าร าร ิชาการ ิทยาลัยแSaงธรรม e n g th a m Co lle g e Jo u rn a l วัตถุประ งค์
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 เดือนกรกฎาคม - ธัน าคม 2015/2558
1. เป็นเ ทีเผยแพร่ผลงาน ิจัยและผลงานทาง ิชาการของคณาจารย์ทั้งใน และนอก ิทยาลัย ตลอดจนนัก ิชาการอิ ระ 2. เชื่อมโยงโลกแ ่ง ิชาการ และเผยแพร่องค์ค ามรู้ทางปรัชญา า นา เท ิทยา และการ ึก า ใ ้เกิดประโยชน์แก่ชุมชนและ ังคม ่ นร ม 3. ่งเ ริมและกระตุ้นใ ้เกิดการ ิจัย และพัฒนาองค์ค ามรู้ทางด้าน ปรัชญา า นา เท ิทยา และการ ึก า เพิ่มมากขึ้น เจ้าของ บาท ล ง ผ .ดร.ชาติชาย พง ์ ิริ บาท ล ง เดชา อาภรณ์รัตน์
ในนามอธิการบดี ิทยาลัยแ งธรรม ในนามประธาน ภาการ ึก าคาทอลิก แ ่งประเท ไทย
บรรณาธิการ บาท ล ง ผ .ดร.อภิิ ิทธิ์ กฤ เจริญ กองบรรณาธิการ ร .ดร.ไพ าล ังพานิช ร .ดร. มเจตน์ ไ ยาการณ์ ผ .ประเ ริฐ ิเ กิจ ดร.อาทิพย์ อน ุจิตรา ดร.ยุพิน ยืนยง ผ .ดร.ลัดดา รรณ์ ประ ูตร์แ งจันทร์ อาจารย์พิเช ฐ รุ้งลา ัลย์ อาจารย์ รัญญู พง ์ประเ ริฐ ิน นาง า รุตา พรประ ิทธิ์
ในนามรองอธิการบดีฝ่าย ิชาการ ม า ิทยาลัย ง ์ช ลิตกุล โรงเรียนเซนต์เทเรซา ฝ่ายการ ึก า อัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ มูลนิธิเซนต์คาเบรียล คณะครุ า ตร์ ม า ิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี อาจารย์พีรพัฒน์ ถ ิลรัตน์ อาจารย์ทิพอนงค์ รัชนีลัดดาจิต นาง า จิตรา กิจเจริญ
กำา นดเผยแพร่ : ปีละ 2 ฉบับๆ ละ 100 บาท (ฉบับที่ 1 ม.ค.- มิ.ย. ฉบับที่ 2 ก.ค.- ธ.ค.) ถานที่ออกแบบและจัดพิมพ์ : ูนย์ ิจัยค้นค า้ า นาและ ัฒนธรรม ทิ ยาลัยแ งธรรม ออกแบบปก & รูปเล่ม : โดย อาจารย์พิเช ฐ รุ้งลา ัลย์ พิ จู น์อัก ร : โดย นาง า รุตา พรประ ิทธิ์
วารสารวิชาการวิทยาลัยแสงธรรม ได้ผ่านการประเมินคุณภาพ าร าร จาก นู ย์ดัชนีการ ้าง ิง าร ารไทย(TCI) ร บที่ 3 (ปี พ. . 2558-2562)
โดยจัดอยู่ในกลุ่ม 1 เป็น าร ารที่ผ่านการรับร งคุณภาพข ง TCI และ ยู่ในฐานข้ มูล TCI และจะถูกคัดเลื กเข้า ู่ฐานข้ มูล ASEAN Citation Index (ACI) ต่ ไป
รายนามคณะที่ปรึกษากองบรรณาธิการ (Editorial Advisory Board) ผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก 1. บาท ล ง .ดร. ชิระ น�้าเพชร, S.J. 2. .กีรติ บุญเจื 3. .ดร.เดื น ค�าดี 4. .ดร. มภาร พรมทา 5. ร .ดร. ุมาลี จันทร์ชล 6. ร .ดร.มณฑา เก่งการพานิช 7. ผ .ดร.ชาญณรงค์ บุญ นุน 8. ผ .ดร. รยุทธ รี รกุล
Sophia University, Japan ราชบัณฑิต คณะมนุ ย า ตร์ ม า ิทยาลัยเก ตร า ตร์ คณะ ัก ร า ตร์ จุ าลงกรณ์ม า ิทยาลัย คณะครุ า ตร์ ุต า กรรมและเทคโนโลยี ม า ิทยาลัยเทคโนโลยีพระจ มเกล้าธนบุรี คณะ าธารณ ุข า ตร์ ม า ิทยาลัยม ิดล คณะ ัก ร า ตร์ ม า ิทยาลัย ิลปากร คณะปรัชญาและ า นา ม า ิทยาลัย ั ัมชัญ
ผู้ทรงคุณวุฒิภายใน 1. มุขนายก ดร.ลื ชัย ธาตุ ิ ัย 3. บาท ล ง ดร. กั ติน ุกีโย ปีโตโย, S.J. 5. บาท ล ง ดร.เชิดชัย เลิ จิตรเลขา, M.I. 7. บาท ล ง ดร. ุรชัย ชุ่ม รีพันธ์ุ 9. ผ .ดร.ลัดดา รรณ์ ประ ูตร์แ งจันทร์
2. บาท ล ง ผ .ดร.ชาติชาย พง ์ ิริ 4. บาท ล ง ผ .ดร.ฟรังซิ ไก้ ์, S.D.B. 6. บาท ล ง ผ .ดร.ไพยง มนิราช 8. ภคินี ดร.ช าลา เ ชยันต์
ลิข ิทธิ์ ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ใน าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม ถือเป็นกรรม ิทธิ์ของ ทิ ยาลัยแ งธรรม า้ มน�าข้อค ามทัง้ มดไปตีพมิ พ์ซา�้ ยกเ น้ ได้รบั อนุญาตจาก ทิ ยาลัยแ งธรรม ค ามรับผิดชอบ เนือ้ าและข้อคิดเ น็ ใดๆ ทีต่ พี มิ พ์ใน าร าร ชิ าการ ทิ ยาลัยแ งธรรม ถือเป็นค ามรับผิดชอบของ ผูเ้ ขียนเท่านัน้
รายนามผู้ทรงคุณวุฒิผู้ประเมินบทความ (Peer Review) ประจำ า ฉบั บ ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
ผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก 1. .กีรติ บุญเจื 2. .ดร.ย ันตะ มบัติ 3. ร .ดร. ุมาลี จันทร์ชล 4. ร .ดร.พิทัก ์ ิริ ง ์ 5. ร .ลิขิต กาญจนาภรณ์ 6. ผ .ดร.ประเ ริฐ ินทร์รัก ์ 7. ผ .ดร.ไชยย ไพ ิทย ิริธรรม 8. ผ .ดร.มาเรียม นิลพันธุ์ 9. ผ . ุ ิดา ธรรมมณี ง ์ 10. ภราดา ดร.ทินรัตน์ คมกฤ
ราชบัณฑิต คณะ ังคม า ตร์ ม า ิทยาลัยเชียงใ ม่ คณะครุ า ตร์ ุต า กรรมและเทคโนโลยี ม า ิทยาลัยเทคโนโลยีพระจ มเกล้าธนบุรี คณะ ิทยาการจัดการ ม า ิทยาลัย ิลปากร คณะ ึก า า ตร์ ม า ิทยาลัย ิลปากร คณะ ึก า า ตร์ ม า ิทยาลัย ิลปากร คณะ ึก า า ตร์ ม า ิทยาลัย ิลปากร คณะ ึก า า ตร์ ม า ิทยาลัย ิลปากร คณะ ัก ร า ตร์ ม า ิทยาลัย ิลปากร ม า ิทยาลัย ั ัมชัญ
ผู้ทรงคุณวุฒิภายใน 1. บาท ล ง ผ .ดร. ภิ ิทธิ์ กฤ เจริญ 2. บาท ล ง ผ .ดร. ุฒิชัย ่ งนา า 3. ผ .ดร.ลัดดา รรณ์ ประ ูตร์แ งจันทร์
คณะมนุ ย า ตร์ คณะมนุ ย า ตร์ คณะ า น า ตร์
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม มีค ามยินดีรับบทค าม ิจัย บทค าม ิชาการ บท ิจารณ์ นัง ือ และ บทค ามปริทั น์ ด้านปรัชญา า นา เท ิทยา และการ ึก าคาทอลิก ที่ยังไม่เคยเผยแพร่ในเอก ารใดๆ โดย ่ง บทค ามมาที่ ผู้อ�าน ยการ ูนย์ ิจัยค้นค ้า า นาและ ฒ ั นธรรม ิทยาลัยแ งธรรม เลขที่ 20 มู่ 6 ต.ท่าข้าม อ. ามพราน จ.นครปฐม 73110 กองบรรณาธิการ าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม จะ ่งบทค ามใ ้แก่ผู้ทรงคุณ ุฒิทาง ิชาการเพื่อประเมิน คุณภาพบทค าม ่าเ มาะ ม �า รับการตีพิมพ์ รือไม่ ากท่าน นใจกรุณาดูรายละเอียดรูปแบบการ ่งต้น ฉบับได้ที่ www.saengtham.ac.th/journal
บทบรร าธิ ก าร Saengtham College Journal
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม ปีท ี่ 7 ฉบับที่ 2 เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรมฉบับนี้ กองบรรณาธิการขอน�าเ นอบทค ามร มจ�าน น 10 บทค าม ประกอบไปด้ ยบทค าม ิจัยภา าอังกฤ เรื่อง “Development of Learning Activity Plans for Acquiring Teaching Skills and Desired Characteristics of Catechists in Accordance with Ignatian Pedagogical Paradigm in Thailand” ซึ่งได้รับค ามกรุณาจาก บาท ล ง ผ . ัช ิลป์ กฤ เจริญ ผู้ช่ ย า ตราจารย์ประจ�า ลัก ูตรคริ ต า น ึก า คณะ า น า ตร์ ิทยาลัยแ งธรรม และบทค าม ิจัยจากภายในเรื่อง “ปัจจัยพื้นฐานในการเป็น ิถีชุมชน ัด/ชุมชน คริ ตชนพื้นฐานในประเท ไทย” โดย ูนย์ ิจัยค้นค ้า า นาและ ัฒนธรรม ิทยาลัยแ งธรรม และงาน ิจัยอันเป็นงาน ืบเนื่องจากราย ิชา กอ.791 การค้นค ้าอิ ระของนัก ึก าระดับปริญญา โท าขา ิชาเท ิทยาจริยธรรม ิทยาลัยแ งธรรม จ�าน น 3 เรื่อง ได้แก่ บทค าม ิจัยเรื่อง “การ พัฒนาพฤติกรรมที่แ ดงถึงการท�าค ามดีตาม ลักคริ ต์ า นานิกายโรมันคาทอลิกของคริ ตชน ไทย” โดยบาท ล งเมธา ิทธิ์ นามละคร งาน ิจัยเรื่อง “จริยธรรม ิ่งแ ดล้อมตาม ลักค�า อน พระ า นจักรคาทอลิกกับปัญ ามลภา ะทางน�้า กรณี ึก าชุมชน ัดนักบุญเปโตร ามพราน นครปฐม” โดยบาท ล งฉัตรชัย นิลเขต และงาน ิจัยเรื่อง “แน ทางการอภิบาลของพระ า นจักร คาทอลิก ด้าน ิทธิมนุ ยชนกรณี ึก ามูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา” โดยบาท ล งย ธร ทองเ ลือง และงาน ิจัยจากบุคคลภายนอกอีกจ�าน น 5 เรื่อง ได้แก่ งาน ิจัยเรื่อง “การน�าเ นอแน ทาง การพัฒนาคุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก าปฐม ัยของโรงเรียนในเขตอ�าเภอชนแดง จัง ัดเพชรบูรณ์” โดย ดร.ต้องจิตต์ โพธิ์ ัด งาน ิจัยเรื่อง “ภา ะผู้น�าปัญญาชนและยุทธ า ตร์ ปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนตามโครงการพระราชด�าริ : ึก าเฉพาะ กรณีผู้น�าชุมชนท้องถิ่นของจัง ัดในภาคตะ ันตกของประเท ไทย (ชุมชน ุบกะพง จัง ัด เพชรบุรี และชุมชน นองกลางดง จัง ัดประจ บคีรีขันธ์)” โดย ดร.ชัช าล แ งทองล้ น งาน ิจัยเรื่อง “รูปแบบการนิเท การ ึก าโดยกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก” โดย ดร.จันทร์พิมพ์ ง ์ประชารัตน์ งาน ิจัยเรื่อง “ค าม ัมพันธ์ระ ่าง ัฒนธรรมองค์กรกับ บรรยากา องค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ” โดย บาท ล งจินต ักดิ์ ยุชัย ิทธิกุล แ ่งอัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ และงาน ิจัยเรื่อง “อนาคตภาพ ลัก ูตร ิลป า ตรบัณฑิต าขา ิชาคริ ต า น ึก า ิทยาลัยแ งธรรม ในท รร น้า (พ. . 2556-2566)” โดยคุณลลิตา กิจประม ล อันเป็นงาน ืบเนื่องจากการ ึก าต่อในระดับปริญญาโทของบุคลากร ิทยาลัยแ งธรรม ซึ่งบทค ามทั้ง 10 บทค ามได้ผ่านการประเมินจากผู้ทรงคุณ ุฒิแล้ ทั้ง ิ้น กองบรรณาธิการ าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม ขอขอบพระคุณผู้ทรงคุณ ุฒิทุกท่านที่ กรุณาใ ้ค ามอนุเคราะ ์ประเมินบทค ามต่างๆ อัน ่งผลใ ้ าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรมฉบับนี้ �าเร็จและผลิตออกเผยแพร่องค์ค ามรู้ด้านปรัชญา า นา เท ิทยา และการ ึก าคาทอลิก บรรณาธิการ ธัน าคม 2558
กศึารนำกษาปฐมวั าเสนอแนวทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาตามมาตรฐานการ ยของโรงเรียนในเขตอำาเภอชนแดง จังหวัดเพชรบูรณ์ EEarly ducational Quality Development Guidelines According to Childhood Educational Standards for Schools in Chon Daen District Phetchabun Province.
ดร.ต้องจิตต์ โพธิ์วัด
* สำ�นักง�นเขตพื้นที่ก�รศึกษ�ประถมศึกษ�เพชรบูรณ์ เขต 1
รศ.ดร.นันทิยา น้อยจันทร์
* คณบดีคณะครุศ�สตร์ มห�วิทย�ลัยร�ชภัฏนครสวรรค์
Dr.Tongjit Phowat
* Phetchabun Primary Education Service Area Office 1.
Assoc.Prof.Dr.Nantiya Noichun
* Dean, Faculty of Education, Nakhon Sawan Rajabhat University.
การนำาเ นอแน ทางการพัฒนาคุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก าปฐม ัย ของโรงเรียนในเขตอำาเภอชนแดง จัง ัดเพชรบูรณ์
บทคัดยอ
2
การ ิจัยครั้งนี้มี ัตถุประ งค์เพื่อ ึก าปัญ าและน�าเ นอ แน ทางการพัฒนาคุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก าปฐม ัย ของโรงเรียนในเขตอ�าเภอชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ การ ึก า ิจัย ประกอบด้ ย 2 ขั้นตอน คือ 1) ึก าปัญ าการพัฒนาคุณภาพ การ ึก าตามมาตรฐานการ ึก าปฐม ัยของโรงเรียนในเขตอ�าเภอ ชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ ประชากร คือ ผู้บริ ารจ�าน น 42 คน ครูผู้ อนปฐม ัย จ�าน น 56 คน ร มทั้ง ิ้นจ�าน น 98 คน เครื่องมือที่ใช้ใน การ ิจัย ได้แก่ แบบ อบถาม ถิติที่ใช้ในการ ิเคราะ ์ข้อมูล ได้แก่ ค่า ร้อยละค่าเฉลี่ยและค่า ่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2) น�าเ นอแน ทาง การพั ฒ นาคุ ณ ภาพการ ึ ก าตามมาตรฐานการ ึ ก าปฐม ั ย ของ โรงเรียนในเขตอ�าเภอชนโดยการจัดประชุม นทนากลุ่มผู้เชี่ย ชาญ จ�าน น 9 คนและ ิเคราะ ์ข้อมูลด้ ยเทคนิคการ ิเคราะ ์เนื้อ า ผล การ ิจัยพบ ่า : 1. ปัญ าการพัฒนาคุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก าปฐม ัยของโรงเรียนในเขตอ�าเภอชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ โดย ภาพร มอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาด้านเป็นรายด้านพบ ่า ด้าน ที่มีปัญ ามากที่ ุด คือ ด้านการจัดการเรียนรู้ รองลงมาคือ ด้านการ บริ ารและการจัดการ ึก า ด้านมาตรฐานด้านการพัฒนาชุมชนแ ่ง การเรียนรู้ และด้านมาตรฐานด้านคุณภาพเด็ก 2. แน ทางการพัฒนาคุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก าปฐม ัยของโรงเรียนในเขตอ�าเภอชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ พบ ่า คณะกรรมการ ถาน ึก า ผู้ปกครอง ชุมชน และ น่ ยงานที่ เกี่ย ข้องค รเข้ามามี ่ นร่ มในการจัดท�าแผนพัฒนา การติดตามและ ตร จ อบการด�าเนินงานตามแผนพัฒนา มี ่ นร่ มในการประเมิน คุณภาพตามมาตรฐานที่กา� นด ติดตามและตร จ อบการด�าเนินงาน ทั้งด้านคุณภาพเด็ก ด้านการจัดการเรียนรู้ ด้านการบริ ารและจัดการ
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ต้องจิตต์ โพธิ์วัด และนันทิยา น้อยจันทร์
ศึกษา และด้านการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ คา าคั Abstract
1) การพัฒนาคุณภาพการศึกษา 2) มาตรฐานการศึกษาปฐมวัย
This research studies the problems and offers the educational quality development guidelines according to early childhood educational standards for schools in ChonDaen District, Phetchabun Province. The research consists of two stages as follows : 1) studying the problems of educational quality development according to early childhood educational standards of schools in Chon Daen District, Phetchabun Province. The research samples consisted of 42 school administrators and 56 teaching staff members in ChonDaen District Schools, Phetchabun province. Data collection was done by questionnaire. The statistical analysis involved quantitative study and were presented in percentages, arithmetic means, and standard deviation formats. 2) Presenting the educational quality development guidelines according to early childhood standards for schools in Chon Daen District, Phetchabun Province obtained by using a focus group meeting format of 9 experts. The data were analyzed using the contents analysis technique. The results were as follows : 1. The problems of educational quality development according to early childhood educational standards of
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
3
การนำาเ นอแน ทางการพัฒนาคุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก าปฐม ัย ของโรงเรียนในเขตอำาเภอชนแดง จัง ัดเพชรบูรณ์
schools in Chon Daen District, Phetchabun Province were at a high level. When considered aspect by aspect, the most problematic one was learning management, followed by educational administration standard, learning community development standard, and child quality standard. 2. The educational quality development guidelines according to early childhood educational standards for schools in Chon Daen District, Phetchabun Province were as follows : The educational quality development guidelines according to early childhood educational standards for schools in Chon Daen District, Phetchabun Province were as follows : The school board, parents and community agencies should be involved to creating a planning development, monitoring the implementation, tracking results, and participate in the evaluation of the quality standards of Standard of child quality management, Standard of learning management, Standard of learning management and operational management and Standard of learning community development 1) Educational Quality Development 2) Early Childhood Educational Standards ค ามเปนมาแล ค าม ำาคั ของป า ถาบั น แ ่ ง ชาติ เ พื่ อ การ ึ ก า �า รับเด็กปฐม ัย ได้ ึก า ภาพปัญ าการ จัดการ ึก าปฐม ัยในประเท ไทยนั้น พบ ่าขาดการบูรณาการที่มีประ ิทธิภาพทั้งทาง
4
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ด้าน ุขภาพ ด้านการ ึก า การพัฒนาชุมชน และการประ านกับครอบครั ขาดคุณภาพ ในการบริ ารจัดการ ขาดคุณภาพในด้าน ิธี การเรียนรู้ของเด็ก ขาดการใ ้ค ามรู้กับพ่อ
ต้องจิตต์ โพธิ์วัด และนันทิยา น้อยจันทร์
แม่อย่างทั่ ถึง ขาดการฝึกอบรมบุคลากรที่ เกี่ย ข้อง ขาดค ามเข้าใจเรื่องปรัชญาการ พัฒนาเด็กปฐม ัย ขาดการก�า นดมาตรฐาน ขาด ิธีการจัดการบริ ารที่มีคุณภาพและมี ประ ิทธิภาพ ขาดการ ิจัยเชิง ังเคราะ ์ที่ เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็ก ขาดการมี ่ นร่ ม ของชุมชน ประชาชน และขาดการน�าแผน ไป ู่การปฏิบัติ ( �านักงานคณะกรรมการการ ึก าแ ่งชาติ, 2544) การจั ด การ ึ ก าปฐม ั ย ของโรง เรียนในเขตอ�าเภอชนแดนจัง ัดเพชรบูรณ์ จากผลการประเมินภายนอกของ �านักงาน รั บ รองมาตรฐานการ ึ ก าและประเมิ น คุณภาพการ ึก า (องค์การม าชน) มีโรง เรียนที่ไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานการ ึก า ปฐม ัยในอ�าเภอชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ มี ทั้ง มด 8 โรงเรียน จากโรงเรียนระดับปฐม ัย มีทั้ง มด 42 โรงเรียน ซึ่งโรงเรียนที่ไม่ผ่าน การรับรอง ่ นมากเป็นโรงเรียนขนาดเล็กมี ครูไม่ครบชั้น จัดครูผู้ อนไม่ตรงตาม ุฒิขาด ค ามรู้ค ามเข้าใจในการจัดกิจกรรมการเรียน การ อน และผู้บริ ารไม่ใ ้ค าม �าคัญกับ การจัดการ ึก าในระดับปฐม ัย ( า� นักงาน เขตพื้นที่การ ึก าเพชรบูรณ์ เขต 1, 2552) จากปัญ าดังกล่า ผู้ ิจัยจึงมีค าม นใจที่ จ ะน� า เ นอแน ทางการพั ฒ นา
คุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก า ปฐม ัย เพื่อใ ้การจัดการ ึก าระดับปฐม ัย มีคุณภาพตามมาตรฐานการ ึก าปฐม ัยต่อไป วัต ประ งค์ องการวิจัย 1. เพื่ อ ึ ก าปั ญ าการพั ฒ นา คุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก า ปฐม ั ย ของโรงเรี ย นในเขตอ� า เภอชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ 2. เพื่อน�าเ นอแน ทางการพัฒนา คุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก า ปฐม ั ย ของโรงเรี ย นในเขตอ� า เภอชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ แนวคิดและท ีที่ กี่ยว ้อง ึก าแน คิดและทฤ ฏีที่เกี่ย ข้อง กับการการจัดการ ึก าปฐม ัย มาตรฐาน การ ึก าปฐม ัย การประกันคุณภาพการ ึก า ตลอดจน ึก าแน คิดทฤ ฏีเกี่ย กับ การประกันคุณภาพการ ึก าใน ถาน ึก า ขั้นพื้นฐาน โดยมีกรอบแน คิดของการ ิจัย ดังนี้
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
5
การนำาเ นอแน ทางการพัฒนาคุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก าปฐม ัย ของโรงเรียนในเขตอำาเภอชนแดง จัง ัดเพชรบูรณ์ ป
าการพัฒนาคุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก าปฐม ัยของโรงเรียนในเขตอำาเภอชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ตามมาตรฐานการ ึก าปฐม ัย ดาน ดานคุณภาพเดก ดานดานการจัดการเรียนรู ดานดานบริ ารแล จัดการ ึก า ดานดานพัฒนาชุมชนแ งการเรียนรู
แน ทางการพัฒนาคุณภาพการ ึก า ตามมาตรฐานการ ึก าปฐม ัยของโรงเรียน ในเขตอำาเภอชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์
แ นภูมิที แ ดงกรอบแน คิดการ ิจัย นิยาม ัพท์เ พา มาตรฐานการ ึก าปฐม ัย มาย ถึง ข้อก�า นดเกี่ย กับคุณลัก ณะคุณภาพที่ พึงประ งค์และมาตรฐานที่ต้องการใ ้เกิดขึ้น กับเด็กปฐม ัยใน ถาน ึก าทุกแ ่งในเขต อ�าเภอชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ ที่เกี่ย ข้อง กับมาตรฐานการ ึก าปฐม ัย 4 ด้าน ได้แก่ มาตรฐานด้านคุณภาพเด็ก ด้านการจัดการ เรียนรู้ และด้านการบริ ารและจัดการ ึก า และด้านการพัฒนาชุมชนแ ่งการเรียนรู้ 1) มาตรฐานด้ า นคุ ณ ภาพเด็ ก มายถึง ข้อก�า นดเกี่ย กับคุณลัก ณะ คุณภาพที่พึงประ งค์ที่ต้องการใ ้เกิดขึ้นกับ ผู้เรียนระดับปฐม ัย 2) มาตรฐานด้านการจัดการเรียนรู้ มายถึ ง ข้ อ ก� า นดเกี่ ย กั บ คุ ณ ลั ก ณะ คุณภาพในการจัดกิจกรรมการเรียนการ อน
6
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ที่พึงประ งค์ใ ้เกิดขึ้นกับผู้ อนที่ อนระดับ ปฐม ัย 3) มาตรฐานด้ า นบริ ารและจั ด การ ึก า มายถึง ข้อก�า นดเกี่ย กับ คุณลัก ณะ คุณภาพที่พึงประ งค์ที่ต้องการ ใ ้เกิดขึ้นกับผู้บริ ารในการบริ ารและการ จัดการ ึก า 4) มาตรฐานด้านการพัฒนาชุมชน แ ่งการเรียนรู้ มายถึง ข้อก�า นดเกี่ย ข้อง กับชุมชนใ ้มี ่ นร่ มและเป็นแ ล่งเรียนรู้ ป าการพั ฒ นาคุ ณ ภาพการ ึ ก า มายถึ ง ภาพการด� า เนิ น งาน ของโรงเรียนในเขตอ�าเภอชนแดน จัง ัด เพชรบูรณ์ ตามแน การประกันคุณภาพการ ึก าไม่บรรลุเป้า มายที่ก�า นด
ต้องจิตต์ โพธิ์วัด และนันทิยา น้อยจันทร์
แนวทางการพั นาค าพการ ก า มายถึง การ า ิธีการในการปรับปรุง และพัฒนาคุณภาพการ ึก าใ ้ได้มาตรฐาน ตามมาตรฐานการ ึก าปฐม ัย การพั นาค าพการ ก า มาย ถึง ิธีการ รือกระบ นการในการ างแผน (P) การปฏิบัติตามแผน (D) การตร จ อบ และประเมินผล (C) การปรับปรุงแก้ไขพัฒนา (A) ของโรงเรียนในอ�าเภอชนแดน จัง ัด เพชรบูรณ์ 1) การ างแผน (Plan) มายถึง การคิดเตรียมการล่ ง น้า เพื่อจะท�าใ ้งาน �าเร็จอย่างมีประ ิทธิภาพ 2) การปฏิ บั ติ ต ามแผน (Do) มายถึง เมื่อ ถาน ึก า างแผนงานเ ร็จ เรียบร้อยแล้ บุคลากรก็ร่ มกันปฏิบัติ รือ ด�าเนินการตามแผนที่จัดไ ้ 3) การตร จ อบและประเมิ น ผล (Check) มายถึง กลไก �าคัญที่จะกระตุ้นใ ้ เกิดการพัฒนา เพราะจะท�าใ ้ได้ข้อมูลย้อน กลับที่ ะท้อนใ ้เ ็นถึงการด�าเนินงานที่ผ่าน มา ่าบรรลุเป้า มายที่กา� นดไ ้เพียงใด 4) การปรับปรุงแก้ไขพัฒนา (Action) มายถึง ผลการ ิเคราะ ์ ังเคราะ ์ แปรผลในภาพร มทั้ ง มดแล้ น� า เ นอผล การประเมินต่อผู้ที่เกี่ย ข้อง
โรง รียน มายถึง ถาน ึก า ที่ จั ด การ ึ ก าระดั บ ปฐม ั ย ในเขตอ� า เภอ ชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ ยกเ ้นโรงเรียน เอกชน ้บริ าร าน ก า มายถึง ผู้ อ� า น ยการ ถาน ึ ก า รื อ ผู ้ รั ก าการ ในต� า แ น่ ง ซึ่ ง ด� า รงต� า แ น่ ง และปฏิ บั ติ งานโรงเรียนในเขตอ�าเภอชนแดน จัง ัด เพชรบูรณ์ การ ก าระดับป มวัย มายถึง การจัดการ ึก าใ ้กับเด็กที่มีอายุระ ่าง 3-5 ปี ของโรงเรียนในเขตอ�าเภอชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ คร มายถึง ผู้ที่ปฏิบัติ น้าที่ อน ในระดับปฐม ัยของโรงเรียนในอ�าเภอชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ ระ บียบวิธีวิจัย ผู ้ ิ จั ย ได้ ใ ช้ ร ะเบี ย บ ิ ธี ิ จั ย เชิ ง พรรณนา (Descriptive Research) มีจุด มุ ่ ง มายเพื่ อ ึ ก าปั ญ าและน� า เ นอ แน ทางทางการพั ฒ นาคุ ณ ภาพการ ึ ก า ตามมาตรฐานการ ึก าปฐม ัยของโรงเรียน ในเขตอ�าเภอชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ ได้ ก�า นดขั้นตอน การ ิจัยออกเป็น 2 ขั้นตอน ดังนี้
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
7
การนำาเ นอแน ทางการพัฒนาคุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก าปฐม ัย ของโรงเรียนในเขตอำาเภอชนแดง จัง ัดเพชรบูรณ์
ขั้นตอนที่ 1 ึก าปัญ าการพัฒนา คุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก า ปฐม ัย ของโรงเรียนในเขตอ�าเภอชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ ในเนื้อ า 4 ด้าน ได้แก่ ด้านคุณภาพเด็ก ด้านการจัดการเรียนรู้ ด้าน การบริ ารและจัดการ ึก า และด้านการ พัฒนาชุมชนแ ่งการเรียนรู้ เพื่อก�า นด กรอบค ามคิดในการ ิจัย ก�า นดประชากร โดยขอค�าแนะน�าจากอาจารย์ที่ปรึก าพร้อม รับข้อเ นอแนะมาปรับปรุงแก้ไข ข้อบกพร่อง ต่างๆ ใ ้ มบูรณ์ ร้างและพัฒนาเครื่องมือ ในการเก็บร บร มข้อมูล น�าเครื่องมือที่ใช้ ในการ ิจัยมาด�าเนินการตร จ อบคุณภาพ โดย าค ามตรงเชิงเนื้อ า (Content Validity) และค ามเที่ยง แล้ น�าเครื่องมือไป เก็บข้อมูลจากกลุ่มประชากรน�าข้อมูลที่ได้มา ตร จ อบค าม มบูรณ์ถูกต้อง และท�าการ ิเคราะ ์ข้อมูลด้ ย ถิติพื้นฐาน ขั้นตอนที่ 2 น�าเ นอแน ทางการ พั ฒ นาคุ ณ ภาพการ ึ ก าตามมาตรฐาน การ ึก าปฐม ัยของโรงเรียนในเขตอ�าเภอ ชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ โดยน�าข้อมูลที่ เป็นปัญ าที่ได้จากขั้นตอนที่ 1 โดยน�าปัญ า 3 อั น ดั บ แรกของแต่ ล ะด้ า นมาจั ด ประชุ ม นทนากลุ ่ ม เพื่ อ าแน ทางการพั ฒ นา คุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก า
8
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ปฐม ั ย ของโรงเรี ย นในเขตอ� า เภอชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ โดยผู้เชี่ย ชาญ 9 คน น�า ผลจากผู้เชี่ย ชาญมาจัดล�าดับค ามคิดเ ็น ที่ อดคล้ อ งกั น เพื่ อ ั ง เคราะ ์ ด ้ ย ิ ธี ก าร ิเคราะ ์เชิงเนื้อ า (Content Analysis) ปร ชากรแล กลุมตั อยาง ประชากรที่ใช้ในการ ิจัยครั้งนี้ได้แก่ ผู้บริ าร ถาน ึก า และครูผู้ อนปฐม ัย ของโรงเรียนในเขตอ�าเภอชนแดน จัง ัด เพชรบูรณ์ ประกอบด้ ยผู้บริ าร ถาน ึก า จ�าน น 42 คน และครูผู้ อนปฐม ัย จ�าน น 56 คน ปีการ ึก า 2552 ร มทั้ง ิ้นจ�าน น 98 คน ตั แปรที่ ท� า การ ึ ก าในครั้ ง นี้ ประกอบด้ ย 1 . ป ั ญ า ก า ร พั ฒ น า คุ ณ ภ า พ การ ึ ก าตามมาตรฐานการ ึ ก าปฐม ั ย ของโรงเรียนในเขตอ�าเภอชนแดน จัง ัด เพชรบูรณ์ 2. แน ทางการพั ฒ นาคุ ณ ภาพ การ ึ ก าตามมาตรฐานการ ึ ก าปฐม ั ย ของโรงเรียนในเขตอ�าเภอชนแดน จัง ัด เพชรบูรณ์
ต้องจิตต์ โพธิ์วัด และนันทิยา น้อยจันทร์
คร่องมอที่ ้ นการวิจัย เครื่ อ งมื อ ที่ ใ ช้ ใ นการ ิ จั ย ครั้ ง นี้ ได้แก่ แบบ อบถาม จ�าน น 2 ชุด เป็น แบบ อบถามระดับปัญ าการพัฒนาคุณภาพ การ ึ ก าตามมาตรฐานการ ึ ก าปฐม ั ย ของโรงเรียนในเขตอ�าเภอชนแดน จัง ัด เพชรบู ร ณ์ และแบบบั น ทึ ก นทนากลุ ่ ม เพื่ อ เ นอแน ทางทางการพั ฒ นาคุ ณ ภาพ การ ึ ก าตามมาตรฐานการ ึ ก าปฐม ั ย ของโรงเรียนในเขตอ�าเภอชนแดน จัง ัด เพชรบูรณ์ 1. แบบ อบถามเกี่ ย กั บ ปั ญ า การพัฒนาคุณภาพการ ึก าตามมาตรฐาน การ ึก าปฐม ัยของโรงเรียนในเขตอ�าเภอ ชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ มีจ�าน น 2 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 เป็นแบบ อบถามเกี่ย กับ ถานภาพของผู้ตอบแบบ อบถาม ลัก ณะ เป็นแบบตร จ อบรายการ (Checklist) ตอนที่ 2 เป็นแบบ อบถามเกี่ย กับ ระดั บ ปั ญ าการพั ฒ นาคุ ณ ภาพการ ึ ก า ตามมาตรฐานการ ึก าปฐม ัยของโรงเรียน ในเขตอ�าเภอชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมี ขอบข่ายภารกิจที่เป็นงาน ลัก 4 ด้าน ได้แก่ ด้านคุณภาพเด็ก ด้านการจัดการเรียนรู้ ด้าน การบริ ารและจัดการ ึก า และด้านการ
พัฒนาชุมชนแ ่งการเรียนรู้ ผู้ ิจัยได้ด�าเนินการ ร้างเครื่องมือใน การ ิจัยมีล�าดับขั้นตอนดังนี้ 1. ึ ก าเอก ารและงาน ิ จั ย ที่ เ กี่ ย ข้ อ ง และตั อย่ า งเครื่ อ งมื อ ที่ ใช้ ในการ ิ จั ย เพื่ อ เป็ น แน ทางในการ ร้ า ง แบบ อบถาม 2. ก� า นดกรอบ เพื่ อ ร้ า งแบบ เครื่องมือในการ ิจัย โดยก�า นดขอบข่ายของ เครื่องมือ 4 ด้าน ได้แก่ ด้านคุณภาพเด็ก ด้านการจัดการเรียนรู้ ด้านการบริ ารและ จัดการ ึก า และด้านการพัฒนาชุมชนแ ่ง การเรียนรู้ 3. ร้างแบบ อบถามใ ้ครอบคลุม ถึงปัญ าการพัฒนาคุณภาพการ ึก าตาม มาตรฐานการ ึก าปฐม ัยของโรงเรียนใน เขตอ�าเภอชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ ภายใต้ ค�าแนะน�าของอาจารย์ที่ปรึก า ิทยานิพนธ์ 4. น� า เครื่ อ งมื อ แบบ อบถาม เ นอผู้เชี่ย ชาญและผู้ทรงคุณ ุฒิ เพื่อตร จ อบค ามตรงเชิงเนื้อ า เทคนิคด้านภา า จากผู้ทรงคุณ ุฒิ จ�าน น 3 ท่าน ดังนี้ 1) ดร.ทีปพิพัฒน์ ันตะ ัน รองอธิการบดี ม า ิทยาลัยราชภัฎนคร รรค์ 2) ดร. มบัติ รี ท องอิ น ทร์ รองคณบดี ค ณะครุ า ตร์ ม า ิ ท ยาลั ย ราชภั ฎ นคร รรค์ และ
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
9
การนำาเ นอแน ทางการพัฒนาคุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก าปฐม ัย ของโรงเรียนในเขตอำาเภอชนแดง จัง ัดเพชรบูรณ์
3) อาจารย์นาถนรินทร์ เพทายเทียมทอง ผู้อา� น ยการโรงเรียน ามมิตร อ�าเภอท่าตะโก จัง ัดนคร รรค์ 5. าดัชนีค าม อดคล้องของข้อ ค�าถามกับจุดมุ่ง มายการ ิจัย (Index of item objective Congruence) ได้ค่า IOC ตั้งแต่ 0.66 ขึ้นไป ของแต่ละข้อ 6. น� า แบบ อบถามที่ ไ ด้ รั บ ข้ อ เ นอแนะจากผู้เชี่ย ชาญและผู้ทรงคุณ ุฒิ มาปรับปรุงและน�าแบบ อบถามไปทดลอง ใช้ (Try out) ผู้บริ าร จ�าน น 10 คน ครู ผู้ อน จ�าน น 20 คน ที่ไม่ใช่กลุ่มตั อย่าง ร มจ�าน น 30 คน และน�ามา าค่าค าม เที่ยง (Reliability) ทาง ถิติโดยการ าค่า ัมประ ิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาค (Cronbach’s Alpha Coefficient) ได้ค่า 0.98 7. น�าไปใช้เก็บร บร มข้อมูลกับกลุม่ ตั อย่างต่อไป แบบบั น ทึ ก การ นทนากลุ ่ ม มี ลั ก ณะเป็ น แบบบั น ทึ ก ชนิ ด ค� า ถามปลาย เปิดเพื่อร่ มแ ดงค ามคิดเ ็นตามขอบข่าย ภารกิจที่เป็นงาน ลัก 4 ด้าน ได้แก่ ด้าน คุณภาพเด็ก ด้านการจัดการเรียนรู้ ด้านการ บริ ารและจัดการ ึก า และด้านการพัฒนา ชุมชนแ ่งการเรียนรู้ โดยมีขั้นตอนการ ร้าง ดังนี้
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
1. น�าปัญ า 3 อันดับแรกของแต่ละ ด้าน ที่ได้จากการ ิเคราะ ์ข้อมูลขั้นตอนที่ 1 จัดท�าเป็นประเด็นการ นทนากลุ่ม 2. รุปและจัดท�าเป็นร่างแน ทาง การพัฒนาคุณภาพการ ึก าตามมาตรฐาน การ ึ ก าปฐม ั ย ของโรงเรี ย นในอ� า เภอ ชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ 3. น� า รุ ป ร่ า งแน ทางพั ฒ นา คุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก า ปฐม ั ย ของโรงเรี ย นในเขตอ� า เภอชนแดน จั ง ั ด เพชรบู ร ณ์ ที่ ไ ด้ น� า เ นออาจารย์ ที่ ป รึ ก าเพื่ อ พิ จ ารณาใ ้ ค ามคิ ด เ ็ น เพื่ อ ปรับปรุงแก้ไขแน ทางที่ได้และน�าไปใช้ต่อไป รุป ลการ ิจัย การ ึ ก า ิ จั ย ในครั้ ง นี้ มี ั ต ถุ ประ งค์ เ พื่ อ ึ ก าปั ญ าและแน ทางการ พั ฒ นาคุ ณ ภาพการ ึ ก าตามมาตรฐาน การ ึก าปฐม ัยของโรงเรียนในเขตอ�าเภอ ชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ จากการ ิเคราะ ์ ข้อมูล ามารถ รุปผลการ ิจัย ได้ดังนี้ 1 . ป ั ญ า ก า ร พั ฒ น า คุ ณ ภ า พ การ ึ ก าตามมาตรฐานการ ึ ก าปฐม ั ย ของโรงเรียนในเขตอ�าเภอชนแดน จัง ัด เพชรบูรณ์ เมื่อพิจารณารายด้าน รุปได้ดังนี้ 1.1 ด้านคุณภาพเด็ก พบ ่า ใน
ต้องจิตต์ โพธิ์วัด และนันทิยา น้อยจันทร์
ภาพร มมีปัญ าอยู่ในระดับมาก (μ=3.53) โดยมีปัญ ามากที่ ุดใน ล�าดับแรก คือ เรื่อง คณะกรรมการ ถาน ึก า ผู้ปกครอง ชุมชน และ น่ ยงานที่เกี่ย ข้องไม่มี ่ นร่ มในการ ประเมินคุณภาพเด็กตามมาตรฐานที่ก�า นด รองลงมาคือ เรื่องคณะกรรมการ ถาน ึก า ผู้ปกครองและชุมชนไม่มี ่ นร่ มในการจัด ท�าแผนพัฒนาคุณภาพเด็ก 1.2 ด้านการจัดการเรียนรู้ พบ ่ า ในภาพร มมี ป ั ญ าอยู ่ ใ นระดั บ มาก (μ=3.67)โดยมี ป ั ญ ามากที่ ุ ด ในล� า ดั บ แรก คือ เรื่องคณะกรรมการ ถาน ึก า ผู้ ปกครอง ชุมชน และ น่ ยงานที่เกี่ย ข้อง ไม่มี ่ นร่ มในการประเมินคุณภาพของครู ตามมาตรฐานการ ึก าที่ก�า นด รองลงมา คือ เรื่องผู้ปกครอง ชุมชน และ น่ ยงาน ที่เกี่ย ข้องไม่มี ่ นร่ มในการติดตามและ ตร จ อบด�าเนินงานการจัดการเรียนรู้ 1.3 ด้ า นการบริ ารและจั ด การ ึก า พบ ่า ในภาพร มมีปัญ าอยู่ในระดับ มาก (μ=3.63) โดยมีปัญ ามากที่ ุดในล�าดับ แรก คือ เรื่องคณะกรรมการ ถาน ึก า ผู้ ปกครองและชุ ม ชนไม่ มี ่ นร่ มในการจั ด ท�าแผนพัฒนาคุณภาพการจัดการ ึก า รอง ลงมาคื อ เรื่ อ งคณะกรรมการ ถาน ึ ก า ผู ้ ป กครองและชุ ม ชนไม่ มี ่ นร่ มในการ
ประเมินคุณภาพการจัดการ ึก า 1.4 ด้ า นการพั ฒ นาชุ ม ชนแ ่ ง การเรียนรู้ พบ ่า ในภาพร มมีปัญ าอยู่ใน ระดับมาก (μ=3.59) โดยมีปัญ ามากที่ ุด ในล�าดับแรก คือ เรื่องคณะกรรมการ ถาน ึก า ผู้ปกครอง ชุมชน และ น่ ยงานที่ เกี่ย ข้องไม่มี ่ นร่ มในการประเมินคุณภาพ การจัดการแ ล่งเรียนรู้ตามตั ชี้ ัดที่ก�า นด มีปัญ ามากที่ ุด รองลงมาคือ เรื่องคณะ กรรมการ ถาน ึก า ผู้ปกครองและชุมชน ไม่มี ่ นร่ มในการก�า นดเป้า มายคุณภาพ การจัดการแ ล่งเรียนรู้ 2. น� า เ นอแน ทางการพั ฒ นา คุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก า ปฐม ั ย ของโรงเรี ย นในเขตอ� า เภอชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ ประกอบด้ ย 4 แน ทาง ดังนี้ 2.1 ด้านคุณภาพเด็ก คณะกรรมการ ถาน ึก า ผู้ปกครอง ชุมชน ค รมี ่ น ร่ มในการ างแผน จัดท�าแผน ตร จ อบ และมี ่ นร่ มในการปรั บ ปรุ ง และพั ฒ นา มาตรฐานด้านคุณภาพเด็ก 2.2 แน ทางการพั ฒ นาคุ ณ ภาพ การ ึ ก าตามมาตรฐานการ ึ ก าปฐม ั ย ด้านการจัดการเรียนรู้ คณะกรรมการ ถาน ึก า ผู้ปกครอง ชุมชน ค รมี ่ นร่ มในการ
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
11
การนำาเ นอแน ทางการพัฒนาคุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก าปฐม ัย ของโรงเรียนในเขตอำาเภอชนแดง จัง ัดเพชรบูรณ์
างแผน จัดท�าแผน ตร จ อบ และมี ่ น ร่ มในการปรับปรุงและพัฒนามาตรฐานด้าน การจัดการเรียนรู้ 2.3 แน ทางการพั ฒ นาคุ ณ ภาพ การ ึ ก าตามมาตรฐานการ ึ ก าปฐม ั ย ด้ า นการบริ ารและจั ด การ ึ ก า คณะ กรรมการ ถาน ึก า ผู้ปกครอง ชุมชน ค รมี ่ นร่ มในการ างแผน จัดท�าแผน ตร จ อบ และมี ่ นร่ มในการปรั บ ปรุ ง และพั ฒ นา มาตรฐานด้านการบริ ารและจัดการ ึก า 2.4 แน ทางการพั ฒ นาคุ ณ ภาพ การ ึ ก าตามมาตรฐานการ ึ ก าปฐม ั ย ด้านการพัฒนาชุมชนแ ่งการเรียนรู้ คณะ กรรมการ ถาน ึก า ผู้ปกครอง ชุมชน ค ร มี ่ นร่ มในการ างแผน จัดท�าแผน ตร จ อบ และมี ่ นร่ มในการปรั บ ปรุ ง และ พั ฒ นามาตรฐานด้านการพัฒนาชุมชนแ ่ง การเรียนรู้ การอภิปราย ล จากผลการ ึก า ิจัยในครั้งนี้ ผู้ ิจัยขออภิปรายผล ตาม ัตถุประ งค์ และ มมติฐานที่ ึก า ดังนี้ 1. เพื่ อ ึ ก าปั ญ าการพั ฒ นา คุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก า ปฐม ั ย ของโรงเรี ย นในเขตอ� า เภอชนแดน
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
จัง ัดเพชรบูรณ์ พบ ่า การพัฒนาคุณภาพ การ ึ ก าตามมาตรฐานการ ึ ก าปฐม ั ย ของโรงเรียนในเขตอ�าเภอชนแดน จัง ัด เพชรบู ร ณ์ มี ป ั ญ าเกี่ ย กั บ การพั ฒ นา คุณภาพการ ึก าปฐม ัย ในภาพร มอยู่ใน ระดับมาก ซึ่งมีประเด็นการอภิปรายเป็นราย ด้าน ดังนี้ 1.1 ด้านคุณภาพเด็ก มีปัญ าการ พัฒนาคุณภาพการ ึก ามากที่ ุด คือ เรื่อง คณะกรรมการ ถาน ึก า ผู้ปกครอง ชุมชน และ น่ ยงานที่ เ กี่ ย ข้ อ งไม่ มี ่ นร่ มใน การประเมิ น คุ ณ ภาพเด็ ก ตามมาตรฐานที่ ก� า นด มี าเ ตุ ม าเนื่ อ งจาก ถาน ึ ก า ไม่ เ ปิ ด โอกา ใ ้ ผู ้ ป กครองคณะกรรมการ ถาน ึก า และชุมชนเข้ามามี ่ นร่ มใน การจัดท�าแผนพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและผู้ที่ เกี่ย ข้องทุกฝ่ายขาดค ามพร้อมในการเข้า มามี ่ นร่ มเนื่องจากข้อจ�ากัด ลายประการ ได้แก่ ภา ะทางเ ร ฐกิจ ค ามยากจนของ ครอบครั ตลอดจนค าม ามารถและเ ็น ่ า เป็ น น้ า ที่ ข อง ถาน ึ ก าที่ ต ้ อ งด� า เนิ น การ ซึ่ง อดคล้องกับผลการ ิจัยของ ัมพันธ์ อุปลา (2541) ที่พบ ่า ชุมชนไม่มี ่ นร่ ม ในการจัดการ ึก า ชุมชนเข้าใจ ่าภาระการ จัดการ ึก าเป็น น้าที่ของโรงเรียนเท่านั้น า� รับข้อเ นอแนะที่ า� คัญ คือ บุคลากร
ต้องจิตต์ โพธิ์วัด และนันทิยา น้อยจันทร์
ในโรงเรียนค รมีมนุ ย ัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน และชุมชนค รมี ่ นร่ มรับรู้การตัด ินใจการ ก�า นดนโยบายของโรงเรียน 1.2 ด้านการจัดการเรียนรู้ มีปัญ า การพัฒนาคุณภาพการ ึก ามากที่ ุด คือ เรื่องคณะกรรมการ ถาน ึก า ผู้ปกครอง ชุมชน และ น่ ยงานที่เกี่ย ข้องไม่มี ่ นร่ ม ในการประเมินคุณภาพของครูตามมาตรฐาน การ ึก าที่ก�า นด มี าเ ตุมาเนื่องจาก ถาน ึ ก าไม่เปิดโอกา ใ ้ชุมชนเข้ามามี ่ นร่ ม คณะกรรมการ ถาน ึก าและ ชุมชนขาดค ามมั่นใจในค าม ามารถที่จะ ประเมินครู การก�า นดกรอบการประเมินไม่ ชัดเจน ิธีการประเมินไม่ ลาก ลายชุมชน ไม่อยากเข้าร่ มเพราะไม่เ ็นผลจากการเ นอ แนะค ามคิดเ ็นในปีที่ผ่านมาซึ่ง อดคล้อง กับผลการ ิจัยของ อรุณี เขตนิมิต (2548) ที่ พบ ่า ค ามคิดเ ็นระ ่างผู้บริ าร ถานึก าและครูผู้ อนปฐม ัยมี ภาพและปัญ า ในการบริ ารงาน ิชาการระดับปฐม ัย 12 ด้าน โดยภาพร มและรายด้านทุกด้านอยู่ใน ระดับปานกลาง 1.3 ด้ า นการบริ ารและจั ด การ ึก า มีปัญ าการพัฒนาคุณภาพการ ึก า มากที่ ุด คือ เรื่องคณะกรรมการ ถาน ึก า ผู้ปกครองและชุมชนไม่มี ่ นร่ มในการจัด
ท�าแผนพัฒนาคุณภาพการจัดการ ึก า มี าเ ตุเนื่องมาจาก ถาน ึก าไม่เปิดโอกา ใ ้ชุมชนเข้ามามี ่ นร่ มในการบริการและ จัดการ ึก าจึงท�าใ ้การบริ ารไม่ อดคล้อง กับ ภาพปัญ าและค ามต้องการของชุมชน ขาดระบบ าร นเท ท�าใ ้การจัดเก็บข้อมูล ไม่เพียงพอและไม่ตรงกับค ามเป็นจริง ซึ่ง อดคล้องกับการ ิจัยของ อกาโด้ (Agado, 1998) ที่พบ ่า การพัฒนาบุคลากรใน ถาน ึ ก าที่ มี ป ระ ิ ท ธิ ภ าพนั้ น เป็ น ไปอย่ า งมี ระบบระเบี ย บตามล� า ดั บ ขั้ น ตอนมี ก ารใ ้ ค าม ะด กแก่ครูในการน�าผลที่ได้รับจาก การพั ฒ นาไปใช้ ใ ้ เ กิ ด ประโยชน์ ระบบ นับ นุนเอื้ออ�าน ยการน�ากล ิธีไปใช้ โดยได้ รับค ามร่ มมือจากผู้ร่ มงาน ผู้นิเท และใ ้ ข้อคิดเ ็น ่าค รมีการ ึก าถึงผลที่ได้รับจาก การพัฒนาบุคลากร 1.4 ด้านการพัฒนาชุมชนแ ่งการ เรียนรู้ มีปัญ าการพัฒนาคุณภาพการ ึก า มากที่ ุด คือเรื่องคณะกรรมการ ถาน ึก า ผู้ปกครอง ชุมชน และ น่ ยงานที่เกี่ย ข้อง ไม่ มี ่ นร่ มในการประเมิ น คุ ณ ภาพการ จัดการแ ล่งเรียนรู้ตามตั ชี้ ัดที่กา� นด ซึ่ง มี าเ ตุ อ าจเนื่ อ งมาจากขาดการเชื่ อ มโยง กับชุมชนในด้านชุมชนแ ่งการเรียนรู้ อรุณี เขตนิมิต (2548) ที่พบ ่า ค ามคิดเ ็นของ
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
1
การนำาเ นอแน ทางการพัฒนาคุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก าปฐม ัย ของโรงเรียนในเขตอำาเภอชนแดง จัง ัดเพชรบูรณ์
ผู้บริ ารกับครูผู้ อนปฐม ัยมี ภาพปัญ า ในการบริ ารงาน ิ ช าการระดั บ ปฐม ั ย ทั้ ง 12 ด้าน โดยภาพร มพบ ่าแตกต่างกัน เมื่อแยกเป็นรายด้านพบ ่าด้านการพัฒนา ื่ อ น ั ต กรรมและเทคโนโลยี เ พื่ อ การ ึ ก า ปฐม ัย ด้านการพัฒนาแ ล่งเรียนรู้ปฐม ัย ด้านการนิเท การ ึก าปฐม ัยมีระดับปัญ า แตกต่างกัน 2. เพื่อน�าเ นอแน ทางการพัฒนา คุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก า ปฐม ั ย ของโรงเรี ย นในเขตอ� า เภอชนแดน จัง ัดเพชรบูรณ์ มีองค์ประกอบ 4 ด้าน ามารถอภิปรายผลได้ดังนี้ 2.1 แน ทางพั ฒ นาคุ ณ ภาพการ ึก าปฐม ัย ด้านคุณภาพเด็ก มีแน ทางการ พัฒนา คือ ถาน ึก าก�า นดมาตรฐานด้าน คุ ณ ภาพผู ้ เรี ย นโดยจั ด ประชุ ม ผู ้ ที่ เ กี่ ย ข้ อ ง ทุ ก ฝ่ า ยเพื่ อ ร้ า งค ามรู ้ ค ามเข้ า ใจในการ ก�า นดมาตรฐาน ปรับ/เพิ่ม ตั ชี้ ัดย่อยใน มาตรฐานใ ้ ค รอบคลุ ม คุ ณ ลั ก ณะอั น พึ ง ประ งค์ด้านต่างๆ ซึ่ง อดคล้องกับผลการ ิจัยของ มาเรียน (Marion, 1991) ที่พบ ่า การก�า นดนโยบายการ ึก าและการบริ าร โรงเรี ย นรั ฐ บาลระดั บ ปฐม ั ย ึ ก าในรั ฐ แคนซั ผลการ ิจัย รุปได้ ่าโรงเรียนปฐม ัย ึก าในรัฐแคนซั จ�าน น 303 โรงเรียน มี
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
การจัดการ ึก าและบริ ารการ ึก า โดย ด�าเนินการตามนโยบายของรัฐในการก�า นด นโยบายการจัดการ ึก าปฐม ัย 2.2 แน ทางพั ฒ นาคุ ณ ภาพการ ึก าปฐม ัย ด้านการจัดการเรียนรู้ พบ ่า มี แน ทางการพัฒนา คือ ก�า นดมาตรฐานการ ปฏิบัติงานของบุคลากรด้านการจัดการเรียน รู้ โดย ถาน ึก าจัดประชุมชี้แจงบทบาท น้ า ที่ แ ละค าม � า คั ญ ของการมี ่ นร่ ม เปิดโอกา ใ ้ผู้ที่เกี่ย ข้องทุกฝ่ายมี ่ นร่ ม ในการก�า นดเป้า มายคุณภาพของครูใน ิธี การที่ ลาก ลาย การจัดบุคลากรเข้าปฏิบัติ งานตรงตาม ุฒิการ ึก า ซึ่ง อดคล้องกับ ผลงาน ิจัยของ ุพัตรา เท เ นาะ (2552) ที่ พ บ ่ า การน� า เ นอแน ทางการพั ฒ นา ถาน ึก า ู่มาตรฐานการ ึก าขั้นพื้นฐาน ตามแน ประกันคุณภาพการ ึก าของ ถาน ึก าในอ�าเภอเก้าเลี้ย �านักงานเขตพื้นที่ การ ึก านคร รรค์ เขต 1 มีแน ทางการ ด�าเนินงานคือ ก�า นดมาตรฐานของ ถานึก าจัดระบบบริ ารและ าร นเท จัดท�า แผนพั ฒ นา ถาน ึ ก า ประเมิ น คุ ณ ภาพ ถาน ึก าและการพัฒนาคุณภาพการ ึก า อย่างต่อเนื่อง 2.3 แน ทางพั ฒ นาคุ ณ ภาพการ ึ ก าปฐม ั ย ด้ า นการบริ ารและจั ด การ
ต้องจิตต์ โพธิ์วัด และนันทิยา น้อยจันทร์
ึก า พบ ่า มีแน ทางการพัฒนา คือ ถานึ ก าก� า นดมาตรฐานการปฏิ บั ติ ง านของ ผู ้ บ ริ าร ถาน ึ ก าและจั ด ท� า แผนพั ฒ นา คุ ณ ภาพการ ึ ก า โดยจั ด ประชุ ม ชี้ แ จง บทบาทและค าม � า คั ญ ต่ อ การมี ่ นร่ ม ในการก�า นดคุณลัก ณะของผู้บริ าร ร่ ม กันก�า นดแน ปฏิบัติใ ้ อดคล้องกับค าม ต้องการของชุมชน ซึ่ง อดคล้องกับผลการ ิจัยของ เกรียง ักดิ์ เรื่อง รี (2544) ที่พบ ่า ภาพปัญ าการจัดการเรียนการ อนระดับ ก่อนประถม ึก าในโรงเรียนอนุบาลอ�าเภอ ที่ใช้รูปแบบการพัฒนาโรงเรียนแบบเครือข่าย ิทยาเขต ังกัด �านักงานคณะกรรมการการ ประ ึก าแ ่งชาติ ผู้บริ ารและครูได้จัด ภาพที่เอื้อต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการ อน ปัญ าที่พบในการจัดการเรียนการ อน คือ โรงเรียนขาดงบประมาณในการ นับ นุน เกี่ ย กั บ การจั ด กิ จ กรรมการเรี ย นการ อน ขาดบุคลากรที่มี ุฒิการ ึก าปฐม ัย ครู ไม่ ามารถจัดกิจกรรมได้ครบตามตารางจัด กิจกรรมประจ�า ัน และการนิเท การ อนยัง ท�าได้ไม่บ่อยครั้งและต่อเนื่อง 2.4 แน ทางพั ฒ นาคุ ณ ภาพการ ึก าปฐม ัย พบ ่า มีแน ทางการพัฒนา คุณภาพการ ึก า คือ ถาน ึก าก�า นด มาตรฐานและจั ด ท� า แผนการพั ฒ นาแ ล่ ง
เรียนรู้ โดยประชุมชี้แจงบทบาท น้าที่และ ค าม �าคัญของการมี ่ นร่ ม เปิดโอกา ใ ้ ผู้ที่เกี่ย ข้องทุกฝ่ายเ นอข้อคิดเ ็นในการจัด ท�าแผนพัฒนาคุณภาพการ ึก า ถาน ึก า และชุมชน ประ านท้องถิ่นและชุมชนในการ พัฒนาแ ล่งเรียนรู้ในชุมชนจัด ภาพแ ดล้อม ภายในและภายนอก ้องเรียนใ ้เอื้อต่อการ จั ด กิ จ กรรมตามแผนการจั ด ประ บการณ์ อดคล้องกับ จุไรพร เ นาะ (2545) ที่พบ ่า ในเรื่องการจัดกิจกรรมใ ้ อดคล้องกับ ภาพ ของเด็ ก และ ภาพของท้ อ งถิ่ น ด้ า นการจั ด ภาพการณ์และ ภาพแ ดล้อมที่ นับ นุน การเรียนการ อน มีการจัดเตรียมและพัฒนา บุคลากร โดยจัดครูเข้า อนพิจารณาจาก ุฒิการ ึก า การพัฒนาบุคลากรโดยใ ้เข้ารับ การอบรม ัมมนา ้อ นอแนะทั่ว ป 1. ค รใ ้ ค ณะกรรมการ ถาน ึก า ผู้ปกครอง ชุมชน และ น่ ยงาน ที่เกี่ย ข้องเข้ามามี ่ นร่ มในการประเมิน คุณภาพเด็กตามมาตรฐานการ ึก าปฐม ัย 2. ค รใ ้ ค ณะกรรมการ ถาน ึก า ผู้ปกครอง ชุมชน และ น่ ยงานที่ เกี่ ย ข้ อ งเข้ า มามี ่ นร่ มในการประเมิ น คุ ณ ภาพของครู ต ามมาตรฐานการ ึ ก าที่
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
15
การนำาเ นอแน ทางการพัฒนาคุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก าปฐม ัย ของโรงเรียนในเขตอำาเภอชนแดง จัง ัดเพชรบูรณ์
ก�า นด 3. ค รใ ้ ค ณะกรรมการ ถาน ึก า ผู้ปกคร ง และชุมชน เข้ามามี ่ นร่ ม ในการจัดท�าแผนพัฒนาคุณภาพการจัดการ ึก า 4. ค รใ ้ ค ณะกรรมการ ถาน ึก า ผู้ปกคร ง ชุมชน และ น่ ยงานที่ เกี่ ย ข้ งเข้ า มามี ่ นร่ มในการประเมิ น คุณภาพการจัดการแ ล่งเรียนรู้ตามตั ชี้ ัดที่ ก�า นด ขอเ นอแน ในการ ิจัยครังตอ ป 1. ค ร ึก างาน ิจัยเรื่ งเดีย กัน นี้ โดยขยายข บข่ายงาน ิจัยเกี่ย กับกลุ่ม ประชากรและกลุ่มตั ย่างใ ้ก ้างข างมาก ขึ้น ระดับภาค รื ระดับประเท 2. ค ร ึก าแน ทางในการพัฒนา คุณภาพการจัดการ ึก าใ ้ ดคล้ งและ ดรั บ กั บ การเปิดเ รี ู่ประชาคม าเซียน เพื่ น� า การ ึ ก า ิ จั ย ที่ ไ ด้ ม าพั ฒ นา ถานึก าปฐม ัยใ ้มีคุณภาพทัดเทียมกับนานา ประเท ในประชาคม าเซียนต่ ไป
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
บรรณานุกรม เกรียง ักดิ์ เรื ง รี. 2544. การ ึก า ภาพแล ป าการจัดการ เรียนการ อนร ดับกอนปร ม ึก าในโรงเรียนอนุบาลอำาเภอที ใชรูปแบบการพัฒนาโรงเรียนแบบ เครอขาย ิทยาเขต ังกัด ำานักงาน คณ กรรมการการปร ม ึก า แ งชาติ ิทยานิพนธ์ปริญญาม าบัณฑิต บัณฑิต ิทยาลัย จุ าลงกรณ์ ม า ิทยาลัย. เขตพื้นที่การ ึก าเพชรบูรณ์ เขต 1, �านักงาน. 2552. แน ทางการ พัฒนาคุณภาพการ ึก า เพชรบูรณ์ : �านักงานเขตพื้นที่ฯ. ( ัด า� เนา) คณะกรรมการการ ึก าแ ่งชาติ, �านักงาน. 2543. ป ิรูปการเรียนรู ูเรียน ำาคั ที ุด กรุงเทพฯ : พิมพ์ดี. จุไรพร เ นาะ. 2545. การ ึก า ภาพ แล ป าการจัดการเรียนการ อน ำา รับเดก ัยอนุบาลใน โรงเรียนเมองพัทยา ังกัดเมอง พัทยา ิทยานิพนธ์ปริญญา ม าบัณฑิต บัณฑิต ิทยาลัย จุ าลงกรณ์ม า ิทยาลัย.
ต้องจิตต์ โพธิ์วัด และนันทิยา น้อยจันทร์
ณัชชา รี ิชัยรัตน์. 2549. รปแบบการ บริ ารงานวิ าการการ ก า ป มวัย องโรง รียน อก น น จัง วัดนคร วรรค์ ิทยานิพนธ์ ปริญญาม าบัณฑิต บัณฑิต ิทยาลัย ม า ิทยาลัยราชภัฏนคร รรค์ �านักงานคณะกรรมการการ ึก าขั้นพื้น ฐาน. 2550. แนวทางการนา มาตร านการ ก าป มวัย การ ป ิบัติ กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุม กรณ์แ ่งประเท ไทยการเก ตร แ ่งประเท ไทย. ุพัตรา เท เ นาะ. 2552. การนา นอ แนวทางการพั นา าน ก า มาตร านการ ก า ันพน าน ตามแนวประกันค าพการ ก า อง าน ก า นอา อ ก้า ลียว านักงาน ตพนที่การ ก านคร วรรค์ ต 1 ิทยานิพนธ์ปริญญาม าบัณฑิต. บัณฑิต ิทยาลัย ม า ิทยาลัย ราชภัฏนคร รรค์
ัมพันธ์ อุปลา. 2541. การ ก าการมี วนรวม อง ม น นการจัดการ ก า นโรง รียนประ ม ก า ังกัด านักงานการ ก าประ ม ก าจัง วัดอดรธานี ิทยานิพนธ์ ปริญญาม าบัณฑิต บัณฑิต ิทยาลัย ม า ิทยาลัยขอนแก่น. อรุณี เขตนิมิต. 2548. การ ก า าพ และป าการบริ ารงานวิ าการ ระดับป มวัย น าน ก า ันพน าน ังกัด านักงาน ตพนที่ การ ก า รี ะ ก ต ิทยานิพนธ์ปริญญาม าบัณฑิต. บัณฑิต ิทยาลัย ม า ิทยาลัย ราชภัฏ ุรินทร์. Acchione, Lydia Marie Lies. 1993. A comparison of the roles of early childhood teacher and Dissertation Abstracts International, Columbia : Columbia University Teacher College.
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
17
การนำาเ นอแน ทางการพัฒนาคุณภาพการ ึก าตามมาตรฐานการ ึก าปฐม ัย ของโรงเรียนในเขตอำาเภอชนแดง จัง ัดเพชรบูรณ์
Agado, G.A.. 1998. Staff development in effective boarder Dissertation Abstracts International, Columbia : Columbia University Teacher College. Marion, E. L. 1991. Selected educational policy and administrative issues in Kansas Public School early Dissertation Abstracts International, Columbia : Columbia University Teacher College.
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ก ารพัฒนาพฤติกรรมที่แสดงถึงการทำาความดี ตามหลักคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกของคริสตชนไทย The Behaviors Can Help The Development of The Motivation of Thai Catholics to Have A Good Moral Life. บาทหลวงเมธาสิทธิ์ นามละคร
* บาทหลวงในคริสต์ศาสนจักรคาทอลิก สังกัดอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง * มหาบัณฑิตสาขาวิชาเทววิทยาจริยธรรม วิทยาลัยแสงธรรม
บาทหลวง ดร.สุรชัย ชุ่มศรีพันธุ์
* บาทหลวงในคริสต์ศาสนจักรโรมันคาทอลิก สังกัดอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ * อาจารย์ประจำาหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทววิทยาจริยธรรม วิทยาลัยแสงธรรม
พีรพัฒน์ ถวิลรัตน์
* รองผู้อำานวยการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนางานวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
Rev.Methasit Namlakorn
* Reverend in Roman Catholic Church, Tharae-Nongsaeng Archdiocese. * Master of Arts Programe in Moral Theology, Saengtham College.
Rev.Dr.Surachai Chumsriphan
* Reverend in Roman Catholic Church, Bangkok ArchDiocese. * Lacturer of The Master of Arts Programe in Moral Theology, Saengtham College.
Peerapat Thawinratna
* Deputy Director of Academic Promotion and Development, Saengtham College.
