[ทดลองอ่าน] ฉันยืนจ้องหน้ากับความรัก (Skin Deep)

Page 1

ย้อนกลับไป

เสียงกลอง  ระเบิดจากสเตอริโอ  ลินด์ซีย์ร้องอุทานและเอื้อมมือ

ไปด้านหน้ารถเพื่อเร่งเสียงเพลงโปรดของเธอ  หนุ่มๆ เบาะหน้าหัวเราะร่วน และร็อบก็ยกเท้าขึ้นพาดบนช่องเก็บของ  ฉันยิ้มราวกับกำลังสนุกสนานเสีย เต็ ม ประดาขณะนั่ ง เบี ย ดเสี ย ดอยู่ ต รงกลางระหว่ า งชาร์ ล็ อ ตต์ กั บ ซาร่ า ห์ ในเบาะหลั ง   โดยมี ลิ น ด์ ซี ย์ เ ต้ น ยึ ก ยั ก อยู่ บ นตั ก  ฉั น ภาวนาให้ ส ตี เ ว่ น ลด ความเร็วลง  การที่รถวิ่งโคลงเคลงไปตามทางคดเคี้ยวของถนนชนบทแบบนี้ ทำให้ท้องไส้ของฉันปั่นป่วน  เขาไม่ควรจะขับรถเร็วขนาดนี้ ชาร์ลอ็ ตต์หวั เราะคิกคักพลางลูบหัวของร็อบเหนือพนักเบาะ  ฉันดูออกว่า เธอชอบเขา  เขามวนบุหรี่สอดไส้กัญชาแล้วอัดควันเข้าปอด  จากนั้นก็ส่ง ให้เธอ  เธอสูดควันเข้าไปเต็มที ่ ฉันเกิดอาการสัน่ เทิม้ อยูข่ า้ งใน  พ่อกับแม่ตอ้ ง คลั่งแน่ถ้ารู้ว่าฉันอยู่ในรถกับกลุ่มคนที่เสพยา  และเห็นฉันใส่เสื้อคล้องคอกับ กระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋ของลินด์ซีย์  ชาร์ล็อตต์ยื่นบุหรี่ให้ฉัน  แต่ฉันส่ายหน้า  เธอ ยักไหล่  สีหน้าของเธอดูเหยียดหยัน  แล้วลินด์ซีย์ก็คว้ามันไปสูบสองสามที ก่อนจะส่งต่อให้คนอื่น รถแล่นผ่านโค้งของถนนอีกแห่งอย่างเร็วจีร๋ าวกับพวกเราอยูบ่ นเครือ่ งเล่น 1


