[ทดลองอ่าน] แสงส่องใจไกลสุดฟ้า โดย มณิกา

Page 1

๑  รถตู้ สี ด ำขรึ ม  เคลื่อนตัวอย่างสง่างามผ่านจุดรับบัตรของ

ลานจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ  ความมันเงาของสีรถที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และผ้าม่านติดกระจกทำให้รถตู้ยี่ห้อดาวสามแฉกคันนี้ดูลึกลับน่าเกรงขาม  ไม่ว่า ใครที่พบเห็นต่างก็ต้องคิดว่าผู้โดยสารที่นั่งอยู่ภายในคือบุคคลสำคัญที่มีภารกิจ สำคัญในต่างแดน ทั น ที ที่ ร ถจอดสนิ ท และประตู อั ต โนมั ติ ข องรถตู้ เ คร่ ง ขรึ ม คั น เดิ ม เลื่ อ น เปิดออก  เสียงล้งเล้งเจี๊ยวจ๊าวของครอบครัวใหญ่ที่ทำลายภาพพจน์ของรถมาดนิ่ง เนี้ยบคันนี้ก็ระเบิดออกมา  ตามมาด้วยเหล่าสมาชิกครอบครัวใหญ่  ไล่ลำดับตั้งแต่ รุ่นอาวุโสไปจนถึงรุ่นเด็กเล็กซึ่งทยอยลงจากรถตู้ทีละคนสองคน  ทุกครั้งที่คิดว่า คนที่ อ ยู่ ใ นรถลงมากั น หมดแล้ ว   ก็ จ ะมี ค นค่ อ ย ๆ มุ ด ลงมาจากรถอี ก   ราวกั บ รถคันนี้คือเต็นท์เพอร์กินส์จากนิยายเรื่อง แฮร์รี่  พอตเตอร์   หรือไม่ก็เป็นตุ่ม จากหนังเรื่อง บ้านผีปอบ  ไม่นานนักก็มีรถตู้แบบเดียวกันมาจอดไม่ไกล  และคนในนั้นก็ทยอยลงมา รวมตั ว กั น อี ก   ผู้ พ บเห็ น ต่ า งนึ ก ว่ า วั น นี้ ค งมี แ ฟนคลั บ มาคอยรั บ หรื อ ส่ ง ดารา ที่สนามบิน  แต่ชะเง้อมองอย่างไรก็ไม่ยักเห็นป้ายไฟ  “อ้าว  ลงมากันครบหรือยัง”  ชายหนุ่มผิวขาวหน้าตี๋และหล่อล่ำคนหนึ่ง ตะโกนถาม ทุกคนที่ยืนอออีนุงตุงนังกันอยู่รอบ ๆ รถหยุดคุยแล้วมองกันไปมา  ผู้ใหญ่ คอยจับเด็กเล็กไม่ให้วิ่งออกไปที่ทางเดินรถพลางชี้นิ้วนับเด็ก ๆ กันให้วุ่น “ครบแล้ว...แต่...เอ๊ะ  คนจะเดินทางล่ะ  คนเดินทางไปไหน  ไม่ใช่ลืมไว้ 1


มณิกา

ที่บ้านนะ”  หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งพูดพลางชะเง้อมองหา  “ไหน  เช็กชื่อหน่อย  พิมพ์ตะวัน  มาไหม”  ตี๋หล่ออีกคนตะโกนถาม “มาค่ะ  เฮียก้อง”  ที่ก้าวลงมาจากรถตู้คันแรกเป็นคนสุดท้ายคือนางสาว พิ ม พ์ ต ะวั น   หฤหรรษ์ ว งศา  หญิ ง สาวผู้ มี ร อยยิ้ ม สดใสและดวงหน้ า เต็ ม อิ่ ม ไปด้วยความสุขไม่ต่างอะไรจากชื่อและนามสกุล  ลักยิ้มบุ๋มสองข้างแก้มของเธอคือ เครื่องประดับติดตัวมาตั้งแต่เกิด ด้ ว ยความที่ ต ระกู ล นี้ มี แ ต่ ห ลานชาย  หลานสาวคนเล็ ก และคนแรกของ ตระกูลคนนี้จึงเป็นหลานคนโปรดของเจ้าของหนึ่งในโรงงานพลาสติกยักษ์ใหญ่ ของเมื อ งไทยและภู มิ ภ าคอาเซี ย น  ที่ ก่ อ ตั้ ง ขึ้ น ตั้ ง แต่ ส มั ย เสื่ อ ผื น หมอนใบและ ดำเนินธุรกิจติดต่อกันมาจนเป็นตำนาน “เอ้า  ถ้าอย่างนั้นพร้อมกันหรือยัง”  เฮียก้องป้องปากตะโกนถามทุกคน ที่ประกอบด้วยญาติ  เพื่อนสนิทของครอบครัว  เพื่อนบ้านที่เคารพนับถือกัน  และ พนักงานคนสนิทพร้อมลูกหลาน  เขาดูราวกับหัวหน้าทัวร์นำเที่ยว  ขาดอย่างเดียว คือไม่ได้ชูธงและถือโทรโข่งเดินนำหน้าขบวน ระหว่างมุ่งหน้าไปยังอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ  มีสาวใหญ่ สวมแว่นหนาใส่ชุดทำงานผลุบโผล่อยู่ตามจุดต่าง ๆ ของคนกลุ่มนี้  ที่มาเพียงส่งคน ไปต่างประเทศ  แต่แลดูคล้ายขบวนแห่ธิดาโรงเจ  เธอใช้ความพยายามในการ เข้าถึงตัวพิมพ์ตะวันโดยไม่ให้มารดาของสาวน้อยรู้ตามที่ได้รับคำสั่งเอาไว้   แต่ ดูเหมือนจะไม่ใช่งานง่าย ๆ  เพราะพิมพ์ตะวันเป็นเหมือนศูนย์กลางของระบบสุริยะ  ตอนนี้ที่รุมล้อมเธออยู่คือเหล่าดาวดวงน้อย ๆ ซึ่งพากันอ้อนให้พิมพ์ตะวันปล่อยมุก แป้กเรียกเสียงฮาอีก “เจ๊พิมพ์  เอาอีก ๆ”  หนึ่งในบรรดาเด็ก ๆ ขอร้อง “อะ ๆ  โอเค”  หญิงสาวรวบผมยาวสลวย  เผยให้เห็นต้นคอขาว  “มีอยู่ ครั้งหนึ่งนะ  เจ๊พิมพ์เลิกเรียนดึก”  เด็ก ๆ ต่างพยักหน้าหงึก ๆ  “เจ๊พิมพ์ออกจากห้องเรียนเป็นคนสุดท้าย”  หญิงสาวเดินไปเล่าไป น้อง ๆ ฟังกันอ้าปากหวอ 2


แสงส่องใจไกลสุดฟ้า

“ข้างนอกไม่มีใครเลย  เงียบแล้วก็มืดมาก  เจ๊ก็รีบไปกดลิฟต์จะลงจาก ตึกเรียน  แต่รู้ไหม  เจ๊เจอกับอะไรที่น่ากลัวมาก”  เธอทำหน้าเครียด “อะไรเหรอ”  “ประตูลิฟต์” “ทำไมล่ะ” “ก็ประตูลิฟต์มันเปิดเองได้” “โธ่”  เด็ก ๆ ร้องอุทานปนเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน  “เป็นไง  ชอบไหมล่ะ”  พิมพ์ตะวันหัวเราะ  เป็นการหัวเราะที่ตลกมากกว่า มุกเสื่อม ๆ  ไม่ว่าใครที่เห็นก็อยากหัวเราะตาม  ลักยิ้มสองข้างแก้มบุ๋ม  พระอาทิตย์ ยามเย็นยิ้มแฉ่งส่องแสงสดใสไปพร้อม ๆ กับเธอ กว่าสาวแว่นหนาจะแหวกฝูงชนมาประชิดตัวพิมพ์ตะวันได้  ทุกคนก็เดินมาถึง เคาน์เตอร์เช็กอินของสายการบินแล้ว  เธอทำตัวแวบไปแวบมาเหมือนนินจาหญิง  เสื้อสูทสีดำเข้ากับกางเกงยิ่งทำให้ดูเหมือนเข้าไปอีก “น้องพิมพ์”  เธอกระซิบหูซ้ายของพิมพ์ตะวัน  “พี่มีอะไรจะให้”  แล้วก็ย้าย ไปหูขวา “ทำลับ ๆ ล่อ ๆ ทำไมจ๊ะพี่อรทัย”  พิมพ์ตะวันถาม  “อากงกับอาม่าของน้องพิมพ์บอกให้พี่เอานี่มาให้  ไม่ให้แม่น้องพิมพ์เห็น”  อรทั ย   เลขาฯสาวใหญ่ ป ระจำตั ว อากงและอาม่ า กระซิ บ พร้ อ มยื่ น ซองสี ข าวให้ หญิงสาว  แล้วรีบผลุบกลับออกไปแอบหลังเจ้านายทั้งสองที่ยืนอยู่ใกล้  ๆ แบบ คนกลัวความผิด พิม พ์ ตะวั น เปิ ด ซองออก  ข้ า งในคือ เอกสารตั๋ว เครื่อ งบิ น อิเ ล็ ก ทรอนิ ก ส์ ชั้นเฟิร์สต์คลาสของสายการบินประจำชาติ  ที่อากงและอาม่าแอบไปอัพเกรดให้ก่อน วันเดินทาง  เพราะเห็นว่าหลานสาวจองเพียงตั๋วชั้นประหยัดเอาไว้  “แน่ะ  พิมพ์”  เจ้าตัวไม่สะท้าน  แต่สาวแว่นหนาถึงกับสะดุ้งหดตัวหลบ หลังเกราะกำบัง  นั่นคือหลังของคนแก่เมื่อได้ยินเสียงทัดทานจากหญิงสวยแฉล้ม คนหนึ่ง  3


