คูมือครู 㪌»ÃСͺ¡ÒÃÊ͹ËÇÁ¡Ñº
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ©ºÑº ÍÞ.
หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน
วิทยาศาสตร
ชั้นประถมศึกษาปที่ ๒
กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ศิริรัตน วงศศิริ รักซอน รัตนวิจิตตเวช ภาพปกนี้มีขนาดเทากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน
กระบวนการสอนแบบ 5 Es ชวยสรางทักษะการเรียนรู กิจกรรมมุงพัฒนาทักษะการคิด คำถาม + แนวขอสอบเพื่อยกผลสัมฤทธิ์ O - NET กิจกรรมบูรณาการเตรียมพรอมสู ASEAN 2558
เอกสารประกอบคูมือครู
กลุมสาระการเรียนรู วิทยาศาสตร
วิทยาศาสตร ชั้นประถมศึกษาปที่
2
สําหรับครู
คูมือครู Version ใหม
ลักษณะเดน
ขยายพื้นที่รูปเลมใหญขึ้นกวาเดิม จัดแบงพื้นที่ออกเปนโซน เพื่อคนหาขอมูลไดงาย สะดวก รวดเร็ว และดูเปนระเบียบ กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล
กระตุน ความสนใจ
Evaluate
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
เปาหมายการเรียนรู สมรรถนะของผูเรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค
หน า
โซน 1 กระตุน ความสนใจ
Engage
สํารวจคนหา
Explore
อธิบายความรู
Explain
ขยายความเขาใจ
Expand
ตรวจสอบผล
หน า
หนั ง สื อ เรี ย น
โซน 1
หนั ง สื อ เรี ย น
Evaluate
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
O-NET บูรณาการเชื่อมสาระ
เกร็ดแนะครู
ขอสอบ
โซน 2
โซน 3
กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
โซน 3
โซน 2 บูรณาการอาเซียน มุม IT
No.
คูมือครู
คูมือครู
No.
โซน 1 ขั้นตอนการสอนแบบ 5Es
โซน 2 ชวยครูเตรียมสอน
โซน 3 ชวยครูเตรียมนักเรียน
เพื่อใหครูเตรียมจัดกิจกรรมการเรียน การสอน โดยแนะนําขั้นตอนการสอนและ การจัดกิจกรรมแบบ 5Es อยางละเอียด เพื่อใหนักเรียนบรรลุตามตัวชี้วัด
เพื่อชวยลดภาระครูผูสอน โดยแนะนํา เกร็ดความรูสําหรับครู ความรูเสริมสําหรับ นักเรียน รวมทั้งบูรณาการความรูสูอาเซียน และมุม IT
เพือ่ ใหครูสะดวกตอการจัดกิจกรรม โดยแนะนํา กิจกรรมบูรณาการเชื่อมระหวางกลุมสาระ วิชา กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย รวมถึงเนือ้ หา ทีเ่ คยออกขอสอบ NT/O-NET เก็งขอสอบ NT/O-NET และแนวขอสอบเนนการคิด พรอมคําอธิบาย และเฉลยอยางละเอียด
ที่ใชในคูมือครู
แถบสีและสัญลักษณ
แถบสีแสดงขั้นตอนการสอนและการจัดกิจกรรม แบบ 5Es เพื่อใหครูทราบวาเปนขั้นการสอนขั้นใด
1. แถบสี 5Es สีแดง
สีเขียว
กระตุน ความสนใจ
เสร�ม
สํารวจคนหา
Engage
2
•
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใช เทคนิคกระตุน ความสนใจ เพื่อโยง เขาสูบทเรียน
สีสม
อธิบายความรู
Explore
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนสํารวจ ปญหา และศึกษา ขอมูล
สีฟา
Explain
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนคนหา คําตอบ จนเกิดความรู เชิงประจักษ
สีมวง
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
•
Evaluate
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนนําความรู ไปคิดคนตอๆ ไป
•
เปนขั้นที่ผูสอน ประเมินมโนทัศน ของผูเรียน
2. สัญลักษณ สัญลักษณ
วัตถุประสงค
• เปาหมายการเรียนรู
• หลักฐานแสดง ผลการเรียนรู
• เกร็ดแนะครู
• นักเรียนควรรู
• บูรณาการอาเซียน
• มุม IT
คูม อื ครู
แสดงเปาหมายการเรียนรูที่นักเรียน ตองบรรลุตามตัวชี้วัด ตลอดจนสมรรถนะ ที่จะตองมี และคุณลักษณะที่พึงเกิดขึ้น กับนักเรียน แสดงรองรอยหลักฐานตามภาระงาน ที่ครูมอบหมาย เพื่อแสดงผลการเรียนรู ตามตัวชี้วัด แทรกความรูเสริมสําหรับครู ขอเสนอแนะ ขอควรระวัง ขอสังเกต แนวทางการจัด กิจกรรมและอืน่ ๆ เพื่อประโยชนในการ จัดการเรียนการสอน ขยายความรูเพิ่มเติมจากเนื้อหา เพื่อให ครูนําไปใชอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียน ไดมีความรูมากขึ้น ความรูห รือกิจกรรมเสริม ใหครูนาํ ไปใช เตรียมความพรอมใหกบั นักเรียนกอนเขาสู ประชาคมอาเซียนใน พ.ศ. 2558 โดย บูรณาการกับวิชาทีก่ าํ ลังเรียน แนะนําแหลงคนควาจากเว็บไซต เพื่อให ครูและนักเรียนไดเขาถึงขอมูลความรู ที่หลากหลาย ทั้งไทยและตางประเทศ
สัญลักษณ
ขอสอบ
วัตถุประสงค
O-NET
(เฉพาะวิ เฉพาะวิชา ชัน้ ทีส่ อบ O-NET O-NET)
• ชีแ้ นะเนือ้ หาทีเ่ คยออกขอสอบ
O-NET โดยยกตัวอยางขอสอบ พรอมวิเคราะหคาํ ตอบ อยางละเอียด
• เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน แนว NT O-NE T (เฉพาะวิ เฉพาะวิชา ชัน้ ทีส่ อบ NT เพือ่ เตรียมพรอมสอบ O-NET)
ขอสอบเนน การคิด แนว NT (เฉพาะวิชา ชัน้ ทีส่ อบ NT)
บูรณาการเชื่อมสาระ กิจกรรมสรางเสริม
การคิด และเปนแนวขอสอบ NT/O-NET ในระดับประถมศึกษา มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลย อยางละเอียด
• แนวขอสอบ NT ในระดับ
ประถมศึกษา มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด โดยเนน - การอานออกเขียนได - การคิดเลข - ความสามารถดานการคิด และการใหเหตุผล
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม
เชือ่ มกับสาระหรือกลุม สาระ การเรียนรู ระดับชัน้ หรือวิชาอืน่ ทีเ่ กีย่ วของ
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม ซอมเสริมสําหรับนักเรียนทีค่ วร ไดรบั การพัฒนาการเรียนรู
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม กิจกรรมทาทาย
ตอยอดสําหรับนักเรียนทีเ่ รียนรู ไดอยางรวดเร็ว และตองการ ทาทายความสามารถในระดับ ทีส่ งู ขึน้
คําแนะนําการใชคูมือครู การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน คูมือครู รายวิชา วิทยาศาสตร ป.2 จัดทําขึ้นเพื่อใหครูผูสอนนําไปใชเปนแนวทางวางแผนการสอนเพื่อพัฒนา ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน และประกันคุณภาพผูเ รียน ตามนโยบายของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน (สพฐ.) โดยใชหนังสือเรียน วิทยาศาสตร ป.2 ของบริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด เปนสื่อหลัก (Core Material) ประกอบ เสร�ม การสอนและการจัดกิจกรรมการเรียนรูใหสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดกลุมสาระการเรียนรู วิทยาศาสตร 3 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พ.ศ. 2551 โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนตามหลักการสําคัญ ดังนี้ 1 ออกแบบการสอนเปนหนวยการเรียนรูอิงมาตรฐาน คูม อื ครู รายวิชา วิทยาศาสตร ป.2 วางแผนการสอนโดยแบงเปนหนวยการเรียนรูต ามลําดับสาระ (Standard) และ หมายเลขขอของมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั แตละหนวยจะกําหนดเปาหมายการสอนและจุดประสงคการเรียนรู (Objective Learning) กิจกรรมการเรียนรู (Learning Activities) และแนวทางการประเมินผลการเรียนรู (Learning Evaluation) ไวชัดเจน ครูผูสอนสามารถจัดทําแผนการสอนใหครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด สมรรถนะ และคุณลักษณะ อันพึงประสงคที่เปนเปาหมายการเรียนรูตามที่กําหนดไวในสาระแกนกลาง (ตามแผนภูมิ) และสามารถบันทึกผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของผูเรียนแตละคนลงในเอกสาร ปพ.5 ไดอยางมั่นใจ แผนภูมิแสดงองคประกอบของการออกแบบการเรียนรูอิงมาตรฐานและเนนผูเรียนเปนสําคัญ
า
พผ
ูเ
จุดปร
ะสง
ค ก
ส ภา
รียน
ร
รู ีเรยน
มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัดชั้นป
ทักษะการคิด การวัดประเมินผล การเรียนรู
กิจกรรมการเรียนรู
เทคนิคการสอน
คูม อื ครู
2 การจัดการเรียนรูที่ยึดผูเรียนเปนสําคัญ แนวคิ ด ในการจั ด การเรี ย นการสอนที่ ยึ ด ผู เ รี ย นเป น สํ า คั ญ พั ฒ นามาจากปรั ช ญาและทฤษฎี ก ารเรี ย นรู Constructivism ที่เชื่อวาการเรียนรูเปนกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในสมองของผูเรียนแตละคน ผูเรียนเปนผูสรางความรู โดยการเชื่อมโยงระหวางสิ่งที่ไดเรียนรูจากบทเรียนใหมกับความรูหรือประสบการณเดิมที่มีอยู ทฤษฎีนี้มีความเชื่อวา ผูเรียนทุกคนไดเรียนรูและมีการสั่งสมความรูความเขาใจเกี่ยวกับสิ่งตางๆ ติดตัวมากอน ทีจ่ ะเขาสูห อ งเรียน ซึง่ เปนการเรียนรูท เี่ กิดจากประสบการณและสิง่ แวดลอมรอบตัวผูเ รียนแตละคน ดังนัน้ การจัดกิจกรรม เสร�ม การเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ผูสอนจะตองคํานึงถึง
4
1. ความรูเดิมของผูเรียน วิธีการสอนที่ดีจะตองเริ่มตนจากจุดที่วา ผูเ รียนมีความรูอ ะไรมาบาง แลวจึงใหความรู หรือประสบการณใหม เพื่อตอยอดจาก ความรูเดิม นําไปสูการสรางความรู ความเขาใจใหม
2. ความรูเดิมของผูเรียนถูกตองหรือไม ผูส อนตองปรับเปลีย่ นความรูค วามเขาใจเดิม ของผูเรียนใหถูกตอง และเปนพฤติกรรม การเรียนรูใ หมทมี่ คี ณุ คาตอผูเรียน เพื่อสราง เจตคติหรือทัศนคติที่ดีตอการเรียนรู สิ่งเหลานั้น
3. ผูเรียนสรางความหมายสําหรับตนเอง ผูสอนตองสงเสริมใหผูเรียนนําความรู ความเขาใจที่เกิดขึ้นไปลงมือปฏิบัติ เพื่อขยายความรูใหลึกซึ้งและมีคุณคา ตอตัวผูเรียนมากที่สุด
แนวคิด Constructivism เนนใหผูเรียนสรางความรูโดยผานกระบวนการคิดและความอยากรูของตนเอง โดยมีผูสอนเปนผูสรางบรรยากาศ
การเรียนรูและกระตุนความสนใจ คอยจัดสถานการณใหผูเรียนเกิดความขัดแยงทางความคิดระหวางประสบการณเดิมกับประสบการณ ความรูใ หม เพือ่ กระตนุ ใหผเู รียนเชือ่ มโยงความรู ความคิด กับประสบการณทมี่ อี ยูเ ดิม แลวสังเคราะหเปนความรูห รือแนวคิดใหมๆ ไดดว ยตนเอง
3 การบูรณาการกระบวนการคิด การเรียนรูของผูเรียนแตละคนจะเกิดขึ้นที่สมอง ซึ่งเปนอวัยวะที่ทําหนาที่รูคิดภายใตสภาพแวดลอมที่เอื้ออํานวย และไดรบั การกระตนุ จูงใจอยางเหมาะสม สอดคลองกับสภาพจิตใจและความตองการของผูเ รียนแตละคน การจัดกิจกรรม การเรียนรูและสาระการเรียนรูที่สอดคลองกับความสนใจและมีความหมายตอผูเรียน จะชวยกระตุนใหสมองของผูเรียน สามารถรับรูและเรียนรูไดอยางมีประสิทธิภาพตามขั้นตอนการทํางานของสมอง ดังนี้ 1. สมองจะเรียนรูและสืบคน โดยการสังเกต คนหา ซักถาม และทดลอง ปฏิบัติ จนทําใหคนพบความรูความเขาใจ ไดอยางรวดเร็ว
2. สมองจะแยกแยะคุณคาของสิ่งตางๆ โดยการตัดสินใจวิพากษวิจารณ แสดง ความคิดเห็น ยอมรับหรือตอตานตาม อารมณความรูสึกที่เกิดขึ้นในขณะที่เรียนรู
3. สมองจะประมวลเนื้อหาสาระ โดยการสรุปเปนความคิดรวบยอดจาก เรื่องราวที่ไดเรียนรูใหมนําไปผสมผสานกับ ความรูห รือประสบการณเดิมทีถ่ กู จัดเก็บอยูใ น สมอง ผานการกลัน่ กรองเพือ่ สังเคราะหเปน ความรูค วามเขาใจใหมๆ หรือเปนทัศนคติใหม ที่จะเก็บบรรจุไวในสมองของผูเรียน
การเรียนรูที่มีประสิทธิภาพจึงตองเปนการเรียนรูที่เกิดจากกระบวนการคิดของผูเรียน เพราะการเรียนรูจะเกิดขึ้น เมื่อสมองรูคิด และตองเปนการคิดไดครบถวนตามขั้นตอนการทํางานของสมองผูเรียน โดยเริ่มตนจาก 1. ระดับการคิดพื้นฐาน ไดแก การสังเกต การจําแนก การคาดคะเน การสื่อความหมาย การรวบรวมขอมูล การสรุปผล เปนตน
คูม อื ครู
2. ระดับลักษณะการคิด ไดแก การคิดกวาง คิดลึกซึ้ง คิดไกล คิดหลากหลาย คิดคลอง คิดอยางมีเหตุผล เปนตน
3. ระดับกระบวนการคิด ไดแก กระบวนการคิดอยางมีวิจารณญาณ กระบวนการแกปญหา กระบวนการ คิดสรางสรรค กระบวนการคิดสังเคราะหวิจัย เปนตน
5Es การจัดกิจกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ขั้นตอนการสอนที่สัมพันธกับขั้นตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้ ขั้นที่ 1
กระตุนความสนใจ
(Engage)
เสร�ม
5
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนนําเขาสูบ ทเรียน เพือ่ กระตุน ความสนใจของผูเ รียนดวยเรือ่ งราวหรือเหตุการณทนี่ า สนใจโดยใชเทคนิควิธกี ารสอน และคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูความรูของบทเรียนใหม ชวยใหผูเรียนสามารถ สรุปประเด็นสําคัญที่เปนหัวขอและสาระการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนการสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอม และสรางแรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน
ขั้นที่ 2
สํารวจคนหา
(Explore)
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนเปดโอกาสใหผเู รียนลงมือศึกษา สังเกต หรือรวมมือกันสํารวจ เพือ่ ใหเห็นขอบขายของปญหา รวมถึงวิธกี ารศึกษา คนควา การรวบรวมขอมูลความรูที่จะนําไปสูการสรางความเขาใจประเด็นปญหานั้นๆ เมื่อผูเรียนทําความเขาใจในประเด็นหัวขอที่จะ ศึกษาคนควาอยางถองแทแลว ก็ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมขอมูลความรู สํารวจตรวจสอบ โดยวิธีการตางๆ เชน สัมภาษณ ทดลอง อานคนควาขอมูลจากเอกสาร แหลงขอมูลตางๆ จนไดขอมูลความรูตามที่ตั้งประเด็นศึกษาไว
ขั้นที่ 3
อธิบายความรู
(Explain)
เปนขั้นที่ผูสอนมีปฏิสัมพันธกับผูเรียน เชน ใหการแนะนํา ตั้งคําถามกระตุนใหคิด เพื่อใหผูเรียนคนหาคําตอบ และนําขอมูล ความรูจากการศึกษาคนควาในขั้นที่ 2 มาวิเคราะห สรุปผล และนําเสนอผลที่ไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน เขียนแผนภูมิ แผนผังแสดงมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน ในขั้นตอนนี้ฝกใหผูเรียนใชสมองคิดวิเคราะหและ สังเคราะหอยางเปนระบบ
ขั้นที่ 4
ขยายความเขาใจ
(Expand)
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใชเทคนิควิธีการสอนตางๆ ที่สงเสริมใหผูเรียนนําความรูที่เกิดขึ้นไปคิดคนสืบคนตอๆ ไป เพื่อพัฒนาทักษะ การเรียนรูและการทํางานรวมกันเปนกลุม ระดมสมองเพื่อคิดสรางสรรครวมกัน ผูเรียนสามารถนําความรูที่สรางขึ้นใหมไปเชื่อมโยง กับประสบการณเดิมโดยนําขอสรุปทีไ่ ดไปใชอธิบายเหตุการณตา งๆ หรือนําไปปฏิบตั ใิ นสถานการณใหมๆ ทีเ่ กีย่ วของกับชีวติ ประจําวัน ของตนเอง เพื่อขยายความรูความเขาใจใหกวางขวางยิ่งขึ้น ในขั้นตอนนี้ฝกสมองของผูเรียนใหสามารถคิดริเริ่มสรางสรรคอยางมี คุณภาพ เสริมสรางวิสัยทัศนใหกวางไกลออกไป
ขั้นที่ 5
ตรวจสอบผล
(Evaluate)
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนประเมินมโนทัศนของผูเ รียน โดยตรวจสอบจากความคิดทีเ่ ปลีย่ นไปและความคิดรวบยอดทีเ่ กิดขึน้ ใหม ตรวจสอบ ทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแกปญหา การตอบคําถามรวบยอด และการเคารพความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่น เพื่อการ สรางสรรคความรูร ว มกัน ผูเ รียนสามารถประเมินผลการเรียนรูข องตนเอง เพือ่ สรุปผลวามีความรูอ ะไรเพิม่ ขึน้ มาบาง เกิดความเขาใจ มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ ไดอยางไร ผูเรียนจะเกิดเจตคติและเห็นคุณคาของ ตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริง
การจัดกิจกรรมการเรียนรูตามขั้นตอนวัฏจักรการสรางความรูแบบ 5Es จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนน ผูเ รียนเปนสําคัญอยางแทจริง เพราะสงเสริมใหผเู รียนไดลงมือปฏิบตั ติ ามขัน้ ตอนของกระบวนการสรางความรูด ว ยตนเอง และฝกฝนใหใชกระบวนการคิดและกระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะชีวิต ทักษะการทํางานและทักษะการ เรียนรูท มี่ ปี ระสิทธิภาพ สงผลตอการยกระดับผลสัมฤทธิข์ องผูเ รียน ตามเปาหมายของการปฏิรปู การศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการ คูม อื ครู
O-NET การเพิ่มผลสัมฤทธิ์ O-NET
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามขัน้ ตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ในแตละหนวยการเรียนรู ทางผูจ ดั ทํา จะเสนอแนะวิธสี อนรูปแบบกิจกรรมการเรียนรู พรอมทัง้ ออกแบบเครือ่ งมือวัดผลประเมินผลทีส่ อดคลองกับตัวชีว้ ดั และสาระการเรียนรูแกนกลางไวทุกขั้นตอน โดยยึดหลักสําคัญ คือ เปาหมายของการวัดผลประเมินผล เสร�ม
6
1. การวัดผลทุกครั้งตองนําผล การวัดมาปรับปรุงพัฒนาผูเรียน เปนรายบุคคล
2. การประเมินผลมีเปาหมาย เพื่อพัฒนาการเรียนรูของผูเรียน จนเต็มศักยภาพ
3. การนําผลการวัดและประเมิน ทุกครั้งมาวางแผนปรับปรุงกิจกรรม การเรียนการสอน การเลือกเทคนิค วิธีการสอน และสื่อการเรียนรูให เหมาะสมกับสภาพจริงของผูเรียน
การทดสอบผูเรียน 1. การใชขอสอบอัตนัย เนนการอาน การคิดวิเคราะห และเขียนสรุปเพิ่มมากขึ้น 2. การใชคําถามกระตุนการคิด ควบคูกับการทําขอสอบที่เนนการคิดตลอดตอเนื่องตามลําดับกิจกรรมการเรียนรูและ ตัวชี้วัด 3. การทดสอบตองดําเนินการทั้งกอนเรียน ระหวางเรียน และเมื่อสิ้นสุดการเรียน การทดสอบระหวางเรียน ต อ งใช ข อ สอบทั้ ง ชนิ ด ปรนั ย และอั ต นั ย และเป น การทดสอบเพื่ อ วิ นิ จ ฉั ย ผลการเรี ย นของผู เ รี ย นแต ล ะคน เพื่อวัดการสอนซอมเสริมใหบรรลุตัวชี้วัดทุกตัว 4. การสอบกลางภาค (ถามี) ควรนําขอสอบหรือแบบฝกหัดที่นักเรียนสวนใหญทําผิดบอยๆ มาสรางเปนแบบทดสอบ อีกครัง้ เพือ่ ตรวจสอบความรูค วามเขาใจทีถ่ กู ตอง และประเมินความกาวหนาของผูเรียนแตละคน 5. การสอบปลายภาคเรียนเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามตัวชี้วัดที่สําคัญ ควรออกขอสอบใหมีลักษณะเดียวกับ ขอสอบ O-NET โดยเนนการคิดวิเคราะห สังเคราะห เชื่อมโยงประยุกตใช เพื่อสรางความคุนเคย และฝกฝน วิธีการทําขอสอบดวยความมั่นใจ 6. การนําผลการทดสอบของผูเรียนมาวิเคราะห โดยผลการสอบกอนการเรียนตองสามารถพยากรณผลการสอบ กลางภาค และผลการสอบกลางภาคตองทํานายผลการสอบปลายภาคของผูเ รียนแตละคน เพือ่ ประเมินพัฒนาการ ความกาวหนาของผูเรียนเปนรายบุคคล 7. ผลการทดสอบปลายป ปลายภาค ตองมีคาเฉลี่ยสอดคลองกับคาเฉลี่ยของการสอบ NT ที่เขตพื้นที่การศึกษา จัดสอบ รวมทั้งคาเฉลี่ยของการสอบ O-NET ชวงชั้นที่สอดคลองครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดสําคัญ เพือ่ สะทอนประสิทธิภาพของครูผสู อนในการออกแบบการเรียนรูแ ละประกันคุณภาพผูเ รียนทีต่ รวจสอบผลไดชดั เจน การจัดการเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ตองใหผูเรียนไดสั่งสมความรู สะสมความเขาใจไปทีละเล็ก ละนอยตามลําดับขัน้ ตอนของกิจกรรมการเรียนรู 5Es เพือ่ ใหผเู รียนไดเติมเต็มองคความรูอ ยางตอเนือ่ ง จนสามารถปฏิบตั ิ ชิ้นงานหรือภาระงานรวบยอดของแตละหนวยผานเกณฑประกันคุณภาพในระดับที่นาพึงพอใจ เพื่อรองรับการประเมิน ภายนอกจาก สมศ. ตลอดเวลา คูม อื ครู
ASEAN การเรียนรูสูประชาคมอาเซียน เพื่ออํานวยความสะดวกแกครูผูสอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรูบูรณาการอาเซียนศึกษา ผูจัดทําไดวิเคราะห มาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัดที่มีสาระการเรียนรูสอดคลองกับองคความรูเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนในแงมุมตางๆ ครอบคลุมทัง้ ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรม อาเซียน เพื่อสงเสริมการเรียนรูใหผูเรียนเกิดความตระหนัก มีความรูความเขาใจเหมาะสมกับระดับชั้นและกลุมสาระ การเรียนรู โดยเสนอแนะวิธีการจัดกิจกรรมบูรณาการเนื้อหาสาระตางๆ ที่เปนประโยชนตอผูเรียนและเปนการชวย เตรียมความพรอมผูเ รียนทุกคนทีจ่ ะกาวเขาสูก ารเปนสมาชิกของประชาคมอาเซียนไดอยางมัน่ ใจตามขอตกลงปฏิญญา ชะอํา-หัวหิน วาดวยความรวมมือดานการศึกษาเพือ่ บรรลุเปาหมายประชาคมอาเซียนทีเ่ อือ้ อาทรและแบงปน จึงกําหนด เปนนโยบายใหกระทรวงศึกษาธิการจัดการเรียนรูเตรียมความพรอมผูเรียนเขาสูประชาคมอาเซียนภายในป พ.ศ. 2558 ตามแนวปฏิบัติที่สําคัญ ดังนี้
เสร�ม
7
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน 1. การสรางความรูความเขาใจ และตระหนักถึงความสําคัญของ กฎบัตรอาเซียน และความรวมมือ ของ 3 เสาหลัก ซึง่ กฎบัตรอาเซียน ในขณะนี้มีสถานะเปนกฎหมายที่ ประเทศสมาชิกจะตองปฏิบัติตาม หลักการที่กําหนดไวเพื่อใหบรรลุ เปาหมายของกฎบัตรมาตราตางๆ
2. การสงเสริมหลักการ ประชาธิปไตยและการสราง สิ่งแวดลอมประชาธิปไตย เพื่อการอยูรวมกันอยางกลมกลืน ภายใตวิถีชีวิตอาเซียนที่มีความ หลากหลายดานสังคมและ วัฒนธรรม
4. การตระหนักในคุณคาของ สายสัมพันธทางประวัติศาสตร และมรดกทางวัฒนธรรมที่มี พัฒนาการรวมกัน เพื่อเชื่อม อัตลักษณและสรางจิตสํานึก ในการเปนประชากรของประชาคม อาเซียนรวมกัน
3. การสงเสริมการศึกษาดาน สิทธิมนุษยชน เพื่อสรางประชาคม อาเซียนใหเปนประชาคมเพื่อ ประชาชนอยางแทจริง สามารถ อยูรวมกันไดบนพื้นฐานการเคารพ ในคุณคาของศักดิ์ศรีแหงความ เปนมนุษยเทาเทียมกัน
5. การสงเสริมสันติภาพ ความ มั่นคง และความปรองดองในสังคม ทั้งระดับประเทศและภูมิภาคของ อาเซียนบนพื้นฐานสันติวิธีและการ อยูรวมกันดวยขันติธรรม
คูม อื ครู
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
เสร�ม
8
1. การพัฒนาทักษะการทํางาน เพื่อเสริมสรางผูเรียนใหมีทักษะ วิชาชีพที่จําเปนสอดคลองกับ ความตองการของตลาดแรงงาน และสถานประกอบการในอาเซียน สามารถเทียบโอนผลการเรียน และการทํางานตามมาตรฐานฝมือ แรงงานในภูมิภาคอาเซียน
2. การเสริมสรางวินัย ความรับผิดชอบ และเจตคติรักการทํางาน สามารถพึ่งพาตนเอง มีทักษะชีวิต ดํารงชีวิตอยางมีความสุข เห็นคุณคา และภูมิใจในตนเอง ในฐานะที่เปนพลเมืองไทยและ อาเซียน
3. การเรียนรูเพื่อพัฒนาตนเอง อยางตอเนื่องตลอดชีวิต ใหมี ทักษะการทํางานตามมาตรฐาน อาชีพ และคุณวุฒิของวิชาชีพสาขา ตางๆ เพื่อรองรับการเตรียมเคลื่อน ยายแรงงานมีฝมือและการเปน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่ เขมแข็ง เพื่อสรางขีดความสามารถ ในการแขงขันในเวทีโลก
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน 1. การเสริมสรางความรวมมือ ในลักษณะสังคมที่เอื้ออาทร ของประชากรอาเซียน โดยยึด หลักการสําคัญ คือ ความงดงาม ของประชาคมอาเซียนมาจาก ความแตกตางและหลากหลายทาง วัฒนธรรมที่ลวนแตมีคุณคาตอ มรดกทางวัฒนธรรมของอาเซียน ซึ่งประชาชนทุกคนตองอนุรักษ สืบสานใหยั่งยืน
2. การเสริมสรางคุณลักษณะ ของผูเรียนใหเปนพลเมืองอาเซียน ที่มีศักยภาพในการกาวเขาสู ประชาคมอาเซียนอยางมั่นใจ เปนผูที่มีสุขภาพสมบูรณแข็งแรง มีทักษะการสื่อสาร ทักษะการ ทํางาน ทักษะทางสังคม สามารถ ทํางานรวมกับผูอื่นไดอยาง สรางสรรค และมีองคความรู เกี่ยวกับอาเซียนที่จําเปนตอการ ดํารงชีวิตอยางมีคุณภาพ
4. การสงเสริมการเรียนรูดาน ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถชี วี ติ ความเปนอยูข องเพือ่ นบาน ในอาเซียน เพื่อสรางจิตสํานึกของ ความเปนประชาคมอาเซียนและ ตระหนักถึงหนาที่ของการเปน พลเมืองอาเซียนรวมกัน
3. การสงเสริมการเรียนรูภาษา อังกฤษเพื่อการสื่อสารและการ ทํางานตามมาตรฐานอาชีพที่ กําหนดและสนับสนุนการเรียนรู ภาษาอาเซียนและภาษาเพื่อนบาน เพื่อชวยเสริมสรางสัมพันธภาพทาง สังคม และการอยูรวมกันอยางสันติ ทามกลางความหลากหลายทาง วัฒนธรรม
5. การสรางความรูและความ ตระหนักเกี่ยวกับดานสิ่งแวดลอม ปญหาและผลกระทบตอคุณภาพ ชีวิตของประชากรในภูมิภาค รวมทั้งแนวทางการพัฒนาอยาง ยั่งยืน ใหเปนมรดกสืบทอดแก พลเมืองอาเซียนในรุนหลังตอๆ ไป
กระทรวงศึกษาธิการจึงประกาศนโยบายการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) เพื่อเรงพัฒนาเด็ก และเยาวชนไทยใหเปนทรัพยากรมนุษยของชาติที่มีทักษะและความชํานาญ พรอมเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงและ การแขงขันทั้งในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆ ของสังคมโลก ทั้งนี้ผูบริหารสถานศึกษา ครูผูสอน และผูปกครอง ควรรวมมือกันอยางใกลชดิ ในการดูแลชวยเหลือผูเ รียนและจัดประสบการณการเรียนรูเ พือ่ พัฒนาผูเ รียนจนเต็มศักยภาพ เพื่อกาวเขาสูการเปนพลเมืองอาเซียนอยางมีเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีความเปนมนุษยของตน คูม อื ครู
คณะผูจัดทํา
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง สาระที่ 1
วิทยาศาสตร (เฉพาะชั้น ป.2)*
สิ่งมีชีวิตกับกระบวนการดํารงชีวิต
มาตรฐาน ว 1.1 เขาใจหนวยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต ความสัมพันธของโครงสราง และหนาที่ของระบบตางๆ ของสิ่งมีชีวิต ที่ทํางานสัมพันธกัน มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู สื่อสารสิ่งที่เรียนรูและนําความรูไปใชในการ ดํารงชีวิตของตนเองและดูแลสิ่งมีชีวิต ชั้น
ตัวชี้วัด
ป.2 1. ทดลองและอธิบาย นํ้า แสง เปนปจจัยที่จําเปนตอการดํารงชีวิต ของพืช
สาระการเรียนรูแกนกลาง • พืชตองการนํ้าและแสงในการเจริญเติบโต และการดํารงชีวิต
2. อธิบายอาหาร นํ้า อากาศ เปนปจจัย • พืชและสัตวตองการอาหาร นํ้า อากาศ ที่จําเปนตอการดํารงชีวิต เพื่อการดํารงชีวิต และการเจริญเติบโต และการเจริญเติบโตของพืชและสัตว • นําความรูไปใชประโยชนในการดูแลพืชและสัตว และนําความรูไปใชประโยชน เพื่อใหเจริญเติบโตไดดี 3. สํารวจและอธิบายพืชและสัตว สามารถตอบสนองตอแสง อุณหภูมิ และการสัมผัส
• พืชและสัตวมีการตอบสนองตอแสง อุณหภูมิ และการสัมผัส
4. ทดลองและอธิบายรางกายของมนุษย • รางกายของมนุษยสามารถตอบสนองตอแสง สามารถตอบสนองตอแสง อุณหภูมิ อุณหภูมิ และการสัมผัส และการสัมผัส 5. อธิบายปจจัยที่จําเปนตอ การดํารงชีวิต และการเจริญเติบโต ของมนุษย
เสร�ม
9
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน • หนวยการเรียนรูที่ 1 ชีวิตพืช ชีวิตสัตว บทที่ 1 ปจจัยในการดํารงชีวิต ของพืชและสัตว • หนวยการเรียนรูที่ 2 การดูแลพืชและสัตว บทที่ 2 มาปลูกพืช เลี้ยงสัตว • หนวยการเรียนรูที่ 1 ชีวิตพืช ชีวิตสัตว บทที่ 2 การตอบสนองตอสิ่งเราของ พืชและสัตว • หนวยการเรียนรูที่ 3 เรียนรูตนเอง บทที่ 2 การตอบสนองตอสิ่งเรา ของคนเรา
• มนุษยตองการอาหาร นํ้า อากาศ เพื่อการดํารงชีวิต • หนวยการเรียนรูที่ 3 เรียนรูตนเอง และการเจริญเติบโต บทที่ 1 ปจจัยในการดํารงชีวิต ของคนเรา
มาตรฐาน ว 1.2 เขาใจกระบวนการและความสําคัญของการถายทอดลักษณะทางพันธุกรรม วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ การใชเทคโนโลยีชีวภาพที่มีผลกระทบตอมนุษยและสิ่งแวดลอม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรูและจิตวิทยาศาสตร สื่อสารสิ่งที่เรียนรูและนําความรูไปใชประโยชน ชั้น
ตัวชี้วัด
ป.2 1. อธิบายประโยชนของพืชและสัตว ในทองถิ่น
สาระการเรียนรูแกนกลาง • พืชและสัตวมีประโยชนตอมนุษยในแงของปจจัยสี่ คือ เปนอาหาร ที่อยูอาศัย เครื่องนุงหม และยารักษาโรค
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน • หนวยการเรียนรูที่ 1 ชีวิตพืช ชีวิตสัตว บทที่ 3 ประโยชนของพืชและสัตว
_________________________________ * สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, สาระการเรียนรูแกนกลาง กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร. (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพชุมนุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย, 2551), หนา 10-95.