ฉั น ยื น จ้ อ ง ห น้ า กั บ ค ว า ม รั ก ในสวนสนุก  ฉันเกือบจะอยากให้ตัวเองนั่งขดบนโซฟาดูทีวีกับพ่อแม่และชาร์ลีอยู่ ที่บ้านแทนที่จะเป็นที่นี่  แต่เมื่อขวดเหล้าแอ๊ปเปิ้ลเวียนไปรอบรถ  ฉันกลับ ดื่มเท่าคนอื่น  เพื่อไม่ให้พวกเขาหัวเราะเยาะเพียงเพราะฉันอายุน้อยที่สุด หรือว่าฉันได้วา่ เป็นเด็กผูห้ ญิงตัวเล็กๆ  โง่เง่า  ฉันรูส้ กึ หนักทีต่ าแปลกๆ  เพราะ มาสคาราที่ลินด์ซีย์ปัดให้  ฉันไม่รู้จักเด็กผู้หญิงคนนี้  นี่ไม่ใช่ฉันคนที่ช่วยแม่ เอาจานใส่เครื่องล้างทุกคืน  และช่วยชาร์ลีระบายสีหุ่นจำลองวอร์แฮมเมอร์ที่ โต๊ะในห้องครัว ฉันดื่มเหล้าแอ๊ปเปิ้ลอีก  แต่นั่นไม่ช่วยให้ฉันรู้คำตอบ  แค่ทำให้รู้สึก อยากอาเจียนเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเท่านั้น  ลินด์ซยี โ์ น้มตัวไปข้างหน้าแล้วจูบคอของสตีเว่น  เธออ้าปากและดูดคอเขา อย่างแรง  พรุ่งนี้คอเขาเป็นรอยจ้ำแน่ๆ  ร็อบหัวเราะ  “ไปหาห้องเหอะ!” สตีเว่นกวักมือเรียกให้เขาจับพวงมาลัยแทน  ขณะที่ตนเองยืดคอมา ด้านหลังเพื่อประกบปากเธอ รถแล่นแฉลบ  ส่งผลให้ท้องไส้ของฉันบิดเกร็ง ซาร่าห์นงั่ เงียบ  เป็นไปได้วา่ เธอหงุดหงิดเพราะชาร์ลอ็ ตต์กำลังคัว่ ร็อบ และเธอไม่มีใครให้คั่ว ลินดซ์โห่ร้องด้วยความตื่นเต้นเมื่อสตีเว่นหันกลับไปจับพวงมาลัยและ เหยียบคันเร่งจมเท้า  รถพุ่งทะยานไปเบื้องหน้าเร็วขึ้น  เร็วขึ้นทุกที รถเราแล่นหวือไปบนทางตรง  สตีเว่นชูมือในอากาศ  หมุนพวงมาลัย จากซ้ายไปขวาด้วยเข่า  พวกสาวๆ  รอ้ งกรีด๊ กร๊าดและหัวเราะชอบใจ  ฉันเค้น เสียงหัวเราะออกมาด้วยจนได้ อะไรบางอย่างสีขาวโฉบลงมาผ่านหน้ารถ  สตีเว่นร้องตะโกน  รถพุ่ง เข้าหาแนวพุ่มไม้ นกฮูก! 2


Skin  Deep เขาคว้าพวงมาลัยแล้วพวกเราก็กรีดร้องด้วยความโล่งอก  หัวใจของฉัน กลับมาเต้นเป็นปกติอีกครั้งแม้จะรู้สึกแย่กว่าเดิม “นางฟ้าว่ะ!”  ร็อบเยาะเย้ยเขา  ใบหน้าของสตีเว่นที่สะท้อนในกระจก มองหลังดูเอาจริงเอาจังมากกว่าเดิม  ดวงตาของเขาเป็นประกาย  จากนั้น เขาก็กระทืบคันเร่ง พวกเราเคลือ่ นทีด่ ว้ ยความเร็วระดับรถแข่งแรลลี  ลำแสงจากไฟหน้ารถ ส่องให้เห็นน้ำค้างแข็งในเดือนมกราคมซึง่ ปกคลุมแนวพุม่ ไม้ขณะรถเราเคลือ่ น ผ่านประดุจยานเหาะ รถหักเลีย้ วเข้าโค้งอีกแห่งสูท่ างลาดไปยังฮาร์ตนั บรูก  ผ่านอีกโค้ง  แล้วก็ อีกโค้ง เข็มบนหน้าปัดความเร็วชีท้ เี่ จ็ดสิบไมล์ตอ่ ชัว่ โมง  พวกสาวๆ  และฉันต่าง กรีดร้องกันลั่นรถ  สตีเว่นจับพวงมาลัยแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด  แม้แต่ร็อบเอง ยังเอาเท้าลงจากช่องเก็บของด้านหน้า เราแล่นฉิวข้ามสะพานไปสู่ทางโค้งถัดไป เสียงเบสจากสเตอริโอกระแทกหูของฉัน และแล้ว...ฉันก็รู้สึกถึงความผิดปกติท่ีข้างใต้  ล้อรถนั่นเอง...ล้อรถ หลุดออกและกลิ้งหลุนๆ ไปตามถนน  ฉันไม่รู้สึกว่ากำลังอยู่บนถนนที่ขรุขระอีกต่อไป พวกเรากำลังลอย และฉันจำได้  จำได้วา่ แม่บน่ พ่อเสมอให้ขบั ช้าลงเมือ่ ถึงตรงนี้  “มันเป็น บ่อน้ำค้างแข็ง  มีน้ำแข็งที่ยากแก่การมองเห็น๑  อยู่ตรงนี้”  แม่พูดเป็นประจำ ร็อบก็ร้องตะโกนทันที  ซาร่าห์กรีดร้องเสียงแหลม  แล้วฉันก็รู้ว่าทำไม ถึงรู้สึกว่ารถให้ความรู้สึกแปลกชอบกล  ทำไมมันถึงแล่นไถลไปบนถนน black  ice  น้ำแข็งทีเ่ กาะอยูต่ ามผิวถนน  ซึง่ มองเผินๆ  จะเป็นสีดำเนือ่ งจากผิวถนนราดด้วย ยางมะตอย ๑