มณิกา

“แม่เห็นนะ  นั่นซองอะไร”  เพียงเดือน  คุณแม่ของพิมพ์ตะวันทำเสียง เฉียบ  ตรงกันข้ามกับดวงหน้านวลผ่องเหมือนดวงจันทร์และแววตาอ่อนโยน  “อ๋อ  ตั๋วเฟิร์สต์คลาสน่ะแม่” เป็นอย่างที่เพียงเดือนเดาไว้ไม่ผิด  หากไม่ใช่เงินค่าขนมพิเศษก็คงเป็น ตั๋วเครื่องบินเลื่อนชั้นราคาสูง “อาเลือง  อย่าว่าอาพิมพ์เลย  อั๊วกับอาม่าอยากให้อีนั่งสะบัย ๆ  กว่าจะถึง ที่โน่นตั้งสิบกว่าชั่วโมงเชียวนา”  อากง  ชายชราชาวจีนที่ยังคงเหลือความหล่ออยู่ แต่เลี้ยงพุงเอาไว้ดูเล่น  รีบออกตัวแทนหลานสาวคนโปรด “ใช่   ๆ  ชั้ น อี - คอ-ลอ-มี มั น แคบ  เดี๋ ย วอาพิ ม พ์ อี นั่ ง นาง ๆ แล้ ว ปวกเข่ า ”  หญิงอาวุโสคนสวย  ผิวพรรณผุดผ่อง  ดรายผมทรงสิงโตรีบเสริม “อาม่า  พิมพ์นั่งได้  อี-คอ-ลอ-มีน่ะ  ยังเด็กอยู่  ไม่ปวดเข่าหรอกค่ะ  แต่ก็ ขอบคุณอากงกับอาม่านะคะ”  พิมพ์ตะวันโผเข้าไปกอดอาม่า เพียงเดือนมองทั้งสามคนที่ยืนโอ๋กันอยู่แล้วได้แต่ถอนหายใจ  ตั้งแต่เล็ก จนโตเป็นสาว  พิมพ์ตะวันได้รับการดูแลจากคนในบ้านอย่างไข่ในหิน  และอาจจะ ฟังดูแปลก  แต่มีเพียงตัวมารดาเท่านั้นที่คอยพยายามแซะหินออก  ให้ลูกสาวได้มี ประสบการณ์ชีวิตแบบเด็กสาวทั่วไป  ไม่ใช่คุณหนูไฮโซบ้าง  เพียงเดือนถือว่าเป็น โชคที่ลูกสาวคนเดียวไม่ใช่คนเอาแต่ใจและเป็นคนจิตใจดีมาตั้งแต่เด็ก  แต่สามี หรือบิดาของพิมพ์ตะวันมองเห็นมาตลอดว่าไม่ใช่โชคชะตา  แต่เป็นวิธีเลี้ยงของ ภรรยาที่คอยอบรมสั่งสอนและเป็นตัวอย่างที่ดีทั้งทางการกระทำและวาจาให้ลูกสาว ด้วยความรักและเอาใจใส่มาตลอด “น่า  เดือน  นาน ๆ ที  ไม่เป็นอะไรหรอก  ลูกก็ไม่ใช่คนใช้เงินฟุ่มเฟือย อะไร”  เปรมปรีดิ์  บิดาของพิมพ์ตะวันผู้ที่ปกติไม่ค่อยพูดบอกภรรยา  “เฮียเปรมก็รู้ว่าที่เดือนตั้งใจส่งลูกไปช่วยงานร้านอาหารของน้องสาวเดือน ที่ โ น่ น   ก็ เ พราะอยากให้ ลู ก รู้ จั ก ช่ ว ยเหลื อ ตั ว เอง  แล้ ว ยิ่ ง ตอนนี้ น้ อ งสาวเดื อ น ก็ ก ำลั ง จะขยายสาขาอี ก   คงจะยุ่ ง มาก  งานที่ ร้ า นเดิ ม ก็ ยั ง หาคนมาช่ ว ยไม่ ไ ด้   ยายพิมพ์ไปแล้วจะได้ไปช่วยงานเขาได้  ไม่รู้ไปแล้วจะช่วยเขาหรือทำให้เขายุ่งขึ้น  เรียนก็จบมาหลายเดือนแล้ว  ยังทำตัวเป็นเด็ก ๆ อยู่เลย  นี่ยังไม่ทันได้ขึ้นเครื่อง 4


แสงส่องใจไกลสุดฟ้า

ก็เอาใจกันแบบนี้เสียแล้ว  ไม่รู้จะไปอยู่ครบหกเดือนหรือเปล่า  เห็นแบบนี้  สงสัย อาทิตย์เดียวก็พากันไปรับกลับมาแล้วมั้ง” “อาทิกเลียวก็ลีน่ะซี  หลานสาวอั๊วจะได้ไม่ต้องลำบาก  ทำงานเป็นเหล็ก เสิร์ฟร้านอาหารไทย  เหนื่อยจะตาย  อีเรียนเพิ่งจะจบมาแค่ไม่กี่เลือง  ให้อีพักก่อน ก็ไม่ล่าย  อั๊วจะให้พวกเฮีย ๆ อีไปส่ง  ลื้อก็ไม่ยอม  ให้อีไปคงเลียว  อั๊วห่วงหลาน อั๊วนา  ไม่รู้จะให้อีไปทำไม  อั๊วไม่เห็งล่วยแต่แลก”  อาม่าแย้ง “นั่นน่ะซี  อาพิมพ์  ถ้าเหนื่อยหรือไม่อยากอยู่ก็ทอระศัพท์มาบอกอากงนา  อากงจะรี บ ไปรั บ กลั บ   ถ้ า ไม่ ไ ปเองก็ จ ะส่ ง เจ้ า พวกเฮี ย  ๆ ลื้ อ ไป”  อากงรั บ  สองท่านนี้คือคู่ดูโอ  รับประกันความเหนียวแน่นด้วยระยะเวลาที่อยู่เคียงข้างกัน ยาวนานกว่าห้าสิบปี “อาพิมพ์ไม่อยู่  อาม่าคงเหงาแย่” “อาม่าก็เล่นกับน้องมุกน้องมิก  ลูกสาวเฮียหมีเขาแทนไง”  พิมพ์ตะวัน พูดถึงเหลนของอาม่าที่เป็นลูกสาวฝาแฝดของหลานชายคนโต อาม่ า กั บอากงพยั ก หน้ า เห็ น ด้ ว ย  แต่ ก็ ยั งไม่ ว ายพะเน้ า พะนอหลานสาว คนโปรดต่อไป  ถึงจะรู้สึกว่าลูกสาวคนเดียวถูกตามใจมากจนเกินพอดี  แต่เพียงเดือนและ เปรมปรีดิ์ก็อดเอ็นดูความรักของหลานสาวและปู่กับย่าไม่ได้ หลั ง จากเช็ ก อิ น เรี ย บร้ อ ยพิ ม พ์ ต ะวั น ก็ เ ริ่ ม ลามวลมหาเครื อ ญาติ แ ละคนรู้ จั ก ที่พากันมาส่งเธอในวันนี้ทีละคน  ลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้ชายทั้งหมดต่างกำชับว่า ให้เธอรีบบอกหากไปถึงที่หมายแล้วมีใครทำให้รำคาญใจ  หรือต้องการกลับบ้าน  พวกเขาจะรีบไปรับกลับเอง  ส่วนญาติ  ๆ และพี่  ๆ พนักงานคนเก่าแก่ของโรงงาน พลาสติกที่สนิทสนมด้วย  เห็นพิมพ์ตะวันมาตั้งแต่เล็ก ๆ  และหลงรักในความ น่ารักขี้เล่นของหญิงสาว  ต่างเริ่มมีน้ำหูน้ำตา “แหม  พี่ ม ล  พี่ แ จ่ ม   พี่ อ ำภา  พี่ อ รทั ย   พี่ แ ป๋ ว   ลุ ง รั ฐ   พิ ม พ์ ไ ปแค่ หกเดือนเองนะ  เดี๋ยวเดียวก็มาแล้ว” “หกเดือนก็นานอยู่นะ  ใครจะมาเล่นป๊อกเด้งกับพี่ล่ะ”  พี่แจ่มพูดเสียงสั่น 5


