km2556

Page 1

คูม่ ือการจัดการความรู้ ปี การศึกษา ๒๕๕๖

คู่มือการจัดการความรู้ (Knowledge Management Action)

ปีการศึกษา ๒๕๕๖

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์วชิระ สถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์ วชิระ



คูม่ ือการจัดการความรู้ ปี การศึกษา ๒๕๕๖

คานา วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์วชิระ โดยงานการจัดการความรู้ ได้จัดทา“คู่มือการจัดการ ความรู้ ประจาปีการศึกษา๒๕๕๖”เล่มนี้ขึ้นเพื่อให้เป็นคู่มือในการจัดทาแผนจัดการความรู้ของบุคลากรใน วิทยาลัยฯ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและให้แนวทางในการจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) ที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากขึ้น งานจัดการความรู้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคู่มือฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อ บุคลากรในวิทยาลัยฯ ในการ จัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) เพื่อนาไปสู่สัมฤทธิผลในการดาเนินงานของหน่วยงานเพื่อ ให้ เกิดการพัฒนาสถาบันสู่สถาบันแห่งการเรียนรู้ประสิทธิภาพสูงสุดและยั่งยืน ต่อไป

งานจัดการความรู้ เมษายน ๒๕๕๖

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์ วชิระ


คูม่ ือการจัดการความรู้ ปี การศึกษา ๒๕๕๖

สารบาญ ความเป็นมา ความสาคัญของการจัดการความรู้ วัตถุประสงค์ และประเภทการจัดการความรู้ เครื่องมือ และประโยชน์การจัดการความรู้ กระบวนการบริหารจัดการความรู้ กระบวนการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง ปัจจัยที่ทาให้การจัดการความรู้ไม่ประสบผลสาเร็จ ปัจจัยที่ส่งผลให้การจัดการความรู้ประสบผลสาเร็จ การตัดสินใจเลือกดาเนินการการจัดการความรู้ การดาเนินงานการจัดการความรู้ โครงสรางกลุ่มงานวิจัยและบริการวิชาการ รายการอ้างอิง ภาคผนวก แบบฟอร์ม แบบฟอร์มที่ ๑ การตัดสินใจเลือกKM แบบฟอร์มที่ ๒ ขอจัดตั้งกลุ่ม CoP แบบฟอร์มที่ ๓ แผนการดาเนินงานการจัดการความรู้ หนังสือเชิญเป็นผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบคุณภาพคู่มือ แบบประเมินคุณภาพคู่มือ

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์ วชิระ

หน้า ๑ ๒ ๓ ๔ ๖ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗


คูม่ ือการจัดการความรู้ ปี การศึกษา ๒๕๕๖ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์วชิระ คู่มือการจัดการความรู้ ประจาปีการศึกษา ๒๕๕๖ ความเป็นมาของการจัดการความรู้ ตามที่พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา ๑๑ กาหนดไว้ว่า “ส่วนราชการมีหน้าที่พัฒ นาความรู้ในส่วนราชการ เพื่อให้มีลักษณะเป็นองค์กรแห่ งการ เรียนรู้ อย่างสม่าเสมอ และจากมาตรฐานการอุดมศึกษาข้อที่ ๓ กาหนดให้สถาบันมีการสร้างและพัฒนาสังคม ฐานความรู้และสังคมแห่งการเรียนรู้ ซึ่งต้องมีการจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่สถาบันแห่งการเรียนรู้ โดยต้องรับรู้ ข้อมูลข่าวสารและสามารถประมวล ผลความรู้ในด้านต่างๆ เพื่อนามาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติราชการได้อย่าง ถูกต้อง รวดเร็ว และเหมาะสมต่อสถานการณ์ วิ ท ยาลั ย พยาบาลบรมราชชนนี นพรั ต น์ ว ชิ ร ะ สั ง กั ด สถาบั น พระบรมราชชนก ส านั ก งาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข สถาบันสมทบมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ตระหนักถึงความสาคัญในการปฏิบัติ ราชการตามหลั ก เกณฑ์ แ ละวิ ธี ก ารบริ ห ารกิ จ การบ้ า นเมื อ งที่ ดี จึ ง มี ก ารน าระบบการจั ด การความรู้ (Knowledge Management) มาใช้ ทั้ ง นี้ ก ารจั ด วางระบบการจั ด การความรู้ แ ละแผนด าเนิ น งาน โดย วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์วชิระ ได้จัดตั้งคณะกรรมการจัดการความรู้เพื่อดาเนินงานการจัดการ ความรู้ให้มีประสิทธิภาพ ต่อไป ความสาคัญของการจัดการความรู้ ปัจจุบันถือว่าเป็นยุคเศรษฐกิจฐานความรู้ (Knowledge-Based Economy) ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่อาศัย การสร้าง การกระจาย และการใช้ความรู้เป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ทาให้เกิดการเติบโต สร้างความมั่งคั่ง จะต้อง ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการดาเนินงานจากการแข่งขันในเชิงขนาด เป็นการแข่งขันที่ต้องใช้ความเร็ว สร้างความ ได้เปรียบด้านการผลิตโดยอาศัยสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ เช่น ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ เทคโนโลยี มากขึ้น จะเห็นได้ว่าความรู้เป็นสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดขององค์กร ไม่มีขีดจากัด ยิ่งใช้ยิ่งเพิ่ม ยิ่งสามารถเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ ได้มากขึ้นเท่านั้น จากความสาคัญของความรู้ดังกล่าวจึงเกิด การจัดการความรู้ (Knowledge Management : KM) โดยมีกระบวนการที่เป็นระบบในการค้นหา สร้าง รวบรวม จัดเก็บ เผยแพร่ ถ่ายทอด แบ่งปันและใช้ ความรู้นั้นเพื่อประโยชน์ขององค์กร นอกจากภาคเอกชนที่ให้ความสาคัญกับการจัดการความรู้แล้ว ภาครัฐก็ ตื่นตัวในเรื่องนี้เช่นกัน ดังจะเห็นได้จาก พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมือง ที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา ๑๑ กาหนดไว้ว่า “ส่วนราชการมีหน้าที่พัฒนาความรู้ในส่วนราชการเพื่อให้มีลักษณะ เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างสม่าเสมอ โดยต้องรับรู้ข้อมูลข่าวสาร และสามารถประมวลผลความรู้ในด้าน ต่างๆ เพื่อนามาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติราชการได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเหมาะสมต่อสถานการณ์ รวมทั้ง ต้องส่งเสริมและพัฒนาความรู้ ความสามารถ สร้างวิสัยทัศน์ และปรับเปลี่ยนทัศนคติของข้าราชการในสั งกัด ให้เป็นบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ และมีการเรียนรู้ร่วมกัน” การจัดการความรู้(Knowledge Management) หมายถึง การรวบรวมองค์ความรู้ที่มีอยู่ในองค์กร ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในตัวบุคคลหรือเอกสาร มาพัฒนาให้เป็นระบบ มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อนาความรู้ที่ ฝังอยู่ในคน Tacit Knowledge ของตัวบุ คคล ถ่ายทอดออกมาและนาความรู้มาใช้ประโยชน์ในการพัฒ นา ระบบงานพัฒนาคนและพัฒนาองค์ การสู่การปฏิบัติ งานที่ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์ วชิระ


