“
วิ่งมาแกบน
การบนบาน” นั้นเปนการไปขอความชวยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และมีการใหคํามั่นสัญญาตอ สิ่งศักดิ์สิทธิ์วาจะใหบางสิ่งบางอยางที่เชื่อ หรือคาดวาสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆ โปรดปรานเปนเครื่องตอบ แทน ซึ่งเมื่อสัมฤทธิ์ผลแลวก็ตองมีการทําตามคําสัญญาที่ไดตั้งจิตอธิษฐานไว โดยมีการนําเครื่องตอบ แทนที่วานั้นมาใหตามที่บนบานไว ซึ่งเรียกวาเปนการ “แกบน” นั่นเอง และ “การแกบน” ตอสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ในแตละสถานที่นั้น ก็มักจะมีเรื่องราวและรูปแบบของการแกบนแบบตางๆ ที่หลากหลาย อยางเชน การบนถวายดอกไม ถวายไขตม หัวหมู ถวายละครรํา หรืออะไรอื่นๆ อีกมากมายตามแตละ บุคคลที่จะทําการบนบานและแกบนกัน และการแกบนก็อาจจะมีเรื่องราวของการแกบนแบบแปลกๆ ที่มีความนาสนใจอยูไมนอย อยางเชนการแกบนที่ “วัดสุวรรณารามราชวรวิหาร” ซึ่งที่นี่มีการแกบน แบบแปลกๆ เฉพาะทองถิ่นที่ชาวบานบุ ซึ่งเปนชุมชนริมคลองบางกอกนอยนับถือปฏิบัติสืบตอกันมา อยางยาวนาน ชาวบานบุใหความเคารพ นับถือ และศรัทธา “วัดสุวรรณาราม” วาเปนดั่งศูนยรวมจิตใจของ ชุมชน ซึ่งภายในวัด มีพระอุโบสถ อันเปนที่ประดิษฐานพระประธานที่มีชื่อวา “พระศาสดา” หรือที่ ชาวบานบุเรียกดวยความเคารพกันวา “หลวงพอศาสดา” ถือวาเปนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และที่เคารพบูชา อยางสูงสุดอยางหนึ่งของชาวบานบุ ซึ่งองคหลวงพอศาสดานั้น มีลักษณะเปนพระพุทธรูปปางมารวิชัย สรางโดยฝมือชางสุโขทัย องคพระมีความสูงถึงรัศมี 8 ศอก 1 คืบ 8 นิ้ว หนาตักกวาง 6 ศอก 1 คืบ เปนพระพุทธรูปที่มีความงดงาม สงางามดวยทรวดทรงอันออนชอย
องคหลวงพอศาสดานี้ ชาวบานบุมีความเคารพ นับถือกันมาหลายชั่วอายุคนแลววา หลวงพอ ศาสดามีความศักดิ์สิทธิ์ในแงที่ทานจะคอยปกปองคุมครองชาวบานบุใหอยูเย็นเปนสุข ซึ่งหากกลาว โดยหลักทางพระพุทธศาสนา หลวงพอศาสดาก็คือพระพุทธรูปองคหนึ่งซึ่งเปนสัญลักษณแทนองค พระสัมมาสัมพุทธเจา แตวาชาวบานบุนั้นกลับมีความเชื่อเฉพาะของทองถิ่นวาหลวงพอศาสดากลับ เปนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีตัวตน