เล่ห์ลับ รหัสรัก ตัวอย่างทดลองอ่าน

Page 1

ปกใน



ปกใน


รายละเอียดหนังสือ

ผู้เขียน โมริสา พิสูจน์อักษร วีณ ปก-ศิลปกรรม amany พิมพ์ครั้งที่ 2 มิถุนายน 2556


จากใจโมริสา ส าหรั บ เรื่ อ ง “เล่ ห์ ลั บ รหั ส รั ก ” เป็ น นวนิ ย ายแนว สืบสวน ฆาตกรรมที่ใช้เวลาเขียนถึงสามปี ในระหว่างสามปีนั้น เป็ น การหยุ ด และทิ้ ง เรื่ อ งนี้ ไ ว้ เ ฉยๆ เพราะมั น ไปต่ อ ไม่ ไ ด้ เนื่องจากเรื่องราวของตัวละครมันซับซ้อนเกินไปสาหรั บมือใหม่ หัดเขียน แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไปกับประสบการณ์ที่มากขึ้น จึง หยิบเรื่องนี้มาทาต่อจนเสร็จ และเมื่อเสร็จแล้วจึงรู้สึกว่ามันเป็น เรื่องภูมิใจที่สุดกับการทางานชิ้นนี้ จึงขอฝากผลงานเรื่องนี้ไว้ให้ ท่านได้พิสูจน์อีกหนึ่งเรื่องค่ะ ด้วยความขอบคุณ โมริสา


ก่อนเข้าเนื้อหา

ความรักมักใช้เล่ห์กล ล่อหลอก ล่อลวง ขุ ดหลุมพราง และวางกับดัก จนกว่าเราจะตกเป็นเหยื่อ เมื่อใด…ที่เราตกเป็นเหยื่อของความรักแล้ว แม้รู้ตัว… เราก็จะไม่มีวันดิ้นรนจากบ่วงแห่งรักนัน้ เลย


บทนำ สายฟ้าสว่างวาบขึ้นในคืนเดือนมืด ส่องให้เห็นฝนเม็ดใหญ่ ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ยังผลให้น้าในบึงแตกกระเพื่อมเป็นวง กว้างอยู่ทั่วผิวน้า ร่างสูงใหญ่ของชายวัยกลางคน ก้าวเดินอย่างระมัดระวังมา ตามพื้ น ของสนามหญ้ า ภายในสวนสาธาร ณะแห่ ง หนึ่ ง ของ กรุงเทพมหานคร เขาขยับฮู้ดของเสื้อกันฝนบนศีรษะให้กระชับ หลัง รับรู้ถึงความแรงของลมฝน น้าบนพื้นหญ้าเจิ่งนองจนขึ้นมาเปีย ก รองเท้าผ้าใบสีดาที่เร่งเดิน ให้เร็วขึ้น เมื่อมองเห็นสัญญาณไฟจาก หน้ารถปิกอัปกะพริบเป็นจังหวะบอกให้รู้ว่า เพื่อนร่วมงานของเขา มาถึงตามจุดที่นัดหมาย ความวังเวงของบรรยากาศทาให้เขาต้อง หยิบปืนออกมาเตรียมพร้อม ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงบนกิ่ งของต้นประดู่ มั นหักโค่นลงไปในบึ ง เสียงของมันทาให้คนที่กาลังก้าวเดินสะดุ้ง แต่มันไม่ทาให้เขาตกใจ เท่ากับเสียงปืนที่รัวก้องขึ้น มันแหวกสายฝนพุ่งตรงเข้าสู่ร่างเขาจน ทรุดลงกับพื้น คนถูกยิงแข็งใจสาดกระสุนใส่ร่างอรชรของมือปืนตรง ประตูรถสปอร์ตอย่างไม่ยั้ง แต่มันไม่อาจหยุดคมกระสุนที่สาดใส่ร่าง


ของเขาได้ เขาจึงทาได้เพียงกลิ้งตัวไปยังบึงน้าก่อนพุ่งหลาวดาดิ่ง ลงไป พร้อมเสียงระเบิดของรถปิกอัปดังแผดก้องขึ้น เปลวไฟพุ่งขึ้นสู่ ท้องฟ้าสีดาทะมึน คนที่กาลังแหวกว่ายเพื่อเอาตัวรอดอยู่ในบึงน้า ไม่มีโอกาส รู้ ว่ า คนที่ นั ด เขามาเพื่ อ สะสางงาน จะเอาตั ว รอดจากตรงนั้ น ได้ หรือไม่ เมื่อตัวเขาเองเจ็บปางตาย และยังไม่รู้ว่าจะเอาชีวิตให้รอด ผ่านพ้นคืนนี้ไปได้อย่างไร! ร่างอรชรในชุดรัดรูปวิ่งมาหยุดยืน และกวาดสายตาไปทั่ว บึงน้าที่สีของมันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้าเจือจางกระจายออกเป็น วงกว้าง เธอหัว เราะเสียงห้าวอย่างสะใจ พร้อมปืนในมือก็สาดใส่ ลงไปอย่างไม่ยั้ง ก่อนวิ่งฝ่าสายฝนกลับไปยังรถสปอร์ตสีแดงเพลิง และสั่งให้ผู้ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถ ขับออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้ เพีย งกลิ่นไหม้ข องซากรถ ท่ามกลางสายฝนและความมื ด มิด ของ ราตรีกาล ชายฉกรรจ์สามคนในชุดสีดาสนิท สวมหมวกไหมพรมคลุม ศีรษะมิ ดชิด จนไม่ อาจเห็น แม้ แต่ใ บหน้า แต่ก็ รู้ได้ทันทีว่าทั้งสาม ไม่ได้มาดี เมื่อใช้เท้าถีบกระแทกประตูไม้ของบ้านหลังใหญ่บ นเนิน ดินให้เปิดออกอย่างแรง แล้วกรูกันขึ้นไปยังห้องนอนบนชั้นลอยของ บ้าน ทาให้หญิงวัยกลางคนผู้เป็นเจ้าของห้องตกใจตื่น และหวีดร้อง อย่างเสียขวัญ ดวงตาเบิกโพลงตื่นตระหนก เมื่อชายฉกรรจ์ทั้งสาม กรูกันเข้ามาจับล็อก แล้วใช้ผ้าขนหนูชุบน้ายาโปะลงบนจมูกของร่าง บอบบางที่พยายามดิ้นรนหวีดร้องเพื่อเอาชีวิตรอด แต่มิอาจทานทน กับฤทธิ์ของยาสลบที่สูดเข้าไปเต็มที่ จนหมดสติลงง่ายดาย และถูก พาตัวออกไปจากบ้านหลังนี้อย่างรวดเร็ว เหตุนี้เมื่อร่างเตี้ยล่าของชายวัยกลางคนมาถึงบ้านในอีกครึ่ง 6


ชั่วโมงต่อมา ทั้งบ้านจึงเหลือเพียงร่องรอยของการถูกรื้อค้น ข้าวของ เกลื่อนกระจายเต็ม พื้น แต่ไร้ซึ่งเงาของผู้เป็น เจ้าของสวนดอกไม้ ปิ่นหทัย เขาผู้เป็นเพื่อนรักทรุดลงอย่างหมดแรง ถามตัวเองว่าจะ ช่วยเหลือได้อย่างไร ในเมื่อเขามาถึงช้าเกินไป! โทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กดังรัวขึ้นกลางดึก ทาให้แพทย์หญิง กรรณิ ก าร์ผู้ก าลังนั่ งอ่ านต าราวิ ชาการแพทย์เล่ม หนา อยู่ ต รงริ ม หน้ า ต่ า งของห้ อ งพั ก แพทย์ ภ ายในโรงพยาบาลแถบชานเมื อ ง เชียงใหม่ ต้องหยิบมือถือขึ้นมาแนบหู เสียงพูดหอบเหนื่อย เหมือน คนกาลังจะหมดลม แต่เธอก็จับใจความได้ว่า “ก้อย…ทาตามที่พ่อบอกนะ…!” แสงไฟแสงแฟลชสว่างวาบขึ้น พร้อมการเดินกล้องถ่ายภาพ ทางทีวี หลังพลตารวจเอก ขจร พนาเวศ ผู้อานวยการใหญ่ของฝ่าย สืบสวนพิเศษ เดินออกจากห้องมาด้วยใบหน้าเครียดเคร่ง ตามหลัง ด้ว ยผู้ติด ตามอีก สี่ค น ทั้ งหมดดู จะหนั ก ใจกั บ เหตุก ารณ์ ที่เกิ ด ขึ้ น ไม่น้อย พลตารวจเอกขจร ทรุดนั่งลงตรงโต๊ะ ตัวใหญ่ ภายในห้อง ประชุมของอาคารฝ่ายสืบสวนพิเศษ กวาดสายตามองไปยังกล้องทีวี รวมไปถึงนักข่าวหลายสิบชีวิต ที่รอข่าวสาคัญอย่างใจจดจ่อ แฟ้มใน มือถูกกางออก รอผู้เป็นเจ้าของได้เปิดปากแถลง “พอดีผมเพิ่งกลับจากต่างประเทศ จึงขอแถลงถึงเหตุการณ์ ที่เกิดเมื่อเดือนที่แล้วไว้เพียงคร่าวๆ ว่า ของกลางคือเงินสี่สิบล้าน กับยาบ้าสี่แสนสี่หมื่นเม็ดซึ่งเรายึดมาได้จากนายลี่พู ผู้ทรงอิทธิพล แถบภาคเหนื อ มั น ถู ก ปล้ น ไประหว่ า งการขนย้ า ยเก็ บ เข้ า คลั ง 7


รถคุ้ ม กั น ของเจ้ าหน้ า ที่ต ารวจโดนระเบิ ด ถล่ ม เข้ า ใส่ เป็ น เหตุใ ห้ ชุดคุ้มกันเสียชีวิตทั้งหมดสี่นาย และของกลางหายอย่างไร้ร่องรอย ผู้รับผิดชอบครั้งนี้คือร้อยตารวจโทเดชา แดงใสซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัย และกาลังอยู่ระหว่างการสอบสวน ทางเราจะแถลงผลความคืบหน้า ของคดีนี้ให้ทราบในโอกาสต่อไป…” เหวี่ยงรีโมตทีวีในมือทิ้งไปที่พื้นจนกระเด็นแตกกระจาย หลังดูภาพ การแถลงข่าวความอัปยศอดสูของฝ่ายสืบสวนพิเศษจบลง ซิการ์ถูก จุ ด ขึ้ น อย่ า งฉุ น เฉี ย ว ปลายของมั น แดงวาบขึ้ น อี ก หลายครั้ ง ดูเหมือนผู้สูบกาลังระงับอารมณ์พลุ่งพล่านอย่างเต็มที่ ก่อนหันไปรับ แก้วบรั่นดีใบใหญ่ที่ถูกเลื่อนมาให้จนถึงมือ “ไอ้บัดซบนั่นมันเอายากับเงินของฉันไปซ่อนไว้ที่ไหน!” “เรายังหาไม่เจอค่ะนาย แต่พยายามอยู่ ว่าแต่จะเอาไงต่อดี คะ” น้ าเสี ย งแหบห้ า ว ถามมาจากร่ า งอรชรได้ สั ด ส่ ว น ใบหน้ า รูปไข่ถูกแต่งจนเนียนสวย เรียวปากอวบอิ่ม จมูกโด่งแหลมเกินจริง ตาสองชั้นดาโต ผมยาวสยายเคลียไหล่ เธออยู่ในชุดรัดรูปสีดาแนบ เนื้อทั้งเสื้อและกางเกง “รอจอห์นมันก่อนว่าจะเอายังไง” น้าเสียงเริ่มเย็นลง เมื่อ โทรศั พ ท์มื อถื อของตนดังขึ้ น เขาไม่ รอช้ารีบ ยกขึ้ น แนบหูแ ละฟั ง แผนการสาคัญอย่างตั้งใจ โดยมีสาวเสียงห้าวคอยรอรับคาสั่งอย่าง ใจจดจ่อ มุ่งมั่น และอดทนรอที่จะชาระแค้นครั้งสาคัญนี้ด้วยตัวเอง คนเป็ น นายวางโทรศั พ ท์ มื อถื อลง หัน มาสั่ง คนในห้องว่ า “จอห์นมันบอกว่างานนี้ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ และจัดการขั้น เด็ดขาด” “ให้ด้าจัดการไอ้บุรีตามที่นายสัญญานะ” คนชื่อด้ารีบอาสา “เออ แกได้จัดการแน่ แต่ต้องมีตัวล่อเป้ าอีกคน ไอ้จอห์น 8


ให้แกไปตามไอ้เดช กับไอ้ทศ แล้วไปพบกันที่เดิม คืนนี้มันจะบอก แผนการอีกที ไปได้!” ร่างอรชรขยับขาก้าวเดิน “เดี๋ยวแวนด้า!” เจ้าของชื่อหยุดชะงักค้างอยู่ตรงประตู “เรื่องนี้ต้องเงียบที่สุด อย่าให้ไอ้บุรีมันรู้ตัวเด็ดขาด…ไอ้นี่มัน ร้ายยิ่งกว่าเสือ ถ้าจะจับมันต้องใช้ปืนอย่างเดียว” แวนด้ารับคา ก่อนออกจากห้อง ทิ้งคนเป็นนายทอดสายตา ไปยังรูปบนผนังอย่างเคียดแค้น เขาไม่อยากเชื่อว่าคนที่เขาขุดขึ้นมา จากเรือนจาจังหวัดเชียงใหม่ จะกล้าทรยศหักหลัง ทั้งที่เขาให้ความไว้วางใจ และเลี้ยงดูอย่างดีมาตลอดสามสิบปี เต็ม! aaa