คูม อื ครู
สาระที่ 3
สารและสมบัติของสาร
มาตรฐาน ว 3.1 เขาใจสมบัติของสาร ความสัมพันธระหวางสมบัติของสารกับโครงสรางและแรงยึดเหนี่ยวระหวาง อนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรูและจิตวิทยาศาสตร สื่อสารสิ่งที่เรียนรูและนําความรูไปใช ประโยชน ชั้น
เสร�ม
10
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
ป.2 1. ระบุชนิดและเปรียบเทียบสมบัติของ • ของเลน ของใช อาจทําจากวัสดุตางๆ กัน เชน ไม วัสดุที่นํามาทําของเลน ของใช เหล็ก กระดาษ พลาสติก ยาง ซึ่งวัสดุตางชนิดกัน ในชีวิตประจําวัน จะมีคุณสมบัติแตกตางกัน 2. เลือกใชวัสดุและสิ่งของตางๆ ได อยางเหมาะสมและปลอดภัย
สาระที่ 4
• การเลือกวัสดุและสิ่งของตางๆ มาใชงานในชีวิต ประจําวัน เพื่อความเหมาะสมและปลอดภัย ตองพิจารณาจากสมบัติของวัสดุที่ใชทําสิ่งของนั้น
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน • หนวยการเรียนรูที่ 4 ของเลนของใชของเรา บทที่ 1 วัสดุและการเลือกใช
แรงและการเคลื่อนที่
มาตรฐาน ว 4.1 เขาใจธรรมชาติของแรงแมเหล็กไฟฟา แรงโนมถวง และแรงนิวเคลียร มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู สื่อสารสิ่งที่เรียนรูและนําความรูไปใชประโยชนอยางถูกตองและมีคุณธรรม ชั้น
ตัวชี้วัด
ป.2 1. ทดลองและอธิบายแรง ที่เกิดจากแมเหล็ก
สาระการเรียนรูแกนกลาง • แมเหล็กมีแรงดึงดูดหรือผลักระหวางแทงแมเหล็ก รอบแทงแมเหล็กมีสนามแมเหล็ก และสามารถ ดึงดูดวัตถุที่ทําดวยสารแมเหล็ก
2. อธิบายการนําแมเหล็กมาใชประโยชน • แมเหล็กมีประโยชนในการทําของเลน ของใช และนําไปแยกสารแมเหล็กออกจากวัตถุอื่นได 3. ทดลองและอธิบายแรงไฟฟา ที่เกิดจากการถูวัตถุบางชนิด
สาระที่ 5
• เมื่อถูวัตถุบางชนิดแลวนําเขาใกลกัน จะดึงดูด หรือผลักกันได แรงที่เกิดขึ้นนี้เรียกวาแรงไฟฟา และวัตถุนั้นจะดึงดูดวัตถุเบาๆ ได
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน • หนวยการเรียนรูที่ 5 สนุกกับแรงและพลังงาน บทที่ 1 มหัศจรรยแรงแมเหล็ก • หนวยการเรียนรูที่ 5 สนุกกับแรงและพลังงาน บทที่ 2 สนุกกับแรงไฟฟา
พลังงาน
มาตรฐาน ว 5.1 เขาใจความสัมพันธระหวางพลังงานกับการดํารงชีวิต การเปลี่ยนรูปพลังงาน ปฏิสัมพันธระหวาง สารและพลังงาน ผลของการใชพลังงานตอชีวิตและสิ่งแวดลอม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู สื่อสารสิ่งที่เรียนรูและนําความรูไปใชประโยชน ชั้น
ตัวชี้วัด
ป.2 1. ทดลองและอธิบายไดวาไฟฟา เปนพลังงาน
สาระการเรียนรูแกนกลาง • ไฟฟาจากเซลล ไฟฟาหรือแบตเตอรี่สามารถ ทํางานได ไฟฟาจึงเปนพลังงาน
2. สํารวจและยกตัวอยางเครื่องใชไฟฟา • พลังงานไฟฟาเปลี่ยนเปนพลังงานอื่นได ในบานที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟา ซึ่งตรวจสอบไดจากเครื่องใชไฟฟาในบาน เชน เปนพลังงานอื่น พัดลม หมอหุงขาวไฟฟา
คูม อื ครู
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน • หนวยการเรียนรูที่ 5 สนุกกับแรงและพลังงาน บทที่ 3 เรียนรูเรื่องพลังงาน
สาระที่ 6
กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก
มาตรฐาน ว 6.1 เขาใจกระบวนการตางๆ ที่เกิดขึ้นบนผิวโลกและภายในโลก ความสัมพันธของกระบวนการตางๆ ที่มีผลตอการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และสัณฐานของโลก มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรูและจิตวิทยาศาสตร สื่อสารสิ่งที่เรียนรูและนําความรูไปใชประโยชน ชั้น
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
ป.2 1. สํารวจและจําแนกประเภทของดิน • ดินจําแนกออกเปนประเภทใหญๆ ไดแก ดินรวน • หนวยการเรียนรูที่ 2 โดยใชสมบัติทางกายภาพเปนเกณฑ ดินเหนียว และดินทราย ตามลักษณะที่แตกตางกัน การดูแลพืชและสัตว และนําความรูไปใชประโยชน ในดานของสี เนื้อดิน การอุมนํ้า และการจับตัว บทที่ 1 สมบัติของดิน ของดิน ซึ่งนําไปใชประโยชน ไดแตกตางกัน ตามสมบัติของดิน
สาระที่ 7
เสร�ม
11
ดาราศาสตรและอวกาศ
มาตรฐาน ว 7.1 เขาใจวิวัฒนาการของระบบสุริยะ กาแล็กซีและเอกภพ การปฏิสัมพันธภายในระบบสุริยะและผลตอ สิ่งมีชีวิตบนโลก มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู สื่อสารสิ่งที่เรียนรูและนําความรูไปใชประโยชน ชั้น
ตัวชี้วัด
ป.2 1. สืบคนและอภิปรายความสําคัญ ของดวงอาทิตย
สาระที่ 8
สาระการเรียนรูแกนกลาง • ดวงอาทิตยเปนแหลงพลังงานที่สําคัญของโลก เพราะใหทั้งพลังงานความรอน และพลังงานแสง ซึ่งชวยในการดํารงชีวิตของสิ่งมีชีวิต
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน • หนวยการเรียนรูที่ 5 สนุกกับแรงและพลังงาน บทที่ 3 เรียนรูเรื่องพลังงาน
ธรรมชาติของวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 8.1 ใชกระบวนการทางวิทยาศาสตรและจิตวิทยาศาสตรในการสืบเสาะหาความรู การแกปญหา รูวา ปรากฏการณทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นสวนใหญมีรูปแบบที่แนนอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได ภายใตขอมูลและเครื่องมือที่มีอยูในชวงเวลานั้นๆ เขาใจวา วิทยาศาสตร เทคโนโลยี สังคม และสิ่งแวดลอมมีความเกี่ยวของสัมพันธกัน ชั้น
ตัวชี้วัด
ป.2 1. ตั้งคําถามเกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตามที่กําหนดให หรือตามความสนใจ 2 วางแผนการสังเกต สํารวจตรวจสอบ ศึกษา คนควา โดยใชความคิดของตนเอง ของกลุมและ ของครู 3. ใชวัสดุอุปกรณ เครื่องมือที่เหมาะสม ในการสํารวจตรวจสอบ และบันทึกขอมูล 4. จัดกลุมขอมูล เปรียบเทียบ และนําเสนอผล 5. ตั้งคําถามใหมจากผลการสํารวจตรวจสอบ 6. แสดงความคิดเห็นเปนกลุมและรวบรวมความรู 7. บันทึกและอธิบายผลสังเกต สํารวจตรวจสอบ อยางตรงไปตรงมา โดยเขียนภาพ แผนภาพ หรือคําอธิบาย 8. นําเสนอผลงานดวยวาจาใหผูอื่นเขาใจ กระบวนการและผลของงาน
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
บูรณาการสูการจัด การเรียนการสอน ในทุกหนวยการเรียนรู
คูม อื ครู
คําอธิบายรายวิชา รายวิชา วิทยาศาสตร ชั้นประถมศึกษาปที่ 2 รหัสวิชา ว…………………………………
เสร�ม
12
ศึกษา วิเคราะหปจจัยในการดํารงชีวิต การแสดงพฤติกรรมที่ตอบสนองตอสิ่งเราของพืช สัตว และ มนุษย ประโยชนของพืชและสัตว การจําแนกประเภทของดิน โดยใชสมบัติทางกายภาพเปนเกณฑ ชนิด สมบัติ และการเลือกใชวัสดุที่ใชทําของเลน ของใช แรงที่เกิดจากแมเหล็ก ประโยชนของแมเหล็ก การเกิด แรงไฟฟา ผลของแรงไฟฟา พลังงานไฟฟา การเปลี่ยนรูปพลังงานไฟฟา และดวงอาทิตย แหลงพลังงานโลก โดยใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร การสืบเสาะหาความรู การสํารวจ ตรวจสอบ การสืบคนขอมูล และการอภิปราย เพื่อใหเกิดความรู ความคิด ความเขาใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณคาของการนําความรูไปใชประโยชนในชีวิตประจําวัน มีจิตวิทยาศาสตร จริยธรรม คุณธรรมและ คานิยมที่เหมาะสม ตัวชี้วัด ว 1.1 ว 1.2 ว 3.1 ว 4.1 ว 5.1 ว 6.1 ว 7.1 ว 8.1
คูม อื ครู
กลุมสาระการเรียนรู วิทยาศาสตร ภาคเรียนที่ 1-2 เวลา 80 ชั่วโมง/ป
ป.2/1 ป.2/1 ป.2/1 ป.2/1 ป.2/1 ป.2/1 ป.2/1 ป.2/1
ป.2/2
ป.2/3
ป.2/2 ป.2/2 ป.2/2
ป.2/3
ป.2/2
ป.2/3
ป.2/4
ป.2/5
ป.2/4 ป.2/5 รวม 23 ตัวชี้วัด
ป.2/6
ป.2/7
ป.2/8
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹
ÇÔ·ÂÒÈÒʵà ».ò
ªÑé¹»ÃжÁÈÖ¡ÉÒ»‚·Õè ò
¡ÅØ‹ÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ÇÔ·ÂÒÈÒʵà µÒÁËÅÑ¡ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òõõñ
¼ÙŒàÃÕºàÃÕ§ ¹Ò§ÊÒÇÈÔÃÔÃѵ¹ Ç§È ÈÔÃÔ ´Ã. ÃÑ¡«ŒÍ¹ Ãѵ¹ ÇÔ¨Ôµµ àǪ ¼ÙŒµÃǨ
¹Ò§ÊÒÇÍÒ¹ØÃÑ¡É ÃÐÁ§¤Å ¹Ò§ÊÒÇ¢³ÔÉ°Ò ÇÃÒ¡ØÅ ¹Ò§ÊÒÇÃÒµÃÕ Êѧ¦ÇѲ¹
ºÃóҸԡÒà ¹Ò§ÇÅѾà âÍÀÒÊÇѲ¹Ò
¾ÔÁ¾ ¤ÃÑ駷Õè ö
ʧǹÅÔ¢ÊÔ·¸ÔìµÒÁ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞÑµÔ ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ ñòñøðôð
¤Œ¹¤ÇÒÁÃÙŒ¢ÂÒ¤ÇÒÁ¤Ô´¨Ò¡ ¾ÔÁ¾ ¤ÃÑ駷Õè ñ ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ ñòôøðòö
EB GUIDE
ที่พิมพกํากับหัวขอสําคัญในหนังสือเรียนหลักสูตรใหม ชั้น ป.๔ ขึ้นไป ผาน www.aksorn.com ไปยังแหลงความรูทั่วไทย-ทั่วโลก
ตรวจสอบผล Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
¤íÒ¹íÒ ´ŒÇ¡ÃзÃǧÈÖ¡ÉÒ¸Ô¡ÒÃä´ŒÁÕ¤íÒÊÑè§ãˌ㪌ËÅÑ¡ÊٵáÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òõôô ã¹âçàÃÕ¹·ÑèÇä» ·Õè¨Ñ´¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×鹰ҹ㹻‚¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ òõôö áÅШҡ¡ÒÃÈÖ¡ÉÒÇÔ¨ÑÂáÅеԴµÒÁ¼Å¡ÒÃ㪌ËÅÑ¡ÊٵáÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹ ¾×é¹°Ò¹ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òõôô ¨Ö§¹íÒä»Ê‹Ù¡ÒþѲ¹ÒËÅÑ¡ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òõõñ «Öè§ÁÕ ¤ÇÒÁàËÁÒÐÊÁáÅЪѴਹ à¾×Íè ãˌʶҹÈÖ¡ÉÒä´Œ¹Òí ä»ãªŒà»š¹¡Ãͺ·Ôȷҧ㹡ÒèѴËÅÑ¡ÊÙµÃʶҹÈÖ¡ÉÒ áÅШѴ¡Òà àÃÕ¹¡ÒÃÊ͹à¾×Íè ¾Ñ²¹Òà´ç¡áÅÐàÂÒǪ¹·Ø¡¤¹ã¹ÃдѺ¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñ¹é ¾×¹é °Ò¹ãËŒÁ¤Õ ³ Ø ÀÒ¾´ŒÒ¹¤ÇÒÁÃÙŒ áÅзѡÉзըè Òí ໚¹ ÊíÒËÃѺ¡ÒôíÒçªÕÇÔµã¹Êѧ¤Á·ÕèÁÕ¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§ áÅÐáÊǧËÒ¤ÇÒÁÃÙŒà¾×è;Ѳ¹Òµ¹àͧÍ‹ҧµ‹Íà¹×èͧµÅÍ´ªÕÇÔµ ÊíÒËÃѺ¡Å‹ØÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙŒÇÔ·ÂÒÈÒʵà »ÃСͺ´ŒÇ ø ÊÒÃЋ͠¤×Í ÊÒÃзÕè ñ ÊÔè§ÁÕªÕÇÔµ¡Ñº¡Ãкǹ¡ÒôíÒçªÕÇÔµ ÊÒÃзÕè ò ªÕÇÔµ¡ÑºÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ ÊÒÃзÕè ó ÊÒÃáÅÐÊÁºÑµÔ¢Í§ÊÒà ÊÒÃзÕè ô áçáÅСÒÃà¤Å×è͹·Õè ÊÒÃзÕè õ ¾Åѧ§Ò¹ ÊÒÃзÕè ö ¡Ãкǹ¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§¢Í§âÅ¡ ÊÒÃзÕè ÷ ´ÒÃÒÈÒʵà áÅÐÍÇ¡ÒÈ ÊÒÃзÕè ø ¸ÃÃÁªÒµÔ¢Í§ÇÔ·ÂÒÈÒʵà áÅÐà·¤â¹âÅÂÕ Ë¹Ñ§Ê×ÍàÃÕ¹ ÇÔ·ÂÒÈÒʵà ».ò àÅ‹Á¹Õé¨Ñ´·íÒ¢Öé¹ÊíÒËÃѺ㪌»ÃСͺ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ªÑé¹»ÃжÁÈÖ¡ÉÒ»‚·Õè ò â´Â´íÒà¹Ô¹¡ÒèѴ·íÒãËŒÊÍ´¤ÅŒÍ§µÒÁ¡Ãͺ¢Í§ËÅÑ¡Êٵ÷ء»ÃСÒà ʋ§àÊÃÔÁ¡Ãкǹ¡ÒäԴ ¡ÒÃÊ׺àÊÒÐËÒ¤ÇÒÁÃÙŒ ¡ÒÃá¡Œ»˜ÞËÒ ¤ÇÒÁÊÒÁÒö㹡ÒÃÊ×èÍÊÒà ¡ÒõѴÊԹ㨠¡ÒùíÒä»ãªŒã¹ªÕÇÔµ ÃÇÁ·Ñé§Ê‹§àÊÃÔÁãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹ÁÕ¨ÔµÇÔ·ÂÒÈÒʵà ¤Ø³¸ÃÃÁ áÅФ‹Ò¹ÔÂÁ·Õ¶è ¡Ù µŒÍ§àËÁÒÐÊÁ¡Ñº¡ÒôíÒçªÕÇµÔ ã¹Êѧ¤Áä·Â «Ö§è à¨ÃÔÞ¡ŒÒÇ˹ŒÒ´ŒÒ¹ÇÔ·ÂÒÈÒʵà áÅÐà·¤â¹âÅÂÕ Ë¹Ñ§Ê×ÍàÃÕ¹ ÇÔ·ÂÒÈÒʵà ».ò àÅ‹Á¹Õé ÁÕ õ ˹‹Ç ã¹áµ‹ÅÐ˹‹ÇÂẋ§à»š¹º·Â‹ÍÂæ «Ö觻ÃСͺ´ŒÇ ñ. ໇ÒËÁÒ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ»ÃШíÒ˹‹Ç ¡íÒ˹´ÃдѺ¤ÇÒÁÃÙŒ ¤ÇÒÁÊÒÁÒö¢Í§¼ÙŒàÃÕ¹NjÒàÁ×èÍàÃÕ¹¨ºã¹ ᵋÅÐ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ µŒÍ§ºÃÃÅØÁҵðҹµÑǪÕéÇÑ´·Õè¡íÒ˹´äÇŒã¹ËÅ ¹ËÅÑÑ¡ÊٵâŒÍã´ºŒÒ§ ò. á¹Ç¤Ô´ÊíÒ¤ÑÞ á¡‹¹¤ÇÒÁÃÙŒ·Õè໚¹¤ÇÒÁÃÙŒ¤ÇÒÁࢌÒ㨤§·¹µÔ´µÑǼٌàÃÕ¹ ó. à¹×éÍËÒ ¤ÃºµÒÁËÅÑ¡ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾.È. òõõñ ¹íÒàʹÍàËÁÒÐÊÁ¡Ñº¡ÒÃàÃÕ¹ ¡ÒÃÊ͹ã¹áµ‹ÅÐÃдѺªÑé¹ ô. ¡Ô¨¡ÃÃÁ ÁÕËÅÒ¡ËÅÒÂÃٻẺãËŒ¹Ñ¡àÃÕ¹»¯ÔºÑµÔ ẋ§à»š¹ (ñ) ¡Ô¨¡ÃÃÁ¹íÒÊ‹Ù¡ÒÃàÃÕ¹ ¹íÒࢌÒÊ‹Ùº·àÃÕ¹à¾×èÍ¡Ãе،¹¤ÇÒÁʹã¨á¡‹¼ÙŒàÃÕ¹ (ò) ¡Ô¨¡ÃÃÁ¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹½ƒ¡»¯ÔºÑµÔà¾×è;Ѳ¹Ò¤ÇÒÁÃÙŒáÅзѡÉлÃШíÒ˹‹Ç (ó) ¡Ô¨¡ÃÃÁÃǺÂÍ´ ãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹»¯ÔºÑµÔà¾×èÍáÊ´§¾ÄµÔ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒÃǺÂÍ´ áÅлÃÐàÁÔ¹¼Å¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ µÒÁÁҵðҹµÑǪÕéÇÑ´»ÃШíÒ˹‹Ç ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÇÔ·ÂÒÈÒʵà ».ò àÅ‹Á¹Õé ¹íÒàʹ͡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒãËŒàËÁÒÐÊÁ¡ÑºÇÑ¢ͧ¼ÙŒàÃÕ¹㹪Ñé¹»ÃжÁÈÖ¡ÉÒ »‚·Õè ò «Öè§à»š¹¡ÒÃÈÖ¡ÉÒÊÔ觷Õè¼ÙŒàÃÕ¹à¡ÕèÂÇ¢ŒÍ§ã¹¡ÒôíÒà¹Ô¹ªÕÇÔµ»ÃШíÒÇѹ â´Â㪌ÀÒ¾ á¼¹ÀÙÁÔ µÒÃÒ§¢ŒÍÁÙÅ ª‹ÇÂ㹡Òà ¹íÒàʹÍÊÒÃе‹Ò§æ «Ö觨Ъ‹ÇÂãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹ÊÒÁÒöàÃÕ¹Ãٌ䴌§‹Ò¢Öé¹ ¤³Ð¼ÙŒ¨Ñ´·íÒ¨Ö§ËÇѧ໚¹Í‹ҧÂÔè§Ç‹Ò ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÇÔ·ÂÒÈÒʵà ».ò àÅ‹Á¹Õé ¨Ð໚¹Ê×èÍ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹·Õè ÍíҹǻÃÐ⪹ µ‹Í¡ÒÃàÃÕ¹ÇÔ·ÂÒÈÒʵà à¾×èÍãËŒÊÑÁÄ·¸Ô¼ÅµÒÁÁҵðҹµÑǪÕéÇÑ´·Õè¡íÒ˹´äÇŒã¹ËÅÑ¡ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡Òà ÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾.È. òõõñ ·Ø¡»ÃСÒà ¤³Ð¼ÙŒ¨Ñ´·íÒ
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
Explain
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ค�ำชี้แจงในกำรใช้สื่อ หนวยการเรียนรูที่
แนวคิดส�ำคัญ แก่นคว�มรู้ที่เป็นคว�มเข้�ใจ คงทนติดตัวผู้เรียน
ñ
º··Õè
»˜¨¨ÑÂ㹡Òô
ñ
íÒçªÕÇÔµ¢Í§¾
תáÅÐÊѵÇ
แนวคิดสําคั
ญ
ªÕÇÔµ¾×ª ªÕÇÔµÊѵÇ
พืชและสัต แสง ในการดํารงช วเปนสิ่งมีชีวิต จึงตองการปจจั ยในการดํารงชีว ีว ิต พื และการเจริญเติ ิตและการเจริญเติบโต สวนส ัตวก็ตองการอา ชตองการอาหาร นํ้า อากาศ บโตเชนเดียวกัน หาร นํ้า และอาก และ าศ ในการดํารงช ีวิต กิจกรรมนํา สูการเรียน
ภาพที่ ๑ นรูที่ ๑ าํ หนวยการเรีย
รียนรูประจ
เปาหมายการเ
ดังนี้ วามรูความสามารถ ป.๒/๑] เรียนรูนี้ ผูเรียนจะมีค ิตของพืช [มฐ. ว๑.๑ เมื่อเรียนจบหนวยการ ้า แสง เปนปจจัยที่จําเปนตอการดํารงชีว ารเจริญเติบโตของพืชและสัตว นํ ํารงชีวิตและก ๑. ทดลองและอธิบาย ปจจัยที่จําเปนตอการด น เป ศ อากา า ้ นํ ว๑.๑ ป.๒/๓] ป.๒/๒] ๒. อธิบายอาหาร และการสัมผัส [มฐ. ระโยชน [มฐ. ว๑.๑ และนําความรูไปใชป ตั วสามารถตอบสนองตอแสง อุณหภูมิ ชและส ๑] ๓. สํารวจและอธบิ ายพื ชและสัตวในทองถิ่น [มฐ. ว๑.๒ ป.๒/ สอน] ของพื น นการ ย ะโยช รี การเ ายปร บ อธิ กรรม จ ๔. บูรณาการสูการจัดกิ [มฐ. ว๘.๑ ป.๒/๑-๘