3


ฉั น ยื น จ้ อ ง ห น้ า กั บ ค ว า ม รั ก สตีเว่นร้องตะโกน  “เฮ้ย!  ซวยแล้ว!” รถหมุนคว้างออกนอกถนน  ตกลงมาตามทางลาดชันไปสูท่ งุ่ หญ้าเบือ้ งล่าง เราไม่ได้แล่นไถลอีกต่อไป  และกระดูกของฉันสัน่ สะท้านราวกับจะแตก ออกเป็นเสี่ยง ตึง...ตึง...ตึง...เสียงดังมาจากสเตอริโอ เสียงกรีดร้อง ดังเหลือเกิน ฉันถูกเหวี่ยงขึ้นไปด้านบนเมื่อรถพลิกคว่ำ จากนั้นก็ตกลงมาข้างล่างเหมือนเดิม รถตีลังกาอีกรอบ  แล้วหัวของฉันก็กระแทกหลังคา มืดสนิท มืด

มืดเหลือเกิน แต่มนั ไม่ได้รสู้ กึ ปลอดภัยเหมือนตอนนอนอุน่ สบายอยูบ่ นเตียงในห้องนอน เล็กๆ ของฉันหรอกนะ มืดจนอึดอัด เสียงกรีดร้องดังฝ่าความมืดอีกครั้ง เสียงดังสุดขีด มันจะไม่ปล่อยให้ฉันได้สงบ  มันฉุดให้ฉันคืนสติ ฉันลืมตา ฉันแนบสนิทกับหลังคารถซึง่ พลิกคว่ำ  ชาร์ลอ็ ตต์หอ้ ยต่องแต่งอยูเ่ หนือ เบาะหลัง  หัวของเธอโผล่ออกไปนอกกระจกหลังครึง่ หนึง่   เลือดไหลหยดลงมา ตามเศษกระจกแตก  ขาของเธอยันฉันติดหลังคาจนฉันขยับเขยือ้ นไม่ได้  แขน ทั้งสองข้างของฉันติดอยู่ใต้ร่างเธอ  ฉันผลัก  แต่เธอไม่ไหวติง ฉันได้กลิ่นเหม็นฉุน  ฉันรู้ว่าคืออะไร  แต่จำไม่ได้ว่ามันเรียกว่าอะไร 4


