[ทดลองอ่าน] อัศวินแห่งเจ็ดราชอาณาจักร

Page 1

อัศวินพเนจร


เรื่องราวต่อไปนี้เกิดขึ้นประมาณหนึ่งร้อยปีก่อนเหตุการณ์ที่บรรยายไว้ ใน เกมล่าบัลลังก์

นฤดูใบไม้ผลิทำให้ดินนุ่ม  ดังก์จึงขุดหลุมฝังศพได้ไม่ยาก  เขาเลือก ตำแหน่งทางทิศตะวันตกของเนินเขาลาดต่ำเพราะชายชราชอบมองดู อาทิตย์ลับฟ้าเสมอ  “หมดไปอีกวัน”  เขาจะถอนหายใจออกมา  “และใครจะรู้ ว่าวันพรุ่งนี้จะนำพาอะไรมาให้เรา  ว่ามั้ย  ดังก์” อ๋อ  วันพรุ่งนี้นำพาฝนที่ทำให้พวกเขาตัวเปียกโชกมาไงล่ะ  และวัน ถัดมาก็นำลมกระโชกเปียกแฉะมาให้  และวันต่อมาก็นำความหนาวเย็นมา  เมื่อถึงวันที่สี่  ชายชราก็อ่อนแรงเกินกว่าจะขี่ม้า   และบัดนี้เขาก็จากไปแล้ว  แค่เมื่อสองสามวันก่อนหน้าเขายังร้องเพลงขณะที่พวกเขาขี่ม้าอยู่เลย  เพลง โบราณเกี่ยวกับการเดินทางไปหาหญิงงามที่กัลล์ทาวน์  แต่แทนที่จะร้องว่า กัลล์ทาวน์  เขากลับร้องถึงแอชฟอร์ดแทน  ไปเถิดไปแอชฟอร์ด  ไปชมแม่สาว 4


อัศวินแห่งเจ็ดราชอาณาจักร

งาม  ฮี้โห่  ฮี้โฮ  ดังก์คิดเศร้า ๆ  ขณะขุดหลุม เมื่อหลุมลึกพอ  เขาจึงอุ้มร่างชายชราขึ้นมาในอ้อมแขนและพาไปที่นั่น ชายชราเป็นชายร่างเล็กผอมบาง  เมื่อถอดเสื้อเกราะโซ่ถักตัวยาวถึงเข่า  หมวก เกราะและเข็มขัดคาดดาบออก  เขาก็ดูหนักไม่มากไปกว่าใบไม้สักหนึ่งกระสอบ  ดังก์สูงเกินอายุมาก  เด็กหนุ่มมีโครงร่างใหญ่เทอะทะผมเผ้ารุงรัง  อายุสิบหก หรือสิบเจ็ดปี  (ไม่มีใครแน่ใจว่าเท่าไหร่แน่)  ตัวสูงใกล้เคียงเจ็ดฟุตมากกว่าหก  และเพิ่งจะเริ่มโตมีเนื้อมีหนังเท่านั้น  ชายชราชมเขาอยู่บ่อย ๆ ว่าเขาแข็งแรง  เขาใจกว้างมอบคำชมให้อยู่เสมอ  เพราะนั่นคือทั้งหมดที่เขาให้ได้ เขาวางร่างชายชราลงที่ก้นหลุมและยืนเหนือร่างนั้นอยู่ครู่หนึ่ง  กลิ่นฝน อวลในอากาศอีกครั้ง  เขารู้ว่าควรจะกลบหลุมก่อนที่ฝนจะตกลงมา  แต่จะให้ กลบดินลงบนใบหน้าแก่ชราเหนื่อยล้านั้นก็ยากนัก  ควรจะมีนักบวชอยู่ที่นี่  จะได้กล่าวบทสวดให้เขา  แต่เขากลับมีแค่ข้า  ชายชราสอนดังก์ทุกเรื่องที่เขารู้ เกี่ยวกับดาบ  โล่  และทวน  แต่เรื่องสอนคำพูดนั้นไม่ค่อยได้เรื่องเลย “ข้ า ก็ อ ยากทิ้ ง ดาบท่ า นไว้ ใ ห้ ห รอกนะ  แต่ มั น จะขึ้ น สนิ ม อยู่ ใ นดิ น ”  ในที่สุดเขาก็พูดออกมาเป็นเชิงขอโทษ  “ปวงเทพจะมอบดาบเล่มใหม่แก่ท่าน เองละมั้งข้าว่า  ข้าไม่อยากให้ท่านตายเลย  ท่านเซอร์”  เขานิ่งไป  ไม่แน่ใจว่า ต้องพูดอะไรอีก  เขาไม่รู้จักบทสวดใด ๆ  ไม่รู้จนจบบทเพราะชายชราไม่ชอบ บทสวดเท่าไรนัก  “ท่านคืออัศวินที่แท้จริง  และท่านก็ไม่เคยทุบตีข้าเวลาที่ข้า ไม่สมควรโดน”  เขาพูดออกมาจนได้ในที่สุด  “ยกเว้นแต่ครั้งนั้นที่เมเดนพูล  เด็กรับใช้ที่เรือนพักแรมนั่นต่างหากที่กินพายของแม่ม่ายคนนั้น  ไม่ใช่ข้า  ข้า บอกท่านแล้ว  แต่นั่นไม่สำคัญแล้วละตอนนี้  ปวงเทพโปรดคุ้มครองท่านด้วย ท่านเซอร์”  เขาเตะดินลงไปในหลุม  แล้วเริ่มกลบให้เต็มตามขั้นตอน  ไม่ยอม มองไปยังสิ่งที่อยู่ตรงก้นหลุมเลย  เขาอยู่มานาน  ดังก์คิด  อายุน่าจะใกล้เคียง หกสิบมากกว่าห้าสิบ  จะมีคนสักกี่คนกันเชียวที่พูดเช่นนั้นได้  อย่างน้อยเขาก็ อยู่มานานพอได้เห็นฤดูใบไม้ผลิอีกครั้ง ดวงอาทิตย์กำลังคล้อยไปทางทิศตะวันตกขณะที่เขาให้อาหารม้า  ซึ่ง มีด้วยกันสามตัว  ม้าหนุ่มหลังแอ่นของเขา  ม้าพันธุ์เล็กของชายชรา  และ ธันเดอร์  ม้าศึกที่ชายชราจะขี่เฉพาะเวลาประลองยุทธ์และในสนามรบเท่านั้น  5


จ  อ  ร์  จ  อ า ร์.  อ า  ร์.  ม  า  ร ์ ต ิ น

พ่อม้าสีน้ำตาลตัวใหญ่นี้ไม่คล่องแคล่วและแข็งแรงอย่างที่เคยเป็น  แต่ยังคง มีแววตาสดใสและหัวใจที่ดุดัน  แถมมันยังมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใดที่ดังก์เป็น เจ้าของอีกด้วย  ถ้าข้าขายธันเดอร์กับเจ้าเชสต์นัตเฒ่า  พ่วงอานม้ากับบังเหียน ไปด้วย  ข้าก็จะมีเหรียญเงินมากพอที่จะ...ดังก์ขมวดคิ้ว  วิถีชีวิตเดียวที่เขา รู้ จั ก คื อ วิ ถี ข องอั ศ วิ น พเนจร  ขี่ ม้ า จากปราสาทแห่ ง หนึ่ ง ไปยั ง อี ก แห่ ง หนึ่ ง  รับจ้างทำงานให้ท่านลอร์ดคนนั้นทีคนนี้ที  ต่อสู้ในการศึกของพวกเขา  กิน อาหารในห้องโถงของพวกเขาจนกระทั่งสงครามจบลง  จากนั้นก็ออกเดินทาง ไปต่อ  บางครั้งบางคราวก็มีการแข่งประลองยุทธ์ด้วยแต่ไม่บ่อยเท่า  และเขา ก็รู้ว่าอัศวินพเนจรบางรายกลับกลายเป็นโจรในช่วงฤดูหนาวอันแร้นแค้น  แต่ ชายชราไม่เคยทำดังนั้น ข้าหาอัศวินพเนจรอีกสักรายที่ต้องการอัศวินฝึกหัดมาดูแลม้ากับเช็ดขัด ชุดเกราะก็ได้  เขานึก  หรือไม่ก็ไปเมืองไหนสักแห่ง  ไปแลนนิสพอร์ต  ไม่ก็ คิงส์แลนดิ้ง  แล้วสมัครเป็นหน่วยพิทักษ์นคร  หรือไม่ก็... เขาเอาสมบั ติ ข องชายชราไปสุ ม รวมกั น ไว้ ที่ ใ ต้ ต้ น โอ๊ ก   ถุ ง ผ้ า ใส่ เ งิ น มีเหรียญกวางเงินอยู่สามเหรียญ  เหรียญเพนนีทองแดงสิบเก้าเหรียญ  และ โกเมนบิ่น ๆ อีกหนึ่งเม็ด  เขาก็เหมือนอัศวินพเนจรแทบทุกคนที่ทรัพย์สมบัติ ทางโลกส่วนใหญ่ผูกติดอยู่กับม้าและอาวุธ  บัดนี้ดังก์ครอบครองเสื้อเกราะ โซ่ถกั ตัวยาวถึงเข่าทีเ่ ขาขัดสนิมออกเป็นพันครัง้   หมวกเกราะเหล็กไร้กะบังหน้า มีรูจมูกบานและรอยบุ๋มตรงขมับซ้าย  เข็มขัดดาบทำจากหนังสีน้ำตาลแตก ๆ   และดาบเล่มยาวในฝักทำจากไม้และหนังสัตว์   กริช  ใบมีด  และหินลับมีด  เกราะแข้งและเกราะคอ  ทวนศึกยาวแปดฟุตทำจากไม้แอชกลึงติดปลายด้วย เหล็กแหลมอันตราย  และเกราะไม้โอ๊กขอบโลหะที่มีรอยขีดข่วน  มีตราของ เซอร์อาร์ลันแห่งเพนนีทรีเป็นรูปจอกเหล้าติดปีกสีเงินบนพื้นสีน้ำตาล ดั ง ก์ ม องไปที่ โ ล่   หยิ บ เอาเข็ ม ขั ด ดาบขึ้ น มาและมองไปที่ โ ล่ อี ก ครั้ ง  เข็มขัดนั้นทำขึ้นสำหรับสะโพกผอมแห้งของชายชรา  เขาไม่มีวันคาดได้เลย  เสื้อเกราะก็เหมือนกัน  เขาเอาฝักดาบร้อยกับเชือกปอผูกรอบเอวตัวเองแล้ว ชักดาบยาวออกมา ใบดาบนั้นตรงและหนัก  ทำจากเหล็กกล้าอย่างดีตีในปราสาท  ด้ามไม้ 6


อัศวินแห่งเจ็ดราชอาณาจักร

พันทับด้วยหนังนุ่ม  ปุ่มปลายด้ามดาบทำจากหินสีดำขัดเงาเรียบเนียน  แม้ จะเป็นดาบเรียบ ๆ แต่มันก็ให้ความรู้สึกเหมาะมือ  และดังก์ยังรู้ด้วยว่ามันคม แค่ไหนเพราะเขาเป็นคนลับและลงน้ำมันเองกับมือหลายต่อหลายคืน   ก่อนที่ พวกเขาจะเข้านอน  มันเหมาะมือข้าเหมือน ๆ กับที่เคยเหมาะมือเขา  เขานึก กับตัวเอง  และที่ทุ่งแอชฟอร์ดมีการประลองยุทธ์ สวี ต ฟุ ต มี จั ง หวะเท้ า ที่ นุ่ ม นวลกว่ า เจ้ า เชสต์ นั ต เฒ่ า  แต่ ดั ง ก์ ก็ ยั ง ปวดเมื่ อ ย และเหนื่อยล้าเมื่อเขามองเห็นเรือนพักแรมอยู่เบื้องหน้า  มันเป็นอาคารสูง ข้างลำธารทำจากดินเหนียวและไม้  แสงสีเหลืองนวลที่สาดออกมาจากหน้าต่าง ช่างเชิญชวนเสียจนเขาขี่ม้าผ่านไปไม่ได้  ข้ามีเหรียญเงินสามเหรียญ  เขาบอก ตัวเอง  มากพอที่จะกินอาหารดี  ๆ  สักมื้อและเหล้าเอลมากเท่าที่ข้าอยากจะดื่ม

