วารสารแสงธรรมปริทัศน์
วารสาร ราย 4 เดือน ปีที่ 41 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2017/2560 เจ้าของ วิทยาลัยแสงธรรม คณะที่ปรึกษา อธิการบดี รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ คณบดีคณะมนุษยศาสตร์ คณบดีคณะศาสนศาสตร์ ผู้อำ�นวยการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนางานวิชาการ ผู้อำ�นวยการศูนย์วิจัยค้นคว้าศาสนาและวัฒนธรรม คณะผู้ทรงคุณวุฒิ หมวดกฎหมายพระศาสนจักร บาทหลวง ผศ.ดร.ไพยง มนิราช หมวดกระแสเรียก บาทหลวงอดิศักดิ์ พรงาม หมวดคำ�สอน มุขนายกวีระ อาภรณ์รัตน์ บาทหลวง ผศ.วัชศิลป์ กฤษเจริญ หมวดจริยธรรม บาทหลวง ดร.เชิดชัย เลิศจิตรเลขา, M.I หมวดชีวิตด้านจิตใจ บาทหลวงสมชัย พิทยาพงศ์พร บาทหลวงเจริญ ว่องประชานุกลู หมวดประวัติศาสตร์พระศาสนจักร บาทหลวงธีรพล กอบวิทยากุล บาทหลวง ดร.สุรชัย ชุ่มศรีพันธุ์ หมวดปรัชญา บาทหลวง ดร.ออกัสติน สุกีโย ปิโตโย, S.J. บาทหลวง ดร.วีรศักดิ์ วนาโรจน์สุวิช หมวดพระคัมภีร์ มุขนายก ดร.ลือชัย ธาตุวิสัย บาทหลวง ผศ.ทัศไนย์ คมกฤส บาทหลวงสมเกียรติ ตรีนิกร หมวดพระสัจธรรม บาทหลวงวิรัช นารินรักษ์ บาทหลวงชาย ขันทะโฮม, C.Ss.R. บาทหลวง ดร.ฟรังซิส ไก้ส์, S.D.B. หมวดพิธีกรรม บาทหลวงเคลาดิโอ เบร์ตุชอร์, O.M.I. บาทหลวงอนุสรณ์ แก้วขจร บาทหลวงเชษฐา ไชยเดช หมวดศาสนสัมพันธ์และคริสตสัมพันธ์ มุขนายกชูศักดิ์ สิริสุทธิ์ บาทหลวงซิกมูนด์ แลส์เช็นสกี้, S.J. บรรณาธิการบริหาร บาทหลวงเจริญ ว่องประชานุกูล บรรณาธิการสร้างสรรค์ อาจารย์พีรพัฒน์ ถวิลรัตน์ กองบรรณาธิการ อาจารย์สุจิตตรา จันทร์ลอย นางสาวสุกานดา วงศ์เพ็ญ นางสาวพิมพ์ฤทัย วิชัยธรรมคุณ ซิสเตอร์บุษบา นุกานนท์ จัดพิมพ์โดย ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนางานวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม วัตถุประสงค์ 1. เพื่อเสริมสร้างความรู้ทางวิชาการในด้านเทววิทยาและปรัชญา 2. เพื่อเป็นสื่อกลางความรู้ และความสัมพันธ์อันดีทางด้านศาสนา กำ�หนดออก ปีละ 3 ฉบับ ประจำ�เดือนมกราคม-เมษายน, พฤษภาคม-สิงหาคม และกันยายน-ธันวาคม ค่าบำ�รุงสมาชิก สมาชิกรายปี ปีละ 300 บาท (จำ�นวน 3 ฉบับ/ปี) จำ�หน่ายปลีก ราคาฉบับละ 120 บาท สำ�หรับสมาชิกรายปี สามารถส่งเงินค่าบำ�รุงสมาชิกเป็นเงินสดหรือโอนเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำ�กัด (มหาชน) สาขาเทสโก้ โลตัส สามพราน นครปฐม ชื่อบัญชี นายอภิสิทธิ์ กฤษเจริญ เลขที่บัญชี 403-613134-4 โดยกรุณาส่งสำ�เนาใบนำ�เข้าบัญชี (Pay-in-Slip) พร้อมระบุ ชื่อ-ชื่อสกุลและหมายเลขสมาชิก (ถ้ามี) มาทางโทรสาร หรือ โทร.แจ้งการนำ�เงินเข้าบัญชีมาที่ ฝ่ายจัดทำ�วารสารแสงธรรมปริทัศน์ โทร. 0-2429-0100 ต่อ 624 โทรสาร 0-2429-0819
บ ท บ ร ร ณ า ธิ ก า ร ในประวัตศิ าสตร์ของมนุษยชาติ เราสามารถพบเรือ่ งราวของเทวะ เทวดาหรือทูตสวรรค์ ในหลายพื้นที่ส�ำคัญทั่วทั้งโลก อันแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ ที่มี สภาวะแตกต่างจากเรามนุษย์มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน แสงธรรมปริทศั น์ฉบับนี ้ จึงอยากจะเชิญชวนทุกท่านได้สมั ผัสกับเทวดาหรือทูตสวรรค์รว่ ม กัน ผ่านทางบทความจากบรรดานักเขียนผูท้ รงคุณวุฒปิ ระจ�ำวารสารของเรา ได้แก่ บาทหลวง ผศ.ดร.ฟรังซิส ไกส์ ศ.กีรติ บุญเจือ บาทหลวง ผศ.วสันต์ พิรุฬห์วงศ์, c.s.s. ดร.สุภาวดี นัมคณิสรณ์ นอกจากนี ้ เรายังได้รบั เกียรติจากนักเขียนกิตติมศักดิ ์ ทีก่ รุณาส่งบทความมาร่วม แบ่งปันความรูค้ วามเข้าใจ ได้แก่ มุขนายกกิตติคณ ุ เทียนชัย สมานจิต ศ.ดร. สมภาร พรมทา และบาทหลวง ดร.เชิดชัย เลิศจิตรเลขา หวังว่า บทความภายในเล่มจะช่วยให้ท่านผู้อ่านได้เพิ่มพูนความรู้และความเข้าใจในเรื่อง ดังกล่าว ด้วยความรู้อาจท�ำให้ท่านกระจ่างชัดในเรื่องที่ยังไมรู้หรือสงสัย และความเข้าใจอาจ ท�ำให้ท่านตระหนักถึงความส�ำคัญของสิ่งสร้างพิเศษ หรือผู้ที่มีสภาวะพิเศษเหล่านี้ ที่เกี่ยวเนื่อง กับพวกเรามนุษย์ แต่เหนืออื่นใด ความรู้ความเข้าใจที่เกิดขึ้นอาจช่วยโน้มน�ำจิตใจของพวกเรา ให้ตระหนักถึงการด�ำรงรักษาสภาวะจิตในความสงบ บริสทุ ธิ ์ และเป็นทูตทีส่ อื่ ถึงความรัก ความ ดีงามสู่บุคคลที่อยู่รอบข้างใกล้ชิดกับเราตลอดไป บรรณาธิการสร้างสรรค์
ข่าวประชาสัมพันธ์... ขอเชิญชวนส่งบทความเพือ่ ตีพมิ พ์ลงในวารสารแสงธรรมปริทศั น์ ฉบับต่อไปเดือนกันยายน - ธันวาคม 2560 ในหัวข้อ “กายและจิต” ส่งต้นฉบับได้ที่ E-mai: pi_santo@yahoo.com หรือ E-mai: sukanda.1984@gmail.com ภายในวันที่ 30 ตุลาคม 2560 และขอขอบคุณล่วงหน้าสำ�หรับทุกบทความที่ส่งมาร่วมแบ่งปัน
บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารแสงธรรมปริทัศน์ ขอสงวนสิทธิ์ตามกฎหมาย ในกรณีที่ต้องการบทความไปเผยแพร่ กรุณาแจ้งขออนุญาตอย่างเป็นทางการ
C o n t e n t SaengthamJournal
ปีที่ 41 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2017/2560
ทูตสวรรค์ มุขนายก ล. เทียนชัย สมานจิต
4
ทูตสวรรค์ในพระคัมภีร์ บาทหลวง ผศ.ดร.ฟรังซิส ไก้ส์
13
ทูตสวรรรค์ตามปรัชญาคริสต์
30 ศ.กีรติ บุญเจือ
แนวคิดเรื่องเทวะในพุทธปรัชญา
ศ.ดร.สมภาร พรมทา
40
ทูตสวรรค์: ข้อความจริงที่ต้องเชื่อ
48 บาทหลวง ผศ.วสันต์ พิรุฬห์วงศ์
ท่านเป็นทูตสวรรค์ของใครหรือยัง ดร.สุภาวดี นัมคณิสรณ์
73
อ�ำนาจสอนทางการของพระศาสนจักร 82 และชีวิตด้านศีลธรรมของคริสตชน บาทหลวง ดร.เชิดชัย เลิศจิตรเลขา
สองปีที่เผชิญ 106
บร.วธัญญู หนูสมแก้ว
แนะน�ำหนังสือ 120 บาทหลวง ผศ.สมชัย พิทยาพงศ์พร และ บาทหลวง เชษฐา ไชยเดช
มุขนายก ล. เทียนชัย สมานจิต
ศาสนาและวั ฒ นธรรมต่ า งๆ ก็ มี ความเชื่อถึงทูตสวรรค์ เทวดา เทพเจ้า หรือเทพธิดา... คนไทยใช้ชื่อ “กรุงเทพ มหานคร” ซึง่ แปลว่า “เมืองเทวดา” ชาว อเมริ กั น ก็ ใ ช้ ชื่ อ “LOS ANGELES” ซึง่ แปลว่า “เมืองเทวดา” ศาสนาคริสต์ใน พระคั ม ภี ร ์ ทั้ ง พั น ธสั ญ ญาเดิ ม และพั น ธ สั ญ ญาใหม่ ก็ มี ก ล่ า วถึ ง เทวดาหรื อ ทู ต สวรรค์ไว้มากมาย ค�ำสอนพระศาสนจักร คาทอลิกก็สอนว่า “เทวดาหรือทูตสวรรค์ มีจริง เป็นข้อความจริงข้อหนึ่งที่ต้อง
เชื่ อ ” ค�ำว่ า “เทวดาหรื อ ทู ต สวรรค์ ”
อดีตประมุขสังฆมณฑลจันทบุรี
ภาษาฮีบรูใช้ค�ำ “Mal’ ak” ภาษากรีกใช้ ค�ำ “Angelos” หรื อ ภาษาอั ง กฤษใช้ ค�ำ “Angel” ซึ่งแปลว่า “Messenger” (ทูต, ผู้ส่งข่าว) “นักบุญออกัสตินพูดถึง เทวดาหรือทูตสวรรค์ว่าเป็นค�ำบ่งบอกถึง หน้าที่ที่ปฏิบัติอยู่ ไม่บอกถึงธรรมชาติว่า เป็นอะไร ถ้าถามว่าธรรมชาติของเทวดา หรือทูตสวรรค์เป็นอะไร ? ค�ำตอบก็คอื เป็นจิต ท�ำหน้าทีผ่ รู้ บั ใช้และผูถ้ อื สารของ พระเจ้า ในฐานะทีเ่ ป็นจิตล้วน มีคณ ุ สมบัติ สมบูรณ์พร้อมสูงกว่าสิ่งสร้างทั้งหลาย”
(หมวดคำ�สอน)
ทูตสวรรรค์
5
ทูตสวรรรค์
(เทียบค�ำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก ข้อ 328-330) ประเสริฐกว่ามนุษย์ที่ เป็ น จิ ต มี ร ่ า งกาย ที่ จ ริ ง เทวดาหรื อ ทู ต สวรรค์เป็นจิตล้วน ไม่มรี ปู ร่าง แต่เรามัก ใช้รปู คนแทน ติดปีกให้เพือ่ แสดงว่าเทวดา หรือทูตสวรรค์ไปไหนรวดเร็วคล่องแคล่ว เหมือนนกมีปีกบิน หนังสือวิวรณ์ 12:7-9 บอกว่ามี เทวดาดี แ ละไม่ ดี “สงครามเกิ ด ขึ้ น ใน สวรรค์ มีคาเอล (แปลว่า ใครเหมือน พระเจ้า ทหารเอกของพระเจ้า) กับเหล่า ทูตสวรรค์ต่อสู้กับมังกร มังกรพร้อมกับ บริวารของมันก็ต่อสู้ด้วย แต่มันพ่ายแพ้ และไม่มที พี่ �ำนักในสวรรค์อกี ต่อไป มังกร ใหญ่คอื งูดกึ ด�ำบรรพ์ทมี่ ชี อื่ ว่าปีศาจหรือ ซาตาน ผูล้ อ่ ลวงผูอ้ าศัยทัว่ แผ่นดินให้หลง ไป ถูกโยนทิ้งมาบนแผ่นดิน บริวารของ มันก็ถูกโยนลงมาด้วย” ยอห์นผูเ้ ขียนหนังสือวิวรณ์จากนิมติ ที่ เ ห็ น เมื่ อ ถู ก เนรเทศอยู ่ ใ นเกาะปั ท มอส ต้ อ งการจะพู ด ถึ ง สงครามที่ เ กิ ด ขึ้ น ใน สวรรค์ ร ะหว่ า งเทวดาดี แ ละเทวดาไม่ ดี น�ำโดยลูชแี ฟร์ทกี่ บฏ ไม่เชือ่ ฟังพระเจ้าต่อ ไป มีผู้ตั้งค�ำถามว่า “เทวดาซึ่งเป็นจิต บริ สุ ท ธิ์ มี ภู มิ ป ั ญ ญาเฉี ย บแหลมดี ก ว่ า มนุษย์มากมายนัก ท�ำไมจึงกบฏไม่เชือ่ ฟัง พระเจ้ า ต่ อ ไป นั ก บุ ญ โทมั ส อาควี นั ส ปราชญ์เทพ (Doctor Angelicus) ได้ สันนิษฐานอธิบายดังนี้ จากจดหมายถึง
ชาวฮีบรู 1:6 “เมื่อพระเจ้าทรงน�ำพระ บุตรหัวปีเข้ามาในโลกนี้ ตรัสว่า ให้ทูต สวรรค์ ทั้ ง หลายของพระเจ้ า กราบลง นมัสการพระองค์เถิด” ทูตสวรรค์ที่กบฏ เหล่านี้มีความเย่อหยิ่งสูรู้จองหอง ถือว่า สถานภาพของเทวดามีศักดิ์ศรีสูงส่งกว่า สถานภาพของมนุษย์มาก จึงไม่ยอมก้ม กราบนมั ส การพระบุ ต รที่ ม าบั ง เกิ ด เป็ น มนุษย์นี้ หรือพูดอีกนัยหนึ่งไม่ยอมก้มหัว กราบนมัสการบุตรมนุษย์ผนู้ ท้ี เี่ ป็นพระเจ้า พยายามต่ อ สู ้ พ ระเจ้ า ลบล้ า งท�ำลาย แผนการของพระเจ้าที่สร้างมนุษย์มาเพื่อ ให้ ไ ปอยู ่ ใ นสวรรค์ แ ทนที่ เ ทวดาที่ ก บฏ พยายามล่อลวงเอวาและอาดัมมนุษย์คแู่ รก ให้หลงไป แม้แต่บุตรพระเจ้าที่มาบังเกิด เป็นมนุษย์ ปีศาจก็ประจญล่อลวง แต่ พระองค์ทรงชนะการประจญล่อลวงของ ปีศาจในฐานะอาดัมคนใหม่ บาปของเทวดาที่ กบฏและบาปขอ งอาดัม-เอวาเป็นบาปเย่อหยิง่ ยโส ซึง่ เป็น บาปแรกในบาปต้ น เจ็ ด ประการ บุ ต ร พระเจ้าทีม่ าบังเกิดเป็นมนุษย์ มาไถ่มนุษย์ ให้พน้ จากบาป ต้องชดเชยบาปของมนุษย์ ที่ เ ย่ อ หยิ่ ง ยโสไม่ เ ชื่ อ ฟั ง พระเจ้ า โดย นอบน้อมเชือ่ ฟังพระเจ้า ทรงถ่อมพระองค์ ลงจนถึงกับทรงยอมรับความตาย เป็น ความตายบนไม้กางเขน” (ฟป 2:8) I. พระคั ม ภี ร ์ ใ นพั น ธสั ญ ญาเดิ ม พูดถึงเทวดาแบ่งออกเป็นชั้นๆ มีเทวดาที่
6
วารสารแสงธรรมปริทัศน์ ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2017/2560
มีหน้าที่รับใช้พระเจ้า และรับใช้มนุษย์ บางองค์ก็มีหน้าที่ลงโทษมนุษย์ 1) ปฐก 3:24 “หลังจากอาดัม -เอวาท�ำบาปแล้ว พระเจ้าลงโทษ ไล่ออกจากสวนเอเดน พระเจ้าก็ให้ เทวดาชั้นเครูบเฝ้าสวน มีดาบไฟ แกว่งไกวเฝ้าทางที่น�ำไปยังต้นไม้ แห่งชีวิต” 2) ปฐก 19:1-21 “ทูตสวรรค์มา ถึงเมืองโสดมเวลาเย็น รุ่งเช้าก็เร่ง โลทให้ลกุ ขึน้ พาภรรยาและบุตรหญิง ทั้ ง สองหนี อ อกไป จะได้ ไ ม่ ถู ก ท�ำลายพร้อมกับเมืองนี้” 3) ปฐก 21:17-21 “ทูตสวรรค์ ของพระเจ้า ช่วยนางฮาการ์และ บุตรของเธอให้รอด” 4) ปฐก 22:11-15 “ทูตของพระ ยาเวห์กล่าวกับอับราฮัมว่า อย่า ลงมือฆ่าเด็กหรือท�ำร้ายเด็ก” 5) ปฐก 28:10 “ยากอบเห็ น บันไดหนึ่งทอดจากพื้นดินสู่ท้องฟ้า และทูตสวรรค์ของพระเจ้า เดินขึน้ ลงบนบันไดนั้น” 6) อพย 25:20-22 “เทวดาชั้น เครูบจะกางปีกปกเหนือพระทีน่ งั่ หีบ พั น ธสั ญ ญา ท่ า นจะต้ อ งใช้ ค ้ อ น เคาะทองค�ำให้เป็นรูปเครูบสองตน” 7) ทบต 5:4-5; 12:12-15, 17, 20 “โทบียาห์ออกไปหาคน
น�ำทาง ก็พบทูตสวรรค์ราฟาเอล... เมือ่ ท่านอธิษฐานภาวนา ข้าพเจ้าก็ น�ำค�ำอธิษฐานภาวนาของท่านไป ถวายแด่พระเจ้า... เขาทั้งสองตกใจ มาก แต่ทตู สวรรค์พดู ว่า ‘อย่ากลัว เลย สันติสขุ จงอยูก่ บั ท่าน จงถวาย พระพรแด่พระเจ้าตลอดไป... บัดนี้ ข้าพเจ้าก�ำลังจะกลับไปหาพระองค์ ผูท้ รงส่งข้าพเจ้ามา’ แล้วราฟาเอล ก็อันตรธานไป” 8) อสย 6:7 “เทวดาชั้นเสราฟ ตนหนึ่ ง บิ น มาหาข้ า พเจ้ า สั ม ผั ส ปากข้าพเจ้า ความผิดของข้าพเจ้า ก็ถูกลบล้าง บาปของข้าพเจ้าก็ได้ รับการอภัย” 9) อสค 9:1-6 “ท่ า นทั้ ง หลาย คือ เครูบมีหน้าที่ลงโทษมนุษย์” 10) ดนล 12:1 “เวลานัน้ มีคาเอล เจ้ า นายยิ่ ง ใหญ่ ข องทู ต สวรรค์ ผู ้ พิทักษ์ประชากรของท่านจะลุกขึ้น” II. พระคัมภีร์ในพันธสัญญาใหม่ ก. ทูตสวรรค์กับมนุษย์ 1) ลก 1:11-20 “ทู ต สวรรค์ องค์หนึง่ ของพระเจ้าปรากฏองค์แก่ เศคาริยาห์ กล่าวว่า เอลีซาเบธ ภรรยาจะให้ ก�ำเนิ ด บุ ต รชาย แต่ เศคาริยาห์ไม่เชื่อ จึงเป็นใบ้” 2) ลก 2:26-38 “พระเจ้าทรงส่ง
7
ทูตสวรรรค์