คูม่ ือการจัดการความรู้ ปี การศึกษา ๒๕๕๖ วัตถุประสงค์ของการจัดการความรู้ ๑. เพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถระดับบุคคล ๒. เพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถองค์กร ๓. เพื่อพัฒนาองค์ความรู้สู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ ๔. เพื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างความสาเร็จขององค์กร ๕. เพื่อสร้างนวัตกรรมขององค์กร ๖. เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ขององค์กร ประเภทของความรู้ความรู้ ๑. ความรู้เด่นชัด (Explicit Knowledge) ความรู้ที่อยู่ในรูปแบบที่เป็นเอกสาร ได้แก่ ตาราวิชาการ เอกสารคู่มือ ปฎิบัติงาน จึงเปรียบได้กับส่วนยอดของภูเขาน้าแข็งที่ลอยอยู่เหนือน้า มองเห็นได้ชัดเจน ๒. ความรู้ซ่อนเร้น (Tacit Knowledge) ความรู้ที่แฝงในตัวคน เป็นประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนานจากประสบ การของการทางาน อยู่ในลักษณะที่เรียกว่า ภูมิปัญญา เปรียบกับภูเขาน้าแข็งส่วนที่จมอยู่ใต้น้า ไม่สามารถมองเห็นได้

ซึ่งเมื่อพิจารณาสัดส่วนของความรู้ทั้ง ๒ ประเภทแล้ว พบว่าอัตราส่วนความรู้ที่ฝังในตัวคน (Tacit Knowledge) มากกว่าความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) ถึง ๘๐: ๒๐ เปรียบเสมือนปรากฏการณ์ ทางธรรมชาติ เช่น ภูเขาน้าแข็ง ที่เปรียบความรู้ชัดแจ้งเป็นน้าแข็งส่วนที่โลกพ้นน้าขึ้นมาเพียง ร้อยละ ๒๐ แต่ ความรู้ที่ฝังอยู่ในตัวคนเป็นน้าแข็งส่วนที่จมอยู่ใต้น้าถึง ร้อยละ๘๐ ความรู้ที่ชัดแจ้ง

รูปที่ ๑ ภูเขาน้าแข็ง ( ที่มา : สานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, ๒๕๔๘)

