เดอะ เซนต์

Page 1

! !

เดอะ เซนต์ คมสัน นันทจิต แปล จากเรื่อง The Saint ใน Strange Pilgrims

ผมพบกับ มาร์การ์ริโต้ ดูอาร์เต้ อีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เห็นหน้ากันมาถึงยี่สิบ สองปี ที่ถนนแคบแคบและลึกลับสายหนึ่งในย่านตร๊าสเตอเวอเร่อ ครั้งแรกที่เจอนั่นผม แทบจะจำเขาไม่ได้ ก็เขาเล่นพูดสเปนอย่างตะกุกตะกักแถมยังดูเหมือนกับคนโรมันแก่ แก่ เส้นผมก็บางลงและหงอกขาว ไม่มีร่องรอยที่จะแสดงถึงคุณสมบัติความเป็นคน ฉลาดและคราบของชาวบ้านจากเทือกเขาแอนดีสหลงเหลืออยู่เลย รวมทั้งชุดสำหรับ พิธีศพที่เขาใส่เมื่อมาถึงกรุงโรมใหม่ใหม่ก็หายไปด้วย แต่เมื่อเราเริ่มต้นคุยกันไปเรื่อย เรื่อย ผมจึงเริ่มระลึกถึงเขาได้ทีละเล็กทีละน้อย ความทรงจำอันขุ่นมัวกลับค่อยค่อย แจ่มชัดขึ้น และพบว่าสุดท้ายแล้วเขายังเหมือนเดิม ลึกลับ คาดเดาไม่ได้ และยัง เหนียวแน่นมั่นคงราวกับเครื่องมือสลักหิน ที่บาร์เก่าเก่าแห่งหนึ่งซึ่งเราเคยมาด้วยกัน ในอดีต ก่อนผมจะสั่งกาแฟแก้วที่สองนั่นแหละ ผมจึงรวบรวมความกล้าเอ่ยถามเขาถึง คำถามนั้น คำถามที่กัดกร่อนและทรมานอยู่ภายในตัวผมมาตลอดเวลา “เกิดอะไรขึ้นกับ เดอะ เซนต์” “เดอะ เซนต์อยู่ที่นั่น” เขาตอบ “เธอยังคงเฝ้ารออยู่เสมอ” ทั้งโลกนี้คงมีเพียง “เดอะ เทเนอร์” ราฟาเอล ริเบอโร ซิลวา และผมเท่านั้นที่จะ เข้าใจถึงน้ำหนักของมนุษย์อันมหาศาลในคำตอบของเขา เราทั้งคู่รับรู้เรื่องราวอันน่า ทึ่งเป็นอย่างดีมานานมากแล้ว ผมคิดว่าคนอย่างมาร์การ์ริโต้ ดูอาร์เต้ คงจะเป็นตัว ละครที่นักเขียนและนักประพันธ์ทุกคนมองหาและเฝ้ารอมาตลอดชีวิต แต่ถ้าหากผมจะ ไม่อนุญาตให้เขามารู้จักผม ก็เห็นจะเป็นเพราะว่าเรื่องราวของเขาในตอนจบ มันดูจะ อยู่นอกเหนือจินตนาการของปุถุชนเกินไป เขามาถึงกรุงโรมในเวลาที่ฤดูใบไม้ผลิกำลังเฉิดฉาย และในขณะเดียวกันนั้นองค์ สันตะปาปาปิอุสที่สิบสองก็กำลังล้มเจ็บจากอาการสะอึกอันแสนทรมาน อาการป่วยที่ ทั้งศาสตร์ปกติธรรมดาของนายแพทย์ หรือไสยศาสตร์มนตร์ดำของพ่อมดก็ไม่อาจจะ รักษาได้ นับเป็นครั้งแรกที่เขาต้องเดินทางมาจากโทลิม่า หมู่บ้านของเขาในที่ราบสูง แถบภูเขาแอนดีสประเทศโคลัมเบีย เราสามารถสังเกตเห็นความเป็นชาวบ้านของเขา ได้อย่างง่ายดายแม้กระทั่งในยามที่เขานอนหลับสนิท เขาปรากฏตัวขึ้นที่สถานกงสุล ของเรา ในมือแบกกล่องไม้สนขัดมันซึ่งมีขนาดและรูปร่างพอพอกันกับกล่องเชลโล เขาพยายามอธิบายเหตุผลอันน่าแปลกใจของการเดินทางนี้ต่อท่านกงสุล ท่านจึง 1! /13


โทรศัพท์ไปตาม ”เดอะ เทเนอร์” ราฟาเอล ริเบอโร ซิลวา ผู้ช่วยของท่าน ให้มาพาเขา ไปพักที่ เดอะ เพนซิโอเน่ ซึ่งเราทั้งคู่อาศัยอยู่ และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ผมได้พบกับ เขาเป็นครั้งแรก มาร์การ์ริโต้ ดูอาร์เต้ เรียนจบไม่เกินชั้นประถม แต่เพราะความหลงใหลในตัว อักษร จึงทำให้เขาได้เรียนรู้อะไรต่างต่างมากมายนอกจากในห้องเรียน เขารักที่จะอ่าน ทุกสิ่งทุกอย่างที่พิมพ์ออกมาให้หยิบขึ้นมาอ่านได้ เมื่ออายุได้สิบแปด ขณะที่ทำงาน เป็นเสมียนประจำหมู่บ้าน เขาก็แต่งงานกับสาวสวยคนหนึ่งซึ่งมาตายจากไปหลังจาก ให้กำเนิดลูกสาวคนแรกได้ไม่นานนัก ลูกสาวของเขามีเค้าว่าในอนาคตอาจจะสวยกว่า แม่อยู่เหมือนกัน ถ้าไม่มาด่วนตายตามแม่ไปอีกคนด้วยอาการไข้อย่างรุนแรงเมื่อเธอ มีอายุได้เพียงเจ็ดขวบเท่านั้น แต่เรื่องราวแท้จริงทั้งหมดของมาร์การ์ริโต้ ดูอาร์เต้ เริ่ม ต้นขึ้นหกเดือนก่อนที่เขาจะเดินทางมากรุงโรม เมื่อโครงการสร้างเขื่อนต้องการให้ เคลื่อนย้ายสุสานของหมู่บ้านออกไป มาร์การ์ริโต้ ดูอาร์เต้ ก็เหมือนกันกับชาวบ้านคน อื่นอื่น ที่จัดการขุดหลุมฝังศพของครอบครัวขึ้นมาเพื่อย้ายไปฝังยังสุสานแห่งใหม่ เมีย ของเขาน่ะได้กลายเป็นธุลีดินไปแล้ว แต่ในหลุมถัดจากเมียเขาไปนี่สิ ลูกสาวของเขายัง คงอยู่ในสภาพเดิมทุกประการ ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปแล้วถึงสิบเอ็ดปี สาบานได้เลยว่า เมื่อตอนที่ช่วยกันงัดฝาโลงออกมานั้น พวกเขายังคงได้กลิ่นของดอกกุหลาบที่ฝังลงไป พร้อมกับเธอด้วยซ้ำ แต่ไอ้ที่น่าประหลาดใจที่สุดของเรื่องราวทั้งหมดก็คือ ร่างของเธอ นั้นเบาหวิว ปราศจากน้ำหนัก เมื่อข่าวแห่งความมหัศจรรย์แพร่ขยายออกไป มันดึงดูดผู้คนที่อยากรู้เรื่องราวให้ หลั่งไหลกันมาเป็นร้อยเป็นพันแออัดยัดเยียดเบียดกันจนท่วมท้นหมู่บ้าน ไม่ต้องสงสัย เลยว่าร่างที่ ไม่มีการเน่าเปื่อยนั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นนักบุญอย่างแน่นอน แม้แต่ท่านบิชอปประจำแขวงก็ยังเห็นพ้องด้วยเลยว่าร่างมหัศจรรย์นี้จะต้องส่งเข้าไปรับ การตรวจสอบที่พระราชวังวาติกัน ชาวบ้านจึงทำการเรี่ยไรเงินเพื่อรวบรวมให้มาร์การ์ริ โต้ ดูอาร์เต้ ใช้เดินทางมายังกรุงโรมเพื่อพิสูจน์ความจริง ซึ่งในตอนนี้หัวข้อการถกเถียง ได้ขยายวงจากหมู่บ้านแคบแคบไปสู่ระดับประเทศชาติแล้ว ที่ เดอะ เพนซิโอเน่ ในย่านพาริโอลี่อันเงียบสงบ หลังจากเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ พวกเราได้ฟัง มาร์การ์ริโต้ ดูอาร์เต้จึงปลดสลักและค่อยค่อยเปิดฝากล่องไม้แสนสวย นั้น นั่นเป็นครั้งแรกที่ เดอะ เทเนอร์ ริเบอโร ซิลวาและผม ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวพัน กับความมหัศจรรย์นี้ ร่างของเธอไม่เหมือนกับบรรดามัมมี่เหี่ยวแห้งที่เราจะพบได้ ดาษดื่นตามพิพิธภัณฑ์ทั่วทั่วไป แม่สาวน้อยแต่งตัวดุจเดียวกับเจ้าสาวผู้ยังคงนอนหลับ สนิทภายหลังเวลาอันนานแสนนานใต้ผืนดินผ่านพ้นไป ผิวของเธอยังเรียบลื่นและ อบอุ่น ดวงตาสดใสของเธอซึ่งเบิกกว้างมองมาที่เรานั้น ทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่อาจ ทนทานได้ ด้วยเราตระหนักดีว่าเธอมองมาจากอาณาจักรแห่งความตาย มงกุฎที่ทำ 2! /13


