คุณหมอที่รัก ตัวอย่างทดลองอ่าน

Page 1




คุณหมอที่รัก ประพันธ์โดย ราคา พิมพ์ครั้งที่ 1

diary 289 บาท กันยายน 2556

พิสูจน์อักษร ปก ศิลปกรรม

วีณ จิณณวัตร อยู่เจริญ amany

จัดทาโดย จัดพิมพ์โดย

ปริวดา พุฒแซม บริษัท พิมพ์ดีการพิมพ์ จากัด เลขที่ 222 ซ.พระยาสุเรนทร์ 30 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ 10510


จากใจ diary Diary เป็นสาวราศีกันย์ ราศีแห่งความเป็นผู้หญิงที่เขาว่ากัน ว่ามีความเพ้อฝันในตัวเองเยอะมาก จบการศึกษาจากรั้วพระราชบิดา พร้อมความฝันที่มากมายจนตัวเองอดแอบคิดไม่ได้ว่ามันเยอะเกินไป หรือเปล่า ทุกวันนี้ก็ยังมีทั้งทาได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็จะพยายามตั้งใจ สานมันต่อไปเรื่อยๆ อย่างดีที่สุด “คุณหมอที่รัก ” เป็นนิยายเรื่องแรก และเป็นอีกหนึ่งความ ฝันที่เพิ่งคิดขึ้นมาได้ว่าอยากจะทา ความไม่ตั้งใจในวันว่าง ทาให้หยิบ นิยายที่เคยแต่งเล่นๆ ไว้นานแสนนานขึ้นมาอ่านดูอีกครั้ ง เรื่องราวที่ คนเขียนอ่านแล้วยังรู้สึกอบอุ่นหัวใจ จึงถูกแบ่งปันให้กับหลายๆ คน ในโลกออนไลน์ ด้วยความสงสัย แค่ว่า “จะมีใครอ่านแล้ว นั่งอมยิ้ม เหมือนเรามั้ย (หรือว่าเราบ้าคนเดียว ฮ่าๆ O_O) และก็เพราะเสียง ตอบรั บ พร้ อ มแรงเชี ย ร์ จ ากโลกออนไลน์ อ ย่ า งที่ ตั ว เองไม่ ค าดคิ ด นี่ละค่ะ ที่เป็นแรงผลักดันทาให้ลี่อยากส่งต่อเรื่องราวแสนหวานอ่าน แล้วอบอุ่นหัวใจของคุณหมอพี่ภีมกับยัยตัวเล็กให้จบ เรื่องราวความ รักที่ไม่มากไม่มาย แต่อ่านแล้วมีความสุขอบอุ่นหัวใจไปกับความรัก หวานๆ อุ่นๆ ของคุณหมอกับยัยลูกเกด ตลอดเวลาที่แต่งเรื่องนี้ บอก ได้คาเดียวว่าฟินใจสุดๆ แต่ทั้งหมดทั้งมวลจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่ได้ความรักจากทุกๆ คน หลอมรวมให้ ก ลายเป็ น ผู้ ห ญิ งคนนี้ ขอบคุ ณ พ่อ แม่ แ ละครอบครั ว ที่รัก ลี่อย่างสุด หัว ใจตลอดมา ขอบคุณ เพื่อนๆ รวมถึ งมิ ต รภาพดีๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ที่ทาให้ลี่เชื่อมั่นและศรัทธาในความรัก ขอบคุณ เพื่อนๆ ทุกคนทั้งในเด็กดีและห้องสมุดที่ร่วมทาให้พี่ภีมและลูกเกด ได้มีตัวตนจริงๆ และขอบคุณมากมายสาหรับพี่เกตุ อัญญาณี พี่สาวที่รัก ที่ให้โอกาส นัก (หัด) เขียนหน้าใหม่ ไร้ประสบการณ์อย่างลี่ ขอบคุณ


ทีมงานทุก คนที่ทาให้ “คุ ณหมอที่รัก ” ได้สาเร็จออกมาเป็นรูปเล่ ม จริงๆ ลี่ขอฝากผลงานเรื่องแรกในชีวิตด้วยนะคะ เรื่องราวความรัก ของคนสองคน อาจไม่มีเงื่อนงาหรือปมอะไรมากมาย ด้วยความตั้งใจ เริ่มแรกของผู้แต่งอยู่แล้ว ว่าอยากให้ออกมาใสๆ สบายๆ อ่านแล้วยิ้ม ได้ คลายเครียด เติม ความหวานเพิ่มระดับน้ าตาลให้ชีวิ ต ความรัก ระหว่างเขาและเธอ เป็นอะไรที่ “ลึกสุดใจ” ขอให้คนอ่านทุกคนมีหัวใจที่อบอุ่นเช่นกันค่ะ Diary คาเตือน: เป็นไปได้ กรุณาอย่าอ่านเรื่องนี้ต่อหน้าสาธารณชน เพราะคุณอาจถูกมองมาด้วยสายตาแปลกๆ ว่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไร อยู่คนเดียวประมาณนั้น อิอิ PS ถ้าอยากรู้จักกันตามไปได้นะจ๊ะ เข้าไปที่ facebook แล้ว พิม พ์ค าว่า Diary หรือเว็ บ เด็ก ดีแล้วค้ น หานิ ยายเรื่องคุ ณหมอที่รัก แค่นี้เราก็จะได้เจอกันแล้วค่ะ ขอบคุณจากหัวใจ diary


1 อาณาเขตแห่งนี้ถูกล้อมรอบด้วยตึกน้อยใหญ่ ที่ตั้งตระหง่านมากมาย อากาศที่ร้อนอบอ้าว ความวุ่นวายของผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมา ในนั้น ปรากฏร่ า งเล็ ก กะทั ด รั ด ของหญิ ง สาวคนหนึ่ ง ในชุ ด นั ก ศึ ก ษาของ มหาวิทยาลัย ชื่อดัง กาลังกึ่ งเดินกึ่งวิ่งหลบผู้คนมากมาย เพื่อไปยัง จุดหมายให้ทันเวลา “ตาย ตายละฉั น แปดโมงห้าสิบ แปด อีก สองนาทีเก้ าโมง ตายแน่ๆ งานนี้” หญิงสาวอุทานกับตัวเอง หลังจากก้มมองนาฬิกา บนหน้าปัดโทรศัพท์มือถือเครื่องจิ๋ว “ฮือ ต้องทัน สิ ต้องทัน เดินเร็ว ๆ สิยัยเกด แกเดินให้มันไว กว่านี้ได้ไหม เฮ้อ ทาไมขาฉันมันสั้นจังนะ โอ๊ย เกิดมาเตี้ยนี่มันลาบาก จริงๆ เล้ย” วิ่งไปพลางก็บ่นถึงความโชคร้ายของตัว เองที่เกิดมาเป็น คนตัวเล็กมีส่วนสูงไม่ถึง 160 เซนติเมตรดี “ต้องทันสิ ต้องทัน เฮ้ย นั่นไง ป้ายบอกทางไปอาคารเรียน 1


คุณหมอที่รัก เขาบอกให้เลี้ยวซ้าย เลี้ยวซ้ายใช่ไหม” เธอร้องออกมาด้วยความดีใจ แต่ทันใดนั้นก็ โครม!!!! หญิงสาวรู้สึกเหมือนว่าตัวเองชนกับวัตถุใหญ่ๆ อะไรสักชิ้นซึ่ง เธอก็ไม่อาจทราบได้ แต่ความแข็งแรงของมัน ทาให้คนตัวเล็กๆ อย่างเธอ กระเด็นลงไปล้มจุมปุ๊กอยู่กับพื้น เท่านั้นยังไม่พอ เธอยังรู้สึกว่ามีวัตถุ ขาวๆ อะไรสักอย่างหล่นมาบนศีรษะเธอเต็มไปหมด “เฮ้ย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย” เธอกล่าวออกมาด้วยความ ไม่พอใจ มือเล็กปัดกระดาษสีขาวมากมายที่หล่นอยู่บนตัว พร้อมทั้ง ยันตัวลุกยืนขึ้น “อุ๊ย เจ็บ อะ” หญิงสาวอุทานออกมาเบาๆ เมื่อสังเกตเห็น แผลถลอกที่ข้อศอกของตัวเอง “น้อง น้องครับ เป็นอะไรมากหรือเปล่า ” เสียงห้าวของใคร คนหนึ่งดังขึ้นมาขัดจังหวะ และนั่นก็เรียกสติให้เธอเงยหน้ากลับมา มองว่า ไอ้วัตถุชิ้นใหญ่ที่ทาให้เธอล้มลงไปนั่งกับพื้นเมื่อครู่นี้ คือชายหนุ่ม ตัวสูง ผิวขาวคนนี้เอง หญิงสาวมองวัตถุชิ้นใหญ่ ที่ตอนนี้ทราบแล้ วว่าคือสิ่งมีชีวิต ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความอ่อนใจ ใจหนึ่งอยากต่อว่าเขากลับไปที่เดินมา ชนเธอจนท าให้ ทั้ ง เจ็ บ ทั้ ง อาย แต่ อี ก ใจหนึ่ ง เธอไม่ มี เ วลาต่ อ ล้ อ ต่อเถียงกับเรื่องไร้สาระพวกนี้ซะแล้ว เธอต้องไปให้ทันเข้าเรียนคาบแรกของชีวิตนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ในวันแรกนี้ “เฮ้อ” เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ตอนนี้เธอยังไม่ มี อารมณ์มาเจรจากับใครทั้งนั้น วั น นี้ เ ป็ น วั น แรกของการเปิ ด เรี ย นภาคเรี ย นที่ 1 ในชั้ น ปีการศึกษาที่ 3 ของเธอ และสาหรับคณะที่เธอเรียน เมื่อเข้าสู่ชั้นปีนี้ นักศึกษาจะต้องย้ายมาเรียนในวิทยาเขตใหม่ของมหาวิทยาลัยเดิม ๖


diary ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุให้ชีวิตเธอต้องรีบเร่งมากในวันนี้ เพราะกว่าเธอจะขนของเข้าหอพักใหม่และจัดแจงเก็บข้าวของ เสร็จเรียบร้อยในเมื่อวานก็ร่วมเข้าไปสู่เช้าของวันใหม่ซะแล้ว ซึ่งก็ เป็นเหตุเกี่ยวพันให้เธอตื่นสายในวันนี้ อีกทั้งการที่เธอเพิ่งย้ายเข้ามา เมื่อวาน จึงไม่มีเวลาพอที่จะศึกษา ว่าอาคารต่างๆ ในมหาวิทยาลัยอยู่ ตรงไหนบ้าง เธอที่ตื่นสายในวันนี้ จึงต้องเสียเวลาวิ่งหาอาคารเรียน อยู่หลายรอบ เพื่อจะให้มาเข้าเรียนทันตามเวลาที่กาหนดไว้ “เฮ้อ” เสียงถอนหายใจคล้ายๆ จะล้อเลียนเธอดังขึ้น ขัดจังหวะ ความคิดของเธอ เธอซึ่งตอนแรกไม่คิดจะติดใจเอาเรื่องอะไรกับคนตรงหน้ า ที่ทาผิดในข้อหาเดินมาชนเธอในช่วงเวลารีบเร่งอย่างนี้ แม้จะโมโหอยู่ บ้างที่วันนี้เขาคนนั้นจะทาให้เธอต้องเข้าเรียนสายแน่แล้วก็ตาม แต่…เสียงถอนหายใจของเขาเมื่อครู่นี้ คล้ายจะล้อเลียนเธอ!! ทั้งที่เขาเป็นคนทาให้เธอต้องเจ็บตัวแท้ๆ ชนวนเล็กๆ จึงถูกจุดขึ้นมาในใจหญิงสาว เธอหันหน้ากลับมา มองชายหนุ่ม ตรงหน้ า ชายหนุ่ม รูปร่างสูง ผิวขาว อยู่ในชุด ลาลอง เสื้อยืดสีเขียวอ่อนกับกางเกงยีนสีซีด ถึงจะแต่งตัวดูสบายๆ อย่างนั้น แต่ในสายตาเธอหรือคนที่พบเห็นทั่วไปก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยท่าทาง และใบหน้าที่บ่งบอกถึงการมีเชื้อสายจีนตามสมัยนิยม เขาเป็นผู้ชายที่ ดูดีน่ามองคนหนึ่ง แต่ก็นั่นแหละ ถึงเขาจะดูดีแค่ไหน แต่ในเวลานี้กับสิ่งที่เขาทา บวกกับสายตาที่มองเธอ แววตาที่สื่อออกมาเหมือนไม่ถือสากับสิ่งที่ เด็กตัวเล็กๆ ทา มันทาให้เธอโกรธ เขาสื่อความหมายออกมาชัดเจนว่า ‘เธอผิด’ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เธอไม่เคยคิดจะต่อว่าเขาสักคา (เหรอ) ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีแม้คาขอโทษ ให้เธอก็ตาม ร่างเล็กมองตามคนตัวใหญ่ที่ตอนนี้ละสายตาจากเธอ ก้มลง เก็บกระดาษมากมายที่หล่นลงกับพื้น ๗