การพัฒนาพฤติกรรมที่แสดงถึงการท�าความดี ตามหลักคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกของคริสตชนไทย
ทคัดยอ
20
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยและเป้าหมาย ในการท�าความดีของคริสตชนคาทอลิกไทย 2) เพื่อศึกษาพฤติกรรม ที่แสดงออกมาจากความรักความเมตตาของคริสตชนไทย เครื่องมือที่ ใช้ในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง ผู้วิจัยสัมภาษณ์เก็บ ข้อมูลจากกลุ่มผู้ให้ข้อมูล ตามประเด็นที่ก�าหนดไว้ ในแบบสัมภาษณ์ แล้วรวบรวมข้อมูลน�ามาวิเคราะห์ โดยใช้วิธีวิเคราะห์เนื้อหา กลุ่มผู้ให้ ข้อมูล คือ กลุ่มคริสตชนอาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่ จ�านวน 12 คน ประกอบด้วยกลุ่มคริสตชนเด็กและเยาวชน กลุ่มคริสตชน ผู้ใหญ่ และกลุ่มคริสตชนผู้สูงอายุ กลุ่มละ 4 คน ผลการศึกษาพบว่า 1. ปัจจัยและเป้าหมายในการท�าความดีของคริสตชนไทย มี ดังนี้ 1.1 แบบอย่างชีวิตและค�าสอนของพระเยซูเจ้าเรื่องความรัก 1.2 ประสบการณ์ความรักของพระเจ้าที่คริสตชนได้ประสบ พบเจอและได้สัมผัส 1.3 ความสุขสงบในจิตใจของคริสตชน 2. พฤติกรรมในการท�าความดีที่แสดงออกถึงความรักความ เมตตาของคริสตชนไทย มีดังนี้ 2.1 การให้ความช่วยเหลือและแบ่งปัน 2.2 การมีจิตใจที่เมตตาสงสาร 2.3 การร่วมทุกข์ร่วมสุข 2.4 การให้อภัย 3. แนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาพฤติกรรมที่แสดงถึง การท�าความดีของคริสตชนไทย มีดังนี้ 3.1 การมาวัดเพื่อร่วมพิธีกรรม เช่น พิธีบูชาขอบพระคุณ นพวารแม่พระ การอวยพรศีลมหาสนิท ฯลฯ อย่างสม�่าเสมอ 3.2 แบบอย่างชีวิตที่ดีของคริสตชน
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
เมธาสิทธิ์ นามละคร สุรชัย ชุ่มศรีพันธุ์ และพีรพัฒน์ ถวิลรัตน์
3.3 การมีส่วนร่วมและเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม องค์กรต่างๆ ของ พระศาสนจักร 3.4 การตระหนักอยู่เสมอว่า พระเจ้าทรงเฝ้ามองเราอยู่และ สิ่งต่างๆ ที่เราท�ากับบุคคลอื่นก็เหมือนกับว่าเราท�าต่อพระเยซูเจ้า คาสาคั Abstract
1) คริสตชนไทย
2) ท�าความดี
The purposes of this research were 1) to find the factors and goals for doing good as expressed Thai Christians 2) to study behaviors of the Thai Christians which express love and mercy. The method for this research is Semi-Structured Interview. Researchers interviewed to collect data from the providers in accordance with the issues set up for in the interviews, then to analyze the data collected using the method of content analysis. The data providers were Catholic Christians of Saint Michael Cathedral parish of Thare. They were 12 people, which included children, young, adult Christians and older Catholic Christians; four from each group. The results of the study were : 1. Factors and goals for doing good of The Thai Catholic Christians : 1.1 Exemplary life and teachings of Jesus about love 1.2 The experience of the love of God that Catholic Christians discover and touch in their own lives 1.3 Peace in the hearts of Christians
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
21
การพัฒนาพฤติกรรมที่แสดงถึงการท�าความดี ตามหลักคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกของคริสตชนไทย
2. Behaviors which express love and mercy of Thai Christians : 2.1 Assistance and Sharing of goods 2.2 The spirit of compassion 2.3 The sharing of life experience 2.4 Forgiveness 3. Guideline for the promotion of behavioural development which helps the growth of the good moral life of The Thai Catholic Christians 3.1 Regular community celebrations in the Church such as participation in Mass and other community prayers 3.2 Exemplary life of Christians 3.3 Participation in and membership of various organizations of the Church 3.4 To appreciate that God is watching us and the things we do with other people, what we do for others, we do for Jesus 1) Thai Christians
22
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
2) Doing Goodness
เมธาสิทธิ์ นามละคร สุรชัย ชุ่มศรีพันธุ์ และพีรพัฒน์ ถวิลรัตน์
ที่มาและความสาคั ป า ทุกคนคงปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่า โลก เปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวันไปตามกาลเวลา และ การที่ โ ลกพั ฒ นาขึ้ น เรื่ อ ยๆ นี้ ย ่ อ มส่ ง ผล ท�าให้ชีวิตและความเป็นอยู่ของคนในสังคม เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ผู้คนใช้ชีวิตที่มีความ สะดวกสบายมากขึ้น รวดเร็วมากขึ้น เรื่อง ที่ ย ากในอดี ตกลับกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดาย รวดเร็วและทันใจ โลกเริ่มให้ความส�าคัญกับ เรื่องของวัตถุมากกว่าจิตใจ ให้ความส�าคัญ กับเรื่องของเศรษฐกิจ ผลประโยชน์ ความ เป็นอยู ่ ความร�่ารวย ความสะดวกสบาย ฯลฯ มากกว่าเรื่องของคุณงามความดี ความถูกต้อง คุณธรรม จริยธรรม และความดีส่วนรวม การ ที่โลกได้เปลี่ยนแปลงไปในลักษณะดังกล่าวนี ้ ย่อมส่งผลต่อทุกๆ สังคมในโลก รวมทั้งสังคม ไทยด้วย ดังที่เราอาจจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า สภาพทางสังคมไทยของเราเปลี่ยนแปลงไป อย่างมาก จากอดีตที่เคยเป็นสังคมแห่งการ แบ่งปัน สังคมที่เต็มไปด้วยน�้าใจ และสังคมที่ เต็มไปด้วยความรัก กลับกลายมาเป็นสังคม แห่งการเอารัดเอาเปรียบ การแย่งชิงดีชิงเด่น และการแสวงหาผลประโยชน์ ความสนใจใน เรื่องของความถูกต้องลดน้อยลง ขอแค่ให้ได้ ผลประโยชน์แม้จะผิดเรื่องศีลธรรมก็สามารถ
ยอมรับได้ เป็นต้น ด้วยเหตุน ี้ ผู้วิจัยจึงมีความสนใจ เป็ น อย่ า งยิ่ ง ในการศึ ก ษาถึ ง ปั จ จั ย และเป้ า หมายในการท�าความดีของคริสตชนไทยและ พฤติกรรมที่แสดงออกมาจากความรักความ เมตตาของคริ ส ตชนไทย ท่ า มกลางสภาพ ปัญหาที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในเรื่องของคุณธรรม และจริยธรรมในสังคมไทยซึ่งอาจส่งผลท�าให้ ปั จ จั ย และเป้ า หมายในการท� า ความดี ข อง คริสตชนไทยเปลี่ยนไป วัตถุประส ค์ การวิ ัย 1. เพื่อศึกษาปัจจัยและเป้าหมายใน การท�าความดีของคริสตชนไทย 2. เพื่อศึกษาพฤติกรรมที่แสดงออก มาจากความรักความเมตตาของคริสตชนไทย บเ ต การวิ ัย 1. ขอบเขตด้ า นการศึ ก ษาเนื้ อ หา เอกสารและข้ อ มู ล สารสนเทศต่ า งๆ เช่ น พระคัมภีร์ พระสมณสาส์น กฎหมายพระ ศาสนจักร เอกสารค�าสอนของพระศาสนจักร เอกสารทางประวัติศาสตร์ วิทยานิพนธ์ ฯลฯ โดยจ�าแนกเนื้อหาออกเป็น ดังนี ้ 1.1 เรื่ อ งจริ ย ศาสตร์ เ กี่ ย วกั บ การ ด� า เนิ น ชี วิ ต และบทบาทคริ ส ตชนในพระ
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
23
การพัฒนาพฤติกรรมที่แสดงถึงการท�าความดี ตามหลักคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกของคริสตชนไทย
ศาสนจั ก ร รวมทั้ ง คุ ณ ค่ า และความหมาย ของการเป็นคริสตชน เช่น พระคัมภีร์ พระ สมณสาสน์ของสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 เรื่อง พระกระแสเรียกและภารกิจ ของคริสตชนฆราวาสในพระศาสนจักรและ ในโลก (Christifideles Laici) เอกสารแห่ง สภาสังคายนาวาติกันที่ 2 ธรรมนูญด้านพระ ธรรมกล่าวถึงพระศาสนจักร “Lumen Gentium” “แสงสว่างของนานาชาติ” พระสมณสาสน์ของสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที ่ 16 เรื่องพระเจ้าคือความรัก (Deus Caritas Est) พระสมณสาสน์ของสมเด็จพระสันตะ ปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 และพระสันตะปาปา ฟรังซิส เรื่องแสงสว่างแห่งความเชื่อ (Lumen Fidei) พระสมณสาสน์ของสมเด็จพระ สันตะปาปา ฟรังซิส เรื่อง ความชื่นชมยินดี แห่งพระวรสาร (Evangelii Gaudium) และ ประมวลกฎหมาย พระศาสนจักร บรรพ 2 ว่าด้วยเรื่องประชากรของพระเจ้า ค�าสอน พระศาสนจักร เป็นต้น 1.2 ทฤษฎีทางจิตวิทยาที่เกี่ยวข้อง และสามารถใช้อธิบายพฤติกรรมการแสดง ออกอย่างทั่วไปของมนุษย์ได้ เช่น ทฤษฎี ล�าดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ เรื่องแรง จูงใจ เป็นต้น
24
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
2. ขอบเขตด้านพื้นที่ คือ อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่ 3. ขอบเขตด้ า นผู ้ ใ ห้ ข ้ อ มู ล คื อ คริสตชนชายและหญิงที่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกที่เป็นสมาชิกของอาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่ โดยแบ่งออก เป็น 3 กลุ่มย่อย คือ เด็กและเยาวชน ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ นิยามศัพท์ พา คริ ส ตชนคาทอลิ ก ไทย หมายถึง คนไทยที่ นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก คือ มีความเชื่อในพระเยซูเจ้า รับศีลล้างบาปตาม ระบบของพระศาสนจักรคาทอลิก และยอม รับอ�านาจพระสันตะปาปา และมีภูมิล�าเนาใน อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่ พฤติ ก รรมที่ แ สดงออกถึ ง การ ท�าความดี หมายถึง การแสดงออกถึงกิจการ แห่งความรักความเมตตาต่อคนอื่นๆ ตามหลัก คริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก เช่น การ ให้ความช่วยเหลือ การมีจิตใจที่เมตตาสงสาร การร่วมทุกข์ร่วมสุข ฯลฯ
เมธาสิทธิ์ นามละคร สุรชัย ชุ่มศรีพันธุ์ และพีรพัฒน์ ถวิลรัตน์
ประ ยชน์ที่คา ว่า ะ รับ 1. ท�าให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยและ เป้าหมายในการท�าความดีของคริสตชนไทย 2. ท� า ให้ ไ ด้ ข ้ อ มู ล เกี่ ย วกั บ สภาพ ความเป็นจริงและพฤติกรรมในการท�าความ ดี ที่ แ สดงออกถึ ง ความรั ก ความเมตตาของ คริสตชนไทย ตามหลักคริสต์ศาสนานิกาย โรมันคาทอลิก 3 . ไ ด ้ แ น ว ท า ง ใ น ก า ร พั ฒ น า พฤติ ก รรมที่ แ สดงถึ ง การท� า ความดี ข อง คริสตชนไทย ตามหลักคริสต์ศาสนานิกาย โรมันคาทอลิก สรุป ลการวิ ัย ประเ นที่ 1 ป ัยและเปา มาย นการ ทาความ ี คริสตชน ทย 1.1 ความเข้าใจเรื่องความหมายของ ความดีและความรักความเมตตาของคริสตชนไทย ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องความ หมายของความดีและความรักความเมตตา ตามหลั ก ค� า สอนของคริ ส ต์ ศ าสนา นิ ก าย โรมันคาทอลิก ถือว่าเป็นปัจจัยภายนอกที่ ส�าคัญอีกประการหนึ่งที่จะส่งผลท�าให้คริสตชนสามารถกระท� า ความดี ภ ายใต้ แรงจู ง ใจ และเป้าหมายที่ถูกต้อง จากการวิจัย พบว่า ผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่ มีความเข้าใจว่า ความดี
กับความรักความเมตตาล้วนเป็นเรื่องเดียวกัน ที่แยกออกจากกันไม่ได้ นั่นคือ ความดีต้อง แสดงออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรม เป็นกิจการ ที่ดีงามต่อผู้อื่นรอบข้าง เช่น การช่วยเหลือ การให้ก�าลังใจ การมีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน การ แสดงความเมตตากรุณาต่อกัน การร่วมทุกข์ ร่วมสุขกัน เป็นต้น จากผลการวิจัยดังกล่าว ท� า ให้ เ ห็ น ว่ า ผู ้ ใ ห้ ข ้ อ มู ล ส่ ว นใหญ่ มี ค วาม เข้ า ใจในเรื่ อ งความหมายของความดี แ ละ ความรักความเมตตา ที่สอดคล้องกับค�าสอน ของพระศาสนจักรที่ว่า “ความดีเกิดขึ้นได้ จาก ความเชื่อที่ต้องสัมพันธ์กับความรัก แสง สว่างแห่งความเชื่อจึงต้องรับใช้ความยุติธรรม บทบัญญัติ และสันติภาพ ความเชื่อเกิดจาก การพบความรักของพระเจ้าเป็นส�าคัญ ซึ่งท�า ให้ความหมายและความดีของชีวิตเราปรากฏ ชัดเจนขึ้น” (ฟรังซิส, 2556) 1.2 ทั ศ นคติ แ ละสภาพความเป็ น จริงในการท�าความดีของคริสตชนไทย จาก การวิจัย ในเรื่องทัศนคติและสภาพความเป็น จริงในการท�าความดีของคริสตชนไทย ผล การวิจัยพบว่า การท�าความดีในสภาพสังคม ปัจจุบัน มีอุปสรรคมากขึ้น เพราะผู้คนใน สังคมไม่สู้ให้ความส�าคัญกับการท�าความดีกัน เท่าใดนัก ส่วนมากมักจะทุ่มเทและให้ความ ส�าคัญกับเรื่องอาชีพการงานของตนเองเป็น
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
25
การพัฒนาพฤติกรรมที่แสดงถึงการท�าความดี ตามหลักคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกของคริสตชนไทย
หลัก นอกจากนี้ผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมก็มี ความเห็นแก่ตัวกันมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยยังพบว่า ผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่มี ความเชื่อมั่นในการท�าความดี และพร้อมที่จะ ยืนหยัดในการท�าความดีนั้นต่อไป แม้ว่า ผล จากการท�าความดี อาจส่งผลเสียต่อผู้กระท�า อย่างเช่น ได้รับความเดือดร้อน ถูกนินทา ว่าร้าย และไม่ได้รับผลดีเป็นการตอบแทน เนื่องจาก ผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่มีจิตใจที่หนัก แน่ น มั่ น คงและหลั ก ค� า สอนของพระเยซู คริสตเจ้าที่มีอิทธิพลต่อการด�าเนินชีวิตของ พวกเขาด้วย จากผลการวิจัยดังกล่าว มีความ สอดคล้ อ งกั บ ค� า สอนของพระศาสนจั ก รที่ ว่า “คริสตชนผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความเชื่อ ในองค์พระคริสตเจ้า และเป็นประชากรที่ พระองค์ทรงเรียกให้มารู้จักพระองค์ ดังนั้น คริสตชนจึงมีหน้าที่และบทบาทของตนเอง เพราะพระจิ ต เจ้ า ทรงเรี ย กรวมทุ ก คนเข้ า มาเป็นหนึ่งเดียวกันในพระศาสนจักร และ ภารกิ จ ที่ พ ระเยซู ค ริ ส ตเจ้ า ทรงมอบให้ เรา คริสตชนทุกคนท�าคือ การออกไปป่าวประ กาศข่าวดีของพระองค์จนสุดปลายแผ่นดิน ภาระหน้าที่ของคริสตชนจึงเป็นการท�าให้คน ที่ยังไม่รู้จักข่าวดีของพระคริสตเจ้า ให้เขาได้ มารู้จักข่าวดีนั้น พร้อมทั้งท�าให้พวกเขาได้ ด�าเนินชีวิตในหนทางแห่งความรักของพระ
26
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
คริสตเจ้าพร้อมกันกับเรา” (ยอห์น ปอล ที่ 2, 2535) 1.3 ปั จ จั ย และเป้ า หมายในการ ท�าความดีของคริสตชนไทย ปัจจัยและเป้า หมายในการท�าความดีของคริสตชน คือการ ตอบสนองความรั ก ของพระเจ้ า โดยการ แสดงออกถึ ง กิ จ การแห่ ง ความรั ก ความ เมตตาต่อเพื่อนพี่น้องที่อยู่รอบข้าง ดังที่พระ สันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 ได้ตรัสไว้ในสมณสาส์น Deus Chritas Est (พระเจ้าคือความ รัก) ว่า “ความรักต่อเพื่อนมนุษย์ จึงมีพื้นฐาน มาจากความรักของพระเจ้า และเป็นความ รับผิดชอบของสมาชิกหรือสัตบุรุษแต่ละคน และมันก็เป็นความรับผิดชอบของชุมชนพระ ศาสนจักรทั้งปวงในแต่ละระดับด้วย ที่พระ ศาสนจักรจะต้องปฏิบัติความรัก” (เบเนดิกต์ ที่ 16, 2549) 1.3.1 แบบอย่ า งชี วิ ต และค� า สอน ของพระเยซูเจ้าเรื่องความรัก ถือว่าเป็นปัจจัย และแรงจูงใจหลักที่เป็นแรงผลักดันให้คริสตชนตัดสินใจในการท�าความดีต่างๆ ทั้งนี้เนื่อง มาจากได้ รั บ การปลู ก ฝั ง มาจากบรรพบุ รุ ษ จากการอ่านและรับฟังพระวาจาของพระเจ้า จากการเรี ย นค� า สอน จากการเข้ า รั บ การ อบรมต่างๆ และจากบทเทศน์ของพระสงฆ์ ทีละเล็กทีละน้อย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ จึงล้วน
เมธาสิทธิ์ นามละคร สุรชัย ชุ่มศรีพันธุ์ และพีรพัฒน์ ถวิลรัตน์
มี อิ ท ธิ พ ลที่ เ ป็ น องค์ ป ระกอบในการสร้ า ง จิตส�านึก ความเชื่อและแรงผลักดันที่ท�าให้ คริสตชนตัดสินใจในการท�าความดีในชีวิตของ ตน 1.3.2 ประสบการณ์ ค วามรั ก ของ พระเจ้าที่คริสตชนได้ประสบพบเจอและได้ สัมผัส ถือว่าเป็นปัจจัยและเป้าหมายในการ ท�าความดีของคริสตชนที่มีความเชื่อมโยงกัน กั บ แบบอย่ า งชี วิ ต และค� า สอนของพระเยซู เจ้าเรื่องความรัก ในแง่ที่ว่า ประสบการณ์ ความรักของพระเจ้าที่คริสตชนแต่ละคนได้ ประสบนั้น เปรียบเสมือนไฟที่เผาผลาญจิต ใจของคริ ส ตชนให้ เ กิ ด ความร้ อ นรนในการ แสดงออกซึ่งความรัก ความเมตตาต่อคนอื่น เพราะจากผลของการวิจัยพบว่า คริสตชน เกิดความส�านึกในพระคุณของพระเจ้าที่ทรง แสดงความรักต่อตนเองผ่านทางเหตุการณ์ และประสบการณ์ต่างๆ ในชีวิต ดังนั้น เมื่อ คริสตชนมีประสบการณ์ความรักของพระเจ้า และเกิดความส�านึกถึงพระคุณแล้ว สิ่งเหล่า นี้จึงเป็นแรงผลักดันที่ท�าให้คริสตชนพร้อมที่ จะแบ่งปันความรักนั้นต่อบุคคลอื่น โดยมัก จะตระหนักอยู่เสมอว่า ตนได้รับความรักจาก พระเจ้าอย่างมาก ดังนั้น จึงมีความจ�าเป็นต้อง ตอบสนองความรักของพระองค์ ด้วยการมอบ ความรัก ความเมตตาต่อบุคคลอื่นด้วยเช่น
กัน ความรักของพระเจ้าที่คริสตชนได้สัมผัส ผ่านทางเหตุการณ์และประสบการณ์ในชีวิต นั้น จึงเป็นแรงกระตุ้นและก�าลังใจให้คริสตชน สามารถกระท�าความดีต่างๆ ในชีวิตของตนได้ โดยเฉพาะในเรื่องของความรัก ความเมตตา ต่อคนอื่น 1.3.3 ความสุขสงบในจิตใจคริสตชน จากผลของการวิจัยในข้อนี้พบว่า ปัจจัย และเป้าหมายในการท�าความดีของคริสตชน ที่มุ่งเน้นและให้ความส�าคัญในเรื่องของความ สุขสงบในจิตใจนั้น ส่วนใหญ่พบในผู้ให้ข้อมูล ที่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งผู้ให้ข้อมูลที่เป็นวัยผู้สูงอายุ เองได้ให้ข้อมูลว่า ตัวเองได้ผ่านชีวิตมามาก และได้ท�าหลายสิ่งหลายอย่างมาแล้วในชีวิตที่ ผ่านมา ดังนั้น สิ่งที่คาดหวังจากการท�าความ ดีในช่วงบั้นปลายของชีวิตนั้น คือ ความสุข สงบในจิตใจ โดยมีหลักค�าสอนและชีวิตของ พระเยซูคริสตเจ้าที่ตนเองได้รับการปลูกฝังมา จากบรรพบุรุษคอยส่งเสริมและเป็นแนวทาง ในการท�าความดีของตน ประเ นที่ 2 พ ติกรรม นการทาความ ี ที่ แ ส กถ ความรั ก ความเมตตา คริสตชน ทย 2.1 การให้ความช่วยเหลือและแบ่ง ปัน จากผลของการวิจัยในส่วนของพฤติกรรม
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
27
การพัฒนาพฤติกรรมที่แสดงถึงการท�าความดี ตามหลักคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกของคริสตชนไทย
ในการท�าความดีที่แสดงออกถึงความรักความ เมตตาของคริสตชนไทยนั้น เรื่องแรกที่ผู้ให้ ข้อมูลส่วนใหญ่ได้ให้ข้อมูลและมีความเห็นใน ลักษณะเดียวกันคือ การให้ความช่วยเหลือ และแบ่งปัน จากผลของการวิจัยในข้อนี้ทา� ให้ เราทราบว่า คริสตชนไทยยังมีนา�้ ใจต่อบุคคล อื่นเป็นอย่างดี ที่แสดงออกโดยการให้ความ ช่วยเหลือและการแบ่งปันในสิ่งที่ตนเองมีตาม ก�าลังความสามารถของตน โดยเฉพาะอย่าง ยิ่ง การให้ความช่วยเหลือในเรื่องของอาหาร และปัจจัยแก่คนยากจนที่อยู่ในชุมชน การ แบ่ ง ปั น อาหารและสิ่ ง ที่ ต นมี ต ่ อ เพื่ อ นบ้ า น การบริ จ าคปั จ จั ย ต่ า งๆ แก่ ค นที่ ม าขอรั บ บริจาคทั้งที่เป็นพุทธศาสนิกชนและคริสตชน เป็นต้น การแสดงออกถึงกิจการแห่งความ รักความเมตตาต่อบุคคลอื่นโดยผ่านทางการ ให้ความช่วยเหลือและการแบ่งปันนั้น ถือว่า เป็นกิจการแห่งความรักความเมตตาที่มีความ ส�าคัญและมีความโดดเด่นมากในฐานะการ เป็นคริสตชน เพราะเป็นกิจการแห่งความรัก ความเมตตาที่มองเห็นและสัมผัสได้ 2.2 การมีจิตใจที่เมตตาสงสาร จาก ผลของการวิจัยในส่วนของพฤติกรรมในการ ท�าความดี ที่แสดงออกถึงกิจการแห่งความ รักความเมตตาของคริสตชนไทยในประการ ต่อมา คือ การมีจิตใจที่เมตตาสงสารของ
28
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
คริสตชนไทย ผลของการวิจยั ท�าให้เราทราบว่า คริ ส ตชนไทยเป็ น บุ ค คลที่ มี จิ ต ใจที่ เ มตตา สงสาร ซึ่ ง การมี จิ ต ใจที่ เ มตตาสงสารของ คริสตชนไทยนั้น มีความสอดคล้องกับผลของ การวิจัยในประการแรก เพราะจิตใจที่มีเมตตา และสงสารของคริสตชนไทยนั้น เป็นการกระ ตุ้นให้คริสตชนไทยต้องแสดงออกถึงกิจการ แห่งความรักความเมตตาต่อบุคคลอื่น โดย ผ่านทางการให้ความช่วยเหลือและการแบ่ง ปัน นั่นเอง 2.3 การร่วมทุกข์ร่วมสุข จากผลของ การวิจัยพบว่า พฤติกรรมในการท�าความดีที่ แสดงออกถึงกิจการแห่งความรักความเมตตา อีกประการหนึ่งของคริสตชนไทยคือ การร่วม ทุกข์ร่วมสุข ผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่เห็นว่า การ ร่วมทุกข์ร่วมสุขของคริสตชนไทยแสดงออก โดยการไปเยี่ยมคนเจ็บป่วย การไปร่วมในงาน ศพ งานแต่งงาน และการให้ก�าลังใจแก่คนที่ หมดก�าลังใจ ดังนั้น จากผลของการวิจัยดัง กล่าวท�าให้เราพบว่า คริสตชนไทยยังมีความ สนใจและใส่ ใจคนรอบข้ า งอยู ่ เ ป็ น อย่ า งดี การร่วมทุกข์ร่วมสุขจึงถือว่าเป็นกิจการแห่ง ความรักความเมตตาที่ส�าคัญอีกประการหนึ่ง ซึ่งมีความสอดคล้องกับกิจการแห่งความรัก ความเมตตาตามแบบของพระเยซูเจ้า การ ร่ ว มทุ ก ข์ ร ่ ว มสุ ข นั้ น ถื อ ว่ า เป็ น กิ จ การแห่ ง
เมธาสิทธิ์ นามละคร สุรชัย ชุ่มศรีพันธุ์ และพีรพัฒน์ ถวิลรัตน์
ความรักความเมตตาที่ส�าคัญมากอีกประการ หนึ่ง เพราะการร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับบุคคล รอบข้างของเรา โดยเฉพาะคนบาป คนที่ สังคมมองว่าเป็นคนไม่ด ี คนที่สังคมไม่เห็น คุณค่า เป็นก�าลังใจอันยิ่งใหญ่ต่อบุคคลเหล่า นั้น นอกจากนี้ยังเป็นการให้ความเคารพใน คุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพวก เขา เป็นการร่วมชีวิตกับพวกเขา สนใจ ใส่ใจ พวกเขา ดังที่ในพระวรสารมีภาพของพระ เยซูเจ้าที่ทรงร่วมรับประทานอาหารกับคน บาปหลายครั้งเลยทีเดียว “คนสบายดีไม่ ต้องการหมอ แต่คนเจ็บไข้ต้องการ เราพอใจ ในความเมตตากรุณา มิใช่พอใจในเครื่อง บูชา” (มธ 9: 12-13) ดังนั้น การร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับคนบาป คนที่สังคมมองว่าไม่ด ี คน ที่ด้อยโอกาส ฯลฯ จึงเป็นกิจการแห่งความรัก ความเมตตาที่สา� คัญยิ่ง ซึ่งองค์พระคริสตเจ้า ทรงกระท�าให้เราเห็นเป็นแบบอย่างที่ชัดเจน ที่สุด (Grun Anselm, 2002) 2.4 การให้ อ ภั ย จากผลของการ วิ จั ย พบว่ า พฤติ ก รรมในการท� า ความดี ที่ แสดงออกถึงกิจการแห่งความรักความเมตตา ในเรื่องของการให้อภัยนั้น ผู้ให้ข้อมูลส่วน ใหญ่สามารถให้อภัยได้แต่ก็มีข้อจ�ากัดในเรื่อง ของเวลาและสาเหตุที่ท�าให้โกรธ จากผลของ การวิจัยในข้อนี้ท�าให้รู้ได้ว่า คริสตชนจะให้
อภัยได้ก็ต่อเมื่อเวลาผ่านไปพอสมควรซึ่งจะ ช้าหรือเร็วแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ท�าให้ โกรธว่ามีความหนักหรือเบามากน้อยแค่ไหน ซึ่ ง ปั จ จั ย และเป้ า หมายในการให้ อ ภั ย ของ คริสตชนคือ เพื่อความสบายใจ นอกจากนี้ คริสตชนยังตระหนักถึงค�าสอนของพระเยซู คริสต์เจ้าที่สอนในเรื่องของการให้อภัยอีกด้วย แม้ว่าคริสตชนจะสามารถให้อภัยได้ แต่คริสตชนสามารถให้อภัยได้อย่างมากไม่เกินสามครั้ง เท่านั้น โดยเฉพาะเรื่องใดที่เป็นเรื่องที่หนัก คริสตชนจะให้อภัยได้เพียงครั้งเดียว ตรงจุดนี้ ท�าให้รู้ได้ว่า แท้จริงแล้วการแสดงออกถึง กิจการแห่งความรักความเมตตาของคริสตชน ในเรื่องของการให้อภัยนั้น ยังถือว่าเป็นเรื่อง ที่เกิดขึ้นได้ยากพอสมควร เนื่องจาก การให้ อภัยจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีเงื่อนไขและข้อจ�ากัด ของเวลาและสาเหตุ ดังนั้น จึงเป็นการยากที่ คริสตชนจะแสดงออกถึงกิจการแห่งความรัก ความเมตตาในเรื่องของการให้อภัยโดยไม่มี เงื่อนไขตามแบบของพระเยซูคริสตเจ้า ประเ นที่ แนวทา นการส่ เสริมและ พัฒนาพ ติกรรมที่แส ถ การทาความ ี คริสตชน ทย 3.1 การเข้าวัดเพื่อร่วมพิธีกรรมทาง ศาสนาอย่างสม�่าเสมอ เช่น การมาร่วมพิธีบูชา
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
29
การพัฒนาพฤติกรรมที่แสดงถึงการท�าความดี ตามหลักคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกของคริสตชนไทย
ขอบพระคุณ นพวารพระมารดานิจานุเคราะห์ อวยศีลมหาสนิท และพิธีกรรมทางศาสนา ทุกอย่างที่ทางวัดจัดขึ้น เป็นการแสดงออกถึง ความเชื่อ ความศรัทธา และความรัก ที่คริสตชนแต่ละคนมีต่อพระเจ้าของตน นอกจากนี้ การเข้ า วั ด เพื่ อ ร่ ว มในพิ ธี ก รรมทางศาสนา อย่ า งสม�่ า เสมอนั้ น จะช่ ว ยท� า ให้ ค ริ ส ตชนมี โอกาสได้ฟังพระวาจาของพระเจ้า ได้รับฟัง การเทศน์สอนของพระสงฆ์เพื่อคริสตชนจะได้ ด�าเนินชีวิตที่ถูกต้องตามหลักค�าสอนของพระ ศาสนจักร และที่ส�าคัญคือ การที่คริสตชน เข้าวัดอย่างสม�่าเสมอนั้น จะช่วยท�าให้คริสตชนมีปฏิสัมพันธ์กับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง คริสตชนด้วยกันเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย จากผล ของการวิจัยในข้อนี ้ ท�าให้รู้ได้ว่า คริสตชนที่ แสดงออกถึงกิจการแห่งความรักความเมตตา ต่อบุคคลอื่นนั้น คือผู้ที่มาร่วมพิธีกรรมอย่าง สม�่าเสมอ 3.2 แบบอย่างชีวิตที่ดีของคริสตชน จากผลของการวิ จั ย ในข้ อ นี้ ท� า ให้ เราทราบ ว่า ปัจจัยประการหนึ่งที่เป็นแนวทางในการ ส่งเสริมท�าให้คริสตชนแสดงออกถึงกิจการ แห่ ง ความรั ก ความเมตตาต่ อ บุ ค คลอื่ น คื อ การด�าเนินชีวิตที่เป็นแบบอย่างของคริสตชน โดยเฉพาะอย่ า งยิ่ ง การด� า เนิ น ชี วิ ต ที่ เ ป็ น แบบอย่างในเรื่องของความรักความเมตตา
30
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
เนื่องจากว่า การด�าเนินชีวิตที่เป็นแบบอย่าง ในเรื่องของความรักความเมตตานั้น ย่อมมี อิทธิพลเป็นอย่างมากในการกระตุ้นและส่ง เสริมให้คริสตชนได้แสดงออกถึงกิจการแห่ง ความรักความเมตตาต่อกัน เพราะเมื่อใคร ก็ตามที่ได้รับความรักความเมตตาจากคนอื่น แล้ว ย่อมส่งผลท�าให้เขาตระหนักว่าตนเองก็ ต้องแสดงความรักความเมตตาต่อบุคคลอื่น ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ แบบอย่างชีวิตที่ดีของ คริสตชนยังท�าให้ค�าสอนเรื่องความรักความ เมตตาของคริ ส ต์ ศ าสนามี ค วามน่ า เชื่ อ ถื อ และน่าปฏิบัติตามเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้น แนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาพฤติกรรม ในการท� า ความดี ข องคริ ส ตชนอี ก ประการ หนึ่งก็คือ คริสตชนต้องด�าเนินชีวิตเป็นแบบ อย่างที่ดีเสียก่อน 3.3 การมี ส ่ ว นร่ ว มและเข้ า เป็ น สมาชิกกลุ่มองค์กรต่างๆ ของพระศาสนจักร เช่น ชุมชนคริสตชนพื้นฐาน กลุ่มพลมารี กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มเยาวชน กลุ่มส่งเสริมชีวิต ครอบครัว ฯลฯ เนื่องจากว่า คริสตชนไม่ สามารถด�าเนินชีวิตโดยล�าพังได้ ดังนั้น จาก ผลของการวิจัยในข้อนี ้ ท�าให้รู้ได้ว่า การที่ คริสตชนมีส่วนร่วมและเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม องค์กรต่างๆ ของพระศาสนจักรนั้น จะท�าให้ คริสตชนมีโอกาสรู้จักกันมากขึ้น มีความเป็น
เมธาสิทธิ์ นามละคร สุรชัย ชุ่มศรีพันธุ์ และพีรพัฒน์ ถวิลรัตน์
พี่เป็นน้องกันมากขึ้น มีความไว้เนื้อเชื่อใจกัน มากขึ้ น และมีความสัมพันธ์กันมากขึ้นอีก ด้วย นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมและเข้าร่วม กลุ่มองค์กรต่างๆ ของพระศาสนจักรนั้น ยัง เป็นการสร้างโอกาสให้คริสตชนได้แสดงออก ถึงความรักความเมตตาต่อกันเพิ่มมากขึ้นได้ อีกด้วย 3.4 การตระหนั ก อยู ่ เ สมอว่ า พระเจ้าทรงเฝ้ามองเราอยู่และสิ่งต่างๆ ที่เรา ท�ากับบุคคลอื่นก็เหมือนกับว่าเราท�าต่อพระ เยซูเจ้า จากผลของการวิจัยในข้อนี้ทา� ให้เรา ทราบว่า ปัจจัยอีกประการหนึ่งที่ส่งเสริมท�า ให้คริสตชนแสดงออกถึงความรักความเมตตา ต่อบุคคลอื่นเพิ่มมากขึ้นคือ การที่คริสตชน ตระหนักอยู่เสมอว่าพระเจ้าทรงเฝ้ามองเรา อยู่และสิ่งต่างๆ ที่เราท�ากับบุคคลอื่นก็เหมือน กับว่าเราท�าต่อพระเยซูเจ้า เพราะสิ่งเหล่านี้ จะช่วยท�าให้คริสตชนไม่กล้าท�าบาป มีก�าลังใจ ในการท�าความดีต่อไป และช่วยท�าให้คริสตชนตัดสินใจในการแสดงความรักความเมตตา ต่อบุคคลอื่นได้ง่ายขึ้น เพราะว่าเขาเห็นพระ เยซู เจ้ า ที่ อ ยู ่ ใ นชี วิ ต ของคนอื่ น โดยเฉพาะ อย่างยิ่งคนยากจน คนด้อยโอกาส และคนที่ ต�่าต้อยในสังคม เป็นต้น
เสน แนะ 1. พระสงฆ์ ค วรตอกย�้ า และเทศน์ สอนเรื่ อ งความรั ก ความเมตตาตามหลั ก คริสต์ศาสนาอยู่เป็นประจ�า เพื่อหลักค�าสอน เรื่องความรักความเมตตาจะได้ซึมซับเข้าไปใน จิตใจของสัตบุรุษ เพราะว่าค�าสอนเรื่องความ รั ก ความเมตตาถื อ ว่ า เป็ น หั ว ใจของคริ ส ต์ ศาสนาและสัตบุรุษจะได้ตระหนักว่าความรัก ความเมตตาคือค�าสอนที่ส�าคัญที่สุดที่พวกเขา พึงปฏิบัติต่อกันและกัน 2. พระสงฆ์และคริสตชนทุกคนควร กระตุ้นและเตือนกันและกัน ให้หมั่นมาร่วม พิธีกรรมอย่างสม�่าเสมอ เพราะการมาร่วม พิธีกรรมอย่างสม�่าเสมอนั้น จะท�าให้คริสตชน มีความสนิทสัมพันธ์กับพระเจ้ามากขึ้น อัน เป็นขุมพลังที่จะเป็นแรงผลักดันให้คริสตชน ได้แสดงความรักความเมตตาต่อกัน 3. พระสงฆ์ ค วรสนั บ สนุ น และให้ ความส�าคัญกับสัตบุรุษในเรื่องของการมีส่วน ร่วมในกลุ่มองค์กรต่างๆ ของพระศาสนจักร เพราะอาศั ย กลุ ่ ม องค์ ก รต่ า งๆ ของพระ ศาสนจักรนี่แหละที่จะเป็นช่องทางและเปิด โอกาสให้ สั ต บุ รุ ษ ได้ ท� า ความรู ้ จั ก กั น อย่ า ง ลึกซึ้ง ได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพื่อ ความเป็นพี่น้องกันอย่างแท้จริง อันจะท�าให้ สัตบุรุษเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกัน และพึ่งพา
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
31
การพัฒนาพฤติกรรมที่แสดงถึงการท�าความดี ตามหลักคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกของคริสตชนไทย
อาศัยกันและกันได้อย่างสนิทใจ 4. พระสงฆ์ แ ละคริ ส ตชนควร กระท�าตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีต่อผู้อื่น โดย หมั่นเตือนใจตัวเองอยู่เสมอว่าเราเป็นภาพ รร านกรม เบเนดิกต์ ที่ 16, พระสันตะปาปา. 2549. สม สาส์น พร าคอความรัก แปลโดย ว.ประทีป. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ อัสสัมชัญ. ฟรังซิส, พระสันตะปาปา. 2556. สม สาสน์ แสงสวางแหง ความ ช่อ แปลโดย เซอร์มารี หลุยส์, วิไลลักษณ์ ตันพิบูลย์วงศ์. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์อัสสัมชัญ.
32
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
ลักษณ์ที่สะท้อนพระเยซูเจ้าด้วยชีวิตของเรา เพราะการสอนและการแพร่ธรรมที่ดีที่สุดคือ การเป็นพยานด้วยชีวิต
ยอห์น ปอล ที่ 2, พระสันตะปาปา. 2535. สม สาสน์ กร แส รียกแล ารกิ ของคริสตชน ราวาส น พร ศาสน ักรแล นโลก แปลโดย ว.ประทีป. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ อัสสัมชัญ. Grun, Anselm. 2002. New York : The Continuum International.
การพัฒนาแผนกิ จกรรมการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาทักษะการสอน และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของครูคำาสอน ตามแนวคิดอิกญาเชี่ยนในประเทศไทย
DSkillsevelopment of Learning Activity Plans for Acquiring Teaching and Desired Characteristics of Catechists in Accordance with Ignatian Pedagogical Paradigm in Thailand. บาทหลวง ผศ.วัชศิลป์ กฤษเจริญ
* บาทหลวงในคริสต์ศาสนจักรโรมันคาทอลิก สังกัดสังฆมณฑลราชบุรี * ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำาสาขาวิชาคริสตศาสนศึกษา คณะศาสนศาสตร์ วิทยาลัยแสงธรรม
Rev.Asst.Prof.Watchasin Kritjaroen
* Reverend in Roman Catholic Church, Ratchaburi Diocese. * Assistant Professor, Christian Studies Faculty of Religious, Saengtham College.
Development of Learning Activity Plans for Acquiring Teaching skills and desired Characteristics of Catechists in Accordance with Ignatian Pedagogical Paradigm in Thailand.
Abstract
34
The objectives of this study were : 1) to examine the needs for acquiring teaching skills and the desired characteristics of catechists in accordance with the Ignatian pedagogy paradigm in Thailand 2) to develop learning activity plans for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists in accordance with Ignatian Pedagogical Paradigm in Thailand and 3) to find out the result of learning activity plans for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists in accordance with Ignatian Pedagogical Paradigm in Thailand. The sample consisted of : 13 catechetical experts selected by purposive sampling ; 343 catechists by sample size table of Krejcie & Morgan ; 15 catechists an as experimental group by purposive sampling. The research instruments were : 1) semi-structured interview 2) questionnaire 3) learning activity plans and 4) focus group discussion guideline. The data was analyzed by frequency, percentage, arithmetic mean, standard deviation, and content analysis. Research findings were as follows : 1. The need for teaching skills and desired Characteristics of Catechists in accordance with Ignatian Pedagogical Paradigm in Thailand. 1.1 The need for acquiring teaching skills. Catechists needed five teaching skills. The first was Reflection (X=4.44, S.D.=.598 high level). The second was Practice (X=4.40, S.D. =.579 high level) Third: Experience (X=4.31, S.D.=.548 high
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
Watchasin Kritjaroen
level). Fourth : Context (X=4.30, S.D.=.535 high level) and the last was Evaluation (X=4.25, S.D.=.646 high level) 1.2 The need for acquiring desired characteristics. Catechists needed nine characteristics. The first desired characteristic needed was Faithfulness to God (X=4.47, S.D. =.613 high level). The second is Living one’s life by following Jesus as the model (X=4.46, S.D.=.640 high level). Third: An active life of commitment to society (X=4.45, S.D.=.666 high level). Fourth: Doing one’s best to improve continually (X=4.43, S.D.=.697 high level). Fifth: Working with the spirit of community (X=4.43, S.D.=.730 high level). Sixth: Promoting morality and offering transformational leadership (X= 4.42, S.D.=.639 high level). Seventh: Attitude of loyalty and service to the Catholic Church (X=4.35, S.D.=.742 high level). Eighth: Making ongoing evaluation of life and work (X=4.32, S.D.=.710 high level) and the last was Knowing and Loving each individual learner (X=4.31, S.D.=.632 high level). 2. The learning activity plans for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists in accordance with Ignatian Pedagogical Paradigm in Thailand were composed of 26 learning activities and 100 hours for learning and practice during a period of 31 days. There were 14 activities for developing teaching skills and 12 activities for developing desired characteristics. 3. The result of learning activity plans for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists in
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
35
Development of Learning Activity Plans for Acquiring Teaching skills and desired Characteristics of Catechists in Accordance with Ignatian Pedagogical Paradigm in Thailand.
accordance with Ignatian Pedagogical Paradigm in Thailand. 3.1 The result of all learning activity plans for acquiring teaching skill were at a high level (X=4.49 S.D.=.271). 3.2 The result of all learning activities plans for acquiring desired characteristics of catechists in accordance with Ignatian Pedagogical Paradigm in Thailand were in higher level (X=4.58 S.D.=.258) Keywords :
1) Teaching Skill 2) Desired Characteristics 3) Catechist 4) Ignatian Pedagogical Paradigm
Statement of the problems According to the constitution, Thailand pays attention and promotes religious freedom for all people in the kingdom. This means that this country respects for the basic right of human being. Moreover it also recognizes the importance of cultivating morality in the nation by focusing on training teachers to teach citizenship, morality and ethics. The Catholic Church has established legal and policy developments for catechesis and catechists and
36
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
this is an important task of the Church. So the development of catechists is one important task in response to the policy of the country and as a part of building a peaceful. The pastoral plan of the Catholic Church in Thailand for the years 2010 - 2015 focuses on pastoral care and evangelization. In the area of pastoral care, the Church emphasizes lifelong faith formation. A national committee should have a concrete, systematic and organized plan
Watchasin Kritjaroen
of action for faith formation of all level of the faithful. Every parish and catholic school should provide catechesis for their member (article n.18). The others reasons came from the teaching experiences and need of catechists themselves. They as educators, need a pedagogy that endeavors to form men and women for others but in a postmodern world where so many forces are at work which are antithetical to that aim (Society of Jusus, 2013). Catechists still need an ongoing formation if they are able to provide pedagogy effectively which encourages student activity in learning, fosters growth in human excellence and promotes formation in faith. Another reason to consider is methodology for catechizing. Usually catechists use textbooks as resources to teach. So they use a Two-Step method. This means a lecture style, in which the catechist has the role of authority and a dispenser of knowledge. Students are passive receivers. This is known as the teacher
centered model. This method emphasizes memory skill but lacks thinking and reflection which will make student convert the knowledge into practice in their daily life. And results from the survey found that catechists in Thailand still need to develop themselves in three areas; knowledge, attitude and teaching skill. Especially there is a more teaching skills and acquisition of desired characteristics. From these reasons, this Development of Learning Activity Plans for Acquiring Teaching skills and desired Characteristics of Catechists According to Ignatian Pedagogy Paradigm in Thailand is needed for the progress of Catholic Church. Objectives 1. To examine need for asquiring teaching skills and desired characteristics of catechists in accordance with Ignatian pedagogy paradigm in Thailand, 2. To develop learning activity plans for acquiring teaching skills and
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
37
Development of Learning Activity Plans for Acquiring Teaching skills and desired Characteristics of Catechists in Accordance with Ignatian Pedagogical Paradigm in Thailand.
desired characteristics of catechists in accordance with Ignatian pedagogy paradigm in Thailand 3. To find out the result of learning activity plans for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists in accordance with Ignatian pedagogy paradigm in Thailand.
Ignatian pedagogy paradigm in Thailand. Dependent variable was result of learning activity plans for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists in accordance with Ignatian pedagogy paradigm in Thailand
Scopes of the Research The content of the research consists of 1) Concept of His Majesty the King of Thailand on Education 2) Idea and theory of non-formal education 3) Idea and theory of adult education and transformative learning 4) Perennialism 5) Plan for development of catechists in the Thai context 6) Ignatian pedagogy paradigm 7) Theory on development non–formal education program and 8) Related research Independent variable was learning activity plans for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists in accordance with
Population Scope 1. The Population for examining the need for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists according to Ignatian pedagogy paradigm in Thailand were 47 catechetical experts and 2,431 catechists. The sample consisted of 13 catechetical experts and 343 catechists. 2. The Population for examining the develop learning activity plans for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists in accordance with Ignatian pedagogy paradigm in Thailand was five advisors. 3. The Population for experiment learning activity plans was 15
38
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
Watchasin Kritjaroen
Catechists. 4. The Population for evaluation Learning Activity Plans was five catechetical experts. e nitions Teaching Skills mean the ability to catechize according to Ignatian pedagogy paradigm which is composed of five elements. They are Context, Experience, Reflection, Action and Evaluation Desired Characteristics mean the way of life of the catechists in accordance with Ignatian pedagogy paradigm which is composed of nine characteristics: Faithfulness to God, to Know and Love each individual learner, Living one’s life by following Jesus as the model, Promote morality and offering transformational leadership, an Active life of commitment for society, Attitude of loyalty and Service to the Catholic Church, Doing one’s best to improve continually, Working with the spirit of community and Doing on-
going evaluation of life and work. Catechist means the person who was assigned by an authority of the Church to teach Christian doctrine for the members of Catholic Church and other interested persons. Ignatian Pedagogy Paradigm means a way of learning and a method of teaching taken from the Spiritual Exercises on Ignatian of Loyola. It is based in St. Ignatius Loyola's spiritual exercises, and takes a holistic view of the world. The goal of the Ignatian pedagogy paradigm is to form men and women for others. Research procedure This research had four steps : 1) Examine need for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists in accordance with Ignatian Pedagogy Paradigm in Thailand 2) Develop learning activity plans for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists in accordance with Ignatian pedagogy para-
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
39
Development of Learning Activity Plans for Acquiring Teaching skills and desired Characteristics of Catechists in Accordance with Ignatian Pedagogical Paradigm in Thailand.
digm in Thailand 3) Experiment learning activity plans for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists in accordance with Ignatian pedagogy paradigm in Thailand and 4) Evaluate learning activity plans for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists in accordance with Ignatian pedagogy paradigm in Thailand. Research Instruments The instruments for this research are : 1) The questions for semi-structured interview 2) The questionnaires for the sample group and questions for the focus group discussion guideline which the researcher developed and were examined by five experts. Content validity of the developed test was verified by the Item-Objective Congruency (IOC) index between 0.60-1.00. The result of the experiment, its reliability was verified by calculation of Cronbach’s alpha coefficient formula. Reliability was 0.977.
40
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
Results of Research 1. The need for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists in accordance with Ignatian Pedagogy Paradigm in Thailand. 1.1 The need for acquiring teaching skills in accordance with Ignatian pedagogy paradigm in Thailand. Experts’ need for catechists to acquire teaching skills in five aspects: 1) Context 2) Experience 3) Reflection 4) Action and 5) Evaluation. Catechists’ need to acquire teaching skills, the first is Reflection (X=4.44, S.D.=.598 high level). The second is Action (X=4.40, S.D.=.579 high level). Third: Experience (X=4.31, S.D. =.548 high level). Fourth: Context (X= 4.30, S.D.=.535 high level) and the last is Evaluation (X=4.25, S.D.=.646 high level), 1.2 The need for acquiring desired Characteristics of Catechists According to Ignatian Pedagogy Paradigm in Thailand.
Watchasin Kritjaroen
Experts’ need for catechists to acquire desired characteristics in nine characteristics: 1) Faithfulness to God. 2) To know and love each individual learner. 3) Living one’s life by following Jesus as the model. 4) Promote morality and offering transformational leadership. 5) An active life of commitment for society. 6) Attitude of loyalty and Service to the Catholic Church. 7) Doing one’s best to improve continually. 8) Working with the spirit of community and 9) Doing ongoing evaluation of life and work. Catechists’ need to acquire desired characteristics, the first is Faithfulness to God (X=4.47, S.D.=.613 high level). The second is Living one’s life by following Jesus as the model. (X= 4.46, S.D.=.640 high level). Third: An active life of commitment for society (X=4.45, S.D.=.666 high level). Fourth: Doing one’s best to improve continually (X=4.43, S.D.=.697 high level). Fifth: Working with the spirit of community (X=4.43, S.D.=.730 high level). Sixth:
Promote morality and offering transformational leadership (X= 4.42, S.D.= .639 high level). Seventh: Attitude of loyalty and serve Catholic church (X= 4.35, S.D.=.742 high level). Eighth: Doing ongoing evaluating of life and work (X=4.32, S.D.=.710 high level) and the last is to Know and Love each individual learner (X=4.31, S.D.=.632 high level). 2. Learning activity plans for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists in accordance with Ignatian pedagogy paradigm in Thailand. Learning activity plans for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists in accordance with Ignatian pedagogy paradigm in Thailand was composed of 26 learning activities, 100 hours for learning and practice during a period of 31 days. They were 14 activities for developing teaching skills and 12 activities for developing desired characteristics.
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
41
Development of Learning Activity Plans for Acquiring Teaching skills and desired Characteristics of Catechists in Accordance with Ignatian Pedagogical Paradigm in Thailand. Documents - Theory 1) Speech of His Majesty the King of Thailand on Education 2) Idea and theory of non-formal education 3) Idea and theory of adult education and transformative learning 4) Perennialism 5) Plan for development of catechist in the Thai context 6) Ignatian pedagogy paradigm 7) Theory on development non–formal education program and 8) Related research Catechist’s Needs 1. Teaching Skill 2. Desired characteristics of catechists in accordance with Ignatian Pedagogy Paradigm in Thailand Develop learning activity plans for acquiring teaching skills and desired characteristics Evaluate learning activity plans for acquiring teaching skills and desired Characteristics
Variable :
Input
1. Analyze needs for acquiring Teaching Skill and desired Characteristics
1.1 Documents – Theory related teaching skill and desired characteristics of catechists
2. Develop 2.1 Real needs for Acquiring LAP teaching skills and desired Characteristics
3. Evaluate result from experiment on LAP
3.1 LAP for acquiring teaching skills and desired characteristics
4. Evaluation and improving LAP
4.1 L A P 4.2 Result from experiment on LAP 4.3 Suggestion from 15 catechists, experimental group
Process
Output
1.1 Content analysis from Documents-Theory 1.2 Content analysis from experts’ interview 1.3 Analysis from the questionnaires of sample group.
1.1 Real need for acquiring teaching skills and desired characteristics
2.1 Setting Goal and objectives 2.2 Setting contents and Learning Activities 2.3 Propose to experts and improve LAP according to the suggestions 3.1 Experiment on LAP by 15 catechists, experimental group. 3.2 Analyze result comparing pre – post test 3.3 Content Analysis data from Focus group discussion of the catechists - experimental group 4.1. Focus Group Discussion of the experts
2.1 LAP (draft 1)
3.1 Result from experiment on LAP 3.2 The suggestion from the experimental group for improving LAP 4.1 Result from evaluation and sugges-
Experts. 4.3 Experts evaluated on LAP experts 4.2 Improve LA and gave some suggestions P according to 4.4. improving LAP experts’ suggestions.
Figure 1 : Conceptual Framework of Research
42
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
The Result of Learning Activity Plans for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists in accordance with Ignatian Pedagogy Paradigm in Thailand.
Watchasin Kritjaroen
3. The result of experiment on learning activity plans for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists according to Ignatian Pedagogical Paradigm in Thailand. 3.1 The result of all learning activity plans for acquiring teaching skills according to Ignatian pedagogy paradigm in Thailand is in high level (X=4.49 S.D.=.271) 3.2 The result of all learning activity plans for acquiring desired characteristics of catechists according to Ignatian pedagogy paradigm in Thailand is in higher level (X=4.58 S.D.=.258) Conclusion, the result of all learning activity plans for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists in accordance with Ignatian Pedagogy Paradigm in Thailand leads to three objectives; 1) Catechists have studied teaching skills and cha-racteristics according to Ignatian pedagogy paradigm. 2) Catechists could use this teaching skill to prepare
lesson plans and use it. 3) Catechists have further developed teaching skills and desired characteristics according to Ignatian Pedagogy Paradigm in Thailand. Comparison results of prepost test from the experimental group found that 15 catechists from experimental group (100%) could explain the goal, objective, five teaching skills and nine desired characteristics in accordance with Ignatian Pedagogy Paradigm. Each could prepare at least four lesson plans and use them for their teaching. The result of content analysis from deep interviewed, showed that participants felt that they had become better catechists. They have more inspiration to teach catechism and more trust and faithfulness to God, commitment to do everything for God, caring for individual learners, more reflection and evaluation and putting doctrine into practice in dairy life.
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
43
Development of Learning Activity Plans for Acquiring Teaching skills and desired Characteristics of Catechists in Accordance with Ignatian Pedagogical Paradigm in Thailand.
Conclusion “Importance of the formation of Catechists” is outlined in General Directory for Catechesis (1997) that “All of these tasks are born of the conviction that the quality of any form of pastoral activity is placed at risk if it does not rely on truly competent and trained personnel. The instruments provided for catechesis cannot be truly effective unless well used by trained catechists. Thus the adequate formation of catechists cannot be overlooked by concerns such as the updating of texts and the re-organization of catechesis.” We dare to say that personnel are more crucial than materials. There is an advantage of being in Thailand because her Constitution allows people to practice religious activities freely. The Catholic Church has established legal and policy developments for catechesis and catechists need to learn new teaching skills and desire to serve more effectively as catechists. This research could respond
44
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
to their needs. For all these reasons, these learning activity plans for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists in accordance with Ignatian Pedagogical Paradigm in Thailand will help in developing our catechists and take part in building a more peaceful Nation. Discussion 1. The need for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists in accordance with Ignatian Pedagogical Paradigm in Thailand. The sample had high need for acquiring both teaching skills and desired characteristics of catechists probably because of 3 reasons: 1) Catechists were selected by the authority of the Church and expressly endorsed by various church officials. They also took their positions voluntarily and willingly. Therefore, they would not hesitate to take any opportunity to improve themselves: 2) It is a duty of
Watchasin Kritjaroen
diocesan catechetical centers to develop catechists in their dioceses. These catechists want to fulfill this duty of their catechetical centers by acquiring both teaching skills and desired characteristics; and 3) The catechists themselves want to acquire new teaching skills and desired characteristics to improve themselves beyond old practices to teach catechism more easily and more adequately. As a result, an opportunity to learn new methods of catechesis would be of the sample group’s interest and expectation. This need for learning and formation of catechists is already underlined in the General Catechetical Directory (1971) which says that “Any pastoral activity for the carrying out of which there are not at hand persons with the right formation and preparation will necessarily come to nothing. The working tools themselves cannot be effective unless used by catechists who have been rightly formed. Hence, the suitable formation of catechists
must come before reform in texts and strengthening of the organisation for handling catechesis. First of all, if is necessary that attention be given to the formation of those who carry out catechetical activities on the national level. The duty here belongs to the Conferences of Bishops. Nevertheless, the formation of those who direct catechetical activities on a national level should be joined, as it were with an extension and completion of itself, with the formation of the catechists who carry out this activity on regional and diocesan levels.” 2. Learning activity plans for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists in accordance with Ignatian Pedagogical Paradigm in Thailand. These learning activity plans consisted of 26 learning activities that took altogether 100 hours during a period of 31 days. There were 14 activities for developing teaching skills and 12 for developing desired charac-
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
45
Development of Learning Activity Plans for Acquiring Teaching skills and desired Characteristics of Catechists in Accordance with Ignatian Pedagogical Paradigm in Thailand.
teristics. They were based on Edgar J. Boone’s ideas for development of adult education (Boone et al., 2002) which comprise three main steps: planning, design, and evaluation. The research found that these learning activity plans corresponded to the reality and needs of catechists and respective organizations in Thailand. It started from collecting necessary catechetical data and analyzing them for the following issues: objective, process and fundamental characteristics of catechesis in Thailand, forms of catechesis, sources of the material for catechesis, cultural contexts of catechesis, the pedagogy of faith formation, methods in catechesis, ministry of catechesis, formation for the service of catechesis, criteria that can inspire the use of human sciences in the formation of catechists, etc. The researcher then analyzed these data and used them as a guideline to develop learning activity plans. This process assures that this research was
46
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
based on the real situation and need for catechesis in Thailand. According to the teaching of the Catholic Church, General Directory for Catechesis (1997) “Various criteria which can inspire the use of human sciences in the formation of catechists … are: 1) Respect for the autonomy of the sciences: "the Church... affirms the legitimate autonomy of culture and especially of the sciences". 2) Evangelical discernment of the different tendencies or schools in psychology, sociology, and pedagogy : their values and their limitations. 3) The study of the human sciences— in the formation of catechists—is not an end in itself. Acquiring awareness of the existential, psychological, cultural and social situation of man is accomplished in the light of the faith in which man must be educated. 4) In forming catechists, theology and the human sciences should mutually enrich each other. Consequently it is necessary to avoid a situation in which these materials are converted into the only norm
Watchasin Kritjaroen
for the pedagogy of the faith apart from the theological criteria deriving from the divine pedagogy. While these are fundamental and necessary disciplines, they are always at the service of evangelization which is more than a human activity.” 3. Achievement of the experiment on learning activity plans for acquiring teaching skills and desired characteristics of catechists according to Ignatian Pedagogical Paradigm in Thailand. The learning activity plans for acquiring teaching skills of catechists were found to be of high achievement (X=4.49 S.D.=.271). Those for development of desired characteristics were found to be of higher achievement (X=4.58 S.D.=.258). Catechists, as an experimental group, seemed to value each activity that they had done in this period of time for helping them gain more knowledge and teaching skills. They also found opportunity to reflect on
their own lives and works and developed themselves further. All catechists (100%) who participated in these plans indicated that all these activities were necessary for all catechists in Thailand. They realized that to know the contexts of the learners and to love each one of them are the first task of effective teaching. Experience means to taste something internally, which requires them to probe the connotations and overtones of words and events, to analyze and evaluate ideas, and to reason. Reflection means a thoughtful reconsideration of some subject matters, experiences, ideas, purpose or spontaneous reaction, in order to grasp its significance more fully. Action is the test of love and evaluation is a privileged moment for a catechist both to congratulate and encourage students for the progress made, as well as an opportunity to stimulate further reflection in light of blind spots or lucanae in the students’ point of view.
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
47
Development of Learning Activity Plans for Acquiring Teaching skills and desired Characteristics of Catechists in Accordance with Ignatian Pedagogical Paradigm in Thailand.
The experiment on learning activity plans for acquiring desired characteristics found that all participants (100%) had developed the characteristic of faithfulness to God. This result may have come from the system of selecting catechists. They were selected by the authority of the Catholic Church. They must believe in God and have a good conduct as well as a good education. This characteristic is the aim of catechists as General Directory for Catechesis (1997) states that, “The definitive aim of catechesis is to put people not only in touch, but also in communion and intimacy, with Jesus Christ. All evangelizing activity is understood as promoting communion with Jesus Christ. Starting with the "initial" conversion of a person to the Lord, moved by the Holy Spirit through the primary proclamation of the Gospel, catechesis seeks to solidify and mature this first adherence. It proposes to help those who have just converted to know better this Jesus to
48
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
whom he has entrusted himself,” and Guide for Catechists (1993) says that, “Hence the need for coherence and authenticity of life. Before doing the catechesis one must first of all be a catechist. The truth of their lives confirms their message. It would be sad if they did not “practice what they preached” and spoke about a God of whom they had theoretical knowledge but with whom they had no contact.” References Anupan Kitnitchiva. 2014. Learning Process emplacing Bangkok : Council of Catholic education. Best, John W.. 1997. Research in Education. New Jersey : Prentice Hall. Boone, Edgar J., R. Dale Safrit, Jo Jones. 2002. Developing Programs in Adult Education: A Conceptual Programming Model. 2nd ed. USA : Waveland.
Watchasin Kritjaroen
Catholic Committee for Bible. 2002. New Testament. Nakhonphathom : Catolilc Committee for Bible. Catholic Committee for Catechesis Thailand. 2010. General directory for Catechesis in Thailand. 3rd ed. Bangkok : Assumption. Chikdshong Nuntananate. 2006. Adult Learning Theory. Silpakorn University, Nakornpathom : Silpakorn. Congregation for the Clergy. 1971. General Catechetical Directory. Ratchabury : Thammaratana. Congregation for the Clergy. 1997. General Directory for Catechesis. Vatican city : Vatican. Consulate Committee for Conon Law of the Catholic Church in Thailand. 2003. Code of Canon Law. Bangkok : Catholic.
Cronbach, Lee J. 1984. Essentials of psychological Testing. 4 th ed. New York : Harper&Row. John Paul II, Pope. 1997. Apostolic Exhortation Catechesi Tradendae. Vatican city : Vatican. Society of Jesus, Thailand. 2013. Ignatian Pedagogy : A Practical Approach. Bangkok : Prachachon. Thana Nilchaikowit, Adisak Chantharasuk. 2009. The Art of Educational Management for Transformative Learning: Animator for Contemplative Education. Contemplative learning Center, Mahidol University. Nakhornphathom : Planprinting.
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
49
ความสัโรงเรีมพัยนนคาทอลิ ธ์ระหว่างวัฒนธรรมองค์กรกับบรรยากาศองค์กร ก สังกัดอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ TheClimate Relationship between Organization Culture and Organization of The Catholic Schools in Bangkok Archdiocese. บาทหลวงจินตศักดิ์ ยุชัยสิทธิกุล
* บาทหลวงในคริสต์ศาสนจักรคาทอลิก สังกัดอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ * มหาบัณฑิตสาขาวิชาบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี
ผศ.ดร.นิภา พงศ์วิรัตน์
* ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำาสาขาวิชาบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี
Rev.Chintasak Yuchaisittikun
* Reverend in Roman Catholic Church, Bangkok Archdiocese. * Master of Education Programe in Educational Administration Dhonburi Rajabhat University.
Asst.Prof.Dr.Nipa Pongvirut
* Assistant Professor, Education Administration Faculty of Education, Dhonburi Rajabhat University.