ภาพที่ ๒ ๑. พืชและสัตว ตอ ๒. ถาพืชในภาพข งการสิ่งใดในการดํารงชีวิตที่เหม ือนก าด เปนเวลานานๆ นํ้า หรือสัตวในภาพไมไดกินอา ัน จะเกิดผลอยางไร หาร
๒
มำตรฐ มำตรฐำนตั มำ ตรฐำนตั นตัวชี้วัด ระบุตัวชี้วัดที่กำ�หนดไว้ ในแต่ละหน่วย
เป้ำหมำยกำรเรียนรู้ กำ�หนดระดับคว�มรู้คว�มส�ม�รถ ของผู้เรียนเมื่อเรียนจบหน่วย
กิจกรรมน�ำสู่กำรเรียนรู้ นำ�เข้�สู่บทเรียนโดยใช้กระตุ้น คว�มสนใจและประเมินผลก่อนเรียน
เนื้อหำ ครบต�มหลักสูตรแกนกล�งฯ �งฯ งฯ '๕๑ นำ�เสนอโดยใช้ภ�ษ�ที่เข้�ใจง่�ย เหม�ะสมกับก�รเรียนก�รสอน
สิ่งเราของสัตว ๒ การตอบสนองตอ ล วว า นั ก เรี ย นท รา บม าแ นอง ตอบส พืชชนิดตางๆ มีการ ารสัมผัส ะก แล ิ ู ม หภ ตอแสง อุณ ีการตอบนักเรียนคิดวา สัตวม ้หรือไม านี สนองตอสิ่งเราเหล อยางไร
กิจกรรมรวบย
อด
▲
ตอนที่ ๑ แนวค ิดสําคั ครูใหนักเรียนช ญ ชวยกันสรุป จากนั้นใหเขียนแ วยกันพูดสรุปเกี่ยวกับประโย ชน สด พืชและชื่อสัตวป งเปนแผนผังความคิดลงในสม ของพืชและสัตวที่มีตอคน ระกอบ ุด พรอมกับยก ตัวอยางชื่อ ตอนที่ ๒ ลองท ําดู หนูทําได ๑. ดูภาพ และบ อก ว า เป นพืช มาใชประโยชนใ นดานใดบาง หรือสัตวชนิดใด คนนําพืชหรือ สัตวเหลานั้น ๑ ๒ ๓
ัตรู
ขนตั้งเมื่อตองการขูศ
แมวจะโกงตัวและทํา
Ç ÃͺµÑÇàÃÒ ÅͧÊѧࡵÊÔÇ‹Ò Êѵ Í‹ҧäúŒÒ§ ÊÔ觵‹Ò§æ ÁÕ¡Òõͺʹͧµ‹Í ักทดลอง
กิจกรรมหนูนอยน
๔
งของแมว
ตอบสนองตอแส
กิจกรรมที่ ๓ การ
ปญหา อุปกรณ วิธีทํา
ตอแสงอยางไร แมวมีการตอบสนอง นปด แมว ๑ ตัว เกต โดยครูใหนักเรีย ธิตเพื่อใหนักเรียนสัง อยูใน ๑. ครูทําเปนกิจกรรมสา ักเรียนสังเกตลักษณะดวงตาของแมวเมื่อ น ให น ้ นั จาก ด ื หองใหม กษณะดวงตา ที่มืด และบันทึกผล ้นใหนักเรียนสังเกตลั วางเขาสักครู จากนั ๒. เปดหองใหแสงส ทึกผล น บั และ ง า ว ส ่ นที ใ ของแมวเมื่ออยู สรุปผล ๓. รวมกันอภิปรายและ แหยสัตวใหโกรธ
เมตตาตอสัตว และไมนได ะเว นยํ้าใหนักเรียนมีความ สําหรับครู : ๑. ครูเน สะดวกในการทํากิจกรรมนี้ ครูสามารถล ๒. ถาไม
๗
๓๖
๒๑
กิจกรรมส�ำรวจ กิจกรรมทดลอง เป็นกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ เพื่อฝึกทักษะกระบวนก�รท�งวิทย�ศ�สตร์
กิจกรรมรวบยอด ให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติเพื่อแสดง พฤติกรรมก�รเรียนรู้รวบยอด และประเมินผลก�รเรียนรู้ต�ม ม�ตรฐ�นตัวชี้วัดประจำ�หน่วย
๕
๘
๖
๙
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ Expand
สารบัญ
● ตารางวิเคราะหมาตรฐานการเรียนรู
หนวยการเรียนรูที่
๑ ชีวิตพืช ชีวิตสัตว
บทที่ ๑ ปจจัยในก�รดำ�รงชีวิตของพืชและสัตว์ บทที่ ๒ ก�รตอบสนองต่อสิ�งเร้�ของพืชและสัตว์ บทที่ ๓ ประโยชน์ของพืชและสัตว์ หนวยการเรียนรูที่
๒ ๑๔ ๓๐
๖๔
๔ ของเลนของใชของเรา
๘๔
๕ สนุกกับแรงและพลังงาน
๑๐๐
บทที่ ๑ มหัศจรรย์แรงแม่เหล็ก บทที่ ๒ สนุกกับแรงไฟฟ� บทที่ ๓ เรียนรูเ้ รื่องพลังง�น ● บรรณานุกรม
๑
๓ เรียนรูตนเอง
บทที่ ๑ วัสดุและก�รเลือกใช้ หนวยการเรียนรูที่
ก
๔๐
บทที่ ๑ ปจจัยในก�รดำ�รงชีวิตของเร� บทที่ ๒ ก�รตอบสนองต่อสิ�งเร้�ของเร� หนวยการเรียนรูที่
Evaluate
๒ การดูแลพืชและสัตว
บทที่ ๑ สมบัติของดิน บทที่ ๒ ม�ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ หนวยการเรียนรูที่
ตรวจสอบผล
๔๑ ๕๒
๖๕ ๗๔ ๘๕
๑๐๑ ๑๑๔ ๑๒๔ ๑๓๘
กระตุน ความสนใจ Engage
ตารางวิเคราะห
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Explore
ขยายความเขาใจ
Explain
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
Áҵðҹ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒáÅеÑǪÕéÇÑ´ ÃÒÂÇÔªÒ ÇÔ·ÂÒÈÒʵà ».๒
คําชี้แจง : ใหผูสอนใชตารางน�้ตรวจสอบวา เน�้อหาสาระการเรียนรูในหนวยการเรียนรูสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดชั้นป ในขอใดบาง
มาตรฐาน การเรียนรู
สาระการเรียนรู ตัวชี้วัดชั้น ป.๒ สาระที่ ๑ สิ�งมีชีวิตกับกระบวนการดํารงชีวิต ๑. ทดลองและอธิบาย นํ้า แสง เปนปจจัย ที่จําเปนตอการดํารงชีวิตของพืช
๒. อธิบายอาหาร นํ้า อากาศ เปนปจจัยที่ จําเปนตอการดํารงชีวิต และการเจริญ เติบโตของพืชและสัตว และนําความรู ไปใชประโยชน มฐ. ว๑.๑ ๓. สํารวจและอธิบายพืชและสัตวสามารถ ตอบสนองตอแสง อุณหภูมิ และการ สัมผัส ๔. ทดลองและอธิบายรางกายของมนุษย สามารถตอบสนองตอแสง อุณหภูมิ และการสัมผัส ๕. อธิบายปจจัยที่จําเปนตอการดํารงชีวิต และการ เจริญเติบโตของมนุษย ๑. อธิบายประโยชนของพืชและสัตวใน มฐ. ว๑.๒ ทองถิ�น สาระที่ ๓ สารและสมบัติของสาร ๑. ระบุชนิดและเปรียบเทียบสมบัติของ วัสดุที่นํามาทําของเลนของใชในชีวิต มฐ. ว๓.๑ ประจําวัน ๒. เลือกใชวัสดุและสิ�งของตางๆ ไดอยาง เหมาะสมและปลอดภัย
หนวยที่ ๑
หนวยที่ ๒ หนวยที่ ๓ หนวย หนวยที่ ๕ ที่ ๔ บทที่ บทที่ บทที่ บทที่ บทที่ ๑ ๒ ๓ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑ ๒ ๓ ✓
✓
✓
✓
✓
✓ ✓
สาระที่ ๔ แรงและการเคลื่อนที่ ๑. ทดลองและอธิบายแรงทีเ่ กิดจากแมเหล็ก มฐ. ว๔.๑ ๒. อธิบายการนําแมเหล็กมาใชประโยชน ๓. ทดลองและอธิบายแรงไฟฟาที่เกิดจาก การถูวัตถุบางชนิด หมายเหตุ: สาระที่ ๒ ชีวิตกับสิ่งแวดลอม มฐ.ว๒.๑ และ ว๒.๒ ในหลักสูตรแกนกลางฯ กําหนดใหเรียนในชั้น ป.๓ และ ป.๖
✓
✓ ✓ ✓ ✓ ตอ
ก
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
ตารางวิเคราะห มาตรฐาน การเรียนรู
อธิบายความรู
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Áҵðҹ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒáÅеÑǪÕéÇÑ´ ÃÒÂÇÔªÒ ÇÔ·ÂÒÈÒʵà ».๒ สาระการเรียนรู
ตัวชี้วัดชั้น ป.๒
สาระที่ ๕ พลังงาน ๑. ทดลองและอธิบายไดวา ไฟฟาเปนพลังงาน มฐ. ว๕.๑ ๒. สํารวจและยกตัวอยางเครื่องใชไฟฟา ในบานที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟาเปน พลังงานอื่น สาระที่ ๖ กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก ๑. สํารวจและจําแนกประเภทของดินโดยใช มฐ. ว๖.๑ สมบัติทางกายภาพเปนเกณฑ และนํา ความรูไปใชประโยชน สาระที่ ๗ ดาราศาสตรและอวกาศ มฐ. ว๗.๑ ๑. สืบคนและอภิปรายความสําคัญของ ดวงอาทิตย สาระที่ ๘ ธรรมชาติของวิทยาศาสตร และเทคโนโลยี ๑. ตั้งคําถามเกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตามที่ กําหนดใหหรือตามความสนใจ ๒. วางแผนการสังเกต สํารวจตรวจสอบ ศึกษาคนควา โดยใชความคิดของตนเอง ของกลุม และของครู ๓. ใชวัสดุ อุปกรณ เครื่องมือที่เหมาะสม ในการสํารวจตรวจสอบ และบันทึกขอมูล มฐ. ว๘.๑ ๔. จัดกลุมขอมูล เปรียบเทียบและ นําเสนอผล ๕. ตัง้ คําถามใหมจากผลการสํารวจตรวจสอบ ๖. แสดงความคิดเห็นเปนกลุมและรวบรวม เปนความรู ๗. บันทึกและอธิบายผลการสังเกต สํารวจ ตรวจสอบอยางตรงไปตรงมา โดยเขียน ภาพ แผนภาพ หรือคําอธิบาย ๘. นําเสนอผลงานดวยวาจาใหผูอื่นเขาใจ กระบวนการและผลของงาน
ข
ขยายความเขาใจ
Explain
หนวยที่ ๑
หนวยที่ ๒ หนวยที่ ๓ หนวย หนวยที่ ๕ ที่ ๔ บทที่ บทที่ บทที่ บทที่ บทที่ ๑ ๒ ๓ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑ ๒ ๓ ✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
กระตุน้ ความสนใจ กระตุEngage ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
หน่วยก�รเรียนรู้ที่
ñ
ªÕÇÔµ¾×ª ªÕÇÔµÊѵÇ
กระตุน้ ความสนใจ
Engage
1. ครูทบทวนเกี่ยวกับเรื่องสิ่งมีชีวิตโดยให นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3 - 4 คน จากนั้น ใหแตละกลุมเขียนชื่อสิ่งมีชีวิตใหไดมากที่สุด ภายในเวลา 1 นาที 2. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบคําตอบ และปรบมือใหกับกลุมที่เขียนชื่อสิ่งมีชีวิตได มากที่สุด 3. ใหนักเรียนดูภาพในหนานี้ แลวบอกวา • จากภาพ มีสิ่งมีชีวิตกี่ชนิด อะไรบาง (ตอบ 2 ชนิด คือ นก และตนตะบองเพชร) • ทั้ง 2 ภาพนี้เปนสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน หรือไม อยางไร (ตอบ ไมใชสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน นกเปนสัตว สวนตะบองเพชรเปนพืช) 4. ครูเชื่อมโยงใหนักเรียนเขาใจวา ในหนวยนี้ นักเรียนจะไดเรียนรูเรื่องราวเกี่ยวกับพืช และสัตว ซึ่งจะทําใหนักเรียนเขาใจเกี่ยวกับ การดํารงชีวิตของพืชและสัตว
เปาหมายการเรียนรู้ประจําหนวยการเรียนรู้ที่ ๑ เมื่อเรียนจบหน่วยก�รเรียนรู้นี้ ผู้เรียนจะมีคว�มรู้คว�มส�ม�รถ ดังนี้ ๑. ทดลองและอธิบ�ย นำ้� แสง เป็นปัจจัยที่จำ�เป็นต่อก�รดำ�รงชีวิตของพืช [มฐ. ว๑.๑ ป.๒/๑] ๒. อธิบ�ยอ�ห�ร นำ้� อ�ก�ศ เป็นปัจจัยที่จำ�เป็นต่อก�รดำ�รงชีวิตและก�รเจริญเติบโตของพืชและสัตว์ และนำ�คว�มรู้ไปใช้ประโยชน์ [มฐ. ว๑.๑ ป.๒/๒] ๓. สำ�รวจและอธิบ�ยพืชและสัตว์ส�ม�รถตอบสนองต่อแสง อุณหภูมิ และก�รสัมผัส [มฐ. ว๑.๑ ป.๒/๓] ๔. อธิบ�ยประโยชน์ของพืชและสัตว์ในท้องถิ่น [มฐ. ว๑.๒ ป.๒/๑] [มฐ. ว๘.๑ ป.๒/๑-๘ บูรณำกำรสู่กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนกำรสอน]
เกร็ดแนะครู กอนเริ่มการเรียนการสอน ครูอธิบายใหนักเรียนเขาใจเกี่ยวกับการเรียนวิชา วิทยาศาสตร เพื่อเปนการปลูกฝงใหนักเรียนรูจักแสวงหาความรูโดยใชวิธีการทาง วิทยาศาสตร ซึ่งเปนระบบและมีลําดับขั้นตอนที่แนนอน และชวยฝกใหนักเรียน เปนคนมีเหตุผล วิธีการทางวิทยาศาสตร มี 5 ขั้นตอน ดังนี้ 1. ตั้งปญหา เปนการตั้งปญหาในรูปคําถาม 2. ตั้งสมมติฐาน เปนการคาดเดาคําตอบที่เปนไปไดของปญหานั้น 3. ตรวจสอบสมมติฐาน หาขอพิสูจนของคําตอบ ซึ่งทําไดหลายวิธี เชน รวบรวมขอมูล สํารวจ ทดลอง เปนตน 4. วิเคราะหผล ตรวจสอบผลกับสมมติฐาน 5. สรุปผล พิจารณาผลวาสอดคลองกับสมมติฐานหรือไม ถาสอดคลองแสดงวา สมมติฐานเปนคําตอบของปญหา
คู่มือครู
1
กระตุน้ ความสนใจ กระตุEngage ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. ทดลองและอธิบาย นํ้า แสง เปนปจจัยที่จําเปน ตอการเจริญเติบโตของพืช (ว 1.1 ป.2/1) 2. อธิบายอาหาร นํ้า อากาศ เปนปจจัยที่จําเปน ตอการดํารงชีวิตและกระบวนการเจริญเติบโต ของสัตว (ว 1.1 ป.2/2)
สมรรถนะของผูเรียน
»˜¨¨ÑÂ㹡ÒôíÒçªÕÇÔµ¢Í§¾×ªáÅÐÊѵÇ
º··Õè
ñ
แนวคิดสําคัญ พืชและสัตว์เป็นสิ่งมีชีวิต จึงต้องก�รปัจจัยในก�รดำ�รงชีวิต พืชต้องก�รอ�ห�ร นำ้� อ�ก�ศ และ แสง ในก�รดำ�รงชีวิตและก�รเจริญเติบโต ส่วนสัตว์ก็ต้องก�รอ�ห�ร นำ้� และอ�ก�ศ ในก�รดำ�รงชีวิต และก�รเจริญเติบโตเช่นเดียวกัน
1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด
กิจกรรมนําสูการเรียน
คุณลักษณะอันพึงประสงค 1. ใฝเรียนรู 2. มุงมั่นในการทํางาน
กระตุน้ ความสนใจ
Engage
1. ครูใหนักเรียนชวยกันบอกลักษณะสําคัญของ สิ่งมีชีวิต 7 ประการ เพื่อเปนการทบทวน แลวครูเขียนบนกระดาน 2. ใหนักเรียนชวยกันบอกวา ตัวเราตองการสิ่งใด ในการดํารงชีวิต 3. ครูถามคําถาม แลวใหนักเรียนชวยกันตอบ • พืชและสัตวตองการสิ่งจําเปนใดในการดํารง ชีวิต (ตอบ อาหาร นํ้า และอากาศ) • ถาพืชขาดนํ้าเปนเวลานานๆ หรือสัตว ขาดอาหารเปนเวลานานๆ จะเกิดผลอยางไร (ตอบ พืชจะคอยๆ เหี่ยวเฉา และตายในที่สุด สวนสัตวจะไมเจริญเติบโตและตายในที่สุด)
ภ�พที่ ๑ ภ�พที่ ๒ ๑. พืชและสัตว์ต้องก�รสิ่งใดในก�รดำ�รงชีวิตที่เหมือนกัน ๒. ถ้�พืชในภ�พข�ดนำ้� หรือสัตว์ในภ�พไม่ได้กินอ�ห�ร เป็นเวล�น�นๆ จะเกิดผลอย่�งไร 2
เกร็ดแนะครู ครูจัดกระบวนการเรียนรูโดยใหนักเรียนปฏิบัติ ดังนี้ • ทดลองเกี่ยวกับปจจัยที่จําเปนตอการเจริญเติบโตของพืช • อภิปรายและสรุปผลจากการทดลอง • สืบคนขอมูลปจจัยที่จําเปนตอการดํารงชีวิตของพืชและสัตว • วิเคราะหหาคําตอบจากประเด็นคําถามที่กําหนด จนเกิดเปนความรูความเขาใจวา พืชและสัตวเปนสิ่งมีชีวิตจึงตองการปจจัย ในการดํารงชีวิต คือ พืชตองการอาหาร นํ้า อากาศ และแสง สวนสัตวตองการ อาหาร นํ้า และอากาศ เพื่อการดํารงชีวิตและการเจริญเติบโต
2
คู่มือครู
ส�ารวจค้นหา
กระตุ้นความสนใจ Engage
ส�ารวจค้ Exploreนหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
ส�ารวจค้นหา
๑ ปจจัยที่จ�ำเป็นต่อกำรด�ำรงชีวิตของพืช พืชเป็นสิ่งมีชีวิตเช่นเดียวกับคนและสัตว์ ก�รที่พืชจะดำ�รง ชีวิตอยู่ได้นั้น ต้องอ�ศัยสิ่งที่จำ�เป็นในก�รดำ�รงชีวิต ¹Ñ¡àÃÕ¹·ÃÒºËÃ×ÍäÁ‹Ç‹Ò ¾×ªª¹Ô´µ‹Ò§æ àËÅ‹Ò¹Õé µŒÍ§¡ÒÃÊÔè§ã´ºŒÒ§ã¹¡ÒôíÒçªÕÇÔµ Åͧ¤Ò´¤Ð๠áÅÐ令Œ¹ËÒ¤íҵͺ¨Ò¡¡Òà ·´Åͧã¹Ë¹ŒÒµ‹Í令‹Ð
1
บัวเป็นพืชที่ขึ้นในนำ้� ▼ ทิวลิปเป็นพืชที่ชอบอ�ก�ศหน�วเย็น ▲
▲
Explore
1. ครูสนทนากับนักเรียนวา ใครเคยปลูกตนไม บาง ปลูกตนอะไร และทําอยางไรบาง จากนั้น ใหนักเรียนผลัดกันออกมาเลาประสบการณ 2. ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายวา พืชตองการ ปจจัยใดในการดํารงชีวิต 3. ใหนักเรียนแบงกลุม ใหแตละกลุมรวมกัน เสนอวามีวิธีตรวจสอบอยางไรที่ทําใหทราบวา พืชตองการปจจัยนั้นในการดํารงชีวิต
ตะบองเพชรเป็นพืชที่ขึ้นในทะเลทร�ย
3
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
รดนํ้า
ไมรดนํ้า
นักเรียนควรรู 1 บัว มีหลายพันธุ แตละพันธมีดอกที่มีสีสันหลากหลายและสวยงาม เบงบาน ชูชออยูเหนือนํ้า ทําใหไดรับฉายาวาเปน “ราชินีแหงไมนํ้า” เรานิยมนําดอกบัวั ไปบูชาพระ เพือ่ ความเปนสิรมิ งคลแกชวี ติ เนือ่ งจากลักษณะ ดอกบัวตูมจะคลายกับการพนมมือไหว และถือเปนสัญลักษณของความบริสทุ ธิ์ ปจจุบนั มีผนู ยิ มปลูกบัวเปนการคากันอยางแพรหลาย
จากภาพ เปนการศึกษาเรื่องใด 1. นํ้าเปนปจจัยในการดํารงชีวิตของพืช 2. ดินเปนปจจัยในการดํารงชีวิตของพืช 3. แสงเปนปจจัยในการดํารงชีวิตของพืช 4. อากาศเปนปจจัยในการดํารงชีวิตของพืช วิเคราะหคําตอบ จากภาพ เปนภาพตนไมที่รดนํ้าและไมรดนํ้า ซึ่งใช ศึกษาเกี่ยวกับนํ้าที่เปนปจจัยในการดํารงชีวิตของพืช ดังนั้น ขอ 1.
จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
คู่มือครู
3
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
ส�ารวจค้นหา
Exploreนหา ส�ารวจค้
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
Explore
1. ใหนกั เรียนแตละกลุม ทํากิจกรรมที่ 1 โดยปฏิบตั ิ ดังนี้ 1) ใหแตละกลุมศึกษาขั้นตอนการทดลอง โดยครูคอยแนะนําในสิ่งที่นักเรียนไมเขาใจ หรือซักถาม 2) ใหนักเรียนกําหนดปญหาเกี่ยวกับการทดลอง และตั้งสมมติฐานหรือคําตอบที่เปนไปได 3) ทําการทดลองตามขั้นตอนเพื่อตรวจสอบ สมมติฐาน 4) บันทึกผลการทดลองตามความเปนจริง 5) นําผลการทดลองมารวมกันอภิปรายในกลุม และสรุปผล 2. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกําหนดตัวแปร ในการทดลอง และใหนักเรียนรวมกันบอกวา ตัวแปรตน ตัวแปรตาม และตัวแปรควบคุม ในการทดลองนี้คืออะไร
กิจกรรมหนูน้อยนักทดลอง กิจกรรมที่ ๑ นํ้ากับการดํารงชีวิตของพืช
ปญหำ อุปกรณ์
นำ้�เป็นสิ่งที่จำ�เป็นในก�รดำ�รงชีวิตของพืชหรือไม่ ๑. เมล็ดถั่วเขียว ๑๕-๒๐ เมล็ด ๓. ถุงพล�สติก ๑ ใบ ๒. กระป๋องนม ๒ ใบ ๔. ดิน ๑ ถุง เตรียมล่วงหน้ำ ครูมอบหม�ยให้แต่ละกลุ่มเพ�ะเมล็ดถั่วเขียวลงในถุงพล�สติก ประม�ณ ๑๕-๒๐ เมล็ด วิธีท�ำ ๑. แต่ละกลุ่มเตรียมดินปริม�ณเท่�ๆ กัน ใส่ลงไปในกระป๋องนม ๒ ใบ และติดป้�ยใบที่ ๑ และใบที่ ๒ ๒. เลือกต้นถั่วเขียวที่มีขน�ดคว�มสูงเท่�ๆ กัน ๒ ต้น ปลูกลงในกระป๋อง ใบละ ๑ ต้น และตั้งกระป๋องทั้ง ๒ ใบ ไว้ในบริเวณที่มีแสงส่องถึง ๓. ให้รดนำ้�ต้นถั่วในกระป๋องใบที่ ๑ ทุกวัน วันละ ๒ เวล� คือ เวล�เช้� และเวล�เย็น ส่วนต้นถั่วในกระป๋องใบที่ ๒ ไม่ต้องรดนำ้� ๔. ปฏิบัติข้อ ๒-๓ เป็นเวล� ๑๐ วัน ให้สังเกตและบันทึกผลทุกๆ ๒ วัน ๕. แต่ละกลุ่มนำ�ผลก�รทดลองม�อภิปร�ยร่วมกัน และสรุปผล ตัวอย่ำงตำรำงบันทึกผล วันที่บันทึกผลกำรทดลอง
ลักษณะของต้นถั่วเขียว กระป๋องใบที่ ๑ รดนำ้� กระป๋องใบที่ ๒ ไม่รดนำ้�
วันที่ ๒ วันที่ ๔ วันที่ ๖ วันที่ ๘ วันที่ ๑๐
จ�กก�รทำ�กิจกรรมที่ ๑ ทำ�ให้นักเรียนทร�บว่� พืชต้องก�ร นำ้�ในก�รดำ�รงชีวิต ถ้�พืชไม่ได้รับนำ้�เป็นเวล�น�นๆ ต้นพืชจะ ค่อยๆ เหี่ยวเฉ�และต�ยในที่สุด 4
เกร็ดแนะครู ในการทําการทดลอง ครูเนนใหนักเรียนคํานึงถึงปจจัยตางๆ ที่จะเขามา มีอิทธิพลตอการทดลองเรียกวา ตัวแปร ซึ่งมี 3 ชนิด คือ 1. ตัวแปรตน (ตัวแปรอิสระ) คือ ปจจัยที่เปนเหตุ กลาวคือ สิ่งที่ผูทดลอง กําหนดใหแตกตางกันเพื่อติดตามดูผลที่เกิดขึ้น 2. ตัวแปรตาม คือ ผลที่เกิดจากตัวแปรตน กลาวคือ สิ่งที่ผูทดลองตองวัด และเก็บขอมูล หรือติดตามดู 3. ตัวแปรควบคุม คือ ปจจัยอื่นๆ ที่อาจมีผลตอตัวแปรตาม ดังนั้น ตองควบคุม ใหคงที่ เพื่อสรุปผลไดงายขึ้น
4
คู่มือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
มานีปลูกตนมะละกอไวที่หลังบาน แลวเดินทางไปตางจังหวัดหลายวัน พอกลับมาพบวา ตนมะละกอที่ปลูกไวเหี่ยวแหงตาย นักเรียนคิดวาเกิดจาก สาเหตุใด 1. ขาดอากาศ 2. ติดโรค 3. ขาดนํ้า 4. ไดรับสารพิษ วิเคราะหคําตอบ นํ้าเปนปจจัยที่สําคัญในการดํารงชีวิตของพืช หากพืช ขาดนํ้าเปนเวลาหลายๆ วัน จะทําใหการเจริญเติบโตหยุดชะงักได ตนพืช จะเริม่ เหีย่ วเฉาและตายในทีส่ ดุ ดังนัน้ ขอ 3. จึงเปนคําตอบทีถ่ กู ตอง
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
ส�ารวจค้ Exploreนหา
Engage
ส�ารวจค้นหา
ใหนักเรียนแตละกลุมทํากิจกรรมที่ 2 โดยปฏิบัติ ดังนี้ 1) ใหแตละกลุมศึกษาขั้นตอนการทดลอง โดยครูคอยแนะนําในสิ่งที่นักเรียนไมเขาใจ หรือซักถาม 2) ใหนักเรียนกําหนดปญหาเกี่ยวกับการ ทดลอง และตั้งสมมติฐานหรือคําตอบ ที่เปนไปได 3) ทําการทดลองตามขั้นตอนเพื่อตรวจสอบ สมมติฐาน 4) บันทึกผลการทดลองตามความเปนจริง 5) นําผลการทดลองมารวมกันอภิปรายในกลุม และสรุปผล
กิจกรรมหนูน้อยนักทดลอง กิจกรรมที่ ๒ แสงกับการดํารงชีวิตของพืช
ปญหำ อุปกรณ์
แสงเป็นสิ่งที่จำ�เป็นในก�รดำ�รงชีวิตของพืชหรือไม่ ๑. กระป๋องนม ๒ ใบ ๒. กล่องทึบมีฝ�ปด ๑ ใบ ๓. ดิน ๑ ถุง วิธีท�ำ ๑. ให้แต่ละกลุ่มเตรียมดินปริม�ณเท่�ๆ กัน ใส่ลงในกระป๋องนม ๒ ใบ ติดป้�ยใบที่ ๑ และใบที ่๒ 1 ๒. ให้เลือกต้นถั่วเขียว (จ�กที่เพ�ะในกิจกรรมที่ ๑) ขน�ดสูงประม�ณ ๕ เซนติเมตร ๒ ต้น ม�ปลูกลงในกระป๋อง กระป๋องละ ๑ ต้น ๓. ตั้งต้นถั่วในกระป๋องที่ ๑ ไว้ในบริเวณที่มีแสงส่องถึง และรดนำ้� ปริม�ณเท่�กันทุกวัน วันละ ๒ ครั้ง ตั้งต้นในถั่วกระป๋องที่ ๒ ไว้ใน กล่องทึบและปดฝ�เพื่อไม่ให้แสงเข้� และรดนำ้�ปริม�ณเท่�กันทุกวัน วันละ ๒ ครั้ง ปฏิบัติเช่นนี้เป็นเวล� ๑๐ วัน ๔. เมื่อครบ ๑๐ วันแล้ว ให้สังเกตลักษณะของต้นถั่วเขียวทั้ง ๒ กระป๋อง เปรียบเทียบกัน โดยวัดคว�มสูงของลำ�ต้น สังเกตขน�ด และสีของใบ แล้วบันทึกผล ๕. แต่ละกลุ่มนำ�ผลก�รทดลองม�อภิปร�ยร่วมกัน และสรุปผล ตัวอย่ำงตำรำงบันทึกผล กำรทดลอง กระป๋องใบที่ ๑ ว�งต้นถั่วเขียวไว้ในบริเวณที่มี แสงส่องถึง กระป๋องใบที่ ๒ ว�งต้นถัว่ เขียวไว้ในกล่องทึบทีป่ ด ฝ� เพื่อไม่ให้แสงเข้�
●
●
Explore
อธิบายความรู้
Explain
1. ใหแตละกลุม สงตัวแทนออกมานําเสนอ ผลการทํากิจกรรมที่ 1 โดยนําตนพืชที่ปลูก มาแสดงประกอบการอธิบาย 2. ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเพื่อสรุปใหไดวา พืชที่ไดรับนํ้ากับพืชที่ไมไดรับนํ้าเปนเวลานาน มีการเจริญเติบโตแตกตางกัน โดยพืชที่ไดรับ นํ้ามีการเจริญเติบโตไดดีกวา
ลักษณะของต้นถั่วเขียว คว�มสูงของลำ�ต้น ขน�ดของใบ สีของใบ คว�มสูงของลำ�ต้น ขน�ดของใบ สีของใบ
5
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
สุดาทดลองปลูกพืช 2 ตน โดยตนแรกรดนํ้าและตั้งไวในบริเวณที่มี แสงแดดสองถึง ตนที่ 2 รดนํ้าและตั้งไวในหองมืด เมื่อเวลาผานไป 5 วัน ตนไมตนที่ 2 จะมีลักษณะอยางไร 1. เหี่ยวเฉาตาย 2. ใบมีสีเหลืองซีด 3. ใบรวงหมดทั้งตน 4. เจริญเติบโตอยางรวดเร็ว
วิเคราะหคําตอบ เมื่อพืชไมไดรับแสงจะทําใหใบพืชมีสีเหลืองซีด เนื่องจากพืชไมสามารถสรางสารสีเขียวขึ้นมาได ดังนั้น ขอ 2. จึงเปน
คําตอบที่ถูกตอง
เกร็ดแนะครู ครูสาธิตวิธีวัดความสูงของตนถั่วเขียวในกระปอง โดยใชแถบกระดาษวัด แลวใชปากกาขีดเสนแสดงความสูง จากนั้นใชไมบรรทัดวัดความยาวของ แถบกระดาษอีกครั้ง ก็จะทราบความสูงของตนถั่วเขียว
นักเรียนควรรู 1 ตนถั่วเขียว เปนพืชลมลุก ขนาดเล็ก ลําตนตั้งตรง สูงประมาณ 40 เซนติเมตร มีขนตามลําตน กิ่งกาน และใบ เมล็ดคอนขางกลม มีสีเขียว ถั่วเขียวนับเปนอาหารที่ดีตอสุขภาพและสามารถนํามาทําอาหารไดหลากหลาย อีกทั้งยังมีคุณสมบัติเปนสมุนไพรที่ชวยรักษาโรคตางๆ ไดอีกดวย เชน เมล็ดถั่วเขียว นํามาตมกินเปนยาขับปสสาวะ เปนตน ทําใหถั่วเขียวไดรับสมญานามวาเปน “ธัญพืชพิทักษโลก” คู่มือครู
5
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
1. ใหแตละกลุมสงตัวแทนออกมานําเสนอผล การทํากิจกรรมที่ 2 โดยนําพืชที่ปลูกมาแสดง ประกอบการอธิบาย 2. ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเพื่อสรุปใหไดวา พืชที่ไดรับแสงแดดกับพืชที่ไมไดรับแสงแดด มีการเจริญเติบโตแตกตางกัน โดยพืชที่ไดรับ แสงแดดมีการเจริญเติบโตไดดีกวาและใบ มีสีเขียว 3. ครูตั้งประเด็นคําถามใหนักเรียนรวมกัน อภิปรายวา นอกจากนํ้าและแสงแดดแลว พืชยังตองการสิ่งใดในการดํารงชีวิตอีก 4. ใหแตละกลุมอานขอมูล หนา 6 - 7
จ�กก�รทำ�กิจกรรมที่ ๒ ทำ�ให้นกั เรียนทร�บว่� พืชต้องก�ร แสงแดดในก�รดำ�รงชีวติ เพร�ะแสงแดดจะกระต้นุ ให้พชื สร้�งส�ร สีเขียวขึน้ ม�ได้ และส�รสีเขียวนีพ้ ชื ใช้ในก�รสร้�งอ�ห�ร เพือ่ นำ� ม�เลีย้ งส่วนต่�งๆ ของลำ�ต้น ซึง่ ช่วยให้พชื เจริญเติบโตขึน้ โดยสรุปจ�กก�รทำ�กิจกรรมที่ ๑ และ ๒ ทำ�ให้นักเรียน ทร�บว่� นำ�้ และแสงแดดเป็นปัจจัยส่วนหนึง่ ในก�รดำ�รงชีวติ ของ พืช ถ้�พืชได้รบั ปัจจัยเหล่�นี้ไม่เพียงพอ พืชก็จะไม่เจริญเติบโต หรืออ�จเฉ�ต�ยได้ ปัจจัยสำ�คัญทีจ่ �ำ เป็นต่อก�รดำ�รงชีวติ ของพืชมี ๔ ประก�ร คือ อ�ห�ร นำ้� อ�ก�ศ และแสงแดด ซึ่งมีร�ยละเอียด ดังนี้ ๑. อำหำร พืชต้องก�รอ�ห�รที่มี อยู่ในดิน ได้แก่ แร่ธ�ตุต่�งๆ 1 2 เช่น ไนโตรเจน โพแทสเซียม 3 ฟอสฟอรัส เป็นต้น เพื่อใช้ ในก�รเจริญเติบโต ทำ�ให้พืช แข็ ง แรง โดยร�กพื ช ดู ด ซึ ม แร่ ธ �ตุ เ หล่ � นี้ ไ ปเลี้ ย งส่ ว น แร่ธ�ตุที่เป็นอ�ห�รของพืชเกิดจ�กซ�กพืชซ�กสัตว์ ที่เน่�เปอยอยู่ในดิน ถ้�มีอยู่ม�กจะทำ�ให้ดินมีสีดำ� ต่�งๆ ของลำ�ต้น ▲
6
นักเรียนควรรู 1 ไนไตรเจน พืชที่ไดรับธาตุไนโตรเจนอยางเพียงพอ ใบจะมีสีเขียวสด แข็งแรง โตเร็ว และออกดอกออกผลที่สมบูรณ 2 โพแทสเซียม เปนธาตุอาหารที่มีความสําคัญในการสรางอาหารพวกแปงและ นํ้าตาล แลวเก็บไวที่หัวหรือลําตนของพืช ดังนั้น พืชบางชนิด เชน ออย มะพราว มัน จึงตองการธาตุโพแทสเซียมสูงมาก 3 ฟอสฟอรัส พืชที่ไดรับธาตุฟอสฟอรัสอยางเพียงพอ จะมีระบบรากที่แข็งแรง และแพรกระจายอยูในดินอยางกวางขวาง ทําใหรากพืชสามารถดูดนํ้าและแรธาตุ ตางๆ ไดดี ซึ่งชวยใหออกดอกออกผลเร็ว
6
คู่มือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
ถานักเรียนตองการปลูกพืช นักเรียนจะเลือกปลูกในบริเวณใดตอไปนี้ 1. บริเวณที่มืดทึบ 2. บริเวณที่มีนํ้าขัง 3. บริเวณที่มีแสงสองถึง 4. บริเวณที่มีตนไมขึ้นหนาแนน วิเคราะหคําตอบ พืชตองการแสงแดดในการดํารงชีวิต โดยแสงแดดจะ เปนตัวชวยในการสรางอาหารของพืช เพื่อนําไปเลี้ยงสวนตางๆ ทําใหพืช มีการเจริญเติบโตไดดี ดังนั้น ขอ 3. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู้
๒. น�้ำ พืชต้องก�รนำ�้ ในก�รดำ�รงชีวติ เพือ่ ช่วยละล�ยแร่ธ�ตุในดิน ทำ�ให้ร�กดูดและลำ�เลียงแร่ธ�ตุเหล่�นัน้ ไปยังส่วนต่�งๆ ของพืชได้ นอกจ�กนี้ พืชยังต้องก�รนำ�้ เพือ่ ใช้ในก�รสร้�งอ�ห�รอีกด้วย ๓. อำกำศ พืชต้องก�รอ�ก�ศในก�รดำ�รงชีวิต พืชต้องก�รแก๊ส ออกซิเจนสำ�หรับห�ยใจเช่นเดีย1 วกับคนและสัตว์ และพืชยัง ต้องก�รแก๊สค�ร์บอนไดออกไซด์ เพื่อใช้ในก�รสร้�งอ�ห�รของ พืชด้วย ๔. แสงแดด เนือ่ งจ�กพืชเป็นสิง่ มีชวีิ ติ ทีม่ คี ว�มพิเศษแตกต่�งจ�กคน และสัตว์ นั่นคือ พืชเป็นสิ่งมีชีวิตที่ส�ม�รถสร้�งอ�ห�รเองได้ เมื่อพืชได้รับแสงแดด 2 แสงแดดจะกระตุ้นให้พืชสร้�งส�รสีเขียว ที่เรียกว่� คลอโรฟลล์ ทำ�ให้พืชส�ม�รถสร้�งอ�ห�รได้ และมี ก�รเจริญเติบโตขึ้น
Explain
1. ครูถามคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ • อาหารของพืชคืออะไร และมีอยูที่ไหน (ตอบ ธาตุอาหาร ซึ่งมีอยูในดิน) • พืชดูดซึมธาตุอาหารในดินไดอยางไร (ตอบ นํ้าชวยละลายธาตุอาหารในดิน ทําใหรากพืชสามารถดูดซึมธาตุอาหารได) • พืชตองการอากาศเพื่ออะไร (ตอบ เพื่อการหายใจและการสรางอาหาร) • แสงแดดมีความจําเปนตอพืชอยางไร (ตอบ ชวยกระตุนใหพืชสรางคลอโรฟลล เพื่อใชในการสรางอาหาร) 2. ใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันสรุปวา ปจจัยใน การดํารงชีวติ ทีจ่ าํ เปนของพืช ไดแก อาหาร นํา้ อากาศ และแสงแดด
à¾×èÍ¹æ ¤Ô´Ç‹Ò ¤¹àÃÒµŒÍ§¡Òà ᡠʤÒà ºÍ¹ä´ÍÍ¡ä«´ àËÁ×͹¡Ñº¾×ªËÃ×ÍäÁ‹ à¾ÃÒÐÍÐääÃѺ
7
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
เพราะเหตุใด เราจึงไมควรปลูกตนไมไวในหองนอน
แนวตอบ ทั้งคนและพืชตางก็ตองการแกสออกซิเจนสําหรับใชหายใจ ซึ่งในเวลากลางคืนพืชจะมีการหายใจมากกวาในเวลากลางวัน โดยพืชจะ ดูดเอาแกสออกซิเจนเขาไปและคายแกสคารบอนไดออกไซดออกมา ทําให เรารูสึกอึดอัด หายใจไมสะดวก และสงผลเสียตอรางกายของเราได
นักเรียนควรรู 1 แกสคารบอนไดออกไซด เปนของเสียที่ออกมากับลมหายใจออกของคนและ สัตวตางๆ และแกสชนิดนี้ยังเปนแกสเรือนกระจกที่กักเก็บความรอนไวไมใหทะลุ ออกจากชั้นบรรยากาศได ทําใหอุณหภูมิพื้นผิวโลกสูงขึ้น ซึ่งเปนสาเหตุหนึ่งของ ภาวะโลกรอน 2 คลอโรฟลล เปนสารประกอบที่พบไดในสวนที่มีสีเขียวของพืช โดยพบมากที่ใบ คลอโรฟลลจะทําหนาที่เปนตัวรับแสงเพื่อนําไปใชในกกระบวนการสังคราะหแสง ซึ่งเปนกระบวนการสรางอาหารของพืช ทําใหพืชสามาถสรางอาหารเองได
คู่มือครู
7
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
Engage
Explore
Explain
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Expand าใจ ขยายความเข้
Evaluate ตรวจสอบผล
Expand
1. ใหนักเรียนทํากิจกรรมพัฒนาการเรียนรู ขอ 1 - 2 หนา 8 โดยทําลงในสมุด 2. ใหนักเรียนเขียนแผนผังความคิดแสดงปจจัย ที่จําเปนในการดํารงชีวิตของพืช พรอมกับ ตกแตงใหสวยงาม
ตรวจสอบผล
ขยายความเข้าใจ
กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ที่ ๑
๑. ดูภำพ และตอบค�ำถำม
Evaluate
1. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมพัฒนาการ เรียนรู โดยพิจารณาจากการเขียนอธิบายวา มีความถูกตองชัดเจนหรือไม 2. ครูประเมินการเขียนแผนผังความคิด แสดงปจจัยที่จําเปนในการดํารงชีวิตของพืช โดยพิจารณาจากความถูกตองสมบูรณของ ขอมูล การจัดลําดับขอมูลที่ชัดเจน และความ ตั้งใจในการทํางาน
กระถำงที่ ๑
กระถำงที่ ๒
๑) จ�กภ�พ ต้นไม้ในกระถ�งที่ ๑ และกระถ�งที่ ๒ มีก�รเจริญเติบโต แตกต่�งกัน น่�จะม�จ�กส�เหตุใดบ้�ง ๒) นักเรียนคิดว่� ถ้�จะต้องดูแลต้นไม้ในกระถ�งที่ ๒ ให้เจริญเติบโต แข็งแรง จะต้องทำ�อย่�งไรบ้�ง ๒. ดูภำพ และบอกว่ำพืชได้รับปจจัยใดในกำรด�ำรงชีวิต และปจจจัยนั้นมี ประโยชน์อย่ำงไรต่อพืช
ภำพที่ ๑
ภำพที่ ๒
ภำพที่ ๓
8
เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนชวยกันบอกวา ถาพืชขาดปจจัยใดปจจัยหนึ่ง จะสงผลตอ การดํารงชีวิตของพืชอยางไร โดยนําความรูที่ไดจากการเรียนมาประกอบคําอธิบาย
บูรณาการอาเซียน ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา ในแตละประเทศสมาชิกอาเซียน ทั้ง 10 ประเทศ มีดอกไมประจําชาติ ดังนี้ 1. บรูไนดารุสซาลาม : ดอกสานชะวา 2. กัมพูชา : ดอกลําดวน 3. อินโดนีเซีย : ดอกกลวยไมราตรี 4. ลาว : ดอกจําปาลาว 5. มาเลเซีย : ดอกพูระหง 6. ฟลิปปนส : ดอกพุดแกว 7. สิงคโปร : ดอกกลวยไมแวนดา 8. ไทย : ดอกราชพฤกษ 9. เวียดนาม : ดอกบัว 10. พมา : ดอกประดู
8
คู่มือครู
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนวางแผนดูแลตนไม โดยเขียนอธิบายแผนงานการดูแลตนไม ของตนเองวาตองทําอะไรบาง และทําอยางไร พรอมกับวาดภาพประกอบ จากนั้นผลัดกันนําเสนอผลงาน
กระตุน้ ความสนใจ
ส�ารวจค้นหา ส�ารวจค้ Exploreนหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุEngage ้นความสนใจ
กระตุน้ ความสนใจ
๒ ปจจัยที่จ�ำเป็นต่อกำรด�ำรงชีวิตของสัตว์ นักเรียนได้เรียนรู้ไปแล้วว่� พืชต้องก�รสิ่งใดในก�รดำ�รง ชีวติ และก�รเจริญเติบโต นักเรียนคิดว่� สัตว์ตอ้ งก�รปัจจัยในก�ร ดำ�รงชีวิตและก�รเจริญเติบโตเหมือนกับพืชหรือไม่ ลองศึกษ� จ�กกิจกรรมต่อไปนี้ กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ที่ ๒
Engage
1. ครูสนทนากับนักเรียนวา ใครชอบสัตวชนิดใด บาง จากนั้นใหนักเรียนผลัดกันเลาวาตนเอง อยากเลี้ยงสัตวชนิดใด เพราะอะไร 2. ใหนักเรียนที่มีสัตวเลี้ยงออกมาเลาวา มีวิธีดูแลสัตวเลี้ยงของตนอยางไรบาง 3. ครูตั้งประเด็นคําถามใหนักเรียนรวมกัน อภิปรายวา สัตวตองการปจจัยใดในการดํารง ชีวิตบาง
ส�ารวจค้นหา
อ่ำนเรื่องที่ก�ำหนด แล้วตอบค�ำถำม 1 ด.ช. ก้อนเมฆ อย�กเลี้ยงหนูจิงโจ้ หลังจ�กที่เข�ได้ศึกษ�ข้อมูลเกี่ยวกับ หนูจิงโจ้จนเข้�ใจดีแล้ว เข�จึงไปขออนุญ�ตพ่อแม่เพื่อขอเลี้ยงหนูจิงโจ้ โดย รับป�กกับพ่อแม่ว่�จะดูแลมันอย่�งดี พ่อแม่จึงอนุญ�ตและพ�ก้อนเมฆไป ซื้อหนูจิงโจ้ที่ตล�ดนัดสวนจตุจักร เมื่อกลับม�บ้�น เข�ได้จัดที่อ2ยู่อ�ศัยให้ หนูจิงโจ้ต�มคำ�แนะนำ�ของคนข�ย และให้หนูจิงโจ้กินเมล็ดธัญพืช ผลไม้สด และอ�ห�รสำ�เร็จรูปสลับกัน รวมทั้งจัดนำ้�สะอ�ดใส่ถ�ดไว้ด้วย หลังจ�กผ่�นไป ๓ สัปด�ห์ นำ้�ในถ�ดเริ่มแห้ง แต่ก้อนเมฆไม่ได้สังเกต เพร�ะรีบออกไปเล่นกับเพื่อน เมื่อกลับเข้�บ้�นตอนเย็น ก้อนเมฆจึงเอ� อ�ห�รม�ให้หนูจิงโจ้ แต่ว่�อ�ห�รหมด เข�จึงนำ�อ�ห�รสำ�เร็จรูปของสุนัข ม�ให้แทน หลังจ�กนั้นอีก ๒ วัน เข�จึงพบว่�หนูจิงโจ้ของเข�ต�ยแล้ว ๑. หนูจิงโจ้กินอะไรเป็นอ�ห�ร ๒. หนูจิงโจ้ต้องกินนำ้�หรือไม่ เพร�ะอะไร ๓. นักเรียนคิดว่� หนูจิงโจ้ต�ยเพร�ะอะไร ๔. หนูจิงโจ้ต้องก�รอะไรบ้�งในก�รดำ�รงชีวิต ๕. ห�กนักเรียนเป็น ด.ช. ก้อนเมฆ จะมีวิธีก�รเลี้ยงหนูจิงโจ้อย่�งไร
Explore
1. ใหนักเรียนแบงกลุม ใหแตละกลุมอานขอมูล จากกิจกรรมพัฒนาการเรียนรูที่ 2 หนา 9 แลวตอบคําถามจากกิจกรรม 2. ใหแตละกลุมสงตัวแทนออกมารายงานผล การทํากิจกรรมนี้วา ไดขอสรุปวาอยางไร 3. ใหแตละกลุมอานขอมูล หนา 10 - 11
9
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
หากนักเรียนเลี้ยงกระตาย นักเรียนจะใหอะไรเปนอาหาร 1. ไกยาง 2. แครอต 3. เนื้อปลา 4. ขาวเปลือก
วิเคราะหคําตอบ กระตายเปนสัตวที่กินพืชเปนอาหาร เชน หญาสด ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ผักบุง ผักโขม หัวผักกาด กะหลํ่าปลี แครอต เปนตน
นักเรียนควรรู 1 หนูจิงโจ หรือเจอรบัว เปนสัตวที่อาศัยอยูในแถบเขตรอน พบมากในแถบ ทะเลทรายทิเบต จีน และแอฟริกาใต มีขาหลังยาวและหางยาว ปลายหางมีขน เปนพู เคลื่อนไหวโดยการกระโดดสั้นๆ เหมือนกับจิงโจ 2 ธัญพืช คือ พืชจําพวกหญาที่เพาะปลูกเพื่อเก็บเกี่ยวเมล็ด ไดแก ขาวประเภทตางๆ เชน ขาวโพด ขาวเจา ขาวสาลี ขาวโอต เปนตน
ดังนั้น ขอ 2. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
คู่มือครู
9
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ครูถามคําถามวา • อาหารมีความสําคัญตอการดํารงชีวิตของ สัตวอยางไร (ตอบ ทําใหสัตวเจริญเติบโต และสามารถ ดํารงชีวิตอยูได) • ถาสัตวไมไดกินอาหารนานๆ จะเปนอยางไร (ตอบ สัตวจะคอยๆ ตายไปในที่สุด) • สัตวแตละชนิดกินอาหารแตกตางกันหรือไม อยางไร (ตอบ แตกตางกัน ขึ้นอยูกับชนิดของสัตว สัตวบางชนิดกินพืช สัตวบางชนิดกินสัตวอื่น และสัตวบางชนิดกินทั้งพืชและสัตว)
จ�กก�รทำ�กิจกรรม ทำ�ให้ทร�บว่� สัตว์ต้องก�รอ�ห�ร นำ้� และอ�ก�ศ ในก�รดำ�รงชีวิตเช่นเดียวกับพืช »˜¨¨ÑÂàËÅ‹Ò¹ÕéÁÕ¤ÇÒÁÊíÒ¤ÑÞµ‹Í¡Òà ´íÒçªÕÇÔµ¢Í§ÊÑµÇ Í‹ҧäà ÈÖ¡ÉÒä´Œ¨Ò¡ ¢ŒÍÁÙŵ‹Í仹Õé
ปัจจัยสำ�คัญทีจ่ �ำ เป็นในก�รดำ�รงชีวติ ของสัตว์มี ๓ ประก�ร คือ ๑. อำหำร สัตว์ต่�งๆ ต้องกินอ�ห�รเพื่อให้ร่�งก�ยเจริญเติบโตและ ดำ�รงชีวิตอยู่ได้ สัตว์แต่ละชนิดจะกินอ�ห�รแตกต่�งกัน สัตว์ บ�งชนิดกินพืชเป็นอ�ห�ร สัตว์บ�งชนิดกินสัตว์ด้วยกันเองเป็น อ�ห�ร และสัตว์บ�งชนิดก็กินทั้งพืชและสัตว์อื่นเป็นอ�ห�ร ถ้� สัตว์ต่�งๆ ไม่ได้กินอ�ห�รเป็นเวล�น�น มันก็จะต�ยในที่สุด
▲
สัตว์แต่ละชนิดกินอ�ห�รแตกต่�งกันต�มธรรมช�ติ เพื่อให้ส�ม�รถดำ�รงชีวิตอยู่ได้
10
บูรณาการอาเซียน ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา ประเทศไทยเรงขยายการลงทุนโรงงาน ผลิตอาหารสัตว ฟารมและโรงงานผลิตอาหารแปรรูปในประเทศเพื่อนบาน เชน เวียดนาม กัมพูชา ลาว พมา เปนตน และพบวา ลาวและกัมพูชามีนกั ลงทุนตางชาติ เขาไปลงทุนมากในชวงนี้ เนื่องจากการเมืองมีความมั่นคงและมีวัถตุดิบมาก จึงเปน โอกาสของคนไทยที่จะเขาไปลงทุนเชนกัน เพื่อรองรับการเปนประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียน (AEC) ในป 2558
10
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
ตารางแสดงอาหารสัตว 4 ชนิด เปนดังนี้ อาหารที่สัตวกิน ชนิดของสัตว พืช สัตว ทั้งพืชและสัตว ✓ ชนิดที่ 1 ✓ ชนิดที่ 2 ✓ ชนิดที่ 3 ✓ ชนิดที่ 4 จากขอมูล หากจําแนกสัตวโดยใชการกินอาหารเปนเกณฑ ไกควรอยูใน กลุมเดียวกับสัตวชนิดใด 1. ชนิดที่ 1 2. ชนิดที่ 2 3. ชนิดที่ 3 4. ชนิดที่ 4 วิเคราะหคําตอบ อาหารของไก เชน หนอน แมลง ไสเดือน ขาวเปลือก ขาวสาร เปนตน ไกจึงเปนสัตวที่กินทั้งพืชและสัตวเปนอาหาร ดังนั้น
คู่มือครู
ขอ 4. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู้
๒. น�้ำ สัตว์ทกุ ชนิดต้องก�รนำ�้ ในก�รดำ�รงชีวิต สัตว์ต้องกิน นำ�้ เพือ่ ให้ร�่ งก�ยทำ�ง�นได้ต�ม ปกติ เพร�ะนำ�้ เป็นส่วนประกอบ สัตว์ต่�งๆ ที่อยู่ต�มธรรมช�ติ จะอ�ศัยแหล่งนำ้�ต�ม สำ�คัญของร่�งก�ย ถ้�ข�ดนำ้� ธรรมช�ติ ในก�รดำ�รงชีวิต เป็นเวล�น�นๆ สัตว์กจ็ ะต�ย ๓. อำกำศ สัตว์ทกุ ชนิดต้องก�รอ�ก�ศในก�รห�ยใจ เพือ่ ให้ด�ำ รงชีวติ อยู่ได้ เพร�ะแก๊สออกซิเจนที่มีอยู่ ในอ�ก�ศมีคว�มจำ�เป็นต่อ ร่�งก�ยของสัตว์ ทำ�ให้ร่�งก�ยทำ�ง�นได้ต�มปกติ ถ้�สัตว์ไม่มี อ�ก�ศห�ยใจ สัตว์ก็จะต�ย ▲
▲
Explain