คุณหมอที่รัก “น้องไปนั่งรอตรงนั้นก่อนดีกว่า พี่เก็บของแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวจะ เดิน ไปซื้อน้ ากั บ ยาล้างแผลมาให้ ” เขาว่ าพลางก้ ม ลงเก็บ กระดาษ จานวนมากที่ตกลงกับพื้น “แล้วความจริงไม่เห็นต้องรีบขนาดนี้เลย รีบไป เดินชนอะไร ต่ออะไร สุดท้ายก็ต้องมาเจ็บตัวเอง” ‘ฮะ?? เมื่อกี้เขาว่าอะไรนะ เขาหาว่าเธอเดินมาชนเขาถึงต้อง มาเจ็บตัวเองอย่างนั้นใช่ไหม’ “ใช่ หนู เอ๊ย! ฉัน รีบ รีบเพราะว่ากาลังจะไปเรียนไม่ทัน แต่ คุณจะมาโทษฉันฝ่ายเดียวก็ไม่ได้เพราะคุณเองก็ผิดเหมือนกัน นี่คงรีบ ไปส่งเอกสารอะไรสักอย่างแล้วเดินมาชนฉัน” เธอว่าไปโดยไม่คิดจะใช้สรรพนามแทนตัวเองและเขาอย่าง รุ่นพี่รุ่นน้องใช้กัน เพราะใจหนึ่งคิดว่าเขาคงจะเป็นพนักงานหรือคน ที่มาส่งเอกสารในมหาวิทยาลัยของเธอ มื อ บางล้ ว งเข้ า ไปในกระเป๋ า สะพายสี น้ าตาลขนาดกลาง ควานหาอุปกรณ์สื่อสารเครื่องจิ๋วขึ้นมาดู ซึ่งตอนนี้เวลาของมันบอกว่า ได้เลยเวลาการเข้าชั้นเรียนมากว่า 10 นาทีแล้ว ร่างบางหันไปมอง ชายหนุ่มตรงหน้าซึ่งตอนนี้เก็บเอกสารของเขาเสร็จแล้วและกาลังเดิน เอามาวางไว้ตรงเก้าอี้มา้ หินที่เธอนั่ง “ฉันขอโทษที่ฉันมีส่วนผิดที่เดินมาชนคุณ จนทาให้คุณไปส่ง เอกสารไม่ทัน จนอาจทาให้อาจารย์หรือเจ้านายคุณว่าได้ แม้ว่าคุณจะ ไม่เคยคิดขอโทษฉันเลยสักคาที่ทาให้ฉันไปเรียนไม่ทัน” หญิงสาวกล่าว ชายหนุ่มซึ่งขณะนั้นกาลังเอาเอกสารที่มีอยู่เต็มมือไปวางบน โต๊ะเล็ก ๆ ที่จัดเป็นชุดกับเก้าอี้ที่หญิงสาวร่างเล็กนั่ง เงยหน้าขึ้นมา มองด้วยใบหน้าเหวอ นิ้วชี้ชี้มาทางตัวเอง ‘เธอกล่าวขอโทษแต่น้าเสียงนี่ …ประชดกั นชัดๆ ยัยตัวเล็ก ตรงหน้าคิดว่าเขาเป็นคนส่งเอกสารเหรอเนี่ย แถมยังคิดว่าเขาเป็นคน เดินชนเธออีก ทั้งที่ความจริงแล้ว เธอนั่นแหละ ที่ก้มหน้าก้มตาเดินมา ๘


diary ชนเขาที่ก้าลังยืนอยู่เฉยๆ ตรงนี้!’ “แล้วอีกอย่าง ก็ขอบคุณที่จะไปซื้อยาทาแผลให้ฉัน แต่ไม่เป็นไร ดีกว่า ฉันไม่ถือสา และจะถือว่านั่นคือคาขอโทษของคุณ ” คนตัวเล็ก ว่าพลางก็ถือกระเป๋ารีบเดินออกไป ปล่อยให้เขายืนงงกับหน้าที่คนส่ง เอกสารที่เธอยัดเยียดให้ แล้วยังคาพูดนั้นอีกล่ะ คาพูดที่ดูเหมือนว่า ไม่ถือสากับความผิดของเขาครึ่งหนึ่งที่เดินมาชนเธอเช่นกัน ‘โธ่เอ๊ย…เด็กเอ๋ยเด็ก’ ได้รู้ว่ากาลังมีคนมา และไม่ทันที่คนในห้องจะขานรับหรือเดินออกมาเปิดประตู ร่างบางเจ้าของเสียงเคาะตรงหน้าห้องก็ถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป “แพนด้า ฉันกลับมาแล้ว” เสียงใสทักขึ้น พลางวิ่งมากอดไหล่ ลลนาหรือยุ้ย หรือที่ลูกเกดได้ตั้งฉายาให้เธอว่าแพนด้า เหตุเพราะเมื่อ ครั้งปีห นึ่งที่พ วกเธอเคยเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน ระหว่ างอยู่ห อพักใน มหาวิทยาลัย ลูกเกดสังเกตว่ายุ้ยเพื่อนของเธอชอบนอนกอดหมอน ข้างเหมือนแพนด้านอนกอดต้นไผ่ไม่มีผิด “กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ ยัยมูมมาม ทาไมวันนี้กลับเย็นจัง อะ” ลลนาย้อนกลับถามเพื่อนรักเช่นกัน เธอตั้งฉายาให้ลูกเกดว่า ‘ยัยมูมมาม’ เหตุเพราะ เมื่อตอน ปีหนึ่งที่เป็น roommate กัน เวลากลางคืน ยัยเกดมักจะชวนเธอและ เพื่อนร่วมห้องอีก 2 คนกินขนมรอบดึก พอพวกเธอไม่ยอมกินด้วย ลูกเกดก็จะมานั่งกินขนมอยู่บนเตียงเพื่อนคนใดคนหนึ่งจนหกเลอะเทอะ เพื่อนๆ จึงพร้อมใจกันตั้งฉายาให้เธอว่า ‘ยัยมูมมาม’ ทั้งที่ความจริง แล้ว เธอกินข้าวได้ช้ากว่าคนทั่วไปซะด้วยซ้า “เฮ้อ แพนด้า วันนี้เขาเนื้อยเหนื่อยแหละ ไปก็สาย เข้าเรียน ก็ไม่ทัน แล้วยังไปเจอใครก็ไม่รู้เดินมาชนเลยช้าไปกันใหญ่ แต่ช่างเหอะ ๙


คุณหมอที่รัก พูดไปแล้วมันก็อารมณ์เสีย (หน้าตาดีซะเปล่า ชิ เธอคิดในใจ) แถม อาจารย์ยังสอนเลยเวลาอีก ขนาดนี่แค่วันแรกนะฉันยังเหนื่อยแล้ว แหละแก” เธอพูดพลางเดินเอากระเป๋าไปวางบนโต๊ะ ล้มตัวลงนอน บนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน “ยุ้ย แกจะอ่านนิยายใช่ไหม ปิดไฟให้ฉันดวงหนึ่งสิ นี่เพิ่งห้าโมง หน่อยๆ เอง เดี๋ยวหกโมงปลุกฉันด้วย จะได้ลงไปกินข้าวกัน” เธอเงยหน้า ไปบอกลลนาซึ่งนั่งอ่านหนังสือนิยายอยู่บนเตียงที่อยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง แล้วจึงลงไปนอนกอดเจ้าหมีตัวใหญ่แล้วหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน ลลนาที่เดินไปปิดไฟอีกดวงของมุมห้อง เดินกลับมามองเพื่อน สาวด้วยความอ่อนใจ สามปี แ ล้ ว สิน ะ ที่ เธอได้ มี โ อกาสมารู้ จัก และเป็ น เพื่ อนกั บ ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ ‘นริศราหรือลูกเกด’ หญิงสาวร่างเล็กวัย 20 ปี เธอได้รู้จักกับ ลูกเกดตอนปีหนึ่งที่รู้ตัวว่าสอบติดเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลั ยชื่อดัง ในคณะเภสัชศาสตร์ และต้องเข้ามาอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัย ซึ่ง ทางมหาวิทยาลัยจะทาการเลือกเพื่อนร่วมห้องซึ่งคละคณะกันมาอยู่ ด้วยกันทั้งหมด 4 คน และนั่นทาให้เธอได้มาพบกับ นริศรา เพื่อนรักของเธอคนนี้ เป็นเด็กสาวจากจังหวัดหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพนัก สอบเข้ามา เรียนในคณะวิทยาศาสตร์ แวบแรกที่เธอเห็น ‘ผู้หญิงคนนี้เป็นคนสวยนะ’ เธอคิด ถึงเพื่อนเธอคนนี้จะไม่ได้สวยมากแบบที่ใครๆ ต้องหันมามอง แต่ด้วยดวงหน้ารูปไข่ขาวใส คิ้วหนาเข้ม เรียวอย่างที่ผู้หญิงควรจะมี สอดรับกับตาสองชั้นที่แอบชี้ขึ้นเล็กน้อยอย่างบ่งบอกว่าเธอคงจะมี เชื้อสายจีนปนมาอยู่บ้าง กับผมยาวสลวยประบ่าอย่างคนที่มีสุขภาพ ผมดีโดยที่ไม่ผ่านการเติมแต่งอะไร อีกทั้งตัวเล็กกะทัดรัดแลดูสมส่วน นั่นอีก แต่ก็นั่นแหละบอกไปใครจะเชื่อ ว่าผู้หญิงที่อาจไม่ถึงขั้นสวยแต่ ๑๐


diary ก็น่ารักไม่น้อยอย่างเพื่อนเธอคนนี้ จะไม่เคยมีแฟนหรือคนรักใดๆ มา ก่อน อาจเป็นเพราะเธอคนนี้ไม่เคยคิดที่จะเปิดใจรับใคร บรรดา คนที่เข้ามาจึงได้แค่ผ่านมาแล้วผ่านไป เธอในฐานะเพื่อนก็ได้แต่หวัง ว่า สักวันคงจะเห็นนริศราเปิดใจรับใครสักคนและมีความสุขกับสิ่งที่ เข้ามาอย่างที่ตัวนริศราเองก็พร่าบอกอยากให้เธอได้เจอกับความรักที่ ดีๆ เช่นกัน “เราอยู่ แ บบนี้ ก็ มี ค วามสุ ข ดี เ หมื อ นกั น เนอะ เกดเนอะ” ลลนาบอกกับร่างเล็กที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง อีกห้านาทีจะหกโมงเย็น ใบหน้าหวานที่มองยังไงก็เด็กกว่าอายุจริงของลลนาละจาก หนังสือที่กาลังอ่าน ลุกลงจากเตียง ไปสะกิดเรียกเพื่อนรักที่กาลังหลับ สบายอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง “นี่เกด หกโมงแล้ว” ร่างเล็กที่นอนกอดเจ้าหมีตัวใหญ่ยังคง ไม่รู้สึกตัว “เกด หกโมงแล้ว” เมื่อเห็นเจ้าของดวงหน้าใสยังคงนอนหลับ อย่างมีความสุข เพื่อนสาวหน้าหมวยจึงจัดการหยิบตุ๊กตาหมีตั วใหญ่ ที่ปิดดวงหน้าสวยนั้นออก “ไอ้เกด หกโมงแล้ว ไปกินข้าว” บอกด้วยน้าเสียงเริ่มโมโห กับความขี้เซาของเพื่อน “ฮือ แก อะไรอะ หกโมงแล้วเหรอ อือๆ อีกแป๊บนะ” เธอ กล่าวออกไปทั้งที่ยังสะลึมสะลืออยู่ พลางเอาหน้าซุกหมอนหลับไป อีกครั้ง “เฮ้อ” เมื่อเห็นดังนั้น ลลนาก็ทาได้เพียงแค่ถอนหายใจกับ ความขี้เซาของเพื่อน ๑๑


คุณหมอที่รัก แต่ก็นั่นแหละ เพื่อนเธอคงจะเหนื่อยเกินไปที่จะลุกขึ้นมาทา อะไรตอนนี้ ดั ง นั้ น เธอจึ ง ตั ด สิ น ใจลงไปที่ ร้ า นอาหารตามสั่ ง ใต้ ห อพั ก สงสัยเย็นนี้เธอกับเพื่อนคงต้องฝากท้องไว้กับร้านอาหารเจ้าประจา ร้านนี้ซะแล้ว เพื่อนเธอคงไม่รู้หรอกว่ามันน่าเบื่อแค่ไหน แต่สาหรับ เธอที่ อ ยู่ ที่ นี่ ม าก่ อ นลู ก เกดนานถึ ง หนึ่ ง ปี เบื่ อ แสนเบื่ อ กั บ อาหาร ใต้หอพักร้านนี้มาก ‘แต่ไม่เป็นไร ไว้พรุ่งนี้ค่อยออกไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันที่อื่น ก็ได้’ ลลนาได้แต่คิดอย่างปลงๆ สองทุ่มแล้ว ร่างเล็กของสาวหน้าหมวยจึงลุกเดินไปเพื่อปลุกเพื่อนอีกครั้ง “เกด สองทุ่มแล้ว ตื่นขึ้นมากินข้าวเร็ว หลับยาวเลยนะแก ตื่นขึ้นมากินข้าวก่อนแล้วค่อยนอนต่อ เดี๋ยวโรคกระเพาะกาเริบอีก หรอก” ลลนาว่า ก็เมื่อครั้งที่อยู่ปีหนึ่งด้วยกัน เวลาที่เป็นช่วงสอบนริศรามัก กินข้าวไม่เป็นเวลา จนทาให้ปวดท้องอยู่บ่อยๆ เคยมีครั้งหนึ่งที่เธอ ปวดท้องมากจนต้องพาส่งโรงพยาบาลกลางดึกกันเลยทีเดียว “อึมๆ แก ไม่เป็นไรหรอก มื้อเดียวเอง ฉันง่วงอะ เดี๋ยวหิว เมื่อไรจะลุกไปกินเองแล้วกันนะ” ว่าแล้วก็หลับหูหลับตาแย่งตุ๊กตา ที่ลลนาเพื่อนเธอแย่งไปถือมาปิดตาเพื่อบังแสงไฟที่เปิดสว่างจ้าในอีก มุมหนึ่งของห้อง “เออๆ ข้ าวอยู่ ในตู้ เย็ น นะแก หิ วเมื่ อไรก็ เอาไปอุ่ น กิ นเอง แล้วกัน” ลลนาบอกอย่างถอดใจ เพื่อนเธอก็เป็นอย่างนี้เสมอ ขี้เซา เป็ น ที่ ห นึ่ ง ลองคุ ณ เธอได้ น อนไม่ เ ต็ ม ที่ ต่ อ ให้ เ อาช้ า งมาลากเธอ ก็ไม่ลุกไปไหนหรอก ด้านนริศรา กว่าเธอจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกที ก็ปาไปห้าทุ่ม ๑๒


diary กว่าแล้ว หญิงสาวลุกขึ้นมาอาบน้า เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนตัวเก่ง ขณะเดียวกันกระเพาะที่ไม่มีอะไรตกลงไปให้มันได้ย่อยเลย นอกจาก น้าผลไม้ปั่นแก้วเดียวตั้งแต่เที่ยงวันก็เริ่มประท้วง แต่ ต อนนี้ มั น ก็ เ ที่ ย งคื น แล้ ว ทั้ ง เธอยั ง ขี้ เ กี ย จที่ จ ะเดิ น เอา อาหารไปอุ่น ในไมโครเวฟที่อยู่ด้านนอก เธอจึงเลือกที่จะตัดสิน ใจ ล้มลงบนเตียง ‘เอาไว้ค่อยกินพรุ่งนี้ทีเดียวเลยแล้วกัน’ เธอคิด ก่อนจะเข้าสู่ ห้วงนิทราอีกครั้ง ตื่นสาย ข้าวเช้าจึงไม่ได้ตกลงในกระเพาะของเธอเช่นเคย หญิงสาวรู้สึก ปวดท้องตั้งแต่เช้า แต่เธอก็ ยังแข็ งใจออกไป เรียน แต่ถึงอย่างนั้น อาการปวดท้องของเธอกลับมากขึ้นเรื่อยๆ จน เธอรู้ สึ ก ว่ า ทนนั่ ง เรี ย นต่ อ ไปไม่ ไ หวแล้ ว จึ ง ตั ด สิ น ใจกลั บ มานอน พักผ่อนที่หอพัก “อ้าวเกด เป็นอะไรไปอะ” ลลนาถามออกมา เมื่อเห็นเพื่อน รักเดินโซซัดโซเซไปล้มตัวนอนบนเตียง “ปวดท้องอะแก แล้วแกไม่ไปเรียนเหรอ” ร่างบางที่ตอนนี้ กาลังเจ็บปวดกับโรคประจาตัวกล่าวตอบ “ฉันมีเรียนบ่ายอะ ว่าแต่แกเหอะ ไหวป่ะเนี่ย ” ลลนาถาม เพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง “แล้วมียากินหรือเปล่า” เธอถามต่อ แต่สิ่งที่ตอบกลับมาคือ ความเงียบ “เฮ้ย ไม่ไหวแล้วมั้งแก จะมานอนเฉยๆ ยังงี้ได้ไง ไปโรงพยาบาล เหอะ” เธอบอกเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง “ไม่เอา ไม่ไปอะแก ไปฟังหมอบ่น เบื่อจะตาย นอนๆ ไป ตื่น ขึ้นมาเดี๋ยวก็หาย ขี้เกียจไปนั่งรอนานๆ ด้วย” เธอยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง ๑๓


