อภินันทนาการจาก
....................................................................................................... ....................................................................................................... .......................................................................................................
ขอมอบธรรมะของพระพุทธองค์ เป็ นธรรมบรรณาการแด่ ....................................................................................................... ....................................................................................................... ....................................................................................................... .
หนังสือ ปาณาติบาต (ผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์) (ฉบับปรับปรุง ๒๕๕๘) ผู้เขียน บ.สยังวสี เจ้าของ เจโตวสีภิกขุ ๒๒๕ วัดจักรวรรดิราชาวาส คณะ ๓ แขวงจักรวรรดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กทม ๑๐๑๐๐ ออกแบบปก : หนุ่มเมืองดอกบัว ภาพประกอบ & จัดรูปเล่ม : ธรรมสีหนาท พิสูจน์อักษร : จุฬารัตน์(โบว์) ลภิรัตนากูล ที่ปรึกษาด้านคอมพิวเตอร์ : สมบัติ ปามั่น เว็ปมาสเตอร์ : ผดุงศักดิ์ กล้าหาญ สนับสนุนสือ่ พิมพ์ธรรมทาน : ณโลบลทิตย์ พุทธพรหมราช และอุบาสก อุบาสิกาวัดโพธิธรรมสิกขาลัย ลาสเวกัส ติดต่อประสานงาน : สมัย ดงไธสง ให้การอุปถัมภ์สถานที่ : ศรีสวัสดิ์ นุราช และครอบครัว, ปรกรณ์พิทย์ (เล็ก) Albright พิมพ์ที่ : วัดโพธิธรรมสิกขาลัย ลาสเวกัส 1396 Oahu Street, Las Vegas, NV 89104
พิมพ์ครั้งที่ ๓ จานวน ๑๐๐ เล่ม ข้อมูลทางบรรณานุกรมหอสมุดแห่งชาติ ISBN : 978-616-305-712-9
ลิขสิทธิ์ในต้นฉบับนีส้ งวนไว้ตามพระราชบัญญัตลิ ิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ แต่ไม่สงวนลิขสิทธิ์ในการจัดทาจากต้นฉบับเพื่อเผยแผ่ในทุกกรณี กรุ ณาติดต่อสอบถาม วัดโพธิธรรมสิกขาลัย ลาสเวกัส 1396 Oahu Street, Las Vegas, NV 89104
Tel. (702) 405-0126, (702) 750-6434
Website : www.bddmc.org
E-Mail : dhammafeelgood@yahoo.com,sombat_2@hotmail.com
คำนำ
ในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะในชนบทหรือในเมืองใหญ่ มักจะได้ยิน คนพูดกันว่า คนนั้นคนนี้ไม่สบาย ป่วยเป็นโรคหัวใจ โรคมะเร็ง หรือ โรคเบาหวาน ฯลฯ ในทางการแพทย์ พอรูก้ ันว่า โรคเหล่านี้เกิดมาจาก สาเหตุใดบ้าง ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมการกินที่ไม่ถูกต้อง คือ รับประทานอาหารประเภทโปรตีน เนื้อ นม ไข่ ถั่ว โดยเฉพาะถั่วเหลือง หรือผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองมากเกิน และอาหารจานด่วนและอาหาร ปนเปื้อนสารเคมี ตลอดทั้งเครื่องดื่มที่อร่อยแต่ปาก แต่มีโทษต่อ ร่างกาย เช่น ชา กาแฟ น้้าอัดลม เครื่องดื่มบ้ารุงก้าลังทั้งหลาย แต่ สิ่งที่น่าสังเกต อีกอย่างหนึง่ คือว่า ทั้งๆเป็นโรคเดียวกัน ท้าไมคน หนึ่งรักษาหาย แต่อีกคนรักษาไม่หาย ต้องมาเสียชีวติ ไปอย่างน่า เสียดาย บางคนดูสุขภาพดี แต่ไม่นานกลับได้ข่าวว่า เป็นโรคมะเร็ง และตายแล้ว ส่วนอีกคน เป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย เหมือนกัน ดู อาการน่าจะไม่รอด แต่กลับมาหายได้ เรื่องอย่างนี้ คงไม่ใช่เพียงแค่ตา มองเห็นอย่างเดียว น่าจะมีอะไรบางที่มีอา้ นาจลึกลับซับซ้อนมากกว่า นี้ โรคอย่างนี้ พระท่านว่า “เป็นโรคเวร โรคกรรม” คือเป็นโรคที่เกิด จากการฆ่าและเบียดสัตว์ทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ ซึ่งยากแก่ การรักษาเยียวยา นอกจากจะใช้ธรรมโอสถเท่านั้น ผู้เ ขี ย นได้ เ ก็ บ รวบรวมและเรี ย บเรี ยงข้ อ มูล ที่ เ กี่ย วกั บ โรค กรรมที่ ป รากฏในคั ม ภี ร์ พ ระไตรปิ ฎ กและอรรถกถา พร้ อ มทั้ ง ได้ เชื่อมโยงให้เห็นผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์ ว่าเป็น บาปกรรมอย่า งไร เป็นบาปแค่ไหน จะได้รับผลบาปนั้นอย่างไร จะ ได้รับมากหรือน้อยแค่ไหน และบาปกรรมนั้นทำให้เจ็บป่วยได้อย่ำงไร
พร้ อมทั้ง น้า เสนอพุท ธวิ ธี ในกำรรั ก ษำโรคกรรมและวิ ธี ช ำระล้ ำ ง วิบำกกรรมจำกกำรฆ่ำและเบียดเบียนสัตว์ไว้อย่างครบถ้วน ส่วนใครจะเห็นด้วยหรือไม่ จะสามารถลด ละ เลิก หยุดฆ่า และเบียดเบียนสัตว์หรือไม่ จะท้าได้มากน้อยเท่าไหร่ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่ กับเงื่ อนไข ระยะเวลา ภูมิความรู้ และบุญ บารมีเก่าที่เคยท้าเอาไว้ เพราะสัตว์โลกทั้งหลาย ย่อมเป็นไปตามกรรม เพราะความจริงมีอยู่ ว่า ไม่มีใครจะหยุดทำบำปได้โดยทันที ถ้ำหำกไม่มีพื้นฐำนคุณธรรม ที่เพียงพอ วันใดที่คิดได้และเข้าใจเรื่องกรรมและวิบากกรรมอย่าง ซาบซึ้งเพียงพอ คงได้คิดและหยุดการฆ่าสัตว์อีกต่อไป ส้าหรับผู้เขียนเอง สมัยเป็นเด็กเคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมามาก พอสมควร แต่เมื่อมีโอกาสได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ธรรมะอย่างถูกต้อง ได้คิดทบทวนย้อนหลังไปในอดีตที่เคยท้ามา ได้เข้าใจอย่างซาบซึ่งและ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่า การฆ่าและการเบียดเบียนทรมานสัตว์นั้นเป็น บาปกรรม มีโทษมาก ส่งผลท้าไห้ผู้นั้นมีอันเป็นไป ประสพกับเคราะห์ ร้ายหายนะ เกิดความวิบัติ และเป็นโรคได้จริง ฉะนั้น ผู้เขียน จึงต้องการน้าเสนอเรื่องนี้ให้ผู้ที่เคยและไม่เคย ฆ่าสัตว์ได้มีโอกาสอ่านด้วย เพราะเชื่อแน่ว่าผู้มีปัญญาดี เมื่อมีใครมา บอก ชี้แนะ ย่อมรู้จักเลือกสรรเอาแต่สงิ่ ที่ดีมีประโยชน์ส้าหรับตนจาก เรื่องนั้นๆได้ ไม่มากก็น้อย ด้วยความปรารถนาดีแด่ผู้ใฝ่ธรรมทุกท่าน บ. สยังวสี วัดโพธิธรรมสิกขาลัย ลาสเวกัส ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕
คำอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้มีคุณ
ขออุทิศคุณงามความดีทั้งหลายทั้งปวงแห่งพลังธรรมทาน อัน สืบเนื่องมาจากหนังสือ “ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า” นี ้ ขอน้ อม บูชาพระคุณอันใหญ่หลวง ซึง่ ยากจะหาใดเปรี ยบ แด่โยมพ่อพรหม และ โยมแม่นำง สำยสมบัติ ซึ่งเป็นผู้ให้ชีวิต เป็นผู้บังเกิดเกล้าของ ผู้เขียน และขออุทิศส่วนกุศลผลบุญที่เกิดจากธรรมทานในครั้งนี้ ไป ให้แก่ปู่ทวด ย่าทวด ตาทวดและยายทวด, ปู่ย่า-ตายาย คือ นายสี นางตา สายสมบัติ, นายเสาร์ นางหมาค้า โนนจันทร์, นายวัชรพงษ์ ก้อนค้า (หลานชาย)ตลอดทั้งญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามี นายผ่อง แสน จิตรจันทร์, นางค้าบุ นนท์ศิริ,นายพิณ-อานาง-นางหนูหนิง สาย สมบัติ อีกทั้งผู้ที่เคยช่วยเหลือข้าพเจ้ามี แม่ชีปิ่น งามสะอาด, นายนพ ญาติของอาจารย์แม่อุบลวรรณา(โอปปาติกะ)นางบุญรอง สุทธิประภา นายสมัย นนท์ศิริ,นายประยงค์ จิตต์จันทร์และนายสุวรรณ จิตรจันทร์ พ่อใหญ่สีจั๊ด สุทธิรัตน์, แม่ใหญ่จอม นางเลี่ยม วงศ์ขันธ์ นางทอง นายเลี่ยม ก้าลังงาม, นางหนู-นางสา-นางจันทร์ นนท์ศิริ, นางเพ็ญ ศรี ผลรักษ์, นายลา-นางมี คูณดีแห่งบ้านหนองมะเกลือ ขอให้ท่านทั้งสองและบุคคลเหล่านั้น พึงรวมอนุโมทนาบุญในธรรม ทานครั้งนี้ ขอให้ได้ไปบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์ มีโอกาสได้ฟังพระสัทธรรม จากเหล่ากัลยาณมิตร มีความซาบซึ้งในพระคุณของพ่อแม่ ครูอาจารย์และ เชื่อมั่นในคุณของพระรัตนตรัย ได้มีสติปัญญารู้แจ้งแทงตลอดในธรรม โดยเร็วพลันเทอญฯ บ. สยังวสี โพธิธรรมสิกขาลัย ลาสเวกัส ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๘
คำอุทิศส่วนกุศลเป็นกรณีพิเศษ
ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลที่เกิดจากธรรมทานนี้ น้อมบูชาพุทธ กำรกธรรมอันยิ่งใหญ่สูงสุดของพระเมตไตย สัพพัญญูโพธิสัตว์ ผู้เป็น หน่อเนื้อพุทธางกูร ได้บ้าเพ็ญมาดีแล้วตลอด ๑๖ อสงไขยและหนึ่งแสนกัป ซึ่งจะได้มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าภายในภัทรกัปนี้ และน้อมบูชาเมล็ดพันธุ์ แห่งสัมมาสัมโพธิญาณที่ท่ำนหลวงพ่อเสือ วิรุฬหผล นิยตโพธิสัตว์ ผู้มี คุณธรรมอันประเสริฐ ซึ่งได้สั่งสมบ่มเพาะไว้ดีแล้วตลอด ๕๐ กัปและจะได้ ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าถัดจากเมตตรัยพุทธเจ้าอย่างแน่นอน ขอน้อมอุทิศส่วนบุญแห่งธรรมทานนี้ถวายแด่ สมเด็จพระญาณ สังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) สมเด็จพระสังฆราชสกลสังฆปริณายกและอดีต สมเด็จพระสังฆราชไทยทุกพระองค์ และน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชฯ และสมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ผู้ทรงคุณธรรมอันประเสริฐ ขอให้พระองค์ท่าน เหล่านั้น พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งกุศลที่ข้าพเจ้าอุทิศถวายแล้วนี้ ขอน้อมอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ ถวายแด่บูรพมหากษัตริย์ไทยทุก พระองค์ มีพ่อขุนผาเมือง พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ พ่อขุนรามค้าแหง สมเด็จ พระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ สมเด็จพระเจ้าตากสิน มหาราช สมเด็จพระปิยมหาราช สมเด็จพระศรีสุริโยทัย พระนางเจ้าจาม เทวี พระนางสุพรรณกัลยา เป็นอาทิ ซึ่งเป็นผู้มีพระคุณต่อประเทศชาติ พระศาสนา พสกนิกรทุกหมู่เหล่า รวมถึงบุคคลผู้ที่มีพระคุณต่อแผ่นดิน ไทยทุกท่าน พร้อมทั้งวีรชนแห่งค่ายบางระจัน มีอาจารย์ธรรมโชติเป็นต้น วีรบุรุษ วีรสตรีทั้งหลายทั้งปวง มีท้าวสุรนารี ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรี สุนทร เป็นต้นผู้เคยเสียสละชีวิต เลือดเนื้อ เพื่อปกป้องประเทศชาติและผืน แผ่นดินไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ขอน้อมอุทิศส่วนบุญอันเกิดจากธรรมทานในครั้งนี้ ไปให้แก่ครู อาจารย์ทั้งหลาย ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้ข้าพเจ้า ได้ก้าวย่างในเส้นทาง ธรรมอย่างหนักแน่นและมั่นคงมี พระเจ้าอโศกมหาราช, สมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี, พระพุทธโฆษาจารย์, อาจารย์พร รัตนสุวรรณ, อาจารย์แม่ อุบลวรรณา โอปปาติกะ, พระอาจารย์บุญมี เมธางกูร, อาจารย์เทพวิชิต ธรรมรังษี โอปปาติกะ, เทพลาเจียกและเทพแสวง โอปปาติกะ(ผู้เคยเป็น มารดาบิดาของท่านหลวงพ่อเสือ),หลวงพ่อเสาร์ กันตสีโล,อาจารย์มนทิพย์ อาจารย์น้าทิพย์, อาจารย์เสถียร โพธินันทะ, หลวงพ่อพุทธทาส อินทปัญโญ พระมหาอัมพร อินทปัญโญ, ท่านเจ้าคุณนรฯ พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทธิ) ท่านเจ้าคุณกิตติวุฑโฒ, หลวงปู่ คาคนิง, เทพเจ้า ทั้งหลายผู้สถิตย์อยู่ ณ ตุสิตาเทวโลกทุกชั้นภูมิ, ท้าวสักกเทวาธิราช, ท้าวจตุ โลกบาลทั้ง ๔, เทพเจ้าโอปปาติกะทั้งหลายผู้เคยช่วยงานของหลวงพ่อเสือ พร้อม ทัง้ เหล่าเทพโอปปาติกะทั้งปวงที่เคยให้ค้าแนะน้า ตักเตือนช่วยเหลือ ข้าพเจ้าตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน และขออุทิศส่วนกุศลแห่งธรรมทานนี้ เพื่อเป็นสื่อสะพานบุญไปให้แก่พระครูสุตสุนทรวัตร(ชาลี) ท่านศรีปราชญ์, พระสุนทรโวหาร (สุนทรภู่), เจ้าค้าผงแห่งเมืองอุบลราชธานีฯ, ท้าวธรรมกิ ติยา (จูมมณี) แห่งเมืองพิบูลมังสารหาร, อาจารย์เหม เวชกร, พระมหา เถรคันฉ่อง, เทพเจ้ากวนอู, เทพเจ้าเปาปุ้นจิ้น พร้อมทั้งองค์รักษ์ ตลอดทั้ง โอปปาติกะทั้งหลายที่ท้าหน้าที่ดูแลคุ้มครองประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะเมืองLas Vegas รัฐเนวด้า ขอให้ท่านทั้งหลายทั้งปวง จงเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญกุศลที่ข้าพเจ้า อุทิศให้แล้วนี้ ขอจงได้มีความปลาบปลื้ม เกิดปีติปราโมทย์รื่นเริงในธรรม และมีความสุขในสุคติโลกสวรรค์ยิ่งๆขึ้นไป ตลอดกาลนานเทอญฯ
คำอธิษฐำนเพื่อบ่มเพำะ เมล็ดพันธุ์แห่งสัมมาสัมโพธิญาณ ข้าพเจ้า มีความศรัทธาเลื่อมใสอย่างยิ่ง ในพระธรรมค้าสอน ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ าในเรื่ องกฎแห่งกรรมและเชื่อมัน่ แห่งพลังธรรมทาน จึงได้ ทุ่มเทก้าลังกายใจศึกษาค้นคว้าข้อมูลที่ เกี่ยวกับ “ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า” ผลกรรมจากการฆ่าและ เบียดเบียนสัตว์จากคัมภีร์พระไตรปิฎกและอรรถกถา ได้วิเคราะห์ วิจัย ไตร่ตรองใคร่ครวญ ด้วยโยนิโสมนสิการ อธิบายความ เชื่อมโยง ผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ให้สอดรับกับพุทธพจน์ที่ ปรากฏในพระสูตรและอรรถกถา แล้วรวบรวมและเรียบเรียงด้วย ภาษาที่เข้าใจง่าย ให้อยู่ในเล่มเดียวกัน ด้วยความอุตสาหะวิริยะอย่าง มาก เพื่อน้อมถวายเป็นรัตนตรัยบูชา โพธิสัตว์บูชา และแบ่งปันเป็น ธรรมทานแก่ท่านผู้สนใจใฝ่ธรรมทัง้ หลาย ด้วยพลังอานิสงส์แห่งธรรมทานในครัง้ นี้ ไม่วา่ จะเกิดในภพ ชาติใด ขอให้ข้าพเจ้า จงมีจิตใจศรัทธาเลื่อมใสยิ่งในพระรัตนตรัย ยินดี ในธรรมที่พระอริยเจ้าประกาศแล้วทุกเมื่อ มีปัญญาสามารถที่จะสัง่ สม เมล็ดพันธุ์แห่งสัมมำสัมโพธิญำณให้สุกงอมเต็มเปี่ยมบริบูรณ์อย่าได้ ถอยกลับ พึงได้รับการอนุเคราะห์ ช่วยเหลือจากเหล่านิยตโพธิสัตว์ สัพพัญญูโพธิสัตว์ พระพุทธเจ้าทั้งปวงที่อุบัติขึ้นในอนาคต พระอริย
เจ้าทั้งหลาย ตลอดทั้งผู้มคี ณ ุ ธรรมอันประเสริฐทั้งปวงในกาลทุกเมื่อ ขอให้มีสติปัญญาแตกฉานในธรรม ฉลาดในกรรม และวิบากกรรม ยิ่งๆขึ้นไปโดยล้าดับ อย่าได้ พลาดพลังในการฆ่ ้ าและเบียดเบียน สัตว์ใดๆทังสิ ้ ้น แม้ หากว่า เกิดความประมาทพลังพลาดไป ้ ขอให้ มี กัลยาณมิตรทังหลายได้ ้ มาให้ คาชี ้แนะและแก้ ไขได้ ทนั ท่วงที คาว่า สะดุ้งกลัว ตกใจ หวั่นไหวในลัทธิอญ ั ญเดียรถีย์ผ้ เู ป็ นมิจฉาทิฏฐิ ทังหลาย ้ อย่าได้ มีแก่ข้าพเจ้ าในทุกๆภพชาติที่เกิด ขอให้จิตใจของข้าพเจ้า จงตั้งมั่นในพุทธกำรกธรรม ด้าเนิน ตามทางแห่งอริยมรรคมีองค์ ๘ อย่างหนักแน่นมั่นคงไม่หวั่นไหว มี โอกาสใกล้ชิดและศึกษาพระสัทธรรมอย่างถูกต้องจากกัลยาณมิตรครู บาอาจารย์ ผูแ้ ตกฉานในสมถะและวิปัสสนา จงมีสติปญ ั ญาสามารถ ประกาศพุทธธรรมได้อย่างอาจหาญดังสีหนาท พร้อมทัง้ เกิดมาเพื่อรับ ใช้พระพุทธศาสนา และท่านหลวงพ่อเสือทุกภพทุกชาติตลอดไป
บ. สยังวสี โพธิธรรมสิกขาลัย ลาสเวกัส ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๘
ธรรมทำน : เมล็ดพันธุ์แห่งพุทธะ การถวายหนังสือธรรมะ ชื่อว่า เป็นการส่งเสริมสนับสนุนการ เผยแผ่พุทธธรรม การเผยแผ่ธรรมะ คือ การให้ธรรมทาน การให้ ธรรมะ เป็นการให้สิ่งล้า้ ค่า ให้สิ่งที่ประเสริฐสูงสุดกว่าการให้อื่นใด ชื่อ ว่าให้เมล็ดพันธุ์แห่งศีล สมำธิ ปัญญำ เป็นการให้อมตะให้เมล็ดพันธุ์ แห่งพุทธะ ผู้ให้เมล็ดพันธุ์แห่งพุทธธรรม ย่อมมีส่วนแห่งการตรัสรู้ ธรรม มีส่วนแห่งมรรคผลและนิพพาน เหมือนบุคคลปลูกพืชชนิดใด ย่อมได้ผลชนิดนั้นแน่นอน ดังนั้น บุคคลผู้ได้บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งพุทธะ เมล็ดพันธุ์แห่ง ความรู้ตื่นเบิกบาน เมล็ดพันธุ์แห่งความสะอาด สงบ สว่าง เมล็ดพันธุ์ แห่งความโชคดีมีชัย โดยการให้ธรรมทานแก่ผู้อื่น ครั้นถึงเวลาที่เมล็ด พันธุ์แห่งบุญนี้เจริญงอกงาม เติบโต แผ่กงิ่ ก้านสาขา ผลิดอกออกผล เป็นต้นบุญ ย่อมอ้านวยผลเป็นความสุขอันเลิศล้้า ทัง้ ในชาตินี้ชาติ หน้าและภพชาติต่อๆไป เป็นเหตุปัจจัยน้าไปสู่ความเป็นผู้ยิ่งใหญ่และ ล้้าเลิศทั้งในมนุษย์และเทวดาและเป็นอุปนิสัยแห่งการบรรลุธรรม ซึ่ง เป็นผลอันล้้าเลิศประเสริฐสูงสุดในทุกภพชาติที่เกิด ขอให้บุคคลผู้มีสว่ นแห่งธรรมทานในครั้งนี้ จงเจริญรุ่งเรืองทั้งทาง โลกและทางธรรม ได้ดวงตาเห็นธรรมโดยถ้วนหน้ากัน ขอผู้แสวงบุญและใฝ่ ธรรมทุกท่าน จงเกิดความปลาบปลื้ม ดื่มด่า่ เกิดความปีติ ความปราโมทย์ ความรื่นเริงบันเทิงใจ ในธรรมที่พระอริยเจ้าทั้งหลายประกาศแล้ว ทุกเมื่อ เทอญฯ เทียบเคียงจาก เรื่องท้ าวสักกเทวราช ธ.ป. (แปล) ๘/๕๔-๖๐
อักษรย่อชื่อคัมภีร์
ที่ใช้ในหนังสืออริยุปวาท เล่ม ๑
พระสุตตันตปิฎก คำย่อ ที.สี. ที.ปา. ม.มู. ม.อุ. ม.ม. สัง.ม. สัง.ส. สัง.สฬา. สัง.นิ. อัง.เอก. อัง.ติก. อัง.จตุก. อัง.ปัญจ. อัง.สัตต. อัง.อัฏฐ. ขุ.เปต. ขุ.เปต. ขุ.อิติ. ขุ.ชา.
หมายถึง
” ” ” ” ” ” ” ” ” ” ” ” ” ” ” ” ” ”
คำเต็ม ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค ทีฆนิกาย ปาฎิกวรรค มัชฌิมนิกายมูลปัณณาสก์ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ สังยุตตนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค สังยุตตนิกาย นิทานวรรค อังคุตตรนิกาย เอกกนิบาต อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต ขุททกนิกาย เปตวัตถุ ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ขุททกนิกาย อิตวิ ุตตกะ ขุททกนิกาย ชาดก
หมายเหตุ : พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณ ราชวิทยาลัย (มจร.แปล) พิมพ์ที่ โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดมหาธาตุ ยุวราชรังสฤษฎิ์ ๒๕๓๙ เลขหน้าบอกเล่ม เลขหลังบอกหน้า เช่น สัง.ส. (แปล) ๑๕/๑๓๗ มัลลิกาสูตร หมายถึง พระไตรปิฎกฉบับ มจร.แปล เล่มที่ ๑๕ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค หน้า ๑๓๗ มัลลิกาสูตร
พระไตรปิฎกและอรรถกถา แปล ฉบับมหำมกุฏรำชวิทยำลัย คำย่อ คำเต็ม อ.วิ.มหา. หมายถึง อรรถกถา วินัยปิฎก มหาวิภังค์ เลขหน้าบอก ภาคและเล่ม เลขหลังบอกหน้า เช่น อ.วิ.มหา.๑/๑/๒๘๐ หมายถึง อรรถกถา วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค ๑ เล่ม ๑ หน้า ๒๘๐
พระธัมมปัฏฐกถำ แปล คณะกรรมกำรแผนกตำรำ มหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ คำย่อ คำเต็ม ธ.ป. หมายถึง พระธัมมปัฏฐกถา แปล เลขหน้าบอก ภาค เลขหลังบอกหน้า เช่น ป.ธ. (แปล) ๔/๒๑๖-๒๒๒ เรื่องนาง กิสาโคตมี หมายถึง พระธัมมปัฏฐกถา แปล ภาค ๔ หน้า ๒๑๖-๒๒๒ เรื่องนางกิสาโคตมี
ปาณาติบาต กฎแห่งการฆ่า
ผลกรรมจากการฆ่าสัตว์และเบียดเบียนสัตว์ ผู้ฆา่ ย่อมได้ รับการฆ่าตอบ ผู้ทาร้ าย-ทาลายชีวิตของคน และสัตว์อื่นให้ เดือดร้ อนและพินาศ ชีวิตของเขาผู้นนต้ ั ้ องวิบตั ิ เกิดอุปัทวันตราย มีอนั เป็ นไปตามกฎแห่งกรรม ดังนี ้ ๑. ทุพพลภาพ ๒. รูปไม่งาม ๓. กาลังกายอ่อนแอ ๔. กาลังปัญญาไม่ว่องไว ๕. เป็นคนหวาดกลัว วิตกกังวลมาก ๖.กล้าฆ่าตัวเอง ทาร้ายตัวเอง หรือถูกฆาตกรรม ๗. มีโรคภัยเบียดเบียน ๘. บริวาร มีอันเป็นไป ๙. อายุสั้น ตายก่อนอายุขยั เทียบเคียงจาก
จูฬกัมมวิภังคสู ตร ม.อุ. (แปล) ๑๔/๓๔๙-๓๕๖ ทุจจริตวิปากสู ตร (สัพพลหุสสูตร) อัง.อัฏฐก. (แปล) ๒๓/ ๓๐๑-๓๐๒
ผลกรรมจากการฆ่า
พระอริยเจ้าและบุคคลผู้ไม่มีความผิด ผู้ใดประทุษร้ายผู้บริสทุ ธิ์(พระอรหันต์หรือพระอริยเจ้า) และทาร้าย คนที่ไม่มีความผิด (ไม่มีความผิดต่อผู้อื่น หรือต่อตนเอง) ผู้นนั้ ย่อมได้รับ ผลกรรม ๑ ใน ๑๐ อย่าง คือ ๑. ทุกขเวทนาอย่างแรงกล้า ๒. เสื่อมทรัพย์ ๓.ถูกทาร้ายร่างกาย ๔. เจ็บป่วยอย่างหนัก ๕. กลายเป็นคนวิกลจริต ๖. ต้องราชภัย ๗. ถูกกล่าวหาอย่างร้ายแรง ๘. เสื่อมญาติ ๙. ทรัพย์สมบัติพินาศย่อยยับ ๑๐. บ้านเรือนถูกไฟไหม้และชีวิตหลังตาย ย่อมตกนรก พุทธพจน์
ขุ.ขุท.(แปล) ๒๕/๗๔-๗๕
สารบัญ
ฆ่าทาไม ! ๓ เงื่อนไขสาหรับตัดสินในการฆ่า ๖ เงื่อนไขที่ทาให้ ผลกรรมหนัก-เบา ๑๒ เพียงแค่คิดฆ่าให้ ตาย ก็เป็ นเวรภัยติดตัว ๒๑ คิดว่าทาบุญ กลับได้ บาป ๓๑ อาชีพอันตราย ไม่ปลอดภัยในเส้ นทางบุญ ๓๖ ทานเนื ้อไม่เป็ นบาปกรรม หากมีปัญญาเป็ นเครื่องนาทาง ๔๑ ปาณาติบาต ผลกรรมจากการฆ่าสัตว์ ๔๕ ๑. ทุพพลภาพ ๒. รูปไม่งาม ๓. กาลังกายอ่อนแอ ๔. กาลังปัญญาไม่ว่องไว ๕. เป็นคนหวาดกลัว วิตกกังวลมาก ๖.กล้าฆ่าตัวเอง ทาร้ายตัวเอง หรือถูกฆาตกรรม ๗. มีโรคภัยเบียดเบียน ๘. บริวาร มีอันเป็นไป ๙. อายุสั้น ตายก่อนอายุขยั การฆ่ า : กฎแห่ งการสะท้ อนกลับ ๖๒ ๑.กรรมจากการฆ่าตัวตาย ๖๒
(๒)
๒.กรรมจากการทาแท้ ง การทาแท้ง คือ การกระทาที่เห็นแก่ตว ั การไม่รับผิดชอบ การทิ้งลูก การไล่ที่ ปิดกั้นโอกาส กรรมเหนือความคาดคิด การทาให้ลก ู สะดุ้งกลัวตกใจสุดขีด การฆ่าลูกน้อยผู้ไม่มค ี วามผิด กรรมสัมพันธ์ ความคิดจะเอาเด็กออก ๓.กรรมจากการฆ่าด้ วยยาพิษ ๔.กรรมจากการฆ่าด้ วยไฟ ๕.กรรมจากการฆ่าด้ วยน ้า ๖.กรรมจากการฟาด/ทุบ/ตี ๗.กรรมจากการบีบคอ-หักคอ ๘.กรรมจากการฆ่าด้ วยอาวุธ ๙.กรรมจากการฆ่าด้ วยหลุมพราง ๑๐.กรรมจากการฆ่าด้ วยเครื่ องดัก ๑๑.กรรมจากการฆ่าเชือดคอ ๑๒.กรรมจากการฆ่าด้ วยผ่าท้ องต่อยก้ นหอย ๑๓.กรรมจากการเลี ้ยง กุ้ง หอย
๖๓
๘๔ ๘๖ ๘๗ ๘๘ ๘๘ ๘๙ ๙๐ ๙๐ ๙๑ ๙๑
(๓)
ปู ปลา กบ เขียดเพื่อการค้ าขาย กรรมเบียดเบียนสั ตว์ : กฎแห่งการสะท้อนกลับ ๑.กรรมจากการค้ าขายสิ่งเสพติด ๒.กรรมจากการชนไก่ ๓.กรรมจากการชนวัว,ควาย,กัดจิ ้งหรี ด ๔.กรรมทาให้ ตาบอด ๕.กรรมจากการเด็ดก้ นแมลงปอ ๖.กรรมจากการขอดเกล็ดปลา ๗.กรรมจากการกักขังสัตว์ ๘.กรรมจากการทุบตี ๙.กรรมจากการใช้ เบ็ดตกปลา, กบ, เขียด ๑๐.กรรมจากการตอน/ทาหมันสัตว์ กรณีศึกษาตัวอย่ าง “โรคกรรม” ๑.โรคกรรมของพระพุทธเจ้ า ๒.โรคแผลผุพอง-กระดูกเปราะ ๓.กรรมที่ทาให้ ตาบอด ๔.กรรมที่ทาให้ เป็ นโรคเรื อ้ น ๕.กรรมทาให้ เป็ นโรคผิวหนัง
ผลกรรมจากการฆ่ าและเบียดเบียนสั ตว์ ทีป่ รากฏในพระไตรปิฎกและอรรถกถา ๑.กรรมทาให้ ถกู เสียบหลาว ๒.ผลกรรมจากการฆ่าพ่อแม่ ๓.ผลกรรมจากการฆ่าเด็ก
๙๒ ๙๗ ๙๗ ๙๘ ๑๐๐ ๑๐๑ ๑๐๒ ๑๐๒ ๑๐๓ ๑๐๓ ๑๐๔ ๑๐๔ ๑๐๙ ๑๑๑ ๑๒๖ ๑๓๒ ๑๓๙ ๑๔๓ ๑๔๙ ๑๕๗ ๑๖๗
(๔)
๔.ผลกรรมจากการฆ่าแพะ(๑) ๑๗๓ ๕.ผลกรรมจากการฆ่าแพะ (๒) ๑๘๐ ๖.ผลกรรมจากการฆ่าหมู ๑๘๖ ๗.กรรมทาให้ ถกู ไฟคอกตาย ๑๘๙ ๘.กรรมทาให้ หลังค่อม ๑๙๙ ๘.กรรมทาให้ เกิดมาเป็ นคนใช้ ๒๐๒ ๙.กรรมที่ทาให้ ลิ ้นขาด ๒๐๓ กรรมพยากรณ์ ๒๐๗ กรรมถูกจับถ่วงน ้า ๒๐๗ กรรมถูกขังในถ ้า ๗ วัน ๒๐๙ กรรมทาให้ ถกู ไฟเผากลางอากาศ ๒๑๑ กรณีตัวอย่าง ผลกรรมจากการฆ่าสัตว์ของคนยุคปัจจุบัน ไฟนรกตายอย่างทรมาน ๒๑๗ กรรมทาปวดตาและตาบอด ๒๑๙ กรรมทาให้ กะโหลกสมองยุบ ๒๒๑ กรรมถูกไฟไหม้ ๒๒๒ กรรมทาให้ เป็ นโรคมะเร็งลาคอ ๒๒๓ ธรรมโอสถ พุทธวิธีลด ละ เลิก ชาระล้างกรรม ๒๒๗ ภาคผนวก หวาน คือ ยาพิษ ๒๔๘
กฎแห่งกรรม
สำหรับพิจำรณำอยู่เนื่องๆ “สัตว์โลกทัง้ หลาย ย่อมเป็นไปตามกรรมที่ทาไว้ กรรมนั่นแหละ ทาให้สัตว์โลกมีความแตกต่างกันไป เพราะสัตว์โลกทัง้ หลาย ล้วนมีกรรมเป็นของๆตน มีกรรมเป็นมรดก มีกรรมเป็นตัวชักนาเกิด มีกรรมเชื่อมโยงเกี่ยวพันดังญาติพี่น้อง มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ใครทากรรมใดไว้ เป็นกรรมดีก็ตามเป็นกรรมชั่วก็ตาม เขาจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น เหมือนปลูกพืชชนิดใด ย่อมได้ผลชนิดนั้นอย่างแน่นอน” ปัพพชิตอภิณหสูตร อัง.ทสก.(แปล) ๒๔/๑๐๔
ฐานสูตร อัง.ปัญจก. (แปล) ๒๒/๗๘-๘๐
ในโลกนี้..ไม่มีใครเก่งเกินกรรม สัตว์โลกทั้งหลำย ย่อมเป็นไปตำมกรรม
“คนทาบาป ถึงจะเหาะขึ้นไปในอากาศ ก็ไม่พ้นจากบาปกรรม ถึงจะดาลงไปกลางทะเล ก็ไม่พ้นจากบาปกรรม ถึงจะเข้าไปหลบตัวในซอกเขา ก็ไม่พ้นจากบาปกรรม เพราะไม่มีแผ่นดินสักส่วนหนึ่ง ที่คนทาบาปยืนอยู่แล้วจะพ้นจากบาปกรรมได้ สัตว์ทุกประเภท ย่อมสะดุ้งกลัวโทษทัณฑ์ สัตว์ทุกประเภท ย่อมหวาดกลัวความตาย บุคคลนาตนเข้าไปเปรียบเทียบแล้ว ไม่ควรฆ่าเอง ไม่ควรใช้ให้คนอื่นฆ่า สัตว์ทุกประเภท ย่อมสะดุ้งกลัวโทษทัณฑ์ สัตว์ทุกประเภท ย่อมรักชีวิต บุคคลนาตนเข้าไปเปรียบเทียบแล้ว ไม่ควรฆ่าเอง ไม่ควรใช้ให้คนอื่นฆ่า” พุทธพจน์ ขุ.ธ.(แปล) ๒๕/๗๑-๗๒
สิ่งที่มีชีวิตทัง้ หลาย บรรดามีอยู่ในโลกนีม้ ีมากมายเหลือ คณานับ มีทงเหมื ั ้ อนกัน คล้ ายคลึงและแตกต่างกันอย่างลิบลับทัง้ กาเนิด รู ปร่ าง ขนาดของร่ างกาย อาหารและการดารงชีวิต สัตว์ โลกทุกประเภทที่ยงั มีชีวิตอยู่ได้ เพราะอาศัยอาหาร ถ้ าไม่มีอาหาร ก็จะตายหมด และวิธีจะได้ ม าซึ่ง อาหารตามสัญชาตญาณของ สัตว์กินเนื ้อ ย่อมเป็ นไปตามห่วงโซ่ของอาหาร กล่าวคือ สัตว์ใหญ่ จะกินสัตว์น้อย สัตว์ตวั ที่มีความแข็งแรงกว่า จะดารงอยู่ได้ ส่วน สัตว์ที่ออ่ นแอกว่า ก็จะตายไปไม่สามารถดารงชีวิตอยู่ตอ่ ไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อกล่าวตามความเป็ นจริ งแล้ ว ไม่วา่ มนุษย์หรือสัตว์เดรัจฉาน ล้ วนแล้ วแต่รักตัวกลัวตายด้ วยกันทังนั ้ น้ ต้ องการความสุขและความปลอดภัยในชีวิต ไม่ปรารถนาให้ ใครมา เข่นฆ่าราวี มาเบียดเบียนรังแกข่มเหงด้ วยกันทังสิ ้ ้น โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง มนุษย์ผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็นสัตว์ที่ประเสริฐ เพราะมีคณ ุ ธรรม มากกว่าสัตว์เดรัจฉาน ถึงกระนั้น ยังเข่นฆ่าและเบียดเบียนซึ่งกัน และกันและฆ่า ทาลายล้างสัตว์อื่นๆอยู่ไม่ว่างเว้นแต่ละวัน ทังนี ้ ้
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
เพราะอานาจอวิชชา ความหลงผิด ความมืดบอด ไม่ร้ ูแจ้ งชีวิตตาม เป็ นจริ ง ตัณหา คือ ความทะยานอยาก ความอยากได้ อยากมี อยากเป็ น ความอาฆาตพยาบาทเคียดแค้ น ความรู้เท่าไม่ถงึ การณ์ มิจฉาทิฏฐิ ความไม่ร้ ูแจ้ งในเรื่ องบาปบุญ คุณโทษ กฎแห่งกรรม ความไม่ละอาย ไม่สะทกสะท้ านไม่เกรงกลัวต่อผลของบาปกรรมที่ จะตามมา เพราะเห็นแก่เงินทอง และความจาเป็ นในการดารงชีพ เพื่อความอยู่รอดของแต่ละคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การติดใจใน รสชาติของอาหารที่ปรุงจากเนื ้อสัตว์ มีอิทธิพลครอบงาจิตใจ มนุษย์ทาให้ ต้องลงทุนแสวงหามา เพื่อสนองความต้ องการอันนี ้ สุดท้ าย จึงต้ องฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ ทังโดยตรงและโดยอ้ ้ อม
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ฆ่าไปทาไม !
คาว่า “ฆ่ าสัตว์ ” หมายถึง การทาให้ มนุษย์หรือสัตว์ เดรัจฉานถึงแก่ชีวิตหรื อถึงแก่ความตาย หมดลมหายใจ ไม่ สามารถมีชีวิตต่อไปได้ อีก ตังแต่ ้ สตั ว์เล็กที่สดุ จนถึงใหญ่ที่สดุ เช่น ไร เห็บ หมัด เหลือบ ยุง ริน้ ไร มด ปลวก แมลง กุ้ง หอย ปู นก ปลา กระรอก หนู เป็ ด ไก่ เก้ ง กวาง ฟาน ม้ า วัว ควาย ช้ าง เป็ นต้ น เพราะสัตว์ทงหลายเหล่ ั้ านันล้ ้ วนแล้ วเป็ นสิ่งที่มีชีวิต และรักตัวกลัวตายเช่นกัน บุคคลผู้ฆา่ สัตว์ตดั ชีวิต อาจจะมีเหตุผล หรื อวัตถุประสงค์ ในการฆ่ามากมายหลายอย่าง สุดแล้ วแต่จะอ้ างเอ่ย เช่น ฆ่าเพื่อป้องกันตัวเอง ตามสัญชาติญาณของสัตว์ทย ี่ ังมี กิเลส ยังหวงแหนชีวิตไม่อยากตาย หรือฆ่าคนโดยหน้าที่ อย่างเช่น ทหาร ตารวจ หรือเพชฌฆาตซึ่งทาหน้าที่ประหารนักโทษ ฆ่าเพื่อนามาเลี้ยงชีพ เช่น ชาวบ้าน ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน เกษตร เป็นคนรากหญ้า ฐานะทางครอบครัวยากจน ต้องทามาหา เลี้ยงปากท้องด้วยการยิงนก ตกปลา จับกบ เขียด เป็นต้นมาเพื่อปรุง เป็นอาหารและขายแลกเงิน ฆ่าเพราะความคึกคะนอง ตอบสนองกิเลสตัณหา ความ อยากรู้ อยากเห็น อยากสัมผัส เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน เช่น พวกนักตกปลา นักล่าสัตว์ เพื่อเป็นเกมกีฬา ฆ่าเพราะบันดาลโทสะ ไม่พอใจ โกรธ เกลียดอย่างรุนแรง เนื่องจากสัตว์บางชนิด เช่น เป็ด ไก่ สุนัข แมวมาทาลายวัตถุสิ่งของ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ให้เสียหาย หรือ วัวควายมากินข้าวกล้า หรือ เพราะสัตว์เหล่านั้นมา ทาร้ายร่างกาย ฆ่าเพราะความรู้เท่าไม่ถงึ การณ์ เช่น กักขังสัตว์ไว้ใน กระสอบ กรง ในเล้า ในสุ่ม แล้วลืมให้อาหาร ลืมให้น้า หรือจับแมลง ต่างๆ (ตั๊กแตน จิ้งหรีด เป็นต้น) ไว้ในถุงที่ไม่มีอากาศหายใจ จนเป็น เหตุให้สัตว์และแมลงเหล่านัน้ ถึงแก่ความตาย ฆ่าเพราะความเชื่อในทางศาสนา ฆ่าบูชายัญ บวงสรวงเทพ เจ้า ตลอดจน ฆ่าด้วยความสงสาร (ความการุณย์ หรือ การุญฆาต) เพราะทนต่อการดูสภาพการทนทุกข์ทรมานของคนหรือสัตว์อื่นไม่ได้ ต้องฉีดยา หรือใช้ปืนยิ่งให้ตาย เมื่อกล่าวโดยสรุป การฆ่าแบ่งออกเป็ น ๖ ประเภท ดังนี ้ ๑. ฆ่าด้ วยตัวเอง โดยใช้ อวัยวะส่วนใดส่วนหนึง่ ของ ร่างกาย เช่น มือ เท้ า แขน ขา ปาก ฟั น เป็ นต้ น ๒. ใช้ ให้ ผ้ อู ื่นฆ่า โดยการออกคาสัง่ หรื อบังคับให้ ทา ๓. ฆ่าด้ วยอาวุธ โดยใช้ อปุ กรณ์ หรื อ เครื่ องมือในการฆ่า ประเภทใดประเภทหนึง่ ๔. ฆ่าด้ วยการขุดหลุมพราง การวางขวากหนาม เพื่อให้ สัตว์ประเภทใดประเภทหนึง่ ตกลงไป ๕. ฆ่าด้ วยวิชาอาคม เวทย์มนต์คาถา ด้ วยพลังอานาจ ลึกลับทางด้ านไสยศาสตร์ เช่น เสกหนังควายเข้ าท้ อง การบิดไส้ เป็ นต้ น
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
๖. ฆ่าด้ วยอานาจอิทธิฤทธิ์ หรื อ ฆ่าด้ วยพลังจิตสาหรับผู้มี สมาธิขนสู ั ้ ง ขณะที่เกิดโทสะ๑ คาสอนทางศาสนาบอกว่า “การฆ่ า และเบี ย ดเบี ย น สัตว์ ” ถือว่า “เป็ นบาปทัง้ นัน้ ไม่ มีข้อยกเว้ น” ไม่ว่าจะฆ่าและ เบียดเบียนเพราะสาเหตุใด อ้ างหลักการและเหตุผลอะไร หรื อด้ วย กรรมวิธีเช่นไร ความรู้สกึ นึกคิดจิตใจในขณะฆ่า จะประกอบด้ วย ความหยาบกระด้ าง ความทารุ ณโหดร้ าย ไร้ ความเมตตาปราณี ไม่ มี ค วามเอ็ น ดู ก รุ ณ าสงสาร จิ ต มื ด บอดและไม่ ร้ ู ว่ า มั น เป็ น บาปกรรม เป็ นสภาพจิตที่เร้ าร้ อน กระวนกระวายวิตกกังวล เศร้ า หมองและขุน่ มัว เพราะฉะนั น้ เมื่ อ กล่ า วตามหลั ก มโนธรรม หรื อ ตาม หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา การฆ่าสัตว์ตดั ชีวิต จึงชื่อว่า เป็ น บาป คือ เป็ นการหวานและบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความเหี ้ยมโหด ความหยาบกระด้ าง ความมืดบอดให้ เกิดขึ ้นภายในจิตใจ เป็ นการ สร้ างศัตรู คู่เวรและเป็ นบ่อเกิ ดแห่งบ่วงกรรมที่ ต้องย้ อมมาตาม สนองในภายหน้ า ส่วนผลของบาปกรรมนัน้ จะรุนแรงมากน้ อย แค่ ไหน สามารถน าไปเกิ ด ในภพภู มิ ต่ า ได้ หรื อ ไม่ ก็ ขึ น้ อยู่ กั บ องค์ประกอบและเงื่อนไขในรายละเอียดอีกหลายประการ
ดู ขุ.ชา. (แปล) ๒๗/๒๙๕-๒๙๖ อินทริยชาดก(สรภังคชาดก)และอรรถกถา เรื่ องป่ ามาตังคะ อรรถกถาอุปาลีวาทสูตร, ม.ม. (แปล) ๑๓/๕๓-๖๔ ๑
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
เงื่อนไขในการฆ่า การฆ่านันจะเป็ ้ นบาปหนักหรื อเบา เป็ นบาปมากหรื อน้ อย แค่ไหน อย่างไรและสามารถนาไปเกิดในอบายภูมิได้ หรื อไม่นนั ้ ขึ ้นอยู่กบั องค์ประกอบ ๕ ประการ ดังนี ้ ๑. สัตว์นั้นมีชีวิต ยังไม่ตาย ๒. ตัวผู้ฆ่า รู้อยู่แก่ใจว่า สัตว์นั้นยังมีชีวิตอยู่ ๓. มีความคิดที่จะฆ่า มีเจตนาอยากฆ่าให้ตาย ๔. มีความพยายามที่จะฆ่า ๕.และสัตว์ตาย เพราะความพยายามฆ่านัน้ ๒ ถ้ าการฆ่าครบองค์ประกอบทัง้ ๕ ประการ ถือว่าเป็นบาป อกุศลเต็มส่วน เป็นกรรมฝ่ายดา เป็นบาปกรรมหนักมีกาลังรุนแรง เข้มข้น เมื่อกรรมนี ้ส่งผล สามารถชักนาไปเกิดในอบายภูมิทงั ้ ๔ กล่าวคือ นาเกิดเป็นสัตว์นรกในนรก เป็นสัตว์เดรัจฉาน(ทังในโลก ้ โอปปาติกะและโลกมนุษย์) เป็ นเปรตและอสุรกายได้ แต่ถ้าไม่ ครบองค์ประกอบทัง้ ๕ ประการ บกพร่องหรื อขาดข้ อใดข้ อหนึง่ ไป การฆ่านัน้ ถือว่าเป็ นบาปไม่เต็มส่วน เป็ นอกุศลกรรมไม่รุนแรง มี กาลังอ่อน ไม่สามารถนาเกิดในอบายภูมิได้ แต่สามารถส่งผลทา ให้ คนฆ่าประสบกับภัยพิบตั ิหายนะได้ หรื อ ทาให้ ได้ รับการ เดือดร้ อนในปั จจุบนั ทันตาเห็นตามกาลังของบาปกรรมที่เคยทา เอาไว้ ได้ เช่นกัน ๒
ที.สี. (แปล) ๙ /๑๑-๓๘ พรหมชาลสูตรและอรรถกถา
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ส่วนในกรณีที่เดินไปเหยียบมด หรื อแมลงตาย โดยไม่มี เจตนาฆ่า ไม่ได้ ตงใจจะเหยี ั้ ยบให้ ตาย ถือว่า ไม่เป็นบาป ไม่มีบาป เพราะไม่มีเจตนาในการฆ่า หรือ ทาสัตว์นั้นให้ตายเปรียบเสมือนยา พิษที่วางบนฝ่ามือ ย่อมไม่สามารถซึมเข้าไปในฝ่ามือได้ เพราะไม่ บาดแผล ผลคือ ยาพิษไม่สามารถออกฤทธิห์ รือทาพิษกับร่างกายได้ ฉันใด แม้บาป ย่อมไม่มีแก่บุคคล ผู้ไม่มีเจตนาในการทาบาป หรือไม่ มีเจตนาฆ่าสัตว์ให้ตาย ฉันนั้น๓ ส่วนการทาสัตว์นนให้ ั ้ ตายลง จะมีเจตนาในการฆ่าหรื อไม่ นัน้ เป็ นของละเอียดอ่อน เป็ นเรื่ องเข้ าใจยากพอสมควร แต่อย่า เพิ่งคิดเข้ าข้ างตนเองว่า “คงไม่มี” พยายามมองให้ เห็นตามเป็ นจริ ง เพราะสิ่งที่เกิดขึ ้นกับชีวิตเรา ไม่มีคาว่า "บังเอิญ" ฉะนัน้ สิ่งที่ เกิดขึ ้นนันต้ ้ องมีสาเหตุ มีที่ไปที่มา ไม่ได้ เกิดขึ ้นลอยๆ การฆ่าสัตว์ตดั ชีวิต สามารถทาได้ สาเร็จเพียงแค่ทางกาย กับวาจา คือ ทาด้ วยตัวเองและสัง่ ให้ คนอื่นทาเท่านัน้ แต่การฆ่า สัตว์ทางใจ ไม่สามารถทาให้ สาเร็จได้ ยกเว้ นเสียว่ าผู้มีฤทธิ์ ความคิดอยากให้ คนอื่น สัตว์อื่นมีอนั เป็ นไป หรื ออยากให้ ถงึ แก่ ความตายนัน้ แม้ จะไม่เป็ นการฆ่าสัตว์ก็จริ ง แต่เป็ นเหตุให้ จิตเศร้ า หมองขุน่ มัว (เป็นมโนทุจริต คือ การยินดี พอใจ ชื่นชอบ เกิด ความรู้สึกว่ามันสะใจในความทุกข์ทรมานของคน/สัตว์อื่น) เป็นบาป
๓
ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๗๐ เรื่องนายพรานกุกกุฎมิตร ม.ม. (แปล) ๙/๕๓ –๗๖ อุปาลิวาทสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ทางใจ ส่งผลทาให้ เกิดทุกขเวทนา หรือเป็ นโรคทางกายได้ ดังเช่น ตัวอย่างที่พระพุทธองค์ได้ ตรัสเล่าให้ พระภิกษุทงหลายฟั ั้ งว่า “ในสมัยก่อน พระองค์เคยเกิดเป็นลูกของชาวประมงอยู่ใน หมู่บ้านชื่อชาวประมง เห็นพวกชาวประมงพากันฆ่าปลาแล้ว เกิด ความดีใจไปกับการฆ่านั้น ด้วยผลของกรรมนั้น ทาให้พระองค์เกิด ปวดพระเศียรขึ้น เมื่อครั้งทีไ่ ด้สดับข่าวว่าพระเจ้าวิฑูฑภะ จะยกทัพไป ฆ่าล้างโคตรพวกศากยะ ซึ่งเป็นพระประยูรญาติที่แคว้นสักกะ” ๔ โดยปกติ พระพุทธเจ้ า พระองค์ทรงมีสขุ ภาพดี มีพระ วรกายแข็งแรง มีกาลังมากเท่ากับช้ างพันล้ านเชือกหรื อเท่ากับ พลกาลังของบุรุษล้ านล้ านคน ทรงมีพลังสมาธิสงู สุด ไม่มีโรคภัย เบียดเบียน แต่ เหตุไฉน ถึงเกิดมีอาการปวดศีรษะขึน้ มาได้ โดยไม่ มีสาเหตุอย่ างอื่น นอกเสียจากเป็ นโรคกรรม เพราะ ทรงมีเครื่องมือในการตรวจสอบ โดยมีญาณระลึกชาติได้ ไม่มี ขอบเขตจากัด จึงทาให้ ทราบว่าเกิดมาจากผลของกรรมเก่ า คือ เคยยินดี พอใจกับความทุกข์ทรมานของสัตว์อนื่ ที่ถกู ทุบหัว ไม่ใช่ สาเหตุอื่นใด ส่วนผู้ไม่มีญาณปั ญญาหยัง่ รู้ ไม่เข้ าใจกฎแห่งกรรม อย่างลึกซึ ้ง จะทาใจเชื่อ หรื อปลงใจเชื่อได้ อย่างไรว่า การปวด ศีรษะนันมี ้ สาเหตุมาจากวิบากกรรม ท่านผู้มีปัญญาทังหลาย ้ พึงไตร่ตรองดูเถิด แม้ ระยะเวลา จะผ่านมานานแสนนานกี่ร้อยพันปี หรื อยาวนานเป็ นหลายกัป แต่ ๔
ขุ.อป. (แปล) ๓๒/๕๗๔-๕๗๗ ปุพพกัมมปิ โลติ, ธ.ป. ๓/๗-๓๙ เรื่ องพระเจ้ าวิฑูฑภะ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
เมื่อกรรม ยังไม่ มีโอกาสส่ งผล ก็ไม่ สูญสลายไปตามกาลเวลา เหมือนเมล็ดของต้ นไม้ พืชพันธุ์ เพราะฉะนัน้ เมล็ดพันธุ์แห่งกรรม นี้ มีอายุยาวนาน ไม่เน่าเปื่อยผุพังไปง่ายๆ ยังรักษาเชื้อวิบากแห่ง กรรมนั้นไว้เหมือนเดิม และพร้อมเสมอทีจ่ ะแสดงตัวออกมา เมื่อมี องค์ประกอบพร้อม หรือถึงเวลาอันเหมาะสม เพียงแค่มโนกรรม คือ คิดไม่ดี คิดอกุศลอยู่ในใจเท่านัน้ แม้ ยงั ไม่ได้ พดู ออกมาทางวาจาเลย ก็มีผลร้ ายสะท้ อนกลับมาหา ตัวผู้คิดได้ เหมือนกรณีตวั อย่างของพระพุทธองค์สมัยที่เกิดเป็ นลูก ชาวประมง เหมือนกรณีของคุณชายโสเรยยะบุตรชายเศรษฐี แห่ง เมืองโสไรยะที่คิดอกุศลกับท่านพระมหากัจจายนะ อยากได้ พระ เถระมาเป็ นภรรยา ทาให้ เกิดความผิดปกติขึ ้นกับร่างกาย คือ ร่างกายเปลีย่ นจากชายกลายเป็ นหญิงได้ ภายในระยะเวลาอันสัน้ นิดเดียว ไม่เกิน ๕ นาที๕ เพราะฉะนัน้ การคิดร้ ายอยากให้ คนอื่น หรือ สัตว์อื่นมีอนั เป็ นไป คิดอยากให้ เขาตาย ย่อมนาผลร้ ายมาสูต่ วั ผู้คิดเอง โดยไม่ รู้สกึ ตัว สาหรับตัวกรรมเองนัน้ ไม่ ได้ เป็ นอจินไตย แต่การให้ ผล ในตอนเช้ าของวันหนึ่ง ขณะที่บตุ รชายเศรษฐี ท่านนี ้ ได้ นงั่ รถม้ ามาอาบน ้ากับเพื่อนที่ท่า น ้า ได้ มองเห็นท่านพระมหากัจจายนะ ผู้มีรูปร่างหน้ างดงามสง่างาม เพิ่งออกจากนิโรธ สมาบัติ กาลังเตรียมห่มผ้ าจีวรเพื่อเข้ าไปบิณฑบาตเพื่อโปรดสัตว์ในเมืองนี ้ ด้ วยอานาจ วิบากกรรมเก่าที่เคยได้ ทาผิด ได้ ลว่ งเกินมารดาผู้ให้ กาเนิดก่อนหน้ านี ้ เมื่อกรรมนี ้ส่งผล ทา ให้ จิตของเขาเกิดภาวะพร่ามัว ฝ้าฟาง มองเห็นพระเถระ เป็ นพระเถรี จึงคิดอยากได้ ท่านมาเป็ นภรรยา หรือมีภรรยาที่มีผิวพรรณอย่างนี ้ การคิดอกุศลอย่างนี ้กับพระอรหันต์ผ้ ู เพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติ เป็ นกรรมหนัก เข้ าข่ายเป็ นอริยปุ วาท มีโทษมากเป็ นบาปมหันต์ จึงทาให้ เขามีอนั เป็ นไปทันที ดูเพิ่มในธ.ป. ๒/๒๓๒-๒๔๑ เรื่ องพระโสไรยเถระ ๕
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ของกรรม(วิบากกรรม)เป็ นอจินไตย๖ เป็ นเรื่ องละเอียดอ่อน ลึกซึ ้ง ยากที่จะหยัง่ รู้ได้ ทวั่ ถึงนอกจากสัพพัญญุตญาณเท่านัน้ ดังนัน้ แม้ การดูหนังภาพยนตร์ ประเภทแอ็คชัน่ ที่เกี่ยวกับสงครามซึง่ มีแต่การ ฆ่ากัน มีการโห่ร้อง ส่งเสียงเชียร์ วา่ “ฆ่ ามัน...ฆ่ ามัน ...จัดการ มันเลย...” หรื อในขณะดูการชกมวย การชนไก่ การชนวัว-ควาย ประเพณีการต่อสู้กบั วัวกระทิงของชาวสเปน การกัดปลากัด และ ขณะดูการกัดจิ ้งหรี ด เป็ นต้ น ต้องเป็นบาปกรรมแน่นอนเพราะเข้า ข่ายยินดี พอใจในบาปนั้น ดูด้วยจิตเป็นอกุศล และยังเป็นเหตุปัจจัย ทาให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ สุขภาพไม่ดีได้อีกเช่นกัน๗ ฉะนัน้ การดูสิ่ง ดังกล่าว ถ้ าไม่ใช้ สติปัญญาใคร่ครวญดูอย่างรอบคอบ ไม่ร้ ูจกั วางใจให้ เป็ นกลาง ย่อมทาให้ เกิดอกุศลจิต เป็ นเชื ้อบาปให้ เกิด กรรมเวรแก่ตนเองได้ ทังนี ้ ้ เพราะเหตุผล ๒ ประการ คือ ๑. ขณะที่ดู มีความยินดี พอใจ ชื่นชมเห็นดีด้วยกับบาปที่คน อื่นทา และในขณะนั้นจิต มีกิเลสซึ่งเป็นบาปอกุศลมาเข้าประกอบ เพราะอยากให้คนอื่น สัตว์อนื่ มีอันเป็นไป เมื่อทามโนกรรมฝ่ายอกุศล เช่นนี้ จึงเท่ากับได้ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความเจ็บป่วย อ่อนแอ ขี้โรค เป็นจิตที่เก็บเชื้อบาปเอาไว้ข้างในพร้อมที่จะเผล็ดผลได้ตลอดเวลาเมื่อ มีโอกาสอันเหมาะสม ๒. เกิดความมันส์สะใจในอารมณ์ เกิดความดีใจในขณะทีเ่ ห็น สัตว์ได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ๖ ๗
อัง.จตุกก. (แปล)๒๑/๑๒๒ อจินเตยยสูตร ดูรายละเอียดในอัง.จตุกก. (แปล) ๒๑/๓๒๓สัตตกัมมสูตร
บ. สยังวสี
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ดังนัน้ เมื่อเมล็ดบาปนี้ เจริญเติบโต งอกงามจะกลายมา เป็นต้นแห่งบาปเหมือนต้นไม้พิษ ถึงเวลาผลิดอกออกผล ก็จะนาภัย พิบัติมาสู่ตนเอง กล่าวคือ จะมีเหตุอย่างใดอย่างหนึง่ ทาให้ร่างกาย เกิดภาวะอ่อนแอ ภูมิต้านทานหรือภูมิคุ้มกันเสื่อม บกพร่อง เสียความ สมดุล สมรรถภาพร่างกายทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศได้น้อย เจ็บป่วย ง่าย หายช้า ขี้โรค สามวันดีสี่วันไข้ และวิบากกรรมนี้ ยังทาหน้าที่ ดึงดูดบุคคลที่มีจิตบาปเหมือนกันเข้าเกี่ยวข้องในชีวติ และทาให้ผู้นั้น ได้รับความเดือดร้อนไม่ทางใดก็ทางหนึง่
กายนี้เป็นผลมาจากวิบากของกรรมเก่า เป็นทีต่ ง้ั แห่งเวทนาทัง้ หลาย
“ภิกษุทั้งหลาย กายนี้มิใช่ของเธอทั้งหลาย ทั้งมิใช่ของ ผู้อื่น กายนี้เธอทั้งหลาย พึงเห็นว่าเป็นกรรมเก่า๑ ถูกปัจจัยปรุง แต่ง สาเร็จด้วยเจตนา เป็นที่ตั้งแห่งเวทนา อริยสาวกผู้ได้สดับ ย่อมมนสิการปฏิจจสมุปบาทโดย แยบคายในกายนั้นว่า ‘เพราะเหตุนี้ เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่ง นี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี เพราะสิ่งนี้ดับ ไป สิ่งนี้จึงดับไป นตุมหสูตร สัง.นิ.(แปล) ๑๖/๗๙
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
เงื่อนไขที่ทำให้ผลกรรมหนัก-เบำ การฆ่าสัตว์ (รว มทังการเบี ้ ยดเบียนสัตว์ด้วย) จะเป็ นบาป มากหรื อน้ อย ขึ ้นอยู่กบั องค์ประกอบ ๕ ประการ คือ ๑. คุณธรรม บุคคลหรื อสัตว์ที่ถกู ฆ่านันมี ้ คณ ุ ความดีมากหรื อน้ อย ใน กรณีฆา่ บุคคลหรื อสัตว์ที่มีคณ ุ ธรรมมาก ย่อมเป็ นบาปมาก ฆ่า บุคคลหรื อสัตว์ที่มีคณ ุ ธรรมน้ อย ย่อมเป็ นบาปน้ อย ตัวอย่างเช่น การฆ่าพระอรหันต์องค์เดียว ย่อมได้ รับผลบาปมากกว่าฆ่าพระ อนาคามีเป็ นร้ อยองค์ การฆ่าพระอนาคามีองค์เดียว ย่อมได้ รับผล บาปมากกว่าฆ่าพระสกทาคามีเป็ นร้ อยองค์ การฆ่าพระสกทาคามี องค์เดียว เป็ นบาปมากว่าการฆ่าพระโสดาบันร้ อยองค์ แต่การทา ร้ายพระพุทธเจ้าเพียงแค่หอ้ พระโลหิต(ทาให้ห้อเลือด) จัดเป็น อนันตริยกรรม มีโทษมาก เป็นบาปมหันต์ มีโทษ เป็นบาปมากกว่า การฆ่าพระอรหันต์๘ เพราะพระพุทธองค์ทรงมีคณ ุ ธรรมสูงสุด สาหรับการฆ่าคนทัว่ ไปที่เป็ นปุถชุ น ฆ่าคนดีมีศีลธรรม ประจาใจ เป็ นบาปมากกว่าฆ่าคนเลว คนชัว่ ที่ไม่มีศลี ธรรม ๘
อัง.นวก.(แปล)๒๓/๔๗๐-๔๗๔, เวลามสูตร ม.อุ.(แปล)๑๔/๔๒๗-๔๒๙ ทักขิณาวิภังคสูตรและอรรถกถา, อัง.สัตต.(แปล) ๒๓/๑๖๗ สุเนตตสูตร อัง.ปั ญจ. (แปล) ๒๒ /๒๐๙ ปริกุปปสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
สาหรับการฆ่าพ่อแม่ ถ้ าทังสองมี ้ คณ ุ ธรรมเท่า การฆ่าแม่บาป มากกว่าฆ่าพ่อ เพราะแม่ต้องอุ้มท้ องเป็ นเวลาถึง ๙-๑๐ เดือน ส่วน การฆ่าสัตว์ที่มีคณ ุ ต่อเรามาก ได้ รับผลบาปมาก การฆ่าสัตว์ที่มี คุณน้ อยหรื อไม่มีคณ ุ มีบาปน้ อย การฆ่ามนุษย์เป็ นบาปกว่าการ ฆ่าสัตว์เดรัจฉาน การฆ่าสุนขั จะได้ รับผลบาปมากกว่าการฆ่ายุง แต่การฆ่าช้ าง ม้ า วัว ลิง พญานาค พญาหงส์ กระแต พญาแร้ ง นก แขกเต้ า หรื อการฆ่านกคุม่ ที่เป็นพระโพธิสัตว์ในขณะเกิดเป็ นสัตว์ เดรัจฉานเพื่อบาเพ็ญบารมีนนั ้ เป็ นบาปมากกว่าฆ่าสัตว์เดรัจฉาน ทัว่ ไปที่ไม่ใช่พระโพธิสตั ว์ ๒. ประโยชน์ การฆ่าคนที่สร้ างคุณประโยชน์ให้ กบั มวลชน หรื อสังคม มาก ย่อมได้ รับโทษ เป็ นบาปมาก การฆ่าคนที่เคยให้ ความ อนุเคราะห์ สงเคราะห์ ให้ การช่วยเหลือ เคยมีพระคุณกับเรามา ก่อน มีโทษมาก เป็ นบาปมาก ส่วนการฆ่าคนที่สร้ างประโยชน์ ให้ กบั สังคมน้ อย การฆ่าคนที่มีพระคุณต่อเราน้ อย เป็ นบาปน้ อย การฆ่าสัตว์ที่เคยทาประโยชน์ให้ เรามาก เป็ นบาปมาก แต่การฆ่า คนผู้ที่เคยทาประโยชน์ตอ่ เราน้ อย เป็ นบาปน้ อย ๓. ขนาดร่ างกาย การฆ่าสัตว์จะบาปมากหรือน้ อย ขึ ้นอยู่กบั ขนาดของ ร่างกาย สาหรับการฆ่ามนุษย์ การฆ่าผู้ใหญ่จะได้ บาปมากกว่า การฆ่าเด็ก เช่น การทาแท้ งเด็กอายุ ๓ เดือน จะได้ รับผลบาป มากกว่าทาแท้ งที่อายุครรภ์ได้ ๑ สัปดาห์ การฆ่าเด็กที่โตแล้ วบาป
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
มากกว่าการทาแท้ งเด็กที่อยู่ในครรภ์ การฆ่าผู้ใหญ่บาปมากกว่า การฆ่าเด็กทารก หรื อเด็กวัยแรกรุ่น สาหรับการฆ่าสัตว์เดรัจฉาน การฆ่าสัตว์ที่มีขนาดร่างกาย ใหญ่ มีโทษมาก เป็ นบาปมากกว่า ส่วนการฆ่าสัตว์ขนาดเล็ก ย่อม ได้ รับผลบาปน้ อย ตัวอย่างเช่น การฆ่ายุง มด ปลวก แมลงสาป หรื อการฆ่าแมลงวัน จะได้ บาปน้ อยกว่าการฆ่าสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ กว่า เช่น การฆ่านก กบ เขียด ปู ปลา งู เป็ ด ไก่ แมว สุนขั วัว ควาย หรื อว่า การฆ่าช้ าง เป็ นต้ น เพื่อความเข้าใจในเรื่องผลบาปมากหรือน้อย ขอยกตัวอย่าง เปรียบเทียบ สาหรับการฆ่าสัตว์เล็ก เช่น การฆ่ายุง ฆ่ามด ด้วยการ ฉีดพ่นสารเคมี ยาเคมี เป็นต้น เมื่อกรรมส่งผล อาจจะทาให้เป็นโรค ภูมิแพ้ มีอาการคันตามผิวหนัง เป็นแผลพุพอง ปวดแสบปวดร้อนตาม ร่างกาย ตามใบหน้า ตามเบ้าตา หรือเป็นตุ่ม ผดผื่น คันตามจุดต่างๆ ของร่างกาย แต่ถ้าเป็ นการฆ่าสัตว์ที่มีขนาดกลาง เช่น หนู กระรอก ปลา เป็ ด ไก่ นก เป็ นต้ น เมื่อกรรมส่งผล ย่อมรุนแรง มากกว่า อาจจะทาให้ เกิดอุบตั ิเหตุ หรื อบาดเจ็บเล็กน้ อย เช่น มีด บาด หกล้ มเป็ นแผล เดินหกล้ มฟกช ้าดาเขียว ถ้ าการฆ่าสัตว์ที่มี ขนาดใหญ่ เช่น หมู หมี ม้ า วัว ควาย ช้ าง เป็ นต้ น เมื่อกรรมส่งผล จะทาให้ ประสพอุบตั เิ หตุร้ายแรง เช่น รถชน รถคว่า ไฟไหม้ แขนหัก ขาหัก หรื อต้ องผ่าตัดอวัยวะส่วนที่สาคัญ ตัวอย่างเปรี ยบเทียบดังกล่าวนี ้ เป็ นเพียงแค่การ เปรี ยบเทียบเพื่อทาให้ เกิดความเข้ าใจง่ายขึ ้นในเรื่ องการให้ ผลของ กรรมว่าหนักเบาแตกต่างกันอย่างไรเท่านัน้ ไม่ใช่ผลกรรมที่จะ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
เกิดขึ ้นจริ งๆ ทังนี ้ ้ เพราะผู้เขียนเอง ไม่มีญาณหยัง่ รู้เจตนาและ คุณธรรมของผู้ฆา่ หรื อผู้ถกู ฆ่าในขณะนันว่ ้ าหนักเบา มากน้ อยแค่ ไหน เพียงไร แต่อย่างน้ อย ทาให้ เราทราบถึงผลของบาปกรรม ต่างๆที่เราคิดว่า เป็ นเรื่ องเล็กน้ อยไม่สาคัญ คงไม่มีผลบาปอะไร ท่านผู้อา่ น อย่าได้คิดเช่นนั้นเป็นอันขาด เพราะมีกรณีตวั อย่าง บุคคลที่เอาเสี ้ยนไม้ ทองหลางเสียบก้ นแมลงวัน เพราะความคึก คะนองเล่นสนุก คิดว่า คงไม่เป็ นบาปกรรมอะไรมากมาย แต่เมื่อ กรรมนัน้ ส่งผล ทาให้ เขาผู้นนั ้ ต้ องถูกเสียบหลาวเกือบตาย๙ ๔. เจตนา การฆ่าสัตว์ด้วยเจตนาแรงกล้ า ฆ่าด้ วยความอาฆาตแค้ น หรื อด้ วยความโหดเหี ้ยมอามหิต ไร้ ความเมตตาปราณี ย่อมได้ รับ บาปมาก การฆ่าด้ วยความไม่เต็มใจ ไม่ได้ สมัครใจทา หรื อถูก บังคับขมขูใ่ ห้ ทา ย่อมได้ รับโทษหรื อบาปน้ อย ทังนี ้ ้ขึ ้นอยู่กบั เจตนา หรื อความคิดอ่านในขณะฆ่า มีอะไรร่วมด้ วย เช่น ตารวจ ทหารได้ สังหาร ได้ ฆา่ อริ ศตั รูที่มารุกรานด้ วยความโหดเหี ้ยม ไร้ ความ เมตตาปราณี กับอีกคนหนึง่ ได้ ฆา่ เหมือนกัน แต่ทาไปด้ วยความ จาเป็ น เพราะเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติ หรือเพื่อปกป้อง คนอื่นให้ ได้ รับความปลอดภัย อยู่เย็นเป็ นสุข แม้ จะชื่อว่าเป็ นการ ฆ่ามนุษย์เหมือนกัน แต่ผลที่เกิดขึ ้นในใจ ไม่เท่ากัน การได้ รับผล เรื่องนี ้เป็ นอดีตชาติของท่านพระสารี บตุ ร สมัยที่เกิดเป็ นลูกช่างไม้ ได้ เอาเสี ้ยนไม้ ทองหลางเสียบก้ นแมลงวัน มันไม่ตาย เพราะการถูกเสียบนัน้ แต่ตายเพราะหมดอายุขยั ขุ.ชา.(แปล) ๒๗/๓๓๒-๓๓๕ มัณฑัพยชาดก ๙
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
บาป มีความหนักเบา รุนแรงไม่เท่ากัน เพราะเจตนาในการฆ่า มี คุณภาพแตกต่างกัน ไม่เท่ากัน ฉะนัน้ การทาบาปของคนสองคน คือ คนที่มีบญ ุ มากมี คุณธรรมมาก จะได้ รับผลบาปน้ อย ส่วนบุคคลที่มีบาปมาก มี คุณธรรมน้ อย จะได้ รับผลบาปมากกว่า การฆ่ าสัตว์ ของคน ประเภทที่สองนี ้ จะได้ รับผลบาปมากกว่ าประเภทที่หนึ่ง มี หลักการและเหตุผลมาประกอบได้ ดังต่อไปนี ้ ก. เรื่ องพิษ ในระหว่างบุคคลสองประเภท คือ ปั ญญาชน เช่น แพทย์ หมอกับสามัญชน คนทัว่ ไป เช่น ตาสีตาสา ยายมียายมา ในกรณี เมื่อถูกงูพิษฉกกัดหรื อโดนยาพิษ ถามว่ า “ใครจะมีแนวโน้ม เป็นฝ่ายรักษาเอาตัวรอดปลอดภัย จากพิษร้ายได้ดีกว่ากัน” คาตอบที่น่าจะเป็ น คือ ฝ่ ายปั ญญาชน หรื อ ผู้มีความรู้ เรื่ องพิษ ทัง้ นี ้ เพราะแพทย์ หรื อหมอ รู้ จัก วิธีแก้ ไขเยี ยวยาพิษได้ ดี ก ว่ า ถึ ง แม้ ว่ า จะได้ รั บ พิ ษ ในปริ ม าณเท่ า ๆกั น ก็ ต าม ผู้ ที่ มี การศึกษาดี มีความรู้ ฉลาด ย่อมรู้ จักวิธีปฐมพยาบาลรี ดเอาพิษ ออกและรักษาตัวเองให้ ปลอดภัยได้ ดีกว่าผู้ไม่มีความรู้ ในขณะที่ คนทัง้ สองถูกงูพิษฉกกัด ขณะที่ พิษงูออกฤทธิ์ ย่อมทาหน้ าที่ของมันโดยอัตโนมัติ ไม่ได้ แยกแยะว่า คนนีม้ ีความรู้ ดี มีปัญญาฉลาด จะต้ องออกฤทธิ์ มากกว่า ส่วนคนนีไ้ ม่มีความรู้
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