7


จ  อ  ร์  จ  อ า ร์.  อ า  ร์.  ม  า  ร ์ ต ิ น

ขณะที่เขาลงจากม้า  เด็กชายตัวล่อนจ้อนผู้หนึ่งก็โผล่ขึ้นมาจากลำธาร พร้อมน้ำหยดติ๋ง ๆ และเริ่มเช็ดตัวด้วยผ้าคลุมไหล่สีน้ำตาลเนื้อหยาบ  “เจ้าคือ เด็กคอกม้าหรือเปล่า”  ดังก์ถาม  เด็กชายดูอายุไม่มากไปกว่าแปดหรือเก้าขวบ หน้าซีดเซียว  ตัวผอม  เท้าเปล่าของแกเปื้อนโคลนขึ้นมาถึงข้อเท้า  ที่แปลก พิลกึ ทีส่ ดุ ในตัวแกคือผม  แกไม่มเี ลยสักเส้น  “ข้าอยากให้เจ้าแปรงขนม้าตัวเล็ก ให้ท ี แล้วก็ให้ข้าวโอ๊ตม้าทั้งสามตัวด้วย  เจ้าดูแลพวกมันได้มั้ย” เด็กชายมองเขาด้วยแววตาท้าทาย  “ได้ถ้าข้าอยาก” ดังก์ขมวดคิ้ว  “อย่ามาพูดอย่างนั้นกับข้า  ข้าเป็นอัศวินนะ  รู้ไว้ซะ” “ท่านดูไม่เหมือนอัศวิน” “อัศวินทุกคนดูเหมือนกันหมดหรือเปล่าล่ะ” “เปล่า  แต่พวกเขาก็ดูไม่เหมือนท่านด้วย  เข็มขัดดาบของท่านทำจาก เชือก” “ตราบใดที่มันห้อยฝักดาบของข้าได้ก็พอแล้ว  เอ้า  ไปดูแลม้าของข้าได้ แล้ว  ถ้าทำดี  ข้าจะให้เจ้าทองแดงหนึ่ง  แต่ถ้าไม่ดีข้าจะตบบ้องหูเจ้าสักป้าบ”  เขาไม่รอดูปฏิกิริยาของเด็กคอกม้า  แต่กลับหลังหันและเอาไหล่ดันเปิดประตู เข้าไป เขาคาดว่าเรือนพักแรมในโมงยามนี้คงมีคนแน่น   แต่ห้องโถงกลาง เกือบว่างเปล่า  ลอร์ดชั้นผู้น้อยรุ่นหนุ่มสวมเสื้อคลุมไร้แขนทอยกดอกอย่างดี กำลังสลบอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งพลางกรนเบา ๆ ใส่แอ่งเหล้าองุ่นที่หกอยู่  นอกจาก นั้นแล้วก็ไม่มีใครเลย  ดังก์มองไปรอบ ๆ อย่างลังเลจนกระทั่งหญิงตัวท้วมเตี้ย หน้าซีดขาวโผล่ออกมาจากครัวและบอกว่า   “อยากนั่งตรงไหนก็นั่งเลยนะ  เอาเอลมั้ย  หรืออาหาร” “ทั้งสอง”  ดังก์นั่งเก้าอี้ริมหน้าต่าง  ให้ไกลจากชายที่หลับใหลอยู่ “มีเนื้อแกะอย่างดีย่างกับสมุนไพรสับละเอียด  แล้วก็เป็ดที่ลูกชายข้า ยิงได้  เอาอย่างไหนล่ะ” เขาไม่ได้กินอาหารที่เรือนพักแรมมานานกว่าครึ่งปีแล้วหรือมากกว่านั้น “ทั้งสอง” หญิงคนนั้นหัวเราะ  “เออ  ท่านตัวโตขนาดนี้ก็คงกินไหวแหละ”  นาง 8


อัศวินแห่งเจ็ดราชอาณาจักร

รินเอลลงในเหยือกเหล้าแล้วเอามาให้ที่โต๊ะของเขา  “ต้องการห้องพักคืนนี้ ด้วยไหม” “ไม่”  ดังก์ไม่ตอ้ งการสิง่ ใดมากไปกว่าทีน่ อนฟางนุม่   ๆ  และหลังคาคุม้ หัว  แต่เขาต้องใช้เงินอย่างระมัดระวัง  ดังนั้นพื้นดินจึงเพียงพอแล้ว  “อาหารสักมื้อ  เหล้าเอลสักหน่อย  แล้วก็ไปแอชฟอร์ดต่อ  นั่นอีกไกลแค่ไหนรึ” “ขี่ม้าไปก็วันหนึ่ง   พอถนนแยกเป็นสองแพร่งตรงโรงสีที่ถูกไฟไหม้   ก็ไปต่อทางเหนือ  นี่ลูกข้าดูแลม้าของท่านให้หรือเปล่า  หรือวิ่งเล่นหายไปไหน อีกแล้ว” “เปล่า  แกอยู่ตรงนั้นแหละ”  ดังก์บอก  “ดูเหมือนท่านจะไม่มีลูกค้า เลยนะ” “คนครึ่งเมืองไปดูการประลองยุทธ์กัน   คนของข้าก็คงไปเหมือนกัน ถ้าข้ายอม  พวกเขาจะได้เรือนพักแรมนี้เมื่อข้าจากไป  แต่ลูกชายข้าน่ะอยาก เดินวางท่าโก้ไปไหน ๆ กับพวกทหารมากกว่า  พวกสาว ๆ น่ะชอบถอนหายใจ แล้วก็หัวเราะคิกคักทุกครั้งที่อัศวินสักคนขี่ม้าผ่านมา  ข้าสาบานเลยว่าข้าไม่รู้ ว่าทำไม  อัศวินก็รูปร่างหน้าตาเหมือนผู้ชายทั่วไปนั่นแหละ  แล้วข้าก็ไม่ยักรู้ ว่าการแทงทวนบนหลังม้าจะเปลี่ยนราคาไข่ไก่ได้”   นางส่งสายตามองดังก์ ด้วยความอยากรู้  ดาบและโล่ของเขาบอกนางเรื่องหนึ่ง  แต่เข็มขัดเชือกและ เสื้อผ้าเนื้อหยาบนั้นบอกอีกเรื่องหนึ่งเลย  “ท่านเองก็จะไปที่การประลองยุทธ์ เหมือนกันรึ” เขาจิบเอลก่อนตอบ  มันมีสีน้ำตาลคล้ายถั่ว  รสเข้มที่ปลายลิ้นแบบที่ เขาชอบเลย  “ใช่”  เขาบอก  “ข้าตั้งใจจะเป็นผู้ชนะ” “อย่างนั้นรึ”  เจ้าของเรือนพักแรมตอบอย่างสุภาพพอสมควร อีกฟากของห้อง  ลอร์ดชั้นผู้น้อยรายนั้นยกศีรษะขึ้นมาจากแอ่งเหล้า องุ่นที่นองอยู่  ใบหน้าของเขาซีดหมอง  ฉายแววของคนสุขภาพไม่ดีอยู่ใต้ เรือนผมสีน้ำตาลเหมือนทรายยุ่งเหยิงเยี่ยงรังหนู  ส่วนคางก็มีตอเคราสีทอง ขึ้นปกคลุม  เขาเอามือถูปาก  กะพริบตาใส่ดังก์  แล้วพูดว่า  “ข้าฝันถึงเจ้า”  มือของเขาสั่นเทาขณะชี้นิ้วมา  “อย่าเข้ามาใกล้ข้านะ  ได้ยินมั้ย  อยู่ให้  ไกล  ข้าเลย” 9


จ  อ  ร์  จ  อ า ร์.  อ า  ร์.  ม  า  ร ์ ต ิ น

ดังก์จ้องเขาด้วยความไม่แน่ใจ  “นายข้า” เจ้าของเรือนพักแรมโน้มตัวเข้ามาใกล้  “อย่าสนใจรายนี้เลย  ท่านเซอร์ เขาเอาแต่ดื่มแล้วก็พูดเรื่องความฝัน  ข้าจะไปจัดการเรื่องอาหารให้นะ”  นาง กุลีกุจอจากไป “อาหารรึ”  ลอร์ดชั้นผู้น้อยพูดออกมาราวกับว่านั่นเป็นคำหยาบคาย  เขาโซเซลุกขึน้ ยืน  มือหนึง่ ยันกับโต๊ะเพือ่ กันไม่ให้ลม้   “ข้าจะอ้วก”  เขาประกาศ  ด้านหน้าเสื้อของเขาเป็นสีแดงเกรอะกรังด้วยคราบเหล้าองุ่นหมักหมม  “ข้า ต้องการนางโลม  แต่ที่นี่ไม่มีเลยสักคน  หายหน้าไปทุ่งแอชฟอร์ดกันหมด  ทวยเทพโปรดเมตตา  ขอเหล้ า องุ่ น ให้ ข้ า หน่ อ ย”  เขาผลุ น ผลั น ตั ว โงนเงน ออกไปจากห้องโถงกลาง  แล้วดังก์ก็ได้ยินเสียงเขาขึ้นบันไดไปพลางร้องเพลง เบา  ๆ  มนุษย์ผู้น่าสงสาร  ดังก์คิด  แต่ทำไมเขาถึงคิดว่าเขารู้จักข้าล่ะ  เขา ครุ่นคิดเรื่องนั้นอยู่ครู่หนึ่งระหว่างดื่มเหล้า เนื้อแกะนั้นอร่อยเหมือนอย่างที่เขาเคยกินมา  ส่วนเนื้อเป็ดยิ่งอร่อย เข้าไปใหญ่  ปรุงกับเชอร์รี่และเลมอนและไม่มันเยิ้มเหมือนเนื้อเป็ดส่วนใหญ่  เจ้าของเรือนพักแรมนำถั่วอบเนยมาให้ด้วย  แล้วก็ขนมปังข้าวโอ๊ตที่ยังคง ร้ อ นกรุ่ น จากเตา  นี่ แ หละความหมายของการเป็ น อั ศ วิ น   เขาบอกตั ว เอง ขณะดูดเนื้อชิ้นสุดท้ายออกจากกระดูก  อาหารดี  ๆ และเหล้าเอลเมื่อไรก็ตาม ที่ต้อ งการ  แล้วก็ไม่มีใครมาคอยตบหัวข้ า   เขาดื่ ม เอลเหยือ กที่ส องพร้อ ม อาหาร  ตามด้วยเหยือกที่สามเพื่อให้อาหารลงคอ  แล้วก็เหยือกที่สี่เพราะไม่มี ใครมาบอกเขาว่าเขาดื่มไม่ได้  และเมื่ออิ่มแล้ว   เขาก็จ่ายเหรียญกวางเงิน ให้หญิงคนนั้นเหรียญหนึ่ง  และยังได้เหรียญทองแดงเต็มกำมือทอนกลับมา ฟ้ามืดสนิทแล้วกว่าดังก์จะโผล่ออกมาข้างนอก  ท้องเขาอิ่ม  ถุงใส่เงิน เบาลงเล็กน้อย  แต่เขาก็รู้สึกดีขณะเดินไปยังคอกม้า  เขาได้ยินเสียงม้าร้อง เบา  ๆ  อยูข่ า้ งหน้า  “ใจเย็น  ไอ้หนู”  เสียงของเด็กชายพูด  ดังก์รบี ซอยเท้าเร็วขึน้ หน้านิ่วคิ้วขมวด เขาพบเด็กคอกม้ากำลังขี่เจ้าธันเดอร์และสวมชุดเกราะของชายชรา  เสื้อเกราะโซ่ถักนั้นยาวกว่าตัวเด็ก  และแกก็ต้องดันหมวกเกราะไปข้างหลัง 10


อัศวินแห่งเจ็ดราชอาณาจักร

บนหั ว โล้ น  ๆ ไม่ อ ย่ า งนั้ น มั น จะคลุ ม ปิ ด ตาแกมิ ด   ท่ า ทางแกดู จ ริ ง จั ง ตั้ ง ใจ อย่างยิ่งและน่าขันอย่างยิ่งด้วย  ดังก์หยุดอยู่ที่ประตูคอกม้าและหัวเราะออกมา เด็กชายมองขึ้นมา  หน้าแดงเขิน  และเหวี่ยงตัวลงมาที่พื้น  “นายข้า  ข้าไม่ได้ตั้งใจจะ...” “ขโมย”  ดังก์พูด  พยายามทำเสียงดุ  “ถอดเกราะออกซะ  แล้วก็จง ดีใจที่ธันเดอร์ไม่เตะหัวโง่  ๆ ของเจ้า  มันเป็นม้าศึก  ไม่ใช่ลูกม้าสำหรับเด็ก” เด็กชายถอดหมวกเกราะออกแล้วโยนมันลงไปที่กองฟาง  “ข้าขี่มันได้ดี พอ ๆ กับท่านนั่นแหละ”  แกบอก  ทำ ปากเก่งเต็มที่ “หุ บ ปาก  อย่ า มาอวดดี ใ ส่ ข้ า นะ  เสือ้ เกราะด้วย  ถอดออกซะ  เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่รึ” “ข้ า จะบอกท่ า นได้ ยั ง ไงล่ ะ ถ้ า หุ บ ปากไว้ ”  เด็กชายบิดตัวออก จากเสื้ อ เกราะ โซ่ ถั ก และปล่ อ ย ให้มันตกลงพื้น “เจ้ า อ้ า ปาก เพื่ อ ตอบคำถามได้ ”  ดั ง ก์ บ อก  “ที นี้ ก็ หยิบเสือ้ เกราะขึน้ มา  สะบั ด ฝุ่ น ออกแล้ ว เอามั น กลั บ ไปไว้ ที่ เ ดิ ม ที่ เ จ้ า เจอมั น เสี ย   แล้ ว ก็ หมวกเกราะนั่ น ด้ ว ย  เจ้ า ให้ อาหารม้าตามที่ข้าบอกหรือเปล่า  แปรงขนให้ ส วี ต ฟุ ต หรื อ ยั ง ” 11


จ  อ  ร์  จ  อ า ร์.  อ า  ร์.  ม  า  ร ์ ต ิ น

“แล้ ว ”  เด็ ก ชายตอบขณะสะบั ด เศษฟางออกจากเสื้อเกราะ  “ท่านกำลัง จะไปแอชฟอร์ดใช่ไหม  พา ข้าไปด้วยสิ  ท่านเซอร์” เจ้าของเรือนพักแรม เตือนเขาเรือ่ งนีแ้ ล้ว  “แล้ว แม่เจ้าจะว่ายังไง”   “แม่ ข้ า เรอะ”  เด็ ก ชายทำ หน้าย่น  “แม่ข้าตายไปแล้ว  นาง ไม่ว่าอะไรหรอก” เขารู้สึกประหลาดใจ  เจ้าของ เรื อ นพั ก แรมคื อ แม่ ข องแกมิ ใ ช่ ห รื อ  บางทีแกอาจจะเป็นแค่เด็กฝึกงานของ นางก็ ไ ด้   ดั ง ก์ มึ น หั ว หน่ อ ย ๆ จากเหล้ า เอล  “เจ้าเป็นเด็กกำพร้ารึ”  เขาถามอย่าง ไม่แน่ใจ “ท่านล่ะ”  เด็กชายโต้กลับ “ข้ า เคยเป็ น ”  ดั ง ก์ ย อมรั บ   จน กระทั่งชายชรารับข้าไว้ “ถ้าท่านรับข้าไว้  ข้าก็เป็นอัศวิน ฝึกหัดให้ท่านได้”