ทู ต สวรรค์ ก าเบรี ย ลมาหาหญิ ง พรหมจารี ย ์ ชื่ อ มารี ย ์ กล่ า วแก่ นางว่า ‘ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรด ปราน... ท่านจะตัง้ ครรภ์ ให้ก�ำเนิด บุตรชายผูย้ งิ่ ใหญ่ เป็นบุตรพระเจ้า เดชะพระจิตเจ้า โดยยังเป็นพรหม จารีย์อยู่ เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้า จะทรงกระท�ำไม่ ไ ด้ ’ พระนางจึ ง ตรั สว่ า ‘ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของ องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้เป็นไปกับ ข้ า พเจ้ า ตามวาจาของท่ า นเถิ ด ’ แล้วทูตสวรรค์ก็จากพระนางไป” 3) ลก 2:9-20 “ทูตสวรรค์องค์ หนึ่ ง ปรากฏต่ อ หน้ า คนเลี้ ย งแกะ กล่าวว่า ‘อย่ากลัวเลย เพราะเรา น�ำข่าวดีมาบอกท่านทัง้ หลาย... วัน นี้ พ ระผู ้ ไ ถ่ ป ระสู ติ เ พื่ อ ท่ า นแล้ ว ’ ทั น ใดนั้ น ทู ต สวรรค์ อี ก จ�ำนวน มากปรากฏมาสมทบกับทูตสวรรค์ องค์ นั้ น ร้ อ งสรรเสริ ญ พระเจ้ า ว่า ‘พระสิริรุ่งโรจน์แด่พระเจ้าใน สวรรค์สูงสุด และบนแผ่นดินสันติ จงมี แ ก่ ม นุ ษ ย์ ที่ พ ระองค์ ท รง โปรดปราน’ เมือ่ บรรดาทูตสวรรค์ จากเขาสู่สวรรค์แล้ว คนเลี้ยงแกะ เหล่านัน้ จึงพูดกันว่า ‘เราจงไปเมือง เ บ ธ เ ล เ ฮ ม กั น เ ถิ ด จ ะ ไ ด ้ เ ห็ น เหตุการณ์นี้ที่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรง แจ้งให้เรารู้’ ”
4) ลก 15:10 “ทุกคนที่ยอมรับ เราต่อหน้ามนุษย์ บุตรแห่งมนุษย์ จะยอมรับผู้นั้นต่อหน้าทูตสวรรค์” 5) ลก 16:22 “เราบอกท่านทั้ง หลายว่า ทูตสวรรค์ของพระเจ้าจะ มี ค วามยิ น ดี เ ช่ น เดี ย วกั น เมื่ อ คน บาปคนหนึ่งกลับใจ” 6) มธ 1:20-24 “ทูตสวรรค์ของ พระผูเ้ ป็นเจ้ามาเข้าฝันโยเซฟว่าอย่า กลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของ ท่าน เพราะเด็กที่ปฏิสนธิ์ในครรภ์ ของนางมาจากพระจิ ต เจ้ า เมื่ อ โยเซฟตืน่ ขึน้ ก็ท�ำตามทีท่ ตู สวรรค์ สั่งไว้...” 7) มธ 2:13 “ทูตสวรรค์เข้าฝัน โยเซฟ กล่าวว่า ‘จงลุกขึน้ พาพระ กุมารและพระมารดาหนีไปอียิปต์ และจงอยู ่ ที่ นั่ น จนกว่ า เราจะบอก ท่าน’ ” 8) มธ 2:19 “หลังจากกษัตริย์ เฮโรดสิ้นพระชนม์ ทูตสวรรค์มา เข้ า ฝั น โยเซฟในอี ยิ ป ต์ กล่ า วว่ า ‘จงลุกขึน้ พาพระกุมารและพระมารดา กลับไปแผ่นดินอิสราเอล เพราะผูท้ ี่ ต้องการฆ่าพระกุมารตายแล้ว’ ” 9) มธ 18:10 “จงระวั ง ให้ ดี อย่าดูหมิน่ คนธรรมดาฯ เหล่านีค้ น ใดเลย เราบอกท่ า นทั้ ง หลายว่ า ตลอดเวลาในสวรรค์ ทูตสวรรค์
8
วารสารแสงธรรมปริทัศน์ ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2017/2560
ของเขาเฝ้าชมพระพักตร์พระบิดา ของเราผูส้ ถิตในสวรรค์” (หมายถึง อารักขเทวดาของเขา) ข. ทู ต สวรรค์ กั บ พระคริ ส ตเจ้ า เทียบพระวรสาร 1) มธ 4:6 “ถ้ า ท่ า นเป็ น บุ ต ร พระเจ้า จงกระโดดลงไปเบื้องล่าง เถิด เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ ว่า พระเจ้าจะส่งทูตสวรรค์เกีย่ วกับ ท่านให้คอยพยุงท่านไว้” 2) มธ 4:11 “ปี ศ าจได้ ล ะ พระองค์ไป แล้วทูตสวรรค์กเ็ ข้ามา ปรนนิบัติรับใช้พระองค์” 3) มธ 13:41 “เวลาอวสานแห่ง โลก บุตรมนุษย์จะใช้ทูตสวรรค์มา รวบรวมทุกสิ่งที่ท�ำให้หลงผิด” 4) มธ 16:27 “บุตรแห่งมนุษย์จะ เสด็จกลับมาในพระสิริรุ่งโรจน์ของ พระบิดาพร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์ เมื่อนั้นพระองค์จะประทานรางวัล แก่ ทุ ก คนตามความประพฤติ ข อง เขา” 5) ลก 12:8 “เราบอกท่ า นทั้ ง หลายว่าทุกคนที่ยอมรับเราต่อหน้า มนุษย์ บุตรแห่งมนุษย์จะยอมรับ ผูน้ นั้ ต่อหน้าทูตสวรรค์ของพระเจ้า” 6) มธ 24:31 “พระองค์ จ ะใช้ บรรดาทูตสวรรค์ให้เป่าแตรเสียงดัง รวบรวมผู้ที่ทรงเลือกสรรจากทั้งสี่ ทิศ”
7) มธ 25:31 “เมื่ อ บุ ต รแห่ ง มนุษย์จะเสด็จมาในพระสิริรุ่งโรจน์ พ ร ้ อ ม กั บ บ ร ร ด า ทู ต ส ว ร ร ค ์ พระองค์จะทรงแยกเขาออกเป็นสอง พวก ดังคนเลี้ยงแกะแยกแกะออก จากแพะ ให้แกะอยู่เบื้องขวา ให้ แพะอยู่เบื้องซ้าย” 8) มธ 26:53 “ท่านคิดว่า เรา จะอ้ อ นวอนพระบิ ด าเจ้ า ให้ ส ่ ง ทู ต สวรรค์มากกว่าสิบสองกองพลมา ช่วยเราบัดนี้มิได้หรือ” 9) มธ 28:2-5; ยน 20:11-13 “ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ลงจากสวรรค์ เข้าไปกลิ้งก้อนหิน ออก และนัง่ บนหินนัน้ ใบหน้าของ ทู ต สวรรค์ แ จ่ ม จ้ า เหมื อ นสายฟ้ า อาภรณ์ขาวราวหิมะ ทหารตกใจ กลัว... ทูตสวรรค์กล่าวแก่สตรีทั้ง สองว่า ‘อย่ากลัวเลย ข้าพเจ้ารู้ว่า ท่านก�ำลังมองหาพระเยซูผู้ถูกตรึง บนไม้กางเขน พระองค์มไิ ด้ประทับ อยู่ที่นี่ เพราะทรงกลับคืนพระชนม ชีพแล้วตามที่ตรัสไว้’ ” 10) ยน 20:12-13 “มารีย์เห็น ทูตสวรรค์สององค์สวมเสื้อขาวนั่ง อยูท่ เี่ ขาวางพระศพ... ทูตสวรรค์ทงั้ สองถามนางว่า ‘นางเอ๋ย ร้องไห้ ท�ำไม’ ”
9
ทูตสวรรรค์
ค. ทู ต สวรรค์ ใ นชี วิ ต ของพระ ศาสนจักร เทียบกิจการอัครสาวก ชีวติ ทัง้ ชีวติ ของพระศาสนจักรได้รบั ประโยชน์จากความช่วยเหลืออันล�้ำ ลึกและทรงอ�ำนาจของทูตสวรรค์ทงั้ หลาย 1) กจ 1:10 “ทั น ใดนั้ น มี ช าย สองคน (ทูตสวรรค์) สวมเสือ้ ขาว ปรากฏแก่เขา กล่าวว่า ‘ชาวกาลิลี เอ๋ ย ท่ า นทั้ ง หลายยื น แหงนหน้ า มองฟ้าอยู่ท�ำไม พระเยซูเจ้าองค์นี้ ที่เสด็จสู่สวรรค์จะเสด็จกลับมาเช่น เดียวกับทีท่ า่ นทัง้ หลายเห็นพระองค์ ทรงจากไปสู่สวรรค์’ ” 2) กจ 5:19 “เวลากลางคืน ทูต สวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็น เจ้ า เปิ ด ประตู คุ ก น�ำบรรดาอั ค ร สาวกออกไป สัง่ ว่าท่านทัง้ หลายจง ไปที่พระวิหาร ประกาศพระวาจา เกี่ยวกับวิถีชีวิตใหม่นี้ให้ประชาชน ฟังเถิด” 3) กจ 8:26 “ทูตสวรรค์ขององค์ พระผู้เป็นเจ้าสั่งฟิลิปว่า ‘จงลุกขึ้น และเดินทางไปทางทิศใต้’... พระจิต เจ้าตรัสสั่งฟิลิปว่า ‘จงตามรถขันที ให้ ทั น ... ประกาศข่ า วดี เ รื่ อ งพระ เยซู’... ฟิลิปได้ล้างบาปให้ขันที” 4) กจ 10:1, 3-4 “ชายคนหนึ่ง ชื่ อ โครเนลิ อั ส นายร้ อ ย... เห็ น ทูตสวรรค์ในนิมติ เข้ามาหา... เขา
จ้องมองทูตสวรรค์ด้วยความกลัว ถามว่ า ‘มี ธุ ร ะอะไรเจ้ า ข้ า ’ ทู ต สวรรค์ตอบว่า ‘ค�ำอธิษฐานภาวนา และการท�ำทานของท่านเป็นเครื่อง บูชาพอพระทัยพระเจ้า จงส่งคนไป เมืองยัฟฟา แล้วเชิญซีโมนทีเ่ รียกว่า เปโตรมาที่นี่’ ” 5) กจ 12:6-10 “เปโตรนอน หลับอยูร่ ะหว่างทหารสองคน... ทูต สวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็น เจ้าสะกิดข้างกายเปโตร ปลุกให้ตนื่ สัง่ ว่า ‘เร็วเข้า จงคาดสะเอว สวม รองเท้า สวมเสือ้ คลุม ตามข้าพเจ้า มา’ เปโตรตามทูตสวรรค์ออกไป... ผ่ า นยามชั้ น ที่ ห นึ่ ง ชั้ น ที่ ส อง... ประตูเหล็กเปิดได้เอง ออกไปเดิน ตามถนนสายหนึ่ง แล้วทูตสวรรค์ ก็หายไปทันที” 6) กจ 12:21-23 “กษัตริยเ์ ฮโรด ทรงฉลองพระองค์เต็มยศ ประทับ บนบัลลังก์ ปราศรัยแก่ชาวเมือง ประชาชนตะโกนสรรเสริญว่า ‘นีค่ อื พระสุรเสียงของพระเจ้า มิใช่เสียง ของมนุษย์’ ทันใดนั้น ทูตสวรรค์ ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าก็ท�ำให้กษัตริย์ เฮโรดล้ ม ลง หนอนมากั ด กิ น พระองค์ จ นสิ้ น พระชนม์ เพราะ พระองค์ ไ ม่ ไ ด้ เ ทิ ด พระเกี ย รติ พระเจ้า”
10
วารสารแสงธรรมปริทัศน์ ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2017/2560
7) กจ 23:7-9 “ที่ ป ระชุ ม จึ ง แตกแยก เพราะชาวสะดู สี ยื น ยั น ว่าไม่มีการกลับคืนชีพ และไม่มีทั้ง ทูตสวรรค์และจิต แต่ชาวฟาริสเี ชือ่ ว่ามี... ธรรมาจารย์บางคนที่เป็น ชาวฟารีสีลุกขึ้นโต้แย้งว่า ‘เราไม่ พบว่าชายผู้นี้มีความผิดอันใด เป็น ไปได้มิใช่หรือที่จิตหรือทูตสวรรค์ ได้พูดกับเขา” (เปาโล) 8) กจ 27:23-25 “คืนที่ผ่านมา ทู ต สวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า กล่ า วว่ า ‘เปาโล อย่ า กลั ว เลย ท่ า นจะต้ อ งไปปรากฏตั ว เฉพาะ พระพักตร์พระจักรพรรดิ... จงท�ำใจ ดีๆ ไว้เถิด’ ” จดหมายของนั ก บุ ญ เปาโล มี พู ด ถึ ง เทวดาแบ่งเป็นชั้นต่างๆ อาทิ: 1) คส 1:16 “เทพนิกรบัลลังก์ เทพนิกรนาย เทพนิกรเจ้า และ เทพนิกรอ�ำนาจ ล้วนถูกสร้างมา โดยพระองค์ทั้งสิ้น” 2) คส 2:10 “ท่านได้รับความ บริบรู ณ์ในพระองค์ผทู้ รงเป็นประมุข แห่งบรรดาเทพผู้ทรงเดชานุภาพ และเทพผู้ทรงอ�ำนาจทั้งสิ้น” 3) อฟ 1:20-22 “พระองค์ทรง บันดาลให้พระคริสตเจ้าทรงกลับคืน พระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย และ
ให้ประทับเบื้องขวาของพระองค์ใน สวรรค์ เหนือเทพนิกรเจ้า เทพ นิกรอ�ำนาจ เทพนิกรฤทธิ์ เทพ นิกรนาย และเหนือนามทั้งปวง... ทรงวางทุกสิง่ ไว้ใต้พระบาทของพระ คริสตเจ้า...” ทูตสวรรค์ในพิธีกรรม พระศาสนจั ก รร่ ว มกั บ ทู ต สวรรค์ นมัสการ สรรเสริญ ขอบพระคุณพระเจ้า และวอนขอความช่วยเหลือจากทูตสวรรค์ ทั้งหลาย 1) ในพิธีบูชามิสซาขอบพระคุณ พระศาสนจั ก รร่ ว มเสี ย งกั บ นิ ก ร เทวดา และชาวสวรรค์ ทั้ ง หลาย ร้ อ งเพลงสดุ ดี เ ป็ น นิ จ กาลว่ า ดั ง นี้ “ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ พระเจ้ า จอมจั ก รวาล พระสิ ริ รุ่งโรจน์แผ่ไปทั่วฟ้าดิน สาธุการ พระเจ้าสูงสุด” 2) ในพิธปี ลงศพ มีเพลงเป็นภาษา ลาตินว่า “In Paradisum deducant te Angeli” (ขอให้ทตู สวรรค์ น�ำท่านไปสวรรค์) 3) พระศาสนจักรฉลองความทรง จ�ำเกีย่ วกับเทวดาบางองค์เป็นพิเศษ เช่น อัครเทวดามีคาเอล กาเบรียล ราฟาเอล และบรรดาอารักขเทวดา (เทียบ มธ 18:10; ลก 16:22;
11
ทูตสวรรรค์
สดด 34:7; 91:10-19; โยบ 33:23-24; ศคย 1:12; ทบต 12:12) 4) คริ ส ตชนแต่ ล ะคนมี อ ารั ก ข เทวดาอยู่เคียงข้าง เป็นผู้พิทักษ์ และผู้อภิบาลเพื่อจะได้เข้าสู่ชีวิตใน สวรรค์ - นั ก บุ ญ เบอร์ น าร์ ด กล่ า วว่ า “จงพยายามให้อารักขเทวดาเป็น เพือ่ นทีแ่ สนดีของท่าน ไม่วา่ ท่านจะ อ่อนแอ หรืออยู่ในความทุกข์โศก เศร้า หรือยู่ในอันตรายใดๆ ไม่มี อะไรจะต้ อ งกลั ว ในเมื่ อ ท่ า นมี อารั ก ขเทวดาคอยเฝ้ า รั ก ษาดู แ ล ท่านตลอดเวลา จงเคารพอารักข เทวดาของท่าน จงรู้คุณต่อความ เอาใจใส่ดูแลของท่าน จงวางใจใน ท่ า น และหั น ไปหาท่ า นขอความ คุ ้ ม ครองในยามยากล�ำบาก ใน ภยันตราย และการประจญล่อลวง” - ในประวัตนิ กั บุญฟรันซิส เดอ ซาลส์ เล่าว่า “ท่านนักบุญมีความ ศรัทธาพิเศษต่ออารักขเทวดา ไม่ ว่าจะเดินไปไหนมาไหน จะออกจะ เข้าประตู ท่านนักบุญจะให้เกียรติ อารั ก ขเทวดาน�ำหน้ า เสมอ แต่ ในวั น ที่ ท ่ า นรั บ ศี ล บรรพชาเป็ น พระสงฆ์แล้ว มีคนเห็นท่านยืนเก้ๆ
กั ง ๆ ตรงประตู ราวกั บ ว่ า ก�ำลั ง เกี่ ย งกั บ ใครอยู ่ ไม่ เ ดิ น เพราะ อารักขเทวดาของท่านไม่ยอมเดิน น�ำหน้าท่านต่อไป เพราะพระสงฆ์มี ศักดิ์ศรีใหญ่กว่าเทวดา เช่น เสก ศีลฯ ยกบาปได้... - ให้เราสวดภาวนาขออารักข เทวดาช่วยเราทุกวันทุกคืน ดังนี้ “ทูตสวรรค์ของพระเจ้า พระองค์ ทรงพระกรุ ณ ามอบข้ า พเจ้ า ไว้ ใ น ความอารักขาของท่าน โปรดส่อง สว่างพิทักษ์รักษา คุ้มครอง และ น�ำทางชีวิตข้าพเจ้าในวันนี้ (คืนนี้) ด้วยเทอญ อาแมน” เชื่อว่าบทความเรื่อง “ทูตสวรรค์ หรือเทวดา” นี้ คงจะช่วยให้ท่านผู้อ่าน รูจ้ กั ทูตสวรรค์ดขี นึ้ รักท่านและรูค้ ณ ุ ท่าน มากขึน้ โดยเฉพาะอารักขเทวดา พีท่ แี่ สน ดีของเรา ซึ่งอยู่เคียงข้างเรา คอยช่วย เหลือเราทัง้ ฝ่ายกายและวิญญาณตัง้ แต่เกิด จนถึงตาย ให้เราเชื่อฟังท่าน เอาอย่าง ท่ า น เป็ น ทู ต ที่ ซื่ อ สั ต ย์ จ งรั ก ภั ก ดี ข อง พระเจ้า ขอให้ทา่ นส่องสว่างน�ำทางเราให้ บรรลุถงึ สวรรค์โดยปลอดภัย เพือ่ จะได้อยู่ กั บ ท่ า นในสวรรค์ นมั ส การสรรเสริ ญ พระเจ้าตลอดนิรันดร
บรรณานุกรม แผนกคริสตศาสนธรรม. หนังสือค�ำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก. กรุงเทพมหานคร: แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ, 2537. Dheilly, J. Dictionnaire Biblique. France: Lorient, 2010.