อะไร จะต้ องออกฤทธิ์น้อยกว่า พิษร้ ายยังทาหน้ าที่ของมันอย่าง เที่ยงตรง คือ ออกฤทธิ์เท่ากัน ไม่วา่ จะเกิดขึ ้นกับคนรู้หรื อไม่ร้ ู คนดี หรื อ คนชั่ว เหมื อ นกับ การออกฤทธิ์ การส่ ง ผล การให้ ผ ลของ บาปกรรม ย่อมส่งผลตามธรรมชาติของมัน ไม่ได้ แยกแยะว่า คนนี ้ รู้ หรื อไม่ ร้ ู แต่คนฉลาดมีปัญญาทางธรรม มี ความเข้ าใจในเรื่ อง บาปอกุศ ลกรรมเป็ นอย่ า งดี แม้ บ างครั ง้ เขามี ค วามจ าเป็ นที่ จะต้ องทาบาปเป็ นบางครัง้ ย่อมรู้ จักการลด ละ เลิกและวิธีชาระ ล้ างบาปจากหนักเป็ นเบา จากร้ ายให้ เป็ นดีได้ ด้วยพุทธวิธี ข.เรื่ องไฟฟ้า ในการตรวจวัด เช็คกระแสไฟฟ้า เมื่อสงสัยว่า สายไฟจะมี กระแสไฟฟ้าอยู่หรือไม่ ระหว่างช่างไฟฟ้าผู้มีความรู้เรือ่ งไฟฟ้าดีกับผู้ ไม่ได้เป็นช่างไม่มีความรู้เรื่องไฟฟ้า ใครจะมีความปลอดภัยกว่ากัน ในขณะเข้าไปเช็คตรวจไฟด้วยมือเปล่า คาตอบก็คือว่า ผู้ที่มีความรู้ ด้านไฟฟ้าดี ย่อมจะมีความปลอดภัยกว่า เพราะจะรู้วา่ ควรทาอย่างไร เช่น จะต้องใช้หลังมือเข้าไปแตะ แต่ผู้ไม่รู้ อาจจะใช้มือจับ ย่อมโดนไฟ ดูด และอาจจะถึงแก่ความตายได้ เพราะความรู้เท่าไม่ถงึ การณ์ ค. เรื่ องสิ่งเสพติดให้ โทษ เมื่อติดสิ่งเสพติด หรื อยาเสพติด เช่น บุหรี่ เหล้ า เบียร์ ไวน์ ยาบ้ า โคเคน เฮโรอีน เป็ นต้ น สาหรับผู้มีความรู้เรื่ องคุณและโทษ ของสิ่งเสพติดเป็ นอย่างดีกบั ผู้ไม่มีความรู้ ไม่มีการศึกษาในเรื่ องนี ้ เลย ใครจะมีวิธีทางลด ละ เลิกได้ งา่ ยกว่ากัน คาตอบสุดท้ ายที่
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
น่ าจะเป็ น คือ ผู้มีความรู้ มีการศึกษาดี เพราะย่อมรู้จกั วิธีการ ป้องกันและเลิกได้ ดีกว่าผู้ที่ไม่มีความรู้ ไม่มีการศึกษา สาหรับเรื่ องผู้ร้ ูทาบาป จะได้ รับผลแห่งบาปน้ อย ใน ประเด็นนี ้ คนส่วนใหญ่ที่ยงั มีความรู้ทางด้ านธรรมะน้ อย จะ ยอมรับได้ ยาก และไม่คอ่ ยเชื่อว่า จะเป็ นอย่างนัน้ เพราะมองไม่ เห็นเหตุผล อีกทังมี ้ ความเคลือบแคลงสงสัยว่า เมื่อรู้แล้ ว ยังฝื นทา อีก น่าจะได้ รับผลบาปมากกว่า ส่วนการกระทาของผู้ไม่ร้ ู น่าจะ เป็ นบาปน้ อยกว่า การคิดสุม่ เดาและตัดสินเช่นนี ้ เป็ นการคิดตาม สามัญสานึกหรือตามสัญชาตญาณของตนเองว่า ผู้ไม่รู้ ย่อมไม่ผิด แต่ความถูกผิด ดีชั่ว หรือเรื่องการส่งผลของบาป-บุญนั้น ไม่ได้มี อคติเข้าข้างผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นผู้รู้ หรือ ไม่รู้ แต่บุคคลผู้รเู้ รื่องบุญบาป เป็นอย่างดี ย่อมได้เปรียบกว่า บุคคลผู้ไม่รู้ทงั้ ในด้านวางใจ เจตนา ในขณะฆ่าและวิธกี ารป้องกันแก้ไขวิบากกรรมด้วยพุทธวิธี เมื่อกล่าวโดยสภาวะ บาปย่ อมไม่ มีอคติลาเอียงเข้ าข้ าง ผู้ร้ ู หรื อผู้ไม่ ร้ ู เมื่อทาบาปด้ วยความหลงผิด เข้ าใจผิด จิตย่ อม ดื่มดาเสพบาปอกุศลไว้ มาก เมื่อถึงคราวส่ งผล ย่ อมส่ งผล รุ นแรงและยาวนาน ส่วนผู้ร้ ู แม้ ทาบาปเพราะมีความจาเป็ นครัง้ ย่อมมีจิตสานึกและพร้ อมที่จะลด ละเลิกและหาทางแก้ ไข เจตนา ในขณะทาบาป ย่อมมีกาลังอ่อน ไม่รุนแรง เชื ้อแห่งบาป ย่อม เกิดขึ ้นในใจน้ อย เมื่อถึงคราวให้ ผล ย่อมส่งผลไม่รุนแรง และเรื่ อง ของบาปนี ้ เป็ นกระบวนการของเหตุปัจจัยเป็ นไปตามกฎธรรมชาติ ไม่มีเทพเจ้ าผู้บงการอยูเ่ บื ้องหลัง จะตัดสินให้ ใครบาปมากหรื อ น้ อย เปรี ยบเสมือนกับไฟ ลักษณะของไฟ คือ ความร้ อน ไฟแม้ จะ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
อยู่ที่ไหน ก็มีลกั ษณะร้ อน ซึง่ เป็ นกฎธรรมดาของไฟ ไม่วา่ จะเป็ น เด็กหรื อผู้ใหญ่ เป็ นคนชัว่ หรื อคนดี เป็ นคนโง่หรื อคนฉลาด ใครจะรู้ หรื อไม่ร้ ู ถ้ าหลงไปจับไฟหรื อถ่านไฟเข้ า ต้ องเกิดความร้ อน เช่นเดียวกัน ฉันใด การให้ ผลบุญและบาป ย่อมส่งผลไปตามกฎ แห่งกรรม ไม่เลือกคนดี หรือคนชัว่ เหมือนกันฉันนัน้ ๕. ความพยายาม ในขณะฆ่าสัตว์ตดั ชีวิต ในกรณีที่ใช้ ความพยายามในการ ฆ่ามาก ย่อมได้ รับผลบาปมาก ถ้ าใช้ ความพยายามนิดหน่อย มี บาปน้ อย เพราะทุกขณะจิตที่คิดว่าจะฆ่า ทาความพยายามในการ ฆ่า คิดวางแผนที่จะฆ่า ความอาฆาตเคียดแค้ น ชิงชังอยากให้ เขา หรื อสัตว์นนตายหรื ั้ อมีอนั เป็ นไป บาปอกุศลทังหลาย ้ ย่อมเกิดขึ ้น เผาลนจิตใจ ทาให้ ใจเร่าร้ อนเศร้ าหมอง ไม่สดชื่นเบิกบาน เมื่อ คิดถึงการฆ่า ยิ่งใช้ ความพยายามมากเท่าไร นานแค่ไหน เมื่อ บาปกรรม ส่งผล ยิ่งประสบกับบาปมากและนานเพียงนัน้ กฎเกณฑ์ในการตัดสินว่า “การฆ่ า” จะบาปมากหรื อน้ อย ก็ขึ ้นอยู่กบั องค์ประกอบดังกล่าว ซึง่ บัดนี ้ เราท่ านทัง้ หลาย สามารถนามาตอบคาถามให้ กับตัวเองได้ แล้ วว่ า เท่ าที่เคย ฆ่ าสัตว์ มานัน้ เป็ นบาปมากหรื อบาปน้ อย โดยไม่ต้องสงสัย หรื อวิตกกังวลอะไรอีกต่อไป
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ตั้งโปรแกรมจิตผิด ชีวิตจึงวิบัติ จิตที่ตั้งไว้ผิดพึงทาให้ได้รับความเสียหาย ยิ่งกว่าความเสียหายที่โจรเห็นโจร หรือผู้จองเวรเห็นผู้จองเวร จะพึงทาให้แก่กัน จิตที่ตั้งไว้ชอบ ย่อมอานวยให้ได้ผลที่ประเสริฐยิ่ง ที่มารดาบิดาก็ทาให้ไม่ได้ หรือแม้ญาติเหล่าอื่นก็ให้ไม่ได้ สัตว์ทุกประเภท ย่อมสะดุ้งกลัวโทษทัณฑ์ สัตว์ทุกประเภท ย่อมหวาดกลัวความตาย บุคคลนาตนเข้าไปเปรียบเทียบแล้ว ไม่ควรฆ่าเอง ไม่ควรใช้ให้คนอื่นฆ่า พุทธพจน์ ขุ.ธ.(แปล) ๒๕/๓๙,๗๒
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
เพียงแค่คิดฆ่าให้ตาย ก็เป็นเวรภัยติดตัว บางคนคิดว่า ฆ่ าสัตว์ ไม่ บาป เพราะสัตว์ เกิดมาเป็ น อาหารสาหรั บมนุษย์ และเป็ นกรรมเก่ าของสัตว์ เองที่ต้อง เกิดมาเป็ นสัตว์ ให้ เราฆ่ า แต่เรื่ องนี ้ มนุษย์เป็ นฝ่ ายคิดเอาเอง และตอบเอง โดยที่ไม่เคยได้ รับคาท้ วงติงจากสัตว์เพราะเขาพูด ไม่ได้ ในทางกลับกัน ถ้ าสัตว์คิดอย่างนี ้กับเราบ้ าง เราคงไม่เห็น ด้ วยและไม่ยอมรับในเงื่อนไขนี ้ เพราะมันไม่ยตุ ิธรรม เหตุผลของผู้ที่คิดว่า การฆ่าสัตว์ตดั ชีวิตไม่เป็ นบาปกรรม นัน้ พอสรุปได้ ดังนี ้ ๑.ไม่ ร้ ู ว่าเป็ นบาปเป็ นกรรม๑๐ เนื่องจากไม่มีคนสอน แม้ พ่อแม่เอง ก็ไม่เคยสอนว่า การ ฆ่าสัตว์เป็ นบาปนะลูก อย่าไปฆ่าเขาเลย มีแต่บอกว่า ให้ รีบตื่น ตังแต่ ้ เช้ า ออกไปยิงนก ตกปลา ล่าสัตว์มาทาเป็ นอาหาร แล้ วจะได้ รี บไปทางาน แม้ ที่วดั พระสงฆ์บางรูปก็อาจะสอนไม่เป็ นหรื อเทศน์ ไม่เก่ง บางรูปนอกจากจะไม่กล้ าสอนตรงๆว่า “การฆ่ าสัตว์ เป็ น ความเข้ าใจผิดในเรื่องบุญบาปนี ้ เรี ยกว่า มิจฉาทิฐิ แบ่งออกเป็ น ๓ ประเภท คือ ๑. ความเห็นผิดคิดว่า ผลของบุญ-บาปไม่มีจริง (นัตถิกทิฐิ) ๒. ความเห็นผิดคิดว่า ไม่วา่ จะ ทาบุญหรือบาป ถือว่า ไม่เป็ นการทาบุญหรือบาป ไม่มีบาปมาถึงเขา(อเหตุกทิฐิ) ๓. ความเห็นผิดคิดว่า เหตุปัจจัยที่ทาให้ เกิดบุญบาปไม่มี ทุกอย่างอยู่ที่ความบังเอิญ(อกิริยา ทิฐิ) ดู ม.ม. (แปล)๑๓/๙๕-๑๑๕ อปั ณณกสูตร ๑๐
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
บาปแล้ ว”ยังพูดเป็ นเชิงติดตลกอีกว่า “ปาณา ท่ านห้ ามฆ่ าสัตว์ แต่ ถ้าฆ่ าแล้ ว นามาถวายที่วัดนัน้ ไม่ เป็ นไร” โดยเฉพาะคนที่ทา บาปขึ ้น คือ ล่าสัตว์ จับสัตว์เก่ง หาปูปลา หรื อนกได้ เยอะ มีแต่คน ชมว่า “เก่ งจริงๆ โตขึน้ คงเลีย้ งครอบครัวได้ สบาย” ซึง่ ทาให้ คน นันยิ ้ ้มแก้ มเปล่งพร้ อมทังแอบภู ้ มิใจกับตัวเองอยู่ลกึ ๆว่า ทาไมเรา เก่งหรื อเซียนขนาดนี ้ แถมยังคิดอีกว่า ครัง้ ต่อไปต้ องฆ่า ต้ องล่า สัตว์ให้ ได้ มากกว่านี ้ จะได้ มีคนชมและยอมรับในฝี มือ ๒.ความเคยชิน พอเกิดมาก็เห็นปู่ ย่าตายาย พ่อแม่ พี่น้อง น้ า อาและ ครอบครัวคนอื่นๆ ต่างก็ทามาหากินด้ วยการฆ่าสัตว์ตดั ชีวิตทังนั ้ น้ แม้ คนในหมู่บ้าน ตาบล อาเภอและจังหวัดอื่นๆ ก็ทามาหากินกัน อย่างนี ้ ไม่เห็นมีใครจะไม่ฆา่ สัตว์ จึงได้ ทาตามกันมาโดยไม่ร้ ูสกึ ตัว ว่า "มันเป็ นบาปกรรม" และถือว่าเป็ นเรื่ องธรรมดาปกติเหมือนการ สูบบุหรี่ ดื่มเหล้ า ตราบใดถ้ ายังไม่เป็ นถุงลมโป่ งพองหรื อมะเร็งใน ตับ ก็ไม่ร้ ูวา่ สูบบุหรี่ ดื่มเหล้ าไม่ดีอย่างไร มีพิษร้ ายแค่ไหน เหมือนที่สานวนที่เขาพูดกันว่า ไม่ เห็นโลงศพไม่ หลั่งนา้ ตา ไม่ เห็นยมทูตมาหา ไม่อยากจะสวดมนต์ภาวนากันตาย ๓.สัตว์ พูดไม่ เป็ นและเพราะอานาจของโทสะ ในขณะฆ่า ไม่เคยเห็นสัตว์ตวั ใดร้ องขอชีวิต “โปรดอย่ าได้ ฆ่ าฉันเลย...ฉันกลัวแล้ ว โปรดให้ ชีวติ ฉันเถอะ” ส่วนมากเมื่อ สัตว์มนั กลัว ก็ได้ แต่วิ่งหลบหนี ยิ่งทาให้ นกั ฆ่ามีความฮึกเหิม ท้ า ทายอยากล่ามากขึ ้น เพราะสัตว์พดู ไม่เป็ น จึงถูกฆ่า แต่ความจริ ง ไม่ได้ เป็ นเช่นนัน้ แม้ ในกลุม่ มนุษย์เอง พูดภาษาเดียวกันหรื อเกิด
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
มาจากท้ องแม่เดียวกัน ยังฆ่ากันได้ เลย ฉะนัน้ เรื่ องการฆ่าสัตว์ตดั ชีวิต จึงเกิดขึ ้นเพราะไม่สามารถควบคุมอานาจของโทสะได้ กิเลส คือ โทสะนี ้เอง เมื่อเกิดขึ ้นในใจของใครแล้ ว ยากที่จะห้ ามไม่ให้ ฆา่ เบียดเบียนสัตว์ได้ ในขณะที่โทสะไม่เกิด ก็คิดว่า จะไม่ทา ไม่ฆา่ แต่พอโทสะเกิดขึ ้นแล้ ว จิตใจก็มืดบอด คิดไม่ออก ไม่ร้ ูดีชวั่ ไม่ร้ ูผิด ถูก แม้ กระทังลู ้ กในท้ องตัวเอง เมื่อผู้เป็ นแม่ไม่พร้ อม ไม่ต้องการ ไม่ พอใจ ยังฆ่าได้ ลงคอ ๔.เห็นแก่ กนิ เห็นแก่ ปากท้ อง คนชอบพูดว่า เรื่ องกินเป็ นเรื่ องใหญ่ และสัตว์โลก ดารงชีวิตอยู่ได้ ด้วยอาหาร เพราะรสชาติของเนื ้อสัตว์ ไม่วา่ จะเป็ น เนื ้อของเป็ ด ไก่ ปลา หมู วัวหรื อเนื ้อควาย ก็แสนอร่อยทังนั ้ น้ ระหว่างความสงสารกับความเอร็ดอร่อยในขณะรับประทานแล้ ว มันทาให้ อดฆ่าไม่ได้ กิเลส คือ โลภะความโลภ ความติดใจในรส อาหารนี ้เอง เป็ นเหตุปัจจัยให้ ทาชัว่ ทาบาปด้ วยการฆ่าสัตว์เพื่อ เห็นแก่กิน เพื่อแลกกับชีวิตของตัวเอง แม้ สตั ว์อื่นจะเจ็บปวด ทรมานหรื อตายก็คิดว่า ไม่บาป ฉะนัน้ บางคนจึงคิดว่า ถ้ าไม่ฆา่ สัตว์แล้ ว จะให้ กินอะไร มองไม่เห็นทางออกนอกจากการฆ่าสัตว์ มาเป็ นอาหาร ๕.เห็นแก่ เงิน สินจ้ างรางวัล การฆ่าสัตว์ตดั ชีวิต แม้ ไม่ได้ นามาสาหรับทาเป็ นอาหาร รับประทานเอง แต่ก็สามารถนามาขายแลกกับเงินตราได้ เนื่องจากค่าของเงินเป็ นตัวแปรสามารถเอาไปซื ้อสิ่งของอย่างอื่นก็
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ได้ เพราะความโลภอยากได้ เงินมากๆ จึงต้ องจาใจฆ่าเพื่อเงิน ยิ่ง บางคนมีความโลภมากถึงขนาดฆ่าพ่อแม่หรื อพี่น้องตัวเองเพื่อ แย่งมรดกหรือสมบัติ หรื อฆ่าเพื่อแย่งชิงราชบัลลังก์ แม้ แต่มือปื น รับจ้ าง และเพชฌฆาตที่ทาหน้ าที่ประหารชีวิตของนักโทษ ก็ทาไป เพื่อเห็นแก่เงินทองเหมือนกัน ๖.ถูกบาปกรรมปกปิ ด จิตมืดบอด เพราะอานาจของโมหะ ไม่มีปัญญาทางธรรม ไม่ได้ ศกึ ษา เรี ยนรู้เรื่องกรรมและวิบากกรรมมา จึงไม่ร้ ู จกั การคิดเชื่อมโยงกรรม ในขณะฆ่าและผลที่เกิดขึ ้นตามมา ว่ามีความสัมพันธ์เชื่อมโยง เกี่ยวเนื่องกันอย่างไรบ้ าง แม้ ในขณะที่กรรมจากการฆ่าสัตว์สง่ ผล ทาให้ ชีวิตติดขัด เกิดโรคภัยไข้ เจ็บ ก็ไม่ได้ คิดว่าเป็ นกรรมที่เกิดจาก การฆ่าสัตว์ แต่เกิดมาจากสาเหตุอื่น หรื อคนอืน่ ทาให้ มองไม่เห็น กฎแห่งการดึงดูดว่าทางานอย่างไร เหมือนคนที่ติดสิ่งเสพติดอย่าง รุนแรง เช่น เมาเหล้ า ในขณะที่แอลกอฮอล์ออกฤทธิ์ ทาให้ คิดอะไร ไม่ออก สมองทื่อ มึนงง ฉันใด ในขณะที่วิบากกรรมจากการฆ่าสัตว์ ส่งผล ทาให้ มืดบอด หลงเข้ าใจผิด คิดว่าฆ่าสัตว์ไม่บาป จึงได้ หลง ฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ซ ้าแล้ วซ ้าเล่าอยู่อย่างนี ้มานานนม ผู้ที่ฆา่ สัตว์ตดั ชีวิต ไม่เชื่อเรื่ องบาปกรรม ส่วนมากเพราะมี ความคิดและความเข้ าใจตามที่กล่าวแล้ วข้ างต้ นและยังมีความ ลังเลสงสัยในใจอีกว่า “ถ้ าฆ่ าสัตว์ เป็ นบาปจริง มีอะไรเป็ น เครื่ องพิสูจน์ ” สาหรับผู้ที่มีความรู้ความเข้ าใจเรื่ องธรรมะ เรื่ องกฎ แห่งกรรมน้ อย ย่อมเป็ นการยากที่จะอธิบายให้ เข้ าใจและยอมรับ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ในเหตุผลได้ ในเวลาอันจากัด แต่ก็พอยกตัวอย่างอ้ างเหตุผลให้ ได้ คิดบ้ างเหมือนกันว่า การฆ่าสัตว์นนเป็ ั ้ นบาปจริ ง โดยมีเหตุผล ดังต่อไปนี ้ ๑) มโนธรรม หรื อ สามัญสานึก ความรู้สกึ นึกคิดในส่วนลึกของจิตใจ ที่มีตอ่ การกระทาของ ตัวเองในการรับผิดชอบชัว่ ดี แม้ คนนันไม่ ้ นบั ถือศาสนาอะไร ไม่มี คนสอน ก็สามารถตอบตัวเองได้ วา่ การทาให้ คนอื่น สัตว์อื่นได้ รับ ความเดือดร้ อน เสียหาย ไม่ใช่เรื่ องถูกต้ อง เมื่อคิดถึงแล้ ว ก็เศร้ าใจ การช่วยเหลือ ให้ การพึง่ พาอาศัยแก่คนที่มีความทุกข์ยากลาบาก เป็ นเรื่ องดีงาม เมื่อคิดถึงแล้ ว ก็ชื่นใจ สิ่งที่ควรตระหนักรู้ คือ สัตว์ก็ มีชีวิตจิตใจ มีเลือดเนือ้ มีความรู้สึกนึกคิด กลัวตาย กลัวความ เจ็บปวดเช่นกันกับมนุษย์ หากแต่ว่า เขาเกิดมาเป็นสัตว์มีกาลัง น้อยกว่า ตัวเล็กกว่า ไม่มีอาวุธป้องกันตัวและพูดไม่ได้เหมือนคน ร้องขอชีวิตไม่ได้ในขณะจะถูกฆ่า ถ้ าเราเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก็จะ เข้ าใจไม่อยากว่า คนเรารักสุขเกลียดกลัวความทุกข์ คนอื่น สัตว์ อื่น ก็เป็ นเช่นกัน เพราะฉะนัน้ เรา จึงไม่ควรเบียดเบียน รังแกข่ม เหงกันและกัน ควรมีความรัก ความหวังดี ปรารถนาดีตอ่ กัน ๒) คุณธรรม บุญกุศล มีลกั ษณะให้ สงั เกต คือ ความสุขกายสบายใจ จิตใจปลอดโปร่งโล่งเบา สะอาด สว่าง สงบ ทุกครัง้ ที่เรามี ความรู้สกึ ดังกล่าวเกิดขึ ้นในใจ คือ กาลังสัมผัสกับกระแสบุญ ส่ วนบาปกรรม มีลกั ษณะให้ สงั เกต คือ ความเร้ าร้ อนกระวน กระวายใจ ความหงุดหงิด ราคราญ ความทุกข์ทรมานใจ ความ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
หยาบกระด้ าง ความสกปรก ความมืดบอด ทุกครัง้ ที่เรามี ความรู้สกึ ดังกล่าว คือ กาลังสัมผัสกับกระแสบาป คนดีท่ มี ี คุณธรรมประจาใจ จะมีความเมตตากรุณาสงสารเห็นใจ คิด อยากจะช่วยเหลือ เมื่อเห็นคนอื่นสัตว์อนื่ ได้ รับความเจ็บปวดทุกข์ ทรมาน หรื อมีความชื่นชมยินดีมทุ ิตาจิตในเมื่อเห็นคนหรื อสัตว์อื่น มีความสุข หรื อประสบความสาเร็จ ตรงกันข้ ามกับคนที่ใจบาป หยาบกระด้ าง เหี ้ยมโหด โฉดเขลา เมื่อประสบกับเหตุการณ์ ดังกล่าว อาจจะคิดสมน ้าหน้ าในใจ คิดดูถกู ดูหมิ่นพูดซ ้าเติมเข้ าไป อีก หรื ออย่างดี ก็อาจจะมีความรู้สกึ เฉยๆ ไม่สนใจใยดีถือว่าไม่ใช่ ธุระที่จะต้ องช่วยเหลือ ๓) ผลกรรม ตามหลักคาสอนทางศาสนา กฎแห่ งกรรม หรื อกฎแห่ ง การสะท้ อนกลับ มีหลักอยู่วา่ ทาเหตุไว้ อย่างไร ย่อมได้ รับผล อย่างนัน้ เหตุกบั ผลมีความสอดคล้ องและเกี่ยวเนื่องกัน เมื่อฆ่าเขา วันหนึง่ ย่อมถูกฆ่าได้ เช่นกัน กิริยาเป็ นอย่างไร ปฏิกิริยาต้ องเป็ น อย่างนัน้ นี ้คือกฎธรรมชาติเป็ นไปเองโดยอัตโนมัติ ใครจะรู้หรื อไม่ร้ ู จะยอมรับหรื อไม่ยอมรับก็ตาม ผลของการฆ่าสัตว์ตดั ชีวิต เมื่อถึง เวลาอานวยผล ย่อมทาให้ ผ้ ฆู า่ ได้ รับความทุกข์ทงกายและใจ ั้ ส่วน จะผลิดอกออกผลทาให้ เกิดความสุขนันหามี ้ ไม่ เพราะการฆ่ าสัตว์ เป็ นบาปกรรม ผลคือ ความทุกข์ ปั ญหา ความเดือดร้ อน หาก นักฆ่า นักล่าสัตว์ทงหลายมี ั้ ใจเป็ นกลาง พิจารณาโดยรอบคอบจะ รู้เห็นความจริ งในเรื่ องนี ้ด้ วยตนเองมาบ้ างแล้ ว
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
พระพุทธเจ้ า ผู้มีญาณหยัง่ รู้เรื่ องกรรมและวิบากกรรม ของสัตว์ โลกทัง้ หลายทัง้ ปวงอย่ างเจนจบ ครบวงจรตลอด สายโดยไม่ มีอะไรติดขัดทรงรู้ชดั ว่า เพราะทากรรมอะไรมา จึง ได้มาเกิดเป็นเทวดา เป็นมนุษย์หรือสัตว์เดรัจฉาน และเมื่อทากรรม ประเภทนี้แล้ว จะได้รับผลอย่างไร เมื่อไหร่และทาอย่างไรถึงจะหมด กรรม๑๑ แม้ ชีวิตของสัตว์เดรัจฉานทุกประเภททังสั ้ ตว์น ้าสัตว์บกทุก ทุกชนิด พระพุทธองค์ตรัสว่า สัตว์เหล่านี ้ที่เกิดมามีรูปร่างลักษณะ หน้ าตา อัตภาพ อาหารและการเป็ นอยูอ่ ย่างนี ้ เกิดจาก บาปกรรมเก่ าในอดีต คือ โมหะ ความไม่ร้ ูแจ้ งชีวิตตามความ เป็ นจริ งและ มิจฉาทิฐิ ความเห็นผิด ความเข้ าใจผิด กล่าวคือ ใน อดีตที่ผ่านมา ไม่เคยเชื่อเรื่องผลของการให้ ทาน ผลของการเคารพ นับถือ กราบไหว้ บูชาสักการะ ไม่เคยเชื่อเรื่ องกรรมและผลของ กรรม ไม่เคยเชื่อผลของทาดีทาไม่ดีกบั พ่อแม่ ไม่เคยเชื่อว่าจะมี นรก-สวรรค์จริ ง ไม่เชื่อว่าจะมีการเวียนว่ายตายเกิด มีอดีตชาติ ชาติที่แล้ ว ปั จจุบนั ชาติและอนาคตชาติจริ ง ไม่เคยเชื่อว่า มนุษย์ สามารถไปเกิดเป็ นเทวดาเป็ นสัตว์ หรื อสัตว์กก็ ลับมาเกิดเป็ น มนุษย์ได้ ไม่เคยเชื่อว่าจะมีพระอรหันต์ผ้ บู รรลุธรรม ตรัสรู้ธรรม เห็นแจ้ งบุญบาป แล้ วนามาสัง่ สอนให้ คนอืน่ รู้ตามได้ เมื่อไม่มีความเชื่อตามคาสอนของพระพุทธเจ้า ผู้รแู้ จ้งชีวิต ดังกล่าว จึงใช้ชีวิตด้วยความประมาท ทาอะไรตามใจตนเอง ไม่ได้ทา ความดีเอาไว้ ได้ประกอบกรรมทาชั่วในรูปแบบต่าง เช่น ฆ่าสัตว์ตดั ๑๑
ม.มู. (แปล) ๑๒๑๔๑-๑๖๔ มหาสีหนาทสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ชีวิต ลักขโมย ปล้ นจี ้ หลอกลวงเอาทรัพย์คนอื่น ประพฤติผิดในลูก เมียสามีของคนอื่น โกหกมดเท็จ ทนสาบาน ใส่ร้ายป้ายสีนินทาว่า ร้ ายคนอื่นและเสพสุรายาเมา เสพสิ่งเสพติดให้ โทษด้ วยอานาจ ของความโลภ ความโกรธ ความหลง ตายจากชาตินัน้ แล้ ว จึงมา เกิดเป็ นสัตว์ ในขณะดารงอัตภาพเป็ นสัตว์ ก็เป็ นมีชีวิตอยู่ด้วย โมหะ ความมืดบอด ไม่ร้ ูจกั บาปบุญคุณโทษ ไม่ร้ ูจกั เหตุผล ไม่ร้ ูจกั ให้ ทาน ไม่รักษาศีลฝึ กสมาธิและไม่มีปัญญา(สัมมาทิฐิ) ใช้ ชีวิต ตามสัญชาตญาณของสัตว์ คือ ฆ่าสัตว์กินเป็ นอาหารอีก สืบพันธุ์เสพกาม หลับนอนและตายไปในที่สดุ หลังจากตายแล้ ว ๙๙ เปอร์ เซ็นต์ ไปเกิดในอบายภูมิ คือเกิดเป็ นสัตว์ นรก หรื อ กลับมาเกิดเป็ นสัตว์ เดรัจฉานชนิดใดชนิดหนึ่งอีก อย่ างดี หน่ อย ก็ไปเกิดเป็ นเปรตอสุรกาย หนีไม่ พ้นจากอบาย อันที่ จะกลับมาเกิดในสุคติภมู ิ เช่ นเกิดเป็ นมนุษย์ หรื อเทวดานัน้ ยากแท้ มีโอกาสน้ อยนิดไม่ ถงึ หนึ่งเปอร์ เซ็นต์ ดังพุทธพจน์ที่ ตรัสไว้ โดยสรุปความได้ วา่ “สัตว์เดรัจฉานทุกประเภททุกชนิด หลังจากตายแล้ว ไปเกิด ในสุคติภูมิ คือ เกิดเป็นมนุษย์ หรือ เทวดานั้นมีน้อยนิดเปรียบเสมือน ฝุ่นในปลายเล็บ ส่วนที่ไปเกิดในอบายภูมิ คือ ในนรก กาเนิดสัตว์ เดรัจฉาน และเปรตนั้นมีมากมายมหาศาลเหมือนกับแผ่นดินใหญ่ที่ เราอาศัยอยู.่ ..และเหมือนเต่าตาบอดในมหาสมุทรทะเลลึก ร้อยปีจึง โผล่หัวขึ้นมาครั้งหนึ่ง เวลาที่เต่าเอาหัวสวมถูกห่วงที่คนโยนลงไปใน
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ทะเล คือ อีกนานแสนนาน ซึ่งเป็นช่วงเวลากาหนดที่จะหลุดพ้นจาก การเกิดเป็นสัตว์”๑๒ ผู้มีปัญญาทังหลาย ้ ลองพิจารณาดู ให้ ดี เศษดินที่ติดบน ปลายเล็บกับดินบนผืนแผ่นดินอันกว้ างใหญ่ อันไหนจะมากกว่า กัน ซึง่ เอามาเปรี ยบเทียบกันไม่ได้ เลย การเกิดเป็ นสัตว์ แล้ วจะ กลับมาเกิดเป็ นคนไม่ ใช่ ของง่ าย ควรที่เราท่านทังหลายไม่ ้ พงึ ประมาทในชีวิต ไม่พงึ ฆ่าและเบียดเบียนคนหรื อสัตว์ใดเลย
สัง.นิ. (แปล) ๑๖/๓๑๓ นขสิขสูตร,สัง.มหา.(แปล) ๑๙/๖๓๐-๖๓๔ ฉิคคฬยุคสูตรและสิเนรุ ปัพพตราชสูตร ๑๒
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
สนิมกัดกินเนื้อเหล็ก บาปกัดกร่อนจิตใจ
“สนิมเกิดขึ้นจากเหล็ก ครั้นเกิดขึ้นแล้ว ย่อมกัดเหล็กนั่นเอง ฉันใด กรรมทั้งหลายของตน ย่อมนาคนผู้ประพฤติล่วงปัญญา พิจารณาไปสู่ทุคติ ฉันนั้น นรชนใดในโลก ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ คบชู้กับภรรยาของผู้อื่น พูดเท็จ และหมกมุ่นในการดื่มสุราและเมรัย นรชนนั้นชื่อว่า ขุดทรัพย์อันเป็นต้นทุนของตนในโลกนี้” พุทธพจน์ ขุ.ธ.(แปล) ๒๕/๑๐๗,๑๐๙
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ตั้งใจทาบุญ แต่กลับได้บาป การฆ่าสัตว์ ไม่วา่ จะฆ่าด้ วยเหตุผลหรื อเงื่อนไขใดๆ ก็เป็ น บาปทังสิ ้ ้น ไม่มีข้อยกเว้ น ซึง่ มีนยั สอดคล้ องกับพุทธดารัสที่ตรัสไว้ ในชีวกสูตร๑๓โดยมีใจความว่า ผู้ที่ฆา่ หรื อสัง่ ให้ คนอื่นฆ่าสัตว์ ย่อมมีบาปกรรมหลายประการ ดังนี ้ ๑.ในขณะออกคาสั่งว่า "จงไปนาสัตว์ตัวนั้นมาฆ่า" เป็นบาป ครั้งที่หนึง่ ๒.ขณะที่จงู สัตว์ตัวนั้นมาสูท่ ี่ฆ่า เป็นบาปครั้งที่สอง ๓.ขณะเงื้ออาวุธ,เครื่องประหารขึ้น หรือเล็งเป้าเพื่อจะฆ่า เป็นบาปครั้งที่สาม ๔.ขณะสัตว์นั้นถูกฆ่าได้รับทุกขเวทนาแสนสาหัสอันเกิดจาก คมอาวุธหรือเครื่องประหารก่อนตาย เป็นบาปครั้งที่สี่ ๕. หลังจากฆ่าเสร็จ นาเนือ้ สัตว์นั้นมาปรุงเป็นอาหาร แล้ว ถวายพระภิกษุ (สมณชีพราหมณ์หรือแขก) ด้วยความคิดว่าจะให้ท่าน ได้ฉันอย่างเอร็ดอร่อย และจะได้บุญกุศลมาก เป็นบาปครั้งที่ห้า ตามพุทธพจน์ข้างต้ น เห็นได้ อย่างชัดเจนว่า การฆ่ าสัตว์ แม้ จะฆ่ าเพื่อเป็ นอาหาร ก็เป็ นบาปแน่ นอน และเป็ นบาปทัง้ ในเบือ้ งต้ น คือ เริ่มตังแต่ ้ คิดจะฆ่าหรื อออกคาสัง่ ให้ ฆา่ เป็ นบาป ในท่ ามกลาง คือ ในขณะฉุด ลาก ดึง จูงสัตว์ตวั นันมาสู ้ ท่ ี่ฆา่ ๑๓
ม.ม. (แปล) ๑๓/๔๘-๕๒ ชีวกสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ในขณะเงื ้ออาวุธหรื อเครื่ องประหารขึ ้นเพื่อจะฆ่าและขณะสัตว์นนั ้ ถูกฆ่าได้ รับความทุกข์ทรมานอันเกิดจากคมอาวุธ หรื อ เครื่ อง ประหารก่อนตาย และเป็ นบาปในเบือ้ งปลาย คือ ในเวลานา อาหารที่ปรุงด้ วยเนื ้อซึง่ เป็ นของไม่สมควรแก่นกั บวชผู้เว้ นแล้ วจาก การเบียดเบียนสัตว์ เจาะจงไปถวายพระภิกษุสงฆ์ เหมือนกรณี เรื่ องการฆ่ าแพะเพื่อเลี ้ยงแขกที่มาเยี่ยมบ้ านของลูกสาวของผู้มี อันจะกินคนหนึ่ง ในขณะอยู่ที่บ้านทางฝ่ ายสามี เมื่อสหายของ สามีมาเยี่ยม จะต้ องต้ อนรับเลี ้ยงอาหาร จึงสัง่ ให้ คนใช้ ไปซื ้อเนื ้อ ว่า ‘เจ้ าจงไปซือ้ เนือ้ มา’ เมื่อคนใช้ หาซื ้อเนื ้อไม่ได้ บอกว่า ‘เนื ้อไม่มี’ จึงฆ่าตัดคอแม่ แพะที่นอนอยู่ข้างหลังเรือน นาเนื ้อมาปรุงเป็ นอาหารเลี ้ยงแขก นางได้ ฆา่ ตัดคอแม่แพะตัวเดียว แต่กลับต้ องมาหมกไหม้ ในนรก และจากเศษผลแห่งกรรม ได้ ถูกฆ่ าตัดหัวมาหลายครั ง้ เท่ ากับ การนับขนแม่ แพะ๑๔ เพราะฉะนัน้ การฆ่าสัตว์ ขึ ้นต้ นก็บาป ท่ามกลางก็บาป และลงท้ ายก็ยงั เป็ นบาปอีก เป็ นบาปทัง้ ขาขึ ้นและขาลง และการ ฆ่าสัตว์ได้ ชื่อว่าเป็ นการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งหยาบช้า ดุร้าย โหดเหี้ยม โรคภัยและความมีอายุสั้นให้เกิดขึ้นในจิต เมื่อถึงเวลาที่ เมล็ดพันธุ์บาปชนิดนี้ผลิดอกออกผล ย่อมนามาซึ่งความเดือดร้อน ผู้หญิงคนนี ้ เป็ นอดีตชาติพระนางมัลลิกาที่สมัยที่เกิดเป็ นพระนางธัมมทินนามเหสีของ พระเจ้ าอุคคเสนเป็ นผู้ระลึกชาติได้ จึงได้ เล่าเรื่องอดีตชาติของตนให้ ฟัง ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๔๕, ธ.ป. ๓/๑๕๒-๑๖๔ เรื่ องบุรุษคนใดคนหนึ่ง ๑๔
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ปัญหาและความหายนะต่างๆตลอดจนโรคลึกลับ มีอาการเรือ้ รัง รักษาให้หายขาดยากมาก สาหรับพระภิกษุ มีวินยั ห้ ามไว้ วา่ ไม่ควรฉันอาหารที่ปรุง มาจากเนื ้อทุกชนิดที่ได้ เห็น และได้ ยิน ญาติโยมฆ่ าเจาะจงนามา ถวาย และแม้ ไม่ได้ เห็นด้ วยตา ไม่ได้ ยินด้ วยหูของตัวเอง แต่สงสัย ว่า ญาติโยมฆ่าเจาะจงนามาถวาย ก็ไม่ควรขบฉัน ถ้ าขบฉันต้ อง อาบัตผิ ิดพระวินยั พระพุทธเจ้ า ทรงอนุญาตให้ ภิกษุฉนั ปลาและ เนือ้ สัตว์ ทวั่ ไปได้ โดยมีเงื่อนไข คือ ๑.ไม่ได้ เห็นเขาทามาเพื่อเจาะจงตน ๒. ไม่ได้ ยินว่าเขาทามาเพื่อเจาะจงตน ๓.และไม่ได้ สงสัยว่า เขาทามาเพื่อเจาะจงตน๑๕ ส่ วนภิกษุหรื อภิกษุณีผ้ ทู ่ บี รรลุธรรมเป็ นพระโสดาบัน แล้ ว จะไม่รับประทานเนื ้อที่เห็นคนอื่นฆ่าเพื่อตนแล้ ว นามาปรุง เป็ นอาหาร แม้ อยู่ในฐานะเป็ นอุบาสกอุบาสิกาผู้มีศลี ๕ เข้ าใจใน เรื่ องกฎแห่งกรรมอย่างถูกต้ อง ย่อมไม่ทาเช่นนันเช่ ้ นกันเหมือน อุบาสกท่านหนึง่ ผู้มีความเข้ าใจธรรมะอย่างลึกซึ ้ง ถึงจะอยู่ใน สถานการณ์ลาบาก แต่กไ็ ม่รับประทานเนื ้อสัตว์ที่ไม่บริ สทุ ธิ์ ไม่ ยอมรับประทานเนื ้อนกปิ ง้ ที่ช่างตัดผมคนหนึง่ ผู้เดินทางมา ด้ วยกัน ฆ่านกแล้ วทาการปิ ง้ ยื่นให้ ในขณะที่กาลังพักอยู่กลาง เกาะ๑๖ เพราะว่า บุคคลผู้ที่เชื่อมัน่ ในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้ า ๑๕ ๑๖
วิ.มหา.(แปล) ๕ /๑๑๒-๑๑๕ ดูเพิ่มใน ขุ.ชา. (แปล) ๒๗/๘๕ สีลานิสังสชาดก
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
(ตถาคตโพธิศรัทธา)เข้ าใจกฎแห่งกรรมอย่างถูกต้ อง และลึกซึ ้ง ในผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ทกุ เพศวัย ไม่วา่ จะเป็ น เด็ก ผู้ใหญ่ ผู้หญิงหรื อผู้ชาย เป็ นคฤหัสถ์หรื อบรรพชิต โดยเฉพาะ อย่างยิ่งบุคคลที่ได้ บรรลุธรรมเป็ นพระโสดาบัน ผู้มีศลี ๕ บริ สทุ ธิ์ จะไม่ยอมฆ่าสัตว์ตดั ชีวิต แม้ จะอดตายก็ยอม ถึงจะมีผ้ มู าจ้ างวาน ให้ ฆา่ ก็ไม่ทา หรื อแม้ จะมีผ้ มู าออกคาสัง่ และบังคับว่า ถ้ าไม่ทาจะ โดนฆ่า ท่านก็ไม่ทา ยอมตายเหมือนกรณีพวกเจ้ าศากยะ ผู้เป็ น พระญาติของพระพุทธองค์ บางท่านแม้ จะเคยฆ่าสัตว์ตดั ชีวิตมา ก่อน แต่เมื่อได้เข้าใจและซาบซึ้งในกฎแห่งกรรมแล้ว จะเลิกอาชีพ นั้นทันที และยอมทิ้งเครื่องมือประหาร หรืออาวุธนัน้ โดยอัตโนมัติ เหมือนกรณีของนายพรานชือ่ กุกกุฏมิตร๑๗ ทังนี ้ ้ เพราะท่านได้ มองเห็นโทษอันตรายที่เกิดจากการฆ่า การเบียดเบียนสัตว์ และ กฎแห่งการบรรลุธรรมตามพุทธพจน์ที่ถกู ต้ อง มีข้อสังเกต ดังนี ้ ๑.ต้ องอยู่ในเพศบรรพชิต เท่านัน้ ๒.ได้ ปฏิบตั ิตามอริยมรรคมีองค์ ๘ อย่างถูกต้ องและสมบูรณ์พร้ อม ๓.มีลกั ษณะ ทางร่างกายสอดคล้ องกับลักษณะผู้มีบญ ุ ทังหลาย ้ เช่น มีนิ ้วมือหรือนิ ้วเท้ ายาวเสมอกัน เป็ นต้ น ๔. อยู่ในอิริยาบถนัง่ ขณะที่บรรลุธรรม ต้ องเกิดขึ ้นประมาณตีห้าและก่อนรุ่งอรุณ ๕. ต้ องหันหน้ าไปทางทิศตะวันออกเท่านัน้ -ข้ อมูลจาก ท่านโทณพราหมณ์,ท่านฆฏิการ พรหมผู้เป็นอรหันตสาวกในอกนิฏฐาพรหมโลก ส่วนในอรรถกถาธรรมบท ได้ กล่าวไว้ วา่ พวกเจ้ าศากยะพระประยูรญาติของพระพุทธเจ้ า ที่ถกู พระเจ้ าวิฑฑู ภะผู้ยกกองทัพมาฆ่าล้ างโคตรนัน้ และครอบครัวของนายพรานกุกกุฏ มิตรนัน้ เป็ นพระอริยสาวก-สาวิกา เป็ นพระโสดาบัน เป็ นต้ น และในคัมภีร์พระไตรปิ ฎก ก็ ได้ กล่าวไว้ วา่ แม้ คฤหัสถ์ สามารถบรรลุธรรมเป็ นพระโสดาบันได้ เหมือนกัน ขอให้ ท่านผู้ เป็ นบัณฑิต พึงใช้ โยนิโสมนสิการให้ รอบคอบ เพื่อป้องกันไม่ให้ เกิดอริยปุ วาท ดูเพิ่มใน ธ.ป. (แปล) ๓/๗-๓๙ เรื่องพระเจ้ าวิฑูฑภะ ธ.ป. (แปล) ๔/๓๖-๔๕ เรื่ องนายพรานกุกุกฏมิตร ๑๗
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
อานิสงส์ของการไม่ฆา่ สัตว์ตดั ชีวิตนัน่ เอง บวกลบคูณหารกันแล้ ว ไม่ค้ มุ กับผลที่ตามมาและเป็ นเหตุให้ เกิดเวรภัยไม่มีที่สิ ้นสุด เรื่ องนี ้ ทาให้ เตือนสติผ้ ูที่ฆา่ สัตว์ เช่น เป็ด ไก่ หมูหรือวัว ควายเพื่อเลี้ยงแขกในงานบวช งานแต่งงานหรือในงานเทศกาล ต่างๆ เอามาทาเป็นอาหาร แล้วนาไปถวายพระ หวังจะได้บุญเป็น กาไร แต่จะได้บาปตอบแทน เพราะความโง่เขลาเบาปัญญา ไม่ได้ ศึกษาทาความเข้าใจในธรรมะอย่างถูกต้อง คิดว่าจะทาบุญ กลับทา บาป อยากจะได้บุญติดตัวกลับได้บาปติดมา เป็นเรื่องที่น่าสงสารและ เห็นใจ ถึงแม้จะมีส่วนเป็นบุญอยู่บ้างนิดหนึ่ง แต่ก็ยังไม่พ้นเป็นบุญ มลทิน ไม่ใช่บุญบริสุทธิ์ การฆ่ าสัตว์ ตัดชีวติ นอกเหนือจะได้ บาปแล้ ว ยังเป็นการ สร้างศัตรูคู่เวรกับสัตว์ที่ตัวเองฆ่าอีก ทั้งนี้ เพราะเมื่อสัตว์รู้ตัวว่า จะ ถูกฆ่า มักจะมีลกั ษณะกิริยาอาการเศร้าซึม สายตาเหม่อลอย มีความ กลัว สะดุ้งตกใจ มีความหวาดหวั่นพรั่นพรึง ทุรนทุราย น้าตาไหล พรากและผูกอาฆาตพยาบาทจองเวรกับผู้ฆ่าก่อนสิ้นใจตาย
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
อาชีพทีเ่ ป็นอันตราย ไม่ปลอดภัยในเส้นทางบุญ สาหรับอุบาสก อุบาสิกาที่ดี มีศีลธรรมประจาใจ ซึง่ มีความ เข้ าใจในเรื่ องกฎแห่งกรรมอย่างลึกซึ ้งถูกต้ องดีแล้ ว จึงควรที่จะ ระมัดระวังและหาทางหลีกเลี่ยง ไม่ประกอบอาชีพมืด อาชีพบาป อันเป็ นอาชีพทีน่ ามาซึง่ ภัยเวรต่อตัวเองและผู้อื่น๑๘ ดังนี ้ ๑.อาชีพค้ ามนุษย์ เป็ นการเอารัดเอาเปรี ยบ กดขี่ขม่ เหง และหลอกลวงเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเพื่อเงินตรา เพื่อจะได้ ค่าแรงงานที่ถกู เป็ นการทามาหากินบนความทุกข์ ความเจ็บปวด ทรมานของคนอื่น และการค้ าน ้ากาม การขายบริการทางเพศ จัดเป็ นอาชีพมืดอย่างหนึง่ เพราะเป็ นอาชีพที่กระตุ้นราคะ ความ กาหนัดยินดี มีผลทาให้ คณ ุ ภาพของจิตเกิดภาวะมืดมัว เศร้ าหมอง ขุน่ มัว บุคคลผู้เข้ าใจเรื่ องกฎแห่งกรรมอย่างลึกซึ ้งและได้ แก้ ไขอริ ยุปวาทกรรมอย่างถูกต้ องแล้ ว แม้ จะเคยทาอาชีพนี ้มาก่อน ย่อม สามารถเลิกได้ เด็ดขาด จะไม่ทาอาชีพนี ้และไม่ย่งุ เกี่ยวอีกต่อไป บุคคลผู้ที่ประกอบกิจการเอง ใช้ ให้ คนอื่นทา ยินดีพอใจ หรือยกย่องสรรเสริญ ส่งเสริม สนับสนุนอาชีพมืดเหล่านี ้ ย่อมมีสว่ นแห่งบาปเหมือนกัน ดูเทียบเคียงใน อัง.ปั ญจก.(แปล)๒๒/๒๙๕ วณิชชาสูตร สัง.นิ. (แปล)๑๖/๘๓-๘๕ ปั ญจเวรภยสูตร ขุ.อป. (แปล) ๓๒/๕๗๔-๕๗๗ ปุพพกัมมปิ โลติ ๑๘
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ตัวอย่างเช่น นางสิริมาและหญิงบริ วาร๑๙เป็ นต้ น แม้ อาชีพ ทีเ่ กี่ยวข้องกับการทาสื่อลามกทั้งหลาย เช่น หนังสือโป๊ วีดีโอ วีซีดี ดี วีดลี ามก รวมถึงการเป็นแม่เล้า แมงดาหรือเป็นหญิงโสเภณี๒๐ ขาย บริการทางเพศทัง้ โดยตรงและโดยอ้อม อรรถกถาแห่งสิริมาวิมาน ได้ อธิบายว่า นางสิริมา น้ องสาวของหมอชีวก เดิมเป็ น หญิงโสเภณีในกรุงราชคฤห์ แคว้ นมคธ ได้ ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้ า พร้ อมทังบริ ้ วาร ๕๐๐ คน เมื่อเข้ าใจสัจธรรมกฎแห่งกรรมอย่างลึกซึ ้งแล้ ว จึงตัดสินใจพากันเลิกอาชีพโสเภณี ถ้ าอาชีพนี ้ปลอดภัยไม่มีโทษ ไม่ เป็ นบาป เพราะเหตุใด นางถึงเลิกทาไม่เข้ าไปข้ องเกี่ยว อีกเลย และมาตังสลากภั ้ ตร ๘ ที่ ถวายสงฆ์ทกุ วัน ต่อมานางป่ วยหนักเสียชีวิตแต่ยงั สาว ได้ ไปเกิดเป็ นเทพธิดาอยู่ในชันนิ ้ มมานรดี ขุ.วิ. (แปล) ๒๖/๒๓ สิริมาวิมานและอรรถกถา, ธ.ป.(แปล) ๕/๑๔๗-๑๕๓ เรื่ องนางสิริมา ๒๐ นางอัมพปาลี เกิดมาเป็ นโสเภณีในชาตินี ้ เพราะในอดีตชาติเคยพูดตาหนิพระอรหันต์ ในสมัยบวชเป็ นภิกษุณี ในศาสนาของพระพุทธเจ้ าสิขี (มีพระชนมายุ ๗ หมื่นปี ) วันหนึง่ ขณะที่ภิกษุณีทงหลายพากั ั้ นเดินทาประทักษิณ (เดินเวียนรอบไปทางข้ างขวา)เพื่อไหว้ พระ เจดีย์ ภิกษุณีพระอรหันต์องค์หนึ่งที่เดินอยู่ข้างหน้ า ได้ ถ่มน ้าลาย แต่น ้าลายไปตกที่ลาน พระเจดีย์ และพระเถรีไม่ทนั สังเกต จึงเดินไปข้ างหน้ า ส่วนภิกษุณี(อดีตชาติของนางอัม พปาลี)รูปนี ้ที่เดินตามหลังมา มองไปเห็นน ้าลายนัน้ โกรธไม่พอใจ จึงด่าออกไปแบบไม่คิด ว่า “อีแพศยาคนไหนที่มันมาถ่มน้้าลายตรงนี้ ไม่มีที่ถ่มน้้าลายที่อื่นหรือยังไง บวชเข้ามาแล้ว ยัง ท้าตัวอย่างนี้อยู่ ท้าให้ศาสนาแปดเปื้อน” ผลกรรมจากอริยปุ วาท ทาให้ ภิกษุณีรูปนี ้ ไม่ ก้ าวหน้ าในการปฏิบตั ิธรรม ไม่สามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้ ภายในชาตินนและเมื ั้ ่อ มรณภาพแล้ ว ไปเกิดในนรก พอพ้ นจากนรก ได้ มีโอกาสเกิดมาเป็ นมนุษย์ อริยปุ วาทกรรม นัน้ ยังตามส่งผลให้ มาเป็ นโสเภณีอีก ๖ หมื่นชาติ ขุ.อป.(แปล) ๓๓/๕๔๗-๕๔๙, อัมพปาลีเถริยาปทานและอรรถกถา เรื่องราวของนางอัมพปาลีที่ถกู บันทึกไว้ ในคัมภีร์พระไตรปิ ฎกและอรรถกถานัน้ มีบาง เรื่องคลาดเคลื่อน ไม่ตรงกับความจริ งที่เกิดขึ ้นในสมัยพุทธกาล เช่น เรื่ องนางถวายวัดอัม พปาลีวัน เป็ นสังฆาราม การออกบวชเป็ นภิกษุณี และการบรรลุมรรคผลนิพพาน เป็ นต้ น แต่ความจริง คือ ผู้หญิงคนนี ้ เป็ นคนมีเล่ห์เหลี่ยมมารยาสารพัด ทาบาปกรรมกับ พ่อแม่ไว้ มาก ชีวิตหลังตาย จึงไม่ปลอดภัย-ข้ อมูลจาก อานันทเทพบุตร ๑๙
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
๒.อาชีพค้าขายเนื้อสัตว์๒๑ อาชีพเลี้ยงสัตว์เพื่อการค้าขาย หรือการค้ าขายเนื ้อในเชิงพาณิชย์ เป็ นบาป ดังนัน้ ผู้ไม่ต้องการทา บาปอกุศลในเรื่ องนี ้ จึงไม่ควรห้ ามเลี ้ยงสัตว์ตา่ งๆ ไม่วา่ จะเป็ นกบ เขียด กุ้ง หอย ปู ปลา จระเข้ เป็ ด ไก่ สุนขั สุกร วัวควาย เป็ นต้ น ไว้ ขาย เพราะการค้ าขายเนื ้อเป็ นเหตุให้ ต้องฆ่าสัตว์และถ้ าค้ าขาย เป็ นอาชีพ ถือว่าเป็ นการส่งเสริมสนับสนุนการฆ่าสัตว์โดยทางอ้ อม ๓.อาชีพค้าอาวุธ การค้าขายอุปกรณ์เครื่องมือทุกชนิด สาหรับฆ่าและเบียดเบียนคนและสัตว์ทกุ อย่าง เช่น ขีปนาวุธ ระเบิด ปื น ดาบ หอก ธนู ฉมวก แห อวน เป็ นต้ น ซึง่ เป็ นสิ่งอันตราย ก่อให้ เกิดเวรภัย เพราะแม้ ไม่ได้ ฆา่ เอง ไม่ได้ ใช้ ให้ คนอื่นฆ่า แต่ก็ เข้ าข่ายยินดีพอใจและสนับสนุนส่งเสริ มการฆ่าทังโดยตรงและโดย ้ อ้ อม ๔.อาชีพค้าขายยาพิษ๒๒ กล่าวคือ ยาฆ่าแมลง ยาปราบ ศัตรูพืช ยาเบื่อ หรื อ ยาพิษทุกชนิดที่เป็ นอันตรายต่อคนหรื อสัตว์
อัง.ฉักก.(แปล) ๒๒/๔๔๒-๔๔๓ มัจฉพันธสูตร พระเจ้าวิฑูฑภะ ยกพลไปฆ่าล้ างโคตรพวกเจ้ าศากยะพระประยูรญาติของพระพุทธเจ้ า แม้ พระพุทธองค์ก็ห้ามไม่ได้ เพราะอานาจแห่งกรรมเก่า คือ อริยปุ วาทกับพระพุทธเจ้ าผู้ ทรงคุณธรรมอันประเสริฐในครัง้ ที่เสด็จมาเยี่ยมพระญาติ หลังจากตรัสรู้แล้ วได้ ๑๐ พรรษา -ข้ อมูลจากอานันทเทพบุตร แต่ในคัมภีร์อรรถกถากล่าวว่า เพราะคนเหล่านัน้ เคยโปรยยาพิษลงในแม่น ้า เป็ นเหตุ ทาให้ คนและสัตว์ตาย ธ.ป. (แปล) ๓/๗-๓๙ เรื่ องพระเจ้ าวิฑูฑภะ ๒๑
๒๒
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
การค้ าขายยาพิษเหล่านี ้ เป็ นบาป นามาซึง่ เวรภัย เพราะเข้ าข่าย เป็ นการสนับสนุนการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ ๕.อาชีพค้าขายสุราเมรัย๒๓ การค้ าขายสิ่งมึนเมาหรื อยา เสพติดให้ โทษทุกประเภท เช่น เหล้ า เบียร์ ไวน์ กัญชา ยาอี ยาบ้ า โคเคน เฮโรอีน เป็ นต้ น มีโทษมาก เป็ นบาปอย่างร้ ายแรง นามาซึง่ เวรภัยต่อตัวเองและคนอื่น เป็ นการส่งเสริ มสนับสนุนให้ คนเกิด ความประมาท ขาดสติ ไม่สามารถจะทากิจการงานให้ ดีได้ และ เกิดโรคร้ ายต่างๆตามมา อาชีพดังกล่าวแล้ วข้ างต้ นเหล่านี ้ รวมไปถึงอาชีพเกี่ยวกับ อบายมุขการพนัน ก็เป็ นอาชีพมืด เป็ นอาชีพบาปเช่นกัน๒๔ เพราะนามาซึง่ เวรภัยต่างๆ แม้ จะไม่ผิดกฎหมาย เป็ นอาชีพที่ถือว่า สุจริ ตในทางโลกก็ตาม แต่ในทางธรรม ถือว่า เป็นอาชีพที่เสี่ยงต่อ การสร้างเวรภัยและเป็นการส่งเสริมสนับสนุนการฆ่า การทาทารุณ กรรม การเบียดเบียนมนุษย์และสัตว์ทงั้ โดยตรงและโดยอ้อม เพราะ ถึงแม้ ตนเองไม่ได้ เป็ นผู้ฆา่ สัตว์ แต่เข้ าข่ายชักชวน กระตุ้นผู้อนื่ ให้ ฆ่าสัตว์ ให้ ยินดีพอใจในการฆ่าสัตว์ หรือมีสว่ นกระตุ้นให้ ยินดี พอใจโฆษณาสินค้ าเกี่ยวกับการฆ่าสัตว์๒๕ ย่อมมีสว่ นแห่งผลบาป ที่เกิดจากการฆ่าเช่นกัน การดื่มสุราและเมรัย(ยาเสพติดให้ โทษ)ขนาดหนัก ส่งผลให้ ไปเกิดในนรก,กาเนิดสัตว์ ดิรัจฉาน,เปรตวิสยั ส่วนเศษกรรมนี ้ ส่งผลให้ เป็ นบ้ า วิกลจริต ปั ญญาอ่อน ดูเพิ่มใน อัง.อัฏฐก. (แปล) ๒๓/๓๐๑-๓๐๒ ทุจจริตวิปากสูตร ๒๔ ที.ปา. (แปล) ๑๑/๑๙๙-๒๑๘ สิงคาลกสูตร ๒๕ อัง.จตุกก. (แปล) ๒๑/๓๘๑ ๒๓
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ดังนัน้ บุคคลผู้ฆา่ และผู้ประกอบการทังหลาย ้ เมื่อนึกถึง บาปกรรมคราใด ย่อมทาให้ จิตใจหดหู่ เศร้ าหมอง ขุน่ มัว อาชีพ เหล่านี ้ แม้ จะทาเงินได้ ดีสามารถเลี ้ยงดูตวั เองและครอบครัวได้ แต่ ก็เป็ นการก่อศัตรูคเู่ วรให้ กบั ตัวเอง ไม่ปลอดภัยในเส้ นทางสายบุญ และยังเป็ นอุปสรรคในการปฏิบตั ิธรรมอีกด้ วย อีกทังจะต้ ้ องไป ชดใช้ หนี ้กรรมในอบายภูมิ หากเกิดมาเป็ นมนุษย์กห็ นีบาปกรรม เวรภัยไม่พ้น เมื่อใคร่ครวญด้วยปัญญาแล้ว สิ่งที่ได้มากับบาปกรรม ที่ต้องชดใช้ ไม่คุ้มกันเลย ขาดทั้งต้นทุนและสูญทั้งกาไร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ทานเนื้อสัตว์ได้ไม่เป็นบาป หากมีปัญญาเป็นเครือ่ งนาทาง บางท่านชอบทานเนื ้อสัตว์ที่ปรุงจากของสดใหม่ เพราะทา ให้ รสชาติอร่อยดี แต่ไม่อยากจะฆ่าเอง เพราะกลัวบาป จึงใช้ ให้ คน อื่นฆ่า หรื อจับสัตว์มาขังไว้ ในถังหรื อแช่ไว้ ในตู้เย็นให้ ตายเอง อย่าง นี ้ก็ไม่พ้นจากการทาบาปเช่นกัน ส่วนคนที่ยงั ชอบทานเนื ้อสัตว์ หรื อ กุ้ง ปู ปลา เป็ ด ไก่เพราะหาง่ายหรื อติดใจในรสชาติของมัน วิธี หลีกเลี่ยงเพื่อจะไม่ ต้องทาบาปเพราะต้ องการทานเนือ้ สัตว์ คือ ไปหาซือ้ เนือ้ หรื อ กุ้ง หอย ปู ปลา เป็ นต้ นตัวที่ตายแล้ ว ที่เขาวางขายตามท้ องตลาด หรื อห้ างสรรพสินค้ า แม้ การทาบุญ เลี ้ยงแขกที่มาช่วยงาน ในงานบุญต่างๆ เช่น งานอุปสมบท งาน ทาบุญอุทิศให้ กบั บรรพชน เป็ นต้ น ก็พงึ ปฏิบตั ิโดยทานองนี ้ เหมือนสีหเสนาบดี อริยสาวกโสดาบัน หลังจากได้บรรลุธรรมแล้ว มี ความประสงค์จะถวายภัตตาหารแด่พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ จึงได้สั่ง ให้มหาดเล็กไปซือ้ เนื้อสัตว์ที่เขาวางขายโดยทั่วไป๒๖ ถ้ าหากผู้เป็ น อริ ยสาวกทาเช่นนี ้แล้ ว พระพุทธเจ้ าและพระอรหันต์ไม่ได้ พูด ตาหนิติเตียน ก็แสดงว่า การซือ้ เนื้อสัตว์ที่เขาขายทั่วไปตาม ๒๖
อัง.อัฏฐก. (แปล) ๒๓ /๒๒๖-๒๓๔ สีหสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ท้องตลาดมาปรุงเป็นอาหารรับประทาน ย่อมปลอดภัย ไม่เป็น บาปกรรมและทาเป็ นอาหารไปถวายพระสงฆ์ ย่อมได้ บญ ุ สาหรับการไปทานข้ าวที่ร้านอาหาร บางครัง้ ถ้ าเห็นพ่อ ครัวแม่ครัวจับปู กุ้งหรื อปลาเป็ นๆ มาต้ ม ทอด ปิ ง้ ให้ เราในฐานะ ลูกค้ า ในกรณีที่เห็นด้ วยตาตัวเองและมีความรู้สกึ ไม่สบายใจ เกรง ว่า จะบาปเพราะเข้ าข่ายสนับสนุนการฆ่าสัตว์ ก็ไม่ควรรับประทาน เพราะหากขืนรับประทานเข้ าไป ก็หลีกไม่พ้นความเป็นผู้มีส่วนร่วม หรือหุ้นส่วนแห่งบาปนั้นไม่มากก็น้อยทั้งนี้ เพราะเข้าข่ายส่งเสริม หรือให้การสนับสนุนการฆ่าสัตว์โดยทางอ้อม ท่านผู้เป็ นบัณฑิตทังหลายเอย ้ ตัวท่านจะเห็นแก่กิน เห็น แก่ความเอร็ดอร่อยแค่ปลายลิ ้น หรื อจะเห็นแก่ธรรมะของพระ ศาสดา จงตรองดูเอาเองเถิด ถ้ าหากท่านเห็นแก่ปากท้ อง ก็ต้องมี ส่วนได้ รับเคราะห์กรรม และหลีกหนีไม่พ้นจากเวรภัย แม้ มีเงินเป็ น ร้ อยล้ านพันล้ าน ก็ใช่วา่ จะรักษาโรคร้ ายให้ หายขาด หรื อจะซื ้อ สุขภาพที่แข็งแรงได้ แต่ ถ้าเห็นแก่ ธรรมแล้ วไซร้ ชีวติ ท่ านจะ ปลอดภัย ไม่ มีโรคาพยาธิมาเบียดเบียน
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
เหตุเกิดแห่งกรรม เหตุให้เกิดของอกุศลกรรม แบ่งออกเป็น ๓ ประการ คือ ๑. โลภะ (ความอยากได้) เป็นเหตุให้เกิดกรรม ๒. โทสะ (ความคิดประทุษร้าย) เป็นเหตุให้เกิดกรรม ๓. โมหะ (ความหลง) เป็นเหตุให้เกิดกรรม อกุศลกรรม(บาป)และกุศลกรรม(บุญ) จึงเปรียบเสมือน พื้นดิน(ไร่นา) วิญญาณ (วิญญาณ หมายถึง อภิสังขารวิญญาณที่เกิด ร่วม คือเกิดพร้อมกับกรรม) เปรียบเสมือนพืช ตัณหาเปรียบเสมือน ยางเหนียวในพืช วิญญาณของสัตว์ที่มีอวิชชาเป็นเครื่องปิดกั้น มี ตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ จึงดารงมั่นอยู่ได้เพราะกามธาตุ รูปธาตุและ อรูปธาตุ ดังนั้น ถ้ากรรมที่อานวยผลให้ในกามธาตุ รูปธาตุ อรูปธาตุ ไม่ มี กามภพ..รูปภพ..อรูปภพ ก็มีไม่ได้ เมื่อกรรมที่อานวยผลให้ในกาม ธาตุ รูปธาตุ อรูปธาตุมี กามภพ..รูปภพ..อรูปภพ จึงมีได้ พุทธพจน์ อัง.ติก. (แปล) ๒๐/๑๘๖-๑๘๘, อัง.ฉัก. (แปล) ๒๒/๔๙๐
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม “สัตว์โลกทัง้ หลาย ย่อมเป็นไปตามกรรมที่ทาไว้ กรรมนั่นแหละ ทาให้สัตว์โลกมีความแตกต่างกันไป เพราะสัตว์โลกทัง้ หลาย ล้วนมีกรรมเป็นของๆตน มีกรรมเป็นมรดก มีกรรมเป็นตัวชักนาเกิด มีกรรมเชื่อมโยงเกี่ยวพันดังญาติพี่น้อง มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ใครทากรรมใดไว้ เป็นกรรมดีก็ตามเป็นกรรมชั่วก็ตาม เขาจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น เหมือนปลูกพืชชนิดใด ย่อมได้ผลชนิดนั้นอย่างแน่นอน” ฐานสูตร พระไตรปิ ฎก เล่ม ๒๒ อังคุตตรนิกาย ปั ญจกนิบาต (มจร.แปล) หน้ า ๗๘-๘๐
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
กฎแห่งการฆ่า
ผลกรรมจากการฆ่าสัตว์ ผู้ฆ่า ย่อมได้รับการฆ่าตอบ ผู้ทาร้าย-ทาลายชีวิตของคนและสัตว์อื่น ให้เดือดร้อนและพินาศ ชีวิตของเขาผู้นั้นต้องวิบัติมีอันเป็นไป
การฆ่า เป็ นสาเหตุทาให้ คน/สัตว์อื่นหวาดกลัว สะดุ้ง ตกใจ ได้ รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานอันเกิดจากพิษบาดแผล จนถึงแก่ ความตาย กฎแห่งกรรม คือ กฎแห่งเหตุและผล กล่าวคือ เหตุเป็ น อย่างไร ผลย่อมเป็ นอย่างนัน้ เหตุดี ผลดี สร้ างเหตุไม่ดี ผลไม่ดี เมื่อ บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์พืชชนิดใด ย่อมได้ต้นไม้ชนิดนั้น ปลูกต้นชนิดใด ย่อมได้ผลไม้ชนิดนั้น ปลูกต้นตูมกา ย่อมได้ลูกตูมกา ปลูกต้นมะขาม ย่อมได้ผลมะขาม ปลูกหน่อมะพร้าว ย่อมได้ต้นและผลมะพร้าว ปลูกต้นอุตพิด ย่อมได้ต้นอุตพิด เพาะเมล็ดพันธุ์บวบขม ย่อมได้ต้น บวบขม๒๗ ฉันใดก็ฉนั นัน้ ผลของการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ ย่อม นามาซึง่ ทุกข์ยาก ลาบากเดือดร้ อน เนื่องจากเมื่อทาเหตุให้ คนและ สัตว์อื่นได้ รับความเจ็บปวด ทุกข์ทรมานหรื อถึงแก่ความตายก่อน วัยอันสมควร ขณะที่วิบากกรรมนี ้ส่งผล จะทาให้ บคุ คลนัน้ อายุสนั ้ ๒๗
เทียบเคียงจาก อัง.ทสก. (แปล)๒๔/๒๔๖ พีชสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
พลันตายก่อนวัยอันควร และทาให้ เกิดโรคภัยไข้ เจ็บ ซึง่ สอดคล้ อง กับพุทธพจน์ที่วา่ “บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นสตรีก็ตาม เป็นบุรุษก็ตาม เป็นผู้ ฆ่าสัตว์ เป็นคนหยาบช้า มีมอื เปื้อนเลือด ฝักใฝ่ในการ ประหัตประหาร ไม่มีความกรุณาในสัตว์ทงั้ หลาย เพราะกรรมนั้นที่เขาให้บริบูรณ์ ยึด มั่นไว้อย่างนั้น หลังจากตายแล้ว เขาจึงไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก หลังจากตายแล้ว ถ้าไม่ไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก กลับมาเกิดเป็น มนุษย์ในที่ใด ๆ เขาก็จะเป็นคนมีอายุสั้น” ๒๘ ในคัมภีร์ชื่ออรรถกถา “ปรมัตถโชติกา” ได้ กล่าวถึงผล กรรมจากการฆ่าสัตว์ในขณะที่เกิดมาเป็ นมนุษย์ อาจจะได้ รับผล ตังแต่ ้ เกิดในครรภ์ หรื อภายหลังก็ได้ คือ มีร่างกายทุพพลภาพ รูปร่างหน้ าตาไม่สวยงาม กาลังกายอ่อนแอ กาลังสติปัญญาไม่ ว่องไว เป็ นคนขลาดหวาดกลัว จะถูกฆ่าหรือฆ่าตัวตาย เป็ นโรคภัย เบียดเบียน บริ วารมีอนั เป็ นไปพินาศ และทาให้ อายุสนั ้ พลันตาย มี คาอธิบาย ดังนี ้ ๑. ทุพพลภาพ ร่างกายอ่อนแอ ไม่แข็งแรง อวัยวะบางส่วน เช่น แขน ขา มือ เป็ นต้ น เป็ นอัมพฤกษ์ อัมพาตใช้ การไม่ได้ หรื อใช้ ได้ แต่ไม่ เต็มที่ ไม่เป็ นปกติ ไม่มีเรี่ยวแรง ตาบอด หูหนวก แขนกุด ขาด้ วน ๒๘
ม.อุ. (แปล)๑๔/๓๔๙-๓๕๖ จูฬกัมมวิภังคสูตร, อัง.อัฏฐก. (แปล) ๒๓/๓๐๑-๓๐๒ทุจจริตวิปากสูตร(สัพพลหุสสูตร)
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
พิการไม่สมประกอบ เพราะเกิดจากอุบตั ิเหตุ เป็ นโรคร้ าย หรื อ รักษาไม่ถกู วิธี ๒. รู ปไม่ งาม รูปร่างหน้ าตาทรวดทรงไม่สมส่วนดูไม่ดี ไม่สวย ไม่มีเสน่ห์ ไม่สง่างาม เช่น เตี ้ยเกินไป สูงเกินไป ดาเกินไป ขาวเกินไป มือไม่ สวย เท้ าเล็กหรื อใหญ่เกินไป แขนขาเล็กหรื อลีบเกินไป หลังโก่ง คอ เอียง คอสันเกิ ้ นไป ตาไม่เท่ากัน หรื อผิวพรรณไม่สวยงาม เช่น เป็ น สิว ฝ้า ผดผื่นคัน ตุม่ โรคผิวหนัง หิด กลาก เกลื ้อน ผิวหนังอักเสบ และทาให้ ติดเชื ้อง่ายเหมือนกับชูชกผู้ซงึ่ มีรูปร่างน่าเกลียดที่สดุ ตังแต่ ้ ศีรษะจรดเท้ า โดยมีลกั ษณะอันสุดอัปลักษณ์ ตามที่ปรากฏ ในอรรถกถาเวสสันดรชาดก๒๙ คือ ตีนแบ ขาเป๋ เล็บมือเล็บเท้ า เน่าน่าเกลียด ปลีน่องย้ อยยาน มีริมฝี ปากบนยาว น ้าลายไหลยึด ฟั นยื่นออกมาข้ างนอกเหมือนเขี ้ยวหมู จมูกบี ้ ดังหั ้ ก ลงพุงท้ อง ป่ อง หลังโก่ง ค่อม ตาเหล่ หนวดเคราสีเหมือนทองแดง เส้ นผม แข็งกระด้ าง สีเหลือง เส้ นเอ็นขึ ้นจนดูน่าเกลียด มีไฝ กระดา ทัว่ ร่างกาย ตาเหลือกเหลือง เอวคด คอเอียง ขากาง เดินขากระ เผลกๆ ขนขึ ้นตามตัวหนาและหยาบกร้ าน
๒๙
ขุ.ชา. (แปล) ๒๘๔๔๗ เวสสันดรชาดก และอรรถกถา
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
๓. กาลังกายอ่ อนแอ คุณภาพการทางาน หรื อใช้ งานของอวัยวะต่างๆ เช่น ตา หู จมูก ลิ ้น ประสาท กล้ ามเนื ้อและต่อมต่างๆภายในร่างกายอ่อนแอ ขาดประสิทธิภาพ สมรรถนะในการใช้ งานด้ อยคุณภาพ สายตาฝ้า ฟาง พร่ามัว มองเห็นไม่ถนัดชัดเจน หูอื ้อฟั งอะไรได้ ยินไม่คอ่ ยชัด จมูกไม่คอ่ ยได้ กลิ่น ประสาทลิ ้นในการลิ ้มรสไม่คอ่ ยดี รับประทาน ไม่อร่อย ไม่มีรสชาติ ปวดเมื่อยตามเนื ้อตัว กาลังกายเฉื่อยชา ไม่ กระปรี ก้ ระเปร่า ไม่กระฉับกระเฉง อิดโรย เหนื่อยหน่าย ไม่อยาก ทาอะไร ซึมๆ มึนงง ขาดกาลังวังชา แขนขาไม่มีแรง อ่อนเพลียง่าย ในทางตรงข้ าม บุคคลที่งดเว้ นจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ทงหลาย ั้ ให้ การปกป้อง คุ้มครอง ดูแลรักษาให้ ปลอดภัย ย่อมได้ รับอานิสงส์ ตรงกันข้ าม คือ มีรูปร่างหน้ าตาดีสม ส่วน มีร่างกายแข็งแรง มีกาลังสติปัญญาว่องไว มีพลังกายทรงกาลังเท่ากับช้ าง ๕ เชือก เช่น นางวิสาขามหาอุบาสิกา ท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์ เป็ นต้ น และท่านเหล่านี ้ ได้ ร้ ูตวั ว่ามี กาลังเช่นนันขณะมี ้ อายุได้ ประมาณ ๓ ขวบปี –จากคายืนยันของวิสาขาเทพธิดาแห่งนิมมานรดีเทวโลกและชีวกโกมารภัจจ์ เทพบุตรแห่งตุสิตาเทวโลกชันที ้ ่ ๑๑ ธ.ป. (แปล) ๓/๗๑-๑๑๕ เรื่ องนางวิสาขา ไม่ต้องพูดถึงกาลังกายของพระโพธิสตั ว์ทงหลาย ั้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลกาลังพระ วรกายของพระพุทธเจ้ าผู้ได้ สงั่ สมบารมีมาดีแล้ วถึง ๔ อสงไขยกับอีก ๑ แสนกัป ทรงงด เว้ นจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์มาเป็ นเวลายาวนานเป็ นอสงไขย จึงได้ มีลกั ษณะแห่ง มหาบุรุษ ๓๒ ประการและทรงมีกาลังกายมากเท่ากับช้ างเป็ นล้ านๆเชือก เทียบเคียงจาก พุทธพจน์ที่กล่าวถึงการเดินบนพื ้นดินหรือพื ้นทรายโดยปกติตงแต่ ั ้ ประสูติจนถึงปรินิพพาน ย่อมไม่ปรากฎรอยพระบาทให้ เห็น ยกเว้ นเฉพาะบุคคลที่จะทรงอนุเคราะห์เท่านัน้ -จากคายืนยันของ ยโสธราพิมพาเทพธิดาแห่งนิมมานรดีเทวโลก, ท่านโทณพราหมณ์,ท่านฆฏิการพรหมอรหันตสาวกแห่งอกนิฏฐาพรหมโลก, เวเทหิเทพบุตรและมหาทุคตะแห่งตุสิตาเทวโลก ดูเพิ่มใน สัง.นิ.(แปล) ๑๖/๓๘-๔๐ ทุตยิ ทสพลสูตรและอรรถกถา
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
หน้ ามืด เป็ นลม เหนื่อยง่าย หายใจไม่ทวั่ ท้ อง ไม่อยากรับประทาน อาหาร กระเพาะลาไส้ มีปัญหา การเผาพลาญอาหาร การย่อย การดูดซึมและการขับถ่ายไม่ดี และร่างกายอ่อนแอนี ้ อาจจะสืบ เนื่องมาจากโรคภัยไข้ เจ็บ ไม่สบาย ผ่าตัด ได้ รับอุบตั ิเหตุ หรื อ ทางาน ยกของหนัก ทาให้ กระทบกระเทือนถึงบาดแผล ๔. กาลังปั ญญาไม่ ว่องไว สติปัญญาคิดอ่านไม่ดี ปฏิภาณไหวพริ บไม่เร็ว ความคิด ไม่ลมุ่ ลึกสมองทื่อ มึนงง ขี ้เกียจคิด ไม่อยากใช้ สมองคิด มีปัญหา เรื่ องการเรี ยน เช่น ไม่ชอบการศึกษาเล่าเรียน หัวไม่ให้ใจไม่รัก เรียน หนังสือไม่เก่ง เอาดีเรือ่ งการเรียนศึกษาไม่ได้ ทาให้การเรียนสะดุด เรียนไม่จบ เรียนจบแต่ทุลักทุเล ไม่มีพรสวรรค์ในเรื่องการศึกษาเล่า เรียน เมื่อถึงเวลาจะต้ องใช้ สมอง ความคิด สติปัญญา เช่น การ สอบแข่งขัน ทดสอบความรู้เชาว์ปัญญา หรื อสัมภาษณ์งาน มักจะ มีเหตุทาให้ เจ็บป่ วยไข้ ไม่สบาย ปวดหัวตัวร้ อน ไปไม่ทนั เวลา ใช้ สมองคิดอ่าน ใช้ กาลังสติปัญญาไม่เต็มที่ ปฏิภาณไหวพริ บไม่ เฉียบคม เพราะถูกวิบากกรรมอันนี ้ปิ ดกันเอาไว้ ้ ๕. เป็ นคนหวาดกลัว วิตกกังวลมาก คนที่มีปกติฆ่าสัตว์ตัดชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิง่ เคยฆ่ามนุษย์ หรือบุคคลผู้ที่เคยทาแท้งหรือเคยไปเกี่ยวข้องกับการทาแท้งมา มักจะ มีเหตุทาให้ เป็ นสะดุ้งกลัว ตกใจ กลัวผี กลัวความมืด หรื อผู้ที่เคย ฆ่าคนมาก่อน จะเป็ นคนคิดมาก หวาดกลัววิตกกังวลในความผิด
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