จากผ้าซาตินและเถาองุ่นจำลองไม่อาจต้านทานอำนาจของกาลเวลา ตรงกันข้ามกับช่อ กุหลาบที่วางในอ้อมแขนของเธอซึ่งยังคงเสมือนหนึ่งมีชีวิตอยู่ และเรายืนยันได้เลยว่า น้ำหนักของกล่องไม้สนนั้นไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยเมื่อเราเคลื่อนย้ายเธอออกมา มาร์การ์ริโต้ ดูอาร์เต้เริ่มต้นการเจรจาของเขาในวันรุ่งขึ้น เริ่มด้วยการขอความ อนุเคราะห์ทางการทูตซึ่งดูจะหนักไปทางปลอบประโลมจิตใจมากกว่าจะช่วยเหลืออะไร ได้จริงจัง ต่อมาก็ทดลองทุกวิธีที่เขาคิดว่าจะสามารถกำจัดกำแพงระหว่างเขากับ พระราชวังวาติกันออกไปได้ แต่ถึงแม้ว่าเขาจะระมัดระวังกับทุกวิธีการที่ใช้เพียงไร เรา ล้วนย่อมรู้ดีว่ากำแพงนั่นมีจำนวนมากมายและยากที่จะพังทลายลง เขาติดต่อกับทุกทุก องค์กรทางศาสนาและทุกทุกสถาบันการกุศลที่เขาพบ ทุกแห่งรับฟังอย่างสนใจทว่า ปราศจากความตื่นเต้น และสัญญากับเขาว่าจะดำเนินเรื่องต่อไปให้ แน่นอนที่สุด มัน ไม่เคยมีอะไรคืบหน้า ความจริงก็คือตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เพราะทุกทุก กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ต้องถูกเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด ทั้งนี้ก็จนกว่าองค์สันตะปาปาจะหายจากอาการสะอึกเสียก่อน ซึ่งตอนนี้ไม่เพียงแค่ สามารถทนทานต่อการรักษาแผนปัจจุบันได้ทุกชนิดเท่านั้น แต่ยังออกฤทธิ์ต่อต้านของ วิเศษทุกอย่างที่ส่งมาให้พระองค์จากทั่วทุกมุมโลกอีกด้วย ในที่สุด เมื่อถึงเดือนกรกฎาคม องค์ปิอุสที่สิบสองก็มีพระอาการดีขึ้นและเสด็จมา พักผ่อนช่วงฤดูร้อนที่ปราสาทกองเดลโฟ มาร์การ์ริโต้พาเดอะ เซนต์ ไปเข้าเฝ้าองค์ สันตะปาปาในการเสด็จออกพบประชาชนประจำสัปดาห์เป็นครั้งแรก ด้วยหวังว่า พระองค์คงจะได้พบกับเธอ แต่พระสันตะปาปาเพียงแค่ปรากฏพระองค์บนระเบียงใน สวนภายใน ซึ่งระเบียงนั่นก็เตี้ยจนขนาดที่มาร์การ์ริโต้สามารถมองเห็นเล็บที่เป็นมัน วาวและได้กลิ่นลาเวนเดอร์จากพระวรกาย พระองค์ ไม่ได้เสด็จลงมาเดินทักทายกับนัก ท่องเที่ยวซึ่งมาคอยเฝ้าจากทั่วโลกอย่างที่มาร์การ์ริโต้คาดหวังเอาไว้ ท่านเพียงแค่ กล่าวสุนทรพจน์ซ้ำกันหกภาษา และจบลงด้วยการอวยพรแบบมาตรฐานเท่านั้น หลังจากที่ล่าช้าไปมากแล้ว มาร์การ์ริโต้จึงตัดสินใจที่จะไม่พึ่งใครอีกต่อไป เขาส่ง จดหมายความยาวเกือบหกสิบหน้าจ่าหน้าถึงเลขานุการรัฐ แต่ก็เงียบหายไป เขา ทำนายได้เลยว่าเจ้าพนักงานที่รับจดหมายซึ่งเขียนด้วยลายมือของเขาเองนั้น คงจะไม่ สนใจอะไรมากเกินกว่าเหลือบมองอย่างเป็นทางการมายังศพลูกสาวของเขา เสมียนที่ บังเอิญผ่านมาก็ยังแค่มองโดยไร้ความสนใจใดใด ใครคนหนึ่งเล่าว่าเมื่อปีที่แล้วพวกเขา ได้รับจดหมายมากกว่าแปดร้อยฉบับร้องเรียนถึงความเป็นนักบุญสำหรับกรณีศพที่ไม่ เน่าเปื่อยมาจากทั่วทุกมุมโลก สุดท้ายมาร์การ์ริโต้จึงขอร้องให้พิสูจน์ถึงคุณสมบัติการไร้ น้ำหนัก เจ้าหน้าที่ยอมพิสูจน์ แต่ปฏิเสธที่จะยอมรับเรื่องเอาไว้อยู่ดี “สำหรับกรณีนี้เราจะรวบรวมไว้ในหมวดคำแนะนำ” เจ้าหน้าที่สรุป 3! /13