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์ วชิระ


คูม่ ือการจัดการความรู้ ปี การศึกษา ๒๕๕๖ เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการความรู้ ๑. การสะท้ อนคิด (Self - Reflection) เป็ น การเขี ยนหรือบอกเล่ าความคิ ดเห็ น ของตนเองที่ มี ต่ อ กิจกรรมนั้นๆ เพื่อการปรับปรุงพัฒนาตนเอง งาน และองค์กร ๒. ชุมชนแนวปฏิบัติ (Community of Practice : COP) เป็นกลุ่มคนที่มีความสนใจในเรื่องใดเรื่อง หนึ่งร่วมกัน มารวมตัวกันและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อร่วมสร้างความเข้าใจหรือเพื่อการพัฒนา ๓. สุนทรียสนทนา (Dialogue) เป็นกระบวนการสื่อสารภายในองค์กร ที่เป็นลักษณะของการพัฒนา กระบวนการคิดร่วมกัน เป็นการพัฒนากระบวนการคิด เพื่อความเข้าใจในระดับที่หยั่งลึก (Tacit Level) ๔. การเขียนเล่าประสบการณ์ (Story Telling) หมายถึง การเล่าประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้ เล่าเอง จากการพบเห็น การอ่านการฟังซึ่งจะต้องเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงถ่ายทอดให้ผู้อ่านฟังได้ ๕.การทบทวนก่อนกิจกรรม (Before Action Review : BAR )หมายถึง เปรียบได้กับ หัวปลา หรือ เป้าหมายของการจัดการความรู้สิ่งที่จะทา เปรียบเสมือน แผนการจัดการความรู้ สาหรับสิ่งที่เราคิดทาเอง เทียบได้กับ สิ่งที่ผู้ปฏิบัติงานวิเคราะห์แล้วว่า เป็นสิ่งที่มีความสาคัญ เร่งด่วน ตอบสนองต่อวิสัยทัศน์ พันธกิจ ของสถาบัน หรือต่อความต้องการของบุคลากร ๖. การทบทวนหรื อ ประเมิ น ผลหลั งกิ จ กรรมส าเร็ จ (After Action Review: AAR) หมายถึ ง การ ทบทวนหรือประเมินผลหลังกิจกรรมสาเร็จเสร็จสิ้น เทียบกับเป้าหมายมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในแต่ละครั้งว่ามี จุดดี จุดด้อยโอกาสและอุปสรรคอย่างไร ๗. การเรี ย นรู้ ห ลั ง กิ จ กรรมส าเร็ จ (Action Learning Review :ALR) หมายถึ ง การเรี ย นรู้ ห ลั ง กิจกรรมสาเร็จ เสร็จสิ้น ว่าได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เพื่อการพัฒนา คน งาน องค์การ อย่างไร ๘. การเล่าเรื่อง (Success Story Telling: SST) หมายถึง (Story Telling) การบอกเล่าเรื่องราวที่ทา ให้ผู้ฟังเข้าไปมีส่วนร่วมอยู่ในความคิด มีความต้องการที่จะหาคาตอบเพื่อแก้ปัญหา ๙. พื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Webboard) เป็นพื้นทีท่ ี่อานวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ๑๐. การประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ระดมความคิดเห็นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประเด็นที่เป็นปัญหา ประโยชน์ของการจัดการความรู้ ๑. สามารถรวบรวมความรู้ ความเชี่ยวชาญ ความชานาญขอองบุคลากรขององค์กร ๒. เพิ่มประสิ ทธิภาพในการตัดสิน ใจ การจัดการความรู้เป็นการรวบรวมข้อมูลไว้ อย่างเป็นระบบ สามารถที่จะเข้าถึงประเภท คุณ ภาพของความรู้ได้ หากมีการนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการจัดการ ความรู้จะสามารถประมวลผลเพื่อการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ๓. สามารถในการเรียนรู้งานได้ด้วยตนเอง ความรู้ที่ได้จัดระบบไว้จะทาให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถเรียนรู้ งาน มีความเข้าใจเนื้องาน วัตถุประสงค์ของงานได้ด้วยตนเอง และเกิดจิตสานึกในการพัฒนาในการปฏิบัติงาน ๔. เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน ช่วยให้องค์กรมีข้อมูลต่างๆ ซึ่งเพิ่มความได้ เปรียบในการแข่งขัน ๕. การพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญา เป็นการพัฒนาความสามารถจากทรัพย์สินทาง ปัญญาที่มีอยู่ใน องค์กรซึ่งเป็นการแสดงศักยภาพขององค์กร

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์ วชิระ


คูม่ ือการจัดการความรู้ ปี การศึกษา ๒๕๕๖

รูปที่ ๒ กระบวนการบริหารจัดการความรู้ ( ที่มา : สานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, ๒๕๔๘)

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์ วชิระ


คูม่ ือการจัดการความรู้ ปี การศึกษา ๒๕๕๖ กระบวนการจัดการความรู้ (Knowledge Management Process) เป็ น กระบวนการที่จะช่วยให้ องค์กรเข้าใจถึงขั้นตอนที่ทาให้ เกิดกระบวนการจัดการความรู้ หรือ พัฒนาการของความรู้ที่จะเกิดขึ้นภายในองค์กร ประกอบด้วย ๗ ขั้นตอน ดังนี้ ๑. การบ่งชี้ความรู้ – พิจารณาว่า วิสัยทัศน์ / พันธกิจ/ เป้าหมายของวิทยาลัยฯ คืออะไร และเพื่อให้ บรรลุเป้าหมาย เราจาเป็นต้องรู้อะไร , ขณะนี้เรามีความรู้อะไรบ้าง, อยู่ในรูปแบบใด, อยู่ที่ใคร ๒. การสร้างและแสวงหาความรู้ – การสร้างความรู้ใหม่, แสวงหาความรู้จากภายนอก, รักษาความรู้ เก่า, กาจัดความรู้ที่ใช้ไม่ได้แล้ว ๓. การจั ดความรู้ให้ เป็ น ระบบ - เป็นการวางโครงสร้ างความรู้ เพื่ อเตรียมพร้อมส าหรับการเก็บ ความรู้ อย่างเป็นระบบในอนาคต ๔. การประมวลและกลั่นกรองความรู้ – ปรับปรุงรูปแบบเอกสารให้เป็นมาตรฐาน, ใช้ภาษาเดียวกัน, ปรับปรุงเนื้อหาให้สมบูรณ์ ๕. การเข้าถึงความรู้ – การทาให้ผู้ใช้ความรู้นั้นเข้าถึงความรู้ที่ต้องการได้ง่า ยและสะดวก เช่น ระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT), Web board ,บอร์ดประชาสัมพันธ์ เป็นต้น ๖. การแบ่ งปั น แลกเปลี่ ย นความรู้ – ท าได้ห ลายวิธีการ โดยกรณี เป็ น Explicit Knowledge อาจ จัดทาเป็น เอกสาร, ฐานความรู้, เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือกรณีเป็น Tacit Knowledge อาจจัดทาเป็นระบบ ทีมข้ามสายงาน, กิจกรรมกลุ่มคุณภาพและนวัตกรรม, ชุมชนแห่งการเรียนรู้, ระบบพี่เลี้ยง, การสับเปลี่ยนงาน, การยืมตัว, เวทีแลกเปลี่ยนความรู้ เป็นต้น ๗. การเรียนรู้ – ควรทาให้การเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของงาน เช่นเกิดระบบการเรียนรู้จาก สร้างองค์ ความรู้>นาความรู้ไปใช้>เกิดการเรียนรู้และประสบการณ์ใหม่ และหมุนเวียนต่อไปอย่างงต่อเนื่อง