ที่จะคอยชวยดลบัลดาลประทานพรใหแกชาวบานที่มากราบไหวขอพร และ มาบนบานกับทาน ใหไดสมหวังดังที่บนบานไว จนเกิดใหมีเรื่องราวของการแกบนแบบแปลกๆ ตอ องคหลวงพอศาสดาขึ้นมา ซึ่งถือวาเปนความเชื่อเฉพาะถิ่นที่ไมเหมือนที่อื่น ที่ชาวบานบุยังคงเชื่อถือ และศรัทธากับการแกบนหลวงพอปฏิบัติสืบทอดตอกันมาจนถึงทุกวันนี้ “หลวงพอศาสดา” กับการแกบนแบบไมเหมือนใคร “อันเรื่องการแกบนนี้ รูความก็เห็นวามีมานานแลว ตั้งแตสมัยโบร่ําโบราณ ตั้งแตผมโตมาก็รู เรื่องวามีมาแลว มันเปนคลายๆ กับลักษณะความเชื่อมั่นของเราเองวาเปนอยางนี้ มันเปนความเชื่อถือ ของคนที่นี่ และพระทานก็มีชื่อเสียงมาในทางที่ดีมาโดยตลอด อันนี้ผมนับถือแตยังไมเคยบน แตวาถา มาผานโบสถก็ตองวันทากันทุกครั้งที่ผานมา” ลุงวีระ รุงแสง ประธานชุมชนบานบุ เปนชาวบานบุตั้งแตกําเนิดที่มีความผูกพันกับวัดสุวรรณ ราม และมีความนับถือศรัทธาในองคหลวงพอศาสดาเปนอยางมาก ไดเลาถึงความเชื่อ ความศรัทธา ในเรื่องของการแกบนแบบแปลกๆ ทั้ง 3 อยางที่มีตอหลวงพอศาสดาอันไมเหมือนใครของที่นี่ใหฟง พรอมกับเลาใหฟงถึงลักษณะการแกบนทั้ง 3 แบบที่ชาวบานบุปฏิบัติกันมาใหรูวา ชาวบานบุมีความเชื่อมาตั้งแตครั้งสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 วา การมาบนหลวงพอศาสดา แลวไดดั่งที่บนบานไวก็ตองมาแกบน ซึ่งหลวงพอศาสดานั้นทานไมชอบใหแกบนดวยดนตรี ละคร หรือ การละเลนอื่นๆ แตจะชอบใหแกบนแบบแปลกๆ ซึ่งในอดีตนั้นจะมีการแกบนอยู 3 อยาง คือบนเขก หัวตัวเอง บนตุกตาลมลุก และบนวิ่งมา
“การบนเขกหัวตัวเอง ถาบนวาจะเขกกี่ทีก็ตองแกบนเขกตามนั้นและเขกดวยมือของตนเอง มีคนที่มาแกบนมักพูดกันวาเหมือนมีคนมาจับมือเราใหเขกหัวตัวเอง เพราะคนที่ไปแกบนดวยวิธีนี้หัว ปูดกันทุกคน” ลุงวีระ เลาใหฟงถึงการบนเขกหัวตัวเอง และยังอธิบายถึงการแกบนแบบอื่นๆ วา การบนตุกตาลมลุก การแกบนดวยวิธีนี้จะเหนื่อยและลําบาก เริ่มดวยการนั่งชันเขาตรงหนา ใบเสมา แลวเอามือทั้งสองสอดเขาไปไวกุมใตขา จากนั้นก็กลิ้งวนขวาไปหาซายหมุนใหเปนวงกลม บน ไววาจะหมุนกี่รอบก็หมุนไปตามจํานวนนั้น การแตงกายจะแตงเหมือนเด็กหัวจุกหรือไมก็ได แตตอง สมมติใหตัวเราเปนตุกตา ทั้งนี้จางคนอื่นมาแกบนแทนก็ได