[ทดลองอ่าน] บุหลันไร้ใจ

Page 1

~ วสันต์ ครึ้ม ~


๑ ล่วงเข้ายามสี่  หรูซวงหนาวจนต้องตื่นขึ้นมา  สายลมด้านนอก

โชยปะทะแมกไม้ส่งเสียงเสียดกระทบ  บานหน้าต่างปรากฏแสงสีขาวเลือนราง ที่ แ ท้ ก็ หิ ม ะตก  เท้ า ของหรู ซ วงเป็ น แผลแห้ ง แตก  ทั้ ง เจ็ บ ทั้ ง คั น   นางทน ไม่ไหวจนต้องถูเท้าเข้าด้วยกันเบา ๆ ใต้ผ้าห่ม  ตอนนั้นเองที่เสี่ยวหวนรู้สึกตัว ตื่น  เอ่ยเรียกเสียงงัวเงีย  “คุณหนู”  ก่อนจะกอดขานางซุกเข้ากับอกตัวเอง  “ข้าจะช่วยคลายหนาวให้ท่าน” ใจของนางพลั น เจ็ บ แปลบ  ตอนเยาว์ วั ย แม่ น มก็ มั ก จะคลายหนาว ให้ตนเช่นนี้  หากแต่บัดนี้  เถ้ากระดูกของแม่นมล้วนสลายกลายเป็นเถ้าธุลี อยู่ ใ ต้ เ ชิ ง เขาซี ห ลิ น   เหลื อ เพี ย งเสี่ ย วหวนกั บ ตนดู แ ลกั น และกั น   หิ ม ะ ด้ า นนอกตกหนั ก ขึ้ น เรื่ อ ย ๆ  เสี ย งครวญครางของสายลมเหนื อ ลอดผ่ า น รอยขาดของกระดาษติ ด หน้ า ต่ า งเข้ า มาเป็ น ระยะ  นั บ เป็ น หิ ม ะตกหนั ก ครั้ ง แรกของปี นี้   นางคิ ด ในใจว่ า   สุ ส านที่ ถู ก ทิ้ ง ร้ า งอยู่ ต รงเชิ ง เขาซี ห ลิ น 4


เ ฝ ย ห ว่ อ ซื อ ฉุ น

เหล่านั้น  เมื่อถูกละอองหิมะปกคลุมคงจะขาวนวลประดุจลูกหมั่นโถวที่วางอยู่ อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายท่ามกลางป่าเขารกร้างกระมัง เมื่ อ นึ ก ถึ งหมั่ น โถวก็ หิ ว ยิ่ ง กว่ า เดิ ม  เมื่ อ วานทั้ งวั น รั บ ประทานเพี ย ง ข้าวปั้นอันหนึ่ง  เหลือหมั่นโถวแป้งข้าวโพดลูกหนึ่งให้เสี่ยวหวน  นางยังเด็ก  ทนหิวไม่ไหว  ตอนนี้ฟ้ายังไม่ทันสางก็หิวจนแสบท้อง  เมื่อนึกถึงหมั่นโถว  ท้องก็ส่งเสียงร้องอุทธรณ์ด้วยความทรมาน นึ ก ไม่ ถึ ง ว่ า เมื่ อ หิ ว   เพี ย งหมั่ น โถวลู ก หนึ่ ง ก็ ท ำให้ ต นน้ ำ ลายสอถึ ง เพียงนี้ ชีวิตสุขสบายในอดีต  เฉกเช่นความฝันก็ไม่ปาน  แต่ก่อนครั้นหิมะตก ท่ า นแม่ เ ป็ น ต้ อ งสั่ ง ให้ ส าวใช้ ท่ า ทางคล่ อ งแคล่ ว สองสามคนไปเก็ บ หิ ม ะบน ดอกเหมยมาต้ ม ชา  สตรี ทั่ ว ทั้ ง เมื อ งหลวงจะมี ใ ครไม่ รู้ จั ก ชารสเลิ ศ แห่ ง จวนสกุ ล มู่   ใบชาคื อ ใบชาอิ๋ น ซานเสวี่ ย หยาชั้ น เลิ ศ   ส่ ง เข้ า ซี ฉ างจิ ง พร้ อ ม เรื อ บรรทุ ก เครื่ อ งบรรณาการ  การสั ญ จรทางน้ ำ ระยะทางพั น ลี้   เรื อ สำเภา ธรรมดาแม้เดินทางทั้งวันทั้งคืนยังต้องใช้เวลาสิบวันถึงครึ่งเดือน  เรือบรรทุก เครื่องบรรณาการล้วนเดินทางตามตารางเวลาอันเคร่งครัด  มีลมกางใบเรือ  ไร้ลมใช้เชือกดึงเรือ  ต้องเดินทางเป็นระยะทางสองร้อยลี้ทุกวัน  เพียงหกเจ็ด วันก็มาถึงซีฉางจิง  ดังนั้นใบชาอิ๋นซานเสวี่ยหยาอันล้ำค่าหายากนั้น   เมื่อมา ถึ ง เมื อ งหลวงจึ ง ยั ง คงสดใหม่   ประหนึ่ ง เพิ่ ง เด็ ด จากต้ น   หี บ สั ง กะสี บ รรจุ ใบชามั น วาวงดงาม  ด้ า นบนสลั ก ลวดลายวิ จิ ต รประณี ต  ตกแต่ ง ด้ ว ยสี ฟ้ า แกมเขี ย ว  เมื่ อ เปิ ด หี บ ชา  กลิ่ น หอมสดชื่ น ของใบชาจะขจรขจาย  ราวกั บ สามารถซึมซาบเข้าไปในทุกอณูของผิวหนัง  ห้องที่เปิดหีบชาจะอบอวลไปด้วย กลิ่นหอมละมุนนานวันไม่จางหาย กระดาษติ ด หน้ า ต่ า งมี มุ ม หนึ่ ง ฉี ก ขาด  ลมเหนื อ โชยปะทะกระดาษ ติดหน้าต่างส่งเสียงเสียดสี  เหน็บหนาวจนมิอาจข่มตาหลับ  แผลแห้งแตก บนเท้าเริ่มแสบคันอีกครั้ง   นางถอนหายใจ  คิดถึงอดีตแล้วจะมีประโยชน์ อันใด  ไม่คิดเสียยังดีกว่า  มิสู้คิดว่าจะผ่านพรุ่งนี้ไปได้อย่างไร  แต่ก่อนเคย อ่านเจอคำว่า ‘หนึ่งวันเนิ่นนานราวหนึ่งปี’  แท้จริงแล้วหนึ่งวันยังผ่านไปอย่าง 5


บุ ห ลั น ไ ร้ ใ จ

ยากลำบากยิ่งกว่าหนึ่งปีเสียอีก   เพียงสามสี่เดือนเท่านั้น   แต่นางกลับรู้สึก ราวผ่ า นไปแล้ ว สามสิ บ สี่ สิ บ ปี   บางครั้ ง เมื่ อ เห็ น เงาสะท้ อ นของตั ว เองใน อ่างล้างหน้า  แม้แต่นางยังจำตัวเองแทบไม่ได้...ทว่าที่ร้าวรานยิ่งกว่าคือสภาพ จิตใจ  เกรงว่าหากผ่านไปอีกสามสี่เดือน  ตนคงมีผมขาวเต็มศีรษะเป็นแน่ ทุกครั้งที่ลำบากลำบนจนแทบทนไม่ไหว  นางเคยคิดที่จะตาย  คิดว่า มิสู้ตายไปเสียยังดีกว่า  หากแต่เพียงชั่วพริบตาก็นึกถึงคำสั่งเสียของมารดา  “ซวงเอ๋อร์  ดูแลอวิ่นเอ๋อร์ให้ดี...” อวิ่นเอ๋อร์คือน้องชายคนสุดท้องของนาง  ปีนี้เพิ่งอายุสิบสามปีเท่านั้น  ในราชโองการระบุว่าบุรุษที่อายุสิบสี่ปีขึ้นไปประหารชีวิต   บุรุษที่อายุต่ำกว่า สิ บ สี่ ปี เ นรเทศสามพั น ลี้   มู่ อ วิ่ น ร่ ำ เรี ย นการขี่ ม้ า ยิ ง ธนู ตั้ ง แต่ เ ล็ ก   เมื่ อ อายุ แปดปี ติ ด ตามบิ ด าออกศึ ก   เติ บ โตในค่ า ยทหาร  แม้ อ ายุ ยั ง น้ อ ย  แต่ นิ สั ย เข้มแข็งแกร่งกล้า  ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เต็มใจเอาตัวรอดเพียงลำพัง  ยืนกรานจะ ตายพร้อมบิดาและพี่ชาย  สุดท้ายมู่ต้าจวินจึงตบหน้าเขาเต็มแรง  “อกตัญญู!” มู่ อ วิ่ น ถู ก บิ ด าตบจนหน้ า หั น  พลั น ตระหนั ก ได้ ว่ า  บุ รุ ษ ในตระกู ล ที่ อายุต่ำกว่าสิบสี่ปีมีเพียงตนคนเดียว  หากตนยืนกรานจะจบชีวิต  นับจากนี้ ตระกูลมู่ก็จะไร้ผู้สืบทอด  คำว่า ‘อกตัญญู’ ของบิดานี้  ประหนึ่งน้ำแข็งเย็น เฉี ย บที่ ร ดผ่ า นไขสั น หลั ง   ดวงตาแดงก่ ำ ของเขาเบิ ก กว้ า ง  ไม่ เ อ่ ย ออกมา แม้แต่คำเดียว  คุกเข่าโขกศีรษะสามครั้งให้บิดา  เมื่อยืนขึ้นก็เอ่ยเพียงคำสี่คำ “ลูกน้อมรับคำสั่ง” เมื่ อ แม่ ทั พ มู่ ผู้ เ คยดำรงตำแหน่ ง ขุ น นางใหญ่ น ำทั พ เรื อ นแสนกำราบ เขาติ้งหลาน  ได้ยินบุตรชายคนเล็กเอ่ยเช่นนี้  สุดท้ายก็น้ำตาหลั่งรินอย่าง กลั้นไม่อยู่ นั่ น เป็ น ครั้ ง แรกที่ น างเห็ น บิ ด าหลั่ ง น้ ำ ตา...แล้ ว ก็ เ ป็ น ครั้ ง สุ ด ท้ า ย  เมื่อ บิด าร้อ งไห้   มารดาก็ ร้อ งตาม...นางร้อ งไห้ปานจะขาดใจ...หลังจากนั้น  สตรี ทั้ ง หมดในตระกู ล บ้ า งก็ ต าย  บ้ า งก็ ถู ก ขายเป็ น ทาส  นางกั บ เสี่ ย วหวน ถูกขายมาเป็นทาสที่นี่...  น้ำตาหยดใหญ่ไหลรินรดแก้ม  ชวนให้หนาวสะท้าน...สะท้านเข้าไป 6


