

100 - 110 วัน

450 - 600

4

คะน้า

45 - 55 วัน

350

5

แตงกวา

30 - 40 วัน

350

6

ถั่วฝักยาว

50 - 75 วัน

400

7

ผักชี

45 - 50 วัน

350

8

พริกต่าง ๆ

70 - 90 วัน

500 – 850

9

มะเขือเทศต่าง ๆ

60 - 90 วัน

400 - 600

10

มะเขือเทศ

60 - 75 วัน

500 – 650

11

มันฝรั่ง

100 - 129 วัน

500 - 650

12

หอมแบ่ง

40 - 50 วัน

650

13

หัวหัวใหญ่

80 - 120 วัน

580 - 800

14

บวบต่าง ๆ

40 - 60 วัน

300 – 500

15

ผักกาดขาว

45 - 80 วัน

450

16

ผักกาดเขียว

55 - 75 วัน

350

17

ผักกาดหอม

55 - 70 วัน

350

18

ผักกาดหัว

42 - 65 วัน

500

19

ผักบุ้งจีน

30 - 35 วัน

200

20

ฟักเขียว

90 - 120 วัน

350

21

ฟักทอง

120 -180 วัน

333

22

แตงร้าน

80 - 120 วัน

400

23

แตงโม

75 - 120 วัน

470

ที่มา : กองส่งเสริมวิศวกรรมเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร, 2552.

S S S S S S S S S S S S S S Sการใช้ S Sอย่SางรูS S S S SชผัSก และพื S S Sนไพร S S 9S S S S ุณS ค่า...ในการปลู S S S S S S S S S S S S S S S Sน�้ำS S้คS S S S SกพืS S S ชSสมุS SSSSSS


การให้น�้ำที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของพืช 1. พืชผัก ชนิดพืช กระเทียม

การให้น�้ำ รดน�้ำหลังปลูกทันที จากนั้นให้น�้ำ 3–5 วันต่อครั้ง หลังปลูก 30 วัน รดน�้ำทุก 7–10 วันต่อครั้ง หลังปลูกเกินกว่า 60 วัน ให้น�้ำทุก 15 วัน งดน�ำ้ เมือ่ กระเทียมแก่จดั หรือก่อนเก็บเกีย่ ว 2–3 สัปดาห์ ต้องการน�้ำเพียงพอตลอดปี เทคนิคช่วยรักษาน�้ำอยู่ในแปลง คลุมดินหลังปลูกด้วยฟางข้าวแห้ง เศษหญ้าแห้ง หรือ เศษวัสดุที่สามารถผุพังเน่าเปื่อยอื่น ๆ อย่าปล่อยให้ดนิ แห้ง โดยเฉพาะช่วงออกดอกและติดฝัก ให้น�้ำสม�่ำเสมอ ประมาณวันละ 8 มิลลิลิตร หรือ 12.8 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ ให้น�้ำแบบเฉพาะจุด เทคนิค หากเป็นดินเหนียว ควรยกเป็นแปลงลูกฟูกขึ้น เพื่อช่วย ให้มีการระบายน�้ำดีและช่วยให้การหมุนเวียนถ่ายเท อากาศในดินดี ถ้าขาดน�ำ้ จะกระทบต่อการสร้างตาดอก ท�ำให้ปริมาณ และคุณภาพดอกลดลง ผลผลิตต�่ำ เทคนิค ปลูกในฤดูแล้งควรมีการคลุมดินด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง จะช่วยให้รักษาความชื้นในดินได้ดี ● ● ● ● ●

กระเจี๊ยบเขียว

● ●

กะหล�่ำดอก

S S S S S การใช้ S Sน�้ำSอย่าSงรู้คSุณค่Sา...ในการปลู S S SกพืSชผัS SS SSSSSSSSSSSSSSS สมุS นไพร S S S S10 SSSS SSSSSSS SกSและพื SชS SSSSSSSSSSSSSSS


ชนิดพืช กะหล�่ำปลี

การให้น�้ำ ระยะแรกควรให้น�้ำพอดินชื้นพอเหมาะ เมื่อเริ่มโตควรให้น�้ำอย่างพอเพียงดูตามสภาพดิน การให้ น�้ ำ แบบปล่ อ ยไปตามร่ อ งระหว่ า งแปลงให้ ทุก 7–10 วัน ก่อนเก็บเกี่ยว 1 สัปดาห์ ลดการให้น�้ำลงเพื่อป้องกัน หัวแตก ใน 1 ฤดูปลูกใช้น�้ำ 300–450 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ เทคนิค ปลูกกะหล�่ำปลี ควรคลุมดินรอบ ๆ โคนต้นด้วยฟางหรือ หญ้าแห้งบาง ๆ เพื่อช่วยรักษาความชื้นในดิน เมื่อปลูก เสร็จแล้วควรท�ำร่มบังแดดให้ในวันรุ่งขึ้นประมาณ 3-4 วัน จึงเอาออก มี 2 วิธี โดยมากจะใช้วธิ ใี ห้น�้ำตามร่อง หากพบว่าหน้าดิน แห้ ง และต้ น ขิ ง เริ่ ม แสดงอาการเหี่ ย วควรให้ น�้ ำ ทั น ที ระวังอย่าให้น�้ำท่วมขังอาจท�ำให้หัวขิงเน่า และการให้น�้ำ แบบมินิสปริงเกลอร์ จะมีต้นทุนสูงแต่ให้ผลผลิตสูงกว่า การให้น�้ำตามร่อง ใน 1 ฤดูปลูกใช้น�้ำ 2,000-2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ เทคนิค การคลุมดินจะลดค่าใช้จา่ ยในการก�ำจัดวัชพืช ช่วยรักษา ความชื้นในแปลงปลูกโดยใช้ทางมะพร้าว ใบหญ้าคา ฟางข้าว ● ● ●

ขิง

S S S S S S S S S S S S S S Sการใช้ S Sอย่SางรูS S S S SชผัSก และพื S S Sนไพร S S11 SSSS ุณS ค่า...ในการปลู S S S S S S S S S S S S S S S Sน�้ำS S้คS S S S SกพืS S S ชSสมุS SSSSSS


ชนิดพืช คะน้า

การให้น�้ำ ให้น�้ำอย่างสม�่ำเสมอโดยเฉพาะช่วงเริ่มงอก ควรให้ วันละ 2 เวลา เช้า-เย็น ห้ามขาดน�้ำโดยเด็ดขาด ใน 1 ฤดูปลูกใช้น�้ำ 300–450 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ เทคนิค หลังหว่านเมล็ดคะน้ากลบเมล็ดด้วยดินผสม หรือปุย๋ คอก ที่สลายตัวดีแล้วให้หนาประมาณ 0.6-1 เซนติเมตร ให้คลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้งบาง ๆ รดน�้ำให้ชุ่มด้วย บัวฝอย ต้นกล้าจะงอกภายใน 7 วัน ให้น�้ำอย่างสม�่ำเสมอ ระยะแรก ให้แค่เพียงพอต่อการงอก ให้น�้ำเพิ่มขึ้นเมื่อต้นเจริญเติบโต งดน�้ำก่อนเก็บเกี่ยวผล ประมาณ 7–10 วัน ใน 1 ฤดู ป ลู ก ใช้ น�้ ำ 250–375 มิ ล ลิ เ มตร หรื อ 400-600 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ หลังย้ายกล้าลงปลูกให้น�้ำทันที หมั่นตรวจดูความชื้น ในดิน และควรให้น�้ำอย่างสม�่ำเสมอตลอดระยะการ เจริญเติบโตจนกระทั่งเก็บเกี่ยว เพราะพืชตระกูลแตง เป็นพืชทีต่ อ้ งการน�ำ้ มากส�ำหรับการเจริญของล�ำต้นและ ผล แต่การให้มากเกินไปจะท�ำให้ดินขาดออกชิเจน และการ ที่มีความชื้นในแปลงมากจะท�ำให้เกิดโรคทางใบได้ง่าย เทคนิค การปลูก หยอดเมล็ดลงในหลุมปลูก 2 เมล็ดต่อหลุม คลุมด้วยฟางแล้วรดน�้ำทุกวันเช้าและเย็น หรือวันละ 1 ครั้งก็ได้ แล้วแต่ความเหมาะสม ●

