How to pay for father and mother

Page 1



วิธีใช้หนี้พ่อแม่

และหน้าที่ของเด็ก

1


สารบัญ วิธีใช้หนี้พ่อแม่ หน้าที่ของเด็ก หน้าที่ของลูก แผนที่ชีวิตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วิธีทำสมาธิแบบง่ายๆ บทสวดมนต์ วิธีสวด บูชาพระรัตนตรัย, บทกราบพระรัตนตรัย นมัสการพระพุทธเจ้า, ขอขมาพระรัตนตรัย ไตรสรณคมน์ ถวายพรพระ (อิติปิ โสฯ) ชัยมงคลคาถา (พาหุง) ชัยปริตร (มหากาฯ) อิติปิ โส เท่าอายุ บทแผ่เมตตาแก่ตนเอง, คำอธิษฐานอโหสิกรรม บทแผ่เมตาให้สรรพสัตว์ บทแผ่ส่วนกุศล กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร 2

๓ ๒๕ ๒๗ ๔๗ ๕๓ ๕๙ ๖๐ ๖๑ ๖๒ ๖๓ ๖๔ ๖๕ ๖๘ ๖๙ ๗๐ ๗๑ ๗๒ ๗๔


วิธีใช้หนี้พ่อแม่ไม่ยากเลย จงสร้างความดีให้กับตัวเอง และนี่ก็เป็นการใช้หนี้ตัวเอง ตัวเราพ่อให้หัวใจ แม่ให้ น้ำเลือดน้ำเหลืองอยู่ในตัวแล้ว จะไปแสวงหาพ่อที่ไหน จะไป แสวงหาแม่ที่ไหน บางคนรังเกียจแม่ ว่าแก่เฒ่า ไม่สวยไม่ งาม พอตัวเองแก่ก็เลยถูกลูกหลานรังเกียจ จึงเป็นกงกรรม กงเกวียน ยืดเยื้อกันต่อไปอีก พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก ไม่ต้องไปตามพระ อรหันต์ที่ไหนหรอก เหลียวดูพ่อแม่ในบ้านบ้าง แล้วท่านจะ รู้สึกว่าได้ทำดีตั้งแต่วันนี้แล้ว อย่ายืนพูดกับพ่อแม่ อย่าบังอาจกับพ่อแม่ พ่อแม่เป็น พระอรหันต์ของลูก พ่อแม่เป็นครูคนแรกของลูก ก่อนออก จากบ้านจึงต้องกราบพ่อแม่ ๓ หน ที่เท้า ท่านโปรดจำไว้ วันเกิดของลูก คือ วันตายของแม่ เพราะ วันที่ลูกเกิดนั้น แม่อาจต้องเสียชีวิต การออกศึกสงครามเป็น การเสี่ยงชีวิตสำหรับคนเป็นพ่อฉันใด การคลอดลูก ก็เป็น การเสี่ยงตายสำหรับคนเป็นแม่ฉันนั้น 3


ถ้าวันเกิดเลี้ยงเหล้า จดไว้ได้เลย จะอายุสั้น จะบั่นทอน อายุให้สั้นลง น่าจะสวดมนต์ไหว้พระปฏิบัติธรรมให้พ่อแม่ วันเกิดของเรา คือวันตายของแม่เรา ไปกราบพ่อกราบแม่ ขอพรพ่อแม่ รับรองพ่อแม่ให้พรลูกรวยทุกคน ไปเลี้ยงพ่อ เลี้ยงแม่ให้อิ่มค่อยไปเลี้ยงเพื่อน สอนเด็กว่า วันเกิดของเรา อย่าพาเพื่อนมาให้พ่อแม่ทำ ครัวเลี้ยงนะ เธอจะบาป ทำมาหากินไม่ขึ้น เธอต้องเลี้ยงพ่อ เลี้ยงแม่ให้อิ่มก่อน แล้วจึงไปเลี้ยงเพื่อนทีหลัง ใครที่คุณแม่ล่วงลับไปแล้ว ก็ให้หมั่นทำบุญอุทิศส่วน กุศลไปให้ท่าน และถ้าจะทำบุญด้วยการเจริญกรรมฐาน แล้ว อุทิศส่วนกุศลไป การทำเช่นนี้ถือว่าได้บุญมากที่สุดทั้งฝ่าย ผู้ให้และผู้รับ... ผู้ใดก็ตามที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ให้กลับไปหาแม่ ไป กราบเท้าขอพรจากท่าน จะได้มั่งมีศรีสุข ส่วนคนที่เคยทำ ไม่ดีไว้กับท่าน ก็นำเทียนแพไปกราบขออโหสิกรรม ล้างเท้า ให้ท่านด้วย เป็นการขอขมาลาโทษ 4


ขอฝากท่านไว้ไปสอนลูกหลาน อย่าคิดไม่ดีกับพ่อแม่ เลย ไม่ต้องถึงกับฆ่าหรอก แค่คิดว่าพ่อแม่เราไม่ดี จะทำมา หากินไม่ขึ้น เจ๊ง ท่านต้องแก้ปัญหาก่อน คือถอนคำพูด ไป ขอสมาลาโทษเสีย แล้วมาเจริญกรรมฐาน รับรองสำเร็จแน่ มรรคผลเกิดแน่ บางคนลืมพ่อลืมแม่ อย่าลืมนะ การเถียงพ่อเถียงแม่ ไม่ดี ขอบิณฑบาตสอนลูกหลานอย่าเถียงพ่อเถียงแม่ อย่า คิดไม่ดีกับพ่อกับแม่ ไม่อย่างนั้นจะก้าวหน้าได้อย่างไร ก้าว ถอยหลัง ดำน้ำไม่โผล่ฯ บ้านหนึ่งพ่อมีเมีย ๔ คน เมียหลวงบอกลูกว่า พ่อเจ้า ไม่ดี ลูกก็ไปด่าพ่อ ว่าพ่อ แล้วมาบวชวัดนี้ บวชแล้วเดี๋ยวเป็น โน่นเป็นนี่ จนจะกลายเป็นโรคประสาท นี่แหละ บวชก็ไม่ ได้ผล หลวงพ่อก็ให้ไปถอนคำพูดและขอสมาลาโทษกับพ่อ เขาก่อน แล้วกลับมานั่งกรรมฐานจึงได้ผล (case นี้ หลวงพ่อ จะเตือนผู้เป็นลูกบ่อย ๆ ไม่ให้ว่าพ่อ แต่ให้เป็นเรื่องของแม่ ที่จะแก้ปัญหานี้ ซึ่งหลวงพ่อสอนไว้แล้ว : ผู้รวบรวม)ฯ 5


เมื่อเร็ว ๆ นี้ ฆ่าพ่อตาย แม่สงสาร พามาเจริญกรรมฐาน พอเข้าวัดมันร้อนไปหมด ปวดหัวเข้าไม่ได้ นี่เวรกรรมตาม สนอง ปิตุฆาต มาตุฆาต ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน ทำ กรรมฐานไม่ได้แน่นอน ต้องหันรถกลับ นี่เรื่องจริงในวัดนี้ คนที่มีบุญวาสนาจะกตัญญูกับพ่อแม่ คนเถียงพ่อ เถียง แม่ เอาดีไม่ได้... คนไม่พูดกับพ่อแม่ นั่งกรรมฐานร้อยปีก็ไม่ ได้อะไร? ถ้าไม่ขออโหสิกรรมฯ ขออโหสิกรรมที่คิดไม่ดีกับพ่อแม่ คิดไม่ดีกับครูบา อาจารย์ คิดไม่ดีกับพี่ ๆ น้อง ๆ จะไม่เอาอีกแล้ว เอาน้ำไป ขันหนึ่ง เอาดอกมะลิโรย กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โยโทโส อันว่า โทษทัณฑ์ใด ความผิดอันใด ที่ข้าพเจ้า พลั้งเผลอสติไป ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอให้คุณพ่อ คุณแม่ คุณปู คุณย่า คุณตา คุณยาย คุณพี่ คุณน้อง อโหสิกรรมให้ด้วย แล้วเอา น้ำรดมือ รดเท้าฯ

6


นี่แหละท่านทั้งหลายเอ๋ย เป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่มากมาย ยังจะไปทวงนา ทวงไร่ ทวงตึก มาเป็นของเราอีกหรือ ตัวเองก็พึ่งตัวเองไม่ได้ สอนตัวเองไม่ได้ เป็นคนอัปรีย์จัญไร ในโลกมนุษย์ ไปทวงหนี้พ่อแม่ พ่อแม่ให้แล้ว (ให้ชีวิต ให้... ให้...ให้...ฯลฯ) เรียนสำเร็จแล้ว ยังช่วยตัวเองไม่ได้ มีหนี้ ติดค้าง รับรองทำมาหากินไม่ขึ้นฯ หนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่ เหลือจะนับประมาณนั้น คือหนี้ บุญคุณของบิดามารดาฯ “หนามแหลมใครเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงใครไปกลึง” เด็กประถม ๔ พ่อเมาเหล้า เมากัญชาเล่นการพนัน แม่เล่น หวย ปัจจุบันเป็นดอกเตอร์อยู่อเมริกา หลวงพ่อสอนครั้ง เดียวจำได้ บอกวันเกิด หนูซื้อขนม ๒ ห่อ เรียกพ่อแม่ มานั่งคู่กัน แล้วกราบนะลูกนะ แล้วก็บอกพ่อแม่ว่า ความผิด อันใดที่ลูกพลั้งเผลอด้วย กาย วาจา ใจ ที่คิดไม่ดีต่อ คุณพ่อคุณแม่ ขอให้คุณพ่อคุณแม่อโหสิกรรมให้ แล้วล้าง เท้าให้พ่อแม่ ลูกไม่มีสตางค์ ลูกซื้อขนมมา ๒ ห่อ ลูกขอ ปฏิญาณตนว่า ลูกขอเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ แล้วจะเป็นศิษย์ ที่ดีของครูบาอาจารย์ ลูกจะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง พ่อฟังแล้ว น้ำตาร่วง สร่างเมา ส่วนแม่ก็ร้องไห้เลย พ่อแม่ก็ให้สัญญา กับลูกเลิกอบายมุขทั้งหมดฯ 7


ลูกหลานโปรดจำไว้ เมื่อแยกครอบครัวไปมีสามีภรรยา แล้วอย่าลืมไปหาพ่อแม่ ถึงวันว่างเมื่อไรต้องไปหาพ่อแม่ ถึง วันเกิดของลูกหลาน อย่าลืมเอาของไปให้พ่อแม่รับประทาน อย่ากินเหล้า เข้าโฮเต็ลฯ ของดี ของ ปู่ ย่า ตา ยาย อย่าไปทำลายเลย ของพ่อแม่ อย่าไปทำลายนะ หนีได้แน่นอน โยมมีกรรมฐาน มีทรัพย์ มีชื่อเสียง ความรัก บูชาทรัพย์ บูชาชื่อเสียง ความรักของ พ่อแม่ได้ เงินจะไหลนองทองจะไหลมา... พ่อแม่ให้อะไร เอาไว้ก่อน อย่าไปทำลายเสีย ถึงจะเป็นถ้วย พ่อแม่ให้มาก็ ไว้เป็นที่ระลึกก็ยังดี อย่าเอาไปทิ้งขว้างฯ ถ้าต้องการเจริญก้าวหน้าขอฝากไว้ด้วย คนเรามี ๒ ก้าว จะก้าวขึ้น หรือก้าวลง ดำน้ำไม่โผล่ ก้าวลงมันง่ายดี ก้าวขึ้น มันต้องยาก ของชั่วมันง่าย หลั่งไหลไปตามที่ต่ำ นี่บอกสอน ลูกหลาน ต้องการจะบรรจุงานไม่ต้องไปวิ่งเต้น ดูลูกเสียก่อน กุศลเพียงพอหรือเปล่า ต้องเพิ่มกุศล ตัวอย่าง เรียนจบครู สวดมนต์เข้าเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นครู ทำงานธนาคาร ก็ได้ บริษัทก็ได้ เดี๋ยวมีคนรับ บางรายทั้งสอบ ทั้งสมัคร หลายแห่งไม่เคยเรียกเลย อาตมาให้นั่งกรรมฐาน พอ ๗ วัน ผ่านไป พวกมาตามให้เข้าไปทำงานแล้วฯ 8


