อีโบล่า : บัญชาสวรรค์ ทัณฑ์ของบาปมนุษย์?

Page 1

อีโบล่า : บัญชาสวรรค์ ทัณฑ์ของบาปมนุษย์ ษฎาวุฒิ อุปลกะลิน

“คนตายของพระองค์จะมีชีวิตอีก ศพของพวกเขาจะลุกขึ้น”

!

- บางส่วนจาก 26:19 พระคัมภีร์ไบเบิ้ล

ข้อความท่อนหนึ่งจากคัมภีร์ไบเบิ้ลถูกแปะลงในหน้าไซต์ของสำนักข่าวออนไลน์สัญชาติมะกันอย่าง Big American News พร้อมด้วยภาพชายหน้าเละคนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นศพเหยื่ออีโบล่าคืนชีพ แม้ภายหลังไม่นานจะ กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ทั้งในแง่ความถูกต้องของเนื้อความ และจรรยาบรรณสื่อ อีกทั้งยังถูกฉีก หน้าด้วยภาพต้นฉบับจากภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดชื่อดังเรื่อง World War Z แต่การโยงเรื่องเชื้อร้ายเข้ากับความ เชื่อทางศาสนาก่อให้เกิดความตื่นตระหนก ทั้งจากฝั่งที่เชื่อและไม่เชื่อในทฤษฎีของพระผู้เป็นเจ้านี้

! !

แล้วเชื้อร้ายนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับพระผู้เป็นเจ้า?

เชื้อร้ายตัวต้นเหตุอย่าง อีโบล่า ที่หลายคนยังคงไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรกันแน่ อีโบล่า เป็นเชื้อไวรัส ชนิดหนึ่งที่ติดต่อผ่านทางสารคัดหลั่ง (น้ำตา น้ำลาย เลือด เป็นต้น) .โดยมันจะเลือกเกาะอยู่ที่เซลล์ประสาท เพื่อยังยั้งไม่ให้เซลล์ประสาทสร้างเม็ดเลือดขาวที่สามารถกำจัดมันได้ เพราะเหตุนี้จึงทำให้การรักษาผู้ติดเชื้อ เป็นไปได้ยาก ยิ่งปล่อยไว้นาน ร่างกายยิ่งอ่อนแอ อาการของผู้ติดเชื้อจะเน้นหนักที่ระบบไหลเวียนเลือดเป็นหลัก .โดยตัวไวรัสจะสร้างโปรตีนเพื่อทำให้ เซลล์เม็ดเลือดแข็งตัว กลายเป็นลิ่มเลือด และไปอุดตันตามเส้นเลือดและอวัยวะในที่สุด จึงทำให้เกิดอาการ เลือดไหลออกทางตา จมูก และรูทวารต่างๆ รวมถึงอาจทำให้อวัยวะภายในล้มเหลวจนเสียชีวิตได้

!

รายงานจากสำนักข่าวท้องถิ่นได้ระบุก่อนหน้านี้ ว่ามีผู้เสียชีวิตจากเชื้ออีโบล่าจำนวนสองรายฟื้นขึ้นจาก ความตายในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังขนร่างของพวกเขาไปฝัง และนอกจากน้ียังเชื่อว่าทั้งสองได้เดินปะปนอยู่กับ ประชาชนในเมือง ในขณะที่ทางด้านสหรัฐอเมริกาก็ต่างขวัญผวา จากรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ ของสหรัฐฯ หรือ CDC ที่กล่าวถึงการพบชายผู้ติดเชื้ออีโบล่าคนแรกในประเทศ ที่โรงพยาบาล 'เท็กซัส เฮลธ์ เพรสไบเทอเรียน' ใ นเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส จนล่าสุดศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของสหรัฐฯ ออก หนังสือคู่มือเนื่องจากความตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ดังกล่าว กับการเตรียมตัวรับมือกับซอมบี้ที่อาจจะเกิดขึ้น โดยภายในคู่มือได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการเอาตัวรอดจากภัยพิบัติและสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง

!

สิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้คือเหตุการณ์ “ตายแล้วฟื้น” ของผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้ออีโบล่า ที่หากเกิดที่ไทย คนคงไม่วิ่งหนี แต่จุดธูปผูกผ้าสามสีกันซะมากกว่า

!