แคนตาลูป

● ● ● ● ●

แตงกวา

S S S S S การใช้ S Sน�้ำSอย่าSงรู้คSุณค่Sา...ในการปลู S S SกพืSชผัS SS SSSSSSSSSSSSSSS สมุS นไพร S S S S12 SSSS SSSSSSS SกSและพื SชS SSSSSSSSSSSSSSS


ชนิดพืช ถั่วฝักยาว

การให้น�้ำ ในระยะ 1–7 วันแรกหลังจากหยอดเมล็ด ควรให้น�้ำ ทุกวันวันละ 1 ครั้ง เป็นพืชที่ต้องการน�้ำอย่างสม�่ำเสมอและเพียงพอ แต่ไม่ควรให้มากจนดินแฉะ ใน 1 ฤดูปลูกใช้น�้ำ 500-1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ เทคนิค หยอดเมล็ดโดยตรงลงในหลุมปลูก 3-4 เมล็ด แล้วกลบ ด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวแล้วหรือดินผสมให้ หนาประมาณ 5 เซนติเมตร คลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง สะอาดบาง ๆ เพื่อช่วยเก็บรักษาความชื้นผิวหน้าดิน เป็นพืชที่ต้องการน�้ำมาก แต่ไม่ชอบน�้ำขัง ควรให้น�้ำวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น เทคนิค ก่ อ นปลู ก ต้ อ งรดน�้ ำ ให้ ทั่ ว แปลง น� ำ เมล็ ด ที่ เ ตรี ย มไว้ มาหว่ า นลงบนแปลงปลู ก หรื อ โรยเป็ น แถวบนแปลง แต่ละแถวห่าง 20-30 เซนติเมตร กลบด้วยดินละเอียด บาง ๆ แล้วคลุมด้วยฟาง รดน�้ำให้ชุ่ม ช่วงแรก ๆ หลังเพาะกล้า ควรให้น�้ำเช้าและเย็น เมื่อต้นกล้าแข็งแรงแล้วให้น�้ำ ทุก 2-3 วัน เมื่อต้นพริกตั้งตัวได้แล้ว ควรให้น�้ำทุก 3-5 วัน ●

ผักชี

● ●

พริก

● ● ●

S S S S S S S S S S S S S S Sการใช้ S Sอย่SางรูS S S S SชผัSก และพื S S Sนไพร S S13 SSSS ุณS ค่า...ในการปลู S S S S S S S S S S S S S S S Sน�้ำS S้คS S S S SกพืS S S ชSสมุS SSSSSS


ชนิดพืช มะเขือเปราะ

การให้น�้ำ รดน�้ ำ เช้ า –เย็ น ในระยะแรกของการเพาะและ ย้ายปลูก รดน�้ำวันละ 1 ครั้ง เมื่อต้นกล้าตั้งตัวดีแล้ว เทคนิคพริกกับมะเขือ การเพาะกล้า หว่านเมล็ดกระจายทัว่ แปลงกว้างประมาณ 1 เมตร ยาวตามความเหมาะสม กลบด้วยดินผสมละเอียด ปุ ๋ ย คอก หรื อ ปุ ๋ ย หมั ก ที่ ส ลายตั ว ดี แ ล้ ว คลุ ม ด้ ว ยฟาง ควรให้ น�้ ำ เช้ า เย็ น เมื่ อ ต้ น กล้ า เริ่ ม เจริ ญ แล้ ว ให้ น�้ ำ วันละครั้ง หรือ ทุก 2-3 วัน และเมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ ให้เอาฟางที่คลุมแปลงออก เมื่อย้ายกล้าลง แปลงปลูกควรให้น�้ำทันที ควรให้น�้ำอย่างต่อเนื่องให้ดินชื้นพอเหมาะ ในระยะ แรก เมื่อเริ่มโตควรให้น�้ำอย่างพอเพียงตามสภาพดิน ใน 1 ฤดูปลูกใช้น�้ำ 500–1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ เทคนิค คลุมด้วยพลาสติกสีเงินหรือฟางข้าว เพื่อรักษาความชื้น ของดินและเป็นการป้องกันการชะล้างผิวหน้าดินเมื่อ ฝนตกหรือให้น�้ำ นอกจากนี้ ยังช่วยลดเปอร์เซ็นต์ผลเน่า และการระบาดของโรคทางใบ ซึ่งจะช่วยให้ผลผลิตเพิ่ม สูงขึ้น 20-40% ควรคลุมห่างโคนต้น เพื่อไม่ให้โคนต้น มีความชื้นสูงเกินไป ●

มะเขือเทศ

S S S S S การใช้ S Sน�้ำSอย่าSงรู้คSุณค่Sา...ในการปลู S S SกพืSชผัS SS SSSSSSSSSSSSSSS สมุS นไพร S S S S14 SSSS SSSSSSS SกSและพื SชS SSSSSSSSSSSSSSS


ชนิดพืช มันฝรั่ง

การให้น�้ำ ให้น�้ำอย่างสม�่ำเสมอ ระยะแรกให้แค่เพียงพอต่อการงอก ให้น�้ำเพิ่มขึ้นเมื่อต้นเริ่มเจริญเติบโต งดการให้น�้ำก่อนขุดหัว ประมาณ 2 สัปดาห์ ใน 1 ฤดูปลูกใช้น�้ำ 640-800 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ ควรเลือกช่วงปลูกในระยะทีม่ ฝี นตก เพือ่ ให้นำ�้ เพียงพอ ตลอดฤดูปลูก เทคนิค การใช้วัสดุคลุมดิน เช่น ฟางแห้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ อุณหภูมิดินร้อนเกินไป มีผลให้หัวมันฝรั่งรูปร่างผิดปกติ เริ่มปลูกจนถึง 40 วัน หลังปลูกให้รดน�้ำสม�่ำเสมอ ทุกวัน 40 วันหลังปลูกลดน�้ำลง โดยให้น�้ำวันเว้นวัน ภาคเหนือ ใน 1 ฤดูปลูก ใช้น�้ำ 477 ลูกบาศก์เมตร ต่อไร่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใน 1 ฤดูปลูก ใช้น�้ำ 515 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ เทคนิค การคลุ ม ดิ น ใช้ ฟ างแห้ ง หญ้ า แห้ ง เปลื อ กถั่ ว ลิ ส ง หรือแกลบดิบ เพื่อป้องกันการสูญเสียน�้ำ และรักษา ความชื้นของผิวดินไว้ ● ● ● ● ● ●