การสอนลูกตั้งแต่อยู่ในท้อง คือ ผู้เป็นแม่ต้องหมั่นสวด มนต์เป็นประจำฯ พ่อแม่ไม่ต้องบังคับลูกสวดมนต์ แต่พ่อแม่ต้องสวดมนต์ ให้เป็นตัวอย่าง แล้วเขาจะสวดเองฯ พ่อแม่เลี้ยงลูก เปรียบเสมือนปลูกต้นไม้ ปลูกอย่างมี ระเบียบแบบแผน ต้นไม้ก็จะขึ้นอย่างมีระเบียบสวยงามตาม แบบตามแผนที่วางไว้ ถ้าปลูกอย่างไม่มีระเบียบ นึกจะปลูก ตรงไหนก็ปลูก เกะกะหาความสวยงามไม่ได้ จะไปโทษต้นไม้ หรือคนปลูกฯ โบราณท่านว่าไว้ รักลูก คิดปลูกฝังให้ลูกตั้งตน ฝึกรัก ศึกษา ให้ลูกได้ดี มีปัญญา มีวิชาให้ลูกตั้งตนเป็นคนดี ต้นไม้ ต้องปลูกตั้งแต่เล็ก ๆ โตแล้ว แย่มาก ปลูกไม่ขึ้น ปลูกถี่ มัน ขึ้นถี่ ปลูกห่าง มันขึ้นห่างฯ พ่อแม่สมัยใหม่ ไม่มีเวลาใกล้ชิดลูก เวลาส่วนใหญ่ใน แต่ละวัน หมดไปกับการทำธุรกิจ หาทรัพย์สินเงินทองมา ปรนเปรอความสุข ให้ลูกหลาน หาวัตถุสิ่งของที่จะสนอง ความต้องการของลูก เพื่อความสุขสบาย บ้างก็หาหนังให้ ลูกดู ทั้งที่ลูกยังอยู่ในวัยเรียนวัยศึกษา แล้วลูกไม่ดีขึ้นมาใน 9


ภายหลัง อย่าไปด่าลูกนะ เพราะพ่อแม่เป็นคนก่อสร้าง ปลูก นิสยั ลูก และพ่อแม่ไม่ให้ความอบอุน่ แก่ลกู ไม่ให้การ แนะแนว แก่ลูกฯ โบราณว่าไว้ มีลูกมีหลานจะต้องแต่งใจลูก แต่งตัวลูก และแต่งงานลูก แต่งใจลูก ก็คือ พาลูกหลานไปวัด ให้มีความ สัมพันธ์กับวัด เห็นพระสงฆ์ สอนลูกยกมือไหว้พระ อยู่บ้าน ก็สอนลูกสวดมนต์ ไหว้พระ ให้มีค่านิยมพื้นฐานฯ ตอนลูกยังเล็ก อย่าห่างลูก อย่าทิ้งลูก ต้องดูแลลูกให้ดี... ลูกเราอยากได้ดีมีปัญญาทุกคน แต่เขาไม่ทราบ เขาไม่เข้าใจ ทำไมไม่บอกเขา... อาตมาไม่โทษเด็ก เด็กเขาเกิดมา อยาก เป็นพระเอกนางเอกทั้งนั้น อยากรวย อยากสวย อยากดี อยากมีปัญญา แต่เขาไม่รู้ เขาไม่ทราบ เขาไม่มีวันเข้าใจฯ ห่วงผูกคอ คือ จะกินอะไรก็ห่วงลูก พ่อแม่ถึงจะหิว อย่างไร หากว่าลูกอยากรับประทาน ก็ต้องให้ลูกก่อน ไม่เช่นนั้นแล้ว มันจะติดอยู่ที่คอ ห่วงผูกแขน คือสามีภรรยา ห่วงผูกขา คือทรัพย์สมบัติฯ

10


ถ้าท่านเป็นสามีภรรยาทะเลาะกัน ลูกจะหาความสุข ไม่ได้นะ ขอฝากไว้ พ่อแม่รักกันดี ปรึกษาหารือกันดี ลูกจะ ดีใจมาก มีความสุขฯ พ่อแม่ ต้องสร้างความดีไว้ให้กับลูก ทำถูกไว้ให้กับหลาน รักให้ถูกวิธี ทำความดีให้ลูกดู เดี๋ยวนี้ทำความชั่วให้ลูกดู กิน เหล้าให้ลูกเห็น เล่นการพนันให้ลูกเห็น ทะเลาะกันให้ลูก ได้ยิน ขอฝากพ่อบ้านแม่บ้านไว้ด้วย ถ้าเกิดจำเป็นจะทะเลาะ กัน อย่าให้ลูกได้ยิน เกิดจะร้องไห้น้ำตาไหลขึ้นมา โปรด กรุณาไปร้องในห้องสุขาอย่าไปร้องให้ลูกเห็นฯ หน้าที่ของคน คือรับผิดชอบ หน้าที่การงานคนเราจะอยู่ ได้ด้วยหน้าที่และการงาน พ่อแม่รับผิดชอบ คือรักลูก คิด ปลูกฝัง ให้ลูกตั้งตนฝึกรักศึกษา ให้ลูกได้ดีมีปัญญา มีวิชา ตั้งตนให้ลูกเป็นคนดี บุตรธิดาก็ตอ้ งรับผิดชอบ ด้วยการศึกษาเล่าเรียน หาเหตุ หาผล ว่านอนสอนง่ายฯ พ่อแม่ช่วยลูกได้ ลูกช่วยพ่อแม่ได้ ด้วยกรรมฐานฯ 11


แม่นั้นสำคัญมาก แม่ต้องรักษาลูกไว้ แม่ที่ดีต้องเป็น แม่แบบแม่แผน แม่แปลน แม่บันได แม่บ้านแม่เรือน อยู่ตรงนี้ ลูกจะดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับแม่เป็นหลักให้ลูก ไม่ใช่ พ่อ ถึงพ่อจะดีแสนดี แต่แม่ฉุยแฉกแตกราน สุรุ่ยสุร่าย ไม่รู้จักเก็บงำให้ดี ไม่เป็นแบบที่ดีของลูก รับรองเจ๊งแน่ฯ แม่บ้านดี ลูกดีหมด แม่บ้านดี ผัวเป็นอะไรก็ได้ เป็น นายพลได้ เป็นเจ้าเมืองได้ เป็นอาเสี่ยได้ฯ ผัวขี้เหล้าเมายาไม่เป็นไร ถ้าภรรยาดีซักคน ลูกดีแน่... ผัวกินเหล้าเจ้าชู้ อย่าไปสนใจ เราจะไปตามผัวคนชั่วมาทำไม ดูแลลูกให้ดี สวดมนต์ ทำกรรมฐานแผ่เมตตาให้เขามี ความสุข เดี๋ยวผัวดีคนเดิมก็กลับมา ผู้หญิงคนหนึ่ง มีลูก ๕ คน ดูแลลูกอยู่คนเดียว สามี ไม่เคยมาเหลียวแลเลย ตลอด ๑๖ ปี ดิ้นรนหาเลี้ยงลูก จากลูกจ้างไต่เต้าจนขึ้นมาเป็นผู้จัดการอยู่อังกฤษ ลูกดีหมด... อีกรายหนึ่ง แม่ความรู้ ป.๔ สวดมนต์แผ่เมตตาทุกวัน ทำกรรมฐานเป็นประจำ ตัวเองค้าขายร่ำรวยดี ทำอะไรก็ได้ มรรคได้ผล ลูกสาว ๔ คน ประสบความสำเร็จทั้งการศึกษา และหน้าที่การงาน 12


ขอทานสองคนสามีภรรยา ได้เงินมาจะทำบุญส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งซื้ออาหารเลี้ยงลูก ประพฤติปฏิบัติเช่นนี้เป็น ประจำ หลวงพ่อติดตามผลมานานปี จนขอทานสองคน ผัวเมียตายไปแล้ว ต่อมาลูกหลานก็ร่ำรวย เป็นเศรษฐีมั่งมี ศรีสุข อยู่กรุงเทพก็มี มีเงินเป็นร้อยล้าน อยู่ที่สหรัฐอเมริกา ก็มี ท่านเลี้ยงลูกขอให้มีอัธยาศัยตั้งแต่เด็ก ๆ โตขึ้นว่านอน สอนง่ายหมดทุกคนเลยนะฯ อย่าให้ลูกอยู่ว่าง อย่าให้ห่างผู้ใหญ่ นกอยู่ในกรงให้รีบ สอน ออกไปแล้วจะตามไปสอนอย่างไรฯ จะมีเขย มีสะใภ้ ขอให้เลือกคนดี อย่าไปเอาลูกเศรษฐี คนดีมีปัญญา อยู่ที่ไหนก็เจริญฯ เอาละหนู หนูไปฝึกจิตสูงเมื่อใด หนูจะได้สามีจิตสูง ถ้า หนูจิตต่ำเมื่อใด หนูจะได้สามีเป็นคนใจต่ำ ฯ ท่านทั้งหลาย พ่อเปรียบเป็นรั้วบ้าน ให้ความแน่นหนา ไม่ให้ใครมารังแกลูกได้ แม่เปรียบเป็นอาคาร มั่นคงในจิตใจ ลูกทุกคนเป็นเฟอร์นิเจอร์ประดับบ้านฯ 13


พาลูกเข้าวัดตอนเป็นหนุ่มเป็นสาว จะมองเห็นพระเป็น ตุ๊กตา ต้องพามาตั้งแต่เด็ก ๆ จะได้เรียบร้อยฯ ลูกนำพ่อแม่มาเข้าวัด เป็นอภิชาตบุตร พ่อแม่ไม่มีทาน ให้พ่อแม่บำเพ็ญทาน พ่อแม่ไม่มีศีล ให้พ่อแม่บำเพ็ญศีล พ่อแม่ไม่มีภาวนา ให้พ่อแม่มาสวดมนต์ไหว้พระปฏิบัติธรรมฯ พี่น้องต้องรักใคร่ปรองดองกันไว้ พี่รักน้อง น้องรักพี่ สร้างความดีให้พ่อแม่ พี่ชายคนโตเปรียบเหมือนพ่อ พี่สาว คนโตเปรียบเหมือนแม่ อย่าทะเลาะกัน บ้านไหนทะเลาะกัน บ้านนั้นอัปมงคลฯ