จะมาถึงตัว กลัวทางการจับได้ กลัวติดคุก ทาให้ ต้องหลบๆซ่อนๆ กลัวว่า ญาติพี่น้อง เพื่อนของคูก่ รณีจะตามมาล้ างแค้ น หรื อเกรง ว่า จะมีปัญหาจะมาถึงครอบครัวตัวเองทาให้ พ่อแม่ ลูกเมีย เดือดร้ อน ทาให้กินไม่ได้นอนไม่หลับ เป็นประสาท เครียดจัด บางคน เป็นคนฆ่าสัตว์มามาก มักจะเป็นคนขี้ตกใจ หวาดกลัวง่าย ขวัญอ่อน บ้าจี้ กลัวผลบาปกรรมที่ตวั เองจะได้ รับ คือ ตอนทากลับกล้ า แต่ หลังทาแล้ ว กลับกลัว ใจสะดุ้ง กระวนกระวาย คิดมาก ฟุ้งซ่าน ปลงไม่ตก ปล่อยวางไม่ได้ ไม่มีความสุข ๖.กล้ าฆ่ าตัวเองหรื อถูกฆ่ า คนที่ฆา่ สัตว์มามาก มักจะฆ่าตัวตาย ซึง่ เกิดจากหลาย สาเหตุ เช่น บางคนสูญเสียคนรัก แฟน/ลูก ทาให้เกิดเสียใจอย่างแรง หมดอาลัยตายอยากในชีวิต เผลอสติเลยคิดสั้น ฆ่าตัวเองตายตามก็มี หรือลูกบางคนโดนพ่อแม่ดุดา่ ว่าตาหนิด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึง่ แล้ว เสียใจ รับไม่ได้ ประชดชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย นี ้เป็ นผลมาจากกรรม เก่าในอดีตชาติ เพราะดูจากความรู้สกึ ของคนทัว่ ไปไม่น่าจะคิดสัน้ แต่คนที่อยู่ในอารมณ์นนกลั ั ้ บกล้ าทา ในกรณี ผู้ที่เคยฆ่าคน โดยเฉพาะฆ่าพ่อแม่ผ้ บู งั เกิดเกล้ า ของตัวเอง เป็ นหมอทาแท้ งมาเยอะ มักจะถูกฆ่าตาย หรื อบางคน เมื่อทาผิดมาแล้ ว เกิดความวิตกกังวล คิดมาก กลุ้มอกกลุ้มใจ เครี ยดจัด มองไม่เห็นทางแก้ ปัญหา นอนไม่หลับ กินไม่ได้ จนทาให้ เกิดประสาทหลอน ภาพหลอน หูแว่วเหมือนคนจะมาฆ่า บอกให้ ฆ่ากินยาตาย ยิงตัวตาย หรื อกระโดดน ้าตายอย่างใดอย่างหนึง่
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
สุดท้ าย เมื่ออาการหนักเข้ า ควบคุมตัวเองไม่ได้ เผลอลืมสติ ก็ทา อัตวินิบาตกรรม คือฆ่าตัวตาย อีกกรณีหนึง่ คือ คนที่เป็ นโรครื อ้ รั ง รั กษาไม่ หาย สูญเสียเงินทองมากมาย เกิดความท้ อแท้ อยู่ไปก็เป็ นภาระแก่ คนอื่นและตัวเองก็ทาอะไรไม่ได้ จึงคิดสัน้ ฆ่าตัวตาย ส่วนผู้ที่ถกู ฆ่าตายนัน้ เกิดจากเคยฆ่าคนหรื อสัตว์ใหญ่มาก่อน เมื่อกรรมส่งผล ก็มักจะถูกฆ่าหรือโดนฆาตกรรม ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการฆ่า สัตว์เหมือนกรณีของภิกษุ ๕๐๐ รูปฆ่ากันตายและถูกฆ่าตาย เพราะ วิบากกรรมเก่าส่งผล พระพุทธเจ้าทรงรูว้ ่าวิบากกรรมเก่าของภิกษุเหล่านั้น จึงตรัส สอนอสุภกรรมฐาน แล้วทรงหลีกออกไปปลีกวิเวกเป็นเวลา ๑๕ วัน เพราะทรงเห็นกรรมเก่าที่ไม่สามารถห้ามได้ เนื่องจากในอดีตชาติที่ ผ่านมา ภิกษุเหล่านี้เกิดเป็นนายพรานเนื้อ รวมกลุม่ กันมีประมาณ ๕๐๐ คน พากันเอาตาข่ายล้อมป่า จับเนื้อและนกฆ่าเพือ่ เลี้ยงชีพจน ตลอดชีวิต หลังตายแล้ว ไปเกิดในนรก เมื่อหมดกรรมจากนรก มาเกิด เป็นมนุษย์ เพราะกุศลกรรมบางอย่างที่ตนทาไว้ จึงได้บรรพชาและ อุปสมบทในสานักของพระผูม้ ีพระภาคเจ้า แต่เศษวิบากกรรมเก่าของ พรานเนื้อเหล่านั้นที่ยงั ส่งผลไม่หมด ได้อานวยผลทาให้ต้องมาฆ่า ตัวเองตายและใช้ให้ผู้อื่นฆ่า” ๓๐
๓๐
วิ.มหา.(แปล) ๑/๑๓๘-๑๔๐ และอรรถกถา
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
๗. โรคภัยเบียดเบียน ตามกฎปฏิจจสมุปบาทที่วา่ "วิญญาณเป็ นปั จจัยให้ เกิด นามรู ป" พูดภาษาชาวบ้ านว่า จิตเป็ นผู้สร้ างชีวิต จิตเป็ นผู้ควบคุม สัง่ งานร่างกาย ถ้ าจิตได้ สงั่ สมวิบากกรรมของการเบียดเบียนสัตว์ มามาก เมื่อทากรรมเป็ นที่ตงแห่ ั ้ งเวทนาใด ถึงเวลาทีก่ รรมนั้นส่งผล ย่อมมีส่วนที่จะได้รับเวทนานัน้ ๆ การเบียดเบียนสัตว์ ทาให้เกิด ทุกขเวทนา ความเจ็บปวดแก่ผู้อื่นสัตว์อื่น พอถึงเวลาที่อกุศลกรรม นั้นให้ผล ย่อมจะต้องประสบกับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานเช่นกัน ทุกขเวทนานี้ เรียกว่า โรค(อาพาธ) เพราะทาให้ร่างกายไม่สบาย ไม่ ปกติ โรคที่เกิดจากผลกรรมจากการเบียดเบียดทาร้ ายสัตว์นี ้ เรี ยกว่า โรคกรรม หรื อโรคที่เกิดจากผลกรรม ตามหลักธรรมใน พระพุทธศาสนา โรค(ทุกขเวทนา)ทังหลายนั ้ น้ มีสาเหตุดงั นี ้ ๓๑ เกิดจากรับประทานอาหารไม่มีคุณภาพ เกิดจากน้าดี เสลด ลม เกิดจากน้าดี เสลดและลมทั้ง ๓ อย่างรวมกัน เกิดจากฤดู ร้อน-เย็นไม่สมดุล เกิดจากการบริหารกายไม่สม่าเสมอ เกิดจากการถูกทาร้าย เกิดจากผลกรรมก็มี เช่น ผลจากการเบียดเบียนสัตว์และ ผลกรรมจากอริยุปวาทกรรม๓๒ มนุษย์ทงหลายบริ ั้ โภคข้ าวกล้ าที่สกุ ไม่พร้ อมกันย่อมมีอายุน้อย มีผิวพรรณไม่ดี มีกาลัง ไม่ดี และมีความเจ็บป่ วยมาก ดูเพิ่ม อัง.จตุก. (แปล) ๒๑/๑๑๔-๑๑๗ อธัมมิกสูตร ๓๒ อัง.เอกาทสก. (แปล) ๒๔/๓๙๗ พยสนสูตร ๓๑
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
โรคที่เกิดจากสาเหตุตา่ งๆดังกล่าวข้ างต้ นนัน้ เมื่อรู้สาเหตุ ที่แท้ จริ งแล้ ว ก็สามารถเยียวยารักษาให้ หายขาดได้ แต่โรคกรรม หรื อโรคที่เกิดจากวิบากกรรม ไม่มียารักษา และไม่มีเครื่ อง ป้องกัน๓๓ เพราะในขณะที่กรรมส่ งผล ใครๆ หรื ออานาจฤทธิ์ ใดๆ ก็ห้ามไม่ ได้ หยุดยัง้ ไม่ ได้ จะต้ องรอจนกว่าผลกรรมนันเบา ้ บางลง แม้แต่พระพุทธองค์ก่อนปรินิพพาน ได้ประชวรถ่ายเป็นเลือด เพราะวิบากกรรมเคยเป็นหมอแล้วให้ยาถ่าย ทาให้ลูกเศรษฐีตาย แม้ พระองค์จะเข้าสมาธิบรรเทาทุกขเวทนานี้ได้เป็นบางครั้ง แต่เมื่อกรรม ส่งผล ก็ทาให้พระองค์ได้รับทุกขเวทนาอย่างหนัก ดังนัน้ โรคที่เกิดจากวิบากกรรม มีข้อสังเกต ดังนี ้ เป็นโรคอะไร หรือโรคเกิดทีอ ่ วัยวะส่วนไหนของร่างกาย ก็ได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าเคยไปฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ด้วยวิธีไหนมา เพราะ เมื่อกรรมส่งผล จะเป็นไปตามเหตุที่เคยทาไว้ เป็นโรคลึกลับค้นหาสาเหตุไม่เจอ (จริงๆแล้วสาเหตุของโรค นั้นมี แต่หมอหรือเจ้าตัวในขณะนั้นยังไม่รู้สาเหตุ เพราะวิบากกรรม ปกปิดเอาไว้ทาให้มืดบอด) สภาพร่างกายดูเหมือนปกติ แต่เจ้าตัวมี ความรู้สึกว่า ไม่ปกติ แม้ไปตรวจด้วยเครื่องอุปกรณ์ทางการแพทย์ สัง.สฬา. (แปล)๑๘ /๓๐๑-๓๐๔ สีวกสูตร และอรรถกถา การสวดปริตร โดยการสาธยายพุทธมนต์ในบทต่างๆ เพื่อป้องกันรักษาชีวิตให้ ปลอดภัย จากอันตรายเช่น กรณีของอายุวัฒนกุมาร อาจจะทาได้ แต่ถ้าในกรณีมีกิเลส กรรมและ วิบากกรรมอย่างหนักมาขัดขวาง พระปริตรก็ช่วยไม่ได้ ไม่มีผล เช่น เรื่องนกยุงทองพระ โพธิสตั ว์ ดูเพิ่มในธ.ป.(แปล) ๔/๑๗๖-๑๘๑ เรื่ องอายุวัฒนกุมาร ขุ.ชา. (แปล) ๒๗/๖๖-๖๗ โมรชาดก ๓๓
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
แล้วก็ตาม ยังหาสาเหตุไม่เจอ รวมทั้งเหตุปัจจัยอื่นๆที่เอื้อต่อการไม่ สามารถจะค้นหาสาเหตุได้ เป็นโรคเรื้อรัง รักษาไม่หาย แม้จะรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน อย่างดีที่สุด หรือดูแล บริหารร่างกายอย่างดี รับประทานอาหารมี คุณภาพอย่างดี ทาทุกอย่างดีหมด แต่ก็ทาได้แค่บรรเทา ไม่สามารถ รักษาให้หายขาดได้ คือ เป็นๆ หายๆ หายแล้วก็กลับมาเป็นอีก ไม่ หายขาด ส่วนโรคที่เกิดจากอาหารที่คณ ุ ภาพไม่ดี หรือที่ปนเปื อ้ น สารเคมี โรคเกิดจากมลพิษทางอากาศ หรื อการบริ หารร่างกายไม่ ถูกสุขลักษณะ เมื่อรู้สาเหตุแล้ ว รักษาง่าย ไม่นานก็หาย ไม่เหมือน โรคกรรม เมื่อกรรมยังส่งผลอยู่ ต่อให้เป็นหมอเทวดา มียาวิเศษ อย่างไร เก่งมาจากที่ไหน ก็ไม่มีทางรักษาโรคกรรมให้หายได้ จนกว่าวิบากกรรมนั้นเริ่มเบาบาง เพราะฉะนัน้ ผู้ที่ฆา่ สัตว์และเบียดเบียนสัตว์มามากและ เป็ นเวลายาวนา มักจะเป็นโรคลึกลับที่แพทย์ไม่อาจจะวินิจฉัยได้ ตรวจหาสาเหตุไม่พบ มีอาการเรือ้ รัง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ (โรคบางชนิดเป็ นผลกรรมติดมาจากอดีตชาติ ชดใช้ วิบากกรรมยัง ไม่หมด จึงยกยอดมาใช้ ตอ่ ในชาติปัจจุบนั ) หรื อมีโรคประจาตัว เป็ นโรคกรรมพันธุ์ ผู้ที่มีวิบากกรรมหนัก อาจจะเป็ นโรคประสาท มี อาการทางสมอง เป็ นคนไม่เต็มบาท บางคนสามวันดีสี่วนั ไข้ มีโรค ประจาตัว เป็ นง่ายหายช้ า เช่น เป็นโรคผิวหนัง สะเก็ดเงิน หูด หิด กลาก เกลื้อน โรคภูมิแพ้ต่างๆ แพ้ฝุ่น ละอองเกสรดอกไม้ แพ้อากาศ ริดสีดวง หอบหืด โรคไมเกรนปวดหัวข้างเดียว เป็นหวัดบ่อย โรค
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
กระเพาะอาหาร หรือลาไส้ โรคคอพอก ต่อมทอนซิลอักเสบ เนื้องอก โรคหัวใจ โรคความดัน โรคเบาหวาน โรคตับ/ไต โรคสมองฝ่อ โรคแพ้ ภูมิต้านทานตัวเอง หรือเป็นโรคมะเร็ง โดยเฉพาะโรคมะเร็งเป็นโรคที่ เกิดจากกรรมแน่นอน ส่วนสาเหตุประกอบ มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาหาร อากาศ สารเคมีด้วยเช่นกัน ๘. บริวารมักจะมีอันเป็ นไป คนที่มีอาชีพเกี่ยวกับการฆ่า การเบียดเบียนสัตว์ เช่น มือปื นรับจ้ าง หมอทาแท้ งเถื่อน นายฮ้ อย ผู้มีเลี ้ยงชีพด้ วยการเป็ น ชาวประมง พ่อค้ าแม่ค้าสัตว์น้อยใหญ่ทงหลาย ั้ เลี ้ยงหมูไว้ ขาย เลี ้ยงกุ้ง เลี ้ยงปลา เลี ้ยงกบไว้ สาหรับขายส่ง เปิ ดโรงงานฆ่าสัตว์ หรื อคนที่รับจ้ างฆ่าวัว ฆ่าควาย หรื อคนที่จบั สัตว์ป่ามาขาย คนที่ ใช้ เบ็ดตกปลา กบ เขียด คนที่รับจ้ างสนตระพายควาย ตอนหรื อทา หมันวัว/ควาย หรื อสุนขั /แมว เป็ นต้ น ถ้ ามีปกติทากรรมชนิดนันมามากและเป็ ้ นเวลานาน หากเจ้า ตัวยังไม่ได้รับผลกรรมโดยตรง เคราะห์รา้ ยภัยพิบัติ จะเกิดกับลูก/ เมียคนภายในครอบครัวหรือเกิดกับญาติพี่น้องคนใดคนหนึ่ง ทาให้ เขาเหล่านันเกิ ้ ดมาขี ้โรค เกิดมาพิการ ปากแหว่ง เพดานโหว่ หรื อ ได้ รับอุบตั ิเหตุทาให้ พิการอวัยวะส่วนใดส่วนหนึง่ ของร่างกายหรื อ ถึงแก่ชีวิต แต่ไม่ได้หมายความว่า กรรมของพ่อแม่ไปตกอยู่ที่ลูกหรือ ลูกต้องมารับเคราะห์กรรมทีพ่ ่อแม่ทาไว้ แต่หมายความว่า ลูกหรือ ญาติพี่น้องผู้เป็นบริวารเหล่านั้น คนใดคนหนึ่งเคยทา(บาป)กรรม ร่วมกันมาหรือมีกรรมชนิดเดียวกัน จึงได้ดึงดูดให้มาเกิดในครอบครัว
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
เดียวกัน เกิดมาเป็ นพี่น้องกันเพื่อจะได้ มาพบเห็นมารับรู้ ได้ มา ประสบรับผิดชอบกับผลกรรมที่เคยทาร่วมกันมาอย่างปฏิเสธไม่ได้
กฎแห่งกรรม..สำหรับพิจำรณำ ...ภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทงั้ หลายเป็นผู้มีกรรมเป็นของตน เป็นผู้รับผลของกรรม มีกรรมเป็นกาเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พงึ่ อาศัย ทากรรมใดไว้ จะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม ย่อมเป็นผู้รับผลของกรรมนัน้ ... ปัพพชิตอภิณหสูตร อัง.ทสก.(แปล) ๒๔/๑๐๔
อัง.จตุกก.(แปล) ๒๑/๓๔๘-๓๕๐ โสณกายนสูตร อัง.จตุกก.(แปล) ๒๑/๓๔๕ สังขิตตสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
๙. อายุสัน้ ผลกรรมอย่างเบาที่สดุ หรื อเศษกรรมจากการฆ่าสัตว์ตดั ชีวิต จะทาให้ อายุสนั ้ กล่าวคือ ต้ องมาสิ ้นชีวิตตังแต่ ้ อายุยงั น้ อย เช่น ถูกทาแท้ ง ตายตังแต่ ้ ยงั ไม่ได้ มีโอกาสลืมตามาดูโลก หรื อตาย ยังไม่ถงึ อายุขยั กาหนด ตายเนื่องจากเป็นโรคร้าย ประสบอุบัติเหตุ ถูกฆาตกรรม หรือตายก่อนวัยอันสมควร ยังไม่ถึงอายุขัยด้วยเหตุ อย่างใดอย่างหนึ่ง
กรรมที่ทาให้ คนหรือสัตว์อายุสนั ้ ตายเร็ว หรือเสียชีวิก่อนอายุขยั ก่อนวัยอันสมควร เกิด จากผลกรรม ดังนี ้ ๑.ปาณาติบาต การฆ่าสัตว์ตดั ชีวิต โดยเฉพาะการทาลายพระพุทธรูป การฆ่าพระอริยเจ้ า การฆ่ามารดาและบิดาผู้ให้ กาเนิด ๒.อริยุปวาท การคิดและพูดตาหนิ พระอริยเจ้ าหรือการปฏิบตั ิผิดต่อพระพุทธรูป เช่น วาด/เขียน ปั น้ ปั๊ ม หล่อ แกะสลัก ปลุก เสก การค้ าขายพระพุทธรูป การตังพระพุ ้ ทธรูปผิดทิศทาง วางพระพุทธรูปในสถานที่ไม่ ถูกต้ องเหมาะสม การปฏิบตั ิผิดต่อพระธรรมวินยั โดยการตัดต่อ แต่งเติม เพิ่มหรือถอดถอน พุทธบัญญัติ สอนธรรมผิดเพี ้ยนจากพุทธพจน์โดยเฉพาะเรื่องการบรรลุมรรคผลนิพพานใน ยุคปั จจุบนั ค้ าขายธรรมะทุกรูปแบบในเชิงพาณิชย์ การกล่าวตูเ่ รื่องพระธาตุและรอยพระ บาท ตลอดถึงการคิดไม่ดี การด่าว่า พูดตาหนิติเตียนพระโพธิสตั ว์ผ้ มู ีคณ ุ ธรรมสูง และบิดา มารดาผู้ให้ กาเนิด ๓.การประพฤติผดิ ในกาม ดูเพิ่มเติมใน ม.อุ. (แปล)๑๔/๓๔๙-๓๕๖ จูฬกัมมวิภังคสูตร, อัง.อัฏฐก. (แปล) ๒๓/๓๐๑-๓๐๒ ทุจจริตวิปากสูตร(สัพพลหุสสูตร) อัง.จตุกก. (แปล) ๒๑/๔ โกกาลิกสูตร อัง.เอกาทส. (แปล) ๒๔/๓๙๗-๓๙๘ พยสนสูตร อัง.ทสก. (แปล) ๒๔/๑๙๙ อักโกสกสูตร ขุ.ขุท.(แปล) ๒๕/๗๔-๗๕ เรื่ องพระมหาโมคคัลลานเถระ ขุ.ทสก.(แปล) ๒๗/๓๓๘-๓๓๙ มหาธัมมปาลชาดก
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
บุคคลผู้ที่ทาการฆ่าสัตว์ตดั ชีวิตมามาก และเป็ นเวลา ยาวนานพอสมควร เมื่อบาปกรรมมีความเข้ มข้ นรุนแรง สามารถ ส่งผลให้ ผ้ ฆู า่ มีอนั เป็ นไปและได้ รับโทษภัยเช่นนัน้ ส่วนจะส่งผล มากมากหรื อน้ อย รุนแรงหรื อเบาบาง จะกินเวลาสันหรื ้ อยาวนาน ขึ ้นอยู่กบั เงื่อนไข เหตุปัจจัยและตัวเจตนาของผู้ฆา่ เอง แม้ ผ้ ทู ี่ฆา่ สัตว์เหมือนกัน แต่ได้ ทาความดีหลายอย่าง เช่น ได้ ถวายยารักษา โรคแก่นกั บวช พระภิกษุสามเณร หรือบุคคลผู้ต้องการยา บริ จาค เงินสร้ างห้ องสุขา สถานีอนามัยหรือโรงพยาบาล ได้ ให้ อภัยทาน ปล่อยสัตว์ ให้ ได้ รับอิสรภาพและรักษาศีล ปฏิบตั ิธรรมตามโอกาส อันสมควร แต่อีกคนไม่ได้ ทาความดีอย่างอื่นเพิ่มเลย ผลกรรมที่ ตามมา ย่อมแตกต่างกัน แม้ จะทากรรมชนิดเดียวกัน แต่ให้ ผล แตกต่างกัน ขึ ้นอยู่กบั เงื่อนไขและเหตุปัจจัยที่เข้ ามาเกี่ยวเนื่อง๓๔
๓๔
เทียบเคียงใน อัง.ติก. (แปล) ๒๐/๓๓๖-๓๔๐ โลณผลสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
บาปให้ผลเป็นทุกข์ บุญให้ผลเป็นสุข อานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ รู้ชัดว่า...‘เป็นไปไม่ได้ที่กายทุจริตจะพึง เกิดผลที่น่าปรารถนา น่าใคร่น่าพอใจ แต่เป็นไปได้ที่กายทุจริตจะ พึงเกิดผลที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ’ รู้ชัดว่า ‘เป็นไปไม่ได้ที่วจีทุจริต...มโนทุจริตจะพึงเกิดผลที่น่า ปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ แต่เป็นไปได้ที่วจีทุจริต...มโนทุจริตจะพึง เกิดผล ที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ’ พหุธาตุกสู ตร พระไตรปิ ฎก เล่ม ๑๔ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ (มจร.แปล)หน้ า ๑๖๐- ๑๖๙
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ผลอันไม่น่าพึงปรารถนา เกิดจากบาปอกุศลหรือทุจริต อานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ รู้ชัดว่า... ‘เป็นไปไม่ได้ที่กาย ทุจริต..วจีทุจริต..มโนทุจริต จะพึงเกิดผลที่น่าปรารถนา น่าใคร่น่า พอใจ แต่เป็นไปได้ที่กายทุจริต..วจีทุจริต..มโนทุจริต จะพึงเกิดผล ที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ’ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ รู้ชัดว่า ‘เป็นไปไม่ได้ที่บุคคลผู้ เพียบพร้อมด้วยกายทุจริต..วจีทุจริต..มโนทุจริต หลังจากตายแล้ว จะไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ เพราะความเพียบพร้อมด้วยกายทุจริต.. วจีทุจริต..มโนทุจริตเป็นเหตุเป็นปัจจัย แต่เป็นไปได้ที่บุคคลผู้ เพียบพร้อมด้วยกายทุจริต..วจีทุจริต..มโนทุจริต หลังจากตายแล้ว จะไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะความเพียบพร้อมด้วย กายทุจริต..วจีทจุ ริต..มโนทุจริต เป็นเหตุเป็นปัจจัย’ พหุธาตุกสู ตร ม.อุ. (แปล) ๑๔/๑๖๐- ๑๖๙
บ. สยังวสี
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
การฆ่า
กฎแห่งการสะท้อนกลับ คนไทยชาวพุทธส่วนใหญ่ ถ้ าถามว่า เชื่อกฎแห่ งกรรม ไหม ? จะตอบเป็ นเสียงเดียวกันว่า “เชื่อ” แต่ถ้าถามต่อไปอีกว่า กฎแห่งกรรมส่งผลได้อย่างไร จะส่งผลตอนไหน ในขณะกาลังส่งผล จะได้ประสบอะไรบ้าง ถ้ าตังค ้ าถามลึกซึ ้งอย่างนี ้จะตอบยาก แต่ อย่างไร ชาวพุทธส่วนมากล้ วนแล้ วแต่เชื่อกฎแห่งกรรม ไม่มากก็ น้ อย ไม่มีใครกล้ าปฏิเสธเรื่องนี ้ ถามว่ าคนที่เชื่อกฎแห่ งกรรม แล้ ว จะทาบาปได้ ไหม ? ตอบได้ ทนั ทีวา่ “ได้ ” เพราะการเชื่อเรื่ อง กรรม ไม่ได้ หมายความว่า จะทาบาป ทาชัว่ ไม่ได้ อีกต่อไป แม้ ยงั ทา บาป ทาชัว่ ทาผิดอยู่บ้างเป็ นครัง้ คราว เพราะความจาเป็ นหรื อ เพราะประมาทพลาดพลังหลงลื ้ มสติ ก็ยงั ดีกว่าผู้ไม่เชื่อ ไม่ยอมรับ เรื่ องบาปบุญอยู่ดี เพราะอย่างน้ อยผู้เชื่อมัน่ ในกฎแห่งกรรมแล้ ว จะมีสติสานึกว่า ตัวเองจะต้ องได้ รับผลกรรมนันไม่ ้ วนั ใดก็วนั หนึง่ และคงต้ องหาวิธีทางหยุด เลิกการกระทานันให้ ้ ได้ แตกต่างจากผู้ ไม่เชื่อ เมื่อประมาทพลาดพลังท ้ าชัว่ ทาบาปลงไป ก็ไม่ ร้ ู ตัวว่ ามัน เป็ นบาปกรรม แม้ ในขณะรั บผลของกรรมนัน้ อยู่ ก็ไม่ ร้ ู ตัว สานึกไม่ ได้ และไม่ ยอมรับว่ าเป็ นผลมาจากกรรมที่ตัวเองทา ไว้ ยิ่งเก็บสัง่ สมพอกพูนทังหนี ้ ้เก่าและกรรมใหม่อย่างไม่มีสิ ้นสุด
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
เป็ นการดาเนินชีวิตบนเส้ นทางแห่งความมืดบอด และความ หายนะทังหลายก ้ าลังรออยู่ข้างหน้ า ต่อไปนี ้ ผู้เขียนจะนาเสนอผลกรรมจากการฆ่าสัตว์ที่เรา ท่านทังหลายเคยเห็ ้ น ได้ ยินได้ ฟัง ได้ อา่ น หรื อได้ ประสพพบมาด้ วย ตัวเองในชีวิตประจาวันที่เกิดขึ ้นในปั จจุบนั ทันตาเห็นตามกฎแห่ ง กรรม โดยมีพทุ ธพจน์ยืนยัน โปรดตังใจอ่ ้ านต่อไป ๑. กรรมจากการฆ่าตัวตาย การฆ่าตัวตายหรื อการทาอัตตวินิบาตกรรม ไม่วา่ จะฆ่า ด้ วยวิธีไหนก็ตาม ชื่อว่า เป็นบาปหนัก มีโทษมาก เพราะเป็นการ ตายด้วยความหลงผิด มืดบอดอย่างมากและเป็นผลสืบเนื่องมาจาก วิบากกรรมจากการฆ่าสัตว์ในอดีตและมีอริยุปวาทกรรมปิดบัง ผลกรรมที่ตามมา ชีวิตหลังความตายของคนที่ฆา่ ตัวตายทุก คน คือ เกิดในนรกสถานเดียว ไม่มีข้อยกเว้น เพราะชีวิตหลังตาย ของคนที่มีความเห็นผิด เชื่อว่าตายแล้วไม่เกิดอีก ตายแล้วหมดเรื่อง มีคติ ๒ อย่าง คือ นรก หรือกาเนิดสัตว์เดรัจฉาน เพราะตายด้วย โทสะและโมหะที่มีความรุนแรงเข้มข้นและวิบากกรรมเก่าที่มาจากการ ฆ่าสัตว์ยังไม่หมด จึงต้องมาจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย ด้วยสาเหตุ อย่างใดอย่างหนึ่ง
ม.ม.(แปล) ๑๓/๗๕-๘๒, กุกกุรวติกสูตร, อัง.ทุก.(แปล) ๒๐/๗๕
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ทุกคนย่อมทราบดีวา่ ชีวิตเป็นสิ่งที่เรารักและหวงแหนมาก ที่สุด แต่ยังกล้าฆ่า กล้าทาลายได้ คนที่ฆา่ ตัวเองตาย เกือบทุกคน ในขณะที่มีชีวิตอยู่ เป็ นผู้ที่ลว่ งเกินพ่อแม่ ครูอาจารย์มาอย่างหนัก หรื อฆ่าสัตว์น้อยใหญ่มาเยอะ เคยฆ่าคน หรื อเคยทาแท้ งมาหลาย ครัง้ จากวิบากกรรมของการฆ่าสัตว์และอริยุปวาทรวมกันทาให้ เกิด ดวงชะตาตกต่า ชีวิตย่าแย่ทงด้ ั ้ านการเงิน การงาน ครอบครัว ความรัก และปั ญหาสุขภาพ โรครุมเร้ า จนทนไม่ได้ รับไม่ไหวกับ สถานการณ์เช่นนัน้ จึงตัดสินใจจบชีวิตด้ วยฆ่าตัวตาย ๒. กรรมจากการทาแท้ง การทาแท้ ง คือ การรี ดลูก การทาลายทารกในครรภ์ หรื อการ ฆ่าลูกในท้ องของตัวเองทังมี ้ เจตนาโดยตรงและโดยอ้ อม ไม่วา่ จะ ทาเองหรื อใช้ ให้ ผ้ อู ื่นทา เพราะความผิดพลาดเกิดตังท้ ้ องในขณะที่ ไม่พร้ อม ท้ องก่อนแต่ง ยังไม่อยากได้ ลกู ความผิดพลาดในเรื่อง เพศสัมพันธ์ เป็ นผลสืบเนื่องมาจาก คิดผิด คิดวางแผนในการ ป้องกันผิดพลาด ความเข้ าใจผิดเกิดจาก เพราะรับรู้ข้อมูลมาผิด จิตที่คิดผิดเกิดจากเชื ้อผลแห่งกรรมที่ผิดปกติ (บาปอกุศล) ซึง่ เป็ น ผลสืบเนื่องมาจากกรรมที่ได้ คิดไม่ดี พูดด่าว่า พูดตาหนิติเตียน ล่วงเกินพ่อแม่มาอย่างหนัก ไม่รักพ่อแม่ คิดตาหนิพ่อแม่ในใจ เกลียดพ่อแม่ หรื อพูดดุดา่ ว่า ทาให้ ท่านได้ รับความทุกข์ใจ เสียใจ เสียน ้าตา หรื อเกิดจากกรรมปัจจุบัน กล่าวคือ ความไร้เดียงสา รู้เท่าไม่ถงึ การณ์ อ่อนต่อโลก ไม่ประสีประสาต่อเพศตรงข้าม ความ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
สะเพร่า ความมึนเมาจากการดื่มสุรายาเสพติด เกิดจากความประมาท ขาดสติเลินเล่อเผลอใจของตัวเอง หรือเกิดจากโดนข่มขืนก็ตามที เมื่อคุณได้ หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งการฆ่า และเบียดเบียนเมล็ด พันธุ์แห่งความเจ็บปวด เมล็ดพันธุ์แห่งความทุกข์ทรมาน เมล็ด พันธุ์แห่งความโหดร้ าย ไร้ ความปราณีเอาไว้ อย่างไร ยากที่จะ ปฏิเสธผลที่เกิดขึ ้นตามมา เพราะหว่านพืชเช่นไร ย่อมได้ ผลเช่นนัน้ เสอม นี ้คือ กฎแห่งกรรม ควำมบังเอิญหรือวิบำกกรรม
ทาให้ท้องในขณะที่ไม่พร้อม
การท้ องก่อนแต่ง หรือท้ องในขณะที่ไม่พร้ อม ไม่มีใครอยาก ให้ เกิดขึ ้นกับตัวเองหรื อคนที่ตนรัก แต่มนั กลับเกิดขึ ้นได้ โดยที่เรา ไม่ปรารถนา ทังนี ้ ้ เป็ นเพราะเหตุใด เพราะความบังเอิญหรื อเป็ น เพราะผลกรรมจากการล่วงเกินพ่อแม่ มีหลายสาเหตุให้ ตงั ้ ข้ อสังเกต ดังนี ้ ถูกข่มขืนกระทาชาเรา ลืมฉีดยาคุม ลืมกินยาคุมกาเนิดตามวันและเวลาทีก ่ าหนดไว้ กล้าเสี่ยงในการหลั่งข้างใน โดยไม่สวมถงยางอนามัย คิดเอาเองว่า ไม่เป็นไร คงไม่ท้องหรอก กิเลสกล้าหน้ามืด อดใจไม่ไหว กลัวไม่ได้ทา จึงลืมป้องกัน รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่มีความรู้เรื่องเพศศึกษาดีพอ เพราะขาด การเอาใจใส่ หรือเพราะยังอยู่ในวัยเด็กเกินไป คานวณเวลาผิดพลาด นับวันผิด เช่น ก่อน ๗ หรือหลัง ๗
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
การท้ องในขณะที่ไม่พร้ อม เกิดจากความผิดพลาด คือ คิดผิด เข้ าใจผิดหรื อตัดสินใจผิดในขณะนันๆ ้ เพราะความสะเพร่าหรื อ ความรู้เท่าไม่ถงึ การณ์ ทังที ้ ่คนเหล่านันต่ ้ างก็มีการศึกษาดี มีวฒ ุ ิ ปริ ญญาสูง บางคนถึงขนาดเป็ นแพทย์ เป็ นพยาบาล แต่ยงั เกิด ความผิดพลาดอย่างไม่น่าให้ อภัยตัวเองได้ ความผิดพลาดอัน ใหญ่หลวงนี ้ เกิดคุณภาพจิตที่พร่ามัว ฝ้าฟางมืดบอด หรื อเกิดจาก บาปที่มีน ้าหนักมาก ซึง่ ไม่มีกรรมอะไรที่มีโทษมาก เป็ นบาปมหันต์ เท่ากับอริ ยปุ วาท คือ ผลกรรมจากการคิดอกุศล พูดดุดา่ ว่า พูด ตาหนิติเตียนพ่อแม่หรือผู้มีคณ ุ ธรรมทังหลาย ้
ผลกรรมที่เกิดจากการด่าว่าตาหนิติเตียนพ่อแม่ ซึง่ เป็ นพระแท้ ในบ้ านนัน้ มีความเป็ นไป ได้ สงู อย่างมากที่จะทาให้ ลกู คนนันมี ้ อนั เป็ นไป ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง หรือหลา ยอย่างใน หัวข้ อต่างๆ ดังต่อไปนี๑.ความเจริ ้ ญก้าวหน้าทุกอย่างหยุดชะงัก ๒.เกิดความเสื่อม พินาศ หายนะในชีวิต ครอบครัวความรักตาแหน่ง เกียรติยศ ชื่อเสียง หน้าที่การงาน ทรัพย์สินเงินทอง และสุขภาพ ๓.ทาให้ตัดสินใจผิดพลาดในเรื่องสาคัญๆในชีวิต๔.เกิดความสาคัญตัวเองผิดๆ หลงตัวเองในทางที่ผิดในเรื่องรูปร่างหน้าตา สติปัญญาความรู้ ความสามารถทั้งๆที่ตนเองไม่มี คุณลักษณะหรือคุณสมบัติเช่นนั้น ๕.ไม่อยากทาความดี มีใจเบื่อหน่ายท้อแท้ในการทาบุญกุศล ความดีงามทั้งหลาย ๖.มีเหตุให้ทาผิดศีลธรรมอย่างร้ายแรง ๗. เกิดความผิดปกติขึ้นกับ ร่างกายและจิตใจ ๘.เกิดโรคร้ายแรง เรื้อรังและรักษายาก ๙. เป็นใบ้ เป็นบ้า วิกลจริต มี อาการผิดปกติทางสมอง ๑๐. คิดฆ่าตัวตาย ทาร้ายตัวเอง มีชีวิตอยู่อย่างลาบาก ทุกข์ทรมาน เหมือนตกนรกทั้งเป็น เทียบเคียงจาก อัง.เอกาทส. (แปล) ๒๔/๓๙๗-๓๙๘ พยสนสูตร อัง.ทสก. (แปล) ๒๔/๑๙๙ อักโกสกสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
คาสารภาพของผู้หญิงทาแท้ง
เหตุผลของผู้หญิง/ผู้ชายที่มีแฟน/กิ๊กซึง่ ตังท้ ้ องในขณะไม่ พร้ อม ไม่อยากเอาลูกไว้ ต้ องไปเอาเด็กออกด้ วยการทาแท้ ง มีดงั นี ้ เพราะยังเป็นเด็กเกินไป เช่น ยังเป็นด.ญ.อยู่ ไม่สามารถดูแล รับผิดชอบในเรื่องนี้ได้ ยังอยู่ในวัยเรียนศึกษาไม่พร้อมที่จะเลี้ยงลูกและเรียนไปด้วย กลัวสูญเสียตาแหน่งหน้าทีก ่ ารงาน เพราะกาลังทาผลงานอยู่ มีฐานะยากจน ไม่เงินทองมากพอ สาหรับเป็นค่าเลี้ยงดูลูก น้อยเกิดใหม่ มีลูกหลายคนแล้ว กลัวเลี้ยงดูไม่ไหว ท้องกับคนที่ตนไม่ได้รก ั หรือไม่ได้คิดอยู่กินด้วย เช่น ท้องกับ เพื่อนชาย กิ๊ก ญาติพี่น้องหรือผู้ชายที่มาซื้อบริการทางเพศ หรือท้อง กับครูอาจารย์ที่ไม่สามารถจะเปิดเผยได้ มีท้องกลับชู้ /กิก ๊ กลัวสามีหรือแฟนจับได้ ท้องไม่มีพ่อ หาคนยอมรับเป็นพ่อไม่ได้ จึงไม่อยากเอาไว้ เพราะทาให้อับอายขายหน้าประชาชี
คาแก้ตัวของคนช่วยทาแท้ง
คิดว่าช่วยเหลือคนทีก่ าลังมีความทุกข์ น่าจะได้บุญ คิดว่า คงไม่บาป เพราะยังไม่เป็นตัว หรือ ถึงแม้จะมีบาป ก็ เป็นบาปไม่มาก เพราะมีความจาเป็น ได้เงินดี หาเงินง่าย คนเสียหายฟ้องร้องไม่ได้ เพราะกลัวคนรู้ ความลับ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ท้องในขณะที่ไม่พร้อมแน่ ถ้าไม่รีบแก้ไขตามพุทธวิธี
ผู้หญิงที่เสี่ยงต่อการตังท้ ้ องก่อนแต่งหรื อในขณะไม่พร้ อม จะมีวิบากกรรมและพฤติกรรม ดังนี ้ เคยมีมโนกรรมกับพ่อแม่ผู้ให้กาเนิด เช่น คิดน้อยใจ โกรธ เกลียดพ่อแม่ หรือ ไม่ยอมรับหรือปฏิเสธความเป็นพ่อแม่ เคยพูดตวาด พูดตะคอก ขึ้นปากเสียง โต้เถียง ต่อปากต่อคา พูดตาหนิ ด่าว่าพ่อแม่ ไม่มีความรักเทิดทูนบูชา และไม่มีความภาคภูมิใจในพ่อแม่ ผู้ที่ชอบปล่อยตัว มั่วผู้ชายเพื่อประชดพ่อแม่หรือแฟน ผู้หญิงที่มีพ่อแม่ชอบดื่มเหล้า เจ้าชู้ ชอบสนุก ติดอบายมุขการ พนัน ยาเสพติด หรือมักมีเรือ่ งทะเลาะมีปากเสียงให้ลกู เห็น ผู้หญิงที่มีนิสัยเจ้าชู้ รักสนุก ผู้หญิงที่เกิดมาเป็นลูกเลี้ยง ผู้หญิงที่ถนัดมือข้างซ้าย ยิ้มหรือหัวเราะเห็นเหงือกมากเกิน ปกติ หรือมีลายมือขาด/ตัดฝ่า ผู้หญิงที่อารมณ์ร้อน ชอบพูดเสียงดังเกินปกติ ผู้หญิงที่มีมือ-เท้าเล็กผิดปกติหรือมีนิ้วมือ-นิ้วเท้าสั้นเกิน ผู้หญิงที่โกนหรือสักคิว ้ ถาวร เคยคิดดูหมิ่น พูดดูถูกเหยียดหยาม พูดตาหนิติเตียน พูด วิพากษ์วิจารณ์คนอื่นในทานองว่า “สมน ้าหน้ าที่ท้องก่อนแต่ง หรื อ ท้ องไม่มีพ่อ”
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ผู้ที่ไม่มีความรู้อย่างถูกต้องในเรื่องเพศศึกษา ผู้ที่กล้าเสี่ยง เช่น หลั่งข้างใน ไม่สวมถุงยางอนามัย ผู้ที่ชอบแต่งตัวยัว ่ ยวน ไม่รักนวลสงวนตัว รักสนุก ชอบชิงสุก ก่อนห่าม ไม่รู้จักการห้ามตัวห้ามใจ ผู้ที่ดื่มเหล้า เมาแล้ว ชอบปล่อยตัวไม่กลัวผู้ชาย ผู้ที่เสพสิ่งเสพติดให้โทษ เช่น ยาบ้า เฮโรอิน โคเคน เป็นต้น ผู้หญิงขายตัว/ขายบริการทางเพศตัง ้ โดยตรงและโดยอ้อม
เงื่อนปมแห่งความทุกข์ ของผูห้ ญิงที่เคยทาแท้ง
พวกผู้หญิงทังหลายที ้ ่เคยทาแท้ งมา มีความลับบางอย่าง ที่เก็บซ่อนเอาไว้ ในใจ ดูผิวเผินจากข้ างนอกที่ปรากฎตัวทางสังคม ก็มีความสนุกสนานรื่นเริ งบันเทิงใจเหมือนคนทัว่ ไป แต่ถ้ามองเข้ า ไปข้ างในใจลึกๆ กลับแฝงด้ วยความเหงา หงอยเศร้ า อ้ างว้ างหว่า เหว่ รันทดหดหู่ใจซึง่ พวกเธอคิดในใจเสมอว่า “การทาแท้ งนัน้ เป็ น ความผิดใหญ่หลวง เป็ นความผิดพลาดที่ยากจะให้ อภัยตนเองได้ มันเป็ นแผลบาปที่เจ็บจาฝั งใจ คลี่คลายไม่ออก บอกใครไม่ได้ เป็ น ปมทุกข์ฝังอยู่ในใจข้ างในลึกๆ เผาลนจิตใจให้ เร่าร้ อน เมื่อคิดถึงเรื่ องนันคราใด ้ ต้ องเจ็บปวดรวดร้ าวทรมานใจ ทุกที จึงคิดดูถกู และตาหนิตวั เองตลอดเวลาว่า “เป็นฆาตกร เลือดเย็น จิตใจเหี้ยมโหดลงโทษลูกผู้ไม่มีความผิด ต้องมาฆ่าลูกในใส้ ตัวเอง เป็นคนชั่ว เป็นคนเลว มีราคีติดตัว มีกรรมชั่วติดค้างในใจ ชาติ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
นี้คงเอาดีไม่ได้ หมดอนาคต สิ้นวาสนา ทาอะไรคงไม่มคี วาม เจริญก้าวหน้าอีกต่อไป หาสามีใหม่ที่ดี ไม่ได้อีกแล้ว” ดังนัน้ ทุกครัง้ ที่เกิดปั ญหา มีอปุ สรรคขัดข้ องในชีวิตไม่วา่ จะเป็ นความรักไม่สมหวัง คนรักนอกใจ การงานติดขัด เกิดเงิน ฝื ดเคือง ถูกหลอกโดนโกง ถูกเอาเปรี ยบ เป็ นต้ น มักจะคิดถึงเรื่ อง นี ้ก่อนเสมอ และคิดว่าเป็ นผลกรรมจากการทาแท้ งและสิ่งที่สาคัญ ที่สดุ คือ เธอไม่ร้ ูวา่ จะลบความรู้สกึ ผิดนี ้ให้ หายออกไปจากใจได้ อย่างไร จึงมีหลายครัง้ ในชีวิตที่พวกเธอคิดอยากฆ่าตัวตาย หรื อ ทาร้ ายร่างกายตนเอง
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
การทาแท้ง คือ การฆ่าคน ทาแท้ง..ทาบาป ถามว่ า “การทาแท้งเป็นบาปไหม” ตอบว่ า “เป็นบาปแน่นอน” ถามว่ า “จะรู้ได้อย่างไรว่า การทาแท้งเป็นบาป” ตอบว่ า “ดูจากผลที่เกิดขึน้ ตามมาว่า สิ่งใดก็ตามทีท่ าให้ ตัวเองและคนอื่นได้รับความเสียหาย เกิดความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ทั้งกายและใจ มีผลทาให้จิตใจเสื่อมคุณภาพลง ชื่อว่าเป็นบาป ฉะนั้น แม้เพียงชั่วขณะที่คิดจะทาแท้งฆ่าลูก ก็เป็นบาปเรียบร้อยแล้ว ช่วง ระยะเวลาที่วงิ่ วุ่นเพื่อจะหาทางเอาออก ก็เป็นบาป ขณะที่หมอ พยาบาล ผู้ช่วยกาลังทาแท้งให้ ก็เป็นบาป ลูกน้อยเกิดความสะดุง้ กลัวตกใจสุดขีดคิดว่า ตัวเองคงไม่รอด ก็เป็นบาป เมื่อแม่คิดถึงเรื่องนี้ คราใด สะดุง้ กลัวและเศร้าใจทุกที ก็เป็นบาป และขณะที่กาลังเผชิญ กับทุกข์และปัญหาต่างๆ ซึ่งเป็นผลกรรมที่จะเกิดขึ้นจากการฆ่าลูก ตัวเอง ก็เรียกว่า เป็นบาป” ถามว่ า “การทาแท้งเป็นบาปมากไหม” ตอบว่ า “เป็นบาปมาก” ถามว่ า “เป็นบาปมากแค่ไหน” ตอบว่ า “เป็นบาปมากเท่ากับการฆ่ามนุษย์” ถามว่ า “การฆ่ามนุษย์เป็นบาป แค่ไหน”
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ตอบว่ า “การฆ่ามนุษย์ผู้ไม่มีศีล เป็นบาป ๑ พันเท่า ฆ่า มนุษย์ผู้มีศีลเป็นบาป ๑ แสนเท่า” ๓๕ ถามว่ า “เด็กที่อยู่ในท้องแม่ มีศีลหรือยัง” ตอบว่ า “ยังไม่มีศีล เพราะเด็กยังไม่รู้จักศีล”๓๖ ถามว่ า “เมื่อทาแท้ง มีค่าเท่ากับการฆ่ามนุษย์ แล้วจะเป็น บาปอย่างไร” ผลกรรมจากการทาแท้ง วิบากกรรมจากการทาแท้ ง จะส่งผลหนักหรื อเบา ในระยะ ยาวหรื อสัน้ ขึ ้นอยู่กบั ฐานบุญเก่ า กล่าวคือ ทาน ศีล สมาธิ ปั ญญา เจตนา เงื่อนไข และเหตุปัจจัยอืน่ ๆร่วมด้ วย ซึง่ มีแนวโน้ ม จะเกิดขึ ้นกับเจ้ าตัวผู้เป็ นแม่เอง หรื อผู้มีสว่ นเกี่ยวข้ อง รู้เห็นเป็ นใจ ทังหมด ้ โดยมีแง่มมุ ให้ พิจารณา ดังนี ้
๓๕
เทียบเคียงจาก ม.อุ. (แปล)๑๔/๔๒๔-๔๓๑ ทักขิณาวิภังคสูตร ข้ ออุปมาเพื่อให้ มองเห็นภาพมากขึ ้น คือ การฆ่าคน ๑๐ คน เป็ นบาปมากอยูแ่ ล้ ว แต่ยงั บาป น้ อยกว่าการพูดตาหนิดา่ ว่าพ่อแม่ผ้ ใู ห้ กาเนิดเพียงครัง้ เดียว การด่าว่าพ่อแม่สิบครัง้ หรือร้ อย หน เป็ นบาปมหันต์ แต่ยงั เป็ นบาปน้ อยกว่าการตัง้ พระพุทธรู ปผิดทิศทาง วางพระพุทธรูปใน สถานที่ไม่เหมาะสม การทาอริยปุ วาท หรือ การปฏิบตั ผิดต่อพระพุทธเจ้ าผู้มีคุณธรรมอัน ประเสริฐ มีโทษมากที่สดุ -คายืนยันจาก ท่ านหลวงพ่ อเสือ ๓๖ เทียบเคียงจาก ม.ม. (แปล) ๑๓/๑๔๒-๑๔๕ มหามาลุงกยสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
๑.การทาแท้ ง คือ การกระทาที่เห็นแก่ตัว การทาแท้ ง คือ การเห็นแก่ตวั ของผู้เป็ นพ่อและแม่ ในกรณี ผู้เป็ นพ่อและแม่ที่เห็นแก่ประโยชน์สว่ นตัวจริ งๆ เช่น อ้ างความไม่ พร้ อม ยังเรียนไม่จบ กลัวทาให้ ผ้ ปู กครองเสียใจ หรื อทาเพราะท้ อง กับคนที่ตวั เองไม่ชอบ ไม่ได้ รัก เห็นลูกตัวเองว่าเป็ นมารหัวขนมา เกิด เมื่อกรรมนีส้ ่ งผล จะทาให้ผู้ที่ทาแท้ง เจอแต่คนเห็นแก่ตวั เป็นแก่ได้ คนจัญไรที่ชอบแก้ตัว เห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเอง ชอบ เอาเปรียบ ให้น้อยแต่จะเอามาก ไม่สานึกในบุญคุณ อกตัญญู เนรคุณ ได้คนใหม่แล้วลืมคนเก่า ทาให้เราช้าชอกใจ ต้องมาอกหัก ผิดหวัง ไม่ สมปรารถนาในเรื่องความรักหรือชีวิตคู่ เมื่อมีคนรักกับเขา ก็มักเจอ คนเจ้าชู้ ไม่รักจริง ไม่จริงใจ รักหลอกหวังเชยชมแล้วผ่านเลยไป ๒.การทาแท้ ง คือ การไม่รับผิดชอบ การทาแท้ ง มองอีกแง่มมุ หนึง่ ก็คือ การไม่ ยอม รั บผิดชอบหรื อปฏิเสธความรับผิดชอบในสิ่งที่ตวั เองทาขึ ้น โยน ความผิดให้ คนอื่น ปฏิเสธคนรักของตัวเอง เมื่อบาปกรรมนี ้ ส่ งผล จะทาให้คนรัก (โดยเฉพาะคนที่ตนเองรัก เช่น แฟน หรือ กิ๊ก, สามี,ภรรยา) ปฏิเสธไม่รับผิดชอบในตัวเรา คือ พอมีอะไรกันแล้ว ไม่ นานก็เขาก็จะเบื่อ ไม่สนใจใยดีในตัวเรา ไม่รักเราจริงตามคาสัญญา ที่เคยให้ไว้ และจะถูกปฏิเสธการช่วยเหลือจากคนรอบข้างหรือไม่ค่อย มีใครยินดีต้อนรับ ยอมรับ นับถือ ให้เกียรติเราในกลุ่มเพื่อนฝูงหรือใน วงสังคมต่างๆ มักจะถูกจับผิด โดนกล่าวหา ถูกใส่ร้ายป้ายสีในเรื่อง ไม่เป็นจริง ถูกรังเกียจเดียดฉันท์จากคนรอบข้าง ทาให้คนนั้น ขาด
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ความมั่นใจในการเข้าสังคม เก็บตัว ซึมเศร้าหงอยเหงา คิดมาก และ มักคิดไปเองว่า "ไม่มีใครจริงใจด้วย" เมื่อมีลกู เขาจะไม่คอ่ ยรักและเคารพในตัวเรา ไม่ รับผิดชอบในหน้ าที่การงานที่พ่อแม่มอบหมายให้ ทา ขี ้เกียจ ไม่เอา ถ่าน ดื ้อรัน้ ดันทุรัง พูดสอนยาก ไม่คอ่ ยเชื่อฟั ง ไม่อยากทาตาม ๓.การทาแท้ ง คือ การทิ้งลูก๓๗ มองอีกในแง่หนึง่ การทาแท้ ง คือ การทิ ้งลูก เพราะไม่คิด อยากได้ เขา ไม่คิดจะเอาไว้ เมื่อบาปนีส้ ่ งผล จะถูกคนรัก เช่น สามี-ภรรยา-ลูก หรือพ่อแม่ทอดทิ้งเช่นกัน ปล่อยให้เราอยู่คนเดียว เปลี่ยวใจ คนรักไม่ดูแลเอาใจใส่ หรือต่างคนต่างทิ้งกัน ไม่ง้อ ไม่ แคร์ไม่สนกันและกัน ถ้าฝ่ายหญิงไม่ชงิ ทิ้งก่อน จะเป็นฝ่ายชายทิง้ ไป หรือต่างฝ่ายต่างทิง้ กัน ในกรณีที่ผ้ หู ญิงเคยทาแท้ งมาก่อน หลังจากเลิกกับแฟน เก่าแล้ ว เมื่อแต่งงานมีครอบครัวใหม่ มักจะถูกฝ่ ายชายเอาเปรียบ คือสามี จะไม่คอ่ ยเอาใจใส่ดแู ลเรื่ องเสื ้อผ้ าของลูก การเงินหรือ เรื่ องข้ าวปลาอาหาร พูดกับภรรยาไม่เพราะ ฟั งแล้ วไม่รื่นหู หรื อถ้ า หากได้ สามีที่มีคณ ุ สมบัติดเี ลิศตามที่ต้องการ เพราะพลังแห่งบุญ เก่าบางส่วน แต่จะโดนวิบากกรรมนี ้ตัดรอน ทาให้ ต้องพลัดพราก อยู่ห่างไกลกัน เพราะหน้ าที่การงานหรื อเหตุจาเป็ นอืน่ ๆก็ตาม ถ้ า กรรมจากการทิง้ ลูกในเรื่องพระนางสามาวดี ตอน นายโกตุหลิกะทิ ้งลูกน้ อยใน ระหว่างทาง จนเป็ นเหตุเด็กให้ เสียชีวิต ชีวิตหลังเกิดใหม่ในภพชาติตอ่ มาทาให้ ต้องมาถูก ทิง้ ถึง ๗ ครั ง้ ดูเพิ่มเติมใน ป.ธ. (แปล) ๒/๑๔-๓๕ ๓๗
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
หากต้ องการมีลกู อีก มีแนวโน้ มที่จะพลัดพรากจากกัน อาจจะ ไม่ได้ เลี ้ยงลูกเอง ต้ องเอาไปให้ คนอื่นเช่น พ่อแม่ พี่ป้าน้ าอา เป็ นต้ น เลี ้ยงดูแทน เพราะความจาเป็ นบางประการ ผลกรรมในชาติหน้าหรื อชาติต่อๆไป มีแนวโน้มว่า จะเกิด มาอาภัพ ถูกพ่อแม่ทงิ้ ขว้าง หรือตายจาก พลัดพรากจากกันตั้งแต่เด็ก ทาให้ขาดความรัก ความอบอุ่น ขาดการเอาอกเอาใจจากคนรัก กาพร้าพ่อแม่ และไม่มีโอกาสตอบแทนพระคุณของท่าน เพราะทิง้ เขา เราจะต้องถูกทิง้ ขว้างอย่างแน่นอน ๔.การทาแท้ ง คือ การไล่ที่ การทาแท้ ง คือ การไล่ที่ไม่ให้ ที่อยู่อาศัยแก่ลกู น้ อยที่กาลัง มาจับจองที่เกิดใหม่ เป็ นแม่ใจร้ าย ใจดามาขับไล่ไม่ให้ เขามีที่อยู่ อาศัยทังๆที ้ ่เขาก็มีสิทธิอนั นี ้โดยชอบธรรม เมื่อบาปนีส้ ่ งผล จะมี ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องสถานที่ ถูกไล่ที่ กล่าวคือ ทาให้ได้รับความ เดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัย เปลี่ยน หรือโยกย้ายที่อยู่ หรือที่ทางานบ่อย มีเหตุทาให้ต้องออกจากงานหรือถูกไล่ออกจากงาน มีเหตุต้องสูญเสีย บ้าน ไม่มีที่อยู่อาศัย ถูกไล่ที่อยู่อาศัย ถูกไล่ออกจากบ้านหรือถูกโกง ที่ดิน ขายที่ดินไม่ได้ หรือขายได้แต่ได้ราคาต่า เหตุเพราะกรรมไล่ที่ เขา เราต้องมาถูกไล่ที่บา้ ง
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
๕.การทาแท้ ง คือ ปิดกั้นโอกาส การทาแท้ ง คือ การปิ ดกันขั ้ ดขวางโอกาสของคนอื่น ไม่ เปิ ดโอกาสให้ ลกู น้ อยได้ เกิดมาดูโลก เป็ นการขัดขวางการเกิด ปิ ด กันโอกาสของคนอื ้ ่นที่จะได้ เกิดมาเพื่อใช้ ชีวิตบนโลกใบนี ้ตามเหตุ ปั จจัยของเขาที่ถกู ลิขิตมา เมื่อบาปนีส้ ่ งผล จะถูกปิดกั้นเรื่องการเกิด ไม่ว่าคนทา คน ให้ทา หรือผู้มีส่วนร่วมในการกระทาบาปอันนี้ ถ้าอยากมีลูกอีกครัง้ กับ แฟนคนเดิมหรือแฟนคนใหม่ก็ตาม จะทาให้มีลูกยาก หากตัง้ ครรภ์ มักจะเกิดภาวะการแท้งบุตร เนื่องจากมดลูกไม่แข็งแรง มีปัญหา เกี่ยวกับมดลูก รังไข่ ผลกรรมข้ ามชาติ เมื่อเกิดในชาติหน้ าหรื อชาติตอ่ ไป มี แนวโน้ มที่จะไม่มีลกู มีลกู ไม่ได้ เป็ นหมัน อยากจะได้ ลกู แต่ไม่มี ใครอยากจะมาเกิดเป็ นลูก หรื อ พอมีได้ โชคลาภ ได้ เงินทอง ได้ เชื่อ เสียง ได้ ตาแหน่งเกียรติยศ มักจะถูกกีดกัน กลัน่ แกล้ ง ยุแหย่ ถูก สกัดดาวรุ่ง เพื่อทาให้ เราไม่ได้ สิ่งนันๆ ้ ไม่ได้ ให้ มีโอกาสเกิดใน วงการนันๆ ้ ทังนี ้ ้เพราะเคยปิ ดกันขั ้ ดขวางโอกาสของใคร เมื่อ กรรมได้ ท่ ี ก็จะทาให้ เราถูกขัดขวาง ๖.การทาแท้ ง คือ กรรมเหนือความคาดคิด การทาแท้ ง คือ การกระทาที่ไม่คาดคิด ไม่น่าจะเป็ นไปได้ ของผู้ซงึ่ ได้ ชื่อว่าเป็ นพ่อแม่คนที่มาทากับลูกได้ ลงคอขนาดนี ้ เมื่อ กรรมนี ้ส่งผล มักจะเกิดเรื่ องที่ไม่คาดคิด หรื อคิดไม่ถงึ เช่น
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ประสพอุบัติเหตุอย่างรุนแรง จนสูญเสียอวัยวะที่สาคัญ หรือถึงแก่ชีวิต คนรัก แฟน สามีหรือภรรยาสุดที่รักมักจะมีชู้ นอกใจ คิดคด ทรยศ หักหลัง ไม่หวังดีต่อเรา เป็นโรคร้ายแรงและเรื้อรังที่รักษายากหรือรักษาไม่หายขาด เช่น โรคเอดส์ โรคมะเร็ง เบาหวาน เป็นต้นที่รกั ษายากและเรื้อรัง มีคนรักขี้โรคหรือมีลูกที่เป็นปัญญาอ่อน มีอาการผิดปกติ ทางสมอง เป็นออติสติก การพัฒนาทางสมองช้าผิดปกติกว่าเด็ก ทั่วไป เป็นบ้า วิกลจริต ลูกสาวถูกข่มขืน ลูกติดยาเสพติด หรือลูกสุดที่รักที่ต้องการ ฝากฝีฝากไข้ต้องมาตายจากแบบไม่ทันตั้งตัว ถูกคนที่รก ั หรือไว้ใจมากที่สดุ ทาร้ายร่างกาย พูดจาทิ่มแทง ใจ หรือว่าทาให้ได้รับความเสียหาย เสียเชื่อเสียง มักเจอแต่เรื่องเลวร้าย ไม่พึงปรารถนา ชนิดคิดไม่ถึง ต้อง ทาให้สะเทือนใจอย่างรุนแรง
๗.การทาแท้ ง คือ การทาให้ลูกสะดุ้งกลัวตกใจสุดขีด การทาแท้ ง คือ การทาให้ ลกู สะดุ้งกลัวตกใจอย่างสุดขีด เพราะรู้วา่ กาลังจะถูกทาร้ ายโดยไม่มีทางต่อสู้และได้ รับความ เจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างมากก่อนที่จะสิ ้นใจตายในที่สดุ เมื่อบาปนีใ้ ห้ ผล ในด้านสุขภาพกาย มีเหตุทาให้ได้รับ ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานด้วยโรคประจาตัว เช่น เป็นโรคภูมิแพ้ มี ปัญหาเลือดลมไม่ดี หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
เจ็บป่วยง่าย ไม่สบายบ่อย ปวดหัว ตัวร้อน เป็นโรคขี้หลงขี้ลืม โรค ร้าย เรื้อรัง เป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ เช่น เป็นลิ้นหัวใจรั่ว หัวใจโต ผิดปกติ สาหรับผู้หญิง มักจะมีปัญหาบริ เวณช่องท้ อง บันเอว ้ รังไข่ หรื อ มดลูก เช่น ทาให้ แท้ งง่าย มดลูกไม่ดี ไม่แข็งแรง ประจาเดือน มาไม่ปกติ ถ้ าผลกรรมรุนแรงเพราะทาหลายครัง้ จะทาให้ เป็ นโรค อย่างใดอย่างหนึง่ บริ เวณอวัยวะเพศ เช่น อักเสบติดเชื ้อได้ งา่ ย เป็ นเนื ้องอก มะเร็งที่รังไข่หรื อมดลูก ต้ องผ่าตัดมดลูก สาหรับผู้ชายที่สงั่ บังคับหรือมีสว่ นสนับสนุนให้ ทาแท้ ง จะ มีปัญหาบริ เวณอวัยวะเพศ อวัยวะเพศไม่แข็งตัว ใช้ การไม่ได้ ติด เชื ้อโรคอย่างใดอย่างหนึง่ ลูกอัณฑะเจ็บหรืออักเสบ เป็ นไส้ เลื่อน มะเร็งในต่อมลูกหมาก หรื อเป็ นหมัน เป็ นต้ น ในด้ านอารมณ์ สุขภาพจิตใจ จะทาให้ เป็ นคนตกใจง่าย ขี ้อาย ประหม่า ไม่กล้ าแสดงออก เป็ นคนคิดมาก มักคิดฟุ้งซ่าน ใจ เหม่อลอย ไม่มีสติอยู่กบั ตัว หลงลืมง่าย ห้ ามความคิดแบบไร้ สาระ ไม่ได้ นอนหลับยาก และมักฝั นร้ าย เพราะได้ ทาลายความฝั นของ ผู้อื่น และจะทาให้ เป็ นคนอารมณ์ร้อนแรงแบบควบคุมไม่อยู่ หงุดหงิดโมโหง่าย อารมณ์แปรปรวน สมาธิสนั ้ เป็ นประสาทหลอน เมื่อทาให้ คนอืน่ ได้ รับความเจ็บปวด สะดุ้งกลัวตกใจอย่างสุดขีด ตนเองจะต้ องมารับผลกรรม คือ เป็ นวิตกกังวลเกินเหตุ เป็ นคน หวาดกลัวความมืด มักสะดุ้งกลัวตกใจบ่อยๆ ควบคุมใจตัวเอง ไม่ได้
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
๘.การทาแท้ ง คือ การฆ่าลูกน้อยผู้ไม่มีความผิด การทาแท้ ง คือ การฆ่า การทาร้ ายลูกตัวเองให้ ถงึ แก่ความ ตาย และการทาร้ ายลูกผู้ไม่มีความผิดด้ วย ซึง่ เป็ นการกระทาที่ เหี ้ยมโหด ลงโทษลูกน้ อยผู้บริ สทุ ธิ์ อย่างไร้ ความเมตตาปราณี ใน กรณีที่มีเจตนาฆ่าอย่างโจ่งแจ้ ง เนื่องจากไม่อยากมี ไม่อยากได้ ลกู ไม่ได้ รักผู้ชาย หรือเป็ นเพราะยังไม่พร้ อมของผู้ที่เป็ นพ่อแม่ ได้ สร้ างความโกรธ เกลียด เคียดแค้ นชิงชัง อาฆาตผูกใจเจ็บให้ เกิดขึน้ กับลูกผู้ไม่ มีความผิด เมื่อบาปนี ้ให้ ผล จะทาให้ คนผู้ทาแท้ งและบุคคลผู้ที่ใช้ ให้ คนอื่นทาแท้ งนัน้ มีอนั เป็ นไป ดังนี ้ เกิดทุกขเวทนา เจ็บปวดอย่างมาก เสื่อมทรัพย์ สูญเสียเงินทอง มีเหตุทาให้สูญเสียอวัยวะที่สาคัญ ถึงขนาดพิการ เป็นบ้า เพี้ยน ไม่เต็มบาท จิตฟุ้งซ่าน มีอาการผิดปกติทาง ระบบประสาท หรือ สมอง มักถูกใส่รา ้ ยป้ายสี โดนผู้ใหญ่ เจ้านายจับผิดเพ่งโทษ ถูกราชภัย มีเรื่องทาให้ทาผิดกฎหมายบ้านเมือง และทาผิด หลักศีลธรรมอันดีงามอย่างร้ายแรง เสื่อมญาติ ขาดมิตร ญาติพี่น้องไม่สนใจใยดี เสื่อมโภคะ มีเหตุทาให้สูญเสียเงินทองโดยไม่จาเป็น โดนไฟไหม้บ้านหรือที่อยู่อาศัย และชีวิตหลังตาย มีความสุ่ม เสี่ยงสูงที่จะไปเกิดในอบายภูมิ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ผู้หญิง หลังจากทาแท้ งแล้ ว จะทาให้ ผ้ ทู ี่เป็ นแฟนกัน หรื อ สามีภรรยาคูน่ นั ้ เป็ นคนหงุดหงิดง่าย มีเหตุทาให้ ขดั ใจกัน หึงหวง เกินเหตุ มีปากเสียง อารมณ์ร้อน ทะเลาะกับพ่อแม่ คนรักหรือคน รอบข้ างได้ งา่ ยมาก ทุกคู่ท่ เี คยทาแท้ งด้ วยกันมา จะจบลงด้ วย การแตกหัก พลัดพราก แยกทางกัน เลิกรากันไปด้ วยเหตุ อย่างใดอย่างหนึง่ ถ้ ายังฝื นทนอยู่ด้วยกัน ก็อยู่แบบไม่ได้ รักใคร่ใย ดีตอ่ กัน ไม่เข้ าใจกัน มีความเห็นขัดแย้ งกันตลอด ทนกันไม่คอ่ ยได้ อยู่ด้วยความจายอมแบบระทมขมขื่นเหมือนตายทังเป็ ้ น ตกนรก ทังเป็ ้ น ถ้ าร่วมหุ้นหรื อทาธุรกิจร่วมกัน มีแนวโน้ มว่าจะถูกโกง ถูก หลอก เจ้ ง ขาดทุน ไปไม่รอด กรรมในชาติหน้ าหรื อชาติตอ่ ไป มีแนวโน้ ม จะเกิดมาอาภัพ พ่อแม่ ไม่มีพ่อแม่ เพราะท่านเสียชีวิตที่เราจะเติบใหญ่ ถูกพ่อแม่ทิ้ง ขวาง ไม่เลี้ยงดู ตัวเองถูกฆ่าตาย ถูกทาแท้ง มีเหตุทาให้เสียชีวิตตอน อายุยังน้อย เพราะผู้ฆา่ ย่อมได้รับการฆ่าตอบ นี้คือกฎแห่งการ สะท้อนกลับ ๙.การทาแท้ง คือ กรรมสัมพันธ์ การทาแท้ งในแต่ละครัง้ ส่วนน้ อยที่ผ้ หู ญิงท้ องเป็ นผู้ทาเพียงแค่ คนเดียว แต่สว่ นใหญ่ มักจะมีผ้ สู มรู้ร่วมคิดหลายฝ่ าย เพราะฉะนัน้ ผู้ที่เกี่ยวข้ องกับการทาแท้ งไม่วา่ จะเป็ น เจ้าตัวผู้เป็นแม่ที่ไม่อยากเอาลูกไว้ ต้องการทาแท้ง บุคคลผู้ให้คาปรึกษา ชี้แนะ บุคคลผู้พาไป
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
บุคคลผู้ให้เงิน บุคคลผู้บอกสถานที่ กลุ่มบุคคลผูท ้ าแท้งให้ ผู้มีส่วนรู้เห็นเป็นใจให้การส่งเสริมสนับสนุนเพื่อ ผลประโยชน์อื่นใดก็ตาม บุคคลทังหมดนี ้ ้ ถือว่า เป็ นผู้ท่ มี ีห้ นุ ส่ วนที่จะได้ รับ มรดกบาปนีเ้ ช่ นกัน ส่วนจะได้ รับผลบาปกรรมนี ้ช้ าหรื อเร็ว หนัก หรื อเบา มากหรื อน้ อย ก็ขึ ้นอยู่กบั เงื่อนไข เจตนาและเหตุปัจจัย ของ แต่ละบุคคลที่เข้ ามาเกี่ยวข้ อง ดังต่อไปนี ้ ทาแท้งฆ่าลูกที่มีบญ ุ มากหรือบุญน้อยมาเกิด ทาแท้งตอนท้องได้กี่เดือน ทามากี่ครั้ง ทาแท้งเพราะจาเป็นจริงๆ ทาแล้วสานึกผิดหรือทาด้วย อารมณ์โกรธ เกลียด ไม่พอใจ โหดร้าย ไร้ความปราณี ระยะเวลาที่คิดวางแผนจะทาแท้ง คิดกี่ครั้ง คิดแต่ละครั้ง รุนแรงแค่ไหน น้าหนักของความคิดผสมกับอารมณ์อย่างอื่น เช่น โกรธ เกลียด ชิงชัง หรือ สงสาร แต่ต้องจาใจ ในขณะที่ทาแท้งใช้เวลาทานานกี่นาที กี่ชั่วโมงหรือกี่วน ั ทาให้ลูกเจ็บปวด ได้รับความทุกข์ทรมานสะดุง้ กลัวตกใจ มากหรือน้อยแค่ไหน ผู้หญิงที่เคยทาแท้ งมา เมื่อมีแฟนหรื อแต่งงานอีกครัง้ มี แนวโน้ มจะได้ แฟนเจ้ าชู้ ติดอบายมุขการพนัน ดืม่ เหล้ า สูบบุหรี่ เกี่ยวข้ องการสิ่งเสพติดให้ โทษ หรื อได้ แฟนขี ้โรค ร่างกายอ่อนแอ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
อารมณ์ร้อน พูดจาเสียงดัง มีทิฐิดื ้อรัน้ มาก เป็ นคนที่ไม่ได้ เลี ้ยงดู พ่อแม่ มีปัญหาเรื่ องการเงินตลอด หรื อได้ แฟนที่มีประสบการณ์ เกี่ยวข้ องกับการทาแท้ งมาเช่นกัน ตามกฎที่วา่ สิ่งเหมือนกันย่ อม ดึงดูดกัน สิ่งตรงข้ ามจะผลักดันกัน ส่วนเรื่องลูก มักจะได้ ลกู อ่อนแอขี ้โรค สามวันดีสวี่ นั ไข้ เจ็บป่ วยบ่อย และผู้ที่เคยมีสว่ นเกี่ยวกับการทาแท้ งมาด้ วยกันมี แนวโน้ มที่เข้ ากันได้ ยาก ขณะที่คบกันก็จะมีแต่ความเสื่อม ก่อให้ เกิดความเห็นขัดแย้ งกันได้ งา่ ย ถ้ าหากทาธุรกิจร่วมกัน มีทาง จะขาดทุน สูญกาไร หรื อไปไม่รอด ปิ ดกิจการ ๑๐. การทาแท้ ง คือ ความคิดจะเอาเด็กออก พ่อแม่บางคนคิดจะทาแท้ งเอาลูกออก แต่ไม่ได้ ทา เพราะเปลี่ยนใจ หรื อไม่กล้ า หรื อทาไปแล้ วแต่ไม่สาเร็จ พอคลอด ออกมา จะทาให้ ลกู คนนันเลี ้ ้ยงยาก เมื่อลูกโตขึ ้น กรรมที่เคยคิดไม่ ดีกบั ลูกจะเริ่ มส่งผล กล่าวคือ เขาจะคิดไม่ดี มีอคติลาเอียง ดื ้อรัน้ ดันทุรัง ปฏิเสธและทาการต่อต้ านขัดแย้ งกับเรา สาหรับคนอื่น เขา จะพูดดีด้วย แต่จะเป็ นกับเราคนเดียว ทาให้ บอกสอนยาก ไม่ได้ ดงั ใจตัวเอง ไม่เชื่อฟั งพ่อแม่ เกเร ชอบเถียง ทาประชดใส่ ทาให้ เราผู้ เป็ นพ่อแม่น้อยใจ เสียใจ ทุกข์ใจ เสียหน้ าเสียเกียรติ และเผา
ใครเป็ นคนต้ นคิดให้ ไปเอาออก ซึง่ อาจจะเป็ นปู่ ย่า ตายาย พ่อแม่ หรือ คนใกล้ ชิด แนะนา ให้ ไปเอาออก หรือ มีความรู้สกึ ว่าไม่พอใจกับเด็กคนนี ้ หลังจากคลอดออกมาและเติบโต เป็ นผู้ใหญ่แล้ ว เขาจะไม่ชอบหรือไม่ถูกชะตากับบุคคลผู้นนโดยอั ั้ ตโนมัติ เช่น จะไม่ค้ ยุ เคย ด้ วย พูดกันไม่ร้ ูเรื่อง เข้ ากันได้ ยาก มีเรื่องชวนทะเลาะได้ ง่าย-ผู้เขียน
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
พลาญเงินทองอย่างมาก และตามมาด้ วยไปเกี่ยวข้ องกับยาเสพ ติด อบายมุขการพนัน หรื ออาชีพมืดทุกประเภท ถ้ าพ่อแม่ไม่ร้ ู ตวั ที่ลกู เป็ นอย่างนี ้เพราะอะไร ยังไม่ได้ กล่าว คาขอโทษลูกที่เคยคิดไม่ดีกบั เขาตอนตังท้ ้ อง และลูกยังไม่ยอม รับคาขอโทษจากแม่ พร้ อมทังลู ้ กยังไม่ได้ ขอขมา โทษแม่ ชะตา ชีวิตของลูกคนนันในอนาคต ้ มีแนวโน้ ม ดังนี ้ ถ้ าลูกเป็ นผู้หญิง มักจะผิดหวังอกหักเรื่องความรัก ท้ อง ก่อนแต่งหรื อท้ องในขณะที่ไม่พร้ อม แต่ถ้าหากลูกเป็ นผู้ชาย จะทา ให้ ลกู สาวคนอืน่ ท้ องในขณะที่ไม่พร้ อม ประวัติศาสตร์ ย่อมจะซ ้า รอยผู้ที่เป็ นพ่อแม่ในอดีตอีกครัง้ ผู้ที่มีสว่ นเกี่ยวข้ องกับการทาแท้ งมา ถ้ารู้ตัวแล้ว แต่ไม่รีบ เปลี่ยนแปลงแก้ไขด้วยการทาบุญบรรเทาบาปกรรม ก็เข้าข่ายกล้า เสี่ยงต่อผลกรรมอันเลวร้ายที่จะตามมา ส่วนผู้ฉลาดในกรรมและ วิบากกรรม เมื่อทาพลาดแล้ว ย่อมรีบหาทางแก้ไข ใช้ความผิดพลาด เป็นบทเรียน เป็นครูสอนใจ เปลี่ยนผิดให้เป็นถูก เปลี่ยนอกุศลให้เป็น กุศล เปลี่ยนดาให้เป็นขาว เปลี่ยนบาปให้เป็นบุญ เพื่อผ่อนหนักให้เป็น เบา ผ่อนร้ายให้กลายเป็นดี ทาบุญเพื่อชาระล้างบาปด้วยการให้ทาน ทุกรูปแบบ รักษาศีลและฝึกจิตภาวนา วางจิตให้เป็นกลางมีสติปญ ั ญา แก้ไขปัญหาในขณะที่เผชิญหน้ากับวิบากกรรม
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
บุคคลผู้ทาบาป ย่อมได้รับผลแห่งบาป คือ ความทุกข์ยากลาบาก เดือดร้อน
ธรรมทัง้ หลาย มีใจ๒เป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สาเร็จด้วยใจ ถ้าคนมีใจชั่ว ก็จะพูดชั่วหรือทาชั่วตามไปด้วย เพราะความชั่วนั้น ทุกข์ย่อมติดตามเขาไป เหมือนล้อหมุนตามรอยเท้าโคที่ลากเกวียนไป ฉะนั้น ผู้ทาบาปเป็นปกติ ย่อมเศร้าโศกในโลกนี้ ตายไปแล้วก็ยงั เศร้าโศกในโลกหน้า ชื่อว่าเศร้าโศกในโลกทัง้ สอง เขาย่อมเศร้าโศกเดือดร้อน เพราะเห็นกรรมที่เศร้าหมองของตน พุทธพจน์ ขุ.ธ.(แปล) ๒๕/๒๓,๒๘
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