หอมแดง

● ●

S S S S S S S S S S S S S S Sการใช้ S Sอย่SางรูS S S S SชผัSก และพื S S Sนไพร S S15 SSSS ุณS ค่า...ในการปลู S S S S S S S S S S S S S S S Sน�้ำS S้คS S S S SกพืS S S ชSสมุS SSSSSS


ชนิดพืช หอมหัวใหญ่

การให้น�้ำ ระยะแรก ให้น�้ำวันเว้นวัน หลังจากตั้งตัวได้แล้วให้น�้ำ 3-5 วันต่อครั้ง วิธีการที่ให้น�้ำดีที่สุดคือ ปล่อยน�้ำให้เข้าตามร่อง เพื่อให้น�้ำซึมเข้าแปลงอย่างเพียงพอ แล้วจึงระบาย น�้ำออกอย่าให้ขังแฉะ ใน 1 ฤดูปลูกใช้น�้ำ 1,120-1,200 ลูกบาศก์เมตร ต่อไร่ หรือให้น�้ำประมาณ 14-15 ครั้ง แต่ละครั้ง ให้น�้ำ 80 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ โดยรักษาให้มีความชื้น อยู่ที่ระดับ 35-60 เซนติเมตร จากหน้าดิน เทคนิค เกษตรกรใช้ฟางหรือหญ้าแห้งคลุมแปลง เพือ่ ป้องกันการ สูญเสียน�้ำ รักษาความชื้นของผิวดินไว้ และช่วงป้องกัน ก�ำจัดวัชพืช ช่วงแรกที่ย้ายกล้าลงแปลงปลูกจะให้น�้ำวันเว้นวัน หลังจากกล้าตั้งตัวได้แล้วให้น�้ำทุก 3–5 วัน ขึ้นอยู่กับ ความชื้นในดิน ระวังอย่าให้แฉะ ปริมาณน�้ำใต้ดินต้องเพียงพอกับระดับที่รากเจริญ เติบโต คือ 15-60 เซนติเมตร ปริมาณน�้ำที่ใช้ คือ 2.5-5 มิลลิเมตรต่อวัน รดน�้ำทุกวัน วันละ 2-3 ครั้ง โดยใช้หัวฉีดพ่นฝอย ในโรงเรือน ให้ละอองอยู่เหนือถุงเห็ด ไม่ให้น�้ำเข้า ในคอขวด และรักษาความชื้นในโรงเรือนไม่น้อยกว่า 85% เวลาให้น�้ำ ระวังอย่าให้น�้ำขังในก้อนเชื้อ ● ● ●

หน่อไม้ฝรั่ง

● ●

เห็ดนางรม – นางฟ้า

S S S S S การใช้ S Sน�้ำSอย่าSงรู้คSุณค่Sา...ในการปลู S S SกพืSชผัS SS SSSSSSSSSSSSSSS สมุS นไพร S S S S16 SSSS SSSSSSS SกSและพื SชS SSSSSSSSSSSSSSS


ชนิดพืช เห็ดฟาง

การให้น�้ำ ในวันที่ 4-5 ให้ตรวจดูความชื้น ถ้าเห็นว่าข้างและ หลังกองแห้งให้ใช้บัวรดน�้ำรดน�้ำเบา ๆ ให้ชื้นแล้วปิด ไว้อย่างเดิม ตรวจดูความชืน้ ภายในโรงเรือน ถา้ หน้ากองเพาะแห้งเกินไป ให้พน่ น�ำ้ เป็นฝอยทีผ่ วิ หน้าให้ชมุ่ พอสมควร แต่อย่าให้แฉะ ความเป็นกรดเป็นด่างของน�้ำ ต้องเป็นกลาง (pH 7) ●

ที่มา : กรมส่งเสริมการเกษตร, 2556.

2. พืชสมุนไพร ชนิดพืช ขมิ้นชัน

การให้น�้ำ ขมิน้ เป็นพืชทีต่ อ้ งการความชืน้ สูง แต่ไม่ตอ้ งการสภาพ ที่ชื้นแฉะหลังจากปลูกเหง้าพันธุ์แล้ว ควรรดน�้ำให้ชุ่ม เพื่อรักษาความชื้นของดินให้เหมาะสมต่อการงอกล�ำ อย่างต่อเนื่องในระยะเริ่มปลูกจนถึงระยะที่ต้นยังมี ขนาดเล็กควรให้นำ�้ อย่างสม�ำ่ เสมอหรือให้นำ�้ เมือ่ เห็นว่า ดินแห้ง โดยเมื่อพืชเริ่มโตการให้น�้ำควรลดลงหรือให้ ตามความเหมาะสม โดยทั่วไปในฤดูฝนที่มีฝนตก สม�ำ่ เสมอไม่จำ� เป็นต้องให้นำ�้ เพิม่ และควรระมัดระวัง ไม่ให้มีน�้ำท่วมขังในแปลงปลูกนาน ๆ เพราะจะท�ำให้ ต้นเน่าเสียหายได้และหยุดการให้นำ�้ ในระยะทีต่ น้ เริม่ มี ใบสีเหลืองในฤดูแล้ง ซึง่ เป็นช่วงทีข่ มิน้ ชันเข้าสูร่ ะยะพักตัว ต้ อ งมี ป ริ ม าณน�้ ำ ฝนประมาณ 1,000-2,000 มิลลิเมตรต่อปี เทคนิค หลังจากปลูกเหง้าพันธุแ์ ล้ว ควรใช้ฟางข้าวหรือใบหญ้าคา หรือวัสดุอย่างอืน่ ทีม่ คี ณ ุ สมบัตเิ หมือนกันคลุมแปลงปลูก เพื่อลดการระเหยของน�้ำในดิน และช่วยรักษาความชื้น ในดิน ซึ่งจะมีผลดีต่อการงอกของขมิ้นชัน ●

S S S S S S S S S S S S S S Sการใช้ S Sอย่SางรูS S S S SชผัSก และพื S S Sนไพร S S17 SSSS ุณS ค่า...ในการปลู S S S S S S S S S S S S S S S Sน�้ำS S้คS S S S SกพืS S S ชSสมุS SSSSSS


ชนิดพืช ไพล

การให้น�้ำ ในระยะแรกของการปลูกต้องคอยดูแลอย่าให้พืชขาดน�้ำ ต้องรดน�้ำสม�่ำเสมอ จนกว่าพืชจะตั้งตัวได้หลังจากนั้น ก็ควรให้น�้ำบ้างอย่างน้อย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ในพื้นที่ที่ แห้งแล้ง โดยปกติในพื้นที่ปลูกภาคตะวันออก อาศัยน�้ำ ฝนจากธรรมชาติจะไม่มีการรดน�้ำ เทคนิค ควรปลูกช่วงต้นฤดูฝน ในราวเดือนพฤษภาคม คลุมด้วยฟางหรือใบหญ้าคาตากแห้ง หนาประมาณ 2 นิ้ว รดน�้ำทันที หลังปลูกโดยใช้เหง้าตัดเป็นท่อน ๆ ชุบด้วยสารเคมีป้องกันเชื้อราทิ้งไว้สักครู่ แล้วปลูก ลงแปลงที่เตรียมไว้ระยะระหว่างต้นและระหว่างแถว 25x27 เซนติเมตร และกลบดินให้มิดหนาประมาณ 2-3 เซนติเมตร ● ●

ที่มา : ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ จังหวัดสกลนคร, 2555.