ในช่วงเวลาว่างและวันอาทิตย์ในฤดูร้อน มาร์การ์ริโต้จะขังตัวอยู่ในห้อง พยายาม ค้นหนังสือทุกเล่มเพื่อสืบหาเรื่องราวที่คล้ายคล้ายกับเขา และเมื่อถึงสิ้นเดือนเขาจะบัน ทึกค่าใช้จ่ายของเขาลงในสมุดอย่างบรรจงและสุดฝีมือของอดีตเสมียนประจำหมู่บ้าน ยังไม่ทันสิ้นปีเขาก็เข้าใจเส้นทางที่วกวนดั่งเขาวงกตของกรุงโรมได้ราวกับเขาเกิดที่นั่น พูดอิตาเลี่ยนได้อย่างคล่องแคล่วด้วยสำเนียงห้วนห้วนแบบภาษาสเปนสำเนียงชาวเขา แอนดีส และเชี่ยวชาญเท่าเท่ากับที่ใครสักคนจะเชี่ยวชาญได้ในเรื่องกระบวนการแต่งตั้ง นักบุญ แต่มันต้องใช้เวลานานมากทีเดียวกว่าเขาจะยอมเลิกสวมชุดสำหรับพิธีศพที่เขา ใส่มาตั้งแต่แรก เลิกใส่ทั้งเสื้อกั๊กและหมวกแบบเจ้าพนักงานปกครอง ซึ่งตอนนั้นในกรุง โรมเป็นเครื่องแบบของสาวกองค์กรลับที่ปฏิเสธการสารภาพบาป เขาจะออกจากบ้าน ตั้งแต่เช้าตรู่พร้อมกับเดอะ เซนต์ บางครั้งกว่าจะกลับก็ดึกโข เหน็ดเหนื่อยและเศร้า สลด ทว่ายังมีเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้อีกครั้งในวันรุ่งขึ้น “เหล่านักบุญจะดำรงอยู่ในช่วงเวลาของพวกท่าน” เขาพูดเสมอ ตอนนั้นก็เป็นครั้งแรกของผมสำหรับกรุงโรมเหมือนกัน ผมมายังโรมเพื่อเรียนที่ ดิ เอ๊กซ์เพอร์ริเมนท์ ฟิล์ม เซ็นเตอร์ ส่วน เพนซิโอเน่ ที่เราพักนั้นเป็นอพาร์ทเมนท์ สมัยใหม่อยู่ถัดจากวิลล่า บอร์กีสไปไม่ไกลนัก เจ้าของอยู่เองสองห้องและแบ่งเช่าสี่ ห้องที่เหลือให้กับนักศึกษาต่างชาติ เราเรียกเธอว่า เบลล่า มาเรีย ซึ่งแม้จะอยู่ในช่วง บั้นปลายของชีวิตแล้วแต่เธอก็ยังมีเค้าแห่งความงามและความเป็นคนเจ้าอารมณ์หลง เหลืออยู่ เธอเชื่อมั่นในกฎศักดิ์สิทธิ์ที่ว่าทุกทุกคนมีอำนาจเด็ดขาดสำหรับห้องของตน ในขณะที่คุณป้าแอนโตนิเอ๊ตต้าพี่สาวของเธอกลับดูเบื่อหน่ายกับชีวิตประจำวันของ ตนเองเสียเหลือเกิน ราวกับนางฟ้าไร้ปีก คุณป้าจะงุดงุดทำงานของเธอตลอดทั้งวัน ใน มือถือถังกับแปรงเที่ยวนั่งขัดพื้นหินอ่อนทั่วทั้งตึกถ้วนทุกบริเวณเท่าที่จะสามารถเข้าไป ขัดได้ถึง แถมคุณป้ายังชอบเชื้อเชิญเราให้ช่วยกินนกตัวน้อยน้อยที่คุณลุงบาร์โตลิโน่ ผัวของเธอจับมาเสมอเสมอ (นิสัยนี้เป็นสิ่งที่หลงเหลือติดตัวคุณลุงมาจากการไป สงคราม) ต่อมาคุณป้าก็กรุณาชวนมาร์การ์ริโต้ให้ย้ายไปอาศัยอยู่กับเธอ เมื่อเขามีเงิน เหลือไม่มากพอจะจ่ายค่าเช่าให้เบลล่า มาเรีย ได้อีกต่อไป เนื่องจากไม่มีอะไรที่ธรรมชาติของมาร์การ์ริโต้จะทนไม่ได้เท่ากับบ้านอันไร้ ระเบียบ ดังนั้นทุกทุกชั่วโมงที่ผ่านไปจึงสร้างความแปลกใจให้กับพวกเราเสมอ เริ่มกัน ตั้งแต่เช้าตรู่อรุณรุ่ง เราจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นด้วยเสียงร้องคำรามแสนเขย่าขวัญสั่นประสาท ของเจ้าสิงโตในสวนสัตว์วิลล่า บอร์กีส การณ์นี้เห็นจะเป็นประโยชน์ก็แต่ เดอะ เทเนอ ร์ ริเบอโร ซิลวา คนเดียวเท่านั้น จะให้เขาขุ่นเคืองเหมือนเราได้อย่างไรเล่า ในเมื่อมัน เป็นการปลุกเขาขึ้นมาเพื่อทำแบบฝึกหัดยามเช้า เขาจะตื่นตั้งแต่หกโมง อาบน้ำเย็น เฉียบด้วยถือเสมือนเป็นการบำรุงพละกำลัง ตกแต่งเคราอันงดงามอย่างร้ายกาจและ ขนตาจนเรียบร้อย แล้วจึงจัดแจงสวมเสื้อคลุมอาบน้ำลายตาราง พันผ้าพันคอไหมจีน 4! /13


ชโลมโคโลญจ์ส่วนตัวจนหอมฟุ้ง เมื่อพร้อมสรรพเต็มที่ทั้งร่างกายและจิตใจ ก็ได้เวลา แห่งแบบฝึกหัดร้องเพลงยามรุ่งอรุณ ตอนเขาเปิดหน้าต่างห้องออกไปนั้นดวงดาวแห่ง ค่ำคืนอันหนาวเย็นยังพราวเต็มฟ้าอยู่เลย เริ่มต้นอุ่นเครื่องด้วยกระบวนการสะกดคำ จากเพลงรักที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายจนกระทั่งกู่ร้องออกมาได้อย่างเต็มเสียงแล้ว การรอคอย ประจำวันของพวกเราก็มาถึง เขาจะร้องโน้ตตัว โด ออกมาอย่างสุดขีดความดังของเขา ครั้นเมื่อเจ้าสิงโตจากวิลล่า บอร์กีส ได้ยินเข้า ก็จะตอบกลับมาด้วยเสียงคำรามอย่าง สุดขีดความดังในระดับแผ่นดินสั่นสะเทือนเช่นเดียวกัน “เธอคือเซนต์ มาร์ค ที่กลับชาติมาเกิดใหม่อย่างแน่นอน figlio mio” คุณป้าแอน โตนิเอ๊ตต้าถึงกับอุทานออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ “เพราะมีแต่พระองค์เท่านั้นที่พูด กับสิงโตรู้เรื่อง” แต่รุ่งเช้าวันหนึ่งกลับไม่ใช่สิงโตที่ร้องตอบคืนมา เดอะ เทเนอร์เริ่มต้นด้วยเพลง รักคู่สุดซึ้งจาก Othello -“Gia nella notte densa s’estinque oqni clamor”- และจาก ฝั่งสุดขอบสนามด้านโน้น เราได้ยินคำตอบกลับมาเป็นเสียงโซปราโนอันสุดแสนไพเราะ เดอะ เทเนอร์จึงร้องสวนกลับไปบ้าง หลังจากนั้นก็ได้ยินทั้งสองเสียงร้องโต้ตอบกันไป มาจนกระทั่งจบช่วงลงด้วยความประทับใจของหมู่มวลเพื่อนบ้าน ซึ่งเมื่อถึงตอนนี้ทุก ทุกคนล้วนเปิดหน้าต่างอ้ากว้างเพื่อเฉลิมฉลองบ้านของตน ด้วยการไหลหลั่งท่วมท้น ของความรักอันมิอาจจะต้านทานได้ เดอะ เทเนอร์เกือบจะเป็นลมสิ้นสติไปเมื่อมารู้ภาย หลังว่า เดสเดโมนา ที่เขามองไม่เห็นตัวคนนั้น ไม่ใช่ใครแปลกหน้ามาจากไหนเลย เธอ คือ มาเรีย คานิเกลีย นักร้องโอเปร่าผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นนั่นเอง ผมมีความรู้สึกว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ดึงดูดให้มาร์การ์ริโต้เริ่มเข้ามาผูกพันกับทุกชีวิต ในบ้าน ตั้งแต่วันนั้นเขาจะมานั่งรวมกับเราทุกคนที่โต๊ะประจำของพวกเราในครัว ซึ่ง เขาไม่เคยทำมาก่อนเลยนับตั้งแต่เขามาอยู่ใหม่ใหม่ และคุณป้าแอนโตนิเอ๊ตต้าก็จะเอา สตูว์นกสูตรเด็ดของเธอมาให้เขากินที่โต๊ะนี้อยู่เสมอ หลังจากกินอาหารเสร็จเรียบร้อย เบลล่า มาเรียจะอ่านหนังสือพิมพ์รายวันด้วยเสียงอันดังเพื่อสอนพวกเราเรื่องการออก เสียงในภาษาอิตาเลี่ยน การออกความเห็นอย่างไร้เหตุผลแต่เต็มไปด้วยไหวพริบโต้ตอบ กันถึงเรื่องข่าวสารที่เพิ่งได้รับฟังไปดูจะเป็นความสุขของชีวิตพวกเราในยามนั้น วัน หนึ่งด้วยการอ้างอิงถึงเรื่องเดอะ เซนต์ เบลล่า มาเรียจึงเล่าให้เราฟังว่าในเมืองปาเลอ ร์โม มีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่เก็บซากศพอันไม่เน่าเปื่อยเอาไว้ มีทั้งศพผู้ชาย ศพผู้ หญิง และศพเด็กเด็ก แถมยังมีศพของบิชอปที่ขุดขึ้นมาจากสุสานของพระนิกายคาปู ชินอีกตั้งหลายองค์ ข่าวนี้รบกวนจิตใจมาร์การ์ริโต้มากจนทำให้ดูเขาไม่สบายใจอยู่ หลายวัน กระทั่งเราไปถึงเมืองปาเลอร์โม หลังจากเที่ยวเยี่ยมชมซากมัมมี่ซึ่งดูไม่น่า สนใจเลยในทั่วทุกพิพิธภัณฑ์ผ่านพ้นไปแล้ว เขาจึงมีข้อสรุปที่ช่วยปลดเปลื้องจาก อาการอึดอัดใจมาตลอดนั้นได้ 5! /13