12


อัศวินแห่งเจ็ดราชอาณาจักร

“ข้าไม่ต้องการอัศวินฝึกหัด”  เขาบอก “อั ศ วิ น ทุ ก คนต้ อ งมี อั ศ วิ น ฝึ ก หั ด ”  เด็ ก ชายบอก  “และดู ท่ า ท่ า นจะ จำเป็นต้องมียิ่งกว่าคนอื่นทั้งหมดเลย” ดังก์ยกมือขึ้นขู ่ “ส่วนในสายตาข้า  เจ้าก็ดูท่าจะจำเป็นต้องถูกตบบ้องหู สักป้าบ  ไปเอาข้าวโอ๊ตมาเติมใส่ถุงให้ข้าเสีย   ข้าจะเดินทางไปแอชฟอร์ด... คนเดียว” ถ้าเด็กชายตกใจกลัว  แกก็ซ่อนมันไว้อย่างดี

ชั่วครู่หนึ่งแกยืนท้าทายอยู่ตรงนั้น  แขนกอดอก

แต่ขณะที่ดังก์กำลังจะเลิกใส่ใจแกนั่นเอง  เด็กชาย

ก็กลับหลังหันและเดินไปเอาข้าวโอ๊ต ดังก์รู้สึกโล่งอก  น่าเสียดายที่ข้าพาแกไป ไม่ได้...แต่ชีวิตของแกที่เรือนพักแรมนี่ก็ดีอยู่แล้ว  ดี ก ว่ า ที่ แ กจะมี ห ากเป็ น อั ศ วิ น ฝึ ก หั ด ให้ อั ศ วิ น พเนจรสักคน  พาแกไปด้วยจะมิใช่ความกรุณา หรอก

13


จ  อ  ร์  จ  อ า ร์.  อ า  ร์.  ม  า  ร ์ ต ิ น

แต่เขายังคงรู้สึกได้ถึงความผิดหวังของเด็กชาย  ขณะที่ขึ้นขี่เจ้าสวีตฟุต และจับสายจูงของเจ้าธันเดอร์ไว้  ดังก์ก็ตัดสินใจว่าเพนนีทองแดงสักเหรียญ อาจทำให้เด็กชายเบิกบานขึ้น  “เอ้า  เจ้าหนู  สำหรับความช่วยเหลือของเจ้า”  เขาดีดเหรียญลงไปให้แกพร้อมรอยยิ้ม  แต่เด็กคอกม้าไม่พยายามจะรับมัน ไว้เลย  มันตกลงไปบนดินระหว่างเท้าเปล่าของแกและแกก็ปล่อยมันไว้เช่นนั้น 14


อัศวินแห่งเจ็ดราชอาณาจักร

ทันทีที่ข้าจากไปแกจะหยิบมันขึ้นมา  ดังก์บอกตัวเอง  เขาชักหันม้า ตัวเล็กแล้วขี่ออกไปจากเรือนพักแรม  พร้อมกับจูงม้าอีกสองตัวไปด้วย  ต้นไม้ สว่างด้วยแสงจันทร์  ท้องฟ้าไร้เมฆ  มีดวงดาวแต่งแต้ม  ทว่าขณะมุ่งหน้า ไปตามถนน  เขาก็รู้สึกได้ว่าเด็กคอกม้ากำลังจ้องมองแผ่นหลังเขาอยู่  ใบหน้า บูดบึ้งและเงียบงัน เงายามบ่ า ยกำลั ง ทอดยาวเมื่ อ ดั ง ก์ รั้ ง สายบั ง เหี ย นที่ ช ายทุ่ ง แอชฟอร์ ด อั น กว้างใหญ่  มีกระโจมหกสิบหลังตั้งขึ้นบนทุ่งหญ้าแล้ว  เล็กบ้าง  ใหญ่บ้าง  เหลี่ยมบ้าง  กลมบ้าง  ทำจากผ้าใบบ้าง  ผ้าลินินบ้าง  ผ้าไหมบ้าง  แต่ทั้งหมด ล้วนมีสีสันสดใส  พร้อมด้วยธงหางยาวโบกสะบัดจากเสากลาง  สดใสยิ่งกว่า ทุ่ ง ดอกไม้ ป่ า ด้ ว ยสี แ ดงเข้ ม และเหลื อ งอร่ า ม  สี เ ขี ย วและฟ้ า เฉดต่ า ง ๆ  นับไม่ถ้วน  สีดำเข้ม  เทาและม่วง

15


จ  อ  ร์  จ  อ า ร์.  อ า  ร์.  ม  า  ร ์ ต ิ น

ชายชราเคยขี่ ม้ า ไปกั บ อั ศ วิ น พวกนี้ บางคน  ส่วนบางคนดังก์ก็รู้จักจากเรื่อง ที่ เ ล่ า ปากต่ อ ปากในห้ อ งโถงกลางและ รอบกองไฟ  แม้ เ ขาจะไม่ เ คยเรี ย นรู้ เวทมนตร์แห่งการอ่านหรือเขียน  แต่ ชายชรามุ่ ง มั่ น สอนเขาถึ ง ตราประจำ ตระกูลต่าง  ๆ  อย่างไม่ยอมลดละ โ ด ย มั ก จ ะ ฝึ ก ค ว า ม จ ำ ของเขาขณะที่ ขี่ ม้ า ไป ด้ ว ยกั น   นกไนติ ง เกล เป็นของลอร์ดคารอนแห่ง เขตชายแดน  ผู้ เ ชี่ ย วชาญ พิณฮาร์ปสูงพอ ๆ กับทวน  กวางสวมมงกุฎเป็นของเซอร์ไลโอเนล  บาราเธียน  ฉายาพายุหัวเราะ  ดังก์สังเกตนายพรานของตระกูลทาร์ลี  สายฟ้าฟาดสีม่วง ของตระกูลดอนแดร์เรียน  แอ๊ปเปิ้ลแดงแห่งฟอสโซเวย์  สิงโตคำรามสีทอง บนพื้นแดงฉานของแลนนิสเตอร์   เต่าทะเลสีเขียวเข้มแห่งเอสเตอร์มอนต์ กำลังว่ายอยู่บนพื้นสีเขียวอ่อน  กระโจมสีน้ำตาลใต้พ่อม้าสีแดงย่อมเป็นของ เซอร์ออโธ  แบร็กเคน  แต่เพียงผู้เดียว  เขามีฉายาว่าสัตว์ป่าแห่งแบร็กเคน นับแต่เขาสังหารลอร์ดเคว็นทิน  แบล็กวู้ด  เมื่อสามปีก่อนระหว่างการประลอง ยุ ท ธ์ ที่ คิ ง ส์ แ ลนดิ้ ง  ดั ง ก์ ไ ด้ ยิ น มาว่ า เซอร์ อ อโธฟาดขวานยาวทู่  ๆ อย่ า งแรง เสียจนมันผ่ากะบังหมวกเกราะของลอร์ดแบล็กวู้ดและใบหน้าใต้หมวกเกราะ ด้ ว ย  เขาเห็ น ธงตราของแบล็ ก วู้ ด จำนวนหนึ่ ง ด้ ว ยเช่ น กั น   อยู่ ที่ ข อบทุ่ ง ด้ า นทิ ศ ตะวั น ตก  ห่ า งไกลจากเซอร์ อ อโธที่ สุ ด เท่ า ที่ จ ะทำได้  มาร์ แ บรนด์ ,  มัลลิสเตอร์,  คาร์จีลล์,  เวสเทอร์ลิง,  สวอนน์,  มัลเลนดอร์,  ไฮทาวเวอร์,  ฟลอเรนต์,  เฟรย์,  เพนโรส,  สโตกเวิร์ธ,  ดาร์รี,  พาร์เรน,  ไวล์ด  ดูเหมือน ว่ า ตระกู ล ชั้ น สู ง ทุ ก ตระกู ล ในแดนตะวั น ตกและใต้ จ ะส่ ง อั ศ วิ น สั ก รายหรื อ สามรายมายังแอชฟอร์ดเพื่อชมโฉมหญิงงามและหาญสู้ในลานประลองเพื่อ เป็นเกียรติแก่นาง 16


อัศวินแห่งเจ็ดราชอาณาจักร

ทว่า  แม้กระโจมของคนเหล่านั้นจะงดงามน่ามองแค่ไหน  เขาก็รู้ว่า ไม่มีที่สำหรับเขาที่นั่น  ผ้าคลุมไหล่ขนสัตว์บางจนใกล้ขาดจะเป็นเครื่องคุ้มหัว ทั้งหมดที่เขามีในคืนนี้  ในขณะที่พวกลอร์ดและอัศวินกินไก่ตอนและลูกหมู เป็ น มื้ อ ค่ ำ   อาหารของดั ง ก์ จ ะเป็ น เนื้ อ เค็ ม แข็ ง  ๆ หนึ่ ง เส้ น   เขารู้ ดี ว่ า ถ้ า เขา พักแรมบนทุ่งหญ้าอลังการฉูดฉาดนั้น  เขาจะต้องทนทุกข์กับการดูแคลนอย่าง ไร้ เ สี ย งและการเยาะหยั น อย่ า งเปิ ด เผย  คนสองสามคนคงจะแสดงความ เมตตาเขา  แต่ก็ในลักษณะที่เกือบจะแย่เข้าไปใหญ่ อัศวินพเนจรจำต้องยึดจับศักดิ์ศรีของตนไว้ให้แน่น  เมื่อไม่มีศักดิ์ศรี  อัศวินก็มิต่างอะไรจากทหารรับจ้าง  ข้าต้องทำตัวให้คู่ควรกับการเป็นหนึ่งใน คนพวกนั้น  ถ้าข้าต่อสู้ได้ดี  ท่านลอร์ดบางรายอาจรับข้าไว้เพื่อรับใช้ในตระกูล ของเขา  เมื่อนั้นข้าก็จะได้ขี่ม้าร่วมกับกลุ่มคนผู้ทรงเกียรติ   กินเนื้อสดใหม่ ทุกค่ำในห้องโถงของปราสาท  และตั้งกระโจมของข้าเองที่งานประลองยุทธ์  แต่ ข้ า ต้ อ งแสดงฝี มื อ ให้ ดี ก่ อ นเป็ น อั น ดั บ แรก  เขาจำใจหั น หลั ง ให้ บ ริ เ วณ จัดการประลองยุทธ์และนำม้าของตนเข้าไปในหมู่ต้นไม้ ณ  ชายขอบของทุ่งหญ้ากว้างใหญ่  ห่างจากตัวเมืองและปราสาทมาไกล ครึ่งไมล์เต็ม  เขาก็พบสถานที่ที่ลำธารหักโค้งก่อให้เกิดเป็นแอ่งน้ำลึกขึ้นมา  ต้ น อ้ อ ขึ้ น หนาตามขอบแอ่ ง   มี ต้ น เอล์ ม ใบครึ้ ม ขึ้ น สู ง เหนื อ ต้ น ไม้ ทั้ ง หมด  ต้น หญ้ า ฤดู ใบไม้ผ ลิ ที่นั่ น มี สี เ ขีย วสดเหมื อ นธงตราผืน ใด ๆ ของอั ศ วิ น และ ให้สัมผัสนุ่มมือ  ตำแหน่งนี้ดีนักและยังไม่มีใครมาอ้างสิทธิ์  นี่แหละกระโจม ของข้า  ดังก์บอกตัวเอง  กระโจมที่มีใบไม้ต่างหลังคา  สีเขียวสดยิ่งกว่าธงตรา ใด ๆ ของพวกไทเรลและเอสเตอร์มอนต์ ม้าของเขามาก่อน  หลังจากที่ดูแลพวกมันแล้ว  เขาจึงถอดเสื้อผ้าและ เดินลุยลงไปในแอ่งน้ำเพื่อชำระล้างคราบฝุ่นจากการเดินทาง  “อัศวินที่แท้จริง จะเนื้ อ ตั ว สะอาดผุ ด ผ่ อ งเช่ น เดี ย วกั บ ที่ มี ศี ล ธรรม”  ชายชราพู ด ไว้ เ สมอ  ยืนกรานว่าพวกเขาจะต้องชำระล้างร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้าทุกครั้งที่ดวงจันทร์ ขึ้นรอบใหม่  ไม่ว่าพวกเขาจะตัวเหม็นหรือไม่  บัดนี้เมื่อเขาเป็นอัศวิน  ดังก์ จึงตั้งปณิธานว่าจะทำแบบเดียวกัน เขานั่งเปลือยอยู่ใต้ต้นเอล์มขณะผึ่งตัวให้แห้ง  เพลิดเพลินไปกับอากาศ 17