เ ฝ ย ห ว่ อ ซื อ ฉุ น

ถึงขั้วหัวใจ...เหน็บหนาวถึงเพียงนั้น...ราวกับมิสามารถได้รับไออุ่นอีกแล้ว ตลอดกาล...นางขดตัวเข้าหากัน  ในที่สุดก็หลับไปอีกครั้งอย่างสะลึมสะลือ วั น รุ่ ง ขึ้ น หิ ม ะหยุ ด ตก  ท้ อ งฟ้ า แจ่ ม ใส  ตำหนั ก น้ อ ยใหญ่ ป ระดุ จ ถู ก ห่ อ หุ้ ม ด้วยผลึกแก้ว  งามระยับจับตา  นับเป็นหิมะตกครั้งแรกตั้งแต่เข้าฤดูหนาว  ทว่ า หรู ซ วงกลั บ ไม่ มี แ ก่ จิ ต แก่ ใ จจะชื่ น ชม  เมื่ อ กิ น ข้ า วต้ ม ถ้ ว ยหนึ่ ง เสร็ จ ก็ต้องเริ่มทำงาน  เสี่ยวหวนสวมเพียงชุดเก่าโทรมยิ่งดูน่าเวทนามากกว่าเดิม  อากาศหนาวเย็ น จั บ ใจ  รองเท้ า เมื่ อ ย่ ำ ผ่ า นหิ ม ะล้ ว นเปี ย กชื้ น ด้ ว ยน้ ำ หิ ม ะ เย็นเฉียบ  เท้าทั้งคู่หนาวสะท้านจนด้านชา  มือของหรูซวงที่กำด้ามไม้กวาด แห้งแตกบวมช้ำ  ทำได้เพียงกวาดพื้นอยู่เช่นนั้นเงียบ ๆ  หิมะบนพื้นจับตัว เป็นน้ำแข็งชั้นบาง  เสี่ยวหวนใช้พลั่วไม้เซาะพื้นอยู่ด้านหน้า  นางยังคงกวาด ต่อไปอย่างเหนื่อยล้า  กระนั้นก็ทำได้เพียงกัดฟันอดกลั้น  เพราะจำต้องกวาด ให้เสร็จก่อนยามเฉิน๑  หากทำงานไม่เสร็จ  พวกนางทั้งสิบสองคนก็จะต้อง อดข้าว เนื่องจากออกแรงกวาดพื้น  ร่างกายจึงอุ่นขึ้นทีละน้อย  มือและเท้า ที่ โ ผล่ พ้ น เสื้ อ ผ้ า ยั ง คงด้ า นชาไร้ ค วามรู้ สึ ก   กระนั้ น ก็ ไ ด้ แ ต่ เ ร่ ง กวาดต่ อ ไป  เมื่ อ เห็ น ว่ า น่ า จะกวาดเสร็ จ ก่ อ นยามเฉิ น   หรู ซ วงก็ ล อบถอนหายใจโล่ ง อก  นางร่างกายบอบบางเป็นที่สุด  กอปรกับไม่เคยทำงานหนัก  เมื่อลงมือทำงาน จึ ง มั ก ไม่ ค ล่ อ งแคล่ ว เท่ า ที่ ค วร  ทุ ก ครั้ ง มั ก จะทำให้ ทุ ก คนต้ อ งเดื อ ดร้ อ น พลอยถูกทำโทษ  เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกผิดอย่างยิ่ง ไกลออกไปแว่ ว ดั ง เสี ย งกี บ ม้ า   เมื่ อ หั ว หน้ า บ่ า วรั บ ใช้ ที่ คุ ม พวกนาง กวาดพื้ น ได้ ยิ น ดั ง นั้ น ก็ รี บ ร้ อ นส่ ง สั ญ ญาณ  พวกนางทั้ ง สิ บ กว่ า คนรี บ เก็ บ ไม้กวาดกับพลั่วไม้อย่างร้อนรน  จากนั้นหัวหน้าบ่าวรับใช้ก็นำพวกนางคุกเข่า เรียงแถวริมกำแพง  ก้มศีรษะต่ำแทบติดพื้น  ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าใด  เสียงกีบม้าชัดก้องดังใกล้เข้ามามากขึ้น

ช่วงเวลา  ๗.๐๐  – ๙.๐๐  น.

7


บุ ห ลั น ไ ร้ ใ จ

เรื่อย ๆ  เสียงดังโครมครามราวกับเหยียบย่างอยู่บนหัวใจ  หรูซวงก้มศีรษะ ต่ ำ กว่ า เดิ ม   ได้ ยิ น เพี ย งเสี ย งผิ ว ปากส่ ง สั ญ ญาณ  ลมกระโชกวู บ ผ่ า น  เบื้ อ งหน้ า พลั น บั ง เกิ ด ละอองหิ ม ะปลิ ว ฟุ้ ง   ครั้ น กี บ ม้ า ย่ ำ ผ่ า น  ละอองหิ ม ะ กระเด็นถูกหน้าผากนาง  หนาวสะท้านจนด้านชา  แต่ก็มิอาจยกมือขึ้นเช็ด  ขณะที่ น างกำลั ง จะก้ ม ศี ร ษะต่ ำ กว่ า เดิ ม   ทั น ใดนั้ น ก็ ไ ด้ ยิ น ม้ า ร้ อ งเสี ย งดั ง  เนื่ อ งจากกำลั ง ก้ ม หน้ า   จึ ง เห็ น เพี ย งเท้ า ทั้ ง สี่ ข องม้ า ที่ พ ลั น วกกลั บ มา  ม้ า ตัวนั้นไม่รู้เหตุใดจึงถูกบังคับให้วกกลับอย่างกะทันหัน  นางมองเห็นรองเท้า ยาวหนังกวางที่เหยียบอยู่บนโกลนทองผสมอย่างชัดเจน  ชุดคลุมขนจื่อเตียว๒ สี ส้ ม อ่ อ นห้ อ ยยาวระรองเท้ า ยาว  ขนสั ต ว์ นุ่ ม หนาบนชุ ด คลุ ม พลิ้ ว ไหวตาม แรงลม  ดุจสัมผัสอ่อนนุ่มของเด็กน้อย บุรุษบนหลังม้ามีเสียงทุ้มต่ำ  และเพราะอยู่ใกล้จึงทำให้หรูซวงถึงกับ สะดุ้ง  ประหนึ่งดังอยู่เหนือศีรษะ  เจือไว้ด้วยแววรำคาญระคนเกียจคร้าน  “ผู้ใดให้พวกเจ้ากวาดหิมะบนพื้น” หั ว หน้ า บ่ า วรั บ ใช้ ตั ว สั่ น งั น งก  รี บ โขกศี ร ษะพลางเอ่ ย เป็ น พั ล วั น  “กระหม่อมสมควรตาย!  กระหม่อมสมควรตาย!” บุรุษบนหลังม้าเลิกคิ้วเล็กน้อย  เคาะบังเหียนกับฝ่ามือเบา ๆ  เสียง ฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้นไม่ไกลนัก  ข้ารับใช้กลุ่มใหญ่ล้วนเร่งรุดมาถึง  หัวหน้าขันที เซี่ยจิ้นโหวซึ่งเดินนำหน้ารีบก้าวเข้ามาคว้าบังเหียน  ค้อมกายพลางหอบหายใจ  “ทะ...ท่ า นอ๋ อ ง...ท่ า นมิ อ าจ...มิ อ าจ...เอาชี วิ ต กระหม่ อ มเช่ น นี้ อี ก แล้ ว นะ พ่ะย่ะค่ะ” รุ่ยชินอ๋องชี้บังเหียนในมืออย่างไม่ใส่ใจ  “ต่อไปห้ามกวาดหิมะในสวน แห่งนี้”  เซี่ยจิ้นโหวตอบรับรัวเร็ว  “พ่ะย่ะค่ะ”  ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ แรง ๆ  องครักษ์ที่อารักขาขบวนเสด็จล้วนมีท่าทางพินอบพิเทา  แม้แต่บ่าว รับใช้สิบกว่าคนที่คุกเข่าอยู่ริมกำแพงก็ล้วนแต่ก้มหน้ากลั้นหายใจ  ไม่กล้า ขยับเขยื้อน

8

เซเบิล  สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่ง


เ ฝ ย ห ว่ อ ซื อ ฉุ น

ทุ ก คนล้ ว นมี สี ห น้ า เคารพนบนอบ  รุ่ ย ชิ น อ๋ อ งพลั น รู้ สึ ก เบื่ อ หน่ า ย  เบือนหน้าไปอีกทาง  เหลือบไปเห็นเสี่ยวหวนซึ่งคุกเข่าอยู่ใกล้เขาที่สุด  พลัน คิดอะไรขึ้นได้จึงเอ่ยถาม  “คันธนูของตัวข้าเล่า” กาลก่อนองค์ฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ใช้ธนูจนสามารถรวบรวมแผ่นดิน เป็นปึกแผ่น  ดังนั้นบรรพบุรุษแห่งเทียนเฉา๓ จึงสั่งไว้ว่า  ลูกหลานแห่งตระกูล เชื้อพระวงศ์จำต้องพกธนูติดตัว  เพื่อเป็นการรำลึกถึงความลำบากยากเข็ญ ครั้ ง ก่ อ ตั้ ง ราชวงศ์   แต่ ไ หนแต่ ไ รขบวนเสด็ จ ของฮ่ อ งเต้ จ ะมี ข้ า หลวงผู้ ห นึ่ ง รั บ หน้ า ที่ แ บกคั น ธนู ส่ ว นพระองค์   เรี ย กว่ า  ‘ผู้ คุ ม ธนู ’   ซึ่ ง จะติ ด ตามฮ่ อ งเต้ ไปทุ ก แห่ ง หน  ทุ ก ครั้ ง ที่ มี ก ารประชุ ม ใหญ่ กั บ เหล่ า ขุ น นาง  จะวางคั น ธนู ส่วนพระองค์ไว้นอกประตูเฉาอี๋เหมิน  ดังนั้นจึงเรียกการประชุมใหญ่ว่า ‘การ วางธนู’  ยิ่งเป็นบุรุษในตระกูลเชื้อพระวงศ์ยิ่งต้องพกธนูติดตัวตลอดเวลา เมื่ อ รุ่ ย ชิ น อ๋ อ งเอ่ ย ถามเช่ น นี้   ขั น ที ที่ รั บ หน้ า ที่ คุ ม ธนู ก็ รี บ ก้ า วมา ด้านหน้า  ปลดคันธนูยาวบนหลังที่มีผ้าสีเหลืองห่อไว้  รุ่ยชินอ๋องเอื้อมหยิบ ธนู ข นนกดอกหนึ่ ง ออกมาจากซองเกาทั ณ ฑ์   ชี้ ไ ปทางเสี่ ย วหวนซึ่ ง คุ ก เข่ า อยู่ใกล้ตนที่สุด  ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรื่อย ๆ  “เจ้า  ลุกขึ้น”  เสี่ยวหวน สะดุ้ ง สุ ด ตั ว   ตกใจจนลื ม กฎระเบี ย บ  เงยหน้ า ขึ้ น อย่ า งตระหนก  ดวงตา เบิกกว้าง  มองชินอ๋องผู้สวมชุดคลุมหรูหราบนหลังม้าอย่างตกตะลึง รุ่ยชินอ๋องคล้ายกับเผยอยิ้ม  “ลุกขึ้น  ลุกขึ้น” เสี่ ย วหวนลุ ก ขึ้ น อย่ า งหวาดหวั่ น   หรู ซ วงพลั น นึ ก ถึ ง ข่ า วลื อ อั น น่ า สะพรึงกลัวที่เคยได้ยินตอนย้ายเข้ามาอยู่ในจวน  รู้สึกราวกับถูกสายฟ้าผ่า ฟาดกลางศีรษะ  เนื้อตัวพลันด้านชา  นางอ้าปากค้าง  แม้แต่ลิ้นยังไม่ฟังคำสั่ง จึงรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี  ตะโกนออกไปสุดเสียง  “เสี่ยวหวน!  รีบหนี ไป!” เสี่ยวหวนตัวสั่นเทา  เข้าใจในบัดดล  ใบหน้าพลันเผือดซีด  เสียงของ หรูซวงทั้งสูงทั้งแหลม  แทบไม่เหมือนเสียงของตัวเอง  “รีบหนีไป!  รีบหนี