กัน อยู่ที่ แก้ อยู่ที่ ก่อ อยู่ที่ ปลูก อยู่ที่ ความรู้ อยู่ที่ เป็นมิตรกันฯ

แม่ พ่อ ลูก ครู ศิษ ย์

14


รัก รัก รัก รัก รัก

วัว ลูก มี หน้า มิตร

ต้อง ต้อง ต้อง ต้อง ต้อง

ผูก ตี ค้า คิด เตือนกันฯ

ลูกปฏิบัติกรรมฐาน อุทิศให้พ่อแม่ พ่อแม่จะมีอายุยืน... อารมณ์ดี อย่าโมโห อย่าด่า อย่าฆ่าสัตว์ อย่าโกรธ อย่าอิจฉา อย่าริษยา จะทำให้อายุยืน ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพดี... คนบาป คนโมโห อายุ ๖๐ จะขาดสติ จะขี้หลงขี้ลืมฯ ถ้าจะขึ้นบ้านใหม่ ให้ขึ้นวันพฤหัสบดี ซื้อผ้าใหม่ให้พ่อแม่ สวมใส่ ไม่มีพ่อไม่มีแม่ ก็ไปเชิญปู่ ย่า ตา ยาย ก็ได้ แล้ว เชิญท่านมานั่งบนผ้าขาวที่เราปูเตรียมไว้ให้นั่ง ตัวเราก็ไหว้ พระสวดมนต์ เสร็จแล้วเราก็กราบท่าน ขอพรจากท่าน จำไว้ พ่อแม่ให้พรลูกรับรองรวยทุกคน แล้วให้ท่านเจิมบ้านให้ ไม่ จำเป็นต้องไปนิมนต์พระมาทำพิธีเสมอไปฯ

15


ลูกต้องการอะไร? เด็กต้องการอะไร?.....พ่อแม่ที่เคารพ โปรดทราบ ๑. ลูกต้องการความรัก โปรดให้ความรักความอบอุ่น กับลูก อย่าทิ้งลูก พ่อแม่รักลูกเท่ากันแแต่ห่วงใยลูกไม่เท่ากัน ๒. ลูกต้องการความรู้ ทำไมลูกต้องซน ค้นโน่น ค้นนี่ จับโน่นแตก น่าจะเข้าใจลูกว่า ลูกต้องการความรู้ อยากจะรู้ โปรดเมตตากับลูก สอนลูกดี ๆ พูดไพเราะ อย่าตีลูก ถ้าถ้วย แตกซื้อใหม่ได้ แต่อยากเจริญพรถามว่า ลูกแตกไปซื้อได้ ที่ไหน ๓. ลูกต้องการอิสระเสรีไม่ชอบบังคับ เด็กมันต้อง ดุกดิก เด็กนั่งเฉย ๆ ไม่ได้อย่าบังคับลูกเกินไปฯ รักลูกให้เหมือนปลูกต้นโพธิ์ เมื่อใหญ่เมื่อโตจะได้อาศัย ถึงคราวเจ็บจะได้ฝากไข้ ถึงคราวตายจะได้ฝากผี เวลาดีเอาไว้​ ใช้สอยบ้างประไรมี รักลูกเหมือนปลูกต้นตาล โตไปจะไม่มี หลักฐานฯ เลี้ยงลูกให้โต ปลูกต้นโพธิ์ให้ได้ร่ม ให้โตด้วยวิชาการ ให้มีหลักฐาน มีงานทำ มีคู่ครองขอให้เป็นทองแผ่นเดียวกัน อย่าให้โตด้วยข้าวสุก หาความสนุกในสังคมฯ 16


ถ้าเป็นเด็ก ขี้เกียจ ขี้โกหก ขี้ขโมย ต้องตี ถ้าเป็นผู้ใหญ่ ขี้เหล้า เล่นการพนัน ต้องห่างไกลฯ มาถึงตอนนี้ขอฝากญาติโยมเลยนะ ถ้ามีลูกสาวกับ ลูกชายนี่ โยมจะเอาใจใส่ใครมาก โยมจงเอาใจใส่ลูกสาว ให้เชี่ยวชาญชำนาญกว่าลูกชาย เพราะถ้าไม่มีวิชาความรู้นี่ ไม่เชี่ยวชาญเคหะศาสตร์ ไม่เข้าใจแม่บ้านการเรือน ไปได้ สามีเขาก็จะแผลงฤทธิ์เอาฯ

อย่า สอนลูกขณะกำลังทานข้าว อย่า สอนลูกขณะกำลังอ่านหนังสือทำการบ้าน อย่า สอนลูกขณะที่ลูกกำลังจะนอน จง สอนลูกหลังจากลูกสวดมนต์ไหว้พระเสร็จแล้วฯ

คนโบราณสอนไว้ว่า พ่อแม่ตักเตือนต้องนิ่ง ต้องดุษณี ภาพ ต้องรับฟัง ต้องยอมรับด้วยความจำนนและเหตุผล ในตน คนโบราณได้สร้างความดีให้กับลูก สร้างความถูกให้ กับหลาน ลงทุนสร้างความดี อดทนต่อความลำบากได้ทุก ประการ ผิดกับคนในสมัยนี้ สร้างความชั่วไว้ในใจ กินสบาย นอนสบาย นอนตื่นสาย หน่ายหากิน หมิ่นเงินน้อย นั่งคอย วาสนาให้มาหาเอง ไม่เหมือนคนโบราณ ที่เขาต้องวิ่งไปหา วาสนา คือ ทำมือสอง เท้าสอง สมองหนึ่ง เป็นที่พึ่งฯ 17


อย่าเถียงพ่อแม่ ไม่เถียงครูบาอาจารย์ ไม่เถียงผู้ใหญ่ ต้องดุษณีภาพ นิ่งไว้ด้วยความเคารพ ถึงท่านจะผิดถูก ประการใด ท่านเป็นรัตตัญญู รู้กาลเวลากว่าเรา บอกว่าเรา เป็นเด็กเกิดมาภายหลัง เราว่าท่านพูดไม่ถูกสำหรับเรา แต่ ถูกสำหรับท่านนะ พ่อแม่เกิดมาก่อน อย่าเถียงนะ เป็นบาปฯ คุณหนู หมั่นจดหมั่นจำ หมั่นจำหมั่นจด สิ่งใดงาม อย่าได้งด คุณหนู หมั่นจดหมั่นจำ เรียนให้รู้ ดูให้จำ ทำให้จริง เรียนให้รู้ ดูให้จำ ทำให้จริงฯ

สามรู้ สามดี ห้ามีปัญญา เอาไปสอนลูกหลาน รู้ ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม รู้ อะไรไม่สู้รู้วิชา รู้ รักษาตัวรอดเป็นยอดดี

ดี ที่เป็นที่ปรารถนาของทุกคน ดี ที่เป็นที่สนใจของทุกคน ดี ที่ละชั่วได้ (ท่านมาสร้างบุญ ต้องละบาป มาสร้างความดี ต้องละ ความชั่ว จึงจะเป็นที่ปรารถนาของทุกคน เป็นที่สนใจของ ทุกคนเรียกว่า ความดี) 18


ภูมิ รู้ ภูมิ ธรรม ภูมิ ฐาน ภูมิ ปัญญา ภูมิ ปัจจุบัน (อดีตอย่ารื้อฟื้น เรื่องของคนอื่นอย่าคิด กิจที่ชอบทำให้ เสร็จ อย่าเดี๋ยว นี่ภูมิปัจจุบัน)ฯ บอกลูกหลานไว้ด้วยว่า อยากมีปัญญาดีมั้ย ขัดส้วม รับรองปัญญาดีทุกคน ไม่ใช่เรื่องโกหก อาตมาไปซื้อบาน ประตูหน้าต่างจากกำแพงเพชร ไปเจอเด็กคนหนึ่ง เจ้าของ ร้านบอกหลวงพ่อว่า หลานคนนี้หัวไม่เอาไหนเลย สอบตก อยู่เรื่อย อยากจะเรียนหนังสือเก่ง ทำอย่างไรจะมีปัญญา หลวงพ่อก็บอกให้มาบวชเณรที่นี่ (ปัจจุบันที่วัดไม่รับบวช เณร) พอบวชแล้วบอกเณรขัดส้วม ขัดไปขัดมาก็รักความ สะอาด อยู่มาได้หน่อย สึกแล้วไปเรียนหนังสือต่อ เรียนไป เรียนมากลายเป็นผู้พิพากษาไปสอบได้ที่หนึ่งเลย นี่ขัดส้วมฯ

19


นานมาแล้ว คนเป็นขี้ทูด แต่ไม่รู้มาก่อน มาบวชที่วัด อัมพวัน อยู่ต่อมาก็มีอาการกำเริบจึงขอให้หลวงพ่อช่วย และ ปรารภสึกออกไปแล้วอยากได้เมียสวยหลวงพ่อแนะนำดังนี้ ๑. สวดพาหุงมหากาฯ ๒. ทำกรรมฐาน ๓. ขัดส้วมวัด สองสามเดือนผ่านไป ขี้ทูดหาย เล็บงอกเป็นปกติ หน้าตา เกลี้ยงเกลา ลาสึกไปเรียนจนจบรามคำแหง ต่อปริญญาโท จุฬา และพบภรรยาลูกสาวเจ้าของเหมือง (สวย รวย ตามที่ ขอกับหลวงพ่อไว้) ปัจจุบันเป็นรองศาสตราจารย์ ไปอยู่ อเมริกาฯ พระพุทธเจ้าสอนว่า “คนเราจะรักกัน ต้องกินข้าวหม้อ เดียวกัน อยู่บ้านเดียวกันจึงจะรักกัน” พ่อไปทาง แม่ไปทาง พ่อแม่สร้างปมด้อยไว้กับลูกฯ ขอฝากข้อคิดไว้สอนลูกหลานบ้านใดอยากจน จะมีขี้ ๓ กอง คือ ๑. ขี้เมา ๒. ขี้เล่น ๓. ขี้เกียจ ถ้าอยากรวยเป็นเศรษฐี เอาขี้สามกองทิ้งให้หมด ข้อ สำคัญ รวยเงินรวยทองเป็นเศรษฐีแล้ว ให้เป็นคนรวยน้ำใจ ด้วย จะเป็นที่ชี่นชมรักใคร่ของทุกคนฯ 20


ถ้าไปเรียนต่อต่างประเทศ หลวงพ่อขอฝากไว้ ๑. ให้พักอยู่คนเดียว ไม่เช่นนั้นจะชวนกันเที่ยว ดู หนังสือก็ดูคนเดียว จะได้ไม่คุยกัน ๒. สวดมนต์ เพื่อให้มีสมาธิ ๓. ปฏิบัติกรรมฐาน เพื่อให้มีสติ คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ไว้ จะได้มีกำลังใจ แล้วหลวงพ่อจะแผ่เมตตาช่วย ขอให้ปฏิบัติ ตาม รับรองจบทุกคนฯ เสียงแม่กับเสียงพ่อ เหมือนระฆังที่สอนเรามา เสียง อะไร จะไพเราะเท่าเสียงพ่อแม่ไม่มีแล้ว เสียงอะไรเล่า จะเสียงดังเท่าระฆังเสียงแม่ที่สอนลูก รักให้ดี ให้มีปัญญา ให้ลูกมีวิชาความรู้ฯ สนองพระเดชพระคุณบิดามารดาไม่ยาก สร้างความดี ให้มากได้ไหม อย่าให้พ่อแม่ผิดหวังฯ

