คูมือครู 㪌»ÃСͺ¡ÒÃÊ͹ËÇÁ¡Ñº
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ©ºÑº »ÃСѹÏ
ภาพปกนี้มีขนาดเทากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน
กระบวนการสอนแบบ 5 Es ชวยสรางทักษะการเรียนรู กิจกรรมมุงพัฒนาทักษะการคิด คำถาม + แนวขอสอบเพื่อยกผลสัมฤทธิ์ O - NET กิจกรรมบูรณาการเตรียมพรอมสู ASEAN 2558
เอกสารประกอบคูมือครู
กลุมสาระการเรียนรู ศิลปะ
ทัศนศิลป ชั้นมัธยมศึกษาปที่
1
สําหรับครู
คูมือครู Version ใหม
ลักษณะเดน
ขยายพื้นที่รูปเลมใหญขึ้นกวาเดิม จัดแบงพื้นที่ออกเปนโซน เพื่อคนหาขอมูลไดงาย สะดวก รวดเร็ว และดูเปนระเบียบ กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล
กระตุน ความสนใจ
Evaluate
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
เปาหมายการเรียนรู สมรรถนะของผูเรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค
หน า
โซน 1 กระตุน ความสนใจ
Engage
สํารวจคนหา
Explore
อธิบายความรู
Explain
ขยายความเขาใจ
Expand
ตรวจสอบผล
หน า
หนั ง สื อ เรี ย น
โซน 1
หนั ง สื อ เรี ย น
Evaluate
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
O-NET บูรณาการเชื่อมสาระ
เกร็ดแนะครู
ขอสอบ
โซน 2
โซน 3
กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
โซน 3
โซน 2 บูรณาการอาเซียน มุม IT
No.
คูมือครู
คูมือครู
No.
โซน 1 ขั้นตอนการสอนแบบ 5Es
โซน 2 ชวยครูเตรียมสอน
โซน 3 ชวยครูเตรียมนักเรียน
เพื่อใหครูเตรียมจัดกิจกรรมการเรียน การสอน โดยแนะนําขั้นตอนการสอนและ การจัดกิจกรรมแบบ 5Es อยางละเอียด เพื่อใหนักเรียนบรรลุตามตัวชี้วัด
เพื่อชวยลดภาระครูผูสอน โดยแนะนํา เกร็ดความรูสําหรับครู ความรูเสริมสําหรับ นักเรียน รวมทั้งบูรณาการความรูสูอาเซียน และมุม IT
เพื่อใหครูสะดวกตอการจัดกิจกรรม โดย แนะนํากิจกรรมบูรณาการเชือ่ มระหวางสาระหรือ กลุมสาระการเรียนรู วิชา กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย รวมถึงเนื้อหาที่เคยออกขอสอบ O-NET แนวขอสอบ NT/O-NET ทีเ่ นนการคิด พรอมเฉลยและคําอธิบายอยางละเอียด
ที่ใชในคูมือครู
แถบสีและสัญลักษณ
แถบสีแสดงขั้นตอนการสอนและการจัดกิจกรรม แบบ 5Es เพื่อใหครูทราบวาเปนขั้นการสอนขั้นใด
1. แถบสี 5Es สีแดง
สีเขียว
กระตุน ความสนใจ
เสร�ม
สํารวจคนหา
Engage
2
•
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใช เทคนิคกระตุน ความสนใจ เพื่อโยง เขาสูบทเรียน
สีสม
อธิบายความรู
Explore
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนสํารวจ ปญหา และศึกษา ขอมูล
สีฟา
Explain
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนคนหา คําตอบ จนเกิดความรู เชิงประจักษ
สีมวง
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
•
Evaluate
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนนําความรู ไปคิดคนตอๆ ไป
•
เปนขั้นที่ผูสอน ประเมินมโนทัศน ของผูเรียน
2. สัญลักษณ สัญลักษณ
วัตถุประสงค
• เปาหมายการเรียนรู
• หลักฐานแสดง ผลการเรียนรู
• เกร็ดแนะครู
แทรกความรูเสริมสําหรับครู ขอเสนอแนะ ขอควรระวัง ขอสังเกต แนวทางการจัด กิจกรรมและอืน่ ๆ เพื่อประโยชนในการ จัดการเรียนการสอน ขยายความรูเพิ่มเติมจากเนื้อหา เพื่อให ครูนําไปใชอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียน ไดมีความรูมากขึ้น
•
ความรูห รือกิจกรรมเสริม ใหครูนาํ ไปใช เตรียมความพรอมใหกบั นักเรียนกอนเขาสู ประชาคมอาเซียนใน พ.ศ. 2558 โดย บูรณาการกับวิชาทีก่ าํ ลังเรียน
บูรณาการอาเซียน
•
คูม อื ครู
แสดงรองรอยหลักฐานตามภาระงาน ที่ครูมอบหมาย เพื่อแสดงผลการเรียนรู ตามตัวชี้วัด
• นักเรียนควรรู
มุม IT
แสดงเปาหมายการเรียนรูที่นักเรียน ตองบรรลุตามตัวชี้วัด ตลอดจนสมรรถนะ ที่จะตองมี และคุณลักษณะที่พึงเกิดขึ้น กับนักเรียน
แนะนําแหลงคนควาจากเว็บไซต เพื่อให ครูและนักเรียนไดเขาถึงขอมูลความรู ที่หลากหลาย ทั้งไทยและตางประเทศ
สัญลักษณ
ขอสอบ
วัตถุประสงค
O-NET
(เฉพาะวิชา ชัน้ ทีส่ อบ O-NET O-NET)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T (เฉพาะระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนตน)
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET (เฉพาะระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลาย)
บูรณาการเชื่อมสาระ
กิจกรรมสรางเสริม
กิจกรรมทาทาย
• ชีแ้ นะเนือ้ หาทีเ่ คยออกขอสอบ
O-NET โดยยกตัวอยางขอสอบ พรอมวิเคราะหคาํ ตอบ อยางละเอียด
• เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน
การคิดและเปนแนวขอสอบ NT/O-NET ในระดับมัธยมศึกษา ตอนตน มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด
• เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน
การคิดและเปนแนวขอสอบ O-NET ในระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม
เชือ่ มกับสาระหรือกลุม สาระ การเรียนรู ระดับชัน้ หรือวิชาอืน่ ทีเ่ กีย่ วของ
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม ซอมเสริมสําหรับนักเรียนทีค่ วร ไดรบั การพัฒนาการเรียนรู
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม ตอยอดสําหรับนักเรียนทีเ่ รียนรู ไดอยางรวดเร็ว และตองการ ทาทายความสามารถในระดับ ทีส่ งู ขึน้
คําแนะนําการใชคูมือครู การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน คูม อื ครู รายวิชา ทัศนศิลป ม.1 จัดทําขึน้ เพือ่ ใหครูผสู อนนําไปใชเปนแนวทางวางแผนการสอนเพือ่ พัฒนาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน และประกันคุณภาพผูเรียน ตามนโยบายของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยใช หนังสือเรียน ทัศนศิลป ม.1 ของบริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด เปนสื่อหลัก (Core Material) ประกอบการสอน และการจัดกิจกรรมการเรียนรูใหสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดกลุมสาระการเรียนรู ศิลปะ ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนตามหลักการสําคัญ ดังนี้
เสร�ม
3
1 ออกแบบการสอนเปนหนวยการเรียนรูอิงมาตรฐาน คูมือครู รายวิชา ทัศนศิลป ม.1 วางแผนการสอนโดยแบงเปนหนวยการเรียนรูตามลําดับสาระ (Strand) และ หมายเลขขอของมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด แตละหนวยจะกําหนดเปาหมายการเรียนรูและจุดประสงคการเรียนรู (Objective Learning) กิจกรรมการเรียนรู (Learning Activities) และแนวทางการประเมินผลการเรียนรู (Learning Evaluation) ไวชัดเจน ครูผูสอนสามารถจัดทําแผนการสอนใหครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด สมรรถนะ และ คุณลักษณะอันพึงประสงคทเี่ ปนเปาหมายการเรียนรูต ามทีก่ าํ หนดไวในสาระแกนกลาง (ตามแผนภูม)ิ และสามารถบันทึก ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผูเรียนแตละคนลงในเอกสาร ปพ.5 ไดอยางงมั่นใจ แผนภูมิแสดงความสัมพันธขององคประกอบการออกแบบการเรียนรูอิงมาตรฐานและเน มาต นผูเรียนเปนสําคัญ
พผ
ูเ
จุ ด ป ร
ะสง
คก า
ส ภา
รี ย น
ร
รู ีเรยน
มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัดชวงชั้น
ทักษะการคิด การวัดประเมินผล การเรียนรู
กิจกรรมการเรียนรู
เทคนิคการสอน คูม อื ครู
2 การจัดการเรียนรูที่ยึดผูเรียนเปนสําคัญ แนวคิ ด ในการจั ด การเรี ย นการสอนที่ ยึ ด ผู เ รี ย นเป น สํ า คั ญ พั ฒ นามาจากปรั ช ญาและทฤษฎี ก ารเรี ย นรู Constructivism ที่เชื่อวา การเรียนรูเปนกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในสมองของผูเรียนแตละคน ผูเรียนเปนผูสรางความรู โดยการเชื่อมโยงระหวางสิ่งที่ไดเรียนรูจากบทเรียนใหมกับความรูหรือประสบการณเดิมที่มีอยู ทฤษฎีนี้มีความเชื่อวา ผูเรียนทุกคนไดเรียนรูและมีการสั่งสมความรูความเขาใจเกี่ยวกับสิ่งตางๆ ติดตัวมากอน ทีจ่ ะเขาสูห อ งเรียน ซึง่ เปนการเรียนรูท เี่ กิดจากประสบการณและสิง่ แวดลอมรอบตัวผูเ รียนแตละคน ดังนัน้ การจัดกิจกรรม เสร�ม การเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ผูสอนจะตองคํานึงถึง
4
1. ความรูเดิมของผูเรียน วิธีการสอนที่ดีจะตองเริ่มตนจากจุดที่วา ผูเ รียนมีความรูอ ะไรมาบาง แลวจึงใหความรู หรือประสบการณใหม เพื่อตอยอดจาก ความรูเดิม นําไปสูการสรางความรู ความเขาใจใหม
2. ความรูเดิมของผูเรียนถูกตองหรือไม ผูส อนตองปรับเปลีย่ นความรูค วามเขาใจเดิม ของผูเรียนใหถูกตอง และเปนพฤติกรรม การเรียนรูใ หมทมี่ คี ณุ คาตอผูเรียน เพื่อสราง เจตคติหรือทัศนคติที่ดีตอการเรียนรู สิ่งเหลานั้น
3. ผูเรียนสรางความหมายสําหรับตนเอง ผูสอนตองสงเสริมใหผูเรียนนําความรู ความเขาใจที่เกิดขึ้นไปลงมือปฏิบัติ เพื่อขยายความรูใหลึกซึ้งและมีคุณคา ตอตัวผูเรียนมากที่สุด
แนวคิด Constructivism เนนใหผูเรียนสรางความรูโดยผานกระบวนการคิดและความอยากรูของตนเอง โดยมีผูสอนเปนผูสรางบรรยากาศ
การเรียนรูและกระตุนความสนใจ คอยจัดสถานการณใหผูเรียนเกิดความขัดแยงทางความคิดระหวางประสบการณเดิมกับประสบการณ ความรูใ หม เพือ่ กระตนุ ใหผเู รียนเชือ่ มโยงความรู ความคิด กับประสบการณทมี่ อี ยูเ ดิม แลวสังเคราะหเปนความรูห รือแนวคิดใหมๆ ไดดว ยตนเอง
3 การบูรณาการกระบวนการคิด การเรียนรูของผูเรียนแตละคนจะเกิดขึ้นที่สมอง ซึ่งเปนอวัยวะที่ทําหนาที่รูคิดภายใตสภาพแวดลอมที่เอื้ออํานวย และไดรบั การกระตนุ จูงใจอยางเหมาะสม สอดคลองกับสภาพจิตใจและความตองการของผูเ รียนแตละคน การจัดกิจกรรม การเรียนรูและสาระการเรียนรูที่สอดคลองกับความสนใจและมีความหมายตอผูเรียน จะชวยกระตุนใหสมองของผูเรียน สามารถรับรูและเรียนรูไดอยางมีประสิทธิภาพตามขั้นตอนการทํางงานของสมอง ดังนี้ 1. สมองจะเรียนรูและสืบคน โดยการสังเกต คนหา ซักถาม และทดลอง ปฏิบัติ จนทําใหคนพบความรูความเขาใจ ไดอยางรวดเร็ว
2. สมองจะแยกแยะคุณคาของสิ่งตางๆ โดยการตัดสินใจวิพากษวิจารณ แสดง ความคิดเห็น ยอมรับหรือตอตานตาม อารมณความรูสึกที่เกิดขึ้นในขณะที่เรียนรู
3. สมองจะประมวลเนื้อหาสาระ โดยการสรุปเปนความคิดรวบยอดจาก เรื่องราวที่ไดเรียนรูใหมนําไปผสมผสานกับ ความรูห รือประสบการณเดิมทีถ่ กู จัดเก็บอยูใ น สมอง ผานการกลัน่ กรองเพือ่ สังเคราะหเปน ความรูค วามเขาใจใหมๆ หรือเปนทัศนคติใหม ที่จะเก็บบรรจุไวในสมองของผูเรียน
การเรียนรูที่มีประสิทธิภาพจึงตองเปนการเรียนรูที่เกิดจากกระบวนการคิดของผูเรียน เพราะการเรียนรูจะเกิดขึ้น เมื่อสมองรูคิด และตองเปนการคิดไดครบถวนตามขั้นตอนการทํางานของสมองผูเรียน โดยเริ่มตนจาก 1. ระดับการคิดพื้นฐาน ไดแก การสังเกต การจําแนก การคาดคะเน การสื่อความหมาย การรวบรวมขอมูล การสรุปผล เปนตน
คูม อื ครู
2. ระดับลักษณะการคิด ไดแก การคิดกวาง คิดลึกซึ้ง คิดไกล คิดหลากหลาย คิดคลอง คิดอยางมีเหตุผล เปนตน
3. ระดับกระบวนการคิด ไดแก กระบวนการคิดอยางมีวิจารณญาณ กระบวนการแกปญหา กระบวนการ คิดสรางสรรค กระบวนการคิดสังเคราะห เปนตน
5Es การจัดกิจกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ขั้นตอนการสอนที่สัมพันธกับขั้นตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้ ขั้นที่ 1
กระตุนความสนใจ
(Engage)
เสร�ม
5
เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของผูเรียนดวยเรื่องราวหรือเหตุการณที่นาสนใจโดยใชเทคนิควิธีการ และคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูความรูของบทเรียนใหม ชวยใหผูเรียนสามารถ สรุปความสําคัญหัวขอและสาระการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนการสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสราง แรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน
ขั้นที่ 2
สํารวจคนหา
(Explore)
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนเปดโอกาสใหผเู รียนลงมือศึกษา สังเกต หรือรวมมือกันสํารวจ เพือ่ ใหเห็นขอบขายของประเด็นหรือปญหา รวมถึง วิธีการศึกษาคนควา การรวบรวมขอมูลความรูที่จะนําไปสูการสรางความเขาใจประเด็นหรือปญหานั้นๆ เมื่อผูเรียนทําความเขาใจใน ประเด็นหรือปญหาที่จะศึกษาคนควาอยางถองแทแลว ก็ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมขอมูลความรู สํารวจตรวจสอบ โดยวิธีการตางๆ เชน สัมภาษณ ทดลอง อานคนควาขอมูลจากเอกสาร แหลงขอมูลตางๆ จนไดขอมูลความรูที่เกี่ยวของกับประเด็นหรือปญหาที่ศึกษา
ขั้นที่ 3
อธิบายความรู
(Explain)
เปนขั้นที่ผูสอนมีปฏิสัมพันธกับผูเรียน เชน ใหการแนะนํา ตั้งคําถามกระตุนใหคิด เพื่อใหผูเรียนคนหาคําตอบ และนําขอมูล ความรูจากการศึกษาคนควาในขั้นที่ 2 มาวิเคราะห สรุปผล และนําเสนอผลที่ไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน เขียนแผนภูมิ ผังมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน ในขั้นตอนนี้ฝกใหผูเรียนใชสมองคิดวิเคราะหและสังเคราะห อยางเปนระบบ
ขั้นที่ 4
ขยายความเขาใจ
(Expand)
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใชเทคนิควิธีสอนตางๆ ที่สงเสริมใหผูเรียนนําความรูที่เกิดขึ้นไปคิดคนสืบคนตอๆ ไป เพื่อพัฒนาทักษะ การเรียนรูและการทํางานรวมกันเปนกลุม ระดมสมองเพื่อคิดสรางสรรครวมกัน ผูเรียนสามารถนําความรูที่สรางขึ้นใหมไปเชื่อมโยง กับประสบการณเดิมโดยนําขอสรุปทีไ่ ดไปใชอธิบายเหตุการณตา งๆ หรือนําไปปฏิบตั ใิ นสถานการณใหมๆ ทีเ่ กีย่ วของกับชีวติ ประจําวัน ของตนเอง เพื่อขยายความรูความเขาใจใหกวางขวางยิ่งขึ้น ในขั้นตอนนี้ฝกสมองของผูเรียนใหสามารถคิดริเริ่มสรางสรรคอยางมี คุณภาพ เสริมสรางวิสัยทัศนใหกวางไกลออกไป