ลุงวีระบอกวาการบนในลักษณะนี้ถาบน เรื่องขอใหถูกหวยหรือบนในเรื่องการพนัน หลังจากแกบนเสร็จแลวก็ลวนตางเจ็บตัวกันไปตามๆ กัน ราวกับวาหลวงพอศาสดาไมสนับสนุนใหเลนการพนัน ทั้งนี้การบนและแกบนเขกหัวตัวเองหรือตุกตาลมลุก สวนมากจะขอใหชวยในเรื่องที่เดือดเนื้อ รอนใจหรือขอบนไมใหฝนตก ซึ่งปจจุบันนี้การแกบนทั้ง 2 อยางนี้ไมคอยมีใครมาบนและแกบนดวย วิธีการนี้สักเทาไหรแลว เพราะเปนการแกบนที่ยาก จะเห็นมีก็แตการ “วิ่งมา” แกบนที่ยังคงมีใหเห็น และเปนการแกบนที่หลวงพอศาสดาโปรดปรานเปนอยางมาก ถือวาเปนการแกบนที่มีชื่อเสียงของวัด สุวรรณาราม ที่ชาวบานก็ยังคงนับถือปฏิบัติการวิ่งมาแกบนกันมาอยางตอเนื่อง จนจะเรียกวาเปน เอกลักษณของการแกบนที่ไมมีที่ไหนเหมือนแลวก็วาได
“วิ่งมา” แกบน องคหลวงพอศาสดา การ “วิ่งมา” แกบน ที่หลวงพอศาสดาชื่นชอบนั้น มีเรื่องราวเลากันมาวาพระศาสดาโปรด ปรานการวิ่งมามาก หลังจากที่อัญเชิญจากสุโขทัยมาประดิษฐานไวที่วัดวัดสุวรรณารามแลว มีคนมา บนบานศาลกลาวในเรื่องของการงานและการคาขาย เมื่อสําเร็จผลก็ไดฝนไปวา มีพราหมณทานหนึ่ง มาบอกวาใหแกบนดวยการวิ่งมาจึงเปนที่มาของพิธีแกบนที่วัดแหงนี้ ลุงวีระ พูดถึงการวิ่งมาแกบนวา “ทุกวันนี้การแกบนวิ่งมายังมีใหเห็น มีทั้งคนในชุมชนและ คนตางถิ่น การบนดวยการวิ่งมาจะบนเรื่องอะไรก็ได จะขอไมใหฝนตก แตสวนใหญคนจะมาบนวิ่งมา กันในเรื่องของการเกณฑทหาร เมื่อกอนการวิ่งมาแกบนจะใชกานกลวยมาเปนตัวมา แตเดี๋ยวนี้ไมเอา แลว ใชผาขาวมาแทน นําผาขาวมามาผูกมัดใหเปนหัวขมวดปมคลายๆ เปนหัวมา ขางหลังก็เปน หาง” “เวลามาแกบน ตองมาจุดธูปไหวบอกกอนที่จะวิ่ง ตองมานั่งคุกเขาอยูดานหนาใบเสมา ตรงหนาโบสถ ตั้งนะโม 3 จบ แลวก็บอกวาจะมีการมาวิ่งแกบนเนื่องจากที่ไดบนบานไว แลวก็เริ่มวิ่ง รอบโบสถตามจํานวนที่ไดบนไว วิ่งวนขวาของโบสถ แลวเวลาวิ่งก็ตองรองเสียงมาฮี้ๆ ฮี้ๆ ไปเรื่อยรอบ โบสถดวย พอวิ่งเสร็จก็มากราบอีกที เปนอันวาเสร็จสิ้นการแกบน” ลุงวีระอธิบายถึงวิธีการวิ่งมาแก บน