21


ไม่ได้เตรียมตัวไว้ ต้องพึ่งตนเอง หลวงพ่อไปธุระแถว บางระจัน ก็เลยแวะเยี่ยมโยมหญิงคนหนึ่งเป็นอัมพาต ช่วย ตัวเองไม่ได้ เหม็นอุจจาระมาก ตั้งแต่เช้ายังไม่ทานอะไรเลย สักพักหนึ่งมีรถ BMW วิ่งเข้ามาจอดที่บ้าน ในรถมีคนห้าคน ทั้งหมดขึ้นมาบนบ้าน หลวงพ่อถามว่า หนูเป็นใคร เขาบอกว่า เป็นลูกเรียนปริญญาโทจุฬา จะไปเผาศพญาติของเพื่อนที่ อยุธยา เลยแวะมาหาแม่เพื่อจะบอกว่า เดือนหน้าขอเงิน สี่หมื่นไปพิมพ์วิทยานิพนธ์ หลวงพ่อบอกว่า ไหน ๆ มาแล้ว ช่วยซักผ้าให้แม่หน่อย อุจจาระเต็มไปหมด แม่ยังไม่ได้ทาน ข้าวเลย นี่แม่ของเธอนะ ถ้าเป็นแม่ของหลวงพ่อจะซักให้ เดี๋ยวนี้เลย มีวินัยอนุญาตให้ทำได้ นี่แม่เธอนะ เธอทำ เธอ ก็ได้บุญ แต่ลูกสาวบอกว่า ไม่ได้ค่ะ ต้องรีบไป แม่ร้องไห้โฮ

22


เลย และบอกหลวงพ่อว่า ลูกคนนี้ หมดนาไป ๔-๕ แปลงแล้ว จะมาเอาอีกแปลงหนึ่ง รถ BMW ก็ยังส่งไม่หมด เมื่อย้อน ดูตัวแม่ปรากฏว่า ตนเองก็ไม่เคยซักผ้าให้แม่ และแม่ก็เป็น อัมพาตตาย ไม่เคยอยู่ปฏิบัติแม่ เพียงไปเยี่ยมแล้วก็กลับ พอมาถึงตัวเองก็เป็นอย่างนี้แหละหนอ ไม่ได้เตรียมตัวเลย ไม่เคยเจริญกุศลภาวนา ไม่เคยสวดมนต์ไหว้พระ ไม่เคย ปฏิบัติกรรมฐานแต่ประการใด จึงเป็นดังที่กล่าวมา การเตรียมตัวนี้ต้องเจริญกุศลภาวนา ถึงจะรู้กฎแห่ง กรรมจากการกระทำ ถึงจะแก้ปัญหาชีวิตได้อย่างแน่นอน ในที่สุด นาก็หมดบ้านก็หมด พ่อแม่ต้องขายเอาเงินแจกลูกไป นี่เป็นกฎแห่งกรรมฯ

23


“ไม่ดื้ออย่างเดียว ดีหมดทุกอย่าง” อมตวาจา พระพรหมมังคลาจารย์ พระเดชพระคุณหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ 24


หน้าที่ของเด็ก หน้าที่ของเด็กที่อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ ควรประพฤติตนอย่างไร? อันนี้สำคัญ หนูจำไว้ให้ดี เขียนไว้ให้ชัดว่า เด็กมีหน้าที่ทำทุกสิ่งทุกอย่างให้พ่อแม่สบายใจ พูดแต่เรื่องที่พ่อแม่สบายใจ ทำแต่เรื่องที่พ่อแม่สบายใจ คบเพื่อนก็ให้คุณพ่อคุณแม่สบายใจ จะไปไหนก็ไปในที่คุณพ่อคุณแม่สบายใจ ถ้าเราไปในเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ไม่สบายใจ ก็เรียกว่าลูกคนนั้นทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์ ...ไม่รักคุณพ่อคุณแม่...

25


คนที่รักคุณพ่อคุณแม่ ต้องทำให้คุณพ่อคุณแม่สบายใจ จะทำอะไร จะพูดอะไร จะไปที่ไหน จะเกี่ยวข้องกับใคร ก็ ต้องนึกไว้เสมอว่า เรื่องนี้จะทำให้คุณพ่อคุณแม่เราเดือดเนื้อ ร้อนใจหรือไม่ ถ้าเรื่องอันใดที่เราทำลงไปแล้ว ทำให้คุณพ่อคุณแม่ เดือดเนื้อร้อนใจ เรื่องนั้นไม่ควรแก่เรา เราไม่ควรทำเรื่องนั้น ถ้าเราขืนทำเรื่องนั้นไป เราก็ไม่เป็นลูกที่สมบูรณ์ ไม่เป็นลูก ที่รักคุณพ่อคุณแม่ อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ ให้จำหลักนี้ไว้ให้ดี ถ้าเด็ก ๆ ที่อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ได้ประพฤติตามหลักการนี้ คือประพฤติแต่สิ่งที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่สบายใจ ก็นับว่า เรียบร้อย จะไม่เกิดปัญหาอะไร ในตอนสุดท้ายหลวงพ่ออยากจะบอกว่า ประเทศไทยเรา เวลานี้มีคนมาก ถ้ามีความรู้เพียงแค่นิดหน่อย มันไม่พอกิน พอใช้ เราต้องเรียนให้เก่ง เรียนให้ดี ฉะนั้น ทำอะไร... ให้ดีที่สุด หนูจำคำนี้ไว้ว่า “ทำอะไร ทำให้ดีที่สุด ทำให้สุด ความสามารถของหนูทุกคน”

26


หน้าที่ของลูก

พระสุธรรมเมธี (เขมกะ) : เรียบเรียง พ่อ แม่ ผู้ให้กำเนิดชีวิตลูก เนื่องด้วยพ่อแม่เป็นผู้มี พระคุณต่อลูกอย่างมากมายเหลือที่จะพรรณนาให้ครบถ้วน ได้ ตั้งต้นแต่ท่านทั้งสองเป็นผู้ให้กำเนิดชีวิตเราเป็นตัวตน ขึ้นมาเป็นปฐม แล้วได้อุตส่าห์ถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดู ประคับประคองมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ซึ่งทั้งพ่อแม่ยังไม่มี โอกาสรู้เลยว่าลูกนั้นเป็นหญิงหรือชาย รูปร่างจะเป็นอย่างไร จะมีอาการครบ ๓๒ หรือตาบอด ขาด้วน ท่านทั้งสองก็ไม่ คำนึง มีความดีใจแต่ว่าเราจะได้ลูกแล้ว ต้องทรมานคุณแม่ อยู่ในครรภ์ให้เกิดความลำบาก อึดอัดถึง ๙-๑๐ เดือน ครั้น เวลาจะคลอดเล่า... ก็ทำทุกขเวทนาความเจ็บปวดให้เกิด แก่คุณแม่อย่างแสนสาหัสที่สุด จนท่านทนต่อความเจ็บปวด ไม่ไหว ต้องร้องครวญครางออกมาก็มี บางทีท่านต้องพิกล พิการหรือตายไปเพราะการคลอดลูกก็มี โบราณจึงกล่าว ไว้ว่า ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ของสตรีคือการคลอดลูก พอลูกออกมาแล้ว แลเห็นลูกอุดมสมบูรณ์ปลอดภัย ก็รู้สึกปลื้มใจ ถึงกับยิ้มทั้งน้ำตา นี่แสดงถึงน้ำใจของ คุณแม่ที่มีความรักต่อลูกมากถึงขนาดไหน จะเอาอะไรมา เปรียบเทียบกับพระคุณของแม่ได้เล่า 27


ความรักและน้ำใจของพ่อแม่

ต่อจากนั้น ทั้งพ่อทั้งแม่ก็กุลีกุจอช่วยกันประคับประคอง อาบน้ำ ป้อนข้าว เลี้ยงดูฟูมฟัก ทะนุถนอมชนิดที่เรียกว่าเรือด ไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอมทีเดียว เวลาร้อน... แม่ทนได้ และยังอุตส่าห์เอาพัดมาโบกวี พัดให้ลูกได้รับความเย็นสบาย แล้วนอนดูดนมของแม่อย่าง เปรมปรีดิ์ หากลูกยังไม่หลับแล้วแม่จะไม่ยอมหลับเลย ต้องเห่ กล่อมขวัญจนกว่าลูกจะหลับ ตนเองต้องจัดแจงอย่างอื่น ๆ ให้เรียบร้อยก่อน จึงเริ่มนอนได้ บางทีพอลงมือนอน ลูกตื่น ร้องขึ้นมาอีก แม่ก็ต้องรีบกล่อมขวัญให้ลูกกินนมจนหลับ เสียใหม่ก่อน แม่จึงจะนอนได้ แม้นอนหลับแล้ว พอได้ยิน เสียงอะไรดังกร็อกแกร็ก หรือเสียงลูกร้องแม่ก็ต้องผวาตื่น ดูลูกต่อไป ด้วยใจจดจ่ออยู่แต่ลูก ลูก ลูก เท่านั้น

ยอดดวงใจของพ่อแม่

ลูกเป็นเสมือนยอดดวงใจของแม่ ยามที่ลูกพอจะกินข้าว ได้บ้างแล้ว แม่ก็พยายามบดแล้วป้อนให้ลูกกิน ด้วยคำยอบ้าง คำหลอกบ้าง หวังจะให้ลูกกินได้มากๆ 28


แม้ลูกจะกินคำหนึ่งแล้ววิ่งไปเล่น แล้วกลับมากินอีกคำ หนึ่งดังนี้ แม่ก็พยายามรอป้อนให้ลูกกินจนอิ่ม และกล่อมให้ นอนหลับก่อน แล้วแม่จึงจะได้ลงมือกินข้าว

น้ำใจเสียสละอันยิ่งใหญ่ของพ่อแม่

เวลาแม่กำลังกินข้าวหรือทำอะไรอยู่ก่อน เมื่อได้ยิน เสียงลูกร้อง ก็ต้องหยุด... รีบมาดูก่อน บางทีลูกถ่ายอุจจาระ ออกมา แม่ก็ต้องเอามือกวาดชำระล้างให้สะอาดเรียบร้อย ก่อน แล้วจึงมากินข้าวต่อไปได้ ลองนึกดูซิว่าจะมีใครเล่าจะ ยินดีเสียสละทำให้ลูกอย่างเต็มใจถึงเพียงนี้ ถึงคราวที่ลูกเดินได้เตาะแตะ หรือพูดอ้อ ๆ แอ้ ๆ พ่อแม่ ก็แสนจะดีใจ เหนื่อยยากเท่าไรก็ไม่ว่า พ่อก็อุตส่าห์ทำงาน หาเงินมาให้แม่เฝ้าเลี้ยงลูก บางคราวพ่อแม่นอนลงก็ให้ลูก เหยียบเต้นเล่นบนอก เอามือทุบหัวบ้าง ดึงผมเล่นบ้าง หยิก ลูกตาเล่นบ้าง แทนที่พ่อแม่จะรู้สึกโกรธ กลับดีใจหัวร่อร่า แสนจะปลื้มใจว่าลูกของตนแข็งแรงสมบูรณ์แล้ว ยามใดที่ลูกป่วยไข้ พ่อแม่ก็ไม่เป็นอันกินอันนอน พยายามเฝ้าปฏิบัติคอยดูแลทั้งกลางวันกลางคืน หมอจะมีดี ที่ไหน พ่อก็อุตส่าห์ไปขอร้องให้มาดูแลรักษาลูก จะเสียเงิน ทองสักเท่าไร พ่อแม่ไม่เคยเสียดาย ขอแต่ให้ลูกหายจาก 29