บาทหลวง ผศ.ดร.ฟรังซิส ไก้ส์, S.D.B.
เหตุผลของมนุษย์เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างแน่นอนว่าทูต สวรรค์มีอยู่จริงหรือไม่ แต่เพราะบนแผ่น ดิ น นี้ มี ทั้ ง สิ่ ง ไม่ มี ชี วิ ต ต้ น ไม้ สั ต ว์ แ ละ มนุษย์ ก็สมเหตุสมผลแล้วว่า พระเจ้า ทรงสร้ า งจิ ต จ�ำกั ด ที่ ป ราศจากร่ า งกาย มีปัญญาและอิสรภาพ และอยู่ในระดับสูง กว่ามนุษย์แต่รองจากพระเจ้า ทุกวันนี้ ในบริบทหลายวัฒนธรรมมีผสู้ นั นิษฐานว่า บนดาวเคราะห์ดวงอื่นมีมนุษย์อาศัยอยู่ แต่ ถ ้ า เรายอมรั บ ว่ า มี วั ต ถุ บิ น ร่ อ นซึ่ ง
ก�ำหนดเอกลักษณ์ไม่ได้ (ยูเอฟโอ หรือ ยูโฟ) หมายถึงสิ่งผิดปกติประจักษ์ชัดใดๆ ในท้องฟ้า แล้วเหตุใดคนสมัยนีจ้ งึ ยอมรับ ได้ยากว่าทูตสวรรค์มีอยู่จริง โดยแท้ จ ริ ง แล้ ว ความคิ ด ที่ ว ่ า ระหว่ า งพระเจ้ า ผู ้ ท รงสรรพานุ ภ าพกั บ มนุษย์มีช่องว่างมหาศาล และมีสิ่งสร้าง อาศัยอยู่ในช่องว่างนั้น ก็เป็นความเชื่อที่ เราพบในวัฒนธรรมโบราณต่างๆ โดย เฉพาะอย่างยิง่ ในศาสนาของชนชาติทอี่ ยู่ เคียงข้างอิสราเอล อย่างไรก็ตาม เพียง
บาทหลวงสังกัดคณะซาเลเซียน S.D.B., อาจารย์ประจ�ำสาขาวิชาเทววิทยา คณะศาสนศาสตร์ วิทยาลัยแสงธรรม
(หมวดสัจธรรม)
ทูตสวรรรค์ ในพระคัมภีร์
14
วารสารแสงธรรมปริทัศน์ ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2017/2560
ศาสนาที่ ยึ ด ถื อ ลั ท ธิ เ อกเทวนิ ย มเท่ า นั้ น อธิบายว่า สิ่งสร้างเหล่านี้มีความสัมพันธ์ ทีด่ กี บั มนุษย์และมีชอื่ ว่า “ทูตสวรรค์” แต่ ในความเชือ่ ของชาวอียปิ ต์และชาวอัสซีเรีย บาบิโลนคิดว่าจิตเหล่านีเ้ ป็นศัตรูกบั มนุษย์ เขาจึ ง ต้ อ งการเทพเจ้ า ที่ ดี ม าช่ ว ยเหลื อ ปกป้องให้พน้ จากจิตเหล่านี ้ แม้ในศาสนา ของชาวเปอร์เซียและต่อๆ มา ในศาสนา ของชาวกรีกและชาวโรมัน ความสัมพันธ์ ระหว่างจิตเหล่านี้กับมนุษย์มีลักษณะการ ต่อสู้กันมากการพบปะกันอย่างสันติ เมื่ อ เราค�ำนึ ง ถึ ง ความแตกต่ า ง ระหว่ า งจิ ต ที่ เ ป็ น อริ แ ละน่ า กลั ว เหล่ า นี้ กับ “ทูตสวรรค์ของพระเจ้า” ดังที่พบใน พระคัมภีร์ เราเห็นค�ำสอนส�ำคัญเกี่ยวกับ บทบาทและความเป็นอยู่ของทูตสวรรค์ ตั้งแต่หนังสือเล่มแรกของพระคัมภีร์มีการ กล่ า วถึ ง “บรรดาเครู บ ถื อ ดาบเพลิ ง ” (ปฐก 3:24) ที่พระองค์ทรงแต่งตั้งเพื่อ เฝ้าทางไปสู่ต้นไม้แห่งชีวิตในสวนเอเดน จนถึ ง หนั ง สื อ เล่ ม สุ ด ท้ า ยซึ่ ง กล่ า วถึ ง ทู ต สวรรค์ จ�ำนวนมากมายนั บ ไม่ ถ ้ ว น ทูตสวรรค์เหล่านีอ้ ยูเ่ หนือมนุษย์แต่ตำ�่ กว่า พระเจ้ า ปรากฏองค์ อ ย่ า งมี ชี วิ ต ชี ว า มี ห น้ า ที่ ส องประการคื อ ประการแรก ปกป้องอุตรภาพของพระเจ้าโดยรับรอง ว่าพระองค์เป็นพระธรรมล�้ำลึก ทรงแตก ต่ า งจากโลกและมนุษย์ ประการที่สอง ท�ำให้พระเจ้าสถิตใกล้ชดิ กับเราโดยสือ่ สาร พระวาจาและกิจการของพระองค์
ค�ำว่า “ทูตสวรรค์” ในภาษาฮีบรู เรียกว่า “มาลาค” และในภาษากรีกเรียก ว่ า “อั ล เกลอส” ไม่ เ ป็ น ชื่ อ ที่ บ ่ ง บอก ธรรมชาติ แต่ ชี้ แ จงบทบาทและหน้ า ที่ ของจิ ต เหล่ า นี้ คื อ เป็ น “ทู ต ” หรื อ “ผู ้ สือ่ สาร” “ทูตสวรรค์ทงั้ หลายเป็นเพียงจิต ทีม่ หี น้าทีร่ บั ใช้พระเจ้า พระองค์ทรงส่งมา รับใช้ผู้ที่จะต้องได้รับความรอดพ้น” (ฮบ 1:14) โดยปกติ ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของมนุษย์จะรับรู้ทูตสวรรค์ไม่ได้ เพราะ ด�ำรงอยู่ในโลกที่เร้นลับ แต่ส�ำหรับพระ คัมภีรแ์ ล้ว การมีอยูจ่ ริงของทูตสวรรค์ไม่ เคยเป็นปัญหา อย่างไรก็ตาม เรายังพบ วิวัฒนาการค�ำสอนเกี่ยวกับทูตสวรรค์ใน พระคั ม ภี ร ์ เพราะผู ้ เ ขี ย นน�ำสั ญ ลั ก ษณ์ ต่างๆ จากศาสนาเคียงข้างอิสราเอล มา เป็นแหล่งข้อมูลในการพัฒนาความคิด 1. ทูตสวรรค์ในพันธสัญญาเดิม พันธสัญญาเดิมไม่มีค�ำสอนเรื่องทูต สวรรค์แบบตายตัวคือ ไม่มีพระสัจธรรม เฉพาะเจาะจงอย่ า งเป็ น ระบบเกี่ ย วกั บ ธรรมชาติ ข องทู ต สวรรค์ และความ สั ม พั น ธ์ ข องทู ต สวรรค์ กั บ พระเจ้ า และ กั บ มนุ ษ ย์ แต่ เ ราพบความส�ำนึ ก ที่ ว ่ า พระเจ้าทรงสร้างความสัมพันธ์กับมนุษย์ โดยผ่านทางทูตสวรรค์ ชาวยิวโบราณเชือ่ มั่นว่า พระเจ้าทรงใช้ทูตสวรรค์ปกครอง โลกและประวัติศาสตร์มนุษย์ หนังสือใน สารบบพระคัมภีรก์ ล่าวถึงทูตสวรรค์อย่าง
15
ทูตสวรรรค์ในพระคัมภีร์
พอเหมาะ ต่างจากข้อเขียนของลัทธิยวิ ใน สมัยหลังๆ นอกสารบบพระคัมภีร์ ที่ใช้ จินตนาการเล่าเรื่องเพ้อฝันต่างๆ นาๆ และน่าประหลาดใจ 1.1 ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ พันธสัญญาเดิมใช้องค์ประกอบใน เทพนิ ย ายปรั ม ปราตะวั น ออก แต่ ไ ด้ ปรับปรุงเนื้อหาให้เข้ากับการเปิดเผยของ พระเจ้าเพียงพระองค์เดียว จึงมักจะแสดง ว่า พระเจ้าทรงเป็นเหมือนกษัตริยท์ างทิศ ตะวันออก (เทียบ 1 พกษ 22:19; อสย 6:1ฯ) ทรงมี ข ้ า ราชบริ พ ารชื่ อ ว่ า “ผู ้ ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ” (โยบ 5:1; 15:15; สดด 89:6; ดนล 4:10) หรื อ “บุ ต รของ พระเจ้ า ” (สดด 29:1; 89:7; ฉธบ 32:8) ในบรรดาข้าราชบริพารนี้ เครูบ ค�้ำจุนพระบัลลังก์ไว้ (เทียบ สดด 80:2; 99:1) ดึ ง วงล้ อ (เที ย บ อสค 10:1) เป็นพาหนะเหาะเหินของพระองค์ (เทียบ สดด 18:11) หรือรักษาทางเข้าสวนของ พระองค์ มิให้ผู้ที่ไม่ได้รับเลือกสรรเข้าไป (เทียบ ปฐก 3:24) บรรดาเสราฟร้อง สรรเสริ ญ พระสิ ริ รุ ่ ง โรจน์ ข องพระองค์ (เทียบ อสย 6:2ฯ) และเสราฟตนหนึ่ง ช�ำระริมฝีปากของประกาศกอิสยาห์เมื่อ เห็นภาพนิมิตแรกเริ่ม (เทียบ อสย 6:7) เครู บ ในพระวิ ห ารเป็ น ภาพที่ ก างปี ก ครอบคลุมฝาหีบพันธสัญญา (เทียบ 1 พกษ 6:23-29; อพย 25:18 ฯ)
กองทัพสวรรค์ทั้งหมด (เทียบ 1 พกษ 22:19; สดด 148: 2; นหม 9:6) ท�ำให้พระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าโดดเด่น พร้ อ มที่ จ ะปกครองโลกและปฏิ บั ติ ต าม พระบัญชาของพระองค์ (สดด 103:20) รวมทั้งสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสวรรค์ กับแผ่นดิน (เทียบ ปฐก 28:12) อย่างไรก็ตาม นอกจากจิตลึกลับ เหล่านีแ้ ล้ว เรือ่ งราวโบราณในพระคัมภีร์ ยังกล่าวถึง “ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์” อี ก ด้ ว ย (เที ย บ ปฐก 16:7; 22,11; อพย 3.2; ยดธ 2:1) ซึง่ ไม่แตกต่างจาก พระยาห์เวห์พระองค์เองผู้ทรงแสดงองค์ ในรูปแบบที่แลเห็นได้บนแผ่นดิน (เทียบ ปฐก 16:13; อพย 3:2) คือ “ประทับ อยูใ่ นแสงสว่างทีไ่ ม่อาจเข้าถึงได้” (1 ทธ 6:16) มนุษย์จะดูพระพักตร์ของพระเจ้า ไม่ได้ เพราะไม่มีคนใดที่เห็นพระพักตร์ แล้วจะมีชวี ติ อยูไ่ ด้ (เทียบ อพย 33:20) มนุษย์อาจเห็นเพียงภาพสะท้อนลึกลับของ พระองค์ ดั ง นั้ น “ทู ต สวรรค์ ข องพระ ยาห์เวห์” จึงเป็นวลีที่ข้อความโบราณใช้ เพื่อแสดงความคิดทางเทววิทยาแรกเริ่ม เรายังพบร่องรอยของวลีนี้ แม้ในหนังสือ พันธสัญญาใหม่และในข้อเขียนของบรรดา ปิ ต าจารย์ อย่ า งไรก็ ต าม เมื่ อ การ เปิ ด เผยของพระเจ้ า ค่ อ ยๆ พั ฒ นาขึ้ น ทู ต สวรรค์ ธ รรมดาก็ เ ข้ า มาท�ำหน้ า ที่ แทน “ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์”
ในโลกของพระคัมภีร ์ ก่อนอืน่ หมด ทู ต สวรรค์ เ ป็ น ผู ้ แ จ้ ง ข่ า วแก่ ม นุ ษ ย์ ทู ต สวรรค์สามตนประกาศแก่อับราฮัมและ นางซาราห์ว่าจะมีบุตรชื่ออิสอัค (เทียบ ปฐก 18:1-5; 16:11-14) ก่อนหน้านัน้ นางซาราห์ไม่มีบุตรจึงยอมให้ฮาการ์ผู้รับ ใช้ของตนมาเป็นหญิงสนมของอับราฮัม นางฮาการ์กต็ งั้ ครรภ์ ต่อมาไม่นาน เมือ่ นางซาราห์ตั้งครรภ์อิสอัคแล้ว ก็ขับไล่ นางฮาการ์ออกจากบ้าน แต่เมื่อผู้รับใช้ เดินทางจนใกล้ถึงพุน�้ำในถิ่นทุรกันดาร “ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์” ปรากฏองค์ แก่นางทีถ่ กู ทอดทิง้ และก�ำลังหนีไป (เทียบ ปฐม 16:7-12) ทู ต สวรรค์ ข องพระ ยาห์เวห์ให้ก�ำลังใจนางฮาการ์ ท�ำนายว่า “เราจะให้ ลู ก หลานของท่ า นทวี จ�ำนวน ขึ้นมากมายจนนับไม่ถ้วน... ท่านตั้งครรภ์ แล้วจะคลอดบุตรชาย และจะตั้งชื่อเขาว่า อิ ช มาเอล” (เที ย บ ปฐก 16:10-11) ดังนัน้ ทูตสวรรค์จงึ ส่งนางฮาการ์กลับไป อยูก่ บั อับราฮัม ต่อมา เมือ่ นางฮาการ์กบั อิชมาเอลถูกไล่ออกจากบ้านของอับราฮัม อีก ทูตสวรรค์เรียกนางฮาการ์จากสวรรค์ และช่วยเหลือเขา (เทียบ ปฐก 21:17) แขกทัง้ สองคนของโลททีเ่ มืองโสโดม ก็เป็น “ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์” ด้วย เช่ น กั น เขามาปกป้ อ งโลทพร้ อ มกั บ ภรรยาและบุตรสาวสองคน ทูตสวรรค์ สองตนนี้ ยั ง มี ภ ารกิ จ จะต้ อ งพิ พ ากษา
ลงโทษคนอธรรมที่ อ าศั ย อยู ่ ใ นเมื อ ง โสโดม” (เทียบ ปฐก 19:1-25) พระ คั ม ภี ร ์ ยั ง เล่ า ว่ า พระเจ้ า ทรงเรี ย กร้ อ ง ให้ อั บ ราฮั ม ถวายอิ ส อั ค บุ ต รชายเพี ย ง คนเดียวของตนเป็นเครื่องบูชา อับราฮัม ก็จัดเตรียมการบูชา ขณะที่ก�ำลังปฏิบัติ ทู ต สวรรค์ ข องพระยาห์ เ วห์ ต ะโกนห้ า ม เขามิให้ถวายบุตรเป็นเครื่องบูชา (เทียบ ปฐก 22:1-14) ยิ่งกว่านั้น ทูตสวรรค์ ยั ง แจ้ ง ให้ ท ราบว่ า พระเจ้ า จะทรง ตอบแทนความนอบน้อมเชื่อฟังของอับรา ฮั ม โดยประทานพระพรแก่ อิ ส อั ค บุ ต ร ชายของเขา (เทียบ ปฐก 22:15-18) พระคัมภีร์ยังเล่าอีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับทูต สวรรค์ปรากฏองค์แก่อบั ราฮัม เมือ่ เขาส่ง ผู้รับใช้อาวุโสที่สุดในบ้านไปพบญาติของ ตนเพื่ อ เลื อ กภรรยาให้ อิ ส อั ค เวลานั้ น ผู้รับใช้ไม่มั่นใจว่าจะปฏิบัติตามค�ำสั่งได้ ส�ำเร็จหรือไม่ อับราฮัมให้ก�ำลังใจแก่เขา ว่า พระยาห์เวห์จะทรงส่งทูตสวรรค์ของ พระองค์ น�ำหน้ า ท่ า นไป (เที ย บ ปฐม 24:2-40) ยาโคบเป็ น บุ ต รชายคนหนึ่ ง ของ อิสอัค เมื่อเดินทางถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ชื่อเบธเอล เขาฝันเห็นบันไดอันหนึ่งทอด จากพื้ น ดิ น ขึ้ น ไปสู ่ ท ้ อ งฟ้ า ทู ต สวรรค์ ของพระเจ้ า เดิ น ขึ้ น ลงบนบั น ไดนั้ น พระยาห์ เ วห์ ท รงยื น อยู ่ ข ้ า งเขาตรั ส ว่ า “เราคือพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอับราฮัม
17
ทูตสวรรรค์ในพระคัมภีร์
พระเจ้าตรัสว่า “เราจะส่งทูตสวรรค์ไปข้างหน้าท่าน เพื่อป้องกันท่านตามทาง... จงเคารพทูตสวรรค์และเชื่อฟังถ้อยค�ำของเขา อย่าต่อต้าน เพราะเขาท�ำไปในนามของเรา” บิดาของท่าน พระเจ้าของอิสอัค แผ่นดิน ที่ ท ่ า นนอนอยู ่ นี้ เราจะให้ ท ่ า นและลู ก หลานของท่าน” (ปฐก 28:13) ยังมีอีก เหตุการณ์หนึ่งที่ทูตสวรรค์ส�ำแดงตนแก่ ยาโคบในเวลากลางคื น เมื่ อ ยาโคบส่ ง ภรรยา บุ ต รและทรั พ ย์ สิ น ทั้ ง หมดข้ า ม ล�ำธารยั บ บอก เหลื อ เขาอยู ่ เ พี ย งตาม ล�ำพัง ทูตสวรรค์ตนหนึ่งปรากฏต่อเขา ในภาพลักษณ์ของบุรษุ ผูห้ นึง่ ไม่ยอมบอก ชื่อของตนและต่อสู้กับเขาจนรุ่งสาง เมื่อ ยาโคบรับรูว้ า่ บุรษุ ผูน้ นั้ เป็นทูตสวรรค์ของ พระยาห์เวห์ ก็ไม่ปล่อยผู้นั้นจนกว่าทูต สวรรค์อวยพรเขา เหมือนกับว่ายาโคบได้ รับพลังจากค�ำอวยพรเพียงโดยอาศัยค�ำ ภาวนาไม่หยุดหย่อน เวลานั้นยาโคบก็ได้ ชื่อว่า “อิสราเอล” หมายถึง “ผู้ต่อสู้กับ พระเจ้า” ในหนังสืออพยพ เราพบทูตสวรรค์ ตนหนึง่ ทีพ่ ระยาห์เวห์ทรงส่งลงมาเพือ่ ช่วย เหลืออิสราเอลให้หนีจากการเป็นทาสที่ อี ยิ ป ต์ แ ละน�ำเขาไปสู ่ แ ผ่ น ดิ น แห่ ง พระ