“ศพพวกนี้ไม่เหมือนกัน” เขาบอก “คุณประกาศได้เลยว่า บรรดาศพเหล่านี้ล้วน แต่ตายไปแล้วอย่างแน่นอน” หลังจากอาหารมื้อเที่ยงผ่านไป กรุงโรมก็ตกอยู่ใต้อำนาจแห่งความง่วงเหงา ซึมเซาในเดือนสิงหาคม ดวงอาทิตย์ยามบ่ายแขวนค้างเติ่งไม่เคลื่อนไหวที่กึ่งกลางฟาก ฟ้า ในความเงียบสงัด ณ เวลาบ่ายสองโมง คุณจะไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลยนอกจาก เสียงน้ำ ซึ่งเป็นเสียงของธรรมชาติแห่งกรุงโรมนั่นเอง ครั้นเมื่อล่วงถึงเวลาหนึ่งทุ่ม หน้าต่างทุกบานจึงเปิดกว้างเพื่อร้องเรียกหาอากาศเย็นให้เริ่มต้นพัดผ่าน ฝูงชนเนือง แน่ น เต็ ม ถนนด้ ว ยเหตุ ผ ลเพี ย งประการเดี ย ว, การยั ง ชี วิ ต ของพวกเขาทั้ ง ผอง, ท่ามกลางมวลหมอกควันจากท่อไอเสียท้ายรถจักรยานยนต์ เสียงตะโกนร้องขายแตงโม จากแผงค้าข้างทาง และเพลงรักที่ลอยละล่องอยู่ท่ามกลางหมู่ดอกไม้เต็มระเบียงบ้าน เดอะ เทเนอร์กับผมไม่เคยนอนกลางวัน เราจะขี่เวสป้าของเขา ให้เขาเป็นคนขับ ส่วนผมนั่งซ้อนท้าย นำเอาน้ำแข็งและช็อกโกเลตไปให้เหล่าโสเภณีตัวน้อยน้อยแสน สดใสที่โฉบฉายไปมาอยู่ภายใต้เงาแห่งเกียรติยศอันเก่าแก่นับร้อยปีของวิลล่า บอร์กีส พวกเธอจะนั่งเฝ้ามองหมู่นักท่องเที่ยวที่ไม่เคยหลับใหลในแสงอาทิตย์เจิดจ้า พวกเธอดู สวยงาม ยากจนและน่าสงสารเช่นเดียวกับผู้หญิงอิตาเลี่ยนส่วนใหญ่ในยามนั้น แต่ง กายด้วยผ้าออร์แกนดีสีฟ้า ผ้าพ็อพลินสีชมพู ผ้าลินินสีเขียว บังแสงแดดด้วยร่มผุพัง จากพายุกระสุนปืนระหว่างสงคราม มันเป็นความสุขของเราที่ได้อยู่กับพวกเธอ เพราะ เธอจะละเว้นกฎประจำอาชีพเป็นการชั่วคราว ยอมเสียโอกาสที่จะได้ลูกค้าดีดีรวยรวย เพียงเพื่อมานั่งดื่มกาแฟและพูดคุยจิปาถะกับเราในบาร์ที่ตึกหัวมุม ไม่งั้นก็ซ้อนท้ายรถ เราไปตามทางรอบรอบสวน หรือเล่าเรื่องราวที่น่าสงสารขององค์กษัตริย์ผู้สละราช บัลลังก์ และชู้รักผู้เศร้าโศกที่ควบม้าจากไปในยามสายัณห์ ไปตาม the galoppatoio และมีมากกว่าหนึ่งครั้งที่เราเป็นล่ามช่วยชาวต่างชาติผู้หลงทาง แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เราพามาร์การ์ริโต้ ดูอาร์เต้ ไปยังวิลล่า บอร์กีส เราอยากจะ พาเขาไปดูสิงโตต่างหาก เจ้าสิงโตไม่ได้ถูกขังไว้ในกรงแต่อยู่บนเกาะเล็กเล็กแห้งสนิท ล้อมรอบด้วยคูน้ำลึก ทันทีที่เจ้าสิงโตมองเห็นพวกเราจากฝั่งไกลไกล มันก็ส่งเสียง คำรามร้องออกมา ซึ่งทำให้คนเลี้ยงและคนที่มาดูรอบรอบต้องประหลาดใจ เดอะ เท เนอร์จึงพยายามแนะนำตัวเองด้วยเสียง โด อย่างสุดเสียงในยามเช้าของเขา ทว่าเจ้า สิงโตกลับไม่แสดงท่าทางสนใจเขาเลยสักนิดเดียว อย่างไรก็ตามมันร้องออกมาเพราะ กลุ่มพวกเราอย่างแน่นอน และยิ่งไปกว่านั้น คนเลี้ยงถึงกับยืนยันว่าที่มันร้องออกมาก็ เพราะมาร์การ์ริโต้คนเดียวเท่านั้น ซึ่งก็จริงตามนั้น เพราะไม่ว่าเขาจะเดินไปทางไหน สิงโตก็ตามไปทางนั้น และทันทีที่มองไม่เห็นเขามันก็หยุดคำราม คนเลี้ยงซึ่งเรียนจบ ปริญญาเอกวิชาวรรณคดีคลาสสิกมาจากมหาวิทยาลัยแห่งเซียนา คิดว่ามาร์การ์ริโต้ 6! /13