9


1 การั น ต์ พยุ ห โยธา นายต ารวจจากฝ่ า ยสื บ สวนพิ เ ศษ ลากกระเป๋ า เดิน ทางออกมาจากอาคารผู้ โ ดยสารขาเข้ า ระหว่ า ง ประเทศตอนตีห้า เขาตรงมายังจุดนัดพบ นายน้อมคนขับรถประจา บ้ านยืน พิน อบพิเทารอคอยรั บ เขาก้ าวขึ้ น ไปนั่ งบนเบาะหนั งนุ่ ม สีขาวนวล เอนกายพิงพนักอย่างอ่อนเพลียกับการเดินทางที่ใช้เวลา ร่วมสิบชั่วโมง แฟ้มงานยังกองอยู่ข้างตัว แทบไม่ต้องเปิดอ่านอีก เขา ก็จาได้แม่นถึงคดีร้ายแรงที่เกิดขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน ผู้หมวดเดชา เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จากการสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่ตารวจ เชื่อว่า เป็นการลวงมาฆ่าปิดปาก หลังมีข่าวพัวพันกับเงินของกลางสี่สิบล้าน และยาบ้าอีกสี่แสนกว่าเม็ด ซึ่งยึดได้มาจากบ้านของนายลี่พู สมุนคน สนิทของผู้ทรงอิทธิพลนายหนึ่งแถบรอยต่อของจังหวัดเชียงราย โดย มีเขาเป็นผู้นาจับ หลังแถลงข่าวการจับกุมได้หนึ่งอาทิตย์ เขาได้รับทุนอบรม พิเศษจากออสเตรเลียหกเดือน ต้องบินด่วนภายในสามวัน ไม่นึกว่า หลั ง จากนั้ น การขนย้ ายของกลางจะเกิ ด ผิ ด พลาด ท าให้ ต ารวจ เสียชีวิต และของกลางทั้งหมดหายอย่างไร้ร่องรอย ผู้รับผิดชอบครั้ง


นี้คือร้อยตารวจโทเดชา แดงใส ซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยทันที คดีอยู่ใน ระหว่างสอบสวน แต่มาเกิดเหตุการณ์ซ้าซ้อนขึ้น คราวนี้ ผู้ ห มวดเดชาเสี ย ชี วิ ต ในที่ เ กิ ด เหตุ การสื บ คดี หยุดชะงัก รวมไปถึงของกลางล็อตใหญ่ยังอันตรธานอย่างไร้ร่องรอย นั่นเป็นเหตุให้เขาต้องกลับก่อนกาหนดเดิมถึงสามเดือนเต็ม “สงสัยตรงโน้นจะไฟไหม้นะครับ คุณรันต์” คุ ณ รั น ต์ ข องนายน้ อ ม ผงกหั ว ขึ้ น ดู แ สงสี ส้ ม กลุ่ ม ใหญ่ ตรงขอบฟ้าสีดาไกลออกไปบนทางด่วนรามอินทรา เขามองอย่างไม่ สบายใจ ป่านนี้ผู้คนจะโกลาหลแค่ไหน ตีสี่เกือบครึ่งคงกาลังหลับ สบาย ได้ แ ต่ ภ าวนาอย่ า ให้ มี ค นเสี ย ชี วิ ต ในที่ เ กิ ด เหตุ เพราะนั่ น เท่ากับว่างานชันสูตรจะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว วัยกลางคนบนแคร่ไม้ไผ่ งัวเงียลุกนั่ง มองผ่านมุ้งสีขาวคล้าออกไป ยังนาฬิกาตรงฝาผนังของกระท่อมไม้ไผ่ขัดแตะ ตีห้าไม่ขาดไม่เกินสัก นาที เจ้าของกระท่อมเอนกายลงนอนอีก ครั้ง กลับหยุด ชะงัก กั บ เสียงเห่าหอนไม่หยุด แกนึก หงุด หงิด จนต้องเลิกชายมุ้งก้ มตัว ออกมายืน พร้อม ผ้าขาวม้าสีเขียวแก่ ขยับมือเคียนทับกางเกงขาก๊วยสีดาไว้ตรงเอว ก่อนหยิบกระบอกไฟฉายด้ามยาวถือติดมือออกไป บอกตัวเองว่าดึก สงัดแบบนี้ ไว้ใจไม่ได้กับไอ้พวกหัวขโมย มักแอบมาวิดปลาออกไป จากบ่ออยู่บ่อยๆ แสงสีขาวจากกระบอกไฟฉาย ทอดเป็ นลายาวออกไปยัง บ่อปลาสามบ่อใหญ่ข้างหน้า เสียงเครื่องยนต์ของกังหันน้าขนาดเล็ก ยังครางกระหึ่มอยู่ท่ามกลางความมืด มีเพียงแสงไฟจากหลอดสีขาว ดวงเล็กบนเสาไม้ตรงขอบบ่อด้านติดกับถนนส่องให้เห็นเพียงราไร เจ้าของบ่อปลาเพ่งสายตาฝ่าความมืด ไปยังสุนัข สามสี่ตัว 11


ซึ่งรวมตัวกันเห่า อยู่ตรงขอบบ่อด้านซ้ายมือ ตัดสินใจฉายไฟไปตาม ทางเดิน ซึ่งเป็ นคั นดิน เล็ก ๆ ก้ าวตามแสงไฟไปด้วยอาการหวาดๆ ใบของต้นโสนข้างรั้วพลิ้วไหวตามแรงลมที่พัดโชยมา พร้อมกลิ่นของ ฝนจางๆ ท าให้ ค นที่ ก าลั ง ฉายไฟรู้ สึ ก เสี ย วสั น หลั ง วาบขึ้ น จน ขนลุกเกรียว ลาแสงสีขาวสาดส่องเป็นทางยาว อยู่แถวผิวน้าของบ่อ แกส่งเสียงจุ๊ จุ๊ ดุสุนัขให้เงียบ มันร้องครางแต่ยังเห่ากรรโชกไม่เลิก แกหันไปมองที่มาของเสียงเห่า ไฟฉายในมือร่วงหล่นอย่าง ตกใจ! ใบหน้ า คล้ าเกรี ย มซี ด เผื อ ด สายตาฝ้ า ฟางตื่ น ตระหนก กับภาพในบ่อปลา ก้ม เก็บกระบอกไฟฉายขึ้ นจากพื้น วิ่งขึ้ นไปยัง ถนนด้านหน้า มุ่งไปยังบ้านของกานันประจาอาเภอสองพี่น้องด้วย อาการร้อนรน เจ้ า พระยา ส่ อ งให้ เ ห็ น วิ ถี ชี วิ ต ผู้ ค นริ ม น้ ากั บ การเริ่ ม ต้ น วั น ใหม่ ควันไฟจากเตาฟืนโรยตัวอยู่ในบรรยากาศ กลิ่นอาหารจากห้องครัว เรียกให้ใครหลายคนตื่นรับวันใหม่ เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังขึ้นอยู่ตรง ชานเรือนครัวด้านหลัง ของบ้านเรือนไทยโบราณหลังใหญ่แห่งหนึ่ง เรียกให้หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของห้องใกล้กับพิกุลต้นใหญ่ ซึ่งมีอายุร่วม ร้อยปี ต้องแง้มประตูแอบดู ไม่ต้องเดา เธอก็รู้ว่าหลานชายคนเดียว ของคุ ณ ย่ า มยุ รี เ ดิ น ทางกลั บ ถึ ง ประเทศไทยก่ อ นก าหนดเดิ ม ถึ ง สามเดือน ไม่มีใครบอกได้ว่าทาไมและอะไร? มีเพียงผู้เดียวที่จะตอบได้ คือประมุ ขชราของบ้ านพยุห โยธา แต่เธอก็ ไม่ อาจเอ่ย ปากถามได้ อย่างใจ เมื่อเธออยู่ในสถานะเพียงผู้อาศัยชั่วคราว หญิงสาวจึงหัน มาเปลี่ย นเสื้อผ้าอาบน้ า บอกตัวเองว่าขอ เข้าไปอยู่ที่ทางานดีกว่า ถึงแม้จะเป็นวันอาทิตย์ก็ตาม ดวงตาหวาน ปานน้ าผึ้ ง มองอย่ า งหนั ก ใจไปยั ง แฟ้ ม คดี ข องพ่ อ กั บ แม่ บ นโต๊ ะ 12


หัวเตียง สามเกือบสี่เดือนที่เธออยู่อ ย่างโดดเดี่ยว ภายใต้ใบบุญของ บ้านหลังนี้ หญิงชราต้อนรับ ขั บ สู้อย่างเต็ม ใจหลังเธอเข้ ามากราบขอ ความช่วยเหลือ โดยไม่เคยถามถึงความเดือดร้อน หรือจุดมุ่งหมาย ในการเข้ากรุงเทพฯ ของเธอครั้งนี้ หญิงสาวรวบผมยาวสลวยไว้ภายใต้หมวกแก๊ปสีเข้ม สะพาย เป้สีดาไว้บนหลัง ยืนหันซ้ายขวาดูความเรียบร้อยอีกครั้ง เธอตรงไป ยังหน้าต่างริมห้อง กิ่งของต้นพิกุลแตกกิ่งก้านสาขาขยายอาณาเขต ปกคลุมบริเวณด้านซ้ายของเรือนโบราณจนมืดครึ้ม เธอเหนี่ยวตัว ปีนออกไปยืน และไต่อย่างระมัดระวัง หลังบอกตัวเองว่าเธอยังไม่ พร้อมจะเจอหน้านายตารวจแห่งฝ่ายสืบสวนพิเศษ ที่สาคัญ เธอไม่รู้ว่าเขาจะยินดีหรือไม่ที่ผู้หญิงไม่มีหัวนอน ปลายเท้าอย่างเธอเข้ามาอาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกับเขา! พิกุลที่คุณย่าของเขาเรียกมาตั้งแต่จาความได้ เงาตะคุ่มเพิ่งไต่ลงจาก ต้นพิกุลอย่างปราดเปรียว พลางเหลียวซ้ายแลขวา ราวกลัวใครเห็น เป้สีดาสะพายอยู่บนหลังเหมือนกับหมวกแก๊ปที่ปิดอาพรางใบหน้า เขาแตะไหล่นายน้อมคนขับรถให้จอดแอบ พลางบอกไม่ให้ เอะอะโวยวาย เขารี บ เปิ ด ประตู ล งจากรถวิ่ งตรงไปยั งร่ า งระหง ที่กาลังเดินลิ่วฝ่าสายหมอกยามเช้ามืดไปทางตึกริมน้า เขาซอยเท้า เร็วขึ้นอย่างร้อนใจ หลังเห็นร่างนั้นล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ แจ็กเก็ต สีดา เขาตัดสินใจโดดเข้ารวบตัว ก่อนล้มกลิ้งไปบนพื้นด้วยกัน นายตารวจหนุ่มพลิกตัวขึ้นคร่อมกดร่างนั้นไว้กับพื้นจนแน่น ปื น ในอกเสื้ อ จ่อ ลงบนศี ร ษะอย่ า งทัน ท่ ว งที ใจหายวาบหลั ง เห็ น สีห น้าของคนบนพื้น ดวงหน้าพริ้ม เพราซีด เผือด ดวงตาสีน้ าตาล หวานปานน้าผึ้งตื่นตระหนก ร่างระหงสั่นระริกอยู่บนพื้นโดยมีเขา 13


