ความเปนมาของประเพณีสารทเดือนสิบ ประเพณีสารทเดือนสิบสันนิษฐานวาเปนประเพณีที่รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมอินเดียกับประเพณี อื่นอีกหลายประเพณีที่ชาวนครฯรับมา ทั้งนี้เพราะวาชาวนครติดตอกับอินเดียมานาน กอนดินแดนสวนอื่น ๆ ของประเทศไทย วัฒนธรรมและอารยะธรรมของอินเดียสวนใหญจึงถายทอดมายังเมืองนครเปนแหงแรกแลว คอย ๆ ถายทอดไปยังเมืองอื่น ๆและภูมิภาคอื่น ๆ ในประเทศไทย ประเพณีสารทเดือนสิบเปนประเพณีที่วิวัฒนาการมาจาก ประเพณี " เปตพลี " ของศาสนาพราหมณ กลาวคือในศาสนาพราหมณมีประเพณีอยูประเพณีหนึ่ง เรียกวา " เปตพลี " เปนประเพณีที่จัดทําขึ้นเพื่อทําบุญ อุทิศสวนกุศลใหแกผูตาย ประเพณีนี้ปฏิบัติตอเนื่องกันมาในอินเดียกอนสมัยพุทธกาลคําวา " แปต " เปนภาษา บาลีตรงกับคําวา " เปรต " ในภาษาสันสกฤตแปลวา " ผูไปกอน " หมายความถึงบรรพบุรุษที่ตายไปแลวของ ใคร ๆ ทุกคน ถาเปนคนดี พญายมซึ่งเปนเจาแหงความตายจะพาวิญญาณไปสูแดนอันเปนบรมสุขไมมาเกิดอีก แดนนี้อาจจะอยูทิศใตแคนเดียวกับยมโลก ตามความเชื่ออันเปนความเชื่อดังเดิมที่สุดของพราหมณซึ่งมีปรากฏ ในพระเวท อันเปนคัมภีรของศาสนาพราหมณ ตอมาพราหมณไดเกิดความเชื่อชิ้นใหม คือความเชื่อ เกี่ยวกับ นรก ดังนั้นชาวอินเดียจึงเกรงวาบรรพบุรุษที่ตายอาจจะไปตกนรกก็ไดหากคนไมชวย วิธกี ารชวยไมใหคนตก นรกก็คือ การทําบุญอุทิศสวนกุศลไปใหเรียกวาพิธีศราทธ ซึ่งกําหนดวิธีการทําบุญไวหลายวิธี หากลูกหลาน ญาติมิตรไมทําบุญอุทิศสวนกุศลไปใหบรรพบุรษุ ที่ตายไปเปนเปรตจะไดรับความอดยากมาก ดังนั้น การทําบุญ ทั้งปวงที่ทําเพื่ออุทิศผลไปใหแกผูลวงลับไปแลว ซึ่งเรียกวาทําบุญทักษิณานุปทานหรือเปตพลี นั้นลวนเปน ความเชื่อที่มีเคามาจากเรื่องเปรตของพราหมณทั้งสิ้น
สารทเดือนสิบ พิธกี รรม เริ่มตั้งแตวันแรม 1 ค่ํา เดือน 10 ซึ่งถือวาเปนวันที่พญายมปลอยตัวผูลวงลับไปแลวที่ (เรียกวา "เปรต") มาจากนรก สําหรับวันนี้บางคนก็ประกอบพิธี บางคนจะประกอบพิธีในวันแรม 13 ค่ํา 14 ค่ํา และ 15 ค่ํา โดยการนําอาหารไปทําบุญที่วัดเรียกวา "หมรับเล็ก" เปนการตอนรับบรรพบุรุษ และญาติมิตร ที่ขึ้นมาจากนรกเทานั้น การเตรียมการสําหรับประเพณีสารทเดือนสิบ เริ่มขึ้นในวันแรม 13 ค่ํา เดือน 10 วันนี้ เรียกวา "วันจาย" เปนวันที่เตรียมหมรับ และจัดหมรับ คือการเตรียมสิ่งของตาง ๆ ที่ใชในการจัดหมรับ เมื่อไดของ ตามที่ตองการแลวก็เตรียมจัดหมรับ การจัดหมรับแตเดิมใชกระบุงเตี้ย ๆ ขนาดเล็กหรือใหญก็ได แตภายหลัง ใชภาชนะไดหลายชนิด เชน กระจาด ถาด กะละมัง ถัง หรือ กระเชอ สําหรับสิ่ง การจัดหมรับ ชั้นแรกใสขาวสารรองกระบุงแลวใสหอม กระเทียม พริก เกลือ กะป น้ําตาล และ เครื่องปรุงอาคาว หวาน ที่เก็บไวไดนาน ๆ เชน มะพราว ฟก มัน กลวย (ที่ยังไมสุก) ออย ขาวโพด ขา ตะไคร ขมิ้น และพืชผักอื่น ๆ นอกจากนั้นก็ใสของใชในชีวิตประจําวัน เชน น้ํามันมะพราว น้ํามันกาดไต ไมขีดไฟ หมอ กะทะ ถวยชาม เข็ม ดาย เครื่องเชี่ยนหมาก ไดแก หมาก พลู ปูน กานพลู การบูน พิมเสน สีเสียด ยา เสน บุหรี่ ยาสามัญประจําบาน ธูปเทียน แลวใสสิ่งอันเปนหัวใจอันสําคัญของหมรับคือ ขนม 5 อยางมี ดังนี้ 1. ขนมลา เปนสัญลักษณแทนแพรพรรณเครื่องนุงหม 2. ขนมพอง เปนสัญลักษณแทนแพสําหรับบุรพชน ใชลองขามหวงมหรรณพ 3. ขนมบา เปนสัญลักษณแทนสะบา สําหรับบุรพชนจะไดใชเลนสะบา ในวันสงกรานต 4. ขนมกง (ขนมไขปลา) เปนสัญลักษณแทนเครื่องประดับ 5. ขนมดีซํา เปนสัญลักษณแทนเงินเบี้ย สําหรับใชสอย
ความสําคัญ เปนความเชื่อของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดภาคใตโดยเฉพาะอยางยิ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่เชื่อวาบรรพ บุรุษอันไดแก ปูยา ตายาย และญาติพี่นองที่ลวงลับไปแลว หากทําความชั่วจะตกนรกกลายเปนเปรต ตองทน ทุกขทรมานในอเวจี ตองอาศัยผลบุญที่ลูกหลานอุทิศสวนกุศลใหแตละปมายังชีพ ดังนั้นในวันแรม ๑ ค่ําเดือน สิบ คนบาปทั้งหลายที่เรียกวาเปรตจึงถูกปลอยตัวกลับมายังโลกมนุษยเพื่อมาขอสวนบุญจากลูกหลานญาติพี่ นอง และจะกลับไปนรกในวันแรม ๑๕ ค่ํา เดือนสิบ ในโอกาสนี้เองลูกหลานและผูยังมีชีวิตอยูจึงนําอาหารไป ทําบุญที่วัด เพื่ออุทิศสวนกุศลใหแกผูที่ลวงลับไปแลว เปนการแสดงความกตัญูกตเวที สาระ ประเพณีสารทเดือนสิบมีสาระสําคัญหลายประการ ดังนี้ ๑. เปนการแสดงความกตัญูกตเวทีตอบรรพบุรุษที่ลวงลับไปแลว ที่ไดอบรมเลี้ยงดูลูกหลาน เพื่อตอบแทน บุญคุณ ลูกหลานจึงทําบุญอุทิศสวนกุศลไปให ๒. เปนโอกาสไดรวมญาติที่อยูหางไกล ไดพบปะทําบุญรวมกันสรางความรักใครสนิทสนมในหมูญาติ ๓. เปนการทําบุญในโอกาสที่ไดรับผลผลิตทางการเกษตรที่เริ่มออกผลเพราะเชื่อวาเปนสิริมงคลแกตนเองและ ครอบครัว ๔. ฤดูฝนในภาคใตจะเริ่มขึ้นในปลายเดือนสิบ พระภิกษุสงฆบิณฑบาตยากลําบาก ชาวบานจึงจัดเสบียงอาหาร นําไปถวายพระในรูปของหฺมฺรับ ใหทางวัดไดเก็บรักษาเปนเสบียงสําหรับพระภิกษุสงฆในฤดูฝน