ว่ากันด้วยอาการ ตายแล้วฟื้น นี้ อาจไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดในเมืองไทย ประสบการณ์ทัวร์นรกภูมิ ของไทยเป็นเหมือนมหรสพที่เวียนมาให้เห็นเรื่อยๆ แต่ไม่มีครั้งไหนที่เหมือนกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในดิน แดนแอฟริกาใต้ครั้งนี้ … การตายแล้วฟื้นของร่างผู้ติดเชื้อ


อันที่จริงก็พอจะมีเรื่องทำนองนี้อยู่บ้าง แต่เป็นเพียงในจินตนาการเท่านั้น อย่างภาพยนตร์เรื่อง “ขุน กระบี่ ผีระบาด” ที่เป็นภาพยนตร์ซอมบี้แบบไทยเรื่องแรก ที่เชื้อร้ายพัฒนามาจากโรคซาร์ที่ระบาดอยู่ในตอน นั้น ตามมาด้วยภาพยนตร์เรื่อง “สี่แพร่ง” ตอน “Backpacker” ที่ปลุกซอมบี้ด้วยผลข้างเคียงของยาเสพติด และเร็วๆ นี้จะมีภาพยนตร์ไทยเรื่อง “ผีห่า” ที่ดึงเรื่องตายแล้วฟื้นของคนไข้โรคห่าในสมัยอาณาจักรอโยธยา ที่ เกิดอาเพศจนกลายเป็นเหล่า “ผีห่า” หรือ “ซอมบี้” ที่เราๆ คุ้นเคย ดูเหมือนเมืองไทยกับเรื่องตายแล้วฟื้นจะเป็นเพียงเรื่องลึบลับสยองขวัญ และบางครั้งแอบแทรกความ ขำขันไว้ซะมากกว่า

!

แต่ในมุมมองของคริสต์ศาสนิกชนจำนวนหนึ่งไม่คิดอย่างนั้น พวกเขาคิดว่านี่คือสัญญาณแห่งการทวงคืนของพระผู้เป็นเจ้า!

ในดินแดนไลบีเรีย ผู้นำทางศาสนาทั้งคริสต์และอิสลามต่างพูดถึงเหตุร้ายนี้ว่าเป็นบทลงโทษจาก พระเจ้า แถมยังยืนกรานหนักแน่นว่าเหตุร้ายนี้เกิดจากความผิดผีของกลุ่มรักร่วมเพศ “ผลของการผิดสัญญาต่อพระเจ้า .ไม่ได้มีเพียงการระบาดของอีโบล่าในประเทศนี้เท่านั้น” หัวหน้า อิหม่ามแห่งมัสยิดซาลาฟียา เชค ซาลาห์ เซรีฟ กล่าวโดยอ้างอิงจากคัมภีร์อัลกุรอาน ทั้งยังเอ่ยถึง อัซซาโบ ลาห์ หรือการลงทัณฑ์ของพระเจ้าอีกด้วย “ความเชื่อในพระเจ้าสามารถบรรเทาแผ่นดินอันทุกข์ทรมาณและถีบ ส่งไวรัสร้ายนี้ได้ ถ้าทุกคนสำนึกผิดในบาปของตน และเกรงกลัวต่อพระเจ้ามากกว่าไวรัสนั้น” ด้านพระอัครสังฆราชคาทอลิกแห่งไลบิเรีย ลูอิส ซีเกลอร์ ก็กล่าวในทำนองเดียวกันว่าไลบีเรียกำลัง โดนลงโทษจากพระเจ้า เนื่องว่ามี ‘เกย์’ มากเกินไป “ชาวไลบีเรียจะต้องภาวนาและอ้อนวอนขออภัยจากพระผู้เป็นเจ้าจากการคอรัปชั่นและประพฤติผิดศีล ธรรม อาทิ การรักร่วมเพศ ใ นฐานะคริสต์ศาสนิกชน เราต้องสวดภาวนาและเรียกร้องอภัยโทษ มิเช่นนั้นจะ เป็นเช่นเมืองโซดอมและโกโมราห์” โซดอมและโกโมราห์ เป็นเมืองที่ถูกบันทึกในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลว่าเป็นนครแห่งกาเม ผู้คนต่างเสพสมอยู่ ในรสแห่งกามารมณ์และรักร่วมเพศ จนกระทั่งพระเจ้าได้ทิ้งทุ่นระเบิดเพื่อไม่ให้ความเลวทรามนี้แพร่กระจาย ออกไป และทำให้เมืองทั้งสองหายไปจากแผนที่โลกภายในไม่กี่นาที

! !

