Chapter 1 Once Upon a Time
ฉันไม่เคยมอง ว่าชีวิตของตัวเองเป็นเทพนิยาย…
บางครั้งฉันอ่านหนังสือที่ตัวเอกพยายามจะบอกว่าชีวิตของเขาช่างยอกย้อน ซับซ้อนเหมือนละครฉากใหญ่ หรือเทพนิยาย หรืออะไรเทือก ๆ นั้น ด้วยความ เคารพอย่างยิ่ง ฉันไม่เคยปฏิเสธ แต่เฮ้...ดูฉันสิ ชีวิตฉันก็ออกจะประหลาด แต่ฉันไม่เคยมองว่ามันเป็นเทพนิยายหรืออะไรเลยนะ อาจเป็นเพราะชีวิตวัยเด็กของฉันกับพวกเขาต่างกันนิดหน่อย พวกเขา อาจจะโตมากับห้องนอนทาสีชมพู เตียงนอนนุ่มนิ่มลายการ์ตูนรูปหมีอย่างที่ฉัน ไม่ เ คยเข้ า ใจว่ า ทำไมถึ ง มี ค นคิ ด ว่ า น่ า รั ก ตอนเล็ ก ๆ ฉั น โดนมั น วิ่ ง ไล่ ค รั้ ง หนึ่ ง ฉัน ‘เกลียด’ มันไปเลย อ้อ...ใช่ แล้วไงนะ หนังสือนิทานสีสวยตั้งเป็นชั้นตรงผนัง ใช่ไหม นั่นฉันเคยเห็นในหนัง มีไอ้โน่นไอ้นี่กุ๊กกิ๊กเต็มไปหมด ทั้งหมดดูนุ่มหยุ่น หวานแหวว และแน่นอน มันเป็นสีชมพูไปหมด เห็นแล้วมันก็น่าเกลือกกลิ้งเล่น ดี ห รอกนะ แต่ มั น ดู ไ ม่ จ ริ ง เลย ฉั น หมายถึ ง เอาจริ ง ๆ สิ ใครจะมี ห้ อ งนอน อย่างนั้นกัน โอเค...พวกคุณบางคนอาจจะส่ายหน้าไม่เห็นด้วย แต่อย่างน้อย ฉันก็เชื่อว่าห้องนอนเด็กไม่มีทางเป็นสีชมพูจนอายุสิบสามแน่... ทำไมน่ะเหรอ...นึกภาพตามละกันนะ ผนังห้องแบบแรกและแบบเดียว ที่ฉันจำได้คือไม้ซุง ที่นอนของฉันมีสีเดียวตลอดกาลคือสีตุ่น ๆ ที่มีความนุ่มนวล ระดับผ้ากระสอบ จริง ๆ ไม่เชิงว่าเป็นที่นอนหรอก มันเป็นผ้าแข็ง ๆ ซ้อน ๆ กัน สองสามชั้น หมอนประจำของฉันคือกระเป๋าเป้ที่สามารถเลือกความนุ่มนวลได้ ตามของที่ ใ ส่ และด้ า นซ้ า ยของมั น มี ซิ ป อั น โตและที่ รั ด ของ ดั ง นั้ น คุ ณ จะ 1
BiscuitBus
ตะแคงหน้ า ไปทางซ้ า ยไม่ ไ ด้ เ พราะมั น เจ็ บ หากขยั บ ย้ า ยมั น จะไม่ ไ ด้ ค วามนุ่ ม อย่างที่ควรเป็น ทำให้ฉันติดนอนตะแคงขวาจนถึงทุกวันนี้ เตียงนอนของฉันคือ ทุกที่ ทุกที่จริง ๆ ตามตัวอักษร ที่จำได้ดีคือแคร่ที่ทำจากไม้ซุงที่สูงขึ้นจากพื้น หนี หิ ม ะตอนหน้ า หนาว นอกนั้ น ก็ เ ป็ น ใต้ ต้ น ไม้ พื้ น ดิ น พื้ น หิ น บนต้ น ไม้ ทุกที่เท่าที่คุณจะนึกออก ถึงตรงนี้ หลายคนคงคิดออกแล้วว่าฉันโตที่ไหน ถ้าคุณกำลังคิดว่าในป่า คุณคิดถูกต้องแล้ว พ่อของฉันเป็นนายพรานล่าสัตว์ ปี ๆ หนึ่งพ่อจับฉันใส่เสื้อ ขนสัตว์กระเตงข้ามภูเขาล่าอะไรต่อมิอะไร พอฉันเริ่มเดินได้พ่อก็หัดให้ปีนเขา พอฉันปีนเขาได้พ่อก็ยัดเยียดให้ถือปืน บางครั้งฉันเป็นคนยิง บางครั้งพ่อยิง บางครั้งเรานึกสนุกก็ถือมีดกันคนละเล่มแข่งกันล่ากวาง บ้านของฉัน หมายถึง ของฉันกับพ่อน่ะ จริง ๆ ที่ถูกควรเรียกว่ากระท่อม และมันไม่ได้แบ่งกั้นเป็นห้อง มีแต่แคร่ที่เป็นเตียงฉัน มีแคร่อีกตัวเป็นเตียงพ่อ เสื้อผ้าเราอัด ๆ ไว้ในกระเป๋า ครั ว เราอยู่ น อกกระท่ อ ม ตอนกลางคื น ก็ จุ ด ตะเกี ย ง เราไม่ มี ไ ฟฟ้ า ใช้ ไม่ มี เครื่องอำนวยความสะดวกหรือเสริมสร้างจินตนาการอย่างทีวี ฉันฆ่าเวลาด้วยการ อ่านหนังสือที่พ่ออัด ๆ ไว้ในหีบใต้พื้น กระท่อม ส่วนพ่อฆ่าเวลาด้วยการก่อไฟ ดื่มเหล้าหน้ากระท่อม พ่อชอบเมา ฉันคิดว่าอย่างนั้น เพราะเมื่อล่าสัตว์ได้เงิน มาบ้างก็จะปรี่ไปซื้อเหล้ามาดื่มจนเมาทันที พ่อเมาบ่อย พอเมาก็ชอบพูดและทำตัวแปลก ๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนอายุ เจ็ดขวบ ฉันกำลังนอนหลับสนิท จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนถูกกระชากลงจากเตียงแล้ว ตกกระแทกกับพื้นดังแอ้ก ไม่ทันตั้งตัว กำปั้นหนาก็ลอยมาเข้าเบ้าตา มึนจน เห็นดาว ฉันคลานหนี จมูกได้กลิ่นเหล้าตลบ หันไปเห็นพ่อหน้าแดงก่ำ หัวคิ้ว ขมวด ตาเขียวปั้ดดูดุร้ายเหมือนคนบ้า พอรองเท้าบู๊ตหนา ๆ ของพ่อทำท่าจะ ลอยมา ฉั น ก็ หลบเป็ น พั ล วัน ฉั น วิ่ งหนี อ อกนอกกระท่อ มได้ก็ โกยแน่ บ เข้ า ไป ในป่าลึก ซุกตัวนอนกับใบไม้แห้งป้องกันความหนาวหนึ่งคืนเต็ม ๆ พอสายโด่ง ถึงกลับด้วยเบ้าตาเขียวปั้ดและรอยช้ำม่วงเป็นวงกว้างที่ท้องเพราะโดนปลายบู๊ต พ่อถากเอา พ่ อ ยื น อยู่ ห น้ า กระท่ อ ม สร่ า งแล้ ว และสี ห น้ า ไม่ สู้ ดี นั ก ...ไม่ สู้ ดี แ บบ 2
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
อ้ ว กแตกไปสองสามหนกั บ รู้ สึ ก ผิ ด แทบแย่ ป น ๆ กั น พอฉั น เดิ น ตั ว งอกลั บ มา สิ่งแรกที่พ่อทำคือยื่นรีวอลเวอร์ให้ฉันหนึ่งกระบอก ฉันจำได้ว่าเป็นปืนเก่าเก็บ ของพ่ อ หวงมากจนไม่ ย อมให้ ฉั น แตะ แล้ ว พ่ อ ก็ พู ด สิ่ ง ที่ ใ กล้ เ คี ย งคำขอโทษ ที่สุดเท่าที่เขาจะพูดได้ ‘คราวหลังถ้าพ่อเมาแล้วตีหนูอีก ยิงพ่อให้ตายเลยนะ’ ปืนกระบอกนั้นบรรจุลูกไว้เต็มหกนัด พ่อแถมกระสุนมาให้ด้วยอีกกล่อง น้ำหนักกำลังเหมาะ ฉันรับมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ที่ผ่านมาแม้จะเคยถือปืนพ่อ แต่ไม่เคยได้เป็นของตัวเอง พอรับปืนเช็กลูกกระสุนเรียบร้อย พ่อก็พาฉันไป หลังกระท่อมให้หัดยิง วันนั้นพ่อสอนฉันชกมวยเป็นครั้งแรก สองสามเดือนต่อมาพ่อเมาอีก และกระชากฉันลงมาซ้อมอีก ฉันยิงสวน ตามที่ พ่ อ บอก แต่ ใ จไม่ แ ข็ ง พอจะยิ ง ที่ ส ำคั ญ พ่ อ โดนแขนไปเต็ ม ๆ หนึ่ ง นั ด แต่สติไม่ยอมกลับ ฉันเลยคว้ามีดที่อยู่ใกล้มือเสียบหน้าแข้งไปอีกที แล้วดึงขา ให้ล้ม พ่อหมดสติ ฉันเลยต้องนั่งปฐมพยาบาลให้ พอฟื้น รู้เรื่องทุกอย่างแล้ว พ่อรับปากว่าถ้าหายดีเมื่อไรจะสอนฉันใช้มีดอีก หลั ง จากนั้ น หลายปี ฉั น อายุ สิ บ สอง พ่ อ พาฉั น ออกมาจากป่ า เราย้ า ย ออกมาที่ ช านเมื อ งแห่ ง หนึ่ ง ฉั น ตื่ น เต้ น มาก เรามี ไ ฟฟ้ า ใช้ เ ป็ น ครั้ ง แรก และ ในที่สุดเราก็มีทีวี ร้านหนังสือและอินเทอร์เน็ตคาเฟ่อยู่ใกล้จิ๊ดเดียว พ่อบอกฉันว่า คราวนี้เราจะไม่ล่าสัตว์แล้ว เราจะล่าคนกัน ฟังดูน่ากลัวจนฉันต้องถามว่า ต้องยิง เลยไหม พ่อหัวเราะแล้วบอกว่า ‘ไม่ต้องยิงหรอก ทวีตตี้ เราจะจับเขาไปส่งตำรวจน่ะ’ นั่นแหละสิ่งที่ฉันทำมาตลอด ล่า...กิน ล่า...ขาย ล่า...ส่งตำรวจ ฉัน ทำมาหากิ น แบบนี้ แ หละ จนถึ ง ทุ ก วั น นี้ ที่ พ่ อ ของฉั น จากไปแล้ ว ฉั น ก็ ยั ง ทำ เหมือนเดิมเหมือนเป็นประเพณี จริง ๆ ก็ไม่เหมือนไปซะทุกอย่างหรอกนะ เพราะ ตอนที่พ่ออยู่เรามีบ้านใช่ไหม ถึงแม้เราจะไม่ค่อยอยู่ แต่เราก็มี ตอนนี้ฉันมีแต่ รถยนต์ เ ก่ า ๆ คั น เดี ย ว เสื้ อ ผ้ า หนึ่ ง กระเป๋ า ปื น สั้ น หนึ่ ง กระบอก ปื น พกสอง กระบอก และรีวอลเวอร์ที่เป็นของที่ระลึกเก็บไว้ในกล่องพร้อมกระสุน หนังสือ อีกเจ็ดแปดเล่มกองตรงเบาะข้าง ๆ ไว้อ่านแก้กลุ้ม โทรศัพท์มือถือ และแล็ปท็อป 3
BiscuitBus
สามปีที่ฉันทำงานคนเดียว บางครั้งฉันก็ขับรถไปที่โรงเรียนมัธยม จอดดู เด็กรุ่นราวคราวเดียวกันขึ้นรถโรงเรียนกลับบ้าน บางครั้งฉันก็ขับไปจอดที่ลับตาคน นอนมองดาว ดื่มเหล้าที่พ่อเคยดื่ม บางครั้งเบื่อ ๆ ฉันก็ใช้เงินที่หาได้เช่าโฮเต็ล นอนอ่านหนังสือหลาย ๆ วัน คุณอาจจะมองว่าชีวิตฉันบัดซบ โชคดี ธรรมดา หรือน่าทึ่ง ฉันไม่เคย ได้มีเวลาคิดมากเกี่ยวกับมันนัก เมื่อโลกของคุณจำกัดอยู่ที่ที่หนึ่ง การอยู่กับมัน ทุกวันนาน ๆ เข้าก็กลายเป็นเรื่องน่าเบื่อไป คุณแค่มีชีวิตอยู่ในแต่ละวัน ทำมา หากิ น ไม่ มี เ วลาเปรี ย บเที ย บตั ว เองกั บ คนอื่ น ยั ง ไงก็ ต ามเถอะ คุ ณ ควรรู้ ไ ว้ อีกเจ็ดสิบสองชั่วโมงโดยประมาณจะมีเหตุการณ์ที่จะเปลี่ยนชีวิตฉันไปตลอดกาล เปลี่ยนในแบบที่ฉันก็อธิบายไม่ได้ว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง มันเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่ง... แล้วก็ครอบครัวหนึ่ง ฉันกำลังจะได้แต่งงาน... แต่ตอนนั้นฉันยังไม่รู้อะไรเลยสักนิดเดียว วันนั้นฉันมาทำงาน ฉันขับรถมาย่านที่อยู่อาศัยแห่งหนึ่งในเมือง จริง ๆ ฉันเพิ่งเข้าเมืองมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ในเศษกระดาษยับย่นอยู่ในมือเขียนว่า ‘๕๕๓ ดั น ลิ ง ตั น สตรี ท ’ ซึ่ ง ไอ้ ส ายนี้ นี่ แ หละที่ ชื่ อ ดั น ลิ ง ตั น สตรี ท แต่ ‘๕๕๓’ นี่ มั น บ้านหลังไหนหว่า เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนกองหนังสือที่เบาะข้างดังเตือนขึ้น ฉัน กดรับโดยไม่ต้องเหลือบมองหน้าจอด้วยซ้ำ “ลุงเยท หนูมาถึงแล้วละ แต่ยังหาบ้านไม่เจอ” ฉันกรอกเสียงไปโดย ไม่ต้องทักทาย “รี บ หน่ อ ยสิ พรุ่ ง นี้ มี อี ก งานนะแม็ ก ซ์ ” เสี ย งขุ่ น ๆ ปนแหบของลุ ง เยท หรือเดวิด เยท ดังมาตามสาย ลุงเยทเคยเป็นตำรวจ ก่อนจะถูกไล่ออกเพราะ คดี รั บ สิ น บน เส้ น สายกั บ ตำรวจเลวภายในแพรวพราวมาก ตอนนี้ เ ขาทำงาน เป็นเอเย่นต์ให้ฉัน เขาเป็นเจ้าของฝูง ส่วนฉันเป็นหมาล่าเนื้อ เขาเอาเนื้อไปขาย กำไรเอามาแบ่งกัน อย่าเห็นว่าเขาเป็นตำรวจเลวแล้วจะเข้าหายาก คนเห็นแก่เงิน แบบนี้ แ หละทำงานด้ ว ยง่ า ยนั ก คุ ณ แค่ เ สนอผลประโยชน์ ก้ อ นโตกว่ า คนอื่ น 4
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
คุ ณ ก็ ซื้ อ คนแบบนี้ ไ ด้ แ ล้ ว และเขาจะไม่ มี วั น แทงข้ า งหลั ง คุ ณ ตราบเท่ า ที่ เ ขา ได้รับผลประโยชน์จากคุณมากกว่าคนอื่น ๆ “ใจเย็นน่า หนูเพิ่งเข้าเมือง แบรดชอว์ไม่หนีไปไหนหรอก” แทนคำตอบใด ๆ ลุงเยทวางสายดังแกร๊ก ฉันนึกภาพออกเลย ป่านนี้ คงหน้ า มุ่ ย สู บ บุ ห รี่ เ ป็ น รถจั ก รไอน้ ำ ลู บ หั ว ล้ า นตั ว เองไปมาอย่ า งงุ่ น ง่ า นแน่ ๆ และจะเป็นแบบนั้นจนฉันจะโทร.ไปบอกว่าได้ตัวแบรดชอว์แล้วโน่นน่ะแหละ ในที่สุดก็เห็นบ้านเลขที่ ๕๕๓ อยู่ข้างหน้า ป้ายบอกบ้านเลขที่ซุกไว้ข้าง กำแพงจนเกื อ บไม่ เ ห็ น ฉั น มองซ้ า ยขวา ไม่ มี ค นเดิ น ผ่ า นไปผ่ า นมาสั ก คน คงเพราะตอนนี้มืดค่ำมากแล้ว และย่านนี้ก็ไม่ใช่ย่านที่น่าอยู่นักสำหรับคนทั่วไป ที่ไม่ได้ทำงานทุจริตใด ๆ ฉันตรวจสอบรูปภาพของโรเบิร์ต แบรดชอว์ อีกครั้ง แฟ้มประวัติที่อ่าน มาแล้วหลายสิบหนก็เปิดดูคร่าว ๆ อีกรอบ ปืนพกกระบอกเล็กก็อยู่ประจำที่ตรง รองเท้าผ้าใบ ฉันรวบขากางเกงยีนคลุมมันให้มิดชิด ใส่แจ็กเก็ตทับเสื้อเชิ้ตอีกที สวมถุงมือ แล้วส่องกระจกมองหลัง หยิบหมวกไหมพรมสวมทับผมเปียสองข้าง แล้วรีบจัดทรงเร็ว ๆ รอบหนึ่ง ไม่อยากให้เขานึกว่าฉันเป็นเด็กจรจัดขี้ยาตอนที่ไป เคาะบ้าน อย่างน้อยเขาต้องคิดว่าฉันเป็นเด็กข้างบ้านที่ยังไม่เคยเห็นหน้าในย่านนี ้ หรือไม่ก็เพื่อนสาวของลูกชายที่เรียนมัธยม แต่ในกรณีนี้แบรดชอว์ไม่มีลูกชาย ฉันฉวยกระเป๋าสะพายข้างที่ทำจากหนัง ยัดปืนพกกึ่งอัตโนมัติใส่ไว้อีก กระบอก โหลดกระสุ น พร้ อ มทุ ก กระบอกแล้ ว ทุ ก อย่ า งโอเค ที่ เ หลื อ ก็ แ ค่ เตรียมตัวส่งโรเบิร์ต แบรดชอว์ กลับไปยังที่ที่เขาสมควรอยู่ ฉันมองซ้ายขวาสำรวจพื้นที่อย่างเร็วสองสามรอบก่อนจะข้ามถนน จากที่ ขั บ รถวนเมื่ อ ครู่ ก็ นึ ก ภาพแผนผั ง บ้ า นในย่ า นนี้ ไ ว้ ใ นหั ว หากแบรดชอว์ จ ะหนี เขาคงออกประตู ห ลั ง แต่ เ ขาจะไม่ ทั น ได้ ใ ช้ เพราะเขาจะไม่ รู้ ว่ า ฉั น เป็ น นั ก ล่ า เขาอาจจะรู้มาบ้างแค่ว่ามีนักล่าชื่อแม็กซ์ วินเทอร์ แต่คิดไม่ถึงแน่ ๆ ว่ายายเด็ก กะเปี๊ยกไว้สองเปียหน้าอ่อนอย่างฉันนี่แหละคือแม็กซ์ วินเทอร์ ฉันเดินดุ่ม ๆ เข้าไปเคาะประตูอย่างตรงไปตรงมา ในบ้านนั้นมีโรเบิร์ตอาศัย กับภรรยาตามกฎหมายชื่อเจนน่า เธอเป็นครูอนุบาลสอนศิลปะ ดูจากรูปถ่าย 5
BiscuitBus
ที่ ไ ด้ ม าแล้ ว ไม่ น่ า เป็ น พิ ษ เป็ น ภั ย ตั ว โรเบิ ร์ ต ที่ เ ป็ น ช่ า งยนต์ ต่ า งหากที่ น่ า ห่ ว ง เขาทำงานกับแก๊งขโมยรถ และจากรูปแล้วตัวใหญ่พอดู เจนน่าเป็นผู้เปิดประตู พอเธอเห็นฉันก็ขมวดคิ้วอย่างสงสัย ฉันยิ้มแย้ม อย่างไร้เดีย งสาที่สุดพลางเหลือบมองเข้าไปในบ้านเร็ว ๆ หนึ่งรอบแล้วรีบจำไว้ มันเป็นบ้านชั้นเดียว มีห้องนอนอยู่ด้านข้าง ครัวด้านหลัง มีประตูหลังต่อกับสวน ในบ้านมีเฟอร์นิเจอร์ห่วย ๆ อยู่ชุดหนึ่ง ทีวีเก่า ๆ ของเล่นไม้วางบนชั้น ถุงช็อปปิ้ง สองใบวางอิงชั้นวางทีวี และเก้าอี้เอนหลังหน้าทีวีที่ดูจะใหม่กว่าเพื่อน เสี้ ย ววิ น าที ผ่ า นไป ฉั น เลื่ อ นสายตากลั บ มามองที่ เ จนน่ า แล้ ว ทั ก ทาย ออกไปคำแรก “สวัสดีค่ะ มิสเตอร์แบรดชอว์อยู่หรือเปล่าคะ” เจนน่ายังขมวดคิ้ว ระหว่างที่เธอสำรวจฉันเร็ว ๆ ฉันก็สำรวจเธอเช่นกัน เธอใส่ ส เวตเตอร์ ห นาสี แ ดงทั บ ชุ ด เข้ า รู ป กระโปรงลายดอกเดซี่ มี ร องเท้ า แตะ วางไว้ข้างประตู ฉันสรุปกับตัวเองทันที เธอเพิ่งกลับจากทำงานไม่ถึงครึ่งชั่วโมง และจากการใส่รองเท้าส้นเตี้ยและท่าเดิน เป็นไปได้สูงว่ากำลังตั้งครรภ์ “หนูเป็นใครคะ” เธอถาม ฉันยิ้มตอบอย่างสุภาพที่สุด แล้วตอบอย่าง คล่องแคล่วเหมือนเคย “คนรู้จักของมิสเตอร์แบรดชอว์ค่ะ” ตาโรเบิร์ตอะไรนั่นคงฟังอยู่ พอฉัน พูดแบบนั้นก็ได้ยินเสียงโครมครามดังขึ้น และวินาทีนั้นฉันก็ผลักตัวเจนน่าเบา ๆ เปิดทางให้ตัวเองเดินเข้ามา ปิดประตูตามหลังแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “หนูมีปืนนะคะ” โรเบิร์ตที่ทำท่าจะกระโจนเข้ามาหาฉันหยุดกึก เขากวาดสายตามาทางฉัน ชั่วขณะนั้นฉันก็ยกปืนส่องไปทางเจนน่า จงใจเล็งไปที่ท้องน้อยเป็นอย่างมาก โรเบิ ร์ ต ตั ว ใหญ่ อ ย่ า งที่ คิ ด เขาอยู่ ใ นชุ ด อยู่ บ้ า น ผิ ว ขาวซี ด กว่ า ในรู ป เล็กน้อย คงเพราะไม่ได้ออกไปไหนมาหลายวัน ตัวแข็ง ตาค้าง และคงกำลังคิด สะระตะว่าจะเอาไงกับฉันดี ฉันไม่ปล่อยให้เขาคิดนาน ที่จริงในสถานการณ์อย่างนี้คุณไม่ควรปล่อยให้ เขาคิดได้เลย เพราะอย่างแรกเมื่อคุณเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ถือปืน แวบแรก 6