มณิกา

“นั่นน่ะสิ  หกเดือน  หวยตั้งกี่งวด  น้องพิมพ์ฝันแม่นจะตาย  แล้วทีนี้ใคร จะใบ้หวยให้พี่เอาไปตีล่ะ”  พี่แป๋วบอกเสียงเศร้า “พี่แจ่ม  เดี๋ยวนี้มีคอมพิวเตอร์แล้ว  พี่แจ่มก็เล่นเกมในคอมพ์แทนไปก่อน  ส่วนพี่แป๋ว  เดี๋ยวพิมพ์ฝันเห็นอะไรจะรีบโทร.มาบอกเลย” “น้องพิมพ์ฮะ  ไม่ต้องห่วงนะฮะ  น้องพิมพ์ไม่อยู่  พี่มลจะดูแลไอ้หนอน ให้ดีที่สุด”  สาวหล่อให้คำมั่น   เธอมีหน้าที่ดูแลสัตว์เลี้ยงภายในบ้านรวมไปถึง เจ้าหนอน  สุนัขตัวโปรดที่พิมพ์ตะวันเก็บมาเลี้ยงจากตลาดนัด “หนูพิมพ์ไม่อยู ่ ลุงรัฐคงไม่มีข้ออ้างแอบออกไปเต้นแอโรบิกที่สวนสาธารณะ ตอนเย็น”  ลุงรัฐ  คนขับรถประจำบ้านที่ขับรถรับส่งพิมพ์ตะวันตั้งแต่เรียนชั้น อนุบาลบอกเศร้า ๆ  เธอมักบอกที่บ้านว่าจะให้ลุงรัฐขับรถไปส่งบ้านเพื่อนทุกครั้ง ที่ลุงมีนัดกับกลุ่มเต้นแอโรบิก  แล้วตัวเองก็ไปถีบเรือถีบหรือไม่ก็ให้อาหารปลา รอลุงรัฐออกสเต็ปลดหุ่นจนเสร็จ “อ๋อ  พิมพ์ว่าจะบอกลุงตั้งนานแล้ว  ลืมไปได้ยังไงนะ  คือลุงรัฐไม่ต้องห่วง  พิมพ์ขออากงให้แล้ว” “หา  อะไรนะครับ” “พิ ม พ์ บ อกอากงแล้ ว ว่ า   ตอนเย็ น  ๆ บางวั น ลุ ง รั ฐ จะขอไปเต้ น แอโรบิ ก ออกกำลังกายสองสามชั่วโมง  อากงบอกว่าตอนพิมพ์ไม่อยู่  ลุงรัฐขับรถไปเต้น ได้เลย”  พิมพ์ตะวันบอกพร้อมยักคิ้วให้ “ขอบคุณนะหนูพิมพ์”  ลุงรัฐยิ้มหน้าแดง  พิมพ์ตะวันยกมือสวัสดีทุกคนอย่างนอบน้อม  เป็นเวลาเดียวกันกับที่คุณป้า ข้างบ้านที่สามีเสียไปเมื่อสี่ปีที่แล้วเดินเข้ามาหา “พิ ม พ์   ดู แ ลตั ว เองดี   ๆ นะจ๊ ะ   ป้ า จะคอยหนู ก ลั บ มานะ”  ป้ า เจี๊ ย บพู ด  แววตาปิดความรักเอ็นดูเด็กสาวไม่มิด  เธอไม่มีทายาท  ถ้าไม่มีเด็กผู้หญิงข้างบ้าน ที่คอยแวะเวียนมาหา  เธอคงเหงาจนไม่รู้จะทนใช้ชีวิตต่อไปอย่างเดียวดายได้ อย่างไร “ค่ ะ   ป้ า เจี๊ ย บ  อย่ า ลื ม เรื่ อ งที่ พิ ม พ์ บ อกนะ  พิ ม พ์ ฝ ากป้ า เจี๊ ย บไว้ กั บ โกวหลิ น แล้ ว   โกวหลิ น บอกว่ า เดี๋ ย วจะไปหาที่ บ้ า นแล้ ว พาไปร้ อ งคาราโอเกะ”  6


แสงส่องใจไกลสุดฟ้า

พิมพ์ตะวันพูดถึงพี่สาวของพ่อที่ชอบไปร้องเพลงกับเพื่อน ๆ รุ่นใหญ่หัวใจเดียวกัน ที่ดิโอลด์สยามพลาซา “จ้า  แต่อย่างป้าจะร้องกับเขาได้เหรอ” “ได้สิ  ขนาดพิมพ์ยังไปร้องกับเขามาแล้วเลย  เพลงลูกกรุงอมตะทั้งนั้น  ป้าเจี๊ยบน่าจะชอบ”  เธอตอบแล้วยกมือลาผู้ใหญ่  “ขอบคุณที่มาส่งนะคะ  พิมพ์ ไปนะ  ป้าเจี๊ยบ” “โชคดีนะลูก  มาให้ป้าหอมที”  พิมพ์ตะวันยื่นแก้มให้อย่างยินดี  พิมพ์ตะวันเดินวนไปลาคนตรงโน้นทีตรงนี้บ้างเหมือนเจ้าสาวในงานแต่ง ที่ต้องวนถ่ายรูปให้ครบทุกโต๊ะ  จนกระทั่งถึงคิวสุดท้ายที่สำคัญที่สุด “ป๊ากับแม่  พิมพ์ไปแล้วนะคะ”  เธอเข้าไปกอดคนทั้งสอง “ดูแลตัวเองดี  ๆ นะลูก  ป๊าเป็นห่วง” “ค่ะ  ป๊าไม่ต้องห่วงนะ” “อยู่ที่โน่นอย่าทำตัวเป็นภาระให้น้าฝันเขาล่ะ  ช่วยงานเขาเยอะ ๆ นะลูก” “ค่ะ  แม่อย่าลืมคิดถึงพิมพ์นะ” “ไม่คิดถึงเธอแล้วแม่จะไปคิดถึงใครล่ะ” “พิมพ์ไปนะแม่”   เธอหอมแก้มมารดาทั้งสองข้าง  ก่อนหันไปโบกมือลา ทุกคน แต่ก่อนที่พิมพ์ตะวันจะเดินเข้าไปยังจุดตรวจหนังสือเดินทาง  เสียงเรียกชื่อ ของเธอที่ดังประสานกันจนแทบเป็นเสียงบรรเลงเพลงก็หยุดเธอเอาไว้  พิมพ์ตะวัน ยิ้มออกมาทันที  ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร  “นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว  พวกแก๊”  เธอพูดเสียงดีใจสุดขีดขณะหันกลับมา แล้ววิ่งตรงไปหากลุ่มเพื่อนสนิท  สายตาของผู้คนต่างหันมามองต้นกำเนิดแห่งเสียง จิ๊บิ๊วกิ๊วก๊าวของสาว ๆ  “เซอร์ไพร้ส์ไหมล่ะ”  เพื่อนสาวคนหนึ่งถามขึ้น “มาก ๆ อะ  เนียนเลยนะ  เห็นเงียบกันไป  นึกว่าไม่ว่าง  ฉันแอบน้อยใจ  ไม่กล้าชวนพวกแกอีก”  พิมพ์ตะวันตอบ  ใบหน้ายังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม “ก็พอเราไปกินข้าวด้วยกันวันนั้นเสร็จ  ไอ้ฮันนีมันวางแผนว่าให้พวกเรา 7


