The 5th Wave (preread)

Page 1

แด่แซนดี ้ เจ้าของความฝั นอันเป็ นแรงบันดาลใจ เจ้าของความรักอันยืนยง


หากมีมนุษย์ตา่ งดาวมาเยือนเรา ผมว่าผลลัพธ์คงจะออกมาคล้ ายๆกับ ตอนที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสมาเยือนอเมริกาเป็ นหนแรก ซึง่ ลงเอยไม่คอ่ ยจะดีตอ่ ชาวอเมริกนั พื ้นเมืองเท่าใดนัก --

สตีเฟน ฮอว์กคิ ง—


-----------การโจมตีระลอกที่หนึ่ง:

ไฟดับ

-------------------การโจมตีระลอกที่สอง:

คลื่นโถม

----------------------------การโจมตีระลอกที่สาม: โรคระบาด -----------------------------------การโจมตีระลอกที่ส่ :ี มัจจุราชเงียบ


การรุ กราน: ค.ศ.1995 จะไม่ มีใครตื่น หญิงสาวผู้หลับใหลจะไม่ร้ ูสกึ อะไรเลยในเช้ าวันถัดมา เว้ นแต่อาการไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถกู และความรู้สกึ เหมือนมีใครกาลัง จับตามองที่ไม่ยอมจางหายไปเสียที อาการวิตกเหล่านี ้จะหายไปภายใน หนึง่ วัน และในไม่ช้าก็จะถูกหลงลืมไป แต่ความฝั นจะอยูค่ งอยูใ่ นความทรงจานานกว่า นัน้ ในฝั นนัน้ นกฮูกตัวใหญ่ ตวั หนึง่ เกาะอยูข่ ้ างหน้ าต่าง จับจ้ องหญิงสาวผ่านบานกระจกด้ วยดวงตา กลมโต ขอบตาสีขาวขับเน้ นดวงตาสีดาสนิทชัดเจน เธอจะไม่ตื่น สามีที่อยูข่ ้ างกายก็เช่นกัน เงาที่ทอดทับลงมาจะไม่รบกวนห้ วงนิทราของทังสอง ้ และ สิ่งที่เงานันปรารถนา--ทารกในกายหญิ ้ งสาวผู้หลับใหล—ก็จะไม่ร้ ูสกึ อะไรทังสิ ้ ้น การบุกรุกนันมิ ้ ได้ ทาให้ ผิวหนังฉีกขาด มิได้ ลว่ งละเมิดเซลล์ในร่างของเธอหรื อเด็กน้ อยแม้ แต่เซลล์เดียว มันเสร็จสิ ้นภายในเวลาไม่ถึงหนึง่ นาที เงาล่าถอยไป ทีนี ้ก็เหลือเพียงชายหนุม่ หญิงสาว ทารกในกายเธอ และผู้บกุ รุกที่หลับใหลอยูใ่ นร่างของทารก หญิงสาวและชายหนุม่ จะตื่นขึ ้นในเช้ าวันถัดมา ทารกจะตื่นขึ ้นหลังจากนันสองสามเดื ้ อน เมื่อเขา ลืมตาดูโลก ผู้บกุ รุกในกายเขาจะหลับใหลต่อไป จะไม่ตื่นไปอีกนานหลายปี จนอาการไม่สบายใจของผู้เป็ น มารดา รวมถึงความทรงจาว่าด้ วยความฝั นนันจางหายไปนานแล้ ้ ว หลังจากนันอี ้ กห้ าปี เมื่อพาลูกน้ อยไปเที่ยวสวนสัตว์ หญิงสาวจะเห็นนกฮูกที่หน้ าตาเหมือนกับใน ความฝั นไม่มีผิด การได้ เห็นนกตัวนันท ้ าให้ เธอหวัน่ ใจอย่างบอกไม่ ถกู เธอไม่ใช่คนแรกที่ฝันเห็นนกฮูกในความมืด