คุณหมอที่รัก แต่ดูเหมือนจะไม่เข้าหูลลนา เมื่อตอนนี้เธอกาลังหยิบอุปกรณ์ สื่อสารเครื่องจิ๋วออกมา กดหมายเลขปลายสายไปยังใครคนหนึ่ง “ฮัลโหล สวัสดีค่ะ พี่น้าคะ นี่ยุ้ยเองนะคะ คือพี่น้าออกเวร หรือยังคะ” ลลนาส่งเสียงใสถามคนปลายสายอย่างรู้จักกันดี “ค่ะ คือเพื่อนยุ้ยไม่ สบายอะค่ะพี่ สงสัยจะเป็นโรคกระเพาะ รบกวนพี่น้าช่ว ยดูให้ห น่อยได้ ไหมคะ” เธอกล่าวออกไปและคงจะ ได้รับคาตอบรับจากปลายสายเป็นอย่างดี ใบหน้าหวานจึงมีรอยยิ้ม บางๆ เกิดขึ้น “ค่ะ ได้ค่ะพี่น้า เพื่อนชื่อนริศราค่ะ เดี๋ยวจะพาไปเดี๋ยวนี้ละค่ะ ขอบคุณนะคะ” และหลังจากกดวางโทรศัพท์ อันดับต่อไปคือการหัน มาจัดการลากตัวเพื่อนรักไปโรงพยาบาลให้ได้ตามที่นัดคุณหมอ “แก ไป ไปให้หมอตรวจหน่อย ไม่ไหวแล้วแก” “ไม่เอายุ้ย แกทาอะไรของแก แกเคยถามฉันบ้างไหมว่าฉัน เต็ม ใจจะไปกั บ แกหรือ เปล่า เฮ้ย ไม่ เอา” ไม่ ทัน ที่ เธอจะกล่าวจบ ลลนาก็จัดการฉุดเธอจนลุกขึ้นจากเตียงนอนได้สาเร็จ แม้ว่าเธอทั้งสอง จะรูปร่างไม่ต่างกันเท่าไร แต่ในเวลานี้ที่นริศราไม่มีแรง คนตัวเล็กพอกัน อย่างเธอ ก็สามารถฉุดเพื่อนรักให้ลุกขึ้นมาได้อย่างง่ายๆ เหมือนกัน หลังจากยื้อยุด ฉุ ด กระชากกั น มานานพอดู สาวหน้ าหมวย ก็สามารถพาเพื่อนรักของเธอขึ้นรถแท็กซี่ได้สาเร็จ แม้ว่าโรงพยาบาล จะอยู่ไม่ ไกลกับ หอพัก ของเธอนัก แต่ใ นเวลานี้ เธอก็ เลือกที่จะขึ้ น รถแท็กซี่ และเพียงเวลาไม่นาน พวกเธอก็ได้มาอยู่หน้าโรงพยาบาลที่ นัดหมายกับคุณหมอสาวเอาไว้ ADADA

๑๔


2 ชายหนุ่มที่กาลังนั่งจิบกาแฟอยู่ในห้องพักแพทย์หันมองไปยังหญิงสาว หน้าหวานในชุดเสื้อกาวน์ที่กาลังเดินเข้ามาหา “อืม ว่ างครับ พี่น้ า ผมเพิ่งออกเวร มี อะไรหรือเปล่าครับ ” ชายหนุ่มถามออกไปด้วยความสงสัย “คือเพื่อนของน้องที่รู้จัก น่ะ เขาไม่ สบาย สงสัยจะเป็นโรค กระเพาะ โทรมานัดพี่ไว้แล้ว แต่พอดีเมื่อกี้ พยาบาลบนวอร์ดเพิ่งโทร มาบอกว่า คนไข้พี่อาการกาเริบ พี่เลยต้องรีบไปดู ภีมช่วยดูแลน้อง เขาแทนพี่หน่อยสิ” แพทย์ ห ญิ ง ณั ฐ กานต์ ห รื อ หมอน้ าบอกกั บ แพทย์ รุ่ น น้ อ ง ออกไป ด้วยความเป็นพี่น้องร่วมสถาบันเดียวกันมาตั้งแต่สมัยเรียน จนกระทั่ ง ได้ม าท างานที่ เดี ย วกั น ท าให้ เ ธอรู้ จั ก และสนิ ทสนมกั บ รุ่ น น้ อ งคนนี้ พ อสมควร และหลายๆ ครั้ ง ที่ มี ปั ญ หา รุ่ น น้ อ งคนนี้ ก็สามารถช่วยเหลือเธอได้เป็นอย่างดี


คุณหมอที่รัก นายแพทย์ภีมภัทร อัศวกิจวนิชย์ หรือที่เพื่อนร่วมงานเรียก กันติดปากว่า ‘หมอภีม’ แพทย์หนุ่มอนาคตไกลวัยยี่สิบตอนปลาย เขาจบการศึกษาคณะแพทยศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ต่อด้วย แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ นอกจากนี้ยังพ่วงดีกรีปริญญาโท ด้านบริหาร จากประเทศอังกฤษ ด้วยดีกรีความเป็นคุณหมออนาคต ไกล ความพร้อมทางด้านหน้ าตา นิ สัย หรือแม้ กระทั่งชาติต ระกู ล ที่เขาคนนี้พ่วงท้ายมาด้วยตาแหน่งลูกชายคนเล็กของเจ้าของธุรกิจ โรงแรมชื่ อ ดั ง ใจกลางเมื อ ง จึ ง ไม่ แ ปลกที่ ห มอหนุ่ ม คนนี้ จ ะเป็ น ที่ หมายปองของเหล่าสาวน้อยสาวใหญ่ที่ได้พบเจอ “ได้ครับพี่ เดี๋ยวผมดูเคสนี้ให้ ว่าแต่น้องเขามาหรือยังครับ ” ชายหนุ่มถามออกไป พลางรีบยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบและทาท่าจะลุก เดินออกไป “โอ๊ย ไม่ต้องรีบหรอกจ้ะภีม คงอีกสักพักนั่นแหละกว่าน้อง เขาจะมา เอ้อ น้องเขาชื่อนริศรา พี่ฝากด้วยนะจ๊ะ ” คุณหมอสาวว่า พลางเอามือแตะบนไหล่ของคุณหมอภีมภัทร “ครับ” ชายหนุ่มรับคาคุณหมอสาว และเมื่อณัฐกานต์เดิน พ้นจากห้องพักแพทย์ไปแล้ว เขาจึงเดินตามไปบ้าง โรงพยาบาล ลลนาจั ด แจงให้ เ พื่ อ นนั่ ง พั ก ตรงเก้ า อี้ ส าหรั บ ผู้ ป่ ว ย จากนั้นเธอจึงเดินไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ สักครู่ก็มีนางพยาบาลมาเดิน นาเธอทั้งสองคนไปยังห้องตรวจที่มีป้ายติดหน้าห้องว่า ‘แพทย์หญิง ณัฐกานต์’ “นั่ งรอสัก ครู่ น ะคะ คุณ หมอคงกาลังจะมา” พยาบาลสาว บอกขณะนาเธอทั้งสองคนเข้ามาในห้องตรวจเรียบร้อยแล้ว “ขอบคุณค่ะ” ลลนากล่าวขอบคุณ “ยุ้ย แกมีเรียนไม่ใช่เหรอ กลับไปเรียนเถอะ เดี๋ยวฉันหาหมอ ๑๖


diary เสร็จแล้วจะขึ้น แท็กซี่ กลับ ไปเอง” เธอบอกกั บเพื่อน เพราะแค่นี้ ก็ ทาให้เพื่อนรักของเธอเสียเวลาไปมากแล้ว “เอางั้นเหรอ แกอยู่คนเดียวได้แน่นะ” ลลนาถามออกไปด้วย ความเป็นห่วง “ก็เออสิแก คุณหมอเนี่ย ก็เป็นพี่ที่แกรู้จักไม่ใช่ เหรอ เออน่ะ ฉันอยู่ได้ ไปเถอะ ขอบใจแกมากนะ” นริศรากล่าวขอบใจเพื่อนด้วย ความซึ้งใจ รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดีแค่ไหนที่มีเพื่อนที่ ทั้งรักและ เป็นห่วงเธอขนาดนี้ “งัน้ ฉันไปนะแก ถ้ากลับไม่ไหวก็รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวฉันมารับ” เธอยังไม่วายอดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้ “อืม รู้แล้ว ไปเถอะ” “งั้ น ฉั น ไปแหละนะ” เธอตบไหล่ เพื่ อนเบาๆ แล้ว จึ งเดิ น ออกไป ที่ชื่อนริศราเข้าไปรอในห้องตรวจแล้ว เขาจึงเดินตรงไปที่ห้องตรวจ ของแพทย์หญิงณัฐกานต์ที่ฝากคนไข้รายนี้ไว้ให้เขาดูแล ก่อนเข้าห้อง ชายหนุ่มเคาะประตูสองครั้งตามมารยาทก่อนเปิดประตูเข้าไป เมื่อ ประตู ถู ก เปิ ด ออก สิ่ ง ที่ เห็ น คื อ ร่ างเล็ ก ของหญิ ง สาวคนหนึ่ ง ในชุ ด นั ก ศึ ก ษาที่ ป ล่ อ ยชายเสื้ อ ออกมานอกกระโปรง มื อ บางกุ ม ที่ ท้ อ ง ตัวเองด้วยความเจ็บปวด และคงเป็นเพราะเสียงเคาะประตูของเขา ทาให้เธอคนนั้นหันกลับมามองผู้เข้ามาใหม่ ด้านนริศรา เมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่ม แวบแรกรู้สึกคุ้นๆ แต่นึ ก ไม่ ออกว่าใคร เพราะวั น นี้ภีม ภัทรอยู่ใ นชุด เสื้อ เชิ้ต สีฟ้าอ่อน พับแขนเสื้อขึ้นไปอย่างลวกๆ ด้วยว่าความจริงวันนี้เขาจะต้องออกเวร แล้ว จึงไม่พิถีพิถันกับการแต่งตัวมากนัก กับกางเกงสแล็กสีดา แต่…ใบหน้าอย่างนั้น แววตาอย่างนั้น มันเหมือนกับคนที่เดิน ๑๗


คุณหมอที่รัก มาชนเธอเมื่อวานไม่มีผิด ถึงวันนี้เขาจะแต่งตัวดูดีกว่าเมื่อวาน แต่ถึง ยังไงเธอก็ยังจาเขาได้ คนที่ทาให้เธอต้องเจ็บตัวและไปเรียนสายใน เมื่อวาน ฝ่ายภีมภัทรก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน เมื่อได้รู้ว่าคนไข้ที่รุ่นพี่ฝาก เขาไว้ คือเด็กดื้อที่เขาเพิ่งเจอเมื่อวาน ใบหน้าที่แสดงความตกใจเพียง ชั่ ว ครู่ เปลี่ ย นมาเป็ น อมยิ้ ม แบบข าๆ กั บ ความกลมของโลกใบนี้ ที่ทาให้เขาได้มาเจอกับเธออีกครั้ง “คุณมาส่งเอกสารใช่ไหม ส่งเสร็จแล้วก็รีบออกไปสิ” ‘แน่ะ แม่สาวน้อยตรงหน้ายังคิดว่าเขาเป็นคนส่งเอกสารอยู่ อีกเหรอเนี่ย ทั้งที่ในมือเขาก็ไม่มีเอกสารอะไรสักใบ หรือว่าเขาจะดู เหมือนคนส่งเอกสารจริง ๆ นะ’ ชายหนุ่มได้แต่คิดติดตลก พลางถาม ออกไป “ไม่สบายเหรอครับ” ชายหนุ่มถามอย่างแกล้งจะแหย่หญิงสาว เล่น เขาชักเริ่มสนุกกับการได้แกล้งเธอซะแล้วสิ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเธอ ต้องไม่ สบาย แต่เขาก็อยากรู้ว่ าเธอจะตอบคนส่งเอกสารอย่างเขา อย่างไร จึงถามออกไป พลางก้าวเดินต่อไปยังเก้าอี้ประจาตาแหน่ง ของแพทย์หญิงณัฐกานต์ “สงสัยจะปวดท้องมากเลยใช่ ไหม” ชายหนุ่มถามขณะที่นั่ง ลงบนเก้าอี้นั้นแล้ว พร้อมหยิบแฟ้มประวัติของเธอที่พยาบาลมาวางไว้ บนโต๊ะ ก่อนหน้ านี้แ ล้ว ขึ้ นมาดู ซึ่งกิ ริย าท่าทางแบบนั้ น สร้างความ ประหลาดใจให้กับนริศราเป็นอย่างมาก ‘เอ๊ะ เขาเป็นคนส่งเอกสารไม่ใช่เหรอ ท้าไมท้าท่าทางเหมือน หมอ ไม่ ไม่ใช่หรอก ก็หมอที่ยัยแพนด้าบอกเป็นผู้หญิงนี่ แล้วนายคน นี้เป็นใครกันล่ะ’ “อืม น้องชื่อนริศราใช่ไหม สงสัยจะปวดท้องโรคกระเพาะ” เขากล่าวออกไปเรื่อยๆ พลางเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเธอ ยิ่งเห็นหน้า เธอตอนนี้ก็ยิ่งขา เธอคงกาลังงงว่าเขาเป็นใครกันแน่ แต่ก็นั่นแหละ ๑๘