1. ครูถามนักเรียนวา • นํ้ามีความสําคัญตอการดํารงชีวิตของสัตว อยางไร (ตอบ นํ้าชวยควบคุมอุณหภูมิในรางกาย และทําใหรางกายของสัตวทํางานได ตามปกติ) • สิ่งใดในอากาศที่สัตวตองใชในการหายใจ (ตอบ แกสออกซิเจน) • สัตวตองการแกสคารบอนไดออกไซด เชนเดียวกับพืชหรือไม เพราะอะไร (ตอบ ไมตองการ เพราะพืชตองการ แกสคารบอนไดออกไซดในการสรางอาหาร แตสัตวไมสามารถสรางอาหารไดเอง จึงไมตองการแกสชนิดนี้) 2. ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายจนสรุปไดวา ปจจัยสําคัญในการดํารงชีวิตของสัตว ไดแก อาหาร นํ้า และอากาศ
1
ฮิปโปแม้ส�ม�รถดำ�นำ้�ได้น�น แต่ก็ต้องขึ้นม�ห�ยใจบนผิวนำ้�
11
กิจกรรมทาทาย ครูใหนักเรียนยกตัวอยางชื่อสัตวที่ตนเองรูจักใหไดมากที่สุด แลวจําแนก สัตวตามอาหารที่สัตวกินลงในแผนภาพ ดังนี้ สัตวที่กินพืช
สัตวที่กิน สัตวอื่น
นักเรียนควรรู 1 ฮิปโป หรือฮิปโปโปเตมัส เปนสัตวเลี้ยงลูกดวยนํ้านมชนิดหนึ่ง มีถิ่นกําเนิด ในทวีปแอฟริกา เชน ประเทศเคนยา อูกันดา เซเนกัล เปนตน ฮิปโป มีลักษณะรูปรางกลมใหญ เทอะทะ มีปากกวางมาก มีเขี้ยวยาวโคง ซึ่งเปนอาวุธสําคัญ กินหญา พืชนํ้า ใบไม และพืชตางๆ เปนอาหาร เด็กๆ สามารถไปดูฮิปโปไดที่สวนสัตว เชน สวนสัตวดุสิต (เขาดิน) อยูที่ กรุงเทพฯ สวนสัตวเปดเขาเขียว อยูที่ จ.ชลบุรี เปนตน
สัตวที่กิน ทั้งพืชและสัตวอื่น
คู่มือครู
11
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ
ขยายความเขาใจ Expand าใจ ขยายความเข
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Expand
1. ใหนักเรียนจัดทําบัตรภาพสัตวที่ชอบคนละ 1 ใบ โดยศึกษารายละเอียดจากกิจกรรม รวบยอด ตอนที่ 2 หนา 13 2. ใหนักเรียนเขียนแผนผังความคิดแสดงปจจัย ที่จําเปนในการดํารงชีวิตของสัตว พรอมกับ ตกแตงใหสวยงาม 3. ใหนักเรียนรวมกันคัดเลือกผลงานแผนผัง ความคิดแสดงปจจัยที่จําเปนในการดํารงชีวิต ของพืชและของสัตว จากผลงานที่นักเรียนทํา จากนั้นนํามาติดบนกระดาน และรวมกัน เปรียบเทียบวา พืชและสัตวตองการปจจัย ในการดํารงชีวิตแตกตางกันหรือไม อยางไร 4. ใหนักเรียนตอบคําถามจากกิจกรรมรวบยอด ตอนที่ 3 หนา 13 ลงในสมุด
กิจกรรมรวบยอด
ตอนที่ ๑ แนวคิดส�ำคัญ ช่วยกันสรุป ครู ให้นักเรียนช่วยกันพูดสรุปปัจจัยที่จำ�เป็นในก�รดำ�รงชีวิต และก�ร เจริญเติบโตของพืชและสัตว์ ตอนที่ ๒ ลองท�ำดู หนูท�ำได้ ๑. วำงแผนดูแลต้นไม้ ถ้�นักเรียนปลูกต้นไม้แล้วต้นไม้ไม่แข็งแรง นักเรียนจะทำ�อย่�งไรเพื่อ ให้ต้นไม้ของตนเองเจริญเติบโต จ�กสถ�นก�รณ์ที่กำ�หนด ให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรม ดังนี้ ๑) เขียนแผนง�นอธิบ�ยว่� ตนเองจะทำ�อะไรบ้�ง ๒) ว�ดภ�พประกอบต�มแผนง�นที่ว�งไว้ ๓) นำ�เสนอผลง�นให้เพื่อนๆ ดู และสื่อส�รสิ่งที่ได้เรียนรู้ให้เพื่อนฟัง µÑÇÍ‹ҧ¼Å§Ò¹ ¢Í§Ë¹Ù¤‹Ð
1
©Ñ¹¨Ðô¹íéÒµŒ¹äÁŒ·Ø¡Çѹ áÅШÐãÊ‹»Ø‰Â¤Í¡à¾×èͪ‹Ç ºíÒÃا´Ô¹
12
เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนฟงวา ทั้งพืชและสัตวเปนสิ่งมีชีวิตที่ตองการ ปจจัยตางๆ ในการดํารงชีวิตที่คลายกัน แตพืชเปนสิ่งมีชีวิตที่สรางอาหารเองได จากกระบวนการสังเคราะหดวยแสง พืชจึงตองการแสงแดดเพื่อนํามาใชในการ สรางอาหาร ซึ่งเปนอีกปจจัยหนึ่งที่จําเปนตอการดํารงชีวิตของพืช
นักเรียนควรรู 1 ปุยคอก เปนปุยอินทรียชนิดหนึ่งที่ไดมาจากมูลสัตวและสิ่งขับถายจากสัตว เชน โค กระบือ เปด ไก แกะ แพะ หมู คางคาว เปนตน เมื่อนํามูลจากสัตวตางๆ เหลานี้มาผานกระบวนการหมัก จะไดปุยคอกที่สามารถนํามาใชในพื้นที่เพาะปลูก ทางการเกษตรไดเปนอยางดี เพราะในปุยคอกจะมีธาตุอาหารที่จําเปนตอการเจริญ เติบโตของพืช และยังชวยปรับปรุงโครงสรางของดินใหเหมาะสมตอการเจริญเติบโต ของพืชดวย
12
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
ขอใดกลาวไมถูกตอง 1. ถาสัตวขาดนํ้าจะตาย 2. ถาสัตวขาดอากาศในเวลาสั้นๆ สัตวจะตาย 3. ถาสัตวขาดอาหารเปนเวลานานๆ สัตวจะตาย 4. สัตวอยูไดโดยไมตองมีอาหาร นํ้า และอากาศ ประมาณ 2 - 3 ชั่วโมง วิเคราะหคําตอบ อาหาร นํ้า และอากาศ เปนปจจัยสําคัญในการดํารง ชีวิตของสัตว สัตวสามารถอดอาหารและนํ้าไดในเวลาเปนวันๆ แตหาก ขาดอากาศในเวลาไมกี่นาทีสัตวจะตาย ดังนั้น ขอ 4. จึงเปนคําตอบ
ที่ถูกตอง
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
Engage
Explore
Explain
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบผล
ควำมรู้เสริมพิเศษ
๒. จัดท�ำบัตรภำพสัตว์ที่ชอบมำกที่สุดคนละ ๑ ใบ โดยปฏิบัติ ดังนี้ ๑) สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะรูปร่�ง และอ�ห�รของสัตว์ ๒) นำ�กระด�ษว�ดเขียนม�ตัดให้มีขน�ดกว้�ง ๘ เซนติเมตร ย�ว ๑๕ เซนติเมตร ๓) ว�ดภ�พหรือติดภ�พสัตว์ลงในกระด�ษ และบันทึกข้อมูล ๔) ตกแต่งบัตรภ�พให้สวยง�ม จ�กนัน้ ผลัดกันนำ�เสนอผลง�น และเก็บ รวบรวมไว้เป็นแหล่งก�รเรียนรู้ของห้อง ตัวอย่ำงผลงำน
ชื่อสัตว์ : àÊ×Íâ¤Ã‹§ ลักษณะรูปร่ำง : ÁÕÊÕèà·ŒÒ ÅíÒµÑÇÁÕÊÕ àËÅ×ͧÊÅѺÅÒÂÊÕ´íÒ à·ŒÒÁաçàÅçº áËÅÁ¤Á㪌㹡ÒõлºàËÂ×èÍ อำหำร : ÊÑµÇ 1¢¹Ò´àÅç¡ àª‹¹ ¡ÇÒ§ ËÁÙ»†Ò ¡ÃШ§ ÊÁàÊÃç¨ à¡Œ§ จัดเป็นสัตว์ประเภท : ¡Ô¹ÊÑµÇ Í×è¹
Evaluate
1. ครูตรวจสอบผลงานบัตรภาพ โดยพิจารณา จากความถูกตองของขอมูล และความตั้งใจ ในการทํางาน 2. ครูตรวจสอบการเขียนแผนผังความคิด โดยพิจารณาจากความถูกตองของขอมูล การจัดลําดับขอมูล และความตั้งใจใน การทํางาน 3. ใหนักเรียนรวมกันเฉลยคําตอบของกิจกรรม รวบยอด ตอนที่ 3 โดยครูพิจารณาความ ถูกตอง
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู 1. ใบบันทึกผลการทํากิจกรรมหนูนอยนักทดลอง 2. แผนผังความคิดแสดงปจจัยที่สําคัญในการ ดํารงชีวิตของพืช 3. บัตรภาพสัตว 4. แผนผังความคิดแสดงปจจัยที่จําเปนตอการ ดํารงชีวิตของสัตว
ควำมรู้เสริมพิเศษ
ตอนที่ ๓ ฝึกคิด พิชิตค�ำถำม เขียนตอบค�ำถำมต่อไปนี้ลงในสมุด ๑) เร�ปลูกพืชไว้ในบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงเพื่ออะไร ๒) อ�ห�รของพืชคืออะไร และพืชได้อ�ห�รเหล่�นี้ม�จ�กไหน ๓) แก๊สที่พืชและสัตว์ใช้ในก�รห�ยใจ เป็นแก๊สชนิดใด ๔) อ�ห�รที่สัตว์แต่ละชนิดกินเหมือนกันหรือไม่ อย่�งไร ๕) สิง่ จำ�เป็นในก�รดำ�รงชีวติ และก�รเจริญเติบโตของพืชและสัตว์ได้แก่ อะไรบ้�ง 13
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
สัตวตองการอากาศในการดํารงชีวิต คําวา อากาศ ในที่ีนี้หมายถึงขอใด 1. แกสหุงตม 2. แกสออกซิเจน 3. แกสไนโตรเจน 4. แกสคารบอนไดออกไซด
วิเคราะหคําตอบ อากาศที่สัตวตองการใชในการหายใจเพื่อการดํารงชีวิต คือ แกสออกซิเจน ซึ่งเปนแกสชนิดหนึ่งที่เปนสวนประกอบของอากาศ และ แกสออกซิเจนนี้ พืชสรางขึ้นจากกระบวนการสรางอาหาร ดังนั้น ขอ 2.
จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
เกร็ดแนะครู ครูทบทวนความรูใหกับนักเรียน โดยถามถึงปจจัยที่จําเปนในการดํารงชีวิต ของพืชและสัตววามีอะไรบาง แลวมนุษยเราตองการปจจัยใดในการดํารงชีวิตบาง เหมือนกับพืชและสัตวหรือไม เพื่อใหนักเรียนมีทักษะการคิดและสามารถเชื่อมโยง ขอมูลความรูได
นักเรียนควรรู 1 กระจง เปนสัตวเคี้ยวเอื้องขนาดเล็ก มีรูปรางหนาตาคลายกวาง แตไมมีเขา หัวเล็ก หนาแหลม ดวงตากลมโต หูเล็ก ขายาวเรียวและเล็ก กระจงถือไดวาเปน สัตวกีบที่ีขนาดเล็กที่สุดในโลก มีพฤติกรรมหากินตามลําพังในบริเวณปารกชัฏ เนื่องจากกระจงไมมีอาวุธใดๆ ปองกันตัว มันจึงตกเปนเหยื่อของสัตวอื่นไดงาย
คู่มือครู
13
กระตุน้ ความสนใจ กระตุEngage ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
สํารวจและอธิบายพืชและสัตวสามารถ ตอบสนองตอแสง อุณหภูมิ และการสัมผัส (ว 1.1 ป.2/3)
º··Õè
ò
สมรรถนะของผูเรียน
แนวคิดสําคัญ
1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด
พืชและสัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตจึงมีก�รตอบสนองต่อสิ่งต่�งๆ เช่น แสง อุณหภูมิ ก�รสัมผัส เป็นต้น ก�รแสดงพฤติกรรมที่ตอบสนองสิ่งต่�งๆ ของพืชและสัตว์อ�จคล้�ยคลึงกันหรือแตกต่�งกัน
คุณลักษณะอันพึงประสงค
กิจกรรมนําสูการเรียน
1. ใฝเรียนรู 2. มุงมั่นในการทํางาน
กระตุน้ ความสนใจ
¡Òõͺʹͧµ‹ÍÊÔè§àÌҢͧ¾×ªáÅÐÊѵÇ
Engage
1. ครูทบทวนลักษณะสําคัญของสิ่งมีชีวิต โดยให นักเรียนชวยกันบอกวามีอะไรบาง 2. ใหนักเรียนดูภาพ หนา 14 แลวใหนักเรียน รวมกันอภิปรายวา การที่ตนพืชเอนลําตน ไปทางดานซาย และปลาปกเปาพองตัว ตรงกับลักษณะใดของสิ่งมีชีวิต 3. ครูเชื่อมโยงใหนักเรียนเขาใจวา ในบทเรียนนี้ จะไดเรียนเกี่ยวกับลักษณะสําคัญของสิ่งมีชีวิต นั่นคือ การตอบสนองตอสิ่งเราของพืชและสัตว
ภ�พที่ ๑
ภ�พที่ ๒
๑. เพร�ะเหตุใดต้นพืชในภ�พที่ ๑ จึงเอนไปท�งด้�นซ้�ย ๒. นักเรียนคิดว่� ทำ�ไมปล�ปักเป้�ในภ�พที่ ๒ จึงพองตัว 14
เกร็ดแนะครู ครูจัดกระบวนการเรียนรูโดยใหนักเรียนปฏิบัติ ดังนี้ • ทดลองเกี่ยวกับการตอบสนองตอสิ่งเราของพืชและสัตว • อภิปรายและสรุปผลการทดลอง • สํารวจ สังเกตการตอบสนองตอสิ่งเราของพืชและสัตว • สืบคนขอมูลการตอบสนองตอสิ่งเราของพืชและสัตว จนเกิดเปนความรูความเขาใจวา พืชและสัตวมีการตอบสนองตอสิ่งเราตางๆ ได
14
คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา ส�ารวจค้ Exploreนหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
Engage
ส�ารวจค้นหา
๑ กำรตอบสนองต่อสิ่งเร้ำของพืช พืชเป็นสิ่งมีชีวิตจึงมีก�รตอบสนองต่อสิ่งต่�งๆ เพื่อให้ ส�ม�รถดำ�รงชีวิตอยู่ได้ พืชแต่ละชนิดมีก�รตอบสนองต่อสิ่ง ต่�งๆ ไม่เหมือนกัน สิง่ ต่�งๆ ทีม่ ผี ลต่อก�รเปลี ย่ นแปลงแปลงพฤติกรรมของคน 1 สัตว์ และพืช เรียกว่� สิ่งเร้ำ ¾×ªÁÕ¡Òõͺʹͧµ‹ÍÊÔè§àÃŒÒÍ‹ҧäúŒÒ§ ÅͧÁÒÈÖ¡ÉÒ¨Ò¡¡Ò÷íÒ¡Ô¨¡ÃÃÁµ‹Í仹Õé
กิจกรรมหนูน้อยนักทดลอง กิจกรรมที่ ๑ การตอบสนองตอแสงของพืช
ปญหำ อุปกรณ์ วิธีท�ำ
พืชมีก�รตอบสนองต่อแสงอย่�งไร ๑. ต้นไม้ขน�ดเล็กที่มีขน�ดเท่�ๆ กัน ๒ ต้น ๒. กล่องกระด�ษขน�ดใหญ่ ๑ ใบ ๑. ให้แต่ละกลุ่มสังเกตลักษณะของต้นไม้ที่นำ�ม� แล้วบันทึกผล ๒. ติดป้�ยชื่อกระถ�งที่ ๑ และกระถ�งที่ ๒ ๓. เจ�ะด้�นขว�ของกล่องเป็นช่องสี่เหลี่ยมให้แสงส่องเข้�ม�ได้ ๔. ตัง้ ต้นไม้ทงั้ ๒ ต้น ในบริเวณทีม่ แี สงแดดส่องถึง จ�กนัน้ นำ�กล่องครอบ ต้นไม้กระถ�งที่ ๑ ไว้ โดยให้กระถ�งอยูช่ ดิ ท�งด้�นซ้�ยของกล่อง ส่วน กระถ�งที่ ๒ ให้ตั้งไว้ด้�นนอกกล่อง
Explore
1. ครูยกตัวอยางการตอบสนองตอสิ่งเราของพืช เชน • การเอนเขาหาแสงของตนพืช • การหุบใบของตนไมยราบ • การผลัดใบของตนไมบางชนิดเมืื่อถึง ฤดูหนาว แลวใหนักเรียนรวมกันอภิปรายวา สิ่งใดเปน สิ่งที่กระตุนหรือทําใหพืชมีการตอบสนอง เชนนั้น 2. ใหนักเรียนอานขอมูลหนา 15 แลวใหชวยกัน บอกวาสิ่งที่มีผลทําใหพืชและสัตวมีการ ตอบสนองเรียกวาอะไร 3. ใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 1 เพื่อศึกษา การตอบสนองตอแสงของพืช โดยใหนักเรียน ปฏิบัติ ดังนี้ 1) ศึกษาขั้นตอนการทํากิจกรรมที่ 1 หนา 15 - 16 โดยครูชวยแนะนําหากนักเรียน มีขอสงสัย 2) ใหแตละกลุมกําหนดปญหาเกี่ยวกับการ ทดลอง และตั้งสมมติฐานหรือหาคําตอบ ที่เปนไปได 3) ใหกําหนดตัวแปรตน ตัวแปรตาม และ ตัวแปรควบคุม ในการทดลองนี้ 4) ทําการทดลองเพื่อตรวจสอบสมมติฐาน 5) บันทึกผลการทดลอง และรวมกันอภิปราย เพื่อสรุปผล
15
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
ถานํากลองทึบที่เจาะชองใหแสงเขาไดทั้ง 4 ดาน มาครอบตนพืช กับนํากลองทึบที่เจาะชองใหแสงเขาไดเพียงดานเดียวมาครอบตนพืช ผลการทดลองจะแตกตางกันหรือไม เพราะอะไร
แนวตอบ แตกตางกัน เพราะปริมาณแสงและทิศทางของแสงที่พืชไดรับ ตางกัน จึงทําใหการชูลําตนของพืชตางกัน ตนพืชที่ไดรับแสงทั้ง 4 ดาน จะชูลําตนตั้งตรง เนื่องจากไดรับแสงอยางเพียงพอ สวนพืชที่ไดรับแสง ทางชองที่เจาะไวดานเดียว จะเอนลําตนเขาหาดานที่มีแสง เพื่อใหไดรับ แสงสวางอยางเพียงพอ
เกร็ดแนะครู การทํากิจกรรมที่ 1 ในขั้นสํารวจคนหา ครูควรเตรียมลวงหนาโดยใหนักเรียน เริ่มทําการทดลองลวงหนากอนเรียนประมาณ 10 วัน เพื่อสามารถนําผลการทดลอง มารวมกันอภิปรายและสรุปผล เมื่อถึงเวลาเรียนเรื่องนี้ ในการเลือกตนไมมาใชในการทดลอง ควรใชตนไมชนิดเดียวกัน และมีขนาด เทาๆ กัน เพื่อจะไดเปรียบเทียบผลการทดลองไดชัดเจน
นักเรียนควรรู 1 สิ่งเรา คือ สิ่งที่มากระตุนใหเกิดการตอบสนองและมีผลตอการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมตางๆ ของสิ่งมีชีวิต เชน การสัมผัส แสง เสียง อุณหภูมิ ความชื้น เปนตน เพื่อชวยใหสิ่งมีชีวิตสามารถดํารงชีวิตอยูในสภาพแวดลอมนั้นๆ ได
คู่มือครู
15
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
1. ใหตัวแทนแตละกลุมออกมารายงานผลการ ทดลอง 2. ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายผลการทดลอง จนสรุปไดวา พืชมีการตอบสนองตอแสง โดยเอนยอดและลําตนเขาหาบริเวณที่ แสงสองถึง 3. ครูถามนักเรียนวา • เพราะเหตุใด พืชจึงตอบสนองตอแสง โดยการเอนยอดและลําตนเขาหาบริเวณ ที่มีแสงสองถึง (แนวตอบ เพราะพืชตองการแสงเพื่อใชในการ สรางอาหาร)
วิธีท�ำ (ต่อ) ๕. ดูแลรดนำ้�ต้นไม้ทั้ง ๒ กระถ�ง เป็นเวล� ๒-๓ สัปด�ห์ ๖. เมื่อครบกำ�หนด ให้สังเกตลำ�ต้นของต้นไม้ทั้ง ๒ กระถ�ง เปรียบเทียบกัน และบันทึกผล ๗. แต่ละกลุ่มนำ�ผลก�รทดลองม�อภิปร�ยร่วมกัน และสรุปผล ตัวอย่ำงตำรำงบันทึกผล ผลกำรสังเกต ลักษณะล�ำต้นก่อนกำรทดลอง ลักษณะล�ำต้นหลังกำรทดลอง
กำรทดลอง กระถ�งใบที่ ๑ ครอบไว้ในกล่องทึบที่เจ�ะช่องด้�นข้�ง ●
กระถ�งใบที่ ๒ ตั้งอยู่นอกกล่อง
●
จ�กก�รทำ�กิจกรรมที่ ๑ นักเรียนจะเห็นว่� ยอดและลำ�ต้น ของต้นพืชที่ถูกกล่องทึบครอบเอ�ไว้ จะเบนเข้�ห�ช่องที่เจ�ะ ไว้ท�งด้�นขว�ของกล่อง ซึ่งเป็นท�งที่แสงผ่�นเข้�ม� แสดงว่� พืชมีก�รตอบสนองต่อแสง กิจกรรมหนูน้อยนักทดลอง กิจกรรมที่ ๒ การตอบสนองตอสัมผัสของพืช
ปญหำ อุปกรณ์
พืชมีก�รตอบสนองต่อสัมผัสอย่�งไร ๑. ต้นผักกระเฉด ๑ ต้น (หรือต้นไมยร�บ) ๒. ต้นผักบุ้ง ๑ ต้น
16
เกร็ดแนะครู ครูอธิบายใหนักเรียนฟงวา เนื่องจากแสงเปนปจจัยที่พืชตองการในการดํารง ชีวิต พืชจึงมีการตอบสนองตอแสง โดยการเอนยอดและลําตนเขาหาบริเวณที่มีแสง เพื่อใหพืชสามารถดํารงชีวิตอยูได ทั้งนี้ครูอาจนําภาพของตนพืชที่มีลักษณะการเอน เขาหาแสง หรือการตอบสนองตอแสงของพืชในลักษณะอื่นๆ มาใหนักเรียนดู เพื่อใหนักเรียนเกิดความเขาใจมากยิ่งขึ้น
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
ขอมูลการตอบสนองตอแสงของยอดพืช 4 ชนิดที่อยูใตรมเงา เปนดังนี้ ชนิดของพืช
การตอบสนองตอแสงของยอดพืช
ชนิดที่ 1
ตั้งตรง
ชนิดที่ 2
เอนเขาหาแสงสวาง
ชนิดที่ 3
ตั้งตรง
ชนิดที่ 4
เอนหนีแสงสวาง
จากขอมูล พืชชนิดใดมีสวนยอดตองการแสงนอยที่สุด แนวตอบ พืชชนิดที่ 4 เพราะสวนยอดตอบสนองตอแสงโดยเอนหนี แสงสวาง แสดงวาตองการแสงนอยที่สุด
16
คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา ส�ารวจค้ Exploreนหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
Engage
ส�ารวจค้นหา วิธีท�ำ
๑. สังเกตใบของต้นผักกระเฉด และใบของต้นผักบุ้ง โดยไม่ให้มือหรือ สิ่งใดถูกที่ใบ ๒. ใช้นิ้วเขี่ยที่ใบของต้นผักกระเฉดและต้นผักบุ้ง และสังเกตก�ร เปลี่ยนแปลง ๓. ปฏิบัติต�มข้อ ๒ ซำ้�อีกครั้ง และบันทึกผล ๔. ร่วมกันอภิปร�ยและสรุปผล
ตัวอย่ำงตำรำงบันทึกผล กำรทดลอง
กำรเปลี่ยนแปลงที่สังเกตเห็น ผักกระเฉด ผักบุ้ง
๑. สังเกตใบโดยไม่ให้มอื หรือสิง่ ใดถูที่ใบ ๒. ใช้นวิ้ เขีย่ ที่ใบของต้นพืช
1
จ�กก�รทำ�กิจกรรมที่ ๒ นักเรียนจะเห็นว่� ต้นผักกระเฉดมี ก�รตอบสนองต่อสัมผัส เพร�ะเมื่อใช้นิ้วเขี่ยที่ใบต้นผักกระเฉด ใบจะหุบร�บลง ส่วนต้นผักบุง้ ไม่มกี �รเปลีย่ นแปลงเมือ่ ถูกนิว้ เขีย่ แสดงว่� ต้นผักบุ้งไม่มีก�รตอบสนองต่อสัมผัส
▲
Explore
1. ใหนักเรียนใชมือหยิกแขนตัวเองเบาๆ แลวให ผลัดกันบอกวารูสึกอยางไร จากนั้นใหนักเรียน ชวยกันบอกวา การรูสึกเจ็บเมื่อถูกหยิก เปนการตอบสนองตอสัมผัส 2. ครูตั้งประเด็นคําถามใหนักเรียนรวมกัน อภิปรายวา พืชมีการตอบสนองตอสัมผัส หรือไม 3. ใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 2 เพื่อศึกษา การตอบสนองตอสัมผัสของพืช โดยให นักเรียนปฏิบัติ ดังนี้ 1) ศึกษาขั้นตอนการทํากิจกรรมที่ 2 หนา 16-17 โดยครูชวยแนะนําหากนักเรียน มีขอสงสัย 2) ใหแตละกลุมกําหนดปญหาเกี่ยวกับ การทดลองและตั้งสมมติฐาน 3) ใหกําหนดตัวแปรตน ตัวแปรตาม และตัวแปรควบคุมในการทดลอง 4) ทําการทดลองเพื่อตรวจสอบสมมติฐาน 5) บันทึกผลการทดลองและรวมกันอภิปราย เพื่อสรุปผล
ต้นไมยร�บมีก�รตอบสนองต่อสัมผัส เช่นเดียวกับต้นผักกระเฉด
17
ตนไมยราบมีการตอบสนองตอสัมผัสอยางไร 1. หุบใบลงเมื่อถูกสัมผัส 2. กางใบออกเมื่อถูกสัมผัส 3. เปลี่ยนสีใบเมื่อถูกสัมผัส 4. ไมมีการตอบสนองตอสัมผัส
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
วิเคราะหคําตอบ เมือ่ ใบของตนไมยราบถูกสัมผัส เชน ถูกนิว้ เขีย่ ถูกมือแตะ เปนตน ใบของตนไมยราบจะหุบราบลงทันที ซึ่งเปนการตอบสนอตอสัมผัส ของพืชชนิดนี้ ดังนั้น ขอ 1. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
นักเรียนควรรู 1 ตนผักกระเฉด เปนพืชนํ้าลมลุก ลําตนมีลักษณะเปนเถาเลื้อยเสมอกับผิวนํ้า ลําตนกลมสีเขียว ตามปลองแกจะมีนวมสีขาวคลายฟองนํ้าหุมอยู จึงทําให ผักกระเฉดลอยนํ้าได ผักกระเฉดเปนผักทีแ่ี คลเซียมคอนขางสูง โดยผักกระเฉด 100 กรัม มีแคลเซียม 123 มิลลิกรัม นอกจากนีย้ งั มีธาตุเหล็กและไนอะซิน ทีช่ ว ยทําใหปากและลิน้ ไมอกั เสบ ไมรอนใน
มุม IT ครูและนักเรียนศึกษาคลิปวิดีโอ เรื่อง การศึกษาพฤติกรรมของตนไมยราบ ไดจากเว็บไซต www.youtube.com โดยพิมพคาํ วา ไมยราบ ในชองคนหาแลวคลิก
คู่มือครู
17
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
1. ใหตัวแทนแตละกลุมออกมานําเสนอผล การทดลอง 2. ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายผลการทดลอง จนสรุปไดวา พืชบางชนิดมีการตอบสนองตอ สัมผัส 3. ใหนักเรียนอานขอมูล หนา 18 - 20 เพื่อให เกิดความเขาใจ 4. ครูถามนักเรียนวา • พืชสวนใหญมีการตอบสนองตอแสงเพื่ออะไร (ตอบ กระตุนใหเกิดการสรางอาหาร เพื่อการ ดํารงชีวิตและการเจริญเติบโต) • พืชแตละชนิดตอบสนองตอแสงตางกันหรือไม อยางไร (ตอบ ตางกัน เนื่องจากพืชแตละชนิดตองการ ปริมาณแสงไมเทากัน เชน ทานตะวัน ตองการแสงมาก จึงหมุนลําตนตามทิศทาง ของแสงอาทิตย) 5. ใหนักเรียนรวมกันสรุปการตอบสนองตอแสง ของพืชอีกครั้ง
จ�กก�รทำ�กิจกรรม ทำ�ให้ทร�บว่� พืชมีก�รตอบสนองต่อ สิ่งเร้�แตกต่�งกัน สิ่งเร้�ที่พืชมีก�รตอบสนองมีหล�ยประก�ร ตัวอย่�งเช่น ๑. กำรตอบสนองต่อแสง 1 พืชจะมีก�รตอบสนองต่อแสง โดยเจริญเติบโตโน้ม เข้�ห�แสง เพร�ะพืชส่วนใหญ่ต้องก�รแสงในก�รสร้�งอ�ห�ร พืชบ�งชนิดเจริญเติบโตได้ดีในที่กล�งแจ้ง พืชบ�งชนิดเจริญ เติบโตได้ดีในที่ร่มที่มีแสงรำ�ไร นอกจ�กนี้ พืชบ�งชนิด เช่น ดอกพุดต�นจะเปลี่ยนสีเมื่อ ได้รับแสงม�กน้อยแตกต่�งกันใน ๑ วัน ดอกคุณน�ยตื่นส�ยจะ บ�นเมื่อได้รับแสง เป็นต้น
▲
เมื่อได้รับแสง ดอกคุณน�ยตื่นส�ยจะเริ่มบ�น
18
นักเรียนควรรู 1 การตอบสนองตอแสง พืชมีการตอบสนองตอแสง เชน • การบานของดอกไม เชน ดอกคุณนายตื่นสาย ดอกบัว บานในเวลากลางวัน และหุบในเวลากลางคืน สวนดอกตะบองเพชรบานในเวลากลางคืน และ หุบในเวลากลางวัน การตอบสนองที่เกิดขึ้นนี้เนื่องจากมีแสงเปนสิ่งเรา • การหุบใบในเวลากลางคืน เชน ใบไมยราบ ใบแค ใบถั่ว ใบผักกระเฉด ใบกระถิน เปนตน เมื่อแสงลดลงใบจะหุบ กานใบจะหอยและลูลง
คู่มือครู
ท�นตะวันจะหมุนดอกต�มดวงอ�ทิตย์ เพื่อให้ได้รับ แสงอย่�งเพียงพอ
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
เพราะเหตุใด ตนทานตะวันจึงหมุนดอกเขาหาดวงอาทิตยเสมอ 1. เปนการตอบสนองตอแสง 2. เพื่อใหลําตนมีการเจริญเติบโต 3. ปองกันแมลงตางๆ ไมใหมาเกาะ 4 ตองการความรอนจากดวงอาทิตย วิเคราะหคําตอบ ตนทานตะวันมีการตอบสนองตอแสง โดยการหมุนดอก ตามดวงอาทิตย เพื่อใหไดรับแสงอยางเต็มที่ ดังนั้น ขอ 1. จึงเปน
คําตอบที่ถูกตอง
18
▲
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู้
๒. กำรตอบสนองต่ออุณหภูมิ อุณหภูมิ หม�ยถึง ระดับคว�มร้อนหรือคว�มเย็น ในทีน่ ี้ หม�ยถึง ระดับคว�มร้อนหรือเย็นของอ�ก�ศ อุณหภูมิของ อ�ก�ศมีผลต่อก�รตอบสนองของพืช เช่น เมื่ออ�ก�ศหน�ว ต้นไม้บ�งชนิด เช่น ต้นสัก ต้นรัง จะสลัดใบทิง้ เพือ่ ลดก�รสูญเสีย 1 นำ้� เรียกว่� ต้นไม้ผลัดใบ และจะแตกใบใหม่เมื่ออ�ก�ศอบอุ่น