เธอไม่ใช่คนสุดท้ ายเช่นกัน


ภาคหนึ่ง นักประวัตศิ าสตร์ คนสุดท้ าย


1

มนุษย์ตา่ งดาวน่ะงี่เง่า ฉันไม่ได้ หมายถึงพวกต่างดาวจริงๆหรอกนะ พวกนัน้ น่ะไม่งี่เง่าหรอก พวกนัน้ ล ้าหน้ ากว่าเราตัง้ เยอะ จนเหมือนเอามนุษย์ค นที่โง่ที่สดุ ไปเทียบกับหมาตัวที่ฉลาดที่สดุ นัน่ ละ อย่าแม้ แต่คดิ จะแข่งเลย เปล่า ฉันพูดถึงมนุษย์ตา่ งดาวในหัวพวกเราต่างหาก ไอ้ ที่เราแต่งขึ ้นมา ที่เราเสกสรรค์ปัน้ แต่งขึ ้นมาตังแต่ ้ ตระหนักว่าแสงระยิบระยับบนท้ องฟ้าเหล่านัน้ คือดวงอาทิตย์เหมือนอย่างที่เรามี และน่าจะมีดาวเคราะห์อย่างเราๆโคจรรอบมันอยูด่ ้ วย มนุษย์ตา่ งดาว อย่างที่เราจินตนาการขึ ้นมาน่ะ อย่างที่เราอยากให้ บกุ มาโจมตีเรา ที่เราเรี ยกว่ามนุษย์ ตา่ งดาว เราเห็นพวก มันมาเป็ นล้ านๆครัง้ ไอ้ พวกที่ขี่จานบินโฉบหวือลงมาจากฟ้าเพื่อถล่มนิวยอร์ ก โตเกียว และลอนดอนใ ห้ ราบเป็ นหน้ ากลอง ไม่ก็ขี่เครื่ องจักรยักษ์หน้ าตาเหมือนแมงมุมจักรกลตะลุยไปตามชนบท ยิงปื นแสง ฟิ ว้ ฟ้าว และทุกครัง้ ทุกครัง้ เลย มนุษยชาติก็จะวางความบาดหมางทังหลายแหล่ ้ และรวมพลังกันปราบฝูงต่าง ดาวมหาภัยนัน่ เดวิดตัวจ้ อยสังหารยักษ์โกไลแอธ และทุกคน (ยกเว้ นโกไลแอธ) ก็กลับบ้ านอย่างมีความสุข เพ้ อเจ้ อเป็ นบ้ า อย่างกับแมลงสาบวางแผนปราบรองเท้ าที่กาลังจะกระทืบมันแบน เราไม่มีทางรู้ชดั หรอกนะ แต่ฉนั กล้ าพนันว่า พวกนัน้ ต้ องรู้เรื่ องมนุษย์ตา่ งดาวที่เราจินตนาการ ขึ ้นมาแน่ และกล้ าพนันด้ วยว่า พวกนัน้ ต้ องเห็นว่ามันตลกเป็ นบ้ า คงหัวเราะจนตกเก้ าอี ้เลยละ ถ้ า พวกนัน้ รู้จกั หัวเราะ...หรื อนัง่ เก้ าอี ้น่ะนะ พวกมันคงหัวเราะก๊ าก อย่างที่เราหัวเราะเวลาหมาทาอะไรบ๊ องๆน่ารักน่า เอ็นดู อุ๊ยตาย ดูพวกมนุษย์บ๊องๆ น่ารักน่าเอ็นดูนนั่ สิ ! คิ ดว่าพวกเรามี วิธีคิดเหมื อนพวกมัน น่าเอ็นดูจงั เลย เนอะ ลืมจานบิน มนุษย์สีเขียวตัวเล็กๆ และแมงมุมจักรกลพ่นลาแสงมรณะไปได้ เลย ลืมการศึกอลังการ ทังหลายแหล่ ้ ที่มีรถถัง เครื่ องบินขับไล่ และชัยชนะสุดท้ ายที่ชาวเราเหล่ามนุษย์ผ้ หู ้ าวหาญไม่ยอ่ ท้ อ เปี่ ยม


ด้ วยจิตวิญญาณนักสู้มีเหนือฝูงต่างดาวตาปูดโปนเสียเถอะ มันห่างไกลจากความเป็ นจริง พอๆกับที่ดาว เคราะห์ใกล้ ตายของพวกมันห่างไกลจากดาวเคราะห์ที่มีชีวิตของเรานัน่ ละ ความจริงก็คือ ทันทีที่พวกมันเจอเรา เราก็จบเห่แล้ ว


2

บางครัง้ ฉันก็คดิ ว่าตัวเองอาจจะเป็ นมนุษย์คนสุดท้ ายบนโลกนี ้ ซึง่ แปลว่าฉันเป็ นมนุษย์คนสุดท้ ายในจักรวาล ฉันรู้วา่ มันงี่เง่า พวกมันไม่มีทางฆ่าทุกคนเรี ยบร้ อยแล้ วหรอก...ยังไม่ใช่ แต่ฉนั ก็พอนึกออกว่า สุดท้ ายแล้ วมันจะลงเอยแบบนันได้ ้ อย่างไร จากนันฉั ้ นก็คดิ ว่านัน่ คือสิ่งที่ พวกนัน้ อยากให้ ฉนั นึกเลยละ จาไดโนเสาร์ ได้ ไหม ก็...นะ ดังนันฉั ้ นคงไม่ใช่มนุษย์คนสุดท้ ายบนโลกหรอก แต่อยูใ่ นกลุม่ สุดท้ าย ตัวคนเดียวโดดเดี่ยว—และ น่าจะเป็ นอย่างนันต่ ้ อไป—จนกว่าการโจมตีระลอกที่สี่จะกลืนกินและพัดพาฉันไป นัน่ คือหนึง่ ในความคิดกลางดึกของฉัน ก็ ไอ้ ความคิดทานองว่าฉิบหายแล้ วสิเราที่ชอบโผล่มาตอนตี สามน่ะ คุณเข้ าใจใช่ไหม เมื่อฉันคู้ตวั เป็ นก้ อนกลม กลัวจนไม่กล้ าหลับตา จมอยูใ่ นอาการขวัญผวาที่แรง กล้ าจนฉันต้ องคอยเตือนตัวเองให้ สดู ลมหายใจ ต้ องสัง่ หัวใจให้ เต้ นต่อไป เมื่อสมอง ฉันหยุดทางาน และชัก กระตุกเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง ตัวคนเดียว ตัวคนเดียว ตัวคนเดียว แคสซี ่ เธอเหลือตัวคนเดียว นัน่ คือชื่อฉัน แคสซี่ ไม่ใช่แคสซี่ที่ยอ่ มาจากแคสแซนดร้ า หรื อแคสซี่ที่ยอ่ มาจากแคสซิดี ้ แต่เป็ นแคสซี่ที่ยอ่ มาจากแคสซิ โอเปี ย ชื่อกลุม่ ดาวของราชินีที่ถกู พันธนาการไว้ บนบัลลังก์กลางท้ องฟ้าซีกโลกเหนือ ผู้งดงามทว่าจองหอง ซึง่ ถูกโพเซดอนเทพเจ้ าแห่งท้ องทะเลขังไว้ บนฟ้าเป็ นการลงโทษที่นางโอ้ อวดนัก ในภาษากรี กชื่อนันแปลว่ ้ า “นางผู้มีถ้อยคาอันปราดเปรื่ อง” พ่อแม่ฉนั ไม่ร้ ูเรื่ องตานานเทพปกรณัมนัน่ สักนิดเดียว พวกท่านแค่คดิ ว่ามันเพราะดี กระทัง่ ตอนที่ยงั มีคนอยูเ่ รี ยกชื่อฉัน ก็ไม่เคยมีใครเรี ยกฉันว่าแคสซิโอเปี ย มีแค่พอ่ คนเดียว แถมยัง เรี ยกเฉพาะเวลาที่จะแหย่ฉนั แถมต้ องใช้ สาเนียงอิตาลีหว่ ยๆด้ วยนะ แคส-ซี -โอ-ปี -ย่า มันทาให้ ฉนั แทบคลัง่ ฉันไม่เห็นว่าพ่อจะตลกหรื อน่ารักตรงไหน และมันก็ทาให้ ฉนั เกลียดชื่อตัวเอง “หนูชื่อแคสซี่ !” ฉันโวยวายใส่ พ่อ “แคสซี่เฉยๆ!” แต่ในตอนนี ้ฉันยินดีแลกทุกอย่างเพื่อให้ ได้ ยินพ่อเรี ยกชื่อนันอี ้ กสักครัง้