ขั้นที่ 5
ตรวจสอบผล
(Evaluate)
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนประเมินมโนทัศนของผูเ รียน โดยตรวจสอบจากความคิดทีเ่ ปลีย่ นไปและความคิดรวบยอดทีเ่ กิดขึน้ ใหม ตรวจสอบ ทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแกปญหา การตอบคําถามรวบยอด หรือการเคารพความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่น เพื่อการ สรางสรรคความรูร ว มกัน ผูเ รียนสามารถประเมินผลการเรียนรูข องตนเอง เพือ่ สรุปผลวามีความรูอ ะไรเพิม่ ขึน้ มาบาง เกิดความเขาใจ มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ หรือในชีวิตประจําวันไดอยางไร ผูเรียนจะเกิดเจตคติ และเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริง
การจัดกิจกรรมการเรียนรูตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนนผูเรียน เปนสําคัญอยางแทจริง เพราะสงเสริมใหผูเรียนไดเรียนรูตามขั้นตอนของกระบวนการสรางความรูดวยตนเอง และ ฝกฝนใหใชกระบวนการคิดและกระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะชีวิต ทักษะการทํางาน และทักษะการ เรียนรูที่มีประสิทธิภาพ สงผลตอการยกระดับผลสัมฤทธิ์ของผูเรียน ตามเปาหมายของการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการ คูม อื ครู
O-NET การเพิ่มผลสัมฤทธิ์ O-NET
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ในแตละหนวยการเรียนรู ทางผูจัดทํา จะเสนอแนะวิธีสอน รูปแบบกิจกรรมการเรียนรู พรอมทั้งออกแบบเครื่องมือวัดและประเมินผลที่สอดคลองกับตัวชี้วัด และสาระการเรียนรูแกนกลางไวทุกขั้นตอน โดยยึดหลักสําคัญ คือ หลักของการวัดและประเมินผล เสร�ม
6
1. การวัดและประเมินผลทุกครั้ง ควรนําผลมาปรับปรุงพัฒนาผูเรียน เปนรายบุคคล
2. การวัดและประเมินผลมี เปาหมาย เพื่อพัฒนาการเรียนรู ของผูเรียนจนเต็มศักยภาพ
3. การนําผลการวัดและประเมินผล ทุกครั้งมาวางแผนปรับปรุงกิจกรรม การเรียนการสอน การเลือกเทคนิค วิธีสอน และสื่อการเรียนรูให เหมาะสมกับสภาพจริงของผูเรียน
การทดสอบผูเรียน 1. การใชขอสอบอัตนัย เนนการอาน การคิดวิเคราะห และการเขียนเพิ่มมากขึ้น 2. การใชคําถามกระตุนการคิดควบคูกับการทําขอสอบที่เนนการคิดอยางตอเนื่องตามลําดับกิจกรรมการเรียนรู และตัวชี้วัด 3. การทดสอบตองดําเนินการทั้งกอนเรียน ระหวางเรียน และหลังเรียน การทดสอบควรใชขอสอบทั้งชนิดปรนัยและ อัตนัย และเปนการทดสอบเพื่อประเมินผลการเรียนของผูเรียนแตละคน เพื่อการสอนซอมเสริมใหบรรลุตัวชี้วัด ไดครบถวน 4. การสอบกลางภาค (ถามี) ควรนําแบบฝกหัดหรือขอสอบทีน่ กั เรียนสวนใหญไมสามารถตอบไดหรือไมครบถวนชัดเจน มา สรางเปนแบบทดสอบอีกครัง้ เพือ่ ตรวจสอบความรูค วามเขาใจทีถ่ กู ตอง และประเมินความกาวหนาของผูเ รียนแตละคน 5. การสอบปลายภาคเรียนเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามตัวชี้วัดที่สําคัญ ควรออกขอสอบใหมีลักษณะเดียวกับ ขอสอบ O-NET โดยเนนการคิดวิเคราะห สังเคราะห เชื่อมโยงประยุกตใช เพื่อสรางความคุนเคย และฝกฝน วิธีการทําขอสอบดวยความมั่นใจ 6. การนําผลการทดสอบของผูเรียนมาวิเคราะห โดยผลการสอบกอนการเรียนตองสามารถพยากรณผลการสอบ กลางภาค และผลการสอบกลางภาคตองทํานายผลการสอบปลายภาคของผูเ รียนแตละคน เพือ่ ประเมินพัฒนาการ ความกาวหนาของผูเรียนเปนรายบุคคล 7. ผลการทดสอบปลายป ปลายภาค ตองมีคาเฉลี่ยสอดคลองกับคาเฉลี่ยของการสอบ NT ที่เขตพื้นที่การศึกษา จัดสอบ รวมทั้งคาเฉลี่ยของการสอบ O-NET ชวงชั้นที่สอดคลองครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดสําคัญ เพือ่ สะทอนประสิทธิภาพของครูผสู อนในการออกแบบการเรียนรูแ ละประกันคุณภาพผูเ รียนทีต่ รวจสอบผลไดชดั เจน การจัดการเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ตองใหผูเรียนไดสั่งสมความรู ความเขาใจตามลําดับขั้นตอน ของกิจกรรมในวัฏจักรการเรียนรู 5Es เพื่อใหผูเรียนไดเติมเต็มองคความรูอยางตอเนื่อง จนสามารถปฏิบัติชิ้นงานหรือ ภาระงานรวบยอดของแตละหนวย ผานเกณฑประกันคุณภาพในระดับที่นาพึงพอใจ เพื่อรองรับการประเมินภายนอกจาก สมศ. ตลอดเวลา คูม อื ครู
ASEAN การเรียนรูสูประชาคมอาเซียน เพื่ออํานวยความสะดวกแกครูผูสอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรูบูรณาการอาเซียนศึกษา ผูจัดทําไดวิเคราะห มาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัดที่มีสาระการเรียนรูสอดคลองกับองคความรูเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนในแงมุมตางๆ ครอบคลุมทัง้ ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรม อาเซียน เพื่อสงเสริมการเรียนรูใหผูเรียนเกิดความตระหนัก มีความรูความเขาใจเหมาะสมกับระดับชั้นและกลุมสาระ การเรียนรู โดยเสนอแนะวิธีการจัดกิจกรรมบูรณาการเนื้อหาสาระตางๆ ที่เปนประโยชนตอผูเรียนและเปนการชวย เตรียมความพรอมผูเ รียนทุกคนทีจ่ ะกาวเขาสูก ารเปนสมาชิกของประชาคมอาเซียนไดอยางมัน่ ใจตามขอตกลงปฏิญญา เสร�ม ชะอํา-หัวหิน วาดวยความรวมมือดานการศึกษาเพือ่ บรรลุเปาหมายประชาคมอาเซียนทีเ่ อือ้ อาทรและแบงปน จึงกําหนด 7 เปนนโยบายใหกระทรวงศึกษาธิการจัดการเรียนรูเตรียมความพรอมผูเรียนเขาสูประชาคมอาเซียนภายในป พ.ศ. 2558 ตามแนวปฏิบัติที่สําคัญ ดังนี้
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน 1. การสรางความรูความเขาใจ และตระหนักถึงความสําคัญของ กฎบัตรอาเซียน และความรวมมือ ของ 3 เสาหลัก ซึง่ กฎบัตรอาเซียน ในขณะนี้มีสถานะเปนกฎหมายที่ ประเทศสมาชิกจะตองปฏิบัติตาม หลักการที่กําหนดไวเพื่อใหบรรลุ เปาหมายของกฎบัตรมาตราตางๆ
2. การสงเสริมหลักการ ประชาธิปไตยและการสราง สิ่งแวดลอมประชาธิปไตย เพื่อการอยูรวมกันอยางกลมกลืน ภายใตวิถีชีวิตอาเซียนที่มีความ หลากหลายดานสังคมและ วัฒนธรรม
4. การตระหนักในคุณคาของ สายสัมพันธทางประวัติศาสตร และมรดกทางวัฒนธรรมที่มี พัฒนาการรวมกัน เพื่อเชื่อม อัตลักษณและสรางจิตสํานึก ในการเปนประชากรของประชาคม อาเซียนรวมกัน
3. การสงเสริมการศึกษาดาน สิทธิมนุษยชน เพื่อสรางประชาคม อาเซียนใหเปนประชาคมเพื่อ ประชาชนอยางแทจริง สามารถ อยูรวมกันไดบนพื้นฐานการเคารพ ในคุณคาของศักดิ์ศรีแหงความ เปนมนุษยเทาเทียมกัน
5. การสงเสริมสันติภาพ ความ มั่นคง และความปรองดองในสังคม ทั้งระดับประเทศและภูมิภาคของ อาเซียนบนพื้นฐานสันติวิธีและการ อยูรวมกันดวยขันติธรรม
คูม อื ครู
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
เสร�ม
8
1. การพัฒนาทักษะการทํางาน เพื่อเสริมสรางผูเรียนใหมีทักษะ วิชาชีพที่จําเปนสอดคลองกับ ความตองการของตลาดแรงงาน และสถานประกอบการในอาเซียน สามารถเทียบโอนผลการเรียน และการทํางานตามมาตรฐานฝมือ แรงงานในภูมิภาคอาเซียน
2. การเสริมสรางวินัย ความรับผิดชอบ และเจตคติรักการทํางาน สามารถพึ่งพาตนเอง มีทักษะชีวิต ดํารงชีวิตอยางมีความสุข เห็นคุณคา และภูมิใจในตนเอง ในฐานะที่เปนพลเมืองไทยและ อาเซียน
3. การเรียนรูเพื่อพัฒนาตนเอง อยางตอเนื่องตลอดชีวิต ใหมี ทักษะการทํางานตามมาตรฐาน อาชีพ และคุณวุฒิของวิชาชีพสาขา ตางๆ เพื่อรองรับการเตรียมเคลื่อน ยายแรงงานมีฝมือและการเปน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่ เขมแข็ง เพื่อสรางขีดความสามารถ ในการแขงขันในเวทีโลก
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน 1. การเสริมสรางความรวมมือ ในลักษณะสังคมที่เอื้ออาทร ของประชากรอาเซียน โดยยึด หลักการสําคัญ คือ ความงดงาม ของประชาคมอาเซียนมาจาก ความแตกตางและหลากหลายทาง วัฒนธรรมที่ลวนแตมีคุณคาตอ มรดกทางวัฒนธรรมของอาเซียน ซึ่งประชาชนทุกคนตองอนุรักษ สืบสานใหยั่งยืน
2. การเสริมสรางคุณลักษณะ ของผูเรียนใหเปนพลเมืองอาเซียน ที่มีศักยภาพในการกาวเขาสู ประชาคมอาเซียนอยางมั่นใจ เปนผูที่มีสุขภาพสมบูรณแข็งแรง มีทักษะการสื่อสาร ทักษะการ ทํางาน ทักษะทางสังคม สามารถ ทํางานรวมกับผูอื่นไดอยาง สรางสรรค และมีองคความรู เกี่ยวกับอาเซียนที่จําเปนตอการ ดํารงชีวิตอยางมีคุณภาพ
4. การสงเสริมการเรียนรูดาน ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถชี วี ติ ความเปนอยูข องเพือ่ นบาน ในอาเซียน เพื่อสรางจิตสํานึกของ ความเปนประชาคมอาเซียนและ ตระหนักถึงหนาที่ของการเปน พลเมืองอาเซียนรวมกัน
3. การสงเสริมการเรียนรูภาษา อังกฤษเพื่อการสื่อสารและการ ทํางานตามมาตรฐานอาชีพที่ กําหนดและสนับสนุนการเรียนรู ภาษาอาเซียนและภาษาเพื่อนบาน เพื่อชวยเสริมสรางสัมพันธภาพทาง สังคม และการอยูรวมกันอยางสันติ ทามกลางความหลากหลายทาง วัฒนธรรม
5. การสรางความรูและความ ตระหนักเกี่ยวกับดานสิ่งแวดลอม ปญหาและผลกระทบตอคุณภาพ ชีวิตของประชากรในภูมิภาค รวมทั้งแนวทางการพัฒนาอยาง ยั่งยืน ใหเปนมรดกสืบทอดแก พลเมืองอาเซียนในรุนหลังตอๆ ไป
กระทรวงศึกษาธิการจึงประกาศนโยบายการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) เพื่อเรงพัฒนาเด็ก และเยาวชนไทยใหเปนทรัพยากรมนุษยของชาติที่มีทักษะและความชํานาญ พรอมเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงและ การแขงขันทั้งในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆ ของสังคมโลก ทั้งนี้ผูบริหารสถานศึกษา ครูผูสอน และผูปกครอง ควรรวมมือกันอยางใกลชิดในการดูแลชวยเหลือผูเรียนและจัดประสบการณการเรียนรูเพื่อพัฒนาผูเรียนจนเต็มศักยภาพ เพื่อกาวเขาสูการเปนพลเมืองอาเซียนอยางมีเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีความเปนมนุษยของตน คณะผูจัดทํา คูม อื ครู
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง สาระที่ 1
ทัศนศิลป (เฉพาะชั้น ม.1)*
ทัศนศิลป
มาตรฐาน ศ 1.1 สรางสรรคงานทัศนศิลปตามจินตนาการ และความคิดสรางสรรค วิเคราะห วิพากษ วิจารณคุณคางาน ทัศนศิลป ถายทอดความรูสึก ความคิดตองานศิลปะอยางอิสระ ชื่นชม และประยุกตใชในชีวิตประจําวัน ชั้น ม.1
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรู ในหนังสือเรียน
เสร�ม
9
1. บรรยายความแตกตางและ • ความแตกตางและความคลายคลึงกัน • หนวยการเรียนรูที่ 2 ความคลายคลึงกันของงาน ของทัศนธาตุในงานทัศนศิลป ทัศนธาตุ ทัศนศิลปและสิง่ แวดลอม และสิ่งแวดลอม โดยใชความรูเ รือ่ งทัศนธาตุ 2. ระบุและบรรยายหลักการ • ความเปนเอกภาพ ความกลมกลืน • หนวยการเรียนรูที่ 3 ออกแบบงานทัศนศิลป ความสมดุล การออกแบบงานทัศนศิลป โดยเนนความเปนเอกภาพ ความกลมกลืน และความสมดุล 3. วาดภาพทัศนียภาพแสดง ใหเห็นระยะไกลใกล เปน 3 มิติ
• หลักการวาดภาพแสดงทัศนียภาพ
• หนวยการเรียนรูที่ 5 หลักการวาดภาพ แสดงทัศนียภาพ
4. รวบรวมงานปน หรือสือ่ ผสม • เอกภาพ ความกลมกลืนของ • หนวยการเรียนรูที่ 6 มาสรางเปนเรื่องราว 3 มิติ เรื่องราวในงานปนหรืองานสื่อผสม งานปนและงานสื่อผสม โดยเนนความเปนเอกภาพ ความกลมกลืน และการสื่อ ถึงเรื่องราวของงาน 5. ออกแบบรูปภาพ • การออกแบบรูปภาพ สัญลักษณ สัญลักษณ หรือกราฟกอืน่ ๆ หรืองานกราฟก ในการนําเสนอความคิดและ ขอมูล
• หนวยการเรียนรูที่ 7 การออกแบบรูปภาพ สัญลักษณ และงานกราฟก
_________________________________ * สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง กลุมสาระการเรียนรู ศิลปะ. (กรุงเทพมหานคร : ชุมนุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย, 2551), หนา 8-21.
คูม อื ครู
ชั้น ม.1
เสร�ม
10
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
6. ประเมินงานทัศนศิลป และ • การประเมินงานทัศนศิลป บรรยายถึงวิธีการปรับปรุง งานของตนเองและผูอื่น โดยใชเกณฑที่กําหนดให
หนวยการเรียนรู ในหนังสือเรียน • หนวยการเรียนรูที่ 8 หลักการประเมิน งานทัศนศิลป
มาตรฐาน ศ 1.2 เขาใจความสัมพันธระหวางทัศนศิลป ประวัติศาสตร และวัฒนธรรม เห็นคุณคางานทัศนศิลปที่เปน มรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปญญาทองถิ่น ภูมิปญญาไทยและสากล ชั้น ม.1
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
1. ระบุและบรรยายเกีย่ วกับ • ลักษณะ รูปแบบงานทัศนศิลป ลักษณะรูปแบบงาน ของชาติและทองถิ่น ทัศนศิลปของชาติและของ ทองถิน่ ตนเองจากอดีต จนถึงปจจุบนั 2. ระบุและเปรียบเทียบงาน ทัศนศิลปของภาคตางๆ ในประเทศไทย
หนวยการเรียนรู ในหนังสือเรียน • หนวยการเรียนรูที่ 9 ทัศนศิลปของชาติและทองถิ่น
• งานทัศนศิลปภาคตางๆ ในประเทศไทย
3. เปรียบเทียบความแตกตาง • ความแตกตางของงานทัศนศิลป ของจุดประสงคในการ ในวัฒนธรรมไทยและสากล สรางสรรคงานทัศนศิลป ของวัฒนธรรมไทยและ สากล
• หนวยการเรียนรูที่ 10 ทัศนศิลปในวัฒนธรรมไทย และสากล
หมายเหตุ : หนวยการเรียนรูที่ 1 และหนวยการเรียนรูที่ 4 เปนหนวยการเรียนรูพื้นฐานที่จะนําเขาสูบทเรียนในหนวยตอไป
คูม อื ครู
คําอธิบายรายวิชา รายวิชา ทัศนศิลป ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 รหัสวิชา ศ…………………………………
กลุมสาระการเรียนรู ศิลปะ ภาคเรียนที่………….. เวลา 40 ชั่วโมง/ป
มีความรูความเขาใจองคประกอบศิลป ทัศนธาตุ สรางและนําเสนอผลงานทางทัศนศิลปจากจินตนาการ โดยสามารถใชอุปกรณที่เหมาะสม รวมทั้งสามารถใชเทคนิค วิธีการของศิลปนในการสรางงานไดอยางมี เสร�ม 11 ประสิทธิภาพ วิเคราะห วิพากษ วิจารณคุณคางานทัศนศิลป เขาใจความสัมพันธระหวางทัศนศิลป ประวัติศาสตร และวัฒนธรรม เห็นคุณคางานศิลปะทีเ่ ปนมรดกทางวัฒนธรรม ภูมปิ ญ ญาทองถิน่ ภูมปิ ญ ญาไทยและสากล ชืน่ ชม ประยุกตใชในชีวิตประจําวัน โดยใชกระบวนการคิด กระบวนการสืบคนขอมูล กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการ พิจารณาคุณคา เพื่อใหเกิดความรู ความเขาใจ สามารถนําไปปฏิบัติและประยุกตใชในชีวิตประจําวันได อยางเหมาะสม ตัวชี้วัด ศ 1.1 ศ 1.2