มณิกา

ทำเป็นไม่สนใจ  แล้วค่อยมาทำเซอร์ไพร้ส์แกวันนี้”   “ อะ  ให้ ”   เพื่ อ นอี ก คนหนึ่ ง ยื่ น ถุ ง กระดาษสี ห วานขนาดกะทั ด รั ด ให้  พิมพ์ตะวันเปิดดู  ข้างในคือผลิตภัณฑ์โอทอปชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่เพื่อน  ๆ  ตั้งใจคัดสรร ให้เอาไปใช้ที่เมืองนอก  ด้วยกลัวว่าพิมพ์ตะวันจะคิดถึงบ้าน  ไม่ว่าจะเป็นยาดม ยาหม่องสูตรสมุนไพร  ยาอมแก้ไอตราตะขาบห้าตัว  สเปรย์รางจืดเคลือบบำรุงผิว  สีผึ้งแม่เลียบ  และชิ้นที่ทำให้เธอประทับใจที่สุดคือ  ผ้าพันคอไหมพรมที่ทุกคน เวียนถักกันเองกับมือ “เฮ้ย  พวกแก  ขอบใจนะ”  พิมพ์ตะวันน้ำตาซึม  โผเข้าไปกอดเพื่อน ๆ  “เฟซไทม์มาบ่อย ๆ นะ”  เพื่อนคนเดิมบอก พิมพ์ตะวันยื่นนิ้วก้อยให้สัญญาแล้วบอกลาเพื่อน ๆ  ส่วนเครือญาติกลุ่มเดิม ยังคงยืนมองอยู่ไม่ห่าง  เธอโบกมือลาพวกเขาพร้อมรอยยิ้มสดใสอีกครั้ง  ก่อนจะ หันหลังเข้าไปยังด่านตรวจหนังสือเดินทาง จากนั้ น ไม่ น านพิ ม พ์ ต ะวั น ก็ ม องลงมายั ง เมื อ งจิ๋ ว ที่ ค่ อ ย ๆ ลั บ สายตาไป  เหลือเพียงปุยเมฆให้เห็น  เสียงนักบินประกาศผ่านอินเตอร์คอมว่ากำลังพาเธอ และผู้โดยสารทั้งหมดไปยังกรุงโคเปนเฮเกน  เมืองหลวงของประเทศเดนมาร์ก

8


๒ เผลอกิ น อิ่ ม  นอนหลับสบายอยู่บนฟ้าเพียงไม่นาน  สิบกว่า

ชั่ ว โมงก็ ผ่ า นไปไวเหมื อ นพี่ วิ น หน้ า ปากซอยพาซิ่ ง  หญิ ง สาวได้ ยิ น เสี ย งกั ป ตั น ประกาศว่า  กำลังลดระดับเพดานบินฝ่าเมฆทึบหนา  นำเครื่องลงสู่ท่าอากาศยาน โคเปนเฮเกน  อุณหภูมภิ าคพืน้ ในคืนฤดูหนาวเดือนมกราคมติดลบสามองศาเซลเซียส  และมี หิ ม ะตก  เธอหยิ บ เสื้ อ โค้ ต ที่ เ ตรี ย มมาในกระเป๋ า ขึ้ น สวมเมื่ อ เครื่ อ งบิ น จอดสนิท  และเมื่อผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย  พิมพ์ตะวันก็มาถึง ประเทศเดนมาร์ก  หนึ่งในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย  ประเทศต้นกำเนิดตัวต่อ เลโก้  หนึ่งในรัฐสวัสดิการที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก  ได้รับการจัดอันดับว่าเป็น ประเทศที่ มี ค วามสุ ข ที่ สุ ด ในโลก  ดิ น แดนตำนานไวกิ้ ง   และแผ่ น ดิ น เกิ ด ของ นั ก เล่ า นิ ท านชื่ อ ดั ง นามว่ า  ฮั น ส์   คริ ส เตี ย น  แอนเดอร์ เ ซน  ผู้ ป ระพั น ธ์ นิ ท าน ชื่อก้องโลก  ไม่ว่าจะเป็น นางเงือกน้อย,  ลูกเป็ดขี้เหร่  หรือ ราชินีหิมะ  ที่จุดรอรับผู้โดยสาร  พิมพ์ตะวันมองหาเพียงฝัน  น้องสาวของมารดาที่มา เปิดร้านอาหารไทยอยู่อีกเมืองหนึ่งห่างจากกรุงโคเปนเฮเกน  น้าฝันบอกว่าจะขับรถ มารับเธอที่สนามบิน  แต่พิมพ์ตะวันเริ่มไม่แน่ใจเมื่อผ่านเวลานัดไปเกือบครึ่งชั่วโมง หญิงสาวกดโทรศัพท์ที่เปิดโรมมิงมาจากเมืองไทยไปหาเพียงฝัน  ปลายสาย ตอบรับเป็นภาษาเดนิช “สวัสดีค่ะ  น้าฝัน  นี่พิมพ์นะคะ  พิมพ์มาถึงแล้วค่ะ” “หืม  พิมพ์มาถึงแล้ว...วันนี้วันอะไร”  เพียงฝันหยุดนึกในใจไปชั่ววินาที  “ตายแล้ ว !”  เสี ย งโครมครามจากของหล่ น ล้ ม ดั ง ปึ ง ปั ง จากปลายสาย  “พิ ม พ์  น้าฝันจำวันผิด!  พิมพ์รอน้าเดี๋ยวเดียวนะ  เดี๋ยวน้าออกไปเดี๋ยวนี้เลย”  เพียงฝัน 9


มณิกา

เป็นเวิร์กกิ้งวูแมนผู้ยุ่งตลอดเวลา  ที่กำลังวุ่นเรื่องขยายสาขาร้านอาหารไทยของเธอ ไปยังประเทศสวีเดน  เธอมีเรื่องมากมายให้จัดการจนหลงลืมสับสนมากกว่าเดิม ที่ก็เป็นคนขี้ลืมอยู่แล้ว  “โอ๊ย!  ตาย ๆ  นี่กี่โมงแล้วเนี่ย”  เพียงฝันมองนาฬิกา  “หา  นี่มันใกล้จะ เที่ยงคืนแล้วนี่”   เสียงโครมครามดังอีกรอบ  “พิมพ์  ไปหาที่นั่งที่มีคนเยอะ ๆ  รอน้ า นะ  อย่ า ออกไปข้ า งนอกสนามบิ น   อย่ า คุ ย กั บ คนแปลกหน้ า   เข้ า ใจไหม  น้าจะรีบไปนะ”  เพียงฝันรู้ดีว่าทุกมหานครทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว หรือไม่  ก็อันตรายไม่ต่างกันในยามค่ำคืนสำหรับหญิงสาวที่เดินทางคนเดียว “ค่ะ  น้าฝัน” พิมพ์ตะวันทำตามที่น้าฝันบอก  เธอนั่งรอที่เก้าอี้ใกล้กับเคาน์เตอร์บริการ ของสนามบินที่มีเจ้าหน้าที่ผมสีบลอนด์ตาสีฟ้านั่งอยู่  หญิงสาวไม่ต้องการให้คน ที่ บ้ า นไม่ ส บายใจ  จึ ง ตั ด สิ น ใจไม่ โ ทรศั พ ท์ ไ ปบอกว่ า ยั ง ไม่ ไ ด้ เ จอกั บ เพี ย งฝั น ที่ลืมมารับหลานสาว  เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเฟซบุ๊ก  ส่งไลน์ไปเล่าให้เพื่อน ๆ  ในกรุ๊ปฟังว่าตัวเองทำอะไรอยู่  นั่งอยู่ตรงไหน  แล้วถ่ายรูปทำหน้าเศร้าส่งไปอ้อน ให้เพื่อนสงสาร  ทุกความเคลื่อนไหวของเพื่อน ๆ ทุกคนสามารถติดตามได้ในไลน์  อิ น สตาแกรม  หรื อ ไม่ ก็ เ ฟซบุ๊ ก   ถ้ า เรื่ อ งไหนอยากให้ รู้ น้ อ ยคนหน่ อ ยก็ มี ก รุ๊ ป ยิ บ ย่ อ ยลงไปอี ก   พิ ม พ์ ต ะวั น นั่ ง คุ ย กั บ เพื่ อ นไป  เล่ น อิ น สตาแกรมไปเรื่ อ ย ๆ  จนสายตาไปสะดุดกับรูปหนึ่งจากบุคคลหนึ่ง รูปนั้นคือรูปผู้ชายยืนยิ้มกว้างถ่ายเซลฟี่  โดยระบุสถานที่ว่าเป็นสนามบิน โคเปนเฮเกน  พิมพ์ตะวันรีบคอมเมนต์ถามไปว่า  ‘ยังไงเนี่ย  อยู่นี่จริง ๆ เหรอ’ เขาไม่ตอบ  เธอรีบพิมพ์ถามส่งไปในกรุ๊ปไลน์ที่รวมเขาอยู่ด้วย  เพื่อน ๆ  ทุกคนต่างสงสัยเหมือนกัน  รูปต่อมาที่เห็นในอินสตาแกรมคือรูปของตัวเธอเอง ที่ นั่ ง มองจอโทรศั พ ท์ อ ยู่ ข้ า งเคาน์ เ ตอร์ บ ริ ก าร  และต่ อ มาคื อ รู ป ตั ว เธอทำหน้ า เหลอหลามองหาคนถ่าย ‘ไอ้อั้น  แก  ยังไงเนี่ย  หา’  พิมพ์ตะวันรีบถามใต้รูป ‘เมื่อกี้พิมพ์ทำหน้าเอ๋อมากอะ’  เขาพิมพ์ตอบ  ‘เงยหน้าดิ’ พิมพ์ตะวันเงยหน้าขึ้นมองซ้ายมองขวา  10