นั่งคร่อม “เธอเป็นใคร แล้วเข้ามาขโมยอะไรในบ้านนี้?” “ฉันไม่ใช่ขโมย…ฉันเป็นหลานคุณย่ามยุรี” เธอตอบเสียงสั่น ด้ ว ยความตกใจ พยายามดิ้ น ให้ พ้ น จากพั น ธนาการแต่ ไ ม่ เ ป็ น ผลสาเร็จ “นี่แม่คุณ! จะโกหกน่ะให้มันเนียนหน่อยเถอะ ไปลุก!” เขา รั้งแขนเรียวงามนั้นให้ลุกขึ้น เธอสะบัดตัวออกอย่างฉุนเฉียว “ฉั น สายแล้ ว จะรี บ ไปทางาน ไม่ มี เ วลามาเล่ น ต ารวจจั บ ผู้ร้ายกับนายตารวจใหญ่อย่างผู้กองการันต์ พยุหโยธาหรอก!” เขาเลิกคิ้ว “อ๊ะ เรารู้จักกันด้วยเหรอ!” เขาเก็บปืนใส่อกเสื้อดังเดิม จับแขนไว้แน่น รั้งให้ออกเดิน กลั บ มายั ง เรื อ นโบราณด้ ว ยกั น แม่ บ้ า นเอิ บ วิ่ ง หน้ า ตาตื่ น มาหา ตามด้วยขบวนเด็กรับใช้อีกสองคน “ตายๆๆ คุณรันต์ของเอิบกลับแล้วเหรอคะ อ้าว! แล้วเกิด อะไรขึ้น คุณก้อยทาไมเลอะเทอะอย่างนั้น ” แม่บ้านใหญ่รัวคาถาม อย่างตกใจ คุ ณ ก้ อ ยของเอิ บ ผลั ก ร่ า งของนายต ารวจหนุ่ ม ออกจาก ตัว อย่างหงุด หงิด หลังเห็น เขายืน นิ่ ง ใบหน้ าคมเข้ ม ที่เต็ม ไปด้ว ย หนวดเคราเจือรอยยิ้มล้อเลียน ขบขัน เหมือนกับดวงตาสีดา “อ้าว! ผมนึกว่าขโมย เพิ่งไล่ตะครุบตัวได้ตรงสนามหญ้าตึก ริมน้า” “ขโมยอะไรล่ ะ คะคุ ณ รั น ต์ ก็ ไปเถอะ ไปบนเรื อ นก่ อ น คุณท่านตื่นรออยู่นานแล้วค่ะ” เอิบพยักพเยิดให้เดินตาม “ไปค่ะคุณ ก้อย แล้วลงจากเรือนตอนไหนคะ” คนถู ก ถามไม่ ต อบยั ง ยื น นิ่ ง รอจนแม่ บ้ า นเอิ บ เดิ น น าไป พร้อมเด็กรับใช้อีกสอง คุณรันต์ของแม่เอิบผายมือให้ขโมยแสนสวยออกเดินอย่าง 14


ล้อเลียน หล่อนเชิดหน้าใส่อย่างยโส ก้าวเดินฉับๆ ล่วงหน้าขึ้นบันได ไปอย่างหงุดหงิด ก่อนทรุดนั่งริมชานเรือนอย่างสารวม หลานชายคนเดียวของบ้านตรงเข้าไปกราบลงบนตักหญิงชรา อย่างเคารพรัก เขาสวมกอดคนเป็นย่าจนแน่น มือที่เหี่ยวย่นด้ว ย กาลเวลาลูบหลังไหล่อย่างรักใคร่ห่วงใย “กลับแล้วเหรอพ่อรันต์ของย่า” “กลับก่อนกาหนดครับ คุณย่าดีใจไหม” เขาตอบเสียงทุ้ม นุ่มน่าฟัง แลเห็นขโมยแสนสวย นั่งเงียบอยู่ตรงริมชานเรือน เยื้อง กับตั่งไม้สักที่คนเป็นย่าของเขาใช้นั่งประจา “จะก่อนหรือหลัง ย่าก็รู้สึกว่าพ่อรันต์ยังทางานไม่มีวันหยุด หลายๆ วันเจอหน้าทีมีค่าเท่ากัน” คนเป็น หลานหัวเราะ “คุณ ย่าครับ …คดีฆาตกรรมเกิ ดขึ้ น ทุ ก วั น ฆาตกรยั ง ลอยนวลอยู่ ข้ า งนอกนั่ น จะให้ ผ มท าๆ หยุ ด ๆ คงเป็นไปไม่ได้” “เอาละๆ ย่ า จะไม่ พู ด เรื่ อ งนี้ กั บ พ่ อ รั น ต์ แ ล้ ว …ไหน เห็ น เจ้าน้อมมันว่าพ่อรันต์ไล่จับขโมย” คนถู ก กล่ า วหาว่ า เป็ น ขโมยขยั บ ตั ว อย่ า งอึ ด อั ด คนเป็ น หลานหัวเราะ แม่บ้านเอิบต้นห้องของหญิงชรารายงานว่า “ขโมยชื่อ คุณก้อยค่ะคุณท่าน” “อ้ า ว! เออจริ ง สิ ย่ า ลืม เสี ย สนิ ท เลย มานี่ ห นู ก้ อ ย เขยิ บ เข้ามา…มารู้จักพี่เขาไว้…พ่อรันต์รู้จักหนูก้อยสิ…หนูก้อยนี่พ่อรันต์ ที่ย่าเล่าให้ฟังไง รู้จักกันไว้ซะ” หญิงชราพยักพเยิดให้หนูก้อยเข้ามา นั่งใกล้ๆ หนูก้ อยของหญิงชราพนมมือไหว้ ชายหนุ่ มอย่างเสียไม่ได้ บอกตัวเองว่าวันนี้เธอจะยอมให้เขาก่อนในฐานะที่เขาเป็นหลานชาย เจ้าของบ้าน เขายิ้ ม ก้ ม หัว เพีย งนิ ด ไม่ ย อมพนมมื อรับ ไหว้ อย่างที่เธอ 15


ตั้งใจจะเห็นเขาทา “หนู ก้ อ ยเป็ น หลานคุ ณ ย่ า ลิ้ น จี่ ม าอยู่ กั บ เราชั่ ว คราวลู ก พ่อรันต์จาคุณย่าลิ้นจี่ได้ไหม?” “ไม่แน่ใจครับ” “ฮื้อ คนหนุ่มคนแน่นอะไรแค่นี้จาไม่ได้ ” คนเป็นย่าตีแขน หลานชายดังเผียะ “คุ ณ ย่ าลิ้ น จี่ ที่ ทาขนมกลีบ ล าดวนมาฝากย่า บ่ อ ยๆ ตอน พ่อรันต์สักห้าหกขวบไง…พ่อรันต์ยังกินจนเกือบหมดขวด แล้วก็ทวง ทุกครั้งที่คุณย่าลิ้นจี่มาหาย่า” “แล้ว ไงครับ …หนูก้อยของคุณย่าลิ้นจี่ถึงมาอยู่ต รงนี้ ได้ ? ” เขาถามคนเป็นย่า แต่หันไปสบตารอคาตอบจากหลานสาวคุณย่า ลิ้นจี่ “ฉั น มาขออาศั ย คุ ณ ย่าท่ านอยู่ชั่ว คราวค่ ะ ผู้ก องการัน ต์ ” เธอตอบเสียงเย็น ดวงตาคู่สวยตวัดค้อน “หนู ก้อย พูด อะไรอย่างนั้น ลูก …ย่าบอกแล้ว ไงว่ าอย่าคิ ด มาก…คิดซะว่าที่นี่เป็นบ้านของหนูเหมือนกัน ” คนเป็นย่าแทรกขึ้น อย่างเอ็นดู “ผมไม่ได้ว่าอะไรหรอกครับคุณย่า หรือแม้แต่คุณ…เพียงแต่ แปลกใจว่าไปทาอะไรบนต้นพิกุล…ที่ที่คนปกติเขาไม่ใช้กัน” เขาถาม รวนๆ บอกตัว เองว่ า อยากเห็น ดวงตากลมโตคู่ สวยยามหงุด หงิ ด ไม่พอใจ “หนูก้ อยไปทาอะไร แล้วทาไมพ่อรันต์ถึ งนึกว่ าเป็น ขโมย ล่ะลูก?” “ให้หนูก้อยของคุณย่าเป็นคนเล่าแล้วกันครับ ” เขาโยนให้ หล่อนตอบ ส่วนตัวเองปลดเสื้อสูทออก สายสะพายพร้อมกระบอก ปืนสีดาสนิทบนหัวไหล่ถูกปลดตาม “ก้อยรีบค่ะคุณย่า” 16


“บันไดก็มีลง” เขาเปรย ก่อนโดนปรายตาค้อน “หรือว่ากลัวจะต้องเจอผม” เขาคาดคะเนตามปกติวิสัย “พ่อรันต์พูดอะไรแบบนั้น…หนูก้อยเขาเดือดร้อนมานะลูก” เขาเลิกคิ้วแปลกใจ “พ่อกับแม่ของหนูก้อย หายตัวไป ตารวจยังตามไม่เจอ… หนูก้อยก็เลยเข้ามาขอให้อาจารย์สุท่านช่วย” เสีย งคุ ณ ย่าบอกเล่าทาให้เขายิ่งแปลกใจ “คดีเรีย กค่ าไถ่ หรือเปล่า?” “คงไม่ใช่” เธอตอบเป็นคาแรก “เหตุผล?” “สามเดือนแล้วค่ะ ถ้าจะเรียกค่าไถ่คงไม่รอนานขนาดนี้” “พ่อกับแม่คุณทางานอะไร?” “แม่ทาไร่ด อกไม้ ส่ว นพ่อเป็ นคนงานบริษัทเดินเรือทะเล ค่ะ” นายตารวจหนุ่มลูบมือลงบนหนวดเคราตรงปลายคางอย่าง ใช้ความคิด “บางทีการทางานของพ่อหรือแม่คุณอาจไปขัดขาใคร โดยไม่รู้ตัว…ก็เลยโดนอุ้ม” หญิงสาวถอนใจ บอกตัวเองว่าเบื่อกับการสันนิษฐานข้อนี้ ที่สุด ทาไมเขาไม่หาประเด็นอื่นมารองรับบ้างนะ “อย่ า เพิ่ ง กลุ้ ม ใจไปเลยหนู ก้ อ ย ไปใส่ บ าตรกั บ ย่ า ก่ อ น พ่อรันต์ด้วยลูก” “ผู้กองกลับมาแล้วแบบนี้ ก้อยขอตัวนะคะคุณย่า” “ไปด้วยกัน หมดเนี่ ยแหละ แล้วทาไมไม่ เรียกพี่รันต์ ตาม ศักดิ์เราเป็นน้องรู้ไหม?” “แต่ว่า…ก้อย…” “ให้เรียกผู้กองแบบนั้นดีแล้วครับคุณย่า …คนที่เรียกพี่รันต์ ได้มีคนเดียวครับ!” เขาบอกเสียงแข็งอย่างไม่พอใจ หลังเห็นอาการ 17


กระอักกระอ่วนของผู้ร่วมชายคา “ขอเวลาผมเปลี่ยนเสื้อผ้าสักครู่ แล้วจะใส่บาตรกับคุณย่า เองครับ ส่วนใครเขาไม่อยากได้บุญด้วย คุณย่าก็อย่าไปเคี่ยวเข็ญเลย เสียเวลาเปล่า!” ร่างสูงใหญ่ลุกเดินหายเข้าไปในชานเรือนหลังกลาง ทิ้งให้ คนเป็นย่ามองตามอย่างหนักใจ ไม่เคยเห็นอาการต่อปากต่อคา จาก หลานชายมานานมากแล้ว นับจากหญิงคนรักบอกเลิกและบินไป ทางานต่างประเทศ หญิงชราปรายตามองผู้อาศัยร่วมชายคาอย่างใช้ความคิ ด ก่อนหน้านี้สามเดือน หนูก้อยเข้ามาขอพบ แนะนาตัวว่าเป็นลูกเต้า เหล่าใคร เล่าถึงความเดือดร้อนในการหายตัวไปของคนเป็นพ่อแม่ อย่างไร้ร่องรอย และเข้ากรุงเทพฯ มาเพื่อขอความช่วยเหลือจาก ฝ่ายสืบสวนพิเศษ นางจึ งยิ น ดี ใ ห้ค วามช่ว ยเหลือ เรื่ องที่ พั ก โดยไม่ มี ก าหนด และรับปากว่าหากหลานชายกลับจากต่างประเทศเมื่อไร จะขอให้ ช่วยตามเรื่องอีกแรง นี่หลานก็กลับมาแล้ว ดูท่าทีว่าจะเป็นไม้เบื่อไม้ เมากันตั้งแต่วันแรกเลยทีเดียว ผู้บังคับบัญชา หลังเข้ามารายงานตัวภายในห้องทางานบนชั้นสิบสอง ของตัวอาคารฝ่ายสืบสวนพิเศษ ในตอนสายของวันเดียวกันนั้น “นั่งสิ…ดีใจกับตาแหน่งใหม่ด้วยนะสารวัตร” พลตารวจเอก ขจร ชี้มือให้นายตารวจฝีมือดีนั่งลงตรงโซฟาตัวใหญ่หน้าโต๊ะทางาน “ขอบพระคุณครับท่าน…แต่ความจริงแล้ว ผมมาถึงตรงนี้ได้ เพราะอาจารย์สุชาดา ครับผม” “เรื่องความดีความชอบไม่ต้องห่วงหรอก คุณได้…อาจารย์สุ ก็ต้องได้” 18