ต้องเคยเลี้ยงสิงโตมาก่อนจึงมีกลิ่นหลงเหลือติดตัวมาด้วย นอกจากเหตุผลอันถือเป็น โมฆะนี้แล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าจะหาคำอธิบายอื่นได้อย่างไร “มีอีกเรื่องหนึ่ง” เขาบอกเรา “มันร้องเพราะสงสารเขา ไม่ใช่เพราะอยากต่อสู้” ทว่าเรื่องที่ติดใจเดอะ เทเนอร์ ริเบอโร ซิลวา มากที่สุดกลับไม่ใช่เรื่องปาฏิหาริย์ นั้น แต่เป็นเรื่องความขวยเขินของมาร์การ์ริโต้เมื่อเราหยุดแวะทักทายเหล่าสาวสาวใน สวน เดอะ เทเนอร์แสดงข้อสังเกตนี้ออกมาที่โต๊ะของเรา เราทั้งหมดเห็นพ้องต้องกัน ส่วนหนึ่งต้องการแกล้ง อีกส่วนก็เพราะความสงสาร ทว่ามันก็เป็นความคิดที่ดีที่จะช่วย มาร์การ์ริโต้ให้หายจากความเงียบเหงา และด้วยข้อเสนอจากจิตใจอันเมตตาของพวก เรา เบลลา มาเรียบีบมือที่สวมแหวนหินเทียมแนบแน่น พยายามต่อต้านความรู้สึก ของสุภาพสตรีผู้เติบโตขึ้นมาในครอบครัวเคร่งศาสนา “คราวนี้ฉันจะยอมให้พวกเธอสักครั้ง ด้วยเห็นแก่ความสงสาร” เธอกล่าว นั่นประหนึ่งคำอนุญาตให้เดอะ เทเนอร์ ขี่เวสป้าของเขาไปยังวิลล่า บอร์กีส ตอน บ่ายสองโมง และกลับมาพร้อมกับแม่ผีเสื้อตัวน้อยซึ่งเขาคิดว่าจะทำให้มาร์การ์ริโต้ ดู อาร์เต้ ได้รับชั่วโมงแห่งความสุขอย่างเต็มเปี่ยม เขาพาเธอไปที่ห้องแล้วจึงเปลื้อง เสื้อผ้าเธอออก ให้เธออาบน้ำด้วยสบู่หอม เช็ดตัวเธอให้แห้ง พรมโคโลญจ์ส่วนตัวของ เขาจนเธอหอมฟุ้ง ทาตัวเธอด้วยแป้งหอมการบูร เสร็จสรรพเรียบร้อยเขาจึงจ่ายค่า เสียเวลาให้เธอโดยเริ่มนับตั้งแต่เมื่อไปรับตัวเธอมา และบวกเพิ่มเข้าไปอีกด้วยหนึ่ง ชั่วโมงที่เหลือ จากนั้นเขาก็อธิบายอย่างละเอียดทีละขั้นตอนว่าเธอต้องทำอะไรต่อไป บ้าง สาวงามเรือนร่างเปลือยเปล่าเดินย่องไปตามทางเดินมืดสลัวดุจดั่งความฝันใน ยามบ่าย เธอเคาะเบาเบาสองครั้งที่ประตูห้องสุดทางเดิน มาร์การ์ริโต้เปิดประตูออกมา เขาไม่ได้สวมเสื้อและรองเท้า “Buana sera, giovanotto” เธอพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางอันไร้เดียงสาราวกับ เด็กสาวบริสุทธิ์ “Mi manda il tenore” มาร์การ์ริโต้พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ตกตะลึงไว้ด้วยท่วงทีสง่างามอันแสนยิ่ง ใหญ่ เปิดประตูห้องออกกว้างเพื่อเชื้อเชิญเธอ เธอจึงเดินเข้าไปทอดกายลงบนเตียงใน ขณะที่เขารีบร้อนสวมเสื้อและรองเท้าเพื่อเป็นการให้เกียรติกับสุภาพสตรีผู้มาเยือน เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยเขาก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างเธอเพื่อเริ่มต้นการสนทนา เธอพยายาม เร่งให้เขารีบปฏิบัติการเพราะมีเวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น แต่ดูเขาจะไม่เข้าใจใน สิ่งที่เธอพูด เธอบอกกับพวกเราในภายหลังว่า ถ้าต้องการเรียกเธอให้มาหาเขาอีกครั้ง เธอจะ อยู่กับเขายาวนานเท่าที่เขาต้องการโดยไม่คิดเงินเลยแม้สักเซ็นต์เดียว เธอบอกว่าไม่รู้ จะไปหาคนดีขนาดนี้มาจากที่ไหนอีกแล้วในโลก สุดท้ายในวันนั้นเมื่อเธอไม่รู้จะทำอะไร 7! /13


ต่อไปดี เธอจึงมองไปรอบรอบห้องและพบกล่องไม้กล่องหนึ่งวางอยู่ใกล้เตาผิง เธอถาม เขาว่านั่นคือกล่องแซ็กโซโฟนใช่ใหม มาร์การ์ริโต้ไม่ตอบคำถามแต่เปิดม่านออกเพื่อ ทำให้ห้องสว่างขึ้น ย้ายกล่องนั้นมาวางบนเตียง แล้วจึงเปิดฝากล่อง เธอพยายามจะ กรีดร้องออกมาทว่าปากเธออ้ากว้างและขยับไม่ได้ ดังที่เธอบอกเราต่อมา “Mi si gelo il culo” เธอวิ่งหนีด้วยความตกตะลึงแต่ไปหลงทางอยู่แถวแถวห้องโถง เลยไปเจอกับคุณ ป้าแอนโตนิเอ๊ตต้าซึ่งกำลังเดินจะไปเปลี่ยนหลอดไฟให้ห้องของผม ทั้งสองคนต่างตกใจ กลัวสุดขีด กระทั่งเมื่อแม่สาวน้อยวิ่งเข้าไปหลบในห้องของเดอะ เทเนอร์ ได้แล้ว เธอ ยังหวาดกลัวเหลือเกินจนถึงกับต้องใช้เวลาสงบสติอารมณ์อยู่ในห้องนั้นจนดึกดื่นนั่น แหละ เธอถึงจะกล้ากลับออกมาอีกครั้ง คุณป้าแอนโตนิเอ๊ตต้าผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับใครเขา เดินเข้ามาในห้องของผม ด้วยความตกใจกลัวจนไม่อาจเปลี่ยนหลอดไฟให้ผมได้เพราะว่ามือของเธอยังสั่นอยู่ ผม ถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น “ป้ารู้มานานแล้วว่าบ้านหลังนี้มีปีศาจสิงสู่อยู่” คุณป้าอธิบาย “แต่เดี๋ยวนี้มันกล้าออกมากลางวันแสกแสกแล้ว” จากนั้นเธอก็เล่าเรื่องสยองขวัญประจำ บ้านว่า ในสมัยสงครามมีทหารเยอรมันคนหนึ่งเชือดคอชู้รักของเขาในห้องที่ปัจจุบันนี้ คือห้องของเดอะ เทเนอร์ และในเวลาที่คุณป้ากำลังนั่งทำงานของเธอ คุณป้าก็มักจะ พบเจอปีศาจสาวแสนสวยตนนั้นเดินไปตามทางเดิน “แต่เมื่อกี้ป้าเพิ่งเห็นเธอเดินเปลือยเปล่าอยู่ในห้องโถง” แกเล่าต่อ “ป้ารู้เลยว่า ต้องเป็นเธออย่างแน่นอน” ฤดูหนาวเข้าครอบครองกรุงโรมอีกครั้งเหมือนที่เคยเป็นมาเช่นทุกปี เหล่าระเบียง ดอกไม้แห่งฤดูร้อนเอ่ยอำลาทันทีที่ได้สัมผัสกระแสลมแรก เดอะ เทเนอร์และผมกลับ ไปยังร้านเก่าของเราที่ย่านตร๊าสเตอเวอเร่ออีกครั้ง ที่ที่เราไปนั่งกินอาหารกับนักเรียน ร้องเพลงของเคาท์ คาร์โล คาลคานี่ และเพื่อนร่วมชั้นของผมบางคนจากโรงเรียน ภาพยนตร์ ในจำนวนคนเหล่านั้นคนที่ดูน่าเชื่อถือที่สุดเห็นจะเป็น ลาคิส ชาวกรีกผู้ เฉลียวฉลาดและน่ารัก ความบกพร่องเพียงประการเดียวของเขาคือการที่เขาชอบกล่าว ปาฐกถาชวนง่วงนอนในหัวข้อเรื่องความอยุติธรรมในสังคม ที่ร้านนั้นนับเป็นโชคดีของ พวกเรา เพราะเดอะ เทเนอร์และโซปราโนมักจะร้องเพลงจากบางช่วงของโอเปร่าที่ เลือกมา ด้วยเสียงดังสุดขีดของพวกเขาได้โดยที่ไม่มีใครรำคาญใจ ถึงแม้ว่าบางครั้งจะ เป็นเวลาหลังเที่ยงคืนแล้วก็ตาม ตรงกันข้ามในบางคืนกลับมีเสียงประสานร้องออกมา จากคนซึ่งเดินผ่านไปผ่านมา และจบลงด้วยการที่เพื่อนบ้านเปิดหน้าต่างออกมาปรบ มือให้พวกเราอีกด้วยซ้ำ คืนหนึ่งขณะที่เรากำลังร้องเพลงกันอยู่ที่ร้าน มาร์การ์ริโต้เดินเข้ามาเงียบเงียบ อย่างไม่ต้องการรบกวนพวกเรา ในมือถือกล่องไม้สน เขาเพิ่งกลับมาจากนำเดอะ เซนต์ ไปแสดงกับพระที่โบสถ์ซาน จิโอวานนี่ ณ ย่านลาเตอร์ราโน ซึ่งที่นั่นมีการจัดพิธี 8! /13