การเรียนรู้ (Learning)

การวัดผล (Measurements)

การยกย่องชมเชย และการให้รางวัล (Recognition and Reward)

เป้าหมาย (Desired State) กระบวนการ และเครื่องมือ (Process & Tools)

การสื่อสาร (Communication)

การเตรียมการและ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (Transition and Behavior

รูปที่ ๓ กระบวนการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง (Change Management Process) ( ที่มา : สานักงาน คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, ๒๕๔๘) วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์ วชิระ


คูม่ ือการจัดการความรู้ ปี การศึกษา ๒๕๕๖ กระบวนการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง (Change Management Process) เป็ นกรอบความคิดแบบหนึ่งเพื่อให้องค์กรที่ต้องการจัดการความรู้ภายในองค์กร มุ่งเน้นถึงปัจจัย แวดล้อมภายในองค์กร ที่จะมีผลกระทบต่อการจัดการความรู้ ประกอบด้วย ๖ องค์ประกอบ ดังนี้ ๑. การเตรี ย มการและปรั บ เปลี่ ยนพฤติ กรรม - เช่น กิจกรรมการมี ส่ ว นร่ว มและสนั บสนุ น จาก ผู้บริหาร (ที่ทุกคนมองเห็น), โครงสร้างพื้นฐานขององค์กร, ทีม/หน่วยงานที่รับผิดชอบ,มีระบบการติดตามและ ประเมินผล , กาหนดปัจจัยแห่งความสาเร็จชัดเจน ๒. การสื่อสาร–เช่น กิจกรรมที่ทาให้ทุกคนเข้าใจถึงสิ่งที่องค์กรจะทา,ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับทุกคน , แต่ละคนจะมีส่วนร่วมได้อย่างไร ๓. กระบวนการและเครื่องมือ- ช่วยให้การค้นหา เข้าถึง ถ่ายทอด และแลกเปลี่ยนความรู้สะดวก รวดเร็วขึ้น โดยการเลือกใช้กระบวนการและเครื่องมือ ขึ้นกับชนิดของความรู้, ลักษณะขององค์กร (ขนาด , สถานที่ตั้ง ฯลฯ), ลักษณะการทางาน, วัฒนธรรมองค์กร, ทรัพยากร ๔. การเรีย นรู้ - เพื่อสร้างความเข้าใจและตระหนั กถึงความส าคัญ และหลั กการของการจัดการ ความรู้ โดยการเรียนรู้ต้องพิจารณาถึง เนื้อหา, กลุ่มเป้าหมาย, วิธีการ, การประเมินผลและปรับปรุง ๕. การวัดผล - เพื่อให้ทราบว่าการดาเนินการได้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่, มีการนาผลของการ วัดมาใช้ในการปรับปรุงแผนและการดาเนินการให้ดีขึ้น, มีการนาผลการวัดมาใช้ในการสื่อสารกับบุคลากรใน ทุกระดับให้เห็นประโยชน์ของการจัดการความรู้ และการวัดผลต้องพิจารณาด้วยว่าจะวัดผลที่ขั้นตอนไหน ได้แก่ วัดระบบ (System), วัดที่ผลลัพธ์ (Out put) หรือวัดที่ประโยชน์ที่จะได้รับ (Out come) ๖. การยกย่องชมเชยและให้รางวัล - เป็นการสร้างแรงจูงใจให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและ การมีส่วนร่วมของบุคลากรในทุกระดับ โดยข้อควรพิจารณาได้แก่ ค้นหาความต้องการของบุคลากร, แรงจูงใจ ระยะสั้นและระยะยาว, บูรณาการกับระบบที่มีอยู่, ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับกิจกรรมที่ทาในแต่ละช่วงเวลา ปัจจัยที่ทาให้การจัดการความรู้ไม่ประสบผลสาเร็จ ๑. วัฒนธรรมองค์กรไม่เอื้อต่อการจัดการ ๒. ผู้มีความรู้ในองค์กรไม่อยากถ่ายทอดความรู้ ๓. การไม่ ย อมรับ ในตั ว ผู้ ถ่ ายทอดความรู้ซึ่งเป็ น บุ ค คลในองค์ก ร เนื่ อ งจากเป็ น บุ ค คลระดั บ เดียวกันเคยปฏิบัติงานร่วมกันมา จึงไม่ให้การยอมรับนับถือ ๔. บุคลากรในองค์กรขาดความสามัคคี ขาดความกระตือรือร้นในการหาความรู้ ๕. การไม่ยอมรับข้อผิดพลาด การดาเนินการ (สร้างความรู้, แลกเปลี่ยนความรู้ , ประยุกต์ใช้ ความรู้) ไม่มีระบบ ไม่มีโครงสร้าง จึงทาให้การจัดการความรู้แบบไม่มีหลักเกณฑ์ ๖. การตัดสินใจมักกระทาโดยไม่ได้ใช้ความรู้ที่ดีที่สุดที่มีอยู่ภายในองค์กร ๗. ความรู้ที่มีอยู่ไม่ได้ถูกใช้ซ้า ไม่ได้มีการแลกเปลี่ยน ซึ่งหมายความว่าสมาชิกของ องค์กรต้อง สร้างความรู้ใหม่ขึ้นใช้เองโดยไม่จาเป็น ทาให้มีการทางานซ้ากับงานที่คนอื่นภายในองค์กรเคยทาไว้แล้ว ๘. สมาชิกขององค์กรอยู่ภายใต้สภาพที่ข้อสนเทศ (information) ท่วมท้น จนเกิด ความสับสน แทนที่ข้อสนเทศนั้นจะช่วยให้ทางานได้ดีขึ้น ๙. การปกปิ ดความรู้ ระหว่างสมาชิ กขององค์ กรเป็ น เรื่อ งปกติ และไม่ มีค วามสนใจใน กลุ่ ม สมาชิกขององค์กรที่จะช่วยกันเพิ่มพูนความรู้ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์ วชิระ