ป่วยไข้เท่านั้น ถึงเงินทองของตัวไม่มี ก็ต้องเอาข้าวของไป จำนำ หรือขอยืมเงินเขามารักษาลูกก่อนจนได้ จะมีใคร อีกเล่าที่จะเสียสละ เอาใจใส่ ช่วยเหลือเราเช่นนี้ โดยไม่หวัง ผลตอบแทนเลย นอกจากคุณพ่อคุณแม่ของเราเท่านั้น ครั้นลูกเจริญวัยพอสมควรศึกษาเล่าเรียนได้แล้ว ก็ พยายามเอาลู ก ไปฝากยั ง สำนั ก ครู อ าจารย์ ที่ เ ห็ น ว่ า จะ สามารถสั่งสอนอบรมลูกให้เป็นคนดีได้ เมื่อได้เข้าเรียน หนังสือแล้ว ถ้าต้องเดินไปมาและยังเล็กอยู่ ก็อุตส่าห์ไปส่ง และไปรับทุกวัน จัดข้าวปลาอาหารและขนมไว้ให้ลูกกินเมื่อ เวลาลูกกลับจากโรงเรียน เพราะกลัวลูกจะหิว เสื้อผ้า... ก็พยายามซักรีดให้จนสะอาด ตัวไหนสกปรก ก็ไม่ให้ใส่ กลัวลูกของแม่จะไม่สวย เวลาว่างตอนเย็นหรือกลางคืน ก็พยายามแนะนำ พร่ำสอนว่าสิ่งนั้นไม่ดี ลูกอย่าทำนะ สิ่งนี้ลูกจะทำต้องขอ อนุญาตคุณพ่อคุณแม่หรือครูเสียก่อน คนนั้นเป็นคนไม่ดี ไม่ควรเอาอย่าง คนนี้มีความขยันมีความประพฤติเรียบร้อย ลูกควรเอาเป็นตัวอย่าง เรียกว่ามีความเป็นห่วงอยู่ทุกลม หายใจเข้าออก จนกระทั่งลูกโตสมควรจะมีสามีภรรยาได้แล้ว ก็จัดแจง ตบแต่งให้สมหน้าสมตา และแบ่งทรัพย์สมบัติให้ทำมาหากิน จนตั้งตัวเป็นหลักฐาน พ่อแม่ก็จะพลอยยินดีเป็นที่สุด 30


พระพรหมของลูก

ฉะนั้น พ่อแม่จึงได้นามที่ประเสริฐอีกอย่างหนึ่ง ว่าเป็น พระพรหมของลูก คือเป็นผู้มีเมตตา กรุณา มุทิตา ในลูกทุก โอกาส แม้ลูกจะดื้อด้านไม่เชื่อฟังพ่อแม่ จะประพฤติตัวเสียหาย จนต้องถูกเขาฆ่าตาย พ่อแม่ก็ยังไม่เกลียด ได้แต่วางอุเบกขา คิดว่าเป็นกรรมของลูกทำมาเพียงเท่านั้น

หน้าที่ของลูกในการตอบแทนคุณพ่อแม่

นักปราชญ์ในสมัยโบราณ จึงพรรณนาคุณของพ่อแม่ไว้ ว่า “หากจะเอาท้องฟ้ามาเป็นกระดาษ เอาเขาพระสุเมรุมาศ มาเป็นปากกา เอาน้ำในมหาสมุทรมาเป็นน้ำหมึก จดจารึก พรรณนาคุณ พ่อแม่ ไปจนกว่าจักสิ้นกระดาษและน้ำหมึก ก็ไม่สามารถจะพรรณนาคุณพ่อแม่ไว้ได้ครบถ้วน” อาศัยเหตุผลดังกล่าวมานี้ ลูกทุกคนจึงมีหน้าที่ปฏิบัติ ต่อพ่อแม่ดังนี้ ท่านเลี้ยงเรามา เราต้องเลี้ยงท่านตอบ ท่านเลี้ยงเรามาแล้ว ต้องเลี้ยงท่านตอบ ข้อนี้หมายความ ว่าพ่อแม่ได้เลี้ยงเรามาแล้วเป็นอย่างดี ครั้นเมื่อท่านแก่เฒ่า 31


ลง ลูกจึงต้องพยายามเลี้ยงดูท่านเป็นอย่างดี ให้เหมือนกับที่ ท่านได้อุตส่าห์เลี้ยงเรามาด้วยความลำบากยากเข็ญดังกล่าว แล้ว วิธีเลี้ยงพ่อแม่นั้นมี ๒ อย่าง คือ เลี้ยงร่างกายหนึ่ง เลี้ยงน้ำใจหนึ่ง เลี้ยงร่างกาย นั้นได้แก่ พยายามจัดข้าวปลาอาหาร ขนม และลูกไม้อย่างดี ๆ แปลก ๆ ใหม่ ๆ มาบำรุงท่าน ไม่ให้ บกพร่องตลอดทุก ๆ มื้อ เมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร หาเครื่องนุ่งห่มที่ดี เหมาะสมแก่ท่านมาให้ตกแต่งตาม สมควร จัดทำที่อยู่อาศัยให้ท่านได้พักผ่อนอย่างผาสุก ยามท่านป่วยไข้ ก็รีบจัดหาหมอมารักษาพยาบาลและ ตนเองก็พยายามเฝ้าคอยดูแลท่าน ไม่ทอดทิ้งให้ท่านว้าเหว่ ต้องร้องเรียกท่านด้วยเสียงอันดัง เพราะท่านกำลังป่วยไข้ เวลาท่านอาเจียน หรือขี้รดเยี่ยวราดก็ต้องพยายามจัดล้าง จัดซักหรือเปลี่ยนผ้าใหม่ให้ท่าน ด้วยมือของตนเองโดย ความเต็มใจ ให้เหมือนกับที่ท่านได้ทำให้เราเมื่อเล็ก ๆ ฉะนั้น ในการบำรุงเลี้ยงร่างกายนี้ บางคนพ่อแม่มีฐานะ ดีสมบูรณ์ไม่เดือดร้อนอะไร เราจะคิดว่าไม่จำเป็นก็ไม่ถูก เมื่อถึงฤดูมีผลไม้อะไรใหม่ ๆ และแปลก ๆ เช่น เงาะหรือ ทุเรียนเป็นต้น ก็ควรจัดหาไปให้ท่านบ้าง แม้สักเล็กน้อย 32


ก็ยังดี ถึงว่าของนั้นท่านจะซื้อหาได้เอง แต่ท่านย่อมจะมี ความรู้สึกว่าของที่ท่านได้รับจากลูกนั้น ท่านได้กินทั้งผลไม้ และน้ำใจที่ได้รับจากลูก บางคราวด้วยความรักลูก ยังอุตส่าห์แบ่งเอาทำบุญกับ พระที่วัดใกล้ ๆ และยังคุยให้ท่านฟังด้วยว่า ของนี้ลูกเขาฝาก มาให้ รู้สึกว่ามันทำให้ท่านเกิดความอิ่มอกอิ่มใจมิใช่น้อย ส่วนการเลี้ยงน้ำใจนั้น จงได้พยามทำทุกอย่างไม่ให้ ขัดเคืองใจพ่อแม่ เมื่อท่านมีความประสงค์จะเอาอะไร หรือ จะให้เราทำอะไรแล้ว จงพยามทำตามที่ท่านต้องการด้วย ความเต็มใจ แม้สิ่งนั้นจะไม่ถูกกับความประสงค์ก็ดี หรือเป็น ของไม่ควรทำ แต่ไม่ถึงกับเสียหายก็ดี ก็ขอให้พยามทำตาม เถิด อย่าขัดขืนให้ท่านไม่สบายใจเลย จงคอยสังเกตุดูว่าสิ่ง ใดท่านชอบทำสิ่งใดท่านชอบรับประทาน แม้ท่านไม่ได้บอก ขอร้องเรา ก็จงยามจัดทำหรือจัดหามาสนองท่าน หากทำได้ดังนี้ ท่านจะปลื้มใจมาก เพราะดีใจว่าลูกรู้จัก น้ำใจท่าน ถ้าบางครั้ง ไม่สามารถจะทำตามความประสงค์ของท่าน ได้แล้ว ก็อย่างเพิ่งออกปากเถียงหรือตัดค้าน จงเฉย ๆ ไว้ก่อน แล้วหาอุบายพูดให้ท่านเองว่า สิ่งนั้นเป็นของผิดหรือเหลือ วิสัยที่จะทำได้ อย่างนี้จัดว่าพยายามเลี้ยงน้ำใจของพ่อแม่ 33


ทำบุญอุทิศให้ท่านเมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน คือ เมื่อท่านต้องตายทำลายขันธ์ ไปตามธรรมดาของสังขารแล้ว ลูกก็ไม่ควรแต่จะเศร้าโศก เสียใจร้องไห้รำพัน จนไม่มีจิตใจจะทำฌาปนกิจศพของท่าน อย่างไร ควรจะระงับความทุกข์ใจเพราะเหตุนี้เสีย แล้วกลับ มาพิจารณาให้เห็นความเป็นจริงว่า พ่อแม่เราต้องตายไป ตามธรรมดาของคน ทุกคนที่เกิดมาแล้วก็ต้องตายทั้งสิ้น ปู่ย่าของเรา ทวดของเรา ท่านก็ตายไปแล้วเช่นเดียวกัน และ ท่านเหล่านั้นก็หาเอาอะไรไปได้สักนิดหนึ่งไม่ แม้สิ่งใดที่ท่าน รักดังดวงใจท่านก็เอาไปไม่ได้เลย แม้ถงึ ตัวเราเองก็เช่นเดียว กัน ในไม่ช้าก็ต้องตายไปอีกเช่นเดียวกับท่าน หน้าที่ของเรา ก็คือ ต้องทำบุญกุศล อุทิศผลบุญนั้น ๆ ไปให้แก่ท่านเท่านั้น เพราะจะทำอย่างอื่นนั้นก็ไม่ถูกไม่ควร ด้วยว่าท่านไม่มีชีวิต เสียแล้ว จะบำรุงกายบำรุงใจอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น เพราะ นักปราชญ์กล่าวไว้ว่า... บุญกุศลที่เราอุทิศไปให้เท่านั้น หากท่านได้มีโอกาสรับอนุโมทนา ก็จะสำเร็จประโยชน์เป็น ความสุขความเจริญแก่ท่านได้ และเราก็ควรทำแต่สิ่งที่เป็น บุญเป็นกุศลจริง ๆ ไม่ควรทำบาปเลยในการทำฌาปนกิจ หรือทำบุญอุทิศให้พ่อแม่นี้ เช่นจะฆ่าเองหรือสั่งให้คนอื่นฆ่า เอาเนื้อสัตว์มาทำบุญก็ไม่ควร หรือจะมีมหรสพให้สนุกสนาน ก็ไม่เหมาะ เพราะไม่ใช่เรื่องบุญกุศล ควรทำแต่เรื่องบำเพ็ญ ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ฟังธรรมเทศนา ตามสมควร 34


แก่กาลเวลาเท่านั้น บุญกุศลที่จะอุทิศไปให้แก่พ่อแม่จะได้ เป็นบุญที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่ให้มีบาปอันใดมาเจือปน ซึ่งจะ เป็นเวรกรรมต่อไปอีก เพราะมาปรารภการทำบุญให้พ่อแม่ เป็นเหตุ การอุทิศก็ต้องตั้งใจอุทิศด้วยน้ำใจอันสงบและใส สะอาดจริง ๆ ไม่ใช่ทำด้วยความรีบร้อน หรือสักแต่ว่ารินน้ำ ตรวจจนจบพระยถา... พอเป็นพิธีเท่านั้น มั่นอยู่ในกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ มั่นอยู่ในกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ คือกตัญญู หมายถึง รู้ อุปการคุณที่พ่อแม่ทำไว้แก่เรา และกตเวทีตอบแทนอุปการคุณ ของท่าน รวมความว่ากตัญญูกตเวที หมายถึง รู้อุปการคุณ ที่พ่อแม่ทำแล้วและตอบแทน เพราะพ่อแม่ชื่อว่าเป็นบุพการี บุคคลของเรา เป็นคนแรกติดกันก่อนผู้ใดทั้งหมด ถ้าเป็น คนอื่นนอกจากพ่อแม่เขาได้ทำอุปการะแก่เราก่อน เขาก็ได้ ชื่อว่าเป็นบุพการีบุคคลของเราเหมือนกัน เราก็ควรแสดง กตัญญูกตเวทีต่อผู้นั้นด้วย สำหรับพ่อแม่นี้ เราต้องมั่นอยู่ในกตัญญูกตเวทีอย่าง แท้จริง เพราะในโลกนี้ไม่มีผู้ใดจะเป็นบุพการีของเราก่อน ยิ่งกว่าพ่อแม่ และเราเกิดมาตลอดชาตินี้ก็จะมีพ่อได้เพียง คนเดียวและแม่ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าท่านตายแล้วก็หา ใหม่อีกไม่ได้ เราจึงต้องมั่นในกตัญญูกตเวทีต่อท่านให้มาก ที่สุดทั้งในเวลาที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ หรือตายจากเราไปแล้ว 35