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
ที่ผู้ชายตัวโต ๆ จะคิดออกคือ ‘ตัวต่อตัวฉันชนะยายกะเปี๊ยกนี้แน่’ ซึ่งเรายอม ไม่ได้ ไม่ว่าในภายหลังเขาจะชนะได้จริงหรือไม่ คุณก็ไม่ควรเสี่ยง สิ่งที่ต้องทำคือ หาไพ่เหนือมือให้เร็วที่สุด เพื่อให้เขาฟังสิ่งที่คุณจะพูด ไม่ใช่คิดจะหนีท่าเดียว “ไปนั่ ง ที่ โ ซฟาค่ ะ ” ฉั น ออกคำสั่ ง ลากเจนน่ า มาบั ง หน้ า ไว้ ปื น ยั ง ชี้ ไ ป ที่ท้องน้อยของเธอ เจนน่าตัวสั่น เธอใกล้ระเบิดน้ำตา ฉันจึงต้องปลอบเธอบ้าง เพื่อไม่ให้สถานการณ์ไปกันใหญ่ “หนูไม่ยิงคนท้องหรอก แต่เราต้องพูดกันดี ๆ” คราวนี้โรเบิร์ตทรุดตัวลงนั่งทันใจ เจนน่าตัวสั่น น้ำตาไหลพราก ฉันเดา แล้วเชียวว่าหมอนี่คงไม่รู้ว่าเมียท้อง ครูศิลปะอนุบาลไม่ใส่รองเท้าส้นสูงไปทำงาน แถมยังไปช็อปปิ้งห้างที่ทั้งแพงทั้งไกล และยังเก้าอี้เอนหลังนั่นอีก โอเค คราวนี้สองคนก็สงบพอที่จะฟังแล้ว ฉันก็เริ่มพูดธุระ “โรเบิร์ต หนูเป็นหมาล่าเนื้อ คิดว่าคุณคงพอเดาออก ความจริงหนูจะ พาคุณกลับไปทั้งอย่างนี้เลยก็ได้ แต่หนูมีเรื่องพูดด้วย” ตาโรเบิร์ตไม่สามารถประมวลผลอะไรได้มาก แม้จะพอมีสติจะฟัง แต่ ความคิ ด ท่ า จะยั ง กระจั ด กระจาย เขายกมื อ ลู บ หั ว น้ ำ ตาคลอ หน้ า ตาสั บ สน เป็นที่สุด “หนู จ ะปล่ อ ยให้ เ จนน่ า นั่ ง แต่ คุ ณ ต้ อ งสั ญ ญาว่ า จะไม่ ห นี ไม่ งั้ น หนู จ ะ ยิงเธอ” ฉันรุนหลังเจนน่าไปที่เก้าอี้เอนหลัง เธอก็นั่งลงตัวสั่น แต่ใจเย็นขึ้น ฉันรีบพูดต่อ “หนูอ่านไฟล์คดีคุณหลายสิบรอบก่อนมา ทบทวนสถานการณ์หลายหน หนูคิดว่าคุณไม่ผิด” คราวนี้โรเบิร์ตมองหน้าฉัน คิ้วขมวดมุ่น “คุณแบรดชอว์ หนูมาจากเอเย่นต์ของเดวิด เยท คุณอยู่ในวงการคงรู้ว่า เยทเล่นแต่กับเคสฮาร์ดคอร์ หนูมีปืนยาสลบในรถ ถ้าหนูเห็นว่าคุณผิด หนูจะ ยิงคุณในซอยเปลี่ยวแล้วลากขึ้นรถ ไม่ต้องเสียเวลานั่งคุยหรอก” โรเบิร์ตมองหน้าฉันด้วยความโกรธ คั่งแค้น และสงสัยปะปนกัน แล้วเขา ก็พูดคำแรก 7
BiscuitBus
“แกต้องการอะไร” ฉั น ยิ้ ม แล้ ว พู ด “หนู สั ญ ญาว่ า จะไม่ ยิ ง เรามาคุ ย กั น ดี ๆ ไม่ มี ใ ครเจ็ บ ไม่มีใครตาย ดีไหมคะ” โรเบิร์ตนั่งนิ่ง นัยน์ตาแน่วแน่ แต่เหมือนยังเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง “หกเดือนก่อน เทสซ่า มาสต์ นักเต้นถูกบีบคอตายในอู่รถ” ฉันเริ่มพูด “พยานรู้เห็นชื่ออาร์โล ดูเกอติ ให้ปากคำว่าคุณเป็นคนทำ คุณสารภาพกับตำรวจ แต่พอถึงคราวดำเนินคดีคุณกลับหนีหายจ้อย จริง ๆ รูปคดีมันแจ่มแจ้งแต่ต้นแล้ว” ฉันใช้มือที่ไม่ได้ถือปืนล้วงกระเป๋าสะพายแล้วโยนเอกสารชุดหนึ่งให้ “ลองเอาไปอ่านสิคะ คุ้น ๆ ไหม มาเรีย เทอร์รี่ ที่เนวาดาถูกบีบคอตาย ในระหว่ า งทำงานเป็ น นั ก เต้ น บนตั ก ของแขกคนหนึ่ ง เขารั บ สารภาพและถู ก แทงตายในคุก” “จอห์น เดอลิโอ” โรเบิร์ตทวนคำเบา ๆ ระหว่างที่ไล่สายตาไปบนเอกสาร แล้วเขาก็เพ่งมองเหมือนตั้งสมาธิอีก “อาบั ค จิ โ อ้ เ ป็ น เจ้ า พ่ อ ถอดประกอบรถขโมย เดอลิ โ อเป็ น ลู ก กะจ๊ อ ก หกเดือนก่อนเดอลิโอถูกจับ อาบัคจิโอ้ย้ายมาทำกิจการที่นี่ แล้วก็เกิดคดีเดียว กันอีก แต่คราวนี้คนสารภาพเป็นคุณ” ฉันหยุด ตัดสินใจลดปืนลงบนตัก “คุณแบรดชอว์ หนูรู้ว่าคุณถูกจ้างรับหน้าแทนอาบัคจิโอ้ แล้วเกิดกลัว ก็เลยหนีมา แต่ถ้าลองคิดสักนิด คุณจะหนีไปไหนได้ไกล ภรรยาคุณย้ายงาน ก็มีประวัติ แถมตอนนี้ยังท้องอยู่ จะถูกตามเจอเมื่อไรขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น” เขาบิดไม้บิดมือ ฉันรุกต่อ “แน่ น อนคุ ณ คงห่ ว งตั ว เองจะถู ก แทงตายปิ ด ปากในคุ ก ถ้ า หนู บ อกว่ า มีข้อเสนอให้คุณล่ะ คุณสามารถจบเรื่องนี้ง่าย ๆ เลย แค่รับปากข้อเดียวคือยอม มอบตั ว หนู รั บ รองว่ า เคสนี้ จ บที่ คุ ณ จะหลุ ด และอาบั ค จิ โ อ้ จ ะได้ รั บ ผลกรรม อย่างสาสม” โรเบิร์ตทำหน้าสับสนใส่ฉัน เจนน่าอาจยังตีความได้ครึ่งเดียว แต่สำหรับ โรเบิ ร์ ต เขาอยู่ ใ นวงการถอดประกอบรถขโมยภายใต้ อ าบั ค จิ โ อ้ ม าเกื อ บสิ บ ปี รู้ จั ก ลุ ง เยท รู้ จั ก ข่ า วสารพอควร มี ห รื อ เขาจะคิ ด ไม่ อ อกว่ า ฉั น หมายถึ ง อะไร 8
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
ฉันยิ้ม รู้อยู่ในหัวว่าถึงเวลาตัดสินแล้ว ฉันพูดอย่างสุภาพที่สุด “คุณแบรดชอว์ ถ้าคุณเชื่อหนูสักครั้ง หลีกเลี่ยงความยุ่งยาก หนูอยากให้ คุณทั้งคู่เก็บของที่จำเป็นใส่กระเป๋าภายในสิบนาทีแล้วนั่งรถไปกับหนู หนูจะรับรอง ความปลอดภัยคุณเอง ไม่ต้องกลัว หนูเป็นหมาล่าเนื้อของเดวิด เยท ไม่มีใคร กล้าทำอะไรคุณในรถหนูแน่” เจนน่ามองหน้าฉันแล้วเหลือบมองปืนในมือ ฉันจึงยัดมันเก็บใส่กระเป๋า จากนั้นก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “ถ้าเราปฏิเสธล่ะ” เจนน่าถามเมื่อเห็นว่าฉันมือเปล่าแล้ว ฉั น หรี่ ต าคิ ด สั ก ครู่ ฉากในหั ว แล่ น เข้ า มา ซึ่ ง ประกอบด้ ว ยปื น เลื อ ด และของที่ไม่น่าดูอีกสองสามอย่าง ฉันตัดสินใจไม่คิดต่อ แล้วพูดไปว่า “เอาเป็นว่าไม่ควรปฏิเสธก็แล้วกันค่ะ” เวลา ๒๓.๐๐ น. ฉันพาโรเบิร์ตและเจนน่า แบรดชอว์ สองสามีภรรยา ขึ้นรถ โทร.แจ้งลุงเยท และขับต่อข้ามรัฐไปยังเขตเวอร์จิเนีย สองคนดูประหม่า ในรถของฉันอยู่สองสามชั่วโมง แต่สักพักเจนน่าก็หลับใหลไปในอ้อมกอดของ โรเบิร์ต เป็นภาพอันอบอุ่นที่ไม่ได้เกิดบนเบาะหลังรถของฉันมานานจนอดอมยิ้ม ไม่ได้ โรเบิร์ตคงเห็นฉันยิ้มทางกระจกหลังจึงเริ่มชวนคุย “เธอชื่ออะไร” เขาหยั่งเชิง “เรียกหนูว่าแม็กซ์ก็ได้” เขาหันไปจัดศีรษะภรรยาให้สบายขึ้น ฉันจึงบอกเขา “ถ้ามันหนาว มีผ้าห่ม พับซุกอยู่ด้านซ้ายนะคะ” เขาขอบใจเบา ๆ ก่ อ นจะคุ ย ต่ อ “ทำไมชื่ อ แม็ ก ซ์ ซ ะล่ ะ แม็ ก ซ์ น่ ะ ชื่ อ เด็กผู้ชายไม่ใช่เหรอ” “แม็ ก ซ์ น่ ะ เป็ น ชื่ อ พ่ อ หนู เ อง หนู เ อาชื่ อ พ่ อ มาใช้ หนู ไ ม่ มี ชื่ อ หรอกค่ ะ พ่อไม่เคยแจ้งเกิด ไม่เคยตั้งชื่อให้ พ่อเรียกหนูว่าทวีตตี้” โรเบิร์ตหัวเราะหึ ๆ “แม่ฉันติดยา บังคับให้ฉันขโมยรถตั้งแต่อายุสิบสาม ท่าทางเธอจะหนักกว่า ทำงานเป็นนักล่าเลย” 9
BiscuitBus
“ก็...มีบ้าง” ฉันโคลงหัวพลางหัวเราะหึ ๆ “แบบว่า...ส่วนมากก็หว่านล้อม แล้วได้ผล ไม่ต้องใช้อะไรมาก” “เคยได้ยินมาว่า...เยทมีหมาล่าเนื้อดุอยู่ตัวหนึ่ง เขาเคยส่งไปล่ามาเฟีย กลั บ เข้ า ปิ้ ง แล้ ว ยั ง เคยส่ ง ไปเก็ บ เดคเกอร์ ตั น ถึ ง ลาสเวกั ส คุ้ น ๆ ว่ า ชื่ อ แม็ ก ซ์ วินเทอร์” โรเบิร์ตตวัดสายตามาทางฉัน อีกครั้งที่สายตาเขาแข็งกร้าวขึ้นเหมือน ตอนที่ฉันส่องปืนไปทางเจนน่า “แหม ก็...หนูไม่เคยถูกส่งไปเก็บใครที่ไหนนะคะ ถ้าไปหว่านล้อมกลับมา ก็อีกเรื่องนึง” “เธอทำงานกับเยทแล้วไม่เคยฆ่าคนเหรอ” ฉั น นิ่ ง เคลื่ อ นสายตากลั บ มามองถนนอั น เวิ้ ง ว้ า งตรงหน้ า ก่ อ นจะพู ด เบา ๆ ว่า “ก็ไม่ได้บอกว่าไม่เคยฆ่า” หลังจากนั้นฉันก็ขับรถในความเงียบไปพักใหญ่ โรเบิร์ตที่อยู่เบาะหลัง ไม่หลับเลยสักนิด ส่วนเจนน่านั้นหลับสนิท ถึงจะลุกขึ้นมากินยาอยู่เป็นระยะ ซึ่งฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ายาอะไร เขาเล่าแต่ว่าเป็นยาที่ทำให้แพ้ท้องน้อยลง ในรถ ของฉันมีแซนด์วิชตุนอยู่สองสามอัน ซึ่งได้อุทิศให้คู่สามีภรรยาไปแล้วอย่างเต็มใจ ที่สุด แต่พอผ่านไปหลายชั่วโมง ฉันเองก็เริ่มหิว ประกอบกับการขับรถมาราธอน จนสว่างคาตา จึงตัดสินใจแวะที่มินิมาร์ทในปั๊มน้ำมันข้างทาง ตอนนั้นเช้ามืด ฉันจอดรถไว้ด้านนอก ตัวเจนน่าเองก็จัดแจงให้นอนยาว ไปบนเบาะหลัง โรเบิร์ตฝากซื้อบุหรี่ ส่วนฉันก็เข้าไปซื้อของขบเคี้ยวมาประทังหิว ฉันเดินเข้าไปในมินิมาร์ทตามปกติ ฉวยมันฝรั่งแผ่นกับครัวซองต์แฮมและ บุหรี่ของโรเบิร์ต จากนั้นก็ตั้งท่าจ่ายเงิน ตอนนั้นเองที่ฉันเห็นรถคันหนึ่งวิ่งเข้ามาใน ปั๊มน้ำมัน รถซีดานสีดำสี่ประตู ตอนแรกฉันก็กะว่าจะไม่สนใจ แต่พอเหลือบเห็น บนที่นั่งคนขับเป็นชายละตินผมดำ ความหวาดระแวงก็พลุ่งขึ้นทันที ฉันโปรยเงิน ลงบนเคาน์ เ ตอร์ แ ล้ ว รี บ บอกกั บ ลุ ง คนขายว่ า ไม่ ต้ อ งทอน หยิ บ ถุ ง ของมาได้ ก็พยายามเดินเร็วไปที่รถ ส่งสายตาบอกโรเบิร์ตที่นั่งอยู่เบาะหลังอย่างเอาเป็น เอาตาย โรเบิร์ตคงเห็นฉันมีปฏิกิริยาประหลาด เขารีบค้อมหัวลงกับเบาะหลัง ซ่อนตัวไว้ 10
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
รถสี ด ำคั น นั้ น จอดตรงที่ จ อด วาดสายตามาทางฉั น อย่ า งหวาดระแวง แวบหนึ่ง พอเห็นฉันเป็นเด็กก็ทำท่าเหมือนคลายใจ ชะเง้อมองไปทางอื่นสองสาม รอบ แล้วตัดสินใจเดินสวนกับฉันเข้าไปในมินิมาร์ท ฉันกลับเข้ามาในรถ รีบสตาร์ตเครื่องออกตัวโดยพยายามไม่ให้ผิดสังเกต โรเบิร์ตจับเจนน่าที่เพิ่งตื่นคู้อยู่เบาะหลัง เขากระซิบเบา ๆ เมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัว “เรารอดแล้วเหรอ” ฉันส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่หรอก เดี๋ยวมันก็ตามมา” แล้วฉันก็เร่งเครื่องขึ้นอีก รถซีดานสีดำยังจอดอยู่ที่เดิม ฉันคิดสะระตะ ในใจ ชายผิ ว ขาว ผมดำ ชาวละติ น สวมกางเกงดำ เสื้ อ โค้ ต ดำที่ โ ป่ ง ออก มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นมือปืนอาชีพ เทียบกันตัวต่อตัวแล้วฉันเสียเปรียบสุด ๆ เพราะถ้ า วั ด กั น เป็ น หมั ด ฉั น แพ้ ชั ว ร์ แต่ เ วลาที่ คุ ณ เจอสถานการณ์ แ บบนี้ เ ข้ า คุณต้องมองด้านบวก ลงอีหรอบนี้ก็ถือว่าคุณโชคดีนักหนาแล้ว เพราะอย่างน้อย ก็มีเวลาตั้งตัวก่อนมันจะตามทัน สู้บนถนนไม่เวิร์คแน่นอน โดยเฉพาะตอนที่คุณขับซีดานโกโรโกโสอายุ หลายสิบปีกับคนท้องที่นั่งเบาะหลัง คุณอาจเร่งเครื่องไปตามใจสั่ง แต่สุดท้าย ถ้าโชคดีคุณอาจจบที่การเฉี่ยวชนพอท้วม ๆ และถูกพวกมันจับเป็น ถ้าโชคร้าย คุ ณ อาจจะหลุ ด โค้ ง ตกน้ ำ ตกท่ า ตายเอา ฉั น จึ ง ตั ด สิ น ใจเลื อ กสมรภู มิ ที่ ไ ม่ เคลื่อนไหวจะดีกว่า หลั ง จากที่ เ ร่ ง เครื่ อ งไปจากปั๊ ม น้ ำ มั น ไกลพอประมาณ ฉั น เลี้ ย วรถออก นอกถนนลงป่า ใช่...ป่า เป็นอะไรที่น่าคุ้นเคยและใจชื้นกว่าเยอะ ฉันจอดรถ แอบไว้ตรงพุ่มไม้ เช็กกระสุนในปืนพก แล้วเรียกเจนน่ากับโรเบิร์ตออกมาจากรถ เจนน่ายังอยู่ในผ้าห่ม ดูกระวนกระวาย ดีที่โรเบิร์ตนั้นดูจะมีสติอยู่บ้าง ฉันยัดปืนพกกับโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าสะพายใส่มือโรเบิร์ตแล้วรีบพูด “พาเจนน่าไปด้านหลังแล้วซ่อน อีกสามสิบนาทีถ้าไม่เห็นหนูให้หนีเข้าป่า ไปเลย เยทจะตามสัญญาณได้เอง” โรเบิ ร์ ต ทำท่ า ละล้ า ละลั ง ชั่ ว ครู่ แต่ พ อฉั น เดิ น ไปท้ า ยรถหยิ บ ปื น ขึ้ น มา เตรียมพร้อม เขาก็เผ่นแผล็วเข้าป่าไปตามที่บอก ส่วนฉันก็หยิบโทรศัพท์มือถือ 11
BiscuitBus
รีบโทร.ไปเบอร์ด่วนแล้วกรอกเสียงลงไปโดยไม่ต้องทักทาย “ลุงเยท เปลี่ยนสถานที่ด่วน หนูโดนตาม” จากนั้ น ก็ เ ปิ ด จี พี เ อสบนโทรศั พ ท์ แ ล้ ว ยั ด เข้ า ไปในเสื้ อ โค้ ต ปิ ด ท้ า ยรถ สู ด ลมหายใจเอากลิ่ น สนสด ๆ เข้ า ไปในปอด สมองโปร่ ง โล่ ง ขึ้ น พอควร เมื่ อ ทุกอย่างพร้อมแล้ว คราวนี้ฉันก็เข้าสู่สนามรบอย่างสง่าผ่าเผย ไม่ต้องรอนาน หลังจากที่ซุ่มซ่อนอยู่แถวนั้นไม่ถึงสิบนาที รถซีดานสีดำ ก็วิ่งตะลุยพงป่าเข้ามาจอด ชายเชื้อสายละตินแทรกตัวออกมาจากรถ เขามองไป ทางพุ่มไม้ที่ฉันใช้จอดรถซ่อนอยู่ คงเห็นล้อหรืออะไรสักอย่างโผล่ออกมา เขาจึง ตัดสินใจเดินเข้าไป ฉันที่ซ่อนตัวอยู่แล้วตัดสินใจกระโจนออกมาจากที่ซ่อน ฟาดสันปืนลงไป ที่ท้ายทอยชายคนนั้น เขาไม่ล้ม แต่หันมาสู้ พยายามชักปืนแต่ไม่ทัน จึงใช้มือ ยุดปืนของฉัน แน่นอนว่าฉันสู้แรงไม่ได้ ก็เลยใช้วิธีเตะเจาะยาง เขาร้องโอ๊ย เหวี่ยงหมัดโดนขมับฉันทีหนึ่งจนหน้าหงาย ฉันยังมีสติ รีบอ้าแขนรวบตัวหมอนั่นแล้วกระโดดเอาหน้าผากกระแทก ปลายคางไปทีหนึ่ง แต่หมอนั่นไวมาก จังหวะที่เขาเสียหลักก็รวบขาฉันลงไปด้วย เราทั้งคู่กระแทกพื้นพร้อมกัน และเป็นเขาที่สุดท้ายก็กระชากปืนของฉันไปตั้งท่า ได้ก่อน เขาส่องมาทางฉันทันที “โอเค! โอเค!” ฉันร้องบอก นั่งจุ้มปุ๊กอยู่กับพื้น ยกมือทั้งสองประสานไว้ บนท้ายทอยตัวเอง ขมับยังเจ็บหนึบ ๆ “มันอยู่ไหน” เขาถามด้วยเสียงแหบห้าวสำเนียงละติน “ใครล่ะ” แทนคำตอบ เขาป่ายลำกล้องไปด้านซ้ายแล้วยิงหนึ่งนัด! เสียงเปรี้ยง ดังลั่นป่า รอยกระสุนเจาะตรงต้นไม้ข้าง ๆ มีรอยลูกปรายอยู่แถว ๆ พื้นตรงใกล้ ๆ ฉันด้วยซ้ำ “โว้ว! ใจเย็นสิ!” ฉันร้องบอก “ฉันแค่คนส่งของ จะรู้ได้ไงว่านายอยากจะ ฆ่าคนไหน” “โรเบิร์ต แบรดชอว์ กับเมียมัน” เขาบอกเสียงเรียบ 12