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บทบัญญัติในพระคัมภีร์ถูกนำมาใช้อธิบายอุบัติภัยต่างๆ

ย้อนกลับไปในอดีต เหตุการณ์เครื่องบินพุ่งชนตึกแฝดที่ช็อคคนทั้งโลก หรือ “ไนน์-วันวัน” ก็ถูก ตีความไปในหลายแง่ รวมถึงประเด็นทางศาสนาว่า “นี่คือการชำระบาปของชาติอเมริกัน” สตีเฟน เจ. คีลเลอร์ เคยตีพิมพ์บทความทางวิชาการเรื่อง บทลงทันฑ์ของพระเจ้า : ประวัติศาสตร์ และศรัทธาของคริสต์ชน ว่า “พระเจ้าเลือกใช้กลุ่มก่อการร้ายเพื่อลงโทษพวกเรา(อเมริกันชน)ในบาปของชาติ — นี่ถือเป็นการทวงคืนของพระเจ้า เป็นบาปกรรมจากความรุนแรงที่อเมริกาสร้างขึ้น และอเมริกาเองก็สมควร จะได้รับมัน” เลือดล้างด้วยเลือด เขาว่าอย่างนั้น

!

นอกจากนี้ย้อนกลับไปช่วงปี 1891-1893 ยุโรปกลางก็เคยผ่านวิกฤตการลงทันฑ์จากพระเจ้า (ตาม ความเชื่อของผู้นำทางศาสนาในยุคนั้น) ผ่านพาหะที่มีชื่อว่า “กาฬโรค”


สุทัศน์ ยกส้าน กล่าวถึงหายนะครั้งนี้ว่า “เมื่อผู้คนล้มตายกันมากมาย และมดหมอช่วยอะไรไม่ได้เลย อีกทั้งมาตรการป้องกันโรคที่บ้านเมืองกำหนดให้ทุกคนปฏิบัติ ก็ป้องกันอะไรไม่ได้ ดังนั้น ชาวเมืองจึงพากันคิด ว่ากาฬโรคเป็นโรคที่พระเจ้าส่งลงมาฆ่าคนที่ทำบาป หลายคนคิดว่าคนยิวลอบเอายาพิษใส่ในบ่อน้ำ ทำให้คนที่ ดื่มน้ำจากบ่อล้มตาย บางคนไปโบสถ์เพื่อสวดขอให้พระแม่มารีคุ้มครอง บ้างก็ไปพบนักบุญเซบาสเตียน และ นักบุญรอช เพื่อไถ่บาป บางคนใช้วิธีเปลื้องบาปโดยโบยตีตนด้วยแส้จนเลือดอาบ แต่ถึงจะใช้วิธีใด กาฬโรคก็ ยังระบาด และผู้คนก็ยังล้มตายต่อไป … พวกเขาปิดประตูบ้านไม่รับแขกใดๆ เพราะเชื่อว่าคนที่มาเยือนคือ ยมบาลที่มาเรียกตัว” (จากบทความเรื่อง ตำนานการระบาดของกาฬโรคในยุโรปยุคกลาง) และบาปครั้งนี้ถูกล้างด้วยการสังเวยประชากรกว่าแสนคน หรือกว่าร้อยละ 25 ของประชากรยุโรป ณ ตอนนั้น

!

ปอมเปอี เป็นอีกเมืองหนึ่งที่ถูกตราชื่อว่าเป็นเมืองคนบาป มีหลักฐานมากมายแสดงถึงกามารมณ์ที่ พลุ่งพล่านอยู่ในนครแห่งนี้ ทั้งภาพและรูปปั้น และหลักฐานชิ้นสำคัญที่แสดงว่าเมืองแห่งนี้เคยมีอาคารที่เปิด ขายบริการอย่างโจ่งแจ้งอยู่ใจกลางเมือง และแน่นอน เมืองแห่งนี้ถูกชำระบาปแห่งตัณหาด้วยเพลิงไฟจากนรก ผ่านปากปล่องภูเขาไฟวิสุเวียส

!

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความเชื่อว่าพระเจ้าคอยลงโทษลูกหลานที่ทำผิดของตน พระเจ้ามีพระประสงค์ของพระองค์เองเสมอ วลีนี้ถูกกรอกหูพวกเรามาผ่านทางสื่อต่างๆ มาตั้งแต่เด็ก และยังคงถูกผลิตซ้ำเรื่อยๆ ทวีคูณตามจำนวนเหตุการณ์พิบัติภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่มันอธิบายเหตุการณ์มหา วิปโยคที่เกิดขึ้นบนโลกเราทุกวันนี้ได้จริงๆ หรือ?

!