ม.1/1 ม.1/1
ม.1/2 ม.1/2
ม.1/3 ม.1/4 ม.1/3 รวม 9 ตัวชี้วัด
ม.1/5
ม.1/6
คูม อื ครู
คูม อื ครู
หนวยการเรียนรูที่ 7 : การออกแบบรูปภาพ สัญลักษณ และงานกราฟก หนวยการเรียนรูที่ 8 : หลักการประเมินงาน ทัศนศิลป หนวยการเรียนรูที่ 9 : ทัศนศิลปของชาติ และทองถิ�น หนวยการเรียนรูที่ 10 : ทัศนศิลปในวัฒนธรรมไทย และสากล
หนวยการเรียนรูที่ 4 : ความรูเบื้องตนเกี่ยวกับ การวาดภาพระบายสี หนวยการเรียนรูที่ 5 : หลักการวาดภาพ แสดงทัศน�ยภาพ หนวยการเรียนรูที่ 6 : งานปนและงานสื่อผสม
หนวยการเรียนรูที่ 3 : การออกแบบงานทัศนศิลป
✓
1
✓
2
✓ ✓
มาตรฐาน ศ 1.1 ตัวชี้วัด 3 4
✓
5
✓
6
สาระที่ 1
✓
1
✓
มาตรฐาน ศ 1.2 ตัวชี้วัด 2
เสร�ม
✓
3
12
หนวยการเรียนรูที่ 1 : ความรูเบื้องตนเกี่ยวกับ ทัศนศิลป หนวยการเรียนรูที่ 2 : ทัศนธาตุ
หนวยการเรียนรู
มาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัด
ตาราง วิเคราะหมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั รายวิชา ทัศนศิลป ม.1
คําชี้แจง : ใหผูสอนใชตารางนี้ตรวจสอบความสอดคลองของเนื้อหาสาระการเรียนรูในหนวยการเรียนรูกับมาตรฐาน การเรียนรูและตัวชี้วัดชวงชั้น
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹
ทัศนศิลป ม.๑ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑
กลุมสาระการเรียนรูศิลปะ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ผูเรียบเรียง
ศ. สุชาติ เถาทอง นายสังคม ทองมี นายธํารงศักดิ์ ธํารงเลิศฤทธิ์ นายรอง ทองดาดาษ
ผูตรวจ
รศ. จารุพรรณ ทรัพยปรุง นางสาววัชรินทร ฐิติอดิศัย นายชัยยศ วนิชวัฒนานุวัติ
บรรณาธิการ
ศ. ปรีชา เถาทอง นายสมเกียรติ ภูระหงษ พิมพครั้งที่ ๑๐
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ ISBN : 978-616-203-080-2 รหัสสินคา ๒๑๑๕๐๐๒
¤Œ¹¤ÇÒÁÃÙŒ¢ÂÒ¤ÇÒÁ¤Ô´¨Ò¡ ¾ÔÁ¾ ¤ÃÑ駷Õè ñ ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ òñôõðð÷
EB GUIDE
ที่พิมพกํากับหัวขอสําคัญในหนังสือเรียนหลักสูตรแกนกลางฯ ผาน www.aksorn.com ไปยังแหลงความรูทั่วไทย-ทั่วโลก
คณะผูจัดทําคูมือครู
ธํารงศักดิ์ ธํารงเลิศฤทธิ์ สังคม ทองมี สุวิชญ หาญดํารงรักษ
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
Explain
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
¤íÒá¹Ð¹íÒ㹡ÒÃ㪌˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ หนังสือเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน ทัศนศิลป เลมนี้ สรางขึน้ เพือ่ ใหเปนสือ่ สําหรับใชประกอบการเรียนการสอนในรายวิชา พืน้ ฐาน กลุม สาระการเรียนรูศ ลิ ปะ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๑ โดยเนื้อหาตรงตามสาระการเรียนรูแกนกลางขั้นพื้นฐาน อานทําความเขาใจงาย ใหทั้งความรูและชวยพัฒนาผูเรียน ตามหลักสูตรและตัวชีว้ ดั เนือ้ หาสาระแบงออกเปนหนวยการเรียนรูต ามโครงสรางรายวิชา สะดวกแกการจัดการเรียนการสอนและ การวัดผลประเมินผล พรอมเสริมองคประกอบอืน่ ๆ ทีจ่ ะชวยทําใหผเู รียนไดรบั ความรูอ ยางมีประสิทธิภาพ à¹×éÍËҵçµÒÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§ ãËŒ¤ÇÒÁÃÙŒáÅÐàÍ×é͵‹Í¡ÒùíÒä»ãªŒÊ͹à¾×èÍ ãËŒºÃÃÅصÑǪÕéÇÑ´ áÅÐÊÌҧ¤Ø³ÅѡɳРÍѹ¾Ö§»ÃÐʧ¤
à¡ÃÔè¹¹íÒà¾×èÍãˌࢌÒ㨶֧ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ ã¹Ë¹‹Ç·Õè¨ÐàÃÕ¹
¨Ñ´¡ÅØ‹Áà¹×éÍËÒ໚¹Ë¹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ Êдǡᡋ¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹
à¡Ãç´ÈÔÅ»Šà¾ÔèÁàµÔÁ¨Ò¡à¹×éÍËÒ â´ÂÁÕá·Ã¡à»š¹ÃÐÂÐæ
เกร็ดศิลป
การวาดภาพตามแบบหรือเหมือนจริ
ง
การวาดภาพตามแบบหรือเหมื อนจริง หมายถึง การวาดภาพจากสิ ่งต่างๆ ที่มี อยู่ในธรรมชาติรอบตัวเรา ตามที่สายตามองเ ห็น น�ามาเป็นแบบหรือหุ่น สิ่งต่างๆ ที่มองเห็นนั้นจะประกอบไปด้วยรูปร่ าง รู ส่วนประกอบดังกล่าวมีความส�าคัญ ปทรง ขนาด สัดส่วน แสงเงา และสีพื้น ในการวาด วาดจะแสดงขนาด ปริมาตร และแสดงระยะใก ภาพให้เหมือนจริง เพราะภาพที่ ล้-ไกลได้ ภาพจะดูมีความลึก เช่น การวาดภาพต้นไม้ในระยะใกลย้ อ่ มมี ขนาดใหญ่กว่า มีนา�้ หนักสีหรือแสงเงาเข้ มีรายละเอียดชัดเจนกว่าภาพต้นไม้ใ มกว่า นระยะไกลออกไป การวาดภาพตามแบบหรือเหมื อนจริ รูปทรง ขนาด สัดส่วน สีสันตามที ง นอกจากสิ่งที่ต้องค�านึงถึงด้านรูปร่าง ่สังเกตเห็นแล้ว สิ่งส�าคัญอีกประการหน ต้องวาดภาพแสดงน�้าหนักของแสงเง ึ่งคือ าให้ เกิดจากการทีแ่ สงเงามาตกกระทบ แส ถูกต้องด้วย น�้าหนักของแสงเงาบนวัตถุ งอาจส่ หลายด้านก็ได้ ถ้าแสงที่ตกกระทบว องมาจากด้านใดด้านหนึง่ หรือพร้อมกัน ัตถุ จะเห็นวัตถุเด่นชัด ถ้าแสงที่ตกกระทบวมีความสว่างมากก็จะเกิดเงามืดเข้มมาก ั ต ถุ ม ี ค วามสว่ างน้อย เงาของวัตถุก ไม่เข้ม วัตถุจะไม่เด่นชัดนัก แสงและเ งาในภาพจะแสดงให้เห็นความลึก ความนู็จะ และลักษณะของวัตถุช่วยท�าให้ดูคล้า น ยของจริง
Å»Š ñ. ¤ÇÒÁࢌÒã¨à¡ÕèÂǡѺ¡ÒÃÇÔ¨Òó ¼Å§Ò¹·ÑȹÈÔ
เคราะห์ หรือการแสดงความคิดเห็นบนพืน้ ฐาน การวิจารณผลงานทัศนศิลป หมายถึง การติ การชม การวิ เช่น ภาพเขียน งานปน งานสร้างสรรค์ต่างๆ เป็นต้น ของการใช้เกณฑ์ที่ก�าหนดมาพิจารณาผลงานในแขนงต่างๆ และเหตุผล ทั้งนี้เพราะการปฏิบัติงานศิลปะ แม้จะก�าหนด การวิจารณ์เพื่อประเมินงานทัศนศิลป์ จะต้องมีหลักเกณฑ์ มือ และแนวคิดของผู้สร้างสรรค์ ฝ ณ์ ให้ท�าในสิ่งเดียวกัน แต่ผลงานที่ได้ก็แตกต่างกันตามประสบการ ธกี ารต่างๆ ผลงานบางชิน้ อาจมีรปู แบบ การปฏิบตั งิ านศิลปะท�าให้เกิดผลงานสร้างสรรค์ดว้ ยรูปแบบและวิ นในชีวิตประจ�าวัน ถ้าผู้ประเมินงานไม่เข้าใจก็จะ ที่แปลกไปจากธรรมชาติ มีลักษณะที่ไม่คุ้นเคยหรือไม่เคยพบเห็ ้งก็ให้เหตุผลไม่ได้ว่าที่เป็นเช่นนั้นเพราะอะไร เช่น ท�าไม วิจารณ์ไปตามความรู้สึกของตนที่มีต่อผลงานนั้น บางครั ี ผู้วิจารณ์จะต้องพิจารณาอย่างมีเหตุผล มีความยุติธรรม จึงชอบหรือไม่ชอบผลงานชิ้นนี้ การวิจารณ์งานศิลปะที่ด ดเห็นของผู้อื่น และฝกความมีเหตุผลให้กับผู้ถูกวิจารณ์ ไม่ล�าเอียง การวิจารณ์ฝกให้ผู้ถูกวิจารณ์เป็นผู้รับฟงความคิ ไปพร้อมๆ กัน
หน่วยที่
๕
หลักการวาดภา
ตัวชี้วัด ศ ๑.๑ ม.๑/๓ วาดภาพทั ศนี
■
ยภาพแสดงให
สาระการเรียนรู
้แกนกลาง
■
พแสดงทัศนียภา
หลักการวาดภาพ
แสดงทัศนียภาพ
ใ
พ
นโลกแห่งควา มเป็นจริง เราส เป็นภาพ ๓ มิ ามารถมองเ ติ แต่เมือ่ เราน ห็นสิ่งต่างๆ ำาภาพทีม่ องเ เป็นภาพวาด ห็นนัน้ มาถา่ ยทอ บนพื้นผิวระน ด าบ ๒ มิติ ผืนผ้าใบ ฝาผ เช่น แผ่นกระ นัง เป็นต้น เพื่อ ดาษ ต้องสรา้ งคว ามลกึ ในลกั ษณ ให้ได้ภาพวาดที่ดูสมจริง เราจะ ะเทียมหรอื ลวง บนพื้นผิวระน าบ ตาข และระยะของวั รวมถึงการกำาหนดความแต นึ้ เป็นมิตทิ สี่ าม ตถุต่างๆ จาก กต่ า งขอ งตำ าแหน่ง ผู้ชม การสร้าง “คว ามลึกลวงตา” ในมุมของการมองเห็นที ให้เกิดเป็นรู ่แท้จริง สำาหรับภาพ ปทรง ๒ ควา มลึ ก รวม ที่มีปริมาตร มีความกว้ มิติ บนพื้นผิวระนาบ าง ความยา ถึ ว ถูกถ่ายทอดออ ง รอย นู น รอย ยุ บ ตาม ที่ เ ห็ น จริ ง จะท ความสูง กมามองดูสมจร ำ า ให้ ภ าพที่ งิ คล้ายคลงึ กั บภาพทีเ่ ห็นจริ งด้วยสายตา
้เห็นระยะไกลใกล
้เป็น ๓ มิติ
“ลั่นทมบนเขาวัง” ภาพวาดทิวทั
ศนธรรมชาติแบบเหมือนจริง เทคนิ
คการวาดภาพด้วยสีอะคริลิกบนผ้
ี่ชมไดอยางสรางสรรค าใหมีขอมูลทที่สามารถนํามาวิจารณผลงานทัศนศิลปท
การพินิจพิจารณาผลงานอยางละเอียดถี่ถวน จะชวยทํ
๙๘
EB GUIDE
าใบ ผลงานของ ไพรวัลย ดาเกลี
้ยง
6๑
http://www.aksorn.com/LC/Va/M1/14
53
µÑǪÕéÇÑ´áÅÐÊÒÃСÒÃàÃÕ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§ µÒÁ·ÕèËÅÑ¡Êٵà ¡íÒ˹´ à¾×èÍãËŒ·ÃÒº¶Ö§à»‡ÒËÁÒÂ㹡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
Design ˹ŒÒẺãËÁ‹ ÊǧÒÁ ¾ÔÁ¾ ô ÊÕ µÅÍ´àÅ‹Á ª‹ÇÂãˌ͋ҹ·íÒ¤ÇÒÁࢌÒã¨ä´Œ§‹ÒÂ
ภาคเหนือ
จิตรกรรมในภาคเหนือ นิยม
เขียนโดยชางพื้นบาน มีเนื้อเรื่อง เกี่ยวกับพุทธประวัติจาก พระปฐมสมโพธิกถา และ ตํานานพื้นบานตางๆ การเขียน ภาพจะปรากฏในพระวิหาร หอคํา และศาสนสถานอื่นๆ การเขียน ภาพระบายสีนิยมใชสีเหลือง สีทอง และสีแดงเปนหลัก สําหรับการตกแตงลวดลายและ การใชสีหลายสีในการเขียนเปน ภาพ และเรือ่ งราวในพุทธประวัติ วรรณคดีจะมีรายละเอียดที่ งดงามมาก
120
ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง
ภาคใต
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาคกลาง
จิตรกรรมในภาคตะวันออก-
จิตรกรรมในภาคกลาง นิยม
เฉียงเหนือ นิยมเขียนโดยชาง พืน้ บาน มีเนือ้ เรือ่ งเกีย่ วกับพุทธประวัติจากพระปฐมสมโพธิกถา และวรรณกรรมพื้นบาน เชน พระศรีมโหสถ การเขียนภาพ จะมีปรากฏภายในโบสถที่เรียก วา “สิม” และศาลาการเปรียญ ที่เรียกวา “หอแจก” เทคนิคใน การเขียนภาพจะใชสีฝุนผสมกาว จากธรรมชาติ ระบายแบบ เรียบงาย ดูหยาบ แตดูมี ความอิสระ และจริงใจ
àÊÃÔÁÊÒÃШҡà¹×éÍËҹ͡à˹×ͨҡ·ÕèÁÕã¹ÊÒÃСÒà àÃÕ¹ÃÙጠ¡¹¡ÅÒ§ à¾×Íè à¾ÔÁè ¾Ù¹áÅТÂÒ¾ÃÁá´¹¤ÇÒÁÃÙŒ ãËŒ¡ÇŒÒ§¢ÇÒ§ÍÍ¡ä»
¡Ô¨¡ÃÃÁÈÔÅ»Š»¯ÔºÑµÔ à¾×èÍãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹ÁդسÀÒ¾ ºÃÃÅØÁҵðҹáÅеÑǪÕéÇÑ´
กิจกรรม
ô. à»ÃÕºà·Õº§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»ŠÀÒ¤µ‹Ò§æ ¢Í§ä·Â ทัศนศิลป์ของไทยและท้องถิ่นถือก�าเนิดขึ้น ตามภูมภิ าคต่างๆ ของประเทศ ทีม่ ลี กั ษณะทางภูมศิ าสตร์ ประวัติความเป็นมา สังคมและวัฒนธรรมที่เป็นลักษณะ เฉพาะ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวล้วนมีอิทธิพลต่อรูปแบบและ ลักษณะของงานทัศนศิลป์เป็นอย่างมาก การที่จะเข้าใจ ถึงงานทัศนศิลป์ในภาคต่างๆ ของไทยเพื่อให้เห็นภาพ อย่างชัดเจน ผูเ้ รียนจะต้องมองผลงานทัศนศิลป์ให้เป็นไป ตามปัจจัยทีเ่ กีย่ วข้องด้วย ซึง่ อาจจะมีทงั้ ส่วนทีเ่ หมือนกัน หรือส่วนที่แตกต่างกันตามรายละเอียด ดังนี้
Web Guide á¹Ð¹íÒáËÅ‹§¤Œ¹¤ÇŒÒ¢ŒÍÁÙÅ à¾ÔèÁàµÔÁ¼‹Ò¹Ãкº Online
เขียนโดยชางหลวง มีเนื้อเรื่อง เกี่ยวกับพุทธประวัติจาก พระปฐมสมโพธิกถา ไดแก ทศชาติชาดก มารผจญ หรือ ภาพพระอดีตพุทธ และเรือ่ งราว ทางประวัตศิ าสตร วรรณคดีตา งๆ การเขียนภาพที่ปรากฏบน ผนังอาคาร ไดแก โบสถ วิหาร ศาลาการเปรียญ รวมถึงใน สมุดขอย เทคนิคการเขียนจะใช สีฝุนผสมกาวจากธรรมชาติ เปน วัตถุดิบในการสรางสรรคผลงาน
ภาคใต
จิตรกรรมในภาคใต นิยมเขียน โดยชางพื้นบาน มีเนื้อเรื่อง เกี่ยวกับพุทธประวัติจาก พระปฐมสมโพธิกถา และ เรื่องราวทองถิ่นสอดแทรก โดยเฉพาะเรื่องราวในศาสนา พราหมณ-ฮินดู ศาสนาอิสลาม ที่ปรากฏผานการตกแตงดวย รูปแบบ และลวดลายตางๆ อยางนาสนใจ
์ผลงาน ร้างสรรค คาร อา ลต่อการส ่มีอิทธิพ ่อยู่ของตน เช่น ทัศน์ ิว างหนึ่งที ที าคัญอย่ ยงามให้กับถิ่น ็นิยมวาดภาพท ลตอกา ็นปัจจัยสํ ่มีอิทธิพ เลก ์สิ่งสว ปจจัยที แวดล้อมเป ่อการสร้างสรรค ผู้คนที่อยู่ชายทะ ง ่ สิ าพ สภ าย มต น ูมิศาสตร เลที่ตั้งที่เหมาะส นที่อยู่ในทะเลทร ้วัสดุอื่นๆ เป็นต้ นภ ล า พ ด ธิ า ะมีอิท ้านเรือ ทศ ทํ ว่าการใช พลทาง งฤดูกาลจ ึง ๑. อิทธิ ิจารณาภูมิประเ ่างจากอาคารบ มาแกะสลักมากก งขอ า ่ ามแตกต ระดับน้ําท่วมถ ะเลือกพ จะมีความแตกต าก็นิยมนําไม้ นกัน คว งสรรค์จ นป นศิลป์เช่ เรือนสูงให้พ้นจาก นือจะมีหน้าต่าง ซึ่งผู้สร้า บริเวณชายทะเล าศัยอยู่ใ ้น ลงานทัศ ย ื่นๆ ผู้ที่อ ้างสรรค์ผ จะมีลักษณะยกพื ี่เรือนไทยภาคเห ที่พักอาศั กกว่าวาดภาพอ ่อการสร ะท ก็ มา อิทธิพลต นไทยภาคกลาง ้ําฝนได้ดี ในขณ ทางทะเล ือได้ว่ามี ดใสตาม ือ ฤดูกาลถ ศนศิลป์ เช่น เร ร้อนและระบายน ีที่สว่างส ทั น งการใช้ส ดคล้องไปตาม าม ต้ าน น รถ่ายเทคว ์ในเรื่องขอ ้างสรรค์ง ูหนาว เป็ บ สอ ต่อการสร งสูง เพื่อให้เกิดกา าวเย็นในช่วงฤด ่อการสร้างสรรค นจะใช้สีหม่น ทึ ลต เย็ หน ทร ิธีการ มีหลังคา ื่อปองกันอากาศ ฤดูกาลมีอิทธิพ ศทางแถบอากาศ ระเบียบว ิลป์ เพ ธีกรรม น้อยกว่า ทางด้านจิตรกรรม ่างไปจากประเท ธรรม พิ างสรรค์งานทัศนศ รรม ่งจะต ร้ ย่อมมีคติ ยก บร้อน ซึ ะศาสนา ลสําคัญต่อการส ในทางสถาปัต ทศทางแถ บของ สนาแต่ล ับใช้ ธิพ แบบประเ กาศจริง าสนา ศา เหตุผลและมีอิท งราวเนื้อหาสําหร งรูปเคารพ รูปแบ นศ รยา า บร สภาพ ่านี้เป็น พลทางด การสร้า ให้มีเรื่อ อ ๒. อิทธิ ่างกัน ซึ่งสิ่งเหล ต่ง อิทธิพลนี้ทํา ละศาสนา เช่น นดู เป็นต้น ิความเชื่ ฮิ แตกต ารตกแ ีนิสัย คต ะสังคม าะของแต่ สนาพราหมณ์มม ฉพ เ ์ อ างศาสนา ด สัดส่วน และก ย่ ท ิ ง ษณ ล่ ต ั ห่ ก ศา บ ิ สต์ ปฏ นา ดเอกลั แต่ละแ วี ติ ในแต าสนาคริ ูปแบบ ข ตรกรรม ให้เกิ องประเทศ อิ ากาศ การดาํ รงช เช่ น คน ไท ย ทั้งด้านร กต่างจากศ ะจิ ิ ล ป์ ิ หรือผู้คนข ะภมู าก็จะแต รรม แล ในสังคม พภมู ปิ ระเทศแล รร มท างทั ศ นศ อยู่กับธรรมชาต คน ประติมาก ในพระพุทธศาสน คม าน ดานสัง นออกไปตามสภา ร้ า งส รร ค์ วั ฒ นธ ู่เรียบง่าย ผูกพัน รทําเกษตร ศาสนสถ พลทาง รส นอย ีชีวิตกา ริด ๓. อิทธิ ย้ งชีพทีแ่ ตกต่างกั อิ ท ธิ พ ลต่ อ กา ความเป็ ะท้อนวิถ เทวรูปสํา ่นฐาน มี ะจิตรกรรม ก็ส หาเลี ยเป็ น ือง ะ นคนรักถิ ้ ได้ ก ลา การทํามา แล ืองมีฐาน ร้าง แต่ถ้าบ้านเม ตลอดจน ั น ออ กไ ปเช่ น นี ีลักษณะนิสัยเป็ ประติมากรรม นเม า บ้ า ถ้ รรม จะม า งก ัพย์ในการส เนื้องาน ถาปัตยก ที่ แ ตก ต่ บเกษตรกรรม ชัดในตัว เพราะมีกําลังทร ทางด้านส แบ อย่างเด่น ย มีวิถีชีวิต รค์งานทัศนศิลป์ ้วย เป็นต้น นออกมา หรูหรา ฟุมเฟอ น้อย อ ้ ะท นด งสร า ้ กิจ จะส การสร หาของงา มีความ ปริมาณ ปในเนื้อ านเศรษฐ ีขนาดใหญ่โต ขนาดเล็ก หรือมี แทรกลงไ พลทางด ็จะม มี ๔. อิทธิ ที่สร้างออกมาก ั้นก็จะเสื่อมโทรม งาน ืองน ฐกิจดี ผล ในบ้านเม ทางเศรษ แค้น ศิลปกรรม ร้น มีสภาพแ