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
“ใครนะ” “โรเบิร์ต แบรดชอว์!” เขาตะโกน ตั้งท่าจะเหนี่ยวไกอีกนัด ทว่ากลับไม่มีเสียงลั่นเปรี้ยงอย่างตอนแรก กลับเป็นเสียงเงียบกริบ จริง ๆ ก็ไม่เงียบเสียทีเดียว แต่เป็นเสียงแกร๊กเบา ๆ ที่มาจากปืนของฉัน เจ้าหมอนั่น ท่ า ทางงงพอดู แต่ ฉั น ให้ มั น ทำหน้ า งงได้ เ สี้ ย ววิ น าที เ ท่ า นั้ น แหละ จำได้ ไ หม เราไม่ควรเปิดโอกาสให้เขาได้คิดปะติดปะต่อสำเร็จ ฉันชักปืนอัตโนมัติติดลำกล้องเก็บเสียงของฉันขึ้นมาจากเสื้อโค้ต แหม... ที่ จ ริ ง ก็ ไ ม่ ใ ช่ ข องฉั น หรอก เพิ่ ง หยิ บ มาจากเสื้ อ หมอนั่ น ตอนชุ ล มุ น ซึ่ ง เป็ น เหตุผลหนึ่งที่ฉันไม่ยิงมันและเก็บงานให้เรียบร้อยตั้งแต่แรก แต่เลือกประชิดตัว แทน ฉันส่องไปทางเจ้าของตัวจริงอย่างใจเย็น ตอนนี้หมอนั่นก็คิดปะติดปะต่อ เรื่องสำเร็จแล้ว หน้าตาเขาเจ็บใจมาก ฉันยิ้ม โยนสายรัดพลาสติกให้เขาเงียบ ๆ เขาก็รู้งาน จัดการมัดมือตัวเอง พลางสบถเบา ๆ สองสามที “อย่าคิดชักปืนเชียวนะ ฉันไม่มีปัญหากับการเก็บกวาดอยู่แล้ว” “จงใจใส่ ก ระสุ น ไว้ นั ด เดี ย วแต่ แ รก” เขาเข่ น เขี้ ย วทำเสี ย งลอดไรฟั น “แผนดีสมเป็นหมาล่าเนื้อ นี่ถ้าฉันยิงตัวแกแทนที่จะเป็นต้นไม้ แกจะทำยังไง” “ฉันก็ตายน่ะสิ” ฉันตอบง่าย ๆ เหมือนหนึ่งบวกหนึ่งเป็นสอง หมอนั่น ค้อนใส่ พอเขามัดมือตัวเองเป็นที่เรียบร้อย ฉันก็เข้าไปตรวจสอบและค้นตัวอีกที “เธอไม่รอดหรอก อาบัคจิโอ้ไม่ชอบให้พวกหมาในกระจอก ๆ มาขวางทาง” สำเนียงภาษาของเขาแปร่งปร่า แต่ยังอุตส่าห์ใส่ความประชดประชันเข้าไป ในน้ำเสียงอย่างสุดความสามารถ ฉันยิ้ม ก่อนจะซัดเปรี้ยงเข้าที่ท้ายทอยเขาอย่าง รุนแรง และคราวนี้ไม่พลาดอย่างครั้งแรกที่ฉันจงใจให้พลาด หมอนั่นร่วงผล็อย สู่ธรณี ฉันเอายาสลบมาฉีดซ้ำกันเหนียว ยัดร่างใหญ่เข้าไปท้ายรถ แล้วถอย ออกมายืนมองร่างที่คุดคู้อยู่ในที่แคบชั่วอึดใจ แล้วก็ตัดสินใจพูดขึ้นเบา ๆ “อาบัคจิโอ้ไม่มีเวลามาเล่นกับฉันหรอก เขามีคนเล่นด้วยแล้วละ” แล้ว ปิดท้ายรถ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาลองเปิดคลิปเสียงล่าสุด “โว้ว! ใจเย็นสิ!” เสียงฉันร้องอยู่ในโทรศัพท์ “ฉันแค่คนส่งของ จะรู้ 13
BiscuitBus
ได้ไงว่านายอยากจะฆ่าคนไหน” “โรเบิร์ต แบรดชอว์ กับเมียมัน” เสียงเขาพูดขึ้น “ใครนะ” “โรเบิร์ต แบรดชอว์!” เขาตะโกนออกมาจากโทรศัพท์ของฉัน แล้วฉันก็ปิดคลิปเสียง กดส่งไฟล์ไปหาเบอร์ของลุงเยท จากนั้นก็โทร.หา โรเบิร์ตที่ซ่อนอยู่ในป่าให้ออกมา คราวนี้คงนำ ‘สินค้า’ ถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย เสียที บ่ายวันนั้น ฉันส่งสินค้าสองแพ็คสำเร็จ คือโรเบิร์ตและเจนน่า แบรดชอว์ ส่งที่เซฟเฮ้าส์ตำรวจ และมือปืนนิรนามที่ปรากฏว่าไม่นิรนามนัก กลายเป็นว่า หมอนี่มีชื่ออยู่ในประวัติอาชญากรรมยาวยืด และสาวกลับไปได้ว่าเป็นคนเก่าแก่ ของอาบัคจิโอ้ ลุงเยทรับหน้าที่ส่งตัวให้ทางการ กินค่าหัวคิวตามเคย คลิ ป เสี ย งที่ ฉั น แนบไปกลายเป็ น หลั ก ฐานเชื่ อ มมื อ ปื น นั่ น กั บ การตามล่ า โรเบิ ร์ ต ลุ ง เยทเล่ น เส้ น สายบางเส้ น ทำให้ เ รารู้ ว่ า คดี บี บ คอนั ก เต้ น เริ่ ม ชะงั ก เพราะโรเบิร์ตกลับคำให้การ และเกิดมีมือปืนโผล่มาจะฆ่าเขาปิดปาก นั่นเป็นสิ่งที่ลุงเยทเล่าให้ฉันฟังทีหลัง เพราะหลังจากส่งสินค้าเรียบร้อย ฉันต้องบึ่งไปส่งคนของลุงเยทอีกคนหนึ่งไปทำงานต่อ เขาชื่ออเล็กซ์ กิบบอน ชายร่างสูงผอมท่าทางบ้าน ๆ เขาเป็นคนสนิทของลุงเยท เขาเป็นช่างซ่อมทีวี คือ นั่นเป็นฉากหน้าละนะ จริง ๆ คือถ้ามองว่าฉันเป็นนักตามหา นักลักพาตัว หมอนี่ ก็เป็นมือสังหาร แบบว่าถ้าฉันเป็นหมาล่าเนื้อ หมอนี่ก็ร็อตไวเลอร์ดี ๆ นี่เอง กิบบอนอยูก่ บั ลุงเยทนานกว่าฉันหลายปี แรก ๆ เขาก็เหมือนฉัน แค่สง่ สินค้า แต่ พ อผ่ า นไปสองสามปี กิ บ บอนก็ เ ปิ ด เผยพรสวรรค์ แ บบอื่ น จนเยทวางใจให้ รับงานที่...ต้องใจแข็งกว่า ตอนที่ฉันมาทำงานกับลุงเยทใหม่ ๆ ฉันถูกตั้งแง่อย่าง ร้ายกาจ ทั้งจากหมาล่าเนื้อคนอื่น ๆ และพวกมือสังหาร กิบบอนเป็นคนที่ต่อต้าน ฉันที่สุด แต่พอเวลาผ่านไปเขาก็ยอมรับฉัน และเราก็กลายเป็นสนิทกัน จริง ๆ งานของโรเบิร์ตที่นัดแนะไว้แต่แรกจะมีกิบบอนเข้ามาช่วย คือฉัน ต้องรับหน้าที่พาโรเบิร์ตไปในที่ปลอดภัยเพื่อรับการคุ้มครอง และกิบบอนจะรับมือ กับมือปืน เราจะได้ค่าหัวโรเบิร์ต ค่าหัวมือปืน และสุดท้าย ฉันและกิบบอน 14
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
จะเดินทางต่อไปดักหน้าอาบัคจิโอ้และเก็บมัน เป็นค่าหัวที่สามที่ได้จากโปรเจ็กต์นี้ คำว่ า ‘เก็ บ มั น ’ ถ้ า รวมเอาตั ว แปรสำคั ญ คื อ คนที่ ไ ด้ รั บ มอบหมายเป็ น กิบบอน ใคร ๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นเก็บแบบไหน ลุงเยทรับงานทั้งราษฎร์ทั้งหลวง ต่อให้อาบัคจิโอ้ไม่มีค่าหัวจากทางการ แต่จากทางอื่นละมีแน่ “หิวไหม แม็กซ์” กิบบอนถามขึ้น เขานั่งอยู่ข้างคนขับรถ กิบบอนเป็น ชายวัยสี่สิบปลาย ๆ หนวดเคราหงอกขาว ผมยาวเหมือนพวกแก๊งขี่มอเตอร์ไซค์ สมัยก่อน ชอบสวมหมวกแก๊ปที่เลอะน้ำมัน และสวมเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนเก่า ๆ แม้จะไม่ค่อยพูด แต่ดูไม่เป็นพิษเป็นภัยอะไร ก็...ภายนอกละนะ “หิวแหละ ว่าจะแวะร้านข้างหน้า คุณล่ะ” “อยากเหล้า” ฉันหัวเราะคิก กิบบอนยิ้มแย้ม ฉันชี้ไปข้าง ๆ ตัวเขาแล้วบอกว่า “ล้ ว งไปตรงข้ า ง ๆ มี วิ ส กี้ เ หลื อ ๆ กิ น ได้ ” เขาล้ ว งหยิ บ วิ ส กี้ ต ามที่ บ อก จิบเข้าไปอึกหนึ่งก็ทำหน้าพึงพอใจ จากนั้นก็ชวนคุยต่อ “รู้ไหม คราวนี้เธอน่าจะไปกับฉันนะ แม็กซ์” “ลุงเยทบอกให้หนูขับรถมาส่งคุณเฉย ๆ เดี๋ยวต้องไปรอรับงานอื่นอีก” “ก็ใช่ แต่ฉันว่ามันถึงเวลาหรือยังที่เธอจะ...” “คะ” “เธอมีพรสวรรค์นะ แม็กซ์” พูดแค่นั้นฉันก็อ๋อ แต่ไม่รู้จะทำหน้ายังไงกับสิ่งที่กิบบอนต้องการสื่อ มัน ไม่ใช่ความดีใจ ภูมิใจ มันเป็นความกลัวผสมกับความหวาดระแวง ฉันได้แต่ เคาะพวงมาลัยเล่น เป่าปากอย่างอึดอัด แล้วนึกอะไรขึ้นได้กะทันหัน “เดี๋ยวนะคะ อย่าบอกว่าลุงเยทให้คุณมาคุยเรื่องนี้กับหนูนะ” กิ บ บอนยั ก ไหล่ ฉั น หน้ า เสี ย ได้ แ ต่ ข บขั น โชคชะตาจนหั ว เราะเจื่ อ น ๆ กิบบอนพูดต่อเรียบ ๆ “ถ้าเธอไม่คิดจะเป็นมือปืน ก็หาทางแยกตัวจากเยทซะเถอะ” “หนูไม่ใช่ปัญหาหรอกน่า เขามีหมาล่าเนื้ออีกตั้งหลายคน...” “เธออันตรายสำหรับเขาเกินไป แม็กซ์...ฝีมือเธอ...ชื่อเธอ” 15
BiscuitBus
ฉั น หั น ไปมองกิ บ บอน เขามองทางข้ า งหน้ า คล้ า ยกั บ คำพู ด เมื่ อ ครู่ เ ป็ น คำละเมอในความฝัน แต่ฉันรู้ เขาจริงจังที่สุด ฉันรับคำ “โอเค” เบา ๆ แล้วเรา ทั้งคู่ต่างจ่อมจมอยู่ในความคิดตัวเองด้วยกันครู่ใหญ่ ก่อนที่กิบบอนจะเป็นฝ่าย ทำลายความเงียบขึ้น “รู้ ไ หม ฉั น เคยมี ลู ก สาวนะ อายุ รุ่ น ๆ เธอนั่ น แหละ เด็ ก เอ๊ ย ...ไม่ เ คย คิ ด ถึ งเรื่ อ งอะไรเลยนอกจากเรื่ อ งหาแฟน” แล้ ว ก็ หั ว เราะพรื ด เหมื อ นนึ ก อะไร ตลก ๆ ได้ “เธอชื่ออะไรเหรอคะ” “เกล เธอชื่ อ อบิ เ กล...นั ย น์ ต าเธอฟ้ า มาก เหมื อ นทะเล เหมื อ นแม่ ของเธอ...” เขาเงียบ ฉันพอเดาอะไรได้เลา ๆ จึงถามไป “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” กิบบอนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขายกมือลูบขอบหมวกเล่น ฉันแอบเห็นว่า มั น สั่ น น้ อ ย ๆ “วั น นั้ น บ้ า นไม่ ไ ด้ เ ปิ ด ไฟ...ประตู เ ปิ ด อยู่ . ..ฉั น เห็ น ซาร่ า ห์ ก่ อ น” เขาหยุ ด เหมื อ นจะรวบรวมความกล้ า แล้ ว พู ด ต่ อ “เธอนอนหงายอยู่ บ นพื้ น ไม่หายใจ มี...เอ่อ...แผลเล็ก ๆ ที่สีข้าง มันแทง...แล้วบิดมีด” กิบบอนถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง เขาถอดหมวกลงมาแล้วใส่เข้าไปใหม่ อย่างกระวนกระวาย หลายวินาทีกว่าเขาจะพูดออกมาได้ “เกลอยู่บนห้อง เธอ...ตำรวจบอกว่า เธอ...ถูกแทง...ไป...สี่สิบแปดครั้ง” “หนูเสียใจด้วยนะคะ” “ตำรวจบอกว่าเป็นการปล้นรุนแรงกว่าเหตุ แต่ฉันรู้ว่ามันเป็นเจ้าเด็กหนุ่ม คนนั้ น กั บ เพื่ อ นของมั น นั่ น แหละ ฉั น รู้ เ ลยละ...ฉั น เลยไปซื้ อ ปื น แล้ ว คื น นั้ น ฉันก็ไปดักรอมัน ฉันยิงมันตายทีละคนอย่างนั้นเลย” พอเขาจบประโยคก็เงียบไปอีกครั้งเหมือนตั้งสติ ก่อนจะพูดต่อ “นั่นเป็นศพแรก” แล้วเขาก็หันมาหาฉัน “เธอล่ะ หนูน้อย...เยทบอกว่า เธอเองก็มีศพแรกนี่นา” “เรื่องหนูไม่น่าฟังหรอกค่ะ” ฉันเฉไฉ “เอาน่า เล่าหน่อย” 16
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
ฉันนึกเรียบเรียงอยู่ประมาณเสี้ยววินาที ก่อนจะพูดขึ้น “คือแบบว่า... พ่ อ หนู แม็ ก ซ์ ตั ว จริ ง น่ ะ เขาถู ก ยิ ง ตาย ตอนนั้ น หนู เ ลยฉวยปื น ที่ อ ยู่ ใ กล้ ตั ว ยิงสวนกลับไป คนคนนั้นเลยตาย แบบนั้นละค่ะ” “คงแย่มากเลยสินะ ต้องมาเห็นพ่อตายต่อหน้า” ฉันหัวเราะกลบเกลื่อน ความทรงจำแย่ ๆ ไหลเข้ามาชั่ววูบ ไม่รู้จะตอบ ประโยคนั้นของกิบบอนยังไง “พ่อเธอเป็นคนยังไงน่ะ” “คือพ่อหนูค่อนข้างหัวเก่า...เขาบอกว่าเด็กผู้หญิงไม่ควรมีแฟนตั้งแต่วัยรุ่น และต้องแต่งงานก่อนถึงจะมีเซ็กซ์ได้” “ว้าว...หัวเก่าจริง ๆ แล้วเธอว่าไงล่ะ” “หนูเป็นเด็กดีของพ่อค่ะ หนูเชื่อทุกอย่างนั่นแหละ” กิ บ บอนหั ว เราะพรื ด อี ก ครั้ ง เขายกขวดวิ ส กี้ ก ระดกอี ก รอบแล้ ว ยื่ น มา ตรงหน้ า ฉั น ฉั น รั บ มาดื่ ม หนึ่ ง อึ ก ตอนนั้ น เองที่ โ ทรศั พ ท์ ข องกิ บ บอนดั ง ขึ้ น เขายืดตัวตั้งท่ารับสาย รับคำอยู่สองสามประโยคก็วางไป แล้วหันมาพูดกับฉัน “เยทบอกว่าเธอไม่ต้องไปกับฉันแล้ว เขาต้องการหมาล่าเนื้อที่ลาสเวกัส ด่วนที่สุด”
17
Chapter 2 One Night in Las Vegas
ลุงเยท เป็นคนสั่งยังไงต้องได้อย่างนั้นทันใจ แต่กระนั้นก็เป็นแค่นาน ๆ ครั้ง
ที่เขาจะใช้วิธี ‘จิก’ แบบว่าเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ ด่วนที่สุด อย่างแรกเลยคือหมาล่าเนื้อ ไม่ได้มีแค่ฉัน เรามีกันเป็นฝูงและมีพื้นที่เจาะจง ไม่ค่อยออกไปไหนไกลจากถิ่น เพราะฉะนั้นการออร์เดอร์งานข้ามรัฐเป็นพันกิโลเมตรเป็นสิ่งที่เกิดได้ยาก และ หมายความว่ามันต้องเป็นฉันจริง ๆ นะ และหมายความเข้าไปอีกว่า ถ้าช้า...สาย... ทำพลาด...ฉันอาจจะต้องกลายเป็น ‘งาน’ ของกิบบอนซะเองก็เป็นได้ ฉั น ตั ด สิ น ใจเก็ บ เสื้ อ ผ้ า แล็ ป ท็ อ ป และมี ด ป้ อ งกั น ตั ว ยั ด ใส่ ก ระเป๋ า จากนั้ น ก็ ย กรถโกโรโกโสพร้ อ มปื น ผาหน้ า ไม้ ใ ห้ กิ บ บอนยื ม ใช้ ซึ่ ง เขารั บ ปาก เป็นมั่นเหมาะว่าจะทะนุถนอมอย่างดี และหลังจากใช้เรียบร้อยจะไปจอดไว้ที่ สนามบินให้ ไอ้ของอย่างอื่นหรือปืนกระบอกอื่นฉันไม่ห่วงหรอก มีแต่รีวอลเวอร์ กระบอกนั้นของพ่อเท่านั้นที่เป็นของสำคัญ สุดท้ายฉันจึงหยิบมาด้วยและใส่ไว้ใน ล็อกเกอร์ที่สนามบิน ฉั น จั บ เที่ ย วบิ น ที่ เ ร็ ว ที่ สุ ด ไปเนวาดา ลาสเวกั ส ฉั น เคยมาที่ นี่ ตั้ ง แต่ เมื่ อ ก่ อ น จึ ง คุ้ น เคยกั บ คนของลุ ง เยทที่ นี่ อ ยู่ แ ล้ ว จริ ง ๆ คื อ ลุ ง อั ง เดรเป็ น คน ที่แนะนำฉันให้ลุงเยทด้วยซ้ำ เมื่อออกจากเกต อังเดร บัวโนส ชายร่างใหญ่ เจ้าของร้านเหล้า (ในเสื้อฮาวายที่ชอบใส่ประจำ) ก็ยิ้มร่ากางแขนอ้วนท้วนรอรับฉัน อย่างดีอกดีใจ “พระเจ้ า !...หนู ท วี ต ตี้ มาให้ ป๋ า กอดหน่ อ ยมา!” แล้ ว เขาก็ จั ด การฝั ง ร่างเล็กของฉันไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างสนิทสนม ส่วนฉันก็ซุกหน้าลงบนอก 18
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