ชุมนุมทางศาสนาตามปกติ และยังไม่มีเวลากลับไปเก็บทีเ่ ดอะ เพนซิโอเน่ จากหางตา ผมเห็นเขานั่งลงที่โต๊ะว่างตัวหนึ่ง วางกล่องไว้ใต้โต๊ะและนั่งฟังเราร้องเพลงจนกระทั่ง เลิก ตามปกติเมื่อถึงเวลาหลังเที่ยงคืนและในร้านว่างเปล่า เราจะลากโต๊ะหลายหลายตัว มาต่อกันและนั่งรวมเป็นกลุ่มเดียว ทั้งเพื่อนนักร้อง ทั้งเพื่อนที่คุยเรื่องภาพยนตร์ และ เพื่อนทั้งหมดที่เหลือของเรา ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนเหล่านี้, มาร์การ์ริโต้ ดูอาร์เต้, ซึ่งทุก คนที่นั่นรับรู้กันเป็นนัยนัยว่า ชาวโคลัมเบียนผู้นี้นั่งอยู่คนเดียว เงียบงัน เศร้าสลด และ อยู่ภายในชีวิตอันแสนเร้นลับของเขา ลาคิสชักเริ่มสงสัยจึงเอ่ยขอร้องให้เขาเล่นเชลโล ให้ฟัง ในตอนนั้นผมและเดอะ เทเนอร์ ไม่อาจพูดอะไรออกมาเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ กำลังจะเกิดขึ้นได้ มาร์การ์ริโต้จึงเป็นคนเดียวที่ตอบคำถามนั้นด้วยความรู้สึกปกติ ธรรมดาอย่างยิ่ง “มันไม่ใช่เชลโล่” เขาพูด “นี่คือเดอะ เซนต์” เขาวางกล่องนั้นลงบนโต๊ะ ปลดสลักแล้วเปิดฝาออก กระแสแห่งความตกตะลึง พัดกระพือเข้าครอบคลุมทั่วทั้งร้าน ลูกค้าคนอื่นอื่น พวกบริกร พนักงานในครัวที่ยัง สวมผ้ากันเปื้อน ทุกทุกคนมายืนรวมกันด้วยความอัศจรรย์ใจเพื่อเฝ้าดูปาฏิหาริย์เบื้อง หน้า แม่ครัวคนหนึ่งถึงกับสั่นระริกไปทั้งตัวด้วยความตื่นเต้น เธอค่อยค่อยทรุดกายลง นั่งคุกเข่า กุมมือทั้งสองแนบแน่นและสวดภาวนาในอาการอันเงียบสงบ เมื่อเรื่องราวตื่นเต้นทั้งหมดผ่านพ้นไป เราก็มานั่งจับกลุ่มกันถกเถียงหัวข้อเรื่อง การขาดแคลนนักบุญในโลกยุคปัจจุบัน แน่นอนที่สุด ลาคิสย่อมเป็นคนที่แสดงความ เห็นอย่างรุนแรงกว่าใครเพื่อน การอภิปรายของเขาจบลงด้วยข้อสรุปที่ว่า เขาต้องสร้าง ภาพยนตร์หนึ่งเรื่องซึ่งเกี่ยวข้องกับเดอะ เซนต์ ให้เร็วที่สุด “ผมแน่ใจได้เลย” ลาคิสประกาส “ว่าเฒ่าซีซาเร่จะต้องไม่ปล่อยให้เรื่องนี้หลุดมือ แกไป” เขาหมายถึง ซีซาเร่ ซาวาตินี่ ครูสอนวิชาการพัฒนาพล็อตและการเขียนบท ภาพยนตร์ให้กับพวกเรา เขาเป็นหนึ่งในเสาหลักแห่งวงการภาพยนตร์และเป็นครูเพียง คนเดียวที่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพวกเราเมื่ออยู่นอกชั้นเรียน นอกจากเรื่องการ สร้างภาพยนตร์แล้วเขายังพยายามสอนเรื่องวิถีการดำเนินชีวิตให้กับเราอีกด้วย เขา เป็นประหนึ่งเครื่องจักรแห่งการผลิตพล็อต มันจะล้นหลั่งออกมาจากตัวเขาด้วย ความเร็วในขนาดที่เขาต้องการให้ใครสักคนมาช่วยกันจับเจ้าความคิดนั้นแล้วประกาศ มันออกมาให้ดังที่สุด แต่ความกระตือรือร้นนี้จะเหี่ยวเฉาลงทันทีที่ความคิดนั้นจบ สมบูรณ์ลง “ถ้ามีคนเอามันไปสร้างจริงจริง มันจะไม่ดีขนาดนี้” เขาบอกพวกเรา เพราะ เขาเชื่อว่าการเขียนบทภาพยนตร์มักจะทำลายความมหัศจรรย์ของความคิดแรกไป เสมอ เขาจึงเขียนเจ้าความคิดเหล่านั้นไว้ในการ์ดแข็งโดยแยกหมวดหมู่ตามหัวข้อเรื่อง 9! /13