นศิลป
อขั
บโอควํ่าหรื
ษณะแบ จี จะมีลัก ยต่อมา สถูปที่สาญ ูปในสมั การสร้างสถ
12๘
่แบบของ
เป็นแม นควํ่า ซึ่ง
ศิลป์ปฏิบัติ ๓.๑
กิจกรรมที่ ๑
ลงานทัศ
รรคผ รสรางส
เสริมสาระ
กิจกรรมที่ ๒ กิจกรรมที่ ๓
ให้นา� ผลงานทัศนศิลป์ ๒-๓ ชิน้ แล้วน�ามาอภิปรายร่วมกันว่าผลงานชิน้ นัน้ มีความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน และความสมดุลอย่างไร ให้ผู้เรียนแต่ละคนออกแบบงานทัศนศิลป์ที่เน้นถึงความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน และ ความสมดุล คนละ ๑ ชิ้น โดยไม่จ�ากัดประเภทของผลงาน จงตอบค�าถามต่อไปนี้ ๓.๑ การออกแบบมีความส�าคัญกับการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์อย่างไร ๓.๒ หลักการออกแบบงานทัศนศิลป์ที่ดีจะต้องค�านึงถึงหลักการอะไรบ้าง จงอธิบาย
สรุป มนุษย์ได้มีการพัฒนาทักษะในเรื่องของความคิด สติปัญญา และจินตนาการ จนนำามาสู่ การสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ โดยอาศัยกระบวนการค้นคว้าอย่างมีระบบ มีหลักเกณฑ์ และมีขั้นตอนใน การทำางาน จนผลงานสำาเร็จตามวัตถุประสงค์ โดยมีส่วนสำาคัญอันดับแรก คือ “การออกแบบ” ซึ่งเป็น การนำาองค์ประกอบศิลป์หรือทัศนธาตุ ได้แก่ เส้น รูปร่าง รูปทรง พื้นผิว สี น้ำาหนักอ่อน-แก่ แสง-เงา และพื้นที่ว่างมาจัดเป็นภาพ หรือนำามาประกอบกันตามหลักของการออกแบบงานทัศนศิลป์ ได้แก่ ความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน และความสมดุล เพื่อให้เกิดความสวยงาม สะท้อนให้เห็นถึงความคิด สร้างสรรค์ของผู้ออกแบบและสามารถนำาผลงานไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำาวันได้
า ทศกัมพูช ยี บ ประเ อื งเสยี มเรศนศิลป์ ทั นครวัด เม งการของ สนาที่มีต่องาน งศา งามและอลั ความงด ้เห็นถึงอิทธิพลขอ แสดงให
38
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
ñ
● ●
● ● ●
● ●
● ●
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
ó ô õ
ขยายความเขาใจ
¤ÇÒÁËÁÒ¢ͧÈÔÅ»ÐáÅзÑȹÈÔÅ»Š ¤ÇÒÁÊÑÁ¾Ñ¹¸ ÃÐËÇ‹Ò§ÈÔŻСѺÁ¹ØÉ »ÃÐàÀ·¢Í§§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š ÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁáÅЧҹ·ÑȹÈÔÅ»Š ·ÑȹÈÔÅ»Š¡ÑºÊع·ÃÕÂÀÒ¾ ¤Ø³¤‹Ò¢Í§·ÑȹÈÔÅ»Š Çѵ¶Ø»ÃÐʧ¤ 㹡ÒÃÈÖ¡ÉÒÊÒÃзÑȹÈÔÅ»Š
·Ñȹ¸ÒµØ ●
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
Explain
¤ÇÒÁÃÙŒàº×éͧµŒ¹à¡ÕèÂǡѺ·ÑȹÈÔÅ»Š
●
ò
อธิบายความรู
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ÊÒúÑÞ ●
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
Explore
¤ÇÒÁËÁÒ ¤ÇÒÁÊíÒ¤Ñޢͧ·Ñȹ¸ÒµØ ͧ¤ »ÃСͺ¢Í§·Ñȹ¸ÒµØ ·Ñȹ¸ÒµØ¡Ñº¡ÒèѴͧ¤ »ÃСͺÈÔÅ»Š ·Ñȹ¸ÒµØã¹ÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ ¤ÇÒÁᵡµ‹Ò§áÅФÇÒÁ¤ÅŒÒ¤ÅÖ§¢Í§·Ñȹ¸ÒµØ 㹧ҹ·ÑȹÈÔÅ»ŠáÅÐÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ
¡ÒÃÍ͡Ẻ§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š ● ●
¤ÇÒÁËÁÒÂáÅФÇÒÁÊíÒ¤Ñޢͧ¡ÒÃÍ͡Ẻ ËÅÑ¡ÊíÒ¤Ñޢͧ¡ÒÃÍ͡Ẻ
¤ÇÒÁÃÙŒàº×éͧµŒ¹à¡ÕèÂǡѺ¡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾ÃкÒÂÊÕ ● ● ●
¤ÇÒÁ໚¹ÁÒáÅÐá¹Ç·Ò§»¯ÔºÑµÔ à¤Ã×èͧÁ×ÍáÅÐÍØ»¡Ã³ 㹡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾ÃкÒÂÊÕ á¹Ç·Ò§¾×鹰ҹ㹡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾ÃкÒÂÊÕ
ËÅÑ¡¡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾áÊ´§·ÑȹÕÂÀÒ¾ ● ● ● ● ●
¤ÇÒÁÅÖ¡ÅǧµÒẺ ó ÁÔµÔ ËÅÑ¡¡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾áÊ´§·ÑȹÕÂÀÒ¾ ÇÔ¸ÕÇÒ´ÀÒ¾áÊ´§·ÑȹÕÂÀÒ¾ ¡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾·ÔÇ·Ñȹ áÅÐÀÒ¾¤¹·ÕèáÊ´§·ÑȹÕÂÀÒ¾ ¡ÒáíÒ˹´à§Ò¢Í§Çѵ¶Ø
ñ-ñô ò ó ô ø ù ñò ñó
ñõ-óð ñö ñö òó òö òù
óñ-óø óò
óó
óù-õò ôð ôñ ôø
õó-öô õô õö õø öð öó
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Explore
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
ö ÷
Explain
● ● ●
●
Evaluate
ÅѡɳТͧ¼Å§Ò¹»˜œ¹áÅЧҹÊ×èͼÊÁ ËÅÑ¡¡ÒèѴ·íҼŧҹ»˜œ¹áÅЧҹÊ×èͼÊÁ ¡ÒÃáÊ´§¼Å§Ò¹¡Òû˜œ¹ËÃ×ÍÊ×èͼÊÁ໚¹àÃ×èͧÃÒÇ ó ÁÔµÔ
¡ÒÃÍ͡ẺÃÙ»ÀÒ¾ ¡ÒÃÍ͡ẺÊÑÞÅѡɳ ¡ÒÃÍ͡Ẻ§Ò¹¡ÃÒ¿ ¡
ø ù ñð
ËÅÑ¡¡ÒûÃÐàÁÔ¹§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š ● ● ● ●
¤ÇÒÁࢌÒã¨à¡ÕèÂǡѺ¡ÒÃÇÔ¨Òó ¼Å§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š ¨Ø´»ÃÐʧ¤ ¢Í§¡ÒûÃÐàÁÔ¹§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š ËÅѡࡳ± ¡ÒþԨÒóÒà¾×èÍ»ÃÐàÁÔ¹¼Å§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š µÑÇÍ‹ҧ¡ÒûÃÐàÁÔ¹§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š
·ÑȹÈÔÅ»Š¢Í§ªÒµÔáÅзŒÍ§¶Ôè¹ ● ● ● ●
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
ตรวจสอบผล
¡ÒÃÍ͡ẺÃÙ»ÀÒ¾ ÊÑÞÅѡɳ áÅЧҹ¡ÃÒ¿ ¡ ●
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
Expand
§Ò¹»˜œ¹áÅЧҹÊ×èͼÊÁ
●
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
ขยายความเขาใจ
● ● ●
ÅѡɳÐÃٻẺ§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š¢Í§ªÒµÔ ÅѡɳÐÃٻẺ§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š·ŒÍ§¶Ôè¹ §Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Šã¹áµ‹ÅÐÀÙÁÔÀÒ¤ à»ÃÕºà·Õº§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»ŠÀÒ¤µ‹Ò§æ ¢Í§ä·Â
·ÑȹÈÔÅ»Šã¹ÇѲ¹¸ÃÃÁä·ÂáÅÐÊÒ¡Å
¼Å§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Šã¹ÇѲ¹¸ÃÃÁä·Â ¼Å§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Šã¹ÇѲ¹¸ÃÃÁÊÒ¡Å à»ÃÕºà·Õº¤ÇÒÁᵡµ‹Ò§¢Í§·ÑȹÈÔÅ»Šã¹ÇѲ¹¸ÃÃÁä·ÂáÅÐÊÒ¡Å
ºÃóҹءÃÁ
öõ-÷ø öö ö÷ ÷õ
÷ù-ùö øð øõ øø
ù÷-ñðô ùø ñðð ñðñ ñðò
ñðõ-ñòò ñðö ñðø ññð ñòð
ñòó-ñóù ñòô ñò÷ ñóð
ñôð
กระตุน ความสนใจ กระตุEngage นความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
มีความรูความเขาใจเบื้องตนเกี่ยวกับ ทัศนศิลป
สมรรถนะของผูเรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
คุณลักษณะอันพึงประสงค 1. มีวินัย 2. ใฝเรียนรู 3. มุงมัน่ ในการทํางาน
หน่วยที่
กระตุน ความสนใจ
๑
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับทัศนศิลป์ สิ่งจำ�เป็นต่อก�รดำ รดำ�รงชีวิตของมนุ ของ มนุษย์ นอกเหนือจ�ก จจ� และย รักษ�โรคแล้ ��โรคแล้ว ปัจจัยสี่ คือ อ�ห�ร อ เครือ่ งนุ งนุง่ ห่ม ทีอ่ ยูอ่ �ศัย และย�รั รมณ์ คว�มพึ มพึงพอใจก็มคี ว�มสำ ว มสำ�คัญด้วยเช่นกัน ซึง่ ผลง�น ผลง อ�รมณ์ แนวท งหนึ่ ง ที่ จ ะช่ ว ย ศิ ล ปะท�งด้ � นทั ศ นศิ ล ป์ นั บ ว่ � เป็ น แนวท�งหนึ มสุขสมบูรณ์พร้อมทั้งทท�งร่ �งร่�งก�ยย จิตใจ พัฒน�ตัวเร�ให้มีคว�มสุ นทัศนศิลป์จะเป็นผลง อ�รมณ์ สังคม และสติปัญญ� ทั้งนี้ง�นทั ผลง�น รมองเห็น โดยง�นทั โดยง ศนศิลป์ ที่เร�สัมผัสซึ่งคว�มง�มได้จ�กก�รมองเห็ หล ยประเภท ดังนั้น ก่อนที่จะเรียนรู้ จะจำ�แนกแยกย่อยได้อีกหล�ยประเภท เทคนิควิธแี ละลงมือสร้�งสรรค์ผลง�นทัศนศิลป์แต่ละประเภท จึงควร ศึกษ�เรื่องร�วเบื้องต้นเกี่ยวกับทัศนศิลป์เป็นก�รปูพื้นฐ�นไว้ก่อน
Engage
ครูใหนักเรียนดูภาพหนาหนวย แลวถาม นักเรียนวา • นักเรียนทราบหรือไมวา สถานที่ในภาพ คือที่ใด (แนวตอบ ภาพดังกลาวเปนสวนของ พระราชวังแวรซายส (Park of Versailles) ตั้งอยูที่เมืองแวรซายส กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส) จากนั้นครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยาง สถานที่สําคัญๆ ในประเทศไทย ที่นักเรียนเห็นวา ออกแบบไวไดอยางสวยงาม
1
เกร็ดแนะครู การเรียนการสอนในหนวยการเรียนรูนี้ ครูควรอธิบายใหนักเรียนเขาใจวา งานทัศนศิลป คือ ผลงานศิลปะที่นักเรียนสามารถสัมผัสรับรูความงามไดจากการ มองเห็น ซึ่งสามารถจําแนกผลงานทัศนศิลปไดตามลักษณะของเนื้องานเปนงาน จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปตยกรรม และภาพพิมพ โดยผลงานทัศนศิลป เปนการแสดงออกทางศิลปะแขนงหนึ่งที่ชวยพัฒนาอารมณของคนเราใหมี ความเปนมนุษยที่สมบูรณ ทั้งนี้การศึกษางานทัศนศิลปในระดับชั้นนี้ มิไดมุงหมาย เพื่อที่จะใหนักเรียนสรางสรรคงานศิลปะชั้นเยี่ยม หรือตองการจะใหเปนศิลปน แตอยางใด แตมุงหวังที่จะสงเสริมใหนักเรียนเปนผูมีความคิดริเริ่มสรางสรรค มีจินตนาการทางศิลปะ รูสึกชื่นชมความงาม ความมีคุณคาของผลงานทัศนศิลป ที่มนุษยไดสรางสรรคขึ้น
คูมือครู
1
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุEngage นความสนใจ
สํารวจค Exploreนหา
กระตุน ความสนใจ
Engage
ครูถามนักเรียนวา • ศิลปะและทัศนศิลปแตกตางกันอยางไร (แนวตอบ ผลงานที่ถือวาเปนงานศิลปะ จะตองเปนงานที่มนุษยสรางสรรคขึ้น มิใชเกิด ขึ้นมาเองตามธรรมชาติ ซึ่งจะแสดงออกมาใน รูปลักษณตางๆ เชน ภาพเขียน บทเพลง ระบํา รํา ฟอน เปนตน สวนทัศนศิลปเปนศัพทที่ บัญญัติขึ้นมาเพื่อใชจําแนกผลงานที่มนุษย สามารถสัมผัสความงามไดจากการ มองเห็น แบงออกไดเปน 4 ประเภทหลักๆ คือ จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปตยกรรม และภาพพิมพ) ครูเชื่อมโยงเขาสูเนื้อหาเกี่ยวกับความหมายของ ศิลปะและทัศนศิลป
สํารวจคนหา
ñ. ¤วามËมาย¢องศิลปะและทัศนศิลป์ 1
ศิลปะ 2 หมายถึง ผลแห่งความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่แสดงออกมาในรูปลักษณ์ต่างๆ ให้ปรากฏ ซึ่งสุนทรียภาพ ความประทับใจ หรือความสะเทือนอารมณ์ ตามประสบการณ์ รสนิยม และทักษะของบุคคลแต่ละคน นอกจากนี้ ยังมีนักปราชญ์ นักการศึกษา ท่านผู้รู้ ได้ให้นิยามความหมายของศิลปะแตกต่างกันออกไป เช่น
ศิลปะ คือ ●
●
●
●
●
การสื่อสารอยางหนึ่งระหวางมนุษย การระบายความปรารถนาในใจของศิลปนออกมา การแสดงออกของผลงานดานตางๆ ที่สรางสรรค
จากความหมายและค�านิยามทางศิลปะที่ได้นา� มากล่าวอ้างไว้ขา้ งต้น จะเห็นได้วา่ ผลงานทีเ่ รียกกันว่าเป็น “ศิลปะ” จะมีทศั นะทีแ่ ตกต่างกันออกไป ยากทีจ่ ะหาข้อสรุปทีแ่ น่นอนหรือก�าหนดลักษณะของงานศิลปะได้ โดยในแต่ละ ยุคสมัยท่านผูร้ ไู้ ด้กา� หนดความหมายของศิลปะไปตามบริบทของตนเอง ซึง่ ย่อมจะมีความแตกต่าง หรือเปลีย่ นแปลง ไปตามสภาพของสังคม สิ่งแวดล้อม และความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ก็เป็นที่ยอมรับกันในประการ หนึ่งว่า ผลงานที่ถือว่าเป็นงานศิลปะจะต้องเป็นงานที่มี การสร้างสรรค์ ไม่ใช่เกิดขึ้นมาเอง กล่าวคือ “จะตองมี มนุษยเปนผูสรางสรรค” ผลงานนั้นๆ ส่วนค�าว่า “ทั “ทัศนศิลป์” (Visual Art) เป็นศัพท์ที่ ได้รับการบัญญัติขึ้นใช้ในวงการศิลปะเมื่อประมาณ ๓๐ ปี ที่ผ่านมา จุดมุ่งหมายที่บัญญัติศัพท์ “ทัศนศิลป์” ขึ้นมา ก็เพือ่ จ�าแนกความแตกต่างหรือแยกลักษณะการรับรูข้ อง มนุษย์ทางด้านศิลปะให้มคี วามชัดเจนมากขึน้ ทัง้ นีเ้ พราะ แต่เดิมนั้น ผลงานทางด้านทัศนศิลป์จะถูกผนวกรวมเข้า และถือเป็นส่วนหนึ่งของงาน “วิจิตรศิลป์” จึงท�าให้เกิด ความเข้าใจว่า งานทัศนศิลป์จะต้องเป็นผลงานที่มีความ จิตรกรรมไทย เป็นผลงานสร้างสรรค์ของช่างเขียนไทย นับเป็น ผลงานศิลปะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นไม่ซ�้าแบบใคร ละเอียด ประณีตบรรจง และมีความงดงามเท่านั้น
Explore
ใหนักเรียนสืบคนเกี่ยวกับความหมายของศิลปะ และทัศนศิลป จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน หนังสือเรียน หองสมุด อินเทอรเน็ต เปนตน
อธิบายความรู
3
การเลียนแบบธรรมชาติ การแสดงออกของบุคลิกภาพทางอารมณของมนุษย
Explain
ครูสุมตัวอยางนักเรียน 2-3 คน ใหออกมา อธิบายความหมายของศิลปะและทัศนศิลปที่ได ไปสืบคนมา หนาชั้นเรียน ครูอธิบายเสริมเพิ่มเติม ความรู จากนั้นใหนักเรียนจดสาระสําคัญลงสมุด บันทึก
๒
นักเรียนควรรู 1 สรางสรรค หมายถึง การประดิษฐคิดคนสิ่งใหมใหเกิดขึ้น โดยอาศัย พื้นฐานของสิ่งที่มีอยูเดิม เชน ธรรมชาติ ความรู วัสดุ เทคโนโลยี เปนตน เปน ขอมูลสําคัญในการคิดคน มนุษยสามารถพัฒนาการสรางสรรคใหมีประสิทธิภาพ มากขึ้น โดยเพิ่มพูนองคประกอบของความคิดสรางสรรค อันไดแก การเห็นและ รับรู ประสบการณ การเรียน และจินตนาการ ใหเจริญงอกงาม 2 สุนทรียภาพ หมายถึง ความซาบซึ้งในคุณคาของสิ่งที่งาม ไพเราะ หรือ รื่นรมย ไมวาจะเปนธรรมชาติหรือศิลปะ 3 การเลียนแบบธรรมชาติ ในที่นี้หมายถึงผลงานศิลปะที่ถายทอดจากตนแบบ ที่เปนจริงตามธรรมชาติ เชน รูปรางมนุษย ทิวทัศนทางทะเล ตนไม ภูเขา เปนตน ศิลปนอาจนําเสนอโดยปราศจากการแตงเติมหรือตัดทอนใดๆ หรือศิลปนอาจนํา มาดัดแปลง จัดวางทัศนธาตุใหม โดยอาศัยเคาโครงเดิมจากธรรมชาติก็ได
2
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
“ศิลปะ คือ สิ่งที่มนุษยสรางสรรคขึ้น เพื่อแสดงออกซึ่งอารมณ ความรูสึก สติปญญา ความคิด และ/หรือความงาม” เปนคํากลาวของบุคคลใด 1. เลโอนาโด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) 2. อริสโตเติล (Aristotle) 3. ชลูด นิ่มเสมอ 4. ศาสตราจารยศิลป พีระศรี วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. “ศิลปะ คือ สิ่งที่มนุษยสรางสรรคขึ้น เพื่อ แสดงออกซึ่งอารมณ ความรูสึก สติปญญา ความคิด และ/หรือความงาม ” เปนคํากลาวของชลูด นิ่มเสมอ ซึ่งไดกลาวไวในหนังสือองคประกอบของ ศิลปะ (พ.ศ. 2534)
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุEngage นความสนใจ
สํารวจค Exploreนหา