หยุ่น ๆ ของเขาให้สมกับที่ไม่ได้เจอกันมานาน “คิดถึงจัง ลุงอังเดร อยากกินลาซานญ่าฝีมือลุงมากเลย” “พระเจ้ า ...ทวี ต ตี้ . ..” เขารำพึ ง มื อ อวบอู ม ประคองใบหน้ า ของฉั น ตาเล็กหยีมีน้ำตาคลอหน่วย “หนูโตขึ้น...โตมากแล้ว...แม็กซ์ต้องภูมิใจมากแน่ ถ้าเขายังอยู่” เขาสะอื้นเบา ๆ หัวล้านเลี่ยนสั่นนิด ๆ จากการกลั้นน้ำตา ลุงอังเดรเป็นบุคคลที่ใกล้เคียงคำว่าญาติของฉันที่สุด เขาเป็นเพื่อนกับพ่อ จริง ๆ คือพ่อไม่เคยบอกหรอกนะ แต่ลุงอังเดรเป็นคนเดียวที่มายุ่มย่ามกับพวกเรา พ่อลูกแล้วไม่ถูกไล่ตะเพิดไป ตอนที่พ่อฉันเสียใหม่ ๆ ฉันเคว้งคว้างไม่รู้จะทำ อะไรก่ อ นดี ลุ ง อั ง เดรก็ เ ป็ น คนจั ด การเรื่ อ งเอกสารให้ พิ จ ารณาจากการที่ ฉั น ไม่เคยมีตัวตนในระบบเลยคงเป็นเรื่องยุ่งยากพอควร แต่ลุงอังเดรก็จัดการจนได้ และเขายังหางานให้ด้วย พวกเรานั่งรถไปที่ร้านเหล้าของลุงอังเดร ซึ่งแน่นอนมันแค่บังหน้า ข้างหลัง นั้ น ขายอาวุ ธ กั บ เอกสารปลอม จากโต๊ ะ เก้ า อี้ ลู ก ค้ า ที่ ส ภาพดี เ หมื อ นซื้ อ มาใหม่ ผิดจากครั้งที่แล้ว เหล้าแพง ๆ บนชั้น และบริกรหนุ่มรูปงามท่าทางคล่องแคล่ว คิดว่ากิจการของลุงอังเดรคงไปได้สวยพอดูทั้งฉากหน้าและฉากหลัง พอลงจากรถ ลุงอังเดรก็เข้าสู่โหมดทำงานทันที เขาพาฉันเข้าไปด้านใน ห้องทำงาน แล้วหยิบแฟ้มส่งให้ปึกหนึ่ง “เยทแฟกซ์รายละเอียดมาให้แล้ว” ฉั น เป่ า ปากหวื อ รั บ แฟ้ ม มากางอ่ า น สิ่ ง แรกที่ ค วรจำในการอ่ า นแฟ้ ม ‘เหยื่อ’ ในครั้งแรกนอกจากชื่อ นามสกุล อายุ ครอบครัว และหน้าตา นั่นคือ คดีเด็ดที่เขาเคยทำ มีบทบาท หรือยุ่งเกี่ยว มันเหมือนคุณไปสมัครงานและ มี พ อร์ ต โฟลิ โ อไปยื่ น ให้ ก รรมการ มั น บ่ ง บอกถึ ง ความเป็ น ตั ว คุ ณ สิ่ ง ที่ คุ ณ ภาคภูมิใจ สิ่งที่ถนัด และที่ดีที่สุด มันบอกได้ว่าคุณจะหนีไปไหน พวกที่มีประวัติเคยทำงานแบบกิบบอน อาจไปหลบอยู่กับเพื่อน คนรัก หรือพยายามหนีออกนอกประเทศ พวกนี้ไม่ค่อยหนีไปกบดานกับญาติ เพราะ เมื่ อ คุ ณ ฆ่ า คนตายเป็ น อาชี พ แบบนี้ คุ ณ คงไม่ ป็ อ ปปู ล าร์ เ ท่ า ไร แต่ สิ่ ง ที่ คุ ณ มี ทดแทนคือเงิน ผู้มีอิทธิพลหนุนหลัง กับพรรคพวกโคตรดุ ส่วนพวกติดคดีขโมย 19
BiscuitBus
ฉ้ อ โกง คุ ณ อาจคิ ด ถึ ง ญาติ หรื อ พยายามออกนอกประเทศ บลา ๆ ๆ แต่ ความจริงอย่างหนึ่งของผู้ร้ายคดีขโมยหรือฉ้อฉลคือมากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ จะทำซ้ำอีก คุณแค่กว้านข้อมูลทั่วสารทิศ มองหาคดีที่มีแพตเทิร์นเดิม ๆ ลองตัด ความเป็ น ไปได้ ที ล ะข้ อ คุ ณ จะเห็ น เส้ น ทางของหมอนั่ น เหมื อ นเหยื่ อ ของคุ ณ ใส่เครื่องติดตามเลยละ คือถ้าคุณไม่จมกองเอกสารตายไปซะก่อนนะ ฉันกวาดสายตาไปที่หน้าแรก ลุงเยทเป็นเจ้าของฝูงหมาล่าเนื้อจนเชี่ยวชาญ เขาจะใส่ ร ายละเอี ย ดที่ เ ราควรรู้ เ ป็ น อั น ดั บ ต้ น ไว้ ห น้ า แรก ๆ เพราะงั้ น เมื่ อ ฉั น เปิดแฟ้ม สิ่งแรกที่สะดุดตาคือรูปสีเต็มตัว ชายวัยสามสิบปีกว่าบวกลบได้สัก สองปี เคราขึ้ น รำไรที่ ค างและข้ า งแก้ ม ผมสี น้ ำ ตาลตั ด ทรงสกิ น เฮด สวม หมวกแก๊ปทหาร กางเกงสีเขียวแก่ เสื้อยืดสีดำ สวมแจ็กเก็ตเก่า ๆ ทับ และ รองเท้ า ผ้ า ใบสี ข าว รู ป ร่ า งสั น ทั ด สมส่ ว น ชื่ อ ชาร์ ลี แคมป์ เ บล ภรรยาชื่ อ ชอนน่า แมคคีย์ แต่หย่าแล้ว ไม่มีลูก ต้องคดีฉ้อโกง ผู้เคราะห์ร้ายก็ภรรยา ตัวเองนั่นแหละ “หมอนี่เป็นอดีตหนูตกถังข้าวสาร” ลุงอังเดรพูดขึ้น “หลอกฟันลูกคนรวย ปอกลอกเงินแล้วยังยักยอกสินสมรสอีก” ฉั น พลิ ก หน้ า ถั ด ไป เป็ น รู ป ชอนน่ า อย่ า งแรกเลยคื อ เธอสวยมาก ผมบลอนด์สลวยเคลียไหล่ ตาสีฟ้าจัด จมูกโด่งรับโหนกคิ้ว เธอสวมชุดกระโปรง สีฟ้า สเวตเตอร์ไหมพรมสีขาว สวมสร้อยไข่มุกที่คอ ดูเหมือนรูปนี้จะถ่ายอย่าง เป็นงานเป็นการพอควร เพราะมีการจัดโต๊ะเก้าอีข้ า้ งตัวและของประดับให้สมดุลด้วย “มาร์ธา สจ๊วต” ฉันยิ้มกว้างเล่นมุก ลุงอังเดรถึงกับหัวเราะตาม “เออ คิดอยู่เหมือนกัน” ฉั น เปิ ด แฟ้ ม ไล่ ดู เ รื่ อ ย ๆ “โกงครั้ ง แรกก็ เ ล่ น ของสู งเลยเหรอเนี่ ย ” ฉั น รำพึงเบา ๆ พอลุงอังเดรได้ยินก็ลุกขึ้นมาข้าง ๆ โน้มหน้ามาดูอย่างสนใจ “ครั้ ง แรกเหรอ จริ ง อะ” เขาพู ด หั ว คิ้ ว มู่ ทู่ ข มวดเข้ า หากั น “ตระกู ล แมคคีย์เลยอะนะ” ฉันขมวดคิ้วตาม รู้สึกตงิด ๆ แปลก ๆ เหลือบตาขึ้นมามองลุงอังเดรแล้ว พูดว่า “ลุงอังเดรพอรู้ไหม ทำไมลุงเยทต้องเจาะจงหนูกับงานนี้” 20
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
อังเดรยักไหล่ใส่ “ไม่รู้สิทวีตตี้ รู้แต่ว่าเขาบอกให้เตรียมของให้” “ของอะไรคะ” ลุงอังเดรทำหน้ามีเลศนัย เขาเม้มริมฝีปากบางเหมือนจะกลั้นยิ้ม “ไม่บอก” “อ้าว...” ฉันประท้วง ทำหน้ายุ่งใส่ทันที “ทำงานไปก่อนน่า” “โอเค” ฉันรับคำอย่างประชดนิด ๆ “อย่างแรกหนูขอ ๙ มม.กึ่งอัตโนมัติ หนึ่งกระบอก .๓๒ อีกกระบอก รถหนึ่งคัน ขอเป็นซีดานสีเข้ม ไม่ต้องแรง กระจกติดฟิล์ม แต่ไม่ต้องทึบมาก แผนที่ ที่พักขอเป็นโรงแรมห่างจากตัวเมือง พอควร แล้วก็...เวลางานของบาร์เทนเดอร์รูปหล่อของคุณสักหนึ่งชั่วโมง” “จะเอาไปเต้นจั้มบ๊ะหรือไง เดี๋ยวนี้ริอ่านซื้อผู้ชายเรอะ” “ไม่ใช่!” ฉันรีบแย้ง “หนูแค่อยากรู้ข่าวซุบซิบของพวกไฮโซ รูปร่างหน้าตา แบบนั้นน่าจะทำงานที่ดี ๆ มาก่อนใช่ไหมล่ะ” “เคยเขย่าเหล้าในผับอัลเทอร์เนท พวกสาว ๆ หนุ่ม ๆ ที่มีอันจะกินชอบไปกัน ค่อนข้างหรูแหละ” “ตรงสเป็คหนูเลย” ไม่ทันจบประโยค ฝ่ามืออวบอูมก็เหวี่ยงมาปะทะหัวทุย ดังบึ้กจนฉันร้องโอ๊ย ทำเอาผมสองเปียของฉันกระจุยไม่เป็นทรง “น้อย ๆ หน่อย ทวีตตี้ อย่าลืมที่แม็กซ์เคยสอนสิ” ลุงอังเดรเสียงเขียว “ตรงสเป็คแหล่งข้อมูล!” ฉันประท้วง ยกขึ้นลูบหัวตัวเองจัดเข้าทรงเดิม แล้วฉวยหมวกไหมพรมขึ้นสวมทับ “หนูรู้น่า พ่อน่ะอ่อนไหวเรื่องมีแฟนขนาดไหน ขนาดตอนนั้ น หนู อ ายุ สิ บ สอง พ่ อ ยั ง ย้ ำ แล้ ว ย้ ำ อี ก เหมื อ นหนู จ ะมี แ ฟนได้ วั น นี้ พรุ่งนี้งั้นแหละ ทั้ง ๆ ผู้ชายที่หนูเจอทั้งวันมีแต่พ่อกับผู้ร้าย หรืออย่างดีก็ตำรวจ กินสินบน” ลุ ง อั ง เดรอ้ า ปากหั ว เราะ ก่ อ นที่ ร อยยิ้ ม จะเลื่ อ นหลุ ด ไปช้ า ๆ กลายเป็ น แววตาอาลั ย “แม็ ก ซ์ เ ขาหั ว โบราณ” เขารำพึ ง เบา ๆ ตาจั บ ไปที่ ลิ้ น ชั ก ข้ า งตั ว ก่อนจะเปิดมันออกแล้วหยิบเหล้าขวดเล็กที่ซุกไว้มากระดกดื่ม แล้วรวบตัวฉัน เข้าไปในอกแล้วจูบแรง ๆ ที่กลางกระหม่อมเหมือนพยายามจะปลอบใจ แต่ฉันว่า เรากำลังปลอบกันและกันทั้งคู่มากกว่า 21
BiscuitBus
ทางเดินทึม ๆ อยู่ข้างหน้ายาวออกไปไม่กี่ก้าว แต่ฉันรู้สึกราวกับมันไกลสักร้อยหลา เสียงหอบหายใจของตัวเองดังก้องในอก ขณะที่ในหูจริงกลับส่งเสียงวิ้ง ๆ อื้อ ๆ ขาของฉันในกางเกงหลวมโพรกสับวิ่งไม่คิดชีวิต ประตูไม้ใหญ่โตเปิดออก ฉันไม่ได้ผลัก มันเหวี่ยงตัวราวกับตั้งใจจะอวด สิ่งที่ดำเนินอยู่ข้างใน... เคาน์ เ ตอร์ ป ระชาสั ม พั น ธ์ อ ยู่ ห น้ า สุ ด เอกสารวางกองอยู่ บ นนั้ น อย่ า ง กระจัดกระจาย บางแผ่นบางแฟ้มทิ้งตัวลงมาที่พื้นอย่างไม่ตั้งใจด้วยซ้ำ เจ้าหน้าที่อำเภอผู้ชายสวมชุดสีกากีคนหนึ่งกำลังคุดคู้อยู่ข้างใต้ ร่างนิ่งงัน ข้างหลังนอกจาก ห้ อ งที่ เ ขี ย นว่ า ‘นายอำเภอแอทกิ้ น ส์ ’ แล้ ว ก็ มี โ ต๊ ะ ทำงานอยู่ ส องตั ว หน้ า ห้ อ งนั้ น ทั้งห้องไม่ใหญ่ ไม่กว้าง เพดานต่ำกว่าที่ควรเป็น ด้านซ้ายเป็นทางเดินต่อไปที่อื่น คุกมั้ง ไม่รู้... น่ า แปลกใจ ขณะที่ อ ะดรี น าลิ น ในร่ า งกายของฉั น สู บ ฉี ด จนล้ น แทบจะ ระเบิด ตัวฉันยังรับรู้รายละเอียดปลีกย่อยได้เป็นฉาก ๆ แล้วพ่อ...แม็กซ์...นอนอยู่ตรงนั้น ด้านขวาของประตู เคียงข้างมีตำรวจ นายหนึ่งนอนจมกองเลือดอยู่ก่อน เขานิ่ง บางอย่างบอกฉันว่าเขาตายไปแล้ว... ส่วนพ่อถูกยิงที่สีข้าง หายใจหอบ กำลังพยายามคว้าปืนจากซองที่สะเอวร่างไร้ วิญญาณด้านข้าง ฉันมองไปทางตรงข้าม เขาคนนั้นเป็นชายวัยสามสิบปีปลาย ๆ ผอมจน หน้าตอบ ตาโหล ผิวซีด เหงื่อไหลโซมกาย แขนแกร็น ๆ ที่เห็นกระดูกลึกถือปืน เล็งมาทางพ่อ แล้วเหมือนฉันโดนตรึงกับที่ มันยิง... เสียงเปรี้ยงดังก้องอีกครั้ง กระสุนเจาะกะโหลกของแม็กซ์ได้เหมาะเหม็ง มันทิ้งแค่รอยแดงเข้มเป็นจุดบนหน้าผากด้านขวาใกล้ขมับของเขา แรงกระแทก ของลู ก ปื น เหมื อ นจะทำให้ แ ม็ ก ซ์ ส ะดุ้ ง ไปทั้ ง ร่ า ง ตาเหลื อ กขึ้ น มองฉั น ปาก พะงาบ ๆ... “พ่อคะ!!” ฉันตะโกนพร้อม ๆ กับลืมตาเบิกกว้าง แล้วพบว่าภาพข้างหน้าคือมือสองข้าง 22
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
ของตัวเองที่กำลังไขว่คว้าอากาศ และพัดลมติดเพดานที่แน่นิ่งอย่างไร้ประโยชน์ ฉันเพิ่งตื่นจากฝันร้าย อีกครั้ง เหงื่อหยดหนึ่งไหลลงมาเข้าตาจนแสบ อากาศเย็น ๆ ลามเลียประสาทรับรู้ ดึงฉันให้กลับมาที่โลกแห่งความจริง ฉันผุดลุกขึ้นนั่ง เตียงเหล็กส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด ขานรับการเคลื่อนไหว ฉันป่ายมือไปด้านข้างปัดเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่บน ที่นอนให้ร่วงลงไปรวมกับเพื่อน ๆ ของมัน ทิ้งเท้าทั้งคู่ลงพื้น ซุกใบหน้าที่ชื้นเหงื่อ เย็น ๆ ลงบนฝ่ามือ และรับรู้เป็นครั้งแรกว่ามันกำลังสั่นสะท้านน้อย ๆ “ทำงาน...” ฉันกระซิบบอกตัวเองเบา ๆ ปาดเหงื่อและคราบน้ำตาบาง ๆ จากใบหน้า พุ่งตัวลงจากเตียงไปนั่งอยู่ท่ามกลางกองเอกสารอีกครั้ง หลังจาก เผลอหลับไปแล้วรอบหนึ่ง ฉันพิจารณารูปชาร์ลี แคมป์เบล ที่ติดมากับแฟ้ม ซึ่งตอนนี้มันถูกหมุด ตรึงติดอยู่บนผนัง พร้อมกับกระดาษโน้ตที่จดวันที่ต่าง ๆ และเอกสารหลายแผ่น มันเป็นภาพสีก็จริง และรายละเอียดไม่เลวเลย คราวนี้ฉันติดกระดาษโน้ตเล็ก ๆ ไปอี ก สองสามใบที่ เ ป็ น รายละเอี ย ดที่ จ ดมาได้ จ ากฉายาของเขาในข่ า วลื อ เช่ น ‘ไก่ อ่ อ น’ ‘เสมี ย น’ อะไรเทื อ ก ๆ นั้ น แล้ ว ปั ก หมุ ด รู ป ชอนน่ า ไว้ อี ก ด้ า นหนึ่ ง ติดโน้ตฉายาของเธอไว้เช่นกัน เช่น ‘ฉาบฉวย’ ‘สาวทึนทึก’ อะไรก็ตามที่เธอ เคยถูกเรียกเมื่อก่อน ฉันรวบรวมเอกสารทางการเงินไว้ที่หนึ่ง รายงานการใช้โทรศัพท์มือถือ รายงานการใช้ เ ครดิ ต ที่ ผ่ า นมา บั ญ ชี ธ นาคารร่ ว มและของส่ ว นตั ว ของชาร์ ลี จากนั้นก็ติดกระดาษโน้ตวันที่ มีอะไรประหลาด ๆ บางอย่างในวันที่ ดูเหมือน ฉันจะสงสัยอะไรบางอย่างก่อนที่จะหลับไป ก่อนหน้าชาร์ลีจะหายตัวไป รายการใช้บัตรเครดิตยาวเป็นหางว่าว แม้แต่ กางเกงวอร์ ม กี ฬ า แต่ พ อหายตั ว ไปไม่ มี ร ายการบั ต รเครดิ ต เคลื่ อ นไหวเลย สักนิดเดียว ไม่เพียงเท่านั้น บัญชีธนาคารที่เป็นของส่วนตัวก็ไม่มีการเคลื่อนไหว เลย แม้แต่เงินก้อนที่ยักยอกมาจากบัญชีร่วมของภรรยา ซึ่งมีความเป็นไปได้ สองอย่าง หนึ่ง เขามีบัตรเครดิตและบัญชีธนาคารชื่ออื่น และใช้บัญชีนั้นเก็บเงิน ใช้บัตรเครดิตใบนั้น สอง เขายังมีเงินสดเป็นก้อนอยู่กับตัว 23
BiscuitBus
ฉั น กลั บ ไปที่ รู ป ที่ อ ยู่ ใ นแฟ้ ม อี ก ที เรื่ อ งเล่ า มั น มี อ ยู่ ว่ า มี ค นเห็ น เขาใน กล้ อ งวงจรปิ ด หน้ า ร้ า นขายของเก่ า ตอนขากลั บ จากเบิ ก เงิ น ก้ อ นโตที่ ธ นาคาร เอาง่าย ๆ คือ รูปนี้เป็นรูปสุดท้ายของชาร์ลีก่อนที่เขาจะหายไปในอากาศธาตุ “นายอยู่ไหนนะ ชาร์ลี” ฉันรำพึง เคาะนิ้วกับรูปชาร์ลี “ไม่สิ...” ฉัน ส่ า ยหน้ า หลั บ ตาลงเงี ย บ ๆ ฉั น คื อ ชาร์ ลี . ..ใคร ๆ ก็ เ ห็ น ฉั น เป็ น มนุ ษ ย์ วิ ช าการ เสมี ย น ไม่ มี พิ ษ มี ภั ย ฉั น เพิ่ ง กดเงิ น ห้ า แสนจากบั ญ ชี ร่ ว มเป็ น เงิ น สด ฉั น วางแผนหนี ฉันต้องการอะไร คำตอบง่าย ๆ ไหลเข้ามาในสมองของฉัน รถเช่า... ฉันหัวเราะคนเดียว ในรูปชาร์ลีไม่ได้หิ้วข้าวของใดในมือ เดินตัวเปล่า สบาย ๆ ทำไมฉันไม่คิดถึงแต่แรกนะ...ฉันเผ่นแผล็วเข้าไปจัดการตัวเอง เปลี่ยน เสื้อผ้า ฉวยแจ็กเก็ตแล้วเปิดประตูออกไป โรงแรมที่ ลุ ง อั ง เดรพาฉั น มาพั ก เป็ น โรงแรมแถบชานเมื อ ง โมเต็ ล ถู ก ๆ ที่ไม่มีคำถามใด ๆ ให้กวนใจนัก พวกเขาแค่ขอดูใบขับขี่ฉันเป็นพิธี และรับรู้อย่าง ง่าย ๆ ว่าฉันเป็นพวกหน้าเด็กกว่าอายุมากเท่านั้น ฉันขับรถไปที่ร้านขายของเก่าต้นเรื่อง จอดรถไว้ที่ข้างธนาคาร ลองเดิน สำรวจบริเวณนั้นโดยรอบ ร้านขายของเก่านั้นเป็นตึกแถวห้องเดียว กล้องวงจรปิด หน้าร้านคงทำไว้ตามข้อจำกัดของกฎหมาย ธนาคารตั้งอยู่ถัดไปอีกสองบล็อก ฉันเดินไปที่หน้าธนาคาร แล้วลองเดินกลับไปที่หน้าร้านขายของเก่าตรงที่ชาร์ลี ถูกถ่ายรูป เขาตัวเปล่า...คงจอดรถไว้ใกล้ ๆ ธนาคารแน่ ๆ พอเบิกเงินแล้วก็โยนไว้ ในรถ จากนั้นก็เดินมาทางหน้าร้าน ผ่านกล้องวงจรปิด...แล้วทำไมเขาถึงวางเงิน ตั้งห้าแสนไว้ในรถแล้วเดินดุ่มมาทางนี้แทนล่ะ ฉันเดินไปจนสุดหัวมุม พอหันขวาก็ได้เจอคำตอบ...โทรศัพท์สาธารณะ ตู้หนึ่งตั้งเด่นข้างถนน แต่ลับตาคนใช้ได้...ฉันเดินเข้าไปเช็กหมายเลขตู้แล้วจด ลงในสมุดบันทึก พอเดินออกจากตู้โทรศัพท์ก็ลองเดินต่อไปข้างในตรอกเล็ก ๆ ปรากฏว่าเป็นตรอกทางตันทั้งนั้น ฉันจึงเดินกลับออกมาทางถนนใหญ่ เขาไม่ได้เดินกลับทางเดิมหรอก ฉันบอกได้เลย เขาถอนเงินมาก้อนใหญ่ 24
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