คำว่า ‘เทียนเฉา’  หมายถึงราชวงศ์อันสูงส่ง  ในอดีตเป็นคำที่แคว้นต่าง  ๆ  ใช้เรียกประเทศจีน

9


บุ ห ลั น ไ ร้ ใ จ

ไป!”  หั ว หน้ า บ่ า วรั บ ใช้ ต กใจจนทำอะไรไม่ ถู ก   ได้ แ ต่ ยื น ตะลึ ง มองหรู ซ วง  ขั น ที ส ามสี่ ค นก้ า วออกมาด้ า นหน้ า   ทั้ ง ผลั ก ทั้ ง ตะคอก  “บั ง อาจ!  บั ง อาจ เอะอะโวยวายต่อหน้าท่านอ๋องหรือ!” ในที่สุดเสี่ยวหวนก็ได้สติ  รีบวิ่งไปทางประตูโค้ง  รุ่ยชินอ๋องนั่งอยู่บน หลังม้า  สีหน้าสงบราบเรียบ  หรูซวงออกแรงดิ้นสุดชีวิต  ขันทีอีกหลายคน กรูกันออกมาหมายจะจับตัวนาง  นางได้แต่มองเสี่ยวหวนวิ่งไปทางประตูโค้ง ราวกระต่ า ยน้ อ ยตื่ น กลั ว   เสี่ ย วหวนวิ่ ง ไปถึ ง หน้ า ประตู โ ค้ ง แล้ ว   อี ก เพี ย ง สิ บ กว่ า ก้ า ว  อี ก เพี ย งสิ บ กว่ า ก้ า วเท่ า นั้ น   เสี่ ย วหวนก็ จ ะวิ่ ง พ้ น ประตู โ ค้ ง  ขอเพียงเลี้ยวผ่านประตูโค้ง  ขอเพียงเลี้ยวผ่านไป...รุ่ยชินอ๋องง้างคันธนูช้า ๆ  พลางหรี่ ต าด้ ว ยท่ า ทางสบาย ๆ ราวกั บ รู้ ดี ว่ า สั ต ว์ ที่ ก ำลั ง ล่ า ยากจะหนี พ้ น  หรู ซ วงอ้ า ปากค้ า ง  ทว่ า กลั บ มิ อ าจเปล่ ง เสี ย งใด ๆ ออกมา  ได้ แ ต่ ป ล่ อ ยให้ น้ ำ ตาไหลนองหน้ า   และชั่ ว วิ น าที นั้ น เอง  เสี ย ง ‘ฟึ่ บ ’ พลั น ดั ง ขึ้ น   ลู ก ธนู พุ่ ง ทะยานอย่ า งรวดเร็ ว ราวสายลมโฉบ  นางเห็ น เต็ ม สองตาว่ า ธนู ข นนก ดอกนั้นปักทะลุแผ่นหลังของเสี่ยวหวน  เลือดสด ๆ พลันพุ่งกระฉูด  เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนทั่วพื้นหิมะ เสี่ยวหวนโซเซ  สุดท้ายก็ทรุดฮวบลง หยดเลือดสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนพื้นหิมะ  ประหนึ่งต้นหญ้าระเกะระกะกระจายตัวอย่างโศกสลด  แต่ละหยาดหยดล้วนอาบย้อมไปด้วยความ ตื่นตระหนกระคนเจ็บปวดรวดร้าว  หรูซวงน้ำตาไหลพราก  เรี่ยวแรงทั้งหมด ในร่างกายราวกับถูกดูดกลืนจนหมดสิ้น  เหล่าขันทีจับตัวนางกดกับพื้นอย่าง แน่ น หนา  ใบหน้ า นางถู ก กดแนบกั บ พื้ น หิ ม ะ  หยาดน้ ำ ตาอุ่ น ร้ อ นไหลซึ ม เข้าไปในกองหิมะ  นางนึกถึงเช้าวันนั้นที่อากาศร้อนระอุ  นางกุมมือมารดา แน่น  เป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย  เจ้าหน้าที่ในคุกใช้แส้หนังหวดฟาด อย่างเอาเป็นเอาตาย  จนแขนของนางเจ็บแปลบแสบร้อน  ปวดร้าวจนตัวสั่น สะท้าน  กระนั้นก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ  ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอม  เอาแต่ร่ำร้อง เสียงสะอื้น  “ท่านแม่!  ท่านแม่!” นิ้วมือค่อย ๆ ถูกแกะออก  มีคนมากมายก้าวเข้ามาลากตัวนางออกไป 10


เ ฝ ย ห ว่ อ ซื อ ฉุ น

กดตั ว นางลงกั บ พื้ น หิ น ที่ ปู ด้ ว ยหญ้ า แห้ ง อั บ ชื้ น   จากนั้ น ก็ ยั ด หญ้ า แห้ ง อุ ด ปากนาง...หญ้ า แห้ ง ในคุ ก ไม่ เ คยเปลี่ ย นใหม่ สั ก ครั้ ง   เมื่ อ ตกกลางคื น จะมีฝูงหนูวิ่งเพ่นพ่าน  และถึงขนาดวิ่งไต่ไปมาบนขาของนาง  นางกรีดร้อง และสะดุ้ ง ตื่ น   ท่ า นแม่ มั ก จะกอดนาง...กอดนางอยู่ อ ย่ า งนั้ น ...หยาดน้ ำ ตา ปริ่ ม รื้ น จนนั ย น์ ต าพร่ า มั ว   ความเจ็ บ ปวดแสนสาหั ส พุ่ ง ปะทุ ขึ้ น ในใจ...นาง ไม่เคยสิ้นหวังเช่นนี้มาก่อนในชีวิต  พวกเขาแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างของนางไป  ทั้งบิดาของนาง  มารดาของนาง  พี่ชายของนาง  แม่นมของนาง...ความสุข ทั้ ง หมดที่ น างเคยมี   สมาชิ ก ในครอบครั ว ที่ รั ก และห่ ว งใยนาง  แล้ ว ตอนนี้ ยั ง พรากเสี่ ย วหวนไปจากนางอี ก !  เสี่ ย วหวนของนาง!  คนสนิ ท ข้ า งกาย คนสุ ด ท้ า ยของนางในใต้ ห ล้ า นี้   ต้ อ งถู ก คร่ า ชี วิ ต ไปต่ อ หน้ า ต่ อ ตาโดยที่ ท ำ อะไรมิได้  หยาดน้ ำ ตาเอ่ อ ล้ น ริ น ไหล  นางนึ ก ว่ า ตนเองจะไม่ ห ลั่ ง น้ ำ ตาอี ก แล้ ว  นางนึ ก ว่ า ตนเองไม่ ห ลงเหลื อ อะไรให้ สู ญ เสี ย อี ก ต่ อ ไป  โชคชะตาเล่ น ตลก กับชีวิตคนอย่างโหดร้าย  จากผู้ที่มีชีวิตสุขสบายไร้กังวล  เพียงชั่วพริบตา ก็ ก ลายเป็ น สิ้ น ไร้ ไ ม้ ตอก  นางสู ญ เสี ย ทุ ก สิ่ งทุ ก อย่ า งไปแล้ ว  ดั งนั้ น นางจึ ง คิ ด ว่ า ตนเองไม่ มี อ ะไรให้ สู ญ เสี ย อี ก ต่ อ ไป  ทว่ า เสี่ ย วหวน  นึ ก ไม่ ถึ ง เลยว่ า พวกเขายั ง จะพรากเสี่ ย วหวน  คนที่ เ หลื อ อยู่ เ พี ย งคนเดี ย วไปจากนาง  หยาดน้ ำ ตาแปรเปลี่ ย นเป็ น เยี ย บเย็ น   เฉกเช่ น กองหิ ม ะสกปรกข้ า งใบหน้ า  เช่ น เดี ย วกั บ หั ว ใจของนางที่ ค งเหลื อ เพี ย งความเหน็ บ หนาว  ตั ว ของนาง พลั น ชั ก กระตุ ก อย่ า งรุ น แรง  กระแสเลื อ ดในกายพลั น แล่ น พล่ า น  ราวกั บ มีคลื่นยักษ์สูงชันคลื่นแล้วคลื่นเล่าถาโถมกระทบฟากฝั่งแห่งสติสัมปชัญญะ นางประหนึ่ ง สั ต ว์ ป่ า ที่ ไ ด้ รั บ บาดเจ็ บ   ดิ้ น รนอย่ า งสิ้ น หวั ง เป็ น ครั้ ง สุดท้าย  ต่อให้ต้องตาย  นางก็ไม่ยอมตายอย่างอัปยศอดสูเช่นนี้ รุ่ ย ชิ น อ๋ อ งมองสตรี ร่ า งแบบบางที่ ถู ก เหล่ า ขั น ที จั บ กดกั บ พื้ น หิ ม ะ  พลันรู้สึกสนใจ  “ปล่อยนาง” ขันทีที่กดตัวนางรีบปล่อยมือ  นางตะเกียกตะกายลุกขึ้น  เขาโน้มตัว ลงมา  ใช้บังเหียนหยาบหนาเชิดคางนางขึ้น  วินาทีที่เห็นหน้านาง  เขาก็หรี่ตา 11


บุ ห ลั น ไ ร้ ใ จ

ลงอย่างไม่รู้ตัว  ราวกับถูกแสงสะท้อนจากหิมะบนกระเบื้องเคลือบกรีดบาด จนลืมตาไม่ขึ้น นางมีนัยน์ตาที่ชวนให้สายตาพร่าเลือน  ประหนึ่งคมดาบวาววับคู่หนึ่ง แฝงไว้ ด้ ว ยความโกรธแค้ น ระคนเจ็ บ ช้ ำ อั น มิ อ าจบรรยาย  ราวกั บ ต้ อ งการ จะมองทะลุร่างกายเขา  ใบหน้าและเส้นผมของนางล้วนเปรอะเปื้อนไปด้วย น้ ำ หิ ม ะสกปรก  ผมเปี ย หลุ ด ลุ่ ย เพราะออกแรงขั ด ขื น   ปอยผมยุ่ ง เหยิ ง เปี ย กชื้ น แนบติ ด แก้ ม   เนื่ อ งจากความโกรธแค้ น พุ่ ง ปะทุ ถึ ง ขี ด สุ ด   ใบหน้ า จึงกลายเป็นสีแดงก่ำ  หากแต่คางที่ถูกบังคับจับให้เชิดขึ้นนั้น  กลับโค้งมน นวลงามเกินพรรณนา เขาแทบจะใจลอยไปชั่วขณะ เซี่ยจิ้นโหวซึ่งยืนอยู่ข้างรุ่ยชินอ๋องก็ดูเหมือนจะตะลึงงันเช่นกัน ในที่สุดรุ่ยชินอ๋องก็ชักบังเหียนกลับมา  น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นราบเรียบ เช่นเดิม  “เจ้าแซ่มู่หรือ” นางกัดริมฝีปากตัวเองจนแตก  รสหวานคาวของเลือดแล่นไหลเข้าไป ในปาก  กระแสโลหิตในกายยิ่งแล่นพล่านยากจะระงับ  นางไม่ตอบคำ  ทำท่า ราวกับไม่ได้ยิน  แววตาของรุ่ยชินอ๋องค่อย ๆ ทอประกายเยียบเย็น  คล้ายกับ ว่าใบหน้าเรียบเฉยของนางทำให้เขาเคืองขุ่น   เซี่ยจิ้นโหวกระวนกระวายยิ่ง  ถลึงตาใส่หัวหน้าบ่าวรับใช้ที่ยืนขดตัวอยู่ข้าง ๆ  บ่าวรับใช้ผู้นั้นเอ่ยตอบเสียง สั่นเทา  “ทูลท่านอ๋อง  นางแซ่มู่พ่ะย่ะค่ะ” เป็ น อย่ า งที่ ค าดไว้   เซี่ ย จิ้ น โหวพลั น รู้ สึ ก หั ว ใจหนั ก อึ้ ง   รุ่ ย ชิ น อ๋ อ ง ไม่เอื้อนเอ่ยอันใดอีก  เพียงแต่เบนสายตาไปทางอื่น  ทอดสายตามองละออง หิมะที่กำลังร่วงจากใบสนที่อยู่ไกลออกไป  เขาเป็นชินอ๋องที่ได้รับเบี้ยหวัด มากกว่ า ผู้ ใ ด  ทั้ ง พระเจ้ า ซิ่ ง จงก็ รั ก ใคร่ อ งค์ ช ายผู้ นี้ ที่ สุ ด   ตอนแบ่ ง จวนยั ง พระราชทานที่ ดิ น จำนวนนั บ ไม่ ถ้ ว นให้ เ ขา  รุ่ ย ชิ น อ๋ อ งชำนาญการวาดภาพ  ชื่นชอบการท่องเที่ยว  สวนฝั่งตะวันตกอันกว้างใหญ่ในจวนอ๋องเต็มไปด้วย สิ่ ง ก่ อ สร้ า งอั น งามวิ จิ ต ร  ซึ่ ง ล้ ว นแต่ ง ดงามตระการตาเมื่ อ ทอดสายตามอง  ท่ามกลางหมู่มวลหิมะสีขาวบริสุทธิ์  หอตำหนักทั้งหลายประหนึ่งรูปสลักที่ทำ 12


เ ฝ ย ห ว่ อ ซื อ ฉุ น

จากผลึกแก้ว  ทอประกายวาววามรางเลือน  ความคิดร้อยพันพลันหมุนวน ไปมาในสมองของเซี่ยจิ้นโหว  และเป็นเพราะรู้ดี  ด้วยเหตุนี้จึงยิ่งไม่แน่ใจ  ทว่าประโยคนี้เขาจำต้องเป็นคนเอ่ย  คิดได้ดังนั้นจึงค้อมกายลง  “ขอท่านอ๋อง โปรดบัญชา” ดูท่าคงพูดผิดไป  เพราะรุ่ยชินอ๋องชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง  เซี่ยจิ้นโหว ไม่กล้าเอ่ยวาจา  ยืนบากหน้ารอบัญชาของรุ่ยชินอ๋อง ครู่หนึ่งผ่านไป  ถึงได้ยินรุ่ยชินอ๋องเอ่ย  “ให้นางตายครบสามสิบสอง” เซี่ยจิ้นโหวถอนหายใจโล่งอก  ค้อมกายเอ่ย  “น้อมรับบัญชา”  ก่อนจะ หันไปสั่ง  “ลากตัวไปลานตะวันตก”  ลานตะวันตกอยู่นอกประตูข้างฝั่งตะวัน ตก  เป็ น ที่ ที่ จ วนอ๋ อ งใช้ เ ผาขยะ  ในลานมี ห้ อ งเล็ ก เตี้ ย ตั้ ง อยู่ เ จ็ ด แปดห้ อ ง  เดิมใช้เป็นโกดังสำหรับจอดรถขนขยะ  แต่ไหนแต่ไรรุ่ยชินอ๋องจะปฏิบัติต่อ บ่าวรับใช้อย่างโหดเหี้ยมทารุณ  สถานที่แห่งนี้จึงค่อย ๆ กลายสภาพเป็นลาน ประหารบ่าวรับใช้ที่กระทำผิดสถานหนัก  ผู้ที่ทำงานรับใช้ในจวนเพียงได้ยิน คำว่า ‘ลานตะวันตก’ เป็นต้องตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ขันทีทั้งสองฝั่งก้าวเข้ามาลากตัวหรูซวง  นางมิได้ขัดขืน   ประตูสวน ด้านหลังอยู่ไม่ไกลจากประตูข้างฝั่งตะวันตก  นางถูกขันทีลากตัวอย่างแรง จนแทบจะล้ม   ทันทีที่ก้าวพ้นประตูข้างฝั่งตะวันตก  กลิ่นเหม็นไหม้ก็ลอย เตะจมู ก   ครั้ น เดิ น ทะลุ ต รอกลึ ก ที่ ล้ อ มรอบด้ ว ยกำแพงสี เ ทาสู ง ตระหง่ า น  ก็จะพบกับลานตะวันตกที่รกร้างกว้างใหญ่  หิมะของที่นี่ไม่มีคนกวาด  ละออง ฝุ่ น สี ด ำหนาที่ ก องสุ ม มานานแรมปี ล้ ว นซ่ อ นตั ว อยู่ ภ ายใต้ ก องหิ ม ะสี ข าว บริสุทธิ์  ขันทีสองคนลากนางเดินตัดลานกว้าง  จนมาถึงมุมตะวันตกริมลาน บานหน้าต่างของห้องสองสามห้องที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวเปิดอ้า  มืดทึบราว สัตว์ร้ายที่กำลังรอตะครุบเหยื่อ ขันทีผลักหลังนางอย่างแรง  นางโซซัดโซเซเข้าไปในห้อง เมื่อชีวิตไร้สิ่งอาลัยอาวรณ์  ความตายจะน่ากลัวอันใด ความตายนั บ เป็ น ถ้ อ ยคำที่ อ บอุ่ น เหลื อ คณา  ท่ า นแม่ ก ำลั ง รอนาง อยู่ที่นั่น  แล้วก็ยังมีท่านพ่อ  พี่ชาย  แม่นม...คนในครอบครัวอีกมากมาย... 13