วิธตี อบแทนท่าน ก็คอื เวลาท่านยังมีชวี ติ อยูต่ อ้ งพยายาม บำรุงเลี้ยงกายและน้ำใจของท่านให้ดีที่สุดดังกล่าวแล้ว การตอบแทนคุณพ่อแม่นนั้ พระพุทธเจ้าก็ทรงสรรเสริญ และอนุญาตว่า แม้ลกู บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์แล้ว จะบิณฑบาต มาเลี้ยงพ่อแม่ไม่ปรับอาบัติ โดยเฉพาะข้อนี้ถ้าเป็นพ่อ... ลูก เป็นพระภิกษุ จะบีบนวดอาบน้ำป้อนข้าว ปฎิบตั ทิ า่ นให้เหมือน กับสามเณรปฏิบัติต่อพระภิกษุก็ได้ ถ้าเป็นแม่... พระองค์ ทรงอนุญาตให้เลี้ยงดูได้คล้ายบิดา แต่จะถูกต้องตัวแม่ไม่ได้ เท่านั้น อนึ่งพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า แม้ลูกจะเลี้ยงดูให้ วิเศษอย่างไร ก็ไม่ชื่อว่าแทนคุณพ่อแม่ได้ ส่วนวิธีที่จะตอบแทนคุณพ่อแม่ได้นั้น ก็คือ เมื่อท่านยัง ไม่มีศรัทธา ไม่มีศีล ไม่มีสมาธิ ไม่มีปัญญา ลูกได้พยายาม แนะนำ ช่วยเหลือ ให้ท่านกลับเป็นผู้มีศรัทธา มีศีล มีสมาธิ มีปัญญา จึงจะชื่อว่าตอบแทนคุณพ่อแม่ได้ ครั้นเมื่อท่านตายไปแล้ว นอกจากทำบุญอุทิศไปให้ตาม ประเพณีเช่นนี้ ยังมีวิธีตอบแทนที่ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่งคือ การ ทำตัวของเรานี้เองให้เป็นคนดีที่สุด จนกระทั่งตัวเรานี้เป็น ผู้บริสุทธิ์ สะอาด หมดจดจากกิเลส เป็นสมุจเฉทปหาน สำเร็จ เป็นพระอริยบุคคล ก็ชื่อว่าตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ได้ เพราะเนือ้ ตัวของเรานีล้ ว้ นเป็นของท่านทัง้ สิน้ เราได้กำเนิดมา จากท่าน และเติบโตมาด้วยน้ำนมข้าวป้อนของท่าน เรียกว่า ตัวท่านกลายมาเป็นตัวเราในบัดนี้ 36


ถ้าเราทำตัวของเราไม่ดี มีความประพฤติทุจริตเหลวไหล จนตัวเราเองได้รับความลำบาก และความอัปยศอดสู เสีย ชื่อเสียง ก็เหมือนทำลายพ่อแม่ ทำความเสื่อมเสียให้แก่วงศ์ ตระกูล จัดว่าเป็นผู้อกตัญญูต่อท่านโดยตรง เมื่อท่านทราบ ด้วยญาณวิถีใด ๆ ก็จักโทมนัสใจหาน้อยไม่ ฉะนั้น หากสิ้นบุญพ่อแม่แล้ว เราต้องพยายามระมัด ระวังตัวและบำเพ็ญแต่คุณงามความดี หลีกเลี่ยงจากการ กระทำชั่วเป็นเด็ดขาด อุตส่าห์ปฏิบัติธรรมสร้างฐานะและ ชื่อเสียงให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

หน้าที่ของลูกโดยย่อ

หน้าที่ของลูกนี้เมื่อกล่าวโดยย่อ มีอยู่ ๗ ข้อ คือ ๑. พ่อแม่ได้เลี้ยงเรามาแล้ว ก็เลี้ยงท่านตอบ ๒. ช่วยทำกิจการงานของพ่อแม่ ๓. ดำรงวงศ์ตระกูลของพ่อแม่ ๔. ประพฤติตนให้เป็นคนสมควรรับทรัพย์มรดกของพ่อแม่ ๕. เมื่อพ่อแม่ล่วงลับไปแล้วก็ทำบุญอุทิศให้ท่าน ๖. มั่นอยู่ในกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ ๗. เชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพ่อแม่ในทางที่ ถูกต้องโดยเคร่งครัด ปุพฺพาจริยาติ วุจฺจเร บิดามารดา... เป็นบุรพาจารย์ของบุตร (๒๐/๔๗๐) 37


จดหมายถึงลูก

พ่อแม่ไม่มี จงตั้งใจ หาวิชา เพื่อยึดถือ

เงินทอง พากเพียร ความรู้ เอาไว้

จะกองให้ เรียนหนังสือ เป็นคู่มือ ใช้เลี้ยงกาย

พ่อกับแม่ จะเลี้ยงเจ้า ใช้วิชา เจ้าสบาย

มีแต่ เรื่อยไป ช่วยตน แม่กับพ่อ

จะแก่ดฒ่า นั้นอย่าหมาย ไปจนตาย ก็ชื่นใจ

ถึงแม้จน เท่าลูกรัก ลูกกี่คน ไม่โศกเศร้า

ทนได้ ไม่ทุกข์หนัก ประพฤติตน เป็นคนชั่ว ทนเลี้ยงได้ ไม่หมองมัว เท่าลูกตัว ชั่วระยำ

พ่อแม่ส่ง ให้ลูกเรียน พ่อแม่ฟันฝ่า อุปสรรค พ่อแม่ตั้งหน้า หาทุน พ่อแม่ทำเพื่อ ลูกเจริญ 38

เพียรอุตส่าห์ แสนหนักเหลือ มาจุนเจือ เดินก้าวไกล


พ่อแก่ แม่เฒ่า

พ่อแม่ก็แก่เฒ่า จำจากเจ้าไม่อยู่นาน จะพบจะพ้องพาน เพียงเสี้ยววารของคืนวัน ใจจริงไม่อยากจาก เพราะยังอยากเห็นลูกหลาน แต่ชีพมิทนทาน ต้องร้าวรานสลายไป ขอเถิดถ้าสงสาร อย่ากล่าวขานให้ช้ำใจ คนแก่ชะแรวัย คิดเผลอไผลเป็นแน่นอน ไม่รักก็ไม่ว่า เพียงเมตตาช่วยอาทร ให้กินและให้นอน คลายทุกข์ผ่อนพอสุขใจ เมื่อยามเจ้าโกรธขึ้ง ให้นึกถึงเมื่อเยาว์วัย ร้องไห้ยามป่วยไข้ ได้ใครเล่าเฝ้าปลอบโยน เฝ้าเลี้ยงจนโตใหญ่ แม้เหนื่อยกายก็ยอมทน หวังเพียงจะได้ผล เติบโตจนสง่างาม ขอโทษถ้าทำผิด ขอให้คิดทุกทุกยาม ใจแท้มีแต่ความ หวังติดตามช่วยอวยชัย ต้นไม้ที่ใกล้ฝั่ง มีหรือหวังอยู่นานได้ วันหนึ่งคงล้มไป ทิ้งฝั่งไว้ให้วังเวง 39


“พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร” “พ่อแม่เป็นพรหมของลูก” พระคุณของแม่

พระ คุณ ของ แม่

อรหันต์ วิเศษ แม่ใหญ่ จ๋าแม่

ชั้นอุดม มิได้ใหญ่ ใกล้ชิด ลูกนี้คิด

40

หรือพรหมเมศร์ ไปกว่าแม่ ติดลูกแจ เป็นนิตย์เอย


รักของแม่

รักใดเล่า ผูกสมัคร ห่วงใดเล่า ที่แม่ให้

รักแน่ รักมั่น เท่าห่วง กับลูก

เท่าแม่รัก ไม่หวั่นไหว ดังดวงใจ อยู่ทุกครา

ยามลูกขี่น ยามลูกเศร้า ยามลูกหาย ยามลูกมา

แม่ขม แม่โศก แม่ห่วง แม่หมด

ตรมหลายเท่า วิโยคกว่า ดังดวงตา ลดห่วงใย

ยามมีกิจ ยามป่วยไข้ ยามถึงคราว หวังให้เจ้า

หวังให้เจ้า หวังให้เจ้า ล่วงลับ เฝ้าปิดตา

เฝ้ารับใช้ เฝ้ารักษา ดับชีวา เวลาตาย

41


ไม่มีใครรักเราเท่ากับแม่

รักของใคร ผูกสมัคร คนอื่นรัก จืดจางง่าย

หรือจะแท้ สายเลือด ยังประจักษ์ ไม่จีรัง

เท่าแม่รัก ไม่เหือดหาย ว่ารักคลาย ดั่งมารดา

รักใด เป็นรักรื่น รักมิใช่ คำนึงถึง

ชูไว้ ไร้ราคี เพื่อตน กำไร

เหนือรักอื่น โลกียวิสัย หรือสนใจ และขาดทุน

รักใด หยัดยืน รักน่าชม สุกใส รักนั้นคือ รักแท้ มอบแก่กุล- บุตร ธิดา

42

เมื่ออื่นล้ม ไม่ข้นขุ่น แม่การุณ ผู้ยาใจ


แม่...ผู้ให้กำเนิด

แม่มิเพียง แต่ให้ กำเนิดลูก จิตท่านผูก เฝ้าถนอม เป็นจอมขวัญ แม่มิเพียง เลี้ยงลูกให้ ใหญ่เท่านั้น แม่เพียรสรรค์ สร้างนิสัย ให้ลูกดี