กระตุน ความสนใจ ò. ¤วามสัมพัน¸ ระËว‹างศิลปะกับมนุÉย การสร้างสรรค์ทางศิลปะ เป็นกิจกรรมพัฒนาสติปญั ญาและอารมณ์ ซึง่ จะเกิดขึน้ ได้เฉพาะในสังคมมนุษย์ เท่านั้น ถึงแม้ว่าในหมู่สัตว์บางชนิดก็อาจจะมีกิจกรรมในลักษณะท�านองเดียวกับที่มนุษย์กระท�าขึ้น แต่เราก็ไม่อาจ นับว่าเป็นงานศิลปะได้ เนื่องจากกิจกรรมเหล่านั้น มักถูกสร้างขึ้นมาโดยความบังเอิญหรือเกิดจากสัญชาตญาณของ สัตว์เอง ซึ่งมักจะมีเป้าหมายเพื่อป้องกันภยันตราย ด�ารงเผ่าพันธ์ุ หรือเพื่อการด�ารงชีวิตรอดเป็นหลัก การสร้างสรรค์ศลิ ปะของมนุษย์เชือ่ ว่าเกิดขึน้ มาตัง้ แต่สมัยโบราณตัง้ แต่ยคุ หินหรือเมือ่ ประมาณ ๕๐๐,๐๐๐๔,๐๐๐ ปีมาแล้ว นับตั้งแต่เมื่อครั้งที่บรรพบุรุษของมนุษย์ยังเป็นพวกเร่ร่อนอาศัยอยู่ตามถ�้า เพิงผา ด�ารงชีพ ด้วยการล่าสัตว์ และหาของป่ามาเป็นอาหาร โดยผลงานศิลปะถ้าไม่นับพวกเครื่องมือเครื่องใช้ ล�าดับแรกๆ จะเป็น ภาพวาด ซึ่งปรากฏอยู่ตามผนังถ�้าในที่ต่างๆ เช่น ภาพวัวไบซัน ที่ถ�้าอัลตามีรา ประเทศสเปน ภาพสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น ม้า กวาง เป็นต้น ทีถ่ า�้ ลาส์โกซ์ ประเทศฝรัง่ เศส ส�าหรับในประเทศไทยก็สา� รวจพบภาพวาดในทีห่ ลายแห่ง เช่น ภาพช้าง ภาพเต่า ที่ผาแต้ม อ�าเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ภาพนก ภาพจระเข้ ที่ถ�้าผีหัวโต อ�าเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ เป็นต้น ที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นว่าศิลปะมีความเกี่ยวพันกับมนุษย์ ในแง่ที่เป็นผลงานหรือวิธีการแสดงออกมา เพื่อตอบสนองอารมณ์ของตนเอง อาจจะเป็นความประทับใจ ความซาบซึ้ง ผ่อนคลายความตึงเครียดหรือเพื่อ ความชื่นชม และศรัทธา โดยผลงานศิลปะแรกๆ ของมนุษย์ เชื่อว่าน่าจะเกิดจากแรงบันดาลใจของมนุษย์ที่มีต่อ ความงามทางธรรมชาติหรือสภาพแวดล้อม จากนั้นจึงค่อยๆ ถ่ายทอดความประทับใจนั้นออกมาเป็นผลงานศิลปะ โดยอาจจะเป็นงานประเภทจิตรกรรม และประติมากรรมอย่างง่ายๆ
Engage
ครูใหนักเรียนยกตัวอยางผลงานทัศนศิลปที่ พบเห็นในสังคมไทย มาคนละ 1 ตัวอยาง พรอมทัง้ ระบุแหลงที่มาและรูปแบบของผลงาน จากนั้นครู ถามนักเรียนวา • ศิลปะมีความสัมพันธกับชีวิตมนุษยอยางไร (แนวตอบ ศิลปะสัมพันธกับชีวิตมนุษย ในแงของอารมณ ความรูส กึ เพราะงานศิลปะ โดยสวนใหญเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองอารมณ ความรูสึกของมนุษย ซึ่งอาจจะเปน ความประทับใจ ความซาบซึ้ง ความศรัทธา หรือความเหงา โดยเชื่อกันวางานศิลปะ ในยุคแรกๆ เกิดขึ้นมาจากแรงบันดาลใจ ของมนุษยที่มีตอความงามของธรรมชาติ และสภาพแวดลอมกอน จากนั้นจึงถายทอด ออกมาเปนผลงานศิลปะ และแตกแขนง เปนสาขาตางๆ ดังที่พบเห็นไดในปจจุบัน เชน สาขาจิตรกรรม สาขาประติมากรรม เปนตน)
สํารวจคนหา
Explore
ใหนักเรียนสืบคนเกี่ยวกับความสัมพันธ ระหวางศิลปะกับมนุษย จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต เปนตน
อธิบายความรู 1
(ภาพซ้าย) ภาพเขียนสี สมัยก่อนประวัติศาสตร์ รูปสัตว์ชนิดต่างๆ พบที่ถ�้าลาส์โกซ์ (Lascaux) ประเทศฝรั่งเศส (ภาพขวา) ภาพเขียนสี เภอโขงเจี สมัยก่อนประวัติศาสตร์ รูปคนและสัตว์ชนิดต่างๆ พบที่ผาแต้ม อ�าเภอโ อโขงเจี ขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี
http://www.aksorn.com/LC/Va/M1/01
EB GUIDE
๓
บูรณาการเชื่อมสาระ
การศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธระหวางศิลปะกับมนุษย สามารถ บูรณาการเชื่อมโยงกับการเรียนการสอนของกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตร เรื่องหลักฐานทางประวัติศาสตร เพราะหลักฐานทางประวัติศาสตรที่คนพบในสมัยกอนประวัติศาสตรสวนใหญ จะเปนผลงานศิลปะ ไมวาจะเปนงานศิลปะประเภทจิตรกรรม เชน ภาพวาด ที่ปรากฏตามผนังถํ้า เนินเขา หรือหนาผาในประเทศตางๆ และงานศิลปะ ประเภทประติมากรรม เชน เครื่องปนดินเผาตางๆ ซึ่งงานศิลปะเหลานี้ สามารถสะทอนวิถีชีวิตความเปนอยูของคนในยุคสมัยนั้นๆ ไดเปนอยางดี และยังเปนหลักฐานทางประวัติศาสตรชิ้นสําคัญที่เหลือไวใหคนรุนหลัง ไดศึกษาคนควาตอไป
Explain
1. ครูสุมตัวอยางนักเรียน 2-3 คน ใหออกมา อธิบายความสัมพันธระหวางศิลปะกับมนุษย จากที่นักเรียนไดไปสืบคนมา หนาชั้นเรียน 2. ครูนําภาพวาดของมนุษยในยุคโบราณที่ ปรากฏอยูตามผนังถํ้า เนินเขา หรือหนาผาใน ประเทศไทย มาใหนักเรียนชม แลวใหนักเรียน เขียนอธิบายเกี่ยวกับลักษณะของภาพวาด ดังกลาวมาพอสังเขป สงครูผูสอน
นักเรียนควรรู 1 ภาพเขียนสี คือ รูปภาพที่สรางขึ้นบนพื้นหินดวยสีที่ไดจากธรรมชาติ โดยการวาดดวยสีแหง (Drawing) ระบายสี (Painting) พนสี (Stenciling) ทาบหรือประทับ (Imprinting) และการสะบัดสี (Paint Splattering) ภาพที่เกิดจากการเขียนสีมักแสดงใหเห็นเปนรูปคน รูปสัตว รูปตนไม ใบไม และดอกไม รูปวัตถุและสิ่งของ รูปสัญลักษณตางๆ รวมทั้งรูปมือและเทาดวย ภาพเหลานี้อาจแสดงโดดๆ มีเนื้อความเลาเรื่องในตัวเอง หรือเปนภาพที่ประกอบ กันเปนเรื่องราว โดยแสดงใหเห็นถึงเรื่องราวการลาสัตว การทําเกษตรกรรม การละเลนรื่นเริง การประกอบพิธีกรรม ภาพเขียนสี เปนงานศิลปะที่เรียกกันโดยทั่วไปวา “ศิลปะถํ้า” (Cave Art) หรือ “ศิลปะบนหิน” (Rock Art) เนื่องจากภาพเหลานั้นปรากฏใหเห็นบนผนัง ภายในถํ้า หรือหนาถํ้า หรือตามผนังของกอนหินใหญ หรือเพิงหินและเพิงผาใหญ
คูมือครู
3
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุEngage นความสนใจ
กระตุน ความสนใจ
สํารวจค Exploreนหา
Engage
ครูใหนักเรียนดูแผนผังประเภทของผลงาน ทัศนศิลป ในหนังสือเรียน หนา 4 จากนั้นครูถาม นักเรียนวา หากพิจารณาผลงานทัศนศิลปจาก แผนผัง นักเรียนชื่นชอบผลงานทัศนศิลปประเภทใด มากที่สุด เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอยางอิสระ)
สํารวจคนหา
ó. ประàภท¢องงานทัศนศิลป์
จิตรกรรม
ภาพที่ 2
ภาพที่ 3
ภาพที่ 4
(แนวตอบ ภาพที่ 1 คือ ภาพวาดลายเสน ภาพที่ 2 คือ ภาพผลงานสถาปตยกรรม (พระที่นั่งอนันตสมาคม) ภาพที่ 3 คือ ภาพพิมพรองลึก และภาพที่ 4 คือ ผลงานประติมากรรมฝาผนัง)
ประเภทงานทัศนศิลป
ประติมากรรม
แบบนูนตํ่า แบบนูนสูง แบบลอยตัว
ภาพพิมพ
พิมพผิวนูน พิมพรองลึก พิมพพื้นราบ พิมพฉากพิมพ
๓.๑ จิตรกรรม (Painting)
Explain
ภาพที่ 1
จิตรกรรม หมายถึง การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์บนพื้นระนาบด้วยวิธีการลาก การขีดเขียน หรือการ ระบายสีฝุ่น สีน�้า สีน�้ามัน ลงบนพื้นผิววัสดุที่มีความราบเรียบ เช่น กระดาษ ผ้าใบ ผนัง แผ่นไม้ เพดาน ผิวหน้า ของวัตถุอนื่ ๆ เป็นต้น เพือ่ ให้เกิดเรือ่ งราวและความงามตามความนึกคิดและจินตนาการของผูว้ าด จิตรกรรมสามารถ จ�าแนกได้เป็น ๒ ลักษณะ ดังนี้ ๑) ภาพวาด (Drawing) เป็นศัพท์ทางทัศนศิลป์ที่ใช้เรียกภาพวาดเขียน ภาพวาดเส้น แบบเป็น ๒ มิติ คือ มีเพียงความกว้าง และความยาว โดยใช้วัสดุต่างๆ เช่น ดินสอด�า สีชอล์ก สีเทียน ถ่านเกรยอง เป็นต้น ๒) ภาพเขียน (Painting) เป็นการสร้างงาน ๒ มิติ บนพื้นระนาบด้วยสีหลายสี การเรียกชื่อลักษณะ ของภาพเขียนจะเรียกตามวัสดุที่ใช้เป็นส�าคัญ เช่น การเขียนภาพด้วยสีนา�้ การเขียนภาพด้วยสีนา�้ มัน การเขียนภาพ ด้วยสีอะคริลิก เป็นต้น
“ทาเรือประมง” ภาพเขียนสีน�้า ผลงานของ สุชาติ เถาทอง
“ดอกไมชูชอรับแสง” ภาพเขียนสีน�้ามันบนผ้าใบ ผลงานของ กมลรัตน์ เพ็ชรชู
๔
เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับคําวา “Drawing” และ “Painting” ใหนักเรียน เขาใจไดงายขึ้นวา Drawing คือ การลากเสนบนพื้นระนาบดวยเครื่องมือตางๆ เชน ดินสอ ปากกา เปนตน ซึ่งอาจจะมีการระบายสีในขั้นตอนตอไป หรืออาจจะ แคแรเงาบางสวนก็ได ซึ่งคนทั่วไปจะคุนเคยกับคําวา “การวาดลายเสน” สวน Painting เปนการสรางสรรคผลงานศิลปะดวยการระบายสีลงบนพื้นผิวของ วัตถุ โดยใชแปรง หรือพูกัน ซึ่งคนทั่วไปจะคุนเคยกับคําวา “ภาพวาดระบายสี”
มุม IT นักเรียนสามารถชมตัวอยาง Drawing ไดจาก http://drawsketch.about.com/ หรือจาก http://www.youtube.com/ โดยคนหาจากคําวา Drawing
คูมือครู
แบบเปด แบบปด
Explore
1. ใหนักเรียนรวมกันอธิบายและยกตัวอยาง ผลงานทัศนศิลป ประเภทจิตรกรรม แลวสรุป สาระสําคัญลงสมุดบันทึก ครูคอยชวยเสริม เพิ่มเติมความรู 2. ใหนักเรียนดูภาพผลงานทัศนศิลปตอไปนี้ แลวตอบคําถามวา ภาพแตละภาพเปนผลงาน ทัศนศิลปประเภทใด
4
สถาปตยกรรม
ภาพวาด ภาพเขียน
ใหนกั เรียนสืบคนเกีย่ วกับรูปแบบของงานทัศนศิลป ประเภทจิตรกรรม จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน หนังสือเรียน หองสมุด อินเทอรเน็ต เปนตน
อธิบายความรู
ผลงานศิลปะด้านทัศนศิลป์ สามารถจ�าแนกออกได้เป็น ๔ ประเภท คือ
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ใครสรางงานทัศนศิลป ประเภทจิตรกรรม ที่สะทอนถึงคุณคาของ วัฒนธรรมไทย 1. แอมแกะสลักรูปคุณปู 2. เอพิมพภาพดวยเศษวัสดุ 3. เดนปนตุกตาตัวการตูนที่ชื่นชอบ 4. กอยวาดภาพประเพณีการแหเทียนพรรษา วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะประเพณีการแหเทียนพรรษาเปน ประเพณีไทยที่ควรอนุรักษและสืบทอด ดังนั้น การที่กอยวาดภาพประเพณี การแหเทียนพรรษาจึงถือเปนการสรางงานทัศนศิลปประเภทจิตรกรรมที่ สะทอนคุณคาของวัฒนธรรมไทย
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู ๓.๒ ประติมากรรม (Sculpture) ประติมากรรม หมายถึง การสร้างงานทัศนศิลป์ที่เกิดจากกลวิธีการปั้น การแกะสลัก การหล่อ การเชื่อม หรือกระบวนการอื่นใดที่สร้างให้เกิดรูปร่าง รูปทรง มีลักษณะเป็น ๓ มิติ คือ มีความกว้าง ความยาว และความหนา เช่น รูปคน รูปสัตว์ รูปสิ่งของ เป็นต้น ประติมากรรมสามารถจ�าแนกได้เป็น ๓ ลักษณะ ดังนี้
แบบนูนตํ่า (bas-relief)
แบบนูนสูง (high-relief)
แบบลอยตัว (round-relief)
การปนหรือสลักโดยใหภาพที่เกิดนูน ขึ้นจากพื้นเพียงเล็กนอยเทานั้น โดย อาศั ย แสงเงาช ว ยทํ า ให เ กิ ด ความรู สึ ก ลึกตืน้ ในการมองเห็น เชน รูปบนเหรียญ ตางๆ เปนตน
การปนหรือสลักใหรูปที่ตองการนูน ขึ้นจากพื้นหลังมากกวาครึ่ง เปนรูปที่ สามารถแสดงความตืน้ ลึกตามความเปน จริง เชน ประติมากรรมที่ฐานอนุสาวรีย ประติมากรรมบนบานประตูไมแกะสลัก เปนตน
การปนหรือสลักที่สามารถมองเห็น และสัมผัสชื่นชมความงามของผลงานได ทุกดานหรือรอบดาน ซึ่งประติมากรรม แบบลอยตัวนี้อาจจะวางหรือตั้งอยูบน ฐานก็ได เชน พระพุทธรูป พระบรมรูป ทรงมา เปนตน
๓.๓ สถาปตยกรรม (Architecture) สถาปตยกรรม หมายถึง ศิลปะและวิทยาการแห่งการก่อสร้างที่ท�าขึ้นมาเพื่อสนอง ความต้องการในด้านวัตถุและจิตใจ มีลักษณะเป็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นอย่างงดงามถูกต้องตาม หลักวิชาการ ผ่านกระบวนการออกแบบ เขียนแบบ ก่อสร้าง มีความเหมาะสมสะดวกใน การใช้งาน มีความมัน่ คง แข็งแรง สถาปัตยกรรมสามารถจ�าแนกได้เป็น ๒ ลักษณะ ดังนี้ ๑) แบบเปด หมายถึง สถาปัตยกรรมทีม่ นุษย์สามารถเข้าไปใช้สอยได้ เช่น สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ที่พักอาศัย อาคารเรียน เป็นต้น สถาปัตยกรรมเป็นปัจจัยส�าคัญในการด�าเนินชีวิตของมนุษย์ ลักษณะ ของสถาปัตยกรรมมักจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขด้านสภาพทางภูมิศาสตร์ ๒) แบบปด หมายถึง สถาปัตยกรรมที่มนุษย์ ไม่สามารถเข้าไปใช้สอยได้ สถาปัตยกรรมแบบนี้ส่วนใหญ่ จะสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความเชื่อเป็นส�าคัญ เช่น พีระมิด ของอียิปต์ สถูป เจดีย์ เทวสถาน เป็นต้น
ขอสอบ
O-NET
ขอสอบป ’ 53 ออกเกี่ยวกับการแบงประเภทของงานประติมากรรม การแบงประเภทของประติมากรรมใชเกณฑในขอใด 1. ปริมาตรของรูปทรง 2. ความลึกของสวนที่ถูกแกะออกไป 3. วัสดุที่นํามาขึ้นรูป 4. ความสูงของสวนที่นูนขึ้นมา วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. ประติมากรรมจะแบงออกไดเปน 3 ประเภท โดยอาศัยความสูงของสวนที่นูนขึ้นมาเปนเกณฑ ดังนี้ ประติมากรรมแบบ นูนตํ่า เปนรูปที่นูนขึ้นมาจากพื้นหลัง มองเห็นไดชัดเจนเพียงดานเดียวคือ ดานหนา มีความสูงจากพื้นไมถึงครึ่งหนึ่งของรูปจริง ประติมากรรมแบบ นูนสูง เปนรูปตางๆ ในลักษณะเชนเดียวกับแบบนูนตํ่า แตมีความสูงจาก พื้นหลัง ตั้งแตครึ่งหนึ่งของรูปจริงขึ้นไป ทําใหเห็นลวดลายที่ลึก ชัดเจน และ เหมือนจริงมากกวาแบบนูนตํ่า สวนประติมากรรมแบบลอยตัว เปนรูปตางๆ ที่มองเห็นไดรอบดาน เชน ภาชนะตางๆ รูปเคารพตางๆ พระพุทธรูป เทวรูป เปนตน
Explain
1. ใหนักเรียนรวมกันอธิบายและยกตัวอยาง ผลงานประติมากรรมแบบนูนตํ่า แบบนูนสูง และแบบลอยตัว แลวสรุปสาระสําคัญ ลงสมุดบันทึก ครูคอยชวยเสริมเพิ่มเติมความรู 2. ครูใหนักเรียนตอบคําถามตอไปนี้ • ขั้นตอนสําคัญของการสรางงาน ประติมากรรมนูนตํ่าและประติมากรรม นูนสูงคือขั้นตอนใด (แนวตอบ สิ่งสําคัญของการสรางผลงาน ประติมากรรมคือ รูปตนแบบ โดยรูปตนแบบ อาจจะเปนผลงานประติมากรรมลอยตัว (งานจริง) งานประติมากรรมที่บันทึกเปน ภาพถาย หรือรูปถายบุคคลสําคัญ ที่ประติมากรพิจารณาวามีความสวยงาม เหมาะสมตอการสรางสรรคผลงาน ประติมากรรมใหออกมาเปนรูปธรรม จากรูปตนแบบดังกลาว) • พระพุทธรูปศรีศากยะทศพลญาณ ประธาน พุทธมณฑลสุทรรศน จังหวัดนครปฐม เปนผลงานประติมากรรมลักษณะใด (แนวตอบ ประติมากรรมลอยตัว โดยเปน พระพุทธรูปปางลีลาไดรับแนวคิดมาจาก ศิลปะสมัยสุโขทัย)
เกร็ดแนะครู ครูเพิ่มเติมความรูเกี่ยวกับประติมากรรมวา การสรางสรรคงานประติมากรรม นูนตํา่ หรือประติมากรรมนูนสูงนัน้ สิง่ สําคัญของการสรางงานประติมากรรมดังกลาว ก็คือ ความคิดสรางสรรควาจะสรางผลงานใหออกมาในลักษณะใด มีรูปรางอยางไร ทั้งนี้ประติมากรจําเปนตองใชจินตนาการเขาชวยเปนอยางมาก เพื่อใหผลงานที่ ออกมานั้น ดูแลวมีสุนทรียภาพ สรางความประทับใจใหกับผูพบเห็น