สัญญา “ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์” มา ปรากฏแก่โมเสสเป็นเปลวไฟลุกอยู่กลาง พุ่มไม้แต่ไม่มอดไหม้ พระเจ้าทรงเรียก โมเสสจากไฟและทรงส่ ง เขาไปเข้ า เฝ้ า กษัตริย์ฟาโรห์ในฐานะผู้สื่อสารการปลด ปล่ อ ยอิ ส ราเอลให้ เ ป็ น อิ ส ระ (เที ย บ อพย 3:1-33) ทู ต สวรรค์ ข องพระ ยาห์เวห์ยงั ปกป้องอิสราเอลขณะทีเ่ ดินทาง ไปถึงทะเลต้นกกและตลอดการข้ามทะเล (เทียบ อพย 23:20) แต่เมื่อประชากร อิสราเอลท�ำบาปโดยกราบไหว้รปู โคทองค�ำ พระยาห์ เ วห์ ก็ ท รงลงโทษผู ้ ก ระท�ำผิ ด ก่อนที่จะทรงส่งทูตสวรรค์ให้เดินทางน�ำ หน้ า ประชากรในถิ่ น ทุ ร กั น ดาร (เที ย บ อพย 32:34; 33:2) พระเจ้ า ตรั ส ว่า “เราจะส่งทูตสวรรค์ไปข้างหน้าท่าน เพื่อป้องกันท่านตามทาง...จงเคารพทูต สวรรค์และเชื่อฟังถ้อยค�ำของเขา อย่าต่อ ต้ า น เพราะเขาท�ำไปในนามของเรา” (อพย 23:20-21) ข้อความนี้แสดงว่า ทูตสวรรค์ท�ำหน้าที่แทนพระเจ้าหรือพูด
18
วารสารแสงธรรมปริทัศน์ ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2017/2560
อีกนัยหนึ่ง คือพระเจ้าตรัสกับมนุษย์โดย ผ่านทางทูตสวรรค์ ด้วยวิธีนี้ทูตสวรรค์ ประกาศและน�ำความรอดพ้ น ท�ำให้ ประชากรอิสราเอลออกจากอียิปต์ ปลด ปล่ อ ยกรุ ง เยรู ซ าเล็ ม ให้ พ ้ น จากการถู ก กองทัพของศัตรูล้อมรอบ “คืนนั้น ทูต สวรรค์ของพระยาห์เวห์ไปที่ค่ายของชาว อัสซีเรียและฆ่าทหารหนึ่งแสนแปดหมื่น ห้าพ้นคน” (2 พกษ 19:35) หนังสือ เฉลยธรรมบัญญัติไม่กล่าวถึงทูตสวรรค์ อย่างชัดเจน พระเจ้าเพียงทรงสัญญาว่า จะทรงดลใจประกาศกคนหนึ่งให้ประกาศ พระวาจา (เทียบ ฉธบ 18:14-17) 1.2 การพัฒนาค�ำสอนเรื่องทูต สวรรค์ ตัง้ แต่หน้าแรกๆ หนังสือพระคัมภีร์ อธิบายว่า ทูตสวรรค์ประกอบภารกิจทั้ง สองอย่างคือทั้งดีและไม่ดี (เทียบ โยบ 1:12) เช่น พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์ที่ดี ไปคอยเฝ้ า ดู อิ ส ราเอล (เที ย บ อพย 23:20) แต่ยังทรงส่งทูตสวรรค์ที่ปฏิบัติ ภารกิจเลวร้ายคือ ทรงส่งผู้สื่อสารเป็น เหมือน “ทูตแห่งหายนะ” (สดด 78:49) เหมื อ น “ผู ้ ท�ำลาย” (อพย 12:23; เที ย บ 2 ซมอ 24:16 ฯ; 2 พกษ 19:35) แม้ซาตานในหนังสือโยบยังอยู่ ในหมู่ข้าราชบริพารของพระเจ้า (เทียบ โยบ 1:6-12; 2:1-10) อย่างไรก็ตาม
หลังการเนรเทศหน้าทีข่ องทูตสวรรค์มกั จะ มีลักษณะและบทบาทแตกต่างกัน ฝ่าย หนึ่งคือบรรดาทูตสวรรค์ที่ดี ส่วนอีกฝ่าย หนึ่งคือซาตานและปีศาจ ระหว่างสอง ฝ่ายนี้มีการต่อต้านกันอยู่เสมอ (เทียบ ศคย 3:1 ฯ) ทรรศนะการแบ่ ง จิ ต ออกเป็ น 2 ฝ่ายเช่นนี ้ แสดงอิทธิพลทางอ้อมของลัทธิ ในดิ น แดนเมโสโปเตเมี ย และเปอร์ เ ซี ย คือชาวยิวได้พัฒนาความคิดดั้งเดิมโดยใช้ สัญลักษณ์ต่างๆ จากวัฒนธรรมอื่น และ จัดเป็นระบบในการอธิบายความเป็นอยู่ ของทูตสวรรค์ โดยยังคงรักษาลัทธิเอก เทวนิยมของชาวยิวอย่างเคร่งครัด เช่น หนังสือโทบิตอ้างถึงทูตสวรรค์เจ็ดตนทีอ่ ยู่ เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า (เทียบ ทบต 12:15; วว 8:2) ซึ่ ง เราพบในทฤษฏี เรือ่ งทูตสวรรค์ของชาวเปอร์เซีย บทบาท ของทูตสวรรค์เหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลง เขาคอยเฝ้ า ดู แ ลมนุ ษ ย์ (เที ย บ ทบต 3:17; สดด 91:11; ดนล 3:49 ฯ) และน�ำค�ำอธิษฐานภาวนาของมนุษย์ถวาย แด่ พ ระเจ้ า (เที ย บ ทบต 12:12) ก�ำหนดชะตากรรมของนานาชาติ (เทียบ ดนล 10:13-21) ตั้งแต่หนังสือประกาศกเอเสเคียล เราพบว่า บรรดาทูตสวรรค์อธิบายความ หมายของภาพนิมิตแก่บรรดาประกาศก (เทียบ อสค 40:3 ฯ ศคร 1:8 ฯ) ซึง่
จะเป็นลักษณะทางวรรณกรรมเฉพาะของ หนั ง สื อ ต่ า งๆ ประเภทวิ ว รณ์ (เที ย บ ดนล 8:15-19; 9:21) ทูตสวรรค์จึงได้ รั บ ชื่ อ ตามบทบาทหน้ า ที่ ข องตน เช่ น ราฟาเอล “ผู ้ รั ก ษา” (ทบต 3:17; 12:15) กาเบรี ย ล “พละก�ำลั ง ของ พระเจ้า” (ดนล 8:16; 9:21) มีคาเอล “ใครเหมือนพระเจ้า” พระเจ้าทรงมอบ หมายหน้าทีแ่ ก่มคี าเอล ผูเ้ ป็นหัวหน้าของ ทู ต สวรรค์ ใ ห้ ดู แ ลประชากรอิ ส ราเอล (เทียบ ดนล 10:13, 21; 12:1) ข้อมูล ดังกล่าวนี้ได้รับการเพิ่มเติมในข้อเขียน นอกสารบบพระคั ม ภี ร ์ เช่ น หนั ง สื อ เอโนคและในข้อเขียนของบรรดาธรรมาจารย์ ซึง่ พยายามรวบรวมปรับปรุงให้เป็น ระบบ ดังนั้น ค�ำสอนในพันธสัญญาเดิม เกี่ยวกับความมีอยู่จริงของทูตสวรรค์และ ความสั ม พั น ธ์ กั บ มนุ ษ ย์ เป็ น ค�ำสอนที่ มั่ น คงอยู ่ เ สมอ อย่ า งไรก็ ต าม วิ ธี ก าร บรรยายความเป็นอยูข่ องทูตสวรรค์โดยใช้ ภาษาสัญลักษณ์ซึ่งท�ำให้เกิดปัญหาในการ ตีความหมาย 2. ทูตสวรรค์ในพันธสัญญาใหม่ พั น ธสั ญ ญาใหม่ เ ช่ น เดี ย วกั บ พั น ธ สัญญาเดิมมีเรื่องราวกล่าวถึงทูตสวรรค์ และพลังของจิตทีอ่ ยูใ่ นสวรรค์ ซึง่ ได้รบั ชือ่ ว่า “ทูตสวรรค์” “ทูตสวรรค์ขององค์พระ ผู้เป็นเจ้า” “ทูตสวรรค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์” “ทูต
สวรรค์ผเู้ ข้มแข็ง” “เทพนิกรบัลลังก์ เทพ นิ ก รนาย เทพนิ ก รเจ้ า และเทพนิ ก ร อ�ำนาจ” (คส 1:16) และยังอ้างถึงทูต สวรรค์กาเบรียลและทูตสวรรค์มีคาเอล” (เทียบ ลก 1:19-26) พันธสัญญาใหม่ บันทึกการเปิดเผยของพระเยซูเจ้าผู้ทรงมี ทูตสวรรค์ห้อมล้อมอย่างชัดเจน โดยน�ำ เรื่องราวเกี่ยวกับทูตสวรรค์ในพันธสัญญา เดิ ม และปรั บ ปรุ ง ให้ ส มบู ร ณ์ ขึ้ น เช่ น ยาโคบบรรพบุรุษเคยเห็นทูตสวรรค์เดิน ขึน้ ลงบันไดระหว่างสวรรค์กบั แผ่นดิน คือ ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ฉันใด (เทียบ ปฐก 28:12) บรรดาอัครสาวกก็เห็นทูต สวรรค์ขึ้นลงเหนือบุตรแห่งมนุษย์ฉันนั้น (เทียบ ยน 1:31) จึงท�ำให้พันธสัญญา เดิมส�ำเร็จอย่างสมบูรณ์ ทูตสวรรค์รับใช้พระเยซูเจ้าแสดงว่า พระองค์ไม่ทรงเป็นเพียงคนๆ หนึ่งของ พระเจ้าเท่านั้น แต่ยังรับใช้พระองค์เช่น เดียวกับข้าราชบริพารในสวรรค์ ถวาย พระสิริรุ่งโรจน์แด่พระเจ้าผู้สูงสุด ภาพ ของทูตสวรรค์หอ้ มล้อมพระคริสตเจ้าชวน ให้คิดถึงบรรดาเสราฟในพระวิหารที่อยู่ เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า แต่เนือ่ งด้วยพระ เยซูเจ้าทรงมีสภาพมนุษย์ ทูตสวรรค์กร็ บั ใช้พระองค์ในกรณีที่ท�ำได้ แน่นอน ทูต สวรรค์ไม่มีบทบาทในการท�ำอัศจรรย์ของ พระเยซูเจ้า เพราะพระองค์ทรงกระท�ำ ด้วยพระอานุภาพของพระองค์เอง แต่ทูต
20
วารสารแสงธรรมปริทัศน์ ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2017/2560
สวรรค์ปรากฏชัดเจนในเหตุการณ์ส�ำคัญๆ ของชนมชีพ ในการสิ้นพระชนม์และการ กลับคืนพระชนมชีพของพระบุตร
อ่ อ นของทู ต สวรรค์ ก าเบรี ย ลเมื่ อ พู ด ว่า “โยเซฟ โอรสกษัตริยด์ าวิด อย่ากลัว ที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของท่านเลย” (มธ 1:20) เพราะนี่ คื อ แผนการของ 2.1 บรรดาทู ต สวรรค์ กั บ พระ พระเจ้าเพื่อน�ำความรอดพ้นมาแก่มนุษย์ คริสตเจ้า ทุกคน ทู ต สวรรค์ ก าเบรี ย ล (เที ย บ ลก ความชืน่ ชมยินดีในสวรรค์ได้สอ่ื สาร 1:2) ประกาศแก่เศคาริยาห์เรื่องการเกิด มายังแผ่นดิน มายังผู้เลี้ยงแกะผู้ต�่ำต้อย ของยอห์น ผู้ท�ำพิธีล้างและน�ำหน้าพระ และคุ ้ น เคยกั บ การเฝ้ า ดู แ ลฝู ง แกะของ คริสตเจ้า โดยใช้เครือ่ งหมายทีใ่ ห้ทงั้ ก�ำลัง ตน “ทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้ ใจและความทุ ก ข์ เศคาริ ย าห์ เ คยขอ เป็นเจ้าปรากฏองค์ต่อหน้าเขา และพระ เครื่องหมายจากพระเจ้าเหมือนบุคคลใน สิรริ งุ่ โรจน์ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าก็สอ่ งแสง พั น ธสั ญญาเดิม แต่บัดนี้ พระเจ้าทรง รอบตัวเขา คนเลีย้ งแกะมีความกลัวอย่าง เรียกร้องให้เขามีความเชื่อโดยมีความไว้ ยิง่ แต่ทตู สวรรค์กล่าวแก่เขาว่า อย่ากลัว วางใจในค�ำพูดของทูตสวรรค์ที่ว่า “อย่า เลย เพราะเราน�ำข่าวดีมาบอกท่านทั้ง กลัวเลย” แต่เมื่อเขาขาดความเชื่อ ทูต หลาย เป็นข่าวดีที่จะท�ำให้ประชาชนทุก สวรรค์ลงโทษเขาให้เป็นใบ้จนถึงวันเกิด คนยิ น ดี อ ย่ า งยิ่ ง วั น นี้ ในเมื อ งของ ของบุ ต รชาย ความแตกต่ า งระหว่ า ง กษัตริย์ดาวิด พระผู้ไถ่ประสูติเพื่อท่าน การปรากฏของทู ต สวรรค์ ก าเบรี ย ลแด่ แล้ว พระองค์คือพระคริสต์ องค์พระผู้ พระนางมารีย ์ กับการปรากฏแก่เศคาริยาห์ เป็นเจ้า” (ลก 2:9-11) ทันใดนั้น ทูต คือความไว้วางใจ เพราะพระนางทรงมี สวรรค์อีกจ�ำนวนมากปรากฏมาสมทบกับ ความเชื่อต่างจากเศคาริยาห์ ความคิด ทูตสวรรค์องค์นั้น ร้องสรรเสริญพระเจ้า หนึ่งเดียวของพระนางคือ ความเข้าใจ ว่ า “พระสิ ริ รุ ่ ง โรจน์ จ งมี แ ด่ พ ระเจ้ า ใน ว่ า การยอมรั บ เป็ น มารดาของพระบุ ต ร สวรรค์สูงสุดและบนแผ่นดิน สันติจงมีแก่ ไม่ขัดแย้งกับความปรารถนาของพระนาง มนุษย์ที่พระองค์ทรงโปรดปราน” (ลก ที่จะถือพรหมจรรย์ 2:14) นี่เป็นข่าวสารที่ให้ก�ำลังใจ เป็น นักบุญโยเซฟก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน ของประทานที่น�ำความรักและความรอด เขาคิดว่าตนไม่เหมาะสมทีจ่ ะรับพระมารดา พ้นคือ การประสูติของผู้ที่มีส่วนร่วมใน ของพระผู้ไถ่และพระผู้ไถ่เองมาประทับอยู่ พระสิริรุ่งโรจน์ของพระยาห์เวห์ ในบ้าน ดังนั้น เราเข้าใจภารกิจละเอียด
21
ทูตสวรรรค์ในพระคัมภีร์
ทูตสวรรค์ปรากฏองค์อกี ครัง้ หนึง่ ใน ความฝันของนักบุญโยเซฟ เตือนเขาว่า “จงลุกขึ้น พาพระกุมารและพระมารดา หนีไปอียิปต์” (มธ 2:13) และอีกไม่กี่ปี ต่ อ มา เมื่ อ กษั ต ริ ย ์ เ ฮโรดผู ้ โ หดร้ า ยสิ้ น พระชนม์ แ ล้ ว ทู ต สวรรค์ เ ตื อ นนั ก บุ ญ โยเซฟอีกว่า “จงลุกขึน้ พาพระกุมารและ พระมารดากลั บ ไปแผ่ น ดิ น อิ ส ราเอล เพราะผู้ที่ต้องการฆ่าพระกุมารตายแล้ว” (มธ 2:20) ในระหว่ า งพระชนมชี พ สาธารณะของพระเยซูเจ้า พระองค์ทรง ส�ำนึกอย่างชัดเจนว่า ไม่ทรงอยู่โดดเดี่ยว บนแผ่นดินนี ้ แต่ทรงมีความสัมพันธ์อย่าง ต่อเนื่องกับทูตสวรรค์ เมื่อพระองค์ทรงมี ชัยชนะเหนือการประจญของปีศาจในถิ่น ทุรกันดาร “ทูตสวรรค์ก็เข้ามาปรนนิบัติ รับใช้พระองค์” (มธ 4:11) ปีศาจซึง่ เป็น ทูตสวรรค์ไม่ดีอยู่ที่ใด ทูตสวรรค์ซื่อสัตย์ ก็อยู่ที่นั่นด้วย พระเยซูเจ้าทรงสัญญาแก่นาธานา เอล ผู้มาเข้าเฝ้าพระองค์ว่า “เราบอก ความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านจะเห็น ท้องฟ้าเปิด และจะเห็นบรรดาทูตสวรรค์ ของพระเจ้าขึ้นลงรับใช้บุตรแห่งมนุษย์” (ยน 1:51) ส�ำนวนนี้ของพระคริสตเจ้า ชวนให้คิดถึงข้อความในหนังสือปฐมกาล และความฝั น ของยาโคบที่ เ มื อ งเบธเอล ว่า “เขาฝันเห็นบันไดอันหนึง่ ทอดจากพืน้ ดิ น ขึ้ น ไปสู ่ ท ้ อ งฟ้ า และทู ต สวรรค์ ข อง
พระเจ้ า เดิ น ขึ้ น ลงบนบั น ไดนั้ น ” พระ ยาห์เวห์ทรงยืนอยูต่ อ่ หน้ายาโคบ ตรัสว่า “เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของอับราฮัม บิดาของท่าน พระเจ้าของอิสอัค” (ปฐก 28:12-13) “เราคือพระยาห์เวห์ พระเจ้า ของอับราฮัมบิดาของท่าน พระเจ้าของ อิสอัค แผ่นดินที่ท่านนอนอยู่นี้ เราจะให้ ท่านและลูกหลานของท่าน” ยาโคบตื่นขึ้นแล้วพูดว่า “พระยาห์เวห์ประทับอยู่ที่นี่แน่ทีเดียว แต่ข้าพเจ้า ไม่รู้” เขากลัวมากพูดว่า สถานที่แห่งนี้ น่ า เกรงขาม จะต้ อ งเป็ น ที่ ป ระทั บ ของ พระเจ้ า และเป็ น ประตู ส วรรค์ แน่ ที เ ดี ย ว “(ปฐก 28:16-17) ดังนั้น ขณะที่พระ เยซู เ จ้ า ทรงสนทนากั บ นาธานาเอล พ ร ะ อ ง ค ์ ท ร ง ยื น ยั น ค ว า ม จ ริ ง ที่ ว ่ า ธรรมชาติมนุษย์ของพระองค์เป็นทีป่ ระทับ พิ เ ศษของพระยาห์ เ วห์ แ ละเป็ น ประตู สวรรค์ ไม่ ว ่ า พระเยซู เ จ้ า เสด็ จ ไปที่ ใ ด พระองค์ทรงมีทตู สวรรค์หอ้ มล้อมอยูเ่ สมอ แม้มองไม่เห็น พระเยซูเจ้าพอพระทัยทีจ่ ะ ปลุ ก จิ ต ส�ำนึ ก ในผู ้ ฟ ั ง พระองค์ ว ่ า มิ ต ร สหายสวรรค์ทมี่ องไม่เห็นเหล่านีอ้ ยูก่ บั เขา เช่น พระองค์ตรัสว่า “จงระวังให้ด ี อย่า ดูหมิน่ คนธรรมดาๆ เหล่านีค้ นใดเลย เรา บอกท่ า นทั้ ง หลายว่ า ตลอดเวลาใน สวรรค์ ทู ต สวรรค์ ข องเขาเฝ้ า ชมพระ พักตร์พระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์” (มธ 18:10) พระเยซู เ จ้ า ทรงเปิ ด เผย
