8858649121264

Page 1

คูมือครู 㪌»ÃСͺ¡ÒÃÊ͹ËÇÁ¡Ñº

˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ©ºÑº »ÃСѹÏ

ภาพปกนี้มีขนาดเทากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน

กระบวนการสอนแบบ 5 Es ชวยสรางทักษะการเรียนรู กิจกรรมมุงพัฒนาทักษะการคิด คำถาม + แนวขอสอบเพื่อยกผลสัมฤทธิ์ O - NET กิจกรรมบูรณาการเตรียมพรอมสู ASEAN 2558


เอกสารประกอบคูมือครู

กลุมสาระการเรียนรู ศิลปะ

ทัศนศิลป ชั้นมัธยมศึกษาปที่

1

สําหรับครู

คูมือครู Version ใหม

ลักษณะเดน

ขยายพื้นที่รูปเลมใหญขึ้นกวาเดิม จัดแบงพื้นที่ออกเปนโซน เพื่อคนหาขอมูลไดงาย สะดวก รวดเร็ว และดูเปนระเบียบ กระตุน ความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ Expand

ตรวจสอบผล

กระตุน ความสนใจ

Evaluate

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ Expand

ตรวจสอบผล Evaluate

เปาหมายการเรียนรู สมรรถนะของผูเรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค

หน า

โซน 1 กระตุน ความสนใจ

Engage

สํารวจคนหา

Explore

อธิบายความรู

Explain

ขยายความเขาใจ

Expand

ตรวจสอบผล

หน า

หนั ง สื อ เรี ย น

โซน 1

หนั ง สื อ เรี ย น

Evaluate

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T

ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET

O-NET บูรณาการเชื่อมสาระ

เกร็ดแนะครู

ขอสอบ

โซน 2

โซน 3

กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย

นักเรียนควรรู

โซน 3

โซน 2 บูรณาการอาเซียน มุม IT

No.

คูมือครู

คูมือครู

No.

โซน 1 ขั้นตอนการสอนแบบ 5Es

โซน 2 ชวยครูเตรียมสอน

โซน 3 ชวยครูเตรียมนักเรียน

เพื่อใหครูเตรียมจัดกิจกรรมการเรียน การสอน โดยแนะนําขั้นตอนการสอนและ การจัดกิจกรรมแบบ 5Es อยางละเอียด เพื่อใหนักเรียนบรรลุตามตัวชี้วัด

เพื่อชวยลดภาระครูผูสอน โดยแนะนํา เกร็ดความรูสําหรับครู ความรูเสริมสําหรับ นักเรียน รวมทั้งบูรณาการความรูสูอาเซียน และมุม IT

เพื่อใหครูสะดวกตอการจัดกิจกรรม โดย แนะนํากิจกรรมบูรณาการเชือ่ มระหวางสาระหรือ กลุมสาระการเรียนรู วิชา กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย รวมถึงเนื้อหาที่เคยออกขอสอบ O-NET แนวขอสอบ NT/O-NET ทีเ่ นนการคิด พรอมเฉลยและคําอธิบายอยางละเอียด


ที่ใชในคูมือครู

แถบสีและสัญลักษณ

แถบสีแสดงขั้นตอนการสอนและการจัดกิจกรรม แบบ 5Es เพื่อใหครูทราบวาเปนขั้นการสอนขั้นใด

1. แถบสี 5Es สีแดง

สีเขียว

กระตุน ความสนใจ

เสร�ม

สํารวจคนหา

Engage

2

เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใช เทคนิคกระตุน ความสนใจ เพื่อโยง เขาสูบทเรียน

สีสม

อธิบายความรู

Explore

เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนสํารวจ ปญหา และศึกษา ขอมูล

สีฟา

Explain

เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนคนหา คําตอบ จนเกิดความรู เชิงประจักษ

สีมวง

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนนําความรู ไปคิดคนตอๆ ไป

เปนขั้นที่ผูสอน ประเมินมโนทัศน ของผูเรียน

2. สัญลักษณ สัญลักษณ

วัตถุประสงค

• เปาหมายการเรียนรู

• หลักฐานแสดง ผลการเรียนรู

• เกร็ดแนะครู

แทรกความรูเสริมสําหรับครู ขอเสนอแนะ ขอควรระวัง ขอสังเกต แนวทางการจัด กิจกรรมและอืน่ ๆ เพื่อประโยชนในการ จัดการเรียนการสอน ขยายความรูเพิ่มเติมจากเนื้อหา เพื่อให ครูนําไปใชอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียน ไดมีความรูมากขึ้น

ความรูห รือกิจกรรมเสริม ใหครูนาํ ไปใช เตรียมความพรอมใหกบั นักเรียนกอนเขาสู ประชาคมอาเซียนใน พ.ศ. 2558 โดย บูรณาการกับวิชาทีก่ าํ ลังเรียน

บูรณาการอาเซียน

คูม อื ครู

แสดงรองรอยหลักฐานตามภาระงาน ที่ครูมอบหมาย เพื่อแสดงผลการเรียนรู ตามตัวชี้วัด

• นักเรียนควรรู

มุม IT

แสดงเปาหมายการเรียนรูที่นักเรียน ตองบรรลุตามตัวชี้วัด ตลอดจนสมรรถนะ ที่จะตองมี และคุณลักษณะที่พึงเกิดขึ้น กับนักเรียน

แนะนําแหลงคนควาจากเว็บไซต เพื่อให ครูและนักเรียนไดเขาถึงขอมูลความรู ที่หลากหลาย ทั้งไทยและตางประเทศ

สัญลักษณ

ขอสอบ

วัตถุประสงค

O-NET

(เฉพาะวิชา ชัน้ ทีส่ อบ O-NET O-NET)

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T (เฉพาะระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนตน)

ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET (เฉพาะระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลาย)

บูรณาการเชื่อมสาระ

กิจกรรมสรางเสริม

กิจกรรมทาทาย

• ชีแ้ นะเนือ้ หาทีเ่ คยออกขอสอบ

O-NET โดยยกตัวอยางขอสอบ พรอมวิเคราะหคาํ ตอบ อยางละเอียด

• เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน

การคิดและเปนแนวขอสอบ NT/O-NET ในระดับมัธยมศึกษา ตอนตน มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด

• เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน

การคิดและเปนแนวขอสอบ O-NET ในระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด

• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม

เชือ่ มกับสาระหรือกลุม สาระ การเรียนรู ระดับชัน้ หรือวิชาอืน่ ทีเ่ กีย่ วของ

• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม ซอมเสริมสําหรับนักเรียนทีค่ วร ไดรบั การพัฒนาการเรียนรู

• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม ตอยอดสําหรับนักเรียนทีเ่ รียนรู ไดอยางรวดเร็ว และตองการ ทาทายความสามารถในระดับ ทีส่ งู ขึน้


คําแนะนําการใชคูมือครู การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน คูม อื ครู รายวิชา ทัศนศิลป ม.1 จัดทําขึน้ เพือ่ ใหครูผสู อนนําไปใชเปนแนวทางวางแผนการสอนเพือ่ พัฒนาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน และประกันคุณภาพผูเรียน ตามนโยบายของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยใช หนังสือเรียน ทัศนศิลป ม.1 ของบริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด เปนสื่อหลัก (Core Material) ประกอบการสอน และการจัดกิจกรรมการเรียนรูใหสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดกลุมสาระการเรียนรู ศิลปะ ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนตามหลักการสําคัญ ดังนี้

เสร�ม

3

1 ออกแบบการสอนเปนหนวยการเรียนรูอิงมาตรฐาน คูมือครู รายวิชา ทัศนศิลป ม.1 วางแผนการสอนโดยแบงเปนหนวยการเรียนรูตามลําดับสาระ (Strand) และ หมายเลขขอของมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด แตละหนวยจะกําหนดเปาหมายการเรียนรูและจุดประสงคการเรียนรู (Objective Learning) กิจกรรมการเรียนรู (Learning Activities) และแนวทางการประเมินผลการเรียนรู (Learning Evaluation) ไวชัดเจน ครูผูสอนสามารถจัดทําแผนการสอนใหครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด สมรรถนะ และ คุณลักษณะอันพึงประสงคทเี่ ปนเปาหมายการเรียนรูต ามทีก่ าํ หนดไวในสาระแกนกลาง (ตามแผนภูม)ิ และสามารถบันทึก ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผูเรียนแตละคนลงในเอกสาร ปพ.5 ไดอยางงมั่นใจ แผนภูมิแสดงความสัมพันธขององคประกอบการออกแบบการเรียนรูอิงมาตรฐานและเน มาต นผูเรียนเปนสําคัญ

พผ

ูเ

จุ ด ป ร

ะสง

คก า

ส ภา

รี ย น

รู ีเรยน

มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัดชวงชั้น

ทักษะการคิด การวัดประเมินผล การเรียนรู

กิจกรรมการเรียนรู

เทคนิคการสอน คูม อื ครู


2 การจัดการเรียนรูที่ยึดผูเรียนเปนสําคัญ แนวคิ ด ในการจั ด การเรี ย นการสอนที่ ยึ ด ผู  เ รี ย นเป น สํ า คั ญ พั ฒ นามาจากปรั ช ญาและทฤษฎี ก ารเรี ย นรู  Constructivism ที่เชื่อวา การเรียนรูเปนกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในสมองของผูเรียนแตละคน ผูเรียนเปนผูสรางความรู โดยการเชื่อมโยงระหวางสิ่งที่ไดเรียนรูจากบทเรียนใหมกับความรูหรือประสบการณเดิมที่มีอยู ทฤษฎีนี้มีความเชื่อวา ผูเรียนทุกคนไดเรียนรูและมีการสั่งสมความรูความเขาใจเกี่ยวกับสิ่งตางๆ ติดตัวมากอน ทีจ่ ะเขาสูห อ งเรียน ซึง่ เปนการเรียนรูท เี่ กิดจากประสบการณและสิง่ แวดลอมรอบตัวผูเ รียนแตละคน ดังนัน้ การจัดกิจกรรม เสร�ม การเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ผูสอนจะตองคํานึงถึง

4

1. ความรูเดิมของผูเรียน วิธีการสอนที่ดีจะตองเริ่มตนจากจุดที่วา ผูเ รียนมีความรูอ ะไรมาบาง แลวจึงใหความรู หรือประสบการณใหม เพื่อตอยอดจาก ความรูเดิม นําไปสูการสรางความรู ความเขาใจใหม

2. ความรูเดิมของผูเรียนถูกตองหรือไม ผูส อนตองปรับเปลีย่ นความรูค วามเขาใจเดิม ของผูเรียนใหถูกตอง และเปนพฤติกรรม การเรียนรูใ หมทมี่ คี ณุ คาตอผูเรียน เพื่อสราง เจตคติหรือทัศนคติที่ดีตอการเรียนรู สิ่งเหลานั้น

3. ผูเรียนสรางความหมายสําหรับตนเอง ผูสอนตองสงเสริมใหผูเรียนนําความรู ความเขาใจที่เกิดขึ้นไปลงมือปฏิบัติ เพื่อขยายความรูใหลึกซึ้งและมีคุณคา ตอตัวผูเรียนมากที่สุด

แนวคิด Constructivism เนนใหผูเรียนสรางความรูโดยผานกระบวนการคิดและความอยากรูของตนเอง โดยมีผูสอนเปนผูสรางบรรยากาศ

การเรียนรูและกระตุนความสนใจ คอยจัดสถานการณใหผูเรียนเกิดความขัดแยงทางความคิดระหวางประสบการณเดิมกับประสบการณ ความรูใ หม เพือ่ กระตนุ ใหผเู รียนเชือ่ มโยงความรู ความคิด กับประสบการณทมี่ อี ยูเ ดิม แลวสังเคราะหเปนความรูห รือแนวคิดใหมๆ ไดดว ยตนเอง

3 การบูรณาการกระบวนการคิด การเรียนรูของผูเรียนแตละคนจะเกิดขึ้นที่สมอง ซึ่งเปนอวัยวะที่ทําหนาที่รูคิดภายใตสภาพแวดลอมที่เอื้ออํานวย และไดรบั การกระตนุ จูงใจอยางเหมาะสม สอดคลองกับสภาพจิตใจและความตองการของผูเ รียนแตละคน การจัดกิจกรรม การเรียนรูและสาระการเรียนรูที่สอดคลองกับความสนใจและมีความหมายตอผูเรียน จะชวยกระตุนใหสมองของผูเรียน สามารถรับรูและเรียนรูไดอยางมีประสิทธิภาพตามขั้นตอนการทํางงานของสมอง ดังนี้ 1. สมองจะเรียนรูและสืบคน โดยการสังเกต คนหา ซักถาม และทดลอง ปฏิบัติ จนทําใหคนพบความรูความเขาใจ ไดอยางรวดเร็ว

2. สมองจะแยกแยะคุณคาของสิ่งตางๆ โดยการตัดสินใจวิพากษวิจารณ แสดง ความคิดเห็น ยอมรับหรือตอตานตาม อารมณความรูสึกที่เกิดขึ้นในขณะที่เรียนรู

3. สมองจะประมวลเนื้อหาสาระ โดยการสรุปเปนความคิดรวบยอดจาก เรื่องราวที่ไดเรียนรูใหมนําไปผสมผสานกับ ความรูห รือประสบการณเดิมทีถ่ กู จัดเก็บอยูใ น สมอง ผานการกลัน่ กรองเพือ่ สังเคราะหเปน ความรูค วามเขาใจใหมๆ หรือเปนทัศนคติใหม ที่จะเก็บบรรจุไวในสมองของผูเรียน

การเรียนรูที่มีประสิทธิภาพจึงตองเปนการเรียนรูที่เกิดจากกระบวนการคิดของผูเรียน เพราะการเรียนรูจะเกิดขึ้น เมื่อสมองรูคิด และตองเปนการคิดไดครบถวนตามขั้นตอนการทํางานของสมองผูเรียน โดยเริ่มตนจาก 1. ระดับการคิดพื้นฐาน ไดแก การสังเกต การจําแนก การคาดคะเน การสื่อความหมาย การรวบรวมขอมูล การสรุปผล เปนตน

คูม อื ครู

2. ระดับลักษณะการคิด ไดแก การคิดกวาง คิดลึกซึ้ง คิดไกล คิดหลากหลาย คิดคลอง คิดอยางมีเหตุผล เปนตน

3. ระดับกระบวนการคิด ไดแก กระบวนการคิดอยางมีวิจารณญาณ กระบวนการแกปญหา กระบวนการ คิดสรางสรรค กระบวนการคิดสังเคราะห เปนตน


5Es การจัดกิจกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ขั้นตอนการสอนที่สัมพันธกับขั้นตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้ ขั้นที่ 1

กระตุนความสนใจ

(Engage)

เสร�ม

5

เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของผูเรียนดวยเรื่องราวหรือเหตุการณที่นาสนใจโดยใชเทคนิควิธีการ และคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูความรูของบทเรียนใหม ชวยใหผูเรียนสามารถ สรุปความสําคัญหัวขอและสาระการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนการสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสราง แรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน

ขั้นที่ 2

สํารวจคนหา

(Explore)

เปนขัน้ ทีผ่ สู อนเปดโอกาสใหผเู รียนลงมือศึกษา สังเกต หรือรวมมือกันสํารวจ เพือ่ ใหเห็นขอบขายของประเด็นหรือปญหา รวมถึง วิธีการศึกษาคนควา การรวบรวมขอมูลความรูที่จะนําไปสูการสรางความเขาใจประเด็นหรือปญหานั้นๆ เมื่อผูเรียนทําความเขาใจใน ประเด็นหรือปญหาที่จะศึกษาคนควาอยางถองแทแลว ก็ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมขอมูลความรู สํารวจตรวจสอบ โดยวิธีการตางๆ เชน สัมภาษณ ทดลอง อานคนควาขอมูลจากเอกสาร แหลงขอมูลตางๆ จนไดขอมูลความรูที่เกี่ยวของกับประเด็นหรือปญหาที่ศึกษา

ขั้นที่ 3

อธิบายความรู

(Explain)

เปนขั้นที่ผูสอนมีปฏิสัมพันธกับผูเรียน เชน ใหการแนะนํา ตั้งคําถามกระตุนใหคิด เพื่อใหผูเรียนคนหาคําตอบ และนําขอมูล ความรูจากการศึกษาคนควาในขั้นที่ 2 มาวิเคราะห สรุปผล และนําเสนอผลที่ไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน เขียนแผนภูมิ ผังมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน ในขั้นตอนนี้ฝกใหผูเรียนใชสมองคิดวิเคราะหและสังเคราะห อยางเปนระบบ

ขั้นที่ 4

ขยายความเขาใจ

(Expand)

เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใชเทคนิควิธีสอนตางๆ ที่สงเสริมใหผูเรียนนําความรูที่เกิดขึ้นไปคิดคนสืบคนตอๆ ไป เพื่อพัฒนาทักษะ การเรียนรูและการทํางานรวมกันเปนกลุม ระดมสมองเพื่อคิดสรางสรรครวมกัน ผูเรียนสามารถนําความรูที่สรางขึ้นใหมไปเชื่อมโยง กับประสบการณเดิมโดยนําขอสรุปทีไ่ ดไปใชอธิบายเหตุการณตา งๆ หรือนําไปปฏิบตั ใิ นสถานการณใหมๆ ทีเ่ กีย่ วของกับชีวติ ประจําวัน ของตนเอง เพื่อขยายความรูความเขาใจใหกวางขวางยิ่งขึ้น ในขั้นตอนนี้ฝกสมองของผูเรียนใหสามารถคิดริเริ่มสรางสรรคอยางมี คุณภาพ เสริมสรางวิสัยทัศนใหกวางไกลออกไป

ขั้นที่ 5

ตรวจสอบผล

(Evaluate)

เปนขัน้ ทีผ่ สู อนประเมินมโนทัศนของผูเ รียน โดยตรวจสอบจากความคิดทีเ่ ปลีย่ นไปและความคิดรวบยอดทีเ่ กิดขึน้ ใหม ตรวจสอบ ทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแกปญหา การตอบคําถามรวบยอด หรือการเคารพความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่น เพื่อการ สรางสรรคความรูร ว มกัน ผูเ รียนสามารถประเมินผลการเรียนรูข องตนเอง เพือ่ สรุปผลวามีความรูอ ะไรเพิม่ ขึน้ มาบาง เกิดความเขาใจ มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ หรือในชีวิตประจําวันไดอยางไร ผูเรียนจะเกิดเจตคติ และเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริง

การจัดกิจกรรมการเรียนรูตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนนผูเรียน เปนสําคัญอยางแทจริง เพราะสงเสริมใหผูเรียนไดเรียนรูตามขั้นตอนของกระบวนการสรางความรูดวยตนเอง และ ฝกฝนใหใชกระบวนการคิดและกระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะชีวิต ทักษะการทํางาน และทักษะการ เรียนรูที่มีประสิทธิภาพ สงผลตอการยกระดับผลสัมฤทธิ์ของผูเรียน ตามเปาหมายของการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการ คูม อื ครู


O-NET การเพิ่มผลสัมฤทธิ์ O-NET

การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ในแตละหนวยการเรียนรู ทางผูจัดทํา จะเสนอแนะวิธีสอน รูปแบบกิจกรรมการเรียนรู พรอมทั้งออกแบบเครื่องมือวัดและประเมินผลที่สอดคลองกับตัวชี้วัด และสาระการเรียนรูแกนกลางไวทุกขั้นตอน โดยยึดหลักสําคัญ คือ หลักของการวัดและประเมินผล เสร�ม

6

1. การวัดและประเมินผลทุกครั้ง ควรนําผลมาปรับปรุงพัฒนาผูเรียน เปนรายบุคคล

2. การวัดและประเมินผลมี เปาหมาย เพื่อพัฒนาการเรียนรู ของผูเรียนจนเต็มศักยภาพ

3. การนําผลการวัดและประเมินผล ทุกครั้งมาวางแผนปรับปรุงกิจกรรม การเรียนการสอน การเลือกเทคนิค วิธีสอน และสื่อการเรียนรูให เหมาะสมกับสภาพจริงของผูเรียน