S S S S S การใช้ S Sน�้ำSอย่าSงรู้คSุณค่Sา...ในการปลู S S SกพืSชผัS SS SSSSSSSSSSSSSSS สมุS นไพร S S S S18 SSSS SSSSSSS SกSและพื SชS SSSSSSSSSSSSSSS


ตัวอย่างเกษตรกรที่ประสบความส�ำเร็จ

การใช้น�้ำอย่างรู้คุณค่า...“เพื่อการปลูกผัก ของกลุ่มปลูกผักปลอดสารพิษบ้านหนองศาลา” พื้นที่ท�ำการเกษตรในที่ลุ่มหรือก้นกระทะ นายวสันต์ จันทศร และ นายจ�ำลอง เภาพูล กิจกรรมปลูกพืชผัก ต�ำบลบ้านสิงห์ อ�ำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี

สภาพทั่วไป พื้นที่การเกษตรเป็นที่ลุ่มและที่ดอน คล้ายแอ่งกระทะ ใช้นำ�้ จากแหล่งน�ำ้ ชลประทาน ท� ำ การเกษตรมี ก ารจั ด การแปลงปลู ก และ นายวสันต์ นายจ�ำลอง การให้น�้ำในที่ลุ่มและที่ดอนแตกต่างกัน ต่อมาแหล่งน�้ำได้รับผลกระทบจากฟาร์ม สุกรขนาดใหญ่ท�ำให้น�้ำเน่าเสีย ไม่เหมาะที่จะน�ำ ไปใช้ สมาชิ ก กลุ ่ ม ผลิ ต ผั ก ปลอดสารพิ ษ บ้ า น หนองศาลาได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาท�ำการพัฒนา แหล่ ง น�้ ำ โดยน� ำ เทคโนโลยี ก ารบ� ำ บั ด น�้ ำ เสี ย ตามแนวพระราชด�ำริอาศัยธรรมชาติช่วยเหลือ ธรรมชาติดว้ ยกันเอง โดยปลูกวัชพืช ได้แก่ ธูปฤาษี และผักตบชวาช่วยกรองหรือฟอกน�้ำให้สะอาดขึ้น วัชพืชชนิดนี้จะดูดซับธาตุอาหารที่มีอยู่ในน�้ำเสีย น�ำไปใช้ในการเจริญเติบโต ประกอบกับจุลินทรีย์

S S S S S S S S S S S S S S Sการใช้ S Sอย่SางรูS S S S SชผัSก และพื S S Sนไพร S S19 SSSS ุณS ค่า...ในการปลู S S S S S S S S S S S S S S S Sน�้ำS S้คS S S S SกพืS S S ชSสมุS SSSSSS


ทีม่ อี ยูใ่ นดินจะย่อยสลายสารอินทรียด์ ว้ ยซึง่ เป็นเทคโนโลยีทมี่ ปี ระสิทธิภาพในการบ�ำบัด น�้ำเสียได้เป็นอย่างดี ง่าย สะดวก ประหยัด

ลักษณะการปลูกพืช

ปลูกพืชแบบยกร่อง ด้วยการ ขุดคันดินล้อมรอบแปลงเกษตร และ ขุดร่องเป็นร่างแหเพื่อยกแปลงด้านใน ให้สูง โดยร่องที่ขุดจะใช้ส�ำหรับกักเก็บ น�้ำ และให้น�้ำแก่พืช พืชที่นิยมปลูกด้วย ระบบนี้ ได้แก่ ไม้ผล และพืชผักชนิด ต่าง ๆ

การเตรียมดิน

การยกร่องจะท�ำการขุดคันดินบริเวณรอบแปลงเกษตรทั้งสี่ด้านให้มีความสูง ประมาณ 1-1.5 เมตร เพื่อป้องกันน�้ำท่วม และขุดร่องรอบทั้งสี่ด้านให้ลึก 0.5-1 เมตร กว้างประมาณ 1-2 เมตร ตามความเหมาะสมซึ่งจะพิจารณาระดับความลึกของร่อง ที่ต้องขุด เพื่อให้สามารถเก็บกักน�้ำไว้ใช้ ส�ำหรับพืชให้เพียงพอ น� ำ ดิ น ที่ ขุ ด มาถมแปลง ความ กว้างของแปลงประมาณ 3-6 เมตร ความ ยาวตามความเหมาะสมของพื้นที่ ขณะ ท�ำการขุดถมแปลงมีการให้รถขุดบีบอัด ขอบแปลงให้แน่นทุกครั้งเพื่อป้องกันดิน ทรุดตัว และพังลงได้ง่าย การดูแลรักษาร่องจะต้องท�ำการขุดลอก ร่องน�้ำด้วยการตักโคลนตมจากท้องร่องมาถมบริเวณขอบร่องทุก ๆ 1-2 ปี ควบคุม ระดับน�้ำในท้องร่องให้คงที่ เพื่อป้องกันการเน่าเสียของน�้ำ ให้น�้ำเข้าขังในร่องอยู่ใน ระดับต�่ำกว่าขอบแปลงประมาณ 10-20 เซนติเมตร

S S S S S การใช้ S Sน�้ำSอย่าSงรู้คSุณค่Sา...ในการปลู S S SกพืSชผัS SS SSSSSSSSSSSSSSS สมุS นไพร S S S S20 SSSS SSSSSSS SกSและพื SชS SSSSSSSSSSSSSSS


การปรับปรุงดิน

ใช้ปยุ๋ หมักหรือปุย๋ คอกร่วมกับปุย๋ เคมีตาม ชนิดพืชที่ปลูกภายหลังเก็บผลผลิต แก้ไขปัญหา ของดิน เช่น กรณีดินเป็นกรด ควรปรับปรุงดิน ด้วยการหว่านวัสดุปนู บนสันร่องและร่องน�ำ ้ ในอัตรา 0.5-1.0 ตันต่อไร่ หรือใส่อัตรา 5 กก.ต่อหลุม หรือ ถ้าเป็นดินเค็ม ใช้ยิปซัมคลุกลงในดิน และใช้น�้ำล้าง เป็นต้น การป้องกันและก�ำจัดศัตรูพืช : เมื่อพบโรค แมลง และวัชพืชจะใช้แรงงานคนก�ำจัด โดยเด็ดใบ หรือถอนต้นทิ้ง เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด

การใช้น�้ำอย่างรู้คุณค่า ใช้น�้ำเหมาะสมกับชนิดพืชที่ปลูก

ผักที่เกษตรกรปลูกผักทุกชนิด เช่น กวางตุ้ง คะน้า โหระพา ผักกาดหอม บวบ แตงกวา มะระ มะเขือเทศ ฯลฯ ล้วนเป็นพืชอวบน�้ำ จึงต้องการน�้ำมาก หากขาดน�้ำ ผักจะเหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ วันทีอ่ ากาศร้อนและมีลมแรง พืชต้องคายน�ำ้ มากเป็นพิเศษ ผักจะชะงักการเจริญเติบโต หากผั ก ได้ รั บ น�้ ำ ไม่ เ พี ย งพอ ผลผลิ ต จะ ลดลงอย่างมาก ในระยะแรกเมื่อผักยังเล็ก ต้องการน�้ำไม่มากนัก การให้น�้ำกระท�ำ โดยการใช้เรือรดน�้ำไปบนแปลงปลูกผัก