diary ปล่อยให้เธอค่อยๆ เข้าใจเองดีกว่า ส่วนเขา ขอแกล้งเธอต่ออีกหน่อย ก็แล้วกัน ด้านนริศรา เธอกาลังงง! ก็เมื่อวานเขายังแต่งตัวเซอร์ ๆ เขา ต้องไม่ ใ ช่ นั ก ศึ ก ษาหรือ บุ ค ลากรในมหาวิ ท ยาลัย แน่ ๆ แต่สิ่ งที่ เกิ ด ขึ้นกับเธอตอนนี้ เธอกาลังงง! เขาจะเป็นหมอเหรอ ‘มันจะใช่ได้ยังไงกันเล่า ก็หมอลูกน้​้า แล้วป้ายชื่อที่อยู่หน้าห้อง ก็บอกชัดอยู่แล้วว่าคุณหมอต้องเป็นผู้หญิง แล้วอย่างนี้เขาจะเป็นใคร กันล่ะ’ และยังไม่ทันจะคิดอะไรต่อ เสียงของคนที่อยู่ในห้วงความคิด ก็ดังขึ้น “งัน้ เดี๋ยวขอหมอตรวจหน่อยแล้วกัน” ‘อะไรนะ เมื่อกี้เขาแทนตัวเองว่าอะไรนะ สงสัยเธอจะฟังผิด งั้นถามใหม่อีกทีแล้วกัน’ “เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ” เธอถามออกไป ภีมภัทรมองหน้าหญิงสาวแล้วก็อดที่จะส่ายหัวให้กั บความ เชื่อมั่นของเธอไม่ได้ ‘สงสัยเธอจะเชื่ออย่างฝังจิตฝังใจว่าเขาเป็นคนส่ง เอกสาร แล้วอย่างนี้ เมื่อไรเขาจะได้เริ่มรักษาเธอสักทีล่ะ สาวน้อย’ “ก็เราปวดท้องมากไม่ใช่ เหรอ หมอเลยบอกว่า งั้นขอหมอ ตรวจหน่อยแล้วกัน” เขาย้าคาพูดอีกครั้งอย่างชัดถ้อยชัดคา “ไม่ จริง อะ คุณ จะเป็น หมอได้ยังไง คุ ณ ต้องหลอกฉั น แน่ ๆ หมอจริงๆ ต้องเป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอ” เธอว่าพลางลุกขึ้นเดินออกไป แต่เมื่อเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว ความปวดก็ทาให้เธอเซจนต้อง ใช้มือข้างหนึ่งพิงกาแพงเอาไว้ ภีมภัทรเมื่อเห็นดังนั้น ก็ได้แต่ส่ายหน้า อย่างอ่อนใจ ทาไมเขาเจอกับเธอทีไรต้องมีแต่เรื่องทุกทีเลยนะ “นี่ จะไปไหน แล้วเดินไหวเหรอเราน่ะ พี่เป็นหมอจริงๆ มา ดูแลน้องแทนคุณหมอณัฐกานต์ เพราะเธอติดเคสด่วน ทีนี้พอจะเชื่อ ได้หรือยัง” เขาบอกออกไปด้วยน้าเสียงเหนื่อยใจ และเลือกที่จะใช้ ๑๙


คุณหมอที่รัก สรรพนามแทนตัวเองว่า ‘พี่’ เพราะจากการที่ได้พบกับเธอเมื่อวาน เธอเองก็คือรุ่นน้องในมหาวิทยาลัยที่เขาเคยศึกษาอยู่และเพิ่งจะเอา เอกสารไปให้กับรุ่นน้องในคณะที่รู้จักกันเมื่อวานนี้เอง “ไม่เชื่อ จะให้เชื่อได้ยังไง ก็เมื่อวานยังเป็นคนส่งเอกสารอยู่ เลย” คราวนี้เธอบอกอย่างไม่เต็มเสียงเท่าไรนัก คงจะเริ่มลังเลขึ้นมา บ้างแล้ว “แล้วพี่บอกเราสักคาไหม ว่าเป็นคนส่งเอกสาร เราไม่ถามพี่ สักคาว่าอะไรยังไง เข้าใจเอาเองทั้งนั้น ” อีกครั้งที่เขาพูดด้วยความ อ่อนใจ “กะ…ก็…” และยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ มือหนาของคนตัวโตกว่า ก็หยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาและหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากในนั้น “ไม่ไหวเลยนะเรา นี่ ทีนี้เชื่อได้หรือยัง” เขาหยิบบัตรประจาตัว ของเขาออกมาแสดงตนว่าเขาคือหมอจริงๆ ไม่ได้หลอกเธอแต่อย่างใด นายแพทย์ภีมภัทร???? เธอมองตัวอักษรบนบัตรนั้นสลับกับรูปถ่ายและคนตรงหน้า อย่างไม่เชื่อสายตา และก็ดูเหมือนเขาจะอ่านใจเธอออก “ใช่ พี่ชื่อภีมภัทร จบหมอมาจากมหาวิทยาลัยเดียวกับน้อง นั่นแหละ เรียกว่าพี่ภีมก็ได้นะ” เขาบอกออกไปให้หญิงสาวเรียกเขา ว่า ‘พี’่ อย่างไม่ถือตัว มือพลางเก็บบัตรนั้นใส่กระเป๋าตามเดิม สายตา มองไปยังดวงหน้ าหวานนั้ น แล้ว ก็ อดข าไม่ ได้กั บ สายตาที่ม องเขา กลับมาอย่างเคืองๆ ‘เฮ้อ แล้วนี่เราท้าอะไรผิดอีกล่ะเนี่ย’ เขาคิดในใจ “ไปครับ ขึ้ น ไปนอนบนเตีย งให้พี่ต รวจหน่ อย ดู สิ หน้ าซีด เชียว ไม่ไหวแล้วมั้งเราน่ะ” เขาบอกเธอด้วยน้าเสียงเอ็นดู ถึงอย่างไร เธอก็เป็นน้องร่วมสถาบันเดียวกับเขา มีเลือดสีเดียวกัน แม้ว่าการพบ กันกี่ครั้งของเขาและเธอจะต้องมีเรื่องให้เถียงกันทุกครั้งก็ตามเถอะ “ไม่เอาอะ ไม่เป็นไร ฉัน เอ๊ย! หนู เอ่อ ไม่เป็นไรแล้ว” เธอ ๒๐


diary บอกอย่างติดๆ ขัดๆ ไม่รู้จะเรียกแทนตัวเองว่าอะไร “ถึงไม่เป็น ไร ก็ต้องตรวจดูก่ อน จะเดิน ไปดี ๆ หรือจะให้พี่ อุ้มไป” ที่บอกจะอุ้ม ก็พูดขู่ออกไปอย่างนั้นแหละ เพราะรู้ดีว่าหญิงสาว ไม่มีวันยอมให้เขาทาอย่างนั้นแน่ และก็ เ ป็ น จริ ง อย่ า งที่ คิ ด คนตั ว เล็ ก ยอมเดิ น ไปแต่ โ ดยดี เขาจึงได้แต่ส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่นอนนิ่งอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ ใบหน้า หวานฉายชัดถึงความไม่พอใจ ‘ร้ายไม่เบา คนไข้คนนี’้ ส่วนนริศรา ตอนนี้เธอกาลังอาย อายมาก ทั้งที่เขาเป็นหมอ แต่เธอกลับเข้าใจว่าเป็นคนส่งเอกสาร แล้วทาไมจะต้องเป็นหมอคนนี้ ด้วยที่มารักษาเธอ นึกแล้วก็โกรธตัวเอง ไอ้โรคประจาตัวไม่น่ามาเป็น ให้ขายหน้าเขาตอนนี้เลย “ปวดท้องมากี่วันแล้วครับ ” นายแพทย์หนุ่มถาม เสียงเขา ดูจริงจังขึ้น ไม่ทีเล่นทีจริงเหมือนเมื่อสักครู่นี้ “ตั้ ง แต่ เ มื่ อ เช้ า ” เธอตอบออกไป แต่ ก็ ยั ง แสร้ ง หลบหน้ า ชายหนุ่ม “อืม แล้วปวดตรงไหน พอจะบอกได้ไหม” เขาถามออกมา อีกครั้ง แต่เมื่อคนไข้จอมดื้อยังส่ายหน้า คุณหมอหนุ่มจึงเริ่มกดลงไป ตามจุดต่างๆ บริเวณหน้าท้องของเธอ “เจ็บตรงไหนบอกหมอนะครับ ตรงนี้เจ็บไหม” เขาถามเธอ เมื่อใช้มือกดลงไปตรงชายโครงด้านขวา และคนไข้จอมดื้อของเขาก็ ส่ายหน้าตอบ “โอ๊ย ” หญิงสาวร้องออกมาเสียงดัง เมื่อเขากดไปโดนตรง บริเวณตาแหน่งที่เป็นกระเพาะอาหาร สาเหตุอาการป่วยของเธอครั้งนี้ “คงจะเป็นโรคกระเพาะแหละครับ” คุณหมอหนุ่มกล่าวสรุป ๒๑


คุณหมอที่รัก “ทาไมไม่ทานข้าวให้ตรงเวลาล่ะ หืม” เขาถามออกไปเรื่อยๆ อย่างไม่ต้องการคาตอบ และเดินกลับไปที่โต๊ะทางาน คีย์ข้อมูลอะไร บางอย่างลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วเดินกลับมาหา เธออีกครั้ง “จะกินยาหรือฉีดยาดี” เขาถาม แน่ละ คนอย่างนริศรากลัวเข็มฉีดยายิ่งกว่าอะไร แต่ใครจะ กล้ า บอก ยิ่ ง กั บ หมออย่า งภี ม ภั ท ร ที่ เ ธอเพิ่ งจะเถี ย งกั บ เขาอย่ า ง เอาเป็นเอาตายเมื่อสักครู่นี้ บอกไปมีหวังอายเขาแย่ และดูเหมื อนคนเป็นหมอก็จะรู้ใจคนไข้เป็นอย่างดี ก็ดูหน้า เธอสิ แค่บอกยังซีดขนาดนี้ ถ้าจับฉีดยาไปมีหวัง คนตัวเล็กตรงหน้า ต้องร้องไห้งอแงเป็นเด็กๆ แน่ๆ แต่ก็นั่นแหละ ในเมื่อเธอไม่พูด แล้วเขาเองก็นึกสนุกอยากจะ แกล้งคนตัวเล็กต่อ อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะทายังไง “งั้น ฉีด ยาดี กว่าเนอะ จะได้หายเร็ว ๆ” หมอหนุ่ม ว่าพลาง เดินไปที่โต๊ะสาหรับ วางอุปกรณ์ทางการแพทย์ แล้วหยิบ เข็ม ฉีดยา ขึ้นมา นริศราเมื่อเห็นดังนั้น จากหน้าที่ซีดอยู่แล้ว ก็ซีดหนักเข้าไป อีก เธอหันไปมองคุณหมอหนุ่มอย่างไม่รู้จะบอกว่าอย่างไร ภีม ภัทรซึ่งขณะนี้ แทบจะกลั้น ยิ้ม ไว้ ไม่ อ ยู่ นึก ขากั บท่าทาง ทาอะไรไม่ถูกของคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องพยายามตีหน้านิ่ง แกล้งเตรียม อุปกรณ์สาหรับการฉีดยาต่อไป “เอ่อ คุณ” หญิงสาวเรียก แต่ชายหนุ่มทาแกล้งไม่ได้ยิน “คุณหมอภีมภัทร” เป็นครั้งแรกที่เธอเรียกชื่อเขาซะเต็มยศ “ครับ ว่าไงครับ” เขายังแกล้งตีหน้าซื่อ “เอ่อ คือ กินยาก่อนก็ได้มั้งคะ ปกติก็กินยาอย่างเดียว ไม่เห็น ต้องฉีดยาเลย” เธอกล่าวออกไปในที่สุด น้าเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด “แต่หมอว่าฉีดยาแก้ปวดสักเข็มดีกว่านะ ส่วนพวกยาลดกรด ๒๒


diary เคลือบกระเพาะก็กินไปตามเดิม จะได้ไม่ต้องมานั่งทนปวดทรมาน หรื อ ว่ า เรากลั ว ” คุ ณ หมอหนุ่ ม อธิ บ ายถึ ง หลั ก การและแกล้ ง ถาม ออกไป ขอแหย่เธอเล่นต่ออีกสักหน่อยแล้วกัน อยากรู้ว่าคนตัวเล็กจะ ตอบว่าอย่างไร “มะ ไม่ได้กลัว สักหน่อย แค่ไม่ชอบ” ประโยคหลังเธอบอก เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน อยากจะร้องไห้เต็มที ด้านชายหนุ่มเมื่อได้แกล้งหญิงสาวจนพอใจแล้ว ด้วยกลัวว่า คนตัวเล็กจะร้องไห้ออกมาซะก่อนด้วยความกลัว จึงกล่าวออกไป “เอาละครับ ไม่ฉีดก็ไม่ฉีด คราวนี้หมอตามใจเรานะ แต่ถ้า คราวหน้าเราดื้อ ไม่ยอมทานข้าวให้ตรงเวลาอีก หมอไม่ใจดีอย่างวันนี้ แล้วนะ” เขาบอกแกมขู่ คนตรงหน้าจาต้องพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “เดี๋ยวหมอจัดยาให้ไปทานก่อน ทานข้าวแล้วก็ทานยาให้ตรง เวลานะครับ หมอนัดอีกทีอาทิตย์หน้า มาดูอาการกันอีกที” เขากล่าว ‘เชอะ ฝันไปเถอะ อย่าได้มาเจอะมาเจอกันอีกเลย’ เธอคิด และเมื่อเห็นว่าเขาบ่น เอ๊ย สั่งจนพอใจแล้ว เธอก็ทาท่าจะลุก เดินออกไป “เดี๋ยว จะไปไหนน่ะ” ภีมภัทรเมื่อเห็นคนไข้ของเขากาลังเดิน ออกไป จึงกล่าวขัดขึ้น “อ้ า ว ก็ เสร็จ แล้ ว ไม่ ใ ช่ เหรอคะ ก็ ต้ องกลับ ไปพัก ผ่ อนบ้ า ง อะไรบ้างสิคะ ก็เมื่อกี้คุณหมอเพิ่งบอกว่าให้พักผ่อนมากๆ กินข้าวกินยา ให้ตรงเวลา” เธอย้อนคาเขาเสียงแจ้ว “แล้วใครบอกว่าเสร็จแล้ว” ‘อ้าว ตรวจก็ตรวจแล้ว ยาก็สั่งแล้ว จะอะไรกันอีกล่ะ ระ…หรือ เขาจะจับฉันนอนโรงพยาบาล เฮ้ย! ไม่เอานะ ฉันเกลียดโรงพยาบาล’ และสงสัยความคิดของเธอ จะแสดงออกทางสีหน้ามากไปหน่อย คนตรงหน้าจึงเดาความคิดเธอออก และปรากฏให้เห็นรอยยิ้มกึ่งขา กึ่งเอ็นดูบนใบหน้าชายหนุ่ม ๒๓