คูม่ ือการจัดการความรู้ ปี การศึกษา ๒๕๕๖ ปัจจัยที่ส่งผลให้การจัดการความรู้ประสบผลสาเร็จ ๑. ภาวะผู้นาและกลยุทธ์ ผู้นาให้การสนับสนุน มีการกาหนดทิศทาง ความเชื่อ และค่านิยมร่วม เพื่อก่อให้เกิดความมุ่งมั่นร่วมกันทั้งองค์กร ๒. โครงสร้างที่เป็นแนวทางในการส่งเสริมการจัดการความรู้ ๓. วัฒนธรรม พฤติกรรมและการสื่อสาร ที่กาหนดและแสดงออกเป็นพฤติกรรม เป็นวัฒนธรรม มุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ ๔. เทคโนโลยีและกระบวนการที่เอื้อต่อการจัดการความรู้ เพื่อการจัดการข้อมูล สารสนเทศ และองค์ความรู้ให้เป็นระบบ สามารถสืบค้นได้สะดวก รวดเร็ว และง่ายต่อการใช้งาน ๕. การให้รางวัลและการยอมรับ เพื่อสร้างแรงจูงใจต่อพฤติกรรมที่พึงประสงค์ ๖. การวัดผลและประเมินผลที่เหมาะสม ๗. ความรู้ ทักษะ ความสามารถ ของทีมงานจัดการความรู้ ๘. การจัดการ เพื่อให้การจัดการความรู้เกิดขึ้นได้ตามแผนที่วางไว้ ๙. มีช่องทางที่หลากหลายสาหรับการถ่ายทอดความรู้ ๑๐.มีความเกี่ยวเนื่องกับคุณค่าทางเศรษฐกิจหรืออุตสาหกรรม

๑ พันธกิจ/ วิสัยประเด็ ทัศน์ น

๒ ๓ -ความรู้ที่สาคัญต่อองค์กร ยุทธศาสตร์ กล - ความสัมพันธ์กับผูม้ ีส่วน ปัญหา ยุทธ์ ได้เสียต่างๆ (Work กระบวน -ประสบการณ์ความรู้ที่ process) งาน (ขอบเขต KM) การตัดสินใจเลือก KM องค์กรสั่งสม การยกย่ องชมเชย การวัดผล -ความรู้เกี่ยวกัการเรี บ ยนรู้ (เป้าหมาย ประโยชน์ที่ได้รับจาก KM และการให้ รางวัล (Learning) (Measurements) กระบวนการ ความรู ้ (Recognition and Reward) KM) KM Action - เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และ (แผนการจัดการ Plansบริการ ความรู)้ - ความรู้ที่มีอยู่ในบุคลากร ( ๖-step การเตรียมการและ • ฯ ล ฯ กระบวนการ model) การสื่อสาร ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และเครื่ องมือ (Process Tools)

(Communication)

เป้ าหมาย (Desired State)

World-Class KM Environment

(Transition and Behavior Management)

รูปที่ ๔ การกาหนดขอบเขตการจัดการความรู้ ( ที่มา : สานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, 2548)

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์ วชิระ


คูม่ ือการจัดการความรู้ ปี การศึกษา ๒๕๕๖ การตัดสินใจเลือกเลือกการดาเนินการจัดการความรู้ ๑. การตัดสินใจเลือก KM เป็นหัวเรื่องกว้างๆ ของความรู้ที่จาเป็นและสอดคล้องกับ พันธกิจและ วิสัยทัศน์ของวิทยาลัยซึ่งต้องการจะนามาใช้กาหนดเป้าหมาย KM ๒. ในการตัดสินใจเลือก KM ควรกาหนดกรอบตามองค์ความรู้ที่จาเป็นต่อกระบวนงาน หรือ ตามองค์ ความรู้ที่จาเป็นต้องมีในองค์กร เพื่อปฏิบัติงานให้บรรลุตามประเด็นยุทธศาสตร์อื่นๆ ขององค์กร ๓.แนวทางการตัดสินใจเลือก KM- แนวทางที่ ๑ สนับสนุนพันธกิจ/ วิสัยทัศน์/ ประเด็นยุทธศาสตร์ ของวิทยาลัย หรือแนวทางที่ ๒ เป็นความรู้ที่สาคัญต่อองค์กร หรือแนวทางที่ ๓ เป็นปัญหาที่ประสบอยู่ และ สามารถนา KM มาช่วยได้ หรือ เป็นแนวทางอื่นนอกเหนือจากแนวทางที่ ๑, ๒, ๓ ก็ได้ ที่หน่วยงานเห็นว่า เหมาะสม ๔. ให้รวบรวมแนวคิดการตัดสินใจเลือก KM จากข้อ ๓ แล้วกรอกการตัดสินใจเลือกKM ที่สามารถ รวบรวมได้ทั้งหมดลงในแบบฟอร์ม ๑ โดยการตัดสินใจเลือก KM ที่กาหนดต้องสนับสนุน นโยบายด้านการ จัดการความรู้และประเด็นยุทธศาสตร์ของวิทยาลัย แบบฟอร์มที่ ๑ การตัดสินใจเลือกKM ชื่อกลุ่ม (CoP)...................................................................................... เกณฑ์การกาหนดขอบเขต KM