ใช้น�้ำสอดคล้องกับความต้องการน�้ำของพืช

ในแต่ละช่วงวัยของพืชมีความต้องการน�้ำที่แตกต่างกัน เริ่มจากการหว่านเมล็ด ให้น�้ำ 3 เวลา คือ เช้า กลางวัน และเย็น จนกว่าเมล็ดผักงอกใช้เวลาประมาณ 7 วัน หลังเมล็ดงอกและรากลงดินแล้วลดการให้น�้ำเป็น 2 เวลา คือ เช้าและบ่ายในช่วง

S S S S S S S S S S S S S S Sการใช้ S Sอย่SางรูS S S S SชผัSก และพื S S Sนไพร S S21 SSSS ุณS ค่า...ในการปลู S S S S S S S S S S S S S S S Sน�้ำS S้คS S S S SกพืS S S ชSสมุS SSSSSS


บ่าย 3 โมง หากอากาศร้อนมากต้องให้ทั้ง 3 เวลา ช่วงวิกฤต ของพืชทีข่ าดน�ำ้ ไม่ได้คอื ช่วงการเจริญเติบโตตัง้ แต่ 15 ถึง 35 วัน ซึ่งจะแตกต่างกันบ้างในแต่ละชนิดของพืช

ใช้น�้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้ เ รื อ รดน�้ ำ ท� ำ ให้ บ ริ ห ารจั ด การน�้ ำ ได้ อ ย่ า งมี ประสิทธิภาพ สะดวก ประหยัดต้นทุนการให้น�้ำในระยะยาว โดยเรือมีหัวพ่นน�้ำเป็นปลอก 3 แบบ คือ ขนาด 4 หุน 6 หุน และหัวพ่นน�้ำที่ติดมากับ ตัวเครื่องของเรือเกษตรกรสามารถปรับเปลี่ยนขนาดได้ตามความจ�ำเป็นของการให้น�้ำ และสามารถให้ปุ๋ยควบคู่ไปด้วย โดยน�ำปุ๋ยละลายน�้ำและพ่นให้กับพืชผักอาทิตย์ละครั้ง ท� ำ ให้ ป ระหยั ด ค่ า ปุ ๋ ย และเวลาในการดู แ ลพื ช ผั ก “ประหยั ด เวลา และประหยั ด แรงงาน” เติมน�้ำหมักชีวภาพใส่ลงไปในน�้ำในระหว่างรดน�้ำ เพื่อเพิ่มออกซิเจนของ น�้ำในร่องสวนท�ำให้คุณภาพของน�้ำในร่องสวนได้รับการบ�ำบัดไปด้วย น�้ำสะอาดขึ้น สามารถเลี้ยงปลาเบญจพรรณเป็นรายได้เสริมอีกด้วย

แผนผังการใช้น�้ำ

S S S S S การใช้ S Sน�้ำSอย่าSงรู้คSุณค่Sา...ในการปลู S S SกพืSชผัS SS SSSSSSSSSSSSSSS สมุS นไพร S S S S22 SSSS SSSSSSS SกSและพื SชS SSSSSSSSSSSSSSS


ในพื้นที่ท�ำการเกษตรในที่ดอน นายประหยัด สวัสดี กิจกรรมปลูกถั่วฝักยาว ต�ำบลบ้านสิงห์ อ�ำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ลักษณะการปลูกพืช

พื้นที่ในการปลูกผักเป็นพื้นที่ดอน มีการยกร่องแปลงให้ สูงกว่าหน้าดินเล็กน้อยเพื่อให้หน้าดินร่วนซุย และลึก ร่องแปลง นายประหยัด มีขนาดเล็กใช้ส�ำหรับเป็นทางเดินเท่านั้น การปลูกถั่วฝักยาว สามารถปลูกได้ตลอดปีในดิน แทบทุกชนิด แม้ในดินลูกรังซึ่งเป็นแปลงของเกษตรกรเอง แต่คณ ุ สมบัตขิ องการเป็นพืชตระกูลถัว่ สามารถช่วยปรับปรุง ดินให้ดีขึ้นได้ ถั่วฝักยาวต้องการแสงแดดเต็มที่ตลอดวัน ชอบ อากาศค่อนข้างร้อน ถ้าอากาศหนาวเกินไปจะท�ำให้ชะงัก การเจริญเติบโตผลผลิตต�่ำ ฝักไม่สวย ถั่วฝักยาวจะให้ ผลผลิตดีในช่วงฤดูฝน

การเตรียมแปลง

ไถพรวนความลึกประมาณ 6-8 นิ้ว ตากดินทิ้งไว้ 5-7 วัน เพื่อท�ำลายไข่แมลง และศัตรูพืชบางชนิด เก็บเศษ วัชพืชออกจากแปลงให้หมด ถั่วฝักยาวเป็นพืชที่มีระบบ รากละเอี ย ดอ่ อ น ควรยกร่ อ งส� ำ หรั บ ปลู ก ถั่ ว ฝั ก ยาว กว้างประมาณ 1-1.2 เมตร โดยให้ความยาวเหมาะสม กั บ สภาพแปลง และเตรี ย มร่ อ งระหว่ า งแปลงส� ำ หรั บ เข้าไปปฏิบัติงาน กว้างประมาณ 0.5-0.8 เมตร ตากดินไว้ 7-10 วัน เพื่อท�ำลายไข่แมลง และศัตรูบางชนิด

S S S S S S S S S S S S S S Sการใช้ S Sอย่SางรูS S S S SชผัSก และพื S S Sนไพร S S23 SSSS ุณS ค่า...ในการปลู S S S S S S S S S S S S S S S Sน�้ำS S้คS S S S SกพืS S S ชSสมุS SSSSSS


การปรับปรุงดิน

มีการวิเคราะห์ดิน เพื่อให้ทราบถึงความจ�ำเป็นและ หาข้อมูลในการปรับปรุงบ�ำรุงดินให้เหมาะสม รวมทัง้ หาความ เป็นกรดและด่างของดิน (pH) ให้มีค่าระหว่าง 5.5-6.0 หลัง จากตากดินแล้ว จากนั้น ไถคราด ไถพรวน ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ย หมักที่สลายตัวแล้ว เพื่อปรับปรุงโครงสร้างของดินให้ดีขึ้น

การป้องกันและก�ำจัดศัตรูพืช

การให้นำ�้ แบบระบบมินสิ ปริงเกลอร์ในแปลงถัว่ ลิสง สามารถให้นำ�้ ได้ทวั่ ถึงทัง้ ต้น ช่วยให้บริเวณยอดต้นถั่วมีความชุ่มชื้น ศัตรูพืชไม่มารบกวนหรือรบกวนน้อยมาก หากมี ความจ�ำเป็นต้องป้องกันและก�ำจัดศัตรูพืช สามารถใช้สารก�ำจัดศัตรูพืชพร้อมให้น�้ำได้