The Mist เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่หยิบยกเอาความศรัทธาในการล้างบางคนบาปมาเล่า เรื่องราวของ พ่อลูกคู่หนึ่งที่ต้องเผชิญหน้ากับหมอกสีเทาขุ่นภายนอกซุปเปอร์มาร์เก็ตที่มาพร้อมความไม่ชอบมาพากล หมอกนี้ปกคลุมไปทั่วเมืองจนไม่สามารถมองเห็น ผู้คนต่างเข้ามาหลบกันอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตกันมากมายจน กระทั่งมีสัตว์ประหลาดออกอะลาวาดในม่านหมอกนั้น ฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง The Mist ฉายให้เห็นภาพของความศรัทธาในการลงทัณฑ์ของพระผู้เป็น เจ้าผ่านตัวละครตัวหนึ่ง ที่ภายหลังกลายมาเป็นผู้นำทางความคิด ท่ามกลางความหวาดกลัวของความไม่รู้ ไม่รู้ ว่าอะไรซ่อนอยู่ภายใต้หมอกหนาที่ปกคลุมนั้น เช่นเดียวกับศาสนาที่เกิดขึ้นจากความกลัวในความรู้ ที่ภายหลัง พัฒนามาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับคนจำนวนมาก ตัวละครดังกล่าวได้หยิบยกเอาข้อความในคัมภีร์ไบเบิ้ลมาอ้างความถูกต้องของตน ความถูกต้องในการ ยืนอยู่ข้างพระผู้เป็นเจ้า เมื่อการชำระล้างบาปเริ่มขึ้น คนบาปก็สมควรถูกลงทัณฑ์ การปล่อยให้คนบาป ลอยนวลเป็นความผิดร้ายแรงกว่าสังเวยคนบาปนั้น

!

2012 ก็เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อีกเรื่องที่นำเสนอเรื่องราวของวันสิ้นโลก ตามคำทำนายของปฏิทิน ชาวมายัน แม้ต้นเรื่องจะมาจากชนเผ่ามายา แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ฉายให้เห็นภาพของความเชื่อและความ ศรัทธาในพระเจ้าของศาสนาต่างๆ และโดยเฉพาะศาสนาคริสต์ ที่ตัวภาพยนตร์ยกเอาภาพจำของเรื่องยักษ์ใน เหตุการณ์น้ำท่วมโลกตามคัมภีร์ไบเบิ้ลหรือที่รู้จักกันในนามเรือโนอาห์ มาเป็นหนทางในการนำไปสู่บทสรุปของ เรื่องราว


พระเจ้ากลายมาเป็นผู้มีสิทธิ์ขาดในการเลือกรับหรือไม่รับศรัทธาจากลูกหลานของพระองค์ แม้ในวินาที สุดท้ายจะกราบอ้อนวอนขอประทานอภัยในบาปตน ก็อาจสายเกินกว่าจะชำระล้างความผิดให้หมดไปได้ บาปทั้งหลายจะสูญสิ้นไปพร้อมกับโลกที่แตกสลาย

!

มีข้อมูลจากเว็บไซต์ที่อยู่ภายใต้ชื่อคริสต์ศาสนา นำเสนอความเป็นไปได้ในทฤษฎีวันสิ้นโลก ที่พวกเขา เชื่อว่ากำลังจะมาถึงในไม่ช้า จากการศึกษาพระคัมภีร์ไบเบิ้ล มีข้อมูลสนับสนุนที่ระบุถึงเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งเป็น สัญญาณของการกลับมาของพระเยซูคริสต์ ในวันที่โลกกำลังจะสิ้นสลายลง อันได้แก่

!

1. การกลับคืนยังมาตุภูมิของชนชาติยิว ชนชาติยิว (หรืออิสราเอลในปัจจุบัน) เป็นหนึ่งในชนชาติที่พระเจ้าทรงเลือกมิให้สิ้นไปจากแผ่นดิน ใน พระคัมภีร์ยังกล่าวถึงถ้อยคำของพระเยซูที่ตรัสว่า เมื่อใดที่ชนชาติยิวกลับรวมตัวได้อีกครั้ง เมื่อนั้นจะไม่มีใคร สามารถทำลายพวกเขาได้อีก และสัญญาณนั้นได้ปรากฏชัดขึ้น เมื่อสหประชาชาติได้รับรองความเป็นเอกราชให้กับชาติอิสราเอลเป็น ที่เรียบร้อย .ในวันที่ 15 พฤษภาคม 1948

!