“มิได้ครับ ผมแค่จะบอกว่าตาแหน่งไม่สาคัญเท่ากับอานาจ ในการทางานอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องรอคาสั่งจากหลายหน่วยงาน” “คุณก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้” คนเป็นผู้บังคับบัญชาจุดบุหรี่สบู “แล้วเช้านี้เจออาจารย์สุหรือยังล่ะ” “ยั ง เลยครั บ เห็ น พวกพิ สู จ น์ ห ลั ก ฐานว่ า มี ค ดี ที่ อ าเภอ สองพี่น้อง” “ป่านนี้ไปคุมพื้นที่อยู่ตรงโน้นแล้วมั้ง ” คนคาดคะเนเลื่อน แฟ้มงานคดีของกลางล็อตใหญ่มาให้ผู้ใต้บังคับบัญชา “สามเดือนแล้วคดียังไม่ คืบ หน้า เบื้ องบนเพ่งเล็ง ถามถึ ง แทบจะทุกวัน” “เท่าที่ผมดูรายละเอียด ดูเหมือนผู้หมวดเดชาถูกลวงไปฆ่า ปิดปาก” “อาจารย์สุของคุณเขาก็ลงความเห็นว่าอย่างนั้น …ทีนี้สิ่งที่ เราต้องการก่อนเพื่อนคือไอ้โม่งคนนั้น …ถ้าหาตัวมันเจอ ของกลาง ก็ต้องเจอด้วย” “ผู้หมวดเดชามีสายสืบบ้างไหมครับ ?” เขาเงยหน้าขึ้นจาก แฟ้มงาน “ตามที่ รู้ เดชามี สายสืบ ชื่ อบุ รี แต่ ไม่ มี ใ ครรู้ร ายละเอี ย ด มากกว่านี้ รูปร่างหน้าตา อยู่ที่ไหน ทางเราไม่มีข้อมูลแน่ชัด” การั น ต์ข มวดคิ้ ว ใช้ ค วามคิ ด ก่ อ นหน้ า นี้ สัก สองปี ม าแล้ ว เขาเคยทาคดีฆาตกรรมรายหนึ่ง เหยื่อเกือบจะโดนยิงทิ้งจากมือปืน ระดับพระกาฬ แต่มีพลเมืองดีมาช่วยไว้ และยิงมือปืนคนนั้นตาย ไม่ทิ้งร่องรอยให้เขาได้สืบค้นหาว่าชายคนนั้นเป็นใคร เหมือนกับที่ ช่างภาพนุกูลก็ถูกโยนเข้ามาในฝ่ายสืบสวนพิเศษ กับหลักฐานสาคัญ ที่ใช้มัดตัวผู้บงการ เหตุสะเทือนขวัญเมื่อปีที่แล้ว จะใช่คนเดียวกัน หรือไม่ ก็บอกไม่ได้ เขาจะขอความช่วยเหลือจากนุกูลได้แค่ไหนก็ยัง ไม่รู้ เพราะนุกูลให้การเพียงว่าไม่มีโอกาสเห็นแม้แต่ใบหน้า นอกจาก 19


เสียงที่บอกถึงความแข็งแกร่งของชายวัยกลางคนอย่างแน่นอน “สารวัตรไปทายังไงก็ได้กับคดีนี้ ขอให้มันคืบหน้า และผมมี เรื่องไปรายงานเบื้องบน อย่างน้อยก็อาทิตย์ละครั้ง” คนรั บ ค าสั่งนึ ก หนั ก ใจกั บ ภาระที่ห นั ก อึ้ง เขาถู ก เรีย กตั ว กลับ มาด่ ว นด้ว ยเรื่องที่ห าใครทางนี้ สะสางไม่ ได้ แล้ว นี่ เ ขาจะท า สาเร็จได้แค่ ไหน ในเมื่อหลัก ฐานหลายๆ อย่างแทบไม่ มีใ ห้สืบค้ น ท าราวกั บ ว่ า ตั ว ฆาตกรเตรี ย มตั ว มาอย่ า งดี แ ล้ ว ว่ า หน่ ว ยพิ สู จ น์ หลักฐานจะเริ่มจากตรงไหนก่อน นาย ต า รว จหนุ่ มเ ปิ ด ปร ะตู อ อก จา กห้ อ งข อง ท่ า น ผู้บังคับบัญชาตอนเกือบเก้าโมง เสียงท่านยังไล่หลังมาอีกว่า ให้หา คนไปดูแ ลคดีพ่อกั บแม่ ข องญาติสาวของเขา หลังจากคุ ณย่ามยุรี พาหลานสาวมาร้องเรียนจนถึงฝ่ายสืบสวนพิเศษด้วยตนเอง aaa

20


2 กาญจนบุรี ท่ามกลางเนินเขาทับซ้อนเรียงราย เต็มไปด้วยป่าของ ต้นยูคาลิปตัสขนาดใหญ่ ใบสีเขียวหนาทึบปกคลุมบริเวณลานโล่ง กว้างจนมืดครึ้ม ตัวอาคารสามชั้นสีขาวตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงกลาง ขนาบข้างด้วยเรือนไม้สองชั้นอีก สองหลัง ถัดจากอาคารไม้เข้าไป ด้านในเป็นบ่อซีเมนต์ขนาดใหญ่สาหรับกักเก็บน้าไว้ใช้ยามหน้าแล้ง ติดกันเป็นอาคารของเครื่องปั่นไฟ เสียงเครื่องดั งกระหึ่ม จนแทบ ไม่ได้ยินเสียงของสรรพสัตว์ที่อาศัยหากินอยู่ตามต้นไม้ริมรั้วซึ่งเป็น กาแพงปูนสูง หลอดไฟสีขาวดวงใหญ่ติดไว้ตามเสาแต่ละต้นไปจน สุดอาณาเขต ประตูรั้วของโรงพยาบาลเปิดออกจนกว้าง รถฉุกเฉินสีขาว ของโรงพยาบาลโรคประสาทพนาลัย แล่นไปจอดยังตัวอาคารสามชั้น ประตูท้ายเปิดออกสองข้าง บุรุษพยาบาลร่างยักษ์โดดลงมาสองคน เขาทั้งสองมีไม้กระบองเสียบไว้ตรงเอวด้านขวา กุญแจมือพลาสติก รุ่นใหม่เสียบอยู่ตรงขอบเข็มขัดด้านหลัง เขารั้งแขนคนไข้บนรถให้ลง ตามมา หญิงวัยกลางคนในสภาพอิดโรย ร่างผอมบางอยู่ในชุดคนไข้


ของโรงพยาบาล มีเสื้อแขนยาวสีขาวสวมรัดแขนให้กอดอกไว้ด้วย เข็มขัดถึงสามเส้นบนตัวเสื้อ บุรุษพยาบาลรั้งร่างนั้นให้เดินโซซัดโซเซเข้าไปในตัวอาคาร สามชั้น กับแฟ้มประวัติการเจ็บป่วยทางจิตของคนไข้ชื่อ นางปรานี กิ่งแก้ว! หนักใจและเวทนา ศพของหญิงสาวเปลือยกาย ขาวซีด เนื่องจากแช่ อยู่ในน้าหลายชั่วโมง มีคราบดินโคลนติดอยู่ตามเนื้อตัว รอยกัดแทะ จากการถูกปลาตอดมีให้เห็นประปราย รวมไปถึงร่องรอยของการถูก ทรมานก่อนเสียชีวิต สุชาดาจับข้อมือของศพขึ้ นดู มีรอยรัดที่ข้ อมือทั้งสองข้าง รวมไปถึงข้อเท้า รอยบวมช้าที่แ ก้มกับเนินหน้าอก เธอเชื่อว่าเกิ ด จากรอยกัด ของฟันมนุ ษย์ จึงบอกให้ลูก ศิษย์ช่ว ยเก็บ รอยกั ดและ ตัวอย่างดีเอ็นเอ จากนั้นพยักหน้าให้ลูกศิษย์ในทีมช่วยกันพลิกส่วน หลังขึ้น รอยไหม้เป็นทางคล้ายโดนแส้ฟาด พาดอยู่บริเวณช่วงหลัง ด้านบนจนลงไปถึงช่วงก้นกบ รวมไปถึงต้นขาด้านหลังยังมีร่องรอย ให้เห็นว่าผู้ตายโดนทรมานอย่างสาหัสก่อนสิ้นลม ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ รถตารวจและรถฉุกเฉินของหน่วยพิสูจน์หลักฐาน และฝ่ายนิติเวช จอดเรียงรายขนานไปกับริมถนน รวมไปถึงรถของ นักข่าวจากหลายสานัก เสียงเซ็งแซ่ตะโกนถามถึงคดี เขายิ้มทักทาย บอกให้รู้เพียงจะแถลงให้ทราบทีหลัง การั น ต์ ชู บั ต รประจ าตั ว ให้ เ จ้ า หน้ า ที่ ต ารวจในท้ อ งที่ ดู เดินผ่านไปตามถนนลูกรังสีแดง สองข้างทางเต็มไปด้วยดงต้นโสนที่ สูงท่วมหัว เชือกสีเหลืองถู กกางกั้น เป็น เขตพื้น ที่ห้ามเข้า เขาเดิน 22


หลีกไปด้านข้าง มองเห็นรอยรถยนต์แล่นเป็นทางไปยังบ่อเลี้ยงปลา เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานกาลังเก็บตัวอย่างของล้อรถยนต์ จ่าบันลือกาลังสอบปากคาชายสูงวัยเจ้าของบ่อปลา ใบหน้า คล้าแดดดูอิดโรยตื่นตระหนก ทั้งตัวมีเพียงกางเกงขาก๊วยสีดากับ ผ้าขาวม้าคาดพุงสีเขียวคล้า เขาหันไปสั่งลูกน้องให้หาน้าไปให้พยาน ดื่มแก้คอแห้ง และที่สาคัญเพื่อคลายความวิตกกังวลในดวงตาฝ้าฟาง คู่นั้น พันตารวจตรีหนุ่มพนมมือไหว้อาจารย์สุชาดาอย่างนอบน้อม ก่อนรับการสวมกอดจนแน่นจากผู้ที่เขาเคารพรักยิ่งอย่างที่สุด “กลั บ ก่ อ นก าหนดตั้ ง สามเดื อ น รู้ ไ หมว่ า ฉั น ดี ใ จแค่ ไ หน สารวัตร” “ทราบครับ…แต่อาจารย์เรียกผมอย่างเดิมดีกว่า หรือจะให้ ผมเรียกอาจารย์เป็นท่านรองดี” เขาพูดคุยอย่างยิ้มแย้ม พลางคลาย อ้อมกอดออก “เรีย กฉัน อาจารย์อย่างเดิม ส่วนสารวั ตร ต าแหน่ งเลื่อน สูงขึ้น สมควรที่จะให้คนเขารู้ว่าสารวัตรทางานดี ผลตอบแทนจึงมี กลับมา” ว่าพลางเดินนามายังศพบนพื้นดินข้างบ่อปลาอีกครั้ง “ ขอบ คุ ณ ที่ สนั บ สนุ น ผมม าตล อดค รั บ ผมเ ลย ซื้ อ โทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดมากานัลอาจารย์ แล้วก็เลยซื้อให้ตัวเองด้วย เอาไว้ทางานร่วมกัน รับรองว่าอาจารย์ต้องถูกใจครับ” “อ้อ ซื้อมาติดสินบนงั้นสิ” สุชาดาบอกยิ้มๆ ก่อนพยักพเยิด ให้นั่งลง “นั่งลงเถอะ ขอบใจสาหรับมือถือ …แต่อยากให้สารวัตรดู สภาพศพก่อนดีกว่า” “คนตายเป็นใครรู้ห รือยังครับ ” เขาทรุดลงนั่งยองๆ ตาม ผู้เป็นอาจารย์ “กาลังให้เขาหาข้อมูลอยู่ เห็นชาวบ้านว่าไม่ใช่คนแถวนี้” “เขาน่าจะถูกฆ่ามาจากที่อื่นนะครับอาจารย์ ” เขาแตะลง 23


บนมือของศพ ด้วยถุงมือยางสีขาวสะอาด “สังเกตจากตรงไหน” “ที่ มื อ ครั บ …มั น ไม่ ไ ด้ เ กร็ ง เหมื อ นลั ก ษณะของคนจมน้ า ทั่วไป…ซึ่งถ้าจมน้าตาย มือมักจะเกร็งจนแน่นเพราะความตกใจ” “อย่างนั้นก็ใช่ แต่อย่าลืมว่าการจมน้ามีสองอย่าง…คือเปียก กับแห้ง เปียกคือสาลักน้า กลืนน้าเข้าไปในกระเพาะ กับอย่างแห้ง คือกลั้น ใจจนตาย อากาศผ่านเข้ าออกไม่ ได้ เลยทาให้กล่องเสีย ง หดเกร็ง” คนเป็นลูกศิษย์รับคา ฟังสุชาดาวินิจฉัยสภาพศพต่อ “แต่ เท่าที่ฉันเห็น เธอตายก่อนมาที่นี่ไม่ต่ากว่าห้าชั่วโมง อายุประมาณ ยี่สิบ มีร่องรอยของการถูกข่มขืนและถูกทรมานก่อนเสียชีวิตด้วยวิธี ที่วิตถารและป่าเถื่อน…และเธอน่าจะกาความลับบางอย่างเอาไว้” “ทาไมอาจารย์ถึงคิดว่าเธอมีความลับสาคัญครับ?” “ทาไมจะมีไม่ได้ล่ะ?” สุชาดาย้อนถามอย่างใจเย็น “เพราะพวกวิ ต ถารป่ าเถื่ อนที่ชอบใช้ความรุน แรงในการ ร่วมเพศก็มีเยอะแยะนี่ครับ” “แต่ฉันว่าไม่ใช่ สารวัตรมาดูนี่ สิ” คนเอ่ยปากชวน เดิ นนา ไปยังพื้นดินลูกรังสีแดงเข้มเพราะชื้นแฉะจากน้าของบ่อปลา รอย รองเท้าชายหญิงบนพื้นสองคู่สองแบบ ย่าไปมาอยู่ริมขอบบ่อ มัน เด่นชัดจนเห็นเป็นรูของรองเท้าส้นสูง เหมือนกับรอยรองเท้าผู้ชายที่ เหยียบลงหนักๆ ราวกับแบกของหนักอยู่บนไหล่ อีกทั้งก้นบุหรี่ที่มี รอยลิปสติกสีแดงถูกทิ้งอยู่บนต้นหญ้าคาริมทาง “ที่ฉั นสัน นิ ษฐานว่าเขาต้องกาความลับ อะไรบางอย่างไว้ เพราะ รอยเท้าของสองคนนี้ที่น่าจะเป็นคนมาทาลายหลักฐานเอง หลังเหยื่อทนการทรมานไม่ไหว” สุ ช าดาชี้ มื อ ไปที่ ก้ น บุ ห รี่ บ นพื้ น “ฝ่ า ยหญิ ง ดู จ ะเป็ น คนสั่งงานมากกว่า ทีนี้สิ่งที่เราต้องรู้คือ เธอตายไปพร้อมกับความลับ 24