Skin  Deep ลินด์ซยี ไ์ ม่ได้อยูบ่ นตักของฉันแล้ว  เธออยูด่ า้ นหน้าระหว่างเบาะ  ดวงตา ของเธอเบิกโพลง  ไร้แวว  ไร้ชีวิต ฉันสงสัยว่าทำไมมันถึงสว่างนัก  ทำไมฉันถึงมองเห็นลินดซ์  และแล้ว ความตื่นตระหนกก็พุ่งพรวดขึ้นมาในลำคอ ฉันรู้แล้ว แสงโชติช่วงนั้นคือเปลวเพลิงสีส้ม  มันกำลังพุ่งมาที่ฉัน มีกลิ่นเหม็นฉุนจากการเผาไหม้ คราวนี้เสียงกรีดร้องดังมาจากฉันเอง เปลวไฟโดนตัวฉัน  ฉันขยับหนีไม่ได้  เอาแขนออกไม่ได้  มันลามเลีย ผิวฉัน  เผาไหม้ด้วยความร้อนสุดขีดจนเจ็บปวดแสนสาหัส ทรมาน...โอ  พระเจ้า...ทรมานเหลือเกิน มันแผดเผาไม่สิ้นสุด เสียงพูดปนสะอื้นเสียงหนึ่งร้องขึ้น  “อดทนไว้นะ  ฉันจะช่วยเธอเอง”  มือหนึง่ คว้าขาข้างหนึง่ ของฉันแล้วดึงอย่างแรงและเร็ว  ฉุดฉันออกจากเปลวเพลิง  ออกจากร่างของชาร์ล็อตต์ ร็อบกระชากฉันให้พน้ ประตู  “ขอโทษนะ  ฉันขอโทษทีเ่ ปิดประตูไม่ทนั ”  แขนข้างหนึง่ ของเขาตกห้อยอย่างใช้การไม่ได้  เขาใช้แขนอีกข้างโอบรอบเอวฉัน  กึ่งลากกึ่งอุ้มออกไปให้ห่างจากตัวรถ ฉันรูต้ วั ว่ากำลังร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดและห้ามตัวเองให้หยุดไม่ได้  ฉันไม่เคยเจ็บปวดขนาดนี้มาก่อน  เขาล้มลงบนหญ้าพร้อมกับฉัน  สตีเว่นคูต้ วั อยูข่ า้ งๆ  เรา  เขาโยกตัวไปมา ซาร่าห์ก็อยู่ตรงนั้นด้วย  เธอร้องไห้คร่ำครวญพลางกุมหัว ร็อบมองฉัน  “โอ  พระเจ้า  โอ...”  แล้วเขาก็เริ่มร้องไห้เหมือนกัน ฉันปล่อยตัวเองให้กลับสู่ความมืดมิดอีกครั้งขณะที่รถระเบิด

5


แปดเดือนต่อมา... ๑

เจนน่า คนอัปลักษณ์  ไม่มีความรู้สึกหรอก  พวกเขาไม่เหมือนคนอื่นๆ  พวกเขา ไม่รู้หรอกถ้าเราจ้องมองพวกเขาบนถนนแล้วเบือนหน้าหนี   และถึงแม้จะ สังเกตเห็นก็ไม่รู้สึกเจ็บปวด  พวกเขาไม่เหมือนคนปกติ หรือนั่นคือสิ่งที่ฉันเคยคิด ตอนยังเด็กกว่านี้ ก่อนที่ฉันจะได้เรียนรู้

ตอนฉันยังเล็ก  แม่เคยพาฉันไปซื้อของด้วย  ในวันพฤหัสบดีมีตลาดนัดใน วิทเมียร์  แม่ซอื้ ผักและผลไม้ออร์แกนิกจากแผงขายในตลาดนัน่   เจ้าของแผง มีปานสีม่วงอมแดงบนใบหน้าซึ่งมีลักษณะเป็นแนวยาวลงไปตามใบหน้าและ พาดผ่านปาก  มันทำให้รมิ ฝีปากล่างของเขายืน่ ออกมา  มันบวมฉึง่ และเปียกๆ  ดูราวกับมีลนิ้ ห้อยออกมา  ฉันหวังว่าแม่จะซื้ออาหารของเราจากที่อื่น  เพราะ ฉันจำต้องพยายามลืมใบหน้าของเขาทุกครัง้ ทีม่ องผักบนจานของตัวเองหรือว่า หยิบแอ๊ปเปิ้ลขึ้นมาสักผล เขาพูดไม่ค่อยได้ด้วยเหมือนกัน  ฉันคิดว่าเขาไม่ค่อยเต็มเต็ง  ด้วย 6