แสงส่องใจไกลสุดฟ้า

‘มองมาที่คนหล่อ ๆ ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตู้โทรศัพท์สิ’ ‘ฉั น เห็ น แต่ ตู้ โ ทรศั พ ท์   ไม่ เ ห็ น คนหล่ อ  ๆ ที่ แ กบอก’  พิ ม พ์ ต ะวั น มั ว แต่ ก้มหน้าตั้งใจพิมพ์  กว่าจะรู้ตัวก็มีคนมายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว “ว่าไง  ยายคางสองชั้น”  เมื่อพิมพ์ตะวันเงยหน้าขึ้น  เธอเรียกชื่อคนที่มาถึงก็ปากเสียทันทีด้วยความ ดีใจจนลืมไปว่าถูกแซวดังลั่นสนามบิน  “ไอ้อนั้ !  มาได้ยงั ไง  เมือ่ วานฉันเพิง่ เห็นแกอัปรูปยืนเป่าวูวเู ซลาอยูแ่ อฟริกาใต้ เอง”  พิมพ์ตะวันพูดไปหัวเราะไป  เพื่อนสนิทที่กำลังยืนถือไอโฟนถ่ายวิดีโอและ แบกเป้แบบแบ็กแพ็คเกอร์อยู่ตรงหน้าเธอคนนี้คือ  ไรอัน  หนุ่มลูกครึ่งที่เป็นผล ของการฟีเจอร์และฟิวชั่นกันระหว่างชาติไทยกับอังกฤษได้อย่างกลมกล่อม  เจ้าของ ร่ า งสู ง ใหญ่  หน้ า คมเข้ ม   ผิ ว สี แ ทน  ดวงตาสี น้ ำ ตาลอ่ อ นกลมโตเป็ น ประกาย ชวนฝัน  เธอเรียกชื่อเขาติดปากว่า ‘ไอ้อั้น’  ถ้าวันไหนไรอันกวนประสาทเป็นพิเศษ  เธอจะต่อให้ว่า ‘ไอ้อั้นอึ’  และในบางครั้งก็หยาบกว่านั้น  แล้วแต่ดีกรีความยียวน ของอีกฝ่าย  ทั้งคู่พบกันที่โรงเรียนนานาชาติ  และเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่ชั้นประถมจน เรียนจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน  พิมพ์ตะวันมอบตำแหน่ง ‘นักท่องเที่ยว อาชีพ’ ให้เพื่อนสนิทคนนี้  เพราะเขาได้งานพิเศษเป็นงานเขียนบล็อกและหนังสือ ท่องเที่ยวภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้สำนักพิมพ์ในประเทศอังกฤษตั้งแต่ ยังเรียนไม่จบ  ไรอันจบปริญญาตรี  สาขาวิศวกรรมเครื่องกล  ภาคภาษาอังกฤษ  แต่ถึงจะเรียนสายวิทย์  เขาก็ชอบอ่านกลอนและเขียนหนังสือ  เขาใช้เวลาหลัง เรียนจบออกเที่ยวรอบโลกเพื่อทำวิดีโอท่องเที่ยวในยูทูบที่มีคนติดตามมากจนเริ่มมี สปอนเซอร์  ควบคู่ไปกับการเป็นนายแบบหากมีเวลาว่าง  ดวงตากลมโตใต้คิ้วเข้มคู่นั้นมองหญิงสาวผิวขาวตัวเล็กตรงหน้าอย่างจริงจัง แวบหนึ่ง  แล้วเปลี่ยนเป็นแววตาขี้เล่นเหมือนอย่างเคยแทบจะในทันที  “เลิกถ่ายได้แล้ว”  พิมพ์ตะวันปัดมือเขาออก  “ตกลงมาได้ยังไงเนี่ย” ไรอันเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงยีนปอน ๆ สีฟ้า  แล้วหยิบเสื้อกันหนาว หนาสีดำขึ้นมาสวมทับเสื้อสเว็ตเตอร์สีน้ำเงินเข้ม  “อั้นตามพระอาทิตย์มา” 11


มณิกา

เธอหั น ไปมองรู ป หน้ า ด้ า นข้ า งของเขาช้ า  ๆ ด้ ว ยแววตาสั่ น ไหวเมื่ อ ได้ ยิ น คำตอบนั้น  “แกเป็นหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดงหรือไง  ใช้พระอาทิตย์ใช้ดาวนำทาง  พูดอะไรไม่รู้เรื่องอีกแล้ว”  แต่รีบกลบเกลื่อนเมื่อเห็นเขาหันหน้ามา  หนุ่ ม ผมหยั ก ศกสี น้ ำ ตาลหั ว เราะเบา ๆ ก่ อ นนั่ ง ลงข้ า ง ๆ เธอ  “เห็ น พิ ม พ์ บอกเพื่อน ๆ เราในไลน์ว่ามาไฟลต์นี้  พอดีเห็นว่าเดนมาร์กน่าเที่ยวดี  อั้นก็เลย เปลี่ยนใจจากเม็กซิโกแล้วจองตั๋วมาที่นี่แทน”  เขาบอก  ไรอันไม่เคยทนให้เธอ คลาดสายตาได้นาน  เท่าที่เขาจำได้  ครั้งที่นานที่สุดก่อนหน้าครั้งนี้คือสามสัปดาห์ ที่เขาต้องไปสิงคโปร์  บาหลี  และกัวลาลัมเปอร์เพื่อเขียนหนังสือท่องเที่ยว  ไรอัน เคยรีบจองตั๋วเครื่องบินไฟลต์แรกที่หาได้เพื่อรีบกลับมาหาเพื่อนรักทันทีที่ได้ยินว่า เธอต้องผ่าตัดไส้ติ่งกะทันหันมาแล้ว “แล้วมาถึงนานหรือยัง” “ไม่นานหรอก  อั้นคำนวณเวลาแล้วเลือกจองตั๋วสายการบินที่ลงเวลาไล่เลี่ย กับไฟลต์ของพิมพ์”  ไรอันตอบอย่างคนเดินทางจนชำนาญ “แม่ฉันบอกให้แกตามมาดูฉันใช่ไหม”  เธอถาม  รู้ดีว่าแม่และเพื่อนของเธอ สนิทกัน “เปล่า  อั้นมาเอง” “ไม่เชื่อ” “จริง ๆ นะ  แม่พิมพ์บอกอั้นด้วยซ้ำว่า  ถ้าพิมพ์ยังง้องแง้ง  ไม่รู้จักโตอยู่ เหมือนเดิม  กลับไทยเมื่อไหร่  แม่จะล็อกประตูไม่ให้เข้าบ้าน”  ไรอันหัวเราะ “ใครกันแน่ที่นิสัยไม่รู้จักโต”  พิมพ์ตะวันย้อนด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง “ล้อเล่นน่า  ไม่เห็นต้องงอนเลย  แล้วนี่  ไหนล่ะ  เห็นบอกว่าน้าจะมารับ  ตอนแรกอั้นนึกว่าจะค้างโคเปนเฮเกนสักคืน  แล้วค่อยนั่งรถไฟตามไปเซอร์ไพร้ส์ ที่บ้านน้าพรุ่งนี้เช้า  ไม่นึกว่าจะมาเจอพิมพ์ที่สนามบินนี่เสียก่อน”  “น้าลืมมารับพิมพ์” “อะไรนะ”  หนุ่มดวงตาสีน้ำตาลอ่อนวาวใสถามไปขำไป  “มาวันแรกก็ถูกทิ้ง แล้ว” “เปล่านะ  น้าเขายุ่ง ๆ ก็เลยลืมเฉย ๆ  นี่เมื่อกี้เพิ่งโทรศัพท์ไปหา  น้าบอกว่า 12