มุม IT นักเรียนสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลงานประติมากรรม ไดจาก http://www.m-culture.go.th/ckfinder/userfiles/files/art/mold.pdf
คูมือครู
5
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
1. ใหนักเรียนรวมกันอธิบายและยกตัวอยาง ผลงานสถาปตยกรรมและผลงานภาพพิมพ แลวสรุปสาระสําคัญลงสมุดบันทึก ครูคอยชวย เสริมเพิ่มเติมความรู 2. ครูถามนักเรียนวา • สภาพทางภูมิศาสตรมีความสัมพันธตอ การสรางสรรคงานสถาปตยกรรมอยางไร (แนวตอบ สภาพทางภูมิศาสตรมีความสําคัญ อยางมากตอรูปแบบของสถาปตยกรรม โดยเฉพาะสถาปตยกรรมที่สรางสรรคขึ้น เพื่อประโยชนใชสอยของมนุษย เชน สถาปตยกรรมประเภทที่อยูอาศัยจะมีความ สัมพันธกับสภาพภูมิประเทศ ดินฟาอากาศ ทรัพยากรที่หาไดในทองถิ่น ภูมิปญญา คติความเชื่อพื้นฐาน และประโยชนใชสอย ของแตละชุมชน เปนตน ดังนั้น ผูสรางสรรค งานสถาปตยกรรมจําเปนตองมีขอมูลและ ความรูดานสภาพภูมิศาสตรเปนอยางดี) • นักเรียนคิดวา ภาพพิมพมีวิวัฒนาการมาจาก งานศิลปะรูปแบบใด (แนวตอบ ภาพพิมพ เปนงานทัศนศิลป ที่พัฒนาตอเนื่องมาจากการวาดภาพ ซึ่งการ วาดภาพไมสามารถสรางผลงาน 2 ชิ้น ที่มีลักษณะเหมือนกันทุกประการได จึงมีการ พัฒนาการพิมพขึ้นมา จีนถือวาเปนชาติแรก ที่นําเอาวิธีการพิมพมาใชอยางแพรหลายมา นานนับพันป จากนั้นจึงไดแพรหลายออกไป ในภูมิภาคตางๆ ของโลก ตอมาชาติตะวันตก ไดพัฒนาการพิมพภาพขึ้นมาอยางมากมาย โดยมีการนําเอาเครื่องจักรกลตางๆ เขามา ใชในการพิมพ ทําใหการพิมพมีการพัฒนาไป อยางรวดเร็วในปจจุบัน)
๓.๔ ภาพพิมพ์ (Printing) ภาพพิมพ์ หมายถึง ผลงานศิลปะที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยวิธีการกดแม่พิมพ์ ให้ติดเป็นภาพบนกระดาษ โดยใช้แม่พิมพ์ชนิดต่างๆ เช่น แม่พิมพ์ ไม้ แม่พิมพ์โลหะ แม่พิมพ์อื่นๆ เป็นต้น ซึ่งแม่พิมพ์เหล่านั้นศิลปนได้ ออกแบบสร้างสรรค์ขึ้นมา ทั้งนี้การพิมพ์ภาพนั้นจะต้องมีแม่พิมพ์ที่ใช้เป็นแบบอย่างในการพิมพ์ ซึ่งเราสามารถเลือกใช้วัสดุต่างๆ น�ามาท�าเป็นแม่พิมพ์ได้ เช่น ใบไม้ กิ่งไม้ กระดาษ ไม้กอก กระดุม ขวด เป็นต้น โดยวัสดุที่จะน�ามาเป็นแม่พิมพ์ ได้ดีนั้นจะต้องมีร่องมีรอยจะเป็นร่องลึกมากหรือลึกน้อย รอยนูนมากหรือรอยนูนน้อยก็ขึ้นอยู่กับลักษณะแบบอย่าง หรือรูปแบบในการพิมพ์ ภาพพิมพ์ถ้าจ�าแนกตามชนิดของแม่พิมพ์ สามารถจ�าแนกได้เป็น ๔ ลักษณะ คือ ภาพพิมพ์ผิวนูน ภาพพิมพ์ร่องลึก ภาพพิมพ์พื้นราบ และภาพพิมพ์ฉากพิมพ์
ผลงานภาพพิมพ์แกะไม้ในลักษณะต่างๆ (ภาพซ้าย) ภาพพิมพ์แกะไม้ ผลงาน ผลงานของ ประสงค์ สุรงค์เลิศ (ภาพขวา) ภาพพิมพ์แกะไม้ ผลงานของ วีระพงษ์ ศรีตระกูลกิจการ
EB GUIDE
๖
เกร็ดแนะครู ครูเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถาปตยกรรมไทยวา จําแนกออกไดเปน 4 ประเภท คือ 1. สถาปตยกรรมทางพระพุทธศาสนา จัดเปนสถาปตยกรรมที่สรางขึ้นเพื่อ ประโยชนทางพระพุทธศาสนา เชน เจดีย พระอุโบสถ พระวิหาร เปนตน 2. สถาปตยกรรมประเภทปูชนียสถาน เปนสถาปตยกรรมที่สรางขึ้นเพื่อเปน อนุสรณสถาน อันควรแกการสักการบูชาของพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย 3. สถาปตยกรรมประเภทอาคารสถาน เปนสถาปตยกรรมที่สรางขึ้นเพื่อใชเปน ที่ประดิษฐานปูชนียวัตถุ มีรูปแบบเปนเรือนอันเปนที่อยูอาศัยประจํา เปนที่ประชุมคณะสงฆหรือพุทธศาสนิกชนใชประกอบพิธีกรรม เชน สถานที่ประกอบพิธีอุปสมบท สถานที่เก็บพระธรรม เปนตน 4. สถาปตยกรรมประเภทที่อยูอาศัย หรือสถาปตยกรรมพื้นบานของไทย เปนศิลปะที่ชาวบานกอสรางเพื่อมุงประโยชนใชสอยของสิ่งกอสราง ลักษณะ ของสถาปตยกรรมพื้นบานจะมีความสัมพันธกับสภาพทางภูมิศาสตร
6
คูมือครู
http://www.aksorn.com/LC/Va/M1/02
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
สถาปตยกรรม สัมพันธกับขอใด 1. ผลงานที่เกี่ยวของกับสิ่งกอสราง 2. ผลงานดานการละคร 3. ผลงานศิลปะที่มีรูปทรง 3 มิติ 4. ผลงานที่เกิดจากการวาดภาพและการระบายสี วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. สถาปตยกรรมมีลักษณะเปนสิ่งกอสราง ที่สรางขึ้นอยางงดงามผานกระบวนการออกแบบ เขียนแบบ วางแผน และกอสราง มีความมั่นคงแข็งแรง โดยสรางขึ้นเพื่อประโยชนใชสอย ในดานตางๆ ทั้งประดับตกแตง หรือเพื่อเปนศาสนสถาน
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู เกร็ดศิลป์
จากการที่นักเรียนไดศึกษาเกี่ยวกับการจัดแบง ประเภทของงานศิลปะ ครูใหนักเรียนสรุปประเภท ของงานทัศนศิลปเปนแผนผังความคิด (Mind Mapping) ลงกระดาษรายงาน สงครูผูสอน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • งานศิลปะแขนงวิจิตรศิลปและประยุกตศิลป แตกตางกันอยางไร (แนวตอบ ผลงานศิลปะแขนงวิจิตรศิลป เปน ผลงานศิลปะที่มุงเนนคุณคาดานความงาม เปนสําคัญ กลาวคือมุงตอบสนองอารมณ ความรูสึกทางดานจิตใจเปนหลัก แบงสาขา ยอยออกเปน ทัศนศิลป ดุริยางคศิลป นาฏยศิลป สถาปตยกรรม และวรรณกรรม สวนผลงานศิลปะแขนงประยุกตศิลปจะเปน ผลงานที่สรางสรรคขึ้น เพื่อเนนประโยชน ใชสอยเปนหลัก แบงยอยไดเปน มัณฑนศิลป อุตสาหกรรมศิลป พาณิชยศิลป หัตถศิลป และการออกแบบ) • งานหัตถศิลปเปนงานศิลปะแบบใด (แนวตอบ งานหัตถศิลป เปนงานศิลปะแบบ ประยุกตศิลปที่นําไปใชในงานหัตถกรรม โดยใชมือทําเปนสวนใหญ มีมาตั้งแต ยุคกอนประวัติศาสตร เชน เครื่องปนดินเผา งานแกะสลักไม งานถักทอ งานหวาย งานชาง 10 หมู เปนตน)
ประเภทของงานศิลปะ ผลงานศิลปะที่พบเห็นอยู่รายรอบนั้น ได้มีผู้พยายามจัดแบ่งให้เป็นหมวดหมู่ เพื่อสะดวกแก่การศึกษา และท�าความเข้าใจ แต่เนื่องจากผลงานศิลปะมีความ หลากหลายมาก การจัดแบ่งประเภทจึงมีอยู่หลายแบบแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่ กับทัศนะว่าจะใช้อะไรเป็นเกณฑ์ ในการแบ่ง แต่โดยส่วนใหญ่มักจัดแบ่งออกเป็น ๒ แขนง ดังนี้
๑. วิจิตรศิลป์ (Fine Art)
ผลงานศิลปะในแขนงนี้แต่เดิมเรียกว่า “ประณีตศิลป์” หมายถึง ผลงาน ศิลปะที่มุ่งเน้นคุณค่าทางความงามเป็นส�าคัญ กล่าวคือ มุ่งตอบสนองอารมณ์และ ความรู้สึกทางด้านจิตใจเป็นหลักมากกว่าค�านึงถึงประโยชน์ ใช้สอย แบ่งสาขา ย่อยออกเป็นทัศนศิลป์ (Visual Art) ดุริยางคศิลป์ (Music) นาฏยศิลป์ (Dance) สถาปัตยกรรม (Architecture) และวรรณกรรม (Literature)
๒. ประยุกต์ศิลป์ (Applied Art)
ผลงานทางศิลปะที่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้น เพื่อมุ่งประโยชน์ ใช้สอยเป็น ส�าคัญ โดยใช้หลักการทางศิลปะหรือสุนทรียภาพเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์ แบ่งย่อยเป็นมัณฑนศิลป์ (Decorative Art) อุตสาหกรรมศิลป์ (Industrail Art) พาณิชย์ศิลป์ (Commercial art) หัตถศิลป์ (Crafts) และการออกแบบ (Design)
กิจกรรม
Explain
ศิลป์ปฏิบัติ ๑.๑
กิจกรรมที่ ๑ ใ ห้นกั เรียนแต่ละคนออกแบบแผนผังความคิด (Mind Mapping) (Mind Mapping) แสดงประเภทของงานทัศนศิลป์ แล้วน�าส่งครูผู้สอน กิจกรรมที่ ๒ ให้นักเรียนจัดกลุ่มแบ่งกันไปส�ารวจแหล่งข้อมูลในท้องถิ่นที่โรงเรียนตั้งอยู่ว่ามีผลงานด้าน ทัศนศิลป์อะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม หรื หรือสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่า และความส�าคัญต่อท้องถิ่น ให้ถ่ายภาพสถานที่พร้อมรายละเอียดพอสังเขปของแหล่งข้อมูล แล้วผลัดเปลี่ยนกันน�าไปแสดงที่ป้ายนิเทศ
7
กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนเขียนสรุปประเภทของงานทัศนศิลป อธิบายความแตกตาง ของงานทัศนศิลปแตละประเภทใหชัดเจนลงกระดาษรายงาน สงครูผูสอน
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนเลือกประเภทของงานทัศนศิลปที่ตนเองสนใจ มา 1 ประเภท แลวใหอธิบายเหตุผล ยกตัวอยางผลงานทัศนศิลปชิ้นดังกลาว โดยใหทํา ลงกระดาษรายงาน สงครูผูสอน
บูรณาการอาเซียน ครูแนะนําใหนักเรียนไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลงานทัศนศิลปของ ประเทศสมาชิกอาเซียน เชน เวียดนาม ลาว พมา เปนตน เพื่อใหนักเรียนไดเห็น ความแตกตางของงานทัศนศิลป เพราะถึงแมจะจัดแบงประเภทของงานทัศนศิลป เหมือนกันตามหลักสากล แตรูปแบบและลักษณะของผลงานที่ศิลปนสรางสรรค ขึ้นมานั้น ก็อาจจะไมเหมือนกันในดานการวาดเสน หรือการลงสี เนื่องมาจาก ปจจัยแวดลอมตางๆ ที่แตกตางกัน เชน ปจจัยดานสังคมและวัฒนธรรม การศึกษา ความเชื่อ สภาพทางภูมิศาสตร เปนตน ทั้งนี้การเรียนรูงานทัศนศิลปจะชวยให นักเรียนเขาใจศิลปวัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบานในอาเซียนไดดียิ่งขึ้น
คูมือครู
7
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุEngage นความสนใจ
สํารวจค Exploreนหา
กระตุน ความสนใจ
Engage
ครูพานักเรียนออกไปศึกษาธรรมชาติและ สิ่งแวดลอมนอกหองเรียน เพื่อใหนักเรียนไดรับรูถึง ความงามของธรรมชาติและสิ่งแวดลอม จากนั้น ครูใหนักเรียนชวยกันคนหาสิ่งนาสนใจที่มีอยูใน ธรรมชาติและสิ่งแวดลอมที่เปนงานทัศนศิลป เชน อาคารบานเรือน สวนสาธารณะ ถนน เปนตน จากนั้นครูเชื่อมโยงเขาสูเนื้อหาสิ่งแวดลอมและ งานทัศนศิลป
สํารวจคนหา
Explore
ใหนักเรียนแบงเปน 2 กลุม เลือกศึกษาคนควา ในประเด็นที่ครูกําหนด ดังนี้ • สิ่งแวดลอมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ • สิ่งแวดลอมที่เกิดขึ้นจากฝมือของมนุษย จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต เปนตน
อธิบายความรู
ธรรมชาติเป็นปรากฏการณ์อย่างหนึง่ ทีท่ า� ให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ในรูปแบบต่างๆ ทีม่ นุษย์สามารถเลือกแง่มมุ บางด้านจากธรรมชาติ มาเป็นแบบอย่างในการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ได้
๔. สิ่งแวดล้อมและงานทัศนศิลป์ สิง่ แวดล้อม คือ ปรากฏการณ์ตา่ งๆ หรือสรรพสิง่ ต่างๆ ทีอ่ ยูล่ อ้ มรอบตัวเรา ซึง่ สามารถจัดแบ่งออกได้เป็น ๒ ประเภท คือ สิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ป่าไม้ ทะเล ดอกไม้ สายหมอก ภูเขา น�้าตก เป็นต้น และสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากการประดิษฐ์คิดค้นสร้างสรรค์โดยฝีมือของมนุษย์ เช่น อาคารบ้านเรือน สวนสาธารณะ แสงไฟ เป็นต้น ถ้ถ้าพิจารณาถึงลักษณะทางกายภาพของสิ่งแวดล้อมทั้ง ๒ แบบนี้ เราจะมองเห็นได้ถึง ถนน แสงไฟ ความหมาย ความหมาย ความงาม ความงาม ความน่าตื่นตาตื่นใจที่สายตาของเรามองเห็นเป็นภาพผ่านสิ่งแวดล้อมนั้นๆ ๆ เช่น เห็นเป็น เส้นสาย สาย เป็ เป็นสี เป็นผิว เป็ เป็นแสงเงา เป็ แสงเงา เป็นต้น ซึ่งสิ่งแวดล้อมที่เราพบเห็น ล้วนมีประโยชน์ในด้านการเป็นต้นแบบ ให้มนุษย์ได้น�าามาใช้ มาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานทางทัศนศิลป์ซึ่งจะก่อให้เกิดสุนทรียภาพได้ ความส�าคัญของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติในทางศิลปะถือว่ามีความส�าคัญที่พอจะสรุปได้ ดังนี้ ๑) เป็นแหล่งก�าเนิดสรรพสิ่ง ธรรมชาติเป็นแหล่งก�าเนิดอันยิ่งใหญ่ของสิ่งต่างๆ งๆ มากมาย ก่อให้เกิด การก่อรูปของสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตที่มีรูปทรง ทรง สีสันต่างๆ งๆ นานา นานา อย่างน่าอัศจรรย์ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับ ผู้พบเห็น ๒) เป็นแหล่งสร้างระบบระเบียบบ ธรรมชาตินอกจากให้ก�าเนิดสรรพสิ่งบนพื้นโลกให้เกิดขึ้นแล้ว กลไกตามธรรมชาติบางอย่างยังช่1วยจัดแบบแผนของสิง่ ต่างๆ ที งๆ เ่ กิดขึน้ ให้มรี ะบบ ระเบียบ มีความสัมพันธ์กลมกลืนกัน หรือมีความแตกต่างขัดแย้งกัน แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล มีเอกภาพ และงดงาม ๓) เป็นแหล่งท�าให้เกิดความสนใจ ความสนใจ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทเี่ กิดขึน้ ในแต่ละช่วงเวลาและในแต่ละ โอกาสจะปรากฏด้วยรูปทรง ทรง สีสัน พื้นผิว เส้นสายอย่างน่าสนใจและมีความหมายด้วยตัวของมันเอง เอง รูปลักษณะ ที่มองเห็นได้ทั้งหลายข้างต้นได้มีส่วนช่วยกระตุ้นให้มนุษย์เกิดความรู้สึกชื่นชม ความพึงพอใจ ตลอดจนเกิด
Explain
ใหนักเรียนแตละกลุมออกมานําเสนอความรู ที่ไดไปศึกษามา หนาชั้นเรียน ครูคอยชวยเสริม เพิ่มเติมความรู จากนั้นครูถามนักเรียนวา • สิ่งแวดลอมและงานทัศนศิลปมีความสัมพันธ กันอยางไร (แนวตอบ สิง่ แวดลอมมีอทิ ธิพลตอแรงบันดาลใจ ของศิลปนในการสรางสรรคผลงานทาง ทัศนศิลปรูปแบบตางๆ ไมวาจะเปนภาพวาด ภาพพิมพ ผลงานแกะสลัก ผลงานปน )
8
เกร็ดแนะครู ครูควรใหนักเรียนไดออกไปศึกษาธรรมชาติและสิ่งแวดลอมนอกหองเรียน แลว ใหนักเรียนอธิบายหรือบรรยายถึงธรรมชาติหรือสิ่งแวดลอมที่พบเห็นวา มีทัศนธาตุ สวนใดที่กลมกลืนกัน หรือสวนใดที่ขัดแยงกันแตสามารถอยูรวมกันได เพราะการ ศึกษาจากธรรมชาติและสิ่งแวดลอมรอบตัวจะมีประโยชนในดานการเปนตนแบบให นักเรียนนํามาเปนพื้นฐานในการสรางสรรคผลงานทางทัศนศิลปใหเกิดสุนทรียภาพ ตอไปได
นักเรียนควรรู 1 ความแตกตางขัดแยงกัน ในทีน่ จี้ ะหมายถึงความขัดแยงเชิงองคประกอบศิลป และทัศนธาตุตางๆ
8
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ขอใดเปนความสําคัญของสิ่งแวดลอมตอการสรางสรรคงานทัศนศิลป 1. ชวยในเรื่องการจัดวางองคประกอบศิลป 2. เปนแบบอยางใหงานทัศนศิลปทําตาม 3. ทําใหเกิดการใชแสงเงาในตัวผลงาน 4. เปนแหลงวัตถุดิบเพื่อสรางงานศิลป วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การสรางผลงานทัศนศิลป ไมวาจะเปน รูปแบบใดก็ตาม ผูสรางสรรคลวนไดรับอิทธิพลหรือแบบอยางมาจาก สิ่งแวดลอมตามธรรมชาติ เชน การใชสีเขียวในการวาดใบไม การวาดรูป พระอาทิตยเปนวงกลมมีแสงสีสม เปนตน
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุEngage นความสนใจ