Skin  Deep เหตุผลบางอย่าง  การที่เขาดูไม่ปกติทำให้ฉันคิดว่าสมองของเขาก็ไม่ปกติ เหมือนใบหน้า  ฉันละสายตาไปจากเขาไม่ได้เลย  รู้สึกทึ่งกับการที่ท้องไส้ ของฉันปั่นป่วนและเหมือนมีหนอนคลานยั้วเยี้ยตามกระดูกสันหลัง  เมื่อเขา สูดน้ำลายที่ไหลออกมาบนริมฝีปากห้อยๆ นั้นด้วยอาการกระตุกเกร็ง  ตอนที่ แม่จับได้ว่าฉันจ้องเขา  ท่านบอกให้ฉันเลิก แม่คิดว่าฉันทำตัวเป็นประโยชน์ตอนช่วยท่านล้างผักและผลไม้ที่บ้าน  ฉันไม่เคยกล้าบอกเลยว่าฉันกำลังพยายามล้างผู้ชายคนนั้นออกไปต่างหาก ครั้งหนึ่งฉันถามแม่ว่าเราซื้อของจากแผงอื่นได้หรือเปล่า  ทำไมเรา ต้องไปที่แผงนั้นเป็นประจำ  แล้วท่านก็อธิบายความหมายของออร์แกนิก  พูดเกี่ยวกับยาฆ่าแมลง  ปุ๋ยธรรมชาติ  และการอนุรักษ์สัตว์ป่า   แต่ท่าน ตบท้ายด้วย  “อีกอย่าง  คนบางคนก็จำเป็นต้องให้เราอุดหนุนมากกว่าคนอื่น จ้ะ”  ฉันไม่เคยถามท่านอีกเลย  แต่ฉันคิดว่ามันงี่เง่า  เพราะคนอัปลักษณ์ ไม่มีความรู้สึก ตอนนี้ฉันรู้ซึ้งแล้ว นัน่ คือเหตุผลว่า  ทำไมในวันหนึง่ ซึง่ อากาศอบอุน่ ของต้นเดือนกันยายน  ฉันจึงไม่ไปถ่ายรูปที่โรงเรียน  ฉันกลับไปนั่งที่ริมคลองแทน  เราเรียกมันว่า แม่น้ำสีส้มเพราะเหล็กที่ทับถมอยู่ในดินทำให้น้ำกลายเป็นสีสนิมขุ่นๆ  เป็นครัง้ แรกทีฉ่ นั โดดเรียน  ถ้าฉันขอแม่  ท่านก็คงจะเขียนจดหมายลา ให้  แต่ฉนั ก็ตอ้ งอธิบายและมองเห็นความเข้าอกเข้าใจปรากฏในดวงตาของท่าน  เห็นท่านกะพริบตาเพื่อกลั้นน้ำตา ฉันดูนาฬิกา  ตอนนี้พวกเด็กผู้หญิงคงจะอยู่ในห้องน้ำ  กำลังแต่งหน้า  ทำผม  และแผดเสียงว่าพวกเธอดูแย่ขนาดไหน  ซึง่ ไม่มที างเป็นอย่างนัน้ หรอก  หลังจากนัน้ พวกเธอก็จะไปยืนเรียงแถวบนแท่นในหอประชุมด้วยใบหน้าซึง่ ดูดี ที่สุดสำหรับกล้องถ่ายภาพ อ้อ...พวกเธอคงสังเกตเห็นว่าฉันไม่อยูท่ นี่ นั่   แต่คงไม่มใี ครถามว่าทำไม  บรรดาครูคงจะโล่งอก  เพราะเมื่อพวกท่านแขวนรูปที่ห้องโถงของโรงเรียน  7


ฉั น ยื น จ้ อ ง ห น้ า กั บ ค ว า ม รั ก ใบหน้าหนึ่งจะหายไป  ฉันพนันว่าพวกท่านจะ “ลืม” แม้กระทั่งถามหาใบลา คนอัปลักษณ์ไม่มีความรู้สึกหรอก  พวกเราไม่เหมือนคนอื่น