แล้วกลัดติดไว้บนฝาผนัง เขามีมากมายเสียจนที่บ้านต้องเสียห้องห้องหนึ่งไปเพื่อเก็บ การ์ดเหล่านี้เอาไว้ วันเสาร์ถัดมาเราจึงพามาร์การ์ริโต้ ดูอาร์เต้ไปพบกับเขาที่บ้านในถนนเวีย ดิ แซนต์-แอนเจลา เมริซี่ เมื่อเปิดประตูมาเจอพวกเรา ซาวาตินี่ดีใจมาก เพราะหลัง จากที่เราอธิบายเรื่องราวล่วงหน้าคร่าวคร่าวให้ฟังทางโทรศัพท์ ไปก่อนแล้ว ตัวเขาเองก็ แทบจะถูกเผาผลาญด้วยความกระตือรือร้นสนใจ เขาตื่นเต้นจนลืมต้อนรับเราด้วย ไมตรีจิตตามมาตรฐานของเขา เขาพามาร์การ์ริโต้ไปยังโต๊ะที่จัดเตรียมไว้ และเปิดฝาก ล่องนั้นด้วยตัวเอง แล้วสิ่งที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อนก็ปรากฏขึ้น แทนที่จะแสดงความ คลั่งไคล้ออกมาอย่างที่เราคาดกันไว้ล่วงหน้า เขากลับมีอาการทนทุกข์ทรมานด้วย ความอ่อนเปลี้ยทางจิตใจ “Ammazza” เขารำพึงออกมาด้วยความหวาดหวั่น ซาวาตินี่ยืนมองดูเดอะ เซนต์ อยู่เงียบเงียบประมาณสองหรือสามนาที จึงเอื้อม มือไปปิดกล่อง และโดยที่ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาแม้สักคำเดียว เขาเดินพามาร์การ์ริโต้ ออกไปส่งตรงประตูด้วยกิริยาระมัดระวังราวกับเด็กทารกเพิ่งเริ่มหัดเดินเป็นครั้งแรกใน ชีวิต ตอนเขาเอ่ยคำอำลาออกมาสองไหล่ของเขายังคงสั่นระริก “ขอบคุณมากลูกเอ๋ย ขอบคุณจริงจริง” เขาเอ่ย “ขอให้องค์พระเป็นเจ้าอยู่กับลูกในการต่อสู้ครั้งนี้” เมื่อเขาปิด ประตูลง แล้วหันกลับมาหาพวกเรา เขาจึงกล้ากล่าวคำตัดสินออกมา “มันไม่เหมาะกับการสร้างเป็นภาพยนตร์” เขาสรุป “เพราะจะไม่มีใครเชื่อเรื่องนี้” บทเรียนอันแสนตื่นเต้นนี้ดังก้องอยู่ในหัวของเราตลอดทางกลับบ้าน ถ้าซาวาตินี่ พูดอย่างนั้น มันก็ต้องเป็นความจริง เรื่องราวมันไม่เหมาะสม เมื่อถึง เดอะ เพนซิโอเน่ เบลล่า มาเรียมาหาพวกเราพร้อมกับบอกเรื่องด่วนจากซาวาตินี่ว่าเขาต้องการพบเรา คืนนี้ แต่ไม่ต้องพามาร์การ์ริโต้ไปด้วย เมื่อเรากลับไปพบท่านอาจารย์อีกครั้ง เขากำลังอยู่ในห้วงแห่งความคิดอันเจิด จรัส ลาคิสพาเพื่อนร่วมชั้นไปด้วยสองหรือสามคน ทว่าตอนที่เขาเปิดประตู เขากลับไม่ สังเกตเห็นเพื่อนพวกเราเสียด้วยซ้ำ “ครูคิดออกแล้ว” เขาตะโกนก้อง “ภาพยนตร์จะต้องเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น ถ้า ให้มาร์การ์ริโต้แสดงปาฏิหาริย์ และชุบชีวิตลูกสาวเขาขึ้นมาจากความตาย” “ในหนังหรือในชีวิตจริงครับ” ผมถาม เขาชะงักการประกาศ “อย่าโง่สิ” เขาดุ ทว่าเราสังเกตเห็นความคิดซึ่งไม่อาจระงับ ได้แวววาวอยู่ในประกายตาของเขา “มันจะเป็นยังไงกันนะ ถ้าเขาชุบชีวิตเธอได้จริง จริง” เขานิ่งเงียบ แล้วก็พูดออกมาอย่างจริงจัง “ต้องให้เขาลองทำดู” 10 ! /13


มันไม่มีอะไรมากไปกว่าอารมณ์ที่ผ่านมาแล้วผ่านไป จากนั้นเขาก็กลับไปสู่เรื่อง เดิมอีกครั้ง เขาเดินพล่านไปทั่วทุกห้องราวกับคนบ้าที่มีความสุข โบกไม้โบกมือขณะ ตะโกนเล่าเรื่องราวของภาพยนตร์ เราทุกคนฟังอย่างงงงวย มองเห็นภาพที่ลอยละล่อง อยู่เต็มบ้านราวกับฝูงนกที่ส่องแสงเรืองรองซึ่งเขาปล่อยออกมาให้โบยบินอย่างบ้าคลั่ง “กระทั่งคืนหนึ่ง” เขาเล่า “หลังจากบางสิ่งเช่น โป๊ปสักยี่สิบพระองค์ซึ่งปฏิเสธเขา สิ้นพระชนม์ ไปแล้ว มาร์การ์ริโต้ก็แก่ตัวลงไปมาก เดินเหนื่อยล้ากลับมาถึงบ้าน เปิด กล่องออก ลูบไล้ใบหน้าเธออย่างทนุถนอม แล้วจึงพูดขึ้นด้วยความอ่อนโยนที่รวบรวม มาจากทั่วทั้งโลก ‘ด้วยความรักของพ่อ ลูกเอ๋ย จงลุกขึ้นมาและก้าวเดินเถิด’” เขามองมาที่พวกเราและจบลงด้วยท่าทีแห่งชัยชนะ “แล้วเธอก็ทำตามนั้น!” เขารอให้เราพูดอะไรออกมา แต่เราทั้งหมดยังมึนงงอยู่และคิดอะไรไม่ออก ยกเว้นก็แต่ลาคิส เขายกมือขึ้น คล้ายกับขออนุญาตที่จะพูดถ้าหากเราอยู่ในห้องเรียน “ปัญหาของผมก็คือผมไม่เชื่อครับ” เขาเอ่ย และท่ามกลางความตกใจของพวก เราทุกคน เขาหันไปพูดกับซาวาตินี่ “ขอโทษเถอะครับท่านอาจารย์ แต่ผมไม่เชื่อจริง จริงครับ” นั่นทำให้ซาวาตินี่ประหลาดใจ “ทำไมล่ะ” “ผมจะไปรู้ได้ยังไง” เสียงเขาดูเจ็บปวด “แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ” “Ammazza” ท่านอาจารย์ร้องออกมาด้วยเสียงที่ดังขนาดว่าคงจะได้ยินไปตลอด ทั้งละแวกบ้าน “นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงทนพวกสตาลินไม่ได้ เพราะพวกเขาไม่เชื่อ ในความจริง” อีกสิบห้าปีต่อมาดังที่ตัวมาร์การ์ริโต้เองเล่าให้ผมฟัง เขาพาเดอะ เซนต์ ไปที่ ปราสาทกองเดลโฟในทุกเหตุการณ์ที่เขาจะมีโอกาสได้แสดงตัวเธอ ครั้งหนึ่งในการเข้า เฝ้าของนักแสวงบุญจากลาตินอเมริกาประมาณสองร้อยคน เมื่ออยู่ท่ามกลางความ แออั ด เบี ย ดเสี ย ดของกลุ ่ ม สาธุ ช น เขาพยายามจะเล่ า เรื่ อ งราวของเขาต่ อ ท่ า น สันตะปาปาจอหน์ที่ยี่สิบสามผู้ทรงไว้ซึ่งความเมตตากรุณา แต่เขาไม่อาจแสดงตัวเธอ ต่อพระองค์ ได้ ด้วยเหตุผลในการรักษาความปลอดภัยจากการลอบปลงพระชนม์ เขาจึง ถูกบังคับให้ทิ้งเธอไว้ที่ประตูทางเข้า รวมกับบรรดาข้าวของสัมภาระของเหล่านักแสวง บุญทั้งหลาย องค์โป๊ปพยายามรับฟังเขาเท่าที่พระองค์จะสามารถรับฟังได้ท่ามกลางฝูง ชน แถมพระองค์ยังกรุณาตบเขาเบาเบาที่แก้มเพื่อเป็นการให้กำลังใจอีกด้วย “Bravo, fligio mio” พระองค์ทรงอำนวยพระพร “พระเป็นเจ้าจะประทานรางวัลให้ กับความพยายามของลูก” ! /13 11