แสงส่องใจไกลสุดฟ้า

จะรีบขับรถมารับ”  “อืม...จริง ๆ นี่ก็ดึกมากแล้วนะ  หิมะก็ตกด้วย  ไม่น่าขับรถฝ่ามาหรอก  เอาอย่างนีไ้ หม  โทรศัพท์ไปหาน้าอีกที  บอกเขาว่าเจออัน้   แล้วเราค้างทีโ่ คเปนเฮเกน คืนนี้  พรุ่งนี้เราเที่ยวในเมืองกัน  แล้วตอนเย็นอั้นพาพิมพ์นั่งรถไฟไปส่งที่เมือง โอเดนเซดีไหม”  “ก็ดีเหมือนกันนะ  พิมพ์เป็นห่วงน้าเขาเหมือนกัน  ไม่อยากให้ขับรถมืด ๆ  ในอากาศแบบนี้เลย”  พิมพ์ตะวันทำอย่างที่ไรอันแนะนำ  เมื่อได้คุยโทรศัพท์ก็พบว่าเพียงฝันเพิ่ง ขับรถมาได้ไม่ถึงครึ่งทาง  “แล้วเพื่อนเธอไว้ใจได้นะพิมพ์”  เพียงฝันถามผ่านโทรศัพท์ “ได้ค่ะน้า  แม่พิมพ์ก็รู้จัก  บ้านอยู่ที่ไหนรู้จักหมด  เขาไม่กล้าทำอะไรพิมพ์ หรอก  ถ้าเกิดเขาทำอะไรพิมพ์  จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ระดับความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศเลย”  เธอบอก  พิมพ์ตะวันพูดแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ ทุกครั้งที่โดนไรอัน แกล้ง  เพราะคุณพ่อชาวอังกฤษของไรอันเป็นอดีตเอกอัครราชทูตอังกฤษที่เคย ประจำอยูป่ ระเทศไทย  แต่ในปัจจุบนั ท่านย้ายไปประจำทีป่ ระเทศทางตะวันออกกลาง “จริงครับน้าฝัน  ผมเอาตำแหน่งพ่อเป็นประกัน”  ไรอันพูดติดตลกเมื่อ พิมพ์ตะวันยื่นโทรศัพท์ให้คุยกับเพียงฝัน “ถ้ า อย่ า งนั้ น น้ า รบกวนฝากพิ ม พ์ ด้ ว ยนะ  แล้ ว พรุ่ ง นี้ อ ย่ า มาดึ ก มากล่ ะ ”  เพียงฝันกำชับก่อนวนรถกลับ  แม้จะลังเลอยู่บ้าง  แต่เธอคิดว่าหลานสาวของเธอ โตเป็นผู้ใหญ่พอแล้ว  “ครั บ น้ า  สวั ส ดี ค รั บ ”  เขาวางสายแล้ ว เข็ น กระเป๋ า เดิ น ทางให้ ค นข้ า ง ๆ  “เดี๋ ย วเราไปซื้ อ ตั๋ ว รถไฟเข้ า ตั ว เมื อ งโคเปนเฮเกนกั น ก่ อ น”  พิ ม พ์ ต ะวั น เดิ น ตามหลังเพื่อนไป “ลากกระเป๋าเหมือนโดนโหวตออกจากเอเอฟเลยนะ”  เธอแซวพลางมอง แผ่นหลังของเพื่อน  พิมพ์ตะวันเห็นมันตั้งแต่ยังเป็นแผ่นหลังเล็ก ๆ ของเด็กชาย  ไม่รู้เหมือนกันว่ากว้างขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร  13


มณิกา

หลังจากซื้อตั๋วเรียบร้อย  ไรอันก็พาพิมพ์ตะวันลงมารอรถไฟที่ชานชาลาชั้นล่าง  ชานชาลาสถานีรถไฟในสนามบินแห่งนี้เป็นแบบเปิดโล่ง  ไม่มีกำแพงหรือ กระจกกั้นลมหนาวที่พุ่งพัดเข้ามาอย่างไม่เห็นใจคนเมืองร้อน  หิมะเริ่มลงหนัก มากขึ้นเรื่อย ๆ  “หนาวหรื อ เปล่ า   กลั บ ขึ้ น ไปรอข้ า งในก่ อ นไหม”  ไรอั น ถาม  ดวงตา สีน้ำตาลกลมใสแอบมองไหล่บอบบางคู่นั้น “ไม่หนาวหรอก”  “ปากดีไม่เปลี่ยน  ปากสั่นไปหมดแล้ว”  เขามองไปยังริมฝีปากบางที่คุ้นตา  แล้วเปิดซิปกระเป๋าเป้  หยิบหมวกไหมพรมออกมาสวมให้เพื่อน “เอ้า  ใส่เข้าไป”  ไรอันแกล้งรูดหมวกลงมาปิดหน้าเธอ “เฮ้ย  เบา ๆ หน่อยดิ  นี่เขาไม่ได้เรียกว่าใส่  เขาเรียกว่าครอบ  แล้วเอามา ให้ เ ขาใส่ เ นี่ ย   ซั ก บ้ า งหรื อ ยั ง ”  พิ ม พ์ ต ะวั น จั ด หมวกของไรอั น ให้ เ ข้ า กั บ ศี ร ษะ  “เออ  ใช่  พวกไอ้ฮันนีถักผ้าพันคอมาให้ด้วย”  เธอนึกขึ้นมาได้แล้วหยิบผ้าพันคอ ที่เพื่อนทุกคนเวียนกันถักให้ออกจากกระเป๋าถือ  ถึงจะดูแหว่ง ๆ ไม่เท่ากันไปบ้าง  แต่เมื่อนำมาพันคอแล้วอบอุ่นมาก  เพราะมันไม่ได้เป็นแค่ของที่ระลึกถักไหมพรม ธรรมดา  แต่เป็นผ้าพันคอที่ถักทอขึ้นด้วยความรักความผูกพันจากเพื่อนที่ล้วนแต่ มีความสามารถทางงานฝีมือเป็นศูนย์ถึงติดลบ ไรอันมองเธอพันผ้าพันคอเงียบ ๆ  “เธอนี่  ดูเพื่อน ๆ รักดีนะ” “อ้าว  ก็แน่นอนอยู่แล้ว”  เธอยิ้ม  “แกก็เป็นเพื่อนฉันนี่  รักฉันปะล่ะ” คำถามนี้ทำให้ไรอันถึงกับเกร็ง  “ก็...”  พิมพ์ตะวันชำเลืองมองเพื่อนรัก อึกอัก  เธอหยุดทรมานเขาด้วยการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา  “มา ๆ  ถ่ายรูปส่งไปให้ พวกไอ้ฮันนีดูกัน”  เธอเอียงตัวเข้าไปแนบชิดกับเขาแล้วยิ้ม เขาเอียงตัวเข้าไปใกล้เธอ  แต่ฝืนเกร็งกอดอกแน่น  แล้วทำหน้าทะเล้น ถ่ายรูปคู่กับเพื่อน  ไม่นานรถไฟขบวนใหญ่บึกบึนก็เข้าเทียบชานชาลา  ไรอันนำพิมพ์ตะวัน เข้าไปยังที่นั่งที่จองไว้  เครื่องทำความร้อนภายในรถไฟช่วยให้หญิงสาวอุ่นสบายตัว ขึ้นมาก  ไรอันแอบมองเพื่อนสนิทระหว่างยกกระเป๋าของเธอขึ้นไปเก็บบนช่อง 14