8


ไรอัน น้ำในลำคลองสายนี้  มีสีพิลึกพิลั่น — ดูเหมือนซุปแครอตของแม่  ผม

แล่นเรือไปตามลำน้ำ  โดยวางมืออยู่บนด้ามหางเสือนับจากที่เราผ่านเมือง ล่าสุดมา  ผมคาดคะเนว่าเราอยู่ห่างจากวิทเมียร์ประมาณสิบไมล์  ได้เวลา เริ่มมองหาท่าจอดเรือแล้ว  ผมไม่อยากเข้าใกล้เกินไป  เมืองหมายถึงปัญหา  มีคนมากเกินไป ผมได้ยนิ เสียงแม่ดงั มาจากข้างในเรือ  กำลังร้องเพลงเกีย่ วกับสิง่ แวดล้อม งีเ่ ง่าอะไรสักเพลง  และมีเสียงดังเคล้งคล้างระหว่างทีท่ า่ นทำอาหารเย็น  ไม่เอา เต้าหู้อีกแล้วนะ  ได้โปรดเถอะ  ผมสาบานได้เลยว่าพวกเขาทำเจ้าสิ่งนี้ขึ้นมา เพื่อเปลี่ยนคนกินมังสวิรัติให้กลายเป็นคนกินเนื้อสัตว์  โคลเห็นด้วยกับผม ในเรือ่ งนี ้ เขาบอกว่ามันรสชาติเหมือนขีผ้ งึ้ สำหรับทำเทียนไข  แต่ถา้ มีใครถาม โคลว่าคนกินมังสวิรัติคืออะไร  เขาคงจะตอบว่า  “คนที่ตดบ่อยระเบิดระเบ้อ”  เขาเคยเรียกอาหารของแม่วา่ ตายเพราะถัว่   มันไม่จริงหรอก  เราไม่ได้ผายลม บ่อยกว่าคนอื่นๆ  แต่ตอนที่โคลเจอพวกเรา  กระเพาะของเขามีปัญหาในการ ปรับตัวอยู่บ้างหลังจากกินวัวตายมาตลอดชีวิต ผมล่องเรือต่อไป  ยังไม่มีที่ดีๆ ให้จอด  มันไกลจากถนนเกินไป  ผม 9