บุ ห ลั น ไ ร้ ใ จ

รวมทั้งเสี่ยวหวน  เสี่ยวหวนที่เติบโตมาพร้อมนาง...นางไม่มีอะไรต้องกลัว  บั ด นี้ ค วามตายนั บ เป็ น ที่ พั ก พิ ง ที่ น างปรารถนาเหนื อ สิ่ ง อื่ น ใด  เฉกเช่ น ผู้เดินทางท่องเที่ยวปรารถนาจะกลับสู่บ้านเกิด  ประดุจทารกน้อยปรารถนา จะหวนคื น สู่ อ้ อ มอกมารดา  บั ด นี้ น างปรารถนาเพี ย งความตาย  แต่ ว่ า อวิ่นเอ๋อร์...นางมิอาจทำตามคำสั่งเสียของมารดา...อวิ่นเอ๋อร์ถูกใช้แรงงาน อยู่ ช ายแดน  ถู ก เนรเทศไปไกลถึ ง สามพั น ลี้ . ..เดิ ม ที น างยั ง คงหลงเหลื อ ความหวังที่ว่า  หากโชคดี  ชีวิตนี้คงสามารถรู้ข่าวคราวของเขาบ้าง  หารู้ไม่ บั ด นี้ ก ลั บ ไร้ โ อกาส  แต่ เ ขาเป็ น ถึ ง บุ รุ ษ แห่ ง ตระกู ล มู่  ย่ อ มไม่ ท ำให้ ต ระกู ล ต้องอับอายขายหน้า! ขั น ที ผู ก ปมเชื อ กเป็ น เงื่ อ นตาย  จั บ นางยื น บนเก้ า อี้ แ ละคล้ อ งเชื อ ก กับคาน  นางยังไม่ทันยืนทรงตัวก็ดึงเก้าอี้ออกไป ลำคอพลั น ถู ก บี บ รั ด   น้ ำ หนั ก ตั ว ที่ ก ดทั บ ทำให้ น างหายใจไม่ อ อก  ดิ้ น ไปมาตามสั ญ ชาตญาณ  กระเสื อ กกระสนคล้ า ยต้ อ งการไขว่ ค ว้ า อะไร บางอย่ า ง  มื อ เท้ า ปั ด ป่ า ยสะเปะสะปะกลางอากาศ  ตอนนั้ น เองที่ ส ายลม แผ่ ว เบาโชยผ่ า นข้ า งหู   เสี ย งฝี เ ท้ า เร่ ง รี บ พลั น ดั ง ขึ้ น จากที่ ไ กล ๆ  ตอนนั้ น นางยังเล็กมาก  เสี่ยวหวนกับนางเล่นชิงช้าอยู่ใต้ต้นดอกท้อ  ชิงช้าลอยสูง  เงยหน้าเห็นดอกไม้บนกิ่งผลิบานสะพรั่ง   ดั่งปุยเมฆหลากสีสันยามสายัณห์  กลี บ ดอกไม้ จ ำนวนนั บ ไม่ ถ้ ว นร่ ว งโปรยเป็ น สาย  หล่ น ลงบนเส้ น ผมและ เสื้อผ้าของนาง  ประหนึ่งสายฝนที่งดงามแจ่มจ้าที่สุดในโลกหล้า  เสี่ยวหวน หัวเราะคิกคัก  ออกแรงไกวชิงช้าแรงขึ้น  ให้นางมองเห็นท้องฟ้าสูงกว่าเดิม  ไกลกว่าเดิม...คลับคล้ายคลับคลาว่าเสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือเสียงฝีเท้าเร่งรีบ ที่เคลื่อนใกล้เข้ามา  ผสานกับเสียงหอบหายใจ  เสียงแหลมสูงอันเป็นลักษณะ เฉพาะของขันทีพลันดังขึ้น  “เร็ว!  เร็วเข้า!  ปล่อยนางลงมา  ท่านอ๋องมีบัญชา!  ปล่อยนางลงมา...”  ความมืดมิดอันอ่อนนุ่มโอบล้อมห่อหุ้ม  ประดุจห้วงฝัน อันหอมหวานโอบล้อมตัวนางอย่างอ่อนโยน นางจะไม่มีวันรู้สึกเหน็บหนาวอีกต่อไป 14


­๒ หลั ง หิ ม ะหยุ ด ตก   ดอกเหมยในหออี้หวาก็เริ่มผลิดอก  เมื่ อ เดิ น ผ่ า นระเบี ย งทางเดิ น จะได้ ก ลิ่ น หอมละมุ น สดชื่ น ที่ เ จื อ ไว้ ด้ ว ยความ ฉ่ ำ เย็ น โชยมาแต่ ไ กล  ท่ า นป้ า กู ป ระคองถาดเคลื อ บลายขนาดเล็ ก ใบหนึ่ ง  บนถาดมี ถ้ ว ยลายครามใบหนึ่ ง ตั้ ง อยู่   บรรจุ ย าน้ ำ สี ด ำข้ น   มี ไ อร้ อ นลอย ออกมาเป็ น ระยะ  หลี เ อ๋ อ ร์ เ ห็ น นางยกยาเดิ น มาก็ รี บ เลิ ก ม่ า นให้ น างเข้ า ไป  ท่านป้ากูเดิมเป็นลูกสาวของหมอชาวหลู่โจว  ภายหลังได้รับเลือกเข้าวังเป็น นางกำนัล  ครั้นรัชศกเซิงผิงปีที่ยี่สิบห้า  เหล่าองค์ชายย้ายออกไปพำนัก  ณ  จวนของตน  นางถูกส่งมารับใช้รุ่ยชินอ๋อง  เนื่องจากพอรู้เรื่องการปรุงยาจึง ได้รับหน้าที่ควบคุมการปรุงยาในห้องยาเรื่อยมา  นางเป็นคนสุภาพอ่อนโยน  รอบคอบระมัดระวัง  ตามธรรมเนียมแล้ว  นางกำนัลที่อายุยี่สิบห้าปีสามารถ ออกจากจวนกลับบ้านเกิด  ตอนนางอายุถึงเกณฑ์  เดิมได้รับอนุญาตให้ออก จากจวน  หารู้ ไ ม่ ปี นั้ น หลู่ โ จวบั ง เอิ ญ ประสบปั ญ หาโรคระบาดร้ า ยแรง  คน 15


บุ ห ลั น ไ ร้ ใ จ

ในครอบครัวนางล้วนติดโรคระบาด  ทยอยล้มตายลง  นางไร้ที่พึ่งพิง  ขอร้อง หัวหน้าข้ารับใช้ในจวนให้รับนางไว้  ถึงตอนนี้ก็ยี่สิบกว่าปีแล้ว  บัดนี้ล่วงเข้า วัยกลางคน  บรรดาบ่าวรับใช้ในจวนล้วนเรียกนางว่า ‘ท่านป้ากู’ หลีเอ๋อร์เลิกม่านขึ้นพลางเอ่ยเสียงกระซิบ   “วันนี้ก็ไม่ยอมรับอาหาร อีกเช่นเคย  ข้าว่ายานี้  ท่านป้าคงเสียเวลาปรุงแล้ว”  ท่านป้ากูเดินเข้าไปใน ห้ อ งใน  เป็ น อย่ า งที่ ค าดไว้   นางเห็ น หรู ซ วงนั่ ง อยู่ ที่ เ ดิ ม   นั ย น์ ต าหลุ บ ต่ ำ  นั่งนิ่งไม่ขยับ  ประหนึ่งรูปปั้นไม้อย่างไรอย่างนั้น  ท่านป้ากูรู้ว่านางมักจะนั่ง เหม่อลอยเช่นนี้อยู่นานหนึ่งถึงสองชั่วยาม  สายตาจับจ้องไปบนฟ้าอย่างไร้ จุดหมาย  ไร้ชีวิตชีวา  นัยน์ตาทั้งคู่ว่างเปล่าไร้วิญญาณ  ไม่รู้กำลังคิดอะไร ในใจ  ท่านป้ากูวางถาดลง  ยกถ้วยยาขึ้นพลางเอ่ย  “แม่นาง  ได้เวลาดื่มยา แล้ว  ยานี้ต้องดื่มตอนร้อน ๆ ถึงจะไม่ขม”  หรูซวงราวกับไม่ได้ยิน  ไม่แม้แต่ จะเหลี ย วมอง  หลายวั น มานี้ ท่ า นป้ า กู เ ห็ น เช่ น นี้ จ นชิ น แล้ ว   ถอนใจเอ่ ย  “แม่นาง  สิ่งสำคัญที่สุดในใต้หล้าก็คือ  ตราบใดที่ยังมีชีวิต  อนาคตย่อมมีหวัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายปานใด  มีชีวิตอยู่ต่อไปถึงจะมีความหวัง”  หรูซวงไม่สนใจ  แม้แต่เปลือกตาก็ไม่ขยับแม้เพียงนิด  เคยเข้าใจว่า ตนคงต้ อ งตายแน่ น อน  หารู้ ไ ม่ ข ณะที่ เ ท้ า ข้ า งหนึ่ ง ก้ า วผ่ า นประตู น รก  กลั บ ถู ก ฉุ ด กระชากกลั บ มาอี ก ครั้ ง   คอของนางถู ก เชื อ กรั ด เป็ น รอยลึ ก  กระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่จางหาย  ลำคอมักจะปวดแปลบแสบร้อนชวนทุรนทุราย  คล้ า ยกั บ หลอดลมถู ก บดขยี้ จ นแตกละเอี ย ด  หากมิ ใ ช่ เ ป็ น เพราะอาการ ปวดแสบปวดร้ อ นมั ก จะกำเริ บ   นางคงคิ ด ว่ า ตนเองกลายเป็ น วิ ญ ญาณที่ สิ้ น ลมเพราะถู ก แขวนคอ  แล้ ว บั ง เอิ ญ วิ ญ ญาณกลั บ เข้ า ร่ า ง  ถึ ง สามารถ หวนคื น สู่ โ ลกมนุ ษ ย์ อี ก ครั้ ง   นางไม่ เ ข้ า ใจแม้ แ ต่ น้ อ ยว่ า   เหตุ ใ ดเขาถึ ง เปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้าย  ตัดสินใจไว้ชีวิตนางเช่นนี้  ตอนนางฟื้นคืนสติก็พบว่าตนเองถูกย้ายมาอยู่ที่นี่   ได้ยินว่าเซี่ยกงกง ให้นางพักรักษาตัว  ณ  ที่แห่งนี้  หออี้หวาตั้งอยู่ในมุมลับตาคน  แต่ไหนแต่ไร ก็ มิ เ คยมี ผู้ ใ ดพั ก อาศั ย   ห้ อ งหั บ น้ อ ยใหญ่ ล้ ว นลงกลอนแน่ น หนา  ที่ ที่ น าง พำนักคือห้องฝั่งตะวันตกในลานด้านหลัง  เดิมเป็นห้องพักผ่อนของบ่าวรับใช้ 16