หรือไม่?” “ผมไม่ อยากโยงเธอเข้ากั บ ของกลางกั บ เงิน ที่ห ายไปเลย ครับอาจารย์” “ของแบบนี้ มั น โยงกั น ได้ ตราบใดที่ ห ลั ก ฐานอื่ น ยั ง ไม่ ปรากฏ” คนเป็นอาจารย์ชวนศิษย์รักให้เดินกลับไปตรงจุดเกิดเหตุ อีก ครั้ ง เจ้าหน้ าที่ส องคนของมู ลนิ ธิ แ สงอรุ ณ ก าลั งห่อ ศพด้ ว ยผ้ า สีขาวจนแน่น สุ ช าดารั บ ไหว้ ก่ อ นสั่ ง ว่ า “เฉลิ ม …เอาศพเข้ า ไปที่ แ ผนก แล้ว ก็ เอาศพเบอร์เจ็ ด หนึ่ ง สอง กั บ เจ็ด หนึ่ งสามกลับ ไปชาแหละ ส่งกระดูกกลับมาให้ด้วยนะ” “สองศพเองเหรอครับอาจารย์” “สองศพก่อน พอดีต้องการด่วน” “อาจารย์เซ็นไว้แล้วนะครับ” “ไปเถอะ นายสงวนเขารู้ ” เจ้ า ของค าสั่ ง รั บ ไหว้ อี ก ครั้ ง รอจนเฉลิมกับ เพื่อนช่วยกันแบกศพขึ้นบ่าออกไปยังรถของมูลนิ ธิ ตรงริมถนนด้านนอก สุ ช าดาจึ ง หั น มาคุ ย กั บ ศิ ษ ย์ รั ก ใหม่ อี ก ครั้ ง “เมื่ อ เช้ า เจอ คุณย่าแล้วไม่ใช่เหรอ” “ครับ แล้วผมก็เข้าใจผิดคิดว่าญาติผมเป็นขโมย วิ่งไล่จับ เขาตรงสนามหญ้าหน้าตึกริมน้า” คนรับฟังหัวเราะ พลางส่ายหน้า “วิญญาณตารวจเข้าสิงอยู่ ตลอดเลยหรือไง” “ใครจะไปรู้ครับ…เขาโดดลงจากต้นพิกุลข้างเรือน แถมยัง ใส่ ห มวกสะพายเป้ ห ลั ง อี ก ผมต้ อ งสงสั ย ว่ า ขโมยไว้ ก่ อ น ไม่ อ ยู่ สามเดือนเกิดมีญาติมาอยู่ด้วยซะงั้น” “คุณย่ามยุรีท่านใจร้อน ดูจะเห่อหลานสาวคนโปรดไม่เบา… พามาแจ้งเรื่องร้องเรียนด้วยตัวเองเลยทีเดียว” 25


“ครับ เมื่ อกี้ ท่านผู้ ก ารขจรก็ บ อกให้ผ มหาใครไปทาแทน ผมจะได้ตามเรื่องผู้หมวดเดชาได้เต็มที่” “หมอก้อยเขาเป็นญาติข้างไหนของสารวัตรเหรอ” สารวั ต รหนุ่ ม เลิก คิ้ ว แปลกใจ สุชาดาหัว เราะเล่าให้ฟังว่ า “หมอก้อยเพิ่งใช้ทุนจบ เขามาสมัครทางานที่นิติเวชในวันสุดท้าย พอดี ฉันจาได้ว่าเขาเคยมาฟังฉันอบรมไปเมื่อปีก่อน แต่พอถามถึง เขาก็ว่าไม่เคยมา” การันต์นึกไปถึงเมื่อสองปีก่อน เขาจาได้ว่าว่าที่แพทย์หญิง หลายคนมาร่ ว มฟั ง การอบรม หลายๆ คนยิ้ ม ให้ เ ขา จะมี เ พี ย ง คนเดียวที่นั่งนิ่ งฟังอาจารย์อย่างตั้งใจ หล่อนคนนั้นหันมายิ้มเพียง เสี้ ย ววิ น าทีก่ อ นเดิ น ออกจากห้ อ ง เขาขมวดคิ้ ว อย่ า งใช้ ค วามคิ ด ทาไมหล่อนไม่พูดถึงหรือเท้าความว่าเราเคยเจอกันมาก่อน หรือว่า หมอก้อยมีบางอย่างที่ไม่อาจเปิดเผยได้ “สารวัตรกาลังคิดอะไร?” เสียงถามมาจากคนเป็นอาจารย์ ทาให้เขาตื่นจากภวังค์ ปรายตามองสุชาดายืนฟังจ่าบันลือรายงาน ความคืบหน้าอย่างตั้งใจ “คนตายชื่อแสงระวี ดอกขจรครับ อายุยี่สิบปี มีอาชีพเป็น นักร้องอยู่ที่บาร์สุดแต่ใจปรารถนาครับอาจารย์” “ญาติเขามาติดต่อเองเหรอ อยู่ไหน…สารวั ตรแน่ ะไปคุ ย หน่อยสิ” คนสั่งหันไปพยักหน้ากับศิษย์รัก “ญาติไม่ได้มาครับ แต่ทางท้องที่เขาได้รับแจ้งจากพลเมืองดี อีกทีว่าคนตายเป็นใคร อยู่ที่ไหนครับผม” สุชาดาหันไปสบตาศิษย์รักอย่างรู้ใจว่าเรื่องที่สันนิษฐานก่อน หน้านี้น่าจะมีเค้าลางเป็นจริง “บ้านคุณแสงระวีอยู่พระรามห้าครับอาจารย์” “งั้ น สารวั ต รไปกั บ ฉั น บั น ลื อ ไปถามท้ อ งที่ น ะ เช็ ก เบอร์ ที่โทรแจ้ง ว่ ามาจากตรงไหน เราต้อ งหาพลเมื องดี ค นนั้ น ให้ เจอ” 26


สั่งงานอย่างร้อนใจ ก่อนหยุดชะงัก ดวงตาเรียวยาวเต็มไปด้วยความ หวาดวิตกอย่างชัดเจน “เดี๋ ย ว! เมื่ อ เช้ า มื ด ตอนตี ห้ า เหรอ ไฟเพิ่ ง จะไหม้ แ ถว พระรามห้านี่นะสารวัตร!” คนเป็นสารวัตรใจหายวาบ นึกถึงแสงสีส้มตรงเส้นขอบฟ้า สี ด าเมื่ อ ตอนเดิ น ทางกลั บ ไม่ นึ ก ว่ า มั น จะโยงมาถึ ง เขาได้ อ ย่ า ง ไม่น่าเชื่อ! บรรยากาศความสูญเสียของยามสายวันอาทิตย์ บ้านเรือนหลายหลัง ไหม้จนเป็นเถ้าถ่าน เหลือเพียงเสาดาเป็นตอตะโก น้าจากท่อดับเพลิง เจิ่งนองกินบริเวณจนทั่วอาณาเขตแห่งนั้น พนักงานดับเพลิงกาลัง ช่ว ยกั น ม้ ว นสายท่อสีข าวหนาหนั ก ขึ้ น รถ เสีย งจ้อกแจ้ก จอแจยั ง สับสนวุ่นวาย ระคนด้วยเสียงร่าไห้ของผู้เคราะห์ร้าย ชาวบ้ านหลายสิบ คนทรุดนั่ งหมดอาลัย กั บ ซากบ้ านเรือน ที่เหลือเพียงเถ้าถ่าน ใบหน้าของเด็กตัวน้อยในอ้อมกอดของมารดา เต็มไปด้วยคราบเขม่าและน้าตาจากมารดาที่ซบหน้าร่าไห้อย่างทุกข์ ระทม สารวั ต รหนุ่ ม มองภาพเหล่ า นั้ น อย่ า งสะเทื อ นใจ เดิ น ฝ่ า ความสูญเสียมากับอาจารย์สุชาดาจนถึงโต๊ะรับเรื่องราวร้องทุกข์ของ หน่วยราชการ เขาแสดงบัตรให้ดูพร้อมแนะนาตัว ท่านผู้การของท้องที่เขตรับตะเบ๊ะในฐานะตาแหน่งสูงกว่า สารวัตร ก่อนหันไปสวัสดีอาจารย์สุชาดาอย่างนอบน้อม พลางรับฟัง เรื่องราวถึงเหตุที่มา “เราตามหาญาติของแสงระวี ดอกขจร…เท่าที่รู้แม่ของเธอ ชื่อสีกุน ดอกขจร” ท่ า นผู้ ก ารของท้ อ งที่ ท าหน้ า หนั ก ใจขึ้ น มาอย่ า งเห็ น ชั ด 27


ก่อนชวนให้สารวัตรหนุ่มเดินตาม เคียงข้างด้วยอาจารย์แพทย์มือหนึ่ง ในเรื่องนิติเวช ทั้งสามคนเดินมายังรถของมูลนิธิแสงอรุณ “เรามีคนตายคนเดียวครับอาจารย์ …สารวัตร…เธอชื่อ สีกุน ดอกขจร!” สีม่วงอมชมพูแต้มแต่งอย่างสวยงาม สมกับนิ้วเรียวเล็กดังลาเทียน แต่ เ จ้ า ของมื อ กลั บ ขยี้ บุ ห รี่ ล งอย่ า งหงุ ด หงิ ด ใจกั บ ภาพข่ า วด่ ว น ไฟไหม้แถวพระรามห้าจากจอทีวียังรายงานให้เห็นทุกช่องสถานี เสียงย่าเท้าเดินเข้ามาภายในห้องทางานบนชั้นสองของร้าน เหล้า “สุดแต่ใจปรารถนา” ทาให้เจ้าของเล็บสีสวยต้องหัน ไปมอง ก่ อนรับแก้ว บรั่น ดี มาจิบ “พอจะหายคลั่งบ้างหรือยัง …ฆ่า เผาไปสอง กะอีแค่จะหา คนคนเดียว!” “มัน ยังน้ อยไปสาหรับไอ้อีที่ใ ห้ความช่วยเหลือ ไอ้แก่บุ รี! ” เสียงแหบต่า ตอบอย่างเยาะหยันกับสภาพบ้านเรือนในภาพข่าว “ฉันว่าแกเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานมากไปหน่อยนะ แวนด้า” “ช่ว ยไม่ ได้ นี่… ในเมื่อไอ้แก่ บุ รียังลอยนวล ของกลางล็อต ใหญ่ กับหลักฐานยังอยู่กับมัน ถึงยังไงนายก็ให้จัดการขั้นเด็ดขาดอยู่ แล้ว” แวนด้าตอบทศวรรษอย่างไม่ยี่หระกับความผิดที่เพิ่งก่อขึ้น “มันก็เหลือเดนจริง ๆ ตายยากนัก จนโดนยิงตกน้าไปแล้ว ยังรอดกลับมาได้อีก!” “ตกลงนั ง แม่ มั น ยอมเปิ ด ปากบ้ า งไหม ตามไปฆ่ า มั น ถึ ง บ้านน่ะ” “มั น ว่ า ไม่ รู้ จั ก ไอ้ แ ก่ บุ รี … แต่ ต อนไปถึ ง มั น เพิ่ ง จะเขี ย น 28