การใช้น�้ำอย่างรู้คุณค่า วิธีการใช้น�้ำเหมาะสม

มีแหล่งน�ำ้ ต้นทุนเป็นคลองชลประทานอยูใ่ กล้กบั พืน้ ที่ ปลูกสะดวกต่อการสูบน�้ำเข้าในแปลง ใช้ระบบมินิสปริงเกลอร์ แบบฉีดพ่นฝอยเหนือหัว ด้วยการวางท่อน�ำ้ จากแหล่งน�ำ้ เข้าไป ในแปลงปลูก มีทอ่ ตัง้ ขึน้ มา ความสูงแล้วแต่ขนาดความสูงของ ค้างถั่ว ที่ปลายสุดของท่อจะเป็นหัวจ่ายน�้ำ วิธีนี้เกษตรกร สามารถท�ำการควบคุม และปรั บ แรงดั น ของน�้ ำ ได้ ป้ อ งกั น ความเสียหายของพืชที่เกิดจากแรงดันน�้ำที่แรง เกินไปหากใช้วิธีใช้สายยางทั่วไป อีกทั้งสามารถ ให้ปุ๋ยไปพร้อมกับการให้น�้ำได้ และที่ส�ำคัญใช้ แรงงานน้อยกว่าวิธีอื่น

S S S S S การใช้ S Sน�้ำSอย่าSงรู้คSุณค่Sา...ในการปลู S S SกพืSชผัS SS SSSSSSSSSSSSSSS สมุS นไพร S S S S24 SSSS SSSSSSS SกSและพื SชS SSSSSSSSSSSSSSS


การใช้น�้ำสอดคล้องกับความต้องการน�้ำของพืช

ถั่วฝักยาวจ�ำเป็นต้องให้น�้ำอย่างสม�่ำเสมอและเพียงพอ แต่ไม่ควรแฉะเกินไป เกษตรกรจะมีการตรวจสอบความชืน้ ในดินให้เหมาะสมเพือ่ ไม่ให้ดินแห้ง แต่ก็ไม่ให้ชื้นมากเกินไปเพราะจะท�ำให้เมล็ด อาจเน่าได้ เกษตรกรมีการให้น�้ำในแปลงถั่วฝักยาวทุกวันนับ ตั้งแต่ในระยะอาทิตย์แรกหลังหยอดเมล็ด จนถึงระยะการ เจริญเติบโต และติดดอกออกผล มีการให้น�้ำอย่างสม�่ำเสมอ วันละ 1 ครั้งในช่วงประมาณ 11.00 น. เพราะหากขาดน�้ำ จะท�ำให้ดอกร่วง และไม่ติดฝัก หรือฝักอาจไม่สมบูรณ์ มีการ ควบคุมปริมาณการใช้นำ�้ ด้วยตัวเกษตรกรเอง เปิด/ปิดวาวล์นำ�้ แต่ละแถวของมินิสปริงเกลอร์ โดย ปริมาณการให้น�้ำกับแปลงถั่วฝักยาวของเกษตรกร แตกต่าง กันบ้าง ตามช่วงอายุของถั่ว ช่วงต้นเล็ก จะให้น�้ำปริมาณ ไม่มากนัก เมื่อผักโตขึ้น จะให้น�้ำมากขึ้น เกษตรกรให้นำ�้ ตามสภาพภูมอิ ากาศ กล่าวคือ ถ้าเป็นฤดู แล้ง จะใช้ฟางข้าวคลุมแปลง และให้น�้ำในปริมาณมากขึ้น แต่ถ้า ฝนตก เกษตรกรไม่ต้องให้น�้ำ ทั้งนี้ หากไม่มั่นใจว่าได้มีการให้น�้ำ อย่างเพียงพอแล้วหรือยัง โดย การสังเกตสภาพดินว่าหน้าดิน แห้งหรือไม่หรือท�ำการทดสอบ โดยใช้ นิ้ ว มื อ จั บ ดิ น ปลู ก และเจาะลงในพื้ น ดิ น ด้ ว ย และหากพบว่าต้นและใบถั่วเริ่มเหี่ยวเฉา แสดงว่าพืช ก�ำลังขาดน�ำ ้ เกษตรกรต้องเร่งให้นำ�้ โดยด่วน ช่วงวิกฤต ที่พืชขาดน�้ำไม่ได้คือช่วงการติดดอก ติดผล

S S S S S S S S S S S S S S Sการใช้ S Sอย่SางรูS S S S SชผัSก และพื S S Sนไพร S S25 SSSS ุณS ค่า...ในการปลู S S S S S S S S S S S S S S S Sน�้ำS S้คS S S S SกพืS S S ชSสมุS SSSSSS


การใช้น�้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

เดิมได้มกี ารให้นำ�้ ด้วยการใช้สายยาง ใช้คนลากสาย 2 คน ในพื้นที่เพียง 1 ไร่ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงรดน�้ำได้เสร็จ ต่อมาได้นำ� ระบบมินสิ ปริงเกลอร์แบบหัวเหวีย่ ง และแบบฉี ด พ่ น ฝอย มาใช้ กั บ แปลงปลู ก พืชผัก อาศัยแหล่งน�้ำจากคลองชลประทาน ที่ มี น�้ ำ ตลอดปี ใช้ ม อร์ เ ตอร์ ไ ฟฟ้ า สู บ น�้ ำ จากคลองชลประทาน ในพื้นที่ 1 ไร่ ใช้เวลา เหลือเพียง 50 นาที ก็สามารถรดน�้ำเสร็จแล้ว สามารถประหยัดน�ำ้ ได้มากเมือ่ เปรียบเทียบกับ การให้น�้ำแบบลากสาย ทั้งประหยัดเวลาและ ประหยัดแรงงานอีกด้วย

S S S S S การใช้ S Sน�้ำSอย่าSงรู้คSุณค่Sา...ในการปลู S S SกพืSชผัS SS SSSSSSSSSSSSSSS สมุS นไพร S S S S26 SSSS SSSSSSS SกSและพื SชS SSSSSSSSSSSSSSS


ตัวอย่างเกษตรกรที่ประสบความส�ำเร็จ

การใช้น�้ำอย่างรู้คุณค่า...ในการท�ำไร่นาสวนผสม แบบนายประกิจ จิตรใจภักดิ์

ต�ำบลนาโยงเหนือ อ�ำเภอนาโยง จังหวัดตรัง

ปัญหาการใช้น�้ำในอดีต นายประกิจ จิตรใจภักดิ์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ที่ 5 ต�ำบลนาโยงเหนือ อ�ำเภอนาโยง จังหวัดตรัง จบการศึกษาชั้น ม.6 ประกอบอาชีพเกษตรกรรมไร่นาสวนผสมในพื้นที่ 34 ไร่ ท�ำนา 4 ไร่ ปาล์มน�้ำมัน 19 ไร่ ไม้ผล 7 ไร่ ปลูกมะนาว มะละกอ ผักเหมียง สะตอ มะพร้าวอ่อน กล้วย ไผ่ ดาวเรือง เลี้ยงปลา กบ หมู ไก่ และเป็ด โดยใช้หลักแนวคิด “ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน และกตัญญู”