ฉั น ยื น จ้ อ ง ห น้ า กั บ ค ว า ม รั ก ไม่ได้นกึ ฝันถึงการจูงจักรยานท่ามกลางฤดูหนาวผ่านทุง่ นาเต็มไปด้วยโคลนสีท่ งุ่ ก่อนจะถึงถนนที่ใกล้ที่สุดหรอกนะ กลิ่นสตูว์ถั่วโชยออกมาจากประตู  ผมได้ยินเสียงน้ำซัดกระทบลำเรือ อันคุน้ หูขณะกวาดตาไปเบือ้ งหน้า  มีบา้ นหลายหลังอยูใ่ นระยะหนึง่ ไมล์  ดูเหมือน จะเป็นหมูบ่ า้ น  ผมหรีต่ าเพือ่ ให้มองเห็นชัดเจนขึน้   มีบา้ นเพียงไม่กหี่ ลังเท่านัน้ ที่ดูเหมือนว่าอยู่ใกล้คลอง  ที่เหลือตั้งอยู่ห่างออกไป  มันต้องมีถนนอยู่ใกล้ๆ   แน่ๆ  ดังนั้นเราจอดเรือที่นี่ได้ “อาจจะได้ที่จอดแล้วครับ”  ผมตะโกนเข้าไปในเรือ  “เดี๋ยวแม่ออกไปจ้ะ”  แม่ตะโกนตอบ แม่มักจะอารมณ์ดีเสมอเมื่อเราไปยังสถานที่แห่งใหม่  ส่วนผมไม่มาก เท่าไร  บางทีผมอาจเคยอารมณ์ดกี ไ็ ด้  แต่ตอนนีม้ นั ก็แค่เหมือนเดิม  เหมือนเดิม  อย่างไรก็ตาม  ทีน่ อี่ าจแตกต่างจากทีอ่ นื่ ก็ได้  ผมมีแผนการสำหรับทีน่  ี่ ผมยัง ไม่ได้บอกแม่เลย  แต่แค่คดิ ถึงมันก็ทำให้ทอ้ งไส้ปนั่ ป่วนเสียแล้ว  ในทางทีด่ นี ะ คงจะดีกว่านี้ถ้าโคลยังคงอยู่ใกล้ๆ เพื่อช่วยผมบอกเรื่องนี้กับแม่  เขา คงจะสนับสนุนผม  แต่เขาจากไปได้หนึ่งปีแล้ว  เขาบอกว่าเบื่อหน่ายกับการ เดินทาง...เขาเจอผู้หญิงที่จะแต่งงานด้วย  ผู้หญิงคนนั้นมีบ้านและลูกสองคน  แม่บอกว่าผมควรจะลืมเขาแล้วก้าวเดินต่อไป  นักเดินทางก้าวเดินไปข้างหน้า  นั่นคือสิ่งที่เราทำ  แต่การก้าวเดินไปข้างหน้าในความคิดนั้นยากยิ่งกว่า  ผม นึกถึงสิ่งต่างๆ ตลอดเวลา  สิ่งที่เขาเคยพูดหรือเคยทำช่วงเวลาที่เราหัวเราะ ด้วยกัน  เช่น  ตอนทีผ่ มเล่าให้เขาฟังเกีย่ วกับชาเวส์  ผูช้ ายคนทีแ่ ม่เคยอยูก่ นิ ด้วยก่อนหน้าเขา โคลขมวดคิ้ว  “คนเม็กซิกันรึ” “ไม่ใช่ครับ  เขามาจากเมืองบิชอ็ ปส์  สตอร์ตฟอร์ด  ชือ่ จริงว่าเจเรมี  แต่ เขาเปลีย่ นชือ่   คิดว่าตัวเองเป็นเช  กูเวรา๑  อย่างกับว่าเชใช้ชวี ติ สำมะเลเทเมา Che  Guevara  คือนักปฏิวตั ลิ ท ั ธิมาร์กซ์  นายแพทย์  นักเขียน  ผูน้ ำนักรบกองโจร  นักการทูต  และนักทฤษฎีการทหารชาวอาร์เจนตินา  และเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในการปฏิวัติคิวบา  ๑

10


Skin  Deep และไร้สาระอยู่บนเรือล่องแม่น้ำอย่างนั้นแหละ” “ฟังเหมือนผู้ชายเฮงซวยนะ” “ผู้ชายก่อนหน้าคุณเฮงซวยทุกคนครับ” เขาขยิบตาให้ผม  จากนัน้ ก็ตะเบ็งเสียงเพือ่ ให้แม่ได้ยนิ   “ใช่แล้วละ  คุณ จะต้องจูบกบเยอะแยะเลยก่อนจะเจอเจ้าชายรูปหล่อ  เนอะ  คาเรน” เป็นไปตามคาด  แม่ระเบิดอารมณ์ใส่เขา  ตะโกนเรือ่ งเสรีภาพของผูห้ ญิง และการให้เกียรติในขณะทีพ่ วกเราหัวเราะงอหาย  จากนัน้ แม่กข็ ว้างหมอนอิงใส่เรา จนกระทั่งโคลคว้าตัวท่านไว้แล้วจักจี ้ และทำให้ท่านหัวเราะด้วยเหมือนกัน ผมมองเห็นละเมาะต้นวิลโลว์ขึ้นอยู่ริมตลิ่งเบื้องหน้า  และสะพานข้ามคลอง  ซึ่งมันคือถนนนั่นเอง  นี่พวกเราอยู่ใกล้หมู่บ้านเกินไปอย่างนั้นเหรอ  เรามอง ไม่เห็นบ้านหลังต่างๆ จากตรงนี้  และทางเดินก็รกชัฏเสียจนผมสงสัยว่ามีคน เดินผ่านมันบ่อยหรือเปล่า  รถที่แล่นข้ามสะพานจะสังเกตเห็นพวกเราไหมนะ  เสีย่ งทีเดียว  –  แต่กำแพงนัน้ สูงอยู ่ และถ้าผมจอดเรือตรงต้นออลเดอร์ ๒  พอดิบ พอดี  ผมคิดว่าเราจะหลบพ้นจากสายตาได้  คงเป็นตรงนี้แหละ แม่เดินขึ้นบันไดมาพลางยกมือป้องตาจากแสงแดด  ผมชี้ไปที่กลุ่ม ต้นไม้ “เหมาะเหม็ง!  เจ้าลูกชายแสนฉลาดของแม่” ท่านลูบไล้เปะปะทั่วใบหน้าของผม  ลูบผมของผม  ท่านยิ้ม  แล้วท้อง ของผมก็ปั่นป่วน  ในทางที่แย่นะ  รอยยิ้มนั่นสดใสเกินไป  ตั้งใจเกินไป  มัน ไม่ปกติ “ทีน่ ดี่ ที เี ดียว  แม่รสู้ กึ ได้วา่ มีพลังงานดีๆ  อยู ่ แนวทุง่ หญ้ามาบรรจบกัน ตรงนี้  แล้วพวกมันก็กำลังชูยอดขึ้นมาทักทายเราสองคน”  ท่านหันมาส่งยิ้ม ให้ผม  “ที่นี่จะแตกต่างจากที่อื่น” Alder  ต้นไม้ชนิดหนึ่งซึ่งขึ้นใกล้น้ำ  มีใบหยักทรงป้อม  และดอกสีเหลืองห้อยเป็นพวง  มีผลเหมือนลูกสน  เปลือกใช้ย้อมสี  ๒

11


ฉั น ยื น จ้ อ ง ห น้ า กั บ ค ว า ม รั ก ผมมองท่าน  อยากจะพูดว่า  “เหมือนทีแ่ ม่บอกว่าเมืองล่าสุดทีจ่ ากมาจะ แตกต่าง  แล้วก็เมืองก่อนหน้านัน้ อีก”  แต่ผมปิดปากเงียบ  ผมเสีย่ งต่อการทำให้ อารมณ์ของท่านแปรปรวนไม่ได้  อีกอย่าง  เราจำเป็นต้องจอดเรือทีไ่ หนสักแห่ง และเราต้องการเงิน  ที่วิทเมียร์มีตลาดซึ่งท่านสามารถขายเครื่องประดับที่ ทำขึ้นเองได้  เราอาจอยู่ที่นี่ได้จนพ้นฤดูหนาวก่อนที่พวกเขาจะไล่เราไป ผมคัดท้าย  ลเิ บอร์ต ี ให้ตรงไปยังตลิง่   แม่นงั่ บนหลังคา  เท้าเปลือยเปล่า ห้อยแกว่งอยูต่ รงประตู  มีแหวนเงินอยูบ่ นนิว้ เท้า  จมูก  และคิว้ ของท่าน  ผม ซึ่งทำเฮนน่าส่งประกายสีทองแดงอยู่ในแสงแดด  นักพเนจรลัทธินิวเอจ๓ คนสุดท้ายผู้ไม่เคยเติบโต “สัมผัสพลังงานนั่นสิ  ไรอัน  สัมผัสพลังงานนั่นซะ”

New  Age  ลัทธิซึ่งผสมผสานระหว่างความเชื่อแบบโลกตะวันตกและโลกตะวันออก  โดย เชือ่ ว่าจิตใจ  ร่างกาย  และวิญญาณมีความเกีย่ วโยงกัน  และเชือ่ ว่าตนเองคือพระเจ้าผูเ้ ป็นแหล่งกำเนิด และควบคุมทุกสิ่ง  ๓

12


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.