ข้อความเตือนไอ้บุรีให้หนีละมั้ง แล้วเรื่องอะไรฉันจะปล่อยให้มันส่ง ล่ะ จริงไหม ยิงแม่งเลย!” แวนด้าเล่าอย่างฉุนเฉียว “ทาไมไม่ปล่อยให้มันส่งข่าว จะได้เจอตัว ” ทศวรรษบอก อย่างหวังดีกับความหุนหันพลันแล่นของคนตรงหน้าที่แค้นแน่นอก มาร่วมสองปี กับการตามล่าหาคนฆ่าคิมหันต์สามี อดีตมือปืนอันดับ สองของวงการที่ตารวจตั้งค่าหัวถึงสองแสนบาท ความจริงของเรื่องนี้แวนด้าสืบจนรู้ว่านายใหญ่สั่งบุรีให้ไป ฆ่าคิมหันต์เพื่อตัดตอน เพราะกลัวตารวจจะโยงใยถึง พอแวนด้ารู้ ข่าวนี้ เข้าไปถามความจริงด้วยตัวเอง เขาไม่รู้ว่านายใหญ่จะตกลง อะไรกับแวนด้าบ้าง รู้แต่ว่าหล่อนบินไปออสเตรเลียเพื่อผ่าตัดแปลง เพศ และกลับ มาเป็ น คนใหม่ ภ ายใต้ค าน าหน้ าชื่อ นางสาวมาลินี มากความดี ทั้งที่กฎหมายเมืองไทยยังไม่ยอมให้เปลี่ยนคานาหน้า จากชายเป็นหญิง แต่ด้วยอิทธิพลและเส้นสายของนายใหญ่ แวนด้าจึงเป็นนางสาวโดยนิตินัย และตั้งแต่นั้นหล่อนเริ่มต้น ตามล่าบุรี และฆ่าอย่างเลือดเย็น หากใครให้ความช่วยเหลือ และ ผลงานสองศพล่าสุดก็เกิดจากการจับได้ว่าแสงระวีพยายามตีสนิท กั บ ธงชัย เพื่ อถามถึ งข่ าวของเมี ย ไอ้บุ รี การทรมานจึง เกิ ด ขึ้ น โดย เฮีย เดช ผู้ชอบรสสวาทแบบซาดิสม์ งานนี้ นอกจากจะไม่ได้อะไร เขากับแวนด้ายังต้องแบกศพไปทิ้งกันตอนเที่ยงคืน จากนั้นหล่อน แยกไปจัดการย่างสดแม่ของแสงระวีตอนรุ่งสาง “แกมัวแต่แค้นไม่คิดอะไรให้รอบคอบ ถ้าปล่อยให้มันส่งข่าว ป่านนี้อาจเจอตัวแล้วก็ได้” แวนด้านิ่งคิด กัดกรามดังกรอดกับความผิดพลาดของตัวเอง ที่ไม่คิดอะไรให้ละเอียดถี่ถ้วน “แล้วใช้ใครวางเพลิง ระวังตารวจดมกลิ่นมาถึงแกนะ” “ต้องใช้ใครล่ะ แค่โยนบุหรี่กับน้ามันไฟแช็กไปที่กองขยะ ข้างบ้านมันเท่านั้น” 29


“ก็ ดี … เพราะฉั น ขี้ เ กี ย จรั บ ศึ ก สองด้ า น เท่ า ที่ รู้ วั น นี้ ค งมี ตารวจมาสอบเรื่องแสงระวีที่นี่แน่” “กลัวเหรอ?” เสียงแหบต่าถามอย่างเย้ยหยัน ทศวรรษหั ว เราะอยู่ ใ นล าคอ “ถามแปลก? นายก็ สั่ ง อยู่ ทุกครั้งว่าทาอะไรก็แล้วแต่ ให้ห่างไกลจากไอ้ฝ่ายสืบสวนพิเศษให้ มากที่สุด” “สั่งคนงานทุกคนก็แล้วกัน ถ้าตารวจมาถามเกี่ยวกับแสงระวี ให้บอกว่าออกไปกับไอ้แก่บุรี ให้รูปพรรณสัณฐานตารวจไปให้มาก ที่สุด เราต้องบีบให้มันเข้าตาจนให้ได้ ” แวนด้าสั่งเสียงเย็น ใบหน้า เนียนสวยยิ้มเหี้ยมเกรียม “อย่าลืมว่าถ้ามันจนตรอกมากๆ หลักฐานที่มันมี อาจถึงมือ ตารวจ” “เมียมันอยู่กับเราทั้งคน…มันยังไม่กล้าขยับตัว ทาอะไรมาก หรอก!” แวนด้ายิ้มเยาะก่อนถามทศวรรษหนุ่มใหญ่ตรงโซฟาตัวยาว ริมห้องทางานว่า “ว่าแต่ลูกสาวมันล่ะ สืบได้หรือยังว่าเป็นใครอยู่ที่ไหน?” “คงต้องใจเย็น ให้คนสืบอยู่…แต่ฉันว่าเรายังโชคดีที่ ตามไป ลากตัวเมียมันมาได้ ไม่งั้นแม่ง มันคงหัวเราะเยาะเราไปอีกนาน” แวนด้าเบ้ หน้าอย่างเยาะหยัน “มั นจะหัวเราะไปได้อีกไม่ นานหรอก วันตายของมันใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว” เธอเดินไปเปิดประตู ก่อนบอกเพื่อนร่วมขบวนการเลวร้ายว่า “อย่าลืมสั่งลูกน้องเรื่องให้การกับตารวจ ฉันขอไปว่ายน้า หน่อย แล้วจะโทรมาถามความคืบหน้าทีหลัง” เธอเปิดประตูออกจากห้ องทางานบนชั้นสองของร้านเหล้า เดินออกทางด้านหลังในตอนสายของวัน ขึ้นไปนั่งบนรถยนต์ส่วนตัว คันหรูอย่างแค้นใจ ศัตรูคู่อาฆาตตัวฉกาจยังไม่ตายอย่างที่ต้องการ มันยังลอยนวลเป็นหนามแหลมทิ่มแทงให้ใจเจ็บช้า ยามนึกถึงอดีต 30


สามีที่โดนปลิดชีพอย่างเลือดเย็น ในขณะที่เธอเองก็โดนจับคาเตียง ผ่าตัดในวันที่เธอมีนัดผ่าตัดแปลงเพศ ในข้อหาสมรู้ร่วมคิดฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน เธอถูกจองจาอยู่หนึ่งปีจึงถูกปล่อยตัว เธอออกมาพร้ อ มความแค้ น และรู้ ค วามจริ ง ว่ า ใครคื อ ผู้บงการ แต่ข้อเสนอที่เธอไม่อาจปฏิเสธ ทาให้เธอเปลี่ยนวิกฤติเป็น โอกาส ใช้ความแค้นให้เป็นประโยชน์ กับการได้เป็นนางสาวอย่าง เต็ม ภาคภู มิ และค าสัญ ญาว่ าวั น หนึ่ ง บุ รีจะต้อ งตายด้ว ยฝีมื อเธอ แต่ผู้เดียว เธอสะสมความแค้ นและฝีมือยิงปื นเพื่อการแก้แ ค้นครั้งนี้ โดยเฉพาะ และเมื่อคาสัญญาจากนายใหญ่ถูกชดใช้ การล้างแค้นบุรี อย่างบ้าคลั่งก็เริ่มต้นขึ้น เนื่องด้วยนายใหญ่เองก็แค้นแน่นอกกับของ กลางล็อตใหญ่ที่ยังคงล่องหน ด้วยการซ้อนแผนปล้นอีกต่อโดยบุรี อดีตลูกน้องฝีมือดีที่หักหลังทรยศ จนคนเป็นนายใหญ่แทบกระอัก เลือดตาย ด้วยความแค้นใจ aaa

31


3 เป็นจริงอย่างเหลือเชื่อ ศพบนรถปิกอัปแบบเปิดท้ายโล่งของมูลนิธิ แสงอรุณ ถูกคลุมด้วยผ้าดิบสีขาว อาจารย์แพทย์หันไปขอถุงมือจาก เจ้าหน้าที่มาสวม เธอก้าวขึ้นไปนั่งเคียงข้างศพ ร่างนั้นไหม้จนดาเป็น ตอตะโก มือและเท้าหงิกงอเกร็งแน่น เนื่องมาจากการหดรัดของเอ็น กล้ามเนื้อ สารวัตรการันต์กระซิบบอกให้สุชาดาดูที่มือ หลังสังเกตเห็น มือของศพกาบางอย่างไว้ คนเป็นอาจารย์ง้างมือซ้ายที่หงิกงอจนเป็น สีด านั้ น ให้ แ บออก เศษเสี้ย วของแผ่ น กระดาษกั บ ข้ อความเล็ ก ๆ ทาให้ ค นทั้ง สองสบตากั น อย่า งหนั ก ใจ เธอหยิ บ มั น ใส่ถุ งซิ ป ล็ อ ก ที่คนเป็นศิษย์ถือไว้ จากนั้นแตะลงบนผิวหนังที่ไ หม้เกรียมของศพ ไอความร้ อ น และกลิ่ น เกรี ย มไหม้ ร ะอุ จ ากร่ า งสี ด าที่ ไ ร้ วิ ญ ญาณ ทาให้คนทั้งสองแทบผงะ รูกระสุนเล็กๆ สองรอย ทาให้คนชันสูตร หนั ก ใจอย่ า งที่ ไ ม่ เ คยรู้ สึ ก มาก่ อ น ไม่ คิ ด ว่ า สองศพในคื น เดี ย ว จะเกี่ยวข้องจนกลายเป็นคดีเดียวกันได้ ผ้าสีขาวถูกคลุมไว้อย่างเดิม พร้อมคาสั่งอายัดศพเพื่อพิสูจน์การตายอีกครั้ง อาจารย์แ พทย์ ห ญิง ชวนศิ ษย์ รัก ให้เดิ น ไปที่บ้ า นต้น เพลิ ง


หลังสั่งให้รถนาศพไปส่งที่ฝ่ายสืบสวนพิเศษ เป็นถ่าน เศษสังกะสีและซากไม้กองทับถมระเนระนาดไปกับพื้นดิน ที่ชื้นแฉะไปด้วยน้าจากท่อดับเพลิง กลุ่มชาวบ้านผู้เคราะห์ร้ายเริ่ม เข้าไปคุ้ยเขี่ยหาเศษข้าวของในกองเถ้าถ่านของบ้านตนเองอย่างมี ความหวัง ถึงแม้มันจะไม่เหลือซากอะไรให้หาสักเท่าไร จะมีเพียง บ้ า นต้ น เพลิ ง หลั ง เดี ย วที่ ป ราศจากเจ้ า ของ เมื่ อ มั น ถู ก คุ้ ม ครอง อยู่ภ ายใต้แถบสีเหลืองห้ามเข้ า เพราะเป็น เขตที่ต้องสอบสวนหา หลักฐาน ร่างสูงใหญ่ของชายวัยกลางคนยืนสงบนิ่งอยู่ริมตู้โทรศัพท์ ที่ไหม้ไฟเหลือเพียงโครงของตู้บอกให้รู้ว่าที่นี่เคยใช้เป็นที่ติดต่อโทร หาผู้เป็ น เจ้ าของบ้ าน ในยามที่เ ขามาขอรั บ ความช่ว ยเหลือ และ สุดท้ายเพื่อเยี่ยมเยียนตอบแทนบุญคุณ ไม่นึกว่าการตอบแทนนั้น จะนาพาความวิบัติมาถึงสองแม่ลูก อย่างที่เขาไม่อาจให้อภัยตัวเอง และผู้กระทาการครั้งนี้ได้อย่างเด็ดขาด! เขาขยับตัวออกเดิน ก้าวขาอย่างระมัดระวังไม่ต้องการให้ ใครจับสังเกตเห็น หลังมองผ่านแว่นสีดาไปยังร่างสมส่วนของแพทย์ หญิงสุชาดา กรกวี ผู้เชี่ยวชาญงานทางด้านนิติเวช แม้เวลาจะผ่าน ไปสามสิบปี เธอยังคงความงามไว้ได้อย่างไม่มีที่ติ จะมีเพียงดวงตา เรียวยาวที่ดูแห้งแล้งราโรย บ่งบอกถึงความหมดหวังกับบางอย่าง ขณะเดี ย วกั น ความมุ่ ง มั่ น กลั บ แฝงอยู่ ใ นสี ห น้ า และริ ม ฝี ป ากที่ บางเฉียบจนเกือบเป็นเส้นตรง เธอเดินมากับศิ ษย์รัก พันตารวจตรี การันต์ พยุหโยธา ผู้ที่เขายังต้องใช้เป็นตัวช่วยคุ้มครอง ให้คนของ เขาอยู่ใ นที่ที่เขาพอจะวางใจได้ว่ าปลอดภัย พอ และไม่ ต้องกั งวล มากนัก เขารู้ ว่ า ทั้ง สองก าลั งเคร่ งเครี ย ดกั บ คดี ใ หม่ ที่ มี ค นตายถึ ง 33