ประเพณีสารทเดือนสิบมีขึ้นดวยเหตุผลหลายประการ ดังนี้ 1. เนื่องมาจากความเชื่อทางพุทธศาสนา เชื่อวาในปลายเดือนสิบปูยา ตายาย ญาติพี่นองที่ลวงลับไปแลว และ คนบาปทั้งหลายที่ตกนรก จะถูกปลอยจากนรกใหขึ้นมาพบญาติพี่นองในวันแรม 1 ค่ํา เดือนสิบ และให กลับไปนรกดังเดิมในวันแรม 15 ค่ํา เดือนสิบ ดังนี้ผูที่ยังมีชีวิตอยูก็พยายามหาอาหารตาง ๆ ไปทําบุญที่วัด เพื่ออุทิศสวนกุศลใหแกผูที่ลวงลับที่ขึ้นมาจากนรก 2. เปนการทําบุญเนื่องจากความชื่นชมยินดีในโอกาสที่ไดรับผลิตผลทางการเกษตร 3. เพื่อนําพืชผลตาง ๆ ที่ไดรับจากการเกษตรไปทําบุญสําหรับพระภิกษุจะไดเก็บไวเปนเสบียงในฤดูฝน ซึ่งจะ เริ่มในตอนปลายเดือนสิบ 4. เพื่อเปนการแสดงความรื่นเริงและสนุกสนานประจําปรวมกันเพราะความภาคภูมิใจ ความสุขใจ และความ อิ่มใจ ที่ไดปฏิบัติการทําบุญอุทิศสวนกุศลใหบรรพบุรุษ ญาติมิตรที่ลวงลับไปแลว
เขตบางกอกนอย สํานั กงานเขตบางกอกน อยได จั ดทํ า โครงการอนุ รักษ วั ฒ นธรรมงานบุ ญสารทเดื อนสิ บ จั ดเป น ประจํ า ตอเนื่องทุกป ณ วัดดุสิดารามวรวิหาร เขตบางกอกนอย จะจัดขึ้นในชวงสิ้นเดือน 10 หรือวันแรม 15 ค่ํา เดือน 10
สําหรับประเพณีงานสารทเดือนสิบ สํานักงานเขตบางกออกนอยรวมกับสหภูมิภาคทักษิณจัดขึ้นทุกป เพื่อใหพี่นองชาวใตทั้ง 14 จังหวัด ที่เขามาอาศัยอยูในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่ไมสามารถเดินทาง กลับไปทําบุญตามประเพณียังบานเกิดของตนไดมีโอกาสแสดงความกตัญู โดยรวมทําบุญอุทิศสวนกุศลแด บรรพบุรุษที่ลวงลับไปแลว อีกทั้งยังเปนการรวมอนุรักษขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามทางพระพุทธศาสนา ของชาวใตที่มีมาแตโบราณใหคงอยูสืบตอไป
มีการทําบุญอัฐิอุทิศใหบรรพบุรุษ มอบทุนการศึกษา พระภิกษุ-สามเณร นักเรียน และทําบุญทอดผาปา สามัคคี จํานวน 15 กอง นําไปถวายวัด 14 จังหวัดภาคใตและกรุงเทพมหานคร รวม 15 จังหวัด โดยเปดให พุทธศาสนิกชนรวมทําบุญองคผาปา 15 กอง. ตั้งเครื่องสังเวยบรรพบุรุษ(รานเปรต) และรวบรวมนายชื่ออัฐิ เพื่อบังสุกุล ถวายผาปาสามัคคี 15 จังหวัด แสดงพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ ถวายภัตตาหารเพลแดพระภิกษุ สามเณรพระสงฆสวดมาติกาบังสุกุลและพิธีสังเวยบรรพบุรุษ(ชิงเปรต) มอบทุนการศึกษาแดพระภิกษุ สามเณร และนักเรียน
มีศิลปวัฒนธรรมภาคใตดวยการแสดงและการละเลนพื้นบาน อาทิ การแสดงมโนราห การละเลนเพลงบอก รวมถึงการสาธิตและจําหนายสินคา ขนมทองถิ่นของชาวใต เชน ขนมกง ขนมลา ขนมดีซํา ขนมพอง ขนมบา เปนตน