เ ฝ ย ห ว่ อ ซื อ ฉุ น

ที่อยู่เวร  มีห้องหลักสามห้อง  ห้องปีกสองห้อง  แม้จะตกแต่งอย่างเรียบง่าย กระนั้ น ก็ มี เ ตี ย งนอนกั บ เตาอุ่ น   เที ย บกั บ ที่ พ ำนั ก เดิ ม ของนางแล้ ว   นั บ ว่ า ดีกว่าหลายเท่า  นางไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร  ช่างน่าขันนัก  นางยังมีอนาคตอีกหรือ  แม้แต่ตายพวกเขายังไม่ยอมให้นางตาย  ไม่รู้คิดจะทำอะไรกับนางอีก ท่านป้ากูเห็นหรูซวงยังคงนั่งนิ่งเหมือนรูปปั้น  ทำได้เพียงวางถ้วยยาลง ก่ อ นจะพู ด กั บ นางราวกั บ สนทนาสั พ เพเหระ  หลี เ อ๋ อ ร์ รู้ ว่ า ท่ า นป้ า กู มั ก จะ โน้ ม น้ า วอยู่ น านครึ่ ง ถึ ง หนึ่ ง ชั่ ว ยาม  แต่ ทุ ก ครั้ ง หรู ซ วงล้ ว นทำเป็ น ไม่ ไ ด้ ยิ น  ไม่ ส นใจแม้ แ ต่ น้ อ ย  ตอนแรกหลี เ อ๋ อ ร์ ยั ง ยื น อยู่ ข้ า ง ๆ ช่ ว ยพู ด อี ก แรง  แต่ หลายวันมานี้เห็นว่าเปล่าประโยชน์จึงเลิกสนใจ  หันไปทำงานเย็บปักนอกห้อง  ปล่อยให้ท่านป้ากูโน้มน้าวนางอยู่ในห้อง  แล้วก็อย่างที่คาดไว้  ครึ่งชั่วยาม ผ่านไป  นางเข้าไปดู  พบว่าท่านป้ากูพูดจนเสียงแหบแห้ง  แต่หรูซวงก็ยังคง นั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ท่ า นป้ า กู เ ห็ น หลี เ อ๋ อ ร์ เ ข้ า มา  ส่ า ยหน้ า เล็ ก น้ อ ยให้ น าง  ยื่ น มื อ แตะ ถ้วยชาเห็นว่าเย็นชืด  เอ่ยขึ้น  “ข้าจะไปปรุงยาให้แม่นางใหม่” นางออกจากหออี้ ห วา  กลั บ มายั ง ห้ อ งยา  พอดี เ ซี่ ย จิ้ น โหวส่ ง คนมา ตาม  นางจึงไปพบเซี่ยจิ้นโหว  เล่าสภาพหรูซวงให้เขาฟังอย่างละเอียด  เห็นว่า เซี่ยจิ้นโหวมีท่าทางครุ่นคิดจึงเอ่ย  “เซี่ยกงกง  เรื่องนี้ท่านต้องรีบตัดสินใจ  หากปล่อยไว้เช่นนี้ต่อไป  น่ากลัวว่าแม่นางผู้นั้นอาจจะไม่รอด” เซี่ยจิ้นโหวคิดครู่หนึ่งจึงตอบนาง  “เจ้ากลับไปก่อน  ประเดี๋ยวข้าจะ จัดการเอง” ท่านป้ากูกลับออกไป  ส่วนเซี่ยจิ้นโหวกลับห้องกุยปี้  ที่แห่งนี้เดิมเป็น ห้องหนังสือของรุ่ยชินอ๋อง  ปกติรุ่ยชินอ๋องจะพำนักที่นี่   เมื่อเห็นเขาเข้ามา  เด็กรับใช้ก็รีบก้าวเข้ามากระซิบบอกเขา  “ท่านอ๋องเล่นหมากล้อมชนะคุณชาย เมิ่ง  กำลังอารมณ์ดียิ่ง”  คุณชายเมิ่งที่เด็กรับใช้กล่าวถึงคือ  เมิ่งสิงจือ  สหายบัณฑิตที่รุ่ยชินอ๋อง ต้อนรับขับสู้ราวแขกคนสำคัญ  เซี่ยจิ้นโหวได้ยินเด็กรับใช้เอ่ยเช่นนี้   พลัน 17


บุ ห ลั น ไ ร้ ใ จ

เกิดความคิดบางอย่าง  รับถาดชามาจากเด็กรับใช้   ถือเข้าไปในห้องนั่งเล่น ฝั่งตะวันออก เป็นดังคาดหมาย  ขันทีกำลังเก็บหมากออกจากกระดาน  รุ่ยชินอ๋อง ยื่นมือออกมารับถ้วยชา  เห็นว่าเป็นเซี่ยจิ้นโหวจึงเอ่ยถาม  “เจ้าไปที่ใดมา” เซี่ยจิ้นโหวค้อมกายตอบ  “คนจากหออี้หวามารายงาน  หลายวันมานี้ แม่นางมู่ไม่รับน้ำ  ไม่รับอาหาร  เกรงว่าจะไม่รอดพ่ะย่ะค่ะ” รุ่ ย ชิ น อ๋ อ งขมวดคิ้ ว น้ อ ย ๆ ราวกั บ ว่ า ถ้ ว ยชาในมื อ ร้ อ นเกิ น ไป  เขา วางถ้ ว ยชาลง  “คนเช่ น เจ้ า นี้   รู้ สึ ก นั บ วั น ยิ่ ง มี ไ หวพริ บ ”  เซี่ ย จิ้ น โหวตกใจ  ลุกลี้ลุกลนทรุดตัวคุกเข่า  เอ่ยเป็นพัลวัน  “กระหม่อมสมควรตาย”  เมิ่งสิงจือ เห็นดังนั้นก็เพียงแต่ยิ้มน้อย ๆ  “เจ้าวานรแก่นี้  เอะอะก็บอกว่าตนสมควร ตาย  ข้ า เห็ น แล้ ว ยั ง รำคาญ  ไม่ แ ปลกที่ ท่ า นอ๋ อ งจะเบื่ อ หน่ า ย”  รุ่ ย ชิ น อ๋ อ ง หัวเราะชอบใจแล้วเอ่ย  “เรามาเล่นด้วยกันอีกสักตา” รุ่ ย ชิ น อ๋ อ งถื อ หมากสี ด ำจึ ง เป็ น ฝ่ า ยวางหมากก่ อ น  เดิ ม ฝี มื อ การ เล่ น หมากล้ อ มของเขาทั้ ง คู่ ต่ า งไม่ เ ป็ น รองกั น   เมื่ อ วางหมากไปสิ บ กว่ า ตั ว  หมากสีดำขาวบนกระดานก็ติดพันยากคลี่คลาย  รุ่ยชินอ๋องถือหมากอยู่ในมือ ครุ่ น คิ ด อยู่ น าน  แต่ ก ลั บ ไม่ ย อมวางหมาก  เมิ่ ง สิ ง จื อ เอ่ ย   “ทั้ ง ที่ ท่ า นอ๋ อ ง มี แ ผนการล้ ำ เลิ ศ อยู่ ใ นใจ  ไยจึ ง ลั ง เลไม่ ย อมวางหมาก  ท่ า นอ๋ อ งมิ ก ลั ว ว่ า หากอยู่เฉยจะเสียโอกาส  ทุกอย่างที่ทุ่มเทมาจะเปล่าประโยชน์หรือ” รุ่ยชินอ๋องเอ่ย  “หลายวันมานี้  สิ่งที่ข้าตรึกตรองใคร่ครวญ  คุณชาย ย่อมเข้าใจดี   หากทว่าการวางหมากตานี้   ไม่แน่ว่าจะชนะ  หากแหวกหญ้า ให้งูตื่น  กลับจะเป็นภัยต่อตนเอง” เมิ่งสิงจือไม่เปลี่ยนสีหน้า  “นับว่าท่านอ๋องละเอียดรอบคอบ  ข้าน้อย พูดจาเหลวไหล  แต่ท่านอ๋องน่าจะลองใช้ความคิดของตนเองคาดเดาความคิด ของผู้อื่นดู” ในห้ อ งเงี ย บอย่ า งยิ่ ง   กระถางเครื่ อ งหอมไป่ เ หอที่ อ ยู่ บ นพื้ น จุ ด เครื่ อ งหอมรุ่ ย เหน่ า   ควั น สี ข าวขุ่ น ลอยอวลอย่ า งแช่ ม ช้ า ไปยั ง ส่ ว นลึ ก ของ ห้องนั่งเล่น  ผ่านไปครู่ใหญ่  รุ่ยชินอ๋องถึงเอ่ยยิ้ม ๆ  “คุณชายกล่าวถูกต้อง”  18


เ ฝ ย ห ว่ อ ซื อ ฉุ น

ยื่นมือล้างหมากบนกระดาน  เอ่ยกับเซี่ยจิ้นโหว  “ไป”  เซี่ยจิ้นโหวกะพริบตา  “ท่านอ๋องจะเสด็จไปที่ใดหรือ” รุ่ ย ชิ น อ๋ อ งแค่ น หั ว เราะ  ยกขาถี บ เขาอย่ า งแรง  เซี่ ย จิ้ น โหวเจ็ บ ปวด จนใบหน้ า บู ด เบี้ ย ว  ไม่ ก ล้ า ทำเป็ น ไม่ รู้ เ รื่ อ งอี ก   ได้ แ ต่ ป รนนิ บั ติ รุ่ ย ชิ น อ๋ อ ง ขึ้นเกี้ยวไปหออี้หวา ทั น ที ที่ ก้ า วพ้ น ประตู ห ออี้ ห วาก็ ไ ด้ ก ลิ่ น หอมละมุ น ของดอกเหมย  รุ่ยชินอ๋องหยุดฝีเท้าอย่างไม่รู้ตัว  ทอดสายตามองดอกเหมยแรกบานในลาน ด้านหน้า   “ดอกเหมยที่นี่ออกดอกแล้ว”  เซี่ย จิ้นโหวเมื่อครู่ถูกถีบเต็มแรง  จึ ง ไม่ ก ล้ า เอ่ ย อะไรมากนั ก  ได้ แ ต่ ต อบรั บ   “พ่ ะ ย่ ะ ค่ ะ ”  พลั น รู้ สึ ก เย็ น วาบ ที่หน้าผาก  ที่แท้ก็หิมะตก  เขามิกล้ารอช้า  รีบสั่งให้คนกางร่มคันใหญ่  ถือ บังลมหิมะให้รุ่ยชินอ๋อง ไม่ น านหิ ม ะก็ ต กหนั ก  ประหนึ่ ง ปุ ย ดอกไม้ ล อยละล่ อ ง  โปรยปราย เป็ น สายอย่ า งไร้ สุ้ ม เสี ย ง  หลี เ อ๋ อ ร์ ไ ด้ ยิ น ว่ า ท่ า นอ๋ อ งเสด็ จ มา  ออกมายื น ต้อนรับอยู่แล้ว  หลายวันมานี้เซี่ยจิ้นโหวแวะมาหออี้หวาสองครั้ง  จึงเดินนำ รุ่ ย ชิ น อ๋ อ งไปด้ า นหลั ง อย่ า งคุ้ น ทาง  ประกายหิ ม ะด้ า นนอกเจิ ด จ้ า บาดตา  รุ่ยชินอ๋องเข้าไปในห้อง  รู้สึกเพียงนัยน์ตาพร่ามัว  ครู่หนึ่งสายตาถึงคุ้นชิน กับความมืด  มองเห็นเครื่องตกแต่งภายในห้องชัดเจน เซี่ ย จิ้ น โหวเอ่ ย   “แม่ น างมู่ อ ยู่ ด้ า นในพ่ ะ ย่ ะ ค่ ะ ”  ก่ อ นจะก้ า วเข้ า ไป เลิกม่านขึ้น  ฝั่งใต้ของห้องเต็มไปด้วยหน้าต่างบานใหญ่  แสงตะวันสีขาวนวล ส่องลอดผ่านกระดาษติดหน้าต่างเข้ามา  ทำให้ด้านในสว่างไสวกว่าด้านนอก  ในห้องเงียบสนิท  ได้ยินเพียงเสียงถ่านในเตาอุ่นแตกปะทุแผ่วเบา  แม้แต่ เสียงละอองหิมะร่วงโปรยด้านนอกยังแทบได้ยินชัดเจน  เมื่อก้าวเข้าไปก็เห็น หรูซวงนั่งอยู่ตรงนั้น  แบบบางราวกระดาษเงา  รุ่ ย ชิ น อ๋ อ งเห็ น เงาร่ า งด้ า นข้ า งของนาง  รู้ สึ ก คล้ า ยกั บ คุ้ น เคยอย่ า ง บอกไม่ถูก  ทว่าขณะเดียวกันก็รู้สึกเลือนรางยิ่งนัก  ราวกับมิเคยพาดผ่าน อย่างแจ่มชัดในความทรงจำ  ความจริงแล้ว  รูปโฉมของนางไม่เหมือนมู่เฟย เท่าใด  เมื่อคิดเช่นนี้  ตนก็พลันสะดุ้ง  ความคิดทั้งหมดถึงกับหยุดลงชั่วขณะ 19