สองคน และสองคนนั้นมีเขาเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แต่เขาคงทาอะไร ไม่ได้มากไปกว่านี้ เพราะคนสาคัญในชีวิตของเขาอีกคน ยังตกอยู่ใน อันตราย ที่เขาไม่อาจบอกได้ว่า งานนี้จะต้องมีคนสูญเสียอีกเท่าไร ทุกอย่างถึงจะกลับคืนสู่สภาพเดิม! หลังของร่างสูงใหญ่ภายใต้เสื้อเชิ้ตสีดา เดินหายไปในกลุ่มชาวบ้าน ที่กาลังล้อมวงรุมเจ้าหน้าที่ประชาสงเคราะห์ ต่างส่งเสียงเซ็งแซ่และ แย่งกันรับของแจกจากมูลนิธิต่างๆ ร่างนั้นทาให้เธอนึกถึงใครบาง คนที่ ทาให้ เธอต้ องมุ่ ง มั่ น และมุ ม านะเรี ย นทางด้ านนิ ติ เวชอย่า ง จริงจังเพื่อตามหาเขา เวลากว่าห้าปีหมดไปกับการเรี ยนรู้และสั่งสม ประสบการณ์การทางาน แต่มันไม่ประสบผลสาเร็จในการตามหาคน สาคัญ คนที่เป็นพ่อของลูกและเป็นสามีเพียงแค่เดือนเดียว สามสิบปี แล้วที่เขาหายสาบสูญ บางครั้งเธอนึก ว่าลืมเขาได้ แต่ทุกครั้งเมื่ อ เริ่มต้นการทางาน มันย้าเตือนให้เธอรู้ว่าเพราะเขา เธอจึงมายืนอยู่ ณ ตรงจุดนี้ “อาจารย์เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” สารวัตรหนุ่มถามอย่าง แปลกใจหลังเห็นอาการชะงักงันของคนเป็นอาจารย์ คนถู ก ถามฝื น ยิ้ ม ก้ ม ตั ว ผ่ า นแถบสี เ หลื อ งเข้ า ไปยั ง บ้ า น ต้นเพลิง “ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่นึกถึงใครบางคนที่ทาให้ฉันหันมา สนใจงานทางด้านนี้” “คนคนนั้นคงสาคัญสาหรับอาจารย์มาก?” คนถูกถามยิ้มแทนคาตอบ “มาดู กั น ดี ก ว่ าว่ าเราจะหาอะไรพอกลับ ไปเป็ น หลั ก ฐาน ได้บ้าง” การันต์ยกไม้พื้นแผ่นเล็กที่อยู่ด้านล่างสุดขึ้น มันบวมพอง และเปียกโชกไปด้วยน้าจากท่อดับเพลิง ร่องรอยของมันบ่งบอกให้รู้ 34


ว่าเป็นไม้อัดแผ่นบางลงชะแล็กทาไว้เพียงหยาบๆ “ดูเหมือนมันจะเป็นไม้ปูเตียงนะ สารวัตร” “อาจเป็นได้ครับ…มันลักษณะเดียวกัน รู้สึกแผ่นที่ผมจับจะ ดีกว่าเพื่อน” “ถ้ า มั น เป็ น เตี ย ง ตรงนี้ ต้ อ งเป็ น ห้ อ งนอน” คนที่ ก าลั ง คาดคะเน เหลียวมองไปรอบๆ กับการสันนิษฐานความเป็นไปได้กับ สภาพเดิมของบ้านหลังนี้ “เมื่อกี้ที่ผมสอบถามชาวบ้าน พวกนั้นบอกผมว่าสองคนแม่ ลูกเช่าบ้านอยู่ต่างหาก ชั้นเดียวสองห้องนอน” “ถ้ามันเป็นห้องนอน มันก็ต้องมีของสาคัญเก็บไว้บ้างจริง ไหม?” สารวัตรหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย พลางออกแรงรื้อกองไม้พวก นั้ น ขึ้ น เขาเห็น ที่ น อนไหม้ ไฟจนเหลือเพี ย งตัว โครงสปริง สี่ห้าอั น รวมไปถึงเศษไม้ของหัวเตียง สุชาดานั่งลงตรงพื้นไม้ที่ไหม้ไฟ หยิบ เศษผ้าสีขาวคล้าขึ้นดู จากนั้นหยิบเศษกระดาษสีเทาวางเรียงซ้อน กันอยู่หลายชิ้นขึ้นพิจารณา ก่อนใส่ไปในถุงซิปล็อก เธอสบตาศิษย์รัก หลังเจอกรอบรูปไม้สักที่หักครึ่งและไหม้ ไฟจนดา แต่มันยังคงมีร่องรอยให้เห็นว่าหญิ งสาวในกรอบรูป ผู้เป็น เจ้าของชุดราตรียาวสีฟ้าใสนั้นสวยงามเพียงใด อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางนิติเวชหันกรอบรูปดูด้านหลัง เธอ เลิกคิ้วแปลกใจ ก่อนแกะหลังกรอบรูปที่เหลือเพียงครึ่งเดียวนั้นออก ธนบัตรสีแดงไหม้ไฟเหลือเพียงครึ่ง มีข้อความเขียนไว้เป็นแถวยาว ขาดหายไปครึ่ ง ช่ ว งบน จนแทบแปลความหมายไม่ ไ ด้ เธอเก็ บ หลักฐานใส่ถุงทันที “ฉันจะกลับไปที่นิติเวชก่อน อยากรู้ข้อความบนแบงก์นั่น ด้วย สารวัตรช่วยสั่งให้ใครมาหาปลอกกระสุนปืนด้วยแล้วกัน …และ อีกเรื่องต้องไปสอบถามร้านเหล้าที่แสงระวีทางานด้วย” 35


“เดี๋ยวผมจะไปร้านเหล้านั่นเองครับอาจารย์ …ส่วนทางนี้ผม จะให้จ่าดิลกจัดการต่อ ” เขาเดินมาส่งคนเป็นอาจารย์จนถึงรถยนต์ ส่วนตัว ก่อนกดปุ่มรับสัญญาณโทรศัพท์ทางหูฟัง เขานิ่งฟังอยู่นาน ก่อนหันมารายงานให้สุชาดาฟังว่า “จ่าบันลือส่งข่าวมาว่าพลเมืองดีใช้โทรศัพท์สาธารณะแถว พระรามห้าครับ” “ฉันกาลังคิดว่า เขาอาจมีคลื่นวิทยุของพวกเรา ถึงได้รู้การ เคลื่ อ นไหวทุ ก ฝี ก้ า ว อย่ า ลื ม ว่ า พระรามห้ า กั บ อ าเภอสองพี่ น้ อ ง มันคนละที่ แต่เขาก็สามารถบอกเราได้ว่าแสงระวีตายอยู่ตรงนั้น” “ถึงยังไงผมก็ยังอยากโยงเหตุการณ์ที่เกิดวันนี้ รวมเข้าไว้กับ คดีของกลางที่หายไปครับ” “ฉันเห็นด้วยนะ เพราะรู้สึกว่ามันใกล้ตัวมาก…แต่อยากให้ สารวัตรเก็บปากคาเรื่องนี้ไว้ให้มากที่สุดก่อน จนกว่าหลักฐานจะชี้ไป ตรงจุดนั้นมากกว่าเดิม” เขารับคา ยืนรอจนรถของผู้เป็นอาจารย์แล่นออก ก่อนก้มดู นาฬิ ก าเกื อ บเที่ ย ง ถอนใจลึ ก นึ ก ถึ ง คุ ณ ย่ ากั บ นั ด หมายตอนบ่ า ย วันอาทิตย์ ท่านอยากให้เขาพาเที่ยววัดพระแก้วกับหลานสาวคนใหม่ ทั้ ง ที่ ก่ อ นหน้ า นี้ ห ลายปี คุ ณ ย่ า ของเขาไม่ ค่ อ ยอยากออกไปไหน นอกบ้าน งานยุ่งจนหัวหมุนแบบนี้ เขาจะเอาเวลาที่ไหนมาเอาใจ คุณย่ากับหลานคนโปรดได้ สารวัตรหนุ่มจึงโทรบอกคนเป็นย่าถึงเหตุผลของการไปไม่ได้ ตามนั ด แต่ ก ลั บ กลายเป็ น ว่ า คนที่ รั บ โทรศั พ ท์ เ ป็ น ญาติ ส าวร่ ว ม ชายคาที่ถามเขาว่า “ผู้กองตามเรื่องของพ่อกับแม่ให้ฉันหรือเปล่าคะ?” บอกให้ ผู้ ที่ นั่ ง อยู่ บ นเก้ า อี้ วี ล แชร์ ต รงมุ ม ศาลาภายในบริ เ วณ 36


พระบรมมหาราชวังว่า “ผู้กองยังยุ่งอยู่ค่ะคุณย่า” “พี่เขาคงยุ่งจริงๆ แหละหนูก้อย…แต่เมื่อเช้าเขารับปากย่า แล้วนะ” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณย่า…ก้อยรอมาได้ตั้งสามเดือนแล้ว … ยังไงก็ต้องรอต่อไป” คนเป็นย่าลูบมือที่เหี่ยวย่นลงบนผมยาวสลวยของหลานสาว อย่างอ่อนโยน “แล้วย่าจะกาชับพ่อรันต์เขาให้อีกทีนะลูก” “อย่าเลยค่ะคุณย่า ผู้กองจะหงุดหงิดเปล่าๆ เขารับปากแล้ว นี่คะ” “เอาๆ ตกลงๆ…แล้วย่าบอกให้เรียกเขาว่าพี่ ทาไมหนูก้อย ไม่เรียก” “ก้อยไม่กล้า อีกอย่างคนที่จะเรียกพี่รันต์ได้มีคนเดียว…และ คนนั้นไม่ใช่ก้อยค่ะ” เธอลุกขึ้น เข็นรถวีลแชร์นั้นออกไปยังทางเดิน ที่มีรูปจิตรกรรมบนฝาผนังขนานไปกับตัวกาแพงสีขาว มีแม่บ้านเอิบ เดินตามพร้อมตะกร้าสัมภาระของคนเป็นนาย “คุ ณ ย่า ดู นี่ สิ ค ะ” เธอชี้ใ ห้ ค นเป็ น ย่ าดู ภ าพจิ ต รกรรมบน ฝาผนัง เป็นภาพของยักษ์กาลังรบอยู่กับพวกลิงนอกกาแพงวัด ที่มุม ด้านล่าง หากสังเกตจะเห็นว่ามีรูปลิงกาลังนั่งสูบบุหรี่อย่างสบายใจ และยังมีพลทหารลิงกาลังจูบกับลิงสาวอยู่ตรงพุ่มไม้ “หนูก้อยนี่ก็น่าตีนัก เขาให้มาดูรูปสวยๆ กลับมาดูรูปที่พวก ช่างศิลปินเขาวาดซ่อนไว้” “แหมคุ ณ ย่ าขา ก้ อ ยเคยอ่านในเน็ ต เจอนี่ ค ะว่ า เขาเขี ย น อะไรไว้ตรงไหนบ้าง ก้อยก็เลยคิดว่าถ้าเข้ากรุงเทพฯ จะต้องขอมาดู ให้ได้ว่ามันมีจริงหรือเปล่า กว่าจะเจอหาตั้งนาน…” “อ้อที่ร่าร้องอยากจะมา…ก็เพราะรูปพวกนี้หรือไง?” “ค่ะคุณย่า” “ยังมีอีกไหมคะคุณก้อย” แม่บ้านเอิบถามแทรกขึ้นหลังยืน 37


พิจารณารูปนั้นอยู่นาน ก่อนโดนเอ็ดว่า “นังเอิบนี่ก็เป็นไปด้วยอีกคน” “ก็ เ อิ บ ไม่ เ คยเห็ น นี่ เ จ้ า คะ อยู่ ก รุ ง เทพฯ มาตั้ ง แต่ ส าว ยันป่านนี้ ก็เพิ่งรู้นี่แหละค่ะว่ามีรูปพวกนี้ซ่อนอยู่ด้วย” “ไป กลับๆ…เดี๋ยวหนูก้อยยังต้องเข้าเวรไม่ใช่เหรอ” “ค่ ะ แต่ความจริงยังมี อีก นะคะคุณ ย่า ป้ าเอิบ ” เธอบอก ยิ้ม ๆ ก่ อนเข็ น รถวี ลแชร์ออกมาตามทาง แม่ บ้ านเอิบ ใช้โทรศั พ ท์ เครื่ อ งเล็ ก โทรบอกให้ น ายน้ อ มขั บ รถวนมารั บ ตรงประตู ด้ า น กระทรวงกลาโหม ทั้งสามคนรอให้รถมารับ อยู่บ นพื้น สนามหญ้า สี เ ขี ย วริ ม ทางเดิ น ผู้ ค นมากหน้ า หลายตามี ทั้ ง คนไทยและชาว ต่างประเทศเดินผ่านเข้าออก แม่ค้าพ่อค้าขายดอกไม้กาวนเวียนถาม ไถ่ล้อมหน้าล้อมหลังจนน่าเวียนหัว กรรณิการ์มองภาพเหล่านั้นอย่างเหนื่อยใจ นึกถึงแม่ที่หาย ตัวออกจากไร่ไปอย่างไร้ร่องรอยถึงสามเดือน ส่วนพ่อทาให้เธอพิศวง ว่าท่านกาลังทาอะไรอยู่ คืนวันนั้นกับคาสั่งทางโทรศัพท์ที่ให้เธอทาตามด้วยการนา กุญแจเบอร์ยี่สิบห้า ที่แขวนรวมกับพวงกุญแจสาหรับใช้ในบ้านไร่นนั้ ให้ไปไขเอาจดหมายที่ตู้ ป.ณ 25 ของไปรษณีย์อาเภอเมืองเชียงใหม่ และให้เธอทาตามคาสั่งในนั้น พ่อไม่อธิบายเหมือนเดิม สั่งเพียงว่าให้ เธอสมั ครทางานที่แ ผนกนิ ติเวชของฝ่ายสืบสวนพิเศษ และให้พัก เรื่องเรียนเฉพาะทางไว้ก่อน จากนั้นให้เธอเข้าไปที่บ้านพยุหโยธา อ้างตัวว่าเป็นหลานสาวคุณย่าลิ้นจี่ เพื่อนสนิทของคุณย่ามยุรี ให้พัก อาศั ย อยู่ที่นั่ น จนกว่ าจะได้รับ การติ ด ต่ออีก ครั้ง นั่ น คื อค าสั่งที่ไ ม่ ต้องการให้เธอปฏิเสธ เธอเคยถามถึงการทางานของพ่อ ในยามเจอ หน้ากันที่ไร่ซึ่งนานๆ ครั้ง พ่อยังคงใช้ความเงียบแทนคาตอบเสมอ เหมือนกับแม่ที่ไม่ เคยรู้อะไรมากไปกว่า การออกเรือเดินทะเลคื อ การทางานของพ่อ แต่เธอเชื่อว่านั่นคือการทางานบังหน้า 38