คุณหมอที่รัก “มานั่ งตรงนี้ ก่ อ น” เขากล่ า ว มองใบหน้ า หวานซึ่ง ตอนนี้ แสดงชัดถึงความไม่ไว้ใจ “เอาน่ะ ไม่เรียกกลับมาจับฉีดยาหรอก” เขากล่าวอย่างรู้ทัน จากการได้พบกันครั้งนี้ ทาให้เขารู้ว่า เธอคนนี้น่าจะไม่ชอบทุกๆ อย่าง ในโรงพยาบาล และอาจรวมถึงการไม่ชอบหน้าหมออย่างเขาด้วยก็ได้ ละมัง และเมื่อได้ยินดังนั้น นริศราจึงยอมกลับมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม กับเขาอีกครั้ง คนตัวโตเมื่อเห็นอย่างนั้นแล้ว จึงเดินกลับไปหยิบอะไร บางอย่างจากโต๊ะที่วางอุปกรณ์ทางการแพทย์มา “แผลเมื่ อวานเป็ นยังไงบ้ าง” เขาถาม วางอุปกรณ์สาหรับ ทาแผลไว้บ นโต๊ะ แล้ว เดิน ไปลากเก้ าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ ามมานั่ งใกล้ ๆ กับเธอ ดวงตากลมโตของหญิงสาวก้มลงไปมองแผลบริเวณข้อศอก ของตนเอง เธอเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้า ว่าเมื่อวานที่เธอเดินชนกับเขา ส่งผลให้เธอมีบาดแผลตรงข้อศอกด้วย ถึงมันจะไม่ใช่แผลใหญ่โตมาก นัก แต่คงต้องใช้เวลาไม่น้อยเหมือนกันกว่ามันจะหายเป็นปกติ แต่ ก็ นั่ น แหละ คนอย่ า งเธอ เคยสนใจกั บ สิ่ ง เล็ ก ๆ น้ อ ยๆ อย่างนี้ซะที่ไหน “อื ม ไม่ เ ป็ น ไรหรอก แผลนิ ด เดี ย วเอง ไกลหั ว ใจตั้ ง เยอะ ไม่ต้องทาแผลหรอก” เธอกล่าวปฏิเสธคุณหมอหนุ่มไป “ไกลหัวใจแต่ใกล้เชื้อโรคนะ นี่ถ้าติดเชื้อไปจะทายังไง” เขา กล่าวเสียงตาหนิ ที่เธอไม่ยอมดูแลตัวเอง พลางดึงแขนข้างที่เจ็บของ เธอออกมาและจัดการทาแผลให้ “ฮือ เบาๆ นะ” เมื่อเห็นว่าคงจะปฏิเสธไม่ได้แล้ว เธอจึงได้ แค่กล่าวต่อรอง “น่า นิดเดียวเอง ไม่เจ็บหรอก” เขากล่าว มือหนึ่งหยิบสาลี ที่ชุบแอลกอฮอล์ขึ้นมา เพื่อจะทาความสะอาดรอบแผลถลอกนั้นเป็น ๒๔


diary การฆ่าเชื้อ จากนั้นจึงใช้น้าเกลือทาความสะอาดตรงบริเวณแผลอีกที นริศราซึ่งตอนแรกทาท่าจะชักแขนออก แต่กลับถูกมือใหญ่ ยึดเอาไว้ แน่น แววตาที่เขามองกลับมา เธอตีความหมายได้ว่า เขา กาลังดูถูกเธอ ใช่ไหม? ‘กลัวเหรอ ไม่แน่จริงนีน่ า’ และด้วยแววตาที่ส่งมาให้เธอแบบนั้น มีหรือคนอย่างเธอจะ ยอมเสียหน้ าต่อหน้ าเขา หน้ าหวานสะบั ด ไปอีก ทางอย่างไม่ พ อใจ พลางกัดฟันแน่น ด้วยคิดว่ามันต้องแสบแน่นอน แต่ สั ม ผั ส ที่ เ ธอได้ รั บ มั น กลั บ ตรงกั น ข้ า มกั บ ความคิ ด โดย สิ้นเชิง เธอรู้สึกแค่ความเจ็บเพียงเล็กน้อย ต่างกับที่คิดไว้มากนัก และเมื่อค่อยๆ หันกลับมามองอีกครั้ง สิ่งที่เห็นคือคุณหมอ หนุ่มตรงหน้ากาลังตั้งอกตั้งใจกับการทาแผลให้เธอ ดวงหน้าหวานซึ่ง ขณะนี้เปื้อนด้วยรอยยิ้มบางๆ นึกขอบคุณเขาอยู่ในใจกับสิ่งที่เขาทา ในวันนี้ แต่ก็นั่นแหละ มันคงเป็นแค่คาขอบคุณที่เธอรับรู้อยู่คนเดียว เท่านั้น เพราะสงครามเล็กๆ ระหว่างเขากับเธอได้เกิดขึ้นมาแล้ว และ คนอย่างเธอคงไม่คิดจะขอบคุณฝ่ายตรงข้ามเป็นอันขาด…เสียฟอร์มแย่! “อ้ะ เสร็จแล้ว” เขาบอก หลังจากทาแผลให้เธอเสร็จ “หมอว่าเอายาแก้อักเสบไปกินอีกตัวดีกว่า เหมือนแผลจะ อักเสบเลย” เขากล่าวต่อไปเรื่อยๆ ‘จ้ะ เชิญเถอะค่ะ จะสั่งอะไรก็สั่ง เพราะลูกเกดคนนี้จะไม่ท้า ตามอย่างแน่นอน’ “โอเค เดี๋ยวไปรับ ยานะครับ ทาตามที่ห มอบอกด้ว ย แล้ว อาทิตย์หน้าเจอกัน” เขากล่าว มองเธอที่ลุกเดินออกไป แต่แล้วก็ต้อง แปลกใจ เมื่อคนตัวเล็กหันหลังกลับมาอีกครั้ง “เอ่อ …” ภีม ภัทรเลิก คิ้ ว เป็ น เชิงถามคนตัว เล็ก ตรงหน้ า ที่ ทาท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง ๒๕


คุณหมอที่รัก “เอ่อ…คือ…ยังไงก็…ขอบคุณนะ ที่ทาแผลให้ ถึงแม้จริงๆ แล้ว จะเป็นความรับผิดชอบของคุณที่เดินมาชนฉันก็ตาม” ‘เฮ้อ อีกแล้วนะยัยตัวเล็กคนนี้ เมื่อไรจะมองเขาในแง่ดีขึ้นมา บ้างเนี่ย’ เขาคิดในใจ แต่สิ่งที่พูดออกไปคือ “ไม่เป็นไรครับ” แต่พูดยังไม่ทันจะจบ คนตัวเล็กก็เดินออกไป ซะแล้ว ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ภายในแล้วกดเบอร์ไปหาใครคนหนึ่ง “ครับ ห้องการเงินใช่ไหมครับ ค่าใช้จ่ายของคนไข้ที่ชื่อนริศรา เดี๋ยวผมเป็นคนจัดการเองนะครับ ” และหลังจากพูดคุยอะไรกันอีก เล็กน้อย ก็วางสายไป ‘ก็ในเมื่อเธอคิดว่าเขาเป็นคนผิดแล้ว แสดงความรับผิดชอบ อีกหน่อยจะเป็นอะไรไปล่ะ ใช่ไหม’ ด้ ว ยความแปลกใจ ระหว่ า งทางเดิ น จากโรงพยาบาลกลั บ หอพั ก หลังจากหาหมอเสร็จแล้ว เธอก็เลือกที่จะไปหาอะไรกินรองท้อง เพื่อ กิน ยา (จานวนมากมาย จะสั่งอะไรกั น นั ก หนาคะ) ตามที่คุ ณ หมอ ภีมภัทร คนที่เธอเข้าใจมาตลอดว่าเป็นคนส่งเอกสารนั้นสั่ง และเมื่อ อาการดี ขึ้ น แล้ ว เธอก็ เ ลื อ กที่ จ ะเดิ น กลั บ หอพั ก ซึ่ ง อยู่ ห่ า งจาก โรงพยาบาลไม่ ไกลนั ก แทนการขึ้ น รถแท็กซี่ เหมือนตอนมา เพราะ อย่างน้อย ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างเธอขึ้นรถแท็กซี่คงดูไม่ปลอดภัย เท่าไรนัก แต่นั่นก็ทาให้เธอคิดถึงคาพูดของเจ้าหน้าที่ห้องการเงินเมื่อ ครั้งเธอเดินเข้าไปจัดการค่าใช้จ่ายในการรักษาครั้งนี้ แต่กลับได้รับ คาตอบกลับมาว่า มีคนจัดการเรื่องนี้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว ‘แล้วจะเป็นใครไปได้ ล่ะ ก็ ใ นเมื่อเธอมาคนเดียว แล้วก็ ไ ล่ ยัยแพนด้ากลับไปเรียนตั้งแต่ก่อนจะเจอนายคุณหมอภีมภัทรอะไรนั่น ๒๖


diary ซะอีก แต่เอ๊ะ…อะไรนะ หมอภีมภัทรงั้นเหรอ คิดๆ ไปแล้วก็มีแค่เขา กับเธอสองคนเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เธอ ไม่ใช่เขา แล้วจะเป็นใคร แต่ยังไง เงินนั้นก็ไม่ได้ออกจากกระเป๋าเธอแน่นอน ต้องเป็นตาคุ ณหมอนั่น แน่ๆ แต่…แต่เขาจะท้าไปเพื่ออะไรล่ะ’ และยังไม่ทันจะคิดจบ เสียงโทรศัพท์เครื่องเล็กในมือก็ดั งขึ้น เธอหยิ บ มั น ขึ้ น มาดู แล้ ว ก็ ต้ อ งอมยิ้ ม เมื่ อ ชื่ อ ที่ ป รากฏหน้ า จอคื อ ‘ยัยแพนด้า’ เพื่อนรักของเธอนั่นเอง “นี่ ไอ้เกด แกมาเดินเพ่นพ่านอะไรแถวนี้ แกไม่สบายไม่ใช่เหรอ ทาไมไม่กลับไปอยู่ในที่ของแก…ฮะ” เสียงลลนาดังเอะอะโวยวายมา ตามสาย “เฮ้ย แก จะบ้าหรือไง ฉันเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาลนี่แหละ ที่ม าเดิน เพ่ น พ่ า นแถวนี้ เ พราะเดิน กลั บ มา หรื อ แกจะให้ ฉั น นั่ ง รถ แท็กซี่กลับมาคนเดียวฮะ” เธอกล่าวตอบเพื่อนไป ‘ฮึ…ยัยนี่นิ มาถึงก็ใส่เป็นไฟเลยนะ’ “เออ ก็นั่นแหละ นี่ๆ แกหยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ ฉันเห็นแกแล้ว เดี๋ยวไปหา” และยังไม่ทันจะกล่าวอะไรออกไปอีก ปลายสายก็ตัดสาย ทิ้งไปซะแล้ว ตรวจคนไข้ได้สักพักหนึ่ง แต่ก็ยังไม่มีวี่แวว เขาจึงตัดสินใจกดโทรศัพท์ ไปหา เพราะเขาเองก็มีธุระที่ต้องไปทาต่อเหมือนกัน “ว่าไงจ๊ะภีม” ปลายสายตอบรับกลับมา “ครับพี่น้า คนไข้ที่ฝากไว้ ผมตรวจให้เรียบร้อยแล้วนะครับ เป็นโรคกระเพาะล่ะครับ ผมนัดน้องเขามาดูอาการอีกทีอาทิตย์หน้า ” ภีมภัทรกล่าวออกไป “จ้ ะ ขอบใจภี ม มากนะจ๊ ะ รบกวนภี ม ตั้ ง หลายครั้ ง แต่ ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าที่ภีมนัดน้องเขาไว้ รับรองพี่ว่าง ๒๗


คุณหมอที่รัก แน่นอนจ้ะ” คุณหมอสาวกล่าวออกไปด้วยเกรงใจที่รบกวนชายหนุ่ม มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว “อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกครับพี่น้า ยังไงผมก็ดูแลคนไข้เคสนี้ตั้งแต่ ต้นแล้ว เดี๋ยวผมดูแลให้เองก็ได้ครับ ” นายแพทย์หนุ่มกล่าวรับอาสา ออกไป ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทาให้เขาคิดจะรับเป็นคุณหมอเจ้าของไข้ นริศราซะเอง แต่ก็นั่นแหละ เด็กดื้ออย่างเธอ คุณหมอใจดีอย่างณัฐกานต์ เอาไม่อยู่หรอก ‘อย่าให้ต้องมาปวดหัวกับยัยตัวเล็กคนนี้เลย’ “อืม เอางั้น เหรอ งั้น ก็ ได้ ขอบใจภีม มากนะ” แพทย์ห ญิง กล่าวกลับมา “ครับ ไม่เป็นไรครับ พี่น้าทางานเถอะครับ” ว่าแล้วก็วางสาย ไป ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหัวน้อยๆ อย่างอ่อนใจ ไม่รู้ว่าอาทิตย์หน้า เขาจะต้องเตรียมรับมือกับเธออย่างไรอีก ADADA

๒๘


3 แผลบริเวณข้อศอกของตัวเองที่บัดนี้ดีขึ้นกว่าวันแรกมากแล้ว พาให้ นึ ก ไปถึ ง คนตั ว โตที่ ท าแผลให้ เ ธอในวั น นั้ น ทั้ ง ที่ ไ ม่ อ ยากจะกล่ า ว ขอบคุณออกไป แต่ก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ ที่จะทาเฉยเมยกับความหวังดีนั้น ‘แต่เราคงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วละนะ คุณหมอคนส่งเอกสาร’ ถึ ง แม้ ว่ า เขาจะนั ด เธอไปดู อ าการในอี ก สองวั น ข้ า งหน้ า แต่สาหรับเธอ หลังจากกินยาไปได้สองสามหนแล้วพบว่าอาการดีขึ้น เธอก็ ไม่ คิ ด จะแตะมั น อีก ดังนั้น การจะให้เธอกลับ ไปพบเขาอีก นั้ น จึงไม่มีทางเลย แล้วไหนจะต้องไปเรียนอีกล่ะ เธอคงไม่มีเวลาหรอก พอคิ ดถึ งเรื่องเรียน ก็เพิ่งนึ ก ขึ้น ได้ เธอยังไม่ ได้ทารายงาน ผลการทดลองที่จะต้องส่งในวันพรุ่งนี้เลย เมื่อคิดได้ดังนั้น ความคิด เกี่ยวกับคนตัวโตจึงหยุดลง หันกลับมาสนใจกับงานตรงหน้า จนลืม วันเวลาอีกเช่นเคย