บุ ห ลั น ไ ร้ ใ จ

ราวกับมิอาจปล่อยใจให้คิดถึงอีกต่อไป  เซี่ยจิ้นโหวเห็นหรูชวงยังคงนั่งนิ่ง อยู่ที่เดิม  กระแอมเสียงเบาก่อนจะเอ่ย  “แม่นางมู่  ท่านอ๋องเสด็จมาเยี่ยม” เปลือกตาหรูซวงหลุบต่ำ  คล้ายกับไม่ได้ยิน เซี่ยจิ้นโหวไม่รู้จะทำอย่างไร  รุ่ยชินอ๋องไม่มีท่าทีโกรธเคือง  ก้าวช้า ๆ ไปด้ า นหน้ า   น้ ำ เสี ย งสงบราบเรี ย บราวทะเลสาบไร้ ค ลื่ น  “แม่ น างมู่   วั น นี้ กรมยุติธรรมได้รับรายงาน  มู่อวิ่นน้องชายคนสุดท้องของเจ้าล้มป่วยสิ้นชีวิต ระหว่างถูกเนรเทศ  บัดนี้ตระกูลมู่สิ้นผู้สืบทอด  เหลือเจ้าเพียงคนเดียวที่ยัง มีชีวิตอยู่”  ทุกถ้อยคำของเขาเสียดแทงโสตประสาท  ราวกับแมลงตัวน้อย จำนวนนับไม่ถ้วนบินวนอยู่ข้างหู  ส่งเสียงหึ่ง ๆ จนนางได้ยินไม่ชัด...มู่อวิ่น... อวิ่นเอ๋อร์ผู้ร่าเริงแจ่มใส...เติบใหญ่ในค่ายทหาร  ขี่ม้าติดตามบิดาและพี่ชาย ไปนอกด่ า น  เขาติ้ ง หลานเหน็ บ หนาวแร้ น แค้ น  กระนั้ น เขาก็ มิ เ คยล้ ม ป่ ว ย สักครั้ง  ทว่าบัดนี้...กลับล้มป่วยสิ้นชีวิต...อย่างนั้นหรือ  มุ ม ปากรุ่ ย ชิ น อ๋ อ งเหยี ย ดออกเป็ น รอยยิ้ ม อ่ อ นบาง  ทว่ า สี ห น้ า กลั บ ยิ่งทวีความเคร่งเครียด  “ตัดรากจำต้องถอนโคน  มู่อวิ่นย่อมมิอาจรอดชีวิต  ผู้ ที่ คุ ม ตั ว เขาก็ คื อ คนสนิ ท ของอวี้ ชิ น อ๋ อ ง  น้ อ งเจ็ ด ผู้ นี้ ข องข้ า   เป็ น คน ละเอียดรอบคอบและไว้ใจได้  เขาไม่มีทางปล่อยให้อะไรก็ตามกลายเป็นภัย ต่อเสด็จพี่ของข้าในภายหลัง  แม่นางมู่  เจ้าเข้าใจหรือไม่”  ในที่สุดหรูซวง ก็เงยหน้าขึ้นมองเขา  นัยน์ตากระจ่างสีดำสนิท  ทอประกายเยียบเย็นเสียด กระดู ก   ชวนให้ ห วั่ น เกรงยามสบสายตา  รุ่ ย ชิ น อ๋ อ งชั ก กระบี่ สั้ น วาววั บ เล่ ม หนึ่ ง ออกมาจากแขนเสื้ อ   โยนไปทางหรู ซ วง  กระบี่ สั้ น มี ข นาดเพี ย ง หนึ่งฉื่อ๑ สองนิ้ว  ทอประกายวาววับชวนขนลุก  เห็นได้ชัดว่าเป็นอาวุธมีคม ชั้นเลิศ ประกายแหลมคมของกระบี่สั้นสะท้อนเข้าสู่นัยน์ตาหรูซวง  ประหนึ่ง นัยน์ตาของหุ่นไม้ที่มีเปลวไฟเจิดจ้าลุกโชติช่วง  นางสูดหายใจลึก  นัยน์ตา พลั น หลุ บ ลง  เบนไปทางกระบี่ สั้ น เล่ ม นั้ น   เขาเป็ น ใคร  ไยเขาถึ ง รู้   เขา

20

หนึ่งฉื่อประมาณ  ๐.๓๓  เมตร


เ ฝ ย ห ว่ อ ซื อ ฉุ น

เป็นใครกันแน่  ด้านเซี่ยจิ้นโหวไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ๆ  ได้แต่เหลือบมอง รุ่ยชินอ๋อง  มุมปากเขาเหยียดออกเป็นรอยยิ้มเยาะหยัน  คล้ายกับมองทะลุ ทุกความเป็นความตาย  เข้าใจทุกการต่อสู้ดิ้นรนอย่างถ่องแท้  หรูซวงค่อย ๆ ยื่นมือออกไป  กำกระบี่สั้นเล่มนั้น  ด้ามกระบี่เย็นเยียบแนบติดฝ่ามือร้อนจัด ของนาง  บังเกิดสัมผัสอันแปลกประหลาด กระบี่สั้นเล่มนี้  มาอยู่ในมือเขาได้อย่างไร ในที่ สุ ด นางก็ เ หลื อ บตาขึ้ น   จ้ อ งมองคนตรงหน้ า   ความเคี ย ดแค้ น ที่สะกดกลั้นมานาน  ประหนึ่งเปลวเพลิงลุกโชน  พลันปะทุคุกรุ่นและระเบิด ออก  ท่ า นพ่ อ ตายแล้ ว   ท่ า นแม่ ต ายแล้ ว   พี่ ช ายตายแล้ ว   แม่ น มตายแล้ ว  เสี่ ย วหวนตายแล้ ว   แม้ แ ต่ อ วิ่ น เอ๋ อ ร์ ก็ ต ายแล้ ว !  นางมี ชี วิ ต อยู่ ต่ อ ไปจะมี ความหมายอั น ใด!  ชั่ ว ชี วิ ต นี้   นางไม่ มี วั น ได้ พ านพบอี ก แล้ ว   ตั ว นางตาย ไปนานแล้ ว   ฆ่ า เขาเสี ย !  ฆ่ า เขา!  ความโกรธแค้ น ที่ สั่ ง สมพุ่ ง ปะทุ จ นนาง แทบจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีพุ่งตัวเข้าไป  ใช้กระบี่สั้นฟันใส่เขา  รุ่ยชินอ๋อง เอี้ ย วตั ว หลบเพี ย งเล็ ก น้ อ ย  กระนั้ น ก็ ท ำให้ น างเสี ย หลั ก เซถลาไปด้ า นหน้ า  เดิมนางก็อดข้าวอดน้ำมาหลายวัน  การออกแรงเช่นนี้นับว่าใช้เรี่ยวแรงเฮือก สุ ด ท้ า ยจนหมดสิ้ น   ร่ า งทั้ ง ร่ า งพลั น ทรุ ด ฮวบลง  กระบี่ สั้ น หล่ น ลงบนพื้ น ส่งเสียงดังเคร้ง รุ่ ย ชิ น อ๋ อ งแค่ น หั ว เราะ  “มู่ ต้ า จวิ น กล้ า หาญชาญชั ย   แต่ ก ลั บ มี ธิ ด า โง่เขลาเบาปัญญาเช่นเจ้านี้” หรู ซ วงรู้ สึ ก เหมื อ นมี อ ะไรบางอย่ า งส่ ง เสี ย งหึ่ ง  ๆ อยู่ ข้ า งหู   ผ่ า นไป ครู่ ใ หญ่   ถึ ง ค่ อ ยมี แ รงยื ด แขน  เมื่ อ ครู่ อ อกแรงมากไป  ข้ อ ศอกครู ด กั บ พื้ น หิ น จนเนื้ อ หนั ง หลุ ด ลอก  ปวดแปลบแสบร้ อ นราวถู ก ไฟลน  ทว่ า ความ เจ็ บ ปวดเช่ น นี้   กลั บ ทำให้ น างรู้ สึ ก ดี ขึ้ น ...เขาเตื อ นสติ น าง  นางมี ห นี้ เ ลื อ ด ที่ ยั ง มิ ไ ด้ ช ำระ  นางต้ อ งแก้ แ ค้ น   ต้ อ งแก้ แ ค้ น ...ความคิ ด เช่ น นี้   ผุ ด ขึ้ น พร้อมกับกระแสโลหิตที่แล่นพล่าน  เดือดพลุ่งอยู่ในอก  ประดุจคลื่นยักษ์ โหมกระหน่ ำ   ถาโถมซั ด สาดรุ น แรง  มิ อ าจยั บ ยั้ ง ได้ อี ก ต่ อ ไป  นางคื อ ธิ ด า ตระกูลมู่  เลือดในกายนางคือสายเลือดเข้มข้นของคนตระกูลมู่  นางไม่ควร 21