คะแนน

๑.สนับสนุน พันธกิจ วิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ ๒.ปรับปรุงแล้วเห็นได้ชัดเจน (เป็นรูปธรรม) ๓.มีโอกาสทาได้สาเร็จสูง ๔.คนส่วนใหญ่ในองค์กรต้องการ ๕.ความรู้ที่เป็นความสามารถหลักBest Practices ,Innovation ของหน่วยงาน ๖.ผู้บริหารให้การสนับสนุน ๗ เป็นความรู้ที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน ๘.มีคณ ุ ค่าต่อองค์กรและสังคม ๙.สามารถพัฒนาต่อเนื่องได้ในอนาคต ๑๐.เป็นปัญหาที่ประสบอยู่และสามารถนาKM มาช่วยได้ รวมคะแนน (๕๐ คะแนน)

หมายเหตุ : เกณฑ์การให้คะแนน คือ ๕ =มากที่สุด, ๔=มาก , ๓=ปานกลาง, ๒=น้อย,๑ = น้อยที่สุด การตัดสินใจที่จะเลือกหัวข้อในการดาเนินการจัดการความรู้ควรมีค่าคะแนนรวมทั้งหมดมากกว่าร้อยละ 80 หรือ คะแนนรวมมากกว่า 40 คะแนนขึ้นไป

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์ วชิระ


คูม่ ือการจัดการความรู้ ปี การศึกษา ๒๕๕๖ การวิเคราะห์ ประโยชน์ที่ได้รับจากการดาเนินการจัดการความรู้ ในระดับหน่วยงาน กระทรวง กรม กอง รัฐบาล ประชาชนไทย / ชุมชน จะได้ประโยชน์จากการดาเนินการจัดการความรู้อย่างไร

การวิเคราะห์ประโยชน์ที่ได้รับจากการดาเนินการจัดการความรู้ ประโยชน์ที่จะได้รับจากขอบเขต KM ที่มีต่อ หน่วยงาน กระทรวง รัฐบาล ประชาชนไทย ตนเอง กรม กอง / ชุมชน ๑. ………………………………

…………

…………

…………

…………

๒. ………………………………

…………

…………

…………

…………

การดาเนินงานการจัดการความของรู้วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์วชิระ นโยบายด้านการจัดการความรู้ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์วชิระ กาหนดนโยบายด้านการจัดการความรู้ ไว้ดังนี้ “ส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อการสังเคราะห์องค์ความรู้จากการปฏิบัติงานและการศึกษาวิจัย เพื่อการเผยแพร่และการนาไปใช้ประโยชน์ของหน่วยงานภายนอกและประชาชนทั่วไป” แผนกลยุทธ์ (Strategic) มีงบประมาณ ๒๕๕๗ – ๒๕๖๐ ประเด็นยุทธศาสตร์ (Strategic issues) ยุทธศาสตร์ที่ ๓ พัฒนาวิทยาลัยสู่องค์กรสมรรถนะสูง เป้าประสงค์ (Goal) เป้าประสงค์ การพัฒนาการจัดการความรู้

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์ วชิระ


๑๐

คูม่ ือการจัดการความรู้ ปี การศึกษา ๒๕๕๖ โครงสรางกลุ่มงานวิจัยและบริการวิชาการ ผู้อานวยการวิทยาลัยฯ กลุ่มงานวิจัยและบริการวิชาการ

งานวิจัย ตารา และการจัดการความรู้

งานบริการวิชาการ และ Excellent Center

คณะกรรมการจัดการความรู้ ประกอบด้วย ๑. ๒. ๓. ๔. ๕. ๖. ๗.

นางสาวมัณฑนา นายสุกิจ นางสาวบญจมาศ นางอัญชลีพร นางสาวนิตติยา นางสาวอาทิตยา นางสาวชมพูนุท

เหมชะญาติ ทองพิลา ศิริกมลเสถียร อมาตยกุล น้อยสีภูมิ แก้วน้อย กัลยาณมิตร

ที่ปรึกษา ประธานกรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการเลขานุการ ผู้ช่วยเลขานุการ

ขอบเขตหน้าที่มดี ังนี้ ๑) กาหนดนโยบาย การจั ดทาแผน และเป้าหมายการบริห ารจัดการองค์ความรู้ให้ ตอบสนองต่อ วิสัยทัศน์ แผนยุทธศาสตร์ และพันธกิจของวิทยาลัยฯ ๒) ดาเนินงาน สนับสนุน ส่งเสริมให้มีการจัดการความรู้ในองค์กร โดยมีการจัดตั้งชุมชนนักปฏิบัติ (Community of Practice: CoP ) ๓) สนับสนุน ส่งเสริม ให้ทุกกลุ่มงาน จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ๔) ควบคุมดูแล กากับ ติดตาม ประเมินผลเพื่อปรับปรุงแก้ไข และสนับสนุนการดาเนินงานการ จัดการความรู้ของวิทยาลัยฯ ๕) รวบรวมองค์ความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องและประสบการณ์การจัดการความรู้เสนอต่อ คณะกรรมการ วิทยาลัยฯ ๖) สรุปรายงานผลวิเคราะห์และเผยแพร่สู่สาธารณชนเพื่อนาผลการจัดการความรู้ไปใช้ประโยชน์