จินตศักดิ์ ยุชัยสิทธิกุล และนิภา พงศ์วิรัตน์
บทคัดย
การ ิ จั ย ครั้ ง นี้ มี ั ต ถุ ป ระ งค์ 1) เพื่ อ ึ ก าระดั บ ัฒนธรรมองค์กรในโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ 2) เพื่ อ ึ ก าระดั บ บรรยากา องค์ ก รในโรงเรี ย นคาทอลิ ก ั ง กั ด อัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ 3) เพื่อ ึก าระดับค าม ัมพันธ์ระ ่าง ั ฒ นธรรมองค์ ก รกั บ บรรยากา องค์ ก รในโรงเรี ย นคาทอลิ ก ั ง กั ด อัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ กลุ่มตั อย่าง ได้แก่ ผู้บริ าร จ�าน น 232 คน โดย ิธีการ ุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบ อบถามแบบมาตรา่ นประมาณค่า 5 ระดับ ถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ่ นเบี่ยงเบน มาตรฐาน และค่า ัมประ ิทธิ์ ัมพันธ์แบบเพียร์ ัน ผลการ ิจัยพบ ่า 1) ระดับ ัฒนธรรมองค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ โดยภาพร มอยู่ในระดับมาก และเมื่อ พิจารณาเป็นรายด้านพบ ่า อยู่ในระดับมากที่ ุด 1 ด้าน คือ ค ามรู้ ึก เป็น ่ น นึ่งของโรงเรียน และอยู่ในระดับมาก 9 ด้าน โดยเรียงจาก ค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย ดังนี้ ค ามเอื้ออาทร, ค ามมุ่งประ งค์ของ โรงเรียน, การยอมรับ, ค ามมีคุณภาพ, ค าม ลาก ลายของบุคลากร, การตัด ินใจ, ค ามไ ้ างใจ, การมอบอ�านาจ และค ามซื่อ ัตย์ ุจริต 2) ระดับบรรยากา องค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑล กรุงเทพฯ พบ ่า โดยภาพร มอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็น รายด้าน พบ ่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยเรียงจากค่าเฉลี่ยจากมาก ไปน้อย ดังนี้ การก�า นดเป้า มาย, การติดต่อ ื่อ าร, บรรยากา องค์การภา ะผู้นา� , กระบ นการค บคุมบังคับบัญชา, เป้า มายของ ผลการปฏิบัติงาน และการฝึกอบรม, การจูงใจ, การปฏิ ัมพันธ์ และ การตัด ินใจ 3) ระดับค าม ัมพันธ์ระ ่าง ัฒนธรรมองค์กรโรงเรียน คาทอลิก กับบรรยากา องค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑล กรุงเทพฯ โดยภาพร มมีค าม ัมพันธ์ทางบ กในระดับมากที่ ุด ที่น่า นใจ คือค าม ัมพันธ์ระ ่างค ามเอื้ออาทรกับภา ะผู้นา� ค าม
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
51
ความ ัมพันธ์ระ ว่างวัฒนธรรมองค์กรกับบรรยากาศองค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ
มั พันธ์ระ ว่างการยอมรับกับภาวะผู้นา� ยอมรับกับการปฏิ ัมพันธ์ คา าคั
Abstract
52
ความ ัมพันธ์ระ ว่างการ
1) วัฒนธรรมองค์กร 2) บรรยากาศองค์กร 3) โรงเรียนคาทอลิก
The objectives of this research were : 1) to study overall organization culture level of The Catholic Schools in Bangkok Archdiocese, 2) to study overall organization climate level of The Catholic Schools in Bangkok Archdiocese, 3) to study the relationship between organization culture and organization climate of The Catholic School in Bangkok Archdiocese. The samples were 232 administrators by simple random sampling. The data collected by using the questionnaire with 5 rating scales. The data were analyzed by percentage, mean, standard deviation, Pearson’s Product moment correlation. The finding were : 1) The organization culture level of The Catholic Schools in Bangkok Archdiocese were at high level. The interested were feeling the part of school was highest level. The other aspects were at high level, ranking in the order of mean from high to low as follows: generosity, intending of school, acceptance, quality, variety of personnel, decision, trust, power of attorney and integrity and honesty; 2) The organization climate level of
วาร ารวิชาการ วิทยาลัยแ งธรรม
จินตศักดิ์ ยุชัยสิทธิกุล และนิภา พงศ์วิรัตน์
The Catholic Schools in Bangkok Archdiocese were at high level. All aspects were also at high level, ranking in the order of mean from high to low as follows: determination of purpose, communication, organization climate leadership, process of command, target of operation and training, persuasion, interaction and decision; and 3) The relationship between organization culture and organization climate of The Catholic Schools in Bangkok Archdiocese was positive and high level. The interested were the relationship between generosity with leadership, acceptance with leadership, acceptance with interaction. 1) Organisation Culture 2) Organisation Climate 3) The Catholic School
ที่มาและความสาคั งป า โดยธรรมชาติ ม นุ ย์ มี ค วามแตก ต่างกัน มนุ ย์ที่อยู่ใน ังคมมีทั้งดีและเลว ปะปนกั น ไป ไม่ มี ใ ครดี บ ริ ุ ท ธิ์ จ นไม่ มี ที่ ติ และไม่มีใครเลวจนกระทั่ง าที่ชมไม่ได้ (จุไร ชั้นประเ ริฐ, 2540) การ ั่ง มของวิถีชีวิต ค่า นิยมและวิธีการปฏิบัติต่างๆ ที่ถ่ายทอดกันมา เกิดเป็นวัฒนธรรม ในองค์กรก็มีความ ลาก ลาย ตามบทบาท น้าที่ที่แตกต่างกันไป
ตามวัตถุประ งค์ของแต่ละองค์กรที่เกิดขึ้น ถ้าการบริ ารบรรลุวัตถุประ งค์องค์กรอาจ มีการเติบโต ขยายขึ้น แต่ถ้า ากไม่เป็นไป ตามวัตถุประ งค์ องค์กรอาจตายไปตามกาล เวลาเพราะความล้มเ ลวของการจัดการตาม ภาพที่แตกต่างกันไป ในแง่มุมนี้อาจกล่าวได้ ว่าองค์กรมีชีวิต มีบุคลิกภาพ มีการเคลื่อนไ ว มีการเจริญเติบโต ยุดเจริญได้ เจ็บป่วยได้
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
53
ความ ัมพันธ์ระ ว่างวัฒนธรรมองค์กรกับบรรยากาศองค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ
เ ื่อมได้ และ ิ้น ุดได้เช่นเดีย กับชี ิตมนุ ย์ (จุไร ชั้นประเ ริฐ, 2540) จาก ภาพที่องค์กร มีชี ิต มาชิกในองค์กรมี ักยภาพของตนเอง ในการ ร้าง รรค์การเปลี่ยนแปลง ิ่งใ ม่ๆ ใ ้เกิดขึ้น มีพฤติกรรม มีการ ืบเนื่องของ พฤติกรรม เรียกได้ ่ามีค่านิยม ค ามเชื่อ ที่ บุคลากร ่ นใ ญ่ในองค์กรนั้นๆ ยึดถือร่ ม กัน เป็นจิต �านึกของคนในองค์กรเดีย กัน จิต �านึกนี้เกิดจากการปลูกฝัง ถ่ายทอด จึง ท�าใ ้เกิดเป็น ัฒนธรรมองค์กร (กริช ืบ นธิ์, 2538) ซึ่งบุคลากรจะมีการเรียนรู้และถ่าย ทอด ัฒนธรรมใ ้แก่กันและกัน ในอีกด้าน นึ่งในการบริ ารจัดการ องค์ ก รจะประ บค าม � า เร็ จ รื อ มี ป ระิทธิภาพเพียงใดนั้น ิ่งที่ �าคัญคือ บุคลากร ภายในองค์ ก รซึ่ ง มี ผู ้ บ ริ ารโรงเรี ย นเป็ น ผู้น�าทางก�า นดเป้า มายจัดโครง ร้างการ บริ าร ก�า นดบุคลากร เข้ารองรับงานเพื่อ พัฒนาคุณภาพของโรงเรียนใ ้บรรลุตามเป้า มายที่ างไ ้ ผู้บริ ารจึงต้องใช้เทคนิคใน การ ร้างงาน กระตุ้นใ ้บุคลากรในองค์กร เต็มใจท�างาน ร้างค ามร่ มมือร่ มใจ ร่ ม ตัด ินใจ ร้างบรรยากา ในการท�างานร่ ม กัน ร้างค ามเป็นกันเอง ท�าใ ้เกิดค ามไ ้ างใจ มีการปฏิ ัมพันธ์ใ ้ค ามช่ ยเ ลือ ซึ่งกันและกัน อันน�าไป ู่บรรยากา แ ่งการ
54
วาร ารวิชาการ วิทยาลัยแ งธรรม
ปรึก า ารือ ท�าใ ้เกิดค ามพึงพอใจ มี ข ัญก�าลังใจ ูง และรู้ ึกผูกพันต่อองค์กร ซึ่ง อดคล้องกับแน คิดของเซอร์ จิโอ านนี (Ser Giovanni, 1980 อ้างถึงในจันทนา ชุมทัพ, 2548) ใ ้ค าม มาย ่า การบริ าร คือ กระบ นการท�างานร่ มกับผู้อื่น รือโดย ผู้อื่น เพื่อใ ้เกิด ัมฤทธิผล และมีประ ิทธิผล ตามเป้า มายอย่างมีประ ิทธิภาพ (จันทรานี ง นนาม, 2551) ผู้บริ ารต้องเป็นผู้มีค ามรู้ ค าม ามารถ ใช้เทคนิคและ ิธีการต่างๆ ใน การ างนโยบาย ิธีการด�าเนินงาน ตลอด จนการจู ง ใจใ ้ ผู ้ เ กี่ ย ข้ อ งร่ มมื อ กั น เพื่ อ ใ ้ ก ารด� า เนิ น งานของ ถาบั น การ ึ ก า เกิดประ ิทธิผล และมีประ ิทธิภาพ และ อีกทัก า นึ่งคือ ทัก ะทางค ามรู้ ค าม คิด (Cognitive Skills) เป็นทัก ะผู้บริ าร โรงเรียน ามารถพัฒนาได้ และเป็น ่ น �าคัญ ในการเ ริม ร้างทัก ะอื่นๆ ผู้บริ ารจ�าเป็น ต้องมีค ามรู้ ค ามคิด ภูมิปัญญา และ ิ ัย ทั น์ ผู้บริ ารโรงเรียนจะไม่ ามารถเป็นผู้น�า ทางการ ึก าที่มีประ ิทธิผลได้ ถ้าปรา จาก ค ามรู้และไม่ ามารถใช้ค ามรู้นั้นในทางที่ มีค าม มายและ ร้าง รรค์ ผู้บริ ารจึงเป็น ตั จักร �าคัญในการประ านบทบาทของผู้ ร่ มงาน เพื่อก่อใ ้เกิดบรรยากา ที่ไม่พึง ประ งค์ ย่อมท�าใ ้ผู้ร่ มงานไม่อยากท�างาน
จินตศักดิ์ ยุชัยสิทธิกุล และนิภา พงศ์วิรัตน์
ขาดค ามตั้งใจ ขาดค ามเอาใจใ ่ ขาดค าม กระตือรือร้นในการที่จะท�างาน ดั ง นั้ น ผู ้ ิ จั ย จึ ง มี ค าม นใจใน การ ึ ก า ิ จั ย ภาพค าม ั ม พั น ธ์ ร ะ ่ า ง ั ฒ นธรรมองค์ ก รกั บ บรรยากา องค์ ก ร โรงเรี ย นคาทอลิ ก ั ง กั ด อั ค ร ั ง ฆมณฑล กรุงเทพฯ เพื่อทราบถึง ภาพปัญ าค าม ั ม พั น ธ์ ร ะ ่ า ง ั ฒ นธรรมองค์ ก รกั บ บรรยากา องค์ ก รโรงเรี ย นคาทอลิ ก ั ง กั ด อั ค ร ั ง ฆมณฑลกรุ ง เทพฯ และน� า ผลการ ึก า ิจัยไปเป็นแน ทางการปรับปรุงพัฒนา องค์ ก รและเพื่ อ เตรี ย มค ามพร้ อ มของผู ้ บริ ารเมื่อมีการปรับเปลี่ยนต�าแ น่ง น้าที่ รั บ ผิ ด ชอบ และเพื่ อ ประ ิ ท ธิ ภ าพในการ บริ ารต่อไป วัต ุประสงค์ งการวิจัย 1. เพื่ อ ึ ก าระดั บ ั ฒ นธรรม องค์ ก รในโรงเรี ย นคาทอลิ ก ั ง กั ด อั ค รังฆมณฑลกรุงเทพฯ 2 เพื่ อ ึ ก าระดั บ บรรยากา องค์ ก รในโรงเรี ย นคาทอลิ ก ั ง กั ด อั ค รังฆมณฑลกรุงเทพฯ 3. เพื่ อ ึ ก าระดั บ ค าม ั ม พั น ธ์ ระ ่ า ง ั ฒ นธรรมองค์ ก รกั บ บรรยากา องค์ ก รในโรงเรี ย นคาทอลิ ก ั ง กั ด อั ค ร-
ังฆมณฑลกรุงเทพฯ สมมุติ านการวิจัย 1. ระดั บ ั ฒ นธรรมองค์ ก รใน โรงเรี ย นคาทอลิ ก ั ง กั ด อั ค ร ั ง ฆมณฑล กรุงเทพฯ ในภาพร มอยู่ในระดับมาก 2. ระดั บ บรรยากา องค์ ก รใน โรงเรี ย นคาทอลิ ก ั ง กั ด อั ค ร ั ง ฆมณฑล กรุงเทพฯ ในภาพร มอยู่ในระดับมาก 3. ระดั บ ค าม ั ม พั น ธ์ ร ะ ่ า ง ั ฒ นธรรมองค์ ก รกั บ บรรยากา องค์ ก ร ในโรงเรี ย นคาทอลิ ก ั ง กั ด อั ค ร ั ง ฆมณฑล กรุงเทพฯ ในทางบ กอยู่ในระดับมาก ประชากรและกลุมตัว ยาง ประชากร ที่ ใช้ ใ นการ ิ จั ย ครั้ ง นี้ ได้แก่ ผู้บริ ารโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัครังฆมณฑลกรุงเทพฯ ที่ปฏิบัติงานในปีการ ึก า 2555 จ�าน น 29 โรงเรียน ผู้บริ าร โรงเรียนละ 15 คน ร มจ�าน น 435 คน กลุ่มตั อย่าง ที่ใช้ในการ ิจัย ผู้ ิจัย ใช้ ิธีการเลือกกลุ่มตั อย่างโรงเรียนโดย ิธี ุ่ม อย่างง่าย (Simple Random Sampling) ุ่มผู้บริ ารร้อยละ 50 ได้ผู้บริ ารโรงเรียน ละ 8 คน ร มกลุ่มตั อย่างผู้บริ ารได้ร มทั้ง ิ้นจ�าน น 232 คน ซึ่ง ูงก ่าตาราง า� เร็จรูป
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
55
ความ ัมพันธ์ระ ว่างวัฒนธรรมองค์กรกับบรรยากาศองค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ
ค� า นวณขนาดของกลุ ่ ม ตั ว อย่ า งของเคร็ จ ซี่ และมอร์แกน (Krejcie & Morgan, 1970) ที่ ก�า นดไว้ 205 คน และยอมรับได้
3. จั ด มวด มู ่ ข องข้ อ มู ล ใน แบบ อบถาม เพื่อน�าข้อมูลไปวิเคราะ ์ทาง ด้าน ถิติ
เครองมอที ช นการวิ ัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ แบบ อบถามที่ ร้างขึ้นซึ่งมีค่าความเชื่อมั่น 0.95 แบบ อบถามแบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ ตอนที่ 1 แบบ อบถามวัฒนธรรม องค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑล กรุงเทพฯ จ�านวน 50 ข้อ ตอนที่ 2 แบบ อบถามบรรยากาศ องค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑล กรุงเทพฯ จ�านวน 40 ข้อ
การวิเคราะ ์ อมล การวิเคราะ ์ข้อมูลในการวิจัยครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 แบบ อบถามวัฒนธรรม องค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑล กรุงเทพฯ จ�านวน 50 ข้อ แบบมาตรา ่วน ประมาณค่า (Rating Scale) แบ่งเป็น 5 ระดับ ตอนที่ 2 แบบ อบถามบรรยากาศ องค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑล กรุงเทพฯ จ�านวน 40 ข้อแบบมาตรา ่วน ประมาณค่า (Rating Scale) แบ่งเป็น 5 ระดับ วิเคราะ ์ข้อมูลโดยน�าคะแนนที่ได้มา ค�านวณ าค่าเฉลี่ย (X) และค่าความเบี่ยงเบน มาตรฐาน (S.D.) น�าเ นอในรูปแบบตาราง ประกอบความเรียง แล้วน�าไปเปรียบเทียบ กับเกณฑ์ในการแปลความ มายค่าเฉลี่ย โดย ประยุกต์เกณฑ์การแปลความ มายค่าเฉลี่ย ของบุญชม ศรี ะอาด (2541) วิ เ คราะ ์ ค วาม ั ม พั น ธ์ ร ะ ว่ า ง วั ฒ นธรรมองค์ ก รกั บ บรรยากาศองค์ ก ร ของโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑล กรุงเทพฯ โดยใช้ค่า ัมประ ิทธิ์ ัมพันธ์
การเกบรวบรวม อมล 1. ผู ้ วิ จั ย ด� า เนิ น การเก็ บ ข้ อ มู ล ด้วยตัวเอง โดยแจกแบบ อบถามไปยังกลุ่ม ตั ว อย่ า งที่ ป ฏิ บั ติ น้ า ที่ ผู ้ บ ริ ารโรงเรี ย น คาทอลิ ก ั ง กั ด อั ค ร ั ง ฆมณฑลกรุ ง เทพฯ จ�านวน 232 ฉบับ และเก็บรวบรวม แบบ อบถามคืนด้วยตัวเองได้ 232 ฉบับ คิด เป็นร้อยละ 100 2. ตรวจ อบความ มบูรณ์ของค�า ตอบในแบบ อบถาม และติดตามใ ้ตอบโดย มบูรณ์
56
วาร ารวิชาการ วิทยาลัยแ งธรรม
จินตศักดิ์ ยุชัยสิทธิกุล และนิภา พงศ์วิรัตน์
(Correlation Coefficient) แบบเพียร์ ัน (Preason’s Product Moment Correlation) โดยก� า นดเกณฑ์ ก ารแปลค่ า ัมประ ิทธิ์ ัมพันธ์ สรุป ลการวิจัย 1. จาก ัตถุประ งค์ของการ ิจัยข้อ ที่ 1 ที่ ่า เพื่อ ึก าระดับ ัฒนธรรมองค์กร ในโรงเรี ย นคาทอลิ ก ั ง กั ด อั ค ร ั ง ฆมณฑล กรุงเทพฯ ในภาพร มนั้น รุปผลจากการ ิจัย ได้ดังต่อไปนี้ ,
5.00 5.00 4.50 4.50
4.37
ัฒนธรรมองค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ พบ ่า โดย ภาพร มอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณา เป็นรายข้อ พบ ่า อยู่ในระดับมากที่ ุด 1 ด้าน คือ ค ามรู้ ึกเป็น ่ น นึ่งของโรงเรียน และ อยู่ในระดับมาก 9 ด้าน โดยเรียงจากค่าเฉลี่ย จากมากไปน้อย ดังนี้ ค ามเอื้ออาทร ค าม มุ่งประ งค์ของโรงเรียน การยอมรับ ค ามมี คุณภาพ ค าม ลาก ลายของบุคลากร การ ตัด ินใจ ค ามไ ้ างใจ การมอบอ�านาจ และ ค ามซื่อ ัตย์ ุจริต ดังแผนภูมิต่อไปนี้
4.59 4.17
4.25
22,
3,
4.18
4.28
4.31
55,
6,
7 7,
4.38 4.06
4.00 4.00
4.27
4.29
10 10,
ʃรวม ʇʁ,
3.50 3.50 3.00 3.00 2.50 2.50 2.00 2.00 1.50 1.50 1.00 1.00 0.50 0.50 0.00 0.00
1 1,
แ นภมิที่ 1
4,
88,
9,
ัฒนธรรมองค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ พบ ่า โดยภาพร มอยู่ในระดับมาก
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
57
ความ ัมพันธ์ระ ว่างวัฒนธรรมองค์กรกับบรรยากาศองค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ
2. จาก ัตถุประ งค์ของการ ิจัยข้อ ที่ 2 ที่ ่า เพื่อ ึก าระดับบรรยากา องค์กร ในโรงเรี ย นคาทอลิ ก ั ง กั ด อั ค ร ั ง ฆมณฑล กรุงเทพฯในภาพร มอยู่ในระดับมากนั้น รุป ผลจากการ ิจัยได้ดังต่อไปนี้ บรรยากา องค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ พบ ่า โดย ภาพร มอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณา
เป็นรายข้อ พบ ่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยเรียงจากค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย ดังนี้ การก� า นดเป้ า มาย, การติ ด ต่ อ ื่ อ าร, บรรยากา องค์กรภา ะผู้น�า, กระบ นการ ค บคุมบังคับบัญชา, เป้า มายของผลการ ปฏิบัติงาน และการฝึกอบรม, การจูงใจ, การ ปฏิ ัมพันธ์ และการตัด ินใจ ดังแผนภูมิต่อ ไปนี้
5.00 4.50 4.00 3.50 3.00 2.50 2.00 1.50 1.00 0.50 0.00
รวม
แ น มิที
58
บรรยากา องค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ พบ ่า โดยภาพร มอยู่ในระดับมาก
วาร ารวิชาการ วิทยาลัยแ งธรรม
จินตศักดิ์ ยุชัยสิทธิกุล และนิภา พงศ์วิรัตน์
3. จาก ั ต ถุ ป ระ งค์ ข องการ ิ จั ย ข้อที่ 3 ที่ ่า เพื่อ ึก าระดับค าม ัมพันธ์ ระ ่ า ง ั ฒ นธรรมองค์ ก รกั บ บรรยากา องค์ ก รในโรงเรี ย นคาทอลิ ก ั ง กั ด อั ค ร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ นั้น รุปผลจากการ ิจัย ได้ดังต่อไปนี้ ัฒนธรรมองค์กรโรงเรียนคาทอลิก ในภาพร มมี ค าม ั ม พั น ธ์ กั บ บรรยากา องค์กรในโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ในแต่ละองค์ประกอบของ ัฒนธรรมองค์กร โรงเรี ย นคาทอลิ ก ในภาพร ม มี ค าม ั ม พั น ธ์ กั บ บรรยากา องค์ ก รในโรงเรี ย น คาทอลิ ก ั ง กั ด อั ค ร ั ง ฆมณฑลกรุ ง เทพฯ โดย ามารถเรียงล�าดับได้ดังนี้ ค ามเอื้ออาทร มี ค าม ั ม พั น ธ์ กั บ บรรยากา องค์ ก รใน โรงเรี ย นคาทอลิ ก การยอมรั บ มี ค าม
ั ม พั น ธ์ กั บ บรรยากา องค์ ก รในโรงเรี ย น คาทอลิก ค ามมีคุณภาพมีค าม ัมพันธ์กับ บรรยากา องค์กรในโรงเรียนคาทอลิก ค าม ไ ้ างใจมีค าม ัมพันธ์กับบรรยากา องค์กร ในโรงเรียนคาทอลิก ค าม ลาก ลายของ บุคลากรมีค าม ัมพันธ์กับบรรยากา องค์กร ในโรงเรียนคาทอลิก การมอบอ�านาจมีค าม ั ม พั น ธ์ กั บ บรรยากา องค์ ก รในโรงเรี ย น คาทอลิ ก ค ามมุ ่ ง ประ งค์ ข องโรงเรี ย น มี ค าม ั ม พั น ธ์ กั บ บรรยากา องค์ ก รใน โรงเรียนคาทอลิก การตัด ินใจมีค าม ัมพันธ์ กั บ บรรยากา องค์ ก รในโรงเรี ย นคาทอลิ ก ค ามซื่ อ ั ต ย์ ุ จ ริ ต มี ค าม ั ม พั น ธ์ กั บ บรรยากา องค์กรในโรงเรียนคาทอลิก และ ค ามรู้ ึกเป็น ่ น นึ่งของโรงเรียนมีค าม ั ม พั น ธ์ กั บ บรรยากา องค์ ก รในโรงเรี ย น คาทอลิก ดังแผนภูมิต่อไปนี้
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
59
ความ ัมพันธ์ระ ว่างวัฒนธรรมองค์กรกับบรรยากาศองค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ
แ น มิที
60
แ ดงความ ัมพันธ์ระ ว่างวัฒนธรรมองค์กรกับบรรยากาศองค์กร ในโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ
วาร ารวิชาการ วิทยาลัยแ งธรรม
จินตศักดิ์ ยุชัยสิทธิกุล และนิภา พงศ์วิรัตน์
ภิปราย ล จาก ั ต ถุ ป ระ งค์ ข องการ ิ จั ย ข้ อ ที่ 1 ที่ ่า เพื่อ ึก าระดับ ัฒนธรรมองค์การ ในโรงเรี ย นคาทอลิ ก ั ง กั ด อั ค ร ั ง ฆมณฑล กรุงเทพฯในภาพร มนั้น ผลการ ิจัยพบ ่า ัฒนธรรมองค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัด อัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ โดยภาพร มอยู่ ในระดับมาก ซึ่งตอบรับ มมุติฐานของการ ิจัยข้อ 1 ที่ ่า “ระดับ ัฒนธรรมองค์กร ในโรงเรี ย นคาทอลิ ก ั ง กั ด อั ค ร ั ง ฆมณฑล กรุงเทพฯ ในภาพร มอยู่ในระดับมาก” นั้น อดคล้องกับ ธีระ รุญเจริญ (2550) กล่า ่า คุณลัก ณะของผู้บริ าร ถาน ึก าที่ อด คล้องกับพระราชบัญญัติการ ึก าแ ่งชาติ พ. . 2542 ด้านคุณลัก ณะทาง ังคม คือ เป็นผู้มีค ามเ ็นอกเ ็นใจผู้อื่น เป็นบุคคลที่ น่าเชื่อถือ เป็นผู้มีฐานะทาง ังคมดี ามารถ ที่จะท�างานร่ มกับผู้อื่น มีน�้าใจและถ่อมตน กินง่ายอยู่ง่ายไม่ถือตั เข้าได้กับทุกคน ละเ ้น การประพฤติชั่ เป็นผู้เข้าไปมี ่ นร่ มใน กิจกรรมของ ังคม เป็น ัญลัก ณ์ขององค์กร ร้างการบริ ารและร่ มงานด้ ย ลักการที่ ดี และค ามเป็นผู้มีใจก ้าง อันจะก่อใ ้เกิด รื อ เ ริ ม ร้ า ง ั ฒ นธรรมองค์ ก รได้ อ ย่ า งดี ทั้ ง นี้ อ าจเป็ น เพราะ ่ า ผู ้ บ ริ ารโรงเรี ย น คาทอลิกทุกคนตระ นัก และเข้าใจถึงค าม
�าคัญของนโยบายของฝ่ายการ ึก าอัครังฆมณฑลกรุงเทพฯ ที่ ่า “การพัฒนา ตนเองและยกระดับมาตรฐานการ ึก าใ ้ เจริญก้า น้า มุ่ง ู่ค ามเป็นเลิ ทาง ิชาการ และประ ิทธิภาพการท�างาน” คือ ในการ จะพั ฒ นาโรงเรี ย นคาทอลิ ก ใ ้ มุ ่ ง ไป ู ่ เ ป้ า มายที่ได้ตั้งไ ้ เป็นการพัฒนาตนเองและยก ระดับมาตรฐานการ ึก าใ ้เจริญก้า น้า ผู้ บริ ารจ�าเป็นต้องมี ิ ัยทั น์ที่ก ้างไกลมาก ยิ่งขึ้น และ ามารถมองภาพร มของโรงเรียน ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อมุ่ง ู่ค ามเป็น เลิ ทาง ิชาการ และเพิ่มประ ิทธิภาพการ ท�างานของผู้บริ ารกับคณะครูที่ร่ มงานใน โรงเรียน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบ ่า อยู่ ในระดับมากที่ ุด 1 ด้าน และอยู่ในระดับ มาก 9 ด้าน โดยด้านค ามรู้ ึกเป็น ่ น นึ่ง ของโรงเรียนนั้น เป็นข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่ ุด ทั้งนี้ โรงเรียนคาทอลิกได้ปลูกฝังครู นักเรียน ใ ้มีค ามรักองค์กร รัก ถานที่ที่ตนอยู่ และ ร่ มกั น รั บ ผิ ด ชอบในองค์ ก รที่ ต นเอง ั ง กั ด อยู่ เพื่อ ร้างค ามเป็น นึ่งเดีย กัน โดย จะ ังเกตได้จากในเ ลาที่โรงเรียนขอค าม ร่ มมือจากคณะครู นักเรียนใ ้มาร่ มกันท�า กิจกรรมพัฒนาโรงเรียนใน ัน ยุด จะมีคณะ ครู นักเรียน ร มทั้งผู้ปกครองเข้าร่ มกิจกรรม
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
61
ความ ัมพันธ์ระ ว่างวัฒนธรรมองค์กรกับบรรยากาศองค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ
โดยมุ่งเน้นใ ้ค าม �าคัญและมีค ามผูกพัน กับโรงเรียน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก ดังนั้น ค ามรู้ ึกเป็น ่ น นึ่งของโรงเรียน ถูกปลูก ฝังในจิตใจของคณะครู และนักเรียน ร ม ทั้งผู้ปกครองอย่างต่อเนื่องและกระท�าเป็น ประจ� า ในการด� า เนิ น ชี ิ ต ประจ� า ั น องค์ ประกอบที่ �าคัญประการ นึ่ง คือ ผู้บริ าร ต้องมีค าม ามารถในการที่จะ ร้างค ามเชื่อ มั่น และพยายามใช้อิทธิพลของตน รือกลุ่ม ตน กระตุ้น ชี้น�า ผลักดัน การ นับ นุนใ ้ คณะครู นักเรียน ร มทั้งผู้ปกครอง มีค าม กระตือรือร้นในการท�า ิ่งต่างๆ ตามต้องการ เพื่อใ ้บรรลุเป้า มายขององค์กรตามที่ตั้งเป้า มายไ ้ จาก ั ต ถุ ป ระ งค์ ข องการ ิ จั ย ข้ อ ที่ 2 ที่ ่า เพื่อ ึก าระดับบรรยากา องค์กร ในโรงเรี ย นคาทอลิ ก ั ง กั ด อั ค ร ั ง ฆมณฑล กรุงเทพฯ ในภาพร มนั้น ผลการ ิจัยพบ ่า บรรยากา องค์กรในโรงเรียนคาทอลิก ังกัด อัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ โดยภาพร มอยู่ ในระดับมาก ซึ่งตรงกับ มมุติฐานของการ ิจัยข้อ 2 ที่ ่า “ระดับบรรยากา องค์กร ในโรงเรี ย นคาทอลิ ก ั ง กั ด อั ค ร ั ง ฆมณฑล กรุงเทพฯ ในภาพร มอยู่ในระดับมาก” นั้น อดคล้องกับงาน ิจัยของ มบัติ บุญเกิด (2548) ซึ่งได้ ึก าเรื่อง ประ ิทธิผลของ
62
วาร ารวิชาการ วิทยาลัยแ งธรรม
โรงเรียนขนาดเล็ก ังกัด า� นักงานเขตพื้นที่ การ ึก า ระแก้ เขต 2 พบ ่า ด้านค าม ามารถในการปรั บ เปลี่ ย น และพั ฒ นา โรงเรียน ประ ิทธิผลของโรงเรียนขนาดเล็ก ังกัด �านักงานเขตพื้นที่การ ึก า ระแก้ เขต 2 พบ ่าอยู่ในระดับมาก เป็นเพราะผู้ บริ ารและครู ต ้ อ งมี ก ารปรั บ ตั ไม่ ยุ ด นิ่ ง พยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริ ารงาน และการด�าเนินการต่างๆ ใ ้มีค ามคล่อง ตั ต่อการปฏิบัติงาน ผู้บริ ารและครู ค รมี ค ามคิดริเริ่ม ร้าง รรค์ ใ ้เกิด ิ่งใ ม่ๆ อยู่ เ มอ เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบ ่า อยู่ ในระดับมากทุกด้าน และด้านการก�า นด เป้า มายมีค่าเฉลี่ยมากที่ ุด การปรับเปลี่ยน ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ เช่น ด้าน ลัก ูตร ด้านการเรียนการ อน ร มทั้งบาง ครั้งเกิด ถานการณ์ฉุกเฉิน ผู้บริ ารต้องมี การก�า นดเป้า มายที่ชัดเจน และระบุเป็น นโยบายของโรงเรียน เพื่อ ร้างค ามเข้าใจ อันเป็น นึ่งเดีย กันในโรงเรียน เพื่อใ ้เกิด ประ ิทธิผลทางการ ึก ามากที่ ุด เ ตุที่ ประ ิทธิผลโรงเรียนมีค าม �าคัญและมีการ ปฏิ บั ติ ใ นระดั บ มากนั้ น อาจเนื่ อ งมาจาก กระแ การเปลี่ยนแปลงในยุคข้อมูลข่า าร ผลั ก ดั น ใ ้ เ กิ ด พระราชบั ญ ญั ติ ก าร ึ ก า
จินตศักดิ์ ยุชัยสิทธิกุล และนิภา พงศ์วิรัตน์
แ ่งชาติ พ. . 2542 กระตุ้นใ ้ น่ ยงาน ที่เกี่ย ข้องในการดูแลการจัดการ ึก า คือ กระทร ง ึ ก าธิ ก ารพยายามทุ ก ิ ถี ท างที่ จะปรับปรุงแน ทางการพัฒนาคุณภาพการ ึก า โดยมุ่งผล ัมฤทธิ์ (ผลผลิตและผลลัพธ์) ด้ ยนโยบายและมาตรการต่างๆ ซึ่งโรงเรียน ต่ า งขานน� า มาพั ฒ นาโรงเรี ย นใ ้ มี คุ ณ ภาพ โดยด� า เนิ น งานใ ้ มี ทั้ ง ประ ิ ท ธิ ภ าพและ ประ ิทธิผล ได้แก่ ระบบการประกันคุณภาพ การ ึ ก า ซึ่ ง เป็ น ตั ก� า นดมาตรฐาน และตั บ่งชี้กลางของผลผลิต ปัจจัย และ กระบ นการจัดการ ึก า เพื่อเป็นแน ทาง ในการบริ ารโรงเรี ย นใ ้ ไ ด้ ม าตรฐานและ การประกันคุณภาพการ ึก า เพื่อรองรับ การประเมินทั้งการประเมินภายในและการ ประเมินภายนอกใ ้โรงเรียนมีมาตรฐานเป็น ที่ยอมรับของชุมชนและ ังคม นอกจากนี้ ในระดั บ โรงเรี ย นได้ จั ด การ ึ ก าตามแน นโยบาย ลักแล้ ในระดับเขต ระดับจัง ัด ระดับโรงเรียน ยังมีมาตรการอื่นกระตุ้นใ ้เกิด การพัฒนาได้อีก เช่น การประก ดโรงเรียน พระราชทาน ประก ดโรงเรี ย นดี เ ด่ น ด้ า น ต่างๆ มีการประเมินมาตรฐานโรงเรียนเป็น ประจ�าทุกปี โดยก�า นดแน ปฏิบัติที่เอื้อใ ้ผู้ บริ ารมีแน ทางในการปรับปรุงและพัฒนา พร้อมทั้งน�าผลการประเมินเป็นฐานข้อมูลใน
การ างแผนเพื่ อ พั ฒ นาใ ้ ป ระ ิ ท ธิ ผ ลของ โรงเรียนเพิ่ม ูงขึ้น นอกจากนั้นยังมุ่งเน้นการ พัฒนาโรงเรียน โดย ่งเ ริมใ ้โรงเรียนดูแล เอาใจใ ่ จัดระบบ ังคมของโรงเรียนเพื่อการ นั บ นุ น การจั ด การ ึ ก าพั ฒ นาโรงเรี ย น โดยมุ่งเน้นการท�าใ ้โรงเรียนเป็นองค์กรแ ่ง การเรียนรู้อย่างแท้จริง มีค ามพร้อมที่จะ ตอบ นองต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและ ภายนอกโรงเรียน กล่า คือเตรียมพร้อมใ ้ โรงเรียน ามารถปรับตั ซึ่ง ะท้อนใ ้เ ็น พฤติกรรมของบุคลากรในโรงเรียน ่าบุคลากร มีค ามร่ มมือร่ มใจมีค ามพึงพอใจในการ ท�างาน และมีอุดมการณ์ พฤติกรรมเ ล่า นี้เมื่อ ผ มผ านกันอย่างลงตั ย่อมท�าใ ้ ภารกิจของโรงเรียนเกิดประ ิทธิผลอย่างดี และในปีการ ึก า 2552 ที่ผ่านมานี้ ได้เริ่ม มีการใช้ ลัก ูตรแกนกลางการ ึก าขั้นพื้น ฐาน พุทธ ักราช 2551 นั้น ตามโรงเรียนใน อัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ ก็ได้มีการเตรียม ค ามพร้อมเพื่อปรับเปลี่ยน ลัก ูตรดังกล่า โดยมีการ ่งบุคลากรไปอบรมในเรื่องดังกล่า รือ เชิญผู้มีค ามรู้มาใ ้ค�าแนะน�าที่โรงเรียน ทั้งนี้ เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิด ขึ้นในโรงเรียนนั่นเอง จาก ั ต ถุ ป ระ งค์ ข องการ ิ จั ย ข้ อ ที่ 3 ที่ ่า เพื่อ ึก าค าม ัมพันธ์ระ ่าง
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
63
ความ ัมพันธ์ระ ว่างวัฒนธรรมองค์กรกับบรรยากาศองค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ
ั ฒ นธรรมองค์ ก รกั บ บรรยากา องค์ ก ร ในโรงเรี ย นคาทอลิ ก ั ง กั ด อั ค ร ั ง ฆมณฑล กรุ ง เทพฯ พบ ่ า ค าม ั ม พั น ธ์ ร ะ ่ า ง ั ฒ นธรรมองค์ ก รโรงเรี ย นคาทอลิ ก กั บ บรรยากา องค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัด อั ค ร ั ง ฆมณฑลกรุ ง เทพฯ โดยภาพร มมี ค าม ัมพันธ์กันทางบ กในระดับมากที่ ุด ซึ่งตอบรับ มมติฐานการ ิจัยข้อ 3 ที่ ่า “ค าม ั ม พั น ธ์ ร ะ ่ า ง ั ฒ นธรรมองค์ ก ร กั บ บรรยากา องค์ ก รในโรงเรี ย นคาทอลิ ก ั ง กั ด อั ค ร ั ง ฆมณฑลกรุ ง เทพฯ ในทาง บ กอยู ่ ใ นระดั บ มากที่ ุ ด ” อดคล้ อ งกั บ เช ฐา ไชยเดช (2550) ที่ท�าการ ิจัยเรื่อง คุ ณ ภาพชี ิ ต การท� า งานของครู ที่ ่ ง ผลต่ อ การปฏิ บั ติ ง านตามมาตรฐาน ิ ช าชี พ ครู ใ น ถาน ึก าคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑล กรุงเทพฯ พบ ่า บรรยากา การท�างานที่ดี ใน ถาน ึก าเป็นจุดเริ่มต้นในการเ ริม ร้าง ั ฒ นธรรมแ ่ ง การแ ง าค ามรู ้ ข องครู เพราะจากบรรยากา การท�างานที่ดีจะช่ ย ใ ้ครู ามารถใช้เ ลาของตนในการค้นค ้า าค ามรู้ใ ม่ๆ เพื่อพัฒนางานเกี่ย กับการ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่าง บายใจและ เต็มที่ เนื่องจากไม่ต้อง ิตกกัง ลกับปัญ าที่ อาจจะเกิดขึ้นจาก ัมพันธภาพที่ไม่ดี เข้ามา รบก นจิตใจ นอกจากนั้นยังท�าใ ้ครูมีค าม
64
วาร ารวิชาการ วิทยาลัยแ งธรรม
มั่นใจ ่าผลงานทาง ิชาการของตนจะได้รับ การยอมรั บ เมื่ อ ครู น� า เ นอผลงานของตน ใ ้แก่เพื่อนครู รือบุคลากรอื่นๆ อย่างไรก็ดี องค์ประกอบคุณภาพชี ิตการท�างานของครู โดยภาพร มทุกด้าน ถือ ่ามีค าม �าคัญต่อ การปฏิบัติกิจกรรมทาง ิชาการเกี่ย กับการ พัฒนา ิชาชีพครูอยู่เ มอ เพราะคุณภาพชี ิต การท�างานโดยภาพร มไปตอบ นองค าม ต้องการทางร่างกายและจิตใจของครู ท�าใ ้ ครูมีค ามพอใจ มีค าม ุขในการท�างาน ซึ่ง จะผลักดันใ ้ครูมีก�าลังใจและมีค ามพยายาม เพื่อที่จะปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ในการพัฒนา ิชาชีพของตนเองอย่างเต็มที่ เพื่อใ ้ภารกิจ ของตนมี ป ระ ิ ท ธิ ภ าพมากที่ ุ ด อาจเป็ น เพราะ ่า ัฒนธรรมองค์กรโรงเรียนคาทอลิก กั บ บรรยากา องค์ ก รโรงเรี ย นคาทอลิ ก นั้ น ทุกด้านล้ นมีค าม ัมพันธ์กัน และมีค าม �าคัญต่อการบริ ารงานในโรงเรียนอย่างมี ประ ิทธิภาพและประ ิทธิผล ผู้ ิจัยคิด ่า ในการบริ ารโรงเรียนระดับอัคร ังฆมณฑล กรุงเทพฯ นั้น มีการปรับเปลี่ยนผู้บริ าร โรงเรียนในทุกๆ 5 ปี โดยมีการโยกย้ายตาม ค ามเ มาะ ม ดังนั้น ย่อมก่อใ ้เกิดการ เปลี่ยนแปลงด้าน ิ ัยทั น์ พันธกิจต่างๆ ตามแน ทางของผู ้ บ ริ ารที่ ไ ด้ ป รั บ เปลี่ ย น ไป แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ยังคงต้องคงไ ้ซึ่ง
จินตศักดิ์ ยุชัยสิทธิกุล และนิภา พงศ์วิรัตน์
ลั ก การใ ญ่ ๆ ของฝ่ า ยการ ึ ก าอั ค รังฆมณฑลกรุงเทพฯ อยู่ด้ ย และเมื่อมีการ ปรับเปลี่ยนแล้ นั้น บุคลากรทางการ ึก า ก็ต้องปรับตั และยอมรับในการเปลี่ยนแปลง ต่างๆ และเมื่อพิจารณาค าม ัมพันธ์ระ ่าง ั ฒ นธรรมองค์ ก รโรงเรี ย นคาทอลิ ก กั บ บรรยากา องค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัด อัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ พบ ่า ค ามเอื้อ อาทรกับ บรรยากา องค์กรภา ะผู้นา� มีค าม ั ม พั น ธ์ กั น มากที่ ุ ด ในทุ ก ตั แปร อยู ่ ใ น ระดับมากที่ ุด ซึ่งในโรงเรียนคาทอลิกเน้น ัฒนธรรมองค์กร เรื่องค ามเอื้ออาทร กับ บรรยากา องค์กรภา ะผู้น�าเป็นอย่างมาก ซึ่ง ผู้บริ ารเป็นแบบอย่างที่ดี เป็นที่ยอมรับของ ครู ชุมชน และ ังคม ได้รับค ามไ ้ างใจ และ เชื่อมั่นในภา ะผู้น�าจากผู้เกี่ย ข้องทั้งภายใน และภายนอก สน แนะ พ่ การนา ปป ิบัติ 1. โรงเรี ย นค ร นั บ นุ น ่ ง เ ริ ม ใ ้มีการพัฒนาบุคลากรใ ้มี ักยภาพมากยิ่ง ขึ้นในทุกด้าน ใ ้คุณค่าค าม า� คัญต่อการ พัฒนาบุคลากร และพยายาม ร้างบรรยากา ค ามอบอุ่นแบบครอบครั เป็นต้น โดยมีพื้น ฐานที่เข้มแข็งบนพื้นฐานค ามเชื่อ ค่านิยม ปรัชญา ของการ ึก าแบบคาทอลิก
2. โรงเรียนค รก�า นดการ างแผน นโยบายที่จะพัฒนาคน และค รจะเป็นการ พั ฒ นาอย่ า งต่ อ เนื่ อ ง กระตุ ้ น ใ ้ เ กิ ด การมี จิ ต � า นึ ก ในการเป็ น ่ น นึ่ ง ของโรงเรี ย น ค ามเอื้ออาทร การก้า ไป ู่เป้า มายร่ มกัน 3. ในด้านฝ่ายการ ึก าของอัครังฆมณฑลกรุงเทพฯ ค รจัดใ ้มีการอบรม ัมมนาแก่ครูในโรงเรียนใ ้มากยิ่งขึ้น รือท�า กันเองในระดับเขตการ ึก า รือแม้แต่ใน ระดับโรงเรียน และถ้าเป็นไปได้ก็ค รใ ้ครูที่ ช�านาญในเรื่องต่างๆ ได้มีโอกา ได้เป็นผู้แบ่ง ปัน ซึ่งจะเป็นการ ร้างค ามภาคภูมิใจใ ้กับ ตั ครู อีกทั้งเป็นค ามเชื่อมั่นต่อชุมชนอีกด้ ย สน แนะ พ่ การวิจัยครังต ป 1. ค รมีการ ึก า ิจัยเชิงเปรียบ เที ย บระ ่ า ง ั ฒ นธรรมของโรงเรี ย นใน เครือคาทอลิกกับโรงเรียนของรัฐบาล รือ โรงเรี ย น าธิ ต ซึ่ ง เชื่ อ ่ า จะมี จุ ด ดี จุ ด เด่ น ที่ แ ตกต่ า งกั น อั น จะเป็ น ประโยชน์ ใ นการ พัฒนาองค์การใ ้มี ัฒนธรรมที่ดี และเจริญ ก้า น้าต่อไป 2. ค ร ึ ก าคุ ณ ภาพชี ิ ต การ ท�างานของครูที่ ่งผลต่อการปฏิบัติงานตาม มาตรฐาน ิชาชีพครู ใน ถาน ึก าคาทอลิก ทุก ังกัด
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
65
ความ ัมพันธ์ระ ว่างวัฒนธรรมองค์กรกับบรรยากาศองค์กรโรงเรียนคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ
บรรณานุกรม กริช ืบ นธิ์. 2538. วัฒนธรรมและ พ ิกรรมการ อ าร นองค์กร กรุงเทพฯ : จุ าลงกรณ์ ม า ิทยาลัย. จุไร ชั้นประเ ริฐ. 2540. มนุ ย ัมพันธ์ (พิมพ์ครั้งที่1). กรุงเทพฯ : ูนย์ ่งเ ริม ิชาการ. จันทรานี ง นนาม. 2551. ท ีและ แนว ิบั ิ นการบริ าร านศก า (พิมพ์ครั้งที่2). กรุงเทพฯ : บุ๊คพ ยท์. เช ฐา ไชยเดช. 2550. คุณ าพชีวิ การ ทางาน องครที ่ง ล ่อการ ิบั ิ งาน ามมา ร านวิชาชีพคร น านศก าคาทอลิก ังกัดอัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ ิทยานิพนธ์ ึก า า ตรม าบัณฑิต บัณฑิต ิทยาลัย ม า ิทยาลัย ิลปากร. ธีระ รุญเจริญ. 2550. ความเ นมออาชีพ นการ ัดและบริ ารการศก า ยุค ิร การศก า (พิมพ์ครั้งที่4). กรุงเทพฯ : แ ล.ที.เพร .
66
วาร ารวิชาการ วิทยาลัยแ งธรรม
มบัติ บุญเกิด. 2548. ระ ิทธิ ล โรงเรียน นาดเลก ังกัด านักงาน เ พนทีการศก า ระแกว ปริญญานิพนธ์ การ ึก าม าบัณฑิต าขา ิชาการบริ ารการ ึก า บัณฑิต ิทยาลัย ม า ิทยาลัยบูรพา. Krejcie.R.V. and Morgan. D.W. 1970. “Determining Sample Size for Research Activitice”. Educational and Psychological Measurement.30(3), p.607-608. Sergiovanni. Thomas J. and Others. 1980. Educational Governance and Administration. Eaglewood Cliff, NJ : Prentice Hall.
จริยธรรมสิ่งแวดล้กัอบมตามหลั กคำาสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ปัญหามลภาวะทางนำ้า กรณีศึกษา ชุมชนวัดนักบุญเปโตร สามพราน นครปฐม
E nvironmental Ethics According to The Teachings of The Catholic Church and The Problem of Water Pollution : A Case Study of St.Peter’s Church, Samphran, Nakhon Pathom. บาทหลวงฉัตรชัย นิลเขต
* บาทหลวงในคริสต์ศาสนจักรคาทอลิก สังกัดอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง * มหาบัณฑิตสาขาวิชาเทววิทยาจริยธรรม วิทยาลัยแสงธรรม
บาทหลวง ดร.ออกัสติน สุกีโย ปีโตโย
* บาทหลวงในคริสต์ศาสนจักรโรมันคาทอลิก สังกัดคณะเยสุอิต * อาจารย์ประจำาหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทววิทยาจริยธรรม วิทยาลัยแสงธรรม
บาทหลวงเจริญ ว่องประชานุกูล
* บาทหลวงในคริสต์ศาสนจักรโรมันคาทอลิก สังกัดสังฆมณฑลราชบุรี * คณบดีคณะศาสนศาสตร์ วิทยาลัยแสงธรรม
Rev.Chatchai Nilknet
* Reverend in Roman Catholic Church, Tharae-Nongsaeng Archdiocese. * Master of Arts Programe in Moral Theology, Saengtham College.
Rev.Dr.Agustinus Sugiyo Pitoyo, S.J.
* Reverend in Roman Catholic Church, Jesuit. * Lacturer of The Master of Arts Programe in Moral Theology, Saengtham College.
Rev.Charoen Vongprachanukul
* Reverend in Roman Catholic Church, Ratchaburi Diocese. * Dean, Faculty of Religious, Saengtham College.
จริยธรรม ิ่งแ ดล้อมตาม ลักค�า อนพระ า นจักรคาทอลิกกับปัญ ามลภา ะทางน�า้ กรณี ึก า ชุมชน ัดนักบุญเปโตร ามพราน นครปฐม
บทคัดยอ
68
การ ิจัยนี้มีจุดประ งค์เพื่อทราบ 1) ลักค�า อนพระ า นจักรคาทอลิกเกี่ย กับ ิ่งแ ดล้อม 2) แน ทางการน�าจริยธรรม ตาม ลักค�า อนของพระ า นจักรคาทอลิกมาใช้เป็นแน ทางแก้ไข ปัญ ามลภา ะทางน�า้ โดยใช้แบบ ัมภา ณ์แบบกึ่งโครง ร้าง ซึ่งกลุ่ม ผู้ที่ใ ้ข้อมูล จ�าน น 12 คน คือ บาท ล งเจ้าอา า ัดนักบุญเปโตร ซิ เตอร์ผู้อ�าน ยการโรงเรียนนักบุญเปโตร นายกองค์การบริ าร ่ น ต�าบล รองนายกองค์บริ าร ่ นต�าบล ผู้ประกอบการโรงงาน 2 แ ่ง บุคคลในชุมชนที่นับถือ า นาคริ ต์ 3 คน และบุคคลในชุมชน ที่นับถือ า นาอื่น 3 คน โดยการ ิเคราะ ์ข้อมูลด้ ยการตร จ อบ ทบท นค ามครบถ้ น มบูรณ์ของข้อมูลที่ได้รับ แล้ น�าข้อมูลที่ได้รับ มา ิเคราะ ์เนื้อ า ังเคราะ ์ ผลการ ิจัยพบ ่า 1. ลั ก ค� า อนของพระ า นจั ก รคาทอลิ ก เกี่ ย กั บ ิ่ ง แ ดล้อม ประกอบด้ ย ค ามเชื่อที่เป็นจุดเริ่มต้นในพระคัมภีร์จาก นัง ือปฐมกาลที่อธิบายถึงการ ร้างของพระเจ้า ซึ่งพระคัมภีร์ได้ แ ดงถึงค ามจริงเกี่ย กับพระเจ้า มนุ ย์ และโลกธรรมชาติ ่า พระเจ้าทรง ร้างทุก ิ่งและ ิ่งที่พระเจ้าทรง ร้างนั้นดีมาก ดังนั้น มนุ ย์คือ ิ่ง ร้างพิเ ของพระเจ้าเพราะมนุ ย์เป็นภาพลัก ณ์ของ พระเจ้า ดังนั้น การด�ารงชี ิตของมนุ ย์ไม่ค รแยกออกจากพระเจ้า และ ิ่ง ร้างทั้ง ลายนั้นเป็น ่ น นึ่งของการรับใช้ซึ่งกันและกันด้ ย เพราะฉะนั้น พระ า นจักรใ ้ค�า อนด้านจริยธรรม ิ่งแ ดล้อม ่า พื้นฐานค ามรับผิดชอบของมนุ ย์อยู่ที่การด�าเนินชี ิตของมนุ ย์ด้ ย ลักคุณธรรมค ามรัก ค ามยุติธรรม และค ามดี ่ นร ม 2. แน ทางการน� า จริ ย ธรรมตาม ลั ก ค� า อนของพระ า นจักรคาทอลิกมาใช้เป็นแน ทางแก้ไขปัญ ามลภา ะทางน�้า ใช้ กรณี ึก าชุมชน ัดนักบุญเปโตร ามพราน นครปฐม ที่ท�าการปฏิบัติ โดย 1) ปลุกจิต �านึก ใ ้ค ามรู้แก่คนในชุมชนเ ็นคุณค่าของธรรมชาติ
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ฉัตรชัย นิลเขต ออกัสติน สุกีโย ปีโตโย และเจริญ ว่องประชานุกูล
2) �านึกถึงความรับผิดชอบต่อธรรมชาติและ น้าที่ของแต่ละคน 3) ตระ นักถึงคุณธรรมจริยธรรม ได้แก่ ความยุติธรรม ความซื่อ ัตย์ ความเกรงใจ ความดี ่วนรวม ความรัก ความ ามัคคี การมีน�้าใจต่อ กัน และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ 4) มีนโยบายฟื้นฟูรัก าแ ล่งน�้า โดย การเจราจาพูดคุยกันในทุกภาค ่วน ได้แก่ วัด ชุมชน ผู้นา� ชุมชน ก�านัน องค์การบริ าร ่วนต�าบล ผู้ประกอบการโรงงาน และ 5) รณรงค์ ้ามทิ้งขยะ มีป้ายโฆ ณาอย่างเป็นรูปธรรม มีการประชา ัมพันธ์ มี การจัดอบรม ชวนเชิญและ ่งเ ริมคุณธรรมจริยธรรมในวัด ในโรงเรียน และในชุมชน และจัดตั้งกลุ่มอนุรัก ์แ ล่งน�้าและการชวนเชิญผู้ที่คิด ว่ามีปัญ ามาประชุมแ ดงความคิดเ ็น าแนวทางร่วมกัน คาสาคัญ Abstract
1) จริยธรรม ิ่งแวดล้อม 2) มลภาวะทางน�า้ 3) คาทอลิก
The purposes of this research were to find : 1) The Teachings of the Catholic Church about Environmental Ethics. 2) Ethical guidelines for Teachings of the Catholic Church as a guideline to prevent water pollution. The interviews used a semi-structured process. The group providing information consisted of twelve persons. The results of the study were : 1. The Teachings of the Catholic Church about Environmental Ethics is found in the beginning of the Bible. The Book of Genesis describes the creation of the Universe by God. The Bible confirms the truth about God, man and
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
69
จริยธรรม ิ่งแ ดล้อมตาม ลักค�า อนพระ า นจักรคาทอลิกกับปัญ ามลภา ะทางน�า้ กรณี ึก า ชุมชน ัดนักบุญเปโตร ามพราน นครปฐม
the natural world that God created. All things and everything God created is good. Man is the culmination of God's creation because all people are created by God image. So human life should not be separated from God because it comes from God. Therefore, the Church tries to focus on the social teaching of the rights and duties in the life of God's creation : human virtues, love, justice, and the common good are based on human responsibility. 2. Ethical Teaching of the Catholic Church is a guideline to prevent water pollution A case study of St. Peter’s Church, Samphran, Nakhon Pathom consists of 1) Raising awareness in the local community and educating the community to recognize the value of nature. 2) Realizing their responsibility towards nature and their duties towards each other. 3) Being aware of the justice, the honesty, the consideration of the common good, love, and kindness, as well as generosity to each other. 4) Acting in policy of proposals restoration of water bodies: The need to talk together, and spend time together for sharing, as well as the cooperation of all agencies involved in the development i.e. the government, the private sector (private organizations) and families which should be the beginning to cultivate morality. including community leaders, village heads of Tambon Administration Organizations, and 5) Creating a new campaign to invite everyone for the preservation of water resources shared by the community, starting with ourselves
70
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ฉัตรชัย นิลเขต ออกัสติน สุกีโย ปีโตโย และเจริญ ว่องประชานุกูล
first. School and local Communities should promote training in the moral measures involved.