22
วารสารแสงธรรมปริทัศน์ ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2017/2560
บทบาทของบรรดาทู ต สวรรค์ ใ นการ จัดการความเที่ยงธรรมของพระเจ้า ใน การพิพากษาประมวลพร้อมว่า “บุตรแห่ง มนุษย์จะใช้ทูตสวรรค์มารวบรวมทุกสิ่งที่ ท�ำให้ ห ลงผิ ด และทุ ก คนที่ ป ระกอบการ อธรรม ให้ออกจากพระอาณาจักร” (มธ 13: 41) แม้การเสด็จกลับมาอย่างรุ่งโรจน์ ของพระบุตรพระเจ้าจะเกิดขึ้น โดยมีทูต สวรรค์ห้อมล้อมในวันสิ้นพิภพ “บุตรแห่ง มนุษย์จะเสด็จกลับมาในพระสิริรุ่งโรจน์ ของพระบิดาพร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์ เมื่ อ นั้ น พระองค์ จ ะประทานรางวั ล แก่ ทุกคนตามความประพฤติของเขา” (มธ 16:27) นักบุญเปาโลพูดถึงการเสด็จกลับ มาของพระเยซู เ จ้ า พร้ อ มกั บ บรรดาทู ต สวรรค์ โดยใช้ส�ำนวนอย่างตรงไปตรงมา ว่า “ส่วนท่านที่ก�ำลังทนทุกข์อยู่ในขณะนี้ พระเจ้าจะทรงบันดาลความสดชืน่ ให้พร้อม กับเราในวันทีพ่ ระเยซูองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะ เสด็จจากสวรรค์พร้อมกับเหล่าทูตสวรรค์ ผู ้ ท รงอ�ำนาจของพระองค์ ในเปลวไฟ เพื่อลงโทษผู้ที่ไม่รู้จักพระเจ้า ไม่เชื่อฟัง ข่าวดีของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของ เรา โทษทีพ่ วกเขาจะได้รบั คือความพินาศ ตลอดนิรนั ดร ไกลจากพระพักตร์องค์พระ ผูเ้ ป็นเจ้า และไกลจากพระสิรริ งุ่ โรจน์แห่ง พระพลานุ ภ าพของพระองค์ ในวั น ที่ พระองค์จะเสด็จมาเพื่อรับพระสิริรุ่งโรจน์
ในหมู่ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และเสด็จ มาเพื่ อ ให้ ทุ ก คนที่ มี ค วามเชื่ อ ได้ ช ม พระพักตร์ด้วยความพิศวง เพราะท่าน ทั้งหลายเชื่อค�ำยืนยันเป็นพยานของเรา” (2 ธส 1:7-10) ความเป็ น อยู ่ ข องทู ต สวรรค์ ผู ้ อ ยู ่ เคียงข้างเสมอในทุกช่วงเวลาของชีวติ ไม่ ว่าขณะทีม่ กี ารต่อสูห้ รือมีความสุข ชืน่ ชม ยิ น ดี ก็ ช ่ ว ยเราให้ รั ก ษาความยึ ด มั่ น ใน ความสัมพันธ์กบั พระเยซูเจ้าให้สดชืน่ โดย มี ค วามไว้ ว างใจที่ จ ะมี ส ่ ว นร่ ว มในชี วิ ต นิรันดรพร้อมกับพระองค์เพราะ “ถ้าผู้ใด อับอายเพราะเราและเพราะถ้อยค�ำของเรา ในยุคของคนไม่ซอื่ สัตย์และชัว่ ร้ายนี ้ บุตร แห่ ง มนุ ษ ย์ ก็ จ ะอั บ อายเพราะเขา เมื่ อ พระองค์จะเสด็จมาในพระสิริรุ่งโรจน์ของ พระบิ ด าพร้ อ มกั บ บรรดาทู ต สวรรค์ ผู ้ ศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นเดียวกัน” (มก 8:38) พระเยซูเจ้าเสด็จมาในโลกนีเ้ พือ่ ทรง รับทรมานและไถ่บาปมนุษย์ บรรดาทูต สวรรค์ อ ยู ่ กั บ พระองค์ เ พื่ อ รั บ รองพระ ภารกิจของพระองค์ต่อหน้ามนุษย์ และ เพื่ อ บรรเทาพระทั ย ของพระองค์ วั น อาทิตย์ใบลานก่อนที่พระเยซูเจ้าจะทรง รับทรมานมีเสียงจากดังจากฟ้าว่า “เราได้ ให้ พ ระสิ ริ รุ ่ ง โรจน์ แ ล้ ว และจะให้ อี ก ประชาชนที่ยืนอยู่ที่นั่นได้ยินเสียง จึงพูด ว่า “ฟ้าร้อง” แต่บางคนว่า “ทูตสวรรค์ พูดกับเขา” (ยน 12:28 -29) เมื่อพระ
เยซู เ จ้ า ทรงเข้ า ตรี ทู ต ในสวนเกทเสมนี ขณะทีท่ รงรับทรมานมากทีส่ ดุ เพราะทรง เผชิญหน้ากับบาปจ�ำนวนมากของมนุษยชาติ ทู ต สวรรค์ อ งค์ ห นึ่ ง มาบรรเทา พระทัยของพระเยซูเจ้า “ทูตสวรรค์องค์ หนึ่งปรากฏมาถวายพละก�ำลังแด่พระองค์ พระองค์ทรงอยู่ในความทุกข์กังวลอย่าง สาหัส จึงทรงอธิษฐานอย่างมุ่งมั่นยิ่งขึ้น พระเสโทตกลงบนพื้ น ดิ น ประดุ จ หยด โลหิ ต ” ( ลก 22:43- 44) นี่ เ ป็ น เหตุ ก ารณ์ ลึ ก ลั บ เรื่ อ งหนึ่ ง ในการรั บ ทรมานของพระเยซูเจ้า พระองค์ยังทรง อ้างถึงทูตสวรรค์อย่างชัดเจนเมื่อทรงถูก จับกุม ต่อหน้าผู้ที่ถือดาบและไม้ตะบอง เป็นอาวุธมาจับกุมพระองค์เหมือนเป็นโจร และนั ก บุ ญ เปโตรใช้ ด าบเพื่ อ ปกป้ อ ง พระองค์ พระเยซูเจ้าทรงยืนยันว่า “ท่าน คิดว่า เราจะอ้อนวอนพระบิดาเจ้าให้ส่ง ทูตสวรรค์มากกว่าสิบสองกองพลมาช่วย เราบัดนีม้ ไิ ด้หรือ แล้วพระคัมภีรท์ เี่ ขียนว่า จะต้ อ งเป็ น เช่ น นี้ จะเป็ น ความจริ ง ได้ อย่างไร” (มธ 26: 53-54) ทูตสวรรค์เป็นพยานแรกถึงชัยชนะ ของชีวิตเหนือความตาย “หลังจากวันสับ บาโต เช้าตรู่ของวันต้นสัปดาห์ มารีย์ ชาวมักดาลาและมารีย์อีกผู้หนึ่งไปดูพระ คู ห า บั ด นั้ น ได้ เ กิ ด แผ่ น ดิ น ไหวอย่ า ง รุนแรง ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ลงจากสวรรค์เข้าไปกลิง้ หินออกและนัง่ บน
หิ น นั้ น ใบหน้ า ของทู ต สวรรค์ แ จ่ ม จ้ า เหมื อ นสายฟ้ า อาภรณ์ ข าวราวหิ ม ะ ทหารยามตกใจกลัวทูตสวรรค์จนตัวสั่น หน้าซีดเหมือนคนตาย” (มธ 28:1-4) การประจักษ์นที้ �ำให้สตรีทงั้ สองคนมีความ กลั ว แต่ ทู ต สวรรค์ ใ ห้ ก�ำลั ง ใจแก่ เ ขา ว่า “อย่ากลัวไปเลย ท่านก�ำลังมองหา พระเยซู ชาวนาซาเร็ธ ผู้ถูกตรึงกางเขน พระองค์ ท รงกลั บ คื น พระชนมชี พ แล้ ว พระองค์มิได้ประทับอยู่ที่นี่ สถานที่นี้คือ สถานที่ ที่ เ ขาได้ ว างพระศพไว้ ” (มก 16:6) 2.2 บรรดาทูตสวรรค์กับมนุษย์ ในหนังสือกิจการอัครสาวกบรรดา ทู ต สวรรค์ มี ส ่ ว นร่ ว มในการสร้ า งพระ ศาสนจักรแรกเริม่ โดยปลดปล่อยบรรดา อัครสาวกให้พ้นจากการถูกจองจ�ำ และ ให้ค�ำแนะน�ำอย่างละเอียดเจาะจงในสิ่งที่ ต้ อ งปฏิ บั ติ “ท่ า นทั้ ง หลายจงไปที่ พ ระ วิหาร ประกาศพระวาจาเกี่ยวกับวิถีชีวิต ใหม่นี้ให้ประชาชนฟังเถิด” (กจ 5:20) เมื่อนักบุญเปโตรได้รับการปลดปล่อยจาก พั น ธนาการและถู ก น�ำออกจากเรื อ นจ�ำ เขาพู ด ว่ า “บั ด นี้ ข้ า พเจ้ า รู ้ แ น่ แ ล้ ว ว่ า องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์มาช่วย ข้ า พเจ้ า ให้ พ ้ น จากเงื้ อ มมื อ ของกษั ต ริ ย ์ เฮโรด” (กจ 12:11) หนังสือกิจการอัครสาวกเล่าการเข้า แทรกแซงของบรรดาทู ต สวรรค์ ใ น
24
วารสารแสงธรรมปริทัศน์ ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2017/2560
เหตุการณ์น่าประหลาดจ�ำนวนมากเพื่อ ช่ ว ยเหลื อ พระศาสนจั ก รแรกเริ่ ม โดย เฉพาะอย่างยิ่ง การปรากฏองค์ต่อบุคคล ทีย่ งั ไม่ได้รบั ศีลล้างบาป เช่น โครเนลิอสั นายร้อยชาวโรมัน และข้าราชการของ พระราชิ นี ช าวเอธิ โ อเปี ย นายร้ อ ยชาว โรมันเห็นทูตสวรรค์มาปรากฏที่หน้าบ้าน พู ด ว่ า “ค�ำอธิ ษ ฐานภาวนาและการท�ำ ทานของท่านเป็นเหมือนเครื่องบูชาที่พอ พระทั ย เฉพาะพระพั ก ตร์ พ ระเจ้ า แล้ ว บัดนี้ท่านจงส่งคนไปยังเมืองยัฟฟาแล้ว เชิ ญ ซี โ มนที่ เ รี ย กกั น ว่ า เปโตรมาที่ นี่ ” (กจ 10:4-5) โครเนลิอัส ปฏิบัติตาม ค�ำสั่ ง ของทู ต สวรรค์ ทั น ที แ ละส่ ง คนไป เรียนนักบุญเปโตรผู้ประกาศข่าวดีแก่เขา พร้อมกับทุกคนในครอบครัว ซึ่งกลับใจ และรับศีลล้างบาป (เทียบ กจ 10:48) ข้าราชการของพระราชินชี าวเอธิโอเปียพบ กับฟิลปิ ซึง่ เป็นสังฆนุกรคนหนึง่ ในเจ็ดคน แรก ทูตสวรรค์กล่าวแก่ฟิลิปว่า “จงลุก ขึ้น และเดินไปทางทิศใต้ตามทางที่ลงมา จากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองกาซา” (กจ 8:26) ฟิ ลิ ป ปฏิ บั ติ ต ามค�ำเชื้ อ เชิ ญ ของ ทู ต สวรรค์ แ ละระหว่ า งทางพบขั น ที ช าว เอธิโอเปีย ซึ่งเป็นผู้ดูแลพระราชทรัพย์ ทั้งหมดของพระราชินี อธิบายพระคัมภีร์ ให้ฟังและโปรดศีลล้างบาปแก่เขา (เทียบ กจ 8:39)
นักบุญเปาโลยืนยันความเชื่ออย่าง เปิดเผยในฐานะชาวฟาริสีและคริสตชนถึง ทูตสวรรค์ในจดหมายที่ท่านเขียนหลาย ตอน เช่น จดหมายถึงชาวโรม (เทียบ รม 8:38) ถึงชาวโครินธ์ (เทียบ 1 คร 4:9; 11:10; 13:1) ถึงชาวกาลาเทีย (เทียบ กท 13:19) ถึงชาวเธสะโลนิกา (เทียบ 2 ธส 1:17) และถึงชาวฮีบรู (เทียบ ฮบ 12:22; 13: 2) ในบทเพลง สรรเสริญพระคริสตเจ้าซึ่งเป็นบทเพลง หนึ่งในบทเพลงสรรเสริญแรกๆ ที่นักบุญ เปาโลเขียน เขาพรรณนาว่า “พระองค์ ทรงปรากฏให้แลเห็นได้ในธรรมชาติมนุษย์ ทรงได้รบั การประกาศว่าเทีย่ งธรรมในพระ จิตเจ้า บรรดาทูตสวรรค์ได้เห็น พระองค์ ทรงได้รับการประกาศให้คนต่างศาสนา รู ้ จั ก มนุ ษ ย์ มี ค วามเชื่ อ ในพระองค์ พระองค์ ท รงได้ รั บ พระสิ ริ รุ ่ ง โรจน์ ข อง พระเจ้า” (1 ทธ 3:16) ในจดหมายฉบั บ เดี ย วกั น ถึ ง ทิ โ มธี นักบุญเปาโลตักเตือนเขาอย่างหนักแน่น ว่ า “ข้ า พเจ้ า ขอก�ำชั บ ท่ า นเฉพาะพระ พักตร์พระเจ้าและเฉพาะพระพักตร์พระ คริสตเยซู และต่อหน้าบรรดาทูตสวรรค์ที่ ทรงเลื อ กสรร ให้ ถื อ ตามกฎ” (1 ทธ 5:21) เมื่อนักบุญเปาโลป่วยหนักเพราะ โรคภัยไข้เจ็บฝ่ายกาย เขาเดินทางไปถึง เขตแดนของชาวกาลาเทียและคริสตชนที่ นัน่ ต้อนรับเขา “เหมือนต้อนรับทูตสวรรค์
25
ทูตสวรรรค์ในพระคัมภีร์
ของพระเจ้ า เหมือนต้อนรับพระคริสต เยซู” (กท 4:14) นักบุญเปาโลเองยืนยัน ถึงตนเองว่า “ เรากลายเป็นเป้าสายตา ของโลก ทัง้ ของทูตสวรรค์และของมนุษย์” (1 คร 4:9) ใน 1 คร 11:2-16 นั ก บุ ญ เปาโลบรรยายถึ ง พิ ธี บู ช าขอบ พระคุณแรกเริ่มในหมู่คริสตชน และใน โอกาสนั้ น เขาเน้ น ว่ า “ดั ง นั้ น หญิ ง จึ ง ต้องสวมเครื่องหมายแสดงอ�ำนาจเหนือ เธอไว้บนศีรษะเพราะเคารพทูตสวรรค์” (1 คร 11:10) การใช้ผา้ คลุมศีรษะของ ผู้หญิงคงจะเป็นขนบประเพณีที่สืบมาจาก พิ ธี ก รรมในศาลาธรรม บางที ข นบ ประเพณีนี้อาจได้รับอิทธิพลจากหนังสือ เอโนค ซึ่งเป็นข้อเขียนนอกสารบบพระ คัมภีร์และเล่าว่า ความงดงามของสตรีมี เสน่ห์ดึงดูดใจ แม้ทูตสวรรค์ยังหลงใหล จนมีความสัมพันธ์กนั และบุตรของเขาคือ ชนชาติยักษ์ใหญ่มหึมาน่ากลัว นักบุญเปาโลยอมรับธรรมประเพณี ของชาวยิวเกีย่ วกับทูตสวรรค์ ผูม้ อบธรรม บั ญ ญั ติ แ ก่ โ มเสสบนภู เ ขาซี น าย (เที ย บ อฟ 19:13-19; ฮบ 2:8) ยิ่งกว่านั้น นักบุญเปาโลยังยอมรับภาพลักษณ์ดั้งเดิม ในการบรรยายการเสด็จมาของพระคริสต เจ้าอย่างรุ่งโรจน์ “องค์พระผู้เป็นเจ้าจะ เสด็จมาจากสวรรค์ตามพระบัญชา เมื่อมี เสียงหัวหน้าทูตสวรรค์และเสียงแตรของ พระเจ้า” (1 ธส 4:16) จดหมายถึงชาว
โคโลสีซึ่งคงจะเป็นข้อเขียนของศิษย์คน หนึ่งของนักบุญเปาโล พูดอย่างสูงส่งถึง ทู ต สวรรค์ ที่ พ ระคริ ส ตเจ้ า ทรงสร้ า งขึ้ น มา “เพราะสรรพสิ่งทั้งในสวรรค์และบน แผ่นดิน ทั้งที่แลเห็นได้และไม่อาจแลเห็น ได้ เทพนิกรบัลลังก์ เทพนิกรนาย เทพ นิกรเจ้าและเทพนิกรอ�ำนาจ ล้วนถูกสร้าง โดยพระองค์ทั้งสิ้น ทุกสิ่งถูกเนรมิตขึ้น โดยพระองค์ และเพื่อพระองค์... เพราะ พระเจ้าพอพระทัยให้ความบริบรู ณ์ทงั้ ปวง อยู่ในพระคริสตเจ้า และให้สรรพสิ่งคืนดี กั บ พระองค์ โดยทางพระคริ ส ตเจ้ า ผู ้ โปรดให้ทกุ สิง่ มีสนั ติ ด้วยพระโลหิตทีท่ รง หลั่งบนไม้กางเขนของพระองค์ ทั้งสิ่งที่ อยู่บนแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในสวรรค์” (คส 1:16,19-20) แน่นอน นักบุญเปาโลต่อสู้ กับผูท้ กี่ ราบไหว้ทตู สวรรค์มากเกินไป และ คิดว่า คริสตชนต้องเคารพรักทูตสวรรค์ แต่คารวกิจนี้จะแทนพระคริสตเจ้าไม่ได้ “อย่ า ให้ ผู ้ ที่ ช อบถ่ อ มตนกราบไหว้ ทู ต สวรรค์ ตัดสินกล่าวโทษท่าน คนเช่นนี้ มักพรรณนาสิ่งที่เขาอ้างว่าได้เห็นอย่าง ละเอียด และจิตใจที่ยังคิดตามธรรมชาติ มนุษย์กม็ คี วามหยิง่ ผยองอย่างไร้ประโยชน์” (คส 2:18) จดหมายของนักบุญเปาโลยัง เน้นความเป็นอยู่ของทูตสวรรค์ไม่ได้อีก ด้วย โลกของพระเจ้าเป็นแสงสว่าง แต่ โลกของซาตานเป็นความมืดมิด ปีศาจ แต่ ง ตั ว เป็ น แสงสว่ า งเช่ น เดี ย วอาจารย์
26
วารสารแสงธรรมปริทัศน์ ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2017/2560