จ  อ  ร์  จ  อ า ร์.  อ า  ร์.  ม  า  ร ์ ต ิ น

อบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิที่อาบไล้ผิวขณะมองดูแมลงปอตัวหนึ่งบินเอื่อย ๆ ไป ตามดงอ้อ  ทำไมคนถึงตั้งชื่อมันว่ามังกรบิน๑ นะ  เขาสงสัย  มันไม่มีตรงไหน ที่เหมือนมังกรเลย  ใช่ว่าดังก์จะเคยเห็นมังกรหรอก  แต่ชายชราน่ะเคย  ดังก์ ได้ฟังเรื่องนี้มาครึ่งร้อยรอบแล้ว  ที่ว่าเซอร์อาร์ลันยังเป็นแค่เด็กน้อยเท่านั้น ตอนที่ปู่ของเขาพาเขาไปยังคิงส์แลนดิ้ง  และพวกเขาก็ได้เห็นมังกรตัวสุดท้าย ที่นั่นในปีก่อนที่มันจะตาย  มันเป็นมังกรตัวเมียสีเขียว  ตัวเล็กแกร็น   ปีก เหี่ยวย่น  ไม่มีไข่ใบไหนของมันฟักออกมาเป็นตัวเลย  “บางคนบอกว่าพระ ราชาเอกอนวางยาพิษมัน”  ชายชราจะเล่า  “เอกอนที่สามนะ  ไม่ใช่พ่อของ พระราชาเดรอน  แต่เป็นองค์ที่คนให้สมญาว่าผู้ทำลายมังกร  หรือไม่ก็เอกอน ผู้อับโชค  เขากลัวมังกรเพราะเคยเห็นมังกรของน้าชายเขมือบแม่ของเขาเอง มาแล้ว  ฤดูร้อนหดสั้นลงกว่าเดิมนับแต่มังกรตัวสุดท้ายตายไป  ส่วนฤดูหนาว ก็ยาวนานและโหดร้ายยิ่งขึ้น” อากาศเริ่มเย็นลงขณะที่ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงไปใต้ยอดไม้  เมื่อดังก์ รู้สึกขนลุกที่แขน  เขาก็เอาเสื้อตัวยาวและกางเกงตีกับลำต้นเอล์มเพื่อขจัด คราบสกปรกที่ติดแน่นที่สุดออกและสวมพวกมันใหม่อีกครั้ง  พรุ่งนี้เขาจะไป ตามหาผู้คุมการแข่งขันและลงชื่อสมัครแข่งขัน   แต่เขายังมีธุระอื่น ๆ ที่ต้อง จัดการในคืนนี้หากเขาหวังจะเข้าแข่งขัน เขาไม่จำเป็นต้องพินิจเงาสะท้อนของตัวเองในน้ำก็รู้ว่าเขาดูไม่เหมือน อัศวินเท่าไรนัก  เขาจึงเอาโล่ของเซอร์อาร์ลันพาดหลังเพื่อแสดงตราประจำ ตระกูล  เมื่อผูกล่ามม้าแล้ว  ดังก์ก็ปล่อยให้พวกมันเล็มหญ้าเขียวที่ขึ้นหนา อยู่ใต้ต้นเอล์มขณะที่เขาออกเดินเท้าไปยังบริเวณจัดการประลองยุทธ์ ในช่วงเวลาปกติ  ทุ่งหญ้านี้จะทำหน้าที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับชาวบ้านของ เมืองแอชฟอร์ดที่อีกฝั่งแม่น้ำ  แต่ตอนนี้มันถูกพลิกโฉมไปแล้ว  เมืองที่สอง ผุดขึ้นมาชั่วข้ามคืน  เมืองแห่งผ้าไหมแทนที่จะเป็นก้อนหิน  ทั้งใหญ่โตและ งดงามกว่าเมืองพี่ของมัน  พ่อค้าจำนวนหลายโหลตั้งแผงขายของเลียบไปตาม

dragonfly  (แมลงปอ)  แปลตรงตัวได้ว่า  มังกรบิน

18


อัศวินแห่งเจ็ดราชอาณาจักร

ขอบทุ่ง  ขายผ้าสักหลาดและผลไม้  เข็มขัดและรองเท้าบู๊ต  หนังสัตว์และ เหยี่ยว  ภาชนะดินเผา  อัญมณี  เครื่องใช้ที่ทำจากดีบุกผสมตะกั่ว  เครื่องเทศ ขนนก  และสินค้าอื่น ๆ ทุกประเภท  นักเล่นโยนของสลับมือ  นักเชิดหุ่นละคร และนักมายากลเตร็ดเตร่ไปมาในหมู่ชนเพื่อแสดงทักษะฝีมือเรียกลูกค้า... เช่ น เดี ย วกั บ โสเภณี แ ละนั ก กรี ด กระเป๋ า   ดั ง ก์ ค อยระวั ง เอามื อ กุ ม เหรี ย ญ ของตนไว้ เมื่ อ เขาได้ ก ลิ่ น ไส้ ก รอกที่ ก ำลั ง ส่ ง เสี ย งฉู่ ฉ่ า เหนื อ กองไฟควั น โขมง  น้ำลายของเขาก็เริ่มสอ  เขาจึงซื้อมาชิ้นหนึ่งด้วยหนึ่งเหรียญทองแดงในถุงเงิน ของเขาและเหล้าเอลในถ้วยเขาสัตว์เพื่อช่วยให้คล่องคอ  ขณะกินเขาก็มองดู อัศวินไม้ทาสีตัวหนึ่งต่อสู้กับมังกรไม้อีกตัว  นักเชิดหุ่นกระบอกที่บังคับมังกร ก็ น่ า ดู ด้ ว ยเช่ น กั น  นางเป็ น สาวสวยสู ง สง่า  มี ผิ ว สี ม ะกอกและเรื อ นผมดำ แห่งชาวดอร์น  นางผอมเพรียว  ไม่มีทรวงอกใด ๆ ให้พูดถึง  แต่ดังก์ชอบ ใบหน้าของนางและวิธีที่นิ้วของนางบังคับให้มังกรที่ปลายเชือกอ้าปากงับและ เลื้อยไปมา  เขาคงจะโยนเหรียญทองแดงให้หญิงสาวไปแล้วถ้าเขามีเหลือใช้  แต่ตอนนี้เขาจำเป็นต้องใช้เหรียญทุกเหรียญที่มี มีช่างทำเกราะอยู่ในกลุ่มพ่อค้าอย่างที่เขาหวังไว้  ชายชาวไทรอชไว้เครา แฉกสีน้ำเงินกำลังขายหมวกเกราะหรูหรา  ดัดเป็นรูปสัตว์ประหลาดในตำนาน ทั้ ง นกและสั ต ว์ ป่ า ต่ า ง ๆ อั น งดงามจั บ ตา  ทั้ ง ยั ง สลั ก ลายด้ ว ยทองและเงิ น  ณ  ที่อื่น   เขายังพบช่างดาบกำลังเร่ขายดาบเหล็กราคาถูก   และพบอีกราย ขายดาบคุณภาพดีกว่ามาก  แต่ดาบไม่ใช่สิ่งที่เขาขาด ชายทีเ่ ขาต้องการตัวอยูส่ ดุ ปลายแถว  เสือ้ เกราะโซ่ถกั ชัน้ ดีและเกราะมือ รูปเปลือกกุ้งทำจากเหล็กกล้าคู่หนึ่งวางแสดงอยู่บนโต๊ะตรงหน้าเขา  ดังก์ตรวจ ดูมันอย่างละเอียด  “ท่านทำงานดี”  เขาพูด “ไม่มีใครดีกว่า”  ช่างเหล็กเป็นชายเตี้ยล่ำสูงไม่เกินห้าฟุต  แต่อกและ แขนหนาเท่าดังก์  เขามีเคราดำ  มือใหญ่  และไม่มีร่องรอยของความถ่อมตน เลย “ข้าต้องการเกราะสำหรับการประลองยุทธ์”  ดังก์บอกเขา  “ชุดเกราะ โซ่ถักอย่างดี  พร้อมเกราะคอเกราะแข้ง  แล้วก็หมวกเกราะใบใหญ่”  หมวก 19


จ  อ  ร์  จ  อ า ร์.  อ า  ร์.  ม  า  ร ์ ต ิ น

เกราะเหล็กแบบไม่มีกะบังหน้าของชายชรามีขนาดพอดีกับศีรษะของเขา  แต่ เขาต้องการเกราะป้องกันใบหน้ามากกว่าที่แผ่นเหล็กบังจมูกเพียงอย่างเดียว จะให้ได้ ช่างทำเกราะมองเขาหัวจรดเท้า  “ท่านตัวโต  แต่ข้าเคยทำชุดเกราะ ให้คนตัวโตกว่านี้มาแล้ว”  เขาเดินออกมาจากหลังโต๊ะ  “คุกเข่าซิ  ข้าอยาก วัดไหล่นั่นหน่อย  นั่นแหละ  แล้วก็คอหนา ๆ ของท่านด้วย”  ดังก์คุกเข่า  ช่าง ทำเกราะวางเชือกทำจากหนังดิบขมวดเป็นปมพาดกับบ่าของเขา  ส่งเสียงฮึ่ม  เลื่อนสายวัดขึ้นพันรอบลำคอของเขาแล้วส่งเสียงฮึ่มอีกครั้ง  “ยกแขน  ไม่ใช่  ข้างขวา”  เขาส่งเสียงฮึ่มเป็นครั้งที่สาม  “เอ้า  ทีนี้ก็ยืนขึ้นได้แล้ว”  ด้านใน ท่อนขา  ความหนาของน่องและขนาดรอบเอวเรียกเสียงฮึ่มตามมาอีก  “ใน เกวียนข้าพอจะมีเหล็กที่อาจพอดีตัวของท่าน”  ชายคนนั้นบอกเมื่อวัดเสร็จ  “ไม่มีทองหรือเงินประดับให้สวยงามหรอกนะ  แค่เหล็กกล้าอย่างดี  แข็งแรง  เรียบง่าย  ข้าทำหมวกเกราะที่ดูเหมือนหมวกเกราะ  ไม่ใช่หมูมีปีกหรือผลไม้ ต่างถิ่นพิสดาร  แต่เกราะของข้าจะรับใช้ท่านได้ดีกว่าถ้าท่านเกิดถูกทวนทิ่ม หน้าเข้า” “เท่านั้นแหละที่ข้าต้องการ”  ดังก์บอก  “เท่าไหร่รึ” “แปดร้อยกวาง  นี่ข้าใจดีแล้วนะ” “แปดร้อยรึ”  นั่นมากกว่าที่เขาคาดไว้  “ข้า...ข้าเอาเกราะเก่ามาแลก กับท่านได้  มันทำมาสำหรับคนตัวเล็กกว่านี้...หมวกเกราะแบบไม่มีกะบังหน้า  เสื้อเกราะโซ่ถักตัวยาวถึงเข่า...” “เพตคนเหล็กขายแต่งานฝีมือตัวเอง”  เขาประกาศ  “แต่ข้าอาจเอา เหล็กมาใช้ประโยชน์ได้  ถ้ามันไม่มีสนิมมากเกินไปนัก  ข้าก็จะเอาไว้  แล้วคิด ค่าชุดเกราะท่านหกร้อย” ดังก์จะอ้อนวอนให้เพตยกชุดเกราะให้เขาโดยเชื่อไว้ก่อนก็ได้  แต่เขา รู้ว่าคำตอบประเภทไหนที่คำขอเช่นนั้นจะได้รับ  เขาเดินทางกับชายชรามา นานพอที่จะเรียนรู้ว่าพวกพ่อค้านั้นขึ้นชื่อเรื่องไม่ไว้ใจอัศวินพเนจรอย่างยิ่ง  บางรายนั้นแทบไม่ต่างจากโจรปล้นเลย  “ข้าจะให้ท่านสองเหรียญเงินตอนนี้  แล้ววันพรุ่งนี้ก็เกราะกับเงินที่เหลือ” 20


อัศวินแห่งเจ็ดราชอาณาจักร

ช่างทำเกราะมองพินจิ เขาครูห่ นึง่   “สองเหรียญเงินซือ้ เวลาให้ทา่ นหนึง่ วัน  หลังจากนั้นข้าจะขายงานข้าให้ชายคนถัดไป” ดังก์ควักเหรียญกวางออกจากถุงใส่เงินแล้ววางมันลงในมือสากด้าน ของช่างทำเกราะ  “ท่านจะได้เงินทั้งหมดแน่นอน  ข้าตั้งใจจะเป็นผู้ชนะที่นี่” “งั้ น รึ ”   เพตเอาฟั น กั ด เหรี ย ญอั น หนึ่ ง  “แล้ ว คนอื่ น  ๆ นั่ น   พวกเขา ทั้งหมดเดินทางมาแค่ให้กำลังใจท่านสินะ”