แนวคิด...การบริหารจัดการน�้ำ อย่างมีคุณค่าในการท�ำไร่นาสวนผสม นายประกิ จ มี พื้ น ที่ ก ารเกษตรอยู ่ ใ นเขต ชลประทาน และใกล้สระน�้ำในหมู่บ้าน จึงไม่มีปัญหา การขาดแคลนน�้ำเพื่อการเกษตร ต่อมามีแนวคิด... จะบริหารจัดการน�้ำในปริมาณที่มีอยู่อย่างไรให้เกิด ประโยชน์สูงสุด จึงได้เพิ่มกิจกรรมในพื้นที่การเกษตร เป็ น แปลงไร่ น าสวนผสมที่ ส ามารถเพิ่ ม มู ล ค่ า สร้ า ง รายได้ ม ากขึ้ น และใช้ ป ระโยชน์ จ ากปริ ม าณน�้ ำ

S S S S S S S S S S S S S S Sการใช้ S Sอย่SางรูS S S S SชผัSก และพื S S Sนไพร S S27 SSSS ุณS ค่า...ในการปลู S S S S S S S S S S S S S S S Sน�้ำS S้คS S S S SกพืS S S ชSสมุS SSSSSS


ที่ มี อ ยู ่ อ ย่ า งรู ้ คุ ณ ค่ า ให้ เ หมาะสมและสอดคล้ อ งตามความต้ อ งการของพื ช เช่ น น�ำรูปแบบมินิสปริงเกลอร์มาใช้ในสวนปาล์ม หมุนเวียนการใช้น�้ำในการปลูกพืชผัก ไม้ดอก ไม้ผล เลี้ยงหมูหลุม และเลี้ยงปลาสวยงามในบ่อซีเมนต์

พืชผักและไม้ดอก การใช้น�้ำอย่างรู้คุณค่า

1. ใช้นำ�้ ทีเ่ หลือจากการให้นำ�้ ในแปลงมะละกอ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 2. ใช้น�้ำเพื่อบังคับให้ผลผลิตมะนาวออกนอกฤดูท�ำให้ขายได้ราคาสูง

องค์ความรู้และผลที่ได้

1. การให้น�้ำแบบมินิสปริงเกลอร์ทุก ๆ 15 วัน ในแปลงมะละกอพันธุ์ Red lady และพันธุ์ Holland ท�ำให้พืชที่ปลูกแซมในแปลง เช่น ฟักเขียว บวบ ผักบุ้ง ดาวเรือง ได้รับน�้ำไปด้วย สามารถควบคุมวัชพืชในแปลงมะละกอ 2. การผลิตมะนาวนอกฤดูในบ่อซีเมนต์ ใช้ดินผสมในอัตรา ปุ๋ยหมัก : ดิน : ขี้เถ้าแกลบ เท่ากับ 1 : 1 : 1 ใส่ในบ่อซีเมนต์ให้แน่น ใช้กิ่งมะนาวพันธุ์ตาฮิติ และ พันธุ์พิจิตร 1 อายุ 1 เดือน ให้น�้ำแบบมินิสปริงเกลอร์ 3 วันต่อครั้งหลังปลูก 8 เดือน ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 150 กรัมต่อต้น ตัดกิ่งไม่สมบูรณ์ออก คลุมพลาสติกเพื่อลด ปริมาณน�้ำในฤดูฝน เมื่อใบเริ่มร่วง (ประมาณ 12 วัน) ให้เอาพลาสติกออก แล้วใส่ปุ๋ย สูตร 9-24-24 อัตรา 150 กรัมต่อต้น ให้น�้ำจนชุ่ม หลังจากนั้นให้น�้ำ 2 วันต่อครั้ง ๆ ละ 10 นาที ระยะเวลา 15-20 วัน มะนาวจะเริ่มออกดอก ให้น�้ำต่ออีก 4-5 เดือน จึงเริ่ม เก็บเกี่ยวผลผลิตมะนาวนอกฤดูได้ มะนาว 1 ต้น เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 20 กก.

S S S S S การใช้ S Sน�้ำSอย่าSงรู้คSุณค่Sา...ในการปลู S S SกพืSชผัS SS SSSSSSSSSSSSSSS สมุS นไพร S S S S28 SSSS SSSSSSS SกSและพื SชS SSSSSSSSSSSSSSS


ปลูกข้าว การใช้น�้ำอย่างรู้คุณค่า

1. การใช้น�้ำเพื่อควบคุมวัชพืชและศัตรูพืช 2. การใช้น�้ำเพื่อเพิ่มคุณภาพผลผลิต

องค์ความรู้และผลที่ได้

1. การปรับปรุงบ�ำรุงดิน โดยใช้เมล็ดพันธุป์ อเทือง 5 กิโลกรัม หว่านลงในแปลง แล้วไถกลบเมื่อปอเทืองอายุครบ 60 วัน (ช่วงออกดอก) ก่อนไถดะ ไถแปร และท�ำเทือก รอปักด�ำ 2. ใช้พนั ธุข์ า้ วเล็บนกปัตตานี 20 กิโลกรัม (พืน้ ทีป่ ลูกข้าว 4 ไร่) เมือ่ ต้นกล้าอายุ 60 วัน ถอนปักด�ำลงในแปลงนา 3. หลังปักด�ำ 20 วัน ให้ลดระดับน�้ำในแปลงเหลือประมาณ 10 เซนติเมตรแล้ว หว่านปุ๋ยยูเรีย เมื่อต้นกล้าเริ่มเปลี่ยนสี ให้น�ำน�้ำเข้านาระดับ 25 เซนติเมตร เป็นการ ให้น�้ำและแก้ปัญหาการระบาดของหอยเชอร์รี่ หนู และวัชพืช หลังจากนั้น 15 วัน และ 45 วัน หว่านปุ๋ยเคมีสูตร 16-20-0 อัตรา 5 กิโลกรัมต่อไร่ ต่อครั้งผลผลิตเฉลี่ย 400-500 กิโลกรัมต่อไร่

ปาล์มน�้ำมัน การใช้น�้ำอย่างรู้คุณค่า

1. การใช้น�้ำเพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิต 2. การใช้น�้ำอย่างประหยัด ด้วยระบบมินิสปริงเกลอร์ 3. การใช้นำ�้ เพือ่ ให้เก็บเกีย่ วผลผลิตปาล์มน�ำ้ มันได้ตลอดทัง้ ปีทำ� ให้ขายได้ราคาสูง

องค์ความรู้และผลที่ได้

1. ปลูกปาล์มน�ำ้ มันแบบยกร่อง โดยใช้พนั ธุส์ รุ าษฎร์ธานี 2 ใช้นำ�้ จากชลประทาน ท�ำให้มีน�้ำไหลหมุนเวียนในแปลง

S S S S S S S S S S S S S S Sการใช้ S Sอย่SางรูS S S S SชผัSก และพื S S Sนไพร S S29 SSSS ุณS ค่า...ในการปลู S S S S S S S S S S S S S S S Sน�้ำS S้คS S S S SกพืS S S ชSสมุS SSSSSS