การทดสอบผูเรียน 1. การใชขอสอบอัตนัย เนนการอาน การคิดวิเคราะห และการเขียนเพิ่มมากขึ้น 2. การใชคําถามกระตุนการคิดควบคูกับการทําขอสอบที่เนนการคิดอยางตอเนื่องตามลําดับกิจกรรมการเรียนรู และตัวชี้วัด 3. การทดสอบตองดําเนินการทั้งกอนเรียน ระหวางเรียน และหลังเรียน การทดสอบควรใชขอสอบทั้งชนิดปรนัยและ อัตนัย และเปนการทดสอบเพื่อประเมินผลการเรียนของผูเรียนแตละคน เพื่อการสอนซอมเสริมใหบรรลุตัวชี้วัด ไดครบถวน 4. การสอบกลางภาค (ถามี) ควรนําแบบฝกหัดหรือขอสอบทีน่ กั เรียนสวนใหญไมสามารถตอบไดหรือไมครบถวนชัดเจน มา สรางเปนแบบทดสอบอีกครัง้ เพือ่ ตรวจสอบความรูค วามเขาใจทีถ่ กู ตอง และประเมินความกาวหนาของผูเ รียนแตละคน 5. การสอบปลายภาคเรียนเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามตัวชี้วัดที่สําคัญ ควรออกขอสอบใหมีลักษณะเดียวกับ ขอสอบ O-NET โดยเนนการคิดวิเคราะห สังเคราะห เชื่อมโยงประยุกตใช เพื่อสรางความคุนเคย และฝกฝน วิธีการทําขอสอบดวยความมั่นใจ 6. การนําผลการทดสอบของผูเรียนมาวิเคราะห โดยผลการสอบกอนการเรียนตองสามารถพยากรณผลการสอบ กลางภาค และผลการสอบกลางภาคตองทํานายผลการสอบปลายภาคของผูเ รียนแตละคน เพือ่ ประเมินพัฒนาการ ความกาวหนาของผูเรียนเปนรายบุคคล 7. ผลการทดสอบปลายป ปลายภาค ตองมีคาเฉลี่ยสอดคลองกับคาเฉลี่ยของการสอบ NT ที่เขตพื้นที่การศึกษา จัดสอบ รวมทั้งคาเฉลี่ยของการสอบ O-NET ชวงชั้นที่สอดคลองครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดสําคัญ เพือ่ สะทอนประสิทธิภาพของครูผสู อนในการออกแบบการเรียนรูแ ละประกันคุณภาพผูเ รียนทีต่ รวจสอบผลไดชดั เจน การจัดการเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ตองใหผูเรียนไดสั่งสมความรู ความเขาใจตามลําดับขั้นตอน ของกิจกรรมในวัฏจักรการเรียนรู 5Es เพื่อใหผูเรียนไดเติมเต็มองคความรูอยางตอเนื่อง จนสามารถปฏิบัติชิ้นงานหรือ ภาระงานรวบยอดของแตละหนวย ผานเกณฑประกันคุณภาพในระดับที่นาพึงพอใจ เพื่อรองรับการประเมินภายนอกจาก สมศ. ตลอดเวลา คูม อื ครู


ASEAN การเรียนรูสูประชาคมอาเซียน เพื่ออํานวยความสะดวกแกครูผูสอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรูบูรณาการอาเซียนศึกษา ผูจัดทําไดวิเคราะห มาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัดที่มีสาระการเรียนรูสอดคลองกับองคความรูเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนในแงมุมตางๆ ครอบคลุมทัง้ ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรม อาเซียน เพื่อสงเสริมการเรียนรูใหผูเรียนเกิดความตระหนัก มีความรูความเขาใจเหมาะสมกับระดับชั้นและกลุมสาระ การเรียนรู โดยเสนอแนะวิธีการจัดกิจกรรมบูรณาการเนื้อหาสาระตางๆ ที่เปนประโยชนตอผูเรียนและเปนการชวย เตรียมความพรอมผูเ รียนทุกคนทีจ่ ะกาวเขาสูก ารเปนสมาชิกของประชาคมอาเซียนไดอยางมัน่ ใจตามขอตกลงปฏิญญา เสร�ม ชะอํา-หัวหิน วาดวยความรวมมือดานการศึกษาเพือ่ บรรลุเปาหมายประชาคมอาเซียนทีเ่ อือ้ อาทรและแบงปน จึงกําหนด 7 เปนนโยบายใหกระทรวงศึกษาธิการจัดการเรียนรูเตรียมความพรอมผูเรียนเขาสูประชาคมอาเซียนภายในป พ.ศ. 2558 ตามแนวปฏิบัติที่สําคัญ ดังนี้

การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน 1. การสรางความรูความเขาใจ และตระหนักถึงความสําคัญของ กฎบัตรอาเซียน และความรวมมือ ของ 3 เสาหลัก ซึง่ กฎบัตรอาเซียน ในขณะนี้มีสถานะเปนกฎหมายที่ ประเทศสมาชิกจะตองปฏิบัติตาม หลักการที่กําหนดไวเพื่อใหบรรลุ เปาหมายของกฎบัตรมาตราตางๆ

2. การสงเสริมหลักการ ประชาธิปไตยและการสราง สิ่งแวดลอมประชาธิปไตย เพื่อการอยูรวมกันอยางกลมกลืน ภายใตวิถีชีวิตอาเซียนที่มีความ หลากหลายดานสังคมและ วัฒนธรรม

4. การตระหนักในคุณคาของ สายสัมพันธทางประวัติศาสตร และมรดกทางวัฒนธรรมที่มี พัฒนาการรวมกัน เพื่อเชื่อม อัตลักษณและสรางจิตสํานึก ในการเปนประชากรของประชาคม อาเซียนรวมกัน

3. การสงเสริมการศึกษาดาน สิทธิมนุษยชน เพื่อสรางประชาคม อาเซียนใหเปนประชาคมเพื่อ ประชาชนอยางแทจริง สามารถ อยูรวมกันไดบนพื้นฐานการเคารพ ในคุณคาของศักดิ์ศรีแหงความ เปนมนุษยเทาเทียมกัน

5. การสงเสริมสันติภาพ ความ มั่นคง และความปรองดองในสังคม ทั้งระดับประเทศและภูมิภาคของ อาเซียนบนพื้นฐานสันติวิธีและการ อยูรวมกันดวยขันติธรรม

คูม อื ครู


การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

เสร�ม

8

1. การพัฒนาทักษะการทํางาน เพื่อเสริมสรางผูเรียนใหมีทักษะ วิชาชีพที่จําเปนสอดคลองกับ ความตองการของตลาดแรงงาน และสถานประกอบการในอาเซียน สามารถเทียบโอนผลการเรียน และการทํางานตามมาตรฐานฝมือ แรงงานในภูมิภาคอาเซียน

2. การเสริมสรางวินัย ความรับผิดชอบ และเจตคติรักการทํางาน สามารถพึ่งพาตนเอง มีทักษะชีวิต ดํารงชีวิตอยางมีความสุข เห็นคุณคา และภูมิใจในตนเอง ในฐานะที่เปนพลเมืองไทยและ อาเซียน

3. การเรียนรูเพื่อพัฒนาตนเอง อยางตอเนื่องตลอดชีวิต ใหมี ทักษะการทํางานตามมาตรฐาน อาชีพ และคุณวุฒิของวิชาชีพสาขา ตางๆ เพื่อรองรับการเตรียมเคลื่อน ยายแรงงานมีฝมือและการเปน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่ เขมแข็ง เพื่อสรางขีดความสามารถ ในการแขงขันในเวทีโลก

การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน 1. การเสริมสรางความรวมมือ ในลักษณะสังคมที่เอื้ออาทร ของประชากรอาเซียน โดยยึด หลักการสําคัญ คือ ความงดงาม ของประชาคมอาเซียนมาจาก ความแตกตางและหลากหลายทาง วัฒนธรรมที่ลวนแตมีคุณคาตอ มรดกทางวัฒนธรรมของอาเซียน ซึ่งประชาชนทุกคนตองอนุรักษ สืบสานใหยั่งยืน

2. การเสริมสรางคุณลักษณะ ของผูเรียนใหเปนพลเมืองอาเซียน ที่มีศักยภาพในการกาวเขาสู ประชาคมอาเซียนอยางมั่นใจ เปนผูที่มีสุขภาพสมบูรณแข็งแรง มีทักษะการสื่อสาร ทักษะการ ทํางาน ทักษะทางสังคม สามารถ ทํางานรวมกับผูอื่นไดอยาง สรางสรรค และมีองคความรู เกี่ยวกับอาเซียนที่จําเปนตอการ ดํารงชีวิตอยางมีคุณภาพ

4. การสงเสริมการเรียนรูดาน ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถชี วี ติ ความเปนอยูข องเพือ่ นบาน ในอาเซียน เพื่อสรางจิตสํานึกของ ความเปนประชาคมอาเซียนและ ตระหนักถึงหนาที่ของการเปน พลเมืองอาเซียนรวมกัน

3. การสงเสริมการเรียนรูภาษา อังกฤษเพื่อการสื่อสารและการ ทํางานตามมาตรฐานอาชีพที่ กําหนดและสนับสนุนการเรียนรู ภาษาอาเซียนและภาษาเพื่อนบาน เพื่อชวยเสริมสรางสัมพันธภาพทาง สังคม และการอยูรวมกันอยางสันติ ทามกลางความหลากหลายทาง วัฒนธรรม

5. การสรางความรูและความ ตระหนักเกี่ยวกับดานสิ่งแวดลอม ปญหาและผลกระทบตอคุณภาพ ชีวิตของประชากรในภูมิภาค รวมทั้งแนวทางการพัฒนาอยาง ยั่งยืน ใหเปนมรดกสืบทอดแก พลเมืองอาเซียนในรุนหลังตอๆ ไป

กระทรวงศึกษาธิการจึงประกาศนโยบายการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) เพื่อเรงพัฒนาเด็ก และเยาวชนไทยใหเปนทรัพยากรมนุษยของชาติที่มีทักษะและความชํานาญ พรอมเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงและ การแขงขันทั้งในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆ ของสังคมโลก ทั้งนี้ผูบริหารสถานศึกษา ครูผูสอน และผูปกครอง ควรรวมมือกันอยางใกลชิดในการดูแลชวยเหลือผูเรียนและจัดประสบการณการเรียนรูเพื่อพัฒนาผูเรียนจนเต็มศักยภาพ เพื่อกาวเขาสูการเปนพลเมืองอาเซียนอยางมีเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีความเปนมนุษยของตน คณะผูจัดทํา คูม อื ครู


ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง สาระที่ 1

ทัศนศิลป (เฉพาะชั้น ม.1)*

ทัศนศิลป

มาตรฐาน ศ 1.1 สรางสรรคงานทัศนศิลปตามจินตนาการ และความคิดสรางสรรค วิเคราะห วิพากษ วิจารณคุณคางาน ทัศนศิลป ถายทอดความรูสึก ความคิดตองานศิลปะอยางอิสระ ชื่นชม และประยุกตใชในชีวิตประจําวัน ชั้น ม.1

ตัวชี้วัด

สาระการเรียนรูแกนกลาง

หนวยการเรียนรู ในหนังสือเรียน

เสร�ม

9

1. บรรยายความแตกตางและ • ความแตกตางและความคลายคลึงกัน • หนวยการเรียนรูที่ 2 ความคลายคลึงกันของงาน ของทัศนธาตุในงานทัศนศิลป ทัศนธาตุ ทัศนศิลปและสิง่ แวดลอม และสิ่งแวดลอม โดยใชความรูเ รือ่ งทัศนธาตุ 2. ระบุและบรรยายหลักการ • ความเปนเอกภาพ ความกลมกลืน • หนวยการเรียนรูที่ 3 ออกแบบงานทัศนศิลป ความสมดุล การออกแบบงานทัศนศิลป โดยเนนความเปนเอกภาพ ความกลมกลืน และความสมดุล 3. วาดภาพทัศนียภาพแสดง ใหเห็นระยะไกลใกล เปน 3 มิติ

• หลักการวาดภาพแสดงทัศนียภาพ

• หนวยการเรียนรูที่ 5 หลักการวาดภาพ แสดงทัศนียภาพ

4. รวบรวมงานปน หรือสือ่ ผสม • เอกภาพ ความกลมกลืนของ • หนวยการเรียนรูที่ 6 มาสรางเปนเรื่องราว 3 มิติ เรื่องราวในงานปนหรืองานสื่อผสม งานปนและงานสื่อผสม โดยเนนความเปนเอกภาพ ความกลมกลืน และการสื่อ ถึงเรื่องราวของงาน 5. ออกแบบรูปภาพ • การออกแบบรูปภาพ สัญลักษณ สัญลักษณ หรือกราฟกอืน่ ๆ หรืองานกราฟก ในการนําเสนอความคิดและ ขอมูล

• หนวยการเรียนรูที่ 7 การออกแบบรูปภาพ สัญลักษณ และงานกราฟก

_________________________________ * สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง กลุมสาระการเรียนรู ศิลปะ. (กรุงเทพมหานคร : ชุมนุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย, 2551), หนา 8-21.

คูม อื ครู


ชั้น ม.1

เสร�ม

10

ตัวชี้วัด

สาระการเรียนรูแกนกลาง

6. ประเมินงานทัศนศิลป และ • การประเมินงานทัศนศิลป บรรยายถึงวิธีการปรับปรุง งานของตนเองและผูอื่น โดยใชเกณฑที่กําหนดให

หนวยการเรียนรู ในหนังสือเรียน • หนวยการเรียนรูที่ 8 หลักการประเมิน งานทัศนศิลป

มาตรฐาน ศ 1.2 เขาใจความสัมพันธระหวางทัศนศิลป ประวัติศาสตร และวัฒนธรรม เห็นคุณคางานทัศนศิลปที่เปน มรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปญญาทองถิ่น ภูมิปญญาไทยและสากล ชั้น ม.1

ตัวชี้วัด

สาระการเรียนรูแกนกลาง

1. ระบุและบรรยายเกีย่ วกับ • ลักษณะ รูปแบบงานทัศนศิลป ลักษณะรูปแบบงาน ของชาติและทองถิ่น ทัศนศิลปของชาติและของ ทองถิน่ ตนเองจากอดีต จนถึงปจจุบนั 2. ระบุและเปรียบเทียบงาน ทัศนศิลปของภาคตางๆ ในประเทศไทย

หนวยการเรียนรู ในหนังสือเรียน • หนวยการเรียนรูที่ 9 ทัศนศิลปของชาติและทองถิ่น

• งานทัศนศิลปภาคตางๆ ในประเทศไทย

3. เปรียบเทียบความแตกตาง • ความแตกตางของงานทัศนศิลป ของจุดประสงคในการ ในวัฒนธรรมไทยและสากล สรางสรรคงานทัศนศิลป ของวัฒนธรรมไทยและ สากล

• หนวยการเรียนรูที่ 10 ทัศนศิลปในวัฒนธรรมไทย และสากล

หมายเหตุ : หนวยการเรียนรูที่ 1 และหนวยการเรียนรูที่ 4 เปนหนวยการเรียนรูพื้นฐานที่จะนําเขาสูบทเรียนในหนวยตอไป

คูม อื ครู


คําอธิบายรายวิชา รายวิชา ทัศนศิลป ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 รหัสวิชา ศ…………………………………

กลุมสาระการเรียนรู ศิลปะ ภาคเรียนที่………….. เวลา 40 ชั่วโมง/ป

มีความรูความเขาใจองคประกอบศิลป ทัศนธาตุ สรางและนําเสนอผลงานทางทัศนศิลปจากจินตนาการ โดยสามารถใชอุปกรณที่เหมาะสม รวมทั้งสามารถใชเทคนิค วิธีการของศิลปนในการสรางงานไดอยางมี เสร�ม 11 ประสิทธิภาพ วิเคราะห วิพากษ วิจารณคุณคางานทัศนศิลป เขาใจความสัมพันธระหวางทัศนศิลป ประวัติศาสตร และวัฒนธรรม เห็นคุณคางานศิลปะทีเ่ ปนมรดกทางวัฒนธรรม ภูมปิ ญ ญาทองถิน่ ภูมปิ ญ ญาไทยและสากล ชืน่ ชม ประยุกตใชในชีวิตประจําวัน โดยใชกระบวนการคิด กระบวนการสืบคนขอมูล กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการ พิจารณาคุณคา เพื่อใหเกิดความรู ความเขาใจ สามารถนําไปปฏิบัติและประยุกตใชในชีวิตประจําวันได อยางเหมาะสม ตัวชี้วัด ศ 1.1 ศ 1.2

ม.1/1 ม.1/1

ม.1/2 ม.1/2

ม.1/3 ม.1/4 ม.1/3 รวม 9 ตัวชี้วัด

ม.1/5

ม.1/6

คูม อื ครู


คูม อื ครู

หนวยการเรียนรูที่ 7 : การออกแบบรูปภาพ สัญลักษณ และงานกราฟก หนวยการเรียนรูที่ 8 : หลักการประเมินงาน ทัศนศิลป หนวยการเรียนรูที่ 9 : ทัศนศิลปของชาติ และทองถิ�น หนวยการเรียนรูที่ 10 : ทัศนศิลปในวัฒนธรรมไทย และสากล

หนวยการเรียนรูที่ 4 : ความรูเบื้องตนเกี่ยวกับ การวาดภาพระบายสี หนวยการเรียนรูที่ 5 : หลักการวาดภาพ แสดงทัศน�ยภาพ หนวยการเรียนรูที่ 6 : งานปนและงานสื่อผสม

หนวยการเรียนรูที่ 3 : การออกแบบงานทัศนศิลป

1

2

✓ ✓

มาตรฐาน ศ 1.1 ตัวชี้วัด 3 4

5

6

สาระที่ 1

1

มาตรฐาน ศ 1.2 ตัวชี้วัด 2

เสร�ม

3

12

หนวยการเรียนรูที่ 1 : ความรูเบื้องตนเกี่ยวกับ ทัศนศิลป หนวยการเรียนรูที่ 2 : ทัศนธาตุ

หนวยการเรียนรู

มาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัด

ตาราง วิเคราะหมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั รายวิชา ทัศนศิลป ม.1

คําชี้แจง : ใหผูสอนใชตารางนี้ตรวจสอบความสอดคลองของเนื้อหาสาระการเรียนรูในหนวยการเรียนรูกับมาตรฐาน การเรียนรูและตัวชี้วัดชวงชั้น


กระตุน ความสนใจ Engage

สํารวจคนหา Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ Expand

ตรวจสอบผล Evaluate

˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹

ทัศนศิลป ม.๑ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑

กลุมสาระการเรียนรูศิลปะ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

ผูเรียบเรียง

ศ. สุชาติ เถาทอง นายสังคม ทองมี นายธํารงศักดิ์ ธํารงเลิศฤทธิ์ นายรอง ทองดาดาษ

ผูตรวจ

รศ. จารุพรรณ ทรัพยปรุง นางสาววัชรินทร ฐิติอดิศัย นายชัยยศ วนิชวัฒนานุวัติ

บรรณาธิการ

ศ. ปรีชา เถาทอง นายสมเกียรติ ภูระหงษ พิมพครั้งที่ ๑๐

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ ISBN : 978-616-203-080-2 รหัสสินคา ๒๑๑๕๐๐๒

¤Œ¹¤ÇÒÁÃÙŒ¢ÂÒ¤ÇÒÁ¤Ô´¨Ò¡ ¾ÔÁ¾ ¤ÃÑ駷Õè ñ ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ òñôõðð÷

EB GUIDE

ที่พิมพกํากับหัวขอสําคัญในหนังสือเรียนหลักสูตรแกนกลางฯ ผาน www.aksorn.com ไปยังแหลงความรูทั่วไทย-ทั่วโลก