21


จ  อ  ร์  จ  อ า ร์.  อ า  ร์.  ม  า  ร ์ ต ิ น

ดวงจั น ทร์ ขึ้ น สู ง แล้ ว กว่ า เขาจะหั น เท้ า กลั บ ไปยั ง ต้ น เอล์ ม   ทุ่ ง แอชฟอร์ ด เบื้องหลังเขาสว่างไสวด้วยแสงคบไฟ  เสียงบทเพลงและเสียงหัวเราะลอยข้าม ทุง่ หญ้ามา  แต่อารมณ์ของเขากลับหม่นหมอง  เขาคิดวิธหี าเงินสำหรับชุดเกราะ ได้แค่วิธีเดียวเท่านั้น  และถ้าเขาพ่ายแพ้...  “ชัยชนะแค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่ข้า ต้องการ”  เขาพึมพำออกมาดัง ๆ  “แค่นี้ไม่หวังมากไปหรอก” แม้กระนั้นถ้าเป็นชายชราคงไม่กล้าหวังแน่  เซอร์อาร์ลันไม่ได้ประลอง ทวนมานับแต่วันที่เขาตกจากหลังม้าด้วยฝีมือของเจ้าชายแห่งดราก้อนสโตน ในการประลองยุทธ์ที่สตอร์มส์เอนด์เมื่อหลายปีก่อน  “ใช่ว่าชายทุกคนจะโม้ ได้ น ะว่ า ทำทวนหั ก ไปเจ็ ด เล่ ม ระหว่ า งการต่ อ สู้ กั บ อั ศ วิ น ฝี มื อ ดี ที่ สุ ด ในเจ็ ด ราชอาณาจักร”  เขาจะพูดอย่างนั้น  “จะหวังให้ข้าทำดีกว่านั้นก็ไม่ได้แล้วละ  เพราะงั้นจะให้ข้าลองไปทำไมกัน” ดั ง ก์ ส งสั ย ว่ า อายุ ข องเซอร์ อ าร์ ลั น น่ า จะเป็ น ปั จ จั ย หลั ก มากกว่ า จะ เป็นเพราะเจ้าชายแห่งดราก้อนสโตน  แต่เขาไม่เคยกล้าพูดออกไปเช่นนั้น  ชายชราเป็นคนมีศักดิ์ศรี  แม้แต่ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต  ข้าว่องไวและ แข็งแรง  เขาพูดแบบนั้นตลอด  เรื่องจริงสำหรับเขาไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องจริง สำหรับข้า  เขาดึงดันบอกตัวเอง เขากำลังเดินฝ่าดงวัชพืชพลางขบคิดถึงโอกาสของตนอยู่ในหัวเมื่อเห็น แสงไฟวูบไหวทะลุผ่านดงพุ่มไม้มา  อะไรน่ะ  ดังก์ไม่หยุดคิดใด ๆ  ดาบมาอยู่ ในมือของเขาทันควันและเขาก็กำลังวิ่งลุยฝ่าดงหญ้าไป เขาโผล่พรวดออกไปพร้อมกับส่งเสียงคำรามและคำสบถด่า  แต่แล้ว ก็หยุดชะงักทันควันเมื่อเห็นเด็กชายอยู่ข้างกองไฟ  “นี่เจ้า!”  เขาลดดาบลง  “เจ้ามาทำอะไรที่นี่” “ย่างปลา”  เด็กชายหัวโล้นตอบ  “กินสักหน่อยมั้ยท่าน” “ข้าหมายความว่า  เจ้า มา ที่นี่ได้ยังไง  ขโมยม้ามารึเปล่า”  “ข้านั่งท้ายเกวียนมากับชายที่กำลังเอาเนื้อแกะไปส่งที่ปราสาทให้ท่าน ลอร์ดแอชฟอร์ด” “งั้นเจ้าก็ควรรีบไปดูว่าเขาไปแล้วหรือยัง  หรือไม่ก็หาเกวียนเล่มอื่น  ข้าไม่ยอมให้เจ้าอยู่ที่นี่หรอก” 22


อัศวินแห่งเจ็ดราชอาณาจักร

“ท่านไล่ข้าไปไม่ได้หรอก”  เด็กชายบอกอย่างโอหัง  “ข้าเต็มกลืนกับ เรือนพักแรมนั่นแล้ว” “อย่ า มาทำเป็ น ปากเก่ ง ใส่ ข้ า ”  ดั ง ก์ เ ตื อ น  “ข้ า ควรจะจั บ เจ้ า โยนขึ้ น หลังม้าแล้วพาเจ้าส่งกลับบ้านเสียเดี๋ยวนี้เลย” “ท่านต้องขี่ม้าไปถึงคิงส์แลนดิ้งนู่น”  เด็กชายบอก  “ท่านจะพลาดการ ประลองยุทธ์นะ” คิงส์แลนดิ้ง  ดังก์สงสัยอยู่ครู่หนึ่งว่าตัวเองกำลังถูกล้อเล่นหรือไม่  แต่ เด็กชายไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเขาเองก็เกิดที่คิงส์แลนดิ้งเหมือนกัน  อาจจะเป็น เด็กอนาถาอีกคนจากย่านก้นหมัด  ใครจะโทษแกได้ล่ะถ้าอยากไปให้พ้นจาก ที่นั่น เขารู้สึกโง่เง่าที่ยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับถือดาบขู่เด็กกำพร้าวัยแปดขวบ  เขาเก็ บ ดาบเข้ า ฝั ก   ทำหน้ า ถมึ ง ทึ ง เพื่ อ ให้ เ ด็ ก ชายเข้ า ใจว่ า เขาจะไม่ ท นกั บ เรื่องเหลวไหล  อย่างน้อยข้าก็ควรจะตีแกสักป้าบ  เขานึก  แต่เด็กชายแลดู น่าสงสารเสียจนเขาทำใจลงไม้ลงมือกับแกไม่ลง  เขามองไปรอบ ๆ ค่ายพักแรม  ไฟกำลังลุกโพลงอยู่ในวงหินที่วางเรียงเป็นระเบียบ  ม้าได้รับการแปรงขน  เสื้อผ้าตากห้อยลงมาจากต้นเอล์มเพื่อผึ่งให้แห้งเหนือเปลวไฟ  “แล้วเสื้อผ้านั่น ไปทำอะไรอยู่ตรงนั้น”


จ  อ  ร์  จ  อ า ร์.  อ า  ร์.  ม  า  ร ์ ต ิ น

“ข้าซักมัน”  เด็กชายบอก  “แล้วก็ดูแลพวกม้า  ก่อไฟ  จับปลาตัวนี้  ข้าคงจะตั้งกระโจมให้ท่านแล้วแต่หาไม่เจอ” “นั่นไงกระโจมของข้า”  ดังก์วาดมือเหนือศีรษะไปยังกิ่งของต้นเอล์มสูง ที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือพวกเขา “นั่นมันต้นไม้”  เด็กชายบอก  ไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไร “มันคือกระโจมหนึง่ เดียวทีอ่ ศั วินทีแ่ ท้จริงต้องการ  ข้าขอนอนใต้หมูด่ าว ดีกว่านอนในกระโจมควันโขมง” “แล้วถ้าฝนตกล่ะ” “ต้นไม้จะกำบังข้า” “ต้นไม้รั่วนะ” ดังก์หัวเราะ  “ก็ใช่น่ะสิ  เอ้า  บอกตรง ๆ นะ  ข้าไม่มีเงิน ซื้อกระโจมหรอก  ส่วนเจ้าก็ควรพลิกปลาได้แล้ว  ไม่งั้น มันจะไหม้ข้างล่างแล้วดิบข้างบน  แบบนี้เจ้า เป็นเด็กในครัวไม่ได้แน่” “ได้ สิ ถ้ า ข้ า อยาก”  เด็กชายบอก  แต่แกก็ยอม พลิกปลา  “เกิดอะไรขึ้นกับผมของ เจ้าน่ะ”  ดังก์ถาม “พวกเมสเตอร์ โ กนมั น ทิ้ ง ”  เด็ ก ชายรู้ สึ ก อายขึ้ น มา ทันควันและดึงฮู้ดของผ้าคลุมไหล่ สีน้ำตาลเข้มขึ้นมาคลุมศีรษะ ดั ง ก์ เ คยได้ ยิ น ว่ า พวก เมสเตอร์ จ ะทำแบบนั้ น เป็ น บางครั้ง  เพื่อกำจัดเหาหรือแมลง หรืออาการเจ็บป่วยบางอย่าง  “เจ้าไม่สบายหรือ” “เปล่า”  เด็กชายบอก  “ท่านชื่ออะไร” 24


อัศวินแห่งเจ็ดราชอาณาจักร

“ดังก์”  เขาบอก เด็กชายอนาถาหัวเราะลั่นราวกับว่านั่นเป็นเรื่องตลกที่สุดที่แกเคยได้ยิน มา  “ดังก์  เนี่ยนะ”  แกพูด  “เซอร์ดังก์เหรอ  นั่นไม่ใช่ชื่อสำหรับอัศวินเลย  มันย่อมาจากดันแคนรึ” ใช่ไหมนะ  เท่าที่เขาจำได้  ชายชราเรียกเขาแค่  ดังก์  เฉย ๆ และเขาก็จำ ช่วงชีวติ ก่อนหน้านัน้ ได้ไม่มากนัก  “ดันแคน  ใช่แล้ว”  เขาบอก  “เซอร์ดนั แคน แห่ง...”  ดังก์ไม่มีชื่อหรือตระกูลอื่นใด  เซอร์อาร์ลันพบเขาใช้ชีวิตผจญภัย อยู่ตามซ่องและตรอกซอยของย่านก้นหมัด   เขาไม่เคยรู้จักพ่อหรือแม่ของ ตัวเอง  เขาจะพูดอะไรได้ล่ะ  “เซอร์ดันแคนแห่งย่านก้นหมัด”  ฟังดูไม่สมกับ เป็นอัศวินเท่าไรเลย  เขาจะใช้เพนนีทรีก็ได้  แต่ถ้าเกิดคนถามว่ามันอยู่ที่ไหน ล่ะ  ดังก์ไม่เคยไปเพนนีทรี  และชายชราก็ไม่คอ่ ยพูดถึงทีน่ นั่ เท่าไร  เขานิว่ หน้า อยู่ครู่หนึ่ง  จากนั้นจึงโพล่งออกไปว่า  “เซอร์ดันแคนตัวสูง”  เขา สูง  ไม่มีใคร เถียงเรื่องนี้ได้  และมันก็ฟังดูแข็งแรงดีด้วย แต่เด็กเจ้าเล่ห์คนนี้ดูจะไม่คิดอย่างนั้น   “ข้าไม่เคยได้ยินใครชื่อเซอร์ ดันแคนตัวสูง” “เจ้ารู้จักอัศวินทุกคนในเจ็ดราชอาณาจักรรึไง” เด็กชายมองเขาอย่างกล้าหาญ  “ก็พวกที่เก่ง ๆ” “ข้าเก่งไม่แพ้ใคร  หลังจากการประลองยุทธ์นี้  พวกเขาจะได้รู้กัน  เจ้า มีชื่อไหม  เจ้าหัวขโมย” เด็กชายลังเล  “ไข่”  แกบอก ดั ง ก์ ไ ม่ ไ ด้ หั ว เราะ  หั ว ของแกดู เ หมื อ นไข่ จ ริ ง ๆ นั่ น แหละ  พวกเด็ ก ผู้ชายตัวเล็ก ๆ บางทีก็ใจร้าย  พวกผู้ชายที่โตแล้วก็เหมือนกัน  “ไข่”  เขาเอ่ย  “ข้าควรจะซ้อมเจ้าให้น่วมแล้วส่งเจ้ากลับไปตามทางของเจ้า  แต่ความจริง มีอยู่ว่าข้าไม่มีกระโจม  และข้าก็ไม่มีอัศวินฝึกหัดด้วย  ถ้าเจ้าสาบานว่าจะ ทำตามคำสั่ง  ข้าจะยอมให้เจ้ารับใช้ข้าระหว่างการประลองยุทธ์  หลังจากนั้น  เอาละ  ไว้เราค่อยมาดูกัน  ถ้าข้าตัดสินใจว่าเลี้ยงเจ้าแล้วไม่เสียข้าวสุก   เจ้า ก็ จ ะมี เ สื้ อ ผ้ า ห่ ม กายและอาหารใส่ ท้ อ ง  เสื้ อ ผ้ า อาจจะเป็ น ผ้ า ทอเนื้ อ หยาบ  ส่วนอาหารก็เป็นเนื้อเค็มกับปลาเค็ม  อาจจะมีเนื้อกวางบ้างบางครั้งในที่ที่ไม่มี 25


จ  อ  ร์  จ  อ า ร์.  อ า  ร์.  ม  า  ร ์ ต ิ น

คนดูแลป่าอยู่  แต่เจ้าจะไม่มีวันหิวโหย  แล้วข้าก็สัญญาว่าจะไม่ตีเจ้า  เว้นแต่ เวลาที่เจ้าสมควรโดน” ไข่ยิ้ม  “ได้เลย  นายข้า” “เซอร์”  ดังก์แก้ให้  “ข้าเป็นแค่อัศวินพเนจร”  เขาสงสัยว่าชายชรา กำลังมองลงมาหรือไม่  ข้าจะสอนศาสตร์แห่งการต่อสู้ให้แก  เหมือนอย่างที่ ท่ า นเคยสอนข้ า   ท่ า นเซอร์   แกดู เ ป็ น เด็ ก มี แ วว  สั ก วั น หนึ่ ง แกอาจได้ เ ป็ น อัศวินก็ได้ เนื้อปลาข้างในยังคงดิบอยู่เล็กน้อยเมื่อพวกเขากินมัน  และเด็กชาย ก็แกะก้างออกไม่หมด  แต่มันก็ยังมีรสชาติดีกว่าเนื้อเค็มแข็ง ๆ เยอะ ไม่นานไข่ก็ผล็อยหลับไปข้างกองไฟที่กำลังมอดดับ   ดังก์นอนหงาย อยู่ใกล้  ๆ  มือใหญ่ของเขาวางอยู่ใต้ศีรษะ  ขณะที่สายตาจับจ้องไปยังท้องฟ้า ยามราตรี  เขาได้ยินเสียงดนตรีแว่วมาไกล ๆ จากบริเวณจัดการประลองยุทธ์ ที่ห่างออกไปครึ่งไมล์  ดวงดาวดารดาษเป็นพันเป็นหมื่นดวง  ดวงหนึ่งตก ลงมาขณะที่เขามองดู  แสงสีเขียวจ้าเป็นทางยาวสว่างวาบขึ้นบนฟ้ามืดมิด  แล้วหายวับไป ดาวตกนำโชคดีมาสู่ผู้ที่ได้เห็น  ดังก์คิด  แต่ป่านนี้คนอื่น ๆ คงอยู่ใน กระโจมของตัวเองกันหมดแล้วจ้องมองขึ้นไปยังผืนผ้าไหมแทนที่จะเป็นผืนฟ้า โชคดีจึงเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว ในตอนเช้า  เขาตื่นขึ้นมาด้วยเสียงไก่ขัน   ไข่ยังอยู่ที่เดิม  นอนขดตัวอยู่ใต้ ผ้าคลุมไหล่ผืนที่ดีที่สุดเป็นอันดับสองของชายชรา  เอ้า  อย่างน้อยเด็กคนนี้ ก็ไม่ได้แอบหนีหายไปตอนกลางคืนละนะ  เขาใช้เท้าสะกิดปลุกแก  “ตื่น  เรา มี ง านต้ อ งทำ”  เด็ ก ชายตื่ น เร็ ว พอควรและเอามื อ ขยี้ ต า  “ช่ ว ยข้ า ใส่ อ านให้ สวีตฟุตที”  ดังก์บอก “แล้วมื้อเช้าล่ะ” “มีเนื้อเค็มไง  หลังจาก ทำงานเสร็จแล้ว” “ข้าอยากกินเจ้าม้านั่นมากกว่า”  ไข่บอก  “ท่านเซอร์” “เจ้าจะกินกำปัน้ ข้าถ้าไม่ทำตามทีข่ า้ สัง่   ไปเอาแปรงมา  อยูใ่ นถุงข้างอาน  26