กลับเดินตัวเปล่ามาถึงหน้าร้านขายของเก่ามาโทรศัพท์ แล้วเงินหายไปไหนกันล่ะ ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือมาจากกระเป๋าแล้วกดหาลุงอังเดรทันที “ลุงอังเดร นี่หนูนะ” ฉันพูด “หนูอยากได้เบอร์ที่โทร.ออกของโทรศัพท์สาธารณะเครื่องนึง เมื่อสามวันก่อนตอนสิบเอ็ดโมงถึงเที่ยง มีหมายเลขให้ด้วย จะเป็นไปได้ไหมคะ” “ได้น่ะได้...แต่ต้องใช้เวลาหน่อยละ” ลุงอังเดรว่า “แต่ถ้ามีหมายเลขคู่สาย ปลายทางมาเทียบด้วยละก็อีกเรื่องนึง อันนี้ตรวจสอบไม่ยาก” “แปลว่าต้องหาหมายเลขปลายทางก่อน ลุงถึงจะบอกหนูได้ว่ามีการโทร. จริงไหมงั้นเหรอคะ” “ประมาณนั้นแหละ” ฉันรับคำ แจ้งความคืบหน้าอีกสองสามประโยคก่อนตัดสายไป ฉันกลับไปพิจารณาอาคารสองบล็อกระหว่างร้านขายของเก่ากับธนาคาร ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ร้านอาหาร ไปรษณีย์ โรงยิมเก่า ๆ ซึ่งฉันค่อนข้างสะดุดตา เป็นพิเศษ คือมันมีช่วงเวลาที่เป็นแบบนี้เหมือนกัน คุณจะรู้สึกถึงลางสังหรณ์ ได้ ก ลิ่ น สั ญ ชาตญาณหรื อ อะไรก็ ต ามมั น วิ่ ง ขึ้ น มาตามเส้ น เลื อ ด ซึ่ ง ถ้ า คุ ณ หั น หลั ง หนี ท ำเป็ น ไม่ ส นใจ ความสงสั ย ใคร่ รู้ มั น จะตามหลอกหลอนคุ ณ ไป นานแสนนาน จนกระทั่งทนไม่ไหวต้องกลับมาที่เดิม ตรงบันไดทางเข้าโรงยิมมีป้ายตั้งเล็ก ๆ บอกชื่อฟิตเนส ‘Kastle’ แล้วก็ มี ตั ว อั ก ษรเล็ ก ๆ เคี ย งกั น บอกว่ า ‘เข้ า ได้ เ ฉพาะผู้ ช าย’ ซึ่ ง ฉั น ไม่ ไ ด้ ไ ร้ เ ดี ย งสา นั ก หรอกนะ ฉั น พอเข้ า ใจว่ า คนที่ เ ข้ า โรงยิ ม ที่ เ ข้ า ได้ เ ฉพาะผู้ ช ายคงไม่ ไ ด้ มี จุดประสงค์ที่จะเพาะกายอย่างเดียว “มองหาอะไรอยู่รึเปล่า” เสียงทุ้มห้าวของชายผิวสีคนหนึ่งดังขึ้นข้างหลัง ฉันหันขวับไปทันที ชั่วอึดใจ ฉันสำรวจการแต่งกายที่เป็นเสื้อกล้ามกางเกงยีน ท่ายืน กล้ามแขน ฉันไม่กล้าฟันธงหรอก ให้สักเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ก่อนละกัน สำหรับความเป็นไปได้ที่ชายคนนี้จะเป็นลูกค้าประจำโรงยิม “คื อ พวกเราเพิ่ ง เข้ า เมื อ งน่ ะ ค่ ะ ...ฉั น กั บ เพื่ อ น” ฉั น พู ด อย่ า งยิ้ ม แย้ ม “เพื่อนฉันเขาแบบว่า...มองหาที่ออกกำลังกายของพวกผู้ชายอยู่ คือเขาค่อนข้าง รักษารูปร่างน่ะค่ะ” 25
BiscuitBus
ใบหน้ า ของเขาดู ผ่ อ นคลายขึ้ น ก่ อ นที่ จ ะพู ด “...น่ า เสี ย ดายจริ ง พอดี เขาปิดชั่วคราวอยู่น่ะ มีไอ้บ้าคนหนึ่งมาเล่นแล้วเอาไปโพสต์ในบล็อกว่าเครื่อง ออกกำลังกายห่วยแตก เจ้าของโกรธจัดเลยสั่งปิดปรับปรุงใหม่เมื่อวานซืน” “อ๋อ...” ฉันพยักหน้าหงึกหงัก “แล้วจะกลับมาเปิดเมือ่ ไรพอจะทราบไหมคะ” “เอ...ไม่แน่ใจ ผมยังไม่ได้เช็กนะ พรุ่งนี้...หรือมะรืนละมั้ง” เขายักไหล่ ง่ า ย ๆ แล้ ว ก็ ห ยิ บ กระเป๋ า สตางค์ ตั ว เองขึ้ น มาเปิ ด “นี่ น ามบั ต รผม ผมเป็ น ผู้จัดการที่นี่” มันเป็นนามบัตรทั่วไปของสถานบริการ คือมีส่วนของการโฆษณาไปในตัว สิ่ ง ที่ ดึ ง ดู ด สายตาฉั น ที่ สุ ด คงเป็ น แผนที่ ด้ า นหลั ง นามบั ต ร มั น พู ด ถึ ง ที่ จ อดรถ หลังอาคารด้วย “ขอบคุณค่ะ คุณกอนซาเลส” ฉันยิ้มในหน้าด้วยความเป็นมิตรไมตรีที่สุด เอ่ ย ชื่ อ บนนามบั ต รเขาไป กอนซาเลสโบกมื อ ลาและขอตั ว ไป ส่ ว นฉั น เองก็ มี ที่ต้องไปตรวจสอบเหมือนกัน...ที่จอดรถด้านหลังอาคาร และถ้าเป็นไปด้วยดี มันน่าจะมีกล้องวงจรปิดสักตัวที่จับแคมป์เบลในวันนั้นได้...พร้อมรถ ฉันเดินเข้าไปด้านในที่จอดรถที่ใช้ร่วมกันอยู่ในละแวกนั้น มันเป็นที่ว่าง ไม่ มี อ าคาร และตอนนั้ น ก็ มี ร ถหลายคั น เข้ า จอดอยู่ ก่ อ นกว่ า ครึ่ ง ฉั น เงยหน้ า ขึ้นข้างบนมองภูมิประเทศ ที่นี่ปิดทึบดีมาก คือแม้ว่าคุณจะอยู่บนอาคารสูงกว่า ที่อยู่ล้อมรอบ ก็ใช่ว่าจะมองลงมาเห็นอะไร ๆ ที่ดำเนินไปตรงนี้โดยง่าย แต่โชค ยังเข้าข้างฉัน มีกล้องวงจรปิดสามตัวส่องลงมาตรวจตราอยู่รอบบริเวณ ฉันเดินเข้าไปที่ป้อมตรวจ มือควานหาของในกระเป๋า มันเป็นสมุดเก็บ นามบัตรที่ฉันเอามาเก็บบัตรอย่างอื่นจนเต็ม ฉันเปิดไปหน้าที่สาม หยิบบัตร ใบหนึ่งมาเก็บใส่กระเป๋าสตางค์ แล้วเริ่มพิจารณาเหตุการณ์ที่จะเกิดต่อไปคร่าว ๆ ในหัวเป็นเวลาสิบวินาที ก่อนจะเดินเข้าไปที่คนเฝ้าที่จอดรถ “ขอโทษค่ะ” ฉันทัก เขาซึ่งเป็นชายวัยรุ่นเชื้อสายละตินที่กำลังฟังเพลง จากไอพ็อดอย่างเมามันหันขวับ ประกายวูบวาบไหวอยู่ในตาสีดำคู่นั้นแวบหนึ่ง เมื่อเขาหันมาเห็นฉันเต็ม ๆ ตา ฉันยิ้มร่า นี่เป็นอีกหนึ่งวันที่ฉันขอบคุณพระเจ้า ที่เกิดมาเป็นผู้หญิง งานในบางส่วนถึงแนบเนียนไหลลื่นดีเช่นนี้ 26
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
“มีอะไรให้ช่วยเหรอครับ” เขาถาม สุภาพผิดภาพลักษณ์อย่างเห็นได้ชัด “ขอโทษค่ะ ฉันชื่อลอรี แบรนด์ มาจากบริษัทแอมเมอร์สันคาร์ฟอร์เร้นท์ น่ ะ ค่ ะ คื อ ยั ง ไงดี . ..” ฉั น เว้ น ช่ ว ง แสร้ ง หั ว เราะคิ ก คั ก ยกมื อ เปะปะไปตาม ขอบหน้ า ต่ า งบานเลื่ อ นป้ อ มตรวจ ทำเหมื อ นเป็ น สาวซุ่ ม ซ่ า มอายุ น้ อ ย “คื อ มันเกิดเหตุการณ์นิดหน่อย แบบว่า...มีคนเช่ารถไปน่ะค่ะ เป็นผู้ชาย แล้วเขา เอาไปเกินวันที่ลงบันทึกไว้น่ะค่ะ แล้วมีคนเช่าต่อ...” ฉันหยุดเว้นช่วงอีกครั้ง เหมือนนึกอะไรไม่ออก “มันสุดวิสัยจริง ๆ ค่ะ...” ฉันว่า “ฉันเป็นคนปล่อยรถให้เขา ไม่รู้เลยว่า ลูกค้าประจำจองไว้ ฉันเพิ่งได้งานด้วย แล้วหัวหน้าก็ต้องการโดยด่วน อ้อ... ฉันมีรปู เขาด้วยค่ะ” แล้วฉันก็หยิบรูปแคมป์เบลส่งให้ หนุม่ ละตินทีย่ ิม้ แป้นคนนัน้ รับไปเหมือนหุ่นยนต์ถูกโปรแกรม “เขาได้ผ่านมาทางนี้บ้างหรือเปล่าคะ” หนุ่มชาวละตินดูรูปแวบหนึ่ง เขาส่ายหน้าทันที “ไม่เคยเห็นนะ คุณแน่ใจ นะว่าเขาผ่านมาทางนี้จริง ๆ” “ฉั น ถามทางมาตลอด หลงไปหลายที่ แ ล้ ว ทางบริ ษั ท โทร.ตามฉั น เป็ น หนที่ร้อยแล้วด้วย ได้โปรดเถอะค่ะ” ฉันยกมือประสานที่อก งุ้มไหล่ขอความ เห็นใจ “ถ้าฉันไม่เจอรถวันนี้ฉันต้องตายแน่ ๆ เลย” เขาชั่งใจอยู่แวบหนึ่ง จริง ๆ ดูเหมือนตั้งใจเล่นตัวนั่นละ “เขาอาจไม่ได้ เข้ามาตอนกะของผม แต่อาจเข้ามากะของคนอื่น ผมจะเช็กเทปให้ละกัน” ฉันยิ้มกว้าง...คำนั้นแหละที่ต้องการ ฉันตีปีก และเมื่อเขากวักมือให้เข้ามา ฉันก็กระโดดหย็องแหย็งเข้าไปใน ป้อมตรวจอย่างดีอกดีใจ “เขาเช่ารถไปเมื่อไรนะ” หนุ่มละตินถาม “สามวันก่อนค่ะ ตอน...เช้า” ฉันว่า เขาหยิบเทปรักษาความปลอดภัย ลงวันที่สามวันก่อนมาเปิด ไล่ตั้งแต่ตอนแปดโมงเช้า เขาเร่งภาพไปข้างหน้าอย่าง รวดเร็ว แล้วกดหยุดเพื่อดูรายละเอียดในบางครั้ง แต่ฉันรู้ มันไม่มีอะไรน่าสนใจ หรอก จนเขาเปิดไปถึงตอนเที่ยง “เดี๋ยวค่ะ...” ฉันรีบพูดเมื่อเห็นภาพเหมือนหัวใครบางคนใส่หมวกราง ๆ อยู่ในรถฮุนไดสีเงิน ติดฟิล์มมืดเกือบทึบ หนุ่มคนนั้นรีบหยุดภาพให้ ก่อนจะ 27
BiscuitBus
กดสั่งให้เครื่องเล่นคลิปไปตามความเร็วปกติ พวกเราเฝ้ามองดูรถฮุนไดเข้ามาจอด ในที่จอด แล้วเขาก็ลงมาจากประตูด้านข้าง สุดหล่อแคมป์เบลที่เราต้องการตัว นี่เอง ฉันเม้มริมฝีปาก เกือบลืมตัวผิวปากหวือไปแล้ว ฉันรีบจำทะเบียนรถและ ลักษณะโดยรวมทันที แคมป์เบลเอ๋ย...นายเสร็จฉันแน่ ในขณะที่ฉันกำลังดื่มด่ำกับชัยชนะที่เหมือนกับลอยเข้ามาในกำมือ ภาพ ในเทปกล้องวงจรปิดดำเนินไป แล้วทันใดนั้น รถฮุนไดที่ปราศจากแคมป์เบล แล้วคันนั้นกลับเคลื่อนตัวถอยออกจากที่จอดรถ แล้วขับออกจากพื้นที่ที่กล้อง วงจรปิดตรวจตราได้ไปเงียบ ๆ กลายเป็ น ว่ า ชาร์ ลี แคมป์ เ บล มี ส ารถี นิ ร นามมาเป็ น เพื่ อ นถึ ง ธนาคาร เพื่อเบิกเงินห้าแสนดอลลาร์... ตามปกติหน้าที่หมาล่าเนื้ออย่างฉันก็แค่รู้ว่าต้องดมกลิ่นใคร ตามไป แล้ว จะลากถู ลู่ ถู กั ง กลั บ มาแบบไหนเท่ า นั้ น เอง ว่ า กั น ตามตรง พวกเราไม่ ค วร คิ ด อะไรนอกเหนื อ จากนั้ น คื อ ถ้ า คุ ณ เริ่ ม คิ ด ว่ า เหยื่ อ ที่ คุ ณ จั บ กำลั ง จะไปไหน ไปถึงมือใคร แล้วจะโดนทำอะไร เขาผิดจริงและสมควรถูกกระทำอย่างนี้ไหม มันจะทำให้เส้นที่เราขีดหน้าที่ไว้บางเบาลง และท้ายที่สุดความรู้สึกผิดมันจะกัดกิน คุณทั้งเป็น โดยเฉพาะการทำงานกับลุงเยทที่รับงานทุกประเภท ตั้งแต่ตามหา ลั ก พาตั ว เรี ย กค่ า ไถ่ จั บ ผู้ ร้ า ย หรื อ แม้ แ ต่ จ้ า งฆ่ า สามปี ที่ ฉั น เรี ย นรู้ ใ นการ พยายามไม่รับรู้ว่าคนที่ฉันจับไปจะมีชะตากรรมยังไงต่อ แต่ก็อย่างที่เห็น ๆ กันอยู ่ ฉันไม่ค่อยประสบความสำเร็จในเรื่องนี้สักเท่าไร อย่างเรื่องแคมป์เบลนี่ก็เหมือนกันกับเคสอื่น ๆ ฉันเม้มริมฝีปากแน่นเข้า อดไม่ ไ ด้ จ ริ ง ๆ ที่ จ ะสงสั ย ไปต่ า ง ๆ นานา และคำถามพั น ล้ า นที่ ว นเวี ย นอยู่ ใ น สมองฉันขณะนี้ ไม่ใช่คำถามที่ว่าใครที่มาธนาคารกับแคมป์เบล ไม่ใช่คำถาม ที่ว่าจริง ๆ แล้วเงินห้าแสนไปอยู่ที่ไหน ไม่ใช่คำถามที่ว่าแคมป์เบลโทร.หาใครในวัน เบิกเงิน และทำไมลุงเยทต้องเจาะจงฉันทำเคสนี้... แต่เป็นคำถามที่ว่า ชาร์ลี แคมป์เบล ขโมยเงินสินสมรสของเขากับภรรยา จริงหรือ 28
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
ฉั น ดึ ง ตั ว เองกลั บ มาที่ เ ดิ ม และกลั บ มาสวมบทบาทเดิ ม ทั น เวลา และ ไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณชายละตินแปลกหน้า “ขอบคุณค่ะ คุณมีน้ำใจมากเลย คุณ...” “มาร์คครับ มาร์ค ซิมม่อน ไม่เป็นไรมิได้ครับ คุณแบรนด์” “เรียกว่าลอรีก็ได้ค่ะ” ฉันโปรยยิ้ม ใครจะไปรู้ ฉันอาจจะต้องพึ่งเขาอีก ก็ได้ หลังจากออกมาจากที่จอดรถ ฉันกดโทรศัพท์หาลุงอังเดรทันทีที่ลับตาคน “ลุงอังเดร หนูเองนะ” ฉันรีบพูด “หนูอยากเช็กรถเช่าคันนึง ฮุนไดสีเงินสี่ประตู ทะเบียน...” แล้วฉันก็บอกตัวเลขกับตัวอักษรไป ลุงอังเดรรับคำแข็งขัน เขา บอกว่าสามารถจัดหาชื่อบริษัทและคนเช่าได้ในสิบห้านาที ฉันวางสาย กลับมาที่รถ จดทบทวนรายละเอียดลงบนสมุดบันทึกอีกครั้ง สิบห้านาทีต่อมาลุงอังเดรก็โทร.เข้า “เจมส์ มอนโกเมอรี่ ชื่อของคนที่เช่ารถฮุน ไดสีเงิน ไปเมื่อสามวัน ก่อน จากอู่ซ่อมรถและรถเช่านอกเมือง อู่เพื่อนลุงเอง” “ขอบคุณค่ะ ลุงอังเดร เรารู้แล้วว่าแคมป์เบลใช้ชื่อปลอมชื่อนี้ ต่อไป เราคงต้องหา...” “รายงานบัตรเครดิต ลุงรู้ จัดการให้แล้ว” ลุงอังเดรพูดขึ้น น้ำเสียงโอ่ นิด ๆ ตามนิสัย “ล่าสุดไอ้คุณเจมส์ใช้จ่ายค่าโมเต็ลนอกเมืองที่หนึ่ง จ่ายล่วงหน้า ตั้งแต่เมื่อวาน ลุงส่งแผนที่ไปให้แล้ว ทีนี้บอกซิว่าใครเป็นป๋า...” “ลุงอังเดรน่ารักที่สุดในโลก” ฉันหยอดคำหวาน ลุงอังเดรหัวเราะคิกคักมา ตามสายอย่างพึงพอใจ โมเต็ ล ที่ แ คมป์ เ บลพั ก อยู่ ห่ า งจากที่ ที่ ฉั น อยู่ พ อควร ขั บ รถไปใช้ เ วลา หนึ่งชั่วโมงเกือบเต็ม พอไปถึงอะไร ๆ ก็ค่อนข้างง่ายเข้า ไม่หรอก...เราไม่ควร เดินดุ่ม ๆ เข้าไปที่ประชาสัมพันธ์ถามถึงแคมป์เบล หรือเจมส์ มอนโกเมอรี่ ตรง ๆ เพราะหากเหยื่อของเราตัดสินใจเดินออกมาสั่งอาหารค่ำหรือเล่นพูล อาจมีคนเผลอ บอกเขาอย่างหวังดีไปก็ได้ว่ามีคนมาตามหา เราไม่ต้องการเช่นนั้น อย่างแรก ที่ฉันทำคือขับรถวนรอบโมเต็ลด้านนอกหนึ่งรอบ มองทางหนีทีไล่ 29
BiscuitBus
ที่ นี่ ภู มิ ป ระเทศแห้ ง แล้ ง ถนนสายเดี ย วที่ ผ่ า นคื อ เส้ น ที่ ฉั น ใช้ ขั บ มา โมเต็ลก็...เรียกว่าถ้าคุณไม่หิว ไม่ง่วง หรือไม่อับจนหนทางจริง ๆ ที่นี่คงเป็น ที่ท้าย ๆ ที่คุณจะตัดสินใจแวะพักค้างคืน ทำเลดีมากอีกแล้ว คุณแคมป์เบล แล้วฉันก็ขับรถเข้าไปข้างใน ที่นี่เล็กมาก ที่จอดรถที่จุได้ครึ่งหนึ่งของ จำนวนห้อง ตอนนี้มีจอดอยู่แค่สองสามคัน และคันซ้ายในสุดนั่นแหละ ฮุนได สี เ งิ น ที่ เ ราต้ อ งการ หลั ง จากจดหมายเลขที่ จ อดรถในสมุ ด บั น ทึ ก ฉั น ก็ ไ ม่ ลื ม ที่จะใช้เวลาสิบห้าวินาที ทำเป็นว่าของหล่นออกจากรถ และฉวยโอกาสที่ก้มลง ติดอุปกรณ์ส่งสัญญาณใต้ท้องรถด้านหลัง ก่อนที่จะกลับมาที่นั่งคนขับอย่างไม่มี อะไรเกิดขึ้น โรงแรมบางแห่งที่มีที่จอดรถจำกัดจะกันที่ไว้ให้แขกบางท่านที่เช่าห้องระดับ สนนราคาสูง หรืออาจชาร์จราคาแยกจ่าย แต่ไม่วา่ จะวิธใี ด มันมีความเป็นไปได้สงู ที่เจ้าของรถต้องลงชื่อจองที่จอด ฉันเลี้ยวรถมาจอดหน้าประชาสัมพันธ์ คิดว่านะ...เพราะจากที่ฉันเดินเข้าไป มันมีแค่โต๊ะเก่า ๆ พนักงานชายท้วม ๆ ใส่เสื้อจั๊มเปอร์แก่ ๆ สูบบุหรี่เหม็นคลุ้ง “ว่าไง” เขาทักทันทีที่เปิดประตู ดวงตาเป็นประกายวาววับในแบบที่ไม่น่า ไว้วางใจ “วันนี้วันเกิดฉันหรือไง ทำไมมีสาวน้อยหน้าตาน่ารักโผล่มาได้ล่ะเนี่ย” “พอดีหนูนัดกับเพื่อนไว้แล้วหลงทางน่ะค่ะ เขาบอกว่าอยู่โรงแรมอะไร สักอย่าง” ฉันพยายามทำเป็นยิ้มแห้ง ไม่สนใจสายตาลามเลียอย่างน่ารังเกียจ ที่กำลังสำรวจฉันหัวจรดเท้า “เพื่อนหนูขับฮุนไดสีเงิน เห็นบ้างหรือเปล่าคะ” “เธอเป็นลูกค้าคนแรกของวันนี้นะจ๊ะ สาวน้อย” เขาพูดเสียงต่ำน่าขนลุก “อายุเท่าไรแล้วล่ะเรา สิบแปดหรือยัง” “แต่...เมื่อกี้หนูเห็นฮุนไดคันหนึ่งตรงที่จอดรถด้วย มันเหมือนของเพื่อน มากเลยค่ะ เธอชื่อเชอร์ริล อาร์แลน” “เรามีอัน ย่าอยู่ที่ห้องสองศูน ย์สาม แต่คงไม่ใช่เ พื่อนหนูหรอก...” เขา เว้นช่วง “นอกจากหนูจะพิจารณาอาชีพเต้นรูดเสาน่ะนะ” “อ๋อ ค่ะ...” ฉันรับคำ หน้าเริ่มแดงขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะอายหรือโกรธ แต่ ธุระฉันยังไม่เสร็จ ฉันต้องยืนยันว่ารถคันนั้นเป็นของแคมป์เบลจริงไหม “ถ้างั้น 30
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