1) Environmental Ethics 2) Water Pollution 3) Catholic
ที่มาและความสาคัญของปญ า ปั จ จุ บั น ปั ญ า ิ่ ง แ ดล้ อ มที่ เ กิ ด จากปัญ ามลภา ะทางน�้า เช่น การทิ้งของ เ ียลง ู่แม่น�้าไม่ ่าจะเป็นน�้าเ ียจากอาคาร บ้ า นเรื อ นและชุ ม ชน ของเ ี ย จากโรงงาน อุต า กรรม การใช้ ารเคมีทางการเก ตร การ าธารณ ุข การเลี้ยง ัต ์ และอื่นๆ ล้ น ่งผลต่อปัญ า ิ่งแ ดล้อมที่จะท�าใ ้น�้าเกิด การเน่ า เ ี ย และเกิดปัญ ามลภา ะทางน�้ า ไม่ ่าจะในประเท ไทยและทั่ โลกต่างก็พบ กั บ ปั ญ ามลภา ะทางน�้ า ด้ ยเช่ น กั น ซึ่ ง าเ ตุเ ล่านี้ จิรากรณ์ คชเ นี (2555) ได้ กล่า ไ ้ ่า ืบเนื่องจากค าม ัมพันธ์ระ ่าง มนุ ย์กับ ิ่งแ ดล้อมที่มีมาตั้งแต่อดีตจนถึง ปัจจุบันและยัง ่งผลต่อไปในอนาคต เ ตุ เพราะ ่ามนุ ย์ทุกคนต้องอา ัยปัจจัยพื้นฐาน ในการด�ารงชี ิตจาก ิ่งแ ดล้อม จึงท�าใ ้การ เชื่อมโยงและค ามเกี่ย พันของมนุ ย์กับ ิ่ง แ ดล้อมนี้เอง ท�าใ ้มนุ ย์เป็นต้นเ ตุในการ
ร้างปัญ า ิ่งแ ดล้อมที่เกิดขึ้น อันเนื่องมา จาก าเ ตุ 2 ประการคือ การมีประชากรมาก เกินค าม ามารถในการรองรับของธรรมชาติ และการบริโภคทรัพยากรมากจนเกินไป และ ในที่ ุ ด ผลกระทบจาก ิ่ ง แ ดล้ อ มก็ ย ้ อ น กลับมา ู่มนุ ย์เอง ทั้งนี ้ ร มไปถึงการไม่ ดูแลรัก า ิ่งแ ดล้อมอีกด้ ย จึงท�าใ ้เ ็น ่า ังคมมนุ ย์ปัจจุบันนี้ขับเคลื่อนตั เองไปข้าง น้าด้ ยค ามโลภและ ลงใ ลต่อ ัตถุ ดังนั้น จึ ง ต้ อ งมี ค ามจ� า เป็ น พื้ น ฐานในการ ร้ า ง กลไกการค บคุมการบริโภค นั่นคือ การใช้ ธรรมชาติเพื่อตอบ นองค ามจ�าเป็น การ อยู่อย่างกลมกลืนและการยึด ลักของค าม ยั่งยืนในการด�ารงชี ิตทั้งในปัจจุบันและที่จะ ิ ัฒนาการขึ้นมาในอนาคตด้ ย (จิรากรณ์ คชเ นี, 2555) ขณะที่ ค ามเจริ ญ ก้ า น้ า ทาง ด้านต่างๆ ่งผลใ ้ปัญ าต่างๆ เกิดขึ้นมา
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
71
จริยธรรม ิ่งแ ดล้อมตาม ลักค�า อนพระ า นจักรคาทอลิกกับปัญ ามลภา ะทางน�า้ กรณี ึก า ชุมชน ัดนักบุญเปโตร ามพราน นครปฐม
ด้ ยเช่ น กั น โดยเฉพาะปัญ า ิ่งแ ดล้อม ที่ เ กิ ด จากมลภา ะทางน�้ า โดยที่ พ ระบาท มเด็จพระเจ้าอยู่ ั ได้แ ดงค าม ่ งใยกับ ประชาชนอย่างมากมาย อาทิ พระองค์ทรงมี พระด�าริในโครงการพระราชด�าริเกี่ย กับการ บริ ารจัดการน�้า ร มถึง ่งเ ริมใ ้ประชาชน ท�าเ ร ฐกิจพอเพียงด้ ย เพราะ �านักงาน คณะกรรมการ ิจัยแ ่งชาติ พิจารณาแล้ เ ็น ่าปัญ าเรื่องน�้าเป็นปัญ า �าคัญมากจึง ได้ก�า นดไ ้ในกลุ่มเรื่องเร่งด่ นด้ ย ซึ่งน�้า เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีค าม �าคัญและ จ�าเป็นต่อการด�ารงชี ิตของทั้งมนุ ย์ ัต ์ พืช และเป็น ิ่งม ั จรรย์ที่ ุดในโลกที่ท�าใ ้ เกิด ิ่งมีชี ิตขึ้นมาในโลก น�้าจึงเป็น ัญลัก ณ์ แ ่ ง การเริ่ ม ต้ น การด� า รงอยู ่ แ ละการ ิ้ น ุ ด ของ รรพ ิ่ ง นอกจากนี้ น�้ า ยั ง เป็ น แ ล่ ง ที่ ก่อก�าเนิดชุมชนมนุ ย์ และอารยธรรมอัน เก่าแก่ในโลกล้ น ัมพันธ์ใกล้ชิดกับน�้าทั้ง ิ้น ด้ ยมนุ ย์เชื่อจากการมองเ ็น ่าในโลกนี้มี น�้าเป็น ารที่มีปริมาณมากที่ ุด เมื่อเปรียบ เทียบกับ ารอื่นที่มีอยู ่ มนุ ย์จึงเป็น ิ่งมี ชี ิตที่มีการน�าน�้ามาใช้ประโยชน์เพื่อตนเอง ในด้านต่างๆ มากที่ ุดในบรรดา ิ่งมีชี ิตทั้ง ลายในโลกใบนี้ มายร มถึงการใช้น�้าใน ประเท ไทยด้ ย จึงท�าใ ้เกิดปัญ ามลภา ะ ทางน�้าเพราะมนุ ย์ไม่เ ็นคุณค่าของน�า้ ซึ่ง
72
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
มลภา ะทางน�้าในช่ ง 4 ปีที่ผ่านมา พบ ่า คุณภาพน�้าของแม่น�้า าย �าคัญ 46 าย และ แ ล่งน�้านิ่ง 4 แ ล่ง ได้แก่ ก ๊านพะเยา บึง บอระเพ็ด นอง าน และทะเล าบ งขลา ที่เคยอยู่ในเกณฑ์ดีมีแน โน้มลดลง าเ ตุ ลั ก ที่ ท� า ใ ้ ก ารจั ด การมลภา ะทางน�้ า ยั ง ไม่ประ บค าม �าเร็จเท่าที่ค รเนื่องมาจาก การขาดค ามรู้ ค ามเข้าใจ ค ามตระ นัก และการมี ่ นร่ มของประชาชน/ชุมชนใน การดู แ ลรั ก า ิ่ ง แ ดล้ อ มและการจั ด การ มลภา ะทางน�้า การใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และ ิ่ ง แ ดล้ อ มที่ ข าดค าม มดุ ล และการ จั ด การมลภา ะทางน�้ า ที่ เ น้ น การบ� า บั ด ที่ ปลายเ ตุ โดยไม่ค�านึงถึงการจัดการที่แ ล่ง ก�าเนิด (กรมทรัพยากรน�้าและ ิ่งแ ดล้อม, 2557) จากที่ ก ล่ า มาข้ า งต้ น ท� า ใ ้ เ ็ น ่ า เมื่ อ เ ็ น ถึ ง ค าม � า คั ญ ปั ญ า ิ่ ง แ ดล้ อ ม โดยเฉพาะปัญ าที่เกิดจากมลภา ะทางน�้า ที่ ่งผลเ ียและผลกระทบต่อ ังคมโดยร ม เป็ น อย่ า งมากแล้ เราทุ ก คนในโลกนี้ จึ ง ต้ อ งเปลี่ ย นแปลงพื้ น ฐานค ามคิ ด ของตน ในการค บคุมการบริโภคใ ้มีประ ิทธิภาพ และประ ิทธิผลมากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบัน ปัญ า ิ่งแ ดล้อมที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะปัญ า มลภา ะทางน�้า เป็นปัญ าที่ ่งผลร้ายต่อ
ฉัตรชัย นิลเขต ออกัสติน สุกีโย ปีโตโย และเจริญ ว่องประชานุกูล
คุณภาพการด�าเนินชี ิตของมนุ ย์ และเป็น ปัญ าเร่งด่ นที่มนุ ย์ค รใ ้ค าม นใจและ ตระ นักดี ่า ิ่งแ ดล้อมที่มีอยู่ในธรรมชาติ ล้ นเป็ น ทรั พ ยากรที่ � า คั ญ และจ� า เป็ น ต่ อ การด�าเนินชี ิตของมนุ ย์ โดยการช่ ยเ ลือ กันในการแก้ไขปัญ าที่เป็นเ ตุผล �าคัญต่อ คุณภาพชี ิตของมนุ ย์กับปัญ า ิ่งแ ดล้อม ในปั จ จุ บั น นี้ ใ ้ ไ ด้ รั บ การดู แ ลและ ่ ง เ ริ ม ค ามรับผิดชอบตาม ลักจริยธรรมต่อไป ืบเนื่องจาก ผลการ ิจัย �าร จของ เอแบคโพล (นพดล กรรณิกา, 2554) เรื่อง “โครงการ �าร จค ามคิดเ ็นของประชาชน ต่อมลภา ะทางน�า้ ในประเท ไทย : กรณี ึ ก าประชาชนในเขตกรุ ง เทพม านคร ปริ ม ณฑล และประชาชนรอบเขตนิ ค ม อุต า กรรม 3 แ ่ง” พบ ่า คนไทยเจอ ปัญ ามลภา ะทางน�้ามากถึงมากที่ ุด โดย คน ่ นใ ญ่ ม อง ่ า เป็ น ภั ย คุ ก คามต่ อ การ พัฒนาคุณภาพชี ิตถึง 75% และเมื่อ อบถาม ค ามคิดเ ็นเกี่ย กับปัญ ามลภา ะทางน�้า ในประเด็นต่างๆ พบ ่า ่ นใ ญ่ เ ็นด้ ย ่าประเท ไทยก�าลังเผชิญปัญ าที่เกี่ย ข้อง กั บ มลภา ะทางน�้ า กั บ ทุ ก ประเด็ น ที่ ท� า การ �าร จ โดยร้อยละ 83.8 เ ็น ่ามลภา ะทาง น�้าเป็นปัญ า �าคัญต่อ ิ่งแ ดล้อม และค ร เร่งป้องกันแก้ไข ร้อยละ 75.2 เ ็นด้ ย ่าน�้า
เน่าเ ีย/มลภา ะทางน�้าเป็นปัญ า �าคัญใน ระดับประเท ร้อยละ 75.0 เ ็น ่ามลภา ะ ทางน�้าเป็นภัยคุกคามต่อการพัฒนาคุณภาพ ชี ิต ด้านค�า อนพระ า นจักรคาทอลิก เรื่อง ิ่งแ ดล้อมนั้นมีค าม �าคัญอย่างมาก ต่อ ังคมโดยร ม ซึ่งในประเท ไทยและทั่ โลกต่ า งประ บกั บ ปั ญ า ิ่ ง แ ดล้ อ มโดย เฉพาะปัญ า ิ่งแ ดล้อมที่เกิดจากมลภา ะ ทางน�้ า าเ ตุ ลั ก ก็ ม าจากการที่ ม นุ ย์ ท� า ลายทรั พ ยากรธรรมชาติ แ ละท� า ลาย ิ่ ง แ ดล้อมไปโดยไม่ค�านึงถึง ลักจริยธรรม ที่ จะช่ ยกันรัก า ิ่งแ ดล้อมได้เท่าที่ค รพระ า นจั ก รจึ ง ได้ ก ล่ า ถึ ง ปั ญ าที่ เ กิ ด ขึ้ น กั บ มนุ ย์และ ิ่งแ ดล้อม ่า เมื่อมนุ ย์เผชิญ น้ า กั บ การเ ี ย ายของ ิ่ ง แ ดล้ อ มอย่ า ง ก ้ า งข างแล้ ประชาชนในทุ ก นแ ่ ง จึงเริ่มเข้าใจ ่า มนุ ย์ไม่อาจใช้ทรัพยากร ของโลกดั ง เช่ น อดี ต ที่ เราเคยท� า อี ก ต่ อ ไป าธารณชนโดย ่ นร ม ร มทั้งผู้นา� ทางการ เมือง ก�าลัง ่ งใยปัญ านี้ และผู้เชี่ย ชาญ าขาต่างๆ ก�าลัง ึก าถึง าเ ตุของมัน อยู ่ นอกจากนั้น ใน มัยนี ้ เริ่มมีค าม �านึก ถึงภา ะ ิ่งแ ดล้อมเกิดขึ้น ซึ่งแทนที่จะเพิก เฉย มนุ ย์กลับต้องพัฒนาใ ้เกิดกิจกรรม รูปธรรม และค ามคิดริเริ่มมากขึ้นกับคุณค่า
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
73
จริยธรรม ิ่งแ ดล้อมตาม ลักค�า อนพระ า นจักรคาทอลิกกับปัญ ามลภา ะทางน�า้ กรณี ึก า ชุมชน ัดนักบุญเปโตร ามพราน นครปฐม
ทางจริยธรรมมากมาย ซึ่งเป็นพื้นฐานต่อ การพัฒนา ังคมใ ้มี ันติ ุขเพื่อ อดคล้อง อย่ า งยิ่ ง กั บ ปั ญ า ิ่ ง แ ดล้ อ มบนพื้ น ฐาน ของโลกทั น์ที่มี ีลธรรม (ยอ ์น ปอล ที่ 2, 2540) เมื่อพิจารณาจากเ ตุการณ์ครั้ง นึ่ง ที่ชา ประมงชา ญี่ปุ่นได้รับอันตรายจากการ ทดลองนิ เคลียร์ และนับตั้งแต่ รัฐอเมริกา ได้ทิ้งระเบิดปรมาณูเมือง ฮิโรชิมา เมื่อ ัน ที่ 1 มีนาคม 1954 ( ีลม ไชยเผือก, 2002) และการท� า ลายทรั พ ยากรธรรมชาติ ร ม ถึ ง ภั ย พิ บั ติ ท างธรรมชาติ แ ละที่ เ กิ ด ขึ้ น จาก น�้ า มื อ ของมนุ ย์ จึ ง ท� า ใ ้ ทั่ โลกร มถึ ง ประเท ไทยที่พบกับปัญ า ิ่งแ ดล้อม โดย เฉพาะปั ญ า ิ่ ง แ ดล้ อ มจากมลภา ะทาง น�้ า ที่ อ ยู ่ ใ นระดั บ รุ น แรงมาก-มากที่ ุ ด นั้ น ทุกฝ่ายจึงได้ ันมา นใจปัญ า ิ่งแ ดล้อม และจะเ ริม ร้างจริยธรรมอย่างจริงจัง ซึ่ง ลักปฏิบัติและแน คิดของพุทธ า นา ของ เทพพร มังธานี (2544) รุปไ ้ ่า “การด�าเนิน ชี ิตแบบชา พุทธ ตลอดจนการปฏิบัติธรรม ในพุทธ า นาเป็นการแ ดงออกถึงค ามรับ ผิดชอบ ่ นบุคคลต่อ ิ่งแ ดล้อมไปในตั ” พระ า นจักรคาทอลิกจึงได้ใ ้ค าม นใจต่ อ ปั ญ า ิ่ ง แ ดล้ อ มและเ ริ ม ร้ า ง และพัฒนามนุ ย์ด้ ยจริยธรรมทาง า นาที่ ปรากฏในเอก ารทางการที่เป็น ลักค�า อน
74
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ของพระ า นจักรด้ ย นับตั้งแต่พระ มณา ์น เรรุม นอ ารุม (Rerum Novarum) โดย พระ ันตะปาปา เลโอ ที่ 13 และค�า อนจากการประชุม ังคายนา าติกันครั้งที ่ 2 (ค. . 1962-1965) เช่น าร ่ นพระองค์ ออกโต เยซีมา อัดเ นีแอน ์ (Octogesima Adveniens) โดย พระ ันตะปาปา ปอล ที ่ 6 ข้อที่ 21 ที่ ่า “ผู้คนมีค าม า� นึก ่าการ ใช้ประโยชน์จากธรรมชาติโดยขาดค ามยั้ง คิ ด เ ี่ ย งต่ อ การท� า ลายธรรมชาติ แ ละตั มนุ ย์เองด้ ยปัญ า ิ่งแ ดล้อมเป็นปัญ า ังคมที่เกี่ย ข้องกับครอบครั มนุ ย์ทั้ง มด คริ ตชนและทุ ก คนต้ อ งร่ มมื อ กั น รั ก า ิ่งแ ดล้อม” ร มถึง ค ามยุติธรรมในโลก (Justitia in Mundo) โดย พระ ันตะปาปา ปอล ที่ 6 ข้อที่ 11 (ค. . 1971) และพระ มณา ์น ากล พระผู้ไถ่-มนุ ย์ (Redemptor Hominis) โดย ันตะปาปายอ ์น ปอล ที ่ 2 ข้อที ่ 15 (ค. . 1979) พระ มณ า ์น ค าม ่ งใยเรื่อง ังคม (Sollicitudo Rei Socialis) โดย ันตะปาปายอ ์น ปอล ที่ 2 ข้อที่ 26 (ค. . 1987) และที่ ุดในปี ค. .1990 า ์น ของ มเด็จพระ ันตะปาปายอ ์น ปอล ที่ 2 ฉบั บ แรกที่ ก ล่ า ถึ ง ค าม ิ ต กกั ง ลในเรื่ อ ง ิ่งแ ดล้อมโดยเฉพาะคือ าร ัน ันติภาพ ากล ใน ั ข้อ “ ันติภาพกับพระเจ้าพระผู้
ฉัตรชัย นิลเขต ออกัสติน สุกีโย ปีโตโย และเจริญ ว่องประชานุกูล
ร้าง ันติภาพกับ รรพ ิ่ง” ร มถึง า ์น ของ มเด็จพระ ันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 เนื่องในโอกา เฉลิมฉลอง ัน ันติภาพ ากล (1 มกราคม 2553) ใน ั ข้อ “ ากต้องการ ร้าง ันติภาพ จงปกป้องคุ้มครอง ิ่ง ร้าง” ทั้งนี้ พระ ันตะปาปา ฟรังซิ (2014) ก็ได้ พู ด ถึ ง การดู แ ลรั ก า ิ่ ง แ ดล้ อ มเพราะ ิ่ ง แ ดล้อมคือ ิ่ง ร้างของพระเจ้า และ ิ่ง ร้าง เ ล่ า นั้ น คื อ ของข ั ญ ที่ พ ระเจ้ า ประทานใ ้ ดังนั้น มนุ ย์จึงต้องใ ้การดูแลรัก าและใช้ ค าม ามารถในการตอบ นองและทั คติที่ดี กับ ิ่ง ร้างของพระองค์เ มอ เพราะ ากมี ก าร ึ ก าจริ ย ธรรม ิ่งแ ดล้อมตาม ลักค�า อนพระ า นจักร คาทอลิกกับปัญ ามลภา ะทางน�้านี้จะช่ ย ร้างคุณค่าและเติบโตใน ั ใจของมนุ ย์ทุก คนอา ัยค ามร่ มมือและค ามรับผิดชอบ ตามที่ พ ระ า นจั ก รเรี ย กร้ อ งตามเ รี ภ าพ ของแต่ละคนต่อไป ด้ ย ่าพระ า นจักร มองโลกอย่างเข้าใจใน ิกฤติการณ์และผลกระ ทบที่เกิดขึ้นกับ ิ่ง ร้างของพระเจ้า ซึ่ง ่งผล โดยตรงกับปัญ า ิ่งแ ดล้อมที่มนุ ย์มี ่ น เกี่ย ข้องและเป็นปัจจัย ลักต่อการพัฒนา และเปลี่ ย นแปลง ั ง คมโดยเฉพาะประเด็ น ทางจริ ย ธรรม ิ่ ง แ ดล้ อ มที่ มี ม นุ ย์ เ ป็ น เครื่องบ่งชี้ของค าม ัมพันธ์กับ ิ่งแ ดล้อม
ด้ ยและจากผลการ ิจัย �าร จค ามคิดเ ็น ของประชาชนกับปัญ ามลภา ะทางน�้าใน ประเท ไทยด้ ยแล้ นั้น ยิ่งท�าใ ้เ ็นปัญ า เร่ ง ด่ น � า รั บ การจั ด การแก้ ไขซึ่ ง ยั ง ไม่ มี น่ ยงานไ นที่ชัดเจนเข้ามาด�าเนินการแก้ไข ดังนั้น ผู้ ิจัยจึงมีค าม นใจที่จะ ท�าการ ึก าเรื่อง จริยธรรม ิ่งแ ดล้อมตาม ลักค�า อนของพระ า นจักรคาทอลิกกับ ปั ญ ามลภา ะทางน�้ า กรณี ึ ก าชุ ม ชน ัดนักบุญเปโตร ามพราน นครปฐม เพื่อ ประโยชน์ในการเ ริม ร้างจริยธรรมการดูแล รัก า ิ่งแ ดล้อมใ ้คงอยู่ต่อไป วัต ุประสงคของการวิจัย 1. เพื่ อ ึ ก า ลั ก ค� า อนพระ า นจักรคาทอลิกเกี่ย กับ ิ่งแ ดล้อม 2 . เ พื่ อ ึ ก า แ น ท า ง ก า ร น� า จริยธรรมตาม ลักค�า อนของพระ า นจักร คาทอลิ ก มาใช้ เ ป็ น แน ทางแก้ ไขปั ญ า มลภา ะทางน�้า ขอบเขตของการวิจัย ผู ้ ิ จั ย มุ ่ ง ึ ก าเรื่ อ ง จริ ย ธรรม ิ่ ง แ ดล้อมตาม ลักค�า อนของพระ า นจักร คาทอลิ ก กั บ ปั ญ ามลภา ะทางน�้ า กรณี ึก า ชุมชน ัดนักบุญเปโตร ามพราน
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
75
จริยธรรม ิ่งแ ดล้อมตาม ลักค�า อนพระ า นจักรคาทอลิกกับปัญ ามลภา ะทางน�า้ กรณี ึก า ชุมชน ัดนักบุญเปโตร ามพราน นครปฐม
นครปฐม ซึ่งเป็นงาน ิจัยเชิงคุณภาพ โดยมี ขอบเขตที่จะ ึก า ดังนี้ 1. กรอบแน คิดของการ ิจัย การ ิ จั ย นี้ ึ ก า ิ เ คราะ ์ ั ง เคราะ ์ เ นื้ อ าที่ เกี่ ย ข้ อ งโดย 1) ึ ก าค าม มายของ จริยธรรม ิ่งแ ดล้อม 2) ึก าปัญ า ิ่ง แ ดล้อมกับมลภา ะทางน�้าในประเท ไทย 3) ึ ก า ลั ก ค� า อนด้ า น ั ง คมของพระ า นจักรคาทอลิกเกี่ย กับ ิ่งแ ดล้อม และ 4) งาน ิจัยที่เกี่ย ข้อง 2. ขอบเขตด้านผู้ใ ้ข้อมูล กลุ่มผู้ ใ ้ข้อมูล ประกอบด้ ย 1) ผู้น�าชุมชน คือ บาท ล งเจ้าอา า ัดนักบุญเปโตร ผู้บริ าร โรงเรียนนักบุญเปโตร และผู้บริ ารองค์การ บริ าร ่ นต�าบล 2) ผู้ประกอบการ 2 แ ่ง และ 3) บุคคลในชุมชนที่นับถือ า นาคริ ต์ และนับถือ า นาอื่น โดย ิธีการ ัมภา ณ์ แบบกึ่งโครง ร้าง นิยาม ัพทเ พาะ จริ ย ธรรม ่ิ ง แ ดล้ อ ม มายถึง คุณลัก ณะ ค ามประพฤติที่มนุ ย์ค รยึดถือปฏิบัติต่อ ธรรมชาติและ ิ่งแ ดล้อมโดยค�านึงถึงคุณค่า และ ิทธิต่างๆ เพื่อการพัฒนาชี ิต ซึ่งน�าไป ู่ การเปลี่ยนแปลงอย่างถึงรากถึงโคนในค าม
76
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ัมพันธ์ระ ่างมนุ ย์กับ ิ่งแ ดล้อม จริ ย ธรรม ิ่ ง แ ดล้ อ มตาม ลั ก ค� า อน องพระ า นจั ก รคาทอลิ ก -
มายถึง พื้นฐานค ามเชื่อทางคริ ต์ า นา ที่เ ริม ร้างค าม �านึกถึง ิ่งแ ดล้อม ่าเป็น ิ่ ง ร้ า งของพระเจ้ า ด้ ยค ามรั บ ผิ ด ชอบ จิ ต � า นึ ก ค าม ุ ขุ ม รอบคอบร่ มกั น ที่ จ ะ เคารพต่อ ิ่ง ร้างของพระเจ้าด้ ยการปกป้อง และ ร้าง ันติภาพใ ้เกิดขึ้นในใจของมนุ ย์ ด้ ยค ามรัก ค ามยุติธรรมและค ามดี ่ น รม มลภา ะทางน�้า มายถึง ภา ะของแ ล่งน�า้ ตาม ธรรมชาติถูกปนเปื้อนด้ ย ิ่งแปลกปลอมและ ท�าใ ้คุณภาพของน�้าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ แย่ลง ่งผลใ ้การใช้ประโยชน์จากน�้านั้นลด ลง รืออาจใช้ประโยชน์ไม่ได้เลย ชุมชน ัดนักบุญเปโตร ามพราน นครปฐม มายถึง ชุมชน แ ่งค ามเชื่อที่นับถือ า นาคริ ต์ นิกาย โรมันคาทอลิก
ฉัตรชัย นิลเขต ออกัสติน สุกีโย ปีโตโย และเจริญ ว่องประชานุกูล
ประโยชนที่คา ว่าจะ รับ ามารถน� า จริ ย ธรรมตาม ลั ก ค� า อนของพระ า นจั ก รคาทอลิ ก มาใช้ เ ป็ น แน ทางในการช่ ยแก้ไขปัญ ามลภา ะทาง น�้า สรุป ลการวิจัย 1 ลการ ก าจริยธรรมสิ่งแว ลอมตาม ลักคาสอนของ ระ าสนจักรคาทอลิกกับ ปญ ามล าวะทางนา กร ี ก า ชุมชน วั นักบุญเปโตร สาม ราน นครป ม 1.1 ลักค�า อนของพระ า นจักร คาทอลิกเกี่ย กับ ิ่งแ ดล้อม คือ ค ามเชื่อที่ เป็นจุดเริ่มต้นในพระคัมภีร์จาก นัง ือปฐมกาลที่อธิบายถึงการ ร้างของพระเจ้า ซึ่งพระ คัมภีร์ได้แ ดงถึงค ามจริงเกี่ย กับพระเจ้า มนุ ย์ และโลกธรรมชาติ ่า พระเจ้าทรง ร้าง ทุ ก ิ่ ง และ ิ่ ง ที่ พ ระเจ้ า ทรง ร้ า งนั้ น ดี ม าก ดังนั้น มนุ ย์คือ ิ่ง ร้างพิเ ของพระเจ้า เพราะมนุ ย์ เ ป็ น ภาพลั ก ณ์ ข องพระเจ้ า ดังนั้น การด�ารงชี ิตของมนุ ย์ไม่ค รแยก ออกจากพระเจ้า และ ิ่ง ร้างทั้ง ลายนั้น เป็ น ่ น นึ่ ง ของการรั บ ใช้ ซึ่ ง กั น และกั น ด้ ย เพราะฉะนั้น พระ า นจักรใ ้ค�า อน ด้านจริยธรรม ิ่งแ ดล้อม ่า พื้นฐานค าม รั บ ผิ ด ชอบของมนุ ย์ อ ยู ่ ที่ ก ารด� า เนิ น ชี ิ ต
ของมนุ ย์ด้ ย ลักคุณธรรมค ามรัก ค าม ยุติธรรม และค ามดี ่ นร ม และจากค�า อนที่พระ ันตะปาปา อนไ ้ ดังนี้ 1.1.1 พระ ันตะปาปา เลโอ ที่ 13 อนเกี่ย กับ ิ่งแ ดล้อมโดยเน้นถึงเรื่องการที่ มนุ ย์เป็นผู้น�าการเปลี่ยนแปลงในการแก้ไข ปัญ า ังคม โดยเฉพาะปัญ าเรื่องแรงงาน จาก ภาพ ังคม มนุ ย์จึงต้องใช้ประโยชน์ ของตนด้าน ีลธรรมเพื่อการมีชี ิตค ามเป็น อยู่ที่ดีขึ้นตาม ภาพแ ดล้อมและ ิ่งแ ดล้อม ด้ ยการตระ นั ก ถึ ง คุ ณ ค่ า และ ั ก ดิ์ รี ที่ พระเจ้ า ได้ ร้ า งมนุ ย์ ม าใ ้ มี ภ าพลั ก ณ์ เ มือนพระองค์ 1.1.2 พระ ันตะปาปา ยอ ์น ที่ 23 อนเกี่ย กับ ิ่งแ ดล้อม ่า ันติภาพในโลกนี้ เกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมนุ ย์เรียนรู้จักการพัฒนา เทคโนโลยีและ ามารถใช้มันอย่างคุ้มค่าและ เข้าใจใน ิ่ง ร้างตามธรรมชาติของมัน โดย อา ัยค ามจริง ค ามยุติธรรม ค ามรัก และ อิ รภาพในการ ร้างเกียรติและ ักดิ์ รีของ มนุ ย์ด้ ยจิต �านึกและการเชื่อฟังพระเจ้า เ มอ 1.1.3 พระ ันตะปาปา ปอล ที่ 6 อนย�า้ เตือนถึง ังคมโลกปัจจุบัน ่า มนุ ย์ ต้องใ ้ค ามยุติธรรมต่อทรัพยากรธรรมชาติ และพลังงานอย่างเท่าเทียมกันและพยายาม
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
77
จริยธรรม ิ่งแ ดล้อมตาม ลักค�า อนพระ า นจักรคาทอลิกกับปัญ ามลภา ะทางน�า้ กรณี ึก า ชุมชน ัดนักบุญเปโตร ามพราน นครปฐม
ใ ้รับผิดชอบต่อ ิ่งที่ตนกระท�าที่เป็นผลต่อ ปัญ ามลภา ะทางน�้าและอากา ที่ก�าลังจะ ูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อค ามยุติธรรมในการมี ่ น ร่ มที่จะปฏิบัติต่อการเปลี่ยนแปลงโลกต่อ การประกา ค ามยุติธรรมต่อคนยากจนและ มาชิกของพระ า นจักรด้ ย 1.1.4 พระ ันตะปาปา ยอ ์น ปอล ที่ 2 อนเกี่ย กับ ิ่งแ ดล้อม ่า 1) เตือนใ ้ ระลึกถึงเอาใจใ ่ต่อ ิ่ง ร้างทั้งม ล 2) การ ร้ า ง รรค์ ิ่ ง แ ดล้ อ มใ ้ มบู ร ณ์ ด ้ ยการ อุทิ ตนของผู้ที่มีค ามเชื่อ 3) ยอมรับ ่า บาปก�าเนิดและบาป ่ นตั ่งผลต่อปัญ า ิ่งแ ดล้อม 4) ค ามเชื่อท�าใ ้มนุ ย์ได้รับ การไถ่กู้โดยพระคริ ตเจ้าผ่าน ิกฤติการณ์ ิ่ง แ ดล้อม และ 5) จากปัญ า ิ่งแ ดล้อมเรียก ร้องการเคารพต่อชี ิตและ ักดิ์ รีของมนุ ย์ ร มทั้ง ิ่ง ร้างทั้งม ลใ ้ร่ มกันเทิดเกียรติ พระเจ้าอย่าง มบูรณ์ 1.1.5 พระ ันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 อนอย่างชัดเจน ่าคุณธรรมจริยธรรม ในการดูแลรัก า ิ่งแ ดล้อมด้ ยค ามเอาใจ ใ ่ ่งเ ริมและแบ่งปันค ามดี ่ นร ม โดย มีค ามรับผิดชอบ มีจิต า� นึกถึงค ามจ�าเป็น ที่จะต้องเปลี่ยนแปลงการด�าเนินชี ิต และ ค าม ุขุมรอบคอบ ทั้ง มดนี้ได้รับมาจาก คุณธรรมค ามรัก ค ามยุติธรรมและค ามดี
78
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
่ นร ม 1.1.6 พระ ันตะปาปา ฟรังซิ ที่ 6 อนมุ ่ ง เน้ น ใ ้ ม นุ ย์ เ คารพ ิ่ ง ร้ า งของ พระเจ้า โดยใ ้ดูแล ิ่ง ร้างและใช้อย่างเกิด ประโยชน์ตามค าม ามารถของมัน การใ ้ ค ามเคารพต่อ ิ่ง ร้างของพระเจ้าด้ ยการ ปลู ก ฝั ง ั ฒ นธรรมแ ่ ง ชี ิ ต และใ ้ ค าม กตัญญูต่อ ิ่ง ร้างของพระเจ้าและเพื่อค าม รักของพระองค์ 1.2 ลักค�า อนของพระ า นจักร คาทอลิก อนเกี่ย กับปัญ ามลภา ะทางน�้า คือ พระ า นจักรใ ้คา� อนเกี่ย กับ ิ่งแ ด ล้อมไ ้โดยเฉพาะเพื่อปกป้องและ นับ นุน คุ ณ ค่ า และ ั ก ดิ์ รี ใ น ิ่ ง ร้ า งของพระเจ้ า และค�า อนที่พระ า นจักรใ ้มานั้น ามารถ ใช้เป็นแน ทางและน�าค ามรับผิดชอบมา ู่ จิตใจมนุ ย์เพื่อไม่ใ ้ปัญ า ิ่งแ ดล้อมและ โดยเฉพาะปัญ าที่เกิดจากมลภา ะทางน�้าที่ พระ า นจักรใ ้ค าม นใจต่อระดับน�้าของ โลกและระบบ ัฎจักรของน�า้ และการใช้น�้า ประกอบอาชีพที่เ มาะ มอยู่เ นือทั นคติ แบบบริ โ ภคนิ ย มและการร่ มแก้ ไขปั ญ า ระบบนิเ ด้ ยค�า อนที่ ่า มนุ ย์ค ร ตระ นักถึงคุณค่าและค าม มายของน�้าที่ มีค าม �าคัญต่อทุกชี ิตเป็นอันดับแรก และ มนุ ย์ต้องมีแรงจูงใจที่แท้จริงเพื่อ ร้างค าม
ฉัตรชัย นิลเขต ออกัสติน สุกีโย ปีโตโย และเจริญ ว่องประชานุกูล
เป็นปึกแผ่นเดีย กันในระดับโลกอย่างน่าเชื่อ ถือ ด้ ยคุณธรรมค ามรัก ค ามยุติธรรมและ ค ามดี ่ นร มในพันธ ัญญาแ ่งค ามรัก ระ ่างพระเจ้า มนุ ย์และ ิ่งแ ดล้อม ดังนั้น จากกรณี ึก าปัญ ามลภา ะ ทางน�้าในชุมชน ัดนักบุญเปโตร ามพราน นครปฐม รุปผลการ ึก าพบ ่า เมื่อ าเ ตุ และปั ญ ามลภา ะทางน�้ า ในชุ ม ชน ั ด นักบุญเปโตร ามพราน นครปฐม มาจาก โรงงานอุต า กรรม และอุต า กรรมขนาด ย่อม จากอาคารบ้านเรือน จากเก ตรกรรม โรงเรียน และ ถานพยาบาล อันเนื่องมาจาก ชุมชน นาแน่นมากขึ้น การระบายน�้ายังไม่ ดีเท่าที่ค ร ท�าใ ้น�้าขัง มี ีดา� ่งกลิ่นเ ม็น ในชุมชนบริเ ณใกล้แ ล่งน�้าเ ีย ทั้งนี้ได้เกิด ค ามเข้าใจถึง าเ ตุและปัญ าที่เกิดขึ้นแล้ จึ ง มี แ น ทางแก้ ไขได้ ด ้ ยการใ ้ ค ามร่ ม มือกันระ ่างผู้น�าชุมชน ทุกฝ่ายทุก น่ ย งานทั้งรัฐบาลและเอกชน ร มทั้งผู้ที่มี ่ น เกี่ย ข้องดูแลรัก าน�้า รือแ ล่งน�้าร่ มกัน ด้ ยการปลุกจิต า� นึก ค ามรับผิดชอบร่ ม กัน ใ ้ค ามรู้ค ามเข้าใจด้ ยกิจกรรม การ ประชา ัมพันธ์ และประชาคม มู่บ้าน โดย
ามารถน�าคุณธรรมค ามรัก ค ามยุติธรรม และค ามดี ่ นร มมาเป็ น แน ทางแก้ ไข ปัญ ามลภา ะทางน�้าได้ เพราะค ามร่ มมือ กันระ ่างผู้น�าชุมชนและบุคคลในชุมชนไม่ ่าจะนับถือ า นาคริ ต์และ า นาอื่น จะ น� า มาซึ่ ง การปลุ ก จิ ต � า นึ ก และค ามรั บ ผิ ด ชอบด้ ยคุณธรรมค ามรัก ค ามยุติธรรม และค ามดี ่ นร มที่จะ ามารถท�าใ ้ชุมชน อยู ่ อ ย่ า งมี ค าม ุ ข ได้ ด ้ ยปรา จากค าม เ ็นแก่ตั โดยการดูแลรัก า ปกป้อง ิ่ง ร้างของพระเจ้า ไม่ ่าจะนับถือ า นาใด ก็ตาม า นาทุก า นา อนใ ้ทุกคนเป็น คนดี เพราะฉะนั้น เมื่อ า นา อนใ ้ทุกคน เป็นคนดี จึงจ�าเป็นต้อง ร้าง มค ามดีด้ ย กิจการแ ่งค ามรักด้ ยการเ ็นคุณค่าและ ค าม มายในการใ ้ค ามเคารพต่อ ิ่ง ร้าง ทั้งม ลด้ ยการ ร้าง ันติภาพใ ้เกิดขึ้นใน ใจของมนุ ย์ด้ ยการ �านึกและช่ ยกันปลุก จิต �านึกและค ามรับผิดชอบต่อ ิ่ง ร้างของ พระเจ้าของทุกภาค ่ นใ ้มี ่ นร่ มกันใน การอนุรัก ์น�้า เพื่อตอบ นองต่อค ามเชื่อ ของเราและ นใจคนยากจนมากขึ้นในการอยู่ ร่ มกันในชุมชนอย่างมีค าม ุขต่อไป
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
79
จริยธรรม ิ่งแ ดล้อมตาม ลักค�า อนพระ า นจักรคาทอลิกกับปัญ ามลภา ะทางน�า้ กรณี ึก า ชุมชน ัดนักบุญเปโตร ามพราน นครปฐม
ลการ ึก าแน ทางการน�าจริยธรรม ตาม ลักค�า อนพระ า นจักรคาทอลิกมา ช ยแก้ ปัญ ามลภา ะทางน�้า นชุมชน ัดนักบุญเปโตร ามพราน นครปฐม พระ า นจักรใ ้ค�า อนด้าน ังคม เพื่อ างรากฐานในการด�าเนินชี ิตของมนุ ย์ ดังนั้น ค�า อนของพระ ันตะปาปาล้ นใ ้ แน ทางและเป็ น แน ทางแก้ ไขโดยเฉพาะ ปัญ ามลภา ะทางน�้า เพราะน�้าเป็นบ่อเกิด และเป็ น ิ่ ง แรกที่ ม นุ ย์ ไ ด้ ใช้ เ พื่ อ การด� า รง ชี ิต เพราะฉะนั้น จากผลการ ึก าจากการ ัมภา ณ์กลุ่มผู้ใ ้ข้อมูล โดยแบ่งออกเป็น กลุ่มได้ 4 กลุ่ม 2 า นาได้แก่ กลุ่มผู้อภิบาล กลุ่มผู้นา� ชุมชน กลุ่มผู้ประกอบการ และกลุ่ม บุ ค คลในชุ ม ชนที่ นั บ ถื อ า นาคริ ต์ แ ละ า นาอื่น จากข้อมูลการ ัมภา ณ์ของผู้ใ ้ ข้อมูลในกลุ่มต่างๆ นั้นมีข้อ ังเกตจากการ ที่ได้ ึก าและ ิเคราะ ์ ่า ข้อมูลจากผู้ใ ้ ข้อมูลการ ัมภา ณ์แต่ละกลุ่มนั้นมีค ามแตก ต่างกันในบทบาท น้าที่ค ามรับผิดชอบของ แต่ละกลุ่ม ดังนั้น ข้อ ังเกตที่พบคือ การที่ น� า ค ามเชื่ อ ทาง า นามาเป็ น ลั ก ในการ แก้ไขใ ้แน ทาง �า รับการดูแลรัก าน�้า รือ แ ล่ ง น�้ า เพราะค ามรั บ ผิ ด ชอบของแต่ ล ะ กลุ่ม จึงท�าใ ้แตกต่างใน น้าที่ค ามรับผิด ชอบที่จะพยายามช่ ยกันอนุรัก ์ ิ่งแ ดล้อม
80
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ในชุ ม ชนและเชิ ญ ช นผู ้ ที่ คิ ด ่ า มี ป ั ญ ามา ประชุมแ ดงค ามคิดเ ็นเพื่อ าแน ทางร่ ม กันด้ ย ลักการและแน คิดทางค ามเชื่อทาง า นา เพราะ า นาทุก า นา อนใ ้ทุกคน เป็นคนดี ดังนั้น รุปแน ทางการน�าจริยธรรม ตาม ลักค�า อนของพระ า นจักรคาทอลิก มาใช้เป็นแน ทางแก้ไขปัญ ามลภา ะทางน�้า กรณี ึก า ชุมชน ัดนักบุญเปโตร ามพราน นครปฐม คือ 2.1 ปลุกจิต �านึก ใ ้ค ามรู้กับคน ในชุมชนเ ็นคุณค่าของธรรมชาติ 2.2 � า นึ ก ถึ ง ค ามรั บ ผิ ด ชอบต่ อ ธรรมชาติและ น้าที่ของแต่ละคน 2.3 ตระ นักถึงคุณธรรมจริยธรรม ได้แก่ ค ามยุติธรรม ค ามซื่อ ัตย์ ค าม เกรงใจ ค ามดี ่ นร ม ค ามรัก ค าม ามัคคี การมีน�้าใจต่อกัน และค ามเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ 2.4 มีนโยบายฟื้นฟูรัก าแ ล่งน�้า มีการเจราจาพูดคุยของทุกภาค ่ น ได้แก่ ัด ชุมชน ผู้นา� ชุมชน ก�านัน องค์การบริ าร ่ น ต�าบล และผู้ประกอบการโรงงาน 2.5 รณรงค์ ้ า มทิ้ ง ขยะ มี ป ้ า ย โฆ ณาอย่ า งเป็ น รู ป ธรรม มี ก ารประชาัมพันธ์ มีการจัดอบรม ช นเชิญและ ่งเ ริม คุณธรรมจริยธรรมใน ัด ในโรงเรียนและใน
ฉัตรชัย นิลเขต ออกัสติน สุกีโย ปีโตโย และเจริญ ว่องประชานุกูล
ชุมชนและจัดตั้งกลุ่มอนุรัก ์แ ล่งน�้าและการ ช นเชิ ญ ผู ้ ที่ คิ ด ่ า มี ป ั ญ ามาประชุ ม แ ดง ค ามคิดเ ็น าแน ทางร่ มกัน ขอเสนอแนะ 1. ิ่ ง ที่ ผู ้ ิ จั ย ได้ ท� า การ ึ ก าถึ ง ลักค�า อนของพระ า นจักรคาทอลิกและ าแน ทางแก้ ไขจากการ ั ม ภา ณ์ ก ลุ ่ ม ผู ้ ใ ้ข้อมูล กรณี ึก า ชุมชน ัดนักบุญเปโตร ามพราน นครปฐม เกี่ย กับปัญ า ิ่ง แ ดล้อม โดยเฉพาะปัญ ามลภา ะทางน�า้ จึงได้บท รุปจากข้อ ังเกตและข้อเ นอแนะ เพื่อใ ้แน ทางแก้ไขปัญ านี้ จึงขอเ นอเพื่อ ใ ้เ ็นชัดเจนเป็นรูปธรรมมากที่ ุด �า รับ การท�างาน ิจัยในครั้งนี้จากกรณี ึก าชุมชน ัดนักบุญเปโตร ามพราน นครปฐม และ ามารถน�าไปใช้ในที่ต่างๆ เพื่อเป็นแน ทาง แก้ไขปัญ ามลภา ะทางน�า้ ต่อไปได้ คือ การ จัดตั้งกลุ่มอนุรัก ์แ ล่งน�้าในชุมชน เพื่อตอบ นองต่อค�า อนของพระ า นจักรเกี่ย กับ การดู แ ลรั ก า ใ ้ ค ามรู ้ ค ามเข้ า ใจและ �านึก ่า ิ่งเ ล่านั้นคือ ิ่ง ร้างของพระเจ้าที่ มนุ ย์ต้องดูแล และอีกประการ นึ่ง คือ การ เชิญช นผู้ที่คิด ่ามีปัญ าประชุมแ ดงค าม คิดเ ็นร่ มกัน อาทิ ผู้นา� ทาง า นา ผู้น�าทาง ชุมชน ผู้ประกอบการและบุคคลที่อยู่ในชุมชน
เพื่อ าแน ทางช่ ยกันแก้ไขต่อไป 2. บุคคลและทุก น่ ยงานที่เกี่ย ข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรอิ ระ และ ครอบครั ค รปลุกจิต �านึก และค ามรับ ผิ ด ชอบต่ อ น้ า ที่ ข องแต่ ล ะคนในการช่ ย เ ลื อ กั น ดู แ ลรั ก า ิ่ ง แ ดล้ อ มโดยเฉพาะ ปั ญ า ิ่ ง แ ดล้ อ มที่ เ กิ ด จากมลภา ะทาง น�า้ โดยใช้แน ทางในการ ่งเ ริมและเ ริม ร้างค ามเป็น นึ่งเดีย ทางค ามเชื่อตาม ลั ก ค� า อนพระ า นจั ก รคาทอลิ ก ด้ ย คุณธรรมค ามรัก ค ามยุติธรรมและค าม ดี ่ นร มมาเป็ น แน ทางในการปฏิ บั ติ ที่ ดี มีการจัดอบรม ช นเชิญรณรงค์ มีป้าย โฆ ณาอย่างเป็นรูปธรรมที่เป็นการใ ้ค าม รู ้ ค ามเข้ า ใจชั ด เจนตามค าม ามารถของ แต่ละคนด้ ยค ามเอาใจใ ่อย่างแท้จริงเพื่อ ใ ้ ต ระ นั ก ถึ ง ค ามรั บ ผิ ด ชอบร่ มกั น ใน ชุมชน ทั้งนี้โดยค ามร่ มมือกันของบุคคล และ น่ ยงานทุ ก ภาค ่ นใ ้ ไ ด้ ต ระ นั ก ถึงคุณธรรมจริยธรรมในทางปฏิบัติอย่างถูก ต้องเ มาะ มซึ่งแน ทางปฏิบัติที่จะเ ็นได้ ชัด คือ 1) า� รับผู้อภิบาล เช่น พระ งฆ์เจ้า อา า รือผู้อ�าน ยการโรงเรียน ต้องมีการ เท น์ อนพระ าจาใ ้ แ น ทางปฏิ บั ติ เ พื่ อ ช่ ยกันอนุรัก ์แ ล่งน�า้ จัดกิจกรรมปลูกป่า ท�าค าม ะอาดแ ล่งที่ กปรกเนื่องในโอกา
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
81
จริยธรรม ิ่งแ ดล้อมตาม ลักค�า อนพระ า นจักรคาทอลิกกับปัญ ามลภา ะทางน�า้ กรณี ึก า ชุมชน ัดนักบุญเปโตร ามพราน นครปฐม
นั า� คัญต่างๆ เช่น ันพ่อแ ่งชาติ ฯลฯ 2) า� รับผู้น�าชุมชน ต้องมีการขุดลอกคู คลองเป็นประจ�า มีโครงการจัดระเบียบต่างๆ ในชุมชน มีกิจกรรม ึก าดูงานนอก ถาน ที่เพื่อการบริ ารจัดการที่ดีขึ้น ฯลฯ 3) ผู้ ประกอบการ ต้องค�านึงถึง ิ่งที่จะตามมา ไม่ บรรณานุกรม กรรมาธิการฝ่าย ังคม ภาพระ ังฆราช คาทอลิกแ ่งประเท ไทย. 2553. คาทอลิกกับภา ะโลกร้อน กรุงเทพฯ : ปิติพานิช. กรรมาธิการฝ่าย ังคม ภายใต้ ภาพระ ังฆราชคาทอลิกแ ่งประเท ไทย. 2014. า น ภาพระ ัง ราช คาทอลิกแ งประเท ทย เร่อง ธรรมนญกรรมาธิการ าย ังคม ืบค้นเมื่อ 10 กันยายน 2014. ืบค้นได้จาก http://www. caritasthailand.net/ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพัฒนา ังคม แผนกยุติธรรมและ ันติ. 2553. พระ มณ า น มเดจพระ ันตะ ปาปาเบเนดิกตที่ ค ามรัก น ค ามจริง กรุงเทพฯ : ามลดา.
82
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ปล่ อ ยน�้ า เ ี ย ลง ู ่ แ ม่ น�้ า ล� า คลอง ร้ า งบ่ อ บ�าบัดน�า้ เ ีย ฯลฯ และ 4) บุคคลที่อา ัยใน ชุมชน ต้องค�านึงถึงการอยู่ร่ มกันในชุมชน อย่างมีค าม ุขด้ ยการเอาใจเขามาใ ่ใจเรา ไม่ท�าค ามเดือดร้อนแก่เพื่อนบ้านและแ ดง ออกซึ่งค ามรักต่อกันเ มอ
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์. 2006. พระคัมภีรภาคพันธ ัญญา ม พิมพ์ครั้งที่ 2. ม.ป.ท. คณะกรรมการยุติธรรมและ ันติแ ่ง ประเท ไทย. 1990. า น อง องค มเดจพระ ันตะปาปาจอ น ปอล ที่ เน่อง น ัน ันติภาพ ากล มกราคม ม.ป.ท. ยอ ์น ปอล ที่ 2, พระ ันตะปาปา. 2540. พระ มณ า น ากล พระ ้ มนุ ย กรุงเทพฯ : อั ัมชัญ. รัตน์ บ�ารุงตระกูล, ผู้แปล. 2532. พระ มณ า น ค าม ง ย เร่อง ังคม ม.ป.ท.
ฉัตรชัย นิลเขต ออกัสติน สุกีโย ปีโตโย และเจริญ ว่องประชานุกูล
มาคมพระคริตธรรมไทย. 2000. ระคริสตธรรมคัม ีร าค ันธสัญญาเ ิมและ ันธสัญญา ม่ พิมพ์ครั้งที่ 7. ม.ป.ท. ีลม ไชยเผือก, บาท ลวง. 2002. คาสอน านสังคมของ ระ าสนจักร เล่ม 1 กรุงเทพฯ : การพิมพ์คาทอลิก แ ่งประเทศไทย. Francis, Pope. 2014.
John XXIII, Pope. 1963.
Rome : Daughters of St. Paul.
Accessed July 10, 2014. Available from http://www. catholicworldreport.com/ Blog/2303/pope_francis_focus es_on_ environment_creation_ relationships_culture_of_ waste_full_text.aspx.
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
83
ปัชุมชนคริ จจัยพื้นฐานในการเป็นวิถีชุมชนวัด/ สตชนพื้นฐานในประเทศไทย
The BasicBasic Factors in Forming Basic Ecclesial Communities/ Christian Communities in Thailand. บาทหลวง ผศ.ดร.อภิสิทธิ์ กฤษเจริญ
* บาทหลวงในคริสต์ศาสนจักรคาทอลิก สังกัดสังฆมณฑลราชบุรี * รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
บาทหลวง ดร.ออกัสติน สุกีโย ปีโตโย
* บาทหลวงในคริสต์ศาสนจักรโรมันคาทอลิก สังกัดคณะเยสุอิต * อาจารย์ประจำาหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทววิทยาจริยธรรม วิทยาลัยแสงธรรม
บาทหลวงชีวิน สุวดินทร์กูร
* บาทหลวงในคริสต์ศาสนจักรโรมันคาทอลิก สังกัดสังฆมณฑลราชบุรี
บาทหลวงเจริญ ว่องประชานุกูล
* บาทหลวงในคริสต์ศาสนจักรโรมันคาทอลิก สังกัดสังฆมณฑลราชบุรี * คณบดีคณะศาสนศาสตร์ วิทยาลัยแสงธรรม
พิเชษฐ รุ้งลาวัลย์
* รองผู้อำานวยการศูนย์วิจัยค้นคว้า ศาสนาและวัฒนธรรม วิทยาลัยแสงธรรม
ทิพอนงค์ รัชนีลัดดาจิต
* นักวิจัย ศูนย์วิจัยค้นคว้าศาสนา และวัฒนธรรม วิทยาลัยแสงธรรม
Rev.Asst.Prof.Dr.Aphisit Kitcharoen
* Reverend in Roman Catholic Church, Ratchaburi Diocese. * Vice President for Academic Affairs of Saengtham College.
Rev.Dr.Agustinus Sugiyo Pitoyo, S.J.
* Reverend in Roman Catholic Church, Jesuit. * Lacturer of The Master of Arts Programe in Moral Theology, Saengtham College.
Rev.Cheewin Suwadinkur
* Reverend in Roman Catholic Church, Ratchaburi Diocese.
Rev.Charoen Vongprachanukul
* Reverend in Roman Catholic Church, Ratchaburi Diocese. * Dean, Faculty of Religious, Saengtham College.
Pichet Runglawan
Thip-anong Ratchaneelatdachit
* Deputy Director of Religious and Cultural * Researcher of Religious and Cultural Research Centre, Saengtham College. Research Centre, Saengtham College.
อภิสิทธิ์ กฤษเจริญ ออกัสติน สุกีโย ปีโตโย ชีวิน สุวดินทร์กูร เจริญ ว่องประชานุกูล พิเชษฐ รุ้งลาวัลย์ และทิพอนงค์ รัชนีลัดดาจิต
บทคัดย่อ
การ ิจัยเรื่อง ปัจจัยพื้นฐานในการเป็น ิถีชุมชน ัด/ชุมชน คริ ตชนพื้ น ฐานในประเท ไทย คณะผู ้ ิ จั ย นใจ ึ ก าเกี่ ย กั บ ภาพทั่ ไปของการด�าเนินงาน ิถีชุมชน ัด/ชุมชนคริ ตชนพื้นฐาน ในประเท ไทย และ ึก าปัจจัยพื้นฐานในค าม �าเร็จการเป็น ิถี ชุมชน ัด/ชุมชนคริ ตชนพืื้นฐานในประเท ไทย โดยท�าการ ึก า ข้อมูลจากกลุ่มตั อย่างที่เป็นคริ ตชนคาทอลิกในประเท ไทย ทั้ง 10 ังฆมณฑล โดยใช้แบบ อบถามในการเก็บข้อมูล ผลการ ิจัยพบ ่า ภาพการปฏิบัติของการด�าเนินงาน ิถีชุมชน ัด/ชุมชนคริ ตชนพื้นฐาน โดยภาพร มมีการปฏิบัติอยู่ในระดับปานกลาง โดยพบ ่า การด� า เนิ น งาน ิ ถี ชุ ม ชน ั ด /ชุ ม ชนคริ ตชนพื้ น ฐานในเรื่ อ งการมี กิจกรรมช่ ยงาน ัด มีการปฏิบัติเป็นอันดับที่ 1 อันดับที่ 2 คือ การ มีคู่มือร�าพึงพระ าจาจาก ังฆมณฑลเป็นแน ทาง และในการประชุม มาชิกใ ้เกียรติกันและกัน และอันดับที่ 3 คือ มีการแบ่งปันพระ าจา พร้อมกับแบ่งปันประ บการณ์ชี ิต ภาพค าม � า เร็ จ ของการด� า เนิ น งาน ิ ถี ชุ ม ชน ั ด /ชุ ม ชน คริ ตชนพื้นฐาน พบ ่า อันดับที่ 1 คือ ผู้เข้าร่ มมองเ ็นผลดี รือ ประโยชน์ของ ิถีชุมชน ัด/ชุมชนคริ ตชนพื้นฐาน อันดับที่ 2 คือ ได้ รับการดูแลเอาใจใ ่จากบาท ล ง รือพระ ังฆราชใน ังฆมณฑล และอันดับที่ 3 คือ มาชิกในกลุ่มอยู่บ้านใกล้เคียงกัน ไปมา า ู่กันได้ ะด ก และมีค ามเข้าใจในการเข้าร่ ม ิถีชุมชน ัด/ชุมชนคริ ตชน ปั จ จั ย ค าม � า เร็ จ ของการด� า เนิ น งาน ิ ถี ชุ ม ชน ั ด /ชุ ม ชน คริ ตชนพื้นฐาน พบ ่า ปัจจัยค าม า� เร็จอันดับที่ 1 คือ ทัก ะด้าน การอ่านพระคัมภีร์ในฐานะคู่มือแ ่งชี ิต ปัจจัยค าม า� เร็จอันดับที่ 2 คือ การปลูกจิต �านึกและค ามเข้าใจในบทบาทของ ิ ย์พระคริ ต์ และปัจจัยค าม า� เร็จอันดับที่ 3 คือ การด�าเนินชี ิตของ มาชิกตาม พระ าจา
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
85
ปัจจัยพื้นฐานในการเป็นวิถีชุมชนวัด/ชุมชนคริสตชนพื้นฐานในประเทศไทย
คาสาคั
Abstract
86
1) ศาสนาคริสต์ 2) ชุมชนคริสตชนพื้นฐาน
The study is titled “The Basic Factors in Forming Basic Ecclesial Communities/Basic Christian Communities in Thailand.” The researchers aimed to investigate the general processes to promote Basic Ecclesial Communities/Basic Christian Communities in Thailand and to explore the basic factors leading to successful formation of Basic Ecclesial Communities/Basic Christian Communities in Thailand. The data were collected through questionnaires which were filled in by Catholic people in 10 dioceses in Thailand. The findings indicated that forming and promoting of the Basic Ecclesial Communities/Basic Christian Communities in Thailand as a whole were considered a moderate level of operation. It was found that organizing activities to support Basic Ecclesial Communities was ranked first. The second rank was both that there is a guidebook to God’s word provided by dioceses and that the participants in the meeting show honor to each other. The third rank was sharing God’s word as well as life lessons. Moreover, the successful outcomes of the Basic Ecclesial Community formation and promotion included 1) the participants see benefits from Basic Ecclesial Communities 2) the participants are warmly taken care of by priests
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
อภิสิทธิ์ กฤษเจริญ ออกัสติน สุกีโย ปีโตโย ชีวิน สุวดินทร์กูร เจริญ ว่องประชานุกูล พิเชษฐ รุ้งลาวัลย์ และทิพอนงค์ รัชนีลัดดาจิต
or patriarchs in dioceses and 3) The participants live in the same areas, which induces dense communities, mature understanding and good attitude toward being a part of Basic Ecclesial Communities. Finally, the factors behind the successful Basic Ecclesial Communities formation and promotion consisted of 1) the skill in reading the bible as a guide for life 2) raising awareness and understanding of the roles of Jesus’s disciples and 3) applying God's Word to everyday life. 1) Christianity 2) Basic Ecclesial Communities
ที่มาและความสาคัญ องปญ า ประเทศไทยมี ค วามเจริ ญ ก้ า ว น้ า อย่างรวดเร็วในด้านต่างๆ แต่เกิดความเ ื่อม ทางด้านจิตใจ ค่านิยม ซึ่งเ ็นได้ชัดเจน ลาย ประการ เช่น วัตถุนิยม มีความฟุ่มเฟือย มองเ ็นคุณค่าและยกย่องบุคคลด้วยค่าของ เงิน โดยไม่ค�านึงว่าร�า่ รวยโดยวิธีใด เกิดการ แก่งแย่งแข่งขันเอารัดเอาเปรียบ ไม่ค�านึงถึง คุณธรรม จริยธรรม ความเจริญด้านวัตถุมาก เท่าใด ภาพด้านจิตใจกลับเ ื่อมลง จิตใจคน ับ น คนขาดที่พึ่งทางใจ ครอบครัวที่เข้ม แข็งกลับอ่อนแอ แตกแยก ชุมชน มู่บ้านที่
เคยเข้มแข็งก็เช่นเดียวกัน และยิ่งในปัจจุบัน เทคโนโลยีในด้านต่างๆ เจริญก้าว น้าอย่าง รวดเร็วท�าใ ้ค่านิยมผิดๆ กระจายไปอย่าง รวดเร็วด้วยระบบการ ื่อ ารที่ไร้พรมแดน ่ง ผลต่อกลุ่มคริ ตชนอย่างปฎิเ ธไม่ได้ ทั้งใน การปฎิบัติตนใ ้เป็นคริ ตชนที่ดี การเข้าร่วม พิธีกรรม และกิจกรรมเทศกาลต่างๆ การอยู่ ร่วมกันและความเข้าใจใน น้าที่ของแต่ละ คนที่ต้องปฎิบัติ เพื่อที่จะได้เป็นแบบอย่าง ที่ ดี ทั้ ง ในกลุ ่ ม ชุ ม ชนตั ว เองและชุ ม ชนอื่ น ซึ่ ง อาจ ่งผลใ ้เ ็นถึงคุณภาพของกลุ่มคริ ต-
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
87
ปัจจัยพื้นฐานในการเป็นวิถีชุมชนวัด/ชุมชนคริสตชนพื้นฐานในประเทศไทย
ชนในอนาคตอีกด้ ย ซึ่ง อดคล้องกับแผน อภิบาล คริ ต ักราช 2010 - 2015 ของ พระ า นจักรคาทอลิกในประเท ไทย เน้น เรื่องชุมชนคริ ตชนพื้นฐาน Basic Ecclesial Communities (BEC) ก็เพราะพระ า นจักร ากลมีค ามมุ่ง ังที่จะท�าใ ้โบ ถ์ ทุกๆ โบ ถ์ในพระ า นจักรท้องถิ่น เป็น ชุมชนคริ ตชนที่ มาชิกทุกคนในชุมชน ทั้ง บาท ล ง นักบ ช และฆรา า ร่ มเป็น นึ่งเดีย กัน แบบที่เรียก ่า “ชุมชนที่ทุกคน มี ่ นร่ ม” โดยมีประ บการณ์การประทับ อยู่ของพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ใน “พระ าจา” ที่พ กเขาแบ่งปัน และใน “ ีลม า นิท” ที่พ กเขาเข้าไปรับในพิธีบูชา ขอบพระคุณ การมีประ บการณ์ชี ิตกับพระ เยซู ค ริ ตเจ้ า ผู ้ ท รงกลั บ คื น พระชนมชี พ ดั ง กล่า จะขับเคลื่อน มาชิกแต่ละคนใ ้ออก ไปประกา ข่า ดี และแบ่งปันประ บการณ์ ค ามเชื่อในชี ิตของตนใ ้แก่บุคคลที่อยู่รอบ ข้างในทุกซอกทุกมุมของชุมชนที่เขาอา ัยอยู่ ทั้งกับผู้ที่เป็นคริ ตชนและกับผู้นับถือ า นา อื่น เพื่อใ ้ค ามมุ่ง ังนี้ประ บค าม า� เร็จ พระ า นจั ก รแนะน� า ใ ้ ฟ ื ้ น ฟู ก ลุ ่ ม ชุ ม ชน คริ ตชนพื้ น ฐาน และในบริ บ ทของท ี ป เอเชี ย พั น ธ์ ภาพระ ั ง ฆราชแ ่ ง เอเชี ย ได้ เ นอใ ้ ชุ ม ชนคริ ตชนพื้ น ฐานใช้
88
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
“กระบ นการอภิ บ าลแบบบู ร ณาการ” (AsIPA รือ Asian Integral Pastoral Approach) เป็นเครื่องมือในการฝึกอบรม ซึ่ง พระ า นจักรคาทอลิกในประเท ไทยก็มุ่ง ังใ ้เกิด “กลุ่มคริ ตชนพื้นฐานที่ทุกคนมี ัมพันธ์เป็น นึ่งและมี ่ นร่ ม” เช่นกัน จึง เน้นเรื่องนี้ในแผนอภิบาลตั้งแต่ปี ค. 20002010 ซึ่งต่อเนื่องมาจนถึงแผนอภิบาล ค. . 2010-2015 โดยพยายามปรับกระบ นการ อภิบาลแบบบูรณาการใ ้ อดคล้องกับบริบท ของ ังคมไทย” พระ า นจักรในประเท ไทยเร่ง ่ง เ ริม และ นับ นุนการมี ่ นร่ มของทุกคน อย่างแท้จริง ด้ ยค ามเป็นน�า้ นึ่งใจเดีย กัน ระ ่างมุขนายก (Bishop) นักบ ช และ ฆรา า อีกทั้งจะร่ มมือกับพี่น้องต่างนิกาย า นา และค ามเชื่ออื่น ร มทั้งผู้มีน�้าใจดีทั้ง ม ล บนพื้นฐานของการใ ้เกียรติซึ่งกันและ กัน ด้ ยค ามจริงใจและด้ ยค ามเ มอภาค โดยอา ัยการเ นาด้ ยชี ิตกับทุกฝ่าย และ ในนโยบายปฏิบัติ เรื่องการมี ่ นร่ มระ ่าง บ้าน โบ ถ์ ถาน ึก า และชุมชน โดยมี ่ น ร่ มทุกขั้นตอนของพระ า นจักรทุกระดับ อย่างเป็นจริงเป็นจัง ค ามเข้าใจเบื้องต้นในเรื่อง ิถีชุมชน ัด/ชุมชนคริ ชนพื้นนฐานในประเท ไทยนี้
อภิสิทธิ์ กฤษเจริญ ออกัสติน สุกีโย ปีโตโย ชีวิน สุวดินทร์กูร เจริญ ว่องประชานุกูล พิเชษฐ รุ้งลาวัลย์ และทิพอนงค์ รัชนีลัดดาจิต
เป็ น ิ่ ง � า คั ญ ่ น นึ่ ง ในการท� า ใ ้ ก าร ด�าเนินชุมชนคริ ตชนพื้นฐานมีประ ิทธิภาพ มากขึ้น ด้ ยเ ตุนี้ทางคณะผู้ ิจัยจึงเล็งเ ็น ค าม �าคัญและประโยชน์จากการ ิจัย จึงเป็น ที่มาของ ั ข้อ “ปัจจัยพื้นฐานในการเป็น ิ ถี ชุ ม ชน ั ด /ชุ ม ชนคริ ตชนพื้ น ฐานใน ประเท ไทย” เพื่อใ ้เกิดค ามเข้าใจถึงค าม �าคัญและ ามารถน�า ิ่งต่างๆ ไปปรับใช้ใ ้ เกิดประโยชน์ต่อการ างแผนการพัฒนาการ บริ ารค ามรู้ด้านคริ ต์ า นา �า รับคริ ตชนคาทอลิกในประเท ไทย วัต ุประสงค์ องการวิจัย 1. เพื่ อ ึ ก า ภาพทั่ ไปของการ ด� าเนิ น งาน ิ ถีชุมชน ัด/ชุมชนคริ ตชนพื้น ฐานในประเท ไทย 2. เพื่อ ึก าปัจจัยพื้นฐานในค าม �าเร็จการเป็น ิถีชุมชน ัด/เรื่องชุมชนคริ ตชนพื้นฐานในประเท ไทย คาย่อที่ ช้ AsPIA ย่อมาจากค�า ่า Asian Integrated Pastoral Approach มายถึง การ เข้า างานอภิบาลแบบร มตั กันของเอเชีย BEC ย่อมาจากค�า ่า Basic Ecclesial Community มายถึง ชุมชนคริ ตชน
พื้นฐาน Asia เอเชีย
EA ย่อมาจากค�า ่า Ecclesia in มายถึง มณ า น์พระ า นจักรใน
EN ย่อมาจากค�า ่า Evangelii Nuntiandi มายถึง มณ า น์การประกา พระ ร ารในโลกปัจจุบัน ของ มเด็จพระ ันตะปาปา เปาโลที่ 6 FABC ย่อมาจากค�า ่า Federation of Asian Bishops’ Conferences มายถึง พันธ์ ภาพระ ังฆราชแ ่งเอเชีย NMI ย่อมาจากค�า ่า Novo Millennio Ineunte มายถึง มณ า น์เริ่มต้น ั รร ใ ม่ RM ย่อมาจากค�า ่า Redemptoris Missio มายถึง มณ า น์พันธกิจพระผู้ไถ่ ประโยชน์ที่คาดว่าจะ ด้รับ 1. ทราบ ภาพทั่ ไปของการด�าเนิน งาน ิ ถี ชุ ม ชน ั ด /ชุ ม ชนคริ ตชนพื้ น ฐานใน ประเท ไทย 2. ทราบปั จ จั ย พื้ น ฐานในค าม �าเร็จการเป็น ิถีชุมชน ัด/ชุมชนคริ ตชน พื้นฐานในประเท ไทย
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
89
ปัจจัยพื้นฐานในการเป็นวิถีชุมชนวัด/ชุมชนคริสตชนพื้นฐานในประเทศไทย
งานวิจัยทีเกียว ง ุเทพ ประทุมตรี, บาท ล ง และ มนึก ปัญญา ิง ์ (2555) ได้ท�าการ ิจัยเรื่อง แน ทางการพัฒนาการมี ่ นร่ มทางด้าน การ ึก าและ า นาของครอบครั คริ ตชน คาทอลิก : กรณี ึก าบ้านโนนแก้ ต�าบล ตะโก อ�าเภอ ้ ยแถลง จัง ัดนครราช ีมา พบ ่า 1) การมี ่ นร่ มด้านการ ึก าและ า นาของครอบครั คริ ตชนคาทอลิ ก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พบ ่า การมี ่ น ร่ มด้านการ ึก าเปิดโอกา ใ ้ชุมชนเข้ามา มี ่ นร่ มโดยการเป็นคณะกรรมการ ถาน ึ ก า เพื่ อ ร่ มพิ จ ารณา างนโยบายและ แผนงาน ด้าน า นาโดยการพิจารณาเ นอ ตั แทนเข้ า มาร่ มเป็ น คณะกรรมการ ภา อภิบาล ัด เพื่อร่ ม างแผนจัดท�ากิจกรรม ตลอดทั้ ง ปี ปั จ จุ บั น มี ก ารพั ฒ นารู ป แบบ การมี ่ นร่ มโดยใ ้ชุมชนเข้ามามี ่ นร่ ม ด�าเนินกิจกรรม เช่น การบริจาค ิ่งของเพื่อ จัดท�ากิจกรรม และเข้าร่ มพิธีกรรมในโบ ถ์ 2) ปัญ าและอุป รรค์เกี่ย กับการพัฒนาการ มี ่ นร่ มด้ า นการ ึ ก าและ า นาของ ครอบครั คริ ตชนคาทอลิ ก บ้ า นโดนแก้ ด้านการ ึก า พบ ่า คณะกรรมการบาง ท่ า นยั ง ไม่ เข้ า ใจบทบาท น้ า ที่ ข องตนเอง ด้าน า นา พบ ่า ครอบครั คริ ตชนบาง
90
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
ครอบครั ยั ง เชื่ อ และ รั ท ธาในค� า อนทาง า นา กล่า คือ คริ ตชนถูก อนใ ้มีค าม นอบน้อมเชื่อฟัง ลักค�า อนทาง า นาและ น�าไปปฏิบัติตาม ท�าใ ้เกิดการปลูกฝังกับ ลู ก ลานต่ อ มา ่ า บาท ล ง รื อ ผู ้ น� า ทาง า นาพูดอะไรก็ใ ้เชื่อฟังไม่ใ ้โต้เถียง ซึ่ง ปั จ จุ บั น ยั ง คงมี ค ามเชื่ อ และค าม รั ท ธา อยู่ และบุคลากรของพระ า นจักรคาทอลิก บาง ่ นยั ง ขาด ิ ั ย ทั น์ เ กี่ ย กั บ แน ทาง การพัฒนาการมี ่ นร่ มของชุมชนด้านการ บริ ารจัดการทาง า นา เพราะคิด ่า ิ่งที่ เคยปฏิบัติมาก็ดีอยู่แล้ จึงไม่ยอมรับการ เปลี่ยนแปลง 3) แน ทางการพัฒนาการมี ่ นร่ มทางด้านการ ึก าและ า นา ผู้ บริ าร และกรรมการ ถาน ึก า ผู้น�า มู่บ้าน ค รมีการประชุมร่ มกันระ ่าง บ้านและโรงเรียนเพื่อ าแน ทางการมี ่ น ร่ มทุกครั้งก่อนที่จะด�าเนินกิจกรรม เช่น การ จัดกิจกรรมที่ ่งเ ริมภูมิปัญญาท้องถิ่น โดย เริ่มตั้งแต่การ างแผน การจัดการ การท�า กิจกรรม และการประเมินผล จัดใ ้มีฐานการ เรียนรู้ระดับชุมชน การถ่ายทอดองค์ค ามรู้ ในด้านต่างๆ ตามค ามถนัดและค ามช�านาญ ขยาย ู่อาชีพเ ริม แน ทางการพัฒนาการมี ่ นร่ มด้าน า นา มี ภาอภิบาล ัด ผู้นา� มู่บ้านและค รมีการประชุมร่ มกันระ ่าง
อภิสิทธิ์ กฤษเจริญ ออกัสติน สุกีโย ปีโตโย ชีวิน สุวดินทร์กูร เจริญ ว่องประชานุกูล พิเชษฐ รุ้งลาวัลย์ และทิพอนงค์ รัชนีลัดดาจิต
ัดและครอบครั คริ ตชนคาทอลิกบ้านโนน แก้ โดยมี กิ จ กรรมที่ ท� า ร่ มกั น คื อ การ ่ ง เ ริมค ามรักและ รัทธา เป็นพลังที่ทา� ใ ้เกิด ค ามเป็น นึ่งเดีย กันในชุมชน เช่น ่งบุตร ลานเข้ามารับการอบรมทางด้านคุณธรรม จริยธรรม ค ามรู้ นิ ัย มารยาททาง ังคม การเรี ย นรู ้ แ ล่ ง ประ ั ติ า ตร์ ข องชุ ม ชน เป็นต้น ัตถชัย ง ์มาแ น ิรัช นารินรัก ์ และพิเช ฐ รุ้งลา ัลย์ (2551) ได้ทา� การ ึก า เรื่อง กลุ่มคริ ตชนพื้นฐานกับการฟื้นฟูชี ิต คริ ตชนในอัคร ังฆมณฑลท่าแร่ – นองแ ง พบ ่า การฟื้นฟูคริ ตชนในรูปแบบของชุม ชนคริ ตชนพื้นฐานในอัคร ังฆมณฑลท่าแร่นองแ ง ซึ่งได้ท�าตามแบบอย่างประเท ต่างๆ ที่ได้จัดตั้งชุมชนคริ ตชนพื้นฐานเป็น เ ลานาน และทาง ังฆมณฑลได้ไปดูงานและ น�ามาปรับเปลี่ยนใ ้เข้ากับบริบทในท้องถิ่น ของตั เอง ซึ่งมีรูปแบบและลัก ณะดังต่อไปนี้ 1. ชุ ม ชนคริ ตชนพื้ น ฐานแต่ ล ะ กลุ่มมี มาชิก 10-15 ครอบครั 2. ครอบครั ในกลุ ่ ม เป็ น บ้ า นใกล้ เรือนเคียง ไปมา า ู่กันได้ ะด ก 3. มาชิกในชุมชนมาประชุมพร้อม เพรียงกัน และมาประชุมตรงเ ลา โดยมี คู่มือการร�าพึงพระ าจาจาก �านักงานชุมชน
คริ ตชนพื้นฐาน ังฆมณฑลเป็นแน ทาง 4. มาชิกมีค ามเข้าใจและมองเ ็น ผลดี รื อ ประโยชน์ ข องชุ ม ชนคริ ตชนพื้ น ฐาน 5. มาชิกใ ้ค ามร่ มมือในการท�า กิจกรรมของกลุ่มตามมติของที่ประชุม 6. การประชุมจัด มุนเ ียนไปตาม บ้านของ มาชิก 7. มีการประชุมประจ�าเดือนใน ัน ที่ ังฆมณฑลก�า นด ากมีค ามจ�าเป็นต้อง เลื่อน รือเปลี่ยนแปลงเป็นมติของที่ประชุม กลุ่ม 8. มาชิกมีค ามกล้าในการแ ดง ค ามคิดเ ็น และกล้าแบ่งปันพระ าจา แบ่ง ปันประ บการณ์ชี ิต 9. ในการประชุม มาชิกใ ้เกียรติ กันและกัน รับฟัง ไม่ถกเถียงไม่โต้แย้ง ไม่พูด อดแทรก 10. มี ผู ้ น� า กลุ ่ ม เป็ น นั ก ประชาธิปไตย ใจก ้าง เ ีย ละ มีค ามรับผิดชอบ 11. กลุ่มมีกิจกรรมที่เป็นรูปธรรม เช่น การเยี่ยมคนป่ ย การใ ้ค ามช่ ยเ ลือ ผู้ยากไร้ ขาดแคลน คนชรา เด็กก�าพร้า การ ช่ ยงาน ัด การช่ ยงาน ังคมใน มู่บ้าน การ ช่ ยงานเพื่อนบ้าน
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
91
ปัจจัยพื้นฐานในการเป็นวิถีชุมชนวัด/ชุมชนคริสตชนพื้นฐานในประเทศไทย
12. ชุ ม ชนคริ ตชนพื้ น ฐานเชื่ อ ม ั ม พั น ธ์ กั บ พระ า นจั ก ร ากล คื อ อยู ่ ใ น ค ามดู แ ลของพระ งฆ์ พระ ั ง ฆราช ( �านักงานชุมชนคริ ตชนพื้นฐานอัคร ังฆมณฑลท่าแร่- นองแ ง, 2006) ด้านทั นคติและค ามเข้าใจต่อชุม ชนคริ ตชนพื้นฐานของพระ งฆ์ นักบ ชและ ัตบุรุ โดยภาพร ม ่ นใ ญ่ตอบข้อค�าถาม ได้ถูกมาก ่าตอบผิด ซึ่งผู้ ิจัยคิด ่าทั้ง าม กลุ ่ ม นี้ มี ค ามเข้ า ใจต่ อ ชุ ม ชนคริ ตชนมาก พอ มค ร ด้านผลของการฟื้นฟูชี ิตคริ ตชนจากการจัดตั้งชุมชนคริ ตชนพื้นฐานของ พระ งฆ์ นักบ ช และ ัตบุรุ โดยภาพร ม อยู่ในระดับมาก ยกเ ้นด้านชุมชนคริ ตชน พื้ น ฐานท� า ใ ้ ค ริ ตชนมี จิ ต � า นึ ก ช่ ยกั น อนุรัก ์ ภาพแ ดล้อม/ธรรมชาติ พระ งฆ์มี ค ามคิดเ ็นอยู่ในระดับปานกลาง ด้านปัญ าและอุป รรคที่เกิดขึ้นใน การด�าเนินงานชุมชนคริ ตชนพื้นฐาน โดย พระ งฆ์ และ ัตบุรุ มีค ามคิดเ ็นอยู่ใน ระดับปานกลาง ่ นนักบ ชมีค ามคิดเ ็น อยู่ในระดับมาก ีระเทพ าทนเ รี และภราดา ทินรัตน์ คมกฤ (2550) ได้ท�าการ ึก า เรื่อง ิถีชุมชน ัด : พระ า นจักรที่ทุกคน ต่างร่ มมือกัน พบ ่า ิถีชุมชน ัดเป็นการ
92
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
ด� า เนิ น ชี ิ ต ตาม ิ ถี ท างคริ ตชนที่ มี พ ระ คริ ตเจ้ า เป็ น ู น ย์ ก ลางในการด� า เนิ น ชี ิ ต ซึ่ ง แน ิ ถี ท างการด� า เนิ น ชี ิ ต นี้ ไ ด้ รั บ การ ปฏิบัติมายา นาน เริ่มตั้งแต่กลุ่มคริ ตชน มัยแรกเริ่ม พ กเขาด�าเนินชี ิตโดยมีพระ คริ ตเจ้าเป็น ูนย์กลาง โดยมีพิธีบิปัง รือ พิ ธี บู ช าขอบพระคุ ณ เป็ น อา าร ล่ อ เลี้ ย ง ชี ิ ต คริ ตชน อี ก ทั้ ง การชุ ม นุ ม กั น เพื่ อ รั บ ฟั ง พระ าจาของพระเจ้ า อย่ า ง ม�่ า เ มอ ฟังค�า อน ค�าอธิบายจากบรรดาอัคร า ก และเจริญชี ิตเป็นประจัก ์พยานถึงคุณค่า แ ่งพระ ร ารท่ามกลางเพื่อนพี่น้อง ใน มู่ พ กเขาไม่มีผู้ใดขัด น เพราะพ กเขาได้เจริญ ชี ิตในค ามรัก ค ามเป็น นึ่งเดีย และทุก คนต่าง �านึก ่าตนเองเป็น ่ น นึ่งของพระ า นจักรที่ต้องมี ่ นร่ ม ดังนั้น ิถีชุมชน ัดจึงเป็นแน ทาง การด�าเนินชี ิตที่ไม่เคยล้า มัย ตรงกันข้าม อา ัยการด�าเนินชี ิตเป็นประจัก ์พยานแ ่ง พระ ร าร ซึ่งได้รับการ ล่อเลี้ยงด้ ยพิธีบูชา ขอบพระคุ ณ และพระ าจาที่ เ ป็ น อา ารใ ้ บรรดาคริ ตชนได้เติบโตในค ามเชื่อ ค าม ั ง และค ามรั ก ต่ อ พระเจ้ า และต่ อ เพื่ อ น มนุ ย์ด้ ยกัน การด�าเนินชี ิตตาม ิถีชุมชน ั ด ยั ง คง ามารถน� า มาเป็ น รู ป แบบในการ เจริ ญ ชี ิ ต คริ ตชน � า รั บ ยุ ค มั ย ปั จ จุ บั น
อภิสิทธิ์ กฤษเจริญ ออกัสติน สุกีโย ปีโตโย ชีวิน สุวดินทร์กูร เจริญ ว่องประชานุกูล พิเชษฐ รุ้งลาวัลย์ และทิพอนงค์ รัชนีลัดดาจิต
ดังนั้น พระ า นจักรที่ทุกคนต่างร่ มมือกัน จึงเป็นพระ า นจักรที่เป็นประจัก ์พยานถึง พระคริ ตเจ้าในปัจจุบันอย่างแท้จริง ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรที่ใช้ในการ ึก า ิจัยครั้งนี้ คือ คริ ตชนคาทอลิกในประเท ไทย จ�าน น 363,463 คน ใน 10 เขต ังฆมณฑล ของพระ
า นจักรคาทอลิกในประเท ไทย กลุ่มตั อย่างเป็นคริ ตชนคาทอลิก ซึ่ง ังกัด ังฆมณฑลต่างๆ ทั่ ประเท จ�าน น จ�าน น 400 คน (Yamane, 1973) โดยการ ุ่มอย่างง่าย ร มจ�าน นกลุ่มตั อย่างทั้ง ิ้น 400 คน ทั้งนี้ได้จัดแบ่งตาม ัด ่ นของจ�า น นคริ ตชนในแต่ละ ังฆมณฑล แจกแจงได้ ตามตารางที่ 1
ตารางที่ 1 จ�าน นประชากรและกลุ่มตั อย่าง แบ่ง ัด ่ นตามเขตการปกครอง (10 ังฆมณฑล) เ ตปกครอง 1. อัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ 2. ังฆมณฑลราชบุรี 3. ังฆมณฑลจันทบุรี 4. ังฆมณฑลเชียงใ ม่ 5. ังฆมณฑลนคร รรค์ 6. ังฆมณฑล ุรา ฎร์ธานี 7. อัคร ังฆมณฑลท่าแร่- นองแ ง 8. ังฆมณฑลอุบลราชธานี 9. ังฆมณฑลนครราช ีมา 10. ังฆมณฑลอุดรธานี รวม
ประชากร คน 115,945 15,674 41,010 61,847 16,463 7,065 54,394 26,301 6,170 18,594
จานวนกลุ่มตัวอย่าง คน 128 17 45 68 18 8 60 29 7 20 00
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
93
ปัจจัยพื้นฐานในการเป็นวิถีชุมชนวัด/ชุมชนคริสตชนพื้นฐานในประเทศไทย
เครื งมื ทีใชในการวิจัย เครื่ อ งมื อ ที่ ใช้ ใ นการวิ จั ย ครั้ ง นี้ เ ป็ น แบบ อบถามที่ผู้วิจัย ร้างขึ้น โดยแบ่งออก เป็น 4 ตอน ดังนี้คือ ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับผู้ ตอบ ลัก ณะของแบบ อบถามในตอนนี้ เป็นแบบเลือกตอบ อบถามเกี่ยวกับ ังกัด ังฆมณฑล อายุ ระยะเวลาในการเข้าร่วมวิถี ชุมชนวัด/ชุมชนคริ ตชนพื้นฐาน และเ ตุผล ในการเข้าร่วม รวมจ�านวนทั้ง ิ้น 4 ข้อ ตอนที่ 2 ค�าถามเกี่ยวกับ ภาพทั่วไป ของการด�าเนินงานวิถีชุมชนวัด/ชุมชนคริ ตชนพื้นฐาน ลัก ณะของแบบ อบถามเป็น แบบมาตรา ่วนประมาณค่า 5 ระดับ คือ มาก ที่ ุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยที่ ุด รวม 14 ข้อ ตอนที่ 3 ค�าถามเกี่ยวกับ ภาพการ ด�าเนินงานของการเป็นวิถีชุมชนวัด/ชุมชน คริ ตชนพื้นฐาน ลัก ณะของแบบ อบถาม เป็นแบบมาตรา ่วนประมาณค่า 5 ระดับ คือ มากที่ ุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยที่ ุด มีข้อค�าถามทั้ง ิ้น 8 ข้อ ตอนที่ 4 ค�าถามเกี่ยวกับปัจจัยที่ จะน�าไป ู่ความ �าเร็จของการเป็นวิถีชุมชน วัด/ชุมชนคริ ตชนพื้นฐาน ลัก ณะของ แบบ อบถามเป็นแบบมาตรา ่วนประมาณ
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
ค่า 5 ระดับ คือ มากที่ ุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยที่ ุด มีข้อค�าถามทั้ง ิ้น 10 ข้อ สรุป ลการวิจัย ส าพทั วไป งการดาเนิ น งานวิ ถี ชุ ม ชนวั ด /ชุ ม ชนคริ ส ตชนพื้ น ฐานใน ประเทศไทย 1.1 ภาพการปฏิ บั ติ ข องการ ด�า เนิ น งานวิ ถี ชุม ชนวั ด /ชุ ม ชนคริ ตชนพื้ น ฐาน รุปผลได้ดังนี้ ระดับของการปฏิบัติใน เรื่อง ภาพทั่วไปของการด�าเนินงานวิถีชุมชน วัด/ชุมชนคริ ตชนพื้นฐาน โดยภาพรวมอยู่ ในระดับปานกลาง (X = 3.37, S.D.=0.65) ากพิจารณาในแต่ละข้อ พบว่า การด�าเนิน งานวิ ถี ชุ ม ชนวั ด /ชุ ม ชนคริ ตชนพื้ น ฐานใน เรื่องการมีกิจกรรมช่วยงานวัด มีการปฏิบัติ มากที่ ุด ในระดับมาก (X =3.86, S.D.=0.91) ที่ปฏิบัติรองลงมาเท่ากัน 2 กิจกรรม 1) มีคู่มือ ร�าพึงพระวาจาจาก ังฆมณฑลเป็นแนวทาง และ 2) ในการประชุม มาชิกใ ้เกียรติกัน และกัน ในระดับมาก (X =3.81, S.D.=1.03 และ S.D.=0.93 ตามล�าดับ) และอันดับที่ 3 คือ มีการแบ่งปันพระวาจาพร้อมกับแบ่งปัน ประ บการณ์ชีวิต อยู่ในระดับมาก (X =3.75, S.D.=0.90) ่วนกิจกรรมที่มีการปฏิบัติน้อย ที่ ุดคือ มีกิจกรรมการช่วยเ ลือเยี่ยมเยียน
อภิสิทธิ์ กฤษเจริญ ออกัสติน สุกีโย ปีโตโย ชีวิน สุวดินทร์กูร เจริญ ว่องประชานุกูล พิเชษฐ รุ้งลาวัลย์ และทิพอนงค์ รัชนีลัดดาจิต
เด็กก�าพร้า ในระดับปานกลาง (X =2.67 , S.D.=1.10) 1.2 ภาพค าม � า เร็ จ ของการ ด�าเนินงานของการเป็น ิถีชุมชน ัด/ชุมชน คริ ตชนพื้นฐาน รุปผลได้ดังนี้ ภาพค าม �าเร็จของการด�าเนินงาน ิถีชุมชน ัด/ชุมชน คริ ตชนพื้นฐาน โดยภาพร มอยู่ในระดับ มาก (X=3.78, S.D.=0.67) ากพิจารณา ในแต่ละข้อ พบ ่า อันดับที่ 1 คือ ผู้เข้าร่ ม มองเ ็ น ผลดี รื อ ประโยชน์ ข อง ิ ถี ชุ ม ชน ัด/ชุมชนคริ ตชนพื้นฐาน อยู่ในระดับมาก (X=4.12, S.D.=0.79) รองลงมาคือ กลุ่มของ ท่านอยู่ในค ามดูแลของบาท ล ง รือพระ ังฆราชใน ังฆมณฑลของท่าน อยู่ในระดับ มาก (X=4.00, S.D.=0.97) และอันดับที่ าม เท่ากัน 2 รายการคือ 1) มาชิกในกลุ่มอยู่ บ้านใกล้เคียงกัน ไปมา า ู่กันได้ ะด ก และ 2) ท่านมีค ามเข้าใจในการเข้าร่ ม ิถีชุมชน ัด/ชุมชนคริ ตชนพื้นฐาน อยู่ในระดับมาก (X=3.78, S.D.=1.01 และ 0.83 ตามล�าดับ) 2 ปจจัยพนฐาน นความสาเรจการเปนวิ ี ชุ ม ชนวั ด /เร่ อ งชุ ม ชนคริ ส ตชนพนฐาน น ประเท ทย รุปผลได้ดังนี้ ปัจจัยค าม า� เร็จ ของการด� า เนิ น งาน ิ ถี ชุ ม ชน ั ด /ชุ ม ชน
คริ ตชนพื้นฐาน โดยภาพร มอยู่ในระดับ มาก (X=3.68, S.D.=0.70) ากพิจารณาใน แต่ละข้อ พบ ่า ปัจจัยค าม �าเร็จอันดับที่ 1 คือ ทัก ะด้านการอ่านพระคัมภีร์ในฐานะ คู่มือแ ่งชี ิต อยู่ในระดับมาก (X=3.82, S.D.=0.85) ปัจจัยค าม า� เร็จอันดับ 2 คือ การปลูกจิต า� นึก และค ามเข้าใจในบทบาท ของ ิ ย์พระคริ ต์ อยู่ในระดับมาก (X=3.78, S.D.=0.93) และปัจจัยค าม �าเร็จอันดับที่ 3 คือ การด�าเนินชี ิตของ มาชิกตามพระ าจา อยู่ในระดับมาก (X=3.76, S.D.=0.84) อภิปราย ล ภาพการปฏิบัติของการด�าเนินงาน ิถีชุมชน ัด/ชุมชนคริ ตชนพื้นฐาน โดยภาพ ร มมีการปฏิบัติอยู่ในระดับปานกลาง โดย พบ ่ า การด� า เนิ น งาน ิ ถี ชุ ม ชน ั ด /ชุ ม ชน คริ ตชนพื้นฐานในเรื่องการมีกิจกรรมช่ ย งาน ัด มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก ซี่ง อด คล้องกับ ัตถชัย ง ์มาแ น (2551) ที่ได้ ึก าเรื่อง กลุ่มคริ ตชนพื้นฐานกับการฟื้นฟู ชี ิตคริ ตชนในอัคร ังฆมณฑลท่าแร่- นอง แ ง พบ ่า ชุมชนคริ ตชนพื้นฐานท�าใ ้ คริ ตชนใ ้ค ามร่ มมือกับทาง ัดในระดับ มาก อีกทั้งยังท�าใ ้คริ ตชนมี ่ นร่ มในพระ า นจักรระดับ ัดมากยิ่งขึ้น
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
95
ปัจจัยพื้นฐานในการเป็นวิถีชุมชนวัด/ชุมชนคริสตชนพื้นฐานในประเทศไทย
มีคู่มือร�าพึงพระ าจาจาก ังฆมณฑล เป็นแน ทาง และในการประชุม มาชิกใ ้ เกียรติกันและกัน มีการปฏิบัติอยู่ในระดับ มาก อดคล้องกับ การประกา ข่า ดีในโลก มัยใ ม่ (Evangelli Nuntiandi) ที่ ่า ลีก เลี่ยงการโต้แย้งที่ติดเป็นนิ ัย ตลอดจนการ ิพาก ์ ิจารณ์จนเกินไป โดยอ้าง ่าต้องการ ค ามจริงและการร่ มมือ กลุ่มคริ ตชนพื้น ฐาน ต้องมีค ามซื่อ ัตย์อย่างมั่นคงต่อพระ า นจั ก รท้ อ งถิ่ น ที่ ต น ั ง กั ด และต่ อ พระ า นจักร ากล (พระ ันตะปาปาเปาโลที่ 6, 1988) มีการแบ่งปันพระ าจาพร้อมกับแบ่ง ปันประ บการณ์ชี ิต มีการปฏิบัติอยู่ในระดับ มาก อดคล้องกับ อดคล้องกับ การประชุม พันธ์ ภาพระ ังฆราชแ ่งเอเชีย ครั้งที่ 5 ณ บันดุง (ค. . 1990) ที่ ่า ในชุมชนเ ล่านั้น พ กเขาภา นาและแบ่งปันพระ ร ารของ พระเยซู เจ้ า ด้ ยกั น ด� า เนิ น ชี ิ ต ตามพระ ร ารในชี ิตประจ�า ัน ในขณะที่พ กเขา นับ นุนกันและกันและท�างานร่ มกัน จน กระทั่งพ กเขาร่ มมี “น�้า นึ่งใจเดีย กัน” ภาพค าม � า เร็ จ ของการด� า เนิ น งาน ิถีชุมชน ัด/ชุมชนคริ ตชนพื้นฐาน พบ ่า อันดับที่ 1 คือ ผู้เข้าร่ มมองเ ็นผลดี รือ ประโยชน์ ข อง ิ ถี ชุ ม ชน ั ด /ชุ ม ชนคริ ตชน
96
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
พื้นฐาน ซึ่ง อดคล้องกับการด�าเนินงานของ ชุมชนคริ ตชนย่อยที่ทรี านดรัม ประเท อินเดีย จากการ ัมผั ประ บการณ์ตรงจาก การด�าเนินงานของกลุ่มคริ ตชนย่อยใน ัด ต่างๆ ในอัคร ังฆมณฑลทรี านดรัม พบ ่า ชุมชนคริ ตชนย่อยๆ เจริญก้า น้าอย่างต่อ เนื่อง เกิดจากทุกคนใน ังฆมณฑลมี ิ ัยทั น์ ร่ มตรงกัน และทุกคนในชุมชน ัดมี ่ นร่ ม อย่างมีชี ิตชี า ต่างคนต่างมีบทบาทและมี ค ามรับผิดชอบชัดเจน มีค ามเป็นจิต นึ่งใจ เดีย กัน ค ามรัก และค ามมีน�้าใจต้อนรับ ผู้มาเยือนของชุมชน คริ ตชนย่อยๆ เป็นที่ น่าชื่นชมมาก (การประชุม AsIPA ครั้งที่ 4 ณ ูนย์มาเรียรานี ทรี านดรัม ประเท อินเดีย, 2006) รองลงมาคือ ได้รับการดูแลเอาใจใ ่ จากบาท ล ง รือพระ ังฆราชใน ังฆมณฑล ซึ่งเป็นไปตาม พระ มณ า น์การประกา ข่า ดีในโลก มัยใ ม่ (Evangelli Nuntiandi) (พระ ันตะปาปาเปาโลที่ 6, 1988) ที่ ่า ชุ ม ชนเ ล่ า นี้ ก� า ลั ง เติ บ โตขึ้ น ใน ่ นต่ า งๆ ของพระ า นจักรซึ่งแม้ในพื้นที่เดีย กันก็มี ค ามแตกต่าง ลาก ลาย บางพื้นที่เกิดขึ้น และเจริญพัฒนาภายในชุมชม ัด มี ่ นร่ ม ในค ามเป็นไปของชุมชน ัด โดยรับการ ล่อ เลี้ยงจากค�า อนของพระ า นจักรและจาก
อภิสิทธิ์ กฤษเจริญ ออกัสติน สุกีโย ปีโตโย ชีวิน สุวดินทร์กูร เจริญ ว่องประชานุกูล พิเชษฐ รุ้งลาวัลย์ และทิพอนงค์ รัชนีลัดดาจิต
ผู้อภิบาล และอันดับที่ ามเท่ากัน 2 รายการ คือ 1) มาชิกในกลุ่มอยู่บ้านใกล้เคียงกัน ไป มา า ู่กันได้ ะด ก และ 2) มีค ามเข้าใจใน การเข้าร่ ม ิถีชุมชน ัด/ชุมชนคริ ตชนพื้น ฐาน อดคล้องกับ มเด็จพระ ันตะปาปา ยอ ์น ปอลที่ 2 (2000) ที่ ่า กลุ่มคริ ตชน ย่อยจึงเป็น นทางที่มีประ ิทธิภาพในการ ่ง เ ริมค ามเป็นน�้า นึ่งใจเดีย กันและการมี ่ นร่ มในกิจกรรมของ ัดและใน ังฆมณฑล และเป็นพลังอันแท้จริงในการประกา พระ ร าร กลุ่มย่อยๆ เ ล่านี้จะช่ ยใ ้ ัตบุรุ เจริญชี ิตเยี่ยงกลุ่มชนผู้มีค ามเชื่อ อธิ ฐาน ภา นาและรักกันและกัน ดังเช่น กลุ่มคริ ตชนรุ่นแรก พ กเขามีจุดประ งค์ที่จะช่ ยใ ้ มาชิกเจริญชี ิตตามแน พระ ร าร ด้ ย จิตตารมณ์แ ่งค ามรักและรับใช้กันและกัน ฉันท์พี่น้อง จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นที่มั่นคงในการ เ ริม ร้าง ังคมใ ม่ เป็นการแ ดงออกซึ่ง อารยธรรมแ ่งค ามรัก ปัจจัยค าม �าเร็จของการด�าเนินงาน ิถีชุมชน ัด/ชุมชนคริ ตชนพื้นฐาน พบ ่า ปัจจัยค าม �าเร็จอันดับที่ 1 คือ ทัก ะด้าน การอ่านพระคัมภีร์ในฐานะคู่มือแ ่งชี ิต ซึ่ง อดคล้องกับการประชุม AsIPA ครั้งที่ 3 ณ กรุงโซล ประเท เกา ลี (2003) ที่ ่า ครอบ ครั คริ ตชนจ�าน นไม่น้อย ันมาใช้พระ าจา
ในการภา นาตามบ้านและร่ มช่ ยเ ลือกัน ท�าใ ้ครอบครั ซึ่งเป็น “พระ า นจักรระดับ บ้าน” ามารถมีบทบาทประกา ข่า ดีได้เด่น ชัดมากขึ้น ปัจจัยค าม �าเร็จอันดับ 2 คือ การ ปลูกจิต �านึกและค ามเข้าใจในบทบาทของ ิ ย์พระคริ ต์ อดคล้องกับภราดาทินรัตน์ คมกฤ (2549) ที่กล่า ไ ้ ่า กลุ่มย่อย ต่างๆ เ ล่านี้ช่ ยใ ้คริ ตชนด�าเนินชี ิตอยู่ ในฐานะชุมชนที่มีค ามเชื่อ ชุมชนแ ่งการ ภา นา และเป็นชุมชนที่เปี่ยมด้ ยค ามรัก เ มือนดังเช่นคริ ตชนในยุคแรก พ กเขา มุ่ง ังช่ ยบรรดา มาชิกใน มู่คณะของตน ใ ้ ด� า เนิ น ชี ิ ต ตามข่ า ดี ข องพระคริ ตเจ้ า ด้ ยเจตนารมณ์แ ่งค ามรักและการรับใช้ ฉันท์พี่น้อง ดังนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่มั่นคงใน การ ร้าง ังคมใ ม่ที่แ ดงออกถึง ัฒนธรรม แ ่งค ามรัก พร้อมกันกับบรรดาพระ ังฆราช ที่ ร ่ มประชุ ม มั ช ชา พระ ั น ตะปาปา นั บ นุ น ใ ้ พ ระ า นจั ก รในเอเชี ย ถื อ ่ า ชุมชนพื้นฐานเ ล่านี้ ามารถเป็น ิธีปฏิบัติที่ ได้ผลในการประกา ข่า ดีของพระ า นจักร และ อดคล้องกับการประชุม AsIPA ครั้งที่ 4 ณ ูนย์มาเรียรานี ทรี านดรัม ประเท อินเดีย (2006) ที่ ่า ค าม ังและค าม ใฝ่ฝันของเรา พระ า นจักรในเอเชียก�าลัง
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
97
ปัจจัยพื้นฐานในการเป็นวิถีชุมชนวัด/ชุมชนคริสตชนพื้นฐานในประเทศไทย
ก้า เข้า ู่ ภา ะใ ม่ของการเป็น ิ ย์และ การท� า น้ า ที่ ใ นฐานะ ิ ย์ ข องพระคริ ตเจ้ า เริ่ ม ต้ น ขึ้ น พร้ อ มกั บ การท้ า ทาย ลาย ประการ ในท ีปเอเชียชุมชน ัดจะต้องเป็น เชื้อแป้ง คริ ตชนทุกคนจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับ ค าม ่ า งจากพระ ร าร ได้ รั บ พลั ง จาก ี ล ั ก ดิ์ ิ ท ธิ์ ต ่ า งๆ โดยเฉพาะอย่ า งยิ่ ง ี ล ม า นิท และปัจจัยค าม า� เร็จอันดับที่ 3 คือ การด� า เนิ น ชี ิ ต ของ มาชิ ก ตามพระ าจา อดคล้องกับพระ มณ า น์ บทบาทและ พันธกิจของคริ ตชนฆรา า ในพระ า นจักรและโลก (Christifideles Laici) ( มเด็จ พระ ันตะปาปา ยอ ์น ปอล ที่2, 1992) ที่ ่า ทุกกลุ่มจ�าเป็นต้องได้รับผลประโยชน์จาก พระ าจาและพระ รร ทานแ ่งพระ ร าร และจ�าเป็นต้องน�าพระ ร ารไป ู่พ กเขาใ ้ ตรงกับ ภาพแ ดล้อมต่างๆ ของชี ิต เสน แนะในการวิจัยครั้งต ไป ค รมี ก าร ึ ก าเฉพาะเจาะจงใน แต่ละเขตการปกครอง เพราะแต่ละที่แต่ละ แ ่งก็มีบริบทที่แตกต่างกัน
98
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
รร านุกรม คณะกรรมการที่ปรึก าด้านกฎ มายพระ า นจักร ภายใต้ ภาพระ ังฆราช คาทอลิกแ ่งประเท ไทย. 2543. ประมวลก มายพระศาสนจักร รรพ ประชากร งพระเจา กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์อั ัมชัญ. คริ ต า นธรรมอัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ. 2550. ประมวลคาส นพระ ศาสนจักรคาท ลิก กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์อั ัมชัญ. ทินรัตน์ คมกฤ , ภราดา. 2547. สาน ัน พระเย กรุงเทพฯ : คณะเซนต์คาเบรียลแ ่ง ประเท ไทย. . 2549. วิถีชุมชนวัด มุทร าคร : ิชิตการพิมพ์. . 2556. การเสวนา ความเ าใจ พื้นฐานเรื งชุมชนคริสตชนพื้นฐาน ในประเทศไทย นครปฐม : ิทยาลัยแ งธรรม. ม.ป.ป., 1-3. (อัด า� เนา)
อภิสิทธิ์ กฤษเจริญ ออกัสติน สุกีโย ปีโตโย ชีวิน สุวดินทร์กูร เจริญ ว่องประชานุกูล พิเชษฐ รุ้งลาวัลย์ และทิพอนงค์ รัชนีลัดดาจิต
นรินทร์ ศิริวิริยานันท์, บาท ลวง. 2554. ชุมชนคริสตชนเลก แบบอย่าง องการมีส่วนร่วม นพระ าสนจักร กลนคร : อัคร ังฆมณฑลท่าแร่- นองแ ง. เปาโลที่ 6, มเด็จพระ ันตะปาปา. 1988. การประกา พระวรสาร นโลก ปจจุบัน กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์อั ัมชัญ. ยอ ์น ปอล ที่ 2, มเด็จพระ ันตะปาปา. 1991. พระพันธกิจพระ ู้ ่ กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์อั ัมชัญ. . 1992. พระกระแสเรียกและ ภารกิจ องคริสตชน ราวาส น พระ าสนจักรและ นโลก
โรดริโก, เย ุอิต. 1993. พระ าสนจักร นท่ามกลางเพ่อนพี่น้อง กลุ่มคริสตชน นครปฐม : ศูนย์ฝึกอบรมงานอภิบาล “บ้านผู้ ว่าน”. ัตถชัย วงศ์มาแ น. 2551. กลุ่มคริสตชน พนฐานกับการ น ูชีวิตคริสตชน นอัครสัง ม ลท่าแร่- น่องแสง ารนิพนธ์ ลัก ูตรศา นศา ตรบัณฑิต าขาวิชาเทววิทยา วิทยาลัย แ งธรรม Gilbert de Lima. 1996. Mumbai : St.Paul Press Training School. Joseph Dias, SVD. 2007.
กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์อั ัมชัญ. . 2000. พระ าสนจักร นเอเชีย กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์อั ัมชัญ. . 2001. เริ่มต้นส ัสวรรษ ม่
Orissa : St. Mary’s Church. Joseph G. Healey and Jeanne Hinton. 2006.
กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์อั ัมชัญ Bangalore : Claretian Publications.
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
99
ภาวะผู้นาำ ปัญญาชนและยุ ทธศาสตร์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ตามโครงการพระราชดำาริ : ศึกษาเฉพาะกรณีผู้นำาชุมชนท้องถิ่น ของจังหวัดในภาคตะวันตกของประเทศไทย (ชุมชนหุบกะพง จังหวัดเพชรบุรี และชุมชนหนองกลางดง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์)
T he Intellectual Leadership and Self – Philosophy Of Sufficient Economy Strategy For The Sustainable Development Of Royal Prerogative Projects : A Case Study Of The Local Community Leaders In The Western Provinces Of Thailand.
ดร.ชัชวาล แสงทองล้วน
* คณะบริหารธุรกิจ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (หน่วยการเรียนจังหวัดเพชรบุรี)
รศ.ดร.ธัญยธรณ์/กนลา สุขพานิช–ขันทปราบ * บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
Chatchawal Sangthongluan
* Faculty of Business Administration, Panyapiwat Institute of Management (Phetchaburi Campus).
Assoc.Prof.Dr.Thanyathorne/Kanala Sukhabanij–Khantaprab * Graduate School Suan Dusit Rajabhat University.
ชัชวาล แสงทองล้วน และธันยธรณ์ กนลา สุขพานิช-ขันทปราบ
บทคั ยอ
งาน ิจัยเรื่อง “ภา ะผู้นา� ปัญญาชนและยุทธ า ตร์ปรัชญา เ ร ฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนตามโครงการพระ ราชด� า ริ : ึ ก าเฉพาะกรณี ผู ้ น� า ชุ ม ชนท้ อ งถิ่ น ของจั ง ั ด ในภาค ตะ ันตกของประเท ไทย” ซึ่งเป็นการ ึก า ิจัยเกี่ย กับ ภา ะผู้นา� ปัญญาชนของผู้น�าชุมชนในจัง ัดทางภาคตะ ันตกของประเท ไทย คือ จัง ัดประจ บคีรีขันธ์และจัง ัดเพชรบุรี การ ึก านี้ได้พยายาม ที่จะ ิเคราะ ์ภา ะผู้น�าที่เกี่ย ข้องกับการใช้ภูมิปัญญาและการน�า เอายุทธ า ตร์ปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงที่ตามปรัชญาเ ร ฐกิจพอ เพียงของพระบาท มเด็จพระเจ้าอยู่ ั มาใช้ในการปฏิบัติจริงทั้งด้าน การพัฒนาชุมชน ีเขีย ที่มุ่งใ ้เกิด ิถีชี ิตที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับ ิ่ง แ ดล้อม ซึ่งมี ัตถุประ งค์ของการ ิจัยดังนี้ คือเพื่อ ึก า ิเคราะ ์ แน คิ ด และทั นะเกี่ ย กั บ ผู ้ น� า ปั ญ ญาชนและภา ะผู ้ น� า ปั ญ ญา ชน,เพื่อ ึก า ิเคราะ ์การใช้ยุทธ า ตร์ปรัชญาเ ร ฐกิจพอพียง เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน,เพื่อ ึก า ิเคราะ ์การพัฒนาชุมชนอย่าง ยั่งยืน ตามโครงการพระราชด�าริของชุมชนในจัง ัดภาคตะ ันตก ของประเท ไทยและเพื่อน�าเ นอรูปแบบของภา ะผู้น�าปัญญาชน และการน�า ลักยุทธ า ตร์ปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนา ชุมชนอย่างยั่งยืนตามโครงการพระราชด�าริในอนาคต โดยใช้การ ิจัย แบบผ มผ าน คือการ ิจัยเชิงคุณภาพ ิธีการ ึก าเป็นการจัดเก็บ ข้อมูลโดยการ ัมภา ณ์เชิงลึกเฉพาะเจาะจง จากกลุ่มผู้ทรงคุณ ุฒิที่ มีประ บการณ์ โดยเฉพาะผู้น�าตั แทนจากภาค ่ นต่างๆ ได้แก่ผู้น�า ภาครัฐ ผู้นา� ภาครัฐ ิ า กิจ ผู้นา� ภาคการเมือง ผู้น�าภาค ิชาการ ผู้น�า ภาคธุรกิจและผู้น�าภาคอื่นๆ ที่เกี่ย ข้องกับภา ะผู้น�าปัญญาชนกับ ยุทธ า ตร์ปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนา จ�าน น 28 คน ่ นการ ิจัยเชิงปริมาณ เป็นการ ิจัยเชิง �าร จ ิธีการ ึก าเป็นเก็บ ข้อมูลการได้ใช้แบบ อบถามค ามคิดเ ็นของผู้นา� ชุมชน ผู้นา� ท้องถิ่น
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
101
ภา ะผู้นำาปัญญาชนและยุทธ า ตร์ปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ตามโครงการพระราชดำาริ : ึก าเฉพาะกรณีผู้นาำ ชุมชนท้องถิ่นของจัง ัดในภาคตะ ันตกของประเท ไทย (ชุมชน ุบกะพง จัง ัดเพชรบุรี และชุมชน นองกลางดง จัง ัดประจ บคีรีขันธ์)
มาชิกชุมชน ข้าราชการ นักธุรกิจและประชาชน ที่อยู่เขตต�าบลเขา ใ ญ่ อ�าเภอชะอ�า จัง ัดเพชรบุรีและในเขตต�าบล ิลาลอย อ�าเภอ ปราณบุรี จัง ัดประจ บคีรีขันธ์ เป็นกลุ่มตั อย่าง จ�าน น 440 คน ผลการ ึก าพบ ่า 1. แน คิดและทั นะเกี่ย กับภา ะผู้น�าปัญญาชนเพื่อการ พัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน (ชุมชน นองกลางดง จัง ัดประจ บคีรีขันธ์ และชุมชน ุบกะพง จัง ัดเพชรบุรี) ต้องรู้จัก ร้างค าม ัมพันธ์เป็น เครือข่าย มีค าม ัมพันธ์ที่ดี เ ริม ร้างค ามเป็น ุ้น ่ นร่ มกัน ต้อง มีการแ ดงออกถึงค ามรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อ ังคม ่ นร ม ท�าใ ้ เกิดค ามเลื่อมใ รัทธาและค ามเชื่อถือไ ้ างใจ รู้จักการประเมิน ถานการณ์อย่างรอบด้าน รู้จักประเมินตนเองได้อย่างถูกต้อง ยอมรับ ค�า ิพาก ์ ิจารณ์ เชิง ร้าง รรค์ ต้องเป็นคนเก่ง ามารถริเริ่ม ิ่งใ ม่ๆ เมื่อโอกา มาถึง รู้จัก ยิบฉ ยโอกา นั้น และรู้จัก ร้างเงื่อนไขใ ้เกิด โอกา ไม่รอใ ้โอกา มาถึงแล้ จึงลงมือ มีค าม ามารถในการ ร้าง ทีมงานและการท�างานเป็นทีมแ ง าค ามร่ มมือ ามารถ ร้าง บรรยากา เป็นมิตรที่ดีพร้อมใ ้ค ามช่ ยเ ลือเกื้อกูล เป็นผู้มองโลก ในแง่ดี มองโลกอย่างมีค าม ัง มีก�าลังใจ มองเ ็นช่องทางที่เป็น โอกา มากก ่าที่มอง ่าเป็นภัยคุกคาม มองเ ็น ่ นดี รือจุดเด่นของผู้ อื่น ตระ นักในค ามเป็นธรรม โดยเฉพาะการกระจายประโยชน์อย่าง เป็นธรรม ู่ท้องถิ่น ่งเ ริมใ ้มีการจ้างงานในท้องถิ่น มีการแข่งขันกัน อย่างเป็นธรรม 2. แน คิดและทั นะเกี่ย กับยุทธ า ตร์ปรัชญาเ ร ฐกิจ พอเพี ย งเพื่ อ การพั ฒ นาอย่ า งยั่ ง ยื น ของชุ ม ชนภาคตะ ั น ตกของ ประเท ไทย ตามโครงการพระราชด�าริ (ชุมชน นองกลางดง จัง ัด ประจ บคีรีขันธ์ และชุมชน ุบกะพง จัง ัดเพชรบุรี) คือ ต้องมีการ างแผนในการด�าเนินชี ิตตามทาง ายกลาง และค ามไม่ประมาท ไม่
102
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ชัชวาล แสงทองล้วน และธันยธรณ์ กนลา สุขพานิช-ขันทปราบ
มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป ท�าชี ิตใ ้มีค าม ุขโดยค�านึงถึงค าม พอประมาณ คือ การลงทุนเพื่อใ ้ได้รับผลตอบแทนที่เป็นธรรมตาม มค รที่จะต้องได้รับ โดยไม่เบียดเบียน รือ ร้างภาระใ ้แก่ตนเอง รือผู้อื่น ค ามมีเ ตุผล คือ มีตลาด มีเงิน จึงได้ขยายกิจการ และ การ ร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตั คือ ไม่มีการกู้ รือ ร้าง นี้ ิน ภายใต้ เงื่อนไขที่จะต้องมีค ามรู้ค ามเข้าใจ และมีคุณธรรม โดยใช้ค ามรู้ ค ามรอบคอบ ค ามอดทน ค ามเพียร ค ามมี ติปัญญา และค าม ซื่อ ัตย์ ุจริต ในการ างแผนและตัด ินใจในการกระท�าต่างๆ เพื่อใ ้ ัมพันธ์กับ ภาพการด�ารงชี ิตในยุคของ ังคมทุนนิยมในปัจจุบัน ร ม ทั้งจะต้อง ามารถอธิบาย รือใ ้ค ามรู้แก่ผู้อื่น ใ ้ทราบถึง ิ่งต่างๆ ที่ พระบาท มเด็จพระเจ้าอยู่ ั ได้ทรงท�าไ ้ในโครงการพระราชด�าริ และ น�า ลักปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงไปใช้ใ ้เป็นผลทางการปฏิบัติอย่าง เป็นรูปธรรม 3. แน คิดและทั นะเกี่ย กับการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ตามโครงการพระราชด�าริของจัง ัดในภาคตะ ันตกของประเท ไทย (ชุมชน นองกลางดง จัง ัดประจ บคีรีขันธ์ และชุมชน ุบกะพง จัง ัดเพชรบุรี) นั้น จะต้องมีการด�าเนินการอย่างไรเพื่อใ ้เกิดการ พัฒนาอย่างยั่งยืน แน คิดและทั นะเกี่ย กับการพัฒนาชุมชนอย่าง ยั่งยืนตามโครงการพระราชด�าริ จะต้องมีการด�าเนินการดังนี้ 3.1 มีการ างแผนและตัด ินใจอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เช่น างแผนในการใช้ที่ดินใ ้คุ้มค่า และ างผังเมืองใ ้ชัดเจน 3.2 มีการตัด ินใจด�าเนินการไปตามล�าดับขั้นคือ ต้องมุ้งเน้น ที่ค ามพอมีพอกินของประชาชน โดยใช้การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ในการ ด�ารงชี ิตใ ้ประ ยัด ถูกต้องตาม ลัก ิชาการ และมีการน�าเทคโนโลยี มาช่ ยในการเพาะปลูก การเก ตรกรรม เพื่อใ ้ได้ผลผลิตต่อไร่ ูงขึ้น
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
103
ภา ะผู้นำาปัญญาชนและยุทธ า ตร์ปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ตามโครงการพระราชดำาริ : ึก าเฉพาะกรณีผู้นาำ ชุมชนท้องถิ่นของจัง ัดในภาคตะ ันตกของประเท ไทย (ชุมชน ุบกะพง จัง ัดเพชรบุรี และชุมชน นองกลางดง จัง ัดประจ บคีรีขันธ์)
3.3 ร้างค ามเจริญเพื่อเพิ่มฐานะทางเ ร ฐกิจ โดยต้อง ปฏิบัติใ ้เกิดค าม อดคล้องกับ ภา ะของประเท และการด�ารงชี ิต อย่าง มดุลและยั่งยืนและมีการขยายตั ตั้งเป็นกองทุน มู่บ้าน, SME OTOP รือ มาชิกกลุ่มการผลิตต่างๆ ขึ้น 3.4 ภาย ลังจากที่ประชาชนได้รับการพัฒนาตนเองใ ้เข้ม แข็งและเป็นอิ ระแล้ จึงค่อยพัฒนาขึ้นมาเป็นการแลกเปลี่ยน การ ร มกลุ่มเพื่อช่ ยเ ลือพึ่งพากัน (ยึด ลักค าม ามัคคีร่ มมือร่ มใจ) และร่ มกันพัฒนาชุมชนใ ้เข้มแข็ง ามารถพึ่งตนเองได้ 3.5 การพัฒนาเครือข่ายเชื่อมโยง ู่ ังคมภายนอก (ยึด ลัก ค ามขยัน มั่นเพียรและอดทน) และมีการใช้การ ื่อ าร การท�าการ ตลาดและการประชา ัมพันธ์ที่ดี เพื่อค ามเจริญก้า น้าใ ้ ามารถ อยู่ได้ในช่ งที่โลกอยู่ใน ถานการณ์โลกาภิ ัตน์ซึ่งมีการแข่งขัน ูงต่อไป 3.6 การพัฒนาคนทางด้านการ ึก าเป็น ลัก โดยเฉพาะ อย่างยิ่งผู้นา� ปัญญาชนในท้องถิ่นในชุมชน เป็นผู้นา� ปัญญาชนที่ใกล้ชิด ประชาชนที่ ุด จะต้องมีการ ึก า าประ บการณ์ใ ้แก่ตนเองด้ ย การ ึก าเรียนรู้ใ ้เข้าใจถึงแก่นแท้ของปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงโดย การเชิญ ิทยากร รือผู้ที่มีประ บการณ์ด้านยุทธ า ตร์ชาติ จัง ัด มาอบรมบรรยายใ ้ค ามรู้แก่ผู้น�าปัญญาชนและประชาชนในชุมชน ท้องถิ่นและมีการ ึก าดูงานชุมชนตามโครงการพระราชด�าริที่ประ บ ค าม �าเร็จแล้ น�าค ามรู้จากการ ึก าดูงานมาปรับประยุกต์ใช้กับ ปฏิบัติงานกับชุมชนของตนเอง เพื่อจะได้กา� นดแน ทางในการแก้ไข ปัญ าและ อดรับกับค ามต้องการของประชาชนในพื้นที่มากที่ ุด 3.7 ใช้ ภู มิ ป ั ญ ญาท้ อ งถิ่ น ของชุ ม ชนในการมี ่ นร่ มใน การพัฒนาการ ึก า โดยเฉพาะปราชญ์ชา บ้านซึ่งมีค ามรู้ค าม ช�านาญเฉพาะทางด้านต่างๆ มาท�าการฝึกอบรมถ่ายทอดทัก ะอาชีพ ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ตนเองมีอยู่ใ ้แก่เยา ชนใน ถาน ึก า
104
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ชัชวาล แสงทองล้วน และธันยธรณ์ กนลา สุขพานิช-ขันทปราบ
4. เพื่อน�าเ นอรูปแบบของภา ะผู้น�าปัญญาชนและการน�า ลักยุทธ า ตร์ปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่าง ยั่งยืนตามโครงการพระราชด�าริในอนาคต จากผลการ ึก า ิจัยเชิง คุณภาพและเชิงปริมาณน�ามา ิเคราะ ์แบบผ มผ านแล้ ท�าใ ้ มองเ ็นภาพร มของรูปแบบได้ คือ ผู้นา� ปัญญาชนได้ใช้ค ามเปรื่อง ปัญญาของตนมาด�าเนินตามยุทธ า ตร์ปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงใน พื้นที่ที่เกี่ย ข้อง โดยได้ด�าเนินรอยตามปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงของ พระบาท มเด็จพระเจ้าอยู่ ั ซึ่งผู้น�าปัญญาชนในชุมชนต่างยอมรับ ่าเพื่อที่ มู่บ้านและชุมชนจะ ามารถพัฒนาได้อย่าง �าเร็จผลและ บรรลุได้ถึงการมีชี ิตในอนาคตที่เปี่ยมไปด้ ยค าม ุขและค ามรู้แจ้ง อย่างแท้จริง ผู้น�าปัญญาชนจะต้องเพิ่มพูนประ ิทธิภาพที่เข้มแข็งใน เชิงปัญญาใ ้กับประชาชนใน มู่บ้านและผลักดันใ ้ชุมชนมี ิถีชี ิตที่ เป็นมิตรกับ ิ่งแ ดล้อมเพื่อบรรลุถึงเป้า มายของการมีชี ิตที่ดี เช่น เดีย กับต้องมีค ามจงรักภักดีและยึดมั่นต่อ ลักปรัชญาเ ร ฐกิจพอ เพียงของพระบาท มเด็จพระเจ้าอยู่ ั โดยยึดถือใ ้เป็นมนต์ตราแ ่ง ชี ิตอัน ูง ุดและเป็นอมตะ ดังนั้นจึง รุปได้ด้ ย า� น นดังต่อไปนี้คือ “จากนักก ิกรรมผู้ ด ู่ ิ้น ัง ันต่อ ัน ไป ู่การเป็นนักพัฒนาผืนดิน ผู้รู้แจ้งและ ุข ันต์ใจ” คาสาคั
1) ภา ะผู้นา� ปัญญาชน 2) ยุทธ า ตร์ปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียง 3) การพัฒนาอย่างยั่งยืน
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
105
ภา ะผู้นำาปัญญาชนและยุทธ า ตร์ปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ตามโครงการพระราชดำาริ : ึก าเฉพาะกรณีผู้นาำ ชุมชนท้องถิ่นของจัง ัดในภาคตะ ันตกของประเท ไทย (ชุมชน ุบกะพง จัง ัดเพชรบุรี และชุมชน นองกลางดง จัง ัดประจ บคีรีขันธ์)
Abstract
106
The main purpose of this doctoral dissertation, entitled. "The Intellectual Leadership and Self-Sufficient Philosophy Economic Strategy for the Sustainable Development of Royal Prerogative Projects : A Case Study of The Local Community Leaders In The Western Provinces of Thailand." is to study the intellectual leadership of community leaders in the Western Provinces of Prachuap Khiri Khan and Phetchaburi in Thailand, associated with the Royal Prerogative Projects. The study attempts at analyzing their intellectual leadership as well as self-sufficient economic strategy, upholding the King's Philosophy of green community development, certainly for the eco-friendly and long-lasting livelihood. The research findings reveal the facts that, with regard to the intellectualism of these community leaders in applying the self-sufficient economic strategy in the areas concerned, notably following the King's philosophy , they have intellectually realized that in order for their villages to be successfully developed and achieved genuine livelihood in the future, certainly full of happiness and enlightenment, they honestly have to strengthen the villagers intellectual capability, striving for the eco-friendly livelihood, 'good life' goals for the villagers, as well as royally upholding the King's philosophy of self sufficient economy as their noble and eternal life mantra. Therefore, the "Research Model" of this doctoral dissertation can be summed up as the following:
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ชัชวาล แสงทองล้วน และธันยธรณ์ กนลา สุขพานิช-ขันทปราบ
From “The Desperate Daily Agriculturalists To The Enlightened Happy Land Developers” 1) Intellectual Leadership 2) Philosophy of Sufficient Economy Strategy 3) Sustainable Development ที่มาและความสาคั ของป า อิ ท ธิ พ ลของโลกยุ ค ที่ ไ ด้ รั บ กระแ จากโลกาภิ ั ต น์ ซึ่ ง ก่ อ ใ ้ เ กิ ด การไ ลเ ี ย น อย่างอิ ระ (Free Flow) ทั้ง 4 ด้าน ทั้งการ เคลื่อนย้ายเงินทุน (Free Flow of Capital) การเคลื่อนย้าย ินค้าและบริการ (Free Flow of Goods and services) การเคลื่อนย้าย ข้อมูลข่า ารและองค์ค ามรู้ (Free Flow of Information and Knowledge) และการ เคลื่อนย้ายแรงงานทุนมนุ ย์ (Free Flow of Human Capital) มีผลต่อการพัฒนา ประเท ทั้ง ภาคเ ร ฐกิจ ังคมการเมือง และ ัฒนธรรม และเป็น ิ่งใ ้เกิดการกระตุ้น ใ ้ประเท ต่างๆ ทุกภูมิภาคของโลกต้องมี การปรับตั เพื่อการแข่งขันและเพื่อค ามอยู่ รอดท่ามกลางกระแ โลกาภิ ัตน์ การเปลี่ ย นแปลงของ ั ง คมไทย เริ่ ม มี ก ารเปลี่ ย นแปลงแบบช้ า ๆ นั บ ตั้ ง แต่ การท�า นธิ ัญญาเบา ริ่งใน พ. . 2398
เป็นต้นมา และในระยะเ ลา 50 ก ่าปีที่ผ่าน มา นับตั้งแต่ประเท ไทยได้ใช้แผนพัฒนา เ ร ฐกิ จ และ ั ง คมแ ่ ง ชาติ เ ป็ น กรอบใน การพั ฒ นาประเท และประเท ไทยได้ มี การเปลี่ยนแปลงอย่างร ดเร็ จนกระทั่งใน ช่ งระยะเ ลา 20 ปีที่ผ่านมาพบ ่า การ เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นร ดเร็ มาก ่งผล กระทบทั้งในทางที่ก่อใ ้เกิดการเปลี่ยนแปลง ต่อการด�ารงชี ิตของคนไทยในทางที่ดีมีค าม ะด ก บายขึ้ น และในขณะเดี ย กั น ่ ง ผล กระทบต่อ ิ่งแ ดล้อมที่เป็นอันตรายต่อชี ิต เพิ่มขึ้น จ า ก ก า ร เ กิ ด ภ า ะ ิ ก ฤ ติ ท า ง เ ร ฐกิจตั้งแต่ปลาย พ. . 2539 ซึ่งเป็น ไปในทิ ทางที่ ค น ่ นใ ญ่ ค าดไม่ ถึ ง และ ยังมิได้เตรียมค ามพร้อมในการเผชิญ น้า กับ ถานการณ์ดังกล่า จึงถือ ่าเป็น ิกฤติ เ ร ฐกิ จ ที่ รุ น แรงที่ ุ ด และ ่ ง ผลกระทบ
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
107
ภา ะผู้นำาปัญญาชนและยุทธ า ตร์ปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ตามโครงการพระราชดำาริ : ึก าเฉพาะกรณีผู้นาำ ชุมชนท้องถิ่นของจัง ัดในภาคตะ ันตกของประเท ไทย (ชุมชน ุบกะพง จัง ัดเพชรบุรี และชุมชน นองกลางดง จัง ัดประจ บคีรีขันธ์)
ไปถึงทุกภาค ่ นของ ังคม จนเป็นเ ตุใ ้ ังคมไทยมีค ามพยายามที่จะต้องแ ง า แน ทางเลื อ กอื่ น ที่ น ่ า จะเ มาะ มก ่ า แน ทางที่ใช้มาแล้ ในอดีต เพื่อแก้ไขปัญ า ิ ก ฤติ เ ร ฐกิ จ ของประเท อย่ า งเร่ ง ด่ น แน ค ามคิด นึ่งที่เกิดขึ้นและได้จุดประกาย ค าม ั ง ที่ เ ป็ น ไปได้ แ ก่ ั ง คมไทยในขณะ นั้ น คื อ พระราชด� า รั ที่ พ ระบาท มเด็ จ พระเจ้าอยู่ ั ฯ ได้พระราชทานไ ้ในเรื่อง “เ ร ฐกิจพอเพียง” เนื่องจากตลอด 50 ปี ของการพัฒนาประเท ไทยที่ผ่านมา มุ่งเน้น แต่การที่จะเพิ่มอัตราค ามเจริญเติบโตทาง เ ร ฐกิจมาโดยตลอด แม้กระทั่งเมื่อประเท ได้ประ บ ิกฤติทางเ ร ฐกิจ นโยบายของ ภาครัฐที่ใช้แก้ ิกฤติที่เกิดขึ้นก็ยังคงเป็นไป ในรูปแบบเดิม โดยการยอมรับค�าแนะน�า จากกองทุนการเงินระ ่างประเท (IMF) ดังนั้น เมื่อมีกระแ การพัฒนาตามแน คิด “เ ร ฐกิจพอเพียง” เกิดขึ้น ค าม ับ น ค ามเข้าใจที่ไข ้เข และค ามไม่แน่ชัดใน เรื่องนี้จึงปรากฏขึ้นกับผู้คนใน ังคม จนท�าใ ้ เกิดค ามต้องการที่จะแ ง าค�าตอบในเรื่อง ดังกล่า เช่น ในเรื่องของค ามพอเพียง จะ มีตั ชี้ ัดอะไรที่จะบอกได้ ่าจุดของค ามพอ เพียงอยู่ตรงไ นและน�ามาใช้อย่างไรจึงจะถูก ต้องและเ มาะ ม ค ามพอเพียงจะท�าใ ้การ
108
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
พัฒนาต้อง ยุดชะงักลง รือไม่ ค ามพอเพียง กับค ามต้องการมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น ิ่งที่ขัด แย้งกัน รือไม่ เป็นต้น แน ค ามคิ ด เรื่ อ ง “เ ร ฐกิ จ พอเพี ย ง” มี ค ามเ มาะ มกั บ บริ บ ทที่ จะ ามารถแก้ปัญ าต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ แต่ ขอบเขตของกิจกรรมทางเ ร ฐกิจยังได้รับ การเผยแพร่ ู ่ ก ารรั บ รู ้ ข องชุ ม ชนค่ อ นข้ า ง น้อยและ ่ นใ ญ่กิจกรรมทางเ ร ฐกิจพอ เพียงจะถูกพบในโครงการอันเนื่องมาจากพระ ราชด� า ริ แ ละใช้ ใ น ิ ถี ก ารต่ อ ู ้ ข องชา บ้ า น กลุ่ม นึ่งที่ได้รับการยอมรับ ่าประ บค าม � า เร็ จ ในการด� า รงชี ิ ต โดยยึ ด ลั ก ปรั ช ญา เ ร ฐกิจพอเพียงเท่านั้น แน ค ามคิดใน เรื่องนี้เพิ่งได้รับค าม นใจจาก ังคมจนเกิด เป็นกระแ ก็เมื่อประเท ประ บภา ะ ิกฤติ และพระบาท มเด็จพระเจ้าอยู่ ั ฯ ได้มีพระ ราชด�ารั เรื่อง “เ ร ฐกิจพอเพียง” จัดเป็น ยุทธ า ตร์การพัฒนาซึ่ง ร้างทางเลือกใ ้แก่ ประชาชนจ�าน นมากของ ังคมไทยและเมื่อ ันที่ 4 ธัน าคม 2540 พระราชด�ารั พระบาท มเด็ จ พระเจ้ า อยู ่ ั พระราชทานแก่ ค ณะ บุคคลต่างๆที่เข้าเฝ้้าฯถ ายพระพรชัยมงคล เนื่องใน โรกา ันเฉลิมพระชนมพรร า ณ าลาดุ ิดาลัย นจิตรลดาฯ พระราช ังดุ ิต เมื่อ ันพฤ ั บดี ที่ 4 ธัน าคม 2540 ค าม ่า
ชัชวาล แสงทองล้วน และธันยธรณ์ กนลา สุขพานิช-ขันทปราบ
“...การจะเป็ น เ ื อ นั้ น ไม่ � า คั ญ � า คั ญ ที่ เราพออยู ่ พ อกิ น และมี เ ร ฐกิจแบบพอมีพอกิน มายค าม ่า อุ้มชูตั เองได้ ใ ้มีพอเพียงกับตั เอง ค ามพอเพียงนี้ไม่ได้ มายค าม ่าทุกครอบครั จะต้องผลิตอา ารของ ตั เอง จะต้องทอผ้าใ ่ใ ้ตั เอง า� รับครอบครั อย่างนั้นมันเกินไป แต่ ่าใน มู่บ้าน รือในอ�าเภอจะต้องมีค ามเพียงพอ พอ มค รบาง ิ่งบางอย่างผลิต ได้มากก ่าค ามต้องการก็ขายได้ แต่ขายในที่ไม่ ่างไกลเท่าไร ไม่ต้องเ ียค่า ขน ่งมากนัก การพัฒนาประเท จ�าเป็นต้องท�าตามล�าดับขั้นตอน ต้อง ร้าง พื้นฐานคือค ามพอมีพอกินพอใช้ของประชาชน ่ นใ ญ่เป็นเบื้องต้นก่อน โดย ใช้ ิธีการและอุปกรณ์ที่ประ ยัด แต่ถูกต้องตาม ลัก ิชาการ เพื่อใ ้ได้พื้น ฐานที่มั่นคงพร้อมพอ มค ร แล้ จึงค่อย ร้างค่อยเ ริมค ามเจริญและฐานะ ทางเ ร ฐกิจที่ ูงขึ้นไปตามล�าดับต่อไป ากมุ่งแต่จะทุ่มเท ร้างค ามเจริญ ยกเ ร ฐกิจใ ้ร ดเร็ แต่ประการเดีย โดยไม่ใ ้แผนปฏิบัติการ ัมพันธ์กับ ภา ะของประเท และของประชาชนไทย อดคล้องด้ ย ก็จะเกิดค ามไม่ มดุลในเรื่องต่างๆ ขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นค ามยุ่งยากล้มเ ล ในที่ ุด...” ดังนั้น เพื่อเป็นการ นองพระราชปณิ ธ านของพระบาท มเด็ จ พระเจ้ า อยู ่ ั ที่ ท รงมุ ่ ง ั ง ใ ้ ลั ก ปรั ช ญาเ ร ฐกิ จ พอ เพียงเป็น ิถีการด�ารงชีพและการปฏิบัติตน ของคนไทย เพื่อเ ริมรากฐานของชี ิตใ ้มี ค ามมั่นคงภายใต้กระแ การเปลี่ยนแปลง ต่างๆ ของโลก ผู้น�าปัญญาชนในชุมชนของ ประเท ไทย จึงจ�าเป็นจะต้องมีผู้นา� ปัญญาชน ซึ่ ง นอกจากจะเป็ น ผู ้ น� า ปั ญ ญาชนในการ ปรั บ ปรุ ง โครง ร้ า งและการบริ ารจั ด การ ภายในชุมชนแล้ ผู้นา� ปัญญาชนค รมีการ น้อมน�า ลักปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงมาเป็น
ยุทธ า ตร์ ลักในการ างแผน และน�า ู่ภาค ปฏิบัติ โดยการถ่ายทอด องค์ค ามรู้ เพื่อการ พัฒนาชุมชนใ ้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน พึ่งพา ตนเองได้ ามารถเผชิญกับภัยคุกคาม ทั้ง ด้านเ ร ฐกิจ ังคม การเมืองและ ัฒนธรรม และทุก ถานการณ์ได้ วั ุประสงค์ของการวิ ัย 1. เพื่อ ึก า ิเคราะ ์ แน คิดและ ทั นะเกี่ย กับผู้น�าปัญญาชนและภา ะผู้น�า ปั ญ ญาชนเพื่ อ การพั ฒ นาชุ ม ชนอย่ า งยั่ ง ยื น ตามโครงการพระราชด�าริของจัง ัดในภาค
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
109
ภา ะผู้นำาปัญญาชนและยุทธ า ตร์ปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ตามโครงการพระราชดำาริ : ึก าเฉพาะกรณีผู้นาำ ชุมชนท้องถิ่นของจัง ัดในภาคตะ ันตกของประเท ไทย (ชุมชน ุบกะพง จัง ัดเพชรบุรี และชุมชน นองกลางดง จัง ัดประจ บคีรีขันธ์)
ตะ ันตกของประเท ไทย 2. เพื่อ ึก า ิเคราะ ์แน คิดและ ทั นะเกี่ ย กั บ การใช้ ยุ ท ธ า ตร์ ป รั ช ญา เ ร ฐกิจพอพียงเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ของชุมชนในภาคตะ ันตกของประเท ไทย ตามโครงการพระราชด�าริ 3. เพื่ อ ึ ก า ิ เ คราะ ์ แ น คิ ด และทั นะเกี่ ย กั บ การพั ฒ นาชุ ม ชนอย่ า ง ยั่งยืน ตามโครงการพระราชด�าริของชุมชนใน จัง ัดภาคตะ ันตกของประเท ไทย 4. เพื่ อ น� า เ นอรู ป แบบของภา ะ ผู ้ น� า ปั ญ ญาชนและการน� า ลั ก ยุ ท ธ า ตร์ ปรั ช ญาเ ร ฐกิ จ พอเพี ย งเพื่ อ การพั ฒ นา ชุมชนอย่างยั่งยืนตามโครงการพระราชด�าริใน อนาคต ประโยชน์ที่คาด ่าจะได้รับ 1. ได้รับรู้ข้อมูลในเรื่องที่เกี่ย ข้อง กับภา ะผู้น�าปัญญาชน ค ามเป็นมา ภาพ ปัจจุบัน อนาคต เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ของชุ ม ชนตามโครงการพระราชด� า ริ ข อง จัง ัดในภาคตะ ันตกของประเท ไทยซึ่ง ามารถใช้เป็นการปฏิรูปบทบาทผู้น�าชุมชน ต่ อ น่ ยงานภาครั ฐ ที่ เ กี่ ย ข้ อ งโดยเฉพาะ กระทร งม าดไทยในการปรับปรุงแก้ไขต่อ ไป
110
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
2. ได้รับรู้ข้อมูลในเรื่องที่เกี่ย ข้อง และ ิ เ คราะ ์ ก ารใช้ ยุ ท ธ า ตร์ ป รั ช ญา เ ร ฐกิ จ พอพี ย งเพื่ อ การพั ฒ นาชุ ม ชน อย่างยั่งยืนตามโครงการในพระราชด�าริของ จัง ัดในภาคตะ ันตกของประเท ไทยซึ่ง จะเป็ น ข้ อ มู ล ที่ มี ป ระโยชน์ อ ย่ า ง ู ง ในด้ า น กระบ นการตั ด ิ น ใจที่ เ กี่ ย กั บ นโยบาย าธารณะ 3. ได้รับรู้ข้อมูลในเรื่องที่เกี่ย ข้อง กับการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ตามโครงการ พระราชด� า ริ ข องชุ ม ชนในจั ง ั ด ภาค ตะ ั น ตกของประเท ไทยซึ่ ง จะเป็ น ข้ อ มู ล ที่ มี ป ระโยชน์ อ ย่ า ง ู ง ในด้ า นกระบ นการ ตัด ินใจที่เกี่ย กับนโยบาย าธารณะเพื่อน�า เ นอต่ อ น่ ยงานภาครั ฐ และภาคเอกชน ที่เกี่ย ข้องการแก้ไขปรับปรุงการบริ ารยึด ลักการที่มีประ ิทธิภาพ ูงขึ้นต่อไป 4. ามารถ ิเคราะ ์และน�าเ นอ รู ป แบบของภา ะผู ้ น� า ปั ญ ญาชน การใช้ ยุ ท ธ า ตร์ ป รั ช ญาเ ร ฐกิ จ พอเพี ย งเพื่ อ การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ตามโครงการ พระราชด�าริ ของจัง ัดในภาคตะ ันตกของ ประเท ไทยในอนาคตเพื่ อ ประโยชน์ ท าง ิชาการในการ ึก าเพิ่มเติมด้ ย 5. น่ ยงานภาครั ฐ และองค์ ก ร เอกชนทั้งของประเท ไทยและต่างประเท
ชัชวาล แสงทองล้วน และธันยธรณ์ กนลา สุขพานิช-ขันทปราบ
ามารถน�าข้อมูลที่ได้รับจากการ ึก า ิจัยไป ใช้ประโยชน์ในการออกนโยบาย าธารณะใน การพัฒนา ังคมแบบองค์ร มอย่างยั่งยืนได้ วิธีการ า นินการวิ ัย สวนที่ 1 การวิ ัย ชิงคุณ าพ (Qualitative Research) กลุ่มผู้ใ ้ข้อมูล คือ กลุ่มผู้ใ ้ข้อมูล เกี่ย กับ ภา ะผู้นา� และยุทธ า ตร์ปรัชญา เ ร ฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่าง ยั่งยืน ตามโครงการพระราชด�าริ ได้มาด้ ย ิธีการเลือกตั อย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) จาก 5 กลุ่มได้แก่ กลุ่มผู้แทนผู้น�า ภาคการเมืองในจัง ัดเพชรบุรีและจัง ัด ประจ บคีรีขันธ์ จ�าน น 2 ท่าน กลุ่มผู้แทน ผู ้ น� า นั ก บริ ารจากภาคราชการในจั ง ั ด เพชรบุรีและจัง ัดประจ บคีรีขันธ์จ�าน น 6 ท่าน กลุ่มผู้แทนผู้น�าภาครัฐ ิ า กิจและ ภาคเอกชนในจั ง ั ด เพชรบุ รี แ ละจั ง ั ด ประจ บคีรีขันธ์ จ�าน น 9 ท่าน และกลุ่ม ผู ้ แ ทนผู ้ น� า จากภาค ิ ช าการทั้ ง ด้ า นภา ะ ผู ้ น�า และด้ า นยุทธ า ตร์ปรัชญาเ ร ฐกิจ พอเพี ย งในจั ง ั ด เพชรบุ รี แ ละจั ง ั ด ประจ บคีรีขันธ์จา� น น 11 ท่าน ร มทั้ง ิ้น 28 ท่าน แ ล่งที่มาข้อมูล มี 2 ประเภท คือ 1) แ ล่งข้อมูลประเภทเอก ารที่เกี่ย ข้อง
(Secondary Sources) จากการค้นค ้า เอก าร นัง ือ รายงาน าร าร ิ่งพิมพ์ ต่างๆ ที่เกี่ย กับแ ล่งเรียนรู้ทั้งภา าไทยและ ภา าต่างประเท และการ ืบค้บข้อมูลทาง อินเทอร์เน็ต 2) แ ล่งข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Sources) โดยการ ัมภา ณ์แบบเจาะลึก (Indepth Interview) เครื่องมือที่ใช้ในการ ิจัย ครั้งนี้ ได้แก่แบบ ัมภา ณ์เจาะลึก สวนที่ 2 การวิ ัย ชิงปริมาณ (Quantitative Research) การ ิจัยครั้งนี้เป็นการ ิจัยเชิง �าร จ (Survey Research) โดยใช้แบบ อบถาม (Questionnaire) เป็นเครื่องมือในการร บ ร มข้อมูล ข้อค�าถาม �า รับตั แปร ลัก ของการ ิจัย มีลัก ณะมาตร ่ นประมาณ ค่าแบบไลเกิร์ท (Likert Scale) 5 ระดับ ท�าการตร จ อบคุณภาพเครื่องมือ ิจัยโดย มี เ นื้ อ าที่ เ กี่ ย กั บ ภา ะผู ้ น� า ยุ ท ธ า ตร์ ปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงและการพัฒนาชุม อย่างยั่งยืน โดยการตร จ อบค ามตรงตาม เนื้อ า (Content Validity) โดยผู้เชี่ย ชาญ ด้ า นเนื้ อ า และตร จ อบค ามเที่ ย ง (Reliability) โดยใช้ ูตร ัมประ ิทธิ์แอลฟา ของ Cronbach (Cronbach’s Alpha Coefficient) ของตั แปรของข้อค�าถามพบ ่ามีค่า .962 มายถึง เครื่องมือมีค ามเชื่อ
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
111
ภา ะผู้นำาปัญญาชนและยุทธ า ตร์ปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ตามโครงการพระราชดำาริ : ึก าเฉพาะกรณีผู้นาำ ชุมชนท้องถิ่นของจัง ัดในภาคตะ ันตกของประเท ไทย (ชุมชน ุบกะพง จัง ัดเพชรบุรี และชุมชน นองกลางดง จัง ัดประจ บคีรีขันธ์)
มั้ น ในระดั บ ู ง และค� า น ณกลุ ่ ม ตั อย่ า ง โดยใช้ ูตรของ Taro Yamane (ธานินทร์ ิลป์จารุ, 2552) เลือกตามทฤ ฏีค ามน่าจะ เป็น (Probability Sampling ) จากประชากร 21,690 คน และตั อย่างจาก ผู้น�าชุมชน ผู้นา� ท้องถิ่น มาชิกชุมชน ข้าราชการ นักธุรกิจ และประชาชน ที่อยู่เขตต�าบลเขาใ ญ่ อ�าเภอ ชะอ�า จัง ัดเพชรบุรีและเขตต�าบล ิลาลอย อ�าเภอปราณบุรี จัง ัดประจ บคีรีขันธ์ ได้ กลุ่มตั อย่างจ�าน น 440 คน โดยใช้ ิธี การ ุ่มแบบอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ผลการ ิจัย แน คิ ด และทั นะเกี่ ย กั บ ภา ะผู้นำาปัญญาชนเพื่อการพัฒนาชุมชน อย่างยั่งยืนตามโครงการพระราชดำาริของ จัง ัดในภาคตะ ันตกของประเท ไทย ผลการ ึก าแบ่งออกเป็น 2 ่ นคือ 1) แน คิดและทั นะเกี่ย กับผู้น�าปัญญาชน และ 2) แน คิดและทั นะเกี่ย กับภา ะผู้นา� ปั ญ ญาชนเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ตามโครงการพระราชด�าริของจัง ัดในภาค ตะ ันตกของประเท ไทย แน คิ ด และทั นะเกี่ ย กั บ ผู ้ น� า ปัญญาชนคือ ผู้น�าปัญญาชนจะต้องมี ิ ัยทั น์
112
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
มีค ามคิดริเริ่ม ร้าง รรค์ มีการ างแผนการ ท�างานเชิงบูรณาการ มีเทคนิคในการบริ าร จั ด การและมี ก ารประ านงานในการใ ้ ประชาชนของชุมชนเข้ามามี ่ นร่ มของการ างแผนทุกๆ ขั้นตอน ตั้งแต่การก�า นดแผน ยุทธ า ตร์ แผนปฏิบัติการและคุณลัก ณะ ที่ า� คัญ มีค ามซื่อ ัตย์ ุจริต มีคุณธรรม และจริยธรรมประจ�าใจ เพราะเป็นปัจจัยพื้น ฐาน ที่ทา� ใ ้ประชาชนเกิดค ามรัก รัทธา และไ ้ างใจ ซึ่ง อดคล้องกับแน ค ามคิด ของ นงภนั เที่ยงกมล (2550) ที่เ ็น ่าการ บริ ารเชิงบูรณาการนั้น ต้องการผู้น�าที่มี ิ ัย ทั น์อันก ้างไกล แ ง าการมี ่ นร่ มของ ประชาชน และเ ็น ่าองค์ประกอบที่ �าคัญ ที่นา� ไป ู่การบริ ารอย่างบูรณาการ คือ ผู้น�า ที่มีคุณธรรม การบริ ารที่ดี และการมี ่ น ร่ มของประชาชน มุ่งเน้นการบริ ารจัดการ โดยน�า ลักยุทธ า ตร์มาใช้ในการ างแผน ยุทธ า ตร์เชิงบูรณาการที่เป็นการแก้ปัญ า โดยพิ จ ารณาปั จ จั ย อื่ น ๆ ที่ เ กี่ ย ข้ อ งอย่ า ง รอบด้าน จะต้องรู้จักเชื่อมโยง ิ่งต่างๆ เข้า ด้ ยกัน รู้จักมอง ่ นย่อยๆ มองภาพร ม ใ ้เป็น เพราะปัญ าทุกปัญ าล้ นแล้ แต่ มี ค ามเกี่ ย ข้ อ ง เกี่ ย พั น กั บ ปั จ จั ย ต่ า งๆ มากมาย ต้องมีมุมมองในการแก้ไขปัญ าครบ ถ้ น รอบด้าน รู้จักน�า ิ่งต่างๆ มาร มเข้า
ชัชวาล แสงทองล้วน และธันยธรณ์ กนลา สุขพานิช-ขันทปราบ
ด้ ยกัน ไม่มองอย่างแยก ่ น เป็นการผน ก ร มของ ิ่งต่างๆ เข้าด้ ยกัน โดยแต่ละ ิ่ง แม้จะแตกต่างกัน แต่ก็มีเป้า มายเดีย กัน และ อดคล้องกับแน ค ามคิดของ ชัช กิตตินภดล (2547) ที่ใ ้ค าม �าคัญในการน�า ่ นประกอบย่อยๆ มาร มกัน โดยเชื่อม โยง ิ่ง นึ่ง รือ ลาย ิ่งเข้าด้ ยกัน ไม่มอง อย่างแยก ่ น เป็นการผน ก ร ม ิ่ง นึ่ง เข้ากับอีก ิ่ง นึ่งอย่าง มบูรณ์ ท�าใ ้ ิ่งที่ มี อ ยู ่ ดี ขึ้ น ในภาพร มมากก ่าอยู่อย่างแยก ่ น เป็นเ มือนการประ านที่ท�าใ ้ ามารถ เชื่อมกันได้ โดยแต่ละ ิ่งท�า น้าที่ของตน และ อดคล้องกับแน ค ามคิดของ เ ลลิช และคูน (Weihrich, H. and Koontz, H., 2005) ที่มองธรรมชาติของภา ะผู้นา� ่าต้อง มีค ามตั้งใจในการท�างาน มีค ามขยันขัน แข็ ง มี ค าม รั ท ธาที่ แรงกล้ า อย่ า งจริ ง จั ง กระตือรือร้นในการปฏิบัติงาน ่ นแน ค าม คิดของ เชอร์มาฮอน (Schermerhorn Jr, J.R., 2008) ที่เ ็น ่าคุณลัก ณะ ่ นบุคคล ของผู้น�าที่ประ บค าม า� เร็จ จะต้องมีค าม เชื่อมั่นในตนเอง มีค ามคิดริเริ่ม ร้าง รรค์ มีค าม ามารถในกระบ นการคิด มีค าม ซื่อ ัตย์ และคุณธรรม เป็นที่น่าไ ้ างใจนั้น เ ็นได้จากแน ทางที่นา� มาใช้ปฏิบัติจริง และ อดคล้ อ งกั บ แน ค ามคิ ด ของ เด เล่ อ ร์
(Dessler, G., 1998) ที่เ ็น ่าลัก ณะเด่นเช่น ค ามซื่อ ัตย์ คุณธรรม ค ามเชื่อมั่นในตนเอง เป็นคุณลัก ณะที่ �าคัญของผู้นา� และที่ �าคัญ ต้องรู้จักคิดอย่างผู้นา� การคิดอย่างผู้น�าเป็น ิ่ง า� คัญ ในการน�าค ามรู้มาใช้คิด าเ ตุผล แน คิดและทั นะเกี่ย กับภา ะผู้น�า ปัญญาชน เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนตาม โครงการพระราชด�าริของจัง ัดในภาคตะ ัน ตกของประเท ไทย (ชุมชน นองกลางดง และชุมชน ุบกะพง) ผลการ ึก าพบ ่า ต้อง รู้จัก ร้างค าม ัมพันธ์เป็นเครือข่าย มีค าม ัมพันธ์ที่ดี เ ริม ร้างค ามเป็น ุ้น ่ นร่ ม กัน ต้องมีการแ ดงออกถึงค ามรับผิดชอบ อย่างเต็มที่ต่อ ังคม ่ นร ม ท�าใ ้เกิดค าม เลื่อมใ รัทธาและค ามเชื่อถือไ ้ างใจ รู้จัก การประเมิน ถานการณ์ อย่างรอบด้าน รู้จัก ประเมินตนเองได้อย่างถูกต้อง ยอมรับค�า ิพาก ์ ิจารณ์ เชิง ร้าง รรค์ ต้องเป็นคนเก่ง ามารถริเริ่ม ิ่งใ ม่ๆ เมื่อโอกา มาถึง รู้จัก ยิบฉ ยโอกา นั้น และรู้จัก ร้างเงื่อนไขใ ้ เกิดโอกา ไม่รอใ ้โอกา มาถึงแล้ จึงลงมือ มีค าม ามารถในการ ร้างทีมงานและการ ท�างานเป็นทีมแ ง าค ามร่ มมือ ามารถ ร้างบรรยากา เป็นมิตรที่ดีพร้อมใ ้ค าม ช่ ยเ ลือเกื้อกูล เป็นผู้มองโลกในแง่ดี มอง โลกอย่างมีค าม ัง มีก�าลังใจ มองเ ็นช่อง
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
113
ภา ะผู้นำาปัญญาชนและยุทธ า ตร์ปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ตามโครงการพระราชดำาริ : ึก าเฉพาะกรณีผู้นาำ ชุมชนท้องถิ่นของจัง ัดในภาคตะ ันตกของประเท ไทย (ชุมชน ุบกะพง จัง ัดเพชรบุรี และชุมชน นองกลางดง จัง ัดประจ บคีรีขันธ์)
ทางที่ เ ป็ น โอกา มากก ่ า ที่ ม อง ่ า เป็ น ภั ย คุกคาม มองเ ็น ่ นดี รือจุดเด่นของผู้อื่น ตระ นักในค ามเป็นธรรม โดยเฉพาะการ กระจายประโยชน์อย่างเป็นธรรม ู่ท้องถิ่น ่งเ ริมใ ้มีการจ้างงานในท้องถิ่น มีการแข่ง ขันกันอย่างเป็นธรรม ผู้น�าต้องอ่านอารมณ์ ของตนเองออก มีค ามตระ นักในการรับ รู้อารมณ์ของตนเอง ามารถมองปัญ าที่ ลับซับซ้อนได้ดี แน ค ามคิดดังกล่า อด คล้องกับแน ค ามคิดของ เกรนและอุน ์ (Graen & Uhl, 1995) ที่เ ็น ่า ผู้น�าค รมี การ ร้างค าม ัมพันธ์ที่ดีกับผู้ที่เกี่ย ข้องทุก คน แทนการเลือกปฏิบัติเฉพาะเพียงบางคน ท�าใ ้คนเ ล่านั้นเกิดค ามรู้ ึก ่าตนเป็น ่ น นึ่ง ด้ ยการ ลีกเลี่ยงการมีอคติ ล�าเอียง และขาดค ามยุติธรรม ขจัดค ามรู้ ึกการ เป็นคนนอกกลุ่มใ ้ มดไป นอกจากนี้ แน ค ามคิ ด ดั ง กล่ า ยั ง มี ค ามคล้ า ยคลึ ง กั บ แน ค ามคิดของ ยุคล์ (Yukl, 1988) ที่เ ็น ่า เป็ น คุ ณ ลั ก ณะของผู ้ น� า ที่ มี ป ระ ิ ท ธิ ผ ล เพราะการแ ดงออกในค ามรับผิดชอบอย่าง เต็มที่ของผู้น�าด้ ยค ามจริงใจ จริงจัง จะ ท�าใ ้เกิดค ามเลื่อมใ รัทธาและค ามเชื่อ ถือไ ้ างใจ แต่ค ามไ ้ างใจของผู้ตามจะ เ ื่ อ มถอยลงทั น ที เ มื่ อ พบ ่ า ผู ้ น� า ใช้ ต นเป็ น เครื่องมือในการแ ง าประโยชน์เพื่อตั เอง
114
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
แน คิ ด และทั นะเกี่ ย กั บ ยุทธ า ตร์ปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงตาม โครงการพระราชดำาริของชุมชมในจัง ัด ภาคตะ ันตกของประเท ไทย เปนอย่างไร จากการ ึก าพบ ่า ยุทธ า ตร์ ปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงตามโครงการพระ ราชด� า ริ ข องชุ ม ชน นองกลางดง จั ง ั ด ประจ บคีรีขันธ์ และชุมชน ุบกะพง จัง ัด เพชรบุรี ต้องมีการ างแผนในการด�าเนินชี ิต ตามทาง ายกลางและค ามไม่ประมาท ไม่ มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป ท�าชี ิตใ ้มี ค าม ุข โดยค�านึงถึงค ามพอประมาณ คือ การลงทุ น เพื่ อ ใ ้ ไ ด้ รั บ ผลตอบแทนที่ เ ป็ น ธรรมตาม มค รที่จะต้องได้รับ โดยไม่เบียด เบียน รือ ร้างภาระใ ้แก่ตนเอง รือผู้อื่น ค ามมีเ ตุผล คือ มีตลาด มีเงิน จึงได้ขยาย กิจการ และการ ร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตั คือ ไม่มีการกู้ รือ ร้าง นี้ ิน ภายใต้เงื่อนไขที่จะ ต้องมีค ามรู้ค ามเข้าใจ และมีคุณธรรม โดย ใช้ค ามรู้ ค ามรอบคอบ ค ามอดทน ค าม เพียร ค ามมี ติปัญญา และค ามซื่อ ัตย์ ุจริตในการ างแผนและตัด ินใจในการกระ ท�าต่างๆ เพื่อใ ้ ัมพันธ์กับ ภาพการด�ารง ชี ิตในยุคของ ังคมทุนนิยมในปัจจุบัน ร ม ทั้งจะต้อง ามารถอธิบาย รือใ ้ค ามรู้แก่ ผู้อื่น ใ ้ทราบถึง ิ่งต่างๆ ที่พระบาท มเด็จ
ชัชวาล แสงทองล้วน และธันยธรณ์ กนลา สุขพานิช-ขันทปราบ
พระเจ้ า อยู ่ ั ได้ ท รงท� า ไ ้ ใ นโครงการพระ ราชด�าริ และน�า ลักปรัชญาเ ร ฐกิจพอ เพียงไปใช้ใ ้เป็นผลทางการปฏิบัติอย่างเป็น รูปธรรม นอกจากนี้ ยุทธ า ตร์ปรัชญา เ ร ฐกิ จ พอเพียงของโครงการพัฒนาตาม พระราชด�าริในปัจจุบันที่ �าคัญอีกประการคือ การที่เราจะต้องก้า ใ ้ทันต่อโลกยุคโลกาภิ ัตน์นี้ใ ้ได้ แต่ในขณะเดีย กันก็ต้องรัก า เอกลัก ณ์ของค ามเป็นไทยไ ้ใ ้ได้ ด้ ย การเชื่อมโยงประ ัติ า ตร์ของโครงการตาม พระราชด�าริเข้ากับ ัฒนธรรมท้องถิ่นของพื้น ที่นั้นๆ แต่จะต้องไม่ก่อใ ้เกิดผลกระทบต่อ ด้านอื่นๆ ของท้องถิ่น (ภูมิ ังคม) ซึ่งจากการ ที่เรามีจุดแข็งทางด้าน ัฒนธรรมอยู่แล้ จึง ค รใช้ยุทธ า ตร์เชิงรุกในการเ ริมจุดแข็ง ดังกล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการ อนุรัก ์ไ ้ซึ่ง ิลป ัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิม ของไทย โดยอาจใช้ยุทธ า ตร์การท่องเที่ย เชิงอนุรัก ์ ซึ่งเป็นยุทธ า ตร์ที่ผ มผ าน การ ร้างรายได้ทางเ ร ฐกิจจากการท่อง เที่ย เข้ากับการพัฒนาทาง ัฒนธรรม ซึ่งถือ เป็ น ยุ ท ธ า ตร์ นึ่ ง ที่ จ ะต้ อ งอา ั ย การ ประยุ ก ต์ ใช้ ลั ก ของค ามเป็ น อยู ่ อ ย่ า งพอ เพี ย งตาม ิ ถี ไ ทยใ ้ เข้ า กั บ การพั ฒ นาทาง เ ร ฐกิจ ด้ ยการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติ
และ ัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีอยู่ใ ้เกิดประโยชน์ ู ง ุ ด ในการพั ฒ นาทางทั้ ง เ ร ฐกิ จ และ ังคม ร มทั้งจะต้องใ ้ค าม �าคัญกับการ ท�า CSR (Corporate Social Respond) เพื่อ ร้างค่านิยมใ ้แก่เยา ชนในการบริโภคอย่าง มดุล เพื่อการอนุรัก ์ ิ่งแ ดล้อมและก้า ทันต่อกระแ ทุนนิยมของโลกยุคโลกาภิ ัตน์ ในปัจจุบันอีกด้ ย แนวคิ และทั นะ กี่ยวกับการ พั นาชุมชนอยางอยางยั่งยน าม ครงการ พระราช าริ ข อง ั ง วั น าค ะวั น ก ของประ ท ทยนัน ะ ้องมีการ า นินการ อยาง ร พ่อ ้ กิ การพั นาอยางยั่งยน 3.1 มี ก าร างแผนและตั ด ิ น ใจ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน เช่น างแผนในการใช้ ที่ดินใ ้คุ้มค่า และ างผังเมืองใ ้ชัดเจน 3.2 มี ก ารตั ด ิ น ใจด� า เนิ น การไป ตามล� า ดั บ ขั้ น คื อ ต้ อ งมุ ้ ง เน้ น ที่ ค ามพอมี พอกินของประชาชน โดยใช้การปรับเปลี่ยน อุปกรณ์ในการด�ารงชี ิตใ ้ประ ยัดถูกต้อง ตาม ลัก ิชาการและมีการน�าเทคโนโลยีมา ช่ ยในการเพาะปลูก การเก ตรกรรม เพื่อใ ้ ได้ผลผลิตต่อไร่เพิ่ม ูงขึ้น 3.3 ร้างค ามเจริญเพื่อเพิ่มฐานะ ทางเ ร ฐกิจ โดยต้องปฏิบัติใ ้เกิดค าม อดคล้ อ งกั บ ภา ะของประเท และการ
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
115
ภา ะผู้นำาปัญญาชนและยุทธ า ตร์ปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ตามโครงการพระราชดำาริ : ึก าเฉพาะกรณีผู้นาำ ชุมชนท้องถิ่นของจัง ัดในภาคตะ ันตกของประเท ไทย (ชุมชน ุบกะพง จัง ัดเพชรบุรี และชุมชน นองกลางดง จัง ัดประจ บคีรีขันธ์)
ด� า รงชี ิ ต อย่ า ง มดุ ล และยั่ ง ยื น และมี ก าร ขยายตั ตั้งเป็นกองทุน มู่บ้าน SME OTOP รือ มาชิกกลุ่มการผลิตต่างๆ ขึ้น 3.4 ภาย ลังจากที่ประชาชนได้รับ การพั ฒ นาตนเองใ ้เข้มแข็งและเป็นอิ ระ แล้ จึงค่อยพัฒนาขึ้นมาเป็นการแลกเปลี่ยน การร มกลุ่มเพื่อช่ ยเ ลือพึ่งพากัน (ยึด ลัก ค าม ามั ค คี ร ่ มมื อ ร่ มใจ) และร่ มกั น พัฒนาชุมชนใ ้เข้มแข็ง ามารถพึ่งตนเองได้ 3.5 การพัฒนาเครือข่ายเชื่อมโยง ู่ ังคมภายนอก (ยึด ลักค ามขยัน มั่นเพียร และอดทน) และมีการใช้การ ื่อ าร การ ท�าการตลาดและการประชา ัมพันธ์ที่ดี เพื่อ ค ามเจริญก้า น้าใ ้ ามารถอยู่ได้ในช่ ง ที่โลกอยู่ใน ถานการณ์โลกาภิ ัตน์ซึ่งมีการ แข่งขัน ูงต่อไป 3.6 การพั ฒ นาคนทางด้ า นการ ึ ก าเป็ น ลั ก โดยเฉพาะอย่ า งยิ่ ง ผู ้ น� า ปัญญาชนในท้องถิ่นในชุมชน เป็นผู้นา� ปัญญา ชนที่ ใ กล้ ชิ ด ประชาชนที่ ุ ด จะต้ อ งมี ก าร ึก า าประ บการณ์ใ ้แก่ตนเองด้ ยการ ึก าเรียนรู้ใ ้เข้าใจถึงแก่นแท้ของปรัชญา เ ร ฐกิจพอเพียงโดยการเชิญ ิทยากร รือผู้ ที่มีประ บการณ์ด้านยุทธ า ตร์ชาติ จัง ัด มาอบรมบรรยายใ ้ ค ามรู ้ แ ก่ ผู ้ น� า ปั ญ ญา ชนและประชาชนในชุมชนท้องถิ่นและมีการ
116
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ึก าดูงานชุมชนตามโครงการพระราชด�าริ ที่ประ บค าม �าเร็จแล้ น�าค ามรู้จากการ ึ ก าดู ง านมาปรั บ ประยุ ก ต์ ใช้ กั บ ปฏิ บั ติ งานกับชุมชนของตนเอง เพื่อจะได้ก�า นด แน ทางในการแก้ ไขปั ญ าและ อดรั บ กั บ ค ามต้องการของประชาชนในพื้นที่มากที่ ุด 3.7 ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน ในการมี ่ นร่ มในการพั ฒ นาการ ึ ก า โดยเฉพาะปราชญ์ชา บ้านซึ่งมีค ามรู้ค าม ช�านาญเฉพาะทางด้านต่างๆ มาท�าการฝึก อบรมถ่ายทอดทัก ะอาชีพภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ตนเองมีอยู่ใ ้แก่เยา ชนใน ถาน ึก า เพื่อนำาเ นอรูปแบบของภา ะ ผู้นำาปัญญาชนและการนำา ลักยุทธ า ตร์ ปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนา ชุมชนอย่างยั่งยืนตามโครงการพระราชดำาริ ในอนาคต จากผลการ ึ ก า ิ จั ย เชิ ง คุ ณ ภาพ และเชิ ง ปริ ม าณ ผู ้ ิ จั ย ได้ มี ก าร ิ เ คราะ ์ คุ ณ ลั ก ณะมาผ มผ านแล้ ท� า ใ ้ ม อง เ ็นภาพร ม และ ามารถน�าเ นอรูปแบบ (Model) ของภา ะผู ้ น� า ปั ญ ญาชนและ ยุ ท ธ า ตร์ ป รั ช ญาเ ร ฐกิ จ พอเพี ย งของ ชุมชน นองกลางดง จัง ัดประจ บคีรีขันธ์ และชุมชน ุบกะพง จัง ัดเพชรบุรีได้ดังนี้
ชัชวาล แสงทองล้วน และธันยธรณ์ กนลา สุขพานิช-ขันทปราบ
From “The Desperate Daily Agriculturalists” To “The Enlightened Happy Land Developers” อ ิปราย ล จากผลการ ึก า ิเคราะ ์ภา ะผู้น�า ปัญญาชนของชุมชน นองกลางดง อ�าเภอ ปราณบุรี จัง ัดประจ บคีรีขันธ์ และชุมชน ุบกะพง อ�าเภอชะอ�า จัง ัดเพชรบุรี ทั้ง 2 ชุมชนมี ภาพพื้นที่ทางกายภาพ ที่มี ค ามเ มือนกันคือ ภาพของดินขาดค าม อุดม มบูรณ์ ประชาชนมีฐานะยากจน ขาด พื้นที่ในการท�ากิน ไม่มีแ ล่งกักเก็บน�้าเพื่อ การเก ตร ทรัพยากรธรรมชาติถูกท�าลาย มี การบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ การพัฒนาชุมชนต้องรอ งบประมาณแผ่นดิน ผู้น�าชุมชนในอดีตเป็น ผู้ใ ญ่บ้าน ก�านัน จึงมีการบริ ารจัดการเพื่อ การพัฒนาชุมชนที่ไม่ มบูรณ์แบบเพราะงบ ประมาณมีไม่เพียงพอ ขาด ิ ัยทั น์ที่ก ้าง ไกลและไม่มีองค์ค ามรู้ด้านการพัฒนา แต่ การก่อรูปของการพัฒนาชุมชนทั้ง องชุมชม มีค ามแตกต่างกัน คือชุมชน ุบกะพง อ�าเภอ ชะอ�า จัง ัดเพชรบุรี เกิดขึ้นมาจากการที่ พระบาท มเด็จพระเจ้าอยู่ ั ภูมิพลอดุลยเดช เ ด็จแปรพระราชฐานประทับ ณ ังไกล กัง ล อ�าเภอ ั ิน จัง ัดประจ บคีรีขันธ์
เมื่อ พ. .2507 และได้เ ด็จพระราชด�าเนิน เยี่ยมเยียนดูแลทุกข์ ุขของรา ฏร อ�าเภอ ชะอ�า จัง ัดเพชรบุรีและทรงทราบถึงค าม เดือดร้อนของประชาชน จึงทรงรับเก ตรกร ที่ยากจนไ ้ในพระบรมราชูปถัมภ์และต่อมา รัฐบาลใน มัยนั้นได้มีโครงการไทย-อิ ราเอล เพื่อพัฒนาชนบท ( ุบกะพง) มี น่ ยงาน ลาย น่ ยงานของภาครัฐ ร่ มมือกันเป็น เจ้าภาพในการพัฒนาชุมชน ุบกะพง โดยมี การแต่งตั้งคณะกรรมการ การพัฒนาชุมชน ขึ้นเพื่อการด�าเนินงานของโครงการพระราช ราชด�าริ ุบกะพงมาตั้งแต่ พ. .2508 – 2525 จนท�าใ ้ประชาชนในชุมชนมี ภาพค ามเป็น อยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ่ นชุมชน นองกลางดง บ้าน ิลา ลอย อ�าเภอปราณบุรี มีรูปแบบการก่อตั้ง ของชุมชน เมื่อ พ. . 2539 เกิดแกนน�า คน ร มตั ร้าง รัทธา และค ามเชื่อมั่นในผู้น�า นายโชคชัย ลิ้มประดิ ฐ์ ลงรับ มัครเลือกตั้ง เป็นผู้นา� ชุมชนในฐานะของผู้ใ ญ่บ้าน มู่ที่ 7 ท่ามกลางกระแ ิพาก ์ ิจารณ์ มีทั้งกลุ่มที่ เ ็นด้ ยและไม่เ ็นด้ ยเนื่องจากประ ัติ ่ น ตั ที่ ติ ด ตั มาจากนั ก เลงที่ ขึ้ น ชื่ อ คน นึ่ ง ใน ละแ กนั้น ประ บการณ์ท�าใ ้ผู้ใ ญ่โชคชัย มองเ ็นปัญ าต่างๆ ที่เกิดขึ้นในต�าบล ใน ช่ งนั้นบ้าน นองกลางดง มู่ที่ 7 มีปัญ า