อัศวินแห่งเจ็ดราชอาณาจักร

ใช่  ใบนั้นแหละ” ทั้งสองแปรงขนสีน้ำตาลแดงอ่อนของม้าตัวเล็ก  วางอานที่ดีที่สุดของ เซอร์อาร์ลันลงบนหลังของมัน  แล้วรัดให้แน่น  ดังก์เห็นว่าไข่ทำงานได้ดีเมื่อ แกตั้งใจทำ “ข้าคงไม่อยู่เกือบทั้งวัน”  เขาบอกเด็กชายขณะขึ้นม้า  “เจ้าต้องอยู่ที่นี่  ดูแลค่ายพักให้เรียบร้อย  คอยดูไม่ให้ มีหัวขโมย  คนอื่น ๆ มาจุ้นจ้าน” “ข้ า ขอดาบไว้ ไ ล่ พ วกนั้ น ได้ ไ หม”  ไข่ ถ าม  ดังก์เห็นว่าแกมีนัยน์ตาสีฟ้า  ฟ้าเข้มอย่างยิ่งจนแทบ จะม่วง  หัวโล้นของแกทำให้ดวงตานั้นดูโตขึ้น “ไม่ได้”  ดังก์บอก  “มีดก็พอแล้ว  และเจ้า ต้องอยู่ที่นี่ตอนข้ากลับมา  ได้ยินมั้ย  ถ้าปล้นข้า แล้วหนีไป  ข้าจะตามล่าเจ้า  ข้าสาบานเลย  พร้อมกับหมา” “ท่ า นไม่ มี ห มาสั ก ตั ว ”  ไข่ ตั้งข้อสังเกต

“ข้าจะหามา”  ดังก์บอก  “เพือ่ เจ้าโดยเฉพาะเลย”  เขาชักหัวของสวีตฟุต ให้หันไปทางทุ่งหญ้าและจากไปด้วยฝีเท้าเหยาะ  ๆ  ใจหวังว่าคำขู่นั้นจะเพียงพอ ให้เด็กชายซื่อสัตย์  หากไม่นับเสื้อบนตัว  ชุดเกราะในถุงกระสอบ  และม้า ใต้ร่างของเขาแล้ว  ทุกสิ่งที่ดังก์เป็นเจ้าของในโลกนี้ก็อยู่ที่ค่ายนั่นทั้งสิ้น  ข้าโง่ 27


จ  อ  ร์  จ  อ า ร์.  อ า  ร์.  ม  า  ร ์ ต ิ น

บรมโง่ที่ไว้ใจเจ้าเด็กนั่นมาจนถึงป่านนี้  แต่นี่ก็ไม่ต่างจากที่ชายชราเคยทำให้ข้า เลย  เขาตรึกตรอง  เทพมารดาคงส่งแกมาหาข้าเพื่อที่ข้าจะได้ชดใช้หนี้นั้น ขณะที่ข้ามทุ่งหญ้าไป  เขาได้ยินเสียงค้อนแก๊ง ๆ ดังมาจากริมแม่น้ำ ที่ซึ่งเหล่าช่างไม้กำลังตอกตะปูรั้วกั้นสนามแทงทวนและต่ออัฒจันทร์ยกสูง สำหรับผู้ชม  มีกระโจมใหม่  ๆ สองสามหลังผุดขึ้นมาด้วย  ขณะที่พวกอัศวิน ทีม่ าก่อนหน้ากำลังนอนหลับพักฟืน้ จากความสนุกครืน้ เครงของเมือ่ คืน  หรือไม่ก็ นั่งกินอาหารเช้า  ดังก์ได้กลิ่นของควันไม้และเบคอนด้วยเช่นกัน ทางทิศเหนือของทุ่งหญ้ามีแม่น้ำค็อกเคิลส์เวนต์ไหลผ่าน  มันเป็นสาขา ของแม่น้ำแมนเดอร์อันยิ่งใหญ่  ถัดจากบริเวณน้ำตื้นไปมีตัวเมืองและปราสาท ตั้งอยู่  ดังก์เคยเห็นเมืองที่เป็นตลาดมามากมายระหว่างเดินทางไปกับชายชรา เมืองนี้สวยงามกว่าเมืองอื่นส่วนใหญ่  บ้านหลังคามุงใบไม้แห้ง  ผนังทาปูนขาว มีอะไรบางอย่างที่ให้ความรู้สึกเชื้อเชิญเป็นกันเอง  ตอนที่ยังเด็กกว่านี้  เขาเคย สงสัยว่าการอาศัยอยู่ในสถานที่เช่นนั้นจะเป็นอย่างไร  การได้นอนโดยมีหลังคา คุ้มหัวทุกคืนและตื่นขึ้นมาเจอผนังเดิมห่มรอบตัวทุกเช้า  อีกไม่นานข้าก็อาจจะ ได้รู้  ใช่แล้ว  และเจ้าไข่ด้วย  เรื่องนั้นอาจเกิดขึ้นได้  เรื่องแปลกประหลาด กว่านี้เกิดขึ้นอยู่ทุกวัน ปราสาทแอชฟอร์ดเป็นสิง่ ก่อสร้างหินรูปสามเหลีย่ ม  แต่ละมุมมีหอคอย กลมสูงสามสิบฟุต  กำแพงมีใบสอหนาทอดอยู่ระหว่างหอคอยเหล่านั้น  ธง ตราสีส้มโบกสะบัดจากเชิงเทิน  แสดงให้เห็นตรารูปบั้งกับดวงอาทิตย์สีขาวของ ท่านลอร์ดเจ้าของปราสาท  ทหารในชุดเครื่องแบบสีขาว - ส้มยืนอยู่นอกประตู ปราสาทพร้อมด้วยหอกปลายขวาน  คอยมองตรวจผู้คนผ่านเข้าออก  แต่ก็ ดูเหมือนจะมุ่งมั่นกับการหยอกเอินหญิงรีดนมหน้าตาน่ารักมากกว่าจะกันใคร ไม่ให้เข้าไป  ดังก์รั้งบังเหียนม้าให้หยุดตรงหน้าชายร่างเตี้ยไว้เคราที่เขาเข้าใจว่า เป็นหัวหน้าและถามถึงผู้คุมการประลองยุทธ์ “คนที่ท่านต้องไปพบชื่อพลัมเมอร์  เขาเป็นพ่อบ้านของที่นี่  ข้าจะพาไป เอง” ภายในลานปราสาท  เด็ ก คอกม้ า รั บ สวี ต ฟุ ต ไปจากเขา  ดั ง ก์ เ อาโล่ ที่บุบเยินของเซอร์อาร์ลันพาดบ่าและตามหัวหน้าทหารยามไปด้านหลังคอกม้า 28


อัศวินแห่งเจ็ดราชอาณาจักร

สู่หอคอยเล็ก ๆ ที่สร้างเข้าไปในมุมกำแพงชั้นนอกของปราสาท  บันไดหินสูงชัน นำขึ้นไปสู่ทางเดินบนกำแพง  “มาลงชื่อประลองแทงทวนให้เจ้านายรึ”  หัวหน้า ทหารยามถามขณะที่พวกเขาขึ้นบันไดไป “ลงชื่อของข้าเองนี่แหละ” “งั้ น รึ ”   นั่ น เขายิ้ ม เยาะหรื อ เปล่ า   ดั ง ก์ ไ ม่ แ น่ ใ จ  “ประตู บ านนั้ น น่ ะ  จัดการเองต่อได้เลยนะ  ข้าจะกลับไปประจำที่” เมื่อดังก์ผลักประตูเข้าไป  พ่อบ้านกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าและ เขียนบางอย่างลงบนแผ่นหนังจารึกด้วยปากกาขนนก  เขามีผมสีเทาที่กำลัง บางลงและใบหน้าแคบตอบ  “ว่าไง”  เขาถามขณะเงยหน้าขึ้นมา  “ต้องการ อะไรรึ  พ่อหนุ่ม” ดั ง ก์ ดึ ง ประตู ปิ ด   “ท่ า นคื อ พ่ อ บ้ า นพลั ม เมอร์ ใ ช่ ไ หม  ข้ า มาเข้ า ร่ ว ม การประลองยุทธ์  มาลงชื่อประลองแทงทวน” พลัมเมอร์เม้มปาก  “การประลองยุทธ์ของนายข้าเป็นการแข่งขันกัน ของอัศวิน  ท่านเป็นอัศวินหรือเปล่า” เขาพยักหน้า  พลางสงสัยว่าหูของตัวเองแดงหรือไม่ “อัศวินที่มีชื่อด้วยกระมัง” “ดังก์”  นี่เขาพูด ชื่อนั้น ออกไปทำไม  “เซอร์ดันแคนตัวสูง” “แล้วท่านมาจากไหนหรือ  เซอร์ดันแคนตัวสูง” “ทุกที่  ข้าเป็นอัศวินฝึกหัดให้เซอร์อาร์ลันแห่งเพนนีทรีตั้งแต่อายุได้ ห้าหกขวบ  นี่โล่ของเขา”  เขาแสดงมันให้พ่อบ้านดู  “เขาจะเดินทางมาที่การ ประลองยุทธ์นี้  แต่เกิดจับไข้และตายลง  ข้าก็เลยมาแทนที่  เขาแต่งตั้งข้าเป็น อัศวินก่อนที่จะสิ้นลม  ด้วยดาบของเขาเอง”  ดังก์ชักดาบยาวออกมาวางลงบน โต๊ะไม้ที่มีรอยขีดข่วนซึ่งตั้งขวางระหว่างพวกเขา ผู้คุมการประลองทวนเพียงแค่เหลือบมองดูดาบเล่มนั้น  “นั่นน่ะใช่ดาบ แน่  แต่ข้าไม่เคยได้ยินชื่ออาร์ลันแห่งเพนนีทรีคนนี้เลย  ท่านบอกว่าท่านเคย เป็นอัศวินฝึกหัดของเขาหรือ” “เขาพูดอยู่เสมอว่าเขาตั้งใจจะให้ข้าเป็นอัศวินเหมือนอย่างเขา  ตอนที่ เขากำลังจะตาย  เขาเรียกหาดาบยาวของเขาและบอกให้ข้าคุกเข่า  เขาแตะดาบ 29


จ  อ  ร์  จ  อ า ร์.  อ า  ร์.  ม  า  ร ์ ต ิ น

ที่ไหล่ขวาข้าครั้งหนึ่งและอีกครั้งที่ไหล่ซ้าย  แล้วก็พูดอะไรบางอย่าง  พอข้า ยืนขึ้นมาเขาก็บอกว่าข้าเป็นอัศวินแล้ว” “ฮื่อ”  ชายที่ชื่อพลัมเมอร์เอามือถูจมูก  “จริงอยู่ที่อัศวินคนไหนก็แต่งตั้งให้ใคร