แม่มิเพียง ให้ลูกมี เพื่อลูกได้ บนวิถี

ให้สมบัติ พัสถาน วิชาการ โอฬารศรี ใช้ดำรง ทรงชีวี ของมนุษย์ อันสุดไกล

แม่มิเพียง เมื่อลูกคราว ครั้นลูกหาย แม่จึงใจ

สุดอาทร โรคเบียน คลายโศก หายห่วง

43

ใจร้อนร้าว เวียนเจ็บไข้ สร่างโรคภัย บ่วงกังวล


รักแท้...เพื่อลูกรัก

แม่จ๋าแม่ คุณแม่รัก รักของแม่ มีหรือจน

ความรักแม่ ลูกของแม่ มิได้มี แม่รักอยู่

นี่แน่นัก มาแต่ต้น ราคีปน ไม่รู้จาง

รักของใคร รักแม่แท้ ศัตรูร้าย ถึงรักนาง

ไม่เท่าศักดิ์ แม่รักอยู่ ก็ไม่กราย รักนาย

รักของแม่ ไม่รู้สร่าง มากั้นกาง ก็ไม่เกิน

แม้รักยศ หรือรักงาน รักสนุก รักไม่เกิน

รักศักดิ์ สารพัน ทุกสถาน รักแม่

อัครฐาน รักสรรเสริญ สำราญเทอญ รักแท้เอย

44


ผู้เสียสละอย่างยิ่งใหญ่

เมื่อลูกใหญ่ แม่ก็พา จะเสียทุน ถ้ามีให้

วัยถ้วน ลูกรัก หนุนค่า แล้วไม่ขัด

ควรศึกษา ไปฝากให้ วิชาไป เป็นสัตย์จริง

ถึงไม่มี จะหนักเบา สู้ตรากตรำ เพื่อแลกสิ่ง

บางที ยอมลูก ทำการ ทรัพย์ได้

ก็กู้เขา ไปทุกสิ่ง งานจริงจริง มาให้เรา

เมื่อลูกเสร็จ การศึกษา แม่คนเดียว ดีใจ พอลูกหา ทรัพย์ได้ เพราะท่านเฝ้า ปลูกฝัง

45

วิชาเชี่ยว ใครจะเท่า ใจท่านเบา หวังให้ดี


จารึกพระคุณแม่

พระคุณแม่ แม้สมมติ เป็นหมึกก้อน ให้ทั่วหน

นั้นประมาณ ไม่สิ้นสุด เอาแผ่นดิน สิ้นแห่งหน ผ่อนละลาย ในสายชล แห่งสมุทร สุดนที

แล้วเอาเขา เอาปากกา เอาท้องฟ้า แล้วเขียนชี้

พระสุเมรุ ที่เด่นหล้า จุ่มหมึก บันทึกที่ เป็นกระดาษ วาดคดี ชมบุญ คุณมารดา

เขียนจนสิ้น เขียนจนสุด แต่ไม่สุด จึงนับว่า

ดินฟ้า พระสุเมรุ สิ้นบุญ ใหญ่ยิ่ง

46

มหาสมุทร ที่เด่นหล้า คุณมารดา สิ่งทั้งปวง


แผนที่ชีวิตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 47


ขอบคุณข้าวทุกเม็ด น้ำทุกหยด อาหารทุกจานอย่างจริงใจ • อย่าสวดมนต์เพื่อขอสิ่งใดนอกจาก “ปัญญา” และ “ความกล้าหาญ” • “เพื่อนใหม่” คือของขวัญที่ให้กับตัวเองส่วน “เพื่อนเก่า หรือ มิตร” คืออัญมณีที่นับวันจะเพิ่มคุณค่า • อ่านหนังสือธรรมะปีละเล่ม • ปฏิบัติต่อคนอื่นเช่นเดียวกับที่ต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อเรา • พูดคำว่า “ขอบคุณ” ให้มาก ๆ • รักษา “ความลับ” ให้เป็น • ประเมินคุณค่าของการให้ “อภัย” ให้สูง • ฟังให้มากแล้วจะได้คู่สนทนาที่ดี 48


ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง หากมีใครตำหนิ และรู้แก่ใจว่าเป็นจริง หากล้มลง จงอย่ากลัวกับการลุกขึ้นใหม่ • เมื่อเผชิญหน้ากับงานหนักคิดเสมอว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะล้มเหลว • อย่าถกเถียงธุรกิจภายในลิฟต์ • ใช้บัตรเครดิตเพื่อความสะดวก อย่าใช้เพื่อการก่อหนี้สิน • อย่าหยิ่งหากจะกล่าวว่า “ขอโทษ” • อย่าอายหากจะบอกใครว่า “ไม่รู้” • ระยะทางนับพันกิโลเมตร แน่นอนมันไม่ราบรื่นตลอดทาง • เมื่อไม่มีใครเกิดมาแล้ววิ่งได้ จึงควรทำสิ่งต่าง ๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป 49


การประหยัดเป็นบ่อเกิดแห่งความร่ำรวย เป็นต้นทางแห่งความไม่ประมาท คนไม่รักเงิน คือคนไม่รักชีวิต ไม่รักอนาคต • ยามทะเลาะกัน ผู้ที่เงียบก่อน คือผู้ที่ได้รับการอบรมสั่งสอนที่ดี • ชีวิตนี้ฉันไม่เคยได้ทำงานเลยสักวัน ทุกวันเป็นวันสนุกหมด • จงใช้จุดแข็ง อย่าเอาชนะจุดอ่อน • เป็นหน้าที่ของเราที่จะพูดให้คนอื่นเข้าใจ ไม่ใช่หน้าที่ของคนอื่นที่จะทำความเข้าใจในสิ่งที่เราพูด • เหรียญเดียวมี 2 หน้า คือ ความสำเร็จ กับความล้มเหลว • อย่าตามใจตัวเอง เรื่องยุ่ง ๆ เกิดขึ้นล้วนตามใจตัวเองทั้งสิ้น • ฟันร่วงเพราะมันแข็ง ส่วนลิ้นยังอยู่เพราะมันอ่อน 50


อย่าดึงต้นกล้าให้โตไว ๆ (อย่าใจร้อน) • ระลึกถึงความตายวันละ 3 ครั้ง ชีวิตจะมีสุข มีอภัย มีให้ • ถ้าติดกระดุมเม็ดแรกผิด กระดุมเม็ดต่อ ๆ ไปก็ผิดหมด • ทุกชิ้นงานจะต้องกำหนดวันแล้วเสร็จ • จงเป็นน้ำครึ่งแก้วตลอดชีวิต เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมได้ตลอด • ดาวและเดือนที่อยู่สูงอยากได้ต้องปีน “บันไดสูง” • มนุษย์ทุกคนมีชิ้นงานมากมายในชีวิต จงทำชิ้นงานที่สำคัญที่สุดก่อนเสมอ • หนังสือเป็นศูนย์รวมปัญญาของโลก จงอ่านหนังสือเดือนละเล่ม • ระเบียบวินัยคือ คุณสมบัติที่สำคัญในการดำเนินชีวิต 51


มาสร้างบุญบารมีกันเถอะ นั่งสมาธิอย่างน้อยวันละ 15 นาที (หรือเดินจงกรมก็ได้) • อานิสงส์ เพื่อสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดขึ้นทั้งภพนี้ และภพหน้า • เพื่อจิตใจที่สว่างผ่องปรนจากกิเลส ปล่อยวางได้ง่าย • จิตจะรู้วิธีแก้ปัญหาชีวิตโดยอัตโนมัติ • ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันอับจน • ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพและจิตแข็งแรง • เจ้ากรรมนายเวรและญาติมิตรที่ล่วงลับจะได้บุญกุศล

52


วิธีทำสมาธิแบบง่าย ๆ ทำสมาธิเพื่อให้จิตสงบ มีพลัง มีประโยชน์ ในปัจจุบัน คือทำให้ ใจสบาย คลายทุกข์ หนักแน่น มั่นคง อารมณ์แจ่มใส ความจำดี ทำงานมีประสิทธิภาพ สุขภาพดี นอนหลับสบาย เรียนหนังสือเก่ง ที่สำคัญคือได้บุญ วิธีนั่ง ให้นั่งขัดสมาธิ คือ ขาขวาทับขาซ้าย นั่งตัวตรง หลับตา เอาสติมาจับอยู่ที่สะดือ ที่ท้องพอง-ยุบ เวลาหายใจ เข้า ท้องพอง กำหนดว่า พองหนอ ใจนึกกับท้องที่พอง ต้องให้ ทันกันอย่าให้ก่อนหรือหลังกัน หายใจออก ท้องยุบ กำหนดว่า ยุบหนอ ใจนึกกับท้องที่ยุบ ต้องทันกัน อย่าให้ก่อนหรือหลัง กัน ข้อสำคัญให้สติจับอยู่ที่พอง-ยุบเท่านั้น อย่าดูลมที่จมูก อย่าตะเบ็งท้อง ให้มีความรู้สึกตามความเป็นจริงว่าท้องพอง ไปข้างหน้า ท้องยุบมาข้างหลัง อย่าให้เห็นเป็นไปว่า ท้อง พองขึ้นข้างบน ท้องยุบลงข้างล่าง ให้กำหนดเช่นนี้ตลอดไป จนกว่าจะถึงเวลาที่กำหนด เมื่อมีเวทนา เวทนาเป็นเรื่องสำคัญที่สุดจะต้องบังเกิด ขึ้นกับปฏิบัติแน่นอน จะต้องมีความอดทน เพื่อเป็นการสร้าง ขันติบารมีไปด้วย ถ้าผู้ปฏิบัติขาดความอดทนเสียแล้ว การ ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนั้นก็ล้มเหลว 53


ในขณะที่นั่งหรือเดินจงกรมอยู่นั้นถ้ามีเวทนา ความเจ็บ ปวด เมื่อย คัน เกิดขึ้น ให้หยุดเดิน หรือหยุดกำหนดพองยุบ ให้เอาสติไปตั้งไว้ที่เวทนาเกิด และกำหนดไปตามความ เป็นจริงว่าปวดหนอๆๆ คันหนอๆๆ เป็นต้นให้กำหนดไป เรื่อยๆ จนกว่าเวทนาจะหายไปเมื่อเวทนาหายไปแล้ว ก็ กำหนดนั่งหรือเดินต่อไป จิต เวลานั่งอยู่หรือเดินอยู่ ถ้าจิตคิดถึงบ้านคิดถึง ทรัพย์สินหรือคิดฟุ้งซ่านต่าง ๆ นานา ก็ให้เอาสติปักลงที่ลิ้นปี่ พร้อมกับกำหนดว่า คิดหนอๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจิตจะ หยุดคิดแม้ดีใจ เสียใจ หรือโกรธ ก็กำหนดเช่นเดียวกันว่า ดีใจหนอๆๆๆ เสียใจหนอๆๆๆ โกรธหนอๆๆๆ เป็นต้น เวลานอน เวลานอนค่อย ๆ เอนตัวนอนพร้อมกับกำหนด ตามไปว่า นอนหนอๆๆๆ จนกว่าจะนอนเรียบร้อย ขณะนั้น ให้เอาสติจับอยู่ กับอาการเคลื่อนไหวของร่างกาย เมื่อนอน เรียบร้อยแล้วให้เอาสติมาจับที่ท้องแล้วกำหนดว่า พองหนอ ยุบหนอ ต่อไปเรื่อย ๆ ให้คอยสังเกต ให้ดีว่าจะหลับไปตอน นอนหรือตอนยุบ อิริยาบถต่าง ๆ การเดินไปในที่ต่าง ๆ การเข้าห้องน้ำ การเข้าห้องส้วม การรับประทานอาหาร และการทำกิจการ งานทั้งปวง ผู้ปฏิบัติต้องมีสติกำหนดอยู่ทุกขณะในอาการ เหล่านี้ตามความเป็นจริง คือ มีสติสัมปชัญญะเป็นปัจจุบัน อยู่ตลอดเวลา 54


พระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ ออกแบบโดย ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี

อานิสงส์การจัดสร้างพระพุทธรูปหรือสิ่งพิมพ์ อันเกี่ยวกับพระธรรมคำสอนเป็นกุศลดังนี้ อกุศลกรรมในอดีตชาติแต่ปางก่อน จะเปลี่ยนจากหนักเป็นเบา • สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง สรรพภยันตรายสลายปวงภัย ไม่มี คนคิดร้าย ไม่สำเร็จ • เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติปางก่อน เมื่อได้รับส่วนบุญไปแล้วก็จะเลิกจองเวรจองกรรม 55