2. เก็บตัวอย่างดินไปวิเคราะห์ก่อนปลูก ใส่ปุ๋ยตามผลการวิเคราะห์ แล้วปรับ สภาพดินด้วยโดโลไมท์ 1 ตันต่อไร่ รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมัก 3 กิโลกรัมต่อหลุม และ หินฟอสเฟต 300 กรัมต่อหลุม คลุกเคล้าให้เข้ากัน ทิ้งไว้ 2-3 วันก่อนปลูกปาล์มน�้ำมัน การใส่ปยุ๋ จะใช้ปยุ๋ หมัก 2 กระสอบต่อต้นต่อปี ร่วมกับปุย๋ หมักทีไ่ ด้จากทางใบปาล์มน�ำ้ มัน ซึ่งใส่ไว้ใต้โคนต้น และใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 จ�ำนวน 3-4 ครั้งต่อปี และใส่โบรอน เมื่อต้นปาล์มน�้ำมันแสดงอาการขาดธาตุ 3. เมือ่ ปาล์มน�ำ้ มันเริม่ ออกดอก ให้ตดั ช่อดอกทิง้ และตัดแต่งทางใบปาล์มน�ำ้ มัน ที่ให้ผลผลิตแล้ว 4. ให้น�้ำปาล์มน�้ำมันด้วยระบบมินิสปริงเกลอร์ ในช่วงฤดูแล้ง อัตรา 200 ลิตร ต่อชัว่ โมง แทนการให้นำ�้ แบบเดิม ซึง่ ให้นำ�้ ในอัตรา 800 ลิตรต่อชัว่ โมง ท�ำให้ปาล์มน�ำ้ มัน สามารถน�ำน�้ำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประหยัด ส่งผลให้ปาล์มน�้ำมันมีผลผลิต ตลอดทั้งปี ปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 ปาล์มน�้ำมันอายุ 4 ปี ผลผลิตเฉลี่ย 2.5 ตัน ต่อไร่ต่อปี

ไม้ผล การใช้น�้ำอย่างรู้คุณค่า

1. การใช้น�้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไม้ผล 2. การใช้น�้ำที่เหลือจากการให้น�้ำในแปลงไม้ผล ให้เกิดประโยชน์เพิ่มขึ้น

องค์ความรู้และผลที่ได้

1. การผลิตไม้ผล ได้แก่ ลองกอง ทุเรียน และมังคุด มีการดูแลรักษาไม้ผล แต่ละชนิด ตั้งแต่การตัดแต่งกิ่ง การให้น�้ำเพื่อควบคุมการออกดอก การพัฒนาคุณภาพ ผลผลิต และเพิ่มปริมาณผลผลิต การให้ปุ๋ย และการป้องกันก�ำจัดศัตรูพืช

S S S S S การใช้ S Sน�้ำSอย่าSงรู้คSุณค่Sา...ในการปลู S S SกพืSชผัS SS SSSSSSSSSSSSSSS สมุS นไพร S S S S30 SSSS SSSSSSS SกSและพื SชS SSSSSSSSSSSSSSS


2. ปลูกผักเหมียงเป็นพืชร่วมในสวนไม้ผล จ�ำนวน 350 ต้น เป็นการน�ำน�้ำที่ให้ กับไม้ผลมาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า ท�ำการเก็บเกี่ยวผักเหมียงได้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง 3. การท�ำน�้ำส้มควันไม้จากกิ่งไม้ในสวนและจากโรงงานเฟอร์นิเจอร์ เพื่อน�ำไป ใช้เป็นสารก�ำจัดศัตรูพืชในผักและไม้ผล ก�ำจัดเห็บหมัดในสัตว์เลี้ยง ผลพลอยได้คือช่วย ก�ำจัดเศษไม้จากสวนไม้ผลและได้ถ่านไว้ใช้แทนก๊าซหุงต้ม 4. การท�ำปุ๋ยหมักแห้งจากมูลสัตว์ และการท�ำปุ๋ยหมักน�้ำจากผลผลิตที่เหลือ จากในแปลง เพื่อน�ำกลับมาใช้ในผัก ปาล์มน�้ำมัน และไม้ผล

ปศุสัตว์ การใช้น�้ำอย่างรู้คุณค่า

การใช้น�้ำอย่างประหยัดเพื่อลดต้นทุนใน การเลี้ยงสัตว์

องค์ความรู้และผลที่ได้

1. การเลี้ยงหมูหลุม โดยใช้คอกขนาด 3 x 3 เมตร จ�ำนวน 6 ตัว ใส่แกลบหนา ประมาณ 20 เซนติเมตร เติมแกลบสัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้อุณหภูมิในคอกสูงกว่าปกติ ช่วยลดปัญหาหมูทอ้ งร่วงได้ และการเลีย้ งหมูหลุมท�ำให้ไม่ตอ้ งล้างคอก ช่วยประหยัดน�ำ ้ ลดต้นทุนการผลิต ให้อาหารวันละ 2 กิโลกรัมต่อตัวต่อวัน ขายได้เมื่ออายุครบ 4 เดือน น�้ำหนักตัวละ 90-120 กิโลกรัม ซึ่งหมูหลุมจะมีน�้ำหนักและปริมาณเนื้อแดงมากกว่า หมูที่เลี้ยงปกติ นอกจากนี้ยังได้มูล 30-40 กิโลกรัมต่อรุ่น ก�ำจัดกลิ่น โดยใช้ EM 3 ช้อนโต๊ะ ผสมน�้ำ 20 ลิตร ราดในคอกที่เลี้ยง 2. เลี้ยงไก่ไข่ 40 ตัว ให้อาหารส�ำเร็จรูปร่วมกับผักพื้นบ้าน ยอดมันเทศ และ ร�ำข้าว ใช้แกลบรองพื้น 15 กระสอบต่อเดือน ได้ไข่ไก่ 32 ฟองต่อวัน และได้ปุ๋ยมูลไก่ เป็นผลพลอยได้

ประมง การใช้น�้ำอย่างรู้คุณค่า

สร้างสระน�้ำเพื่อบ�ำบัดน�้ำเสียจากบ่อปลา แล้วน�ำน�้ำกลับมาใช้ใหม่ในสวนไม้ผล

S S S S S S S S S S S S S S Sการใช้ S Sอย่SางรูS S S S SชผัSก และพื S S Sนไพร S S31 SSSS ุณS ค่า...ในการปลู S S S S S S S S S S S S S S S Sน�้ำS S้คS S S S SกพืS S S ชSสมุS SSSSSS


องค์ความรู้และผลที่ได้

เลี้ ย งปลาทอง ปลาหางนกยู ง ปลากั ด และปลาคราฟในบ่ อ ซี เ มนต์ และน� ำ น�้ ำ เสี ย จาก บ่อเลี้ยงไรแดง ซึ่งใช้เป็นอาหารปลา และจาก บ่ อ เลี้ ย งปลา มาบ� ำ บั ด ก่ อ นน� ำ กลั บ มาใช้ ใ หม่ ในสวนไม้ผล

แผนผังศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร “ไร่นาสวนผสม” นายประกิจ จิตรใจภักดิ์ ต�ำบลนาโยงเหนือ อ�ำเภอนาโยง จังหวัดตรัง

S S S S S การใช้ S Sน�้ำSอย่าSงรู้คSุณค่Sา...ในการปลู S S SกพืSชผัS SS SSSSSSSSSSSSSSS สมุS นไพร S S S S32 SSSS SSSSSSS SกSและพื SชS SSSSSSSSSSSSSSS


แรงดัน :

1 เมตร เท่ากับ ระดับน�้ำในท่อแนวดิ่งสูง 1 เมตร หรือ 10 เมตร เท่ากับ 14.7 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (psi)

การเปรียบเทียบหน่วย :

1 มิลลิเมตร เท่ากับ 1.6 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ หรือ 1.6 คิวต่อไร่ (cubic metre per rai)

SSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSS SSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSS



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.