30


อัศวินแห่งเจ็ดราชอาณาจักร

เป็ น อั ศ วิ น ได้   แต่ ก ารสวดมนต์ ต ลอดทั้ ง คื น และได้ รั บ การเจิ ม โดยนั ก บวช ก่อนที่จะสาบานตนนั้นถูกต้องตามธรรมเนียมมากกว่า  มีใครเป็นพยานตอน ท่านได้รับแต่งตั้งไหม” “มี แ ต่ น กโรบิ น ตั ว หนึ่ ง บนต้ น ธอร์ น เท่ า นั้ น   ข้ า ได้ ยิ น เสี ย งมั น ขณะที่ ชายชรากล่าวถ้อยคำ  เขาสั่งให้ข้าเป็นอัศวินที่ดีและซื่อสัตย์   เชื่อฟังคำสอน ของทวยเทพทั้งเจ็ด  ปกป้องผู้อ่อนแอและบริสุทธิ์  รับใช้นายของข้าอย่างภักดี และปกป้องอาณาจักรด้วยกำลังทั้งหมดที่ข้ามี  และข้าก็สาบานว่าจะทำดังนั้น” “แน่ น อน”  พลั ม เมอร์ มิ ไ ด้ ล ดตั ว ลงมาเรี ย กเขาว่ า   ท่ า นเซอร์   ดั ง ก์ อดสังเกตไม่ได้  “ข้าต้องปรึกษาลอร์ดแอชฟอร์ดก่อน  มีอัศวินดี  ๆ คนไหน ที่มารวมตัวอยู่นี่ที่รู้จักท่านหรือนายผู้ล่วงลับของท่านบ้างไหม” ดังก์คิดอยู่ครู่หนึ่ง  “มีกระโจมหนึ่งติดธงตราของตระกูลดอนแดร์เรียน ใช่มั้ย  ธงดำมีสายฟ้าฟาดสีม่วงน่ะ” “นั่นเป็นกระโจมของเซอร์แมนเฟร็ดจากตระกูลนั้น” “เซอร์อาร์ลันเคยรับใช้ลอร์ดบิดาของเขาในดอร์นเมื่อสามปีก่อน  เซอร์ แมนเฟร็ดอาจจำข้าได้” “งั้นข้าขอแนะนำให้ท่านไปคุยกับเขา  ถ้าเขารับรองให้ท่านได้  ก็พาเขา มาที่นี่กับท่านในวันพรุ่งนี้  เวลาเดียวกันนี้” “ข้าจะทำดังนั้น  นายข้า”  เขาเริ่มออกเดินไปที่ประตู “เซอร์ดันแคน”  พ่อบ้านร้องเรียกตามหลังเขา ดังก์หันกลับไป “ท่านรู้ใช่ไหม”  ชายผู้นั้นเอ่ย  “ว่าคนที่พ่ายแพ้การประลองยุทธ์จะต้อง ยกอาวุธ  เกราะ  และม้าให้แก่ผู้ชนะ  และจะต้องไถ่มันคืนมา” “ข้ารู้” “แล้วท่านมีเงินจ่ายค่าไถ่นั้นหรือ” ตอนนี้ เ ขารู้ ว่ า หู ตั ว เองแดง  “ข้ า จะไม่ จ ำเป็ น ต้ อ งใช้ เ งิ น ”  เขาบอก  ภาวนาในใจว่านั่นคือความจริง  สิ่งเดียวที่ข้าต้องการคือชัยชนะหนึ่งครั้ง  ถ้าข้า ชนะการประลองแทงทวนรอบแรก  ข้าก็จะได้ชุดเกราะ  ม้า  หรือไม่ก็ทองคำ ของผู้แพ้  แต่ข้าเองก็อาจเป็นผู้แพ้ได้เหมือนกัน 31


จ  อ  ร์  จ  อ า ร์.  อ า  ร์.  ม  า  ร ์ ต ิ น

เขาเดินลงบันไดไปช้า ๆ  ไม่เต็มใจทำสิ่งที่เขาจะต้องทำเป็นอันดับต่อไป  เมื่ออยู่ในลานปราสาท  เขาคว้าคอเสื้อของเด็กคอกม้าคนหนึ่งไว้  “ข้าต้องคุย กับคนคุมม้าของลอร์ดแอชฟอร์ด” “ข้าจะไปตามให้” ในคอกม้าเย็นและมืดสลัว  พ่อม้าสีเทาจอมพยศอ้าปากงับขู่เขาขณะที่ เขาเดินผ่าน  แต่สวีตฟุตแค่ร้องเบา ๆ และเอาจมูกดุนมือเขาเมื่อเขายกมือขึ้นไป ที่จมูกของมัน  “เจ้าเป็นเด็กดีใช่ไหม”  เขาพูดเสียงเบาต่ำ  ชายชราพูดอยู่เสมอ ว่าอัศวินไม่ควรรักม้าเพราะม้าจำนวนไม่น้อยมักตายไประหว่างอยู่ในความดูแล ของเรา  แต่ชายชราก็ไม่เคยฟังคำเตือนของตัวเองเช่นกัน  ดังก์เห็นอยู่บ่อย ๆ ว่าเขาใช้เหรียญทองแดงอันสุดท้ายที่มีซื้อแอ๊ปเปิ้ลให้เจ้าเชสต์นัตเฒ่า  หรือไม่ก็ ข้าวโอ๊ตให้สวีตฟุตกับธันเดอร์  ม้าพันธุ์เล็กตัวนี้เป็นม้าที่เซอร์อาร์ลันใช้สำหรับ ขี่ เ ดิ น ทางและมั น ก็ แ บกเขาไปไหน ๆ เป็ น พั น  ๆ ไมล์   ขึ้ น เหนื อ ล่ อ งใต้ ไ ปใน เจ็ดราชอาณาจักรโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย  ดังก์รู้สึกราวกับว่าเขากำลังทรยศ เพือ่ นเก่า  แต่เขามีทางเลือกอันใดเล่า  เชสต์นตั แก่เกินกว่าจะมีคา่ อะไรมากแล้ว ส่วนธันเดอร์จะต้องให้เขาขี่ในการประลองทวน เวลาผ่านไปสักพักก่อนที่คนคุมม้าจะยอมลดตัวลงมาหาเขา  ขณะรอ  ดังก์ได้ยินเสียงแหลมของทรัมเป็ตดังมาจากกำแพงและเสียงผู้คนอื้ออึงในลาน ปราสาท  ด้วยความสงสัยใคร่รู้  เขาจึงจูงสวีตฟุตไปที่ประตูคอกม้าเพื่อดูว่า เกิดอะไรขึ้น  อัศวินกลุ่มใหญ่และพลธนูบนหลังม้ากำลังหลั่งไหลผ่านเข้าประตู ปราสาทเข้ามา  ชายหนึ่งร้อยคนเป็นอย่างน้อยกำลังขี่ม้าที่งามสง่าที่สุดเท่าที่ ดังก์เคยเห็นมา  ท่านลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่สักคนเดินทางมา  เขาคว้าแขนของเด็ก คอกม้าคนหนึ่งไว้ขณะที่แกวิ่งผ่านมา  “พวกเขาคือใครกันรึ” เด็กชายมองเขาแปลก ๆ  “ท่านไม่เห็นธงตรารึไง”  แกกระชากแขนให้ หลุดแล้วรีบจากไป ธงตรา...ขณะที่ ดั ง ก์ หั น หน้ า ไป  ลมแรงวู บ หนึ่ ง ก็ พั ด ธงสามเหลี่ ย ม ทำจากผ้าไหมสีดำที่ปลายสุดของท่อนไม้ยาวให้สะบัดขึ้น   แล้วมังกรสามหัว อันดุดันของตระกูลทาร์แกเรียนก็ดูคล้ายจะแผ่สยายปีกและพ่นไฟสีแดงฉาน ออกมา  ผู้เชิญธงคืออัศวินตัวสูงในชุดเกราะเกล็ดสีขาวสลักลายทอง  ผ้าคลุม 32


อัศวินแห่งเจ็ดราชอาณาจักร

ไหล่สีขาวบริสุทธิ์แผ่ลงมาจากไหล่  ชายบนหลังม้าอีกสองคนสวมชุดเกราะ สีขาวตั้งแต่หัวจรดเท้าเช่นกัน  อัศวินราชองครักษ์พร้อมด้วยธงประจำราชวงศ์ ไม่น่าแปลกใจที่ลอร์ดแอชฟอร์ดและเหล่าลูกชายของเขาจะรีบออกจากประตู ป้ อ มไป  รวมถึ ง หญิ ง งามแห่ ง การประลองด้ ว ย  นางเป็ น หญิ ง สาวตั ว เตี้ ย ผมสีเหลือง  ใบหน้ากลมสีชมพู ข้าว่านางไม่เห็นจะงามเลย  ดังก์คิด  สาวเชิดหุ่นกระบอกคนนั้นน่ารัก กว่าอีก “เจ้าหนุ่ม  ทิ้งม้าแก่นั่นเสีย  แล้วมาดูแลม้าข้า” ชายคนหนึ่งลงจากหลังม้าตรงหน้าคอกม้า  เขากำลังพูดกับข้า  ดังก์ รู้สึกตัวขึ้นมา  “ข้าไม่ใช่เด็กคอกม้านะ  นายข้า” “ฉลาดไม่พอเรอะ”  ผู้พูดสวมผ้าคลุมไหล่สีดำขลิบผ้าแพรสีแดงเข้ม  แต่ ข้ า งใต้ นั้ น คื อ เครื่ อ งแต่ ง กายสี ส ดสว่ า งดุ จ เปลวเพลิ ง  ทั้ ง สี แ ดง  เหลื อ ง และทอง  เขาตัวเพรียวบางเหยียดตรงดุจกริช  แต่สงู แค่ปานกลาง  อายุของเขา ใกล้เคียงกับดังก์  ผมหยักศกสีทอง - เงินล้อมกรอบใบหน้าคมสันยโส  คิ้วโก่ง  โหนกแก้มเป็นสัน  จมูกโด่ง  ผิวเนียนซีดขาวไม่มีจุดด่างดำ  นัยน์ตาของเขา เป็นสีม่วงเข้ม  “ถ้าเจ้าดูแลม้าไม่ได้  ก็จงไปเอาเหล้าองุ่นกับสาวน่ารักสักคน มาให้ข้า” “ข้า...นายข้า  อภัยให้ข้าด้วย  ข้ามิใช่ชายรับใช้เช่นกัน  ข้าได้รับเกียรติ ให้เป็นอัศวิน” “อัศวินถึงคราวตกต่ำแล้วสิ”  เจ้าชายหนุ่มว่า  แต่จากนั้นเด็กคอกม้า คนหนึ่งก็รีบวิ่งมา  เขาจึงหันไปส่งบังเหียนม้าพันธุ์เล็กอันงดงามมีสีน้ำตาลแดง ดุจเลือดให้เด็กแทน  ดังก์ถูกลืมไปในทันที  เขารู้สึกโล่งอกและหลบกลับเข้าไป ในคอกม้ า เพื่ อ รอคนคุ ม ม้ า  แค่ อ ยู่ ใ กล้ เ หล่ า ท่ า นลอร์ ด ที่ อ ยู่ ใ นกระโจมเขา ก็รู้สึกอึดอัดพอแล้ว  เขาไม่มีกิจธุระอันใดที่จะพูดคุยกับเจ้าชายหรอก เขาไม่สงสัยเลยว่าหนุ่มรูปงามคนนั้นคือเจ้าชายหรือไม่   ทาร์แกเรียน คือสายเลือดของวาลีเรียที่สูญหาย  ณ  อีกฟากทะเล  และเรือนผมสีทอง - เงิน กับนัยน์ตาสีม่วงก็ทำให้พวกเขาแตกต่างจากคนทั่วไป  ดังก์รู้ว่าเจ้าชายเบเลอร์ นั้นแก่กว่านี้  แต่ชายหนุ่มคนนี้อาจเป็นโอรสองค์หนึ่งของเจ้าชายเบเลอร์ก็ได้  33



อัศวินแห่งเจ็ดราชอาณาจักร

ซึ่งก็คือวาลาร์  ผู้มักได้รับการเรียกขานว่าเจ้าชายหนุ่มเพื่อให้แตกต่างจากบิดา หรือไม่ก็อาจจะเป็นมาทาริส   ฉายาเจ้าชายหนุ่มยิ่งกว่า   ดังที่ตัวตลกหลวง ของลอร์ ด สวอนน์ เ ฒ่ า ตั้ ง ให้   ยั ง มี เ จ้ า ชายองค์ อื่ น  ๆ อี ก   เป็ น ลู ก พี่ ลู ก น้ อ ง กับวาลาร์และมาทาริส  พระราชาเดรอนผู้ประเสริฐ๒ มีลูกชายที่โตเป็นหนุ่ม แล้ ว สี่ ค น  สามคนมี ลู ก ชายของตั ว เองแล้ ว   เชื้ อ สายของพระราชามั ง กร เกือบสูญสิ้นไปในยุคของบิดาของพระราชาเดรอน  แต่ใคร ๆ ก็พูดกันทั่วไปว่า เดรอนที่สองและเหล่าลูกชายของพระองค์ทำให้การสืบสันตติวงศ์มั่นคงไป ตลอดกาล “เจ้าหนุ่มนั่นน่ะ  เจ้าถามหาข้าใช่มั้ย”  คนคุมม้าของลอร์ดแอชฟอร์ด มี ใ บหน้ า แดงเรื่ อ ที่ ยิ่ ง แดงเข้ า ไปใหญ่ ด้ ว ยชุ ด เครื่ อ งแบบสี ส้ ม ของเขา  และ มีลักษณะการพูดห้วน ๆ  “มีอะไร  ข้าไม่มีเวลาจะมา...” “ข้าอยากขายม้าตัวนี้”  ดังก์รีบพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ชายผู้นี้จะไล่เขา  “มันเป็นม้าดี  ฝีเท้ามั่นคง...” “ข้าไม่มเี วลานะ  ข้าบอกเลย”  ชายผูน้ นั้ แค่ปรายตามองสวีตฟุต  “ลอร์ด แอชฟอร์ดนายของข้าไม่จำเป็นต้องใช้ม้าแบบนี้  พามันไปในเมืองสิ  เฮนลี อาจจะให้เจ้าได้สักหนึ่งหรือสามเหรียญเงิน”  แล้วเขาก็หันกลับไปอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณ  นายข้า”  ดังก์พดู ก่อนทีเ่ ขาจะไป  “นายข้า  พระราชาเสด็จมา หรือ” คนคุมม้าหัวเราะเยาะเขา  “เปล่า  ขอบคุณทวยเทพ  แค่เจ้าชายพวกนี้ มาก่อกวนก็เหนื่อยยากพอแล้ว  ข้าจะไปหาคอกม้าที่ไหนมาให้ม้าทั้งหมดนั่น กันล่ะ  ไหนจะฟางอีก”  เขาก้าวฉับ ๆ ออกไปพลางตะโกนใส่พวกเด็กคอกม้า กว่าดังก์จะออกมาจากคอกม้า  ลอร์ดแอชฟอร์ดก็พาบรรดาเจ้าชาย ผู้เป็นแขกไปที่ห้องโถงแล้ว  แต่อัศวินราชองครักษ์สองคนในชุดเกราะสีขาว และผ้าคลุมไหล่สีขาวหิมะยังคงอ้อยอิ่งอยู่ในลานปราสาท  กำลังพูดคุยกับ หัวหน้าทหารยาม  ดังก์หยุดตรงหน้าพวกเขา  “นายข้าทั้งหลาย  ข้าคือเซอร์ ดันแคนตัวสูง”