คุณหมอที่รัก กับชีวิตนักศึกษาปีที่ 3 ของเธอ การเรียนในชั้นที่สูงขึ้น เนื้อหาที่หนัก ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทาให้นริศราต้องทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ ให้กับมัน ขึ้นอีกหลายเท่าตัว ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สอบกลางภาค รายงานต่างๆ ก็ ป ระดั งเข้ า มา ทั้ งเธอยัง สอนพิ เศษหลั งเลิก เรี ย นเป็ น อาชี พ เสริ ม อีกด้วย นั่นทาให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างนริศราเหนื่อยจนแทบจะไม่ไหว หลายต่อหลายครั้งที่เธออยากจะพัก แต่ใ นเมื่ องานไม่ เสร็จ ความ รับผิดชอบที่มีบอกให้เธอต้องทามันต่อไป และทาทุกอย่างให้ออกมาดี ที่สุด และนี่ ก็ เ ป็ น อี ก วั น หนึ่ ง ในชี วิ ต อั น แสนจะวุ่ น วายของเธอ หลังจากลงจากห้องแล็บ เมื่อเข็มนาฬิกาเดินบอกเวลาว่าจะสามทุ่ม แล้ว แต่ภารกิจไม่ได้จบลงแค่นั้น เพราะเธอต้องกลับมาทารายงานผล การทดลองต่อจนเสร็จ และถึงแม้จะเหนื่อยอย่างไร แต่อีกไม่กี่วันก็จะ สอบแล้ว แม้ร่างกายจะร่าร้องบอกว่าต้องการการพักผ่อน แต่ในเมื่อ ใจเธอยังสู้ จึงฝืนความต้องการของร่างกาย ทนอ่านหนังสือต่อไป ซึ่งก็ เป็ น ได้เพีย งแค่ พัก เดีย ว เพราะเธอรู้สึก ได้ถึ งอาการเบาโหวงเหวง ร้อนๆ หนาวๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย เธอรู้ว่า ‘ไม่ควรฝืนอีกต่อไปแล้ว’ จึงพาร่างบางล้มลงบนเตียง เข้าสู่นิทราในที่สุด ไปนอนค้างที่หอพักของเพื่อนร่วมคณะ เพื่อติวหนังสือกัน กลับเข้ามา ในห้องในเวลาสายเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปเรียน แต่ก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นเพื่อนสาวของเธอยังนอนคลุมโปง อยู่บ นเตีย ง ทั้ งที่ ต ามปกติ วั น นี้ น ริ ศ ราต้อ งออกไปเรีย นตั้ง แต่ เช้ า มือบางเอื้อมไปเปิ ดผ้าห่มสีหวานที่คลุมตัวนริศราไว้ แล้วเธอก็ต้อง ตกใจ เมื่อเห็นร่างบางนอนขดอยู่ ใบหน้าขาวบัดนี้แดงระเรื่ออย่างคน กาลังไม่สบาย ๓๐


diary “ไอ้เกด แกไปกินเหล้ามาเหรอเนี่ย” กล่าวออกไปด้วยต้องการ จะแซวเพื่อน แต่ก็ต้องแปลกใจ เมื่อคนตัวเล็กเอื้อมมือมาหยิบผ้าห่ม ลงไปคลุมใหม่ พลางบ่นว่าหนาว เห็น ดังนั้ น ว่ าที่เภสัชกรหญิง จึงลองเอามื อไปแตะบริเวณ หน้าผากของเพื่อนรัก และพบสาเหตุของการนอนซมของเพื่อนในครั้งนี้ ตอนแรกเธอก็แอบตกใจ ทาอะไรไม่ถูก แต่เมื่อตั้งสติได้ จึงกล่าวถาม เพื่อนออกไป “เกด แกไหวไหม” ปฏิกิริยาที่ตอบกลับมาคือการส่ายหัว “ฮือ แก ปวดหัว อะ ปวดท้องด้ว ย หยิ บ ยาในเก๊ ะ ที่โต๊ะ ให้ หน่อยสิ” ลลนาเมื่อได้ยินดังนั้น จึงเดินไปหยิบยาตามที่นริศราบอก และด้วยความที่เป็นสาขาที่เ ธอเรียนมาทาให้พอมีความรู้เรื่องยาอยู่ บ้ าง มื อบางเลือกหยิ บ ยาแก้ โรคกระเพาะและแก้ ป วดหัว ส่งให้กั บ เพื่อนสาว นริศรารับยาไปกินแต่โดยดี และล้มตัวลงนอนตามเดิม ทีท่าว่าจะดีขึ้นแต่อย่างใด ลลนาซึ่งตอนนี้กาลังคิดหนักว่าจะหาทางออก อย่างไรดี เพราะเธอมีสอบในช่วงบ่ายวันนี้ แต่จะปล่อยเพื่อนที่นอน ป่วยอย่างนี้ไว้คนเดียวก็ทาไม่ได้ คิ้วสวยขมวดขึ้นเป็นปม ด้วยความ หนักใจ สักพักหนึ่งก็วิ่งออกไปจากห้อง และกลับมาพร้อมกับผู้ชาย ร่างสูงเจ้าสาอางคนหนึ่ง ซึ่งถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครรู้ว่า เพื่อนร่วมคณะ ของเธอคนนี้ มีหัวใจเป็นหญิงยิ่งกว่าเธอซะอีก “กานต์ ไอ้เกดมันไม่สบาย ฉันจะทิ้งมันเอาไว้อย่างนี้ก็ไม่ได้ แกช่วยฉันพามันไปโรงพยาบาลหน่อยสิ” เมื่อได้ฟังดังนั้น ชายหนุ่มที่ ไม่แมนเต็มร้อยคนนี้ ก็จัดการอุ้มร่างสาวน้อยตรงหน้าไว้ เพื่อจะพาไป ส่งโรงพยาบาล นริศราเมื่อเห็นดังนั้น แม้จะมีแรงอันน้อยนิด ก็ทาท่าเหมือน ๓๑


คุณหมอที่รัก จะโวยวายขึ้นมา แต่ถูกลลนาขัดเอาไว้ซะก่อน “แกหยุดเลยนะไอ้เกด แกอย่าสร้างปัญหาให้ฉัน ฉันต้องไป สอบและฉันเองก็ต้องพาแกไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยกว่านี้ก่อนด้วย” ถึง จะพูดไปอย่างนั้น แต่นริศราก็เข้าใจดีว่า จริงๆ แล้ว เพื่อนของเธอคง เป็นห่วงเธอไม่น้อยเหมือนกัน พยาบาลโทรศัพท์ภายในเข้ามาในห้องทางานของเขา บอกให้รู้ว่ามี คนไข้ที่เขาเป็นเจ้าของไข้อยู่ในห้องฉุกเฉิน “ครับ ช่วยเตรียมแฟ้มประวัติให้ผมด้วย ผมกาลังจะไปครับ” หมอหนุ่มบอก ก่อนจะรีบเดินออกไป เมื่อเห็นนายแพทย์ภีมภัทรเดินเข้ามา พยาบาลที่ประจาอยู่ใน ห้องฉุกเฉิน ก็รีบเดินนาไปยังเตียงของคนป่วยที่เขามีหน้าที่รับผิดชอบ เมื่ อ เดิ น ไปถึ ง แพทย์ เ วรประจ าห้ อ งฉุ ก เฉิ น ที่ ก าลั ง ตรวจอาการ เบื้ อ งต้ น อยู่ หัน มามองแพทย์ รุ่ น พี่ ผู้ เ ข้ า มาใหม่ แล้ ว กล่ า วรายงาน ออกไป “มีไข้สูงเกือบ 40 องศาแน่ะครับพี่” เขากล่าวรายงานแพทย์ รุ่นพี่ออกไป “ขอบใจมาก เดี๋ยวพี่ดูแลต่อเอง” ภีมภัทรกล่าวขอบใจแพทย์ รุ่นน้อง มือพลางหยิบแฟ้มประวัติขึ้นมาดูอาการคร่าวๆ ก่อนจะเงย หน้าไปมองคนไข้ตรงหน้า ร่างบางที่นอนขมวดคิ้วหน้ายุ่งบอกให้รู้ถึง ความเจ็บปวด มือเล็กกุมไว้บริเวณท้อง เห็นแล้วก็อดส่ายหน้าด้ว ย ความอ่อนใจไม่ได้ เมื่อนึกขึ้นได้ว่า คนป่วยที่นอนตรงหน้าคนนี้ คือ เด็กจอมดื้อที่เบี้ยวนัดเขาเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนหน้านี้เอง ‘เฮ้อ เจอกันกี่ทีก็เป็นอย่างนี้ทุกทีเลยสิน่า’ คุณหมอหนุ่มคิด ด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ ๓๒


diary หลังจากตรวจดูอาการของนริศราเรียบร้อยแล้ว พบว่าเธอ มีอาการโรคกระเพาะกาเริบ แต่นั่นก็ไม่ได้ทาให้เขากังวลเท่าอาการ ไข้สูงของเธอ ซึ่งอาจจะเป็นอาการของไข้เลือดออกหรือไข้หวัดใหญ่ ก็ได้ “เคสนี้ เ ดี๋ ย ว admit เลยนะครั บ ” เขาหั น ไปบอกกั บ นาง พยาบาลวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วหันไปพูดกับคนไข้ของเขาต่อ “ปวดหัวมากไหม เดี๋ยวเจาะเลือดหน่อยนะครับ ” เขาบอก กับคนตัวเล็กตรงหน้าที่ขมวดคิ้วยุ่งอย่างจะปฏิเสธ ภีมภัทรส่ายหน้า อย่างเอ็น ดู ‘ไม่สบายจะแย่อยู่แล้ ว ยังจะมาดื้ออีก ’ เขาคิ ด แล้ว ก็ จัดการเจาะเลือดให้กับเธอ เพื่อส่งตรวจหารอยโรคต่อไป สั่งให้พยาบาลให้น้าเกลือ ‘เจ็บจะแย่ คุณหมอบ้า ท้าร้ายคนไม่มีทางสู้’ และดูแลให้ทานยาบรรเทาอาการปวดก่อนในเบื้องต้น “ลูกเกด เป็นไงบ้าง ดีขึ้ นไหม” ลลนาถามเพื่อนด้วยความ เป็นห่วง และเมื่อเห็นเพื่อนพยักหน้าน้อยๆ นั่นก็ทาให้เธอสบายใจขึ้น “งัน้ ฉันกับกานต์ ไปสอบก่อนนะ เย็นๆ จะมาหาใหม่” อีกครั้ง ที่นริศราพยักหน้ารับ “ขอบใจมากนะยุ้ย ขอบใจมากนะกานต์ ” เธอกล่าวออกไป และนั่นก็เรียกให้มือเล็ก ๆ เอื้อมไปยีผมนุ่มสลวยของเพื่อนด้วยความ เอ็นดู “เฮ้ อ ก็ ใ ครใช้ ใ ห้ ฉั น มารั ก เพื่ อ นอย่ า งแกล่ ะ ยั ย มู ม มาม” ลลนาพูดด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ต่อไปยังห้องของแพทย์เจ้าของไข้ ซึ่งก็คือคุณหมอภีมภัทรนั่นเอง เสี ย งเคาะประตู ที่ ดั ง ขึ้ น ท าให้ น ายแพทย์ ภี ม ภั ท รที่ ก าลั ง ๓๓


คุณหมอที่รัก ก้มหน้าเขียนอะไรบางอย่างอยู่ เงยหน้าขึ้นมาดู และเห็นเด็กสองคน ในชุดนักศึกษาสถาบันเดียวกับที่เขาเคยศึกษาอยู่ ทั้งสองพนมมือไหว้ เขาอย่างนอบน้อม และการกระทานั้นก็ทาให้ได้รับรอยยิ้มบางๆ และ การรับไหว้ของคุณหมอหนุ่มเช่นกัน ‘โห หมอหล่อเป็นบ้าเลยว่ะ ยัยมูมมามเอ๊ย อยากเป็นคนไข้ แทนเลยนะเนี่ย’ ลลนาอดชื่นชมกับความหน้าตาดีอย่างไม่มีที่ติของ คนตรงหน้าไม่ได้ “สวั ส ดี ค่ ะ คื อ หนู เ ป็ น เพื่ อ นของคนไข้ ที่ ชื่ อ นริ ศ ราค่ ะ คื อ เพื่อนหนูไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหมคะ เพราะหนูมีสอบตอนบ่ายน่ะค่ะ อาจจะต้องทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวก่อน” เธอกล่าวออกไปให้คุณหมอ หนุ่มเข้าใจ “อืม ตอนนี้ต้องรอผลเลือดยืนยันก่อนน่ะครับ” คุณหมอหนุ่ม อธิบาย “แต่คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก อาการทั่วไปก็ไม่มีอะไรให้ต้อง เป็นห่วงมาก ไปสอบเถอะ เดี๋ยวทางนี้หมอจะดูแลให้เอง” ชายหนุ่ม กล่าวให้ เด็ก ตรงหน้ าได้ส บายใจ แล้ว ก็ นึ ก อะไรบางอย่างขึ้ น มาได้ ก่อนจะเอ่ยถามออกไป “เอ่อ แล้วครอบครัวน้องเขาล่ะครับ” ชายหนุ่มถามในสิ่งที่ สงสัย เพราะตั้งแต่นริศราเข้ามานอนพักรักษาตัว ก็เห็นมีแต่เพื่อนเธอ นี่แหละที่เขาได้พบ “คือครอบครัวลูกเกดอยู่ต่างจังหวัดน่ะค่ะ แล้วเกดบอกว่า ไม่ต้องบอกที่บ้าน เพราะไม่อยากให้เป็นห่วง” นายแพทย์หนุ่มพยักหน้า รับรู้ แต่… เมื่ อกี้… เพื่อนเธอเรียกนริศ ราว่ าลูกเกดเหรอ เธอคงมี ชือ่ เล่นว่า ‘ลูกเกด’ สินะ “ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ หมอต้องดูแลคนไข้อย่างดีที่สุด อยู่แล้ว” เขาย้าอีกครั้งให้เพื่อนๆ ของคนไข้ที่เขาเพิ่งรู้เมื่อสักครู่นี้ว่ามี ชื่อเล่น ว่ า ‘ลูก เกด’ ได้สบายใจ เมื่ อได้ยิน ดังนั้ น ลลนาและกานต์ ๓๔


diary จึงยกมือไหว้ ลานายแพทย์หนุ่ม แต่ขณะที่ลลนากาลังเดินออกไป เขา ก็เพิ่งนึกอะไรบางอย่างออกมา “เอ่อ แล้วน้องนริศราไม่ต้องไปสอบหรือครับ” ชายหนุ่มถาม ออกไปอย่างอดเป็นกังวลไม่ได้” “อ๋ อ เกดเรี ย นอยู่ ค ณะวิ ท ย์ น่ ะ ค่ ะ คนละคณะกั น ” ลลนา กล่าวตอบ และชายหนุ่มตรงหน้าก็ทาเพียงพยักหน้าอย่างเข้าใจตาม แบบฉบับคุณหมอ บังคับให้เธอทานอาหารแล้วก็ทานยา ถึงเธอจะมีอาการดีขึ้นกว่าเดิม บ้ า งแล้ ว ก็ ต าม แต่ ก็ ยั ง ปวดหั ว และปวดท้ อ งมากเกิ น กว่ า จะทาน อาหารได้มากๆ อย่างที่คุณพยาบาลเธอต้องการ และด้วยอาการที่ ทุเลาลงบ้าง ความคิดจึงแล่นขึ้นมาว่า เธอควรจะกลับไปนอนพักที่หอ ดีกว่าที่จะมานอนอุดอู้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมสีขาว แล้วก็ไปไหนมาไหน ไม่ได้เพราะสายน้าเกลืออันนี้ ดวงตากลมช้อนขึ้นไปมองด้านหัวเตียง เพื่อมองหาชื่อคุณหมอเจ้าของไข้ เธอจะใช้สายตาอันน่าสงสาร อ้อนเขา หรือเธอคนนั้น ให้ปล่อยเธอกลับหอ ด้วยเหตุผลอันจาเป็นสุดขีดว่า เธอจะไปสอบ ‘แต่เอ๊ะ…นั่น ตัวหนังสือนั่น มันอ่านว่าอะไรนะ สงสัยจะไข้ ขึ้นจนอ่านผิด ภีมภัทร เหรอ…อะไรนะ นายแพทย์ภีมภัทร…ภีมภัทร อีกแล้วเหรอเนี่ย ท้าไมเธอจะต้องมาเจอกับอีตาคุณหมอคนส่งเอกสาร อีกแล้วล่ะ โรงพยาบาลนี้มีหมออยู่คนเดียวหรือไง! เฮ้อๆ ท้าเสียแผน หมด ไม่ๆ…เธอจะไม่ท้าหน้าตาน่าสงสารให้ศัตรูฝ่ายตรงข้ามเห็นใจ เชอะ…ฝันไปเถอะ!’ และยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ คงเพราะด้วยฤทธิ์ยา หรือความอ่อนเพลียของอาการป่วย จึงทาให้เธอเผลอหลับไปในที่สุด ๓๕