๓. กรรมจากการฆ่าด้วยยาพิษ ผู้ที่ฆา่ คนหรือสัตว์ด้วยยาพิษ ยาเบื่อ หรื อด้ วยพืชสมุนไพร (เช่น หางไหลหรื อโลติ๊น) บางชนิดที่มีฤทธิ์เบื่อเมา โดยใส่ลงไปใน อาหาร เครื่ องดื่ม แม่น ้า ลาคลอง ห้ วย หนอง เป็ นเหตุให้ คนหรื อ สัตว์ได้ รับอันตรายจนล้ มป่ วย ไม่สบาย และเสียชีวิต หรื อบุคคลที่ ได้ ฉีดยาพิษให้ คนหรือสัตว์ตาย ไม่วา่ ด้ วยวัตถุประสงค์ใดๆก็ตาม รวมถึงชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน เกษตรกรที่ทาอาชีพทานา ปลูกข้ าว ปลูกแตงโม ผัก พืช ต้ นไม้ ผล ฯลฯ ใช้ ยาฆ่าแมลง ยาปราบศัตรูพืช หรื อสารเคมีที่มีพิษร้ ายชนิดใดชนิดหนึง่ โปรย ราด รด พ่น หรื อฉีด เพื่อกาจัด เห็บ เรื อด ไร เพลี ้ย ยุง แมลงสาป มด ปลวก หนู ปู หรื อ ได้ ใช้ สารเคมีที่เป็ นพิษเพื่อกาจัดเพลี ้ย หนอน หอยเชอรี่ และแมลง ศัตรูพืชต่างๆในนาข้ าว แล้ วเป็ นเหตุทาให้ เพลี ้ย หนอนและแมลง ศัตรูพืชต่างๆตาย หรื อทาให้ สตั ว์เลี ้ยง เช่น วัวควายที่มากินหญ้ า ต้ องมาเจ็บป่ วยล้ มตาย ผลกรรมตามมา สาหรับผู้ที่ใช้ยาพิษฆ่าคนตาย มี แนวโน้มจะฆ่าตัวตาย ถูกวางยาพิษ กินยาพิษตาย โดนสารเคมีที่มพี ิษ ตาย หรือรับประทานอาหารบางอย่าง เช่น เห็ดพิษ เป็นต้น แล้ว เสียชีวิตเพราะพิษนั้น ถ้าทากับสัตว์ ผลกรรมที่ตามมา มีแนวโน้มว่า จะเป็นโรค ภูมิแพ้ต่างๆ แพ้ผง ชักผ้า แพ้ละอองเกสรดอกไม้ แพ้ฝนุ่ แพ้ขนสัตว์ แพ้อากาศ แพ้นาหอม ้ ผิวหนังไวต่อการแพ้และติดเชื้อ เป็นโรคผิวหนัง อย่างรุนแรง เป็นโรคริดสีดวงจมูก ไซนัด หรือ มีปัญหาทางเดินหายใจ หลอดลม ปอด หอบหืด
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
หากเดินทางไกลจะทาให้ เมารถ เมาเรื อ เมาอากาศ ปวด หัว วิงเวียนศีรษะหน้ ามืดเป็ นลมง่าย จะมีเหตุปัจจัยทาให้ ได้ รับ ความเจ็บปวดที่กระเพาะอาหาร ลาไส้ ทาให้ ท้องเสียบ่อย เป็ นโรค กระเพาะ เป็ นโรคมะเร็งในเม็ดเลือด หรื อ เลือดเป็ นพิษ ข้อคิด..ข้อสังเกต คนที่เคยทากรรมอย่างนี้มา เมื่อกรรมส่งผล จะมีแนวโน้มให้เข้า ไปเกี่ยวข้องกับสถานทีห่ รือบริเวณที่ผลิตยาพิษ หรือสารเคมีที่เป็น อันตรายต่อร่างกาย สิ่งเสพติดยาเสพติดทุกประเภท บริเวณสถานที่ที่ มีควันพิษจากบุหรี่ ควันเสียจากรถยนต์ อู่เชื่อมรถ เชื่อมโลหะ กลิ่น สารเคมีจากสีทาบ้าน ฯลฯ และจะได้รับพิษจากสิ่งเหล่านั้นทั้งโดยตรง และโดยอ้อม เช่น เสพยาบ้า ยาเสพติด ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ สูดดมกาว หรือ ชื่นชอบในการรับประทานอาหารขยะทุกประเภท นิยมดื่ม เครื่องดื่มชูกาลังทัง้ หลายที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น โค้ก เป๊ปซี่ โค ล่ากระทิงแดง เอ็มร้อย กาแฟ นม หรือผลิตภัณฑ์ที่ทามาจากนมฯลฯ นิยมใส่ผงชูรส หรือเครื่องชูรสที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพใน การปรุงอาหาร ใส่ครีมเทียมในการดื่มกาแฟ ฯลฯ ชอบรับประทาน อาหารหวานๆ ไม่ว่าจะเป็นน้าหวาน น้าผลไม้ ขนมประเภทคุกกี้ เค้ก ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน และข้าวเหนียวในปริมาณมากและต่อเนื่องเป็น เวลานาน จนเป็นเหตุทาให้สุขภาพเสียเหมือนกรรมที่ตวั เองเคยใช้ยา พิษและสารเคมี ซึ่งเป็นเหตุทาให้คนและสัตว์เจ็บป่วย ล้มตาย
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
๔. กรรมจากการฆ่าด้วยไฟ ผู้ที่ฆา่ ด้ วยการใช้ ไฟเผา ลน หรื อ ใช้ ไฟฟ้าช็อต เช่น เผานัง่ ยางคนเป็ นๆ จับสัตว์เป็ นๆ เช่น ปลา กบ เขียด เต่า เป็ นต้ นโยนลง ไปในกองเพลิง ถ่านไฟที่กาลังลุกไหม้ จุดไฟเผาบ้ านเรื อนแต่เป็ น เหตุให้ คนตาย ใช้ ไฟฟ้ าช็อตคน ช็อตปลา จุดไฟเผามด เผาแมลง เผารังผึ ้ง รังต่อ รังแตน เป็ นต้ น ผลกรรมที่รุนแรง จะต้องเสียชีวิตหรือ ถูกฆ่าตายด้วยของ ร้อน เช่น ไฟ หรือ ไฟฟ้า หรือถูกฟ้าผ่าตาย ถูกไฟดูด โดนไฟฟ้าช็อต ตาย ตกลงในกระทะที่กาลังเดือด ถูกเผานั่งยาง ถูกเผาทั้งเป็น หรือ ตายในกองเพลิง ผลกรรมที่เบาบาง จะได้รับอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บด้วยไฟ เช่น ไฟลวก ไฟไหม้แขน ขาหรืออวัยวะต่างๆ ทาให้กลายมาเป็น แผลเป็น ดูน่าเกลียด หรือถูกช็อตด้วยไฟฟ้า บ้านหรือสิ่งของมีคา่ ถูก ไฟไหม้ มักจะเป็นตุ่ม ผด ผื่นคันตามแขนขาหรือตามลาตัว มีปัญหา เรื่องที่อยู่อาศัย มีเหตุต้องย้ายที่อยู่บ่อย เดือดร้อนที่อยู่อาศัย มด ปลวกหรือแมลงจะขึ้นบ้าน โดนผึ้ง ต่อ แตนต่อย หรือไปตั้งแค้มป์ ตั้ง เต้น ปักกรดที่ไหน มักจะมีปัญหาเรื่องมด แมลงต่างๆมากัดหรือ มา รบกวน
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
๕. กรรมจากการฆ่าด้วยนา ผู้ที่ฆา่ คนหรือสัตว์โดยกดให้ จมน ้าตาย ผลักให้ ตกไปในน ้า โยนกบ เขียด ปลา กุ้ง หอย เต่าทังเป็ ้ นลงในหม้ อที่กาลังเดือดๆ ทอดปลา หรื อกุ้งเป็ นๆยังไม่ตายในกระทะน ้ามันที่กาลังเดือด พล่าน หรื อใช้ น ้ากรด น ้าผสมยาเคมี ยาพิษ หรื อใช้ น ้าเทลงไปในรู เพื่อจะจับหนู พังพอนเป็ นเหตุทาให้ มนั สาลักน ้าตาย เพราะหายใจ ไม่ได้ ใช้ น ้าร้ อนจัดรด ราด สาด ลวก คน/สัตว์ เช่น หมา แมว มด ปลวก หรือแมลงต่างๆ เป็ นต้ น ทาให้ คน/สัตว์เหล่านันถึ ้ งแก่ความ ตายหรื อได้ รับความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส พิการ ผลกรรมที่รุนแรง จะมีเหตุทาให้เสียชีวิตทางน้า เช่น ว่าย น้าแล้วเป็นตะคริวจับ จมน้าตาย ถูกผลักให้ตกลงไปในน้า แล้วจมน้า ตาย โดนน้าพัดท่วมตาย ได้รับอุบัติเหตุทางน้าจนเสียชีวิต เป็นโรคบาง ชนิดทาให้น้าท่วมปอดตาย ต้องสูญเสียคนรัก(สามี/ภรรยา/ลูก/หลาน) เนื่องจากจมน้าตาย มีเหตุต้องให้สูญเสียทรัพย์สินเงินทอง เครื่องใช้ ต่างๆหรือพืชสวนไร่นาเสียหายเพราะโดนน้าท่วม ถูกสาดด้วยน้ากรด ทาให้เสียโฉม หรือ พิการทางแขน ขา ผลกรรมที่เบาบาง จะทาให้ ได้ รับอุบตั ิเหตุเกี่ยวกับน ้า เช่น เมื่อไปว่ายน ้า จะมีเหตุทาให้ สาลักน ้าบ่อย โดนน ้าร้ อนลวก โดนน ้ามันเดือดๆลวก มีแผลเป็ นตามอวัยวะต่างๆ เป็ นโรคภูมิแพ้ เกี่ยวกับเรื่ องอากาศ แม้ โดนละอองฝนนิดหน่อยก็ทาให้ เป็ นหวัด ไม่สบาย มีปัญหาเรื่องปอด เป็ นโรคปวดบวม อักเสบ หายใจไม่ สะดวก หูเป็ นน ้าหนวก
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
๖. กรรมจากการฆ่าด้วยการทุบ/ตี/ฟาด ผู้ที่ฆา่ คน/สัตว์ เช่น ยุง แมลงต่างๆ ตัก๊ แตน ตุ๊กแก งู ตะขาบ แมลงป่ อง เป็ ด ไก่ ปลา กบ เขียด หมู หมา วัว ควาย โดย การใช้ ท่อนไม้ ท่อนเหล็ก สันมีด/อาวุธอย่างใดอย่างหนึง่ ทุบตีที่ บริ เวณศีรษะหรื ออวัยวะส่วนใดส่วนหนึง่ หรื อว่า จับฟาดกับฟื น้ ดิน ผลกรรมที่รุนแรง ต้องมีเหตุทาให้เสียชีวิตหรือถูกฆ่าตาย ด้วยการทุบตีบริเวณศีรษะ หรือ อวัยวะส่วนใดส่วนหนึง่ ของร่างกาย ต้นไม้ล้มทับตาย ดินถล่มทับตาย หรือวัสดุของแข็งหล่นมาทับตาย ตก จากที่สูงตาย เช่น กระโดดตึกตาย ตกมาจากที่สงู แล้วพลาด ทาให้ เสียชีวิต ผลกรรมที่เบาบาง จะถูกทาให้บอบช้า เป็นแผลจากการทุบ ตี หรือได้รับความเจ็บปวด เป็นแผลจากการสะดุดตอ โต๊ะ เก้าอี้ เสา ประตู โดนลูกหลงจากการขว้างปาด้วยก้อนหิน เศษอิฐ ท่อนไม้ เศษไม้ วัตถุของแข็งอย่างใดอย่างหนึ่ง มักมีเรื่องที่ทาให้คิดมาก นอน ไม่หลับ นอนหลับยาก ทาให้ปวดบริเวณศีรษะ เป็นโรคปวดหัวข้าง เดียว เป็นเนื้องอก หรือ มะเร็งที่สมอง ๗. กรรมจากการฆ่าด้วยการบีบคอ-หักคอ กรรมจากการฆ่าและทาร้ายคน/สัตว์ เช่น นก เป็ด ไก่ หมา แมว ปลาเป็นต้น ด้วยการบีบบริเวณลาคอทาให้หายใจไม่ออก หักคอ ทาให้ได้รับความเจ็บปวดทรมาน พิการ หรือจนถึงแก่ความตาย ผลกรรมที่รุนแรง จะมีเหตุทาให้ ตายด้ วยการถูกบีบคอ ถูกหักคอ หรื อหายใจไม่ทนั หยุดหายใจ หัวใจวายตาย นอน
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
หลับตาย(เป็ นโรคไหลตาย) ได้ รับอุบตั ิเหตุอย่างใดอย่างหนึง่ ทาให้ ถูกทับจนคอหักตาย ผลกรรมที่เบาบาง จะทาให้ ได้ รับอุบตั ิเหตุหรื อบาดเจ็บ บริ เวณลาคอ เป็ นโรคหลอดลมอักเสบ เป็ นโรคอย่างใดอย่างหนึง่ ที่ บริ เวณลาคอ เป็ นหอบหืด เป็ นโรคลมชัก เป็ นลมหน้ ามืด วิงเวียน ศีรษะบ่อย หายใจไม่ทวั่ ท้ อง เหนื่อยง่าย หายใจไม่ออก เนื่องจาก เป็ นหวัดคัดจมูกน ้ามูกไหล ได้ รับอุบตั ิเหตุทาให้ คอเคล็ด ขัดยอก ถูกชก ทุบหรื อตีบริ เวณลาคอ ๘. กรรมจากการฆ่าด้วยอาวุธ ผู้ที่ใช้ อาวุธฆ่าคนหรื อสัตว์โดยใช้ ปืนยิง ใช้ มีดแทง ใช้ ดาบ หอก ธนู หน้ าไม้ ฉมวก เหล็กแหลมทาลายชีวิตเขา หรื อทาให้ คน หรื อสัตว์ตายด้ วยอาวุธประเภทนัน้ ผลกรรมที่รุนแรง จะตายหรือถูกฆ่าตายด้วยอาวุธปืน มีด ของมีคมต่างๆ ของแหลม หรืออาวุธ วัตถุสิ่งของที่เหมือนกันหรือ คล้ายกัน ผลกรรมที่เบาบาง จะถูกทาให้ ได้ รับบาดเจ็บ เป็ นแผล ด้ วยกระสุนหรือของมีคม ของแหลมทุกชนิด เช่น เหยียบหนาม เหยียบตะปู หรื อได้ รับบาดเจ็บเนื่องจากของแหลมคมเสียบ /ทิ่ม/ แทงอวัยวะส่วนใดส่วนหนึง่ เหมือนกรรมที่เคยทากับเขามา
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
๙. กรรมจากการฆ่าด้วยการขุดหลุมพราง การฆ่าคนหรือสัตว์ โดยการใช้ หลุมพราง วางขวากหนาม แหลมไว้ ข้างล่าง ทาเป็ นกับดักเพื่อให้ สตั ว์ตกลงไปในหลุมพรางนัน้ ทาให้ สตั ว์ได้ รับการบาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ผลกรรมที่รุนแรง มีแนวโน้มที่จะได้รับอุบัติเหตุจนถึงแก่ ชีวิตด้วยตกลงไปในหลุม ในบ่อ ถูกทับด้วยหิน ดิน ถูกแทงด้วยมีด เหล็กแหลม หรือว่าตกจากที่สูง แล้วถูกเสียบด้วยไม้ เหล็ก ด้วยวัตถุ ที่มีหนามแหลมอย่างใดอย่างหนึ่งเกือบปางตาย หรือจนถึงแก่ชีวิต ผลกรรมที่เบาบาง จะให้ ได้ รับอุบตั ิเหตุด้วยการถูกกรี ด ขีดข่วน ถูกแทงด้ วยมีด ของแหลมคม หรือตกลงไปในหลุม/บ่อ ทา ให้ ได้ รับบาดแผล มีปัญหาเรื่ องเท้ าข้ อเท้ าบ่อย หรือ โดนกักขัง บริ เวณ ๑๐. กรรมจากการฆ่าด้วยใช้เครื่องดัก ผู้ที่ใช้ เครื่ องดักจับสัตว์ เช่น กับดักระเบิด ไซ อวน(มอง ภาษาอีสาน) แห ตาข่าย กับดัก แร้ ว บ่วงดักจับนก กระต่าย หรื อ ใช้ กาวสาหรับดักหนู แมลงวัน เป็ นต้ น จนเป็ นเหตุทาให้ สตั ว์นนๆ ั้ ถึงแก่ความตาย ผลกรรมที่รุนแรง มีแนวโน้มจะถึงแก่ชวี ิตด้วยกับดัก หรือ โดนระเบิด ถูกจับแขวนคอตาย หรือเสียชีวิตด้วยการผูกคอตาย ผลกรรมที่เบาบาง จะถูกวางกับดัก หรื อถูกกักขังบริเวณ เข้ าคุกตาราง จะให้ มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่ องโรคภูมิแพ้ เกี่ยวกับ ผิวหนัง มักเป็ นตุม่ ผดผืนคันบริ เวณผิวหนัง มีปัญหาเรื่ องตา ตา
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
อักเสบ เจ็บตา ผงหรื อขนตาเข้ าตาบ่อย หายใจไม่สะดวกเนื่องจาก เป็ นไซนัด หรือ หอบหืด ทาให้ มือเท้ าติดกัน ๑๑. กรรมจากการฆ่าด้วยการเชือดคอ ผู้ที่ฆา่ คน/สัตว์ เช่น เป็ ด ไก่ หมู วัวควาย หรื อสัตว์อนื่ ใดก็ ตามด้ วยการเชือดคอ ผลกรรมตามมา มีแนวโน้มจะต้องถูกฆ่าตาย ด้วย การเชือดคอ ถูกประหารชีวิตด้วยการตัดหัว อุบัติเหตุทางรถยนต์ทาให้ หัวขาด เป็นโรคไทรอยด์ที่ลาคอ หรือโรคมะเร็งที่หลอดอาหาร ที่ลาคอ หรือมีเหตุทาให้ต้องผ่าตัดบริเวณลาคอ ผลกรรมเบาบาง ทาให้ มีปัญหาบริ เวณลาคอ เช่น ทาให้ คอเคล็ดบ่อย คอตกหมอน เจ็บคอบ่อย คออักเสบ ต่อมทอนซิล อักเสบ ทาให้ เป็ นหวัดง่าย และเป็ นไอเรื อ้ รัง มีเหตุต้องเข้ าผ่าตัดที่ บริ เวณคอ เป็ นโรคคอพอก หลอดเสียง หลอดลมมีปัญหา เสียงไม่ ดี เสียงแหบแห้ ง ๑๒. กรรมจากการฆ่าด้วยการผ่าท้องสัตว์ ต่อยก้นหอย ผู้ที่ฆา่ สัตว์ด้วยการชาแหละ หรื อผ่าท้ องปลา หรื อ ขับรถ เยียบหมา แมว งู กระรอก เป็ นต้ นที่บริ เวณลาตัวหรือช่วงท้ อง บาง คนใช้ สวิงไปช้ อนลูกอ๊ อดกบ/เขียดมาแล้ ว ก่อนจะนาไปปรุงเป็ น อาหารต้ องบีบท้ องเอาขี ้มันออกเสียก่อน ผู้ที่นาหอยมาต่อยก้ น ก่อนจะต้ มหรื อแกง เด็ดก้ นกุดจี่ แมงกระชอน แมงกินนู แมลงปอ เป็ นต้ น ก่อนนามาคัว่ รับประทาน หรื อปล่อยให้ มนั ตาย
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
บางคนตอนเป็ นเด็ก เห็นแม่ปลาเข็มมีลกู เต็มท้ อง จึงจับ มาผ่าท้ องเพื่อปลดปล่อยลูกปลาเข็ม โดยรู้เท่าไม่ถงึ การณ์ เป็ นเหตุ ให้ แม่ปลาตาย ผลกรรมที่รุนแรง มีแนวโน้มที่จะมีปญ ั หาเรื่องอวัยวะ ภายใน เช่น มดลูกอ่อนแอ ไม่แข็งแรงไม่สามารถมีลกู ได้ หรือทาให้เกิด การแท้งลูกได้งา่ ย เป็นโรคเนื้องอก ถุงน้า หรือมะเร็งทีม่ ดลูก รังไข่ มดลูกโต ติดเชื้อในมดลูก ถูกตัดมดลูก ผลกรรมเบาบาง มีเหตุทาให้ เป็ นโรคกระเพาะอาหาร เจ็บท้ องบ่อย ลาไส้ อกั เสบ ท้ องเสียเนื่องจากอาหารเป็ นพิษ อาหาร ที่ทานเข้ าไปไม่ยอ่ ยทาให้ ท้องอืด ท้ องเฟ้อเหรอเปรีย้ ว เป็ น ริ ดสีดวงทวาร ถูกแมลงสัตว์กดั ต่อยบริ เวณก้ น มีเหตุทาให้ ท้องลาย มีพงุ หน้ าท้ องทีตาหนิ หน้ าท้ องไม่สวย ๑๓. กรรมจากการเลียงสัตว์เพื่อการค้าขาย การเลี ้ยงกุ้ง หอย ปู ปลา กบ เขียด จระเข้ หรือเป็ ด ไก่ เป็ น ต้ นเพื่อการค้ าขายทางธุรกิจ ไม่วา่ จะเป็ นฟาร์ มขนาดใหญ่ ขนาด กลางหรื อขนาดย่อมๆ รวมทังพ่ ้ อค้ าแม่ค้าปลาตามตลาดน้ อยใหญ่ ก็ตาม เมื่อเราเป็ นเหตุทาให้ สตั ว์น้อยใหญ่ทงหลายได้ ั้ รับความ ลาบาก ขาดอิสรภาพในการใช้ ชีวิตตามธรรมชาติของมัน ต้ องมา รวมตัวกันอยู่ในสถานที่แออัดยัดเยียด สกปรก ติดเชื ้อโรคได้ งา่ ย อากาศไม่บริสทุ ธิ์หายใจไม่สะดวก และถูกเลี ้ยงดูด้วยอาหารเสริม ต้ องใช้ ยาเคมีฆา่ เชื ้อโรค ใช้ สารเคมีเพื่อล้ างอ่าง/บ่อ/สระน ้าที่เลี ้ยง หรื อเพาะสัตว์ ฉีดฮอร์ โมนเพื่อเร่งการเจริ ญเติบโตและในขณะขน
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ย้ ายทาให้ สตั ว์ได้ รับการตกใจกลัว ทุกข์ทรมาน และลงท้ ายด้ วย การถูกจับไปขายตามท้ องตลาด ถูกเชือด ถูกฆ่าเป็ นอาหาร ตามลาดับ การเลี ้ยงสัตว์ตา่ งๆเพื่อการค้ าขายทางธุรกิจนี ้ แม้ จะทาเงิน ได้ มาก มีรายได้ ดี แต่ผลกรรมที่ตามมาที่เราจะได้ รับ มันไม่ค้ มุ กัน ดูตวั อย่าง ดังนี ้ ผลกรรมรุ นแรง มีแนวโน้มที่จะทาให้ชีวิตการแต่งงาน ไม่ได้ เงินค่าสินสอด หรือ ได้ค่าสินสอดน้อย จะถูกหลอกไปขายตัว (ถูกตี ราคาซื้อขายในซ่อง หรือในตลาดค้าน้ากาม) เกี่ยวข้องกับอาชีพ โสเภณีทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ถ้าไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง ก็จะเกิดขึ้นกับ พี่น้อง ลูกหลาน เงินทองที่ได้ จากการค้ าขายชีวิตคนอื่นสัตว์อื่น ถือว่า เป็ น เงินร้ อน เป็ นของร้ อน เก็บ ไม่อยู่ เก็บได้ ไม่นาน มักจะมีเหตุให้ เป็ นไปทุกรูปแบบ เช่น ถูกโกง ถูกหลอก นาไปต่อทุนก็เจ้ ง หรื อ ต้ อง นามารักษาโรคของตัวเองหรื อคนที่ตวั เองรัก ผลกรรมเบาบาง มีแนวโน้ มที่จะมีปัญหาเรื่องระบบ หายใจ หายใจลาบาก ไขมันอุดตันเส้ นเลือด โรคหัวใจ ความดันสูง เป็ นเหตุทาให้ วิงเวียนศีรษะ หน้ ามืด เป็ นลมง่าย ใจหวิว เป็ นโรค เกี่ยวกับไตและกระเพาะปั สสาวะ ร่างกายเก็บกักน ้าไม่อยู่ ร่างกาย ขาดน ้า ถูกกังขังบริ เวณ เข้ าคุกตาราง มีเหตุทาให้ ติดขัดเรื่ องการ เดินทาง ไปไหนไม่สะดวกเพราะมีภาระกังวล ในชาติหน้ าและชาติตอ่ ไป จะต้ องเกิดมาเป็ นคนหรือสัตว์ แต่จะไม่ได้ รับอิสรภาพ ไม่เป็ นตัวของตัวเอง ถูกคนอืน่ กดขี่ขม่ เหง
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
เบียดเบียนโดยไม่มีทางต่อสู้หรื อเอาชนะ เขาได้ หรือเกิดมาเป็ น สัตว์ให้ เขาเลี ้ยงและถูกนาไปขาย ถูกฆ่าเป็ นอาหาร การฆ่าสัตว์ในแต่ละครัง้ ถ้ าหากผู้ฆา่ รู้วา่ สัตว์นนยั ั ้ งมีชีวิต แม้ ตวั เองก็คิดฆ่า มีความเพียรพยายามที่จะฆ่า และสัตว์นนต้ ั ้ อง มาตายด้ วยการกระทาของเรา ถ้ าหากเราพิจารณาโดยละเอียด มองกระบวนการก่ อนฆ่ า ขณะฆ่ าและหลังฆ่ าแล้ ว ยิ่งทาให้ ร้ ู ว่า ก่อนที่สตั ว์จะถูกฆ่า จะต้ องมีความสะดุ้งกลัวตกใจ ร้ องไห้ เศร้ า โศกเสียใจที่ต้องมาตายก่อนอายุขยั ในขณะฆ่าจะต้ องได้ รับความ เจ็บปวดทุกข์ทรมานเพราะพิษบาดแผล และหลังจากถูกฆ่าแล้ ว ต้ องทาให้ ครอบครัวพ่อแม่ ลูกหรื อเพื่อนๆของเขาต้ องมาสูญเสีย พลัดพรากจากผู้ที่ตวั เองรักก่อนเวลาอันสมควร ในกรณีฆ่าจิง้ จก ตุ๊กแก งู กิง้ ก่ า ปู ปลา หนู เป็ ด ไก่ วัว หรื อ ควายเป็ นต้ นที่กาลัง ตัง้ ท้ อง หรื อเป็ นแม่ ลูกอ่ อนกาลังมีลูกเล็กๆต้ องเลีย้ งดูอยู่อีก หลายตัว ยิ่งจะเป็ นบาปมาก เพราะไม่ใช่ฆา่ ตัวแม่เท่านัน้ แต่ยงั ฆ่าลูกอ่อนๆที่อยู่ในท้ องของมันอีกด้ วยและเมื่อพวกลูกน้ อยที่ขาด แม่ ไม่ได้ กินนมหรื อไม่ได้ รับการปกป้องคุ้มครองจากแม่ก็ต้องมา ตายตามไปด้ วย ฉะนัน้ การฆ่าสัตว์ตดั ชีวิต เป็ นพฤติกรรมที่โหดร้ าย ไร้ ความปราณี เรี ยกว่าเป็ นกรรมฝ่ ายดา เป็ นกรรมมืดบอด เป็ น อกุศลกรรม เป็ นบาปกรรม เป็ นเวรกรรม เมื่อสร้ างเหตุปัจจัยไว้ อย่างไร ผลของการฆ่า หรื อ กฎแห่งการสะท้ อนกลับ จะต้ องถูกเขา ฆ่า จะถูกไล่ลา่ คืนเสมอ เป็ นไปเช่นเดียวกันกับเหตุที่ทาเอาไว้ กล่าวคือ เมื่อถึงเวลาที่บาปกรรมนันส่ ้ งผล ตัวผู้ฆา่ จะต้ องได้ รับ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ผลร้ าย ประสพกับความลาบากเดือดร้ อน เจอความวิบตั ิ อุปัทวันตรายต่างๆ โรคภัยเบียดเบียน สูญเสียหรื อพลัดพรากจาก คนผู้เป็ นที่รักทังหลายหรื ้ อ ทาให้ อายุสนตายก่ ั้ อนวัยสมควร เหมือนกัน ฉันนัน้ ความเชื่อและความเข้ าใจในกฎแห่งกรรมอย่างถูกต้ อง ชัดเจน ย่อมมีคณ ุ ประโยชน์มากมายมหาศาล มีคา่ มากกว่าเงิน ทองหลายพันล้ าน เพราะจะทาให้ ชีวิตเราปลอดภัยจากเวรภัย อันตรายทังหลายทั ้ งปวง ้
ผู้รู้กับผู้ไม่รู้ทาบาป ใครจะได้บาปมากกว่ากัน ความถูกผิด ดีชั่ว บาป บุญ ไม่ได้มีอคติเข้าข้างผู้รู้ หรือ ไม่รู้ แต่ผู้รู้ ย่อมได้เปรียบกว่าผู้ไม่รู้ทั้งในด้านเจตนา และวิธีการป้องกันแก้ไข เมื่อกล่าวโดยสภาวะ บาปย่อมไม่มอี คติลาเอียงเข้าข้างผู้รู้ หรือผู้ไม่รู้ เมื่อทาบาปด้วยความหลงผิด เข้าใจผิด จิตย่อมดื่มดาเสพบาปอกุศลไว้มาก เมื่อถึงคราวส่งผล ย่อมส่งผลรุนแรงและยาวนาน
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
อาชีพ คือ กรรม บุคคลเป็นชาวนาก็เพราะกรรม เป็นช่างศิลปะก็เพราะกรรม เป็นพ่อค้าก็เพราะกรรม เป็นผู้รับใช้ก็เพราะกรรม บุคคลแม้เป็นโจรก็เพราะกรรม เป็นทหารอาชีพก็เพราะกรรม เป็นปุโรหิตก็เพราะกรรม แม้เป็นพระราชา ก็เพราะกรรมทั้งนั้น บัณฑิตทั้งหลายผู้มีปกติเห็นปฏิจจสมุปบาท มีความรู้ความเข้าใจในกรรมและผลของกรรม ย่อมพิจารณาเห็นกรรม ตามความเป็นจริงอย่างนี้ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม หมูส่ ตั ว์เป็นไปตามกรรม สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นเครือ่ งผูกพัน เปรียบเหมือนรถมีหมุดเป็นเครื่องตรึงไว้แล่นไปอยู่ วาเสฏฐสูตร พระไตรปิ ฎก เล่ม ๑๓ มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปั ณณาสก์ (มจร.แปล)หน้ า ๕๗๒-๕๘๒
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ผลกรรมจำกกำรเบียดเบียนสัตว์ กฎแห่งกำรสะท้อนกลับ
การเบียดเบียน คือ การรังแก ข่มเหง ทาให้ สตั ว์ได้ รับความ บอบช ้า บาดเจ็บ สะดุ้งกลัว ตกใจ เช่น ยิงด้ วยหนังสติ๊ก ขว้ างปา ด้ วยก้ อนหิน ท่อนไม้ ทุบ เฆี่ยนตี โบย หรื อนามาชนกัน เป็ นต้ น แม้ จะไม่ถงึ ขนาดทาให้ สตั ว์นนๆเสี ั ้ ยชีวิตหรื อตาย แต่ได้ รับความทุกข์ ทรมาน เหนื่อยหอบ เจ็บปวด มีบาดแผล หรื อพิการ ถือว่าเป็ นการ รังแก เบียดเบียนหรื อทาทารุณกรรมสัตว์ โดยไร้ ความเมตตาปราณี สงสาร จะมีผลกรรมตามมา ดังนี ้ ๑. กรรมจากการขายสิ่งเสพติดให้โทษ ผู้ที่ค้าขายสิ่งเสพติดให้ โทษทังหลาย ้ ไม่วา่ จะเป็ นโรงงาน ผู้ผลิต เอเย่นจาหน่าย ผู้ขายปลีกหรื อส่ง พนักงานขาย หรื อผู้ทา โฆษณาชวนเชื่อ หรื อผู้เข้ าไปเกี่ยวข้ องในการส่งเสริมสนับสนุนทัง้ โดยตรงและโดยอ้ อมทังหมด ้ เกี่ยวกับบุหรี่ เหล้ า วิสกี ้ เบียร์ ไวน์ กระท่อมกัญชา ฝิ่ น เฮโรอีน ยาบ้ า หรื อของมึนเมาให้ โทษต่อ ร่างกายและจิตใจทังหลาย ้ ซึง่ ถือว่าเป็ นการเบียดเบียนผู้อื่นให้ ได้ รับอันตราย เป็ นโรคร้ าย ทาร้ ายชีวิต บัน่ ทอนสุขภาพและทาลาย อนาคตของเด็กและผู้ใหญ่ ผลกรรมตามมา มีแนวโน้มจะทาให้ถูกติฉินนินทา เสียชื่อเสียง จิตใจฟุ้งซ่าน อาจจะทาให้เป็นบ้า เสียสติ ประสาทไม่ดี มี
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
อาการทางสมอง ควบคุมตัวเองไม่ได้ ทาร้ายตัวเองและคนรอบข้าง หรือถูกทางการจับได้ ครอบครัวแตกแยก ลูกติดยาเสพติด ประสพ อุบัติเหตุทางรถยนต์ ถูกวิสามัญฆาตกรรม ทาให้เสียประสาท เป็นโรค ร้าย เช่น โรคเอดส์ มะเร็งในเม็ดเลือด หรือเลือดเป็นพิษ ภูมิต้านทาน เสื่อม แพ้ภูมิต้านทานตัวเอง เงินทองที่ได้มาจากอาชีพนี้ โดยเฉพาะ การค้าขายยาบ้า ยาเสพติด เป็นเงินร้อน ทาให้มีอันเป็นไปทุกรูปแบบ เช่น สูญเสียไปกับอบายมุข การพนัน ถูกยืมไปแล้ว ไม่ได้คืน เก็บได้ไม่ นาน ถูกหลอก ถูกโกง ถูกลักขโมย ถูกปล้น มีเหตุทาให้สูญเสียเงิน ทองเหล่านั้นไปโดยง่าย ผลกรรมข้ ามชาติ มีแนวโน้ มว่า ชาติหน้ าหรื อชาติตอ่ ไป จะ เกิดมาเป็ นบ้ า ประสาท วิกลจริ ต อาการทางสมองไม่ปกติ เป็ นโรค ออติสติก ปั ญญาอ่อน การพัฒนาทางสมองช้ าผิดปกติ ๒. กรรมจากการชนไก่ การชนไก่ทงระดั ั ้ บสมัครเล่น หรือมืออาชีพ เจ้ าของบ่อน เจ้ าของไก่ ผู้ที่เข้ าไปมีสว่ นสนับสนุนส่งเสริมเกี่ยวข้ องกับการชนไก่ ผู้เชียร์ ผู้เล่นพนันชนไก่ จะมีผลกรรมดังนี ้ ผลกรรมที่ตามมา ทาให้มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตาทุกรูปแบบ เช่น ตาเจ็บ ตา อักเสบ ตาแดง ตาเป็นกุ้งยิง ตาเป็นฝีหนอง ฝุ่นผงหรือขนตาเข้าตา ทาให้เคือง เจ็บ อักเสบนัยน์ตาบ่อย ถ้ากรรมรุนแรง อาจจะทาให้เป็น ตาเป็นต้อ เช่น ต้อเนื้อ ต้อลม ต้อหิน หรือมีเหตุทาให้ตาพิการ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
มองเห็นไม่ชัดเจน ฝ้าฟาง พร่ามัว สายตาสั้น สายตาเอียง ตาเหล่หรือ ตาบอด มีปัญหาบริเวณศีรษะ เส้นผม ทาให้ผมล่วง ผมบาง หัวล้าน มีเหตุทาให้เจ็บ/ปวด ปูดบวมบริเวณศีรษะบ่อย เป็นโรคผิวหนังทุกชนิด เช่น เป็นผดผื่นคัน โรคภูมิแพ้ ผิวหนังอักเสบติดเชื้อง่าย หรือ ทาให้ลื่นล้ม ผิวหนังถลอกได้ง่าย มีอาการเจ็บหรืออักเสบตรงบริเวณลาคอ ทาให้คออักเสบ บ่อย มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดลม ระบบการหายใจ หายใจไม่ออก หายใจไม่สะดวกและมีอาการจุกแน่นบริเวณหน้าอกบ่อย เป็นหอบหืด หายใจไม่เต็มปอด ทาให้กล้ามเนื้อเกิดการฟกช้า ปวดเมื่อย อักเสบได้ง่าย หรือ ทาให้เลือดมีปัญหา น้าเหลืองไม่ดี เลือดเป็นพิษ หรือเป็นมะเร็งที่เม็ด เลือด รับประทานอาหารไม่อร่อย เป็นคนหงุดหงิดง่ายใจร้อน ชีวิต มักจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการชกต่อย ตบตี หรือตกอยู่ในภาวะถูก กดดันจากนักเลง แก๊งอันธพาล หรือผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย ทาให้ครอบครัวแตกแยก มีเรื่องโต้เถียง ทะเลาะวิวาทเป็น ประจา ทาให้มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับโรคหัวใจ ความดัน ไขมัน หมดสมรรถภาพทางเพศ เป็นโรคเบาหวาน โรคไต กระเพาะปัสสาวะ อักเสบ ท้องผูก
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ข้อคิด..ข้อสังเกต ถ้ายังไม่เกิดขึ้นกับเจ้าตัว จะเกิดขึ้นกับลูกเมียหรือญาติพี่น้องคนใด คนหนึ่ง ตามกฎแห่งกรรมในหัวข้อที่ว่า “กรรมพันธุ” คือ กรรมเชื่อมโยง เกี่ยวเนื่องกับญาติพี่น้อง เงินที่ได้มาจากการตีหรือชนไก่ เป็นของร้อน เก็บได้ไม่นาน มักจะมี เหตุทาให้ต้องใช้จ่ายเกี่ยวกับอบายมุข การพนัน เป็นค่าบุหรี่ เหล้า ยาเสพ ติด ค่ารักษาพยาบาลของลูก/เมียซึ่งเจ็บป่วย เป็นไข้ ไม่สบาย ได้รับ อุบัติเหตุทาให้ร่างกายเป็นแผล ฝีหนอง บวมช้า เคล็ดขัดยอก
๓. กรรมจากการชนวัว/ควาย/กัดจิง้ หรี ด ผลกรรมที่ตามมา ทาให้มีปัญหาเกี่ยวกับศีรษะ เช่น ศีรษะถูก กระทบกระเทือนอันเกิดจากตกจากที่สงู ศีรษะน็อคพื้น โดนตีบริเวณ ศีรษะ หรือโดนวัตถุสิ่งของหล่นถูกบริเวณศีรษะ มีอาการเจ็บหรือ ปวดหนักๆ มึน ทึบที่บริเวณศีรษะทาให้คิดอะไรไม่ออก และชีวิตมัก เข้ าไปเกี่ยวข้ องกับการชกต่อยตบตีบอ่ ย โดนกลัน่ แกล้ ง ทาให้ เข้ าใจกันผิดกับคนรอบข้ าง จนเกิดการโต้ เถียงทะเลาะวิวาท บาดหมาง ชีวิตมักตกอยู่ในสถานการณ์ที่โดนกดดัน ซึง่ จะต้ องทา หรื อเข้ าไปเกี่ยวข้ องในเรื่ องที่ฝืนใจ ฝื นทนลาบากใจ ถ้ าทาให้ สตั ว์ เหล่านันมี ้ สว่ นสูญเสียอวัยวะสาคัญ เช่น ตาแตก ตาบอด หรื อ สูญเสียการมองเห็น เป็ นต้ น เมื่อมีเหตุชกต่อย ทะเลาะวิวาทกัน อาจจะทาให้ โดนตา ทาโดนบริ เวณดวงตา ทาให้ ตาบอดได้ งา่ ย
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
๔. กรรมทาให้สัตว์ตาบอด ผู้ที่ชอบใช้ ของแหลม/ไม้ แทงตาปลา หรื อใช้ หนังสติก๊ ยิง ขว้ างปาด้ วยก้ อนดิน ก้ อนหินทาให้ ตาจิ ้งจก จิ ้งเหลน ตุ๊กแกบอด หรื อใช้ หน้ าไม้ ยิงตานก เด็ดตาปูออกทาให้ สตั ว์เหล่านันตาบอด ้ มองไม่เห็น หรื อ ใช้ ควันรมทาให้ สตั ว์เจ็บตา เช่น จุดไฟไล่ยุงให้วัว/ ควาย ใช้ควันรมแมลงหวี่ หรือหนู ใช้ยาหม่องป้ายตาแมว สุนัขทาให้ สัตว์เหล่านั้นมีปัญหาขัดเคืองนัยน์ตา ปวดแสบปวดร้อนมองไม่เห็น ผลกรรมตามมา มีแนวโน้มที่จะมีปญ ั หาเรื่องสายตา เช่น มักมีฝุ่นละอองหรือขนตาเข้าตาบ่อยๆ ทาให้แสบ เจ็บปวด ระ คลายเคืองนัยน์ตา หรือมีปัญหาเกี่ยวข้องกับโรคตา เช่น เป็นกุ้งยิง สายตาสั้น มีอาการฝ้าฟาง พร่ามัวมองไม่เห็นชัด ตาแห้งง่ายทาให้ แสบตาบ่อย สายตาสั้น ตาเป็นต้อเนื้อ ต้อลม ต้อกระจก ต้อหิน หรือ ทาให้ตาบอด
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
๕. กรรมจากเด็ดก้นแมลงปอ๓๘ บางคนตอนที่เป็นเด็ก ชอบเล่นสนุกด้วยการจับแมลงปอ มาแล้ว เด็ดก้นออก เอาดอกหญ้าเสียบแล้วปล่อยไป ทาให้ดูเพลินตา ผลกรรมที่ตามมา ทาให้ มีปัญหาเกี่ยวข้ องกับระบบการ ขับถ่าย เป็ นโรคท้ องผูก เป็ นโรคริ ดสีดวงทวาร มีเลือดออกในเวลา ขับถ่าย มีเหตุต้องเข้ ารับการผ่าตัดริ ดสีดวงทวาร มีปัญหาเกี่ยวกับ เรื่ องอุจจาระ ปั สสาวะ เป็ นเนื ้องอก ถุงน ้า หรื อ มะเร็งที่มดลูก ต้ อง ผ่าตัดมดลูก รังไข่ ถ้ าเป็ นผู้ชาย จะมีปัญหาเรื่ องอวัยวะเพศ ลูก อัณฑะ ไส้ เลือน หรื อ ได้ รับอุบตั ิเหตุบริ เวณนัน้ ๖. กรรมจากการขอดเกล็ดปลา ผู้ที่เคยขอดเกล็ดปลาเป็ นๆ รวมทังขู ้ ดเมือกปลาไหล มี แนวโน้ มจะมีผลกรรมดังนี ้ ผลกรรมที่ตามมา การขอดเกล็ดปลา หรื อ ลอกหลังสัตว์ ต่างๆ ก็ตาม ทาให้ มีปัญหาเรื่ องผิวหนัง เช่น เป็ นตุม่ ผด ผื่น คัน ปื น้ ลมพิษ กล้ ามเนื ้ออักเสบ ผิวหนังอักเสบได้ งา่ ย โดนแดดไม่ได้ มัก เจ็บระบมตามเนื ้อตัว ข้ อสั งเกต เหตุประกอบที่ทาให้ เกิดอาการท้ องผูก เป็ นริดสีดวงทวาร คือ การรับประทาน อาหารประเภทแป้ง เนื ้อสัตว์และดื่มน ้าน้ อย ดื่มกาแฟ นมมากเกินไป เป็ นอาหารที่ไม่มีกาก ใย ทาให้ ย่อยยาก เหนียวหนืด ใช้ เวลานานในการย่อย อยู่ในลาไส้ นาน พร้ อมทังติ ้ ดนิสยั นอนดึก ตื่นสาย ไม่ชอบขับถ่ายในขณะที่ร้ ูสกึ ปวดท้ อง ขับถ่ายไม่ตรงเวลา เพราะทากิจธุระ อย่างอื่นเพลินและไม่ชอบทานผัก พืช ผลไม้ ที่มีกากใยอาหารเยอะๆ ผลตามมาคือ ท้ องผูก รีดสีดวงทวารเหมือนกรรมที่เคยทาไว้ -ผู้เขียน ๓๘
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
๗. กรรมจากการกักขังสัตว์ ผู้ที่กกั ขังหรื อเลี ้ยงสัตว์ เช่น นก ปลา กระรอก กระต่าย สุนขั ไว้ ในกรง ตู้ปลา ในเล้ า คอก หรื อผูกล่ามวัวควายให้ อยู่กบั ที่ ทาให้ อดหญ้ า อดน ้า ขาดอิสรภาพ ไปมาไม่สะดวก ได้ รับความ ลาบากเดือดร้ อน ไม่มีโอกาสผสมพันธุ์กบั ตัวเมีย ผลกรรมที่ตามมา ทาให้ มีปัญหาขัดข้ อง ติดขัดในเรื่ อง การเดินทาง ทาให้ มีเหตุต้องได้ รับประทานอาหารไม่ตรงตามเวลา แล้ วต่อมาทาให้ เป็ นโรคกระเพาะ สุขภาพไม่แข็งแรง แต่ถ้าผูกล่าม ไว้ จนเป็ นเหตุทาให้ ววั /ควายตาย มักจะเป็ นโรคหอบหืด ระบบ หายใจไม่ดี หายใจไม่ทวั่ ท้ อง หรื อจะมีเหตุทาให้ ถกู จากัดใน สถานที่คบั แคบ ขาดอิสรภาพ เช่น เรื อนจา หรื อคุกตาราง ติดขัด เรื่ องเอกสารที่จะทาให้ เจ้ าตัวได้ รับอิสรภาพในการเดินทาง ไม่ได้ รับความสุขในเรื่ องเพศสัมพันธ์ ๘. กรรมจากการทุบหรือตี ผู้ที่ทาการทุบหรื อตีงู ตีสนุ ขั ตีเป็ ด ตีไก่ หรื อสัตว์อนื่ ใดก็ ตามให้ ได้ รับบาดเจ็บสาหัสที่ขาหรื อบริ เวณหลัง ผลกรรมที่ตามมา จะได้ รับอุบตั ิเหตุอนั เกิดจากการยก สิ่งของหรื อทากิจกรรมอย่างใดอย่างหนึง่ ในท่วงท่าที่ผิดจนทาให้ ได้ รับบาดเจ็บ ฟกช ้า อักเสบที่ขาหรื อที่บริ เวณสันหลัง หรื อเป็ นอัม พฤกษ์ อัมพาต ขี ้โรคสามวันดี สี่วนั ไข้ เจ็บป่ วยไม่สบายอยู่เสมอ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
๙. กรรมจากการใช้เบ็ดตกปลา/กบ/เขียด ผลกรรมตามมา มีเหตุทาให้ ปากฉีก ปากแหว่ง ปากเป็ นแผลง่าย เป็ นร้ อนใน รูปปากไม่สวยมีตาหนิ มีแผลเป็ น เป็ นร้ อนใน กัดลิ ้นตัวเองในขณะรับประทานอาหาร เคี ้ยวข้ าว อาจจะมีก้อนกรวดเล็กๆผสมในนันท ้ าให้ มองไม่เห็น หรื อ มีเส้ นผม ปนในอาหาร หรื อ ขณะเคี ้ยวอาหารอาจจะโดนวัตถุที่มีลกั ษณะ แข็งๆอย่างใดอย่างหนึง่ ทาให้ ปวดฟั น หรื อ ฟั นบิ่น หรื อหักได้ มี ปั ญหาเรื่ องฟั น เป็ นโรคลาไส้ โรคกระเพาะ มีปัญหาเรื่ องดวงตา การมองเห็น ๑๐. กรรมจากการตอน/ทาหมันสัตว์ ผู้ที่ชอบตอนหรื อทาหมันสัตว์ เช่น หมา แมว วัว ควาย เป็ น ต้ น ทังนี ้ ้ ก็ขึ ้นอยู่กบั กรรมวิธีในการตอนหรื อทาหมัน ถ้ าสัตว์ได้ รับ ความเจ็บปวดทรมานมาก เมื่อกรรมส่งผล ก็จะเป็ นหนักและ รุนแรง ผลกรรมตามมา ถ้าเป็นผู้ชาย จะมีปัญหาเรื่องเจ็บ ลูกอัณฑะ ไส้เลือน เป็นหมัน ท่อปัสสาวะอักเสบ มะเร็งต่อมลูกหมาก ถ้าเป็นผู้หญิง จะมีลูกยาก เป็นหมัน หรือ อวัยวะเพศมีปัญหาติดเชื้อ หรืออักเสบได้ง่าย เป็นเนื้องอก หรือมะเร็งในมดลูก ไม่ได้รับความสุข ในเรื่องเพศสัมพันธ์ ผู้ที่เคยฆ่าสัตว์ตดั ชีวิตมาแล้ วในอดีต ไม่วา่ จะเป็ นเด็กหรื อ ผู้ใหญ่ ผู้หญิงหรื อผู้ชาย เป็ นนักบวชหรื อชาวบ้ าน เป็ นคนธรรมดา หรื อผู้วเิ ศษ จะรู้วา่ เป็ นบาปกรรมหรื อไม่ก็ตาม เมื่อกรรมนันส่ ้ งผล
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
ย่อมไม่มีใครหนีไม่พ้นจากบาปนัน้ ทั้งนี้ เพราะไม่มีใครจะเก่งเกิน กรรม กรรมย่อมติดตามคนที่ทาเหมือนเงาตามตัวหรือเหมือนล้อ เกวียนหมุนตามเท้าวัว๓๙ แม้จะเป็นเวลาร้อยวัน พันปีหรือแม้แต่ เป็นอสงไขยกัป เมื่อกรรมยังไม่มีโอกาสส่งผล ก็ไม่มีวันสูญสลายไป ตามกาลเวลา๔๐ จนกว่าจะได้ ชดใช้ วิบากกรรมนันหมดหรื ้ อได้ บรรลุ มรรคผลนิพพานเป็ นพระอรหันต์ ไม่กลับมาเกิดอีก กรรมทังหลาย ้ ทังปวงก็ ้ สลายตัวหมด เพราะกรรม ก็คอื ตัวสังขาร ซึง่ เป็ นเจตสิก เกิดดับพร้ อมกับจิต เมื่อจิตบริ สทุ ธิ์ไม่มีกิเลส ชีวิตหลังตายของพระ อรหันต์ จึงไม่มีนามรูป(ขันธ์ ๕)เกิดอีกไม่วา่ จะเป็ นภพภูมิไหนก็ ตาม เมื่อจิตดับ นามรูปดับ ไม่เกิดอีก กรรมที่อยู่ในจิต ก็มลาย สลายตัวและดับหมดสิ ้น ซึง่ เป็ นที่สดุ แห่งกรรม กรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ ส่งผลได้ผ่านร่างกายนี ผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ สามารถให้ผลได้ทั่ว ร่างกายของเราตัง้ แต่ศีรษะ จรดเท้า โดยเฉพาะอวัยวะดังต่อไปนี้ คือ ลิ้น คอ นิ้วมือ นิ้วเท้า หลัง กล่าวคือ จะทาให้เกิดมามีลิ้นสั้น ลิ้นไก่ สั้น ระบบการรับรู้รสไม่ดี ไม่มีประสิทธิภาพ มีโรคเกี่ยวกับลิ้น ลาคอ ไม่สวย คด เอียง คอสั้นมากเกินไป หลังโก่ง เวลาเดินหรือนั่งหลัง ขุ.ชา.(แปล) ๒๕/๒๔ เรื่ องมัฏฐกุณฑลี นารทชาดก พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ อุทยานลัฏฐิ วนั ทรงปรารภการที่ทรงทรมาน อุรุเวลกัสสปะ ตรัสมหานารทกัสสปชาดก ขุ.ชา.(แปล) ๒๘/๓๖๓ และอรรถกถา ๓๙ ๔๐
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
โก่ง นิ้วมือ นิ้วเท้า และส้นเท้าสั้น คด หรือหงิกงอ ดูไม่สวยงาม ลายนิ้วมือตัดฝ่า (ลายนิ้วมือขาด) มือเท้าเล็กเกินไป ดูไม่สวยสมส่วน เพราะฉะนัน้ คนที่มีนิ ้วมือ-เท้ าสัน้ โดยเฉพาะนิ ้วก้ อยสัน้ ผิดปกติ (ปลายนิ ้วก้ อยไม่ถงึ ข้ อแรกของนิ ้วนาง) หลังโก่ง ยืน เดิน นัง่ หลังโก่ง มีวิบากกรรมเรื่ องการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ใน อดีตชาติหรื อชาติปัจจุบนั ชาติติดตัวมา ผลของกรรมนี ้ จะทาให้ เป็ นคนอารมณ์ร้อน โกรธง่าย เอา ใจยาก ขี ้โรค สุขภาพไม่ดี อ่อนแอ มักมีโรคประจาตัวอย่างใดอย่าง หนึง่ เป็ นคนตกใจง่าย ขวัญอ่อน ขาดความเชื่อมัน่ ในการ แสดงออก เป็ นคนขี ้ประหม่า อาย ไม่กล้ าแสดงออก เรี ยนหนังสือ ไม่คอ่ ยเก่ง หรื อ ไม่ชอบเรียนศึกษา ความจาไม่ดี อายุของความรัก สัน้ เลิกกันง่าย ถูกทิ ้ง คนรักอายุสนั ้ หรือขณะที่อยู่ในท้ องแม่ มักจะ ทาให้ พ่อและแม่หย่าร้ างกัน เลิกกัน แยกทางกัน หรื อ แม่ได้ ท้อง ก่อนแต่งหรื อมาเกิดในขณะที่พ่อแม่ยงั ไม่พร้ อม ทาให้ พ่อแม่คิดทา แท้ ง คิดเอาออก ซึง่ เป็ นสาเหตุให้ ลกู คนนัน้ จะต้ องมีความเห็น ขัดแย้ ง มีปากเสียงทะเลาะวิวาท หรื อเข้ ากันไม่ได้ กบั พ่อหรื อแม่ผ้ ทู ี่ คิดไม่ดีกบั ลูก คิดจะฆ่าลูกในท้ อง ฉะนัน้ เพียงแค่คิด ก็ผิดแล้ ว และ ผลจากความคิดอกุศลอันนี ้ หากไม่แก้ หรื อไม่ร้ ูจกั วิธีการแก้ อย่าง ถูกต้ อง ย่อมทาให้ เกิดปั ญหากับพ่อแม่และผู้เป็ นลูกไม่มีที่สิ ้นสุด
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
บาปให้ผลเป็นทุกข์..บุญให้ผลเป็นสุข อานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ รู้ชัดว่า...‘เป็นไปไม่ได้ที่กาย ทุจริตจะพึงเกิดผลที่น่าปรารถนา น่าใคร่น่าพอใจ แต่เป็นไปได้ที่ กายทุจริตจะพึงเกิดผลที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ’ รู้ชัดว่า ‘เป็นไปไม่ได้ที่วจีทุจริต...มโนทุจริตจะพึงเกิดผลที่น่า ปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ แต่เป็นไปได้ที่วจีทุจริต...มโนทุจริตจะพึง เกิดผล ที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ’ พหุธาตุกสู ตร ม.อุ.(แปล) ๑๔/๑๖๐- ๑๖๙
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์
แด่สรรพสัตว์ผู้เป็นเพือ่ นร่วมสังสารวัฏ ควรแผ่เมตตาไปในสรรพสัตว์อย่างนี้ว่า
ขอสัตว์ทงปวงจงมี ั้ ความสุข มีความเกษม มีตนเป็ นสุขเถิด คือ เหล่าสัตว์ที่ยงั เป็ นผู้หวาดสะดุ้งหรื อเป็ นผู้มนั่ คง ขอสัตว์เหล่านันทั ้ งหมดจงมี ้ ตนเป็ นสุขเถิด เหล่าสัตว์ที่มีขนาดกายยาว ขนาดกายใหญ่ ขนาดกายปานกลาง ขนาดกายเตี ้ย ขนาดกายผอม หรื อขนาดกายอ้ วน ขอสัตว์เหล่านั้นทั้งหมดจงมีตนเป็นสุขเถิด เหล่าสัตว์ที่เคยเห็นก็ดี เหล่าสัตว์ที่ไม่เคยเห็นก็ดี เหล่าสัตว์ที่อยู่ใกล้และอยู่ไกลก็ดี ภูตหรือสัมภเวสี๒ก็ดี ขอสัตว์เหล่านั้นทั้งหมดจงมีตนเป็นสุขเถิด ไม่ควรข่มเหง ไม่ควรดูหมิ่นกันและกันในทุกโอกาส ไม่ควรปรารถนาทุกข์แก่กันและกัน เพราะความโกรธและความแค้น เมตตสูตร ขุ.ขุท. (แปล) ๒๕/๒๑
กรณีตัวอย่างโรคกรรม
ที่ปรากฏในคัมภีร์พระไตรปิ ฎกและอรรถกถา ผลของบาปอกุศลกรรมที่เราเคยทาไว้ ตงภพชาติ ั้ ก่อนหรื อ ชาตินี ้ ถ้ ามันรุนแรงเข้ มข้ น ก็สามารถส่งผล อานวยผลให้ เกิดขึ ้นได้ และถ้ าหากวิบากกรรมนัน้ ยังไม่สง่ ผล แม้ กาลเวลาจะผ่านมานาน แสนนานแค่ไหน อย่างไร มันก็ยงั สืบต่อเกี่ยวเนื่องอยูใ่ นจิตของเรา ไม่หายไปไหน และไม่หายไปเอง ฉะนัน้ เมื่อกรรมมีองค์ประกอบพร้ อม กล่าวคือ มีคติ สถานที่ อุปธิ ร่างกาย กาละ โอกาส เวลา และปโยคะ กรรมปั จจุบนั หรื อสิ่งแวดล้ อมที่สมบูรณ์พร้ อม กรรมย่อมให้ ผล จะแสดงตัวและ ก่อให้ เกิดโรคต่างๆอีกด้ วย ถ้ าหากเราได้ ศกึ ษาเรี ยนรู้เกี่ยวกับโรคที่ เกิดจากวิบากกรรมจากคนอื่น ย่อมได้ ประโยชน์มากมาย จะขอ ยกตัวอย่างกรณีโรคกรรมที่ปรากฏในคัมภีร์พระไตรปิ ฎกและ อรรถกถา ดังมีรายละเอียด ต่อไปนี ้
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
โรคกรรมของพระพุทธเจ้า๑
ในขณะที่พระองค์เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏในภพ ชาติตา่ งๆ เพื่อสัง่ สมบาเพ็ญบารมี บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งสัมมา สัมโพธิญาณอยูน่ นั ้ บางชาติ พระองค์ มีความประมาทได้ ทาบาป อกุศลกรรมเอาไว้ เรื่ องราวต่อไปนี ้ เป็ นผลของอกุศลกรรมเก่าของ พระพุทธเจ้ าที่พระองค์ตรัสเล่าเอง เพื่อเป็ นกรณีศกึ ษาแก่ภิกษุ ทังหลาย ้ ณ พื ้นศิลาที่น่ารื่ นรมย์ ใกล้ สระอโนดาตอันเต็มไป ด้ วยอัญมณีอนั มีคา่ ต่าง ๆ ในละแวกป่ ามีดอกไม้ มีกลิ่นหอมนานา ชนิด สรุปได้ ดังนี ้ ๑.ทุกขเวทนาที่เกิดจากถูกสะเก็ดหินกระทบหัวแม้ เท้ าและ หลังเท้ า ๒.ทุกขเวทนาจากสะเก็ดหิน ๓.ทุกขเวทนาในขณะถูกผ่าตัดเพื่อทาการรักษาแผล ๔.โรคปวดพระเศียร ๕.โรคปวดหลัง ๖. โรคถ่ายเป็ นเลือด ๗.ทุกขเวทนาอันเกิดจากไฟไหม้ พื ้นเท้ า
โรคกรรม หรือทุกขเวทนาที่เกิดกับพระพุทธองค์ทงั ้ ๗ ครัง้ ตามที่กล่าวข้ างต้ นนัน้ มี ปรากฏในคัมภีร์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน ขุ.อป.(แปล) ๓๒/๕๗๔-๕๗๖ พุทธาปทาน ชื่อปุพพกัมมปิ โลติ และอรรถกถา ๑
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
เรื่องที่ ๑ ทุกขเวทนาที่เกิดจากถูกสะเก็ดหิน กระทบหัวแม้เท้าและหลังเท้า ในกัปที่ ๕ นับจากกัปนี ้ไป พระเทวทัตและพระโพธิสตั ว์ ได้ เป็ นพ่อค้ าเร่ด้วยกัน และมีชื่อเหมือนกันว่า “เสรี วะ” พ่อค้ าทังสอง ้ นันเดิ ้ นทางไปค้ าขายที่เมืองอริ ฎฐะที่หมู่บ้านปั ฏฏนะอยู่ใกล้ ท่าน ้า แห่งหนึง่ ได้ ตกลงกันว่า จะไปถนนคนละเส้ น แล้ วทังสองก็ ้ แยกทาง กันเข้ าไปในหมู่บ้าน ในถนนสายที่พ่อค้ า(อดีตชาติของพระเทวทัต)เข้ าไปนัน้ มี บ้ านหลังเดียว มีคน ๒ คน คือ ภรรยาของเศรษฐี เก่าคนหนึง่ กับ หลานสาวคนหนึง่ เท่านัน้ ที่บ้านหลังนี ้ มีถาดทองคาใบใหญ่ แต่ถกู สนิมจับ ถูกวางปนกับภาชนะอื่นๆ ภรรยาเศรษฐี เก่า ไม่ร้ ูวา่ เป็ น ถาดทอง จึงพูดกับพ่อค้ าคนนันว่ ้ า "อยากเอาถาดใบนี้แลกกับ เครื่องประดับสักอย่าง" พ่อค้ าจับถาดมา ใช้ เข็มขีดดู ได้ ร้ ูวา่ เป็ น ถาดทองคาแท้ มีความโลภเข้ าครอบงา คิดว่า "เราจะให้สิ่งของนิด หน่อย แล้วจึงจะกลับมาเอา" จึงทาทีท่าเหมือนไม่สนใจ แล้ วเดิน จากไปอย่างมีเลศนัย ต่อมาไม่นาน หลานสาวเห็นพ่อค้ า(พระโพธิสตั ว์)เดินมาที่ ประตู จึงพูดว่า "คุณแม่จา๋ หนูอยากจะได้เครื่องประดับ" ภรรยา
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
เศรษฐี สงั่ ให้ เรี ยกพระโพธิสตั ว์นนมา ั้ แล้ วพูดว่า "ฉันอยากจะเอา ถาดใบนี้แลกกับเครื่องประดับ เพื่อจะให้หลานสาวของฉัน" พระโพธิสตั ว์จบั ถาดมาดู รู้วา่ เป็ นถาดทองคา และยังรู้อีก ว่า "ผู้หญิงคนนี้ กาลังจะถูกพ่อค้าคนนั้นหลอก" จึงให้ สินค้ าที่เหลือ ทังหมด ้ พร้ อมทังประดั ้ บเครื่ องประดับ แก่หญิงสาวนัน้ เหลือเงินไว้ ในกระเป๋ าแค่ ๘ กหาปณะ แล้ วออกเดินทางไป พ่อค้ าคนนัน(พระเทวทั ้ ต)ได้ หวนกลับมาใหม่ แล้ วถามถึง ถาดทอง ภรรยาเศรษฐี ตอบว่า "พ่อคุณเอ๋ย เมื่อพ่อคุณไม่อยากได้ มีพ่อค้าใจดีคนหนึ่ง ให้สงิ่ ของมากมายเพื่อแลกกับถาดใบนั้น เพิ่งเดิน ออกจากบ้านไป เมื่อกี้นี้เอง" พ่อค้ าคนนี ้ พอได้ ฟังดังนัน้ เกิดความ เสียดายและเสียใจอย่างรุนแรงเหมือนอกจะแตกตาย จึงรี บวิ่ง ติดตามไป แต่ไม่ทนั เพราะพระโพธิสตั ว์ได้ ขึ ้นเรือ แล่นออกไปไกล ฝั่ งพอสมควร พ่อค้ าคนนี ้ จึงตะโกนว่า "หยุดก่อน! สหาย ท่านอย่า เพิ่งไป อย่าเพิ่งไป กลับมาก่อน" แต่พระโพธิสตั ว์ ไม่ได้ เอาใจใส่ เพราะรู้เท่าทันเล่ห์เหลีย่ มของ เขา จึงแล่นเรื อจากไปจนลับตา พ่อค้ าคนนัน้ จึงได้ ผกู อาฆาตจอง เวรไว้ วา่ "ไม่ว่าจะเกิดในภพชาติใดก็ตาม ขอเรา พึงได้โอกาสได้แก้ แค้นอันนี้ด้วยเถิด" ต่อมาสักครู่ พ่อค้ าคนนี ้ ได้ กระอักเลือดตาย เพราะความโกรธแค้ นอย่างรุนแรง๒ เพราะบ่วงกรรมและการผูกอาฆาตจองเวรของพระเทวทัต พ่อค้ าคนนันได้ ้ เกิดมาในภพชาติใหม่ ได้ เบียดเบียนทาร้ ายพระ ๒
ขุ.ชา. (แปล) ๒๗/๒ เสริววาณิชชาดก ดูเพิ่มในอรรถกถา
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
โพธิสตั ว์อยูห่ ลายแสนชาติ มาในชาตินี ้ เขาเกิดในศากยราช ตระกูล เมื่อพระองค์ได้ บรรลุพระสัพพัญญุตญาณ ประทับอยู่ใน กรุงราชคฤห์ พระเทวทัต ได้ บรรพชาอุปสมบทเอาเอง โดยไม่มี อุปัชฌาย์ หลังจากบวชแล้ ว ยกตนเทียบพระศาสดา และหาโอกาส แก้ แค้ นพระพุทธเจ้ า จึงได้ วางแผนแสร้ งเป็ นนักบวชผู้เคร่งครัด ทูล ขอพรกับพระพุทธองค์เพื่อทาลายสงฆ์ให้ แตกกันว่า “ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ ภิกษุสงฆ์ทงั้ ปวงจงสมาทานธุดงค์ ๑๓ มีเที่ยวบิณฑบาตเป็น วัตรเป็นต้น ขอภิกษุสงฆ์ทั้งสิ้นจงเป็นภาระของข้าพระองค์เถิด” เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้ าไม่ทรงอนุญาต พระเทวทัต เกิด ความไม่พอใจ ได้ ผกู ใจเจ็บ เพราะเสียหน้ า ได้ ไปผูกมิตรกับอชาต ศัตรูกมุ าร แล้ วสัง่ ให้ ไปชิงราชบัลลังก์จากพระบิดา แล้ วฆ่าเสีย ส่วนตนจะทาหน้ าที่ลอบปลงพระชนม์พระพุทธเจ้ าเอง ต่อมาวัน หนึง่ ขึ ้นไปบนภูเขาคิชฌกูฏ ยืนอยู่ข้างบนรอคอยโอกาสที่ เหมาะสม ได้ กลิ ้งก้ อนหินลงมาจากยอดเขา หวังปลงพระชนม์พระ ผู้มีพระภาคเจ้ า เวลานันพระพุ ้ ทธองค์ประทับยืนอยู่ท่ เี ชิงเขา ด้ วยพุทธานุภาพ ก้ อนหินที่พระเทวทัตกลิ ้งลงมานัน้ ไปกระทบกับ ยอดเขา ทาให้ ก้อนหินแตกกระจาย มีสะเก็ดหินก้ อนหนึง่ กระเด็น มากระทบหลังพระบาทของพระองค์ ทาให้ เกิดการห้ อเลือดขึ ้น พระองค์ได้ รับความเจ็บปวดอย่างมาก แต่ทรงอดกลันไว้ ้ ด้วย สติสมั ปชัญญะ เพราะเหตุนนั ้ พระผู้มีพระภาคเจ้ าจึงตรัสว่า “เมื่อชาติก่อน เราฆ่าน้องชายต่างมารดา เพราะสาเหตุเรือ่ งการแย่งมรดก เราจับ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
น้องชายยัดใส่ลงในซอกหิน และเอาหินทับ เพราะวิบากของกรรม นั้น พระเทวทัตจึงกลิ้งก้อนหิน(หมายเพื่อจะปลงพระชนม์พระองค์) และเศษหินได้ ถูกนิว้ หัวแม่ เท้ าของเรา” พระพุทธองค์ได้ ตรัสเล่าถึงผลแห่งกรรมเก่าที่เคยทาไว้ ใน ภพชาติก่อนว่า ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์และน้องชายเป็นลูกพ่อ เดียวกัน แต่ต่างแม่ เมื่อบิดาล่วงลับไปแล้ว พี่น้องทั้งสองนั้นทาการ ทะเลาะกัน เพราะอาศัยพวกทาสยุยง จึงได้คิดหาทางทาร้ายฝ่ายตรง ข้าม ในขณะต่อสูก้ ัน ด้วยความที่มีกาลังมากกว่า พระโพธิสัตว์กดทับ น้องชายไว้ข้างบน แล้วกลิง้ หินทับบนร่างของน้องชายนั้น เพราะ วิบากของกรรมนัน้ พระโพธิสตั ว์ จึงได้ รับผลกรรมในนรกเป็ นต้ น หลายพันปี และเศษของกรรมที่เหลือ ทาให้ ได้ รับทุกขเวทนาอย่าง หนัก ซึง่ เกิดจากโดนสะเก็ดหินที่กระเด็นมากระทบหัวแม่เท้ าจนห้ อ พระโลหิตจากการกระทาของพระเทวทัต
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
เรื่องที่ ๒ ทุกขเวทนาจากถูกสะเก็ดหิน ในอดีตกาล พระโพธิสตั ว์เกิดในครอบครัวหนึง่ ตอนที่ยงั เป็ นเด็ก กาลังเล่นอยู่ที่ถนนใหญ่ มองเห็นพระปั จเจกพุทธเจ้ า องค์ หนึ่ง กาลังเดินมาเพื่อบิณฑบาตที่กลางถนน คิดว่า สมณะ โล้ นรูปนี ้ จะเดินไปไหนหนอ ด้ วยความคึกคะนองตามประสาเด็ก จึงถือเอาเศษหิน ขว้ างปาใส่ ท่านเพื่อทดสอบความแม่นยา เศษ หินนัน้ ไปโดนหลังเท้ าของท่ าน ทาให้ ผวิ หนังบริเวณหลังเท้ า ฉีกขาด มีเลือดไหล เพราะผลแห่งบาปกรรมด้ วยการประทุษร้ าย พระอริยเจ้ าผู้บริ สทุ ธิ์ พระโพธิสตั ว์ จึงได้ รับผลบาปอย่างมหันต์ใน นรกหลายพันปี ในชาติสดุ ท้ าย แม้ เป็ นพระพุทธเจ้ าแล้ ว ยังได้ รับ ทุกขเวทนาอย่างหนักซึง่ เกิดจากสะเก็ดหินกระทบที่หลังพระ บาท จนทาให้ ห้อพระโลหิตขึน้
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
เรื่องที่ ๓ ทุกขเวทนาเกิดจากการถูกผ่าตัดแผล ในอดีตกาลพระโพธิสัตว์ได้ เกิดเป็นพระราชาที่เมือง ชายแดน เพราะการคลุกคลีกับคนชั่วและอยู่ในสิ่งแวดล้อมไม่ดี จึง กลายเป็นนักเลง นิสัยหยาบกระด้าง ต่อมาวันหนึง่ พระองค์เดินถือ มีดเข้าไปในเมือง เอามีดฆ่าฟันผู้คนทั้งหลาย ผู้ไม่มีความผิด แล้ว เดินหนีไป เพราะผลของบาปกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ ได้ไปเกิดในนรก หลายพันปี ได้รับทุกข์ในทุคติภูมิ มีกาเนิดสัตว์เดียรัจฉานเป็นต้น จากเศษกรรม ในชาติสุดท้าย ได้เป็นพระพุทธเจ้า หนังหัวแม่เท้า ได้ เกิดห้อพระโลหิตขึ้น เพราะก้อนหินทีพ่ ระเทวทัตกลิง้ ลงมาหมายจะ ปลงพระชนม์พระศาสดา แล้วกระเด็นมากระทบ เมื่อหมอชีวกได้ทา การรักษาแผลให้ พระพุทธองค์ทรงได้รับทุกขเวทนา เนื่องจากการตัด ผิวหนังที่หลังพระบาท เกิดจากผลกรรม คือเคยใช้มดี ฆ่าคนที่ไม่มี ความผิด เพราะฉะนั้น พระพุทธองค์จงึ ตรัสว่า “เราเป็นคนเดินเท้า ฆ่าคนทั้งหลายด้วยหอก ด้วยวิบากของกรรมนั้น เราถูกไฟไหม้อยู่ ในนรกอย่างรุนแรง ด้วยเศษของกรรมนั้น มาบัดนี้เขาจึงตัดหนังที่ เท้าของเราเสียสิ้น เพราะยังไม่หมดกรรม”
พระเทวทัต ได้ ทาร้ ายพระพุทธเจ้ าจนห้ อพระโลหิต เพราะความโกรธแค้ น กรรมนี ้ จัดเป็ น อนันตริยกรรม คือ มีโทษมาก เป็ นบาปมหันต์ที่แก้ ไขไม่ได้ ในชาติปัจจุบนั ไม่มีสิทธิ์ได้ ฌานสมาบัติ หมดโอกาสได้ บรรลุมรรคผลนิพพาน และชีวิตหลังตาย ต้ องไปเกิดในนรก อเวจีสถานเดียว ส่วนหมอชีวก ผู้มีความศรัทธาเลื่อมใสยิ่งในพระตถาคตเจ้ า ได้ ทาการผ่า หนังที่บวมขึ ้นนันด้ ้ วยจิตที่เต็มเปี่ ยมด้ วยความรัก เคารพ เลื่อมใส เป็ นกุศลกรรมที่ เป็ นบุญ อันยิ่งใหญ่ ดูเพิ่มใน สัง.ส.(แปล) ๑๕/๕๐-๕๑ สกลิกสูตร อัง.ปั ญจก.(แปล)๒๒/๒๐๙ ปริกุปปสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
เรื่องที่ ๔ โรคปวดศีรษะ ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์ ได้ถือกาเนิดเป็นชาวประมง ในหมู่บ้านชาวประมงแห่งหนึง่ ต่อมาอีกวันหนึ่ง พระองค์กับพวก ชาวประมง ได้เดินไปที่ฆ่าปลา เห็นเขาทุบหัวปลามากมาย แล้วเกิด ความดีใจในการกระทาเช่นนั้น แม้พวกที่ไปด้วยกัน ต่างแสดงความ ชื่นชมในบาปนั้นเช่นกัน เนื่องจากผลกรรมจากการยินดีในบาป คือ การฆ่าปลา พระโพธิสตั ว์ได้ รับทุกข์ ในอบายทัง้ ๔ (คือ นรก สัตว์เดรัจฉาน เปรต อุสรกาย) ในชาติสดุ ท้ าย ได้ บงั เกิดในตระกูลศากยราช พร้ อม กับบุคคลเหล่านัน้ แม้ ได้ ตรัสรู้ธรรมเป็ นพระพุทธเจ้ าแล้ ว แต่ถงึ กระนัน้ พระองค์ยงั ได้ รับทุกขเวทนาที่ศีรษะ คือ ปวดพระเศียร ในครัง้ ที่ได้ สดับข่าวของพระเจ้ าวิฑฑู ภะ ที่ได้ ยกพลมาฆ่าล้ างโคตร เจ้ าศากยะ และบุคคลเหล่านัน้ เกิดมาเป็ นพวกเจ้ าศากยะ และถูก พวกพระเจ้ าวิฑฑู ภะฆ่าตายเกือบหมด๓ สาเหตุที่พวกเจ้ าศากยะ พระประยูรญาติของพระพุทธเจ้ า ได้ ถกู พระเจ้ าวิฑฑู ภะและกอง พลฆ่าล้ างโคตรนัน้ เป็ นผลกรรมสืบเนื่องมาจากอริยุปวาทกรรม คือ เจ้ าศากยะเหล่านัน้ ได้ คิดอกุศลและพูดตาหนิติเตียนพระตถาคตเจ้ า เมื่อครัง้ ได้ เสด็จมาโปรดพระญาติ หลังจากตรัสรู้ธรรมได้ ๑๐ พรรษา-ข้ อมูลจากอานันทโพธิสัตว์ ส่วนในคัมภีร์อรรถกถา ได้ อธิบายว่า พระประยูรญาติศากยะได้ ถกู พระเจ้ าวิฑฑู ภะฆ่า ตายเกือบหมดนัน้ เพราะกรรมเก่า คือ ร่วมกันโปรยยาพิษลงในแม่น ้าเป็ นเหตุให้ สตั ว์ในน ้า ตาย ซึง่ มีน ้าหนักน้ อยกว่า ดูเพิ่มใน ธ.ป. (แปล) ๓/๗-๓๙ เรื่ องวิฑูฑภะ ๓
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
พระพุทธองค์ จึงตรัสถึงบุรพกรรมของพระองค์เองตอนนี ้ว่า “เรา เป็นลูกชาวประมงในหมู่บ้านชาวประมง เห็นปลาทั้งหลายถูกฆ่า จึง เกิดความดีใจ เพราะวิบากของกรรมนั้น ความทุกข์ที่ศีรษะได้มีแก่เรา แล้ว ในคราวที่เจ้าวิฑูฑภะฆ่าเจ้าศากยะ”
ความคิด ก็เป็นกรรม เพียงแค่คิด ก็ผิดแล้ว
ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สาเร็จด้วยใจ ถ้าคนมีใจชั่ว ก็จะพูดชั่วหรือทาชั่วตามไปด้วย เพราะความชั่วนั้น ทุกข์ย่อมติดตามเขาไป เหมือนล้อหมุนตามรอยเท้าโคที่ลากเกวียนไป ฉะนั้น หากบุคคลทาบาปไป ก็ไม่ควรทาบาปนั้นซ้าอีก ไม่ควรทาความพอใจในบาปนั้น เพราะการสั่งสมบาปนาทุกข์มาให้ พุทธพจน์ ขุ.ธ.(แปล) ๒๕/๒๓,๖๗
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