แสงส่องใจไกลสุดฟ้า

เก็บสัมภาระให้  แล้วนั่งลงข้างเธอบนที่นั่งติดทางเดิน  เขารู้สึกดีที่ได้เป็นเหมือน เกราะกำบังปกป้องคนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง  เธอดูตัวเล็กบอบบางลงไปอีกเมื่อเปรียบ กับเบาะนั่งของรถไฟที่นั่งอยู่ พิมพ์ตะวันมองออกไปนอกหน้าต่างรถไฟ  ที่ในยามค่ำคืนมองไม่เห็นอะไร นอกจากความมืดตัดกับดวงไฟสีส้มเรืองเป็นริ้ว ๆ เมื่อรถไฟวิ่งผ่านด้วยความเร็ว  เธอหันกลับมาหาคนข้าง ๆ  “นี่  อั้น” “หืม” “คืนนี้เราจะนอนที่ไหนกัน” “อ๋อ  ก่อนมาอั้นจองห้องไว้แล้ว”  “อ้าว  แล้วฉันล่ะ” “ไม่รู้เหรอ  นอนข้างถังขยะหน้าโรงแรมมั้ง” เพื่อนสาวค้อนตาขวาง  “ไม่เห็นง้อ  โรงแรมเยอะแยะ  ฉันจองของฉันเอง ก็ได้”  เธอหยิบโทรศัพท์คู่ใจขึ้นมาเตรียมเปิดแอปฯหาที่พักจองออนไลน์ ไรอันแย่งโทรศัพท์เพื่อนมา  “ไม่ต้องหรอกน่า  อั้นล้อเล่น”  เขาเห็นภาพ หน้าจอยังคงเป็นรูปพิมพ์ตะวันถ่ายคู่กับหนุ่มหน้าตี๋สวมแว่นที่เคยคบกัน  แต่เพิ่ง เลิกกันไปก่อนพิธีเข้ารับปริญญาของเธอเพียงไม่กี่วัน   เพราะอีกฝ่ายไปศึกษาต่อ ปริ ญ ญาเอกที่ ป ระเทศสหรั ฐ อเมริ ก า  แล้ ว ไปคบกั บ คนใหม่ ที่ เ ป็ น คนไทยเรี ย น มหาวิทยาลัยเดียวกัน  “ยังไม่ลืมไอ้พี่คนนี้อีกเหรอ”  เขาถาม  ออกอาการเหม็นขี้หน้าคนในรูป “อย่ า ยุ่ง   มั น เรื่ อ งของฉั น น่า  เอาคื น มาเลย”  หญิ งสาวเก็ บโทรศัพ ท์ใ ส่ กระเป๋า “โดนเขาทิ้งแล้วยังจะไปคิดถึงเขาอีก”  “เขาไม่ได้ทิ้ง  เราคุยกันเข้าใจแล้ว” “ผู้หญิงนี่ชอบหลอกตัวเองเนอะ” “ก็ยังดีกว่าผู้ชายปากแข็ง”  เขาสะดุ้งทุกครั้งที่เธอพูดแบบนี้ 15


มณิกา

“ปาก...แข็งยังไง”  ไรอันถาม  พยายามเก็บอาการกระสับกระส่าย พิมพ์ตะวันเหลือบมองคนข้าง ๆ แล้วแกล้งหยอก  “แหม  ก็ตอนที่แกไป แอบชอบน้องอันนาเบล  ปีหนึ่ง  แล้วไม่กล้าบอกเขา  จนโดนหมาคาบไปเคี้ยว กรุบ ๆ ไง  แล้วยังมีอีกนะ  จำน้องเอมิลี่  เกรดแปดได้ปะ  คนที่มาจากอเมริกา  เขาอุตส่าห์เปิดโอกาสให้ก็ยังไม่ยอมบอกรักเขา  จนน้องเขาน้อยใจไปมีคนอื่น  แล้ว ยังมีน้องอายากะที่มาจากญี่ป่ ุน  น้องเกรซ  พี่ไอซ์  น้องปาล์ม  โอ๊ย  ฉันขี้เกียจ จะพูด”  เธอไล่ชื่อสาว ๆ ในเดอะลิสต์ของเขาโดยตั้งใจข้ามชื่อสำคัญชื่อหนึ่งไป “แหม ๆ  แค่นี้เงียบเลยนะ  จ๋อย ๆ”  เธอแซว  “ตกลงยังไง  นอนที่ไหน” “มากับนักท่องเที่ยวอาชีพทั้งที  ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีที่นอน” ไรอันกดโทรศัพท์ไปที่ที่พัก  สำเนียงควีนส์อิงลิชเป็นธรรมชาติของเขาฟัง คุ้นหูพิมพ์ตะวันดี  เขาหยิบนามบัตรของใครคนหนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋าสตางค์แล้ว ให้ชื่อไป  ดูเหมือนปลายสายจะคุ้นกับชื่อนี้ดี  ฝ่ายนั้นให้ไรอันรอสายครู่เดียว  แล้วกลับมาแจ้งว่าจองห้องที่ต้องการจองเพิ่มให้เรียบร้อย  โดยไม่ต้องกรอกข้อมูล หรือจ่ายมัดจำด้วยบัตรเครดิตทางออนไลน์ก่อนเข้าพักให้ยุ่งยาก “อั้นเคยมาเที่ยวที่นี่แล้วเหรอ  ไม่เห็นเคยเล่าให้ฉันฟังเลย”  พิมพ์ตะวัน ถามเพราะเห็นเขาดูคุ้นเคยกับที่นี่ “เคยมา  แต่ก็ตั้งนานแล้ว  ตั้งแต่เด็ก ๆ โน่น  มากับพ่อ”  “แล้วทำไมดูรู้ดีจัง  เห็นตั้งแต่จองตั๋วรถไฟแล้ว” “จะไปเที่ยวที่ไหนก็ต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนสิ  อั้นอ่านมาหมดแล้ว ว่าต้องไปที่ไหน  ทำอะไรบ้าง” “แล้วเมื่อกี้คุยกับใคร  ใช้เส้นพ่ออีกแล้วใช่ไหม”  พิมพ์ตะวันทำหน้าล้อเลียน “เฮ้ย  ไม่ใช่แล้ว  พิมพ์ก็รู้ว่าอั้นเลิกใช้เส้นพ่อเรื่อยเปื่อยตั้งแต่จบไฮสกูล แล้ว  อั้นได้นามบัตรของหุ้นส่วนเจ้าของโฮสเทลที่เราจะไปพักกัน   พอดีเจอเขา ตอนไปเที่ยวซิมบับเว  คุยกันถูกคอ  เขาอยากให้อั้นเขียนรีวิวที่พักในเครือเขา ให้ด้วย” เสียงจากอินเตอร์คอมในรถไฟประกาศว่าได้เดินทางจากสนามบินมาถึง กรุงโคเปนเฮเกนแล้ว 16