คุณหมอที่รัก ของนริศ ราที่ก าลังกึ่ งนั่ งกึ่ งนอนดูทีวี บ นเตีย งคนป่ ว ยให้หัน ไปมอง ชายหนุ่มในชุดเสื้อกาวน์สีขาวสะอาด นี่คงจะเป็นครั้งแรกเลยกระมัง ที่หญิงสาวได้เห็นภีมภัทรในมาดคุณหมอเต็มยศขนาดนี้ “เป็นไงบ้างครับคนป่วย เห็นมีคนมาบอกว่าไม่ยอมทานข้าว” เขากล่าวขึ้น เมื่อมาหยุดยืนอยู่ข้างเตียงคนป่วย มือพลางเปิดดูถาด อาหารเย็น ที่ ว างอยู่ ต รงหั ว เตี ย ง และก็ พ บว่ า มั น พร่ องไปเพี ย งแค่ เล็กน้อยเท่านั้น จึงหันกลับไปมองหน้าคนป่วย แล้วก็พบว่าคนที่อยู่ ตรงหน้าทาเป็นแสร้งมองไปทางอื่น ไม่สนใจในสิ่งที่เขาพูด “ถ้ าไม่ ทานข้ าวแล้ว จะทานยาได้ยังไงล่ะ ” เขากล่าวต่อไป เรื่อยๆ มือพลางปรับ ระดับการหยดของน้ าเกลือให้กั บคนตรงหน้ า หญิงสาวไม่มีทีท่าจะสนใจคาพูดของเขาแต่อย่างใด สักพัก ร่างเล็กนั้น จึงค่อยๆ ล้มตัวลงนอน โดยเลือกที่จะหันหลังให้เขา “ง่วงแล้ว จะนอน ปวดหัวด้วย” นี่คือคาพูดประโยคแรกที่ หลุดออกมาจากปากหญิงสาวหลังจากไม่ได้เจอกันเกือบเดือน ‘เออนะ เดี๋ยวนี้คนไข้ไล่หมอเจ้าของไข้ได้ด้วยเหรอเนี่ย’ เธอคงไม่ ได้อ่อนเพลีย จริง ๆ หรอก แต่ถึ งจะใช่ก็ ค งไม่ ม าก ขนาดนี้ เพราะเขาเพิ่งได้รับรายงานจากพยาบาลว่า เพิ่งจะปลุกเธอ ขึ้นมาทานยาก่อนอาหารและทานข้าว หลังจากที่หลับไปร่วมสามสี่ ชั่วโมง แต่เธอก็ไม่ยอมทานข้าวแต่โดยดี ทานได้เพียงคาสองคาก็บอก ว่าอิ่มและไม่ยอมทานอีก และนั่นก็เป็นสาเหตุให้เขาต้องมายืนอยู่ข้าง เตียงเธออย่างนี้ไง ‘ฮึ ยัยตัวเล็ก แสบพอตัวเลยนะเรา สงสัยคงต้องจัดการขั้น เด็ดขาดกันหน่อยแล้วละ’ เขาคิดต่อด้วยความอ่อนใจ เพราะถ้าหาก เธอไม่ ย อมทานข้ า ว ก็ จ ะทานยาหลั ง อาหารไม่ ไ ด้ แถมเจ้ า โรค กระเพาะประจาตัว ก็จะกาเริบขึ้นอีก แล้วเมื่อไรจะหายสักที “โอเค ไม่ทานก็ไม่ทาน นอนก็นอน” เขากล่าว ๓๖


diary ‘ก็แค่นั้นแหละ’ “งั้นเดี๋ยวฉีดยาแล้วกันเนอะ” เขากล่าวออกไปเรื่อยๆ และก็ ได้ผล ร่างบางซึ่งหันหลังให้เขามาตลอดหันหน้ากลับมามองเขาด้วย ใบหน้าที่แสดงออกชัดถึงความไม่พอใจ ‘อีตาคุณหมอคนส่งเอกสารนี่ เอาอีกแล้วนะ พอรู้จุดอ่อน ก็ ขู่เอาๆ’ หญิงสาวคิดด้วยความไม่พอใจ มองหน้าคุณหมอหนุ่มในชุด เสื้อ กาวน์ ที่ก อดอกมองหน้ าเธอนิ่ งเช่ น กั น ส่ งสายตากลั บ มาเป็ น คาถามประมาณว่า ‘ก็เลือกเอา จะเอายังไง’ ด้านคุณหมอหนุ่ม เมื่อได้เห็นอาการของคนตรงหน้าอย่างนั้น ก็นึกขาอยู่ในใจ อันที่จริง เขาก็ไม่ได้อยากเอาจุดอ่อนของเธอมาขู่ให้ เธอกลัวขึ้นไปอีกหรอกนะ แต่เพราะเธอคนนี้ดื้อซะเหลือเกิน ไม่เคย แม้แต่จะฟังเขา ซึ่งต้องการรักษาให้เธอหายดี เขาก็เลยต้องเลือกใช้ วิธีนี้ “กะ…ก็ กินไปก็ปวดท้องอีก” หญิงสาวกล่าวออกไปตามที่คิด จริงๆ เธอไม่อยากทานข้าว เพราะด้วยอาการโรคกระเพาะของเธอ ถ้าหากไม่ทานข้าวก็จะปวดท้อง แต่ถึงแม้จะทานไปก็ปวดอยู่ดี อาจจะ มากขึ้นซะด้วยซ้า ทั้งยังอาการมึนหัวนั่นอีก ทาให้เธอไม่อยากจะทาน อะไร ด้านคุณหมอหนุ่ม เมื่อได้ฟังดังนั้น ก็ได้แต่สงสารแกมเอ็นดู เขารู้ว่าเธอไม่ได้โกหก แต่ก็นั่นแหละ ถึงอย่างไร ถ้าจะให้เขาเลือก รักษาเธอด้วยวิธีการที่ไม่ต้องเจ็บตัว เธอก็ต้องแข็งใจทานข้าว เพื่อจะ ได้ทานยาต่อไป “ถึงยังไงก็ต้องฝืนใจทานหน่อย” เขาบอกด้วยน้าเสียงใจเย็น “ก็ ไม่ อยาก” คนตัว เล็ก ซึ่งตอนนี้ ยัน ตัว ลุ ก ขึ้ น มานั่ ง กล่า ว ปฏิเสธออกมา ทาให้คนตัวโตกว่าได้แต่ถอนใจ “แสดงว่าชอบฉีดยาแทนใช่ ไหม” คนตัวโตพูด ออกมาด้ว ย น้าเสียงเป็นเชิงดุ ๓๗


คุณหมอที่รัก แต่สงสัย เขาเริ่ม จะทาให้คนตัวเล็ก กลัวจริง ๆ ซะแล้ ว เมื่ อ เห็ น ดวงตากลมของเธอหลุ บ ต่ า ริ ม ฝี ป ากบางเม้ ม เข้ า หากั น เป็ น เส้นตรง ไร้ซึ่งคาพูดใดๆ เห็นดังนั้น ตัวเขาเองก็ได้แต่อ่อนใจ “เฮ้อ” เสียงถอนหายใจของคุณหมอหนุ่มกับอาการของคนไข้ดื้อ ตรงหน้า สงสัยเธอจะยังเด็กเกินไป คงต้องพูดกันดีๆ “ไม่เอา อย่าทาหน้าอย่างนั้น เดี๋ยวทานข้าวหน่อยนะ นิดเดียว ก็ยังดี จะได้ทานยา…นะคะ คนเก่ ง” เขาพูด ปลอบเธออย่างพี่ชาย กาลังปลอบน้องสาวตัวน้อย พลางหยิบชามข้าวต้มมาวางไว้ให้กับคน ตรงหน้า ที่แม้จะยอมทานแต่โดยดี แต่ก็ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามามอง เขาแม้แต่น้อย ด้านนริศรา เธอไม่รู้ว่าทาไม ความรู้สึกน้อยใจจึงแล่นวูบเข้ามา ในหัวใจ ไม่ ใช่แ ค่โดนเขาขู่ ให้ก ลัว แต่ด้วยน้ าเสียงที่บ่งบอกว่า เขา กาลังไม่พอใจที่เธอทาแบบนี้ แม้จะไม่ใช่สิ่งที่ฟังแล้วรุนแรงมากนัก ก็ตาม แต่สาหรับคนขี้น้อยใจอย่างเธอ คงไม่ใช่เฉพาะแค่คนตรงหน้านี้ หรอก ไม่ว่าใครก็ทาให้เธอมีอาการแบบนี้ได้เช่นกัน หญิงสาวทานข้าวไปได้เพียงครึ่ง แต่นี่ก็ถือว่าฝืนใจเธอมากพอ อยู่แล้ว แววตาน้อยใจผสมความขุ่นเคือง เงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่ม ที่ยืนอยู่ข้างๆ เป็ นเชิงถามว่า ‘พอแล้วใช่ ไหม พอใจหรือยัง ’ และก็ ได้รับคาตอบจากชายหนุ่มในชุดเสื้อกาวน์ คือการพยักหน้ารับ มือบางจึงวางช้อนลง ดื่มน้าเพียงเล็กน้อย แล้วล้มตัวลงนอน ภี ม ภั ท รเมื่ อ เห็ น ดั ง นั้ น จึ ง หยิ บ รี โ มตขึ้ น มาปิ ด ที วี แล้ ว กล่ า วบอก ออกไป “นอนพักไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวอีกสักพัก ค่อยลุกขึ้นมาทานยา ยังปวดหัวอยู่หรือเปล่า ” เขาถามออกไป และได้รับคาตอบคื อการ พยักหน้า มื อ หนาเอื้ อ มไปหยิ บ ปรอทวั ด ไข้ ที่ ว างไว้ หั ว เตี ย งให้ ค น ตรงหน้าอมไว้ใต้ลิ้นเพื่อวัดอุณหภูมิของร่างกาย ซึ่งได้ผลว่าอาการไข้ ๓๘


diary ของเธอเริ่มลดลงแล้ว แต่ก็ยังถือว่ามีไข้อยู่ “คุณหมอภีมภัทร” เสียงใสดังขึ้น เรียกให้ชายหนุ่มที่กาลัง ตรวจชีพจรให้กับเธอเงยหน้าขึ้นมามอง “หืม” เสียงห้าวตอบรับ “เมื่อไรจะได้กลั บ ไม่อยากอยู่โรงพยาบาลแล้ว ” หญิงสาว บอกออกไปตามความเป็นจริง “จะรี บ กลั บ ไปท าไม ยั ง มี ไ ข้ อ ยู่ เ ลย” เขาบอกคนตั ว เล็ ก ตรงหน้า “ก็อยากกลับ จะกลับไปอ่านหนังสือสอบ มะรืนก็จะสอบแล้ว กลับตอนนี้เลยได้ไหม” คนตัวเล็กยังกล่าวต่อรอง เรียกรอยยิ้มบางๆ จากคนตัวใหญ่ “คงไม่ ได้ห รอกครับ ยังไงก็ ต้องรอให้ดีขึ้ น กว่ านี้ ก่ อน ส่ว น เรื่องสอบ ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าไม่ไหวจริงๆ เดี๋ยวหมอทาใบรับรองแพทย์ ให้ แล้วค่อยไปยื่นกับ อาจารย์ก็ ได้นี่ จริง ไหม” เขากล่าวอธิบ ายให้ คนไข้ตัวเล็กคลายกังวล “แต่…” นริศราทาท่าจะกล่าวอะไรสักอย่าง แต่ก็ถูกคุณหมอ ภีมภัทรขัดไว้ซะก่อน “นะ ไม่ต้องคิ ด มาก ลุกขึ้ น มาทานยาก่ อน แล้ว พัก ผ่อนให้ เยอะๆ จะได้หายไวๆ…นะครับ” เขาบอก พร้อมยื่นยาและแก้วน้ า ให้กับคนไข้ตรงหน้า หลังจากนั้นสักพัก ร่างเล็กก็หลับสนิทไปอีกครั้ง ภีมภัทรซึ่งกาลังบันทึกข้อมูลบนแฟ้มประวัติคนไข้ เงยหน้า ขึ้นมามองด้วยความเอ็นดู มือหนาเอื้อมไป คล้ายจะลูบผมหญิงสาว แต่ก็ต้องหยุดไว้เท่านั้น เมื่อคิดว่ามันคงไม่เหมาะสมเท่าไร แต่…ไม่รู้เพราะอะไร เขาถึงรู้สึกเอ็นดูสาวน้อยตรงหน้าคนนี้จัง อาจเป็นเพราะความดื้อดึงของคนตรงหน้าที่ทาให้เขาต้องคอยรับมือ อยู่บ่อยๆ ทาให้ลูกชายคนเล็กที่ไม่เคยมีและอยากมีน้องสาวอย่างเขา มีจิตวิญญาณของความเป็นพี่ชายขึ้นมาอย่างนั้นกระมัง ๓๙