บุ ห ลั น ไ ร้ ใ จ

นั่งรอความตายอย่างน่าอดสูเช่นนี้  นางต้องแก้แค้น!  นางอ้าปากหอบหายใจ ขดตั ว สั่ น เทาเข้ า หากั น   รุ่ ย ชิ น อ๋ อ งส่ ง สายตา  เซี่ ย จิ้ น โหวรี บ หยิ บ ตลั บ เงิ น ใบหนึ่งออกมา  เปิดฝาหยิบยาเม็ดหนึ่งยัดใส่ปากนาง  นางมิได้ขัดขืน  ยานั้น ไม่ ข ม  ค่ อ ย ๆ ซึ ม ผ่ า นโคนลิ้ น   หั ว ใจที่ เ ต้ น อย่ า งบ้ า คลั่ ง ถึ ง ค่ อ ยสงบลง  เช่นเดียวกับกระแสเลือดในกายที่แล่นไหลอย่างช้า ๆ  นางฝื น เงยหน้ า ขึ้ น   ร่ า งกายอ่ อ นเพลี ย จนแทบไม่ มี แ รงเอื้ อ นเอ่ ย  มี เ พี ย งประกายริ บ หรี่ ใ นนั ย น์ ต าที่ ยั ง คงวู บ ไหวอย่ า งไม่ ย อมแพ้   เลื อ ดต้ อ ง ชดใช้ ด้ ว ยเลื อ ด  นางจะใช้ ค วามเคี ย ดแค้ น แก้ แ ค้ น ฆาตกรที่ มิ เ คยพบหน้ า ผู้นั้น  ให้เขาชดใช้ด้วยชีวิต รุ่ยชินอ๋องก้าวช้า  ๆ กลับไปที่เตียงและทรุดตัวลงนั่ง   เขาอยู่ใกล้นาง ถึ ง เพี ย งนั้ น   ทว่ า เสี ย งของเขากลั บ ห่ า งไกลราวกั บ ลอยมาจากอี ก ฟากฝั่ ง ของขอบฟ้า  “คนที่เจ้าเกลียดที่สุดผู้นั้น   อาศัยเพียงราชโองการฉบับเดียว ก็ ส ามารถทำลายเกี ย รติ ย ศชื่ อ เสี ย งนั บ ร้ อ ยปี ข องตระกู ล มู่   คร่ า ชี วิ ต บิ ด า  พี่ ช าย  และทุ ก คนในตระกู ล ของเจ้ า   พรากทุ ก สิ่ ง ทุ ก อย่ า งไปจากเจ้ า   ทว่ า เขากลั บ ยั ง คงเสวยสุ ข อยู่ ใ นตำหนั ก อั น ใหญ่ โ ตหรู ห รา  เจ้ า ไม่ ต้ อ งการ แก้แค้นหรือ” ริ ม ฝี ป ากนางสั่ น ระริ ก  นั ย น์ ต าจั บ จ้ อ งคนตรงหน้ า โดยไม่ ล ะสายตา แม้ เ พี ย งวิ น าที   เนื่ อ งเพราะอยู่ ใ นจวน  รุ่ ย ชิ น อ๋ อ งจึ ง สวมเพี ย งชุ ด ลำลอง  ชุดยาวผ้าต่วนปักอักษรโชคลาภลายสมปรารถนา  ขับให้เขางามสง่าผ่าเผย  ดูคล้ายคุณชายในตระกูลเศรษฐี  มีเพียงสายคาดเอวสีเหลืองประดับหยกขาว ที่ แ สดงให้ เ ห็ น ถึ ง ฐานั น ดรอั น สู ง ส่ ง หาใดเปรี ย บ  ครั้ น ขยั บ ตั ว   กลิ่ น หอม ของเครื่ อ งหอมรุ่ ย เหน่ า จะโชยออกมา  เป็ น กลิ่ น หอมขมที่ เ จื อ ไว้ ด้ ว ยความ ฉ่ ำ เย็ น สดชื่ น   กาลก่ อ น...กาลก่ อ นในจวนของนางก็ มั ก จะจุ ด เครื่ อ งหอม รุ่ยเหน่าชั้นเลิศ  แววตาของนางค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นโศกสลดระคนอับจน หนทาง  ส่ ว นเขากลั บ อมยิ้ ม อ่ อ นบาง  ราวกั บ กำลั ง พิ นิ จ มองดอกเหมย กิ่งแรกที่ผลิบานรับหิมะ  ลังเลว่าจะลงกรรไกรตัดส่วนใดดี  เพื่อนำดอกไม้ งามกิ่งนี้กลับไปปักแจกัน  22


เ ฝ ย ห ว่ อ ซื อ ฉุ น

สุ ด ท้ า ยนางก็ เ อ่ ย คำ  น้ ำ เสี ย งแหบแห้ ง น่ า สะพรึ ง กลั ว   “ท่ า นเห็ น ว่ า อย่างไร” รุ่ ย ชิ น อ๋ อ งเอนตั ว พิ ง เตี ย ง  เอ่ ย สี ห น้ า ผ่ อ นคลาย  “แม่ น างมู่   บั ด นี้ ควรต้องถามเจ้ามากกว่าว่าเห็นว่าอย่างไร” ขณะสู ด หายใจยั ง คงเจ็ บ ร้ า วเสี ย ดอก  ทุ ก ครั้ ง ที่ ห ายใจเข้ า ออกล้ ว น ยากลำบากราวกับจะสูญสิ้นเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้าย  เล็บของนางจิกลึกเข้าไป ในฝ่ า มื อ   ทุ ก ถ้ อ ยคำที่ เ อื้ อ นเอ่ ย ล้ ว นเจื อ ไว้ ด้ ว ยความเคี ย ดแค้ น อั น ฝั ง ราก หยั่งลึก  “ฆ่าเขาเสีย” รุ่ยชินอ๋องคล้ายกับเผยอยิ้ม  หยิบดอกเหมยกิ่งหนึ่งออกมาจากแจกัน “แม่ น างมู่   เขาคื อ โอรสสวรรค์   ราชั น แห่ ง แผ่ น ดิ น   หากคิ ด จะลอบสั ง หาร  ไฉนเลยจะง่ายดายปานนั้น” สมองของนางค่อย ๆ ปลอดโปร่ง  แววตาค่อย ๆ มีชีวิตชีวา  เฉกเช่น แสงสว่างสุดท้ายของเปลวเพลิงที่กะพริบริบหรี่คล้ายจะมอดดับ  ปะทุคุกรุ่น อย่างน่าประหวั่นพรั่นพรึง  “ขอท่านอ๋องโปรดชี้แนะ” รุ่ยชินอ๋องขยำกลีบดอกเหมยในมือช้า ๆ ด้วยท่าทางไม่ใส่ใจ  กลิ่นหอม ละมุ น โชยออกมาจากมื อ ของเขา  “หากตั ว ข้ า สามารถหาโอกาสแก้ แ ค้ น ให้ แม่นาง  มิทราบแม่นางจะตอบแทนตัวข้าอย่างไร” นางเงยหน้ า ขึ้ น ช้ า  ๆ  เสี ย งพู ด ยั ง คงแหบแห้ ง ไม่ น่ า ฟั ง   “ถึ ง ตอนนั้ น  ทุกสรรพสิ่งในใต้หล้าล้วนตกอยู่ในมือท่านอ๋อง  เกรงว่าท่านอ๋องคงไม่ต้องการ สิ่งตอบแทนอันน้อยนิดจากสตรีตัวเล็ก ๆ เช่นข้า” รุ่ ย ชิ น อ๋ อ งหั ว เราะเสี ย งก้ อ ง  เอ่ ย รั ว เร็ ว   “ประเสริ ฐ   ประเสริ ฐ  ประเสริฐ”  มองนางอย่างพิจารณาพลางเอ่ย  “สมแล้วที่เป็นธิดาตระกูลมู่”  หรูซวงรู้สึกว่าอาการเจ็บร้าวบริเวณลำคอพลันกำเริบอีกครั้ง  คล้ายกับมิอาจ หายใจ  ทว่าใบหน้ากลับเผยอยิ้มเลือนราง  รุ่ยชินอ๋องเอ่ย   “เรื่องทุกอย่าง จะมีคนจัดการแทนเจ้า  ต่อไปเจ้าเพียงแต่พักฟื้นร่างกาย  รอคอยข่าวดี” นางรวบอาภรณ์น้อมคำนับ  เอ่ยอย่างยากลำบาก  “หรูซวงขอบพระทัย ท่านอ๋อง” 23


บุ ห ลั น ไ ร้ ใ จ

รุ่ยชินอ๋องยิ้มน้อย ๆ  “หรูซวง...แปลว่าเคียงคู๒่   นับเป็นชื่ออันประเสริฐ” เขาฟั ง ผิ ด ไป  ชื่ อ ของนางคื อ หรู ซ วงที่ แ ปลว่ า แสงจั น ทร์ ง ามกระจ่ า ง ราวเกล็ดน้ำค้าง๓  เนื่องจากคืนที่มารดาให้กำเนิดนาง  บังเอิญตรงกับวันที่ สิ บ หก  บิ ด าอุ้ ม ทารกน้ อ ยในห่ อ ผ้ า ที่ ง ดงามราวรู ป สลั ก จากหยกขาว  มอง ออกไปนอกหน้าต่างเห็นว่าแสงจันทร์งามกระจ่างราวเกล็ดน้ำค้าง  ด้วยเหตุนี้ จึ ง ตั้ ง ชื่ อ นี้ ใ ห้ น าง  แสงสี ข าวขุ่ น ส่ อ งลอดผ่ า นกระดาษติ ด หน้ า ต่ า งเข้ า มา  มิใช่แสงจันทร์  แต่คือประกายหิมะอันหนาวเหน็บ  หิมะตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ   ร่ ว งกระทบบานหน้ า ต่ า ง  ตลั บ เงิ น ใบนั้ น วางอยู่ บ นโต๊ ะ น้ ำ ชา  บนตลั บ สลั ก ลวดลายงามวิ จิ ต ร  นางค่ อ ย ๆ ยื่ น มื อ ออกไป  ในตลั บ เต็ ม ไปด้ ว ยยาเม็ ด สีเขียวสดที่มีกลิ่นหอมเข้ม   นางกำตลับเงินนั้นไว้แน่น   ลายสลักเยียบเย็น กดทับเข้าไปในฝ่ามือ  นางนึกถึงรอยยิ้มเยาะหยันของเขาเมื่อครู่  นางจะจดจำ คำพูดในวันนี้ของเขา  นางจะมีชีวิตอยู่ต่อไป  จะอยู่รอดปลอดภัยเพื่อรอคอย โอกาสนั้น  นางคือธิดาตระกูลมู่  แม้แต่ความตายยังไม่กลัว  ไฉนเลยจะกลัวการ มีชีวิตอยู่

๒  ‘ซวง’ เป็นคำพ้องเสียง  ‘หรูซวง’ ในที่นี้มาจาก ‘หรูซวงหรูตุ้ย’  (如双如对)  ที่แปลว่าเคียงคู่ ๓  ‘ซวง’ เป็นคำพ้องเสียง  ‘หรูซวง’ ในที่นี้มาจาก ‘เหลิ่งเย่ว์หรูซวง’  (冷月如霜)  ที่แปลว่าแสงจันทร์ งามกระจ่างราวเกล็ดน้ำค้าง

24


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.