กรรณิการ์บอกตัวเองว่าเธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าที่แท้จริงแล้วพ่อ เป็นใครกันแน่? และอาชีพที่แท้จริงของพ่อคืออะไร? โทรศัพท์เครื่อง เล็กของคนกาลังดาดิ่งอยู่ในความคิด ดังเป็นจังหวะ เธอยกขึ้นดู มันเป็นเบอร์ของนักสืบทั่วไปนุกูล “ผมเจอคนลักษณะเดียวกับพ่อของคุณหมอ แถวพระรามห้า ตรงที่ไฟไหม้เมื่อตอนเช้ามืด” “แล้วไงอีกคะคุณนุกูล” เธอถามอย่างร้อนใจ “ผมตามไปครับ …แต่เขาเร็วมาก…เผลอเดี๋ยวเดียวไปไหน แล้วไม่รู้” “คุณนุกูลกาลังจะขอขึ้นค่าแรงหรือเปล่าคะ?” เธอถามดักคอ อย่างรู้ทัน ฝืนยิ้มให้หญิงชราหลังขึ้นมานั่งบนรถด้วยกัน “ไม่หรอกครับคุณหมอ…เอางี้ดีกว่า แวะมาดูรูปที่สานักงาน ผมได้เลยครับ” “ตกลงค่ ะ …เดี๋ย วฉั น จะไปหา” เธอปิ ด สัญ ญาณโทรศั พ ท์ หลังนัดแนะเวลากันอีกครั้ง รู้ดีว่ามันหมิ่นเหม่กับการไปเข้าเวรตอน สี่โมงมากนัก แต่เธอก็ไม่อาจทนรอถึงวันรุ่งขึ้นได้อีกต่อไป สารวั ต รหนุ่ ม ขั บ รถมาจอดยั ง หน้ า ร้ า นเหล้ า สุ ด แต่ ใ จ ปรารถนา บริเวณลานกว้างของที่ตั้งร้าน ครึ้มไปด้วยพิกุลต้นใหญ่ สามสี่ต้น ตึกโบราณสามชั้นหลังใหญ่ตั้งอยู่ติดริมแม่น้าเจ้าพระยา ประตู ก ระจกบานคู่ เ ป็ น ช่ อ งสี่ เ หลี่ ย มเล็ ก ล้ อ มกรอบด้ ว ยไม้ สั ก ลงชะแล็ก มั น ปิ ด ใส่ กุ ญ แจแน่ น หนา เขาเดิน ไปเคาะประตู ก่ อ น ป้องมือบังเงา มองเข้าไปภายในร้าน เก้าอี้ถูกยกวางบนโต๊ะหลายตัว บ่งบอกให้รู้ว่าร้านยังไม่เปิดทาการ เขาถอยหลังออกมามองบริเวณรอบๆ อย่างใช้ความคิด ร้าน เหล้าแห่งนี้ถูกตกแต่งอย่างมีรสนิยมและทันสมัย เขาเชื่อว่าผู้ที่จะเข้า 39


ไปใช้บริการต้องเป็นพวกใช้เงินซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า แสงระวีเป็น คนสวย หล่อนเป็นนักร้องย่อมมีแขกของทางร้านพัวพัน จะเป็นไป ได้หรือไม่ที่แขกของแสงระวีวิตถารเสียจนพลั้งมือฆ่าอย่างไม่ตั้งใจ แต่การตายของสีกุนทาให้เขาต้องคิดหนัก คงไม่มีแขกคนไหนวิตถาร ถึงกับฆ่าแม่ของแสงระวีภายในคืนเดียวกันได้ เขาจึงพุ่งไปที่ประเด็น ของสองแม่ลูก จะต้องรู้ความลับอะไรบางอย่างจึงถูกปลิดชีวิตอย่าง โหดเหี้ยม “มี อ ะไรให้ ผ มช่ ว ยไหมครั บ คุ ณ ต ารวจ?” เสี ย งถามขึ้ น ทางด้านหลัง ทาให้คุณตารวจต้องหันไปมอง หนุ่มใหญ่ยืนอยู่หน้า ประตูร้าน ในมือมีกุญแจพวงใหญ่ “ผมว่ าผมแต่งตัว ธรรมดาที่สุด แล้ว นะ คุ ณ ยังรู้ว่ าผมเป็ น ตารวจ” คนเป็นตารวจบอกยิ้ม ๆ เขาก้มดูกางเกงยีนสีซีดกับเสื้อยืด สีน้าตาลไหม้ และเสื้อแจ็กเก็ตสีดาของตนเองอย่างนึกขา ก่อนเงย หน้าขึ้นมองหนุ่มใหญ่ตรงหน้าอย่างพิจารณา ใบหน้ายิ้มเยื้อน ดวงตาสีดาภายใต้กรอบแว่นสีชาดูเป็นมิตร เขายังมองไม่เห็นพิรุธที่พอจะจับสังเกตได้ว่า คนตรงหน้าจะมีส่วน เกี่ยวข้องกับการตายของแสงระวีหรือไม่ “ต่อให้แ ต่งตัว ซกมกกว่ านี้ ผมก็ ดูออก ราศี ต ารวจมั น จั บ ครั บ …จะให้ ผ มเรี ย กว่ า อะไรดี ผู้ ก องการั น ต์ ห รื อ ว่ า สารวั ต ร?” คนถามเปิดประตูกระจกจนกว้าง ก่อนผายมือเชิญเข้าไปในร้าน “เชิ ญ ครั บ ขอผมเปิ ด แอร์ ก่ อ น” หนุ่ ม ใหญ่ เ ดิ น ไปเปิ ด เครื่องปรับอากาศตรงริมห้อง “จะดื่มอะไรดีครับ บรั่นดี…วิสกี้ กาแฟหรือน้าเปล่า” “ถ้าไม่รบกวน ขอเป็นกาแฟขมๆ สักแก้วเถอะครับ ง่วงเต็มที ผมเพิ่ง กลับ จากออสเตรเลีย ยั งปรับ เวลาไม่ ค่ อ ยได้ ” คนอยากได้ กาแฟทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาสีขาวริมห้อง “ตกลงจะให้ผมเรียกอะไรดีครับ ?” คนถามชงกาแฟอยู่ตรง 40


เคาน์เตอร์บาร์เหล้า “สารวัตรครับ…แล้วคุณ…?” “ทศวรรษครับ…เจ้าของร้านสุดแต่ใจปรารถนา” เขาแนะนา ตัวพร้อมชื่อร้านอย่างภูมิใจ “ผมมาเรื่องแสงระวี” “อยากรู้เรื่องไหนบ้างครับ …แต่บอกก่อนว่า …ถ้าเป็ นเรื่อง นอกเวลาทางานของเธอแล้ว ผมจนปัญญาจะให้คาตอบนะครับ ” เจ้าของร้าน ส่งกาแฟให้ พันตารวจตรีหนุ่ม พลางนั่งลงตรงกันข้าม “ผมจะถามเฉพาะเรื่องในร้านนี้เท่านั้น ” เขากวาดสายตา มองไปทั่ ว เครื่ อ งปรั บ อากาศครางเบาๆ ให้ ไ อความเย็ น จนรู้ สึ ก สบายตัว “คืนนั้นมีใครเห็นไหมครับว่าแสงระวีออกไปกับใคร?” เจ้าของร้านหัวเราะเสียงดัง เขาจิบบรั่นดีเพียงนิดก่อนวาง “สารวัต รถามเข้ าประเด็นดี …ผมนึกว่าจะถามถึงแสงระวี ว่ามีศัต รู ที่ไหนหรือเปล่า?” “นั่นเป็นคาถามที่สอง” เขาบอกเสียงขรึม ก่อนจิบกาแฟ ทศวรรษเดินไปเทเหล้าใส่แก้วใหม่ อีกครั้ง “ถ้าถามถึงศัตรู ในร้ า น…ผมไม่ เ ห็ น ว่ า แสงระวี จ ะทะเลาะกั บ ใคร…แต่ เ ธอมี แ ขก ประจาที่มักออกไปด้วยกันแทบทุกคืน” “เป็นใครอยู่ที่ไหน พอจะบอกได้ไหมครับ?” เขาถามอย่าง สนใจ “เอางี้ดีกว่าครับ…ไอ้ธงมันเป็นผู้จัดการที่นี่ มันน่าจะรู้อะไร มากกว่าผม” เจ้าของร้านเดินไปประตูด้านหลัง หายไปเพียงครู่เขา กลับมาพร้อมชายร่างเตี้ย ท่าทางล่าสันแข็งแรง “ธงชัยครับสารวัตร” นายธงชัยยกมือไหว้ พลางนั่งลงตามคาเชิญ มีเจ้าของร้าน นั่งโต๊ะถัดไป 41


“สวัสดีครับสารวัตร ผมพอจะช่วยอะไรได้ไหมครับ?” “ได้แน่ครับ คุณทศวรรษบอกผมว่าแสงระวีมีแขกประจา?” “ครับ…พวกบ๋อยลูกน้องผมมันเรียกกันว่าป๋าบุรี…ผมเคยเจอ หลายครั้ง ผมว่าเขาเหมือนฝรั่งถึงจะแก่แต่ก็หล่อ” สารวั ตรหนุ่ มแปลกใจกั บชื่อของบุรีอีก ครั้ง ดูเหมื อนชื่อนี้ จะติดโผเข้ามาเป็ นอันดับหนึ่ง นั บแต่เขากลับเมืองไทยยังไม่ ครบ ยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้า “คุ ณ ก าลั ง จะบอกผมว่ า เมื่ อคื น ก่ อ น แสงระวี อ อกไปกั บ ป๋าบุรี?” “เขาสองคนออกจากร้านเป็นคู่สุดท้ายครับ” “งั้ น ผมคงต้ อ งเชิ ญ ให้ คุ ณ ไปที่ ฝ่ า ยสื บ สวนพิ เ ศษ เราจะ สเก็ตช์ภาพของป๋าบุรีกัน” ธงชั ย หั น สบตาถามความเห็ น จากทศวรรษ คนเป็ น นาย ปรายตาดูนาฬิกาข้อมือ “คงไม่นานใช่ไหมครับสารวัตร?” “ไม่หรอกคุณทศวรรษ เดี๋ยวนี้เราใช้คอมพ์ มันช่วยได้เยอะ ผมจะโทรเข้าไปที่ฝ่ายสืบสวน คุณธงชัยเข้าไปที่นั่นได้เลย จะมีคนมา อานวยความสะดวกให้ทุกอย่าง” นายตารวจหนุ่มลุกยืน หยิบมือถือ เครื่องเล็กออกมาโทรสั่งงานจนเรียบร้อย เขาส่งมือให้ธงชัยจับ “ขอบคุณที่ให้ความร่วมมืออย่างดี” นายตารวจหันไปหาหนุ่มใหญ่เจ้าของร้านอีกครั้ง “ขอบคุณ คุ ณ ทศวรรษด้ ว ยครั บ …พรุ่ ง นี้ ผ มจะมาใหม่ คุ ณ ทศวรรษช่ ว ยสั่ ง ลูกน้องให้มาคอยผมตอนสักสิบโมง…ผมอยากสอบถามข้อมูลจาก พวกเขาด้วย” ค าขอร้องนั้ น ไม่ ทาให้ห นุ่ ม ใหญ่ชะงัก งัน เขาตอบรับ ด้ว ย ความเต็มใจว่า “ได้ครับ …ไม่มีปัญหา” ทศวรรษเดินตามมาส่งนายตารวจ 42


จนถึงประตู มองตามจนนายตารวจขึ้นรถขับออกไปจากลานจอด ทศวรรษหัน ไปหาธงชั ย ที่เดิน ตามมาหยุด ยืน อยู่ด้านหลั ง เขาสั่งเสียงเข้มทันทีว่า “ไปให้ข้อมูลของไอ้บุรีให้มากที่สุด ฉันอยู่ ตรงนี้จะเรียกลูกน้องมาซักซ้อมเรื่องให้ปากคาพรุ่งนี้ ยังไงงานนี้เรา ต้องทาให้ไอ้บุรีมันลาบากที่สุด!” ธงชัยรับคาเดินออกจากร้านทันที แถวราชดาเนิน เขาปรายตามองไปริมถนน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน อย่างแปลกใจ หลังเห็นร่างระหงของญาติสาวร่วมชายคา หนูก้อย ของคุณย่า หล่อนมาทาไมแถวนี้ เขามองจนเหลียวหลัง ก่อนสะดุ้ง ตกใจกับเสียงกดแตรไล่ หลังได้สัญญาณไฟเขียว เขาเข้าเกียร์ออกรถ ปรายตามองกระจกหลัง มั่นใจว่าญาติสาวเดินเข้าไปในสานักงาน นักสืบทั่วไป “นุกูล” aaa

43


Ads




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.