2. สงครามที่คร่าชีวิตคนค่อนโลก สงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสอง เป็นสัญญาณที่ชัดแจ้งที่แสดงถึงความโหดร้ายทารุณของมวล มนุษยชาติ กว่า 39 ล้านชีวิตที่ดับไปในสงครามทั้งสองครั้งนี้ แลกมาด้วยอำนาจและความยิ่งใหญ่ บนความ เกลียดชังและการเอารัดเอาเปรียบ

!

3. ประชาชาติผสานรวมเป็นกลุ่มก้อน การรวมตัวของสหภาพยุโรป หรือ EU ก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างสัญญาณสำคัญที่ถูกระบุไว้ในพระคัมภีร์ ไบเบิ้ล ที่กล่าวว่าเมื่อใดที่ประชาชาติรวมกัยเป็นหนึ่ง พระเยซูเจ้าจะเสด็จกลับมาอีกครั้ง หากสังเกตให้ดี ดิน แดนสหภาพยุโรปในปัจจุบันก็คือจักรวรรดิ์โรมันในอดีตกาลนั่นเอง

!

4. พืชพรรณธัญญาหารขาดแคลน นักธรณีวิทยาสัญชาติอเมริกันนาม เอ็ม. คิง ฮับเบิร์ต ได้เสนอแนวคิดเรื่องภาวะขาดแคลนน้ำมัน ที่มี แนวโน้มอย่างสูงว่าจะเกิดขึ้นภายในช่วงระยะเวลาครึ่งศตวรรษนี้ ในขณะที่ประชากรโลกในแนวโน้มพุ่งตัวสูงขึ้น อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจัยในการดำรงชีวิต อย่างอาหารและยาไม่เพียงพอต่อความต้องการมวลรวม

!

5. ภัยพิบัติและฤดูกาลปั่นป่วน ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ จะสังเกตได้ว่าโลกมีความผันแปรอย่างมาก ทั้งสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาและ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ภาวะโลกร้อนถูกหยิบขึ้นมาเป็นประเด็นสาธารณะ ควบคู่ไปกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้น อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว ไฟป่า สึนามิ หรือพายุเฮอร์ริเคน ที่ประเดประดังเข้ามาราวกับเป็น เครื่องทดสอบความเข้มแข็งทางจิตใจจากพระผู้เป็นเจ้า

!

6. โรคภัยที่ระบาดไปทั่วทุกหนแห่ง


อหิวาตกโรค ฝีดาษลิง และโรคเอดส์ ต่างเป็นโรคระบาดที่คร่าชีวิตคนนับล้านไปภายในระยะเวลา เพียงไม่กี่ปี คริสต์ศาสนิกชนจำนวนมากเชื่อว่าโรคร้ายเหล่านี้เป็นหนึ่งในอาวุธที่พระเจ้าส่งมาเพื่อลงทัณฑ์เหล่า คนบาป จุดเริ่มต้นของหายนะเหล่าจึงมักเกิดในพื้นที่ที่พวกเขาเชื่อว่าประชาชนได้หมดศรัทธาในศีลธรรมไป แล้ว อย่างทวีปแอฟริกา และแน่นอนรวมถึง อีโบล่า ที่ระบาดคร่าชีวิตคนไปแล้วราว 3000 คน ติดเชื้อกว่า 6000 ราย และมี แนวโน้มจะสูงขึ้นถึง 1.5 ล้านคนภายในต้นปีหน้าหากไม่ได้รับการเยียวยาอย่างทันท่วงที

!

ในวันนี้ อิโบล่า อาจเป็นเพียงอีกหนึ่งสัญญาณเตือนจากพระเจ้าในมุมมองของผู้ศรัทธาในศาสนาคริสต์ พวกเขากำลังหวาดกลัวกับ วันสิ้นโลก ที่ดูเหมือนจะขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เสียงสวดมนต์อ้อนวอนของพวกเขาค่อยๆ ดังขึ้นจากมุมต่างๆ ของโลก แต่สิ่งที่เราควรร้องขอมากที่สุด ตอนนี้คือเสียงของความกล้าที่จะมาทะลายความกลัวนั้น ความกล้าที่จะพาให้พวกเราลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลง ชะตากรรมและความเป็นไปของโลก อย่างน้อยเราอาจจะช่วยยืดวันสิ้นโลกนี้ออกไปได้อีกสักนิด

!

“มือของเราสร้างสิ่งทั้งหมดนี้ และสิ่งทั้งหมดนี้ก็เกิดขึ้น” - บางส่วนจาก อิสยาห์ 66:2 พระคัมภีร์ไบเบิ้ล


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.