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
117
ภา ะผู้นำาปัญญาชนและยุทธ า ตร์ปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ตามโครงการพระราชดำาริ : ึก าเฉพาะกรณีผู้นาำ ชุมชนท้องถิ่นของจัง ัดในภาคตะ ันตกของประเท ไทย (ชุมชน ุบกะพง จัง ัดเพชรบุรี และชุมชน นองกลางดง จัง ัดประจ บคีรีขันธ์)
ค ามแตกแยก ของ ายทุก ัน มีปัญ ายา เ พติดใน มู่บ้าน ประชาชนต่างคนต่างอยู่ ผู้ใ ญ่โชคชัยจึงเลือกที่จะแก้ปัญ ายาเ พติด ใน มู่บ้านด้ ยค ามเด็ดขาดเอาจริงเอาจังจน ปัญ ายาเ พติด ปัญ าการลักขโมย และผู้ มีอิทธิพลใน มู่บ้าน มดไป ท�าใ ้ลูกบ้านมี ค ามเชื่อมั่นและค าม รัทธาในตั ผู้น�ามาก ยิ่งขึ้นนอกจากนั้นผู้ใ ญ่โชคชัยได้เ ็นค าม � า คั ญ ของการใ ้ ค นอยู ่ ร ่ มกั บ ป่ า จึ ง เร่ ง อนุรัก ์ป่าโดยมีการปรึก า ารือพูดคุยกัน ในเ ทีของชุมชนถึงแน ทางแก้ไขและอนุรัก ์ ป่ า จนท� า ใ ้ ป ระชาชนตระ นั ก ถึ ง ค าม �าคัญของป่าและเกิดการร มตั ต่อต้านไม่ใ ้ มีโรงโม่ ินและเ มืองแร่ในเขตต�าบลและต่อ มา พ. .2544 ได้มีการจัดตั้ง ูนย์ ิทยาการ ชุมชนบ้าน นองกลางดง พ. . 2546 “ขยาย ผลด้ ยค ามพอเพียง” จนถึงปัจจุบัน ผู้ใ ญ่ โชคชัยได้น้อมน�าแน คิดเ ร ฐกิจพอเพียงมา ปรับใช้และขยายแน คิดการจัดตั้งกลุ่มและ กองทุนอาชีพต่างๆ เพื่อพัฒนากระบ นการ ท�างานของกลุ่มตาม ลักเ ร ฐกิจพอเพียง จึงได้จัดตั้งกลุ่มเกี่ย กับอาชีพต่างๆ ขึ้นใน ชุมชนโดยมี มาชิกกลุ่มๆ ละประมาณ 25 คน เช่นกลุ่มผู้ปลูก ับปะรด กลุ่มท�านา กลุ่ม แปรรูปผลไม้ เป็นต้น ที่ช่ ย ะท้อนถึงภาพ ิถีการด�าเนินชี ิตของต�าบล และต้องการ
118
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ใ ้ แ กนน� า ของกลุ ่ ม ต่ า งๆ ได้ มี เ ที ใ นการ ถ่ายทอดค ามรู้ ภาผู้น�าชุมชน างแผน ร้าง แกนน�าในรุ่นต่อไป จึง ร้าง “ ลัก ูตรผู้นา� ชุมชน” เพื่อใ ้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และ ถ่ายทอดประ บการณ์ ิธีคิดดีๆ ต่างๆ มีค าม ชัดเจน จากการ ึก าจึงได้ข้อ รุป ่า ผู้น�า ปัญญาชนของชุมชน นองกลางดง อ�าเภอ ปราณบุรี จัง ัดประจ บคีรีขันธ์ เป็นผู้นา� ที่มีภา ะผู้น�า ด้ ยการเป็นผู้น�าที่มีค ามเ ีย ละ อุทิ ตนในการท�างาน มีการ างแผนการ ท�างานที่เป็นระบบ และการใ ้ประชาชนใน ชุมชนเข้ามามี ่ นร่ มในการบริ าร มีการ พัฒนาค ามรู้อย่างต่อเนื่อง การมีภา ะผู้น�า ปัญญาชนของชุมชน นองกลางดง การเป็นที่ ยอมรับของคนในชุมชนโดยมีคุณ มบัติที่เด็ด เดี่ย ยอมรับฟังค ามคิดเ ็นและเ ็นค าม � า คั ญ ของปั ญ า ่ นร่ มมากก ่ า ่ นตน จนท�าใ ้ประชาชนในชุมชนมี ภาพการด�ารง ชี ิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ่ นยุทธ า ตร์ปรัชญา เ ร ฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาชุมชนของ ทั้ง 2 ชุมชนที่น�ามาใช้เป็นแน ทางในการ พัฒนาชุมชนใ ้เกิดค ามยั่งยืนไม่มีค ามแตก ต่างกัน
ชัชวาล แสงทองล้วน และธันยธรณ์ กนลา สุขพานิช-ขันทปราบ
ข้อ สนอแนะ 1. ในเรื่องของการบริ ารจัดการเชิง บูรณาการนั้นพบ ่า ่ นราชการที่เกี่ย ข้อง กับโครงการตามพระราชด�าริ มีการขยาย ต่ออย่างเป็นระบบและต่อเนื่องและในบาง ครั้งจึงอาจจะท�าใ ้ขาดบุคคลากรที่มีค าม เชี่ย ชาญเฉพาะ ผู้ ิจัยเ ็น ่า ค รมีการเพิ่ม จ�าน นบุคคลากร รือผู้น�าปัญญาชนที่มีค าม เชี่ย ชาญเฉพาะด้านใ ้เพิ่มขึ้น 2. ในอนาคตค รมีการใ ้ข่า าร การประชา ัมพันธ์และมีการเผยแพร่ค าม
�าเร็จของชุมชนตามโครงการพระราชด�าริ และชุ ม ชนที่ มี ก ารน้ อ มน� า ลั ก แน คิ ด เ ร ฐกิ จ พอเพี ย งมาเป็ น ยุ ท ธ า ตร์ ก าร พัฒนาชุมชน จนกระทั้งเกิดการพัฒนาอย่าง ยั่ ง ยื น มาเป็ น ชุ ม ชนตั อย่ า งและค รมี ก าร ปลูกฝังอบรมใ ้ค ามรู้แก่ นักเรียน นิ ิต นัก ึก า ได้ตระ นักการน้อมน�า ลักปรัชญา เ ร ฐกิ จ พอเพี ย งของพระบาท มเด็ จ พระเจ้าอยู่ ั มาแน ทางการด�าเนินชี ิตต่อ ไปในอนาคต
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
119
ภา ะผู้นำาปัญญาชนและยุทธ า ตร์ปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ตามโครงการพระราชดำาริ : ึก าเฉพาะกรณีผู้นาำ ชุมชนท้องถิ่นของจัง ัดในภาคตะ ันตกของประเท ไทย (ชุมชน ุบกะพง จัง ัดเพชรบุรี และชุมชน นองกลางดง จัง ัดประจ บคีรีขันธ์)
บรรณานุกรม ชัช กิตตินพภดล. 2547. ค าม มายของ คำา ่าบูรณาการ กรุงเทพฯ : ซีอีโอนิวส์. นงภนัส เที่ยงกมล. 2550. การบริ ารยุค โลกาภิ ัตน์ กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ แสงชัยการพิมพ์. ประเวศ วะสี. 2540. ภา ะผู้นำาค าม ำาคัญต่ออนาคตไทย กรุงเทพฯ : ส�านักพิมพ์มิติชน.
120
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
Dessler Gary. 1998. : Leading People and Organization. New Jersey : Prentice – Hall International. Graen ,G.B., & Uhl-Bien. 1995. The theory of Leader – making. Chicago : Rand Mcnally. Heinz Weihrich, Harold Koontz. 2005. Management and Organization series. New York : McGraw-Hill. Schermerhorn, J.R. 2000. Management (7th ed). New York : Wiley & Sons Yukl, G.A. 1989. Leadership in Organizations. (4th ed). Englewood Clifffs, New Jersey : Prentice-Hall International.
รูปแบบการนิเทศการศึผู้เกป็ษาโดยกรรมการสถานศึ กษาขั้นพื้นฐาน นบุคคลภายนอก The Model ofinEducational Supervision by The External Panel Basic Education School Board. ดร.จันทร์พิมพ์ วงศ์ประชารัตน์
* ศึกษานิเทศก์ สำานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 2
ผศ.ว่าที่พันตรี ดร.นพดล เจนอักษร
* ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำาภาควิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
Dr.Chanpim Wongpracharat
* Supervisor of Suphanburi Primary Educational Service Area Office 2.
Asst.Prof.Maj.Nopadol Chenaksara, RTAR.
* Assistant Professor, Department of Education Administration, Faculty of Education, Silpakorn University.
รูปแบบการนิเทศการศึกษาโดยกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก
บทคัดยอ
การ ิจัยครั้งนี้มี ัตถุประ งค์เพื่อทราบ 1) องค์ประกอบ การนิเท การ ึก าโดยกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคล ภายนอก 2) รูปแบบการนิเท การ ึก าโดยกรรมการ ถาน ึก าขั้น พื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก และ 3) ผลการยืนยันรูปแบบการนิเท การ ึก าโดยกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก ตามค ามเ ็นของผู้ทรงคุณ ุฒิ ิธีดาำ เนินการ ิจัย มี 3 ขั้นตอนคือ ขั้น ตอนที่ 1 การ ิเคราะ ์องค์ประกอบการนิเท การ ึก าโดยกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก ขั้นตอนที่ 2 การร่างรูป แบบการนิเท การ ึก าโดยกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐานผู้เป็น บุคคลภายนอก ขั้นตอนที่ 3 ตร จ อบรูปแบบการนิเท การ ึก า โดยกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก เครื่องมือที่ ใช้ในการเก็บร บร มข้อมูลคือ แบบ อบถาม กลุ่มตั อย่างคือ ถาน ึก าขั้นพื้นฐาน ังกัด ำานักงานคณะกรรมการการ ึก าขั้นพื้นฐาน ทั่ ประเท จำาน น 379 โรง ผู้ใ ้ข้อมูลประกอบด้ ย ผู้อาำ น ยการ ถาน ึก า ครูผู้ อน ประธานคณะกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐาน และกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐาน ร ม 1,516 คน ถิติที่ใช้ในการ ิเคราะ ์ข้อมูลได้แก่ ค่าค ามถี่ ค่าร้อยละ ค่ามัชฌิมเลขคณิต ่ น เบี่ยงเบนมาตรฐาน การ ิเคราะ ์องค์ประกอบเชิง ำาร จ และการ ิเคราะ ์ค าม ัมพันธ์เชิง าเ ตุ ผลการ ิจัยพบ ่า 1. องค์ ป ระกอบการนิ เ ท การ ึ ก าโดยกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอกประกอบด้ ย 10 องค์ประกอบ คือ 1) คุณลัก ณะของผู้บริ าร 2) การบริ ารการนิเท การ ึก า 3) ค ามรู้ค าม ามารถของกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐาน 4) ค าม พร้อมของครู 5) บทบาทของกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐาน 6) ค าม ัมพันธ์ของกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐานและชุมชน 7) บริบท ของ ถาน ึก า 8) คุณลัก ณะของกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐาน
122 วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
จันทร์พิมพ์ วงศ์ประชารัตน์ และนพดล เจนอักษร
9) การมี ่ นร่ มของชุมชน และ 10) การ ื่อ ารประชา ัมพันธ์ 2. รูปแบบการนิเท การ ึก าโดยกรรมการ ถาน ึก าขั้น พื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอกเป็นค าม ัมพันธ์ของพ ุองค์ประกอบ ซึ่งมีค าม ัมพันธ์ทั้งทางตรงและทางอ้อม และมีค าม อดคล้องกับ กรอบแน คิดทฤ ฎีของการ ิจัย 3. ผลการยืนยันรูปแบบ ผู้ทรงคุณ ุฒิมีค ามเ ็น อดคล้อง กัน ่า รูปแบบการนิเท การ ึก าโดยกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐาน ผู้เป็นบุคคลภายนอก มีค ามถูกต้องครอบคลุม เ มาะ ม เป็นไปได้ และเป็นประโยชน์ คา าคั Abstract
1) การนิเท การ ึก า 2) กรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก
The purposes of this research were to determine : 1) the components of the educational supervision by the external panel in basic education school board, 2) the model of educational supervision by the external panel in basic education school board, and 3) the confirmation of model of educational supervision by the external panel in basic education school board. The research procedures consisted of 3 steps as follows : 1) analysis the component of the educational supervision by the external panel in basic education school board, 2) to create the model of educational supervision by the external panel in basic education school board, and 3) check the model of educational supervision by the external panel in basic education school board. The
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
123
รูปแบบการนิเทศการศึกษาโดยกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก
samples were 379 basic education schools. The respondents were administrators, teachers, chairman of the basic education school board and a member of the basic education school board, totally 1,516 persons. The data collected by using the questionnaire. The data were analyzed by frequency, percentage, arithmetic mean, standard deviation, exploratory factor analysis, and path analysis. The findings were as follows : 1. There were 10 components of the educational supervision by the external panel in basic education school board namely : 1) Characteristics of administrator 2) Administrative supervision 3) Ability of the basic education school board 4) Availability of teacher 5) Role of the basic education school board 6) Relationship of the basic education school board and community 7) School context 8) Characteristics of the basic education school board 9) Participation of the community and 10) Communication and public relation. 2. The model of educational supervision by the external panel in basic education school board was a correlation between multiple components, which are related both directly and indirectly and consistent with the conceptual framework, theory of research. 3. The experts confirmed that the model was accuracy, propriety, feasibility, and utility standards.
124 วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
จันทร์พิมพ์ วงศ์ประชารัตน์ และนพดล เจนอักษร
1) Educational Supervision 2) External Panel in Basic Education School Board ความเปนมาและความ าคั องป า รัฐธรรมนูญแ ่งราชอาณาจักรไทย พุทธ ักราช 2550 ใ ้ค าม าำ คัญกับการ จัดการ ึก าของท้องถิ่นเป็นอย่างมาก ใน มาตรา 80 (4) กำา นดใ ้รัฐ ่งเ ริมและ นับ นุนการกระจายอำานาจ เพื่อใ ้องค์กร ปกครอง ่ นท้องถิ่น ชุมชน องค์การทาง า นาและเอกชน จัดและมี ่ นร่ มในการ จัดการ ึก า เพื่อพัฒนามาตรฐานคุณภาพ การ ึก าและพระราชบัญญัติการ ึก าแ ่ง ชาติ พ. . 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ. . 2545 (ฉบับที่ 3) พ. . 2553 มาตรา 8 (2) ระบุ ่าใ ้ ังคมมี ่ นร่ มในการจัดการ ึก า และในมาตรา 40 ใ ้แต่ละ ถาน ึก ามีคณะ กรรมการ ถาน ึก า เพื่อทำา น้าที่กำากับ และ ่งเ ริม นัน นุนกิจการของ ถาน ึก า ในทางปฏิ บั ติ ที่ ผ่ า นมาตั้ ง แต่ อ ดี ต จนถึ ง ปั จ จุ บั น พบ ่ า บทบาทของคณะ กรรมการ ถาน ึ ก าขั้ น พื้ น ฐานในการ จัดการ ึก าแบบมี ่ นร่ มตามเจตนารมณ์ ของรั ฐ ธรรมนู ญ และพระราชบั ญ ญั ติ ก าร ึ ก าแ ่ ง ชาติ ยั ง ไม่ ามารถดำ า เนิ น การ
ใ ้ บ รรลุ เ ป้ า มายได้ ด้ ยปั ญ าอุ ป รรค ต่างๆ เช่น คณะกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้น ฐานยังขาดค ามชัดเจนเรื่องบทบาท น้าที่ ่า ตนเองจะทำาอะไร ทำาอย่างไรและทำาเพื่ออะไร กรรมการ ถาน ึก าบาง ่ นยังขาดค าม ชัดเจนในบทบาท น้าที่ ( าำ นักงานคณะ กรรมการการ ึก าขั้นพื้นฐาน, 2547) การ ใช้คณะกรรมการ ถาน ึก าเพื่อประโยชน์ ต่อการบริ ารและจัดการ ึก ายังไม่ ามารถ ทำาได้มากนัก เพราะแน คิดตาม ัฒนธรรม การปฏิ บั ติ เ ดิ ม ค ามรู้ ค าม ามารถและ ค ามชัดเจนในอำานาจ น้าที่ร มทั้ง ักยภาพ อื่นยังไม่มากพอ (ธีระ รุญเจริญ, 2545) การขาดค ามรู้ค ามเข้าใจเกี่ย กับแน คิด กระบ นการจัดการ ึก า โดยเฉพาะค ามรู้ ค าม ามารถในการนิเท การ ึก าและการ ขาดบุคลากรที่จะดำาเนินการนิเท การ ึก า ซึ่งเป็น ั ใจ ำาคัญในการนิเท เพื่อพัฒนาครู ผู้ อน การจัดการเรียนการ อน อันจะ ่งผล โดยตรงต่อคุณภาพการจัดการ ึก าได้ตาม ัตถุประ งค์และเป้า มายของ ถาน ึก า
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
125
รูปแบบการนิเทศการศึกษาโดยกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก
วั ถุปร สงคของการวิ ัย 1. เพื่อทราบองค์ประกอบการนิเท การ ึ ก าโดยกรรมการ ถาน ึ ก าขั้ น พื้ น ฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก 2. เพื่อทราบรูปแบบการนิเท การ ึก าโดยกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐานผู้ เป็นบุคคลภายนอก 3. เพื่อทราบผลการยืนยันรูปแบบ การนิเท การ ึก าโดยกรรมการ ถาน ึก า ขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก ตามค าม เ ็นของผู้ทรงคุณ ุฒิ แนวคิดการนิเทศการศึกษา สงัด อุทรานันท อั ชล โพธิทอง
กรอบแนวคิดการวิ ัย ประกอบด้ ยแน คิดที่เกี่ย กับการ นิเท การ ึก า ระเบียบกระทร ง ึก าธิการ ่าด้ ยคณะกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐาน พ. . 2543 การบริ ารโดยใช้โรงเรียนเป็น ฐาน (School Based Management) การมี ่ นร่ มของชุมชน คุณลัก ณะของผู้บริ าร ร มถึงการ ัมภา ณ์ผู้ทรงคุณ ุฒิด้านรูปแบบ การนิเท การ ึก าโดยกรรมการ ถาน ึก า ขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก รายละเอียด ตามแผนภูมิต่อไปนี้
แนวคิดการนิเทศการศึกษา นพพงษ บุ ิ ราดุล ชาร ม ศร
ปร ยูร ธร พงษ ศิริกา น โกสุมภ
แนวคิดการมสวนรวมของชุมชน
แนวคิดการนิเทศการศึกษา วัชรา เลาเรยนด มาล อาสาเสนย
อมรวิชช นาครทรรพ แล อุทัย บุ ปร เสริฐ
แนวคิดการนิเทศการศึกษา
แนวคิดการนิเทศการศึกษา พโร น กลินกุ ลาบ อเนก สงแสง แนวคิดคุ ลักษ ผู้บริ าร
แนวคิดการมสวนรวมของชุมชน
รูปแบบ การนิเทศการศึกษา โดยกรรมการสถานศึกษา ขั้นพื้นฐาน ผู้เป็นบุคคลภายนอก
แนวคิดคุ ลักษ ผู้บริ าร ชา ชัย อา ินสมา าร นิพนธ กินาวงศ แนวคิดการบริ ารโรงเรยน เป็นฐาน กร ทรวงศึกษาธิการ เกษม วั นชัย
แนวคิด ท ษ อืน
แผนภูมิท แ ดงกรอบแน คิดการ ิจัย
126 วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
แนวคิดการมสวนรวมของชุมชน แนวคิดกรรมการสถานศึกษา ปร ยูร ธร พงษ กร ทรวง ศึกษาธิการ แนวคิดกรรมการสถานศึกษา เกษม วั นชัย แนวคิดกรรมการสถานศึกษา พิษ ุ ลสุข เม เม การุ ิ สัมภาษ ผู้เชยวชา ผู้ทรงคุ วุ ิ
จันทร์พิมพ์ วงศ์ประชารัตน์ และนพดล เจนอักษร
นิ ามศัพท์เฉพาะ รปแบบการนิเทศการศกษา มาย ถึ ง ค าม ั ม พั น ธ์ ข ององค์ ป ระกอบในการ ดำาเนินงานที่กรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐาน ผู้เป็นบุคคลภายนอก ได้ใ ้คำาแนะนำา ข้อ เ นอแนะ ะท้ อ นค ามต้ อ งการ รื อ ิ่ ง ที่ ชุมชนต้องการ ช่ ยเ ลือ นับ นุนเพื่อพัฒนา คุณภาพการจัดการ ึก าของโรงเรียน กรรมการ านศกษา ั นพน าน เปนบคคล า นอก มายถึง กรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐานตามระเบียบกระทร ง ึก าธิการ ่าด้ ยคณะกรรมการ ถาน ึก า ขั้นพื้นฐาน พ. . 2543 ยกเ ้น ผู้บริ าร ถานึก า ผู้แทนครู รือผู้แทนอื่นๆ ซึ่งเป็นบุคคล ที่อยู่ภายในโรงเรียน แ นแบบการวิจั การ ิ จั ย ครั้ ง นี้ เ ป็ น การ ิ จั ย เชิ ง พรรณนา (Descriptive Research) มีแผน แบบการ ิจัยแบบกลุ่มตั อย่างเดีย ึก า ภา การณ์ไม่มีการทดลอง (the one shot, non-experimental case study design) ประชากร คือ ถาน ึก าขั้นพื้น ฐาน ังกัด ำานักงานคณะกรรมการการ ึก า ขั้นพื้นฐาน ปี 2555 จำาน น 31,004 โรงเรียน กลุ่มตั อย่าง คือ ถาน ึก าขั้น
พื้นฐานใน ังกัด ำานักงานคณะกรรมการการ ึก าขั้นพื้นฐาน จำาน น 379 โรง ตามตาราง ของเครจซี่และมอร์แกน (Krejcie and Morgan, 1970) ได้มาโดยใช้เทคนิคการเลือกกลุ่ม ตั อย่างตามโอกา ทาง ถิติ (Probability Sampling) แบบ ลายขั้นตอน (Multi–stage Random Sampling) โดย ิธีการ ุ่มแบบแบ่ง ประเภท (Stratified Random Sampling) ใน แต่ละเขตตร จราชการของกระทร ง ึก าธิการตาม ัด ่ น ผู้ใ ้ข้อมูลโรงเรียนละ 4 คน คือ ผู้บริ าร ถาน ึก า ครูผู้ อน ประธาน คณะกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐาน และ กรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐาน ร มทั้ง ิ้น 1,516 คน ตั แปรที่ ึก า ประกอบด้ ย 1. ตั แปรพื้นฐาน คือ ตั แปรที่ เกี่ย กับ ถานภาพ ่ นตั ของผู้ใ ้ข้อมูล 2. ตั แปรที่ ึก า คือ ตั แปร ที่ เ กี่ ย ข้ อ งกั บ การนิ เ ท การ ึ ก าโดย กรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคล ภายนอก เครื่ อ งมื อ ที่ ใช้ ใ นการ ิ จั ย ใช้ แ บบ อบถามเรื่อง รูปแบบการนิเท การ ึก า โดยกรรมการ ถาน ึ ก าขั้ น พื้ น ฐานผู้ เ ป็ น บุคคลภายนอก จำาน น 1 ฉบับ
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
127
รูปแบบการนิเทศการศึกษาโดยกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก
การ ร้างและพัฒนาเครื่องมือ ผู้ ิจัย ได้ ร้างแบบ อบถาม โดยมีขั้นตอนการ ร้าง และพัฒนา ดังนี้ 1. ั ง เคราะ ์ ลั ก การ แน คิ ด ทฤ ฎี จ ากเอก ารและงาน ิ จั ย ที่ เ กี่ ย ข้ อ ง กับรูปแบบการนิเท การ ึก าโดยกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก และการ ั ง เคราะ ์ ข้ อ มู ล ที่ ไ ด้ จ ากการ ัมภา ณ์ผู้เชี่ย ชาญ/ผู้ทรงคุณ ุฒิ แล้ ร้าง กระทงคำาถามของแบบ อบถาม 2. ร้ า งแบบ อบถาม โดยแบ่ ง ออกเป็น 2 ตอน คือตอนที่ 1 เป็น แบบ อบถามเกี่ย กับ ถานภาพทั่ ไปของผู้ ตอบแบบ อบถาม มีลัก ณะเป็นแบบตร จ อบรายการ (check list) ตอนที่ 2 เป็น แบบ อบถามเกี่ย กับองค์ประกอบของการ นิ เ ท การ ึ ก าโดยกรรมการ ถาน ึ ก า ขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก เป็นแบบ ประเมินแบบมาตรา ่ นประมาณค่า (rating scale) 5 ระดับตามแบบของลิเคิร์ท (Rensis Likert, 1967) 3. ตร จ อบคุ ณ ภาพของเครื่ อ ง มื อ ิ จั ย โดยนำ า แบบ อบถามเ นอต่ อ ผู้ เชี่ย ชาญ/ผู้ทรงคุณ ุฒิ เพื่อตร จ อบค าม เที่ยงตรงเชิงเนื้อ า (content validity) โดย าค่าดัชนีค าม อดคล้อง (Index of Item
128 วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
Objective Congruence: IOC) แล้ คัดเลือก ข้อคำาถามที่มีค่า IOC มากก ่า 0.6 ตามเกณฑ์ การพิจารณาที่กำา นดไ ้ ได้ข้อคำาถาม 165 ข้อ 4. ทดลองใช้เครื่องมือ ิจัย โดยนำา แบบ อบถามไปทดลองใช้ (try out) กับ ถาน ึ ก าขั้ น พื้ น ฐานใน ั ง กั ด ำ า นั ก งาน คณะกรรมการการ ึก าขั้นพื้นฐาน ที่ไม่ใช่ กลุ่มตั อย่าง จำาน น 8 โรงๆ ละ 4 คน ร ม ทั้ง ิ้น 32 คน เพื่อนำามา ิเคราะ ์ าค่าค าม เชื่อมั่น (reliability) ของแบบ อบถามด้ ย การคำาน ณค่า ัมประ ิทธิ์แอลฟา ( -coefficient) ของครอนบาค (Cronbach, Lee J., 1984) ได้ค่าค ามเชื่อมั่น 0.9777 5. นำาแบบ อบถามฉบับ มบูรณ์ไป เก็บข้อมูลจากกลุ่มตั อย่าง คือ ถาน ึก า ขั้นพื้นฐานใน ังกัด ำานักงานคณะกรรมการ การ ึก าขั้นพื้นฐาน จำาน น 379 โรง ร มผู้ ใ ้ข้อมูลทั้ง ิ้น 1,516 คน ได้รับแบบ อบถาม ฉบับ มบูรณ์กลับคืนมา 324 โรง ร มทั้ง ิ้น 1,296 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 85.49 ถิ ติ ที่ ใ ช้ ใ นการ ิ เ คราะ ์ ข้ อ มู ล ประกอบด้ ย ค่าค ามถี่ (frequencies) ค่า ร้อยละ (percentage) ค่ามัชฌิมเลขคณิต (arithmetic mean) และ ่ นเบี่ยงเบน มาตรฐาน (standard deviation) การ
จันทร์พิมพ์ วงศ์ประชารัตน์ และนพดล เจนอักษร
เิ คราะ ์องค์ประกอบเชิง ำาร จ (exploratory factor analysis) การ ิเคราะ ์ค าม ัมพันธ์เชิง าเ ตุ (path analysis) การ ิเคราะ ์เนื้อ า (content analysis) ำา รับ การยื น ยั น รู ป แบบการนิ เ ท การ ึ ก าโดย กรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคล ภายนอกโดย อบถามค ามคิดเ ็นของผู้ทรง คุณ ุฒิ ลการวิจั การ ิจัยครั้งนี้ ได้ข้อค้นพบ 3 ่ น รายละเอียดดังนี้ 1 องค์ประกอบการนิเทศการศกษา ด กรรมการ านศกษา ันพน าน เปน บคคล า นอก
ประกอบด้ ย 10 องค์ประกอบ คือ 1) คุณลัก ณะของผู้บริ าร 2) การบริ าร การนิเท การ ึก า 3) ค ามรู้ค าม ามารถ ของกรรมการ ถาน ึ ก าขั้ น พื้ น ฐาน 4) ค ามพร้อมของครู 5) บทบาทของกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐาน 6) ค าม ัมพันธ์ของ กรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐานและชุมชน 7) บริบทของ ถาน ึก า 8) คุณลัก ณะ ของกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐาน 9) การ มี ่ นร่ มของชุมชน และ 10) การ ื่อ าร ประชา ัมพันธ์ ดังนั้น องค์ประกอบการ นิ เ ท การ ึ ก าโดยกรรมการ ถาน ึ ก า ขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก จึงเป็นพ ุองค์ประกอบและแต่ละตั แปรมีนำ้า นักองค์ ประกอบ ดังนี้
ตารางที่ 1 องค์ประกอบที่ 1 ที่ 1 2 3 4 5 6 7 8
ตัวแปรการนิเทศการศกษา ด กรรมการ านศกษา ันพน าน เปนบคคล า นอก ผู้บริ าร ถาน ึก ามี ิ ัยทั น์ในการบริ ารงาน ผู้บริ าร ถาน ึก ามีค ามรู้ค ามเข้าใจและเ ็นค าม ำาคัญของการบริ าร แบบมี ่ นร่ ม ผู้บริ าร ถาน ึก ามีค ามประพฤติเ มาะ ม ผู้บริ าร ถาน ึก ามีภา ะผู้นำาที่เข้มแข็ง ผู้บริ าร ถาน ึก ามีภา ะผู้นำาทาง ิชาการ ผู้บริ าร ถาน ึก ามีการบริ ารงบประมาณโปร่งใ ามารถตร จ อบได้ ผู้บริ าร ถาน ึก ากล้าตัด ินใจ ั่งการ ผู้บริ าร ถาน ึก ามีประ บการณ์ในการบริ าร ถาน ึก า
นา นัก องค์ประกอบ 0.825 0.808 0.807 0.804 0.799 0.794 0.791 0.777
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
129
รูปแบบการนิเทศการศึกษาโดยกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก
ารางท ท 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25
(ต่ )
วั แปรการนิเทศการศึกษา น้า นัก โดยกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก องคปร กอบ ผู้บริ าร ถาน ึก ามีจิต ิทยาการบริ ารทรัพยากรมนุ ย์ 0.770 ผู้บริ าร ถาน ึก า เปิดใจ ย มรับค ามรู้ค าม ามารถข งกรรมการ ถาน ึก า 0.743 ุฒิการ ึก า รื ิชาเ กที่จบการ ึก าข งผู้บริ าร ถาน ึก า 0.707 ผู้บริ าร ถาน ึก ามีค ามซื่ ัตย์ 0.674 ผู้บริ าร ถาน ึก าแ ดงค ามจริงใจต่ ชุมชนที่จะ ร้างค ามเจริญก้า น้า ใ ้แก่โรงเรียน ชุมชน 0.643 ผู้บริ าร ถาน ึก าทำาตนใ ้ติดต่ ัมพันธ์กับผู้ ื่นได้ดี เข้าพบได้ ะด ก 0.640 ผู้บริ าร ถาน ึก าพร้ มที่จะใ ้คำาปรึก าและแก้ไขปัญ า 0.633 ผู้บริ าร ถาน ึก าเป็นนักประชาธิปไตย รับฟังค ามคิดเ ็นข งผู้ ื่น 0.633 ผู้บริ าร ถาน ึก าเป็นที่ย มรับนับถื ข งชุมชน 0.620 ถาน ึก ามีการใ ้บริการ รื ช่ ยเ ลื ชุมชน เช่น บริการ ้ ง มุด าคาร ถานที่ นามกี า 0.609 ถาน ึก าจัด าคาร ถานที่และ ิ่งแ ดล้ มใ ้เ ื้ ต่ การเรียนรู้ข งนักเรียน และบุคคลในชุมชน 0.597 ผู้บริ าร ถาน ึก าและผู้ร่ มงานมีเป้า มายด้านการจัดการ ึก าที่ตรงกัน 0.592 ผู้บริ าร ถาน ึก าต้ งใ ้ค าม ำาคัญต่ ชุมชน 0.579 ผู้บริ าร ถาน ึก ามีมนุ ย ัมพันธ์ดี 0.572 ผู้บริ าร ถาน ึก าเป็นผู้นำาในการ ร้างค าม ัมพันธ์กับชุมชน 0.572 บุคลากรข ง ถาน ึก ามีการ กเยี่ยมบ้านนักเรียนและชุมชน 0.567 ถาน ึก ามีการเชิญผู้ปกคร ง รื ประชาชนมาเยี่ยมชมและร่ มกิจกรรม ข ง ถาน ึก า 0.557
จากตารางที่ 1 พบ ่า งค์ประก บ ที่ 1 มีตั แปรจำาน น 25 ตั แปร มีค่านำ้า นัก ตั แปรใน งค์ประก บ ยู่ระ ่าง 0.557 ถึง 0.825 เมื่ พิจารณาตั แปรทั้ง มดใน งค์ ประก บที่ 1 ่ นใ ญ่เป็นตั แปรเกี่ย กับผู้
130 วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
บริ าร ถาน ึก ามี ิ ัยทั น์ มีค ามรู้ ค าม เข้าใจ มีภา ะผู้นำา มีจิต ิทยา มีค ามซื่ ัตย์ มีมนุ ย ัมพันธ์ ผู้ ิจัยจึงตั้งชื่ งค์ประก บนี้ ่า “คุณลัก ณะข งผู้บริ าร”
จันทร์พิมพ์ วงศ์ประชารัตน์ และนพดล เจนอักษร
ตารางที่ 2 องค์ประกอบที่ 2 ที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12
ตัวแปรการนิเทศการศกษา ด กรรมการ านศกษา ันพน าน เปนบคคล า นอก กำา นด ิธีการ/กิจกรรมการนิเท การ ึก าของกรรมการ กำา นดขอบข่ายงานที่จะนิเท การ ึก า กำา นดข้อตกลงร่ มกันเกี่ย กับบทบาทการนิเท การ ึก าระ ่าง ถาน ึก า กับกรรมการ ถาน ึก า กำา นดปฏิทินการนิเท การ ึก าของกรรมการ ถาน ึก า กำา นดใ ้การนิเท การ ึก าโดยกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐาน เป็นนโยบายการบริ ารงานของ ถาน ึก า กรรมการ ถาน ึก ามีค ามมั่นใจในการนิเท การ ึก า กรรมการ ถาน ึก า ามารถปฏิบัติงานนิเท ได้อย่างต่อเนื่อง การบริ ารจัดการของเขตพื้นที่ที่ ่งเ ริมการนิเท การ ึก าของกรรมการ ถาน ึก า มีการพัฒนาค ามรู้และทัก ะในการนิเท การ ึก าอย่างต่อเนื่อง การ ร้างบรรยากา การนิเท การ ึก าแบบกัลยาณมิตร ระเบียบ ข้อกฎ มายที่กำา นดใ ้มีการนิเท จากบุคคลภายนอกที่เป็นกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐาน ใ ้กรรมการ ถาน ึก ามีอำานาจที่จำาเป็นต่อการปฏิบัติ น้าที่นิเท การ ึก า
จากตารางที่ 2 พบ ่า องค์ประกอบ ที่ 2 มีตั แปรจำาน น 12 ตั แปร มีค่านำ้า นัก ตั แปรในองค์ประกอบอยู่ระ ่าง 0.566 ถึง 0.858 เมื่อพิจารณาตั แปรทั้ง มดใน
นา นัก องค์ประกอบ 0.858 0.855 0.798 0.795 0.756 0.686 0.669 0.653 0.646 0.608 0.597 0.566
องค์ประกอบที่ 2 ่ นใ ญ่เป็นตั แปรเกี่ย กับกิจกรรมปฏิทิน ขอบข่ายงานการนิเท การ ึก า ผู้ ิจัยจึงตั้งชื่อองค์ประกอบนี้ ่า “การบริ ารการนิเท การ ึก า”
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
131
รูปแบบการนิเทศการศึกษาโดยกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก
ารางท ท 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
องค์ประกอบที่ 3
วั แปรการนิเทศการศึกษา โดยกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก กรรมการ ถาน ึก ามีค ามรอบรู้ ทันค ามเจริญก้า น้าทางด้าน ิทยา า ตร์ และเทคโนโลยี กรรมการ ถาน ึก ามีการพัฒนาค ามรู้ ค ามเข้าใจด้านการ ึก าใ ้ทัน มัย อย่างต่อเนื่อง กรรมการ ถาน ึก ามีค าม ามารถในการใช้เทคโนโลยีการ ื่อ ารต่าง ๆ กรรมการ ถาน ึก าเป็นผู้ที่มีค ามคิดริเริ่ม ร้าง รรค์ กรรมการ ถาน ึก ารู้ระบบ เป้า มายของการจัดการ ึก า ภาพการเรียนการ อน ลัก ูตร การประเมินผล ื่ออุปกรณ์การ อน กรรมการ ถาน ึก าเป็นผู้ที่ นใจและมีค ามรู้ค ามเข้าใจเกี่ย กับการพัฒนา การ ึก า กรรมการ ถาน ึก ามีลัก ณะค ามเป็นผู้นำา กรรมการ ถาน ึก ามีค าม ามารถในการตัด ินใจและแก้ปัญ า คณะกรรมการ ถาน ึก ามีการทำางานร่ มกันอย่างจริงจังและถา ร กรรมการ ถาน ึก าเป็นผู้ที่มีค าม ามารถในการตัด ินใจและแก้ปัญ าต่างๆได้
จากตารางที่ 3 พบ ่า องค์ประกอบ ที่ 3 มีตั แปรจำาน น 10 ตั แปร มีค่านำ้า นัก ตั แปรในองค์ประกอบอยู่ระ ่าง 0.566 ถึง 0.723 เมื่อพิจารณาตั แปรทั้ง มดในองค์ ประกอบที่ 3 ่ นใ ญ่เป็นตั แปรเกี่ย กับ กรรมการ ถาน ึก าที่มีค ามรู้ ค ามเข้าใจ
132 วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
น้า นัก องคปร กอบ 0.723 0.713 0.674 0.672 0.671 0.670 0.619 0.605 0.584 0.566
ด้านการ ึก า ค าม ามารถในการตัด ินใจ แก้ปัญ าต่างๆ มีค ามคิดริเริ่ม ร้าง รรค์ ผู้ ิจัยจึงตั้งชื่อองค์ประกอบนี้ ่า “ค ามรู้ค าม ามารถของกรรมการ ถาน ึ ก าขั้ น พื้ น ฐาน”
จันทร์พิมพ์ วงศ์ประชารัตน์ และนพดล เจนอักษร
ตารางที่ ที่ 1 2 3 4 5 6 7 8
องค์ประกอบที่ 4
ตัวแปรการนิเทศการศกษา ด กรรมการ านศกษา ันพน าน เปนบคคล า นอก ครูมีค ามพร้อมและมีจิต ำานึกในการทำางาน ครูมีค ามเ ีย ละ อุทิ เ ลาในการปฏิบัติงาน ครูมีทั นคติที่ดีต่อกรรมการ ถาน ึก า บุคลากรใน ถาน ึก าใ ้เกียรติต่อกรรมการ ถาน ึก า ครูเ ็นค าม ำาคัญในการทำางานอย่างมี ่ นร่ มจากผู้ที่เกี่ย ข้องเพื่อแก้ปัญ า รือพัฒนาการเรียนการ อน ครูผู้ อนมีค ามรู้ มีทัก ะในการ อน ครูมีค ามคุ้นเคยกับกรรมการ ถาน ึก า ครูผู้ อนมีค ามรู้ค ามเข้าใจใน ลัก ูตร ถาน ึก า
จากตารางที่ 4 พบ ่า องค์ประกอบ ที่ 4 มีตั แปรจำาน น 8 ตั แปร มีค่านำ้า นัก ตั แปรในองค์ประกอบอยู่ระ ่าง 0.586 ถึง 0.690 เมื่อพิจารณาตั แปรทั้ง มดในองค์ ประกอบที่ 4 ่ นใ ญ่เป็นตั แปรเกี่ย กับครู
นา นัก องค์ประกอบ 0.690 0.673 0.648 0.646 0.636 0.605 0.588 0.586
มีค ามพร้อม มีจิต ำานึก มีค ามเ ีย ละ มี ค ามรู้ค ามเข้าใจใน ลัก ูตร มีทัก ะในการ อน ผู้ ิจัยจึงตั้งชื่อองค์ประกอบนี้ ่า “ค าม พร้อมของครู”
ตารางที่ 5 องค์ประกอบที่ 5 ที่ 1 2 3 4
ตัวแปรการนิเทศการศกษา ด กรรมการ านศกษา ันพน าน เปนบคคล า นอก กรรมการ ถาน ึก าเป็นผู้ที่ ะท้อนค ามต้องการของชุมชนด้านการพัฒนา การเรียนการ อน กรรมการ ถาน ึก ามี ่ นเป็นกรรมการพิจารณาคัดเลือก รือประเมินผลงาน ของบุคลากรใน ถาน ึก า กรรมการ ถาน ึก า มีการติดตามผลการดำาเนินงานและ รุปผลงานประจำาปี ของ ถาน ึก า กรรมการ ถาน ึก ามี ่ นร่ มในการแ ง าทรัพยากรเพื่อนำาไป นับ นุน การบริ ารของ ถาน ึก า
นา นัก องค์ประกอบ 0.647 0.644 0.643 0.631
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
133
รูปแบบการนิเทศการศึกษาโดยกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก
ารางท
(ต่อ)
ท
วั แปรการนิเทศการศึกษา โดยกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก 5 กรรมการ ถาน ึก ามี ่ นร่ มในการบริ ารการเงินและงบประมาณ 6 กรรมการ ถาน ึก ามีการ ร้างเครือข่ายด้านการ ึก าร่ มกับ ถาน ึก า 7 กรรมการ ถาน ึก ามี ่ นร่ มกับ ถาน ึก าจัดใ ้มีโครงการ/กิจกรรม ที่ อดคล้องกับค ามต้องการของชุมชน
จากตารางที่ 5 พบ ่า องค์ประกอบ ที่ 5 มีตั แปรจำาน น 7 ตั แปร มีค่านำ้า นัก ตั แปรในองค์ประกอบอยู่ระ ่าง 0.578 ถึง 0.647 เมื่อพิจารณาตั แปรทั้ง มดใน องค์ประกอบที่ 7 ่ นใ ญ่เป็นตั แปรเกี่ย กับการเป็นกรรมการพิจารณาคัดเลือก รือ ารางท ท 1 2 3 4
น้า นัก องคปร กอบ 0.599 0.587 0.578
ประเมิน การติดตามผลการดำาเนินงานและ รุปผลงาน การแ ง าทรัพยากร การมี ่ น ร่ มกับ ถาน ึก าจัดใ ้มีโครงการ/กิจกรรม ที่ อดคล้องกับค ามต้องการของชุมชน ผู้ ิจัย จึ ง ตั้ ง ชื่ อ องค์ ป ระกอบนี้ ่ า “บทบาทของ กรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐาน”
องค์ประกอบที่ 6
วั แปรการนิเทศการศึกษา โดยกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก กรรมการ ถาน ึก ามีบุตร ลานเข้าเรียนอยู่ใน ถาน ึก านั้น กรรมการ ถาน ึก ามีถิ่นกำาเนิด รืออา ัยอยู่ในชุมชนที่ตั้งของ ถาน ึก า กรรมการ ถาน ึก าเป็น ิ ย์เก่าของ ถาน ึก า ระยะเ ลาที่กรรมการ ถาน ึก า อา ัยอยู่ในชุมชน
จากตารางที่ 6 พบ ่า องค์ประกอบ ที่ 6 มีตั แปร จำาน น 4 ตั แปร มีค่านำ้า นัก ตั แปรในองค์ประกอบอยู่ระ ่าง 0.713 ถึง 0.759 เมื่อพิจารณาตั แปรทั้ง มดในองค์ ประกอบที่ 6 ่ นใ ญ่เป็นตั แปรเกี่ย กับ การมีบุตร ลานเข้าเรียนใน ถาน ึก า มีถิ่น
134 วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
น้า นัก องคปร กอบ 0.759 0.725 0.723 0.713
กำ า เนิ ด รื อ อา ั ย อยู ่ ใ นชุ น ที่ ตั้ ง ของ ถานึก า เป็น ิ ย์เก่าของ ถาน ึก า และ ระยะเ ลาที่อา ัยอยู่ในชุมชน ผู้ ิจัยจึงตั้ง ชื่ อ องค์ ป ระกอบนี้ ่ า “ค าม ั ม พั น ธ์ ข อง กรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐานและชุมชน”
จันทร์พิมพ์ วงศ์ประชารัตน์ และนพดล เจนอักษร
ตารางที่ 7 องค์ประกอบที่ 7 ที่ 1 2 3 4 5 6
ตัวแปรการนิเทศการศกษา ด กรรมการ านศกษา ันพน าน เปนบคคล า นอก ปัจจัยด้าน ังคมและ ัฒนธรรม ่งผลต่อการมี ่ นร่ มของประชาชน กับการจัดการ ึก า ปัจจัยด้านการเมือง ่งผลต่อการมี ่ นร่ มกับการจัดการ ึก า ปัจจัยด้านเ ร ฐกิจ ่งผลต่อการมี ่ นร่ มของประชาชนกับการจัดการ ึก า ปัจจัยด้านเทคโนโลยีที่เป็นเครื่องมือช่ ยการดำาเนินงานทางการ ึก า ่งผล ต่อการมี ่ นร่ มของประชาชนกับการจัดการ ึก า ปัจจัยเกี่ย กับองค์กร เช่น ค ามมั่นคงขององค์กร การบริ ารเน้นใ ้มี ่ นร่ ม ระบบจูงใจเ มาะ ม การจัดลำาดับค าม ำาคัญของเป้า มาย ปัจจัยเกี่ย กับงาน เช่น เป้า มาย แน ทางและแผนงานชัดเจน การใช้ทัก ะ และค ามเป็นผู้นำาเ มาะ ม มีค ามเป็นอิ ระ ูง
จากตารางที่ 7 พบ ่า องค์ประกอบ ที่ 7 มีตั แปรจำาน น 6 ตั แปร มีค่านำ้า นัก ตั แปรในองค์ประกอบอยู่ระ ่าง 0.621 ถึง 0.804 เมื่อพิจารณาตั แปรทั้ง มดในองค์ ประกอบที่ 7 ่ นใ ญ่เป็นตั แปรเกี่ย กับ
นา นัก องค์ประกอบ 0.804 0.799 0.737 0.730 0.677 0.621
องค์ประกอบด้าน ังคม การเมือง เ ร ฐกิจ เทคโนโลยีที่ ่งผลต่อการมี ่ นร่ มของชุมชน ผู้ ิจัยจึงตั้งชื่อองค์ประกอบนี้ ่า “บริบทของ ถาน ึก า”
ตารางที่ 8 องค์ประกอบที่ 8 ที่
ตัวแปรการนิเทศการศกษา ด กรรมการ านศกษา ันพน าน เปนบคคล า นอก 1 กรรมการ ถาน ึก าเป็นผู้ที่มีคุณธรรม รือค ามซื่อ ัตย์ ุจริต 2 กรรมการ ถาน ึก ามีอารมณ์ดี มองโลกในแง่ดี และเป็นคนมีเ ตุผล 3 กรรมการ ถาน ึก ามีค าม ัมพันธ์อันดีกับบุคลากรใน ถาน ึก า
จากตารางที่ 8 พบ ่า องค์ประกอบ ที่ 8 มีตั แปรจำาน น 3 ตั แปร มีค่านำ้า นัก ตั แปรในองค์ประกอบอยู่ระ ่าง 0.621 ถึง
นา นัก องค์ประกอบ 0.666 0.651 0.621
0.666 เมื่อพิจารณาตั แปรทั้ง มดในองค์ ประกอบที่ 8 ่ นใ ญ่เป็นตั แปรเกี่ย กับ การเป็นผู้มีคุณธรรม อารมณ์ดี มองโลกในแง่
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
135
รูปแบบการนิเทศการศึกษาโดยกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก
ดี มีเ ตุผล มีค าม ัมพันธ์อันดีกับบุคลากร ใน ถาน ึก า ผู้ ิจัยจึงตั้งชื่อองค์ประกอบนี้
า่ “คุณลัก ณะของกรรมการ ถาน ึก าขั้น พื้นฐาน”
ารางท
องค์ประกอบที่ 9
ท
วั แปรการนิเทศการศึกษา โดยกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก ่ นในการประเมินผลโครงการ ่ นในการแบ่งปันผลประโยชน์อันเกิดจากการพัฒนา ่ นร่ มในการ ิเคราะ ์ปัญ าอุป รรค ่ นร่ มในการลงทุนและการปฏิบัติงานของ ถาน ึก า
1 2 3 4
ชุมชนมี ชุมชนมี ชุมชนมี ชุมชนมี
จากตารางที่ 9 พบ ่า องค์ประกอบ ที่ 9 มีตั แปรจำาน น 4 ตั แปร มีค่านำ้า นัก ตั แปรในองค์ประกอบอยู่ระ ่าง 0.589 ถึง 0.689 เมื่อพิจารณาตั แปรทั้ง มดในองค์ ารางท
น้า นัก องคปร กอบ 0.689 0.687 0.662 0.589
ประกอบที่ 9 ่ นใ ญ่เป็นตั แปรเกี่ย กับ การมี ่ นร่ มของชุมชน ผู้ ิจัยจึงตั้งชื่อองค์ ประกอบนี้ ่า “การมี ่ นร่ มของชุมชน”
องค์ประกอบที่ 10
ท
วั แปรการนิเทศการศึกษา โดยกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก 1 การประชา ัมพันธ์บทบาท น้าที่และขอบข่ายของกรรมการ ถาน ึก า ขั้นพื้นฐานใ ้ทราบอย่างชัดเจน 2 การได้รับข้อมูลข่า ารค ามเคลื่อนไ ภายใน ถาน ึก าอย่างต่อเนื่อง 3 การ ื่อ าร ร้างค ามเข้าใจกับกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐาน
จากตารางที่ 10 พบ ่า องค์ประกอบ ที่ 10 มีตั แปรจำาน น 3 ตั แปร มีค่านำ้า นัก ตั แปรในองค์ประกอบอยู่ระ ่าง 0.585 ถึง 0.656 เมื่อพิจารณาตั แปรทั้ง มดใน
136 วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
น้า นัก องคปร กอบ 0.656 0.637 0.585
องค์ประกอบที่ 10 ่ นใ ญ่เป็นตั แปร เกี่ย กับการ ื่อ าร การประชา ัมพันธ์ ผู้ ิจัยจึงตั้งชื่อองค์ประกอบนี้ ่า “การ ื่อ าร ประชา ัมพันธ์”
จันทร์พิมพ์ วงศ์ประชารัตน์ และนพดล เจนอักษร
2 รปแบบการนิ เ ทศการศกษา ด กรรมการ านศกษา ันพน าน เปน บคคล า นอก รู ป แบบการนิ เ ท การ ึ ก าโดย กรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคล
ภายนอก เป็นพ ุองค์ประกอบ (10 องค์ ประกอบ) ที่ มี ค าม ั ม พั น ธ์ กั น ทั้ ง ทางตรง และทางอ้อม และมีค าม อดคล้องกับกรอบ แน คิด ทฤ ฎีของการ ิจัย ามารถแ ดงดัง แผนภูมิต่อไปนี้ ค ลักษ ะ องกรรมการ านศกษา (F8)
การบริ าร การนิเทศการ ศกษา 2 ความร ความ ามาร อง กรรมการ าน ศกษา
ค ลักษ ะ อง บริ าร (F1)
บทบาท องกรรมการ าน ศกษา ันพน าน (F5)
ความพรอม องคร (F4)
การ ่อ าร ประชา ัมพันธ์ (F10)
บริบท อง านศกษา (F7)
การมี วน รวม องชมชน (F9) ความ ัมพันธ์ องกรรมการ าน ศกษา ันพน าน และชมชน (F6)
แ น มิที่ 2 แ ดงพ ุองค์ประกอบ (10 องค์ประกอบ) ที่มีค าม ัมพันธ์กันทั้งทางตรง และทางอ้อม จากแผนภูมิที่ 2 แ ดงใ ้เ ็น ่า รู ป แบบค าม ั ม พั น ธ์ เชิ ง าเ ตุ ข ององค์ ประกอบการนิเท การ ึก าโดยกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก
เป็นค าม ัมพันธ์ของพ ุองค์ประกอบ ซึ่งมี ค าม ัมพันธ์ทั้งทางตรงและทางอ้อม และมี ค าม อดคล้องกับกรอบแน คิด ทฤ ฎีของ การ ิจัย
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
137
รูปแบบการนิเทศการศึกษาโดยกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก
ผลการยืนยันรูปแบบการนิเทศ การศึกษาโดยกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้น ฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก ผู้ทรงคุณ ุฒิ มีเ ็น อดคล้องกัน ่า รู ป แบบการนิ เ ท การ ึ ก าโดยกรรมการ ถาน ึ ก าขั้ น พื้ น ฐาน มี ค ามถู ก ต้ อ ง ครอบคลุม เ มาะ ม เป็นไปได้และเป็น ประโยชน์ ตาม มมติฐานการ ิจัย อภิปรายผล ผลที่ได้จากการ ิจัยพบ ่า รูปแบบ การนิเท การ ึก าโดยกรรมการ ถาน ึก า ขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก ประกอบด้ ย 10 องค์ประกอบ ที่มีค าม ัมพันธ์กันและมี ค าม อดคล้องกับกรอบแน คิด ทฤ ฎีของ การ ิจัย ทั้งนี้เพราะในการนิเท การ ึก า นั้น จำาเป็นต้องมีปัจจัยต่างๆ ที่มีค าม ัมพันธ์ เกี่ย เนื่องกันทั้งด้านบุคคล กระบ นการ ิธี การ และปัจจัยต่างๆ ร่ มกัน ซึ่งจะเ ็นได้ จาก ลักการและจุดมุ่ง มายในการบริ าร ของคณะกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐานที่ ประกอบด้ ย 6 ลักการ ำาคัญ ได้แก่ ลัก กระจายอำานาจตัด ินใจ ลักการมี ่ นร่ ม ลักประชาธิปไตย ลักค ามโปร่งใ ลัก การพัฒนาและการประกันคุณภาพของการ ึก าและ ลักการระดมทรัพยากรมาใช้เพื่อ
138 วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
การ ึก า โดยมีจุดมุ่ง มาย 2 ประการคือ คุ ณ ภาพของ ถาน ึ ก าและคุ ณ ภาพของ นักเรียน ซึ่งเป็น ลักการที่มาจากนโยบาย ด้ า นการ ึ ก าและที่ เ กี่ ย ข้ อ งจาก ลาย ่ น ได้แก่ 1) พระราชบัญญัติการ ึก าแ ่ง ชาติ พ. .2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ. .2545 และ (ฉบับที่ 3) พ. .2553 ใน ม ดที่ 1 ลักการและเ ตุผลที่ใ ้เน้น ลัก การกระจายอำ า นาจและการมี ่ นร่ มของ ประชาชนที่เกี่ย ข้อง ม ด 6 คุณภาพการ ึก าและ ม ด 8 การระดมทรัพยากรเพื่อ การ ึก า 2) พระราชบัญญัติบริ ารราชการ แผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ. .2545 ที่มุ่งเน้นระบบ บริ ารกิจการบ้านเมืองและ ังคมที่ดี (Good Governance) ซึ่งมี ลักของค ามโปร่งใ และตร จ อบได้เป็น ลักการ ำาคัญประการ นึ่ง และ 3) นโยบายการ ึก าที่เน้นการ บริ ารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานที่เน้นใ ้ ถาน ึก ามีอิ ระในการบริ ารตนเองโดยยึด ลัก กระจายอำานาจตัด ินใจ ลักการมี ่ นร่ ม ลักประชาธิปไตยและค ามโปร่งใ และ เป็นรูปแบบที่ถูกต้องตาม ลักการบริ ารการ ึก า โดยเ ็นได้จากบทบาทและอำานาจ น้าที่ของกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐาน ตามรู ป แบบที่ ไ ด้ จ ากการ ิ จั ย ในครั้ ง นี้ แ ละ อดคล้ อ งกั บ กระทร ง ึ ก าธิ ก ารที่ ไ ด้
จันทร์พิมพ์ วงศ์ประชารัตน์ และนพดล เจนอักษร
กล่า ถึงบทบาทผู้บริ ารในการนิเท ภายใน โรงเรียนดังนี้ 1) ตระ นักและเ ็นค าม ำ า คั ญ ่ า จะต้ อ งมี ก ารพั ฒ นาเปลี่ ย นแปลง 2) บริ ารและจั ด การแบบมี ่ นร่ ม 3) ร้างข ัญกำาลังใจ 4) ร้างค ามเข้าใจกับผู้ ปกครองและ น่ ยงานอื่น 5) นับ นุนด้าน งบประมาณ ยานพา นะ และอำาน ยค าม ะด กทุกด้าน 6) ร้างเครือข่ายกับโรงเรียน และ ถาบันผลิตครูเพื่อการพัฒนาโรงเรียน 7) ประ านงานกั บ น่ ยงานนิ เ ท และ ถาบันผลิตครูในท้องถิ่นเพื่อร่ มกัน างแผน ในการพัฒนาบุคลากรและโรงเรียน นอกจาก นี้ ก ารนิ เ ท การ ึ ก าโดยกรรมการ ถาน ึ ก าขั้ น พื้ น ฐานผู้ เ ป็ น บุ ค คลภายนอก จะ ำ า เร็ จ ได้ ต าม ั ต ถุ ป ระ งค์ นั้ น ต้ อ งอา ั ย กระบ นการ ิธีการและปัจจัยต่างๆ ร่ มกัน ทั้งใน ่ นของการกำา นดนโยบาย เป้า มาย การบริ ารจัดการในรูปแบบต่างๆ แต่อย่างไร ก็ตามรูปแบบนี้ก็เป็น นึ่งในค ามพยายาม า กล ิธี รือเป็นกลยุทธ์การบริ ารการ ึก า ใ ้ทันการเปลี่ยนแปลงของ ังคมยุคใ ม่ อาจ กล่ า ได้ ่ า เป็ น รู ป แบบ นึ่ ง ที่ เชื่ อ ่ า จะเป็ น ทางเลือก นึ่งเพื่อการบริ ารจัดการ ึก าใน ยุคปัจจุบัน
อเ นอแนะเพ่อนา ลวิจั ป ช นำ า าระของรู ป แบบการนิ เ ท การ ึก าโดยกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐานผู้ เป็นบุคคลภายนอกไปขยายผล โดยกำา นด นโยบายที่เกี่ย ข้อง เพื่อ นับ นุนและเอื้อใ ้ คณะกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐาน ามารถ ใช้เป็นกรอบและนำาไป ู่การปฏิบัติ อเ นอแนะเพ่อการวิจั ครังตอ ป ค รมี ก าร ิ จั ย ถึ ง ตั บ่ ง ชี้ ค าม ำาเร็จในการนิเท การ ึก าของกรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก เพื่ อ เป็ น กรอบในการนำ า ไปใช้ ป ระเมิ น และ ปรั บ ปรุ ง รู ป แบบการนิ เ ท การ ึ ก าของ กรรมการ ถาน ึก าขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคล ภายนอกได้อย่างก ้างข างต่อไป
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
139
รูปแบบการนิเทศการศึกษาโดยกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก
บรร านุกรม กระทร ง ึก าธิการ. 2543. ร เบยบ กร ทรวงศึกษาธิการวาด้วยค กรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พศ กรุงเทพฯ : กระทร ง ึก าธิการ. กระทร ง ึก าธิการ. 2544. คูมือร เบยบ กร ทรวงศึกษาธิการวาด้วยค กรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พศ กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ คุรุ ภา. ธีระ รุญเจริญ. 2545. สภาพแล ป า การบริ ารแล การ ัดการศึกษา ขั้นพื้นฐานของสถานศึกษา น ปร เทศ ทย กรุงเทพฯ : ี.ที. ซี.คอมมิ นิเคชั่น. ำานักงานคณะกรรมการการ ึก าขั้นพื้น ฐาน. 2547. คูมือการป ิบั ิงาน ค กรรมการสถานศึกษาขั้น พื้นฐาน กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์การ า นา าำ นักงานพระพุทธ า นา แ ่งชาติ.