แสงส่องใจไกลสุดฟ้า

“ไป  ลงรถกัน”  ไรอันชวนพลางแบกเป้ของตัวเอง  หยิบกระเป๋าเดินทาง ของพิมพ์ตะวันมาถือให้  แล้วเดินนำลงรถไฟไป หลังออกจากสถานีรถไฟ  บรรยากาศรอบตัวในดินแดนต่างบ้านต่างเมือง ทำให้ ห ญิ ง สาวรู้ สึ ก แปลกแยกเล็ ก น้ อ ย  ที่ ห น้ า ประตู ร้ า นค้ า และบ้ า นเรื อ นแบบ ยุโรปสองข้างทางยังคงหลงเหลือร่องรอยจากเทศกาลที่เพิ่งผ่านพ้นไปเพียงหนึ่งหน้า ปฏิทินด้วยการประดับดวงไฟและต้นคริสต์มาส  ทั้งผู้คนบนท้องถนนและภาษาพูด ที่ได้ยิน  สัดส่วนของอาคารบ้านเรือน  ลักษณะของพันธุ์พืชต้นไม้ใบหญ้า  และ สิ่ ง ของต่ า ง ๆ  ช่ า งคั ด ค้ า นกั บ ทั้ ง สายตาและความรู้ สึ ก คุ้ น ชิ น   แม้ แ ต่ เ สี ย งและ กลิ่นอายในอากาศเองก็ยังแตกต่างจากบ้านเกิดเมืองนอนที่คุ้นเคย  ไรอันพาเธอเดินมายังที่พักที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ  อาคารภายนอก เปิดไฟสีสว่างสดใสกลางใจเมืองเรียกความสนใจ  ภายในตกแต่งอย่างสนุกสนาน ด้ ว ยเก้ า อี้ นั่ ง ดี ไ ซน์ เ ก๋ แ ละโคมไฟสี สั น สดใส  พื้ น ไม้ สี ส ว่ า งช่ ว ยให้ ดู ส บายตา  บนกำแพงมี ภ าพวาดแบบสตรี ท อาร์ ต   มี ตู้ โ ฟโต้ บู๊ ธ วางอยู่ มุ ม หนึ่ ง   และถึ ง แม้ จะเป็นเวลาเข้านอนแล้ว  แต่ก็ยังมีหนุ่มสาวจากทั่วทุกมุมโลกนั่งคุยกันอยู่ตามมุม ต่าง ๆ ในล็อบบี้กว้าง  ที่โต๊ะเก้าอี้จัดวางเหมาะแก่การพูดคุยพบปะกัน  มีคนเล่นพูล กันอยู่รอบโต๊ะอย่างครึกครื้น “ที่นี่ถึงจะเป็นโฮสเทล  แต่มีห้องส่วนตัวแบบเตียงเดี่ยวด้วย  มีห้องน้ำ ในตัว  อั้นจองให้พิมพ์  พิมพ์จะได้เป็นส่วนตัวหน่อย”  “แล้วอั้นล่ะ” “อั้นจองห้องรวมไว้แล้ว”  “จริง ๆ จองห้องรวมให้พิมพ์ก็ได้นะ  พิมพ์อยู่ได้  ประหยัดเงินด้วย”  “จะปล่อยให้หลานสาวเจ้าของโรงงานพลาสติกอยู่ห้องรวมได้ยังไง”  “ถ้าลูกชายท่านทูตอยู่ได้  ฉันก็อยู่ได้เหมือนกัน”  “นี่  ห้องรวมน่ะ  อาจจะมีผู้ชายนอนอยู่เตียงข้าง ๆ เธอก็ได้นะ” “แหม  แล้วอั้นล่ะ  อาจจะมีผู้หญิงนอนอยู่เตียงข้าง ๆ ก็ได้” “ถ้าเป็นงั้นจริงก็ดีน่ะสิ  ปิดไฟเมื่อไหร่  เสร็จข้า”  เขายิ้มกริ่ม  “ล้อเล่นน่า  ทีน่ เี่ ขามีหอ้ งแยกหญิง-ชายน่ะ”  เขาพูดต่อ  แล้วเสียบบัตรเข้าห้องพักของพิมพ์ตะวัน 17


มณิกา

ไปตรวจดูความเรียบร้อย  ห้องพักขนาดกะทัดรัดปูพื้นไม้โอ๊กสีสว่าง  มีเตียงเดี่ยว สะอาดสีขาวเล็ก ๆ น่านอนตั้งอยู่ริมหน้าต่าง  “อะ  นี่คีย์การ์ด  อั้นพักอยู่ข้างล่าง  ห้อง  ๕๑๗  นะ”  ไรอันบอกเมื่อออกมายืนหน้าห้อง “อั้น...วันนี้ขอบใจนะ  ถ้าไม่ได้เจอกัน  ฉันคงเซ็งเหมือนกัน...” “ไม่เป็นไรหรอกน่า  เรื่องแค่นี้”  “ง่วงแล้ว  พรุ่งนี้เช้าเจอกัน”  พิมพ์ตะวันบอก  ชายหนุ่มยิ้ม  พยักหน้าเบา ๆ  “อั้น”  เธอรั้งเขาไว้ขณะเขาเดินหันหลังกลับออกไปตามโถงทางเดินปูพรม สีเขียวอ่อน  “...รีบนอนล่ะ  กู๊ดไนต์” “อืม...รู้แล้ว  ง่วงจะตาย  ฝันดีนะ” หลังอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย  พิมพ์ตะวันเฟซไทม์ไปบอกที่บ้านถึงเรื่องทั้งหมด  และยืนยันซ้ำ ๆ กับทุกคนว่าเธอปลอดภัยดี  หญิงสาวเปิดโทรทัศน์ดู  แต่ฟังภาษาเดนิชไม่รู้เรื่อง  เธอจึงหยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาเล่นอินสตาแกรมอีกครั้ง  เธอเห็นรูปคนที่บอกว่าง่วงจะตายลงไปนั่งดริ๊งก์ กับเพื่อนกลุ่มใหญ่จากทั่วโลกที่คงจะเพิ่งรู้จักกันที่เล้านจ์ข้างล่างนี่เอง  ‘ไหนบอกว่าง่วงไง’  เธอกดไลค์ให้  แล้วส่งไลน์ไปหาเขา ‘พอล้างหน้าแล้วหายง่วงเบย’  เขาไลน์กลับ  ‘พิมพ์นอนหรือยัง’ ‘ยัง’ ‘เธอก็เหมือนกัน  ไหนบอกว่าง่วงไง’ ‘อาบน้ำแล้วหายง่วงเบย’  เธอย้อน ‘งั้นลงมานั่งเล่นด้วยกันไหม’ แล้วคนง่วงสองคนก็ลงมานั่งเมาท์กับกลุ่มเพื่อนใหม่ที่ถึงเพิ่งจะรู้จักกัน  แต่ คุยกันราวกับร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ด้วยกันมาหลายสนาม  ไรอันคอยดูเพื่อนสาว ที่คอค่อนข้างอ่อนไม่ให้เลยเถิดด้วยการแย่งขวดจากมือเพื่อนมาดื่มต่อเอง เขานั่งมองเธอคุยหัวเราะสนุกสนานกับสหายต่างแดน  พิมพ์ตะวันเข้ากับคน ง่ายมาตั้งแต่เด็ก  เขายังจำวันแรกที่พบเด็กผู้หญิงผมยาวนั่งกินไอศกรีมอยู่ที่ม้านั่ง ในสนามของโรงเรียนได้  ตอนนั้นเขาเป็นเด็กชายที่เพิ่งย้ายโรงเรียนมาจากประเทศ 18


แสงส่องใจไกลสุดฟ้า

อั ง กฤษ  ขี้ อ าย  และยั ง ไม่ มี เ พื่ อ น  เด็ ก ผู้ ห ญิ ง ที่ ห้ อ มล้ อ มไปด้ ว ยเพื่ อ นคนนั้ น สบตากั บ เขาแล้ ว ยิ้ ม ให้   เป็ น รอยยิ้ ม ที่ เ ขายั ง จำได้ ติ ด ทั้ ง ตาทั้ ง ความรู้ สึ ก ในใจ มาจนทุ ก วั น นี้   เด็ ก หญิ ง พิ ม พ์ ต ะวั น หยิ บ ไอศกรี ม อี ก ถ้ ว ยที่ อ ยู่ ใ นถุ ง แล้ ว เดิ น เอามาให้  “ถ้าเธอไม่รังเกียจ  ไปนั่งกินกับพวกเราก็ได้นะ”  เธอพูดกับเขาเป็นภาษา อั ง กฤษ  “เราชื่ อ พิ ม พ์ ต ะวั น   แม่ บ อกว่ า   ภาษาไทยแปลว่ า เหมื อ นพระอาทิ ต ย์  เธอล่ะ  ชื่ออะไร”  “ไรอัน”  เขาตอบ  แล้วมิตรภาพจากที่โรงเรียนในวันนั้นก็ยาวนานมาถึงวันนี้ ที่เขานั่งมองดูเธออยู่ในเล้านจ์ของโฮสเทลในกรุงโคเปนเฮเกน ชายหนุ่มชอบแอบบันทึกรอยยิ้มของพิมพ์ตะวันเอาไว้  เขาอัปโหลดคลิป วิดีโอสั้น ๆ ที่ถ่ายตอนเจอเธอที่สนามบินไปยังอินสตาแกรม  แล้วเขียนคำอธิบาย วิดีโอว่า ‘ตะวันยิ้ม’

19


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.