▲
Explain
1. ครูสนทนากับนักเรียนวา เคยเห็นตนไม ผลัดใบหรือไม ถาเปนไปไดครูควรหาภาพ ตนไมผลัดใบมาใหนักเรียนดูประกอบ การสนทนา 2. ครูถามนักเรียนวา • เพราะเหตุใด เมื่อถึงฤดูหนาว ตนไม บางชนิดจึงมีการผลัดใบ (แนวตอบ เพราะในฤดูหนาวอากาศจะแหง ตนไมจึงตองผลัดใบ เพื่อลดการคายนํ้า) 3. ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา ตนไม มีการคายนํ้าออกมาทางรูปากใบ ดังนั้น เมื่อถึงฤดูหนาว ซึ่งมีสภาพอากาศแหง ปริมาณไอนํ้าในอากาศมีนอย ทําใหตนไม มีการคายนํ้าออกมาอยางตอเนื่องทําใหตนไม สูญเสียนํ้ามาก ตนไมจึงมีการตอบสนอง โดยการสลัดใบทิ้งเพื่อลดการคายนํ้า 4. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับพืชกินแมลง ถาเปนไปไดครูควรนําพืชกินแมลง เชน ตนกาบหอยแครง ตนหมอขาวหมอแกงลิง มาใหนักเรียนดู หรือใหนักเรียนดูคลิปวิดีโอ การตอบสนองตอสัมผัสของพืช 5. ใหนักเรียนรวมกันสรุปการตอบสนองตอ อุณหภูมิและการตอบสนองตอสัมผัสของพืช
ต้นสักเริ่มผลัดใบเมืื่อย่�งเข้�สู่ฤดูหน�ว
19
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
การสลัดใบทิ้งของตนไมเพื่อลดการสูญเสียนํ้า เปนการตอบสนองตอ สิ่งเราใดของพืช 1. แสง 2. สัมผัส 3. อุณหภูมิ 4. การเจริญเติบโต
นักเรียนควรรู 1 ตนไมผลัดใบ เปนการปรับตัวของตนไมเพื่อใหสามารถมีชีวิตอยูรอดไดใน สภาพแวดลอมที่เปลี่ยนไป เนื่องจากในสภาพอากาศที่หนาวเย็น ทําใหอากาศแหง ตนไมจึงระบายความชื้นทางผิวใบเพิ่มขึ้น นํ้าในใบไมก็จะระเหยไปในปริมาณมาก ดังนั้น ตนไมจึงสลัดใบทิ้งเพื่อลดการสูญเสียนํ้า ซึ่งจะเห็นไดชัดเจนในชวงอากาศ หนาว หรือที่เราเรียกวา ฤดูใบไมรวง นั่นเอง
วิเคราะหคําตอบ เมื่ออากาศหนาว อุณหภูมิของอากาศจะลดตํ่าลง สภาพอากาศจะแหง ทําใหตนไมคายนํ้าออกมามาก ตนไมบางชนิดจึงมี การปรับตัวโดยการสลัดใบทิ้งเพื่อลดการสูญเสียนํ้า เปนการตอบสนองตอ อุณหภูมิของพืช ดังนั้น ขอ 3. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
คู่มือครู
19
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
Engage
Explore
Explain
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Expand าใจ ขยายความเข้
Evaluate ตรวจสอบผล
Expand
1. ครูมอบหมายใหนักเรียนแบงกลุมทํารายงาน เรื่องการตอบสนองตอสิ่งเราของพืช และ สงตัวแทนนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน 2. ใหนักเรียนดูภาพ หนา 28 แลวบอกวาพืชมีการ ตอบสนองตอสิ่งเราใด เพื่ออะไร โดยทําลง ในสมุด
ตรวจสอบผล
ขยายความเข้าใจ
Evaluate
1. ครูประเมินผลรายงานการตอบสนองตอสิง่ เรา ของพืช โดยพิจารณาจากความถูกตองของ ขอมูล ความเรียบรอยของรายงาน และการ นําเสนอผลงาน 2. ครูตรวจสอบวา นักเรียนตอบคําถามไดถูกตอง หรือไม
๓. กำรตอบสนองต่อกำรสัมผัส พืชบ�งชนิดมีก�รตอบสนองต่อก�รสัมผัส เช่น ผักกระเฉด ไมยร�บ จะหุบใบเมื่อถูกสัมผัส เพื่อป้องกันอันตร�ย เป็นต้น นอกจ�กนี้ พืชบ�งชนิดมีก�รตอบสนองต่ อสัมผัสเพื่อ 1 ก ดักจับแมลงเป็นอ�ห�รร เช่น ก�บหอยแครงจะหุบก�บใบเมื ่อมี 2 แมลงม�เก�ะะ หม้อข้�วหม้อแกงลิงเปลี่ยนใบเป็นหม้อดักแมลง เป็นต้น
▲
เมื่อมีแมลงม�เก�ะที่ด้�นในก�บ ต้นก�บหอยแครง จะหุบใบทันที
▲
ต้นหม้อข้�วหม้อแกงลิงมีถงุ หรือกระเป�ะดักจับแมลง
20
นักเรียนควรรู 1 กาบหอยแครง เปนพืชกินแมลงชนิดหนึ่ง ดานในกาบของตนกาบหอยแครง มีขนเสนเล็กๆ อยูประมาณ 6 - 8 เสน ซึ่งมีความไวตอการสัมผัส ถาขนเหลานี้ ถูกสัมผัสมากกวา 1 ครั้ง ติดตอกันในชวงเวลาสั้นๆ กาบใบจะหุบปดลงทันที ทําให ตนกาบหอยแครงดักจับแมลงเปนอาหารได 2 หมอขาวหมอแกงลิง เปนพืชกินแมลงชนิดหนึ่ง โดยเปลี่ยนใบเปนกระเปาะ และลอแมลงโดยใชสีสันสวยงามของใบและหลั่งสารที่เปนของเหลวออกมาที่ผิวใบ เมื่อแมลงมาเกาะจะลื่นตกลงไปในกระเปาะ ซึ่งมีของเหลวที่พืชสรางขึ้นเพื่อใชยอย แมลงที่ตกลงมาในกระเปาะ และดูดซึมสารอาหารจากเหยื่อที่ถูกยอยแลวตอไป
20
คู่มือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
พืชตอบสนองตอสิ่งเราตางๆ เพื่ออะไร 1. เพื่อใหพืชเจริญเติบโตไดเร็วขึ้น 2. เพื่อใหพืชไดเกิดการเคลื่อนไหว 3. เพื่อใหพืชมีโครงสรางที่แข็งแรง 4. เพื่อใหพืชสามารถมีชีวิตอยูรอดได วิเคราะหคําตอบ การที่พืชตอบสนองตอสิ่งเราตางๆ เปนกลไกชนิดหนึ่ง ของพืช ซึ่งเปนการปรับตัวของพืชเพื่อใหสามารถมีชีวิตอยูรอดไดในสภาวะ แวดลอมที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น ขอ 4. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
กระตุน้ ความสนใจ
ส�ารวจค้นหา ส�ารวจค้ Exploreนหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุEngage ้นความสนใจ
กระตุน้ ความสนใจ
Engage
1. ใหนักเรียนดูภาพแมว หนา 21 แลวใหนักเรียน รวมกันอภิปรายวา การที่แมวมีการตอบสนอง เชนนี้เปนเพราะอะไร 2. ครูชวนนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับการตอบสนอง ของสัตวชนิดตางๆ ที่นักเรียนสามารถพบเห็น ไดในชีวิตประจําวัน เชน สุนัข นกกระจอก จิ้งจก ฯลฯ เพื่อกระตุนใหนักเรียนมีความ สนใจอยากเรียนรูในเรื่องนี้
๒ กำรตอบสนองต่อสิ่งเร้ำของสัตว์ นั ก เรี ย นทร�บม�แล้ วว่ � พืชชนิดต่�งๆ มีก�รตอบสนอง ต่อแสง อุณหภูมิ และก�รสัมผัส นักเรียนคิดว่� สัตว์มีก�รตอบสนองต่อสิ่งเร้�เหล่�นี้หรือไม่ แมวจะโก่งตัวและทำ�ขนตั้งเมื่อต้องก�รขู่ศัตรู อย่�งไร
ส�ารวจค้นหา
▲
Explore
1. ครูตั้งประเด็นคําถามใหนักเรียนรวมกัน อภิปรายวา แมวมีการตอบสนองตอแสง หรือไม 2. ใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 3 หนา 21 โดย ครูสาธิตการทดลองและใหนักเรียนไดสังเกต และบันทึกผล
ÅͧÊѧࡵÊÔÇ‹Ò ÊÑµÇ ÃͺµÑÇàÃÒ ÁÕ¡Òõͺʹͧµ‹ÍÊÔ觵‹Ò§æ Í‹ҧäúŒÒ§
กิจกรรมหนูน้อยนักทดลอง กิจกรรมที่ ๓ การตอบสนองตอแสงของแมว
ปญหำ
แมวมีก�รตอบสนองต่อแสงอย่�งไร
อุปกรณ์
แมว ๑ ตัว
วิธีท�ำ
๑. ครูทำ�เป็นกิจกรรมส�ธิตเพื่อให้นักเรียนสังเกต โดยครูให้นักเรียนปด ห้องให้มืด จ�กนั้นให้นักเรียนสังเกตลักษณะดวงต�ของแมวเมื่ออยู่ใน ที่มืด และบันทึกผล ๒. เปดห้องให้แสงสว่�งเข้�สักครู่ จ�กนั้นให้นักเรียนสังเกตลักษณะดวงต� ของแมวเมื่ออยู่ในที่สว่�ง และบันทึกผล ๓. ร่วมกันอภิปร�ยและสรุปผล
ส�ำหรับครู : ๑. ครูเน้นยำ้�ให้นักเรียนมีคว�มเมตต�ต่อสัตว์ และไม่แหย่สัตว์ให้โกรธ ๒. ถ้�ไม่สะดวกในก�รทำ�กิจกรรมนี้ ครูส�ม�รถละเว้นได้
21
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
พฤติกรรมใดของแมวที่ทําใหเราทราบวา แมวมีการตอบสนองตอแสง 1. แมวหลับตาเมื่อเกาคางให 2. แมวนอนหลับในเวลากลางวัน 3. แมวโกงตัวและทําขนตั้งขูศัตรู 4. แมวหรี่ตาแคบลงในเวลากลางวัน
วิเคราะหคําตอบ แมวขยายมานตากวางขึ้นเมื่ออยูในที่มืด และหรี่ตา แคบลงเมื่ออยูในที่สวาง เพื่อใหเหมาะสมกับปริมาณแสง เปนการตอบสนอง ตอแสงของแมว ดังนั้น ขอ 4. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
เกร็ดแนะครู การทํากิจกรรมที่ 3 ในขัน้ สํารวจคนหา หากไมสะดวกในการใชแมวจริง ใหครู ใชรูปภาพลักษณะดวงตาของแมวเมื่ออยูในที่มืดและอยูในที่สวางมาใหนักเรียน สังเกต และรวมกันอภิปรายวาแมวมีการตอบสนองตอแสงอยางไร นอกจากนี้เมื่อเรียนเรื่อง การตอบสนองของสัตว ครูควรใหนักเรียนรูจักสังเกต พฤติกรรมการตอบสนองของสัตวตางๆ ที่สามารถพบเห็นไดทั่วไป เชน สุนัข นกกระจอก นกพิราบ จิ้งจก หอยทาก แมลงวัน ยุง เปนตน เพื่อนํามาเปนขอมูล ในการรวมอภิปราย
คู่มือครู
21
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
1. ครูสุมเรียกนักเรียน 4 - 5 คน ใหออกมา นําเสนอผลการทดลอง 2. ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายผลการทดลอง จนสรุปไดวา แมวมีการตอบสนองตอแสง โดยสังเกตจากการขยายและหรี่ของมานตา เมื่อแมวอยูในที่มืด มานตาของแมวจะขยาย กวางขึ้น เมื่ออยูในที่สวาง มานตาของแมว จะหรี่แคบลง
ตัวอย่ำงตำรำงบันทึกผล กำรทดลอง
ลักษณะดวงตำของแมว
นำ�แมวม�ไว้ในห้อง ปดห้องให้มืดประม�ณ ๕-๑๐ น�ที เปดห้องให้สว่�งประม�ณ ๕-๑๐ น�ที ●
●
จ�กก�รทำ�กิจกรรมที่ ๓ นักเรียนจะเห็นว่� แมวมีพฤติกรรม 1 ก�รตอบสนองต่อแสง โดยม่�นต�ของแมวจะขย�ยและหรี่ให้ เหม�ะสมกับปริม�ณแสง กิจกรรมหนูน้อยนักทดลอง กิจกรรมที่ ๔ การตอบสนองตอสัมผัสของสัตว
ปญหำ
สัตว์มีก�รตอบสนองต่อสัมผัสอย่�งไร
อุปกรณ์
๑. หอยแครง ๓-๔ ตัว (หอยแครงที่ยังไม่ต�ย) ๒. ถ�ด ๑ ใบ
วิธีท�ำ
๑. แบ่งกลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มค่อยๆ ว�งหอยแครงลงในถ�ดประม�ณ ๓ น�ที ๒. สังเกตลักษณะหอยแครงเมื่อไม่ถูกสัมผัส และบันทึกผล ๓. ใช้ดินสอเขี่ยที่เปลือกหอย แล้วสังเกตพฤติกรรมของหอยแครง และบันทึกผล ๔. ร่วมกันอภิปร�ยเพื่อสรุปผล
2
ส�ำหรับครู: ๑. ครูอ�จทำ�เป็นก�รทดลองส�ธิต แล้วให้นักเรียนสังเกตก็ได้ ๒. ครูอ�จเปลี่ยนเป็นสัตว์อื่นที่ห�ได้ง่�ย เช่น กิ้งกือ หรือหอยชนิดอื่น เช่น หอยท�ก ๓. ครูเน้นยำ้�ให้นักเรียนมีคว�มเมตต�ต่อสัตว์ ไม่ทำ�อันตร�ยต่อสัตว์ที่นำ�ม�ทดลอง
22
นักเรียนควรรู 1 มานตา เปนอวัยวะสวนหนึ่งของลูกตา ทําหนาที่ควบคุมใหแสงผานเขาสู ดวงตามากหรือนอยในปริมาณที่เหมาะสม 2 หอยแครง เปนหอยกาบคู อาศัยอยูบริเวณพื้นทองทะเล ชายฝงตื้นๆ ที่เปนโคลน ในไทยพบมาก เชน ที่จังหวัดชลบุรี เพชรบุรี สุราษฎรธานี ปตตานี เปนตน การสังเกตฤติกรรมของหอย ทําใหทราบวาหอยยังไมตาย ซึ่งความรูนี้สามารถ นําไปใชในการเลือกซื้อหอยมาประกอบอาหารได
22
คู่มือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
พฤติกรรมของสัตวในขอใดมีการตอบสนองตอสัมผัส 1. นกรองอยูในกรง 2. ไกขันบอกเวลาในตอนเชา 3. กิ้งกือมวนตัวเมื่อถูกไมเขี่ย 4. แมลงเมาบินเขาหาแสงไฟ วิเคราะหคําตอบ เมื่อกิ้งกือถูกสัมผัส เชน ถูกนิ้วเขี่ย ถูกจับตัว เปนตน จะเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมโดยการมวนตัว เพื่อเปนการปองกัน อันตราย ดังนั้น ขอ 3. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
กระตุ้นความสนใจ Engage
ส�ารวจค้นหา ส�ารวจค้ Exploreนหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
ส�ารวจค้นหา
1. ครูตั้งประเด็นคําถามใหนักเรียนรวมกัน อภิปรายวา สัตวมีการตอบสนองตอสัมผัส อยางไร 2. ใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 4 เพื่อศึกษาการ ตอบสนองตอสัมผัสของสัตว โดยใหนักเรียน ปฏิบัติ ดังนี้ 1) ศึกษาขั้นตอนการทํากิจกรรมที่ 4 หนา 22 2) ใหแตละกลุมกําหนดปญหาเกี่ยวกับ การทดลองแลวตั้งสมมติฐาน 3) ทําการทดลองเพื่อตรวจสอบสมมติฐาน 4) บันทึกผลการทดลองและรวมกันอภิปราย เพื่อสรุปผล
ตัวอย่ำงตำรำงบันทึกผล กำรทดลอง
ผลกำรสังเกต
นำ�หอยแครงว�งในถ�ด หอยแครงขณะที่ไม่ถูกสัมผัส เมื่อใช้ดินสอเขี่ยเปลือกหอยแครง ●
●
▲
Explore
หอยแครงมีก�รตอบสนองต่อสัมผัส เพื่อป้องกันอันตร�ย
จ�กก�รทำ�กิจกรรมที่ ๔ จะเห็นว่� หอยแครงมีก�รตอบสนอง 1 ต่อก�รสัมผัส โดยหดตัวเข้�ในเปลือกและหุบเปลือกแน่น เพื่อ ป้องกันอันตร�ย ¤ÃÙ¨ÐÂѧäÁ‹à©Å¤íҵͺ¹Ð ¤Ø³¤ÃÙ¤ÃѺ ÊÑµÇ áµ‹ÅЪ¹Ô´ ÁÕ¡Òõͺʹͧ µ‹ÍÊÔè§àÃŒÒàËÁ×͹¡Ñ¹ äËÁ¤ÃѺ
˹ÙÇ‹ÒäÁ‹àËÁ×͹¡Ñ¹ ËÃÍ¡¤‹Ð
ãËŒ¹Ñ¡àÃÕ¹ÈÖ¡ÉÒ¢ŒÍÁÙÅà¾ÔèÁàµÔÁ áŌǹѡàÃÕ¹¡ç¨Ðä´Œ¤íҵͺ¤ÃѺ
23
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
หากนักเรียนตองการทดลองวาหอยชนิดตางๆ มีการตอบสนองตอสัมผัส แตกตางกันหรือไม ตัวแปรตนของการทดลองนี้คืออะไร 1. การสัมผัส 2. ชนิดของหอย 3. การเคลื่อนที่ของหอย 4. การตอบสนองของหอย วิเคราะหคําตอบ ตัวแปรตน คือ ตัวแปรที่กําหนดใหแตกตางเพื่อติดตาม ดูผลที่เกิดขึ้น ดังนั้น การนําหอยชนิดตางๆ มาทําการทดลองเพื่อสังเกต พฤติกรรมการตอบสนองตอสัมผัส ชนิดของหอยจึงเปนตัวแปรตน
ดังนั้น ขอ 2. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
เกร็ดแนะครู ครูอาจถามนักเรียนวา หอยที่ตายแลวจะสามารถตอบสนองตอสัมผัสได หรือไม โดยใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น จากนั้นใหนักเรียนทดลอง สัมผัสหอยที่ตายแลว เพื่อเปรียบเทียบผลกับหอยที่ยังมีชีวิตอยูวาเปนอยางไร แลวอภิปรายและสรุปผลรวมกันในชั้นเรียน
นักเรียนควรรู 1 หุบเปลือกแนน การเลือกซื้อหอยที่สดสังเกตไดจากเปลือกหอยจะปดสนิท หรือถาเปดอาอยู เมื่อใชมือแตะหอยจะหุบเปลือกทันที และกอนนําหอยไปประกอบ อาหาร ควรนําหอยไปแชนํ้าสักพักเพื่อใหหอยเปดฝาอาออก คายสิ่งสกปรกออกมา และในขณะที่แชนํ้า ถาหอยตัวไหนลอยตัวขึ้นมา แสดงวาหอยตัวนั้นตายแลว
คู่มือครู
23
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
1. ใหตัวแทนแตละกลุมออกมานําเสนอผล การทดลอง 2. ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายผลการทดลอง จนสรุปไดวา หอยแครงมีการตอบสนองตอสัมผัส โดยหุบเปลือกเมื่อถูกสัมผัส 3. ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายวา หอยแครง มีการตอบสนองตอสัมผัสเพื่ออะไร 4. ใหนกั เรียนอานขอมูล หนา 24 - 26 แลวรวมกัน สรุปใจความสําคัญของเรื่องที่อาน 5. ครูถามนักเรียนวา • สัตวแตละชนิดมีการตอบสนองตอแสงตางกัน หรือไม อยางไร (แนวตอบ ตางกัน คือ สัตวบางชนิด เชน ไสเดือนดิน คางคาว จะหนีแสงโดยเคลื่อนที่ เขาหาที่มืด สัตวบางชนิด เชน แมลงเมา จะเคลื่อนที่เขาหาแสง)
สัตว์ต่�งๆ มีก�รตอบสนองต่อสิ่งเร้�หล�ยประก�ร เช่น ๑. กำรตอบสนองต่อแสง สัตว์แต่ละชนิดจะมีก�รตอบสนองต่อแสงแตกต่ �งกัน สัตว์ 1 บ�งชนิดจะหนีแสง เช่น ไส้เดือนดิน ค้�งค�ว สัตว์บ�งชนิด เข้�ห�แสง เช่น แมลงเม่� สัตว์บ�งชนิดออกห�กินในเวล�เช้� และกลับที่อยู่อ�ศัยในเวล�เย็น เช่น นกบ�งชนิด เป็นต้น ▼
นกกระส�แดงเริ่มออกห�กินในเวล�เช้�
▼
ฝูงค้�งค�วเริ่มออกห�กินในเวล�พลบคำ่�
24
นักเรียนควรรู 1 คางคาว เปนสัตวเลี้ยงลูกดวยนํ้านมชนิดหนึ่ง ลําตัวมีขนาดเล็ก มีลักษณะ คลายหนู แตบินไดเหมือนนก จึงทําใหไดรับฉายาวา “นกมีหู หนูมีปก” คางคาวจะออกหากินในเวลาพลบคํา่ การทีม่ นั สามารถบินออกหากินในทีม่ ดื ได เพราะวามันสามารถสงเสียงและรับเสียงสะทอนกลับได มันจึงใชคลื่นเสียงในการ นําทางและหาอาหาร โดยสามารถแปลความหมายและบอกไดวาคลื่นเสียงที่มัน เปลงออกไปนั้นไปกระทบกับอะไร เหยื่อหรือศัตรูอยูหางออกไปเทาใด ทิศทางไหน ทําใหมันสามารถหาอาหารหรือหลบหลีกศัตรูได
มุม IT ครูและนักเรียนศึกษาคลิปวิดีโอ เรื่อง ถํ้าคางคาวภูผามาน ไดจากเว็บไซต www.youtube.com โดยพิมพคําวา ถํ้าคางคาว ในชองคนหาแลวคลิก
24
คู่มือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
จากการทดลองเกี่ยวกับพฤติกรรมของสัตว เปนดังนี้ ชนิดของสัตว
พฤติกรรมของสัตว
หนอนผีเสื้อ
เคลื่อนที่เขาหาที่มืดและแหง
ไสเดือนดิน
เคลื่อนที่เขาหาที่มืดและชื้น
แมลงเมา
เคลื่อนที่เขาหาแสง
ยุง
เคลื่อนที่เขาหาที่มืดและอบอุน
จากผลการทดลอง สัตวชนิดใดมีการตอบสนองตอแสงตางจากสัตวชนิดอื่น 1. หนอนผีเสื้อ 2. ไสเดือนดิน 3. แมลงเมา 4. ยุง วิเคราะหคําตอบ แมลงเมาเคลื่อนที่เขาหาแสง สวนสัตวชนิดอื่น เคลื่อนที่หนีแสง คือ เขาหาที่มืด ดังนัน้ ขอ 3. จึงเปนคําตอบทีถ่ กู ตอง
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู้
๒. กำรตอบสนองต่ออุณหภูมิ สัตว์มีก�รตอบสนองต่ออุณหภูมิ แตกต่�งกัน เช่น ในช่วงฤดูหน�วเมือ่ มี อุณหภูมิลดตำ่�ลงม�ก สัตว์บ�งชนิดจะ อพยพย้�ยถิน่ เช่น นกน�งแอ่นอพยพ จ�กที่อยู่เดิม เพื่อห�แหล่งที่อยู่ใหม่ที่ อบอุ่นกว่� และมีอ�ห�รอุดมสมบูรณ์ เมือ่ ฤดูหน�วผ่�นพ้นไป ก็จะบินกลับไป ยังถิน่ เดิม ส่ ว นช่ ว งที่ มี ส ภ�พอ�ก�ศร้ อ น อุณหภูมสิ งู สัตว์บ�งชนิด เช่น สุนขั จะ ระบ�ยคว�มร้อนโดยก�รหอบห�ยใจ เพือ่ ให้น�ำ้ ระเหยออกท�งป�ก ส่วนแมวจะเลีย อุง้ เท้� เพือ่ เป็นก�รระบ�ยคว�มร้อน เมื่อถึงช่วงที่มีสภ�พอ�ก�ศเย็น1 อุณหภูมติ �ำ่ สัตว์เลือ้ ยคล�น เช่น งู กิง้ ก่� จิ้งเหลน เป็นต้น ต้องอ�ศัยพลังง�น คว�มร้อนจ�กแสงอ�ทิตย์ทำ�ให้ร่�งก�ย อบอ่นุ จึงออกม�ผึง่ แดด
▲
▲
ในฤดูก�ลอพยพจะมีฝูงนกเป็ดแดง ที่เข้�ม�ห�กินในบึงบอระเพ็ดเป็น จำ�นวนม�ก
Explain
1. ครูใหนักเรียนรวมกันสรุปวา สัตวตางๆ มีการ ตอบสนองตออุณหภูมิในลักษณะใดบาง 2. ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา สัตวที่ อาศัยอยูในบริเวณที่มีสภาพอากาศหนาวจัด มีการตอบสนองตออุณหภูมิแตกตางกัน เชน • สัตวบางชนิดที่ไมสามารถทนความหนาว เย็นได จะอพยพยายถิ่นไปอยูในบริเวณอื่น ชั่วคราวและกลับมายังถิ่นเดิมเมื่อฤดูหนาว ผานพนไป • สัตวบางชนิดจะจําศีลอยูในที่ใดที่หนึ่ง เพื่อลดการใชพลังงานของรางกาย • สัตวบางชนิดจะปรับเปลี่ยนรางกายใหทน อากาศหนาวได เชน มีขนหนาขึ้น 3. ใหนักเรียนรวมกันสรุปวา สัตวตางๆ มีการ ตอบสนองตอสัมผัสอยางไรบาง 4. ใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางการตอบสนอง ตอสัมผัสที่อยูนอกเหนือจากบทเรียน เชน การลูบหัวสุนัข การเกาคางแมว
สุนัขหอบห�ยใจเพื่อลดคว�มร้อน ในร่�งก�ย
กิง้ ก่�ออกม�นอน ผึง่ แดด เพือ่ ปรับ อุณหภูมภิ �ยในร่�งก�ย
25
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
ในสภาพอากาศที่รอน อุณหภูมิสูง นักเรียนคิดวากิ้งกามีการตอบสนอง ตออากาศที่รอนนี้อยางไร 1. เลียอุงเทาและผิวหนัง 2. ไปนอนแชในแองนํ้า 3. หลบอยูตามพุมไมหรือในที่รม 4. ระบายความรอนโดยการหอบ วิเคราะหคําตอบ กิ้งกาจะตอบสนองตออุณหภูมิที่สูงขึ้น โดยการไปหลบ อยูตามพุมไมหรือในที่รม เพื่อใหอุณหภูมิของรางกายเปนปกติ สามารถ อยูในสภาพแวดลอมที่อุณหภูมิเปลี่ยนไปได ดังนั้น ขอ 3. จึงเปน
คําตอบที่ถูกตอง
เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา สัตวเลื้อยคลาน เชน กิ้งกา จิ้งเหลน งู เปนตน เปนสัตวเลือดเย็น คือ อุณหภูมิของรางกายจะเปลี่ยนแปลงไปตาม สภาพแวดลอม ดังนั้น เมื่อสภาพอากาศรอน สัตวเหลานี้จะหลบอยูตามโพรงไมหรือในที่รม เมื่อสภาพอากาศหนาว สัตวเหลานี้ตองอาศัยพลังงานความรอนจากแสงอาทิตย ทําใหรางกายอบอุน จึงออกมานอนผึ่งแดด
นักเรียนควรรู 1 กิ้งกา เปนสัตวเลื้อยคลานชนิดหนึ่ง มีผิวหนังเปนเกล็ดปกคลุมรางกาย สําหรับปองกันตัว มีดวงตาที่สามารถมองเห็นได 360 องศา มีหางยาวและไวตอ ความรูสึก และมีเล็บที่สามารถเกาะกับตนไมได ทําใหมันสามารถไตหรือวิ่งไปได อยางคลองแคลวและวองไว คู่มือครู
25
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
Engage
Explore
Explain
ขยายความเข้าใจ
ขยายความเข้าใจ Expand าใจ ขยายความเข้
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Expand
1. ใหนักเรียนแบงกลุม ใหแตละกลุมนําความรู เรื่องการตอบสนองตอสิ่งเราของพืชและสัตว มาเขียนแสดงเปนแผนผังความคิด และตกแตง ใหสวยงาม 2. ใหแตละกลุมนําเสนอผลงาน และรวมกัน เปรียบเทียบขอมูลของแตละกลุม 3. ใหนักเรียนทํากิจกรรมรวบยอดที่ 1.3 ขอ 2 จากแบบวัดฯ วิทยาศาสตร ป.2 ✓ แบบวัดฯ ใบงาน แบบฝกฯ ว�ทยาศาสตร ป.2 กิจกรรรวบยอดที่ 1.3 แบบประเมินตัวช�้วัด ว 1.1 ป.2/3
๓. กำรตอบสนองต่อสัมผัส สัตว์มีก�รตอบสนองต่อสัมผัสแตกต่�งกัน สัตว์บ�งชนิด เมื่อถูกสัมผัสจะตอบสนองเพื่อเป็นก�รป้องกันอันตร�ย เช่น กิ้งกือม้วนตัวเมื่อถูกสัมผัส หอยหดตัวเข้�ในเปลือก เต่�หดหัว เข้�ในกระดอง อึ่งอ่�งพองตัวใหญ่ขึ้น ปล�ปักเป้�พองตัวให้ หน�มตั้งขึ้น เป็นต้น
2 อานขอมูลที่กําหนด และตอบคําถาม ในบริเวณที่มีอากาศหนาวเย็นจัด เมื่อถึงฤดูหนาวอันยาวนาน อาหารและนํ้า อาจมีไมเพียงพอ สัตวตา งๆ จึงตองมีการปรับตัวเพือ่ ใหมชี วี ติ รอด โดยสัตวบางชนิด อพยพยายถิ่น สัตวบางชนิดจําศีล สัตวบางชนิดปรับเปลี่ยนสวนใดสวนหนึ่งของ รูปราง สัตวบางชนิดมีการยายจากที่อยูอาศัยในฤดูรอนไปยังที่อยูอาศัยใหมในฤดูหนาว และกลับมายังถิ่นเดิมอีกครั้งในฤดูรอน สัตวบางชนิดจะเริ่มกินอาหารมากกวาปกติ เพื่อใหมีไขมันสะสมในรางกาย และเตรียมหาที่อยูอาศัย เชน ถํ้า รู โพรงไม เปนตน เพื่อเตรียมยายเขาไปอยู และเริ่มจําศีล ซึ่งเปนการอยูนิ่งๆ การทํางานตางๆ ของรางกายจะลดลง ทําใหใช พลังงานนอยมากและไมตองกินอาหาร สัตวบางชนิดจะเปลี่ยนสีขนใหเปนสีขาว ทําใหสามารถพรางตัวไดกลมกลืนกับ หิมะ และหลบซอนจากศัตรูได
ฉบับ
เฉลย
▲
1) จากขอมูล กลาวถึงพฤติกรรมการตอบสนองของสัตวกี่ลักษณะ 3 ลักษณะ คือ การอพยพ การจําศีล และการปรับเปลีย่ นรางกาย อะไรบาง ……………………………………………………………………………………………………………………………… อุณหภูมิที่ตํ่าลง / ฤดูหนาว 2) จากขอมูล สิง่ เราคืออะไร……………………………………………………………………………………………… ใหสามารถมีชีวิต 3) จากขอมูล การตอบสนองของสัตวเปนไปเพื่อสิ่งใด …………………………………..