เมื่อฉันอายุครบสิบสอง—สี่ปีก่อนการมาเยือน—พ่อให้ กล้ องโทรทรรศน์เป็ นของขวัญวันเกิด และ ในเย็นฤดูใบไม้ ร่วงวันหนึง่ ซึง่ ท้ องฟ้าแจ่มใสอากาศเย็นเฉียบ พ่อก็ตงมั ั ้ นลงที่ลานหลังบ้ าน และให้ ฉนั ดูกลุม่ ดาวที่วา่ “เห็นไหมว่ามันเหมือนตัวดับเบิลยู” พ่อว่า “พวกเขาตังชื ้ ่อมันว่าแคสซิโอเปี ยไปทาไมคะ ถ้ ามันดูเหมือนตัวดับเบิลยู ” ฉันย้ อน “ดับเบิ ้ลยูยอ่ มา จากอะไรกัน” “เอ่อ... พ่อว่าไม่คดิ ว่ามันย่อมาจากอะไรเป็ นพิเศษหรอกนะ” พ่อตอบพร้ อมรอยยิ ้ม แม่ชอบพูดว่า มันคือสิ่งที่มีเสน่ห์ที่สดุ ในตัวพ่อ พ่อก็เลยอวดมันบ่อยๆ ยิ่งเมื่อหัวเริ่ มล้ านด้ วยแล้ ว ก็แบบว่า ต้ องดึงสายตา คนลงมาข้ างล่างน่ะ “งันก็ ้ ตามใจลูกเลย! วันเดอร์ ฟลู ดีไหม หรื อวิ นซัมที่แปลว่ามีชยั หรื อไวส์ที่แปลว่าชาญ ฉลาด” พ่อวางมือข้ างหนึง่ ลงบนไหล่ฉนั ในขณะที่ฉนั หยีตาเพ่งผ่านเลนส์ไปยังดาวห้ าดวงซึง่ โชติชว่ งอยูห่ า่ ง จากตาแหน่งที่เรายืนไปห้ าสิบปี แสง ฉันรู้สกึ ถึงลมหายใจของพ่อ ระอยู่ที่ข้างแก้ ม ลมหายใจนันให้ ้ สมั ผัสอุน่ ทังชื ้ ้น ท่ามกลางอากาศเย็นแห้ งในฤดูใบไม้ ร่วง ลมหายใจของพ่อแสนใกล้ กลุม่ ดาวแคสซิโอเปี ยแสนไกล ตอนนี ้ดวงดาวดูใกล้ กว่าเดิมมาก ใกล้ กว่าระยะสามร้ อยล้ านล้ านไมล์ที่กนกลางระหว่ ั้ างเรา ใกล้ จน สัมผัสได้ ให้ ฉนั สัมผัสพวกมัน ให้ พวกมันสัมผัสฉัน ใกล้ พอๆกับลมหายใจของพ่อเมื่อครัง้ นัน้ ฟั งดูบ้าจัง ฉันบ้ าไปแล้ วหรื อเปล่า เสียสติไปแล้ วใช่ไหม เราจะหาว่าคนอื่นบ้ าได้ ก็ตอ่ เมื่อมีคนปกติ ให้ เทียบเคียง ก็เหมือนความดีกบั ความชัว่ ถ้ าทุกสิ่ งดีงามไปหมด ก็ไม่มีอะไรดีจริงหรอก โอ้ โห นัน่ ยิ่งฟั งดู...บ้ าชะมัด ความบ้ า นี่ละนิยามใหม่ของความสามัญ ฉันจะพูดว่าตัวเองบ้ าก็คงได้ มงั ้ ในเมื่อยังมีอีกคนให้ เปรี ยบเทียบ ตัวฉันเองไงล่ะ ไม่ใช่ฉนั ในตอนนี ้ คนที่นอนตัวสัน่ อยูใ่ นเต้ นท์กลางป่ าลึก กลัวจนไม่กล้ าโผล่หวั ออกไปนอกถุงนอนด้ วยซ ้า ไม่ใช่แคสซี่คนนี ้ ไม่ใช่เลย ฉันพูดถึงแคสซี่คนเดิมก่อนการมาเยือนต่างหาก ก่อนพวกนัน้ จะลากก้ นต่างดาวมาจอดแปะอยูท่ ี่ วงโคจรรอบนอก ฉันในวัยสิบสอง ผู้ซงึ่ ปั ญหาใหญ่ที่สดุ ในชีวิต คือกระจิ๋วๆที่ปลายจมูก ผมหยักศกที่ไม่ยอม เข้ าทรง และหนุม่ น่ารักที่เห็นหน้ ากันอยูท่ กุ วันแต่ไม่ร้ ูเลยว่า ฉันมีตวั ตน เป็ นแคสซี่คนที่เพิ่งจะทาใจยอมรับ ความจริงอันน่าเจ็บปวดว่าตัวเองเป็ นแค่คนแบบกลางๆ หน้ าตากลางๆ เรี ยนหนังสือกลางๆ เล่นกีฬาอย่าง