140 วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม
าำ นักงานรับรองมาตรฐานและประเมิน คุณภาพการ ึก า(องค์การม าชน). 2547. พร ราชบั ั ิการศึกษา แ งชา ิ พ ศ แก้ ขเพิมเ ิม บับท พ ศ กรุงเทพฯ : บริ ัทพริก านกราฟฟิค จำากัด. าำ นักนายกรัฐมนตรี. 2551. รัฐธรรมนู แ งราชอา า ักร ทย พุทธศักราช 2550. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ การ า นา. Cronbach, Lee J. 1984. New York : Harper & Row. Krejcie, R.V., and P.W. Morgan. 1970. New York : Harper & Row. Likert, Rensis. 1967.
New York : McGraw – Hill.
อนาคตภาพหลั กสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาคริสตศาสนศึกษา วิทยาลัยแสงธรรม ในทศวรรษหน้า (พ.ศ.2556-2566) The Scenario of the Bachelor of Arts Program in Christian Studies Saengtham College for the Next Decade. (B.E.2013-2023).
ลลิตา กิจประมวล
* มหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการนิเทศ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
ผศ.ดร.สุเทพ อ่วมเจริญ
* ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำาภาควิชาหลักสูตรและวิธีสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
Lalita Kitpramuan
* Master of Education (Curriculum and Supervision). Faculty of Education, Silpakorn University.
Asst.Prof.Dr.Sutep Uamcharoen
* Assistant Professor, Department of Curriculum and Instruction, Faculty of Education, Silpakorn University.
อนาคตภาพ ลัก ูตร ิลป า ตรบัณฑิต าขา ิชาคริ ต า น ึก า ิทยาลัยแ งธรรม ในท รร น้า (พ. . 2557-2566)
บทคั ยอ
142
การ ิจัยครั้งนี้มี ัตถุประ งค์เพื่อ ึก าอนาคตภาพ ลัก ูตร ิลป า ตรบัณฑิต าขา ิชาคริ ต า น ึก า ิทยาลัยแ งธรรม ในท รร น้า (พ. . 2557-2566) ด้านปรัชญาของ ลัก ูตร ัตถุประ งค์ของ ลัก ูตร โครง ร้างของ ลัก ูตร เนื้อ า าระของ ลัก ูตร และคุณลัก ณะบัณฑิตที่พึงประ งค์ โดยใช้เทคนิคแบบ เดลฟาย และการเขียนภาพอนาคต กลุ่มตั อย่างที่ใช้ในการ ิจัย เป็น ผู้ทรงคุณ ุฒิด้านการ ึก าคาทอลิก จ�าน น 22 คน คัดเลือกแบบ เจาะจง ิเคราะ ์ข้อมูลด้ ยค่าร้อยละ ค่ามัธยฐาน ค่าพิ ัยระ ่าง ค อไทล์ และการ ิเคราะ ์เนื้อ า ผลการ ิจัยพบ ่า 1) ด้านปรัชญา ของ ลัก ูตรในท รร น้า ค รปรับปรุงใ ม่ใ ้ทัน มัย ลัก ูตร ิลป า ตรบัณฑิต าขา ิชาคริ ต า น ึก า เป็น ลัก ูตรเฉพาะ ทางด้าน า นา มุ่งผลิตบัณฑิตใ ้เป็นครู อน า นาคริ ต า นธรรม นิกายโรมันคาทอลิก ปรัชญาของ ลัก ูตรจะกลายเป็นอัตลัก ณ์ของ การจัดการ ึก าและค ามมุ่งมั่นของ ิทยาลัยในการพัฒนา ลัก ูตร อย่างมีจุด มาย 2) ด้าน ัตถุประ งค์ของ ลัก ูตร ค รเน้นเรื่องการ ผลิตบัณฑิตใ ้เป็นผู้มีค ามรู้ใน ลักธรรมของคริ ต์ า นา มีค าม เชี่ย ชาญด้านการอบรมคริ ต า นธรรม ามารถน�าค ามรู้ที่ได้รับ มาประยุกต์ใช้ใ ้เกิดประโยชน์กับชี ิตของตนเองและผู้อื่น 3) ด้าน โครง ร้ า งของ ลั ก ู ต ร ิ ท ยาลั ย แ งธรรมเปิ ด ลั ก ู ต รปริ ญ ญา ตรี 4 ปี โดยค รปรับเพิ่มกลุ่ม ิชา ังคม า ตร์และมนุ ย า ตร์ใ ้ มากขึ้น พัฒนากลุ่มภา าใ ้เ มาะ มกับค ามต้องการของ ังคมใน อนาคต ลด ม ด ิชาเฉพาะลง ค รเพิ่ม ม ด ิชาเลือกเ รี และเ ริม การเรียนรู้เรื่องงาน ิจัยเกี่ย กับการ อนค�า อนทางคริ ต์ า นาใ ้ มากขึ้น 4) ด้านเนื้อ า าระของ ลัก ูตร ิทยาลัยค รจัดตารางเรียน ของนัก ึก าตามล�าดับค าม �าคัญและค ามยากง่ายของราย ิชา ใ ้เ มาะ มกันในแต่ละชั้นปี บูรณาการราย ิชาใ ้เป็นแบบ ิทยา
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ลลิตา กิจประมวล และสุเทพ อ่วมเจริญ
และปรับราย ิชาที่ซา�้ ซ้อนกันใ ้ร มเป็นราย ิชาเดีย กัน เพิ่มด้าน การฝึกปฏิบัติและราย ิชาที่จ�าเป็นต่อประชาคมอาเซียนและ �า รับ ต รร ที่ 21 เนื้อ า าระของราย ิชาค รปรับใ ้ทัน มัย ใ ้มีค าม ก้า น้าทาง ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี 5) ด้านคุณลัก ณะบัณฑิต ที่พึงประ งค์ บัณฑิตค รมีทัก ะในการถ่ายทอดค ามรู้ด้านคริ ตา นธรรมอย่างมีประ ิทธิภาพ ด�าเนินชี ิตเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้ อื่น มีคุณธรรม-จริยธรรม จรรยาบรรณ ิชาชีพ มีน�้าใจดี และมีจิตอา า ซึ่งเป็น ิ่งที่ ังคมปัจจุบันต้องการอย่างเร่งด่ น และ 6) ประ ิทธิภาพ ของ ลัก ูตรค รเกิดจากการระดมค ามคิดและประ บการณ์ของ บุคลากรทุกฝ่ายในการพัฒนา ลัก ูตร และพัฒนาผู้เรียนใ ้มีคุณภาพ ตามมาตรฐานที่ก�า นด และตอบ นองต่อการเปลี่ยนแปลงของ ังคม ทั้งในปัจจุบันและอนาคต คาสาคัญ 1) อนาคตภาพ 2) คริ ต์ า นา 3) ิทยาลัยแ งธรรม Abstract
This research aimed to study the scenario of the Bachelor of Art Program in Christian studies at Saengtham College for the next decade (B.E.2014-2023) regarding the philosophy of the curriculum, the objectives, the structures, the contents and the characteristics of the students. The data of this research study were collected with the techniques of Delphi and scenarios writing. The samples used in this research consisted of 22 experts on Catholic Education who were selected by purposive sampling. The research instruments used to gather the data were questionnaire by three-round surveys. Percentage, median, interquartile
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
143
อนาคตภาพ ลัก ูตร ิลป า ตรบัณฑิต าขา ิชาคริ ต า น ึก า ิทยาลัยแ งธรรม ในท รร น้า (พ. . 2557-2566)
range and content analysis were employed to analysis the data. The results showed that 1) the philosophy of the curriculum should be updated for the next decade. The Bachelor of Arts Program in Christian studies is specific courses for religion studies, aimed to produce graduates who will teach Catholic Religion in schools. The philosophy of the curriculum will be the identity for educational management and the College's commitment to develop the curriculum effectively 2) The objectives of the curriculum should emphasize producing students who have knowledge of the catechism, are skillful in conveying the catechism to their own students, applying what they have obtained from the curriculum for use in their own and others’ lives effectively 3) The structures of the curriculum are a 4-years study period. The courses of social sciences and humanities will be added into the curriculum; the language courses will be adjusted to suit the needs of the society. The specific subjects will be reduced; whereas more free elective courses will be added to the curriculum and students should study more research on teaching catechism 4) The contents of the curriculum and the schedule should be set for the students according to the priorities and a multidiscipline courses of the subjects in each grade level. The different subjects should be integrated as the united courses and the similar courses should be combined together. More practices and extra courses should be adjusted to meet the need of the 21st century
144
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ลลิตา กิจประมวล และสุเทพ อ่วมเจริญ
and the upcoming ASEAN Community. The contents of the subjects should be updated and modernized with scientific and technological progresses 5) The graduates are expected to have the characteristics and skills to convey the catechism to students in schools effectively; being a good witness to everyone; having Christian virtue; being professional teachers with good volunteer spirits and being generous which is relevant to the current society needs urgently and 6) The quality of the curriculum should be organized and put together by all people in different sections, brainstorming experiences could be used in developing the curriculum and the students could reach the standard qualities defined and may respond to the changes of the society at present and in the future. 1) The Scenario 2) Christian 3) Saengtham College ความเปนมาและความสาคัญ อ ปญ า ิทยาลัยแ งธรรม เป็น ถาบันการ ึก าระดับอุดม ึก าของคาทอลิกแ ่งเดีย ของประเท ไทย ที่จัดตั้งขึ้นตาม ลักการของ กฎ มายคริ ต์ า นจักรโรมันคาทอลิกโดย มีพันธกิจในการจัดการ ึก าขั้นอุดม ึก า ด้ า น ิ ช าปรั ช ญาและ า นาเป็ น ลั ก ฝึ ก อบรมจิตใจเยา ชนด้ ย ีลธรรม จริยธรรม
และคุณธรรม ค บคู่ไปกับการเรียนการ อน การค้นค ้าและ ิจัยทาง ิชาการ การบริการ ทาง ิชาการแก่ ังคม การท�านุบ�ารุง ิลปะ และ ั ฒ นธรรมของชาติ โ ดยมี เ ป้ า มายใน การจัดการ ึก าเพื่อผลิตบัณฑิตซึ่งจะเป็น บาท ล ง และผู้นา� ในคริ ต์ า นาอย่างผู้มี ค ามรู้ด้านปรัชญา และ า นา
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
145
อนาคตภาพ ลัก ูตร ิลป า ตรบัณฑิต าขา ิชาคริ ต า น ึก า ิทยาลัยแ งธรรม ในท รร น้า (พ. . 2557-2566)
ในแผนพั ฒ นาเ ร ฐกิ จ และ ั ง คม แ ่งชาติฉบับที่ 11 (พ. . 2555-2559) ได้ กล่า ถึงประเท ไทยต้องเผชิญกับกระแ การ เปลี่ยนแปลงที่ �าคัญทั้งภายนอกและภายใน ประเท ที่ปรับเปลี่ยนเร็ และซับซ้อนมากยิ่ง ขึ้น โดยเฉพาะข้อผูกพันที่จะเป็นประชาคม อาเซียน (ASEAN Community) ในปี 2558 จึงจ�าเป็นต้องมีการเตรียมค ามพร้อมใ ้แก่ คน ังคม และระบบเ ร ฐกิจของประเท ใ ้ ามารถปรั บ ตั รองรั บ ผลกระทบจาก การเปลี่ ย นแปลงได้ อ ย่ า งเ มาะ ม เพื่ อ ามารถก้า ไปได้อย่างมีทิ ทาง มีการปรับ ตั ด้านการเตรียมค ามพร้อมของอาจารย์ และบุ ค ลากรทางการ ึ ก าในการพั ฒ นา ักยภาพทางด้านการเรียนการ อน การ ิจัย การบริการทาง ิชาการ และการท�านุบา� รุง ิลป ัฒนธรรม การเรียนรู้ของนัก ึก ายุค ใ ม่จึงจ�าเป็นต้องปรับทั้งกระบ นการเรียน รู้ ปรับทั นคติ ปรับกระบ นทั น์การเรียนรู้ ยุคใ ม่อย่างมีเป้า มาย ร้างค าม ามารถ ในการท� า งานร่ มกั บ ผู ้ อื่ น ที่ ต ่ า ง ั ฒ นธรรม ได้ นอกจากนี้ ระบบการ ึก าในระดับโลก ได้ตื่นตั และเตรียมค ามพร้อมผู้เรียนด้ ย ทัก ะการเรียนรู้ใน ต รร ที่ 21 ผู้เรียนต้อง รู้เท่าทัน มีภูมิคุ้มกันที่ดีพอ แลกเปลี่ยนค าม รู้ พัฒนาตนเองอยู่เ มอ รู้จักคิด ิเคราะ ์
146
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
จ�าแนกแยกแยะได้อย่างถูกต้องภายใต้ ังคม ที่แตกต่างจากอดีต บัณฑิตยุคใ ม่ต้องพัฒนา ตนเองใ ้เป็น “คนพร้อมท�างาน” ทัก ะแ ่ง ต รร ใ ม่ต่างๆ เ ล่านี้เป็นใบเบิกทาง ู่ การเลื่อน ถานะทางเ ร ฐกิจ ิทยาลัยแ ง ธรรมซึ่งเป็นทั้ง ถาบันระดับอุดม ึก าและ ยังเป็น ถานที่ฝึกอบรมเยา ชนใ ้เป็นผู้น�า ของ า นา เ ็นถึงค าม �าคัญในด้านการ พัฒนา ลัก ูตรใ ้มีค ามทัน มัย อดคล้อง กั บ บริ บ ทของ ั ง คมและการเปลี่ ย นแปลง ต่างๆ เพราะการบริ ารจัดการ ลัก ูตรเป็น ภารกิจ ลักของ ถาน ึก าที่จะต้องด�าเนิน การอย่างต่อเนื่อง การพัฒนา ลัก ูตรและ การเรียนการ อนท�าใ ้ผู้เรียนเป็นบุคคลที่ เจริญงอกงามด้ ย ติปัญญา และคุณธรรม น้าที่ของผู้ อนที่ �าคัญคือการชี้น�าผู้เรียนใ ้ เป็นคนดี เข้าถึงองค์ค ามรู้ มีค าม ามารถใน การคิดน�าค ามรู้มาแก้ปัญ าและ ร้าง รรค์ ใน ่ น ิ ช าการและ ิ ช าชี พ ที่ เ ป็ น เครื่ อ งมื อ ในการด� า รงชี ิ ต ของบั ณ ฑิ ต อดคล้ อ งกั บ ิชัย ง ์ใ ญ่ (2554) การก�า นดเป้า มาย ที่ชัดเจนใน ลัก ูตรจะท�าใ ้ผู้เรียนประ บ ค าม �าเร็จตามจุดประ งค์ที่ได้ตั้งไ ้ เพื่อเป็น มาตรฐานและคุณภาพในการจัดการ ึก าต่อ ไปในอนาคต
ลลิตา กิจประมวล และสุเทพ อ่วมเจริญ
การ ึก าอนาคตภาพ ลัก ูตร ิลปา ตรบัณฑิต าขา ิชาคริ ต า น ึก า ิทยาลัยแ งธรรม เป็นการเตรียมค ามพร้อม � า รั บ การเปลี่ ย นแปลงที่ เ กิ ด ขึ้ น มากมาย ใน ั ง คม มี เ อกลั ก ณ์ เ ป็ น ของตนเองใน ฐานะเป็ น ถาบันที่ผลิตบัณฑิตเป็นครู อน า นา ลัก ูตรนี้ก่อตั้งมาถึงปีที่ 15 การ บริ ารจัดการ ลัก ูตร การเรียนการ อนถือ เป็นค ามเฉพาะก ่า ถาบันการ ึก าทั่ ไป เพราะมุ่งผลิตบัณฑิตใ ้พร้อมในปฏิบัติ น้าที่ ในการเป็นครู อน า นาอย่างจริงจัง การ มองไป ู ่ ภ าพอนาคตจะท� า ใ ้ ทั้ ง ผู ้ บ ริ าร บรรดาคณาจารย์ ผู้ปกครอง นัก ึก าและ ผู้มี ่ นเกี่ย ข้องกับการจัดการ ึก า ันมา พิจารณาไตร่ตรอง ิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ ิ่งที่ ก�าลังด�ารงอยู่ และ ิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปใน อนาคตอย่างมีเ ตุมีผล เพื่อเป็นการเตรียม ค ามพร้อมในการพัฒนาครู อน า นาใ ้ เป็ น ครู ใ นโลกยุ ค ใ ม่ ภ ายใต้ บ ริ บ ทที่ มี ก าร เปลี่ยนแปลงอย่างร ดเร็ จึงค รต้อง ึก า อนาคตภาพของ ลั ก ู ต รโดยก� า นดช่ ง เ ลาที่เ มาะ ม ซึ่งนัก ิชาการด้านการ พัฒนา ลัก ูตร ใจทิพย์ เชื้อรัตนพง ์ (2539) เ ็น ่าการมองอนาคตภาพของ ลัก ูตรที่มีค าม า� คัญระดับชาติ ค รจะ ต้องมองไปข้าง น้าไม่ตา�่ ก ่า 10 ปี เพราะ
ลัก ูตรเป็นเครื่องมือ �าคัญในการเตรียมคน ใ ้พร้อมที่จะเผชิญการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่ เกิดขั้นในอนาคต ดังนั้น ากจะมีการ ึก า อนาคตภาพของ ลั ก ู ต รค รต้ อ งก� า นด ระยะเ ลาไ ้ไม่น้อยก ่า 10 ปี การ ึก า เรื่องของอนาคตเป็นการ ึก าในลัก ณะที่ ต้องการ าร นเท เพื่อเป็นข้อมูลการด�าเนิน งาน ิธี ิทยาในการ ึก าอนาคตใช้ระเบียบ ิธี ิจัยเรียก ่า “การ ิจัยอนาคต” ซึ่งเป็น เทคนิค ิธีการ ิจัยที่ ึก าค ามรู้ในเรื่องต่างๆ เ ตุการณ์ รือพฤติกรรมที่คาด ่าจะเกิดขึ้น ในอนาคตทั้งระยะ ั้นระยะยา วัต ุประส ค อ การวิจั การ ิ จั ย ครั้ ง นี้ มี ั ต ถุ ป ระ งค์ เ พื่ อ ึ ก าอนาคตภาพ ลั ก ู ต ร ิ ล ป า ตรบัณฑิต าขา ิชาคริ ต า น ึก า ิทยาลัย แ งธรรม ในท รร น้ า ด้ า นปรั ช ญา ของ ลั ก ู ต ร ั ต ถุ ป ระ งค์ ข อง ลั ก ู ต ร โครง ร้ า งของ ลั ก ู ต ร เนื้ อ า าระของ ลัก ตู ร และคุณลัก ณะบัณฑิตทีพ่ งึ ประ งค์ นิ าม ัพทเฉพาะ อนาคต าพ ลักสตร ิลป าสตรบั ิ ต สา าวิ าคริ ส ต าสน ก า วิท าลั แส ธรรม มายถึง ภาพที่แ ดง
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
147
อนาคตภาพ ลัก ูตร ิลป า ตรบัณฑิต าขา ิชาคริ ต า น ึก า ิทยาลัยแ งธรรม ในท รร น้า (พ. . 2557-2566)
าระของ ลั ก ู ต รในอนาคตด้ า นปรั ช ญา ของ ลั ก ู ต ร ั ต ถุ ป ระ งค์ ข อง ลั ก ู ต ร โครง ร้ า งของ ลั ก ู ต ร เนื้ อ า าระของ ลัก ตู ร และคุณลัก ณะบัณฑิตทีพ่ งึ ประ งค์ ในช่ งเ ลา 10 ปี ข้าง น้า (พ. . 2557-2566) คณ กรรมการบริ าร ิ ท ยาลั ย มายถึง คณบดีคณะ า น า ตร์ ั น้า าขา ิชาคริ ต า น ึก า และรอง ั น้า าขา ิ ช าคริ ต า น ึ ก าของ ิ ท ยาลั ย แ งธรรม ต�าบลท่าข้าม อ�าเภอ ามพราน จัง ัดนครปฐม อา ารย มายถึง ผู้ท�า น้าที่ด�าเนิน การจั ด กิ จ กรรมการเรี ย นการ อนของ ลั ก ูตร ิลป า ตรบัณฑิต าขา ิชาคริ ต า นึก า ิทยาลัยแ งธรรม ู้ทรงคณ ิ มายถึง เป็นประมุข มิ ซั ง คาทอลิ ก ซึ่ ง มี ค ามรู ้ ค าม ามารถ ใน ลั ก ู ต ร ิ ล ป า ตรบั ณ ฑิ ต าขา ิ ช า คริ ต า น ึก าเป็นอย่างดี นัก ิชาการที่มี ประ บการณ์ด้านการบริ ารการ ึก า และ เป็นผู้มี ่ นเกี่ย ข้องกับการบริ ารจัดการ ลั ก ู ต รการเรี ย นการ อนของ าขา ิ ช า คริ ต า น ึก า ิทยาลัยแ งธรรม ทคนิ ค การ ิ ั ย แบบ ล าย มายถึง กระบ นการ รือเครื่องมือที่ใช้ใน การร บร มค ามคิดเ ็น รือการตัด ินใจ
148
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ในเรื่องใดเรื่อง นึ่งเกี่ย กับอนาคตจากกลุ่มผู้ เชี่ย ชาญ เพื่อใ ้ได้ข้อมูลที่ อดคล้องเป็นอัน นึ่งอันเดีย กัน และมีค ามถูกต้องน่าเชื่อถือ มากที่ ุด ท รร น้า มายถึง ช่ งระยะ เ ลาตั้งแต่ปี พ. . 2557-2566 ิธการ ึก า 1. ประชากรและกลุ่มตั อย่าง มีราย ละเอียดดังนี้ 1.1 ประชากรที่ใช้ในการ ิจัยครั้ง นี้ เ ป็ น บุ ค ลากรที่ เ กี่ ย ข้ อ งกั บ การจั ด การ ึก าโรงเรียนในเครือคาทอลิก ผู้ทรงคุณ ุฒิ ทางการ ึก า และผู้ทรงคุณ ุฒิ ลัก ูตร ิลป า ตรบัณฑิต าขา ิชาคริ ต า น ึก า ใน ปีการ ึก า 2556 1.2 กลุ ่ ม ตั อย่ า งที่ ใช้ ใ นการ ิ จั ย เป็นบุคลากรที่เกี่ย ข้องกับการจัดการ ึก า ของ ิทยาลัยแ งธรรม อาจารย์ ผู้ทรงคุณ ุฒิ และนัก ิชาการ ในปีการ ึก า 2556 จ�าน น 22 คน ประกอบด้ ย 1.2.1 ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร บ ริ า ร ิทยาลัยแ งธรรม จ�าน น 3 คน โดยมี คุณ มบัติดังนี้ 1) เป็นผู้มีประ บการณ์ในการ บริ ารงานทางการ ึก าตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป
ลลิตา กิจประมวล และสุเทพ อ่วมเจริญ
2) มี ุฒิทางการ ึก าตั้งแต่ระดับปริญญาโท ขึ้นไป และ 3) เป็นผู้มีบทบาทในการก�า นด นโยบายของ ิทยาลัยแ งธรรม 1.2.2 อาจารย์ าขา ิ ช าคริ ตา น ึก าจ�าน น 4 คน โดยมีคุณ มบัติ ดังนี้ 1) เป็นผู้มีประ บการณ์ด้านการ อน ใน าขา ิชาตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป และ 2) มี ุฒิ ทางการ ึก าระดับปริญญาโทขึ้นไป 1.2.3 ผู้ทรงคุณ ุฒิจ�าน น 10 คน โดยมีคุณ มบัติดังนี้ 1) ด�ารงต�าแ น่งประมุข มิ ซังคาทอลิก 2) เป็นผู้มี ่ นร่ มในการ ก่อตั้ง าขา ิชาคริ ต า น ึก า 3) เป็น ผู้มี ่ นร่ มในการก�า นดนโยบายทางการ ึก าของ ิทยาลัยแ งธรรม และ 4) เป็น ผู้เกี่ย ข้องและมีประ บการณ์ทางด้านการ บริ ารของ ิทยาลัยแ งธรรม 1.2.4 นัก ิชาการ จ�าน น 5 คน โดยมีคุณ มบัติดังนี้ 1) เป็นผู้อ�าน ยการ ฝ่ายการ ึก าของอัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ 2) เป็นผู้ทรงคุณ ุฒิในด้านงาน ิจัย และ การประกั น คุ ณ ภาพของ ิ ท ยาลั ย แ งธรรม และ 3) เป็นผู้ใ ้การนิเท นัก ึก าฝึก อน ของ าขา ิชาคริ ต า น ึก า 2. ประเด็ น ในการ ึ ก า เป็ น ประเด็นเกี่ย กับลัก ณะของ ลัก ูตร ิลปา ตรบัณฑิต าขา ิชาคริ ต า น ึก า
ปีการ ึก า 2551 ใน 5 ด้าน ประกอบ ด้ ย ปรัชญาของ ลัก ูตร ัตถุประ งค์ของ ลัก ูตร โครง ร้างของ ลัก ูตร เนื้อ า าระของ ลัก ูตร และคุณลัก ณะบัณฑิตที่ พึงประ งค์ 3. เครื่ อ งมื อ ที่ ใช้ ใ นการ ิ จั ย ได้ แ ก่ แบบ อบถามแบบปลายเปิด จ�าน น 1 ชุด และแบบ อบถามแบบปลายปิดจ�าน น 2 ชุด โดยใช้เทคนิคแบบเดลฟาย 4. การเก็บร บร มข้อมูล ผู้ ิจัย ด� า เนิ น การ ิ จั ย โดยการใช้ แ บบ อบถามใน การเก็บร บร มข้อมูล ด้ ยเทคนิคเดลฟาย อย่างน้อย 3 รอบ โดยมีขั้นตอนดังนี้ ระยะที่ 1 ผู้ ิจัย ึก าข้อมูลเกี่ย กับบริบทของ ังคมไทยในปัจจุบัน เป็นต้น พระราชบัญญัติการ ึก าแ ่งชาติ ประม ล กฎ มายคริ ต์ า นจักรคาทอลิก ่าด้ ยเรื่อง การ ึก าคาทอลิก นโยบายและแน ทาง การ ึ ก าของ มาพั น ธ์ พ ระ ั ง ฆราชแ ่ ง เอเชีย (FABC) ิเคราะ ์เอก าร แน คิด ทฤ ฎี ลัก ูตร การพัฒนา ลัก ูตร กรอบ มาตรฐานคุณ ุฒิระดับอุดม ึก า พ. .2552 ทฤ ฎีการ ิจัยเชิงอนาคต และงาน ิจัยที่ เกี่ย ข้อง ระยะที่ 2 ผู้ ิจัย ึก า ลัก ูตรจาก ม า ิทยาลัยอูร์บานีอานา ประเท อิตาลี
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
149
อนาคตภาพ ลัก ูตร ิลป า ตรบัณฑิต าขา ิชาคริ ต า น ึก า ิทยาลัยแ งธรรม ในท รร น้า (พ. . 2557-2566)
เพราะเนื่องจากม า ิทยาลัยอูร์บานีอานา มี ลั ก ู ต รที่ ค ล้ า ยคลึ ง กั บ ิ ท ยาลั ย แ งธรรม เป็นม า ิทยาลัยที่ ันตะ �านักรับรอง และ � า นั ก งานคณะกรรมการการอุ ด ม ึ ก า รับรองมาตรฐาน จากนั้น �าร จผู้ทรงคุณ ุฒิ ที่มีคุณ มบัติในการเป็นผู้มี ่ นเกี่ย ข้องกับ การจัดการ ึก าคาทอลิก และการบริ าร จั ด การ ลั ก ู ต ร ิ ล ป า ตรบั ณ ฑิ ต าขา ิ ช าคริ ต า น ึ ก า ิ ท ยาลั ย แ งธรรม จ�าน น 22 คน ติดต่อประ านงานไปยังผู้ทรง คุณ ุฒิ โดยการเรียนปรึก าถามค าม มัคร ใจในการท�า น้าที่ตอบค�าถาม และอธิบาย ระเบียบ ิธีในการตอบแบบ อบถาม ระยะที่ 3 ผู้ ิจัย ร้างค�าถามจาก ตั ชี้ ัดทั้ง 5 ด้าน เป็นแบบ อบถามแบบ ปลายเปิดจ�าน น 5 ข้อ ในรอบที่ 1 ่ง แบบ อบถามใ ้แก่ผู้ทรงคุณ ุฒิ เพื่อใ ้ผู้ทรง คุณ ุฒิแ ดงค ามคิดเ ็นได้อย่างอิ ระและ ใ ้ผู้ทรงคุณ ุฒิ ่งกลับมาภายใน 3 ัปดา ์ ลังจากนั้นผู้ ิจัยน�าข้อมูลที่ได้มา ิเคราะ ์ ังเคราะ ์ จัดข้อมูลที่ได้จากการจ�าแนกตาม ค ามคิดเ ็นของผู้ทรงคุณ ุฒิ รุปประเด็น และตั้งเป็นค�าถาม า� รับรอบที่ 2-3 ต่อไป รอบที่ 2 ผู้ ิจัยน�าข้อมูลที่ได้จาก การ ิเคราะ ์ในรอบที่ 1 มา ร้างเป็นค�าถาม แบบ ปลายปิด จ�าน น 125 ข้อ ในลัก ณะ
150
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
มาตราประเมินค่าแบบลิเคิร์ท (Likert Scale) ตั้งแต่ 1-5 คือ จากน้อยที่ ุด โดยใ ้ผู้ทรง คุ ณ ุ ฒิ ล งค่ า น�้ า นั ก ของค ามคิ ด เ ็ น ใน แต่ละข้อค�าถาม ใช้กรอบตั ชี้ ัดทั้ง 5 ด้าน ก�า นดเป็นค�าถาม ่งใ ้ผู้ทรงคุณ ุฒิ ทาง ไปร ณีย์ ด้ ยตนเอง และไปร ณีย์อิเลคทรอ นิก ์ โดยขอใ ้ผู้ทรงคุณ ุฒิ ่งแบบ อบถาม กลับมาภายใน 4 ัปดา ์ เพื่อน�ามา ิเคราะ ์ ประม ลผลค ามคิดเ ็นที่ผู้ทรงคุณ ุฒิมีต่อ แน โน้มทั้ง 5 ด้าน โดยใช้ค่ามัธยฐาน (median) และค่าพิ ัยระ ่างค อไทล์ (interquartile range) และการ ิเคราะ ์เนื้อ า (content analysis) า� รับค ามคิดเ ็นเพิ่ม เติมที่ผู้ทรงคุณ ุฒิมีต่อตั ชี้ ัดทั้ง 5 ด้าน เพื่อ น�าค่า ถิติที่ได้มาแ ดงในรูปของ ัญลัก ณ์ เพื่อเขียนในแบบ อบถามรอบที่ 3 รอบที่ 3 ผู้ ิจัย ่งแบบ อบถามแบบ ปลายปิด แบบประเมินค่ามาตรา ่ น 5 ระดับ จ�าน น 125 ข้อ และแบบ อบถามแบบ ปลายเปิดเกี่ย กับประ ิทธิภาพของ ลัก ูตร จ�าน น 1 ข้อ ทางไปร ณีย์ ด้ ยตนเอง และ ไปร ณีย์อิเลคทรอนิก ์ โดยในครั้งนี้ผู้ทรง คุณ ุฒิจะได้รับข้อมูลป้อนกลับเชิง ถิติ (statistical feedbacks) เป็นของกลุ่มโดย ่ น ร ม ประกอบด้ ยค่ามัธยฐาน (median) และค่าพิ ัยระ ่างค อไทล์ (interquartile
ลลิตา กิจประมวล และสุเทพ อ่วมเจริญ
range) ผน กด้ ยค�าตอบเดิมของแต่ละคน แล้ ขอใ ้ ผู ้ ท รงคุ ณ ุ ฒิ พิ จ ารณาใ ้ ค� า ตอบ ใ ม่ รือเป็นการยืนยันค�าตอบเดิมที่ได้ใ ้ไ ้ ในรอบที่ 2 ประมาณ 6 ัปดา ์ เมื่อผู้ทรง คุณ ุฒิ ่งกลับมา ผู้ ิจัยร บร มข้อมูลที่ได้ รับ น�ามา ิเคราะ ์ ังเคราะ ์ โดยตั ชี้ ัดที่มี ค่ามัธยฐานตั้งแต่ 3.50 ขึ้นไป และค่าพิ ัยระ ่างค อไทล์ที่มีค่าน้อยก ่า รือเท่ากับ 1.50 แ ดง ่าผู้ทรงคุณ ุฒิมีค ามคิด อดคล้องกัน มากที่ ุด และร บร มค ามคิดเ ็นเกี่ย กับ ประ ิทธิภาพของ ลัก ูตร ด้ ยการ ิเคราะ ์ เนื้อ า และน�าไปเขียนภาพอนาคต ลัก ูตร ระยะที่ 4 การเขียนภาพอนาคต ลัก ูตร ิลป า ตรบัณฑิต าขา ิชาคริ ต า น ึก า ิทยาลัยแ งธรรม ในท รร น้า (พ. . 2557-2566) 5. การ ิเคราะ ์ข้อมูล 5.1 ผู้ ิจัยน�าแบบ อบถามรอบ 1 ตร จ าค ามเที่ยงตรง (Validity) ด�าเนินการ โดยการ าค่าดัชนีค าม อดคล้อง (IOC : Index of Item Objective Congruence) ได้ เท่ากับ 1.00 5.2 ผู้ ิจัยน�าแบบ อบถามรอบ 2 ตร จ าค ามเที่ยงตรง (Validity) ด�าเนินการ โดยการ าค่าดัชนีค าม อดคล้อง (IOC : Index of Item Objective Congruence) ได้
ค่า IOC ระ ่าง 0.67- 1.00 ผู ้ ิ จั ย น� า แบบ อบถามที่ ไ ด้ จ ากผู ้ เชี่ย ชาญมา ิเคราะ ์โดย าค่าร้อยละ ค่า มัธยฐาน ค่าพิ ัยระ ่างค อไทล์ และการ ิเคราะ ์เนื้อ า แบ่งเป็น ตอนที่ 1 ข้อมูลเกี่ย กับ ถานภาพ ของผู้ตอบแบบ อบถาม ิเคราะ ์เนื้อ า และ าค่าร้อยละ ตอนที่ 2 ข้อมูลเกี่ย กับ อนาคตภาพ ลัก ูตร ิลป า ตรบัณฑิต าขา ิชาคริ ต า น ึก า ิทยาลัยแ งธรรมในท รร น้า ิเคราะ ์โดย าค่ามัธยฐาน (Median) และค่าพิ ัยระ ่างค อไทล์ (Interquartile Range) โดยใช้โปรแกรม �าเร็จรูป SPSS โดยที่ค่ามัธยฐานตั้งแต่ 3.50 ขึ้นไปแ ดง ่าผู้ เชี่ย ชาญมีค ามเ ็น ่าเ ตุการณ์นั้นมีค าม เป็นไปได้ในระดับมาก และค่าพิ ัยระ ่าง ค อไทล์ที่น้อยก ่า รือเท่ากับ 1.50 แ ดง ่าผู้เชี่ย ชาญมีค ามคิดเ ็น อดคล้อง กัน จากนั้นผู้ ิจัยน�ามา รุปเป็นภาพอนาคต ลัก ูตร ิลป า ตรบัณฑิต าขา ิชาคริ ตา น ึก า ิทยาลัยแ งธรรม ในท รร น้ า โดยการเขี ย นภาพอนาคตเป็ น แบบ บรรยาย (Scenarios writing)
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
151
อนาคตภาพ ลัก ูตร ิลป า ตรบัณฑิต าขา ิชาคริ ต า น ึก า ิทยาลัยแ งธรรม ในท รร น้า (พ. . 2557-2566)
รป ลการ ิ ัย ผลการ ิจัยแบ่งเป็น 6 ตอนดังนี้ ตอนท านภาพแล ข้อมูลทั ป ผู้ทรงคุณ ุฒิทั้ง มด 22 คน เป็นชาย มากที่ ุด 15 คน เป็น ญิง 7 คน ่ นใ ญ่มี ุฒิการ ึก าระดับปริญญาโท มีอายุระ ่าง 46-55 ปี นอกนั้นยังพบ ่ามีประ บการณ์ใน การปฏิบัติงานด้านการ ึก าระ ่าง 16-20 ปี ตอนท 2 แน น้ม ้านปรัช าของ ลัก ูตร ผลการ ิจัยพบ ่า ค รมีการปรับปรุง ปรัชญาของ ลัก ูตร ดังนี้ ปรัชญาของ ลัก ูตร คือการ ึก าคริ ต า น ึก า กระบ นการพั ฒ นาคริ ตชนใ ้ เ ป็ น ผู ้ น� า / า นบริกรด้านการอบรมคริ ต า นธรรม การอภิบาล และการเผยแผ่ธรรม ตาม ลักค�า อนของ า นาคริ ต์ ตอนท แน น้ม ้าน ัต ปร งคของ ลัก ูตร ผลการ ิจัยพบ ่า ค รมีการปรับปรุง ั ต ถุ ป ระ งค์ ข อง ลั ก ู ต รเพื่ อ ใ ้ มี ค าม ชัดเจน กระชับมากยิ่งขึ้นและเ มาะ มกับ ถานการณ์ในปัจจุบัน ดังนี้ 1. เพื่ อ ผลิ ต บั ณ ฑิ ต ใ ้ มี ค ามรู ้ ค ามเข้ า ใจใน ลั ก ธรรมของคริ ต์ า นา และมีค ามเชี่ย ชาญด้านการใ ้การอบรม
152
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
คริ ต า นธรรม 2. เพื่อผลิตบัณฑิตใ ้เป็นผู้น�าด้าน จิต ิญญาณ มีคุณธรรม จริยธรรม และด�าเนิน ชี ิตใ ้เป็นแบบอย่างที่ดี มีใจรัก รัทธา และ ร้อนรนในการเผยแผ่ธรรม 3. เพื่ อ ผลิ ต บั ณ ฑิ ต ใ ้ มี จิ ต � า นึ ก ในการท�านุบา� รุง ิลปะและ ัฒนธรรมตาม บริบทของ ังคมไทย ตอนท แน น้ม า้ น ครง ร้างของ ลัก ูตร โครง ร้างของ ลัก ูตรพบ ่า ค ร เปิด ลัก ูตรปริญญาตรี โดยมีจ�าน น น่ ย กิตร ม 132 น่ ยกิต ระยะเ ลา ึก า 4 ปี และอาจเปิดในระดับ ูงต่อไป เมื่อมีค าม จ�าเป็นและเ มาะ มในอนาคต การก�า นด กลุ่ม ิชา พบ ่าค รจัด ม ด ิชา ึก าทั่ ไป ใ ม่ดังนี้ กลุ ่ ม ิ ช า ั ง คม า ตร์ แ ละมนุ ยา ตร์ ไม่น้อยก ่า 12 น่ ยกิต (เดิม 14 น่ ยกิต) กลุ ่ ม ิ ช าคณิ ต า ตร์ แ ละ ิ ท ยาา ตร์ ไม่น้อยก ่า 6 น่ ยกิต (เท่าเดิม) กลุ่ม ิชาภา า ไม่ น ้ อ ยก ่ า 12 น่ ยกิต (เดิม 10 น่ ยกิต) เพิ่ ม ราย ิ ช าที่ จ� า เป็ น � า รั บ ครู ค� า อนในท รร น้ า โดยเน้ น ภาคปฏิ บั ติ
ลลิตา กิจประมวล และสุเทพ อ่วมเจริญ
มากก ่าทฤ ฏี เช่น ทัก ะการ อน การ ถ่ายทอด และการใช้เทคโนโลยี การแบ่ง ัด ่ นของ ม ด ิชาพบ ่า ค รมีการปรับปรุงใ ม่ดังนี้ ม ด ิชา ึก าทั่ ไป ไม่น้อยก ่า 30 น่ ยกิต (เท่าเดิม) ม ด ิชาเฉพาะ ไม่ น ้ อ ยก ่ า 90 น่ ยกิต (เดิม 96 น่ ยกิต) ม ด ิชาเลือกเ รี ไม่น้อยก ่า 12 น่ ยกิต (เดิม 10 น่ ยกิต) ม ด ิชาฝึกปฏิบัติ เพิ่ม ม ด ิชานี้ (เดิมมี 4 ราย ิชา) โดยไม่นับ น่ ยกิต ตอนที่ 5 แนว นม านเนอ าสาระ อ ลักสตร ผลการ ิจัยพบ ่าค รจัดราย ิชาที่ ซ�้าซ้อนกัน รือคล้ายกันใ ้ร มอยู่ใน ิชา เดีย กัน ค รปรับเนื้อ า าระราย ิชาของ ลั ก ู ต รใ ้ มี ค ามเ มาะ มกั บ ภาพ ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น พิจารณาบางราย ิชาที่ ค รเพิ่มเนื้อ า าระลงไปใ ้ทัน มัย นอกนั้น ผู้เชี่ย ชาญเ นอใ ้เพิ่ม ิชา 1) ดนตรี า นา 2) จิ ต ิ ท ยาพั ฒ นาการจิ ต ิ ท ยาการ ึ ก า 3) การเมืองและการปกครองไทย 4) จิต ิทยา ในการท� า งาน การปรั บ ตั การ ื่ อ าร 5) จิต ิทยาแนะแน 6) จิต ิทยาการใ ้คา� ปรึก า เพื่อเป็นแน ทางช่ ยในการอภิบาล
เยา ชนในอนาคต า� รับราย ิชาจากม า ิทยาลัยอูร์บานีอานา ประเท อิตาลี ที่มีแน โน้มในการเปิด อนได้ มีทั้ง ิ้น 17 ราย ิชา และจาก ิทยาลัยแ งธรรมคงเปิด อนไ ้ 43 ราย ิชา ตอนที่ แนว นม านคุ ลัก ะบั ิตที่ พ ประส ค ผลการ ิ จั ย พบ ่ า บั ณ ฑิ ต ค รมี ทัก ะในการถ่ายทอดค ามรู้การ อนคริ ต์า นธรรมอย่างมีประ ิทธิภาพ มีทัก ะการ อน ด�าเนินชี ิตเป็นแบบอย่าง มีคุณธรรมจริยธรรม มีจรรยาบรรณ ิชาชีพ มีค าม เชื่อ รัทธามั่นคง ภา นา ม�า่ เ มอ มีน�้าใจดี ิเคราะ ์และแก้ไขปัญ าได้ มีจิตอา าเพื่อ ังคม มีค ามเป็นอยู่อย่างพอเพียงรักประเท ชาติ ท�านุ บ�ารุง ืบทอด า นาและ ัฒนธรรม ไทย มีค ามซื่อ ัตย์ มีค ามเป็นผู้นา� มีค าม รู ้ แ ละค ามเข้ า ใจอย่ า งถ่ อ งแท้ ใ นค ามรู ้ ที่ อน มีค าม ามารถในการใช้ ื่อ เทคโนโลยี าร นเท มีบุคลิกภาพที่ดี มีมนุ ย์ ัมพันธ์ ดี รู้จักน�าค ามรู้มาประยุกต์ใช้กับชี ิตประจ�า ัน และพัฒนาตนเองอย่าง ม�่าเ มอ เ ีย ละ ทุ่มเท เอาใจใ ่ต่อการ อน และรักการ อน
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
153
อนาคตภาพ ลัก ูตร ิลป า ตรบัณฑิต าขา ิชาคริ ต า น ึก า ิทยาลัยแ งธรรม ในท รร น้า (พ. . 2557-2566)
อภิปราย ล ปั จ จุ บั น ภาพของครู อน า นาใน โรงเรียนคาทอลิกทั่ ประเท ไทย มีบทบาท ต่อการพัฒนาการในโรงเรียนอย่างยิ่ง ค าม เด่นชัดนี้ท�าใ ้คริ ต์ า นจักรคาทอลิกถือ ่า บทบาทนี้มีค าม �าคัญอย่างยิ่ง และที่ า� คัญ คือการ าเอกลัก ณ์ของฆรา า ที่ท�างานใน โรงเรียน ิทยาลัยแ งธรรมเปิด ลัก ูตร ิลปา ตรบัณฑิต าขา ิชาคริ ต า น ึก า คณะ า น า ตร์ เพื่อผลิตบุคลากรครู อน คริ ต า นธรรม คุณลัก ณะพิเ ของครู อน า นาก็คือ การ อนและการถ่ายทอด ค ามรู้ด้านคริ ต า นธรรม และการท�างาน เพื่อพัฒนาชุมชนใ ้เข้มแข็ง ผลของงาน ิจัย นี้ได้แ ดงใ ้เ ็นถึงค าม �าคัญในการพัฒนา ลัก ูตร ิลป า ตรบัณฑิต าขา ิชาคริ ตา น ึ ก า ที่ ไ ด้ ม าจากค ามคิ ด เ ็ น ของ บรรดาผู้ทรงคุณ ุฒิ ซึ่งจะช่ ยใ ้เ ็นถึงแน โน้มของการพัฒนา ลัก ูตร แน โน้มในการ บริ าร และแน โน้มที่จะช่ ยในการตัด ิน ใจอย่างใดอย่าง นึ่งต่อการด�าเนินการทาง ลัก ูตรได้อย่างมีเ ตุมีผล ดังนี้ . แน น้ ม ้ า นปรั ช าของ ลัก ูตร ผลการ ิ จั ย พบ ่ า ปรั ช ญาของ ลัก ูตรค รมีค ามชัดเจน ตรงตาม ัตถุ-
154
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ประ งค์ของการจัดการ ึก าคาทอลิก และ พันธกิจในการจัดการ ึก าของ ิทยาลัย คือ การอบรมเยา ชนใ ้ เ ป็ น ผู ้ น� า ทาง า นา เ มาะ มกับ ถานการณ์ปัจจุบัน และค าม ต้ อ งการของคริ ต์ า นจั ก รคาทอลิ ก ใน ประเท ไทย อดคล้องกับ เอกชัย ชินโคตร (2551) การ ึก าคาทอลิก ังกัด ังฆมณฑล ในท รร น้า คือการพัฒนามนุ ย์ในทุก มิติทั้งด้านร่างกาย จิตใจ ติปัญญา อารมณ์ และอยู่ใน ังคมอย่างมีค าม ุข ซึ่ง อดคล้อง กับเป้า มาย (goal) ของโรงเรียนคาทอลิกคือ พัฒนาผู้เรียนใ ้เป็น า นิกชนที่ดีมีคุณธรรม จริยธรรม มีค่านิยม ากล มีค ามเป็นเลิ ด้าน ค ามเป็นมนุ ย์ เป็นคนเพื่อคนอื่น า� นึกใน น้าที่ (sense of duty) มีค ามรับผิดชอบ มี ัฒนธรรมแ ่งชี ิต (culture of life) ไม่ ลืมรากเ ง้าของตนเอง โดยผ่านกระบ นการ แ ่งการพัฒนาเ ล่านี้ จึงท�าใ ้บัณฑิตเป็น ผู ้ น�า า นาที่ มี ค ามรั ก ต่ อ การ อน า นา และแ ดงออกมาด้ ยแบบอย่างแ ่งชี ิต 2. แน น้ม ้าน ัต ปร งคของ ลัก ูตร ผลการ ิจัยพบ ่าค รเน้นเรื่องการ ผลิตบัณฑิตใ ้เป็นผู้มีค ามรู้ใน ลักธรรมของ คริ ต์ า นา และมีค ามเชี่ย ชาญในด้านการ อบรมคริ ต า นธรรม เ ็นได้ชัดเจนจากการ
ลลิตา กิจประมวล และสุเทพ อ่วมเจริญ
ปฏิบัติ น้าที่ในชี ิตประจ�า ัน ซึ่ง อดคล้อง กับกรอบมาตรฐานคุณ ุฒิระดับอุดม ึก า พ. .2552 ที่ใช้เป็นแน ทางในการพัฒนาและ ปรับปรุง ลัก ูตร ามารถผลิตบัณฑิตที่มี คุณภาพ ตรงตามมาตรฐานที่ก�า นดไ ้ แนว นม าน คร สรา อ ลักสตร ผลการ ิจัยพบ ่าด้านโครง ร้างของ ลั ก ู ต รในอนาคตอาจมี ก ารเปิ ด ลั ก ู ต ร ในระดับที่ ูงก ่า การปรับเปลี่ยนกลุ่ม ิชา ต่างๆ ใ ้มีค ามเ มาะ มกับการอบรมผู้เรียน ใ ้ ไ ด้ เ อกลั ก ณ์ ข องการจั ด ตั้ ง ลั ก ู ต รนี้ อย่างแท้จริง เพราะการจัดโครง ร้างราย ิชา ใน ลั ก ู ต รนี้ ก็ เ พื่ อ ร้ า งค ามเป็ น ครู อน า นาคาทอลิกอย่างมีเป้า มาย และจัด ประ บการณ์ในการเรียนรู้เพื่อคาด ังใ ้ผู้ เรียนได้รับค ามรู้ที่น�าไปใช้ในชี ิตประจ�า ัน ได้อย่างแท้จริง ซึ่ง อดคล้องกับ นิโคล ์และ นิโคล ์ Nicholls, and Nicholls (1978) จ�าแนกเนื้อ าเป็น ค ามรู้ ทัก ะ เจตคติและ ค่านิยมต่างๆ แนว นม านเนอ าสาระ อ ลักสตร แน โน้มด้านเนื้อ า าระของ ลัก ูตรผลการ ิจัยพบ ่า ค รล�าดับค าม า� คัญ ของราย ิชา ค ามยากง่ายของราย ิชาต่างๆ
ค รมีค ามเ มาะ มกันในแต่ละชั้นปี ซึ่ง อด คล้องกับ ิชัย ง ์ใ ญ่ (2554) ที่ ่า “การ จั ด ล� า ดั บ ของเนื้ อ า าระเป็ น ่ิ ง จ� า เป็ น เพราะการ ึก าธรรมชาติของแต่ละ ิชานั้น เป็น ิ่งที่ า� คัญและจ�าเป็น เพื่อใ ้ผู้เรียนได้ เรียนรู้ได้ง่ายขึ้น” �า รับ ลักเกณฑ์ในการ คัดเลือกราย ิชา รือเนื้อ า าระ ิชาต่างๆ บุญชม รี ะอาด (2555) ได้กล่า ไ ้ ่า “เนื้อ า ิชาที่จะจัด อน ต้องมีค ามถูกต้อง ทัน มัย มีค ามก้า น้าทาง ิทยา า ตร์ และเทคโนโลยี การเลือกเนื้อ าต้องพิจารณา แต่เนื้อ าที่ถูกต้อง ทัน มัยเท่านั้น และเป็น เนื้อ าที่ดี ามารถ ัมพันธ์กับ ิชาอื่นๆ ได้” และค รปรั บ ใ ้ มี ค ามเ มาะ มกั บ ภาพ ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น ตามแผนอภิบาลของ ภา มุกขนายกแ ่งประเท ไทย และอาจมีการ บู ร ณาการราย ิ ช าต่ า งๆ เข้ า ด้ ยกั น ใน ลั ก ณะของ ิ ช า ั ม มนา น� า กระบ นการ เรียนรู้แบบใ ม่ๆ มาใช้ในการจัดการเรียนการ อน เช่น กระบ นการของจิตตปัญญา ึก า (contemplative study) การ ึก าเชิงองค์ ร ม (holistic education) 5 แนว น ม านคุ ลั ก ะ บั ิตที่พ ประส ค ภาการ ึ ก าคาทอลิ ก ได้ ก ล่ า ถึงอัตลัก ณ์การ ึก าคาทอลิก (2551) ไ ้
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
155
อนาคตภาพ ลัก ูตร ิลป า ตรบัณฑิต าขา ิชาคริ ต า น ึก า ิทยาลัยแ งธรรม ในท รร น้า (พ. . 2557-2566)
า่ “ครูค�า อนค รตระ นักถึงค าม า� คัญ และค ามรับผิดชอบของภาระกิจนี้ จึงค ร ตอบ นองต่ อ ค� า เรี ย กร้ อ งในทุ ก ด้ า น การ นองตอบนั้นเป็น ่ น นึ่งในการรื้อฟื้นโลก นี้ เป็นการแพร่ธรรม ู่โลก” บัณฑิตที่จบการ ึก าจาก ลัก ูตรนี้ค รมีค ามรับผิดชอบ ต่องาน อน มีทัก ะในการถ่ายทอดค ามรู้ คริ ต า นธรรมอย่างมีประ ิทธิภาพ ด�าเนิน ชี ิตเป็นแบบอย่าง ปฏิบัติคุณธรรมของ คริ ตชนอย่างเข้มแข็ง มีคุณธรรม-จริยธรรม จรรยาบรรณ ิชาชีพ มีนา�้ ใจดี มีจิตอา า ซึ่ ง เป็ น ิ่ ง ที่ ั ง คมปั จ จุ บั น ต้ อ งการอย่ า งเร่ ง ด่ น ซึ่ง อดคล้องกับ เอกชัย ชินโคตร (2551) บุ ค ลากรของโรงเรี ย นคาทอลิ ก ังกัด ังฆมณฑลในท รร น้า ต้องมีจิต ิญญาณของค ามเป็นครูเป็นบุคคลแ ่งการ เรียนรู้ รู้ ิชาครู ามารถ ร้างแรงบันดาลใจ (power of inspiration) ใ ้ผู้เรียนได้เป็นผู้ อ�าน ยค าม ะด กในการเรียน (facilitator of learning) รัทธาใน ิชาชีพครู ตระ นัก ่าการเป็นครูเป็นกระแ เรียก (vocation) จากพระเจ้าเป็นผู้น�าทางจิต ิญญาณ เป็น แม่พิมพ์ พ่อพิมพ์ และเป็นปูชนียบุคคลของ นักเรียน เป็นมโนธรรมของ ังคม มีค าม ภักดีต่อองค์การ และเพื่อจะเป็นแบบอย่างแก่ นักเรียนจะต้องเป็นคนที่มีคุณธรรม (veritas)
156
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
มีค ามยุติธรรม ค ามรัก (caritas) เรียบง่าย ซื่อ ัตย์ มีอุดมการณ์ มีชี ิตภา นา มีค าม รับผิดชอบ อุทิ ตนและ ร้างชื่อเ ียงใ ้กับ โรงเรียนและ ังคม ่ นร มและประพฤติตน เป็นแบบอย่างที่ดี (gravitas) 6. ปร ิทธิภาพของ ลัก ูตร ผลการ ิจัยพบ ่า ลัก ูตร ามารถ ตอบ นองต่อปัญ าและค ามต้องการของ คริ ต์ า นจักรคาทอลิกและ ังคมได้อย่าง โดดเด่น ังคมค รเป็นผู้ได้รับประโยชน์อย่าง เต็มที่จาก ลัก ูตรนี้ ในกระบ นการจัดท�า ลัก ูตรค รเน้นผู้เรียนเป็น า� คัญ อดคล้อง กับ ิชัย ง ์ใ ญ่ (2554) ที่ ่า ผู้เรียนเป็น า� คัญ มายถึง ผู้ที่มีค าม ามารถในการ ก�ากับกระบ นการเรียนรู้ด้ ยตนเอง เกิดการ เรียนรู้ที่ลุ่มลึกใน าระ (deep knowledge) ามารถคิด ิเคราะ ์ ถักทอ (weaving) ค ามรู ้ แ ละปรั บ ประยุ ก ต์ ใช้ แ ก้ ไขปั ญ าที่ เ มาะ มกับบริบทของ ภาพแ ดล้อมร ม ทั้ง ร้างค ามรู้ได้ด้ ยตนเอง ลัก ูตมีค าม เป็น ากล และได้รับการยอมรับจาก ังคม ถาบัน รือองค์กรทั่ ไป ามารถพัฒนาต่อ ยอดในระดับปริญญาโท-ปริญญาเอก เพื่อใ ้ มีค ามลึกซึ้งมากขึ้น ลัก ูตรค รยืด ยุ่นได้ เปิดโอกา ใ ้มีผู้เข้ามารับการ ึก าได้มาก ขึ้น มีจุดเด่น รืออัตลัก ณ์ของ ลัก ูตรใน
ลลิตา กิจประมวล และสุเทพ อ่วมเจริญ
แง่ภาคปฏิบัติ ที่ อดคล้องกับเป้า มายของ ลัก ูตร ค รต้องพัฒนาใ ้เด่นชัด ผลจากการ ิจัยนี้เป็นกระบ นการ นึ่งในการพัฒนา ลัก ูตรของ ิทยาลัยแ ง ธรรมในอนาคต ซึ่งเป็นรูปแบบที่เป็นลัก ณะ เฉพาะ รือจุดเด่น ที่ท�าใ ้ ลัก ูตรมีค าม เด่นชัดในด้านต่างๆ ตามจุดมุ่ง มายของการ จัดตั้ง ลัก ูตรนี้ เพื่อ ร้างบุคลาการทาง า นาและการ ึก าที่มีค าม �าคัญต่อการ พัฒนาชุมชน ังคม และประเท ใ ้เข้มแข็ง และตอบ นองต่อการเปลี่ยนแปลงของ ังคม ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต อเสนอแนะเพ่อนา ลการวิจั ป 1 . ใ น ก า ร พั ฒ น า ลั ก ู ต ร นี้ ิทยาลัยแ งธรรมค ร ่งเ ริมและ นับ นุน ใ ้ทุกคนที่เกี่ย ข้องมี ่ นร่ มในการพัฒนา ลัก ูตร เพื่อใ ้มีค ามมั่นคง ามารถผลิต บัณฑิตเพิ่มมากขึ้น และพัฒนา ลัก ูตรได้ อย่างตรงเป้า มายของการจัดการ ึก า 2. ค รมี ก ารเชื่ อ มโยงเครื อ ข่ า ย ทางการ ึก า (MOU) กับม า ิทยาลัยทั้ง
ในและต่างประเท เพื่อยกระดับมาตรฐาน ลัก ูตรใ ้เป็น ากล ได้รับประโยชน์ทั้งด้าน การบริ าร ิชาการ ตลอดจนพัฒนา ลัก ูตร ตามมาตรฐานที่ น่ ยงานของรั ฐ ได้ างไ ้ อย่างมีประ ิทธิภาพ 3. การเตรียมบุคลากรอาจารย์ เป็น ิ่ง �าคัญและจ�าเป็นอย่างยิ่ง จึงค รมีการ ท�าค ามเข้าใจกับอาจารย์ในทิ ทางของการ พัฒนา ลัก ูตรนี้ อเสนอแนะเพ่อการวิจั ครั ต่อ ป 1. ค รมี ก าร ิ จั ย ค ามคาด ั ง ของชุมชมต่อการจัด ลัก ูตรนี้ เพื่อจะได้มี แน ทางในการพัฒนา ลัก ูตรนี้ต่อไปอย่างมี ระบบ 2. ค รมี ก าร ิ จั ย แน โน้ ม การ พั ฒ นา ลั ก ู ต รด้ า นการเรี ย นการ อนของ ลัก ูตรนี้เพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นแน ทางในการ ก�า นดนโยบาย างแผน และพัฒนาการ เรียนการ อน
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
157
อนาคตภาพ ลัก ูตร ิลป า ตรบัณฑิต าขา ิชาคริ ต า น ึก า ิทยาลัยแ งธรรม ในท รร น้า (พ. . 2557-2566)
บรรณานกรม บุญชม รี ะ าด. 2555. การพั นา ลัก ูตรแล การ ิ ัย กย กับ ลัก ูตร. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : ุ ีริยา า ์น. บุญเลี้ยง ทุมท ง. 2553. การพั นา ลัก ูตร. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ จุ าลงกรณ์ม า ิทยาลัย. คณะกรรมการที่ปรึก าด้านกฏ มาย พระ า นจักร ภายใต้ ภาพระ ังฆราชคาท ลิกแ ่งประเท ไทย. 2000ก. ปร ม ลก มายพร า น ักร บรรพ 2 ปร ชากรของ พร ้า. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ ั ัมชัญ บางรัก. ________. 2000ข. ปร ม ลก มาย พร า น ักร บรรพ น้าทการ อนของพร า น ักร. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ ั ัมชัญ บางรัก. มาเรียม นิลพันธุ์. 2555. ิธ ิ ัยทาง พ ติกรรม า ตรแล ังคม า ตร. พิมพ์ครั้งที่ 6. นครปฐม : โครงการ ่งเ ริมการผลิตต�าราและเ ก าร การ น คณะ ึก า า ตร์ ม า ิทยาลัย ิลปากร.
158
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ิชัย ง ์ใ ญ่. 2554ก. การพั นา ลัก ูตรร ับอ ม ึก า. กรุงเทพฯ : ไทย ัฒนาพานิช. ________. 2554ข. น ัตกรรม ลัก ูตร แล การ รยนรู้ ูค าม ปนพล มอง. กรุงเทพฯ : ไทย ัฒนาพานิช ภาการ ึก าคาท ลิก (ประเท ไทย). 2551. อัตลัก ณการ ึก า คาทอลิก. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ ั ัมชัญ. ใจทิพย์ เชื้ รัตน์พง ์. 2555. การ ิ ัย ้ ย ทคนิค ล าย. เข้าถึงเมื่ 9 กุมภาพันธ์ 2555. เข้าถึงได้จาก http://www.thaiedreseach.org า� นักงานคณะกรรมการการ ุดม ึก า. 2552. กรอบมาตร านคณ ิ ร ับอ ม ึก าแ งชาติ พ. . 2552 แล แน ทางการ ป ิบัติ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุ ภา ลาดพร้า .
ลลิตา กิจประมวล และสุเทพ อ่วมเจริญ
มบุญ ิลป์รุ่งธรรม. 2547. อนาคต าพ ลักสตรสิ่ แว ลอม ก าระ ับ การ ก า ันพน าน นท วรร นา ่ว ระ ว่า ปี พ 25 72557). ิทยานิพนธ์ปริญญา ม าบัณฑิต บัณฑิต ิทยาลัย าขา ิชาการ ิจัยและพัฒนา ลัก ูตร ม า ิทยาลัย รีนครินทร ิโรฒ ประ านมิตร. อภิ ิทธิ์ กฤ เจริญ. 2551. การพั นารป แบบการบริ าร ร เรี นเอก น คาทอลิกสั กั สั ม ล น ท วรร นา ิทยานิพนธ์การ ึก าดุ ฎีบัณฑิต าขา ิชาการ บริ ารการ ึก า ม า ิทยาลัย บูรพา. เอกชัย ชิณโคตร. 2551. การ ก า คาทอลิก วั นธรรมอ คการ อ ร เรี นคาทอลิก นท วรร นา กรุงเทพฯ : ปิติพานิช.
Anastasio, P.A. 1996. “The Recruitment, Selection, and Preparation of Catholic School Principals in Six Dioceses in the United States.” in ETD Collection for Fordham University (PaperAA19631019). accessed 1 January 1996. available from http://www. fordham. bepress.com/dissertations/AA19631019
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2015/2558
159
แนวทางการอภิกรณีบาลของพระศาสนจั กรคาทอลิก ด้านสิทธิมนุษยชน ศึกษามูลนิธิสงเคราะห์เด็ก พัทยา Pastoral Guidelines of The Catholic Church on Human Right : Case Study The Pattaya Orphanage. บาทหลวงยศธร ทองเหลือง
* บาทหลวงในคริสต์ศาสนจักรคาทอลิก สังกัดสังฆมณฑลจันทบุรี * มหาบัณฑิตสาขาวิชาเทววิทยาจริยธรรม วิทยาลัยแสงธรรม
บาทหลวง ดร.ออกัสติน สุกีโย ปีโตโย
* บาทหลวงในคริสต์ศาสนจักรโรมันคาทอลิก สังกัดคณะเยสุอิต * อาจารย์ประจำาหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทววิทยาจริยธรรม วิทยาลัยแสงธรรม
บาทหลวง ผศ.ดร.ชาติชาย พงษ์ศิริ
* บาทหลวงในคริสต์ศาสนจักรโรมันคาทอลิก สังกัดสังฆมณฑลจันทบุรี * อธิการบดี วิทยาลัยแสงธรรม
Rev.Yotsathon Thongluang
* Reverend in Roman Catholic Church, Chanthaburi Diocese. * Master of Arts Programe in Moral Theology, Saengtham College.
Rev.Dr.Agustinus Sugiyo Pitoyo, S.J.
* Reverend in Roman Catholic Church, Jesuit. * Lacturer of The Master of Arts Programe in Moral Theology, Saengtham College.