เมือ่ ถูกสัมผัส เต่�จะป้องกันอันตร�ยโดยหดตัวเข้�ใน กระดอง
▲
หอยท�กจะหดตัวเข้�ในเปลือกเมื่อถูกสัมผัส
อยูรอดได
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ใชพลังงานจากไขมันทีส่ ะสม 4) สัตวที่จําศีลอยูไดอยางไรโดยไมกินอาหาร …………………………………………………….. ในรางกาย โดยกินอาหารใหมากกวาปกติกอนเริ่มจําศีล
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ยายจากที่อยูอาศัยเดิมใน 5) การอพยพยายถิน่ ของสัตวมลี กั ษณะอยางไร ……………………………………………………… ฤดูรอนไปยังที่อยูใหมในฤดูหนาว และกลับมายังถิ่นเดิมอีกครั้งในฤดูรอน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ตัวชี้วัด ว 1.2 ขอ 3
ไดคะแนน คะแนนเต็ม
5
▲
15
เมื่อถูกจับหรือสัมผัส กิ้งกือจะม้วนตัวโดยเอ�หัวเข้�ด้�นใน เพื่อป้องกันอันตร�ย
à¾×èÍ¹æ ·ÃÒºäËÁÇ‹Ò ÂѧÁÕÊÑµÇ ª¹Ô´ã´ÍÕ¡·ÕèÁÕ¡Òõͺʹͧµ‹ÍÊÑÁ¼ÑÊ áÅÐÁÕ¡ÒõͺʹͧÍ‹ҧäà ª‹Ç¡ѹÊ׺¤Œ¹à¾ÔèÁàµÔÁ¹Ð¤Ð 26
เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับพฤติกรรมของสัตวที่ตอบสนองตอสิ่งเราตางๆ นอกเหนือจาก แสง อุณหภูมิ และสัมผัส เชน • นกเพศผูจะสงเสียงรอง เพื่อเรียกรองความสนใจจากนกเพศเมีย เปนการ ตอบสนองตอสิ่งเราที่เปนเสียง • สุนัขสามารถรับกลิ่นไดดี จึงมีการนําสุนัขมาฝกดมกลิ่นยาเสพติดหรือ ของบางอยาง เปนการตอบสนองตอสิ่งเราที่เปนกลิ่น เปนตน เพื่อใหนักเรียนไดมีทักษะในการคิดเพิ่มขึ้น ทําใหสามารถวิเคราะหใชกับ เหตุการณอื่นๆ ได
26
คู่มือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
ขอใดเปนสิ่งเราที่ทําใหเตาหดหัวเขาในกระดอง 1. แสงไฟ 2. ความชื้น 3. การสัมผัส 4. สภาพอากาศ วิเคราะหคําตอบ เมื่อถูกสัมผัสเตาจะหดหัวเขาในกระดอง เพื่อปองกัน อันตราย ดังนั้น ขอ 3. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
Engage
Explore
Explain
ขยายความเข้าใจ Expand าใจ ขยายความเข้
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
ขยายความเข้าใจ
จ�กก�รศึกษ�เรื่องก�รตอบสนองต่อสิ่งเร้�ของพืชและสัตว์ ทำ�ให้เร�ได้เรียนรูว้ �่ พืชและสัตว์มกี �รตอบสนองต่อสิง่ เร้�ต่�งๆ เพื่อช่วยให้มีชีวิตอยู่รอดและส�ม�รถดำ�รงพันธุ์อยู่ได้ à¾×è͹æ ÊÒÁÒö¹íÒ¤ÇÒÁÃÙŒà¡ÕèÂǡѺàÃ×èͧ¹Õé ä»ãªŒ»ÃÐ⪹ 㹡ÒèѴÊÀÒ¾áÇ´ÅŒÍÁãËŒàËÁÒÐÊÁ ¡Ñº¾×ª·Õè»ÅÙ¡ËÃ×ÍÊÑµÇ ·ÕèàÅÕé§änj䴌
▼
▲
Expand
1. ใหแตละกลุมรวมกันคิดวานักเรียนจะนํา ความรูจากเรื่องการตอบสนองตอสิ่งเรา ของพืชและสัตวไปใชประโยชนไดอยางไรบาง โดยใหแตละกลุมพยายามคิดใหไดมากที่สุด และเขียนลงในสมุด 2. ใหแตละกลุมสงตัวแทนออกมานําเสนอ ความคิดของกลุมตน 3. ใหทุกกลุมชวยกันรวบรวมขอมูลทั้งหมด ที่ไมซํ้ากัน และสรุปอีกครั้ง
ท�นตะวันเป็นพืชที่ชอบแสงจึงควรปลูกไว้กล�งแจ้ง
สุนัขมีก�รตอบสนองโดยเห่�คนแปลกหน้� คนจึง นิยมเลี้ยงสุนัขไว้เฝ้�บ้�น
27
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
ถาพืชและสัตวไมมีการตอบสนองตอสิ่งเรา อาจทําใหเกิดเหตุการณในขอใด 1. สูญพันธุได 2. มีอายุยืนยาว 3. สืบพันธุตอได 4. เจริญเติบโตไดดี วิเคราะหคําตอบ พืชและสัตวตอบสนองตอสิ่งเราเพื่อใหมีชีวิตรอดและ สามารถดํารงเผาพันธุได ดังนั้น ขอ 1. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
เกร็ดแนะครู ครูอาจยกตัวอยาง การนําความรูเรื่องการตอบสนองตอสิ่งเราของสัตวที่สามารถ นํามาใชประโยชนในชีวิตประจําวันได เชน การใหแสงสวางในการเลี้ยงไก เพื่อให ไกกินอาหารเปนเวลานาน จะทําใหไกเจริญเติบโตเร็วในระยะเวลาสั้นกวาปกติ หรือการเลี้ยงกบที่ตองใหในบอมีนํ้า เพื่อใหผิวหนังของกบชุมชื้นอยูเสมอ เพราะ กบเปนสัตวที่หายใจทางผิวหนัง เปนตน ซึ่งจะชวยเปนแนวทางในการแสดง ความคิดของนักเรียน
คู่มือครู
27
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
Engage
Explore
Explain
ขยายความเข้าใจ
ขยายความเข้าใจ Expand าใจ ขยายความเข้
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Expand
1. ใหนักเรียนดูภาพ หนา 29 แลวบอกวา สัตวมีการตอบสนองตอสิ่งเราใด เพื่ออะไร โดยทําลงในสมุด 2. ใหนักเรียนทํากิจกรรมรวบยอด ตอนที่ 3 หนา 29 โดยตอบคําถามลงในสมุด 3. ใหนักเรียนทํากิจกรรมรวบยอดที่ 1.3 จาก แบบวัดฯ วิทยาศาสตร ป.2 ✓ แบบวัดฯ ใบงาน แบบฝกฯ ว�ทยาศาสตร ป.2 กิจกรรมรอบยอดที่ 1.3 แบบประเมินตัวช�้วัด ว 1.1 ป.2/3
กิจกรรมรวบยอด
ตอนที่ ๑ แนวคิดส�ำคัญ ช่วยกันสรุป ครูให้นกั เรียนช่วยกันพูดสรุปก�รตอบสนองต่อแสง อุณหภูมิ และก�รสัมผัส ของพืชและสัตว์ พร้อมกับยกตัวอย่�งประกอบ ตอนที่ ๒ ลองท�ำดู หนูท�ำได้ ๑. ดูภำพ และบอกว่ำพืชในภำพมีกำรตอบสนองต่อสิ่งเร้ำใด เพื่ออะไร
แบบประเมินผลการเรียนรูตามตัวชี้วัด ประจําหนวยที่ 1 บทที่ 2
๑
๒
๓
๔
กิจกรรมรวบยอดที่ 1.3 แบบประเมินตัวชี้วัด ว1.1 ป.2/3 • สํารวจและอธิบายพืชและสัตวสามารถตอบสนองตอแสง อุณหภูมิ และการสัมผัส ชุดที่ 1
15 คะแนน
1 สํารวจการตอบสนองของพืชและสัตวมาอยางละ 1 ชนิด และเขียนอธิบายพรอมกับ วาดภาพหรือติดภาพประกอบ (ตัวอยาง)
พืชเอนลําตน 1) ภาพนีเ้ ปนภาพ ………………………………… เขาหาดานที่มีแสง
………………………………………………………………….. ฉบับ
แสง เปนการตอบสนองตอ ………………..
เฉลย
…………………………………………………………………..
ใหไดรับแสงไดอยาง เพือ่ ……………………………………………………… เพียงพอ
…………………………………………………………………..
อึ่งอางพองตัว 2) ภาพนีเ้ ปนภาพ ………………………………… …………………………………………………………………..
การสัมผัส เปนการตอบสนองตอ ……………….. ………………………………………………………………….
ใหดูตัวใหญขึ้น และดูนากลัว เพือ่ ……………………………………………………… ………………………………………………………………….. ตัวชี้วัด ว 1.1 ขอ 3
ไดคะแนน คะแนนเต็ม
10
14
28
เกร็ดแนะครู ครูสังเกตการทํากิจกรรมรวบยอดของนักเรียนอยางใกลชิด และใหคําแนะนํา กับนักเรียนทีย่ งั ไมเขาใจในบทเรียน เพือ่ ใหนกั เรียนสามารถบรรลุตวั ชีว้ ดั ในเรือ่ งนีไ้ ด
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
การตอบสนองตอสิ่งเราของสัตวในขอใดแตกตางจากขออื่น 1. ไกขันบอกเวลาในตอนเชา 2. แมลงเมาบินเขาหาแสงไฟ 3. ปลาปกเปาพองตัวเมื่อถูกไมเขี่ย 4. คางคาวออกหากินในเวลาพลบคํ่า วิเคราะหคําตอบ ขอ 1., 2. และ 4. เปนการตอบสนองตอแสงของสัตว สวนขอ 3. เปนการตอบสนองตอสัมผัสของสัตว ดังนั้น ขอ 3. จึงเปน
คําตอบที่ถูกตอง
28
คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
Engage
Explore
Explain
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบผล
1. ครูประเมินผลการเขียนแผนผังความคิดแสดง การตอบสนองของพืชและสัตว โดยพิจารณา จากความถูกตองสมบูรณของขอมูล การจัด ลําดับขอมูล และความสวยงาม 2. ครูตรวจสอบวา นักเรียนตอบคําถามไดถูกตอง หรือไม
๒. สังเกตพฤติกรรมของสัตว์ในแต่ละภำพ และบอกว่ำเป็นกำรตอบสนอง ต่อสิ่งเร้ำใด เพื่ออะไร ๑ ๒ ควำมรู้เสริมพิเศษ
๓
Evaluate
๔
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู 1. ใบบันทึกผลการทํากิจกรรมหนูนอยนักทดลอง 2. รายงานเรื่องการตอบสนองตอสิ่งเราของพืช 3. แผนผังความคิดแสดงการตอบสนองตอสิ่งเรา ของพืชและสัตว 4. กิจกรรมรวบยอดที่ 1.3 จากแบบวัดฯ วิทยาศาสตร ป.2
ควำมรู้เสริมพิเศษ
ตอนที่ ๓ ฝึกคิด พิชิตค�ำถำม เขียนตอบค�ำถำมต่อไปนี้ลงในสมุด ๑) ต้นพืชที่ปลูกในบริเวณที่ร่ม จะเอนเข้�ห�แสงเพื่ออะไร ๒) เมื่อใช้มือแตะใบผักกระเฉด แล้วผักกระเฉดหุบใบร�บลง แสดงว่�สิ่งใด เป็นสิ่งเร้� และสิ่งใดเป็นก�รตอบสนอง ๓) เมื่อถึงฤดูหน�ว ต้นไม้บ�งชนิดมีก�รผลัดใบร่วงจ�กต้น เพื่ออะไร ๔) สุนัขร้องเมื่อถูกตี เป็นก�รตอบสนองต่อสิ่งใด ๕) เมื่อถึงช่วงฤดูหน�ว สัตว์บ�งชนิดมีก�รสร้�งขนให้หน�ขึ้น เป็นก�ร ตอบสนองต่อสิ่งใด 29
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตในขอใด เปนการแสดงการตอบสนองตอสิ่งเรา เพื่อปองกันอันตรายใหกับตนเอง 1. สุนัขหอบ 2. ตนสักผลัดใบ 3. กิ้งกือมวนตัว 4. ดอกพุดตานเปลี่ยนสี
เกร็ดแนะครู 1. ครูอธิบายเสริมวา การที่สัตวมีพฤติกรรมตอบสนองตอสิ่งเราไดดี และ บางอยางก็มีประสาทสัมผัสที่ไวกวามนุษย นักวิทยาศาสตรไดทําการวิจัยและสังเกต พฤติกรรมสัตวชนิดตางๆ ในชวงกอนเกิดแผนดินไหว อุทกภัย หรือภัยธรรมชาติตา งๆ พบวา สัตวหลายชนิดจะมีอาการตื่นตกใจ และแสดงทาทางที่ผิดปกติ 2. ครูใหนักเรียนรวมกันพูดสรุปและอธิบายการตอบสนองของพืชและสัตวอีกครั้ง โดยครูอธิบายเสริมและใหความเขาใจ เพื่อใหนักเรียนสรุปความรูไดถูกตอง
วิเคราะหคําตอบ เมื่อกิ้งกือถูกสัมผัส กิ้งกือจะตอบสนองโดยการมวนตัว เอาหัวเขาดานในเพื่อปองกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวของมัน ดังนั้น
ขอ 3. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
คู่มือครู
29
กระตุน้ ความสนใจ กระตุEngage ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
อธิบายประโยชนของพืชและสัตวในทองถิ่น (ว 1.2 ป.2/1)
สมรรถนะของผูเรียน
óñ
แนวคิดสําคัญ
1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการสื่อสาร
พืชและสัตว์มีประโยชน์ต่อมนุษย์ม�กม�ย โดยเฉพ�ะในด้�นก�รเป็นปัจจัยสี่ที่มนุษย์ใช้ในก�ร ดำ�รงชีวิต ได้แก่ เป็นอ�ห�ร นำ�ม�สร้�งที่อยู่อ�ศัย ทำ�เป็นเครื่องนุ่งห่ม และทำ�ย�รักษ�โรค
คุณลักษณะอันพึงประสงค 1. ใฝเรียนรู 2. มุงมั่นในการทํางาน
กระตุน้ ความสนใจ
»ÃÐ⪹ ¢Í§¾×ªáÅÐÊѵÇ
º··Õè
กิจกรรมนําสูการเรียน
Engage
1. ครูชวนนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับอาหารที่ นักเรียนชอบรับประทาน โดยใหนักเรียน ผลัดกันบอกวาชอบรับประทานอาหารชนิดใด 2. ใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นวา อาหารที่คนเรารับประทานมาจากสิ่งใด (ตอบ พืชและสัตว) 3. ครูเชื่อมโยงเขาสูเรื่องประโยชนของพืชและสัตว ที่นักเรียนจะไดเรียนรูในบทเรียนนี้
ภ�พที่ ๑
ภ�พที่ ๒
๑. อ�ห�รในภ�พที่ ๑ ได้จ�กพืชและสัตว์ชนิดใดบ้�ง ๒. เครื่องดื่มในภ�พที่ ๒ ได้จ�กพืชชนิดใด และเป็นส่วนใดของ พืชชนิดนั้น 30
เกร็ดแนะครู ครูจัดกระบวนการเรียนรูโดยการใหนักเรียนปฏิบัติ ดังนี้ • สํารวจประโยชนของพืชและสัตว • สืบคนขอมูลประโยชนของพืชและสัตว • อภิปรายประโยชนของพืชและสัตว จนเกิดความรูความเขาใจวา พืชและสัตวมีประโยชนตอการดํารงชีวิตของ มนุษยในดานการเปนปจจัยสี่
30
คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ Engage
ส�ารวจค้นหา ส�ารวจค้ Exploreนหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
ส�ารวจค้นหา
ประโยชน์ของพืชและสัตว์ พืชและสัตว์มีประโยชน์ต่อก�รดำ�รงชีวิตของคนเร�ในด้�น ต่�งๆ ห�กไม่มีพืชและสัตว์ เร�คงไม่ส�ม�รถดำ�รงชีวิตอยู่ได้ Åͧª‹Ç¡ѹÊíÒÃǨNjҤ¹àÃÒ㪌»ÃÐ⪹ ¨Ò¡¾×ªáÅÐÊÑµÇ ã¹´ŒÒ¹ã´ºŒÒ§¤ÃѺ กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้
๑. แบ่งกลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มสำ�รวจและสืบค้นข้อมูลว่� คนเร�ใช้ประโยชน์ จ�กพืชและสัตว์ที่กำ�หนดในด้�นใดบ้�ง ๒. บันทึกผลลงในสมุด ต�มตัวอย่�ง ๓. นำ�ข้อมูลม�อภิปร�ยร่วมกันในชั้นเรียน และสรุปเป็นองค์คว�มรู้ ชนิดของพืชและสัตว์
กำรน�ำมำใช้ประโยชน์
Explore
1. ใหนักเรียนไปสํารวจและสังเกตวา ในชีวิตประจําวันของตนเองและครอบครัว ใชประโยชนจากพืชและสัตวอยางไรบาง แลวบันทึกลงในสมุด 2. ใหนักเรียนแบงกลุมทํากิจกรรม พัฒนาการเรียนรู หนา 31 โดยสํารวจและ สืบคนขอมูลวา มีการนําพืชและสัตวมาใช ประโยชนในดานใดบาง 3. ใหนักเรียนแบงเปน 4 กลุม ใหแตละกลุม สืบคนขอมูล ดังนี้ กลุมที่ 1 ประโยชนของพืชและสัตวในดาน การเปนอาหาร กลุมที่ 2 ประโยชนของพืชและสัตวในดาน การสรางที่อยูอาศัย กลุมที่ 3 ประโยชนของพืชและสัตวในดาน การทําเครื่องนุงหม กลุมที่ 4 ประโยชนของพืชและสัตวในดาน การทํายารักษาโรค
ทำ�อ�ห�ร ทำ�เครื่องนุ่งห่ม ทำ�ที่อยู่อ�ศัย ทำ�ย�รักษ�โรค ด้�นอื่นๆ สิ่งของเครื่องใช้
๑. ผักคะน้� ๒. ฝ้�ย ๓. มะกรูด ๔. มะละกอ ๕. ไผ่ ๖. ไก่ ๗. เป็ด ๘. สุกร ๙. สุนัข ๑๐. วัว
ตัวอย่ำง ข้อมูล ตำรำงบันทึก
31
พืชชนิดใดที่เราปลูกไวเพื่อกินเปนอาหาร 1. ฝาย 2. มะลิ 3. คะนา 4. กุหลาบ
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
วิเคราะหคําตอบ คะนา เปนผักสวนครัวที่นิยมปลูกเพื่อนํามาใชในการ ประกอบอาหาร เพราะมีสารอาหารที่มีประโยชนตอรางกายหลายชนิด
ดังนั้น ขอ 3. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
บูรณาการอาเซียน ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา มะกรูดเปนพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มี การนํามาใชประโยชนในกลุมประเทศสมาชิกอาเซียน ไดแก ไทย ลาว กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย (บาหลี) และเวียดนาม นิยมใชใบมะกรูดและผิวมะกรูด เปนสวนหนึ่งของเครื่องปรุงอาหารหลายชนิด
มุม IT ครูและนักเรียนดูขอ มูลเพิม่ เติมเกีย่ วกับประโยชนของพืชและสัตว ไดจากเว็บไซต www.krukhay.in.th โดยมีวิธีการ ดังนี้ • คลิก ชีวิตพืช / ชีวิตสัตว • คลิก ประโยชนของพืช / ประโยชนของสัตว
คู่มือครู
31
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
1. ใหนักเรียนผลัดกันนําเสนอผลการสํารวจ ประโยชนของพืชและสัตวในชีวิตประจําวัน ของตนเองและครอบครัว จากนั้นครูใหนักเรียน ชวยกันรวบรวมขอมูลจากผลการสํารวจ 2. ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายผลการทํากิจกรรม พัฒนาการเรียนรู จนสรุปไดวา พืชและสัตว มีประโยชนตอคนในดานปจจัยสี่ คือ เปนอาหาร ทําที่อยูอาศัย ทําเครื่องนุงหม และทํายารักษาโรค 3. ใหกลุมที่ 1 ออกมานําเสนอขอมูลที่ไดจากการ สืบคน 4. ใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางอาหารที่ไดจาก พืชและสัตวใหไดมากที่สุด 5. ใหนักเรียนยกตัวอยางชื่ออาหารที่มีขายอยู ในโรงเรียน จากนัน้ ใหชว ยกันบอกวา อาหารนัน้ มีสวนประกอบใดที่มาจากพืชหรือสัตว ชนิดใดบาง เชน ขาวมันไก สวนที่มาจากพืช คือ ขาว แตงกวา สวนที่มาจากสัตว คือ ไก เลือด ตับ
จ�กก�รทำ�กิจกรรม ทำ�ให้ทร�บว่� พืชและสัตว์มีประโยชน์ ต่อคนในด้�นปัจจัยสี่ ดังนี้
▲
พืชและสัตว์เป็นแหล่งอ�ห�รสำ�คัญของคนเร�
1
๑. เป็นอำหำร อ�ห�รที่คนกินเป็นอ�ห�รที่ได้ม�จ�กพืชและสัตว์ต่�งๆ อำหำรจำกพืช ได้จ�กส่วนต่�งๆ ของพืช เช่น ข้�ว ผักคะน้� ดอกแค มะเขือเทศ กะหลำ�่ ปลี มันสำ�ปะหลัง หัวไชเท้� แครอต เป็นต้น อำหำรจำกสัตว์ ได้จ�กเนื้อ นม และไข่ของสัตว์ เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว นมวัว นมแพะ ไข่ไก่ ไข่เป็ด เป็นต้น 32
นักเรียนควรรู 1 อาหาร มนุษยตองการอาหารเพื่อใชเปนแหลงพลังงานในการประกอบกิจกรรม ตางๆ ในชีวิตประจําวัน อาหารสวนใหญมักไดมาจากพืชและสัตว ซึ่งมีสารอาหาร ที่สําคัญ ไดแก โปรตีน คารโบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร และไขมัน เมื่อเรากินอาหาร เขาไป จะทําใหรางกายของเรามีการเจริญเติบโตและมีชีวิตอยูได
บูรณาการอาเซียน ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา ประเทศไทยสงออกสินคาหลายประเภท เชน ไขมันและนํ้ามันจากพืชและสัตว เครื่องดื่ม เครื่องสําอางและผลิตภัณฑ ทําความสะอาด รวมถึงอุปกรณทางการแพทย และสินคาอื่นๆ อีกมากมาย ไปยังประเทศพมา ลาว กัมพูชา มาเลเซีย และเวียดนาม
32
คู่มือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
สัตวในขอใดสามารถใหอาหารแกมนุษยเราได โดยที่ตัวสัตวยังไมตาย 1. หมู 2. ปู 3. ไก 4. กุง วิเคราะหคําตอบ ไกเปนสัตวที่ออกลูกเปนไข ซึ่งเราสามารถนําไขไก มาทําเปนอาหารได และไกก็ยังคงมีชีวิตอยู ดังนั้น ขอ 3. จึงเปน
คําตอบที่ถูกตอง
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู้
๒. ท�ำที่อยู่อำศัย ลำ�ต้นของพืชบ�งชนิด นำ�ม�ใช้ในก�รก่อสร้�งบ้�นเรือนได้ เช่น สัก หว�ย ไผ่ เต็ง รัง เป็นต้น ส่วนพืชบ�งชนิด ใบมีคว�มเหนียวนำ�ม�เย็บติด กันเป็นตับใช้มงุ หลังค�ได้ เช่น ไม้สักมีคว�มสวยง�มและทนท�น สมัยก่อนคนจึง นิยมนำ�ม�สร้�งบ้�นเรือน แต่ปัจจุบันไม้สักเป็นไม้ที่ ใบจ�ก ใบตองตึง เป็นต้น มีร�ค�แพง และห�ย�ก ๓. ท�ำเครื่องนุ่งห่ม เส้นใยจ�กลำ�ต้นหรือใบของพืชบ�งชนิด นำ�ม�ใช้ทอ 1 2 เสื้อผ้�ได้ เช่น ฝ้�ย ลินิน สับปะรด เป็นต้น ส่วนขน เส้นใย และ หนังของสัตว์บ�งชนิดใช้ทำ�เครื่องนุ่งห่มได้ เช่น ขนแกะ ใยไหม หนังวัว เป็นต้น ▲
▲
รังไหมจะถูกนำ�ไปต้มและส�วเส้นไหมออกม�เพือ่ ใช้ ทอผ้�
▲
Explain
1. ใหกลุมที่ 2 ออกมานําเสนอขอมูลที่ไดจากการ สืบคน 2. ครูอาจนําภาพบานที่สรางจากไมมาให นักเรียนดู จากนั้นอธิบายเพิ่มเติมวา ปจจุบัน บานสวนใหญสรางดวยอิฐและปูน เพราะไมที่ ใชในการสรางที่อยูอาศัยมีจํานวนลดลงและ มีราคาแพง 3. ใหกลุมที่ 3 ออกมานําเสนอขอมูลที่ไดจากการ สืบคน 4. ครูอาจนําเสื้อผาที่ทําจากผาฝาย ผาลินิน หรือ ผาไหม มาใหนักเรียนดูและสังเกตลักษณะ 5. ครูถามนักเรียนวา • ใยไหม ไดมาจากพืชหรือสัตวชนิดใด (ตอบ ไดมาจากสัตว คือ ผีเสื้อกลางคืน ชนิดหนึ่ง ซึ่งวงจรชีวิตเปน 4 ระยะ ไดแก ไข หนอน ดักแด และผีเสือ้ เมื่อถึงชวงระยะ ที่เปนดักแด (รังไหม) คนเลี้ยงจะนําดักแด ไปตมและสาวเสนไหมออกมา)
ผ้�ไหมยกดอก หัตถกรรมที่มีชื่อเสียงของลำ�พูน
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
ปอปลูกตนสักไวเปนจํานวนมาก อีก 10 ป ถึงจะนํามาใชประโยชนได นักเรียนคิดวาปอจะสามารถใชประโยชนจากตนสักไดในดานใด 1. ทําเปนอาหาร 2. ทําเปนที่อยูอาศัย 3. ทําเปนเครื่องนุงหม 4. ทําเปนยารักษาโรค
33
นักเรียนควรรู 1 ลินิน หรือเรียกอีกอยางวา ตนแฟลกซ เปนพืชที่ใหเสนใย โดยนําตนที่แหง ไปทําเสนใย และนําไปปนกับเสนใยสังเคราะหแลวทอเปนผาลินิน 2 สับปะรด ใบของตนสับปะรดนํามาใชในการผลิตเสนใยเพื่อผลิตเปน ผลิตภัณฑตางๆ ได ในประเทศฟลิปปนส มีการนําเสนใยจากใบสับปะรดมาทอ เปนผาบารอง ซึ่งเปนเสื้อผาประจําชาติของประเทศฟลิปปนส
วิเคราะหคําตอบ ตนสักเปนไมยืนตนขนาดใหญ มีลายสวยงาม แข็งแรง และทนทาน จึงนิยมนํามาใชสรางบานเรือน เพื่อเปนที่อยูอาศัย ดังนั้น
ขอ 2. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
คู่มือครู
33
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
1. ใหกลุมที่ 4 ออกมานําเสนอขอมูลที่ไดจากการ สืบคน 2. ครูสนทนากับนักเรียนวารูจ กั พืชสมุนไพรชนิดอืน่ หรือไม ใหนกั เรียนชวยกันยกตัวอยาง 3. ครูซักถามนักเรียนวา ใครเคยรับประทาน สมุนไพรชนิดใดบาง ใหนักเรียนผลัดกันบอก 4. ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา อาหารไทยเปนอาหารที่มีสวนผสมของ พืชสมุนไพรชนิดตางๆ ซึง่ มีประโยชนตอ สุขภาพ เชน ผัดกะเพรา ผัดขิง ตมยํา แกงสม เปนตน ซึ่งอาหารเหลานี้ เด็กๆ มักไมชอบรับประทาน แตอาหารที่ไดจากพืชผักตางๆ มีประโยชน และจําเปนตอรางกาย ดังนั้น นักเรียนจึงตอง รับประทานอาหารที่มีพืชผักดวย 5. ใหนักเรียนรวมกันพูดสรุปประโยชนของพืช และสัตว
๔. ท�ำยำรักษำโรค 1 พืชบ�งชนิดมีคี ณุ สมบัตเิ ป็นสมุนไพรรักษ�โรคต่�งๆ เช่น ว่�นห�งจระเข้ ขิง ข่� ตะไคร้ กะเพร� ขมิ้น เป็นต้น
▲
มะนำว แก้อ�ก�รคันคอ ขับเสมหะ
▲
ขิง ลดอ�ก�รจุกเสียดท้อง ไล่ลม
▲
กระเทียม แก้กล�กเกลื้อน
▲
ตะไคร้ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด
▲
พริกไทย ช่วยในก�รไหลเวียนของ โลหิต
▲
หอมแดง แก้หวัด คัดจมูก แก้ไข้ ขับลม
▲
มะกรูด ขับลมในลำ�ไส้ แก้ลม จุกเสียด
▲
ข่ำ ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเดิน
▲
กระชำย เป็นย�บำ�รุงหัวใจ ขับปัสส�วะ
▲
ใบบัวบก แก้อ�ก�รชำ้�ใน
▲
มะระขี้นก แก้หวัด แก้ไอ
▲
ทับทิม ขับพย�ธิ รักษ�บิด
นอกจ�กประโยชน์ ในด้�นปัจจัยสี่แล้ว พืชและสัตว์ยังมี ประโยชน์ในด้�นต่�งๆ อีกม�กม�ย à¾×èÍ¹æ ºÍ¡ä´ŒËÃ×ÍäÁ‹Ç‹Ò ¾×ªáÅÐÊÑµÇ ÂѧÁÕ»ÃÐ⪹ µ‹ÍàÃÒã¹´ŒÒ¹ã´ÍÕ¡ºŒÒ§ 34
นักเรียนควรรู 1 สมุนไพร หมายถึง พืชที่มีสรรพคุณในการรักษาโรค หรืออาการเจ็บปวยตางๆ มีคุณคาตอดานสุขภาพของมนุษยอยางมาก สมุนไพรนอกจากจะนํามาใชประโยชนเปนยารักษาโรคแลว ยังสามารถนํา มาใชประโยชนทางดานอื่นๆ อีก เชน นํามาบริโภคเปนอาหาร ทําเปนอาหาร เสริมสุขภาพ เครื่องดื่ม เครื่องสําอาง เปนตน
บูรณาการอาเซียน ครูอธิบายเพิม่ เติมใหนกั เรียนเขาใจวา ไมเพียงแตคนไทยเทานัน้ ทีใ่ ชสมุนไพรในการ รักษาโรค ประเทศเพือ่ นบานของเรา เชน มาเลเซีย ลาว กัมพูชา พมา ก็มกี ารใช สมุนไพรในการรักษาโรคเชนเดียวกัน ซึง่ ทีผ่ า นมาประเทศไทยเปนผูน าํ ดานการสงเสริม การใชยาสมุนไพรในงานสาธารณสุขมูลฐานของกลุม สมาชิกอาเซียน เปนการสนับสนุน การใชยาสมุนไพรในการรักษาโรคและลดการนําเขายาจากตางประเทศ
34
คู่มือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
แซมตองการเลี้ยงสัตวไวดูเลน เพื่อความเพลิดเพลิน นักเรียนควรแนะนํา ใหแซมเลี้ยงสัตวชนิดใด 1. ชาง 2. หมู 3. ปลาดุก 4. ปลาทอง วิเคราะหคําตอบ สัตวที่นิยมเลี้ยงไวดูเลน เพื่อความเพลิดเพลิน ควรเปน สัตวที่มีความสวยงาม และไมเปนอันตรายตอผูเลี้ยง ดังนั้น ขอ 4.
จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ Expand าใจ ขยายความเข
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
ขยายความเขาใจ
Expand
1. ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5 - 6 คน แลวแจกกระดาษเปลาใหแตละกลุม กลุมละ 1 แผน จากนั้นใหสมาชิกในกลุมรวมกัน คิดวา พืชและสัตวมีประโยชนในดานใดอีก นอกเหนือจากดานปจจัยสี่ โดยเขียนใหได มากที่สุด พรอมกับยกตัวอยางประกอบ 2. ใหแตละกลุมผลัดกันนําเสนอผลงาน 3. ใหนักเรียนรวมกันสรุปประโยชนของพืชและ สัตวจากขอมูลของทุกกลุม 4. ครูนําภาพตนกลวยมาใหนักเรียนดู แลว ใหนักเรียนชวยกันคิดวา สวนตางๆ ของ ตนกลวยสามารถนําไปใชประโยชนได อยางไรบาง
▲
▲
ต้นไม้ใหญ่มีประโยชน์หล�ยด้�น เช่น ให้ร่มเง� ช่วยดูดอ�ก�ศพิษ ช่วยทำ�ให้สภ�พอ�ก�ศชุ่มชื้น
1
ลิงกังเป็นสัตว์ที่ฉลล�ด ช�วสวนมะพร้�วจึงนำ�ม�ฝึก ให้เก็บลูกมะพร้�ว
▲
สุนขั มีประส ระส�ทรั ทรับกลิน่ ได้ดตี �ำ รวจจึงนำ�ม�ฝึกใช้คน้ ห� ย�เสพติด หรือกับระเบิด
35
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
ตารางแสดงประโยชนของสัตว 4 ชนิด เปนดังนี้ ชนิดของสัตว
ประโยชนของสัตว ไก เปนอาหาร มา ใชเปนพาหนะ ควาย ใชไถนา สุนัข เลี้ยงไวดูเลน จากขอมูล สัตวชนิดใดมีประโยชนในดานปจจัยสี่ของคนเรา 1. ไก 2. มา 3. ควาย 4. สุนัข วิเคราะหคําตอบ ปจจัยสี่ของคนเรา ไดแก อาหาร ที่อยูอาศัย เครื่องนุงหม และยารักษาโรค ซึ่งถือเปนสิ่งจําเปนในการดํารงชีวิตของคนเรา จากขอมูล ไกเลี้ยงไวเปนอาหาร ดังนั้น ขอ 1. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนรวมกันเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชนของพืชและสัตว ที่มนุษยเรานํามาในชีวิตประจําวัน เพื่อใหนักเรียนไดมีทักษะการคิดและกลา แสดงออกในการเสนอความคิดเห็นของตนเอง
นักเรียนควรรู 1 ลิงกัง เปนหนึ่งในสมาชิกครอบครัวและแรงงานสําคัญของชาวสวนมะพราว แตกอนที่จะนําลิงกังมาเก็บมะพราวไดนั้น ชาวสวนจะตองสงลิงกังไปเปนนักเรียน ที่โรงเรียนฝกการเก็บมะพราวกอน เชน ที่ศูนยฝกลิงกระแดะแจะเพื่อการเกษตร อ.กาญจนดิษฐ จ.สุราษฎรธานี คุณสมบัติของลิงนักเรียน คือ ลิงเพศผูที่มีอายุไมตํ่ากวา 2 ป แตไมเกิน 6 ป เนื่องจากมีความแข็งแรง คูมือครู
35
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
Engage
Explore
Explain
ขยายความเข้าใจ
ขยายความเข้าใจ Expand าใจ ขยายความเข้
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Expand
1. ใหนักเรียนเขียนแผนผังความคิดแสดง ประโยชนของพืชและสัตวที่มีตอคนลงในสมุด พรอมกับยกตัวอยางชื่อพืชและสัตวประกอบ 2. ใหนักเรียนดูภาพ หนา 36 แลวชวยกันบอกวา พืชและสัตวในภาพมีประโยชนอยางไร 3. ใหนักเรียนทํากิจกรรมรวบยอดที่ 1.4 จาก แบบวัดฯ วิทยาศาสตร ป.2 ✓ แบบวัดฯ ใบงาน แบบฝกฯ ว�ทยาศาสตร ป.2 กิจกรรมรวบยอดที่ 1.4 แบบประเมินตัวช�้วัด ว 1.2 ป.2/1 แบบประเมินผลการเรียนรูตามตัวชี้วัด ประจําหนวยที่ 1 บทที่ 3
กิจกรรมรวบยอด
ตอนที่ ๑ แนวคิดส�ำคัญ ช่วยกันสรุป ครูให้นักเรียนช่วยกันพูดสรุปเกี่ยวกับประโยชน์ของพืชและสัตว์ที่มีต่อคน จ�กนั้นให้เขียนแสดงเป็นแผนผังคว�มคิดลงในสมุด พร้อมกับยกตัวอย่�งชื่อ พืชและชื่อสัตว์ประกอบ ตอนที่ ๒ ลองท�ำดู หนูท�ำได้ ๑. ดูภำพ และบอกว่ำเป็นพืชหรือสัตว์ชนิดใด คนน�ำพืชหรือสัตว์เหล่ำนั้น มำใช้ประโยชน์ในด้ำนใดบ้ำง
กิจกรรมรวบยอดที่ 1.4 แบบประเมินตัวชี้วัด ว1.2 ป.2/1
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
• อธิบายประโยชนของพืชและสัตวในทองถิ่น ชุดที่ 1
20 คะแนน
1 วาดภาพหรือติดภาพพืชและสัตวในทองถิ่นที่สนใจอยางละ 1 ชนิด จากนั้นเขียนบอก ประโยชนของพืชและสัตวชนิดนั้นมา 3 ขอ (ตัวอยาง)
มะพราว 1) พืชชนิดนี้ คือ ………………………………… มีประโยชน ดังนี้
ผลนํามากินได ขูดเอาเนื้อมาคั้น เฉลย นํ้ากะทิใชทําอาหารและขนม • ใบนํามาสานเปนของเลน …………………………………………………………………. • กานใบทําไมกวาดทางมะพราว …………………………………………………………………. • ลําตนนํามาทําสิ่งของเครื่องใชได …………………………………………………………………. • …………………………………………………………………. ฉบับ ………………………………………………………………….
แมว 2) สัตวชนิดนี้ คือ ………………………………… มีประโยชน ดังนี้ เลี้ยงไวชวยจับหนู เลี้ยงไวเปนเพื่อนเลน • เลี้ยงไวเพื่อความเพลิดเพลิน …………………………………………………………………. • …………………………………………………………………. • ………………………………………………………………….
…………………………………………………………………. …………………………………………………………………. ตัวชี้วัด ว 1.2 ขอ 1 ไดคะแนน คะแนนเต็ม
10 19
36
บูรณาการอาเซียน ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา ประเทศในอาเซียนถือเปนแหลงเพาะเลี้ยง สัตวนาํ้ ทีส่ าํ คัญของโลก คือ การเพาะเลีย้ งกุง โดยมีปริมาณการเพาะเลีย้ งรวมกันมาก เปนอันดับ 2 รองจากประเทศจีน และมีบทบาทในการสงออกกุงแชแข็งที่สําคัญของ โลก สําหรับประเทศไทยยังคงเปนผูสงออกปลากระปองและผลิตภัณฑจากเนื้อปลา รายใหญของโลก
มุม IT ครูและนักเรียนศึกษาคลิปวิดีโอ เรื่อง ในหลวงกับโครงการโคนมจิตรลดา ไดจากเว็บไซต www.youtube.com โดยพิมพคําวา โคนม ในชองคนหาแลวคลิก
36
คู่มือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
เราเลี้ยงมา วัว ควาย ไวใชประโยชนในขอใด 1. ใชดูเลน 2. ใชแรงงาน 3. ใชเปนอาหาร 4. ใชทําเครื่องนุงหม วิเคราะหคําตอบ มา วัว ควาย เปนสัตวที่เราเลี้ยงไวสําหรับใชแรงงาน เชน ใชในการขับขี่ บรรทุก ลากเข็นขนสง หรือใชในการทําไรไถนา เปนตน
ดังนั้น ขอ 2. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Expand าใจ ขยายความเข
Evaluate ตรวจสอบผล
ขยายความเขาใจ
Expand
ใหนักเรียนตอบคําถามกิจกรรมรวบยอด ตอนที่ 3 หนา 37 ลงในสมุด
ตรวจสอบผล
๒. ให้วำดภำพพืชและสัตว์ที่ตนเองชอบมำอย่ำงละ ๑ ชนิด ลงในสมุด และเขียนบอกประโยชน์ที่ได้จำกพืชและสัตว์ชนิดนั้น ตัวอย่ำงผลงำน
¼Å㪌·íÒÍÒËÒÃ
ควำมรู้เสริมพิเศษ
1
àÊŒ¹ãÂ㪌·ÍàÊ×Íé
Evaluate
1. ครูประเมินผลงานแผนผังความคิด โดย พิจารณาจากความถูกตองสมบูรณของขอมูล และการจัดลําดับขอมูลที่ชัดเจน 2. ครูตรวจสอบวา นักเรียนตอบคําถามไดถูกตอง หรือไม 3. ครูตรวจสอบวา นักเรียนบอกประโยชนของพืช และสัตวที่ตนเองสนใจไดถูกตองหรือไม
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู 1. ผลงานแผนผังความคิดแสดงประโยชนของพืช และสัตว 2. กิจกรรมรวบยอดที่ 1.4 จากแบบวัดฯ วิทยาศาสตร ป.2
¼Å㪌ÃѺ»Ãзҹ
ควำมรู้เสริมพิเศษ
ตอนที่ ๓ ฝึกคิด พิชิตค�ำถำม เขียนตอบค�ำถำมต่อไปนี้ลงในสมุด ๑) พืชชนิดใด ใบใช้ห่อของได้ ๒) ผลของพืชชนิดใด นำ�ม�คั้นแล้วให้นำ้�กะทิ ๓) ยกตัวอย่�งพืชที่ใช้ทำ�อ�ห�รได้ม� ๕ ชนิด ๔) พืชชนิดใด นำ�ม�ใช้ทำ�ย�รักษ�โรคได้ ๕) นมที่เร�ดื่มได้จ�กสัตว์ชนิดใดบ้�ง ๖) เร�เลี้ยงสุนัขไว้เพื่อประโยชน์อะไร ๗) ยกตัวอย่�งสัตว์ที่เป็นอ�ห�รของคนม� ๕ ชนิด ๘) สัตว์ชนิดใดที่คนเลี้ยงไว้เพื่อใช้แรงง�น 37
ขอใดไมใชประโยชนของพืช 1. ใหรมเงา 2. เปนอาหาร 3. ใหความอบอุน 4. ทําใหอากาศบริสุทธิ์่
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
วิเคราะหคําตอบ พืชไมสามารถใหความอบอุนได เพราะพืชไมไดให พลังงานความรอน ดังนั้น ขอ 3. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
เกร็ดแนะครู ครูอาจสุมถามนักเรียนเกี่ยวกับประโยชนของพืชและสัตวที่นักเรียนไดทําจาก กิจกรรมรวบยอด โดยใหนักเรียนพูดอธิบายใหเพื่อนในหองฟง เพื่อเปนการนําเสนอ ความรูที่ตนเองไดรับ และเปนการแลกเปลี่ยนความรูกันภายในหองเรียน
นักเรียนควรรู 1 เสนใยใชทอเสื้อ จากการสํารวจทางโบราณคดีที่บานเชียง จังหวัดอุดรธานี ซึ่งมีอายุประมาณ 5,600 -1,800 ป ไดพบเศษผาติดอยูกับเครื่องมือเครื่องใช ซึ่งเปน หลักฐานที่บงบอกไดวา ผูคนในอดีตไดรูจักนําเสนใยจากพืชมาใชทําเครื่องนุงหม มาเปนเวลานานแลว สําหรับเสนใยพืชที่มนุษยนํามาใช เชน ปาน ปอ ฝาย สับปะรด กลวย เปนตน
คูมือครู
37
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
Engage
Explore
Explain
ขยายความเข้าใจ
ขยายความเข้าใจ Expand าใจ ขยายความเข้
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Expand
ครูใหนักเรียนกลับไปทําการทดลองนี้ที่บาน โดยรวมกันกําหนดวันและระยะเวลา เพื่อนํา ผลการทดลองมารวมกันอภิปรายในชั้นเรียน อีกครั้งหนึ่ง
สนุกคิดวิทยาศาสตร์
รากซิกแซ็ก
ทําไมตนพืชถึงตั้งตรง เรามาสนุกกับการหาคําตอบกันดีกวา ลองปลูกพืชดวย วิธีที่แตกตางจากเดิม แลวมาดูกันวา เราจะทําใหตนพืชสับสนไดไหม
อุปกรณ ๑. เมล็ดพืชที่งอกแล้ว เชน เมล็ดถั่วเขียว ๒. หนังยาง ๒ เส้น ๓. กระดาษ ๒ แผน ๔. แผนแก้ว ๒ แผน ๕. กะละมังขนาดเล็ก ๑ ใบ
วิธีทดลอง ๑. นําเมล็ดพืชที่งอกแลววางตรงกลางระหวาง กระดาษ ๒ แผน ๒. นําแผนแกว ๒ แผน มาประกบกับกระดาษ ทั้งสองขาง แลวใชหนังยางมัดแผนแกวให ติดกัน ๓. ใสนํ้าลงในกะละมังเล็กนอย จากนั้นวาง แผนแกวตั้งลงในกะละมังที่ใสนํ้า แลวนํา กะละมังไปวางไวใกลกับหนาตาง ๔. กลับดานแผนแกวทุกวัน และสังเกตรากที่ งอกออกมา
เกิดอะไรขึ้น รากของพื ช จะเจริ ญ เติ บ โตลงด า นล า ง เสมอ สวนลําตนจะเติบโตขึ้นดานบน เพราะ พืชมีการตอบสนองตอแรงดึงดูดของโลก โดย รากเจริญเติบโตลงในดิน สวนยอดของพืช จะเจริญเติบโตขึ้นในทิศทางตรงกันขามกับ แรงดึงดูดของโลก
38
เกร็ดแนะครู การทดลองเปนสิ่งสําคัญตอการเรียนการสอนวิทยาศาสตร ครูควรกระตุนให นักเรียนไดกลับไปทําการทดลองเองที่บาน ซึ่งจะทําใหนักเรียนไดเรียนรูวิธีคิด และฝกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร
ขอสอบเนน การคิด แนว NT แสง อุณหภูมิ สัมผัส
ยอดพืชเอนเขาหาแสง แมวเลียอุงเทา A
จากความสัมพันธของสิ่งเราและพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต A หมายถึงเหตุการณใด 1. ไมยราบหุบใบ 2. กิ้งกานอนผึ่งแดด 3. มานตาแมวขยายกวางขึ้น 4. คางคาวออกหากินในเวลาพลบคํ่า วิเคราะหคําตอบ ไมยราบจะหุบใบทันทีเมือ่ ถูกสัมผัส ซึง่ เปนการตอบสนอง ตอสัมผัสของตนไมยราบ ดังนั้น ขอ 1. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
38
คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
Engage
Explore
Explain
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบผล
แร่ธ�ตุทำ�ให้พืชเติบโต ช่วยละล�ยแร่ธ�ตุ ลำ�เลียงแร่ธ�ตุไปยังส่วนต่�งๆ อ�ก�ศ แก๊สออกซิเจนใช้ห�ยใจ แก๊สค�ร์บอนไดออกไซด์ใช้ในก�รสร้�งอ�ห�ร แสงแดด ใช้ในก�รสร้�งอ�ห�ร
ัย ใ
อ�ห�ร ทำ�ให้สัตว์เจริญเติบโตและมีชีวิตรอด นำ้� เป็นส่วนประกอบที่สำ�คัญของร่�งก�ย ทำ�ให้ร่�งก�ยทำ�ง�นได้ต�มปกติ อ�ก�ศ แก๊สออกซิเจนใช้ในก�รห�ยใจ
ข อ ง สัต ว์
ร ง ช ีวิ ต
ของพชื
ป จ จ
ร ด �ำ นกำ
กำรตอบสนองต่อสิ�งเร้ำ
ตัวอย่ำงเช่น แสง พืชเจริญเติบโตโดยโน้ม เข้�ห�แสง อุณหภูมิ ต้นสักผลัดใบในฤดูหน�ว ก�รสัมผัส ไมยร�บหุบใบเมื่อถูกสัมผัส
ตั ว์ ของส
ªÕÇÔµ¾×ª ªÕÇÔµÊѵÇ
ประโย
ช น์
ทำ�อ�ห�ร ทำ�ที่อยู่อ�ศัย ทำ�เครื่องนุ่งห่ม ทำ�ย�รักษ�โรค
ของ
พื ช
สั
ตัวอย่ำงเช่น แสง ไส้เดือนดินหน�แสง อุณหภูมิ นกน�งแอ่นอพยพ ลงใต้เพื่อหน� อ�ก�ศหน�ว ก�รสัมผัส อึ�งอ่�งพองตัวเมื่อถูก สัมผัส
ตว์
ของ
เมื่อเรียนจบหนวยการเรียนรูนี้แลว ครูให นักเรียนแตละคนตรวจสอบตนเองในแตละหัวขอ ถานักเรียนสามารถปฏิบัติในแตละหัวขอได แสดงวา เกิดความรูความเขาใจในเรื่องเหลานั้น แตถาหัวขอใด นักเรียนปฏิบัติไมได ใหครูสอน ซอมเสริมหรือแนะนําเพิ่มเติม
สาระสําคัญ จดจําไว้
ของพชื
อ�ห�ร นำ้�
Evaluate
เช่น ผักชี คะน้� กะหลำ่�ปลี ตำ�ลึง เช่น สัก ไผ่ หว�ย จ�ก เช่น ฝ้�ย ลินิน เช่น ขิง ข่� ตะไคร้
ทำ�อ�ห�ร
เช่น กุง้ หอย เป็ด ไก่ หมู ใช้แรงง�น เช่น วัว คว�ย เป็นพ�หนะ เช่น ช้�ง ม้� เลี้ยงเพื่อคว�มเพลิดเพลิน เช่น นก ปล�ทอง กระต่�ย
ตรวจสอบตนเอง นักเรียนลองสังเกตตนเองดูว่ำ ปฏิบัติตำมสิ�งต่ำงๆ เหล่ำน�้ได้หรือไม่ ❏ อธิบ�ยปัจจัยที่จำ�เป็นต่อก�รดำ�รงชีวิตของพืชได้ ❏ อธิบ�ยปัจจัยที่จำ�เป็นต่อก�รดำ�รงชีวิตของสัตว์ ได้ ❏ สังเกตและอธิบ�ยก�รตอบสนองต่อสิ�งเร้�ของพืชได้ ❏ สังเกตและอธิบ�ยก�รตอบสนองต่อสิ�งเร้�ของสัตว์ ได้ ❏ บอกประโยชน์ของพืชและสัตว์ ในท้องถิ�นของตนเองได้
39
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
ขอมูลแสดงการตอบสนองตอสิ่งเราของไสเดือนดิน เปนดังนี้ สิ่งเรา
การตอบสนองตอสิ่งเรา อาหาร เคลื่อนที่เขาหา แสง เคลื่อนที่หนี กอนหิน ไมตอบสนอง นํ้า เคลื่อนที่เขาหา จากขอมูล ไสเดือนดินตองการสิ่งเราใดบางในการดํารงชีวิต 1. อาหาร และแสง 2. แสง และกอนหิน 3. กอนหิน และนํ้า 4. อาหาร และนํ้า
เกร็ดแนะครู เมื่อเรียนจบหนวยนี้แลว ครูใหนักเรียนชวยกันสรุปความรูทั้งหมดที่ไดจาก หนวยการเรียนรูนี้ โดยครูใชเทคนิคการเขียนแผนผังความคิดเปนเครื่องมือในการ ใหนักเรียนไดระดมสมองในการสรุปบทเรียน โดยใหนักเรียนผลัดกันออกมาเขียน สิ่งที่ตนเองรูในรูปแแผนผังความคิด และรวมกันตรวจสอบขอมูลในแผนผังความคิด อีกครั้ง โดยครูชวยใหคําแนะนําเพื่อใหนักเรียนสรุปความรูไดถูกตอง
วิเคราะหคําตอบ จากขอมูล ไสเดือนดินมีการตอบสนองตออาหารและนํ้า โดยการเคลื่อนที่เขาหา แสดงวา ไสเดือนดินตองการอาหารและนํ้าในการ ดํารงชีวิต ดังนั้น ขอ 4. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง คู่มือครู
39