ฟุตบอลและคาราเต้ ได้ กลางๆ สรุปแล้ ว สิ่งเดียวในตัวเธอที่โดดเด่นไม่ ซ ้าใครคือชื่อพิลกึ นัน่ —แคสซี่ที่ยอ่ มา จากแคสซิโอเปี ย ซึง่ ไม่มีใครรู้ด้วยซ ้า—และความสามารถในการแลบลิ ้นไปแตะปลายจมูก อันเป็ นทักษะที่ หมดความน่าสนใจอย่างรวดเร็วเมื่อขึ ้นเกรดเจ็ด ฉันคงเป็ นคนบ้ าตามมาตรฐานของแคสซี่คนนัน้ ยายนัน่ เป็ นคนบ้ าตามมาตรฐานของฉันแน่ๆ บางครัง้ ฉันก็ก่นด่าเธอ ยายแคสซี่วยั สิบสองนัน่ เอา แต่คร่ าครวญเรื่ องทรงผม ชื่อพิลกึ หรื อการที่เป็ นแค่คนกลางๆ “เธอทาบ้ าอะไรอยู่” ฉันตะคอก “ไม่ร้ ูหรื อไง ว่ากาลังจะเกิดอะไรขึ ้น” แต่นนั่ ไม่ยตุ ธิ รรมเลย เรื่ องก็คือเธอไม่ร้ ูจริงๆ ไม่มีทางรู้ได้ และนัน่ ก็ เป็ นพรที่เธอได้ รับ คือสาเหตุที่ ฉันคิดถึงเธอนัก มากกว่าใครคนไหนด้ วยซ ้า ถ้ าจะพูดกันตามตรงน่ะนะ เมื่อฉันร้ องไห้ —เมื่อฉันอนุญาตให้ ตัวเองร้ องไห้ —ฉันร้ องไห้ เพื่อเธอคนนัน้ ฉันไม่ได้ ร้องไห้ เพื่อตัวเอง ฉันร้ องไห้ เพื่อแคสซี่ที่จากไป และฉันก็สงสัยว่าแคสซี่คนนันจะคิ ้ ดอย่างไรกับ ฉัน แคสซี่คนที่ฆา่ เป็ น


3

เขาไม่นา่ จะโตกว่าฉันมากนัก สิบแปด หรื ออาจจะสิบเก้ า แต่ให้ ตายเถอะ เขาอาจจะอายุเจ็ด ร้อยสิบเก้ าปี ก็ ได้ นี่ก็ผา่ นมาห้ าเดือนแล้ ว แต่ฉนั ก็ยงั ไม่แน่ใจว่าการโจมตีระลอกที่สี่คือมนุษย์ หรื อ สิ่งมีชีวิตพันธุ์ผสม หรื อ พวกนัน้ มาเองกันแน่ ถึงฉันไม่อยากจะคิดว่าพวกนัน้ หน้ าตาเหมือนเรา พูดจาเหมือนเรา และเลือดออกเป็ น เหมือนเราเลยก็เถอะ ฉันชอบคิดว่าพวกนัน้ ...ยังไงก็เป็ นพวกนันและไม่ ้ มีอะไรเหมือนเราเลยแม้ แต่นิดเดียว ฉันกาลังปฏิบตั ภิ ารกิจหาน ้าประจาสัปดาห์ จากค่ายพักแรมของฉันห่างไปไม่ไกลนักมีลาธารอยู่ สายฟนึว่ แต่ฉนั กลัวมันจะปนเปื อ้ น ถ้ าไม่เพราะสารเคมี ก็อาจเป็ นน ้าเสีย ไม่ก็อาจจะมีศพที่ต้นน ้า หรื อใน น ้าอาจมียาพิษ การทาให้ เราขาดแคลนน ้าสะอาดคงเป็ นวิธีกวาดล้ างเราที่ รวดเร็วและหมดจดดีทีเดียว ดังนันฉั ้ นจึงสะพายปื นเอ็มสิบหกคูใ่ จขึ ้นบ่าและเดินออกจากป่ าไปยังทางหลวงสัปดาห์ละครัง้ ลง ใต้ ไปสองไมล์ เลยทางออกที่ 175 ไปนิดเดียว มีปั๊มน ้ามันอยูส่ องสามปั๊ ม ซึง่ มีร้านสะดวกซื ้อในตัว ฉันจะขน น ้าขวดเท่าที่พอแบกไหว ซึง่ ก็ ได้ ไม่มากนักหรอก เพราะน ้าเป็ นของที่หนักมาก ก่อนจะรี บกลับไปยังทาง หลวง และป่ าซึง่ พอจะปลอดภัยอยูบ่ ้ างให้ เร็วที่สดุ ก่อนฟ้าจะมืดสนิท ยามย่าค่าเป็ นเวลาที่เหมาะกับการ เดินทางที่สดุ ฉันไม่เคยเห็นโดรนสอดแนมสักครัง้ ในช่วงเวลานัน้ เคยเห็นอยูส่ ามสี่ครัง้ ตอนกลางวัน และ เยอะกว่านันมากตอนกลางคื ้ น แต่ตอนพระอาทิตย์ตกดินน่ะไม่เคยเลย ทันทีที่ก้าวผ่านประตูแตกๆ ของร้ านสะดวกซื ้อ ฉันก็ร้ ูวา่ มีบางสิ่งแปลกไปจากเดิม ฉันไม่เห็นอะไร หรอกนะ—ภายในร้ านยังดูเหมือนเมื่อสัปดาห์ก่อนไม่มีผิด ผนังเต็มไปด้ วยรอยขีดเขียน ชันวางของล้ ้ มคว่า กล่องเปล่าและขี ้หนูเกลื่อนเต็มพื ้น เครื่ องเก็บเงินที่ถกู ทุบจนเปิ ดอ้ าซ่า ตู้แช่เบียร์ ที่ถกู ปล้ น จนเหี ้ยน มัน ยังคงเป็ นรังหนูซกมกเหม็นเน่าน่าขยะแขยงที่ฉนั ต้ องลุยฝ่ าไปทุกสัปดาห์ตลอดหนึง่ เดือนที่ผา่ นมา เพื่ อเข้ า ไปยังห้ องเก็บของหลังตู้แช่ ฉันไม่เข้ าใจจริงๆ ว่าทาไมคนถึงขโมยเบียร์ โซดา เงินสดจากเครื่ องเก็บเงินกับตู้ นิรภัย และม้ วนล็อตเตอรี่ แต่กลับทิ ้งน ้าดื่มไว้ ตงสองตั ั้ งใหญ่ ้ พวกเขาคิดอะไรอยู่ พวกต่างดาวมาถล่มโลก แล้ว! เร็ วเข้า เอาเบียร์ มา! ยังพินาศย่อยยับเหมือนเดิม เหม็นกลิ่นหนูและอาหารเน่าเหมือนเดิม ฝุ่ นยังตลบขึ ้นกลางแสงสลัวที่ ลอดกระจกเขรอะๆเข้ ามาเหมือนเดิม ของทุกชิ ้นยังอยูผ่ ิดที่ผิดทางเหมือนเดิม ไม่มีใครแตะต้ องอะไร