เรื่องที่ ๕ ทุกขเวทนาอันเกิดจากการปวดหลัง ในอดีตกาล พระโพธิสตั ว์บงั เกิดในตระกูลคหบดี มี พละกาลังแข็งแรงมากกว่าคนปกติหลายสิบคน แต่รูปร่าง ค่ อนข้ างเตีย้ มีครัง้ หนึง่ นักมวยปล ้าคนหนึง่ ได้ เอาชนะฝ่ ายตรง ข้ ามทังหมดในหมู ้ ่บ้านและในตัวเมือง เรื่ อยมาตามลาดับ จนมาถึง เมืองที่พระโพธิสตั ว์อยู่ พร้ อมกันนัน้ ยังได้ เอาชนะคนในเมืองนัน้ อีกด้ วย กาลังจะเดินทางไปปล ้ามวย ณที่แห่งอื่นอีก ส่วนพระโพธิสตั ว์คิดว่า นักมวยปล้าคนนี้ พอได้ชัยชนะใน เมืองของเราแล้ว กาลังจะไปปล้ากับนักมวยคนอื่น ณสถานที่อื่น จึง ได้ เดินทางมาที่นนั่ เพื่อทาการทดสอบดู จึงได้ ปรบมือขึ ้น แล้ วพูด ท้ าทายว่า คุณเดินเข้ามาสิ เรามาต่อสู้กันด้วยศิลปะมวยปล้า แล้ว ค่อยออกเดินทางไปที่อื่น นักมวยปล ้าคนนันผู ้ ้ มีความเชื่อมัน่ ใน ฝี มือและกาลังของตนเอง พอได้ ยินเช่นนันแล้ ้ ว จึงหัวเราะ เพราะ คิดว่า พวกผู้ชายที่มีรา่ งกายใหญ่โต เรายังทาให้ล้มได้ ส่วนผู้ชายคนนี้ เป็นคนเตี้ย รูปร่างก็เตี้ย เราใช้มือข้างเดียวก็พอ จึงปรบมือรับ เดิน พูดท้ าทายเข้ ามาหาพระโพธิสตั ว์ คนทังสองต่ ้ างจับมือกันเป็ นการเอาเชิง เมื่อการต่อสู้กนั เริ่ มต้ น พระโพธิสตั ว์ได้ จบั ยกนักมวยปล ้าคนนันขึ ้ ้น แล้ วหมุนไปใน อากาศ ได้ ทาให้ กระดูกไหล่ เขาหักแล้ ว ก่ อนทุ่มลงบนพืน้ ผล ปรากฏว่า ฝ่ ายพระโพธิสตั ว์เป็ นผู้ชนะ ชาวพระนครทังหมด ้ พา
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
กันโห่ร้อง ปรบมือ โบกผ้ า แสดงความชื่นชม พระโพธิสตั ว์ผ้ เู ป็ น หน่อเนื ้อพุทธังกูร มีจิตใจประเสริ ฐด้ วยคุณธรรม ได้ บอกให้ นกั มวย ปล ้าคนนันนั ้ ง่ ลง โดยยืดหลังให้ ตงตรง ั ้ แล้วช่วยจัดกระดูกไหล่ให้ตรง แล้วพูดกับเขาว่า คุณไปที่อนื่ เถอะ ตั้งแต่นี้ไป คุณอย่าทาแบบนี้ แล้ว เดินไปส่งเขาด้วยน้าใจนักกีฬา เพราะเศษกรรมนัน้ พระโพธิสตั ว์ได้ รับทุกขเวทนาทาง ร่ างกายและศีรษะเป็ นต้ น ในภพชาติที่ผ่านมา แม้ ในชาติสดุ ท้ าย ถึงได้ เป็ นพระพุทธเจ้ าแล้ ว ยังได้ รับทุกข์ มกี ารเสียดแทงที่หลัง เป็ นต้ น ฉะนัน้ เมื่อความทุกข์ที่เบื ้องพระปฤษฎางค์ (หลัง)เกิดขึ ้น ในกาลบางคราว พระองค์จงึ ตรัสกับท่านพระสารี บุตรและท่าน พระมหาโมคคัลลานะว่า จากนี้ไป พวกเธอจงแสดงธรรม เราจะ พักพ่อน๔ แล้วพระองค์ทรงรับสั่งให้ปูลาดผ้าจีวร แล้วบรรทม แม้ พระองค์ ได้ เป็ นพระพุทธเจ้ าแล้ ว ก็หนีไม่พ้นวิบากของ กรรมเก่าที่เคยทาเอาไว้ จึงได้ ตรัสว่า “เมื่อการปล้ากันดาเนินไปอยู่ เราได้เบียดเบียนบุตรนักมวยปล้า(ให้ลาบาก) ด้วยวิบากของกรรมนั้น ความทุกข์ที่หลัง (ปวดหลัง) จึงได้มีแก่เรา”
๔
ที.ปา.(แปล) ๑๑/๒๔๗-๒๖๐,สังคีตสิ ูตร,อัง.นวก. (แปล)๒๓/๔๓๔-๕๓๘ นันทกสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
เรื่องที่ ๖ โรคถ่ายเป็นเลือด ในอดีตกาล พระโพธิสตั ว์ ได้ ถือกาเนิดเกิดในตระกูลคหบดี เลี ้ยงชีพด้ วยเวชกรรม(เป็ นหมอ) มีเหตุการณ์ครัง้ หนึง่ ที่พระ โพธิสตั ว์ ก่อนจะลงมือรักษาบุตรของเศรษฐีคนหนึ่งที่ไม่ สบาย จึงปรุงยาแล้ วรักษา แต่เพราะการผิดคาพูดของบุตรเศรษฐี ในเรื่ อง การให้ คา่ รักษา จึงปรุงโอสถอีกขนานหนึง่ ซึง่ มีฤทธิ์แรงเกินไป ส่งผลทาให้ บตุ รเศรษฐี ถ่ายมากเกินไป จนถึงเลือดออกทางทวาร เพราะวิบากกรรมนัน้ พระโพธิสตั ว์จงึ ได้ ป่วยด้ วยโรคถ่ายเป็ นเลือด ในภพชาติที่ผ่านมา แม้ ในชาติสดุ ท้ าย ณ วันเพ็ญเดือน ๖ ก่อนใกล้ จะเสด็จดับ ขันธปริ นิพพาน พระองค์ได้ ถ่ายเป็ นโลหิตและมีพระโลหิตไหลออก เกือบตลอดเวลา๕
สาเหตุของโรคปั กขันทิกาพาธ หรื อถ่ายเป็ นเลือดนี ้ สืบเนื่องมาจากการอดอาหารเป็ น เวลานานหลายสัปดาห์ และอย่างต่อเนื่อง ทาให้ เลือดออกในกระเพาะอาหาร ในครัง้ ที่ พระองค์ทรงทาทุกกรกิริยา บาเพ็ญตบะอย่างอุกกฤษฏ์ เมื่อวิบากกรรมได้ โอกาส จึงส่งผล ทาให้ พระองค์เป็ นโรคถ่ายเป็ นเลือด-ข้ อมูลจากอานันทเทพบุตร ๕
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากเสวยสูกรมัททวะอาหาร บิณฑบาตเมื่อสุดท้ ายที่นายจุนทะ(ช่างทอง) ได้ ปรุงถวายเพื่อ รักษาพระอาการและบารุงกาลัง พร้ อมกับทิพโอชะที่เทวดาใน จักรวาลทังสิ ้ ้น ได้ ใส่ลงในอาหารนัน้ พระผู้มีพระภาคเจ้ าเสด็จ ดาเนินไปเพื่อปริ นิพพานที่เมืองกุสนิ ารา ในขณะที่ดาเนินไปนัน้ ต้ องประทับนัง่ ในที่หลายแห่ง ทรงกระหายน ้า ทรงดื่มน ้า เสด็จถึง เมืองกุสินาราด้ วยความลาบากอย่างมาก แล้ วเสด็จปริ นิพพานใน เวลาใกล้ รุ่ง เมื่อวันอังคารขึ ้น ๑๕ ค่า เดือน ๖ วิสาขมาส พระพุทธเจ้ า ได้ เล่าถึงบุรพกรรมของพระองค์ในตอนนี ้ว่า “เราเป็นหมอรักษาโรค ได้ให้ยาถ่ายแก่บุตรของเศรษฐี(จนถึงแก่ความ ตาย) ด้วยวิบากของกรรมนั้น โรคปักขันทิกาพาธ(ถ่ายเป็นเลือดและ เลือดออกทางทวาร) จึงมีแก่เรา”
คาว่า สูกรมัททวะ เป็ นชื่อของอาหารประเภทหนึ่งในสมัยพุทธกาล มีสรรพคุณบารุง กาลัง ซึง่ มีองค์สว่ นประกอบ คือ ข้ าวสาลี เห็ด หน่ อไม้ ถั่วและงา พร้ อมทังสมุ ้ นไพร บารุงกาลังอีกหลายอย่าง (แต่ไม่มีเนื ้อสัตว์และนม) ซึง่ นายจุนทะผู้เป็ นช่างทองได้ ปรุง ถวายแด่พระพุทธองค์และพระภิกษุสงฆ์ แต่เพราะการเสวยอาหารบิณฑบาตครัง้ นี ้ เป็ น ครัง้ สุดท้ ายของพระองค์ เทวดาทังหลายจึ ้ งได้ ใส่โอชะทิพย์ลงไปด้ วย-ข้ อมูลจาก นายจุน ทะ,อาจารย์หมอ ชีวกโกมารภัจจ์,อานันทเทพบุตรและอาจารย์เสถียรโพธินันทะ ส่วนมติของเกจิอาจารย์มี ๓ ประเด็น คือ ๑. เนื ้อสุกรหนุ่ม ๒. ข้ าวสุกอ่อน ที่ปรุง ด้ วยนมสด นมส้ ม เนยใส เปรียง เนยแข็ง และถัว่ ๓. วิธีปรุงอาหารชนิดหนึ่ง ที.มหา.(แปล) ๑๐/๑๓๘ มหาปรินิพพานสูตร และอรรรถกถา
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
เรื่องที่ ๗ ทุกขเวทนาอันเกิดจากไฟไหม้พื้นเท้า ส่วนเรื่องทุกขเวทนาอันเกิดจากไฟได้ ไหม้ พื ้นเท้ า พระพุทธ องค์ได้ ตรัสเล่าถึงบุรพกรรมของพระองค์ในตอนนี ้ว่า “ในอดีตชาติที่ ผ่านมา เราเป็นแม่ทัพทหารราบ ใช้หอกฆ่าคนเป็นจานวนมาก ด้วย วิบากแห่งกรรมที่เหลือนั้น ในชาตินี้ ไฟได้ไหม้พื้นเท้าของเราอีก เพราะ เศษกรรมยังไม่หมดสิ้น”
พระพุทธเจ้า ผู้ไร้ซึ่งบาปและบุญ พระพุทธองค์ ตรัสสรุปว่า เราสิ้นบาปสิ้นบุญแล้ว ปราศจากความเร่าร้อน ทุกอย่าง ไม่มีความเศร้าโศก ไม่มีความคับแค้น ไม่มีอาสวะ จักปรินิพพาน พระพุทธชินเจ้าได้ทรงบรรลุกาลังแห่งอภิญญาทั้งปวงแล้ว ทรง พยากรณ์โดยมุ่งหวังประโยชน์สาหรับหมู่ภิกษุที่ใกล้สระใหญ่ชื่ออโนดาต ด้วยประการฉะนี้แล พุทธาปทาน ชื่อปุพพกัมมปิ โลติ พระไตรปิ ฎก เล่ม ๓๒ ขุททกนิกาย อปทาน (มจร.แปล) หน้ า ๕๗๔-๕๗๖
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
ข้อคิด..คติธรรม แด่บัณฑิตทั้งหลายผู้ใฝ่แสวงหาทางหลุดพ้น พระพุทธเจ้า พระบรมศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทงั้ หลาย เป็นผู้ล้าเลิศประเสริฐสุด ด้วยศีล สมาธิและปัญญา เป็นพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นมหาบุรุษเอกในจักรวาลนี้ ไม่มีใครที่จะเสมอ เหมือนพระองค์ได้ ทรงมีสพั พัญญุตญาณ มีทศพลญาณ มีเวสารัช ญาณ มีญาณหยัง่ รู้อดีตและอนาคตอย่างไม่ติดขัด พระพุทธองค์ทรง เป็นผู้มีบุญบารมีมากล้นถึงเพียงนี้ แต่ยังหนีไม่พ้นจากวิบากของ อกุศลกรรมเก่าไปได้ ทัง้ นีเ้ พราะอะไร เพราะกฎแห่งกรรมเปลี่ยน ไม่ได้ กล่าวคือขณะที่กรรมกาลังจะส่งผลในชาติปัจจุบนั จะเปลี่ยน ให้ไปส่งผลในชาติหน้าไม่ได้๖ ไม่มีอานุภาพอะไรที่จะเหนือพลังกรรม จึงมีคาพูดเป็นภาษาชาวบ้านว่า ไม่มีใครเก่งเกินกรรม เพราะ แม้แต่บุคคลผู้มีฤทธิ์อย่างน่าอัศจรรย์ แต่ก็ยงั อยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม จะป่วยกล่าวไปใยถึงบุคคลอืน่ ไม่ต้องพูดถึงปุถุชนคนทั่วไป ด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่ควรประมาทในชีวิต ไม่ควรพร่าเวลาให้สิ้น ไปเปล่าโดยไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย พึงรีบศึกษาเรียนรู้กรรมและวิบาก กรรมให้กระจ่างแจ้ง ทาความเข้าใจในพุทธธรรมให้ถ่องแท้ ตั้งมั่นอยู่ ในสัมมาทิฐิ ปฏิบัติธรรมตามอริยมรรคมีองค์ ๘ ให้ได้ถึงที่สุด แล้วรีบ ถอนตัวออกจากสังสารวัฏอันน่าสะพรึงกลัวนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทาได้
๖
ม.อุ. (แปล) ๑๔/๑-๒๘ เทวทหสูตร,อัง.นวก.(แปล) ๒๓/๔๕๙-๔๖๔ โกฏฐิตสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
โรคแผลผุพองเน่าทั้งตัว-กระดูกหัก๗ ผลกรรมจากการทาทารุณกรรมสัตว์
ในสมัยพุทธกาล ชายหนุม่ ชาวกรุงสาวัตถีคนหนึง่ ฟั งธรรม จากพระพุทธเจ้ าแล้ ว เกิดความศรัทธาเลื่อมใส ได้ มอบกายถวาย ชีวิตในพระศาสนา ขอบรรพชาและอุปสมบทแล้ ว โดยมีฉายาว่า ติสสะ ต่อมา ท่านพระติสสะรูปนี ้ ได้ ป่วยเป็ นโรคประหลาดชนิด หนึง่ คือ มีตุ่มเล็กๆเท่ากับเมล็ดผักกาดเกิดขึ้นที่ผิวหนังทั่วร่างกาย ของท่าน แล้วโตขึ้นเรื่อยๆขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว เมล็ดถั่วดา เมล็ด กระเบา ผลมะขามป้อม และขยายใหญ่ขึ้นเท่าผลมะตูม แล้วก็แตก ออก เลือดหนองไหลเยิ้ม มีรูทั่วร่างกาย จนคนเรี ยกท่านติดปากว่า พระปูตคิ ัตตติสสเถระ (พระตัวเน่า) การตรัสรู้ธรรมเป็ นพระอริยเจ้ าทุกยุคสมัยไม่วา่ จะเป็ นอดีต ปั จจุบนั และอนาคต จะ เกิดขึ ้นเฉพาะแก่บคุ คลหญิง-ชายผู้อยู่ในเพศบรรพชิต มีนิ ้วเท้ า ๒ ข้ างยาวเสมอกัน เกิด ภายในบริเวณพื ้นที่ภมู ิประเทศที่เรียกว่า “อินเดีย” ในปั จจุบนั เท่านัน้ ได้ ปฏิบตั ิตาม อริยมรรคมีองค์ ๘ อย่างถูกต้ อง จะเกิดขึ ้นก่อนรุ่งสาง ณ ที่กลางแจ้ ง และในขณะนัน้ ได้ หันหน้ าไปทิศตะวันออกเท่ านัน้ การบรรลุมรรคผลนิพพาน จะไม่เกิดขึ ้นแก่บคุ คลที่เกิด ในประเทศอื่น หรือสถานที่อื่นนอกจากนี ้ -ข้ อมูลจากครูอาจารย์เบื ้องบน มีท่านหลวงพ่ อเสือ วิรุฬหผลโพธิสัตว์ ผู้จะได้ ตรัสรู้ เป็ นพระพุทธเจ้ า ถัดจากพระเมตไตยพุทธเจ้ า และท่านยังยืนยันอีกว่า ข้ อความนี ้เป็ นพุทธ พจน์, นอกจากนี ้ ยังมีท่านโทณพราหมณ์,ท่านฆฏิการพรหมอรหันตสาวกแห่งอกนิฏฐา พรหมโลก และท่านพระอานนท์เถระหน่อเนื ้อพุทธางกูร ก็กล่าวข้ อความนันเป็ ้ นพุทธพจน์ เช่นกันกัน ส่วนในอรรถกถา ได้ กล่าวว่า พระเถระรูปนี ้ ได้ บรรลุธรรมเป็ นพระอรหันต์ ดูเพิ่มใน ธ.ป.(แปล) ๒/๒๒๒-๒๒๗ เรื่องพระปูตคิ ัตตติสสเถระ ๗
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
ต่อมาไม่นาน กระดูกของท่าน มีปัญหาเกิดภาวะกระดูกผุ พรุน เปราะบางและแตกหักในที่สดุ ทัว่ ร่างกายก็เต็มไปด้ วยตุม่ ที่ แตกเยิ ้ม ทาให้ ผ้าสบงจีวรเปรอะเปื อ้ นด้ วยหนองและเลือด จนไม่ ภิกษุรูปใดดูแลท่านเลย ท่านไม่มีที่พงึ่ นอนแช่หนองและเลือด ตัวเองอยู่บนที่นอน โดยปกติ พระพุทธเจ้ า จะทรงตรวจดูโลก ๒ ครัง้ คือ ใน กาลใกล้รุ่งและตอนเย็น ในเวลาที่ทรงตรวจดูโลกตอนใกล้รงุ่ จะทรง ตรวจดูเริ่มตั้งแต่ขอบปากจักรวาล จนถึงพระคันธกุฎี ในขณะที่ทรง ตรวจดูเวลาเย็น ทรงตรวจดูเริ่มตั้งแต่พระคันธกุฎี แล้วขยายออกไป ภายนอก ในเวลานัน้ พระปูติคตั ตติสสเถระ ปรากฏขึ ้นในพระญาณ ของพระผู้มีพระภาคเจ้ า พระพุทธองค์ ทรงเห็นอุปนิสยั แห่งการเข้ าใจธรรมะของ พระติสสะ ทรงดาริ วา่ “ภิกษุรูปนี้ ถูกพวกสัทธิวิหาริกทอดทิ้ง ตอนนี้ เธอไม่มีที่พึ่งอื่น นอกจากเรา” จึงเสด็จออกจากพระคันธกุฎี ไปโปรด แล้ วทรงรับสัง่ ให้ พวกภิกษุที่อยู่ในบริ เวณนันช่ ้ วยกันล้ างหม้ อ ใส่น ้า ยกตังบนเตา ้ เมื่อน ้าร้ อนเสร็จแล้ ว ทรงรับสัง่ ให้ ช่วยกันยกท่านพระ ติสสะลงจากเตียงหามไปทีโ่ รงไฟ พระศาสดาทรงให้ นารางไม้ มา ให้ เทน ้าร้ อนใส่แล้ ว ทรง สัง่ ภิกษุเหล่านันเปลื ้ ้องเอาผ้ าจีวรของเธอออก ให้ ขยาด้ วยน ้าร้ อน แล้ วให้ ผงึ่ แดด พระศาสดาประทับยืนใกล้ เธอ ทรงรับสัง่ ให้ เอา น ้าอุน่ รดที่ตวั ให้ ทวั่ ร่าง แล้ วอาบน ้าให้ เธอ แล้ วให้ ครองผ้ าจีวร เมื่อเธอรู้สกึ เบาตัวสบาย มีจิตใจผ่อนคลาย นอนบนเตียง พระ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
ศาสดาประทับยืนเหนือศีรษะเธอ ตรัสว่า “ภิกษุ ร่างกายของเธอนี้ พอไร้วิญญาณ(จิต)แล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ จะถูกทิง้ ให้นอนบนแผ่นดิน เหมือนท่อนไม้” ในเวลาจบเทศนา พระติสสเถระได้ ความปลาบปลื ้มใน ธรรม เข้ าใจเรื่ องกฎแห่งกรรมของตนเองอย่างถูกต้ อง แม้ ภิกษุและ เทวดาเป็ นอันมาก ต่างได้ ประโยชน์จากการฟั งธรรมในครัง้ นี ้ ต่อมาอีกสักครู่ พระเถระ ก็ได้ มรณภาพ ในเกิดในสุคติโลกสวรรค์ ตามฐานแห่งบุญกุศลที่เคยสร้ างเอาไว้ พวกภิกษุกราบทูลถามพระศาสดาว่า “พระเจ้ าข้ า เพราะ เหตุใด ภิกษุนี ้ถึงได้ มีร่างกายเปื่ อยเน่ า กระดูกผุกร่ อน แตก” พระศาสดา ได้ ตรัสเล่าถึงบุรพกรรมในอดีตชาติของพระ ติสสะ ซึง่ มีรายละเอียด ดังนี ้
กรรมหักขา-ปีกนก
ในกาลแห่งพระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนาม ว่ากัสสปะ ติสสะนี้เกิดเป็นนายพรานนก ฆ่านกมากมายนับไม่ถ้วน เพื่อปรุงเป็นอาหารแก่พวกคนมีฐานะดี และขายนกที่เหลือให้แก่คน อื่นๆ เขาคิดว่า “นกที่เหลือจากขาย ถ้าเราฆ่าเก็บไว้ คงจะเน่าเสีย” ไม่คิดฆ่า จึงหักขาและปีก จนนกไม่สามารถจะเดินและบินหนีได้ แล้ว กองรวมกันไว้ เช้าของวันรุง่ ขึ้น เขาขายนกเหล่านั้น วันใดที่ได้นกมา มาก ให้คนปิ้งไว้เพื่อตนเอง
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
ต่อมาวันหนึ่ง ในขณะเวลาที่จะรับประทานอาหาร มีพระ อรหันต์ขีณาสพองค์หนึง่ เดินบิณฑบาตมายืนอยู่ที่ประตูเรือนของเขา พอเขาเห็นเข้า เกิดความเลื่อมใส คิดในใจว่า “เราได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมา มาก เวลานี้ พระคุณเจ้า ได้มายืนอยู่ที่ประตูเรือนและอาหารก็มี มากมาย เราจะถวายบิณฑบาตท่าน” จึงรับบาตรของท่านมา แล้วใส่ อาหารที่เลิศรสจนเต็มบาตร แล้วน้อมเข้าไปถวายด้วยความศรัทธา เลื่อมใส กราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ แล้วตัง้ ความปรารถนาว่า “ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าได้บรรลุธรรมที่ท่านได้ บรรลุแล้วเถิด” พระเถระได้ทาอนุโมทนาว่า “เอวัง โหตุ ขอจงเป็นไป ตามที่ปรารถนาเถิด อุบาสก” ภิกษุทั้งหลาย ผลกรรมทั้งหมดเกิดขึ้นแก่ติสสะในชาตินี้ เป็น ผลกรรมที่ติสสะทาแล้วในชาตินั้น ร่างกายของเธอ เกิดเน่าเปื่อยและ กระดูกทั่วร่างกายแตกหัก เพราะผลกรรม คือ การหักกระดูกขาและ ปีกนกเป็นจานวนมาก ส่วนติสสะได้ประโยชน์จากธรรมะ เพราะผล กรรม คือ ได้ถวายบิณฑบาตอันเลิศรสแก่พระอรหันต์ขณ ี าสพ”
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
ข้อคิด...คติธรรม แม้การฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์เป็นบาปกรรมก็จริง แต่ นายพรานนกในเรื่องนี้ เพราะบุญเก่าหนุนนาและอาศัยปัญญา ความ ฉลาด จึงรู้จักวิธีเปลี่ยนบาปให้เป็นบุญ โดยเอาอาหารที่ปรุงจาก เนื้อสัตว์ไปถวายพระอรหันต์ผู้เป็นเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยม ตั้งความ ปรารถนาเพื่อการหลุดพ้น ด้วยอานิสงส์แห่งพลังบุญนั้น ส่งผลให้เข้า มาบวชในพระพุทธศาสนาแล้วได้ศึกษาเรียนรู้ปฏิบัติธรรม มีโอกาสได้ ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า และชีวิตหลังตาย มีโอกาสได้ไปเกิดในสุคติ โลกสวรรค์ ฉะนั้น ทานที่ทาไว้ดีแล้วในพระอริยสงฆ์ จะพลักดันให้ชีวิต ก้าวไปในเส้นทางสายธรรม จากทานสู่ศีล จากศีลสูส่ มาธิและจาก สมาธิสู่ปัญญาในที่สุด บัณฑิตผู้ฉลาด จึงไม่ควรมองข้ามทานว่าเป็น สิ่งเล็กน้อย แล้วไม่ทาทาน
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
กฎแห่งการฆ่า
ผู้ฆ่าย่อมอายุสั้นตายเร็ว ภิกษุทั้งหลาย ปาณาติบาต (การฆ่าสัตว์) ที่บุคคลเสพ เจริญ ทาให้มากแล้ว ย่อมอานวยผลให้ไปเกิดในนรก อานวยผลให้ไปเกิดในกาเนิดสัตว์ดิรัจฉาน อานวยผลให้ไปเกิดในเปรตวิสยั วิบากแห่งปาณาติบาตอย่างเบาที่สุด ย่อมอานวยผลให้เป็นผู้มีอายุน้อยแก่ผู้เกิดเป็นมนุษย์
ทุจจริ ตวิปากสูตร อัง.อัฏฐก. (แปล) ๒๓/๓๐๑-๓๐๒
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
โรคตาบอด
ผลกรรมที่ทาให้ตาบอด๘ ในสมัยพุทธกาล มีอบุ าสกคนหนึง่ ชื่อ มหาปาละ ซึง่ เป็ นผู้ มัง่ มีคนหนึง่ ได้ ฟังอนุปุพพีกถา คือทรงชี ้แจงเรื่ องทาน ศีล สวรรค์ โทษของกามและอานิสงส์ของการออกจากกามทังหลายจากพระ ้ ศาสดา จึงเกิดความคิดว่า “บุตรธิดาและโภคสมบัติ ไม่สามารถ ติดตามเราไปได้หลังตาย แม้ร่างกายตัวเราแท้ๆ ก็เอาไปด้วยไม่ได้ เรา น่าจะออกบวชดีกว่า” เมื่อเสร็จจากการฟั งธรรม ได้ เข้ าไปเฝ้ าพระ ศาสดา ทูลขอบรรพชาอุปสมบท ได้ ศกึ ษาพระธรรมวินยั กับพระ อุปัชฌาย์และพระอาจารย์ ๕ พรรษา หลังออกพรรษา ปวารณาแล้ วเข้ าไปเฝ้ าพระศาสดา ถวาย บังคมแล้ ว ทูลถามเป้าหมายของการบวช พระศาสดา จึงได้ ตรัส บอกพระกรรมฐาน ท่านได้ ศกึ ษาเรี ยนรู้จดจาจนขึ ้นใจแล้ ว จึง ถวายบังคมพระศาสดาออกเดินทางจาริ กไปยังหมู่บ้านชายแดน ห่างจากวัดเชตวันประมาณ ๑,๙๒๐ กิโลเมตร พร้ อมกับเพื่อนพระ ด้ วยกันหลายรูป ชาวบ้ าน พอเห็นพระที่มีการสารวม มีข้อวัตรปฏิบตั ิดี ก็ เกิดความเลื่อมใสศรัทธา พากันปั ดกวาดบริ เวณสถานที่ จัดที่พกั ๘
ขุ.ขุท.(แปล)๒๕/๒๓ ,ธ.ป. (แปล) ๑/๑-๓๔ เรื่ องพระจักขุบาลเถระ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
เรี ยบร้ อยแล้ วมอบถวาย หมู่บ้านนี ้เป็ นประจา
บ. สยังวสี
พวกพระภิกษุได้ เข้ าไปบิณฑบาตใน
พระเถระถือเนสัชชิกธุดงค์
(ไม่นอน ๓ เดือน) ในวันเข้ าพรรษา พระเถระเรียกภิกษุเหล่านันมาพร้ ้ อม กัน ถามว่า “ท่านทั้งหลาย จะฝึกปฏิบัติในอิริยาบถภายในพรรษานี้ อย่างไรบ้าง ? ภิกษุทงหลายเรี ั้ ยนตอบว่า “พวกกระผมจะใช้ทั้ง ๔ อิริยาบถ” พวกพระภิกษุกราบเรี ยนว่า "แล้วท่านเล่า ขอรับ" พระ เถระตอบว่า "อาวุโส ในพรรษานี้ ผมตัง้ ใจว่าจะถือการนั่งเป็นวัตร จะ ไม่นอนเลย" พวกพระภิกษุกราบเรี ยนว่า " สาธุ ขอให้ท่านอย่า ประมาทเถิด ขอรับ" เพียงแค่เดือนหนึง่ ผ่านไป พระเถระไม่จาวัด(นอน) ดวงตา ก็เริ่มมีปัญหา เกิดปวดแสบนัยตาอย่างรุนแรง มีน ้าตาไหลออกมา ท่านยังฝื นปฏิบตั ิธรรมทังคื ้ น พอรุ่งอรุณ ก็เข้ าไปนัง่ ในห้ อง ในเวลา ออกบิณฑบาต พวกภิกษุได้ บอกเรื่ องนี ้กับหมอที่เคยปวารณา เอาไว้ หมอได้ ปรุงยาโดยการหุงน ้ามันส่งไปถวายแล้ ว พระเถระ ไม่ นอนหยอด แต่นงั่ หยอดน ้ามันทางจมูก เพราะได้ ตงใจสมาทาน ั้ ธุดงค์วา่ จะไม่เอนหลังนอนตลอด ๓ เดือน หลายวันผ่านไป หมอกราบเรี ยนถามท่านว่า "อาการเจ็บ ดวงตา ดีขึ้นแล้วหรือยัง ขอรับพระคุณเจ้า" ท่านก็ตอบว่า "ยังปวดอยู่ อุบาสก" หมอคิดสงสัยในใจว่า “เราส่งน้ามันไปถวายเพื่อจะรักษา ให้หายด้วยการหยอดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ทาไม ครัง้ นี้ถึงไม่หาย”
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
จึงเรี ยนถามว่า “พระคุณเจ้าขอรับ ท่านนั่งหรือนอนหยอด” พระ เถระได้ นงั่ นิ่ง ไม่ยอมตอบ ตัวหมอเองก็ไม่สามารถบังคับพระท่าน ได้ เหตุการณ์เป็ นอยู่อย่างนี ้หลายครัง้ หมอจึงหยุดการซักถาม และบอกเลิกการดูแลรักษาท่านตังแต่ ้ นนมา ั้ ฝ่ ายพระเถระก็ได้ แต่พดู สอนตัวเองว่า “คุณปาลิตะ คุณจง ตอบมา คุณจะเห็นแก่ดวงตาหรือจะเห็นแก่พระพุทธศาสนากันแน่ ใน สังสารวัฏอันยืดยาวนี้ เราเองก็รู้ไม่ได้ พระพุทธเจ้าทั้งหลายร้อยพัน พระองค์ ก็กาหนดไม่ได้ คุณได้ทาสัญญาว่า “จะไม่นอน ๓ เดือน ภายในพรรษานี้ ฉะนั้น ตาของคุณจะหายหรือไม่ จะบอดหรือไม่ก็ตาม เถิด คุณจงรักษาพระพุทธศาสนาไว้เถิด อย่าเห็นแก่ดวงตาเลย”
กรรมตามทัน พร้อมกับได้เข้าใจในกฎแห่งกรรม
พระเถระได้ เร่งบาเพ็ญสมณธรรมอย่างต่อเนื่อง ต่อมา ไม่นาน คืนวันหนึง่ เวลาประมาณสี่ทมุ่ ถึงตีสอง (มัชฌิมยาม) ขณะที่ท่านกาลังนัง่ ปฏิบตั ิธรรมอยู่นนั ้ ดวงตาก็ได้ บอดสนิท แล้ ว เดินเข้ าไปนัง่ ในห้ อง เมือ่ พระเถระตาบอดแล้วพวกภิกษุและชาวบ้าน ได้ช่วยกันดูแลอุปัฏฐาก เมื่อพระเถระได้พร่าสอนพระภิกษุอีก ๖๐ รูป พอใกล้วันออกพรรษา ท่านเหล่านั้นได้ประโยชน์จากการปฏิบัติธรรม ตามสมควรแก่กาลังสติปญ ั ญา หลังจากนันพระเถระและพวกภิ ้ กษุก็ ได้ เดินทางไปเฝ้ าพระศาสดา ต่อมา วันหนึง่ พวกพระภิกษุตา่ ง
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
ถิ่น ได้ มาเฝ้าพระศาสดา แล้ วได้ กราบทูลถามเรื่ องท่านตาบอดว่า เพราะกรรมอะไร ท่านจึงกลายเป็นคนมีตาบอด พระเจ้าข้า ? พระศาสดา ได้ ตรัสเล่าเรื่องราวในอดีตชาติของพระจักขุ บาลว่า ในอดีตกาลผ่านมานานแล้ว พระเจ้าพาราณสีครองราชย์อยู่ ในกรุงพาราณสี หมอคนหนึ่งทาการดูแลรักษาคนในหมู่บา้ นและตาบล แห่งหนึง่ มีวันหนึ่ง หมอคนนั้น ได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งมีปัญหาเรือ่ ง ดวงตา จึงถามว่า “อาการของคุณเป็นอย่างไร?” หญิงคนนั้น ตอบว่า “ข้าพเจ้ามองไม่เห็นถนัด” หมอกล่าวว่า “ หมอจะช่วยรักษาให้” หญิงคนนั้นตอบว่า "ได้จ๊ะ คุณหมอ" หมอพูดว่า คุณจะให้อะไรแก่หมอบ้าง ? หญิงคนนั้นตอบว่า “ถ้าหมอรักษาตาของดิฉันให้หายเป็นปกติ ได้ ข้าพเจ้าพร้อมทั้งบุตรและธิดา จะยอมเป็นคนใช้ของหมอเอง” หมอตอบรับว่า “ดีเหมือนกัน” ด้วยการรักษาครั้งเดียวเท่านั้น ดวงตา ของเธอก็กลับหายเป็นปกติ แต่หญิงคนนี้กลับคิดว่า “เราได้ให้คามั่น สัญญาหมอว่า ‘จะยอมเป็นคนใช้’ แต่เขา คงจะเรียกเราด้วยคาไม่ สุภาพอ่อนหวาน เราจะโกหกเขาดีกว่า” เมื่อถูกหมอถามว่า “เป็นอย่างไร คุณ” เธอตอบว่า “เมื่อก่อน ดวงตาของข้าพเจ้าปวดน้อย แต่เดี๋ยวนี้ปวดมากกว่าเดิม” หมอคิดว่า “หญิงคนนี้ โกหกเรา เพราะไม่อยากให้อะไร จริงๆ แล้ว ตัวเราเองก็ไม่ต้องการค่าจ้างด้วย แต่เมื่อเธอไม่ซื่อสัตย์ เราควร จะทาเธอให้ตาบอดดีกว่า” จึงไปบอกให้ภรรยารับรู้ แต่นางไม่แสดง
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
ความคิดเห็น ได้แต่นั่งนิ่ง หมอคนนี้ จึงปรุงยาแล้วเอาไปให้ผู้หญิง คนนั้นหยอดโดยพูดว่า “คุณ ลองหยอดยาขนานนี้ดู เพื่ออาการจะดี ขึ้น” แต่เมื่อเธอหยอดยานั้นเสร็จ ดวงตาทั้งสองข้างได้พร่ามัว บอด สนิทมองไม่เห็นอะไรเหมือนมองดูในที่มืดในขณะไฟดับ หมอยาใน ชาตินั้น ได้มาเกิดเป็นจักขุปาลภิกษุในชาติน”ี้ แล้ วพระพุทธองค์ทรงตรัสต่อไปอีก่า “ภิกษุทั้งหลาย กรรม ทีภ่ ิกษุรูปนั้นทาแล้วในกาลนัน้ ติดตามมาให้ผล เพราะบาปกรรมนี้ จะ ติดตามบุคคลผู้ทาไป เหมือนล้ออันหมุนตามรอยเท้าโคที่เขาเทียม เกวียนบรรทุกสินค้า ตัวเข็นธุระไปอยู่.. ...ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สาเร็จแล้ว ด้วยใจ ถ้าบุคคลมีใจร้าย พูดอยู่ก็ดี ทาอยู่ก็ดี ทุกข์ย่อมไปตามเขา ดุจ ล้อหมุนไปตามรอยเท้าโคที่เข็นแอกไปอยู่ฉะนั้น”
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
ข้อคิด...คติธรรม บาปกรรมที่ท่านพระจักขุบาลเคยทาไว้ ตงแต่ ั ้ หลายชาติที่ ผ่านมา ยังไม่เลือนหายไปไหน เมื่อมีโอกาสและเหตุปัจจัยพร้ อม มันจะส่งผลทันที ในอดีตได้ สร้ างเหตุไว้ อย่างไร ย่อมได้ รับผลอย่าง นัน้ เหมือนปลูกพืชชนิดใดไว้ ย่อมได้ รับผลชนิดนัน้ เคยทาให้ คน อื่นตาบอดด้ วยเจตนา เมื่อกรรมนันส่ ้ งผล อานวยผล จึงมีเหตุทาให้ ตัวเองต้ องมาตาบอด วิชาความรู้แม้ จะมีประโยชน์มากมายทังต่ ้ อตนเองและ ผู้อื่นก็จริ ง แต่ถ้าหากใช้ ในทางที่ผิด ทาให้ คนอื่นได้ รับความ เสียหาย ย่อมก่อให้ เกิดเวรภัยติดตาม เมื่อกรรมตามทัน ย่อมหนี ไม่พ้นบาปกรรมนันแน่ ้ นอน ดังพุทธพจน์ที่วา่ “คนทาบาป ถึงจะ เหาะขึ้นไปในอากาศ ก็ไม่พน้ จากบาปกรรม ถึงจะดาลงไปกลางทะเล ก็ไม่พ้นจากบาปกรรม ถึงจะเข้าไปหลบตัวในซอกเขา ก็ไม่พ้นจาก บาปกรรม เพราะไม่มีแผ่นดินสักส่วนหนึง่ ที่คนทาบาปยืนอยู่แล้ว จะ พ้นจากบาปกรรมได้”๙ เพราะฉะนัน้ บาปกรรมทังหลาย ้ จึงไม่ควรทาโดยประการ ทังปวง ้ เพราะผลแห่งบาปกรรมนัน้ มันช่างออกฤทธิ์อย่างเผ็ดร้ อน เจ็บปวดทรมานเกินกว่าเราจะคาดคิด
๙
ขุ.ธ.(แปล) ๒๕/๗๑ เรื่องคน ๓ จาพวก
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
โรคเรื้อน
กรรมที่ทาให้เป็นโรคเรื้อนของสุปปพุทธะ๑๐ สุปปพุทธกุฏฐิเกิดมาในครอบครัวที่ยากจนที่สดุ ในเมือง ราชคฤห์ นับตังแต่ ้ เวลาที่ถือปฏิสนธิในท้ องของมารดา ผู้เป็ นแม่ นัน้ เวลาที่ออกไปขอทาน ไม่เคยได้ อาหารอะไรๆเลย พอคลอด ออกมาจากท้ องมารดา ก็เป็ นโรคเรื อ้ น ผมหงอกขาวโพลน หู หวิ่นและจมูกแหว่ ง พ่อแม่ เลี ้ยงดูเขาตามมีตามได้ แบบอดๆ อยากๆ เมื่อถึงคราเดินไปมาได้ แม่จงึ วางกระเบื ้องสาหรับขอทาน ไว้ ในมือ พูดกับลูกว่า “ลูกเอ๋ ย เจ้ าจงดูแลตัวเองให้ ดีนะ” แล้ วก็ เดินจากไปโดยไม่เคยหวนกลับอีกเลย ตังแต่ ้ บดั นันเป็ ้ นต้ นมา เขาต้ องอยู่คนเดียวเดีย่ วโดดตาม ตรอกซอกซอย ไร้ คนเมตตา อาหารก็ไม่เคยกินอิ่ม น ้าก็ไม่ได้ อาบ เนื ้อตัวสกปรก ผิวหนังหลุดลอก จนเนื ้อตัวแหว่งวิ่น มีน ้าเหลือง หนองไหลออกจากปากฝี ส่งกลิ่นเหม็น ดูน่าเกลียด เห็นแล้ วน่า สมเพชเวทนาเป็ นอย่างยิ่ง มีชีวิตแต่ละวันแสนลาบาก เขาเป็ นคนยากจนที่สดุ ในเมืองนี ้ จนถึงขนาดต้ องหาเก็บเศษ ผ้ าเก่าๆที่คนทิ ้งตามถังขยะและริ มรัว้ มาเย็บเพื่อนุ่งห่ม ถือ กระเบื ้องขอทานไปตามเรื อน กินข้ าวตังและเศษอาหารที่คนทิ ้ง แล้ วในแต่ละวัน บางวันก็ต้องอด เพราะหาไม่ได้ ไม่มีอะไรจะกิน ยามนอน ก็นอนอย่างไม่มีความสุข ต้ องร้ องโอดโอยอย่างทรมาน ๑๐
ขุ.อุ. (แปล) ๒๕/๒๕๕-๒๕๙ สุปปพุทธกุฏฐิสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
เพราะพิษบาดแผล ทาให้ ผ้ คู นที่อยู่ใกล้ ๆในทุกถนนไม่ได้ นอน ตลอดคืน เขาจึงได้ มีชื่อว่า สุปปพุทธะ เพราะทาคนกาลังนอน หลับสบายให้ ตื่นขึ ้น วันหนึง่ พระผู้มีพระภาคเจ้ า เสด็จเข้ าไปบิณฑบาตที่เมือง ราชคฤห์ พร้ อมกับภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ หลังจากทรงเสวยอาหาร บิณฑบาตเสร็จแล้ ว ประทับนัง่ แวดล้ อมด้ วยภิกษุ อุบาสกอุบาสิกา จานวนมาก นายสุปปพุทธกุฏฐิ ไม่ได้ รับประทานอาหารมาหลาย วัน หิวจัด เดินผ่านถนน มองเห็นกลุม่ ชนกาลังรวมกลุม่ กันจากที่ ไกล เกิดความดีใจขึ ้นว่า “เขาชุมนุมกันด้วยเรื่องอะไรหนอ หรือว่า เขาคงจะแจกอาหารเป็นแน่แท้ เราน่าจะไปในที่นั่น เผื่อจะได้อะไรๆ สัก อย่าง” จึงเดินเข้ าไปในที่นนั ้ ได้ เห็นพระพุทธเจ้ า กาลังแสดงธรรม เพราะอานาจบุญกุศลเก่าที่เคยทามาในชาติก่อน จึงได้ นงั่ ฟั งธรรม ณ ท้ ายกลุม่ ชน พระพุทธเจ้ าได้ ทรงรู้ด้วยญาณว่า “ในชาติที่ผ่านมา สุปป พุทธะนี้ แม้จะเคยทาผิดต่อพระตครสิขีปัจเจกพุทธเจ้า จึงต้องเกิดมา เป็นเช่นนี้ก็จริง ถึงอย่างนั้น เธอยังมีอุปนิสัยที่จะรู้แจ้งธรรม เข้าใจกฎ แห่งกรรมอย่างถูกต้อง แล้วยึดถือพระรัตนตรัยเป็นที่พงึ่ ” พระพุทธองค์จงึ แสดงธรรมไปตามลาดับพื ้นฐานของผู้ฟัง คือ ทรงแสดงเรื่ องทาน ศีล สวรรค์ โทษของกาม และอานิสงส์การออก จากกาม แล้ วทรงแสดงอริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ สมุทยั นิโรธ และ อริ ยมรรคมีองค์ ๘ ครัน้ แสดงธรรมจบลง เขาก็ได้ เข้ าใจธรรมะอย่าง
ส่วนคาว่า กุฏฐิ แปลว่า โรคเรือ้ น เป็ นคาต่อท้ าย เรียกรวมกันว่า สุปปพุทธกุฏฐิ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
ลึกซึ ้ง สานึกในพระคุณของพ่อแม่และเลื่อมใสยิ่งในพระรัตนตรัยมี ที่พงึ่ ทางใจ หลังจากที่เขาได้ มีโอกาสกราบทูลถึงคุณวิเศษที่ตนได้ ให้ พระศาสดารับทราบแล้ ว เมื่อนายสุปปพุทธะเดินจากไปไม่ นาน ได้ ถกู บาปกรรมเก่าซึง่ เคยฆ่าคนมาก่อนในอดีตชาติมาตัด รอนอย่างปั จจุบนั ทันด่วน คือ นางยักษิณีซงึ่ เคยจองเวรกันมาแต่ ชาติก่อน เข้ าสิงร่างแม่ โคลูกอ่ อน ได้ ว่ งิ เข้ ามา แล้ วขวิดเขาที่ กลางหน้ าอกจนถึงแก่ ความตาย ภิกษุรูปหนึง่ ได้ ถือโอกาสนี ้กราบทูลถามถึงกรรมเก่าของเขา ว่า “พระพุทธเจ้าข้า เพราะวิบากกรรมอะไรหนอแล ทาให้นายสุปป พุทธะนี้ เป็นโรคเรื้อน เป็นคนกาพร้า เกิดมายากจนเข็ญใจ” พระพุทธองค์ได้ ตรัสเล่าวิบากกรรมเก่าที่ทาให้ เขาเกิดมาเป็ น โรคเรื อ้ นให้ ภิกษุทงหลายฟั ั้ งโดยมีใจความว่า “ในอดีตชาติที่ผ่านมา สุปปพุทธกุฏฐินี้ เคยเกิดเป็นเศรษฐีในกรุงราชคฤห์ วันหนึ่ง เขาออก จากตัวเมืองไปเล่นกรีฑาในสวนสาธารณะกับพรรคพวก ได้เห็นพระ ปัจเจกพุทธเจ้านามว่าตครสิขี กาลังเดินบิณฑบาตในเมือง ด้วย กิริยาอาการอันสารวมน่าเลื่อมใส พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์นี้ ท่านชรา มากแล้ว แม้จีวรที่ห่มก็เก่าและมีสีซีด ผ้าปะจีวร มีหลายหลากสี ด้าย ที่เย็บจีวรดูห้อยย้อย หากมองดูผิวเผินเหมือนคนโรคเรื้อน แต่สาหรับ
พระปั จเจกพุทธเจ้ า ตครสิขี เป็ นบุตรคนที่ ๓ ของนางปทุมวดี ซึง่ เป็ นหนึ่งในพระปั จเจก พุทธเจ้ า ๕๐๐ องค์เหล่านัน้ หลังจากได้ บรรลุปัจเจกโพธิญาณแล้ ว ได้ พกั อาศัยอยู่ที่เงื ้อม ชื่อนันทมูลกะ ณ ภูเขาคันธมาทน์ วันหนึ่ง เหาะมาลงที่อิสิคิลิบรรพต ในเวลาเช้ า ครองผ้ า แล้ วถือบาตรและจีวรแล้ ว เข้ าไปบิณฑบาตยังกรุงราชคฤห์ เพื่อโปรดสัตว์ ดู ม.อุ.(แปล)๑๔/๑๗๐-๑๗๔ อิสคิ ลิ ิสูตรและอรรถกถา
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
ผู้แสวงบุญทัง้ หลาย เมื่อเห็นท่านแล้ว อดไม่ได้ที่จะมองดูด้วยความ เลื่อมใส ส่วนเศรษฐีผ้ นู ี ้ เป็ นมิจฉาทิฏฐิ ไม่ได้ เลื่อมใสและไม่ยกมือ ไหว้ เมื่อเห็นผู้คนให้ ความสนใจกับพระคุณเจ้ า แต่ไม่ใส่ใจกับเขา เลย จึงเกิดความโกรธไม่พอใจ คิดตาหนิในใจว่า “คนนี้เป็นใคร หัวโล้น นุ่งห่มจีวร คงจะเป็นคนโรคเรื้อน เอาผ้าของคนโรคเรื้อน มาคลุมร่างกาย เดินบิณฑบาต” ไม่พอแค่นนั ้ เขายังแสดงกิริยาอาการอันน่ารังเกียจอีก คือ ได้ ถ่มน ้าลายเชิงทานองดูถกู รี บเดินแซงหน้ าท่านไป โดยหันด้ าน ซ้ ายมือของตนไปหาท่ าน พร้ อมทัง้ คิดดูถกู เหยียดหยามท่าน อยู่ในใจ แต่บาปกรรมนั้น ส่งผลทาให้เขาอายุสั้นพลันตาย พอ หลังจากเขาสิ้นชีวิตไปแล้ว จึงส่งผลทาให้เขาไปเกิดในในนรก เขา ถูกเผาไหม้อยู่ในนรกหลาย ๑๐๐,๐๐๐ ปี เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีสติปัญญาดีในชาตินี้ เพราะผลของบุญเก่า แต่ถงึ อย่างนั้น เพราะ เศษวิบากของอกุศลกรรมเก่าที่คิดตาหนิพระปัจเจกพุทธเจ้าไว้ ทาให้ เขาเกิดมาเป็นโรคเรื้อนและเป็นคนยากจนเข็ญใจตัง้ แต่เกิดจนตาย”
การหันด้ านซ้ ายมือไปหานักบวช เป็ นเครื่องหมายบอกถึง การคิดดูหมิ่น เหยียดหยาม ไม่ ให้ ความเคารพนับถือ ตรงข้ ามกับ ประทักษิณ แปลว่า เวียนขวา หรื อ การหมุนรอบ แบบตามเข็มนาฬิกา หมายถึง การกระทาความเคารพสูงสุดต่อผู้หรื อสิ่งที่เราเคารพนับ ถือบูชา เช่น ครู อาจารย์ ศาสดา หรื อ เจดีย์ เป็ นต้ น ด้ วยการประนมมือขึ ้น แล้ วเดินเวียน รอบ โดยหันไหล่ขวาไปทางผู้ที่เราเคารพ เป็ นธรรมเนียมประเพณีที่มีมาช้ านานก่อน สมัยพุทธกาล
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
ข้อคิด...คติธรรม
บ. สยังวสี
ความถือตัว ถือดีมีมานะสาคัญผิดคิดว่าตัวเองเป็นคนยิง่ ใหญ่ แล้วเป็นเหตุยกตนข่มคนอื่น ดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามคนอื่น หากว่า คนนั้นเป็นพระอริยเจ้าด้วยแล้ว ยิ่งจะก่อให้เกิดบาปกรรมอย่างมหันต์ เพราะเป็นอริยุปวาทอย่างหนัก ต้องมาทนทุกข์ทรมานในการใช้กรรม ซึ่งหาที่สิ้นสุดได้ยาก เพราะฉะนั้น มานะการถือตัว จึงเป็นสิ่งไม่ดี เป็นอันตราย อย่างมาก เรื่องทานองแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ มีฐานะร่ารวยมีเงินทอง เป็นลูกผู้ดีมีสกุล มียศศักดิ์ใหญ่โต เพราะ สถานภาพทางสังคมอย่างนัน้ อาจจะทาให้เผลอประมาทขาดสติ คิดดู ถูกดูหมิ่นต่อผู้ปฏิบัติธรรมได้ง่ายมากโดยที่ไม่รู้ตัว ฉะนั้น จงระวังความคิดให้ดี เพราะเราคิดอย่างไรกับใคร จะต้องรับผิดชอบต่อมโนกรรมอันนั้น เพราะคุณจะเป็นตามที่คุณคิด เหมือนเมล็ดพันธุ์แห่งบาปที่เพาะไว้ในใจ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
อริยุปวาทกรรม
มีโทษมาก เป็นบาปมหันต์
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ด่าบริภาษเพื่อน พรหมจารี ว่าร้ายพระอริยะ เป็นไปได้ที่ภิกษุนั้น จะถึงความพินาศอย่างใด อย่างหนึ่ง ใน ๑๑ อย่าง ดังนี้ ๑. ไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ ๒. เสื่อมจากธรรมที่ได้บรรลุแล้ว ๓.สัทธรรม ย่อมไม่ผ่องแผ้ว ๔. เป็นผู้เข้าใจผิดว่าได้บรรลุสัทธรรม ๕. เป็นผู้ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ ๖. ต้องอาบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ๗. บอกคืนสิกขากลับมาเป็นคฤหัสถ์ ๘. เป็นโรคร้ายแรง ๙. ถึงความวิกลจริต หรือจิตฟุ้งซ่าน ๑๐. หลงลืมสติมรณภาพ ๑๑. หลังจากมรณภาพแล้วจะไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดก็ตามด่าว่าเพื่อน สพรหมจารีทั้งหลาย ว่า ร้ายพระอริยะ เป็นไปไม่ได้เลยที่ภิกษุนั้น จะไม่ถึงความพินาศอย่างใด อย่างหนึ่งใน ๑๑ อย่างนี้ พยสนสูตร อัง.เอกาทส. (แปล) ๒๔/๓๙๗-๓๙๘ อักโกสกสูตร อัง.ทสก. (แปล) ๒๔/๑๙๙
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
โรคผิวหนัง
กรรมทาให้เป็นโรคผิวหนัง๑๑ สมัยหนึง่ ท่านพระอนุรุทธะได้ จาริ กไปเมืองกบิลพัสดุ์ พร้ อมด้ วยภิกษุ ๕๐๐ รูป เมื่อพวกพระญาติของท่านสดับข่าว จึง ได้ เสด็จไปเยี่ยม ยกเว้ นพระน้ องนางของพระเถระชื่อโรหิณี พระ เถระถามพวกพระญาติวา่ “พระนางโรหิณีอยู่ไหน” พวกพระญาติ : อยู่ในตาหนัก เจ้าข้า พระเถระ : เหตุได จึงไม่เสด็จมา พวกพระญาติ : พระนางไม่เสด็จมาเพราะทรงละอายว่า ‘เป็น โรคผิวหนังที่เกิดตามตัว’ เจ้าข้า พระเถระกล่าวว่า "ท่านทั้งหลาย จงเชิญพระนางเสด็จมา เถิด" ให้ ไปเชิญพระนางเสด็จมาแล้ ว จึงถามว่า "โรหิณี เพราะ สาเหตุใด เธอจึงไม่เสด็จมา" พระนางโรหิณี : พระคุณเจ้า สาเหตุทหี่ ม่อมฉันไม่มา เพราะอายโรคผิวหนังเกิดขึ้นที่ตัวของหม่อมฉัน พระเถระ : เธอควรจะทาบุญนะ น้องหญิง พระนางโรหิณี : “ จะให้หม่อมฉันทาอะไร เจ้าข้า” พระเถระ : เธอพึงให้ ช่างสร้างหอฉัน (ศาลาสาหรับ พระภิกษุนงั่ ฉันอาหารบิณฑบาต) พระนางโรหิณี : หม่อมฉันจะเอาทรัพย์มาจากไหนมาสร้าง ๑๑
ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๑๐๑ และอรรถกถาเรื่องพระนางโรหิณี
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
พระเถระ : เครื่องประดับของเธอไม่มีหรือ ? พระนางโรหิณี : มี เจ้าข้า พระเถระ : ราคาเท่าไร พระนางโรหิณี : ประมาณหนึ่งหมืน่ กหาปณะ พระเถระ : ถ้าอย่างนัน้ เธอพึงขายเครื่องประดับของ ตนเอง แล้วให้สร้างหอฉันเถิด พระนางโรหิณี : แล้วใคร จะทาให้หม่อมฉัน เจ้าข้า พระเถระมองดูพระญาติซงึ่ ยืนอยู่ใกล้ ๆ แล้ วกล่าวว่า "ขอจง เป็นภาระของพวกท่านทั้งหลาย" พวกพระญาติ : พระคุณเจ้า จะให้ทาอะไรหรือ เจ้าข้า พระเถระ : พวกท่านจงนาเครื่องอุปกรณ์ตา่ งๆสาหรับสร้าง หอฉันมา และตัวอาตมภาพ ก็จะอยู่ในที่นดี้ ้วย พวกพระญาติตรัสว่า "ดีละ เจ้าข้า" แล้ วได้ ทาตามนัน้ พระเถระ ให้ คาแนะนาพระนางโรหิณีวา่ "เธอ จงรับสั่งให้สร้างหอ ฉัน ๒ ชั้น เมื่อพื้นชั้นบนเรียบแล้ว จงไปปัดกวาดพื้นล่าง แล้วรับสั่ง ให้ปูอาสนะพร้อมทัง้ ให้ตั้งหม้อน้าดื่มไว้ให้เรียบร้อย" พระนางรับคาว่า "ดีละ เจ้าข้า" แล้ วจาหน่ายเครื่ องประดับ ให้ สร้ างหอฉัน ๒ ชัน้ พอ พื ้นชันบนเรี ้ ยบแล้ ว ได้ ทรงไปปั ดกวาดทาความสะอาดพื ้นล่างเป็ น ต้ นเป็ นประจา พวกภิกษุกน็ งั่ ฉันเรียงกันอย่างเรี ยบร้ อย ต่อมาไม่นาน เพราะผลบุญที่ทาอย่ างนัน้ ทาให้ โรค ผิวหนังหาย เมื่อโรงฉันเสร็จ พระนางได้ ถวายอาหารที่ประณีตแด่ ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้ าเป็ นประมุขซึง่ นัง่ เต็มโรงฉัน พระศาสดา
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
ทรงทาภัตกิจเสร็จแล้ ว ตรัสถามว่า "นี่เป็นการถวายทานของใคร" ท่านพระอนุรุทธะ ได้ กราบทูลว่า "การถวายทานนี้ ของโรหิณีพระ น้องสาวของข้าพระองค์ พระเจ้าข้า" พระศาสดา : แล้ วนางไปไหนเสียหละ พระอนุรุทธะ : อยูท่ ตี่ าหนัก พระเจ้าข้า พระศาสดา : พวกเธอจงไปเรียกนางมา พระนางไม่ประสงค์จะเสด็จมา แต่พระศาสดารับสัง่ ให้ เรี ยก พระนางมาจนได้ แล้ วตรัสถามว่า "โรหิณี เพราะเหตุใดหรือ เธอถึง ไม่อยากมา ? พระนางโรหิณี : หม่อมฉันอายเรื่องโรคผิวหนัง จึงมิได้มา พระเจ้าข้า" พระศาสดา : โรหิณี เธอรู้ไหมว่า ‘โรคนั้นเกิดขึ้นเพราะ ผลแห่งกรรมอะไร’ พระนางโรหิณี : หม่อมฉันไม่ทราบ พระเจ้าข้า พระศาสดา : โรคนี้ เกิดเพราะ ความโกรธของเธอ พระนางโรหิณี : หม่อมฉันทากรรมอะไรไว้ พระเจ้าข้า
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
กรรมทาให้คนอื่นเป็ นผดผืน่ คัน เมื่อกรรมส่งผล จึงเป็ นโรคผิวหนัง พระศาสดา ได้ ตรัสเล่ากรรมในอดีตชาติของพระนางว่า ใน อดีตที่ผ่านมา พระอัครมเหสีของพระเจ้าพาราณสี เกิดความริษยา จึง ผูกใจเจ็บหญิงนักฟ้อนของพระราชาองค์หนึง่ ทรงดาริวา่ “เราจะทา ให้มันเจ็บปวดทรมาน” สั่งให้เขานาผลตาแย(หมามุ้ยใหญ่)มาให้ แล้ว รับสั่งให้เรียกหญิงนักฟ้อนเข้ามาหา ให้ใส่ผงเต่าร้างบนทีน่ อน ที่ผ้าห่ม และที่เครื่องใช้และผ้าปูที่นอน โดยที่นางไม่ทันรู้ตัว พร้อมทั้งโปรยลง แม้ที่ตัวของนาง ทาการเยาะเย้ยพูดจาถากถาง เพียงชัว่ ครู่ ร่างกาย ของเธอเกิดอาการคันขึ้นมา เป็นผดผื่นเป็นเม็ดเล็กเม็ดใหญ่ นางคัน มาก นอนเกาบนที่นอน เมื่อโดนพิษของตาแยเพิ่มเข้าอีก ยิ่งทาให้ นางคันมากขึน้ พระอัครมเหสีในกาลนั้น ได้เกิดมาเป็นพระนางโรหิณี ในชาตินี้ พระศาสดา ครัน้ ตรัสเล่าเรื่ องบุรพกรรมขององค์หญิง โรหิณี จึงตรัสว่า “โรหิณี ที่เธอเป็นโรคผิวหนังนี้ เพราะบาปกรรมที่ เธอทาแล้วในชาตินน้ั ฉะนั้น เธอ จึงไม่ควรโกรธ ไม่ควรมีความ ริษยาใครๆเลย”
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
ข้อคิด...คติธรรม ภัยของไฟริษยา
บ. สยังวสี
เพราะความหึงหวงระหว่างชายหญิง กลัวคนอื่นจะได้ดีกว่า จึงโกรธไม่พอใจ แล้วริษยา ทนไม่ได้ที่จะเห็นคนอื่นมีอะไรที่ดีกว่า จึง ผูกใจเจ็บ คิดทาร้าย กลั่นแกล้ง อยากให้เขามีอันเป็นไปเพื่อความ สะใจ เนื่องจากไม่รู้เท่าทันการให้ผลของกรรมเก่าและไม่ฉลาดในวิถี แห่งกรรม จึงปล่อยให้กิเลสครอบงาใจ หลงสร้างกรรมใหม่ด้วยใจ ริษยา แม้จะแกล้งคนอื่นได้ เพราะบาปกรรมเก่าของเขาส่งผล และบุญ เก่าของเรายังค้าจุนอยู่ จึงคิดว่าตัวเองเก่ง กูแน่ และไม่รสู้ ึกว่ามันเป็น บาป แต่เมื่อบาปกรรมนัน้ ส่งผล ต้องมาทนทุกข์ทรมานเหมือนเคย ทากับเขามา เพราะให้ทกุ ข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นต้องย้อนกลับมาถึงตัวเรา เสมอ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ตามกฎแห่งการสะท้อนกลับ วิบากกรรมซึ่งเป็นคุณสมบัตขิ องจิต เป็นฝ่ายสังขาร เป็นตัว สร้างสรรค์บันดาล จิตเป็นตัวควบคุมและสั่งร่างกาย เมื่อจิตที่มีเชื้อ บาปติดมา(เชื้อผิดปกติ) ย่อมทาให้ร่างกายผิดปกติ คือ เกิดโรคได้ เพราะมันมีเชื้ออย่างใด ย่อมก่อให้เกิดผลอย่างนั้น เนื่องจากคนเรา ระลึกชาติก่อนไม่ได้ ไม่รู้ว่า เคยทาบาปกรรมอะไรมาบ้าง ทาให้ตัดสิน ไปตามที่ตามองเห็นในชาติปจั จุบันเท่านั้น ไม่ได้มองทะลุถึงอดีตอัน ยาวนานทีผ่ ่านมา จึงไม่สามารถปัญหาต่างๆให้จบสิ้นได้ แต่เพราะ พระนางโรหิณีได้กัลยาณมิตร คือ พระพุทธองค์และพระพี่ชาย จึงได้ รู้จักวิธีทาบุญแก้กรรมอย่างได้ผลเห็นทันตา
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมของพระพุทธเจ้าและสาวก
บ. สยังวสี
ความโกรธ
ทาให้เกิดมารูปร่างหน้าตาไม่ดี ผิวพรรณไม่สวย พระนางมัลลิกาเทวีเสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มพี ระภาค ได้ทูล ถามว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ มาตุคามบางคนในโลกนี้ มี ผิวพรรณไม่งาม รูปชั่ว ไม่น่าดู...” พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “มัลลิกา มาตุคามบางคนในโลกนี้ เป็นผู้โกรธ มากไปด้วยความคับแค้นใจ ถูกว่ากล่าวแม้เล็กน้อยก็ ขัดเคือง ฉุนเฉียว กระฟัดกระเฟียดกระด้างกระเดื่อง แสดง อาการโกรธ ความขัดเคือง และความไม่พอใจ... ถ้ามาตุคามนัน้ จุติจากอัตภาพนั้นมาสู่ความเป็นอย่างนี้ กลับมาเกิดในชาติใดๆ ย่อมเป็นผู้มีผิวพรรณไม่งาม รูปชั่ว ไม่ น่าดู...” มัลลิกาเทวีสูตร อัง.จตุกก. (แปล) ๒๑/๓๐๐
กรณีตัวอย่าง ผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ ที่ปรากฏในคัมภีร์ พระไตรปิ ฎกและอรรถกถา มีกรณีตวั อย่างที่น่าศึกษา ดังนี ้
กรรมทาให้ถกู เสียบหลาว๑ บุพกรรมของท่านพระสารีบุตร
พระศาสดา เมื่อครัง้ ที่ประทับอยู่ ณ วัดเชตวัน ได้ ตรัสธรรม เทศนาเพื่อปลอบโยนภิกษุรูปหนึง่ ผู้กระสันอยากสึกว่า ในยุคสมัยที่ พระพุทธเจ้ายังไม่เกิดขึ้น บัณฑิตในครัง้ ก่อน ได้บวชในลัทธินอกพุทธ ศาสนา ไม่มีความยินดีในการประพฤติพรหมจรรย์ แต่ยังบวชได้นาน ถึงกว่า ๕๐ ปี ไม่แสดงความเบื่อหน่ายให้ใครรู้ เพราะมีความละอาย แก่ใจตนเอง แต่เธอบวชในศาสนาที่สามารถนาตนให้พ้นจากทุกข์ อย่างนี้ นั่งอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า ผูเ้ ป็นครูเช่นเรา เพราะเหตุไร จึงเกิดความกระสันอยากสึก ไม่รักษาหิริโอตตัปปะ ความ ละอายและความเกรงกลัวต่อผลบาปของตนไว้ แล้ วตรัสมัณฑัพย ชาดก เพื่อเป็ นตัวอย่างประกอบ มีรายละเอียดในเนื ้อเรื่ อง ดังนี ้
๑
วิบากกรรมของท่านพระสารี บุตร (อัครสาวกเบื ้องขวา ผู้เลิศทางปั ญญา)ในอดีตชาติได้ ถูกใส่ร้ายป้ายสีวา่ ขโขยทรัพย์ของคนอื่น จนถูกจับเสียบหลาว ขุ.ชา. (แปล) ๒๗/๓๓๒ มัณฑัพยชาดก (กัณหทีปายนชาดก) และอรรถกถา
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ในอดีตกาลอันเนิ่นนาน พระราชาพระนามว่า โกสัมพิกะ ครองราชย์อยู่ในพระนครโกสัมพี แคว้ นวังสะ ณ ตาบลแห่งหนึง่ มี พราหมณ์ ๒ คน คนหนึง่ ชื่อ ทีปายนะ อีกคนชื่อ มัณฑัพยะมี สมบัติคนละ ๘๐ โกฏิ เป็ นสหายรักกัน เบื่อหน่ายในการครอง เรื อน มองเห็นโทษในกามคุณ จึงให้ ทานเป็ นการใหญ่ แล้ วทังสองก็ ้ ละทิ ้งโภคสมบัติเหล่านัน้ ในขณะที่ผ้ คู นทังหลายก ้ าลังร้ องไห้ คร่ า ครวญด้ วยความอาลัย ได้ ออกไปสร้ างอาศรม ถือเพศบรรพชิต บวชอยู่ในป่ าหิมพานต์ รับประทานเผือกมันและผลไม้ เป็ นอาหาร ใช้ ชีวิตอย่างสมถะสันโดษเรี ยบง่ายอยู่เช่นนี ้เป็ นเวลา ๕ ปี ถึง กระนันก็ ้ ยงั ไม่สามารถบาเพ็ญฌานให้ บงั เกิดได้ พอเวลาล่วงเลย ผ่านไปถึง ๕๐ ปี จึงตัดสินใจออกจากป่ า เดินทางไปตามชนบท จนถึงเขตแดนแคว้ นกาสี เพื่อต้ องการติดต่อกับผู้คน แล้ วแวะเข้ า ไปยัง หมู่บ้านแห่งหนึง่ ณ หมู่บ้านนัน้ ทีปายนดาบสมีสหายที่เป็ นคฤหัสถ์อยู่คน หนึง่ ชื่อมัณฑัพยะ (ชื่อเหมือนกับมัณฑัพยดาบส) ดาบสทังสองจึ ้ ง ได้ เดินทางไปเยี่ยมเขา พอเขาเห็นดาบสทังสองท่ ้ านแล้ ว มีความ ยินดีอย่างมาก ได้ สร้ างบรรณศาลาถวาย แล้ วบารุงด้ วยปั จจัย ๔ ดาบสทังสองท่ ้ านนัน้ จึงได้ พกั อยูท่ ี่นนั่ ประมาณ ๓-๔ พรรษา จึงได้ อาลานายมัณฑัพยะ เที่ยวจาริ กไปถึงเมืองพาราณสี ไปพักอาศัย อยู่ในป่ าช้ า
มาตราการนับเงินในยุคสมัยนัน้ ๑ โกฏิเท่ากับ ๑๐ ล้ านบาทในยุคปั จจุบนั ดังนัน้ จานวน เงิน ๘๐ โกฏิ จึงเท่ากับ ๘๐๐ ล้ านบาท จัดอยู่ในระดับเศรษฐี
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ฝ่ ายทีปายนดาบสพักอยู่ ณ ที่นนพอควรแก่ ั้ อธั ยาศัย แล้ ว กลับไปเยี่ยมสหายคนนันอี ้ ก ส่วนมัณฑัพยะดาบสยังพักอยู่ที่ป่า ช้ าเหมือนเดิม ต่อมาวันหนึง่ มีโจรคนหนึง่ ได้ ลกั ขโมยสิ่งของ จากบ้ านหลังหนึง่ ในตัวเมือง พอพวกเจ้ าของทรัพย์และพวก เจ้ าหน้ าที่ร้ ูเรื่ องเข้ า จึงพากันออกติดตามจับ โจรคนนี ้ ได้ หลบหนี ออกทางท่อระบายน ้า วิ่งเข้ าไปในทางป่ าช้ า แล้ วทิง้ ห่ อทรั พย์ นนั ้ ไว้ ที่ประตูบรรณศาลาของมัณฑัพยะดาบส เพื่อปกปิ ดความผิด แล้ วจึงหาทางหลบหนีไปจากที่นนั ้
กรรมทำให้ถูกเสียบหลำว พวกเจ้ าของทรัพย์และพวกเจ้ าหน้ าที่ พอเห็นของกลาง เข้ า เกิดความเข้ าใจผิด พูดข่มขูด่ าบสนันว่ ้ า “ไอ้นักบวชชัว่ กลางคืน แกแอบขโมยทรัพย์ของคนอื่น แต่พอกลางวัน กลับมาใส่ชุด นักบวช” แล้วพากันทุบตีดาบส ได้ จบั ตัวไปนาส่งไปดาเนินคดี เพราะวิบากกรรมกาลังส่งผล พระราชา ไม่ทรงพิจารณาให้ รอบคอบดี รี บรับสัง่ ให้ เจ้ าหน้ าที่เอาตัวดาบสไปเสียบหลาวเลย พวกเจ้ าหน้ าที่เหล่านัน้ จึงได้ นาท่านไปเสียบหลาวไม้ ตะเคียนที่ ป่ าช้ า แต่ทาอย่างไร ก็ไม่สามารถเสียบหลาวเข้ า แม้ เปลีย่ นเป็ น หลาวไม้ สะเดาแทน ก็เป็ นเช่นเดิม ถึงเปลี่ยนเป็ นหลาวเหล็ก ก็ยงั เป็ นเช่นเดิมอีก ส่งผลทาให้ ดาบสผู้นี ้ ได้ รับความเจ็บปวดทรมาน อย่างมาก
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ทางฝ่ ายดาบส ได้ ใคร่ครวญดูวา่ เป็ นเพราะผลกรรมอะไร จึงได้ มารับโทษเช่นนี ้ ได้ เกิดญาณระลึกชาติวา่ เคยทากรรมอย่าง หนึง่ มาก่อน จึงต้ องมาถูกเสียบหลาวเช่นนี ้ คือว่า ในอดีตชาติ ท่าน เกิดเป็นบุตรนายช่างไม้ ไปถากไม้กับบิดา ได้เล่นสนุกตามประสาเด็ก โดยจับแมลงวันมาตัวหนึง่ เอาเสี้ยนไม้ทองหลางมาเสียบจากก้นทะลุ ลาตัว เพราะวาระแห่งบาปกรรมนั้นมาถึง ท่าน จึงรู้ตวั ดีวา่ ไม่ อาจหนีพ้นจากผลของกรรมนีไ้ ด้ จึงบอกให้ ทางเจ้ าหน้ าที่ให้ ใช้ ใช้ หลาวไม้ ทองหลางเสียบแทน พวกราชบุรุษ ได้ กระทา ตามนัน้ แล้ วจึงวางคนรักษาไว้ ส่วนหนึง่ พากันกลับไปกราบทูล พระราชา ส่วนพวกที่เหลือ ได้ ทาหน้ าที่เฝ้ายาม ทางฝ่ ายทีปายนดาบสคิดถึงเพื่อน เพราะไม่ได้ พบเจอกัน มาหลายวัน จึงได้ เดินทางไปเยี่ยมมัณฑัพยดาบส ระหว่างทางใน วันนัน้ ได้ ทราบข่าวเรื่ องเพื่อนถูกเสียบหลาว จึงรี บเดินทางไปดู แล้ วยืนอยูท่ ี่มมุ หนึง่ เอ่ยปากถามว่า “สหาย! ท่านได้กระทา ความผิดอย่างไรหรือ จึงได้ถูกเสียบหลาวอย่างนี”้ มัณฑัพยดาบส ตอบว่า “ สหาย เราไม่ได้ทาผิดอะไร แต่ถูก ใส่ความ เจ้าหน้าที่เข้าใจผิด จึงได้ลงโทษผิดคน” ทีปายนดาบสจึงถามว่า “ท่าน สามารถทาใจไม่ให้โกรธ เคืองต่อเจ้าของทรัพย์และพวกเจ้าหน้าที่ได้หรือไม่” มัณฑัพยดาบสตอบว่า “สหาย ! เราไม่ได้มีใจโกรธเคืองต่อ ใครเลย มีแต่ใจปรารถนาหวังดีพวกคนทั้งหลาย”
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ทีปายนดาบส จึงกล่าวว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็สบายใจ ถ้า หากเพื่อน มีจิตตั้งมั่น ไม่หวัน่ ไหวโกรธเคือง” แล้ วเข้ าไปนัง่ พิงหลาว ตลอดคืนยันสว่าง หยดเลือดที่ไหลออกจากบาดแผลของมัณฑัพย ดาบส ได้ หยดถูกตัวทีปายนดาบส ซึง่ มีสผี ิวเหลืองเหมือนทองคา จนแห้ งดาไปทังตั ้ ว ตังแต่ ้ นนมา ั้ ท่านจึงได้ ฉายาใหม่วา่ กัณหที ปายนะ (แปลว่า ท่านทีปายนะผู้มีผิวดา) เช้ าวันรุ่งขึ ้น พวกเจ้ าหน้ าที่ ได้ ไปกราบทูลเหตุการณ์ที่สอง ดาบสนันได้ ้ สนทนากันแด่พระราชา พระราชาทรงดาริ วา่ “เรา ได้รับสั่งให้ลงโทษดาบสตนหนึ่ง โดยไม่ทันได้พิจารณาอย่างรอบคอบ” เกิดความไม่สบายพระทัย จึงรี บเสด็จไปที่ป่าช้ า ตรัสถามทีปายน ดาบสว่า “ท่านนักพรต เพราะเหตุไร จึงมานัง่ พิงหลาวอยู่เช่นนี”้ ทีปายนดาบสกราบทูลตอบว่า “มหาบพิตร อาตมภาพได้นง่ั เป็นเพื่อ เป็นพยานให้แก่ดาบสผู้น้ี มหาบพิตรทรงทราบแล้วหรือว่า ดาบสนี้ มี ความผิดหรือไม่ จึงได้สั่งให้ลงโทษเช่นนี”้ พระราชาตรัสว่า “โยม ได้รับสั่งให้ลงโทษไป โดยไม่พิจารณาให้รอบคอบ” พระดาบส จึงกล่าวสอนว่า “มหาบพิตร ธรรมดาพระราชา จะต้องใคร่ครวญให้ดี ก่อนแล้ว จึงลงโทษ...ตามธรรมดา คฤหัสถ์ผู้ครองเรือน ถ้าเป็นคน เกียจคร้าน แล้วไม่ดี” เมื่อพระราชาทรงทราบว่าดาบสนีไ้ ม่มีความผิด จึงรั บสั่ง ให้ ถอนหลาวออก แต่พวกเจ้ าหน้ าที่ไม่สามารถจะถอนหลาวออก ได้ มัณฑัพยดาบส จึงได้ ทูลพระราชาว่า “มหาบพิตร อาตมภาพ จะต้องมาถูกเสียบหลาวอย่างนี้ เพราะกรรมเก่าที่เคยทาไว้แต่ปาง