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์ วชิระ


๑๑

คูม่ ือการจัดการความรู้ ปี การศึกษา ๒๕๕๖ รายการอ้างอิง บูรชัย ศิริมหาสาคร.(๒๕๕๐). จัดการความรู สูความเปนเลิศ. กรุงเทพฯ : แสงดาว. พรธิดา วิเชียรปญญา. (๒๕๕๐). การจัดการความรู : พื้นฐานและการประยุกตใช.กรุงเทพฯ:เอ็กซเปอนเนท. วิจารณ พานิช. (๒๕๕๒). การจัดการความรูกั บการบริหารราชการแนวใหม. นครศรีธรรมราช: มหาวิทยาลัย วลัยลักษณ สถาบันสงเสริมการจัดการความรู เพื่อสังคม. (๒๕๕๖). การจัดการความรู . กรุงเทพฯ: สงเสริมการจัดการ ความรูเพือ่ สังคม สถาบันสงเสริมการจัดการความรูเพื่อสังคม. (๒๕๕๐). ตามรอยความสาเร็จ KM ประเทศไทย . สถาบันสงเส ริมการจัดการความรู เพื่อสังคม ๓ รายงานประจาป ๒๕๕๐ สถาบันสงเสริมการจัดการความรู เพื่อสังคม (สคส.) ๓. กรุงเทพฯ : สถาบันสงเสริมการจัดการความรูเพื่อสังคม. สานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ. (๒๕๔๘). การจัดการความรู ทฤษฎีสู การปฏิบัติ .กรุงเทพฯ: จิรวัฒน เอ็กซเพรส

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์ วชิระ


๑๒

คูม่ ือการจัดการความรู้ ปี การศึกษา ๒๕๕๖

ภาคผนวก แบบฟอร์ม

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์ วชิระ


๑๓

คูม่ ือการจัดการความรู้ ปี การศึกษา ๒๕๕๖

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์วชิระ กลุ่มวิชา............................................................................................. แบบฟอร์มที่ ๑ การตัดสินใจเลือกKM ชื่อกลุ่ม (CoP)...................................................................................... เกณฑ์การกาหนดขอบเขต KM

คะแนน

๑.สนับสนุน พันธกิจ วิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ ๒.ปรับปรุงแล้วเห็นได้ชัดเจน (เป็นรูปธรรม) ๓.มีโอกาสทาได้สาเร็จสูง ๔.คนส่วนใหญ่ในองค์กรต้องการ ๕.ความรู้ที่เป็นความสามารถหลักBest Practices ,Innovation ของหน่วยงาน ๖.ผู้บริหารให้การสนับสนุน ๗ เป็นความรู้ที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน ๘.มีคณ ุ ค่าต่อองค์กรและสังคม ๙.สามารถพัฒนาต่อเนื่องได้ในอนาคต ๑๐.เป็นปัญหาที่ประสบอยู่และสามารถนาKM มาช่วยได้ รวมคะแนน (๔๐ คะแนน) หมายเหตุ : เกณฑ์การให้คะแนน คือ ๕ =มากที่สุด, ๔=มาก , ๓=ปานกลาง, ๒=น้อย,๑ = น้อยที่สุด การตัดสินใจที่จะเลือกหัวข้อในการดาเนินการจัดการความรู้ควรมีค่าคะแนนรวมทั้งหมดมากกว่าร้อยละ ๘๐ หรือคะแนนรวม มากกว่า ๔๐ คะแนนขึ้นไป ประโยชน์ที่จะได้รับจากขอบเขต KM หน่วยงานตนเอง ระบุ.......................................................................................................................................... กระทรวง กรม กอง ระบุ.......................................................................................................................................... รัฐบาล ระบุ.......................................................................................................................................... ประชาชนไทย ระบุ..........................................................................................................................................

ลงชื่อ........................................................ (..................................................) หัวหน้ากลุ่ม วันที่.........................................................

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์ วชิระ


๑๔

คูม่ ือการจัดการความรู้ ปี การศึกษา ๒๕๕๖

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์วชิระ กลุ่มวิชา.............................................................................................. แบบฟอร์มที่ ๒ ขอจัดตั้งกลุ่ม CoP ชื่อกลุ่ม(CoP): ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผู้เข้าร่วมประชุม จานวน...............คน ๑……………………………………………………………………………. ประธานกลุ่ม ๒………………………………………………………………………….. สมาชิก ๓………………………………………………………………………….. สมาชิก ๔ ………………………………………………………………………….. เลขานุการ .วัตถุประสงค์ ๑……………………………………………………………………………………………………………………….. ๒……………………………………………………………………………………………………………………….. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ๑……………………………………………………………………………………………………………………….. ๒……………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ..............................................ผู้เขียนและเสนอ (...............................................) หัวหน้ากลุ่ม วันที่.............................................. ลงชื่อ................................................ผู้เห็นชอบ (นางสาวเบญจมาศ ศิริกมลเสถียร) รองผู้อานวยการฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ วันที่..............................................

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์ วชิระ

ลงชื่อ................................................ผู้ทบทวน (นายสุกิจ ทองพิลา) งานจัดการความรู้ วันที่.............................................. ลงชื่อ................................................ผู้อนุมัติ (นางสาวมัณฑนา เหมชะญาติ) ผู้อานวยการวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์วชิระ วันที่..............................................


คูม่ ือการจัดการความรู้ ปี การศึกษา ๒๕๕๖

แบบฟอร์มที่ ๓ แผนการดาเนินงานการจัดการความรู้ ชื่อกลุ่ม(CoP):……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… หน่วยที่วัดผลได้เป็นรูปธรรม:……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. กลุ่มเป้าหมาย………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลาดับ

กิจกรรม

๑. ๒. ๓ ๔ ๕ ๖

การบ่งชี้ความรู้ การสร้างและแสวงหาความรู้ การจัดความรู้ให้เป็นระบบ การประมวลและกลั่นกรองความรู้ การเข้าถึงความรู้ การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้

การเรียนรู้

วิธีการ สู่ความสาเร็จ

ระยะ เวลา

ตัวชี้วัด

เครื่องมือ /อุปกรณ์

ผู้รับผิด ชอบ

ลงชื่อ........................................................ (..................................................) หัวหน้ากลุ่ม วันที่.........................................................