แต่วา่ บางสิ่งผิดไปจากเดิม ฉันยืนอยูก่ ลางกองเศษแก้ ว ถัดจากประตูเข้ ามานิดหน่อย ฉันไม่เห็น ฉันไม่ได้ ยิน ฉันไม่ได้ กลิ่นและ ไม่ได้ รับสัมผัสใดๆ แต่ฉนั รู้ บางสิ่งผิดไปจากเดิม มนุษย์เลิกเป็ นสัตว์ที่ถกู ล่ามานานแล้ ว ตังแต่ ้ เมื่อราวๆแสนปี ก่อน แต่ความทรงจานันยั ้ งฝั งลึกอยูใ่ น ยีนของเรา ความตื่นตัวของเนื ้อทราย สัญชาตญาณของเลียงผา สายลมพัดผ่านยอดหญ้ า เงาวูบไหวอยู่ หลังต้ นไม้ และเสียงเล็กๆก็กระซิบขึ ้นว่า ชู่...มันอยู่ใกล้ๆนี ่เอง ฉันจาไม่ได้ วา่ เหวี่ยงปื นเอ็มสิบหกลงจากไหล่ตงแต่ ั ้ เมื่อไหร่ นาทีหนึง่ มันยังพาดหลังอยู่ดีๆนาทีถดั มามันกลับอยูใ่ นมือฉัน ปากกระบอกปื นกดลงหาพื ้น ปลดห้ ามไกเรี ยบร้ อย ใกล้ๆนี เ่ อง ฉันไม่เคยใช้ มนั ยิงตัวอะไรที่ใหญ่กว่ากระต่ายมาก่อน และนั่ นก็เป็ นแค่การทดลอง เพื่อทดสอบว่า ฉันใช้ มนั โดยไม่เผลอปั่ นอวัยวะตัวเองทิ ้งได้ หรื อเปล่า ครัง้ หนึง่ ฉันยิงเฉียดหัวฝูงหมาจรจัดที่สนค่ายพักแรม ของฉันมากเกินไป อีกครัง้ ฉันยิงขึ ้นฟ้าเกือบจะตรงหัวพอดี เล็งไปยังจุดสีเขียวเรื่ อเรื องเล็กจิ๋ว ไปยังยานแม่ ของพวกนัน้ ที่แล่นอย่างเงียบงันโดยมีทางช้ างเผือกเป็ นฉากหลัง ใช่ ฉันรู้วา่ มันงี่เง่า ฉันน่าจะปั กป้าย โฆษณาที่มีรูปลูกศรอันเบ้ อเร้ อชี ้ลงมาที่หวั ตัวเอง พร้ อมเขียนว่า ยู้ฮู ฉันอยู่ตรงนี !้ เสียให้ ร้ ูแล้ วรู้รอด หลังการทดลองกับกระต่าย—มันเป่ ากระต่ายน้ อยที่นา่ สงสารแหลกเป็ นจุณ ทาให้ เจ้ าต่ายปี เตอร์ ก ลายเป็ นกองไส้ และกระดูกขาดรุ่งริ่งจนจาสภาพเดิมไม่ได้ —ฉันก็ล้มเลิกความตังใจที ้ ่จะใช้ ปืนไรเฟิ ลล่าสัตว์ ฉันไม่ซ้อมยิงเป้าด้ วยซ ้า ความเงียบที่ตามมาหลังการโจมตีระลอกที่สี่ ทาให้ เสียงรัวกระสุนดังยิ่งกว่าเสียง ระเบิดนิวเคลียร์ เสียอีก แต่ฉนั ก็ยงั คิดว่าเจ้ าเอ็มสิบหกกระบอกนี ้เป็ นเพื่อนซี ้อันดับหนึง่ อยูด่ ี มันอยูเ่ คียงข้ างฉันเสมอ แม้ ใน ยามค่าคืน ซุกตัวอยูใ่ นถุงนอนด้ วยกัน ไว้ ใจได้ เชื่อ ถือได้ ระหว่างการโจมตีระลอกที่สี่ เราไม่อาจวางใจได้ วา่ มนุษย์ยงั เป็ นมนุษย์ แต่เราวางใจได้ วา่ ปื นของเรายังเป็ นปื นของเราอยู่