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ก่อน ไม่มีใครอาจถอนหลาวออกจากตัวอาตมภาพได้ ถ้าพระองค์มี พระราชประสงค์จะพระราชทานชีวิตแก่อาตมภาพไซร้ ก็จงโปรดให้เอา เลื่อยมาตัดหลาวนี้ให้เสมอผิวหนังเถิด” พระราชาทรงรับสัง่ ให้ กระทาตามนัน้ ภายในร่ างกายของ ดาสบ จึงมีหลาวติดอยู่ภายในโดยที่ไม่ได้ ถอดออก กรรมที่ถอนหลำวไม่ออก สาเหตุที่ไม่สามารถถอนหลาวออกจากตัวของดาบสได้ เพราะวิบากกรรมเก่า คือ เวลาที่ดาบส(ในสมัยที่เกิดเป็นลูกช่างไม้) เอาเสี้ยนไม้ทองหลางเรียวๆ เสียบก้นแมลงวันนั้น เสี้ยนไม้ทองหลาง ติดอยู่ในตัวแมลงวัน โดยที่เขาก็ไม่ได้ถอดออก แต่เนื่องจากแมลงวัน ไม่ตายเพราะถูกเสี้ยนไม้ทองหลางเสียบ แต่ตายเพราะหมดอายุ ฉะนัน้ ดาบสนี ้ จึงไม่ตายเพราะถูกเสียบหลาว แต่ไม่สามารถถอด เอาหลาวไม้ ทองหลางที่เสียบก้ นออกได้ เช่นกัน พระราชาทรง นมัสการพระดาบสทังสอง ้ ให้ท่านดาบสยกโทษให้ แล้ วอาราธนา นิมนต์ให้ จาพรรษาอยู่ในพระราชอุทยาน ทรงอุปัฏฐากท่านทังสอง ้ เป็ นอย่างดี ตั้งแต่นั้นมา มัณฑัพยดาบสได้ชื่อเติมหน้าว่า อาณิมัณฑัพยะ (มัณฑัพยะที่มีหลิ่มท่อนไม้อยู่ในตัว)ท่านได้พานักอยู่ในพระราชอุทยาน นัน้ เรื่อยมา ส่วนทีปายนดาบส หลังจากได้ช่วยรักษาแผล ของมัณฑัพยดาบจนหายดีแล้ว จึงได้ตัดสินใจเดินทางกลับไปเยี่ยม นายมัณฑัพยะสหายรักอีกครั้ง พระพุทธองค์ ได้สรุปชาดกเรื่องนี้วา่
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
อาณิมัณฑัพยดาบส ได้เกิดมาเป็นพระสารีบุตร ในชาตินี้ ส่วนกัณหทีปายนดาบส ได้เป็นพระตถาคตเจ้า ข้อคิด...คติธรรมในเรือ่ งนี้ ผลกรรมจากเอาเสี้ยนไม้เสียบก้นแมลงวัน เมื่อกรรมส่งผล จะต้องมีเหตุทาให้ถกู เสียบหลาวด้วยไม้ทองหลางเช่นกัน เมื่อเสียบก้น แมลงวัน แล้วไม่ได้ถอดเสี้ยนไม้ออก พอถูกเสียบหลาว ก็ไม่สามารถ ถอนไม้ทั้งหมดออกจากตัวได้ เหลือลิ่มไม้ฝังอยู่ในตัว แมลงวันได้รับ ความเจ็บปวดเพราะถูกเสียบก้นอย่างไร เป็นเวลานานเท่าไหร่ ก่อนจะ ตาย เขาผู้นั้น จะต้องได้รับทุกขเวทนาความเจ็บปวดในขณะถูกเสียบ หลาวและเป็นเวลาหลายชัว่ โมงเหมือนกันฉะนั้น แมลงวันเพียงแค่ตัวเดียว ยังต้องมารับวิบากกรรมถึงขนาดนี้ คนที่ใช้ฉมวกแทง ใช้หน้าไม้ธนูยิงปลา กบ เขียด ใช้เบ็ดเสียบกุ้ง เสียบ ปลาเป็นๆ เพื่อเป็นเหยื่อล่อ สัตว์เหล่านั้น จะเจ็บปวดทรมานขนาด ไหน แล้วผู้ที่ทากรรมอย่างนัน้ จะได้รับผลกรรมตามมาอย่างไรบ้าง ท่านผู้เป็นบัณฑิตที่เชื่อมั่นในกฎแห่งกรรม ลองนึกดูให้ดีๆว่า การฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ เพียงเพื่อมาเป็นอาหารเลี้ยงปากท้องซึง่ มี ชีวิตอยู่ได้ไม่อีกปี แต่ต้องมาชดใช้วิบากกรรมทั้งในชาตินี้และชาติหน้า คุ้มหรือไม่ โปรดใช้ปัญญาตรองดูเถิด
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
การสั่งสมบาป นาทุกข์มาให้ “ตราบใดที่บาปยังไม่ให้ผล ตราบนั้น คนชั่วจะเห็นบาปว่าดี แต่เมื่อใด บาปให้ผล เมื่อนัน้ คนชั่วจะเห็นบาปว่าชั่วแท้ บุคคลอย่าสาคัญว่าบาปเล็กน้อยคงจักไม่มาถึง แม้หม้อน้ายังเต็มด้วยน้าที่ตกลงมาทีละหยาด ๆ ได้ ฉันใด คนพาล เมื่อสั่งสมบาปทีละเล็กทีละน้อย ก็เต็มด้วยบาปได้ ฉันนั้น ตนทาบาปกรรมเอง ก็เศร้าหมองเอง ตนไม่ทาบาปกรรมเอง ก็บริสุทธิ์เอง ความบริสุทธิ์ และไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตน คนอืน่ จะทาคนอื่นให้บริสุทธิ์ไม่ได้” พุทธพจน์ ขุ.ธ.(แปล) ๒๕/๖๘,๖๙,๘๔
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
กรรมทาให้ถกู ฆ่าตาย๒ ผลกรรมจากการฆ่าพ่อแม่
ในสมัยหนึง่ พวกเดียรถีย์ประชุมปรึกษากันว่า พวกท่าน ทราบไหมว่า ทาไม พระสมณโคดม จึงได้ รับลาภสักการะมากมาย เดียรถีย์พวกหนึง่ กล่าวว่า พวกข้ าพเจ้ าไม่ทราบ แล้ วพวกท่าน ทราบหรื อ เดียรถีย์ที่ร้ ูเรื่ องก็พากันตอบว่า “ขอรับ พวกข้าพเจ้า ทราบ ลาภและสักการะเกิดขึ้นเพราะอาศัยพระเถระรูปหนึ่ง ชื่อ มหา โมคคัลลานะ พระเถระนั้น ไปเที่ยวเยี่ยมสวรรค์เทวโลก สอบถาม กรรมที่พวกเทวดาทาแล้ว กลับมาบอกกับพวกมนุษย์วา่ ‘พวกเทวดา ทากุศลกรรมอย่างนี้แล้ว จึงได้มาเกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ แล้วได้ ครอบครองทิพย์สมบัติอย่างนี้’ และไปที่นรกภูมิ สอบถามกรรมของ หมูส่ ตั ว์ผเู้ กิดในนรกแล้ว กลับมาบอกพวกมนุษย์วา่ ‘พวกสัตว์นรกทา บาปกรรมอย่างนี้ จึงได้รบั ทุกข์ทรมานเช่นนี’้ พวกมนุษย์ได้ฟัง เรื่องราวจากพระเถระนั้นแล้ว เกิดศรัทธาเลื่อมใส น้อมนาลาภ สักการะไปถวาย ถ้าฆ่าพระเถระเสียได้ พวกเรา จะได้ลาภและสักการะ นั้นเช่นกัน” ๒
ธ.ป. (แปล) ๕/๙๓-๑๐๒ เรื่ องพระมหาโมคคัลลานะ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
เดียรถีย์เหล่านันต่ ้ างยอมรับว่า กลอุบายนี ้ใช้ ได้ จึงมี ความเห็นตรงกัน แล้ วร่วมวางแผนชัว่ ร้ ายกันว่า พวกเรา จะสร้ าง เลศบางอย่าง แล้ วให้ ลอบฆ่าพระเถระนันเสี ้ ย เรี่ยไรเงินจากพวก อุปัฏฐาก ได้ เงินมาประมาณ ๑ พันกหาปณะ ไปว่าจ้ างโจรโดยชี ้ เป้าหมายว่า “ขณะนี ้ พระเถระชื่อมหาโมคคัลลานะ กาลังพักอาศัย อยู่ที่กาฬสิลา พวกเจ้ าจงไปฆ่าพระเถระนัน” ้ พวกกลุม่ โจร เมื่อได้ รับค่าจ้ างแล้ ว จึงตกลงรับปาก เริ่ม ดาเนินแผนสังหารโดยการไปล้ อมที่อยู่ของพระเถระไว้
พลังฤทธิท์ ี่ว่าแน่ ก็แพ้แรงกรรม๓
พระเถระเมื่อรู้ตวั ว่า กาลังถูกลอบสังหาร จึงเข้ าฌาน แสดงฤทธิ์หายตัว แล้ วเหาะหนีออกไปทางช่องลูกกุญแจ พวกโจรที่ เข้ ามาค้ นภายในกุฎีในวันนัน้ จึงมองไม่เห็นท่าน วันที่สอง จึง กลับมาล้ อมกุฎีไว้ อีก ครัง้ ที่ ๒ พอพระเถระรู้ตวั คราวนี ้ ท่านใช้ กาลังฤทธิ์หายตัวออกไปทางมณฑลช่ อฟ้า เหาะไปทางอากาศ ท่านหนีไปด้ วยวิธีอย่างนี ้ ๕-๖ ครัง้ พวกโจรจึงจับพระเถระไม่ได้ แต่เมื่อมาถึงเดือนสุดท้ าย พระเถระได้ ร้ ูชดั ว่า บาปกรรมที่ เคยทาไว้ ในอดีตส่ งผลมา และกรรมนัน้ มีกาลังรุ นแรง ไม่ สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ ตลอด จึงไม่ ได้ หนีไป ท่านเข้ าสมาธิ ๓
ดู สัง.มหา. (แปล) ๑๙/๓๙๗-๔๐๐ โมคคัลลานสูตร สัง.ส. (แปล) ๑๕/๒๓๗-๒๖๙ พกสูตร สัง.ส. (แปล) ๑๕/๒๔๐-๒๔๔ อปราทิฏฐิสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ระดับลึกพอที่เมื่อถูกพวกโจรทาร้ ายแล้ ว จะไม่ได้ รับทุกขเวทนา แล้ วออกจากสมาธินนั ้ เมื่อโจรหนีไปแล้ ว จึงปล่อยให้ พวกโจรจับ ท่านได้ เมื่อพวกโจรจับท่านได้ แล้ ว จึงพากันใช้ ท่อนไม้ ทบุ ตาม ร่างกายของท่านจนเละหมด ทาให้ กระดูกหักจนป่ นปี แ้ หลก ละเอียดเหมือนเมล็ดข้ าวสารหัก เมื่อแน่ใจว่า ท่านได้ มรณภาพ แล้ ว จึงโยนร่างของท่านทิ ้งไว้ ที่หลังพุม่ ไม้ แล้ วพากันหลบหนีไป
พระเถระยังไม่ตาย จึงประสานกายไปเฝ้าพระศาสดา
พระเถระคลายตัวออกจากสมาธิ แล้ วเริ่มสารวจดูตนเอง จึงได้ ทราบว่า อายุสงั ขารนี ้ หมดเวลาแล้ ว คิดเดินทางไปเข้ าเฝ้ า พระศาสดา ทูลลาเสียก่อน ค่อยปริ นิพพาน จึงใช้ กาลังแห่งสมาธิ ทาให้ ร่างกายกลับมาสูภ่ าวะปกติ แล้ วเหาะไปทางอากาศ เข้ าไป ถวายบังคมพระศาสดาแล้ ว กราบทูลว่า “ข้าแต่พระผูม้ ีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์ ขอกราบทูลลาปรินิพพาน พระเจ้าข้า” พระศาสดา : โมคคัลลานะ เธอ จะปรินิพพานหรือ ? พระเถระ : พระเจ้าข้า พระศาสดา : เธอจะปรินิพพาน ที่ไหน ? พระเถระ : ข้าพระองค์ จะไปปรินิพพานที่กาฬสิลา พระเจ้าข้า พระศาสดา : โมคคัลลานะ ถ้าอย่างนั้น เธอกล่าวธรรมให้เราฟัง แล้วค่อยไป เพราะต่อจากนี้ไป เราจะไม่ได้เห็นสาวกเช่นเธออีก
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
พระเถระกราบทูลรับว่า พระเจ้าข้า ถวายบังคมพระศาสดา เหาะขึ ้นไปในอากาศ แสดงฤทธิ์หลายอย่าง แล้ วแสดงธรรม พระ เถระได้ เล่าอดีตชาติของท่านที่เคยทาบาปกรรมว่า “ข้าพเจ้าได้คบ คนชั่ว เป็นบาปมิตร ตกอยู่ในอานาจกามราคะ มีใจโกรธเคือง ได้ฆ่า มารดาและบิดาเสียแล้ว ข้าพเจ้าเกิดในกาเนิดใด ๆ คือ จะเป็นนรก หรือมนุษย์ก็ตาม เพราะวิบากกรรมนั้น ข้าพเจ้าจึงถูกทุบศีรษะตาย นี้ เป็นกรรมครั้งสุดท้ายของข้าพเจ้า ภพสุดท้ายกาลังเป็นไปอยู่ กรรม เช่นนี้จักปรากฏแก่ข้าพเจ้าในเวลาจะตายแม้ในชาตินี้”๔ พระเถระ เมื่อแสดงธรรมจบลง จึงถวายบังคมพระศาสดา แล้ ว เดินทางเข้ าไปในป่ าใกล้ ตาบลกาฬสิลา แล้ วปรินิพพานนีน่ นั่
ให้ทุกข์แก่ท่าน...บาปนั้นคืนสนอง
หลังจากท่านปริ นิพพานไม่นาน มีกระแสข่าวเล่าลือกันไป ทัว่ ว่าพระเถระถูกพวกโจรทุบศีรษะจนถึงแก่มรณภาพ พระเจ้ า อชาตศัตรู มหาราชแห่งแคว้ นมคธ ทรงส่งสายลับไปสืบหาเบาะแส เรื่ องนี ้ ขณะนัน้ พวกโจรกลุม่ นัน้ กาลังดื่มสุราที่โรงสุราแห่งหนึง่ ขณะที่วิบากกรรมส่งผล จิตใจของคนบาป ย่อมพร่ามัวมืดบอด และแล้ วความจริ งก็ปรารฏ เมื่อโจรคนหนึง่ ใช้ ศอกถองหลังโจรคน หนึง่ จนล้ มลง คนที่ล้มลง เกิดไม่พอใจ จึงพูดว่า “เฮ้ย อ้าย... ทาไม จึงใช้ศอกถองหลังกูวะ” “ เฮ้ย อ้าย...มึงใช้ไม้ทุบตีพระมหาโมคคัลลานะก่อนหรือ” ๔
ดู ขุ.อป. (แปล) ๓๒/๕๙-๖๒ มหาโมคคัลลานเถราปทาน
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
“ แล้วมึงไม่รู้หรือว่า กูลงมือก่อน” เมื่อเหล้ าเข้ าปาก เมาจนได้ ที่ พวกโจรแต่ละคน จึงลืม ตัวเอง แล้ วพูดอวดกันว่า “กูเองเป็ นคนลงมือก่อน” เมื่อกรรม ส่งผล ทาให้ คนชัว่ เผลอตัว พวกสายลับเมื่อรู้ความจริงแล้ ว จึงเข้ า จับกุม แล้ วทูลเกล้ าถวายฎีกา พระราชาทรงมีรับสัง่ ให้ เรี ยกพวก โจรมาแล้ ว ตรัสสอบถามว่า “พวกเจ้าเป็นคนฆ่าพระเถระหรือ” “ ใช่ พระเจ้าข้า” “ใครเป็นคนใช้พวกเจ้าให้มาฆ่าพระเถระ” “พวกสมณะเปลือยกาย (นิครนถ์) พระเจ้าข้า” พระราชาทรงมีรับสัง่ ให้ จบั กุมนักบวชเปลือยกายประมาณ ๕๐๐ คน และพวกโจรอีก ๕๐๐ คน แล้ วให้ ฝังไว้ ในหลุมลึกเพียง สะดือที่พระลานหลวง ให้ กลบด้ วยฟาง แล้ วจุดไฟเผา เมื่อร่างถูก ไฟไหม้ แล้ ว จึงรับสัง่ ให้ เอาไถเหล็กไถอีก ทาให้ ศพขาดเป็ นท่อนเล็ก ท่อนใหญ่ แล้ วรับสัง่ ให้ เสียบหลาวสาหรับโจรอีก ๔ คน เพื่อ ประจานให้ คนกลัวเกรง ขณะที่พวกภิกษุสนทนากันในโรงธรรมว่า “เป็ นสิ่งที่นา่ สังเวชใจเหลือเกิน พระมหาโมคคัลลานเถระ ไม่น่าจะถูกพวกโจรทุบ ตีจนต้องมามรณภาพในลักษณะอย่างนี้” พระศาสดาเสด็จเข้ ามา พอดี ตรัสถามว่า ภิกษุทงหลาย ั้ ตอนนี ้ พวกเธอนัง่ คุยกันเรื่ องอะไร เมื่อภิกษุเหล่านัน้ กราบทูลว่า “เรื่องการมรณภาพของพระมหาโมค คัลลานเถระ พระเจ้าข้า” จึงตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย โมคคัลลานะไม่ ควรมรณภาพในสภาพเช่นนีก้ ็จริง แต่ก็เป็นไปตามกรรมเก่าที่เคยทาไว้
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ในชาติก่อน” ภิกษุทงหลายทู ั้ ลถามว่า “บุรพกรรมของท่านเป็น อย่างไร พระเจ้าข้า” จึงได้ ตรัสเล่าเรื่องกรรมเก่าของพระเถระใน อดีตชาติ ซึง่ มีรายละเอียด ดังนี ้
กรรมเก่าของพระเถระ
ในอดีตชาติที่ผ่านมาอย่างยาวนาน มีชายผู้หนึง่ เป็ น ชาวเมืองพาราณสี เป็ นคนกตัญญูกตเวที ได้ เลี ้ยงดูมารดาและ บิดาผู้ตาบอดทังสองคนอย่ ้ างดี ในเวลาต่อมา มารดาบิดา พูดกับเขาว่า “ลูกเอย เจ้าผู้เดียวทางานเพื่อเลี้ยงดูพอ่ กับแม่ มัน ลาบากนะลูก พ่อแม่จะหาผู้หญิงดีๆมาเป็นภรรยาให้เจ้า” เขาพูด ปฏิเสธไปว่า “คุณแม่ คุณพ่อ ขอรับ ผมไม่ต้องการมีภรรยา ผมจะ ดูแลพ่อแม่อย่างนี้ ไม่ต้องห่วง” แต่ท้ายสุด มารดาบิดา ไม่อาจทนดู ความเหนื่อยยากลาบากของลูกได้ จึงตัดสินใจได้ นาหญิงสาวคน หนึง่ มาเป็ นภรรยาให้ กบั ลูกชาย ลูกสะใภ้ คนนี ้ ได้ ดแู ลปรนนิบตั ิเอาใจใส่แม่ผวั และพ่อผัวได้ เพียง ๒-๓ วันเท่านัน้ หลังจากนัน้ ก็เริ่มออกลายเปลี่ยนเป็ นนิสยั อันธพาลทันที โดยคิดหาทางกลัน่ แกล้ งแม่ผวั และพ่อผัวทุกรูปแบบ เพราะไม่ต้องการอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน จึงพูดกับสามีวา่ “ฉันคง อยูบ่ ้านเดียวกันกับมารดาบิดาของเธออีกต่อไปไม่ได้นะ” แล้ วพูด ตาหนิพ่อผัวแม่ผวั ต่างๆ นานา แต่ผ้ เู ป็ นฝ่ ายสามี นิ่งเฉยไม่เชื่อและ ไม่วา่ อะไร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
เมื่อเวลาสามีออกไปข้ างนอก ได้ เอาลาปอ ก้ านปอและ ฟองข้ าวยาคู มาเทเรี่ ยราดไว้ บนบ้ านให้ ดเู ลอะเทอะ พอสามีมาถึง ถามว่า “นี่มันอะไรกัน เพราะเหตุใด บ้านถึงได้สกปรก เลอะเทอะ อย่างนี”้ ฝ่ ายลูกสะใภ้ ผ้ อู กตัญญู เมื่อได้ โอกาส จึงรีบฟ้องว่า “พ่อ แม่ตาบอดของคุณนั่นแหละเป็นคนทา แกทั้งสองทาบ้านสกปรก เพราะฉะนั้น ฉันคงอยู่ในที่แห่งเดียวกันกับแกไม่ต่อไปแล้ว” เมื่อภรรยาพูดบ่อยๆ บุคคลผู้บาเพ็ญบารมีเพื่อเป็ นอัคร สาวกเบื ้องซ้ ายเลิศทางฤทธิ์ไว้ ดีแล้ วขนาดนี้ ก็เกิดอกุศลจิตคิดไม่ ดีกับพ่อแม่ได้ จึงพูดว่า เอาเถอะ พี่จะจัดการเรื่ องนี ้เอง เมื่อถึงเวลา รับประทานอาหาร เรียกพ่อแม่มาแล้ วพูดว่า “พ่อจ๋า แม่จ๋า พวก ญาติเราที่บ้านโน้น ต้องการพบพ่อกับแม่ ผมจะพาไปเยี่ยมท่านนะ” ได้ ให้ พ่อแม่ขึ ้นรถเทียมวัว แล้ วออกเดินทางไป เมื่อมาถึงกลางป่ าลึก ลูกชาย ได้ โกหกว่า “คุณพ่อขอรับ คุณพ่อถือเชือกเอาไว้อย่างนีน้ ะ วัวจะเดินไปเองในขณะที่ถกู ขนาบ ข้าง ผมจะลงไปดูพวกโจรที่ซุ่มอยูไ่ ม่ไกลจากนี้” ให้ พอ่ ถือเชือกไว้ ส่วนตัวเอง ได้ ลงจากรถไป เพียงครู่เดียว จึงเปลี่ยนเสียงใหม่ทาให้ เป็ นเหมือนเสียงของพวกโจรที่ดกั ซุม่ เพื่อจะปล้ นคนในกลางป่ า พอพ่อแม่ได้ ยินเสียงนัน้ จึงเข้ าใจผิดคิดว่า คงเป็ นเสียงของพวกโจร ที่กาลังดักซุม่ เพื่อปล้ นพวกเราอยู่ จึงพูดออกมาว่า “ลูกเอ๋ย พ่อกับ
ในชาติที่ท่านทามาตุฆาตและปิ ตุฆาต ฆ่ าแม่ และพ่ อตาบอดซึง่ เป็ นอนันตริยกรรมนี ้ ท่านได้ เคยทาบุญอันยิ่งใหญ่เพื่อปรารถนาตาแหน่งอัครสาวกเบื ้องซ้ ายมาก่อนหน้ านี ้แล้ ว ดูรายละเอียดใน ธ.ป. (แปล) ๑/๑๑๓-๑๕๒ เรื่ องสญชัย
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
แม่แก่แล้ว ส่วนลูกยังหนุ่ม ต้องคุ้มครองรักษาตัวเองให้ปลอดภัยนะ” เขาทาเสียงเหมือนโจร แล้ วใช้ ไม้ ทบุ ตีพ่อแม่ที่ร้องวิงวอนขอชีวิต และพูดถึงลูกอย่างนันจนตาย ้ เขาทิ ้งศพพ่อกับแม่ไว้ ที่กลางป่ า แล้ วเดินทางกลับไปบ้ าน เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้ า ได้ ตรัสเล่าบุรพกรรมของท่านพระ เถระเสร็จลง จึงตรัสสรุปความว่า “ภิกษุทั้งหลาย โมคคัลลานะได้ฆ่า พ่อกับแม่(ปิตุฆาต มาตุฆาต) ซึ่งเป็นอนันตริยกรรม ถูกไฟนรกเผาไหม้ หลายแสนปี และถูกฆ่าตายอย่างนี้อีก ๑๐๐ ชาติจากเศษกรรมที่ เหลือ โมคคัลลานะถูกฆาตกรรมให้มรณภาพอย่างนี้ เป็นไปตามกรรม ที่เคยทาไว้ พวกเดียรถีย์ ๕๐๐ กับโจร ๕๐๐ ทาการทุบตี ทาร้าย บุตรของเราผู้ไม่โต้ตอบ ผู้ไม่มีความผิด ต้องมาสิ้นชีวิตอย่างนี้ เพราะ ผลกรรมของพวกเขาเอง เพราะว่า บุคคลทาร้ายผู้ไม่โต้ตอบ ผู้ไม่มี ความผิด จะต้องมีอันเป็นไปต่างๆ ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งใน ๑๐ อย่างแน่นอน กล่าวคือ ได้รบั ทุกขเวทนาแสนสาหัส เกิดความเสื่อม ทรัพย์ อวัยวะได้รับความเสียหายจนถึงพิการ เกิดโรคร้ายแรง เป็น บ้า วิกลจริตจิตฟุ้งซ่าน ถูกผู้ใหญ่ให้โทษ การถูกกล่าวหาใส่ความ อย่างร้ายแรง เครือญาติมีอนั เป็นไป โภคสมบัติฉิบหาย หรือ บ้าน ถูกไฟไหม้ แม้ชีวิตหลังตาย ย่อมไปเกิดในนรก”
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
ข้อคิด...คติธรรม
บ. สยังวสี
กรรมฆ่ามารดาบิดา..มีโทษมากเป็นบาปมหันต์ การฆ่าพ่อแม่ตาย ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทาได้ง่ายๆ จะต้องมีอะไร อยู่เบื้องหลังแน่นอน เพราะได้ภรรยาไม่ดีซึ่งเป็นบาปมิตร และตัวเอง ตกอยู่ในอานาจของกิเลส คือ ราคะ โทสะและโมหะ ความรักเมียมาก จนหลงขนาดคิดอะไรไม่ออก มืดบอดไปหมด โกรธมากจนฆ่าได้แม้กระ ทั้งพ่อและแม่ ขนาดท่านเคยบาเพ็ญบารมีมามากขนาดนี้ แต่ยังพลาด ได้ จะป่วยกล่าวไปใยถึงคนอื่นซึ่งมีกิเลสหนา ปัญญาน้อย เผลอใจ เมื่อใด ย่อมตกอยู่ภายใต้อานาจกิเลสตัณหาได้เหมือนกัน การฆ่าบิดาและการฆ่ามารดา จัดว่า เป็นอนันตริยกรรม คือ เป็นกรรมหนัก ซึ่งมีโทษมาก เป็นบาปมหันต์ ภายในชาตินั้น หมด โอกาศได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ชีวิตหลังตาย ต้องไปเกิดในอเวจี นรก อย่างเดียวแก้ไขไม่ได้ ประตูสวรรค์ปิดตาย ประตูอบายเปิดรอท่า แต่ ชื่อเป็นกรรมเก่าของผู้เป็นพ่อแม่ เป็นกรรมใหม่ของลูกชาย มาในชาติ ปัจจุบัน เป็นกรรมเก่าของพระเถระ เป็นกรรมใหม่ของพวกโจรและผู้ จางวานฆ่า แม้ท่านจะมีฤทธิ์มากมาย แต่ขณะที่วิบากกรรมส่งผลใน ชาติปัจจุบัน ก็ไม่สามารถ หนีบาปกรรมเก่าไปได้ แม้อรหัตตมรรค ก็ละไม่ได้ทั้งหมด๕ ยังเหลือเศษ ด้วยเหตุนี้เอง พระพุทธเจ้า จึงตรัสว่า “คนทาบาป ถึงจะเหาะ ขึ้นไปในอากาศ ก็ไม่พ้นจากบาปกรรม ถึงจะดาลงไปกลางทะเล ก็ไม่ พ้นจากบาปกรรม ถึงจะเข้าไปหลบตัวในซอกเขา ก็ไม่พ้นจาก ๕
อัง.นวก.(แปล) ๒๓/๔๕๙-๔๖๔ โกฏฐิตสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
บาปกรรม เพราะไม่มีแผ่นดินสักส่วนหนึง่ ที่คนทาบาปยืนอยู่แล้ว จะ พ้นจากบาปกรรมได้”๖ พระพุทธองค์ได้ตรัสเพิม่ เติมอีกว่า “บุคคลใดประทุษร้ายต่อ คนผู้ไม่ประทุษร้าย เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีกิเลสเพียงดังเนิน บาปย่อมกลับ มาถึงบุคคลนั้นซึง่ เป็นคนพาลอย่างแน่แท้ ดุจผงธุลีอันละเอียดที่บุคคล ซัดไปทวนลม ฉะนั้น”๗ ด้วยเหตุนี้ เมื่ออกุศลกรรมให้ผลในชาติปัจจุบัน จึงไม่มีใครใน โลกนี้ เก่งเกินกรรมไปได้ ฉะนั้น ขึ้นชื่อว่า บาป ไม่ควรทาเลยดีกว่า
๖ ๗
ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๗๑ เรื่ องคน ๓ จาพวก ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๗๐เรื่ องนายพรานสุนัขชื่อโกกะ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าลูกพี่ชาย
ในทุตยิ อปุตตกสูตร๘ ได้ กล่าวถึงผลกรรมจากการฆ่ า เด็กผู้ไม่ มีความผิด มีผลร้ ายแรงมาก สามารถส่งผลทาให้ ไปเกิด ในนรกและเศษบาปกรรมนี ้ ยังอานวยผลไม่ให้ มีบตุ รสืบสกุลอีก ด้ วย โปรดตังใจอ่ ้ านให้ ดี เรื่ องราวมี ดังนี ้ พระเจ้ าปเสนทิโกศล(พระราชาแห่งแคว้ นโกศล)ได้ เสด็จ เข้ าไปเฝ้ าพระผู้มีพระภาค แต่ยงั วันถวายอภิวาทแล้ วประทับนัง่ ณ ที่สมควร พระผู้มีพระภาคได้ ตรัสกับพระเจ้ าปเสนทิโกศลดังนี ้ ว่า “เชิญเถิด มหาบพิตร พระองค์เสด็จมาจากไหนแต่ยังวัน” พระเจ้ าปเสนทิโกศลกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ คหบดีผู้เป็นเศรษฐีในกรุง สาวัตถีนี้ ถึงแก่กรรมแล้ว ข้าพระองค์ให้ ขนทรัพย์สมบัติที่ไม่มีบุตรนั้นมาไว้ในพระราชวัง แล้วก็มาเข้าเฝ้า เฉพาะเงินเท่านั้นมี ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ ส่วนเครื่องเงินนัน้ ไม่ต้องพูดถึง อนึ่ง คหบดีผู้เป็นเศรษฐีนั้น ได้บริโภคอาหารเช่นนี้ คือ บริโภคปลาย ข้าวกับน้าผักดอง ได้ใช้ผ้าเครื่องนุง่ ห่มเช่นนี้ คือนุ่งห่มผ้าเนื้อหยาบที่ ตัดเป็นสามชิ้นเย็บติดกัน ได้ใช้ยานพาหนะเช่นนี้ คือ ใช้รถเก่า ๆ กั้น ร่มทาด้วยใบไม้” พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “มหาบพิตร ข้อนี้เป็นอย่างนั้น เรื่อง เคยมีมาแล้ว คหบดีผู้เป็นเศรษฐีนั้น ได้สั่งให้จัดเตรียมบิณฑบาตถวาย ๘
สัง.ส. (แปล) ๑๕/๑๕๘-๑๕๙ ทุตยิ อปุตตกสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
พระปัจเจกสัมพุทธเจ้าพระนามว่าตครสิขี ว่า ‘ท่านทั้งหลาย จง ถวายอาหารบิณฑบาตแก่สมณะ’ แล้วลุกจากอาสนะเดินจากไป ภายหลังได้มคี วามเสียดายว่า ‘อาหารบิณฑบาตนี้ให้ทาสหรือกรรมกร บริโภคยังดีกว่า’ นอกจากนี้เขายังปลิดชีวิตบุตรน้อยคนเดียวของ พี่ชาย เพราะทรัพย์สมบัติเป็นเหตุอีกด้วย มหาบพิตร ด้วยผลของกรรมที่คหบดีผู้เป็นเศรษฐีนั้น สั่งให้ จัดเตรียมอาหารบิณฑบาตถวายพระปัจเจกสัมพุทธเจ้า พระนาม ว่าตครสิขี เขาจึงบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์ ๗ ครั้ง ด้วยเศษผลของ กรรมนั้นเหมือนกัน ได้เป็นเศรษฐีในกรุงสาวัตถีนี้แหละถึง ๗ ครั้ง มหาบพิตร ด้วยผลของกรรมที่คหบดี ผู้เป็นเศรษฐีนั้น ถวาย อาหารบิณฑบาตแล้ว ภายหลังได้มีความเสียดายว่า ‘อาหาร บิณฑบาตนี้ ให้ทาสหรือกรรมกรบริโภคยังดีกว่า’ เขาจึงไม่คิดอยาก บริโภคอาหารเลิศรส ไม่คิดอยากใช้ผ้าเครื่องนุง่ ห่มอันมากมาย ไม่คิด อยากใช้ยานพาหนะอย่างโอ่อ่า ไม่คิดอยากบริโภคกามคุณ ๕ ที่ดี ๆ
พระปั จเจกพุทธเจ้ า ตครสิขี เป็ นบุตรคนที่ ๓ ของนางปทุมวดี ซึง่ เป็ นหนึ่งในพระปั จเจก พุทธเจ้ า ๕๐๐ องค์เหล่านัน้ หลังจากได้ บรรลุปัจเจกโพธิญาณแล้ ว ได้ พกั อาศัยอยู่ที่เงื ้อม ชื่อนันทมูลกะ ณ ภูเขาคันธมาทน์ วันหนึ่ง เหาะมาลงที่อิสิคิลิบรรพต ในเวลาเช้ า ครองผ้ า แล้ วถือบาตรและจีวรแล้ ว เข้ าไปบิณฑบาตยังกรุงราชคฤห์ เพื่อโปรดสัตว์ ดู ม.อุ.(แปล)๑๔/๑๗๐-๑๗๔ อิสคิ ลิ ิสูตรและอรรถกถา
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
มหาบพิตร อนึ่ง ด้วยผลของกรรมที่คหบดีผู้เศรษฐีนั้นปลิด ชีวิตบุตรน้อยคนเดียวของพี่ชาย เพราะทรัพย์สมบัติเป็นเหตุ๙ เขาจึง ถูกไฟเผาอยู่ในนรกหลายปีหลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี ด้วยเศษผลของกรรมนั้นเหมือนกันทรัพย์สมบัติที่ไม่มีบุตรรับเอา จึง ถูกขนเข้าคลังหลวงนี้เป็นครัง้ ที่ ๗ มหาบพิตร ก็บญ ุ เก่าของคหบดี ผู้ เป็นเศรษฐีนั้นหมดสิ้นแล้ว และบุญใหม่ก็ไม่ได้สะสมไว้ ในวันนี้ คหบดีผู้เป็นเศรษฐีนั้น ถูกไฟเผาอยู่ในมหา โรรุวนรก” พระเจ้ าปเสนทิโกศลทูลถามว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ คหบดีผู้เป็นเศรษฐีบังเกิดในมหาโรรุวนรกอย่างนัน้ หรือ” พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า “อย่างนั้น มหาบพิตร คหบดีผู้ เป็นเศรษฐีไปบังเกิดในมหาโรรุวนรกแล้ว”
๙
อรรถกถาพระสูตรนี ้ อธิบายเพิ่มเติมไว้ วา่ มารดาบิดาและพี่ชายของเขา ได้ ตายจากไปใน ขณะที่ยงั ไม่ได้ แบ่งมรดก เขาอยู่กบั ภรรยาของพี่ชาย ซึง่ มีลกู ชายคนหนึ่ง ขณะที่เด็กกาลัง เล่นอยู่ที่ถนน ผู้คนพากันพูดว่า “คนนี้เป็ นทาส คนนี้เป็ นทาสี อันนี้ยาน อันนี้ทรั พย์ สมบัติ ซึง่ เป็ นของเจ้ า” เด็ก จดจาคาของคนเหล่านัน้ แล้ วเอามาพูดว่า “สิ่งเหล่านี ้ เป็ น ของเรา” ฝ่ ายผู้เป็ นอาคิดว่า “ตอนนี ้ เด็กยังพูดอย่างนี ้ เมื่อโตขึ ้น เขาคงยึดเอามรดก ทังหมด ้ เราจะต้ องฆ่าเด็กเสียก่อนจะสายเกิน” วันหนึ่ง เขาสัง่ ว่า "ลูกรัก พ่อจะพาเจ้ าเข้ า ไปในป่ า" เขาได้ พาเด็กคนนี ้เข้ าไปในป่ า แล้ วใช้ มีดฆ่าลูกพี่ชายซึง่ กาลังร้ องโหยหวน แล้ ว โยนลงในบ่อ เอาดินกลบไว้
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ข้อคิด...คติธรรม
บุญ-บาปให้ผลตามหน้าที่
ผลกรรมจากการฆ่าลูกของพี่ชายที่ไม่มีความผิด ชีวิตหลังตาย ต้ องไปเกิดในนรกหลายแสนปี เศษกรรมที่เหลือ ส่งผลทาให้ เกิดมาไม่มี ลูกหลานสืบสกุล ส่วนผลบุญจากการให้ ทานแก่พระปั จเจกพุทธเจ้ า ทา ให้ ไปเกิดในสวรรค์ ๗ ครัง้ เศษบุญที่เหลือ ทาให้ เกิดมาเป็ นเศรษฐี อีก ๗ ชาติ แต่เพราะทาบุญแล้ วเสียดายภายหลัง แม้ จะร่ ารวยมีเงินทอง แต่ก็ ไม่อยากใช้ กลัวหมด สุดท้ าย ก็ไม่ได้ ใช้ เอง และในช่วงเวลาที่กาลัง เจริญรุ่งเรื องด้ วยโภคสมบัติ ซึง่ มีบญ ุ เก่าสนับสนุนอยูน่ นั ้ กลับประมาท ไม่เคยทาบุญกุศลเพิ่ม ใช้ แต่บญ ุ เก่าอย่างเดียว พอบุญเก่าหมดลง บุญ ใหม่ ไม่มี บาปเก่าซึง่ เคยติดข้ างไว้ ที่ยงั ใช้ ไม่หมด ได้ โอกาสส่งผลต่ออีก เขาจึงต้ องไปเกิดในนรกอันน่าสะพรึงกลัว อกุศลกรรมและกุศลกรรม คือ บาปกับบุญเท่านันที ้ ่เป็ น เหมือนกับทรัพย์สมบัติซงึ่ ติดตามตัวไปได้ เพราะฉะนัน้ พระพุทธองค์ จึงตรัสว่า “ ข้าวเปลือก ทรัพย์ เงินทองสิ่งของที่หวงแหนอย่างใดอย่าง หนึ่ง หรือทาส กรรมกร คนรับใช้และผู้อาศัยที่มีอยู่ ทั้งหมดนั้นเขานาไป ไม่ได้จาต้องละทิ้งไว้ทั้งหมด อนึ่ง บุคคลทากรรมใดทางกายทางวาจา หรือ ทางใจกรรมนั้นแลเป็นสมบัติของเขา ทั้งเขาจะนากรรมนั้นไปได้ อนึ่ง กรรมนั้นย่อมติดตามเขาไปดุจเงาติดตามตัวไป ฉะนั้น เพราะฉะนั้น บุคคลควรทากรรมดี สะสมไว้เป็นสมบัติในโลกหน้า เพราะบุญเป็นที่พึ่ง ของสัตว์ทั้งหลายในโลกหน้า”
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ท่านผู้เป็ นบัณฑิตทังหลาย ้ แสดงว่า บุญเมื่อใช้ บอ่ ยๆ ย่อม หมดได้ ในทางตรงข้ าม บาปถ้ าใช้ บอ่ ยๆ ต้ องหมดได้ เช่นกัน ถ้ าไม่ อยากให้ บญ ุ หมด ต้ องทาเพิ่มบ่อยๆ ถ้ าอยากให้ บาปหมด หมัน่ รี บ ชดใช้ เมื่อบาปบุญหมดได้ บุญและบาป ไม่ใช่สิ่งที่เที่ยงแท้ แน่นอน เป็ น สิ่งที่เกิดได้ ดับได้ เพราะฉะนัน้ พระอรหันต์ ผู้หมดกิเลสเป็ นเหตุให้ ทา กรรม ละบุญและบาปได้ แล้ ว จึงไม่ต้องเกิดอีก
พระอรหันต์ปรินิพพานแล้ว ไม่เกิดอีก
บัณฑิตเหล่าใดอบรมจิตโดยชอบ ในองค์ธรรมเป็นเครื่องตรัสรู้ทั้งหลาย ไม่ถือมั่น ยินดีในนิพพานเป็นที่สละความถือมั่น บัณฑิตเหล่านั้นสิ้นอาสวะแล้ว มีความรุ่งเรือง ดับสนิทแล้วในโลก นรชนใด ผู้ไม่ต้องเชื่อใคร(รู้แจ้งธรรมอย่างประจักษ์ชัดด้วยตนเอง ไม่ต้องรอสดับธรรมจากผู้อื่น) รู้จักนิพพานที่ปัจจัยอะไรปรุงแต่งไม่ได้ ตัดรอยต่อแห่งการเกิดใหม่ ทาลายโอกาสแห่งการท่องเที่ยวไป ในสงสาร คายความหวังแล้ว นรชนนั้นแล เป็นบุรุษสูงสุด พุทธพจน์ ขุ.ธ.(แปล) ๒๕/๕๖,๖๐
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
นรกมีจริง...ไม่ใช่อิงนิยาย มหานรกมีทงหมด ั้ ๘ ขุม คือ ๑. สัญชีวนรก นรกที่ตายแล้ วฟื น้ หมายถึงสัตว์นรกในนรกนี ้ถูกสับถูก ฟั นเป็ นชิ ้นเล็กชิ ้นน้ อยแล้ วกลับฟื น้ ขึ ้นมาบ่อย ๆ ๒. กาฬสุตตนรก นรกสายบรรทัดเหล็ก หมายถึงสัตว์นรกวิ่งไปบน แผ่นเหล็กแดง ถ้ าล้ มลง จะถูกดีดด้ วยสายบรรทัดเหล็กแดง ๓. สังฆาฏนรก นรกที่ถกู บดหรือหนีบ หมายถึงมีภเู ขาเหล็กลุกเป็ นไฟ กลิ ้งมาบดขยี ้สัตว์ในนรกนี ้ ๔. ชาลโรรุ วนรก(โรรุวนรก) นรกที่สตั ว์ร้องไห้ เพราะเปลวไฟ หมายถึง นรกที่มีเปลวไฟพุง่ วูบเข้ าทางทวารทัง้ ๙ เผาสัตว์นรกตลอดเวลา ๕. ธูมโรรุ วนรก(มหาโรรุวนรก) นรกที่สตั ว์ร้องไห้ เพราะควันไฟ หมายถึงนรกที่มคี วันไฟรมสัตว์นรกทางทวารทัง้ ๙ อยูต่ ลอดเวลา ๖. ตาปนนรก นรกที่ทาให้ ร้อน หมายถึงพวกสัตว์นรกในนรกนี ้จะถูก แทงด้ วยหลาวเหล็กเท่าลาตาลลุกเป็ นไฟ ๗. ปตาปนนรก นรกที่ทาให้ ร้อนมาก หมายถึงสัตว์นรกในนรกนี ้ถูกไล่ ตีหนีขึ ้นไปบนภูเขา บนกาแพงที่ร้อน ตกลงมาถูกหลาวเหล็กเสียบแทง ๘. อเวจีมหานรก นรกที่ไม่มีเวลาว่าง หมายถึงนรกทีม่ ีเปลวไฟพลุง่ ออกมาจากทิศทัง้ ๔ เผาสัตว์นรกอยูต่ ลอดเวลา มหานรกทัง้ ๘ ขุมนี ้แต่ละขุมมีประตู ๔ ด้ าน ประตูหนึง่ ๆ มีอุสสุทนรก (นรกบริ วาร) ด้ านละ ๔ มหานรกขุมหนึง่ ๆ จึงมีอุสสทนรก ๑๖ แห่ ง มหานรก ๘ ขุมมีอสุ สทนรก ๑๒๘ รวมกับมหานรก ๘ เป็ น ๑๓๖ ขุม สังกิจจชาดกและอรรถกถา ขุ.ชา. (แปล) ๒๘/๔๕-๕๔
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าแพะ
ในมตกภัตตชาดก๑๐ ได้ กล่าวถึงผลกรรมจากการฆ่าแพะ เพื่อนามาทาเป็ นอาหาร อุทิศส่วนบุญไปให้ ญาติผ้ ตู าย ส่งผลทาให้ เกิดมาถูกฆ่าจนนับครัง้ ไม่ถ้วน การกระทาเช่นนี ้เป็ นบาปกรรม ไม่ เป็ นบุญ ซึง่ คนส่วนมาก ตังใจว่ ้ า จะทาบุญ กลับกลายเป็ นการทา บาป คิดว่าจะเป็ นบุญ กลับเป็ นบาป คิดว่าคงจะได้ บญ ุ กลับได้ บาปแทน และผลแห่งการฆ่าแพะเพียงตัวเดียวเท่านัน้ กลับเป็ น บาปร้ ายแรงเกินกว่าจะคาดคิด ท่านผู้เป็ นบัณฑิตทังหลาย ้ โปรด อ่านและทาความเข้ าใจในให้ จงดี เรื่ องมีดงั นี ้ ในสมัยพุทธกาล มนุษย์ ทัง้ หลายฆ่ าสัตว์ เป็ นอันมาก มี แพะ เป็ นต้ น เพื่อถวายภัตตาหาร แล้ วอุทศิ ญาติทัง้ หลายที่ ตายไปแล้ ว พวกภิกษุเห็นมนุษย์เหล่านันกระท ้ าอย่างนัน้ จึงทูล ถามพระศาสดาว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บัดนี้ มนุษย์ทั้งหลายทา สัตว์มีชีวิตเป็นอันมาก ให้ถงึ ความสิ้นชีวิต(ปาณาติบาต)แล้ว ถวาย มตกภัตตาหาร อุทิศเพื่อผู้ตายไป ความเจริญ(บุญกุศลอันดีงาม)ใน การให้มตกภัตนี้ มีอยู่หรือ พระเจ้าข้า” พระศาสดาตรัสว่า “ภิกษุทงั้ หลาย ไม่มีกศุ ลความดีงาม อะไรๆ ที่เกิดจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ที่ชนเหล่านั้นกระทาโดยคิดว่า พวกเราจะให้มตกภัตตาหาร ในกาลก่อน บัณฑิตทั้งหลายนั่งกลาง ๑๐
พระศาสดาได้ ตรัสเล่าเรื่องนี ้แก่ภิกษุทงหลายฟั ั้ ง เพราะมีผ้ ทู ลู ถามถึงการฆ่าสัตว์ ทาบุญ อุทิศให้ กบั ผู้ตาย จะได้ บญ ุ หรือไม่ อย่างไร ขุ.ชา. (แปล) ๒๗/๘ และอรรถกถา เรื่ องมตกภัตตชาดก
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
อากาศ แสดงธรรม ชี้โทษในการทาปาณาติบาตนี้ ให้ชนชาวชมพูทวีป ทั้งสิ้น ละบาปกรรมนั้น แต่บัดนี้ การฆ่าสัตว์นั้น กลับปรากฏขึ้นอีก เพราะสัตว์ทั้งหลายติดอยู่ในภพ (จาชาติภพไม่ได้)” แล้ วทรงเล่า เรื่ องราวในอดีตให้ ภิกษุทงหลายฟั ั้ ง รายละเอียดมี ดังนี ้ ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนคร พาราณสี มีอาจารย์ทิศาปาโมกข์ (ชื่อตาแหน่งของอาจารย์ในยุคนั้น) ผู้สาเร็จไตรเพทคนหนึ่ง(เหมือนกับคนจบด็อกเตอร์)คิดว่า จะถวาย อาหารเพื่อผู้ตาย จึงให้จับแพะมาตัวหนึ่ง กล่าวกับบรรดาลูกศิษย์วา่ “พ่อคุณทัง้ หลาย พวกเธอจงจูงแพะตัวนี้ไปที่ฝั่งแม่น้า เอาพวกดอกไม้ สวม ที่คอ เจิมที่หน้าผาก ตกแต่งให้สวยงาม แล้วจูงกลับมา” พวกศิษย์ ได้ทาตามคาสั่งของอาจารย์ จูงแพะมาผูกไว้ทรี่ ิม ฝั่งแม่นา้ แพะตัวนั้นเกิดมองเห็นกรรมเก่าของตน(ระลึกชาติขึ้นมา ได้) เกิดดีใจขึ้น คิดว่า เราจะได้พ้นจากทุกข์ภายในวันนี้ จึงร้องขึ้นด้วย เสียงอันดัง แล้วคิดได้อีกว่า “พราหมณ์นี้ หลังจากฆ่าเราแล้ว ก็จะ ประสพทุกข์เหมือนกับเรา” เกิดความสงสารพราหมณ์ขึ้นมา จึงน้าตา ซึม เศร้าโศกเสียใจอย่างแรง (ร้องไห้ด้วยเสียงอันดัง) พวกศิษย์หนุ่ม จึงถามแพะนั้นว่า “เจ้าแพะเอย เจ้าหัวเราะ และร้องไห้เสียงดังลั่น เพราะเหตุไรหนอ ? แพะตอบเป็นภาษามนุษย์ ว่า “ท่านทัง้ หลาย ควรถามเรื่องนี้กับข้าพเจ้า ตอนที่อยู่ต่อหน้า อาจารย์ของท่าน” พวกเขา จึงจูงแพะนัน้ ไป ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ อาจารย์ฟงั พออาจารย์ได้ฟงั แล้ว จึงถามว่า “เจ้าแพะเอย ทาไม เจ้า จึงหัวเราะ เพราะเหตุไร เจ้าจึงร้องไห้”
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
แพะย้อนระลึกถึงกรรมเก่าทีต่ นเคยกระทาไว้ด้วยญาณ ได้ ตอบพราหมณ์ไปว่า “ท่านพราหมณ์ ในชาติก่อน ข้าพเจ้าเอง เคย เป็นพราหมณ์ผู้สาธยายมนต์เหมือนท่านนี้แหละ คิดว่า "จะทาบุญ ถวายอาหารอุทศิ ให้ผู้ตาย(มตกภัต)" จึงได้ฆ่าแพะตัวหนึง่ แล้วทาเป็น อาหารอุทิศให้ผู้ตาย เพราะเหตุที่ข้าพเจ้า ได้ฆ่าแพะตัวเดียว แต่ถกู ฆ่ าตัดหัว ๔๙๙ ชาติ๑๑ ชาตินี ้เป็ นชาติท่ ี ๕๐๐ และเป็ นชาติ สุดท้ ายที่จะได้ รับวิบากกรรมนี ้ จึงได้ ดีใจว่า วันนี ้ เราจะได้ พ้นจาก ทุกข์ที่เกิดมาเป็ นแพะนี ้" จึงได้ หวั เราะเพราะเหตุนี ้ แต่ที่ข้าพเจ้ า ได้ ร้องไห้ เนื่องจากอดสงสารท่านไม่ได้ เพราะมาคิดว่า “ครั้งแรก เราฆ่าแพะตัวเดียว แต่ต้องมาถูกฆ่าตัดหัวถึง ๕๐๐ ชาติ เพิ่งจะได้ พ้นบาปกรรมในวันนี้ ส่วนพราหมณ์คนนี้ เขากาลังจะฆ่าเรา ซึง่ จะต้องถูกฆ่าตัดศีรษะถึง ๕๐๐ ชาติเหมือนเรา” พราหมณ์ ได้ ฟังคาที่แพะเล่าแล้ ว จึงกล่าวว่า "แพะเอย เจ้ า อย่ากลัวไปเลย เราจะไม่ฆา่ เจ้ าหรอก" แพะพูดตอบไปว่า "ท่าน พราหมณ์ พูดอะไรอย่างนัน้ ท่านจะฆ่าหรื อไม่ฆา่ ข้ าพเจ้ าก็ตามที แต่วนั นี ้ ข้ าพเจ้ า ต้ องตายอยู่ดี ไม่อาจหลีกความตายไปได้ "
๑๑
ผลแห่ งบุญที่เกิดจากการให้ ทาน สามารถอานวยผลให้ ได้ อายุ วรรณะ สุขะ พละและ ปฏิภาณ อย่างละ ๑๐๐ ชาติ รวมเป็ น ๕๐๐ ชาติ ม.อุ. (แปล) ๑๔/ ๔๒๗-๔๒๙ ทักขิณาวิภังคสูตรและอรรถกถา แม้ ในทางตรงข้ าม เรื่องบาปอกุศล ย่อมเป็ นเช่นเดียวกัน คือ การทาบาปอกุศล เช่น การ ฆ่าสัตว์ตดั ชีวิต ย่อมเป็ นเหตุทาให้ เสื่อมอายุ วรรณะ สุขะ พละและปฏิภาณถึง ๕๐๐ ชาติ ได้ เหมือนกัน-ผู้เขียน
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
“เจ้าแพะเอย เจ้าอย่ากลัวไปเลย พวกเราจะดูแลคุ้มครอง ป้องกันเจ้าให้ปลอดภัย” “ท่านพราหมณ์ การปกป้องคุ้มครองของท่านมีกาลังน้อย ส่วนบาปที่ข้าพเจ้าได้กระทาไว้นั้น มีกาลังมากกว่า” พราหมณ์ จึงให้ ปล่อยแพะไป ได้ พดู ขึ ้นว่า "เราจะไม่ให้ แม้ ใคร ฆ่าแพะตัวนี ้ได้ " แล้ วพาพวกลูกศิษย์เดินไปมาเพื่อเฝ้ าดูแพะไว้ แพะพอเป็ นอิสระ ก็ชะเง้ อคอเริ่ มจะกินใบไม้ ที่ขึ ้นตามหลังแผ่นหิน แห่งหนึง่ ทันใดนัน้ เอง ฟ้าก็ผ่าลงที่หลังแผ่ นหินนัน้ สะเก็ดหิน ชิน้ หนึ่ง กระเด็นกระดอนตกลงตรงที่คอแพะ ตัดคอแพะ ขาดไป มีผ้ คู นมากมายพากันมาดูเหตุการณ์อนั เหลือเชื่อนี ้ ในกาลนัน้ พระโพธิสัตว์ เกิดเป็ นรุ กขเทวดาอาศัยอยู่ ตรงบริ เวณนันพอดี ้ ขณะที่ผ้ คู นทังหลายมองเห็ ้ น จึงนัง่ ขัดสมาธิ ในอากาศ กล่าวว่า “เมื่อสัตว์ทงหลาย ั้ ได้ ร้ ูผลบาปอย่างนี ้ จึงไม่ ควรกระทาปาณาติบาต” แล้ วแสดงธรรมด้ วยเสียงไพเราะว่า “ถ้า สัตว์ทั้งหลายพึงรู้อย่างนีว้ ่า การเกิดนี้เป็นทุกข์ สัตว์ไม่ควรฆ่าสัตว์ (คนเราไม่ควรฆ่าสัตว์) เพราะว่า ผู้ฆา่ สัตว์บ่อยๆ ย่อมเศร้าโศก” พระโพธิสตั ว์ ได้ ชี ้ให้ เห็นภัยในนรกอันน่ากลัว สัง่ สอนให้ คนทังหลายตั ้ งมั ้ น่ อยู่ในเบญจศีล แล้ วหายตัวไป ผู้คนทังหลาย ้ เมื่อได้ ยินได้ ฟังเช่นนันแล้ ้ ว เกิดความละอายชัว่ กลัวบาปกรรม เกรงกลัวเวรภัยในนรก พากันงดเว้ นจากปาณาติบาต ตังอยู ้ ่ใน โอวาทของพระโพธิสตั ว์ ได้ พากันให้ ทาน รักษาศีล หลังจากตาย แล้ ว ได้ ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ข้อคิด...คติธรรม ทุกคนเคยได้ ยิน ได้ ฟังมาว่า การฆ่าสัตว์ตดั ชีวิต เป็ นสิ่งที่ ไม่ดี เป็ นบาปกรรม จะทาให้ ชีวิตไปเกิดในภพภูมิไม่ดี แต่มีน้อยคน มาก ที่จะเชื่อ ในจานวนคนที่เชื่อนัน้ มีน้อยคนที่จะเชื่อมัน่ จริ งๆ แม้ จะมีเชื่อมัน่ ในเรื่ องนี ้ ก็ยากที่จะอดฆ่าสัตว์ได้ นัน่ แสดงว่า เพียงแค่ ฟั งมาว่า การฆ่าสัตว์บาป ไม่ดี คนอาจจะยอมรับได้ แต่ถ้าบอกว่า การฆ่าสัตว์ ตายแล้วจะทาให้ตกนรก คนส่วนมากจะไม่เชื่อและไม่ ยอมรับ เพราะมองไม่เห็นเหตุผล และพิสจู น์ไม่ได้ แม้ บอกว่า ผลกรรมจากการฆ่าสัตว์ เมื่อตายแล้ ว จะเกิด มาถูกฆ่าอีก ๕๐๐ ชาติ ยิ่งไม่เชื่อใหญ่ และบอกว่า สัตว์บางตัวและ บางโอกาส สามารถพูดภาษาคนได้ ยิ่งไม่เชื่อหนักเข้ าไปอีก เพราะ มองไม่เห็นความน่าจะเป็ นไปได้ ในเรื่ องนี ้ ใครจะเชื่อหรื อไม่ จะ ยอมรับหรื อไม่ ขึ ้นอยู่กบั พื ้นฐานความรู้ ความเข้ าใจสติปัญญาใน ด้ านธรรมะ และถือว่า เป็ นเรื่ องส่วนตน เป็ นสิทธิสว่ นตัว จะห้ าม หรื อบังคับกันไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม พระพุทธองค์ ทรงยืนยันว่า ในยุคนัน้ ใน เหตุการณ์ตอนนัน้ พระองค์เกิดเป็ นรุกขเทวดา เป็ นสักขีพยานได้ และคาสอนของพระพุทธเจ้ านัน้ ย่อมเป็ นจริ งเสมอ ไม่ผิดพลาด คลาดเคลื่อน เหมือนพุทธพจน์ที่วา่ “พระตถาคตตรัสรู้อนุตตรสัมมา สัมโพธิญาณในราตรีใด และปรินิพพานด้วย อนุปาทิเสสนิพพานธาตุใน
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ราตรีใด ในระหว่างนี้ ย่อมภาษิต กล่าว แสดงออก ซึ่งคาใด คานั้นทั้งหมด เป็นจริงอย่างนั้นแล ไม่เป็นอย่างอื่น”๑๒
เพราะฉะนัน้ ถึงแม้ เราจะยังไม่เข้ าใจ อธิบายด้ วยเหตุผลยัง ไม่ได้ วา่ ทาไม สัตว์ถงึ พูดภาษาคนได้ แต่ถ้าเราน้ อมใจเชื่อมัน่ ใน สัพพัญญุตญาณของพระพุทธองค์ ค่อยคิดว่าคาตอบภายหลัง ย่อมค้ นหาสารัตถประโยชน์จากเรื่ องนี ้ได้ อย่างมากมาย ดังนั้น สาหรับกฎแห่งการฆ่า เมื่อเราฆ่าเขา ย่อมได้รับการถูก ฆ่าตอบ การให้ทานแก่สัตว์เดรัจฉาน ได้อานิสงส์ผลบุญ ๕๐๐ หน่วย คือ อานิสงส์นี้จะส่งผลภายใน ๕๐๐ ชาติ แม้ในทางกลับกัน การฆ่า สัตว์ตัวหนึ่ง มีแนวโน้มเป็นไปได้ที่จะถูกฆ่า ๕๐๐ ชาติเช่นกัน ฉะนั้น การฆ่าสัตว์ เพื่อจะนาอาหารมาเลี้ยงเพื่อน หรือเพื่ออุทิศให้กับผู้ตาย ย่อมไม่สามารถปฏิเสธผลสะท้อนกลับนี้ได้ คือ หนีไม่พ้นจากกฎแห่ง กรรมนี้แน่นอน ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลใดๆก็ตาม ถ้าเป็นไปตามกฎนี้ การ ฆ่าสัตว์เพียงตัวเดียว แล้วต้องเกิดมาถูกเขาฆ่าอีก ๕๐๐ ชาติ ย่อม ไม่คุ้มกันแน่นอน แต่สงิ่ หนึ่งของผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียน สัตว์ที่ทุกคนปฏิเสธไม่ได้ คือ ในชั่วชีวิตนี้ จะทาให้เกิดโรคกรรมที่ ลึกลับและรักษาให้หายขาดได้ยาก
๑๒
ขุ. อิต.ิ (แปล) ๒๕/๔๙๕ โลกสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
การงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต.. คือ อภัยทานอันยิ่งใหญ่ ภิกษุทั้งหลาย ทาน ๕ ประการนี้ เป็นมหาทาน ที่รู้กันว่า ล้าเลิศ รู้กันมานานรูก้ ันว่า เป็นอริยวงศ์ เป็นของเก่า ในอดีตไม่ถูก ลบล้างแล้ว ไม่เคยถูกลบล้าง ในปัจจุบัน ไม่ถูกลบล้าง ในอนาคตก็ จักไม่ถูกลบล้าง ไม่ถูกสมณพราหมณ์ผรู้ ู้คัดค้าน คือ อริยสาวกใน ธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ละเว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ ชื่อว่าให้ความไม่มีภัย ให้ความไม่มีเวร ให้ความไม่เบียดเบียนแก่สัตว์ทั้งหลาย ไม่มี ประมาณ ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งความไม่มีภัย ความไม่มีเวร ความ ไม่เบียดเบียน อันไม่มีประมาณ อภิสันทสูตร อัง.อัฏฐก. (แปล) ๒๓/๒๙๙-๓๐๓
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการฆ่าแพะ๑๓
อดีตชาติของพระนางมัลลิกาเทวี ในคัมภีร์อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พาลวรรคที่ ๕ เรื่ องบุรุษคนใดคนหนึ่ง ได้ กล่าวถึงผลกรรมจากการฆ่าตัดหัว แพะเพียงตัวเดียว หลังจากตายแล้ ว ต้ องมาตกนรกอีกหลายร้ อยปี และเศษกรรมที่เหลือ ส่งผลทาให้ เกิดมาเป็ นสัตว์เดรัจฉาน แล้ วถูก ฆ่าตัดหัวอีกหลายร้ อยชาติ ท่านผู้เป็ นบัณฑิตทังหลาย ้ โปรดอ่านและพิจารณาเรื่ องนี ้ ให้ ถ้วนถี่ แล้ วจะเป็ นว่ามีความน่าจะเป็ นไปได้ อย่างไร เรื่ องมีดงั นี ้ ในอดีตกาล พระโอรสของพระเจ้ าพาราณสีได้ ไปบวงสรวง ต่อเทพยดาฟ้าดิน ณ โคนต้ นไทรแห่งหนึง่ ว่า “ข้าแต่เทพยดาผู้เป็น ใหญ่ในชมพูทวีปนี้ มีพระราชา ๑๐๑ พร้อมทั้งพระอัครมเหสีอีก ๑๐๑ ถ้าข้าพเจ้า จะได้ครอบครองราชสมบัติโดยกาลล่วงไปแห่งบิดา ไซร้ ข้าพเจ้า จะทาพลีกรรมแด่ท่าน ด้วยเลือดในลาคอของพระราชา และพระอัครมเหสีเหล่านั้น” พระกุมารนัน้ เมื่อพระบิดาสวรรคตแล้ ว ได้ รับราชสมบัติ สมพระประสงค์ ทรงคิดว่า เราได้ รับราชสมบัติด้วยอานุภาพของ เทวดา เราจะทาพลีกรรมเส้ นสรวงเทวดา จึงเสด็จออกไปด้ วยเสนา หมู่ใหญ่ สัง่ บังคับให้ พระราชาทังหลายพร้ ้ อมกับพระอัครมเหสี ทังหมดอยู ้ ่ในอานาจ นากลับมาที่ต้นไทร ยกเว้ นพระเทวีพระนาม ๑๓
ขุ.ธ. (แปล)๒๕/๔๕, ธ.ป. (แปล) ๓/๑๕๒-๑๗๔ เรื่ องบุรุษคนใดคนหนึ่ง
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ว่า ธัมมทินนา ผู้ทรงพระครรภ์แก่ ผู้เป็ นพระอัครมเหสีของ พระราชาพระนามว่าอุคคเสน ซึง่ เป็ นพระราชามีเกียรติน้อยกว่า พระราชาทังหมด ้ ขณะทีเ่ สด็จกลับ ทรงดาริ วา่ เราจะให้ พระราชา ทังหมดนี ้ ้ ดื่มยาพิษตาย จึงทรงรับสัง่ ให้ ทหารทังหลาย ้ ชาระโคน ต้ นไทรให้ สะอาดเพื่อทาเทวตาพลี ส่วนเทวดาที่สถิตในต้ นไทร คิดว่า “พระราชาองค์นี้ ไปจับ พระราชาทั้งชมพูทวีปมาทั้งหมด ก็เพราะเหตุแห่งเรา ท้าวเธอ มีพระ ประสงค์จะเอาโลหิตในลาพระศอของพระราชาเหล่านั้น มาเซ่นสรวง ทาพลีกรรมแก่เรา ถ้าพระราชานี้ จะทรงสาเร็จโทษพระราชาเหล่านั้น ไซร้ พระราชวงศ์ในชมพูทวีป ก็จะสูญสิ้น แม้โคนต้นไทรของเรา ก็จะ สกปรกไม่สะอาด เรา จะห้ามพระราชานั้นได้ไหมหนอ” จึงใคร่ครวญ ดูสกั ครู่หนึง่ ได้ หยัง่ รู้วา่ ไม่ สามารถจะห้ ามได้ จึงเข้ าไปหาเทวดา องค์อื่น เล่าความเป็ นไปทังหมดให้ ้ ฟัง แล้ วถามว่า “พวกท่าน สามารถห้ ามพระราชาองค์นี ้ได้ หรื อไม่” เทวดาทังเหล่ ้ านันบอกปฏิ ้ เสธว่า ไม่สามารถจะทาได้ จึง เข้ าไปถามเทวดาทัว่ จักรวาล คือ เริ่มจากเทวดาระดับธรรมดาก่อน แล้ วจึงเข้ าไปหาท้ าวมหาราชทังสี ้ ่ และท้ าวสักกะจอมเทพแห่ง สวรรค์ชนดาวดึ ั้ งส์ ทุกองค์ล้วนแต่ปฏิเสธทังนั ้ น้ แต่ท้าวสักกะได้ ตรัสบอกอุบายให้ วา่ “กลับไปเถิดท่าน ท่านจงนุง่ ผ้ าแดงทาให้ พระราชามองเห็น แล้ วแสดงตัวเหมือนกับจะหนีออกไปจากต้ นไม้ จะทาให้ พระราชาดาริ วา่ "เทวดาของเรากาลังไป เราจะให้เทวดานั้น กลับมา" แล้ วจะอ้ อนวอนด้ วยประการต่างๆ เมื่อได้ โอกาส พึงกล่าว
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
กับพระราชานันว่ ้ า ‘ท่านได้บนบานต่อเราไว้ว่า จะนาพระราชา ๑๐๑ กับพระอัครมเหสีทั้งหลายมา ทาพลีกรรมด้วยโลหิตในลาพระศอของ พระราชาเหล่านั้น’ แต่ไม่เอาพระเทวีของพระอุคคเสนมาด้ วย เรา จะไม่รับพลีกรรมของคนผิดสัจจะเช่นกับพระองค์ เมื่อท่านกล่าว อย่างนี ้ พระราชาจะให้ นาพระเทวีนนมา ั้ พระเทวีนนจะแสดง ั้ ธรรมแก่ พระราชา ให้ ชีวติ แก่คนเป็ นอันมาก” ท้ าวสักกะตรัสบอกอุบายนี ้ให้ และเทวดาได้ กระทาตามนัน้ ทุกประการ และพระราชา ได้ รับสัง่ ให้ นาพระเทวีนนมาเช่ ั้ นกัน เมื่อพระเทวีนนมาถึ ั ้ งสถานที่นนแล้ ั ้ ว ได้ ถวายบังคมพระราชาผู้ สวามีของตนเท่านัน้ ซึง่ ประทับนัง่ ณ ที่ริมสุดพระราชาเหล่านันที ้ ่ ถูกจับตัวมา พระราชาทรงกริ ว้ พระเทวีนนว่ ั ้ า “เมื่อเราดารงอยู่ใน ตาแหน่งใหญ่กว่าใครทัง้ หมด นางยังไหว้สามีของตน ซึ่งมีตาแหน่ง น้อยกว่าพระราชาทั้งปวงได้” พระเทวีทลู พระราชานันว่ ้ า “เรื่องอะไรของหม่อมฉันที่ต้อง เกี่ยวข้องกับพระองค์เล่า ส่วนพระราชาพระองค์นี้ เป็นพระสวามีผู้ให้ ความเป็นใหญ่แก่หม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ไหว้พระราชาพระองค์นี้แล้ว จะไหว้พระองค์ เพราะเหตุไร” เมื่อคนที่ถกู จับมาเหล่านัน้ กาลังมองเห็นอยู่ รุกขเทวดา กล่าวว่า “พระองค์ได้พูดถูกแล้ว พระเทวีผู้เจริญ” แล้ วเอาดอกไม้ กา มือหนึง่ โปรยเพื่อทาการบูชาพระเทวีนนั ้ พระราชาตรัสอีกว่า “เอา หละ แม้ถ้าหากเธอ ไม่ยอมไหว้เรา แต่เพราะเหตุไร จึงไม่ไหว้เทวดา ของเราผู้มีอานุภาพยิง่ ใหญ่ ผู้ให้สิริแห่งความเป็นพระราชาเล่า”
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
พระเทวีทลู ว่า “ข้าแต่มหาราช เพราะพระองค์ทรงดารงอยู่ ในอานาจแห่งบุญของพระองค์ จึงจับพระราชาทั้งหลายได้ ไม่ใช่ เทวดาจับถวายหรอก” เทวดากล่าวกับพระเทวีอกี ว่า พูดถูกแล้ว พระเทวี แล้วบูชาด้วยดอกไม้อีกครัง้ หนึง่ พระเทวีนั้นทูลอีกว่า “พระองค์ตรัสว่า 'พระราชาเหล่านี้ เทวดาจับให้เรา' ถ้าเทวดามี อานุภาพมากอย่างนั้นจริง ขณะนี้ ต้นไม้ถูกไฟไหม้ ณ เบื้องซ้าย ข้างบนเทวดา เพราะเหตุไร เทวดา จึงไม่ดับไฟเอาเองหละ เพะค่ะ " เทวดากล่าวว่า ถูกต้องแล้ว พระเทวี แล้ วบูชาพระเทวีด้วย ดอกไม้ เหมือนครัง้ ก่อน แล้ วสักครู่หนึง่ พระเทวี ได้ ทรงพระ กันแสงทังทรงพระสรวล ้ ซึง่ ทาให้ พระราชาประหลาดพระทัย จึง ตรัสถามไปว่า "ธรรมทินนา เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือ" “ขอเดชะ เพราะเหตุไร พระองค์จึงตรัสอย่างนั้น ผู้หญิง อย่างหม่อมฉันนี่หรือ จะเป็นบ้า” “แล้วทาไม เธอจึงร้องไห้และหัวเราะไปพร้อมๆกัน” ผลกรรมจากการฆ่าแพะเลีย้ งแขก พระเทวี ทูลว่า “ขอพระองค์จงสดับเถิด มหาราช ดิฉนั ระลึกชาติได้ วา่ ในอดีตกาล ตอนสมัยที่หม่อมฉันเป็นสาว กาลังอยู่ ในตระกูลสามี เมื่อสหายของสามีมาเยี่ยมบ้าน จะต้องต้อนรับเลี้ยง อาหาร จึงสั่งให้คนใช้ไปซื้อเนื้อว่า ‘เจ้าจงไปซือ้ เนือ้ มา’ แต่คนใช้หา ซื้อเนื้อไม่ได้ บอกว่า ‘เนื้อไม่ม’ี จึงต้องฆ่าตัดคอแพะที่นอนอยู่ข้าง หลังเรือน เพื่อนาเนื้อมาปรุงเป็นอาหารเลี้ยงแขก
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
หม่อมฉัน ได้ฆ่าตัดคอแม่แพะเพียงตัวเดียว แต่หลังจากตาย แล้ว ต้องมาหมกไหม้ในนรก และจากเศษผลแห่งกรรม ได้ถูกตัดศีรษะ หลายครั้งเท่ากับการนับขนแม่แพะ พระองค์ ฆ่าคนขนาดนี้ แล้วอีก นานเท่าไหร่จะพ้นจากทุกข์ หม่อมฉันนึกถึงทุกข์อันใหญ่ของพระองค์ จึงร้องไห้” “แล้วเธอหัวเราะ เพราะเหตุใด” “ ข้าแต่มหาราช หม่อมฉัน เกิดความดีใจว่า ‘เราพ้นจากทุกข์ นั้นแล้ว’ จึงหัวเราะ” เทวดากล่าวกับพระเทวีอีกว่า "พูดถูกแล้ว พระเทวี" แล้ ว บูชาด้ วยดอกไม้ กามือหนึง่ พระราชาดาริ วา่ "น่าสลดใจเสียจริง ! เราเกือบทากรรมหนักเสียแล้ว พระเทวีเพียงฆ่าแม่แพะตัวเดียว ตาย ไปหมกไหม้ในนรก และเพียงแค่เศษกรรม ต้องมาถูกตัดศีรษะอีกหลาย ร้อยครั้งเท่ากับนับขนแม่แพะอีก เราฆ่าคนมากมายอย่างนี้ จะถึง ความสวัสดีได้เมื่อไหร่" จึงได้ ตดั สินพระทัยปล่อยพระราชาทังหมด ้ ให้ เป็ นอิสรภาพ แล้ วถวายบังคมพระราชาผู้มีอาวุโสกว่าตน ทรง ประคองอัญชลีแก่พระราชาที่หนุ่มกว่า ให้ พระราชาทังหมดยกโทษ ้ ให้ แล้ วทรงส่งกลับไปตามที่เดิม พระศาสดาได้ ตรัสสรุปเรื่องในอดีตชาติของพระนาง มัลลิกาว่า พระเจ้าพาราณสี ในกาลนัน้ ได้เกิดมาเป็นพระเจ้า ปเสนทิโกศล พระนางธัมมทินนาเทวี มาเกิดเป็นพระนางมัลลิกา ส่วนรุกขเทวดา คือ เราเอง
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม “บุคคลอย่าสาคัญว่าบุญเล็กน้อยคงจักไม่มาถึง แม้หม้อน้ายังเต็มด้วยน้าที่ตกลงมาทีละหยาด ๆ ได้ ฉันใด คนมีปัญญา เมื่อสั่งสมบุญแม้ทีละเล็กทีละน้อย ก็เต็มด้วยบุญได้ ฉันนั้น บุคคลควรละเว้นบาปทัง้ หลาย ดุจพ่อค้าที่มีทรัพย์มาก แต่มพี วกน้อย หลีกเลี่ยงทางที่มภี ัย และดุจคนรักชีวิตหลีกเลี่ยงยาพิษ ฉะนั้น สัตว์พวกหนึ่ง ย่อมเกิดในครรภ์ พวกที่ทาบาปกรรมย่อมไปนรก พวกที่ทาความดีย่อมไปสวรรค์ ส่วนผู้ที่ไม่มีอาสวะย่อมนิพพาน พุทธพจน์ ขุ.ธ.(แปล) ๒๕/๖๙-๗๐
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
ผลกรรมจากการฆ่าหมู๑๔
บ. สยังวสี
ในคัมภีร์อรรถกถา ธรรมบท เรื่ องนายจุนทสูกริก ได้ กล่าวถึงผลกรรมจากการฆ่าหมูของนายจุนทะ ผู้โหดเหี ้ยมอาหิต จิตมืดบอด ไม่ร้ ูบาปบุญคุณโทษ มีวดั วาอารามอยู่ใกล้ บ้าน ก็ไม่ เคยทาให้ ทานบุญกุศล ความดีงามแม้ สกั นิดหนึง่ ก็ไม่เคยทา เกิด มาเพื่อมาสร้ างบาปกรรม กระทาเวรโดยเฉพาะ อย่างนี ้หละหนอ พระพุทธองค์ จึงตรัสว่า “คนชัว่ ทาความดีได้ ยาก” ฉะนัน้ สิริกับ กาลกรรณี ย่ อมเข้ ากันไม่ ได้ คนชัว่ มองเห็นคนดีเป็ นคนชัว่ แม้ ตัวอยู่ใกล้ ก็มองไม่เห็นความดีของบัณฑิต ผู้ชายคนนี ้ เขาทา อาชีพฆ่าหมูขาย เมื่อไม่มีพลังบุญไม่มาขวางกัน้ บาปกรรม จึงมา ตามสนอง ต้ องตกนรกทัง้ เป็ น ขอท่านผู้ใฝ่ ธรรม มีใจเป็ นกลาง โปรดอ่านให้ ดี เรื่ องมีดงั นี ้ นายจุนทะ มีอาชีพเลี ้ยงหมูขาย บางครัง้ ก็ฆา่ เพื่อเป็ น อาหาร ในเวลาข้ าวยากหมากแพง เขาได้ ขบั เกวียนบรรทุก ข้ าวเปลือกมุ่งหน้ าไปบ้ านนอก เพื่อเอาไปแลกกับลูก เมื่อได้ มาแล้ ว ก็เลี ้ยงไว้ ในคอกข้ างหลังบ้ าน โดยปลูกผักไว้ สาหรับใช้ เป็ นอาหาร ลูกหมู่เหล่านัน้ เมื่อลูกหมูโตแล้ ว เขาอยากจะฆ่าตัวใด ก็จบั มัด เอาค้ อน ๔ เหลีย่ มทุบหัว เอามือง้ างปาก สอดไม้ เข้ าไปในปาก เท น ้าร้ อนที่กาลังเดือดพล่าน เข้ าไปในปาก ทาให้ ขบั มูลมันออกมาจน ลาไส้ สะอาด เสร็จแล้ วเทน ้าร้ อนลาดหลังให้ หนังดาหลุดออก เอา ๑๔
ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๒๘ และอรรถกถา เรื่ องนายจุนทสูกริก
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ไฟลนขนจนหมด แล้ วใช้ ดาบเชือดคอ เอาชามรองเลือดไว้ ใช้ มีด หัน่ เนื ้อเป็ นชิ ้นๆ คลุกเคล้ าด้ วยเลือดหมู แล้ วนามาปิ ง้ นัง่ รับประทานกับลูกเมีย บางส่วนก็เก็บไว้ ทาน บางส่วน ก็ขาย เขาทา อยู่อย่างนี ้ประมาณ ๕๕ ปี แม้พระพุทธเจ้าประทับอยู่ในวัดพระเช ตวัน ไม่ไกลจากบ้านเขาก็ตาม แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะเอาดอกไม้ไป สักการบูชา หรือไม่เคยคิดที่จะนาอาหารไปถวาย เขาไม่เคยทาบุญ กุศลสักอย่างในชั่วชีวิตนี้ นอกจากฆ่าและขายหมูเลี้ยงครอบครัว ต่อมาไม่นาน ผลกรรมจากการฆ่าหมูเริ่มส่งผล ทาให้ เขาล้ ม ป่ วยอย่างหนัก ทาให้ เร่ าร้ อน ทุรนทุราย ทุกครัง้ ที่หลับตา จะเกิด ภาพหมูที่เขาเคยฆ่ามาหลอกหลอน และเกิดภาพไฟนรกมาเผารน ในใจเขาเหมือนเป็ นสัญญาณเตือนว่า หลังจากตายไป เขาจะต้ อง ไปตกอเวจีมหานรก๑๕ เมื่อบาปกรรม ส่งผล ทาให้ เขาเกิดอาการเร่าร้ อนทัว่ ร่างกายและเกิดภาวะหวาดกลัวอย่างมาก จนเขาร้ องครวญคราง เหมือนหมู คลานไปมาทัว่ เรื อน เพื่อนบ้ านรอบๆก็หนวกหู นอน ไม่ได้ เหมือนกัน ลูกเมียพี่น้องของเขาอดสงสารเพราะทนดูไม่ได้ จับเขามัด และเอาผ้ าปิ ดปาก เมื่อกรรมส่ งผล ไม่ มีใครจะห้ าม ได้ เมื่อคนในบ้ านราคราญและหนวกหู พร้ อมทังเขาชอบคลาน ้ ออกไปข้ างนอกตัวบ้ านด้ วย จึงจับเขาผูกมัดไว้ ภายนอก เขายังส่ง ๑๕