สําหรับเรื่องราวความเชื่อของการ “วิ่งมา” แกบนตอหลวงพอศาสดาของที่นี่ นอกจากจะมี ความแปลกนาสนใจไมเหมือนใครแลว ยังมีเรื่องราวความ (เหลือ) เชื่อ หรือปาฏิหาริยที่เกิดขึ้น มากมาย ดังที่มีเรื่องเลาตอๆ กันมาวา มีคนมาวิ่งมาแกบน แลวแกลงวิ่งหลอกๆ ไมยอมวิ่งจริงๆ แตทํา ไปไดเพียงครูเดียวเทานั้น จูๆ ก็เหมือนมีมือขนาดยักษมาเขกหัว ทั้งๆ ที่บริเวณนั้นไมมีใครเลย ซึ่งนับ แตนั้นมาทําใหหลายๆ คนไมกลาวิ่งมาหลอกๆ แกบนที่วัดนี้อีกเลย หรือจะเปนกรณีที่ลุงวีระเลาใหฟง วา “เคยมีคนถูกหวยแลวเขาบนไววาจะวิ่งมา 15 รอบ ซึ่งถาดูแลววิ่ง 15 รอบแบบเหยาะๆ นี่สบาย เลย เขาก็วิ่งเวียนขวา เขาวาพอยกมือเสร็จจะวิ่งปุบ ระยะจากหนาโบสถไปหลังโบสถมันสุดลูกหูลูกตา เลย เหมือนระยะทางมันยืดออกไปเลย เขาก็วิ่งพอไปถึงทายโบสถเขาไมไหว เพื่อนตองไปรอรับเอายา ลมมากินกัน พอเสร็จแลวบอกวาไมไหวแลวหลวงพอ พรุงนี้เอาใหม หลวงพอก็ให ทีนี้พอรุงขึ้นเตรียม มาเลยกอนจะวิ่งกินยาลมเลย และพรรคพวกไปยืนรอ ทีละครึ่งโบสถ พอออกวิ่งครบรอบโบสถ เรียกวาโซซัดโซเซตองประคองปกกันเลย หนึ่งวันวิ่งไดครึ่งรอบ วิ่งอยูหนึ่งเดือนถึงจะครบตามที่บนไว บอกวาเข็ดเลย เรียกวาวัตถุประสงคของหลวงพอทานไมตองการสงเสริมลักษณะการบนเพื่อการพนัน แบบนี้ หลวงพอทานไมชอบใหใครเลนการพนัน” เรียกวาการ “วิ่งมา” แกบนตอองคหลวงพอศาสดานี้มีความศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของ ชาวบานบุที่ไมมีใครกลาหลบหลูตอความเชื่อนี้ ซึ่งทุกวันนี้ความเชื่อของการวิ่งมาแกบนไดกลายเปน ชองทางของการสรางรายไดใหกับคนในชุมชนของชาวบานบุเอง เพราะหลายๆ คนเมื่อทราบวาหลวง พอศาสดามีความศักดิ์สิทธิ์และชื่นชอบการแกบนดวยการวิ่งมา ตางก็พากันมาบนบานและมาแกบน ดวยการวิ่งมา ซึ่งอันที่จริงการวิ่งมานั้นคนบนอาจจะแกบนวิ่งมาเองหรือวาจะจางคนอื่นมาวิ่งแทนก็ได ซึ่งเปนการสรางรายไดใหเกิดขึ้นภายในชุมชนบานบุ
วิ่งมา” แกบน สรางรายได พี่สุนัน รัตนพงศธระ เปนชาวบานบุที่มีความศรัทธาตอองคหลวงพอศาสดาและมีความเชื่อ เกี่ยวกับการวิ่งมาแกบนหลวงพอ ซึ่งเคยบนมากับตัวเองและก็ไดสมหวังตามที่ขอไว จึงทําใหมีความ เชื่อ ความศรัทธาตอการวิง่ มาแกบนเปนอยางมาก อีกทั้งยังไดเปนผูเริ่มตนการหาเด็กๆ ในชุมชนบาน บุมาวิ่งมาแกบนแทนคนที่ไมสามารถวิ่งมาแกบนไดดวยตัวเอง จนเกิดเปนอาชีพขึ้นมาก็วาได ที่ สามารถสรางรายไดใหกับเด็กๆ ในชุมชนและยังเปนการชวยอนุรักษการวิ่งมาแกบนใหยังคงอยูคูกับ ชาวบานบุตอไป “เรื่องแบบนี้มันก็ขึ้นอยูที่ความเชื่อของคนเรา คนที่เขาไมเชื่อก็จะวาเรางมงาย แตวาถาไดกับ ตัวเองแลวก็จะรูวามันไมงมงาย มันมีสวนจริง เปนความเชื่อสวนบุคคล อยางการวิ่งมาแกบน ถาเขายัง เชื่อก็ยังมีตอไป แตถาเขาไมเชื่อก็จะคอยๆ หายไป เราก็อยากใหอนุรักษไว จะไดรูวาดั้งเดิมมี มีการ เชื่อของคนแบบนี้” “อยางที่มีการจางเด็กวิ่งมาแกบนเกิดขึ้นมาจากการที่บางคนที่มาบนสูงอายุหรือวาวิ่งเองไม ไหว เขาก็จะหาตัวแทนและจะบอกหลวงพอวาจางเด็กมาเปนตัวแทนวิ่งแทน เพื่อใหสิ่งที่ไดบนไวหมด สิ้นกันไป ไมติดคาง ตัวพี่เองเขามาดูแลเรื่องหาเด็กมาวิ่งมาแทนมาหลายปแลว ก็ใชวิธีไปถามเด็กๆ
ใครจะวิ่งมามั่ง พอถามปบก็ไมใครปฏิเสธก็มาวิ่งให ก็ถือวาเปนการสรางรายไดใหกับเด็กในชุมชน แลว เด็กก็จะไดไมไปยุงเกี่ยวกับยาเสพติด พอมีงานเด็กก็มา ก็ไดเงินเอาไปใช” พี่นันบอกพรอมกับเลาถึง ขั้นตอนของการจางเด็กวิ่งมาแกบนใหฟงวา “คนที่มาวิ่งมาแกบน แตไมวิ่งเอง ตอนมาแกบนก็จะมาติดตอใหหาเด็กมาวิ่งให และก็ตองเตรียม ดอกไม ธูปเทียนมา สวนอุปกรณในการวิ่งมาก็จะมีผาขาวมามาใหเด็ก และเด็กจะผูกใหเปนหัวมา เปนหางมา แลวก็นําไปไหวกอนที่จะออกวิ่ง เวลาวิ่งก็ใหชูคอไวเหมือนชูคอมา แลวก็ออกวิ่ง ทุกวันนี้ จะวิ่งกัน 3 รอบตอมา 1 ตัว” “แตถาหากใครบนมาไว 9 ตัว 10 ตัว ก็ตองจางเด็กมาเปนมาวิ่งตามจํานวนที่บนไว แลวพอ เด็กวิ่งเสร็จเขาก็จะใหผาขาวมากับเด็กไว เด็กๆ เขาก็จะเก็บผาไว เพราะวาการบนวิ่งมาจะใช ผาขาวมาใหม แลวที่นี่บางคนที่มาแกบนจางใหเด็กวิ่ง แตวาไมมีผาขาวมามาใหเด็ก เด็กเขาก็จะเอา ผาขาวมาใหมที่เก็บไวอยูมาวิ่ง สวนเรื่องคาจางคนจางเขาก็จะใหเงินเด็ก บางคนเขาก็ใหเพิ่มบาง แลวแตตกลงกับเด็กไว” พี่สุนันบอกรายละเอียด เรื่องราวของการแกบนของชาวบานบุที่มีตอความศรัทธาในองคหลวงพระศาสดาที่ชาวบาน เคารพนับถือบูชา ถือวาเปนความเชื่อ ความศรัทธาเฉพาะทองถิ่น ที่ถึงแมวาสังคมในโลกยุคดิจิตอลจะ มีวิวัฒนาการกาวไกลไปเพียงใด แตความเชื่อ ความศรัทธาในเรื่องของการแกบนก็จะยังคงอยูคูกับ ชาวบานบุสืบไป ตราบใดที่ความเชื่อยังฝงแนนลึกอยูในจิตใจของชาวบานทุกคน ที่มา : http://www.palungdham.com/t174.php