แต่มันเป็นในช่วงเวลาสั้นสั้นสมัยองค์สันตะปาปาอัลบิโน ลุยเซียนี่ ผู้ยิ้มแย้ม ที่ มาร์การ์ริโต้เข้าใกล้ความสำเร็จตามความฝันของเขามากที่สุด หนึ่งในบรรดาประยูร ญาติขององค์โป๊ป เกิดประทับใจเรื่องราวของเขาเข้าและให้สัญญาว่าจะกล่าวทูลกับ พระองค์ให้ ทีแรกก็ไม่ค่อยมีใครสนใจญาติองค์โป๊ปสักเท่าไรหรอก ทว่าอีกสองวันต่อ มา ตอนที่พวกเขากำลังนั่งกินกลางวันทีเ่ ดอะ เพนซิโอเน่ มีใครบางคนโทรมาฝาก ข้อความธรรมดาธรรมดาแต่แสนกะทันหันถึงมาร์การ์ริโต้ ข้อความนั้นสั่งว่าห้ามเขา ออกจากกรุงโรมไปไหนในช่วงเวลานี้ เพราะบางทีก่อนวันพฤหัสที่จะถึงนี้ เขาอาจถูก เรียกตัวเข้าพระราชวังวาติกันเพื่อเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ไม่ว่าใครก็ตามล้วนคิดว่านี่คือการล้อเล่นยกเว้นก็แต่มาร์การ์ริโต้ เขาเฝ้ารออย่าง ตื่นเต้นจน ขนาดไม่ยอมออกจากบ้านไปไหน แถมถ้าจะเข้าห้องน้ำเขาก็จะประกาศว่า “ผมจะไปเข้าห้องน้ำนะครับ” เบลล่า มาเรียผู้ซึ่งยังคงความหลักแหลมแม้จะถึงช่วง รุ่งอรุณของวัยชราแล้วก็ตามที หัวเราะเสียงดังตามแบบฉบับสาวโสด “เรารู้น่า มาร์การ์ริโต้” เธอตะโกนบอก “เผื่อว่าโป๊ปจะโทรมาใช่ไหมล่ะ” เช้าตรู่วันหนึ่งในสัปดาห์ถัดมา มาร์การ์ริโต้เกือบจะล้มทั้งยืนเมื่อเขาเห็นพาดหัว ข่าวของหนังสือพิมพ์ที่สอดอยู่ใต้ประตู “Morto il Papa” ช่วงขณะหนึ่งที่เขาคิดว่าเขา คงตกอยู่ในห้วงมายาภาพ เพราะไอ้หนังสือพิมพ์นั่นมันจะต้องเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับ เก่าที่ส่งมาผิดเป็นแน่ ก็ใครเล่าจะเชื่อกันง่ายง่ายว่า องค์โป๊ปจะสิ้นพระชนม์กันได้ทุก เดือน ทว่ามันเป็นความจริง องค์สันตะปาปาอัลบิโน ลุยเซียนี่ ผู้ยิ้มแย้ม ภายหลังจาก ได้รับเลือกเมื่อสามสิบสามวันก่อน สิ้นพระชนม์อย่างสงบขณะที่พระองค์นอนหลับสนิท นับจากวันที่พบกับมาร์การ์ริโต้ ดูอาร์เต้ ครั้งแรกผ่านไปแล้วยี่สิบสองปี ผมถึงได้ กลับไปที่กรุงโรมอีกครั้ง และบางทีผมคงจะไม่นึกถึงเขาเลยถ้าหากเราจะไม่ได้มาพบกัน โดยบังเอิญ ก็ไอ้อากาศที่แสนจะเลวร้ายแบบนี้มันทำให้ผมคิดถึงใครไม่ได้หรอก ทั้งไอ้ ฝนบ้าบ้าที่ตกปรอยปรอยทั้งวันอย่างไม่มีวี่แววจะหยุดนั่น แสงสว่างเท่าที่พอมีก็กลับ หายกลายเป็นความหม่นมัว สถานที่ซึ่งเคยเป็นของผมและยังคงฝังแน่นอยู่ในความทรง จำก็กลับกลายเป็นที่ที่ไม่เคยคุ้นไปเสียแล้ว ถึงแม้ว่าตัวอาคารซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็น เดอะ เพนซิโอเน่ จะยังคงดูเหมือนเดิมก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครสักคนจะรู้เรื่องของเบลล่า มาเรีย ไม่มีใครสักคนจะให้คำตอบผมถึงเรื่องเบอร์โทรศัพท์ที่แตกต่างกันถึงหกเบอร์ ซึ่งเดอะ เทเนอร์ ริเบอร์โร ซิลวา ส่งมาให้ผมตลอดเวลาที่ผ่านมา ตอนกินมื้อกลางวันกับบรรดา คนทำหนังรุ่นใหม่ เมื่อความทรงจำถึงครูเก่าของผมตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล ใน ทันใดนั้นความเงียบก็แพร่กระจายเข้าปกคลุมโต๊ะอาหารจนกระทั่งมีใครสักคนกล้าเอ่ย ออกมา “Zavattini? Mai sentito?” 12 ! /13


มันเป็นความจริง ไม่มีใครรู้จักเขาเลย หมู่ต้นไม้ในวิลล่า บอร์กีส ดูยุ่งเหยิงไร้ ระเบียบภายใต้เงาฝน the galoppatoio ขององค์เจ้าหญิงผู้น่าสงสารถูกกลืนหายไปใน ดงวัชพืชปราศจากดอกไม้ และเหล่าสาวงามแห่งห้วงอดีตก็ถูกแทนที่ด้วยหมู่นักกีฬา ระบุเพศไม่ได้ในชุดหลากสีสัน ท่ามกลางการสาบสูญของสรรพสิ่งทั้งปวง ผู้ที่เหลือรอด ได้แก่เจ้าสิงโตชรา ซึ่งต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคเรื้อนและความหนาวเย็น อยู่บนเกาะ ของมันล้อมรอบด้วยคูน้ำที่บัดนี้แห้งสนิท ไม่มีใครร้องเพลงหรือยอมตายเพื่อความรัก อีกต่อไปแล้วที่ร้านอาหารปลอมปลอมในย่านปิแอซซ่า ดิ สแปกน่า โรมในความทรงจำ ของเรากลับกลายเป็นอีกโรมซ้อนแทรกอยู่ในกรุงโรมจากห้วงอดีตขององค์จักรพรรดิซี ซ่าร์ ทันใดนั้นเองเสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น เป็นเสียงที่ดังออกมาจากสถานที่อันไกลโพ้น เสียงที่หยุดผมให้ยืนหนาวเหน็บ ณ ถนนแคบแคบสายหนึ่งในย่านตร๊าสเตอเวอเร่อ “สวัสดี พ่อนักกวี” เขานั่นเอง แก่ชราและดูเหนื่อยล้า ถึงแม้โป๊ปสี่พระองค์จะสิ้นพระชนม์ ไปแล้ว ถึง แม้กรุงโรมที่ไม่มีวันตายจะเริ่มแสดงร่องรอยแรกแห่งความดับสูญ เขาก็ยังคงรอคอย “ผมคอยมานานมาก จนมันคงไม่มีทางจะนานไปกว่านี้ได้อีกแล้วล่ะ” เขาบอกผมแทน คำอำลาหลังจากสี่ชั่วโมงแห่งการหวนรำลึกถึงห้วงอดีตผ่านพ้นไป “บางทีมันอาจจะเป็น เดือนนี้ก็ได้นะ” เขาเดินจากไปตามถนน สวมรองเท้าบู๊ทและหมวกแก๊ปยับยับเหมือน กับคนโรมันแก่แก่ ไม่ใส่ใจต่อละอองฝนพร่างพรายโปรยปรายในขณะที่แสงสว่างค่อย ค่อยโรยราลงทุกที เมื่อถึงตอนนี้เองที่ผมหายสงสัย, ถ้าหากผมจะเคยสงสัยมาก่อน, ว่าเดอะ เซนต์ นั้นคือมาร์การ์ริโต้นั่นเอง โดยที่ไม่เคยตระหนักรู้เลยก่อนหน้านี้ ว่าใน ความหมายของร่างกายลูกสาวซึ่งไม่เน่าเปื่อยและในช่วงเวลาที่เขายังมีชีวิตอยู่นั้น เขา ได้อุทิศเวลาถึงยี่สิบสองปี ต่อสู้เพื่อการยอมรับในความเป็นนักบุญ สำหรับตัวเขาเอง.

!

สิงหาคม 1981.

13 ! /13


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.