ฉายาของพระราชาเดรอน  ทาร์แกเรียน  ที่สอง

35


จ  อ  ร์  จ  อ า ร์.  อ า  ร์.  ม  า  ร ์ ต ิ น

“ยินดีทไี่ ด้รจู้ กั   เซอร์ดนั แคน”  อัศวินชุดขาวคนทีต่ วั ใหญ่กว่าตอบ  “ข้า เซอร์โรแลนด์  เครกฮอลล์  ส่วนนี่คือพี่น้องร่วมสาบานของข้า  เซอร์ดอนเนล แห่งดัสเคนเดล” อัศวินยอดฝีมือทั้งเจ็ดแห่งหน่วยราชองครักษ์คือนักรบที่เก่งกาจที่สุด ในเจ็ ด ราชอาณาจั ก ร  อาจเป็ น รองก็ แ ค่ เ จ้ า ชายมกุ ฎ ราชกุ ม ารเบเลอร์ จ อม หักทวนเอง  “พวกท่านมาประลองทวนหรือ”  ดังก์ถามด้วยความกังวล “เป็นการไม่สมควรที่เราจะขี่ม้าต่อสู้กับคนที่เราสาบานว่าจะปกป้อง”  เซอร์ดอนเนลตอบ  เขามีเคราและผมสีแดง “เจ้าชายวาลาร์ได้รบั เกียรติให้เป็นหนึง่ ในตัวแทนเข้าสูข้ องเลดีแ้ อชฟอร์ด”  เซอร์โรแลนด์อธิบาย  “และลูกพี่ลูกน้องสองคนของเขาก็ตั้งใจจะเข้าแข่งขัน  พวกเราที่เหลือแค่มาดูเท่านั้น” ดังก์โล่งอกและกล่าวขอบคุณอัศวินชุดขาวสำหรับความกรุณา  และ ขี่ม้าผ่านประตูปราสาทออกไปก่อนที่เจ้าชายอีกองค์จะนึกเรียกใช้เขา  เจ้าชาย สามองค์  เขาครุ่นคิดขณะชักม้าไปทางถนนของเมืองแอชฟอร์ด  วาลาร์เป็น บุตรชายคนโตของเจ้าชายเบเลอร์   รัชทายาทอันดับที่สองของบัลลังก์เหล็ก  36


อัศวินแห่งเจ็ดราชอาณาจักร

แต่ดังก์ไม่รู้ว่าเขาสืบทอดฝีมือการใช้ทวนและดาบอันเก่งกาจเป็นที่เลื่องลือ ของบิดามามากแค่ไหน  สำหรับเจ้าชายทาร์แกเรียนองค์อื่น  ๆ เขายิ่งรู้น้อย เข้าไปใหญ่  ข้าจะทำยังไงดีถ้าต้องขี่ม้าสู้กับเจ้าชายสักองค์  ข้าจะได้รับอนุญาต ให้ต่อสู้กับคนที่ชาติกำเนิดสูงส่งขนาดนั้นหรือเปล่า  เขาไม่รู้คำตอบ  ชายชรา มักพูดอยู่บ่อย ๆ ว่าเขาหัวทึบอย่างกับกำแพงปราสาท  และตอนนี้เขาก็รู้สึก แบบนั้นเลย เฮนลีชอบรูปลักษณ์ของสวีตฟุตพอสมควรจนกระทั่งเขาได้ยินว่าดังก์อยาก ขายมัน  จากนั้นสิ่งเดียวที่คนคุมคอกม้ามองเห็นในตัวมันก็มีแต่ข้อเสีย  เขา เสนอซื้อในราคาสามร้อยเหรียญเงิน  ดังก์บอกว่าเขาต้องการสามพัน  หลังจาก ถกเถียงและสบถใส่กันอยู่ยกใหญ่  พวกเขาก็ตกลงได้ที่เจ็ดร้อยห้าสิบกวางเงิน นั่นเป็นข้อตกลงที่ใกล้เคียงกับราคาเริ่มต้นของเฮนลีมากกว่าของดังก์   ซึ่ง ทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นผู้แพ้ในการประลองทวน  แต่คนคุมคอกม้าไม่ยอม ให้ราคาสูงกว่านั้นแล้ว  ลงท้ายเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยอม  การถกเถียง ครั้งที่สองเริ่มต้นขึ้นเมื่อดังก์ประกาศว่าราคานั้นไม่รวมอาน  แต่เฮนลียืนกราน ว่ารวม ในที่สุดทั้งสองก็ตกลงกันได้  ขณะที่เฮนลีไปเอาเหรียญมาจ่าย  ดังก์ ก็ลูบขนแผงคอของสวีตฟุตและบอกมันให้กล้าหาญเข้าไว้  “ถ้าข้าชนะ  ข้าจะ กลั บ มาซื้ อ เจ้ า ใหม่ น ะ  ข้ า สั ญ ญา”  เขาไม่ ส งสั ย เลยว่ า ข้ อ เสี ย ทั้ ง หมดของ เจ้าม้าจะหายวับไปในช่วงหลายวันที่คั่นกลาง  และมันจะมีราคามากกว่าในวันนี้ สองเท่า คนคุมคอกม้าให้เหรียญทองคำเขาสามเหรียญ  ส่วนที่เหลือจ่ายเป็น เหรียญเงิน  ดังก์กัดเหรียญทองเหรียญหนึ่งและยิ้มออกมา  เขาไม่เคยลิ้มรส ทองคำหรือถืออยู่ในมือมาก่อน  “มังกร”  คนเรียกเหรียญนี้เช่นนั้น  เนื่องจาก มันประทับตรามังกรสามหัวแห่งตระกูลทาร์แกเรียนที่ด้านหนึ่ง  ส่วนอีกด้าน เป็นภาพเหมือนของพระราชา  เหรียญสองเหรียญที่เฮนลีให้เขามีใบหน้าของ พระราชาเดรอน  ส่วนเหรียญที่สามนั้นเก่ากว่าและสึกกร่อน  เป็นรูปของชาย อีกคน  ชื่อของเขาอยู่ใต้ศีรษะ  แต่ดังก์อ่านไม่ออก  เขาเห็นเช่นกันว่าทองคำ 37


จ  อ  ร์  จ  อ า ร์.  อ า  ร์.  ม  า  ร ์ ต ิ น

ที่ขอบเหรียญถูกเฉือนออกไป  จึงแจ้งเรื่องนี้กับเฮนลีด้วยเสียงอันดัง  คนคุม คอกม้าส่งเสียงบ่นในลำคอ  แต่ก็ยื่นเหรียญเงินเพิ่มให้อีกสองสามเหรียญ และเหรียญทองแดงอีกเต็มกำมือ  เพื่อชดเชยน้ำหนักให้ครบ  ดังก์ยื่นเหรียญ ทองแดงสองสามเหรี ย ญคื น กลั บ ไปทั น ที แ ละพยั ก หน้ า ไปทางสวี ต ฟุ ต   “นี่ สำหรับม้า”  เขาบอก  “ดูแลให้มันได้กินข้าวโอ๊ตเย็นนี้นะ  อ้อ  แล้วก็แอ๊ปเปิ้ล ลูกหนึ่งด้วย” เมื่ อ มี โ ล่ อ ยู่ บ นแขนและถุ ง กระสอบใส่ ชุ ด เกราะเก่ า ๆ ห้ อ ยอยู่ บ นบ่ า  ดังก์ก็ออกเดินเท้าไปตามถนนของเมืองแอชฟอร์ดที่มีแดดจัดจ้า  น้ำหนักของ เหรียญทั้งหมดในถุงใส่เงินทำให้เขารู้สึกแปลกพิลึก  ใจหนึ่งก็ตื่นเต้น  ใจหนึ่ง ก็กังวล  ชายชราไม่เคยไว้ใจให้เขาเก็บเหรียญกับตัวมากกว่าหนึ่งหรือสอง เหรียญในแต่ละครั้ง  ด้วยเงินมากขนาดนี้  เขาอยู่ได้เป็นปีเลย  แล้วข้าจะทำ อะไรพอมันหมดเกลี้ยงล่ะ  ขายธันเดอร์หรือ  เส้นทางนั้นจะจบลงด้วยการ เป็นขอทานหรือไม่ก็คนนอกกฎหมาย  โอกาสแบบนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแล้ว  ข้าต้องเอาทุกอย่างเข้าเสี่ยง กว่าเขาจะเดินลุยข้ามบริเวณน้ำตื้นกลับไปยังตลิ่งด้านทิศใต้ของแม่น้ำ ค็อกเคิลส์เวนต์  ยามเช้าก็เกือบจะสิ้นสุดลงแล้ว  และบริเวณจัดการประลอง ยุทธ์ก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง  คนขายเหล้าองุ่นและคนขายไส้กรอกกำลัง ค้าขายคึกคัก  หมีเต้นระบำกำลังขยับเท้าไปตามจังหวะดนตรีที่นายของมัน บรรเลงขณะที่นักร้องขับขานเพลง “เจ้าหมี  เจ้าหมี  กับสาวงาม”  นักแสดง โยนของสลับมือกำลังโยนของ  และนักเชิดหุ่นก็กำลังจะจบฉากต่อสู้อีกฉาก ดังก์หยุดดูมังกรไม้ถูกสังหาร  เมื่อหุ่นอัศวินตัดหัวของมันออก  และ ขี้เลื่อยสีแดงร่วงทะลักลงไปบนหญ้า   เขาก็หัวเราะเสียงดังและโยนเหรียญ ทองแดงสองเหรียญไปให้หญิงสาว  “เหรียญหนึ่งสำหรับเมื่อคืน”  เขาร้องบอก  นางรับเหรียญไว้กลางอากาศและส่งยิ้มหวานที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นกลับมาให้ นางยิ้มให้ข้าหรือเหรียญของข้ากันนะ  ดังก์ไม่เคยใกล้ชิดกับผู้หญิง มาก่อน  และพวกนางก็ทำให้เขาประหม่า  ครั้งหนึ่งเมื่อสามปีก่อน  เมื่อถุงเงิน ของชายชรามีเงินเต็มหลังจากรับใช้ลอร์ดฟลอเรนต์ตาบอดมานานครึ่งปี   เขา บอกกับดังก์ว่าถึงเวลาที่เขาจะพาดังก์ไปซ่องและทำให้เขาเป็นลูกผู้ชายเต็มตัว 38


อัศวินแห่งเจ็ดราชอาณาจักร

แล้ว  แต่ชายชราเมาแอ๋และเมื่อสร่างเมาเขาก็จำอะไรไม่ได้เลย  ดังก์กระดาก เกิ น กว่ า จะเตื อ นชายชรา  ถึ ง อย่ า งไรเขาก็ ไ ม่ แ น่ ใ จว่ า อยากนอนกั บ โสเภณี อยู่แล้ว  ถ้าเขาไม่อาจได้สาวสูงศักดิ์เยี่ยงอัศวินที่เหมาะสม  เขาก็ต้องการหญิง ที่อย่างน้อยก็ชอบตัวเขามากกว่าเงินของเขา “เจ้าอยากดื่มเอลสักหน่อยไหม”  เขาถามสาวนักเชิดหุ่นขณะที่นางกอบ เลือดขี้เลื่อยกลับเข้าไปในตัวมังกรของนาง  “ข้าหมายความว่ากับข้าน่ะ  หรือ ไส้กรอกไหม  ข้ากินไส้กรอกเมื่อคืน  อร่อยนะ  ทำจากหมู  ข้าว่า” “ขอบคุณ  นายข้า  แต่เราต้องแสดงอีกชุดหนึ่ง”  หญิงสาวลุกขึ้นและ วิ่งจากไปหาหญิงชาวดอร์นร่างอ้วนหน้าดุที่เป็นคนเชิดหุ่นอัศวินขณะที่ดังก์ยืน อยู่ ต รงนั้ น และรู้ สึ ก โง่ เ ง่ า   แต่ เ ขาชอบท่ า ทาง การวิง่ ของนาง  นางน่ารักแล้วก็ตวั สูง  ข้าจะ ไม่ ต้ อ งคุ ก เข่ า ลงเพื่ อ จู บ นาง  เขาจู บ เป็ น  หญิ ง ร้ า นเหล้ า เคยสอนเขาในคื น หนึ่ ง ที่ แ ลนนิ ส พอร์ ต เมื่ อ หนึ่ ง ปี ก่ อ น  แต่ นางเตี้ยเสียจนนางต้องนั่งบนโต๊ะเพื่อ จะจู บ ปากเขาถึ ง   ความทรงจำนั้ น ทำให้ หู ข องเขาร้ อ นผ่ า ว  เขานี่ ช่ า ง โง่เง่ายิ่งนัก  การแทงทวนบนหลังม้า ต่างหากทีเ่ ขาควรนึกถึง  ไม่ใช่การจูบ

39


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.