คณะผูจัดทําคูมือครู

ธํารงศักดิ์ ธํารงเลิศฤทธิ์ สังคม ทองมี สุวิชญ หาญดํารงรักษ


กระตุน ความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู

ขยายความเขาใจ

Explain

Expand

ตรวจสอบผล Evaluate

¤íÒá¹Ð¹íÒ㹡ÒÃ㪌˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ หนังสือเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน ทัศนศิลป เลมนี้ สรางขึน้ เพือ่ ใหเปนสือ่ สําหรับใชประกอบการเรียนการสอนในรายวิชา พืน้ ฐาน กลุม สาระการเรียนรูศ ลิ ปะ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๑ โดยเนื้อหาตรงตามสาระการเรียนรูแกนกลางขั้นพื้นฐาน อานทําความเขาใจงาย ใหทั้งความรูและชวยพัฒนาผูเรียน ตามหลักสูตรและตัวชีว้ ดั เนือ้ หาสาระแบงออกเปนหนวยการเรียนรูต ามโครงสรางรายวิชา สะดวกแกการจัดการเรียนการสอนและ การวัดผลประเมินผล พรอมเสริมองคประกอบอืน่ ๆ ทีจ่ ะชวยทําใหผเู รียนไดรบั ความรูอ ยางมีประสิทธิภาพ à¹×éÍËҵçµÒÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§ ãËŒ¤ÇÒÁÃÙŒáÅÐàÍ×é͵‹Í¡ÒùíÒä»ãªŒÊ͹à¾×èÍ ãËŒºÃÃÅصÑǪÕéÇÑ´ áÅÐÊÌҧ¤Ø³ÅѡɳРÍѹ¾Ö§»ÃÐʧ¤

à¡ÃÔè¹¹íÒà¾×èÍãˌࢌÒ㨶֧ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ ã¹Ë¹‹Ç·Õè¨ÐàÃÕ¹

¨Ñ´¡ÅØ‹Áà¹×éÍËÒ໚¹Ë¹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ Êдǡᡋ¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹

à¡Ãç´ÈÔÅ»Šà¾ÔèÁàµÔÁ¨Ò¡à¹×éÍËÒ â´ÂÁÕá·Ã¡à»š¹ÃÐÂÐæ

เกร็ดศิลป

การวาดภาพตามแบบหรือเหมือนจริ

การวาดภาพตามแบบหรือเหมื อนจริง หมายถึง การวาดภาพจากสิ ่งต่างๆ ที่มี อยู่ในธรรมชาติรอบตัวเรา ตามที่สายตามองเ ห็น น�ามาเป็นแบบหรือหุ่น สิ่งต่างๆ ที่มองเห็นนั้นจะประกอบไปด้วยรูปร่ าง รู ส่วนประกอบดังกล่าวมีความส�าคัญ ปทรง ขนาด สัดส่วน แสงเงา และสีพื้น ในการวาด วาดจะแสดงขนาด ปริมาตร และแสดงระยะใก ภาพให้เหมือนจริง เพราะภาพที่ ล้-ไกลได้ ภาพจะดูมีความลึก เช่น การวาดภาพต้นไม้ในระยะใกลย้ อ่ มมี ขนาดใหญ่กว่า มีนา�้ หนักสีหรือแสงเงาเข้ มีรายละเอียดชัดเจนกว่าภาพต้นไม้ใ มกว่า นระยะไกลออกไป การวาดภาพตามแบบหรือเหมื อนจริ รูปทรง ขนาด สัดส่วน สีสันตามที ง นอกจากสิ่งที่ต้องค�านึงถึงด้านรูปร่าง ่สังเกตเห็นแล้ว สิ่งส�าคัญอีกประการหน ต้องวาดภาพแสดงน�้าหนักของแสงเง ึ่งคือ าให้ เกิดจากการทีแ่ สงเงามาตกกระทบ แส ถูกต้องด้วย น�้าหนักของแสงเงาบนวัตถุ งอาจส่ หลายด้านก็ได้ ถ้าแสงที่ตกกระทบว องมาจากด้านใดด้านหนึง่ หรือพร้อมกัน ัตถุ จะเห็นวัตถุเด่นชัด ถ้าแสงที่ตกกระทบวมีความสว่างมากก็จะเกิดเงามืดเข้มมาก ั ต ถุ ม ี ค วามสว่ างน้อย เงาของวัตถุก ไม่เข้ม วัตถุจะไม่เด่นชัดนัก แสงและเ งาในภาพจะแสดงให้เห็นความลึก ความนู็จะ และลักษณะของวัตถุช่วยท�าให้ดูคล้า น ยของจริง

Å»Š ñ. ¤ÇÒÁࢌÒã¨à¡ÕèÂǡѺ¡ÒÃÇÔ¨Òó ¼Å§Ò¹·ÑȹÈÔ

เคราะห์ หรือการแสดงความคิดเห็นบนพืน้ ฐาน การวิจารณผลงานทัศนศิลป หมายถึง การติ การชม การวิ เช่น ภาพเขียน งานปน งานสร้างสรรค์ต่างๆ เป็นต้น ของการใช้เกณฑ์ที่ก�าหนดมาพิจารณาผลงานในแขนงต่างๆ และเหตุผล ทั้งนี้เพราะการปฏิบัติงานศิลปะ แม้จะก�าหนด การวิจารณ์เพื่อประเมินงานทัศนศิลป์ จะต้องมีหลักเกณฑ์ มือ และแนวคิดของผู้สร้างสรรค์ ฝ ณ์ ให้ท�าในสิ่งเดียวกัน แต่ผลงานที่ได้ก็แตกต่างกันตามประสบการ ธกี ารต่างๆ ผลงานบางชิน้ อาจมีรปู แบบ การปฏิบตั งิ านศิลปะท�าให้เกิดผลงานสร้างสรรค์ดว้ ยรูปแบบและวิ นในชีวิตประจ�าวัน ถ้าผู้ประเมินงานไม่เข้าใจก็จะ ที่แปลกไปจากธรรมชาติ มีลักษณะที่ไม่คุ้นเคยหรือไม่เคยพบเห็ ้งก็ให้เหตุผลไม่ได้ว่าที่เป็นเช่นนั้นเพราะอะไร เช่น ท�าไม วิจารณ์ไปตามความรู้สึกของตนที่มีต่อผลงานนั้น บางครั ี ผู้วิจารณ์จะต้องพิจารณาอย่างมีเหตุผล มีความยุติธรรม จึงชอบหรือไม่ชอบผลงานชิ้นนี้ การวิจารณ์งานศิลปะที่ด ดเห็นของผู้อื่น และฝกความมีเหตุผลให้กับผู้ถูกวิจารณ์ ไม่ล�าเอียง การวิจารณ์ฝกให้ผู้ถูกวิจารณ์เป็นผู้รับฟงความคิ ไปพร้อมๆ กัน

หน่วยที่

หลักการวาดภา

ตัวชี้วัด ศ ๑.๑ ม.๑/๓ วาดภาพทั ศนี

ยภาพแสดงให

สาระการเรียนรู

้แกนกลาง

พแสดงทัศนียภา

หลักการวาดภาพ

แสดงทัศนียภาพ

นโลกแห่งควา มเป็นจริง เราส เป็นภาพ ๓ มิ ามารถมองเ ติ แต่เมือ่ เราน ห็นสิ่งต่างๆ ำาภาพทีม่ องเ เป็นภาพวาด ห็นนัน้ มาถา่ ยทอ บนพื้นผิวระน ด าบ ๒ มิติ ผืนผ้าใบ ฝาผ เช่น แผ่นกระ นัง เป็นต้น เพื่อ ดาษ ต้องสรา้ งคว ามลกึ ในลกั ษณ ให้ได้ภาพวาดที่ดูสมจริง เราจะ ะเทียมหรอื ลวง บนพื้นผิวระน าบ ตาข และระยะของวั รวมถึงการกำาหนดความแต นึ้ เป็นมิตทิ สี่ าม ตถุต่างๆ จาก กต่ า งขอ งตำ าแหน่ง ผู้ชม การสร้าง “คว ามลึกลวงตา” ในมุมของการมองเห็นที ให้เกิดเป็นรู ่แท้จริง สำาหรับภาพ ปทรง ๒ ควา มลึ ก รวม ที่มีปริมาตร มีความกว้ มิติ บนพื้นผิวระนาบ าง ความยา ถึ ว ถูกถ่ายทอดออ ง รอย นู น รอย ยุ บ ตาม ที่ เ ห็ น จริ ง จะท ความสูง กมามองดูสมจร ำ า ให้ ภ าพที่ งิ คล้ายคลงึ กั บภาพทีเ่ ห็นจริ งด้วยสายตา

้เห็นระยะไกลใกล

้เป็น ๓ มิติ

“ลั่นทมบนเขาวัง” ภาพวาดทิวทั

ศนธรรมชาติแบบเหมือนจริง เทคนิ

คการวาดภาพด้วยสีอะคริลิกบนผ้

ี่ชมไดอยางสรางสรรค าใหมีขอมูลทที่สามารถนํามาวิจารณผลงานทัศนศิลปท

การพินิจพิจารณาผลงานอยางละเอียดถี่ถวน จะชวยทํ

๙๘

EB GUIDE

าใบ ผลงานของ ไพรวัลย ดาเกลี

้ยง

6๑

http://www.aksorn.com/LC/Va/M1/14

53

µÑǪÕéÇÑ´áÅÐÊÒÃСÒÃàÃÕ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§ µÒÁ·ÕèËÅÑ¡Êٵà ¡íÒ˹´ à¾×èÍãËŒ·ÃÒº¶Ö§à»‡ÒËÁÒÂ㹡ÒÃÈÖ¡ÉÒ

Design ˹ŒÒẺãËÁ‹ ÊǧÒÁ ¾ÔÁ¾ ô ÊÕ µÅÍ´àÅ‹Á ª‹ÇÂãˌ͋ҹ·íÒ¤ÇÒÁࢌÒã¨ä´Œ§‹ÒÂ

ภาคเหนือ

จิตรกรรมในภาคเหนือ นิยม

เขียนโดยชางพื้นบาน มีเนื้อเรื่อง เกี่ยวกับพุทธประวัติจาก พระปฐมสมโพธิกถา และ ตํานานพื้นบานตางๆ การเขียน ภาพจะปรากฏในพระวิหาร หอคํา และศาสนสถานอื่นๆ การเขียน ภาพระบายสีนิยมใชสีเหลือง สีทอง และสีแดงเปนหลัก สําหรับการตกแตงลวดลายและ การใชสีหลายสีในการเขียนเปน ภาพ และเรือ่ งราวในพุทธประวัติ วรรณคดีจะมีรายละเอียดที่ งดงามมาก

120

ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง

ภาคใต

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ภาคกลาง

จิตรกรรมในภาคตะวันออก-

จิตรกรรมในภาคกลาง นิยม

เฉียงเหนือ นิยมเขียนโดยชาง พืน้ บาน มีเนือ้ เรือ่ งเกีย่ วกับพุทธประวัติจากพระปฐมสมโพธิกถา และวรรณกรรมพื้นบาน เชน พระศรีมโหสถ การเขียนภาพ จะมีปรากฏภายในโบสถที่เรียก วา “สิม” และศาลาการเปรียญ ที่เรียกวา “หอแจก” เทคนิคใน การเขียนภาพจะใชสีฝุนผสมกาว จากธรรมชาติ ระบายแบบ เรียบงาย ดูหยาบ แตดูมี ความอิสระ และจริงใจ

àÊÃÔÁÊÒÃШҡà¹×éÍËҹ͡à˹×ͨҡ·ÕèÁÕã¹ÊÒÃСÒà àÃÕ¹ÃÙጠ¡¹¡ÅÒ§ à¾×Íè à¾ÔÁè ¾Ù¹áÅТÂÒ¾ÃÁá´¹¤ÇÒÁÃÙŒ ãËŒ¡ÇŒÒ§¢ÇÒ§ÍÍ¡ä»

¡Ô¨¡ÃÃÁÈÔÅ»Š»¯ÔºÑµÔ à¾×èÍãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹ÁդسÀÒ¾ ºÃÃÅØÁҵðҹáÅеÑǪÕéÇÑ´

กิจกรรม

ô. à»ÃÕºà·Õº§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»ŠÀÒ¤µ‹Ò§æ ¢Í§ä·Â ทัศนศิลป์ของไทยและท้องถิ่นถือก�าเนิดขึ้น ตามภูมภิ าคต่างๆ ของประเทศ ทีม่ ลี กั ษณะทางภูมศิ าสตร์ ประวัติความเป็นมา สังคมและวัฒนธรรมที่เป็นลักษณะ เฉพาะ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวล้วนมีอิทธิพลต่อรูปแบบและ ลักษณะของงานทัศนศิลป์เป็นอย่างมาก การที่จะเข้าใจ ถึงงานทัศนศิลป์ในภาคต่างๆ ของไทยเพื่อให้เห็นภาพ อย่างชัดเจน ผูเ้ รียนจะต้องมองผลงานทัศนศิลป์ให้เป็นไป ตามปัจจัยทีเ่ กีย่ วข้องด้วย ซึง่ อาจจะมีทงั้ ส่วนทีเ่ หมือนกัน หรือส่วนที่แตกต่างกันตามรายละเอียด ดังนี้

Web Guide á¹Ð¹íÒáËÅ‹§¤Œ¹¤ÇŒÒ¢ŒÍÁÙÅ à¾ÔèÁàµÔÁ¼‹Ò¹Ãкº Online

เขียนโดยชางหลวง มีเนื้อเรื่อง เกี่ยวกับพุทธประวัติจาก พระปฐมสมโพธิกถา ไดแก ทศชาติชาดก มารผจญ หรือ ภาพพระอดีตพุทธ และเรือ่ งราว ทางประวัตศิ าสตร วรรณคดีตา งๆ การเขียนภาพที่ปรากฏบน ผนังอาคาร ไดแก โบสถ วิหาร ศาลาการเปรียญ รวมถึงใน สมุดขอย เทคนิคการเขียนจะใช สีฝุนผสมกาวจากธรรมชาติ เปน วัตถุดิบในการสรางสรรคผลงาน

ภาคใต

จิตรกรรมในภาคใต นิยมเขียน โดยชางพื้นบาน มีเนื้อเรื่อง เกี่ยวกับพุทธประวัติจาก พระปฐมสมโพธิกถา และ เรื่องราวทองถิ่นสอดแทรก โดยเฉพาะเรื่องราวในศาสนา พราหมณ-ฮินดู ศาสนาอิสลาม ที่ปรากฏผานการตกแตงดวย รูปแบบ และลวดลายตางๆ อยางนาสนใจ

์ผลงาน ร้างสรรค คาร อา ลต่อการส ่มีอิทธิพ ่อยู่ของตน เช่น ทัศน์ ิว างหนึ่งที ที าคัญอย่ ยงามให้กับถิ่น ็นิยมวาดภาพท ลตอกา ็นปัจจัยสํ ่มีอิทธิพ เลก ์สิ่งสว ปจจัยที แวดล้อมเป ่อการสร้างสรรค ผู้คนที่อยู่ชายทะ ง ่ สิ าพ  สภ าย มต น ูมิศาสตร เลที่ตั้งที่เหมาะส นที่อยู่ในทะเลทร ้วัสดุอื่นๆ เป็นต้ นภ ล า พ ด ธิ า ะมีอิท ้านเรือ ทศ ทํ ว่าการใช พลทาง งฤดูกาลจ ึง ๑. อิทธิ ิจารณาภูมิประเ ่างจากอาคารบ มาแกะสลักมากก งขอ า ่ ามแตกต ระดับน้ําท่วมถ ะเลือกพ จะมีความแตกต าก็นิยมนําไม้ นกัน คว งสรรค์จ นป นศิลป์เช่ เรือนสูงให้พ้นจาก นือจะมีหน้าต่าง ซึ่งผู้สร้า บริเวณชายทะเล าศัยอยู่ใ ้น ลงานทัศ ย ื่นๆ ผู้ที่อ ้างสรรค์ผ จะมีลักษณะยกพื ี่เรือนไทยภาคเห ที่พักอาศั กกว่าวาดภาพอ ่อการสร ะท ก็ มา อิทธิพลต นไทยภาคกลาง ้ําฝนได้ดี ในขณ ทางทะเล ือได้ว่ามี ดใสตาม ือ ฤดูกาลถ ศนศิลป์ เช่น เร ร้อนและระบายน ีที่สว่างส ทั น งการใช้ส ดคล้องไปตาม าม ต้ าน น รถ่ายเทคว ์ในเรื่องขอ ้างสรรค์ง ูหนาว เป็ บ สอ ต่อการสร งสูง เพื่อให้เกิดกา าวเย็นในช่วงฤด ่อการสร้างสรรค นจะใช้สีหม่น ทึ ลต เย็ หน ทร ิธีการ มีหลังคา ื่อปองกันอากาศ ฤดูกาลมีอิทธิพ ศทางแถบอากาศ ระเบียบว ิลป์ เพ ธีกรรม น้อยกว่า ทางด้านจิตรกรรม ่างไปจากประเท ธรรม พิ างสรรค์งานทัศนศ รรม ่งจะต ร้ ย่อมมีคติ ยก บร้อน ซึ ะศาสนา ลสําคัญต่อการส ในทางสถาปัต ทศทางแถ บของ สนาแต่ล ับใช้ ธิพ แบบประเ กาศจริง าสนา ศา เหตุผลและมีอิท งราวเนื้อหาสําหร งรูปเคารพ รูปแบ นศ รยา า  บร สภาพ ่านี้เป็น พลทางด การสร้า ให้มีเรื่อ อ ๒. อิทธิ ่างกัน ซึ่งสิ่งเหล ต่ง อิทธิพลนี้ทํา ละศาสนา เช่น นดู เป็นต้น ิความเชื่ ฮิ แตกต ารตกแ ีนิสัย คต ะสังคม าะของแต่ สนาพราหมณ์มม ฉพ เ ์ อ างศาสนา ด สัดส่วน และก ย่ ท ิ ง ษณ ล่ ต ั ห่ ก ศา บ ิ สต์ ปฏ นา ดเอกลั แต่ละแ วี ติ ในแต าสนาคริ ูปแบบ ข ตรกรรม ให้เกิ องประเทศ อิ ากาศ การดาํ รงช เช่ น คน ไท ย ทั้งด้านร กต่างจากศ ะจิ ิ ล ป์ ิ หรือผู้คนข ะภมู าก็จะแต รรม แล ในสังคม พภมู ปิ ระเทศแล รร มท างทั ศ นศ อยู่กับธรรมชาต คน ประติมาก ในพระพุทธศาสน คม าน ดานสัง นออกไปตามสภา ร้ า งส รร ค์ วั ฒ นธ ู่เรียบง่าย ผูกพัน รทําเกษตร ศาสนสถ พลทาง รส นอย ีชีวิตกา ริด ๓. อิทธิ ย้ งชีพทีแ่ ตกต่างกั อิ ท ธิ พ ลต่ อ กา ความเป็ ะท้อนวิถ เทวรูปสํา ่นฐาน มี ะจิตรกรรม ก็ส หาเลี ยเป็ น ือง ะ นคนรักถิ ้ ได้ ก ลา การทํามา แล ืองมีฐาน ร้าง แต่ถ้าบ้านเม ตลอดจน ั น ออ กไ ปเช่ น นี ีลักษณะนิสัยเป็ ประติมากรรม นเม า บ้ า ถ้ รรม จะม า งก ัพย์ในการส เนื้องาน ถาปัตยก ที่ แ ตก ต่ บเกษตรกรรม ชัดในตัว เพราะมีกําลังทร ทางด้านส แบ อย่างเด่น ย มีวิถีชีวิต รค์งานทัศนศิลป์ ้วย เป็นต้น นออกมา หรูหรา ฟุมเฟอ น้อย อ ้ ะท นด งสร า ้ กิจ จะส การสร หาของงา มีความ ปริมาณ ปในเนื้อ านเศรษฐ ีขนาดใหญ่โต ขนาดเล็ก หรือมี แทรกลงไ พลทางด ็จะม มี ๔. อิทธิ ที่สร้างออกมาก ั้นก็จะเสื่อมโทรม งาน ืองน ฐกิจดี ผล ในบ้านเม ทางเศรษ แค้น ศิลปกรรม ร้น มีสภาพแ

นศิลป

อขั

บโอควํ่าหรื

ษณะแบ จี จะมีลัก ยต่อมา สถูปที่สาญ ูปในสมั การสร้างสถ

12๘

่แบบของ

เป็นแม นควํ่า ซึ่ง

ศิลป์ปฏิบัติ ๓.๑

กิจกรรมที่ ๑

ลงานทัศ

รรคผ รสรางส

เสริมสาระ

กิจกรรมที่ ๒ กิจกรรมที่ ๓

ให้นา� ผลงานทัศนศิลป์ ๒-๓ ชิน้ แล้วน�ามาอภิปรายร่วมกันว่าผลงานชิน้ นัน้ มีความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน และความสมดุลอย่างไร ให้ผู้เรียนแต่ละคนออกแบบงานทัศนศิลป์ที่เน้นถึงความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน และ ความสมดุล คนละ ๑ ชิ้น โดยไม่จ�ากัดประเภทของผลงาน จงตอบค�าถามต่อไปนี้ ๓.๑ การออกแบบมีความส�าคัญกับการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์อย่างไร ๓.๒ หลักการออกแบบงานทัศนศิลป์ที่ดีจะต้องค�านึงถึงหลักการอะไรบ้าง จงอธิบาย

สรุป มนุษย์ได้มีการพัฒนาทักษะในเรื่องของความคิด สติปัญญา และจินตนาการ จนนำามาสู่ การสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ โดยอาศัยกระบวนการค้นคว้าอย่างมีระบบ มีหลักเกณฑ์ และมีขั้นตอนใน การทำางาน จนผลงานสำาเร็จตามวัตถุประสงค์ โดยมีส่วนสำาคัญอันดับแรก คือ “การออกแบบ” ซึ่งเป็น การนำาองค์ประกอบศิลป์หรือทัศนธาตุ ได้แก่ เส้น รูปร่าง รูปทรง พื้นผิว สี น้ำาหนักอ่อน-แก่ แสง-เงา และพื้นที่ว่างมาจัดเป็นภาพ หรือนำามาประกอบกันตามหลักของการออกแบบงานทัศนศิลป์ ได้แก่ ความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน และความสมดุล เพื่อให้เกิดความสวยงาม สะท้อนให้เห็นถึงความคิด สร้างสรรค์ของผู้ออกแบบและสามารถนำาผลงานไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำาวันได้

า ทศกัมพูช ยี บ ประเ อื งเสยี มเรศนศิลป์ ทั นครวัด เม งการของ สนาที่มีต่องาน งศา งามและอลั ความงด ้เห็นถึงอิทธิพลขอ แสดงให

38


กระตุน ความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè

ñ

● ●

● ● ●

● ●

● ●

˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè

˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè

ó ô õ

ขยายความเขาใจ

¤ÇÒÁËÁÒ¢ͧÈÔÅ»ÐáÅзÑȹÈÔÅ»Š ¤ÇÒÁÊÑÁ¾Ñ¹¸ ÃÐËÇ‹Ò§ÈÔŻСѺÁ¹ØÉ »ÃÐàÀ·¢Í§§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š ÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁáÅЧҹ·ÑȹÈÔÅ»Š ·ÑȹÈÔÅ»Š¡ÑºÊع·ÃÕÂÀÒ¾ ¤Ø³¤‹Ò¢Í§·ÑȹÈÔÅ»Š Çѵ¶Ø»ÃÐʧ¤ 㹡ÒÃÈÖ¡ÉÒÊÒÃзÑȹÈÔÅ»Š

·Ñȹ¸ÒµØ ●

˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè

Explain

¤ÇÒÁÃÙŒàº×éͧµŒ¹à¡ÕèÂǡѺ·ÑȹÈÔÅ»Š

ò

อธิบายความรู

Expand

ตรวจสอบผล Evaluate

ÊÒúÑÞ ●

˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè

Explore

¤ÇÒÁËÁÒ ¤ÇÒÁÊíÒ¤Ñޢͧ·Ñȹ¸ÒµØ ͧ¤ »ÃСͺ¢Í§·Ñȹ¸ÒµØ ·Ñȹ¸ÒµØ¡Ñº¡ÒèѴͧ¤ »ÃСͺÈÔÅ»Š ·Ñȹ¸ÒµØã¹ÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ ¤ÇÒÁᵡµ‹Ò§áÅФÇÒÁ¤ÅŒÒ¤ÅÖ§¢Í§·Ñȹ¸ÒµØ 㹧ҹ·ÑȹÈÔÅ»ŠáÅÐÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ

¡ÒÃÍ͡Ẻ§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š ● ●

¤ÇÒÁËÁÒÂáÅФÇÒÁÊíÒ¤Ñޢͧ¡ÒÃÍ͡Ẻ ËÅÑ¡ÊíÒ¤Ñޢͧ¡ÒÃÍ͡Ẻ

¤ÇÒÁÃÙŒàº×éͧµŒ¹à¡ÕèÂǡѺ¡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾ÃкÒÂÊÕ ● ● ●

¤ÇÒÁ໚¹ÁÒáÅÐá¹Ç·Ò§»¯ÔºÑµÔ à¤Ã×èͧÁ×ÍáÅÐÍØ»¡Ã³ 㹡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾ÃкÒÂÊÕ á¹Ç·Ò§¾×鹰ҹ㹡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾ÃкÒÂÊÕ

ËÅÑ¡¡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾áÊ´§·ÑȹÕÂÀÒ¾ ● ● ● ● ●

¤ÇÒÁÅÖ¡ÅǧµÒẺ ó ÁÔµÔ ËÅÑ¡¡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾áÊ´§·ÑȹÕÂÀÒ¾ ÇÔ¸ÕÇÒ´ÀÒ¾áÊ´§·ÑȹÕÂÀÒ¾ ¡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾·ÔÇ·Ñȹ áÅÐÀÒ¾¤¹·ÕèáÊ´§·ÑȹÕÂÀÒ¾ ¡ÒáíÒ˹´à§Ò¢Í§Çѵ¶Ø

ñ-ñô ò ó ô ø ù ñò ñó

ñõ-óð ñö ñö òó òö òù

óñ-óø óò

óó

óù-õò ôð ôñ ôø

õó-öô õô õö õø öð öó


กระตุน ความสนใจ Engage

สํารวจคนหา

อธิบายความรู

Explore

˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè

˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè

ö ÷

Explain

● ● ●

Evaluate

ÅѡɳТͧ¼Å§Ò¹»˜œ¹áÅЧҹÊ×èͼÊÁ ËÅÑ¡¡ÒèѴ·íҼŧҹ»˜œ¹áÅЧҹÊ×èͼÊÁ ¡ÒÃáÊ´§¼Å§Ò¹¡Òû˜œ¹ËÃ×ÍÊ×èͼÊÁ໚¹àÃ×èͧÃÒÇ ó ÁÔµÔ

¡ÒÃÍ͡ẺÃÙ»ÀÒ¾ ¡ÒÃÍ͡ẺÊÑÞÅѡɳ ¡ÒÃÍ͡Ẻ§Ò¹¡ÃÒ¿ ¡

ø ù ñð

ËÅÑ¡¡ÒûÃÐàÁÔ¹§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š ● ● ● ●

¤ÇÒÁࢌÒã¨à¡ÕèÂǡѺ¡ÒÃÇÔ¨Òó ¼Å§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š ¨Ø´»ÃÐʧ¤ ¢Í§¡ÒûÃÐàÁÔ¹§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š ËÅѡࡳ± ¡ÒþԨÒóÒà¾×èÍ»ÃÐàÁÔ¹¼Å§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š µÑÇÍ‹ҧ¡ÒûÃÐàÁÔ¹§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š

·ÑȹÈÔÅ»Š¢Í§ªÒµÔáÅзŒÍ§¶Ôè¹ ● ● ● ●

˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè

ตรวจสอบผล

¡ÒÃÍ͡ẺÃÙ»ÀÒ¾ ÊÑÞÅѡɳ áÅЧҹ¡ÃÒ¿ ¡ ●

˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè

Expand

§Ò¹»˜œ¹áÅЧҹÊ×èͼÊÁ

˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè

ขยายความเขาใจ

● ● ●

ÅѡɳÐÃٻẺ§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š¢Í§ªÒµÔ ÅѡɳÐÃٻẺ§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š·ŒÍ§¶Ôè¹ §Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Šã¹áµ‹ÅÐÀÙÁÔÀÒ¤ à»ÃÕºà·Õº§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»ŠÀÒ¤µ‹Ò§æ ¢Í§ä·Â

·ÑȹÈÔÅ»Šã¹ÇѲ¹¸ÃÃÁä·ÂáÅÐÊÒ¡Å

¼Å§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Šã¹ÇѲ¹¸ÃÃÁä·Â ¼Å§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Šã¹ÇѲ¹¸ÃÃÁÊÒ¡Å à»ÃÕºà·Õº¤ÇÒÁᵡµ‹Ò§¢Í§·ÑȹÈÔÅ»Šã¹ÇѲ¹¸ÃÃÁä·ÂáÅÐÊÒ¡Å

ºÃóҹءÃÁ

öõ-÷ø öö ö÷ ÷õ

÷ù-ùö øð øõ øø

ù÷-ñðô ùø ñðð ñðñ ñðò

ñðõ-ñòò ñðö ñðø ññð ñòð

ñòó-ñóù ñòô ñò÷ ñóð

ñôð


กระตุน ความสนใจ กระตุEngage นความสนใจ

สํารวจคนหา

อธิบายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Engage

Explore

Explain

Expand

Evaluate

เปาหมายการเรียนรู

มีความรูความเขาใจเบื้องตนเกี่ยวกับ ทัศนศิลป

สมรรถนะของผูเรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต

คุณลักษณะอันพึงประสงค 1. มีวินัย 2. ใฝเรียนรู 3. มุงมัน่ ในการทํางาน

หน่วยที่

กระตุน ความสนใจ

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับทัศนศิลป์ สิ่งจำ�เป็นต่อก�รดำ รดำ�รงชีวิตของมนุ ของ มนุษย์ นอกเหนือจ�ก จจ� และย รักษ�โรคแล้ ��โรคแล้ว ปัจจัยสี่ คือ อ�ห�ร อ เครือ่ งนุ งนุง่ ห่ม ทีอ่ ยูอ่ �ศัย และย�รั รมณ์ คว�มพึ มพึงพอใจก็มคี ว�มสำ ว มสำ�คัญด้วยเช่นกัน ซึง่ ผลง�น ผลง อ�รมณ์ แนวท งหนึ่ ง ที่ จ ะช่ ว ย ศิ ล ปะท�งด้ � นทั ศ นศิ ล ป์ นั บ ว่ � เป็ น แนวท�งหนึ มสุขสมบูรณ์พร้อมทั้งทท�งร่ �งร่�งก�ยย จิตใจ พัฒน�ตัวเร�ให้มีคว�มสุ นทัศนศิลป์จะเป็นผลง อ�รมณ์ สังคม และสติปัญญ� ทั้งนี้ง�นทั ผลง�น รมองเห็น โดยง�นทั โดยง ศนศิลป์ ที่เร�สัมผัสซึ่งคว�มง�มได้จ�กก�รมองเห็ หล ยประเภท ดังนั้น ก่อนที่จะเรียนรู้ จะจำ�แนกแยกย่อยได้อีกหล�ยประเภท เทคนิควิธแี ละลงมือสร้�งสรรค์ผลง�นทัศนศิลป์แต่ละประเภท จึงควร ศึกษ�เรื่องร�วเบื้องต้นเกี่ยวกับทัศนศิลป์เป็นก�รปูพื้นฐ�นไว้ก่อน

Engage

ครูใหนักเรียนดูภาพหนาหนวย แลวถาม นักเรียนวา • นักเรียนทราบหรือไมวา สถานที่ในภาพ คือที่ใด (แนวตอบ ภาพดังกลาวเปนสวนของ พระราชวังแวรซายส (Park of Versailles) ตั้งอยูที่เมืองแวรซายส กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส) จากนั้นครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยาง สถานที่สําคัญๆ ในประเทศไทย ที่นักเรียนเห็นวา ออกแบบไวไดอยางสวยงาม

1

เกร็ดแนะครู การเรียนการสอนในหนวยการเรียนรูนี้ ครูควรอธิบายใหนักเรียนเขาใจวา งานทัศนศิลป คือ ผลงานศิลปะที่นักเรียนสามารถสัมผัสรับรูความงามไดจากการ มองเห็น ซึ่งสามารถจําแนกผลงานทัศนศิลปไดตามลักษณะของเนื้องานเปนงาน จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปตยกรรม และภาพพิมพ โดยผลงานทัศนศิลป เปนการแสดงออกทางศิลปะแขนงหนึ่งที่ชวยพัฒนาอารมณของคนเราใหมี ความเปนมนุษยที่สมบูรณ ทั้งนี้การศึกษางานทัศนศิลปในระดับชั้นนี้ มิไดมุงหมาย เพื่อที่จะใหนักเรียนสรางสรรคงานศิลปะชั้นเยี่ยม หรือตองการจะใหเปนศิลปน แตอยางใด แตมุงหวังที่จะสงเสริมใหนักเรียนเปนผูมีความคิดริเริ่มสรางสรรค มีจินตนาการทางศิลปะ รูสึกชื่นชมความงาม ความมีคุณคาของผลงานทัศนศิลป ที่มนุษยไดสรางสรรคขึ้น

คูมือครู

1


กระตุน ความสนใจ

สํารวจคนหา

อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Engage

Explore

Explain

Expand

Evaluate

กระตุEngage นความสนใจ

สํารวจค Exploreนหา

กระตุน ความสนใจ

Engage

ครูถามนักเรียนวา • ศิลปะและทัศนศิลปแตกตางกันอยางไร (แนวตอบ ผลงานที่ถือวาเปนงานศิลปะ จะตองเปนงานที่มนุษยสรางสรรคขึ้น มิใชเกิด ขึ้นมาเองตามธรรมชาติ ซึ่งจะแสดงออกมาใน รูปลักษณตางๆ เชน ภาพเขียน บทเพลง ระบํา รํา ฟอน เปนตน สวนทัศนศิลปเปนศัพทที่ บัญญัติขึ้นมาเพื่อใชจําแนกผลงานที่มนุษย สามารถสัมผัสความงามไดจากการ มองเห็น แบงออกไดเปน 4 ประเภทหลักๆ คือ จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปตยกรรม และภาพพิมพ) ครูเชื่อมโยงเขาสูเนื้อหาเกี่ยวกับความหมายของ ศิลปะและทัศนศิลป

สํารวจคนหา

ñ. ¤วามËมาย¢องศิลปะและทัศนศิลป์ 1

ศิลปะ 2 หมายถึง ผลแห่งความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่แสดงออกมาในรูปลักษณ์ต่างๆ ให้ปรากฏ ซึ่งสุนทรียภาพ ความประทับใจ หรือความสะเทือนอารมณ์ ตามประสบการณ์ รสนิยม และทักษะของบุคคลแต่ละคน นอกจากนี้ ยังมีนักปราชญ์ นักการศึกษา ท่านผู้รู้ ได้ให้นิยามความหมายของศิลปะแตกต่างกันออกไป เช่น

ศิลปะ คือ ●

การสื่อสารอยางหนึ่งระหวางมนุษย การระบายความปรารถนาในใจของศิลปนออกมา การแสดงออกของผลงานดานตางๆ ที่สรางสรรค

จากความหมายและค�านิยามทางศิลปะที่ได้นา� มากล่าวอ้างไว้ขา้ งต้น จะเห็นได้วา่ ผลงานทีเ่ รียกกันว่าเป็น “ศิลปะ” จะมีทศั นะทีแ่ ตกต่างกันออกไป ยากทีจ่ ะหาข้อสรุปทีแ่ น่นอนหรือก�าหนดลักษณะของงานศิลปะได้ โดยในแต่ละ ยุคสมัยท่านผูร้ ไู้ ด้กา� หนดความหมายของศิลปะไปตามบริบทของตนเอง ซึง่ ย่อมจะมีความแตกต่าง หรือเปลีย่ นแปลง ไปตามสภาพของสังคม สิ่งแวดล้อม และความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ก็เป็นที่ยอมรับกันในประการ หนึ่งว่า ผลงานที่ถือว่าเป็นงานศิลปะจะต้องเป็นงานที่มี การสร้างสรรค์ ไม่ใช่เกิดขึ้นมาเอง กล่าวคือ “จะตองมี มนุษยเปนผูสรางสรรค” ผลงานนั้นๆ ส่วนค�าว่า “ทั “ทัศนศิลป์” (Visual Art) เป็นศัพท์ที่ ได้รับการบัญญัติขึ้นใช้ในวงการศิลปะเมื่อประมาณ ๓๐ ปี ที่ผ่านมา จุดมุ่งหมายที่บัญญัติศัพท์ “ทัศนศิลป์” ขึ้นมา ก็เพือ่ จ�าแนกความแตกต่างหรือแยกลักษณะการรับรูข้ อง มนุษย์ทางด้านศิลปะให้มคี วามชัดเจนมากขึน้ ทัง้ นีเ้ พราะ แต่เดิมนั้น ผลงานทางด้านทัศนศิลป์จะถูกผนวกรวมเข้า และถือเป็นส่วนหนึ่งของงาน “วิจิตรศิลป์” จึงท�าให้เกิด ความเข้าใจว่า งานทัศนศิลป์จะต้องเป็นผลงานที่มีความ จิตรกรรมไทย เป็นผลงานสร้างสรรค์ของช่างเขียนไทย นับเป็น ผลงานศิลปะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นไม่ซ�้าแบบใคร ละเอียด ประณีตบรรจง และมีความงดงามเท่านั้น

Explore

ใหนักเรียนสืบคนเกี่ยวกับความหมายของศิลปะ และทัศนศิลป จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน หนังสือเรียน หองสมุด อินเทอรเน็ต เปนตน

อธิบายความรู

3

การเลียนแบบธรรมชาติ การแสดงออกของบุคลิกภาพทางอารมณของมนุษย

Explain

ครูสุมตัวอยางนักเรียน 2-3 คน ใหออกมา อธิบายความหมายของศิลปะและทัศนศิลปที่ได ไปสืบคนมา หนาชั้นเรียน ครูอธิบายเสริมเพิ่มเติม ความรู จากนั้นใหนักเรียนจดสาระสําคัญลงสมุด บันทึก

นักเรียนควรรู 1 สรางสรรค หมายถึง การประดิษฐคิดคนสิ่งใหมใหเกิดขึ้น โดยอาศัย พื้นฐานของสิ่งที่มีอยูเดิม เชน ธรรมชาติ ความรู วัสดุ เทคโนโลยี เปนตน เปน ขอมูลสําคัญในการคิดคน มนุษยสามารถพัฒนาการสรางสรรคใหมีประสิทธิภาพ มากขึ้น โดยเพิ่มพูนองคประกอบของความคิดสรางสรรค อันไดแก การเห็นและ รับรู ประสบการณ การเรียน และจินตนาการ ใหเจริญงอกงาม 2 สุนทรียภาพ หมายถึง ความซาบซึ้งในคุณคาของสิ่งที่งาม ไพเราะ หรือ รื่นรมย ไมวาจะเปนธรรมชาติหรือศิลปะ 3 การเลียนแบบธรรมชาติ ในที่นี้หมายถึงผลงานศิลปะที่ถายทอดจากตนแบบ ที่เปนจริงตามธรรมชาติ เชน รูปรางมนุษย ทิวทัศนทางทะเล ตนไม ภูเขา เปนตน ศิลปนอาจนําเสนอโดยปราศจากการแตงเติมหรือตัดทอนใดๆ หรือศิลปนอาจนํา มาดัดแปลง จัดวางทัศนธาตุใหม โดยอาศัยเคาโครงเดิมจากธรรมชาติก็ได

2

คูมือครู

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T

“ศิลปะ คือ สิ่งที่มนุษยสรางสรรคขึ้น เพื่อแสดงออกซึ่งอารมณ ความรูสึก สติปญญา ความคิด และ/หรือความงาม” เปนคํากลาวของบุคคลใด 1. เลโอนาโด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) 2. อริสโตเติล (Aristotle) 3. ชลูด นิ่มเสมอ 4. ศาสตราจารยศิลป พีระศรี วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. “ศิลปะ คือ สิ่งที่มนุษยสรางสรรคขึ้น เพื่อ แสดงออกซึ่งอารมณ ความรูสึก สติปญญา ความคิด และ/หรือความงาม ” เปนคํากลาวของชลูด นิ่มเสมอ ซึ่งไดกลาวไวในหนังสือองคประกอบของ ศิลปะ (พ.ศ. 2534)