ชู่...แคสซี ่ มันอยู่ใกล้ๆนีล่ ะ ใกล้ๆนี ่ ฉันควรจะเผ่น เสียงเล็กๆนันคอยเตื ้ อนฉัน เสียงนัน่ อายุมากกว่าฉัน เก่าแก่กว่ามนุษย์ที่อายุยืนที่สดุ เสียอีก ฉันควรจะฟั งเสียงนัน่ แต่ฉนั กลับเงี่ยหูฟังความเงียบของร้ านสะดวกซื ้อร้ าง เงี่ยหูฟังอย่างตังใจ ้ มีบางอย่างอยู่แถวๆนี ้ ฉัน ก้ าวห่างจากประตูไปนิดหนึง่ เศษกระจกใต้ เท้ าก็สง่ เปรี๊ ยะแผ่วเบา จากนันบางสิ ้ ่งที่วา่ ก็สง่ เสียง เสียงคล้ ายไอปนครางแว่วมาจากห้ องเก็บของ ด้ านหลังตู้แช่ ที่ซงึ่ น ้า ของฉันตังอยู ้ ่ นัน่ คือเวลาที่ฉนั ไม่ต้องรอให้ เสียงเล็กๆจากบรรพกาลมาสัง่ ก็เห็นอยูท่ นโท่ ไม่เห็นต้ องใช้ สมองคิด เลย หนีสิ แต่ฉนั ไม่หนี กฎข้ อที่หนึง่ ของการเอาตัวรอดจากการโจมตีระลอกที่สี่ก็คือจงอย่า ไว้ ใจใคร ไม่วา่ พวกเขาจะดูเป็ น อย่างไรก็ตาม งานนี ้พวกนัน้ ฉลาดมาก—โอเค พวกนัน้ ก็ฉลาดมากทุกงานนัน่ ละ ต่อให้ พวกเขาดูปกติดี พูดจาปกติดี และทาทุกสิ่ง ตามที่เราคาดไว้ ก็ตามเถอะ ความตายของพ่อฉันพิสจู น์ให้ เห็นแล้ วไม่ใช่รึ ต่อให้ คนแปลกหน้ าเป็ นหญิงชราร่างเล็กซึง่ อ่อนหวานน่ารักยิ่งกว่าย่าทวดทิลลี่ของเรา และต่อให้ อ้ มุ ลูกแมวน้ อย ไร้ ทางสู้มาด้ วย เราก็ไม่อาจมัน่ ใจได้ —เราไม่มีทางรู้ได้ —ว่าเธอไม่ใช่พวกนัน้ ว่าเธอไม่ได้ มีปืนพกพร้ อม กระสุนขนาด .45 มม. ซ่อนอยูห่ ลังลูกแมวตัวนัน้ มันไม่ใช่เรื่ องที่เกินความคาดคิด และยิ่งคิดให้ มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งคิดได้ ง่ายเท่านัน้ หญิงชราร่างเล็ก คนนันต้ ้ องถูกกาจัด นัน่ คือส่วนที่ยากที่สดุ ส่วนที่ถ้าฉันคิดมากเกินไป ฉันก็จะอยากมุดเข้ าไปในถุงนอน รูดซิป ให้ สนิท และปล่อยให้ ตวั เองขาดอาหารตายไปอย่างช้ าๆ ถ้ าคนนันก็ ้ ไว้ ใจไม่ได้ คนนี ้ก็ไว้ ใจไม่ได้ เราก็ไม่อาจไว้ ใจ ใครได้ เลย ถือเสียว่าย่าทวดทิลลี่เป็ นพวกนันไปเลยดี ้ กว่า ยอมเสี่ยงดวงเผื่อเจอผู้รอดชีวิตอีกคน


บัดซบสิ ้นดี มันทาให้ พวกเราแตกแยก ทาให้ การไล่ลา่ และกาจัดพวกเราง่ายขึ ้นมาก การโจมตีระลอกที่สี่บงั คับ ให้ เราต้ องอยูอ่ ย่างสันโดษ ในสภาพที่รวมกันเราไม่อาจอยู่ แยกหมูถ่ ึงจะไม่ตาย ในสภาพที่พวกเราค่อยๆ เสียสติไปทีละนิดเพราะความโดดเดี่ยว ความหวาดกลัว และความหวัน่ เกรงภัยที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ฉันจึงไม่หนี ฉันทาไม่ได้ ไม่วา่ สิ่งจะเป็ นพวกมันหรื อเป็ นย่าทวดทิลลี่ ฉันก็ต้องปกป้องอาณาเขต ของตน หนทางเดียวที่จะอยูร่ อดปลอดภัยคือต้ องอยูต่ ามลาพัง นัน่ คือกฎข้ อที่สอง ฉันเดินตามเสียงไอปนสะอื ้น หรื อเสียงสะอื ้นปนไอ หรื อเสียงอะไรก็ชา่ งเถอะไปจนถึงประตูห้องเก็บ ของ ฉันแทบไม่กล้ าหายใจ ค่อยๆย่องไปด้ วยปลายเท้ า ประตูแง้ มอยู่ กว้ างพอให้ ฉนั เบี่ยงตัวเข้ าไปพอดี ชันวางโลหะติ ้ ดผนังตระหง่านอยูต่ รงหน้ าฉัน ส่วน ทางขวาเป็ นโถงทางเดินแคบยาวตลอดแนวตู้แช่ ข้ างหลังนี ้ไม่มีหน้ าต่าง แหล่งแสงเพียงหนึง่ เดียวคือแสงสี ส้ มซีดที่ใกล้ จะวายเต็มแก่แต่ก็ยงั สว่างพอสาดเงาฉันลงไปบนพื ้นเหนอะหนะ ฉันย่อตัวลง เงาของฉันย่อ ตาม ฉันมองอ้ อมตู้แช่ไปไม่ได้ แต่ก็พอให้ ได้ ยินเสียงใคร—หรื ออะไรก็ชา่ งเถอะ—จากสุดทางเดิน เสียง ไอ เสียงคราง และเสียงสะอื ้นกึ่งสาลัก ถ้าไม่ได้บาดเจ็บสาหัส ก็แสร้งทาเป็ นบาดเจ็บสาหัส ฉันคิด ถ้าไม่ได้ตอ้ งการความช่วยเหลือ ก็เป็ น กับดัก ชีวิตบนโลกกลายเป็ นแบบนี น้ บั ตังแต่ ้ การมาเยือน เป็ นโลกที่มีทางเลือกเพียงสองทาง ถ้าไม่ใช่พวกนัน้ ซึ่ งรู้ว่าเธออยู่ตรงนี ้ ก็ตอ้ งเป็ นพวกเราและเขาก็ตอ้ งการความช่วยเหลือของเธอ ไม่วา่ จะอย่างไร ฉันก็ยงั ต้ องลุกขึ ้นและเลี ้ยวไป ฉันจึงลุกขึ ้น และเลี ้ยวไป