คุณหมอที่รัก เสียงลลนาดังมาแต่ไกล ตั้งแต่อยู่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วย ตามมาด้วย เพื่อนวัยเดียวกันกับเธออีกร่วมสิบคน แต่ในนั้นคงมีประมาณครึ่งเดียว ที่เธอรู้จัก อีกครึ่งหนึ่งเธอพอคลับคล้ายคลับคลาบ้างว่าเป็นเพื่อนของ ลลนาที่คณะ ซึ่งเคยพบกันแบบผ่านๆ เท่านั้น “อะไรของแกวะยุ้ ย รบกวนคนป่ ว ยว่ ะ ” นริ ศ ราบ่ น อย่ า ง ไม่จริงจังนัก “แหม แก ก็ฉันพาเพื่อนมารับแกกลับหอไง หมอพี่ภีมบอก ฉันว่าให้แกกลับได้ แล้ว” ลลนากล่าวออกมาหน้าระรื่น ทาให้นริศรา อดรู้สึกหมั่นไส้น้อยๆ ไม่ได้ ‘แหม หมอพี่ภีม สนิทสนมกันเร็วเหลือเกินนะแก รู้จักกันแค่ วันเดียว ไปนับญาติกั บเขาแล้วน่ะ ’ นริศราคิ ด ในใจพลางมองหน้ า เพื่อนด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็ไม่แปลกหรอก ด้วยความที่ตั้งแต่เย็นวันก่อนจนกระทั่ง เมื่ อวานนี้ ลลนามาเฝ้าเธอตลอด และได้เจอกั บภีม ภัทรที่เข้ ามาดู อาการเธอหลายครั้ง ด้วยความเป็นคนเข้ากับคนง่าย ลลนาจึงสนิทกับ ภีมภัทรโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน ยิ่งได้รู้ว่าภีมภัทรจบมาจากสถาบัน เดียวกับที่พวกเธอเรียนอีก ยิ่งทาให้มีเรื่องคุยกันมากขึ้น ผิดกับเธอ ที่เจอหน้าเขากี่ทีก็ไม่รู้จะคุยอะไร แล้ ว เรื่ อ งที่ เ ขาอนุ ญ าตให้ เ ธอกลั บ เธอรู้ ตั้ ง นานแล้ ว ละ ก็เพราะเธอเองนี่แหละ ที่คอยเซ้าซี้เขา จะกลับไปนอนหอพักให้ได้ จนสุ ด ท้ า ยเขาก็ ใ จอ่ อ นให้ เ ธอกลับ หอในวั น นี้ โดยมี ข้ อแม้ ว่ า เธอ จะต้องมาตรวจอีก ทีใ นอาทิต ย์ห น้า ห้ามเบี้ ยว!! เพราะจากผลการ วินิจฉัยพบว่า เธอป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ แต่อาการยังไม่รุนแรงมากนัก คุณหมอจึงต้องการแน่ใจว่าเธอหายดีแล้วจริงๆ “แล้วนี่ แกช่วยแก้ข่าวให้ฉันหน่อยสิ เพื่อนๆ มันหาว่าไอ้อ้น มันจีบฉัน ฉันเลยบอกว่า ฉันมีตัวจริงแล้ว คือ แก เรากิ๊กกันมาตั้งแต่ ๔๐


diary ปีหนึ่งแล้ว จริงมะ” ลลนาบอก พร้อมพยักพเยิดหน้าไปยังคนต้นเหตุ ที่ชื่ออ้น ดูเผินๆ แล้ว เขาเป็นผู้ชายเรียบร้อย ซึ่งก็ดูขัดกับเพื่อนเธอคนนี้ ซะเหลือเกิน ลลนาที่ถึงแม้จะไม่ได้ห้าวอะไรมากมาย แต่ก็เรียกได้ว่า คุณเธอแมนกว่าผู้ชายหลายๆ คนซะอีก นริศรามองไปยังผู้ชายที่คาด ว่าคงชื่ออ้น ทาให้ได้เห็นอาการเขินที่ปรากฏบนใบหน้า ‘เอ๊ะ หรือว่านายนี่จะชอบเพื่อนเราจริง ๆ’ เห็นอย่างนั้น เธอ จึงกล่าวออกไป “เกดก็ไม่ได้อยากกิ๊กกับมันหรอกอ้น มันยัดเยียดตาแหน่งนี้ ให้เองชัดๆ” ว่าพลางมองหน้าเพื่อนอย่างแกล้งรังเกียจ “แต่เกดว่าอย่าจีบมันเลยอ้น สงสารอะ ไม่อยากให้โชคร้ายไป ตลอดชาติ ฮ่าๆๆ” นริศราพูดติดตลก เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ จะมีก็แต่เพียงลลนาเท่านั้นที่ได้ แต่แยกเขี้ยวออกมา อยากจัดการกับ เพื่อนรักซะเต็มทน และไม่ทันที่เสียงหัวเราะจะหยุดลง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เปิดออกมาให้เห็นร่างสูงดูดีใ นชุด เสื้อกาวน์ ตัวยาวก าลังเดิน เข้ามา ในกลุ่มพวกเธอและมาหยุดอยู่ตรงหน้านริศราที่ตอนนี้เปลี่ยนจากชุด ของโรงพยาบาล มาเป็นเสื้อยืดกางเกงยีนสบายๆ ตามสไตล์ของเธอ แล้ว “นี่ ใบรับ รองแพทย์ หมอเซ็น ให้เรียบร้อยแล้ว เผื่อเวลาให้ พัก ผ่อนอีก สองวั น โอเคไหม” เขากล่าวขณะยื่น กระดาษใบสีข าว ให้ กั บ นริ ศ รา เพราะถึ ง นริ ศ ราจะไม่ เ ป็ น อะไรมากแล้ ว ก็ จ ริ ง แต่ ร่างกายของเธอก็ ยังต้องการการพัก ผ่อน ด้านนริศ ราก็ ได้แ ต่ก ล่าว ขอบคุณเขาเบาๆ แล้วรับกระดาษใบนั้นมา “เดี๋ยวพยาบาลจะเอายาขึ้นมาให้ กลับไปก็ทานข้าวทานยา ให้ต รงเวลาด้ว ย อย่าหัก โหมมาก รู้ ไหมครับ ” คุ ณ หมอหนุ่ ม ยังคง กล่าวสั่งออกไป ๔๑


คุณหมอที่รัก ‘เออ รู้แล้วน่าคุณหมอ พูดมารอบที่ร้อยหกสิบสี่ แล้วมั้ง แก่ก็ ยังไม่แก่ ท้าไมขี้บ่นจัง’ เธอคิดในใจ แต่ก็ต้องพยักหน้ารับด้วยสีหน้า เซ็งๆ และยังไม่ทันที่จะมีใครพูดอะไรต่อ เสียงหวานของคนที่เธอ เพิ่งแกล้งให้แยกเขี้ยวเป็นยักษ์เมื่อกี้ก็ดังขึ้น “แต่ยุ้ยว่านะ ความจริงพี่ภีมน่าจะจับลูกเกดนอนโรงพยาบาล ต่ออีกสักวันสองวัน เพราะถึงพี่ภีมจะพร่าบอกยังไงยัยนี่ก็ไม่ฟังหรอก จริงไหมจ๊ะ นริศราเพื่อนรัก ” ประโยคหลังนี้ ลลนาหันมาบอกเพื่อน เสียงหวานเกินจาเป็น ด้วยต้องการเอาคืนเรื่องเมื่อสักครู่นี้บ้าง ด้านคุณหมอภีมภัทรก็พยักหน้ารับรู้กับลลนาด้วยความเข้าใจ แล้วหันหน้าไปสบตากับนริศราที่มองมาพอดี ถึงจะไม่ได้พูดอะไรกัน แต่แววตาของคุณหมอหนุ่มส่งมาอย่างชัดเจนว่า ‘ก็ลองดูส’ิ และนั่นทาให้นริศราต้องแกล้งทาเป็นหลบตา ไม่ยอมสู้สายตา กับเขาอีกต่อไป “งั้นเดี๋ยวหมอขอตัวก่อนนะครับ” ภีมภัทรบอกกับทุกคน “อย่าลืมที่หมอนัดอาทิตย์หน้าด้วยนะ ลูกเกด” ประโยคหลัง นี้เขาหันมาบอกกับนริศรา ทุกคนยกมือไหว้ขอบคุณเขา ยกเว้นเธอ เพียงคนเดียว เธอกาลังงง!! เมื่อกี้เขาเรียกเธอว่าลูกเกดเหรอ เธอไม่แปลกใจ หรอกนะ ที่เขาจะรู้จักชื่อเล่นของเธอ ก็เพื่อนเธอเล่นป่าวประกาศซะ จะเป็นรอบที่ร้อยอยู่แล้วนี่ แต่…แต่เขามีสิทธิ์อะไรมาเรียกเธออย่างสนิทสนมแบบนี้ เธอ ยังไม่ได้บอกสักคาว่าให้เขาเรียกเธออย่างนั้นได้เลยนะ ADADA

๔๒


4 หันไปมองยังฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นอาณาเขตของลลนา ซึ่งพบว่ามีเพียง ความว่างเปล่า ก็เป็นธรรมดาที่วันเสาร์อาทิตย์อย่างนี้ ถ้าไม่มีอะไรทา หากเธอและลลนาไม่ไปเที่ยวพักผ่อนกันสองคน ต่างคนก็จะไปเที่ยว พักผ่อนกับเพื่อนกลุ่มเดียวกันในคณะของตัวเอง และนี่ ก็เป็ น อีก หนึ่ งวั น ที่ลลนาหรือแม้ กระทั่งเพื่อนในกลุ่ม ของเธอเอง เลือกที่จะทิ้งให้เธอนอนอุดอู้ อยู่ในห้องเล็กๆ แห่งนี้เพียง ล าพั ง ด้ ว ยเหตุ ผ ลคื อ เธอไม่ ค วรจะออกไปตากแดดตากลมหรื อ แม้กระทั่งตากฝน (เพราะหน้านี้เป็นหน้าฝน) เพราะเธอยังไม่หายดี แม้ว่ าเธอจะพิสูจน์ให้เพื่อนๆ ได้เห็น ด้วยการขัด คาสั่งอีต าคุณ หมอ ภีมภัทร คนส่งเอกสาร (ชื่อยาวขึ้นเรื่อยๆ นะเนี่ย ) ด้วยการไปสอบ เมื่อวานแล้วก็ตาม “เฮ้อ เบื่อจัง” หญิงสาวกล่าวกับตัวเองด้วยความเบื่อหน่าย และแค่เพียงสักพักร่างบางก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ลุกขึ้นไปรื้อๆ


คุณหมอที่รัก ค้นๆ อะไรบางอย่างในตู้เสื้อผ้า เพียงครู่เดียว คนตัวเล็กก็อยู่ในชุดเสื้อ สีม่ ว งเข้ ม ตัว เก่ ง กั บ กางเกงยี น สี ซี ด ดู สบายๆ ร่ า งบางเดิ น ไปที่โ ต๊ ะ ลงมือเขียนอะไรขยุกขยิกบนกระดาษโน้ต และนาไปแปะไว้ยังโต๊ะที่ อยู่อีกฟากหนึ่งของลลนาอย่างที่เคยทาเป็นประจา “อยู่ห้องเบื๊อ เบื่อ ออกไปหาขนมกินก่อนนะ เดี๋ยวกลับมาจะ ซื้อมาฝาก ไม่ต้องห่วงนะ จุ๊บๆ” เขียนบอกเพื่อนอย่างนั้น แล้วจึงเดิน ออกไปด้วยความสบายใจ นริศราเลือกที่จะเดินเท้าออกมาจากหอพักเพียงเล็กน้อย เพื่อ ขึ้นรถไฟฟ้าไปยังห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมือง หลังจากเดินเล่น ดูนั่นดูนี่ จนได้หนังสืออ่านเล่นติดมือมาสองสามเล่ม เธอก็เลือกที่จะ ออกมาเดิ น บริ เ วณรอบนอก ความจริ ง แล้ ว เธอก าลั ง มองหางาน part time ที่เหมาะสมกับเธอสักที่หนึ่ง เพราะหลังจากที่เธอป่วยจน ต้องเข้าโรงพยาบาลขนาดนั้น เธอก็นึกได้ว่าไม่ควรหักโหมเกินไป แล้ว งานสอนพิเศษที่เธอทาอยู่ก็ดูเหมือนจะหนักเกินตัวเธอซะด้วย เพราะ มันไม่ใช่แค่การสอนเพียงอย่างเดียว เธอยังต้องเตรียมเอกสารสาหรับ การสอนเอง และสาหรับตัวเธอแล้ว ไม่ใช่สักแต่ว่าจะสอนเท่านั้น เธอ ต้องสอนให้ดี ให้เด็กได้อะไรกลับไป ให้คุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายมาเพื่อ เรียนอีกด้วย เธอจึงตัดสินใจโทรไปลาออกตั้งแต่อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว แต่ก็นั่นแหละ จะให้เธออยู่เฉยๆ ขอเงินที่บ้านอย่างเดียวมันก็ ดูไร้ค่าเกินไป เธอควรจะทาตัวให้เป็นประโยชน์ซะบ้าง แต่มันจะมีงาน อะไรล่ะ ที่จะเหมาะสมกับนักศึกษาอย่างเธอและพอดีกับเวลาโดยไม่ รบกวนเวลาเรียนด้วยเช่นกัน ร่างบางของนริศรายังคงเดินต่อมาเรื่อยๆ มองหางานที่เหมาะสม ในความคิ ด ของเธอ แต่ ก็ ไ ม่ เ จอสั ก ที เมื่ อ ก้ ม ลงดู เ วลา ตั ว เลขบน หน้าปัดก็บ่งบอกว่าล่วงเลยมาถึงเวลาเย็นแล้ว ทั้งนึกขึ้นได้อีกว่า ต้อง กลั บ ไปซื้ อ ขนมร้ า นโปรดมาฝากเพื่ อ นสนิ ท ด้ ว ย อี ก ทั้ ง เมื่ อ มองดู บรรยากาศรอบๆ ก็ครึ้มฟ้าครึ้มฝนยังไงก็ไม่รู้ ๔๔


“จาใส่หัวของเธอเอาไว้ ที่ฉันแต่งงานกับเธอเพราะคุณพ่อบังคับ ไม่ได้พิศวาสเธอเลยแม้แต่น้อย” กรกวินทร์พูดใส่หน้าเจ้าสาวเมื่ออยู่กัน ตามลาพังในห้องแต่งตัว แพรวพรรณรายจ้องตาผู้พูดเขม็ง ไม่หลบหลีก ดวงตาคู่นั้น ที่ทาให้เธอใจสั่นตั้งแต่วินาทีแรกที่สบตา “งั้นคุณก็จาใส่หั วของคุณไว้ด้ว ยเหมือนกันว่า ฉันก็ไม่อยากจะ แต่ ง งานกั บ คุ ณ เลยแม้ แ ต่ นิ ด เดี ย ว ที่ ฉั น แต่ ง ก็ เ พราะแม่ บั ง คั บ ” แพรวพรรณรายตอกกลับเจ้าบ่าวที่ยืนหน้าดาหน้าแดงเพราะความโกรธ เล่ นงาน เกิดมาเขาไม่เคยเกลีย ดผู้ห ญิงคนไหนเท่าเธอมาก่อนเลย ไม่ ปรารถนาจะแตะต้องให้เสียมือด้วยซ้าไป แต่ทาไมหนอ ริมฝีปากของเธอมันช่างน่าจูบเหลือเกิน…พับผ่าสิ

พบกันเร็วๆ นี้


ลูกสาวของศัตรู คือเหยื่ออันโอชะของเขา…

หนึ่งในซีรี่ส์ชุดเจ้าพ่อ

พบกันเดือนพฤศจิกายน




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.