กระตุน ความสนใจ

สํารวจคนหา

อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Engage

Explore

Explain

Expand

Evaluate

กระตุEngage นความสนใจ

สํารวจค Exploreนหา

กระตุน ความสนใจ ò. ¤วามสัมพัน¸ ระËว‹างศิลปะกับมนุÉย การสร้างสรรค์ทางศิลปะ เป็นกิจกรรมพัฒนาสติปญั ญาและอารมณ์ ซึง่ จะเกิดขึน้ ได้เฉพาะในสังคมมนุษย์ เท่านั้น ถึงแม้ว่าในหมู่สัตว์บางชนิดก็อาจจะมีกิจกรรมในลักษณะท�านองเดียวกับที่มนุษย์กระท�าขึ้น แต่เราก็ไม่อาจ นับว่าเป็นงานศิลปะได้ เนื่องจากกิจกรรมเหล่านั้น มักถูกสร้างขึ้นมาโดยความบังเอิญหรือเกิดจากสัญชาตญาณของ สัตว์เอง ซึ่งมักจะมีเป้าหมายเพื่อป้องกันภยันตราย ด�ารงเผ่าพันธ์ุ หรือเพื่อการด�ารงชีวิตรอดเป็นหลัก การสร้างสรรค์ศลิ ปะของมนุษย์เชือ่ ว่าเกิดขึน้ มาตัง้ แต่สมัยโบราณตัง้ แต่ยคุ หินหรือเมือ่ ประมาณ ๕๐๐,๐๐๐๔,๐๐๐ ปีมาแล้ว นับตั้งแต่เมื่อครั้งที่บรรพบุรุษของมนุษย์ยังเป็นพวกเร่ร่อนอาศัยอยู่ตามถ�้า เพิงผา ด�ารงชีพ ด้วยการล่าสัตว์ และหาของป่ามาเป็นอาหาร โดยผลงานศิลปะถ้าไม่นับพวกเครื่องมือเครื่องใช้ ล�าดับแรกๆ จะเป็น ภาพวาด ซึ่งปรากฏอยู่ตามผนังถ�้าในที่ต่างๆ เช่น ภาพวัวไบซัน ที่ถ�้าอัลตามีรา ประเทศสเปน ภาพสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น ม้า กวาง เป็นต้น ทีถ่ า�้ ลาส์โกซ์ ประเทศฝรัง่ เศส ส�าหรับในประเทศไทยก็สา� รวจพบภาพวาดในทีห่ ลายแห่ง เช่น ภาพช้าง ภาพเต่า ที่ผาแต้ม อ�าเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ภาพนก ภาพจระเข้ ที่ถ�้าผีหัวโต อ�าเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ เป็นต้น ที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นว่าศิลปะมีความเกี่ยวพันกับมนุษย์ ในแง่ที่เป็นผลงานหรือวิธีการแสดงออกมา เพื่อตอบสนองอารมณ์ของตนเอง อาจจะเป็นความประทับใจ ความซาบซึ้ง ผ่อนคลายความตึงเครียดหรือเพื่อ ความชื่นชม และศรัทธา โดยผลงานศิลปะแรกๆ ของมนุษย์ เชื่อว่าน่าจะเกิดจากแรงบันดาลใจของมนุษย์ที่มีต่อ ความงามทางธรรมชาติหรือสภาพแวดล้อม จากนั้นจึงค่อยๆ ถ่ายทอดความประทับใจนั้นออกมาเป็นผลงานศิลปะ โดยอาจจะเป็นงานประเภทจิตรกรรม และประติมากรรมอย่างง่ายๆ

Engage

ครูใหนักเรียนยกตัวอยางผลงานทัศนศิลปที่ พบเห็นในสังคมไทย มาคนละ 1 ตัวอยาง พรอมทัง้ ระบุแหลงที่มาและรูปแบบของผลงาน จากนั้นครู ถามนักเรียนวา • ศิลปะมีความสัมพันธกับชีวิตมนุษยอยางไร (แนวตอบ ศิลปะสัมพันธกับชีวิตมนุษย ในแงของอารมณ ความรูส กึ เพราะงานศิลปะ โดยสวนใหญเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองอารมณ ความรูสึกของมนุษย ซึ่งอาจจะเปน ความประทับใจ ความซาบซึ้ง ความศรัทธา หรือความเหงา โดยเชื่อกันวางานศิลปะ ในยุคแรกๆ เกิดขึ้นมาจากแรงบันดาลใจ ของมนุษยที่มีตอความงามของธรรมชาติ และสภาพแวดลอมกอน จากนั้นจึงถายทอด ออกมาเปนผลงานศิลปะ และแตกแขนง เปนสาขาตางๆ ดังที่พบเห็นไดในปจจุบัน เชน สาขาจิตรกรรม สาขาประติมากรรม เปนตน)

สํารวจคนหา

Explore

ใหนักเรียนสืบคนเกี่ยวกับความสัมพันธ ระหวางศิลปะกับมนุษย จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต เปนตน

อธิบายความรู 1

(ภาพซ้าย) ภาพเขียนสี สมัยก่อนประวัติศาสตร์ รูปสัตว์ชนิดต่างๆ พบที่ถ�้าลาส์โกซ์ (Lascaux) ประเทศฝรั่งเศส (ภาพขวา) ภาพเขียนสี เภอโขงเจี สมัยก่อนประวัติศาสตร์ รูปคนและสัตว์ชนิดต่างๆ พบที่ผาแต้ม อ�าเภอโ อโขงเจี ขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี

http://www.aksorn.com/LC/Va/M1/01

EB GUIDE

บูรณาการเชื่อมสาระ

การศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธระหวางศิลปะกับมนุษย สามารถ บูรณาการเชื่อมโยงกับการเรียนการสอนของกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตร เรื่องหลักฐานทางประวัติศาสตร เพราะหลักฐานทางประวัติศาสตรที่คนพบในสมัยกอนประวัติศาสตรสวนใหญ จะเปนผลงานศิลปะ ไมวาจะเปนงานศิลปะประเภทจิตรกรรม เชน ภาพวาด ที่ปรากฏตามผนังถํ้า เนินเขา หรือหนาผาในประเทศตางๆ และงานศิลปะ ประเภทประติมากรรม เชน เครื่องปนดินเผาตางๆ ซึ่งงานศิลปะเหลานี้ สามารถสะทอนวิถีชีวิตความเปนอยูของคนในยุคสมัยนั้นๆ ไดเปนอยางดี และยังเปนหลักฐานทางประวัติศาสตรชิ้นสําคัญที่เหลือไวใหคนรุนหลัง ไดศึกษาคนควาตอไป

Explain

1. ครูสุมตัวอยางนักเรียน 2-3 คน ใหออกมา อธิบายความสัมพันธระหวางศิลปะกับมนุษย จากที่นักเรียนไดไปสืบคนมา หนาชั้นเรียน 2. ครูนําภาพวาดของมนุษยในยุคโบราณที่ ปรากฏอยูตามผนังถํ้า เนินเขา หรือหนาผาใน ประเทศไทย มาใหนักเรียนชม แลวใหนักเรียน เขียนอธิบายเกี่ยวกับลักษณะของภาพวาด ดังกลาวมาพอสังเขป สงครูผูสอน

นักเรียนควรรู 1 ภาพเขียนสี คือ รูปภาพที่สรางขึ้นบนพื้นหินดวยสีที่ไดจากธรรมชาติ โดยการวาดดวยสีแหง (Drawing) ระบายสี (Painting) พนสี (Stenciling) ทาบหรือประทับ (Imprinting) และการสะบัดสี (Paint Splattering) ภาพที่เกิดจากการเขียนสีมักแสดงใหเห็นเปนรูปคน รูปสัตว รูปตนไม ใบไม และดอกไม รูปวัตถุและสิ่งของ รูปสัญลักษณตางๆ รวมทั้งรูปมือและเทาดวย ภาพเหลานี้อาจแสดงโดดๆ มีเนื้อความเลาเรื่องในตัวเอง หรือเปนภาพที่ประกอบ กันเปนเรื่องราว โดยแสดงใหเห็นถึงเรื่องราวการลาสัตว การทําเกษตรกรรม การละเลนรื่นเริง การประกอบพิธีกรรม ภาพเขียนสี เปนงานศิลปะที่เรียกกันโดยทั่วไปวา “ศิลปะถํ้า” (Cave Art) หรือ “ศิลปะบนหิน” (Rock Art) เนื่องจากภาพเหลานั้นปรากฏใหเห็นบนผนัง ภายในถํ้า หรือหนาถํ้า หรือตามผนังของกอนหินใหญ หรือเพิงหินและเพิงผาใหญ

คูมือครู

3


กระตุน ความสนใจ

สํารวจคนหา

อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Engage

Explore

Explain

Expand

Evaluate

กระตุEngage นความสนใจ

กระตุน ความสนใจ

สํารวจค Exploreนหา

Engage

ครูใหนักเรียนดูแผนผังประเภทของผลงาน ทัศนศิลป ในหนังสือเรียน หนา 4 จากนั้นครูถาม นักเรียนวา หากพิจารณาผลงานทัศนศิลปจาก แผนผัง นักเรียนชื่นชอบผลงานทัศนศิลปประเภทใด มากที่สุด เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอยางอิสระ)

สํารวจคนหา

ó. ประàภท¢องงานทัศนศิลป์

จิตรกรรม

ภาพที่ 2

ภาพที่ 3

ภาพที่ 4

(แนวตอบ ภาพที่ 1 คือ ภาพวาดลายเสน ภาพที่ 2 คือ ภาพผลงานสถาปตยกรรม (พระที่นั่งอนันตสมาคม) ภาพที่ 3 คือ ภาพพิมพรองลึก และภาพที่ 4 คือ ผลงานประติมากรรมฝาผนัง)

ประเภทงานทัศนศิลป

ประติมากรรม

แบบนูนตํ่า แบบนูนสูง แบบลอยตัว

ภาพพิมพ

พิมพผิวนูน พิมพรองลึก พิมพพื้นราบ พิมพฉากพิมพ

๓.๑ จิตรกรรม (Painting)

Explain

ภาพที่ 1

จิตรกรรม หมายถึง การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์บนพื้นระนาบด้วยวิธีการลาก การขีดเขียน หรือการ ระบายสีฝุ่น สีน�้า สีน�้ามัน ลงบนพื้นผิววัสดุที่มีความราบเรียบ เช่น กระดาษ ผ้าใบ ผนัง แผ่นไม้ เพดาน ผิวหน้า ของวัตถุอนื่ ๆ เป็นต้น เพือ่ ให้เกิดเรือ่ งราวและความงามตามความนึกคิดและจินตนาการของผูว้ าด จิตรกรรมสามารถ จ�าแนกได้เป็น ๒ ลักษณะ ดังนี้ ๑) ภาพวาด (Drawing) เป็นศัพท์ทางทัศนศิลป์ที่ใช้เรียกภาพวาดเขียน ภาพวาดเส้น แบบเป็น ๒ มิติ คือ มีเพียงความกว้าง และความยาว โดยใช้วัสดุต่างๆ เช่น ดินสอด�า สีชอล์ก สีเทียน ถ่านเกรยอง เป็นต้น ๒) ภาพเขียน (Painting) เป็นการสร้างงาน ๒ มิติ บนพื้นระนาบด้วยสีหลายสี การเรียกชื่อลักษณะ ของภาพเขียนจะเรียกตามวัสดุที่ใช้เป็นส�าคัญ เช่น การเขียนภาพด้วยสีนา�้ การเขียนภาพด้วยสีนา�้ มัน การเขียนภาพ ด้วยสีอะคริลิก เป็นต้น

“ทาเรือประมง” ภาพเขียนสีน�้า ผลงานของ สุชาติ เถาทอง

“ดอกไมชูชอรับแสง” ภาพเขียนสีน�้ามันบนผ้าใบ ผลงานของ กมลรัตน์ เพ็ชรชู

เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับคําวา “Drawing” และ “Painting” ใหนักเรียน เขาใจไดงายขึ้นวา Drawing คือ การลากเสนบนพื้นระนาบดวยเครื่องมือตางๆ เชน ดินสอ ปากกา เปนตน ซึ่งอาจจะมีการระบายสีในขั้นตอนตอไป หรืออาจจะ แคแรเงาบางสวนก็ได ซึ่งคนทั่วไปจะคุนเคยกับคําวา “การวาดลายเสน” สวน Painting เปนการสรางสรรคผลงานศิลปะดวยการระบายสีลงบนพื้นผิวของ วัตถุ โดยใชแปรง หรือพูกัน ซึ่งคนทั่วไปจะคุนเคยกับคําวา “ภาพวาดระบายสี”

มุม IT นักเรียนสามารถชมตัวอยาง Drawing ไดจาก http://drawsketch.about.com/ หรือจาก http://www.youtube.com/ โดยคนหาจากคําวา Drawing

คูมือครู

แบบเปด แบบปด

Explore

1. ใหนักเรียนรวมกันอธิบายและยกตัวอยาง ผลงานทัศนศิลป ประเภทจิตรกรรม แลวสรุป สาระสําคัญลงสมุดบันทึก ครูคอยชวยเสริม เพิ่มเติมความรู 2. ใหนักเรียนดูภาพผลงานทัศนศิลปตอไปนี้ แลวตอบคําถามวา ภาพแตละภาพเปนผลงาน ทัศนศิลปประเภทใด

4

สถาปตยกรรม

ภาพวาด ภาพเขียน

ใหนกั เรียนสืบคนเกีย่ วกับรูปแบบของงานทัศนศิลป ประเภทจิตรกรรม จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน หนังสือเรียน หองสมุด อินเทอรเน็ต เปนตน

อธิบายความรู

ผลงานศิลปะด้านทัศนศิลป์ สามารถจ�าแนกออกได้เป็น ๔ ประเภท คือ

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T

ใครสรางงานทัศนศิลป ประเภทจิตรกรรม ที่สะทอนถึงคุณคาของ วัฒนธรรมไทย 1. แอมแกะสลักรูปคุณปู 2. เอพิมพภาพดวยเศษวัสดุ 3. เดนปนตุกตาตัวการตูนที่ชื่นชอบ 4. กอยวาดภาพประเพณีการแหเทียนพรรษา วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะประเพณีการแหเทียนพรรษาเปน ประเพณีไทยที่ควรอนุรักษและสืบทอด ดังนั้น การที่กอยวาดภาพประเพณี การแหเทียนพรรษาจึงถือเปนการสรางงานทัศนศิลปประเภทจิตรกรรมที่ สะทอนคุณคาของวัฒนธรรมไทย


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Explain

Expand

Evaluate

อธิบายความรู ๓.๒ ประติมากรรม (Sculpture) ประติมากรรม หมายถึง การสร้างงานทัศนศิลป์ที่เกิดจากกลวิธีการปั้น การแกะสลัก การหล่อ การเชื่อม หรือกระบวนการอื่นใดที่สร้างให้เกิดรูปร่าง รูปทรง มีลักษณะเป็น ๓ มิติ คือ มีความกว้าง ความยาว และความหนา เช่น รูปคน รูปสัตว์ รูปสิ่งของ เป็นต้น ประติมากรรมสามารถจ�าแนกได้เป็น ๓ ลักษณะ ดังนี้

แบบนูนตํ่า (bas-relief)

แบบนูนสูง (high-relief)

แบบลอยตัว (round-relief)

การปนหรือสลักโดยใหภาพที่เกิดนูน ขึ้นจากพื้นเพียงเล็กนอยเทานั้น โดย อาศั ย แสงเงาช ว ยทํ า ให เ กิ ด ความรู  สึ ก ลึกตืน้ ในการมองเห็น เชน รูปบนเหรียญ ตางๆ เปนตน

การปนหรือสลักใหรูปที่ตองการนูน ขึ้นจากพื้นหลังมากกวาครึ่ง เปนรูปที่ สามารถแสดงความตืน้ ลึกตามความเปน จริง เชน ประติมากรรมที่ฐานอนุสาวรีย ประติมากรรมบนบานประตูไมแกะสลัก เปนตน

การปนหรือสลักที่สามารถมองเห็น และสัมผัสชื่นชมความงามของผลงานได ทุกดานหรือรอบดาน ซึ่งประติมากรรม แบบลอยตัวนี้อาจจะวางหรือตั้งอยูบน ฐานก็ได เชน พระพุทธรูป พระบรมรูป ทรงมา เปนตน

๓.๓ สถาปตยกรรม (Architecture) สถาปตยกรรม หมายถึง ศิลปะและวิทยาการแห่งการก่อสร้างที่ท�าขึ้นมาเพื่อสนอง ความต้องการในด้านวัตถุและจิตใจ มีลักษณะเป็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นอย่างงดงามถูกต้องตาม หลักวิชาการ ผ่านกระบวนการออกแบบ เขียนแบบ ก่อสร้าง มีความเหมาะสมสะดวกใน การใช้งาน มีความมัน่ คง แข็งแรง สถาปัตยกรรมสามารถจ�าแนกได้เป็น ๒ ลักษณะ ดังนี้ ๑) แบบเปด หมายถึง สถาปัตยกรรมทีม่ นุษย์สามารถเข้าไปใช้สอยได้ เช่น สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ที่พักอาศัย อาคารเรียน เป็นต้น สถาปัตยกรรมเป็นปัจจัยส�าคัญในการด�าเนินชีวิตของมนุษย์ ลักษณะ ของสถาปัตยกรรมมักจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขด้านสภาพทางภูมิศาสตร์ ๒) แบบปด หมายถึง สถาปัตยกรรมที่มนุษย์ ไม่สามารถเข้าไปใช้สอยได้ สถาปัตยกรรมแบบนี้ส่วนใหญ่ จะสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความเชื่อเป็นส�าคัญ เช่น พีระมิด ของอียิปต์ สถูป เจดีย์ เทวสถาน เป็นต้น

ขอสอบ

O-NET

ขอสอบป ’ 53 ออกเกี่ยวกับการแบงประเภทของงานประติมากรรม การแบงประเภทของประติมากรรมใชเกณฑในขอใด 1. ปริมาตรของรูปทรง 2. ความลึกของสวนที่ถูกแกะออกไป 3. วัสดุที่นํามาขึ้นรูป 4. ความสูงของสวนที่นูนขึ้นมา วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. ประติมากรรมจะแบงออกไดเปน 3 ประเภท โดยอาศัยความสูงของสวนที่นูนขึ้นมาเปนเกณฑ ดังนี้ ประติมากรรมแบบ นูนตํ่า เปนรูปที่นูนขึ้นมาจากพื้นหลัง มองเห็นไดชัดเจนเพียงดานเดียวคือ ดานหนา มีความสูงจากพื้นไมถึงครึ่งหนึ่งของรูปจริง ประติมากรรมแบบ นูนสูง เปนรูปตางๆ ในลักษณะเชนเดียวกับแบบนูนตํ่า แตมีความสูงจาก พื้นหลัง ตั้งแตครึ่งหนึ่งของรูปจริงขึ้นไป ทําใหเห็นลวดลายที่ลึก ชัดเจน และ เหมือนจริงมากกวาแบบนูนตํ่า สวนประติมากรรมแบบลอยตัว เปนรูปตางๆ ที่มองเห็นไดรอบดาน เชน ภาชนะตางๆ รูปเคารพตางๆ พระพุทธรูป เทวรูป เปนตน

Explain

1. ใหนักเรียนรวมกันอธิบายและยกตัวอยาง ผลงานประติมากรรมแบบนูนตํ่า แบบนูนสูง และแบบลอยตัว แลวสรุปสาระสําคัญ ลงสมุดบันทึก ครูคอยชวยเสริมเพิ่มเติมความรู 2. ครูใหนักเรียนตอบคําถามตอไปนี้ • ขั้นตอนสําคัญของการสรางงาน ประติมากรรมนูนตํ่าและประติมากรรม นูนสูงคือขั้นตอนใด (แนวตอบ สิ่งสําคัญของการสรางผลงาน ประติมากรรมคือ รูปตนแบบ โดยรูปตนแบบ อาจจะเปนผลงานประติมากรรมลอยตัว (งานจริง) งานประติมากรรมที่บันทึกเปน ภาพถาย หรือรูปถายบุคคลสําคัญ ที่ประติมากรพิจารณาวามีความสวยงาม เหมาะสมตอการสรางสรรคผลงาน ประติมากรรมใหออกมาเปนรูปธรรม จากรูปตนแบบดังกลาว) • พระพุทธรูปศรีศากยะทศพลญาณ ประธาน พุทธมณฑลสุทรรศน จังหวัดนครปฐม เปนผลงานประติมากรรมลักษณะใด (แนวตอบ ประติมากรรมลอยตัว โดยเปน พระพุทธรูปปางลีลาไดรับแนวคิดมาจาก ศิลปะสมัยสุโขทัย)