เปรียบเทียบความเร่าร้ อนในอเวจีนรก ทาให้ คนที่ยืนมองดูประมาณ ๑๐,๐๐๐ กิโลเมตร ตาบอดได้ ดู ม.อุ. (แปล) ๑๔/๓๐๙-๓๑๘ เทวทูตสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
เสียงร้ องเหมือนหมูคลานไปข้ างโน้ นข้ างนี ้ ๗ วัน ในวันที่ ๘ เขาก็ได้ ตายอย่างทุรนทุราย แล้ วไปเกิดในอเวจีมหานรก พวกภิกษุเดินไปทางประตูบ้านของเขา ได้ ยินเสียงร้ องของ เขา ก็คิดว่า เสียงหมูร้อง กลับไปวัด ได้ กราบทูลถามพระศาสดาว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นายจุนทะปิดประตูบ้านฆ่าหมู วันนี้เป็นวันที่ ๗ เขาคงจัดงานมงคลอะไรสักอย่าง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็เมื่อเขา ฆ่าหมูมาตลอดชีวิตขนาดนี้ แล้วจะมีความเมตตากรุณาได้อย่างไร ข้า พระองค์ทงั้ หลายไม่เคยเห็นใครที่จะโหดร้ายใจหยาบขนาดนี้มาก่อน” พระศาสดาตรัสว่า “ภิกษุทงั้ หลาย ๗ วันที่ผา่ นมานั้น เขา ไม่ได้ฆ่าหมูอะไรหรอก แต่เขาได้รับผลกรรมจากการฆ่าหมูต่างหาก ความเร่าร้อนในอเวจีมหานรกปรากฏแก่เขาทั้งเป็นทีเดียว เพราะเขา เร่าร้อนทุรนทุรายปวดแสบแสนสาหัส เขาจึงส่งเสียงร้องเหมือนหมู คลานทั่วบ้าน เป็นเวลา ๗ วัน วันนี้เป็นวันที่ ๘ เขาเพิ่งตาย แล้วไป เกิดในอเวจี” เมื่อพวกภิกษุกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในโลกนี้ ก็ เขาเศร้าโศกเสียใจทุกข์ทนหม่นไหม้ ตายไปแล้วยังจะไปเกิดใน อบายภูมิทเี่ ร่าร้อนเช่นกันอีกหรือ พระเจ้าข้า” ตรัสว่า “ อย่างนัน้ ภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่าผู้ประมาทแล้ว(ทาบาปกรรมไว้) เป็นคฤหัสถ์ก็ตาม บรรพชิตก็ตาม ย่อมเศร้าโศกหมองไหม้ในโลกทัง้ สองแน่นอน ผู้ทา บาปเป็นปกติ ย่อมเศร้าโศกในโลกนี้ ละไปแล้วย่อมเศร้าโศก ย่อม เศร้าโศกในโลกทั้งสอง”
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
กรรมทาให้ถกู ไฟคอกตาย๑๖
ในอุเทนสูตรและอรรถกถาธรรมบท ภาค ๒ เรื่ องพระนาง สามาวดี ได้ กล่าวถึงผลกรรมที่ถกู ไฟคอกตาย ๑๐๐ ชาติของพระ นางสามาวดีมเหสีของพระเจ้ าอุเทน พร้ อมทังบริ ้ วารอีก ๕๐๐ คน ซึง่ สืบเนื่องมาจากผลกรรม คือ มีเจตนาจุดไฟเผาพระปัจเจกพุทธ เจ้าในขณะท่านนั่งเข้านิโรธสมาบัติ ตามธรรมดาพระอริ ยเจ้ าทังหลาย ้ ย่อมไม่โกรธ ไม่อาฆาต จองเวร และทังๆที ้ ่ไม่มีเจ้ ากรรมนายเวรมาจ้ องทาร้ าย แต่เพราะ เชื ้อหรื อเมล็ดแห่งบาปกรรมที่ฝังแน่นอยู่ในใจที่ไม่ได้ เอาออก เป็ น กฎดึงดูด ทาให้ บคุ คลที่มีกรรมเหมือนกัน ใกล้ เคียงกันมาทาร้ าย พวกเธอต้ องถูกกรรมตามเล่นงานหลายภพชาติ นี ้เป็ นเรื่องจริ ง ไม่ได้ อิงนิยาย ท่านผู้เป็ นบัณฑิตทังหลาย ้ โปรดอ่านให้ จงดี เรื่ องมีดงั นี ้ พระนางสามาวดีเป็ นลูกสาวเศรษฐี แห่งเมืองภัททวดี ซึง่ เคยเป็ นสหายของท่านโฆสิตเศรษฐี แห่งเมืองโกสัมพี เมื่อ บ้ านเมืองเกิดโรคอหิวาต์ระบาด ผู้คนล้ มตายมากมาย ไม่ยกเว้ น แม้ มารดาบิดาของสามาวดี ต่อมาท่านโฆสิตเศรษฐี รับนางมาอยู่ ด้ วยและตังไว้ ้ ในฐานะเป็ นลูกบุญธรรม เมื่อพระเจ้ าอุเทนมาพบ
๑๖
ขุ.อุ. (แปล) ๒๕/ ๓๑๙ อุเทนสูตร, และอรรถกถา เรื่ องพระนางสามาวดี
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
เห็นเข้ า ถูกตาต้ องพระทัย จึงได้ ขอไปเป็ นนางสนม แล้ วต่อมาได้ ตังเป็ ้ นอัครมเหสี พร้ อมหญิงบริ วารอีก ๕๐๐ หลังจากได้ ฟังธรรมจากนางขุชชุตตราผู้เป็ นหญิงใช้ ได้ เกิด ความศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัยอย่างมาก จึงได้ ประกาศตน เป็ นสาวิกาของพระตถาคตเจ้ าพร้ อมทังบริ ้ วาร เมื่อกรรมเก่าที่เคย ร่วมกันสร้ างเอาไว้ ในอดีตส่งผล ผลักดันให้ เผชิญหน้ ากับคนบาป คือ พระนางมาคันทิยา ซึง่ เป็ นหนึ่งในอัครมเหสีของพระเจ้ าอุเทน ผู้มีรูปร่ างหน้ าตางดงามปานหนึ่งนางฟ้า แต่จิตใจมืดบอด เป็ น มิจฉาทิฏฐิ ไม่เลื่อมใสในพระรัตนตรัย เคยผูกอาฆาตในพระ ศาสดาไว้ สมัยอดีต ต่อมาวันหนึง่ พระนางได้ ขา่ วพระศาสดาเสด็จมายังเมืองนี ้ ไฟแค้ นเก่ าที่ถกู กลบเอาไว้ จึงลุกโชนขึ ้นมา จึงคิดแผนแก้ แค้ น โดยจ้ างพวกทาสและกรรมกรให้ ไปด่ าว่ าพระองค์ เพื่อให้ ได้ รับ ความอับอาย แล้ วจะได้ หนีไปที่อื่น ท่านพระอานนท์ พุทธอุปัฏฐาก พอได้ ฟังคาด่าแล้ ว ได้ กราบทูลให้ พระศาสดาเสด็จไปเมืองอื่น แต่ พระพุทธองค์ไม่ทรงเห็นด้ วย จึงตรัสกับท่านว่า “ อานนท์ ปัญหาเกิด ที่ไหน ก็ควรแก้ที่นั่น เราจะต้องอดทนเหมือนพญาช้างตัวเข้าสู่ สงคราม และพวกที่ถกู จ้างให้มาด่า จะด่าอีกไม่เกิน ๗ วัน เรื่องก็จะ สงบลง”
พระเจ้ าอุเทนมีพระมเหสีอยู่ ๓ พระองค์ คือ พระนางวาสุลทัตตา พระธิดาของพระเจ้ า จัณฑปั ชโชติแห่งกรุงอุชเชนี พระนางสามาวดี ธิดาบุญธรรมของโฆสกเศรษฐี แห่งเมือง โกสัมพี และพระนางมาคันทิยา ธิดาของมาคันทิยพราหมณ์แห่งแคว้ นกุรุ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
แม้ พระนาง จะจ้ างคนให้ ไปด่าว่า แต่ก็ไม่ได้ ผลตามที่ ต้ องการ จึงได้ เปลีย่ นแผนใหม่ หันมาเล่นงานพระนางสามาวดี และบริ วารผู้เป็ นอุปัฏฐายิกาของพระพุทธองค์ โดยแสร้ งให้ คน ของพระนางส่งไก่ ท่ ียังไม่ ตายไปให้ พวกพระนางสามาวดี ๘ ตัว เพื่อฆ่าทาเป็ นแกงอ่อม แล้วนามาถวายพระราชา เพราะรู้ดีวา่ พระ นางสามาวดีและพวกบริ วารเคร่งครัดในหลักศีลธรรม ไม่ฆา่ สัตว์ ตัดชีวิต พวกเขาจะต้ องส่งกลับทันที เมื่อทุกอย่างเป็ นไปตามแผนที่ วางไว้ จึงดาเนินตามแผนต่อไป คือ แสร้ งส่งไก่ตายที่ถกู ฆ่าแล้ วไป ให้ เพื่อทาเป็ นแกงอ่อมอีกครัง้ แต่ครัง้ นี ้ ทรงรับสัง่ ให้ นาไปถวาย พระพุทธองค์ ซึง่ พวกพระนาง จะต้ องรับทาด้ วยความยินดี แน่นอน เพราะเป็ นไก่ที่ตายแล้ ว เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ พระนางมาคันทิยา จึงรีบเข้าไปทูลฟ้องพระราชาว่า “คนพวกนี้ ไม่มีความจงรักภักดีต่อ พระองค์” แต่แผนนี้ กลับผิดคาด ล้มเหลวไม่เป็นผลแต่ประการใด เนื่องจากองค์ราชา ทรงไม่ใส่พระทัยเพราะถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เมื่อแผนใส่ร้ายเรื่องไก่ไม่เป็นผล พระนางมาคันทิยา จึงคิดแผนใหม่อีก โดยใช้ งพ ู ษิ เป็ นเครื่ องมือ จึงรับสัง่ ให้ คนจัดเตรี ยมงูพิษมาให้ เมื่อได้ โอกาส ได้ ใส่งพู ิษซึง่ ถอนเขี ้ยวออกแล้ ว ลงไปในพิณหัสดี กันต์ ของพระราชา ซึง่ อีก ๒-๓ วัน จะถึงวาระ เสด็จไปประทับใน พระตาหนักของพระนางสามาวดี แล้ วพระนางก็แสร้ งทูล คะยันคะยอขอตามเสด็ ้ จไปด้ วย โดยอ้ างว่า ทรงเห็นสุบนิ ไม่ ดี และเกรงจะมีเหตุร้ายเกิดขึน้ กับองค์ ราชา
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
พระเจ้ าอุเทน ไม่ได้ ระแวง และไม่ร้ ูเรื่ องแผนการนี ้ เมื่อ เสด็จไปถึง ได้ ทากิจทุกอย่างตามปกติ วางพิณไว้ เบื ้องบนพระเศียร แล้ วทรงบรรทม พระนางมาคันทิยา แสร้ งทาเป็ นเดินไปมา พอได้ โอกาส จึงดึงกลุม่ ดอกไม้ ออกจากช่องพิณ งูพิษอดอาหารถึง ๒-๓ วัน เลื ้อยออกมาจากช่องนัน้ แล้ วพ่นพิษ แผ่พงั พาน นอนบนแท่นที่ บรรทม พระนางมาคันทิยา จึงแสร้ งร้ องเอะอะโวยวายขึ ้นว่า “งูพษิ งูพษิ เพค่ ะ” แล้ วหลอกด่ าองค์ราชาและพระนางสามาวดีวา่ “พระเจ้าแผ่นดินโง่องค์นี้ ช่างไร้วาสนาแท้ ไม่ฟังคาตักเตือนของเรา แม้อีหญิงพวกนี้ ก็ชั่วช้าสิ้นดี พวกมัน ไม่เคยได้อะไรจากพระเจ้า แผ่นดินหรือไร หากองค์ราชานี้ สวรรคต พวกเจ้า คงจะอยู่สุขสบาย แท้ แต่ถา้ พระองค์ ยังทรงพระชนม์อยู่ พวกเจ้า คงจะลาบากใจซิทา่ ถึงว่าวันนี้ เราเห็นสุบินไม่เป็นมงคลเลย พระองค์เอ๋ย พระองค์ไม่ทรง ฟังเสียงของหม่อมฉัน แม้ทูลวิงวอนว่า ไม่ควรเสด็จไปตาหนักของ พระนางสามาวดี แต่ก็ไม่ทรงเชื่อหม่อมฉัน” พระเจ้ าอุเทน ไม่ทรงรู้วา่ เป็ นเล่ห์เหลี่ยมและแผนชัว่ ของ พระนางมาคันทิยา พอทอดพระเนตรเห็นงู ทรงสะดุ้งตกพระทัย กลัวและพิโรธอย่างนัก ได้ ทรงตาหนิพระนางสามาวดีและหญิง บริ วารอย่างรุนแรง พร้ อมทังขู ้ จ่ ะฆ่าให้ ตายในข้ อหาใช้ งพู ิษเพื่อ ประสงค์ร้ายต่อพระเจ้ าแผ่นดิน ฝ่ ายพระนางสามาวดีร้ ูวา่ กาลังถูก ใส่ร้ายป้ายสีและถูกโยนความผิดมาให้ ตกอยู่ในฐานะเสียเปรี ยบ และไม่มีทางแก้ ตวั ได้ จึงนิ่งสงบ ไม่แสดงอาการตกใจ แล้ วพูด ปลอบโยน และเตือนสติพวกผู้หญิงที่เป็ นบริ วารว่า “เธอทั้งหลาย
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ในสถานการณ์เช่นนี้ ที่พงึ่ อื่นของพวกเราหามีไม่ นอกจากพระ รัตนตรัย จงอย่าให้จิตใจผิดปกติ พึงแผ่เมตตาจิตให้กับพระราชาและ พระนางมาคันทิยาเถิด อย่าได้ถือโทษโกรธเคืองผู้ใดผู้หนึ่งเลย” พระเจ้ าอุเทน ทรงแสร้ งรับสัง่ ลงโทษพระนางสามาวดี พร้ อมทังหญิ ้ งบริ วาร แล้ วจึงทรงขึ ้นสาย พาดลูกศรอาบยาพิษ เล็ง ไปที่เป้า คือ พระนาง ซึง่ ประทับยืนอยู่ข้างหน้ า ส่วนหญิงบริ วาร ยืนตามลาดับกันไป แล้ วปล่อยลูกศรไป เมื่อลูกศรพลาดเป้า จึง แสร้ งพูดว่า เป็ นเพราะอานุภาพแห่งความดีของพระนางสามาวดี ตรัสขอโทษ พร้อมทั้งพระราชทานพร โดยยอมให้พระนางทูลอันเชิญ พระศาสดา พร้อมภิกษุสงฆ์มารับอาหารบิณฑบาต และฟังธรรม เมื่อแผนการทุกอย่างล้มเหลว พระนางมาคันทิยา จึงคิด แผนขันเด็ ้ ดขาด คือ วางเพลิงฆ่ า ดังนัน้ เมื่อพระเจ้ าอุเทน เสด็จไป ทรงกีฬาในพระราชอุทยาน พระนางจึงสัง่ ให้ นายมาคันทิยะผู้เป็ น อาทาตามแผนที่คิดไว้ โดยให้ รีบเดินทางมาที่ตาหนักของนางสา มาวดี ให้ เอาผ้ าชุบน ้ามัน พันไว้ ที่เสาตาหนัก บอกให้ พวกผู้หญิง ทังหมดมารวมตั ้ วกันอยู่ในสถานที่เดียวกัน ปิดประตู ล็อคกุญแจ แล้วจุดไฟเผาตาหนัก ให้ ไฟคลอกพวกนันตาย ้ อย่าให้ เหลือแม้ แต่ คนเดียว นายมาคันทิยะ ก็ได้ ทาตามแผนนันทุ ้ กอย่าง ขณะที่ไฟกาลังลุกไหม้ ตาหนักอยู่นนั ้ ฝ่ ายพระนางสามาวดี และบริ วารรู้ตวั ว่า ถูกรอบวางเพลิง แต่หนีออกไปทางไหน ไม่ได้ จึงได้ พากันปลงตก วางใจเป็ นกลาง แล้ วให้ โอวาทว่า “พวกเราท่าน ทั้งหลาย อย่าได้ตกใจกลัวไปเลย จงใช้ทุกขเวทนา ความเจ็บปวด
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ทรมานนีแ้ หละ เป็นอารมณ์กรรมฐาน พิจารณาให้เห็นธรรมก่อน สิ้นชีวิตเถิด” หญิงเหล่านัน้ ได้ ใช้ ทกุ ขเวทนาคือความเจ็บแสบ ปวดร้ อนนันเป็ ้ นเครื่ องเจริญสติปัญญา เมื่อตายในขณะที่จิตผ่อง ใส ไม่ขนุ่ มัว เพราะมีธรรมประจาใจ จึงได้ ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ ในชันดาวดึ ้ งส์ตามเหตุปัจจัยและฐานบุญของแต่ละคน๑๗ พระราชาทรงสดับข่าวเรื่ องตาหนักของพระนางสามาวดี ถูกวางเพลิง แม้ รีบเสด็จมา แต่ช้าไปไม่ทนั เวลา ตาหนักถูกไฟไหม้ หมดแล้ ว ทรงเกิดโทมนัสอย่างมาก ราลึกถึงความดีของพระนาง สามาวดี ทรงแน่พระทัยว่า เรื่ องนี ้ ต้ องเป็ นฝี มือพระนางมา คันทิยารั บสั่งให้ ทาแน่ นอน แต่หากจะถามตรงๆ จะถูกปฏิเสธ เพราะกลัวอาญา จึงแสร้ งตรัสกับพวกอามาตย์วา่ “ท่านทั้งหลาย นานมาแล้ว ที่เรามีแต่ความหวาดระแวงรอบด้าน เพราะพระนางสามา วดีจับผิดเราฝ่ายเดียว ตอนนี้ พระนางก็ทิวงคตไปแล้ว ต่อจากนี้ไป ก็ เราสบายใจและจะได้มีความสุขเต็มที่” พวกอามาตย์ทลู ว่า “ข้าแต่สมมติเทพ แล้วใครเล่าหนอ เป็น ผู้วางเพลิงเผาพระตาหนัก” พระราชาแสร้ งตรัสว่า “คงจะเป็นผู้ที่มี ความจงรักภักดีต่อเรา กระมั้ง” เมื่อบาปกรรมจากอริ ยปุ วาทกับ พระพุทธเจ้ าและประทุษร้ ายต่อผู้ไม่มีความผิดส่งผล จิตใจ จึงเกิด ภาวะพร่ามัว่ มืดบอด มองไม่เห็นความพินาศหายนะที่กาลังมาถึง ตนเอง พระนางมาคันทิยาทรงยืนเฝ้าอยู่ไม่ไกล ได้ ฟังเช่นนัน้ จึง
๑๗
ดูเพิ่มใน ขุ.อุ. (แปล) ๒๕/๓๑๙
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
กราบทูลว่า “คงไม่มีใครทาเช่นนี้ได้หรอก เพค่ะ นอกจากหม่อมฉัน คือ หม่อมฉันสั่งอาให้เป็นผู้ลงมือ” พระราชา แสร้ งตรัสต่อไปอีกว่า เราก็คิดเช่นนัน้ เพราะ นอกจากเจ้ าแล้ ว คงไม่มีผ้ ใู ดที่มีความรักและภักดีเช่นนี ้ จึงทาที เหมือนจะให้ พร แล้ วทรงรับสัง่ ให้ เรี ยกหมู่ญาติมาด้ วย เพราะ บาปกรรมปกปิ ดเอาไว้ พระนางมาคันทิยา จึงเชื่อสนิท คิดไม่ทนั รี บส่งข่าวแก่พวกญาติให้ มารับรางวัลโดยเร็ว พระเจ้ าอุเทน รับสัง่ ให้ ทาการต้ อนรับอย่างยิ่งใหญ่แก่ญาติทงหมดของพระนาง ั้ แม้ พวกคนที่ไม่ ได้ เป็ นญาติกับพระนาง แต่ มีบาปกรรมปกปิ ดไว้ พอเห็นรางวัลมากมาย ต่ างพากันติดสินบนเจ้ าหน้ าที่ แล้ ว แสดงตัวเป็ นญาติของพระนางมาคันทิยาด้ วยเช่นกัน พระราชา ได้ ทรงรับสัง่ ให้ จบั กุมคนเหล่านันทั ้ งหมด ้ แล้วให้ขุดหลุมลึกประมาณแค่สะดือ ที่พระลานหลวงแล้ว ให้คน เหล่านั้นนั่งลงในหลุมคนละหลุม เอาดินกลบ ให้เกลี่ยฟางไว้เบื้องบน แล้วจุดไฟเผาทัง้ เป็น พอผิวหนังเริ่มถูกไฟไหม้ รับสั่งให้เอาไถเหล็กไถ กลับไปกลับมา จนไม่มีชิ้นดี พวกคนบาปเหล่านี้ พากันถึงแก่ชวี ิต ทั้งหมด
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
อดีตชาติของพระนางสามาวดี ต่อมาวันหนึง่ ภิกษุทงหลายสนทนากั ั้ นในโรงธรรมว่า “ท่านผู้มีอายุทงหลาย ั้ อุบาสิกาผู้มากด้ วยศรัทธาเช่นนี ้ ไม่สมควร เลยที่จะมาถูกเผาตายในสภาพเช่นนี ้” ขณะที่พวกภิกษุกาลัง นัง่ สนทนากันอยู่นนั ้ พระศาสดาเสด็จเข้ ามาในโรงธรรมพอดี จึง ได้ ตรัสถามว่า “ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เธอทั้งหลายนั่งประชุมกันด้วย เรื่องอะไรหนอ ” เมื่อพวกภิกษุนั้นกราบทูลว่า “ด้วยเรื่องการตายของ พระนางสามาวดีและหญิงบริวาร พระเจ้าข้า” จึงตรัสว่า “ภิกษุ ทั้งหลาย พระนางสามาวดี พร้อมหญิงบริวาร ไม่สมควรตายใน ลักษณะเช่นนี้ในชาตินี้ แต่วา่ เป็นไปตามผลของกรรมทีห่ ญิงเหล่านั้น ได้ทาไว้ในกาลก่อน” ภิกษุเหล่านันทู ้ ลอาราธนาถามถึงอดีตกรรมของหญิง เหล่านัน้ พระพุทธองค์ จึงได้ ตรัสเล่าให้ ภิกษุเหล่านันฟั ้ งว่า กรรมทีท่ าให้ถูกเผาทั้งเป็น ในอดีตกาล พระเจ้ าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุง พาราณสี ได้ นิมนต์พระปั จเจกพุทธเจ้ า ๘ องค์มาฉันภัตตาหารเป็ น ประจาที่พระราชนิเวศน์ หญิง ๕๐๐ คน ได้ พากันอุปัฏฐากพระ ปั จเจกพุทธเจ้ าเหล่านี ้ พระปั จเจกพุทธเจ้ า ๗ องค์ ได้ เดินทางไป ป่ าหิมพานต์ ส่ วนอีกองค์ หนึ่งไม่ ได้ ไปด้ วย แต่ ได้ ไปนั่งเข้ า นิโรธสมาบัตทิ ่ พ ี งหญ้ าแห่ งหนึ่ง ใกล้ ริมฝั่ งแม่น ้า
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ต่อมาวันหนึง่ พระราชาทรงเล่นน ้าอยู่กบั พวกหญิงนัน้ พวกเธอพากันเล่นน ้าทังวั ้ น เกิดอาการหนาวสัน่ อยากจะพิงไฟ พากันยืนล้ อมพงหญ้ านัน้ ซึง่ มีหญ้ าแห้ งเต็มไปหมด คิดกันว่า มี เพียงแค่กองหญ้ า จึงพากันจุดไฟ พอหญ้ าถูกไฟไหม้ ยบุ ตัวลง มองเห็นพระปั จเจกพุทธเจ้ าในกองไฟนัน้ จึงคิดกันว่า “พระปัจเจก พุทธเจ้าของพระราชา ได้ถูกพวกเราเผาเสียแล้ว ถ้าหาพระองค์ทราบ เรื่องนี้เข้า พวกเราคงต้องตายแน่ๆ เราจะเผาท่านให้มอดไหม้ไปเลย เพื่อทาลายหลักฐาน อย่าให้จับได้” ทุกคน มีความเห็นร่วมกัน จึงพากันขนฟื นมาจากที่ตา่ งๆ ทาให้ เป็ นกองบนตัวพระปั จเจกพุทธเจ้ านัน้ แล้ วสุมไฟให้ ไหม้ ตอ่ ก่อนที่จะพากันเดินหนีไปด้ วยเข้ าใจว่า “ครัง้ นี ้ พระปั จเจกพุทธ เจ้ าองค์ นัน้ คงจะมอดไหม้ เป็ นเถ่ าถ่ านแน่ นอน” หญิง เหล่านัน้ ครั ง้ แรกไม่ ได้ มเี จตนาที่จะเผาท่ านให้ ตาย แต่ ตอน หลังมีเจตนาให้ ท่านตาย หลังสิ ้นชีวิต หญิงเหล่านันทั ้ งหมด ้ จึง ตายไปตกนรก ถูกไฟนรกเผาไหม้ อยู่หลายแสนปี หลังจากขึ ้น จากนรกมาเกิดเป็ นมนุษย์ ยังได้ ถกู ไฟคอกจนสิ ้นชีวิตอย่างนี ้อยู่อีก ๑๐๐ ชาติ จากเศษของกรรมที่เหลือ
อานุภาพแห่งสมาบัติของผู้ได้ ฌาน เป็ นอจินไตย ถึงแม้ วา่ พวกผู้หญิงเหล่านี ้ พากันขน ฟื นมาถึง พันเล่มเกวียน แล้ วสุมพระปั จเจกพุทธเจ้ าขณะที่เข้ านิโรธสมาบัติ ก็ไม่สามารถ จะทาให้ ท่านเกิดความรู้สกึ อะไรๆได้ แม้ เพียงอาการไออุน่ ฉะนัน้ ในวันที่ ๗ พระปั จเจก พุทธเจ้ านันได้ ้ ลกุ ขึ ้น แล้ วเดินไปตามความสบายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ ้น อัง.จตุกก.(แปล) ๒๑/๑๒๒ อจินเตยยสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ข้อคิด... คติธรรม อาของพระนางมาคัณฑิยา เป็ นคนจุดไฟเผาพระตาหนัก และเป็ นสาเหตุให้ พระนางสามาวีและหญิงบริ วารถูกไฟคอกตายก็ จริ ง แต่เรื่ องนี ้ เป็ นผลสืบเนื่องมาจากวิบากกรรมที่ผ้ หู ญิงเหล่านี ้ เคยจุดไฟเผาพระปั จเจกพุทธเจ้ ามาก่อน แม้ ท่านจะไม่ร้ ูเรื่ อง ไม่มี ความโกรธ ไม่ได้ ผกู อาฆาตจองเวรกับหญิงเหล่านัน้ เพราะท่านไม่ มีกิเลสแล้ ว แต่เหตุไฉน ทาไมพวกผู้หญิงเหล่านี ้ ต้ องตายไป ตกนรกหลายแสนปี และเพียงแค่เศษกรรมเท่านัน้ ทาให้ พวกเธอ ต้ องมาถูกไฟคอกตายอย่างนี ้อีก ๑๐๐ ชาติ ชีวิตของเราที่มีอนั เป็ นไปเช่นนี ้ ไม่ได้ มีเจ้ ากรรมนายเวรซึง่ เป็ นตัวบุคคลมาจองเวรกับ เราเลย แต่เราก็ยงั ได้ รับผลกรรมอยู่ดี ทังนี ้ ้เพราะ บาปมันอยู่ท่ ใี จ เรา ไม่ ได้ อยู่ท่ วี ่ า ใครจะมาจองเวร หรื อสาปแช่ งให้ เราตกต่า สาเหตุที่ต้องถูกไฟคอกตาย เพราะวิบากกรรมที่เคยทา เอาไว้ ยงั ไม่หมดสิ ้น จึงดูดดึงเอาเหตุการณ์ สถานการณ์และบุคคล สิ่งแวดล้ อมที่คล้ ายกับกรรมเก่าเข้ ามาในชีวิตเราโดยอัตโนมัติ การ ทาบุญกับพระอริยเจ้ า แม้ มีคณ ุ อนันต์ก็จริ งอยู่ แต่ถ้าหากทาผิดต่อ ท่าน ย่อมมีโทษมหันต์ ได้ รับผลกรรมทันตาเหมือนกัน ผลของบาปกรรมที่พระนางมาคันทิยาได้ รับสัง่ ฆ่าโดยการ จุดไฟเผาพระตาหนักของพระนางสามาวดีและหญิงบริ วารผู้ไม่มี ความผิด ส่งผลทาให้ พระนางถูกลงราชอาชญาอย่างหนัก ต้ องมา ถูกฆ่าตายอย่างน่าสมเพชเวทนา พร้ อมด้ วยพวกญาติและคนที่ ไม่ใช่ญาติ ด้ วยประการฉะนี ้
บ. สยังวสี
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
กรรมทาให้หลังค่อม
๑๘
นางขุชชุตตรา เป็ นลูกของพี่เลี ้ยงในบ้ านของโฆสิต เศรษฐี ตอนแรก เขาตังชื ้ ่อว่า อุตตรา แต่ตอ่ มา มีปัญหาเรื่ อง หลัง นางเดินหลังค่ อม จึงถูกเรี ยกชื่อใหม่วา่ ขุชชุตตรา โฆสิต เศรษฐี พ่อบุญธรรมของนางสามาวดี ได้ ยกลูกสาวบุญธรรมคนนี ้ ถวายแด่พระเจ้ า อุเทน นางขุชชุตตรา จึงต้ องมาเป็ นคนใช้ ของ นางสามาวดีในตาหนักพระเจ้ าอุเทน ต่อมาได้ ศกึ ษาเล่าเรียนธรรม จากพระศาสดาจนมีความเชี่ยวชาญ ได้ รับการแต่งตังเป็ ้ นเลิศ ในทางพหูสูต พวกภิกษุจงึ ได้ ทลู ถามพระพุทธเจ้ าว่า“ข้าแต่ พระองค์ผู้เจริญ เพราะกรรมอะไร นางขุชชุตตรา จึงเกิดมาหลังค่อม ...และเกิดมาเป็นคนใช้” พระศาสดาตรัสเล่าบุรพกรรมของนางให้ ภิกษุทงหลายฟั ั้ ง ดังนี ้ “ภิกษุทั้งหลาย ในกาลทีพ่ ระราชาองค์นั้นแหละครองราชย์ ในกรุงพาราณสี พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์เดิมนั่นแหละ ท่านเดินหลัง ค่อมนิดหนึ่ง ผู้หญิงที่เป็นอุปัฏฐายิกาคนหนึง่ ห่มผ้ากัมพล ถือขัน ทองคา ได้ลอ้ เลียนท่านทาเป็นเหมือนคนหลังค่อม พูดล้อเลียนว่า “พระปัจเจกพุทธเจ้าของพวกเรา ท่านเดินหลังค่อมอย่างนี้” เพราะ
๑๘
อัง.เอกก. (แปล) ๒๐/๓๒ อรรถกถา เรื่ องพระนางสามาวดี
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ผลกรรมจากการล้อเลียนพระปัจเจกพุทธเจ้าในชาตินั้น ทาให้เกิดมา เป็นคนหลังค่อมในชาตินี้
กรรมใช้พระอรหันต์ ทาให้เกิดเป็นคนใช้
ในยุคของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้ า ลูกสาวเศรษฐี ใน กรุงพาราณสีคนหนึง่ จับแว่ นนั่งแต่ งตัวอยู่ในตอนบ่าย ช่วงเวลา นัน้ นางภิกษุณีซงึ่ เป็ นพระอรหันต์ขีณาสพองค์หนึง่ ซึง่ เป็ นผู้ คุ้นเคยกัน ได้ เดินทางมาเยี่ยม แม้ จะเป็ นพระอรหันต์ แต่ต้องการ มาเยี่ยมตระกูลอุปัฏฐากในตอนเย็น ณ เวลานัน้ คนใช้ ไม่อยู่ บ้ าน ลูกสาวเศรษฐี คนนี ้ ต้ องการกระเช้ าเครื่ องประดับ แต่มนั วาง อยู่ไกลมือ ประกอบด้ วยติดนิสยั ชอบใช้ คนอื่นเป็ นปกติ จึงคิดไหว้ วานภิกษุณีรูปนันช่ ้ วยหยิบให้ อีกทังไม่ ้ ร้ ูวา่ ท่านเป็ นพระอริ ยเจ้ า จึงพูดกับท่านไปโดยไม่ร้ ูวา่ เป็ นบาปกรรมว่า “ดิฉันขอไหว้เถิดเจ้า ข้า โปรดหยิบกระเช้าเครือ่ งประดับนั่น ส่งให้แก่ดิฉันหน่อย” พระ เถรี คิดว่า “ถ้าเรา จะไม่หยิบให้ นางจะโกรธไม่พอใจ หลังจากตายแล้ว จะไปบังเกิดในนรก แต่เราหยิบให้ เพราะผลของกรรมนี้ นางจะเกิด เป็นหญิงรับใช้ของคนอื่น แต่ว่า การเกิดเป็นคนใช้ ดีกว่าการตกนรก” พระเถรี รูปนัน้ ได้ อาศัยความเอ็นดู จึงได้ หยิบกระเช้ า เครื่ องประดับนันส่ ้ งให้ นาง เพราะกรรมจากการใช้ พระอรหันต์ นัน้ จึงทาให้ นาง เกิดมาเป็ นคนใช้ ถึง ๑๐๐ ชาติ หลังจากได้ เข้ าใจธรรมอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ งแล้ ว กรรมนัน้ คลายตัว
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ข้อคิด...คติธรรม การเข้าใกล้พระอริยเจ้าเหมือนการเข้าใกล้อสรพิษร้าย หาก ทาผิดพลาดพลั้งไป เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ย่อมเป็นอันตรายร้ายแรง ต่อชีวิตอย่างคิดไม่ถงึ ผลกรรมจากการใช้พระอรหันต์ด้วยความไม่ ตั้งใจ แม้จะไม่ทาให้ตกนรก ถึงกระนัน้ ต้องเกิดมาเป็นคนใช้ของคนอื่น อีกตั้ง ๑๐๐ ชาติ ฟังดูเหมือนกับเป็นไปไม่ได้ แต่เป็นเรื่องจริงและ เป็นไปแล้ว เพราะพระอริยเจ้าทั้งหลาย ย่อมไม่พูดโกหก การที่ลูกได้เอ่ยปากไหว้วาน ใช้พ่อแม่ทาโน่นทานี่ให้ในเรื่อง ต่างๆ มีโทษมาก เป็นบาปหนักเช่นกับการใช้พระอรหันต์ สามารถ ส่งผล ทาให้คนนั้น ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบเสมอ ถูกคนอื่น ช่วงใช้ไหว้วานอย่างหนักหน่วง โดยปฏิเสธได้ยาก หากมีครอบครัว ต้องรับภาระเลี้ยงลูกหลาน เหลนอย่างหนัก หรือต้องมาเลี้ยงดูแมว สุนัข นกหรือสัตว์เลี้ยงอย่างใดอย่างหนึ่งโดยไม่จาเป็น เพราะฉะนั้น คุณลูกๆทั้งหลาย พึงสังวรระวังเรื่องนี้ไว้ให้มาก มิเช่นนั้น ชีวิตนี้ จะต้องรับภาระหนัก กล่าวคือ ทางานหนัก เหนื่อย ซ้าค่าตอบแทนยัง น้อยอีก เงินทองไม่พอใช้ ถูกเอาเปรียบในทุกกรณีทงั้ เต็มใจหรือจา ยอม อีกทั้งต้องมาเป็นทาสรับใช้คนอื่นอย่างปฏิเสธไม่ได้ ถ้าหากการทาล้อเลียนพระอริยเจ้า แม้ทาไปเพื่อความ สนุกสนาน สามารถส่งผลได้ถึงเพียงนี้ แม่และพ่อเปรียบเสมือนพระ อรหันต์ในบ้าน คาพูดต่างๆที่ลกู พูดหรือทาล้อเลียนพ่อแม่เพื่อเล่น สนุก ย่อมสุ่มเสี่ยงต่อการล่วงเกินท่าน แม้ผลกรรมที่จะเกิดขึ้นตาม มย่อมมีโทษมาก เป็นบาปหนักเหมือนกัน
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ฉะนั้น ทางที่ดีเพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตหน้าที่การงาน สุขภาพ และการปฏิบัติธรรม จึงไม่ควรอย่างยิง่ ที่จะพูดล้อเล่น พูด ล้อเลียนกับพ่อแม่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เพราะวันหนึ่ง ชีวิตเรา อาจจะเป็นไปตามคาพูดที่เคยล้อเลียนท่านเอาไว้
มิจฉาทิฏฐิกับเมล็ดพันธุท์ ี่ไม่ดี กายกรรม...วจีกรรม...มโนกรรมที่ถือปฏิบัติให้บริบูรณ์ ตามสมควรแก่ทิฏฐิ เจตนา ความปรารถนา ความตั้งใจ และ สังขารทั้งหลายของบุคคลผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ ธรรมทั้งหมดนั้นย่อม เป็นไปเพื่อผลที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ ไม่เกื้อกูล เป็นทุกข์ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะความเห็นเลวทราม เปรียบ เหมือนเมล็ดสะเดา เมล็ดบวบขม หรือเมล็ดน้าเต้าขมที่บุคคล เพาะไว้ในดินชุ่มชื้น รสดินและรสน้าที่มันดูดซับเอาไว้ทั้งหมด ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นของขม เผ็ดร้อน ไม่น่ายินดี ข้อนั้น เพราะเหตุไร เพราะเมล็ดสะเดาเป็นต้นนั้นเลว ฉะนั้น อัง.เอกก.(แปล) ๒๐/๓๙ เอกธัมมบาลี
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
กรรมที่ทาให้ลิ้นขาด๑๙ ในคัมภีร์อรรถกถา ธรรมบท เรื่ องบุตรของนายโคฆาต ได้ กล่าวถึงผลกรรมจากการฆ่าวัวและตัดลิ ้นวัว ซึง่ ส่งผลเห็นทันตา ทาให้ ลิ ้นของเขาหลุดออกจากปาก อย่างไม่น่าเชื่อจะเป็ นไปได้ แต่ เรื่ องวิบากกรรมนัน้ เป็ นสิ่งลึกซึ ้งเกินกว่าที่เราจะหยัง่ รู้ได้ อ่านเรื่ อง ต่อไปนี ้แล้ ว อาจจะทาให้ ท่านได้ คิดและคิดได้ วา่ เพียงแค่เห็นแก่ ปากท้ อง แต่ต้องมาเสียเวลาชดใช้ บาปกรรมอย่างเจ็บปวดทรมาน แสนสาหัสและอีกยาวนานกว่าจะหมดกรรม เรื่องมีดงั นี ้ ชายคนหนึง่ ในพระนครสาวัตถี ฆ่าวัวขาย และส่วนหนึง่ เอาไว้ กินเอง โดยปกติ เขาชอบเอามีดเฉือนเอาเนื ้อสันมาปิ ง้ แล้ ว นัง่ รับประทานกับลูกเมีย เขาเป็ นเพชฌฆาตฆ่าวัวอยู่อย่างนี ้ ประมาณ ๕๕ ปี ไม่เคยถวายยาคูหรื อภัตตาหารสักทัพพีแด่พระ ศาสดา ซึง่ ประทับอยู่ในวัดใกล้ บ้านเขา แม้ วนั เดียว เขาไม่ยอม รับประทานอาหารอย่างอื่น นอกจากเนื ้อวัว วันหนึง่ เขาขายเนื ้อ ในตอนกลางวัน ยื่นเนื ้อชิ ้นหนึง่ ให้ ภรรยาเพื่อปิ ง้ ให้ ตวั เอง เพราะ เขาจะไปอาบน ้าก่อน แล้ วจะมารับประทาน เวลานัน้ เพื่อนรักของ
๑๙
ขุ.ธ.(แปล) ๒๕/๑๐๕ และอรรถกถา เรื่ องบุตรของนายโคฆาต
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
เขามาเยี่ยมที่บ้านพอดี พูดกับเมียเขาว่า “นี่เธอ ฉันขอเนื้อหน่อย เพราะมีแขกมาเยี่ยม” ภรรยานายโคฆาตตอบเขาไปว่า “เนื้อขายไปหมดแล้วจ๊ะ ตอนนี้ สหายของท่านกาลังอาบน้าอยู่” เพื่อนของสามี ได้ ขอร้ องว่า “เธอ อย่าพูดอย่างนั้นซิ ขอฉันเถอะ” ฝ่ ายภรรยาของ นายโคฆาต จึงได้ พดู ยืนยันอีกครัง้ ว่า “เนื้อไม่มีแล้วจริงๆจ๊ะ ไม่ได้ โกหก เหลือแต่ส่วนที่เก็บไว้ เผื่อปิ้งให้สามีฉันเท่านั้น” สหายคนนี ้คิดว่า “เมื่อเนื้อหมดแล้ว เหลือแต่ส่วนที่ภรรยา เก็บไว้เพื่อเขาเท่านั้น และเพื่อนเราคนนี้ ถ้าหากไม่มีเนื้อ เขา จะไม่ ยอมรับประทานอาหาร และภรรยาของเขา คงไม่ให้แก่เราเช่นกัน” เมื่อคิดเช่นนี ้แล้ ว จึงถือเอาเนื ้อชิ ้นนันไปโดยไม่ ้ บอกใคร นายโคฆาตผู้เป็ นสามี พออาบน ้าเสร็จแล้ ว เดินมานัง่ รับประทานอาหาร ภรรยา กาลังคดข้ าวและผักต้ มให้ เขาถามเมีย ว่า “เนื้อที่ให้ปิ้งเพื่อพี่นั้น อยู่ไหน” “เนื้อไม่มีแล้ว พี่” “ เนื้อที่พี่ยื่นให้น้อง ให้เอาไปปิ้งเมื่อกี้นี้ อยู่ไหน” “ เพื่อนของพี่ เขาได้หยิบเอาไปแล้ว” “เธอรู้อยู่ว่า ถ้าหากไม่มีเนื้อ พี่จะไม่รับประทานอาหาร” “ฉันไม่รู้จะพูดห้ามเขาอย่างไร รีบรับประทานเถอะพี่” นายโคฆาตตอบว่า “พี่รับประทานอาหารไม่ลงหรอก ถ้าหาก ไม่มีเนื้อ” สัง่ ให้ ภรรยาเก็บสารับกับข้ าว ส่วนตัวเอง เดินไปถือมีด มุ่งหน้ าไปหาวัวที่ผกู ไว้ หลังบ้ าน สอดมือเข้ าไปในปาก ดึงลิ ้นมัน
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ออกมา เอามีดตัดที่โคนลิ ้น แล้ วถือมาให้ ภรรยาปิ ง้ บนถ่านไฟ หลังจากเนื ้อสุกแล้ ว จับมาวางบนจานข้ าว เขานัง่ ทานอาหารคน เดียว ในบัดดลนัน้ เขาได้ รับผลกรรมทันตา ลิน้ ของเขาขาด แล้ วตกลงบนจานข้ าว เลือดไหลไม่หยุด เขาได้ รับความเจ็บปวด ทรมานอย่างแสนสาหัส ร้ องครวญครางคลานเข้ าไปในตัวบ้ าน ตอนนัน้ ลูกชายของเขา ยืนมองดูอยู่ แม่จงึ พูดว่า “ลูกรัก เจ้าเห็น พ่อของเจ้ากาลังร้องลั่น คลานไปมาเหมือนวัวแล้วใช่ไหม บาปกรรมนี้ ก็จะตกไปที่ตัวเจ้า เจ้าจงรีบหนีไปไม่ต้องห่วงแม่ และรักษาตัวให้ ปลอดภัย” ลูกชายของเขากลัวตาย ยกมือไหว้ แม่แล้ ว รี บออก เดินทางไปตังหลั ้ กปั กฐานอยู่ที่นครตักกสิลา ส่วนตัวนายโคฆาต นัน้ มีอาการเหมือนวัวที่ถกู เชือดลิ ้น ต้ องร้ องโอดโอยลัน่ บ้ าน เมื่อ ทนพิษความเจ็บปวดไม่ไหว จึงสิ ้นใจตาย แล้ วไปเกิดในนรกอเวจี และวัวตัวนันก็ ้ ได้ สิ ้นใจตายเช่นกัน
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ข้อคิด..คติธรรม
คนทาบาปด้วยการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ เพราะเห็นแก่ปาก ท้อง เป็นการบ่มเพาะเมล็ดพันธ์แห่งความอ่อนแอ ขี้โรค อายุสั้น และ ทาให้ตัวเองพร้อมทั้งบริวาร มีอันเป็นไปต่างๆ และต้องมาโศกเศร้า เสียใจ ทนทุกข์ทรมานกับการชดใช้หนี้ บาปนั้นอีกยาวนาน เพราะติด ใจในรสชาติของอาหารที่ปรุงจากเนื้อสัตว์ อร่อยเพียงแค่ปลายลิ้นชั่ว ครู่ ต้องมาฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เพื่อสนองตอบกิเลสตัณหาชัว่ ครู่ แต่ต้องมา ตกนรกอีกหลายร้อยปี คิดดูดีๆ อย่างไร ก็ไม่คุ้ม
การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เป็นบาปแท้แน่นอน
“ภิกษุทั้งหลาย ปาณาติบาต (การฆ่าสัตว์) ที่บุคคลเสพ เจริญ ทาให้มากแล้ว ย่อมอานวยผลให้ไปเกิดในนรก อานวยผลให้ ไปเกิดในกาเนิดสัตว์ดิรัจฉาน อานวยผลให้ไปเกิดในเปรตวิสัย วิบากแห่งปาณาติบาตอย่างเบาที่สุด ย่อมอานวยผลให้เป็นผู้มี อายุน้อยแก่ผู้เกิดเป็นมนุษย์”
พุทธพจน์
ทุจจริตวิปากสู ตร (สัพพลหุสสูตร) อัง.อัฏฐก.(แปล) ๒๓/๓๐๑-๓๐๒
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
พยากรณ์กรรม
ในสมัยครัง้ พุทธกาล ขณะที่พระพุทธองค์ประทับอยู่ใน พระเชตวัน ภิกษุหลายรูปเดินทางมาเพื่อเข้ าเฝ้า ได้ เข้ าไป บิณฑบาตในหมู่บ้านแห่งหนึง่ ชาวบ้ านรับบาตรของท่าน นิมนต์ให้ นัง่ ในโรงฉัน ถวายข้ าวยาคูและของขบเคี ้ยว ในขณะที่รอเวลาพระ ออกบิณฑบาต จึงพากันนัง่ ฟั งธรรม กาถูกไฟเผากลางอากาศ ทันใดนันเอง ้ เปลวไฟจากเตาของผู้หญิงคนหนึง่ ซึง่ ได้ หุงข้ าวทิ ้งไว้ และกาลังทากับข้ าวอยู่ ลุกไหม้ ชายคาที่มุงด้ วย หญ้ า เสวียนหญ้ าอันหนึง่ ถูกไฟไหม้ ปลิวขึ ้นจากชายคานัน้ ลอย ไปในอากาศ ณ ช่วงเวลานัน้ มีอกี าตัวหนึ่งบินผ่านมาตรงนัน้ แล้ ว สอดคอเข้ าไปในเสวียนหญ้ านันพอดี ้ กาถูกเกลียวหญ้ าที่ติดไฟพัน ตัวดิ ้นไม่หลุด ถูกไฟเผา แล้ วตกลงมาตายที่กลางลานบ้ าน พวก ภิกษุเห็นเหตุการณ์อย่างนี ้ จึงพูดว่า “โอ ไม่น่าเชื่อจริงๆ พวกท่าน จงใคร่ครวญดูวิบากกรรมของกา นอกจากพระศาสดาแล้ว คงไม่มีใคร มีญาณหยั่งรูว้ ิบากกรรมของกาแน่ๆ พวกเราจะเดินทางไปทูลถาม เรื่องนี้กับพระศาสดา” จึงพากันออกเดินทางจากไปมุ่งหน้ าสูพ่ ระเช ตวันเพื่อเข้ าเฝ้าพระศาสดา
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ภรรยานายเรือถูกจับถ่วงน้า้ มีพระภิกษุอีกกลุม่ หนึง่ โดยสารเรื อไป เพื่อต้ องการจะเฝ้ า พระศาสดา แต่เรือเครื่ องเรื อมีปัญหา ได้ หยุดนิ่งเฉยในกลางทะเล ผู้คนบนเรื อน ต่างก็คิดกันไปว่า น่าจะมีคนกาลกรรณีอยูใ่ นเรือนีเ้ ป็น แน่ จึงหาวิธีพิสจู น์ด้วยการจับสลาก ภรรยาสาวของนายเรื อ จับได้ ฉลากกาลกิณีถงึ ๓ ครัง้ คนที่อยู่บนเรื อต่างก็มองดูหน้ านายเรือ แล้ วพูดว่า "จะทาอย่างไรกันดี ขอรับนาย" นายเรื อ พูดอย่างหนัก แน่นว่า "ข้าพเจ้า จะไม่ทาให้คนอื่นต้องมาตาย เพราะผูห้ ญิงคนเดียว พวกท่าน จงจับนางทิง้ ลงไปในแม่น้าเถิด" ผู้หญิงคนนี ้ เกิดความสะดุ้งกลัวอย่างมาก จึงร้ องโวยวาย วิงวอนขอชีวิต แต่นายเรื อ ไม่สนใจ จึงพูดออกไปว่า “พวกท่าน จง เปลื้องเอาเสื้อผ้าอาภรณ์จากตัวนางทั้งหมด ให้นางนุ่งผ้าเก่าผืนหนึ่ง ก็พอ แล้วจงโยนนางทิง้ ลงไปในทะเล ข้าพเจ้า ทนดูไม่ได้ที่จะเห็นนาง ถูกลอยคอในทะเล เพราะฉะนั้น พวกท่าน จงเอาทรายใส่เต็มกระออม ผูกที่คอนาง โยนนางลงไปในทะเล โดยที่ข้าพเจ้าจะมองไม่เห็นเธอ” พวกผู้ชายพากันจับมัดนาง ได้ กระทาตามคาสัง่ ของนายเรื อ นาง กาลกรรณีผ้ เู คราะห์ร้าย ต้ องมาตายในทะเล เป็ นอาหารของปลา และเต่า พวกภิกษุได้ เห็นเหตุการณ์ดงั นัน้ จึงคิดในใจว่า “ยกเว้น พระศาสดา ผู้มีสัพพัญญุตญาณ คงไม่มีใครมีญาณหยั่งรู้กรรมของ ผู้หญิงคนนี้ พวกเราจะทูลถามกรรมของหญิงนีก้ ับพระองค์” เมื่อเรือ ได้ มาจอดที่ท่าเรียบร้ อยแล้ ว จึงพากันลงจากเรือเดินทางเพื่อเข้ า เฝ้ าพระศาสดาเพื่อทูลถามกฎแห่งกรรมที่ค้างคาในใจ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ภิกษุ ๗ รูปถูกขังในถ้้า ๗ วัน มีพระภิกษุ ๗ รูปอีกพวกหนึง่ เดินทางจากหมู่บ้าน ชายแดน เพื่อต้ องการจะไปเข้ าเฝ้ าพระศาสดา ไปถึงวัดแห่งหนึง่ ใน เวลาเย็น เข้ าไปถามถึงที่พกั อาศัยกับเจ้ าอาวาส ท่านเจ้ าอาวาส แนะนาให้ ไปพักอาศัยในถ ้าแห่งหนึง่ ในบริ เวณวัดแห่งนี ้ ซึง่ ภายใน ถ ้านัน้ มีเตียงนอน ๗ เตียงพอดี ตอนกลางคืน ก็เกิดสิ่งมหัศจรรย์ ขึ ้น คือ แผ่นหินใหญ่มหึมากลิ ้งลงมาปิ ดปากถ ้าเอาไว้ พอดี พวกภิกษุเจ้ าของถิ่น ต่างก็ปรึกษากันว่า "พวกเราให้ภกิ ษุ อาคันตุกะเหล่านี้เข้าไปพักในถ้า แต่ถกู แผ่นหินใหญ่มหึมาเท่ากับเรือน ยอดปิดปากถ้าเสียแล้ว พวกเราต้องรีบหาทางช่วยเอาแผ่นหินใหญ่ นั้นออกไปโดยเร็ว มิเช่นนั้น พวกภิกษุอาคันตุกะอดตายแน่" จึงเรี ยก ประชุมชาวบ้ าน ๗ หมู่บ้าน เพื่อมาช่วยเอาแผ่นหินใหญ่นี ้ออกจาก ปากถ ้า แต่ก็ไม่เป็ นผล เพราะแผ่นหินใหญ่ไม่เขยื ้อนแม้ แต่นิดเดียว แม้ พวกภิกษุที่อยู่ในถ ้า ก็ทาทุกอย่างเพื่อจะเปิ ดปากถ ้า แต่ ก็ไม่เป็ นผลอะไร ทังชาวบ้ ้ านและพระภิกษุตา่ งพากันหาทางผลัก แผ่นหินใหญ่นี ้ให้ ออกจากปากถ ้า เวลาผ่านไป วันนี ้เป็ นวันที่ ๗ พวกภิกษุอาคันตุกะที่ถกู ขังอยู่ในถ ้า ไม่ได้ ฉนั อะไร จึงหิวกระหาย อย่างมาก ได้ รับความทุกข์ทรมานอย่างหนัก ซึง่ เป็ นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ ในวันที่ ๗ นั่นเอง แผ่นหินใหญ่มหึมานัน้ กลับกลิ้งออกไปเอง โดยไม่ มีใครไปผลัก เพราะวิบากกรรมหมดแล้ว เมื่อพวกภิกษุอาคันตุกะออกไปได้ แล้ ว จึงคิดว่า " ยกเว้น พระศาสดาเสียแล้ว ใครเล่าจะรู้บาปกรรมนี้ของพวกเราได้ พวกเราจะ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ไปทูลถามพระศาสดา" จึงรี บพากันเดินทางต่อไปเพื่อเข้ าเฝ้าพระ ศาสดา พระภิกษุกลุ่มนี้เดินมาบรรจบกันกับภิกษุพวกก่อน ในระหว่าง ทางพอดี จึงรวมเป็นพวกเดียวกันร่วมเดินทางไปเข้าเฝ้าพระศาสดา หลังจากไปถึงสถานทีแ่ ล้ว ได้พากันถวายบังคม นั่ง ณ ส่วนข้างหนึง่ แล้วได้ทูลถามถึงเหตุการณ์ที่ตนเห็นและเคยประสพพบมาในระหว่าง ทางตามที่กล่าวแล้วข้างต้น พระศาสดา ผู้มีกรรมวิปากญาณ รู้แจ้งกรรมของสัตว์โลก ทั้งหลายตรงตามเป็นจริง อย่างครบวงจรตลอดสายไม่มีติดขัด ทั้ง อดีต ปัจจุบันและอนาคต ได้ตรัสพยากรณ์ผลแห่งกรรมต่างๆ แก่ภิกษุ เหล่านั้น มีรายละเอียด ดังนี้
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
กรรมพยากรณ์
ตอน ผลกรรมถูกไฟไหม้กลางอากาศ พระพุทธเจ้ าผู้มีทศพลญาณ กาลังแห่งปั ญญาของพระ ตถาคต ๑๐ ประการ ซึง่ มีกรรมวิปากญาณ คือญาณปั ญญาหยัง่ รู้ ผลกรรมของสัตว์โลกทังหลายตามความเป็ ้ นจริ ง เป็ นต้ น ได้ ตรัส พยากรณ์กรรมแก่ภิกษุเหล่านันว่ ้ า “ภิกษุทงหลาย ั้ กาตัวนัน้ ได้ รับผลของกรรมเก่าที่ตนทาไว้ ในอดีตเหมือนกัน คือ ในอดีตกาล ชาวนาคนหนึ่งในกรุงพาราณสี ขณะที่กาลังฝึกหัดวัวสาหรับไถนา แต่ไม่สามารถจะฝึกได้ เพราะว่าวัว ของเขา พอเดินไปได้สักพักหนึ่ง แล้วล้มตัวลงนอนเสีย แม้เจ้าของตีให้ ลุกขึ้นแล้ว พอเดินไปได้หน่อยหนึ่ง ก็ล้มตัวลงนอนอีกเหมือนเดิม
ทสพลญาณ หมายถึงพระญาณอันเป็ นกาลังของพระตถาคต ๑๐ ประการ ที่ทาให้ พระองค์ทรงบันลือสีหนาทประกาศพระศาสนาได้ มนั่ คง คือ (๑) ฐานาฐานญาณ ปรีชาหยัง่ รู้กฎธรรมชาติเกี่ยวกับขอบเขตและขีดขันของสิ ้ ่งทังหลาย ้ (๒) กัมมวิปากญาณ ปรีชาหยัง่ รู้ ผลของกรรม (๓) สัพพัตถคามินีปฏิปทาญาณ ปรีชาหยัง่ รู้ปฏิปทาที่จะนาไปสูค่ ติทงปวง ั้ หรือสูป่ ระโยชน์ทงปวง ั้ (๔) นานาธาตุญาณ ปรีชาหยัง่ รู้สภาวะของโลกอันประกอบด้ วย ธาตุต่าง ๆ เป็ นอเนก (๕) นานาธิมตุ ติกญาณ ปรีชาหยัง่ รู้อธั ยาศัยเป็ นต้ นของสัตว์ทงหลาย ั้ (๖) อินทริ ยปโรปริยตั ตญาณ ปรีชาหยัง่ รู้ความยิ่งหย่อนแห่งอินทรีย์ของสัตว์ทงหลาย(๗) ั้ ฌานาทิสงั กิเลสาทิญาณ ปรีชาหยัง่ รู้ความเศร้ าหมองแห่งฌาน เป็ นต้ น (๘) ปุพเพนิวา สานุสสติญาณปรีชาหยัง่ รู้ภพที่เคยอยู่ในหนหลังได้ (๙) จุตปู ปาตญาณ ปรีชาหยัง่ รู้จตุ ิและ อุบตั ิของสัตว์ทงหลาย(๑๐) ั้ อาสวักขยญาณ ปรีชาหยัง่ รู้ความสิ ้นไปแห่งอาสวะทังหลาย ้ สัง.นิ.(แปล) ๑๖/๓๗-๓๘ ทสพลสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ชาวนาคนนั้น แม้พยายามแล้วพยายามอีก แต่ก็ไม่เป็นผล จนเขาโกรธ จัด จึงพูดกับวัวตัวนั้นว่า ‘ต่อไปนี้ เจ้าจะได้นอนสบายอย่างที่เจ้า ต้องการ’ จึงไปเอาฟางมาพันที่คอของวัวตัวนั้น แล้วจุดไฟเผาทั้งเป็น จนมันถึงแก่ความตาย ณ ที่นั้นเอง ภิกษุทั้งหลาย กาในชาติที่เขาเกิดเป็นชาวนานั้น ได้ทา บาปกรรมอันนี้ไว้ ตายจากชาตินั้น ชาวนาคนนั้น ได้ถูกไฟนรกไหม้เป็น เวลายาวนาน พ้นจากนรก จากเศษกรรมที่เหลือ เขาได้ถือกาเนิดสัตว์ เดรัจฉาน เกิดเป็นกา แล้วถูกไฟไหม้ตายในอากาศอย่างนี้ถึง ๗ ครั้ง
ตอน กรรมถูกจับถ่วงน้้า
ภิกษุทงหลาย ั้ ผู้หญิงคนนัน้ ได้ รับผลของกรรมเก่าที่ตนทา ไว้ ในอดีตเหมือนกัน คือ ในอดีตกาล ผู้หญิงคนนัน้ เคยเป็ น ภรรยาของคฤหบดีคนหนึง่ ในกรุงพาราณสี ได้ ทากิจทุกอย่างมีตกั น ้า ซ้ อมข้ าว ปรุงอาหารเป็ นต้ น ด้ วยมือของนางเอง สุนขั ตัวหนึง่ ของนาง นัง่ มองดูนางขณะที่ทากิจต่างๆอยู่ในเรื อน ขณะที่นางนา อาหารไปส่งสามีที่นาก็ดี เวลาที่นางเข้ าป่ าเพื่อต้ องการฟื นและผัก เป็ นต้ นก็ดี สุนขั ตัวนัน้ ก็ไปกับนางทุกครัง้ พวกคนหนุม่ เห็นดังนัน้ จึงพูดเป็ นเชิงแซวว่า ‘ดูโน่น พ่อพรานสุนัขออกไปล่าสัตว์แล้ว วันนี้ พวกเรา คงจะได้ทานข้าวกับเนื้อแน่ๆ’ นางกระดากอาย เพราะคาพูดของคนหนุ่มพวกนัน้ จึง หยิบก้ อนดินและท่อนไม้ ขว้ างปาสุนขั ให้ หนีไป สุนขั วิ่งหนีไปแล้ ว แต่กลับวิ่งตามนางไปอีก เพราะมีสญ ั ญาเก่าในอดีต คือ ในชาติที่
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
๓ นับจากชาตินนไป ั ้ สุนัขตัวนี ้ เคยเป็ นสามีของนางมาก่ อน เพราะฉะนัน้ มันจึงไม่อาจตัดความรักความอาลัยได้ จริ งอย่างนัน้ ตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนา พระพุทธ องค์ได้ ตรัสไว้ วา่ ผู้ที่ไม่เคยเป็นสามีภรรยากันมาก่อนในสังสารวัฏอัน ยาวนานนี้ ไม่มีเลย ซึง่ เราจะเห็นความรักความผูกพันของคนที่เคย เกิดเป็ นญาติพี่น้องกันใน ๒-๓ ชาติที่ผ่านมา ด้ วยเหตุนี ้ สุนขั ตัว นัน้ จึงตัดความผูกพันจากนางไม่ได้ นางโกรธสุนขั ตัวนันมาก ้ ขณะที่นาข้ าวยาคูไปส่งให้ สามีที่ นา จึงได้ เอาเชือกใส่ไว้ ในชายพกไปด้ วย วันนัน้ สุนขั ไปกับนางเช่น เคย หลังจากนางให้ ข้าวยาคูสามีเรียบร้ อยแล้ ว จึงถือเอากระออม เปล่าไปท่าน ้าแห่งหนึง่ เอาทรายบรรจุใส่กระออมจนเต็มแล้ ว ส่ง สัญญาณเรี ยกสุนขั มา ซึง่ มันก็ยืนมองดูอยู่ใกล้ ๆ สุนขั เกิดความดีใจ เพราะไม่เคยได้ ยินถ้ อยคาที่ไพเราะ เหมือนวันนี ้จึงเดินกระดิกหางเข้ าหานาง นางผู้ใจโหดร้ าย จับสุนขั ที่คอแล้ ว รี บเอาปลายเชือกข้ างหนึง่ ผูกกระออมไว้ เอาปลายเชือก อีกข้ างผูกคอสุนขั แล้ วผลักกระออมให้ กลิ ้งลงน ้า สุนขั ตาม กระออมไป แล้ วพลัดตกลงไปในน ้า แล้ วจมน ้าตายตรงนัน้ หลังตายจากชาตินนั ้ นางถูกไฟนรกเผาไหม้ อยู่นานแสน นาน เพราะเศษของบาปกรรมที่ยังเหลือค้ างอยู่ มาในชาตินี ้ จึงถูกคนเอาทรายใส่เต็มกระออม จับผูกคอถ่วงน ้า ถึงแก่ความ ตายเช่นนี ้อีก ๑๐๐ ชาติ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
ตอน กรรมถูกขังในถ้้า ๗ วัน
บ. สยังวสี
ภิกษุทงหลาย ั้ แม้ พวกเธอก็ได้ รับผลกรรมที่ตวั เองเคย กระทาแล้ วไว้ เหมือนกัน เรื่องราวในอดีตชาติของพวกเธอมี ดังนี ้ ในอดีตกาล เด็กเลี ้ยงโค ๗ คนชาวกรุงพาราณสี เที่ยว เลี ้ยงโคอยู่คราวละ ๗ วัน ในสถานที่ใกล้ ป่าดงแห่งหนึง่ วันหนึง่ หลังจากเลี ้ยงโคกลับมาแล้ ว มาพบเหี ้ยใหญ่ตวั หนึง่ จึงพากันไล่ จับ เหี ้ยวิ่งหนีเข้ าไปในจอมปลวกแห่งหนึง่ ซึง่ มีรู ๗ รู พวกเด็กปรึกษากันว่า "เวลานี้ พวกเราคงจับมันไม่ได้ พรุ่งนีค้ ่อยหาวิธีจับมันใหม่กแ็ ล้วกัน" ทัง้ ๗ คนต่างคนต่างพากัน ถือเอากิ่งไม้ มาปิ ดรู แล้ วพากันแยกย้ ายกันไป ในวันรุ่งขึ ้น เด็ก เหล่านันไม่ ้ ได้ นกึ ถึงเหี ้ยตัวนันอี ้ กเลย พากันต้ อนโคไปเลี ้ยงในที่อื่น พอถึงวันที่ ๗ พากันต้ อนโคกลับมาถึงสถานที่เดิม มองเห็นจอม ปลวก จึงพากันนึกได้ คิดกันว่า ‘เหี้ยตัวนัน้ จะเป็นอย่างไรหนอ’ จึง เปิดรูที่ปิดไว้ เหี้ยอยู่ในรู ๗ วัน ไม่ได้กินเหยื่อจนผอมแห้งแรงน้อย เหลือแต่กระดูกและหนังคลานออกจากรูด้วยความอิดโรย พวกเด็ก เห็นเช่นนั้นแล้ว จึงสงสารมัน เลยพูดกันว่า ‘พวกเราอย่าฆ่ามันเลย มันอดเหยื่อมาตั้ง ๗ วัน’ จึงลูบหลังเหี้ยตัวนัน้ แล้วปล่อยไป โดยพูด ว่า ‘จงไปตามสบายเถิด เจ้าเหี้ยเอย’ พวกเด็กทัง้ ๗ คนนัน้ ไม่ต้อง ไปตกนรก เพราะไม่ได้ ฆา่ เหี ้ย แต่เกิดมาในชาติใหม่ ต้ องมาอดน ้า อดอาหารเป็ นเวลา ๗ วัน ถึง ๑๔ ชาติ ภิกษุทงหลาย ั้ กรรม นัน้ พวกเธอเป็ นเด็กเลี ้ยงโค ๗ คนทาไว้ แล้ วในชาตินนั ้
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
พระศาสดาทรงเป็ นสัพพัญญู ผู้ร้ ูแจ้ งสรรพสิ่ง ทรงมี กรรมวิปากญาณ หยัง่ รู้วบิ ากกรรมของสัตว์โลกทังหลายตามเป็ ้ น จริ ง อย่างไม่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน ได้ ทรงพยากรณ์กรรมเรื่ องกา ถูกไฟเผากลางอากาศ เรื่องภรรยาของนายเรื อถูกจับถ่วงน ้า และ เรื่ องภิกษุ ๗ รูปถูกกักขังในถ ้า ต้ องอดอาหาร ๗ วัน เมื่อพระพุทธองค์แสดงธรรมจบลง พวกภิกษุที่ทลู ถาม กรรมปั ญหานันๆ ้ ได้ เกิดความเข้ าใจในกฎแห่งกรรมอย่างชัดเจน แจ่มแจ้ ง เกิดความซาบซึ ้งดื่มด่าในพุทธธรรมอย่างมาก
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
เพราะโง่เขลาเบาปัญญา จึงต้องมาทาบาป ผู้ใดใฝ่หาความสุขเพื่อตน แต่กลับใช้ท่อนไม้ทาร้ายสัตว์ทั้งหลายผูร้ ักสุข ผู้นั้นตายไปแล้ว ย่อมไม่ได้รับความสุขเลย ส่วนผู้ใดใฝ่หาความสุขเพื่อตน ไม่ใช้ท่อนไม้ทาร้ายสัตว์ทั้งหลายผู้รกั สุข ผู้นั้นตายไปแล้วย่อมได้รับความสุข คนพาลมีปญ ั ญาทราม เมื่อทาบาปกรรมย่อมไม่รู้สึกตัว จึงมักเดือดร้อนเพราะกรรมของตน เหมือนคนถูกไฟไหม้ ฉะนั้น พุทธพจน์ ขุ.ธ.(แปล) ๒๕/๗๓-๗๔
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
กรณีตัวอย่าง
ผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ ๑. เรื่อง ไฟโลกันต์ ถ่ายถอดประสบการณ์โดย คุณจันทะ แสงพรหมสี คุณจันทะ(พี่ชาย)และเรื อง(น้ องชาย) เล่าว่า ได้ พากันไป ถอดแหที่หนองน ้าแห่งหนึง่ ได้ ปลามาสองสามตัว แล้ วขังไว้ ในถัง เพื่อจะทาเป็ นอาหารในวันรุ่งขึ ้น พอตกกลางคืน แมวก็ได้ มาขโมย ปลาไปกิน โดยทิ ้งก้ างปลาไว้ ที่ชายคาบ้ าน เป็ นหลักฐาน เหตุการณ์เป็ นอย่างนี ้อยู่ ๒-๓ ครัง้ จึงทาให้ เรื องโมโห โกรธแค้ น อย่ างมาก สองพี่น้องจึงได้ พากันวางแผนจับแมวหัวขโมย โดยการ ใช้ บว่ งดัก พอจับได้ จึงคิดหาทางลงโทษแมวอย่างสาสมด้ วยการ ใช้ นา้ มันลาด เอาหมอนผูกไว้ ท่ หี างแมว แล้ วจุดไฟเผาที่ใกล้ บริ เวณไร่อ้อย เมื่อแมวโดนเผาทังเป็ ้ นก็วิ่งหนีตายสุดชีวิต ทังพี ้ ่น้อง หัวเราะด้ วยความมันสะใจ แมวได้ วิ่งไปที่ป่าอ้ อย ทาให้ ไร่อ้อย เสียหายอย่างมากประมาณ ๓ ไร่ แต่โชคดีที่เป็ นไร่อ้อยของเอกพี่ กรณีตัวอย่ างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ของคนในยุคปั จจุบนั จากรายการ "กรรมลิขติ " ออกอากาศประจาวันอังคาร เวลา ๓ ทุ่มเป็ นต้ นไป ผู้ดาเนินรายการ... มนตรี เจนอักษร สามารถดูเรื่องเหล่านี ้ได้ จากเว็ปไซท์ www.youtube.com โดยพิมพ์ คาว่า กรรมลิขิต หรือ Gamlikit แล้ วคลิ๊กเข้ าไปดูได้ เลย
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
น้ องกัน จึงยอมความกันได้ งา่ ย ต่อมาภายหลัง พวกเขาได้ พบว่า แมวได้ เสียชีวติ อย่ างเจ็บปวดทุกข์ ทรมาน เรื องเองผู้เป็ นต้ น คิดเรื่ องการเผาแมว พอคิดถึงเรื่ องการเผาแมวมาที่ไร ก็ไม่สบายใจ ทุกที ต่อมาประมาณ ๒ เดือน เขาได้ ล้มป่ วยไม่ สบาย มีอาการ จุกแน่ นและปวดแสบร้ อนที่บริเวณหน้ าอกอย่ างแรงเหมือน ถูกไฟเผาลน เขาร้ องด้ วยความเจ็บปวด แสบร้ อนอย่างมาก และ มีรอยไหม้ เหมือนถูกไฟลนที่บริ เวณหน้ าอกจริ งๆ พี่น้องเห็นอาการ น่าเป็ นห่วงจึงนาส่งโรงพยาบาล ต่อมาเขามีอาการหายใจไม่ออก เจ็บปวดแสบร้ อนทรมานอย่างมาก จนทนไม่ไหว แล้ วสิ ้นใจตายไป อย่างน่าสงสาร โดยที่หมอและพี่น้องไม่มีใครสามารถจะช่วยได้
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
๒. เรื่อง ตรำบำปชัว่ นิรนั ดร์ กรรมที่ทำให้ปวดขำและตำบอด ถ่ายทอดประสบการณ์โดย นายแพทย์สมหมาย ทองประเสริฐ นายแพทย์สมหมาย ได้ รับฉายานามว่า เป็ นหมอเทวดา ใน การรักษาโรคมะเร็ง แม้ จะมีความรู้ เรื่ องการรักษาโรคมาอย่ าง ดี แต่ ในกรณีของโรคกรรม กลับไม่ สามารถรักษาโรคตาของ ตัวเองได้ คุณหมอสมหมาย มีนิสยั ชอบเข้ าป่ าล่าสัตว์ บริ เวณเขตป่ า จังหวัดเพชรบูรณ์ ยิงสัตว์ประเภท ชะนี กวาง เก้ ง วัวกระทิง และ นก วันหนึง่ มีเพื่อนบอกว่า อยากได้ ลกู ชะนีมาเลี ้ยง จึงพากันมอง หาชะนี เมื่อต้ องการลูกชะนี ก็ต้องยิงแม่ชะนี วันนัน้ หมอสมหมาย เหนื่อยมาก ตังใจจะยิ ้ งแม่ชะนี แต่ลกู ปื นกลับไปโดนขาลูกชะนี เลยตัดสินใจยิงทังแม่ ้ และลูกชะนีตาย เรื่ องนี ้ทาให้ สะเทือนใจคุณ หมอมาก จึงตัดสินใจเลิกเข้ าป่ าล่าสัตว์ พอถึงเวลาที่ผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์สง่ ผล วันหนึง่ ในขณะที่กาลังขุดดินสาหรับปลูกต้ นไม้ เกิดการเอี ้ยวตัวผิด ท่า ทาให้ การปวดขาแบบผิดปกติ ทาอย่างไรก็ไม่หาย ทานยาก็ไม่ หาย ตังใจว่ ้ า ถ้ าสวดมนต์แผ่เมตตาให้ เจ้ ากรรมนายเวรประมาณ ปี หนึง่ ไม่หาย จะกินยานอนหลับที่เตรี ยมไว้ ให้ ตายไปเลย เพราะ ทรมานมาก แต่เหมือนปาฏิหาริ ย์ จากอานิสงส์สวดมนต์และแผ่
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
เมตตาให้ เจ้ ากรรมนายเวร ขาที่เป็ นเจ็บปวดมานาน กลับมาหาย ปกติ อยู่ตอ่ มาไม่นาน มีคนที่ร้ ูจกั คุ้นเคยกันชวนไปดูต้นไม้ ที่ป่า จึงเข้ าป่ า วันนัน้ มีฝนเข้ ุ่ าตาข้ างขวา ทาให้ ขดั เคือง หมอสมหมาย ได้ ใช้ วิธีรักษาเหมือนที่เคยเรี ยนมา แต่ทาอย่างไรก็ไม่หาย ให้ หมอ รักษาอย่างไรก็เหมือนเดิมมีแต่จะแย่ลง สุดท้ าย ทาให้ ตาพร่ามัวลง และบอดในที่สดุ ทาให้ หมอสมหมายนึกถึงครัง้ หนึง่ ที่ผ่านมานาน จนลืมไปแล้ ว ได้ เคยใช้ ปืนยิงนกแร้ งซึง่ โดนบริ เวณตาขวา ทาให้ แร้ งนันตกลงมาตายทั ้ นที เมื่อโดนฝุ่ นผงเข้ าตาขวา จนทาให้ ตาขวา บอด ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะเรื่ องอย่างนี ้ไม่ใช่บงั เอิญ เนื่องจาก หมอสมหมายเป็ นคนมีความรู้มีการศึกษา คงไม่งมงายกับเรื่ องที่ ไม่มีเหตุผล แต่เรื่ องกฎแห่งกรรม โรคกรรมโรคเวรนัน้ มีจริ ง
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
๓.เรื่องกรรมของท่ำนนำยพล กรรมที่ทำให้กะโหลกสมองยุบ ถ่ายทอดประสบการณ์โดย พล.อ.ท. บุญทรง สุภานันท์ อายุ ๘๔ วันนัน้ ท่านนายพลไปตีกอล์ฟกับเพื่อนๆ ในขณะที่กาลัง เดินตีกอล์ฟอยู่ดีๆนัน้ ต้ องล้ มฟุบลง ได้ ถกู หามส่งโรงพยาบาลด่วน เมื่อหมอตรวจเช็คดีแล้ ว บอกว่า จะต้ องผ่าตัดสมอง เอาเลือดที่ขงั อยู่ในบริ เวณนันออก ้ มิเช่นนันสมองจะบวม ้ ทาให้ หมดความรู้สกึ และตายได้ เพราะกะโหลกยุบ เนื่องจากลูกกอล์ฟโดนศีรษะ บริ เวณด้ านซ้ าย ซึง่ เหตุการณ์นี ้ ไม่น่าจะเกิดขึ ้นได้ คงต้ องเป็ นหนึง่ ในล้ าน รอยบาดแผลหลังการผ่าตัดเหมือนรูปคอไก่ ทาให้ ท่านนาย พลคนนี ้นึกถึงเรื่ องกฎแห่งกรรมขึ ้นมา แล้ วนึกย้ อนหลังไปเมื่อปี ๒๔๘๓ สมัยที่เป็ นเด็ก แม่ใช้ ให้ ไปซ้ อมข้ าวที่ครกกระเดื่อง ขณะที่ ซ้ อมตาข้ าวอยู่นนั ้ ได้ มองเห็นไก่ผ้ ตู วั หนึง่ กาลังขันอย่างไพเราะ และเดินอวดโชว์ขนของมันอยู่ บุญทรง เห็นแล้ วก็นกึ หมัน่ ไส้ ขึ ้นมา อยากจะลองทุบหัวมันดู จึงคว้ าไม้ ค้อนได้ เดินไปข้ างหลัง แล้ ว ฟาดลงไปที่หัวไก่ ผลปรากฏว่ า ไก่ ตายสนิท แล้ วก็เอาไปต้ มกิน ผลกรรมจากการแอบใช้ ไม้ ตีหวั ไก่ข้างหลังจนตาย ทาให้ ต้องมา โดนลูกหลงจากลูกกอล์ฟที่คนอื่นตีมาแบบไม่ร้ ูตวั ผล คือ ไม่ถงึ กับ ตาย แค่สลบและกะโหลกสมองยุบ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