ปลอมตั ว เป็ น ผู ้ รั บ ใช้ ค วามชอบธรรม (เทียบ 2 คร 11:14ฯ) เมือ่ พระอาณาจักรของพระเจ้าจะมา ถึ ง ในวาระสุ ด ท้ า ย บรรดาปี ศ าจซึ่ ง ปกครองโลกนีใ้ นเวลาปัจจุบนั จะถูกลิดรอน อ�ำนาจอย่ า งสิ้ น เชิ ง (เที ย บ 1 คร 15:24) นั ก บุ ญ เปาโลปรารถนาถึ ง 2 ครั้ ง ที่ จ ะไปเยี่ ย มกลุ ่ ม คริ ส ตชนที่ เ มื อ ง เธสะโลนิกา “แต่ซาตานขัดขวางเราไว้” (1 ธส 2:18) ในจดหมายถึงชาวโครินธ์ ฉบับที ่ 2 เขาเขียนอย่างชัดเจนว่าซาตาน เป็น “เทพเจ้าของโลกนี้” (2 คร 4:4) เขาคร�ำ่ ครวญอย่างเจ็บปวดบ่อยๆ ว่าต้อง ต่ อ สู ้ กั บ อ�ำนาจแห่ ง ความมื ด “เพื่ อ มิ ให้ ก ารเปิ ด เผยยิ่ ง ใหญ่ นี้ ท�ำให้ ข ้ า พเจ้ า ยกตนเกินไป พระเจ้าทรงให้มีหนามทิ่ม แทงเนื้ อ หนั ง ของข้ า พเจ้ า ดุ จ ทู ต ของ ซาตานที่คอยตบตีข้าพเจ้ามิให้ข้าพเจ้ายก ตนเกินไป เรือ่ งนีข้ า้ พเจ้าวอนขอองค์พระ ผูเ้ ป็นเจ้าสามครัง้ ขอให้พน้ ไปจากข้าพเจ้า แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “พระหรรษ ทานของเราเพียงพอส�ำหรับท่าน เพราะ พระอานุภาพแสดงออกเต็มที่เมื่อมนุษย์ มี ค วามอ่ อ นแอ” (2 คร 12:7-9) จดหมายถึงชาวเอเฟซัสยังเตือนคริสตชน ให้ต่อสู้กับจิตชั่วร้ายว่า “ท่านทั้งหลายจง เป็นผู้เข้มแข็งในองค์พระผู้เป็นเจ้า จง ตั ก ตวงพลั ง จากพระพลานุ ภ าพของ พระองค์ จงสวมใส่ อ าวุ ธ ครบชุ ด ของ พระเจ้า เพือ่ ท่านจะยืนหยัดต่อต้านเล่หก์ ล
ของปีศาจได้” (อฟ 6:10ฯ) “แม้ท่านจะ โกรธ ก็อย่าให้เป็นบาป จงเลิกโกรธก่อน ดวงอาทิ ต ย์ ต ก อย่ า ให้ โ อกาสแก่ ม าร” (อฟ 4:26 ฯ) ในจดหมายถึงชาวฮีบรู นักบุญเปาโลเขียนว่า “ทูตสวรรค์ทงั้ หลาย เป็ น เพี ย งจิ ต ที่ มี ห น้ า ที่ รั บ ใช้ พ ระเจ้ า พระองค์ทรงส่งมารับใช้ผู้ที่จะต้องได้รับ ความรอดพ้นมิใช่หรือ” (ฮบ 1:14) ในที่ สุ ด หนั ง สื อ วิ ว รณ์ อ ้ า งถึ ง ทู ต สวรรค์ ทั้ ง หมด 67 ครั้ ง และเป็ น หนังสือในพันธสัญญาใหม่ที่แสดงความ สนใจทู ต สวรรค์ ม ากที่ สุ ด ทู ต สวรรค์ ส�ำคั ญ ในภาคแรกของหนั ง สื อ วิ ว รณ์ คื อ ทู ต สวรรค์ ซึ่ ง ในสมั ย ของนั ก บุ ญ ยอห์ น อัครสาวกปกครองพระศาสนจักรทัง้ เจ็ดใน แคว้นเอเชียน้อย คือทีเ่ มืองเอเฟซัส เมือง สเมอร์นา เมืองเปอร์กามัม เมืองธิอาทิรา เมืองซาร์ดสิ เมืองฟิลาเดลเฟีย และเมือง เลาดีเซีย ในแต่ละพระศาสนจักรไม่มเี พียง พระสังฆราชเป็นผูป้ กครองและให้ค�ำแนะน�ำ แต่ยงั มีทตู สวรรค์โดยเฉพาะ เหมือนกับว่า มีพระสังฆราช 2 องค์ องค์หนึ่งแลเห็น ได้ส่วนอีกองค์หนึ่งแลเห็นไม่ได้ องค์หนึ่ง เป็ น มนุ ษ ย์ อี ก องค์ หนึ่ ง เป็ น ทู ต สวรรค์ นั ก บุ ญ ยอห์ น คิ ด ว่ า พระสั ง ฆราชเป็ น เหมือนทูตสวรรค์เพราะหน้าที่ของเขาก็ เป็ น หน้ า ที่ ข องทู ต สวรรค์ ด ้ ว ย คื อ ดู แ ล รักษาผูม้ คี วามเชือ่ และพระศาสนจักร รวม ทั้ ง เป็ น ทู ต ประกาศพระคริ ส ตเจ้ า ในหมู ่ นานาชาติ
27
ทูตสวรรรค์ในพระคัมภีร์
ในภาคที่ 2 ของหนั ง สื อ วิ ว รณ์ นักบุญยอห์นตกอยู่ในภวังค์ เห็นประตู สวรรค์ บ านหนึ่ ง เปิ ด และเห็ น ผู ้ ห นึ่ ง ประทับอยูบ่ นบัลลังก์ (เทียบ วว 4:1-2) ถือหนังสือม้วนหนึ่งมีตราเจ็ดดวงผนึกอยู่ (เที ย บ วว 5: 1) ในนิ มิ ต นี้ นั ก บุ ญ ยอห์นเห็นทูตสวรรค์อยู่ทั่วไป ซึ่งซื่อสัตย์ ปฏิบัติตามกฤษฎีกาแห่งพระเมตตาและ ความชอบธรรมของพระเจ้า มีทูตสวรรค์ ผูป้ ระทับตราไว้ทหี่ น้าผากของบรรดาผูถ้ กู เลือกสรร ตรานี้เป็นเครื่องหมายจะช่วย เขาให้พ้นจากการลงโทษในวันพิพากษา (เทียบ วว 7:2-3) เมื่อทูตสวรรค์เป่า แตรหกคั น แรก การลงโทษลงมาจาก สวรรค์สู่แผ่นดิน เป็นการลงโทษที่แตก ต่างกันเพือ่ แสดงเหมาะสมกับบาปทีม่ นุษย์ ได้กระท�ำ ในเวลาเดียวกัน เมือ่ ทูตสวรรค์ องค์ที่เจ็ดเป่าแตรเสียงหลายเสียงดังจาก สวรรค์ว่า “อาณาจักรของโลกกลายเป็น อาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และของพระคริสตเจ้าแล้ว พระองค์จะ ทรงครองราชย์ ต ลอดนิ รั น ดร” (วว 11:15) บรรดาทูตสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ต่อสู้ กับมังกร “มีคาเอลกับเหล่าทูตสวรรค์ของ เขาต่อสู้กับมังกร มังกรพร้อมกับบริวาร ของมันก็ต่อสู้ด้วย แต่มันพ่ายแพ้และไม่มี ที่ พ�ำนั ก ในสวรรค์ อี ก ต่ อ ไป มั ง กรใหญ่ คืองูดกึ ด�ำบรรพ์ทมี่ ชี อื่ ว่าปีศาจและซาตาน ผู้ล่อลวงผู้อาศัยอยู่ทั่วแผ่นดินให้หลงไป ถูกโยนลงมาบนแผ่นดิน บริวารของมันก็
ถู ก โยนลงมาด้ ว ย” (วว 12:7-9) น่ า สั ง เกตความคิ ด คล้ อ งจองกั น คื อ ใน หนังสือปฐมกาลเครูบองค์หนึง่ ขับไล่มนุษย์ ทีท่ �ำบาปออกจากสวนเอเดนฉันใด (เทียบ ปฐก 3: 24) ทูตสวรรค์องค์สุดท้ายใน หนังสือวิวรณ์กเ็ ป็นผูท้ นี่ �ำนักบุญยอห์นเข้า กรุงเยรูซาเล็มในสวรรค์ดว้ ยความรักอันยิง่ ใหญ่ฉันนั้น (เทียบ วว 22:8) ในนิมติ นี ้ นักบุญยอห์นไม่ได้พดู กับ ชาวสวรรค์ผู้ใด แม้กับทูตสวรรค์สิบสอง องค์ที่เฝ้าประตูเมืองทั้งสิบสองบานของ นครศักดิส์ ทิ ธิ ์ (เทียบ วว 21: 42) แต่ ได้ ฟ ั ง ทู ต สวรรค์ ผู ้ น�ำทางอย่ า งเงี ย บๆ โดยมองกรุ ง เยรู ซ าเล็ ม ในสวรรค์ ด ้ ว ย ความประหลาดใจและมึนงง แต่แล้วโดย ฉั บ พลั น ราวกั บ ว่ า เพิ่ ง ตื่ น จากภวั ง ค์ นักบุญยอห์นทิ้งตัวลงที่เท้าของทูตสวรรค์ เพื่อกราบนมัสการ “เมื่อข้าพเจ้าได้ยิน และได้เห็นแล้วจึงคุกเข่าลงกราบนมัสการ ทูตสวรรค์ที่ส�ำแดงสิ่งเหล่านี้แก่ข้าพเจ้า แต่ เ ขากล่ า วแก่ ข ้ า พเจ้ า ว่ า “อย่ า เลย ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้พระเจ้าเหมือนกับท่าน และเหมือนกับพี่น้องของท่าน คือบรรดา ประกาศกและผู้ที่ปฏิบัติตามถ้อยค�ำของ ม้วนหนังสือนี ้ จงนมัสการพระเจ้าเท่านัน้ ” (วว 22:8-9) ดังนั้น ทูตสวรรค์ปรากฏทั่วไปใน พั น ธสั ญ ญา เริ่ ม ตั้ ง แต่ อั ค รทู ต สวรรค์ กาเบรียลมาพบพระนางมารีย์พรหมจารี (เทียบ ลก 1:26-30) ทูตสวรรค์ถวาย
28
วารสารแสงธรรมปริทัศน์ ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2017/2560
พระสิ ริ รุ ่ ง โรจน์ แ ด่ พ ระเจ้ า ในที่ สู ง สุ ด และน�ำสันติสุขมาสู่มนุษย์ที่พระองค์ทรง โปรดปราน (เทียบ ลก 2:14) ประกาศ ข่าวดีแก่บรรดาผู้เลี้ยงแกะ (เทียบ ลก 2:8) ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ ก�ำลังใจแก่นักบุญโยเซฟผู้กังวลใจ (เทียบ มธ 1:20) และปกป้องพระกุมารเยซูที่ กษั ต ริ ย ์ เ ฮโรดคุ ก คามชี วิ ต ของพระองค์ (เทียบ มธ 2:13-20) ในถิ่นทุรกันดาร หลั ง จากที่ พ ระเยซู เ จ้ า ทรงถู ก มารผจญ บรรดาทูตสวรรค์เข้ามารับใช้พระเยซูเจ้า (เทียบ มธ 4:11) มีความชืน่ ชมยินดีเมือ่ คนบาปแม้ ค นเดี ย วกลั บ ใจ (เที ย บ ลก 15:10) และขั ด เคื อ งใจผู ้ ที่ ชั ก น�ำคน ธรรมดาให้ท�ำบาป (เทียบ มธ 18:10) บรรเทาพระทั ย พระเยซู เ จ้ า เมื่ อ ทรงเข้ า ตรีทูต กลิ้งก้อนหินที่ปิดพระคูหา และ ปรากฏองค์แก่สตรีใจศรัทธา (เทียบ มธ 28:1-3; มก 16:5; ลก 23:4-6) เมื่อ พระเยซู เ จ้ า เสด็ จ สู ่ ส วรรค์ ทู ต สวรรค์ ปรากฏองค์แก่บรรดาศิษย์ เพื่ออธิบาย ความหมายของเหตุ ก ารณ์ น้ั น (เที ย บ กจ 1:11) ปลดปล่อยบรรดาอัครสาวก ออกจากเรือนจ�ำ (เทียบ กจ 5:18-19) และปรากฏองค์ อี ก ครั้ ง หนึ่ ง แก่ นั ก บุ ญ เปโตร (เที ย บ กจ 12:6-7) บรรดา ทูตสวรรค์จะเข้ามาเป่าแตรในวันพิพากษา ประมวลพร้ อ ม (เที ย บ วว 8:6-10) และในที่ สุ ด ในหนั ง สื อ วิ ว รณ์ อั ค รทู ต มีคาเอลพร้อมกับทูตสวรรค์ของเขาต่อสู้
กั บ ลู ซิ เ ฟอร์ แ ละขั บ ไล่ มั น ลงในเหวลึ ก (เทียบ วว 12:7-12) 3. สรุป ค�ำสอนของพระศาสนจักรเกี่ยวกับ ความมีอยูจ่ ริงของทูตสวรรค์ เป็นค�ำสอน ที่ มั่ น คงและต่ อ เนื่ อ งในกาลเวลาของ ประวัตศิ าสตร์ เพราะมีรากลึกในข้อความ มากมายของพระคัมภีร์ทั้งพันธสัญญาเดิม และพันธสัญญาใหม่ เพียงในสมัยใหม่ๆ นี้ ลัทธิเหตุผลนิยมผิดๆ และวิทยาศาสตร์ นิยมที่คลั่งไคล้ ไม่ยอมรับความเป็นอยู่ และธรรมชาติที่พระเจ้าทรงสร้างของทูต สวรรค์ ราวกับว่าถ้าสิ่งใดมองไม่เห็นก็ ไม่มีอยู่จริง สิ่งที่เราพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็น อะไรก็เป็นผลการจินตนาการเท่านั้น นี่ เป็นตรรกวิทยาเลวร้ายซึ่งสติปัญญาของ มนุษย์เป็นเพียงเครือ่ งมือในการรับรองสิง่ ที่สัมผัสได้ และจ�ำกัดสมรรถภาพของสติ ปัญญา เป็นเพียงวิธีรับรองสิ่งที่ปราสาท สัมผัสทั้งห้าได้พิสูจน์แล้ว ผู้ที่คิดเช่นนี้ เน้นความรู้สึกของตน เป็นมาตรฐาน และการตัดสินว่าสิ่งใดถูก สิ่ ง ใดผิ ด ในบริ บ ทเช่ น นี้ ม นุ ษ ย์ มี ค วาม สั บ สน มี ค วามสงสั ย ในศั ก ดิ์ ศ รี ข องตน ไม่แน่ในบทบาทของความเชื่อและความ สั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า งความเชื่ อ กั บ เหตุ ผ ล มนุ ษ ย์ ใ นปั จ จุ บั น จึ ง ต้ อ งการความช่ ว ย เหลือจากทูตสวรรค์ โดยเฉพาะทูตสวรรค์ ผู้อารักขาตน เพื่อแนะน�ำให้รู้จักวินิจฉัย ความจริง
พระคัมภีร์คาทอลิก ฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพฯ: คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์, 2557. Astell, Christine. Discovering Angels. London: Duncan Baird, 2005. Connelly, Douglas. Angels, Life Guide Topical Bible Studies. Downers Grove, Illinois: InterVarsity Press, 2004. Gozzellino, Giorgio. Angeli e demoni. L’invisibile creato e la vicenda umana. Cinisello Balsamo (Mi): San Paolo, 2000. Leon-Dufour, Xavier. Dictionary of Biblical Theology. New York: Desclee Company, 1967. Lockyer, Herbert. All the Angels in the Bible. Peabody, Massachusetts: Hendrickson Publishers, 1996. McKenzie, John L., S.J., Dictionary of the Bible. London: Geoffrey Chap man, 1976. Myers, Edward P. A Study of Angels: Systematic Bible Doctrines. Brent wood, Tennessee: Howard Books, 1996.
บรรณานุกรม
ศ.กีรติ บุญเจือ
ความน�ำ ก�ำลังจะพูดเรือ่ งปรัชญาคริสต์โดยใช้ ภาษาไทยและศัพท์บญ ั ญัตไิ ทยซึง่ มีพนื้ ฐาน จากอารยธรรมไทยที่มีพระพุทธศาสนา เป็นแนวคิดที่ส�ำคัญ จึงส�ำคัญขั้นจ�ำเป็น ชนิดขาดไม่ได้ (indispensible) ทีจ่ ะต้องท�ำ ความเข้าใจกับนิยามพื้นฐานซึ่งในเรื่องนี้ ได้แก่ ค�ำว่า “เทวดา” ซึ่งชาวคริสต์เคย
ใช้แปลค�ำว่า “angel” ถึงแม้ในปัจจุบนั จะ เลี่ยงไปใช้ค�ำว่า “ทูตสวรรค์” ซึ่งไม่เป็น ศัพท์พุทธศาสนาและไม่มีใช้ในภาษาไทย มาก่ อ น แต่ ก็ เ ที ย บเคี ย งได้ กั บ ศั พ ท์ “ธรรมทูต” และ “ยมทูต” ดังนัน้ เมือ่ เห็น ค�ำ “ทูตสวรรค์” ชาวไทยคริสต์กเ็ พียงแต่ เข้ า ใจตามที่ เ คยเข้ า ใจเทวดามาแต่ เ ดิ ม
ศาสตราจารย์และราชบัณฑิต, อดีต สนช. อดีตหัวหน้าภาควิชาปรัชญา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, อดีตคณบดีคณะ ปรัชญาและศาสนา มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญและมหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น, ประธานโครงการปริญญาเอกปรัชญาและ จริยศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา, ประธานบรรณาธิการจัดท�ำสารานุกรมปรัชญาของราชบัณฑิตยสถาน, บรรณาธิการจัดท�ำสารานุกรมวิสามานยนามศาสนาสากลของราชบัณฑิตยสถาน, กรรมการสหวิทยาการในสมเด็จ พระเทพฯ ออกอากาศวิทยุศกึ ษาเรือ่ งราชปรัชญาเพือ่ ความสุขของมหาประชาชนชาวสยาม วันจันทร์ เวลา 9.10 น. สัปดาห์แรกและสัปดาห์ที่ 4 ของทุกเดือน FM92, AM1161, www.moeradiothai.net, กรรมการต�ำแหน่งทาง วิชาการของวิทยาลัยแสงธรรม, มหาวิทยาลัยคริสเตียน, มหาวิทยาลัยมิชชั่น ประธานกิติมศักดิ์องค์การศาสนาเพื่อ สันติภาพแห่งเอเชีย สอบถามเรื่องปรัชญาโทร. 086-0455299.