4

หมอนัน่ นัง่ แผ่หลาพิงผนังท้ ายห้ องที่อยูห่ า่ งไปยี่สิบฟุต ขายาวเหยียดออกตรงหน้ า มือข้ างหนึง่ กุมท้ อง เขา สวมกางเกงลายพราง รองเท้ าบู๊ตสีดา มีคราบไคลเต็มตัว ทัว่ ทังร่้ างโชกเลือดวาววับ เลือดเปรอะทุกหนแห่ง บนผนังทางด้ านหลัง กองเป็ นแอ่งบนพื ้นคอนกรี ตเย็นเยียบด้ านล่าง เปรอะเครื่ องแบบ เกาะเรื อนผม เลือดสี เข้ มเป็ นมันดาขลับ ดาราวกับน ้ามันดินในแสงสลัว มืออีกข้ างของเขามีปืน และปื นที่วา่ ก็เล็งมาที่หวั ฉัน ฉันอยูใ่ นท่าเดียวกัน ปื นพกเขาเป็ นเงาสะท้ อนของปื นไรเฟิ ลฉัน ปลายนิ ้วเราทังคู ้ แ่ ตะที่ไกปื น มันไม่ได้ พิสจู น์อะไรเลย การที่เขาจ่อปื นมาทางฉัน เขาอาจจะเป็ นทหารบาดเจ็บจริงๆและคิดว่าฉัน เป็ นพวกนัน้ หรื ออาจจะไม่ใช่ก็ได้ “ทิ ้งอาวุธ เดี๋ยวนี ้” เขาตะกุกตะกักสัง่ ฝั นไปเหอะ “ทิ ้งอาวุธเดี๋ยวนี ้!” เขาตะโกน หรื อพยายามตะโกน ถ้ อยคานันแหบพร่ ้ าและอู้อี ้ เพราะต้ องแข่งกับ เลือดที่ทะลักขึ ้นมาจากช่องท้ อง เลือดไหลอาบริมฝี ปากล่างของเขา ใกล้ จะหยดลงจากคางที่เคราขึ ้น หร็ อมแหร็ ม ฟั นของเขาก็เลือดท่วมเช่นกัน ฉันส่ายหน้ า ฉันยืนหันหลังให้ แสง ภาวนาว่าเขาจะไม่เห็นว่าฉันตัวสัน่ ขนาดไหน ไม่เห็นความกลัว ในดวงตาฉัน นี่ไม่ใช่กระต่ายโง่ๆ ที่กระโดดเข้ ามาในค่ายพักของฉัน ในเช้ าวันแจ่มใสวันหนึง่ นี่ คือมนุษย์ หรื อ อย่างน้ อยก็ดเู หมือนมนุษย์ เรื่ องของการฆ่าก็มีอยูว่ า่ เราไม่มีทางรู้วา่ กล้ าลงมือไหมจนกว่าจะลงมือจริงๆ เขาสัง่ เป็ นหนที่สาม ไม่ดงั เท่าหนที่สอง ฟั งเหมือนคาอ้ อนวอนมากกว่า “ทิ ้งอาวุธซะ”


มือข้ างที่เขาถือปื นกระตุก ปากกระบอกปื นกดลงหาพื ้น ไม่มาก แต่กว่าจะถึงตอนนัน้ สายตาฉันก็ เคยชินกับความมืดแล้ ว และฉันก็เห็นหยดเลือดไหลลงมาจากปากกระบอกปื น จากนันเขาก็ ้ ทิ ้งปื น มันตกลงที่หว่างขาเขาดังตึง เขายกมือเปล่าขึ ้น แบมือ ชูเหนือไหล่ “เอาละ” เขาเผยอยิ ้มอาบเลือด “ตาเธอแล้ ว” ฉันส่ายหน้ า “อีกข้ าง” ฉันสัง่ หวังว่าเสียงตัวเองจะฟั งดูเข้ มแข็งกว่าที่ร้ ูสกึ จริง หัวเข่าเริ่ มสัน่ แขน เริ่มปวด หัวหมุนติ ้ว ฉันต้ องข่มอาการคลื่นไส้ ไว้ เราไม่มีทางรู้วา่ กล้ าลงมือไหมจนกว่าจะลงมือจริงๆ “ไม่ได้ ” เขาว่า “มืออีกข้ าง” “ถ้ าขยับมืออีกข้ าง ฉัน กลัวไส้ ตวั เองจะทะลักออกมาน่ะ” ฉันขยับพานท้ ายปื นซึง่ กดอยูบ่ นไหล่ เหงื่อตก ตัวสัน่ ไป คิดหนัก เลือกสักทาง แคสซี ่ เธอจะเอา ยังไง เลือกสักทาง “ฉันกาลังจะตาย” เขาไม่อ้อมค้ อม ระยะห่างทาให้ ดวงตาเขาเป็ นเพียงประกายไฟสองจุด “ดังนัน้ ถ้ าเธอไม่เก็บฉันซะ ก็เข้ ามาช่วยฉัน ฉันรู้วา่ เธอเป็ นมนุษย์ ” “นายรู้ได้ ยงั ไง” ฉันรี บถามก่อนเขาจะตาย หากเขาเป็ นทหารตัวจริง ก็อาจรู้วิธีแยกความแตกต่า ง มันจะเป็ นข้ อมูลที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง “เพราะถ้ าไม่ใช่ เธอคงยิงฉันทิ ้งไปแล้ ว” เขายิ ้มอีกครัง้ แก้ มบุม๋ เป็ นลักยิ ้ม และฉันก็ตระหนักว่าเขา เด็กแค่ไหน โตกว่าฉันแค่ไม่กี่ปีเท่านัน้ “เห็นไหม” เขาพูดเบาๆ “เธอก็ร้ ูเหมือนกัน” “ฉันรู้อะไร” น ้าตาฉันเริ่มเอ่อ ร่างคุดคู้ของวูบไหวคล้ ายกับภาพในเขาวงกตกระจกเงา แต่ฉนั ไม่กล้ า คลายมือจากปื นไรเฟิ ลขณะปาดน ้าตา “รู้วา่ ฉันเป็ นมนุษย์นะ่ สิ ถ้ าไม่ใช่ ฉันก็คงยิงเธอไปแล้ ว ”