เกร็ดแนะครู ครูเพิ่มเติมความรูเกี่ยวกับประติมากรรมวา การสรางสรรคงานประติมากรรม นูนตํา่ หรือประติมากรรมนูนสูงนัน้ สิง่ สําคัญของการสรางงานประติมากรรมดังกลาว ก็คือ ความคิดสรางสรรควาจะสรางผลงานใหออกมาในลักษณะใด มีรูปรางอยางไร ทั้งนี้ประติมากรจําเปนตองใชจินตนาการเขาชวยเปนอยางมาก เพื่อใหผลงานที่ ออกมานั้น ดูแลวมีสุนทรียภาพ สรางความประทับใจใหกับผูพบเห็น

มุม IT นักเรียนสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลงานประติมากรรม ไดจาก http://www.m-culture.go.th/ckfinder/userfiles/files/art/mold.pdf

คูมือครู

5


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู

อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Explain

Expand

Evaluate

Explain

1. ใหนักเรียนรวมกันอธิบายและยกตัวอยาง ผลงานสถาปตยกรรมและผลงานภาพพิมพ แลวสรุปสาระสําคัญลงสมุดบันทึก ครูคอยชวย เสริมเพิ่มเติมความรู 2. ครูถามนักเรียนวา • สภาพทางภูมิศาสตรมีความสัมพันธตอ การสรางสรรคงานสถาปตยกรรมอยางไร (แนวตอบ สภาพทางภูมิศาสตรมีความสําคัญ อยางมากตอรูปแบบของสถาปตยกรรม โดยเฉพาะสถาปตยกรรมที่สรางสรรคขึ้น เพื่อประโยชนใชสอยของมนุษย เชน สถาปตยกรรมประเภทที่อยูอาศัยจะมีความ สัมพันธกับสภาพภูมิประเทศ ดินฟาอากาศ ทรัพยากรที่หาไดในทองถิ่น ภูมิปญญา คติความเชื่อพื้นฐาน และประโยชนใชสอย ของแตละชุมชน เปนตน ดังนั้น ผูสรางสรรค งานสถาปตยกรรมจําเปนตองมีขอมูลและ ความรูดานสภาพภูมิศาสตรเปนอยางดี) • นักเรียนคิดวา ภาพพิมพมีวิวัฒนาการมาจาก งานศิลปะรูปแบบใด (แนวตอบ ภาพพิมพ เปนงานทัศนศิลป ที่พัฒนาตอเนื่องมาจากการวาดภาพ ซึ่งการ วาดภาพไมสามารถสรางผลงาน 2 ชิ้น ที่มีลักษณะเหมือนกันทุกประการได จึงมีการ พัฒนาการพิมพขึ้นมา จีนถือวาเปนชาติแรก ที่นําเอาวิธีการพิมพมาใชอยางแพรหลายมา นานนับพันป จากนั้นจึงไดแพรหลายออกไป ในภูมิภาคตางๆ ของโลก ตอมาชาติตะวันตก ไดพัฒนาการพิมพภาพขึ้นมาอยางมากมาย โดยมีการนําเอาเครื่องจักรกลตางๆ เขามา ใชในการพิมพ ทําใหการพิมพมีการพัฒนาไป อยางรวดเร็วในปจจุบัน)

๓.๔ ภาพพิมพ์ (Printing) ภาพพิมพ์ หมายถึง ผลงานศิลปะที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยวิธีการกดแม่พิมพ์ ให้ติดเป็นภาพบนกระดาษ โดยใช้แม่พิมพ์ชนิดต่างๆ เช่น แม่พิมพ์ ไม้ แม่พิมพ์โลหะ แม่พิมพ์อื่นๆ เป็นต้น ซึ่งแม่พิมพ์เหล่านั้นศิลปนได้ ออกแบบสร้างสรรค์ขึ้นมา ทั้งนี้การพิมพ์ภาพนั้นจะต้องมีแม่พิมพ์ที่ใช้เป็นแบบอย่างในการพิมพ์ ซึ่งเราสามารถเลือกใช้วัสดุต่างๆ น�ามาท�าเป็นแม่พิมพ์ได้ เช่น ใบไม้ กิ่งไม้ กระดาษ ไม้กอก กระดุม ขวด เป็นต้น โดยวัสดุที่จะน�ามาเป็นแม่พิมพ์ ได้ดีนั้นจะต้องมีร่องมีรอยจะเป็นร่องลึกมากหรือลึกน้อย รอยนูนมากหรือรอยนูนน้อยก็ขึ้นอยู่กับลักษณะแบบอย่าง หรือรูปแบบในการพิมพ์ ภาพพิมพ์ถ้าจ�าแนกตามชนิดของแม่พิมพ์ สามารถจ�าแนกได้เป็น ๔ ลักษณะ คือ ภาพพิมพ์ผิวนูน ภาพพิมพ์ร่องลึก ภาพพิมพ์พื้นราบ และภาพพิมพ์ฉากพิมพ์

ผลงานภาพพิมพ์แกะไม้ในลักษณะต่างๆ (ภาพซ้าย) ภาพพิมพ์แกะไม้ ผลงาน ผลงานของ ประสงค์ สุรงค์เลิศ (ภาพขวา) ภาพพิมพ์แกะไม้ ผลงานของ วีระพงษ์ ศรีตระกูลกิจการ

EB GUIDE

เกร็ดแนะครู ครูเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถาปตยกรรมไทยวา จําแนกออกไดเปน 4 ประเภท คือ 1. สถาปตยกรรมทางพระพุทธศาสนา จัดเปนสถาปตยกรรมที่สรางขึ้นเพื่อ ประโยชนทางพระพุทธศาสนา เชน เจดีย พระอุโบสถ พระวิหาร เปนตน 2. สถาปตยกรรมประเภทปูชนียสถาน เปนสถาปตยกรรมที่สรางขึ้นเพื่อเปน อนุสรณสถาน อันควรแกการสักการบูชาของพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย 3. สถาปตยกรรมประเภทอาคารสถาน เปนสถาปตยกรรมที่สรางขึ้นเพื่อใชเปน ที่ประดิษฐานปูชนียวัตถุ มีรูปแบบเปนเรือนอันเปนที่อยูอาศัยประจํา เปนที่ประชุมคณะสงฆหรือพุทธศาสนิกชนใชประกอบพิธีกรรม เชน สถานที่ประกอบพิธีอุปสมบท สถานที่เก็บพระธรรม เปนตน 4. สถาปตยกรรมประเภทที่อยูอาศัย หรือสถาปตยกรรมพื้นบานของไทย เปนศิลปะที่ชาวบานกอสรางเพื่อมุงประโยชนใชสอยของสิ่งกอสราง ลักษณะ ของสถาปตยกรรมพื้นบานจะมีความสัมพันธกับสภาพทางภูมิศาสตร

6

คูมือครู

http://www.aksorn.com/LC/Va/M1/02

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T

สถาปตยกรรม สัมพันธกับขอใด 1. ผลงานที่เกี่ยวของกับสิ่งกอสราง 2. ผลงานดานการละคร 3. ผลงานศิลปะที่มีรูปทรง 3 มิติ 4. ผลงานที่เกิดจากการวาดภาพและการระบายสี วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. สถาปตยกรรมมีลักษณะเปนสิ่งกอสราง ที่สรางขึ้นอยางงดงามผานกระบวนการออกแบบ เขียนแบบ วางแผน และกอสราง มีความมั่นคงแข็งแรง โดยสรางขึ้นเพื่อประโยชนใชสอย ในดานตางๆ ทั้งประดับตกแตง หรือเพื่อเปนศาสนสถาน


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Explain

Expand

Evaluate

อธิบายความรู เกร็ดศิลป์

จากการที่นักเรียนไดศึกษาเกี่ยวกับการจัดแบง ประเภทของงานศิลปะ ครูใหนักเรียนสรุปประเภท ของงานทัศนศิลปเปนแผนผังความคิด (Mind Mapping) ลงกระดาษรายงาน สงครูผูสอน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • งานศิลปะแขนงวิจิตรศิลปและประยุกตศิลป แตกตางกันอยางไร (แนวตอบ ผลงานศิลปะแขนงวิจิตรศิลป เปน ผลงานศิลปะที่มุงเนนคุณคาดานความงาม เปนสําคัญ กลาวคือมุงตอบสนองอารมณ ความรูสึกทางดานจิตใจเปนหลัก แบงสาขา ยอยออกเปน ทัศนศิลป ดุริยางคศิลป นาฏยศิลป สถาปตยกรรม และวรรณกรรม สวนผลงานศิลปะแขนงประยุกตศิลปจะเปน ผลงานที่สรางสรรคขึ้น เพื่อเนนประโยชน ใชสอยเปนหลัก แบงยอยไดเปน มัณฑนศิลป อุตสาหกรรมศิลป พาณิชยศิลป หัตถศิลป และการออกแบบ) • งานหัตถศิลปเปนงานศิลปะแบบใด (แนวตอบ งานหัตถศิลป เปนงานศิลปะแบบ ประยุกตศิลปที่นําไปใชในงานหัตถกรรม โดยใชมือทําเปนสวนใหญ มีมาตั้งแต ยุคกอนประวัติศาสตร เชน เครื่องปนดินเผา งานแกะสลักไม งานถักทอ งานหวาย งานชาง 10 หมู เปนตน)

ประเภทของงานศิลปะ ผลงานศิลปะที่พบเห็นอยู่รายรอบนั้น ได้มีผู้พยายามจัดแบ่งให้เป็นหมวดหมู่ เพื่อสะดวกแก่การศึกษา และท�าความเข้าใจ แต่เนื่องจากผลงานศิลปะมีความ หลากหลายมาก การจัดแบ่งประเภทจึงมีอยู่หลายแบบแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่ กับทัศนะว่าจะใช้อะไรเป็นเกณฑ์ ในการแบ่ง แต่โดยส่วนใหญ่มักจัดแบ่งออกเป็น ๒ แขนง ดังนี้

๑. วิจิตรศิลป์ (Fine Art)

ผลงานศิลปะในแขนงนี้แต่เดิมเรียกว่า “ประณีตศิลป์” หมายถึง ผลงาน ศิลปะที่มุ่งเน้นคุณค่าทางความงามเป็นส�าคัญ กล่าวคือ มุ่งตอบสนองอารมณ์และ ความรู้สึกทางด้านจิตใจเป็นหลักมากกว่าค�านึงถึงประโยชน์ ใช้สอย แบ่งสาขา ย่อยออกเป็นทัศนศิลป์ (Visual Art) ดุริยางคศิลป์ (Music) นาฏยศิลป์ (Dance) สถาปัตยกรรม (Architecture) และวรรณกรรม (Literature)

๒. ประยุกต์ศิลป์ (Applied Art)

ผลงานทางศิลปะที่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้น เพื่อมุ่งประโยชน์ ใช้สอยเป็น ส�าคัญ โดยใช้หลักการทางศิลปะหรือสุนทรียภาพเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์ แบ่งย่อยเป็นมัณฑนศิลป์ (Decorative Art) อุตสาหกรรมศิลป์ (Industrail Art) พาณิชย์ศิลป์ (Commercial art) หัตถศิลป์ (Crafts) และการออกแบบ (Design)

กิจกรรม

Explain

ศิลป์ปฏิบัติ ๑.๑

กิจกรรมที่ ๑ ใ ห้นกั เรียนแต่ละคนออกแบบแผนผังความคิด (Mind Mapping) (Mind Mapping) แสดงประเภทของงานทัศนศิลป์ แล้วน�าส่งครูผู้สอน กิจกรรมที่ ๒ ให้นักเรียนจัดกลุ่มแบ่งกันไปส�ารวจแหล่งข้อมูลในท้องถิ่นที่โรงเรียนตั้งอยู่ว่ามีผลงานด้าน ทัศนศิลป์อะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม หรื หรือสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่า และความส�าคัญต่อท้องถิ่น ให้ถ่ายภาพสถานที่พร้อมรายละเอียดพอสังเขปของแหล่งข้อมูล แล้วผลัดเปลี่ยนกันน�าไปแสดงที่ป้ายนิเทศ

7

กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนเขียนสรุปประเภทของงานทัศนศิลป อธิบายความแตกตาง ของงานทัศนศิลปแตละประเภทใหชัดเจนลงกระดาษรายงาน สงครูผูสอน

กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนเลือกประเภทของงานทัศนศิลปที่ตนเองสนใจ มา 1 ประเภท แลวใหอธิบายเหตุผล ยกตัวอยางผลงานทัศนศิลปชิ้นดังกลาว โดยใหทํา ลงกระดาษรายงาน สงครูผูสอน

บูรณาการอาเซียน ครูแนะนําใหนักเรียนไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลงานทัศนศิลปของ ประเทศสมาชิกอาเซียน เชน เวียดนาม ลาว พมา เปนตน เพื่อใหนักเรียนไดเห็น ความแตกตางของงานทัศนศิลป เพราะถึงแมจะจัดแบงประเภทของงานทัศนศิลป เหมือนกันตามหลักสากล แตรูปแบบและลักษณะของผลงานที่ศิลปนสรางสรรค ขึ้นมานั้น ก็อาจจะไมเหมือนกันในดานการวาดเสน หรือการลงสี เนื่องมาจาก ปจจัยแวดลอมตางๆ ที่แตกตางกัน เชน ปจจัยดานสังคมและวัฒนธรรม การศึกษา ความเชื่อ สภาพทางภูมิศาสตร เปนตน ทั้งนี้การเรียนรูงานทัศนศิลปจะชวยให นักเรียนเขาใจศิลปวัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบานในอาเซียนไดดียิ่งขึ้น

คูมือครู

7


กระตุน ความสนใจ

สํารวจคนหา

อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Engage

Explore

Explain

Expand

Evaluate

กระตุEngage นความสนใจ

สํารวจค Exploreนหา

กระตุน ความสนใจ

Engage

ครูพานักเรียนออกไปศึกษาธรรมชาติและ สิ่งแวดลอมนอกหองเรียน เพื่อใหนักเรียนไดรับรูถึง ความงามของธรรมชาติและสิ่งแวดลอม จากนั้น ครูใหนักเรียนชวยกันคนหาสิ่งนาสนใจที่มีอยูใน ธรรมชาติและสิ่งแวดลอมที่เปนงานทัศนศิลป เชน อาคารบานเรือน สวนสาธารณะ ถนน เปนตน จากนั้นครูเชื่อมโยงเขาสูเนื้อหาสิ่งแวดลอมและ งานทัศนศิลป

สํารวจคนหา

Explore

ใหนักเรียนแบงเปน 2 กลุม เลือกศึกษาคนควา ในประเด็นที่ครูกําหนด ดังนี้ • สิ่งแวดลอมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ • สิ่งแวดลอมที่เกิดขึ้นจากฝมือของมนุษย จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต เปนตน

อธิบายความรู

ธรรมชาติเป็นปรากฏการณ์อย่างหนึง่ ทีท่ า� ให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ในรูปแบบต่างๆ ทีม่ นุษย์สามารถเลือกแง่มมุ บางด้านจากธรรมชาติ มาเป็นแบบอย่างในการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ได้

๔. สิ่งแวดล้อมและงานทัศนศิลป์ สิง่ แวดล้อม คือ ปรากฏการณ์ตา่ งๆ หรือสรรพสิง่ ต่างๆ ทีอ่ ยูล่ อ้ มรอบตัวเรา ซึง่ สามารถจัดแบ่งออกได้เป็น ๒ ประเภท คือ สิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ป่าไม้ ทะเล ดอกไม้ สายหมอก ภูเขา น�้าตก เป็นต้น และสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากการประดิษฐ์คิดค้นสร้างสรรค์โดยฝีมือของมนุษย์ เช่น อาคารบ้านเรือน สวนสาธารณะ แสงไฟ เป็นต้น ถ้ถ้าพิจารณาถึงลักษณะทางกายภาพของสิ่งแวดล้อมทั้ง ๒ แบบนี้ เราจะมองเห็นได้ถึง ถนน แสงไฟ ความหมาย ความหมาย ความงาม ความงาม ความน่าตื่นตาตื่นใจที่สายตาของเรามองเห็นเป็นภาพผ่านสิ่งแวดล้อมนั้นๆ ๆ เช่น เห็นเป็น เส้นสาย สาย เป็ เป็นสี เป็นผิว เป็ เป็นแสงเงา เป็ แสงเงา เป็นต้น ซึ่งสิ่งแวดล้อมที่เราพบเห็น ล้วนมีประโยชน์ในด้านการเป็นต้นแบบ ให้มนุษย์ได้น�าามาใช้ มาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานทางทัศนศิลป์ซึ่งจะก่อให้เกิดสุนทรียภาพได้ ความส�าคัญของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติในทางศิลปะถือว่ามีความส�าคัญที่พอจะสรุปได้ ดังนี้ ๑) เป็นแหล่งก�าเนิดสรรพสิ่ง ธรรมชาติเป็นแหล่งก�าเนิดอันยิ่งใหญ่ของสิ่งต่างๆ งๆ มากมาย ก่อให้เกิด การก่อรูปของสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตที่มีรูปทรง ทรง สีสันต่างๆ งๆ นานา นานา อย่างน่าอัศจรรย์ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับ ผู้พบเห็น ๒) เป็นแหล่งสร้างระบบระเบียบบ ธรรมชาตินอกจากให้ก�าเนิดสรรพสิ่งบนพื้นโลกให้เกิดขึ้นแล้ว กลไกตามธรรมชาติบางอย่างยังช่1วยจัดแบบแผนของสิง่ ต่างๆ ที งๆ เ่ กิดขึน้ ให้มรี ะบบ ระเบียบ มีความสัมพันธ์กลมกลืนกัน หรือมีความแตกต่างขัดแย้งกัน แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล มีเอกภาพ และงดงาม ๓) เป็นแหล่งท�าให้เกิดความสนใจ ความสนใจ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทเี่ กิดขึน้ ในแต่ละช่วงเวลาและในแต่ละ โอกาสจะปรากฏด้วยรูปทรง ทรง สีสัน พื้นผิว เส้นสายอย่างน่าสนใจและมีความหมายด้วยตัวของมันเอง เอง รูปลักษณะ ที่มองเห็นได้ทั้งหลายข้างต้นได้มีส่วนช่วยกระตุ้นให้มนุษย์เกิดความรู้สึกชื่นชม ความพึงพอใจ ตลอดจนเกิด

Explain

ใหนักเรียนแตละกลุมออกมานําเสนอความรู ที่ไดไปศึกษามา หนาชั้นเรียน ครูคอยชวยเสริม เพิ่มเติมความรู จากนั้นครูถามนักเรียนวา • สิ่งแวดลอมและงานทัศนศิลปมีความสัมพันธ กันอยางไร (แนวตอบ สิง่ แวดลอมมีอทิ ธิพลตอแรงบันดาลใจ ของศิลปนในการสรางสรรคผลงานทาง ทัศนศิลปรูปแบบตางๆ ไมวาจะเปนภาพวาด ภาพพิมพ ผลงานแกะสลัก ผลงานปน )

8

เกร็ดแนะครู ครูควรใหนักเรียนไดออกไปศึกษาธรรมชาติและสิ่งแวดลอมนอกหองเรียน แลว ใหนักเรียนอธิบายหรือบรรยายถึงธรรมชาติหรือสิ่งแวดลอมที่พบเห็นวา มีทัศนธาตุ สวนใดที่กลมกลืนกัน หรือสวนใดที่ขัดแยงกันแตสามารถอยูรวมกันได เพราะการ ศึกษาจากธรรมชาติและสิ่งแวดลอมรอบตัวจะมีประโยชนในดานการเปนตนแบบให นักเรียนนํามาเปนพื้นฐานในการสรางสรรคผลงานทางทัศนศิลปใหเกิดสุนทรียภาพ ตอไปได

นักเรียนควรรู 1 ความแตกตางขัดแยงกัน ในทีน่ จี้ ะหมายถึงความขัดแยงเชิงองคประกอบศิลป และทัศนธาตุตางๆ