สํารวจค Exploreนหา
กระตุน ความสนใจ ความรู้สึกต่างๆ ทั้งนี้สิ่งแวดล้อมจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อการสร้างสรรค์ผลงานทางทัศนศิลป์ โดยท�าให้เกิด แรงบันดาลใจหรือเกิดความประทับใจให้แก่ผู้คน เช่น ดอกไม้ผลิดอกบานหลากสีสัน ดวงอาทิตย์สาดแสงสีทอง ตอนใกล้ลับขอบฟ้า ท้องทุ่งนาที่มีต้นข้าวเขียวขจี เรือประมงริมชายฝั่งทะเล เป็นต้น ความประทับใจนี้จะเป็น แรงผลักดันหรือกระตุ้นให้ผู้คนพยายามถ่ายทอดสิ่งที่ตนพบเห็น และมีทัศนะว่ามีความงามตามสายตาตามมุมมอง ของตน สร้างสรรค์ออกมาเป็นผลงานทัศนศิลป์แขนงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด ภาพพิมพ์ ผลงานแกะสลัก ผลงานปั้น
พระอุโบสถจตุรมุข วัดภูมินทร์ อ�าเภอเมือง จังหวัดน่าน รูปแบบศิลปะ ไทยล้านนา
๕. ทัศนศิลป์กับสุนทรียภาพ สุนทรียภาพ หมายถึง ความเข้าใจและความรู้สึกของแต่ละบุคคลที่มีต่อความงามในธรรมชาติหรือใน งานศิลปะ ส�าหรับผลงานทางทัศนศิลป์กจ็ ะเป็นผลงานทีท่ า� ให้เกิดสุนทรียภาพหรือสัมผัสความงามได้ดว้ ยการมองเห็น ซึ่งมนุษย์เราแต่ละคน จะเกิดสุนทรียภาพต่องานทัศนศิลป์แตกต่างกันออกไป ออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ รสนิยม ม สติปัญญา และความรู้สึกนึกคิด ส�าหรับนักเรียนถ้าจะพัฒนาตนเองให้รู้สึกซาบซึ้งหรือสัมผัสความงามทางทัศนศิลป์ได้อย่างดีนั้น จะต้ จะต้อง หมั่นสังเกต จดจ�า บ่บ่มเพาะประสบการณ์ไปทีละเล็กละน้อย ทั ย ทั้งนี้หลักเกณฑ์ที่จะท�าให้มีสุนทรียภาพต่องานทัศนศิลป์ เริ่มแรกเมื่อเรามองดูผลงานทัศนศิลป์ให้พิจารณาดูส่วนที่เป็นจุดเด่นก่อน น แล้วค่อยพิจารณาองค์ประกอบโดยรวม ระกอบโดยรวม จากนั้นจึงค่อยดูลึกลงไปในรายละเอียด เช่น ขนาด รูปร่าง สีสัน ลวดลาย ชนิ ลวดลาย ชนิดของวัสดุ เป็นต้น เมื่อเรามีทักษะในการพิจารณางานทัศนศิลป์แล้วจะช่วยท�าให้เรามีความรู้ ความเข้าใจถึงความงามหรือ เกิดสุนทรียภาพต่อสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวตามไปด้วย รวมทั้งเห็นคุณค่าของประดิษฐกรรมต่างๆ งๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น เห็นถึงโครงสร้างที่เป็นระเบียบแบบแผนและความสัมพันธ์ของสรรพสิ่ง อัอันจะมีผลช่วยกล่อมเกลาจิตใจของเราให้มี ความอ่อนโยน มีความสุข และเกิ และเกิดความดีงามขึ้นภายในใจ หรื ภายในใจ หรืออาจจะกล่าวอย่างง่ายๆ ได้ ยๆ ได้ว่า ผลงานทั ผลงานทัศนศิลป์ช่วย ท�าให้เกิดอารมณ์สุนทรียภาพและการที่มีสุนทรียภาพก็จะช่วยลดความแข็งกระด้างภายในจิตใจของมนุษย์
9
ครูนําภาพธรรมชาติมา 1 ภาพ ใหนักเรียนดูแลวเขียนพรรณนาถึง ความประทับใจในภาพธรรมชาติที่เห็นดวยถอยคําที่สละสลวย ทั้งนี้ภาพ ที่ครูนํามาอาจจะเปนภาพวาดสีนํ้า สีอะคริลิก หรือสีนํ้ามันก็ได แลวนําสง ครูผูสอน
กิจกรรมทาทาย
ครูใหนักเรียนดูภาพผลงานทัศนศิลปที่มี ความโดดเดนดานการใชสีสันที่สดใส สวยงาม ลวดลายแปลกตา เชน ภาพวาดดวยสีอะคริลิก “รองรอยของรูปทรง” ผลงานของอาจารยสุชาติ เถาทอง หรือภาพจิตรกรรม “กลางคืน (Nocturne)” ผลงานของชูอัน มีโร อี เฟรรา หรือภาพผลงาน ของศิลปนทานอื่นๆ แลวครูถามนักเรียนวา • เมื่อนักเรียนดูภาพดังกลาวแลวรูสึกอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอยางอิสระ) • นักเรียนคิดวา ภาพทัศนศิลปที่มีสีสันสดใส สวยงาม มีผลตอผูชมอยางไร (แนวตอบ ผลงานทัศนศิลปที่สวยงามจะชวย ทําใหผูชมเกิดสุนทรียะ ซึ่งสุนทรียะจะชวย ลดความกระดางภายในจิตใจของมนุษยลง)
สํารวจคนหา
ภาพพิมพ์บนกระดาษ ผลงานของ ปรีชา เถาทอง ที่ถ่ายทอดแสงเงา ที่ฉายทาบพระอุโบสถวัดภูมินทร์
กิจกรรมสรางเสริม
Engage
Explore
ใหนักเรียนแบงกลุม ออกเปน 4 กลุม ศึกษา เกี่ยวกับผลงานทัศนศิลปในลักษณะตางๆ จาก แหลงเรียนรูตางๆ เชน หองสมุด หนังสือเรียน อินเทอรเน็ต เปนตน จากนั้นใหนักเรียนเลือก ผลงานทัศนศิลปมา 1 ผลงาน ที่พิจารณาแลววา เปนผลงานทีด่ ชี ว ยใหผชู มผลงานเกิดสุนทรียภาพได
อธิบายความรู
Explain
ใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมา นําเสนอผลงานทัศนศิลปที่ในกลุมคัดเลือกมา หนาชั้นเรียน พรอมทั้งอธิบายถึงเหตุผลที่เลือก ผลงานชิ้นนี้ และอธิบายประกอบดวยวา ผลงาน ดังกลาวทําใหเกิดสุนทรียะทางอารมณอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ)
เกร็ดแนะครู ครูเนนยํ้ากับนักเรียนในเรื่องของสุนทรียภาพวา สุนทรียภาพคือความซาบซึ้ง ในคุณคาของสิ่งที่มีความงาม ความไพเราะ ซึ่งความรูสึกซาบซึ้งในคุณคาของ ความงามจะกอใหเกิดประสบการณและถาไดผานการศึกษาอบรมจนเปนนิสัย จะกลายเปนรสนิยม (Taste) ซึ่งเปนผลที่เกิดจากปฏิกิริยาของการรับรูทางการเห็น การฟง และเปนที่มาของการรับรูความงามทางดานทัศนศิลป ดนตรีและนาฏศิลป โดยการรับรูที่ทําใหเกิดการเรียนรูจะมีอยู 3 แบบ คือ แบบตั้งใจ แบบไมตั้งใจ หรือ แบบที่เลือกสรรตามความพอใจที่จะรับรู โดยอาศัยองคประกอบของสุนทรียวัตถุ คือ วัตถุทางธรรมชาติ วัตถุทางศิลปกรรม และองคประกอบของประสบการณ ทางสุนทรียภาพ แตก็ตองประกอบดวยคุณคาทางความงามและตัวของผูรับรูดวย
ใหนักเรียนวาดภาพทิวทัศนหรือภาพธรรมชาติในมุมที่นักเรียนชื่นชอบ มาคนละ 1 ภาพ โดยใชดินสอดํารางภาพ ทั้งนี้จะระบายสีหรือไมระบายสี ก็ได จากนั้นใหนักเรียนตั้งชื่อภาพ แลวนําผลงานสงครูผูสอน คูมือครู
9
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
1. ใหนักเรียนศึกษาบทเรียนจากหนา 11-12 ครูตั้งประเด็นใหนักเรียนรวมกันแสดง ความคิดเห็นวา เพราะเหตุใด นักเรียนจึงควร ศึกษาทัศนศิลปจากแหลงเรียนรูตางๆ เพิ่มเติม นอกหองเรียน (แนวตอบ การศึกษาทัศนศิลปใหไดผลดี นอกจากการศึกษาในหองเรียนและพรสวรรคที่มี ของนักเรียนเองแลว นักเรียนที่สนใจทัศนศิลป ยังจําเปนตองอาศัยประสบการณตรงจาก แหลงเรียนรูตางๆ ใหมากที่สุด ซึ่งแหลงเรียนรู ที่เขาถึงไดงายที่สุดก็คือสิ่งแวดลอมรอบๆ ตัว ของนักเรียนเอง) 2. ใหนักเรียนสืบคนขอมูลดานทัศนศิลปจาก เว็บไซตตางๆ ในอินเทอรเน็ต แลวมาพูดคุย แลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆ ในหองเรียนวาเว็บไซต ดังกลาวสืบคนอยางไร แลวขอมูลที่ไดมาจาก เว็บไซตดังกลาวเปนประโยชนตอการศึกษา ทัศนศิลปมากนอยเพียงใด จากนั้นครูให นักเรียนยกตัวอยางเว็บไซตที่ใชในการศึกษา ทัศนศิลปมา 2-3 เว็บไซต พรอมอธิบาย พอสังเขปเกี่ยวกับเว็บไซตดังกลาววาใหความรู ดานทัศนศิลปอยางไร ทั้งนี้นักเรียนสามารถ ยกตัวอยางเว็บไซตไดอยางอิสระ
เสริมสาระ
การศึกษาสาระทัศนศิลป์ให้ได้ผลดีนั้น นักเรียนจ�าเป็นจะต้องมีประสบการณ์ตรงให้มาก ต้องรู้มาก และพบเห็นผลงานทัศนศิลป์ต่างๆ ให้มาก องค์ความรู้ที่ได้จากชั้นเรียนถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งแหล่งเรียนรู้ ที่อยู่ใกล้ตัวนักเรียนและสามารถไปศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมได้สะดวก เช่น
๑. ขอมูลจากเว็บไซต โดยการสืบค้นผ่านทางเครือข่าย อินเทอร์เน็ต ซึ่งปจจุบันมีเว็บไซต์ที่น�าเสนอข้อมูล และผลงานทาง ทัศนศิลป์จ�านวนมากมาย ที่เป็นภาษาไทยก็มีนับเป็นร้อยเว็บไซต์ มีทั้งที่จัดท�าขึ้นโดยบุคคล องค์กรภาครัฐ และภาคเอกชน ซึ่งหลาย เว็บไซต์ก็ได้น�าเสนอผลงานของศิลปนมีชื่อให้เราได้เข้าไปแวะชม รวมทัง้ มีเว็บบอร์ดให้สนทนาเกีย่ วกับเรือ่ งราวทางด้านศิลปะอีกด้วย ตัวอย่างเว็บไซต์ของส�านักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวง วัฒนธรรม เป็นเว็บไซต์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับศิลปะไทย และศิลปะ ร่วมสมัย
๒. สื่ อ สิ่ ง พิ ม พ ป จ จุ บั น มี สื่ อ สิ่ ง พิ ม พ์ ที่ ใ ห้ ความรู้ทางด้านทัศนศิลป์อยู่มากมายหลายลักษณะ ทั้งที่ เป็นหนังสือ วารสาร นิตยสาร หนังสือพิมพ์ แมกกาซีน มีทั้งที่เป็นเพียงคอลัมน์แทรกในเล่ม และว่าด้วย ศิ ล ปะโดยตรง การใช้ สื่ อ สิ่ ง พิ ม พ์ ค วรอ่ า น ประกอบจากหลายๆ เล่ม เพื่อจะได้มุมมองที่ หลากหลาย ๓. สื่ อ สารมวลชน ไม่ ว่ า จะเป็ น โทรทั ศ น์ วิ ท ยุ จะมี ร ายการที่ ก ล่ า วถึ ง ผลงานการ สร้างสรรค์ทางด้านทัศนศิลป์ไว้ ซึ่งเราสามารถติดตามชม ได้ตามกาลเทศะ บางรายการสามารถติดตามชมรายการ ย้อนหลังได้ด้วยทางอินเทอร์เน็ต แหล่งเรียนรู้ประเภทนี้ มีข้อดี คือ มีความทันสมัย มีวิธีการน�าเสนอท�าให้เข้าใจ เรื่องราวได้ง่ายและชวนให้ติดตาม
ปจจุบันเราสามารถหาความรู้เกี่ยวกับทัศนศิลป์ เพิ่มเติมได้จาก นิตยสารต่างๆ
1๐
เกร็ดแนะครู ครูควรยกตัวอยางเว็บไซตที่เกี่ยวของกับงานทัศนศิลป หรือมีประโยชนกับ นักเรียนในการศึกษาทัศนศิลป ตัวอยางเชน • http://krookong.net/homepage.html เปนแหลงเรียนรูเกี่ยวกับงานศิลปะ ทั่วไป โดยจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับทัศนศิลปแขนงตางๆ พรอมทั้งตัวอยาง วิธีการสรางสรรคงานศิลปะ • http://art.culture.go.th/ เว็บไซตของกระทรวงวัฒนธรรมที่มีขอมูลเกี่ยวกับ ศิลปนแหงชาติสาขาทัศนศิลปไวใหนักเรียนสืบคน • http://www.prc.ac.th/newart/webart/visual_audioart.html เปนเว็บไซต ที่เกี่ยวกับการรับรูความงามดานศิลปะโดยเฉพาะ ทั้งนี้ครูควรแนะนําใหนักเรียนสืบคนขอมูลจากเว็บไซตของตางประเทศดวย เพื่อเปนการเพิ่มพูนความรูและเปดโลกทัศนดานงานศิลปะ
10
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
การรับรูความงามในงานทัศนศิลปของมนุษยนั้น สามารถรับรูไดอยางไร แนวตอบ การรับรูความงามในงานทัศนศิลปของมนุษยนั้น สามารถรับรู ไดทางสายตาจากการมองเห็น เพราะทัศนศิลป (Visual Art) เปนงานศิลปะ ที่สัมผัสความงามไดดวยสายตาจากการมองเห็น ซึ่งงานศิลปะสวนใหญ จะเปนงานทัศนศิลปทั้งสิ้น ไดแก จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปตยกรรม มัณฑนศิลป อุตสาหกรรมศิลป และพาณิชยศิลป หรือกลาวไดวาจะใช ประสาทสัมผัสดวยการมองเห็นเปนอันดับแรก
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู ๔. พิ พิ ธ ภั ณ ฑ หอศิ ล ป์ ศาสนสถาน โบราณสถาน เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สั่งสมภูมิปญญาไทย สื บ ทอดกั น มาหลายชั่ ว อายุ ค น แต่ ล ะแห่ ง จะมี ผ ลงาน ทัศนศิลป์ให้เราศึกษาหลายอย่าง แต่ก่อนที่เราไปจะเข้าไป ใช้แหล่งเรียนรู้ประเภทนี้ ควรต้องมีการเตรียมตัวศึกษา ข้ อ มู ล พื้ น ฐานที่ เ กี่ ย วข้ อ ง โดยอ่ า นจากเอกสารแนะน� า สอบถามจากผู้รู้ จะช่วยให้เราได้รับความรู้อย่างพร้อมมูล หอศิลป์แต่ละแห่งจะมีการแสดงผลงานทัศนศิลป์บ่อยครั้ง ซึ่งเราควร หาโอกาสเข้าไปเยี่ยมชม
1
การแสดงนิทรรศการศิลปะ เราควรหาโอกาสไปร่วมชม เพราะจะได้ ทั้งสุนทรียภาพและความรู้ติดตัว
๕. ผลงานทัศนศิลป์ ตัวอย่างผลงานทัศนศิลป์ที่มีผู้สร้างสรรค์ไว้แล้ว เมื่อได้ชมจะได้เห็นแบบอย่าง ที่เป็นรูปธรรม ได้รับความรู้หลายอย่างในคราวเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นสุนทรียภาพ ฝมือ เทคนิค วิธีการสร้างสรรค์ ผลงาน ซึ่ ง เราสามารถที่ จ ะน� า เอามาเป็ น ต้ น แบบและ ประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานของเราได้เป็นอย่างดี
E×plain
ใหนักเรียนสรุปความสําคัญของแหลงเรียนรู ดานทัศนศิลป พรอมทั้งยกตัวอยางแหลงเรียนรู ผลงานทัศนศิลปที่นอกเหนือจากหนังสือเรียน โดยบันทึกขอมูลของแหลงเรียนรูนั้นๆ ลงสมุด สงครูผูสอน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • การจัดแสดงนิทรรศการศิลปะมีกี่แบบ และ แบบใดที่นิยมจัดมากที่สุดในประเทศไทย (แนวตอบ การแสดงนิทรรศการศิลปะแบง รูปแบบการจัดไดเปน 3 แบบ ที่นิยมจัดกัน โดยทั่วไป คือ นิทรรศการชั่วคราว ซึ่งเปน นิทรรศการที่จัดแสดงเรื่องราวเฉพาะกิจ ในโอกาสพิเศษบางโอกาส จะใชเวลาสั้นๆ เพื่อเผยแพรความรู ขาวสาร หรือ ประชาสัมพันธเรื่องตางๆ ของหนวยงาน ราชการ บริษัท และสถานศึกษา)
2
๖. บุคลากรที่มีความรู บุคคลที่ถือได้ว่า เป็นผู้รู้ทางด้านทัศนศิลป์ มีอยู่มากมายบนผืนแผ่นดินไทย หรือแทบจะทุกท้องถิ่น บุคคลเหล่านี้ถือว่าเป็น “ครู” ของ เราได้ เพราะท่านมีประสบการณ์ตรง หรือประกอบอาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์มาตลอดชีวิต สามารถจะแนะน�าและถ่ายทอดความรู้ให้แก่เราได้เป็น อย่างดี จนอาจเรียกได้ว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีที่สุดก็ว่าได้ บุคลากรผู้ทรงภูมิรู้ทางทัศนศิลป์ มีอยู่ทุกท้องถิ่น ทั่วแผ่นดดินิ ไทย
ตลาดน�้า เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ศิลปนหลายท่านน�าไปใช้ เป็นแบบในการสร้างผลงาน
๗. สิ่งแวดลอม สิ่งแวดล้อมที่อยู่ล้อมรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ หรือสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์ สร้างขึ้น ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ทางอ้อมของเราอีกด้วย โดยเฉพาะ การเป็นต้นแบบและเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน เช่น เราจะวาดภาพตลาดน้�าได้ดีก็ต่อเมื่อเราได้มีโอกาสแวะเข้าไป เยี่ยมชม เห็นภาพวิถีชีวิตของตลาดน้�าแห่งนั้น เป็นต้น
11
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
การจัดแบงนิทรรศการศิลปะควรจัดแบงโดยใชหลักเกณฑตามขอใด 1. นิทรรศการถาวร นิทรรศการกลางแจง นิทรรศการในรม 2. นิทรรศการถาวร นิทรรศการชั่วคราว นิทรรศการเคลื่อนที่ 3. นิทรรศการถาวร นิทรรศการชั่วคราว นิทรรศการกลางแจง 4. นิทรรศการถาวร นิทรรศการกลางแจง นิทรรศการเคลื่อนที่
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การแสดงนิทรรศการศิลปะแบงออก ไดเปน นิทรรศการถาวร นิทรรศการชั่วคราว และนิทรรศการเคลื่อนที่ เพราะสามารถสื่อสารทําความเขาใจเกี่ยวกับลักษณะของงานไดดีกวา การจัดแบงแบบอื่น