๔. เรื่อง สำนึกของน้องดัง ผลกรรมจำกกำรจุดไฟเผำมด ถ่ายทอดประสบการณ์โดย เด็กชาย ถิรวุฒิ พุกสวัสดิ์ ในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ขณะที่เด็กชายดังและน้ องสาว ได้ ปั่น จักรยานไปเที่ยวเล่นตามประสาเด็ก ผ่านมาที่โรงเก็บไฟฟ้า ใจนึก อยากรู้อยากเห็นอะไรบางอย่างขึ ้นมา จึงเดินเข้ าไปใกล้ มองเห็น หม้ อแปลงไฟฟ้า ด้ วยความอยากรู้อยากเห็น จึงเอามือไปปิ ดสวิทซ์ ไฟ หรื อปุ่ มอะไรสักอย่าง เกิดไฟฟ้าลัดวงจร หม้ อแปลงไฟฟ้าเกิด ระเบิดขึ ้นมา เพราะแรงระเบิดทาให้ ร่างของน้ องดัง ลอยกระเด็นไป ไกลพอสมควร อยู่ในอาการสลบไม่ร้ ูสกึ ตัว สมควร มาลาหอม ผู้เป็ นอาได้ ยินเสียงดัง จึงพากันรีบเข้ า ดูเหตุการณ์ แล้ วพบว่า เด็กชายดังนี ้ โดนแรงระเบิดจากไฟฟ้า ลัดวงจร อยู่ในอาการสลบ แน่นิ่งไม่แน่ใจว่าจะเป็ นหรื อตาย แขนขวามีรอยเหมือนไฟไหม้ ร่อนหลุดออก เมื่อไปถึงโรงพยาบาล พอตรวจเช็คร่างกายแล้ ว ปรากฏว่า ทุกอย่าง ไม่วา่ จะเป็ นสมอง หัวใจ กล้ ามเนื ้อทางานปกติ ไม่เป็ นอะไรมาก อยู่ในขันปลอดภั ้ ย เด็กชายดัง ได้ เล่าถึงประสบการณ์นี ้ว่า เป็ นเพราะกฎแห่ง กรรมที่เขาเคยทามาก่อนหน้ านี ้ คือ ได้ จุดไฟเผามดตายไปหลาย ร้ อยตัว จึงต้ องมาโดนหม้ อแปลงไฟฟ้าระเบิดใส่ และตังใจไป ้ บวชเป็ นสามเณรเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ เจ้ ากรรมนายเวร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
๕. เรื่องโรคกรรม กรรมที่ทำให้เป็นโรคมะเร็งคอ ถ่ายทอดประสบการณ์โดย คุณศรีเวียง เวียงนนท์ (ตุก๊ ตา) เรื่ องโรคกรรมนี ้ คุณแม่ลาดวนและคุณตุ๊กตาลูกสาว ได้ เล่าว่า "ฐานะทางครอบครัว ยากจน ลาบากมาก ไม่มีแม้ บ้านจะซุก หัวนอน ต่อมาสามีของคุณแม่ลาดวนและลูกสาว ได้ มาประกอบ อาชีพขายอาหาร และขายไก่ ปิ้งโดยไปซื ้อไก่ที่ตายแล้ วมาปิ ง้ ขาย พอกิจการดีขึ ้น มีคนสัง่ เยอะ จึงตัดสินใจไปซื ้อไก่เป็ นๆมาขังเลี ้ยง ไว้ แล้ ว วันไหนมีลกู ค้ าสัง่ เยอะ ก็ฆา่ เยอะ วิธีการฆ่ า คือ จับไก่ มัด แล้ วก็เชือดที่ลาคอ บางตัวก็ไม่ได้ ตายทันที ทาอยูอ่ ย่างนี ้ ไม่นาน ก็เก็บเงินได้ เยอะ เริ่ มเป็ นอยู่สบายขึ ้น จากคนที่ไม่มีจะกินไม่มี บ้ าน กลับมามีชีวิตที่ดีขึ ้น สบายขึ ้นมีอาหารกิน มีบ้านอยู่ ชีวิต ราบรื่ น เป็ นอยู่อย่างนี ้ประมาณ ๑๐ ปี อยู่มาไม่นาน คุณพ่อของคุณตุ๊กตา เริ่มมีอาการไอและเจ็บ คอ ได้ แต่ปลอบใจตัวเองว่า "เจ็บคอนิ ดหน่อย กิ นยาแล้วก็หาย" ๑ เดือนผ่านไป อาการยังไม่ทเุ ลา วันหนึง่ สามีฝันไปว่า "มีไก่ มากมายเข้ ามารุ มจิกรุ มทึ่งที่คอ แล้ วตกใจตื่น" และฝั นร้ าย อย่างนี ้หลายครัง้ จนตัดสินใจไปทาบุญที่วดั เพื่อให้ สบายใจ ช่วงหลัง พ่อของคุณตุ๊กตามักจะพูดถึงเรื่ องเวรเรื่ องกรรม ทานองที่วา่ "พ่อมีกรรมเยอะ เพราะฆ่าไก่มามาก" อาการไอเจ็บคอ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ของพ่อ เมื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลได้ พบว่า "เป็ นโรคมะเร็ง" ไม่ได้ เป็ นมะเร็งที่อวัยวะส่วนอื่น แต่เป็ นที่บริ เวณลาคอซึง่ มาสอดคล้ อง กับการเชือดคอไก่ จะต้องทาการผ่าตัดที่ลาคอบริเวณลูกกระเดือก หลังจากการผ่าตัดสภาพของพ่อเหมือนกับไก่ที่ถกู เชือดคอ พ่อเคย พูดว่า “ที่เป็นอยู่อย่างนี้สงสัยน่าจะเป็นโรคกรรมเวรที่เคยเชือดคอไก่ มา" ก่อนตายพ่อสัง่ ไว้ว่า "อย่าไปทาอย่างนี้อีก มันไม่ดี เป็นบาปกรรม" เมื่อคุณพ่อได้รับการผ่าตัดทีค่ อ ทาให้แผลลาคอเกิดภาวะเน่า พูดไม่ได้ และกลืนข้าวไม่ได้ ก่อนตาย ได้พูดกับลูกเมียว่า "วันนี้ เขามารับแล้ว พ่อจะได้ไปแล้ว” เงินทองที่หามาได้ จากการประกอบอาชีพฆ่าไก่ขาย ได้ นามารักษาพ่อ จนหมดเนื ้อหมดตัว และทาให้ เป็ นหนี ้สินอีก มากมาย
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
กรรมทีท่ ำให้เป็นโรคหัวใจ ส่วนผลกรรมจากการวิ่งจับไก่ ให้ พ่อเชือดคอ เป็ นการ ส่งเสริ มสนับสนุนการทาบาป เป็ นบาปทังคนท ้ า คนสัง่ ให้ ทา คนที่ ยินดีพอใจและยกย่องสรรเสริ ญ เมื่อกรรมนี ้ส่งผล เป็ นเหตุทาให้ คุณตุ๊กตา มีอาการเจ็บแน่นที่หน้ าอกด้ านซ้ าย หายใจไม่ออก เหนื่อยง่าย ใจหวิวๆ เหมือนใจจะวายใจจะขาด ทุกครัง้ ที่มีเรื่องทา ให้ ไม่สบายใจ กลุ้มใจ หรื อโกรธจัด หมอบอกว่า “มีอาการโรคหัวใจ อ่อนๆ” คุณแม่ลาดวนและคุณตุ๊กตา หลังจากได้ เรี ยนรู้เรื่ องเวร กรรม สานึกบาปบุญคุณโทษแล้ ว ได้ ทาบุญกรวดน ้า แล้ วอุทิศบุญ ไปให้ พ่อ “บุญกุศลใดที่ลูกทา ขอให้พ่อมีส่วนแห่งบุญกุศลนั้นและจง ไปสู่สุคติด้วยเถิด”
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า กรณีตัวอย่างผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
บ. สยังวสี
ปลายทางชีวิต...ของคนมีบาป คนพาลประพฤติทางกาย วาจาใจ หลังจากตายแล้ว จะไปเกิดใน อบาย ทุคติ วินิบาต นรก บุคคลเมื่อจะกล่าวให้ถูกต้อง พึงกล่าวถึงนรกนั้น นั่นแหละว่า ‘เป็นสถานที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ โดยส่วน เดียว’ ทุกข์นี้กับทุกข์ในนรกเปรียบเทียบกันไม่ได้”เปรียบเสมือนนักโทษที่ ถูกทิม่ แทงด้วยหอก ๓๐๐ ครั้งทั้งตอนเช้า กลางวันและตอนเย็น คนพาลนั้น ถ้ามาเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะเกิดในตระกูลต่า คือ ตระกูล คนจัณฑาล ตระกูลนายพราน ตระกูลช่างสาน ตระกูลช่างรถ หรือตระกูล คนขนขยะเช่นนั้น ที่เป็นตระกูลยากจน มีข้าว น้าและสิ่งของเครื่องใช้น้อย เป็นไปอย่างฝืดเคือง เป็นแหล่งที่หาของกินและเครื่องนุ่งห่มได้ยาก และคน พาลนั้นมีผิวพรรณหม่นหมอง ไม่น่าดู ต่าเตี้ย มีความเจ็บป่วยมากตาบอด เป็นง่อย เป็นคนกระจอก หรือเป็นโรคอัมพาต มักไม่ได้ข้าว น้า ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก และเครื่องประทีป เขายัง ประพฤติกายทุจริต ประพฤติวจีทุจริต ประพฤติมโนทุจริต หลังจากตายแล้ว จะไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ภิกษุทงหลาย ั้ เปรี ยบเหมือนนักเลงการพนัน เพราะความพ่าย แพ้ ครัง้ แรกเท่านัน้ จึงเสียลูก เสียเมีย เสียทรัพย์สมบัติทกุ อย่าง และถึง การจองจา ที่เป็ นการ สูญเสียอย่างยิ่ง ความพ่ายแพ้ ของนักเลงการ พนันผู้เสียลูก เสียเมีย เสียทรัพย์สมบัติทกุ อย่าง และถึงการจองจา เพราะความพ่ายแพ้ ครัง้ แรกนัน้ เป็ นเพียงเล็กน้ อยแม้ ฉนั ใด ความพ่าย แพ้ ของคนพาลผู้ประพฤติกายทุจริ ต ประพฤติวจีทจุ ริ ต ประพฤติมโน ทุจริ ต หลังจากตายแล้ ว จะไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ฉันนัน้ เหมือนกัน พาลปั ณฑิตสูตร ม.อุ.(แปล) ๑๔/ ๒๙๐ -๓๐๘
ธรรมโอสถ
วิธีลด ละ ชำระล้ำง แก้กรรม เส้นทางแห่งความสวัสดี ทาบุญหนีบาป
ตามธรรมดา สิ่งในโลก ย่อมมีของคูก่ นั คือ มีผกู ย่อมมีแก้ มีมืด ย่อมมีสว่าง มีดา ย่อมมีขาว มีบาป ย่อมมีบญ ุ มีกรรมดา ย่อมมีกรรมขาว มีบว่ งกรรม ย่อมมีวิธีทางพ้ นจากวังวนแห่งกรรม ผู้ ที่ได้ ศกึ ษาธรรมะ เข้ าใจเรื่ องบุญบาป เรื่ องกฎแห่งกรรมดีแล้ ว เมื่อ รู้ตวั สานึกได้ ต้องการแก้ กรรมในเรื่องการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ พึงปฏิบตั ิตามหลักทาน ศีล ภาวนา ดังต่อไปนี ้ ๑.คบกัลยาณมิตร หมัน่ ศึกษาพิจารณาธรรมะ สร้ างสัมมาทิฐิให้ เกิดขึ ้น สานึก ผิดในการฆ่าและเบียดเบียนทรมานสัตว์วา่ เป็ นการกระทาที่ไม่ ถูกต้ อง โหดร้ าย ทารุณ หยาบกระด้ าง ไร้ ความเมตตาปราณี เป็ น การกระทาที่ไม่ยตุ ิธรรม แสวงหาความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น เห็นแก่ตวั ขาดการรับผิดชอบชัว่ ดี เป็ นการก่อเวร สร้ างบาปกรรม และต้ องเสียเวลามาชดใช้ โดยไม่จาเป็ น
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
๒. ตัง้ กุศลจิต เมตตาจิตไว้ ให้ ม่ นั มีความคิดที่ดีงามอันเต็มไปด้ วยความรัก ความสงสาร ความเห็นใจ ความหวังดี ความปรารถนาดีตอ่ สรรพสัตว์ทงหลายผู ั้ ้ เป็ นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย แล้ วให้ อภัยทาน จะไม่คิดเบียดเบียน เข่น ฆ่ารังแกคนและสัตว์ทงหลายทั ั้ งปวงอี ้ ก จะมีแต่ความรัก ความ เอ็นดู ให้ การรักษาดูแลช่วยเหลือ มัน่ ศึกษาอานิสงส์ของเมตตาที่ กล่าวไว้ ในเมตตาสูตร๑ ที่พระพุทธองค์ ได้ ตรัสถึงอานิสงส์แห่ง เมตตา มีเนื ้อความโดยย่อว่า พลังแห่งความรัก ความหวังดี ปรารถนาดี หรื อ อานุภาพแห่งเมตตาเจโตวิมุตติระดับฌาน สมาธิชัน้ สูงที่บคุ คลได้ ฝึกฝน ฝึ กหัด อบรมสัง่ สมไว้ ดีแล้ ว จนเกิด ความเชี่ยวชาญ เป็ นไปเองโดยอัตโนมัติ จะเกิดอานุภาพ อานิสงส์ ๑๑ ประการ ดังนี ้ ๑. ทำให้นอนหลับง่ำย หลับสบำย ร่ำงกำยได้รับกำรผ่อน คลำย จิตใจไม่คิดปรุ่งแต่งไม่ฟุ้งซ่ำน ขณะนอน หลับได้เต็มทีเ่ ป็นสุข เหมือนเข้ำสมำธิ ๒. ขณะตื่น จิตใจไม่งัวเงีย ซึมเซำ มีแต่ควำมโล่ง โปร่งเบำ สบำย สดชื่น เบิกบำน มีพลังวังชำ ๓. ในขณะหลับ ไม่ฝันร้ำย ไม่ฝันสะเปะสะปะเรื่อยเปื่อย ฝัน แต่เรื่องดีๆ เช่น ฝันว่ำ ไปไหว้พระเจดีย์ เป็นต้น
๑
อัง.เอกาทสก. (แปล) ๒๔/๔๒๕
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
๔. จิตที่ประกอบด้วยพลังแห่งควำมเมตตำ ย่อมแผ่รศั มีไป โดยรอบ มีผลต่อจิตใจของผู้คนทั้งหลำย จึงเป็นเหตุให้เป็นที่รักเป็นที่ นิยมชมชอบของคนทั่วไปที่ได้พบเจอ ๕. โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งในโลกทิพย์ ในโลกโอปปำติกะ โลกแห่ง จิตวิญญำณ พลังแห่งเมตตำอันนี้ ย่อมมีอิทธิพลต่อโอปปำติกะที่อยู่ใน โลกทิพย์ได้ง่ำย มีผลทำให้เป็นที่รักของอมนุษย์ทงั้ หลำย เช่น เทพเจ้ำ เหล่ำเทวดำ เป็นต้น ๖. เมื่อเทวดำทั้งหลำยได้รบั พลังแห่งเมตตำอันนี้ ย่อมเกิด ควำมรักใคร่ นิยมชมชอบ อยำกจะให้กำรรักษำ คุม้ ครองป้องกัน เหมือนแม่รักและดูแลลูก ๗. พลังแห่งควำมเมตตำ เป็นพลังบริสุทธิ์ สำมำรถชำระล้ำง บำป อกุศลกรรมทั้งหลำยที่เคยเก็บสะสมไว้ในใจให้คลำยออก จืดจำง หำย มลำยไปสิ้น เศษกรรมที่เกิดไฟริษยำของศัตรูที่ปองร้ำย ต้องกำร ทำลำยด้วยไฟ ยำพิษ หรือศัสตรำวุธ ก็ไม่อำจกล้ำกรำย จะแคล้ว คลำดปลอดภัย เพรำะรู้ลว่ งหน้ำมำก่อน หรือมีคนบอกให้รู้ สุดท้ำย จะ ปลอดภัย ไม่เป็นอันตรำยจำกสิง่ เหล่ำนี้ ถ้ำหำกไม่มกี รรมเก่ำรุนแรง ในกรณีไฟย่อมไม่ไหม้ น้ำร้อน ก็กลำยเป็นน้ำเย็นเหมือนนางอุตตรา อุบาสิกา๒ ยำพิษไม่สำมำรถทำอันตรำยต่อร่ำงกำยได้เหมือน พระจูฬ สีวเถระผู้สวดสังยุตตนิกำย ศัสตรำ อำวุธ เช่น มีด ดำบ ไม่สำมำรถระ แคระระคำยผิวได้เหมือนสังกิจจสามเณร๓ ๒ ๓
ดูเพิ่มเติมใน ธ.ป. (แปล) ๖/๒๖๓-๒๗๗ เรื่ องอุตตราอุบาสิกา ดูเพิ่มเติมใน ธ.ป. (แปล) ๔/๑๘๒-๑๙๖ เรื่องสังกิจจสามเณร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
๘. จิตตั้งมั่นเป็นสมำธิเร็ว เพรำะจิตประกอบด้วยเมตตำ ย่อม ทำให้ร่ำงกำยมีพลังวังชำ สมองปลอดโปร่งโล่งเบำ เมื่อร่ำงกำยเบำ สบำย จึงเอื้อต่อกำรทำจิตให้เป็นสมำธิ ๙. สีหน้ำสดชื่น แจ่มใส ไม่บูดบึ้ง ไม่เศร้ำสร้อย ไม่อมทุกข์มี แววสดใสร่ำเริงเบิกบำน ๑๐. มีสติสัมปชัญญะอยู่เสมอ แม้เวลำใกล้ตำย ก็ไม่หลงลืม สติ รู้ตัวก่อนตำย และในขณะก่อนจะสิ้นใจตำยก็ไม่ตกใจ ๑๑. ถ้ำหำก ไม่ได้บรรลุมรรคผลนิพพำน เป็นพระอรหันต์ ด้วยพลังแห่งฌำน ย่อมนำไปเกิดในพรหมโลก พลังแห่งความรักที่บริ สทุ ธิ์นี ้ มีพลานุภาพอย่างน่าอัศจรรย์ เกิดขึ ้นได้ แม้ กบั สัตว์เดรัจฉาน เช่น วัว ดังตัวอย่างต่อไปนี ้ คือ มีแม่ วัวตัวหนึ่งกำลังยืนให้ลูกดูดนมอยู่ ขณะนั้น มีนำยพรำนคนหนึ่ง คิดจะ ฆ่ำวัวตัวนั้น จึงพุง่ หอกไปใส่ พอหอกถูกตัววัวเข้ำ ก็เป็นเหมือนใบตำล ปลิวไปกระทบผิวหนัง ไม่สำมำรถทำอันตรำยแก่ววั ตัวนัน้ ได้ ทั้งนี้ ไม่ใช่ เพรำะว่ำแม่วัวมีพลังสมาธิแก่กล้าแต่อย่างใด แต่เป็นเพรำะ อำนุภำพแห่งควำมรัก(เมตตำ)ของแม่ที่มีต่อลูกอย่ำงลึกซึง้ จน สำมำรถเป็นพลังปกป้องคุ้มครองชีวิตตัวเองไว้ได้ ๓.ตัง้ จิตให้ ม่ นั ในการที่จะรักษาศีลข้ อที่ ๑ คือ เว้ นจาก การฆ่าสัตว์ทกุ ชนิด ทุกประเภท ไม่ฆา่ มนุษย์ ไม่สตั ว์ใหญ่/สัตว์ที่มี คุณ เช่น ช้ าง ม้ า วัว ควาย เป็ นต้ น ไม่ฆา่ สัตว์สงวนพันธุ์ ไม่ฆา่ สัตว์เพื่อเกมกีฬา หรื อ เพื่อความสนุกสนาน เพื่อป้องกันการฆ่ามด แมลงและการตบยุงโดยไม่จาเป็ น พึงติดมุ้งลวดกันยุง ถ้ าพบยุงอยู่
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
ในบ้ าน ก็คอยปั ดให้ มนั ออกไป หรื อหาแก้ วน ้ามาครอบเอาไป ปล่อยข้ างนอก ส่วนมด คอยปั ดกวาด เช็ดถูพื ้นให้ สะอาดอย่าให้ มี เศษอาหารตกเรี่ยราด สาหรับขาตู้กบั ข้ าว หรื อโต๊ ะที่มีอาหาร ก็เอา น ้าหล่อขาโต๊ ะไว้ และยังมีวธิ ีอื่น ๆ อีกมากมายที่ไม่ต้องฆ่า แล้ วแต่ ผู้มีปัญญาจะนามาใช้ โดยไม่ให้ มนั มารบกวน ถ้ าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็อย่าให้ ถงึ ขนาดต้ องฆ่าคน หรื อ ฆ่าขนาดใหญ่และสัตว์ที่มีคณ ุ เช่น ช้ าง ม้ า วัว ควาย เป็ นต้ นและ อย่าฆ่าเพราะความคึกคะนองอยากจะสนองตอบอารมณ์ตวั เอง ชัว่ แล่น เห็นเป็ นของสนุก สนาน ในกรณีมีความจาเป็ นจะต้ อง ฆ่ าสัตว์ เช่น ปลา กุ้ง หอยเป็ นต้ น พึงตังใจว่ ้ า “เราทาไปเพื่อเลีย้ ง ชีพ” แล้ วจงหมัน่ ทาบุญ โดยเอาอาหารที่ได้ จากการเนื ้อสัตว์นนๆ ั้ ไปทาบุญ ถวายแด่พระภิกษุสงฆ์หรื อผู้ประพฤติธรรมคนใดคนหนึง่ หรื อเป็ นหมู่คณะก็ได้ แล้ วอุทศิ ส่ วนกุศลที่เกิดจากการทาบุญ นัน้ ให้ กับสัตว์ ท่ ีเราฆ่ าด้ วย ทุกครัง้ ที่ทาบุญ พึงตังจิ ้ ตอธิษฐาน เพื่อให้ ได้ อาชีพที่ดกี ว่านี ้ และเพื่อหลีกเลี่ยง ละเว้ น ห่างไกลจาก อาชีพฆ่าหรื อเบียดเบียนสัตว์ ทังนี ้ ้ เพราะได้ มองเห็นด้ วยปั ญญา ของตนเองแล้ วว่า ขึ ้นชื่อว่า “การฆ่า การทาร้าย การเบียดเบียน คน/สัตว์ให้ถึงแก่ชีวิต หรือให้ได้รับความทุกข์ทรมานไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น ย่อมหนีไม่พ้นจากกฎแห่งกรรม คือ กฎแห่งการสะท้อนกลับ กล่าวคือ จะต้องถูกฆ่า หรือ ถูกทาร้ายร่างกาย ประสพอุบัติเหตุจน สูญเสียอวัยวะสำคัญ มีโรครุมเร้ำไม่สร่ำงซำต้องทนทุกข์ทรมำนแสน สำหัส ไม่ช้ำก็เร็ว ไม่มำกก็นอ้ ย”
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
๔.ในขณะรับประทานอาหาร พึงพิจารณาโทษของการ บริโภคเนือ้ สัตว์ เกินว่าเป็ นอันตรายต่อร่างกายอย่างไร เป็ นเหตุ ทาให้ เกิดโรคภัยไข้ เจ็บหลายชนิด เช่น โรคไต ไขมันเกิน ความดัน โลหิตสูง และเบาหวาน เป็ นต้ น และพิจารณาว่า เราจะกินเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน เพื่อบรรเทาความหิว เพื่อให้ ร่างกายดารงอยู่ได้ เพื่อทาความดี และเพื่อการปฏิบตั ิธรรมให้ พ้นทุกข์ ไม่ต้องมาเกิด อีก และอย่าพึงยินดี พอใจ ติดใจในรสชาติของสัตว์นนๆ ั ้ เพราะว่า วันหนึง่ เราอาจจะทาบาป เพราะเห็นแก่กิน เห็นแก่ปากท้ องก็ได้ ถ้ า หากในเวลารับประทาน ไม่สามารถจะทาเช่นนันได้ ้ พึงกลับมา พิจารณาอีกครัง้ เมื่อหลังทานเสร็จ ๕.มัน่ ศึกษาเรียนรู้ทาความเข้ าใจและพิจารณาทบทวนใน หลักธรรมหรื อพุทธพจน์ดงั ต่อไปนี ้ สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตำมกรรม กรรม เป็นตัวกำรทำให้สัตว์โลกทั้งหลำยมีควำมแตกต่ำง กันทั้งดีและเลว ไม่มีพลังอื่นใดที่มีอำนำจเท่ำพลังแห่งกรรม มนุษย์และสัตว์ เกิดมำเพรำะกรรมนำเกิด เกิดเป็นคนก็ เพรำะกรรม เกิดเป็นสัตว์ก็เพรำะกรรม คนเรำมีกรรมเกี่ยวเนื่อง เชื่อมโยงกันเหมือนเครือญำติ ใครทำกรรมใดไว้ ย่อมจะได้รับผลของกรรมนั้น ทำกรรมดี ย่อมได้รับผลกรรมที่ดี ทำกรรมชั่ว ก็จะได้รับผลกรรมที่ชวั่ หว่ำนพืชชนิดใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
๖.มัน่ ศึกษาเรี ยนรู้โทษของการฆ่า/เบียดเบียนสัตว์ ซึง่ จะ ทาให้ เกิดโรคภัยไข้ เจ็บเบียดเบียน อายุสนพลั ั ้ นตาย เป็ นต้ น การ ฆ่าสัตว์เพื่อเป็ นอาหารหรื อเพื่อเงิน สาหรับนามาเลี ้ยงปากท้ องใน ชาติเดียว ย่อมไม่ค้ มุ กลับผลตามมาที่ต้องชดใช้ อีกหลายร้ อยชาติ ๗. ศึกษาทาความเข้ าใจในอานิสงส์ /ประโยชน์ ของ การละเว้ นจากการฆ่า/เบียด เบียนสัตว์๔ โดยมีความเมตตา ปราณี เอ็นดู สงสารต่อสัตว์ทงหลาย ั้ ตามที่กล่าวไว้ ในคัมภีร์ปรมัตถโชติ กาที่วา่ เกิดมำแล้วจะเป็นผูม้ ีอวัยวะทุกๆ ส่วนสมบูรณ์แข็งแรงดี มี สุขภำพพลำนำมัยดี มีผิวพรรณงำมผุดผ่อง สุภำพอ่อนโยน ไม่แข็ง กระด้ำง มีกำยและใจสะอำดบริสุทธิ์ทั้งต่อคนและสัตว์ เป็นผู้องอำจ แกล้วกล้ำ ไม่หวั่นกลัว มีกำลังมำกดั่งช้ำง มีถ้อยคำ น่ำฟัง เป็นที่รัก ของทุกคน มีบริวำรที่สมำนสำมัคคีกัน ไม่หวำดสะดุ้งต่อภัยเวรใดๆ ไม่ มีใครจะมำคิดกำจัดได้ ไม่ตำยเพรำะถูกคนหรือสัตว์ฆ่ำ มีบริวำรมำก มีรูปร่ำงที่สวยงำม มีทรวดทรงงดงำม ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน ไม่ มีควำมเศร้ำโศก เสียใจ ไม่พลัดพรำกจำกของรักและมีอำยุยืน ในมหาปทานสูตรและลักขณสูตร๕ ได้ กล่าวถึงลักษณะ ของมหาบุรุษตังแต่ ้ พระเศียรจรดพระบาทอันงดงามไม่มีที่ตาหนิ ในบรรดาลักษณะเหล่านัน้ ผลของกุศลกรรมที่เกิดจากการไม่ฆา่ ๔
ที.มหา. (แปล) ๑๐/๑๕-๒๐,๑๘๑-๒๐๔ มหาสุทสั สนสูตร, มหาปทานและอรรถกถา ที.ปา. (แปล) ๑๑/๑๕๙-๑๙๓ ลักขณสูตรและอรรถกถา ๕ ที.ปา. (แปล) ๑๑/๑-๑๒, ๑๕๙-๑๖๕ และลักขณสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
ไม่เบียดเบียนทาร้ ายสัตว์ ให้ ความเอ็นดูสงสาร ดูแลรักษาให้ ปลอดภัย จะได้ ลกั ษณะ ดังนี ้ มีส้นพระบาทยาว มีนิว้ พระหัตถ์ และพระบาทยาว พระกายตัง้ ตรงดุจท้ าวมหาพรหม มี เส้ นประสาทสาหรับรับรสพระกระยาหารอันดี มีปลายในเบื ้องบน ประชุมอยู่ท่ ลี าพระศอ สาหรับนารสอาหารแผ่ซา่ นไปสม่าเสมอ ทัว่ พระกาย ข้ อนี ้คือวิบากจากการเป็ นผู้ไม่ เบียดเบียนสัตว์ ทังหลายด้ ้ วยฝ่ ามือ ก้ อนดิน ท่อนไม้ หรือศาสตรา ๘.ผู้ที่ยงั ไม่เคยฆ่าและเบียดเบียน ก็อย่าได้ ประมาท อย่า ทาการส่งเสริมสนับสนุนการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ทงหลายโดย ั้ หลีกเลีย่ งอาชีพที่เกี่ยวกับการฆ่ า ขายเนื ้อสัตว์ ค้ ามนุษย์ ขาย อาวุธและยาพิษ ยาเสพติดให้ โทษ ๙. ตระหนักและสานึกตลอดเวลาว่า ตา หู จมูก ลิ ้นและ อวัยวะน้ อยใหญ่ทกุ ส่วนในร่างกายเราเป็ นสิ่งที่มีคา่ มหาศาล ไม่ อาจตีเป็ นราคาเงินได้ ถ้ าหากพลาดพลังหลงสติ ้ ไปทาลาย อวัยวะส่วนใดส่วนหนึง่ ของคนหรื อสัตว์เข้ า เมื่อกรรมส่งผล เรา อาจจะต้ องมีเหตุให้ สญ ู เสียอวัยวะส่วนนันๆไปก็ ้ ได้ ฉะนัน้ พึงระวัง อย่ าได้ ชะล่ าใจ เผลอไปทาร้ ายล่วงเกินแม้ แต่อวัยวะส่วนใดของ คนหรื อสัตว์ใดเลย เพราะผลร้ ายตามมาไม่ค้ มุ กัน ๑๐.ผู้ที่เคยฆ่าและเบียดเบียนสัตว์มาก่อน พึงให้ อภัยทาน คือให้ ชีวิตเป็ นทานด้ วยการปล่อยสัตว์ เช่น ปลา นกเป็ นต้ นที่กาลัง จะตายหรื อจะถูกฆ่าให้ ได้ รับอิสรภาพ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
๑๑.ผู้ที่เคยทาตาสัตว์ให้ พิการหรื อบอดพึงหมัน่ บริ จาคแสง สว่างให้ เป็ นทาน เช่น ดวงไฟ เทียน ไฟฉายโดยแด่พระภิกษุ สามเณรหรื อผู้ต้องการวัตถุสิ่งของเครื่ องใช้ ดงั กล่าว ๑๒. หมัน่ ถวาย/บริ จาคยารักษาโรคแก่ผ้ ทู ี่ต้องการใช้ หรื อ บริ จาคเงินร่วมสมบททุนสร้ างห้ องสุขา สถานีอนามัย โรงพยาบาล หรื อ เอกสารข้ อมูล หนังสือเกี่ยวกับสุขภาพ รับประทานอาหารเพื่อ สุขภาพ โดยปฏิบตั ิตามพระสูตรที่ทาให้ อายุยืน๖ ดังนี ้ ๑๒.๑ ทาสิ่งที่เป็ นสัปปายะ ดังต่อไปนี ้ คือ อากาศ สูดอากาศบริ สท ุ ธิ์ หายใจให้ เป็ น หายใจลึก ยาว อากาศในห้ องนอนควร ปลอดโปร่ง มีที่ระบายอากาศดี ไม่อบั ชื ้น ไม่มีฝนละออง ุ่ อาหาร รับประทำนอำหำรตำมฤดูกำล และเป็นอำหำร ธรรมชำติปรำศจำกสำรเคมี สำรพิษ ควรเป็นอำหำรที่ปรุงสดและใหม่ ผัก ผลไม้ เมล็ดธัญพืชปลอดสำรพิษและไม่หวำนเกิน หลีกเลี่ยง อำหำรทีผ่ ่ำนไมโครเวฟ หรือปรุงด้วยควำมร้อนสูง อำหำรค้ำงคืน และ อำหำรจำนด่วนหรือที่ผำ่ นกำรดัดแปลง แต่งเติมสี กลิ่น รส ประเภท มำม่ำ ปลำกระป๋อง ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ข้ำวเหนียว อำหำรหรือขนมที่ มีส่วนผสมของเนยเทียม เป็นต้น ไม่ควรรับประทำนอำหำรที่ย่อยยำก จำพวกเนื้อ นม ไข่ ถั่ว และหวำนๆ มันๆ บ่อยและมากเกินไป ควร
๖
อัง.ปั ญจ. (แปล)๒๒/๒๐๕-๒๐๖ อนายุสสาสูตรที่ ๑-๒ ดูโทษของการกินหวานๆ ในภาคผนวก หน้ า ๑๒๓
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
ทานอาหารก่อน ๖ โมงเย็น ไม่ควรทานตอนดึกเพราะทาให้ อวัยวะ เช่น กระเพาะอาหาร ตับ ไต เป็ นต้ นทางานหนัก น้า ดื่มน้ำให้พอดีกับควำมต้องกำรของร่ำงกำยขึ้นอยู่กบ ั วัย อำยุ โดยเฉลี่ยสำหรับผู้ใหญ่ ประมำณวันละ ๑ ลิตรครึง่ ก่อน รับประทำนอำหำร ๓๐ นำที หรือ หลังอำหำร ๑-๒ ชัว่ โมง ควรดื่ม น้ำอุณหภูมิห้อง และพยำยำมหลีกเลี่ยงกำรดื่มน้ำเย็นและเครื่องดื่มชู กำลังทั้งหลำย เช่น เอ็มร้อย กระทิงแดง เป็นต้น หลีกเลี่ยงกำรดื่มน้ำ เต้ำหู้ นมหรือผลิตภัณฑ์ที่เกีย่ วกับนมซึ่งมีควำมเป็นเมือกมูกสูง ย่อย ยำกทำให้ตับทำงำนหนัก อารมณ์ จิตใจ ฝึ กหัดให้ มีอารมณ์ร่าเริ งเบิกบาน มีจิต แจ่มใส ไร้ กงั วล มีธรรมะในใจ ปล่อยวางได้ ให้ อภัยเป็ น เย็นได้ เมื่อ เจอปั ญหา ไม่กงั วลล่วงหน้ าจนเป็ นทุกข์ อิริยาบถ ผ่อนคลำยในทุกอิริยำบถ ไม่เครียด ไม่ฝืน ออก กำลังกำยให้ถูกเวลำ ตำมควำมเหมำะสมกับวัยและสุขภำพ ไม่ควรอั้น อุจจำระปัสสำวะ เวลำหยิบหรือยกของหนัก ต้องระหวังให้ดี ต้องยก ในท่ำที่ถูกต้องเหมำะสม ไม่ควรยกของหนักเกินกำลัง ไม่ควรอยู่ใน อิริยำบถใดอิริยำบถหนึง่ เป็นเวลำนำนๆ ผลัดเปลี่ยนตำมควำมพอดี ควรออกกำลังกำยตอนเช้ำ หลีกเลี่ยงกำรออกกำลังกำยตอนเย็นหรือ กลำงคืน อุณหภูมิ ดูแลร่ างกายให้ ได้ รับความสบายพอดี ไม่ร้อน ไม่หนาวเกินไป ใส่เสื ้อผ้ าตามที่เหมาะสมกับสภาพของร่างกาย
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
เอนกาย พักผ่อน นอนหลับให้ พอดี ไม่ควรนอนดึก ถ้ า เป็ นไปได้ ควรเข้ านอนก่อน ๓ ทุม่ ตื่นหลังตี ๓ ไม่ควรอดนอนเป็ น ระยะเวลานานๆ หรื อติดต่อกันหลายวัน เอาพิษออก รู้จกั การเอาพิษออกให้ ถกู วิธีด้วยการทา ดีท๊อกซ์ สวนล้ างลาไส้ ด้วยน ้ากาแฟ หรื อ น ้าสมุนไพรที่เหมาะสม กับตัวเอง อบซาวน่า กัวซา พอก ทา หยอด ประคบ อบ อาบด้ วย สมุนไพรที่ถกู กันกับร่างกายของตัวเอง ควรขับถ่ายทุกวันตอนเช้ า อย่าปล่อยให้ ท้องผูกหรื อถ่ายผิดเวลา ๑๒.๒ รู้จักประมาณในสิ่งที่เป็นสัปปายะ คือ รู้จักควำม พอดี ควำมสมดุลในสิ่งทั้งหมดที่กล่ำวแล้วข้ำงต้น ๑๒.๓ บริโภคสิ่งที่ยอ่ ยง่ายไม่เป็นภำระหนักสำหรับตับและ ไตมำกเกินไปและอย่ำรับประทำน/ดื่มอย่ำงต่อเนื่อง ๑๒.๔ เที่ยวในเวลำที่สมควร (ไม่เดินทำงในเวลำอันตรำย เช่น วันปีใหม่ เทศกำลต่ำงๆ เพื่อเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ) ๑๒.๕ ประพฤติพรหมจรรย์ (ให้ทำน อันเป็นบุญกุศลเพื่อจะ ได้อำยุ วรรณะ สุขะ พละปฏิภำณและเป็นเหตุปัจจัยให้บรรลุธรรม) ๑๒.๖ ศึกษาปฏิบตั ิให้ มีศีล ๕ ให้ ครบ ไม่ขาดตกบกพร่อง เพราะศีล คือ บุญ ทุกข้ อมีผลดีตอ่ สุขภาพ และการผิดศีล คือ การ ทาบาป ส่งผลต่อสุขภาพกายได้ ๑๒.๗ มีกลั ยาณมิตร คบคนดี ผู้มีศีลธรรมอันดีงาม ซึง่ สามารถให้ คาปรึกษาชี ้แนะเราให้ ร้ ูจกั พัฒนาจิตวิญญาณสูงขึ ้น ด้ วยธรรมะ
บ. สยังวสี
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
ในทางตรงข้ าม ไม่ควรดาเนิน เข้ าไปข้ องเกี่ยวหรื อ กระทา ในสิ่งที่เป็ นอันตรายมีโทษต่อสุขภาพ คือ เพิกเฉยไม่ใส่ใจต่อสิ่งที่ เป็นสัปปำยะ ไม่รู้จักประมำณในสิ่งที่เป็นสัปปำยะนั้น รับประทำน บริโภคสิ่งที่ย่อยยำก เดินทำง หรือไปท่องเที่ยวในเวลำไม่สมควร ไม่ ประพฤติพรหมจรรย์ ขำดกำรให้ทำน ทำผิดศีลและคบค้ำสมำคมกับ บำปมิตรที่แนะนำชักชวนไปในทำงเสื่อม มีอบำยมุขเป็นต้น
อริยมรรคมีองค์ ๘ คือ
พุทธวิธีในการแก้กรรมที่เยีย่ มยอด
“ภิกษุทั้งหลำย หม้อที่คว่ำ น้ำย่อมไหลออกอย่ำงเดียว ไม่ไหลเข้ำ แม้ฉันใด ภิกษุ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ ทำอริยมรรคมีองค์ ๘ ให้มำก ย่อมคำยบำปอกุศลธรรมออกอย่ำงเดียวไม่ให้กลับมำ” กุมภสูตร พระไตรปิ ฎก เล่ม ๑๙ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค (มจร.แปล)หน้ า ๘๓
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
๑๓.พึงปรนนิบัติเลี้ยงดูพ่อแม่อย่ำ งดีและอย่ำล่วงเกินท่ำน รวมทั้งสมณชีพรำหมณ์ นักบวชและผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลำย พร้อมกัน นั้นพึงหมั่นทำบุญให้ทำน สวดมนต์ไหว้พระ รักษำศีลและปฏิบัติธรรม ทุ ก รู ป แบบเพื่ อ สร้ ำ งเกำะป้ อ งกั น ภั ย และหลั ง จำกนั่ ง สมำธิ พึ ง แผ่ เมตตาให้กับสรรพสัตว์ที่เราเคยฆ่าและเบียดเบียนมาซึ่งอยู่ในฐานะ เจ้ากรรมนายเวรกับเรา อย่ำได้มีจิตอำฆำตพยำบำทจองเวรกับคน หรือสัตว์ใดๆ ขอให้สัตว์เหล่ำนั้น จงมีควำมสุขกำยสุขใจ อย่ำได้จอง กรรมจองเวรต่อกัน เป็นกำรชำระล้ำงจิตให้บริสุทธิ์ ดังพุทธพจน์ที่ ตรัสไว้ในสังขธมสูตรโดยมีใจควำมว่ำ๗ เมื่อ รู้ ว่ำ กำรฆ่ ำ สัต ว์เป็ นบำป เรำจะต้ องได้รั บทุก ข์เพรำะ กรรมนั้น จึงงดเว้นจำกกำรฆ่ำสัตว์นั้น แล้วแผ่ เมตตาจิต กรุณาจิต มุทิตาจิตและอุเบกขาจิต ไปทุกทิศทั้งทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศ เหนือและทิศใต้ ทิศเบื้องบน ทิศเบื้องล่ำง ทิศเฉียง แผ่ไปตลอดโลก ทั่ว ในทุกหมู่เหล่ำ ในที่ทุกสถำน ด้วยเมตตำจิตไม่มีขอบเขต ไม่มีเวร ไม่มีควำมเบียดเบียนอยู่ บาปกรรมที่เคยทามา ย่อมเจือ จาง สูญ หาย มลายไปเพราะพลังเมตตาอันยิ่งใหญ่ เพรำะถ้ำตำยไปด้วยจิต อย่ำงนี้ ย่อมไปเกิดในพรหมโลกและเหมือนกับใส่เกลือลงไปในแม่น้ำ ย่อมไม่มีรสเค็ม แม้จะมีเกลืออยู่ก็เหมือนไม่ม๘ี ๑๔.ฝึ กอบรมปฏิบตั ิธรรมตามหลักอริ ยมรรคมีองค์ ๘ จน บรรลุมรรคผลนิพพาน เป็ นพระอรหันต์ หมดกิเลสอาสวะ ไม่ต้อง ๗ ๘
สัง.สฬา. (แปล)๑๘/๔๐๖-๔๐๙ อัง.ติก. (แปล) ๒๐/๓๓๖-๓๔๐ โลณผลสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
เกิดมารับผลของกรรมอีกต่อไป ถือว่า เป็ นพุทธวิธีในการแก้ กรรม ชาระกรรม ทากรรมให้ หมดสิ ้น และอยูเ่ หนือกรรมที่วิเศษสุด กล่าวคือ๙ ๑.สัมมาทิฐิ สร้ างปั ญญาให้ เกิดขึน้ ในตัวเรา ให้ มีค วามรู้ ความเห็ น ความเข้ า ใจที่ ถูก ต้ อ งในสัจ ธรรมตามเป็ นจริ ง ทัง้ ใน ขันต้ ้ นและขันสู ้ งสุดว่า ‘ทำนที่ให้แล้วมีผล กำรบูชำ กรำบไหว้ (ยัญที่ บูชำแล้วมีผล กำรเซ่นสรวงที่ เซ่นสรวงแล้วมีผล) ผลวิบำกแห่งกรรม ที่ทำดีและทำชั่วมี โลกนี้มี โลกหน้ำมี มำรดำมีคุณ บิดำมีคุณ สัตว์ที่ เป็นโอปปำติกะมี สมณพรำหมณ์ผู้ประพฤติปฏิบัติ ชอบทำให้แจ้งโลก นี้และโลกหน้ำด้วยปัญญำอันยิ่งเองแล้วสอนผู้อื่นให้รู้แจ้งก็มีอยู่ใน โลก’พัฒนาสัมมาทิฏฐิ หรื อ ปั ญญานี ้ให้ ถงึ ขันโลกุ ้ ตระจนมีปัญญา หยั่งรู้ ขนั ธ์ ๕ เป็ นไตรลักษณ์ หมดความยึดติดตัวตน ละกิเลสอา สวะให้ หมดสิ ้นและไม่เกิดอีกต่อไป ๒.สัมมาสังกัปปะ สร้ างความคิดที่ถกู ต้ องให้ เกิดขึ ้นใน ตัวเรา ฝึ กให้ มีความคิดที่ถกู ต้ องดีงาม เป็ นไปเพื่อละกิเลส เพื่อ ความบริ สทุ ธิ์ กล่าวคือ คิดพิจารณาเห็นโทษของการฆ่าและ เบียดเบียนสัตว์ อันตรายจากการบริ โภคเนื ้อสัตว์ และคิดรัก หวังดี ปรารถนาดี คิดอยากช่วยเหลือคนอืน่ สัตว์อนื่ ด้ วยความจริ งใจ ๙
อัง.จตุกก.(แปล) ๒๑/๓๕๓,๓๕๔ อริยมัคคสูตร, โพชฌังคสูตร สัง.สฬา.(แปล)๑๘/๔๐๖ สังขธมสูตร ขุ.อิต.ิ (แปล) ๒๕/๓๗๒-๓๗๓ เมตตาภาวนาสูตร ม.ม. (แปล) ๑๓/๗๕-๘๒ กุกกุรวติกสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
๓.สัมมาวาจา พูดในสิ่งทีด่ ีมีประโยชน์ ไม่มีโทษต่อตนเอง และผู้อื่น กล่ำวคือ ไม่พูดยุยงส่งเสริมเกี่ยวกับกำรฆ่ำและเบียดเบียน สัตว์ หรือไม่พูดสั่งให้คนอื่นฆ่ำและเบียดเบียนสัตว์ แต่พูดถึงโทษของ กำรฆ่ำสัตว์และอำนิสงส์ของกำรไม่ฆำ่ สัตว์ ๔.สัมมากัมมันตะ พฤติกรรมทางกายที่ถกู ต้ อง คือเว้ น จากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ทกุ ชนิด ไม่ทาการล่วงละเมิดทาง เพศ ไม่ขม่ ขืนกระทาชาระผู้อื่นให้ ได้ รับความเจ็บช ้าน ้าใจ ๕.สัมมาอาชีวะ ละเว้ นอาชีพที่นามาซึง่ เวรภัยเหล่านี ้ คือ อำชีพค้ำมนุษย์ ค้ำขำยเนือ้ สัตว์ ค้ำขำยอำวุธ โดยเฉพำะอำวุธ สงครำมสำหรับฆ่ำและทำลำยล้ำง ค้ำขำยยำพิษ เช่น ยำปรำบศัตรูพืช ยำฆ่ำแมลง ยำเบื่อ ยำพิษทีเ่ ป็นอันตรำยต่อคนและสัตว์ และอำชีพมืด ทุกประเภท เช่น อบำยมุข กำรพนัน อำชีพขำยบริกำรทำงเพศ อำชีพ ที่มีกำรคดโกงหลอกลวงเอำเปรียบคนอื่น ๖.สัมมาวายามะ เพียรพยายามไม่ให้ ความคิดจะไปฆ่า และเบียดเบียนสัตว์ หรื อ ความคิดในการล่วงละเมิดทางเพศต่อ ผู้อื่นในทุกกรณี การไปเที่ยวหญิง/ชายที่ขายบริ การเกิดขึ ้น ส่วน อกุศลจิตที่เกี่ยวข้ องกับเรื่องนันที ้ ่เกิดขึ ้นแล้ ว รี บหาทางกาจัดให้ หมดสิ ้นไปอย่าให้ เหลือ เพียรสร้ างกุศล คือ ศีล สมาธิ ปั ญญา เมตตาจิตและกรุณาจิตให้ เกิดขึ ้นให้ มากที่สดุ และกุศลจิตที่เกิดขึ ้น แล้ ว อย่าให้ เสื่อมถอย ๗.สัมมาสติ ตังใจปฏิ ้ บตั ิธรรมตามหลักสติปัฏฐาน ๔ คือ ตังสติ ้ ให้ มนั่ ในกาย เวทนา จิต และธรรม โดยมีความเพียรเครื่ อง
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
เผากิเลส มีสมั ปชัญญะ มีสติถอดถอนความพอใจและความไม่ พอใจ ความยินดี ยินร้ ายไม่ให้ เกิดขึ ้นในขณะที่ไปเกี่ยวข้ องกับ อารมณ์ข้างนอก ไม่หวัน่ ไหวในคาสรรเสริ ญหรื อนินทา ๘.สัมมาสมาธิ ฝึ กจิตให้ เป็ นสมาธิจนสงบปราศจากกาม กิเลสและอกุศลธรรมทังหลายทั ้ งปวงเข้ ้ าปฐมฌาน ซึง่ มีวิตก วิจาร มีปีติและสุขอันเกิดจากวิเวก จนถึงจตุตถฌาน ไม่มีทกุ ข์ไม่มีสขุ มี แต่ความที่สติและอุเบกขาเท่านัน้ ซึง่ เมื่อจิตเข้ าถึงสภาวธรรมเช่นนี ้ แล้ ว พึงชาระจิตให้ บริ สทุ ธิ์สะอาดยิ่งๆขึ ้นไป บาปอกุศลทังหลายทั ้ ง้ ปวงที่ตกตระกอนนอนก้ นในขันธสันดาน ย่อมลด จางคลาย มลาย สิ ้นด้ วยพลังแห่งเมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขาแห่งจิต ดังพุทธ พจน์ที่วา่ “ภิกษุทั้งหลำย...‘เมื่อก่อน จิตของเรำนี้เป็นปริตตจิต(จิตที่มี พลังน้อย เป็นจิตที่ยังไม่ได้รับกำรฝึกฝนจนชำนำญ) ยังไม่ได้อบรม แต่ บัดนี้ เป็นอัปปมาณจิต (จิตที่มีพลังมำกโดยมีเมตตำ กรุณำ มุทิตำ และอุเบกขำ แผ่ไปในสัตว์ทั้งหลำยไม่จำกัด และเป็นจิตที่ถูกฝึกจน ชำนำญ) ได้อบรมดีแล้ว กามาวจรกรรมอย่ำงใดอย่ำงหนึ่งนั้น ย่อมไม่ เหลืออยู่ไม่ตั้งอยู่ในจิตของเรา’ “ภิกษุทั้งหลำย เมตตาเจโตวิมุตติน้ี สตรีหรือบุรุษควรเจริญแท้ สตรีหรือบุรุษจะพำเอำกำยนี้ไปไม่ได้ สัตว์ผู้ จะต้องตายนี้ เป็นผู้มีจิตเป็นเหตุ สัตว์นั้น ย่อมรู้ชัดอย่ำงนี้วำ่ ‘บาปกรรมอะไร ๆ ของเรำนีท้ ี่กรชกายนี้เคยทามาแล้ว บาปกรรมนั้น ทั้งหมดเรำพึงเสวยในอัตภำพนี้ จักไม่ติดตามไป’ ภิกษุทั้งหลำย
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
เมตตำเจโตวิมุตติที่ภิกษุผู้มีปญ ั ญำในธรรมวินัยนี้ ยังไม่แทงตลอด วิมุตติอันยิ่ง อบรมแล้วอย่ำงนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นอนาคามี”๑๐ เมื่อได้ ปฏิบตั ิตามอริ ยมรรคมีองค์ ๘ อันเป็ นพุทธวิธีในการ ทากรรมให้ หมดสิ ้น ย่อมสามารถชาระล้ างกาย วาจาและจิตใจให้ บริ สทุ ธิ์จากกิเลส กรรมและวิบากได้ ตามลาดับ ดังพุทธพจน์ที่วา่ “ภิกษุทงั้ หลำย หม้อที่คว่ำ น้ำย่อมไหลออกอย่ำงเดียว ไม่ไหลเข้ำ แม้ ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ ทา อริยมรรคมี องค์ ๘ ให้มาก ย่อมคายบาปอกุศลธรรมออกอย่าง เดียว ไม่ให้กลับมา ภิกษุเมือ่ เจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ ทำอริยมรรคมี องค์ ๘ ให้มำก ย่อมคำย บำปอกุศลธรรมออกอย่ำงเดียว ไม่ให้ กลับมำ...” ๑๑ “ภิก ษุ ทั้ง หลำย ...บุคคลบำงคนในโลกนี้ ทำบำปกรรมแม้ เพียงเล็กน้อย บำปกรรมก็นำเขำไปสู่นรกได้ เพรำะไม่เจริญกำย(กำ ยำนุปัสสนำ คือกำรพิจำรณำอำกำรที่ไม่สวยไม่งำม และไม่เที่ยงแห่ง กำยเป็นต้น) ไม่เจริ ญศีล ไม่เจริญจิต ไม่เจริญปัญญำ มีคุณน้อย มี อัตภำพน้อย มักอยู่เป็นทุกข์เพราะผลกรรมเล็กน้อย เปรียบเหมือน บุ รุ ษ ใส่ก้ อ นเกลื อ ลงในขั น ใบน้ อ ย ย่ อ มดื่ม กิ น ไม่ไ ด้ ฉั นใด ส่ ว น บุ ค คลบำงคนในโลกนี้ ท ำบาปกรรมเพี ย งเล็ ก น้ อ ยเช่ น นั้ น แล บำปกรรมนั้นให้ผลในปัจจุบันเท่านั้น ไม่ให้ผลแม้แต่น้อยในอัตภาพที่ ๒(ชำติหน้ำ) ไม่จำเป็นต้องพูดถึงผลมำก เพรำะได้เจริญกำย เจริญ ๑๐ อัง.ทสก.(แปล) ๒๔/๓๖๔-๓๖๕ กรชกายสูตร ๑๑
สัง.มหา. (แปล) ๑๙/๘๓ กุมภสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
ศีล เจริญจิต เจริญปัญญำแล้ว (บุคคลผู้เจริญกำย เจริญศีล เจริญ จิต เจริญปัญญำ ในที่นี้หมำยถึง พระขีณาสพผู้สิ้นอาสวะ) มีคุณไม่ น้อย มีอัตภำพใหญ่(มีคุณธรรมมำก) เป็นอัปปมำณวิห ำรี(ผู้มีปกติอยู่ อย่ ำ งไม่ มี ร ำคะ โทสะ และโมหะ) บุ ค คลเช่ น นี้ ท ำบำปกรรมเพี ย ง เล็ก น้อยเช่นนั้นแล บำปกรรมนั้นให้ผลในปัจจุบันเท่ำนั้น ไม่ให้ผล แม้แต่น้อยในอัตภำพที่ ๒ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงผลมำก ภิกษุทั้งหลำย เปรียบเหมือนบุรุษใส่ก้อนเกลือลงในแม่น้าคงคา ซึ่งเป็นแม่น้ากว้าง ใหญ่ ย่อมสามารถดื่มกินได้ ฉันนัน้ เหมือนกัน” ๑๒ ถ้ าหากเราปฏิบตั ิธรรมตามหลักอริ ยมรรคมีองค์ ๘ จน บรรลุมรรค ผล นิพพาน สาเร็จเป็ นพระอรหันต์ หลังจากตายแล้ วก็ ไม่มีการเกิดอีก ก็ไม่ต้องมารับผลของกรรมต่างๆอีกต่อไป๑๓ และ ในขณะที่มรรคจิตผลจิตเกิดขึ ้นนัน้ จะไปกาจัด ชาระล้ างวิบากของ อกุศลและกุศลกรรมทังหลายให้ ้ หมดสิ ้นไป จนไม่มีบาปและบุญ อีกต่อไป เหลือแต่จิตที่บริ สทุ ธิ์ ปราศจากเชื ้อกิเลสอีก เพราะผู้ที่ ปฏิบตั ิธรรมด้ วยการฝึ กอบรมกาย จิต ศีลและปั ญญา แล้ วบรรลุ ธรรมเป็ นอรหันต์ขีณาสพ ดารงชีวิตอยู่ด้วยจิตที่ร้ ู ตื่น เบิกบาน ไม่มี ราคะ โทสะ โมหะ ไม่มีกิเลสอวิชชา ตัณหา อุปาทานรบกวนใจ และ เมื่อขันธ์ ๕ ดับแล้ ว ก็ไม่ต้องมารับผลกรรมนันอี ้ กต่อไป เพราะไม่มี ที่ตงของกิ ั้ เลส กรรม วิบาก เพราะเป็ นผู้ละทังบาปและบุ ้ ญได้ หมด สิ ้นแล้ ว ยังเหลือแค่ผลกรรมจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ที่ทามา ๑๒ ๑๓
อัง.ติก. (แปล) ๒๐/๓๓๖-๓๔๐ โลณผลสูตร อัง.ติก. (แปล) ๒๐/๒๙๗-๒๙๘ นิคณ ั ฐสูตร,ม.มู. (แปล) ๑๒/๖๒-๖๙ วัตถูปมสูตร
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
ก่อนหน้าจะบรรลุธรรม ซึ่งอาจจะได้รบั ผลกรรมนี้อยู่บ้างตาม สมควร ส่วนผลกรรมจากการฆ่าสัตว์ที่จะได้รับในภพหน้าหรือภพ ต่อๆไปนั้น ได้ถูกมรรคจิตผลจิตทาลายหมดแล้ว สาหรับบางท่าน ถึงแม้ ยงั ไม่ได้ บรรลุมรรคนิพพาน แต่ได้ ฌาน สามารถเข้ าสมาธิขนลึ ั ้ กได้ บาปกรรมที่เคยฆ่าและ เบียดเบียนสัตว์ตา่ งๆที่เคยทามาในอดีต ก็จะไม่มีโอกาสส่งผล หรื อส่งผลไม่มาก ไม่รุนแรง และภพชาติหน้ า การปฏิบตั ิธรรมตาม หลักอริ ยมรรคมีองค์ ๘ นี ้ จึงถือว่าเป็ นการ ลด ละ เลิกและทาวิบาก กรรมนี ้ให้ เบาบางและให้ หมดไปจากจิตใจของเราได้ อย่างวิเศษสุด มหัศจรรย์ จากหลักคาสอนทางพระพุทธศาสนาที่ปรากฏในคัมภีร์ พระไตรปิ ฎกและอรรถกถาชี ้ให้ เห็นว่า อนันตริยกรรม เป็นกรรม หนัก ไม่สามารถแก้ไขได้ ไม่ว่าจะสร้างความดีมากแค่ไหนก็ตาม ก็ ไม่สามารถหยุด หรือห้ามบาปกรรมนั้นไม่ให้ส่งผลได้ ชีวิตหลังตาย ย่อมไปเกิดในอเวจีนรกอย่างเดียว เช่น พระเทวทัตได้ ทาสงฆ์ให้ แตกกันและกลิ ้งก้ อนหินทาร้ ายพระพุทธเจ้ าจนห้ อพระโลหิต พระ เจ้ าอชาตศัตรู ปลงพระชนม์พระบิดา หรื อ พระมหาโมคคัลลานะที่ เคยฆ่าพ่อแม่มาในอดีตชาติ ส่วนกรรมอืน่ นอกจากนี ้ กรรมจาก การฆ่าและเบียดเบียนสัตว์อื่นๆทัว่ ไป อยู่ในขอบเขตที่ยงั แก้ ได้ ส่วนจะแก้ ได้ มากหรื อน้ อย ก็ขึ ้นอยู่กบั วิธีการแก้ วา่ ทาถูกต้ อง หรื อไม่ พุทธวิธีในการแก้ กรรมเรื่ องการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ คือ การสึกนึกผิดว่า การกระทาเช่นนัน้ เป็ นสิ่งไม่ดี เป็ นบาปกรรม เป็ น
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
เหตุนาความทุกข์มาให้ แล้ วหยุดการกระทาเช่นนัน้ แล้ วหัน กลับมาทาสิ่งที่เป็ นกุศล คือ ปฏิบตั ิธรรมด้ วยการให้ ทาน ให้ อาหาร เสื ้อผ้ า ยารักษาโรค เป็ นต้ นแก่สตั ว์คนและพระอริยเจ้ าทังหลาย ้ รักษาศีล งดเว้ นจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ มีความเมตตา ปรารถนาหวังดีตอ่ สัตว์ทงหลาย ั้ หาทางช่วยเหลือ ดูแล รักษา บรรเทา คุ้มครองป้องกันให้ สตั ว์ทงหลายได้ ั้ รับความปลอดภัย หาย สะดุ้งกลัวตกใจ แผ่เมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขาต่อสัตว์ เหล่านันอย่ ้ างไม่มีขอบขีดจากัด ฝึ กจิตให้ บริ สทุ ธิ์ด้วยสมถะและ วิปัสสนา ละกิเลส คือ ราคะ โทสะและโมหะอันเป็ นต้ นเหตุแห่งการ ฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ให้ หมดสิ ้น จนบรรลุมรรคผลนิพพาน เป็ น พระอรหันต์ เมื่อทาได้ เช่นนี ้ ชื่อว่า ได้ แก้ กรรม ได้ เอาชนะกรรมและ อยู่เหนือกรรมในการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ สรุปความว่า เมื่อได้ ปฏิบตั ติ ามหลักการดังกล่าวนี ้แล้ ว โรค ลึกลับที่แพทย์ยงั หาสาเหตุไม่พบ ก็จะตรวจเจอ หรื อ จะได้ พบเจอ กับกัลยาณมิตร สหายธรรมผู้มีความรู้มาให้ คาแนะนาในทางที่จะ รักษาโรคนันให้ ้ หายได้ โรคที่เป็ นเรื อ้ รังมานาน ก็จะมีอาการทุเลา เบาบาง โรคร้ ายที่รุนแรง ก็จะมีอาการดีขึ ้น โรคที่เคยรักษาหาย แล้ ว ก็จะไม่เป็ นอีก แม้ โรคไมเกรน ภูมิแพ้ ริ ดสีดวงทวาร มะเร็งที่ กาลังเป็ นอยู่ จะทุเลาลงและมีทางรักษาหาย การเดินทางก็จะ ปลอดภัยไร้ อบุ ตั ิเหตุ แม้ จะเกิดขึ ้น แต่จะปลอดภัยได้ รับบาดเจ็บ น้ อย ไม่โดนอวัยวะสาคัญ แม้ มีอาการฟกซ ้าเป็ นแผล ก็จะรักษา หายเร็ว การเจ็บป่ วยที่กาลังเป็ นอยู่ จะหายวันหายคืน คนที่ขี ้โรค
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
จะเริ่ มมีสขุ ภาพร่างกายแข็งแรง ชีวิตเราที่เคยย่าแย่จะดีขึ ้น ส่วนที่ ดีอยู่แล้ วจะดียิ่งๆขึ ้นไป และไม่วา่ จะเดินทางไปไหน หรื ออยู่ที่ใด เมื่อไหร่ จะแคล้ วคลาดปลอดภัย จากศัตรูคเู่ วร หลุดพ้ นบ่วงกรรม อายุมนั่ ขวัญยืน จิตใจสงบ เย็นสบาย สดชื่นเบิกบาน ขอให้สัตว์ทั้งหลำย จงมีควำมสุข อย่ำได้มีควำมทุกข์ อย่ำได้มีเวรภัยต่อกันและกัน อย่ำไม่มีควำมอำฆำตพยำบำทต่อกันและกัน ขอให้มีควำมสุขกำยสุขใจ รักษำตนให้รอดพ้นจำกทุกข์ภัย ทุกท่ำนทุกคนทุกตนเทอญ สาธุ...สาธุ....สาธุ
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
ภาคผนวก หวาน คือ ยาพิษ อันตรายจากความหวานหรื อน ้าตาลเป็ นบ่อเกิดแห่งโรคภัยไข้ เจ็บเกือบ ทุกชนิด รวมถึงมะเร็งด้ วย ดังนี ้
หวานทาร้ายต่อร่างกายได้อย่างไร ?
๑.ถ้ าเรากินคาร์ โบไฮเดรตในรูปแบบของของหวานจะทาให้ เกิดไขมัน เพิ่มขึ ้น ๒-๕ เท่า ๒.การกินน ้าตาลทรายขาวทาให้ น ้าตาลกลูโคสเพิ่มมากขึ ้นกว่า กินคาร์ โบไฮเดรตเชิงซ้ อน ๓.ทาให้ เกิดการเผาพลาญพลังงานที่ผดิ ปกติและทาให้ เกิดภาวะเสือ่ มต่ออวัยวะต่างๆ ๔.กดการทางานของเม็ดเลือดขาว ๕. กดการ ทางานของภูมิต้านทาน ๖. ทาลายสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย ๗. ทาให้ ความสามารถในการต้ านทานเชื ้อโรคลดลง ๘.ทาให้ ความยืดหยุน่ และการ ทางานของเนื ้อเยื่อต่างๆ ลดลง ๙. ทาให้ ระดับ HDL ลดลง ๑๐. ทาให้ Glucose Tolerance ลดลง ๑๑. ทาให้ Growth Hormone ลดลง ๑๒. ทาให้ ฮอร์ โมน ผิดปกติ ๑๓. ทาลายสารต้ านอนุมลู อิสระในร่างกาย ๑๔.ทาให้ สมองส่วน Hypothalamus ทางานผิดปกติ ๑๕.เป็ นสารเสพติด Highly addictive and allergenic ๑๖. ทาให้ แก่เร็ว ๑๗. นาไปสูก่ ารเป็ นโรคพิษสุราเรื อ้ รัง ๑๘. ทา ให้ ฟันผุ ๑๙. ทาให้ กระดูกผุ ๒๐.ทาให้ เกิดอาการเวียนศีรษะ ๒๑.ทาให้ เกิด อาการไขข้ ออักเสบ ๒๒.ทาให้ อ้วน ๒๓.ลดการกินหวานจะทาให้ อารมณ์ แปรปรวนลดลง ๒๔. การดูดซึมของน ้าตาลอย่างรวดเร็ว ทาให้ คนอ้ วนทัว่ ไปกิน อาหารได้ เพิม่ มากขึ ้น ๒๕.สามารถทาให้ เกิดการเปลีย่ นแปลงโครงสร้ างโปรตีน อย่างถาวรได้ ๒๖.ทาให้ เกิดภาวะบวมน ้าได้ ๒๗.ทาให้ เคลือ่ นสมอง เดลต้ า อัลฟา เธตา เพิ่มขึ ้น ๒๘. ทาให้ ผิวหนังเหี่ยวย่น โดยการเปลีย่ นแปลงโครงสร้ าง
ข้ อมูลจากหนังสือ LICK THE SUGAR HABIT โดย Nancy Appleton, Ph.D. ปริญญาเอกทาง ? โดย น.พ.เปี่ ยมโชค ชลิดาพงษ์
Clinical Nutrition,และหนังสือ ทาไมคุณถึงป่ วย
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
คอลลาเจน ๒๙.ทาให้ ประสิทธิภาพของเอนไซน์ในร่างกายลดลงได้ ๓๐. ทาให้ ระดับของสารสือ่ กลางในสมองบางตัว เช่น โดปามีน เซโรโตนิน นอเอ็ฟปิ เน็บฟริ น สูงขึ ้น
หวานทาให้ร่างกายบกพร่อง-ขาดอะไรบ้าง ?
๑.ทาให้ ระดับเกลือแร่ในปั สสาวะเปลีย่ นแปลง ๒.สามารถเปลีย่ นแปลงโครงสร้ างโปรตีนได้ ๓.ทาให้ ระดับน ้าตาลในเลือดหลังอดอาหารสูงขึ ้น ๔.ทาให้ ร่างกายขาดแร่ธาตุทองแดง ๕.ทาให้ ระดับไขมันไตรกลีเซอร์ ไรด์ในเลือดสูง ๖. ทาให้ ร่างกายขาดธาตุโครเมียม
หวานกับโรคร้าย & มะเร็ง
๑. ทาให้ เกิดภูมิแพ้ ๒. ทาให้ เกิดโรคหอบหืด ๓. ทาให้ เกิดโรคติดเชื ้อราได้ งา่ ย (ทาให้ เป็ นโรคผิวหนังได้ ง่าย) ๔. ทาให้ เสีย่ งต่อการเป็ นโรคเกาต์ ๕. ทาให้ เกิดโรคเหงือก ๖. ทาให้ เป็ นโรคปลอกประสาทอักเสบ ( MS) ๗. ทาให้ ปวดศีรษะ ๘. ทาให้ ปวดศีรษะข้ างเดียว ปวดไมเกรน ๙. ทาให้ เด็กเป็ นโรคผิวหนังเอ็กซีมา่ Eczema ๑๐. ทาให้ เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ๑๑. ทาให้ เป็ นต้ อกระจก ๑๒.ทาให้ เป็ นถุงลมโป่ งพอง ๑๓. นาไปสูก่ ารเป็ นมะเร็งเต้ านม ๑๔.มะเร็ งรังไข่
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
๑๕.มะเร็ งต่อมลูกหมาก ๑๖.มะเร็ งลาไส้ ใหญ่สว่ นปลาย ๑๗.เป็ นปั จจัยเสีย่ งทาให้ เกิดมะเร็ งปอด ๑๘. เพิ่มโอกาสเสีย่ งเป็ นมะเร็ งกระเพาะอาหาร ๑๙. เป็ นปั จจัยเสีย่ งของการเป็ นมะเร็ งถุงน ้าดี ๒๐. ทาให้ เกิดเป็ นมะเร็ งท่อน ้าดี ๒๑.ทาให้ น ้าดีเข้ มข้ นและเอ็นไซม์ของแบคทีเรี ยในล ้าไส้ เข้ มข้ นเพิม่ โอกาสเป็ น มะเร็ ง ลาไส้ ใหญ่
หวานทาลายระบบการย่อย
๑.ทาให้ น ้าลายเป็ นกรด ๒.ทาให้ ระบบทางเดินอาหารเป็ นกรด ๓.เพิ่ม ความเสีย่ งอย่างมากในการเกิดภาวะลาไส้ ใหญ่อกั เสบและเป็ นแผลเรื อ้ รัง ๔. ทาให้ เกิดแผลในกระเพาะอาหารและลาไส้ เล็กส่วนต้ น เพิม่ ความเสีย่ งที่จะ เกิดโรคลาไส้ ใหญ่อกั เสบเป็ นแผล ๕.ทาให้ อาหารไม่ยอ่ ย ๖.ทาให้ เกิดภาวะ ดูดซึมสารอาหารผิดปกติที่ลาไส้ เป็ นสาเหตุอนั ดับหนึง่ ที่ยบั ยังการเคลื ้ อ่ นไหว ของลาไส้ ๗.ทาให้ อาหารเคลือ่ นตัวผ่านทางเดินอาหารช้ าลง ๘. รบกวนการดูดซึมแคลเซียมและแมกนีเซียมที่ลาไส้ ๙. รบกวนการดูดซึมโปรตีนในทางเดินอาหาร ๑๐.ทาลายเอ็นไซม์ phosphates ทาให้ การย่อยอาหารยากเพิ่มขึ ้น ทาให้ ท้องอืด ท้ องเฟ้ อ ปวดท้ องตังแต่ ้ เด็กเล็กจนถึงผู้ใหญ่ ๑๑.ทาให้ เกิดภาวะหมักหมมของ แบคทีเรี ยในลาไส้ ทาให้ ประสิทธิภาพการทางานของ Albumin และ lipoprotein ลดลง ๑๒.ทาให้ เกิดริ ดสีดวงทวาร ๑๓.ทาให้ เกิดไส้ ติ่งอักเสบ
หวานทาลายต่อตับ-ถุงนาดีและไต
๑.น ้าตาลเป็ นพิษได้ เหมือนแอลกอฮอล์ ๒.ทาให้ ร่างกายเกิดภาวะไม่คอ่ ยตอบสนองต่อฮอร์ โมนอินซูลนิ ๓. ทาให้ ตับโต การแบ่งเซลล์ตบั เพิม่ ขึ ้น
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
๔.ทาให้ ไตโตขึ ้นและมีการทาลายไต ทาให้ เกิดนิว่ ไต ๕. ทาลายตับอ่อน ๖. ตับอ่อนหมดสภาพ ทางานไม่ไหว ๗. นาไปสูก่ ารเป็ นเบาหวาน ๘.ทาให้ ความสามารถของการทางานต่อมหมวกไตลดลง ๙. คนกินน ้าตาลมาก ทาให้ เสีย่ งต่อ insulin resistance มากกว่าคนกิน น ้าตาลน้ อย ๑๐. ทาให้ เกิดนิว่ ในถุงน ้าดี ๑๑.ทาให้ ฮอร์ โมนอินซูลนิ ในเลือดเพิ่มสูงขึ ้นและนาไปสูภ่ าวะ Hyperinsulinemia ๑๒. ทาให้ เกิดภาวะสายตาสัน้ ทาให้ สายตาแย่ลง
หวานเป็นอันตรายต่อระบบเลือด
๑.ทาให้ ร่างกายเกิดปั ญหากับการจัดการไขมันและคอลเลส ตอรอล ๒. ทาให้ เกล็ดเลือดเกาะตัวกันเป็ นก้ อน ๓.ทาให้ เกิดปั ญหาการอุดตัน ของหลอดเลือดเล็กๆ ส่วนปลายที่เกิดจากเกล็ดเลือดเกาะตัวกันเป็ นก้ อนเพิ่ม สูงขึ ้น ๔. ทาให้ เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ๕.ทาให้ หลอดเลือดแข็งตัวและหนาตัว ๖.ทาให้ ไขมันในตับเพิ่มขึ ้น ๗.ทาให้ ไขมัน DLD สูงได้ ๘.ทาให้ เกิดอนุมลู อิสระในกระแสเลือดได้ ๙.ทาให้ เส้ นเอ็นไม่แข็งแรง ๑๐. ทาให้ เส้ นเลือดขอด ๑๑.ทาให้ เยือ่ บุเส้ นเลือดฝอยทางานไม่ดี ๑๒. ทาให้ เกิดระดับน ้าตาลในเลือดต่า ๑๓.ทาให้ ระดับคลอเรสเตอรอลสูงขึ ้น ๑๔. ทาให้ ความดันโลหิตสูงขึ ้น ๑๕.ทาให้ Fasting Blood sugar สูงขึ ้น
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
หวานเป็นอันตรายต่อแม่ & เด็ก
๑.ทาให้ เกิดความผิดปกติของ DNAได้ ๒.ทาให้ อาการที่ไม่พงึ ประสงค์ตา่ งๆก่อนเป็ นประจาเดือนเพิ่มมากขึ ้น ๓. อาจทาให้ เกิดภาวะเบาหวานในคนที่ใช้ ยาคุมกาเนิด ๔. ทาให้ เกิดการตังครรภ์ ้ เป็ นพิษ ๕.ผู้หญิงที่กาลังตังครรภ์ ้ แล้ วทานหวานมาก มีโอกาสจะคลอดก่อน กาหนด ๖.ผู้หญิงที่กาลังตังครรภ์ ้ แล้ วทานหวานมาก มีโอกาสทีเ่ มื่อคลอดทารก ออกมาแล้ ว ทารกจะมีน ้าหนักต่ากว่ามาตรฐาน ๗. ทาให้ อาการของเด็กสมาธิสนั ้ แย่ลง ๘. ทาให้ เกิดอาการง่วงซึมในเด็ก ๙.ทาให้ การเรี ยนต่าลงและทาให้ เกิดโรคซึมเศร้ า ๑๐. ทาให้ เกิดการหลัง่ อะดรี นาลีนอย่างรวดเร็ วในเด็ก ๑๑.ทาให้ เกิดสมาธิสนั ้ วิตกกังวล อารมณ์แปรปรวนในเด็ก
ด้วยความรักและปรารถนาดี
ชมรมคนรักสุขภาพ
วัดโพธิธรรมสิกขาลัย ลาสเวกัส Phone 702 405-0126, 702-750-6434
www.bddmc.org
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
แด่ท่านผู้รักธรรมะและสุขภาพทั้งหลาย หำกท่ำนผู้ที่ใดมีใจรักและปรำรถนำดีต่อพระพุทธศำสนำ อยำกให้คนทั่วโลกได้มีโอกำสได้อ่ำน เรียนรู้ ศึกษำธรรมะดีๆ ที่มี ประโยชน์และคุณค่ำต่อชีวิต เพื่อจิตใจจะได้สงบ สดชื่น รู้ ตื่นและเบิก บำนด้วยแสงสว่ำงแห่งพระธรรม ทำงผู้จัดทำได้นำข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพและกรณีตัวอย่างกฎ แห่งกรรมและหนังสือธรรมะดีๆ จัดลงในเว็บไซต์ เพื่อสะดวกใน กำรศึกษำ ค้นคว้ำสำหรับผู้รักธรรมะที่อยู่ทั่วทุกมุมโลก ท่ำนผู้รักในกำรให้ทั้งหลำย...มีพุทธพจน์บทหนึ่งกล่ำวไว้ว่ำ “กำรให้ธรรมะ เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และมีคุณค่ำสูงสุดกว่ำกำรให้อย่ำงอื่น” ดังนั้น ถ้ำท่ำนต้องกำรสร้ำงกุศลที่มีพลังอันยิ่งใหญ่ มี อำนุภำพแผ่ไพศำลซึ่งมีผลต่อกำรเปลี่ยนแปลงโชคชะตำชีวิตของท่ำน แบบทันตำเห็นแล้วไซร้ จงอย่ำได้เพิกเฉยหรือนิ่งนอนใจ รีบโปรดบอก ต่อ ให้คำแนะนำเรื่องนี้กับคนรู้ใจ คนใกล้ชิด กัลยำณมิตร หรือ สหำย ธรรมเข้ำไปอ่ำนเวปไซท์ธรรมะของวัดโพธิธรรมสิกขำลัยได้ที่ www.bhodhidham.com แล้วท่ำนจะรู้ซึ้งว่ำ “กำรรู้แจ้งในธรรมะ ยิ่งใหญ่กว่ำกำรรู้อื่นใด”
ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า
บ. สยังวสี
ธรรมโอสถ วิธีลด ละ ชาระล้างกรรมด้วยพุทธวิธี
โครงการธรรมะเปลี่ยนชีวิต
ศึกษาและปฏิบัติธรรมตามพระไตรปิฎก-อรรถกถา
กิจกรรมประจำสัปดำห์ ทุกวันอำทิตย์-จันทร์-อังคาร-พุธ เมนูธรรมะ อาหารสุขภาพใจ
ขอขมำกรรม ชำระใจให้สะอำดเพื่อรองรับธรรมะที่บริสุทธิ์ กล่ำวคำปฏิญำณตนถึงไตรสรณะและสมำทำนศีล ๕ (ศีล ๘) สวดพุทธมนต์-สำธยำยธรรม เพื่อน้อมนำใจให้รู้ตื่น เบิกบำน ศึกษำธรรมจำกพระสูตรและอรรถกถำ ธรรมะบุฟเฟต์ ธรรมะตำมคำขอ สนทนำถำม-ตอบปัญหำธรรมะที่น่ำรู้ เรียนรู้วิธีโยนิโสมนสิกำร(คิดวิปัสสนาตามพุทธวิธี) สมำธิและวิปัสสนำภำวนำ เงียบสงบเพื่อค้นพบพุทธภำวะ แผ่เมตตำพรหมวิหำร อุทิศส่วนบุญ เติมใจให้มีพลังด้วยควำมปรำรถนำดีต่อ ทุกชีวิต แล้วแผ่กระจำยพลังแห่งบุญเพื่อสันติสุขแด่จิตใจผู้คนและสัตว์โลกทั้งมวล
สนทนาธรรมวันละนิด ... จิตแจ่มใส ฟั งไว้ กาไรชีวิต ฟั งวันละนิด จิตชุ่มฉ่า รู้ ไว้ ใช่วา่ ใส่บ่าแบกหาม จดจาใส่ใจ นาไปปฏิบตั ิ แล้ วจะรู้ ชดั ตามเป็ นจริ งว่า “ชีวิต คือ ธรรมะ”
ถ้าหากรักชีวิต พึงรักธรรมะ รีบสร้างตถาคตโพธิศรัทธาให้มั่นคง เพื่อบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งพุทธะให้เกิดขึ้นในจิตใจ แล้วจะได้อาศัย พึ่งพาร่มเงา ดอก-ผลแห่งโพธิปัญญา กินยาถูกโรค ทาดีท็อกซ์ถูกวิธี แก้กรรมถูกจุด ปฏิบัตธิ รรมถูกหลัก ย่อมเห็นผลทันตา
อนุศาสนีย์ปาฏิหาริย์แห่งธรรมะ...ยังรอท่านมาพิสูจน์