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์ วชิระ

หมายเหตุ


คูม่ ือการจัดการความรู้ ปี การศึกษา ๒๕๕๖

ที่ สธ ๐๒๐๓.๐๙๓๒/

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์วชิระ ๖๘๑ ถนนรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร ๑๐๒๓๐ ๒๕๕๖

เรื่อง

ขอเชิญเป็นผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบคุณภาพคู่มือ

เรียน ................................................................................... สิ่งที่ส่งมาด้วย ๑.คู่มือเรื่อง.............................จานวน ๑ ชุด ๒.แบบประเมินคุณภาพคู่มือ จานวน ๑ ชุด ตามที่ วิทยาลั ย พยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์ว ชิระ สั งกัดสถาบันพระบรมราชชนก กระทรวง สาธารณสุข สถาบันสมทบมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึง่ มีหน้าที่ในการผลิตและพัฒนากาลังคนสาขาพยาบาล ศาสตร์เพื่ อตอบสนองความต้องการของประเทศ เห็ นความส าคัญ ของการจัดการความรู้เพื่ อนามาใช้เป็ น เครื่องมือสนับสนุนการพัฒ นาสมรรถนะของบุคลากรและการเพิ่มประสิทธิภาพของการปฏิบัติงานมาอย่าง ต่อเนื่อง ได้จัดทาคู่มือเรื่อง...................................................................... เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้แก่บุคลากรที่ สนใจทั้งภายในและภายนอกวิทยาลัยฯ ในการนี้ วิทยาลั ยฯ ขอความอนุ เคราะห์ จากท่านซึ่งเป็นผู้ เชี่ยวชาญในการตรวจสอบคุณ ภาพคู่มือ ดังกล่าวตามที่แนบมานีเ้ พื่อการปรับปรุงคู่มือให้มีความสมบูรณ์ ถูกต้องมากยิ่งขึ้นต่อไป จึงเรีย นมาเพื่อโปรดขอความอนุ เคราะห์ ตรวจสอบคุณ ภาพเครื่องมือดังกล่าวข้างต้นด้วย จักเป็ น พระคุณยิ่ง ขอแสดงความนับถือ (นางสาวมัณฑนา เหมชะญาติ) ผู้อานวยการวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์วชิระ งานจัดการความรู้ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์ วชิระ


คูม่ ือการจัดการความรู้ ปี การศึกษา ๒๕๕๖ โทร ๐๒-๕๔๐-๖๕๐๐-๓ ต่อ ๒๑๒ โทรสาร ๐๒-๕๔๐-๖๕๑๗

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์วชิระ แบบประเมินคุณภาพคู่มือ คาชี้แจง แบบประเมินคุณภาพคู่มือ.............................................. มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความคิดเห็นของ ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีต่อคุณภาพของคู่มือ ข้อมูลที่ได้จะไม่มีผลใดๆต่อตัวท่านหรือการรับบริการของท่าน ข้อมูลที่ได้ จะนาไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาคู่มือให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น ๑. แบบประเมินคุณภาพคู่มือเรื่อง................................................................................................... ๒. แบบประเมินคุณภาพ แบ่งออกเป็น ๓ ตอน ดังนี้ ตอนที่ ๑ ความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภาพของคู่มือ…………………………………………………………. ตอนที่ ๒ ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ตอนที่ ๑ ความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภาพของคู่มือ ท่านมีความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภาพของคู่มือในรายการต่อไปนี้ในระดับใด กรุณาทาเครื่องหมาย  ในช่องที่ตรงกับความคิดเห็นของท่านมากที่สุด ด้านกายภาพ รายการ

ระดับการประเมินคุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง

๑. ความสวยงามของปก ๒. ความเหมาะสมของขนาดตัวอักษร ๓. ความเหมาะสมของขนาดรูปเล่ม ๔. ความสัมพันธ์ของภาพประกอบกับเนื้อหา ๕. ความสวยงามของรูปแบบการพิมพ์

ด้านเนื้อหา รายการ ๑. ความสอดคล้องของเนื้อหากับวัตถุประสงค์ ๒. ความถูกต้อง ชัดเจนของเนื้อหา ๓. ความยาก-ง่ายของเนื้อหาเหมาะสม ๔. ความเหมาะสมของเนื้อหา วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์ วชิระ

ระดับการประเมินคุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง


คูม่ ือการจัดการความรู้ ปี การศึกษา ๒๕๕๖ ๕. ความกระชับเข้าใจง่ายของเนื้อหา

ด้านการนาไปใช้ประโยชน์ ระดับการประเมินคุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง

รายการ ๑. สามารถนาไปใช้เป็นคู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๒. สามารถนาเนื้อหาและกิจกรรมไปใช้ประโยชน์ในการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ในการดูแลผุส้ ูงอายุได้ ๓. สามารถนาไปใช้อ้างอิงทางวิชาการได้ ๔. สามารถนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรูไ้ ปประยุกต์ใช้ในการจัดทา คู่มือและกิจกรรมอื่นได้ ๕. เมื่อท่านนาคู่มือไปใช้มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะในการปฏิบตั ิเพิ่มขึ้น

ตอนที่ ๒ ข้อเสนอแนะ ๓.๑ด้านกายภาพ............................................................................................................................. .................... …………………………..……………………………………………………………………………………………………………………………… ๓.๒ด้านเนื้อหา……………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๓.๓ ด้านประโยชน์การนาไปใช้........................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ตอนที่ ๓ สรุปผลการประเมิน ผลการประเมิน

ผานสามารถนาไปเผยแพร่ได้ ผานและมีการแกไขโดยให้ผู้ทรงคุณวุฒิตรวจสอบใหม่อีกครั้ง ไมผาน

ลงชื่อผู้ประเมิน............................................................ (..........................................................) ตาแหน่ง................................................................... วันที่..........................................................................

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์ วชิระ


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.