(หมวดปรัชญา)
ทูตสวรรรค์ ตามปรัชญาคริสต์
31
ทูตสวรรรค์ตามปรัชญาคริสต์
ส่วนชาวไทยอื่นๆ ส่วนมากก็คงเข้าใจเชิง เทียบกับค�ำ “เทวทูต ราชทูต ศาสนทูต ธรรมทูต ยมทูต ฯลฯ” ตามความเคยชิน และยิง่ ชาวคริสต์บางคนแปลค�ำ missionary ด้วยค�ำ “ธรรมทูต” ก็ยิ่งย�้ำการรับ รองความหมายให้เอา “พระธรรมทูต” เป็นค�ำตั้งเทียบให้ความหมายแก่ค�ำ “ทูต สวรรค์” ยิ่งขึ้น ความสับสนเหล่านี้หาก ไม่ขจัดไปเสียบ้างก่อน ก็คงจะเสนอความ หมายของค�ำ “ angel” ตามปรั ช ญา คริสต์มิใช่ง่ายนัก ยิ่งกว่านั้นผู้ที่รู้ภาษา อังกฤษเปิดหาความหมายของค�ำ “angel” ในสารานุ ก รมทั่ ว ๆ ไป ก็ จ ะพบความ หมายกว้างๆ ครอบคลุมศาสนาโบราณ มากมายที่เกิดก่อนศาสนาคริสต์ไว้ด้วย ซึ่งถือกันว่าเป็นความรู้ระดับสากล ซึ่งนัก วิชาการชอบเหมาเอาว่าเป็นความหมาย ของชาวคริสต์โดยปริยายในความหมายว่า เทวดาคื อ ชายหนุ ่ ม มี ป ี ก เทพธิ ด าหรื อ นางฟ้าคือหญิงสาวมีปีกและกามเทพคือ เด็ ก ล่ อ นจ้ อ นมีปีก บทความนี้จึงขอถือ โอกาสจัดระเบียบความคิดเท่าทีจ่ ะสามารถ ท�ำได้ในขอบเขตจ�ำกัดของเวลาเอกสาร ศึกษาและความสามารถส่วนตัว คิดเสียว่า ดีกว่าไม่ท�ำอะไรไว้เลย เทวดา มาจากค�ำบาลี/สันสกฤตว่าเทวตาซึง่ หมายถึงเทวดาเพศหญิง ซึ่งมีเทวะเป็น
เพศชาย เมื่อใช้ในภาษาไทยกลายเป็นว่า เทวดาเป็นเพศชาย ส่วนเพศหญิงใช้เทวี เทพีเทวธิดา เทพธิดา ถ้าต้องการหมาย ถึงทัง้ 2 เพศรวมกันก็ใช้ค�ำว่าเทพ เทวะ ได้ หากต้องการพูดถึงเทวดาไม่มเี พศตาม ความต้องการของศาสนาคริสต์ยงั ไม่พบว่า มี ค�ำใช้ ม าก่ อ น แม้ จ ะใช้ ค�ำทู ต สวรรค์ หากไม่รู้เรื่องศาสนาคริสต์จริงๆ ก็ยากที่ จะเข้าใจว่าไม่มีเพศ จะมีปัญหาก็คืออรูป พรหม ซึ่งอยู่ในอรูปฌานตลอดเวลา ซึ่ง ก็ไม่ใช่สภาวะของทูตสวรรค์อยู่นั่นเอง “เทวดา” พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถานฉบั บ 2554 นิ ย ามว่ า “ชาว สวรรค์มีกายทิพย์ ตาทิพย์ หูทิพย์ และ กิ น อาหารทิ พ ย์ เป็ น โอปปาติ ก ะ” ซึ่ ง หมายถึงว่าเทวดาเป็นส่วนหนึง่ ของโอปปา ติกะ จึงต้องไปท�ำความเข้าใจกับค�ำโอป ปาติกะเสียก่อน พจนานนุกรมนิยามโอปปาติกะไว้ ว่า “ผู้เกิดผุดขึ้นโดยไม่ต้องอาศัยพ่อแม่ อาศั ย อดี ต กรรม ได้ แ ก่ เ ทวดา พรหม สัตว์นรก เปรต อสุรกาย” ก็หมายความ ว่าเทวดามีกายที่มีอวัยวะต่างๆ เหมือน มนุษย์แต่เป็นกายคนละประเภทกับมนุษย์ เรียกว่ากายทิพย์ ก็น่าจะหมายถึงกายที่ ไม่ใช่สสารอย่างกายมนุษย์ ถ้าจะเรียกว่า สสารก็ต้องเป็นสสารชนิดพิเศษ แต่ก็มี 2 เพศอย่ า งมนุ ษ ย์ เ พราะในภาษาบาลี ค�ำ “เทวตา” เป็ น อิ ต ถี ลิ ง คะของค�ำ
32
วารสารแสงธรรมปริทัศน์ ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2017/2560
“เทวะ” ส่ ว นในภาษาไทยกลั บ ใช้ ค�ำ “เทวดา” ในความหมายเพศชาย ส่วน เพศหญิงก็มคี �ำใช้โดยเฉพาะ แต่การมีเพศ นัน้ มิได้ชว่ ยให้เกิดบุตร ผุดเกิดเป็นผลส่วน หนึ่งของกรรมในอดีตชาติและจะมีผลใน ชาติหน้าต่อไปเท่านั้น แต่จะไม่มีผลต่อ การเข้านิพพานแต่ประการใด วิบากกับการก�ำหนดภพภูมิให้ต้องเกิด พุทธคติอันเป็นบ่อเกิดส�ำคัญในการ ก�ำหนดความหมายของศัพท์ส�ำคัญๆ ของ ภาษาไทยเกี่ ย วกั บ โลกหน้ า ก�ำหนดให้ รู ้ ว่ า การเกิ ด ใหม่ ทุ ก ครั้ ง เป็ น ผล (วิ บ าก) จากกรรมทั้ ง หมดที่ ต ่ อ เนื่ อ ง (สั น ตติ ) จากอดีตถึงขณะเกิดในภพภูมิแต่ละครั้ง ของชาติกะ (ผู้เกิด) โดยแยกกรรมเลวที่ ท�ำให้เกิดวิบากด�ำกับกรรมดีที่ท�ำให้เกิด วิบากขาวออกจากกันเด็ดขาดเป็น 2 ภพ 2 ชาติ โดยไม่ลบล้างกันและไม่ลดพลัง ผลักดันให้เกิดของกันและกัน นั่นคือเมื่อ สิ้นชีวิตลงแต่ละครั้งที่เวียนว่ายตายเกิด กรรมเลวทั้งหมดที่ยังไม่ได้รับการลงโทษ จะจับตัวกันเป็นวิบากด�ำอันจะผลักดันให้ ต้องไปเกิดในอบายภูมซิ งึ่ อาจจะต้องไปเกิด เป็นสัตว์นรก หรือเปรต หรืออสุรกาย หรือเดรัจฉาน (เฉพาะเดรัจฉานอย่างเดียว ที่ไม่ใช่โอปปาติกะ) ทั้งนี้โดยที่กรรมดีไม่ อาจจะมาลดโทษโดยตรงได้แต่ประการใด ครั้นใช้กรรมจนครบเกณฑ์ของวิบากด�ำ
แล้วก็จะได้ไปเกิดใหม่อกี ชาติหนีง่ ในสุขภูมิ เพือ่ เสวยสุขชดเชยการท�ำดีในสุขภูมซิ งึ่ อาจ จะเป็น 1 ใน 16 ชั้นอรูปพรหมหรือ 1 ใน 4 รู ป พรหม หรื อ 1 ใน 6 ชั้นสวรรค์ คือ จาตุมหาราช ดาวดึงส์ ยามา ดุสติ นิมมานรดี ปรนิมมิตวสวัตดี (พรหมในที่นี้ไม่ใช่พระพรหมผู้สร้างโลก ของศาสนาพราหมณ์ แต่เป็นมนุษย์ทตี่ าย ในฌาน) ครบตามเกณฑ์ของวิบากขาว ครั้นพ้นเกณฑ์วิบากด�ำและขาวแล้ว ชาติกะจะมาเกิดเป็นมนุษย์โดยมีกรรมเก่า ทัง้ หมดเป็นเกณฑ์ก�ำหนดคุณภาพชีวติ ใหม่ เพือ่ สร้างกรรมดีหรือเลวต่อไปอีกชาติหนึง่ จึงเห็นได้วา่ โอปปาติกะทัง้ หลายล้วน แต่เป็นผลจากการเกิดเป็นมนุษย์ในชาติ ก่อนๆ ทัง้ สิน้ จึงไม่มโี อปปาติกะใดจะน�ำ มาศึกษาเพื่อให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับ angel ตามความเข้าใจที่ถูกต้องของศาส นาคริสต์ได้เลย จึงต้องศึกษาอย่างแยกกัน ยิ่งกว่าจะศึกษาเชิงเปรียบเทียบเพื่อความ เข้าใจอย่างถ่องแท้ โธมัส อไควนัสกับปรัชญาทูตสวรรค์ นักบุญโธมัส อไควนัส (ควรอ่านว่า ธามเมิส อไควเนิส Thomas Aquinas 1225-1274) นอกจากจะได้ รั บ การ สถาปนาเป็นนักบุญและนักปราชญ์ของ พระศาสนจักรแล้ว ยังได้รบั สมญายกย่อง เป็นนักปราชญ์ทตู สวรรค์ (Angelic Doc-
33
ทูตสวรรรค์ตามปรัชญาคริสต์
tor) ด้วย ส่วนหนึ่งก็คงเนื่องมาจากที่ได้ อธิบายเรื่องทูตสวรรค์เชิงปรัชญาไว้อย่าง ลึกซึ้งและน่าเชื่อ ที่ส�ำคัญคือในหนังสือ สังเขปเทววิทยาเล่ม 1 ค�ำถามที่ 50 แม้จะไม่ประกาศเป็นข้อความเชื่อก็น่าเชื่อ และน่าซาบซึ้ง ก่อนอืน่ ต้องยอมรับตรงๆ ว่าเหตุผล เชิงปรัชญาไม่อาจจะพิสูจน์ความมีอยู่ของ ทูตสวรรค์ให้นา่ เชือ่ ได้อย่างเรือ่ งความมีอยู่ ของพระเจ้า แต่ครัน้ คริสตชนยอมรับจาก การเปิดเผยของพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์แล้วก็ สามารถใช้ ก ารวิ เ คราะห์ วิ จั ก ษ์ และ วิธานของปรัชญาเพือ่ เข้าใจเรือ่ งทูตสวรรค์ อย่างทีช่ าวคริสต์พงึ รูแ้ ละเข้าใจได้อย่างลึก ซึ้ ง พอสมควร จึ ง เหมาะสมและถู ก ต้ อ ง อย่างยิง่ ทีจ่ ะยกย่องท่านว่าเป็นนักปราชญ์ ระดับทูตสวรรค์ ทูตสวรรค์ในภาษาไทย ค�ำนี้ยังไม่เคยมีในพจนานุกรมไทย และพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานก็ ยังไม่ได้เก็บไว้ เป็นค�ำทีช่ าวคริสต์และชาว มุ ส ลิ ม บั ญ ญั ติ ขึ้ น ใช้ แ ปลค�ำว่ า angel (ยังไม่ได้ค้นคว้าว่าฝ่ายใดใช้ก่อน มีหลัก ฐานว่าในสมัยกรุงศรีอยุธยาชาวคริสต์ทับ ศัพท์ภาษาโปรตุเกสว่า “อันยอ” มาใน สมั ย ต้ น รั ต นโกสิ น ทร์ ตั้ ง แต่ ห นั ง สื อ ค�ำสอนคริสตังอักษรโรมันสมัยรัชกาลที่ 3 แปลเป็ น “เทวดา” และใช้ เ รื่ อ ยมา
จนถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากนั้น จึงพร้อมใจกันเปลี่ยนเป็นทูตสวรรค์ ซึ่ง เทียบกับ “เทวทูต” หรือ “ยมทูต” ไม่ได้ อย่างเด็ดขาด ทั้งจะเทียบกับโอปปาติกะ ชนิ ด ใดไม่ ไ ด้ ทั้ ง สิ้ น จึ ง ต้ อ งให้ มี ค วาม หมายตามทีอ่ งค์การศาสนาคริสต์นยิ ามให้ เท่านั้น ทางที่ดีก็คือสร้างค�ำใหม่ขึ้นมาใช้ ตามนิ ย ามที่ ต ้ อ งการ ชาวมุ ส ลิ ม หั น ไป นิยมทับศัพท์ว่า “มัลลิกะห์” “เทวทูต” แปลว่าทูตของเทวะหรือ เทพ หมายถึงสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์เตือนให้ ระลึ ก ถึ ง คติ ธ รรมของชี วิ ต เพื่ อ ให้ เ กิ ด ความสังเวชและรีบเร่งท�ำความดีดว้ ยความ ไม่ประมาท เช่น เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จ ประพาสอุทยานพบเทวทูต 3 คือ คนแก่ คนเจ็ บ คนตาย (พจนานุ ก รม พ.ศ. 2544) “ยมทูต” แปลว่าทูตของพระยมหรือ ยมบาลหรือยมราช มีหน้าที่น�ำผู้ตายไป เฝ้าพระยมเพือ่ รอรับการตัดสินลงโทษตาม กรรมชั่ ว ให้ ห มดจดก่ อ นไปเสวยสุ ข ใน สวรรค์ตามคุณภาพของกรรมดีที่ยังไม่ได้ รับการทดแทน นิยามของพระศาสนจักร สังคายนาลาเตรันที ่ 4 ค.ศ.1215 ก�ำหนดเป็นข้อความเชือ่ ว่า “นอกจากโลก ทีเ่ ห็นได้ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้ายังได้ทรงสร้าง อาณาจั ก รของจิ ต ที่ ม องไม่ เ ห็ น เรี ย กว่ า
ทูตสวรรค์ซึ่งได้ทรงสร้างก่อนการสร้าง โลก” ซึ่งมีนัยว่า 1) ทูตสวรรค์เป็นจิต บริ สุ ท ธิ์ ไม่ มี ร ่ า งกาายใดๆ เลย 2) มีจ�ำนวนมากพอที่จะเรียกได้ว่าอาณาจักร พระเยซู เ จ้ า ได้ ต รั ส กั บ ข้ า หลวงพานเฉิ ส พายเลท (Pontius Pilate) ว่า หากต้ อ งการพระองค์ ส ามารถเรี ย ก ม า ใ ช ้ ทั น ที 1 2 ก อ ง พ ล ซึ่ ง ก็ มิ ไ ด ้ หมายความว่ามีเพียงแค่นั้น จ�ำนวนจริง มีเท่าใดพระศาสนจักรไม่ก�ำหนด 3) ทูต สวรรค์ ไ ม่ เ คยมี ร ่ า งกายและไม่ เ คยเป็ น วิญญาณของผูต้ ายไปแล้ว พระสันตะปาปา พายเอิสที่12 (Pius XII) ในพระสมณสาสน์ Humani Generis ค.ศ.1950 ได้ย�้ำรับรองเรื่องนี้และรับรองนามเพียง 3 องค์เท่านั้นคือ มีคาเอล (Michael ใครเสมอพระเจ้า), กาบรีเอล (Gabriel พลังของพระเจ้า), ราฟาเอล (Raphael แพทย์ของพระเจ้า) นัน่ คือไม่รบั รอง (แต่ ก็ไม่ประณาม) นามอืน่ ๆ ทีม่ ผี อู้ า้ งว่ารูม้ า จากแหล่งอื่นๆ เช่น Melkiel, Helemmelek, Melejal, Narel, Raguel, Baradiel (ลูกเห็บของพระเจ้า), Ruhiel (ลมหายใจของพระเจ้า), Ziqiel (ดาวตก ของพระเจ้า), Kokbiel (ดาวของพระเจ้า) ราฟาเอลมีบทบาทชัดเจนในคัมภีร์ โตบิท บทบาทหลักคือเป็นเทพารักษ์หรือ ทูตสวรรค์อารักขาโตบิทน้อยตลอดการ เดินทางที่ไม่ปลอดภัย ส่วนการรักษาโรค
เป็นบทบาทเสริมเฉพาะกรณี ท�ำให้นา่ คิด ว่าได้รบั มอบหมายให้ดแู ลโตบิทน้อยตลอด ชี วิ ต ตามที่ เ ข้ า ใจกั น ว่ า เป็ น ทู ต สวรรค์ อารักขาตัว หรือว่าได้รับค�ำสั่งเฉพาะกิจ ตามที่เล่าในคัมภีร์เท่านั้น ถ้าเช่นนั้นทูต สวรรค์อารักขาตัวไปอยูเ่ สียทีไ่ หน หรือว่า ไม่มีจริง เป็นเพียงการเชื่อตามศาสนา เปอร์เซียโบราณที่ว่ามนุษย์แต่ละคนมีทูต สวรรค์ประจ�ำตัว (fravashi) คอยชักชวน ให้ท�ำดีเหมือนเป็นมโนธรรม และมีปีศาจ ประจ�ำตัว (deva เป็นค�ำเรียกเทพของ ชาวอิ น เดี ย แต่ ใ ช้ เ รี ย กปี ศ าจของชาว เปอร์เซีย) คอยยุแหย่ให้ท�ำบาป) โดยไม่ ซ�้ ำ กั น เลย แสดงว่ า มี จ�ำนวนมากกว่ า จ�ำนวนมนุษย์ที่เกิด ได้เกิดและจะเกิดมา ทั้ ง หมด พระเยซู เ จ้ า ได้ ต รั ส ไว้ นิ ด เดี ย ว ว่า “จงระวังให้ด ี อย่าดูหมิน่ คนธรรมดาๆ คนใดเลย เราบอกท่านทั้งหลายว่า ทูต สวรรค์ของพวกเขาเฝ้าชมพระพักตร์พระ บิดาของเราตลอดเวลาในสวรรค์” (มัทธิว 18:10) ซึง่ ถ้าท�ำหน้าทีท่ ตู สวรรค์อารักขา จริ ง ก็ มิ ไ ด้ ติ ด ตามแจเหมื อ นราฟาเอล ติ ด ตามโตบิ ต หรื อ ทู ต สวรรค์ อ ารั ก ขา ติ ด ตามมนุ ษ ย์ ใ นโลก แต่ ท ว่ า เป็ น ทู ต สวรรค์อยู่ในสวรรค์โดยใช้ญาณสอดส่อง ดูแลมนุษย์และด้วยวิธีนี้ก็ท�ำหน้าที่เหมือน นั ก บุ ญ อุ ป ถั ม ภ์ คื อ องค์ ห นึ่ ง จะดู แ ล มนุ ษ ย์ กี่ ค นก็ ไ ด้ โ ดยไม่ ต ้ อ งจากสวรรค์ เรื่องนี้เป็นค�ำสอนที่นักปรัชญาคาทอลิก
35
ทูตสวรรรค์ตามปรัชญาคริสต์
ยังมีความเห็นกันได้อย่างเสรี ใครจะเชื่อ อย่างไรก็ได้ เพราะยังไม่มีค�ำชี้ขาดจาก พระศาสนจักร กาเบรียลท�ำหน้าที่ทูตสวรรค์อย่าง แท้จริงเหมือนอย่างเทพเมอร์คิวรี (Mercury) ของชาวโรมั น และเทพเฮอร์ มิ ส (Hermes) ของชาวกรีก คือ น�ำแผนการ ไถ่บาปไปแจ้งแก่ซาคาเรียและพระมารดา มารีย์ และก็คงไปบอกโยเซฟในความฝัน ด้วย ต่อจากนั้นเราก็อยากจะรู้ว่าได้รับ หน้าทีอ่ ารักขาครอบครัวศักดิส์ ทิ ธิต์ อ่ ไปจน เสร็จสิ้นโครงการเหมือนอย่างราฟาเอลดู แลโตบิ ต น้ อ ย แต่ ก็ ไ ม่ อ าจจะรู ้ ไ ด้ อ ย่ า ง สัจธรรม ใครจะศรัทธาอย่างไรก็เชิญได้ ตามอัธยาศัย ซาตานเคยเป็นทูตสวรรค์ สั ง คายนาลาเตรั น ที่ 4 ก�ำหนด ว่า “พระเจ้าได้ทางสร้างซาตานและปีศาจ ทัง้ หลายมาให้มธี รรมชาติทดี่ ี แต่มนั กลาย เป็นเลวทรามไปด้วยความสมัครใจของ ตนเอง” และ The New Catholic Encyclopedia ขยายความต่ อ ไปว่ า “พระศาสนจักรไม่เคยประกาศอย่างเป็น ทางการเลยว่ า ทู ต สวรรค์ เ หล่ า นั้ น ได้ ท�ำบาปอย่างไรและเมื่อใด” คงมีแต่ความ เห็นของนักปราชญ์ทเี่ ชือ่ ว่าพวกมันแข็งข้อ ไม่ยอมขึน้ ต่อพระเป็นเจ้า จึงถูกขับไล่ออก จากสวรรค์ แ ต่ ค งมิ ไ ด้ ถู ก คุ ม ขั ง ในนรก