ช่วยเช็กชื่อเชอร์ริล มอนโกเมอรี่ ได้ไหมคะ บางครั้งเธอชอบใช้นามสกุลของแม่ น่ะค่ะ” “มอนโกเมอรี่” เขาทวนคำ เลิกคิ้วสูง “ไอ้ผู้ชายที่อยู่ห้องหนึ่งศูนย์ห้านี่นา” บิงโก... “ผู้ชายเหรอคะ” ฉันแสร้งทำคิ้วยุ่ง “แสดงว่าเชอร์ริลเอารถคันอื่นมาแหง... ขอบคุณนะคะ” ฉันรีบยิ้มเร็ว ๆ ก่อนจะเผ่นแผล็วออกจากห้องนั้น แล้วกระโดด ขึ้นรถขับออกไปทันที เมื่อผ่านไปประมาณเกือบหนึ่งกิโลเมตร เห็นว่าป้ายโมเต็ลลับตาไปแล้ว ฉันก็จอดรถข้างทาง เปิดแล็ปท็อปสำรวจอุปกรณ์ส่งสัญญาณ มันทำหน้าที่ได้ ไม่มีปัญหา จากนั้นก็รีบโทร.หาลุงอังเดรทันที “ลุงอังเดร หนูเจอแคมป์เบลแล้ว” ฉันรีบรายงาน เว้นช่วงให้ลุงอังเดร ทำเสียงจึ๊กจั๊กอย่างพอใจอยู่ครึ่งวินาทีก่อนจะพูดต่อ “แต่อย่าเพิ่งรายงานลุงเยท ได้ไหม” “อ้าว...” เขาประท้วงมาตามสาย “หนูว่าเรื่องมันประหลาด ๆ น่ะ” ฉันท้วง “สามวันแล้วนะที่แคมป์เบลได้ ห้าแสนไป เขาจะซุ่มทำอะไรอยู่แถวนี้อีก ป่านนี้น่าจะออกจากอเมริกาไปได้แล้ว ด้วยซ้ำ” “ทวีตตี้” ลุงอังเดรผ่อนเสียงอย่างใจเย็น “เราไม่ใช่ตำรวจ ไม่จำเป็นต้องรู้ ไปทั้งหมดหรอก ลูกค้าเราน่ะ...” “ใช่เลยค่ะ ลูกค้าเราเป็นใครคะ” “อะไรนะ” “หนูถามว่า ใครเป็นคนจ้างเราตามตัวแคมป์เบล หนูพอเดาออกอยู่แล้วว่า ไม่ใช่งานรัฐ ตอนแรกคิดว่าชอนน่า แคมป์เบล เป็นคนจ้าง แต่ในแฟ้มกลับไม่มี ข้อมูลแนวผัวเมียละเหี่ยใจ จนหนูต้องไปถามเอาจากบาร์เทนเดอร์ ตอนนี้เลย ชักไม่มั่นใจ” “ไม่ใช่ชอนน่าหรอก ราล์ฟ แมคคีย์ ต่างหาก พ่อตาน่ะ” ขากรรไกรฉันเปิดค้างอย่างไม่ตั้งใจ นิ้วชี้ขยับเคาะบนหน้าขา เริ่มจะเห็น 31
BiscuitBus
ภาพราง ๆ “หนูว่าหนูคิดอะไรออกแล้วละ ลุงอังเดร เตรียมติดต่อขอหมายเลข โทร.ออกจากตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ธนาคารตามไอดีที่หนูให้ไว้ได้เลย” “มีเบอร์ที่จะเช็กแล้วเหรอ” “แน่นอน เบอร์ของชอนน่า” “เฮ้ย!” ลุงอังเดรร้องเสียงสูงมาตามสาย “ไม่ใช่แค่นั้น หนูต้องการคุยกับชอนน่าด้วย มีทางไหนเป็นไปได้ไหม” “มีมันก็มี...” ลุงอังเดรเสียงอ่อน เหมือนว่าเขาพอจะรวบรวมสติได้บ้างแล้ว “แต่แมคคีย์คนพ่อห้ามเด็ดขาดไม่ให้เราคุยกับลูกสาวเขา งานจะเสียนะ” “รั บ รองว่ า หนู จ ะไม่ บ อกชื่ อ จริ ง ” ฉั น ประชด เราทั้ ง คู่ รู้ กั น อยู่ แ ล้ ว ว่ า นอกจากชื่ อ แม็ ก ซ์ ที่ ยื ม พ่ อ มาใช้ ก็ มี แ ต่ ฉ ายาทวี ต ตี้ ที่ พ่ อ ใช้ เ รี ย ก มั น ไม่ ใ ช่ ชื่ อ ด้วยซ้ำ มันเป็นนกเหลืองในการ์ตูนลูนี่ย์ตูนส์ “โอเค...ค่ำนี้ชอนน่าจะไปปรากฏตัวในปาร์ตี้เปิดสถานบันเทิงในโรงแรม ฮาร์ดร็อค คงมีแค่โอกาสเดียวแค่นั้น” ฉันเบ้ปาก พอจะนึกสถานการณ์ข้างหน้าได้ราง ๆ ประกอบด้วยเครื่อง สำอาง กระเป๋า รองเท้าส้นสูง และชุดราตรี ฉันตัดสินใจไม่คิดต่อ “ลุงเตรียม เครื่องแต่งตัวให้หนูทันไหม พวกชุด เครื่องสำอาง” และโดยไม่คาดคิดที่สุด ลุงอังเดรกลับตอบกลับมาว่า “อันนั้นเยทบอก ให้เตรียมไว้ตั้งแต่แรกแล้ว” ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าคำอธิบายของเหล่าชุดราตรี กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง ราคาแพงที่ลุงอังเดรขนมาวางกองตรงหน้าฉันมันจะเป็นคำอธิบายง่าย ๆ อย่างเช่น เพราะลุงเยทมีสัมผัสที่หก หรือมันจะเป็นคำอธิบายที่ซับซ้อนกว่านี้ อย่างเช่น... เขารู้อยู่แล้วว่าฉันต้องอยากเจอชอนน่า หรือราล์ฟ หรือจะเป็นคำอธิบายกึ่งง่าย กึ่งซับซ้อนอย่างเช่น ลุงเยทแค่เตรียมทรัพยากรที่เหมาะกับพื้นที่ให้หมาล่าเนื้อ ตามประสาเจ้าของฝูงที่ดีก็เท่านั้น ไม่ใช่ว่าฉันบ่นเพราะแต่งตัวใช้เครื่องสำอางพวกนี้ไม่เป็น ฉันใช้เป็น เป็น ทักษะหนึ่งที่ต้องเรียนรู้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ทีเดียว ลองนึกดูสิ ตอนที่ฉันเร่ร่อนทำงาน 32
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
แรก ๆ ฉันอายุสิบสาม ขับรถตะลอน ๆ กลางค่ำกลางคืน บางครั้งก็มีเหยื่ออยู่ เบาะหลัง บางครั้งก็มีอยู่ท้ายรถ นาน ๆ ครั้งฉันก็ถูกตำรวจเรียกตรวจใบขับขี่ แล้วจะทำยังไง ไม่ว่าจะร่างกายหรือหน้าตามันพร้อมใจกันร้องตะโกนว่า ‘นี่มัน เด็กอายุต่ำกว่าเกณฑ์ชัด ๆ เลยนะ’ และในยุคที่เด็กไฮสกูลทุกคนอยากจะเที่ยวผับ ตั้ ง แต่ ก่ อ นอายุ สิ บ แปด แค่ เ ห็ น หน้ า ฉั น ไม่ ต้ อ งรอดู พ าสปอร์ ต หรื อ ใบขั บ ขี่ ตั้งอคติไว้ก่อนเห็นได้เลยว่าของปลอม นั่นแหละ การแต่งหน้าจึงเข้ามาเกี่ยว ไม่ใช่แค่การแต่งหน้าแต่งตัวเท่านั้น แต่การเลียนแบบบุคลิก การยิ้ม หัวเราะ ตอบโต้บทสนทนา ก็จำเป็นต้องฝึก อีกด้วย เอกสารประจำตัวที่ฉันเพิ่งทำเป็นครั้งแรกในชีวิตตอนอายุสิบสาม มัน ระบุว่าฉันอายุสิบแปด เวลาอายุตัวฉันกับในบัตรห่างกันห้าปีเหมือนห้าล้านปีแสง ฉั น ต้ อ งทำให้ ค นแปลกหน้ า ที่ พ บฉั น ที่ ใ ดก็ ต ามสามารถสรุ ป ในหั ว ได้ ว่ า ‘เด็ ก นี่ มันแค่เตี้ยและหน้าเด็กมาก’ และไม่นึกสงสัยว่าฉันอายุเท่าไร วันนี้การออกงานสังคมของฉันมันไม่ใช่ครั้งแรกหรอก ฉันเคยปลอมตัว เข้าไปเนียนในงานหรู ๆ แบบนี้ แต่ก็แค่สองครั้ง เป็นสองครั้งที่ฉันทำงานลำบาก ที่สุด ไม่รู้จะเก็บปืนไว้ไหน ไม่รู้จะดื่มหรือกินอะไร ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไร ไม่รู้ จะทำยังไงเมื่อมีผู้ชายบางคนพยายามเข้ามาคุย จะตามเป้าหมายก็ยาก ฉันขอ งานตรงไปตรงมาอย่างถือปืนเข้าไปซ้อมเหยื่อแล้วมัดเก็บไว้ท้ายรถดีกว่า สำหรับวันนี้ ฉันต้องกลายเป็นสาวทำงานอายุยี่สิบห้า อาจจะเป็นพวก คอลัมนิสต์ ผมที่เคยถักสองเปียก็คลายออกเกล้ามวยเก็บไว้ที่ท้ายทอย ปล่อย ไรผมคลอเคลี ย ขมั บ ไว้ ข้ า งหนึ่ ง อวดตุ้ ม หู เ พชรคู่ โ ต แน่ น อนว่ า ของปลอม แต่ใครจะไปสน งานเปิดสถานบันเทิงหรือผับของคนรวยมันก็ครึ้ม ๆ ทึม ๆ อยู่แล้ว ฉันเลือกเดรสสีดำล้วนคอเต่า แขนกุดเว้าเข้ามาโชว์หัวไหล่ ฉันไม่อยากแต่งตัว เปิดเผยจนดึงความสนใจ หรือมิดชิดเกินไปจนเป็นที่จดจำและสังเกต รองเท้าดำ ส้นสูงแบรนด์เนม อภินันทนาการจากลุงอังเดร เขาบอกว่าซื้อให้ฉันไว้นานพอดู แล้ว สักวันอยากให้ฉันลองใส่ ฉันยัดกระบอกปืนลงในกระเป๋าถือ หันมาทางลุงอังเดร “ลุงช่วยหนูอย่างนึงได้ไหมคะ” ฉันถามพลางยัดเท้าลงในส้นสูงที่เตรียมไว้ 33
BiscuitBus
“มีนักเต้นชื่ออันย่าในโมเต็ลของชาร์ลี หนูอยากซื้อตัวเธอเป็นสาย ไม่ต้องถึงกับ ทุกย่างก้าว แต่ถ้ามีใครมาหาชาร์ลี หรือเขาเช็กเอ๊าต์ ให้เขาโทร.บอกเราได้ไหมคะ” “ลุ ง จั ด การได้ แค่ นี้ เ อง” เขาบอก นั ย น์ ต าพราวพรายสำรวจตั ว ฉั น หัวจรดเท้า ไม่ใช่แววตาวิบวับน่ารังเกียจเหมือนตาแก่จั๊มเปอร์ที่โมเต็ลนั่น แต่ แววตาของลุงอังเดรเป็นแววตาแห่งความภาคภูมิใจ ชื่นชม “อย่ า ร้ อ งไห้ น ะลุ ง ” ฉั น รี บ ปราม “ไม่ อ ยากเชื่ อ เลยว่ า ลุ ง จะระบุ ชื่ อ หนู มาทำงานเคสนี้ซะเอง ลุงก็รู้ว่าหนูเกลียดพวกมีอันจะกิน” ดวงตาลุงอังเดรเบิกกว้าง มืออวบอูมเปะปะไปมาเหมือนวางไว้ตรงไหน ก็ไม่ถูก “รู้ได้ยังไง” เขาละล่ำละลัก “ทวีตตี้รู้ได้ยังไงว่าลุงขอหนูมาทำงานที่นี่ เป็นกรณีพิเศษ” “เพิ่ ง แน่ ใ จเมื่ อ กี้ แ หละ ตอนแรกก็ ส งสั ย เคสนี้ มั น อะไรนั ก หนา แค่ นักโกงเงินมือสมัครเล่น หมาล่าเนื้อที่ไหนก็ทำได้” ฉันว่าพลางตรวจสอบความ เรียบร้อยโดยรวมในกระจก “แต่พอคิดกลับกัน ไม่ใช่ว่ามีคนต้องการให้หนูทำ เคสนี้ แต่เพราะไม่อยากให้หนูทำเคสที่กำลังจะทำมากกว่า” ฉันถอนหายใจ มองเห็นลุงอังเดรทำหน้าเหมือนกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง อยู่ในกระจก “ลุงรู้ว่าหนูกับกิบบอนกำลังจะไปทำงานอะไรใช่ไหมคะ ทำไมล่ะ แค่ขับรถให้กิบบอนเฉย ๆ เอง หนูไม่ใช่คนที่ต้องเหนี่ยวไกซะหน่อย” ลุ ง อั ง เดรเอามื อ หนามาประทั บ บ่ า ทั้ ง สองข้ า งของฉั น เขาเม้ ม ปากแน่ น ก่อนจะพูดขึ้น “เยทเป็นคนฉลาด เป็นเจ้าของฝูงที่ดี แต่เขาไม่ใช่คนดี เขาจะให้ กิบบอนติดรถหมาล่าเนื้อที่ไหนไปก็ได้ แต่ทำไมต้องเป็นหนู ถามทีเถอะ กิบบอน ไม่ได้พูดอะไรกับหนูบ้างเลยเหรอ” แทบจะไม่ ต้ อ งรวบรวมข้ อ มู ล อะไรมาก ฉั น คิ ด ออกทั น ที “ที่ แ ท้ ก็ เ ป็ น แบบนี้...” ฉันพูดเสียงเรียบ “ลุงเยทวางแผนจะจัดฉากให้หนูฆ่าอาบัคจิโอ้ซะเอง เขาอยากให้หนูเลื่อนขั้นมาเป็นมือปืน” ลุ ง อั ง เดรพยั ก หน้ า แต่ ฉั น หั ว เราะเบา ๆ “ถึ ง จะพอใจฐานะหมาล่ า เนื้ อ แต่หนูก็ไม่รังเกียจเรื่องฆ่าคนนะคะ” “อย่ า พู ด อย่ า งนั้ น ” ลุ ง อั ง เดรว่ า “สิ่ ง ที่ เ กิ ด ขึ้ น เมื่ อ สามปี ก่ อ นคื อ หนู ยิ ง 34
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
ป้องกันตัว แต่การฆ่าเพื่อความพึงพอใจทางอื่นมันต่างกัน มันจะเปลี่ยนชีวิตไป ทั้งชีวิต และจะหันหลังกลับไปไม่ได้อีก” ดวงตาของลุงอังเดรแวววับ เขาทำหน้าเหมือนอยากจะบอกบางอย่างเพิ่ม แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่พูด ได้แต่ใช้มือประคองใบหน้าของฉัน มองลึกลงไป เหมือนกำลังมองหาแม็กซ์จากตรงไหนสักที่ในฉัน ก่อนจะพูดขึ้น “ไปทำงานได้แล้ว แม็กซ์” เวลา ๒๐.๐๐ น. โดยประมาณ ฉันขับรถมาถึงที่โรงแรมฮาร์ดร็อค สถานการณ์ ข้างหน้าในหัวที่คิดไว้เตรียมพร้อม ปืน .๓๒ ซุกอยู่ในกระเป๋าถือ ด้านในบรรจุ ลู ก เต็ ม จริ ง ๆ ฉั น ไม่ คิ ด จะเอามาใช้ ห รอก แต่ ใ นสายงานนี้ การเตรี ย มอาวุ ธ พร้อมไว้ก่อนเป็นเรื่องดี มือถือที่จับสัญญาณติดตามตัวชาร์ลีอีกหนึ่งเครื่อง และ กระเป๋าสตางค์ที่วันนี้ฉันหยิบเอาใบขับขี่นำโชคมาด้วย จริ ง ๆ แล้ ว ฉั น มี ใ บขั บ ขี่ แ ละพาสปอร์ ต หลายชุ ด หลายชื่ อ ซึ่ ง แน่ น อนว่ า ไม่มีของจริงสักชุด เพราะฉันไม่มีชื่อนามสกุลเป็นของตัวเอง แต่มีพาสปอร์ตและ ใบขับขี่อยู่ชุดหนึ่งที่ลุงอังเดรทำให้เป็นชุดแรกเมื่อตอนอายุสิบสาม หลายเดือนแรก ฉันทำงานโดยใช้บัตรใบนี้ มันพิเศษตรงที่ว่าลุงอังเดรสร้างตัวตนให้ฉันในชื่อนี้ อย่างครบวงจร ฉันสามารถใช้ชื่อนี้เปิดบัญชีธนาคารได้อย่างถูกต้อง สามารถ เอาชื่อนี้ไปเลือกตั้งได้ด้วยซ้ำ เพราะอย่างนั้นมันจึงเป็นชื่อที่ฉันใช้เก็บเงินรายได้ จากการทำงาน และในเมื่อฉันไม่เคยมีชื่อ ชื่อที่ปรากฏในบัตรใบนี้จึงถือว่าเป็น ชื่อจริงนามสกุลจริงของฉัน แม้ว่าลุงอังเดรกับฉันจะตกลงใจปรับเปลี่ยนปีเกิด เพื่อความสะดวก แต่วันและเดือนเกิดเป็นของจริง ฉันเดินบนทางเข้าด้วยรองเท้าส้นสูง พยายามบอกตัวเองให้หลังไหล่ตรง สอดส่ายสายตาหากลุ่มผู้หญิงที่กำลังเดินเข้างาน ไม่ใช่ชอนน่า...เพราะแม้เธอ จะมา ก็ มี โ อกาสน้ อ ยที่ เ ธอจะอยู่ ใ นกลุ่ ม คน สิ่ ง ที่ เ กิ ด ขึ้ น กั บ เธอเมื่ อ เร็ ว ๆ นี้ มักจะทำให้สัญชาตญาณการโดดเดี่ยวของผู้หญิงธรรมดา ๆ ทำงาน เพราะฉะนั้น เป็นไปได้สูงว่าเธอจะมาช้า...หรือให้เดาแบบมองโลกในแง่ร้ายสุด ๆ คือไม่มาเลย เพราะฉะนั้นแทนที่ฉันจะระหกระเหินไปทั่วห้องพลางถือแก้วแชมเปญตัวคนเดียว 35
BiscuitBus
ลงท้ายด้วยการเดินหนีสุภาพบุรุษที่พยายามจะสร้างบทสนทนา และจบด้วยการ เป็นที่สังเกตและจดจำได้อย่างไม่พึงประสงค์ ฉันควรหากลุ่มคนที่ฉันจะใช้เป็น หลุมหลบภัยจะดีกว่า หญิงสาวคนหนึ่งในชุดผ้าไหมสีครีมชมพู ผ้าคลุมไหล่ขนปุยสีขาว ผม ของเธอสีบลอนด์ จัดทรงให้รวบไปด้านข้างอย่างตั้งใจ รองเท้าส้นสูงของเธอ สีเดียวกับชุดกระโปรง กระเป๋าปักเลื่อมสีขาว คาดด้วยสายตาเธอคงอายุประมาณ ยี่สิบสี่...ไม่สิ ยี่สิบห้ามากกว่า เธอมากับเพื่อนอีกสองคน เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง ที่แต่งตัวด้วยเสื้อสีเขียวพลิ้ว ๆ กับกางเกงยีนดำและบู๊ต และเพื่อนอีกคนที่เป็น ชายผิวขาวตัวเตี้ย จากเสื้อลายละลานตากับรองเท้านั่น พนันได้เลยว่าเป็นเกย์ น่าสนใจ...ดูแต่งตัวดี เพื่อนสองคนคนละสไตล์ลุง แต่ดูสนิทสนมน่าดู คิดว่าคงเป็นคนใจกว้างระดับหนึ่ง อย่างนี้คงสนิทกับคนแปลกหน้าไม่ยาก ฉัน ตัดสินใจเดินเข้าไปหาเธอ “ขอโทษนะคะ” ฉันชี้ไปที่รองเท้าหล่อน “คือฉันมองจากตรงนั้นแล้วสงสัย มาพักนึงแล้ว นั่นเวร่า แวงคอลเล็กชั่นลาเวนเดอร์หรือเปล่าคะ” สวย...คำแรกที่ฉันคิดเมื่อมองเธอตรง ๆ คิ้วเข้ม ตาคมแต่งไว้โดดเด่น ขั บ สี เ ขี ย วตามธรรมชาติ ใ ห้ ยิ่ ง สว่ า ง เข้ า กั บ ผมสี บ ลอนด์ เ ข้ ม อย่ า งเหมาะเจาะ ยิ่งเธอยิ้มด้วยริมฝีปากสีสดนั่นยิ่งสว่างไปทั้งหน้า เธอยิ้ ม ให้ ฉั น พลางอุ ท าน มื อ ข้ า งหนึ่ ง ทาบไว้ กั บ อก “ว้ า ว...” เธอร้ อ ง “รู้ด้วยเหรอคะ ฉันน่ะแฟนตัวจริงของแวงเลยละ มีทั้งน้ำหอม เสื้อ รองเท้า...” “ไม่ถึงอย่างนั้นหรอกค่ะ” ฉันตอบตามจริง เรื่องแบบนี้ฉันแค่เตรียมไว้ นิดเดียวจากข้อมูลออนไลน์ “คือพี่สาวฉันน่ะค่ะ เขาเพิ่งหมั้น แล้วสนใจแฟชั่น ชุดแต่งงานของแวง ทางนี้เลยพลอยได้เห็นอะไรต่อมิอะไรไปด้วย” “ฉันก็เหมือนกันค่ะ...” เธอบอกกลั้วเสียงหัวเราะคิกคัก “หมั้นแล้วเหรอคะ” ฉันรีบถาม “ไม่ ใ ช่ ห รอกค่ ะ คื อ ...หวั ง ไว้ ใ นอนาคต” เธอยิ้ ม เขิ น ๆ “ฉั น อลิ ช า เทรนตัน ค่ะ” เธอยื่นมือน้อยออกมาข้างหน้า ฉันก็คว้าไว้ทันทีไม่รั้งรอ “วินเทอร์ค่ะ” ฉันบอกนามสกุลไปเปล่า ๆ 36
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