ฟั งดูสมเหตุสมผล หรื อแค่สมเหตุสมผลเพราะฉันอยากให้ มนั เป็ นกันแน่ เขาอาจจะทิ ้งปื นเพื่อล่อให้ ฉันทิ ้งบ้ าง และเมื่อฉันทาตาม เขาก็จะชักปื นอีกกระบอกที่ซอ่ นไว้ ในชุดทหารออกมา และลูกกระสุนก็จะ ทักทายสมองฉัน นี่คือสิ่งที่พวกนันท ้ ากับเรา เราไม่อาจรวมกาลังเพื่อต่อสู้ได้ เมื่อปราศจากความไว้ วางใจ และเมื่อ ปราศจากความไว้ วางใจ ก็ไร้ ความหวัง เราจะกาจัดโลกที่เต็มไปด้ วยมนุษย์ได้ รึ ก็กาจัดความเป็ นมนุษย์ออกไปจากตัวมนุษย์ไงล่ะ “ขอดูมืออีกข้ างก่อน” ฉันว่า “ฉันบอกแล้ วว่า—” “ขอดูมืออีกข้ างก่อน!” เสียงฉันสัน่ พร่าอย่างควบคุมไม่อยู่ เขาน็อตหลุด “งันก็ ้ ยิงเลยสิวะอีนี่ ยิงฉันทิ ้งให้ มนั จบๆไปเสียที!” เขาเงยหน้ า ท้ ายทอยชนผนัง ปากอ้ ากว้ าง และเสียงร้ องโหยหวนก็ดงั ขึ ้น สะท้ อนจากผนังด้ านหนึง่ ไปยังอีกด้ าน ลงสูพ่ ื ้น สะท้ อนขึ ้นไปยังเพดาน รัวกระหน่าใส่หฉู นั ฉันไม่ร้ ูวา่ เขากรี ดร้ องด้ วยความเจ็บปวด หรื อเพราะตระหนักว่าฉันจะไม่ชว่ ยเขากันแน่ เขาได้ รับความหวัง และความหวังก็คือสิ่งที่ฆา่ เรา มันลงมือ ฆ่าก่อนเราจะตายจริงๆเสียอีก หนาซ ้ายังไม่หยุดมือแม้ เราจะตายไปแล้ ว “ถ้ าฉันยกมือ” เขาหอบจนตัวโยนบนพื ้นคอนกรี ตอาบเลือด “ถ้ าฉันยกมือ เธอจะช่วยฉันไหม” ฉันไม่ตอบ ฉันไม่ตอบเพราะฉันไม่มีคาตอบ ฉันคิด ฉันทาทีละเสี ้ยววินาที เขาจึงตัดสินใจแทนฉัน เขาไม่ยอมให้ พวกนันชนะ ้ ตอนนี ้ฉันคิดแบบนัน้ เขาไม่ยอมหมดหวัง ต่อให้ ต้ องตาย อย่างน้ อยเขาก็จะตายไปโดยที่ ยงั มีความเป็ นมนุษย์ครบถ้ วน เขานิ่วหน้ า ค่อยๆชักมือซ้ ายออกมา กลางวันใกล้ สิ ้นสุดแล้ ว บัดนี ้แทบไม่หลงเหลือแสงให้ เห็น และ แสงที่เหลืออยูก่ ็คล้ ายจะหลัง่ ไหลออกมาจากตัวเขา ผ่านฉันออกไปทางประตูที่แง้ มอยู่ มือเขาเกรอะกรังด้ วยเลือด ราวกับสวมถุงมือสีแดงก่า


แสงที่ค้างอยู่กระทบมืออาบโลหิต สะท้ อนกับบางสิ่งซึง่ เป็ นโลหะเรี ยวบาง นิ ้วของฉันเหนี่ยวไก ปื น ไรเฟิ ลดีดกลับใส่หวั ไหล่ฉนั กระบอกปื นในมือสะบัดขณะที่ฉนั รัวกระสุนจนหมดแม็ก ฉันได้ ยินเสียงกรี ดร้ อง แว่วมาแต่ไกล แต่มนั ไม่ใช่เสียงเขาหรอก เสียงฉันต่างหาก เสียงฉันและเสียงผู้คนที่หลงเหลืออยู่ ถ้ ายังมีใคร เหลืออยู่นะ่ นะ พวกเราเหล่ามนุษย์ผ้ โู ง่เขลาไร้ ความหวัง ไร้ ทางสู้ ได้ แต่กรี ดร้ อง เพราะเราเข้ าใจผิด เรา เข้ าใจผิดมาตลอด ไม่มีฝงู มนุษย์ตา่ งดาวขี่จานบินลงมาจากฟ้า ไม่มีหนุ่ โลหะตัวเบ้ อเริ่ม อย่างในหนังเรื่ อง สตาร์ วอร์ ส ไม่มีอีทีตวั เหี่ยวๆน่ารักน่าเอ็นดูที่แค่อยากเด็ดใบไม้ สองสามใบ กินขนมรี สเซสพีสเซสนิดหน่อย แล้ วก็กลับบ้ าน เรื่ องไม่ได้ ลงเอยแบบนัน้ ไม่ใช่เลย มันลงเอยด้ วยการที่เราฆ่ากันเองอยูห่ ลังตู้แช่เบียร์ วา่ งเปล่า กลางแสงสุดท้ ายของวันปลายฤดูร้อน ฉันเดินไปหาเขาก่อนที่แสงจะหมดลง ไม่ใช่เพื่อดูวา่ เขาตายหรื อยัง ฉันรู้วา่ เขาตายแล้ ว แค่อยาก เห็นว่ามือเปื อ้ นเลือดนัน่ ถืออะไรอยูใ่ นมือ มันคือไม้ กางเขน


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.