8

คูมือครู

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T

ขอใดเปนความสําคัญของสิ่งแวดลอมตอการสรางสรรคงานทัศนศิลป 1. ชวยในเรื่องการจัดวางองคประกอบศิลป 2. เปนแบบอยางใหงานทัศนศิลปทําตาม 3. ทําใหเกิดการใชแสงเงาในตัวผลงาน 4. เปนแหลงวัตถุดิบเพื่อสรางงานศิลป วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การสรางผลงานทัศนศิลป ไมวาจะเปน รูปแบบใดก็ตาม ผูสรางสรรคลวนไดรับอิทธิพลหรือแบบอยางมาจาก สิ่งแวดลอมตามธรรมชาติ เชน การใชสีเขียวในการวาดใบไม การวาดรูป พระอาทิตยเปนวงกลมมีแสงสีสม เปนตน


กระตุน ความสนใจ

สํารวจคนหา

อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Engage

Explore

Explain

Expand

Evaluate

กระตุEngage นความสนใจ

สํารวจค Exploreนหา

กระตุน ความสนใจ ความรู้สึกต่างๆ ทั้งนี้สิ่งแวดล้อมจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อการสร้างสรรค์ผลงานทางทัศนศิลป์ โดยท�าให้เกิด แรงบันดาลใจหรือเกิดความประทับใจให้แก่ผู้คน เช่น ดอกไม้ผลิดอกบานหลากสีสัน ดวงอาทิตย์สาดแสงสีทอง ตอนใกล้ลับขอบฟ้า ท้องทุ่งนาที่มีต้นข้าวเขียวขจี เรือประมงริมชายฝั่งทะเล เป็นต้น ความประทับใจนี้จะเป็น แรงผลักดันหรือกระตุ้นให้ผู้คนพยายามถ่ายทอดสิ่งที่ตนพบเห็น และมีทัศนะว่ามีความงามตามสายตาตามมุมมอง ของตน สร้างสรรค์ออกมาเป็นผลงานทัศนศิลป์แขนงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด ภาพพิมพ์ ผลงานแกะสลัก ผลงานปั้น

พระอุโบสถจตุรมุข วัดภูมินทร์ อ�าเภอเมือง จังหวัดน่าน รูปแบบศิลปะ ไทยล้านนา

๕. ทัศนศิลป์กับสุนทรียภาพ สุนทรียภาพ หมายถึง ความเข้าใจและความรู้สึกของแต่ละบุคคลที่มีต่อความงามในธรรมชาติหรือใน งานศิลปะ ส�าหรับผลงานทางทัศนศิลป์กจ็ ะเป็นผลงานทีท่ า� ให้เกิดสุนทรียภาพหรือสัมผัสความงามได้ดว้ ยการมองเห็น ซึ่งมนุษย์เราแต่ละคน จะเกิดสุนทรียภาพต่องานทัศนศิลป์แตกต่างกันออกไป ออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ รสนิยม ม สติปัญญา และความรู้สึกนึกคิด ส�าหรับนักเรียนถ้าจะพัฒนาตนเองให้รู้สึกซาบซึ้งหรือสัมผัสความงามทางทัศนศิลป์ได้อย่างดีนั้น จะต้ จะต้อง หมั่นสังเกต จดจ�า บ่บ่มเพาะประสบการณ์ไปทีละเล็กละน้อย ทั ย ทั้งนี้หลักเกณฑ์ที่จะท�าให้มีสุนทรียภาพต่องานทัศนศิลป์ เริ่มแรกเมื่อเรามองดูผลงานทัศนศิลป์ให้พิจารณาดูส่วนที่เป็นจุดเด่นก่อน น แล้วค่อยพิจารณาองค์ประกอบโดยรวม ระกอบโดยรวม จากนั้นจึงค่อยดูลึกลงไปในรายละเอียด เช่น ขนาด รูปร่าง สีสัน ลวดลาย ชนิ ลวดลาย ชนิดของวัสดุ เป็นต้น เมื่อเรามีทักษะในการพิจารณางานทัศนศิลป์แล้วจะช่วยท�าให้เรามีความรู้ ความเข้าใจถึงความงามหรือ เกิดสุนทรียภาพต่อสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวตามไปด้วย รวมทั้งเห็นคุณค่าของประดิษฐกรรมต่างๆ งๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น เห็นถึงโครงสร้างที่เป็นระเบียบแบบแผนและความสัมพันธ์ของสรรพสิ่ง อัอันจะมีผลช่วยกล่อมเกลาจิตใจของเราให้มี ความอ่อนโยน มีความสุข และเกิ และเกิดความดีงามขึ้นภายในใจ หรื ภายในใจ หรืออาจจะกล่าวอย่างง่ายๆ ได้ ยๆ ได้ว่า ผลงานทั ผลงานทัศนศิลป์ช่วย ท�าให้เกิดอารมณ์สุนทรียภาพและการที่มีสุนทรียภาพก็จะช่วยลดความแข็งกระด้างภายในจิตใจของมนุษย์

9

ครูนําภาพธรรมชาติมา 1 ภาพ ใหนักเรียนดูแลวเขียนพรรณนาถึง ความประทับใจในภาพธรรมชาติที่เห็นดวยถอยคําที่สละสลวย ทั้งนี้ภาพ ที่ครูนํามาอาจจะเปนภาพวาดสีนํ้า สีอะคริลิก หรือสีนํ้ามันก็ได แลวนําสง ครูผูสอน

กิจกรรมทาทาย

ครูใหนักเรียนดูภาพผลงานทัศนศิลปที่มี ความโดดเดนดานการใชสีสันที่สดใส สวยงาม ลวดลายแปลกตา เชน ภาพวาดดวยสีอะคริลิก “รองรอยของรูปทรง” ผลงานของอาจารยสุชาติ เถาทอง หรือภาพจิตรกรรม “กลางคืน (Nocturne)” ผลงานของชูอัน มีโร อี เฟรรา หรือภาพผลงาน ของศิลปนทานอื่นๆ แลวครูถามนักเรียนวา • เมื่อนักเรียนดูภาพดังกลาวแลวรูสึกอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอยางอิสระ) • นักเรียนคิดวา ภาพทัศนศิลปที่มีสีสันสดใส สวยงาม มีผลตอผูชมอยางไร (แนวตอบ ผลงานทัศนศิลปที่สวยงามจะชวย ทําใหผูชมเกิดสุนทรียะ ซึ่งสุนทรียะจะชวย ลดความกระดางภายในจิตใจของมนุษยลง)

สํารวจคนหา

ภาพพิมพ์บนกระดาษ ผลงานของ ปรีชา เถาทอง ที่ถ่ายทอดแสงเงา ที่ฉายทาบพระอุโบสถวัดภูมินทร์

กิจกรรมสรางเสริม

Engage

Explore

ใหนักเรียนแบงกลุม ออกเปน 4 กลุม ศึกษา เกี่ยวกับผลงานทัศนศิลปในลักษณะตางๆ จาก แหลงเรียนรูตางๆ เชน หองสมุด หนังสือเรียน อินเทอรเน็ต เปนตน จากนั้นใหนักเรียนเลือก ผลงานทัศนศิลปมา 1 ผลงาน ที่พิจารณาแลววา เปนผลงานทีด่ ชี ว ยใหผชู มผลงานเกิดสุนทรียภาพได

อธิบายความรู

Explain

ใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมา นําเสนอผลงานทัศนศิลปที่ในกลุมคัดเลือกมา หนาชั้นเรียน พรอมทั้งอธิบายถึงเหตุผลที่เลือก ผลงานชิ้นนี้ และอธิบายประกอบดวยวา ผลงาน ดังกลาวทําใหเกิดสุนทรียะทางอารมณอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ)

เกร็ดแนะครู ครูเนนยํ้ากับนักเรียนในเรื่องของสุนทรียภาพวา สุนทรียภาพคือความซาบซึ้ง ในคุณคาของสิ่งที่มีความงาม ความไพเราะ ซึ่งความรูสึกซาบซึ้งในคุณคาของ ความงามจะกอใหเกิดประสบการณและถาไดผานการศึกษาอบรมจนเปนนิสัย จะกลายเปนรสนิยม (Taste) ซึ่งเปนผลที่เกิดจากปฏิกิริยาของการรับรูทางการเห็น การฟง และเปนที่มาของการรับรูความงามทางดานทัศนศิลป ดนตรีและนาฏศิลป โดยการรับรูที่ทําใหเกิดการเรียนรูจะมีอยู 3 แบบ คือ แบบตั้งใจ แบบไมตั้งใจ หรือ แบบที่เลือกสรรตามความพอใจที่จะรับรู โดยอาศัยองคประกอบของสุนทรียวัตถุ คือ วัตถุทางธรรมชาติ วัตถุทางศิลปกรรม และองคประกอบของประสบการณ ทางสุนทรียภาพ แตก็ตองประกอบดวยคุณคาทางความงามและตัวของผูรับรูดวย

ใหนักเรียนวาดภาพทิวทัศนหรือภาพธรรมชาติในมุมที่นักเรียนชื่นชอบ มาคนละ 1 ภาพ โดยใชดินสอดํารางภาพ ทั้งนี้จะระบายสีหรือไมระบายสี ก็ได จากนั้นใหนักเรียนตั้งชื่อภาพ แลวนําผลงานสงครูผูสอน คูมือครู

9


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู

อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Explain

Expand

Evaluate

Explain

1. ใหนักเรียนศึกษาบทเรียนจากหนา 11-12 ครูตั้งประเด็นใหนักเรียนรวมกันแสดง ความคิดเห็นวา เพราะเหตุใด นักเรียนจึงควร ศึกษาทัศนศิลปจากแหลงเรียนรูตางๆ เพิ่มเติม นอกหองเรียน (แนวตอบ การศึกษาทัศนศิลปใหไดผลดี นอกจากการศึกษาในหองเรียนและพรสวรรคที่มี ของนักเรียนเองแลว นักเรียนที่สนใจทัศนศิลป ยังจําเปนตองอาศัยประสบการณตรงจาก แหลงเรียนรูตางๆ ใหมากที่สุด ซึ่งแหลงเรียนรู ที่เขาถึงไดงายที่สุดก็คือสิ่งแวดลอมรอบๆ ตัว ของนักเรียนเอง) 2. ใหนักเรียนสืบคนขอมูลดานทัศนศิลปจาก เว็บไซตตางๆ ในอินเทอรเน็ต แลวมาพูดคุย แลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆ ในหองเรียนวาเว็บไซต ดังกลาวสืบคนอยางไร แลวขอมูลที่ไดมาจาก เว็บไซตดังกลาวเปนประโยชนตอการศึกษา ทัศนศิลปมากนอยเพียงใด จากนั้นครูให นักเรียนยกตัวอยางเว็บไซตที่ใชในการศึกษา ทัศนศิลปมา 2-3 เว็บไซต พรอมอธิบาย พอสังเขปเกี่ยวกับเว็บไซตดังกลาววาใหความรู ดานทัศนศิลปอยางไร ทั้งนี้นักเรียนสามารถ ยกตัวอยางเว็บไซตไดอยางอิสระ

เสริมสาระ

การศึกษาสาระทัศนศิลป์ให้ได้ผลดีนั้น นักเรียนจ�าเป็นจะต้องมีประสบการณ์ตรงให้มาก ต้องรู้มาก และพบเห็นผลงานทัศนศิลป์ต่างๆ ให้มาก องค์ความรู้ที่ได้จากชั้นเรียนถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งแหล่งเรียนรู้ ที่อยู่ใกล้ตัวนักเรียนและสามารถไปศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมได้สะดวก เช่น

๑. ขอมูลจากเว็บไซต โดยการสืบค้นผ่านทางเครือข่าย อินเทอร์เน็ต ซึ่งปจจุบันมีเว็บไซต์ที่น�าเสนอข้อมูล และผลงานทาง ทัศนศิลป์จ�านวนมากมาย ที่เป็นภาษาไทยก็มีนับเป็นร้อยเว็บไซต์ มีทั้งที่จัดท�าขึ้นโดยบุคคล องค์กรภาครัฐ และภาคเอกชน ซึ่งหลาย เว็บไซต์ก็ได้น�าเสนอผลงานของศิลปนมีชื่อให้เราได้เข้าไปแวะชม รวมทัง้ มีเว็บบอร์ดให้สนทนาเกีย่ วกับเรือ่ งราวทางด้านศิลปะอีกด้วย ตัวอย่างเว็บไซต์ของส�านักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวง วัฒนธรรม เป็นเว็บไซต์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับศิลปะไทย และศิลปะ ร่วมสมัย

๒. สื่ อ สิ่ ง พิ ม พ ป จ จุ บั น มี สื่ อ สิ่ ง พิ ม พ์ ที่ ใ ห้ ความรู้ทางด้านทัศนศิลป์อยู่มากมายหลายลักษณะ ทั้งที่ เป็นหนังสือ วารสาร นิตยสาร หนังสือพิมพ์ แมกกาซีน มีทั้งที่เป็นเพียงคอลัมน์แทรกในเล่ม และว่าด้วย ศิ ล ปะโดยตรง การใช้ สื่ อ สิ่ ง พิ ม พ์ ค วรอ่ า น ประกอบจากหลายๆ เล่ม เพื่อจะได้มุมมองที่ หลากหลาย ๓. สื่ อ สารมวลชน ไม่ ว่ า จะเป็ น โทรทั ศ น์ วิ ท ยุ จะมี ร ายการที่ ก ล่ า วถึ ง ผลงานการ สร้างสรรค์ทางด้านทัศนศิลป์ไว้ ซึ่งเราสามารถติดตามชม ได้ตามกาลเทศะ บางรายการสามารถติดตามชมรายการ ย้อนหลังได้ด้วยทางอินเทอร์เน็ต แหล่งเรียนรู้ประเภทนี้ มีข้อดี คือ มีความทันสมัย มีวิธีการน�าเสนอท�าให้เข้าใจ เรื่องราวได้ง่ายและชวนให้ติดตาม

ปจจุบันเราสามารถหาความรู้เกี่ยวกับทัศนศิลป์ เพิ่มเติมได้จาก นิตยสารต่างๆ

1๐

เกร็ดแนะครู ครูควรยกตัวอยางเว็บไซตที่เกี่ยวของกับงานทัศนศิลป หรือมีประโยชนกับ นักเรียนในการศึกษาทัศนศิลป ตัวอยางเชน • http://krookong.net/homepage.html เปนแหลงเรียนรูเกี่ยวกับงานศิลปะ ทั่วไป โดยจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับทัศนศิลปแขนงตางๆ พรอมทั้งตัวอยาง วิธีการสรางสรรคงานศิลปะ • http://art.culture.go.th/ เว็บไซตของกระทรวงวัฒนธรรมที่มีขอมูลเกี่ยวกับ ศิลปนแหงชาติสาขาทัศนศิลปไวใหนักเรียนสืบคน • http://www.prc.ac.th/newart/webart/visual_audioart.html เปนเว็บไซต ที่เกี่ยวกับการรับรูความงามดานศิลปะโดยเฉพาะ ทั้งนี้ครูควรแนะนําใหนักเรียนสืบคนขอมูลจากเว็บไซตของตางประเทศดวย เพื่อเปนการเพิ่มพูนความรูและเปดโลกทัศนดานงานศิลปะ

10

คูมือครู

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T

การรับรูความงามในงานทัศนศิลปของมนุษยนั้น สามารถรับรูไดอยางไร แนวตอบ การรับรูความงามในงานทัศนศิลปของมนุษยนั้น สามารถรับรู ไดทางสายตาจากการมองเห็น เพราะทัศนศิลป (Visual Art) เปนงานศิลปะ ที่สัมผัสความงามไดดวยสายตาจากการมองเห็น ซึ่งงานศิลปะสวนใหญ จะเปนงานทัศนศิลปทั้งสิ้น ไดแก จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปตยกรรม มัณฑนศิลป อุตสาหกรรมศิลป และพาณิชยศิลป หรือกลาวไดวาจะใช ประสาทสัมผัสดวยการมองเห็นเปนอันดับแรก


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Explain

Expand

Evaluate

อธิบายความรู ๔. พิ พิ ธ ภั ณ ฑ หอศิ ล ป์ ศาสนสถาน โบราณสถาน เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สั่งสมภูมิปญญาไทย สื บ ทอดกั น มาหลายชั่ ว อายุ ค น แต่ ล ะแห่ ง จะมี ผ ลงาน ทัศนศิลป์ให้เราศึกษาหลายอย่าง แต่ก่อนที่เราไปจะเข้าไป ใช้แหล่งเรียนรู้ประเภทนี้ ควรต้องมีการเตรียมตัวศึกษา ข้ อ มู ล พื้ น ฐานที่ เ กี่ ย วข้ อ ง โดยอ่ า นจากเอกสารแนะน� า สอบถามจากผู้รู้ จะช่วยให้เราได้รับความรู้อย่างพร้อมมูล หอศิลป์แต่ละแห่งจะมีการแสดงผลงานทัศนศิลป์บ่อยครั้ง ซึ่งเราควร หาโอกาสเข้าไปเยี่ยมชม

1

การแสดงนิทรรศการศิลปะ เราควรหาโอกาสไปร่วมชม เพราะจะได้ ทั้งสุนทรียภาพและความรู้ติดตัว

๕. ผลงานทัศนศิลป์ ตัวอย่างผลงานทัศนศิลป์ที่มีผู้สร้างสรรค์ไว้แล้ว เมื่อได้ชมจะได้เห็นแบบอย่าง ที่เป็นรูปธรรม ได้รับความรู้หลายอย่างในคราวเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นสุนทรียภาพ ฝมือ เทคนิค วิธีการสร้างสรรค์ ผลงาน ซึ่ ง เราสามารถที่ จ ะน� า เอามาเป็ น ต้ น แบบและ ประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานของเราได้เป็นอย่างดี

E×plain

ใหนักเรียนสรุปความสําคัญของแหลงเรียนรู ดานทัศนศิลป พรอมทั้งยกตัวอยางแหลงเรียนรู ผลงานทัศนศิลปที่นอกเหนือจากหนังสือเรียน โดยบันทึกขอมูลของแหลงเรียนรูนั้นๆ ลงสมุด สงครูผูสอน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • การจัดแสดงนิทรรศการศิลปะมีกี่แบบ และ แบบใดที่นิยมจัดมากที่สุดในประเทศไทย (แนวตอบ การแสดงนิทรรศการศิลปะแบง รูปแบบการจัดไดเปน 3 แบบ ที่นิยมจัดกัน โดยทั่วไป คือ นิทรรศการชั่วคราว ซึ่งเปน นิทรรศการที่จัดแสดงเรื่องราวเฉพาะกิจ ในโอกาสพิเศษบางโอกาส จะใชเวลาสั้นๆ เพื่อเผยแพรความรู ขาวสาร หรือ ประชาสัมพันธเรื่องตางๆ ของหนวยงาน ราชการ บริษัท และสถานศึกษา)

2

๖. บุคลากรที่มีความรู บุคคลที่ถือได้ว่า เป็นผู้รู้ทางด้านทัศนศิลป์ มีอยู่มากมายบนผืนแผ่นดินไทย หรือแทบจะทุกท้องถิ่น บุคคลเหล่านี้ถือว่าเป็น “ครู” ของ เราได้ เพราะท่านมีประสบการณ์ตรง หรือประกอบอาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์มาตลอดชีวิต สามารถจะแนะน�าและถ่ายทอดความรู้ให้แก่เราได้เป็น อย่างดี จนอาจเรียกได้ว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีที่สุดก็ว่าได้ บุคลากรผู้ทรงภูมิรู้ทางทัศนศิลป์ มีอยู่ทุกท้องถิ่น ทั่วแผ่นดดินิ ไทย

ตลาดน�้า เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ศิลปนหลายท่านน�าไปใช้ เป็นแบบในการสร้างผลงาน

๗. สิ่งแวดลอม สิ่งแวดล้อมที่อยู่ล้อมรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ หรือสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์ สร้างขึ้น ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ทางอ้อมของเราอีกด้วย โดยเฉพาะ การเป็นต้นแบบและเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน เช่น เราจะวาดภาพตลาดน้�าได้ดีก็ต่อเมื่อเราได้มีโอกาสแวะเข้าไป เยี่ยมชม เห็นภาพวิถีชีวิตของตลาดน้�าแห่งนั้น เป็นต้น

11

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T

การจัดแบงนิทรรศการศิลปะควรจัดแบงโดยใชหลักเกณฑตามขอใด 1. นิทรรศการถาวร นิทรรศการกลางแจง นิทรรศการในรม 2. นิทรรศการถาวร นิทรรศการชั่วคราว นิทรรศการเคลื่อนที่ 3. นิทรรศการถาวร นิทรรศการชั่วคราว นิทรรศการกลางแจง 4. นิทรรศการถาวร นิทรรศการกลางแจง นิทรรศการเคลื่อนที่

วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การแสดงนิทรรศการศิลปะแบงออก ไดเปน นิทรรศการถาวร นิทรรศการชั่วคราว และนิทรรศการเคลื่อนที่ เพราะสามารถสื่อสารทําความเขาใจเกี่ยวกับลักษณะของงานไดดีกวา การจัดแบงแบบอื่น

นักเรียนควรรู 1 การแสดงนิทรรศการศิลปะ ที่นิยมจัดกันโดยทั่วไป แบงรูปแบบการจัดได เปน 3 แบบ คือ นิทรรศการถาวร เปนนิทรรศการที่จัดแสดงไวเพื่อใหประโยชน ตอผูเขาชมไดในเวลายาวนาน ติดตั้งจัดแสดงไวอยางมั่นคง เพื่อใหประชาชน ศึกษาไดตลอดไป นิทรรศการชั่วคราว เปนนิทรรศการที่จัดแสดงเรื่องราวเฉพาะกิจ ในโอกาสพิเศษบางโอกาส จะใชเวลาสั้นๆ เพื่อเผยแพรความรู ขาวสาร หรือ ประชาสัมพันธเรื่องตางๆ นิทรรศการเคลื่อนที่ เปนนิทรรศการที่มีวัตถุประสงคใน การจัดคลายกับนิทรรศการชั่วคราว หรือบางคราวก็นํานิทรรศการชั่วคราวไปแสดง เคลื่อนที่ยังสถานที่ตางๆ เพื่อใหเกิดประโยชนตอผูสนใจ 2 บุคลากรที่มีความรู หมายถึง บุคคลที่มีความรู ความสามารถทางทัศนศิลป จากประสบการณตรง มีอาชีพเกี่ยวกับการสรางสรรคงานทัศนศิลปมา เปนเวลานาน สามารถแนะนําและถายทอดความรูทางดานทัศนศิลปใหนักเรียนได โดยบุคคลเหลานี้อาจจะมิใชบุคคลที่เรียนจบมาทางดานสาขาทัศนศิลปก็เปนได แตฝกฝมือมานานจนมีประสบการณในการสรางสรรคผลงาน คูมือครู

11


กระตุน ความสนใจ

สํารวจคนหา

อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Engage

Explore

Explain

Expand

Evaluate

กระตุEngage นความสนใจ

กระตุน ความสนใจ

สํารวจค Exploreนหา

Engage

ครูเชิญวิทยากรหรือศิลปนในชุมชนที่มี ความรู ความสามารถดานการวาดภาพ มาเลา ประสบการณการสรางสรรคผลงานทัศนศิลปของ ตนเองใหนักเรียนฟง จากนั้นใหวิทยากรสาธิตการ วาดภาพใหนักเรียนดู ครูเปดโอกาสใหนักเรียน ซักถามขอสงสัย

สํารวจคนหา

๕. ¤ุ³¤‹า¢องทัศนศิลป์ ทัศนศิลปมีคุณคาตอมนุษยมากมายหลายประการ ดังตอไปนี้ ๑) ดานที่อยูอาศัย ทัศนศิลปชวยทําใหที่อยูอาศัยของมนุษยมีความ สวยงามและสะดวกสบายตอการพํานักอาศัยมากขึ้น จากเดิมที่เคยอาศัย อยูตามถํ้า เพิงผา ก็อาศัยความรูทางทัศนศิลปมาเปนปจจัยหนึ่งในการสราง ที่พักอาศัยอยางงายๆ โดยใชวัสดุจากธรรมชาติ จนพัฒนามาเปนอาคาร บานเรือน รูปแบบตางๆ ดังที่เห็นในปจจุบัน

Explore

๒) การพัฒนาเครื่องมือเครื่องใช ทัศนศิลปมีสวนชวยในการพัฒนา เครื่องมือเครื่องใชของมนุษยใหมีรูปแบบที่สวยงาม สะดวกตอการใชสอย และมี ค วามคงทนมากขึ้ น ไม ว  า สิ่ ง ของเครื่ อ งใช นั้ น จะเป น ผลผลิ ต จาก งานหั ต ถกรรมหรื อ อุ ต สาหกรรมก็ ต าม เช น ขวานหิ น ก็ พั ฒ นามาเป น ขวานโลหะ หรือเปนคอนในรูปแบบตางๆ เปนตน

ใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับคุณคาของงาน ทัศนศิลป จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน หนังสือเรียน หองสมุด อินเทอรเน็ต เปนตน

อธิบายความรู

Explain

๓) สรางความพึงพอใจใหกับอารมณของมนุษย ทัศนศิลปชวย โนมนําใหจิตใจของคนเราใหมีความรักตอความงดงาม สงผลทําใหจิตใจและ อารมณผอ นคลาย เกิดอารมณสน ุ ทรีย ชวยทําใหเกิดการสรางสรรคสงิ่ ตางๆ ใหกับสังคม ไมวาจะเปนขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และทําใหคน ในสังคมสามารถอยูรวมกันไดอยางสงบสุข

1. ครูสุมตัวอยางนักเรียน 2-3 คน ใหออกมา อธิบายความรูที่ไดศึกษามาหนาชั้นเรียน จากนั้นใหสรุปสาระสําคัญเกี่ยวกับคุณคาของ ทัศนศิลปลงสมุดบันทึก 2. ใหนักเรียนแบงเปน 3 กลุม เขียนอธิบายคุณคา ในงานทัศนศิลปที่มีตอผูสรางสรรคตามหัวขอ ตอไปนี้ • งานจิตรกรรม • งานประติมากรรม • งานสถาปตยกรรม โดยทําลงกระดาษรายงาน สงครูผูสอน

๔) ชวยอนุรักษธรรมชาติ ธรรมชาติสวนใหญจะมีความงดงามอยู ในตัวเอง ถามนุษยมคี วามรักตอความงามตามธรรมชาติ มนุษยกจ็ ะหวงแหน ปกปอง และอนุรักษธรรมชาติเหลานั้นเอาไว ๕) ถายทอดความรูสึกที่เปนสากล ทัศนศิลปชวยถายทอดอารมณ ความรูส กึ ความซาบซึง้ ประทับใจใหกบั ผูค น ทีแ่ มจะเปนคนตางชาติ ตางภาษา ตางเผาพันธุ ใหรับรูรวมกันได เพราะทัศนศิลปเปรียบเสมือนภาษาสากล ที่ผูคนทุกสวนของโลกสามารถสื่อความหมายใหเขาใจตรงกันได ๖) นําไปประยุกตใชกับวิทยาการและชีวิตประจําวัน มนุษยไดนํา ความรูทางทัศนศิลปไปประยุกตใชกับศาสตรหรือสหวิทยาการแขนงตางๆ เพือ่ ชวยทําใหเกิดความงามหรือเพือ่ ชวยถายทอดความรูใ นศาสตรแขนงนัน ้ ๆ ทําใหเขาใจไดงา ยขึน ้ ตลอดจนนํามาประยุกตใชกบั ชีวติ ประจําวันของตนเองได เชน การเลือกซื้อเสื้อผา การตกแตงบาน การจัดสวน เปนตน

1๒

EB GUIDE

เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเสริมเกี่ยวกับการดูงานทัศนศิลปใหเกิดคุณคาวาการที่จะเขาใจใน คุณคาของผลงานทัศนศิลปไดดีนั้น ผูดูควรมีคุณสมบัติ ดังนี้ 1. เปนผูที่มีจิตใจชอบงานทัศนศิลปอยางลึกซึ้ง ไมวาจะเปนผูสรางงานหรือ ผูดูผลงาน 2. ศึกษาคนควาเรื่องราวของทัศนศิลปอยางถองแท และหมั่นคนควาความรู เพิ่มเติมอยูเสมอ 3. มีประสบการณในการมองเห็นเปนอยางดี 4. รับฟงแนวคิดใหมๆ ของศิลปน 5. รอบรูในวิชาตางๆ หลากหลายดาน และสามารถนําความรูเหลานั้นมา เชื่อมโยงกับงานทัศนศิลปที่กําลังดูอยูได 6. มีรสนิยมทางทัศนศิลปอยางแทจริง

12

คูมือครู

http://www.aksorn.com/LC/Va/M1/03

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T

ขอใดเปนตัวอยางของการนําผลงานทัศนศิลปมาสรางสรรค ใหเกิดประโยชนในชีวิตประจําวัน 1. แตงกายชุดนักเรียนมาโรงเรียน 2. เขียนหนังสือดวยลายมือที่อานงาย 3. นําภาพวาดมาตกแตงบานเรือน 4. ใชแสงไฟหลากสีในงานรื่นเริง วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. การนําภาพวาดซึ่งเปนผลงานจิตรกรรม อันเปนงานประเภทหนึ่งของงานทัศนศิลปมาใชประดับตกแตงบานใหนาดู ใหมีสีสัน ชวยดึงดูดสายตา ถือเปนการนําเอาผลงานทัศนศิลปมาใช ประโยชนในชีวิตประจําวัน สวนการใชแสงไฟหลากสีไมถือเปนผลงาน ทัศนศิลป


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู

ขยายความเขาใจ Expand าใจ ขยายความเข

ตรวจสอบผล

Explain

Expand

Evaluate

อธิบExplain ายความรู

อธิบายความรู ÷. วัµ¶ุประสง¤ ãนการศÖกÉาสาระทัศนศิลป์ การศึกษาสาระการเรียนรู้แกนกลางทัศนศิลป์ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น มิได้มีจุดมุ่งหมายที่จะให้ นักเรียนมุง่ สร้างสรรค์งานศิลปะชัน้ เยีย่ มหรือต้องการจะให้เป็นศิลปนแต่อย่างใด แต่มงุ่ หวังทีจ่ ะส่งเสริมให้นกั เรียนเป็น ผู้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีจินตนาการทางศิลปะ รู้จักชื่นชมความงาม ความมีคุณค่าของผลงานต่ างๆ ที่มนุษย์ 1 ได้สร้างสรรค์ขึ้น ซึ่งจะช่วยท�าให้นักเรียนเป็นผู้มีจิตใจงดงาม มีความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) มีสมาธิ มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตดี มีคุณภาพสมดุลกัน ซึ่งสามารถสรุปวัตถุประสงค์โดยรวมในการศึกษาได้ ดังนี้ ๑. ให้รู้วิธีสื่อความคิด จินตนาการ ความประทับใจของนักเรียนให้ออกมาเป็นผลงานทางด้านทัศนศิลป์ ตามประเภทที่นักเรียนถนัดหรือสนใจ โดยใช้วัสดุ อุปกรณ์ เทคนิค วิธีการต่างๆ ทั้งนี้ผลงานที่สร้างสรรค์ออกมา จะต้องสื่อความหมายให้ผู้อื่นรับรู้อย่างที่ตนต้องการได้ ๒. ให้รู้จักคิดริเริ่ม ใช้เทคนิค วิธีการรูปแบบใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ที่ตนถนัดและสนใจ ด้วยการน�าความรู้เกี่ยวกับทัศนธาตุและองค์ประกอบศิลป์เข้ามาประยุกต์ใช้ ๓. ให้รู้จักใช้กระบวนการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ โดยสามารถประยุกต์ใช้สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมและมีความรับผิดชอบทั้งต่อตนเอง ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ๔. สามารถแสดงออกถึงความรู้สึกในการรับรู้ความงาม ทางทัศนศิลป์จากประสบการณ์ จินตนาการของตน โดยใช้แนวทางการพิจารณา ความงามทางศิลปะในแขนงที่นักเรียนมีความถนัดหรือสนใจ ๕. สามารถแสดงความคิดเห็น อธิบายความหมาย และจ�าแนก ความแตกต่างของงานทัศนศิลป์ที่ตนชื่นชอบได้ โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของ องค์ความรู้ทางทัศนศิลป์ มิใช่เกิดจากอารมณ์ความรู้สึกส่วนตน ๖. น�าความรู้ทางทัศนศิลป์ที่นักเรียนถนัดหรือสนใจไปประยุกต์ใช้กับวิชาอื่นๆ เช่น วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ภาษาไทย การงานอาชีพและเทคโนโลยี เป็นต้น รวมทั้งน�าไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ�าวันได้ด้วย ๗. มีความรู้ความเข้าใจว่าความเชื่อทางวัฒนธรรมมีอิทธิพลต่อ การสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ประเภทต่างๆ ของมนุษย์ ๘. ท�าให้เกิดความซาบซึ้ง เล็งเห็นคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมไทย และ ภูมิปัญญาไทยที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้ รวมทั้งมีส่วนร่วม ประติมากรรมลอยตัว ผลงานของ เขียน ยิ้มศิริ ที่สื่อความคิด ในการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์

E×plain

ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ วัตถุประสงคในการศึกษาวิชาทัศนศิลป จากนั้น ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางการนําความรู ทางทัศนศิลปที่นักเรียนสนใจไปประยุกตใชกับ วิชาอื่นๆ เชน การนําความรูทางทัศนศิลปไปใชใน การออกแบบโครงงานวิทยาศาสตร การนําความรู ทางทัศนศิลปไปใชกับการจัดนิทรรศการดาน ศิลปวัฒนธรรม เปนตน

ขยายความเขาใจ

Expand

จากการศึกษาเกี่ยวกับความรูพื้นฐานทาง ทัศนศิลป ครูใหนักเรียนรวมกันจัดนิทรรศการใน หัวขอ “ทัศนศิลปกับชีวิตมนุษย”

จินตนาการได้อย่างน่าประทับใจ

1๓

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T

การศึกษาสาระทัศนศิลปมีวัตถุประสงคสําคัญตามขอใด 1. รูเทคนิคการสรางงานทัศนศิลป 2. นําไปใชประกอบอาชีพในภายหนา 3. รูจักชื่นชมความงาม มีสุนทรียศิลป 4. ทราบประวัติความเปนมาของศิลปน

วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. การเรียนรูสาระทัศนศิลปมีเปาหมาย เพื่อกระตุนใหนักเรียนไดรูจัก เห็นคุณคา ชื่นชมความงามของผลงาน ทัศนศิลปตางๆ หรือเปนผูมีสุนทรียศิลป

เกร็ดแนะครู ครูสรุปภาพรวมใหนักเรียนเขาใจวา วัตถุประสงคของการศึกษาวิชาทัศนศิลป มิไดมุงหวังใหนักเรียนสรางสรรคงานศิลปะชั้นเยี่ยม หรือมิไดตองการใหนักเรียน เปนศิลปนแตอยางใด เพียงแตมงุ หวังใหนกั เรียนมีความคิดสรางสรรค มีจนิ ตนาการ ทางศิลปะ เห็นคุณคาและความงามของงานศิลปะ โดยเฉพาะผลงานศิลปะตางๆ ที่อยูรายรอบตัวนักเรียน

นักเรียนควรรู 1 ความฉลาดทางอารมณ (emotional intelligence) ความสามารถใน การดําเนินชีวิตอยางสรางสรรคและมีความสุขในการรับรูและเขาใจในอารมณของ ตนเองและผูอื่น รวมทั้งสามารถที่จะจัดการอารมณเพื่อเปนแนวทางในการสราง สัมพันธภาพกับผูอื่นไดอยางมีประสิทธิภาพ และชวยใหประสบความสําเร็จ ในการดํารงชีวิต คูมือครู

13


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

อธิบายความรู

ขยายความเขาใจ

Engage

Explore

Explain

Expand

ตรวจสอบผล

ตรวจสอบผล Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate

Evaluate

ครูพิจารณาจากผลงานการจัดนิทรรศการ “ทัศนศิลปกับชีวิตมนุษย” ของนักเรียนใน ดานเนื้อหาสาระ ความสวยงาม และความคิด สรางสรรค

กิจกรรม

ศิลป์ปฏิบัติ ๑.๒

กิจกรรมที่ ๑

ให้นักเรียนค้นหาภาพจิตรกรรมที่ศิลปนผู้สร้างสรรค์ ได้รับแรงบันดาลใจหรือใช้สิ่งแวดล้อม เป็นต้นแบบ โดยให้ระบุชื่อภาพ ชื่อศิลปนผู้สร้าง และอธิบายลักษณะเด่นของผลงานชิ้นนั้น แล้วน�าส่งครูผู้สอน กิจกรรมที่ ๒ ในท้องถิ่นของนักเรียนมีบุคคลท่านใดที่เป็นปราชญ์ทางด้านศิลปะบ้าง ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๕-๗ คน ไปสัมภาษณ์ชีวประวัติ ผลงาน ตลอดจนเทคนิคในการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ แล้วจัดท�าเป็นรายงานส่งครูผู้สอน

หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ผลงานการจัดนิทรรศการในหัวขอ “ทัศนศิลป กับชีวิตมนุษย”

สรุป ทัศนศิลป์เป็นก�รแสดงออกท�งศิลปะแขนงหนึ่ง ที่จะมีส่วนช่วยพัฒน�อ�รมณ์ของคนเร�

ให้มีคว�มเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ นับเป็นศ�สตร์ที่มนุษย์ได้นำ�ม�ใช้ช่วยในก�รสร้�งสรรค์สิ่งแวดล้อมต่�งๆ ให้มคี ว�มงดง�มนอกเหนือจ�กก�รมีประโยชน์ใช้สอย ซึง่ ผลง�นทัศนศิลป์ส�ม�รถจำ�แนกได้ต�มลักษณะ ของเนื้อง�น ออกได้เป็นง�นจิตรกรรม ประติม�กรรม สถ�ปัตยกรรม และภ�พพิมพ์ ทั้งนี้จุดมุ่งหม�ย สำ�คัญของก�รศึกษ�วิช�ทัศนศิลป์ เพื่อให้นักเรียนได้รู้จักสร้�งสรรค์ผลง�นทัศนศิลป์ต�มจินตน�ก�ร และคว�มคิดสร้�งสรรค์ของตนเองด้วยเทคนิควิธกี �รต่�งๆ ต�มคว�มถนัดและคว�มสนใจ รวมทัง้ ส�ม�รถ นำ�คว�มรู้ที่ได้จ�กก�รศึกษ�ไปประยุกต์ใช้ในก�รดำ�เนินชีวิตประจำ�วันได้ด้วย

1๔

บูรณาการอาเซียน ใหนักเรียนชวยกันหาภาพตัวอยางผลงานทัศนศิลปของประเทศสมาชิกอาเซียน แลวนํามาจัดแบงตามประเภท ไดแก งานจิตรกรรม ประติมากรรม สถาปตยกรรม ภาพพิมพ และสื่อผสม แลวนํามาจัดนิทรรศการเพื่อใหเห็นถึงความงดงาม ความหลากหลาย ในหัวขอ “อาเซียนกับผลงานทัศนศิลป” โดยสื่อถึงแนวความคิด ที่วา แตละประเทศสมาชิกอาเซียนลวนมีผลงานทัศนศิลปที่งดงามอยูดวยกันทั้งสิ้น ซึ่งผลงานเหลานี้มีทั้งที่แตกตาง เหมือนหรือคลายคลึงกัน ทั้งนี้ผลงานบางชิ้น ก็ถือเปนมรดกทางวัฒนธรรมที่พลเมืองอาเซียนไมวาจะอยูในประเทศใด ก็ควรมี ความภาคภูมิใจรวมกัน

14

คูมือครู

บูรณาการเชื่อมสาระ

การศึกษาสาระทัศนศิลปสามารถบูรณาการเชื่อมโยงกับการเรียนการสอน ของกลุมสาระเรียนรูตางๆ ไดทุกกลุมสาระฯ โดยเฉพาะกลุมสาระการเรียนรู ภาษาไทย วิชาหลักภาษาและการใชภาษา เรื่องการเขียนอธิบายและเขียน บรรยาย เพราะการศึกษาสาระทัศนศิลปนอกจากการฝกปฏิบัติแลว นักเรียน ยังตองสามารถเขียนอธิบายความหมายของผลงาน เขียนบรรยายความรูสึก ที่มีตอผลงาน โดยการเขียนตองตั้งอยูบนพื้นฐานองคความรูทางภาษาไทย และทัศนศิลปผสมผสานกัน มิใชเขียนตามอารมณความรูสึกเพียงอยางเดียว


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.