อลิ ช าแนะนำเพื่ อ นสองคนให้ ฉั น รู้ จั ก เพื่ อ นสาวที่ ใ ส่ ยี น กั บ เสื้ อ เธอชื่ อ เคซี่ มาร์ติน อีกคนที่เป็นเกย์ เขาโบกนิ้วก้อยผ่านหน้าฉันแล้วแนะนำตัวเองแค่ว่า เจสซิ เ บล เมื่ อ เราทั้ ง สี่ ค นเดิ น เข้ า นั่ ง จั บ จองล้ อ มรอบโต๊ ะ ตั ว หนึ่ ง ฉั น ก็ ถื อ ว่ า ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการสร้างป้อมหลบภัยชั่วคราวในงานนี้ บรรยากาศในห้องเป็นแบบผับแดนซ์ มีฟลอร์ให้เต้น เว้นแต่เจ้าของจงใจ ตกแต่ ง ในบรรยากาศกึ่ ง ๆ โอเปร่ า เฮ้ า ส์ คื อ โซฟาถู ก บุ ด้ ว ยกำมะหยี่ แ ดง เวที จั ด นางโชว์ ใ นชุ ด คอร์ เ สตกั บ ถุ ง น่ อ งตาข่ า ย ดู ค ล้ า ย ๆ พวกกระต่ า ยเพลย์ บ อย ที่ไม่ใส่หู พวกเธอต่างเต้นกันอยู่บนเวทีคนละมุมห้องเพื่อสร้างบรรยากาศ แม้แต่ บาร์เทนเดอร์ยังสวมเสื้อกั๊กกับหูกระต่ายด้วย หลุมหลบภัยของฉันคุยสนุกทีเดียว แทนที่จะนั่งดื่มค็อกเทลฆ่าเวลาและ ฝืนใจเออออเป็นพัก ๆ แต่ฉันสนุกไปกับพวกเขาจริง ๆ อลิชาสาวน้อยช่างฝัน เธอกำลังเรียนเอกวรรณคดี มีพ่อแม่ทำกิจการนำเข้ารถยนต์ และมีพี่ชายอยู่ หนึ่งคนที่ฉันสังเกตว่าเธอเลี่ยงจะพูดถึงทุกครั้งที่บทสนทนาวกมาจ๊ะเอ๋กับหัวข้อ พี่ น้ อ ง ส่ ว นเคซี่ พ่ อ ของเธอทำงานกั บ พ่ อ อลิ ช า เป็ น คล้ า ย ๆ ผู้ จั ด การ และ เจสซิเบลกำลังเรียนด้านดีไซน์ เขาเล่าถึงประวัติศาสตร์แฟชั่นน้ำไหลไฟดับโดย ไม่ยอมพูดถึงรายละเอียดครอบครัวเลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนฉัน แน่นอนว่าใครจะไปเล่าเรื่องทำงานเป็นหมาล่าเนื้อตั้งแต่เด็กกันล่ะ ฉันก็ต้องโม้ไปตามประสา พี่สาวกำลังจะแต่งงาน พ่อทำธุรกิจจัดหางาน และฉัน ที่หนีมาเที่ยวแก้กลุ้มที่ลาสเวกัส เมื่อบทสนทนามันวนเวียนอยู่กับพวกเรา และ ไม่ มี ใ ครมี ที ท่ า จะอยากนิ น ทาคนอื่ น ฉั น ก็ ต้ อ งจำใจเก็ บ เรื่ อ งหาข้ อ มู ล ชอนน่ า ไว้กับตัวก่อน เวลา ๒๑.๐๐ น. โดยประมาณ แขกเหรื่อเริ่มหนาตา ทั้งสุภาพสตรีและ สุภาพบุรุษ มีหญิงสาวและชายหนุ่มหลายคนผลัดกันวนเวียนมาทักทายอลิชาและ ผองเพื่อนประปราย เสื้อผ้าหน้าผมของฉันวันนี้ทำงานได้ค่อนข้างน่าพอใจ เพราะ ไม่มีใครสักคนที่มีท่าทีสนใจจะจำชื่อผู้หญิงชุดดำเรียบ ๆ ที่นั่งอยู่ในมุมสงบของโต๊ะ ค็อกเทลที่วางอยู่ตรงหน้าพวกเรากลายเป็นแก้วไวน์และวิสกี้ บรรยากาศ คึกคักขึ้น เริ่มมีเสียงเพลงเร้าอารมณ์มากขึ้น เคซี่เริ่มพูดเป็นต่อยหอย เห็นชัดว่า 37
BiscuitBus
แอลกอฮอล์มีผลกับเธอมากที่สุดในพวกเรา ส่วนฉันที่แอบลองชิมเหล้าของแม็กซ์ มาแต่เด็ก มีภูมิต้านทานน้ำเมามากพอควร ถือว่าอยู่ในสถานะธรรมดา เวลา ๒๑.๓๕ น. สิ่งที่ฉันรอคอยก็มาถึง ชอนน่า แมคคีย์ หรือปัจจุบัน ชอนน่า แคมป์เบล โผล่เข้ามาทางประตูห้องในชุดสีฟ้าเทอร์คอยส์ ผมของเธอ ดูเรียบเก๋เหมือนในรูป มีแต่สีหน้าที่ต่างไป เธอเดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์เงียบ ๆ นั่ ง ลงในมุ ม สงบ แล้ ว สั่ ง ค็ อ กเทลที่ ค่ อ นข้ า งแรง เมื่ อ เธอลงหลั ก ปั ก ฐานได้ เรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่ฉันต้องออกจากที่ซ่อนเสียที “ฉันจะไปเอาไวน์มาเพิ่มนะ” ฉันร้องบอกทุกคน แล้วก็ปลีกตัวลุกออกมา มันง่ายแสนง่ายเหมือนปอกกล้วย แต่ตอนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าฉัน ก็สั่นครืดคราด มันไม่ใช่สัญญาณข้อความหรือโทร.เข้า มันคือสัญญาณที่บอกว่า เป้าหมายที่ฉันแอบติดเครื่องติดตามตัวเอาไว้มาอยู่ในรัศมีใกล้ ๆ แล้ว น่าสงสัย แต่ไม่มีเวลาหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาดูรายละเอียด เพราะ ดูเหมือนชอนน่าเองก็ได้รับข้อความบางอย่างจากโทรศัพท์ของเธอเหมือนกัน เธอ ลุกขึ้น มองข้อความในโทรศัพท์ตัวเองแล้วแทรกตัวเดินไปทางห้องน้ำด้านหลัง สมองซีกซ้ายของฉันประมวลผลทันที...พวกเขากำลังนัดพบกัน... ฉันสับเท้าเดินตาม แต่ฝูงชนเจ้ากรรมที่ออกันอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ยิ่ง ทำให้ฉันเคลื่อนที่ช้าและเกือบคลาดสายตากับชอนน่า และตอนที่ฉันเบียดผ่านหลัง ผู้ชายคนหนึ่งกับผู้หญิงคนหนึ่ง ส้นสูงของฉันมันดันไปเกี่ยวกับขอบพรมที่ปูใหม่ ไม่เสมอกัน ทำให้ฉันเสียหลักล้มไปข้างหน้า ถลาเข้าสู่อ้อมแขนของใครคนหนึ่ง “ขอโทษค่ะ” ฉันรีบพึมพำบอก แล้วใช้มือยันไหล่เขาไปด้านข้าง ชอนน่า กลืนหายไปกับฝูงชน ฉันต้องรีบแทรกตัวตามให้เธอกลับมาอยู่ในสายตาโดยเร็ว ที่สุด แต่ ช ายคนนั้ น ดู เ หมื อ นจะจงใจไม่ ย อมขยั บหลี ก มื อ ทั้งสองข้า งของเขา ที่เกาะสะเอวและไหล่ฉันไว้ตั้งแต่เมื่อครู่ยังอยู่ที่เดิม แถมเขายังยื่นแขนซ้ายออกมา กันทางหนีฉันเสียด้วย “เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่าครับ” เขาถามขึ้นเป็นคำแรก ตลกที่ สุ ด ตลกสิ้ น ดี . .. ‘เจอกั น ที่ ไ หนมาก่ อ น’ เนี่ ย นะ นี่ คิ ด จะจี บ กั น 38
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
ด้วยประโยคเฉิ่ม ๆ นั่นหรือไง ฉันลงทุนอยู่ในหลุมหลบภัยมาตั้งพักใหญ่ พอคิด จะโผล่ อ อกมาทำงานกลั บ เจออุ ป สรรคชิ้ น โตอย่ า งนั้ น เหรอ แล้ ว ไอ้ ป ระโยค ‘เจอกันที่ไหนมาก่อน’ เนี่ยนะ ขอร้องละ ขอร้อง... ฉันปรายตาขึ้นมองคนคนนั้นแวบหนึ่ง ผมสีน้ำตาลสั้นยุ่งนิด ๆ ตาสีเทา แกมเขียวเป็นประกาย เค้าหน้าที่ดูไม่ออกว่าสุภาพหรือดื้อด้านดี เขาสูง สวมสูท เข้ารูป เน็คไทคลายออกจากคออย่างผ่อนคลายเล็กน้อย เขากำลังยิ้ม เป็นยิ้ม ที่ฉันไม่เคยลืมได้อีกเลย มันเป็นยิ้มที่ชวนฉงนสงสัยว่าเขากำลังเป็นมิตรหรือกำลัง สะใจอะไรสักอย่างกันแน่ “เราไม่ รู้ จั ก กั น หรอกค่ ะ ” ฉั น พู ด เรี ย บ ๆ แล้ ว เบี่ ย งตั ว หนี อ อกจากแขน ของเขาได้สำเร็จ ฉันรีบแทรกตัวห่างออกไป และทำเป็นไม่รู้สึกถึงสายตาประหลาด สีเทาเขียวที่มองมาจากข้างหลังตลอดทาง ตอนนี้ชอนน่าเท่านั้นที่ฉันสนใจ ในที่สุดฉันก็มาถึงห้องน้ำด้านหลัง ฉันตรงดิ่งเข้าไปในห้องน้ำหญิง มัน ว่างเปล่า ฉันตรวจตราดูทุกห้องก็ไม่มีวี่แววของใครสักคน ตอนนั้นฉันนึกฉุน ไอ้ ค นตาสี เ ทาปนเขี ย วประหลาดนั่ น จั บ ใจ เจ้ า นั่ น มั น ขั ด ขวางการทำงานได้ ถูกจังหวะดีจริง ๆ แต่ฉันยังไม่หมดมุกหรอก ระหว่างทางออกจากห้องจัดเลี้ยง และห้องน้ำ ชอนน่าต้องเดินแยกออกไปตรงไหนสักแห่ง ฉั น เดิ น ออกมาจากห้ อ งน้ ำ คว้ า แขนพนั ก งานเสิ ร์ ฟ คนหนึ่ ง ได้ ก็ รี บ ถาม “ขอโทษค่ะ ช่องตรงนั้นไปไหนเหรอคะ” ฉันชี้ หากชอนน่าคลาดสายตาฉันไป ทางนี้ก็ดูจะเป็นไปได้ที่สุด “อ๋อ นั่นทางไปห้องเก็บของน่ะครับ” พนักงานคนดีก็ตอบง่าย ๆ หลังจากขอบคุณ ฉันก็อาศัยจังหวะปลอดคนรีบแทรกตัวไปตามช่องนั้น มันเป็นช่องแคบ ๆ เพราะผับแห่งนี้เพิ่งสร้าง ผนังในห้องจัดเลี้ยงอาจจะจัดการ ได้เสร็จ แต่ข้างหลังที่เป็นห้องสต๊าฟ ห้องน้ำ ห้องเก็บของ ยังมีส่วนที่เก็บงาน ไม่เรียบร้อย จึงเหลือช่องเล็ก ๆ แทรกตัวเข้าไปข้างห้องเก็บของ คือถ้าพยายาม งัดแงะอีกสักนิด ฉันอาจจะพาตัวแทรกเข้าไปในห้องได้ไม่ยาก “คุณรีบกลับไปดีกว่า เดี๋ยวคนจะสงสัย” เสียงผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นข้างใน ห้อง ฉันหยุดการเคลื่อนไหวอัตโนมัติ และโดยไม่ต้องคิดซ้ำ ฉันล้วงมือเข้าไป 39
BiscuitBus
ในกระเป๋าถือ ควักมือถือออกมากดบันทึกเสียงทันที “คุณแน่ใจนะว่าจะหนีพวกมันพ้น” เสียงผู้หญิงพูดขึ้นโต้ตอบ “ผมมี ท างไป ออกนอกประเทศไปสั ก พั ก แล้ ว ผมจะกลั บ มาหาคุ ณ ...” แล้ ว ตามด้ ว ยเสี ย งลมหายใจแรง พวกเขากำลั ง จู บ กั น แน่ น อน ฉั น ถื อ โอกาส โผล่ ห น้ า ออกไปดู ส ถานการณ์ ชายคนนั้ น ที่ ก ำลั ง รวบร่ า งในชุ ด เทอร์ ค อยส์ ใ น อ้อมแขน แม้จะอยู่ในที่มืด ฉันจำได้ เขาคือชาร์ลี แคมป์เบล เมื่อทั้งคู่ผละออกจากกัน ชาร์ลียื่นกุญแจเล็ก ๆ ดอกหนึ่งใส่มือชอนน่า “ผมสัญญาว่าจะดูแลตัวเอง แล้วผมจะกลับมา” แล้วทั้งคู่ก็โผเข้าหากันอีกครั้ง ตอนนั้นเองที่ฉันตัดสินใจยื่นโทรศัพท์เข้าไปถ่ายรูป มันเป็นการตัดสินใจที่พลาด ไปหน่อย ฉันประเมินการมองเห็นของชอนน่าในที่มืดต่ำเกินไป “นั่นอะไรน่ะ!” ชอนน่าร้อง เธอคงเห็นเงาอะไรบางอย่างตรงนี้ เสียงฝีเท้า ของเธอใกล้ เ ข้ า มา จริ ง ๆ ฉั น ค่ อ นข้ า งแน่ ใ จในที่ ซ่ อ น ตรงนี้ เ ป็ น มุ ม อั บ สุ ด ๆ และฉันใส่ชุดดำทั้งชุด คือถ้าเธอไม่บังเอิญมีไฟฉายอยู่ในมือ หรือฉันจาม หรือ ขยับส่งเสียงออกมาในวินาทีนี้ ความเป็นไปได้ที่เธอจะมองเห็นฉันนั้นน้อยมาก แต่ความโชคร้ายของคนเรามันทำนายไม่ได้... “อ้าว...คุณ...” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นด้านนอก ฉันหันขวับ สำหรับ คนที่อยู่ในห้องเก็บของ ฉันอยู่ในมุมอับ แต่สำหรับคนที่มองมาจากช่องนั้น ฉัน อยู่ในสปอตไลต์ทีเดียว ที่ ส ำคั ญ มั น คื อ ไอ้ ผู้ ช ายคนนั้ น คนที่ ท ำฉั น คลาดสายตาจากชอนน่ า จนต้องมาติดแหง็กในช่องเล็ก ๆ นี่ ไอ้คนตาสีเทาเขียวน่ากลัว ๆ นั่น...มันกำลังยิ้ม อีกแล้ว...ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ฝีเท้าของชอนน่าหยุดกึก ไม่ดี...การหยุดของฝีเท้า ในตอนนี้หมายถึงเธอกำลังสงสัย กำลังคิด ถ้าเป็นอย่างนี้ ไอ้มุมอับนี้จะไม่ใช่ ความลับอีกต่อไป คำสอนของแม็ ก ซ์ ส ว่ า งวาบในหั ว ต้ อ งไม่ ใ ห้ โ อกาสฝ่ า ยตรงข้ า มคิ ด ... มนุษย์นะ่ ฉลาด...ถ้าให้เวลาคิดสักหน่อย ใคร ๆ กค็ ดิ ออก หากฉันคิดจะกลบเกลือ่ น ต้องตอนนี้ เดี๋ยวนี้เท่านั้น ฉันตัดสินใจสับเท้าออกมาจากที่ซ่อนอย่างไม่มีเสียงฝีเท้า โผเข้าหาไอ้ผู้ชาย 40
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
ตาสีเทาเขียวคนนั้นทั้งตัวจนหลังของเขาติดผนังตรงข้าม รวบท้ายทอยหมอนั่น เข้ามาประทับริมฝีปากของฉันเองลงไปบนริมฝีปากของเขา แล้วฉันก็เสียจูบแรกไปอย่างเป็นทางการ... เขาสะดุ้ง...แต่ก็แค่อึดใจแรก เพราะอึดใจต่อมาเขาก็แสดงให้ฉันเห็นถึง ความเชี่ยวชาญของตัวเองอย่างน่าหมั่นไส้ที่สุด เริ่มจากมือทั้งคู่เลื่อนมาประทับ ที่หลังและสะเอวและรวบตัวฉันให้เข้าใกล้ยิ่งกว่าเดิม ตัวของเราแนบชิดกันอย่าง ผิดความตั้งใจของฉันที่สุด แล้วหมอนั่นก็ตอบสนองด้วยสัมผัสจากริมฝีปากที่มี ชั้นเชิงเหนือกว่า ฉันทำเป็นไม่สน...อย่าไปสนใจ...อย่าไปแค้น...อย่าไปคิดถึงปืน ที่โหลดลูกพร้อมอยู่ในกระเป๋า หลับหูหลับตาจูบตอบโต้เขาไปก็พอ เดี๋ยวมันก็จบ เสร็จแล้วค่อยไปหาที่ล้างปากเอาน้ำลายหมอนี่ออกไปจากระบบในร่างกายทีหลัง ท่ามกลางเสียงดนตรีจังหวะสโลว์ดังก้องและริมฝีปากยังติดพัน หูของฉัน ฟังแต่เสียงฝีเท้าชอนน่า เสียงส้นสูงทึบ ๆ กลับมาอยู่ในโสตอีกครั้ง เธอกำลัง เดินห่างออกไป มีเสียงประตูเปิดดังเอี๊ยดอ๊าดเบา ๆ ชอนน่าคงไม่เห็นฉัน ถึงเห็น คงคิดแค่ว่าเป็นชายหญิงคู่หนึ่งที่เมาได้ที่มายืนจูบกันในที่ลับตาคน แต่จะกรณีไหน ก็ตาม ฉันรอดแล้ว... ทันทีที่แน่ใจ ฉันก็ผละริมฝีปากออกมาและไม่ปล่อยให้เขาได้ใช้มือไหน ขั ด ขวางได้ ทั น ฉั น ผลั ก เบี่ ย งตั ว เองออกจากอ้ อ มกอดหมอนั่ น หั ว ใจเต้ น รั ว อยู่ในอก ลมหายใจหอบถี่ขาดห้วงที่ฉันกำลังพยายามทำให้มันกลับอยู่ในสภาพ ปกติโดยเร็วที่สุด หมอนั่นส่งยิ้มให้ ยิ้มแบบเดิมที่สรุปไม่ได้ว่ากำลังชอบใจหรือสาแก่ใจ... ฉันต้องพยายามลบภาพปืนออกจากหัวอีกครั้งเมื่อเขาแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก เหมือนเพิ่งได้ลิ้มรสของอร่อย ในที่สุดลมหายใจก็เป็นปกติ ฉันบังคับตัวเองให้ยิ้มแย้มราวกับมันเป็น เรื่ อ งธรรมดา รี บ พู ด กลั้ ว หั ว เราะ “ขอโทษค่ ะ ...ฉั น คงจะ...เมาไปหน่ อ ย...” ฉันโคลงศีรษะไปมาพลางโบกไม้โบกมือด้วยเพื่อความสมบทบาท เขาพยักหน้ารับรู้ง่าย ๆ หลังยังพิงอยู่กับผนัง และรอยยิ้มน่ายิงกรอกปาก นั่นยังไม่เลือนหาย ฉันก็เลยถือโอกาสหันหลังเพื่อเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ จงใจ 41
BiscuitBus
เซน้อย ๆ ให้เห็นด้วยว่าเมาจริง และตอนนั้นเองหมอนั่นก็พูดขึ้นด้วยเสียงดัง “คุณจูบได้แย่มาก” ฉันหันหลังขวับ โทสะพลุ่งขึ้นเป็นริ้ว ๆ จากขมับ แต่ยังคงต้องบังคับตัวเอง ให้ ยิ้ ม ในขณะที่ ห มอนั่ น ยื น พิ ง ผนั ง ยกมื อ กอดอกอย่ า งผ่ อ นคลาย รอยยิ้ ม ธรรมชาติประดับอยู่ที่มุมปาก ฉันสังเกตเขาเต็มตาเป็นครั้งแรก รองเท้าอย่างดี สูทพอดีตัว เน็คไทสกินนี่ หมอนี่ลูกคนรวย จากหน้าตาท่าทางคงอายุประมาณ ยี่ สิ บ ปลาย ๆ ประเมิ น ด้ ว ยประสบการณ์ เ มื่ อ ครู่ ค งคุ้ น เคยกั บ ผู้ ห ญิ ง อย่ า งดี สำหรับฉันแล้ว แม้จะต่างสถานที่ ต่างรูปลักษณ์ ต่างหีบห่อ แต่หมอนี่ไม่ต่าง อะไรกับตาแก่ในเสื้อจั๊มเปอร์ที่เจอที่โมเต็ลเมื่อตอนหัวค่ำสักนิด ไอ้โคแก่เอ๊ย... “อะไรนะคะ..” ฉันแยกเขี้ยวยิ้ม หางเสียงสูงเชิดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ “ผมบอกว่า...คุณจูบได้แย่มาก” เขาย้ำด้วยสีหน้าพึงพอใจ...ไม่สิ...สาแก่ใจ ฉันลอบระบายลมหายใจช้า ๆ เป็นอีกครั้งที่บอกตัวเอง ปืนในกระเป๋า เสื้อผ้าหน้าผม รองเท้าที่ฉันใส่อยู่นี่มีไว้ทำงาน และงานต้องมาเป็นอันดับแรก แม้ว่าส่วนหนึ่งของฉันกำลังสนุกสนานกับจินตนาการว่าได้เอาที่รัดพลาสติกมัดมือ มัดเท้าหมอนี่แล้วยัดใส่ท้ายรถก็ตาม “โอเคค่ ะ ขอบคุ ณ สำหรั บ คำวิ จ ารณ์ ” ฉั น รั บ คำง่ า ย ๆ เป็ น การตั ด บท แล้วหันหลังเดินเข้าไปในห้องน้ำหญิง อีกครั้งที่ฉันทำเป็นไม่สนความรู้สึกที่ถูกตา สีประหลาดจ้องไล่หลัง แน่นอน อย่างแรกที่ฉันทำคือล้างปาก อย่างเคียดแค้นด้วย ฉันว่าฉัน ได้ยินตัวเองสบถออกมาอย่างไม่ตั้งใจระหว่างนั้นด้วยครั้งสองครั้ง อย่างที่สอง คือเช็กลิปสติก และทำให้มันอยู่ในสภาพที่ไม่เละเทะจนดึงดูดความสนใจใคร ๆ ฉันจัดการเช็กคลิปเสียงและภาพที่ได้มาตามนิสัย ซึ่งไฟล์ทุกอย่างอยู่ในสภาพ ยอดเยี่ยม ยิ่งภาพแล้วถือว่าเห็นกุญแจและพวงกุญแจอยู่ในมือชอนน่าชัดเจน ทีเดียว ฉันถึงกับยิ้มกว้างเมื่อเห็นพวงกุญแจคุ้นตาสลักคำว่า Kastle อันคุ้นเคย แคมป์เบลหนอแคมป์เบล แม้จะเป็นมือสมัครเล่น แต่ก็น่าชื่นชมไม่น้อย เขาเบิกเงินห้าแสนดอลลาร์ใส่ไว้ในล็อกเกอร์โรงยิมสำหรับผู้ชาย เพราะโรงยิม 42