เหล่ายักษ์ผีรากษส งูพิษเสือร้าย ไม่อาจเป็นภัย อยู่ในที่ใดก็แคล้วคลาดจากภัย • จิตใจสงบ ราศีผ่องใส สุขภาพแข็งแรง กิจการงานเป็นมงคล รุ่งเรืองก้าวหน้า ผู้คนนับถือ • มั่นคงในคุณธรรม ความอุดมสมบูรณ์ปรากฎ (เกินการคาดฝัน) ครอบครัวสุขสันต์ วาสนายั่นยืน • คำกล่าวเป็นสัจจ์ ฟ้าดินปรานี ทวยเทพยินดี มิตรสหายปรีดา หนี้สินจะหมดไป • คนโง่สิ้นเขลา คนเจ็บหายได้ คนป่วยหายดี ความทุกข์หายเข็ญ สตรีจะได้เกิดเป็นชายเพื่อบวช • พ้นจากมวลอกุศล เกิดใหม่บุญเกื้อหนุน มีปัญญาเลิศล้ำ บุญกุศลเรืองรอง • สิ่งที่สร้างจะบังเกิดเป็นกุศลจิตแก่ทุกคนที่ได้พบเห็น เป็นเนื้อนาบุญอย่างอเนก ทุกชาติของผู้สร้างที่เกิด จะได้ฟังธรรมจากพระอริยเจ้า ปัญญาในธรรม แก่กล้าสามารถ ได้อภิญญาหก สำเร็จโพธิญาณ 56


คำขอขมาและอธิษฐานจิต อธิษฐานหน้าพระพุทธรูป หรือสวดมนต์ก่อนนอนก็ได้ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ) สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะกะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต หากข้าพเจ้า จงใจหรือประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินบิดา มารดา ครูบาอาจารย์ พระพุทธ พระธรรม พระอรหันต์ทุก พระองค์ พระอริยสงฆ์เจ้า ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมถึงผู้มีพระคุณ และท่านเจ้ากรรมนายเวร จะด้วยกาย วาจา ใจ ก็ดี ขอได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย หาก ข้าพเจ้ามีเจ้าของในตัวติดมา ขออนุญาตมีคู่ มีครอบครัวได้ เหมือนคนปรกติทั่วไป ขอถอนคำอธิษฐาน คำสาบานที่จะ ติดตามคู่ในอดีต ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระต่อกัน ข้าพเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูก ที่ชอบ ที่ควรของบุญ บารมี ในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จงส่งผลให้ข้าพเจ้า และครอบครัว ตลอดจนบริวารที่เกี่ยวข้อง 57


จงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ สติปัญญา ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ อุปสรรคใด ๆ โรคภัยใด ๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ข้าพเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลก ทางธรรม ตั้งแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่พระนิพพานเทอญ หากมีผู้ใดเคยสร้างเวรสร้างกรรมกับข้าพเจ้า ไม่ว่าจะ เป็นชาติใด ภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้ ขอถอน ความพยาบาท ความอาฆาต และคำสาปแช่งในทุกชาติ ทุก ภพ ขอให้ข้าพเจ้าพ้นคำสาปแช่งจากปวงชน ของเจ้ากรรม นายเวร ขอให้พ้นนรกภูมิ พบแสงสว่างทั้งทางโลกทางธรรม เทอญ “คนเราเกิดมาหลายภพหลายชาติ แต่ละคนมีเจ้ากรรม นายเวรที่แตกต่างกัน การสวดขอขมาเพื่อลดและปลดหนี้ กรรมให้น้อยลง” “ขอให้ผู้ได้รับใบคำขอขมาและอธิษฐานจิตนี้ กรุณาส่ง ให้ผู้อื่นต่อ เพื่อสร้างผลบุญบารมีต่อไป”

58


บทสวดมนต์

59


สวดมนต์ด้วยพระคาถาต่างๆ อย่างน้อยวันละครั้งก่อนนอน

อานิสงส์

• เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง • ชีวิตหน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า • เงินทองไหลมาเทมา แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้ง ปวง จิตจะมีสมาธิได้เร็ว • แนะนำพระคสถสพาหุงมหากา พระคาถาชินบัญชร พระคาถายอดพระกัณท์ไตรปิฏก เป็นต้น • เมื่อสวดเสร็จต้องแผ่เมตตาทุกครั้ง

วิธีสวด

ให้เริ่มสวดตั้งแต่บทบูชาพระรัตนตรัย (หน้า ๖๑, ๖๔, ๖๕, ๖๖, ๖๗, ๖๘) เพียง ๑ จบ จากนั้นให้สวด บทอิติปิโส (หน้า ๖๙) เท่าอายุบวกด้วย ๑ เสร็จแล้ว ให้แผ่ เมตตา (หน้า ๗๐, ๗๑) จบแล้วให้แผ่ส่วนกุศล (หน้า ๗๒, ๗๓, ๗๔) เสร็จแล้วจึงอธิษฐานตามที่ปรารถนา

60


บูชาพระรัตนตรัย อิมานิ สักกาเรนะ พุทธัง อะภิปูชะยามิ อิมานิ สักกาเรนะ ธัมมัง อะภิปูชะยามิ อิมานิ สักกาเรนะ สังฆัง อะภิปูชะยามิ

บทกราบพระรัตนตรัย อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)

สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (กราบ) 61


นมัสการพระพุทธเจ้า นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (สวด ๓ จบ)

ขอขมาพระรัตนตรัย วันทามิ พุทธัง, สัพพะ เมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต วันทามิ ธัมมัง, สัพพะ เมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต วันทามิ สังฆัง, สัพพะ เมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต

62


ไตรสรณคมน์ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คิจฉามิ ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

63


ถวายพรพระ (อิติปิโสฯ) อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะ มะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ (พุทธคุณ) สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ (ธรรมคุณ) สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเนยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ (สังฆคุณ) 64


ชัยมงคลคาถา (พาหุงฯ) พาหุงสะหัสสะมะพินิมมิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง อุทิตะ โฆระสะ เสนะมารัง ทานาทิธัมมังวิธินา ชิตะวามุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ มาราติเรกะมะภินุชฌิตะสัพพะรัตติง โฆรัมปะนาฬะ วะกะมัก ขะมะถัทธะยักขัง ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติอัตตะภูตัง ทาวักคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ

65


อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง ธาวันติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง อิทธิภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ กัตตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภีนียา จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะยะกายะมัชเฌสันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง วาทาภิโร ปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ

66


นันโทปะนันทะภุชะคัง วุพุธัง มะหิทธิง ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง พรัหมัง** วิสุทธิชุติมิทธิ พะกาภิธานัง ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ

เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถา โยวา จะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที หิตวานะ เนกะวิวิธานิ จุปัทะวานิ โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ

67


ชัยปริตร (มหากาฯ) มะหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง ปูเรตวา ปาระมี สัพพา ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง เอตานะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม* ชะยะมังคะลังฯ ชะยันโตโพธิยา มูเล สักยานัง นันทิ วัฑฒะโน เอวัง อะหัง วิชะโย โหมิ*** ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล อะปะราชิตะ ปัลลังเกสีเส ปะฐะวิโปกขะเร อะภิเสเก สัพพะพุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะติฯ สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง สุขะโณ สุมุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พรัหมะ**** จาริสุปะทักขิณัง กายะกัมมัง ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณีธีเตปะทักขิณา ปะทักขิณานิ กัตวานะ ละภันตัตเถ ปะทักขิเณ ฯ ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพะเทวะตา สัพพะพุทธา นุภาเวนะ สะทาโสตถี ภะวันตุ เม* ฯ ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะธัมมา นุภาเวนะ สะทาโสตถี ภะวันตุ เม* ฯ ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะสังฆา นุภาเวนะ สะทาโสตถี ภะวันตุ เม* ฯ 68


* ถ้าสวดให้คนอื่นให้เปลี่ยนจากคำว่า เม เป็น เต ** อ่านว่า พรัมมัง *** ถ้าสวดให้คนอื่นให้เปลี่ยนจากคำว่า อะหัง วิชะโย โหมิ เป็น ตะวัง วิชะโย โหหิ ****อ่านว่า พรัมมะ

อิติปิโส เท่าอายุ อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชาจะระณะ สัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะ ทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ ให้สวดเกิด ๑ จบ เช่น อายุ ๔๒ ปี ต้องสวด ๔๓ จบ

69


บทแผ่เมตตาแก่ตนเอง อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข

นิททุกโข โหมิ ปราศจากความทุกข์ อะเวโร โหมิ ปราศจากเวร อัพยาปัชโฌ โหมิ ปราศจากอุปสรรคอันตราย ทั้งปวง อะนีโฆ โหมิ ปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ มีความสุขกาย สุขใจ รักษา ตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด

คำอธิษฐานอโหสิกรรม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม กรรมใดที่ทำแก่ผู้ใด ใน ชาติใด ๆ ก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมนายเวรจงอโหสิกรรม ให้แก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อไปเลย แม้แต่กรรมที่ใคร ๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้า ขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็น อภัยทาน เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อกัน 70


ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า ครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนวงศาคณาญาติ และผู้ อุปการคุณของข้าพเจ้า มีความสุข ความเจริญ ปฏิบัติ แต่สิ่งที่ดี และสิ่งที่ชอบด้วยเทอญ ฯ

บทแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมด ทั้งสิ้น อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวร แก่กันและกันเลย อัพยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิดอย่า เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีวาม ทุกข์กายทุกข์ใจเลย สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด ฯ 71


บทแผ่ส่วนกุศล อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดาบิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้ามีความสุข อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า มีความสุข

72


อิทัง สัพพะเทวะตะนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข อิทัง เม สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข อิทัง สัพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ

73


กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ ให้แก่ เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคย ล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะ อยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้แล้ว โปรด อโหสิกรรม และอนุโมทนาบุญแก่ ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ ด้วยเทอญ.

ทำหนังสือหรือสื่อต่างๆ เกี่ยวกับธรรมมะ แจกฟรีแก่ผู้คนเป็นธรรมทาน อานิสงส์ เพราะธรรมทานชนะการให้ทั้งปวง ผู้ให้ทานจึงสว่างไปด้วย ลาภยศ สรรเสริญ ปัญญาและบุญบารมีอย่างท่วมท้น เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้ ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่คาดฝัน 74


รายนามผู้จัดพิมพ์หนังสือเพื่อแจกเป็นธรรมทาน คุณหยิ่ว แซ่เอ้า คุณอาสุ่น แซ่เอ้า คุณถาวร หาญพานิชกิจ คุณนันทพร หาญพานิชกิจ ด.ญ.ณิชากร หาญพานิชกิจ คุณทนุธรรม ประสานเกียรติราช น.ส.สมรมาศ ประสานเกียรติราช น.ส.ธัญลักษณ์ ประสานเกียรติราช คุณธัชพล ประสานเกียรติราช น.ส.กชพร ประสานเกียรติราช คุณคณรรถเนธิ์ อังสโวทัย คุณทัศนีย์ อังสโวทัย คุณอุชุคราญ อังสโวทัย คุณอุราภา อังสโวทัย คุณคุณานันท์ อังสโวทัย คุณนิรมล กุลชัยสิทธิ์ คุณวิบูลย์ กุลชัยสิทธิ์ และครอบครัว คุณสหพนธ์ กุลชัยสิทธิ์ น.ส.ฐิติวรรณ กุลชัยสิทธิ์ และ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร บริษัทเทคนิคอิมเมจ การพิมพ์

75


ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขออุทิศบุญกุศลจากการแจกหนังสือธรรมะนี้เป็นทานให้แก่

น.ส.ธัญวรัตน์ หาญพานิชกิจ (ฝน) นักศึกษาคณะมัณฑนศิลป รุ่น ๕๓ และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย 76




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.