นักเรียนควรรู 1 การแสดงนิทรรศการศิลปะ ที่นิยมจัดกันโดยทั่วไป แบงรูปแบบการจัดได เปน 3 แบบ คือ นิทรรศการถาวร เปนนิทรรศการที่จัดแสดงไวเพื่อใหประโยชน ตอผูเขาชมไดในเวลายาวนาน ติดตั้งจัดแสดงไวอยางมั่นคง เพื่อใหประชาชน ศึกษาไดตลอดไป นิทรรศการชั่วคราว เปนนิทรรศการที่จัดแสดงเรื่องราวเฉพาะกิจ ในโอกาสพิเศษบางโอกาส จะใชเวลาสั้นๆ เพื่อเผยแพรความรู ขาวสาร หรือ ประชาสัมพันธเรื่องตางๆ นิทรรศการเคลื่อนที่ เปนนิทรรศการที่มีวัตถุประสงคใน การจัดคลายกับนิทรรศการชั่วคราว หรือบางคราวก็นํานิทรรศการชั่วคราวไปแสดง เคลื่อนที่ยังสถานที่ตางๆ เพื่อใหเกิดประโยชนตอผูสนใจ 2 บุคลากรที่มีความรู หมายถึง บุคคลที่มีความรู ความสามารถทางทัศนศิลป จากประสบการณตรง มีอาชีพเกี่ยวกับการสรางสรรคงานทัศนศิลปมา เปนเวลานาน สามารถแนะนําและถายทอดความรูทางดานทัศนศิลปใหนักเรียนได โดยบุคคลเหลานี้อาจจะมิใชบุคคลที่เรียนจบมาทางดานสาขาทัศนศิลปก็เปนได แตฝกฝมือมานานจนมีประสบการณในการสรางสรรคผลงาน คูมือครู
11
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุEngage นความสนใจ
กระตุน ความสนใจ
สํารวจค Exploreนหา
Engage
ครูเชิญวิทยากรหรือศิลปนในชุมชนที่มี ความรู ความสามารถดานการวาดภาพ มาเลา ประสบการณการสรางสรรคผลงานทัศนศิลปของ ตนเองใหนักเรียนฟง จากนั้นใหวิทยากรสาธิตการ วาดภาพใหนักเรียนดู ครูเปดโอกาสใหนักเรียน ซักถามขอสงสัย
สํารวจคนหา
๕. ¤ุ³¤‹า¢องทัศนศิลป์ ทัศนศิลปมีคุณคาตอมนุษยมากมายหลายประการ ดังตอไปนี้ ๑) ดานที่อยูอาศัย ทัศนศิลปชวยทําใหที่อยูอาศัยของมนุษยมีความ สวยงามและสะดวกสบายตอการพํานักอาศัยมากขึ้น จากเดิมที่เคยอาศัย อยูตามถํ้า เพิงผา ก็อาศัยความรูทางทัศนศิลปมาเปนปจจัยหนึ่งในการสราง ที่พักอาศัยอยางงายๆ โดยใชวัสดุจากธรรมชาติ จนพัฒนามาเปนอาคาร บานเรือน รูปแบบตางๆ ดังที่เห็นในปจจุบัน
Explore
๒) การพัฒนาเครื่องมือเครื่องใช ทัศนศิลปมีสวนชวยในการพัฒนา เครื่องมือเครื่องใชของมนุษยใหมีรูปแบบที่สวยงาม สะดวกตอการใชสอย และมี ค วามคงทนมากขึ้ น ไม ว า สิ่ ง ของเครื่ อ งใช นั้ น จะเป น ผลผลิ ต จาก งานหั ต ถกรรมหรื อ อุ ต สาหกรรมก็ ต าม เช น ขวานหิ น ก็ พั ฒ นามาเป น ขวานโลหะ หรือเปนคอนในรูปแบบตางๆ เปนตน
ใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับคุณคาของงาน ทัศนศิลป จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน หนังสือเรียน หองสมุด อินเทอรเน็ต เปนตน
อธิบายความรู
Explain
๓) สรางความพึงพอใจใหกับอารมณของมนุษย ทัศนศิลปชวย โนมนําใหจิตใจของคนเราใหมีความรักตอความงดงาม สงผลทําใหจิตใจและ อารมณผอ นคลาย เกิดอารมณสน ุ ทรีย ชวยทําใหเกิดการสรางสรรคสงิ่ ตางๆ ใหกับสังคม ไมวาจะเปนขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และทําใหคน ในสังคมสามารถอยูรวมกันไดอยางสงบสุข
1. ครูสุมตัวอยางนักเรียน 2-3 คน ใหออกมา อธิบายความรูที่ไดศึกษามาหนาชั้นเรียน จากนั้นใหสรุปสาระสําคัญเกี่ยวกับคุณคาของ ทัศนศิลปลงสมุดบันทึก 2. ใหนักเรียนแบงเปน 3 กลุม เขียนอธิบายคุณคา ในงานทัศนศิลปที่มีตอผูสรางสรรคตามหัวขอ ตอไปนี้ • งานจิตรกรรม • งานประติมากรรม • งานสถาปตยกรรม โดยทําลงกระดาษรายงาน สงครูผูสอน
๔) ชวยอนุรักษธรรมชาติ ธรรมชาติสวนใหญจะมีความงดงามอยู ในตัวเอง ถามนุษยมคี วามรักตอความงามตามธรรมชาติ มนุษยกจ็ ะหวงแหน ปกปอง และอนุรักษธรรมชาติเหลานั้นเอาไว ๕) ถายทอดความรูสึกที่เปนสากล ทัศนศิลปชวยถายทอดอารมณ ความรูส กึ ความซาบซึง้ ประทับใจใหกบั ผูค น ทีแ่ มจะเปนคนตางชาติ ตางภาษา ตางเผาพันธุ ใหรับรูรวมกันได เพราะทัศนศิลปเปรียบเสมือนภาษาสากล ที่ผูคนทุกสวนของโลกสามารถสื่อความหมายใหเขาใจตรงกันได ๖) นําไปประยุกตใชกับวิทยาการและชีวิตประจําวัน มนุษยไดนํา ความรูทางทัศนศิลปไปประยุกตใชกับศาสตรหรือสหวิทยาการแขนงตางๆ เพือ่ ชวยทําใหเกิดความงามหรือเพือ่ ชวยถายทอดความรูใ นศาสตรแขนงนัน ้ ๆ ทําใหเขาใจไดงา ยขึน ้ ตลอดจนนํามาประยุกตใชกบั ชีวติ ประจําวันของตนเองได เชน การเลือกซื้อเสื้อผา การตกแตงบาน การจัดสวน เปนตน
1๒
EB GUIDE
เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเสริมเกี่ยวกับการดูงานทัศนศิลปใหเกิดคุณคาวาการที่จะเขาใจใน คุณคาของผลงานทัศนศิลปไดดีนั้น ผูดูควรมีคุณสมบัติ ดังนี้ 1. เปนผูที่มีจิตใจชอบงานทัศนศิลปอยางลึกซึ้ง ไมวาจะเปนผูสรางงานหรือ ผูดูผลงาน 2. ศึกษาคนควาเรื่องราวของทัศนศิลปอยางถองแท และหมั่นคนควาความรู เพิ่มเติมอยูเสมอ 3. มีประสบการณในการมองเห็นเปนอยางดี 4. รับฟงแนวคิดใหมๆ ของศิลปน 5. รอบรูในวิชาตางๆ หลากหลายดาน และสามารถนําความรูเหลานั้นมา เชื่อมโยงกับงานทัศนศิลปที่กําลังดูอยูได 6. มีรสนิยมทางทัศนศิลปอยางแทจริง
12
คูมือครู
http://www.aksorn.com/LC/Va/M1/03
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ขอใดเปนตัวอยางของการนําผลงานทัศนศิลปมาสรางสรรค ใหเกิดประโยชนในชีวิตประจําวัน 1. แตงกายชุดนักเรียนมาโรงเรียน 2. เขียนหนังสือดวยลายมือที่อานงาย 3. นําภาพวาดมาตกแตงบานเรือน 4. ใชแสงไฟหลากสีในงานรื่นเริง วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. การนําภาพวาดซึ่งเปนผลงานจิตรกรรม อันเปนงานประเภทหนึ่งของงานทัศนศิลปมาใชประดับตกแตงบานใหนาดู ใหมีสีสัน ชวยดึงดูดสายตา ถือเปนการนําเอาผลงานทัศนศิลปมาใช ประโยชนในชีวิตประจําวัน สวนการใชแสงไฟหลากสีไมถือเปนผลงาน ทัศนศิลป
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ Expand าใจ ขยายความเข
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบExplain ายความรู
อธิบายความรู ÷. วัµ¶ุประสง¤ ãนการศÖกÉาสาระทัศนศิลป์ การศึกษาสาระการเรียนรู้แกนกลางทัศนศิลป์ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น มิได้มีจุดมุ่งหมายที่จะให้ นักเรียนมุง่ สร้างสรรค์งานศิลปะชัน้ เยีย่ มหรือต้องการจะให้เป็นศิลปนแต่อย่างใด แต่มงุ่ หวังทีจ่ ะส่งเสริมให้นกั เรียนเป็น ผู้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีจินตนาการทางศิลปะ รู้จักชื่นชมความงาม ความมีคุณค่าของผลงานต่ างๆ ที่มนุษย์ 1 ได้สร้างสรรค์ขึ้น ซึ่งจะช่วยท�าให้นักเรียนเป็นผู้มีจิตใจงดงาม มีความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) มีสมาธิ มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตดี มีคุณภาพสมดุลกัน ซึ่งสามารถสรุปวัตถุประสงค์โดยรวมในการศึกษาได้ ดังนี้ ๑. ให้รู้วิธีสื่อความคิด จินตนาการ ความประทับใจของนักเรียนให้ออกมาเป็นผลงานทางด้านทัศนศิลป์ ตามประเภทที่นักเรียนถนัดหรือสนใจ โดยใช้วัสดุ อุปกรณ์ เทคนิค วิธีการต่างๆ ทั้งนี้ผลงานที่สร้างสรรค์ออกมา จะต้องสื่อความหมายให้ผู้อื่นรับรู้อย่างที่ตนต้องการได้ ๒. ให้รู้จักคิดริเริ่ม ใช้เทคนิค วิธีการรูปแบบใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ที่ตนถนัดและสนใจ ด้วยการน�าความรู้เกี่ยวกับทัศนธาตุและองค์ประกอบศิลป์เข้ามาประยุกต์ใช้ ๓. ให้รู้จักใช้กระบวนการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ โดยสามารถประยุกต์ใช้สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมและมีความรับผิดชอบทั้งต่อตนเอง ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ๔. สามารถแสดงออกถึงความรู้สึกในการรับรู้ความงาม ทางทัศนศิลป์จากประสบการณ์ จินตนาการของตน โดยใช้แนวทางการพิจารณา ความงามทางศิลปะในแขนงที่นักเรียนมีความถนัดหรือสนใจ ๕. สามารถแสดงความคิดเห็น อธิบายความหมาย และจ�าแนก ความแตกต่างของงานทัศนศิลป์ที่ตนชื่นชอบได้ โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของ องค์ความรู้ทางทัศนศิลป์ มิใช่เกิดจากอารมณ์ความรู้สึกส่วนตน ๖. น�าความรู้ทางทัศนศิลป์ที่นักเรียนถนัดหรือสนใจไปประยุกต์ใช้กับวิชาอื่นๆ เช่น วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ภาษาไทย การงานอาชีพและเทคโนโลยี เป็นต้น รวมทั้งน�าไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ�าวันได้ด้วย ๗. มีความรู้ความเข้าใจว่าความเชื่อทางวัฒนธรรมมีอิทธิพลต่อ การสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ประเภทต่างๆ ของมนุษย์ ๘. ท�าให้เกิดความซาบซึ้ง เล็งเห็นคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมไทย และ ภูมิปัญญาไทยที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้ รวมทั้งมีส่วนร่วม ประติมากรรมลอยตัว ผลงานของ เขียน ยิ้มศิริ ที่สื่อความคิด ในการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์
E×plain
ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ วัตถุประสงคในการศึกษาวิชาทัศนศิลป จากนั้น ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางการนําความรู ทางทัศนศิลปที่นักเรียนสนใจไปประยุกตใชกับ วิชาอื่นๆ เชน การนําความรูทางทัศนศิลปไปใชใน การออกแบบโครงงานวิทยาศาสตร การนําความรู ทางทัศนศิลปไปใชกับการจัดนิทรรศการดาน ศิลปวัฒนธรรม เปนตน
ขยายความเขาใจ
Expand
จากการศึกษาเกี่ยวกับความรูพื้นฐานทาง ทัศนศิลป ครูใหนักเรียนรวมกันจัดนิทรรศการใน หัวขอ “ทัศนศิลปกับชีวิตมนุษย”
จินตนาการได้อย่างน่าประทับใจ
1๓
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
การศึกษาสาระทัศนศิลปมีวัตถุประสงคสําคัญตามขอใด 1. รูเทคนิคการสรางงานทัศนศิลป 2. นําไปใชประกอบอาชีพในภายหนา 3. รูจักชื่นชมความงาม มีสุนทรียศิลป 4. ทราบประวัติความเปนมาของศิลปน
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. การเรียนรูสาระทัศนศิลปมีเปาหมาย เพื่อกระตุนใหนักเรียนไดรูจัก เห็นคุณคา ชื่นชมความงามของผลงาน ทัศนศิลปตางๆ หรือเปนผูมีสุนทรียศิลป
เกร็ดแนะครู ครูสรุปภาพรวมใหนักเรียนเขาใจวา วัตถุประสงคของการศึกษาวิชาทัศนศิลป มิไดมุงหวังใหนักเรียนสรางสรรคงานศิลปะชั้นเยี่ยม หรือมิไดตองการใหนักเรียน เปนศิลปนแตอยางใด เพียงแตมงุ หวังใหนกั เรียนมีความคิดสรางสรรค มีจนิ ตนาการ ทางศิลปะ เห็นคุณคาและความงามของงานศิลปะ โดยเฉพาะผลงานศิลปะตางๆ ที่อยูรายรอบตัวนักเรียน
นักเรียนควรรู 1 ความฉลาดทางอารมณ (emotional intelligence) ความสามารถใน การดําเนินชีวิตอยางสรางสรรคและมีความสุขในการรับรูและเขาใจในอารมณของ ตนเองและผูอื่น รวมทั้งสามารถที่จะจัดการอารมณเพื่อเปนแนวทางในการสราง สัมพันธภาพกับผูอื่นไดอยางมีประสิทธิภาพ และชวยใหประสบความสําเร็จ ในการดํารงชีวิต คูมือครู
13
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
Engage
Explore
Explain
Expand
ตรวจสอบผล
ตรวจสอบผล Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate
Evaluate
ครูพิจารณาจากผลงานการจัดนิทรรศการ “ทัศนศิลปกับชีวิตมนุษย” ของนักเรียนใน ดานเนื้อหาสาระ ความสวยงาม และความคิด สรางสรรค
กิจกรรม
ศิลป์ปฏิบัติ ๑.๒
กิจกรรมที่ ๑
ให้นักเรียนค้นหาภาพจิตรกรรมที่ศิลปนผู้สร้างสรรค์ ได้รับแรงบันดาลใจหรือใช้สิ่งแวดล้อม เป็นต้นแบบ โดยให้ระบุชื่อภาพ ชื่อศิลปนผู้สร้าง และอธิบายลักษณะเด่นของผลงานชิ้นนั้น แล้วน�าส่งครูผู้สอน กิจกรรมที่ ๒ ในท้องถิ่นของนักเรียนมีบุคคลท่านใดที่เป็นปราชญ์ทางด้านศิลปะบ้าง ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๕-๗ คน ไปสัมภาษณ์ชีวประวัติ ผลงาน ตลอดจนเทคนิคในการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ แล้วจัดท�าเป็นรายงานส่งครูผู้สอน
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ผลงานการจัดนิทรรศการในหัวขอ “ทัศนศิลป กับชีวิตมนุษย”
สรุป ทัศนศิลป์เป็นก�รแสดงออกท�งศิลปะแขนงหนึ่ง ที่จะมีส่วนช่วยพัฒน�อ�รมณ์ของคนเร�
ให้มีคว�มเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ นับเป็นศ�สตร์ที่มนุษย์ได้นำ�ม�ใช้ช่วยในก�รสร้�งสรรค์สิ่งแวดล้อมต่�งๆ ให้มคี ว�มงดง�มนอกเหนือจ�กก�รมีประโยชน์ใช้สอย ซึง่ ผลง�นทัศนศิลป์ส�ม�รถจำ�แนกได้ต�มลักษณะ ของเนื้อง�น ออกได้เป็นง�นจิตรกรรม ประติม�กรรม สถ�ปัตยกรรม และภ�พพิมพ์ ทั้งนี้จุดมุ่งหม�ย สำ�คัญของก�รศึกษ�วิช�ทัศนศิลป์ เพื่อให้นักเรียนได้รู้จักสร้�งสรรค์ผลง�นทัศนศิลป์ต�มจินตน�ก�ร และคว�มคิดสร้�งสรรค์ของตนเองด้วยเทคนิควิธกี �รต่�งๆ ต�มคว�มถนัดและคว�มสนใจ รวมทัง้ ส�ม�รถ นำ�คว�มรู้ที่ได้จ�กก�รศึกษ�ไปประยุกต์ใช้ในก�รดำ�เนินชีวิตประจำ�วันได้ด้วย
1๔
บูรณาการอาเซียน ใหนักเรียนชวยกันหาภาพตัวอยางผลงานทัศนศิลปของประเทศสมาชิกอาเซียน แลวนํามาจัดแบงตามประเภท ไดแก งานจิตรกรรม ประติมากรรม สถาปตยกรรม ภาพพิมพ และสื่อผสม แลวนํามาจัดนิทรรศการเพื่อใหเห็นถึงความงดงาม ความหลากหลาย ในหัวขอ “อาเซียนกับผลงานทัศนศิลป” โดยสื่อถึงแนวความคิด ที่วา แตละประเทศสมาชิกอาเซียนลวนมีผลงานทัศนศิลปที่งดงามอยูดวยกันทั้งสิ้น ซึ่งผลงานเหลานี้มีทั้งที่แตกตาง เหมือนหรือคลายคลึงกัน ทั้งนี้ผลงานบางชิ้น ก็ถือเปนมรดกทางวัฒนธรรมที่พลเมืองอาเซียนไมวาจะอยูในประเทศใด ก็ควรมี ความภาคภูมิใจรวมกัน
14
คูมือครู
บูรณาการเชื่อมสาระ
การศึกษาสาระทัศนศิลปสามารถบูรณาการเชื่อมโยงกับการเรียนการสอน ของกลุมสาระเรียนรูตางๆ ไดทุกกลุมสาระฯ โดยเฉพาะกลุมสาระการเรียนรู ภาษาไทย วิชาหลักภาษาและการใชภาษา เรื่องการเขียนอธิบายและเขียน บรรยาย เพราะการศึกษาสาระทัศนศิลปนอกจากการฝกปฏิบัติแลว นักเรียน ยังตองสามารถเขียนอธิบายความหมายของผลงาน เขียนบรรยายความรูสึก ที่มีตอผลงาน โดยการเขียนตองตั้งอยูบนพื้นฐานองคความรูทางภาษาไทย และทัศนศิลปผสมผสานกัน มิใชเขียนตามอารมณความรูสึกเพียงอยางเดียว