Rev.Asst.Prof.Dr.Chatchai Phongsiri
* Reverend in Roman Catholic Church, Chanthaburi Diocese. * President of Saengtham College.
ย ธร ทองเ ลือง ออกั ติน ุกีโย ปีโตโย และชาติชาย พง ์ ิริ
บทคั ยอ
การ ิจัยนี้มี ัตถุประ งค์เพื่อ 1) ึก า ภาพการอภิบาลของ พระ า นจักรคาทอลิกด้าน ิทธิมนุ ยชนของมูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา 2) ามารถน�าข้อมูลด้านแน ทางการอภิบาลด้าน ิทธิมนุ ยชน ของมูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา ไปใช้ประโยชน์ต่อทิ ทางแผนงาน อภิบาลของ ังฆมณฑลจันทบุรีในอนาคต กลุ่มผู้ใ ้ข้อมูลประกอบด้ ย ผู้บริ าร เจ้า น้าที่ เด็กก�าพร้า มาชิกเก่า และผู้มาเยี่ยมเยียน เครื่อง มือที่ใช้ คือ แบบ ัมภา ณ์ เก็บข้อมูลแล้ ใช้การ ิเคราะ ์เนื้อ า ผล การ ิจัยพบ ่า 1. มูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา ได้มีการดูแลเด็กทุกๆ คน ที่อา ัยอยู่ในมูลนิธิฯอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ ถานที่อยู่อา ัย อา าร ุขอนามัยพื้นฐาน และ ิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ ของค ามเป็นมนุ ย์ที่ เด็กๆ ต้องได้รับในการมีชี ิตและการอยู่รอด โดยยึดพระราชบัญญัติ คุ้มครองเด็ก 2546 ซึ่งเป็นแน ทางที่มูลนิธิฯ ได้ใช้เป็น ลักการพื้น ฐานในการปกป้องและคุ้มครองเด็กๆ ในมูลนิธิฯ ใน ิทธิต่างๆ ที่เด็กๆ ต้องได้รับ และ ่งเ ริม ิทธิในการพัฒนาการในด้านต่างๆ ของเด็กๆ ในมูลนิธิฯ อย่างต่อเนื่องตาม ักยภาพและค าม ามารถที่เด็กแต่ละ คนนั้นมี ตั้งแต่แรกเริ่มที่เด็กๆ ได้เข้ามาเป็น มาชิกของมูลนิธิฯ ไปจน กระทั่งเด็กๆ ได้จบการ ึก าปริญญาตรีและ ามารถประกอบอาชีพ เลี้ยงตนเองได้ และมูลนิธิฯ ได้เปิดโอกา ใ ้เด็กๆ ได้มี ่ นร่ มใน การแ ดงออกของค ามคิดเ ็นในกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ย กับตนเองและ มูลนิธิฯ เพื่อใ ้เด็กๆ ได้มีการกล้าแ ดงออกของค ามคิดเ ็นอย่าง อิ รเ รีภาพและกล้าที่จะมีค ามคิดริเริ่ม ร้าง รรค์ในกิจกรรมต่างๆ อย่างมีเ ตุและผลด้ ยค ามเ มาะ มและถูกต้อง ทั้งนี้ เพื่อเด็กๆ จะ ได้เจริญเติบโตเป็นคนดีและ ามารถกลับไปด�าเนินชี ิตอยู่ใน ังคมได้ อย่างเป็นปกติ ุขดังเดิม
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธัน าคม 2015/2558
161
แน ทางการอภิบาลของพระ า นจักรคาทอลิก ด้าน ิทธิมนุ ยชน กรณี ึก ามูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา
2. แน ทางการอภิบาลของพระ า นจักรคาทอลิกด้าน ิทธิ มนุ ยชนแก่เด็กก�าพร้า คือ 1) การคัดเลือกเจ้า น้าที่และบุคลากร ที่มีจิตตารมณ์ค าม ุภาพ อุทิ ตั เ ีย ละ มีเมตตา และใ ้อภัย มา ดูแลเด็กก�าพร้า 2) การอบรมและการ ล่อ ลอมคุณธรรมจริยธรรม ที่ดีค บคู่ไปกับการใ ้การ ึก าที่ดีอย่าง ม�่าเ มอในขณะที่เด็กยัง เป็น มาชิกของมูลนิธิฯ 3) การใ ้ค าม �าคัญในเรื่อง ิทธิมนุ ยชน ของมนุ ย์ทุกคน ซึ่งตรงกับค ามคาด ังของเด็กก�าพร้าในปัจจุบัน 4) การใ ้โอกา เด็กในการเรียนรู้ เพิ่มประ บการณ์นอก ถานที่ 5) การพัฒนาอาคาร ถานที่ภายในมูลนิธิฯ 6) การประชา ัมพันธ์ ทาง ื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง คา าคั Abstract
162
1) แน อภิบาลพระ า นจักรคาทอลิก 2) ิทธิมนุ ยชน 3) มูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก
This research aims to: 1) Address the state of pastoral care of Catholic Church on human rights in Pattaya Orphanage. 2) Utilize the data of pastoral care direction on human rights in PattayaOrphanage, when planning for the future pastoral direction of Chanthaburi Diocese. Participants were included Pattaya orphanage’s administrators, officials, former actual orphans, orphans and the visitors. The data were collected through the interview then, analyzed by using content analysis. The results showed that : 1. The Pattaya Orphanage has contributed to instruct and discipline with the best morality to orphans,
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ย ธร ทองเ ลือง ออกั ติน ุกีโย ปีโตโย และชาติชาย พง ์ ิริ
directly and through various activities based on providing children the good educations starting from the first level up to the highest level, since education is needed to make a true human development. The ultimate aim of Pattaya Orphanage, running itself according to the Royal Thai laws for protection of children year 2003, is to fully creating charity, family, security and protection for children in order to guarantee that they can grow up and become mature and valuable citizens and finally can live their life fully human dignity. 2. The guidelines of the pastoral care of the Catholic Church on human rights for the orphans are : 1) Choosing officials and stuff based on having the spirit of politeness, sacrifice, kindness, and forgiveness when they take care of orphans. 2) Instructing and preaching good moral should be done together with giving good education while they are in the orphanage. 3) Emphasizing on human rights of all human beings which the present orphans expect. 4) Giving more opportunities on studying to widen their experience offsite. 5) Developing the building and surrounding inside Pattaya Orphanage. 6) Publicizing public relations on varieties continually.
1) Pastoral Guideline of The Catholic Church 2) Human Right 3) The Pattaya Orphanage
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธัน าคม 2015/2558
163
แน ทางการอภิบาลของพระ า นจักรคาทอลิก ด้าน ิทธิมนุ ยชน กรณี ึก ามูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา
ทีมาและค าม าคั ของ า เนื่องจาก ่าเด็กและเยา ชนใน ันนี้ก็ คืออนาคตของประเท ชาติใน ันข้าง น้า คง ไม่มีใครปฏิเ ธค ามจริงในเรื่องนี ้ ดังนั้น ใน ปัญ าเด็กก�าพร้าใน ังคมไทย รือชาติใดๆ ในโลกล้ นเป็นปัญ าที่ �าคัญปัญ า นึ่งที่ ค รต้อง ันมาใ ้ค าม นใจ เพราะอนาคต ของชาติไม่ ่าจะเป็นชนชาติใดก็ตาม บรรดา เด็ ก และเยา ชนใน ั น นี้ ย่ อ มเป็ น ค าม ั ง และอนาคตของประเท ชาติใน ันข้าง น้า อย่างแน่นอน จ�าน นเด็กไทยที่เร่ร่อนมีจ�าน นมาก ขึ้นทั่ ประเท ขณะนี้มีประมาณ 30,000 คน เพิ่มมากขึ้นจากปี พ. . 2549 ถึง พ. . 2551 ที่ประเมิน ่ามีเด็กเร่ร่อน 15,000 – 20,000 คน ขณะที่ครูที่ช่ ยเ ลือเด็กเร่ร่อน รือครูข้างถนนมีเพียง 150 คน เมื่อ �าร จ เชิ ง ลึ ก จะพบ ่ า เด็ ก เร่ ร่ อ นเมื่ อ ิ บ ปี ที่ แ ล้ ่ นใ ญ่มีอายุ 3-11ปี แต่ปัจจุบันเด็กเร่ร่อน มีอายุมากขึ้น ่ นใ ญ่ 14-24 ปี และเข้า ู่ ครอบครั ัยรุ่นอย่างร ดเร็ อีกทั้งยังมีอาชีพ ขายบริการทางเพ มากขึ้น เพราะได้เงินง่าย �า รับเด็กเร่ร่อนในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ แ ล่ง ที่มีเด็กเร่ร่อนอา ัยอยู่มากที่ ุดคือ ะพาน พุทธ ั ล�าโพง นลุมพินีและ นาม ล ง ่ นต่ า งจั ง ั ด ก็ จ ะมี อ ยู่ ที่ เ มื อ งพั ท ยาเป็ น
164
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
อันดับ นึ่ง รองลงมาคือ จัง ัดเชียงใ ม่และ ภูเก็ต ทุก ันนี้จ�าน นเด็กเร่ร่อนมีแน โน้ม มากขึ้น โดยเฉพาะช่ ง ัยรุ่นเพราะต้องการ ค ามอิ ระ ไม่อยากอยู่ภายใต้การค บคุม ของพ่อแม่ อยากใช้ชี ิตอยู่กับเพื่อน ซึ่งเกิด จากปัญ าครอบครั ที่ผลักดันใ ้เด็กออกไป ใช้ชี ิตเร่ร่อน กลายเป็นเด็กไม่มี ุฒิทางการ ึก า ไม่มีเอก ารแ ดงตั ท�าใ ้ขาดโอกา ในด้านต่างๆ เ มือนเด็กทั่ ไป ปั จ จุ บั น ปั ญ าเด็ ก ก� า พร้ า เป็ น ปั ญ า � า คั ญ ของ ั ง คมท้ อ งถิ่ น และ ั ง คม โลก พระ า นจักรคาทอลิกโดยองค์ มเด็จ พระ ันตะปาปา ยอ ์น ปอล ที่ 2 ได้ใ ้ ค าม �าคัญกับเรื่อง คุณค่าและ ักดิ์ รีค าม เป็นมนุ ย์ในงานเขียนของพระองค์ ทั้งการ อธิบายถึงค�า ่า “มนุ ย์” โดยยืนยันค�า อน ในพระคั ม ภี ร์ ่ า “มนุ ย์ เ ป็ น ิ่ ง ร้ า งและ เป็นภาพลัก ณ์ของพระเจ้า” (ค าม ่ งใย เรื่อง ังคม, 1987) ซึ่งทุกชี ิตที่ได้ถือก�าเนิด มาบนโลก ค รได้รับการใ ้เกียรติและค าม เคารพในฐานะค ามเป็นมนุ ย์อย่างเท่าเทียม กัน และเรื่องของคุณค่าของชี ิต ในพระ ร ารแ ่งชี ิต (1995) ที่ระบุไ ้ ่า คุณค่า ของชี ิ ต มนุ ย์ อั น มิ อ าจละเมิ ด และท� า ร้ า ย ได้ จงเคารพ (Respect) ปกป้อง (Protect) รัก า (Love) และดูแล (Serve) ชี ิตมนุ ย์
ย ธร ทองเ ลือง ออกั ติน ุกีโย ปีโตโย และชาติชาย พง ์ ิริ
ชี ิตของทุกคน (Every human life) การ กระท�าเช่นนี้เท่านั้น ันติภาพและค าม ุข จะเกิดขึ้นภายในผู้ปฏิบัตินั้น และใน Evangelium Vitae (1995) รุปได้ ่า ชี ิตมนุ ย์ ตั้ ง แต่ เ กิ ด จนตายจึ ง เป็ น ิ่ ง มี คุ ณ ค่ า มี ค าม ักดิ์ ิทธิ์และต้องได้รับค ามเคารพจาก ังคม มนุ ย์ทุกคน ร มทั้งเด็กก�าพร้า จึงเป็นภาพ ลัก ณ์ของพระเจ้า เป็นบุคคลที่มีคุณค่า ที่ ค รได้รับการใ ้เกียรติ เคารพ ดูแลรัก า จากเพื่อนมนุ ย์ด้ ยกันทุกๆ คน และโดย เฉพาะจากพระ า นจักร พระเจ้ า ทรงเผยใ ้ ม นุ ย์ ไ ด้ รู้ ่ า “พระเจ้ า ทรงเป็ น ค ามรั ก ” โดยทางองค์ พระเยซูเจ้า และค ามรักนี้เองเป็น ั ใจ เป็น รากฐานชี ิต และพันธกิจของพระ า นจักร ในทุ ก มิ ติ ซึ่ ง ามารถเ ็ น ได้ เ ด่ น ชั ด ในงาน เมตตา งเคราะ ์ และค� า อนด้ า น ั ง คม ของพระ า นจักรตลอดเ ลาที่ผ่านมา เพื่อ กระตุ้นใ ้เกิดค ามตระ นักในคุณค่า และ ักดิ์ รีที่เท่าเทียมกันของมนุ ย์ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งพันธกิจในการอภิบาลด้านค ามรัก เมตตา และการรับใช้ผู้รอคอยโอกา ใน ังคม ผู้อพยพ ย้ายถิ่น ตรี เด็ก ผู้ ูงอายุ ผู้พิการ เด็กก�าพร้า ผู้ถูกคุมขัง ผู้เดินทางทะเล ผู้ไร้ที่ อยู่อา ัย ผู้ไร้ ัญชาติและกลุ่มชาติพันธ์ ใน ถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อเป็นมโนธรรมของ
งั คมในค�า อนของพระ า นจักร และท�าใ ้ เกิดกระแ ัฒนธรรมแ ่งค ามรักและการ แบ่งปัน ค ามยุติธรรม และ ันติ ุขใน ังคม อา ั ย การประ านค ามร่ มมื อ ในทุ ก ภาค ่ น ร มทั้งการร่ มมือกันในการดูแลรัก า ธรรมชาติ และ ิ่งแ ดล้อมที่พระเจ้าทรง ร้าง และประทานใ ้อยู่ในการปกครองดูแลของ มนุ ย์ใ ้เกิดค าม มดุลใน ังคมโลกอย่าง ยั่งยืนต่อไป มูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา เป็น ถาน งเคราะ ์ที่เป็นของ ังฆมณฑลจันทบุรี ได้จัดตั้งขึ้น เพื่อใ ้การช่ ยเ ลือและดูแล อภิบาลบรรดาเด็กก�าพร้าและบรรดาเด็กที่ ผู้เป็นพ่อและแม่ไม่ ามารถใ ้การอุปการะ เลี้ยงดูได้ มูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา ได้ ใ ้ ก ารช่ ยเ ลื อ บรรดาเด็ ก ก� า พร้ า ในด้ า น ิทธิมนุ ยชนขั้นพื้นฐานในค ามเป็นมนุ ย์ ที่พ กเขาค รต้องได้รับ เช่น การใ ้ค าม ช่ ยเ ลือในด้านที่พักอา ัย การใ ้การ ึก า การใ ้การดูแลเรื่อง ุขอนามัยพื้นฐานในเรื่อง ของ ุขภาพ การอบรมคุณธรรมและจริยธรรม ฯลฯ อย่างไรก็ตาม การอภิบาลเด็กก�าพร้า ของมูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา ก็ค รจะ ต้องมีการพัฒนาในการดูแลและพัฒนาใ ้ดี มากยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ในการอภิบาลเด็ก ก�าพร้าที่มูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา ร มไป
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธัน าคม 2015/2558
165
แน ทางการอภิบาลของพระ า นจักรคาทอลิก ด้าน ิทธิมนุ ยชน กรณี ึก ามูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา
ถึงเด็กก�าพร้าในแ ล่งอื่นๆ ด้ ย ทั้งนี้ก็เพื่อ ประโยชน์ ูง ุดอันจะเกิดแก่ ังคมและพระ า นจักรคาทอลิก ั ุ ระ งค์ของการ ิจัย 1. เพื่อ ึก า ภาพการอภิบาลของ พระ า นจั ก รคาทอลิ ก ด้ า น ิ ท ธิ ม นุ ยชน ของมูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา 2. เพื่ อ ึ ก าแน ทางการอภิ บ าล ด้าน ิทธิมนุ ยชน ของมูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา ขอบเข ของการ ิจัย กรอบแน คิดของการ ิจัย 1.1 แน ทางการอภิ บ าลของพระ า นจักรคาทอลิก ในค�า อนด้าน ังคม เรื่อง ิทธิมนุ ยชน ได้แก่ พระ มณ า ์น (พระ ร ารแ ่งชี ิต Evangelium Vitae, พระเจ้า คือค ามรัก Deus Caritas Est, Caritas in Veritate, ค าม ่ งใยเรื่อง ังคม Sollicitudo Rei Socialis) ฯลฯ 1.2 แน ทางการช่ ยเ ลื อ เด็ ก ก�าพร้าของ น่ ยงานภาครัฐ รือเอกชน เช่น ถาน งเคราะ ์เด็กก�าพร้า บ้านน�าพร ถาน งเคราะ ์เด็กก�าพร้า บ้านเด็กดี มูลนิธิเด็ก โ ะแ ่ ง ประเท ไทยในพระบรมราชิ -
166
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
นูปถัมภ์ มาคม งเคราะ ์บ้านเด็กก�าพร้า แ ่งประเท ไทย กลุม ู้ ้ข้อมูล 2.1 เด็กก�าพร้า 2.2 ผู้บริ ารและเจ้า น้าที่ 2.3 มาชิกเก่า 2.4 ผู้มาเยี่ยม นิยาม ัพท์เ พาะ แน ทางการอภิ บ าลของพระ า นจั ก รคาทอลิ ก ด้ า น ิ ท ธิ ม นุ ยชน มายถึง แน ทางที่พระ า นจักรคาทอลิก ได้ใ ้ค ามเคารพ ใ ้เกียรติ ปกป้อง และ ช่ ยเ ลือมนุ ย์ทุกคน ใ ้ได้รับ ิทธิต่างๆ ตาม ิ ท ธิ ใ นค ามเป็ น มนุ ย์ ข องเขา โดย ิทธิอันมิอาจล่ งละเมิดได้อันเป็น ิทธิที่ได้ มาด้ ยการเป็นมนุ ย์เท่านั้น และเป็น ิทธิ ที่เป็น ากลและเท่าเทียมกัน �า รับมนุ ย์ทุก คน ได้แก่ 1) ิทธิในชี ิตและการอยู่รอด มายถึง มนุ ย์ทุกคนซึ่งได้ถือก�าเนิดมาบน โลก ต้องได้รับ ิทธิในค ามเป็นมนุ ย์ในการ ได้ รั บ การค�้ า จุ น และการดู แ ลใ ้ มี ชี ิ ต และ การอยู่รอดใน ังคม 2) ิทธิในการได้รับ การปกป้องคุ้มครอง มายถึง มนุ ย์ทุกคน ต้ อ งได้ รั บ ิ ท ธิ ด ้ ยการได้ รั บ การใ ้ เ กี ย รติ และเคารพในคุ ณ ค่ า และ ั ก ดิ์ รี ข องค าม
ย ธร ทองเ ลือง ออกั ติน ุกีโย ปีโตโย และชาติชาย พง ์ ิริ
เป็นมนุ ย์ ในการได้รับการปกป้องคุ้มครอง ทางด้านร่างกายและจิตใจอย่างเท่าเทียมกัน �า รับมนุ ย์ทุกคน 3) ิทธิในการพัฒนา มายถึง มนุ ย์ทุกคนต้องได้รับ ิทธิในการ ได้รับการพัฒนาการในด้านต่างๆของค าม เป็นบุคคลมนุ ย์ทั้งครบอย่างต่อเนื่อง เพื่อ ที่ จ ะได้ เ ป็ น พลเมื อ งที่ ดี ข อง ั ง คมต่ อ ไปใน อนาคต และ 4) ิทธิในการมี ่ นร่ ม มาย ถึง มนุ ย์ทุกคนต้องได้รับ ิทธิและเ รีภาพใน การแ ดงออกของค ามคิดเ ็น ทั้งด้ ย าจา และการกระท�ากิจการต่างๆอย่าง ร้าง รรค์ และเป็นประโยชน์ ทั้งต่อตนเอง บุคคลรอบ ข้าง และ ังคม อย่างมีเ ตุและผลในค าม เ มาะ มและถูกต้อง มลนิธิ งเคราะ ์เ ก พัทยา มาย ถึง ถานที่ใ ้การอุปการะเลี้ยงดูและพัฒนา เด็กก�าพร้าที่จ�าต้องได้รับการ งเคราะ ์ ตั้ง อยู่เลขที่ 384 มู ่ 6 ถนน ุขุม ิท กิโลเมตร 144 ต�าบลนาเกลือ อ�าเภอบางละมุง จัง ัด ชลบุร ี 20150 ปกครองดูแลโดย ังฆมณฑล จันทบุรี ประโยชน์ที่คา า ะ รับ 1. ทราบถึงแน ทางในการอภิบาล ของพระ า นจักรคาทอลิกต่อเด็กก�าพร้าใน มูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา
2. ามารถน� า ข้ อ มู ล ด้ า นแน ทาง การอภิบาล ด้าน ิทธิมนุ ยชน ของมูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา ไปประยุกต์ใช้เพื่อ ประโยชน์ ต่ อ ทิ ทางแผนงานอภิ บ าลของ ังฆมณฑลจันทบุรีในอนาคต รุปและอ ิปราย ล 1 าพการอ ิ บ าล องพระ า น ักรคาทอลิกตอเ กกาพรา นมลนิธิ งเคราะ ์เ ก พัทยา ภาพการอภิบาลของพระ า นจักร คาทอลิ ก ของมู ล นิ ธิ งเคราะ ์ เ ด็ ก พั ท ยา พบ ่ามี การดูแลเด็กๆ ทุกคนที่อา ัยอยู่ ในมูลนิธิฯ อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ ถานที่ อยู่อา ัย อา าร ุขอนามัยพื้นฐานในการ ด� า รงชี ิ ต และการดู แ ลด้ ยการปกป้ อ ง คุ้มครองทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ โดย ยึด ลักการจากพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ. . 2546 เป็น ลักการพื้นฐานในการดูแล เด็กๆ ทุกคนในมูลนิธิฯ ซึ่งมูลนิธิฯ ได้มีการ บริ ารจั ด การอย่ า งเป็ น ระบบแบบแผนใน การดูแลและ ่งเ ริม ิทธิในการพัฒนาการ ในด้านต่างๆ ของเด็กๆ อย่างต่อเนื่องตาม ักยภาพและ ติปัญญาของเด็กแต่ละคนไป จนจบการ ึ ก าปริ ญ ญาตรี เ ป็ น อย่ า งน้ อ ย อีกทั้ง มูลนิธิฯ ได้เปิดโอกา ใ ้เด็กๆ ได้มี
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธัน าคม 2015/2558
167
แน ทางการอภิบาลของพระ า นจักรคาทอลิก ด้าน ิทธิมนุ ยชน กรณี ึก ามูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา
่ นร่ มในการแ ดงออกของค ามคิดเ ็นใน กิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ย กับตนเองและมูลนิธิฯ อย่ า ง ร้ า ง รรค์ ใ นค ามเ มาะ มและถู ก ต้อง ที่เป็นเช่นนี้เพราะ ภาพการอภิบาล ของพระ า นจักรคาทอลิกด้าน ิทธิมนุ ยชนของมูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา เป็นงาน ังคม งเคราะ ์ที่ช่ ยเ ลือและเปิดโอกา ใ ้ กับชี ิตของเด็กๆ อีก ลายๆ ชี ิตที่ต้องการ ค ามช่ ยเ ลืออย่างจ�าเป็นเร่งด่ น เพื่อที่ พ กเขาจะ ามารถเจริ ญ เติ บ โตเป็ น ผู้ ใ ญ่ ที่ ดี แ ละเป็ น พลเมื อ งที่ ดี ข อง ั ง คมต่ อ ไปใน อนาคต ซึ่ง อดคล้องกับแน ทางการอภิบาล ของพระ า นจักรคาทอลิก ภาพการอภิบาลของพระ า นจักร ต่อบรรดาเด็กก�าพร้าในมูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา โดย ังฆมณฑลจันทบุรี เป็นผู้ดูแล รับผิดชอบมูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา ซึ่ง เป็นงาน ังคม งเคราะ ์ที่เ ็นเป็นรูปธรรม งาน นึ่งที่เป็นการเยีย ยาและแก้ไขปัญ า ที่ � า คั ญ ประการ นึ่ ง ของ ั ง คมไทย โดย เฉพาะอย่างยิ่งปัญ าเด็กก�าพร้าก็เป็นปัญ า ที่ � า คั ญ ประการ นึ่ ง ที่ ั ง คมไทยเราก� า ลั ง เผชิญอยู ่ โดยแท้จริงแล้ ปัญ าเด็กก�าพร้าก็ เป็นปัญ าที่ ืบเนื่องและเป็นผลลัพธ์มาจาก ปัญ าอื่นๆ เช่น ปัญ าการมีเพ ัมพันธ์ ก่อน ัยอันค ร ปัญ าการ ย่าร้าง ปัญ า
168
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ครอบครั แตกแยก ปัญ าโ เภณี ปัญ า การไม่ างแผนครอบครั ฯลฯ ซึ่งในปัญ า เ ล่านี้ รือปัญ าอื่นๆ ที่อาจเป็น าเ ตุและ ต้ น ตอที่ ก่ อ ใ ้ เ กิ ด ปั ญ าเด็ ก ก� า พร้ า ในเ ลา ต่อมา และ ากลองพิจารณาใ ้ดีถึงเบื้องลึก และรากเ ง้าของปัญ าที่ได้กล่า มาข้างต้น ในทุกๆ ปัญ านั้นได้ อดคล้องและมี ่ น เกี่ย ข้องกับการลดทอนคุณค่าและ ักดิ์ รี ค ามเป็นมนุ ย์ ซึ่งร มไปถึงการละเมิด ิทธิมนุ ยชนด้ ย และ ากมีการตระ นักและ เ ็ น คุ ณ ค่ า ั ก ดิ์ รี ค ามเป็ น มนุ ย์ ทั้ ง ของ ตนเองและผู้อื่นแล้ ในปัญ าที่ได้กล่า มา ข้างต้นก็คงจะไม่เกิดปัญ าต่างๆ เ ล่านี้ขึ้น ใน ังคมไทยเรา ซึ่ง มายร มไปถึงปัญ าเด็ก ก�าพร้าและปัญ าเด็กเร่ร่อนที่ ังคมไทยเรา ก�าลังเผชิญอยู่ใน ังคมยุคนี้อีกด้ ย มูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา ได้ ด� า เนิ น งานภายใต้ ก ารดู แ ลของ ั ง ฆมณฑล จันทบุรีในการใ ้ค ามช่ ยเ ลือและอุปการะ ชี ิตของบรรดาเด็กๆ จ�าน นมากที่พ่อแม่ ไม่ ต ้ อ งการ รื อ พ่ อ แม่ ไ ม่ ามารถเลี้ ย งดู พ กเขาได้ โดยทางมูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา ได้เปรียบเ มือนบ้าน ลังใ ม่ของ เด็กๆ ซึ่งใ ้การอุปการะและค�้าจุนชี ิตของ บรรดาเด็ ก ก� า พร้ า ไปจนพ กเขา ามารถ เจริญเติบโตเป็นผู้ใ ญ่ที่ดีและ ามารถด�ารง
ย ธร ทองเ ลือง ออกั ติน ุกีโย ปีโตโย และชาติชาย พง ์ ิริ
ชี ิ ต ได้ ด ้ ยตนเองและกลั บ คื น ู ่ ก ารเป็ น พลเมืองที่ดีและมีคุณภาพของ ังคมไทยต่อ ไป ดังที่ได้ อดคล้องกับ ังฆมณฑลจันทบุรี ได้มีแผนอภิบาล ังฆมณฑลจันทบุร ี คริ ตักราช 2011-2015 โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน แผนงานด้าน ังคม “พันธกิจรัก รับใช้ และ เป็นมโนธรรมของ ังคม” ได้กล่า ถึง การ อยู่ร่ มกันของมนุ ย์ใน ังคมเป็นการ ะท้อน ภาพลัก ณ์ของพระเจ้า ใน ิถีชี ิตที่อุดมไป ด้ ยการปฏิบัติตามจิตตารมณ์พระ ร ารร ม ถึงการ ืบทอดพันธกิจในการ ร้างและการ ดูแลปกครอง ิ่ง ร้างและธรรมชาติที่พระเจ้า ทรงมอบ ไ ้ในค ามดูแลของมนุ ย์ “พระเจ้า ทรง ร้างมนุ ย์ตามภาพลัก ณ์ของพระองค์ พระองค์ ท รง ร้ า งเขาตามภาพลั ก ณ์ ข อง พระเจ้า พระองค์ทรง ร้างใ ้เป็นชายและ ญิง ดังนั้น พระ า นจักรจึงต้องพยายาม ปกป้อง ่งเ ริม พัฒนาคุณภาพชี ิต ักดิ์ รี และ ิทธิมนุ ย์ในฐานะบุตรของพระเจ้า ใน เด็ก เยา ชน ตรี ผู้ ูงอายุและกลุ่มพิเ ต่างๆ ด้ ยการเ ริม ร้างโอกา และพัฒนา ักยภาพ ใ ้มีค ามภูมิใจใน ักดิ์ รีการเป็น มนุ ย์ เป็นบุตรของพระเจ้า ตระ นักใน บทบาท น้ า ที่ ข องตน โดยเฉพาะอย่ า งยิ่ ง คุณค่าของครอบครั มนุ ย์ที่เป็น น่ ยย่อยที่ �าคัญใน ังคม เพื่อใ ้บุคคลเ ล่านั้นได้มีชี ิต
และมีชี ิตอย่าง มบูรณ์ การด�าเนินงานของมูลนิธิ งเคราะ ์ เด็ก พัทยา ได้ อดคล้องกับแผนอภิบาล ังฆมณฑลจันทบุรี คริ ต ักราช 20112015 ในบทที ่ 3 ข้อที ่ 1 มีการพัฒนาค าม รู้ค ามเข้าใจค�า อนพระ า นจักรด้าน ังคม เพื่อใ ้เกิดการรับรู้ต่อปัญ าจริยธรรมที่เกิด ขึ้น และ ร้างค ามตระ นักใน น้าที่ ค าม รับผิดชอบต่อ ังคมใ ้คริ ตชนทุกกลุ่ม ทุก ระดับ ข้อที ่ 2 เป็นการ ่งเ ริมบทบาทฝ่าย ังคมในระดับ ัดและระดับแข งใ ้มีค าม เข้มแข็งยิ่งขึ้น ทั้งในด้านเมตตา งเคราะ ์ และงานพัฒนาคุณภาพชี ิต เกิดการรณรงค์ การแบ่งปันด้ ยรักใน ถาบันครอบครั ัด โรงเรียน ชุมชน ในโอกา ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ข้อที ่ 3 เป็นการ ร้างเครือข่ายและค าม ัมพันธ์ ระ ่างองค์กร น่ ยงาน ถาบัน ที่ท�างานเมตตา งเคราะ ์กับกลุ่มเป้า มาย ใ ้มีค ามเข้มแข็ง ประ านการท�างาน ใน บทบาท น้าที่อย่างชัดเจนในระดับต่างๆ ข้อ ที่ 4 มีการจัด รรงบประมาณใ ้เพียงพอเพื่อ งานพัฒนาและงานเมตตา งเคราะ ์ พร้อม ร้างค ามร่ มมือ ประ าน ัมพันธ์ การ นั บ นุ น กั บ องค์ ก รเอกชนและ น่ ยงาน ของภาครัฐ และข้อที่ 5 จัดระบบการเตรียม บุคลากรและคณะผู้ท�างานด้าน ังคมทั้งพระ
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธัน าคม 2015/2558
169
แน ทางการอภิบาลของพระ า นจักรคาทอลิก ด้าน ิทธิมนุ ยชน กรณี ึก ามูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา
งฆ์ นักบ ช และฆรา า ทุกระดับใ ้มีค าม ต่อเนื่อง และ านต่องานได้ตามพันธกิจและ เป้า มายของพระ า นจักร (แผนอภิบาล ังฆมณฑลจันทบุรี, 2554) ในงาน ั ง คม งเคราะ ์ ที่ มู ล นิ ธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา ได้ด�าเนินการช่ ย เ ลื อ บรรดาเด็ ก ๆ ที่ ไ ด้ ก ลายมาเป็ น เด็ ก ก�าพร้าด้ ย าเ ตุและปัจจัยต่างๆ มากมาย โดยผ่ า นทางการดู แ ลและรั บ ผิ ด ชอบของ ังฆมณฑลจันทบุรี ท�าใ ้เ ็นได้ ่ากิจการและ งาน ังคม งเคราะ ์ที่มูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา ได้ใ ้การช่ ยเ ลือบรรดาเด็กก�าพร้า ก็เป็นการยกระดับและคืนคุณค่าและ ักดิ์ รี ค ามเป็นมนุ ย์ ซึ่งร มไปถึง ิทธิมนุ ยชนใ ้ กลับคืนมา ู่บรรดาเด็กก�าพร้า ซึ่งพ กเขาได้ เคยถูกลดทอนและริดรอนคุณค่าและ ักดิ์ รี ค ามเป็ น มนุ ย์ แ ละ ิ ท ธิ ม นุ ยชนจากผู้ ที่ เป็ น พ่ อ แม่ รื อ ผู้ ป กครองที่ ไ ด้ ล ดทอนและ ริดรอนคุณค่าและ ักดิ์ รีค ามเป็นมนุ ย์ ซึ่ง ร มไปถึง ิทธิมนุ ยชนที่พ กเขาค รต้องได้ รับในฐานะเป็นบุตรและเป็น มาชิกคน นึ่ง ใน ังคม ด้ ยการบกพร่องและละเลยต่อการ รับผิดชอบต่อชี ิตของบรรดาเด็กๆ ที่เป็นบุตร ในครอบครั และเป็น มาชิกของ ังคม ดังนั้น ท�าใ ้เราเ ็นได้ ่า พระเมตตา และค ามรักของพระเจ้า ยังมีใ ้กับเรามนุ ย์
170
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
อยู่เ มอๆ ซึ่งตั อย่างที่เ ็นได้อย่างชัดเจนก็ คือ ชี ิตของบรรดาเด็กๆ ก�าพร้าที่อา ัยอยู่ ในมูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา ซึ่งพระเมตตา และค ามรักของพระเจ้า ได้ผ่านมาทางผู้ มีน�้าใจดีทั้งชา ไทยและชา ต่างชาติที่ยังคง ผลัดเปลี่ยนกันมาช่ ยเ ลือ เยี่ยมเยียนและ เป็นก�าลังใจใ ้กับมูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา ด้ ยการบริจาคปัจจัยต่างๆ ไม่ ่าจะเป็นเงิน รือ ิ่งของต่างๆ ที่จา� เป็นในการด�ารงชี ิต ประจ�า ัน า� รับบรรดาเด็กๆ ก�าพร้าอย่าง ต่อเนื่องในทุกๆ ัน ซึ่งมูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา จึงเป็นเ มือนบ้าน ลังใ ม่ที่พร้อมจะ โอบอุ้ม ค�้าจุน ่งเ ริม นับ นุน ล่อ ลอม และขัดเกลาบรรดาเด็กๆ ก�าพร้าใ ้ มีชี ิตใ ม่ เพื่อที่ ่า ัก ัน นึ่งบรรดาเด็กๆ ก�าพร้าเ ล่านี้จะได้กลับไปด�าเนินชี ิตเป็น พลเมืองที่ดีและมีคุณภาพของ ังคมต่อไปใน ภายภาค น้า ทั้งนี ้ มูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา ยังเปรียบเ มือนแ ล่งเรียนรู้ที่ดีที่ ท�าใ ้เราได้ตระ นักถึงบทเรียนแ ่งชี ิตอัน ล�า้ ค่า ดังที่ ยัง มารี ดังโตแนล (2551) ได้ อธิบาย ่า ทุกๆ ชี ิตของมนุ ย์นั้นมีคุณค่า ักดิ์ รีและ ิทธิมนุ ยชนที่มนุ ย์แต่ละคน ต้องได้รับอย่างเท่าเทียมกัน เมื่อชี ิตใดชี ิต นึ่งได้ถือก�าเนิดมาบนโลก ชี ิตนั้นๆ ต้องได้ รับคุณค่า ักดิ์ รีค ามเป็นมนุ ย์และ ิทธิ-
ย ธร ทองเ ลือง ออกั ติน ุกีโย ปีโตโย และชาติชาย พง ์ ิริ
มนุ ยชนในการด�าเนินชี ิตอย่างเท่าเทียมกัน กับชี ิตอื่นๆ ใน ังคมโลกด้ ยเช่นเดีย กัน 2 แน ทางการอ ิ บ าล องพระ า น ักรคาทอลิก าน ิทธิมนุ ยชน พบ ่า 1) การคัดเลือกบุคลากรที่มี ใจรักเด็ก ุภาพ เ ีย ละ อุทิ ตน เข้ามา ท�างานในมูลนิธิฯ และการจัด าบุคลากรใ ้ เพียงพอกับงานบาง ่ นในมูลนิธิฯ 2) การ อบรมขัดเกลาและใ ้โอกา ทางการ ึก าที่ ดี ที่ ุ ด ตาม ั ก ยภาพด้ า น ติ ปั ญ ญาของเด็ ก แต่ละคน 3) การ ร้างทั นคติในเชิงบ ก ใ ้กับเด็กๆ ในมูลนิธิฯ ่ามูลนิธิฯ เป็นบ้าน ลังใ ม่ที่พร้อมจะดูแลเอาใจใ ่และ ่งเ ริม ใ ้พ กเขาได้รับชี ิตใ ม่ 4) การใ ้โอกา เด็กในการเรียนรู้ เพิ่มประ บการณ์ นอก ถานที่ 5) การพัฒนาอาคาร ถานที่ภายใน มูลนิธิฯ 6) การประชา ัมพันธ์ทาง ื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ที่เป็นเช่นนี้เพราะ แน ทาง การอภิบาลของพระ า นจักรด้าน ิทธิมนุ ย ชน ค รประกอบไปด้ ยปัจจัย รือ ิธีการ ต่างๆ ทั้งในด้านบุคลากร การจัดการ ึก า อบรม ด้านอาคาร ถานที ่ รือแม้แต่ด้าน การประชา ัมพันธ์ ใ ้ อดคล้องกับแน คิด เรื่องคุณค่าและ ักดิ์ รีค ามเป็นมนุ ย์และ ิทธิมนุ ยชนในด้านต่างๆ ดังนี้
2.1 การคัดเลือกบุคลากรที่มีใจรัก เด็ก ุภาพ เ ีย ละ อุทิ ตน เข้ามาท�างาน ในมูลนิธิฯ และการจัด าบุคลากรใ ้เพียง พอกับงานบาง ่ นในมูลนิธิฯ ก็เป็นการคืน ิทธิที่บรรดาเด็กๆ เ ล่านั้น ูญเ ียไปใ ้กลับ คืนมายังพ กเขา ดังพบอยู่ในพันธ ัญญาเดิม �า รับการประกา ค ามยุติธรรมและเมตตา (Justice and Charity) ก�า นดค าม ัมพันธ์ ทาง ังคม แล้ พัฒนาไปทีละเล็กทีละน้อย จน เป็นที่ยอมรับกัน ่าทุกคน โดยเฉพาะคนจน คนแปลก น้า แม่ ม้าย เด็กก�าพร้า และผู้ ที่ทุกข์ต้องได้รับค ามช่ ยเ ลือ ซึ่งใน นัง ือ เฉลยธรรมบัญญัติ บทที่ 10 ข้อที ่ 18 กล่า ่า “พระองค์ประทานค ามยุติธรรมแก่ลูก ก�าพร้าและแม่ ม้ายและทรงรักคนต่างด้า ประทานอา ารและเครื่องนุ่ง ่มแก่เขา” ซึ่ง เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน �า รับการคัดเลือก และการเลือก รรผู้ที่จะเข้ามาท�างานภายใน มู ล นิ ธิ ฯ ทั้ ง นี้ เ นื่ อ งด้ ยบุ ค ลากรที่ ท� า งาน ภายในมูลนิธิฯ ต้องมีบทบาท น้าที่มากก ่า การเป็นแค่เจ้า น้าที่ รือการท�า น้าที่ต่างๆ เพียงแค่เป็น น้าที่เท่านั้น แต่ต้องพร้อมที่จะ เป็นทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งพี่ และเพื่อน ซึ่งจะ ต้องมีอยู่และค บคู่ไปกับการดูแลเด็กๆ เ ล่า นี ้
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธัน าคม 2015/2558
171
แน ทางการอภิบาลของพระ า นจักรคาทอลิก ด้าน ิทธิมนุ ยชน กรณี ึก ามูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา
2.2 การอบรมขั ด เกลาและใ ้ โอกา ทางการ ึ ก าที่ ดี ที่ ุ ด ตาม ั ก ยภาพ ด้ า น ติ ป ั ญ ญาของเด็ ก แต่ ล ะคน ซึ่ ง ได้ อดคล้องและตรงกับในพันธ ัญญาใ ม่ ใน นัง ือกิจการอัคร า ก บทที่ 4 ข้อที่ 34 ได้กล่า ถึง คริ ตชน มัยเริ่มแรกของพระ า นจักร เผยแพร่ค ามเป็นพี่น้องเข้าไปใน ังคมที่ตนอยู่ คริ ตชนช่ ยเ ลือคริ ตชน ด้ ยกัน “จน ่าไม่มีใครในพ กเขาขัด น” ด้ ยการที่ผู้มีค ามเชื่อ จัดงานเลี้ยง อากาเป (Agape) แบ่ ง อา ารไปเลี้ ย งคนป่ ยและ แม่ ม้าย นอกจากนี้ได้ตั้งกองทุนซึ่งร บร ม จากการบริจาคของคริ ตชน เพื่อใช้เลี้ยงดู คนจน คนชรา เด็กก�าพร้า และเด็กยากไร้ ซึ่ง โอกา ทางการ ึก าจึงเป็นอีกกองทุน นึ่งที่ �าคัญที่มีบรรดาผู้มีน�้าใจดีได้ร่ มกัน ่งเ ริม และ นับ นุนใ ้กับบรรดาเด็กๆ ในมูลนิธิฯ ใ ้ได้รับทุนการ ึก าที่ดีอย่าง ม�่าเ มอมา โดยตลอดชี ิตของพ กเขา 2.3 การ ร้างทั นคติในเชิงบ กใ ้ กับเด็กๆ ในมูลนิธิฯ ่ามูลนิธิฯ เป็นบ้าน ลัง ใ ม่ที่พร้อมจะดูแลเอาใจใ ่และ ่งเ ริมใ ้ พ กเขาได้รับชี ิตใ ม่ ดังที่ มเด็จพระ ัน ตะปาปาจอ ์นที่ 23 นิยาม ่า “ค�า อนด้าน ังคมคาทอลิกเป็นองค์ประกอบ นึ่งของค�า อนเกี่ย กับชี ิตมนุ ย์” (มาแตร์ แอ็ต มายี
172
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
ตรา, 1980) ค�า อนนี้เป็นเพียง ่ น นึ่งของ ค�า อนที่ ืบทอดต่อกันมาเรื่องชี ิตมนุ ย์ จึง ท�าใ ้ค�า อนที่ อนต่อๆ กันมามีค ามครบ ถ้ น พระองค์เ ริมอีก ่า “ค�า อนด้าน ังคม ของพระ า นจักรเป็นการประยุกต์พระ าจา ของพระเจ้ากับชี ิตของประชาชนและชี ิต ของ ังคม ร มทั้งประยุกต์เข้ากับค ามเป็น จริงของโลกที่เกี่ย กับชี ิตประชาชน” โดย เ นอ ลักการเพื่อไตร่ตรอง เกณฑ์ ินิจฉัย ตลอดจน ค�าแนะน�าในเชิงปฏิบัต ิ (ค าม ่ งใยเรื่อง ังคม, 1987) ซึ่งท�าใ ้เ ็นได้ ่า มูลนิธิฯ ได้พยายามใ ้ทั นะคติในเชิงบ กกับ เด็กๆ ในคุณค่าของชี ิตที่พ กเขานั้นมีอยู่ใน ปัจจุบัน ซึ่งเป็นการยอมรับต่อ ภาพค าม เป็นจริงของชี ิต เพื่อที่พ กเขาจะได้ด�าเนิน ชี ิตอยู่บนพื้นฐานของค ามเป็นจริงใน ังคม โลกด้ ยทั นะคติที่ดีมากยิ่งขึ้น 2.4 การใ ้โอกา เด็กในการเรียน รู้ เพิ่มประ บการณ์ นอก ถานที ่ ก็เป็น ิ่ ง ที่ � า คั ญ อี ก ประการ นึ่ ง นอกเ นื อ จาก การ ึก าเล่าเรียนจากทฤ ฎีต่างๆ ภายใน ้องเรียน ซึ่งการเปิดโอกา ใ ้เด็กๆ ได้ เพิ่ ม พู น และได้ เ รี ย นรู้ ป ระ บการณ์ น อก ถานที่ ก็เป็น ิ่งที่ช่ ยใ ้เด็กๆ ได้เรียนรู้ ประ บการณ์ ต รงจากกิ จ กรรมและแ ล่ ง ค ามรู้ต่างๆ ภายนอก ้องเรียน ซึ่งเป็น ิ่งดีที่
ย ธร ทองเ ลือง ออกั ติน ุกีโย ปีโตโย และชาติชาย พง ์ ิริ
ามารถช่ ยเพิ่มพูนทัก ะและประ บการณ์ ในการด� า เนิ น ชี ิ ต ใน ั ง คมโลกยุ ค ปั จ จุ บั น ใ ้กับเด็กๆ ได้ดีมากยิ่งขึ้น เนื่องจากแ ล่ง เรียนรู้นอก ถานที่ รือนอก ้องเรียนก็มี ่ น ดึงดูดและ ร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ได้ดีมาก ยิ่งขึ้นต่อการ ะ มและเพิ่มพูนประ บการณ์ ทางค ามรู้ใ ้กับเด็กๆ อีกทั้ง ยังเป็นการ เ ริม ร้างบรรยากา การเรียนรู้ใ ้เด็กๆ มี ค ามกระตือรือร้นในการแ ง าค ามรู้นอก ้ อ งเรี ย นและ ามารถเรี ย นรู้ ไ ด้ ด้ ยตนเอง มากยิ่งขึ้น 2.5 การพัฒนาอาคาร ถานที่ภาย ในมูลนิธิฯ ด้ ยการจัด รรภูมิทั น์ภายในมูล นิธิฯ ใ ้มีบรรยากา และ ภาพแ ดล้อมที่ใ ้ ค ามร่มรื่น น่าอยู่อา ัย �า รับผู้ไปมา า ู่ รือบรรดาผู้มาเยี่ยมเยียน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง �า รับบรรดาเด็กๆ ของมูลนิธิฯ จะได้ซึมซับ ค ามเป็ น ระเบี ย บเรี ย บร้ อ ย ค าม ะอาด ของอาคาร ถานที่ และการใช้ ป ระโยชน์ จากอาคาร ถานที่ภายในมูลนิธิฯ อย่างเกิด ประโยชน์ ูง ุด ทั้งนี้เพื่อเป็นการเอื้อต่อการ พัฒนาการทางด้านร่างกายและจิตใจทั้งครบ ของบรรดาเด็กๆ ที่อา ัยอยู่ภายในมูลนิธิฯ จะได้ เจริ ญ เติ บ โตและมี ค าม มดุ ล ทั้ ง ทาง ด้ า นร่ า งกายและจิ ต ใจเพื่ อ น� า ไป ู่ ก ารเป็ น พลเมืองที่ดีของ ังคมต่อไปในอนาคต
2.6 การประชา ัมพันธ์ทาง ื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการใ ้ค ามช่ ยเ ลือ บรรดาเด็ ก ๆ อี ก มากมายที่ ก� า ลั ง จะกลาย เป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่ต้องการ รือบรรดาเด็ก ที่พ่อแม่ไม่ ามารถใ ้การอุปการะเลี้ยงดูได้ เนื่องจากปัจจัยค ามไม่พร้อมทางครอบครั โดยอา ั ย เครื อ ข่ า ยและการท� า งานร่ มกั น ขององค์กรคาทอลิกใน ่ นต่างๆ ในการ ท�างานด้ ยการประ านและการร่ มมือกับ มูลนิธิฯ โดยอา ัยองค์กรคาทอลิกในการ ใ ้ค ามช่ ยเ ลือและ อด ่องบรรดาเด็กๆ และเยา ชนผู้ด้อยโอกา ตามโบ ถ์คาทอลิก และตาม ถานที่ต่างๆ ใ ้ได้รับโอกา ในการ มีชี ิตใ ม่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิฯ ในการ ท�างานร่ มกันระ ่างมูลนิธิฯ และภาครัฐ และภาคเอกชน ดังนั้น จะเ ็นได้ ่าพระ า นจักร คาทอลิ ก ได้ ใ ้ ค าม � า คั ญ กั บ เรื่ อ งคุ ณ ค่ า และ ักดิ์ รีค ามเป็นมนุ ย์ในมนุ ย์แต่ละ คน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ิทธิมนุ ยชนที่มนุ ย์ แต่ ล ะคนพึ ง มี แ ละต้ อ งได้ รั บ ในฐานะที่ เ ป็ น มนุ ย์อย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งพระ า นจักร คาทอลิกได้ใ ้ค าม �าคัญเป็นพิเ และยังได้ เชื้อเชิญมนุ ย์ ทุกๆ คนใ ้มองเ ็นพี่น้องใน ตั ของมนุ ย์ทุกคน ไม่ ่าจะรู้จัก รือไม่รู้จัก ไม่ ่าจะใกล้ รือไกล และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธัน าคม 2015/2558
173
แน ทางการอภิบาลของพระ า นจักรคาทอลิก ด้าน ิทธิมนุ ยชน กรณี ึก ามูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา
ในตั ของคนยากจนและผู้ตกทุกข์ได้ยาก ซึ่ง ในพระ ร ารของนักบุญมัทธิ บทที่ 25 ที่ ได้กล่า ถึงเรื่องผู้ต�่าต้อยและผู้ยากไร้เ ล่านั้น ซึ่งเปรียบเป็นพระเยซูเจ้าเอง และ ากเรา ได้ปฏิบัติและช่ ยเ ลือแก่บรรดาผู้ยากไร้ ผู้ ต�่าต้อย และเด็กก�าพร้า ก็เท่ากับ ่าเราได้ ปฏิบัติต่อองค์พระเยซูเจ้านั่นเอง อีกทั้ง มเด็จพระ ันตะปาปาปอลที ่ 6 อธิบายค าม ัมพันธ์ระ ่างพระ ร ารกับ ชี ิตทาง ังคม ่า “การประกา พระ ร ารจะ ไม่ มบูรณ์ ถ้าไม่ค�านึงถึงค าม ัมพันธ์แท้จริง และถา รระ ่างพระ ร ารกับชี ิตมนุ ย์ ทั้งในทาง ่ นตั และในทาง ังคม เพราะ เ ตุการณ์น ี้ การประกา พระ ร าร จึงมี ข่า ารที่กล่า อย่างชัดเจน ามารถปรับใช้ กับ ถานการณ์ต่างๆ และท�าใ ้บรรลุผลเ มอ เกี่ย กับ ิทธิและ น้าที่ของมนุ ย์ทุกคน ชี ิต ครอบครั ” (พระ า นจั ก รในโลก มั ย นี้ , 1965) มนุ ย์เป็นผู้ม ี (Subject) ิทธิ และ น้าที่ ค�า อนนี้คือ ลักค�า อนประการแรก อาจกล่ า ได้ ่ า เป็ น ั ใจของค� า อนด้ า น ังคมของพระ า นจักร ทุก ิ่งในโลกค ร ใ ้มนุ ย์เป็น ูนย์กลาง และผู้มีค าม �าคัญ ูง ุด พระ า นจักรจะไม่มี ันเบื่อ น่าย ากแต่จะยืนยัน ักดิ์ รีของบุคคล ต่อต้าน
174
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
การเป็นทา การเอาเปรียบและการใช้มนุ ย์ แ ง าผลประโยชน์ทุกชนิดที่เป็นอันตราย ต่อมนุ ย์ มิใช่ในด้านการเมือง และเ ร ฐกิจ เท่านั้น แต่ในด้าน ัฒนธรรม อุดมการณ์ และ การแพทย์ด้ ย ดังนั้น “ ิทธิมนุ ยชนเป็น ผล ืบเนื่องมาจาก ักดิ์ รีของมนุ ย์ พระ า นจักรตระ นักถึง ค ามจ�าเป็นเร่งด่ น ในการปกป้องและคุ้มครอง ิทธิเ ล่านี ้ โดย ถือ ่าเป็น ่ น นึ่งในภารกิจการไถ่กู้ตามรอย พระบาทของพระคริ ตเจ้า พระองค์ได้แ ดง ใ ้เ ็น ่าพระองค์ นใจค ามจ�าเป็นของผู้คน อยู่เ มอ เป็นต้นค ามจ�าเป็นของคนจนๆ” (แน ทางการ ึก า และการ อนค�า อนด้าน ังคมของพระ า นจักรในการอบรมผู้ที่จะ เป็นพระ งฆ์, 1988) การนาแน ทางการอภิ บ าล ด้าน ิทธิมนุ ยชนของมูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา ช้ ระ ยชน์ อทิ ทางแ นงาน อภิบาลของ ัง มณ ลจันทบุรี นอนาค 3.1 พัฒนาการด�าเนินการ างแผน งานด้านอภิบาลโดย ่งเ ริมและ นับ นุนใ ้ มาชิกกล้าแ ดงค ามคิดเ ็น เป็นต้น ่าใน การประชุม ภาอภิบาลทุกระดับ ( ังฆมณฑล - แข ง - ัด) ใ ้ค ามเคารพ รับฟัง ใ ้โอกา การแ ดงค ามคิดเ ็นที่แตกต่างในทุก ภาพ
ย ธร ทองเ ลือง ออกั ติน ุกีโย ปีโตโย และชาติชาย พง ์ ิริ
3.2 ก�า นดแผนงานใ ้ทุกโรงเรียน ของโรงเรี ย นใน ั ง กั ด ั ง ฆมณฑลจั น ทบุ รี มี แ ผนอบรมเรื่ อ ง ิ ท ธิ ม นุ ยชนแก่ ค รู แ ละ นักเรียน 3.3 ก� า นดแผนงานใ ้ โรงเรี ย นมี การปลูกฝังเรื่องคุณธรรม-จริยธรรม คู่ไปกับ การ ่งเ ริม ิชาค ามรู ้ การเปิดโอกา ใ ้พบ เจอประ บการณ์ใ ม่ๆ เพื่อจะได้รู้เท่าทันใน ถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างร ดเร็ ใน ังคม 3.4 ก�า นดแผนการประเมินผลโดย 3.4.1 ก�า นดใ ้มีการประเมินผล การอภิ บ าลด้ า น ิ ท ธิ ม นุ ยชนในทุ ก แผน อภิบาลของ ังฆมณฑลจันทบุรี 3.4.2 ก�า นดใ ้มีการประเมินผล แผนงานอภิบาลของ ังฆมณฑล 5 ปี โดยเชิญ ผู้เชี่ย ชาญด้าน ิทธิมนุ ยชนของ ภาพระ ังฆราชมาร่ มประเมินแผนของ ังฆมณฑล และใ ้ข้อคิดเ ็น อเ นอแนะ มูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา ค ร มี ก ารพั ฒ นางานอภิ บ าลด้ า น ิ ท ธิ ม นุ ยชน อย่างต่อเนื่องในด้าน ต่างๆ เช่น 1) การคัด เลือกบุคลากรที่มีใจรักเด็ก ุภาพ เ ีย ละ อุทิ ตน เข้ามาท�างานในมูลนิธิฯ และการ
จั ด าบุ ค ลากรใ ้ เ พี ย งพอกั บ งานบาง ่ น ในมูลนิธิฯ โดยมีคณะกรรมการตร จ อบ รือมีแบบทด อบทางจิต ิทยา �า รับการ คัดเลือกบุคลากรเข้ามาท�างานภายในมูลนิธิฯ 2) การอบรมขัดเกลาและใ ้โอกา ทางการ ึ ก าที่ ดี ที่ ุ ด ตาม ั ก ยภาพด้ า น ติ ปั ญ ญา ของเด็กแต่ละคน ด้ ยการจัดตั้งกลุ่มคณะที่ ปรึก าที่ช่ ยแนะแน ทางการ ึก า �า รับ เด็กแต่ละคนในมูลนิธิฯ 3) การ ร้างทั นคติในเชิงบ กใ ้กับเด็กๆ ในมูลนิธิฯ ่ามูลนิธิฯ เป็นบ้าน ลังใ ม่ที่พร้อมจะดูแลเอาใจ ใ ่และ ่งเ ริมใ ้พ กเขาได้รับชี ิตใ ม่ โดย อา ัยผู้ดูแลได้ ร้างค าม ัมพันธ์ที่ดีจากการ ด�าเนินชี ิตที่เป็นแบบอย่างที่ดี �า รับเด็กๆ 4) การใ ้โอกา เด็กในการเรียนรู้ เพิ่มประบการณ์ น อก ถานที่ ด้ ยการ ่ ง เ ริ ม ใ ้ เด็กๆ ได้เข้าร่ มค่ายคุณธรรมจริยธรรมของ องค์ ก รคาทอลิ ก ใ ้ บ่ อ ยขึ้ น ในแต่ ล ะปี ก าร ึก า 5) การพัฒนาอาคาร ถานที่ภายใน มู ล นิ ธิ ฯ ด้ ยการจั ด รรภู มิ ทั น์ ใ ้ ร่ ม รื่ น และมีบรรยากา ที่ดีที่เอื้อต่อการพัฒนาการ ของค าม มดุ ล ทางร่ า งกายและจิ ต ใจของ เด็กๆ 6) การประชา ัมพันธ์ทาง ื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยผ่านทาง าร ัดและอา ัย การท�างานร่ มกันกับองค์กรคาทอลิกในฝ่าย ต่างๆ ในการช่ ยกัน อด ่องดูแลเด็กและ เยา ชนผู้ด้อยโอกา อีกมากมายใน ังคม
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธัน าคม 2015/2558
175
แน ทางการอภิบาลของพระ า นจักรคาทอลิก ด้าน ิทธิมนุ ยชน กรณี ึก ามูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา
บรรณานุกรม กุลพล พล ัน. 2538. พั นาการ ิทธิ มนุ ยชน พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : ิญญูชน. คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์. 2549ก. พระคัมภีร์ ภาคพันธ ั าเดิม จบรรพ กรุงเทพฯ: คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระ คัมภีร์. . 2549ข. พระคัมภีร์ ภาคพันธ ั า ม พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : คณะกรรมการคาทอลิก เพื่อพระคัมภีร์. คณะกรรมการโครงการ ิทธิมนุ ยชน ึก า ในคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อค าม ยุติธรรม และ ันติ. 2546. เ ้นทาง ู่ ิทธิมนุ ยชน ึก า. าร าร ิชาการ ิทธิมนุ ยชน 2 (เม ายน-มิถุนายน 2546) : P. 187-189. คณะกรรมการประจ�า นธิ ัญญาระ ่าง ประเท ด้าน ิทธิมนุ ยชน ลัก 6 ฉบับ. 2546. ค ามเ ็นทั่ ไป และข้อเ นอแนะทั่ ไปที่รับรอง. าร าร ิชาการ ิทธิมนุ ยชน 2 (เม ายน-มิถุนายน 2546) : P. 191-194.
176
าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม
เบเนดิกต์ ที่16, พระ ันตะปาปา. 2549. พระ มณ า ์นขององค์ มเด็จพระ ัน ะ า าเบเนดิก ์ ที พระเจ้าคอ ค ามรัก แปลโดย .ประทีป. กรุงเทพฯ : ื่อม ลชนคาทอลิก ประเท ไทย. ฟรังซิ , พระ ันตะปาปา. 2557. พระ มณ า ์น เ อน จ ค าม ชนชมยินดีแ งพระ ร าร แปลโดย เซอร์มารี ลุย ์ พรฤก ์งาม. กรุงเทพฯ : ภาประมุขบาท ล งโรมันคาทอลิก แ ่งประเท ไทย. ังฆมณฑลจันทบุรี. 2554. แ นอภิบาล ัง มณ ลจันทบุรี จันทบุรี : ัดพระ ฤทัยแ ่งพระเยซูเจ้า. มูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา. 2557. ระ ั ิ มูลนิธิ งเคราะ ์เด็ก พัทยา บ้านเด็กกาพร้า เข้าถึงเมื่อ 20 ิง าคม 2557. เข้าถึงได้จาก http://www.thepattayaorphan age.org/ ยอ ์น ปอล ที่2, พระ ันตะปาปา. 2550. พระ ร ารแ งชี ิ กรุงเทพฯ : ูนย์ รรณกรรมซาเลเซียน.
ย ธร ทองเ ลือง ออกั ติน ุกีโย ปีโตโย และชาติชาย พง ์ ิริ
ยอ ์น ปอล ที่2, พระ ันตะปาปา. 2542. พระ ม า น์ า ีเรื่องชี ิต มนุ ย์ กรุงเทพฯ : การพิมพ์ คาทอลิกแ ่งประเทศไทย. . 2535ก. พระ ม า น์ อง มเ พระ ันตะปาปา ยอ ์น ปอล ที่2 เรื่องพระกระแ เรียกและ ารกิ องคริ ตชน รา า น พระ า น ักรและ นโลก กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์อั ัมชัญ. . 2535ข. พระ ม า ์นค าม ง ยเรื่อง ังคม แปลโดย รัตน์ บ�ารุงตระกูล, มุขนายก. กรุงเทพฯ : ภาคาทอลิกแ ่ง ประเทศไทยเพื่อการพัฒนา. ยอ ์น ปอล ที่2, พระ ันตะปาปา. 2543. ม า น์ ลังการประชุม มัชชา พระ า น ักร นเอเชีย แปล โดย ยอด พิมพิ าร, พระ ังฆราช. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : ฝ่าย งานอภิบาลและธรรมทูตอัคร ังฆมณฑลกรุงเทพฯ. ยัง มารี ดังโตแนล. 2551. คุ คาและค าม มาย องชี ิต พิมพ์ครั้งที่ 2. นครปฐม : ศูนย์ ่งเ ริมและพัฒนา งานวิชาการ วิทยาลัยแ งธรรม.
Desrochers, John. 1982. The Social Teaching of the Church. Bangalore : John Descrochers. Dwyer, Judith. 1994. The New Dictionary of Catholic Social Thought. Minnesota : The Liturgical. Gomez, Fausto. 1991. Doctrine and Life. Social Reseach Center and Santo Thomas University Press, University of Santo Thomas. Nash, Ronald H. 1983. Social Justice and the Christian Church. Milford : Mott Media.
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธัน าคม 2015/2558
177
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม S aen gth am College Jour n al
ใบสมัครสมาชิก วารสารวิชาการวิทยาลัยแสงธรรม สมาชิกในนาม................................................................................................................... ที่อยู่ (สำาหรับจัดส่งวารสารวิชาการ) เลขที่.................................ถนน................................ แขวง/ตำาบล............................................เขต/อำาเภอ.......................................................... จังหวัด...........................................................รหัสไปรษณีย์.............................................. โทรศัพท์..............................................................โทรสาร................................................. มีความประสงค์สมัครเป็นสมาชิก วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม 1 ปี (2 ฉบับ) อัตราค่าสมาชิก 200 บาท วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม 2 ปี (4 ฉบับ) อัตราค่าสมาชิก 400 บาท วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม 3 ปี (6 ฉบับ) อัตราค่าสมาชิก 500 บาท ชำาระเงินโดยวิธี ธนาณัติ (สั่งจ่าย “บาทหลวงอภิสิทธิ์ กฤษเจริญ”) ปณ. อ้อมใหญ่ 73160 โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาสามพราน ชื่อบัญชี “วารสารวิชาการวิทยาลัยแสงธรรม” เลขที่บัญชี 734-0-27562-2 (พร้อมส่งเอกสารการโอนมาที่ Fax. 0-2429-0819) ที่อยู่ที่ต้องการให้ออกใบเสร็จรับเงิน ตามที่อยู่ที่จัดส่ง ที่อยู่ใหม่ในนาม........................................................................................................ เลขที่.........................ถนน.............................แขวง/ตำาบล..................................... เขต/อำาเภอ............................จังหวัด.............................รหัสไปรษณีย์................... ..................................................(ลงนามผู้สมัคร) ........./............./.......... (วันที่)
ส่งใบสมัครมาที่ : ศูนย์วิจัยค้นคว้าศาสนาและวัฒนธรรม วิทยาลัยแสงธรรม เลขที่ 20 หมู่ 6 ต.ท่าข้าม อ.สามพราน จ.นครปฐม 73110 หรือที่ โทรสาร 0 2 429 0819
รูปแบบและเงื่อนไขการ ่งต้นฉบับบทค าม
www.saengtham.ac.th/journal
1. เป็นบทค าม ิชาการ บท ิจารณ์ นัง ือ และบทค ามปริทั น์ ด้านปรัชญา า นา เท ิทยา และ การ ึก าคาทอลิก ที่ยังไม่เคยเผยแพร่ในเอก ารใดๆ 2. การพิมพ์ผลงานทาง ิชาการค รจัดพิมพ์ด้ ย Microsoft Word for Windows รือซอฟท์แ ร์อื่นที่ ใกล้เคียงกัน พิมพ์บนกระดา ขนาด A4 น้าเดีย ประมาณ 28 บรรทัด ต่อ 1 น้า TH SarabunPSK ขนาดของตั อัก รเท่ากับ 16 และใ ่เลข น้าตั้งแต่ต้นจนจบบทค าม 3. ต้องมีชื่อเรื่องบทค ามทั้งภา าไทยและภา าอังกฤ 4. ใ ้ข้อมูลเกี่ย กับผู้เขียนบทค ามทุกคน ได้แก่ ชื่อ-นาม กุลของผู้เขียน น่ ยงานที่ ังกัด ตำาแ น่ง ทาง ิชาการ (ถ้ามี) E-mail รือโทร ัพท์ ากเป็น ิทยานิพนธ์ ต้องมีชื่อและ ังกัดของอาจารย์ที่ปรึก า ด้ ย ทั้งภา าไทยและภา าอังกฤ 5. ทุกบทค ามจะต้องมีบทคัดย่อภา าไทย และ Abstract จะต้องพิมพ์คำา ำาคัญในบทคัดย่อภา าไทย และ พิมพ์ Keywords ใน Abstract ของบทค ามด้ ย 6. บทค าม ิจัยค ามยา ไม่เกิน 12 น้า บทค าม ิชาการค ามยา ไม่เกิน 8 น้า (ร มบรรณานุกรมแล้ ) 7. เชิงอรรถอ้างอิง (ถ้ามี) 8. บรรณานุกรมตามมาตรฐาน APA แยกผลงานภา าไทยและภา าอังกฤ (เรียงตามลำาดับตั อัก ร) 9. บทค าม ิจัยค รมี ั ข้อดังนี้ ชื่อเรื่องบทค าม ิจัย(ภา าไทยและภา าอังกฤ ) ชื่อผู้เขียนพร้อมข้อมูล ่ นตั ของทุกคน(รายละเอียดตามข้อ 3) บทคัดย่อภา าไทย และ Abstract ค าม ำาคัญของเนื้อ า ัตถุประ งค์ มมติฐานของการ ิจัย ประโยชน์ที่ได้รับ ขอบเขตการ ิจัย นิยาม ัพท์(ถ้ามี) ิธีการดำาเนิน การ ผลการ ิจัย ข้อเ นอแนะ และบรรณานุกรม/References 10. ค่าใช้จ่ายในการตร จประเมิน จำาน น 2,400 บาท โดยโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย าขา ามพราน ชื่อบัญชี “ าร าร ิชาการ ิทยาลัยแ งธรรม” เลขที่บัญชี 734-0-27562-2 (พร้อม ่งเอก าร การโอนมาที่ Fax. 0-2429-0819 รือที่อีเมล cheat_p@hotmail.com) ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายดังกล่า ผู้ ่ง บทค ามเป็นผู้รับผิดชอบ และจะไม่ได้รับคืนในทุกกรณี 11. กองบรรณาธิการนำ า บทค ามที่ท่าน ่งมาเ นอต่ อ ผู้ ท รงคุ ณ ุ ฒิ เ พื่ อ ประเมิ น คุ ณ ภาพค ามเ มาะ ม ของบทค ามก่อนการตีพิมพ์ ในกรณีที่ผลการประเมินระบุใ ้ต้องปรับปรุง รือแก้ไข ผู้เขียนจะต้อง ดำาเนินการใ ้แล้ เ ร็จภายในระยะเ ลา 15 ันนับจาก ันที่ได้รับผลการประเมินบทค าม ากท่าน ต้องการ อบถามกรุณาติดต่อกับกองบรรณาธิการ าร าร ิชาการ โทร ัพท์ (02) 4290100 โทร าร (02) 4290819 รือ E-mail: cheat_p@hotmail.com
ขั้นตอนการจัดทำา
วารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม Saesngtham College Journal
เริ่มต้น ประกาศรับบทความต้นฉบับ รับบทความต้นฉบับ แก้ไข กอง บก. ตรวจรูปแบบทั่วไป
ไม่ผ่าน
แจ้งผู้เขียน
ผ่าน ส่งผู้ทรงคุณวุฒิ ข
ก้ไ อ้ งแ
ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาบทความ
ไม่ผ่าน
แจ้งผู้เขียน
ไม่ต
แก้ไ
ข
ผ่าน กองบรรณาธิการแจ้งยืนยัน การรับบทความ จัดพิมพ์เผยแพร่ จบ
แจ้งผู้เขียน แก้ไข
จบ