เพราะมันยังสามารถเร่รอ่ นรบกวนพระเยซู เจ้าและก่อกวนงานของพระองค์หลายครัง้ หลายครา มั น รบกวนมนุ ษ ย์ ไ ด้ ก็ ด ้ ว ย เหตุผลเดียวกัน นรกที่แท้จริงคือการขาด ชี วิ ต พระเจ้ า และขาดความสั ม พั น ธ์ แ ห่ ง ความรั ก กั บ องค์ พ ระผู ้ เ ป็ น เจ้ า แต่ ท ว่ า ส�ำนวนในคั ม ภี ร ์ โ ยบมาแปลก วาด บรรยากาศให้ดูเหมือนว่าซาตานเป็นชาว สวรรค์ เข้านอกออกในแม้ในท้องพระโรง สวรรค์ก็ท�ำได้ราวกับเป็นข้าบริการระดับ สู ง ในสวรรค์ ห ากเดาไม่ ผิ ด ก็ น ่ า จะเป็ น หัวหน้าหน่วยงานที่เปรียบได้กับผู้อ�ำนวย การส�ำนักงานผูต้ รวจการแผ่นดิน มีหน้าที่ ตรวจสอบบุคคลทีส่ ายงานปกติรายงานว่า ควรได้ รั บ การยกย่ อ งเป็ น พิ เ ศษจึ ง ต้ อ ง ทดสอบเชิงลึกว่าเป็นคนดีจริงด้วยนำ�้ ใสใจ จริ ง หรื อ ไม่ ห รื อ ใครถู ก หมายหั ว ว่ า เลว มากๆ ก็ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าจิตใจ เลวทรามอย่ า งแท้ จ ริ ง เพื่ อ ป้ อ งกั น มิ ให้ ก ารตั ด สิ น ขององค์ พ ระผู ้ เ ป็ น เจ้ า ผิ ด พลาดในกรณีส�ำคัญๆ อย่างกรณีของโยบ เป็นตัวอย่าง ซึง่ คัมภีรโ์ ยบแสดงว่าซาตาน ใช้ความฉลาดไหวพริบปฏิบัติภารกิจอย่าง สมกับต�ำแหน่งหน้าที่จริงๆ “วันหนึ่งบุตรทั้งหลายของพระเจ้า (=ทูตสวรรค์ระดับหัวหน้าหน่วยงานต่างๆ) มาเฝ้ า พระยาห์ เ วห์ ซาตานมาร่ ว ม รายงานด้วย พระเจ้าตรัสถามซาตานว่า เจ้ามาจากไหน (=ไปท�ำงานได้ผลอะไรมา
36
วารสารแสงธรรมปริทัศน์ ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2017/2560
รายงานบ้าง) ซาตานทูลตอบพระยาเวห์ ว่า มาจากการเดินทางเตร็ดเตร่ไปทัว่ โลก มนุษย์ พระยาเวห์ตรัสถามซาตานอีกว่า เจ้าได้สังเกตเห็นโยบข้ารับใช้ของเราหรือ ไม่ ไม่มีใครในแผ่นดินเหมือนเขา เป็น ผู้ชอบธรรมและเป็นคนดีพร้อม ย�ำเกรง พระเจ้ า และหลี ก เลี่ ย งความชั่ ว ร้ า ย” ซาตานขออนุญาตทดสอบความจริงใจของ โยบจนไม่มอี ะไรจะทดสอบได้อกี แล้ว โยบ ยังคงยืนกระต่ายขาเดียวว่า “ความชอบ ธรรมของพระเจ้าอยู่เหนือทุกสิ่ง” ท�ำให้ ซาตานยอมรั บ ว่ า โยบซื่ อ สั ต ย์ ต ่ อ พระ ยาห์เวห์อย่างจริงใจจริงๆ และหายข้องใจ ในความดีและความชอบธรรมของโยบ เรื่องของโยบหากเป็นเรื่องของชีวิต จริงก็ต้องเกิดขึ้นก่อนที่ซาตานจะท�ำบาป และถูกลงโทษ ซึง่ พระศาสนจักรรับรองว่า เกิดขึ้นจริงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อใดและอย่างไร แต่พระสังคายนาวาติกนั ที ่ 2 เปิดทางให้ ตี ค วามได้ ว ่ า เป็ น การสอนด้ ว ยรู ป แบบ วรรณกรรมเรื่องเล่าซึ่งไม่จ�ำเป็นจะต้อง เกิดขึ้นจริงหรือไม่จ�ำเป็นต้องจริงทั้งหมด แต่คณ ุ ค่าค�ำสอนอยูท่ ก่ี ารแสดงพระเมตตา อย่างลึกซึ้งโดยไม่เสียความชอบธรรมต่อ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและต่อพระธรรมชาติ ของพระองค์ เ อง อั น เป็ น ค�ำสอนลึ ก ซึ้ ง พิเศษของนักบุญเปาโลทีค่ ณ ุ พ่อสตานิสลาส เบรอตง (Stanislas Breton) ยกขึน้ เป็น จุ ด เด่ น ที่ ยุ ค ปั จ จุ บั น ต้ อ งการ Justus
ex fide vivit หากแปลว่า ผู้ชอบธรรม ด้วยการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบย่อมด�ำรงชีพ ด้ ว ยความเชื่ อ มี ค วามหมายอย่ า งปกติ แต่ถ้าแปลว่า “ผู้มีความชอบธรรมโดย อาศั ย ศรั ท ธาในความชอบธรรมของ พระเจ้า ย่อมจะไปรอด” ก็จะลึกซึ้งกว่า ทรงสร้างทูตสวรรค์เผื่อเลือกใช่ไหม คือเผือ่ ว่ากบฏไปเสียครึง่ หนึง่ เหลือ อีกครึ่งหนึ่งก็ยังเหลือใช้ กระนั้นหรือ??? หากพระเจ้าทรงสร้างทูตสวรรค์โดย มีเป้าหมายเพื่อใช้งานตามพระประสงค์ เพียงอย่างเดียว ก็คงได้สร้างให้พอกับ ความต้องการใช้แต่ละครัง้ จบภารกิจแล้ว ก็นา่ จะท�ำลายให้เป็นเปล่าไปให้พน้ หูพน้ ตา ถ้าเช่นนั้นก็คงมีไม่มากที่จะทรงเก็บรักษา ไว้ ใ ช้ ง านตลอดนิ รั น ดร หากใช้ เ กณฑ์ เดียวกันนี้กับการสร้างมนุษย์ ก็ยิ่งต้อง จ�ำกัดการสร้างมากขึ้นเพราะประโยชน์ ใช้สอยได้คงมีไม่เท่าทูตสวรรค์เป็นแน่ แต่ เมื่อนับจ�ำนวนมนุษย์ที่ทรงสร้างมาตั้งแต่ ประมาณ 5 ล้ า นปี ม าแล้ ว จนถึ ง บั ด นี้ ซึ่งแต่ละปีมีคนเกิดใหม่ไม่น้อยกว่า 100 ล้านคนต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสิ้นพิภพ เป็นจ�ำนวนคนที่ทรงพระประสงค์จะสร้าง ทั้งหมดก็นับกันไม่ไหว จะว่าทรงสร้างไว้ เผือ่ เลือก คือ ให้ตกนรกนิรนั ดรไปมากๆ เหลือไว้น้อยๆ เพื่อประดับเกียรติ ก็ดูจะ ไม่ ส อดคล้ อ งกั บ ค�ำสอนเรื่ อ งพระตรี
37
ทูตสวรรรค์ตามปรัชญาคริสต์
เอกภาพว่าเป็นตรีเอกภาพแห่งความรัก ระหว่างพระบุคคลภายในที่เปี่ยมล้นด้วย ความดีถงึ กับทรงปรารถนาแสดงออกด้วย พระเมตตาอันหาขอบเขตมิได้ พระเยซูเจ้า ทรงยื น ยั น พระเมตตาด้วยการการถ่อม องค์ลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อพิสูจน์ความ ชอบธรรมของพระตรีเอกภาพที่จะเมตตา มนุ ษ ย์ อ ย่ า งถึ ง ที่ สุ ด พระองค์ เ องทรง ประกาศเกณฑ์เข้าอาณาจักรของพระองค์ อย่างง่ายมากๆ ขอให้มเี มตตาจิตต่อเพือ่ น มนุ ษ ย์ ก็ พ อแล้ ว อยู ่ ใ นอาณาจั ก รของ สวรรค์ แ ล้ ว โดยอั ต โนมั ติ แต่ นั่ น มิ ไ ด้ หมายความว่ า มี สิ ท ธิ์ เ ข้ า สวรรค์ ไ ด้ ทั น ที ชาวสวรรค์ต้องมีความบริสุทธิ์ผุดผ่องเต็ม ร้อย จึงต้องผ่านการซักฟอกชดใช้บาปให้ หมดจดจริงๆ จึงจะเข้าสวรรค์ได้ ตาม เกณฑ์นกี้ ห็ มายความว่าในทีส่ ดุ คนส่วนมาก น่าจะได้เข้าอาณาจักรแห่งสวรรค์ และจะ ต้ อ งมี จ�ำนวนมากมายมหาศาลอย่ า ง แน่นอนแต่นกั บุญโธมัส อไควนัสปลอบใจ ว่าไม่ต้องกลัวว่าผู้คนจะแออัดในสวรรค์ เพราะสวรรค์ไม่จ�ำกัดในพืน้ ที ่ และไม่ตอ้ ง กลั ว ว่ า จะอยู ่ ไ กลพระบั ล ลั ง ก์ ห ลายร้ อ ย โยชน์ เพราะขณะนั้นมนุษย์จะมีร่างกาย พิเศษเป็นร่างกายจริง เป็นสสาร แต่ไม่ อยูใ่ ต้เกณฑ์ของสสาร จึงไม่กนิ ทีพ่ ระองค์ ทรงสร้างมนุษย์เพื่อแผ่พระเมตตาที่ชาว สวรรค์ทุกคนจะมีความสุขกับพระเมตตา ของพระองค์ มิฉะนั้นก็จะไม่สมศักดิ์ศรี แห่งพระเมตตา
ในเมื่อพระองค์ได้ทรงสร้างสสารไว้ อย่างกว้างใหญ่ไพศาล นับเป็นล้านดารา จักร (galaxy) เป็นการตีกรอบพระฤทธานุภาพอย่างหยาบๆ ท่ามกลางอนันตะใน ศักยภาพของสสาร ช่องว่างระหว่างอนัน ตะในศั ก ยภาพแห่ ง สสารที่ ถู ก สร้ า งกั บ อนันตะในกรรตุภาพของผู้สร้าง มีช่อง ว่ า งห่ า งกั น มากเหลื อ เกิ น จึ ง ทรงด�ำริ สร้างมนุษย์ให้มีสสารและปัญญาอยู่ด้วย กันเพื่อเป็นพยานแห่งพระปรีชาญาณและ พระเมตตา ก็ควรให้มีมากมายเช่นเม็ด ทรายที่ เ ป็ น สสาร ในเมื่ อ จะท�ำดี ทั้ ง ที ท�ำไมจะท�ำเพี ย งนิ ด หน่ อ ย ช่ อ งว่ า ง ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าก็ยังห่างกันมาก เหลือหลาย จึงทรงด�ำริสร้างทูตสวรรค์ ระหว่างกลาง ให้มีจ�ำนวนสมกับความ ใหญ่ ข องเอกภพและจ�ำนวนมนุ ษ ย์ ที่ จ ะ สร้ า งมาทั้ ง หมด ทั้ ง นี้ มิ ใ ช่ สั ก แต่ เ พื่ อ ประดับพระเกียรติ แต่เพื่อให้พระเมตตา ได้แผ่ซ่านไปอย่างทั่วทุกหัวระแหงของสิ่ง สร้าง ทูตสวรรค์จงึ มีมากไม่ยงิ่ หย่อนกว่า จ�ำนวนมนุษย์เพื่อท�ำหน้าที่ให้การสร้าง ทั้งหมดสมบูรณ์แบบ และทุกซอกทุกมุม สะท้อนพระเมตตาของพระองค์ เพื่อมิให้ มนุ ษ ย์ ช าวสวรรค์ ค นใดเบื่ อ ชี วิ ต สวรรค์ ตลอดนิรันดร ทั้งทูตสวรรค์ก็เช่นกัน มิ ให้มีองค์ใดเบื่อชีวิตสวรรค์ตลอดนิรันดร จึงเชื่อได้ว่าเป็นพระญาณสอดส่องที่จะให้ มนุษย์และทูตสวรรค์ให้ความสุขแก่กนั และ
กัน โดยมนุษย์มคี วามสุขกับการเห็นความ ยิง่ ใหญ่ของพระเจ้าแต่ละอย่างๆสะท้อนใน ทูตสวรรค์แต่ละองค์ ส่วนทูตสวรรค์ก็มี ความสุขกับการเห็นพระเมตตาเป็นกรณี เฉพาะสะท้อนในมนุษย์แต่ละคนที่เป็นชาว สวรรค์ นั้นคืออย่างไร กระบวนการสร้างมนุษย์ นักบุญออเกิสทีนใช้ปรัชญาของเพล โทว์อธิบายเรื่องนี้ จึงเสนอขั้นตอนการ สร้างมนุษย์และทูตสวรรค์ว่าเหมือนกัน คือ เริม่ ต้นทีพ่ ระด�ำริโดยทรงสร้างมนุษย์ สากลขึน้ คนหนึง่ ในพระปัญญาของพระองค์ เป็นคนสมบูรณ์แบบและเป็นแม่แบบของ การสร้างมนุษย์ทุกคนตั้งแต่สร้างอาดัม จนถึงมนุษย์คนสุดท้ายรวมทั้งธรรมชาติ มนุษย์ของพระเยซูเจ้าด้วย ออกัสทีนคิดว่า ด้ ว ยปรั ช ญาเช่ น นี้ จ ะอธิ บ ายเรื่ อ งบาป ก�ำเนิดและการไถ่บาปได้ด้วยปรัชญา คือ พระเป็นเจ้าทรงก�ำหนดให้อาดัมตัดสินใจ กินผลไม้ต้องห้ามในนามของมนุษย์สากล ดังนั้นเมื่ออาดัมท�ำบาปจึงเป็นบาปของ มนุษยชาติซงึ่ กลายเป็นธรรมชาติทอี่ อ่ นแอ ไม่สามารถท�ำดีไปสวรรค์ได้อกี ต่อไป พระ เยซู เ จ้ า เสด็ จ มาเป็ น ตั ว แทนของมนุ ษ ย์ สากลเพื่อแก้ไขธรรมชาติมนุษย์ด้วยการ ไถ่บาปและท�ำได้ส�ำเร็จเฉพาะผู้มีความเชื่อ มนุ ษ ย์ จึ ง ต้ อ งด�ำเนิ น ชี วิ ต ด้ ว ยความเชื่ อ
(ex fide vivit) จึงกลายเป็นผู้ชอบธรรม และเอาตัวรอดได้ซึ่งท่านเชื่อว่ามีจ�ำนวน น้ อ ยมาก และนั่ น เป็ น การให้ เ กี ย รติ พระเจ้าจากการเคร่งครัดในความเชื่อและ การปฏิบัติ ส่วนทูตสวรรค์นั้นเกิดพร้อม กันโดยต่างก็เลียนแบบจากทูตสวรรค์สากล ไม่มีการท�ำบาปเป็นตัวแทน จึงไม่มีการ ไถ่บาปอย่างมนุษย์ จึงมีลักษณะเป็นตัว ใครตัวมันมากกว่ามนุษย์ นั ก บุ ญ โธมั ส อไควนั ส ใช้ ป รั ช ญา ของอริสโตเติล ไม่มีมนุษย์สากลและทูต สวรรค์สากลในพระปัญญาของพระเป็นเจ้า มีแต่แผนการสร้างอย่างกว้างๆ คือสร้าง เพื่อแบ่งปันความดีและความสุขแก่มนุษย์ และทู ต สวรรค์ ทรงสร้ า งมนุ ษ ย์ ใ ห้ มี ร่างกายเพื่อแบ่งปันความเป็นมนุษย์ให้มี คุณสมบัติต่างๆ กันแต่ร่วมกันในความ เป็นมนุษย์ซึ่งมีพระเยซูเจ้าเกิดมาเป็นต้น แบบสมบูรณ์แห่งความจริงและความดีเพือ่ เป็นตัวอย่างหนทางที่คู่ขนานกันไป ส่วน ทู ต สวรรค์ ท รงสร้ า งไม่ ใ ห้ มี ร ่ า งกายมา แบ่งปัน เพื่อให้ทูตสวรรค์แต่ละองค์เป็น เอกเทศต่อกัน แต่ละองค์จึงแสดงความดี และความสมบูรณ์ของพระเป็นเจ้าแต่ละ อย่างอย่างสมบูรณ์ในตัวโดยไม่มีการแบ่ง ปันกับองค์อื่น ทั้งนี้เมื่อมนุษย์ขึ้นสวรรค์ แล้วก็สามารถหาความสุขจากการเพ่งพินจิ องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นองค์รวม หรือเพ่ง
พินจิ ทูตสวรรค์แต่ละองค์เพือ่ เข้าใจความดี สมบูรณ์ของพระเป็นเจ้าเป็นด้านๆ ไป ซึ่งทรงแสดงไว้อย่างสมบูรณ์ในทูตสวรรค์ แต่ ล ะองค์ และมี ค วามสุ ข กั บ การเพ่ ง วิญญาณมนุษย์ด้วยกันก็จะมีความสุขกับ การซาบซึ้งพระเมตตาของพระองค์เป็น กรณีๆ ไป สรุป โดยรวมแล้วก็ได้ความว่าการ สร้างทั้งหมดมีความเป็นระเบียบและขั้น ตอนสมบูรณ์แบบ ยังความสุขแก่กันและ
กันได้ตลอดนิรนั ดร นรกคือการพลาดเป้า หมายดังกล่าว เป้าหมายดังกล่าวจะพลาด ไม่ได้เป็นอันขาดนอกจากตัวเองจะท�ำให้แก่ ตัวเองทุกคนจึงมีสทิ ธิท์ จี่ ะสวดภาวนาอุทศิ พลีกรรมเพื่อมิให้มีใครเป็นเช่นนั้นเลยใน ความเป็นจริงนิรันดร ส่วนจะได้สักแค่ ไหนก็คงต้องแล้วแต่ความชอบธรรมอัน เปี่ยมด้วยพระเมตตาของพระองค์เพื่อพระ เกียรติอันสูงส่งนิรันดรของพระองค์อย่าง แท้จริง ซึ่งจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
บรรณานุกรม Crim, Keith. The Interpreter’s Dictionary of Bible. Nashville: Abingdon Press, 1992. McDonald, Most Rev. William J. New Catholic Encyclopedia. Washington D.C.: The Catholic University of America, 1981.