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
ปิดสินะ ถึงต้องรั้งอยู่ลาสเวกัสตั้งสามวัน และสุดท้ายแม้จะส่งมอบตัวเงินให้ ชอนน่าไม่ได้ ก็ได้แต่ส่งมอบกุญแจล็อกเกอร์สินะ คำถาม แคมป์เบลอุตส่าห์ฝ่าฝูงเก้งกวางเข้าไปในโรงยิมเพราะต้องการ ซ่อนเงิน เขาซ่อนจากใคร...ไม่ใช่ชอนน่า...ไม่น่าใช่ราล์ฟ...เขาซ่อนจากคนที่ไป ธนาคารด้วยกันคนนั้นหรือเปล่า ฉันคิดไม่ออก โทรศัพท์หาลุงอังเดรก่อนดีกว่า “ลุงอังเดร นี่หนูนะ แคมป์เบลมาที่นี่ เขาเตรียมจะออกนอกประเทศแล้ว” ฉันรายงานรวบรัด “เข้าใจละทวีตตี้ เดี๋ยวลุงช่วยประกบเอง” “อีกอย่างนะคะ...” ฉันรีบพูด “เดี๋ยวหนูส่งภาพกับคลิปเสียงไปให้ หนูว่า งานนี้เราตามผิดคนแล้วละ ไม่ใช่ชาร์ลีหรอกที่ร้อนเงิน ชอนน่าต่างหาก” “บ้าฉิบ...” ลุงอังเดรสบถมาตามสาย “แล้วจะทำไงดีล่ะเนี่ย” “ตอนนี้ชาร์ลีกับชอนน่ายังไม่รู้ตัว เราเฝ้าระวังชื่อเจมส์ มอนโกเมอรี่ ไม่ให้ ขยับไปไหนก็พอ ส่วนชอนน่าหนูจะหาทางจัดการเธออีกที” เมื่อวางหูแล้วฉันก็ส่งคลิปเสียงกับรูปภาพไปให้ลุงอังเดร ไม่ถึงห้านาที ลุงอังเดรก็ตอบข้อความกลับมาว่า ‘ได้รับไฟล์แล้ว เราซื้ออันย่าสำเร็จแล้วด้วย’ ฉั น ยิ้ ม อย่ า งน้ อ ยคื น นี้ ก็ ยั ง มี อ ะไรดี ๆ ที่ เ ป็ น ไปตามแผนเกิ ด ขึ้ น บ้ า ง ฉั น ตอบ ข้อความกลับไป ‘ลุงช่วยแจ้งด่านศุลกากรไปว่าเจมส์ มอนโกเมอรี ่ จะขนของเถื่อน ทีนะคะ ซื้อเวลาให้เราได้บ้าง’ ฉันไม่แน่ใจว่าแคมป์เบลจะออกเดินทางคืนนี้หรือพรุ่งนี้เช้า ตอนนี้มีอันย่า คอยจั บ ตาดู ที่ โ มเต็ ล ยั ง ไม่ มี ก ารแจ้ ง ว่ า มอนโกเมอรี่ เ ช็ ก เอ๊ า ต์ และเครื่ อ งส่ ง สัญญาณก็อยู่ใต้ท้องรถฮุนได ชื่อเจมส์ มอนโกเมอรี่ ก็ผ่านด่านยากเสียแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะไปทางไหน ฉันก็ดักได้เกือบหมด แต่ปัญหาใหญ่ตอนนี้คือ ชอนน่า ไม่สิ...ราล์ฟ แมคคีย์ นายจ้างต่างหาก เพราะฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าราล์ฟนั้น ต้ อ งการตั ว แคมป์ เ บลเพราะแค้ น หรื อ เพราะเงิ น หรื อ เพราะทั้ ง คู่ เพราะ สถานการณ์ตอนนี้ แคมป์เบลและเงินไม่ได้อยู่ในเส้นทางเดียวกันเสียแล้ว ก็ในเมื่อมีความเป็นไปได้ ดีที่สุดคือดักไว้ทุกทาง สุดท้ายไม่ว่าอย่างไร 43
BiscuitBus
ชาร์ล ี แคมป์เบล ต้องไปอยูท่ า้ ยรถฉันหรือไม่กเ็ บาะหลัง พร้อมเงินห้าแสนดอลลาร์ ความจริงทุกอย่างอีกหนึ่งถุง และฉันต้องส่งมอบของเหล่านี้ให้แก่ราล์ฟ แมคคีย ์ หลั ง จากนั้ น เขาจะทำยั ง ไงกั บ ลู ก สาวลู ก เขยที่ ร วมหั ว กั น เอาเงิ น ออกจากบั ญ ชี ร่วมสินสมรสก็เป็นเรื่องของเขา เมื่ อ สรุ ป ได้ ค วาม ฉั น ก็ ตั ด สิ น ใจทั น ที ชาร์ ลี แคมป์ เ บล อยู่ ใ นสภาพ ถูกฉันจับใส่กรงแล้ว และเขาต้องมาอยู่ในท้ายรถฉันภายในคืนนี้ เงินห้าแสน ดอลลาร์นั้นฉันว่าฉันเดาถูกว่าอยู่ที่ไหน ส่วนความจริงหนึ่งถุง ฉันว่าคลิปเสียง ภาพถ่าย และหลักฐานที่ฉันกำลังไปจัดการนี่คงเพียงพอ หากไม่มีอะไรสุดวิสัย พรุง่ นี้ฉนั คงได้ปดิ จ๊อบของราล์ฟ แมคคีย์ และหลังจากนัน้ อาจได้พกั สักวันสองวัน ถ้าไม่มีอะไรสุดวิสัยน่ะนะ... ฉันเดินออกจากห้องน้ำ คงถึงเวลาทีต่ อ้ งออกจากงานเลีย้ งนีซ้ ะที แคมป์เบล รอให้ฉันไปรับอยู่ แถมยังมีเงินห้าแสนที่ฉันต้องไปขโมยกลับมา คืนนี้ฉันคงยุ่ง หัวหมุนจนเช้า ในห้องจัดเลี้ยงยังเต็มไปด้วยกลุ่มคนเช่นเดิม ฉันแทรกตัวผ่านเคาน์เตอร์ พยายามพาตัวเองไปให้ถึงทางออก แต่ระหว่างนั้นเองสายตาก็เหลือบไปเห็นผม สีสว่างของอลิชากำลังเดินแหวกเข้ามาใกล้ ฉันจึงถอยหลัง เหลือบไปเห็นขวดวิสกี้ ขวดหนึ่งที่ถูกทิ้งไว้ที่บาร์ จึงหยิบมาถือไว้ “อยู่ นี่ เ อง...” เสี ย งหวานใสกระจ่ า ง อลิ ช ายิ้ ม กว้ า ง มื อ น้ อ ยของเธอ กุมหมับไปที่ข้อมือฉัน ฉันสังเกตเห็นว่าเธอเดินเซหน่อย ๆ ด้วย “ตามหาตั้งนาน นึกว่าไปไหนซะแล้ว” “ฉันไม่เจอไวน์น่ะ เจอแต่วิสกี้” ฉันยกขวดในมือให้เห็น “วิสกี้ก็วิสกี้” เธอสรุปง่าย ๆ จูงมือฉันกลับไปที่โต๊ะอย่างเด็กเอาแต่ใจ และฉันก็มาลงเอยตรงที่นั่งเดิมในหลุมหลบภัยอีกครั้ง ครั้งนี้ดูเหมือน ทุกคนจะคล้ายเคซี่เข้าไปทุกที พวกเขารินวิสกี้แจกจ่ายกันไปมา ฉันก็ได้รับมา ด้วย และเมื่อจัดการกับวิสกี้ออนเดอะร็อคในแก้วตัวเองแล้ว ฉันก็ตั้งท่าจะขอตัว คืนนี้ยังมีงานอีกมากที่ต้องจัดการ “คือฉันคงต้องขอตัว...” ฉันพยายามบอกทุกคน แต่ทันใดนั้นตัวขัดจังหวะ 44
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
แห่งทศวรรษก็ปรากฏตัวขึ้น เวลาเหมาะเจาะเหมือนทุกครั้ง “สวัสดีสาว ๆ” เสียงชายคนหนึ่งทักขึ้นข้าง ๆ เขาคือหนึ่งเดียวคนนั้นเอง ชายผู้มีตาสีเทาปนเขียวประหลาด ๆ ผมสั้นสีน้ำตาล ฉันไม่จำเป็นต้องเหลือบตา ไปมองเลยจริง ๆ ความคลื่นเหียนก็ปั่นป่วนในท้อง ฉันจึงเลือกที่จะฝังหน้าผาก ลงกับฝ่ามือตัวเอง “เนท!” อลิ ช าร้ อ งเสี ย งใส ถึ ง กั บ ลุ ก ขึ้ น ไปกอดแนบแก้ ม ทั ก ทายอย่ า ง สนิทสนมเสียด้วย “คุณมา...มาจริง ๆ ด้วย” อลิชาร้องดีใจ ถ้าเธอกระโดดขึ้นลง ในรองเท้าเวร่า แวงคู่นั้นได้คงทำไปแล้ว เนทคนนั้นยกมือทักทุกคนด้วยท่าทีสบาย ๆ แล้วถือวิสาสะนั่งลงข้าง ๆ อลิชาทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครเชิญ ถึงแม้เคซี่กับเจสซิเบลจะดูไม่รังเกีย จเขาเลยก็ตาม แต่มันไม่ใช่ประเด็นสักหน่อย นี่มันควรเป็นหลุมหลบภัยฉันสิ...ฉันยกเรื่องแฟชั่นมาคุยแต่แรกเพื่อการนี ้ ไม่ใช่จะหาหลุมฝังศพตัวเองอย่างที่มันทำท่าจะกลายเป็นแบบนั้นอยู่รอมร่อ “แล้ว...” เขาพูดขึ้น จงใจขยับที่นั่งให้ตรงข้ามฉันพอดีเสียด้วย “นี่ใคร ล่ะเนี่ย” “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพราะฉันจะกลับแล้ว” ฉันรีบพูด ก่อนจะหันมาทาง อลิชาและคนอื่น ๆ “ขอตัวนะคะ มึนมากแล้วจริง ๆ นานกว่านี้คงขับรถกลับ ไม่ไหวแน่” แล้วฉันก็ขยับตัวลุกขึ้น แต่มือหนึ่งกลับคว้าหมับไปที่แขนของฉัน และ บังคับให้ฉันนั่งอยู่ที่เดิม ฉันเพิ่งรู้ว่ามันเป็นมือของเจสซิเบลที่เขยิบมานั่งข้าง ๆ หน้าของเขาแดงก่ำ มือไม้ยิ่งกรีดกรายหนักข้อกว่าเก่ายามพูด “เรายังไม่รู้ชื่อเธอ...ยังไม่รู้ชื่อเธอจริง ๆ ด้วย” เจสซิเบลเอียงคอทำท่าคล้าย ออดอ้ อ น เมื่ อ ทุ ก คนได้ ยิ น ก็ ส่ ง เสี ย งใช่ ๆ เป็ น การเห็ น ด้ ว ยอย่ า งพร้ อ มเพรี ย ง ฉันยิ้มขืน ๆ กับหลุมหลบภัยที่กำลังกลายเป็นหลุมศพ และเมื่อสายตามาเจอะกับ ใบหน้าเปื้อนยิ้มแบบสาแก่ใจของไอ้หมอนั่น ฉันยิ่งรู้สึกหงุดหงิด “แค่บอกชื่อก็พอนะ แล้วฉันไปได้เลยใช่ไหม” ฉันต่อรอง ไม่มีปัญหา หรอก ถึงฉันจะบอกนามสกุลจริงไป แต่ฉันแค่คิดปลอมชื่ออะไรสักชื่อแล้วตอบ 45
BiscuitBus
ส่ง ๆ ไป อย่าให้มนั เข้าใกล้ชอื่ แม็กซ์หรือชือ่ จริงทีฉ่ นั ใช้เก็บเงินก็พอ แต่อย่างทีบ่ อก... ขีดจำกัดความโชคร้ายมันทำนายไม่ได้ “เอาอย่างนี้” เนทพูดขึ้นพลางเรียกพนักงานเสิร์ฟเข้ามาใกล้ แล้วกระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง “เรามาเล่นเกมกัน ผมคิดว่าผมเดาออกว่าคุณชื่ออะไร ถ้าผมทายผิด ผมจะดื่มหมดแก้ว ถ้าผมทายถูก คุณต้องดื่ม” ว่าพลางก็รินวิสกี้ใส่แก้วพลาง มันไม่ใช่แค่รินบาง ๆ นี่สิ หมอนี่รินจนเกือบ ครึ่งค่อนแก้ว โหดไปไหม “ฉันให้ทายแค่สามรอบ” ฉันท้าทาย “ถ้าคุณทายผิดทั้งสามรอบ ฉันก็จะ กลับละนะ” ฉันรู้ขีดจำกัดตัวเอง ปริมาณแอลกอฮอล์อาจทำให้คืนนี้ฉันทำงาน ยากขึ้นสักหน่อย แต่ยังพอไหว “ถ้ า ผมทายถู ก ในสามรอบ คุ ณ ต้ อ งนั่ ง อยู่ ที่ นี่ ดื่ ม กั บ ผมต่ อ และต้ อ ง เต้นรำกับผมด้วย” “โอเคค่ะ” ฉันจนใจ แต่ก็ยังแอบย่ามใจไม่น้อย ชื่อผู้หญิงกี่ร้อยกี่พันชื่อ ให้หมอนี่ทายแค่สาม ยังไงก็ไม่ถูก และแทนที่ฉันจะนั่งเฉย ๆ กลับรินวิสกี้ให้ หนากว่าเดิมไปอีก หวังว่าปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายหมอนี่จะมากพอจะทำให้ เขาหลับน็อกไปเร็ว ๆ ฉันจะได้รีบไปสะสางธุระ เนทยิ้ม ยิ้มนั้นอีกแล้ว เขายกมือทั้งสองขึ้นประสานท้ายทอย เอนหลัง พิจารณาฉันอย่างตั้งใจ แล้วจู่ ๆ ก็โน้มตัวมาข้างหน้าจนปลายจมูกเขาเกือบติด ใบหน้าฉัน คนอื่น ๆ ที่โต๊ะส่งเสียงกรี๊ดในลำคอกันขรม ฉันสะดุ้งโหยง เอนไป ด้านหลัง หมอนั่นส่งเสียงหัวเราะร้าย ๆ ในลำคอแล้วรำพึงดัง ๆ “ดูดี ๆ แล้วหน้าเด็กจัง” “ทายมาได้ แ ล้ ว น่ า ” ฉั น เสี ย งเขี ย ว อยากจะต่ อ ประโยคด้ ว ย ‘ไอ้ โ คแก่ ’ ใจจะขาด เขาทำท่าคิด ในที่สุดก็ส่งเสียงตอบ “แคลร์” “ผิ ด ค่ ะ ” ฉั น ตอบเรี ย บ ๆ งำรอยยิ้ ม แห่ ง ชั ย ชนะไว้ ใ นหน้ า แล้ ว ยื่ น ส่ ง แก้ววิสกี้ออนเดอะร็อคให้ตรงหน้าหมอนั่น อลิชาและคนอื่นตบไม้ตบมือส่งเสียง 46
ซินเดอเรลลา ๑ ตอน ปฐมบทแห่งหมาล่าเนื้อ
อย่างบันเทิงใจ แต่นัยน์ตาสีเทาประหลาดนั่นไม่แม้แต่จะกระดิกหวั่นไหว เขา รับไปดื่มรวดเดียวหมดแก้ว คงเป็นความรู้สึกบาดคอและจี๊ดขึ้นขมับอย่างรุนแรง พอควร ถึงทำให้ใบหน้าที่มักเยาะยิ้มอย่างสาแก่ใจนั่นเหยเกได้ แน่นอน...ฉันรู้สึก สาแก่ใจด้วย ฉันรับแก้วกลับมารินใหม่ จงใจให้หนากว่าเดิมอีก หมอนั่นคงสังเกตอยู่ พอควร ถึงกับขมวดคิ้วน้อย ๆ “ลอรี...หรือเปล่า” เขาพูดขึ้น “ผู้หญิงแปลก ๆ มักจะชื่อลอรี” “ฉั น ไม่ ไ ด้ ชื่ อ ลอรี แล้ ว ก็ ไ ม่ ไ ด้ แ ปลกด้ ว ย” ฉั น ตอบสะบั ด หวนนึ ก ถึ ง ชื่ อ ปลอมในบั ต รพนั ก งานคาร์ ฟ อร์ เ ร้ น ท์ ฉั น ใช้ ชื่ อ ลอรี แบรนด์ จริ ง ๆ แต่ เอาเถอะ...ไม่นับ ถึงไงมันก็ไม่ใช่ชื่อที่ฉันใช้ในใบขับขี่นำโชควันนี้ ตอนนั้นเองที่พนักงานเสิร์ฟมาที่โต๊ะพร้อมกับวอดก้าหนึ่งขวด แก้วทรงสูง หนึ่งชุด แก้วช็อตหนึ่งชุด ฉันถึงกับอ้าปากค้างเมื่อมองพนักงานชายจัดแก้วและ วอดก้าทั้งหมดลงโต๊ะ อลิชากับเคซี่หัวเราะด้วยกันคิกคัก เจสซิเบลพิงอยู่กับฉัน ทั้งสามคนคงแทบหมดความสามารถในการประมวลเหตุผลไปแล้วถึงไม่โวยวาย กั บ ขวดวอดก้ า ที่ ตั้ ง เด่ น เป็ น สง่ า และฉั น ยิ่ ง อ้ า ปากค้ า งเมื่ อ เนททำท่ า เปิ ด ขวด รินวอดก้าในแก้วช็อต รินวิสกี้ผสมโซดาลงในแก้วสูง แล้วเอาแก้วช็อตทิ้งจ๋อม ลงไปในแก้วสูง นี่มันสูตรยาพิษชัด ๆ... “คุ ณ แน่ ใ จเหรอว่ า จะดื่ ม ไอ้ นั่ น ” ฉั น ชี้ นิ้ ว ไปที่ น วั ต กรรมใหม่ แ ห่ ง การ ฆ่าตัวตายที่เนทเพิ่งปรุงขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ “ไม่ใช่ผม...คุณต่างหาก” เขาตอบ พลางยกแก้ววิสกี้ที่ฉันรินไปอย่างหนา เมื่อครู่กระดกดื่มรวดเดียวหมด ใบหน้าเขาเหยเกอีกครั้ง ก่อนจะพูดขึ้นด้วย นัยน์ตาเชื่อมเยิ้มกว่าเดิม “เพราะผมจะชนะ แล้วคุณจะอยู่เป็นเพื่อนผม แล้วเรา จะเต้นรำกันในจังหวะสโลว์” แล้ ว เขาก็ โ น้ ม หน้ า เข้ า มาใกล้ และพู ด ด้ ว ยเสี ย งที่ เ กื อ บจะเป็ น กระซิ บ “แล้วผมจะให้โอกาสคุณจูบแก้ตัวจากเมื่อกี้” เขาเว้นช่วง ตาสีประหลาดวาบแสง เหมือนจู่ ๆ ก็นึกอะไรสักอย่างออก พูดเสียงเบาเหมือนละเมอ “...นะ...แอชลี่ย์...” 47
BiscuitBus
รอยยิ้ ม ย่ า มใจหลุ ด หายไปจากใบหน้ า ของฉั น เหมื อ นเมื อ กลื่ น ๆ หู ฉั น ฝาดไป...หูฉันคงฝาดไป... “คุ ณ ว่ า อะไรนะ” ฉั น ถามซ้ ำ พยายามรั ก ษาระดั บ เสี ย งไม่ ใ ห้ ต ระหนก เกินไป หมอนั่นเลิกคิ้ววูบหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะร้าย ๆ ในลำคออีกครั้ง เขาเลื่อน แก้วยาพิษที่ปรุงเองกับมือแก้วนั้นมาข้างหน้า แล้วพูดขึ้น “ถ้าผมทายถูกก็ดื่มเสียสิ...แอชลี่ย์...” ฉันหัวเราะอย่างขมขื่น รับแก้วมาพิจารณาดูเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าฉันดื่มไอ้นี่ ลงไปคงต้องบอกลางานที่เหลือของคืนนี้อย่างแน่นอน ฉันคงหมดฤทธิ์ คลานไป สลบได้ แ ค่ ที่ ร ถเท่ า นั้ น สุ ด ท้ า ยฉั น รู้ สึ ก เจ็ บ ใจเหลื อ เกิ น ที่ ห ลวมตั ว ไปพนั น บ้า ๆ บอ ๆ กับไอ้หมอนี่เข้า เป็นถึงหมาล่าเนื้อ กลับเสียทีไอ้ลูกเศรษฐีแถมเป็น โคแก่ซะได้ เจ็บใจจริง ๆ วิสกี้สองแก้วโต ๆ ทำไมไม่เมาหลับไปให้รู้แล้วรู้รอดนะ ยังตื่น มาหลอกมาหลอนฉันทำไม แล้วฉันก็กระดกไอ้ยาพิษนั่นลงคอไปรวดเดียว...
48